สถานการณ์ภายในไนต์บาร์ซากลับมาเป็นปกติแล้ว หากผู้คนบางตาลงไปมาก บิดาของน้ำอิงพาทันตแพทย์หนุ่มไปที่เพิงขายของของตน จากนั้นก็ชักชวนให้เข้าไปนั่งทางด้านใน
พื้นที่ด้านในเพิงร้านแคบนิดเดียว มีเสื่อเก่าๆ ปูไว้หนึ่งผืน พวกเขาทำท่าเชื้อเชิญให้เตชิตนั่งลง เขาจึงค่อยๆ ย่อตัวลงนั่ง
“เอ่อ...” ทันตแพทย์หนุ่มหันรีหันขวาง
บิดามารดาและเด็กหญิงนั่งลงบนเสื่อด้วย รวมเด็กหนุ่มอีกคนและเตชิตก็แทบไม่เหลือพื้นที่ว่าง พวกเขาต้องนั่งเข่าชนกันเลยทีเดียว
“คืนนี้ท่าจะบ่าค่อยมีลูกก้าแล้ว กิ๋นอะหยังกันก่อนแล้วค่อยปิ๊กเน่อคับ”(คืนนี้คงไม่ค่อยมีลูกค้าแล้ว กินอะไรสักหน่อย แล้วค่อยกลับนะครับ)บิดาของน้ำอิงเอ่ยพลางเปิดย่ามผ้าทอ หยิบขวดแก้วออกมา แล้วเทของเหลวสีใสลงในแก้วพลาสติก เขาส่งแก้วใบนั้นให้เตชิตก่อน “เหล้าข้าวโพดคับ ขอบคุณจ้าดนักตี้จ่วยน้ำอิงนะครับ”(เหล้าข้าวโพดครับ ขอบคุณที่ช่วยน้ำอิงนะครับ)
ใจเตชิตอยากจะปฏิเสธ แต่ก็เอื้อมมือไปรับแก้วมาก่อนเพื่อถนอมน้ำใจ หากขณะที่เขาอ้ำอึ้ง บิดาของน้ำอิงก็รินเหล้าใส่แก้วอีกใบส่งให้เด็กหนุ่มข้างกัน
เมื่อเห็นอีกฝ่ายยกดื่มอั้กๆ ทันตแพทย์หนุ่มก็เลยลองชิมบ้าง ก่อนจะเบิกตาโพลง ทำหน้าเบ้ เพราะไอ้เหล้านี่มันบาดคอเขาโคตรๆ แค่จิบเดียวก็รู้สึกร้อนผ่าวจากลิ้นไก่ไล่ลงไปตามหลอดอาหารเลย “โอ้โห!” เขาหลุดปากอุทาน
“แฮงไปก่อคับ อั้นผสมน้ำส้มหน่อยเนอะ” (แรงไปเหรอครับ งั้นผสมน้ำส้มหน่อยนะ)คนพูดจัดการเปิดกล่องน้ำส้ม นำมาผสมให้เสร็จ
เตชิตลองชิมอีกรอบ จะว่าไปมันก็อร่อยดี ขณะที่จิบๆ เหล้าในแก้วอยู่มารดาของน้ำอิงก็ลุกออกไปจากเพิงร้าน แป๊บเดียวก็เดินกลับมาพร้อมห่อใบตองใส่ขนมสีดำๆ ที่ตัดเป็นชิ้นๆ แล้วส่งให้เขาได้ชิม
ทันตแพทย์หนุ่มเหงื่อตกเพราะไม่เคยเห็นขนมแบบนี้มาก่อน อันที่จริงก็ไม่แน่ใจว่าเป็นขนมด้วยซ้ำ หากพอเขาปฏิเสธ หญิงสาวก็คะยั้นคะยอ
ทำไมกูต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วยเนี่ย~เขาครวญครางอยู่ในใจ แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจ ใช้ไม้จิ้มชิ้นขนมขึ้นมาดมๆ และส่องดู
มันก็หอมดี
“เอาใส่ปากเตอะน่า”(เอาใส่ปากเหอะน่ะ)เด็กหนุ่มพูด
ทันตแพทย์หนุ่มชำเลืองมองไปทางคู่ชายหญิงชาวเขาซึ่งจ้องเขากันเขม็ง จากนั้นจึงค่อยๆ เอาขนมใส่ปาก
“ข้าวปุกลำก่อเจ้า”(ข้าวปุกอร่อยมั้ยคะ)มารดาของน้ำอิงยิ้มกว้าง
เตชิตขมวดคิ้วขณะเคี้ยวหยุบหยับ มันกรอบๆ เหนียวๆ มีกลิ่นหอมในปาก จะว่าไปก็อร่อยดี “ก็... ก็ดีครับ” ความจริงอาจจะอร่อยกว่านี้ แต่เขาคิดว่าลิ้นเขาตายด้านไปกับเหล้าเมื่อครู่แล้วแหละ
ทันตแพทย์หนุ่มนั่งกินขนมไปอีกสามสี่คำ ดื่มเหล้าไปอีกนิดหน่อยเท่านั้น เขาอ้างว่าอิ่มแล้ว เพราะก่อนหน้าก็เพิ่งกินมื้อเย็นมา ไหนจะดื่มค็อกเทลไปตั้งหลายแก้วอีก “ผมต้องขอตัวกลับล่ะครับ พรุ่งนี้ต้องเดินทางแต่เช้า”
บิดามารดาของเด็กหญิงพยักหน้า พวกเขายกมือไหว้ “ขอบคุณจ้าดนักคับ/เจ้า”
เตชิตลูบศีรษะน้ำอิงอย่างอ่อนโยน “คราวหน้าระวังให้ดีๆ นะ อย่าพลัดกับพ่อแม่พี่ชายอีกล่ะ”
“ขอบคุณเจ้า” น้ำอิงยิ้มกว้าง
เมื่อเตชิตลุกขึ้น เด็กหนุ่มที่นั่งข้างกันก็ลุกขึ้นมาด้วย ทว่าเหล้าที่ดื่มเข้าไปดูท่าจะแรงกว่าที่คิดไว้ เป็นผลให้เขาเสียหลักเซไปเล็กน้อย อีกฝ่ายจึงช่วยพยุง
“ผมจะไปส่ง”
“ไม่ต้องก็ได้ ผมไม่เป็นไร”
“เซขนาดนี้บ่าเป๋นหยังได้ได ไปเตอะ จะไดผมก็ต้องไปตางนั่นอยู่แล้ว”(เซขนาดนี้ไม่เป็นไรได้ไง ไปเถอะ ยังไงผมก็ต้องไปทางนั้นอยู่แล้ว)
ทันตแพทย์หนุ่มทำหน้างง แต่อีกฝ่ายก็คว้าแขนเขาเดินออกไปแล้ว เขาจึงรีบหันกลับไปโบกมือลาครอบครัวชาวเขา พร้อมกับก้าวตามเด็กหนุ่มออกไป
เด็กหนุ่มพาเตชิตไปยังมอเตอร์ไซค์เก่าๆ คันหนึ่งซึ่งจอดไว้ไม่ไกลจากตลาดนัก เขาขึ้นไปนั่งก่อนแล้วจึงหันไปพยักหน้าเป็นเชิงบอกให้ทันตแพทย์หนุ่มขึ้นมานั่งซ้อนท้าย
เอาก็เอาวะ ดีกว่ารอแท็กซี่
เมื่อคิดได้เช่นนั้นทันตแพทย์หนุ่มก็ก้าวขึ้นนั่งซ้อนท้าย เขาจับเสื้อคนข้างหน้าไว้หลวมๆ แล้วอีกฝ่ายก็ขี่มอเตอร์ไซค์ออกไปช้าๆ
ระหว่างที่ขี่ไป เตชิตก็ชำเลืองมองเด็กหนุ่มไปเรื่อยๆ ก็แบบว่าเขายังไม่ได้บอกเลยว่าพักที่ไหน
“เอ่อ ไปโรงแรมXXXนะ”
“ผมฮู้” (ผมรู้)
อ้าว ทำไมรู้วะ?
อ้อ บางทีอาจจะเพราะเห็นชื่อโรงแรมบนกระดาษทิชชูที่เขาใช้เช็ดเลือดให้น้ำอิงละมั้ง ช่างสังเกตเหมือนกันแฮะ
แต่เพราะอีกฝ่ายเงียบเสียจนน่าอึดอัด เตชิตจึงชวนคุย “จริงสิ คุณชื่อคีรีใช่มั้ย เห็นน้ำอิงเรียกแบบนั้น”
เจ้าของชื่อไม่ตอบ แค่พยักหน้าหงึกๆ
“ผมชื่อเตชิตนะ”
เด็กหนุ่มทำเฉย นิ่งสนิทเหมือนไม่ได้ยินที่ทันตแพทย์หนุ่มพูดเลยด้วยซ้ำ ปล่อยให้เจ้าของชื่อยิ้มแห้ง
สัส เหมือนโดนตอกหน้ากลายๆ ว่า ไม่ได้ถาม เลยเว้ย ไม่น่าชวนคุยด้วยให้เสียฟอร์มเลยแม่ง เตชิตบ่นในใจ
สักพักเด็กหนุ่มก็ขี่มอเตอร์ไซค์เข้าไปจอดด้านหน้าโรงแรม
เตชิตก้าวลงมาจากมอเตอร์ไซค์ “ขอบใจที่มาส่งนะ” ทว่าอีกฝ่ายก็ยังไม่พูดอะไร ทำหน้านิ่งไม่หือไม่อืออะไรทั้งสิ้น ทันตแพทย์หนุ่มจึงได้แต่ทำหน้าเจื่อนๆ อีกรอบ “ผมไปล่ะ”
แต่เมื่อเตชิตจะเดินเข้าไปในโรงแรม เด็กหนุ่มก็ดับเครื่องยนต์มอเตอร์ไซค์ ส่งกุญแจให้พนักงานต้อนรับของโรงแรมที่เดินเข้ามาหา จากนั้นก็เนียนเดินเข้าไปในโรงแรมพร้อมกันกับเขาด้วยซะงั้น
เตชิตขมวดคิ้ว จอดมอเตอร์ไซค์ทิ้งไว้อย่างนั้นอะเหรอ มอเตอร์ไซค์ก็มี Valet Parkingด้วยเหรอวะ หรือว่าเด็กนี่ก็พักที่นี่วะ แล้วพ่อแม่กับน้องล่ะ?
แต่เดี๋ยวก่อน ถ้าเป็นคนที่นี่ ก็ไม่น่าจะพักโรงแรมไม่ใช่เหรอวะ
ทันตแพทย์หนุ่มหยุดยืนอยู่ในบริเวณห้องโถงใหญ่ของโรงแรม แต่พอเขาหยุด อีกฝ่ายก็หยุดด้วย
อะไรวะเนี่ย?
“เอ่อ คุณตามผมมาทำไม”
เด็กหนุ่มไม่ตอบ แถมยังทำเมินเขาต่อได้อีก
เตชิตงงหนัก ในเมื่อไม่อยากคุยเขาไม่คุยด้วยก็ได้วะ คิดไปพลางสาวเท้าตรงไปยังลิฟต์โดยสาร ระหว่างทางก็เดินผ่านทั้งพนักงานโรงแรมและแขกเหรื่อมากมาย แต่เด็กหนุ่มก็ยังเดินตามเขามาติดๆ แล้วก็ไม่มีพนักงานคนไหนหยุดทักอะไรอีกฝ่ายเสียด้วย จะมีก็แต่ผงกศีรษะและส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
หรือพวกพนักงานในโรงแรมอาจจะคิดว่าเด็กหนุ่มมากับเขา?
แย่แล้วกู!เหมือนหิ้วเด็กเข้าโรงแรมไหมวะเนี่ย!
พอหันไปมอง อีกฝ่ายก็ยังทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อยู่ข้างๆ กัน
ไอ้เด็กนี่มันอะไรกันวะเนี่ย!
ขณะที่ยืนรอลิฟต์ เตชิตก็ถามเด็กหนุ่มอีก “คุณตามผมมาทำไม”
คนอ่อนวัยกว่าส่ายหน้า แล้วก็เบือนหน้าไปอีกทาง
“คุณพักที่นี่ หรือทำงานที่นี่เหรอ”
“อือ”
“อย่างไหนล่ะคุณ”
“ตึงสองอย่าง”(ทั้งสองอย่าง)
เตชิตทำหน้ายุ่ง แต่ก็ช่างเถอะ เขารีบกลับห้องของตัวเองดีกว่า เมื่อประตูลิฟต์โดยสารเปิดออก เขาก็รีบก้าวเข้าไปทันที แล้วก็เป็นอย่างที่คิด เด็กหนุ่มก้าวตามเขาเข้ามาด้วย
ทันตแพทย์หนุ่มชักจะระแวงหนัก คิดว่าถ้าไอ้เด็กนี่เดินตามเขาออกจากลิฟต์ไปที่ห้องพักอีก เขาจะเรียกพนักงานมาจัดการหิ้วออกไปทิ้งหน้าโรงแรมเลยแม่ง
พอลิฟต์โดยสารไปหยุดอยู่ที่ชั้นที่เขาพัก เขาก็รีบเดินออกจากลิฟต์ไป พร้อมกับหันกลับไปมองว่าอีกฝ่ายตามมาด้วยหรือไม่ ทว่าเด็กหนุ่มยังคงยืนนิ่งอยู่ในลิฟต์ ไม่หันมองมาทางเขาเลยด้วย แล้วบานประตูลิฟต์ก็ปิดไป
“เออ สงสัยคงทำงานที่นี่จริงๆ แหละ” เตชิตหัวเราะพลางส่ายหน้าไปมา “ไอ้เด็กบ้า บอกกันดีๆ ก็ไม่ได้ ปล่อยให้ระแวงอยู่ได้”
ทันตแพทย์หนุ่มเดินกลับไปที่ห้องพักของตน เมื่อเข้าไปในห้องได้ก็รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อโทรไปรายงานเพื่อนรักตามที่อีกฝ่ายสั่งไว้
เสียงเรียกเข้าดังขึ้นสี่ห้าครั้งแล้ว กว่าคนที่ปลายสายจะกดรับ ทว่าเสียงในโทรศัพท์กลับไม่ใช่ของคนที่เตชิตรอคอย เขาถอนหายใจหนักๆ ใส่คนในสาย
“ไอ้น้องพิงค์ บ้านไม่มีที่นอนรึไง ใครปักธูปเรียกมา ไอ้วินไปไหนแล้วล่ะ” เขาถามเสียงขุ่น
“แหม ไม่ต้องทำเสียงดุใส่ผมก็ได้พี่ ก็พี่เต้ไม่อยู่ พี่วินเหงาอะ ผมเลยต้องมานอนเฝ้า แต่ตอนนี้พี่วินเหนื่อยจัด หลับไปแล้วคร้าบ”
“แล้วทำไมคุณไม่หลับไปด้วยล่ะวะ!”
“ก็เห็นพี่วินเป็นห่วงพี่ ผมเลยอยู่รอให้ ไอ้ผมก็กลัวว่าพี่จะหน้ามืดไปฉุดใครเขาเข้าแล้วไม่ยอมกลับโรงแรมอะดิ๊”
“ไอ้เด็กเวร ไปนอนเลยไป ผมจะนอนแล้ว พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้ามากด้วย”
“ฝันดีนะพี่ แต่ไม่ต้องฝันถึงพี่วินนะ ผมขอร้อง เดี๋ยวฝันเปียกขึ้นมา สงสารคนเปลี่ยนผ้าปูที่นอนโรงแรมว่ะ” คนที่ปลายสายหัวเราะร่วน ชวนให้เตชิตอยากจะกลับไปเตะปากเขาที่เชียงใหม่เสียเดี๋ยวนั้น เด็กหนุ่มรีบวางสายไปก่อนจะโดนด่าชุดใหญ่
“ไอ้เด็กผี!ไอ้วินเห็นอะไรดีในตัวมันนักวะเนี่ย!” เตชิตพึมพำ จากนั้นก็ทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงพลางทอดถอนใจ
ใช่ คนที่เขารักน่ะ มีแฟนเป็นตัวเป็นตน แถมยังรักกันมากด้วย ส่วนเขาก็แดกแห้วไปวันๆ อยู่นี่ไง แดกจนมีแห้วฝังลึกในดีเอ็นเอแล้วเนี่ย เวลานี้แค่ได้อยู่ใกล้ชิด ได้เป็นเพื่อนสนิทก็ดีถมไป แต่ก็ต้องอดทนมองดูคนที่เขารักมีความสุขกับแฟนไปเรื่อยๆ แบบนี้นี่ล่ะ
จะเรียกหมามองเครื่องบินก็ยังใกล้ไป เรียกหมามองดาวพลูโตเลยเหอะ คิดแล้วรันทด ปวดใจฉิบหาย
เตชิดล้มตัวลงนอน ตอนแรกก็อยากจะนอนนิ่งๆ หายใจทิ้งไปเรื่อยๆ แต่คิดไปคิดมา หรือเขาจะลงไปหาอะไรดื่มแก้กลุ้มที่ผับข้างล่างดีวะ
ระหว่างนั้นเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ทันตแพทย์หนุ่มจึงผงกศีรษะขึ้นมอง
ดึกป่านนี้ใครมาเคาะประตูห้องเขาวะ พวกทันตแพทย์ที่มาประชุมเหมือนกันงั้นหรือ
เตชิตจำใจต้องงัดตัวเองจากเตียง เขาเดินโซเซไปที่ประตูห้อง พอเกาะบานประตูมองออกไปทางช่องตาแมวแล้วก็สะดุ้งเฮือก “เฮ้ย!”
เด็กหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าห้องยกถุงในมือขึ้น ซึ่งคนที่อยู่ในห้องจำได้ดีว่าเป็นถุงของฝากที่เขาซื้อไว้ให้รวินท์ ทันตแพทย์หนุ่มจึงเปิดประตูห้องออกทันที แล้วทั้งสองก็ยืนประจันหน้ากัน
“เอ้อ ผมคงทำหล่น ขอบ...” ทว่าพอเตชิตเอื้อมมือไปหยิบ อีกฝ่ายกลับชักมือหนี เป็นผลให้ทันตแพทย์หนุ่มชักสีหน้าทันควัน “เฮ้ย! คุณ!”
*TBC*สวัสดีค่าาาา~ ได้ฤกษ์เปิดตัวหมอเต้สักที อิ๊_อิ๊ แล้วคีรีคนนี้เปงใครกันน้าาาา ฮี่ๆๆ
เรื่องนี้เป็นตอนต่อจากภูสอยเดือนนะคะ ให้หมอเต้ของเราได้มีความรักบ้างไรบ้าง แต่จะไหวมั้ยน้าาาา ใครจะทำให้หมอเต้ลืมหมอวินได้ลง 555555
อาจจะลงช้านิดนึงนะคะ หรือไม่ก็คงต้องแบ่งลงบ้าง เพราะเขียนไม่ทัน อย่าว่ากันน้าาาา~
ขอบคุณคนอ่านทุกคนมากๆ ค่า รักหมอวินกับน้องพิงค์แร้วก็แบ่งใจมาให้หมอเต้กับน้องคีรีมั่งนะค้า
ปล. ขอบคุณเพื่อนสาวชาวเจียงฮายที่ช่วยเขียนเป็นภาษาเหนือให้ แต่ถ้าหากมีออกเสียงผิดเพี้ยนไปตรงไหน บอกกันได้นะค้า เพราะเพื่อนฮัสกี้อยู่ต่างประเทศเหมือนกัน วรรณยุกต์อาจมีผิดไปบ้างค่ะ แหะๆ 