เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]  (อ่าน 306874 ครั้ง)

ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ฮาคีรีกับเดอะแก็งส์มาก แผนการเด็กดอยเป็นแบบนึ้นี่เอง

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
เพราะหมอเต้เซ้นสิทีฟกับชาวเขา น้องเลยกลายไปเป็นเด็กดอยสินะ o18

ออฟไลน์ naruxiah

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
น้องคีรี​ ออกมาเป็นแบบนี้ให้หมอเต้เห็นเพราะเพื่อนๆนี่เอง​ น่ารักทั้งแก๊งค์​เลย

ออฟไลน์ imac

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 911
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
เด็กดอยแสบนะนี่

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
หวังว่าพอหมอเต้รู้ความจริงทุกอย่างของน้องคีรีแล้ว จะยังไม่หนีไปไหนนะครับ

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
น้องเด็กดอยสู้ๆนะ เอาใจช่วย :กอด1: :กอด1: :กอด1:


 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ M_M

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ถ้าเด็กดอยโป๊ะแตกขึ้นมาล่ะน้าาาา  o18

ออฟไลน์ love-boy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 39
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
รอเด็กดอยต่อไป
เมื่อไหร่เธอจะกลับมาสักที
 :ling1: :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ FrozenSnow2019

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
เอาใจช่วยเด็กดอยจ้า เราทีมเด็กดอย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
พอตกหลุมรักก็ไปไม่เป็นเลยเนอะเด็กดอย(ปลอม)

ออฟไลน์ Destiny

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 108
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Husky รีบมาได้แล้ววว คิดถึงเด็กดอยกับพี่เต้ใจจะขาดล้าวว  :serius2:

ออฟไลน์ FrozenSnow2019

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
คิดถึงเด็กดอยแล้ว มาไวๆน้า

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3

ออฟไลน์ Destiny

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 108
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ยังไม่มาอีกเร้ออออ  :katai1:

ออฟไลน์ huskyhund

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1093/-4


Chapter 9.4 : ความหลังที่เชียงราย



ก่อนจะขับรถกลับไปเชียงใหม่และกลับไปเชียงรายด้วยกันกับคุณตา คีรีแวะไปซื้อดอกกุหลาบสีแดงดอกใหญ่เท่ากำมือช่อเบ้อเริ่มในร้านดอกไม้แห่งหนึ่ง แล้วหอบเอาไปที่โรงพยาบาลลำพูน กะว่าจะเสนอหน้าเอาไปให้หมอเต้เป็นการขอบคุณที่ทำฟันให้เขาเมื่อวานสักหน่อย

คีรีไปดักรอทันตแพทย์หนุ่มตอนก่อนเที่ยง เพราะคิดว่ายังไงหมอเต้ก็ต้องออกมากินข้าวแน่ๆ พอให้ดอกไม้แล้วจะได้ชวนไปกินข้าวด้วยกันซะเลย

เด็กหนุ่มอยู่ในเสื้อผ้าสุดเนี้ยบตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้า แต่งตัวแบบที่คิดไปเองว่าหล่อจนใครๆ ที่เดินผ่านมาเห็นเข้าต้องร้องขอชีวิตและจดจำเขาได้ไม่มีวันลืม กะว่าวันนี้เขาต้องได้แจ้งเกิดในสายตาหมอเต้แน่ๆ ล่ะ แล้วค่อยไปสานต่อความสัมพันธ์กันที่เชียงราย คิดไปพลางยิ้มกรุ้มกริ่ม เขาถือดอกไม้ไปยืนรออยู่ที่หน้าประตูทางเข้าแผนกทันตกรรมด้วยหัวใจตุ้มต่อม เมื่อคนที่เดินผ่านไปผ่านมาหันมามองเขาและส่งยิ้มให้ ความมั่นใจว่าวันนี้หล่อล้ำก็เพิ่มมากขึ้น เขาโปรยยิ้มไปทั่วอยู่สักพักหนึ่งจึงยกข้อมือขึ้นมาดูเวลา

“อ้าว คุณนคินทร์ มาหาคุณหมอภาคภูมิเหรอคะ”

เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นพรวด คนที่ทักเขาคือพี่สาวพยาบาลเมื่อวาน เด็กหนุ่มใช้ปลายนิ้วเกาจมูกอย่างเขินๆ “อ่า ผม... เอ้อ...”

“โห วันนี้หล่ออย่างกับนายแบบเลยอะ เดี๋ยวพี่ไปเรียนคุณหมอให้ดีมั้ยคะ”

“ไม่ต้องหรอกครับ ผมแวะมาแป๊บเดียว” คีรีรู้สึกว่าใบหน้าร้อนๆ ชอบกล “ผมจะมาขอบคุณ... เอ่อ... คุณหมอเต้ ที่ทำฟันให้เมื่อวาน...น่ะครับ”

“อ๋อ หมอเต้น่าจะพักแล้ว เดี๋ยวคงออกมา ให้พี่ไปตามคุณหมอให้มั้ยคะ” พยาบาลสาวยิ้มกว้าง เธอหันไปเปิดประตูทางเข้าแผนกออก แล้วก็หันมาบอกเด็กหนุ่ม “คุณนคินทร์คะ หมอเต้เดินมาทางนี้พอดีเลยค่ะ”

ฉิบหาย! ยังไม่ทันได้ตั้งตัวเลย!

พยาบาลสาวโบกไม้โบกมือ “หมอเต้ค้า~ มีแขกมาพบค่า!”

เย้ย พี่สาววว~ คีรีเบิกตาโพลง หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ

ขณะที่เด็กหนุ่มยืนตัวเกร็ง หัวใจเต้นโครมครามอยู่นั้น เตชิตก็เดินฉับๆ เข้ามาหา “สวัสดีครับ” เขาพูดกับคนอ่อนวัยกว่าเสียงขรึม บนใบหน้าหล่อเหลาไม่ปรากฎรอยยิ้มเลยแม้แต่น้อย

“เอ่อ สวัสดีครับ”

“คุณเป็นใครครับ ไม่ทราบว่าเป็นคนไข้ของผมรึเปล่า แล้วมีธุระอะไรกับผมเหรอ”

พยาบาลสาวสะกิด “หมอเต้คะ นี่คุณนคินทร์ หลานคุณหมอภาคภูมิน่ะค่ะ”

“อ้อ” เตชิตพยักหน้า แต่ก็ยังคงไม่มีรอยยิ้มใดๆ ให้ผู้มาเยือนอยู่ดี “มีปัญหาจากการขูดหินปูนรึเปล่าครับ ทำไมไม่แจ้งหมอภูมิไว้ก่อนล่ะ”

เด็กหนุ่มไม่แปลกใจสักเท่าไหร่ที่ทันตแพทย์หนุ่มจำหน้าเขาไม่ได้ แต่ที่อยากจะร้องโอ้โหให้ดังก้องโรงพยาบาล ก็เพราะหมอเต้พูดเสียงดุใส่เขา ไม่อยากจะเชื่อก็ต้องเชื่อ ขนาดเขาเป็นหลานของหัวหน้านะ

แต่ตอนดุก็น่ารักชะมัดเลย~ ฟินสัส!

คีรีอยากจะทำหน้าฟิน แต่ก็รู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลา “เปล่าครับ ผมแค่เอาดอกไม้นี่มาขอบคุณ...” ยังพูดไม่ทันจบอีกฝ่ายก็ตอบกลับมาอย่างไว

“ไม่เป็นไรครับ ไม่ต้องหรอก”

“แต่...”

“ดอกไม้สวยครับ แต่เอาไปให้พี่พยาบาลดีกว่านะ ผมเป็นผู้ชาย คงไม่เหมาะ”

ขณะเดียวกันก็มีเสียงเรียกชื่อทันตแพทย์หนุ่มดังมาแว่วๆ

“เฮ้ย เต้ เสร็จแล้ว รอนานมั้ย”

สีหน้าของเจ้าของชื่อเปลี่ยนไปทันที เขาหันไปยิ้มให้คนที่เรียกชื่อตน “ไม่นาน เพิ่งออกมา หิวยังวะ”

“หิว ปะ หาไรกินกัน”

เตชิตโอบไหล่คนที่เดินเข้ามาหา “วันนี้กินไรดีวะวิน”

“ข้าวขาหมูมะ”

“ได้ ตามใจมึง” ทันตแพทย์หนุ่มพูดกับเพื่อนของเขา ก่อนจะนึกขึ้นได้ เขาหันไปทางที่คีรียืนอยู่ “ผมไปนะ” แล้วก็กอดคอเพื่อนรักเดินจากไปง่ายๆ โดยที่ไม่หันกลับมาสนใจเด็กหนุ่มอีกเลย

คีรียืนอ้าปากค้าง หน้าแห้งปานโดนลมทะเลทรายสะฮาราเป่า ตั้งแต่เกิดมาก็ยังไม่เคยเข้าหาใครแล้วโดนเมินขนาดนี้ เขาเข้าใจชัดเลยว่า ไอ้คำว่า อยู่ในสายตา ที่เพื่อนๆ พยายามพูดให้ฟังน่ะ มันเป็นยังไง แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้เขาน่ะ อยู่นอกสายตาชัวร์!

แต่งหล่อชุดใหญ่ไฟกะพริบมาขนาดนี้ยังโดนเมิน ไม่ได้แล้วโว้ย เขาต้องปรับปรุงตัวเองอย่างแรง!

แต่เดี๋ยว กลิ่นหอมจางๆ เมื่อกี้? ไม่ใช่จากช่อดอกไม้นี่หว่า แล้ว...มาจากหมอวินเหรอ?

พอหันไปมองพยาบาลสาวข้างๆ เธอก็ยิ้มตาลอยทำหน้าฟินพร้อมกับเพ้อออกมาเบาๆ “หมอวินหมอเต้ สมกันจริงๆ เลย~”

คีรีคิ้วกระตุก แต่ก็พยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ เขาส่งช่อดอกไม้ให้พยาบาลสาวพลางแจกยิ้มการค้า “ฝากพี่สาวเอาไปใส่แจกันไว้ในแผนกละกันนะครับ จะได้สดชื่นๆ ทุกคนเลย”

“ขอบคุณค่ะคุณนคินทร์”

“เอ่อ เมื่อกี้... พี่สาวได้กลิ่นหอมๆ มั้ยครับ หมอวินใส่น้ำหอมเหรอ”

“อ๋อ เห็นว่าเป็นอาฟเตอร์เชฟน่ะค่ะ กลิ่นเสน่ห์ของหมอวินเลยน้า~ ปกติหมอก็ไม่ได้ใช้ทุกวันหรอกนะคะ แต่วันนี้ใช้คงเพราะเมื่อเช้ามีประชุม เลยต้องหล่อหน่อย”

โห หน้าตาแบบนี้ไม่ต้องใช้ตัวช่วยแล้วมั้งเนี่ย เด็กหนุ่มนินทาอยู่ในใจ

“ผมชอบกลิ่นนี้จัง พี่สาวรู้มั้ยครับว่าหมอวินใช้อาฟเตอร์เชฟยี่ห้ออะไร” คีรีพูดเสียงอ้อน ถึงความหล่อของเขาจะใช้กับหมอเต้ไม่ได้ แต่กับสาวๆ ก็ไม่เคยพลาดนะเว้ย

“เอ เคยเห็นมีคนถามหมอวินอยู่นะคะ พี่ก็ลืม คุณนคินทร์รอแป๊บ เดี๋ยวพี่ไปถามพวกผู้ช่วยหมอเขามาให้นะคะ”

“ขอบคุณครับ”

รออยู่สักพักพี่สาวพยาบาลก็เดินออกมาบอก เขายิ้มกว้างขอบคุณ จากนั้นก็ขับรถกลับไปยังเชียงใหม่ เตรียมตัวไปตัดผมเปลี่ยนสีผมและหาซื้ออาฟเตอร์เชฟให้พร้อมก่อนเดินทางกลับเชียงราย



เมื่อคีรีกลับไปบ้านที่เชียงราย เขามักจะแต่งตัวแบบกึ่งลำลองโดยสวมเสื้อผ้าพื้นเมืองผสมเสื้อผ้าแบบวัยรุ่นทั่วไป บางทีก็ใส่เสื้อผ้าฝ้ายคอจีนทับเสื้อยืด บางทีก็ใส่ม่อฮ่อม เขาก็ไม่ได้ชอบเป็นพิเศษหรอกนะ แต่เพราะว่าคุณตาอยากให้ใส่ผ้าพื้นเมืองที่ชาวเขาในศูนย์ฯ เป็นคนทอและตัดเย็บน่ะสิ จะได้เป็นการโฆษณาศูนย์ฯ ไปในตัว เขาใส่บ่อยจนชินและเห็นว่าเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว

พอถึงช่วงเวลาที่มีการประชุมทันตแพทย์ที่โรงแรมในเชียงราย เด็กหนุ่มติดตามคุณตาไปที่ศูนย์พัฒนาอาชีพในช่วงเช้าก่อน พอบ่ายก็ไปคอยเฝ้าดูเตชิตทุกวัน เสนอหน้าเข้าไปช่วยผู้จัดการดูงานบ้าง เข้าไปตรวจดูอาหารในห้องครัวบ้าง เข้าไปหาลุงภูมิบ้าง เดินสวนกันไม่รู้กี่สิบหน แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้เอะใจอะไรเลย มองผ่านเขาไปเหมือนมองอากาศธาตุ ขนาดเปลี่ยนทรงผมสีผมให้เหมือนหมอวินเป๊ะๆ ก็แล้ว

ที่พีคสุดๆ ก็คงเป็นตอนที่เขาบุกเข้าไปชวนลุงภูมิกับหมอเต้ไปกินมื้อเย็นด้วยกัน ทั้งสองคนกำลังนั่งปรึกษางานกันอยู่ มีไอแพดกับเอกสารกองใหญ่วางตรงหน้า เขาเดินเข้าไปหาพร้อมกับยกถาดน้ำผลไม้เข้าไปเสิร์ฟให้

“ลุงภูมิครับ เย็นนี้ไปกินร้านสะบันงากันนะครับ ป้ออุ้ยก็จะไปด้วย”

“ได้ๆ เอาสิ” เจ้าของชื่อพยักหน้ารับ ก่อนจะหันไปทางทันตแพทย์หนุ่มที่นั่งอยู่ด้วยกัน “หมอเต้ เย็นนี้ไปกินข้าวข้างนอกกันนะ” ทว่าอีกฝ่ายเอาแต่ก้มหน้าก้มตาอ่านข้อความบนหน้าจอไอแพด มืออีกข้างถือแผ่นเอกสารไว้

เตชิตขมวดคิ้ว นอกจากจะไม่เงยหน้าขึ้นแล้วก็ยังไม่ตอบคำถามภาคภูมิเสียด้วย ทำให้คีรีได้แต่ยืนยิ้มหน้าเจื่อนๆ

ภาคภูมิจับแขนคนที่นั่งข้างกันเขย่าเบาๆ “หมอเต้! เย็นนี้ไปกินข้าวข้างนอกกัน!”

ทันตแพทย์หนุ่มผงกศีรษะขึ้นเล็กน้อย “ไม่ล่ะครับ ผมยังจำที่ต้องพูดในที่ประชุมไม่ได้เลย หมอภูมิไปละกัน ผมขอตัวก่อนดีกว่า” พูดจบก็ลุกขึ้นเก็บข้าวของเดินหายไปเสียอย่างนั้น

เงิบสัส! อย่าว่าแต่ทักทายเลย ถึงตัวขนาดนี้แล้วหมอเต้ยังไม่แม้แต่จะสบตามองหน้าเขาเลยด้วยซ้ำ!

“อ่า หมอเต้กำลังเครียดน่ะ พรุ่งนี้เขาต้องพูดหัวข้อสำคัญในที่ประชุมตอนเช้า งั้นปะ เราไปกัน”

ในที่สุดเด็กหนุ่มก็ต้องไปกินข้าวกับคุณลุงคุณตาสามคนนั่นล่ะ เขาเสือกเลือกชวนผิดวัน นอกจากจะแห้วแล้วก็ยังไม่ได้นั่งเฝ้าหมอเต้ตอนเย็นอีก

จนถึงวันสุดท้ายของการประชุมก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้าสักนิด ทันตแพทย์หนุ่มจะยิ้มและอารมณ์ดีที่สุดก็ตอนคุยโทรศัพท์ ซึ่งเขามั่นใจว่าอีกฝ่ายคงจะคุยกับเพื่อนรักที่ลำพูนเป็นแน่

เมื่อแชตไปปรึกษากับบรรดาเพื่อนสนิทที่เดินทางกลับมาปักหลักรอวันเปิดเทอมที่เชียงใหม่กันแล้ว ไอ้พวกนั้นก็เอาแต่ต่อว่าว่าเขาไร้น้ำยากันอยู่ได้

เออ เขาก็ไร้น้ำยาจริงๆ นั่นล่ะ ก็ไม่เคยจีบผู้ชายนี่หว่า ขนาดผู้หญิงยังไม่เคยจีบเลย แถมไอ้ความหล่อที่สะสมมาถึงยี่สิบปีก็ใช้การไม่ได้อีก


‘มึงต้องทำอะไรที่มันอิมแพ็กมากๆ สิวะ!’ บรรดาเพื่อนพ้องบอก

‘ทำอะไรล่ะวะ กูเปลี่ยนลุคก็แล้ว เข้าหาถึงตัวก็แล้ว ยังอิมแพ็กไม่พออีกเหรอวะเนี่ย’

‘ยังๆ แปลว่ายังไม่พอ รอโอกาสดีๆ แล้วเล่นใหญ่ไฟกะพริบไปเลย”

‘ต้องอิมแพ็กนะเว้ย ท่องไว้ มึงต้องเข้าไปอยู่ในสายตาหมอเต้ให้ได้! สู้เว้ย!’


อิมแพ็ก...อิมแพ็ก... มันต้องมีสักทางสิน่ะ! คีรีท่องอยู่ในใจตามที่เพื่อนบอก

แล้วในตอนเย็นของวันสุดท้ายของการประชุม พวกทันตแพทย์ที่มาประชุมไปนั่งกินข้าวกันในห้องอาหารกึ่งผับของโรงแรม เขาเองก็ไปนั่งเจ๋ออยู่ที่นั่นด้วย ระหว่างที่นั่งไปก็พยายามส่งสายตาหาอีกฝ่ายไป ส่งไปเป็นสิบครั้ง แต่ก็ไม่ได้ผล อุตส่าห์ลงมือผสมค็อกเทลเองแล้วให้พนักงานไปส่งให้ก็ยังวืด นั่งนานไปก็รู้สึกว่าตัวเองคล้ายเห็บหมัดเข้าไปทุกที จนเขาคิดว่าต้องทำอะไรสักอย่างที่เด่นกว่านี้ เพราะนี่อาจจะเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะได้ใกล้ชิดหมอเต้แล้ว

อย่างน้อยเขาก็ต้องเข้าไปอยู่ในสายตาหมอเต้ให้ได้โว้ย!

เด็กหนุ่มเดินไปคุยกับนักร้องและนักดนตรีตอนที่กำลังพักวง กะว่าจะใช้เสียงของตัวเองให้เป็นประโยชน์อย่างที่เพื่อนๆ แนะนำ เขาขี้ตู่เอาว่ามีคนฝากเขามาร้องเพลงให้ทันตแพทย์หนุ่ม ซึ่งทุกคนก็เชื่อและยินดีให้เขาขึ้นไปร้องเพลงบนเวทีได้ ก็แหงล่ะ ใครจะกล้าขัดใจหลานชายของเจ้าของโรงแรมกัน เขาใช้โอกาสนั้นเรียกร้องความสนใจจากหมอเต้เต็มที่ ซึ่งก็ได้ผล อีกฝ่ายหันมองมาทางเขาแล้ว มองมาหลายครั้งเสียด้วย เขากะว่าเมื่อจบเพลงจะทำหน้าด้านๆ เดินเข้าไปหา ไปชวนอีกฝ่ายคุย พอร้องเพลงเสร็จก็เลยรีบลงจากเวทีไป

ทว่ายังเดินไปไม่ทันถึงโต๊ะที่หมอเต้นั่งอยู่เลย จู่ๆ อีกฝ่ายก็ลุกขึ้น พอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาคุยแล้วก็จ้ำอ้าวออกจากร้านอาหารไป เดินไปคุยไปยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ก็คงไม่พ้นคุยกับหมอวินอีกนั่นละ

ขนาดหมอวินไม่ได้มาด้วยก็ยังแย่งซีนไปจากเขาได้ โว้ย! ชีวิตอะไรจะรันทด!

เด็กหนุ่มเดินตามเตชิตไปเรื่อยๆ กะว่าถ้ามีโอกาสเมื่อไหร่จะพุ่งเข้าไปคุยด้วยทันที


เมื่อทันตแพทย์หนุ่มคุยโทรศัพท์เสร็จก็นั่งแท็กซี่ต่อไปยังตลาดไนต์บาร์ซา เขาเลยยืมมอเตอร์ไซค์ของพนักงานในโรงแรมขี่ตามไปห่างๆ พอหมอเต้ลงรถเขาก็จอดมอเตอร์ไซค์ไว้ข้างทาง แล้วเดินตามไปจนถึงตอนที่หมอเต้เข้าไปในร้านไม้แกะสลักของชาวเขา ซึ่งร้านใกล้ๆ กันเป็นร้านของครอบครัวของน้ำอิงนั่นละ บิดามารดาของน้ำอิงทำงานในโรงแรมของคุณตา พวกเขาขยันมาก เวลาทำงานที่โรงแรมก็ทำเต็มที่ เวลาว่างก็ยังไปขายของในตลาดอีก เขาเคยพูดคุยกับครอบครัวนี้หลายครั้ง และเขาก็เคยซื้อขนมกับของเล่นจากเชียงใหม่มาให้น้ำอิงอยู่บ่อยๆ

ขณะที่แอบเดินตามหมอเต้อยู่ บิดาของน้ำอิงหันมาเห็นเขาเข้าก็รีบชักชวนให้เข้าไปนั่งเล่นในร้าน เขาละสายตาจากทันตแพทย์หนุ่มเพียงแค่แวบเดียว อีกฝ่ายก็เดินหายไปในฝูงชน 

แต่แล้วจู่ๆ ก็มีเสียงตูมดังขึ้น สภาพไนต์บาร์ซาในตอนนั้นกลายเป็นสนามแข่งวิ่งสี่คูณร้อย ผู้คนแตกตื่น เบียดเสียดกันไปคนละทิศละทาง เขานึกเป็นห่วงเตชิตขึ้นมาทันที อีกฝ่ายไม่คุ้นเคยพื้นที่ จะโดนฝูงคนเหยียบเอาหรือเปล่าก็ไม่รู้ เขาพยายามสวนกระแสผู้คนไปทางถนนที่จอดรถมอเตอร์ไซค์ไว้ เพราะคิดว่าอีกฝ่ายน่าจะไปทางนั้น หากยังไปไม่ถึงไหนก็มีเสียงตูมดังขึ้นอีก เป็นผลให้เขาถูกกระแสคนพากลับไปทางเพิงหมาแหงนที่เดิมที่เพิ่งจากมา

ระหว่างทางก็พบกับบิดามารดาของน้ำอิงอีกครั้ง พวกเขาบอกว่าน้ำอิงหายไป แล้วก็บอกให้เขารีบกลับไปโรงแรมก่อน แต่เขาปฏิเสธ

“เด่วผมจะจ่วยตวยหาน้ำอิงแหมแฮง” (เดี๋ยวผมจะช่วยตามหาน้ำอิงอีกแรง) เขาบอกกับครอบครัวของน้ำอิงไปแบบนั้น

มันอาจเป็นโชคชะตา ระหว่างที่เด็กหนุ่มกำลังวิ่งตามหาน้ำอิงอยู่นั้น เขาก็ได้พบกับเตชิตซึ่งอุ้มน้ำอิงวิ่งงงอยู่ท่ามกลางฝูงชน เขารีบวิ่งเข้าไปคว้าแขนอีกฝ่ายไว้แล้วพาไปหลบ และนั่นก็ทำให้เขารู้ว่า นอกจากหมอเต้จะจำเขาไม่ได้เลยสักนิด ยังเข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นชาวเขา เป็นพี่ชายของน้ำอิงไปเสร็จสรรพ

ตอกย้ำให้ชัดไปอีกว่าตัวเขาไม่เคยอยู่ในสายตาอีกฝ่ายเลยจริงๆ

แต่ถึงอย่างนั้น สำหรับเขาแล้ว เขาคิดว่านี่แหละ โอกาสที่เขาเฝ้ารอคอย มันคือโอกาสที่จะได้เล่นใหญ่รัชดาลัย สร้างความอิมแพ็กสุดๆ ที่เพื่อนๆ พูดถึง เพราะลุงภูมิเคยเล่าให้ฟังว่าหมอเต้เซนส์สิถีพกับชาวเขามาก เขาจึงปล่อยเลยตามเลย เล่นตามน้ำไป ถึงเขาจะพูดภาษาชาวเขาท้องถิ่นไม่ได้ แต่ก็พูดภาษาเหนือได้ คงจะพอถูไถให้อีกฝ่ายหลงเชื่อเขาได้บ้างล่ะ

ขณะที่รอให้บิดามารดาของน้ำอิงมาหา เขาได้ฟังอีกฝ่ายคุยโทรศัพท์กับเพื่อนสนิทแบบทุกประโยคทุกคำพูดเป็นครั้งแรก ซึ่งเขาบอกได้เลยว่า นี่มันแฟนกันคุยกันชัดๆ เลยโว้ย! เพื่อนอะไรวะ มีบอกรักกันด้วย! เขาอยากจะบ้าใส่แม่งตรงนั้นเลย ติดอยู่ที่สถานการณ์ไม่เป็นใจสักเท่าไหร่

และที่สำคัญ เขาเองก็เป็นห่วงหมอเต้มากเกินกว่าจะทิ้งให้อีกฝ่ายหาทางกลับโรงแรมตามลำพัง

ระหว่างนั้นก็เห็นว่าที่ข้างตัวทันตแพทย์หนุ่มมีถุงตกอยู่หนึ่งใบ เขาหยิบขึ้นมากะว่าจะรอเอาคืนให้เมื่ออีกฝ่ายคุยโทรศัพท์เสร็จ แต่พออีกฝ่ายคุยเสร็จ บิดามารดาของน้ำอิงก็มาถึงพอดี

ในความรันทดยังพอมีความโชคดีอยู่บ้าง ครอบครัวของน้ำอิงชักชวนหมอเต้ไปที่ร้านแล้วชวนดื่มกินเป็นการขอบคุณ แต่เพราะพื้นที่ในร้านแคบมาก ทำให้เขาต้องนั่งเบียดกับทันตแพทย์หนุ่ม บอกตรงๆ ว่าตื่นเต้นฉิบหาย ใจสั่นเหมือนจะเป็นโรคหัวใจ ต้องเก๊กหน้าไว้ตลอดเวลาเพื่อไม่ให้ออกอาการอะไรให้หมอเต้สงสัย จนพาอีกฝ่ายขี่มอเตอร์ไซค์กลับไปถึงโรงแรมแล้วเขาก็ยังทำตัวไม่ถูก

แต่สิ่งหนึ่งที่เขารับรู้ได้ หมอเต้ไม่ปฏิเสธครอบครัวของน้ำอิงเลย พวกชาวเขาคงจะมีอิทธิพลต่อจิตใจทันตแพทย์หนุ่มมากจริงๆ ดังนั้นแล้ว ในเมื่ออีกฝ่ายคิดว่าเขาเป็นชาวเขา ก็คงจะไม่ปฏิเสธเขาเช่นกัน

เขาเดินกลับเข้าไปข้างในโรงแรมด้วยกันกับทันตแพทย์หนุ่ม ห้องพักของเขาอยู่ที่ชั้นบนสุด ตอนที่ขึ้นลิฟต์โดยสารไปด้วยกัน เขาเองก็ลังเลอยู่ในใจ อยากจะเนียนๆ เดินตามอีกฝ่ายไปถึงห้อง แต่ก็คิดว่าถ้าไปแบบไร้มารยาและชั้นเชิงตามที่เพื่อนๆ บอก เขาคงโดนไล่เปิงออกมาแน่ๆ เพราะงั้นต้องกลับห้องไปวางแผนให้รอบคอบก่อน

ทันทีที่เดินเข้าไปในห้องพัก เด็กหนุ่มก็คว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแชตด่วนไปหาเพื่อนสนิทที่ปรึกษาทั้งสี่ ซึ่งแน่นอนว่าทุกคนยุให้เขาไปหาหมอเต้ที่ห้อง บอกให้เอาไวน์อร่อยๆ ไปชวนอีกฝ่ายดื่ม อ้างว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วก็อาจจะพอถูไถ ยิ่งเห็นเขาเป็นชาวเขาด้วยแล้วก็คงไม่ปฏิเสธ อีกอย่างเขาช่วยเหลือหมอเต้ไว้ที่ในไนต์บาร์ซ่า ก็ถือว่ารู้จักกันแล้ว อีกฝ่ายน่าจะไว้ใจพอที่จะนั่งคุยดื่มด้วย แล้วเขาก็จะได้ใช้โอกาสนั้นสานสัมพันธ์ต่อไว้สำหรับภายหลัง

เด็กหนุ่มเดินไปเลือกไวน์ในตู้เก็บไวน์ ขณะเดียวกันมือก็ปัดไปโดนถุงกระดาษในกระเป๋ากางเกงเสียงดังกรอบแกรบ ก่อนจะก็นึกขึ้นมาได้ว่า เขายังไม่ได้คืนถุงของฝากให้อีกฝ่ายเลย

คีรีขมวดคิ้ว พร้อมกับยกถุงนั้นขึ้นส่องกับแสงไฟดู เขาคิดว่าข้างในน่าจะเป็นช้างไม้แกะสลัก สิ่งนี้คงจะเป็นของฝากให้หมอวิน และบางที... เขาอาจจะใช้มันเป็นตัวประกันได้ด้วย ถ้ามีสิ่งนี้ ไม่ว่าอย่างไรหมอเต้ก็คงยอมเปิดประตูให้เขาล่ะวะ

เด็กหนุ่มไปอาบน้ำอย่างรีบเร่ง ใส่อาฟเตอร์เชฟกลิ่นเดียวกับหมอวินตามที่พี่พยาบาลไปหาชื่อยี่ห้อมาให้ เพราะมั่นใจว่ามันน่าจะเป็นกลิ่นที่หมอเต้ชอบและคุ้นเคยดีอย่างแน่นอน จากนั้นก็หยิบไวน์ออกมาจากตู้เก็บไวน์แล้วย่างสามขุมตรงไปที่ห้องพักของทันตแพทย์หนุ่ม

เขาคิดถูกมากจริงๆ ที่ใช้ถุงของฝากเป็นตัวประกัน หมอเต้ยอมเปิดประตูออกมาเจรจากับเขา แถมยังยอมให้เข้าห้องได้ ที่จริงแค่นั้นเขาก็ฟินมากแล้ว ไม่ได้คิด ไม่ได้หวังว่าจะมีอะไรพิเศษเกิดขึ้น

แต่เขามั่นใจ ว่าการที่เขาทำผมทรงเดียวสีเดียวกับหมอวินและใช้อาฟเตอร์เชฟกลิ่นเดียวกันทำให้หมอเต้รู้สึกคุ้นเคย ประกอบกับความเมาของอีกฝ่าย ทำให้เรื่องมันเริ่มจะเลยเถิดไป จากดื่มไวน์เฉยๆ กลายเป็นสัมผัสริมฝีปาก จากนั่งคุยกันบนระเบียง กลายเป็นกอดจูบกันบนเตียง

ในเมื่อเขารอโอกาสที่จะได้ใกล้ชิดกับหมอเต้มานาน ยังไงก็คงจะไม่ยอมปล่อยให้โอกาสดีๆ แบบนี้หลุดมือไปแน่

เลือดในกายเด็กหนุ่มสูบฉีดรุนแรง ส่งผลให้ส่วนกลางร่างแข็งขึงจนรู้สึกอึดอัด ฟิลต่างกับการเซ็กส์เสื่อมครั้งสุดท้ายเมื่อตอนก่อนสอบไฟนอลปีหนึ่งโดยสิ้นเชิง

ในตอนนั้นเขาปล่อยให้หมอเต้เป็นคนเริ่มและคุมเกมก่อน เพราะกลัวว่าถ้าเขาพูดหรือทำอะไรลงไป อีกฝ่ายจะสร่างเมา เมื่อเห็นว่าอารมณ์ของพวกเขาพุ่งขึ้นสูงจนยากจะหยุดได้ เขาก็พลิกให้ทันตแพทย์หนุ่มลงไปอยู่ใต้ร่าง

ใบหน้าของหมอเต้ตอนนั้น บอกเลยว่าเห็นแล้วฟินสุดใจ นัยน์ตาอีกฝ่ายฉายชัดถึงความปรารถนา ส่วนไวสัมผัสก็ตื่นตัวเต็มที่ พร้อมจะลงสนามรบกันแล้ว

เขาจำรสชาติของผิวกายทันตแพทย์หนุ่มได้แม่น ไม่ว่าส่วนไหนก็หวานหอมถูกใจเขาไปเสียหมด เขาลากลิ้นชื้นไปตามลำคอ พรมจูบแผ่นอกจนทั่ว มือลูบเคล้นไปตามท่อนแขนยาวเรียวขึ้นมายังหัวไหล่

เสียงครางในลำคอของหมอเต้ในตอนที่เขาใช้มือปรนเปรอความสุขให้ดังมาแว่วๆ เป็นเสียงที่เขาคิดว่าเย้ายวนและเซ็กซี่ที่สุด ทำให้ตัวเขาร้อนรุ่มไปหมด

“อ้ายเตชิต มีถุงยางก่อคับ” เขากระซิบถามชิดใบหูคนใต้ร่าง

เจ้าของชื่อประสานสายตาด้วย “ในกระเป๋าตังค์” ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อจากการดื่มไวน์ เป็นผลให้ดูยั่วเย้ามากขึ้นไปอีกในสายตาเด็กหนุ่ม

คีรีเอื้อมมือไปควานหากางเกงของทันตแพทย์หนุ่ม หยิบกระเป๋าสตางค์มาส่งให้เจ้าของ เมื่ออีกฝ่ายหยิบถุงยางออกมาเขาก็รีบเก็บกระเป๋าสตางค์ใส่ไว้ที่เดิม แล้วขยับไปคร่อมทับ เขาหยิบห่อถุงยางมาจากมือคนใต้ร่าง จากนั้นก็ใช้ฟันกัดฉีกออก

ดวงตาของเด็กหนุ่มจับจ้องคนใต้ร่างนิ่ง กำลังจะสวมถุงยางให้ตัวเอง แต่...

สัสเอ๊ย!

เขากำลังฉวยโอกาสเอาเปรียบหมอเต้อยู่นะ อีกฝ่ายเมามาย สติสตังไม่อยู่กับเนื้อกับตัวร้อยเปอร์เซนต์ สิ่งที่เขาทำมันไม่ถูกต้อง

เอาไงดีวะ

“Shit!” คีรีสบถ ในที่สุดก็ตัดสินใจโยนถุงยางทิ้งไป


(มีต่อค่ะ)


ออฟไลน์ huskyhund

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1093/-4


ทว่า...

สีหน้าของเตชิตฉายชัดถึงความรุ่มร้อนที่อัดอั้นอยู่ในกาย เขาดึงแขนเด็กหนุ่มเข้าไปหา สวมกอดแล้วยกศีรษะขึ้นจูบ เมื่อละริมฝีปากออกมาก็กระซิบบอกด้วยน้ำเสียงแหบพร่า

“รีรออะไรอยู่”

หัวใจของคนอ่อนวัยกว่าสั่นรัวอยู่ในอก เขากลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ วินาทีนี้ตื่นเต้นจนลืมแอ๊บเป็นหนุ่มเหนือตามที่ได้วางแผนไว้ไปเรียบร้อย

“ได้... ได้เหรอครับ”

“อืม” คนใต้ร่างครางออกมาเบาๆ

“งั้น... งั้นขอ...ผมขอแค่นิดเดียว...นะครับ”

พอเห็นว่าเตชิตพยักหน้าเล็กน้อย เขาก็รีบบดจูบริมฝีปากของทันตแพทย์หนุ่ม สองมือฟอนเฟ้นไปบนผิวกายไปพร้อมกับใช้หน้าท้องเบียดเสียดส่วนที่แข็งขึง พอละริมฝีปากออกมาก็ย้ายไปจูบไซ้ลำคอ ค่อยๆ เลื่อนลิ้นชื้นผ่านกระดูกไหปลาร้าลงไปอย่างเชื่องช้า ปลายลิ้นหยุดหยอกล้อและขบดึงติ่งไตบนแผ่นอกจนเปลี่ยนเป็นสีชมพูเข้ม ขณะที่ฝ่ามือกอบกุมส่วนที่ร้อนผ่าวไว้และขยับอย่างรู้งาน

เสียงครางเมื่อตอนที่หมอเต้ใกล้สุขจนถึงขีดสุดเป็นผลให้คีรีหายใจติดขัด เขาผงกศีรษะขึ้นมองใบหน้าของทันตแพทย์หนุ่ม แล้วพูดเสียงอ้อน “หมอเต้ครับ...”

หมอเต้ยิ้มอย่างน่ารักและเย้ายวนที่สุด พลางใช้มือกับส่วนนั้นของเขาอย่างรู้ใจ บอกเลยว่าฟินที่สุดในโลก

คีรีรวบจับส่วนร้อนของตัวเองกับทันตแพทย์หนุ่มไว้ด้วยกัน เร่งขยับมือถี่กระชั้น เรียวปากคลอเคลียอยู่บนริมฝีปากอีกฝ่ายส่งปลายลิ้นออกมาเกี่ยวกระหวัดจนน้ำสีใสไหลซึมออกมาจากตรงมุมปาก ต่างคนต่างหอบกระเส่า อารมณ์พุ่งขึ้นสูงถึงขีดสุด ร่างกายของเขากระตุกเกร็ง จากนั้นก็ฉีดพ่นของเหลวอุ่นร้อนลงบนผิวกายของทันตแพทย์หนุ่ม

ไปไกลถึงขนาดนั้นแต่ความซวยก็ยังเกิดขึ้นจนได้ เมื่อเตชิตหลุดเรียกชื่อใครบางคนออกมาในจังหวะเดียวกัน

“วิน...” พร้อมกับปลดปล่อยออกมาปะปนกับของคนอ่อนวัยกว่า

“ฮะ!?” คีรีนิ่งอึ้ง ถ้าให้พูดตรงๆ ในชีวิตเขาก็ไม่เคยนัวเนียกับใครแล้วต้องมาช็อกตอนเสร็จมาก่อนเลยแม่ง

นี่หมอเต้คิดว่าตัวเองกำลังมีอะไรกับหมอวินอยู่เหรอวะ! ชัดเลยว่าไม่ใช่เพื่อนธรรมดาแล้ว!

ยิ่งกว่าฟ้าผ่าลงมาตรงกลาง hum เลย จากหัวไชเท้าท่อนเท่าขาหดเหลือเท่าเบบี๋แคร์รอตในเสี้ยววินาที

แล้วพออีกฝ่ายสบายตัวก็หลับไปดื้อๆ ปล่อยให้เขานอนอกหักไปทั้งแบบนั้น

คิดแล้วยังเศร้าไม่หาย รันทดจริงๆ เลยกู

หมอเต้รักหมอวิน และดูจากท่าทางหมอวินแล้ว ก็คงรักหมอเต้มากเช่นกัน ส่วนตัวเขาน่ะ พยายามจะสู้ พยายามจะเอาชนะใจหมอเต้ไปก็เท่านั้น เขารู้อยู่แก่ใจ... ว่ายังไงก็คงต้องอกหักอยู่วันยังค่ำ

แต่ผลจากคืนนั้นก็ไม่ได้แย่ไปซะทีเดียว ในที่สุดเขาก็ได้เบอร์โทรศัพท์จากหมอเต้เองโดยไม่ต้องออกปากขอเลย เพราะหมอเต้รู้สึกผิดที่นอนกับเด็กชาวเขาอย่างเขา ถึงจะมีอะไรกันแค่ภายนอกแต่อีกฝ่ายก็ยังพยายามจะรับผิดชอบในสิ่งที่ทำลงไป ก็เลยให้เงินกับเบอร์โทรศัพท์มือถือไว้

แม่งก็คิดได้เนอะ เป็นคนดีเกินไปแล้ว เขามีอะไรเสียหายที่ไหนกันวะ ถ้าจะมีใครเสียหาย ก็คงเป็นตัวหมอเต้เองนั่นละ

หลังจากวันนั้นเขาก็กลับไปเชียงใหม่ แต่ถึงมีเบอร์โทรศัพท์ก็ไม่ได้ติดต่อไปหาทันตแพทย์หนุ่มอีก เพราะไม่รู้จะหาเหตุผลอะไรให้ตัวเองกล้าพอที่จะโทรไปหาอีกฝ่าย บางทีตัวเขาอาจเป็นอะไรที่หมอเต้อยากจะลืมที่สุดก็เป็นได้


ก่อนจะเปิดเทอมอย่างเป็นทางการในสัปดาห์ต่อไป คีรีถูกเพื่อนๆ ในคณะขอร้องให้แต่งหล่อเข้ามาช่วยดูแลกิจกรรมของรุ่นน้องปีหนึ่งทุกวัน เมื่อถึงวันศุกร์ซึ่งมีฝนโปรยปรายลงมาตลอดวัน คุณตาแวะมารับเขาไปกินข้าวเที่ยง เขาเลยเปลี่ยนใส่เสื้อที่ตัดเย็บด้วยผ้าพื้นเมืองแบบสบายๆ เพื่อเอาใจคุณตา รถก็ไม่มีเพราะเขาให้พนักงานศูนย์ BMW มาเอารถหลังจากเขาขับมาที่มหาวิทยาลัยไปเช็กต่อให้ อะไรๆ ก็ปกติดี จนกระทั่งตอนเย็นที่เขานัดให้พนักงานนำรถมาคืนน่ะสิ เขาไปกินข้าวกับเพื่อนในกลุ่ม ขากลับก็มายืนรอรับรถจากพนักงานตรงใกล้ๆ กับร้านอาหารที่ไปกินกับเพื่อนนั่นล่ะ แล้วหมอเต้ก็ผ่านมาเจอเขาเข้าพอดี ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ ทุกสิ่งที่พยายามทำไปเป็นผลให้เขาได้เข้าไปอยู่ในสายตาของหมอเต้แล้วจริงๆ อีกฝ่ายจำเขาได้ ถึงขนาดจอดรถเดินฝ่าสายฝนลงมาหาเลย

โชคดีชะมัดที่คุณตามาเยี่ยมพอดี ไม่อย่างนั้นเขาคงจะไม่ได้เปลี่ยนใส่ชุดพื้นเมืองแน่ๆ

แต่เขาก็เกือบจะโดนหมอเต้จับได้แล้ว เพราะพนักงานศูนย์ BMW ดันเอารถมาส่งให้พอดี เขาเลยขอร้องให้พนักงานเอารถไปทิ้งไว้ที่คอนโดฯ แล้วให้ฝากกุญแจไว้ที่เคาทน์เตอร์พนักงานต้อนรับแทน

และในวันนั้น เขาก็ได้ใกล้ชิด ได้พูดคุยกับหมอเต้เป็นครั้งที่สอง สำหรับเขาก็คิดว่าคุ้มค่ากับการยืนตากฝนรอ เขารู้ว่าหมอเต้เป็นคนใจดี ใจดีมากโดยเฉพาะกับชาวเขา เพราะฉะนั้นหมอเต้คงจะกลับมาพบเขาแน่ๆ

แต่โดยรวมบทสนทนาของพวกเขาหลังจากที่ได้พบกันอีกครั้งไม่กลับไม่ทำให้รู้สึกดีใจเท่าไรนัก เพราะอีกฝ่ายรู้สึกผิดเรื่องคืนนั้นอย่างเดียวเลย นี่ขนาดแค่มีอะไรกันแค่ภายนอกนะ ถ้าขืนมีอะไรลึกซึ้งไปกว่านี้ หมอเต้คงรับเขาเป็นลูกบุญธรรมแหงๆ ไปๆ มาๆ ก็ชักจะอยากเป็นชาวเขาจริงๆ ซะแล้ว

เมื่อถูกถามอายุเข้า ไอ้เขาจะบอกอายุไปตามจริงก็กลัวว่าจะใกล้วัยนักศึกษาในมหาวิทยาลัยมากเกินไป ยิ่งเจอเขาแถวๆ มหาวิทยาลัยด้วย เขาเลยขี้ตู่ให้ตัวเองเด็กลงไปอีกหน่อย ทว่ากลับทำให้หมอเต้รู้สึกผิดหนักขึ้นอีก

ความรักนี่มันแย่ชะมัด บางครั้งก็ทำให้ตื่นเต้นดีใจล่ะนะ แต่ส่วนใหญ่จะทำให้หัวใจเจ็บปวดเสียมากกว่า เขาสำนึกได้ก็คราวนี้

หลังจากการพบกันท่ามกลางสายฝนในเย็นวันนั้น เขาก็เงียบหายไปจากทันตแพทย์หนุ่มอีกครั้ง ถึงอีกฝ่ายจะบอกว่าให้โทรศัพท์ไปหาได้ แต่บอกตรงๆ ว่าเขามันป๊อด ถ้าไม่มีเรื่องอะไรก็ไม่กล้าโทรไปหรอก กลัวว่าจะเป็นการรบกวน กลัวว่าจะถูกตัดสาย

แต่ก็คิดถึง อยากพบ อยากเจอหน้า ประกอบกับอาทิตย์แรกหลังเปิดเทอมคุณตามาพักที่รีสอร์ตในเชียงใหม่พอดี เขาไปช่วยงานคุณตาเหมือนเคย แล้วก็ได้ไปเห็นเอื้องแซะในโรงเพาะกล้วยไม้ เขาจึงขอคุณตามาหนึ่งกระถาง เพื่อที่จะได้ใช้เป็นข้ออ้างให้ตัวเองกล้าไปพบอีกฝ่าย

คุณตาเป็นคนเล่าถึงความหมายของเอื้องแซะให้เขาฟังสมัยเด็กๆ และเมื่อเขาเอ่ยปากขอ คุณตาก็ดูจะเข้าใจ เพราะตอนที่ท่านจีบคุณยายก็ใช้วิธีเดียวกัน


“คีรีหลานอุ้ยใหญ่เป๋นหนุ่มแล้วนี่เนอะ เอาไว้ปามาปะกันหน่อย” (คีรีหลานตาโตเป็นหนุ่มแล้วนี่เนอะ เอาไว้พามาเจอกันหน่อย)

คีรีอมยิ้ม “หื้อผมจีบติดก่อนเน่อคับ” (ให้ผมจีบติดก่อนนะครับ)

“พยายามเข้านะ อุ้ยอยากปะ” (พยายามเข้านะ ตาอยากเจอ)


เอื้องแซะดูจะทำให้หมอเต้ประทับใจ และทำให้อีกฝ่ายยอมออกมาพบเขาอีกวัน แต่เมื่อเขาต้องไปเซ็นทรัลกับทันตแพทย์หนุ่มในฐานะเด็กชาวเขาก็ต้องลุ้นจนตัวเกร็ง ได้แต่ภาวนาว่าจะไม่เจอคนรู้จัก

ทว่าก็ดันเจอผู้จัดการของโรมแรมที่แวะมากินข้าวหลังเลิกงานซะได้ ความเกือบแตก ดีที่หมอเต้ไม่ทันได้สงสัยอะไร

ความสัมพันธ์ของเขากับหมอเต้ดูเหมือนจะดีขึ้นเล็กน้อย พวกเขาใกล้ชิดกันมากขึ้น ทว่าไม่ว่าอย่างไร หมอเต้ก็มีหมอวินอยู่ในใจเสมอทั้งๆ ที่อยู่กับเขา ไม่ว่าจะเป็นตอนกินข้าว หรือตอนที่ไปจุดชมวิวดอยสุเทพด้วยกัน

ส่วนตัวเขาน่ะหรือ เป็นได้แค่เพียงสิ่งผิดพลาดที่อีกฝ่ายพยายามจะแก้ไขเพื่อความสบายใจก็เท่านั้น

เงินห้าร้อยบาทที่ได้มาจากหมอเต้ซึ่งเขากะว่าจะทยอยคืน เขาบอกอีกฝ่ายว่าอยากใช้เป็นข้ออ้างในการติดต่อหา แต่ความจริงนั้น... เขาใช้มันเป็นเดิมพัน และเป็นการนับถอยหลังต่างหาก หมอเต้ก็ดูจะเข้าใจความหมายที่เขาต้องการจะสื่อดี เขาจะนับถอยหลังไปเรื่อยๆ ทุกครั้งที่คืนเงินก็คือการกระตุ้นให้หมอเต้คิดเรื่องของพวกเขา เมื่อใดที่คืนเงินจนครบ นั่นก็หมายความว่าเขาหมดข้ออ้างในการติดต่อหา ถ้าหากหมอเต้มีใจและส่งสัญญาณให้เขาสักนิด เขาก็จะเดินหน้าต่อ แต่ถ้าไม่ เขาก็ควรจะหยุดทุกอย่างไว้แล้วถอยออกไป ก่อนที่เขาจะกลายเป็นคนที่น่ารำคาญในสายตาของอีกฝ่าย และต้องเจ็บปวดใจไปมากกว่านี้ เขาไม่กล้าจะหวังอะไรมากนักหรอก เพราะไม่ว่าอย่างไรก็คงต้องอกหักอยู่แล้ว เขารู้ตัวเองดี

ทว่าก็ยังอยากที่จะหวัง...


*TBC*


เด็กดอยคนน่ารัก ไม่ได้รว้ายๆ อย่างที่คิดเลยใช่มั้ยคะ หมอเต้อย่าใจร้ายกับน้องเลยน้า~ ไม่งั้นฮัสกี้จะจัดให้ไปร่วมทุนทำโรงงานแห้วครบวงจรกันเองแล้วสองคนนี้ 5555555

เรื่องทางฝั่งเด็กดอยใกล้จะย้อนเล่ามาถึงปัจจุบันแล้วค่ะ อีกไม่นานเด็กดอยจะกลับมาเดินหน้าลุยจีบหมอฟันต่อ ฟิตร่างกายรอไว้เลยนะหมอเต้! ฮี่ๆๆๆๆ

ขอบคุณคนอ่านทุกคนมากๆ ค่า สุขสันต์วันลอยกระทงนะคะ ใครไปลอยกระทงก็เหล่หนุ่มๆ เผื่อฮัสกี้ด้วยน้า~ แฮ่กๆ


ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
เด็กดอยยย แอบร้ายยย จีบหมอเต้ให้ติดเน้อออ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ช่างรันทดนัก

ออฟไลน์ darling

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1741
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-7
หมอเต้รู้ความจริงเมื่อไหร่เด็กดอยอาจเงิบได้ เตือนแล้วนะ  :mew4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
ทุกอย่างมีพลิกผัน

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
ถึงเด็กดอยจะแผนสูงไปหน่อย แต่ก็น่าสงสารนะเจอกันคุยกันกี่ครั้งก็ไม่ได้อยู่ในสายตา พอได้อยู่ในสายตามันก็มาจากความรู้สึกผิดของหมอเต้อีก

เอาใจช่วยเด็กดอย ให้หมอเต้ตกหลุมเร็วๆนะ  :katai2-1::katai2-1:

ออฟไลน์ bpyt

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
คนดีไม่อยู่ในสายตา ก็จัดร้ายๆ ไปสักชุด 555

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
 พยายามเข้านะคีรี สู้ๆ

ออฟไลน์ toomild

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
สงสารเด็กดอย คนน่ารักมักใจร้ายอย่างงี้แหละค่ะคีรี ขอให้จีบหมอเต้ติดเร็วๆ :katai5:

ออฟไลน์ junlifelove

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
น้องน่าสงสาร  :sad4:  หมอเต้ช่วยชอบน้องไวๆนะ แต่ก็กลัวว่าถ้าหมอเต้รู้ความจริงจะโกรธมากไหมล่ะ

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

อุตส่าห์ลงทุนทำถึงขนาดนี้  ขอให้สมหวังนาจา  เจ้าเด็กดอย(จอมปลอม)  อิอิ

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
เอาใจช่วยเด็กดอย พร้อมกับอธิษฐานขอให้เมื่อถึงวันที่หมอเต้รู้ความจริงแล้ว จะไม่โกรธเด็กดอยที่โกหกหมอเต้


ออฟไลน์ fammykiki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ Rateesiri

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 143
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
สู้ๆๆๆจ้านู๋คีรี

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด