เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]  (อ่าน 307263 ครั้ง)

ออฟไลน์ imac

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 911
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
ทำงานกันเป็นทีมจริงๆ

ออฟไลน์ huskyhund

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1093/-4


Chapter 33 : บิดาของเตชิต



ภายในร้านอาหารเรือนไทยของโรงแรม

คีรีไปรับรวินท์ที่คลินิกตามเวลาที่นัดไว้ แต่ได้ภูพิงค์พ่วงมาด้วยอีกคน แม้รวินท์จะบอกให้อีกฝ่ายอยู่บ้านอ่านหนังสือสอบก็ตามที

“พี่วินเป็นแฟนผม จะปล่อยให้ไปกับผู้ชายคนอื่นตามลำพังได้ไงวะ อีกอย่างพี่เต้ก็พี่ผม หนังสือก็อ่านไปเยอะแล้ว ยังไงผมก็จะไปด้วยเว้ย” ภูพิงค์อ้างแบบนั้น

เนื่องจากเตชิตจองที่นั่งในศาลาข้างนอกเรือนไทยไว้ คีรีจึงเลือกไปนั่งข้างในเรือนไทยตรงที่สามารถสังเกตการณ์ไปยังศาลาได้สะดวกๆ พวกเขามาถึงก่อนเวลาที่ทันตแพทย์หนุ่มจองไว้เล็กน้อย แล้วก็รีบไปปักหลักคอยเฝ้ามองดูสถานการณ์กัน

ใช้เวลาไม่นานเตชิตกับบิดาและคู่ชายหญิงวัยกลางคนก็มาถึง แต่ครั้งนี้มีหญิงสาวมาด้วยอีกคนตามที่แซนดี้คาดไว้ เธอดูไม่ค่อยแข็งแรงสักเท่าไหร่ ใบหน้าค่อนข้างซีด เดินก็เหมือนคนไม่ค่อยมีแรง เตชิตจึงต้องช่วยประคองตลอดทาง

“ทำไมต้องประคบประหงมกันขนาดนี้วะเนี่ย”

“พี่เต้ดูเป็นห่วงผู้หญิงคนนั้นมากเลยนะครับ”

คีรีกับรวินท์ทำหน้าเจื่อน ต่างคนต่างกลืนน้ำลายฝืดลงคอ มองตากันปริบๆ เพราะไม่ว่าจะมองยังไงมุมไหนก็เหมือนมาดูตัวกันจริงๆ

“นี่ๆ ใจเย็นๆ เขาเพิ่งเดินมากันเอง อย่าเพิ่งตัดสินอะไรสิ ดูท่าทางแล้วผู้หญิงคนนั้นคงไม่สบาย อาจจะนอนโรงบาลเมื่อคืนอย่างที่พวกเราเดาๆ กันไว้ พี่เต้เขาก็เลยต้องประคองไง” กลายเป็นภูพิงค์ที่ต้องปลอบทั้งคู่ให้หายตื่นตระหนก



เตชิตประคองหญิงสาวไปนั่ง เชิญบิดาและคู่ชายหญิงวัยกลางคนนั่งลง จากนั้นเขาก็นั่งลงข้างๆ หญิงสาว

ระหว่างที่พนักงานนำเครื่องดื่มและอาหารไปจัดเสิร์ฟที่โต๊ะ ทันตแพทย์หนุ่มก็คอยดูแล หันไปถามนู่นนี่ แล้วตักอาหารให้เธอลองชิม



พอเห็นอย่างนั้น คีรีก็จัดการเรียกพนักงานคนที่ไปเสิร์ฟที่โต๊ะของเตชิตมาสัมภาษณ์ต่อทันที

“ได้ยินไม่ค่อยถนัดเลยค่ะคุณคีรี” พนักงานสาวตอบ “แต่มีพูดถึงงานหมั้นกับงานแต่ง ฝ่ายคุณผู้ชายจะไปหาฤกษ์รอกลับจากต่างประเทศอะไรเนี่ยค่ะ”

“ฮะ!” สองหนุ่มอ้าปากค้าง

“ใครจะแต่งกับใครครับ” ภูพิงค์ถามอย่างงงๆ

“ไม่ทราบเลยค่ะ แต่สีหน้าของคุณผู้ชายกับคุณผู้หญิงดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ คุณผู้หญิงดูจะทานอาหารไม่ค่อยได้เลยค่ะ” เมื่อเธอรายงานเสร็จก็กลับไปทำงานต่อ

คราวนี้ภูพิงค์หลุดปากอุทานก่อนใครเพื่อน “ฉิบหาย! หรือพี่เต้จะโดนบังคับแต่งงานจริงๆ วะเนี่ย! ยุคนี้แล้วเนี่ยนะ!”

“ผมว่าใช่แน่ๆ ว่ะ” รวินท์ยกมือขึ้นกุมขมับ “ตอนนั้น... ที่บ้านผมหอบบ้านคุณกับบ้านไอ้เต้มาที่เชียงใหม่ แม่ไอ้เต้มันก็ดูอยากให้มันมีแฟนมากนะ แต่มันไม่ยอมมีสักที นี่พ่อแม่มันคงใจร้อน เลยจัดการให้ซะเองแหงๆ”

“พ่อพี่เต้ดุมั้ยวะพี่”

“ไม่แน่ใจเลยว่ะ ปกติเห็นเงียบๆ ขรึมๆ หน้านิ่งๆ ไม่ค่อยพูดอะไร”

“แบบนี้ก็น่าจะเรียกว่าดุมั้ยวะ แล้วพี่เต้เกรงใจพ่อพี่เต้มากมั้ยอะ”

“ก็น่าจะมากอยู่นะ ปีที่แล้ว ตอนพ่อมันเกิดอุบัติเหตุ มันถึงกับยอมบินกลับกรุงเทพฯ ทุกอาทิตย์เลยนะเว้ย”

“แล้วแบบนี้ถ้าพ่อพี่เต้จะให้แต่งงาน พี่เต้จะปฏิเสธได้เหรอวะพี่” ภูพิงค์พูดเสียงเครียด ไซโคให้ทุกคนเพิ่มความกังวลไปอีกคนละหลายเท่าตัว

คีรีนั่งฟังไปเงียบๆ ทว่าสีหน้าบ่งบอกว่าพร้อมจะยกทัพไปทวงเอาเอกราชคืนแล้วตอนนี้ เขานิ่งขรึมอยู่อีกสักพัก จากนั้นก็ลุกขึ้นพรวด

สองหนุ่มที่นั่งด้วยกันผงะ รีบคว้าแขนคนอ่อนวัยกว่าไว้ “เฮ้ย! เดี๋ยวๆ คุณจะไปไหน!”

“ผมจะไปทำหน้าที่แฟน”

“ผมว่ารอให้เขากินเสร็จก่อนดีมั้ยวะ ใจเย็นเว้ยคุณ” รวินท์กระตุกแขนคนที่ยืนอยู่ให้นั่งลง “แฟนคุณมันก็เพื่อนรักผมนะเว้ย ผมเองก็อยากให้มันมีความสุข ไม่ต้องโดนบังคับแต่งงานกับใครเหมือนกัน”

เด็กหนุ่มรุ่นน้องทำหน้านิ่ว แววตาคุกรุ่นด้วยโทสะ ในใจร้อนเป็นไฟ แต่ก็ยอมนั่งลงที่เดิม เขากัดริมฝีปากจนห้อเลือด กำมือแน่น พร้อมกับจ้องมองไปยังศาลาด้านล่างเขม็ง

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะ คีรีหยิบขึ้นมาดูอย่างไม่สบอารมณ์นัก แต่ก็กดรับสาย “คับ ป้ออุ้ย” ทั้งสองพูดคุยถามไถ่ทุกข์สุขกันเหมือนอย่างเคย แต่ดูคนปลายสายจะรู้สึกถึงอารมณ์ของเด็กหนุ่มได้จากน้ำเสียง

“เป๋นอะหยังกะลูก อารมณ์บ่าดีกะ” (เป็นอะไรรึลูก อารมณ์ไม่ดีรึ)

“คับ มีเรื่องนิดหน่อย”

“มีอะหยัง บอกอุ้ยได้ก่อ” (มีอะไร บอกตาได้มั้ย)

เด็กหนุ่มอ้ำอึ้ง เขายกมือขึ้นขยี้เส้นผมบนศีรษะ แล้วถอนหายใจยาว “ถ้า... มีคนมาลู่คนตี้...อุ้ยฮักไป อุ้ยจะยะยังได” (ถ้ามีคนจะมาแย่งคนที่คุณตารักไป คุณตาจะทำยังไง)

“ถ้าอุ้ยฮู้ว่าเขาก่อฮักเฮา อุ้ยก่อจะยะกุอย่างฮื่อได้เขาคืนมานะกะ” (ถ้าตารู้ว่าเขาก็รักเรา ตาก็จะทำทุกอย่างให้ได้เขาคืนมาน่ะสิ)

“คับ”

“อุ้ยท่าปะเขาอยู่หนา” (ตารอเจอเขาอยู่นะ)

คีรียิ้มบาง “คับ ท่าอุ้ยปิ๊กมาจากอังกิตก่อนเน่อคับ” (ครับ รอคุณตากลับมาจาอังกฤษก่อนนะครับ)

ทั้งสองพูดคุยกันต่ออีกเล็กน้อย ก่อนจะวางสายไป การคุยกันกับคุณตาก็ทำให้เด็กหนุ่มอารมณ์เย็นลงได้บ้าง แต่ฟิลพร้อมออกรบยังอยู่เต็ม เขาหันไปมองที่ศาลาอีกครั้ง รอให้ทางนั้นกินอาหารเสร็จด้วยใจจดจ่อ

“คิดยังว่าจะทำไงอะคุณ” ภูพิงค์สะกิดถาม “จะบุกเข้าไปหาโต้งๆ เลยเหรอวะ แล้วจะพูดกับพ่อพี่เต้ว่าไง”

“ผมจะเข้าไปแนะนำตัวก่อน ดูลาดเลาว่าพี่เต้จะว่ายังไง ถ้าพี่เต้ไม่ว่าอะไร ให้ลุยต่อได้ผมก็จะลุย ผมจะบอกพ่อพี่เต้ว่าผมเป็นอะไรกับพี่เต้ และผมพร้อมที่จะรับผิดชอบทุกอย่าง แต่ถ้าพี่เต้ไม่โอเค อย่างน้อยผมก็อยากให้พี่เต้รู้ว่าผมพร้อมจะอยู่ข้างพี่เต้เสมอถ้าพี่เขาต้องการ”

“เจ๋งว่ะไอ้น้อง ผมว่าก็ดีนะ รอดูท่าทางของไอ้เต้มันก่อนค่อยลุย งั้นเราไปด้วยกันทั้งหมดนี่แหละ เดี๋ยวผมจะเข้าไปเปิดทางให้ก่อนเอง” รวินท์ตบไหล่เด็กหนุ่มเบาๆ แล้วหันไปสังเกตการณ์ต่อ

จนกระทั่งเตชิตยกมือไหว้คู่ชายหญิงวัยกลางคนที่น่าจะเป็นบิดามารดาของหญิงสาว รวินท์จึงพูดขึ้น “ดูท่าจะกลับกันแล้วเว้ย! เอาเลยมะ!”

“ครับ!” คีรีลุกขึ้นพรวด กึ่งเดินกึ่งวิ่งลงไปจากเรือนไทย โดยมีรวินท์และภูพิงค์วิ่งตามไปติดๆ

คนในศาลาทยอยเดินออกมาจากศาลากันแล้ว สีหน้าเคร่มขรึมในตอนแรกดูดีขึ้นมาก ยกเว้นก็แต่เตชิตนั่นละที่ไม่ได้ยิ้มแย้มไปกับใครๆ

บิดาของทันตแพทย์หนุ่มและคู่ชายหญิงวัยกลางคนเดินนำไปก่อน ส่วนเตชิตประคองหญิงสาวตามหลังไปช้าๆ เขาคอยชี้บอกทางให้เธอเดินอย่างระมัดระวัง

ขณะเดียวกันคีรีก็เดินไปหยุดรออยู่ที่ตรงต้นทางของทางเดินเชื่อมไปยังศาลาอีกฝั่ง ส่วนรวินท์กับภูพิงค์ก็ยืนอยู่ข้างกัน


บิดาของเตชิตเห็นรวินท์เข้าก็เอ่ยทัก “อ้าว นั่นวินนี่!”

เจ้าของชื่อยิ้มรับ “สวัสดีครับพ่อ”

“มาทำอะไรกันรึลูก”

“ผมมากินข้าวกับน้องๆ น่ะครับ”

เมื่อเตชิตได้ยินเสียงคุ้นหูเข้าก็เงยหน้าขึ้นมอง สบสายตากับเด็กหนุ่มคนรักเข้าอย่างจัง “คีรี” เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เพราะหน้าตาอีกฝ่ายดูขึงขังแบบแปลกๆ อย่าว่าแต่คีรีเลย ไอ้วินก็เหมือนกัน ทำท่าเหมือนจะไปยกพวกตีกันกับใครที่ไหน

พอสบตาภูพิงค์ที่ยืนอยู่ข้างหลังรวินท์กับคีรีอีกที เด็กหนุ่มก็ทำปากบอกว่าสองคนข้างหน้าเขาน่ะ กำลังหัวร้อนมาก ให้เตรียมตัวรับระเบิดลง

“แต่ก็มารอเจอเต้ด้วย” รวินท์พูดเสียงเครียด “มันหายหัวไปหลายวัน ไม่รู้มีเรื่องอะไรกันแน่ ผมเป็นห่วง”

เตชิตสะดุ้ง รีบเดินเข้าไปประจันหน้าเพื่อนรัก “ไอ้วิน!” เขาชะงักไปเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายทำตาดุใส่ “เกิดอะไรขึ้นวะ”

“กูควรจะเป็นคนถามมั้ยไอ้สัส!”

“เหย ดุฉิบหาย มึงไปแดกโรงงานน้ำตาลมาเหรอ” เตชิตทำหน้างง “แล้ว... คีรี ทำไมถึงมากับไอ้วินไอ้พิงค์ได้ล่ะ ยังสอบไม่เสร็จไม่ใช่รึไง”

“ก็ผมเป็นห่วงพี่เต้ ไม่ได้เจอกันหลายวันแล้วนี่ครับ”

“ผมบอกแล้วว่าไม่มีอะไรต้องห่วงไง”

ใบหน้าของเด็กหนุ่มยังคงไร้รอยยิ้ม น้ำเสียงบ่งบอกว่าทั้งโกรธและน้อยใจ เขาชำเลืองมองบิดาของคนรักที่ยืนอยู่ห่างออกไปเล็กน้อย “ผมจะไม่ห่วงได้ไงล่ะ เรื่องของพี่เต้ไม่มีทางที่ผมจะไม่ใส่ใจ ว่าแต่พี่เต้เถอะ มาทำอะไรที่นี่ครับ”

“ผมก็มาคุยธุระน่ะสิ ไม่เอาน่ะ อย่าทำหน้าเหมือนไปกินรังแตนมาแบบนี้สิวะ”

“ธุระอะไรของพี่ ทำไมบอกผมไม่ได้ ในเมื่อผมเป็นฟะ...” ยังพูดไม่ทันจบประโยคก็มีเสียงใครบางคนพูดแทรกขึ้น

“เอ้า มีเรื่องอะไรกันหรือลูก” คู่ชายหญิงวัยกลางคนจูงบุตรสาวเดินเข้าไปหาสี่หนุ่ม “ใครกันล่ะนี่ เพื่อนของเต้หรือจ๊ะ”

เตชิตพยักหน้ารับ “เอ้อครับ นี่วิน เพื่อนซี้มากๆ ของผมครับ ที่มาทำงานใช้ทุนในโรงบาลลำพูนด้วยกัน แล้วก็นั่นคีรีกับภูพิงค์ครับ เป็นน้องที่สนิทกัน น้องๆ เป็นนักศึกษาจากมหาลัยในเชียงใหม่น่ะครับ” จากนั้นก็รีบหันไปแนะนำกับทางเพื่อนรักและพวกเด็กหนุ่ม “นี่คุณพ่อคุณแม่ของน้องพลอย แล้วก็นี่น้องพลอย ว่าที่น้องสะใภ้ของกูเอง”


“ฮะ!?” สามหนุ่มผู้มาเยือนถึงกับผงะ ต่างคนต่างตะโกนเสียงดัง “น้องสะใภ้เรอะ!”


เตชิตสะดุ้งโหยง “เฮ้ย พวกมึงจะตะโกนทำมั้ย!”

คีรีอ้าปากค้าง ก็แบบว่าเรื่องมันหักมุม ผิดคาดไปจากที่คิดเยอะ จากหัวร้อนๆ กลายเป็นเย็นวูบวาบ เล่นเอาทำตัวไม่ถูก จะถอยกลับตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว แต่พอหันไปทางบิดาของทันตแพทย์หนุ่มก็พบว่าอีกฝ่ายกำลังจ้องมองมาที่ตัวเขาเขม็ง เขาจึงรีบยกมือไหว้ “สะ...สวัสดีครับ”

บิดาของเตชิตก้าวเข้าไปหาเด็กหนุ่ม “เราน่ะ ชื่อคีรีงั้นรึ”

เจ้าของชื่อพยักหน้าหงึกๆ อาการกระฟัดกระเฟียดในคราวแรกหายสนิท เหลือแต่ความเจียมเนื้อเจียมตัวเท่านั้นแล้วตอนนี้ “ครับ”

ในขณะเดียวกัน รวินท์ก็คว้าแขนเพื่อนรักมากระซิบ “สรุปว่าที่มึงทำตัวงุบงิบ หายหัวไปหลายวัน เพราะเรื่องน้องสะใภ้เรอะ! ไอ้ห่า! เอาเวลาที่กูห่วงมึงคืนมาเลยนะสัส!”

“เอ้า กูก็บอกแล้วไงว่าไม่มีอะไรต้องห่วงอะ!”

“จะไม่ห่วงได้ไง ยิ่งกว่ากูก็เด็กมึงนี่แหละ!”

แต่แล้วการสนทนาของทันตแพทย์ทั้งสองก็ถูกขัดจังหวะโดยหญิงสาวที่ก้าวเข้ามายกมือไหว้ “สวัสดีค่ะ” แล้วเธอก็หันไปทักทายคีรีกับภูพิงค์ต่อ “ขอโทษที่ทำให้ทุกคนวุ่นวายไปหมดนะคะ”

เด็กหนุ่มทั้งสองคนรีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธ “ไม่เลยครับ พวกเราแค่เป็นห่วงพี่เต้”

“พี่เต้คะ เดี๋ยวพี่เต้เล่าเรื่องให้ทุกคนฟังด้วยนะคะ พลอยขอโทษที่ทำให้ลำบากกันไปหมด ดูเพื่อนๆ ของพี่เต้เป็นห่วงมากเลย”

เตชิตยิ้มบาง “โอเค ขอบใจนะพลอย พี่ว่าจะขออนุญาตพลอยอยู่พอดี”

บิดาของทันตแพทย์หนุ่มพูดแทรก “เต้ พาน้องพลอยกับคุณๆ เขาไปส่งที่โรงแรมก่อนไปลูก แล้วโทรบอกเลขาพ่อให้จัดการเคลียร์บิลให้เรียบร้อยด้วย”

“เห แล้วพ่อ...”

“พ่อจะอยู่คุยกับสามหนุ่มนี่สักหน่อย”

“ฮะ!” ทั้งเตชิตและสามหนุ่มที่ว่าอุทานพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย แล้วก็ส่งสายตาหากันเป็นพัลวัน

“ไปสิ รีบไปเถอะลูก”

“ครับพ่อ” เตชิตหันไปสบตาคีรี “เดี๋ยวผมมานะ” จากนั้นก็หันไปช่วยประคองหญิงสาว “เชิญทางนี้ครับ” แล้วพาเดินไปยังลานจอดรถ


ส่วนสามหนุ่มนั้น ยืนตัวลีบเบียดกันเป็นกระจุก ฝ่ายบิดาของเตชิตก็นิ่งเงียบไม่พูดอะไร แต่ใช้สายตาแสกนกรรมทั้งสามอย่างหนัก โดยเฉพาะ... คีรี

“ไปนั่งในศาลากันเถอะ มากินข้าวแล้วได้กินอะไรกันรึยังล่ะ”

ทั้งสามคนส่ายหน้ารัว พวกเขามานั่งเฝ้าโต๊ะของเตชิตนานแล้วก็จริง แต่ยังไม่ได้กินอะไรเลยสักอย่าง ดื่มแต่น้ำเปล่าไปนิดหน่อยเท่านั้น

บิดาของเตชิตเดินนำกลับไปยังศาลาที่เขาเพิ่งเดินออกมานั่นล่ะ “มาๆ นั่งต่ออีกสักเดี๋ยวร้านเขาคงไม่ว่าอะไรละมั้ง” เขาก้าวเข้าไปนั่งในศาลาก่อนจะกวักมือเรียก “เจ้าวิน มานั่งกับพ่อนี่”

“ครับพ่อ” รวินท์รู้สึกเสียวสันหลังวาบ แต่ก็หันไปทำปากบอกให้คีรีไปนั่งตรงข้ามบิดาของเพื่อนและภูพิงค์นั่งตรงข้ามกับเขา

“เอ้า สั่งอะไรกินกันก่อนสิ” บิดาบอกทุกคนด้วยสีหน้านิ่งๆ

“ครับ” สามหนุ่มก้มลงจ้องเมนูอาหาร พวกเขากินไม่ลงหรอก แม้จะหิวมากก็ตามที แต่จะไม่สั่งอะไรก็เกรงบิดาของเตชิต คีรีก็เลยแนะนำอาหารอร่อยขึ้นชื่อของร้านให้พี่ๆ เอามากินรองท้อง

“คีรีเคยมากินร้านนี้รึ” บิดาเอ่ยถาม

“เอ่อ ครับ”

“มากินกับเต้สินะ แนะนำเมนูเดียวกันเลย”

คนอ่อนวัยกว่ายิ้มเจื่อนๆ “ครับ”

ระหว่างที่พนักงานนำแก้วน้ำมาเสิร์ฟให้ใหม่ บิดาของเตชิตหันไปคุยกับทันตแพทย์หนุ่มที่นั่งอยู่ข้างกัน “ปีที่แล้วเจ้าเต้รบกวนเรามากเลยสินะ ขอบใจนะลูกที่คอยช่วยเหลือเต้มันทุกเรื่อง”

“ไม่เป็นไรครับ เล็กน้อยเท่านั้นเอง เต้มันก็ช่วยเหลือผมมาเยอะ ก็เราเพื่อนกันอะครับ แต่พ่อหายดีวิ่งได้แบบนี้ผมก็ดีใจ”

“ก็ยังวิ่งไม่ค่อยจะไหวหรอก” คนแก่กว่าอมยิ้มพลางหันไปทางภูพิงค์ “ขอบใจภูพิงค์ด้วยนะ ถ้าไม่ได้ภูพิงค์มาช่วย วินคนเดียวก็คงจะรับมือเจ้าเต้ไม่ไหว”

“ไม่เป็นไรครับ ผมยินดี พี่เต้ก็เป็นพี่ชายผมเหมือนกัน” ภูพิงค์หัวเราะแหะๆ พร้อมกับเอื้อมมือไปยกแก้วน้ำขึ้นดื่มแก้เขิน

“วินกับภูพิงค์... ก็คบกันมาเกือบปีแล้วสินะ”

“พรู่ดดด” ภูพิงค์พ่นน้ำออกมาอย่างลืมตัว ก็นั่นสินะ ถ้ามารดาของพี่เต้รู้ว่าเขากับพี่วินคบกัน บิดาก็ไม่น่าจะรอด เขาก้มลงไอแค่กๆ คีรีจึงขยับเข้ามาช่วยลูบหลังและส่งกระดาษทิชชูให้

ทั้งโต๊ะนิ่งสนิท ไม่มีคำพูดคำจาใดๆ อีก บิดาของเตชิตนั่งดื่มน้ำไปเงียบๆ ส่วนคีรีก็นิ่งแข็งเป็นหิน เขารู้สึกว่าคุณพ่อของพี่เต้มองเขาแบบแปลกๆ แต่ก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะรู้เรื่องตัวเขากับพี่เต้หรอก ก็เขากับพี่เต้เพิ่งคบกันได้ไม่นานเองนี่หว่า แล้วพี่เต้จะไปคุยเรื่องซีเรียสๆ แบบนั้นกับคุณพ่อตอนไหน

ไม่นานพนักงานก็นำอาหารมาเสิร์ฟ

“สั่งกันน้อยจริง เด็กหนุ่มๆ นี่ ปกติเขากินจุกันไม่ใช่รึ” คนแก่กว่าพึมพำ “หรืออยู่กับคนแก่อย่างฉันแล้วกินไม่ลง”

สามหนุ่มเบิกตากว้าง รีบปฏิเสธทันควัน “เปล่านะครับ!” แล้วรีบจ้วงอาหารในจานใส่ปากกันอย่างรวดเร็ว

“สั่งอาหารเพิ่มอีกสิ กินแค่นี้จะอิ่มได้ยังไง”

คีรีกลืนน้ำลายอึกใหญ่ก่อนจะพูดเสียงอ่อย “ผมเกรงใจน่ะครับ” แต่กลายเป็นว่าทำให้คนที่นั่งตรงข้ามกันจ้องมองเขาเขม็ง เด็กหนุ่มเลยเสหลบตาไปทางรวินท์แทน

ทันตแพทย์หนุ่มเองก็ทำหน้าตาบอกไม่ถูก เขาชำเลืองมองคนแก่กว่าที หันไปสบตาคีรีอีกที จากนั้นก็ทำปากขมุบขมิบบอกให้เด็กหนุ่มทำเป็นก้มหน้าก้มตากินอาหารในจานไปก่อน

แต่จนแล้วจนรอดบิดาของเตชิตก็ยังคงไม่ละสายตาจากเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงข้ามกัน เขาเอนหลังพิงพนักเก้าอี้แล้วกอดอก “ชื่อคีรี... แปลว่าภูเขาใช่มั้ย”

คนถูกถามเงยหน้าขึ้นช้าๆ “คะ...ครับ”

“เป็นคนเหนือสินะ”

เด็กหนุ่มพยักหน้าหงึกๆ “ครับ”

“มีแฟนรึยังล่ะ”

คีรีเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง เหงื่อตก มือที่ถือช้อนส้อมสั่นเล็กน้อย ดูมีพิรุธมันทุกส่วน เขาอ้ำอึ้ง ศีรษะยังตั้งนิ่งแต่ดวงตาเสไปทางรวินท์เพื่อขอความช่วยเหลือ

“มองเจ้าวินทำไม เจ้าวินเขามีแฟนแล้วไม่ใช่เรอะ คุยกับฉันก็มองฉันนี่!” บิดาของเตชิตขมวดคิ้ว ยกมือขึ้นลูบปลายคางช้าๆ “หน้าตาแบบนี้ ไม่น่ารอด น่าจะมีคนชอบเยอะนะ”

“ก็... เอ่อ... ก็คงอย่างนั้นมั้งครับ ผมไม่ค่อยได้ใส่ใจเท่าไหร่ เพราะผมสนใจแต่คนที่ผมชอบคนเดียวครับ”

“อืมๆ ก็ดีแล้ว คนหลายใจน่ะไม่ดีหรอก” คนแก่กว่าหันขวับไปทางรวินท์ “ใช่มั้ยวิน”

รวินท์สะดุ้ง “ถามผมทำไมครับพ่อ~”

“พ่อก็แค่หาแนวร่วมเฉยๆ ทำไมต้องตกใจขนาดนั้น”

ไอ้สัสเต้ ทำไมยังไม่มาอีกวะ! มึงไปส่งว่าที่น้องสะใภ้มึงที่ดาวอังคารเรอะ! รวินท์ด่าเพื่อนรักอยู่ในใจรัวๆ

“หรือว่าเจ้าวินหลายใจ ว่าไงน่ะฮึ ภูพิงค์”

เอ้า! นั่งเงียบๆ ก็โดนเว้ยเฮ้ย!

เจ้าของชื่อสำนักน้ำไปอีกระลอก น้ำที่พ่นออกมาเมื่อกี้ยังไม่ทันแห้งเลยนะเนี่ย “มะ...ไม่เลยครับไม่เล้ย~”

“คีรี” แล้วบิดาของเตชิตก็พุ่งประเด็นไปที่เด็กหนุ่มต่อ “สนิทกับเจ้าเต้รึ”

เด็กหนุ่มนิ่งค้างเหมือนถูกสาปอยู่ชั่วครู่ ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่เขารู้สึกว่าถูกคุณพ่อของพี่เต้เพ่งเล็งมากกว่าใครๆ ในโต๊ะ ก่อนจะตัดสินใจตอบพร้อมพยักหน้าหงึกๆ “ก็...ครับ”

“คิดว่าเต้เป็นยังไงบ้างล่ะ”

คำถามนี้ค่อยตอบง่ายหน่อย คีรีจัดการร่ายยาวทันที “เป็นคนดี ใจดี จริงใจ น่ารัก ใจบุญด้วยครับ เวลาอยู่ใกล้ๆ แล้วมีความสุข เป็นคนที่อบอุ่น เป็นผู้ใหญ่ ถึงจะดุเก่งไปหน่อยแต่ก็เพราะหวังดี บางครั้งก็ปากไม่ค่อยตรงกับใจครับ แต่ผมว่ามันก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของพี่เต้”

“รู้จักเจ้าเต้ได้ยังไงรึ”

“ผม... เอ่อ... คุณลุงของผมเป็นเจ้าของคลินิกที่พี่เต้กับพี่วินทำงานอยู่น่ะครับ ผมไปหาคุณลุงที่คลินิก เลยเจอกัน”

“อ่อ แล้วตอนนี้คีรีเรียนอะไรอยู่ล่ะ”

“ผมเรียนบริหาร อยู่ปีสองครับ”

“อืม อายุห่างกับเจ้าเต้หลายปีเลยนะ ไม่น่ามาสนิทกันได้เลย น่าแปลกจริงๆ” บิดาของเตชิตเปรย

เหงื่อเม็ดเป้งผุดขึ้นบนหน้าผากของเด็กหนุ่ม ปากและมือไม้เริ่มขยับไปคนละทิศละทางไม่สัมพันธ์กัน “ได้... ได้สิครับ ไม่แปลกเลย เพราะ... เพราะผมประทับใจในตัวพี่เต้มาก ผมเคยติดเงินร้านข้าวมันไก่ แล้วพี่เต้เข้ามาช่วยจ่ายแทนให้ ทั้งที่ตอนนั้นเรายังไม่รู้จักกันเลย แต่พี่เต้ก็ไม่ได้แม้แต่จะหยุดคิด เขาเห็นว่าผมกำลังลำบาก ก็เลยช่วย มันเป็นธรรมชาติของพี่เต้เอง เพราะงั้นผมเลย...”


“ชอบสินะ”


“ครับ” เด็กหนุ่มพยักหน้ารับ ก่อนจะสะดุ้งสุดตัว “เย้ย!” เขาหันไปมองภูพิงค์กับรวินท์ซึ่งต่างคนต่างยกมือขึ้นกุมขมับพร้อมกับส่ายหน้ารัวๆ


“ชอบแล้วได้จีบรึเปล่าล่ะ” บิดาของทันตแพทย์หนุ่มถามเสียงเรียบ


คีรีอ้าปากค้าง ดวงตาเบิกโพลง เขาหยิบกระดาษทิชชูขึ้นมาซับเหงื่อ “เอ่อ... เอ่อ...” ส่วนภูพิงค์กับรวินท์น่ะ แทบจะมุดโต๊ะหนีแล้วตอนนี้

“ว่าไงล่ะ”

ปลายนิ้วของเด็กหนุ่มเย็นเฉียบ ไอ้ตัวเขาน่ะ พูดได้เต็มปาก แต่ที่อ้ำอึ้งอยู่เนี่ย ก็เพราะกลัวว่าจะทำให้พี่เต้ของเขาลำบากไปด้วย แล้วบางทีพี่เต้ก็อาจจะอยากเป็นคนบอกบิดาด้วยตัวเองก็ได้

“เอ้า พ่อก็ถามดีๆ ทำไมต้องทำหน้าตกใจขนาดนั้น”

“จะ...จีบอยู่ครับ”

“แล้วเป็นไง”

“เอ่อ... ก็...” คีรีถอนหายใจ คิดว่าไหนๆ ก็มาถึงจุดนี้แล้ว จะหนียังไงก็คงไม่รอด คงต้องเดินหน้าสู้ เขาประสานสายตากับบิดาของคนรัก “ที่จริง... ผมไม่ได้แค่ชอบพี่เต้หรอกครับ ผมรักพี่เต้ แล้วก็ตามจีบมาสักพักแล้วครับ”

คนแก่กว่าทุบโต๊ะดังปัง ทำให้สามหนุ่มสะดุ้งโหยง “เออ! ลูกผู้ชายมันต้องพูดให้มั่นใจแบบนี้สิ! คนเป็นพ่อแม่เขาจะได้สบายใจรู้มั้ย!”

“ครับคุณพ่อ” เด็กหนุ่มตอบรับอย่างงงๆ



(มีต่อค่ะ)



ออฟไลน์ huskyhund

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1093/-4


ขณะเดียวกันเตชิตก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งมาที่ศาลา เขาหยุดหอบฮั่กๆ แล้วกวาดสายตามองคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะซึ่งแต่ละคนทำหน้าเหมือนเจอผีหลอกมาหมาดๆ

“ทำไมช้าจังล่ะลูก” บิดาเอ่ยถาม ส่วนรวินท์ก็เขยิบให้เพื่อนรักนั่งลงข้างกัน

“พอไปถึงโรงแรม น้องพลอยก็รู้สึกไม่ค่อยดีอีกแล้ว คุณน้าคุณอาเลยขอให้พาไปส่งโรงพยาบาลอีกรอบน่ะครับ ผมบอกว่าพบหมอเสร็จแล้วให้โทรเรียกผมไปรับ แต่พวกเขาว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวเรียกแท็กซี่ได้”

“พี่เต้ครับ ให้โรงแรมเอารถไปรับก็ได้ครับ เดี๋ยวผมจัดการให้” คีรีลุกขึ้น กึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าไปในเรือนไทย สักพักก็กลับมาพร้อมกระดาษในมือ “โทรบอกพี่พลอยไว้เลยครับ พบหมอแล้วให้โทรมาที่เบอร์นี้ ทางโรงแรมจะส่งรถไปรับครับ”

“ขอบใจนะ” เตชิตยิ้มพลางรับแผ่นกระดาษมา เขากดโทรศัพท์ออกไป พูดคุยกับปลายสายเรียบร้อยจึงหันกลับมาที่โต๊ะ

“คีรีรู้จักคนในโรงแรมนี้รึ มิน่า เจ้าเต้ถึงบอกว่าอยากให้มาพักที่นี่”

“ครับ” เด็กหนุ่มพยักหน้าหงึกๆ

“ไม่ต้องถ่อมตัวกับพ่อก็ได้ คุณตาของคีรีเป็นผู้บริหารโรงแรมนี้ครับ”

“อ้อ... โรงแรมก็ต้องมาพักที่นี่ ร้านอาหารก็ต้องมากินร้านนี้ ปลื้มบ้านแฟนมากสินะ มิน่า ไม่ยอมลงไปกรุงเทพฯ บ้างเลย ที่แท้ก็ติดแฟนเหมือนเจ้าวินนี่เอง”

“เฮ้ย!” คราวนี้ทั้งสี่หนุ่มอุทานพร้อมกัน

“พ่อ!” เตชิตร้องลั่น

“แต่เขาบอกว่ายังตามจีบลูกอยู่นะ ตกลงเป็นแฟนกันหรือไม่เป็น เอาให้แน่”

คนถูกถามหันขวับไปทางเด็กหนุ่ม แล้วถอนหายใจออกมาหนักๆ “เป็นครับ เราคบกันอยู่”

“เฮ้ย! พี่เต้!” คีรีเบิกตาโพลง เขาถึงกับต้องยกมือขึ้นหยิกแก้มตัวเองดูว่าฝันไปหรือเปล่า พอตั้งหลักได้ก็รีบพูดบ้าง “ขอโทษครับ ผมไม่ได้ยอมรับออกไปตรงๆ เพราะกลัวจะทำให้พี่เต้ลำบากใจ กลัวจะทำให้คุณพ่อไม่พอใจด้วย แล้วบางทีเรื่องนี้พี่เต้อาจจะอยากคุยกับคุณพ่อเอง ผมขอโทษนะครับคุณพ่อ”

บิดาของเตชิตพยักหน้าช้าๆ พร้อมกับเอื้อมมือไปตบไหล่เด็กหนุ่ม “ไม่เป็นไร พ่อเข้าใจ ถึงคีรีจะยังอายุน้อย แต่ก็รู้จักพูดรู้จักรักษาน้ำใจกัน พ่อว่าเป็นสิ่งที่ดีออกนะ”

“ขอบคุณครับ” คีรียกมือไหว้

“เรื่องวุ่นๆ จบสักที พรุ่งนี้พ่อกับบ้านหนูพลอยก็จะกลับกรุงเทพฯ กันแล้ว ขอบใจคีรีมากนะที่ให้พ่อยืมตัวเจ้าเต้ ขอบใจวินด้วย งานคงจะหนักน่าดู”

“ผมชินแล้วครับพ่อ ไอ้เต้มันหายหัวบ่อย ”

“ไอ้วิน~” เตชิตโวย จากนั้นก็หันไปทางบิดา “พ่อจะกลับกี่โมงนะ”

“เลขาพ่อจองไว้ให้เที่ยวบ่ายสามน่ะ” ผู้เป็นบิดาตอบ “พาน้องๆ ไปเที่ยวบ้านที่กรุงเทพฯ บ้าง เจ้าเตยก็ไปทำงานต่างประเทศ ที่บ้านมีพ่ออยู่กับแม่สองคน มันเหงานะ”

“เดี๋ยวน้องพลอยก็ไปอยู่ด้วยแล้วไงพ่อ พอมีหลานแล้วจะร้องขอความสงบกลับคืน” เตชิตพูดกลั้วหัวเราะ “แต่เอาไว้จะกลับบ้านให้บ่อยขึ้นนะครับ จะพาน้องๆ ไปถล่ม เอาให้พ่อเข็ดเลย”

บิดายิ้มกว้าง “พ่อจะรอ” พูดจบเสียงโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น เขาจึงบอกขอตัวกับทุกคนในโต๊ะ “เลขาพ่อโทรมา สงสัยมีเรื่องด่วนอีก อู้งานมาหลายวันเพราะเรื่องเจ้าเตยเนี่ย พ่อขอตัวแป๊บนะ” ก่อนจะลุกเดินออกจากศาลาไป



พอคนแก่กว่าเดินออกไปพ้นรัศมีสองเมตร รวินท์ก็หันไปดึงหูเพื่อนรักทันที “สัส! สรุปว่ามีเรื่องอะไรกันวะ ทำไมมึงต้องทำลับๆ ล่อๆ ให้พวกกูงงขนาดนี้!”

“ใจเย็นเว้ย มึงให้กูตั้งตัวบ้าง!” เตชิตโวยวาย “คือเรื่องมันเป็นงี้ ไอ้เตยกับน้องพลอยน่ะคบกันมาได้ปีกว่าๆ ทีนี้ไอ้เตยมันเรียนจบ ไปทำงาน แล้วบริษัทส่งมันไปเทรนที่เมกาเว้ย แต่หลังจากมันไปได้ไม่นาน น้องพลอยเขาก็รู้สึกผิดปกติ แบบ...เมนส์ไม่มาไง คลื่นไส้ อาการไม่ค่อยจะดี ทางบ้านน้องเขาเลยพาไปหาหมอตรวจดู ก็เลยเจอว่าท้องได้สามเดือนแล้ว”

“โห! ไอ้เตย! เห็นนิ่งๆ ก็ร้ายเหมือนกันว่ะ!”

“สัส มึงอย่าผิดประเด็น! แต่คือทีนี้ทางบ้านน้องพลอยเขาค่อนข้างจะเคร่ง พอรู้ว่าน้องพลอยท้อง แต่ทางบ้านยังไม่เคยพบหน้าตาไอ้เตย ไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่าน้องพลอยกับไอ้เตยคบกันก็เลยดราม่าหนัก โวยวายจะให้น้องพลอยพาไปหาไอ้เตยเดี๋ยวนั้น น้องพลอยก็แบบ อารมณ์คนท้องอะมึง ก็เซนส์สิถีพ เสียใจหนักที่โดนต่อว่า ห่วงไอ้เตยด้วย ไม่รู้จะทำยังไง น้องเขาก็เลยเก็บผ้าผ่อนหนีออกจากบ้านมาบ้านกู แต่บ้านกูอะ มีพ่ออยู่คนเดียว แม่กูไปประชุมที่ต่างประเทศ พ่อก็ไม่รู้จะทำยังไง อยู่บ้านตามลำพังกับน้องพลอยก็กลัวจะดูไม่ดี แถมน้องพลอยก็เอาแต่ร้องห่มร้องไห้ แพ้ท้องหนักแล้วยังดราม่าทั้งวันทั้งคืน พ่อเลยต้องพาหอบหิ้วกันมาหากูที่ลำพูน แต่พอมาถึงน้องเขามีอาการแพ้ท้องหนักมากว่ะ คงเพราะเครียดด้วย กูกลัวจะเป็นอะไรไปเลยต้องรีบพาไปโรงบาล ไอ้เตยก็ห่วงแฟนมัน มันโทรมาร้องห่มร้องไห้ขอให้กูช่วยดูแลแฟนมันให้ ทางพ่อแม่น้องพลอยก็จะเป็นจะตายเพราะลูกสาวคนเดียวหาย แจ้งตำรวจตามหาตัวกันให้วุ่น มึงเอ๊ย... กูเนี่ยจะบ้าก่อนใครเพื่อนเล้ย”

ทั้งสามหนุ่มได้ยินเรื่องราวก็นิ่งอึ้ง สงสารเตชิตขึ้นมาตงิดๆ

“กูกับพ่อก็พยายามพูดคุยเกลี้ยกล่อมทางบ้านน้องพลอยแทนไอ้เตยมัน สรุปว่าก็จะจัดงานหมั้นงานแต่งให้เร็วที่สุดนั่นล่ะ รอเจ้าบ่าวกลับมาเดือนหน้า” เตชิตสบตากับเด็กหนุ่มคนรัก “ขอโทษที่ไม่ได้บอกรายละเอียดแต่แรก คือมันไม่ใช่เรื่องของผมไง ผมก็เกรงใจไอ้เตยกับน้องพลอยเลยยังไม่กล้าเล่า แต่นี่น้องพลอยขอให้มาอธิบายให้ทุกคนเข้าใจน่ะ เขาคงจะห่วงว่าคุณจะเข้าใจผมผิด”

“พี่เต้...”

รวินท์เลิกคิ้วขึ้น เขารีบเตะขาภูพิงค์ใต้โต๊ะ ก่อนจะลุกขึ้นพรวด “กูไปห้องน้ำเดี๋ยว” เพื่อเปิดโอกาสให้ทั้งสองคนได้เคลียร์กัน

“ผมไปด้วยครับพี่” ภูพิงค์ลุกตามออกมาอย่างรู้หน้าที่

เมื่ออยู่ด้วยกันตามลำพัง เตชิตก็เปลี่ยนไปนั่งข้างเด็กหนุ่ม แล้ววางมือประกบหลังมืออีกฝ่าย “ไม่เชื่อใจผมเหรอ ถึงต้องมาแอบดูเนี่ย”

“เชื่อสิครับ แต่ผม พี่พิงค์กับพี่วินเข้าใจผิดนิดหน่อย”

“เข้าใจผิดว่าอะไร”

“ก็นึกว่าคุณพ่อพี่เต้บังคับพี่เต้แต่งงาน ก็เลยจะมาช่วย เตรียมจะพาพี่เต้วิวาห์เหาะแล้วเนี่ย”

เตชิตหลุดหัวเราะ เขายกมือขึ้นขยี้เส้นผมคนอ่อนวัยกว่าอย่างมันเขี้ยว “ปล่อยให้อยู่กับไอ้วินไอ้พิงค์นานๆ มีหวังเพี้ยนตามกันไปหมดแน่ๆ”

“เมื่อวานตอนผมกับพี่ๆ ขับรถไปดูหนัง เห็นพี่เต้ที่โรงบาลก็เลยแอบตามไป พี่เต้ท่าทางเครียดมาก เหมือนไม่ค่อยสบายใจ ผมเลยยิ่งเป็นห่วง”

“แหงสิ ห่างแฟนนานๆ ใครจะยิ้มร่าได้ล่ะ”

“โห แฟนผมน่ารักชะมัดเลย” คีรียิ้มกว้าง รีบคว้ามือของทันตแพทย์หนุ่มมากุมไว้ “พี่เต้... บอกคุณพ่อเรื่องของเราแล้วเหรอครับ ผมตกใจมากเลยนะ”

“อือ ที่จริงก็ไม่ได้บอกตรงๆ หรอก พ่อถามว่ามีแฟนรึยัง ผมก็บอกว่ามี ไว้จะพามาเจอ แล้วพ่อก็ถามว่าเป็นใคร อะไรยังไง แต่ผมบอกแค่ว่า ชื่อคุณแปลว่าภูเขา คงเพราะเป็นคนเหนือ แค่นี้แหละ”

“คุณพ่อพี่ไม่ว่าเหรอ ก็ผม... เป็นผู้ชายอะ พี่ได้บอกคุณพ่อไว้ก่อนรึเปล่า”

“ก็บอก บอกว่าเหมือนวินกับพิงค์” เตชิตยิ้มบาง “พ่อไม่ได้ว่าอะไร ท่านว่าผมเป็นผู้ใหญ่แล้ว ชีวิตเป็นของผม พ่อเคารพการตัดสินใจของผม ใครที่ผมเลือกแล้วว่าดี ท่านก็ว่าดี”

คีรียิ้มกว้าง “คุณพ่อน่ารักชะมัดเลย” เขายกมือทันตแพทย์หนุ่มขึ้นมาจูบ จ้องตากับคนรักด้วยนัยน์ตาหวานเยิ้ม “ขอบคุณนะครับ พี่เต้ของผม”



ห่างออกไปจากศาลาเล็กน้อย บิดาของเตชิต รวินท์และภูพิงค์ยืนเบ้ปากมองทั้งสองคนอยู่ด้วยความหมั่นไส้

“ปกติเป็นแบบนี้มั้ย”

“ไม่หรอกครับ เมื่อก่อนไอ้เต้มันซึนจะตาย เพิ่งจะใจอ่อนให้คีรีเมื่อไม่นานมานี้เองครับ”

ภูพิงค์โคลงศีรษะไปมา ก่อนจะหันไปหาบิดาของเตชิต “คุณพ่ออยากดูคลิปพี่เต้บอกรักคีรีปะครับ”

“หือ มีเป็นคลิปเลยเรอะ!”

เด็กหนุ่มจัดการหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเปิดคลิปให้บิดาของเตชิตดู เมื่อดูจบแล้วอีกฝ่ายก็ยกมือขึ้นกุมขมับ

“เจ้าเต้เอ๊ย บอกรักบนเวทีต่อหน้าคนเป็นร้อยเลยเนี่ยนะ”

“หน่วยผิดครับคุณพ่อ หลักพันเถอะ ถ้าจะเอาตัวเลขคนมางานคืนนั้น ก็ขายตั๋วไปเกือบสี่พันใบอะครับ”

คนแก่กว่าส่ายหน้าพลางหัวเราะออกมาเบาๆ “หน้าด้านเหมือนพ่อมันเล้ย ไอ้ลูกคนนี้!”



*TBC*



เริ่มตอนนี่ เด็กดอยเปิดตัวมาอย่างเสือสุด แต่ไปๆ มาๆ กลายเป็นลูกหมาซะง้านนน 55555

แต่ก็ได้เปิดตัวกับคุณพ่อแล้วน้าเด็กดอย ดีใจด้วย~ อีกนิดจะได้กินพิหมอแย้วรูกกกก  :hao6:

ขอบคุณคนอ่านทุกคนมากค่า รักน้า  :mew1:

 

ออฟไลน์ Ti0590

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 455
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
ืโง้ยยยยยย คุณพ่อพี่เต้น่ารักกกด แต่พี่เต้น่าตี ทำเอาใจหายใจคว่ำกันหมด

ออฟไลน์ Chucream.nabi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
 :impress2: คุณพ่อน่ารักอ่ะ

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
โล่งอกเบยยย

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
คุณพ่อหมอเต้สุดยอดเลย   :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
น่ารักมากเลยค่ะครอบครัวสุขสันต์แล้วซินะต่อไปจะหวานหรือจะยังไงค่ะรอๆค่ะ :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ ryokame

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 179
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
นับวันรอ พี่เต้จะเป็นอมตะ  :hao6:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ฝั่งนี้ไม่มีปัญหาแล้ว หุหุหุ
อีกฝั่ง
คุณไกรฤกษ์ คุณไกรฤกษ์ ท่องไว้ในใจนะพี่เต้
เขาฝากให้เป็นผู้ดูแลเด็ก ไม่ใช่จับเด็กกิน
แก้ตัวให้ได้ละกันนะ
 :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ Kiseri

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
คุณพ่อออออออ
ทำไมเป็นคนแบบนี้~~
555555 :laugh:

ออฟไลน์ Rateesiri

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 143
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ชอบการตะล่อมถามของคุณพ่อมากค่ะ
แต่แก๊งนี้เหมาะกันที่สุดแล้วจริงๆ 555555555555555

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
 :m20: ขำขันซะงั้น

ออฟไลน์ SunnyB

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
รักพ่อพี่เต้จัง 

รู้แล้วว่าไอ้ท่าทางดุๆแต่ใจดีหมอเต้ได้จากใคร :mew1:

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1751
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
พ่อพี่เต้น่ารักมากเลยอะ ฮือออออ ทับใจจจ

ออฟไลน์ iikol

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ที่มาของสำนวน 'มาอย่างเสือ จบอย่าง(ลูก)หมา'  :pigha2:

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
คุณพ่อใจดี ก็เลยโล่งไปเลย แต่อีกฝั่งนึงนี่สิครับ คุณตาจะไม่ว่าอะไรใช่ไหมเนี่ย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ bpyt

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
555 เอ๊า!!!! คุณพ่อ ว่าตัวเองหน้าด้านก็ได้เหรอคะ ดีใจจังไม่มีดราม่าฝั่งพ่อแม่พี่เตเ ส่วนฝั่งคุณตาก็น่าจะสบายเหมือนกันไม๊ เพราะคุณตาก็ดูเป็นแนวร่วมแต่แรก

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
งุ้ยๆๆๆ

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ไม่มีดราม่านะคะ ตอนแรกก็นึกว่าคุณพ่อจะแกล้งดราม่าใส่คีรีเล่น ๆ ซะอีก

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ fammykiki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
“หน้าด้านเหมือนพ่อมันเล้ย ไอ้ลูกคนนี้!”

ขำคุณพ่อ  :laugh:

ออฟไลน์ toomild

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
ทีแรกก็ลุ้นแทบตายว่าคุณพ่อพี่เต้จะโหดรึเปล่า แง้ คีรีรอดแล้วนะคะ5555

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
ผิดคาดซะงั้น ดีนะคุณพ่อน่ารักงานนี้เลยผ่านฉลุย รอฝั่งคีรีล่ะ o13

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

พ่อพี่เต้น่ารักมากอ่ะ

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
คุณพ่อออออออ ทำไมเป็นคนตลกอย่างนี้

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด