“จูบเหี้ยอะไร กูไม่ได้จูบมึง” ผมที่หลุดออกมาจากภวังค์ความคิดที่นึกไปถึงเรื่องเมื่อคืนพูดออกมาแบบนั้น
“ไม่ได้จูบเหี้ยอะไร มึงจูบกู ปากกูเสียเฟริสคิสให้มึงแล้วนะ มึงจะจ้อจี้ไม่ได้”
“เฟริสคิสเหี้ยไร มึงจูบกับใครต่อใครจนนับไม่ได้แล้วเถอะ มึงอย่ามาดัดจริต”
“ก็แล้วทำไมพี่เก้อถึงไม่อ่อนโยนกับน้องเสือเลยอ่ะ ไหนบอกเป็นพี่น้องกันแล้วไง จูบก็ยอมรับว่าจูบดิสัด”
“แบบนั้นมันไม่ได้เรียกจูบไอ้สัด กูแค่อยากกัดปากให้ปากมึงแตกจะได้เลิกปากหมาออกมาก็แค่นั้นเถอะ”
“ไม่อ่อนโยนกับน้อง”
“สัดเก้อ ตัวใหญ่แบบมึงมาน้องเหี้ยอะไร ขนลุก”
“เป็นผู้ชายปากร้ายๆ ไม่อ่อนโยน”
“จริงๆ มึงนี่แม่งกวนตีนเหมือนกันนะ วอนโดนไม้โดนมือจากกูนะมึง”
“ก็แล้วไง อย่างน้อยมึงกได้ระบายอารมณ์ออกมาป่ะละ เป็นไง รู้สึกดีขึ้นแล้วใช่ไหมล่ะ” มันที่ว่าออกมาแบบนั้นแล้วยกยิ้มมุมปาก ผมที่หันหน้าหนีมันไป ก็ไม่อยากยอมรับว่าพอเถียงกับมันแล้วกูก็ลืมเรื่องเศร้าก่อนหน้านี้ไปจริงๆ
‘ฟุบ’
ไอ้เสือที่โดดลงมาจากเก้าอี้แล้วเดินเข้ามาหากัน ก่อนมันจะใช้วงแขนของมันวางลงที่บ่าของผมพร้อมตบปุๆ ไปด้วยเหมือนปลอบเด็ก
“กวนตีนนะมึง”
“เอ้า นี่ปลอบอยู่นะเว้ย มึงนี่เรื่องมาก” ท้ายประโยคของมันที่พูดออกมาเบาๆ
“กูได้ยินไอ้สัดเสือ”
“เออน่าๆ อะ เอาไหม เผื่อสมองจะโล่งแล้วจะได้เลิกบ้า” มันที่ว่าออกมาแบบนั้น หน้าตาที่มองมาที่ผมทำหน้าทำตาเหมือนเอือมระอากูซะเหลือเกิน ก่อนที่ฝ่ามือของมันจะยื่นซองบุหรี่ออกมาให้กัน
“นี่มึงพกมาเป็นซอง?”
“อืม ก็กูเสี้ยนต้องสูบบ่อยๆ ก็พกแม่งเยอะๆ ไปเลย”
“มึงติดเหี้ยอะไรนัก ลดบ้างไอ้สัด เดี๋ยวมึงจะตายก่อนเรียนจบ”
“ปากมึงนะอิสัดพี่เก้อ”
“ถ้ามึงจะเรียกกูอิสัดก็ไม่ต้องเรียกพี่เก้อหรอกไอ้เสือ”
“เอ้าได้หรอเหี้ยเก้อ”
‘พรึบ’
“โอ๊ย ถีบกันทำไมวะ”
“กวนตีนนักนะมึง”
“เออๆ น่า อะๆ เอาไปสูบไป ดับหัวร้อนนะ” มันที่ทำหน้าเพลียใส่เหมือนไม่อยากจะเถียงด้วยแล้ว ก่อนจะโยนซองบุหรี่นั่นมาให้ แปะลงกลางอกกูเลย ดีที่แม่งไม่ปาใส่หน้ากู ... ผมที่ส่ายหัวหน่อยๆ กับพฤติกรรมสุดเอือมระอาของมัน หยิบซองบุหรี่ที่มันโยนมาให้ขึ้นมาดู ก่อนจะถอนหายใจหน่ายๆ ออกมาอีกรอบ
“ไอ้เสือ นี่มึงสูบยี่ห้อนี้หรอวะ”
“กูก็ดูดได้หมดอ่ะ แต่ตอนนี้ต้องเซฟเงินหน่อย”
“รากหญ้าสัด ดูดที่บาดคอฉิบหาย คุณภาพชีวิตมึงต่ำสัด”
“บ่นเชี่ยอะไรอ่ะพี่เก้อมึง ยี่ห้อไหนแม่งก็ไม่ป้องกันมะเร็งทั้งนั้นอ่ะ ทำไม ปกติมึงดูดไร”
“มาร์ล แบล็ค”
“เหยดดดแพงสัด นี่มึงเหยียดใช่มะ มึงดูถูกเพลย์ออฟกูใช่เปล่าวะ” มันที่ขมวดคิ้วแล้วว่าออกมาแบบนั้น หน้าตาเอาเรื่องของมันที่มองทีไรก็ไม่เคยกลัว มีอยากเดียวกูอยากเอาตีนดีดให้แม่งปลิว เกลียดฉิบหายนิสัยไม่รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่ของมัน
“ทำตัวให้มันดีๆ หน่อยไอ้เหี้ยเสือ กูเป็นรุ่นพี่มึง ไอ้ท่าทางแบบนี้...”
“รู้แล้วๆ น่า ก็บอกแล้วไงว่าจะพยายามไงวะ” มันที่เถียงออกมาอีกแบบนั้น แต่ก็ดูดเหมือนจะไม่ค่อยได้เข้าหูแม่งเท่าไหร่หรอก ถอนหายใจออกมาแบบนั้นก่อนจะโยนซองบุหรี่คืนมันไป
“แล้วพี่มึงไม่สูบแล้ว”
“ไม่สูบ บาดคอกู”
“สุดแสนจะดัดจริตอ่ะครับ”
“กูได้ยินนะไอ้สัดเสือ” ปรายตามองมันนิดหน่อย ไอ้เด็กนี่ก็ทำแค่ยักไหล่ใส่กันแบบกวนตีน มันที่ดูท่าทางไม่สนใจอะไรเท่าไหร่ ทำแค่เดินกลับไปตรงที่ที่มันนอนเมื่อก่อนหน้านี้ ผมเลือกจะไม่สนใจอะไรมันต่อ ก็แค่เดินไปที่ลูกกรง มองออกไปข้างนอก ลมเอื่อยๆ ที่แม้จะเป็นช่วงเวลาที่ร้อนจัดของตอนเที่ยงแต่ก็ยังพอมีลมบ้าง ก็แค่นึกถึงเรื่องที่ทะเลาะกับไอ้หยีมันมาก่อนหน้านี้ คิดถึงเรื่องของไอ้เอม ... ผมที่ไม่อยากยอมแพ้ ไม่อยากตัดใจทั้งแบบนี้
“สัดพี่เก้อ แดกกันไหม ยืนเหม่อทำมิวสิคเหี้ยอะไรอ่ะ มึงไม่ได้หล่อขนาดนั้นไง อย่ามั่นใจได้หรือเปล่า” เสียงกวนตีนที่ดังมาทำเอากูหลุดออกจากภวังค์ตัวเอง อยากจะประเคนตีนอุดปากแม่ง พอหันกลับไปก็เห็นไอ้เสือกำลังเปิดกล่องพิซซ่ากับเคเอฟซีขึ้นมากิน ข้างๆ มันมีเป๊ปซี่ขวดลิตรวางอยู่ในกระติกน้ำแข็งด้วย
“นี่มึงมาเรียนหรือมาปิคนิค”
“วันนี้ไม่เข้าเรียน”
“ห๊ะ ทำไม” ถามมันออกไปแบบนั้น ไอ้เสือที่ก็แค่ยักไหล่แล้วหยิบพิซซ่าหน้าซีฟู้ดออกมากัดเข้าปากแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาว เห็นแบบนั้นแล้วอดจะขมวดคิ้วไม่ได้
“ก็แค่ไม่อยากเรียน เบื่อ”
“เบื่อเหี้ยอะไร มึงตลกป่ะเนี่ยไอ้สัด” สาวเท้าเข้าไปหามันที่ยังนั่งหยิบนู่นหยิบนี่มาแดกแบบไม่สนใจอะไรอยู่แบบนั้น
“ไม่ตลก ก็แค่ไม่อยากเข้า ก็ไม่เข้า” มันที่ว่าแบบนั้นออกมาอีกแล้วกัดพิซซ่าเข้าปากไปอีกคำ มันที่เสหน้าหนีผมไปมองลมมองฟ้า ทำหน้าเหมือนไม่อยากจะพูดเรื่องนี้อีก แต่เป็นผมเองที่ปล่อยเรื่องนี้ไปไม่ได้
“มึงต้องไปเข้าเรียน”
“ไม่ไป”
“ไอ้สัดเสือ”
“พี่อย่ามาทำเสียงเข้มใส่นะโว้ย ก็บอกว่าไม่ไปก็คือไม่ไป ไม่เข้าใจหรอวะ”
‘ผลัว’
“โอ๊ย ตบหัวมาได้” เป็นไอ้เสือที่ร้องออกมาแบบนั้นตอนที่หน้ามันทิ่มลงจุ่มอยู่กับพิซซ่า ด้วยแรงตบจากมือผมเอง ตบให้แม่งสมองลั่น .... มันชักจะใช้ชีวิตเลอะเทอะมากไปแล้ว
“บอกเหตุผลดีๆ มา มึงลืมทำการบ้านหรืออะไร” ขมวดคิ้วถามมันไปแบบนั้น ไอ้เสือก็ขมวดคิ้วมองตอบกลับมาอีกที
“เปล่า ... สัดพี่เก้อมึงนั่งแดกนี่แล้วก็เลิกพูดเรื่องนี้ได้ไหมวะ ผมไม่อยากเข้าเรียนก็เรื่องของผม”
“ถ้าเรื่องนี้ถึงพี่ปี3 เวลามึงเข้าเชียร์มึงจะโดนซ่อมไอ้สัด”
“ซ่อมเหี้ยไรกันนัก มาเป็นนักศึกษานะเว้ย อีกอย่างพี่พวกนั้นผมก็ไม่กลัวอ่ะ ก็แค่รุ่นพี่ แม่งไม่ใช่ญาติพี่น้องสักหน่อย พอได้อำนาจแม่งก็เป็นบ้า เหมือนเวลาคนใหญ่คนโตในบ้านเราได้อำนาจก็กดขี่ไม่สิ้นสุด แม่งเป็นทุกระบบทุกที่เลยไง โคตรจะบ้า”
“ไอ้สัดเก้อ มึงหุบปาก มึงแม่งเด็กฉิบหาย ไม่เข้าใจเหี้ยอะไรสักอย่าง แล้วเรื่องการเข้าเชียร์ เด็กร้อยพ่อพันแม่แบบนั้น กว่าจะรวมใจให้ใครต่อใครอยู่ในกฎได้ทั้งหมด มันก็ต้องใช้ทั้งจิตวิทยาและคำพูดความคิดทุกอย่าง มึงคิดว่าเค้าขึ้นไปยืนวาร์คแหกปากให้มึงกลัวแบบไม่มีความเป็นมาหรอสัด สิ่งแรกที่พี่ปี3เค้าสอน ก็คือมารยาทสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ที่ควรจะมี ในสายตามึง มึงอาจจะคิดว่ากู หรือพี่ปีอื่นๆ แก่กว่ามึงไม่กี่ปีมีสิทธิอะไรมาสอนมึง แต่สิ่งหนึ่งที่มึงต้องรู้นะ ก็คือเค้ารู้จักกาลเทศะ นั่นและที่เค้ามีสิทธิสอนเด็กที่ไม่รู้เรื่องมารยาทแบบมึง!”
“ไอ้พี่เก้อ! ...” มันที่ตะคอกผมออกมาแบบนั้น เหมือนจะเป็นผมเองที่พูดจี้ใจดำมันเข้าแต่ผมไม่สนใจ สายตาของมันที่วาววับขึ้นแบบคนที่เริ่มจะไม่พอใจ สายตาที่ผมเห็นมาแล้วนับไม่ถ้วนจากคนแบบไอ้เสือ ไม่ว่าจะครั้งแรกที่บังเอิญเจอกันในซอกที่เอาไว้สูบบุหรี่ หรือที่ผับ หรืออีกกี่ที่ๆ มันก็ยังทำหน้าตาแบบนี้ สายตาที่ไม่ยอมใคร ... และที่ผมเองไม่เคยเปลี่ยนไปเลยก็คือ ... กูไม่เคยกลัวเด็กอมมือแบบมึง
“ทำไมมึงไม่เข้าเรียน” ถามย้ำอีกครั้งพร้อมๆ กับกดเสียงต่ำ ไอ้เสือที่กำมือแน่น มั่นใจมากว่าถ้าเป็นเมื่อก่อนมันคงยกหมัดอัดหน้าผมไปแล้ว
“ตอบ!”
“ก็กูไม่ชอบพวกแม่งอ่ะ! ไม่ชอบไอ้เพื่อนเหี้ยพวกนั้น กูไม่อยากไปเรียนแล้วมึงจะทำไมนักวะ!!” ไอ้เสือที่ตะโกนออกมาแบบนั้น มันที่เขวี้ยงพิซซ่าในมือทิ้งแล้วโยนไปไกลๆ แบบระบายอารมณ์ หน้าของมันที่ขึ้นสีแดงจัดในตอนนี้ เหมือนทั้งหงุดหงิดและทั้งอาย และเป็นผมเองที่ได้แต่เลิกคิ้วแปลกใจ ... เพื่อนเหี้ยหรอวะ ...
“มึงไม่ถูกกับคนในเซค?” ถามออกไปแบบนั้น พร้อมๆ กับปรับเสียงไม่ได้ข่มขู่มันมากจนเกินไป ไอ้เสือที่ยังไม่ยอมหันมามองหน้ากัน มองเห็นแต่แผ่นหลังของมันที่ไม่ได้หนาเท่าไหร่ มันที่นั่งหายใจฟึดฟัดเหมือนกระทิงเห็นผ้าแดง มองเห็นแบบนี้แล้วก็อยากจะขำ ท่าทางคงหงุดหงิดฉิบหายแต่ก็ไม่ต่อยหน้าผม
“ไอ้เสือ”
“.......”
“น้องเสือ”
“น้องเสือเหี้ยไรเล่า!” หันหน้ามาตะคอกใส่พร้อมๆ กับขมวดคิ้วมองกันเหมือนอยากยกตีนขึ้นมาลูบหน้าผม เห็นแบบนั้นแล้วอดจะหัวเราะลั่นออกมาไม่ได้
“ฮ่าๆๆๆ ไอ้สัดเอ้ย”
“ขำเหี้ยไรวะ กวนตีน”
“ตลกมึงวะ...เด็กฉิบหาย”
“เลิกพูดแบบนี้นะเว้ยไอ้พี่เก้อ” ฟึดฟัดฮึดฮัด มันทำท่าจะตรงมาหยิบพิซซ่าอีกชิ้นไปปา แต่ผมคว้ามือมันได้ก่อน
“ที่บ้านมึงไม่สอนหรอว่าอย่าเล่นอาหาร”
“เสือกไรด้วยล่ะ เงินกู”
“ปากดีไอ้สัด นี่! แดกเข้าไปจะได้รู้ว่าอย่าเอาของกินมาเล่นอีก แดกเข้าไปมึง”
“อึก อื้ออๆๆ อื้ออัดอี้เอ้ออ อื้ออ” ผมที่จับพิซซ่ายัดเข้าปากมันไปทั้งชิ้น แค่ได้ยินเสียงอ็อู้ของมันยังรู้เลยว่าต้องด่ากูว่าไอ้สัดพี่เก้อ ผมที่คว้าคอมันไว้จากด้านหลังแล้วจับมันล็อคคอแล้วยัดพิซซ่าเข้าปากไปทั้งแบบนั้น มันที่พยายามจะตะเกียกตะกายหนี แต่มึงฝันไปเถอะไอ้สัด ไม่หมดชิ้นกูไม่ปล่อยมึงไปหายใจหรอก
“อื้ออออ”
“นี่ไอ้เสือ” เรียกมันที่ดิ้นตะกุยตะกายพยายามจะออกไปจากวงแขนของผม ปากมันก็จุกเต็มไปด้วยพิซซ่าหน้าชีสนั่น ไม่ได้น่าสงสาร น่าสมน้ำหน้าฉิบหาย
“วันนี้เดี๋ยวกูไปเรียนกับมึงเอง”“อื้อ!?” มันที่เงยหน้าขึ้นมามองหน้าผม สภาพอุบาทย์ทุเรศทุรังจนกูอยากจะผลักหัวมันหนี แต่สายตาของมันที่มองตรงมาที่ผมแบบไม่เข้าใจ แต่ก็เหมือนมันอยากขอบคุณไปด้วย เห็นแบบนั้นเลยยกมือขึ้นไปผลักหัวมันเบาๆ ทีนึง
“กูจะเรียนเป็นเพื่อนเอง”
...
"เอมมากินข้าว"
"เจ๊ มึงก็เรียกกูเป็นหมาเลยนะ" ว่าแบบนั้นก่อนจะเดินเข้าไปหา เมื่อกี้พึ่งดูฝุ่นกับถูห้องนอนกับห้องทำงานของเจ๊พี่มันเสร็จ เดินออกมาแล้วมองดูนาฬิกาที่ตอนนี้บอกเวลาทุ่มครึ่ง
"มึงก็พูดไป กูจะเห็นคนที่กูชอบเป็นหมาได้ไงล่ะคะหนู"
"เออ...มันก็ไม่ควรอยู่แล้วนะเจ๊นะ"
"แน่นอนค่ะหนู ก็ไม่เคยมองมึงเป็นหมาอยู่แล้วค่ะ" ยิ้มหวานๆ ส่งให้กันก่อนจะเลื่อนจานสปาเก็ตตี้ซอสเนื้อมาวางลงตรงหน้าผม ควันร้อนๆ ที่ลอยขึ้นมาในอากาศ บอกให้รู้ว่าพี่มันพึ่งทำเสร็จออกจากเตา ได้แต่สูดกลิ่นมะเขือเทศกับเครื่องเทศแบบกลิ่นออริกาโน่เข้าปอด หอมจนรู้สึกน้ำลายจะไหล เงยหน้าพร้อมสูดหายใจลึกๆ ขึ้นมาจากจานแล้วมองหน้าคนตรงหน้าที่ยิ้มอบอุ่นให้กันอยู่ในตอนนี้
"กูไม่เคยเห็นมึงเป็นหมาเลยค่ะ กูเห็นมึงเป็นควายน้อยของกูมาตลอดเลยน้า"
น้าพ่อน้าแม่มึง กวนตีนสาดดด มาฟาดกับกูสักฝุ่นไหม!
“ทำหน้าเหมือนอยากจะท้ากูต่อย ก็ได้อยู่นะคะ แต่ตัวๆ เสื้อผ้าไม่เกี่ยวโอเคไหมเอ่ย”
“โอ้ย เอือมกับเจ๊ว่ะ”
“มาทำเป็นองเป็นเอือมกู แน่จริงมึงอย่ายิ้มสิวะ ชอบอยู่ดูออก นั่งลงแล้วแดกให้เรียบร้อย”
“ครับๆๆๆ รู้แล้วครับพ่อ”
“พ่อมึงสิคะอิหนูเอม!” เดี๋ยว โกรธอะไรกูก่อนถึงต้องตะคอกกันออกมาเสียงดัง ผมที่ชะงักช้อนที่กำลังจะเอาเข้าปากแล้วอ้าปากค้างมองหน้าเจ๊มันแบบงงๆ คือโกรธอะไร เสียงดังกับไอ้เอมทำไมวะ
“แบบกูต้องเป็นแม่ค่ะ! เห็นความสวยของกูไหม มาพ่ออะไรล่ะคะมึง” ว่าออกมาแบบนั้นพร้อมจีบปากจีบคอพูดเสียงสอง เห็นแบบนี้แล้วกูถอนหายใจเฮือกใหญ่เลย แม่ง องค์เจ๊ดานี่เอาอีกแล้ว
“อิน้องเอมคะ มึงว่าอาทิตย์นี้กูเปลี่ยนสีผมใหม่ดีมะ เอาเป็นสีอะไรดีคะ ทอง ชมพู หรือเป็น....”
“เป็นอะไรก็เป็น แต่ที่แน่ๆ เป็นตุ๊ดปลอมที่ทำเหมือนตุ๊ดจริงมากๆ”
“เอ๊ะบูลลี่กูหรอ ตุ๊ดอะไรแล้วทำไมคะ ตุ๊ดก็เอามึงได้แล้วกันค่ะ” ว่าออกมาแบบนั้นแล้วยักคิ้วใส่กันด้วยสายตาคมหล่อๆ ที่ไอ้เอมรู้สึกเขิน ทำไมคำพูดกับการกระทำมันคอนทราสกันแบบนี้ล่ะวะ
“เจ๊พี่มึง พูดไรวะ!”
“อ๊ะๆ ทำเป็นเขินอาย หรือไม่จริง มึงพูดมามึงเถียงมาค่ะว่ากูไม่ได้เอามึง ถามสั้นๆ ว่ากี่ท่าดีกว่าไหม ถ้าเอวไม่เคร็ดอย่ามาเรียกกูอิดานี่” ยืดอกภูมิใจมากๆ พร้อมยิ้มมุมปากส่งมาให้กัน ไอ้เอมเจ็บไข่ ไอ้เอมล่ะสุดแสนจะหมั่นไส้ เพราะแบบนั้นเลยพูดออกไป
“ให้เรียกอิดาบแทนสินะ”
“กรี๊ดดดดด แสลงรูหู!”
รับไม่ได้โว้ยยย ... หูกูเนี่ยที่รับเสียงกรี๊ดของเจ๊พี่มึงไม่ได้ ช่วยหยุดกรี๊ดที!
...
“คิดยังไงวันนี้ขอมาร้านด้วยคะ เงินมึงไม่พอหรอ เดี๋ยวกูเอาให้ จริงๆ มึงไม่ต้องมาทำก็ได้นะ”
“เปล่า เจ๊พี่มึงเอาเงินมายัดกระเป๋าตังค์ผมทุกวันอย่านึกว่าผมไม่รู้ เงินยังมีเหลือเยอะแยะเลย เงินพอใช้ครับ” บอกออกไปแบบนั้นในตอนที่เดินตามพี่มันเข้าไปในร้าน ร้าน’ DANIWORLD’ ยังคงเป็นเหมือนเดิมกับครั้งแรกที่ผมเคยมา ป้ายร้านที่อยู่บนสุดของตัวตึกที่ชั้นสาม ตอนที่ก็เปิดไฟสีชมพูสว่างวิบวับเหมือนในวันนั้นไม่มีผิด แตกต่างออกไปก็ตรงที่ ครั้งนี้ผมได้เดินเข้าร้านมาพร้อมเจ้าของร้าน กับหัวใจของเราสองคนที่ไม่เหมือนเมื่อวันนั้นแล้วในตอนนี้
“ผมแค่อยู่คนเดียวแล้วเบื่อๆ เลยอยากมาด้วย”
“อยากอยู่กับกู ดูออกค่ะ”
“โวะ ไม่จริงสักหน่อยเถอะ” ถึงจริงก็จะไม่พูดออกไปหรอกนะบอกก่อน
“ปากแข็งจังวะ แต่เวลาจูบก็เห็นนิ่มดีอยู่นะ” พี่มันที่เลื่อนหน้ามากระซิบข้างๆ หูแบบนั้น ผมที่ช้อนสายตาขึ้นไปมองหน้าอีกคนที่ก็ยกยิ้มมุมปากขึ้นมามองหน้ากัน ก่อนที่ฝ่ามืออุ่นๆ จะเอื้อมมาคว้ามือผมไปกุมไว้
“เข้าร้านกันเถอะ” บอกแบบนั้นแล้วจับมือผมเดินเข้าไป หัวใจก็รู้สึกอุ่นแปลกๆ แต่แค่รู้สึกว่า ถ้าได้กุมมือกันไปแบบนี้ในทุกๆ วันก็คงจะดี ... พอได้จับมือพี่มันไว้แบบนี้ ก็ไม่อยากจะปล่อยไปเลยจริงๆ
อยากจับมือกับพี่แด็ปโดโรทรีตลอดไปเลย อิอิ ดาบ ดลธีก็ได้จ้า
“ไอ้อิฐ เอาอะไรมากระแทกแกหน่อย”
“โอ้โหเจ๊พี่มึง ไม่มาตอนร้านปิดเลยล่ะจ๊ะพี่จ๋า ปล่อยลูกน้องทำงานทำการไม่มาเฝ้า เป็นเจ้านายภาษาอะไรวะพี่จ๋า”
“สัด เดี๋ยวกูตบให้บ้องหูแตกไอ้อิฐ”
“อิอิ น้องหยอก วันนี้ก็ใจร้อนวู่วามอีกแล้วหรอ ไม่เป็นดานี่สวยๆ แล้วหรอจ๊ะพี่จ๋า”
“กูสวยทุกวันค่ะอิอิฐ ไหนแก้วกู”
“จ้าๆ นี่จ้าพี่จ๋า”
“แล้วไม่มีของกูหรอไอ้อิฐ” เป็นผมที่เดินตามหลังเข้าไปแล้วไปโผล่หน้าจ๊ะเอ๋ตรงหน้าเคาเตอร์ของไอ้อิฐในตอนนี้ น้องมันที่มองหน้าผมนิ่งๆ ก่อนจะยกมือขึ้นปิดปากแล้วเบิกตากว้างขึ้น ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบผ้าเช็ดบาร์มาถือไว้
“กรี๊ดดดด พี่น้องเอมของไอ้อิฐ คิดถึงจังเลยจ๊ะพี่จ๋า!!” แหกปากออกมาแบบนั้นแล้วปีนขึ้นเคาร์เตอร์บาร์เอื้อมมือมากอดผมไว้เต็มแรง ตัวกูก็คือกระแทกเข้ากับด้านหน้าเคาร์เตอร์เลยเพราะไอ้อิฐกอดแรงมาก
“น้องอิฐอิฐสุดแสนจะคิดถึงพี่น้องเอมมมมมมม” แหกปากว่าแบบนั้นแบบเล่นใหญ่มากๆ ละครเวทีต้องจ้างมึงไปแสดงแล้วจริงๆ
“เว่อร์ค่ะอิสัดอิฐ” เจ๊พี่มันที่ว่าออกมาแบบนั้น พอหันไปมองก็เห็นพี่มันที่มองมาที่ผมกับไอ้อิฐด้วยสายตานิ่งๆ ก่อนที่ฝ่ามือแกร่งจะเอื้อมมือมากระชากเอวผมให้ขยับเข้าไปใกล้ตัว เพราะแบบนั้นไอ้อิฐเลยต้องปล่อยมือออกจากกันโดยปริยาย
“เอ๊ะๆๆๆ น้องอิฐอิฐว่าเรื่องนี้มันมีเงี่ยนงำ”
“เงื่อนงำไอ้สัด” เป็นเสียงของไอ้จูนที่ว่าออกมาแบบนั้น ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินตามเข้ามา
“พี่เอมมม จูนคิดถึง”
“เนี่ยเห็นไหม ขนาดพะยูนตัวสุดท้ายของโลกก็คิดถึงพี่น้องเอมนะจ๊ะพี่จ๋า” ไอ้อิฐที่ว่าออกมาแบบนั้น พร้อมเสนอหน้าออกมาเอื้อมมือหยิกแก้มไอ้น้องจูน เป็นภาพบรรยากาศเก่าๆ ที่ผมคิดถึง
“หุบปากไปไอ้อิฐ ไอ้เพื่อนเฮงซวยชอบว่ากูอ้วน กูอ้วนทับโฉนดบ้านมึงหรอสัด”
“มันฉุนจัดอ่ะเนาะ”
“พอๆ พวกมึงหยุดเล่นกันได้แล้วค่ะ เดี๋ยวกูหักเงินให้หมดเลยโว้ย ไอ้น้องจูน มึงก็ปล่อยมือไอ้เอมได้แล้วค่ะ ไปเสริฟน้ำแข็ง”
“โอ๊ะ จูนลืม เดี๋ยวจูนมาเล่นด้วยนะพี่เอม”
“ได้เลย” บอกน้องมันออกไปแบบนั้น ก่อนจะเห็นแผ่นหลังของไอ้จูนที่วิ่งหายเข้าไปตามโต๊ะของลูกค้า ผมที่ยิ้มกว้างออกมาในตอนนั้น
“หยุดยิ้มสักทีได้ไหมวะ” เสียงเข้มที่กระซิบลงมาข้างๆ หูกันในตอนนั้นผมก็หันหน้ากลับไปมองอีกฝ่ายพอดี ปลายจมูกของเราสองคนที่สัมผัสกันพอดีแบบไม่ได้ตั้งใจ ก็รู้สึกว่าหน้ามันจะร้อนขึ้นมาหน่อยๆ แล้วในตอนนี้
“กูหวง”
“อู้ววว น้องอิฐเห็นช็อตเด็ดคนดัง กรุ่มกริ่มกริ้วกร้าวมากเว่อร์ กูว่าแล้วว่ามีเงี่ยนงำๆ”
“สาระแนค่ะอิอิฐ” เจ๊พี่มันที่ว่าออกไปแบบนั้นด้วยเสียงเข้มๆ ถึงแม้จะมีคำว่าค่ะก็ตาม ผมที่ช้อนตามองหน้าพี่มันที่ก็เห็นแค่อีกคนยกยิ้มมุมปากส่งมาให้กัน เป็นสายตาร้ายๆ ที่ทำให้ผมต้องหลบสายตา รู้สึกเหมือนว่ามันจะร้อนหน้ามากๆ เลยในตอนนี้
“คุณดาบ เอ้ย คุณดานี่ มีคนมาขอพบ จะให้พี่เชิญเข้ามาที่นี่หรือว่าจะให้เชิญขึ้นไปที่ชั้นสามดี” พี่จิตผู้จัดการร้านที่เดินเข้ามา พี่เค้าส่งยิ้มมาให้ผมก่อนจะพูดออกมาแบบนั้น เพราะเห็นว่าเป็นช่วงทำงานผมเลยขยับตัวออกห่างจากอีกฝ่ายนิดหน่อย พี่จิตเองแม้จะเป็นพี่ในสายรหัสของเจ๊มัน แต่พอเวลาทำงานก็ให้เกียรติเจ๊มันมากๆ เช่นกัน
“ใครมาวะพี่จิต นี่ไม่ได้เรียกบริษัทไหนให้มาเทสเหล้านี่หว่า” เจ๊พี่มันว่าออกมาแบบนั้นพร้อมขมวดคิ้ว แต่พอเลื่อนสายตาไปมองพี่จิตที่ก็เอาแต่ส่งยิ้มกว้างๆ ให้เจ๊พี่มันแบบไม่หยุด
“มากับคุณเมฆนะ”
“หื้ม...ใครวะไอ้สัด ไปเชิญเข้ามาก็ได้พี่” เจ๊มันที่ว่าออกไปแบบนั้นแบบไม่ได้สนใจอะไรมาก ก่อนจะหันกลับมายิ้มให้ผม รอยยิ้มอุ่นๆ ที่มีแววกรุ้มกริ่มเหมือนอย่างเคย
“มากับไอ้เมฆ คิดว่าต้องมาถลุงเงินกูให้เลี้ยงเหล้าอีกแน่ๆ เลยค่ะ น่าเบื่อ”
“ก็เจ๊พี่มึงใจดี”
“แต่กูอยากใจดีแค่กับมึงค่ะหนู”
“พี่แด็ปโดโรทรีนี่ปากหวานจังเลยน้า”
“แด็ปที่หน้ามึงค่ะหนูเอม”
“ฮ่าๆๆ”
เราสองคนที่หัวเราะขำออกมาในตอนนี้ วันนี้เป็นวันดีๆ ที่ผมยิ้มได้มากกว่าทุกวัน อาจเพราะเรื่องราวหลายๆ อย่างที่กระจ่างมากขึ้น และความรู้สึกของผมกับเจ๊พี่มันที่ขยับเข้ามาใกล้กันมากกว่าเดิม ...
ถ้าพี่ดาบ ดลธี กลับมาหากันไวๆ ก็คงจะดีล่ะนะ
ผมล่ะอยากจะมีความสุขและยิ้มให้กันแบบนี้ต่อไปนานๆ เลยจริงๆ
::::::::::::::::::-- to be continued --:::::::::::::::::::::::::
มาแล้วจ้า มาพร้อมเรื่องราวแบบจุกๆ เลยน้าาา
ตอนนี้คือยาวสะใจ กลั่นกรองมาให้แบบเต็มๆ
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวในอดีตของเก้อเสือ เรื่องราวของดาบเอม ความคืบหน้าของทั้งคู่ที่กำลังก้าวไปด้วยกัน
แคทหวังว่าทุกคนจะชอบนะคะ
ถ้าใครเคยอ่านงานของแคทก็น่าจะรู้ว่า มันยังมีอะไรอีกเยอะอยู่น้าาาา คิกคักกก เรามาไขปริศนาไปด้วยกันนะคะ
เชื่อฉันสิคะ นี่ไม่ใช่นิยายดราม่าาาาาา
ปล. ฉันอยากได้พี่แด็ป เอ้ย เจ๊ดานี่จังเลยค่ะคุณ ถ้าน้องเอมไม่เอา ฉันจะเอาแล้วนะ
ฝากแท็ค #สวยๆ เป็นผัว ในทวิตเตอร์ไว้ในอ้อมใจทุกคนด้วยนะคะ
มาาาาา สาดคอมเม้นท์มา ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง อย่าลืมเล่าสู่กันฟังงงงงง

ขอขอบคุณคนอ่านจากเล้าเป็ดทุกท่านด้วยนะคะ
เจ๊ดานี่ก็เป็นซะแบบนี้ ใจน้องเหลวเป๋วแน่นอน
เจ๊จะหยอดจนกว่าน้องจะหยุด อู้ววว
สิบพาพวยก็ชอบไม่เท่าน้องเอมมมม 
มาดูกันน้าาาว่าจะเป็นยังไง
เป็นตอนที่คนอ่านแบบเราจัดการอารมณ์ได้ยากมากค่ะ
อิฉันไม่สามารถดราม่ากับความน้อยใจพี่แด๊ปโดโรธีของน้องเอมได้เพราะ พาพวย!!!!
พาพวยคนเดียวเลย ชื่อนี้โผล่มาทีไรมีวาบหวิวในใจตลอด
น้องจะดราม่ามั้ยน้า พี่ดาบจะยังมีเยื่อใยอะไรอยู่หรือเปล่า
แต่พอพี่ดาบหยุดน้องด้วยสิบพาพวยความโล่งใจก็กลับมาทันที
เหลือก็แต่เจอตัวเป็นๆแล้วอหละว่าน้องเอมจะโอเคหรือเปล่า
เพื่อนเก้อนี่น้า คนเขาไม่ชอบก็อย่าไปฝืน
มาเฝ้าอบรมน้องรหัสตรงหน้าดีกว่า
แคทขอบคุณคอมเม้นท์ยาวๆที่มีให้กันแบบนี้เสมอๆนะคะ ดีใจมากๆ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านมาเม้นท์ให้แคทเสมอๆนะคะ
ส่วนในตอนที่ผ่านมาว่าจัดการความรู้สึกยากแล้ว มาอ่านตอนนี้นะคะ จะเป็นยังไงเอ่ย ฮ่าๆๆ
แคทหวังว่าตอนนี้ก็จะทำให้ยิ้มได้และชอบไม่มากก็น้อยนะคะ
ส่วนเก้อน้านน จริงๆเก้อน่าสงสารน้าา อยากให้สงสารพี่เก้อสักนิด ส่วนการจะสอนน้องรหัสได้ไหมนั้น
โปรดติดตามตอนต่อไป ก๊ากกกกก
อีเจ๊น่าโดนถีบมากไปค่ะ
ดูออก
ไม่อยากห้ามเลยค่ะ พูดแก้ให้เจ๊ไม่ได้เลย 55555
อิเจ๊กวนสุดๆนะครับ,,,
ข้อกล่าวหานี้แก้ต่างให้อิเจ๊ไม่ได้เลยค่ะ
บางทีก็สงสารเอมนะ เจ้ดานี่แกล้งหนักมาก!
อิเจ๊นี่มันน่าตี ชอบแกล้งน้อง ตีเจ๊ได้เลยนะคะ แต่อย่าตีแคทน้า
พีดาบงาบเด็ก
หูยยย กินเด็กมันก็จะฟินๆนิดนึง
อะๆเคร เคลียร์กันดีๆนะ
มาอ่านตอนนี้ต่อน้าาา จุ๊บๆเลยค่ะ
เจ้พี่ดาบมันร้ายนะคะหัวหน้าแกล้งน้องจนร้องแล้วสงสารน้องหนูเอมจะค่ะ แต่ก็น่าร้ากกก 
ฝากน้องเอมพี่ดาบไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ
พี่แด๊บ โดโรทรีเค้าอาจจะชอบพาพวย. แต่พี่ดาบ+เจ้ดานี่ชอบควายน้อยมากกว่านะจ๊ะ เฮียบอกแล้ว 
เอ็นดูสกิลภาษาอังกฤษของน้องเอมจริงๆ 
อย่าล้อสกิลน้องนะคะ เดี๋ยวน้องเขิน 55555



ขอบคุณมากๆนะคะ มาอ่านอีกน้าาา
ไม่อยากลุ้นแล้ว อยากอ่านจนจบเลยง่า
เราค่อยกลับมาอ่านที่เดียวตอบจบเลยดีไหมมมมม

อ่านไปแบบกำลังฟิน พออิ๊เจ๊พูด ค่ะ ค่า มานี้ถึงกับขำกร๊าก 
เดี๋ยววววว อย่าพึ่งงงงงง อย่าพึ่งทิ้งกันไป อยู่กันไปในทุกๆตอนก่อนนะคะ น้าาา