บทที่8
“โอ้โห มาถึงไวทันใจจังเลยนะครับเพื่อนดาบ”
เสียงพูดที่ทำให้ผมต้องขมวดคิ้วใส่ดังมาจากที่โต๊ะตัวนึงในร้านชั้นล่าง ไอ้สัดเมฆที่จัดแจงเอาโต๊ะเก้าอี้ลงมาตั้งวางไว้แล้วนั่งกระดิกตีนสบายใจอยู่ตรงนั้นเรียบร้อย เหลือบมองไปบนโต๊ะ มีอาหารและกับข้าววางไว้พร้อมเพรียง สรุปนี่ร้านมึงหรือร้านกูกันแน่นะ
“มึงไม่ต้องมาพูดมากไอ้สัดเมฆ ไหน มึงเอาหลักฐานมาดู” ผมที่ว่าออกไปแบบนั้นพร้อมๆกับก้าวขายาวๆไปหามัน วางกระเป๋าเป้ของตัวเองลงข้างตัวและนั่งลงตรงหน้ามันแบบหงุดหงิด
“มันแน่นอก ต้องยกออก รีบร้อนวู่วามมากๆเลยว่ะเพื่อน ขนาดเรียกดาบมึงยังไม่แก้เลยว่ะวันนี้”
“มึงเป็นกระเทยแทนกูเลยไหมไอ้สัด ร้องเพลงใบเตยขนาดนี้ แล้วไม่ต้องมาทำเปลี่ยนเรื่อง เอามาดู” ว่าออกไปแบบนั้นพร้อมเน้นเสียงให้รู้ว่ากูจะไม่ทนกับมึงนาน ผมมองเห็นไอ้อิฐที่ยื่นหัวเสนอหน้าออกมาเสือกอย่างออกนอกหน้าอยู่ตรงบาร์น้ำ ได้แต่ปรายตาไปมองมันนิดนึง แต่ไอ้เด็กนี่ก็แค่ยิ้มสดใสส่งมาให้แบบไม่สะทกสะท้านอะไร
“ไปไกลๆหน้ากูไอ้อิฐ ขี้เสือกนักนะมึง ไม่มีเรียนหรือไงวะ มาร้านทุกวัน”
“หูยยยเจ๊พี่มึง ทำไมวันนี้เกรี้ยวกราดจังวะครับ ขออิฐดูขออิฐทัชนิดนึงสิจ๊ะเบเบ๋”
“กินตีนกูไหมเบเบ๋”
“อะ ไม่เสือกก็ได้ถ้าแบบนั้น เก็บตีนเจ๊พี่มึงไว้ก่อนน้า พี่เมฆๆ มากระซิบกันหลังไมค์นะจ๊ะพี่จ๋า”
“ได้เลยไอ้น้อง”
“สัดทั้งหมดนะพวกมึง”
“ฮ่าๆๆๆ”
ไม่นำพาคำพูดกูไม่พอ ไอ้อิฐที่ทำแค่ขำลั่นร้านแล้ววิ่งหน้าด้านออกไปหน้าตาเฉย มั่นใจว่ามันต้องไปหาข้าวกินในครัวแน่ๆ ชอบเสือกแล้วยังแดกดุอีก ดีๆทั้งนั้นลูกน้องร้านกู
“ยิ้มทำKไรไอ้สัดเมฆ”
“มันเกรี้ยวกราดแบบที่ไอ้อิฐว่าจริงๆว่ะ ทำไมวะ มันร้อนรนขนาดนั้นเลยดิ”
“ถ้ามึงยังโยกโย้ไม่เลิก มึงได้แดกตีนกูแทนไอ้อิฐแน่ไอ้เมฆ”
“หึ ใจเย็นๆนะครับเพื่อนดาบ กลัวแล้วครับเพื่อนครับ” มันที่ว่าออกมาแบบนั้นแต่ก็ยังทำหน้าตาระรื่นต่อไป Kทั้งหมด
“อะๆ เอาไปดูให้เต็มลูกตา นี่ไงวะ” มันที่เลิกกวนตีนกันแล้วยื่นมือถือของมันมาให้ผมดู เปิดแอปสีเขียวๆเข้าหน้าแชทไว้ให้ด้วย รูปดิสของอีกฝ่ายที่ส่งยิ้มสดใสไม่ต่างจากที่เคยเห็น ข้อความที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าก็ยังบอกได้ว่าเป็นคนที่ร่าเริงอยู่เหมือนเก่า
[[Praphay: เมฆ เมฆๆๆๆๆจ๋า เราใกล้จะกลับไปแล้วน้า คิดถึงทุกๆคนมากๆเลยนะครับโผ้ม]]
[[Cloud: พายจะกลับมาแล้วหรอ กลับมาเมื่อไหร่ คิดถึงเหมือนกันครับ]]
[[Praphay: ใช่ๆๆ เราใกล้จะกลับแล้ว แต่ว่าจุ๊ๆก่อนนะ พายอยากไปเซอร์ไพรส์ อย่าพึ่งบอกใครนะ]]
[[Cloud: ถ้าไอ้ดาบรู้มันต้องตื่นเต้นแน่เลย]]
[[Praphay: ดานี่ ดานี่ๆๆๆ อย่าเรียกดาบซี่ เดี๋ยวดานี่โกรธน้า เมฆนี่ไม่ไหวเลย ส่วนดานี่ ต้องจุ๊ๆไว้ก่อนเลยนะ พายอยากไปเซอร์ไพรส์ดานี่ที่ร้านล่ะ]]
[[Cloud: พะพายนี่ยังเป็นพะพายเหมือนเดิมเลยนะ]]
[[Praphay: ทำไมๆ เราทำไม ]]
[[Cloud: ไม่ทำไมครับ ยังน่ารักเหมือนเดิมเลย ]]
[[Praphay: อยากจะเขิน แต่ติดว่าคนแมนๆแบบเราน่ะเค้าไม่เขินซะให้ยากหรอก]]
[[Cloud: เอาที่พายสบายใจเลยครับ]]
[[Praphay: เอ๊ะเมฆ เมฆกวนเราหรอ]]
[[Cloud: ฮ่าๆ ใครมันจะกล้ากับพะพายตัวแสบล่ะ ยังไงถ้ากลับมาเมื่อไหร่บอกเรานะ เราจะไปรับ]]
[[Praphay: ได้เล้ย จริงๆที่เรามาบอกเมฆก่อนก็เพราะจะให้เมฆมารับนี่ล่ะ ฮ่าๆๆ]]
[[Cloud: เห็นเราเป็นแค่คนขับรถสินะ อยากร้องไห้ (ส่งสติ๊กเกอร์หน้าเศร้า)]]
[[Praphay: โอ๋ๆน้าเมฆน้า เดี๋ยวพายซื้อขนมไปฝากเยอะๆเล้ย (ส่งสติ๊กเกอร์กอด)]]
[[Cloud: ฮ่าๆ โอเคครับ แล้วสรุปพายจะกลับมาเมื่อไหร่]]
[[Cloud: พาย พายครับ เงียบเลย เขวี้ยงมือถือออกดาวอังคารไปแล้วหรอพาย]]
[[Cloud: อะ หายจริงๆสินะ]]
[[Praphay: เมฆๆๆ พายมาๆแล้ว พอดีเพื่อนมาตาม เดี๋ยวพายมาคุยใหม่น้า คิดถึงเมฆน้า แล้วก็จุ๊ๆจั๊มกับดานี่ไว้ก่อนน้า จุ๊บๆเลยคร๊าบบบ (ส่งสติ๊กเกอร์จูบ)]]
ผมที่เงยหน้าขึ้นมาตอนที่อ่านข้อความเหล่านั้นเสร็จ มองเห็นไอ้เมฆที่กดยิ้มมุมปากมองตรงมาที่หน้าผมอยู่แบบนั้น
“ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เลยว่ะเพื่อนกู”
“ยิ้มเหี้ยไรล่ะ กูเปล่า”
“ปากมึงอ่ะไอ้สัดดาบ มันจะกว้างขึ้นไปถึงกลางหัวมึงแล้วเพื่อน” มันที่ว่าแบบนั้นแล้วเอื้อมมือมาตบหัวกัน ก่อนจะแย่งมือถือของมันกลับไป
“พายไม่บอกกู”
“มึงอ่านภาษาไทยไม่ออกหรอไอ้สัด พายก็บอกอยู่ว่าอยากเซอร์ไพรส์มึง เค้าจะทักมาบอกมึงทำKไรครับ”
“สัด กูแค่พูดเฉยๆ กูรู้ว่าพายอยากเซอร์ไพรส์ ยังแสบเหมือนเดิมเลยว่ะ”
“ครับเพื่อนครับ เลิกยิ้มเพ้อๆได้ไหมวะ มึงยิ้มแล้วหน้าเหี้ยมาก กูกลัว”
“กวนตีนหรอคะอิเมฆ กูตบมึงได้นะ”
“อะ องค์ร่างอิเจ๊ดานี่มึงพึ่งตื่นหรอ ประทับเข้าร่างมึงดีเลย์จังวะ”
“อย่ามาต่อล้อต่อเถียงกูค่ะ องค์ดานี่กูจะมาเมื่อไหร่ก็ได้ กูสะดวกแบบนี้ค่ะ”
“มึงไม่ต้องมาดัดจริตใส่กู เมื่อกี้ยังแมนๆเตะบอลอยู่เลยไอ้สัด อยู่กับมึงแล้วกูเหนื่อยว่ะ เหมือนมีเพื่อนเป็นไบโพล่าสองบุคลิกอะไรแบบนี้”
“ว่ากูหรอ เดี๋ยวกูจับทำผัวนะคะ”
“ตีนกูนี่!” ไม่ว่าเปล่า มันที่ยื่นตีนมาถีบใส่ขากางเกงยีนส์กันด้วย รอยเท้าประทับเด่นที่ขากูเลย เกลียดอ่ะ คนสวยๆเกลียดเลยค่ะ โดนผู้ชายทำร้าย
“แล้วมึงนี่อะไร พายบอกไม่ให้บอกกูแล้วมึงมาบอกกูทำไมคะ”
“เหอะ ก็กูห่วงไง”
“ห่วงไรมึงคะ” ทำท่าจีบปากจีบคอใส่มันพร้อมเอาผมทัดหู ทำหน้าทำตาแบบที่ไอ้เมฆเกลียดเพื่อกวนตีนมัน มองมันพร้อมเลิกคิ้วใส่มันด้วยนิดหน่อย
“ห่วงว่ารถไฟจะชนกันตู้มต้ามๆแล้วเพื่อนจะทำใจเลือกขบวนขึ้นไม่ถูกไงครับ” มันที่บอกแบบนั้นแล้วยกยิ้มมุมปากถูกใจตอนที่เห็นผมชะงักไปนิดหน่อย
“ถึงกับชะงักกันเลยทีเดียว”
“พูดเหี้ยอะไรของมึงคะอิเมฆ สวยไม่เข้าใจเลยค่ะ” เชิดหน้าใส่แล้วเอื้อมมือไปหยิบลิปสติกเท่งใหม่ที่อยู่ในกระเป๋าขึ้นมาแกะออกจากกล่อง พึ่งได้มาเมื่อวานเลยค่ะ พรีออเดอร์ลิปสติกแท่งนี้มาเพราะซีรี่ย์ที่ดูทำลิปออกมาขาย ตกเป็นทาสการตลาดที่แท้จริง
“หึ กับน้องเอมเด็กเสริฟวันนั้นน่ะ อย่าคิดว่ากูไม่รู้”
“รู้เหี้ยไรล่ะคะ มึงก็ไปฟังคำพูดคำจาไอ้จั๊มมัน ไร้สาระทั้งหมด”
วันนั้นตั้งแต่ที่ไอ้เมฆกับไอ้จั๊มเห็นไอ้เอม พวกมันสองคนก็เอาแต่ล้อและก็พูดถึงไม่หยุด ทั้งๆที่เห็นแว๊บเดียวแท้ๆก็ยังล้ออยู่ได้ว่ากูสนใจเด็กนั่น ถ้ามึงรู้ว่ากูเคยเยกันมา มึงไม่เอากระดาษแปะหน้าผากไอ้เอมแล้วตราหน้ามันว่าเป็นเมียกูเลยหรอวะ
“หึ แล้วมันถูกของไอ้จั๊มไหมล่ะ มึงสนใจเด็กนั่น”
“บ้าบอคอหอยพอก พูดไรสวยคร้านจะฟัง” ว่าแบบนั้นแล้วเชิดหน้าหนี ค่อยๆแกะลิปสติกออกจากกล่อง สีสวยมากๆชมพูนู้ดๆเหมาะกับคนสวยหวานๆแบบดานี่ สมแล้วที่กูพรีมาจากจีน พรีมานานนม นานจนกูลืมว่าพรีไป พึ่งจะได้ลิปสติกมาใช้ในวันนี้ ว่าแล้วก็แกะออกมาจะทาเลยละกัน วันนี้ลืมทาปากสวยๆ
“แถนะมึง”
“แถอะไรของมึงกันคะอิเมฆ พูดไปเรื่อย กูน่ะ...”
“คืนนั้นกูเห็นมึงจูบน้องเอม”‘ปึก’
มือไม้อ่อนแรง ได้แต่หันหน้าไปเบิกตากว้างๆมองไอ้คนข้างตัวที่กดยิ้มมุมปากแล้วทำหน้าเหนือกว่ามองหน้ากันอยู่ตอนนี้ กูอยากยกตีนถีบหน้าไอ้สัด
“......”
“ก่อนกูจะพาไอ้จั๊มกลับคืนนั้น กูกะจะเดินออกด้านหลังร้าน กูเลยบังเอิญเห็นมึงจูบน้องมันอยู่ ไม่จูบธรรมดาด้วยนะ แถวบ้านเรียกว่าดีฟคิส มึงจูบดูดดื่มจนน้องมันระทวยคาอกมึง ลิ้นมึงดูดลิ้นน้องมันอยู่กูมองเห็น”
“สัด! หุบปากไอ้เหี้ยเมฆ!”
“ยอมรับไหมล่ะ”
“บ้าบอๆๆ กูๆๆ...”
“หาคำเถียงไม่ถูกล่ะสิครับเพื่อนดาบ ทำตัวแมนๆให้เหมือนเมื่อก่อนหน่อยดิวะเพื่อน”
“แมนก็เหี้ย มึงเห็นลิปสติกในมือกูไหมคะ!”
“ไม่เห็น เพราะมึงตกใจจนทำร่วงลงไปกองอยู่ที่พื้นแล้วครับเพื่อนดาบ”
“ห...หา...อ...กรี๊ดดดดดด ลิปสติกพี่หลานวั่งจีของน้อง น้องจะทาลิปสวยๆไปหาพี่ที่กูซู ลิปกูหักหมดแล้วอิเหี้ยเมฆ!!”
“ฮ่าๆๆ ดัดจริตนัก สมน้ำหน้า .. ว่าแต่กูซูคือเหี้ยอะไรของมึงอีกวะ”
“เพื่อนเหี้ย! ไม่เคยดูซีรี่ย์ปรมาจารย์ลัทธิมารหรอ ควาย โง่นัก ฮื่ออ ลิปของดานี่”
ไม่รู้จะตอบมันต่อว่าอะไรอีกดี ไม่อยากให้มันมาซักมาถามอะไรต่ออีก สุดท้ายเลยใช้วิธีเล่นใหญ่ ทำได้แค่พุ่งตัวลงไปกอดลิปสติกเอาไว้แนบอก แล้วทำตัวเล็กๆสวยๆร้องไห้อยู่ตรงนี้ เล่นใหญ่ๆโวยวายให้ไอ้เมฆมันรำคาญไปแบบนั้น ...
สัดเมฆ หูหมาตาทิพเหลือเกินนะมึง!
...
“นี่ เก้อ มึงจะมาโมโหกูไม่ได้นะ”
เป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ที่ผมต้องเอานิ้วไปเขี่ยๆต้นแขนล่ำๆนั่น ไอ้เก้อที่ไม่หันมามองหน้ากันตั้งแต่ที่ผมไปส่งไอ้เจ๊พี่มันที่รถจนกลับมา มันก็ยังนั่งทำหน้าอึมครึมอยู่แบบนี้ มันที่ก้มหน้าก้มตาเหมือนตั้งจะใจเรียน แต่ที่จริงๆนิ้วก็จิ้มมือถือเล่น เพื่อที่จะได้ไม่ต้องคุยกับใคร
“กูไม่ได้ทำไรผิดเลยนะเว้ย แต่ที่มึงทำอ่ะมันไม่ถูก”
“ไม่ถูกเหี้ยไรวะ มึงพูดดีๆนะไอ้เอม”
อะ เหมือนกับกูไปพูดอะไรผิดแล้วไปสะกิดกดปุ่มสตาร์ทเครื่องของมันเข้าอ่ะ ไอ้เก้อที่เงยหน้าขึ้นมามองหน้าแล้วว่าออกมาเสียงเข้ม มันที่หันมามองหน้ากันเหมือนอยากยกกำปั้นขึ้นมาซัดเข้าหน้าผม แอบๆเหลือบสายตาไปมองกล้ามล่ำๆของมัน คือถ้ามึงต่อยเข้าหน้ากูนะเพื่อน หัวกูปลิวหลุดไปดาวอังคารเลยน้า ใจเย็นก่อนนะเพื่อนเก้อ ... เห็นแบบนั้นกูนี่รีบฉีกยิ้มประจบใส่เลย
“มึงไม่รู้รึไงวะ ไอ้สัดนั่น...”
“พี่เค้าชื่อดานี่ค่ะอิเก้อ” เป็นไอ้หยีที่แย้งออกมาแบบนั้น เห็นไอ้เก้อขมวดคิ้วแน่นๆแบบหงุดหงิดก่อนจะโพล่งออกมา
“ดานี่ก็เหี้ย มันเป็นตุ๊ดปลอมเถอะ!”ไอ้เก้อที่ตะเบงเสียงออกมาแบบนั้น ทำเอาทั้งผมและไอ้หยีสะดุ้ง และแน่นอนว่าไม่ใช่แค่พวกผมสองคนที่สะดุ้ง แต่คนทั้งคลาสก็คือสะดุ้งพร้อมๆกันกูเลยครับ
“
ชนกันต์เธอเสียงดังอะไร”
เสียงเรียกจากทางหน้าห้องที่ทำเอาผมสะดุ้งไม่แพ้เสียงของไอ้เก้อ เราสามคนที่หันไปมองทางด้านหน้าห้องแล้วเห็นอาจารย์ป้านามว่าสมรศรีหรี่สายตามองลอดแว่นมาทางเราแล้วได้แต่เผลอกลืนน้ำลาย ...
สัดเก้อ เสียงดังไอ้ห่า
“ผมขอโทษครับอาจารย์” ไอ้เก้อที่ยังทำหน้าหงุดหงิดอยู่แบบนั้น แต่ก็พูดขอโทษออกไป แม้เสียงมึงจะแข็งเหมือนอยากด่าอาจารย์ป้าว่าเสือกก็เถอะ มันที่ถอนหายใจฟึดฟัดอีกสองสามครั้งก่อนจะลุกออกจากโต๊ะแล้วเดินออกจากห้องไปในตอนนั้น
“
โอบนิธิ ไปดูเพื่อนเธอหน่อย เป็นบ้าอะไรนัก”
“อ...เอ่อ...ครับ”
และสุดท้ายก็มีแค่กู
โอบนิธิ ที่ต้องซวยตามมึงไปอีกคน ไอ้ห่า ... ผมที่หันไปมองหน้าไอ้หยีที่พยักหน้ามาให้ มันที่กระซิบบอกผมว่าเดี่ยวจะจดเลคเชอร์ไว้ให้ ให้ผมไปดูไอ้ห่าเก้อก่อน เผื่อมันเป็นบ้าโดดคูน้ำตาย แบบนี้แหล่ะครับ อากาศร้อนๆก็จะทำให้มันบ้าๆหน่อย
ผมที่ตามหลังมันออกไป แต่ก็ไม่เห็นมันแล้ว ตัวก็ใหญ่แบบนั้นก็น่าจะมองเห็นกันง่ายๆหน่อยไหมวะ ผมเดินตามไปที่ห้องน้ำแล้วก็ไม่เจอ แอบหามันที่ชั้นหนังสือพิมพ์ ใต้พื้นพรหม หรือแม้แต่ถังน้ำดื่มฟรี แต่ก็ไม่เจอมันอยู่ดี แบบนี้คงเหลือที่เดียวแล้วล่ะผมว่า
เดินลงไปจากตัวตึกอาคารและตรงดิ่งไปที่จุดที่เอาไว้สูบบุหรี่ข้างๆตึก ที่ชาวคณะเรียกกันว่า ‘ชมรมสิงรมควัน’ เคยเผลอเดินเข้าไปแถวนั้นทีไรกูนึกว่าเจ้าหน้าที่จ้างคนมาฉีดยุงลาย ควันขโมงมันทุกที แต่ไอ้เก้อก็ชอบสูบครับ เพราะแบบนั้นเลยคิดว่ามันต้องอยู่ที่นี่
ผมที่ตั้งใจไปคุยกับมันให้รู้เรื่อง แต่พอเดินใกล้เข้าไป กลับได้ยินเสียงโวยวายดังมาให้เสือกซะแบบนั้น ... และหนึ่งในเสียงนั้นมันเสียงเพื่อนกูนี่หว่าไอ้ฉิบหาย
“ไอ้เด็กเหี้ย กวนตีนกูนักนะ!”
“มึงก็มาดิไอ้เหี้ย แก่กว่าปีเดียวคิดว่ากูกลัวหรอวะ”
‘ผลัว พลัก ตุบ!’
“เห้ยๆๆ! ไอ้เหี้ยเก้อมึงทำเหี้ยอะไรวะ!!” ผมที่ตะโกนออกไปแบบนั้น ภาพตรงหน้าที่เห็นคือไอ้เก้อที่คล่อมทับใครอีกคน เป็นการคล่อมทับที่ไม่ได้วาบหวิวแต่เรียกได้ว่าน่ากลัว กูกลัวไอ้คนข้างใต้ตายคาหมัดมันนี่แหล่ะ
“มึงอย่ามายุ่งไอ้เอม ไอ้เด็กนี่แม่งปากดี”
‘ผลั้ว’
มันที่พูดจบก็ซัดไอ้คนใต้ตัวมันไปอีกหมัด
‘ถุย’
“ก็มึงกวนตีนกูก่อนไหมล่ะ กูมาก่อนแล้วมึงจะมาไล่กูทำห่าไรล่ะ”
ไอ้คนที่ผมยังไม่เห็นหน้าเพราะไอ้เก้อคล่อมไว้ก็ตะโกนใส่มันแบบนั้น แถมยังถุยน้ำลายน้ำเลือดใส่หน้ามันไปอีก เชี่ยเอ๊ย ทำไงดีวะเจ้าคุณพระ
“มึงกล้ามากนะ!”
‘ผลั้ว’
“ไอ้เก้อ ไอ้เหี้ย พอๆ” ผมที่ว่าแบบนั้นอีกรอบและครั้งนี้ไอ้เอมก็คือวีรบุรุษสุดหล่อที่กล้าหาญ พุ่งตรงไปหาเพื่อนแล้วดึงรั้งร่างหมีควายของมันเต็มแรง ตั้งใจเต็มที่ว่าต้องดึงมันขึ้นมาจากพื้นให้จงได้
“อย่ามาเสือกไอ้เอม!”
‘พรึบ’
“โอ๊ย!”
และใช่ครับ วีรบุรุษสุดกล้าหาญแบบกูก็ถูกไอ้สัดเก้อเหวี่ยงออกมาจากวงล้อม ปลิวถลาออกมานั่งหงายหลังอยู่ที่พื้นไกลออกมาจากพวกมัน นี่มึงผลักหรือถีบกูไอ้สัดเก้อ! อูย ข้อศอกแตกถลอกเลยจ๊ะ ฮื่ออ ไอ้เอมเลือดออก ไอ้เอมแสบแผล
แสบแผลๆๆ ไม่ใช่แสบไข่แต่ไอ้เอมแสบแผลเลยครับคราวนี้
“เห้ย ไอ้เอม!”
ใช่ กูคือไอ้เอม วีรบุรุษสุดแสนจะน่ารักกุ๊กกิ๊กที่มึงยันปลิวออกมาไงไอ้เหี้ยเก้อ นั่นคือชื่อของกูเอง มึงไม่ต้องนั่งงงตาเหลือก ไว! รีบมาช่วยกูไอ้เหี้ย
“สัด เพราะมึงคนเดียวเลยไอ้เด็กเหี้ย” ไอ้เก้อไม่วายหันไปด่าไอ้คนใต้ร่างมันแบบนั้น พร้อมๆกับรีบยันตัวลุกขึ้นมาแล้ววิ่งเข้ามาหาผม มันที่ประคองผมขึ้นจากพื้น
“เชี่ย เลือดออกเลยหรอวะ” ไอ้เก้อที่บ่นพึมพำแบบนั้น มันที่มองตามเนื้อตามตัวของผม ก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองที่ขา และเห็นว่าขากูก็ถลอกเหมือนกัน เห็นมันขมวดคิ้วและบ่นขมุบขมิบปากไม่หยุด แต่ไม่รู้ว่ามันบ่นเหี้ยอะไร ฟังไม่รู้เรื่อง
“ไอ้เก้อกูไม่เป็นไรมากหรอกมึง” บอกมันไปแบบนั้นแม้ว่าจะซี๊ดปากก็ตาม แต่แผลของผมแค่นี้มันคงเทียบไม่ได้กับไอ้คนที่ถูกมันชกแล้วนอนหงายตายอยู่ตรงนั้นหรอก
“มึงไปดูเค้าก่อนเถอะ”
“ดูทำเหี้ยไร กูไม่กระทืบแม่งตายก็ดีแค่ไหนแล้ว”
“มึงพูดบ้าไรเนี่ย ถ้าเค้าตายมึงก็ติดคุกสิวะ ไปดูเร็ว นี่ในรั้วมหาลัยนะไอ้สัด” ว่าออกไปแบบนั้นแล้วผลักตัวมันหนี มันที่มองผมแบบหัวเสีย ก่อนจะสะบัดสะบิ้งเดินไปแบบไม่เต็มใจนัก ผมเองก็เดินตามมันเข้าไปด้วย คนที่โดนไอ้เก้อชกตอนนี้นั่งทำตาปรือๆอยู่ที่พื้น คิดว่าคงเมาหมัดไอ้เก้อ
“สัด ก็ไม่ตายนิ” ดูปากมัน
“เป็นอะไรมากไหมครับ”
เป็นผมที่ทรุดตัวลงไปนั่งตรงหน้าเค้า เป็นคนที่ดูแล้วสูงพอๆกับไอ้เก้อเลย อาจจะสูงกว่ามันด้วยสักเซนสองสองเซน แต่ว่าเค้าผอมและบางกว่าไอ้เก้อมาก ริมฝีปากบางๆและจมูกรั้นๆแบบไม่ยอมคน ดูก็รู้ว่าเป็นคนที่ไม่ยอมใคร ไม่งั้นก็คงไม่ซัดกับไอ้เก้อซะจนเพื่อนผมปากแตกได้หรอก
“นี่ครับ ผ้าเช็ดหน้า” เป็นผมที่ยื่นผ้าเช็ดหน้าของตัวเองไปให้ สงสารครับไอ้ห่า หน้าปูดเลย
“มึงเอาไปให้มันทำไมไอ้สัดเอม”
“ชู่ว เงียบปากนะไอ้สัดเก้อ” ต้องหันไปด่าแม่งอีกสักที
“ขอบคุณครับพี่” คนตรงหน้าผมที่ว่าออกมาแบบนั้นแล้วเอื้อมมือมารับผ้าเช็ดหน้าผมไปเช็ดมุมปากตัวเอง
“เราอยู่ปี1หรอ”
“อืม” มันที่ตอบออกมาแบบนั้นแล้วพยายามลุกขึ้นยืน เห็นแบบนั้นเลยรีบเข้าไปประคอง แต่ไอ้เก้อก็ทำแค่มองมาแบบเปรี้ยวตีน
“เดี๋ยวพี่พาไปส่งห้องพยาบาลคณะ”
“ไม่เป็นไรพี่ แค่นี้ผมไหว หมัดเบาๆแบบมันอ่ะ สบาย”
“ปากดีนักไอ้สัด แดกหมัดกูอีกสักทีไหมล่ะ” ไอ้เก้อที่ว่าออกมาแบบนั้นแล้วทำท่าจะตรงเข้ามาจริงๆ ลำบากกูต้องยกตีนขึ้นมากันไว้ ส่วนไอ้เด็กนี่ก็ปากดีจริง กูสุดแสนจะเหนื่อยกับพวกมันสองตัว
“พอๆ เลิกทะเลาะกันทั้งคู่เลย เดี๋ยวอาจารย์มาเห็นพวกมึงจะซวยทั้งคู่”
“กลัวที่ไหนล่ะ”
“มึงก็มาดิ”
“พอไอ้สัด ไม่งั้นกูจะต่อยพวกมึงทั้งคู่นี่ล่ะ!” ผมที่เท้าสะเอวแล้วด่าแม่งแบบนั้น ไอ้เก้อที่เอาแต่มองเขม่นน้องมันแบบพร้อมจะพุ่งเข้าต่อย ส่วนไอ้เด็กข้างๆตัวนี่ก็อ้อนตีนไม่หยุด นี่กูเข้ามาอยู่ในดงอะไรวะ
“งั้นผมไปแล้วพี่ ขอบคุณมากนะพี่ที่มากันผมออกจากหมาบ้า”
“มึงสิหมา”
“เออๆ ไม่เป็นไร พี่ขอโทษแทนเพื่อนพี่ด้วยละกัน ว่าแต่เราไม่ไปทำแผลแน่นะ”
“ไปขอโทษมันทำเหี้ยไรวะไอ้เอม มันสิที่ควรจะขอโทษกู”
“หุบปากน่าไอ้สัดเก้อ”
“เหอะ” แค่นเสียงกวนส้นตีนออกมาแบบนั้นแล้วหันหน้าหนี ผมที่ต้องส่ายหัวกับความกวนส้นตีนของมันอีกครั้งแล้วหันมาหาเด็กตรงหน้าอีกที
“ไม่เป็นไรพี่ ผมไม่เป็นไร แค่นี้ไกลหัวใจ” น้องมันบอกแบบนั้นพร้อมๆกับยกมือขึ้นเสยผมที่ยาวปรกหน้าของมันออก
“เออ งั้นก็ดี ว่าแต่มึงชื่อไรวะ”
“ผมชื่อ
เสือ เรียนคณะนี้นี่แหล่ะ”
“ปั๊ดโถ่เอ๊ย รุ่นน้องกันหรอวะ น้องเสือกูชื่อเอมนะ ส่วนไอ้นี่ชื่อเก้อ”
“อ๋อ ถึงว่า แม่งเก้อสมชื่อจริงๆ”
“นี่มึงไม่จบใช่ไหม” ไอ้เก้อที่หันกลับมาอีกครั้ง กูสุดจะทนกับคนแบบพวกมึง
“ผมไปล่ะพี่เอม อยู่ตรงนี้นานๆแล้วเหม็น”
“เออๆ ไปเหอะมึง ไปดีนะๆ” ตะโกนบอกไอ้เด็กที่ก็โบกมือตอบกลับมาให้ มันที่เดินออกไปจากซอกนี้แล้วกรอกตาใส่ไอ้เก้อไปอีกที รู้สึกเหมือนเห็นคนสองคนที่นิสัยคล้ายกันมาทะเลาะกัน แม่งเป็นอะไรที่เหนื่อยมาก อยากจะถามอาจารย์ป้าว่าทำไมต้องเรียกโอบนิธิลงมา ทำไมไม่เรียกรสรินแบบไอ้หยีให้มันมาห้ามทัพแทนวะ
“เหอะ ไอ้เด็กเหี้ย เสือห่าไร ลูกเสือสำรองน่ะสิ” ไอ้เก้อที่ว่าออกมาแบบนั้นตามหลังของไอ้น้องเสือมันไป ผมที่ถอนหายใจหนักๆและอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปตบหัวมันทีนึง
“โอ้ย ไอ้เอม กูเจ็บนะเว้ย”
“ก็ตบให้มึงเจ็บนี่แหล่ะ เป็นห่าไรของมึงวะ มึงเป็นบ้าอะไรถึงไปต่อยกับเด็กมัน”
“เรื่องกู”
“ไอ้สัด” ไม่รู้จะพูดอะไรจริงๆกับมัน ไอ้เก้อมันเป็นคนดีนะครับ แต่บางครั้งก็มีความประสาทแดกแบบลูกคนรวยอยู่บ้าง ซึ่งกูไม่สามารถเข้าถึงอารมณ์ขึ้นๆลงๆของมันแบบนี้ได้เลย ผมที่ไม่อยากจะสนใจมันแล้ว เลยแค่เดินนำมันออกมาจากที่ตรงนี้
“เอมเดี๋ยว” แต่ติดตรงที่ฝ่ามือแกร่งของไอ้เก้อที่ดึงมือผมเอาไว้ซะก่อน
“ว่าไง”
“กูพูดจริงๆนะ กูไม่อยากให้มึงทำงานกับไอ้เหี้ยนั่นอีก” มันที่บอกออกมาแบบนั้นด้วยเสียงที่จริงจัง ดีที่ว่าตอนนี้เป็นเวลาเข้าเรียน ที่ตรงนี้เลยปลอดคนและปลอดควัน ผมถอนหายใจออกมานิดหน่อยตอนที่มองหน้ามัน
“กูทำแบบนั้นไม่ได้อ่ะเก้อ”
“ทำไมวะเอม มึงไม่รู้หรอวะ มันหลอกมึง มันเป็นตุ๊ดปลอมนะไอ้สัด” มันที่ว่าออกมาแบบฉุนจัดพร้อมๆกับยกมือข้างนึงขึ้นเสยผมแบบคนหงุดหงิดแต่ถึงแบบนั้นมืออีกข้างก็ยังไม่ยอมปล่อยมือจากแขนผม ผมที่มองมันนิ่งๆก่อนจะค่อยๆยิ้มออกมาน้อยๆพร้อมๆกับพยักหน้า
“กูรู้”
“มึงหมายความว่ายังไง มึงรู้”
“ก็ไม่ได้รู้อะไรมากหรอก แต่มึงบอกว่ามันเป็นตุ๊ดปลอม กูก็เชื่อนะ” เพราะอย่างน้อยครั้งนึงกูก็เคยรู้ว่ามันไม่ใช่ตุ๊ดจริงๆ
“มึงเชื่อแล้วมึงยังไปทำงานกับมันอีก คืออะไรวะ” มันที่ขึ้นเสียงใส่ผมอีกครั้งพร้อมทำหน้าหงุดหงิด รับรู้ได้ถึงแรงกำจากฝ่ามือของมันที่ทำให้ผมเริ่มรู้สึกเจ็บ แต่ถึงแบบนั้นก็ไม่ได้พูดออกไป ไม่พูดด้วยว่าให้มันปล่อยมือกันไป ผมที่ทำแค่ยืนยิ้มโง่ๆแบบเดิมส่งไปให้มัน
“กูไม่รู้หรอกว่ามันจะตุ๊ดปลอมตุ๊ดจริงหรืออะไร แต่ที่กูรู้ก็คือ พี่มันดีกับกู”
“ก็มันจะหลอกมึงไงวะ!”
“เก้อ กูไม่มีอะไรให้มันหลอกได้หรอก”
“มึงม!...”
“มึงฟังกู ต่อให้พี่มันอยากจะหลอก แต่กูก็ไม่มีอะไรจะให้มันอยู่ดี มึงก็รู้กูจนจะตายอ่ะ”
“ไอ้เอม มึงแม่งไม่เข้าใจอะไรเลยว่ะ”
มันที่ว่าออกมาแบบนั้นด้วยเสียงแบบอ่อนแรงปนหงุดหงิด มันเหมือนคนที่มีเรื่องอยากพูดมากๆ แต่สุดท้ายก็ทำได้แค่อ้าปากพงาบๆและไม่ยอมพูดอะไรออกมา ผมอยากจะเข้าใจว่ามันอยากจะสื่อสารอะไร แต่น่าเสียดาย กูไม่ใช่พระพุทธเจ้า กูตรัสรู้ไม่ได้ ... เอาแต่พูดว่ากูไม่เข้าใจ อืม...กูก็ไม่เข้าใจจริงๆนั่นล่ะ
“กูอาจจะไม่เข้าใจแบบที่มึงบอกจริงๆแหล่ะ แต่ถ้ามึงบอกมันจะหลอกกู กูก็ไม่เห็นประโยชน์อะไรที่มันจะหลอกกูได้เลย อีกอย่างกูแค่คิดว่ากูต้องทำงานเพื่อความอยู่รอดของกู ถ้ามึงไม่อยากให้กูทำงานกลางคืน กูก็จะบอกให้ฟังนะ ว่าต่อจากนี้กูไม่ต้องไปทำแล้ว กูจะมาทำงานบ้านให้พี่มันแทน ไม่เสียการเรียนให้ต้องนอนดึก ไม่โดนใครต่อใครจับตูดแล้ว มึงไม่ต้องห่วงนะเพื่อน”
บอกมันออกไปแบบนั้นแล้วยิ้มกว้างๆให้ พร้อมๆกับดึงแขนออกมาจากมือมัน เหลือบมองหน่อยๆเห็นว่าแขนกูขึ้นรอยนิ้วมันเลย แต่ถึงแบบนั้นก็เลือกจะเมินแล้วเดินไปตบไหล่มัน
“จริงๆนะเก้อ มึงไม่ต้องห่วงกูหรอก กูดูแลตัวเองได้น่า”
“ยิ่งมึงเปลี่ยนมาทำงานบ้านมันแทนยิ่งน่าห่วง”
“มึงนี่กระวนกระวายใจเหมือนคนแก่ขึ้นไปทุกทีๆเลยนะเพื่อน กูดูแลตัวเองได้ มึงคิดว่าอิเจ๊จะทำไรกูได้วะ อยากมากก็หักเงินกูอ่ะ”
“สัดเอ๊ย กูหงุดหงิดว่ะจริงๆแล้วนะไอ้เอม”
“กูเข้าใจๆ มึงน่าจะใกล้เป็นเมนล่ะเนาะ”
“เมนพ่อง”
“ฮ่าๆ เอาน่าเพื่อนเก้อ ยิ้มให้กันหน่อยสินะ นะเพื่อนน้า” บอกมันแบบนั้นพร้อมๆกับยื่นมือไปยืดแก้มมันสองข้างให้ยืดออกจากกัน มองตาดุๆของมันที่จ้องมองกันไม่หยุด สายตาที่มองมาทำให้ผมเริ่มประหม่าแปลกๆ แต่ถึงแบบนั้นก็ทำเป็นไม่สนใจแทน
“ไอ้เอม”
“ว่าไงครับเพื่อนเก้อ”
“มึงย้ายมาอยู่กับกู ถ้ามึงจะไปทำงานบ้านให้ไอ้ตุ๊ดปลอมนั่น มึงก็ต้องย้ายมาอยู่กับกู”“ห๊ะ! มึง...”
“พอ กูอยากแดกไอติม ไปหาไอติมกินกันดีกว่า”
มันที่ไม่รอให้ผมเถียงอะไรอีก ทำแค่กระชากแขนผมให้เดินตามมันออกไปจากซอกที่เอาไว้สูบบุหรี่นี่สักที ... ไอ้แม่ย้อย มึงไม่ได้ฟังที่กูพูดมาเลยหรอวะเพื่อนเก้อ!
...
(มีต่อจ้า)