Beauty and the boy สวยๆเป็นผัว [อัพ ตอนพิเศษ {22/05/21}]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Beauty and the boy สวยๆเป็นผัว [อัพ ตอนพิเศษ {22/05/21}]  (อ่าน 159137 ครั้ง)

ออฟไลน์ Yoghurt

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-2
    • แฟนเพจ
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
 

- - - -- - - - - -- - - - - - -


Beauty and the Boy สวยๆเป็นผัว


ตัวละคร






ความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนที่เกิดขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ

แต่กลับทำให้หัวใจสั่นไหวทุกครั้งที่นึกถึง

ทั้งๆ ที่อยากลืมแต่กลับจำ ยิ่งหนีก็ยิ่งเจอ ยิ่งอยากห่างกลับยิ่งใกล้

ทั้งๆ ที่ปากบอกไม่ชอบเท่าไหร่ แต่หัวใจดันติดกัน

ความสัมพันธ์ในรูปแบบใหม่ของผู้ชายจริตออกสาวที่เป็นผัวที่สุด

ที่จะทำให้คุณยิ้ม ร้องไห้ และหัวเราะไปด้วยกัน

กับ

#สวยๆเป็นผัว

ดาบ: โปรดเรียกกูว่าดานี่ค่ะ!



:3123:สารบัญ :3123:
MINI INTRO
INTRO
สวยๆเป็นผัว ครั้งที่1
สวยๆเป็นผัว ครั้งที่2
สวยๆเป็นผัว ครั้งที่3
สวยๆเป็นผัว ครั้งที่4
สวยๆเป็นผัว ครั้งที่5
สวยๆเป็นผัว ครั้งที่6
สวยๆเป็นผัว ครั้งที่7
สวยๆเป็นผัว ครั้งที่8
สวยๆเป็นผัว ครั้งที่9.1
สวยๆเป็นผัว ครั้งที่9.2
สวยๆเป็นผัว ครั้งที่10
สวยๆเป็นผัว ครั้งที่11
สวยๆเป็นผัว ครั้งที่12
สวยๆเป็นผัว ตอนพิเศษHappy New again
สวยๆเป็นผัว ครั้งที่13
สวยๆเป็นผัว ครั้งที่14
สวยๆเป็นผัว ครั้งที่15
สวยๆเป็นผัว ครั้งที่16.1
สวยๆเป็นผัว ครั้งที่16.2
สวยๆเป็นผัว ครั้งที่17 
สวยๆเป็นผัว ครั้งที่18
สวยๆเป็นผัว ครั้งที่19
สวยๆเป็นผัว ครั้งที่20
สวยๆเป็นผัว ครั้งที่21
สวยๆเป็นผัว ครั้งที่22
สวยๆเป็นผัว ครั้งที่23
สวยๆเป็นผัว ครั้งที่24
สวยๆเป็นผัว ครั้งที่25
สวยๆเป็นผัว ครั้งที่25.2
สวยๆเป็นผัว ครั้งที่26
สวยๆเป็นผัว ครั้งที่27
สวยๆเป็นผัว ครั้งที่28
สวยๆเป็นผัว ครั้งที่29
สวยๆเป็นผัว ครั้งที่30
สวยๆเป็นผัว ครั้งที่31
สวยๆเป็นผัว ครั้งที่32
สวยๆเป็นผัว ครั้งที่33
สวยๆเป็นผัว ครั้งที่34
สวยๆเป็นผัว ครั้งที่35
สวยๆเป็นผัว ครั้งที่36
สวยๆเป็นผัว ครั้งที่37
สวยๆเป็นผัว ครั้งที่38
สวยๆเป็นผัว ครั้งที่39
สวยๆเป็นผัว ครั้งที่40  << ล่าสุด  :L2:


:L2:**ใครไม่มียูสในเล้าเป็ด อ่านแล้วฝากแท็ก #สวยๆเป็นผัว ในทวิตเตอร์ด้วยนะคะ :pig4: **
 


-----------------------------

ผลงานที่ผ่านมา (จบแล้ว)

:L2: One Night...คืนเดียวก็เสียวได้ [รุกฆาตxเลิฟ]

:L2: No limit...แรงรัก|กระแทก♥|ลึก [นักรบxฝา]

:L2:Mistakes หลงร้าย [ทัพหน้าxคาราเมล]


แฟนเพจอัปเดทนิยาย พูดคุยและทวงนิยายกันได้ทางนี้ทางเดิมนะจ๊ะ
  Yoghurt Duchy

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-05-2021 12:26:09 โดย Yoghurt »

ออฟไลน์ Yoghurt

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-2
    • แฟนเพจ
MINI INTRO





“ทำไม มองหน้าทำไม ไม่พอใจหรอคะแหม อย่ามากระเหี้ยนกระหือรือกับเจ๊นะ พูดเลยกูใหญ่สุดค่ะ”

“ก็ไม่เห็นจะใหญ่ไหมอ่ะ”

“มึงพูดอะไรคะ อะไรไม่ใหญ่ อยากโดนฟาดปากมึงอีกสักทีไหมคะ หนอยๆ มันน่านัก! ”

“ใครจะอยากยุ่งด้วยวะอิเจ๊ตุ๊ดปลอม”

“เอ๊ะ...บ่นทำปากมุบมิบอะไรคะ กูเห็นนะ คิดว่าปากเล็กๆ บางๆ สีชมพูจุ๋มจิ๋มของมึงนั่นมันน่าจูบมากงะ อ่อยกูอยู่ ดูออก! ”

“พ่องมึงสิอิเจ๊!! ”



.

.

.



“อิเอมคะ มึงว่าอาทิตย์นี้กูเปลี่ยนสีผมใหม่ดีมะ เอาเป็นสีอะไรดีคะ ทอง ชมพู หรือเป็น....”

“เป็นอะไรก็เป็น แต่ที่แน่ๆ เป็นตุ๊ด”

“เอ๊ะอินี่ บูลลี่กูหรอ ตุ๊ดอะไรแล้วทำไมคะ ตุ๊ดก็เอามึงได้แล้วกันค่ะ”

“เจ๊พี่มึง พูดไรวะ! ”

“อ๊ะๆ ทำเป็นเขินอาย หรือไม่จริง มึงพูดมามึงเถียงมาค่ะว่ากูไม่ได้เอามึง ถามสั้นๆ ว่ากี่ท่าดีกว่าไหม ถ้าเอวไม่เคร็ดอย่ามาเรียกกูอิดานี่”

“ให้เรียกอิดาบแทนสินะ”

“กรี๊ดดดดด แสลงรูหู! ”



.

.

.



“มันจะมีจริงๆ หรอวะ พระเอกที่เหมือนในละคร เหอะ พูดแล้วอยากจะขำ แม่งไม่มีหรอก คนที่รักและทำเพื่อเราได้ขนาดนั้น ...”

“มึงพูดแบบนี้หมายความว่าไงคะ...”

“ก็แล้วมันไม่จริงหรอวะ คนดีๆ ที่จะมาดึงเราให้เข้าไปอยู่ในโลกใบใหม่แบบในละคร แม่งไม่มีหรอกว่ะ”

“ก็กูไงคะ ...เอ๊ะ มองกูแบบนั้นหมายความว่าไง กูไม่เหมาะที่จะเป็นพระเอกหรือไงคะอินี่”

“ก็แล้วพระเอกที่ไหนมันจะปากแดง แล้วก็บล็อคตาแน่นแบบนี้บ้างล่ะวะ”

“แบบกูนี่ไงคะ สวยๆ เป็นผัว มึงไม่เข้าใจหรอคะ โดนเองมากับตัวมึงยังจะมาปากดี ... กูปากแดงสวยๆ แล้วไง ก็เป็นผัวมึงได้ก็แล้วกัน”

.

.

.

“ไม่ว่ากูจะเป็นตุ๊ดออกสาว หรือกูจะเป็นอะไร ทั้งหมดมันก็คือกู ...กูที่เป็นแค่คนๆ นึง ที่แค่รักมึงแค่คนเดียว”



แล้วก็เพราะตั้งแต่วันที่มันก้าวเข้ามาในชีวิตของผม คนที่เปลี่ยนความคิดของผมใหม่ เปลี่ยนให้คนๆ นึง รู้สึกอยากจะเป็นพระเอกที่สวยที่สุดในชีวิตของใครสักคน และคำตอบที่ได้ก็คือมัน ... ก็แค่เพื่อคนแบบมันแค่คนเดียว





-----------------------



เย้เฮ้ ได้เวลาพาพี่ดาบ เอ้ย เจ๊ดานี่มาเจอกับทุกๆคนแล้วจ้าา แคทฝากพี่ดานี่และน้องเอมไว้ในอ้อมอกอ้อมใจทุกคนด้วยนะคะ จุ๊บๆ :mew1: :mew2:[/center]



ออฟไลน์ Yoghurt

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-2
    • แฟนเพจ

INTRO


     ‘พระรอง’ สองคำสั้นๆ ที่กระแทกเข้ากลางใจ เจ็บลงไปในใจเหมือนโดนถีบหน้า เคยสงสัยมาตลอดว่าทำไมในทุกๆ บทละครหรือในนิยายทุกๆ เรื่องมันถึงต้องมีบทพระรองอยู่ด้วยเสมอ ไม่เคยเข้าใจ จนวันนึงที่ได้มายืนอยู่ในจุดของพระรองถึงได้รู้ว่าบทบาทนี้มันสำคัญมากแค่ไหน ก็เพราะว่าถ้าขาดมันไป พระนางเค้าจะสมหวังกันได้ยังไงจริงไหมล่ะ



แต่ว่า...แล้วมันเพราะอะไรวะ ทำไมต้องเป็นกู ทำไมต้องเป็นไอ้ดาบที่ต้องเสียสละมันทุกที มันเพราะอะไรที่ไม่ว่ากี่ครั้งต่อกี่ครั้ง คนแบบกูมันถึงต้องจบลงที่บทบาทนี้อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเริ่มต้นรักครั้งใหม่กี่หน สุดท้ายตอนจบก็ไม่เคยได้สมหวัง ... มันจะไม่มีสักครั้งหรอวะที่คนแบบกูจะสมหวังกับเค้าบ้าง หรือเพราะว่าบทของพระเอกมันยากเกินกูจะเอื้อม ถ้ามันจะยากขนาดนั้นชีวิตนี้ก็ไม่อยากจะเป็นพระเอกเพื่อใครอีกแล้ว ต่อจากนี้กูจะขอเป็นนางเอกแทนเลยละกัน! กูจะเป็นนางเอกสวยๆ ปากแดงๆ ฟิลลิ่งหวานๆ เหมือนผมยาวไปถึงเชียงใหม่เลยคอยดู! และเพราะว่าคิดแบบนั้น เลยไม่เคยคิดอยากจะเปลี่ยนใจกลับไปเป็นพระเอกเพื่อใครสักคน



จนวันนึงกลับต้องมาตกม้าตายตอนที่มันเดินเข้ามาในชีวิต … ไอ้เด็กคนนั้น คนที่ทำให้ผมลืมมันไม่ลงเลยสักนาที และก็ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตั้งแต่ตอนไหน ที่ผมอยากจะเป็นโลกใบใหม่ที่สวยที่สุดให้มันแค่คนเดียว



----*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*----





     ภายในร้านเหล้ากึ่งผับบรรยากาศดีที่เต็มไปด้วยเหล่านักท่องเที่ยวยามราตรีมากหน้าหลายตาที่ต่างพากันโยกย้ายส่ายสะโพกไปตามจังหวะเพลง เสียงพูดคุยเฮฮาที่ดังมาจากโต๊ะต่างๆ สิ่งเหล่านี้เป็นของคู่กันกับร้านเหล้าแบบนี้ ถือเป็นสิ่งปกติที่เห็นได้บ่อยจนชินตา หากแต่วันนี้กลับมีสิ่งแปลกตาที่ทำให้บรรยากาศภายในมุมหนึ่งของร้านต่างออกไปจากทุกที



คนๆ นั้นไม่ใช่ใครที่ไหน หากแต่เป็นเจ้าของร้านหนุ่ม เจ้าของใบหน้าหล่อคม ดวงตาเรียวตาชั้นเดียวแต่มีสเน่ห์ เจ้าของส่วนสูง180เซนติเมตร และมีไหล่หนากว้าง60เซนต์ ที่มีชื่อเล่นแบบแมนๆ ว่า ดาบ แต่ปัจจุบันเจ้าตัวได้สถาปณาตัวเองด้วยชื่อใหม่ในวงการแบบน่ารักๆ ว่า ดานี่ เพื่อให้เข้ากับคนสวยๆ ในมโนความคิดของตัวเองคนเดียว



คนร่างสูงที่เอื้อมมือขวาไปคว้าเข้าที่แก้วเหล้าก่อนจะยกขึ้นจรดที่ริมฝีปากของตัวเองและนั่งดื่มอยู่คนเดียวเงียบๆ ในมุมส่วนตัวของร้านที่อยู่บนชั้นสองโซนโซฟา หัวคิ้วเข้มที่ขมวดเข้าหากันอยู่ตลอดเวลาเหมือนคนที่กำลังใช้ความคิดอย่างหนัก ท่าทางแบบนั้นทำเอาเหล่าลูกน้องไม่มีใครกล้าเดินเข้าไปหา ได้แต่ปล่อยให้เจ้าของร้านนั่งกินเหล้าเงียบๆ ต่อไปแบบไม่มีใครเข้าไปรบกวนแทน เพราะไม่บ่อยนักที่จะได้เห็นเจ้าของร้านตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ เพราะโดยปกติ...ถือได้ว่าเป็นคนร่าเริงมากเกินไปด้วยซ้ำ



“เฮ้อออ...”



ถอนหายใจออกมาแบบหนักๆ ในตอนที่นึกถึงเรื่องราวที่กวนใจตัวเองอยู่ในทุกๆ วัน และเรื่องที่ว่านั่น มันก็หนีไม่พ้นเรื่องอัปยศอดสูที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ในคืนนึงของช่วงเวลาประมาณสามเดือนก่อน ตอนที่ตัวเขาหนีไปกินเหล้าย้อมใจที่ผับอื่นเพราะดราม่าอกหักจากการที่ตัวเองเสือกไปทำตัวเป็นพระเอกปล่อยให้คนที่ตัวเองชอบไปสมหวังกับคนอื่น และสุดท้ายตัวเองก็เลยเป็นได้แค่พระรองที่ร้องไห้เหมือนหมาหนีไปเมา ถ้ากับอิแค่เมาเหล้าธรรมดาจะไม่ว่าอะไรเลย แต่มันดันมีเรื่องมากกว่านั้น ไอ้เรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้นน่ะ แค่นึกถึงก็ต้องหลับตาลงแน่นๆ พร้อมๆ กับที่ภาพในสมองที่ก็ฉายภาพเรื่องราวของคืนนั้นเล่นซ้ำๆ เป็นฉากๆ แบบไม่มีหยุดเหมือนกำลังกวนตีนแกล้งกันให้จดจำอยู่ตลอด



“มึงรู้ใช่ไหมว่าในแก้วมันมียา”

“ผ...พี่ คือ...ผ..ผมขอโทษครับพี่ ผมขอโทษ”

“มึงมานี่เลย!”

“ป...ปล่อยผมนะพี่ ผม...ผม ผมไม่ได้ตั้งใจ”

“อ๊ะ อึก อื้ออ พ...พี่”

“อ่ะ…อ่าาาาา!”

ท่วงท่าเร่าร้อนที่สะโพกแกร่งขยับเข้าออกแบบหนักหน่วงในช่องทางคับแน่นที่ขมิบตอดรัดกันแบบไม่มีหยุด พร้อมด้วยเสียงครางกระเส่าและสีหน้าของคนใต้ร่างที่กำลังปรือสายตามองหน้ากัน ใบหน้าที่ขึ้นสีแดงจัดเพราะแรงอารมณ์ที่ยิ่งมองก็ยิ่งอยากกระแทกกระทั้นแกนกายเข้าใส่แบบหยุดไม่อยู่

“อึก ซี๊ด..”




“โอ๊ย อิดอกกก เมื่อไหร่จะลืมสักทีนะคะตัวกู ท่องไว้อิดานี่ มึงเป็นตุ๊ดๆๆๆ” ได้แต่สบถโวยวายออกมายาวเหยียดในตอนลืมตาตื่นขึ้นมาตบหน้าตัวเองเพื่อเรียกสติ ... จงลืมๆ ค่ะ



“ไอ้ดาบ มึงนั่งบ่นโวยวายอะไรอยู่คนเดียววะเพื่อน”



เสียงเข้มที่ดังขึ้นเรียกสายตาของเจ้าของชื่อที่วันนี้เจ้าตัวกรีดอายไลน์เนอร์เส้นคมชัดสุดๆ พร้อมทาอายแชร์โดวสีไวน์แดงที่มีกลิตเตอร์น้อยๆ ให้ตวัดสายตาไปมองแรงใส่คนมาใหม่ที่เดินมานั่งลงตรงโซฟาฝั่งตรงข้ามกันในตอนนี้ พอเห็นหน้าอีกฝ่ายก็ได้แต่เบ้ริมฝีปากที่ทาทินสีแดงเข้มออกมาหน่อยๆ ก่อนจะเอ่ยปากออกไปด้วยเสียงสองแบบสุดจะทนกับคำพูดที่พึ่งได้ยิน



“กูชื่อดานี่ค่ะ เรียกให้ถูกเดี๋ยวนี้! คนยิ่งหงุดหงิดๆ อยู่นะอินี่”



“จ้า~~ ดานี่มากมั้งสัด ชื่อพ่อแม่ตั้งมาแมนมาก เสือกจะมาดานงดานี่เชี่ยไรล่ะ เหมาะกับหนังหน้ามากมั้ง หล่อเหี้ยๆ แบบนี้”



“ยัง! อิจู๋เล็ก ถ้ายังไม่เลิกพูดแบบนี้ กูจะลุกขึ้นไปตบปากมึงเท่าอายุเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!” ขึ้นเสียงใส่พร้อมๆ กับเอานิ้วชี้ ชี้หน้าด่ามัน โมโหๆๆ ทำไมวันนี้มีแต่เรื่องให้คนสวยๆ แบบกูต้องเกรี้ยวกราดตลอดเวลา ไม่เข้าใจเลย ...



“ด่าอะไรกูไม่โกรธ ด่ากูจู๋เล็กนี่มึงไปวัดไซต์กับกูเลยไหมไอ้สัดดาบ”



“ทำมาเกรี้ยวกราด ตอนเรียนก็เคยวัดกันไปแล้วไงคะไอ้โง่ กูชนะขาดมักๆ ว๊ายๆๆ แพ้ซ้ำซ้อนแพ้ซ่อนเงื่อน ใหญ่ไม่ได้ครึ่งของคนสวยๆ แบบกูเลยค่ะ”  จีบปากจีบคอเยาะเย้ยพร้อมหัวเราะใส่เพื่อนเป็นการซ้ำเติมแบบหนักๆ อีกหนึ่งที เรื่องใหญ่ไว้ใจดาบ ...อุ้ย ดานี่! ดาบเดิบอะไร รมณ์เสีย!



“มึงนี่กวนตีนกูจริง”



“มึงก็กวนตีนกูค่ะอิเมฆ เพื่อนเวน บอกว่าอย่าเรียกดาบๆ เรียกทำเชี่ยไรนักคะดอกนี่ มึงอย่ามาพยายามปลุกอิดาบให้มันฟื้นคืนชีพ กูได้ฝังกลบมันลงไปแล้วค่ะ จำ!”



“ก็กูสดวกแบบนี้ กูเรียกแบบนี้มาตั้งแต่ป.1 มึงจะให้กูมาเปลี่ยนตอนปี3ไม่ได้”



ร่างสูงของเพื่อนหน้าหล่อที่ออกแนวตี๋ขาวใส สไตล์โอปาที่อ้าปากเถียงกลับมาแบบไม่ยอม ไอ้เมฆ เพื่อนสนิทที่รู้จักกันดีมาตั้งแต่สมัยประถม หน้าหล่อ พ่อรวย Kวยเล็กกว่ากู เป็นคนหน้าตาดีที่สูงพอๆ กัน มันที่มีรอยยิ้มผู้ดีไว้ล่อเหยื่อให้ตายใจ ลักษณะนิสัยคือเข้าได้ง่ายๆ กับผู้คน โดยเฉพาะสาวน้อยสาวใหญ่หรือแม้แต่ผู้ชายน่ารักๆ มันก็เข้ามาหมดและอาจจะเข้ามาแล้วหลายท่า



“โอ๊ยยย ลำไยละมุดมังคุดฟักทองมั๊กมาก รำคาญไม่ได้ดั่งใจเลยค่ะ”



“สวยมากมั้งไอ้สัด คะขาจังเลยวะ”



“กูสวย หยุด! ดูปากดานี่นะคะ สวยยยยยยยยยย”



“อ๋อ Kวยยยยยยยยยยย”



“ดอกนี่ จังไร๊!”



“เหอะ แล้วสรุปนี่มึงเป็นอะไร ไหนเล่า เห็นไอ้เหี้ยจั๊มโทรมาบอกกูว่ามึงมีปัญหา”



“มากกกกกก มีมากมายค่ะ คนสวยๆ แบบกูเครียดม๊ากกก เครียดแล้วเดี๋ยวกูจะไม่สวยอ่ะ เนี่ย เครียดซ้ำซ้อนไปอีกค่ะ”



“พอ เลิกเวิ่นเว้อ ไหนมึงเป็นอะไรเล่ามา”



“อิดานี่! กูมาแล๊ววววววววววววเพื่อนนนนน” เสียงของคนมาใหม่ที่ดังมาก่อนตัวดังมาจากทางด้านหลังของไอ้เมฆ ทำเอาคนที่กำลังจะอ้าปากขึ้นต้องหุบปากฉับลงมาอีกครั้งเพราะโดนขัด ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นใคร เสียงสูงสะท้านใจแบบนี้มีอยู่ตัวเดียว



“ไอ้จั๊ม เสียงมึงดังมาก ขนาดเพลงเล่นดังขนาดนี้เสียงมึงยังแสบหูกู” ไอ้เมฆว่าพร้อมทำหน้าเพลียใส่



“ทะไมๆๆ กูเป็นคนเสียงดีอ่ะ ถ้าอยากรู้ลองได้นะ กูจะคร่ำครวญใต้ร่างมึงทั้งคืนเลยจ๊ะเพื่อนจ๋า อยากมีผัวรวยอยู่พอดี อิอิ”



มันที่ว่าออกไปแบบนั้นพร้อมทำตาปริบๆ อ้อนตีนใส่ไอ้เมฆไปด้วย ไอ้จั๊ม เพื่อนกลุ่มเดียวกัน สนิทกับมันมาตั้งแต่ปีหนึ่ง เป็นลูกเจ้าของร้านทอง ที่มีหน้าตากลมบ๊อกใสๆ อมชมพู มองหน้ามันแล้วหิวซาลาเปาไส้ครีมลาวา น่ากัด ตัวเตี้ยกว่าไอ้เมฆหน่อย แต่มีดีที่ขาวมากๆ เพราะเป็นลูกคนจีน ... มันที่ชอบอ้อร้อใส่ไอ้เมฆแบบนี้อยู่เป็นประจำ ถือเป็นความสนุกของมันที่ได้อ้อนตีนไอ้เมฆเล่น ตัวมันที่มีคติประจำใจที่ว่า ‘ถ้าชีวิตนี้หาเมียไม่ได้ ก็พร้อมถวายกายให้ผู้ชายรวยๆ’ ดูเป็นคนมีจุดมุ่งหมายในชีวิต และผู้ชายรวยๆ ที่ได้รับเลือกจากมันโดยที่อีกฝ่ายไม่ยินยอมก็คือไอ้สัดเมฆนี่แหล่ะ



“สัด ไปไกลๆ” ไอ้เมฆที่ทำหน้าหน่าย ก่อนจะยกเท้าใส่หนึ่งที



“ว๊ายๆ ทำหน้ารำคาญคือแพ้อ่ะ อ่อนๆ”   ไอ้จั๊มที่ว่าออกมาพรางชี้นิ้วล้อไอ้เมฆออกไปแบบนั้น ก่อนที่มันจะเดินเข้ามานั่งลงข้างๆ ไอ้เมฆอยู่ดี และค่อยหันมามองกู คนที่เป็นตัวเด่นในคำคืนนี้คือกู เห็นหัวกูบ้างค่ะอิสองตัว เอาบทกูคืนมาค่ะ!



“ว่าไงอิดานี่ มึงเป็นไรไหนแถลงมา แต่ขออย่าโกหกกูแบบในโทรศัพท์อีกนะ”



“กูเครียดมากๆ มึงงงงงง พ่อกูเอาอีกแล้วค่ะและกูก็ไม่ได้โกหกมึงผ่านโทรศัพท์ด้วยนะคะ”



“นี่มึงอย่าบอกนะว่าเรื่องเดิม กูบอกให้มึงตัดใจจากมันไง มูฟออนไงวะเพื่อน”



“อิเมฆ เรื่องนั้นกูมูฟออนแล้วค่ะ แต่มึงเข้าใจไหม กูตัดใจเป็นครั้งที่ร้อยแต่กูก็กลับมารู้สึกกับมันอีกเป็นครั้งที่ล้าน แล้วคราวนี้กูลงทุนไปจีบเพื่อนของแฟนเฮียทัพเลยนะคะ แต่ก็นกมาอีก เป็นเศร้าเป็นท้อ แต่ว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่กูเครียดอยู่ตอนนี้ค่ะ เรื่องที่กูเครียดตอนนี้มันหนักกว่านั้นค่ะ”



“มึงอย่าบอกนะว่าพ่อมึงพาผู้หญิงมาให้มึงดูตัว?”



“กรี๊ดดดด ก็ใช่นะสิคะ แต่ว่ามันเครียดกว่านั้น เครียดกว่านั้นไปอี๊กกกกก”



“เครียดขนาดนั้น มึงอย่าบอกนะ....”



“ใช่! คือ...คือ...คือพ่อจะบังคับให้กูแต่งง๊านนนนนน ทำไมต้องยัดเยียดคนสวยๆ แบบกูให้ไปเป็นผัวด้วย อี๋ๆๆๆ”



“เชี่ย นี่มึงไม่ได้โกหกจริงดิ”



“พีคในพีค”



มันสองคนที่มองมาที่ผมอย่างอึ้งๆ พวกมึงไม่ต้องอึ้ง ... กูยังอึ้งเลยค่ะ อึ้งว่ากูคิดออกไปได้ไงถึงหาข้ออ้างแบบนี้ออกไป จริงๆ ก็แค่ไม่อยากให้เพื่อนๆ รู้ว่าเรื่องเครียดจริงๆ ของคนสวยๆ แบบกูก็คือการเผลอไปซั่มๆ เยดุๆ ใส่ไอ้เด็กบ๋อยที่เจอกันแค่แว๊บเดียวเมื่อหลายเดือนก่อนต่างหากล่ะวะ เผลอซั่มไม่พอเสือกไม่ลืมด้วยประเด็น แล้วพ่อจะบังคับแต่งงานอะไรนั่นกูตอแหลค่ะ ถ้าไอ้เมฆไอ้จั๊มรู้เรื่องที่เผลอไปเยใครเข้า รับรองว่ากูจะไม่สงบสุขอีกต่อไป ให้พวกมันคิดว่าพ่อจะหาชะนีมาให้เหมือนเมื่อก่อนแบบนี้น่ะดีแล้ว

เฮ้อออ...แล้วจะทำไงให้ไอ้ภาพเมื่อคืนนั้นมันกระเด็นออกจากหัวกูดีคะ ดานี่รับไม่ได้! จะให้ใครมารู้ว่าจริงๆ แล้วเป็นคนสวยๆ ที่แอบไปเยดุๆ ได้ไง บร๊าบร๊อออ ... แต่ว่า



“พวกมึงคะ”



“ว่าไงไอ้สัดดาบ”



“ดานี่ค่ะอิเวน”



“เออๆ จะดานี่เหี้ยไรก็เถอะ แล้วมึงเรียกทำไม” ไอ้เมฆที่ถามออกมาอีกครั้งพร้อมจ้องหน้าแบบรำคาญ



“ถ้ากูอยากจะตามหาคนๆ นึง มึงว่า...มันจะพอมีวิธีบ้างไหมคะ” ถามมันออกไปแบบนั้น ไอ้เมฆกับไอ้จั๊มที่มองหน้ากันแบบงงๆ ไม่ต่างจากตัวกูที่ก็สงสัยว่าถามมันออกไปแบบนั้นเพื่ออะไรกันวะ แต่จริงๆ มันก็แค่...



ก็แค่อยากจะเจอไอ้เด็กบ๋อยนั่นอีกครั้งในแบบที่กูไม่เมาบ้าง ...ก็แค่นั้นเอง



.

.

.



“ไอ้ดาบมึงใจเย็น กระดกเอาๆ แล้วมึงจะไปชนเหล้ารับเหล้าจากโต๊ะนู้นโต๊ะนี้แบบนี้ไม่ได้ไอ้สัดเดี๋ยวก็เมาหรอกไอ้เหี้ย มึงเมาแต่ละทีกูเครียด เดี๋ยวก็เกิดเรื่อง แล้วไอ้จั๊มไอ้สัดหมาเอ๊ย ให้มาช่วยแต่เสือกมาเมาเหี้ยไรเนี่ย”



“เอ้าชนๆ อิดานี่ ชนจ้า~~”



“กูไม่เมา ไม่ต้องเสือกมาห้าม ...”   ว่าออกไปแบบนั้นก่อนจะยกมือขึ้นเสยผมที่ปรกหน้าออก มืออีกข้างยกแก้วเหล้าตรงหน้าขึ้นดื่มนิ่งๆ อีกอึก พรางเลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อตัวเองออกอีกสองเม็ดจนเผยให้เห็นแผ่นอกแกร่ง...ไอ้เมฆที่หันมามองกัน เห็นมันขมวดคิ้วหน่อยๆ แล้วทำหน้าเหมือนอยากจะพูดอะไรออกมาแต่ก็ไม่ทันได้พูดเพราะต้องรีบหันไปด่าไอ้จั๊มต่อ



“ชนก็เหี้ย ไอ้สัดจั๊ม ช่วยอยู่เฉยๆ หน่อย มึงจะไปไหน เชี่ยเอ๊ย ไอ้ดาบ มึงอยู่นี่แป๊บ กูไปลากแรดกระซู่กรูปีก่อนนะ”



“อือ” ตอบรับมันสั้นๆ พร้อมพยักหน้าให้หน่อยๆ แต่เหมือนมันจะไม่ได้สนใจ เพราะเห็นมันรีบเดินตามไอ้จั๊มที่หายไปท่ามกลางฝูงชนแล้ว ... รู้สึกเวียนหัวและมึนเอามากๆ ในตอนนี้ ...อยากจะนอนและนี่ก็ร้านกูนี่หว่า ขึ้นไปนอนชั้นบนก็ได้วะ



คิดแบบนั้นก็ลุกขึ้นเดินเซๆ ไปตามทางเดินที่จะนำไปสู่ชั้นสามของร้านที่เป็นโซนของเจ้าของร้าน ที่มีทั้งห้องทำงานและห้องนอน



‘พลัก ตุบ’



“โอ๊ย สัด!” ร่างสูงที่เมาจนเดินเซไปชนกับใครบางคนจนตัวเองล้มลงไปนั่งลงกับพื้นสบถออกมาแบบฉุนๆ เพราะความเจ็บ



“เอ้ยคุณ ผ..ผม.ผมขอโทษนะครับ” ฝ่ายที่ชนลนลานทรุดตัวลงมาประคองกันไว้แม้ว่าข้าวของของอีกฝ่ายจะหล่นกระจายก็ยังไม่ทันได้เก็บ มองเห็นเหมือนเป็นแฟ้มอะไรสักอย่าง แต่ไม่ได้สนใจ ในตอนที่เงยหน้าขึ้นไปมองก็เป็นจังหวะเดียวกันกับอีกคนที่ก็ก้มลงมามองกันพอดี ปลายจมูกที่แตะกันด้วยความบังเอิญทำเอาคนร่างบางที่ประคองอยู่ชะงักตัวก่อนจะเบิกตากว้างขึ้นในตอนที่เห็นหน้ากัน ...



คนร่างสูงที่จ้องนิ่งๆ ไม่มีการกรี๊ดกร๊าดสาวแตกหรือผลักออกแต่อย่างใด ร่างสูงทำเพียงแค่ยกยิ้มมุมปากเท่ๆ ส่งไปให้พร้อมกับสายตาวาววับที่แสนจะเจ้าเล่ห์



“หึ...มึงน่ารักดีนะ ว่าแต่ ทำไมมึงหน้าคุ้นๆ จังวะ”



“ห๊ะ...อะ..เอ่อ มะ ไม่ๆ ไม่คุ้นหรอกครับๆ ไม่คุ้นเลย ผมไม่เคยเจอกับคุณเลยครับ”



“หรอ”



“ครับๆ ผ...ผม ผมขอตัวนะ”



“เดี๋ยว...” พูดออกไปแบบนั้น พร้อมเอื้อมมือไปคว้าเข้าที่ต้นแขนเล็กนั่นไว้แน่นจนอีกฝ่ายสะดุ้ง ก่อนที่ใบหน้าน่ารักนั่นจะเบิกตากว้างขึ้นมาอีกครั้งในตอนที่ผมพูดประโยคต่อไปออกมา



“ถ้าวันนั้นมันยังไม่คุ้น งั้นวันนี้มาคุ้นกันอีกสักทีดีไหมล่ะ หึ”



“ห๊ะ...มะ...ไม่ อ อื้อออ”




-------------------





ผ่าง!!! อะไรยังไงนะ ปะ ไปอ่านกันต่อที่ตอนที่1กันเลยจ้าาาา



ดานี่: ก่อนไปอ่านก็คอมเม้นท์ให้สวยก่อนนะคะทุกคน ไว ยังอีก ยังไม่เม้นท์ให้สวยอีกนะคะ






ออฟไลน์ Yoghurt

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-2
    • แฟนเพจ

บทที่1





“มึงออกไปจากบ้านกูเลยไอ้เอม! ไอ้ตัวซวย! ทำงานก็ถูกไล่ออก ไปสมัครงานใหม่ก็ไม่ได้งาน โง่ มึงออกไป๊!!”




‘ฟิ้ว ตุบ’



เสียงตะโกนดุด่า ที่ตามมาด้วยกระเป๋าใส่เสื้อผ้าใบเก่าๆ ที่ลอยละลิ่วตามหลังมา หลังจากที่เจ้าของมันกระเด็นออกมานั่งจุ้มปุ๊กอยู่หน้าบ้านก่อนหน้านั้นแล้ว



“ออกไปจากบ้านกู!!”



‘ฟิ้ว ตุบๆๆ’



“ป้า ป้าอย่าโยนหนังสือเอม” ว่าออกมาแบบนั้นแล้วรีบวิ่งเข้าไปเก็บหน้าตาตื่น ลูบๆ คลำๆ ดูความเสียหาย ก่อนจะรีบเอามากอดไว้แนบอก



“ทำไมกูจะโยนไม่ได้ กับอิแค่หนังสือนิยายผู้ชายเอากัน ทำมาเป็นหวง วิปริต! เงินไม่มีจะแดกแต่กลับไปซื้ออิหนังสือพวกนี้มาอยู่ได้ แดกก็ไม่ได้แถมรกบ้านกู”



“มันไม่ใช่แค่หนังสือเอากันนะ” อย่างน้อยๆ มันก็สอนอะไรหลายๆ อย่างที่ป้าไม่มีวันเข้าใจ อยากจะพูดออกไปแบบนั้น แต่ทำได้แค่เม้มปากแน่นๆ แล้วไม่พูดเถียง



‘ตุบๆ’



“ป้า!” ร้องออกมาอีกครั้งเมื่อหนังสืออีกเล่มถูกโยนลงมาตรงหน้า มองเห็นว่าสันหนังสือมันบุบลงไปนิดหน่อย เห็นแล้วใจหล่นลงไปถึงปลายเท้า ...หนังสือเอมบุบเลย



“ทำไม กล้าขึ้นเสียงกับกูหรอห๊ะ! แค่ชื่อเรื่องก็เหี้ยแล้ว ‘หลงร้าย’ ถุย!”



“ป้าอย่ามาว่านะ! ป้าไม่เข้าใจหรอกว่าหนังสือมันให้อะไรบ้าง ก็ป้าไม่อ่านหนังสือนิ”



“นี่มึงกล้าด่ากูว่าอ่านหนังสือไม่ออกหรอห๊ะ” ก็แค่บอกเฉยๆ เองอ่ะ



“มึงกล้าขึ้นเสียงกับกูอีกแล้วนะอิเอม! ...กูไม่เลี้ยงมึงแล้ว อิตัวภาระ!!” คำพูดที่ได้ยินทำให้ต้องเบิกตากว้างมากขึ้น



“ป้า ป้าอย่าไล่เอมเลยนะ เอมขอโทษ เอมจะไม่เสียงดังแล้ว แล้วเดี๋ยวเอมก็จะหางานทำใหม่นะ ป้าอย่าไล่เอมเลยนะ นะป้านะ” ว่าออกไปแบบนั้นแล้วรีบคลานเข้าไปดึงชายกางเกงของคนตรงหน้าอย่างขอร้อง ไม่สนด้วยว่าสายตาของคนที่อยู่ข้างๆ บ้านจะออกมามุงมองกันด้วยสายตาแบบไหน ก็มีแค่เรื่องนี้ที่ต้องยอมขอ ... แต่หญิงวัยกลางคนตรงหน้ากลับทำแค่เพียงเท้าสะเอวใส่พร้อมๆ กับจ้องหน้าเขม็ง



“มึงไม่ต้องพูดมาก จะไปอยู่ไหนก็เรื่องของมึง!”



“ป้า ป้าทำแบบนี้แล้วเอมจะไปอยู่ที่ไหน”



“ก็เรื่องของมึงสิวะ แม่เข้าบ้านกันเถอะครับ ม่อนรำคาญเสียงมันจะแย่”



เสียงของคนมาใหม่ที่ดังขึ้น พร้อมกับใบหน้าของเด็กผู้ชายที่อายุเท่ากันเดินออกมาพร้อมเอามือคล้องแขนแม่ตัวเองอย่างประจบ สายตาที่มองตรงมาที่เขามีแต่คำว่าสมน้ำหน้าเต็มไปหมด จบคำพูดนั้นสั้นๆ ทั้งสองแม่ลูกก็หันหลังเดินเข้าบ้าน พร้อมๆ กับประตูรั้วเหล็กที่เลื่อนปิดกระแทกใส่หน้า เจ้าของบ้านที่เดินกลับเข้าไปด้านในแบบไม่สนใจใยดีกันอีก ทำเอาคนที่นั่งอยู่กับพื้นได้แต่กำมือแน่น ใบหน้าเรียวได้รูปทำได้แค่ก้มหน้าลงต่ำ มองดูพื้นถนนคอนกรีตนั่นอยู่นิ่งๆ ริมฝีปากบางสีชมพูอมส้มที่เม้มเข้าหากันจนแน่นในตอนนั้นแบบไม่รู้ว่าจะเอายังไงกับชีวิตตอนนี้ดี



“ฮึก! ชีวิตบัดซบกว่ากูก็คือกูยกกำลังสอง”



เม้มปากเข้าหากันแน่นๆ อีกครั้งตอนที่น้ำตาไหลลงมา ได้แต่สูดน้ำมูกให้กลับเข้าไป พยายามข่มน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาอีก ได้แต่บอกตัวเองในใจว่า ห้ามร้องไห้นะมึง แค่นี้ชีวิตก็เฮงซวยพอแรงแล้ว มึงห้ามร้องไห้นะไอ้เอม ยิ้มเข้าไว้ อย่าให้ใครมาสมเพชมึงเพิ่มอีกนะ...



ชะเอม หรือที่ใครๆ ต่างพากันเรียกว่า ไอ้เอม เด็กผู้ชายวัยรุ่นในวัย19ปี ที่ไม่เคยได้มีชีวิตเหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วๆ ไป เรื่องราวชีวิตเริ่มเปลี่ยนไปหลังจากที่พ่อกับแม่ประสบอุบัติเหตุรถคว่ำเสียชีวิตไปตอนที่อายุได้แค่14ปี หลังจากนั้น พี่สาวแม่ก็รับมาเลี้ยงดู แต่ถ้าพูดให้ถูก น่าจะพูดว่ารับมาไว้เพื่อใช้งานเลี้ยงดูลูกชายเธอมากกว่า ไอ้ลูกพี่ลูกน้องเฮงซวยที่ชื่อม่อนนี่ก็จองล้างจองผลาญกันมาจนไม่อยากนับมันเป็นญาติ มีญาติแบบนี้อย่ามีเลยดีกว่า ... แต่ก็นั่นแหล่ะ ถึงจะเฮงซวยแค่ไหนก็ไม่เป็นไร ถือว่าป้าก็มีพระคุณที่ให้ข้าวให้น้ำ และอย่างน้อยผมก็ยังมีที่ซุกหัวนอน เรื่องเงินเรื่องทองผมก็พยายามหาเอาเองมาตั้งแต่อายุ15 รับจ้างทำงานต่างๆ มาตั้งแต่เด็ก เงินที่ใช้เรียนก็คือเงินทุนเรียนดี จนถึงตอนนี้ที่ได้เรียนมหาลัยก็เพราะได้ทุนอีกเหมือนกัน ... ทุนจากมหาลัยชื่อดังที่อยู่ใจกลางกรุงเทพ อย่างน้อยๆ ชีวิตเฮงซวยนี้ ผมก็ยังพอมีสมองและสองมือของตัวเอง ... แต่เพราะสมองและสองมือตัวเองนี่แหล่ะที่มันทำให้เกิดเรื่องขึ้น เรื่องมันเริ่มต้นขึ้นเมื่อไม่กี่เดือนก่อน ผมที่ทำงานเป็นบ๋อยอยู่ที่ผับแห่งหนึ่งแต่ดันโดนไล่ออกก็เพราะว่าเอาเหล้าผสมยาปลุกอารมณ์ไปให้ลูกค้าดื่ม ดื่มสำเร็จนอกจากกูจะไม่ได้เงินเพิ่มมาให้ป้าแล้ว กูยังมีแต่เสียกับเสีย นอกจากเสียงานแล้วก็ยัง...เสียตัว



ฟังไม่ผิดหรอกครับ ผมเสียตัวให้กับลูกค้าคนนั้นอย่างไม่ได้ตั้งใจ เหมือนเป็นแค่คนหนึ่งที่อยากระบายส่วนอีกคนก็แค่เผลอไผลอย่างห้ามไม่อยู่ เป็นเรื่องราวที่ลืมไม่ลง แต่มันยังมีเรื่องที่แย่ยิ่งกว่านั้นไปอีกก็คือ ลูกค้าคนนั้นมันเป็นตุ๊ด! ... ตุ๊ดร่างยักษ์ที่เยดุๆ ไอ้ชิพหาย ทั้งๆ ที่ภาวนาขออย่าให้ได้เจอกันอีกแท้ๆ แต่เมื่อคืนก็ยัง...



เอาล่ะ เลิกพูดถึงเรื่องห่าเหวนี่ ไอ้เอมคนนี้สุดแสนจะไม่สนโลก ผมเป็นคนแบบนั้น อะไรที่ผ่านมาแล้วก็ลืมแม่งไปดีกว่า จะคิดอะไรให้มากกับเรื่องที่แก้ไม่ได้ แต่ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ แต่ตอนนี้กูจะไปซุกหัวนอนที่ไหนล่ะวะไอ้ชิพหาย!



เพราะไอ้ตุ๊ดนั่นคนเดียวแท้ๆ ที่ทำให้กูโดนไล่ออก พอโดนไล่ออก ป้าก็เลยไล่ออกจากบ้าน เฮงซวย เฮงซวยทั้งหมด



ได้แต่ควานหาโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงแล้วหยิบมากดโทรออก เบอร์แรกที่มักจะขอความช่วยเหลืออยู่เสมอ ...



ถึงชีวิตผมบัดซบก็มีมือถือใช้นะ ไม่ไก่กาอาราเร่นะ เป็นซัมซุงกาแลคซี่เอสเลยนะ เอส4 รุ่นตั้งแต่สมัยพระเจ้าสามหำเป็นเพื่อนกับพระเจ้าสี่หำที่ผมซื้อมือสองมาอีกที ช้าบ้างอืดบ้าง เอะอ่ะบอกให้กูลบแอพเพราะเครื่องเต็ม เต็มพ่อเต็มแม่มึงสิ กูแทบจะไม่เหลือแอพอะไรไว้ใช้งานแล้ว!



ถือสายรอไม่ได้นาน เสียงจากปลายสายก็ดังตอบกลับมาอย่างอ่อนโยน ถือว่าเป็นการรับสายที่รู้เลยว่า คนรับสายรักเรามากแค่ไหน



((ฮัลโหล โทรมาทำเหี้ยอะไรไอ้สัดเอม คนจะนอนโว้ยยยย) )



“เอ่อ...ไอ้เก้อ ...คือกู”



((ทำไมเสียงมึงแปลกๆ งั้นวะ มึงเป็นเหี้ยอะไร ร้องไห้หรอ มึงอยู่ไหนบอกกูมาเพื่อน กูจะไปหามึงเดี๋ยวนี้!) )



“ไอ้เก้อ ฮึก คือ...คือกู..อยากขอความช่วยเหลือจากมึง....คือ..” พยายามกั้นเสียงแย่ๆ ไม่ให้ลอดเข้าไปให้มันได้ยิน แต่พอเสียงมันที่ร้อนรนแบบนั้น มันก็ยิ่งทำให้ผมอยากร้องไห้มากขึ้นไปอีก อย่างน้อยก็ยังมีเพื่อนที่เป็นห่วง



((รอกูอยู่นั่น กูจะไปเดี๋ยวนี้ ตู๊ดๆๆ) )



“ฮึก...โหล ไอ้เก้อ ไอ้เก้อ!”   รีบยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาแล้วตะโกนเข้าไปในสายโทรศัพท์ แต่สิ่งที่ได้ยินตอบกลับมามีแค่เสียง ตู๊ดๆๆ ....ยกมือถือออกมาดูที่หน้าจอ ก็มองเห็นว่าอีกฝ่ายวางสายลงไปแล้ว



“อึก ไอ้หน้าหนังสัด! ฮึก วางสายทำเหี้ยไร กูยังไม่ได้บอกเลยว่าอยู่ไหน ฮึก จะโทรกลับไปอีกก็ไม่ได้ เงินกูหมดโว้ย!!”



แล้วก็นะ...ถ้ามีเพื่อนไม่มีสติแบบนี้มันก็ไม่ดีไหมวะ ฮื่ออ เจ็บไข่!



ยินดีต้อนรับสู่ชีวิตบัดซบของไอ้เอม



.

.

.



“เลิกนั่งซึมเป็นหมาแล้วบอกกูมาว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ทำไมมึงถึงหอบกระเป๋ามานั่งหัวกระเซิงอยู่ป้ายรถเมล์แบบนั้นวะ”



“คือกู...”



ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมามองหน้าไอ้เก้อ เพื่อนสนิทที่เป็นผู้ชายหนึ่งเดียวในกลุ่มของผม รู้จักกับมันมาเมื่อปีก่อนตอนเข้าค่ายปฐมนิเทศน์ มันเป็นผู้ชายร่างหนา หุ่นหมีมีซิกแพ็คแซ่บๆ ที่สาวๆ ชอบเรียกมันว่า แด๊ดดี้ที่ไม่ได้แปลว่าพ่อ ...ไม่ได้แปลว่าพ่อแล้วจะแปลว่าอะไรวะ ผมงงมาก ... มันที่สูงประมาณ179 เซนติเมตร และสักคำว่า N’ abandonnez ที่เป็นภาษาฝรั่งเศษไว้ที่หน้าอกฝั่งซ้าย มันบอกว่าเป็นคำที่มีความหมายว่าอย่ายอมแพ้ หล่อแบดๆ แบบพระเอกในนิยาย เป็นลูกคนรวยที่โดนตามใจมาตั้งแต่เด็ก ใช้ชีวิตอิสระโดยการที่พ่อซื้อคอนโดแบบ Duplex 3ห้องนอนไว้ให้โดยที่มันไม่จำเป็นต้องกลับบ้าน ถึงแม้ว่าลุคมันจะดูเหมือนคนที่พร้อมจะเตะหมาด่าคนแก่และขโมยลูกอมเด็กตลอดเวลา แต่จริงๆ แล้วมันเป็นคนดีมากๆ ...มันเป็นเพื่อนคนนึงที่ไม่เคยสนใจความจนของผม แม้ว่ามันจะรวยมากๆ แค่ไหนก็ตาม



“อย่ามาอ้ำอึ้งไอ้สัด” มันที่ว่าแบบนั้นแล้วกอดอกเอนตัวลงไปพิงพนักพิงโซฟาหนังของมันพร้อมยกเท้าขึ้นมานั่งไขว่ห้าง สายตาคมๆ ของมันที่มองมา อ่านได้ว่า ถ้ายังลีลา กูจะเอาตีนงัดปากมึง



“คือกูแค่อยากจะขอยืมเงิ...”



“กูถามว่าเกิดอะไรขึ้นไอ้เอม” กดเสียงต่ำแล้วหรี่ตาลงมองกันแบบกดดัน ทั้งห้องรับแขกตกอยู่ในบรรยากาศอึดอัดทันที ทั้งๆ ที่ห้องของมันเป็นคอนโดแบบDuplexที่บรรยากาศจะคล้ายๆ บ้านเพราะมีสองชั้นที่จะทำให้โล่งโปร่งสบายแท้ๆ แต่ไอ้เก้อก็ทำให้บรรยากาศอึดอัดได้จนต้องเผลอกำมือแล้วเม้มปากเข้าหากันแน่นๆ มันที่มองมาแบบพร้อมจะเอาเท้างัดปากกัน



“ไอ้เอม”



“ก็...ก็ไม่มีอะไรมากหรอกมึง...”



“ไอ้เอม!”



“เออๆ ก็แค่ป้าไล่กูออกจากบ้านอีกแล้ว...ค...แค่นั้นเอง” สะดุ้งตกใจกับเสียงตะคอกของมันก่อนจะรีบตอบออกไปแบบละล่ำละลัก พอสบตาเข้ากับตาดุๆ ที่ถลึงตามองกัน ก็อดจะเบาเสียงในตอนท้ายของประโยคลงไม่ได้ ... น่ากลัวชิพหายเลยแม่ง



“แค่นั้นพ่อง!”



“ก็ไม่เห็นต้องขึ้นเสียงดังเลย กูไม่ดื้อหรอกมึงก็รู้” ว่าออกไปแบบเสียงอ่อยๆ พลางหดคอก้มหน้าลงต่ำ กลัวไอ้เก้อแดกหัว



“มึงนี่แม่ง”



“ไม่ด่ากูไม่ได้หรอวะ กูบอบช้ำนะเก้อนะ”



“น่ารักมากมั้ง เดี๋ยวกูถีบปลิวไปนู่น” มันที่ด่าออกมาอีกพร้อมมองมาเหมือนอยากเอาตีนลูบหน้ากัน เป็นคนหยาบๆ ทั้งหน้าและนิสัย



“น่า มึงจะเครียดแทนกูทำไมวะ เรื่องปกติแหล่ะ กูโอเค” หรอวะตัวกู...



“มึงไม่ต้องมาทำเป็นยิ้มร่า แล้วแบบนี้มึงจะไปอยู่ที่ไหน จะอุ้มกระเป๋าขาดๆ ของมึงเร่ร่อนไปไหน”



“มันไม่ได้ขาดนะเว้ยเก้อ! ...กูนี่โอ้โหกับคำพูดมึงเลย มันก็แค่เก่าเอง คือมึงบูลลี่กระเป๋ากูอยู่ใช่หรือไม่!” บูลลี่อ่ะ บูลลี่กระเป๋ากู เอมจะไม่ทนกับคนอย่างเธอ!



“ใช่ประเด็นหรอไอ้สัด”



“จู้จี้!”



“เดี๋ยวกูจะจี้ปากมึงไอ้สัดเอม!!”



“หูยยย เก้อดุอ่ะ” หดคอกลับมาอีกรอบเลยกู กลัวครับ กลัวมันเอาตีนพาดลงมาที่คอจริงๆ



“แม่ง...จริงๆ ถ้าปกติกูคงให้มึงมาอยู่กับกูแล้ว ห้องกูมันใหญ่ขนาดนี้ ตัวมึงแม่งก็เท่าลูกแมว กูเลี้ยงได้”



“เห้ย ไม่ๆๆ กูไม่อยู่กับมึงหรอก ลำบากมึงเปล่าๆ ....” รีบบอกมันออกไปแบบนั้นพร้อมยกมือขึ้นโบกปฏิเสธ เพราะตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่มาขอรบกวนขอนอนกับเพื่อนแบบนั้น แต่พอทำท่าทางแบบนั้นออกไป ก็เห็นไอ้เก้อที่ถอนหายใจหนักๆ ออกมาใส่หน้ากัน



“กูไม่ได้ลำบากอะไรเลยเว่ย แต่กูแค่...”



“Baby~~ เสียงดังจัง ทำอะไรอยู่หรอคะ” เสียงใสๆ ที่ดังมาจากชั้นสอง พอเงยหน้าขึ้นไปมองก็ชัดเลย ... อู้วหูววว นมชัดๆ เลยจ๊ะแม่จ๋า



“ลาเวียร์ กลับเข้าไปในห้องก่อน”



“อุ๊บ Excusez-moi (เอ็กซ์กูเซ-มัว) โทษทีนะคะ”



เธอที่ยกมือขึ้นมาทาบอก แบบจริงๆ ก็ไม่ได้เขินอายสักนิดก็แค่ทำเป็นจริตเฉยๆ เธอที่ก้มหัวนิดๆ และส่งยิ้มลงมาให้ผม ก่อนจะเดินตัวปลิวกลับเข้าไปในห้องนอนที่อยู่บนชั้นสอง พร้อมผ้าเช็ดตัวที่นุ่งออกมาแบบหมิ่นเหม่ มันแบบโฮกฮากเบบี้มากๆ ผมที่ค่อยๆ หันมาส่งยิ้มล้อใส่ไอ้เก้อที่ทำหน้าตานิ่งๆ เหมือนติดจะรำคาญใจ มึงรำคาญอะไรก่อนอ่ะเพื่อน



“อู้ววว กูเข้าใจนะเพื่อนเก้อ มึงไม่สดวกอ่ะเนอะ แล้วก็คงจะหวงเธอ มึงไม่ต้องห่วงนะๆ กูไม่รบกวนหรอก ... ว่าแต่เมื่อกี้เธอพูดอะไรมัวๆ วะ กระจกมัวหรืออะไรยังไงนะ”



“เอ็กซ์กูเซมัวโว้ย เป็นภาษาฝรั่งเศสแปลว่าขอโทษ แล้วอีกอย่างกูก็ไม่ได้หวงเธอเว้ย”



“อ๋ออออ แต่เอาน่าๆ กูเข้าใจนะเพื่อน” บอกแบบนั้นสำทับอีกหนึ่งรอบแถมยิ้มกว้างๆ ส่งไปให้ด้วย ในตอนที่ไอ้เก้อกำลังทำท่าจะอ้าปากพูดอะไรออกมาอีก แต่ดันติดตรงที่เสียงออดหน้าห้องดังขึ้นมาซะก่อน



‘ติ๊งหน่องๆ’



“สัดเอ๊ย” ได้ยินไอ้เก้อที่สบถออกมาแบบหงุดหงิด ก่อนที่มันจะลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินกระฟัดกระเฟียดออกไปเปิดประตูที่ด้านหน้าห้อง ...หงุดหงิดอะไรขนาดนั้นล่ะแหม ... รอได้ไม่นานก็รู้เลยว่าใครมา



“อิเอมมมมมมมม เกิดอะไรขึ้นคะมึงงงงงงง มึงถูกเนรเทศออกมาอีกแล้วหรอคะลูกกกก โอ้วมายก็อต มึงโอเครึป่ะ ไหนมาให้ยาหยีคนสวยกอดปลอบ มาๆๆๆ”



เสียงโวยวายที่มาพร้อมกับร่างผอมบางของหญิงสาวหุ่นดี ที่มีดวงตาเป็นประกายวิบวับที่เอาไว้สอดส่องเสือกเรื่องคนอื่น และวันนี้มันก็ยังดูดีในสไตล์girl crushแบบที่มันชอบแต่งด้วยการใส่เสื้อครอปตัวสั้นสีขาวไว้ด้านใน แล้วตามด้วยเสื้อเชิ้ตลายสก็อตสวมทับด้านนอก แมตช์กับกางเกงยีนส์ขาเดฟสีดำขาดเข่าแบบที่มันชอบ มันคือไอ้หยี หรือชื่อเต็มๆ ว่ายาหยี ... เป็นผู้หญิงที่มีสไตล์มั่นๆ ตามนิสัยของมัน ... จริงๆ ไอ้หยีมันแก่กว่าพวกเรา2ปี ตอนนี้ควรเรียนจบไปแล้วด้วยซ้ำ มันไม่ได้เรียนช้าแต่เป็นพวกตามหาความฝันไปให้สุด ตอนแรกติดวิศวะแมนๆ เรียนอยู่ปีนึงไม่โอเคเลยซิ่วมาเรียนสถาปัตย์แต่เพราะต้องคอยตัดโมจนหัวฟูขอบตาคล้ำเพราะอดหลับอดนอน มันที่รักสวยรักงามแบบสุดๆ เลยลาออก ตอนนี้เลยซิ่วอีกทีมาเรียนอักษรด้านภาษากับพวกผมแทน สุดท้ายกรงกรรมเลยนำพาให้เรามาเจอกัน ... ฝนตกขี้หมูไหล คนจังไรมารวมกัน ... และเพราะแบบนั้นพวกเราเลยคุยกันแบบเพื่อน ไม่สนใจเรื่องอายุกันเท่าไหร่



“อื้ออ ไอ้หยีปล่อยกู อื้ออ”



“ไม่ๆ มึง กูจะเอานมโอบกอดปลอบประโลมมึงเองนะ”



“ตื่นป้า มึงไม่มีนม มึงมีแต่หัวนมเหี่ยวแห้งของมึง”



“สัดอิเก้อ ถ้าไม่ติดว่ามึงได้รับการสถาปนาจากตัวกูว่าเป็นผัวของกลุ่มนะ กูจะทุบหำมึง” ไอ้หยีที่ผละอ้อมกอดออกจากตัวผมแล้วหันไปชี้ไอ้เก้อแบบหงุดหงิด



“เลิกพูดจาแบบนี้สักทีได้ไหมวะป้า”



“ทำไม กูพูดอะไรผิดตรงไหน ทำเป็นเขินอาย หน้าบางมากหรออิเก้อ ว่าแต่ทางมึงเป็นยังไงอีกอิเอม ชีวิตเหมือนดาวพระศุกร์นะมึงเนี่ย รันทนเหลือเกิน”



“มึงรู้เรื่องได้ไงอ่ะหยี” ผมที่ถามออกไปแบบนั้น ตอนที่ไอ้หยีมันทรุดตัวลงนั่งข้างๆ กัน



“อิเก้อโทรไปถามหามึงกับกูค่ะ โง่จนเหนื่อย เสือกวางสายทั้งๆ ที่ยังไม่รู้ที่อยู่” คงจะเป็นตอนที่ไอ้เก้อวางสายจากผม อื้ม...โง่แบบที่ไอ้หยีมันว่าจริงๆ นั่นแหล่ะ



“แล้วนี่มึงจะเอายังไงต่อ จะมาอยู่กับอิเก้อก่อนหรอ จะไปบ้านกูก็ยากเลย มีอาม่าอยู่”



“ไม่เป็นไรมึง ไม่ต้องลำบากหรอก แล้วกูก็ไม่ได้จะมาอยู่กับไอ้เก้อด้วย” ผมที่บอกออกไปแบบนั้น ไอ้หยีที่เลิกคิ้วขึ้นทำหน้าแบบไม่เข้าใจ ก่อนจะหันไปสบตากับไอ้เก้อที่ทำหน้านิ่งๆ ใส่ตามสไตล์มัน



“อย่าบอกนะว่ามึงเอาชะนีมานอนด้วยอีกแล้วน่ะ”



“อย่าใช้คำพูดหยาบคายแบบนั้นสิวะ เค้าก็แค่มาจากต่างประเทศแล้วมาขอพักด้วย...สักระยะหนึ่ง”



“โอ้โห คำพูดสวยหรู กูมองจากดาวอังคารก็รู้ว่ามึงตอแหลนะ” จีบปากจีบคอชี้นิ้วด่ามันไปด้วยแบบออกรสออกชาติ อินขั้นสุด เป็นผู้หญิงแรงๆ ที่มีอินเนอร์เหมือนสาวประเภทสองครับ



“แล้วแบบนี้มึงจะเอายังไงอ่ะอิเอม ... เอ๊ะๆ กูนึกออกแล้ว ร้านนั้นที่กูแนะนำไง มึงลองไปสมัครรึยัง กูฝากพี่ที่รู้จักไว้แล้ว ยังไงมึงก็ได้งานชัวร์ๆ มึงไปรึยังๆ” คำพูดของคนข้างตัวที่ทำให้ผมต้องสะดุ้งตกใจออกมาตอนที่ได้ยิน แต่ก็พยายามที่จะเก็บสีหน้าให้มากที่สุด ... ไอ้ร้านๆ นั้น...



“เป็นอะไรคะอิเอม ทำไมทำหน้าซีดๆ แล้วสรุปมึงไปหรือยัง เงินดีนะมึง แถมที่ร้านก็มีห้องพักพนักงานให้ด้วยนะ เนี่ย มึงจะได้ไม่ต้องร่อนเร่ไม่มีที่นอนอยู่แบบนี้ด้วย กว่าป้ามหาภัยของมึงจะมาง้อให้มึงกลับบ้านเหมือนทุกครั้ง อย่างน้อยๆ ตอนนี้มึงก็มีที่อยู่นะ”



“ใจจริงกูไม่อยากให้มึงไปทำงานไรแบบนั้นหรอกนะไอ้เอม แต่ว่า...มันก็เป็นทางเลือกที่ดีนะ สำหรับตอนนี้”



ไอ้เก้อที่พูดออกมาแบบนั้น พอได้ฟังแล้วก็ต้องเผลอกลืนน้ำลายลงคอแบบยากลำบาก แค่นึกไปถึงที่นั่นก็ขนลุกขึ้นมาทั้งตัวแล้ว ความรู้สึกของเมื่อคืนนี้ยังไม่จางหายไปเลยสักนิด ไม่ว่าจะเป็นที่หัวไหล่ หน้าอก หัวนม เอว หรือแม้แต่....



“นี่มึงเงียบทำไมคะ ไม่ต้องพูดเชี่ยไรละ เดี๋ยวกูจัดการให้มึงเองเลยค่ะ”



“เห้ย ไอ้หยี! ไม่ต้องๆ มึง...” รีบละล่ำละลักว่าออกไปแบบนั้นตอนที่เห็นมันยกมือถือเครื่องหรูของมันออกมาเตรียมจะกดโทรออก กูนี่รีบตะปบมือมันไว้แทบไม่ทัน



“ทำไมอีกกกก อีกไม่กี่ชั่วโมงก็มืดแล้ว คืนนี้มึงจะไปอยู่ไหนห๊ะ”



“คือกู....” นั่นสิวะ กูจะไปอยู่ไหน เงินติดตัวก็มีอยู่ไม่เท่าไหร่เพราะพึ่งจ่ายค่าเทอมไป แม่ง กูเกลียดความจน ... เอาไงดีวะตัวกู



“พอๆๆ ปกติมึงก็ไม่เลือกงานนี่หว่า ถ้าเรื่องเงินพวกกูช่วยมึงได้ แต่ถ้าเรื่องที่พัก ตอนนี้เวลานี้มันลำบากนะ มึงไม่มีทางเลือกนะไอ้เอม” เป็นไอ้หยีที่มันว่าออกมาแบบนั้นตอนที่มันเห็นผมเอาแต่นั่งก้มหน้าแบบใช้ความคิด



“หรือมึงมีปัญหาอะไรกับร้านนั้นหรอวะ?”



กับร้านน่ะกูไม่มีหรอก ... แต่กับคนที่เจอที่ร้านเมื่อคืนน่ะไม่แน่



เรื่องเมื่อครั้งนั้นมันก็เกิดขึ้นมาหลายเดือนแล้ว ไม่คิดไม่ฝันว่าจะต้องกลับมาเจอกันอีกครั้งเมื่อคืนนี้ แถมเจอกันอีกทีก็ดันไม่ต่างจากเดิมสักนิด ไอ้แม่ย้อยเอ๊ย ทำไมถึงหนีมันไม่พ้นสักทีวะตัวกู! แล้วที่มันน่าอายมากกว่านั้นก็คือ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเมื่อหลายเดือนก่อนหรือเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ มันดันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดจากความเต็มใจ ไม่ใช่การบังคับขืนใจน่ะสิวะ



ทำไมไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ไม่เคยหนีมันพ้นเลยแม่ง! แค่คิดก็เจ็บไข่!



...


(มีต่อจ้า)

ออฟไลน์ Yoghurt

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-2
    • แฟนเพจ


“อือ..”



เจ้าของใบหน้าหล่อที่นอนคว่ำหน้าซุกหมอนอยู่กลางเตียงค่อยๆ ขยับน้อยๆ พร้อมๆ กับหัวคิ้วที่ขมวดเข้าหากันพร้อมส่งเสียงออกมาจากลำคอเบาๆ ในตอนที่เริ่มรู้สึกตัวตื่น ดวงตาที่ปิดสนิทค่อยๆ ปรือตาขึ้นมาช้าๆ ก่อนสายตาจะค่อยๆ ปรับโฟกัสกับภาพตรงหน้าให้เห็นได้ชัด คนที่ยังคงเมาขี้ตาได้แต่ยกมือขึ้นเกาหัวอย่างสับสนในตอนที่พลิกตัวแล้วลุกขึ้นนั่งและมองไปรอบๆ ห้องอย่างมึนงง



“ปวดหัวสัด...”



ปวดหัว เป็นความรู้สึกแรกที่รับรู้ได้หลังจากที่สมองเริ่มประมวลได้แล้วว่าตอนนี้ตัวเองกำลังอยู่ที่ไหน



“กูมานอนที่นี่ได้ไงวะคะ ห้าว”



ว่าออกมาแบบนั้นพร้อมอ้าปากหาวแบบไม่รักษาท่าทีแบบทุกทีที่ชอบทำเวลาอยู่กับคนหมู่มาก ขายาวที่ทำแค่เตะผ้าห่มยับย่นให้ออกไปพ้นๆ จากตัว ก่อนที่เจ้าตัวจะค่อยๆ ลุกและก้าวขาลงมาจากเตียงอย่างคนสะลึมสะลือที่พึ่งตื่นนอน มือซ้ายข้างที่ว่างอยู่ก็เอื้อมลงไปเกาตูดหน่อยๆ รู้สึกคันตะหงิดๆ



‘แฉะ’



ขาแกร่งที่หยุดชะงักในตอนที่ตัวเองก้าวขาลงจากเตียงแล้วรู้สึกได้ว่ากำลังเหยียบเข้ากับอะไรบางอย่าง ความรู้สึกลื่นๆ เมือกๆ แฉะๆ ที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าทำให้ต้องขมวดคิ้วอย่างสงสัย ก่อนที่สุดท้ายจะค่อยๆ ยกเท้าขึ้นและก้มตัวลงไปมองให้เห็นแบบชัดๆ ... ดวงตาคมที่ประสานเข้ากับของสิ่งนั้นนิ่งๆ ก่อนจะกริบพริบตาถี่ๆ อีกครั้ง และ....



“กรี๊ดดดดดด เอดอกกกกกนี่คืออัลไร ถุงยางใช่หรือไม่คะแม่!!”



แหกปากออกมาดังลั่นพร้อมเอามือทาบอก ก้มมองสภาพตัวเองที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้สนใจ ร่างสูงใหญ่ไหล่กว้างพร้อมซิกแพคที่ยืนอวดหุ่นแน่นแบบไม่เหลือเสื้อผ้าสักชิ้น สายตาคมที่เหลือบไปที่เตียงนอนอย่างหวาดระแวง กลัวว่าจะมีใครอีกคนนอนอยู่บนนั้น แต่สุดท้ายก็ไม่มีใคร ได้แต่ถอนใจเฮือกออกมาอย่างโล่งอก ลองสอดส่ายสายตาไปมาในห้องตัวเองอย่างล่อกแล่ก แต่ก็ไม่เห็นใคร พบเพียงแค่เตียงนอนยับย่นที่เหมือนผ่านศึกสงครามมาและถุงยางที่ผ่านการใช้งานมาแล้วถูกโยนทิ้งขว้างอยู่ตามพื้นอีกอัน



“กูอยากจะกรี๊ดแบบมีสแกรนเชียงใหม่ กูเยใครไปคะแม่ กรี๊ดๆ ช่วยดานี่ด้วยค่ะแม่ขา!!”



ค่อยๆ ทรุดตัวลงนั่งลงบนเตียงแบบอ่อนแรง มั่นใจมากๆ ว่าเยเค้า เค้าที่แปลว่าใครก็ไม่รู้ ที่มั่นใจแบบนั้นเพราะสุขภาพช่องตูดกูไม่เจ็บปวดรวดร้าวแต่อย่างใด แต่กลับสบายกายสบายใจมากๆ แบบว่าตัวเบา ไม่สบายได้ยังไงกูเสียน้ำไปนะคะ แต่อิคนที่โดนกูเยน่ะ ยังสบายดีอยู่ไหม อันนี้ดานี่ไม่แน่ใจนะคะพูดเลย อีกอย่างคือขอบคุณที่กูยังรู้จักใส่ถุงยาง มึงคะนี่ไม่ใช่นิยาย เยไปไม่ห่วงโรคภัยไม่ได้นะ คิดจะมีเซ็กต้องรู้จักป้องกัน ยืดอกพกถุง จำ!



แต่ว่า...เรื่องนี้ที่เกิดขึ้นมันผิดผีมากๆ ! คนสวยๆ แบบกู ไปเอาใครมานอนด้วยอีกแล้ววะ! เรื่องเก่ายังไม่เคลียร์ เรื่องใหม่มาอีกแล้ว แดกเหล้าแต่ละทีมีแต่เรื่อง แม่งเอ๊ย! คนสวยซวยตลอด!



.

.

.



      หลังจากที่ตั้งสติ รวมถึงทำใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้ก็ไปอาบน้ำล้างคราบเหงื่อไคลต่างๆ ออกจากตัวและเก็บกวาดห้องเสร็จก็เดินลงมาที่ด้านล่างของตัวผับ ร้านที่ถูกจัดแบ่งแยกโซนชัดเจนแบ่งเป็นสองโซนหลัก ที่ด้านนอกร้านจัดเป็นที่เปิดโล่งมีโต๊ะอาหารที่ทำไว้สำหรับเป็นร้านนั่งชิลและเล่นดนตรีสด ส่วนตรงนี้ที่ร่างสูงพึ่งเดินลงมาจากชั้นสามคือโซนของผับ จะเปิดดึกกว่าโซนของร้านอาหารที่เริ่มเปิดตั้งแต่5โมงเย็น แต่ส่วนของผับจะเริ่มเปิดตอน2ทุ่ม ใช้ชื่อร้านเก๋ๆ ว่า ‘DANIWORLD’ ตรงตัวเลยว่า โลกของดานี่คนสวย นั่นก็คือกูจะทำอะไรก็ได้ เรื่องกูจ้า



“เฮ้ยพี่ดาบ!!”



“เหี้ย! ตกใจหมดไอ้สัด”



“โอ้โห วันนี้อุทานแมนจังเลยจ๊ะพี่ดาบจ๋า”



หันหน้าไปมองพร้อมกรอกตาตีลังกาเป็นเลขแปดไทยใส่ไอ้เด็กที่เป็นพนักงานในร้านไปที มันชื่อไอ้อิฐ ทำหน้าที่เป็นบาเทนเดอร์คอยชงคอกเทลของที่ร้าน เป็นเด็กผู้ชายอายุ18 ที่ผิวเข้มหน้าคมและดวงตามีสเน่ห์ สูงราวๆ 176 อะไรมันก็ดี เสียอย่างเดียวตรงที่นิสัยกวนตีนขัดกับหนังหน้าดีๆ ของมัน คนทั่วไปมักเรียกลักษณะนิสัยแบบนี้ว่า ‘เด็กเปรต’



“อะฮึม อีดอกกก กูตกใจหม๊ดดดด ว่าแต่ดาบที่หน้ามึงค่ะ ดานี่เรียกกูดีๆ เดี๋ยวถีบหน้าให้นะคะ”



“พี่มึงก็ยังพยายามจะคีพลุคกระเทยเนอะ” มันที่ว่าออกมาแบบนั้นแล้วทำหน้ายิ้มอ่อนใส่แบบระอา



“ก็กูเป็นกระเทยค่ะอินี่ พูดมาก กูตบนะ”



“อะๆ เป็นกระเทยใช้แรงควายหรอจ๊ะพี่จ๋า”



“แรงขนาดที่ว่า กูถีบมึงออกจากร้านได้เลยล่ะจ๊ะอิสัดอิฐ ไปทำงานค่ะ! ยืนหน้าดำอะไรอยู่ตรงนี้คะ แล้วนี่มีเด็กเสริฟมาสมัครใหม่รึยังคะ อิรุ้งก็คืออยู่ๆ ท้องปุ๊บปั๊บๆ ลาออกไม่บอกไม่กล่าวไม่รอให้คนสวยๆ แบบกูได้หาเด็กใหม่มาก่อนเลย สวยเซ็ง” บ่นออกมาแบบนั้น ก่อนจะเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ทรงสูงตรงหน้าเคาเตอร์บาร์พร้อมยกขาขึ้นนั่งไขว่ห้างแบบใส่จริตสวยๆ



“อ้าว แล้วเมื่อคืนที่พี่จิตแกพามาสมัครคนนึง ทำไมพี่เจ๊มึงไม่รับไว้ล่ะ?” ไอ้อิฐที่ขมวดคิ้วหันมามองหน้ากันแบบไม่เข้าใจ ... ใช่จ๊ะ กูก็ไม่เข้าใจจ้าอิดอก พี่จิตเป็นผู้จัดการร้านของที่นี่ ว่าแต่...



“พี่จิตพาใครมาสมัครอะไรนะคะตัวมึง กูไม่เห็นจะรู้เรื่องอะไรเลย” ถามมันออกไปแบบนั้นพร้อมจีบปากจีบคอทำเสียงสองใส่แล้วมองหน้ามันแบบงงๆ



“เอ้า จะไม่รู้ได้ไงอ่ะพี่เจ๊มึง กูเห็นเค้าเดินลงมาจากชั้นบนเมื่อคืนตอนตี3 ว่าแต่สัมภาษณ์อะไรกันนานขนาดนั้นวะ”



เดี๋ยวนะคะมึง



เดี๋ยวก่อนนะคะ



ความรู้สึกตอนนี้คือ อรุ่กๆๆ อรั่กๆๆ บุ้งๆๆ อาการเหมือนคนน้ำท่วมปากเลยกู



“ทำไมทำหน้างั้นวะพี่เจ๊มึง ทำหน้าทำตาลอกแลกแปลกๆ”



“ลอกแลกเชี่ยไรมึงคะ กูสวย”



“เกี่ยวหรอวะ?” ไอ้อิฐที่มองมาแบบไม่เข้าใจ มันที่ยกมือขึ้นเกาหัวในตอนที่มองหน้ากันแบบงงๆ



“เกี่ยว คนสวยไม่ผิด กูจะทำอะไรก็ได้ เรื่องกู๊”



“เสียงสูงซะด้วย พี่เจ๊มึงทำเหมือนมีไรปิดบังงั้นล่ะ” ไอ้อิฐที่ว่าออกมาแบบนั้นพรางหรี่ตามองกันแบบจับผิด



ไอ้สัดๆๆๆ กูจะล่อกแล่กไม่ได้ หายใจเข้าลึกๆ ไอ้ดาบ เอ้ย ดานี่สิคะมึง



“ปิดบังไรมึ๊ง สาระแนนะคะ แล้วนี่มึงมาทำไมแต่เช้าคะ ไม่ไปเรียนหรือไงอิเด็กขี้เสือก”



“โอ้โหหห เช้ามากมั้งพี่เจ๊มึง นี่เที่ยงแล้วจ๊ะพี่จ๋า ส่วนวันนี้ผมไม่มีคลาสเถอะ”



“หรอวะ สงสัยกูนอนเพลิน ว่าแต่ มึงเลิกเรียกกูว่าพี่เจ๊มึงสักทีได้ไหมคะ ถ้าหาคำเรียกยากก็เรียกกูคนสวยให้มันจบๆ ไปค่ะอิอิฐ”



“สวยตรงไหนวะ หล่อกว่ากูอีกเนี่ย”



“บ่นพึมพำเชี่ยไร กูไอ้ยินไอ้สัด!” ว่าแบบนั้นพร้อมยกเท้าไปถีบเอวมันไปแบบไม่ออมแรง ไอ้อิฐที่เซถลาออกไปอีกหลายก้าว



“โทษจ้าพี่เจ๊มึง” มันที่ตะโกนออกมาแบบนั้นแล้ววิ่งหน้าตั้งหนีหายเข้าไปในห้องสต็อกด้านหลังร้าน



“สัด มีลูกน้องแต่ละคนก็มีแต่สติไม่ดี เวรกรรมไรของกูวะแม่ง...”



บ่นออกมาเบาๆ พลางใช้นิ้วเคาะไปตามโต๊ะหน้าเคาเตอร์บาร์อย่างใช้ความคิด ก่อนสายตาคมจะเลื่อนขึ้นไปมองที่เหนือหัวตรงมุมฝ้าเพดานที่ติดกล่องวงจรปิดเอาไว้ ริมฝีปากที่กระตุกยกยิ้มขึ้นมานิดๆ ในตอนนั้น



“เด็กคนเมื่อคืนงั้นหรอวะ”



มันมีความรู้สึกบางอย่างที่แว๊บเข้ามาในความรู้สึก คุ้น



และเพราะแบบนั้นเลยอยากจะรู้จริงๆ ...ว่ามันจะใช่คนเดียวกับคนที่วนเวียนอยู่ในหัวกูมาตลอดหลายเดือนหรือเปล่า



“หึ เดี๋ยวก็รู้”





--------------To be continued--------------





กรี๊ดดดดดด มาแล้วค่ะเรื่องของเจ๊ดานี่ มันก็จะแบบ...บะลุกอุกอรั่กหน่อยๆ อิย๊ะฮ่าๆๆๆ

ตอนแรกก็จะขอปูกันหน่อย ว่าแต่มันเป็นยังไงบ้างเอ่ย ดีไม่ดียังไงบ้างคะ จริงๆจะลงวันนี้คือเครียดมากๆ

กลัวมันไม่ดีเท่าที่คนอ่านหวังไว้ แคทหวังว่าคนอ่านจะชอบไม่มากก็น้อยนะคะ

ขอดูฟีตแบล็คหน่อย ถ้าดี...เดี๋ยวพรุ่งนี้แคทมาลงต่อให้เป็นพิเศษนะคะ อิอิ :mew1: :pig4:




ปล.อัพเดทนิยายทุกๆวันเสาร์ของสัปดาห์เช่นเดิมนะคะ จุ๊บๆ




ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ลัทธิปากแดงก็ผัวเธอจงจาเรินน!! เจ๊ฮามาก คีพลุคกะเทยสุดๆ :katai3:

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :m16: อิเจ๊ มึงจำทำเป็นจำอะไรแบบนี้ไม่ได้

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
เจ้เมาแล้วแมนตลอดอ่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Yoghurt

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-2
    • แฟนเพจ
บทที่2



“เดินไวๆ อิเอม ขามึงหนักอะไรนักถึงเดินช้าขนาดนี้”



เสียงเรียกที่ดังมาจากทางด้านหน้าของผมไม่ใช่ใครที่ไหน นอกจากไอ้หยีเพื่อนสนิทในตำนาน มันที่หอบหิ้วผมให้ขึ้นรถมากับมัน แล้วเจ้าตัวก็ขับรถบึ่งตรงมาที่ร้านที่จะให้ผมมาทำงาน ไอ้เก้อไม่ได้มาด้วยกัน เนื่องจากว่าแขกวีไอพีของมันค่อนข้างจะงอแง



“แล้วนี่ทำไมท่าเดินมึงถึงแปลกๆ งี้วะคะ กูก็พึ่งสังเกตเห็นนะเนี่ย”



“แปลกเชี่ยไรล่ะเอ๊อ! มึงนี่พูดอะไรตลกนะเนี่ย ตาฟ่าฟางนะมึงเนี่ย ฮ่าๆๆๆๆ”  ใครเชื้อเชิญให้มึงมาสังเกตวะ อยากจะพูดออกไปแบบนั้นแต่สิ่งที่ทำได้ก็มีแค่กูที่ยืนหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังอยู่คนเดียว ขำเหมือนวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่กูจะได้ขำ ขำทั้งๆ ที่แม่งไม่มีเรื่องอะไรให้ตลก .... เลิ่กลั่กลนลานเลยไงไอ้สัดเอม



“เอิ๊ก....มองไรกูอีกวะ ไปสิๆๆ ไหนบอกจะพากูมาสมัครงานไงครับ นำพาตัวกูไปเลยจ๊ะอิหยีจ๋า” เปลี่ยนเรื่องแบบหน้าด้านๆ หลังจากหัวเราะเป็นบ้าอยู่คนเดียวแต่ไอ้หยีมันไม่เล่นด้วย กูก็เปลี่ยนเรื่องแบบนี้ล่ะ ใช่แล้ว คนหน้าด้านคือไอ้เอมเองจ้า



“เออๆ ไม่มีอะไรก็ไม่มีอะไรค่ะ งั้นมึงรีบเดินตามมาให้ไวเลยค่ะอิหนูเอม”



มันที่ว่าแบบนั้นแล้วหันหลังเดินนำผมไปอีกรอบ พอเห็นแบบนั้นแล้วก็อดที่จะถอนหายใจออกมาแบบหนักๆ ไม่ได้ ตัวผมที่ยืนอยู่ที่ลานจอดรถและภาพตรงหน้าที่เห็นก็คือภาพของร้านอาหารที่แบ่งออกเป็นโซนด้านนอกที่จัดเป็นร้านนั่งชิล และติดกันข้างๆ ที่เป็นตัวตึก3สามชั้นขนาดใหญ่โตที่ทำไว้สำหรับเป็นโซนของผับ ป้ายตัวหนังสือใหญ่ๆ ที่ตั้งไว้ด้านบนสุดของตัวตึกที่ถ้าตอนกลางคืนคงเปิดไฟสีชมพูวิ๊บวับๆ เขียนไว้ว่า  ‘DANIWORLD’  ทั้งๆ ที่คิดไว้ตั้งแต่เมื่อคืนวานแล้วว่ากูจะไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีก แต่แม่งเอ๊ย ... สุดท้ายก็เป็นกูที่เดินกลับเข้ามาเอง



“อิเอม ไวๆ มึง”



“เออ รู้แล้วโว้ย! ” นี่ก็เร่งกูจัง!!



คิดว่าง่ายนักไงวะที่จะเดินกลับเข้าไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งๆ ที่เมื่อคืนตอนดึกๆ กูยังถูกไอ้ตุ๊ดปลอมนั่นขยับสะโพกโยกเอวจนกูหัวสั่นหัวคลอนอยู่บนเตียงที่ชั้นบนของผับนี้อยู่เลย แค่คิดมาถึงตรงนี้ ความรู้สึกร้อนๆ วูบวาบก็วิ่งเข้ามาปะทะร่าง ความรู้สึกที่เหมือนมีอะไรเต้นตุบๆ สอดคาอยู่ที่ช่องทางด้านหลังยังไม่หายไปเลยแม้แต่น้อย ... ไม่ใช่ไม่รู้สึกอายหรือไม่เสียใจ แต่เพราะเป็นผู้ชายและตอนนี้ก็เป็นผู้ชายที่จนมาก เลยเลือกที่จะทำตัวให้เป็นปกติที่สุดเพื่อเอาชีวิตรอดก็แค่นั้น



“เหอะ เอาวะ!  คนแบบกูแม่งก็ไม่ได้มีทางเลือกไรมากนักอยู่แล้วนี่หว่า” แค่นยิ้มออกมานิดๆ พร้อมบอกตัวเองแบบนั้น ก่อนจะกระชับกระเป๋าในอ้อมแขนให้แน่นขึ้นแล้วถอนหายใจออกมาหนักๆ อีกหนึ่งที ...



สู้โว้ยยยย คิดในทางที่ดีกูอาจจะไม่เจอไอ้ตุ๊ดปลอมคนเมื่อคืนอีกแล้วก็ได้ไหมวะ ... ถึงจะไม่รู้ว่าเมื่อคืนมันมาทำอะไรที่ผับนี่ก็เถอะ

แต่ถ้าได้เจอกันอีกจริงๆ มันก็คงจะเป็นพรหมลิขิตมากเกินไปแล้วไหมวะ



.

.

.



กูขอคิดใหม่ว่าพรหมอาจไม่ได้ลิขิต แต่นรกอาจจะเป็นผู้ลิขิตชีวิตกู



เจ็บไข่ไปหมด! ...นี่มันอะไรกันวะเนี่ย



“เอ๊ะๆๆๆๆ เด็กผอมกะหร่องนี่หน้าตาคุ้นๆ จังเลยนะคะ ว่าแต่คนนี้อ่ะหรอคะที่ว่าจะมาทำงานที่นี่” ผอมกะหร่องพ่อง!



อยากจะตะโกนออกไปแบบนั้น แต่สิ่งที่กูทำได้แม่งกลับตรงกันข้ามกับหัวใจ ตอนนี้ไอ้เอมอยากจะร้องไห้ให้เป็นภาษาปาตาลิโก้ อย่าถามว่าภาษาอะไร กูไม่รู้กูพูดไปเรื่อย!  แต่ที่รู้ๆ คือกูอยากวิ่งออกไปจากตรงนี้!!



เสียงสองที่มาพร้อมกับท่าทางจีบปากจีบคอที่ดังอยู่ตรงหน้าในตอนนี้มาจากคนร่างสูงที่กำลังนั่งไขว่ห้างพร้อมๆ กับกอดอกแบบมีจริตอยู่บนเก้าอี้ทรงสูงที่นั่งอยู่ที่ด้านหน้าเคาเตอร์บาร์น้ำ เป็นผู้ชายตัวสูงใหญ่ไหล่กว้างหน้าหล่อที่ทาปากสีแดงจัด แดงชนิดที่เหมือนแดกเลือดนกมา พร้อมทั้งทาตาและปัดแก้มให้มีสีวิบวับแบบที่ผู้ชายส่วนใหญ่เค้าไม่ทำกัน แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันหล่อมาก อาจจะเป็นเพราะสัดส่วนและกล้ามเนื้อที่สมกับความเป็นผู้ชายนั่น หรือดวงตาเรียวคมเข้มที่แฝงไปด้วยสเน่ห์แบบที่มองแล้วน่าค้นหานั่นล่ะมั้งที่ทำให้ต้องพูดตรงๆ เลยว่ามันหล่อโคตรๆ หล่อพ่อหล่อแม่หล่อแบบวัวตายควายล้ม การแต่งตัวที่ดูจัดจ้านนั่นก็ด้วย ยิ่งดูไปนานๆ ยิ่งดูเหมือนนายแบบในนิตยสารที่หลุดออกมายังไงยังงั้น ติดอยู่แค่อย่างเดียวก็เห็นจะเป็นจริตที่ออกสาวเกินหน้าเกินตาที่ดูจะขัดกับความหล่อนั่นแหล่ะ ที่แค่เห็นใครๆ ก็คงจะบอกว่านี่คือตุ๊ด!



แต่สำหรับผม มันเป็นได้แค่ตุ๊ดปลอมเท่านั้นแหล่ะ!!



“แล้วนั่นเป็นอะไรอ่ะคะ คอเป็นอะไรทำไมถึงต้องยืนหัวห้อยตาตกพื้นตลอดเวลาแบบนี้ล่ะคะหนู หื้มมม”



“หนูพ่อง! ” เชี่ย!  ยกมือขึ้นปิดปากแทบไม่ทัน และใช่...ไม่ทันแล้วด้วย ไอ้เรื่องปากไวไม่มีใครเกินกู



“หื้มม ว่าอะไรนะคะ ได้ยินไม่ค่อยจะชัดเลย” คนตรงหน้าที่ยกยิ้มมุมปากแล้วทำนิ้วกรีดกรายขึ้นไปแคะหูนิดๆ พรางจ้องตรงมามองกันด้วยสายตาที่ทำให้ผมรู้สึกร้อนวูบไปทั้งหน้า



ไอ้ตุ๊ดปลอมคนเมื่อคืนกับลูกค้าที่ผมเผลอไปมีความสัมพันธ์แบบไม่ตั้งใจเมื่อหลายเดือนก่อนนั้นมันคือคนๆ เดียวกันกับที่กำลังนั่งมองหน้ากันอยู่ตอนนี้ แต่ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ มันดันเป็นเจ้าของร้านนี้!  อยากร้องไห้เหมียนหมา เจ็บไข่แม่มึง!



“ผ...ผม ผมพูดว่าหนูท่อน่ะครับ อย่าสนใจเลยผมก็พูดไปเรื่อย ฮ่าๆๆๆ” กูจะแถยังไงก็ได้ถ้ากูหน้าด้านพอ เยี่ยม!  ชะเอมถูกใจสิ่งนี้



“หึ หรอคะ แหม แถเก่งไม่เหมือนสภาพพิกลพิการภายนอกที่มองเห็นเลยนะคะ อิ” อิพ่ออิแม่มึงสิ! สักฝุ่นไหมสาดดด



กวนตีนเหลือเกิน อยากจะท้ามันต่อยสักที กูหมั่นไส้ไม่ไหวแล้วนะ แต่พอเงยหน้าขึ้นไปมองกลับพบว่าไอ้ตุ๊ดนั่นดันมองกันอยู่ก่อนแบบไม่ละสายตา เชี่ยๆๆๆ กูนี่หุบปากฉับทันทีเลย รู้สึกร้อนวูบๆ วาบๆ ไปทั้งตัวในตอนที่เห็นสายตาของมันมองมาที่หน้าและสายตาที่ค่อยๆ เลื่อนมาที่คอลามมาที่หน้าอกของผมและจบท้ายด้วยรอยยิ้มกระตุกมุมปากขึ้นนิดๆ แบบนั้น สาดดดดดด ...



กูนี่รีบเสหน้าหนีไปทางอื่นแทนเลย อย่านะอย่ามามองหน้ากันเหมือนมึงจำเรื่องเมื่อคืนได้นะเว้ย!



บ้าน่า เมาขนาดนั้นจะจำได้ได้ยังไง ไม่ใช่หรอกน่า ...ใช่ไหม ใช่สิ กูว่าใช่ก็ต้องใช่สิวะ ...



แค่เรื่องเมื่อหลายเดือนก่อนก็แย่พอแรงแล้ว ถ้าขืนมันยังจำเรื่องเมื่อคืนได้อีกเรื่องก็ไม่ต้องทำงานด้วยกันแล้วครับ เอากูไปฝังกลบในดินแทนเถอะแบบนั้นน่ะ!



“โหยพี่ดาบ พี่รับๆ เพื่อนหยีเถอะน่า มันน่ะทำได้ทุกอย่างเลยนะ พี่จะเอามันไปทำห่าอะไรมันก็ทำได้หมดเลย”



ไอ้หยีที่โพล่งออกมาในตอนที่ไม่มีใครพูดอะไรออกมาสักที ... ใครเชิญให้มึงเปิดปากวะป้า!



และนี่คืออีกหนึ่งในความโลกกลมที่พรหมไม่ได้ลิขิตที่ทำให้ผมอยากกัดลิ้นตาย ถ้าผมรู้ว่าไอ้เจ้าของร้านที่ไอ้หยีมันรู้จักคือไอ้ตุ๊ดปลอมที่เคยเยดุใส่ผมเมื่อหลายเดือนก่อน เมื่อคืนนี้กูจะไม่มาเหยียบที่นี่ให้โดนมันเสียบอีกรอบหรอกแม่ง



ไอ้ตุ๊ดปลอมนี่มันเป็นอดีตพี่รหัสในคณะวิศวะที่ไอ้หยีมันเคยเรียนมาครับ ... กูท้อกับความโลกกลมนรกลิขิตนี้



“ได้โปรดเรียกกูว่าดานี่ค่ะ!  ว่าแต่เอาเพื่อนมึงมาทำอะไรก็ได้เลยหรอคะอิหนูหยี”



“แน่นอนค่า จะเอามันไปทำไรก็ได้เลยจ้า” ไม่ได้สิเว้ยยย มึงปรึกษากูก่อนสิอิป้า!



“ได้ทุกอย่างเลยสินะคะ หึ”



“แค่พี่ให้ที่อยู่และเงินมันก็พอ รับมันนะพี่นะ เพื่อนหยีมันกำลังลำบาก ป้ามหาภัยของมันไล่มันออกจากบ้านเพราะหลายเดือนก่อนมันเสือกโดนผู้จัดการร้านในผับไล่ออกเพราะแม่งเอาคอกเทลที่ใส่ยาปลุกไปให้ลูกค้า ทั้งๆ ที่มันไม่อยากทำแท้ๆ แต่เสือกโดนขู่ไง” พอไอ้หยีพูดเรื่องนี้ออกมา ก็เห็นว่าคนที่นั่งฟังอยู่ดูจะสนใจเป็นพิเศษ ก่อนที่จะขมวดคิ้วนิดๆ ตอนที่ได้ฟัง



“เนี่ยพี่ดาบเพื่อนหยีมันเป็นคนดีมากๆ นะ พี่รับมันเถอะนะ...เอ๊ะ อิเอมมึงอย่ายืนเอ๋อ อ้อนวอนพี่กูสิมึง”  ไอ้หยีที่พูดออกมารัวๆ แบบนั้นก่อนจะหันมาหาผมที่ยืนเอ๋ออยู่ข้างๆ และก็ต้องเหวอหนักขึ้นไปอีกเพราะถูกมันดันหลังให้ถลาไปหาคนที่นั่งหน้าแรดอยู่ที่หน้าเคาเตอร์ในตอนที่ไม่ตั้งตัว และผลที่ได้ก็คือ



“เหวออ”



“อ๊ายย”



‘หมับ’



“อื้มม...เอวเล็กๆ แบบนี้มันคุ้นมือดีจังเลยนะคะ ว่าไหม



สายตาคมที่ก้มลงมาใกล้พร้อมๆ กับริมฝีปากสีเลือดนกที่กระซิบอยู่ใกล้ๆ หูกันในตอนนี้ ลมหายใจร้อนๆ ที่เป่ารดอยู่ข้างแก้มทำเอาหน้าร้อนไปทั้งหน้า พอเผลอช้อนสายตาขึ้นไปมองก็เห็นอีกหน้าของอีกฝ่ายที่อยู่ใกล้กันมากๆ จนเผลอลมหายใจกระตุก ในตอนที่มองตาของอีกคนไม่รู้เลยว่าต้องทำยังไงต่อไปดี จนเมื่อรู้สึกถึงฝ่ามืออุ่นที่ลูบไล้เบาๆ อยู่ที่ช่วงเอวของกูนี่ล่ะ ไม่ลูบเปล่า ให้เดี๋ยวบีบเดี๋ยวลูบนี่มันยังไงนะ



“อ๊ากกก ไอ้สัดปล่อยเอวกูเลยนะอิตุ๊ดปลอม! ”



‘ผลั้ว’



“กรี๊ดดดดดดดด”



...



   เหตุการณ์ชุลมุนก่อนหน้านี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมาก แต่เสือกไม่จบลงไวเหมือนตอนเกิด ถ้าถามว่าเพราะอะไรน่ะหรอ มันก็เป็นเพราะ...



“สวยไม่ยอม สวยไม่โอเคกับเหตุการณ์นี้!”




“พี่ดาบ พี่ใจเย็นก่อนนะพี่นะ”



“ใจเย็นเหี้ยอะไรล่ะอิหยี เพื่อนมึงค่ะ เพื่อนมึ๊ง เพื่อนมึงต่อยตาสวยๆ ของกูจนกูกลายเป็นหมีแพนด้า หมีแพนด้า หมีแพนด้าหมีๆ แพนด้าแล้วค่ะเอดอก”



เสียงโหวกเหวกโวยวายที่ดังแบบเอาเรื่องนั่น ทำเอาผมต้องหนีมานั่งแอบอยู่ตรงมุมแคบๆ ตรงข้างๆ ซอกเก้าอี้พร้อมกอดกระเป๋าใส่เสื้อผ้าไว้แนบอก ทำได้แค่ค่อยๆ แอบเหลือบมองสถานการณ์ไปด้วย ในตอนนี้ก็มองเห็นไอ้เจ๊ตุ๊ดนั่นกำลังเอาน้ำแข็งมาทำเป็นลูกประคบเพื่อประคบลูกตาตัวเอง ... ก็แค่เผลอต่อยตาไปนิดหน่อย ก็ไม่เห็นจะต้องโวยวายอะไรขนาดนั้นเลยไหมอ่ะ



“มึงไม่ต้องแอบมองเลยนะคะอิน้องบ๋อย อิเด็กผี กูไม่ยอมจริงๆ ด้วยนะคะ”



“ก็ใครใช่ให้พี่มึงมากอดเอวผมแบบนั้นล่ะวะ กอดแล้วลูบๆ ผ..ผม...ผมตกใจ! ”



“แหมมม ขวัญอ่อนเหลือเกิน แต่เอ๊ะ อย่ามาใส่ร้ายกูนะคะ ก็มึงถลาเอาหน้ามาแนบท้องกูขนาดนั้น กูก็ต้องรับไว้ไหมคะ ถ้าไม่รับอีกนิดนึงปากมึงก็จะพุ่งลงไปจุมพิตเข้าเป้ากูแล้วค่ะ กูต้องปกป้องดานิจุ๋มจิ๋มของกูที่ยังบริสุทธิ์ผุดผ่องเอาไว้สิคะ”



คำพูดคำจาที่ว่าออกมาแบบนั้น พอได้ฟังแล้วอดใจไม่ไหวต้องกรอกตาใส่ ดานิจุ๋มจิ้มบริสุทธิ์เชี่ยไรล่ะ ถ้าบริสุทธิ์แล้วอะไรที่กระแทกเข้ากระแทกออกตัวกูเกือบทั้งคืนวะห๊ะ!



“กรอกตาทำไมคะ ทำหน้าทำตาเหมือนไม่เชื่อ ทำหน้าทำตาเหมือนอยากเถียง แต่แน่ใจนะคะว่ามึงจะเถียงจริงๆ”  มันที่เลิกคิ้วมองหน้ากันแบบกวนอวัยวะเบื้องล่างแบบสุดๆ แล้วใครแม่งจะกล้าอ้าปากเถียงออกไปเพื่อให้ตัวเองเสียเปรียบล่ะวะ



“ยืนอมลิ้นเงียบเลย ดีค่ะ อย่าเถียงกูนะคะ ถ้าเกิดเถียงกู กูไม่รับมึงเข้าทำงานจริงๆ ด้วยนะ หึ่ย”  พี่มันที่ว่าออกมาแบบนั้น ทำเอาผมนี่ต้องเด้งตัวลุกขึ้นยืนเลย คนที่ยังเอาน้ำแข็งประคบลูกตาอยู่ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วมองมาที่ผมไม่ต่างกัน



“พี่ดาบ แบบนี้ก็หมายความว่าพี่รับอิเอมเพื่อนหยีแล้วใช่ไหมเอ่ย”



“อื้ม พอดีคนสวยๆ แบบกูก็แค่สงสารลูกนกลูกกาตัวจ้อยหรอกนะคะ” เบ้ปากใส่แม่งเลย ก็เพราะพี่มึงไม่ใช่หรือไง กูถึงต้องตกงานน่ะห๊ะ



“พี่เจ๊มึงก็ลีลาเหลือเกิน ตัวเองเด็กเสริฟก็ไม่พอแล้วยังจะลีลาอีกนะ” เสียงของคนที่เดินเข้ามาใหม่พูดออกมาแบบนั้น ดูแล้วท่าทางจะเป็นพนักงานของร้านนี้เหมือนกัน แต่ดูแล้วคงจะสนิทกับอิเจ๊เจ้าของร้านนี่พอดูเลยล่ะ ถึงได้กล้าพูดเล่นพูดหัวกันได้แบบนี้



“หุบปากค่ะอิอิฐ สาระแนมากๆ ไสตูดมึงออกไปจากพื้นที่ตรงนี้เลยนะใครเชื้อเชิญให้มึงเข้ามาไม่ทราบคะ”



“ดีจ้า ชื่ออิฐนะจ๊ะ อายุ18หน้าตาดีมีหนี้สินเป็นของตัวเอง ยินดีที่ได้รู้จักจ๊ะพี่จ๋า” คนมาใหม่ที่ถลาเข้ามาหาผมพร้อมส่งยิ้มหวาน รอยยิ้มร่าเริงที่มาพร้อมๆ กับฝ่ามือแกร่งของเจ้าตัวที่คว้ามือกูไปจับแล้วเขย่าทำความรู้จักกันแบบสนิทสนม ...เอ่อ...



“พอค่ะอิสัดอิฐ สาระแนจับมงจับมือ” อิเจ๊เจ้าของร้านร่างใหญ่ที่ว่าแบบนั้นพร้อมเดินเข้ามาคว้าหลังคอเสื้ออิฐแล้วเหวี่ยงมันให้ออกไปให้ห่างจากผม



“ก็ทำความรู้จักกันไว้ไงพี่เจ๊มึง ว่าแต่ชื่ออะไรหรอจ๊ะ อมชมพูจุง” ...ห๊ะ อะไรนะมึง?



“ชื่อเอม”



“อู้ยย หน้าตาดีแถมชื่อก็น่ารักจังเลยจ๊ะ”



“ไม่เห็นจะน่ารักตรงไหนเลยค่ะ ดานี่น่ารักกว่าเยอะค่ะ” นิดนึงก็ขอให้ได้ค่อนขอดกู หึ่ย อิตุ๊ดยักษ์



“พอๆๆ พอค่ะมึง จบการทักทายปราศัยกันเพียงเท่านี้ ว่าแต่มึงไม่มีที่อยู่หรอคะ?”  มันที่หันมาถามกูแบบนั้นพร้อมเดินเข้ามายืนแทนที่ของอิฐที่ถูกดีดปลิวไปแล้ว คนร่างสูงที่ค่อยๆ ก้มหน้าลงมามองกันพร้อมเลิกคิ้วถาม เห็นแบบนั้นแล้วได้แต่เม้มปากเข้าหากันแน่นๆ แล้วกอดกระเป๋าเอาไว้อย่างอับจนหนทาง



“ไอ้หยีบอกว่าร้านนี้มีที่พักให้ฟรี” ค่อยๆ ช้อนตาเงยหน้ามันแล้วบอกออกไปแบบนั้น



“ก็คือมึงไม่มีที่อยู่จริงๆ สินะคะ”



“ผมมี!  ...แต่แค่ ...แค่ตอนนี้ไม่มี” อยากจะเถียงออกไปว่ากูไม่ใช่คนจรจัดนะเว้ย .. แต่จริงๆ ตอนนี้สภาพกูก็ไม่ต่างเท่าไหร่ พอคิดมาแบบนั้นแล้วโคตรน่าอดสู หดหู่ชิพหายเลยตัวกู



ผมเกลียดการโดนดูถูก เกลียดการถูกมองเหมือนสงสาร แต่เรื่องจริงมันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าผมมันโคตรจะน่าสมเพช



คนตรงหน้าที่จ้องมองกันด้วยสายตานิ่งๆ ตอนที่เห็นผมก้มหน้าหนี อิเจ๊ที่แค่ขมวดคิ้วนิดหน่อย แต่สุดท้ายก็ยืดตัวขึ้นไปยืนดีๆ แล้วไม่ถามต่อๆ



“โอเคกูเข้าใจแล้วค่ะ แต่ว่าจะทำยังไงดีวะ ตอนนี้ห้องพักพนักงานมันเหลือห้องเดียว เพราะอีกห้องตอนนี้กูเอาเหล้าล็อตใหม่มาลงเกลื่อนไปหมดน่ะสิ” พอได้ยินแบบนั้นแล้วจิตใจกูฟีบเหี่ยวเลย แล้วกูจะไปอยู่ที่ไหนวะคืนนี้



“คืนนี้ให้พี่เอมไปอยู่กับไอ้โก้ไปก่อนได้ไหมอ่ะเจ๊พี่มึง” ไอ้อิฐที่เสนอความคิดเห็นออกมาแบบนั้น



“จะดีหรอคะ”



“ทำไมอ่ะเจ๊พี่มึง อย่างน้อยก็คืนเดียวน่า เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมกับไอ้จูนช่วยกันเก็บห้องนั้นแล้วค่อยให้พี่เอมเข้าไปอยู่” ตัวละครใหม่เยอะจนกูงง ไอ้โก้ไอ้จูนไหนกูก็ไม่รู้จัก ผมที่ได้แต่หันไปมองไอ้หยีแบบอยากตาย กูจะมีที่อยู่ไหมเพื่อนรัก



เหมือนมันเองก็จะเข้าใจเลยได้แต่เดินเข้ามาหาแล้วจับมือผมไว้แบบให้กำลังใจหน่อยๆ



“สรุปยังไงอ่ะพี่ดาบ จะให้เพื่อนหยีอยู่ไหนอ่ะ”



“ดานี่ค่ะอิน้องหยี เรียกกูให้ถูกๆ หน่อยจะตายหรอ ถ้าไม่สวยนี่กูตบแล้วนะคะ ... ส่วนเรื่องอิเด็กนี่ คืนนี้มึงทนนอนกับคนแปลกหน้าไปก่อนละกันนะคะคืนนึง มันเป็นเด็กในร้านนี่ล่ะ ยังไงเลิกงานคืนนี้ก็ใกล้จะเช้าอยู่แล้ว ไม่กี่ชั่วโมงก็ตื่น มึงโอเคไหมคะ”



แล้วกูเลือกอะไรได้ไหม เลือกที่จะไม่นอนได้หรือเปล่า



“ครับ”  สุดท้ายก็ทำได้แค่พยักหน้าลงแบบทำอะไรไม่ได้ อย่างน้อยก็ได้งาน มีเงินใช้ และอาหารฟรี ... ถึงแม้กูจะต้องแลกมากับการที่ต้องทนเห็นหน้าคนที่มีอะไรกันมาแบบไม่ได้สติหรือรักกันมาสองรอบแล้วก็ตาม พอคิดมาถึงตรงนี้แล้วก็เผลอเงยหน้าขึ้นไปจ้องหน้าเจ๊มันแบบไม่ได้ตั้งใจ และก็เห็นอีกฝ่ายที่มองหน้ากันอยู่ก่อนแล้วด้วยสายตานิ่งๆ ดวงตาคมๆ ที่ไม่ต่างไปจากครั้งก่อนที่ผมเคยเห็นตอนที่นอนอยู่ใต้ร่างของอีกฝ่าย อดไม่ได้ที่ต้องเผลอเม้มริมฝีปากเข้าหากันแล้วเสหน้าหนีเพราะรู้สึกร้อนๆ หน้า

 

คิดเหี้ยไรมากล่ะไอ้เอม ... มันก็แค่SEX

และใช้ กูมีเซ็กซ์กับตุ๊ดร่างยักษ์ที่มันอยากได้ผู้ชายมาเป็นผัว!  ไม่ใช่กู...



...


(มีต่อจ้า)

ออฟไลน์ Yoghurt

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-2
    • แฟนเพจ


“มึง คืนนี้พี่สาวกูไม่อยู่บ้าน อาม่าอยู่คนเดียว คืนนี้กูเลยอยู่กับมึงไม่ได้นะอิเอม”  ไอ้หยีที่ว่าออกมาแบบนั้นในตอนที่ผมเดินออกมาจากร้านเพื่อมาส่งมันกลับบ้าน



“ไม่เป็นไรป้า กูมาทำงานนะเว้ย อีกอย่างงานแบบนี้กูก็เคยทำมาบ่อยจะตาย ไม่เป็นไรหรอกมึง”  บอกมันออกไปแบบนั้นแต่ไอ้หยีที่เอื้อมมือมาจับมือสองข้างของผมเอาไว้แน่น มันที่ทำหน้าเหมือนมันกำลังจะส่งลูกเข้าเรียนอนุบาลในวันแรก



“แต่กูไม่อยากปล่อยมึงอยู่คนเดียวในการเข้างานวันแรก มึงอาจจะหว่าเว้ มึงอาจจะไหวหวั่น”



“หยี”



“ว่าไงจ๊ะเพื่อนรัก”



“วันนี้มึงไม่ได้กินยามาสินะ อาการมึงดูเพ้อๆ”



“เอ๊ะอิสัดนี่ กูไม่ห่วงแม่งแล้วค่ะ! ” ว่าแบบนั้นแล้วสะบัดมือกูทิ้งแบบไร้เยื่อไย โถ่ แม่สาววัยเหลือน้อยผู้ขี้งอนของพี่



“ฮ่าๆ ขอบใจนะป้ามึง เอาน่าไม่ต้องห่วงกูหรอก กูอยู่ได้”  ว่าแบบนั้นแล้วยิ้มกว้างๆ ให้มันสบายใจ แม้ในใจจะคิดว่า อิเหี้ยเอ๊ยยย กูจะรอดพ้นไปจนถึงสิ้นเดือนไหม จะทำงานยังไงกับคนที่เคยเยกันดุๆ มาก่อน แค่มองหน้าตรงๆ แต่ละทีก็ร้อนๆ หนาวๆ แล้วอิเชี่ย เจ็บไข่!



“แต่นะ...อย่างน้อยก็มีพี่ดาบอยู่ด้วยกูก็เบาใจ” เบาใจเชี่ยไรล่ะ มีมันอยู่นี่ล่ะมึงยิ่งต้องเป็นห่วงกูโว้ย!



“เอ้อ แต่มึงอย่าเผลอไปเรียกว่าพี่ดาบเชียวล่ะ เดี๋ยวพี่แกจะของขึ้น”



“แล้วจะให้กูเรียกไรล่ะ เรียกไอ้สัดหรอ”



“เอ๊ะมึงนี่ เรียกมันเจ๊ดานี่สิมึง เรียกถูกใจดีไม่ดีมันจะขึ้นเงินเดือนให้นะกูบอกเลย”



“นี่ป้ามึง กูถามจริงนะ ไอ้เจ๊ดานี่อะไรเนี่ยมันเป็นงี้จริงๆ หรอวะ”



“เป็นงี้ มึงหมายถึงอะไรวะ”



“ก็เป็นตุ๊ดยักษ์แบบนี้ไงเล่า”



“อ๋อออ ฮ่าๆ ถ้าจะพูดตรงๆ มันก็ไม่ใช่นะ ตอนกูเรียนปี1 พี่ดาบแกอยู่ปี2เป็นเฮดวาร์ควิศวะนะมึง หล่อแบดๆ แถมควงหญิงไม่ซ้ำหน้าเลยจ๊ะ ผู้หญิงต่อคิวยาวไปถึงกำแพงเมืองจีน แซ่บๆ เลยนะคะ”



“แล้วอยู่ๆ ทำไมมันเป็นงี้วะ” อดที่จะเสือกต่อไม่ได้จริงๆ ครับ



“เฮ้อ อันนี้กูก็ไม่รู้พี่มันนะ พอกูลาออกแล้วซิ่วไปเรียนสถาปัตพี่มันก็กลายร่างเป็นแบบนี้แล้วอ่ะ แต่พี่มันเป็นคนดีนะมึง ไว้ใจได้เลยกับเพื่อนกับพี่กับน้องแกให้เต็มที่” ไว้ใจได้ก็เหี้ยแล้วล่ะไอ้หยี พี่มึงน่ะมันตัวอันตรายของแท้เลย คนเหี้ย!



“ว่าแต่มึงถามทำไมวะ”



“อ๋อออ ฮ่าๆๆ ไม่มีไร กูจะอยากรู้เรื่องเจ้านายกูบ้างไม่ได้หรอป้า”



“เออๆ งั้นกูกลับก่อนนะ อยู่นี่ก็อย่าดื้ออย่าซนนะลูกนะ มามะขอหอมหัวทีนึง” ว่าออกมาแบบนั้นแล้วเอื้อมมือมาโน้มหัวกูไปจูบแบบหน้าตาเฉย ....ฮ้า~~ กลิ่นมาดามหอมชื่นใจ สดชื่นเลยสิมึงเอ๊ย



“อี๋ อิเอม หัวมึงเหม็นมากค่ะ!  มีหมาตายลอยมาติดหัวมึงหรอคะ”



“ก็แชมพูมันหมดอ่ะป้า มึงอย่ามาบูลลี่หัวกูได้ไหม จิตใจอ่ะ”



“เอน็ดอนาถชิพหายชีวิตมึงเนี่ย ไปๆ กูจะกลับแล้ว ขอให้วันนี้มึงได้ค่าทิปเยอะๆ นะคะ”



“สมพรปากนะป้า เดี๋ยวกูเข้าไปเก็บของก่อน”



“เออๆ รีบไปเถอะมึง”



บอกลากันแค่นั้น แล้วไอ้หยีก็ค่อยๆ ขับรถออกไปจากลานจอดรถ พอยกข้อมือตัวเองขึ้นดู นาฬิกาก็บอกเวลาว่าบ่ายสามแล้ว อีกนิดก็คงต้องมาช่วยจัดร้านแล้ว คิดแบบนั้นเลยรีบกลับเข้าไปข้างในก่อนจะโดนไล่ออกตั้งแต่ที่ยังไม่ได้เริ่มงาน



“หยุด สต๊อปการเดินค่ะอิน้องบ๋อย” ยังไม่ทันจะก้าวไปไหนไกล คนที่เดินลงมาจากชั้นสองก็เบรคกูซะหัวทิ่ม จะใครที่ไหนล่ะถ้าไม่ใช่ไอ้สัดตุ๊ดยักษ์



“เอ่อ พี่ เอ่อ เจ้านายมีไรกับผมครับ”



“ถ้าจะเรียกกูลำบากขนาดนั้น ก็เรียกกูว่าพี่ดานี่คนสวยค่ะ” บอกกูแบบนั้นพร้อมยิ้มกว้างแล้วยกมือขึ้นสะบัดผม ผมทิพที่มันไม่มีอยู่จริง เล่นใหญ่เหมือนผมมึงยาวไปถึงเชียงใหม่อ่ะอิชิพหาย



“หรือถ้าพี่เอมลำบากใจจะเรียกแบบนั้นนะ น้องอิฐขอแนะนำว่าให้เรียกแบบอิฐเลยว่าเจ๊พี่มึง” ไอ้อิฐที่ยืนเช็ดแก้วอยู่ที่บาร์คอกเทลตะโกนออกมาบอกกันแบบนั้น



“สาระแนค่ะอิอิฐ”



“ว่าแต่เจ๊พี่มึงมีไรหรอครับ”



“เอ๊ะ อินี่ก็เชื่อคนง่ายเหลือเกินนะคะ ไม่อยากเสียเวลา มึงหิ้วกระสอบผ้าเก่ามึงแล้วตามกูขึ้นมาค่ะ” บอกผมแบบนั้นพร้อมกรีดนิ้วชี้ไปที่กระเป๋าเสื้อผ้าของผมที่ถูกวางทิ้งไว้บนโต๊ะแบบเหี่ยวๆ เหงาๆ โถ่ น่าสงสาร



“นั่นมันกระเป๋าเสื้อผมนะเว้ย กระสอบผ้าเก่าอะไรของพี่วะ” พูดจาไม่ให้เกียรติกูไม่ว่า แต่จะมาว่าพี่กระเป๋ากูไม่ได้!  เอมไม่โอเคอ่ะ



“เออๆ จะอะไรก็ช่างมึงค่ะ อย่าเสียเวลาแล้วเดินตามกูมาข้างบนค่ะ”



บอกแบบนั้นพร้อมจ้องมานิ่งๆ แบบรำคาญหน่อยๆ คำพูดและท่าทางของพี่มันทำเอาผมผวา เผลอเหลือบสายตามองขึ้นไปตรงบันไดทางขึ้นชั้นบนแล้วต้องเม้มปากแน่นๆ ความรู้สึกและสัมผัสของเมื่อคืนยังคงอยู่ ... อย่าบอกว่าพี่มันจำเรื่องเมื่อคืนได้นะเว้ย



“ทำไม มึงมีอะไรคะ” คนร่างสูงตรงหน้าที่ถามออกมาแบบนั้นด้วยสายตาคมนิ่ง ก่อนที่อีกฝ่ายจะหรี่ตามองกันนิดๆ เห็นแบบนั้นแล้วเผลอกลืนน้ำลายลงคอก่อนจะรีบฉีกยิ้มกว้างแบบร่าเริงแล้วยกมือขึ้นโบกไปมาส่งไปให้



“เปล่าๆ ครับเจ๊พี่มึง ฮ่าๆๆ”



“อ้อ แบบนั้นเองสินะคะ ถ้างั้นก็ตามมาค่ะ” แต่กูไม่อยากไปนี่ ... มันที่ไม่ได้สนใจหนังหน้าไม่เต็มใจของกู ทำแค่หันหลังเตรียมตัวเดินนำขึ้นไปข้างบน เห็นแบบนั้นเลยต้องรีบขัดมันไว้ซะก่อน



“เดี๋ยววววว เดี๋ยวนะเจ๊ เจ๊มีอะไรก็พูดกันตรงนี้ก็ได้นี่นา ฮ่าๆ มีอะไรหรอครับ” ถามออกไปแบบนั้นแล้วฉีกยิ้มอย่างฝืดฝืนส่งไปให้ อีกฝ่ายที่หันกลับมามองหน้ากันช้าๆ พร้อมจ้องหน้ามองมานิ่งๆ อู้ว หล่อชิพหาย แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือขายาวที่ค่อยๆ ก้าวลงมาจากบันไดแล้วตรงมาหากู เห็นแบบนั้นแล้วได้แต่เผลอขยับตัวถอยหลังหนี



‘หมับ’



“เห้ยย เชี่ยเจ๊มึง! ”



“พูดมากน่ารำคาญค่ะอิดอก กูหิ้วมึงไปเลยละกันอิเด็กผอมกะหร่อง”



“เจ๊มึงปล่อยกูนะโว้ยยยย” มันที่ไม่ได้ล้อเล่นแต่ทำจริงๆ วงแขนแกร่งที่คว้าเข้าที่เอวของผม...อีกแล้ว!  มันที่หนีบกูเข้าข้างเอวเหมือนกำลังอุ้มเด็กตัวเล็กๆ แล้วหิ้วกูขึ้นบันไดไปหน้าตาเฉย



“เจ๊มึง ปล่อย ปล่อยนะ โอ๊ย”



‘เพี้ยะ’  ร้องออกมาแบบนั้นตอนที่โดนฝ่ามือใหญ่ฟาดเข้าที่ตูด อิเหี้ย เจ็บจนต้องกัดฟัน



“เสียงดังค่ะ รำคาญหู” มันที่ว่าออกมาแบบนั้น และผมก็ได้ยินเสียงไอ้อิฐที่ดังตามมาแว่วๆ ว่า



“หูว รุนแรงแท้”



แรงพ่อง!  มาช่วยกูสิไอ้เด็กบ้า!

.

.

.


‘พรึบ’



“โอ้ย เจ็บนะโว้ยเจ๊ โยนลงมาได้” ได้แต่แหกปากใส่คนที่เดินไปล็อคประตูทั้งแบบนั้น ถึงมันจะโยนกูลงมาบนโซฟา แต่เรื่องเจ็บตูดของกูในตอนนี้ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะโว้ยยย



“กูก็โยนเบาๆ เองนะคะ มึงจะร้องอะไรขนาดนั้น”



“ก็กูเจ็บตูดอ่ะ เจ็บตูดอ่ะเจ๊มึงเข้าใจไหม! ” ใส่อารมณ์แม่งเลย น้ำตากูซึมออกมาที่หางตาปริ่มๆ เลยด้วย



“เจ็บขนาดนั้นกันเลยนะคะ”



“เออเซะ! ” กระแทกเสียงใส่แม่งเลย คิดว่ากูล้อเล่นหรอ เจ็บจริงโดนมึงเสียบจริงๆ แบบไม่ใช้สแตนอินก็คือตัวกูเองเลยล่ะ



“ไปทำอะไรมาคะมึงถึงเจ็บขนาดนั้นน่ะ” ถามออกมาด้วยเสียงเรียบๆ พร้อมเดินไปพิงอยู่ที่ขอบโต๊ะทำงานตรงหน้าผม คนร่างสูงที่กอดอกจ้องหน้ากัน



“ก็มึ....”



“หื้ม?” มันที่เลิกคิ้วข้างนึงขึ้นนิดๆ แล้วยกยิ้มมุมปากส่งมาให้ เชี่ย!  ไอ้ชิพหาย เกือบหลุดพูดออกไปแล้วไอ้บ้าเอ๊ย



“เปล่าครับ ก็มึนๆ เดินตกบันได”



“อ๋อหรอคะ”



“ก็เออน่ะสิเจ๊ ว่าแต่เจ๊มีไรก็รีบๆ พูดมาเลย ถ้าไม่มีผมจะลงไปช่วยไอ้อิฐข้างล่างแล้วนะ” บอกพี่มันไปแบบนั้นแล้วทำท่าจะลุกขึ้นยืน



“ทำไมมึงถึงทำท่าทางไม่อยากจะอยู่บนนี้จังคะ ลุกลี้ลุกลนแปลกๆ”



“บ้าเปล่า ผมก็แค่ไม่อยากอยู่กับพี่นานๆ เฉยๆ หรอกเว้ย”



“แหมมม อิเด็กผอมกะหร่อง มึงก็อย่าคิดว่ากูจะอยากอยู่ใกล้ๆ มึงมากนักเลยนะคะ พูดแล้วขนลุกค่ะ” ว่าออกมาแบบนั้นพร้อมกอดอกแล้วเชิดหน้าใส่ผม หน้าตบมากครับ แต่ตบไม่ได้กลัวมันต่อยเอา ดูกล้ามแขนมันสิครับ พี่เอมว่าพี่เอมไม่สู้จะดีกว่า



“ผมสิควรจะขนลุก”



“ทำไมคะ มึงจะขนลุกทำไมคะ กูสิที่ต้องขนลุก กูสิคะที่ต้องรู้สึกถึงความผิดผี สาวน้อยบอบบางแบบกูน่ะ”



“แต่ผมเป็นคนเสียซิงโดนพี่เสียบไง ผมนี่ที่ต้องกลัวพี่ พี่จะมาบอบบางอะไรเล่า!”



“กรี๊ดดดดดดดดดดดดด ตบปากเท่าอายุมึงเดี๋ยวนี้เลยนะคะ ห้ามพูดๆๆๆ ห้ามพูดเรื่องนี้ออกมา ห้ามแพร่งพรายออกมาเข้าใจไหมคะ”



คนตรงหน้าที่ยกมือขึ้นปิดหูแล้วกรี๊ดเสียงสองออกมาแบบสะดีดสะดิ้นก่อนจะยกมือขึ้นปิดนมที่อกใหญ่ๆ ของพี่มันแล้วมองมาแบบหวาดผวา คือ.....คือกูนี่ที่ต้องกลัวมึงปล้ำไม่ใช่มึงโว้ย!



“ผมเองก็ไม่อยากจะจดจำมันอีกเหมือนกันแหล่ะโว้ย! ”



“เอ๊ะ...ทำไม!  เอากับกูแล้วมันทำไมวะ ทำไมถึงจะจดจำไม่ได้” คนตรงหน้าที่เลิกทำท่าสะดีดสะดิ้งแล้วว่าออกมาแบบนั้นด้วยเสียงเข้มๆ ที่ติดจะหงุดหงิดพร้อมๆ กับหันมาจ้องมองกันตาเขม็ง



“เอ้า แล้วพี่จะมาเสียงเข้มใส่ผมทำไมล่ะ ไหนบอกให้ลืมไงวะ”



“เออ...ก็จริงของมึง แต่กูก็แค่ถามเสียงดังเฉยๆ แค่นั้นเองเถอะค่ะ” ว่าออกมาอีกแล้วกลับไปยืนก่อนอกเชิดหน้าใส่กันอีกครั้ง ... สวยเหลือเกินนะมึงนะ



“ประสาท” คำเดียวสั้นๆ ที่กูจะให้มึงอิพี่ตุ๊ดยักษ์



“กูได้ยินค่ะ! ”



“เจ๊าะแจ๊ะ” เบ้ปากใส่เลยแม่ง หนหวยนัก



“เดี๋ยวกูตบให้นะคะ ที่กูเรียกมึงขึ้นมานี่ก็เพราะกูมีเรื่องข้องใจ”



“เรื่องข้องใจ?”



ได้ยินแบบนั้นแล้วก็อดไม่ได้ที่ต้องเลิกคิ้วขึ้นมาแบบไม่เข้าใจ มันยังจะมีเรื่องข้องใจอะไรกันอีกวะ นอกจากเรื่องเพศสภาพของมึงแล้ว ในโลกนี้ไม่น่าจะมีเรื่องอะไรให้มึงกูเราท่านได้ข้องใจอีกแล้วนะ



“มึงนั่งลงก่อนค่ะอิน้องบ๋อย แล้วเรามาคุยกัน”



“เจ๊มีอะไร” สุดท้ายก็ต้องยอมกลับไปนั่งลงบนโซฟาตัวที่ถูกโยนลงไปเมื่อก่อนหน้านี้อีกที คนร่างสูงตรงหน้าที่ก็ขยับตัวลงมานั่งที่โซฟาข้างๆ กัน เห็นแบบนั้นแล้วก็อดสะดุ้งหน่อยๆ ไม่ได้



“ที่มึงโดนไล่ออกจากงาน เป็นเพราะเรื่องกูครั้งนั้นใช่ไหมคะ” ถามออกมาแบบนั้นแล้วมองหน้ากันแบบจริงจัง ผมที่หันไปมองตอบแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาหนักๆ พลางพยักหน้าตอบ



“แล้วมึงทำๆ ไมคะ รู้ว่ามียาในแก้วแล้วมึงทำแบบนั้นทำไม ถ้ามาทำงานที่ร้านกู แล้วมึงทำแบบนั้นอีก กูบอกตรงๆ เลยว่า กูก็ไม่เอาไว้เหมือนกันนะคะ”



“ผมไม่ได้อยากทำนะพี่ ผมโดนบังคับ วันนั้นผมก็อยากจะบอกไม่ให้พี่กิน แต่ผมก็โดนสั่งมา ก็ไอ้ผู้จัดการร้านที่ไล่ผมออกนั่นแหล่ะมันเป็นคนสั่ง มันรับเงินมาจากสาวๆ โต๊ะนั้นแล้วก็มาบีบให้ผมเอาไปให้พี่กิน แต่พอพี่กินแล้วดันโวยวายออกมา พอเรื่องมันแดงเจ้าของร้านรู้ ผู้จัดการก็โยนให้ผมผิดคนเดียวทั้งหมดอ่ะ”



“เชี่ยแม่ง โคตรจะเหี้ย” คนตรงหน้าที่ขมวดคิ้วเข้าหากันตอนที่ได้ฟังพร้อมสบถออกมาเสียงเข้ม ...คือแล้วเสียงสองมึงล่ะดานี่ เมื่อกี้เสียงมึงแมนกว่ากูอีกนะ



“เอ่อ...”



“อุ๊ย โทษค่ะ พอดีสวยอิน” มึงไม่ได้มีความสวยเลยสักนิดกูอยากจะบอกตรงนี้!



“งั้นตอนนี้มึงคงลำบากสินะ”



“เห้ยพี่ ผมชิล” ชิลก็เหี้ย เงินไม่มี บ้านก็ไม่มี ไม่ชิลอะไรสักนิด แต่นิสัยผมมันก็แบบนี้ ไม่อยากให้ใครต้องมาวุ่นวายอะไรกับผม ไม่อยากให้ใครสงสาร เพราะผมมันก็มีแค่ตัวคนเดียวอยู่แล้วที่ต้องดูแล



“กูจะจ้างมึงให้เป็นเด็กเสริฟแบบที่มึงเคยทำ มึงทำได้ใช่ไหม”



“ได้พี่ งานอะไรผมก็ทำได้หมดแหล่ะ” ตอบออกไปแบบมั่นใจ ถ้าพูดถึงเรื่องงานกูมั่นใจมากครับ



“สองอาทิตย์แรกกูจะให้เงินมึงเป็นชั่วโมง ชั่วโมงละร้อย ถ้ามึงอยู่ได้เกินสองอาทิตย์กูจะปรับเงินเดือนมึงเป็นพนักงานประจำให้เป็นสองหมื่นห้า”



“เชี่ย ทำไมร้านพี่เงินดีงี้อ่ะ ผมจะขยันทำงานเลยครับเจ๊พี่มึง” กูจะไม่ออก ไอ้เอมจะไม่ยอมตาย กูจะพลีกายเพื่อร้านนี้ กราบจ้า



“ก็งานมันหนัก มึงจะถามอะไรมากนักคะ เงินดีไม่ชอบรึไงคะ”



“ชอบสิเจ๊พี่มึง หอมกลิ่นเงิน”



“ดีค่ะ เพราะงั้นไม่ต้องถามอะไรมากนะคะ แต่ตอนนี้กูมีอีกเรื่องนึงที่อยากจะรู้”



“หลายเรื่องเหลือเกิน ว่าแต่มีเรื่องอะไรอีกครับ”



คนข้างตัวที่ปรับสีหน้าให้เปลี่ยนเป็นนิ่ง วงแขนแกร่งที่วางพาดไปที่พนักพิงโซฟาทางด้านหลังผมตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่ทันได้สังเกต ก่อนที่สายตาคมนั่นจะเปลี่ยนเป็นเจ้าเล่ห์ แววตาแบบนี้ ท่าทางแบบนี้ที่ผมคุ้นเคยจนต้องเผลอกลืนน้ำลายลงคออย่างลำบาก ตั้งท่าจะลุกหนีในตอนนี้ แต่ติดตรงที่อีกฝ่ายใช้แขนแกร่งมาคว้าเข้าที่เอวของผมแล้วดึงเข้าไปใกล้ตัวซะก่อน



“พ...พี่ ...พี่จะทำอะไรวะ”



“มึงเคยขึ้นมาที่นี่หรือเปล่า ที่ห้องนี้?”



“ห..ห๊ะ!  ม...ไม่ ไม่เคยเลยผมไม่เคยมาเลยนะ ผมจะมาได้ยังไงวะพี่ ฮ่าๆๆ”



ขำออกไปอย่างฝืดฝืนทั้งๆ ที่ขนก็ลุกซู่ไปทั้งร่างตอนที่เสียงเข้มๆ นั่นดังชิดข้างๆ ริมหู ได้แต่เม้มปากเข้าหากันในตอนนี้ที่ช้อนตามองหน้าอีกฝ่ายที่ก็ก้มหน้ามาจ้องตากันอยู่แบบนั้น ก่อนที่ริมฝีปากของคนตรงหน้าจะยกยิ้มขึ้นนิดๆ



“งั้นตอนนี้กูมีเรื่องอยากจะขอมึง”



“ข..ขอ ขออะไรวะพี่ พี่มึงต้องการอะไรจากกู๊! ”



“กูต้องการให้มึงถอดกางเกง ขอกูดูก้นมึงหน่อย”



“.....!!!! ”    ไข่แม่มึงงงงงงง





--------------To be continued--------------



มาแล้ววววจ้า ไม่คิดเลยว่าที่เล้าเป็ดนี้จะมีคนอ่านมาอ่านมาเม้นท์ให้แคท แคทดีใจมากๆค่ะ แอบลุ้นอยู่ว่าจะมีบ้างไหม
พอเห็นว่ามีหลายๆท่านมาเม้นท์ให้กัน บางยูสคือเคยเห็นในเรื่องอื่นๆที่แคทเขียนแล้วกุมหัวใจเลย ขอบคุณมากๆจริงๆนะคะ :pig4:


แคทขอขอบคุณ


ลัทธิปากแดงก็ผัวเธอจงจาเรินน!! เจ๊ฮามาก คีพลุคกะเทยสุดๆ :katai3:
   มาเปิดประเดิมเจิมให้แคทก่อนเลยท่านแรกเมื่อคืนนี้ แคทเห็นแล้วคือดีใจมาก ขอบคุณมากๆนะคะ

:m16: อิเจ๊ มึงจำทำเป็นจำอะไรแบบนี้ไม่ได้
  นั่นสิคะ จะมาโมเมจุ๊บจิ๊บไม่ได้นะ

:z1:
:L2: :pig4: :L2:
   ขอบคุณมากๆเลยนะคะ แคทฝากเจ๊ดานี่กับน้องเอมไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ :mew1:


:pig4:
 :3123:
  แคทขอบคุณมากๆเลยนะคะที่เข้ามาอ่านมาคอมเม้นท์ให้แคท แล้วเข้ามาอ่านอีกนะคะ (เกาะขา)


เจ้เมาแล้วแมนตลอดอ่ะ
  เจ๊ดานี่: ดานี่ว่าดานี่ก็เนียนอยู่นะคะ ไม่หรอคะ เอ๊ะ ยังไงนะ (เอาผมทัดหู)


-------------



ส่วนท่านใดไม่มียูสในเล้าเป็ด สามารถเข้าคอมเม้นในทวิตเตอร์ได้ที่แฮชแทค #สวยๆเป็นผัว นะคะ แคทรออ่านอยู่น้า
ตอนนี้เป็นยังไงบ้างคะ  ทักทายบอกเล่ากันได้นะคะ  :katai4: :mew1: :call:



ปล. ถ้าแคทเปลี่ยนชื่อเรื่องให้เหลือแค่ สวยๆเป็นผัว จะดีกว่าไหมคะ? ถ้าดีกว่ากด1 ถ้าไม่ต้องเปลี่ยนใช้ชื่อนี้แหล่ะ กด2



ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ Ti0590

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
รุกสายเล็บอะคริลิค 55555  :hao6:  :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
เจ๊ดานี่นี่ร้ายกาจจริงๆ,,,

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
ยินดีต้อนรับเจ๊ดานี่   :mc4: :mc4: :mc4:

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :m20: เจ๊มึงใจเย็นๆ อยู่ๆก็มาขอดูตูดน้องมัน

ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ชื่อนี้ก็ดีนะคะ แต่เจ๊จะมาขอดูก้นน้องนี้ไม่ดีเลยน้าา

ออฟไลน์ Yoghurt

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-2
    • แฟนเพจ
บทที่3




“จ...เจ๊มึงว่าอะไรนะ”



“กูบอกว่า กูต้องการให้มึงถอดกางเกง ขอกูดูก้นมึงหน่อยค่ะ”



“จะบ้าหรือดี”



“ดี”



“แต่กูว่าแบบนี้ไม่ดีโว้ย!”



“กูว่าดีมันก็ดีสิคะหนู ไหน ขอดูหน่อยค่ะ”



‘พรึบ’



ช่วงจังหวะที่เถียงกันอยู่แบบยังไม่ได้ข้อสรุป แต่ผมดันถูกอีกฝ่ายผลักให้ตัวลงไปนอนราบกับโซฟาทั้งแบบนั้น และไอ้คนตรงหน้าที่ก็โถมตัวทาบทับกันลงมา



“อยู่นิ่งๆ” เสียงเข้มๆที่คุ้นเคยทำเอาใจสั่น บอกไม่ถูกว่าความรู้สึกตอนนี้มันคืออะไร ระหว่างกลัวหรือจริงๆแล้วมันตื่นเต้นไม่ต่างจากวันนั้นกันแน่



“จ...เจ๊”



“กูไม่รู้ว่าคนเมื่อคืนเป็นใครกันแน่ที่นอนกับกู พอกินเหล้าทีไรก็ชอบมีปัญหามันทุกที”



“.........”



“กูจำหน้าไม่ได้ แต่กูกลับรู้สึกคุ้นเคยมันซะทุกอย่าง และในหัวของกู...มันดันมีแต่หน้าของมึงที่วนเวียนอยู่ในหัวกู”



“เจ๊...เจ๊มึง..จะพูดอะไร”



“กู...”  ได้แต่กลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดฝืน คำพูดคำจาเหมือนคนจะสารภาพรัก เดี๋ยวนะ...ไม่นะแม่ เอมยังไม่พร้อม



“กูขอดูก้นมึงหน่อยเพื่อความชัวร์ นะ” ถุย! ไข่แม่มึง!!



“กูไม่ให้ดูโว้ย!”



ตะโกนออกไปใส่หน้าอีกคนแบบนั้น ก่อนจะเอามือยันหน้าอีกฝ่ายที่ขยับเข้ามาใกล้ๆให้มันหงายไปด้านหลังตกลงไปจากโซฟา เห็นหัวมันโขกเข้ากับโซฟาไปทีนึงด้วย สมน้ำหน้า กูนี่รีบเด้งตัวลุกขึ้นออกจากโซฟาสีชมพูแป๊ดนี่เลย 



“โอ๊ย กรี๊ดดด กูเจ็บนะคะอิน้องบ๋อย อิเด็กแรงควาย หัวสวยเจ็บมากๆ หัวสวยบอบบางมากนะคะ” กูขอถามอีกทีใครสวยนะ? ที่แน่ๆไม่น่าใช่มึงแล้วล่ะหนึ่ง อิเจ๊ตุ๊ดปลอม!



“ก็เจ๊มึงประสาทอ่ะ เป็นโรคจิตหรอวะ อยู่ๆจะมาขอดูก้นคนอื่นแบบนี้ไม่ได้โว้ย”



“ทำไมจะไม่ได้ มึงไม่ใช่คนอื่นค่ะ อย่างน้อยกูก็เคยเห็นของๆมึงมาทุกซอกทุกมุมแล้วเถอะ”



“เจาะแจ๊ะ เงียบปากไปเลยนะเจ๊”



“นี่มึงกล้าบอกให้กูเงียบปากหรอคะอิน้องบ๋อย กูเจ้านายมึงนะคะ” คนตรงหน้าที่ลุกขึ้นยืนจ้องหน้ากันแล้วกอดอกมองแบบมีจริต จริตกระเทยควายนะครับ



“ก็...ก็เจ๊จะทำบ้าอะไรกับผมล่ะ แล้วดูดิ คนดีๆที่ไหนเค้าจะมาขอคนอื่นดูก้นอ่ะ”



“ก็กูมีเรื่องข้องจิตข้องใจกูนี่ค่ะ ขอดูนิดดูหน่อยทำหวง”  ก็มันเป็นสิ่งที่กูต้องหวงไหมวะ! หรือมึงหวังว่ากูจะมีปฏิกริยาตอบโต้แบบลุกขึ้นถ่างขาแล้วบอกว่า เชิญจ้าเชิญสำรวจโลกภายในนี้ได้เลยเด้อ งี้หรอ? มันไม่ใช่ป่ะ



“เจ๊...”



“ว่าไง เปิดเลยไหม กูพร้อมดูมากค่ะ”



“ไปตายให้หนอนแดกนะ!”

.

.

.


“อะไรอ่ะคะ ขอแค่นี้ก็ทำหวงกัน นี่กูเป็นเจ้านายมึงนะคะเนี่ย”



เสียงบ่นที่มาจากสิ่งมีชีวิตหมีควายที่เดินบ่นงึมงำพึมพำๆตามหลังมาไม่หยุด มันที่บ่นแบบนี้เป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ แต่ผมไม่อยากจะสนใจ ทำได้แค่เดินหนีออกมาจากห้องของมัน แต่เจ้าของร้านปากแดงก็ไม่ปล่อยให้กูได้เป็นสุข มันที่ยังเดินตามกันมาอยู่แบบนั้น จนตอนนี้เราเดินลงมาถึงชั้นสองก็ยังไม่หยุด ได้แต่ถอนใจหนักๆ หยุดเดินแล้วหันไปมองอีกฝ่ายแบบสุดจะทน



“สรุปคือเมื่อคืนเจ๊ไปกินตับใครมาอีกแล้ว แล้วตอนนี้จะมาโบ้ยว่าเป็นผม เจ๊คิดว่าผมจะยอมให้เจ๊มาเปิดตูดผมรึไงวะ ไม่มีทาง



“แต่ครั้งที่แล้วมึงก็ยอมนะคะ เห็นหลับตาเคลิ้มแล้วครางกันไป”



“อิเจ๊ มึงสิคราง!”



“เอ๊ะ ก็มันเสียวมึงเข้าใจไหม อุ้ย!สวยพูดอะไรออกไป แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นค่ะ อิหนูบ๋อยคะ เมื่อกี้มึงขึ้นองขึ้นอีขึ้นเสียงใส่สวยหรอ คือจะเอาใช่มะจะเอาหรอคะ”



ว่าออกมาแบบนั้นพร้อมทำหน้าแบบมีจริต ฝ่ามือหนาใหญ่ๆนั่นที่ยกง้างมือขึ้น ทำท่าจะตบกัน เห็นแบบนั้นเลยได้แต่หดคอแล้วหลับตาปี๋เกร็งตัวสุดฤทธิ์ ขืนตบลงมากูอาจหัวหลุด ดูจากขนาดฝ่ามือและเส้นเลือดที่ขึ้นเป็นเส้นๆอยู่ที่มือและท่อนแขนนั่นแล้ว หัวกูไม่น่าจะรอดปลอดภัย



“อ๊ะ...” ความรู้สึกอุ่นๆจากฝ่ามือที่จับเข้าที่ปลายคาง ก่อนที่จะเชยคางของผมให้เงยขึ้น ค่อยๆลืมตาขึ้นมา ในตอนนั้นก็มองเห็นจมูกโด่งและดวงตาคมเข้มที่มีอายแชโดว์ประดับอยู่ที่เปลือกตาที่จ้องมองตรงมานิ่งๆ



“ถ้าไม่ใช่มึงจริงๆก็แล้วไป”



“อ่า...”



“แต่ถ้าใช่...กูก็คงต้องคิดอะไรใหม่นิดหน่อย” พูดออกมาแบบนั้นด้วยเสียงเข้มทุ้มพร้อมๆกับรอยยิ้มที่ถูกจุดขึ้นที่มุมปาก



มองตามสายตาคมที่ไม่ได้จับจ้องอยู่ที่ตาของผมอีกแล้วในตอนนี้ คนตรงหน้าที่ทำแค่เลื่อนสายตามาที่จมูก และหยุดอ้อยอิ่งอยู่ที่ริมฝีปากของผมอยู่แบบนั้น



“ค...คิดอะไรวะเจ๊”  มึงคิดอะไร อย่าบอกจะไล่กูออกนะ กูไม่ออกกูจะอยู่!



“หึ ...ก็คิด....”



“คิดอะไร” 



“แล้วเรื่องอะไรต้องบอกมึงล่ะคะ ในเมื่อมึงไม่ใช่คนนั้นสักหน่อย แถมตูดก็ไม่ให้กูดู หวงเก่ง”  ว่าออกมาแบบนั้นก่อนจะปล่อยมือออกจากแก้มผม แล้วกลับไปทำท่าทางจีบปากจีบคอใส่กู ท้ายประโยคยังคงบ่นมุบมิบพอให้อยากหันไปตบปากแดงๆนั้น  แต่สายตาวาววับนั่นกลับไม่เปลี่ยนไปสักนิด เห็นแบบนั้นแล้วก็อดที่จะกลืนน้ำลายลงคอไม่ได้  ผมจะไม่มีทางให้อิเจ๊ตุ๊ดปลอมนี่มันรู้เรื่องเมื่อคืนนี้เด็ดขาด เรื่องราวของเราแม่งไม่ควรเกิดขึ้น และที่สำคัญ...ผมกลัวครับ

กลัวว่าถ้ามันรู้แล้วมันจะไล่ผมออก ก็ดูมันสิ ดูผีบ้าผีบอแบบนี้ บอกตัวเองสวยตลอดเวลาอยู่แบบนั้น เกิดมันรับไม่ได้ที่อยู่ๆมาเสียบผมซ้ำแล้วซ้ำเล่าเข้าแล้วเกิดอยากไล่ผมออก ผมจะทำยังไงล่ะครับ เจ็บไข่เลยนะ!



 ‘โครก’



“เอ๊ะ? ... นั่นเสียงอะไรคะ”



“เอ่อ”  เลิกลั่กเลยกู ... มันใช่เวลาไหมเนี่ย



‘โครก จ่อกๆ’



“นี่เสียงท้องมึงร้องหรอคะ ดังกึกก้องกัมปนาถอะไรเบอร์นี้คะถามก่อน”   ถามทำเหี้ยอะไร กูอายเนี่ย!



หลบสายตาแม่งเลย แต่อีกฝ่ายดูเหมือนจะมีความสุขบนความทุกข์ของกู อิเจ๊พี่มันที่ก้มหน้าลงมามองกันใกล้ๆ ทั้งๆที่กูก็พยายามก้มหน้ามองนิ้วตีนตัวเองแล้วนะ มันจะอะไรกันนักกันหนาวะ หึ่ย!



“เขินหรอคะ”



“เขินเชี่ย...อ๊ะ...” แล้วเพราะว่าอยากจะเถียงกลับแบบไม่ยอมแพ้เลยหุนหันรีบเงยหน้าขึ้นมา และในตอนนั้นที่อีกคนก็ก้มหน้าลงมาใกล้พอดี เป็นช่วงเวลาที่ต้องเผลอกลั้นลมหายใจในตอนที่ปลายจมูกของทั้งผมและเจ๊มันแตะกันแบบไม่ตั้งใจ ความรู้สึกเสียวแปล๊บที่อธิบายเป็นคำพูดไม่ได้ก็แล่นพล่านไปทั้งตัว ได้แต่ผงะถอยหลังออกมาอีกนิดหน่อย .



.. เชี่ย มันคืออะไรวะ



“หึ”



“อ..เอ่อ” บรรยากาศชวนอึดอัดที่ผมได้แต่ช้อนตามองมันแล้วอ้าปากพงาบๆแบบไม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไรดี อีกฝ่ายที่ก็ผละหน้าออกแล้วถอยไปยืนดีๆไม่ต่างกัน



“เดี๋ยวกูไปหาอะไรให้กินละกันค่ะ”



“เอ่อ...ขอบคุณครับเจ๊”  รีบตอบรับมันออกไปแบบนั้น แล้วหันหลังกอดกระเป๋าใบเก่งเพื่อจะเดินนำอีกฝ่ายหนีลงไปชั้นล่างก่อน แต่จังหวะก้าวของการเดินก็ต้องหยุดลงอีกครั้งในตอนที่ได้ยินเสียงเข้มๆดังตามมาจากทางด้านหลัง



“หนูน้องบ๋อยคะ...หนูหน้าแดงล่ะรู้ยัง หึ”



คำพูดที่ดังอยู่ข้างๆหูเพราะอีกฝ่ายเดินตามมากระซิบกันแบบนั้น ได้แต่ยืนนิ่งแข็งเป็นท่อนไม้ที่ตายแล้วตอนที่อีกฝ่ายผละตัวออกแล้วเดินนำกันลงไปชั้นล่าง มองเห็นแผ่นหลังกว้างๆที่เดินห่างออกไปแล้วก็เอื้อมมือขึ้นไปจับหน้าตัวเองหน่อยๆ มันร้อนแปลกๆ



“ก...กูแค่ร้อนหรอกเว้ย!!”



ตึกตักๆ หัวใจไม่ปลอดภัยเวลาอยู่ใกล้อิเจ๊ตุ๊ดปลอมนี่เลยครับแม่



...



               เสียงกะทะกระทบกับตะหลิวที่มาพร้อมกับกลิ่นหอมของกระเทียมที่ถูกน้ำมันร้อนๆทำให้เริ่มเหลืองนั่นเรียกน้ำย่อยของผมให้ทำงานขึ้นมาอีกรอบ เสียงท้องร้องโครกครากแบบไม่อายฟ้าดิน รวมถึงไม่แคร์หนังหน้าหล่อๆของกูด้วย ทำได้แค่เดินทำจมูกฟุดฟิดตามกลิ่นหอมๆนั่นเข้าไปในโซนด้านหลัง เลยห้องสต็อคของจนทะลุไปสุดทางที่ด้านหลัง ตรงนั้นคือโซนห้องครัวที่มีไว้สำหรับพนักงานเท่านั้นที่เข้ามาได้



ห้องครัวขนาดใหญ่ที่ได้มาตราฐานแบบสุดๆ เป็นครัวกลางที่เอาไว้เชื่อมทั้งสองร้านเข้าด้วยกัน ใช้สำหรับทำอาหารทั้งของผับและของร้านนั่งชิลทางด้านนอก ดังนั้นจึงถูกออกแบบให้โล่งโปร่งและมีขนาดใหญ่เพื่อรองรับการใช้งาน



มองไปที่มุมครัวมุมหนึ่งที่หน้าเตาๆหนึ่ง มีแผ่นหลังกว้างๆของเจ้าของร้านปากแดงที่ตอนนี้เจ้าตัวกำลังขยับตัวหยิบจับนู่นนี่นั่นอย่างคล่องแคล่วอยู่ตรงนั้น



“ถ้าดมกลิ่นตามมาถึงนี่แล้วก็อย่านิ่งค่ะ มาช่วยกูตรงนี้ค่ะ” เสียงที่ดังขึ้นทำเอาผมที่กำลังมองอยู่ถึงกับสะดุ้ง ก็อีกฝ่ายไม่ได้แม้แต่จะหันมาด้วยซ้ำ แต่กลับรู้ว่าผมตามมา แสนรู้นัก



“เจ๊ดานี่ทำอะไรหรอครับ”



“แหม พอเห็นอาหารนี่เสียงอ่อนเสียงหวาน ดานงดานี่ก็มาเลยนะคะ แต่โอเค กูประทับใจในการเรียกชื่อสวยอย่างถูกต้อง...งั้น...มึงช่วยไปหยิบกุ้งที่ปลอกเปลือกผ่าหลังแล้วในตู้แช่ตรงนั้นมาให้ทีค่ะ”



“นี่ครับ” ยื่นกล่องใส่กุ้งให้แล้วยิ้มให้อย่างประจบ อีกฝ่ายที่ละสายตาออกมาจากกระทะแล้วยกยิ้มหน่อยๆตอนที่เห็นผมยิ้มกว้างๆ  เป็นรอยยิ้มเท่ๆที่ถ้าไม่มีอายแชโดว์และอายไลเนอร์ สาวๆคงตามกรี๊ดมันไม่หยุดแน่ๆ



“เก็บน้ำลายมึงด้วยค่ะ เดี๋ยวจะหกลงกะทะกู”



“เจ๊ทำให้ผมกินหรอครับ ขอบคุ...”



“ตลกค่ะ กูแค่หิวเถอะ อยากแดกข้าวผัดกุ้งเลยมาทำเฉยๆค่ะ”



“อ้าววว แล้วเจ๊ก็มาใช้กันแบบนี้อ่ะนะ แล้วไหนว่าจะมาหาไรให้กินไง”



“มึงเป็นลูกจ้าง เป็นขี้ข้ากูค่ะ จำ” ว่าแบบนั้นแล้วหันไปหยิบกุ้งลงผัดพร้อมๆกับตักมันกุ้งและซอสอีกสองสามอย่างเทลงไปผัด ท่าทางที่ดูคล่องแคล่วจนแทบไม่เชื่อสายตา อยากชื่นชมแต่ก็หมั่นไส้ไปพร้อมๆกัน คนอุตส่าห์ชม กูก็นึกว่าใจดี แต่ที่ไหนได้จะทำกินเอง จิตใจมึงช่างไม่เอื้ออาธรณ์ต่อเพื่อนมนุษย์ ไอ้เอมเจ็บไข่!



‘ฉ่า ฉี่ๆ’



เสียงข้าวที่โดนน้ำมันเดือดๆผัดเข้ารวมกันยิ่งชวนให้น้ำลายไหล ไม่ต้องพูดถึงกลิ่นหอมๆนั่นอีก ได้แต่กลืนน้ำลายลงคอเพราะกูหิวมาก ... ไอ้เอมไม่อยู่แล้วโว้ย



“อ๊ะ แล้วนั่นมึงจะไปไหนคะอิน้องหนูบ๋อย”



“ผมจะไปตามทางของผม เจ๊อย่ามายุ่ง” หึ่ย หิวโว้ย



“หึ”



ยัง ยังจะมีหน้ามาขำในลำคออีก ไม่ห้ามกูด้วย ไม่ห้ามก็ไม่ง้อแล้วโว้ย ... ตอนนี้ในตัวมีเงินอยู่กี่บาทวะ หันหลังจากมาจากข้าวผัดกุ้งตัวใหญ่นั่นแล้วเริ่มล้วงๆควักๆกระเป๋ากางเกงยีนส์ที่ใส่มา กำเงินออกมาได้หนึ่งร้อยบาท



หนึ่งร้อยบาท!!



สวรรค์มีตา กูคิดว่าจะเหลืออยู่ห้าสิบบาทซะอีก โฮ ไอ้เอมอยากจะร้องไห้เหมียนหมา



‘ฟึบ’



“เห้ย! เจ๊ทำอะไรวะ เอาเงินผมคืนมานะ!!” ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายปิดเตาตั้งแต่ตอนไหน ไม่รู้ด้วยว่ามันเดินมาตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้แค่ว่าตอนนี้ เงินแบงค์แดงๆสุดแสนจะน่ารักกุ๊กกิ๊กของไอ้เอมกำลังตกไปอยู่ในอุ้งมือของตุ๊ดยักษ์นั่นแล้ว



“กูจะยึดเงินมึงค่ะ”



“เรื่องอะไรวะ! นี่มันเรื่องอะไรกัน เจ๊จะมายึดเงินผมไม่ได้เว่ย ผมไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะเว่ย!”  ขึ้นเลย! ไอ้เอมนี่ขึ้นเลยครับ อยากเอาฟันขบหัวมัน



“เอ๊ะๆๆๆๆ”  มึงไม่ต้องมาหลายเอ๊ะ มึงจะตามหาเอ๊ะไหน เอ๊ะ จิรากร หน้ากากอีกาดำไง๊



“เจ๊อย่ามาเล่นลิ้น เอาเงินผมมา” ว่าแบบนั้นแล้วเอื้อมมือไปหยิบ แต่อีกฝ่ายกลับชักมือหลบ แล้วยืดมือขึ้นสุดแขน และใช่จ๊ะ แบงค์แดงๆสุดแสนจะน่ารักกุ๊กกิ๊กของไอ้เอมก็อยู่สุดปลายนิ้วแม่งนู้น แล้วสูงขนาดนั้น มึงจะให้กูปีนตัวมึงขึ้นไปเอาหรอห๊ะ!



“แต่ลิ้นกูก็เล่นเก่งอยู่นะ มึงก็น่าจะรู้ดีนี่นา”



“เจ๊!”



“เสียงดังอ่ะค่ะ สวยตกใจ” ว่าแบบนั้นแล้วเอามืออีกข้างยกขึ้นมาทาบหัวนม สักฝุ่นไหมสาดดดดด



“ไม่ต้องมามองหน้ากูเหมือนอยากแดกหัวเลยนะคะ มึงลืมแล้วหรือไงว่ามึงทำอะไรไว้กับดานี่คนสวย”



“ผมไปทำไรให้เจ๊วะ” มีแต่กูเนี่ยที่ถูกกระทำ ตูดกูยังเจ็บอยู่เลย ผู้เสียหายมันคือกูเว้ย



“ก็ตอนนั้น มึงเอาลิปสติกRouge Dior Matteสี 999 Matteของกูไปละเลงไว้รอบรถของกูไงคะ เขียนถ้อยคำสุดแสนจะเจ็บปวดหัวนมไว้ให้กูอีก มึงรู้ไหมคะว่าลิปแท่งนั้นกี่บาท แล้วกว่ากูจะไปล้างรถออกได้ มันเสียเงินไปกี่บาท”



เอ่อ...



เหตุการณ์คุ้นๆเหมือนจะเป็นตอนที่เรา บะๆโอ้บะๆกันครั้งแรกที่รถของมัน ตื่นมาแล้วผมเจ็บใจ ก็เลยเอาอิลิปสีแดงแปร๊ดนั่นไปเขียนไว้หน้ากระโปรงรถมันว่า ‘ตุ๊ดปลอม’



“เอ่อ แห่ะ... ลิปแท่งนั้นดิออร์หรอ”



“เออสิคะ”



“ฮ่าๆ พึ่งรู้ก็วันนี้เองนะเนี่ย นึกว่า199ตามตลาดนัด”



“กรี๊ดดด ตบไหมคะ ตบกับสวยเลยค่ะ ดานี่จะไม่ยอมให้ใครมาว่าลิปลูกรักสีสดแบบนี้นะคะ!”



“พอ! เจ๊พี่มึงพอ ถึงมันจะอิดอร์ หรืออะไรก็ช่าง”



“ดิออร์ค่ะอิดอก~”



“เออ นั่นล่ะ...แต่เรื่องราวมันก็ผ่านมานานแล้วนะเว่ย แล้วผมอ่ะ ผมเองก็เสียหายนะเว่ย เจ๊พี่มึงจะมาอุ๊บอิ๊บเงินกันแบบนี้แล้วผมจะเอาอะไรแดกเล่า!”



“ไม่รู้ล่ะค่ะ สวยจะเก็บเงินมึงจนกว่าจะครบค่ะ”



“แล้วมันกี่บาท แล้วเมื่อไหร่จะครบ แล้วกูจะเอาอะไรแดกข้าว นี่มันคือเงินที่เหลือของผมทั้งตัวเลยนะเว่ย”



“ค่าขัดสีรถหมื่นห้า ค่าลิปอีกพันสี่ รวมเป็นหมื่นหกพันสี่ร้อย สวยหักสี่ร้อยออกให้ก็แล้วกัน ถือว่าสงสารลูกนกลูกกานะคะ”



“หมื่นหก!”  ไข่แม่มึง!



ตะโกนออกไปแบบนั้นแล้วก็ได้แต่ยืนช็อคอยู่แบบนี้ กูต้องทำงานให้แม่งอีกกี่ปี นักศึกษาปี2แบบกูถึงจะใช้เงินมันหมด



อีกฝ่ายที่ว่าออกมาแบบนั้นและเหมือนจะไม่ใส่ใจกันเลย อิเจ๊พี่มันที่ทำแค่ยกยิ้มมุมปากมองมาที่ผมเหมือนอยากจะขำแต่กลั้นยิ้มเอาไว้ ไม่เข้าใจมันเท่าไหร่ แต่รู้ว่ามันคงจะไม่ยอมคืนเงินหนึ่งร้อยบาทนั่นมาให้แน่ๆ คิดแบบนั้นเลยเลือกที่จะหันหลังแล้วเดินหนีออกมา



อิเจ๊ตุ๊ดปลอมหน้าเลือด!



“แล้วนั่นมึงจะไปไหนคะ” ไม่ต้องมาเรียกกู กูไม่สนใจมึงหรอก



“อ๊ะ...เจ๊พี่มึง ทำไรวะ ปล่อยโว้ยยยย” อีกแล้ว คว้าเอวกูอีกแล้ว! เป็นรอบที่สามพันของวันนี้



“อย่าดื้อด้านค่ะ มานี่ นั่งลงค่ะ” เจ๊มันที่คว้าเอวผมไว้พร้อมลากให้เดินตามมันออกไปจากครัว



ทางด้านหลังครัวเป็นที่เปิดโล่ง ถูกจัดไว้ให้มีม้าหิน รวมถึงต้นไม้และดอกไม้สวยๆ เหมือนเป็นสวนขนาดเล็กที่ถูกจัดเอาไว้พักผ่อนได้อย่างดี ... ผมที่ถูกมันผลักให้ลงนั่งที่ม้าหินอ่อนแบบไม่เบามือ กำลังจะอ้าปากด่า แต่อีกฝ่ายก็พูดออกมาก่อน



“ที่นี่คือที่เอาไว้พักกินข้าวหรือทำอะไรก็แล้วแต่สำหรับพนักงาน” มันที่บอกออกมาแบบนั้น มองไปรอบๆแล้วสบายน่านั่งมากๆ ยิ่งช่วงเวลาบ่ายแก่ๆแบบนี้ พอมีลมพัดแล้วก็ยิ่งรู้สึกเย็นสบาย ... ไม่คิดเลยว่า ร้านอาหารที่เป็นทั้งผับและร้านนั่งชิล เจ้าของร้านจะมีมุมสดวกสบายแบบนี้จัดไว้สำหรับพนักงานด้วย 



“เวลาเหนื่อยๆ หรือเวลาพักก็มาที่นี่ได้ แต่ห้ามทำสกปรกรกเลอะเทอะ เพราะถ้าเป็นแบบนั้น กูจะหักเงินทุกคน



ไอ้หน้าเลือด! คำเดียวสั้นๆที่จะมอบให้มึง



มันที่บอกแบบนั้นแล้วเดินหายกลับเข้าไปในครัว กูนี่แลบลิ้นปลิ้นตาตามหลังแม่งเลยครับ โหดเหี้ยม ขี้งก ขูดเลือดกับปูก็คืออิเจ๊ตุ๊ดปลอมนี่ล่ะ



ผมที่หันไปดูรอบๆ มองเห็นดอกคุณนายตื่นสายหลากหลายสี มีทั้งชมพู ชมพูเข้ม ม่วง เหลืองถูกปลูกแขวนประดับอยู่ตามมุมโดยรอบ พอมองแล้วทำให้รู้สึกสบายตาจนต้องเผลอยิ้มออกมา เฮ้อ เหนื่อยเหลือเกินกับวันนี้



ผมชอบดอกไม้ต้นไม้ เพราะชีวิตของผมที่สุดแสนจะวุ่นวาย บางทีเวลาได้มองอะไรแบบนี้มันก็เพลินดี และทำให้รู้สึกดีขึ้นอีกหน่อยจากเรื่องที่พึ่งเจอมา ...



ไม่รู้ว่าผ่านเวลาไปนานเท่าไหร่ แต่กลิ่นหอมของอาหารที่ลอยมาเตะจมูกก็ทำให้ต้องละสายตาจากต้นคุณนายตื่นสายมาที่คนร่างสูงที่กำลังเดินเข้ามาใหม่ ในมือของเจ๊มันที่มีข้าวผัดกุ้งร้อนๆ ที่มองจากตรงนี้ก็ยังเห็นไอร้อนลอยออกมาจากจานที่มันถือเข้ามา ก่อนที่จานนั้นจะถูกวางลงตรงหน้าผม และพี่มันที่ก็ทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามกัน

“นี่ค่ะ เชิญรับประทานแดกได้เลยค่ะ” มันที่ว่าออกมาแบบนั้น พร้อมวางช้อนลงให้ผม ได้แต่เงยหน้ามองคนตรงหน้าแบบไม่เข้าใจ



“เจ๊เอามาให้ผมหรอ”



“อือหึ”



“ไหนบอกไม่ได้ทำให้ผมไง ไหนบอกหิวจะทำกินเองไง”



“กูไม่หิวแล้ว เลยเอามาให้ลูกแมวมันแดก”



“ห๊ะ...”



“หน้าโง่ สรุปจะแดกไหม ไม่แดกจะเอาไปทิ้งค่ะ” ว่าออกมาแบบนั้นแล้วเอื้อมมือมาคว้าจานข้าวของผมไปแบบไม่ค่อยสบอารมณ์ กูนี่ตะคลุบมือมันไว้เลย เรื่องไรล่ะ คนยิ่งหิวๆอยู่



“กินครับๆ ทำไมจะไม่กินล่า~~” บอกออกมาแบบนั้นแล้วรีบคว้าช้อนกับซ้อมแล้วตักเข้าปาก



“อื้มมม อาอ่อยยย”



“พูดเหี้ยไรฟังไม่รู้เรื่องเลยค่ะ”



“อร่อย โห อร่อยสุดๆเลยเจ๊”  บอกแบบไม่อวย ไม่คิดเลยว่าหน้าเหี้ยๆแบบนี้จะทำอาหารไอ้อร่อยแบบนี้ ข้าวผัดกุ้งที่กุ้งตัวโตๆรวมกับรสชาติของข้าวที่ไม่แฉะ และปรุงรสหวานมันเค็มมาได้แบบลงตัว กูอยากจะร้องไห้เหมียนหมาเลยตอนนี้ อดไม่ได้ที่ต้องยิ้มออกมากว้างๆ ก่อนที่จะตักเข้าปากไปอีกคำ



“อร่อยก็กินเข้าไปเยอะๆค่ะ...ตัวเล็กจนกูโอบมึงก็ลอยตามมาแล้วเถอะ”



เจ๊มันที่บ่นงึมงำๆอะไรไม่รู้ตรงหน้า ไม่ได้สนใจฟังเท่าไหร่เพราะกำลังกินอยู่ รู้แต่ว่า พอเงยหน้าขึ้นมองออกจากจานข้าวผัดกุ้งจานนี้ ก็ยังมองเห็นสายตาคมๆที่มองตรงมาที่กันอยู่ไม่ละไปไหน ... เป็นความรู้สึกแปลกๆที่ต้องรีบเสสายตาหลบมันไปในตอนนั้น



“หึ สงสัยข้าวผัดจะร้อนอ่ะเนอะ หน้าแดงไปด้วยเลย”



“เจ๊าะแจ๊ะ!”

...


(มีต่อจ้า)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Yoghurt

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-2
    • แฟนเพจ



“พี่เอมๆ มานี่ๆ อิฐจะแนะนำให้รู้จักคนอื่น นี่นะๆ นี่คือเพื่อนพะยูนตัวสุดท้ายของไทย มันชื่อไอ้สัดน้องจูนเพื่อนอิฐเองจ๊ะพี่จ๋า”



“แนะนำกูดีๆมันจะตายหรอไอ้สัดอิฐ พะยูนพ่อมึงสิ! ... ดีครับพี่เอม ผมจูนนะ”



ผมที่ถูกไอ้น้องอิฐ ผู้ที่มีสโลแกนว่าหน้าตาดีแต่มีหนี้เป็นของตัวเองลากมาพบปะประชาชน มันที่แนะนำคนตรงหน้าของผมออกมาแบบนั้น และถูกเพื่อนสนิทตัวเองโบกหัวเน้นๆเข้าไปหนึ่งที สมควร



จูน เป็นเด็กที่สูงพอๆกันกับอิฐ แต่ผิวมันสองคนต่างกันแบบสุดๆ ไอ้อิฐออกจะผิวเข้มเหมือนคนเล่นกีฬากลางแจ้งมาหนักๆ แต่จูนผิวมันขาวอมชมพูดูสุขภาพดีครับ มันมีแก้มหน่อยๆ ดูอวบนิดๆและปากเล็กๆมุบมิบๆน่าบีบเหมือนเยลลี่ และใช่ครับ ปากนั้นตอนนี้กำลังอ้าปากด่าไอ้อิฐแบบไม่หยุดพัก ... เป็นการรวมตัวของกลุ่มเพื่อนที่ต่างกันแบบสุดขั้ว



“ยินดีที่ได้รู้จักนะ จูนทำหน้าที่ไร”



“ผมเป็นเด็กเสริฟเหมือนกับพี่นี่ล่ะ มีไรเรียกผมได้เลยนะพี่เอม”



“ขอบใจพวกมึงมากนะ”



“โอ้ว มึงกูกันเลยตั้งแต่ครั้งแรก สุดเจ๋ง”



“พวกมึงโอเคไหมล่ะ”



“สบายเลยจ๊ะ เพราะพวกเราสองคนค่องข้างจะสถุนอยู่แล้วล่ะจ๊ะพี่จ๋า” ไอ้อิฐที่ว่าแบบนั้นออกมาจากหลังบาร์น้ำ พูดด้วยความภูมิใจ



“อย่าไปสนใจมันเลยพี่เอม มันสติไม่ค่อยดีน่ะ”



“เดี๋ยวมึงโดนกูไอ้สัดจูน กูมีหูน้อยนะ กูได้ยิน” ไอ้จูนที่ทำแค่หันหน้าไปมองไอ้อิฐแบบเพลียๆแล้วยกนิ้วกลางส่งไปให้ เรียกเสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากถูกใจจากไอ้อิฐได้อีกรอบ ... อืม กูเห็นด้วยกับมึงนะจูน ไอ้สัดอิฐสติไม่ดีจริงๆแหล่ะ



“อ้าว น้องที่มาเมื่อคื....”



“เห้ย โอ้โหพี่ครับ สวัสดีครับพี่!!” คนที่เดินเข้ามาใหม่ แล้วก็เป็นคนที่ทำให้หัวใจกูตกลงไปถึงตีน ก็คือพี่ผู้จัดการร้าน ผมจำพี่เค้าได้ เพราะเมื่อคืนที่มาพี่เค้าเป็นคนพาผมขึ้นไปที่ชั้นสองเพื่อรอพบเจ้าของร้านเอง แต่นั้นล่ะ รอไปรอมา สัมภาษณ์งานก็ไม่ได้สัมภาษณ์ เสือกถูกสัมภาษณ์บนเตียงซะงั้น



พอ เลิกพูดถึงเรื่องนั้น ตอนนี้มาโฟกัสกับสถานการณ์ตรงหน้าก่อน พี่ผู้จัดการร้านนี้ชื่อพี่จิต เป็นผู้ชายรูปร่างสูงสมส่วน ไอ้หยีบอกว่านี่คืออดีตลุงรหัสมัน แสดงว่าพี่จิตก็ต้องเป็นพี่ในคณะวิศวะ และเป็นพี่รหัสอิเจ๊เจ้าของร้านด้วย เห็นไอ้หยีบอกว่าเบื่องานวิศวะกรเลยลาออกมาทำงานกับน้องรหัสตัวเอง อินดี้เหลือเกินคนพวกนี้



“สรุปเราได้งานแล้วใช่ไหม”



“ใช่ครับๆๆ”



“เออ งั้นก็ดีแล้วล่ะ มีไรไม่เข้าใจตรงไหนก็ถามพี่ได้” บอกแบบนั้นพร้อมยิ้มให้กัน ถือเป็นพระคุณของกูที่พูดแทรกพี่มันทันเวลา หันไปเห็นไอ้อิฐที่มองมาแบบสงสัยนิดๆตอนที่เห็นผมโพล่งขึ้นมาแบบนั้น แต่มันก็เลิกสนใจแล้วหันไปเตรียมเหล้าต่างๆขึ้นมาวางที่บาร์น้ำแทน



“พี่เอม เราไปเอาเก้าอี้ลงกันเถอะ”



ช่วงเวลาสี่โมงกว่าๆ พนักงานเริ่มทยอยกันมาเข้าร้านเพื่อเตรียมตัวเปิดร้านในช่วงเย็นกันแล้ว ผมที่มองเห็นบรรดาแม่ครัวพ่อครัว และเด็กเสริฟ การ์ดของร้าน และคนที่ดูแลในส่วนต่างๆเริ่มทำงานกันอย่างเป็นระบบ ถือว่าการจัดการร้านนี้ดีสมคำล่ำรือ



จริงๆ ก็ต้องยอมรับในจุดๆนี้ว่าเจ้าของร้านมันเก่งพอตัวเลย ทั้งๆที่จบคนละสายกับที่เรียนมาแท้ๆ นี่แหล่ะนะที่เค้าว่า เรียนอะไรมาก็ไม่เห็นจำเป็นว่าจะต้องทำงานให้ตรงสายมันเป็นแบบนี้นี่เอง



9.30PM



      ผมที่วิ่งหัวหมุนหิ้วถังน้ำแข็ง และจานอาหารมากมายเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็จำไม่ค่อยได้ ตอนนี้ก็เริ่มจะหอบแล้ว เหนื่อยนิดหน่อยครับ เพราะร้านนี้ถือได้ว่าคนแน่นกว่าร้านเก่าที่ผมทำมากๆ ดูท่าทางแล้วจะเป็นร้านที่ดังจริงๆนั่นแหล่ะนะ ผมที่กำลังมองเห็นเจ้าของร้านที่เดินไปสอบถามแขกตามโต๊ะต่างๆอย่างเป็นกันเอง รวมถึงอิเจ๊มันที่กำลังกระลิ้มกระเหลี่ยผู้ชายกล้ามล่ำโต๊ะนู้นโต๊ะนี้ไปเรื่อย ดูเหมือนเจ้าของร้านจะมีความสุขมากกว่าใครเลยล่ะ



“อาหารอร่อยไหมคะ ตามสบายเลยนะคะหนุ่มๆ คิกคักๆ”  ระริกระรี้เป็นที่สุดก็คือเจ้าของร้านครับ



เห็นแบบนั้นแล้วได้แต่ส่ายหน้าก่อนจะหันหนี ทนมองภาพแบบนั้นไม่ไหวครับ สุดแสนจะสงสารลูกตา



“น้อง รับออเดอร์ด้วย”



“ครับๆ”



เสียงเรียกของแขกที่ดังมาเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ที่เรียกให้ผมหันไปสนใจ เห็นแบบนั้นแล้วต้องรีบปั้นหน้ายิ้มทันที แม้ว่าตอนนี้จะไม่อยากยิ้มเลยก็ตาม ก็ไอ้พวกห่าโต๊ะนี้แม่งเรียกเก่ง เรียกไปแต่ละทีก็กวนตีนชิพหาย แต่ทำไงได้วะ นี่พึ่งเริ่มงานวันแรกเองอ่ะ ถ้ามีเรื่องอะไรขึ้นมา ก็ซวยสิวะ ... ได้แต่สูดหายใจเข้าปอดไปอีกรอบ ก่อนจะเดินเข้าไปที่โต๊ะนั้นพร้อมกับมือถือที่เอาไว้สำหรับพนักงานเพื่อจะจดออเดอร์แล้วส่งไปที่ห้องครัวได้เลยโดยเฉพาะแบบไม่ต้องใช้กระดาษจด



“รับอะไรดีครับ”



“พี่ไม่ได้อยากรับอะไร พี่อยากให้น้องมานั่งชงเหล้าให้ข้างๆ”  สัด!



ชายหนุ่มสี่คนที่เลือกนั่งโต๊ะทรงสูงไกลออกมาจากแถวเวที ดูเหมือนจะเป็นพวกพนักงานบริษัทที่อายุไม่เกิน30 เป็นพวกที่เริ่มมีเงินและน่าถีบเพราะคิดว่ากูนี่เจ๋งสุด กูรวย กูทำงานนั่งโต๊ะหรูในห้องแอร์จ้า ...



กูเป็นเด็กเสริฟเว่ย ไม่ใช่บาร์โฮสต์



“ต้องขอโทษด้วยนะครับ ทางร้านไม่มีบริการสำหรับนั่งกับแขกครับ” เลือกที่จะใจเย็นแล้วตอบออกไปแบบเรียบๆและยิ้มให้



“ไม่ทราบว่าต้องการให้ชงเหล้าหรอครับ มาครับเดี๋ยวผมจัดการให้” ตัดบทไปแบบนั้นแล้วหันไปยื่นมือเพื่อหยิบแก้วมาชงเหล้าให้มันจบๆไป ก่อนจะหันไปหยิบน้ำแข็งเพื่อผสมกับเหล้า



‘เพี๊ยะ’



“ปี๊บๆ ฮ่าๆ”



“ไอ้สัด!” สุดจะทนจนต้องเผลอสบถออกมาแบบหยาบๆ พร้อมๆกับเหล้าและน้ำแข็งที่สาดออกไป ไอ้สัดเอ๊ย ตีมาได้ที่ตูดกู ความรู้สึกคือเจ็บจนต้องเกร็งก้น แต่ที่มากกว่านั้นก็คือ มึงมีสิทธิ์อะไรมาตีตูดกูวะไอ้เหยดแม่! ตีไม่พอยังหัวเราะเป็นเรื่องสนุกอีก



“เห้ย! ไอ้น้องทำแบบนี้ได้ไงวะ”



“ผมต่างหากที่ควรจะถามว่าคุณทำแบบนี้ได้ไง ผมไม่ได้ขายนะเว้ย!” ตะคอกออกไปแบบไม่ไหวจะทน



“ขายเขยอะไรกันน้อง แค่หยอกเล่นเอง” หนึ่งในกลุ่มนั้นพูดออกมาแบบนั้น ก่อนจะเอื้อมมือมาจับแขนผมไว้ ท่าทางเหมือนอยากปลอบใจ แต่จริงๆก็แค่ลูบแขนกูไปมา ส่วนไอ้อีกคนที่ท่าทางจะเป็นคนที่ตีตูดผม มันที่ลุกขึ้นมายืนข้างๆแล้วเอื้อมมือมากอดเอวกันไว้ ผมที่พยายามผลักตัวมันออกไปให้ไกล แต่พวกเพื่อนๆของมันกลับยิ่งหัวเราะชอบใจกับท่าทางของผม



“นั่นสิ ทำงานบริการก็ต้องรู้จักบริการสิครับน้อง” เพื่อนมันอีกตัวที่มองมาด้วยสายตาที่ทำให้ขนลุก ก่อนฝ่ามือหยาบๆของมันทจะเอื้อมมาหยิกแก้มกัน



“ปล่อยเว่ย” ว่าออกไปแบบนั้น แล้วสะบัดมือตัวเองหนี แต่ก็ไม่หลุด เพราะอีกฝ่ายยังคงดึงแขนกันไว้แบบนั้นไม่ปล่อย



“พี่เอม มีไรเปล่าพี่” เป็นไอ้น้องจูนที่วิ่งเข้ามาหาผม สายตาของมันเหมือนรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ไอ้จูนที่เอื้อมมือไปคว้ามือของไอ้ลูกค้าหน้าหม้อที่จับแขนของผมไว้ แล้วพยายามดึงออก



“คุณลูกค้าใจเย็นๆนะครับ ปล่อยมือก่อนดีกว่า” จูนมันว่าแบบนั้นพร้อมส่งยิ้มให้แขก



“อ้าว น้องคนนี้ เห็นหน้าบ่อยแต่ไม่ยอมมาเสริฟโต๊ะพี่เลย คิดถึงหน้าหวานๆแบบนี้จัง” ว่าแบบนั้นแล้วเอื้อมมือลูบแก้มไอ้จูนที่ผงะถอยหลังหลบทัน ทนไม่ไหวแล้วโว้ย! ทั้งสายตา ทั้งท่าทางแบบนี้ ... แม่เคยสอนว่า ต่อให้เราจน เราก็ต้องเหลือศักดิ์ศรีของความเป็นคนไว้



ผมที่กำลังเงื้อมือขึ้นตั้งใจจะซัดหน้าแม่งสักที 



‘หมับ’



ข้อมือของผมที่ถูกยึดจากทางด้านหลัง พอหันไปมองก็ต้องสบเข้ากับสายตานิ่งดุของคนมาใหม่ที่จ้องมองกันแบบตำหนิ



“จะทำอะไรคะน้องบ๋อย”



“เจ๊ดานี่ พี่เอมไม่ไ...”



“เงียบค่ะ” เสียงเข้มที่ดังขึ้น พร้อมๆกับรอยยิ้มที่ส่งไปให้แขกแบบหยาดเยิ้ม เจ้าของร้านปากแดงที่ตอนนี้หน้ายังแต่งแต้มด้วยสีฉูดฉาด และอาจจะมากกว่าตอนเช้าด้วย เพราะในร้านค่อนข้างมืด มันคงไปเติมหน้าให้ดูวิบวับมากกว่าเดิม



ร่างกายหนาของเจ้าของร้านที่เดินแทรกเข้ามาระหว่างผมและแขกอย่างถือวิสาสะ



“ต้องขอโทษด้วยนะคะ พนักงานร้านดานี่คนนี้พึ่งมาใหม่ อาจจะทำให้ไม่พอใจได้อ่ะเนอะ”



“นี่คุณเจ้าของร้าน อบรมเด็กบ้างนะ เมื่อกี้มันจะต่อยผม”



“แต่ไอ้นี่มันตีตูดผม!” เป็นผมที่พูดออกไปแบบไม่ไว้หน้า มองเห็นหน้าของอิเจ๊ตึงขึ้นมาพร้อมขมวดคิ้วหน่อยๆ เขาอาจจะไม่พอใจที่ผมโพล่งออกไปแบบนั้น มันอาจจะไม่สมควรที่พูดให้แขกเสียหน้า แต่มันเรื่องอะไรล่ะวะ ก็ผมเสียหาย กี่ครั้งแล้วล่ะที่คนจนแบบผมต้องยอมแบบนี้



“เห้ยๆ น้องอย่ามากล่าวหากันมั่วๆนะ นี่คุณอบรมพนักงานยังไง ไร้มารยาทสิ้นดี แบบนี้ไล่ออกไปเลย”



“ใช่ๆ ใช้ไม่ได้ ไล่ออกไปเลย!”



“ผมไม่ได้โกหกนะเจ๊”  รู้สึกทั้งโมโหทั้งหงุดหงิด คุณเคยโมโหจนอยากร้องไห้ไหม ความรู้สึกตอนนี้ผมกำลังเป็นแบบนั้น ...ไล่ออกหรอวะ  ไล่ออกอีกแล้วไอ้เหี้ย สถานการณ์เดิมๆไม่ต่างไปจากครั้งก่อนที่ผมโดนไล่ออกจากร้านเก่า ที่ถูกบังคับให้เอาเหล้าผสมยาไปให้อิเจ๊ดานี่นี่กิน พอไม่ได้ดั่งใจลูกค้าก็โวยวายแล้วบอกให้ไล่ออก สถานการณ์วนลูปแบบเดิมเป๊ะ โมโหจนต้องกำมือแน่น



“เงียบค่ะ” เป็นอีกครั้งที่เจ๊มันบอกให้เงียบ ผมที่เงยหน้าขึ้นไปมองตาคนตรงหน้าแบบเสียความรู้สึก จะบอกว่าน้อยใจหน่อยๆก็ได้ ผมเข้าใจว่าเขาต้องแคร์แขกของร้านเค้ามากกว่าลูกจ้างชั่วคราวที่พึ่งเจอหน้ากันไม่เท่าไหร่แบบผม แต่ผมก็แค่แอบหวังว่าอิเจ๊จะมีเหตุผลมากกว่านี้ แม่งเอ๊ย เฮงซวย



เพราะแบบนั้นเลยเลือกที่จะเม้มปากกำมือแน่นแล้วก้มหน้ามองพื้นแทน .... เอาเลย จะไล่กูออกอีกร้านก็เอาเลย



“เออ เงียบไปเลยน้อง เสียมารยาทโคตรๆ”



“ไล่ออกเลยนะเจ๊ ไม่งั้นผมจะไม่มาร้านนี้อีก”



“เอ๊ะ กูบอกให้เงียบไงคะ! เห่าหอนเหี้ยไรของพวกมึงนักหนาวะ” เสียงสองที่เปลี่ยนเป็นเสียงเข้มๆ แล้วหันไปจ้องหน้าลูกค้านิ่งๆนั่นทำให้ผมต้องรีบเงยหน้าขึ้นไปมองแบบไม่เข้าใจ



“เดี๋ยวนะ นี่เจ๊บอกให้พวกผมเงียบหรอ เห้ย มันจะมาก...”



“มึงนั่นแหล่ะที่มาก กูแคร์ลูกค้านะ แต่ถ้าลูกค้าเหี้ย มึงคิดว่ากูจะแคร์หรอ” คนตรงหน้าผมที่เลิกคิ้วมองหน้าลูกค้า ก่อนจะยกมือขึ้นทำท่าแคะขี้หูแบบไม่สนใจเท่าไหร่นัก ท่าทางที่มองจากตรงนี้ยังรู้เลยว่าโคตรจะกวนตีน



“เห้ยอิเจ๊ มึงกวนตีนกูหรอ”



‘พลึบ’



ไอ้คนที่ตีตูดผม มันที่พุ่งเข้าหาอิเจ๊แล้วกระชากคอเสื้ออิพี่เจ๊ดานี่เอาไว้แน่น ผมกับไอ้จูนตกใจจนผวาจะเข้าไปช่วย แต่มองเห็นสายตาคมที่หันมามองหน้ากันซะก่อน สายตาที่อ่านได้ว่าอย่าเข้ามายุ่ง ทำให้พวกผมไม่ขยับตัว



ก่อนที่ฝ่ามือแกร่งของเจ้าของร้านนั่นจะผลักอกลูกค้าออกไปอย่างแรงจนอีกฝ่ายที่ไม่ตั้งตัวหงายท้องล้มลงไปนอนที่พื้น



‘พลัก’



และขาแข็งแกร่งของเจ๊เจ้าของร้านก็ตามไปวางไว้ที่หน้าอกของคนที่ล้มหงายไปแบบพอเหมาะพอดี ก่อนสายตาคมที่ค่อยๆหันไปจ้องหน้ามองเพื่อนของไอ้ที่ถูกเหยียบนั่นที่ละคนช้าๆ



“เห้ย มึง...” หนึ่งในลูกค้านั่นว่าออกมาแบบนั้น แต่ยังไม่ทันจะอ้าปากพูดจบประโยคก็โดนขัดขึ้นซะก่อน



“มึงจะสู้ก็ได้นะ แต่ที่นี่ร้านกู ถ้าคิดว่าจะสู้กับคนแบบกูไหว พวกมึงก็เข้ามา” เสียงเข้มที่ว่าออกมาแบบไม่ได้ล้อเล่นทำเอาพวกนั้นชะงักไปทั้งโต๊ะ



“การ์ด มาเชิญลูกค้าโต๊ะนี้ออกไป” เสียงเข้มที่ตะโกนออกมาอีกเป็นรอบที่สอง แล้วตามมาด้วยการ์ดของร้านที่วิ่งเข้ามาจากไหนไม่รู้ คิดว่าเค้าคงยืนคุมสถานการณ์อยู่ตามจุดต่างๆของร้าน พอมาถึงก็รวบเพื่อนพวกมันไว้แน่นเลยสามตัว ก่อนที่เจ๊ดานี่จะก้มหน้ามองคนที่นอนดิ้นหงุดหงิดอยู่ใต้ตีนเจ๊แกเพราะลุกขึ้นไม่ได้ ริมฝีปากหยักที่แสยะยิ้มร้ายๆตอนก้มหน้าลงไปหาลูกค้า



“กูจะบอกอะไรให้นะ คนทุกคนมีศักดิ์ศรีไม่ใช่จะให้พวกอวยรวยแบบมึงมาย่ำยีง่ายๆ และอีกอย่างเด็กร้านกู กูสั่งสอนเองได้ อย่ามาสาระแน



“มึง...อึก...” เท้าแกร่งที่ค่อยๆกดน้ำหนักลงไปที่ลิ้นปี่จนอีกฝ่ายที่กำลังจะด่าพ่นคำอะไรออกมาถึงกับร้องไม่ออก



“พาพวกมันไป แล้วจำหน้าเอาไว้ ว่าคนกลุ้มนี้ห้ามเข้าร้านมาอีก”



“ครับเจ๊”



คนร่างสูงที่ยกขาออกแล้วปล่อยให้การ์ดลากตัวลูกค้ากลุ่มนั้นออกไป สายตาคมที่วาววับขึ้นดุๆทำให้ผมที่มองตามรู้สึกอดจะขนลุกไม่ได้ คนตรงหน้าตอนนี้แตกต่างจากคนที่คอยกวนประสาทผมเมื่อเช้าที่ชอบกรี๊ดกร๊าดและทำท่าจริตออกสาวให้ได้เห็นเหมือนทุกที ไม่เหลือเลยจริตออกสาวที่คุ้นเคย ... คนร่างสูงที่ละสายตาจากกลุ่มลูกค้าที่ถูกหิ้วปีกไปหันมาสบตากับผม ก่อนเจ้าตัวจะสะดุ้งน้อยๆ แล้วหันหน้าไปหาลูกค้าในร้านที่เริ่มแตกตื่น



“อุ๊ยตายแหล่ว ขอโทษทุกท่านด้วยนะคะ เมื่อกี้ดานี่เผลอเสียงดังไปหน่อย ไม่มีอะไรแล้วค่ะทุกคน ไม่ต้องตกใจกันนะเออ เชิญตามสบายเลยค่ะ แด๊นซ์ๆออนเดอะฟลอกันต่อได้เลยจ้า ฮิ้ววว~”



เสียงสองเสียงสามที่ร้องออกมาแบบนั้น พร้อมทำท่าทางเขินอายแล้วเอาผมทัดหู คือผมมึงไม่ได้ยาวไปถึงเชียงใหม่ไงโว้ย มึงไม่มีผมจะทัดหูโว้ยอิเจ๊



เห็นท่าทางแบบนั้นแล้วเจ็บไข่!



ร่างจริตออกสาวแม่งกลับมาอีกแล้ว



คนร่างสูงที่เดินหายไปตามโต๊ะนู้นโต๊ะนี้เพื่อไปคลายสถานการณ์ให้เป็นปกติ ทำท่าทางเหมือนกับว่าก่อนหน้านี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งๆที่เมื่อกี้เจ้าตัวพึ่งเอาตีนกระแทกลิ้นปี่ใครมา



“เอ่อ...” หันไปมองหน้าไอ้จูนที่แค่ยิ้มน่ารักกลับมาให้



“เดี๋ยวพี่เอมก็ชินนะ เจ๊ก็เป็นงี้ล่ะ...หลุดเก่ง” มันที่ว่าแบบนั้นแล้ววิ่งไปที่อีกโต๊ะนึงเพราะมีลูกค้าเรียกพอดี



ผมที่ได้แต่มองตามแผ่นหลังกว้างๆที่เดินจีบปากจีบคอคุยกับลูกค้า รวมถึงตอนนี้เริ่มไปแซวหนุ่มโต๊ะใหม่อีกแล้ว ... นี่แม่งอะไรกันวะ?

.

.

.
“อิน้องบ๋อย ตามเจ๊มาคะ”



“ครับ?”



คนที่เดินเข้ามาหาผมหลังจากผ่านเวลาไปสักระยะแล้ว ตอนนี้เป็นเวลาประมาณสี่ทุ่ม เจ้าของร้านที่เดินเข้ามาหาผมแล้วบอกกันแบบนั้น ไม่เข้าใจเท่าไหร่แต่ก็เดินตามอีกฝ่ายที่เดินนำขึ้นไปที่ชั้นสาม บอกตรงๆกูไม่อยากมาแต่เลือกอะไรไม่ได้



‘กริ๊ก’



เสียงปิดประตูที่มาพร้อมๆกับการลงกลอนประตูทำให้ผมสะดุ้ง คนร่างสูงที่เดินเข้ามาแล้วจ้องมองหน้ากันแบบดุๆ รู้เลยว่าคงจะพูดเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อชั่วโมงก่อนแน่ๆ



“มึงรู้ตัวไหมคะว่าวันนี้ทำอะไรลงไป”



“แต่ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะเว้ยเจ๊”



“แต่มึงกำลังจะทำ มึงจะต่อยหน้าแขกค่ะ”



“ก็แขกมันตีตูดผม มันโอบเอวผม มันลวนลามผม แล้วทำไมผมต้องยอมวะ”



“แต่มึงทำงานอยู่นะคะ”



“แต่งานของผมคือเด็กเสริฟ ผมไม่ได้ขายตัว”



“กูรู้ แต่มึงจะเที่ยวไปต่อยหน้าใครต่อใครแบบนั้นไม่ได้” ว่าออกมาเสียงเข้ม พร้อมจ้องหน้ากันแบบดุๆ สายตาที่มองมาที่ผมแบบกำลังตำหนิทำให้ผมต้องเม้มปากแน่น



“ทำไมวะ หรือเพราะผมมันจนหรือไงถึงทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากยอม



ไม่ใช่ แต่เพราะมึงมันโง่ต่างหาก!” เสียงแข็งที่ว่าออกมาแบบนั้นและดังขึ้นไปอีกพร้อมๆกับจ้องหน้าผมนิ่งๆ คนตรงหน้าที่ทำให้บรรยากาศโดยรอบทั้งอึดอัดทั้งน่ากลัวขึ้นมาได้ทันที



“การที่มึงจะวิ่งไปต่อยหน้าแขกแบบไม่มีสติแบบนั้น มันจะทำให้มึงเสียเปรียบ ถ้ามึงต่อยมันก่อน มึงจะแจ้งความจับมึงได้ ในสถานการณ์แบบนั้น สิ่งที่มึงทำได้คือแหกปากเรียกการ์ดให้มาจัดการ...หรือเรียกกูที่เป็นเจ้าของร้าน กูจะมาเคลียร์ให้เอง ... ไม่ใช่จะไปต่อยหน้าใคร จำเอาไว้”

 

คนตรงหน้าที่ร่ายยาวออกมาจนเถียงไม่ออก คำพูดที่กำลังบอกและอธิบายถึงความใจร้อนและไม่มีสติของผม ... แต่ผม คนที่ชินกับการที่ต้องช่วยเหลือตัวเองมาตลอด พึ่งพาตัวเองมาตลอด ผมไม่ได้นึกถึงด้วยซ้ำว่าทางที่ง่ายที่สุดก็คือตะโกนบอกการ์ด คิดแค่ว่าถ้าผมต่อยมันไป เป็นไงก็เป็นกัน เพราะนี้คือตัวผม ... พึ่งจะมาคิดได้ ว่าทางที่จัดการได้ง่ายกว่านั้นก็มีอยู่



พอคิดมาแบบนี้ กูก็เป็นคนโง่แบบที่เจ๊มันว่ามาจริงๆนั่นล่ะ



“หัดพึ่งพาคนอื่นบ้าง มึงไม่ได้อยู่คนเดียวในโลก อย่าคิดว่าตัวเองจะจัดการได้ทุกอย่าง เพราะมันเป็นไปไม่ได้ ... หรือถ้ามึงไม่คุ้นชินที่จะพึ่งพาใคร ก็ให้รู้เอาไว้ซะใหม่ ว่าในDANIWORLDนี่ อย่างน้อยคนที่มึงจะพึ่งพาได้...ก็คือกู



--------------To be continued--------------



มาแล้วจ้าาา มาตามสัญญาเวลาเดิม ทุกๆวันเสาร์สองทุ่มจ้าา

มาแบบยาวๆกันไป เขียนตอนนี้แล้วเขิน บ้าบอ ไม่รู้ว่าเขินอะไร ถ้าคนอ่านอ่านไปแล้วชอบและมีความสุขไปด้วยกัน

แคทจะดีใจมากๆเลยค่ะ ... ตั้งแต่แคทเริ่มเขียนนิยายเรื่องนี้ นิยายแนวรุกออกสาวก็โผล่มาเพียบเลย งงมาก

ยังไงฝากเรื่องของแคทไว้ในอ้อมอกอ้อมใจอีกเรื่องด้วยนะคะ อย่าทิ้งหนูน้าทุกคนนนนน (เกาะขา)

ปล. ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง ช่วยคอมเม้นท์กรี๊ดกร๊าดตามเจ๊ดานี่มาบอกกันหน่อยจ้าาาา :mew1: :hao7: :katai4:


แคทขอขอบคุณ


:mew1: :mew1:
   น่ารักกก มาเจิมตอน2ให้กันท่านแรกเลย ขอบคุณนะคะ


รุกสายเล็บอะคริลิค 55555  :hao6:  :hao6: :hao6:
  ชอบประโยคนี้มากๆค่ะ ขอยืมใช้ได้ไหมมมม  :laugh:


:laugh:

  :3123: :pig4: :3123:
  ขอบคุณมากๆนะคะ แล้วมาอ่านตอนนี้อีกน้าาา


เจ๊ดานี่นี่ร้ายกาจจริงๆ,,,
  ดานี่: บ้าจริงงง สวยว่าสวยก็ใสๆในระดับนึงนะคะ :katai2-1:


ยินดีต้อนรับเจ๊ดานี่   :mc4: :mc4: :mc4:
  ขอบคุณมากๆนะคะ เจ๊มาแล้วน้าาาา  :mew1:


ชื่อนี้ก็ดีนะคะ แต่เจ๊จะมาขอดูก้นน้องนี้ไม่ดีเลยน้าา
ขอบคุณมากๆเลยนะคะ ตกลงแคทใช้ชื่อเดิมน้าา ตอนแรกกังวลว่าชื่อมันยาวไปหรือเปล่า กลัวคนอ่านเสิรชหาแล้วไม่เจอค่ะ แต่สรุปแคทใช้ชื่อเดิมน้าา ยังไงแคทฝากเจ๊ดานี่กับน้องเอมไว้ด้วยนะคะ :mew1:




ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
เจ้ดาบโคตรเท่

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
เจ้ดานี่ เปลี่ยนเป็นเฮียดาบจะเหมาะกว่านะฮะ.
แมนได้ใจไปเลย  o18

ออฟไลน์ aommyga40

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
เจ้ดาบนี่สุดยอดไปเลย,,,

ออฟไลน์ Yoghurt

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-2
    • แฟนเพจ
บทที่4





“มึง...มึงคือคนที่ชื่อเอมใช่ไหม” เสียงเข้มที่ดังมาจากด้านหลังทำให้ผมที่กำลังก้มๆ เงยๆ เก็บขวดเหล้าที่หมดแล้วแยกลงถังขยะอยู่ด้านหลังร้านแถวๆ ที่นั่งพักพนักงานต้องหันไปมอง



ผู้ชายรูปร่างสูงโปร่ง ส่วนสูงน่าจะประมาณไม่เกิน180 อาจจะสัก177ถึง178เซน ประมาณนี้ ผิวออกขาวเหลือง ตัดผมทรงรองทรงสูงและแต่งตัวไม่ต่างจากผมตอนนี้ ก็คือชุดพนักงาน



“มึงใคร?”



“กูชื่อโก้” โก้ ... โก้ไหนวะ กูว่ากูไม่รู้จักคนชื่อนี้นะ แต่ก็รู้สึกเหมือนว่าเคยได้ยินชื่อนี้มาจากที่ไหนเลยว่ะ และเหมือนว่าอีกฝ่ายจะอ่านสีหน้างงงวยของผมออก เจ้าตัวจึงอ้าปากพูดต่อ



“เจ๊ดานี่บอกว่าคืนนี้ให้มึงนอนกับกู”



“ห๊ะ”



“หมายถึงมาพักห้องกู”



“อ๋ออออ นึกออกแล้ว มึงคือไอ้โก้ที่ไอ้อิฐพูดถึง” โพล่งออกไปแบบนั้นด้วยรอยยิ้มกว้างๆ หวังจะสร้างสัมพันธไมตรี แต่อีกฝ่ายกลับขมวดคิ้วนิดๆ



“ไม่ถงไม่ถามอายุกูสักคำ มาถึงก็เรียกไอ้เลยหรอมึง”



“อืม ต้องถามหรอวะ มึงอายุเท่าไหร่ไอ้โก้”



“ถ้าจะเรียกมึงขนาดนี้ก็ไม่ต้องถามอายุกูแล้วไอ้สัด เอาที่มึงสบายใจเลยแล้วกัน” มันที่ทำหน้าหน่ายๆ ออกมาแบบนั้น



“ใจมึง” ตอบมันออกไปแล้วยิ้มให้กว้างๆ อยากสนิทกับคนในที่ทำงานครับ อย่างน้อยๆ ก็ได้เพื่อนใหม่ ให้มีคนรักเข้าไว้ก็ดีกว่ามีคนเกลียดใช่หรือเปล่าล่ะ



“มึงเรียนอยู่หรือเปล่า ปีไหน”



“เรียนสิวะ กูเรียนปี2” บอกมันออกไปแบบนั้นแล้วหันมาโยนกล่องเหล้าแยกใส่ถุงดำเอาไว้ แยกเอาไว้เพื่อเอาไปทิ้งที่ถังขยะใหญ่ด้านนอกร้านทีเดียวตอนปิดร้าน



“อืม กูปี3”



“อ๋อหรอวะ”



“ไม่สำนึก ไม่คิดจะเรียกกูว่าพี่จริงๆ สินะ”



“มึงพูดไรนะไอ้โก้” ได้ยินมันบ่นพึมพำๆ อะไรสักอย่างอยู่ตรงนั้น ฟังไม่ค่อยจะถนัดเลยถามออกไปแบบนั้น เห็นมันที่หันกลับมาแล้วส่ายหัวหน่อยๆ พร้อมถอนหายใจ



“กูล่ะเชื่อเลย”



“เชื่อไรวะ เชื่อว่ากูหล่อหรอ ถ้าอันนั้นน่ะรู้ตัวนะ” ว่าออกไปแบบติดตลก แต่จริงๆ ก็คิดว่ามันใช่อยู่นะ



“แล้วแต่มึงเลยละกันไอ้สัด แล้วนี่มึงทำไรอยู่”



“โถ่โก้ มีตาก็มองสิวะ แยกขยะอยู่ไง มาช่วยกันไหมกูจะได้รีบเสร็จ”



“อยากเสร็จไวมึงก็ถอดกางเกงในออก กูจะได้รีบช่วยชักให้”



“ห๊ะ...” กูนี่อุทานออกมาแบบนั้นเลย หันไปมองหน้ามันแบบเลิ่กลั่ก อีกฝ่ายที่มองหน้ากันแล้วค่อยๆ ไล่สายตามองกันไปทั้งตัว ตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ... เดี๋ยวก่อนนะ มึงกำลังอยากจะลวนลามตูดกูอีกคนหรือเปล่าวะ ใช่ใช่ไหม มึงมองตูดกูอยู่ใช่หรือไม่ กูนี่เด้งตัวลุกขึ้นยืนแล้วเอามือปิดตูดเลยครับ ... รู้สึกเจ็บไข่เลย!



มองเห็นมันที่เดินเข้ามาใกล้พร้อมหัวเราะขำหน่อยๆ ตอนที่เห็นผมทำแบบนั้น เอ๊ะ ไอ้เวรนี้มันกวนตีนกันอยู่ใช่ไหม สักฝุ่นไหมสาดดดด ...



“ทำไมทำหน้าแบบนั้น กลัวกูหรอวะ” ถามมาได้ มึงมองตูดกู กูต้องกลัวไหมสาด ... ช่วงนี้มันเกิดอะไรขึ้นกับตูดกูวะครับ อยู่ๆ ก็ดูเหมือนจะได้รับความนิยมขึ้นมาแบบก้าวกระโดด



“ไม่ต้องเข้ามาช่วยกูแล้วสาด ไปไหนก็ไป กูทำเองได้ ชิ่ว”



“แต่กูอยากช่วยนี่หว่า มา ถอด”



“ถอดก็เหี้ย! ”



พูดคุยอะไรกันอยู่คะ อะไรถอดๆ กูได้ยินไม่ถนัดเลยค่ะ”



ในจังหวะที่ผมโพล่งออกไปแบบนั้นและไอ้โก้ที่ก็กำลังเดินเข้ามาใกล้ๆ กัน เสียงของคนมาใหม่ก็ทำให้ผมเบาใจขึ้นในตอนที่เห็นร่างใหญ่ๆ เดินกรีดกรายเข้ามาพร้อมเสียงสองที่พูดจาจีบปากจีบคอนั่น ... ทั้งผมและไอ้โก้ที่หันไปมองพร้อมๆ กันแต่สีหน้าต่างกันลิบ กูนี่เบาใจ แต่ไอ้โก้ดูจะขัดใจหน่อยๆ ไม่เข้าใจเท่าไหร่ แต่ก็ขอบคุณที่เจ้าของร้านมันว่างงานมากจนเดินมาถึงหลังร้านนี่



“อ้าว เจ๊ดานี่”



“ใช่ค่ะพ่อหนุ่มทั้งหลาย มึงอู้หรอคะไอ้สัดโก้ ไปทำงานสิคะ มาเม้าท์มอยทำเหี้ยไรอยู่ตรงนี้”



“โถ่เจ๊ ก็แค่มาทักทายเด็กใหม่ไง เห็นไอ้อิฐบอกว่าเจ๊ให้มันมานอนกับผมนี่” ไอ้โก้ที่ว่าออกไปแบบนั้น เจ๊ดานี่ที่แค่เลิกคิ้วมองมาที่ผม



“แล้วทักทายกันพอรึยังคะ”



“พอๆ แล้วครับเจ๊ แหม ผมหายไปนิดเดียวคือคิดถึงกันสินะครับคนสวย” ไอ้โก้ที่ยิ้มประจบพร้อมพูดชมออกไปแบบนั้น ได้ยินแล้วกูอยากจะอ้วกออกมา ยิ่งมองเห็นอิเจ๊ตุ๊ดยักษ์นี่ทำหน้าตาแวววาวมีความสุขกับคำชมว่าสวยนั่นยิ่งขนลุกหนักเลย

เขาโกหกมึงอยู่ดูไม่ออกหรอวะ



“ไปค่ะ นอกจากเจ๊จะคิดถึงแล้ว แขกก็คิดถึงมึงค่ะอิโก้ ไม่ใช่ว่ามีกล้ามล่ำๆ แล้วกูจะยอมใจดีนะคะ ไปเสริฟค่ะ เดี๋ยวแม่ตบเข้าให้เลย”



“ไปแล้วครับเจ๊คนสวย ... ส่วนมึง เดี๋ยวเจอกัน” มันที่หันมาบอกผมแบบนั้นแล้วหันมายกยิ้มให้เป็นการส่งท้ายก่อนจะเดินออกไป เห็นรอยยิ้มนั่นแล้วกูขนลุกซู่ซ่าออกมาเลย เชี่ยเอ๊ย หลอนสัด กูไม่อยากจะเจอมึงโว้ย ...



มองตามหลังไอ้โก้ที่เดินออกไปแล้วถอนหายใจออกมาหนักๆ ก่อนจะสะดุ้งเมื่อหันหน้าไปเจอคนที่ยังยืนตัวใหญ่สิงสถิตกอดอกมองกันอยู่ตรงนี้



“เชี่ย”



“มึงด่ากูหรอคะอิน้องบ๋อย”



“ผ..ผมแค่ตกใจ แล้วเจ๊จะมาจ้องกันทำไมล่ะวะ” เถียงออกไปแบบนั้นแล้วหันหลังหนี ไม่อยากมองหน้าเจ๊มันครับ หลังจากที่โดนเรียกขึ้นไปข้างบนแล้วโดนอบรมด้วยคำพูดแบบนั้น ตอนนี้ก็ไม่อยากเห็นหน้าเจ๊พี่มันชั่วคราว ไม่ได้โกรธที่ถูกสอนแบบนั้น แต่คำพูดของมันยังดังอยู่ในหูจนไม่กล้าจะมองหน้า ... แต่บอกกันตรงนี้ผมไม่ได้เขินนะครับ



เขินตุ๊ดยักษ์นี่ก็แปลกแล้วไหมวะ



“กูจะมองตรงไหนก็ได้ค่ะ นี่มันร้านกู”



“แต่เจ๊มองผม ไม่ได้มองร้านสักหน่อย”  หันกลับไปเถียงเจ๊มันทั้งแบบนั้น ก็เห็นอีกคนที่ยกยิ้มหน่อยๆ ตอนที่ผมเผลอไปสบตา ไอ้สัด ลืมเลยว่าจะไม่มอง เผลอจนได้ กูนี่รีบก้มตัวลงเก็บขวดอีกใบใส่ลงในตระกร้าข้างๆ เลย มันเป็นตระกล้าเอาไว้สำหรับใส่ขวดเหล้าที่หมดแล้ว ...ทำงานครับทำงานๆ



“แหม สำคัญตัวผิดค่ะ กูไม่ได้มองมึงค่ะ กูมองขวดเหล้า” เงยหน้าขึ้นไปมองอีกครั้งแบบอดไม่ได้ เจ๊มันก็ยักคิ้วใส่กันอีกที สรุปเลยตรงนี้ ร้านนี้แม่งมีแต่คนกวนตีนกูครับ ...



เลือกที่จะไม่พูดกับเจ๊มันต่อแล้วก้มหน้าก้มตาเก็บขวดตรงนี้ต่อไป เราที่เงียบกันอยู่แบบนั้น ในที่สุดอีกฝ่ายก็เป็นฝ่ายเปิดปากพูดออกมาก่อน



“นี่ อิหนูบ๋อยคะ”



“ว่าไงครับเจ๊” ยืดตัวขึ้นมาจ้องหน้าอีกฝ่ายในตอนที่เก็บขวดสุดท้ายเสร็จพอดี คนตรงหน้าที่กอดอกขมวดคิ้วมองหน้าผมแบบเครียดๆ ... เป็นอะไร ปวดขี้หรอ? ห้องน้ำว่างนะจ๊ะ



“มึงอ่อยกู”



“ห๊ะ! อะไรนะ” ขี้หูกูเต้นระบำหรือเปล่า เมื่อกี้มึงว่าอะไรออกมานะ พูดออกมาก็เหี้ยเลยนะ



“มึงอ่อยกู”



“มึงบ้าหรอเจ๊ กูไม่ได้อ่อยมึง” ขึ้นมึงกูแม่งเลยครับ กูทำงานของกูอยู่ดีๆ มึงจะมาว่ากูอ่อยอะไรวะเห้ย เป็นตุ๊ดปลอมตัวใหญ่ไม่พอ มึงยังเป็นบ้าแถมมาด้วยหรอเจ๊



“มึงอ่อยกูค่ะ”



“เอาอะไรมาพูด เจ๊อย่ามากล่าวหาผมแบบนี้นะ สักทีไหมวะ” โมโหแล้วนะเว่ย ต่อยกับกูสักทีให้มันจบๆ ไปดีไหมวะ



“สักทีอะไรคะ เนี่ย มึงจ้องจะล่อลวงกูอยู่ใช่ไหม”



“โว้ย อิเจ๊” หนหวยเหลือเกิน เท้าเอวแม่งเลย ไอ้เอมขึ้นละนะครับ เหนื่อยก็เหนื่อยยังจะมาบ้าอะไรกับกูอี๊ก



“ก็มึงก้มอยู่ตรงหน้ากู แล้วเนี่ยๆๆๆ ดูเสื้อมึงนะคะ คืออะไรทำไมต้องปลดกระดุมมากมายขนาดนี้ ก้มที่กูมองเห็นหัวนมมึงเลย คือมึงตั้งใจอ่อยกูอยู่ ดูออก! ” ดูออกก็เหี้ยแล้วเห้ย!



“ไม่ต้องมาดูออก ผมไม่ได้อ่อยเจ๊เถอะ ผมแค่ร้อนอ่ะ แล้วผมก้มแล้วเจ๊จะมามองหัวนมผมทำไม โรคจิต”



“ก็มันชมพู วับๆ แวมๆ ล่อตากู กูก็มองสิ” ว่าออกมาแบบไม่สะทกสะท้าน .. มึง....มึงนี่มันนนน



“เจ๊ลวนลามหัวนมผม”



“กูเปล่า มึงสิคะที่อ่อยกูอยู่ ดูออก! ”



“เจ๊เข้าใจผิดไปใหญ่แล้วโว้ย ผมไม่ได้อ่อยเจ๊ผมแค่ร้อน แล้วนี่เจ๊มองอะไรอีกวะ” ผมที่โพล่งออกไปแบบนั้นแล้วรีบยกมือขึ้นมาปิดหน้าอกตัวเองตอนที่มองเห็นสายตาของคนตรงหน้าที่ค่อยๆ ไล่มองคอ ลงมาที่หน้าอก และหยุดสายตาอ้อยอิ่งมองกันอยู่ที่...หัวนมกูอีกแล้ว!



“ก็มอง.....” อีกคนที่ลากเสียงพูดออกมาแบบนั้นแล้วค่อยๆ เดินก้าวเข้ามาหา สายตาคมนิ่งๆ ที่ไม่ละสายตาไปจากจุดโฟกัส เห็นแบบนั้นก็เผลอหายใจกระตุกแล้วก้าวถอยหลัง



‘ผลึก’



อีกแล้ว! ซีนหนังไทย ตัวกูแปะอยู่กับกำแพงอีกแล้ว แตกต่างจากฉากโรมานซ์ตรงที่ทางด้านขวามือกูคือถังขยะที่กำลังส่งกลิ่นยั่วยวนใจมาให้กันสูดดม



“จ...เจ๊” เงยหน้ามองอีกคนที่เดินตามเข้ามาชิดตัวพร้อมกับยกแขนข้างนึงค้ำไว้กับกำแพง



“อ่อยอยู่ ดูออก”



“ผมเปล่านะ...” เถียงออกไปแบบนั้น ตอนที่อีกคนก็ก้มหน้าเข้ามาใกล้ สายตาที่มองกันนิ่งๆ ไม่เข้าใจว่ากำลังคิดอะไร แต่เพราะว่าใบหน้าที่เลื่อนเข้ามาหากันแบบไม่หยุดแบบนั้น ทำให้ต้องเผลอหลับตาหนี ผ่านไปหลายนาทีถึงค่อยรู้สึกว่ามีอะไรมายุ่งวุ่นวายกันอยู่ที่หน้าอก



“เจ๊! ” ตะโกนออกมาแบบนั้นพร้อมๆ กับเอื้อมมือเข้าไปคว้าฝ่ามือแกร่งเอาไว้ ในตอนที่อีกฝ่ายก็ล่ะมือออกจากเสื้อผมพอดี



“ถ้าไม่อยากโดนมองด้วยสายตาแบบนั้นอีก ก็อย่าปลดกระดุมให้มันเยอะแบบนี้...ทำงานกลางคืนแบบนี้ มันมีไม่กี่คนหรอกที่จะทนได้”



เสียงเข้มที่พูดออกมาแบบนั้น ไม่มีเสียงสองเสียงสามตามมาด้วยเหมือนก่อนหน้านี้ ผมไม่เข้าใจในการกระทำของอีกฝ่ายเลยจริงๆ ยังไม่ทันที่จะได้พูดถามอะไรออกไป อีกฝ่ายก็ผละตัวออกจากกันไปก่อนแล้ว เจ๊มันที่หันหลังเดินออกไป ก่อนจะหยุดเดินแล้วพูดขึ้นมาอีก



“กับไอ้โก้ มึงก็ระวังหน่อย อย่าทำตัวสบายให้มากนัก” มันที่ว่าออกแค่นั้นโดยที่ไม่หันมามองหน้าผมแล้วเดินออกไปจากบริเวณนี้ ทิ้งผมให้ยืนนิ่งๆ อยู่คนเดียวตรงนี้ ก่อนจะค่อยๆ ก้มหน้าลงมองที่หน้าอกเสื้อของตัวเอง กระดุมสามสี่เม็ดที่ก่อนหน้านี้ผมเป็นคนปลดมันออกเอง ตอนนี้ถูกติดเรียบร้อยแล้วทุกเม็ด



“บ..บ้า” ว่าออกมาแบบนั้น ทั้งๆ ที่ก็รู้สึกร้อนๆ ที่หน้า ... บอกกันดีๆ กูติดเองก็ได้หรอกเว่ย ไม่เห็นจะต้องมาติดให้กันเลยนี่หว่า



...



ในช่วงเวลาใกล้เลิกงาน เหลือบมองเวลาที่บอกเวลาประมาณตี3 ตอนนี้ป้ายร้านDANIWORLDที่เป็นสีชมพูฟรุ้งฟริ้งที่ติดอยู่ด้านบนสุดของตัวร้าน ตอนนี้ได้ปิดไฟลงแล้ว บ่งบอกให้รู้ว่าเป็นเวลาปิดร้าน



ผมนี่อ้าปากหาวเลยครับ ทั้งเหนื่อยทั้งง่วงแต่ว่ายังรู้สึกดีที่วันนี้จะได้รับเค่าจ้างเพื่อต่อชีวิตไปอีกวัน พรุ่งนี้ต้องไปเรียนด้วย ขืนไม่มีเงินใช้ล่ะยุ่งเลย ... หันสายตาไปมองรอบร้านเห็นบรรดาแขกนักท่องเที่ยวยามราตรีที่ทยอยเดินออกจากร้านกันไป รวมถึงตัวผมด้วยที่เริ่มขยับตัวแล้วแบกถุงดำออกมาทิ้งด้านนอกร้านเป็นรอบที่สามของวันนี้แล้ว ...



ต้องเอาขยะที่แยกไว้ไปทิ้งที่ถังขยะใหญ่ที่อยู่แถวๆ ลานจอดรถครับ



“โอ๊ะโอ๋ ไอ้เอม นั่นมึงใช่ไหมวะ”



หันหน้ากลับไปมองและได้แต่ถอนใจออกมาตอนที่เห็นหน้าคนที่ทักทายกัน ได้แต่กำมือแน่นๆ อย่างหงุดหงิดใจ ... คุณเคยเป็นไหม เวลาที่คุณไม่ได้แต่งตัวแต่งหน้าออกจากบ้านแล้วชอบเจอคนที่คุณไม่อยากจะเจอ ถ้าเคยเป็นคงจะเข้าใจความรู้สึกของผมตอนนี้ได้ไม่ยาก...ก็เพราะไอ้คนตรงหน้านี่ กูนี่โคตรไม่อยากจะเจอ และไม่อยากจะให้มันเจอตอนที่กูกำลังอุ้มถุงขยะอยู่แบบนี้ด้วยโว้ย



“มึง”



พูดออกไปแบบนั้นแล้วถอนหายใจออกมาหนักๆ กับโชคชะตาชีวิต วันนี้มันเป็นห่าอะไรถึงต้องมีคนมาทักกูที่ข้างกองขยะแบบนี้ตลอดเลย



“แหม่ๆ โดนแม่กูไล่ออกจากบ้านวันเดียวก็หางานได้เลย เก่งจริงๆ เลยนะมึง แต่ก็นะเป็นได้แค่เด็กเก็บขยะหรอวะ ฮ่าๆ” ไอ้ม่อน ลูกพี่ลูกน้องมหาภัยที่อยู่ในชุดแบรนด์เนมแบบที่มันชอบเอาเงินไปถลุงและซื้อมาใส่ทั้งตัว



“ไม่ต้องเสือกหรอก เรื่องกู” ว่าออกไปแบบนั้นแล้วหันไปโยนขยะทิ้งลงถังต่อ ไม่อยากจะเสวนากับมัน



“หยิ่งจังนะมึง กูอยากจะรู้เหมือนกันว่าคนแบบมึงมันจะหยิ่งไปได้นานแค่ไหน ตอนนี้ก็ไม่มีที่ซุกหัวนอนแล้ว ไม่ใช่ว่าจะไปเอาตัวเข้าแลกกับใครต่อใครเพื่อให้ตัวเองมีที่นอนไปวันๆ ล่ะมึง”



“นี่ไอ้สัดม่อน มึงจะไปไหนก็ไปเลยไป กูไม่อยากเสวนากับคนปากเน่าปากหนอนแบบมึง แล้วอีกอย่างนะ กูไม่ใช่มึง”



“มึงอย่าเอามึงมาเปรียบกับกู ไอ้ลูกไม่มีพ่อไม่มีแม่ กาฝากบ้านกู! ”



‘พลัก’



“อย่ามาลามปามพ่อแม่กูนะไอ้สัด” กำมือแน่นในตอนที่ปาถุงขยะไปเฉียดหน้าไอ้ม่อนหน่อยเดียว



“มึง มึงกล้าเขวี้ยงของสกปรกแบบนี้ใส่กูหรอหา ไอ้เกย์! ”



“กูเป็นเกย์ก็ไม่ได้หนักหลังคาบ้านมึงนะ เพราะกูย้ายออกแล้ว แต่ถ้ามึงยังลามปามพ่อแม่กูอีก กูจะเอาตีนไปเหยียบขี้แล้วเอาไปอุดปากมึง”



“เกิดอะไรขึ้นน่ะม่อน” เสียงของคนมาใหม่ที่ทำให้ใจของผมตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม มันเป็นอีกคนที่ผมก็ไม่อยากเจอ อาจจะไม่อยากเจอหน้ามากกว่าหน้าไอ้สัดม่อนด้วยซ้ำมั้ง



“มาร์ช” ไอ้ม่อนที่พูดออกมาแบบนั้นแล้วปั้นหน้ายิ้มใส่คนมาใหม่ ผู้ชายร่างสูงหน้าตี๋ที่ดูดีแบบลูกคนมีเงิน และใช่...มันมีเงิน มันยังหล่อและดูดีเหมือนเดิมในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนส์มียี่ห้อสีดำแบบขาดเข่า การแต่งตัวง่ายๆ สบายๆ แต่ดันทำให้มันดูดีมากๆ เหมือนเดิม



“เอม” มันที่เดินเข้ามาแล้วชะงักไปตอนที่เห็นหน้าของผม เราที่มองหน้ากันและกันด้วยความรู้สึกที่แตกต่าง ... ผมไม่รู้ว่ามันกำลังรู้สึกแบบไหนอยู่ แต่ที่รู้ๆ สำหรับผมเลยก็คือ ... กูอย่างวิ่งเข้าไปเอาตีนลูบหน้ามึง!



“เหอะ” ผมที่แค่นหัวเราะออกมาแบบนั้น ถ้าทำได้กูอยากจะอ้วกรดหน้าพวกมึงทั้งสองคนด้วย



“ปากดีด่ากูเป็นเกย์ แล้วมึงล่ะม่อน ยืนควงกันหน้าสลอนแบบนี้ มึงคิดว่ามึงเป็นผู้หญิงหรอไอ้สัด กูล่ะอยากจะให้แม่มึงมาเห็นจริงๆ กูอยากจะรู้ว่าป้าจะรับได้หรือเปล่า” ยกยิ้มมุมปากแล้วด่าออกไปแบบนั้น



“มึง ไอ้เอม! ” มันที่ตะคอกผมออกมาแบบนั้นแล้วตั้งใจจะตรงเข้ามาหาเรื่องกัน แต่มาสิมึงเข้ามา กูจะถีบให้จุกเลยไอ้สัด



“ไม่เอาน่าม่อน อย่าทำแบบนี้” ไอ้มาร์ชที่ดึงแขนของไอ้ม่อนไว้แน่น ก่อนจะหันมาหาผม



“ขอโทษแทนม่อนด้วยนะเอม ...เอม...เอมสบายดีไหม”



“เสือก” พูดออกไปแบบที่ใจคิดโดยไม่คิดจะรักษามารยาท จะถามเอาอะไรวะ ตอนมึงทิ้งกูไปหามัน มึงคิดว่ากูจะสบายดีอยู่ไหมล่ะไอ้หน้าสัด แม้ว่าเรื่องมันจะผ่านมาเป็นปีแล้วก็ตาม แต่ถามว่าผมจะให้อภัยได้ไหมน่ะหรอ มึงฝันเถอะ กูจะตามแช่งชักหักกระดูกพวกมึงอยู่แบบนี้แหล่ะ



“มึงนี่หยาบคายจริงๆ เลยนะ ต่ำ มาร์ชไม่ต้องไปถามมันหรอก ถามทำไมให้เสียปากกับคนแบบนี้” ไอ้ม่อนที่ว่าแบบนั้น มันที่ใช้สายตามองผมเหมือนมองสิ่งสกปรกอะไรสักอย่าง ได้แต่กำมือเข้าหากันแน่นๆ มองเห็นมือของมันสองคนที่กุมกันแน่นๆ แล้วรู้สึกร้อนๆ ที่ขอบตา ผมไม่ได้อาลัยอาวรณ์มันหรอกนะ จริงๆ ผมแค่เจ็บใจที่ความเชื่อใจของผมที่มอบให้ สุดท้ายแม่งเป็นได้แค่คนโง่ที่ให้ลูกพี่ลูกน้องกับแฟนตัวเองมาสวมเขาใส่หัว จับๆ หัวดูแล้วก็เจ็บครับ ...เขาตัวเองทิ่มมือ



“เอม...มาร์ชขอโทษ”



“......”



ไม่รู้ว่าได้ยินคำนี้เป็นครั้งที่เท่าไหร่ แต่ไม่ว่าจะได้ยินมามากแค่ไหน สุดท้ายความเจ็บของผมก็ไม่สามารถให้อภัยพวกมันได้อยู่ดี ผมที่คบกับมาร์ชมาตั้งแต่ม.5 มันเป็นเหมือนทุกอย่างในชีวิตของผม คนที่อยู่ข้างๆ และให้กำลังใจ พูดจริงๆ มันเหมือนเป็นคนที่ทำให้ผมอยากใช้ชีวิตอยู่ต่อไปแม้ว่าโลกนี้จะโดดเดี่ยวแค่ไหนก็ตามแต่ผมก็ยังมีมัน...แต่สุดท้ายก็เป็นมัน มันที่ทำลายโลกทั้งใบของผม ผ่านมาจนถึงทุกวันนี้ได้ ก็เพราะมีเพื่อนดีๆ แบบไอ้เก้อกับไอ้หยีอยู่



“อย่าร้องไห้ออกมาล่ะเอม กูเห็นน้ำตามึงปริ่มๆ แบบนั้น ทำไม มึงดีใจมากหรอที่เจอหน้าแฟนกู” ไอ้ม่อนที่ว่าแบบนั้นแล้วหันไปคว้าหมับเอาแขนของไอ้มาร์ชมากอดไว้ สัด นึกว่าปลิงควายกับเหาฉลาม



“มีเรื่องอะไรกัน” ผมที่ยังไม่ทันจะตอบอะไรออกไป แต่เสียงของคนมาใหม่ที่วันนี้ผมได้ยินจนชินหูก็ดังเข้ามาซะก่อน คนมาใหม่ที่ยกคิ้วขึ้นข้างนึงมองมาแบบหน้าตาพร้อมตี เห็นไอ้ม่อนกับมาร์ชถอยตัวออกห่างผมไปหลายก้าวตอนที่เจ๊ดานี่เดินแหวกฝ่าเข้ามาแบบไม่สนใจใครหน้าไหน ... ไม่สนใจแม้กระทั่งว่าเค้ากำลังมีเรื่องอะไรกันอยู่



เจ๊ดานี่ที่ตอนนี้อยู่ในชุดเสื้อยืดคอกลมสีดำธรรมดาแบบพอดีตัวกับกางเกงยีนส์สีดำอีกเหมือนกัน รวมถึงหน้าตาของเจ๊มันที่ไม่มีสีสันต์เหมือนอย่างเคย คิดว่ามันคงไปล้างออกเพราะกำลังจะกลับบ้านแล้ว ... พอเป็นแบบนั้น หน้าตาหล่อๆ ดิบๆ เข้มๆ ก็ปรากฏออกมาให้เห็นจนต้องแปลกใจ



“เอม เป็นอะไร” เสียงเข้มๆ ของเจ๊ดานี่ที่ถามออกมาแบบนั้นทำเอาผมใจกระตุก เหมือนจะเป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่รู้จักกันที่มันเรียกชื่อผม ชื่อผมที่เป็นชื่อของผมจริงๆ ไม่ใช่อิน้องบ๋อย แบบที่เจ้าตัวชอบเรียก



“ว่าไง บอกมาสิ” ถามออกมาอีกพร้อมๆ กับวงแขนแกร่งที่พาดเข้ามาที่ไหล่ของผมแบบถึงเนื้อถึงตัว ทำเอาผมสะดุ้งหลุดออกจากภวังค์



“จ..เจ๊...” ในตอนที่ผมกำลังจะเรียกเจ๊ดานี่แบบที่เคยชิน อีกฝ่ายก็ขัดขึ้นมาซะก่อน



“บอกพี่ดาบมาสิ มีใครทำอะไรเอมหรือเปล่า หื้ม” ว่าแบบนั้นแล้วหันสายตาคมไปมองคนที่เผชิญหน้ากับเราอยู่ตอนนี้แบบเอาเรื่อง



“หึ นี่เป็นคนที่จะหิ้วมึงไปคืนนี้หรอไอ้เอม”



“นี่ มึงพูดจาให้มันดีๆ หน่อยนะไอ้หนู” เจ๊ เอ่อ...คือหมายถึงพี่ดาบมันว่าออกไปแบบนั้น แล้วก้าวขาเข้าไปหาทั้งคู่ก้าวนึง จนทั้งไอ้ม่อนและไอ้มาร์ชต้องขยับถอยหลังหนีไปอีกสองก้าว



“ล...แล้วทำไมจะพูดไม่ได้ มันก็แค่เด็กเสริฟหิ้วขยะ”



“เหอะ เป็นเด็กเสริฟในร้านหิ้วขยะแล้วไงวะ มึงจะเที่ยวไปดูถูกคนทำอาชีพสุจริตได้หรือไง อย่าปากดีถ้ามึงยังแบมือขอเงินแม่ไม่ได้หาเงินเลี้ยงตัวเองแบบมัน



“นี่มึง...มึง...” ไอ้ม่อนที่โกรธจนตัวสั่นชี้หน้าใส่เจ๊มัน แต่อีกฝ่ายเหมือนจะไม่สนใจ พร้อมอ้าปากพูดต่อหน้าตาเฉย



“แล้วอีกอย่าง ถึงมันจะเป็นแค่เด็กเสริฟเก็บขยะในร้านแล้วจะทำไมวะ เพราะมันเป็นเด็กเสริฟเก็บขยะในร้านที่เป็นแฟนเจ้าของร้านอีกทีนึง



“ห๊ะ แกหมายถึงอะไร...” ไอ้ม่อนที่หน้าเหวอออกไปตอนที่ได้ยินคำพูดนั้น ผมที่หันไปมองหน้าด้านข้างของคนข้างตัวที่ตอนนี้ยกยิ้มมุมปาก หน้าตาที่บ่งบอกว่ากำลังสะใจแล้วอ้าปากพูดต่อ



“ก็หมายความว่า มัน...” ชี้มือมาทางผม แล้วดึงตัวผมให้ขยับเข้าไปใกล้ วงแขนแกร่งที่โอบพาดบ่าลงมาในตอนนั้นแล้วพูดต่อ



“เป็นแฟนกู และกู....ก็เป็นเจ้าของร้านนี้ไงวะ” ว่าแบบนั้นพร้อมชี้มือไปที่ร้านที่อยู่ด้านหลังพวกเราอีกที



“ม..ไม่จริง! ” ไอ้ม่อนที่เหวอมากกว่าทุกทีแล้วว่าออกมาแบบไม่เชื่อ เห็นหน้าตามันในตอนนี้แล้วกูอยากหัวเราะให้ฟันร่วงกราว สะใจไอ้เอมนัก



“จริง”



“แกอย่ามาโกหก เจ้าของร้านนี้เป็นตุ๊ดใครๆ ก็รู้”



“อันนั้นก็จริงจ๊ะ แต่คงไม่รู้สินะว่าแกล้งเป็น ก็ให้ทำไงได้ล่ะวะ ก็เอมมันขี้หึงนี่ มันกลัวมีสาวๆ เข้ามายุ่งน่ะ เลยต้องแอ๊บเป็นตุ๊ดให้เอมสบายใจ เป็นไง เจ๊เนียนใช่ไหมคะหนู”



“ไม่จริง! ”



“อะ ถ้าไม่เชื่อก็เรื่องของมึงจ้า ... แต่ว่านะ ถ้าวันหลังอยากมาร้านนี้แบบดีๆ ก็ขอแนะนำว่าอย่ามามีเรื่องกับแฟนเจ้าของร้านอีก จำนะคะหนู” บอกแบบนั้นแล้วทำจริตออกสาวและขยิบตาให้อีกฝ่าย ทั้งไอ้ม่อนและไอ้มาร์ชที่อ้าปากค้างไปในตอนนั้น



“เอม กลับบ้านกันเถอะพี่ง่วงแล้ว” ก้มหน้าลงมาหาผมแล้วว่าแบบนั้น ส่วนผมที่ยืนงงเป็นไก่ตาแตกก็ต้องสะดุ้งตอนที่อีกฝ่ายแอบหยิกกัน



“อะ....อื้มม พี่ดาบง่วงแล้วใช่ไหม กลับกันเถอะครับ”



“ดีครับ ...บายนะจ๊ะหนู และ อดีตแฟนเก่าแฟนผมอีกที ...อ้อ แล้วก็ขอบคุณมึงด้วยนะ ที่โง่ทิ้งไอ้เอมมาให้ผมได้เจอมัน เพื่อที่มึง จะไปคว้าเอาไอ้นั่น ไอ้เด็กไม่มีสมองน่ะ”



พี่มันที่หันไปโบกมือให้คนทั้งคู่แล้วโอบไหล่ผมเดินจากมาทั้งแบบนั้น ได้ยินเสียงไอ้ม่อนแหกปากโวยวายดังมาจากทางด้านหลัง เป็นครั้งแรกที่ไม่ได้หันไปมองแม้ว่าจะสะใจมากแค่ไหนก็ตาม ผมที่ได้เดินตามคนที่โอบไหล่ผมให้เดินมาพร้อมกัน ก่อนจะหันหน้ามามองกัน สายตาที่พี่มันส่งมากำลังบอกผมว่า ‘กูแสดงดีแบบควรให้ออสก้าเลยสินะคะ’ ส่งมาให้กัน


เห็นแบบนั้นแล้วก็อดยิ้มกว้างๆ และเผลอขำออกมาไม่ได้ ... บางทีการกลับมาเจอกันอีกครั้งระหว่างผมกับเจ๊มัน ก็ไม่ได้แย่เหมือนอย่างที่คิดนะ บางที...นรกอาจไม่ได้ลิขิตแบบที่ผมเคยคิดก็ได้ล่ะมั้ง


มองหน้าอีกฝ่ายแล้วก็เหมือนจะมีแว๊บนึงที่มันเผลอคิดไปว่า มันคงจะดีกว่านี้นะ ถ้าจริงๆ แล้วพี่มันไม่ได้เป็นตุ๊ด ...

ถ้ามันไม่ได้อยากได้ผู้ชายคนอื่นเป็นผัว บางทีตอนนี้ ผมเองก็อยากจะเผลออ่อยมันขึ้นมาบ้างแล้วเหมือนกันล่ะ



“ขอบคุณนะครับพี่ดาบ”



“หึ พอได้ยินมึงเรียกชื่อนี้แล้วก็แปลกดีเหมือนกัน...แต่ก็นะ กูเคยบอกมึงแล้วไง ว่ามึงพึ่งกูได้”



--------------To be continued--------------


ขี้ขัด ขี้แทรก ตามติดเก่ง

เอ๊ะ...หมายถึงใครนะ

อ่อยอยู่ดูออก!


มาแล้วจ้า มาไม่ยาวเท่าตอนเก่า เพราะเหมือนคนอ่านจะไม่ค่อยชอบยาวๆ เหมือนยาวไปไม่อ่าน

มาเบาๆ9หน้าพอ  โดยรวมทั้งหมดทั้งมวลในตอนนี้ พูดแค่ว่า ถ้าน้องเอมไม่เอาอิเจ๊ ฉันเอานะ!


ปล.ขอบคุณคนอ่านทุกท่านที่เข้ามาเม้นให้แคทเลยนะคะ  รักกกกก :mew1: :hao7:


ขอขอบคุณ

เจ้ดาบโคตรเท่
  บ้าน่าาา อย่าพูดเสียงดังเดี๋ยวเจ๊แกเผลอกรี๊ด 5555

o13 o13


:L2: :pig4: :L2:
  ขอบคุณมากๆนะคะ มาอ่านอีกนะคะ


เจ้ดานี่ เปลี่ยนเป็นเฮียดาบจะเหมาะกว่านะฮะ.
แมนได้ใจไปเลย  o18
  มาช่วยกันปลุกความเป็นพี่ดาบกันค่ะ 55555


:L2: :pig4: :L2: :pig4:
  ขอบคุณมากๆนะคะ แล้วมาอ่านอีกนะคะ


เจ้ดาบนี่สุดยอดไปเลย,,,
   เจ๊ดาบยืนหนึ่งในดงเครื่องสำอางค์เลยค่าาา อิอิ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-11-2019 21:19:26 โดย Yoghurt »

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด