เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]  (อ่าน 307072 ครั้ง)

ออฟไลน์ kungverrycool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ก็ยังสงสัยอยู่ว่าใครกินใคร กันแน่5555 รอจร้า  :laugh5:

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ทายาทโรมแรมกับห้างแน่ ๆ เลย

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
น้องเป็นดารามาถ่ายรายการอะไรสักอย่างหรือเปล่า เดาไปเรื่อย

ออฟไลน์ huskyhund

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1093/-4

Chapter 5 : ความป๋าของหมอเต้ 2/2


ทันตแพทย์หนุ่มขับรถออกจากห้างเซ็นทรัลในตอนที่ท้องฟ้ามืดลงสนิทแล้ว หากสองข้างทางยังมีไฟสว่างไสวจากเสาไฟ รถราวิ่งวุ่นวายเต็มถนน เมื่อถึงทางขึ้นดอยสุเทพก็ขับรถต่อไปบนเส้นทางสูงชันช้าๆ ไม่นานก็ถึงที่หมาย

อากาศในยามค่ำคืนไม่ร้อนมากนัก มีสายลมพัดมาแผ่วๆ สองหนุ่มยืนข้างกัน เท้าแขนลงบนรั้วกั้นแล้วทอดสายตามองทิวทัศน์เบื้องล่าง ใจกลางเมืองเชียงใหม่มีแสงไฟสว่างไปทั่วทุกหนแห่ง

บนท้องฟ้าแห่งรัตติกาลมีดวงจันทร์เกือบเต็มดวงทอแสงจ้า ทำให้มองไม่เห็นดวงดาวมากนัก

“สวยดีนะ ผมมาเชียงใหม่ไม่รู้กี่สิบครั้งแล้ว ไม่เคยมีโอกาสได้ขึ้นมาเลย” เตชิตพูดพลางขมวดคิ้ว แล้วหันขวับไปทางเด็กหนุ่ม “จริงสิ คุณไม่สงสัยบ้างเหรอว่าผมอยู่ที่ไหน ทำงานที่ไหน เดี๋ยวไปโผล่เชียงราย เดี๋ยวมาเชียงใหม่”

คีรีเลิกคิ้วขึ้น “เออ! เออใช่! นั่นสินะ แล้วปกติคุณเตชิตอยู่ที่ไหน ทำงานที่ไหนน่ะครับ”

ทันตแพทย์หนุ่มมองคนอ่อนวัยกว่าอย่างข้องใจ แต่ก็ปล่อยผ่านไปก่อน “ลำพูน ผมทำงานที่โรงบาลลำพูน”

“โอ้โห! ไปอีกจังหวัดเลยนะครับ!”

แต่ไอ้การทำตาโต เล่นใหญ่เหมือนตกใจแบบนี้น่ะ มันก็ดูจงใจไปหน่อยนะ เตชิตถอนหายใจเบาๆ “วันธรรมดาผมทำงานที่โรงบาลลำพูน เสาร์อาทิตย์มาทำคลินิกที่นี่” เขาหรี่ตามองเด็กหนุ่ม “แล้วคุณล่ะ ทำอะไร อยู่ที่ไหนกันแน่”

“ตอนนี้ผมอยู่เชียงใหม่ ก็มีไปช่วยงานที่โรงแรมบ้าง โรงแรมตรงร้านอาหารที่ไปกินเมื่อวานน่ะครับ เขามีงานอะไรให้ทำก็ทำ”

“แล้วเรียนล่ะ”

“ไม่... ไม่ได้ไปเรียนครับ”

“แล้วจะไปเรียนตอนไหน”

“ช่วงนี้ทำงานก่อนครับ เรื่องเรียนพักไว้ก่อน ยังไงผมก็อ่านออกเขียนได้นะคุณเตชิต”

“แค่นั้นพอซะที่ไหน ต่อไปจะทำอาชีพอะไร จะทำงานจับฉ่ายที่โรงแรมไปเรื่อยๆ เหรอ มันไม่มั่นคงหรอกนะคุณ” ทันตแพทย์หนุ่มพูดเสียงดุ นัยน์ตาจับจ้องคนอ่อนวัยกว่าซึ่งสีหน้าท่าทางบ่งบอกชัดเจนว่าอึดอัดใจกับสิ่งที่เขาพูด เขาก็ไม่คิดว่าแปลกหรอก เพราะเคยเห็นหลายๆ คนที่พอทำงานได้เงินแล้วก็ไม่อยากจะกลับไปเรียน แต่เขาคิดว่าคีรีน่าจะไปได้ไกลกว่านี้ เด็กหนุ่มดูเป็นคนฉลาด หัวไว คงจะเรียนรู้ได้เร็ว และถ้าเขาช่วยเหลืออีกฝ่ายให้ได้เล่าเรียน ก็คงจะช่วยลบล้างความผิดในใจเรื่องคืนนั้น และตอบแทนบุญคุณของพวกชาวเขาในเชียงรายได้บ้าง “คุณมีวุฒิอะไร จบม.หกรึยัง อย่างน้อยก็น่าจะจบขั้นต่ำม.สามใช่มั้ย”

คีรีขมวดคิ้วพลางเม้มปากแน่น “.....”

เตชิตถอนหายใจ เขายกมือขึ้นบีบหัวไหล่เด็กหนุ่มเบาๆ “ถ้าอยากเรียน ไปเรียนกศน. ให้ได้วุฒิม.หกก่อนก็ได้นะ ถ้ามีค่าใช้จ่ายหรือค่าหนังสืออะไรผมจะจัดการให้เอง คุณน่ะยังเด็ก อายุแค่สิบแปดเท่านั้น ควรจะเรียนหนังสือนะ เรียนไปทำงานเสริมไปก็ได้นี่ และถ้าคุณขยันพอ ต่อไปก็จะได้เข้าเรียนในมหาลัยได้ยังไงล่ะ”

คนอ่อนวัยกว่านิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะพูดเสียงเบา “ผมรู้ แต่ผมไม่ได้ลำบากอะไร ไม่ได้อยากให้คุณช่วยเรื่องนี้ ถ้าคุณอยากช่วยผมจริงๆ ละก็... ช่วยเรื่องอื่นแทนได้มั้ย”

“จะให้ช่วยอะไร”

คีรีประสานสายตากับทันตแพทย์หนุ่ม เขาเอื้อมมือไปจับมือมืออีกฝ่ายมากุมไว้ จากนั้นก็เสหลบตา “...คือผม...”

มือเย็นเฉียบเลย ไม่ต้องพูดออกมาเขาก็พอจะเดาความคิดไอ้เด็กนี่ได้ เตชิตถอนหายใจอย่างอ่อนใจ

“ถ้าเรื่องทะลึ่งๆ ผมไม่ช่วยนะ” พอเห็นว่าคนอ่อนวัยกว่ายังคงปิดปากสนิท ทันตแพทย์หนุ่มก็ส่ายหน้าไปมา “นี่คุณจะให้ช่วยเรื่องอย่างว่าเหรอจริงๆ เหรอวะ”

เด็กหนุ่มก้มหน้าลงพูดเสียงเบา “...เปล่าสักหน่อยครับ”

“แล้วอะไร”

“ถ้าหากผมไปเรียน คุณเตชิตจะลองคิดเรื่องของ... เอ่อ... คุณกับ...ผม...”

เตชิตชักมือกลับ จากนั้นก็หันหน้ามองไปยังทิวทัศน์เมืองเชียงใหม่เบื้องล่าง แล้วถอนหายใจหนักๆ “มันอาจจะฟังดูเห็นแก่ตัวไปหน่อย แต่เรื่องที่มันผิดพลาดไปแล้วก็ให้มันแล้วไปเถอะ ให้ผมช่วยคุณเรื่องอื่นเพื่อชดเชยเรื่องคืนนั้นเถอะนะ”

เด็กหนุ่มชะงัก ดวงตาจ้องมองไปที่ใบหน้าหล่อเหลาของทันตแพทย์หนุ่มเขม็ง “เรื่องในวันนั้น เป็นความผิดพลาดงั้นเหรอครับ ที่คุณใจดีกับผม ยอมมาพบผม ซื้อของให้ผม เพราะแค่รู้สึกผิดเรื่องวันนั้นเหรอ”

หากครั้งนี้เตชิตปิดปากเงียบ เด็กหนุ่มจึงพูดกับเขาเสียงแข็ง “ผมบอกแล้วว่าเรื่องตอนนั้นผมเต็มใจ คุณไม่จำเป็นต้องมาทำดีกับผมเพราะเรื่องนั้น ถ้าหากรู้สึกผิดสักเล็กน้อย ก็ช่วยสงสารผมทีเหอะ เลิกใจดีกับผมแบบนี้ เพราะมันทำให้ผมมีความหวัง คิดเข้าข้างตัวเอง”

คำพูดนั้นเสียดแทงเข้ามาในอก “ผมขอโทษ” ทันตแพทย์หนุ่มพูดเสียงแผ่ว โดยไม่ยอมหันหน้าไปทางคนที่ยืนอยู่ข้างกัน

คีรียืนนิ่งค้างอยู่กับที่ชั่วครู่ ก่อนจะหันหลังขวับ แล้วสาวเท้าออกไปจากบริเวณรั้วกั้นอย่างรวดเร็ว

“อ้าว คุณจะไปไหน!”

คนอ่อนวัยกว่าก้าวฉับๆ โดยที่ไม่หันกลับไปหาทันตแพทย์หนุ่มอีก

เตชิตวิ่งตามหลังไป ทว่าจู่ๆ เด็กหนุ่มก็หยุดกึก แล้วหันกลับมาหาเขา ทั้งสองยืนอยู่ในที่มืดจนมองแทบไม่เห็นใบหน้าของกันและกัน

คีรีหยิบซองใส่เงินซองเดียวกับเมื่อวานขึ้นมายัดใส่มือของทันตแพทย์หนุ่ม “เอาเงินคุณคืนไป แล้วก็สบายใจได้ ต่อไปนี้ผมจะไม่มารบกวน ไม่โผล่หน้ามาให้เห็น ไม่มาวุ่นวายกับคุณอีกแล้ว” พูดจบก็หันหลังกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกไป

ถึงจะมองไม่เห็นสีหน้า แต่น้ำเสียงของเด็กหนุ่มบ่งบอกถึงความเจ็บปวดในใจอย่างชัดเจน เตชิตยืนงงไปชั่วครู่ ก่อนจะตามไปคว้าแขนอีกฝ่ายไว้ “เดี๋ยว! แล้วคุณจะกลับยังไง!”

“เดิน”

“จะบ้าเรอะ จะเดินได้ไง!”

“ทำไมจะเดินไม่ได้ ก็มีถนนนี่ไง”

“มันไกลนะคุณ จะเดินไหวได้ไง!”

“เรื่องของผม ช่างผมเถอะ” คนอ่อนวัยกว่ากระตุกแขนออก

เตชิตขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะมองอีกฝ่ายจ้ำอ้าวๆ ห่างออกไป “ตามใจคุณละกัน!” เขาหันหลังจะเดินกลับไปที่รถ แต่ขาไม่ยอมก้าวออกไปตามที่ใจคิด

ความจริงเขาควรจะดีใจที่เคลียร์เรื่องผิดพลาดในวันนั้นได้ คีรีบอกว่าไม่ต้องการอะไรจากเขาและจะไม่มายุ่งเกี่ยวกันอีก ถ้าปล่อยไปแบบนี้ ให้เรื่องจบลงที่ตรงนี้ เขาก็คงไม่ต้องกังวล ไม่ต้องห่วงเรื่องของคีรีอีกแล้ว แต่ทำไมในใจกลับรู้สึกโหวงๆ แบบแปลกๆ

เตชิตถอนหายใจหนักๆ ส่ายหน้าไปมาอย่างไม่เข้าใจตัวเอง พอหันหลังไปทางเด็กหนุ่มอีกครั้ง อีกฝ่ายก็เดินหายไปในความมืดเสียแล้ว เป็นผลให้เขาใจหายวาบ สองขาวิ่งออกไปเองโดยอัตโนมัติ ตรงไปตามทางที่เด็กหนุ่มเดินลงไป

“คีรี!” ทันตแพทย์หนุ่มวิ่งอย่างเร็วที่สุด ตลอดสองข้างทางมืดจนมองแทบไม่เห็นอะไร เขาจึงต้องหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเปิดไฟฉาย เมื่อวิ่งต่อไปอีกสักพักก็เห็นเด็กหนุ่มอยู่ไกลๆ “คีรี! หยุดก่อนสิ! ทำไมเดินเร็วจังวะ!”

หากอีกฝ่ายไม่ชะลอฝีเท้าลงเลยแม้แต่น้อย ด้วยความที่ขายาวด้วยจึงเดินไวกว่าคนทั่วไปมาก

เตชิตวิ่งตามไปจนถึงตัวเด็กหนุ่ม เขาคว้าแขนอีกฝ่ายไว้พลางหอบฮั่กๆ “หยุดก่อนสิเว้ย! ผมไม่ใช่วัยรุ่นแล้วนะ! ถ้าเหนื่อยจนหัวใจวายตายคาดอยขึ้นมา คุณจะว่าไง! จะดีใจมากเลยใช่มั้ย!”

คีรีหยุดกึก “คุณเตชิตตามผมมาทำไม”

ทันตแพทย์หนุ่มพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ พร้อมกับหอบไปด้วย “ผมก็ไม่รู้เว้ย!” หากมือก็ยังจับแขนเด็กหนุ่มไว้ไม่ปล่อย เขารอให้ลมหายใจเกือบจะเป็นปกติ จึงยัดซองใส่เงินคืนให้อีกฝ่าย “คืนผมครั้งละร้อยเหมือนเดิมเถอะ”

คีรีขมวดคิ้วทำหน้ายุ่ง “ทำไม”

เตชิตก็ถามตัวเองอยู่ในใจด้วยคำถามเดียวกัน ทำไมวะ!?

“นึกสงสารผมขึ้นมาอีกเพราะเห็นว่าเป็นชาวเขารึไง”

“ไม่ใช่” ทันตแพทย์หนุ่มเบือนหน้าไปอีกทาง “อันที่จริง คุณกับผมก็เพิ่งรู้จักกันเองนะเว้ย ลืมเรื่องคืนนั้นไปซะ แล้วเริ่มต้นใหม่แบบคนเพิ่งรู้จักกันไม่ได้รึไงวะ”

คีรีก้มหน้าลงมองซองใส่เงินในมือ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับทันตแพทย์หนุ่ม “หมายความว่าคุณเตชิตยังอยากพบผมต่อเหรอ”

เตชิตปล่อยมือออกจากแขนอีกฝ่าย หงุดหงิดกับตัวเองเหมือนกัน เขาต้องการอะไรกันแน่วะเนี่ย “ถ้าผมจะช่างแม่ง ผมคงไม่วิ่งตามคุณลงมาให้เหนื่อยหรอก”

เด็กหนุ่มอมยิ้ม “ขอบคุณครับ”

“เดินกลับไปที่รถกับผมด้วย วิ่งมาซะไกลเลยเนี่ย” ทันตแพทย์หนุ่มพูดพร้อมสาวเท้ากลับขึ้นไป

คนอ่อนวัยกว่าคว้ามือคนที่เดินนำอยู่ไว้ พลางก้าวเท้าออกไปพร้อมกัน “ขอจับมือหน่อยนะครับ มันมืด ผมกลัว”

เตชิตอยากจะหันไปถีบอีกฝ่ายลงข้างทาง ไอ้ที่เมื่อกี้จ้ำอ้าวๆ มืดจะตายห่า ไม่กลัวเหรอวะ! แต่ก็ได้เพียงแค่คิดในใจเท่านั้น จะพูดไปก็กลัวว่าเด็กหนุ่มจะงอนเอาอีก

กูนี่ก็บ้า... บ้าไปแล้วแหงๆ

“ไกลก็ไกล ทางก็ชันฉิบหาย เดินขึ้นเหนื่อยหนักกว่าเดินลงอีก” เขาบ่นพึมพำ แล้วหันไปส่งสายตาดุๆ ใส่คนอ่อนวัยกว่า “เพราะใครนะ ทำให้ผมต้องมาเหนื่อยแบบนี้”

“เพราะคุณเตชิตนั่นแหละ ถ้ายอมผมดีๆ ก็ไม่ต้องเหนื่อยแล้วมั้ย”

“ยอมอะไรวะ ไอ้เด็กบ้า” ทันตแพทย์หนุ่มดึงมือตัวเองออก ทว่าเด็กหนุ่มจับไว้แน่น

“กลัวผมฉุดเข้าพงเหรอ”

“ถ้าฉุดตอนนี้ ผมกลัวว่าจะไม่เข้าพงน่ะสิ ผมยังไม่อยากตกดอยตายเว้ย”

คีรีหัวเราะ เขาเดินเคียงข้างทันตแพทย์หนุ่มไปเรื่อยๆ เดินไปก็ชำเลืองมองมือที่จับอีกฝ่ายไว้แล้วยิ้มกรุ้มกริ่ม เวลาผ่านไปสักพักใหญ่ๆ ก็ไปหยุดหอบกันตรงข้างรถที่จอดไว้

พอทั้งสองหนุ่มขึ้นนั่งในรถแล้ว เตชิตก็ขับออกไปช้าๆ ผ่านเส้นทางที่เพิ่งเดินหอบขึ้นมาเมื่อครู่ เขาต้องคอยระวังเป็นพิเศษ เพราะถนนที่คดเคี้ยว สูงชัน และเขาก็ไม่คุ้นเส้นทางเลยเสียด้วย

“ผมจะไปส่งคุณที่ตรงคอนโดฯ เหมือนเดิมนะ”

“ครับ”

เมื่อขับรถไปถึงคอนโดมิเนียม เตชิตก็เคลื่อนรถเข้าไปจอดเทียบทางเท้าตรงสวนสาธารณะที่เดิม “ถึงแล้ว หรือจะเปลี่ยนใจให้ผมไปส่งที่หอ”

“ส่งตรงนี้ล่ะครับ”

“งั้นก็เชิญครับคุณชาย ต้องให้ลงไปเปิดประตูให้ด้วยมั้ย”

เด็กหนุ่มเอื้อมมือไปเขี่ยหลังมือของคนที่นั่งอยู่ด้านหลังพวงมาลัย พลางพูดเสียงอ้อน “ยังไม่อยากลงเลย” แต่ไม่เป็นผล เพราะอีกฝ่ายดึงมือออกแล้วทำมือไล่

“ลงไปไวๆ พรุ่งนี้ผมต้องทำงานแต่เช้านะคุณ”

คีรีเบ้ปากเล็กน้อย ก่อนจะก้าวลงจากรถช้าๆ

“อย่าลืมถุงเสื้อของคุณด้วย”

เด็กหนุ่มเปิดประตูด้านหลัง หยิบถุงออกไปแล้วยื่นหน้ากลับเข้ามาทางประตูหน้า พร้อมกับยื่นธนบัตรใบละหนึ่งร้อยให้ทันตแพทย์หนุ่ม “ใช้หนี้ครับ”

พอเตชิตเอื้อมมือมารับ เขาก็กุมมืออีกฝ่ายไว้ “เป็นหนี้ ที่จริงก็ควรต้องคิดดอกเบี้ยด้วยนะครับ คิดเยอะๆ หน่อยก็ได้ ผมจะได้ใช้หนี้ได้นานๆ เอ๊ะ ไม่สิ เอาตัวผมไปแทนดอกเบี้ยเลยดีกว่า”

ทันตแพทย์หนุ่มชำเลืองมองคนที่ปล่อยมุกลุงๆ ใส่เขาอย่างเอือมๆ “ไปได้แล้วเว้ย ผมจะได้กลับสักที”

“คุณเตชิตอ่า”

“อะไรอีกล่ะ”

“ราตรีสวัสดิ์นะครับ”

“เออๆ”

“คิดถึงผมบ้างนะ”

เตชิตไม่ตอบ หากทำมือไล่อีกรอบ

คีรีปิดประตูรถอย่างอ้อยอิ่ง แล้วก็ยืนมองทันตแพทย์หนุ่มเคลื่อนรถออกไป จนลับสายตา


*TBC*


/ไว้อาลัยให้หมอเต้สามวิ

จะรอดเงื้อมือเด็กดอยได้ไงเนี่ยพ่อคุณ แพ้หมดจดทุกหนทาง โถ พ่อนักรัก(เพื่อนวินเท่านั้น)

มีใครตกหลุมรักเด็กดอยล้ำหน้าหมอเต้ไปแล้วบ้างค้า อิอิ

ฮัสกี้จะพยายามลงให้ได้อาทิตย์ละตอนนะคะ หรือถ้าตอนไหนแบ่งลงได้จะรีบเอามาทยอยลงทีละครึ่ง (จะได้ดูเหมือนลงถี่ กร๊าก) ขอบคุณคนอ่านที่น่ารักทุกคนเลยยยย รักน้า จุ๊ฟฟฟฟ

 

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-10-2018 01:49:35 โดย BaoBao »

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
เด็กดอยเล่นใหญ่มากกกก 555

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
หมอเต้แพ้เด็กดอยทุกทางแบบนี้ คงอีกไม่นาน  :hao6:

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
เด็กดอยรู้จุดอ่อนหมอเต้ใช่ไหม
เล่นใหญ่มากอ่ะบอกเลย

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
มันต้องเป็นแผนของเด็กดอย

ออฟไลน์ bpyt

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
แพ้ทางเด็กดอยเหรอหมอเต้ 555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ 19th

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
หมอเต้ก็เหมือนจับสังเกตได้แล้วนะ แต่พอโดนเด็กเล่นใหญ่ใส่ก็คิดไม่ทัน  :m20:

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6

ออฟไลน์ fammykiki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
มีเงื่อนงำ คีรีมีเบื้องหลังแน่

ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1290
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3
คล้ายๆ ฝั่งรุก จะขี้อ่อย และกะหล่อนตาใสๆ

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
น้องคีรีดูท่าทางแพรวพราว และรู้จุดอ่อนของหมอเต้เข้าแล้วนะครับเนี่ย

ออฟไลน์ killua1a

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
เด็กดอยคนนี้แผนเยอะนะจ๊ะ คีรีเหมือนจะเป็นทายาทร้านอาหาร โรงแรมหรือว่าห้างด้วยใช่ไหม ไม่งั้นคงไม่ต้องปิดหน้าปิดตาตอนไปเดินห้างหรอก

ออฟไลน์ darling

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1741
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-7
หมอเต้โดนเด็กหลอกจนได้  :mew4:

ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
คือสงสัยว่าน้องคีรี คุณคีรี ฮีเป๋นไผ่น่อ ที่แน่ๆ ต้องรวย เป็นเจ้าของโรงแรม ร้านอาหาร แล้วที่ห้างน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง
อายุ 18ปี? จริงๆใช่ป่ะค่ะ โดนเด็ก?ล่อลวงวนต่อไปค่ะหมอเต้  :m20: ต้องเรียกน้องแสนดีมาเป็นตัวช่วยซะล่ะ  :katai3:
     :L2:    :pig4:   :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
แพ้ซะแล้วหมอเต้ แพ้แบบหมดรูปด้วยใจอ่อนแบบนี้ก็เสร็จเด็กมันซิค่ะหมอเต้

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ตำราโบราณกล่าวไว้ว่า

รู้เขารู้เรา  รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง

็ก็เด็กดอยอ่ะ เขารู้จักหมอเต้ทะลุปรุโปร่ง

ในขณะที่หมอเต้อ่ะ ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเด็กดอยเลย  ได้แต่มโนไปวัน ๆ

จะไม่ให้หมอเต้แพ้ราบคาบได้ไงหล่ะ

ออฟไลน์ PsychePie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
เมื่อมีความป๋าของหมอเต้ ความโป๊ะของคีรีก็ต้องตามมาในไม่ช้าแน่นวลลลลล

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
หมอก็แพ้ทางเด็กอีกตามเคย คาดว่าจะชนะก็ตอนที่หมอรู้ว่าเด็กวางแผนดักจับหมอเอาไว้


 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ฟมอเต้ไม่รอดแน่ท่าทางคีรีจะรู้ทุกอย่างของหมอเต้เลยนะเนี้ย

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
หมอเต้ตอนนี้กับตอนโน้นยังกับคนละคนกันเลย55555 ตอนนี้คือแพ้ทางเด็กดอยมาก

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
หมอเต้​  แพ้ทาง​ ไม่ทันเด็ก :mew4:

ออฟไลน์ huskyhund

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1093/-4


Chapter 6 : เยือนลำพูน


ไอ้เด็กเวรเอ๊ย! ไอ้ท่าทางอาลัยอาวรณ์ทุกครั้งก่อนจากกันมันคืออะไรกันแน่วะ!

เตชิตก้มหน้าลงมองโทรศัพท์มือถือ โยนไว้บนโต๊ะตรงหน้าโซฟาในห้องพักของตนแล้วยกมือขึ้นกุมขมับ

คราวนี้คีรีหายเงียบไปเกือบจะสองสัปดาห์แล้ว เงียบแบบไม่มีวี่แววว่าจะยังมีชีวิตอยู่ตามเคย เบอร์โทรศัพท์มีก็ไม่โทรมาหา ไม่มีแม้แต่ข้อความสั้นๆ ส่งมา ไอ้จะให้เขาโทรไปเองน่ะเรอะ ฝันไปเถอะ ทำไมเขาจะต้องเป็นฝ่ายโทรไปหาด้วยล่ะวะ คีรีกับเขา ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกันสักหน่อย

ทันตแพทย์หนุ่มจ้องมองกระถางเอื้องแซะที่วางอยู่บนโต๊ะ นึกอยากจะโยนออกไปทางนอกหน้าต่างซะให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็กลัวว่าจะโดนศีรษะไอ้เพื่อนรักที่วันนี้อยู่เวรและน่าจะกำลังกลับมาที่หอพักนี่ วันนี้เขาไม่ได้อยู่รอมันเหมือนทุกครั้ง เพราะรู้สึกปวดศีรษะ พอกลับมาถึงห้อง กินยานอนพักไปได้แป๊บเดียวก็ตื่นมานั่งมองโทรศัพท์นี่ละ

ทำไมไอ้เด็กนี่ชอบปั่นหัวเขาจังวะ ชาติที่แล้วเขาเคยไปเผาโรงงานปั่นไอศกรีมของญาติแม่งเหรอ กำลังพยายามทำให้เขานึกถึงรึไง เออ... เขาก็นึกถึงจริงๆ นั่นล่ะ แต่เพราะว่าการกระทำและคำพูดของอีกฝ่ายมันขัดๆ กันหรอกนะ เขาไม่ได้คิดถึงเว้ย!

เขาเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาใหม่ จากนั้นก็พิมพ์ข้อความส่งไปเร่งเพื่อนรัก ‘ไอ้สัสวิน ทำไมช้าจังวะ มึงเดินหรือกระดึ๊บเป็นหอยทาก กูหิวจะตายแล้วเนี่ย’



รวินท์กึ่งเดินกึ่งวิ่งกลับจากโรงพยาบาลตรงไปยังหอพักของตน ขณะที่สาวเท้าไป ได้ยินเสียงเตือนข้อความเข้าก็รีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดดู แล้วส่งข้อความกลับไป

‘หิวตายไปเลยสัส  กำลังรีบเดินไปที่หอโว้ย’

แต่ก่อนจะเดินไปถึงตึกหอพักแพทย์ก็พบกับเด็กหนุ่มในชุดพื้นเมืองทางเหนือ ใส่เสื้อผ้าฝ้ายคอจีน ตรงกระดุมเป็นแถบสีฟ้ามีลายปัก นุ่งกางเกงม่อฮ่อมสั้นเท่าเข่า บนศีรษะสวมหมวกลายผ้าทอมีพู่ตรงยอด สวมรองเท้าแตะหนังสีน้ำตาล อุ้มถุงกระสอบต้นฉบับบาเลนเซียก้าไว้ด้วยแขนทั้งสองข้าง สะพายย่ามผ้าทอ และสะพายเป้ใบใหญ่อีกใบที่หลัง

รวินท์ชะงัก มองเด็กหนุ่มที่กำลังหมุนตัวมองไปรอบๆ อย่างงงๆ ดูท่าอีกฝ่ายก็คงกำลังงงอยู่เช่นกัน

จะว่าไป ดูเหมือนเพิ่งจะลงมาจากดอยไหนสักดอยเลยว่ะ

ทันตแพทย์หนุ่มเดินเข้าไปหาคนอ่อนวัยกว่า “สวัสดีครับ หลงทางรึเปล่าน่ะ”

เด็กหนุ่มหยุดกึก จ้องคนตรงหน้าเขม็ง จ้องจากศีรษะจดปลายเท้า แล้วจากปลายเท้าขึ้นไปบนศีรษะอีกรอบ “คุณหมอ... เอ่อ...”

“โห จ้องซะผมนึกว่าจะเอาถุงนั่นทุ่มใส่ผมซะแล้ว” รวินท์แจกยิ้มโปรยเสน่ห์แบบที่ทำเป็นประจำ “จะไปไหนเหรอครับ มาหาใคร เผื่อผมช่วยบอกทางได้นะ”

“ผมมาหาคุณหมอเตชิตคับ หมอเปิ้นว่าพักอยู่หอพักแพทย์ตี้นี่ คุณหมอฮู้จักก่อครับ” (ผมมาหาคุณหมอเตชิตครับ หมอว่าพักอยู่หอพักแพทย์ที่นี่ คุณหมอรู้จักมั้ย)

“โอ๊ะ!” ทันตแพทย์หนุ่มเลิกคิ้วขึ้น จะว่าไป... ไอ้เต้เคยเล่าเรื่องเด็กชาวเขาให้ฟังนี่หว่า เด็กที่เจอเมื่อตอนไปเชียงราย แล้วก็หายหัวไปด้วยกันที่เชียงใหม่

คราวนี้เป็นทีของรวินท์ที่จะส่องเด็กหนุ่มจากศีรษะจดปลายเท้าบ้าง เขาขมวดคิ้ว เดินสำรวจไปรอบๆ ตัวอีกฝ่ายช้าๆ

“คุณหมอ ผมเป๋นคนดีนะ ผมบ่าได้จะมาวางระเบิดหอพักนะคับ!” (คุณหมอ! ผมเป็นคนดีนะ! ผมไม่ได้จะมาวางระเบิดหอพักนะครับ!)

รวินท์ยังคงพิจารณาคนอ่อนวัยกว่าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“ผมหนั๊กนะคุณหมอ” (ผมหนักนะคุณหมอ)

“คุณคือคีรีรึเปล่า”

เจ้าของชื่อเรียกเบิกตากว้าง “คุณหมอฮู้ได้ได” (คุณหมอรู้ได้ไง)

รวินท์เลิกคิ้วขึ้น “ใช่จริงด้วยแฮะ” เขาเดินวนสำรวจเด็กหนุ่มอีกรอบ แล้วยิ้มกว้าง พร้อมกับเอื้อมมือไปหา “มาๆ ผมช่วยถือ หิ้วของมาพะรุงพะรังเชียว เดี๋ยวผมเรียกหมอเตชิตให้นะ”

“มันหนั๊กคับ  ผมถือเองดีกว่า” (มันหนักครับ ผมถือเองดีกว่า)

“โห คนอื่นจะเห็นว่าผมแล้งน้ำใจมั้ยเนี่ย” ทว่าอีกฝ่ายยังกอดถุงกระสอบไว้แน่น รวินท์จึงได้แต่ถอนหายใจ “ไปๆ เดินไปด้วยกันก่อน”

ขณะที่ทันตแพทย์หนุ่มเดินนำไป คนอ่อนวัยกว่าก็เดินตามหลังมาใกล้ๆ เขาหันไปมอง ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาพิมพ์ข้อความส่งไปหาเพื่อนรัก

‘ลงมาข้างล่างหน่อย ด่วนมาก มีเซอร์ไพรส์เว้ย’

พอเดินไปถึงใต้ตึก รวินท์ก็ชวนให้เด็กหนุ่มนั่งลงที่โต๊ะม้าหินด้วยกัน “นั่งก่อน เอาถุงวางได้แล้ว”

“แล้วคุณหมอเตชิต...”

“เดี๋ยวลงมา รอแป๊บนะ”

“ขอบคุณคับ” คีรีค่อยๆ วางถุงกระสอบ ยกมือไหว้แล้วนั่งลงบนม้านั่ง “คุณหมอ เอ่อ...”

“ผมชื่อวินนะ เป็นเพื่อนซี้กับหมอเต้ หมอเตชิตนั่นล่ะ” พอทันตแพทย์หนุ่มแนะนำตัวไป อีกฝ่ายก็จ้องเขาอีกแล้ว จ้องเหมือนจะมองให้เห็นไปถึงสมองในกะโหลกของเขาอย่างไรอย่างนั้น “มีอะไรเหรอ”

“คุณหมอ... หล่ออย่างกับดาราในทีวีเลยคับ”

รวินท์หัวเราะ “แล้วผมกับหมอเต้ ใครหล่อกว่า”

“คุณหมอคับ”

“เออๆ ดีๆ ปากดี เดี๋ยวผมซื้อหนมเลี้ยง”


เสียงประตูเปิดออกพร้อมกับเสียงโวยวายดังแว่ว

“ไอ้วิน! มาช้าแล้วยังเสือกเรียกให้กูลงมาทำไมอีก! กูหิว...” เตชิตชะงักกึกเมื่อเห็นเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่กับรวินท์ “เฮ้ย!”

คีรีลุกขึ้น ยิ้มแล้วยกมือไหว้ “สวัสดีคับอ้ายเตชิต”

“เอ่อ...” เจ้าของชื่อเรียกนิ่งอึ้ง พอหันไปสบสายตารวินท์ อีกฝ่ายก็นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ดูจะสะใจที่ได้เห็นเขาตกใจจนผมแทบหงอก เขารีบคว้าแขนรวินท์ให้ลุกขึ้น แล้วหันไปบอกเด็กหนุ่ม “นั่งรอเดี๋ยวนะ”

สองหนุ่มเดินห่างออกไปจากโต๊ะเล็กน้อย แล้วสุมหัวกระซิบกัน “มึงไปเก็บไอ้เด็กนี่มาจากไหนวะ!”

“ก็เห็นหอบของเดินงงๆ อยู่ เลยสอยมาด้วย คนรู้จักมึงไม่ใช่เหรอ ทักทายกันดีๆ หน่อยสิวะ เด็กมันอุตส่าห์มาหาถึงนี่”

“เออ มันก็ใช่”

“ทำไมทำหน้าแปลกๆ วะ เขามาทวงค่าแชร์เหรอ”

“เปล่าเว้ย! แล้ว... นี่มึงคุยอะไรกับเขาไปบ้างวะ”

“ก็ไม่ได้คุยอะไรมาก แค่ถามเขาว่ามาหาใคร เขาก็บอกว่ามาหามึง แค่นี้แหละ” รวินท์ขมวดคิ้วหรี่ตามอง “แน่ะ มึงมีซัมทิงปิดบังกูเหรอ”

“ไม่มีเว้ยสัส!” เตชิตถอนหายใจ ก่อนจะเดินกลับไปที่โต๊ะ “มาไงน่ะเรา”

“ก่อนั่งรถมากะคับ” (ก็นั่งรถมาน่ะสิครับ)

“ไม่เจอกันแป๊บเดียวลืมภาษากลางอีกแล้วเรอะ”

คีรีหันไปทางคนที่ยืนอยู่ข้างเตชิต “เอ่อ...”

“ไอ้วินมันใจดีกว่าผมอีก มันไม่หัวเราะคุณหรอกน่ะ” เตชิตหันไปบอกเพื่อนรัก “เขาพูดภาษากลางได้ แต่เขินจัด กลัวพูดแล้วจะเพี้ยน”

“โห ไม่ต้องกลัวหรอก พูดได้ก็พูดเถอะนะ มันเข้าใจง่ายกว่าสำหรับพวกผม”

“ครับ” เด็กหนุ่มพยักหน้าหงึกๆ

“แล้วหอบอะไรมาเยอะแยะวะคุณ”

“ของฝากคุณเตชิตครับ ผมเอามาจากเชียงราย”

พอได้ยินสำเนียงของคนอ่อนวัยกว่า รวินท์ก็ขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป เขานั่งลงที่โต๊ะ แล้วดึงเตชิตให้นั่งลงมาด้วย “นั่งคุยกันเหอะ กูเมื่อย หิวจนจะหมดแรงแล้วเนี่ย”

“เออ ว่าแต่ทำไมวันนี้มึงออกเวรช้าวะ มีเคสฉุกเฉินเหรอ”

“เปล่าอะ แต่พี่เก๋อยู่คนเดียว เลยอยู่ช่วยพี่เขาก่อน” รวินท์หันไปทางเด็กหนุ่ม “คุณกินอะไรมารึยัง หิวมั้ย”

“ยังครับ ผมก็หิวเหมือนกัน” คีรีตอบพลางหันไปมองเตชิต พอรวินท์เห็นเช่นนั้นก็หันไปมองบ้าง

“หิวว่ะเต้”

“เออๆ จะออกไปหาอะไรกินมั้ยล่ะ”

“ผมมีหมูยอ ไส้อั่ว หมูทอด น้ำพริกหนุ่มด้วยนะ มีแคปหมูด้วย หอบมาเยอะเลยครับ เจ้านี้อร่อยมากด้วย” คีรีพูดพลางหันไปทางรวินท์ “มีน้ำพริกอ่องด้วยนะครับ ที่บ้านเพิ่งทำก่อนผมจะออกมาจากเชียงรายเอง คุณหมอชอบกินมั้ย แต่ไม่มีข้าวเหนียวนะครับ”

“โอ้โห...” แค่ได้ยินรวินท์ก็น้ำลายจะไหล เขาหันไปทำสายตาอ้อนเพื่อนรัก “กูอยากกินว่ะเต้”

เตชิตอยากจะบ้า ทำไมไอ้เด็กนี่มันช่างรู้วิธีเข้าหาจังวะ! หรือบนหน้าผากไอ้วินมีเขียนไว้ว่า สายแดก กันวะเนี่ย!

“ไอ้เต้ กูหิว”

พอเห็นสายตาอ้อนๆ ของเพื่อนรักแล้ว เตชิตก็ใจอ่อน เขาส่งกุญแจห้องให้ “มึงพาเขาไปรอที่ห้องละกัน เดี๋ยวกูไปซื้อข้าวเหนียวให้”

“เฮ้ย กูไปดีกว่า มึงกับเขาเพิ่งเจอกัน มีไรจะได้คุยกันก่อน มึงจัดของให้พร้อมด้วย เดี๋ยวซื้อข้าวเหนียวเสร็จกูจะรีบวิ่งขึ้นไปเลย”

“มึงหิวไม่ใช่รึไง วิ่งไหวเหรอวะ”

“ไหวดิ เพื่อแดกเนี่ยกูวิ่งไหว” รวินท์หันไปตบไหล่เด็กหนุ่มเบาๆ “รอแป๊บนะ เดี๋ยวผมไปซื้อข้าวเหนียวก่อน”

คีรียิ้มกว้าง “ครับ”

หลังจากรวินทร์วิ่งออกไป เตชิตก็หันไปทางเด็กหนุ่มพลางถอนหายใจหนักๆ “คราวนี้หายไปไหนมาอีกล่ะ”

“ผมกลับบ้านที่เชียงรายน่ะครับ”

“ที่บ้านคุณไม่มีสัญญาณโทรศัพท์รึไง นึกอยากจะหายหัวไปก็หายไปเฉย แล้วจู่ๆ ก็โผล่พรวดมาแบบไม่มีบอกมีกล่าว สนุกมากมั้ยวะ”

คีรีเอื้อมมือไปแตะแขนทันตแพทย์หนุ่ม “คุณเตชิตคิดถึงผมใช่มั้ยล่ะ”

“ไม่”

“แต่ผมคิดถึงคุณเตชิตมากเลยนะ อุตส่าห์อดทนไม่ติดต่อคุณ เผื่อคุณจะคิดถึงผมแล้วโทรหรือส่งข้อความมาหากันบ้าง แต่คุณก็ใจร้ายไม่เปลี่ยนเลย”

“.....”

“หน้าบึ้งจัง โมโหใครมารึเปล่าครับ”

จะโมโหใครได้วะ ก็ไอ้คนที่มาๆ หายๆ เป็นผีบ้านี่แหละ

“โกรธผม...ที่ไม่ติดต่อมาหาคุณเตชิตเหรอครับ” คีรียิ้มมุมปากพลางลุกขึ้นไปนั่งเบียดทันตแพทย์หนุ่มที่นั่งอยู่บนม้านั่งใกล้กัน “ถ้าคุณอยากให้ผมทำอะไร ก็บอกสิ ถ้าอยากให้ติดต่อมาทุกวันก็บอกเลย ผมจะทำตามที่คุณบอก”

ไอ้เด็กนี่มันต้องเป็นอีกภาคของไอ้วินแน่ๆ จะปั่นหัวชาวบ้านเก่งไปไหนวะ! ดีนะที่เขาก็ฝึกรับมือกับไอ้วินมานานน่ะ!

“อยากให้ผมบอกเหรอ”

เด็กหนุ่มพยักหน้าหงึกๆ

“คุณอยากติดต่อมาเมื่อไหร่ก็เรื่องของคุณ คุณเห็นว่าผมสำคัญกับคุณแค่ไหนก็ติดต่อมาเท่านั้นละกัน”

คีรีชะงัก “โห เล่นงี้เลยอะ แบบนี้ผมไม่ต้องย้ายมาอยู่กับคุณเตชิตเลยเหรอครับ”

ทันตแพทย์หนุ่มลุกขึ้น แล้วเอื้อมมือไปจับหูหิ้วของถุงกระสอบ “ไปเหอะ ขึ้นไปรอข้างบนก่อน”

“ผมถือเอง มันหนัก”

“ก็เพราะหนักน่ะสิ ผมเลยจะช่วยไง”

คีรีถอดเป้ส่งให้อีกฝ่าย “งั้นคุณเตชิตถือเป้ผมละกัน”

“ตามใจ” เจ้าของชื่อเรียกคว้าเป้ แล้วสาวเท้าเดินฉับๆ ออกไป ที่จริงเขาไม่ได้อยากจะพาเด็กหนุ่มขึ้นไปที่ห้องนักหรอก แต่ถ้าไอ้วินกลับมาพร้อมข้าวเหนียวแล้วยังไม่มีอาหารจัดไว้บนโต๊ะล่ะก็ ต้องมีก่องข้าวน้อยฆ่าเพื่อนเกิดขึ้นแหงๆ

คนอ่อนวัยกว่าเดินตามทันตแพทย์หนุ่มไปเงียบๆ ขึ้นลิฟต์โดยสารไปถึงชั้นห้า ตรงไปที่ห้องของอีกฝ่าย

“โอ้โห ห้องพักหมอนี่ใหญ่ดีจัง มีตั้งหลายห้อง” เด็กหนุ่มหันมองไปรอบๆ  เดินไปจับกระถางเอื้องแซะพร้อมกับอมยิ้มเล็กน้อย “ยังอยู่ดีด้วยแฮะ คุณเตชิตคงจะดูแลดีเนอะ น่าอิจฉา”

“อย่ามัวแต่โอ้เอ้น่ะ มาจัดโต๊ะก่อน เดี๋ยวไอ้วินโมโหหิว”

“ครับๆ” คีรีรีบเปิดถุงกระสอบ หยิบอาหารที่เตรียมมามากมายวางลงบนโต๊ะ จากนั้นสองหนุ่มก็ช่วยกันแกะใส่จาน

เด็กหนุ่มแกะไปก็ลอบมองเตชิตซึ่งก้มหน้าก้มตาแกะถุงน้ำพริกอ่องอย่างตั้งใจ “คุณเตชิตดูจะเกรงใจหมอวินมากเลยนะครับ”

เตชิตหยุดกึก แต่แล้วก็แกะถุงเทน้ำพริกอ่องลงในชามต่อ “ก็ใช่”

“หมอวินชอบกินน้ำพริกอ่องเหรอ”

“อือ ชอบมาก”

คีรีจัดอาหารต่อไปอย่างเงียบๆ สีหน้าเจื่อนลงไปเล็กน้อย “หมอวินน่ารักดีนะครับ ทั้งหล่อ ทั้งน่ารัก เป็นคนที่มีเสน่ห์มาก”

“อย่าหลงเสน่ห์มันก็แล้วกัน ผมบอกเลยว่าคุณไม่มีหวัง” เตชิตพูดเสียงเรียบ

เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้น “ทำไมเหรอครับ”

“ก็ไม่ทำไม แค่ผมรู้จักไอ้วินดีก็เท่านั้น”

“ถ้างั้น... แล้วกับคุณเตชิตล่ะ ผมมีหวังมั้ย”

เจ้าของชื่อหันไปประสานสายตากับคนอ่อนวัยกว่า ยังไม่ทันพูดอะไรก็ได้ยินเสียงฝีเท้าตึกๆ ดังแว่วมาจากทางหน้าห้อง เขาจึงทำเป็นเมินเด็กหนุ่ม ลุกขึ้นพรวดแล้วตรงไปเปิดประตูห้องรอ พอเห็นเพื่อนรักวิ่งเหงื่อโซมกายเข้ามาหาก็หัวเราะลั่น “มึงไปตกน้ำที่ไหนมาวะ!”

“แม่ง ร้อนฉิบหาย! ร้านที่ซื้อประจำปิด ต้องเดินไปอีกตั้งไกล กูจะเป็นลม!”

เตชิตถลาเข้าไปประคองเพื่อนรักซึ่งทิ้งตัวลงในอ้อมแขนเขาพลางหอบฮักๆ “ก็กูบอกจะไปซื้อให้ก็ไม่เอา” ก่อนจะลากอีกฝ่ายเข้ามาในห้อง

“ก็มึงบอกว่าไม่ค่อยสบายนี่หว่า”

เตชิตยิ้มบาง พร้อมกับยกมือขึ้นเขกศีรษะเพื่อนรักเบาๆ “ห่วงไม่เข้าเรื่อง กูแค่ปวดหัว แค่กินยานอนพักก็หายแล้วมะ”

สายตาของทันตแพทย์หนุ่มทั้งสองที่มีให้กัน ทำให้เด็กหนุ่มที่นั่งหัวโด่อยู่เบือนหน้าหนีไปอีกทาง แล้วนิ่งค้างอยู่เช่นนั้นราวกับรูปปั้น

“เดี๋ยวเอาผ้ามาเช็ดเหงื่อให้ นั่งลงตากพัดลม ดื่มน้ำให้ใจเย็นไปก่อน”

“อือ” รวินท์ทิ้งตัวลงนั่งบนเบาะรองนั่งหน้าโต๊ะญี่ปุ่นที่เตชิตใช้เป็นโต๊ะอาหาร จากนั้นก็ยกแก้วน้ำขึ้นดื่มฮักๆ

คีรีชำเลืองมองอีกฝ่าย ถอนหายใจเบาๆ แล้วเอื้อมมือไปเลื่อนพัดลมให้

“ขอบใจนะ”

พอเห็นรอยยิ้มของรวินท์ เด็กหนุ่มก็ก้มหน้าลงมองพื้น

ทันตแพทย์หนุ่มขมวดคิ้ว “เป็นอะไร หมอเต้แกล้งอะไรเหรอ ทำหน้าจ๋อยเชียว”

“กูเปล่านะ” เตชิตนั่งลงข้างกัน แล้วใช้ผ้าชุบน้ำบิดหมาดซับเหงื่อเพื่อนรักให้ ซึ่งอีกฝ่ายก็ยื่นหน้าให้เช็ดเป็นอย่างดี

“เต้ กินกันเหอะ หิวอะ” รวินท์หยิบถุงข้าวเหนียวออกมาแจก เสร็จแล้วก็หันไปจ้องอาหารที่จัดเรียงอยู่บนโต๊ะตาเป็นประกาย

คีรีเลื่อนชามน้ำพริกอ่องไปใกล้ๆ “เชิญคุณหมอเลยครับ ชอบน้ำพริกอ่องใช่มั้ยครับ”

“ใช่ เต้บอกเหรอ”

“ครับ”

รวินท์หันไปหยิกแก้มเพื่อนรักเบาๆ “น่ารักนะมึงน่ะ” จากนั้นก็ก้มหน้าก้มตาโกยอาหารใส่ปาก โดยที่ไม่ได้สนใจสายตาของเตชิตและเด็กหนุ่มที่นั่งร่วมโต๊ะด้วยเลย เพราะสำหรับรวินท์แล้ว เวลานี้เรื่องกินสำคัญที่สุด

ส่วนเตชิตน่ะหรือ กินไปก็หันมองเพื่อนรักไป แล้วก็อมยิ้ม เพราะเวลาไอ้วินมันกินของถูกใจ หน้าตามันจะฟินมากๆ เขาอยากจะถ่ายรูปส่งไปกวนประสาทไอ้พิงค์เสียจริงๆ ไอ้เด็กเวรนั่นคงสรรหาคำมาด่าเขากลับได้ยาวไปจนถึงเที่ยงคืน คิดไปพลางหัวเราะออกมาเบาๆ

คีรีจ้องทั้งสองคนอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะลดสายตาลงมองจานข้าวตัวเอง เขาตักอาหารใส่ปากช้าๆ พยายามจะไม่สนใจทันตแพทย์หนุ่มทั้งสองคนอีก


(มีต่อค่ะ)


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-10-2018 21:51:14 โดย huskyhund »

ออฟไลน์ huskyhund

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1093/-4


เมื่อเริ่มอิ่มท้อง รวินท์จึงลดสปีดลงแล้วชวนสองหนุ่มในโต๊ะพูดคุยบ้าง “คีรีมาจากเชียงรายใช่มั้ย ผมกับเต้ก็มีเพื่อนอีกสองคนอยู่ที่เชียงรายนะ เป็นหมอ อยู่แม่สาย ถ้าป่วยก็แวะไปหาได้”

เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มบาง “ผมเพิ่งไปแถวนั้นมาเลย แต่คงไม่ได้ไปอีกบ่อยๆ หรอกครับ เพราะตอนนี้ผมอยู่เชียงใหม่เป็นหลัก”

รวินท์ขมวดคิ้ว ก่อนจะโน้มตัวเข้าไปหาพร้อมกับจ้องใบหน้าคนอ่อนวัยกว่า “สำเนียงคุณแปลกจริงๆ ด้วยแฮะ”

คีรีทำหน้าเลิ่กลั่ก พูดเสียงตะกุกตะกัก “ปะ...แปลกมากเลยเหรอ...ครับ”

“เปล่าหรอก คือแบบ...ที่โรงบาลก็มีคนเหนือพูดภาษากลางเยอะนะ แต่สำเนียงคุณไม่ค่อยเหมือนพวกเขาเลยอะ ว่ามะ ไอ้เต้”

“ก็คีรีเป็นชาวเขาด้วยอะมึง” เตชิตแก้ต่างให้

“เออ จริงด้วย ขอโทษที ผมไม่ค่อยได้ยินสำเนียงชาวเขาพูดภาษากลางบ่อยสักเท่าไหร่” รวินท์หัวเราะแหะแหะ “แล้วคุณเป็นชาวเขาเผ่าไหนเหรอ”

เด็กหนุ่มนิ่งไปชั่วครู่แล้วจึงตอบ “ในเชียงรายมีชาวเขาหลายเผ่า มีทั้งม้ง อาข่า มูเซอ แต่ผมเกิดในเมืองครับ ที่บ้านอู้กำเมืองเป็นหลัก”

หมายความว่าไงวะ เป็นลูกผสมหลายเผ่าเหรอ?

คนถามเอียงคอเล็กน้อย แปลกใจที่คนอ่อนวัยกว่าตอบไม่ตรงคำถาม อาจจะลำบากใจที่จะตอบ หรือฟังเขาไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่อยากถามอีกรอบให้อีกฝ่ายรู้สึกอึดอัด กลัวจะเสียมารยาทด้วย

“แล้วบ้านน้ำอิงเผ่าอะไร” เตชิตถามบ้าง

“ม้งครับ”

“ทำไมคุณไม่แต่งตัวแบบบ้านน้ำอิงบ้างล่ะ”

“ผมก็มีชุดนะ คุณเตชิตอยากเห็นเหรอครับ” คีรียิ้มมุมปาก “แต่คุณคงต้องตามผมไปที่บ้านที่เชียงรายนะครับ”

พอได้คำตอบมาแบบนั้น ทันตแพทย์ทั้งสองก็สรุปเอาเองอย่างงงๆ ว่าคีรีคงจะเป็นชาวเขาเผ่าม้งที่เกิดในเมืองนั่นละ

แต่แล้วรวินท์ก็จ้องมองเด็กหนุ่มอีก เขายังรู้สึกตงิดๆ ชอบกล ก่อนจะเอื้อมมือไปจับคางอีกฝ่าย

“เฮ้ย ไอ้วิน ทำไรวะ” เตชิตเลิกคิ้วขึ้น

“ไหนยิงฟันให้ผมดูหน่อยซิ”

คีรีเบิกตากว้าง หน้าซีดลงไปเล็กน้อย เขารีบจับข้อมือทันตแพทย์หนุ่มไว้ “ผะ... ผมกินอยู่นะคุณหมอ อย่าดีกว่าครับ”

“เออจริงด้วย โทษที” รวินท์ดึงมือกลับ เขาขมวดคิ้ว มองสำรวจเด็กหนุ่มอีกครั้งแล้วหันไปทางเตชิต

“มีอะไรวะ”

“กูว่า...” ทันตแพทย์หนุ่มหันกลับไปส่งสายตาดุๆ ใส่คนอ่อนวัยกว่า ซึ่งอีกฝ่ายก็ก้มหน้าหลบทันที “ช่างเหอะ เอาไว้ก่อนละกัน” จากนั้นเขาก็นั่งกินอาหารต่อไปเงียบๆ จนอิ่ม

พออิ่มกันแล้ว เตชิตกับคีรีก็ช่วยกันยกจานชามไปไว้ในครัว

“ผมล้างให้นะคุณเตชิต”

“อือ ผมช่วย”

รวินท์นั่งไปก็ชะเง้อมองสองหนุ่มในครัวไป อันที่จริง เขาเองก็เคยรักษาฟันให้คนไข้ที่เป็นชาวเขามาหลายคน ทำให้รู้สึกว่าเด็กคีรีนี่ไม่เหมือนชาวเขาทั่วไปสักเท่าไหร่ ถึงจะพยายามหาอะไรมาโต้แย้ง เช่นอาจจะเพราะเด็กหนุ่มเกิดในเมือง แต่ก็น่าสงสัยอยู่ดี เพราะมันมีบางสิ่งบางอย่างสะกิดใจเขาเหลือเกิน

สักพักเตชิตก็เดินกลับมาพร้อมกับเด็กหนุ่ม ก่อนจะนั่งลงบนเบาะที่เดิม

“เออ แล้วคุณพักที่ไหนล่ะ เดี๋ยวผมไปส่ง”

“คือ... ผมไม่ได้หาที่พักไว้หรอก แต่คุณเตชิตจะไปเชียงใหม่พรุ่งนี้ใช่มั้ย ผมจะขอติดรถไปด้วย”

รวินท์นั่งเท้าคางอยู่กับโต๊ะ พอได้ยินที่เด็กหนุ่มพูดก็คิ้วกระตุกเล็กน้อย จากนั้นก็หันขวับไปทางเพื่อนรัก

“ได้น่ะได้อยู่ แต่คุณมาลำพูนยังไงเนี่ย ทำไมไม่หาที่พักไว้”

“ก็ติดรถคนรู้จักมา แต่เขามาถึงแค่ลำพูนนี่ครับ”

รวินท์พยักหน้าหงึกๆ อือ... ไอ้เด็กนี่ทำหน้าเศร้าเรียกความสงสารเก่งแฮะ หน้าซื่อๆ กับตาใสๆ ทำให้รู้สึกว่าน่าเอ็นดูมากๆ ซะด้วย ขนาดเขานั่งมองนั่งฟังเฉยๆ ยังรู้สึกสงสารเลย แล้วไอ้เต้ยิ่งสุดแสนจะเซนส์สิถีพกับชาวเขาซะด้วย จะเหลือเรอะ เมื่อหันไปทางเพื่อนรักก็เห็นว่าอีกฝ่ายถอนหายใจเฮือกๆ แล้วยกมือขึ้นกุมขมับ

“คืนนี้ก็นอนบนโซฟาตรงนั้นไปละกัน”

นั่น...กูว่าแล้วเชียว

“งั้นคืนนี้กูจะมานอนกับมึงด้วย” รวินท์หันขวับไปบอกเพื่อนรัก พอชำเลืองมองไปทางคีรีก็เห็นว่าอีกฝ่ายหลุดทำหน้ายุ่ง ทว่าเมื่อเขาหันหน้าไปสบตาด้วยก็เปลี่ยนเป็นทำหน้าเศร้าสลดทันควัน

ไอ้เด็กนี่มันไม่ธรรมดาแล้ว! แม่งเล็งเพื่อนกูชัดๆ! มารยาจัดซะด้วย!

เตชิตยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “ห่วงกูอ่อ”

ไอ้เวรนี่ก็หน้าระรื่นเหลือเกิน! รวินท์ทั้งต่อว่าและยกนิ้วกลางใส่อยู่ในใจ

เจ้าของห้องหันไปสบสายตาเด็กหนุ่มซึ่งนัยน์ตาฉายแววเศร้าออกมาอย่างไม่ปิดบัง แถมยังทำหน้าจ๋อย หูลู่หางตกเลยทีเดียว พอมาคิดๆ ดูแล้ว ถ้าหากไอ้วินมานอนด้วย คีรีคงฝันร้ายทั้งคืน แล้วเขาก็คงจะโดนต่อว่าว่าโคตรใจร้ายอีกจนหูชา ทันตแพทย์หนุ่มพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ

“กลับไปนอนห้องมึงนั่นแหละ ไม่ต้องห่วงหรอก คีรีเป็นเด็กดี ไม่ลุกขึ้นมาฆ่าปาดคอกูหรอกน่ะ อีกอย่าง...” เตชิตโน้มไปกระซิบชิดใบหูเพื่อนรัก “ถ้าเด็กมึงรู้เข้าว่ามานอนเตียงเดียวกับกูตามลำพัง มีหวังงอนไปอีกสามวันเลยนะเว้ย”

รวินท์ยิ้มแห้ง เขาไม่ได้กลัวไอ้เด็กนี่จะฆ่าปาดคอเพื่อนรัก แต่กลัวมันจะปล้ำเพื่อนเขาน่ะสิ! คิดแล้วก็หันไปบอกเด็กหนุ่ม “ผมกับเต้ขอตัวแป๊บนะ” ก่อนจะฉุดเพื่อนรักให้ลุกขึ้น แล้วลากออกไปคุยกันที่ระเบียงหน้าห้อง

“สัสเต้! แน่ใจนะมึงว่าไอ้เด็กนี่ไว้ใจได้อะ!”

“ไม่ต้องห่วงน่ะ เขาน่าสงสารออก ดูท่าจะกลัวมึงจนหงอ”

“อย่างกูนี่มีอะไรน่ากลัวตรงไหนวะ! แล้วเด็กนี่ก็น่าสงสัยมากนะมึง เหมือนมีอะไรปิดบังอยู่”

“เออ กูก็พอดูรู้เว้ย”

“เขาดูซื่อๆ ก็จริง แต่มึงดูหน้าตารูปร่างเขาดีๆ ถ้าจับแต่งตัวซะใหม่นี่ไม่ใช่ชาวเขาชาวเหนือชาวดอยอะไรนี่แล้วแน่นอน แค่ส่วนสูงก็ไม่ได้ละ หรือมึงเคยเห็นชาวเขาที่ไหนเหมือนนายแบบโว้กหลุดมาแบบนี้วะ คนธรรมดาทั่วไปยังหายากเลย สีผิวก็ไม่ใช่ขาวเหลืองแบบคนเหนือนะเว้ย เล็บงี้ตัดมาอย่างดี เป็นเงาเชียว เหมือนมีคนทำเล็บให้ ดูดีกว่าเล็บกูกับมึงอีก แล้วมึงเห็นฟันเขามั้ย ขาวจั๊วะ เนี้ยบกริบ แถมยังเรียงกันสวยเชียว กูว่าเขาต้องไปทำฟันเป็นประจำ มีหมอฟันคอยดูแลให้อย่างดีแน่ๆ อะ!”

ที่จริงตัวเขาเองก็สงสัยเหมือนไอ้วินนั่นละ ถึงได้พาคีรีไปซื้อเสื้อผ้าใหม่ เพราะอยากจะเห็นเด็กหนุ่มเวลาแต่งตัวตามปกติเหมือนวัยรุ่นทั่วไป นอกจากรูปลักษณ์ภายนอกแล้วก็ยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่เขาสงสัย แต่ที่น่าแปลกก็คือ...

เขายังไม่คิดจะค้นหาความจริง อยากปล่อยไว้ให้เป็นแบบนี้ไปก่อน

เตชิตหัวเราะกลบเกลื่อน “โห มาเป็นชุดเลยเพื่อนกู เดี๋ยวนี้สังเกตเก่งฉิบหาย ไอ้พิงค์สอนมาดีเนอะ”

“สัส กูก็ไม่ได้สังเกตทุกคนหรอกโว้ย แต่เพราะนี่เป็นมึง เด็กนั่นเข้าใกล้มึงซึ่งเป็นเพื่อนรักของกู กูถึงต้องใส่ใจ”

“แต่คีรีอาจจะเป็นคนรักษาสุขภาพมากก็ได้น่า มันก็ไม่แปลกป่ะวะ อีกอย่างนะ เขาเพิ่งกลับจากบ้านที่เชียงราย ที่บ้านเขาอาจจะพัดวีเอาใจก่อนกลับมาทำงานก็ได้นะเว้ย”

“แต่มีหมอฟันประจำ ไปทำฟันบ่อยๆ มันมีค่าใช้จ่ายเยอะมากนะมึง”

“ไอ้วิน ถึงคีรีจะยังเด็กแต่เขาก็ทำงานนะ ทำงานโรงแรมใหญ่ๆ จะดูแลตัวเองหน่อยก็ไม่แปลกป่ะวะ บางทีโรงแรมอาจมีสวัสดิการให้พนักงานด้วย ไหนจะทิปที่ได้จากบรรดาแขกที่มาพักอีก มึงคิดมากไปแล้ว”

“แต่อายุแค่นี้ ทำงานอะไรในโรงแรมวะ”

“เห็นว่าจับฉ่าย มีอะไรให้ทำก็ทำหมด แต่ดูหน่วยก้านแล้วก็น่าจะเป็นพนักงานต้อนรับทั่วไปล่ะมั้ง”

รวินท์ขมวดคิ้ว ก็อาจจะจริงของเพื่อนรักแหละ เด็กคีรีนั่น ถึงจะเป็นชาวเขาแต่ก็เกิดในเมือง เพราะงั้นก็คงอยู่ในเมืองด้วย พูดภาษากลางได้นี่ ทำงานมีเงินจะไปหาทันตแพทย์ที่ไหนเมื่อไหร่ก็ได้ เขาคงระแวงมากไป เป็นห่วงเพื่อนเสียจนเกินเบอร์

“กูไม่สบายใจเลยว่ะเต้ กลัวไอ้เด็กนั่นจะมาหลอกอะไรมึง”

“เพื่อนมึงมีอะไรให้หลอกวะ จนกรอบพอๆ กับมึงนั่นละ”

“ไม่รู้เว้ย แต่กูรู้สึกว่าเด็กนั่นต้องการอะไรจากมึงแน่ๆ อะ มึงก็รู้ตัวอยู่ใช่มั้ยวะ”

เตชิตพยักหน้า “อือ กูรู้ แต่ไม่ต้องห่วงหรอกน่า เพื่อนมึงก็ไม่ได้โง่มะ”

“กูรู้ว่ามึงไม่โง่” รวินท์ถอนหายใจ เขารู้ว่าไอ้เพื่อนรักก็ผ่านร้อนหนาวมาเยอะไม่แพ้กัน ทว่ามันก็ไม่เคยปล่อยให้ใครเข้าถึงตัวได้ขนาดนี้เลยน่ะสิ “ทำไมมึงยอมให้ไอ้เด็กนั่นเยอะจังวะ เพราะเห็นว่าเป็นชาวเขารึไง”

“ก็คงงั้น” เตชิตยกมือขึ้นขยี้เส้นผมบนศีรษะของเพื่อนรักเบาๆ “ขอบใจมากเว้ย กูดีใจนะ ที่มึงเป็นห่วงกูขนาดนี้ ที่จริงกูก็อยากนอนกอดมึงนะ อุตส่าห์มีโอกาสทั้งที แต่กูกลัวไอ้พิงค์กระทืบไส้แตกมากกว่าว่ะ ไปเหอะ กลับห้องไปอาบน้ำแล้วรีบโทรไปเซ็กส์โฟนกับเด็กมึงเหอะไป”

“ไอ้เหี้ย! ยังไงมึงก็ล็อกห้องนอนด้วยละกัน!” รวินท์ยกนิ้วกลางขึ้นโชว์ พอเตชิตเดินกลับเข้าไปในห้อง เขาก็ชะโงกหน้าตามเข้าไป “ผมกลับห้องล่ะ ไปก่อนนะ”

“คุณหมอ” คีรีลุกขึ้น เดินออกไปหาคนที่ยืนอยู่หน้าห้อง แล้วส่งหยกร้อยพู่ไหมพรมให้ “ของฝากจากเชียงรายครับ”

รวิทย์ทำหน้าระแวงหนักกว่าเดิม ก็คนไม่รู้จักกัน ทำไมมีของฝากให้กันได้วะ “ทำไมถึงมีของฝากให้ผมด้วย”

“ผมเอาติดมาหลายอันน่ะครับ”

เออ... เขาอาจจะห่วงเพื่อนจนมองอีกฝ่ายแง่ร้ายไปก็ได้

“อือ ขอบใจนะ” รวินท์แจกยิ้มการค้า รับหยกร้อยพู่ไหมพรมมาแล้วเดินตรงไปยังลิฟต์โดยสาร แต่ถ้าหากเขาจะสังเกตสักนิด ก็จะรู้ว่าที่เอะใจน่ะ ถูกต้องแล้ว เพราะหยกในมือเขา แกะสลักเป็นรูปดอกบัว ซึ่งเป็นความหมายของคำว่า รวินท์ น่ะเอง

คีรียืนมองให้แน่ใจว่าอีกฝ่ายเดินเข้าลิฟต์ไปแล้วจึงผลุบกลับเข้าไปในห้อง เขาเดินไปยกมือไหว้เตชิต “ขอบคุณคุณเตชิตมากนะครับที่ให้ผมนอนด้วย”

“ไม่ได้ให้นอนด้วยเว้ย ให้นอนบนโซฟานู่น” เตชิตชี้ไปที่โซฟา “คุณจะอาบน้ำเลยมั้ย ถ้ายังผมจะไปอาบก่อน”

“เชิญเจ้าของห้องก่อนดีกว่า” เด็กหนุ่มเดินไปนั่งลงบนโซฟา ลากกระเป๋าเป้มารื้อหาเสื้อผ้า รอให้อีกฝ่ายเดินเข้าห้องอาบน้ำไปก่อนจึงค่อยหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดดู

สักพักเตชิตก็เดินออกมาจากห้องอาบน้ำ เขาใส่ชุดนอนขายาว เสื้อติดกระดุมเรียบร้อย เส้นผมยังเปียกอยู่นิดหน่อย เขาเดินไปล็อกประตูห้อง จากนั้นจึงหันไปบอกคนอ่อนวัยกว่า “ใช้ห้องน้ำได้ตามสบายนะ ถ้าหิวน้ำก็หาเอาในตู้เย็นในครัว เดี๋ยวผมเอาที่นอนหมอนกับผ้าห่มให้”

“ครับ ขอบคุณครับ”

เจ้าของห้องผลุบหายเข้าไปในห้องนอน ไม่นานก็เดินออกมาพร้อมที่นอนพับ หมอน และผ้าห่ม “เอ้า ลุกๆ”

“ผมทำเองได้ครับ” คีรีรีบลุกขึ้นรับของมาต่อจากทันตแพทย์หนุ่ม

“โอเค ฝันดีละกัน” เตชิตพูดจบก็ก้าวฉับๆ เข้าห้องนอนของตัวเองไป

คีรีเอาที่นอนปูทับบนโซฟา จัดวางหมอนและผ้าห่มเสร็จก็หยิบเสื้อผ้าขึ้นมา ก่อนจะเข้าห้องอาบน้ำไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าบ้าง จากนั้นก็กลับออกมานั่งหงอยบนโซฟาต่อ เขาถอนหายใจเฮือกๆ ค่อยๆ เอนตัวลงนอนช้าๆ ขณะที่สายตาจับจ้องอยู่ที่บานประตูห้องของทันตแพทย์หนุ่มแทบจะตลอดเวลา

แต่แล้วเด็กหนุ่มก็ลุกขึ้น เดินตรงไปหยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องนอนของเจ้าของห้อง เขายกมือขึ้นจับลูกบิดประตู แต่ก็ไม่กล้าทำอะไรมากไปกว่านั้น แม้แต่จะลองหมุนลูกบิดดูยังไม่กล้าเลย สุดท้ายก็ทำได้แค่เดินวนไปวนมาสลับพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ

ทว่าจู่ๆ ประตูห้องนอนก็เปิดออก เตชิตยืนทำหน้าเซ็งอยู่ที่ด้านหลังประตูนั้น “คุณเป็นแมวรึไง ออกหากินตอนกลางคืนเหรอวะ ห้องผมไม่มีหนูหรอกนะ”


*TBC*


พี่หมอเต้ก็ไม่ได้ใสซื่อหรอกนะเอ้อ เห็นพี่มึนๆ งงๆ แพ้ทางเด็ก แต่ที่จริงพี่ก็ใช่ย่อยเลยน้าาาา~ 555555

อย่างที่คุณDrSlumpบอก เด็กดอยดูเหมือนจะรู้จักพี่หมอเต้มาก่อน แต่หมอเต้ยังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเด็กดอยคนนี้เลย ที่พี่หมอเต้แก้ต่างให้คีรี ไม่ใช่เพราะพี่ใสซื่อนะเอ้อ พี่หมอก็สงสัยเหมือนหมอวินนั่นล่ะ ก็คงต้องค่อยๆ ปล่อยให้เด็กโป๊ะแตก หลุดอะไรออกมาให้พี่หมอเต้จับได้ตามที่คุณPsychePieบอกนะคะ อิอิ

ความรู้สึกของพี่หมอเต้กับคีรี เริ่มต้นจากความรู้สึกผิดจากคืนนั้น ความรู้สึกสงสาร พัฒนามาเป็นความเอ็นดู(ที่จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ) ส่วนเด็กดอยนั้น ก็พยายามแทรกตัวเองเข้ามาในความคิดของพี่หมอเต้เสมอๆ ค่ะ เอาใจช่วยน้องให้เอาชนะใจพี่หมอเต้ได้ในเร็ววัน ก่อนจะโป๊ะแตกนะคะ ฮี่ๆ
 
เด็กดอยยังไม่โป๊ะแตกเร็วๆ นี้ แต่เราใกล้ได้รู้ความจริงแล้วล่ะค่ะว่าชายเป็นใคร ไม่ได้เป็นเจ้าของห้างนะคะ 5555555 ขอบคุณคนอ่านทุกคนและทุกคอมเมนต์มากค่า  :mew1:



 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด