เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]  (อ่าน 307135 ครั้ง)

ออฟไลน์ 19th

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ถึงขนาดพับถุงได้ก็ยอมใจจริๆ ควรมีรางวัลนักแสดงสมทบยอดเยี่ยมในเซ็งเป็ดอวอร์ดนะครับ อยากโหวตให้เพื่อนคีรีกลุ่มนี้เลย  :m20:

ออฟไลน์ kungverrycool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
คีรีมีเรื่องปิดบังหมอเต้ขนาดนี้ คนอ่านต้องตั้งน้ำรอ มาม่า มั้ยเนี่ย
รอตอนต่อไปจ้า    :3123:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:


ระวังเถอะ  เริ่มต้นด้วยการหลอกลวง  มันแสดงออกซึ่งความไม่จริงใจ

ระวังเถอะ  น้ำตาจะเช็ดหัวเข่า

ออฟไลน์ PsychePie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
แค่เริ่มต้นก็แพ้แล้ว หมอเต้เขาเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ
การลงทุนจัดฉากโกหกเขาขนานใหญ่เพื่อเข้าหา หวังประโยชน์บางอย่าง
มันจะเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ยากในภายหลัง
เนี่ยแหละคนเรา การเริ่มต้นพูดโกหกคำแรก มันไม่จบแค่คำแรก เพราะครั้งต่อๆ ไป
เราต้องโกหกไปเรื่อยๆ เพื่อให้คำโกหกคำแรกยังคงเป็นความจริง

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
นั่นไง!!!

ออฟไลน์ Sky

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 933
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
โอ้โหหหหหห มอบรางวัลสาขานักแสดงสมทบยอดเยี่ยมให้เพื่อนคีรีเลยอ่ะ ตลกมาก เล่นใหญ่มากเวอร์ด้วย55555555555 :m20:

ออฟไลน์ mkianit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 298
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-3
อยากให้เค้าเป็นแฟนกันละอะ

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
เด็กมันร้าย

ออฟไลน์ love-boy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 39
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ลุ้นต่อไป
จะจับได้เมื่อไหร่น้าาาาา
 :hao3: :hao3: :hao3:

ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
เอาใจช่วยละกัน

พอมาบทฝั่งคีรี แล้วรู้สึกเบาใจหน่อย

เหมือนน้องไม่ร้ายอะไร แค่ชอบเค้า เลยแผนเยอะไปหน่อยเท่านั้นเอง



CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: เดือนอิงดอย Chapter 8 : บุกจับโป๊ะ [231018]
« ตอบ #309 เมื่อ: 24-10-2018 14:17:54 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
โป๊ะก็ยังไม่แตก ถ้าโป๊ะแตกคงหนักน่าดู  :katai1:

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
ปิดขนาดนี้ โป๊ะเมื่อไหร่มาม่าแน่เลย :sad4:
แต่พี่เต้กับพี่วินก็ฉลาดอยู่นะมีแอบสงสัย ความลับคงแตกสักวัน
ปล.ความหล่อออร่าของพี่วินนั้นทำลายล้างจริงๆ  :impress2:

ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
พลาดแล้วคีรีสืบแต่เรืองหมอเต้ไม่สืบคนรอบข้างด้วย อ้อ!ลืมไปคีรีเขาสนหมอเต้อย่างเดียว
สองสาวระวังพิงค์แหกอกเอานะไปยุ่งกับหมอวินเขานะ
ปล.ความลับไม่มีในโลกนะจ๊ะหมุ่นน้อยระวังเขาโกธรเอานะ :ruready

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
ระวังเสียใจ ที่ไม่จิงใจใส่

ออฟไลน์ FrozenSnow2019

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
แหมมมม เด็กมันร้าย หมอเต้ต้องจับโป๊ะให้ได้ไวๆนะ

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
โกหกมาก ๆ เข้าระวังวันที่หมอเต้รู้ความจริงจะโดนโกรธนะคีรี

ออฟไลน์ toomild

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
โอ้โห ไม่อยากจะคิดถึงตอนโป๊ะแตกจริงๆเลยค่ะ

ออฟไลน์ FrozenSnow2019

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
เด็กดอยเล่นใหญ่มากก อยากรู้แล้วสิว่าคีรีเป็นใคร?

ออฟไลน์ huskyhund

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1093/-4


**เรามารู้จักเด็กดอยของเรากันบ้างเนอะะะะ**



Chapter 9 : ความจริงของคีรี



ย้อนเวลากลับไปเมื่อครั้งคีรีอยู่ปีหนึ่งเทอมสอง ในวันที่สองของกิจกรรมงานวัดประจำปีของคณะบริหารธุรกิจซึ่งจัดให้มีขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ ชื่อธีมของงานถูกตั้งให้เข้ากับเดือนแห่งความรักว่า รักละมุน กรุ่นงานวัด ลานกว้างหน้าคณะซึ่งเป็นสถานที่จัดงานเต็มไปด้วยซุ้มมากมาย ผู้คนเนืองแน่น เสียงเพลงและเสียงพูดคุยดังอื้ออึงไปทั่ว

งานวัดนี้จัดขึ้นสองวันติดกัน ภายในงานมีกิจกรรมมากมายหลายอย่าง มีทั้งร้านขายของและซุ้มเล่นเกม มีการแสดงช่วงสั้นๆ ของน้องปีหนึ่งบนเวที มีการเปิดฟลอร์รำวง ก่อกองทรายไปจนถึงดูหนังกลางแปลง

กลุ่มตัวแทนของนักศึกษาชั้นปีที่หนึ่งจะสลับกันขึ้นไปแสดงบนเวทีในตอนเย็นก่อนงานรำวงจะเริ่มขึ้น แล้วแต่ว่าใครจะสะดวกวันไหน

คณะบริหารธุรกิจได้ชื่อว่าเป็นคณะที่มีหนุ่มสาวหน้าตาดีมากๆ คณะหนึ่ง และกลุ่มของคีรีก็เป็นกลุ่มที่ดึงมีนความหน้าตาดีของคณะให้สูงขึ้นไปอีก แน่นอนว่าคีรี เด็กหนุ่มปีหนึ่งซึ่งเคยได้รับการโหวตให้เป็นเดือนคณะต้องถูกจับไปแสดงบนเวทีแน่ๆ รวมไปถึงเจนี่ เพื่อนหญิงอีกคนในกลุ่มของเขาด้วย

ส่วนอีกสามคนที่เหลือในกลุ่มไม่มีความสามารถพิเศษอะไรจะไปแสดงบนเวทีจึงโดนจับแยกย้ายกันไปประจำตามซุ้มขายอาหารเพื่อดึงดูดลูกค้าแทน

คีรีและเจนี่มีเวลาสำหรับการแสดงสิบห้านาที พวกเขาจะสลับกันร้องเพลงคนละเพลง แต่เพราะยังมีเวลาเหลือ เด็กหนุ่มจึงจะตีกลองชุดโชว์ด้วยอีกอย่าง

ในตอนบ่ายแก่ๆ ก่อนการแสดงจะเริ่มขึ้น ทั้งสองนั่งอยู่ด้านหลังเวทีกับกลุ่มนักแสดงคนอื่นๆ และนักดนตรีของคณะ

“คีรี เดี๋ยวแสดงเสร็จจะไปไหน ตัดสินใจได้ยัง”

“ก็คงไปช่วยพวกยุ้ย ฟลุคกับปิ๊กน่ะแหละ” เจ้าของชื่อหยุดคิด “อือ... แต่ไปช่วยปิ๊กดีกว่า อยากกินปลาหมึก”

ขณะเดียวกันก็มีรุ่นพี่สาวๆ ในคณะอีกสามคนเดินมาร่วมวงด้วย “ขอนั่งด้วยนะคะ” เมื่ออีกฝ่ายพยักหน้าหงึกๆ พวกเขาก็นั่งลงแล้วยิ้มกว้าง “ข้างนอกมีคนมารอดูแสดงเยอะมาก สงสัยมารอดูน้องคีรีกับน้องเจนี่แน่ๆ”

“โห ไม่หรอก มีแสดงตั้งหลายคนค่ะ” เจนี่รีบปฏิเสธ เธอหรี่ตามองรุ่นพี่ปร๊าดเดียวก็รู้ว่าทั้งสามคนนี่คงไม่ได้มาชวนคุยด้วยอย่างเป็นมิตรแหงๆ แต่คงจะเล็งอีตาเหน่อข้างๆ เธอไว้นี่ละ เธอเดาได้เลยว่าเดี๋ยวต้องมีการถามเรื่องความสัมพันธ์ของเธอกับคีรีแน่นอน

“แต่น่าเสียดายเนอะ น้องๆ น่าจะร้องเพลงคู่กันสักเพลง”

คีรีขมวดคิ้ว “ทำไมเหรอ”

“เอ้า แฟนกันร้องเพลงคู่กัน ก็ดูสวีตดีไงคะ”

โอ้โห อยากจะตบเข่าฉาด! ทำไมแทงหวยใต้ดินไม่เคยถูกแบบนี้! เจนี่เบือนหน้าไปเบ้ปากกลอกตาเล็กน้อย ก่อนจะหันมายิ้มให้รุ่นพี่ “เพื่อนกันค่ะ”

“อ้าว เหรอ เห็นใครๆ เขาก็ว่า...”

“ค่ะ สนิทกันเฉยๆ”

“งั้นน้องคีรีก็โสดน่ะสิ” รุ่นพี่หันไปยิ้มหวานให้ ซึ่งเด็กหนุ่มก็ยิ้มรับ “เดี๋ยวแสดงเสร็จแล้วน้องๆ จะไปไหนกันต่อคะ”

เจนี่เบือนหน้าไปเบ้ปากอีกรอบ ถามสองคนแต่มองคนเดียว ไม่ค่อยจะชัดเจนเล้ย เธอหันขวับกลับไปส่งสายตาดุๆ ใส่แล้วขยับเข้าไปกอดแขนเขาไว้ “นั่นสิ เดี๋ยวไปไหนกันดีอะคีรี”

เด็กหนุ่มหันขวับไปมอง แอบขนลุกเล็กน้อยเพราะอีกฝ่ายไม่เคยทำเสียงเล็กเสียงน้อยใส่พร้อมด้วยท่าทางแบบนี้ “เอ่อ...”

“เดี๋ยวคีรีกับเจนี่ก็คงไปเดินเล่นในงานแหละค่ะ คีรีสัญญาว่าจะเลี้ยงหม่าล่า ปลาหมึก ขนมครก น้ำปั่น เฟรนช์ฟรายส์ ทาโกะ...” เด็กสาวพูดชื่อร้านไปนับนิ้วไป ไม่เกินสิบนิ้วก็ไม่หยุด

คีรีทำหน้างง เขาสัญญาเมื่อไหร่วะ ไล่ชื่อมาแทบจะครบทุกร้านแล้วมั้งเนี่ย

เมื่อไล่ชื่อร้านจบเด็กสาวก็บอกกับรุ่นพี่ “เดี๋ยวจะแสดงแล้ว ขอเจนี่ทบทวนเนื้อเพลงกับคีรีก่อนนะคะ” เป็นการตัดบท

รุ่นพี่จำใจต้องลุกขึ้นเดินออกไปอย่างไม่เต็มใจนัก แต่ก็ยังหันมาส่งยิ้มขยิบตาให้เด็กหนุ่มอีกรอบ

“แหม ไม่ค่อยเลย” เจนี่ส่ายหน้า จากนั้นก็หันไปต่อว่าเพื่อน “น้อยๆ หน่อยได้มะ นายน่ะ อย่าขี้อ่อยให้มาก หัดจริงจังกับใครซะบ้าง ทำอะไรนึกถึงใจคนที่จะมาเป็นแฟนนายในอนาคตหน่อยนะ”

เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว “มันเกี่ยวอะไรกับแฟนเราในอนาคตวะ”

“ก็นายลองคิดดู ถ้าวันนึงนายเดินควงกับแฟนนายมาที่คณะนี่ แล้วต้องพบเจอคนที่นายเคยสอยมาเป็นสิบๆ ตลอดทาง แฟนนายจะคิดยังไงวะ”

“เราไม่ได้สอยคนในคณะมาเป็นสิบๆ สักหน่อยนะ” คีรีหัวเราะ “แต่มันก็เป็นเรื่องในอนาคตมะ ซีเรียสเว่อร์ ถ้าใครจะมาเป็นแฟนเรา เขาก็ต้องรับได้สิวะ”

“เจนี่เตือนไว้ตรงนี้เลยนะ ถ้าเจอคนที่ใช่เมื่อไหร่ วันที่นายหลงรักเขาจนหมดใจ นายจะต้องเป็นทุกข์ เพราะอดีตของนายจะตามมาเป็นอุปสรรคหลอกหลอนนายแน่!”

“คร้าบ”

“นิสัยไม่ดี”

“ครับๆ”

เด็กสาวนึกอยากลุกขึ้นจะเตะก้านคอเพื่อนหนุ่มสักที เธอเตือนมันเป็นสิบๆ หนจนปากจะฉีกถึงหูแล้วก็ไม่คิดจะฟัง ยังทำตัวขี้อ่อย ไปไหนมาไหนกับใครๆ ไม่ซ้ำหน้าเหมือนเดิม นิสัยแบบนี้ไม่น่าจะแก้หายได้ง่ายๆ “ไว้สักวันเหอะ นายจะต้องเสียใจ!”

คีรียกมือขึ้นวางบนศีรษะเธอ “เออน่า เดี๋ยวจะแสดงแล้ว ทำหน้าบูดเป็นตูดแบบนี้เดี๋ยวไม่สวยนะเว้ย แก่เร็วด้วย”

เจนี่มองค้อน ทีงี้พูดชัดขึ้นมาได้เพราะประโยคพวกนี้ใช้ต่อว่าเธอกับยุ้ยบ่อยๆ แต่ที่จริงคีรีเพื่อนเธอก็เป็นแบบนี้แหละ พูดเหน่อบ้างไม่เหน่อบ้าง เวลาพูดช้าๆ จะค่อนข้างชัด ถ้าพูดเร็วๆ จะเหน่อหลายคำ แต่ตอนนี้ก็พูดชัดเป็นผู้เป็นคนมากขึ้นแล้ว อีกฝ่ายถึงได้ยอมมาออกงานบนเวทีได้

 

หลังจากเจนี่ร้องเพลงของเธอเสร็จ พอพิธีกรประกาศเรียกชื่อเด็กหนุ่ม เสียงกรีดร้องจากทางด้านหน้าเวทีก็ดังสนั่นจนพื้นสะเทือน

คีรีกึ่งเดินกึ่งวิ่งโปรยยิ้มขึ้นมาบนเวที ส่งตาหวานให้ทุกคนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขาใส่เสื้อยืดสวมทับด้วยเชิ้ต ใส่หมวกแก๊ปสีดำกับกางเกงยีน แต่งตัวง่ายๆ แต่ออร่ากระจายมากมาย เด็กหนุ่มพูดทักทายสั้นๆ “สวัสดีครับ นคินทร์ บริหารปีหนึ่งครับ”

“น้องนคินทร์จะร้องเพลงอะไรให้พวกเราฟังกันน้า” รุ่นพี่พิธีกรเอ่ยถามตามสคริปต์

“คนที่ถูกรักครับ”

“แค่อยากเป็นคนที่ถูกร้าาก~” รุ่นพี่พิธีกรร้องท่อนสั้นๆ “ปกติไม่มีใครรักเลยเหรอ พี่ว่าไม่น้าาา”

เด็กหนุ่มยิ้มพลางส่ายหน้า “ไม่มีเลยครับ อยากเป็นคนที่ถูกรักจังเลย”

เจนี่ยืนมองเพื่อนชายจากข้างเวทีพลางเบ้ปากจนมุมปากแทบจะลากพื้น ก็ดูไอ้คุณเพื่อนเลือกร้องเพลงเข้าสิ จงใจอ่อยชัดๆ เธอละอ่อนใจกับไอ้หมอนี่จริงๆ

เสียงกรีดร้องดังขึ้นอย่างถล่มทลายไปจนกระทั่งเสียงดนตรีเริ่มขึ้น ค่อยๆ เบาลงเมื่อคีรียกมือขึ้นจับไมค์ และเหลือเพียงแค่เสียงครวญครางเบาๆ เมื่อได้เห็นรอยยิ้มกรุ้มกริ่มบนใบหน้าหล่อเหลา และได้ยินน้ำเสียงทุ้มนุ่มของเขาขับกล่อม


“แค่อยากเป็นคนที่ถูกรัก แค่อยากเป็นคนที่ถูกใครสักคนเข้าใจ ช่วยเติมชีวิตที่ว่างเปล่า ช่วยเอาความรักมาให้ มีใครบ้างไหมสักคน”**

(**คนที่ถูกรัก ศิลปิน : บอดี้แสลม)


เจนี่หันไปมองสาวๆ ที่อัดแน่นกันเข้ามาด้านหน้าเวที แต่ละคนดวงตาเป็นรูปหัวใจกันหมดแล้ว ไอ้คีรีเพื่อนเธอน่ะเสียงดี หน้าตาก็ดี ใครไม่หลงก็คงแปลก

ถ้างั้นเธอกับยุ้ยก็คงแปลกจริงๆ นั่นละ

แล้วเสียงกรี๊ดก็ดังขึ้นกระหึ่มอีกครั้งจนเจนี่ต้องยกมือขึ้นปิดหู เมื่อเพลงจบลงเพื่อนสนิทของเธอก็ถอดเสื้อเชิ้ตออกจนเหลือแค่เสื้อกล้าม แล้วเดินอาดๆ ไปยังกลองชุด แค่จับไม้ตีกลองนั่งลง สาวๆ ก็แทบจะเป็นลมกันหมดแล้ว

เธอเอียงคอดูเพื่อนหนุ่ม ถึงจะเคยเห็นมาหลายครั้งแล้ว แต่ก็ต้องยอมรับว่าเวลาที่อีกฝ่ายตีกลองนี่เท่มากจริงๆ นะ

“เดี๋ยวแสดงเสร็จมีสาวมารอเยอะแน่ๆ” เจนี่ถอนหายใจอย่างอ่อนใจ “ช่างหัวมันละกัน เวลานี้ควรห่วงตัวเองมากกว่า”

หลังแสดงเสร็จ ทั้งสองคนก็เดินดูดชานมไข่มุกไปหาของกินในงานต่อ มีเสียงทักและแซวดังมาแว่วๆ ให้คันหูเล่นๆ อยู่ตลอดทางว่าพวกเขาเป็นแฟนกัน จนเจนี่เหนื่อยที่จะหันไปแก้ข่าวให้ตัวเองแล้ว

“คีรี ไปเดินห่างๆ หน่อยไป ไม่งั้นเจนี่ได้โสดจนเรียนจบแน่! งานวันนี้มีผู้ชายมาเยอะด้วย” เจนี่หันไปบอกกับเพื่อนหนุ่ม “ช่วยแก้ข่าวบ้างดิวะ”

คีรีหันขวับไปทางคนที่ยืนอยู่ข้างกันพร้อมตอบกลับไปทันที “อย่าให้เราต้องพูดเลยว่ะ เดี๋ยวโดนว่าเป็นแรงงานพม่าหลงมา แม่งไม่เท่เลย”

นี่เหรอวะ เหตุผลที่ไม่เคยช่วยเธอแก้ข่าวลือน่ะ! ไอ้เพื่อนเวรเอ๊ย!

เด็กสาวกุมขมับ “ทำไมเวลาร้องเพลงไม่เสียงเพี้ยนแบบนี้บ้างวะ”

“ร้องเพลงกับพูดไม่เหมือนกันนี่หว่า” เด็กหนุ่มทำหน้ายุ่ง “เรายังพูดเหน่ออยู่มากเลยเหรอวะ”

“ไม่หรอกๆ ก็ดีขึ้นมากแล้วแหละ” เจนี่ยกมือขึ้นตบไหล่อีกฝ่ายเบาๆ

สุดท้ายภาพของทั้งสองคนก็ดูเหมือนกำลังจู๋จี๋กันอยู่ดี

คีรีเดินไปที่ซุ้มซึ่งยุ้ยกำลังยืนยิ้มพรีเซนต์การขายหม่าล่าอยู่ มีเด็กหนุ่มนักศึกษาจากคณะอื่นๆ ต่อแถวกันยาวเป็นหางว่าว เจนี่เห็นเข้าก็ตาโต รีบเดินเข้าไปสร้างภาพสาวใสๆ ใส่

“ยุ้ยเหนื่อยมั้ยคะ เจนี่มาช่วยแล้วนะ” ก่อนจะกระซิบถาม “เป็นไงมั่งอะยุ้ย”

ยุ้ยขยับเข้ามากระซิบอย่างรู้ใจ “ผู้เยอะมาก พรีเมียมมากกก เหนื่อยหน้าเมือกก็ยังคุ้ม!”

“อร๊าย~” สองสาวหวีดใส่กันเบาๆ จากนั้นเจนี่ก็หันไปทางคีรี เป็นเชิงบอกว่าเธอจะสละเรือแล้วนะ พร้อมกับโบกมือไล่ด้วยเสร็จสรรพ “คีรี จะไปกินปลาหมึกก็ไปเหอะ แต่อย่ากินไม่เลือกล่ะ”

เด็กหนุ่มหัวเราะ “เออๆ”

ยุ้ยรีบพูดขึ้น “ระวังด้วยนะเว้ย อย่าฟ้าเหลืองนะ”

“รู้แล้วน่า” เขาส่ายหน้าไปมา จากนั้นก็เดินออกจากซุ้มไป

ยุ้ยหันไปสบสายตากับเพื่อนสาวที่ยืนข้างกัน “รู้สึกเหมือนโยนขนมปังลงบ่อปลาสวายเลยว่ะ ปล่อยมันไปแบบนี้ พวกเราจะบาปมั้ยอะ”

“ช่างหัวมันเถอะ เจนี่เบื่อจะด่าแล้ว นั่นๆ ดูดิ เดินไปได้ยังไม่ถึงสองเมตรเลยมั้งนั่น มีคนเข้ามาล้อมให้เลือกแล้ว” เจนี้เบ้ปากอีกรัวๆ “นี่เมื่อกี้ที่หลังเวทีก็มีรุ่นพี่เข้ามาจีบมันด้วยนะ”

สองสาวทอดถอนใจ “สงสารแฟนมันในอนาคตยังไงก็ไม่รู้เนอะ”

“ไม่ต้องสงสารหรอก คนดีๆ คงไม่มีใครหน้ามืดเอามันเป็นแฟนแน่ๆ”

“เออ ก็จริง” เด็กสาวทั้งสองคนหัวเราะคิก จากนั้นก็หันไปยิ้มหวานทักทายลูกค้าหนุ่มๆ ที่มายืนต่อแถวรอซื้อหม่าล่ากันอยู่



นคินทร์ ภูมิพัฒน์ธนากุล (คีรี) เด็กหนุ่มวัย 20 ปี ตัวสูงเกินมาตรฐานชายไทยไปพอสมควร มีผิวขาวอมชมพูซึ่งได้รับมาจากพันธุกรรมทางฝั่งคุณยาย โครงหน้ารูปไข่ นัยน์ตาเรียวสีน้ำตาล จมูกโด่งสวยและผมสีน้ำตาลคาราเมล ทุกส่วนเมื่อรวมกันแล้วส่งเสริมกันได้เป็นอย่างดี บิดามารดาของเขาไม่ได้จดทะเบียนสมรสกันและเลิกรากันไปก่อนที่เขาจะลืมตาดูโลก แต่หลังจากเกิดมาได้ไม่นาน มารดาก็เสียชีวิตไป ฝ่ายบิดาต้องการรับตัวเขาไปดูแล ทว่าก็แต่งงานมีครอบครัวใหม่ คุณตาคุณยายจึงขอเป็นผู้รับเลี้ยงดูเขาเอง ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงไม่ได้มีเชื้อสายชาวเขาอย่างที่ทันตแพทย์หนุ่มเข้าใจ ส่วนคุณตาของเขาก็เป็นเจ้าของโรงแรมในเชียงรายที่พวกทันตแพทย์ไปประชุมกันนั่นล่ะ 

คีรีเป็นหลานชายสายตรงคนเดียวของมหาเศรษฐีเมืองเหนือ และยังเป็นคนโปรด โปรดมาก และโปรดที่สุดของคุณตาด้วย ก็เพราะใบหน้าของคีรีมีเค้าโครงของคุณยายซึ่งเคยเป็นถึงนางงามเชียงรายมาแล้ว และคุณยายก็รักคีรีมาก หลังจากทั้งสองรับคีรีไว้เป็นบุตรบุญธรรม เด็กหนุ่มได้ใช้ช่วงเวลาที่มีความสุขอยู่กับคุณตาคุณยายซึ่งเป็นครอบครัวเดียวของเขาจนถึงอายุสิบห้าปี ก่อนคุณยายจะจากไปอย่างไม่มีวันกลับ

คุณตาของคีรีไม่ได้เป็นเพียงแค่เจ้าของโรงแรมห้าดาวในเมืองเชียงราย แต่ยังผู้บริหารใหญ่ของโรงแรมกึ่งรีสอร์ตระดับห้าดาวในเชียงใหม่ด้วย นอกจากนั้นก็ยังเป็นผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาอาชีพให้ชาวเขาในเชียงราย สำหรับฝึกสอนการทอผ้าและตัดเย็บให้แก่ชาวเขาในท้องที่ ทั้งยังเป็นตัวกลางรับซื้อผ้าทอต่างๆ มาขาย ส่วนเด็กหนุ่มทุกครั้งที่มีเวลาว่างก็จะถูกคุณตาเรียกไปช่วยงาน เพื่อให้เขาคุ้นเคยกับตำแหน่งหน้าที่ซึ่งจะต้องสานต่อในอนาคต เป็นผลให้เขารู้จักและคุ้นเคยกันดีกับชาวเขาในโครงการหลายคน

เด็กหนุ่มเกิดที่เชียงราย เติบโตขึ้นมาในครอบครัวคุณตาคุณยายที่ใช้ภาษาอังกฤษและภาษาเหนือภายในครอบครัวเป็นหลัก คุณตาคุณยายตั้งใจเช่นนั้นเพื่อให้เขาได้เรียนรู้ถึงภาษาของบรรพบุรุษ แต่ก็ได้เล่าเรียนภาษากลางบ้างจากในโรงเรียน และเวลาพวกเขาอยู่นอกบ้านก็จะใช้ภาษากลางคุยกันตามปกติ ต่อมาคุณยายล้มป่วยลง เนื่องจากทางบ้านคุณยายซึ่งมีเชื้อสายอังกฤษต้องการให้เธอไปรับการรักษาจากแพทย์ที่นั่น เด็กหนุ่มจึงต้องย้ายตามคุณตาคุณยายไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษหลังเรียนจบชั้นประถมต้น ทว่าหลังคุณยายจากไป เด็กหนุ่มกับคุณตาของเขาก็ย้ายกลับมาที่เมืองไทย เขาเข้าเรียนซ้ำปีสุดท้ายที่โรงเรียนนานาชาติในเชียงใหม่ แล้วก็เลือกเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยในเชียงใหม่เพราะเป็นสถานที่ที่คุณตาคุณยายพบรักกันและเรียนจบปริญญาตรีมา และก็ไปมาหาสู่กับคุณตาได้สะดวกด้วย ทว่าการใช้ชีวิตในต่างประเทศเสียส่วนใหญ่กับการใช้ภาษาเหนือและภาษาอังกฤษในครอบครัว ทั้งหมดนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้คีรีพูดภาษากลางได้เพี้ยนกว่าคนอื่นๆ เพี้ยนขนาดเด็กแว้นยังชิดซ้าย ซึ่งเขาก็รู้สึกหงุดหงิดกับตัวเองและเสียเซลฟ์ไม่ใช่น้อย

ปัจจุบันเด็กหนุ่มอยู่ปีสอง คณะบริหารธุรกิจ นับจากเมื่อตอนเปิดเทอมปีหนึ่งมาจนถึงปัจจุบันคีรีพูดภาษากลางได้ชัดเจนเกือบดีแล้ว เนื่องจากได้รับความช่วยเหลือปนเคี่ยวเข็นจากเพื่อนๆ ในกลุ่มมาตลอดหนึ่งปีเต็ม เขาเป็นคนหัวดี เมื่อตอนจบปีหนึ่งมีคะแนนสูงเป็นอันดับต้นๆ ของภาค ส่วนความสามารถพิเศษของเด็กหนุ่มก็คือการเล่นดนตรี ซึ่งที่จริงคุณตาคุณยายก็สนับสนุนและสอนให้เล่นมาตั้งแต่ตอนที่เขายังเป็นเด็ก

กลุ่มเพื่อนในมหาวิทยาลัยรวมตัวเขาด้วยมีกันทั้งหมดห้าคน เป็นผู้ชายสามคน ผู้หญิงสองคน เพื่อนชายสองหน่อของคีรีมาจากกรุงเทพฯ ชื่อปิ๊กกับฟลุค เพื่อนหญิงคนหนึ่งมาจากสงขลา ชื่อว่ายุ้ย และเพื่อนหญิงอีกคนมาจากโคราช ชื่อเจนี่ พวกเขามาสนิทกันได้แบบงงๆ อาจจะเพราะความแตกต่างที่ลงตัว ทำให้พวกเขาสนิทสนมกันได้อย่างรวดเร็วราวกับคบหากันมานานหลายปี

ปิ๊กกับฟลุคมาจากโรงเรียนในกลุ่มจตุรมิตร ปิ๊กมาจากโรงเรียนกางเกงขาสั้นสีน้ำเงิน ส่วนฟลุคมาจากโรงเรียนกางเกงขาสั้นสีดำ ทั้งสองเคยเป็นนักกีฬา และเคยทะเลาะเพราะเหม็นหน้ากันในงานแข่งขันฟุตบอลประเพณีจตุรมิตรมาก่อน แต่ดันกลายมาเป็นเพื่อนสนิทกันได้ อันเนื่องมาจากตอนที่รับน้องรถไฟ พวกเขาจำหน้ากันได้ ก็เลยนั่งด้วยกัน คุยกัน กว่าจะรู้ตัวว่าเคยเกือบยกพวกตีกันก็สนิทกันไปแล้ว

ยุ้ยเป็นสาวผิวเข้มตัวสูงหุ่นนางแบบ ใบหน้าสวยคม ผมสีดำยาวถึงกลางหลัง เธอมาจากโรงเรียนเอกชนชื่อดังในสงขลา ส่วนเจนี่เป็นสาวหมวยแบ๊วๆ น่ารัก ตัวสูงพอๆ กับยุ้ย ผิวขาวจั๊วะ ผมสีน้ำตาลอ่อนดัดเป็นลอนคลายๆ แบบสาวเกาหลี เธอมาจากโรงเรียนเอกชนในโคราช ทั้งสองพบกันในวันสัมภาษณ์ มาสนิทกันได้เพราะเข้าอกเข้าใจกันตามประสาคนมาไกลและเป็นลีดคณะเหมือนกัน

ปิ๊กกับฟลุค เจนี่กับยุ้ยสนิทกันเองก่อนที่จะมาสนิทกับคีรี เพราะช่วงก่อนเปิดเทอมไปจนถึงเปิดเทอมใหม่ๆ คีรีไม่ค่อยมองหน้า ไม่ค่อยพูดคุยกับใคร เขามักจะนั่งอยู่คนเดียวเสมอ จึงทำให้นักศึกษาคนอื่นๆ ทั้งในคณะและต่างคณะรู้สึกว่าเขาเป็นคนหยิ่ง เข้าถึงยาก ภาพลักษณ์ของคีรีในสายตาของทุกคนตอนนั้นคือเด็กหนุ่มเชื้อฝรั่งมาดคุณชายที่เติบโตในต่างประเทศ ขับรถ BMW สุดหรูโหลดเตี้ยแต่งรอบคัน ดูสำอาง ใช้ของราคาแพงระยับตั้งแต่ศีรษะจดเท้า ถ้าจำเป็นต้องพูดอะไร ก็จะพูดแบบไทยคำอังกฤษห้าคำ แล้วก็ดูเป็นเพลย์บอยขี้หลีเสียด้วย เพราะมีคนเห็นไปไหนมาไหนกับหญิงสาวแทบไม่ซ้ำหน้า ทั้งสี่จึงไม่เคยคาดคิดว่านิสัยพวกเขาจะเข้ากันได้ และไม่ว่าในคณะจะมีกิจกรรมรับน้องหรือสานสัมพันธ์อะไร คีรีก็ปฏิเสธที่จะเข้าร่วมแทบจะทุกครั้ง แถมยังไม่แคร์เสียด้วยว่าตัวเขาจะมีปัญหากับรุ่นพี่หรือใครๆ


จนกระทั่งโชคชะตานำพาพวกเขาให้มาพบกันที่ร้านหมูกระทะในเพิงหมาแหงนแถวมหาวิทยาลัยซึ่งมีโต๊ะว่างเพียงโต๊ะเดียว และตกเป็นของคีรีซึ่งจองโต๊ะไว้ก่อน

เด็กหนุ่มสบตากับเพื่อนในคณะทั้งสี่คนซึ่งกำลังยืนหิวหน้าจ๋อย ยิ้มให้แล้วพูดสั้นๆ


“นังดวยกันดิ”


ปิ๊กมากับฟลุค ส่วนยุ้ยมากับเจนี่ ต่างคนต่างหันมองหน้ากัน ตกใจอยู่เหมือนกันที่อีกฝ่ายจำพวกเขาได้เพราะไม่เคยพูดคุยกันมาก่อน ตกใจจนไม่ทันได้สนใจคำพูดเหน่อๆ ออกเสียงวรรณยุกต์ผิดของเพื่อนร่วมคณะ ในใจนึกอยู่แต่ว่าถ้าหากปฏิเสธคีรี พวกเขาก็ต้องรออีกเป็นชั่วโมง ตอนนั้นเป็นเวลาหัวค่ำ แล้วพวกเขาก็หิวมากด้วย ยังไงซะพวกเขาก็เรียนคณะเดียวกัน ถึงไม่เคยคุยกันก็นั่งด้วยกันได้นี่หว่า

อีกอย่าง คีรีไม่จำเป็นต้องสนใจพวกเขา แต่ก็อุตส่าห์มีน้ำใจชวนให้นั่งด้วยกัน

ในที่สุดสองหนุ่มกับอีกสองสาวก็ตกลงมานั่งเบียดกันที่โต๊ะเดียวกันกับเด็กหนุ่มเจ้าของโต๊ะ นับว่าครั้งนั้นคือความประทับใจแบบแปลกๆ ของเพื่อนใหม่ทั้งสี่คน นอกจากพวกเขาจะนึกไม่ถึงว่าคนหน้าตาดีอย่างคีรีจะมานั่งกินหมูกระทะคนเดียวแล้ว ยังสุดจะแปลกใจที่คนที่ท่าทางคุณชายทุกกระเดียดนิ้วซะขนาดนั้น จะมานั่งร้านบ้านๆ ธรรมดาๆ แบบคนอื่นก็ได้ ไม่เห็นเลวร้ายเหมือนที่ได้ยินมาเลย

ช่วงแรกๆ ที่นั่งด้วยกันก็รู้สึกอึดอัดนิดหน่อย เพราะเจ้าของโต๊ะไม่พูดอะไรเลย ใช้เตาเดียวกัน แต่ปิ้งของใครของมัน ไม่มีใครคุยกันเลยซะอย่างงั้น ทว่านั่นก็ทำให้ได้ยินเสียงนกเสียงกาจากกลุ่มคนที่นั่งอยู่โต๊ะใกล้ๆ กันพูดถึงคีรีดังมาแว่วๆ


“แต่งตัวเว่อร์ฉิบหาย แค่มาแดกหมูกระทะต้องใส่เสื้อเบอร์เบอรี่ เข็มขัดรองเท้าแอร์เมส ของเก๊ปะวะ”

“แต่มึง คุณชายมาแดกร้านกระจอกๆ ก็ได้ด้วยว่ะ”

“แดกของบ้านๆ ไม่ระคายท้องเหรอวะ หรือว่าจะไม่รวยจริง”
พูดแล้วก็หันไปหัวเราะกันเสียงดัง


ฟลุคกับปิ๊กหันขวับ ตอนแรกพวกเขาว่าจะรีบๆ กินรีบๆ ไป แต่พอได้ยินแบบนั้นมันก็อดหงุดหงิดไม่ได้ “ไอ้รุ่นพี่โต๊ะนั้นแม่งกวนตีน...” หากพูดยังไม่ทันขาดคำ สองสาวในโต๊ะก็ลุกขึ้นพรวด

“ผู้ชายอะไรวะ ขี้นินทาฉิบหาย!” เจนี่เปิดศึกก่อนเป็นคนแรก

“ไม่มีอย่างเขาก็อย่าอิจฉา! ถ้าหน้าแย่มากก็หุบปากไว้บ้างจะดูดีขึ้นนะพี่!” ยุ้ยพูดพลางถลกแขนเสื้อขึ้นด้วยมาดนักเลงสุดๆ


คีรีถึงกับผงะ เลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ ตัวเขาน่ะ ชินกับการถูกหมั่นไส้อยู่แล้ว ก็เพราะเขาหล่อและรวยมากจริงๆ นี่หว่า มีคนอิจฉามันก็เป็นเรื่องธรรมดา อีกอย่างเขาแค่โทรศัพท์กริ๊งเดียวก็มีคนมาจัดการให้เรียบร้อยแล้ว จึงไม่เคยมีใครออกตัวแทนเขา

แต่ที่แปลกใหม่คราวนี้ก็คือการที่มีคนอื่นแสดงออกว่าโกรธแทนเขา โกรธแบบจริงจังซะด้วย


(มีต่อค่ะ)


ออฟไลน์ huskyhund

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1093/-4


“เฮ้ย น้อง! ให้มันน้อยๆ หน่อยเว้ย” โต๊ะข้างกันตะโกนตอบ “รีบเข้าข้างมันเพราะอยากได้จนตัวสั่นล่ะสิ”

“ไอ้พวกเหี้ย! พูดงี้กับผู้หญิงได้ไงวะ!” ปิ๊กกับฟลุคลุกขึ้นบ้าง


ปัง!


คีรีทุบโต๊ะเสียงดังปังใหญ่แบบสะเทือนไปทั้งร้าน ทำให้โต๊ะในละแวกนั้นเงียบกริบ หันมามองที่โต๊ะพวกเขาเป็นตาเดียว

เด็กหนุ่มจ้องไปที่โต๊ะของพวกรุ่นพี่เขม็ง “Shut the fxxk up! and piss off!”

“ฮะ!” พวกรุ่นพี่ชะงัก

คีรีลุกขึ้น เดินตรงเข้าไปยังโต๊ะของรุ่นพี่ช้าๆ

“พูดอะไรของมึง!”

“Did I not just tell you to piss off?” เด็กหนุ่มพูดอีกครั้งด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

เมื่อพวกรุ่นพี่ลุกขึ้นก็พบว่าคีรีตัวสูงกว่าพวกเขาอยู่ไม่น้อย แถมรุ่นน้องผู้ชายอีกสองคนที่ที่เดินตามหลังมาก็ตัวสูงใหญ่ไม่แพ้กัน ถ้าเจอกันตัวต่อตัว พวกเขาท่าจะแย่

ขณะเดียวกันยุ้ยกับเจนี่หันไปร้องบอกพนักงานในร้าน “พี่ๆ คะ โต๊ะนั้นเขาพูดว่าร้านนี้กระจอก อาหารกินแล้วระคายท้องค่ะ!”

เพียงเท่านั้น ทุกสายตาก็เปลี่ยนเป้าหมายจากคีรีไปที่โต๊ะรุ่นพี่ แถมผู้จัดการร้านกับคนงานชายอีกหลายคนก็เดินออกมาสมทบจากด้านในร้านอีก

“ไปก็ได้วะ ไม่กงไม่กินแม่งแล้ว” พวกรุ่นพี่เห็นท่าไม่ดี พวกเขาจึงรีบวางเงินทิ้งไว้บนโต๊ะแล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกจากร้านไปอย่างรวดเร็ว

“ไม่แน่จริงนี่หว่า! เป็นรุ่นพี่ยังไงวะ ไม่ทำตัวให้เป็นตัวอย่างเลยแม่ง!” เจนี่กับยุ้ยตะโกนไล่หลัง

ปิ๊กตบไหล่คีรีหนักๆ “ไม่ต้องคิดมากนะเว้ย คนมีปากแม่งก็พูดไปเรื่อย”

“แต่เมื่อกี้มึงเท่มากเลยนะ ไปๆ กลับไปกินต่อกันเหอะ” ฟลุคพูดบ้าง

ปกป้องเขา โกรธแทนเขา และยังปลอบใจเขาอีก เขาชักจะเข้าใจคุณตาแล้วว่าทำไมถึงอยากให้มาเรียนที่มหาลัยในเชียงใหม่แห่งนี้

คีรียิ้มมุมปาก แล้วพยักหน้า “อือ” จากนั้นก็หันไปบอกกับพนักงานในร้าน “ขอโทษ...นะครับ”

บรรยากาศภายในโต๊ะดีขึ้นมาก คราวนี้ทั้งสี่คนพูดไม่หยุดเหมือนโดนผีเจาะปาก พร้อมใจกันด่าทอต่อว่ารุ่นพี่ต่างคณะพวกนั้นกันอย่างเมามัน ราวกับว่าพวกเขาเป็นคนโดนนินทาเสียเอง

“นายต้องแก้ข่าวแล้วนะ ต้องเถียงบ้าง ด่ากลับไปบ้าง ในเมื่อนายไม่ได้เป็นอย่างที่คนอื่นว่าอะ” ยุ้ยบอกกับเด็กหนุ่ม

“ทำไมมึงไม่พูดอะไรบ้างวะคีรี นั่งเงียบอยู่ได้” ปิ๊กหันไปถาม

คนถูกถามนิ่งอึ้ง “คือ...”

“คือ?” ทั้งสี่คนยื่นหน้าเข้าไปหา

“พูดไมทัน ถาต้องแกตัวคงเนื่อยตายกอน ใหเถียงยิงไมไหวว่ะ”

“ฮะ!?”   

ช็อกกันไปทั้งโต๊ะ... ทั้งเหน่อทั้งเพี้ยนจัดเต็มอะไรจะขนาดนั้น

คีรียกมือขึ้นลูบท้ายทอย “เราพูดเน่อมากช่ายมาย”

“ใช่! เหน่อฉิบหายเลยล่ะ!” สองหนุ่มกับสองสาวพยักหน้ายอมรับตรงๆ แบบไม่เกรงใจคนถามกันเลย “แต่ไม่เป็นไร ฟังเข้าใจ”

ยุ้ยเท้าแขนลงกับโต๊ะ แล้วจ้องเพื่อนใหม่เขม็ง “คีรี ยุ้ยถามหน่อยดิ ทำไมนายถึงไม่ไปเรียนอินเตอร์ฯ หรือเมืองนอก มาเรียนภาคธรรมดาแบบนี้ไม่สมกับโตที่อังกฤษเลยอะ”

“นั่นดิ เรียนอินเตอร์ฯ น่าจะง่ายกว่าสำหรับมึงด้วยนะ” ฟลุคเสริม

คนถูกถามหัวเราะ “ก็อยากเรียนทีนี้ ป้ออุ้ยแม่อุ้ยของเราเจอกันทีนี้ เราอยู่เมืองนอกมานาน ป้ออุ้ยเลยอยากไหดายมีประสบการณ์แบบป้ออุ้ยบาง อีกย่างป้ออุ้ยมีบิสซิเนสทีนี้ คงดีกว่าทาเราดายรูจัก มีคอนเนคชั่นทีนี้ เราเรียนซ้ำนึงปีเพือมาเรียนทีนี้เลยนะ เรียนเมืองนอก เมือไร่ก็ไปดาย”

สองหนุ่มและสองสาวกะพริบตาปริบๆ ไม่แน่ใจว่าจะซึ้งไปกับคำพูดที่ได้ยินหรือจะกลุ้มใจกับความเหน่อและเพี้ยนของเพื่อนดี

“ทำไมเงียบ”

“เอางี้ เดี๋ยวทวนให้ทีละประโยค แล้วพูดตามนะ”


และในเย็นวันนั้น ทุกคนก็เข้าใจว่าข่าวลือที่ว่าคีรีเป็นคนหยิ่งแสนหยิ่งมีสาเหตุมาจากไหน ทำไมเขาจึงไม่ค่อยพูดคุยกับใคร

เพราะนอกจากคีรีจะพูดภาษากลางไม่คล่อง ไม่ค่อยชัด แล้วยังเหน่ออีกด้วย และเพราะใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักมาเป็นเวลานานจึงทำให้สำเนียงของเขาเพี้ยนหนักขึ้นไปอีก ออกเสียงวรรณยุกต์ผิดเป็นประจำ

แต่ก็ไม่มีใครหัวเราะใส่ กลับกลายเป็นว่าทุกคนในกลุ่มเสนอตัวเพื่อช่วยเหลือคีรีให้พูดภาษากลางได้ชัดเจนถูกต้อง จะคอยเตือนไม่ให้เขาพูดไทยปนอังกฤษบ่อยๆ แล้วก็จะช่วยแก้ไขให้ออกเสียงได้ชัดเจนขึ้น เพื่อที่สิ่งนี้จะไม่เป็นปมด้อยของเขาอีกต่อไป แล้วก็เพื่อแก้ไขข่าวลือแย่ๆ พวกนั้นด้วย และนั่นก็เป็นความประทับใจอีกอย่างของคีรีกับเพื่อนใหม่ของเขาเช่นกัน


That’s what friends are for! การแสดงออกอย่างจริงใจของทุกคนบอกเขาว่าอย่างนั้น


เมื่อมีเพื่อนคอยหนุนหลังแล้ว ความมั่นใจก็เพิ่มมากขึ้น เขาจึงเริ่มติดตามเพื่อนๆ ไปร่วมกิจกรรมในคณะบ่อยขึ้นด้วย จนกลายเป็นที่รู้จักของรุ่นพี่และเพื่อนๆ ในคณะดี

คีรีเหมือนเป็นกาวที่ทำให้สองหนุ่มและสองสาวมาสนิทกันไปด้วย หลังจากวันที่พบกันในเพิงหมาแหงน ทั้งห้าคนก็สนิทกันราวกับรู้จักกันมาแต่ชาติปางก่อน ทว่าเมื่อถึงวันรับน้องขึ้นดอยก็พร้อมใจหนีไปเที่ยวด้วยกันเสียอย่างนั้น ด้วยเหตุผลที่ว่าขี้เกียจเดินขึ้นดอย

เด็กหนุ่มได้รับเลือกให้เป็นเดือนคณะตอนปีหนึ่ง นอกจากรูปร่างหน้าตาจะดีและตัวสูงเด่นสุดๆ แล้ว เขาก็ยังร้องเพลง เล่นกีตาร์ และตีกลองชุดได้ เคยเป็นตัวแทนเพื่อนในกลุ่มออกมาแสดงการร้องเพลงพร้อมเล่นกีตาร์ตอนทำกิจกรรมคณะเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ทว่ากิตติศัพท์ของเสียงใสทุ้มนุ่มนั้นกระจายไปไวราวกับไฟลามทุ่ม เขาเป็นตัวเก็งที่รุ่นพี่คาดหวังว่าจะได้เป็นเดือนมหาวิทยาลัยแน่นอน แต่เขาดันขอสละสิทธิทั้งหมด แล้วให้เพื่อนในคณะคนที่ได้ที่สองรองจากเขาไปประกวดต่อแทน โดยอ้างว่าคุณตาของเขาไม่ปลื้ม และเขาอาจถูกตัดออกจากกองมรดกได้ ส่วนความจริงในใจก็เพราะไม่ค่อยอยากพูดภาษากลางต่อหน้าคนเยอะๆ เท่านั้นแหละ

จริงอยู่ที่เขาร้องเพลงไม่เพี้ยนทั้งไทยและสากล แต่เมื่อตอนที่เปิดเทอมใหม่ๆ น่ะ เขาพูดทั้งเหน่อทั้งเพี้ยนมากเสียจนใครๆ ก็ต้องเหลียวหลังมาดูว่าเป็นคนคนเดียวกันหรือไม่

เนื่องจากต้องมาเรียนที่เชียงใหม่ คุณตาจึงซื้อคอนโดมิเนียมสุดหรูไว้ให้หลานชาย ส่วนตัวคุณตาก็จะแวะมาเยี่ยม มาชวนไปกินข้าวอยู่บ่อยๆ เป็นประจำทุกสัปดาห์ คอนโดมิเนียมที่ว่า ก็คือคอนโดมิเนียมติดกับสวนสาธารณะที่เตชิตเคยขับรถไปส่งเด็กหนุ่มนั่นล่ะ


และอันที่จริง... คีรีกับเตชิตก็ไม่ได้เพิ่งเจอกันครั้งแรกที่ไนต์บาร์ซาในเชียงรายนั่นหรอก พวกเขาเคยเจอกันมาหลายครั้ง แล้ว แต่เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่ว่าจะทำอย่างไรเขาก็ไม่เคยได้เฉียดเข้าไปอยู่ในสายตาของทันตแพทย์หนุ่มเลย และตัวเขาเวลานี้ก็เปลี่ยนไป จากผมสีน้ำตาลคาราเมลกลายเป็นผมสีเข้ม เปลี่ยนทรงผมใหม่และยังเปลี่ยนการแต่งตัวอีกด้วย จากลุคคุณชายคล้ายๆ ลูกครึ่งครึ่งลูก พูดสำเนียงเพี้ยนๆ ท่าทางเจ้าชู้ขี้หลีและขี้อ่อย ใช้แต่เสื้อผ้าไฮเอนด์ กลายเป็นเด็กหนุ่มชาวเขาท่าทางใสๆ ซื่อๆ อู้กำเมืองและใส่เสื้อผ้าพื้นเมือง ก็คงไม่แปลกสักเท่าไหร่ที่อีกฝ่ายจะจำเขาไม่ได้



*TBC*



รู้กันหรือยังเอ่ยว่าทำไมพี่หมอเต้ถึงติดใจเด็กดอยแบบแปลกๆ จนใจอ่อนให้เด็กดอยอยู่เรื่อยๆ

ก็เพราะเด็กดอยของเราคือมินิพี่วินไงล่ะคะ รักนักชอบแบบนี้นักใช่มั้ยยย ฮัสกี้จัดให้! 555555 /พิหมอเต้ร้องไห้หนักมาก

ส่วนเด็กดอยน่ะ โตมากับคุณตาคุณยาย (อุ้ยป้ออุ้ยแม่) เพราะงั้นก็เลยชอบคนแก่(กว่า)ไปด้วยเลย /โดนพี่หมอเต้เตะ

เดี๋ยวตอนหน้าฮัสกี้จะมาเล่าให้ฟังว่าเด็กดอยเจอกันกับพิหมอเต้ได้ยังไงนะคะ ร่างเก่าที่หล่อๆ เป็นเดือนคณะนี่ไม่เตะตาพิหมอเลยอะ น่าสงสารมาก อิอิอิ

ขอบคุณคนอ่านทุกคนมากค่ะ จุ๊บๆ

ปล. ดูหลายๆ คนห่วงว่าฮัสกี้จะแจกมาม่าให้พี่หมอเต้กับเด็กดอยในเรื่อง คือก็มีนิดนุงแหละ แต่ไม่หนักหรอกค่ะ มาม่าหมูสับยังเผ็ดไปเลยอะ ไม่ต้องห่วงน้า ฮัสกี้เคยเขียนเรื่องไหนดราม่าจัดๆ มั่งล่ะคะ 555555555 คือจริงๆ ก็อยากเขียนแหละ แต่เขียนแล้วมันไม่ดราม่าไง ฮือออออ

(เกร็ดเล็กน้อยมากๆ : คณะบริหารจริงๆ ชาวท้องถิ่นเรียกว่าแอคบา แต่ฮัสกี้ขอใช้ชื่อเรียกที่ทุกคนเข้าใจดีฝ่านะคะ ส่วนเรื่องการจัดการงานวัดหรือกิจกรรมต่างๆ ในนิยาย ฮัสกี้ดัดแปลงและมโนเสริมเอาล้วนๆ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับของจริงแต่อย่างใดค่ะ)

ปล.อีกที แวบมาแก้ อุ้ยป้ออุ้ยแม่ เป็นป้ออุ้ยแม่อุ้ย ตามที่หลายๆ คนทักนะคะ จริงๆ ฮัสกี้ไปถามเพื่อนชาวเหนือมาอีกทีแย้ว ที่บ้านเพื่อนใช้อุ้ยป้ออุ้ยแม่ล่ะ 55555 แต่ฮัสกี้ขอเปลี่ยนตามยูนิเวอร์ซัลกำเมืองละกันค่ะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-10-2018 05:43:11 โดย huskyhund »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: เดือนอิงดอย Chapter 8 : บุกจับโป๊ะ [231018]
« ตอบ #319 เมื่อ: 29-10-2018 13:05:39 »





ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
มินิพี่วิน มิน่าพี่วินถึงระแวง เพราะนิสัยเหมือนตัวเองนี่เนอะ

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
หนุ่มคีรีก็ไม่เบา​  สร้างเรื่องไว้เยอะอยู่​ ก็ระวังเพื่อนรักพี่หมอเต้ไว้ให้ดีนะ​ หึหึ
ปล.หมอวินของน้องพิงค์มันร้าย

ออฟไลน์ darling

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1741
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-7
พี่เต้ แฟนพี่เป็นเด็กเพี้ยน  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ toomild

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
เด็กดอยหลอกลวงผู้บริโภคมากค่ะ เห็นใสๆไว้ใจไม่ได้เลยจ้า5555

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ืทำไมพี่หมอถึงไม่เห็นเลยนะ 5555555555555555

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
ความเป็นมา ..

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
เดาว่า หนึ่งในมาม่าพี่หมอเต้กับเด็กดอยคงมาจากเรื่อง เด็กในสังกัดคีรีแน่ๆ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
รวยค่าาาา ปรบมือออ 5555 รวยแล้วปลอมตัวมาตามหารักแร้ เอ้ย รักแท้ กรี๊ดดดด

ออฟไลน์ bpyt

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
เด็กมันอ่อย แต่ต้องผ่านด่านหมอวินให้ได้ก่อน

ออฟไลน์ HanATarO

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2141
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-2
นี่ถ้าหมอวินรู้ภูมิหลังของคีรีล่ะก็ ไม่อยากจะคิดเลย

หมอวินต้องกันหมอเต้ออกจากคีรีแน่นอน


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด