บทที่2
[/b]
“แกร๊ก”
'แอ๊ด'
เสียงประตูของห้องสองห้องดังออกมาพร้อมๆกัน แตกต่างตรงที่ ห้องหนึ่งปิด แต่อีกห้องหนึ่งกลับถูกเปิดออก ไอ้ห้องที่เปิดไม่ใช่ใคร ห้องตัวกูเองครับผม ส่วนไอ้ห้องที่ปิดนั้น ไม่ใช่ใครอื่นไกล คนมาอาศัยคนใหม่ที่ป้าแม่บ้านเมื่อวานบอกไว้แน่นอน เห็นหลังแว๊บ ขายาวๆในกางเกงสีดำ เห็นแค่นั้นจริงๆนี่พูดเลย จะชะโงกหน้าไปมองแม่งก็ไม่ทัน มันดันปิดประตู ทันเห็นแต่ขามัน เสียใจ ... จริงๆไม่ได้ชอบเสือกนะครับ ก็แค่อยากรู้จักมักจี่กับคนห้องใกล้เรือนเคียงก็แค่นั้นแหล่ะแหม คิดแล้วก็ขอย่องไปดูสักหน่อยจะได้ไหม
“น้องฝา ทำอะไรคะนั้น ไม่ไปเรียนหรอจ๊ะ”
“อุ้ย! ผี! เอ้ย...ป้า แฮ่ๆ ไปๆครับ ผมไปก่อนนะ สวัสดีครับ”
ก็ถ้าจะเล่นมาสะกิดไหล่ในเวลาที่คนเรากำลังจะแอบเสือกแบบนี้ ผมก็ต้องตกใจสิครับป้า แหม แล้วดูทำหน้า เหมือนจะโกรธา เพราะแบบนี้ไอ้ฝาเลยคิดว่า กูรีบไปเรียนดีกว่านะหือ
วันนี้มีเรียนตอน10โมง ผมเลยค่อนข้างที่จะชิว มามหาลัย’ด้วยบีทีเอสและต่อวิน พี่คนขับขับรถแบบไม่ได้สนใจว่าคนที่นั่งซ้อนอยู่อย่างกูจะกระเด็นตกจากรถไปตอนไหน ขอบคุณแต้มบุญของคนคูลแบบพี่ที่ทำให้รอดปลอดภัยมาได้อีกหนึ่งวัน ก้าวขาลงจากมอไซด์ จ่ายไป20 ขากูนี่สั่นเลย พอดีตอนนั่งเกร็งไปนิด สุดท้ายก็ตัดสินใจเดินลัดหลังตึกบริหาร เพราะมันเป็นทางที่ใกล้กับคณะของตัวเองมากกว่าทางอื่น จะเดินให้ไกลทำไมล่ะเอ้อ คนฉลาดอยู่นี่ไงรู้ยัง
“แต่วังเวงชิพหาย”
กรอกตามองรอบๆตัวที่เงียบสงบ บางทีก็สงบเกิ๊น แถวหลังตึกบริหารไม่มีอะไรมากครับ มีแค่ลานจอดรถ และใบไม้ร่วงหล่น ไม่ได้มีฟิลลิ่งแบบเกาหลีโอปาใดๆ แต่เป็นฟิลลิ่งของลุงพาลโรงที่ขี้เกียจมาทำความสะอาด ช่างแม่งครับ ตัดสินใจก้าวขาเดินผ่านมาแบบหล่อๆ แต่ขามันก็ต้องหยุด เพราะตามันดันสะดุดกับรถคันหนึ่งที่จอดเด่นอยู่กลางลานจอดที่โคตรจะวังเวง
รถสีเหลืองโดดเด่นสะดุดตา ภายใต้แบรนตราสี่ห่วง ที่ถ้ามองไกลประมาณ500เมตรก็คงเห็น โคตรสวย โคตรคุ้น มองซ้ายมองขวา ไม่มีใครอยู่ ขอเข้าไปดูสักนิดจะได้ไหม....ไม่มีใครอนุญาตหรอก กูพุ่งไปแล้วครับ เอาหน้าแนบกระจกเลย สวยยยยย พี่ฝาคนคูลชอบ ชอบสุด จับใจพี่ยิ่งนัก เป็นความชอบที่ไอ้ฝาคนนี้ไม่มีปัญญาได้จับจองเป็นเจ้าของ กูไม่ได้จนนะ! ก็แค่อยู่ในระดับพอมีพอกินแบบเบาๆ
“งามมากแม่เจ้าโว้ย!”
เอื้อมมือไปลูบๆคลำๆสักหน่อย บุญมือของไอ้ฝา เดินวนมันอยู่แบบนั้น รู้สึกรถมันสั่นๆ แต่ช่างมันก็เดินต่อไป จนกลับมายืนข้างกระจกฝั่งคนขับ ติดฟิล์มดำมืดมากๆ โอ๊ยเท่ห์สุดใจขาดดิ้น ยังไงก็ต้องรีบเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้ไอ้ธาร ไอ้หมอก ไอ้เซียร์ฟัง มหาลัย’เรามีรถหรูมากๆนะพวกมึงงงงงง แต่มันจะอินกับกูไหม เพราะรถพวกแม่งแต่ละคันก็หรูๆทั้งนั้น แต่ช่าง พี่ฝาจะเล่าก็ต้องเล่า อย่าขัดพี่~~~
‘ฟืดดด’
แต่ก่อนที่จะได้เดินจากไปทั้งๆที่ใจพี่ยังอยู่กับน้องเหลืองคันนี้ กระจกข้างคนขับที่ก่อนหน้านี้มืดสนิทปิดแบบเงียบเชียบ มันก็ค่อยๆเลื่อนลงช้าๆ ตาสบตา สายตาก็จ้องมองกันรู้สึกเสียวซ่านหัวใจ ...พ่องเซะ!
ดวงตาคมที่ปรายตามองผมนิดๆ หน้าหล่อที่วางคางไว้บนลาดไหล่บางของผู้หญิงคนนึงที่กำลังนั่งคล่อมตัวเขาไว้อยู่
“เชี่ย!”
ผงะถอยหลังออกมาแบบตกใจ แต่มือกูก็ยังแปะไว้ที่รถของมัน คนที่นั่งทำหน้านิ่งๆอยู่บนรถในตอนนี้ คือคนที่ผมไม่เคยจะลืม ผู้ชายที่สะดุดสายตาของผมให้มองแค่เขาในวันนั้น ไม่ผิดแน่ๆ ผู้ชายที่งานแข่งรถคนนั้น แต่...
“รบคะ อ๊ะ จะเปิดกระจกทำไม ว๊ายยย แก โรคจิต!”
หญิงสาวสวยที่แค่เห็นแว๊บเดียวก็จำได้ ดาวคณะบริการเมื่อปีที่แล้ว เธอชื่อทราย เคยเห็นมาเร้าหรือไอ้ธารอยู่พักใหญ่ แต่ตอนนี้คงไม่ใช่ แถมตอนนี้ยังจิกตามาด่ากูอีก ใจผมกระตุกเมื่อมองเห็นสายตานิ่งๆของคนที่นั่งอยู่บนรถ ตาคมที่ไม่บอกอะไรจ้องหน้าผมนิ่งๆ ตั้งใจจะวิ่งหนีไป แต่มันติดอยู่ตรงที่
‘หมับ’
จับมือกูทำไม ปล่อยครับไอ้หล่อ ปล่อยพี่ฝาบัดเดี๋ยวเน้
“หึ จ้องเหี้ยไรนักหนา”
“ห๊ะ...เอ่อ.....”
“เอ่ออ่าอะไรของมึงวะ ไม่เคยเห็นรถรึไงถึงเดินวนอยู่ได้น่ารำคาญ มึงจะไปไหนก็รีบๆไป เกะกะคนจะเอากัน เสียอารมณ์!”
มันที่พูดออกมาแบบนั้น หน้าตานิ่งสนิท ไม่ได้ดูว่ามีอารมณ์อะไร แต่คำด่าก็บอกได้ว่าเจ็บสุดๆ มือแกร่งที่จับข้อมือผมไว้ สะบัดมือผมออกไปสุดแรงหลังพูดจบ แววตาเหยียดๆที่ผมเห็นเป็นครั้งสุดท้าย พร้อมๆริมฝีปากที่ยกยิ้ม และกระจกที่เลื่อนขึ้นปิดช้าๆ
ได้แต่ยืนกระพริบตาปริบๆมองอยู่ตรงนี้ อ้าปากค้างหน่อยๆ กว่าจะได้สติอีกที่ก็ตอนที่รถคันตรงหน้าเริ่มโยกขยับ ก็ถ้าจะขย่มกันต่อหน้ากูเบอร์นี้
“เหี้ย! พี่มึง...แม่งเหี้ยย เสียยี่ห้อรถหมดไอ้ฉัด!”
ด่าออกไปแบบนั้นแล้วรีบวิ่งใส่เกียร์หมาหนีมาแบบด่วนๆ กลัวมันลงมาต่อย แต่จริงๆคือกูก็ใจสั่น มันหล่อ … แต่เป็นคนหล่อที่นิสัยเสีย แถมไม่เคยเห็นกูในสายตาอีกต่างหาก ก็อย่างว่า คนแบบไอ้ฝาแม่งโคตรจะจืดจางกูก็รู้อยู่
...
“อิน้องฝาหอย มึงจะนอนทำหน้าเป็นหมาโดนยาเบื่อแบบนี้อีกนานมะคะ เป็นห่าไรมึง ไหนเล่า”
เสียงแรดๆของไอ้เซียร์ที่ดังเข้าโสตประสาท ไม่ได้ทำให้กูอยากจะเงยหน้าขึ้นมาจากกระเป๋าเป้แต่อย่างใด ในหัวกูยังติดตากับภาพก่อนหน้านี้ รถสวย คนขับหล่อ แต่มองกูเหมือนแมลงสาบ แถมมันยังขย่มสาวต่อหน้ากูอีก ... ใจหวิวแปลกๆ หรือมันเป็นเพราะกูชอบตาของมันวะ ตาที่น่าค้นหา ตั้งแต่วันนั้นที่เห็นก็ชอบ พอมาวันนี้ ได้มองใกล้ๆแบบนั้นก็ยิ่งดูดี แต่เจ้าของดวงตาคู่นั้นมองกูเหมือนขี้เลยว่ะ
“มันเป็นเชี่ยไรวะ”
“กูก็ไม่รู้ มาถึงก็นอนหน้ามึนอยู่แบบนี้ ปกติแม่งก็จืดอยู่แล้วนะ พอเป็นงี้ กูนึกว่ามาม่าอืด”
ไอ้เซียร์ที่ตอบไอ้ธารออกไปแบบนั้น ขอบคุณการเปรียบเทียบของมึงมากๆ ที่ไม่ได้ทำให้กูรู้สึกดีกับตัวเองมากขึ้นเลย กูแม่งเหมือนมาม่าอืดเลยหรอวะ เชี่ย เส้นเละอืดน้ำและแดกไม่อร่อย นั่นคือนิยามกูหรอวะ เงยหน้าขึ้นมามองพวกมันสองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามผมตาปริบๆ
“เฮ้โย่วมายเผิงโหย่วววว”
ไอ้หมอกที่พึ่งเดินเข้ามา ในมือมันถือแก้วนมชมพูดูดมาด้วย ผมที่เงยหน้าไปมองมัน เมื่อกี้มึงพูดภาษาเชี่ยไรนะ?
“เอ้า งงๆ งงกันหมดอะเด้ ไอ้พวกไม่มีการศึกษา”
“ด่ากูหาพ่องหรอคะอิหมอก เดี๋ยวปีนข้ามโต๊ะไปตบเลย”
“แหม จะกล้าตบพี่หรอคนสวย พี่หล่อนะ”
“ถรุย”
ขอบคุณเสียงขากของไอ้ธารและไอ้เซียร์ที่ประกอบฉากอยู่ในขณะนี้ ไอ้หมอกแค่ยักไหล่และนั่งลงข้างๆผม มันวางแก้วนมชมพูของมันลง ก่อนจะหันมามองผม ผมที่จ้องหน้ามันอยู่ก่อนแล้ว
“มองไรวะไอ้ฝา หรือมึงข้องใจไอ้คำว่า เผิงโหย่วเมื่อกี้”
“อันนั้นก็ด้วย..แต่...”
“อ๋อออ มันแปลว่าเพื่อนเว้ย ภาษาจีน อินเตอร์ป๊ะล่ะมึง จำใส่กะโหลกไว้ครับ ประดับหน้าจืดๆของมึงจะได้ดูฉลาดๆ”
มันว่าแบบนั้นพร้อมตบไหล่ผมปุๆ ... กูอยากจะครายอิ้ง น้ำตามา กูขอดราม่าซักกะนิดนุง คือกูหน้าจืดเหมือนมาม่าอืด และยังโง่ด้วยหรอวะ ชีวิตบัดซบของไอ้ฝา
“ทำหน้าเชี่ยไรของมึง” ไอ้หมอกที่หันไปดูดน้ำของมัน หันมาถามผมอีกที ตอนนี้ไอ้เซียร์กับไอ้ธารเดินออกไปหาซื้อข้าวเที่ยงกินครับ
“มึง...หน้ากูแม่งแย่มากหรอวะ”
“ก็ไม่ มึงแค่หน้าขาว ดูไม่มีเลือดฝาด แอบคิดว่ามึงจะเป็นโรคห่าไรรึเปล่า หรือต้องทำคีโมหรืออะไร แต่จากที่คบๆมา มึงก็แข็งแรงดี”
ขอบคุณในความจริงใจที่มีให้กับกูเสมอครับเพื่อนหมอก สลดอีก10วิ
“ฮ่าๆ เป็นเชี่ยไรวะ ร้อยวันพันปีไม่เห็นมึงจะใส่ใจเรื่องหน้าตา” มันที่หัวเราะขำแบบสะอกสะใจ ยื่นมือมาขยี้หัวกูแบบเอ็นดู มึงเอายังไงแน่ มึงย้อนแย้งนะสัดหมอก
“เพราะหน้าแบบนี้ กูเลยหาแฟนไม่ได้หรอวะ”
ถามมันออกไปเบาๆ ไอ้หมอกที่แค่หยุดมือที่ขยี้หัวผมอยู่ มันก้มหน้ามาจ้องตา ใจกูสั่นเลย ไอ้หมอกมันหล่อ หน้าตามันสวยๆหล่อ เป็นคนที่มีสเน่ห์ เป็นผู้ชายสมัยใหม่ที่ผู้หญิงกรี๊ด น้ำหอมมึงก็หอมนะ ว่าแต่เสื้อจะแหวกกระดุมเพื่อใคร กูว่ากูเห็นหัวนมชมพูมึงล่ะ
“ทำไมมึงพูดแบบนี้วะ มึงแอบหลงรักใคร หรือว่า...”
พูดออกมาแบบนั้นพร้อมเบิกตากว้าง กูก็เงยหน้าขึ้นมองมันแบบอึ้งๆ อย่าบอกว่ามึงรู้นะ ... มึงรู้หรอวะ หรือเพราะวันไปงานแข่งรถมึงเห็นกูจ้องไอ้เหลืองนั่นมึงเลยรู้ ...
“มึง...มึง...มองชอบกูหรอน้องฝา!”
“ถรุย”
“โอ๊ยย เชี่ยแม่งไอ้ฝา กระเด็นเข้าดวงตากูเลย”
ถ้าทำได้กูอยากขากเอาเสลดถุยใส่ตามึงด้วยเอาจริงๆ ผมดูเป็นคนสถุนแปลกๆนะว่าไหม ยังไง
“กูไม่ได้ชอบมึง มั่นหน้าเหลือเกินครับ”
“อ่ะแน่ แต่มึงพูดแบบนี้ แสดงว่ามี ใครวะ....บอกมาเดี๋ยวกูช่วย”
หน้าตาบอกยี่ห้อมากๆว่าต้องการที่จะเสือกเรื่องราวของคนอื่นแบบสุดๆ เข้าใจแล้วว่าทำไมพวกเราถึงสนิทและเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันได้
“เอ้า อย่าเงียบดิ๊” เอาไหล่มากระแซะผมหนึ่งทีเมื่อมันเห็นผมยังเงียบอยู่แบบนั้น
“กู...กูแค่คิดว่าเขาเก่งและเท่ห์เฉยๆ”
“มึงพูดแบบนี้แสดงว่ามันเป็นผู้ชาย”
“มึงรู้ได้ไงวะ!”
“หึ เสียงดังเชียวนะ ก็มึงบอกว่าเท่ห์ คนฉลาดแบบกูก็ต้องรู้สิวะ...” ยักคิ้วให้กูหนึ่งจึก จริงๆก็หมั่นไส้จนอยากจะถีบจังเลยครับ
“แต่ว่านะ...ถ้ามึงชอบ ทำไมไม่ไปบอกมันวะ”
“แล้วมึงคิดว่าคนแบบกู จะมีใครชอบหรอวะ”
“เอ้า...ของแบบนี้ไม่ลองก็ไม่รู้นะครับ”
“แล้ว มึงไม่ว่ามันแปลกๆหรอวะ”
“อะไรของมึงที่ว่าแปลก” มองหน้ามันที่เลิกคิ้วขึ้นถามผมแบบนั้น
“กูไง...ชอบผู้ชาย มันไม่แปลกหรอวะ”
“แปลกก็เหี้ยละ เกลื่อนบ้านเกลื่อนเมืองขนาดนี้ อีกอย่างนะ ดูจากสภาพหนังหน้าของมึงยันหนังกำพร้า กูก็ว่ามึงเอาใครไม่ได้หรอกว่ะฝา”
เกลียดคำพูดมัน แต่กูก็ตอบโต้อะไรไม่ได้เลยครับแม่ง ตอบกูมาแบบนั้นแถมยังหัวเราะกูเอิ๊กอ๊าก ดูมีความสุขเหลือเกินนะมึง
‘อ๊าย ว๊าย’
เสียงฮือฮาที่ดังหึ่งๆเหมือนผึ้งแตกรัง ดังมาจากทางเข้าของโรงอาหารกลาง ทำให้ทั้งผมและไอ้หมอกต้องหันไปมอง ผู้ชายร่างสูงในชุดนักศึกษา ก็ไม่ได้แตกต่างจากใครมากนัก แต่มันอาจจะต่างตรงดวงตาคมดุนิ่งๆนั่น ที่ดูแล้วหล่อบาดจิต ดูได้จากจริตของสาวๆรอบตัวได้ครับ เดินหน้านิ่งเข้ามาพร้อมกระเป๋าเป้สีเหลืองบาดใจลายมินเนียน มองแล้วกูขออุทานว่า ไอ้เหี้ย กล้วยมาก! เหลืองสุด!!
ผมที่มองตามเขาไป จังหวะการก้าวเดินยิ่งกว่านายแบบ หล่อเหมือนกระโดดหลุดออกมาจากนิตยสาร หล่อแบบวัวตายควายล้ม ดูดีจนผมละสายตาไปไม่ได้ ... และสุดท้ายเขาก็หยุดเดิน และเลือกที่จะนั่งลงที่โต๊ะตัวนึงที่ไม่มีใครนั่ง ไม่ใกล้ไม่ไกลจากโต๊ะของผม แต่หันหน้ามาตรงกับผมเลย ตาคมที่หันมองซ้ายมองขวาเหมือนหาอะไรสักอย่าง ก่อนที่มันจะหยุดมามองตรงผม สะดุ้งนิดๆก่อนจะเสตาหลบ ทำเหมือนว่ากูไม่ได้มองอยู่ เชี่ยแม่ง!
“เหยด ใครวะ” ไอ้หมอกที่พูดออกมา ผมหันไปหามันแล้วได้แต่ส่ายหน้า ไม่รู้ดิ ไม่รู้จักชื่อ แต่กูโคตรชอบมันเลย ใจกูสั่น
“อ๊ายยยยยมึงคะ กูมีเรื่องมาเม้าส์มอยๆ” เสียงแรดๆที่มาพร้อมท่าทางสะดีดสะดิ้ง ไม่ใช่ใคร ไอ้เซียร์ครับ มันก้าวขาเข้ามานั่งตรงหน้าผม บังทัศนียภาพอันดีงามของกูหมด
“เรื่องเสือกนี่รีบตลอด รีบจนลืมอาหารเลยนะมึง” ไอ้ธารที่เดินบนตามหลังมา มันวางถ้วยก๋วยเตี๋ยวเรือของมันและอีกถ้วย สงสัยจะของไอ้เซียร์
“ท่าทางดูคันมาก” ไอ้หมอกมันว่าแล้วหรอกตา ถูกไอ้เซียร์จิกตาใส่เลยครับ
“มึงรู้ไหมคะ ผู้ชายคนนั้นที่เค้าพูดถึงกันอ่ะมึง หน้าตาเป็นอย่างไร”
“ผู้ชายคนไหน กูเห็นวันๆพูดถึงผู้ชายเป็นสิบ”
“ขัดกูจังอิหมอก ก็ผู้ชายที่ชื่อนักรบที่เค้าว่าเทียบโอนมาจากญี่ปุ่นไงคะมึง อยู่ปี3บริหารนะจ๊ะ ขอบอกว่าหล่อสัดๆ นู่นนนนน มึงดูค่ะ ข้างหลังกู คนนั้นๆๆๆๆ”
ไอ้เซียร์ที่กระดี๊กระด้า ก่อนจะเอนตัวหลบคนที่ก่อนหน้านี้ผมกำลังแอบมองอยู่ ตาสบตา ตาคมที่ยังจ้องมองมานิ่งๆอยู่แบบนั้น ผมหันหน้าหลบอีกครั้งในจังหวะที่ไอ้เซียร์ก็เอนตัวมานั่งแบบปกติ โชคดีของกู ถ้าถูกไอ้นี่จ้องนานๆกูตายแน่ๆ แค่นี้ใจก็สั่นเหมือนแดกกาแฟ10แก้วรวด ว่าแต่มันจะรู้ไหมว่ากูแอบมองอยู่
“เห็นแล้วใช่ไหม เท่ห์สัดหมา”
“นั่นมึงชม?”
“เออสิ ชมค่ะ หล่อชิพหาย หล่อเหี้ยๆเลยเนอะๆ” ก็ถ้าจะหลายเหี้ยขนาดนั้นก็คงจะหล่อล่ะมั้งกูว่านะ...
.
.
.
“กูเกลียดค่ะ ทิมมี่ไม่โอเคกับกู”
“กูก็เห็นมึงไม่เคยโอเคกับอาจารย์คนไหนสักคนอ่ะ” ผมที่หันไปว่าไอ้เซียร์ แต่ละคาบพอเรียนเสร็จ มันก็จะเปลี่ยนชื่ออาจารย์ใหม่ แล้วก็บ่นแบบนี้ทุกที เป็นคนสวยที่โง่และมีความขี้เกียจในการเรียนสูงมาก หันไปมองอีก2ศพที่เดินกอดคอกันออกมาจากห้อง หัวฟูๆของไอ้หมอก แทบจะพันกับผมของไอ้ธารอยู่แล้วเถอะ สภาพยิ่งกว่าศพหมา
“มึงจะถ่ายรูปอะไรวะ”
ไอ้ธารถามผมเสียงดูเหนื่อยหน่าย งานที่อาจารย์สั่ง ถ่ายภาพที่ให้ความรู้สึก ในหัวข้อ ‘feeling images’ ภาพที่ตรงกับหัวข้อที่สุดถึงจะได้คะแนน....เชี่ยอะไร คอนเซ็ปเชี่ยอะไร การเป็นเด็กPhoto ก็ต้องมีความติสพอๆกับเรียนกับอาจารย์เฉลิมชัยขนาดนี้เลยหรอวะ ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ผมส่ายหัวตอบไอ้ธารไป เพราะจริงๆตอนนี้ก็ยังไม่มีความคิดว่าจะถ่ายรูปอะไร
“น่าเบื่อชิพหาย ไปแข่งรถดีกว่า” ไอ้หมอกที่บอกออกมาแบบนั้น กูที่หูผึ่งทันที
“หน้าตาดูมีความหวังนะไอ้จืด” ไอ้หมอกยกยิ้มและหันมาว่าผม เดินเข้าไปกระแซะมันครับ เอาแก้มถูๆที่หัวไหล่ของมัน ช้อนตากระพริบอ้อนๆให้ดูหน้าถีบสองปริบ
“พอ กูจะอ้วก น่ารักมากมั้งมึง” ว่าแบบนั้นแล้วสะบัดไหล่ของตัวเองแบบรังเกียจ ทำเอาหน้ากูคะมำ มันยกมือขึ้นขยี้หัวผมแบบสนุก ไอ้เลว
“อยากไปก็ไป” แต่เพราะมันที่ตอบออกมาแบบนั้น กูนี่ยิ้มกว้างเลย เชิญพี่หมอกขยี้ขยำน้องให้พอใจ ไอ้เซียร์เบะปากใส่ผมทันทีครับ อย่าหมั่นไส้ถึงพี่จะจืด แต่พี่ก็อร่อยแบบน้ำซุปใสคล่องคอ ก็ว่าไปนั่น
และสุดท้าย ตอนนี้ก็กำลังเดินตามหลังไอ้หมอกเพื่อนรักต้อยๆอีกแล้ว สถานที่ที่ไม่คุ้นเคยเท่าไหร่ ไม่ใช่สนามแข่งเมื่อครั้งก่อน แต่ดูก็รู้ว่าที่แข่งรถนี่ก็ยังเถื่อนเหมือนเดิม
“มึงมาแข่งบ่อยหรอวะ”
“ก็บ้าง ตอนม.ปลายก็บ่อยนะ แต่ตอนเข้าปีหนึ่งมันยุ่งๆก็เลยไม่ค่อยได้มา ก็พึ่งจะกลับมาแข่งนี่ล่ะ” ไอ้หมอกที่ว่าแบบนั้นแล้วคว้าคอผมให้ไปเดินข้างมัน มือยาวๆของมันที่เอื้อมมากอดคอไว้
“เฉยๆ นิ่งๆตามพี่มาแล้วจะดีเองครับน้องฝา” เงยหน้ามองมันที่ก็ไม่ตอบอะไร แค่ยักคิ้วให้ ก็ตามพี่เค้าไปครับ
“อ้าวไอ้หมอก มาแข็งหรอวะ”
“เออพี่...คิวว่างป๊ะ”
มันที่พยักหน้าตอบพี่หนวด กูไม่รู้จักชื่อครับ ก็พี่แม่งตัวใหญ่แถมมีหนวด ดูเหมือนเป็นคนคุมสนามนี้
“ได้ๆ เดี๋ยวกูดูให้ มึงเข้าไปก่อนเลย เอารถมาใช่ไหมวะ” มันพยักหน้าตอบ
“เออดี มึงเข้าไปเช็คก่อนไปเดี๋ยวกูหาคู่ให้...ว่าแต่นั่นใครวะ เด็กมึง?”
ไอ้หมอกที่ก้มมามองหน้าผม ตาสบตาสายตาก็จ้องมองกัน กูกำลังจะส่ายหัวเลยครับ แต่เหมือนจะช้ากว่าไอ้ห่าหมอก มันยิ้มกว้างส่งไปให้พี่เค้า แอทแท็คมาก โครตดูดีเลยรอยยิ้มของมัน
“เด็กกูเองพี่”
มันว่าแบบนั้น เอามือออกจากคอผมแล้วเปลี่ยนไปกอดเอว ขนลุกวาบ รู้สึกชูชันยันขนตูด เชี่ยอะไรของมึงครับเพื่อนหมอก นี่พี่ฝาเพื่อนมึงไง ปล่อยมือมึงออกจากสะโพกกูบัดเดี๋ยวนี้ ไม่ต้องรอให้กูปฏิเสธพี่หน้าหนวดไอ้เชี่ยเพื่อนหมอกก็ลากเอวกูกูให้ตามมา
“เชี่ยไรมึงวะ มึงจะเครมตูดกูหรอไอ้หมอกกกกกกก”
สะบัดตัวออกจากมันทันทีเมื่อเดินออกมาจนลับตา ไอ้หมอกถอนหายใจทำหน้าเหนื่อยใจ ยกมือขึ้นพับแขนเสื้อ อะไร มึงจะต่อยกูเรอะ
“สัดฝาครับ กูคงอยากได้ตูดมึงหรอกนะ ฟีบก็ฟีบ” ทำหน้าระอาแถมกูอีก ทำไมต้องดูถูกตูดกูด้วย ฟีบแต่ใสเหมือนหน้าเด็กนะไอ้เชี่ยไร้รอยสิวฝ้าพูดเลย ไม่อยากจะอวด
“หุบปาก อย่าเถียงกู...บอกว่ามึงเป็นแฟนกูอ่ะดีแล้ว เกิดมึงเดินหน้าจืดไปโง่ที่ไหนอีก แล้วโดนซิวตูดขึ้นมาทำไง บอกไว้เลยนะ แถวนี้ดึงใครไปเยก็ไม่แปลก เพราะงั้นถ้าไม่อยากโดนสาดน้ำเข้าตูดก็หุบปาก” ก็ถ้าจะพูดซะกูเห็นภาพขนาดนั้น ก็วิ่งไปเกาะเอวมันไว้ทันทีเลยจ๊ะ ถึงกูจะจืดแต่กูก็หวงตูด เอ้ย หวงตัวนะครับ
“สัด เด็กว่ะมึง”
“เด็กเหี้ยไร อายุเท่ากัน”
“เออๆ ทีนี้มึงก็อย่าดื้อ เคนะ แหม หวงตัวเหมือนกูจะชอบความจืดชืดของมึงเนอะ”
“มึงอย่าดูถูกกูครับ ถึงหน้ากูจะจืด แต่ลีลากูดีนะ ลองมะ” กวนตีนมันครับ มันที่ยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะเกี่ยวเอวผมเข้าไปใกล้
“จัดสักทีดีไหม ปากแบบนี้เนี่ย”
จ้องตากันไปมา ไม่กลัวครับ กับไอ้หมอกนี่โครตจะเพื่อนกัน อาบน้ำกับมันมาตั้งแต่เข้าค่ายปฐมนิเทศน์ ถ้าจะรู้สึกอะไรก็คงได้กันไปนานแล้วครับ แต่ก่อนที่เราจะกวนตีนกันได้นานอีกหน่อยก็...
“เกะกะ”
ผมกับไอ้หมอกผละออกจากกันทันที หันไปมองทางด้านหลัง ผู้ชายหน้าตายที่พึ่งด่ากูเมื่อตอนกลางวัน ...’นักรบ’ ยืนนิ่งๆมองตรงมาที่ผมกับไอ้หมอกอยู่แบบนั้น วันนี้เขาอยู่ในชุดแจ๊คเก็ตสีเหลืองดำเข้าคู่กับกางเกงยีนส์ขาดเข่าสีดำ หล่อสัดหมาแบบไม่แบ่งใคร ตาคมๆที่ไม่ได้หันมาทางผม เขาที่จ้องมองไปที่ไอ้หมอก เพื่อนผมที่ก็แค่ยกยิ้มมุมปากเลิกคิ้วขึ้นนิดๆ ยักไหล่ใส่หน่อยๆ ไอ้เชี่ยนี่ก็กล้าจัง…
“ก็เดินทางอื่นดิ” ไอ้หมอกมันบอกออกไปแบบนั้น กูนี่กระตุกแขนเสื้อมันไว้เลยครับ กูเคยเห็นไอ้นี่มันถีบคนนะ แล้วถ้าถีบมึง กูว่ามึงปลิวออกไปนอกโลกนะเพื่อนหมอก มึงอย่าเก๋าครับ
“หึ...มึงชื่อไร” คำถามที่ทำเอาผมเลิกคิ้ว ไม่โกรธแต่มึงถามชื่อหรอวะ
“อยากรู้ก็หาคำตอบเอาสิวะ” ยักไหล่แล้วคว้าข้อมือผมให้เดินตามมันไป มันที่ดูไม่ได้สนใจอะไร ผิดแต่กับผม ที่เดินตามแรงกระชากของมันมา แต่หน้าก็ยังหันไปมองคนที่ยกยิ้มมองตามมาอยู่แบบนั้น
...
“มึงเหม่อเชี่ยไรครับ”
ไอ้หมอกที่เดินเข้ามาถามผม หลังจากที่มันเข้าไปเช็คเครื่องรถดูแล้วรอบนึง เงยหน้ามองมันแล้วส่ายหน้าให้มันยิ้มๆ
“ตอแหลพี่ครับน้องฝา” ผลักหัวกูแล้วยักคิ้ว หมั่นไส้เลยถีบขาแม่งไปทีนึง
“สัดฝา ขากางเกงกูมีลอยตีนไอ้เชี่ย”
“นั่นแหล่ะ เอาฤกษ์ มึงรีบๆไปเตรียมตัวเลยไป”
“เออๆ มึงก็อย่าดื้ออย่าซน ไปเชียร์กูตรงนั้น เคมะ” ชี้มือไปแถวข้างสนาม บอกกูเสร็จสรรพเหมือนกู3ขวบ
“เออ”
พยักหน้าให้มัน แล้วเดินไปนั่ง คนเยอะครับ แถวนี้คือคนที่มาเชียร์ไอ้หมอกเป็นกลุ่มเพื่อนและคนรู้จักของมัน เห็นมันว่างั้นนะครับ ผมไม่รู้จัก แต่ไม่จำเป็นต้องทักทายใครครับ เพราะแค่กูเดินเข้าไป ยังไม่มีใครรู้เลยว่ากูมา มองหาที่นั่งกำลังจะเดินไปนั่ง แต่เหมือนว่าไอ้หมอกจะเดินเข้าไปในสนามแล้ว คนที่อยู่ข้างสนามเลยลุกฮือกันขึ้นมา แถมกรูกันออกมาจากที่นั่งวิ่งมาข้างสนาม ใครไม่รู้ชนกูอย่างแรงจนเซ มึงรีบหรอ นั่นไอ้หมอกเพื่อนกูครับ ไม่ใช่Super Junior + Got7 รีบขนาดนี้ มึงจะขอลายเซ็นต์หรอ เหยียบกูเลยสิ พวกคนใจหยาบ!
“ว๊ายๆ นั่นพี่หมอกจะแข่งกับใครอ่ะ”
“นั่น นั่นมันพี่เทียนไม่ใช่หรอ กรี๊ดดดด”
กรี๊ดกร๊าดกระตู้ฮู้อะไรกันวะครับ แหม ตอมเสือกกระตุกทันที พยายามจะลุกขึ้นยืนดูปีนขึ้นเก้าอี้ พอดีกูสูงน่ะ...มองไม่เห็นไอ้คนที่ชื่อเทียนนั่น แต่เห็นไอ้นักรบแทนครับ ร่างสูงที่ยืนอยู่ในสนาม สายตาที่กำลังจ้องมองตามรถที่ออกตัวไปพร้อมๆกับรถของไอ้หมอก ใบหน้าคมกระตุกยิ้มพอใจแบบหน้าเหี้ยมาก มองจากตรงนี้ยังรู้อ่ะคิดดู ร่างสูงที่ละสายตาจากสนามหันหน้ามาทางคนดู ดะ...เดี๋ยวนะ คนดู .... เชี่ยพ่อง รีบกระโดดลงจากเก้าอี้ทันทีแล้วมุดหลบลงข้างที่นั่ง กูเด่นมาก...ไม่เข้าใจว่าจะหลบทำไม ผมไม่คิดว่าคนแบบนักรบจะมองผมหรอกเอาจริงๆ แต่มันก็เหมือนคนร้อนตัวอ่ะ คือกูชอบแอบมองไง ก็กลัวว่าแม่งจะรู้ ค่อยๆมองลอดขาชาวบ้านไป เห็นไอ้เหลืองที่ผมชอบกำลังเดินมาทางนี้ ... เชี่ย ใกล้แล้ว ใกล้....ไม่ได้มาหากูหรอก แต่แม่งใกล้ว่ะ ใกล้ถึงกูแล้ววว ฉัดเอ๊ย ไม่อยู่แล้วโว่ย!
...
สุดท้ายก็หนีออกมาเข้าห้องน้ำ กลิ่นมาดามหอมชื่นใจเลยล่ะกู ทำไมกูไม่หนีไปซื้อน้ำวะแม่ง ไม่เข้าใจตัวเอง กวักน้ำล้างหน้าแรงๆสักที ไม่เข้าใจว่าจะหนีออกมาทำไม ทั้งๆที่อีกฝ่ายก็ไม่เคยรับรู้ถึงการมีตัวตนของกูอ่ะ บ้าบอจริงๆพี่ฝาคนคูล
“เฮ้อ...กูจะหนีออกมาทำไมวะแม่ง”
“นั่นสิ มึงหนีทำไม”
“ชะ...เชี่ย!” หมุนตัวกลับอย่างไว เมื่อคนที่กูพึ่งหนีออกมายืนจังก้าท้าแดดลมฝนบังประตูทางออกห้องน้ำอยู่ตอนนี้ ร่างสูงที่ยืนกอดอกมองมาทางผมนิ่งๆ คิ้วหนาเลิกสูงขึ้น ดูกวนตีนแปลกๆทั้งๆที่หน้ามันก็นิ่ง
“มึงด่ากู?”
“ปะ...เปล่าเว่ยพี่”
“อ่อ”
ว่าแบบนั้นพร้อมพยักหน้าหงึกหงักช้าๆ .... แปลกอ่ะ กูว่าแม่งกวนตีนกูครับ ตอบเหมือนเข้าใจแต่ก็ดูไม่สนใจ ช่างพี่มันแล้วกัน ในจุดๆนี้ กูไปดีกว่า เดินเลียบๆเคียงๆหนี เพราะกูกับมันก็ไม่ได้สนิทกันถูกไหม มีแค่กูที่แอบชอบมันคนเดียวเนี่ย
‘พรึบ’
ย้ายตัวเองมาบังทางกูเพื่อใคร ไหนพูดสิพ่อนักรบ
“อ่ะ...เอ่อ...ขอทางหน่อยครับ”
“พ่อมึงสร้างหรอ ถ้าพ่อมึงสร้างก็ไปบอกให้พ่อมาเคลียร์กับกูสิ กูถึงจะขยับ” เงยหน้าจ้องตามัน พร้อมกระพริบตาปริบๆ เดี๋ยวนะ อะไรของมึงซิ?
“มอง มองกูทำไมวะ”
“เห๊ยยยย บ้า ใครม๊องงง เปล่าเลยเว๊ยพี่”
ไอ้ชิพลอส แล้วเสียงกูจะสูงไปไหนถามใจดู ไอ้คนตรงหน้ากระตุกยิ้มมุมปากหน่อยๆ ไม่ดูหล่อแล้วครับไอ้เชี่ยคุณพระ ดูเลวทันที ขายาวๆที่ค่อยๆก้าวเข้ามาหาผมช้าๆ ทีละก้าว ทีละก้าวช้าๆอย่างใจเย็น
“กูรู้สึกว่า.....”
ว่าอะไรไม่รู้ แต่ที่รู้ๆตัวกูติดอ่างล้างหน้าแล้วไอ้เชี่ย กลืนน้ำลายเหนียวๆลงคออึกใหญ่ เงยหน้าจ้องตาคนที่ค่อยๆเคลื่อนหน้าลงมามองหน้าผมในระยะประชิด แขนแกร่งที่คล่อมทับท้าวแขนไว้กับขอบอ่างล้างหน้ากักตัวไม่ให้ได้ออกไปไหน
“อ่ะ....เอ่อ”
“หึ” ร่างสูงที่กระตุกยิ้มมุมปากแล้วจ้องตาผมนิ่งๆ ลมหายใจที่ค่อยๆเลื่อนเข้ามาใกล้กันเรื่อยๆ มือที่ชื่นเหงื่อของตัวเองได้แต่จิกเข้าหากันอยู่แบบนั้น
“สายตามึงมันชัดไปนะ”
“ห๊ะ..อะไรน...อื้อออ”
คำพูดของผมหายไป พร้อมๆกับริมฝีปากที่ถูกปิดลงด้วยฝีมือของคนตรงหน้าที่โฉบลงมากดจูบลงบนริมฝีปากกูอย่างอุกอาจ ดวงตาที่เบิกกว้าง ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ในขณะที่ลิ้นร้อนๆถูกดันเข้ามาในโพลงปาก เกี่ยวกระหวัดพร้อมดูดเม้มปลายลิ้นจนผมสะท้าน ความช่ำชองของคนตรงหน้าที่ชักนำคนแบบผมได้ง่ายๆจนโอนอ่อนตามไป มือหนาเลื่อนจากท้าวที่ขอบอ่างขึ้นมาจับที่ใบหน้าเพื่อที่จะจูบได้อย่างถนัด มืออีกข้างโอบกอดกระชับเอวของผมให้แนบชิดกับตัวของอีกฝ่ายมากยิ่งขึ้น
“อ๊ะ อื้มม”
เสียงครางกระเซ่าของตัวเองที่ดังออกมายิ่งทำให้รู้สึกร้อนหน้า รับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายยกยิ้มมุมปากทั้งๆที่ก็จูบผมไปอย่างกระหาย ไม่รู้เวลาผ่านไปนานแค่ไหนที่ผมกับคนตรงหน้าจะผละออกจากกัน แรงหอบหายใจของผมดังไปทั่วห้องน้ำในจังหวะที่อีกฝ่ายผละออกมาแล้วแลบลิ้นเลียริมฝีปากพร้อมกอดอกมองหน้าผมที่ทำได้แค่ใช้มือพยุงร่างตัวเองไว้ ทั้งเขินทั้งอาย และหนึ่งคำถามที่ผุดขึ้นมาในหัวคือ... ‘มึงจูบกูทำไมไอ้เชี่ยพี่เหลือง!!’
“จริงแบบที่กูคิดสินะ”
::::::::::::::::::-- to be continued --:::::::::::::::::::::::::
อ๊ากกกกอิพี่ แกคิดอะไรคะ ทำไมทำกับน้องแบบนี้พูดมา ไอ่บ้าไอ่บ้ออออ (วิบัติเพื่อเสียง)
มาแล้วนะเออ มาต่อทุกๆวันส.นะจ๊ะ ... เฮียรบดูนิ่งๆเนอะ เนอะๆๆ ... รอดูกันต่อไป พี่ท่านจะนิ่งๆจริงไหม
แอบสงสารน้องฝาเบาๆ นี่คนนะ น้องเป็นคนนะย๊ะไม่ใช่วิญญาณ อิพี่ก็เมินจัง แหม่
เอาล่ะ....ขอคอมเม้นหน่อยค่าาา บางเบาๆ หรือมันไม่โดนใจหว่า นี่ก็คิดอยู่นะเออ
