เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]  (อ่าน 306862 ครั้ง)

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ฝันดีแน่คืนนี้ คีรีน่ารักฝุดๆ
 :-[ :-[

ออฟไลน์ องศาวาย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 72
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ดีกับน้องเถอะหมอเต้ วงวารน้องง :hao7:

ออฟไลน์ FrozenSnow2019

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
ขำหมอเต้ อยากจะเก๊กเคืองคีรี ก็ทำได้ไม่เต็มที่เพราะแอบใจอ่อนให้น้องตลอด 555 ถ้าคีรีรุกหนักกว่านี้มีหวังใจอ่อนเป็นขี้ผึ้งลนไฟแน่ๆ

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
หึหึ เสร้จเด้กมันแน่ๆ

ออฟไลน์ numay

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
ใจยวบแล้วยวบอีกเลยนะหมอเต้ เด็กดอยนี่ก็รุกเอาๆ  :laugh:

ออฟไลน์ darling

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1741
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-7
หมอเต้ เล่นตัวเยอะๆหน่อย ขอร้อง  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
คีรีสู้ๆ

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
แบบนี้เรียกยอมตั้งแต่ในรถแล้วมะหมอเต้
พอคิดว่าถ้าหมอเต้เป็นรับแล้วมันจักจี้พิกล 5555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
หมอเต้จะต้องเป็นอมตะแน่ ๆ เลยครับ เพราะกำลังจะถูกเด็กกิน ^^

ออฟไลน์ Ti0590

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 455
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
งุ้ยยยยยยยยยยยยยยยยย  พี่หมอเต้แพ้คนขี้อ้อนนน

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
แย่แน่ ๆ หมอเต้

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
ใจอ่อนได้แล้วววว หมอเต้

ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ใครจะตะบะแตกก่อนกัน? หมอเต้ระวังนะเจอคีรีอ่อยแบบนี้เดี๋ยวก็ได้เข้าทางเด็กหรอก คีรีนายแน่มาก o13

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
พี่เต้าีบเรียกลุคฝ่ายรักกลับมาเร็วๆนะ


โดนเด็กมันต้อนจนเสียอาการหลายรอบแล้วนะ


ตอนเป็นเด็กดอยมันร้ายแค่ใหน


ตอนนี้บวกเพิ่มความร้ายกาจไปอีก100%เลย


กระบวนท่า กระบวนมายา นางต้องขนมาเต็มรถแน่นอน


บอกได้คำเดียว พี่เต้ เส็รจแน่

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
คีรีหื่นนนนนน

ออฟไลน์ bpyt

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
อย่ารุกหนักขนาดเน้~~ เด๋วหมอเต้ช็อก​ตายก่อน จะอดชิมนะคีรี

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
เด็กมันแข็งแรงน้ออออ  :hao3:

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1703
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
ใจอ่อนมากด้วยค่ะหมอเต้

อ่อนหยวบเลย


ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
คีรีนายเจ๋งว่ะ   o13

พี่เต้ต้องแพ้ทางนายแน่ๆ :katai2-1:

ออฟไลน์ toomild

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
หมอเต้ไม่น่ารอดแล้วนะคะเนี่ย เด็กดอยรุกแรงม้าก :laugh:

ออฟไลน์ M_M

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
เข้ารอ  จะมาต่อมั้ยวันนี้

ออฟไลน์ FrozenSnow2019

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
วันนี้เด็กดอยจะมาไหมน้า คิดถึงแล้วเนี่ย ไม่รู้จะอ้อยหมอเต้ไปถึงไหนแล้ว อิอิ

ออฟไลน์ M_M

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
เมื่อไหร่จะมาต่อ :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ Destiny

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 108
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
วันนี้เรามีนัดกันกับเด็กดอย  :katai4:

ออฟไลน์ huskyhund

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1093/-4


Chapter 23 : อดีตที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้


ในตอนเย็นของวันศุกร์ สองหนุ่มทันตแพทย์เดินทางไปเชียงใหม่ด้วยกันเช่นเคย วันนี้พวกเขามุ่งตรงไปที่เซนทรัลเลยเนื่องจากนัดกับภูพิงค์และเพื่อนๆ ไว้ว่าจะไปกินมื้อเย็นกันที่นั่น

เมื่อรถเคลื่อนเข้ามาในตัวเมืองเชียงใหม่ เสียงโทรศัพท์มือถือของเตชิตก็ดังขึ้น

รวินท์หันขวับไปทางคนที่ขับรถอยู่ “พนันกันมะ เด็กมึงโทรมาแน่ๆ”

“ไม่ใช่เด็กกูเว้ย”

“แหม อย่างอื่นแข็งเหมือนปากมั้ยวะ”

เตชิตหัวเราะ “อยากลองมั้ยล่ะไอ้บ้า”

“แล้วไม่รับโทรศัพท์เหรอ”

“รับก็ได้” เตชิตหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสาย “ว่าไง”

“เย็นนี้ว่างมั้ยครับ ผมอยากพาเพื่อนๆ ไปให้คุณรู้จัก”

“ไม่ว่าง ผมจะไปกินข้าวกับวิน”

เจ้าของชื่อขึงตาใส่ “มึงหาเรื่องให้กูแล้วสัส” เขาเอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์มาจากมือเพื่อนรัก “กูคุยเอง มึงขับรถไปเลย”

“อ้าว ไอ้...”

รวินท์ไม่ใส่ใจ เขาพูดใส่โทรศัพท์ทันที “ว่าไง”

“หมอวิน? คือ... กำลังจะไปไหนกันเหรอครับ”

“คุณมีอะไร บอกมาก่อน”

“ผมอยากพาเพื่อนในกลุ่มไปให้คุณเตชิตรู้จักน่ะครับ ต่อไปเผื่อมีใครมาพูดให้คุณเตชิตฟังว่าเห็นผมไปไหนมาไหนกับคนอื่น คุณเตชิตจะได้ไม่เข้าใจผิด”

“อือ ก็ดี” รวินท์ชำเลืองมองคนที่ขับรถอยู่ ยกมือขึ้นเกาคางยิกๆ แล้วตอบกลับไปในโทรศัพท์ “พวกผมจะไปกินข้าวที่เซ็นทรัล แต่ไม่ได้ไปสองคนนะ พิงค์กับเพื่อนก็มาด้วย นัดกันไว้ที่ร้านบาร์บีคิว ห้าโมง”

เตชิตหันไปทางเพื่อนรัก แล้วพูดขึ้นทันทีที่อีกฝ่ายกดวางสาย “ไอ้เพื่อนเวร บอกหมดเลยนะมึงน่ะ”

“เอ้า ก็เด็กมันอยากจะแสดงความจริงใจ มึงก็ควรให้โอกาสเขามะ จะมัวแต่เล่นตัวปิดหูปิดตาทำไมวะ ชาตินี้ก็ไม่ได้รู้อะไรกันพอดี”

ถึงแม้จะรู้ว่าเพื่อนรักพูดถูก แต่เขากลัว... กลัวใจตัวเองนี่ล่ะ ยังไม่อยากใจอ่อนเร็วเกิน เขาถูกหลอกมายังไม่พ้นสัปดาห์เลยนะเว้ย

“ยังไงก็ให้พวกพิงค์รู้จักกันไว้ จะได้ช่วยสอดส่องที่มหาลัยไง”

“เขาอยู่คนละคณะกันมั้ยวะ”

“แล้วไงวะ ยังไงก็มหาลัยเดียวกันแหละ”

เตชิตขี้เกียจจะเถียง เพราะเถียงไปก็คงแพ้อยู่ดี เขาจึงขับรถต่อไปเรื่อยๆ อย่างเซ็งๆ ไม่นานก็เลี้ยวรถเข้าไปจอดในที่จอดรถของห้าง



แล้วก็เป็นอย่างที่คาดไว้ คีรีกับเพื่อนๆ มารออยู่แถวหน้าร้านเรียบร้อย แต่ดูเพื่อนๆ ของอีกฝ่ายจะไม่ค่อยเต็มใจมาด้วยสักเท่าไหร่ เพราะแต่ละคนมีสีหน้าพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ยืนทำตัวลีบเบียดกันเป็นเพนกวินห่างจากกลุ่มภูพิงค์เป็นโยชน์ ส่วนกลุ่มของภูพิงค์ก็กำลังเม้ากันฟองฟ่อดไม่สนหินสนแดดใดๆ เสียงดังเหมือนจะยกพวกตีกันเอง

ทว่าเมื่อคีรีเห็นทันตแพทย์หนุ่มทั้งสอง เขาก็ยิ้มกว้าง รีบสาวเท้านำทีมเข้ามาหา “คุณเตชิต!” จากนั้นก็แท็กทีมกับเพื่อนๆ อีกสี่ชีวิตยกมือไหว้แบบนอบน้อมสุดชีวิตอย่างพร้อมเพรียง “สวัสดีครับคุณเตชิต สวัสดีครับหมอวิน”

“อือ หวัดดี” รวินท์ยกมือรับไหว้ ไม่ค่อยชินกับการถูกรุมไหว้แบบเป็นหมู่คณะสักเท่าไหร่ รู้สึกแก่ไปอีกสิบปีเลยแม่ง เขาชำเลืองมองเพื่อนรักซึ่งก็กำลังทำหน้าตาบอกไม่ถูกเช่นกัน

“นี่เพื่อนผมครับ ยุ้ย เจนี่ ฟลุค แล้วก็ปิ๊ก” เด็กหนุ่มรีบแนะนำตัวให้ แต่ในขณะเดียวกันกลุ่มของภูพิงค์ก็หันมาเห็นและเดินอาดๆ มาดนักเลงเข้ามาหา

“พี่วิน! พี่เต้!”

รุ่นน้องทั้งสี่ชีวิตสะดุ้งโหยง เพราะเคยมีคดีกันอยู่จึงถอยกรูดไปอัดกันอยู่ด้านหลังคีรีทันที แต่เด็กหนุ่มแม่ทัพก็ทำใจดีสู้เสือ เขายกมือไหว้ภูพิงค์กับเพื่อนๆ แล้วแนะนำเพื่อนพ้องให้รู้จัก

“อือ นี่เพื่อนผม ขิง ดิว ซัน แล้วก็แซนดี้” ภูพิงค์แนะนำเพื่อนๆ ให้อย่างเป็นมิตร แต่ดูรังสีอาฆาตแต่ละคนจะแรงไปสักหน่อย พวกรุ่นน้องถึงได้กลัวกันหงอ “พี่วินหิวยัง พวกผมไม่ได้กินข้าวเที่ยงอะ หิวจะตาย”

รวินท์พยักหน้า “อือๆ ไปๆ เข้าร้านกัน” จากนั้นจึงหันไปทางคีรี “มานั่งด้วยกันสิ”

เด็กหนุ่มส่ายหน้าแล้วยิ้มเจื่อนๆ “ไม่ดีกว่าครับ พวกผมเกรงใจ ขอบคุณมาก”

เมื่อเข้าไปในร้านแล้วทั้งสองกลุ่มก็แยกกันไปนั่งที่หนึ่งโต๊ะยาวและหนึ่งโต๊ะเล็ก ห่างกันไปคนละมุมห้อง ขณะที่เตชิตยืนนิ่งอยู่ที่โต๊ะของตัวเองดวงตาก็เผลอมองตามกลุ่มของคีรีไปยังโต๊ะของอีกฝ่าย

ทำไมไม่นั่งโต๊ะเดียวกันวะ แล้วทำไมต้องไปนั่งซะห่าง โต๊ะใกล้ๆ ก็ว่างนี่หว่า

รวินท์มองท่าทีของเพื่อนรักแล้วพูดขึ้น “ห่วงนักก็ชวนมานั่งด้วยกันสิวะ นั่งโต๊ะข้างๆ นี่ก็ได้ ถ้ามึงชวนเขาคงไม่ปฏิเสธหรอก”

เตชิตขึงตาใส่ “ไม่ได้ห่วงเว้ย!”

“ไม่ห่วงแล้วมึงเสือกมองตามเขาตาละห้อยทำไมล่ะวะ”

“ไม่ได้มอง แล้วตากูก็ไม่ได้ห้อยด้วย กูแค่เล็งดูว่าแอร์มันตกลงตรงไหน”

“อ้อเรอะ”

“เออดิ”

แต่ก่อนที่เตชิตจะเดินไปนั่งลงข้างรวินท์เช่นเคย ซันก็พูดขึ้น “เออ พี่เต้มานั่งฝั่งผมมั้ยล่ะ เดี๋ยวผมไปนั่งข้างพี่วินเอง พี่จะได้มองเห็นโต๊ะน้องเขาด้วยไง”

“พูดไรของคุณวะ! ทำไมผมต้องมองโต๊ะนั้นด้วย!”

“เอ้า ก็เห็นว่ารู้จักกัน งั้นก็... แอร์ๆ ผมหมายถึงจะได้มองเห็นแอรรรร์ถนัดๆ ก็ได้วะ~” เด็กหนุ่มรุ่นน้องรัวลิ้นใส่อย่างหมั่นไส้

“ไม่ต้องเว้ย ขอบใจ ผมจะนั่งมองแอร์ไปเพื่ออะไรกันวะ” เตชิตพูดไปก็ชำเลืองมองผนังกระจกซึ่งสะท้อนให้เห็นเงาโต๊ะทางด้านหลัง เขาทำเป็นไม่ใส่ใจ พยายามทำหน้านิ่งขณะที่เดินไปทิ้งตัวลงนั่งข้างรวินท์

“มึงไม่ต้องทำซึนแล้ว สัส น้องเขามาเปิดตัวขนาดนี้ รู้กันทั้งโต๊ะแล้วเนี่ย มึงยังจะเก๊กทำไมอีก”

“กูไม่ได้เก๊ก เขาจะทำอะไรก็เรื่องของเขาเว้ย ไม่เกี่ยวกับกู”

รวินท์เบ้ปากใส่ ไม่เกี่ยวเล้ย~ ไอ้เต้มันคิดว่าเขาตาบอดหรือไง พูดยังไม่ทันขาดคำมันก็ชำเลืองมองกระจก หันไปส่องโต๊ะเด็กหนุ่มแวบหนึ่งแล้วก็หันกลับมามองกระจกอีกครั้ง ท่าทางชัดเจนซะขนาดนั้น คนไม่มีหัวเท่านั้นแหละที่จะมองไม่ออก “เออๆ มองแอร์ๆ ไอ้สัส มึงไม่เคยเห็นแอร์มาก่อนในชีวิตเหรอวะ”

“แอร์รุ่นนี้ท่าจะอะเมสซิ่งมากนะคะพี่วิน ดูท่าพี่เต้อยากจะย้ายสารร่างไปอยู่ใต้แอร์แล้วเนี่ย” แซนดี้พยักหน้าหงึกๆ

พวกเด็กหนุ่มในโต๊ะหันไปพยักเพยิดหน้าให้กัน “ในที่สุดก็เจอแอร์ต้นตอที่ทำให้พี่เต้หายหัวไปประจำแล้วว่ะ รุ่นนี้เดินเครื่องเงียบก็จริง แต่ท่าจะแรง เย็นสะท้านทุกซอกมุม”

เมื่อเตชิตหันกลับมาที่โต๊ะก็เห็นว่าทุกคนกำลังจ้องมองเขาอยู่ พอหันไปทางรวินท์ก็เห็นว่าเพื่อนรักส่งนิ้วกลางให้ “มึงนินทาอะไรกูวะ!”

“เปล๊า แค่พูดถึงแอร์ ใช่มะทุกคน” รวินท์สาปส่งอยู่ในใจ ก่อนจะหันไปสบตากับทุกคนในโต๊ะ เป็นอันว่ารู้กัน

ไม่นานหลังจากสั่งอาหารไปพนักงานก็ทยอยนำอาหารมาจัดวางเรียงบนโต๊ะให้ ทุกคนจึงช่วยกันโกยเนื้อสัตว์ต่างๆ ลงไปย่างบนเตาที่ร้อนฉ่า ส่งเสียงดังโวยวายแย่งเนื้อกันเป็นพัลวัน



คีรีนั่งหันหน้าไปทางโต๊ะของทันตแพทย์หนุ่ม สายตามองนิ่ง สีหน้าเคร่งขรึม ส่วนเพื่อนๆ อีกสี่คนก็พร้อมใจกันเพ่งมองไปยังโต๊ะของทันตแพทย์หนุ่มด้วย คอยพิจารณาเก็บข้อมูลทุกการเคลื่อนไหว

“หมอเต้กับหมอวินนี่ คนละแบบเลยเนอะ คนนึงนิ่งๆ อีกคนโปรยยิ้มไปทั่ว คนละขั้วแต่ดูๆ ไปก็สมกันดีว่ะ” ปิ๊กพึมพำ ก่อนนึกขึ้นได้จึงรีบหันไปทางคีรี “แต่ไม่ต้องห่วงเว้ยสัส หมอวินกับพี่ภูพิงค์ดูโคตรของโคตรเหมาะสมกันเลย”

คีรีถอนหายใจหนักๆ “แต่พวกมึงดูดิ คุณเตชิตอึนใส่กูอีกแล้ว เมื่อวันก่อนตอนกูไปง้อที่ลำพูนก็เป็นแบบนี้ ไม่คืบหน้าเลยว่ะ”

ฟลุคใช้ข้อศอกถองคนที่นั่งข้างกันรัวๆ “เฮ้ยๆ มึงเห็นเปล่า หมอเต้หันมาทางนี้ด้วยว่ะมึง”

“หันมาแปลว่ามีใจเว้ย”

“ตำราไหนของมันวะ” สองสาวกระซิบกระซาบ

ในตอนแรกโต๊ะของคีรีแบ่งนั่งฝั่งชายหญิง ทว่านั่งไปได้ยังไม่ทันถึงห้านาทีก็มีคนอีกกลุ่มเดินมานั่งตรงโต๊ะที่อยู่ใกล้ๆ เมื่อปิ๊กกับฟลุคหันไปมองก็สะดุ้งเฮือก โป๊ะเช้ะเข้าอย่างจัง เพราะหญิงสาวคนหนึ่งในโต๊ะนั้นเคยไปเดตกับคีรีมาก่อน เคยตามตื๊อเพื่อนของพวกเขาอยู่พักหนึ่ง และตอนนี้เธอก็หันมาเห็นมันแล้วด้วย

สองหนุ่มพร้อมใจกันสะกิดยิกๆ “ไอ้คีรี ไอ้สัส นั่นพี่ปิ่นรึเปล่าวะ มึงเตรียมรับมือด้วย”

เจ้าของชื่อมองตามที่สองหนุ่มพยักพเยิดหน้าไป ก่อนจะชะงัก รีบก้มหน้าหลบ “ทำไมพวกมึงจำได้วะ! แล้วกูจะทำไงดีอะ! ให้คุณเตชิตเห็นไม่ได้นะเว้ย! เดี๋ยวกูไม่ผ่านโปรฯ!” ขณะที่คีรีทำท่าล่อกแล่ก หญิงสาวคนนั้นก็ทำท่าจะเดินเข้ามาหา

เจนี่เบ้ปากใส่ “ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงจนได้ รถไฟชนกันแน่ๆ สมน้ำหน้า เจนี่เคยเตือนแล้วเตือนอีกใช่มะ”

ยุ้ยพยักหน้าหงึกๆ “คราวนี้หมอเต้ได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของนายแน่ ดีใจด้วยนะเพื่อน”

“เรื่องแย่ๆ ไม่จำเป็นต้องเห็นตอนนี้ก็ได้! เรายิ่งจีบไม่ติดอยู่นะเว้ย! พวกนายช่วยเราก่อนดิ!” แต่สองสาวยังคงทำเมิน คีรีจึงต้องอ้อนวอนอีก “พวกนายบอกว่าจะช่วยก็รักษาสัญญาด้วยดิวะ เรายังรักษาสัญญาเลย ตั้งแต่จีบคุณเตชิตมา เราไม่เคยวอกแวก ไม่เคยสนใจคนอื่นเลยนะเว้ย ไอ้ที่แย่ๆ มันก็เป็นอดีตไปแล้วอะ”

เพราะเห็นว่าเพื่อนรักษาคำพูดตามที่ให้ไว้จริงๆ สองสาวจึงพยักหน้าพลางถอนหายใจหนักๆ “เออๆ งั้นสลับที่เว้ย” พวกเธอย้ายไปนั่งตรงที่ของกับปิ๊กและฟลุค ขนาบข้างเบียดคีรีไว้ แล้วส่งสายตาดุๆ ไปให้หญิงสาวซึ่งกำลังเดินมาที่โต๊ะ ส่งผลให้อีกฝ่ายมีท่าทีลังเล จำใจต้องถอยกลับไปตั้งหลัก

ยุ้ยคีบชิ้นหมูเนื้อลงย่าง พลางเหล่มองไปยังโต๊ะข้างๆ เป็นระยะ “เขากลับไปนั่งที่โต๊ะแล้ว แต่ยังมองมาทางนี้อยู่เลยนะ ระวังหน่อยละกัน”

เจนี่สะกิดเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างกัน “เดี๋ยวก็ถอดใจไปเองล่ะ อย่าไปสนใจ กินกันเหอะ”



เตชิตชำเลืองมองเงาสะท้อนของโต๊ะคีรีในกระจกเป็นระยะๆ ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ยิ่งพอเห็นว่าเด็กสาวทั้งสองคนย้ายมานั่งขนาบคีรีก็ยิ่งไม่สบอารมณ์ แล้วทำไมถึงต่างคนต่างกินแบบโต๊ะพวกเขาไม่ได้ ต้องย่างเนื้อส่งให้กันเพื่ออะไรวะ ถ้าจะขนาดนี้ก็ป้อนกันไปเลยสิโว้ย! ทันตแพทย์หนุ่มหงุดหงิดจนต้องใช้ตะเกียบคีบหมูฟาดลงไปบนกระทะอย่างเกรี้ยวกราด

การกระทำของทั้งเตชิตและเด็กหนุ่มรุ่นน้องต่างคณะอยู่ในสายตาของซัน ขิง ดิวและแซนดี้ที่นั่งหันหน้าไปทางโต๊ะของคีรีพอดี พวกเขาส่งสายตาพลางพยักเพยิดให้รวินท์กับภูพิงค์ได้รู้พร้อมกันด้วย

รวินท์สะกิดเพื่อนรักอย่างเซ็งๆ “ใจเย็นสัส มึงจะโมโหหิวอะไรขนาดนั้น”

ภูพิงค์ซึ่งนั่งอยู่อีกข้างของรวินท์ชะโงกหน้าเข้ามาแจม “เตามันเล็กไปใช่มะพี่ ถ้าย่างไม่ทันใจ เอาไฟรักของผมกับพี่วินไปช่วยเผาก่อนดิ”

“ไฟที่ใกล้ๆ จะมอดน่ะเรอะ ชาติไหนจะสุก” เตชิตโต้กลับไปทันควัน “ผมว่าไฟราคะไอ้วินยังจะแรงกว่า”

“ไอ้เหี้ย! เอาเนื้อยัดปากเลี้ยงหมาของมึงบ้าง” รวินท์คีบชิ้นเนื้อยัดใส่ปากเพื่อนรักทันที

“เฮ้ย! ได้ไงวะ พี่วิน!”

“โว้ย ยุ่งยากจริง!” เจ้าของชื่อจำใจต้องสละเนื้ออีกชิ้นให้กับเด็กหนุ่ม พอเขาทำท่าจะป้อน ภูพิงค์ก็อ้าปากรอเป็นลูกนก

“ทำไมของไอ้พิงค์ใหญ่กว่าของกูวะ”

ภูพิงค์ยักคิ้ว “ใครเป็นใครก็ให้มันรู้ดิวะพี่”

เตชิตลุกขึ้นพรวด ถลาไปจับแก้มทั้งสองข้างของภูพิงค์ยืดออก เบียดรวินท์จนต้องเอนตัวตามไปเบียดเด็กหนุ่มด้วย “ยังเหลือฟันคุดสามซี่ใช่มั้ย! ผมเอาออกให้เดี๋ยวนี้เลย!”

“ไอ้อี้เอ้! เอ็บอ๊ะเอ๊ย!” (ไอ้พี่เต้! เจ็บนะเว้ย!)

ขณะที่สามหนุ่มทะเลาะกันจวนเจียนจะยกเตาปิ้งฟาดกันอยู่แล้ว อีกสี่หนุ่ม ขิง ซัน ดิวและแซนดี้ยังคงนั่งกินกันไปแบบทองไม่รู้ร้อน สำหรับพวกเขาก็เป็นภาพที่คุ้นชินแล้วนั่นล่ะ แต่ที่น่าสนใจสำหรับพวกเขาน่ะ คือรุ่นน้องที่อยู่อีกโต๊ะนั่นมากกว่า จ้องมาทางนี้เขม็งเลย

แซนดี้ขยับไปกระซิบเพื่อนที่นั่งข้างกัน “เห็นยัง เป็นอย่างที่กูเคยเล่าให้ฟังมั้ยล่ะ”

ขิงกระซิบตอบ “เออ พี่เต้แม่งซึนจนกูสงสารน้องเขาเลยว่ะ”



“เล่นกันดูมีความสุขจังว่ะ คงสนิทกันมากเลยนะเนี่ย” ฟลุคเปรย แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อหันไปเห็นสายตาเพื่อนในโต๊ะ ใบหน้าของคีรีเครียดเหมือนโดนบังคับให้ทำข้อสอบภาษาไทยพร้อมกับกินกะปิไปด้วยอย่างไรอย่างนั้น

สายตาของคีรีพุ่งตรงไปที่โต๊ะของทันตแพทย์หนุ่ม “เออ สนิท มีความสุข กูเห็นเต็มสองตาเลย” เขาตอบเสียงเข้ม

เล่นห่าอะไร คุณเตชิตจะสิงร่างหมอวินอยู่แล้ว! ทำไมต้องใกล้ชิดถึงเนื้อถึงตัวกันขนาดนั้นด้วยวะ!

มือที่ถือตะเกียบอยู่เกร็งจนเผลอหักมันไปคามือ


เป๊าะ!


“ว้าย! คีรี! ตะเกียบหักแล้ว! ใจเย็นๆ สิ” ยุ้ยตีแขนเพื่อนหนุ่มเบาๆ “เอ้าๆ กินๆ เข้าไปอีก จะได้อารมณ์ดีขึ้นนะ” เธอพูดพลางคีบชิ้นเนื้อสัตว์จากเตาให้

“นี่ๆ ชอบเนื้อไม่ใช่เหรอ กินให้อิ่มก่อนเว้ย จะได้มีแรงไปสู้เขา” เจนี่ช่วยบ้าง เธอกลัวว่าเพื่อนของเธอจะลุกขึ้นล้มโต๊ะแล้ว ยังกินไม่ทันอิ่มเลย

“แล้วมึงจะเอาไงต่อไปวะ ชวนหมอเต้ไปดูหนังมะ”

คีรีถอนหายใจหนักๆ “เขาคงยอมไปกับกูสองคนหรอก”

“มึงก็มีลีลาหน่อยสิว้า ก็ชวนไปดูด้วยกันทั้งหมดนี่แหละ”

“แล้ว... จะดูเรื่องไหนดี” เจนี่ถาม

“หนังรักดิ เอาแนวโรแมนติกหื่นๆ แบบฟิฟตี้เฉดฯ”

“มึงดูหน้าหมอเต้ด้วย หมอเขาจะชอบเหรอ เอาพวกมาร์เวลมะ”

“เราว่าชวนหมอเต้ให้ได้ก่อนค่อยเถียงกันดีกว่ามะ ตอนนี้กินก่อนเหอะ จะได้รีบออกไปตั้งหลักกันก่อนที่พี่ปิ่นจะฮึดสู้ บุกมาหาคีรีอีกรอบ” ยุ้ยตัดบท



เมื่อโต๊ะของเด็กหนุ่มกินเสร็จ พวกเขาก็เดินออกจากร้านไปก่อน ไปตั้งหลักรอเตชิตที่ไม่ไกลจากหน้าร้านนัก ซึ่งไม่นานหลังจากนั้นกลุ่มของอีกฝ่ายก็ทยอยเดินกันออกมา

เพื่อนพ้องของคีรีถอยกันไปหลบที่หลังเสา แต่ละคนผลักไสให้เขาออกไปเผชิญหน้าตามลำพัง เด็กหนุ่มหันรีหันขวางอย่างลังเล แต่ก็ในที่สุดก็เดินอาดๆ เข้าไปหาทันตแพทย์หนุ่มซึ่งยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มรุ่นพี่วิศวะ

“คุณเตชิตครับ เอ่อ... ไปดูหนังกันนะ”

ภูพิงค์เลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะหัวเราะออกมาเล็กน้อย เพราะเขาก็รู้อยู่นะ ว่าคีรีกับเพื่อนๆ ดูจะกลัวเกรงกลุ่มเขากันมากๆ ทว่าก็ไม่เป็นอุปสรรคสำหรับเด็กหนุ่มรุ่นน้อง อีกฝ่ายมุ่งมั่นกับไอ้พี่เต้จริงๆ กล้าเดินมาหาพวกเขาคนเดียวซะด้วย เหมือนเมื่อครั้งที่บุกมาหาเขาที่คณะวิศวะเลย

ไอ้เด็กนี่ใจมันได้โคตรๆ

แต่ไหนๆ น้องมันก็แสดงความกล้าออกมาขนาดนี้ จะไม่สนองก็กระไรอยู่ เด็กหนุ่มรุ่นพี่จึงพูดเสียงเข้ม

“เฮ้ย คุณ พวกผมมาเป็นกลุ่มเบ้อเริ่ม ชวนพี่เต้คนเดียวเนี่ยนะ”

คีรีหันไปทางภูพิงค์ทันที “พี่ๆ จะไปด้วยกันมั้ยครับ เดี๋ยวผมเลี้ยงเอง”

ซันรีบรับบทต่อ “เฮ้ย คิดว่าพวกผมไม่มีเงินจ่ายเหรอคุณ ดูถูกกันปะวะ”

“ไม่นะครับ ผมแค่อยาก... เอ่อ...” เด็กหนุ่มรุ่นน้องชะงักไปเล็กน้อย เพราะที่จริงก็อยากไปกับเตชิตเพียงลำพัง แต่ถ้าไม่ได้ ไปกันทั้งโขยงนี่เลยก็ยอม

“อยากอะไร”

“อยากไปดูหนังกับคุณเตชิตและพี่ๆ ทุกคนครับ”

ภูพิงค์สบตาคีรี ก่อนจะย้อนถามกลับไปเสียงดุ “แล้วทำไมพวกผมต้องไปกับคุณวะ”

“ผมก็ไม่ได้บังคับพี่นะครับ แค่ลองชวนดูเท่านั้น แต่ก็อยากไปกับทุกคนจริงๆ ครับ” เด็กหนุ่มรุ่นน้องตอบ แถมยังจ้องตากลับไปอีก

เตชิตเห็นท่าไม่ดี ไอ้เด็กบ้านี่ก็ต่อปากต่อคำจัง ไม่รู้จักคำว่ากลัวบ้างหรือไง ไอ้พวกนี้มันมีเป็นสิบตีนเลยนะเว้ย “เฮ้ย พิงค์...” พอเจ้าของชื่อหันมาทางเขาก็พูดต่อ “คุณพูดดีๆ กับเขาก็ได้มั้ยวะ ทำไมต้องดุ คุณไม่ได้ประชุมเชียร์อยู่นะเว้ย”

“ผมก็พูดของผมแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ทำไมอะ หรือพี่อยากไปกับเขาวะ”

“ผมยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ”

“แปลว่าจะไม่ไปใช่มะ ให้ผมไล่เขาไปเลยปะ”

“ไม่ใช่อย่างนั้นเว้ย!”

“ยังไงเนี่ย ตกลงอยากไปหรือไม่อยาก เอาให้แน่”

เตชิตพูดตะกุกตะกัก “ก็... ถ้าพวกคุณยังไม่มีแพลนไปต่อที่ไหน...”

“สรุปว่าพี่อยากไปดูหนังกับเขา”

“ไม่ใช่เว้ย! สรุปยังไงของคุณกันวะ!” เตชิตยกมือขึ้นเกาศีรษะ “เฮ้ย วิน พูดไรหน่อยดิ!”

“กูแล้วแต่พิงค์” รวินท์ตอบเสียงเรียบ เปิดทางให้ภูพิงค์รุกหนักไปอีก

“พี่ตัดสินใจมาเลย อยากไปกับใคร พวกผมหรือเขา จะเอาไงก็บอกมาให้ชัดๆ เลยดีกว่า”

เตชิตประสานสายตากับนัยน์ตาเศร้าๆ ของคีรีแล้วก็พูดไม่ออก ปฏิเสธไม่ลง ไม่รู้จะทำยังไงต่อ เขาหันไปทางภูพิงค์อีกครั้ง “เฮ้ย พิ...” แต่พออ้าปากจะพูด อีกฝ่ายก็พูดแทรกขึ้น

“โธ่ อยากไปกับน้องเขาก็ไปดิวะ อ้ำอึ้งอยู่ได้ เสียเวลาชะมัด ผมก็จะไปหาที่สวีตกับพี่วินเหมือนกัน ส่วนไอ้พวกนั้นมันว่าจะไปโยนโบวล์ แต่ไม่มีพี่ก็โยนได้” ภูพิงค์ยิ้มกริ่ม พร้อมกับผลักเตชิตไปทางเด็กหนุ่มรุ่นน้อง “เอ้า ฝากพี่เต้ด้วยนะ แล้วพามาส่งคืนให้ครบสามสิบสองชิ้นด้วยล่ะ”

คีรียิ้มพร้อมอ้าแขนรับ “ขอบคุณครับพี่พิงค์ ขอบคุณพี่ๆ ทุกคนด้วยนะครับ”

ทว่าทันตแพทย์หนุ่มตั้งตัวทัน เขาเอามือยันคีรีไว้แล้วหันโวยวายใส่ภูพิงค์ทันที “เฮ้ยๆ ผมเป็นคนขับรถมานะเว้ย!”

“แต่กุญแจรถอยู่กับกู ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวกูขับกลับเอง” รวินท์อมยิ้มพลางชูกุญแจในมือขึ้น

เตชิตรีบตบๆ มือลงบนกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้าง “มึงเอาไปตอนไหนเนี่ย!”

“มึงนี่แย่ชะมัด โดนล้วงไปตอนไหนยังไม่รู้อีก”

เตชิตคิ้วกระตุก “กูจะรู้มั้ยก็มึงเป็นคนล้วง!”

รวินท์ส่ายหน้าไปมาพลางถอนหายใจ “ไร้ความรู้สึกแบบนี้ ไม่ปล่อยให้ใครต่อใครล้วงลึกไปถึงไหนๆ เหรอวะ”

ภูพิงค์คว้ามือคนรักไว้ทันที “พี่วินมีผมแล้วจะไปล้วงพี่เต้ทำไมวะ!”

“เออๆ เดี๋ยวมึงค่อยพาพี่วินไปล้วงกันที่อื่นเหอะสัส” แซนดี้เดินมาตัดบท “พวกผมไปละ ไว้เจอกันนะพี่เต้พี่วิน ไปนะน้องคีรี”

คีรียิ้มกว้าง “ครับพี่แซนดี้”

“งั้นผมก็ไปละเหมือนกัน” ภูพิงค์พูดพร้อมโอบไหล่รวินท์เดินฉับๆ ออกไป ปล่อยให้เตชิตยืนงงอยู่กับเด็กหนุ่มรุ่นน้องตามลำพัง

คนอ่อนวัยกว่าถือโอกาสเข้าไปประชิดตัวทันตแพทย์หนุ่มอย่างรวดเร็ว แล้วกระซิบถามที่ใกล้ๆ ใบหู “ไปดูเรื่องอะไรกันดีครับ”

เตชิตหันขวับ “ไม่ต้องถามใกล้ขนาดนั้นก็ได้เว้ย ผมไม่ได้หูตึง” เขาถอนหายใจหนักๆ “เพื่อนก็มี ทำไมไม่ไปดูกับเพื่อนคุณวะ”

“เพื่อนผมก็ไปดูด้วยกันไง พวกเขายืนรออยู่ตรงนั้น”

ทันตแพทย์หนุ่มมองตามไปทางทิศที่คนอ่อนวัยกว่าชี้ แล้วจึงเห็นเพื่อนของคีรียืนเกาะกันเป็นกระจุก เอาจริงๆ ก็ไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่ ถ้าไปกันสองคนก็ว่าไปอย่าง ทำไมเขาย้อนแย้งอย่างนี้ก็ไม่รู้เหมือนกัน

เด็กหนุ่มกวักมือเรียกเพื่อนๆ ให้เข้ามาหา พอกลุ่มของภูพิงค์สลายตัวไปเท่านั้น สีหน้าแต่ละคนก็ดูจะเพิ่มความกระดี๊กระด๊าขึ้นมาอีกสามเท่า พวกเขารีบรุดเดินเข้ามาหาทันตแพทย์หนุ่ม

สองสาวยิ้มแบบเขินๆ พวกเธอยืนหลบอยู่ด้านหลังเพื่อนหนุ่มสองคนอีกที แต่ก็ชะโงกหน้าออกมาคุยด้วย “ดีใจจังเลยค่ะที่คุณหมอยอมมากับพวกเราด้วย”

“คุณหมออยากดูเรื่องอะไรครับ”

“เรื่องอะไรก็ได้ แล้วแต่พวกคุณเถอะ ซื้อตั๋วยังไงที่ไหนล่ะ”

“คุณหมอไปนั่งรอสบายๆ เลยครับ เรื่องตั๋วเดี๋ยวพวกผมจัดการให้เอง”

เตชิตอ้ำอึ้ง ความรู้สึกตอนนี้เหมือนตัวเองเป็นลุงพาหลานๆ มาเดินห้างยังไงชอบกล “เอางั้นเหรอ”

“ให้คีรีพาคุณหมอไปร้านไอติมก่อนนะครับ เดี๋ยวพวกเราตามไป”

โอ้โห สมที่เป็นเพื่อนกัน เปิดทางให้อย่างไว แต่เขายังไม่ทันตอบเด็กหนุ่มก็จูงมือเขาเดินไปแล้ว

“นี่คุณ จะจูงมือผมทำไมวะ”

“กลัวคุณเตชิตจะเดินหลง”

“ผมยังไม่แก่ขนาดนั้น” ทันตแพทย์หนุ่มบ่น ก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อได้กลิ่นหอมไม่คุ้นเคยลอยมาเตะจมูก

“แต่ผมไม่อยากให้คุณเตชิตอยู่ห่างๆ ผมนี่นา” คีรีพูดเสียงอ้อน

“ผมก็ไม่อยากดูเหมือนมากับหลานเหมือนกันเว้ย” เตชิตพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ อย่างอ่อนใจ แต่พอก้าวเข้าไปยืนใกล้กับเด็กหนุ่มก็ชะงัก

กลิ่นน้ำหอมของคีรีเหรอ แต่ปกติไม่คีรีไม่ใช้น้ำหอมนี่หว่า หรือแค่ไม่ได้ใช้ตอนอยู่กับเขา ไม่สิ ยังไงมันก็ต้องมีกลิ่นติดมาบ้าง


(มีต่อค่ะ)


ออฟไลน์ huskyhund

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1093/-4


เมื่อไปถึงร้านไอศกรีม ทั้งสองก็เดินไปนั่งลงที่โต๊ะซึ่งพนักงานจัดให้ ทว่ายังไม่ทันได้สั่งอะไรก็มีเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น

เด็กหนุ่มคิ้วกระตุก ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู “คุณตาโทรมา ผมขอเวลาสามนาที แป๊บเดียวเท่านั้น ตรงนี้เสียงดังคุยลำบากน่ะครับ” เขาหันหน้าจอให้ทันตแพทย์หนุ่มเห็นชื่อ เอื้อมมือไปบีบมืออีกฝ่ายเบาๆ พร้อมกับยืนขึ้น “อย่าเพิ่งหนีผมไปไหนนะ”

“เออๆ” เตชิตตอบแบบไม่มองหน้าอีกฝ่าย แต่เมื่อคนอ่อนวัยกว่ารีบรุดออกไป เขาก็ชำเลืองมองตาม จากนั้นก็เอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างละเหี่ยใจ

ทำไมถึงได้ระแวงไปหมดทุกเรื่องแบบนี้ก็ไม่รู้ เขาหงุดหงิดตัวเองฉิบหาย

เป็นอะไรของมึงวะเนี่ย ไอ้เต้

คีรีออกไปแค่แป๊บเดียวก็เดินกลับเข้ามาอย่างที่บอกไว้ เขาจ้ำอ้าวไปที่โต๊ะซึ่งเตชิตนั่งกอดอกทำหน้าเซ็งอยู่ แต่จู่ๆ ก็มีใครบางคนคว้าแขนเขาไว้

“คีรี ว่าแล้วต้องมากินไอติมต่อ”

เจ้าของชื่อชะงัก “พี่...”

“ลืมชื่อแล้วรึไง”

ใบหน้าของเด็กหนุ่มในตอนนี้ซีดเผือด เหงื่อตกทั้งที่อากาศในร้านเย็นสบาย เขารีบหันมองไปเช็กสถานการณ์ที่โต๊ะ พอเห็นว่าทันตแพทย์หนุ่มเบือนหน้าไปอีกทางก็คิดว่าควรจะใช้โอกาสที่อีกฝ่ายไม่ทันได้สนใจปฏิเสธหญิงสาวให้เรียบร้อย “พี่มีธุระอะไรกับผมรึเปล่า”

“ก็คิดถึง” หญิงสาวขยับเข้ามากอดแขน “พอเจอกันก็นึกถึงวันเก่าๆ ขึ้นมา พี่ขอไลน์หน่อยสิ อันเก่าไม่ใช้แล้วใช่มั้ย”

คีรีค่อยๆ ดึงแขนออก “ไม่ได้ครับ ขอโทษนะ”

“ทำไม”

“ตอนนี้ผมมีคนที่ชอบแล้ว”

“ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่ แค่ไลน์เอง”

“แต่มันเป็นมากสำหรับผม”

หญิงสาวทำหน้านิ่วอย่างไม่สบอารมณ์ “เมื่อก่อนเห็นแจกไปทั่ว”

“นั่นมันเมื่อก่อน ตอนนี้ผมเปลี่ยนไปแล้ว ผมไม่อยากให้คนที่ผมชอบคิดมาก ขอตัวนะครับ” เด็กหนุ่มรีบเดินกลับไปที่โต๊ะ แล้วนั่งลงตรงข้างทันตแพทย์หนุ่ม ส่วนอีกฝ่ายก็เอาแต่เมินหน้าไปทางอื่น เขากลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ ก่อนจะเอื้อมมือไปสะกิด “เอ่อ คุณเตชิต ขอโทษที่ทำให้รอนะครับ”

เตชิตยังคงนั่งนิ่ง ที่จริงก็เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างผ่านเงาสะท้อนของกระจกในร้าน คนอย่างเขาจะให้หันไปมองตรงๆ ก็เสียเชิงแย่ เขาก็ไม่ค่อยอยากจะยอมรับสักเท่าไหร่หรอกนะว่าไม่ค่อยพอใจกับสิ่งที่เห็น ถ้าให้เดาก็คิดว่าผู้หญิงคนนั้นน่าจะเคยสนิทสนมกับคีรีพอสมควร ดูจากการเข้าถึงเนื้อตัวขนาดนั้น

คีรีก็เคยบอกเขานี่นะ ว่าเมื่อก่อนก็โชกโชนใช่ย่อย นี่เขาทำกรรมอะไรไว้นักวะถึงต้องเจอแต่กับคนแบบนี้เนี่ย

“คุณเตชิตครับ”

“จะเรียกทำไมนัก”

คนอ่อนวัยกว่าขยับเข้าไปกระแซะ “สั่งไอติมกันดีกว่า คุณเตชิตจะกินอะไรดีครับ”

“สั่งไปเถอะ อะไรก็ได้”

สายตาของคีรีจับจ้องทันตแพทย์หนุ่มไว้นิ่ง กังวลเล็กน้อยว่าอีกฝ่ายอาจจะเห็นภาพเมื่อครู่ การกระทำแบบไม่เคยคิดอะไรในอดีตมีผลเสียจริงๆ อย่างที่เพื่อนๆ เคยบอกไว้ พอมาถึงตอนนี้ก็รู้สึกเสียใจที่ตอนนั้นไม่สนใจฟังคำเตือนใครสักเท่าไหร่ เวรกรรมก็ช่างเลือกวันตามสนองเขาซะด้วย

“คุณเตชิต คือ...ผม...”

เจ้าของชื่อยังคงนั่งนิ่ง แต่คิ้วกระตุกรัวๆ เป็นผลให้บรรยากาศระหว่างพวกเขามีแต่ความเงียบเชียบอึดอัด ได้ยินแต่เสียงพูดคุยจากโต๊ะอื่นและเสียงเพลงในร้านเท่านั้น

โชคดีของคีรีที่เพื่อนๆ อีกสี่ชีวิตเข้ามาร่วมวงด้วยหลังจากจัดการตั๋วหนังเสร็จ ช่วยให้บรรยากาศในโต๊ะดีขึ้นเล็กน้อย ทันตแพทย์หนุ่มยังคงนั่งเงียบๆ ฟังพวกเด็กหนุ่มเด็กสาวพูดคุยกัน ซึ่งพวกเขาก็คงเกร็งๆ ถึงได้ไม่ค่อยพูดอะไรมากนัก

สองสาวสะกิดเพื่อนชายทั้งสามคนยิกๆ พร้อมกับส่งสายตาบอกว่าให้ช่วยกันเอนเตอร์เทนเตชิตสักหน่อย เพราะบรรยากาศใกล้ขึ้นราเต็มทีแล้ว พวกเธอเกรงว่าเขาจะรู้สึกเบื่อ

ฟลุคกระแอมเบาๆ ขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่จึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา “คุณหมอ ดูไอ้คีรีตอนร้องเพลงในงานวัดเมื่อเทอมที่แล้วมั้ยครับ”

คนถูกถามเลิกคิ้วขึ้น “งานวัด?”

ยุ้ยรีบช่วยตอบ “คณะเราจัดงานวัดเป็นงานประจำคณะทุกปีค่ะ มีการแสดงกับการออกร้านของปีหนึ่งน่ะค่ะ”

“อ้อ...” ทันตแพทย์หนุ่มยังไม่ทันได้ตอบรับ เด็กสาวอีกคนก็พูดขึ้นบ้าง

“ตอนนั้นคีรีเท่มากเลยนะคะ คนในงานกรี๊ดกันเกรียวกราว”

ปิ๊กไม่ยอมแพ้ “ตอนนั้นพวกผมไปออกร้าน คนในงานเยอะมาก แต่ช่วงคีรีร้องเพลงน่ะ ขายไม่ออกไปชั่วคราวเลยนะครับ ทุกคนหันไปดูเขากันหมดเลย”

เด็กหนุ่มคนที่ถูกพูดถึงอมยิ้ม เพื่อนๆ เขานี่น่ารักซะจริงๆ รู้งานมากๆ เดี๋ยวต้องมีการตบรางวัลให้อย่างงาม

เตชิตยังคงทำหน้านิ่ง แต่ในใจเบะปากรัวๆ เขาก็อยากรู้จริงๆ ว่าไอ้เด็กนี่จ้างเพื่อนๆ มาเท่าไหร่ อวยกันจั๊ง! ขณะเดียวกันฟลุคก็ส่งโทรศัพท์มือถือมาให้พร้อมหูฟัง

“ลองดูมั้ยครับ หูฟังผมเช็ดแล้วนะครับ คุณหมอไม่ต้องห่วง”

“ขอบใจ” พอทันตแพทย์หนุ่มรับโทรศัพท์มือถือมา ใส่หูฟังเรียบร้อยแล้ว เจ้าของเครื่องก็ยื่นมือมาช่วยกดเล่นคลิปให้

คีรีในตอนนั้นดูเหมือนลูกครึ่งมากจริงๆ ผมยาวสีเดียวกันกับตอนนี้ ใส่ตุ้มหู ใส่คอนแท็คเลนส์ แต่งตัวแบบวัยรุ่นทั่วไปแต่ดูเด่นมาก คงเพราะใบหน้า รูปร่างและความสูงที่สะดุดตาด้วย

ช่วงแรกเป็นการสัมภาษณ์สั้นๆ ของพิธีกรบนเวที ซึ่งเตชิตฟังแล้วก็อยากจะเบ้ปากแรงๆ เอาให้มุมปากลากพื้นไปเลย


“น้องนคินทร์จะร้องเพลงอะไรให้พวกเราฟังกันน้า”

“คนที่ถูกรักครับ”

“ปกติไม่มีใครรักเลยเหรอ พี่ว่าไม่น้าาา”


เด็กหนุ่มยิ้มพลางส่ายหน้า “ไม่มีเลยครับ อยากเป็นคนที่ถูกรักจังเลย”


นี่มันไอ้วินจูเนียร์ชัดๆ เลยแม่ง!

คีรีรีบยกมือบังหน้าจอ “คุณเตชิตกดข้ามไปเลยเถอะ นี่มันสคริปไร้สาระล้วนๆ ฟังเพลงดีกว่าครับ”

แต่เมื่อเพลงเริ่มขึ้นก็เป็นภาพเคลื่อนไหวตอนที่คีรีเล่นหูเล่นตากับสาวๆ ตรงขอบเวที แถมยังเดินไปจับมือและส่งจูบให้ด้วย เด็กหนุ่มทั้งสามและสองสาวจึงหันมองหน้ากันเลิ่กลั่ก พร้อมใจกันร้องฉิบหายดังกระหึ่มอยู่ในใจ

“อ๊า~ คุณหมอดูรูปดีกว่าค่ะ” เจนี่หยิบโทรศัพท์มือถือตัวเองขึ้นมา ทว่าพอกดไล่ดูภาพของคีรีที่พอจะมีอยู่ในเครื่อง ก็มีแต่ภาพเพื่อนสนิทตอนที่กำลังนั่งอ่อยสาวๆ ซึ่งเธอถ่ายไว้ตั้งแต่เมื่อตอนอยู่ปีหนึ่ง กะว่าจะเอาไว้แบล็กเมลอีกฝ่าย เด็กสาวหน้าเสีย เธอรีบเก็บโทรศัพท์กลับเข้ากระเป๋าแล้วหันไปกระซิบถามเพื่อนสาว “ยุ้ยมีรูปดีๆ บ้างมั้ย”

เพื่อนสาวที่ถูกถามส่ายหน้ารัว “ไม่คิดจะเก็บรูปดีๆ ของมันไว้สักรูป แต่ เอ๊ะๆ มีรูปตอนโดดรับน้องขึ้นดอยไปเที่ยวออบหลวงไงปีที่แล้ว” เธอรีบเปิดเฟซบุ๊คหารูป จากนั้นก็ยื่นโทรศัพท์มือถือให้ทันตแพทย์หนุ่ม “คุณหมอคะ ดูรูปดีกว่า นี่ตอนไปเที่ยวออบหลวงกัน พวกเรานอนเต็นท์ ทำกับข้าวกินกันเอง แล้วคีรีก็เล่นกีต้าร์กับร้องเพลงให้พวกเราฟังด้วยน้า~”

เตชิตเงยหน้าขึ้นประสานสายตากับเธอ “โอเค” ก่อนจะลุกขึ้นพรวดท่ามกลางความงุนงงของทุกคน เขาเดินอ้อมโต๊ะไปหยุดยืนอยู่ข้างยุ้ยซึ่งเป็นคนชวน เอื้อมมือไปดึงเก้าอี้ว่างๆ มาวางตรงกลางระหว่างเด็กสาวทั้งสองคน แล้วนั่งลงพร้อมกับเอนตัวเข้าไปหาเธอ

คีรีเบิกตาโพลง เช่นเดียวกับเพื่อนๆ ของเขา ส่วนยุ้ยนั้นเกร็งไปทั้งตัว แล้วพอทันตแพทย์หนุ่มโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ ใบหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อ

เตชิตก้มลงมองภาพของเด็กหนุ่มที่ถือกีต้าร์อยู่ในมือ ไหนบอกเขาว่าแรร์ไอเทมนักไงวะ ไม่เค้ยไม่เคยเอาออกมาเล่นให้ใครฟังทั้งนั้น ไอ้เด็กตอแหลเอ๊ย “มีรูปอีกมั้ยครับ” เขาพูดโดยที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้น

“คุณหมอหน้าเนียนชะมัดเลย มีรูขุมขนกับเขามั้ยคะเนี่ย”

“หือ?”

“เอ๊ย! มะ...มีค่ะ” ยุ้ยหน้าร้อนผ่าว แต่ก็ค่อยๆ ยื่นมือไปเลื่อนรูปให้ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองคีรีด้วยท่าทางเลิ่กลั่ก

ส่วนคีรีก็นั่งนิ่งขรึม สายตาจับจ้องไปที่ทันตแพทย์หนุ่มเขม็ง เขารู้ตัวว่าโดนโกรธเข้าซะแล้ว แต่ก็ยังไม่รู้ว่าควรจะแก้สถานการณ์อย่างไรดี

เมื่อกดเลื่อนดูรูปไปจนหมด ทันตแพทย์หนุ่มก็เงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มเล็กน้อย “ขอบใจ” จากนั้นก็ยกแขนขึ้นเท้าพนักเก้าอี้ของเธอ เป็นผลให้ใบหน้าของเจ้าของเก้าอี้นั้นเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ

“เอ่อ...” ยุ้ยอ้ำอึ้ง แล้วหันไปทางเจนี่เพื่อขอความช่วยเหลือ

“คะ...คุณหมอคะ เจนี่ก็มีรูปอีกนะคะ” เจนี่รีบชวน แล้วเปิดเฟซบุ๊คหารูปตอนไปเที่ยวให้ทันตแพทย์หนุ่มดูต่อ

เตชิตย้ายข้างมาทางคนชวน พอก้มหน้าลงก็ชะงัก หันขวับไปทางเด็กสาวทันที

เจนี่ยิ้มแห้ง “มะ...มีอะไรเหรอคะ”

ทันตแพทย์หนุ่มโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ จนปลายจมูกเขาอยู่ห่างจากลำคอของเธอประมาณหนึ่งคืบ เขานิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะยิ้มมุมปาก “กลิ่นหอมดีนะครับ”

ใบหน้าของเด็กสาวซับสีเลือด เธอรีบคอเสื้อยกขึ้นดม แต่พอสบสายตากับทันตแพทย์หนุ่มก็รู้สึกเขินจนต้องบิดตัวหนี จะว่าไปหมอเต้นี่ก็หล่อพอๆ กับหมอวินเลย เขินจังโว้ย

“ผมชอบกลิ่นนี้จัง”

เจนี่แทบจะบิดตัวเป็นเกลียวแล้วตอนนี้ “เจนี่ใส่น้ำหอมมาน่ะค่ะ แหม คุณหมออ่า พูดแบบนี้เจนี่เขินน้า~”

คีรีลุกขึ้นพรวด สองมือกระแทกลงบนโต๊ะดังปังอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะชะงักกึก เพราะตัวเขาไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะหึงหวงอะไรได้นี่หว่า “เอ่อ...” เขาสบสายตาเพื่อนชายทั้งสองคนซึ่งกำลังทำปากขมุบขมิบบอกให้ใจเย็น “หนัง... หนังใกล้เริ่มแล้ว ไปกันดีกว่าครับ” เขาเดินไปคว้าแขนทันตแพทย์หนุ่ม แล้วพาเดินออกไปพร้อมกับตัวเองทันที

เด็กหนุ่มสาวเท้าไม่หยุด เป็นผลให้คนที่เขากึ่งลากกึ่งจูงมาด้วยต้องรั้งแขนตัวเองไว้

“จะรีบไปไหนน่ะคุณ หนังมันก็ไม่ได้ฉายทันทีเลยมั้ย”

“ทำไมครับ อยากนั่งกับเจนี่กับยุ้ยต่อรึไง”

เตชิตเลิกคิ้วขึ้น แล้วกระตุกยิ้มมุมปาก “ก็เพื่อนคุณน่ารักดีน่ะนะ”

“แต่คุณเตชิตผูกปิ่นโตกับผมแล้วนะ” คนอ่อนวัยกว่าพูดเสียงอ่อย

“แล้วไง ก็ไม่ได้หมายความว่าผมต้องผูกกับคุณแค่คนเดียวนี่ เข้าใจอะไรผิดรึเปล่า”

เด็กหนุ่มชะงัก แววตาสั่นไหวเล็กน้อย เขาค่อยๆ เม้มปาก จากนั้นจึงเบือนหน้าหลบไปอีกทาง

“จะยังไปดูหนังอยู่มั้ย ถ้าไม่ไปผมจะได้กลับ”

คีรีขมวดคิ้ว มือยังคงจับข้อมือของทันตแพทย์หนุ่มไว้แน่น เพราะกลัวว่าถ้าปล่อยไป... เตชิตจะไปจากเขาและไม่หันกลับมาอีก

เพื่อนทั้งสี่คนที่วิ่งตามหลังมาหยุดอยู่ห่างๆ พวกเขาหันมองหน้ากัน เห็นท่าทางและสีหน้าของคีรีก็ได้แต่เจ็บปวดในใจไปด้วย แต่สีหน้าของหมอเต้นี่สิ เหมือนไม่รู้สึกอะไรเลย การหลงรักใครสักคนข้างเดียวช่างน่ากลัว พวกเขาสงสารเพื่อนจริงๆ

“ว่าไงล่ะ จะยืนอยู่แบบนี้อีกนานมั้ย น่าเบื่อชะมัด” เตชิตถอนหายใจหนักๆ

คีรีกลืนน้ำลายฝืดลงคอ เขาพยายามกดความรู้สึกเจ็บไว้ให้ลึกที่สุด แล้วตอบกลับไปเสียงแห้ง “ดูครับ”

“จะดูก็เดินไปสักที”

เตชิตปล่อยให้เด็กหนุ่มจับข้อมือเขาเดินไปเรื่อยๆ ชำเลืองมองอีกฝ่ายบ้างเป็นบางครั้ง จนกระทั่งถึงหน้าโรงหนัง

เพื่อนของคีรีทั้งสี่คนไม่พูดไม่จา ไม่สบสายตาทันตแพทย์หนุ่มแม้แต่น้อย พวกเขาส่งตั๋วหนังให้ แล้วเดินก้มหน้าตามทั้งสองคนเข้าไปข้างใน

เมื่อนั่งลงแล้วเตชิตจึงเห็นว่าตัวเขานั่งอยู่ตามลำพังกับเด็กหนุ่ม ส่วนอีกสี่คนเขยิบไปนั่งอีกแถว

อือ ก็ทีมเวิร์คดีเนอะกลุ่มนี้ แต่จะแท็กทีมกันเพื่อหลอกอะไรเขาอีกหรือเปล่าก็ไม่มีใครล่วงรู้ได้ ลึกลงไปก็ยังไม่กล้าจะไว้ใจใครนัก

หลังจากหนังฉายไปสักพัก เตชิตก็ถอนหายใจยาวๆ เขาพอจะเคยได้ยินคนพูดถึงหนังเรื่องนี้กันอยู่บ้าง มันเป็นหนังรักใสๆ ซึ่งที่จริงก็ไม่ใช่แบบที่เขาอยากดูสักเท่าไหร่ แต่ก็ทำใจ พวกเพื่อนของคีรีเลือกเรื่องนี้ คงเพราะอยากให้บรรยากาศตอนนั่งดูโรแมนติกล่ะมั้ง คิดไปพลางชำเลืองมองคนที่นั่งอยู่ข้างกัน แล้วก็ชะงักกึก

คีรีนั่งนิ่งเป็นก้อนหิน ใบหน้าหมองเศร้า แสงจากจอภาพยนตร์สะท้อนเข้ากับแววตาที่มองตรงไปเบื้องหน้า ซึ่งมันสั่นไหว ฉายชัดถึงความรู้สึกเจ็บปวดในใจออกมาอย่างชัดเจน สองมือประสานกันแน่นจนเกร็งไปทั้งท่อนแขน พยายามสะกดอารมณ์ไว้อย่างเต็มที่

เตชิตถอนหายใจอีกรอบ เขาเบือนหน้าหนี มั่นใจว่าไอ้คนที่ทำให้เด็กหนุ่มเป็นแบบนี้ก็คงไม่พ้นตัวเขาเองอีกแน่ๆ ก็ในเมื่อบนจอภาพยนตร์ตัวละครยังรักกุ๊กกิ๊กกันอยู่แบบนั้น

..

...

เอาไงดีวะ

เออ เขาผิด พาลใส่เด็กหนุ่มอย่างเอาแต่ใจมากๆ ยอมรับก็ได้

แต่ก็เพราะคีรีนั่นล่ะ ที่ทำให้เขาแสดงออกมาแบบนี้

ทันตแพทย์หนุ่มถกเถียงอยู่กับตัวเองในใจ ก่อนจะเอื้อมมือไปกุมมือคนที่นั่งข้างกัน


“จะกลับมั้ย”


คีรีส่ายหน้า เขารีบยกมืออีกข้างขึ้นขยี้ตา “ยังไม่กลับได้มั้ยครับ ผมอยากอยู่ใกล้ๆ คุณ... อีกสักนิดก็ยังดี”

น้ำเสียงแหบแห้งสั่นพร่าแบบนั้นเป็นผลให้หัวใจของเตชิตไหววูบ ใจอ่อนทั้งปีทั้งชาติ “แต่ผมอยากกลับแล้ว ถ้าคุณอยากอยู่ใกล้ผมนักก็ตามมาละกัน” เขาพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ แล้วค่อยๆ ลุกขึ้น

คีรีรีบลุกตาม พร้อมกับคว้ามือทันตแพทย์หนุ่มไว้

เตชิตกุมมือตอบ จากนั้นจึงเดินนำออกไปจากโรงหนังช้าๆ



*TBC*


กรรมใดใครทำไว้ ก็รับผลของมันปายยยย~ /พูดกรอกหูเด็กดอย

ส่วนหมอเต้ก็ไม่แพ้กัน น่าจะทำกรรมไว้กับคนเจ้าชู้เยอะนะคะ เจอทั้งหมอวินและคีรี 55555555

เอาใจช่วยเด็กดอยกันน้า น่าสงสาร(นิดนุง)แล้วใช่มั้ยล่า  :hao5:

ขอบคุณคนอ่านทุกคนมากค่า คืนนี้นอนหลับฝันดี เห็นหมอเต้จูงเด็กเข้าห้องนะค้า อิอิ



ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
หมอเต้  :mew5: เมื่อไหร่จะหายซึน

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด