“กรี๊ดดดดดดดดดด”
“อื้อ อืมมม”
“ยัง ยังจะมาอื้อมาอืมอะไรอีก ตื่นค่ะ มึงตื่นเดี๋ยวนี้เลยค่ะ”
“ขอ อึก...อีกห้านาทีน้า”
“ห้านาทีก็ไม่ได้ค่ะ มึง มึงลุกออกจากตัวกูเดี๋ยวนี้เลยนะคะอิน้องหนูบ๋อย ตื่นค่ะตื่น ไม่ตื่นใช่ไหมคะ ได้เลยค่ะได้ นี่แน่ะ”
“อึก อื้อออออ แฮ่กๆ”
ผมที่ลืมตาขึ้นมาทันทีในตอนที่รู้สึกเหมือนจะขาดใจตาย ได้แต่อ้าปากพงาบๆโกยอากาศเข้าปอด มองเห็นฝ่ามือใหญ่ๆที่ยกออกจากจมูกของผม ได้แต่หันหน้าไปมองคนข้างๆตัวด้วยความหงุดหงิด
“เจ๊! เจ๊จะฆ่าผม!”
“ใช่ค่ะ ก็มึงมันน่าฆ่าให้ตาย”
“ผมทำอะไรผิดวะเจ๊ จะแกล้งอะไรผมนักหนา” ถามออกไปแบบขุ่นเคืองใจเป็นที่สุด คนกำลังนอนฝันดี แต่ดันถูกปลุกด้วยวิธีพิศดาลโดยการปิดจมูก ไอ้ตุ๊ดปลอมใจร้าย
“ยัง...ยังมีหน้ามาขุ่นเคืองกู กูนี่ค่ะต้องเคืองมึง”
“ทำไม ผมทำไรให้วะ”
“แล้วที่มึงนอนเกยตื้นบนตัวกูตอนนี้ไม่ผิดหรอคะ กรี๊ดดดด บอกแล้วใช่ไหมว่าห้ามขึ้นมานอนบนเตียงกู นี่ไม่ขึ้นธรรมดา มึงขึ้นกูด้วยค่ะเนี่ย”
“ห๊ะ! ขึ้นไรของเจ๊ พูดจาน่าเกลียด”
ได้แต่กระพริบตาปริบๆใส่อีกคนที่ก็จ้องมองกันแล้วทำท่าเหมือนสาววัยแรกแย้มที่พึ่งเสียตัว ... แต่เดี๋ยวนะ ผมที่ค่อยๆหันไปมองรอบๆตัวช้าๆ ภาพตรงหน้านี่คือห้องของอิเจ๊ ...ก็ใช่ เมื่อคืนผมนอนห้องอิเจ๊ แต่ว่า...กูนอนที่พื้นนี่หว่า พอนึกมาถึงตรงนี้ก็รีบก้มหน้ามองไปรอบๆ สภาพตัวเองที่นอนอยู่บนอะไรที่นุ่มๆ และขาข้างนึงก็พาดอยู่บนอะไรบางอย่างที่ก่อนหน้านี้ที่นอนฝันหวานอยู่คิดว่าเป็นหมอนข้าง แต่จริงๆมันไม่ใช่... ครับ กูนอนอยู่บนเตียงของเจ๊มัน พร้อมๆกับครึ่งตัวของผมที่เกยอยู่บนอกแกร่งของอีกฝ่าย และขาของกูก็พาดไว้ที่กลางลำตัวของอีกฝ่ายด้วยเช่นกัน ก้มมองลงไปเรื่อยๆแล้วได้แต่อ้าปากค้าง ความรู้สึกแข็งๆหยุ่นๆที่ทิ่มอยู่ที่ต้นขาทำให้ยิ่งต้องเบิกตากว้าง เงยหน้าขึ้นไปมองหน้าอีกคนที่ดูจะไม่สะทกสะท้านอะไรแล้วในตอนนี้
“ไงล่ะ นึกออกแล้วสินะคะ ลงไปจากตัวกู ก่อนที่กูจะเสียบมึงอีกรอบอิน้องหนูบ๋อย”
“เชี่ย! ไปแล้วๆๆๆ ลงแล้วครับเจ๊” ตาลีตาเหลือกรีบเอาขาออกจากตัวของเจ๊มันอย่างลนลาน ในตอนที่ไม่ทันระวังเพราะกูกลัวอนาคอนด้าของอิเจ๊ดานี่ กูก็...
‘โครม’
“เห้ย อิน้องบ๋อย”
“อู้ย เจ็บโว้ยยยย”
ได้แต่แหกปากออกมาแบบนั้นในตอนที่กูลงไปนั่งก้นจ้ำเบ้าอยู่ที่พื้น คนที่อยู่บนเตียงก็ชโงกหน้าลงมามองอย่างตกใจ ก่อนที่อีกฝ่ายจะยกยิ้มมุมปากมองกันแบบรู้สึกสนุก เจ๊มันที่ลุกตามลงมาจากที่นอนแล้วย่อตัวลงมาตรงหน้า พร้อมฝ่ามือหนาที่ช้อนคางของผมให้ขึ้นไปมองหน้ากัน
“หึ มอนิ่งไอ้ควายน้อย” ควายน้อยเชี่ยไรของเจ๊ล่ะโว้ย!
อยากจะอ้าปากออกไปเถียงมันแบบทุกที แต่รอยยิ้มของอีกฝ่ายที่กระแทกเข้าเบ้าตา มันที่ส่งยิ้มมาให้พร้อมๆกับฝ่ามืออุ่นที่ขยี้อยู่ที่หัวของผมนั่นก็ทำให้ต้องหุบปากฉับแบบอ้าปากพูดอะไรไม่ออก รู้สึกใจสั่นๆแปลกๆ คิดว่าเป็นอาการของคนตื่นตกใจที่ตกใจเตียงมากกว่าอย่างอื่น
“ลุกไปอาบน้ำ เดี๋ยวกูหาไรให้กิน มึงจะได้ไปเรียน” ว่าออกมาแบบนั้นแล้วลุกเดินนำผมออกไปจากห้องนอน ได้แต่มองตามแผ่นหลังกว้างๆของอีกฝ่ายที่ก้าวออกไปจากห้อง ... ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า อิเจ๊พี่มันหล่อมากจริงๆ
เป็นพี่ดาบได้ไหม ถือว่าขอกัน
เอ๊ะ! กูคิดอะไรวะแม่ง! เพ้อแล้วมึงไอ้เอม
ผมที่ไปอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้ากลับมาใส่ชุดเดิมเมื่อคืน แต่ไม่สกปรกนะครับเพราะเมื่อคืนเจ๊มันเอาไปซักและปั่นแห้งให้แล้วตั้งแต่เมื่อคืน เช้าวันนี้ก็แห้งพอดี ติดแค่มันยับก็เท่านั้น ผมที่เดินออกมาแล้วมองหาเจ้าของห้องไม่เจอ เลยได้แต่เดินตามกลิ่นหอมๆของอะไรบางอย่างเข้าไปในครัวแทน
“เจ๊ทำอะไรอยู่หรอ มีอะไรให้ผมช่วยไหม”
“มี มึงช่วยยกข้าวต้มกุ้งนี่ออกไปที่โต๊ะทีค่ะ” เจ๊มันที่ว่าแบบนั้นตอนที่หันมามองกันแล้วเริ่มโรยกระเทียมเจียวลงในข้าวต้ม หอมจนต้องสูดกลิ่นแรงๆ
“ใจเย็นค่ะมึง น้ำลายไหลเป็นหมาหน้าร้อนเลยนะคะ” ดูปากมัน
เลือกที่จะไม่เถียงแล้วยกข้าวต้มสองชามไปวางที่โต๊ะ เห็นอีกฝ่ายที่ยกน้ำและแก้วมาให้ก่อนจะนั่งลงตรงหน้ากัน
“วันนี้มึงมีเรียนเช้าหรือบ่าย”
“มีเช้าอ่ะ” ตอบออกไปแบบนั้นอีกฝ่ายที่ก็พยักหน้ารับรู้ ผมที่ไม่ได้สนใจอะไรแล้วนอกจากการเป่าข้าวต้มร้อนๆแล้วตักเอาเข้าปาก โอ้วววว
“อื้ออออาอ่อยยย”
“ค่อยๆกิน กลืนก่อนแล้วมึงค่อยพูด” อีกฝ่ายที่มองดุนิดหน่อย ก่อนจะเอื้อมมือไปเทน้ำเย็นใส่แก้วให้แล้วเลื่อนมาไว้ข้างๆผม
“เจ๊ อิเชี่ย อร่อยมากๆอร่อยฉิบหายเลยอ่ะ”
“นี่มึงชมหรือด่าคะเอาดีๆ”
“ชมๆ ชมจริงๆ เจ๊นี่ทำอาหารสุดยอดไปเล้ย” ว่าแบบไม่ได้ประจบ อร่อยจริงๆ รสชาติกลมกล่อมที่พอซดน้ำซุบร้อนๆเข้าไปแล้วทำให้รู้สึกดี ข้าวต้มที่ยังเป็นเม็ดเรียงตัวสวยอยู่ในน้ำซุบที่โรยผักชีและต้นหอมซอยและมีกระเทียมเจียวเหลืองๆโรยหน้ามาด้วย กุ้งที่พอกัดเข้าไปแล้วยังเด้งๆหยุ่นๆอยู่ในปาก เหมือนกับว่าอีกฝ่ายเอากุ้งลงไปลวกไม่ได้รอให้ต้มจนเละเลยได้กุ้งที่เด้งแบบนี้ อร่อยจนอยากเลียชาม ...
เงยหน้าขึ้นมายกนิ้วโป้งให้เจ๊มันสองข้างบอกให้มันรู้ว่าอร่อยจริงๆพร้อมยิ้มกว้างๆส่งไปให้ อีกฝ่ายที่มองนิ่งๆใส่ตอนที่เห็นผมยกนิ้วโป้งให้ก่อนจะยิ้มออกมานิดหน่อยพร้อมๆกับส่ายหน้า อะไรว้า
“อร่อยก็กินไปเยอะๆ วันนี้ต้องไปเรียนเดี๋ยวควายตัวน้อยแบบมึงจะไม่มีสมองเรียน”
“เรียกว่าควายน้อยอยู่ได้ เดี๋ยวเอาเขาทิ่มเลยแม่ง” ว่าออกไปแบบนั้นแต่อีกฝ่ายก็ไม่เถียงอะไรออกมาอีกนอกจากตักข้าวเข้าปากแล้วมองผมกินอยู่แบบนั้น ...บ้าบอที่สุด ไม่รู้จะมองไรนักหนา
หลังจากกินข้าวเสร็จ รอเจ๊มันอาบน้ำไม่นานครับ แต่รอเจ๊มันแต่งหน้าทำผมเนี่ยที่เรียกว่านาน ไม่รู้มันจะทาอะไรนักหนา เห็นตอนแรกบอกต้องทาโทนเนอร์แล้วตามเซรั่มแล้วก็บลาๆๆๆ ไม่รู้ว่าอะไรนักหนา เพราะกูงงตั้งแต่โทนเนอร์นั่นแล้ว มันคืออะไรวะ คล้ายๆกับดินเนอร์ไหม งงนิดหน่อยแต่ไม่เข้าใจมากๆครับ ... หลังจากผ่านไปประมาณชาติเศษในที่สุดเจ๊มันก็เสร็จ ร่างสูงที่อยู่ในเสท่อยืดสีขาวพร้อมคลุมทับด้วยเสื้อยีนส์เท่ๆกับกางเกงยีนส์สีดำ เจ๊มันฉีดน้ำหอมพร้อมแต่งหน้าเขียนคิ้วใส่ต่างหูยาวรูปไม้กางเขน และที่ขาดไม่ได้ก็คือ ... ปากแดกเหมือนโดนใครตบเลือดกบปากมา
“ปากไม่แดงไม่มีแรงเดินค่ะ จำ!” บอกแบบนั้นพร้อมเชิดหน้าขึ้น อินเนอร์เหมือนอัมพัชราภา แต่สารร่างเหมือนนักเพาะกาย
เจ๊มันที่พาผมกลับมาที่ร้านเพื่อเปลี่ยนชุดนักศึกษา วันนี้มีเรียนเช้า9โมงครับ เลทได้ถึง9โมงครึ่ง ตอนที่ถึงร้านก็ใกล้ๆจะ8โมง เพราะแบบนั้นยังไงก็ทัน ผมที่ขึ้นไปเปลี่ยนชุดที่ห้องทำงานของเจ๊มันแล้วเดินลงมาข้างล่าง
“ไอ้เอม เมื่อคืนมึงหายไปไหนวะ กูนี่ตามหาตัวมึงจนเหนื่อย” เสียงเรียกที่ต้องทำให้หันไปมอง และก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นไอ้โก้ที่อยู่ในชุดเสื้อยืดและกางเกงบอล หัวมันยังดูยุ่งๆแต่ในมือมีน้ำเต้าหูกับปาท่องโก๋ ... เหมือนกับว่ามันตื่นแล้วไปหาซื้ออะไรมากิน
“อ๋ออ พอดีมีเรื่องนิดหน่อยมึง”
“เรื่องอะไรวะ บอกกูได้นะเว่ย” มันที่ว่าแบบนั้นพร้อมๆกับวงแขนแกร่งที่พาดมาที่ไหล่ของผมอย่างสนิทสนม
“ไม่มีไรมากหรอกมึง เคลียร์แล้ว” บอกออกไปแบบนั้นพร้อมส่งยิ้มให้ อยากจะบอกว่าจริงๆไม่ใช่กูที่เคลียร์ แต่เป็นเจ๊เจ้าของร้านนี่ล่ะที่เป็นคนเคลียร์ให้
“แล้วนี่มึงจะไปไหน เรียนหรอวะ”
“อืม วันนี้กูมีเรียนเช้าว่ะ” บอกแบบนั้นแล้วอีกคนก็พยักหน้าเข้าใจ มันที่ค่อยๆไล่สายตามองหน้าผมแล้วไล่ตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า รู้สึกอึดอัดนิดหน่อยกับสายตาของมัน ไอ้ห่านี่เป็นอะไรถึงชอบมองกันด้วยสายตาแปลกๆแบบนี้เรื่อยเลยวะ
“มองเหี้ยไรวะ”
“หึหึ เปล่า กูก็แค่คิดว่า....” ลากเสียงยาวจนกูต้องลุ้นตาม หน้ากูนี่ลุ้นมากๆ ลุ้นจนขี้จะแตกแล้วไอ้สัด
“หน้ามึงลุ้นมาก เหมือนคนปวดขี้เลยว่ะ ฮ่าๆๆ” ไอ้สัด บันเทิงในยาวเช้า กวนตีนกูละ สักทีไหมแม่งไอ้ไข่ย้อย
“สัด กวนตีน”
“ฮ่าๆ งอนหรอวะ พองแก้มเลย ไหนๆเอาหน้ามาให้กูหอบปลอบหน่อยมา”
“ไปไกลๆไอ้สัด กูไม่ได้งอนโว้ย” ผมที่ว่าแบบนั้นแต่อีกฝ่ายก็ยังดึงดันที่จะเอาหน้าเข้ามาใกล้ มันที่กอดไหล่ผมไว้แน่น ได้แต่พยายามดิ้นออกห่างตัวแต่ก็สู้แรงมันไม่ไหว
“เล่นอะไรกันวะ” เสียงเข้มที่ดังขึ้นมาเป็นระฆังช่วยชีวิตกูอีกแล้ว หันไปมองก็เห็นเจ๊ดานี่ที่ยืนกอดอกมองตรงมาที่เราสองคนอยู่หน้าประตูทางเข้าของร้านด้วยสายตานิ่งๆ ... เจ๊มันเป็นอะไรวะ หรือปวดขี้ด้วยอีกคน? แต่ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม แต่ก็ขอบคุณที่เจ๊เข้ามาพอดี ผมที่สะบัดตัวออกจากไอ้โก้และมันก็ปล่อยตัวผมออกอย่างง่ายๆในตอนที่เห็นหน้าเจ๊มัน
“ฮ่าๆ แค่ล้อมันเล่นน่ะจ๊ะเจ๊ เจ๊คนสวยกินไรยัง กินน้ำเต้าหู้กับผมไหมครับ” ไอ้โก้ที่หันไปยิ้มหวานแล้วประจบเจ๊มันเหมือนทุกที
“ไม่แดก มึงเก็บไว้แดกเองเถอะ ไอ้หนูน้องบ๋อย มึงไม่ไปเรียนหรอคะ”
“ไปๆเจ๊” ตอบอีกคนออกไปแบบนั้นแล้วหิ้วกระเป๋าเป้ามาสะพายดีๆ หลังจากที่เมื่อกี้ยื้อยุดกับไอ้โก้จนมันร่วงลงไปที่พื้น ผมที่ไม่ได้หันไปบอกลาหรือพูดอะไรกับไอ้โก้อีก ทำแค่ตอบรับเจ๊มันแบบนั้นแล้ววิ่งออกจากร้านไป ...
คนร่างสูงที่มองตามแผ่นหลังบางที่วิ่งออกจากร้านไปนิ่งๆ แล้วหันมามองหน้าของลูกน้องในร้านที่ก็มองตามร่างบางๆนั่นไปไม่ต่างกัน เจ้าของร้านร่างสูงไม่ได้พูดอะไร ทำเพียงแค่เดินตามคนที่พึ่งวิ่งผ่านหน้าตัวเองออกไปโดยไม่สนใจลูกน้องที่กำลังจะอ้าปากชวนไปกินน้ำเต้าหูอีกรอบ
“อิหนูน้องบ๋อย”
“หื้ม อ้าวเจ๊มีอะไรหรือเปล่าครับ” ผมที่หันหลังกลับไปมองและเห็นว่าเป็นอิเจ๊ดานี่ที่เดินหน้าหงิกตามหลังกันออกมาจากร้าน คือเจ๊มันเป็นอะไรวะ หรือเมื่อกี้ตอนกูวิ่งออกมาเผลอเหยียบตีนมันหรอวะ เชี่ย จริงป่ะเนี่ย ทำไงดีวะตัวกู
“กูบอกมึงแล้วไงว่าอย่าเล่นกับไอ้โก้มากไป นี่มึงโง่หรือไม่มีสมองเอาดีๆ”
“เอ้า เจ๊มาด่าผมทำไมวะ ผมก็ไม่ได้เล่นกับมันสักหน่อยอ่ะ”
“นี่มึงจะบอกกูว่ามึงเอาจริงหรอคะ ห๊ะ!” อีกฝ่ายที่ขึ้นเสียงใส่กันพร้อมๆกับเท้าเอวใส่ด้วย คือเดี๋ยวนะ กูทำอะไรผิดนะ
“อะไรของเจ๊วะ ไม่เข้าใจเลย ... แต่ถ้าเจ๊จะหมายถึงเมื่อกี้ผมไม่ได้เล่นกับมันนะ”
“เอ๊ะนึ่มึง!....”
“มันอ่ะพุ่งเข้ามาประชิดตัวผมเองนะ ผมไม่ได้เล่นกับมันเลยนะเจ๊” ว่าต่อออกไปแบบนั้น กลัวเจ๊มันเข้าใจผิดหาว่าผมเล่นเกินงามกับเด็กในร้านของมัน จริงๆเจ๊มันอาจจะหวงเพราะจำได้ว่าครั้งก่อนเจ๊มันบอกไอ้โก้กล้ามล่ำ บางทีเจ๊แกอาจจะเล็งมันมานานแล้ว
“อ่อ แบบนี้นี่เอง”
“จริงๆนะ” ผมรีบพยักหน้าสำทับอีกรอบเลย พอบอกออกไปแบบนั้นก็เหมือนว่าสีหน้าของคนตรงหน้าจะดีขึ้นมาจากเมื่อกี้นี้หน่อยนึง
“แล้วนี่มึงจะไปเรียนยังไงคะ” อีกคนที่เปลี่ยนเรื่องดื้อๆแบบนั้น ไอ้เอมค่อนข้างจะตามไม่ทัน แต่ก็ยอมจะตอบเจ๊พี่มันออกไป
“ผมว่าจะโบกวินไปขึ้นบีทีเอสอ่ะเจ๊ แต่นี่แม่งยังไม่เห็นสักคัน”
“เวลาแบบนี้หายากค่ะ” ก็คงจะจริงแบบเจ๊พี่มันว่า ช่วงเวลาเร่งรีบในเมืองกรุงแบบนี้ พี่วินก็เลยยิ่งหายาก
“กูไปส่งไหมคะ”
“ห๊ะ”
“เดี๋ยวกูไปส่ง กูจะไปทำธุระแถวมอมึงอยู่พอดี”
“แต่รถใหญ่แบบเจ๊ รถมันติดอ่ะ” กว่ากูจะไปถึงมอก็น่าจะโดนอาจารย์ล็อคห้องไปแล้วล่ะแบบนั้น
“ใครบอกมึงว่ากูจะขับรถเก๋งไปวะ มึงรอกูอยู่นี่” อีกฝ่ายที่บอกแบบนั้นแล้วเดินหายไปทางหลังร้าน ไม่เข้าใจว่ามันเดินไปหาอะไร แต่รอไม่นานเท่าไหร่ก็เข้าใจเลยว่าเจ๊มันเดินไปหาอะไร เสียงของท่อมอเตอร์ไซด์ที่ดังมาพร้อมๆกับตัวรถยามาฮ่าวายแซดเอฟ-อาร์วันสีน้ำเงินดำที่ถูกขับมาจอดอยู่ตรงหน้าผมทำเอาอ้าปากค้าง เจ๊ดานี่ที่กำลังคล่อมตัวอยู่บนบิ๊กไบค์คันเท่ ฝ่ามือข้างนึงที่จับอยู่ที่แฮนด์มอไซด์ ส่วนมืออีกข้างก็ยื่นหมวกกันน็อคมาให้ผม
“ขึ้นมาค่ะควายน้อย เดี๋ยวกูไปส่งเอง” ผมที่ยังอึ้งๆได้แต่รับหมวกมาแล้วสวมเข้าไปแบบงงๆ ก่อนจะปีนขึ้นไปซ้อนท้ายอีกคนอย่างมึนๆ ก่อนที่ความรู้สึกอุ่นๆจะทำให้ผมได้สติ ฝ่ามือของอีกคนที่เอื้อมมาจับแขนของผมไปกอดไว้ที่เอวของเจ้าตัว ได้ยินเสียงที่ลอดออกมาจากหมวกกันน็อคนั่นว่า
“กอดไว้ค่ะ รถมันแรงเดี๋ยวมึงจะตก”
ตกอะไรไม่รู้... แต่ตอนนี้กูตกใจมากกว่า
ตุ๊ดเชี่ยอะไรขี่บิ๊กไบค์วะมึง!
.
.
.
‘เอี๊ยดดดดด’
เสียงล้อรถบิ๊กไบค์ที่เสียดสีเข้ากับพื้นถนนของมหาลัย และในที่สุดมันก็ถูกจอดลงตรงหน้าคณะของผมอย่างพอดิบพอดี ผมที่ค่อยๆปีนลงมาจากบิ๊กไบค์คันใหญ่นี่อย่างขาสั่นๆแอบจะอ่อนแรงเล็กๆ ... กูยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหมเนี่ย เมื่อกี้กูนึกว่าเดอะฟาส แต่กูกลัวมาก กลัวว่าจะฟาดลงไปที่พื้น อิเชี่ยเอ๊ย เจ๊บไข่อยากร้องไห้!
เจ๊แม่งบิดไม่ยั้ง เอียงซ้ายเอียงขวาลัดเลอะมาตามถนน เสียวมากๆ เสียวว่ากูจะฟาดไถลไปกับพื้นถนน เป็นช่วงเวลาตื่นตกใจในยามเช้า
คนร่างสูงที่ค่อยๆหันหน้ามามองผม ก่อนที่เจ้าตัวจะถอดหมวกกันน็อคออกช้าๆพร้อมกับเงยหน้ายกมือขึ้นเสยผม สุดแสนจะเท่ ไอ้เอมอยากวิ่งไปกรี๊ดอัดหมอน หล่อแบดๆแม้จะปากแดง!
“มึงขยับมานี่”
เจ๊มันที่ว่าแบบนั้นตอนที่ผมกำลังพยายามจะปลดสายคาดหมวกกันน็อคออกจากหัว แต่แม่งเอาออกไม่ได้ เป็นมันทุกรอบ เวลานั่งวินกูก็เป็น กูงงมากว่าทำไมถึงถอดไม่ออก เวลาขึ้นวินแล้วถอดไม่ออกนี่โคตรจะอายเลยครับ ... แต่ครั้งนี้แตกต่างตรงที่อีกฝ่ายจับผมให้หันหน้าเข้าไปหาเจ๊มันแล้วมันก็ค่อยปลดล็อคสายรัดนั่นออกแล้วถอดหมวกกันน็อคออกจากหัวให้ เป็นช่วงเวลาที่เงยหน้าสบตากับอีกฝ่าย บรรยากาศแปลกๆที่ไม่เข้าใจว่าแปลกตรงไหน แต่สุดท้ายก็ได้แต่ก้มหน้าหลบตาและรอยยิ้มของคนตรงหน้าที่ส่งมาให้
มึงยิ้มอะไรเจ๊ มึงหยุดนะ หยุดยิ้มเลยนะเห้ย
“ตั้งใจเรียนล่ะควายน้อย”
“อ..อื้ม ขอบคุณครับ” ได้แต่ตอบอ้อมแอ้มออกไปแบบนั้น เป็นเชี่ยอะไรวะไอ้เอม
“ควายน้อย”
“อะไรเจ๊...”
“มึงแก้มแดงอีกแล้วว่ะ สงสัยอากาศมันจะร้อนมากๆเนอะ”เรื่องกูเจ๊ !! ไม่ยุ่งกับหน้ากูได้ไหม ถือว่าขอกันแค่นี้!!
ไม่ฟังว่าอีกฝ่ายจะพูดแกล้งอะไรกันอีก ผมที่ก็แค่หันหลังและวิ่งออกมาจากหน้าคณะทันที ได้ยินเหมือนเสียงหัวเราะดังตามมาแว่วๆ อยากจะหันไปท้ามันต่อยสักฝุ่น แต่คิดอีกทีไม่เอาดีกว่า ... เดี๋ยวโดนมันล้อเรื่องแก้มอีก
...
“อิน้องเอมมมม มึงมาแล้ว มาๆๆๆ” เสียงโหวกเหวกโวยวายที่มาพร้อมฝ่ามือสวยๆที่กวักโบกเรียกผมอย่างไม่อายใคร แม้ว่าตอนนี้จะอยู่ในโรงอาหารก็ตาม
“ป้า อย่าเสียงดังสิวะ”
“กูไม่ได้เสียงดังนะอิเอม กูแค่เสียงก้องกังวานค่ะ” มันที่ว่าออกมาแบบนั้นพร้อมฉีกยิ้มหวาน วันนี้ก็ยังสวยเพราะแต่งหน้ามาจัดครับ ผมที่นั่งลงที่โต๊ะข้างๆมัน ฝั่งตรงข้ามเป็นไอ้เก้อที่กำลังมองหน้าผมอยู่นิ่งๆ
“ไงมึง ทำไมหน้าเครียดๆวะ หิวขี้หรอ” ผมที่หันไปทักทายไอ้เก้ออย่างแกล้งๆไม่ต่างจากทุกวันที่ชอบทำ ไอ้เก้อทำหน้าเพลียๆส่งมาให้แบบระอา
“มึงมาไงวะไอ้เอม”
“กูหรอ วันนี้มีราชรถมาเกยจ้า” ตอบมันออกไปแบบนั้นแล้วยิ้มร่า แม้ว่าก่อนหน้านี้กูจะเฉียดตายและแก้มพึ่งร้อนมาหมาดๆก็ตาม
“ราชรถอะไรมาเกยมึงคะ หรือว่ามึงโดนรถเฉี่ยว ไหน ขอกูดูหน่อย มึงเจ็บไหมคะหนูลูก หนูดาวพระสุขของแม่”
“ป้า มึงไม่ต้องเล่นใหญ่รัชดาลัยเธียเตอร์ขนาดนี้ก็ได้นะ” ว่าออกไปแบบเอือมๆ เลยโดนป้ามันผลักหัวมาที
“แล้วสรุปว่าคืออะไร” ไอ้เก้อที่เป็นฝ่ายลากกลับเข้าเรื่อง ผมที่ก็ยิ้มกว้างออกมาตอนที่เล่าให้พวกมันฟังว่าวันนี้เจ๊ดานี่มาส่ง
“มึงจะบอกกูว่าเจ๊ดานี่ขี่อิจุ๊บจิ๊บมาส่งมึงหรอวะ”
“จุ๊บจิ๊บคือเหี้ยอะไรก่อน?” งงจนกูต้องถามย้ำ ไอ้หยีที่ทำหน้าละเหี่ยใจเหมือนกับว่าผมนี่ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลยส่งมาให้ และใช่ กูไม่รู้อะไรน่ะถูกแล้ว ไม่รู้ตั้งแต่อิจุ๊บจิ๊บจุ๋มจิ๋มอะไรนั่นแล้วล่ะ
“อิจุ๊บจิ๊บก็คือบิ๊กไบค์เจ๊แกนั่นแหล่ะ มันชื่อจุ๊บจิ๊บ จำได้ว่าอิเจ๊ชอบขี่ไปมหาลัยเมื่อก่อนบ่อยๆ แต่นานแล้วที่ไม่เห็นพี่แกเอาออกมาขี่ แถมคันนี้ยังโคตรจะหวง ปกติแกไม่ค่อยยอมให้ใครซ้อนหรอกนอกจากสาวๆหรือเมียเก่าๆเจ๊มัน” ไอ้หยีที่เล่าออกมาแบบออกรสออกชาติ
“ตั้งชื่อได้สาวแตกเหมือนเจ้าของฉิบหาย” ผมว่าออกไปแบบนั้น
“มึงบอกกูว่าเจ้าของร้านที่ไอ้เอมไปทำงานนี่เป็นตุ๊ด” ไอ้เก้อที่หันไปถามไอ้หยีแบบนั้น
“ใช่ค่ะ”
“แต่มันขี่บิ๊กไบค์มาส่งไอ้เอมเนี่ยนะ”
“แล้วมันจะแปลกตรงไหนล่ะวะผัวเก้อ จริงๆเจ๊แกมาส่งอิเอมนี่ก็ดีนะคะ มันประหยัดค่ารถไฟฟ้าไปอีกอ่ะ”
“เออ จะว่าไปจริงๆเจ๊มันก็ใจดีแบบที่มึงบอกกูนะป้า เมื่อวานเจ๊มันช่วยกูเยอะเลย” ผมหันไปมองเพื่อนๆอีก ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าจริงๆมันก็เป็นคนมีน้ำใจ ถึงแม้จะกลัวตีนและชอบทำท่าแด๊ะแด๋ตลอดเวลาให้รำคาญลูกตาก็เถอะ
“มันเป็นตุ๊ดหรอวะ”
“ก็ใช่น่ะสิคะ เจ๊มันเป็นตุ๊ด ตุ๊ดปากแดงๆเลยค่ะ”
“แต่เป็นตุ๊ดที่ขี่บิ๊กไบค์และพาไอ้เอมไปนอนที่คอนโด”
“ก็ใช่ไง ทำไมวะ” เป็นผมที่ว่าแบบนั้น แล้วก็ได้แต่หันไปมองหน้าไอ้หยีที่ก็แค่นยักไหล่ตอบกลับมา อารมณืเหมือนว่าไม่เข้าใจว่าไอ้เก้อจะถามซ้ำซากทำไม
“ไอ้เอม”
“ว่าไงเพื่อน”
“คืนนี้กูอยากเที่ยวว่ะ”
“แล้ว”
“ไอ้หยี”
“ว่าไงคะผัวเก้อ”
“คืนนี้ไปเที่ยวที่ร้านไอ้เอมทำงานกัน กูอยากเห็นหน้าเจ้านายไอ้เอมมันสักหน่อย”
ไอ้เก้อที่ว่าออกมาแบบนั้น ผมก็ไม่ว่าอะไรต่อ จะไปก็ไปสิ อีกอย่างถ้าไอ้เก้อไป กูจะไถทิปมันมาให้ได้หลายๆพันเลยครับโผ้ม!
--------------To be continued--------------
มาแล้วจ้าาาา อิ๊อ๊ะ ... เจ๊ดานี่ชอบแกล้งน้องเอม เป็นกำลังใจให้น้องเอมด้วยนะคะ
แต่ว่า...ขอพูดแบบน้องเอมเลยว่า เป็นพี่ดาบได้ไหม ฉันอยากได้พี่เค้า อ๊ายยยย
มามะ สำหรับตอนนี้ยาวๆกันไปเกือบ20หน้าA4เลยนะคะ คอมเม้นท์ต้องมาแล้วน้า
เป็นยังไงกันบ้างเชิญหวีดเลยค่ะ
และสามารถเข้าไปติดแฮชแทค
#สวยๆเป็นผัว ในทวิตเตอร์กันได้นะคะ ขอเชิญชวนให้ไปหวีดน้า
ขอบคุณหลายๆท่านที่ไปหวีดและรีวิวแนะนำนิยายเรื่องนี้ในทวิตเตอร์ให้แคทนะคะ ดีใจจจจจจ
(Cr.Pic by goodbyemy_b)