[จบแล้ว] จันทร์กระพ้อ (วายพีเรียด) ตอนพิเศษ : วัยเยาว์ (20/12/62)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [จบแล้ว] จันทร์กระพ้อ (วายพีเรียด) ตอนพิเศษ : วัยเยาว์ (20/12/62)  (อ่าน 36494 ครั้ง)

ออฟไลน์ ponpon1a

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-12-2019 23:49:23 โดย ponpon1a »

ออฟไลน์ ponpon1a

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
Re: จันทร์กระพ้อ (วายพีเรียด)
«ตอบ #1 เมื่อ21-09-2019 21:18:47 »


จันทร์กระพ้อ

"กลิ่นกายออเจ้าช่างหอมนัก"

"ออเจ้าวิกลจริตหรือไร มาชมกลิ่นกายชายว่าหอม! "

"หากการชมชอบกลิ่นกายของออเจ้าเรียกว่าวิกลจริต ข้าก็ยอม"

"นี่เจ้า! "

.

.

.

"ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!"

"เหตุใดพี่จึงต้องปล่อยเล่า"

"ออเจ้าไม่มีสิทธิ์มาแตะต้องตัวข้า!"

"แม้แต่สิทธิ์ของผัวงั้นรึ?"






จันทร์กระพ้อ คือ ชื่อของดอกไม้ไทย คนโบราณนำมาทำน้ำอบน้ำปรุง กลิ่นหอมอบอวลชวนให้ลุ่มหลงหากแต่กลิ่นนั้นให้ความรู้สึกโศกเศร้าแลหดหู่ในบางครา



**นิยายเรื่องนี้เป็นแบบ omegaverse

**สมมุติว่าในสมัยนั้นการที่ชายจะรักชายไม่ใช่เรื่องผิดแปลกอะไรแต่ก็ไม่ได้รับการยอมรับนัก





ผู้แต่งไม่ได้มีเจตนาพาดพิงใครและตัวละครไม่ได้มีตัวตนอยู่จริง

สถานที่บางที่มีการสมมติขึ้นบางที่อาจอ้างอิงประวัติศาสตร์

นิยายเรื่องนี้ไม่ได้อิงตามประวัติศาตร์100%โปรใช้วิจารณญาณในการอ่าน

เรื่องราวเกิดขึ้นในสมัยอยุธยา แต่ภาษา และวัฒนธรรม ไม่ได้อิงตามประวัติศาสตร์


ภาคต่อ > ศิลาโกสุม

_____________________________________________

สารบัญ

อารัมภบท(รีไรท์แล้ว)
บทที่1(รีไรท์แล้ว)
บทที่2(รีไรท์แล้ว)
บทที่3(รีไรท์แล้ว)
บทที่4(รีไรท์แล้ว)
บทที่5(รีไรท์แล้ว)
บทที่6(รีไรท์แล้ว)
บทที่7(รีไรท์แล้ว)
บทที่8(รีไรท์แล้ว)
บทที่9(รีไรท์แล้ว)
บทที่10(รีไรท์แล้ว)
บทที่11(รีไรท์แล้ว)
บทที่12(รีไรท์แล้ว)
บทที่13(รีไรท์แล้ว)
บทที่14(รีไรท์แล้ว)
บทที่15(รีไรท์แล้ว)
บทที่16(รีไรท์แล้ว)
บทที่17(รีไรท์แล้ว)
บทที่18(รีไรท์แล้ว)
บทที่19(รีไรท์แล้ว)
บทที่20(รีไรท์แล้ว)
บทที่21(รีไรท์แล้ว)
บทที่22(รีไรท์แล้ว)
บทที่23(รีไรท์แล้ว)
บทที่24(รีไรท์แล้ว)
บทที่25 บทส่งท้าย(รีไรท์แล้ว)
ตอนพิเศษ : วัยเยาว์


นามปากกา:  สีนิล

twitter : zensayx

แท็กของเรื่อง #หอมเจ้าจัน  #จันทร์กะพ้อ

[/b]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-02-2021 18:33:15 โดย ponpon1a »

ออฟไลน์ ponpon1a

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
Re: จันทร์กระพ้อ (วายพีเรียด)
«ตอบ #2 เมื่อ21-09-2019 21:21:43 »

อารัมภบท
"ไอ้จัน! ไอ้จันโว้ย! "
เสียงตะโกนเรียกดังเซ็งแซ่ปลุกให้ชายหนุ่มวัยละอ่อนนามว่า 'จัน' ที่กำลังนอนหลับบนเปลใต้ต้นประดู่ตื่นจากนิทราและความฝันอันแสนหวาน เสียงเรียกนั้นดังจนสามารถปลุกผีทั้งป่าช้าได้กระมัง
จันตื่นอย่างหัวเสียเพราะโดนขัดจังหวะในขณะที่กำลังจะหอมแก้ม 'แม่พิกุล' สาวสวยลูกพระยาจำรูญที่ชายหนุ่มทุกคนต่างใฝ่ฝันถึง
"มีเหตุอันใดวะไอ้มั่น หากไม่สำคัญจริงกูจะบอกให้ผีไปหลอกมึง"
'มั่น' คือชื่อของผู้ที่มาปลุกและมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับจัน ทั้งสองคนเป็นเด็กวัดที่โตมาด้วยกันตั้งแต่จำความได้ จันนั้นอาศัยอยู่กับตาที่ป่าช้าท้ายวัดส่วนไอ้มั่นอาศัยอยู่ในวัดกับหลวงตา
"เอ็งจะพูดทำไมวะไอ้นี่หนิ! เอ็งก็รู้มิใช่รึว่าข้ากลัวผี! " มั่นด่าเพื่อนชายคนสนิทพร้อมกับมองไปทางซ้ายทีขวาทีเพราะกลัวว่าเพื่อนของตนจะพูดจริงทำจริง
"เพราะรู้ว่าเอ็งกลัวอย่างไรเล่าข้าถึงได้แกล้งเอ็ง ฮ่าๆ"
"ตอนแรกข้าก็กะว่าจะบอกเอ็ง แต่คิดไปคิดมาข้าไม่บอกเอ็งแล้วดีกว่า" จันมองเพื่อนตัวเองที่ทำท่างอนทั้งยังทำจริตจะก้านเสียจนเขานึกว่าเป็นสตรีเพศ
"เอ้า มีเหตุอันใดก็ว่ามาสิวะ หรือเอ็งจะให้ข้าบอกผีให้ไปหลอกเอ็งจริงๆ? "
"เออๆ บอกก็ได้วะ ข้าจะมาบอกว่าวันนี้วันพระใหญ่แม่พิกุลเขามาทำบุญ นู้นกำลังสนทนาธรรมกับหลางตาอยู่เผื่อเอ็ง-"
"เรื่องดีเช่นนี้เหตุใดจึงบอกช้านักวะไอ้มั่น! "
ยังมิทันที่มั่นจะพูดจบชายหนุ่มวัยละอ่อนก็รีบดีดตัวขึ้นจากเปลพร้อมกับวิ่งหน้าตั้งไปทางอุโบสถทันทีเมื่อได้ยินชื่อของคนที่ตนแอบหมายปอง มีฤาที่ชายวัยกลัดมันเช่นจันจะหักหามใจมิให้อยากเจอได้ ทั้งนานๆทีแม่พิกุลจะมาที่วัด กว่าจะมาก็ต้องรอวันพระใหญ่เท่านั้น โอกาสดีเช่นนี้ชายหนุ่มจะพลาดได้อย่างไร
"มันรีบไปไหนของมันวะไอ้มั่น"
เสียงชายชราดังขึ้นมาจากด้านหลังของมั่น พอชายหนุ่มหันไปมองก็เห็นว่าชายชราผู้นั้นคือ 'ตาคง' ผู้ที่ชาวบ้านบอกว่าเป็นหมอผีที่เลื่องชื่อที่สุดในพระนครทั้งยังเป็นตาแท้ๆของไอ้จันเพื่อนสนิทของตน
"โอ๊ย มันก็รีบไปหาแม่พิกุลไงตาคง"
"มันยังมิเลิกฝันกลางวันอีกหรือวะ"
ตาคงถอนหายใจออกมายาวๆ พร้อมกับส่ายหน้าไปมาให้กับความมักใหญ่ใฝ่สูงของหลานชายตน ตนนั้นก็เคยเห็นหน้าแม่พิกุลผู้นี้อยู่บ้างเพราะแม่หญิงผู้นี้ชอบมาทำบุญวันพระใหญ่ประจำ หน้าตาถือว่าสะสวยกว่าหญิงใดในพระนคร ทั้งยังเกิดในตระกูลข้าราชการชั้นสูงอีกด้วย มีฤาที่จะมาชายตาแลไอ้จันหลานชายของตนที่เป็นแค่เด็กวัดมิได้มีฐานะสูงศักดิ์อันใด
"เอาน่าตาคงปล่อยให้มันเพ้อฝันเสียหน่อยจะเป็นไรไป อีกทั้งปีนี้มันก็อายุ20แล้วมิใช่รึ? ก็ถือว่ามันโตพอที่จะออกเรือนแล้วหนา"
"อย่าว่าแต่มันเลยไอ้มั่น เอ็งก็เหมือนกันมิใช่รึ? อายุมากกว่าไอ้จันแค่ปีเดียวทำเป็นพูด"
"ข้ามิอยากจะพูด มีสาวเล็กสาวใหญ่ยืนเรียงรายให้ข้าเลือกจนถึงตลาดใหญ่โน้น"
ผัวะ!
"ขี้โม้จริงๆ เลยนะเอ็ง" ตาคงถวายฝ่ามือลงบนหัวไอ้มั่นเต็มๆ เพราะหมั่นไส้ในความขี้โม้แลโอ้อวดของมันเสียเต็มทน
"โอ๊ยย ตาคงมือหนักไปรึไม่จ้ะ อู้ยย หัวขาบวมแล้วกระมัง" มั่นพูดไปลูบหัวตัวเองไป
"เอ็งอย่ามัวแต่ยืนโม้ ตามไปดูไอ้จันมันหน่อยไป"
"จ้าา" มั่นเดินไปโอดโอยไปตามทางเพราะความรู้สึกเจ็บแปลบจากฝ่ามือของตาคงยังคงมิจางหายไปไหน
ทางด้านของจัน หลังจากที่วิ่งออกมาจากท้ายวัดและวิ่งมาถึงประตูอุโบสถก็เห็นว่าแม่พิกุลกำลังสนทานากับหลวงตาอยู่ มองจากด้านหลังแม่พิกุลก็ดูสวยสง่ามากมายถึงเพียงนี้มิอยากคิดเลยว่าหากได้เห็นหน้าจิตใจอันห่อเหี่ยวเพราะมิได้เจอแม่พิกุลมานานมันจะชุ่มชื้นสักเพียงใด
ชายหนุ่มค่อยๆเดินเข้าไปในอุโบสถก่อนจะเปลี่ยนเป็นคลานเข่าเมื่อเข้าใกล้หลวงตา ยามเมื่อเงยหน้าสายตาก็สบเข้ากับแม่พิกุล  ตากลมโตแลขนตาที่เรียงเป็นแพยาวนั้นช่างน่าหลงไหลนัก
"แฮ่ม! "
เสียงกระแอมของหลวงตาดึงจันให้ออกจากภวังค์แห่งรัก จันทำหน้าเสียดายเมื่อแม่พิกุลหลบตาไปทางอื่นพอมองไปด้านข้างของตนก็เห็นว่าหลวงตามองดูอยู่
"หลวงตาเจ็บคอหรือจ้ะ เอาชาสักนิดดีหรือไหม? " จันเอ่ยถามหลวงตาที่เลี้ยงดูและสอนหนังสือตนมาอย่างเอาใจ
"มิต้อง ข้าดื่มชาไปเยอะแล้ววันนี้ แล้วนี่เอ็งทำการอันใดอยู่เหตุใดจึงพึ่งมา? " หลวงตาถามเสียงดุ
"เอ่อ...คือข้าช่วยตาเก็บของอยู่จ้ะ"
"งั้นรึ มุสามันบาปนะไอ้จัน ข้ารู้ว่าเอ็งนอนหลับจนเพลิน"
"แหะๆ จ้าหลวงตา"
"คิกๆ " เสียงหัวเราะใสๆ ทำให้จันต้องหันไปมอง แม่พิกุลผู้เรียบร้อยกำลังปิดปากขำอย่างน่ารักน่าชัง
"ขอโทษเจ้าค่ะหลวงตา" เมื่อเห็นว่าโดนมองจึงหยุดหัวเราะแลนั่งในท่าสงบตามเดิม
"มิเป็นอันใดดอกโยมพิกุล หากมิมีอะไรแล้วอาตมาขอตัวก่อนหนา"
"เจ้าค่ะ"
หญิงสาวก้มลงกราบอย่างอ่อนช้อย แม่พิกุลลุกขึ้นทำให้ชายหนุ่มคิดที่จะลุกตาม แต่ก็ต้องหยุดความคิดนั้นเพราะหลวงตาดันพูดขัดเสียก่อน
"ไอ้จันเอ็งอยู่เก็บของเสียก่อนอย่าพึ่งลุก" เสียงของหลวงตาดังกำชับทำให้ต้องชะงักไปเล็กน้อย
"แต่..."
"เร็วสิ" มีฤาที่ชายหนุ่มจะขัดคำสั่งหลวงตาได้
"จ้ะหลวงตา" สิ่งที่ทำได้มีแค่รีบเก็บของให้เสร็จแล้วเดินตามไปส่งแม่พิกุลที่หน้าวัดเท่านั้น
ใช้เวลาแค่ชั่วครูของทุกอย่างที่แม่พิกุลนำมาถวายก็ถูกเก็บจนเรียบร้อย จันรีบวิ่งออกมาจากอุโบสถทันทีเพราะอยากจะช่วยแม่พิกุลถือของเพราะทุกคราที่แม่พิกุลจะคุยกับหลวงตามักจะให้พวกข้าทาสบริวารรออยู่หน้าวัดเสมอทำให้แม่หญิงผู้บอบบางต้องถือของเอง
ไอ้จันรึก็เป็นห่วงกลัวว่าแม่พิกุลจะหนักเลยชอบอาสาช่วย หากแต่เมื่อวิ่งมาถึงสายตาก็มองไปเห็นแม่พิกุลกำลังยืนคุยอยู่กับคนผู้หนึ่งจนมันต้องหลบเพื่อแอบฟัง
"มิเหนื่อยดอกเจ้าค่ะ พี่ไตรอย่าห่วงไปเลย น้องมิได้อ่อนแอถึงเพียงนั้น"
"คงมิได้ดอก หากออเจ้าเป็นอันใดไปท่านอาจำรูญคงเอ็ดพี่เป็นแน่"
"เพราะกลัวโดนเอ็ดหรอกหรือเจ้าคะพี่ไตรถึงมาช่วยน้องถือ? " สีหน้าของแม่พิกุลดูหมองลงอย่างเห็นได้ชัด ไอ้นี่มันเป็นผู้ใดเหตุใดจึงได้กล้ามาทำร้ายความรู้สึกของแม่พิกุลถึงเพียงนี้!
จันไล่สายตามองคนตรงหน้าอย่างพินิจพิเคราะห์ คนผู้นี้ดูมีอายุมากกว่าแม่พิกุลและตัวมันเอง ใบหน้าคมเข้มคิ้วดกดำส่วนสีผิวก็คล้ำแดดนิดหน่อยแต่ถือว่ามิมาก เสื้อผ้าที่ใส่ก็ดูเหมือนชุดพวกขุนนาง หรือมันจะเป็นอีกคนที่เข้ามาจีบแม่พิกุล? ทั้งแม่พิกุลยังดูมีใจให้มันเสียอีกด้วย
เรื่องนี้ไอ้จันยอมมิได้!
"มิใช่เช่นนั้นดอก" ทั้งน้ำเสียงก็ดูสุขุมนุ่มลึก หากไอ้จันเป็นสตรีเพศก็คงหลงมันไปอีกรายเป็นแน่
"อย่างนั้นหรือเจ้าคะ" แม่พิกุลกลับมายิ้มแป้นเหมือนดังเดิม ทำเอาใจของไอ้จันแทบจะละลายกลายเป็นโคลนตม
"ไอ้จันทำอะไรอยู่วะ?" เสียงเรียกของไอ้มั่นดึงความสนใจของคนทั้งคู่ที่จันกำลังแอบฟังบทสนทนานั้นอยู่
"เอ่อ" เมื่อถูกจับได้จึงยอมออกจากที่ซ่อนพร้อมมองไปที่คนทั้งคู่ รอมินานไอ้มั่นก็เดินมายืนอยู่ข้างๆ
"สบายดีรึแม่พิกุล" ไอ้มั่นเอ่ยถามอย่างเป็นกันเอง
"สบายดีจ้ะพี่มั่น" แม่พิกุลยิ้มตอบอย่างเป็นมิตร
"แล้วนี่ผู้ใดรึรูปหล่อเชียว" ชายหนุ่มเอ่ยชมอย่างมิคิดอะไร ทำให้ตอนนี้จันกำลังมองเพื่อนของตนเขม็งเพราะมันดันบังอาจมาชมศัตรูหัวใจของตนเสียใด
"ขอบคุณออเจ้าที่ชม ข้าชื่อไตรทศ วันนี้มาเป็นเพื่อนแม่พิกุลเขา"
"ไตรทศ...เอ ข้าคุ้นๆ ออเจ้าเป็นลูกของพระยาเกษมใช่หรือไม่? " ชายที่ชื่อว่าไครทศพยักหน้า เป็นถึงลูกของพระยาดอกรึ คงเป็นพวกผู้ดีนั่นแหละหนา นิสัยก็คงเหมือนๆ กันหมด ชอบดูถูกคนและรังแกพวกบ่าวไพร่
"ข้าชื่อมั่น เป็นเด็กวัดอยู่ที่นี่" อีกสักพักมันคงจะดูถูกไอ้มั่นว่าเป็นแค่เด็กวัดแต่ตีตนเสมอลูกพระยาเป็นแน่
"ยินดีที่ได้รู้จักนะพ่อมั่น" แต่มันก็มิได้เป็นไปอย่างที่จันคิดเพราะชายผู้นี้กลับพูดด้วยความยินดีมิได้ดูถูกดูแคลนเพื่อนของตนแต่อย่างใด
"แล้วออเจ้าเล่า มีชื่อว่าอะไรรึ?" ไตรทศหันมาถามจันที่ยืนมองอยู่ด้วยท่าทางมิชอบใจนัก
"อยากรู้ไปทำไมเล่า รู้แล้วมันจะทำให้ออเจ้ารวยขึ้นรึ? " เพราะเป็นคู่เเข่งเลยมิมีเหตุอันใดทำให้ต้องมาญาติดีด้วย
"ก็ไม่ดอก หากแต่ข้าอยากรู้ชื่อของออเจ้าเท่านั้น"
"มันชื่อไอ้จันจ้ะ" เป็นมั่นที่ตอบแทน จันหันไปมองเพื่อนรักของตนด้วยสายตามิพอใจจนมั่นแอบเสียวสันหลังวาบ
"งั้นดอกรึ เป็นชื่อที่ไพเราะดีหนา" ต้องรู้สึกอย่างไรเมื่อมีคนชมว่าชื่อไพเราะ? ทั้งผู้ที่ชมยังเป็นบุรุษเพศเสียด้วย
"กลับกันเถิดเจ้าค่ะคุณพี่ไตร นี่ก็สายมากแล้ว น้องมีนัดไปร้อยพวงมาลัยกับคุณหญิงแม่ต่อเจ้าค่ะ ไปก่อนนะพี่จันพี่มั่น"
หญิงสาวไหว้เพื่อเป็นการลาทั้งสองคน เด็กวัดทั้งสองรับไหว้ด้วยความเอ็นดู ก่อนจันจะเปลี่ยนสีหน้าเมื่อหันไปเจอไตรทศที่กำลังมองมาที่ตน
"เดินทางปลอดภัยนะแม่พิกุล" จันหันไปลาหญิงสาวที่กำลังยืนยิ้มให้
"ออเจ้ามิลาข้าบ้างรึ? " แล้วก็ต้องอารมณ์เสียอีกคราเมื่อไอ้คนที่ชื่อไตรทศถามหาคำลา
"ไปที่ชอบที่ชอบนะจ้ะ" ชายหนุ่มจึงเอ่ยลาด้วยคำพูดความหมายกำกวม
"หึ ถ้าเช่นนั้นข้าคงต้องมาที่นี่ทุกวันเสียแล้วกระมัง" แลไตรทศก็ลาด้วยคำพูดกำกวมเช่นกัน
TBC.
ปรับแก้คำนิดหน่อยค่ะเนื่องจากมีคุณนักอ่านติงว่าคำว่า "ชายหนุ่ม" เยอะเกินไป ซึ่งพอเรามาอ่านซ้ำก็รู้สึกว่าเยอะจริงๆ แหะๆ
ขอบคุณสำหรับคำติเพื่อก่อนะคะ <3 ถ้าพบตรงไหนผิดพลาด/ควรแก้ สามารถแจ้งได้ค่ะ ยินดีรับฟังเสมอ :D
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-01-2020 21:41:29 โดย ponpon1a »

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
 :pig2:สนุก น้องจันท่าจะแสบมาก พี่ไตรจะปราบพยศน้องแบบไหนถึงจะเอาอยู่น้า. รอจ้า :pig4: :L2:

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
แหน๊ ออกตัวแรงเลยน้าาา

ออฟไลน์ net. net_n2537

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 305
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
 :pig2:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
 :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ smmikie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
น่ารักกกกก บุกจีบเลยรึ

ออฟไลน์ ป้าแก่

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เริ่มเรื่อง ก็สนุกแล้ว

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
ติดตามจ้า~

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [Omegaverse] จันทร์กระพ้อ (วายพีเรียด)
« ตอบ #9 เมื่อ: 22-09-2019 11:51:00 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
น่าติดตามมากๆ คุณพี่ไตร ออกตัวแรงนะเจ้าค่ะ

ออฟไลน์ ponpon1a

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0

บทที่ ๑
"ไอ้มิ่ง"
"ขอรับคุณท่าน"
'ไอ้มิ่ง' ทาสหนุ่มคนสนิทของไตรทศเอ่ยตอบรับเจ้านายตนหลังจากที่ผู้เป็นนายนั้นนั่งเงียบอยู่เสียนานตั้งแต่ตอนเช้าหลังจากที่กลับมาจากวัดกับคุณพิกุล ทั้งยังทำสีหน้าครุ่นคิดตลอดเวลาเหมือนกำลังคิดหนักหรือคิดไม่ตก มิรู้ว่าไปเจอเหตุการณ์อันใดมา ครั้นผู้เป็นทาสจะเอ่ยถามก็มิกล้า เพราะเป็นแค่ทาสจึงมิอาจละลาบละล้วงผู้เป็นนาย
"เอ็งรู้จักเด็กวัดที่ชื่อจันหรือไม่?" ทาสหนุ่มทำท่าคิด
"ไอ้จันเพื่อนไอ้มั่นหรือขอรับ? " ไตรทศมิตอบด้วยวาจาหากแต่พยักหน้าเป็นคำตอบแทน
"รู้จักสิขอรับ มันเป็นหลานตาคงหมอผีที่ชาวบ้านนับถือกัน ทั้งมันยังมีหน้าตาหล่อเหลาคมสันเสียจนสาวน้อยสาวใหญ่ติดมันตรึม จนกระผมเองยังแอบอิจฉามันเลยขอรับ"
ไตรทศนั่งฟังสิ่งที่ทาสหนุ่มเล่าอย่างตั้งใจ ที่พูดมาก็เป็นความจริง นายจันผู้นี้หน้าตาถือว่าดีมิได้ขี้ริ้วขี้เหร่แต่อย่างใด ติดที่แค่นิสัยหุนหันไปเสียหน่อย หากสอนสั่งดีๆเสียหน่อยก็คงพอไปวัดไปวากับเขาได้
"อีกอย่างกระผมได้ยินมาด้วยว่ามันแอบชอบพอคุณพิกุลด้วยขอรับ"
ก็ใช่ว่าตัวเขาจะดูมิออกว่าชายหนุ่มผู้นี้ชอบแม่พิกุลอยู่มากโขแลมิชอบที่เห็นตนอยู่กับแม่พิกุล ป่านนี้คงคิดว่าตนเป็นศัตรูหัวใจไปเสียแล้วกระมัง
"แต่คุณท่านอย่ากังวลไปเลยขอรับ คุณท่านของไอ้มิ่งหล่อเหลากว่าตั้งเยอะ คุณพิกุลคงมิชายตาแลมันหรอกขอรับ"
เขาคิดหนักเรื่องนี้เสียเมื่อไหร่ ไตรทศแค่รู้สึกสนใจในตัวนายจันผู้นี้เท่านั้น เรื่องชอบพอแม่พิกุลมันก็สิทธิของเขา ตนมิได้สนใจเสียด้วยซ้ำ
ชอบได้ก็เลิกชอบได้
"เอ็งนี่หัดเลียแข้งเลียขานะไอ้มิ่ง" หันไปดุทาสหนุ่มที่นั่งคุกเข่าอยู่มิไกล
"หามิได้ขอรับ กระผมแค่พูดความจริงเพียงเท่านั้น"
ไตรทศนั้นชินกับคำเยินยอเรื่องหน้าตาไปเสียแล้วเพราะได้ยินมาตั้งแต่เด็กจนโต มิรู้ดอกว่าผู้คนที่ชอบมาชมนั้นจริงใจจริงหรือไม่ เพราะบางคนแค่รู้ว่าตนเป็นถึงลูกของท่านพระยาเกษมก็เข้ามาทำดีด้วยเสียแล้ว เข้าหาด้วยฐานะ มิได้เข้าหาเพราะอยากรู้จักจริงๆสักราย

"ไปดูแม่พิกุลร้อยมาลัยเสียหน่อยดีกว่า" พูดจบชายหนุ่มก็ลุกขึ้นจากเกาอี้ไม้สักทองตัวที่นั่งอยู่ เดินไปทางชานเรือนที่มีคุณหญิงแม่และคุณหญิงป้ามารดาของแม่พิกุลกำลังนั่งดูแม่พิกุลร้อยมาลัยดอกแก้วอยู่มิไกล
"มาแล้วหรือไตรทศ" คุณหญิงนิ่มหรือแม่นิ่ม ผู้เป็นมารดาเอ่ยถามขึ้น
"ขอรับ"
"สบายดีหรือพ่อไตร?" คุณหญิงลำดวนมารดาของแม่พิกุลเอ่ยถาม
"สบายดีขอรับคุณหญิงป้า" ไตรทศไหว้ผู้มีอายุทั้งสองก่อนจะเดินไปนั่งบนตั่งไม้สักที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลมากนัก
"งามหรือไม่เจ้าคะคุณพี่ไตร?"
หญิงสาวที่นั่งร้อยพวงมาลัยอยู่หันมาถามไตรทศ ชูมาลัยดอกแก้วที่ถูกร้อยอย่างบรรจงให้ดู พอมองดูก็เห็นถึงความใส่ใจ และรายละเอียดที่สวยงาม ดอกแก้วมิช้ำแม้สักดอกเดียว ชี้ให้เห็นว่าผู้ร้อยนั้นตั้งใจบรรจงร้อยเพียงใด
"งามแล้วแม่พิกุล"
"เจ้าค่ะ"
สาวน้อยก้มหน้าร้อยต่ออย่างขวยเขิน รู้ดีว่าคนพี่ชมมาลัยมิได้ชมตน แต่คำชมนั้นก็ทำเอาหัวใจเต้นมิเป็นจังหวะทีเดียวเชียว
"เจ้าร้อยให้พี่สักพวงได้หรือไม่? พี่อยากจะเอาไปถวายพระท่านพรุ่งนี้เสียหน่อย "
"เหตุใดจะมิได้ล่ะเจ้าคะ น้องเต็มใจหากพี่ไตรต้องการ"
"ขอบใจออเจ้ามากหนา" พิกุลยิ้มรับอย่างยินดี พรางหันไปตั้งใจร้อยมาลัยในมือตนต่อ
ทุกคำพูด ทุกการกระทำอยู่ในสายตาของผู้ใหญ่ทั้งคู่ ผู้เป็นมารดาทั้งสองมองภาพชายหนุ่มและหญิงสาวทั้งสองด้วยความเอ็นดู
เหตุที่คุณหญิงลำดวน มารดาของพิกุลมาด้วยวันนี้ก็เพราะว่าอยากจะมาคุยเรื่องหมั้นหมายระหว่างแม่พิกุลและไตรทศนั่นเอง หากแต่การคุยนั้นเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย เรื่องหมั้นหมายจึงมิมีผู้ได้ล่วงรู้
"เร็วๆสิไอ้มิ่ง ประเดี๋ยวพระท่านก็ไปก่อนเสียหรอก" ไตรทศพูดเร่งทาสหนุ่มที่ตื่นสายกว่าทุกวันจนทำให้การเดินลงไปใส่บาตรที่ท่าน้ำเกือบล่มกลางคัน
"มาแล้วขอรับ"
ไอ้มิ่งรีบเร่งฝีเท้าวิ่งลงมาที่ท่าน้ำด้วยความเหนื่อย พร้อมกับยื่นของใส่บาตรให้ผู้เป็นนาย ไตรทศรับไว้และจัดเรียงเพื่อรอหลวงตาที่กำลังนั่งเรือมาทางนี้
"วันนี้โยมไตรทศมาใส่บาตรแทนโยมนิ่มรึ? "
"ขอรับหลวงตา" ปากเอ่ยตอบหลวงตาแต่สายตาของชายหนุ่มกลับหันไปมองเด็กวัดผู้ที่เป็นคนพายเรือเสียมากกว่า
"มองข้าทำไม ความหล่อมันติดหน้าข้ารึ? " จันเอ่ยคำพูดหาเรื่องไตรทศทันทีเมื่อมีโอกาส
"หลงตัวเองเสียจริงนะเอ็ง" เป็นไอ้มิ่งที่ตอบกลับ
"เสือกจริงเอ็งหนิ" แล้วคนทั้งคู่ก็ด่ากันไปมาเสียจนหลวงตาต้องกระแอมเพื่อเป็นการห้ามศึก
"พวงมาลัยทั้งสวยทั้งประณีตเลยหนาโยมไตรทศ" เมื่อหลวงตามองเห็นพวงมาลัยที่แม่พิกุลเป็นคนร้อยก็ถึงกับเอ่ยปากชม
"แม่พิกุลร้อยให้ขอรับ"
"งั้นดอกรึ ข้าฝากชมโยมพิกุลด้วยหนา"
"ขอรับ"
ไตรทศยกมือไหว้หลวงตาพลันสายตาก็หันไปเห็นจันที่นั่งทำท่ามิพอใจที่ตนเอ่ยถึงแม่พิกุล ท่าทางขู่เหมือนกันกับเสือ ไม่สิเป็นแมวที่กำลังขู่เสียมากกว่า
"ไปได้แล้วไอ้จัน" ชายหนุ่มไม่พายต่อสักทีจนหลวงตาหันมาเอ็ด
"ขอรับหลวงตา"
เรือถูกพายออกไปแต่สายตากลับมิมองไปด้านหน้ากลับมองมาที่ไตรทศทั้งยังจ้องเขม็งเสียนี่ สงสัยจะทำให้อีกคนไม่พอใจเสียแล้วสิ...ไตรทศคิดในใจ

"อารมณ์เสียโว้ย! "
จันเดินกลับมาที่กระท่อมท้ายวัดด้วยความหัวเสียเพราะไอ้คนที่ชื่อไตรทศมันดันให้แม่พิกุลร้อยมาลัยให้ ทั้งตอนที่กำลังจะพายเรือออกมายังเห็นมันยิ้มเยาะเย้ยอีกเสียด้วย คนอย่างไอ้จันฆ่าได้หยามมิได้!
"เป็นอะไรวะไอ้จัน? " มั่นที่นั่งอยู่ในบนแคร่ไม้ไผ่เอ่ยถามเพื่อนรัก
"ก็ไอ้ไตรทศอย่างไรเล่า มันยิ้มเยาะเย้ยข้าเรื่องแม่พิกุล"
"งั้นดอกรึ ข้าว่าเขาก็ดูเป็นคนดีหนา"
"นี่เอ็งยังเป็นเพื่อนข้าอยู่ไหมวะไอ้มั่น! " ยิ่งอารมณ์เสียเข้าไปใหญ่เมื่อชายผู้ที่เป็นศัตรูหัวใจถูกเอ่ยชม
"เอ็งมาอารมณ์เสียแบบนี้ก็มิช่วยอะไรดอก สู้เอ็งเร่งทำคะแนนมิดีกว่ารึ"  คำพูดของมั่นดึงสติของจันคืนมา นั่นสิหนา  ไปสนใจมันก็มิได้มีอะไรดีขึ้น สู้ไปสนใจแม่พิกุลจะดีกว่า
"ขอบใจเอ็งมากนะมั่น" จันเดินเข้าไปตบไหล่เพื่อนของตนสองสามทีจนมั่นเปลี่ยนอารมณ์ตามมิทัน
"พี่จันจ๋า! "
มีเสียงหญิงสาวตะโกนเรียกมาแต่ไกลถึงมิต้องหันไปมองก็พอจะรู้ว่าหญิงสาวผู้นี้คือผู้ใด เพราะคนที่มาหาจันได้ทุกวันและไม่เหน็ดเหนื่อยก็คงมีเพียงผู้เดียว 'บุหงา' สาวชาวบ้านที่ชอบจันตั้งแต่ยังเด็กจนโตเป็นสาวก็ยังมิเลิกชอบ
"มีเรื่องอันใดหรือบุหงา?"
"ข้าจะมาชวนพี่จันไปเดินเล่นที่ตลาดใหญ่จ้ะ"
"พอดีเลยข้ากำลังหิว ว่าจะไปหาซื้ออะไรกินเสียหน่อย" เป็นมั่นที่ตอบรับแทน
"ข้าชวนพี่จันหาใช่พี่มั่นไม่"
"ข้าก็พูดกับไอ้จันหาได้พูดกับเจ้าไม่"
"พี่มั่น! "
แล้วทั้งสองคนก็ไล่ตีกันเหมือนสมัยที่ยังเป็นเด็ก หากแต่ว่าตอนนี้บุหงานั้นอายุ๑๙ปี ส่วนมั่นก็อายุ๒๑ปี มิใช่เด็กอีกต่อไปแล้ว หากมีใครว่าเห็นคงด่าว่าโตเป็นควายแล้วยังจะตีกันอีก
"พอได้แล้วพวกเอ็ง ข้าหิวแล้วไปหาอะไรกินกันเถิด" ยามยังเด็กเวลาที่ทั้งสองทะเลาะกันผู้ที่ห้ามก็มักจะเป็นจันอยู่ร่ำไป
ตลาดใหญ่ คือตลาดที่ใหญ่ที่สุดในพระนครตามคำเรียกของชาวบ้าน มีสินค้ามากมายทั้งของกิน ของใช้และเครื่องนุ่งห่ม
เหล่าพ่อค้าแม่ค้าก็มีตั้งแต่ชาวบ้านธรรมดาจนถึงพ่อค้าชาวจีนแผ่นดินใหญ่ที่เข้ามาอาศัยอยู่บริเวณนั้น เพราะเป็นของที่ชาวบ้านหามาและทำขึ้นเองราคาจึงมิได้แพงมาก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีของแพงเลย อย่างพวกผ้าแพรผ้าไหมที่คุณหญิงคุณนายนุ่งห่มกันชาวบ้านตาดำๆ ไม่มีโอกาสได้ซื้อ ผู้ที่เป็นผู้คุมตลาดและเก็บค่าภาษีในการขายก็คือพระยาเกษมบิดาของผู้ที่จันไม่ชอบน้ำหน้าที่สุด

"โอ๊ย! เอ็งหาเรื่องข้าทำไมวะ! "
"เอ็งมาชนข้าก่อนมิใช่รึ? "
"ข้าก็กล่าวขอโทษเอ็งแล้วอย่างไรเล่า"
"แค่นั้นมันจะไปพออะไรวะ! "
เสียงของคนทะเลาะกันดึงความสนใจของทั้งสามคน จันเดินเข้าไปใกล้วงล้อมของชาวบ้าน มองเข้าไปที่ใจกลางวงล้อมจึงเห็นว่าคนที่ล้มลงไปกับพื้นคือมิ่ง ทาสคนสนิทของไอ้คนที่ชื่อไตรทศ
"เอ็งนี่มันอันธพาลเสียจริงนะไอ้หมื่นเดชา! "
ชื่อของผู้มีอำนาจถูกเรียกออกมาด้วยถ้อยคำที่มิให้เกียรติ ทำให้เส้นของความอดทนขาดผึง หมื่นเดชาปรี่เข้าไปดึงคอเสื้อของไอ้มิ่งขึ้นหมายจะชกเข้าไปที่หน้ามันให้สาแก่ใจที่มันบังอาจมาเรียกตนว่าไอ้
มิ่งหลับตากัดฟันแน่นเมื่อรู้ว่าจะถูกต่อยเป็นแน่ หากแต่มิได้มีอะไรเกิดขึ้น เมื่อลืมตามองจึงเห็นว่าหมัดหนักๆ ของหมื่นเดชาถูกใครอีกคนสกัดไว้ด้วยมือข้างเดียวและคอเสื้อของตนก็ถูกปล่อยออก
"ไอ้จัน! " ทาสหนุ่มแหวออกมาด้วยความดีใจที่มีคนมาช่วย
"เอ็งนี่มันขยันหาเรื่องจริงๆเลยนะไอ้มิ่ง" จันหันไปต่อว่ามิ่งอย่างหัวเสีย "ส่วนเอ็ง มาคุยกับข้านี่"
"หึ ข้ามิมีเรื่องจะคุยกับพวกไพร่ชั้นต่ำ!" คำพูดดูถูกถูกพ่นออกมาจากผู้ที่มีฐานะเป็นถึงหมื่น
หากจำมิผิดหมื่นเดชาผู้นี้เป็นอันพาลดีๆนี่เอง ชาวบ้านต่างเลื่องลือกันว่าเป็นคนเถื่อน โฉดชั่ว ชอบข่มเหงพวกทาสในเรือน และมีนิสัยชอบรังแกผู้อื่นจนเป็นที่เอือมระอาของพระยาผู้เป็นพ่อ
"แต่ข้ามี" เสียงสุขุมที่จันเกลียดนักเกลียดหนาดังขึ้น
"ไตรทศ.." เสียงขบกรามดังจนจันได้ยิน ถ้าให้เดาหมื่นเดชาผู้นี้คงชังน้ำหน้าไตรทศเป็นแน่
"คุณท่านขอรับ! " ไอ้มิ่งรีบลุกและวิ่งไปหลบอยู่หลังผู้เป็นนาย
"หึ จะมาออกหน้าแทนทาสของเอ็งรึ? " หมื่นเดชายิ้มกระหยิ่มเป็นการเยาะเย้ยเมื่อเห็นว่าไตรทศยอมลดตัวลงต่ำเพื่อช่วยเหลือทาสผู้ต่ำต้อย
"แล้วมันทำไมวะ? " ไตรทศมิได้เป็นผู้ตอบหากแต่ผู้ตอบคือจันที่ยืนกำหมัดด้วยความโกรธา
"เอ็งเป็นแค่ไพร่อย่ามาเสือ-"

ผัวะ!
เสียงต่อยดังสนั่น ผู้ที่มีตำแหน่งมากกว่าล้มลงไปนอนบนพื้น จันประทับรอบหมัดบนใบหน้านั้นด้วยความฉุนเฉียว โดนดูถูกว่าเป็นไพร่มีหรือที่ไอ้จันจะยอม บอกแล้วไงว่าฆ่าได้แต่หยามมิได้!
"มึง! " เหล่าบริวารของหมื่นเดชากรูเข้าหาจันทันที ทั้งจับตัวและต่อยเข้าที่หน้าท้อง
"พวกเอ็งหยุดบัดเดี๋ยวนี้! มิเช่นนั้นข้าจะให้ท่านพระยาเกษมมาลากตัวพวกเอ็งไปขังให้หมด! "
เป็นมั่นที่เข้ามาห้ามการทะเลาะ จันถูกต่อยไปแค่มิกี่ที่ส่วนพวกบริวารของหมื่นเดชา...เจ็บปางตาย ชายหนุ่มได้ร่ำเรียนวิชาหมัดมวยกับหลวงตามามีหรือจะมาแพ้พวกทาสที่มิได้รับการฝึกมาเช่นตน
"ฝากไว้ก่อนเถอะมึง! " หมื่นเดชาพูดอย่างหัวเสียก่อนจะเดินหายลับไปในฝูงชน
"พี่จันเป็นอย่างไรบ้างจ้ะพี่" บุหงารีบปรี่เข้ามาถามทันทีที่เหตุการณ์สงบลง
"แค่นี้เองข้ามิเป็นอันใดดอก" ตอบไปเช็ดเลือดที่มุมปากไป
"เหตุใดออเจ้าถึงใจร้อนนัก" ไตรทศเดินเข้ามาถามจันที่กำลังเช็ดเลือดที่มุมปากของตนเอง
"ข้ามิชอบให้ผู้ใดมาดูถูกข้า"
"เจ็บมากหรือไม่? " ไตรทศเดินเข้ามาใกล้ ก้มมองสังเกตแผลที่มุมปากที่กำลังปริแตก ทั้งยังมีเลือดซึมออกมา
"แค่นี้ไกลหัวใจมา- โอ๊ย! เอ็งจะจับหาพระแสงอะไรวะ! "
จันร้องโอดโอยทันที่ที่ไตรทศใช้มือกดเข้าที่ข้างเอวตน แค่สังเกตดูไตรทศก็รู้แล้วว่าจันมีอาการช้ำในเพราะโดนเตะต่อยที่ลำตัวไปหลายหมัด
"ออเจ้ามากับข้า" ไตรทศออกคำสั่งทันทีเมื่อเห็นว่าอาการของจันมิสู้ดีนัก
"ไม่! "
"จัน ข้าบอกให้มากับข้า มิเช่นนั้นข้าจะไปบอกหลวงตาให้ลงโทษออเจ้าเสียข้อหามีเรื่องชกต่อย"
"นี่เจ้า! ...ไปก็ได้วะ! "
จันต้องจำใจเดินตามไตรทศไปอย่างช่วยมิได้ ก่อนไปก็มิลืมที่จะกำชับบุหงาและมั่นว่าห้ามบอกเรื่องนี้กับตาคงและหลวงตาเป็นอันขาด
ระหว่างทางก็ร้องโอดโอยอย่างอดกลั้นเพราะกลัวว่าไตรทศจะได้ยินและล้อเลียนตนเอง
ใช้เวลามินานก็มาถึงเรือนไม้หลังหนึ่ง เป็นเรือนเดี่ยวๆ พอมองออกไปก็เห็นว่ามีเรือนอื่นอยู่มิไกลนัก จันอดแปลกใจมิได้ว่าเหตุใดไตรทศจึงพาตนมาที่เรือนนี้และเป็นเรือนของผู้ใดก็มิรู้
"เรือนของท่านไตรทศเขา" เป็นไอ้มิ่งที่ไขข้อสงสัยของจัน
"เหตุใดจึงต้องมาปลูกเรือนไกลจากเรือนอื่นวะ? " ความสงสัยของจันเริ่มก่อตัว
"คุณท่านของข้ามิชอบความวุ่นวายกระมัง" จันพยักหน้าอย่างเข้าใจ
"ไอ้มิ่ง" เสียงเรียกอันน่ากลัวดังขึ้นมาจากด้านหลัง ทำเอาทาสหนุ่มเสียวสันหลังวาบ
"ข้า..ข้าไปก่อนนะจัน" มิ่งรีบกุลีกุจอลงจากเรือนเพราะกลัวโดนทำโทษเรื่องที่แอบนินทาเจ้านาย
"ออเจ้าพูดเรื่องอะไรเกี่ยวกับข้าอยู่รึ? " ไตรทศเดินเข้ามาหาจันที่นั่งกุมสีข้างอยู่ที่ชานเรือน ในมือถือถ้วยยาและสิ่งของคล้ายลูกประคบ
"เรื่องเรือนนี่อย่างไรเล่า ข้าเห็นว่าปลูกไกลเรือนอื่นจึงคิดว่าแปลกพิลึก" ชายหนุ่มขำเมื่อได้ยินคำพูดอันใสซื่อสมกับเป็นเด็กหนุ่มธรรมดากับเขาเสียที
"หัวเราะอะไรของเอ็ง? "
"มิมีอันใดดอก เปิดเสื้อขึ้นข้าจะประคบให้"
"ไม่มีทาง! ข้ามิเปิด! "
เมื่อเห็นท่าทีดื้อดึงของจันไตรทศจึงขยับเข้าไปใกล้และจับตัวไว้เพื่อที่จะเปิดเอง เพราะหากมัวแต่บอกให้จันเปิดคงมิได้ทำแผลกันเป็นแน่ ทั้งสองยื้อกันอยู่นานจนในที่สุดจันก็เริ่มหมดแรง
ไตรทศกดไหล่ของชายหนุ่มตรงหน้าลงกับชานเรือนด้วยความเบามือพร้อมกับใช้มือเลิกเสื้อขึ้น ทันใดนั้นสายตาก็ปะทะเข้ากับปานสีแดงที่ขอบโจงกระเบนที่จันใส่อยู่ มันเป็นปานแดงที่มีรูปร่างคล้ายดอกไม้ นี่คงเป็นสาเหตุที่จันมิยินยอมให้ตนเปิดดู
"มัน...มันน่าเกลียดใช่หรือไม่? " จันถามด้วยเสียงสั่นเครือ ปานนี้เป็นปานที่จันมิเคยให้ผู้ใดเห็น เป็นปานที่ตนเองมิชอบและชังนักชังหนา
"มิใช่ดอก ข้าว่ามันเหมือนดอกไม้แลดูสวยดี" ไตรทศเป็นคนแรกที่เอ่ยชมปานนี้ เพราะที่ผ่านมามีแต่ผู้บอกว่ามันน่าเกลียด
"ขอบใจ- โอ๊ย! เอ็งจะประคบก็บอกก่อนสิวะ! " จันโวยวายอีกครั้งเมื่อไตรทศเริ่มประคบไปตามรอยช้ำที่สีข้าง มันช้ำหนักจนเห็นเป็นสีเขียวเป็นปื้น
"หึ เด็กดื้อก็ต้องโดนแบบนี้แหละ"
ไตรทศยิ้มมุมปากพรางใช้มือจับลูกประคบประคบตามรอยช้ำบนเรือนร่างของจัน จันจัดได้ว่าเป็นคนรูปร่างดีมิผอมกะหร่อง มีกล้ามหน้าท้องให้เห็นลางๆ สีผิวก็มิได้คล้ำแดดเช่นเดียวกับตน สงสัยเพราะวันๆ มิได้ไปไหนคอยรับใช้หลวงตาอยู่ในวัดอย่างเดียวกระมั้ง ผิวพรรณถึงได้เนียนลื่นดีถึงเพียงนี้
นานเท่าใดแล้วก็มิรู้ได้ที่ไตรทศมิได้ยิ้มด้วยความสุขถึงเพียงนี้ เหล่าทาสที่ทำงานอยู่บนเรือนต่างนั่งก้มหน้าก้มตาและยิ้มให้กันกับภาพตรงหน้า ภาพที่ชายหนุ่มคนหนึ่งนอนดิ้นไปมาบนชานเรือนและมีนายของพวกมันก้มประคบยาให้ด้วยรอยยิ้ม ทั้งยังดูมีความสุขเมื่อได้แกล้งคนใต้ร่าง
"นี่ ข้ามีเรื่องอยากถาม" จันเอ่ยถามเมื่อไตรทศประคบแผลให้จนเสร็จ
"ออเจ้าว่ามาสิ" และไตรทศก็มิเกี่ยงที่จะตอบ
"ทำไมเจ้าถึงได้มาปลูกเรือนไกลผู้อื่น หรือว่ามาปลูกเพื่ออยู่กับเมียงั้นรึ? " ไตรทศที่กำลังนั่งจิบชาแทบสำลักเมื่อโดนเอ่ยถาม
"ข้าชอบความสงบ และข้ายังมิมีเมีย"
"เจ้าเนี่ยนะ? " จันทำเสียงแปลกใจ เพราะดูอายุอานามไตรทศก็มิใช่น้อยๆ อายุเพียงนี้ควรออกเรือนได้แล้ว
"มันแปลกรึ? "
"แปลกสิ ข้าเองอายุพึ่งจะ๒๐ปี ยังคิดที่จะมีเมียเลย เจ้าดูอายุเยอะกว่าข้าเสียอีก เจ้าเองก็ควรจะมีเมียได้แล้ว"
"ข้ามิใคร่อยากจะออกเรือนเสียเท่าไหร่"
ไตรทศตอบอย่างมิยี่หระ เพราะถึงตนจะมิออกเรือนก็ยังพี่ชายตนอีกคนที่น่าจะมีหลานให้บิดากับมารดาของตนอุ้มได้ จึงมิได้คิดเรื่องออกเรือน
"เจ้าอายุเท่าใดแล้ว? ให้ข้าเดาคงสัก๒๓กระมัง" จันนั่งมองหน้าอีกคนและเริ่มทายอายุ
"หึ อายุข้า...มากกว่าออเจ้าสักสิบปีได้"

_______

แด๊ดดี้ไตรทศ >///<

แท็กของเรื่อง #หอมเจ้าจัน

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-12-2019 21:04:25 โดย ponpon1a »

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
 :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ Ti0590

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 455
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
จันนี่ดูท่าจะแสบน่าดู ตกลงเรื่องนี้เป็น omegaverse มั้ยคะ เห็นเขียนอยู่บนหัวเรื่อง

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
 :o8: :o8:

ออฟไลน์ ponpon1a

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
บทที่ ๒
"เจ้าอายุ30ปีรึ!? " ไตรทศมิได้ตอบเป็นคำพูดหากแต่พยักหน้าแทนตามประสาคนพูดน้อย
"เหตุใดถึงยังมิมีเมียเล่า อายุก็มิใช่น้อย"
"ออเจ้าจะด่าข้าว่าแก่รึ? " ว่าแล้วก็วางถ้วยน้ำชาในมือลงและส่งสายตาเป็นเชิงดุคนดื้อรั้น
"ก็คงจะอย่างนั้นกระมัง"
มีหรือที่จันจะเกรงกลัว มิปฏิเสธทั้งยังยอมรับอย่างมิคิดจะแก้ตัว เพราะจันเป็นคนโผงผางมิเสแสร้งแกล้งทำ  ทำให้ผิดใจกับคนอื่นบ่อยครั้ง แต่สำหรับไตรทศแล้วเขาคิดว่าข้อดีเป็นข้อดีของชายหนุ่มเสียมากกว่า
"ยังเจ็บแผลอยู่รึไม่? " ไตรทศเปลี่ยนเรื่องเสียก่อนที่จันจะถามไปไกลกว่านี้
"ก็ยังเจ็บอยู่บ้างแต่ข้าแข็งแรงสักพักก็คงหาย"
"งั้นรึ" ไตรทศเลิกคิ้ว "แต่ตามตัวออเจ้ายังมีแผลฟกช้ำที่ยังมิจางหายไปอยู่ คงจะเป็นแผลเก่าใช่หรือไม่? "
"ใช่หรือไม่มันก็เรื่องของข้า" ชายหนุ่มมิชอบใจนักเวลาที่มีคนมาทำตัวเป็นผู้ปกครองของตน
"ออเจ้าคงเป็นพวกมุทะลุชอบมีเรื่องเตะต่อยบ่อยสิท่า ข้าว่าเพลาๆ ลงบ้างก็ได้ประเดี๋ยวร่างกายจะบอบช้ำไปมากกว่านี้" ไตรทศรู้สึกเสียดายหากผิวที่ดูดีนั้นมีแต่รอยเขียวและรอยฟกช้ำไปเสียหมด
"ร่างกายข้า ข้าดูแลเองได้" แต่จันก็ยังคงเป็นจัน รั้นอย่างไรก็ยังคงรั้นอย่างนั้น
"มิกลัวพ่อกับแม่เป็นห่วงรึ? "
"ข้ามีพ่อแม่เสียเมื่อไหร่" คำพูดของชายหนุ่มทำเอาใจคนฟังกระตุก ตัวเขารู้เพียงว่าจันอาศัยอยู่กับตาแต่หารู้ไม่ว่าชายหนุ่มกำพร้าพ่อและแม่
"งั้นถือว่าข้าเป็นห่วงก็แล้วกัน"
"เจ้าว่าอย่างไรนะ? " ถึงจะได้ยินเต็มสองรูหูแต่จันก็มิอยากจะเชื่อในสิ่งที่ตนได้ยิน
"ข้าเป็นห่วง หากออเจ้าเป็นอะไรไปผู้ใดจะมาตอบแทนคุณที่ข้าช่วยทำแผลให้เล่า"
ชายหนุ่มรู้ว่าไตรทศคงมิได้หมายความว่าห่วงอย่างที่พูด เพียงแค่กลัวว่าจะช่วยแล้วเสียแรงเปล่าเพียงเท่านั้น นี่สิหนาพวกคนรวย ทำดีหวังผลอยู่ร่ำไป
"ข้ามิตายง่ายๆ ดอก หรือหากข้าตายข้าคงจะมาตามหลอกหลอนเจ้า"
"งั้นรึ เช่นนั้นข้าคงจะเป็นผู้ที่โชคดีที่สุดกระมัง ที่มีผีน่ารักน่าชังเช่นออเจ้ามาตามหลอกหลอน"
จันมิอยากจะเชื่อหูตนเองว่าได้ยินสิ่งใด แลไตรทศเองก็มิอยากเชื่อว่าตนพึ่งชมผู้ชายตัวเท่าลูกควายว่าน่ารักน่าชัง สงสัยเขาจะแก่จริงเสียแล้วกระมัง
ต่างคนต่างพูดมิออก ไตรทศหัดไปรินน้ำชาส่วนจันเองก็หันไปชมนกชมไม้ทั้งๆ ที่มิมีอะไรให้ดูสักอย่าง
"ป้าอิ่มเตรียมสำรับอาหารเสร็จแล้วขอรับคุณท่าน" ไอ้มิ่งคลานเข่าเข้ามาใกล้คนทั้งสองที่หันไปคนละทิศคนละทางด้วยความฉงน
"บอกให้ยกขึ้นมาได้เลย" ไตรทศหันไปพูดกับทาสหนุ่มที่กำลังรอคำสั่ง
"ขอรับ" มันค้อมหัวให้ผู้เป็นนาย คลานเข่าออกไปก่อนจะลุกขึ้นเดินเมื่อห่างออกไปได้สักระยะ
"เช่นนั้นข้าขอตัว ขอบใจเจ้ามากที่ช่วยข้าไว้ทั้งยังทำแผลให้"
ถึงแม้ว่าจันจะมิชอบหน้าไตรทศนักแต่ก็ถือว่าเขาเป็นผู้มีพระคุณแล้ว หากมิกล่าวขอบคุณก่อนไปคงจะดูมิดีทั้งยังดูเหมือนว่ามิได้รับการสอนสั่ง
"ออเจ้ามิอยู่กินสำรับอาหารกับข้าก่อนรึ? " หากแต่ยามจะลุกกลับโดนไตรทศจับข้อมือไว้
"ข้ามิได้มีฐานะสูงศักดิ์จะมากินสำรับร่วมกับเจ้าได้อย่างไร"
ตนเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาหากมากินอาหารร่วมกับผู้มีฐานะสูงศักดิ์ก็คงจะมิวายโดนคนนินทาไปสามบ้านแปดบ้านเป็นแน่
"เหตุใดจะมิได้ ออเจ้ามาที่นี่ในฐานะแขกแลข้าเองก็หาได้มีฐานะสูงศักดิ์อย่างที่ออเจ้ากล่าวมาไม่" ไตรทศพูดพร้อมกับปล่อยมือจากข้อมือของอีกฝ่าย ชายหนุ่มแปลกใจกับคำบอกเล่าจากชายตรงหน้า
"เจ้าหมายความว่าอย่างไร? "
"ก็หมายความตามนั้น"
จันยังคงสงสัยแต่ว่าได้แต่เก็บความงุนงงไว้ในใจเพราะมิอยากเอ่ยถามและกลัวว่าอีกฝ่ายจะคิดว่าตนสนใจใคร่รู้เรื่องของผู้อื่น
"แต่-"
"ข้าเป็นผู้มีพระคุณมิใช่รึ ออเจ้ามิควรปฏิเสธข้าดอกหนา"
เมื่อโดนเอาคำนี้ขึ้นมาพูดบังหน้าก็ทำให้จันมิอาจปฏิเสธไตรทศได้อีกเพราะคำว่า 'ผู้มีพระคุณ' มันค้ำคอ หากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ยอมกลับไปกับไอ้มั่นแล้วให้ตาบ่นจนหูชาเสียก็ดี
"เชิญคุณท่านขอรับ" ไอ้มิ่งเดินเข้ามาบอกคนทั้งสองให้เดินไปที่โต๊ะรับประทานอาหาร
ไตรทศลุกขึ้นยืนพร้อมกับส่งสายตาบอกจันที่นั่งมองให้ยืนขึ้นด้วย ยามลุกชายหนุ่มเจ็บตามตัวไปหมดเพราะรอยแผลและรอยช้ำ ความเจ็บปวดทำเอาคนเจ็บนิ่วหน้าจนทำให้ไตรทศที่มองอยู่ต้องเข้ามาช่วยพยุง
"ปล่อยข้า ข้ามิได้เจ็บมากถึงขั้นที่เจ้าต้องมาช่วยพยุง"
"งั้นรึ? " ไตรทศเลิกคิ้วถามคนที่ยืนกุมท้องตัวเอง
"ใช่"
ดื้อรั้นเสียจนมิมีผู้ใดเทียบเทียม
ไตรทศปล่อยให้จันเดินเองตามความต้องการ ยามเดินชายหนุ่มนิ่วหน้าไปเดินไปจนคนเดินตามหลังเป็นห่วง แต่หากจะเข้าไปช่วยคงโดนผลักไสอีกเป็นแน่ เดินตามดูแลแบบนี้คงจะดีเสียกว่า
ทั้งสองนั่งลงตรงโต๊ะรับประทานอาหาร เป็นครั้งแรกที่จันได้นั่งเช่นนี้เพราะปกติตนจะนั่งกินตรงพื้นกระท่อมกับตามิได้มีโต๊ะยกสูงขึ้นมาจากพื้นเช่นนี้
อาหารมากมายหลายประเภทละลานตาทั้งอาหารคาวและอาหารหวาน อาหารคาวที่จันพอจะรู้จักคงมีแค่แกงยอดมะพร้าวใส่ปลาแห้ง หมกปลาช่อน และแกงเขียวหวาน เพราะเห็นคุณหญิงคุณนายใส่บาตรกับหลวงตาเป็นประจำ
ส่วนอาหารหวานก็มีบัวลอย ขนมดอกบัว กล้วยบวชชี แต่มีขนมอีกอย่างที่ตัวชายหนุ่มมิรู้จัก เป็นขนมที่หน้าตาคล้ายดอกไม้ มีสีน้ำเงินแกมม่วงจัดอยู่บนจานลายครามดูแล้วสวยแปลกตา
"นั่นเขาเรียกว่าขนมช่อม่วง" ไตรทศพูดขึ้นเพราะเห็นแววตาขี้สงสัยในตาของชายหนุ่ม
"ข้ามิได้ถามเสียหน่อย" จันพูดอย่างมิใส่ใจแต่ความสนใจกลับไปอยู่ที่ขนมที่ชื่อว่า ‘ช่อม่วง’
"หึ กินเถิด ออเจ้าคงหิวมากแล้ว"
ทั้งสองลงมือกินอาหาร เพราะไตรทศอยู่ที่เรือนนี้คนเดียวจึงต้องกินอาหารคนเดียวเป็นประจำ มีเหงาบ้างแต่ก็ชินไปเสียแล้ว พอวันนี้มีจันมากินด้วยจึงรู้สึกแปลกไปบ้างแต่ก็มิได้แปลกในทางที่ไม่ดีหากแต่รู้สึกว่าอาหารรสเดิมๆ อร่อยขึ้นมาทันตาเห็น
"น้ำฝนลอยดอกมะลิเจ้าค่ะ" ทาสสาวประจำเรือนคลานเข่าเข้ามาวางน้ำให้ชายทั้งสอง
"ขอบใจจ้ะ" จันเอ่ยขอบคุณอีกฝ่ายอย่างเป็นมิตร ส่งสายตาหวานๆ ให้เสียหน่อยเป็นการหยอกล้อ
"ออเจ้าชอบอาหารมื้อนี้หรือไม่? " ไตรทศเอ่ยถามขึ้นมาจนจันต้องละสายตาจากอีกคน
"ชอบ อาหารอร่อยทุกอย่าง"
"ออเจ้าจะรังเกียจรึไม่ หากข้าอยากให้ออเจ้ามากินอาหารเย็นเป็นเพื่อนข้าทุกวัน? " คำถามที่มิคาดคิดทำเอาจันชะงักไป
"คงมิได้ดอก ข้าเองก็มีตาต้องดูแล"
"งั้นดอกรึ ข้าว่าจะชวนแม่พิกุลมาแสดงฝีมือเสียหน่อย" ไตรทศยกเหยื่อล่อขึ้นมา
"แต่นานๆ ทีก็มิเสียหาย" และจันเองก็ฮุบเหยื่อเข้าไปเต็มๆ เมื่อครู่ยังส่งสายตาให้ทาสในเรือนเขาอยู่เลย คราวนี้พอพูดถึงแม่พิกุลก็ยังเปลี่ยนใจอีก
เจ้าชู้ประตูดินเสียจริงเจ้าเด็กคนนี้ ไตรทศคิดในใจ
"เป็นอย่างไรบ้าง? " ไตรทสเอ่ยถามจันที่กำลังเคี้ยวขนมช่อม่วงอยู่ในปากจนแก้มบวมอย่างเห็นได้ชัด
"อร่อย ข้าชอบ" คำบอกเล่าอันใสซื่อทำเอาไตรทศแทบหุบยิ้มมิอยู่ แต่ก็ต้องวางมาดในฐานะเจ้าเรือนไว้เสียบ้าง
"อร่อยก็กินเยอะๆ นางบัวคงดีใจที่ออเจ้าชอบ"
"บัว? "
"คนที่เอาน้ำฝนลอยดอกมะลิมาให้อย่างไรเล่า นั่นไงพูดถึงก็เดินมาพอดี" จังหวะที่กำลังพูดถึง ทาสสาวก็เดินผ่านในเวลาเหมาะเจาะเสียอย่างดิบดี
"นางบัวเอ็งมานี่ซิ" เมื่อโดนเรียก 'นางบัว' จึงรีบเดินก้มหน้าเข้ามาหาผู้เป็นนายเพราะคิดว่าจะถูกตำหนิเรื่องรสชาติอาหาร
"ม-มีอะไรหรือเจ้าคะ" มันก้มหน้าพูดด้วยตัวสั่นเทา
"ขนมช่อม่วงนี่เอ็งเป็นคนทำใช่รึไม่? "
"จ-เจ้าค่ะ" น้ำตาทาสสาวแทบไหลริน ปกติท่านไตรทศพูดเยอะแบบนี้เสียที่ไหน ส่วนมากมีแค่กินและทำหน้านิ่งเฉยเพียงเท่านั้น สงสัยจะโดนด่ายับเป็นแน่นางบัวเอ้ย
"จันเขาชอบ เขาว่าเอ็งทำอร่อย" เมื่อสิ่งที่คิดกลับกลายเป็นคำชมทำเอานางบัวใจชื้นเหมือนดินโดนฝน
"ขอบพระคุณเจ้าค่ะ" นางบัวยังคงยืนก้มหน้ารับคำชม
"ออเจ้า...ยังมีอีกรึไม่? " คำถามทำเอานางบัวฉงน สงสัยจะอร่อยจนอยากจะกินอีกกระมัง
"มีเจ้าค่ะ"
"ข้าอยากเอาไปฝากตา ได้หรือไม่? "
จันหันไปถามไตรทศที่กำลังนั่งฟัง ไตรทศรู้สึกเอ็นดูชายหนุ่มผู้นี้ขึ้นมาอย่างหาสาเหตุมิได้ ตอนแรกก็คิดว่าจะเอามากินเสียเองเพราะเห็นว่าชอบนักหนา แต่ที่ไหนได้กลับมีใจกตัญญูอยากเอาไปฝากผู้เป็นตา
"เหตุใดจะมิได้เล่า ออเจ้าต้องการเท่าไหร่ก็เอาไปเถิด"

คำพูดพร้อมรอยยิ้มนั้นทำเอาเหล่าทาสบนเรือนต่างเมียงมองหน้ากันด้วยความแปลกใจ ปกติไตรทศแทบจะมิยิ้มเสียด้วยซ้ำแต่วันนี้ผู้เป็นนายกลับยิ้มอย่างพร่ำเพรื่อเสียจนเหล่าทาสแอบคิดไปว่าผู้เป็นนายโดนผีเข้า
"ข้าขอบใจเจ้ามากที่ช่วยข้าไว้" จันเอ่ยขอบคุณไตรทศอีกครั้งถึงแม้ในใจจะยังขัดเคืองที่ไตรทศมาติดพันกับแม่พิกุลอยู่ก็ตาม
"เปลี่ยนคำขอบคุณเป็นอย่างอื่นได้รึไม่? "
"อะไรรึ? " คงจะเป็นเงินทองกระมัง พวกคนรวยก็มีแต่เงินเท่านั้นที่สำคัญ
"เปลี่ยนคำเรียกที่ออเจ้าใช้เรียกข้าได้รึไม่ คำว่า 'เจ้า' มันดูห่างเหินแลดูกระชับเกินไป เรียกแทนข้าว่า 'ออเจ้า' ได้หรือไม่? " สิ่งที่คิดกับสิ่งที่เป็นมิตรงกันอีกครา ไตรทศผู้นี้ทำเอาจันแปลกใจมิน้อย
"ถ้าเช่นนั้น...ข้าขอบใจออเจ้ามากที่ช่วยเหลือข้า"
"มิเป็นอะไรดอก" เพียงแค่ข้าเอาชนะใจออเจ้าได้สักนิดแค่นี้ก็ถือว่าเล็กน้อย ไตรทศกลืนคำที่เหลือลงคอไป หากตนพูดออกไปคงจะดูแปลกพิลึก
จันค้อมหัวให้ไตรทศก่อนจะเดินลงจากเรือนเพื่อมุ่งหน้ากลับกระท่อมท้ายวัดของตนและผู้เป็นตา
ไตรทศมองตามแผ่นหลังของชายหนุ่มที่กำลังโตสมวัย สายตาเลื่อนไปมองห่อผ้าที่บรรจุขนมช่อม่วงที่อีกฝ่ายถือไว้ในมือก่อนจะลอบยิ้มกับภาพที่เห็น ห่อผ้าสีฟ้าอ่อนนั้นหากผู้อื่นมาเห็นคงคิดว่ามันดูมิเหมาะกับเจ้าตัว
หากแต่ไตรทศคิดว่า..มันดูเข้ากับเจ้าจันเสียจริง

เนื่องจากฟ้ายังมิมืดมากชายหนุ่มจึงยังพอมองเห็นทางตอนที่เดินกลับกระท่อมของตนได้ บรรยากาศในป่าช้าเงียบสงัด หากแต่จันนั้นชินเสียแล้ว
ไม่นานร่างสูงของชายหนุ่มก็เดินมาถึงตัวกระท่อม วางห่อผ้าสีฟ้าอ่อนในมือลงอย่างเบามือก่อนจะเดินไปทางห้องพระของผู้เป็นตา เมื่อเปิดเข้าไปจึงเห็นว่าผู้เป็นตากำลังนั่งสมาธิอยู่ พอจะเดินออกมาก็โดนเสียงดุๆ เรียกไว้เสียก่อน
"เอ็งไปซนจนได้แผลมาอีกแล้วรึ? "
"ตารู้หรือจ้ะ? " จันถามด้วยความแปลกใจ เพราะตนกำชับมั่นและบุหงาไว้แล้ว
"เอ็งห้ามไอ้มั่นกับนางบุหงาบอกข้าใช่รึไม่? แล้วเอ็งแน่ใจได้อย่างไรว่าจะมิมีผู้อื่นมาบอกข้า"
เหมือนตาคงอ่านใจหลานชายตนได้ คำพูดกำกวมทำเอาชายหนุ่มคิดออกทันทีว่ายังมีอีก 'ตน' ที่ตนเองลืมกำชับไป
"ไอ้ทิดงั้นรึ? " ตาคงเงียบและมิตอบผู้เป็นหลาน หากแต่ปล่อยให้คิดเอง
ชายหนุ่มเดินออกมาจากห้องพระและมีคำตอบที่แน่นอนใจในว่าผู้ใดบอกผู้เป็นตาของตนว่าตนไปมีเรื่องชกต่อยมา หากมิใช่ไอ้มั่นกับบุหงาก็คงจะมีอยู่แค่ตนเดียว
"ไอ้ทิด! " จันเดินออกมานอกกระท่อม ส่งเสียงเรียกอะไรบางอย่างในความมืดมิด สิ่งที่ได้ตอบรับกลับมามีแค่เสียงลมและเสียงกิ่งไม้เสียดสีกัน
"ข้าจะเรียกอีกรอบหากเอ็งมิออกมาข้าจะมิมาเล่นด้วยอีก"
"..."
"ไอ้ทิด! "
"จ-จ้าพี่จัน"
'ไอ้ทิด' เด็กชายตัวป้อมหน้าตาจิ้มลิ้มปรากฏกายยืนอยู่ต่อหน้าชายหนุ่มที่กำลังยืนมองด้วยความหัวเสีย มันก้มหน้าก้มตาอย่างสำนึกผิด
จันไล่สายตามองเด็กชายที่ใส่โจงกระเบนสีแดง มีเส้นสังวาลย์พาดตามตัว บนหัวทำผมทรงจุก
"ตามข้ามา" จันเรียกเด็กชายตัวเล็กขึ้นกระท่อม
"เอ่อ พี่จันคือข้า.."
"เอ็งใช่ไหมที่บอกตาข้า" พอนั่งลงบนชานกระท่อมจันก็เอ่ยถามทันที
"ข้าขอโทษจ้ะ แต่ตาถามข้าข้ามิบอกก็คงจะมิได้" ข้อนี้จันรู้ดี ว่าไอ้ทิดมิสามารถโกหกผู้เป็นตาของตนได้
"เอาล่ะช่างมันเถอะ ข้าแค่สงสัยเลยเรียกเอ็งออกมาถามเท่านั้น"
ชายหนุ่มหันไปหยิบห่อผ้าสีฟ้าเปิดออก แบ่งขนมช่อม่วงไว้ให้ตาและหยิบกินอีกหนึ่งชิ้นเพราะทนต่อกลิ่นของขนมช่อม่วงมิไหว
อึก
เสียงกลืนน้ำลายอึกใหญ่ดังมาจากเด็กน้อยที่นั่งมองอยู่ข้างๆ
"เอ็งอยากกินรึ? "
"จ้ะพี่จัน" ทิดนั่งมองสิ่งที่อยู่ในห่อผ้าด้วยท่าทีเรียบร้อย
"พรุ่งนี้ข้าจักใส่บาตรไปให้"
ชายหนุ่มพูดพร้อมกับยิ้มให้เจ้าตัวเล็กที่นั่งมองมาด้วยตาละห้อย ทิดเป็นเด็กพิเศษ มันมิสามารถเล่นกับเด็กคนอื่นได้ มิสามารถจับต้องของเล่นได้ มิสามารถกินขนมของพวกมนุษย์ได้
เพราะทิดมิใช่คน
..หากแต่เป็นวิญญาณเด็กที่กำพร้าพ่อและแม่เหมือนจัน
"ขอบใจนะจ้ะพี่จัน" เจ้าตัวเล็กยิ้มให้ชายหนุ่มอย่างอ่อนโยน มันอยากโผกอดคนเป็นพี่เสียเต็มประดา หากแต่มิสามารถทำได้เพราะตนเป็นวิญญาณจึงมิมีกายเนื้อ
ทิดเป็นเพียงแค่ผีตนเดียวที่จันสามารถมองเห็นได้ ตาเคยบอกกับจันไว้ว่าคนที่มองเห็นผีได้ จะมองเห็นผีได้เพราะเหตุผลสามประการเท่านั้น
หนึ่ง ผีตนนั้นอยากให้เห็น
สอง ผีตนนั้นเป็นเจ้ากรรมนายเวร
สาม ผีตนนั้นเป็นญาติหรือพี่น้อง
สำหรับจันแล้วไอ้ทิดคงเป็นผีประเภทที่สองกระมัง เพราะวันทั้งวันมันเอาแต่ตามติดไปไหนมาไหนด้วยเพียงแค่มิได้ปรากฏกายให้จันเห็นเพียงเท่านั้น ตามติดเป็นเงา แบบนี้จะเรียกว่าอะไรได้อีกถ้ามิใช่เจ้ากรรมนายเวร



_______

เอ๊ะ นิมัยนิยายhorrorรึเปล่านะ? 555
เรื่องนี้ค่อนข้างมีหลายมิติหวังว่าทุกคนจะไม่เบื่อกันน้า <3

#หอมเจ้าจัน

     
     
     
   

     
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-12-2019 21:11:19 โดย ponpon1a »

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
มีน้องผีหัวจุกด้วย เอ็นดูววว

พี่ไตร ช่างหลอกล่อเด็กดื้อ โอ้ยยย ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ พากันงง ไปทั้งเรือน 55555

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ไม่น่าใช่เจ้ากรรมนายเวรมั้ง 555555555
แต่คุณทศอายุ30แล้วอ่า  :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
 :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
สนุกดีค่ะ แต่น่าจะใส่ตอนกับวันที่ที่หัวเรื่องนะ จะได้รู้ว่าลงตอนใหม่แล้ว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [Omegaverse] จันทร์กระพ้อ (วายพีเรียด)
« ตอบ #19 เมื่อ: 24-09-2019 10:22:30 »





ออฟไลน์ Ti0590

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 455
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
 :hao7:

ออฟไลน์ ponpon1a

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
บทที่ ๓

"ขุนไกรมาถึงแล้วขอรับ"
นายทาสคนสนิทเอ่ยบอกผู้เป็นนายที่กำลังนั่งวาดรูปด้วยพู่กันแบบชาวจีนที่อาศัยอยู่ที่ท่าน้ำแถวตลาดใหญ่ เมื่อไตรทศรู้ว่า 'ขุนไกร' เพื่อนชายคนสนิทของตนมาถึงจึงหยุดมือที่กำลังตวัดพู่กันและวางลงไว้บนผ้าที่คอยเอาไว้ซับน้ำหมึกไม่ให้เปรอะเปื้อน
"สักประเดี๋ยวข้าจะตามไป เอ็งไปบอกให้เขารอก่อน"
"ขอรับ"
ไอ้มิ่งค้อมหัวให้ผู้เป็นนาย ครั้นเมื่อจะหันหลังกลับเพื่อเดินไปบอกผู้มาเยือนกลับต้องหยุดชะงักเมื่อบุคคลที่นายตนกล่าวถึงนั้นกำลังยืนถือไม้ตะพดอยู่ข้างหลังตนนี่เอง
"เหตุไฉนเอ็งถึงปล่อยให้ข้ารอ เป็นเจ้าเรือนที่มิดีเลยหนาไตรทศ" เมื่อได้ยินเสียงพูดเหน็บแนมไตรทศจึงเงยหน้ามองเพื่อนตนและเอ่ยขึ้นบ้าง
"ใครใช้ให้เอ็งเป็นคนใจร้อนเล่าขุนไกร อายุก็มิใช่น้อยๆ " ทั้งสองจ้องตากันจนจะถลนออกจากเบ้า ไอ้มิ่งที่เห็นท่าไม่ดีจึงทำตัวมิถูก
"เอ็งนี่พูดน้อยเหมือนเดิม แต่คำพูดแต่ละคำยังคงเฉือดเฉือนผู้ฟังมิมีเปลี่ยนเลยนะไอ้เกลอ ฮ่าๆ "
ชายหนุ่มร่างกายกำยำมิแพ้ไตรทศเดินเข้าใกล้ไปเพื่อมองว่าเพื่อนของตนนั้นกำลังทำอะไร เหตุไฉนจึงปล่อยให้ตนรอ เมื่อไอ้มิ่งเห็นว่าสถานการณ์มิได้แย่อย่างที่คิดมันจึงค่อยๆเดินปลีกตัวออกมา
"เอ็งวาดรูปรึ? " ไตรทศมิตอบด้วยคำพูดแต่พยักหน้าแทน
"แล้วนี่เอ็งวาดรูปดอกอะไร? " ขุนไกรพิจารณาภาพวาดดอกไม้ที่สหายรักของตนกำลังวาด แต่ก็ยังคงมองมิออกเพราะเป็นดอกไม้ที่ตนมิเคยพบเห็น
"ดอกจันทร์กระพ้อ"
คนสุขุมบรรจงวาดอย่างเบามือ ทุกยามที่วาดต้นจันทร์กระพ้อที่กำลังออกดอกบานสะพรั่งที่ริมหน้าต่างห้องนอนก็ยังคงส่งกลิ่นหอมมาตามสายลม
 แม้ว่าเขาจะนั่งไกลแค่ไหนแต่ขอแค่อยู่ในเรือนนี้ก็ยังคงได้กลิ่นอบอวลไปทุกที่ ทั้งกลิ่นนี้ยังทำให้หวนนึกถึงชายหนุ่มผู้แสนดื้อรั้นอย่างจันอีกด้วย เพราะกลิ่นกายของจันนั้นช่างคล้ายกับกลิ่นของดอกจันทร์กระพ้อเหลือเกิน
"เหตุไฉนเอ็งถึงวาดรูปดอกไม้ดอกนี้เล่า? "
"ข้า...แค่คิดถึงคนผู้หนึ่งเท่านั้น"
นี่ก็เป็นเวลาหลายวันแล้วที่ไตรทศมิได้เจอหน้าจัน นับจากวันที่ทำแผลและชวนอยู่กินข้าวด้วยกันก็มิได้เจออีกเลย มิรู้ว่าชายหนุ่มจะเป็นอย่างไรบ้าง
"ใครกันหนอที่ทำให้ไตรทศผู้ตายด้านคิดถึงได้ถึงเพียงนี้"
"ตายด้านอย่างไรกันเอ็งอย่าพูดเป็นเล่น"
"งั้นดอกรึ ถ้าเช่นนั้นเอ็งบอกข้าสิว่าเอ็งเคยมีอะไรกับแม่หญิงมาบ้างแล้ว"
"..."
"นั่นประไร! อายุอานามก็สามสิบปีแล้วแต่ยังมิเคยชื่นชมแม่หญิงนางใดเลย รู้ถึงไหนอายไปถึงนั้น" ขุนไกรกระแทกไม้ตะพดกับพื้นเรือนเมื่อรู้ว่าตนเองเดาถูก
"มัน...มันแปลกรึ? " คนที่ชอบทำหน้านิ่งบัดนี้กลับทำสีหน้าตระหนกอย่างเห็นได้ชัด เพราะครั้งหนึ่งก็เคยถูกจันทักว่าอายุเยอะแต่ยังมิมีเมีย
"แปลกสิวะ ข้าว่าเอ็งควรหาความสุขใส่ตัวเสียบ้าง ยามมีเมียจะได้รู้งาน" ขุนไกรยักคิ้วให้เพื่อนของตน
"หาความสุขอย่างไรวะ? " ความใสซื่อของไตรทศทำเอาขุนไกรเอือมระอา
"ใช้ไม่ได้ๆ เอ็งนี่มันอยู่แต่กับหนังสือและหยูกยามิเคยออกไปเที่ยวหาความสำราญเลยล่ะสิ"
"คงเป็นเช่นนั้นกระมัง" เมื่อได้ฟังดังนั้นขุนไกรก็ถึงกับส่ายหน้าด้วยความเหนื่อยหน่ายใจ
"ถ้าเช่นนั้นวันนี้ข้าจะพาเอ็งไปเปิดโลกเองไตรทศ"
ตลาดใหญ่นอกจากจะเป็นตลาดที่มีไว้แลกเปลี่ยนสินค้าและขายของแล้วยังมีโรงละครและโรงงิ้วของชาวจีนที่มาปักหลักอยู่ที่นี่ด้วย
นอกจากนั้นยังมีร้านที่ชาวบ้านเรียกกันว่าร้านบำเรอชาย มีทั้งยาดองขายและมีนารีหน้าตาสะสวยที่แต่งตัววับๆแวมๆเดินไปมาทั่วร้าน จะพบเจอร้านแบบนี้ได้มากแถวท้ายตลาด

"เอ็งเลือกร้านได้เลย"
ขุนไกรโยนสิทธิ์ในการเลือกให้เพื่อนผู้ใสซื่อของตน ไตรทศมองไปทางร้านนั้นทีร้านนี้ทีแต่ก็ยังมิเจอร้านที่ถูกใจ ตัวเขาและหญิงงามมิใช่สิ่งที่เข้ากันได้ดีเท่าใดนัก เพราะคนสุขุมอย่างไตรทศวันๆเอาแต่นั่งอ่านตำรายาอยู่ในเรือนเพียงเท่านั้น
เมื่อเดินมาได้สักพักสายตาก็ไปสะดุดเข้ากับร้านบำเรอชายร้านหนึ่ง หากแต่ร้านนั้นมิได้มีหญิงงามคอยเรียกลูกค้าแต่กลับเป็นชายเอวบางร่างเล็กที่แต่งตัวเหมือนสตรีเพศมิมีผิดเพี้ยนยืนเรียกลูกค้าที่เดินผ่านไปมา ผู้คนที่เข้าไปในร้านบ้างก็มีชาวสยาม บ้างก็เป็นฟะรังคี
"ข้าสนใจร้านนั้น" ขุนไกรมองตามที่นิ้วของไตรทศชี้จึงเห็นว่าเป็นร้านใด ตัวเขามิได้ขัดข้องอันใด หากเพื่อนของตนจะชมชอบบุรุษเพศตนก็มิได้ขัด
"ถ้าเช่นนั้นเข้าไปดูกันเถิด"
ภายในร้านตกแต่งด้วยผ้าอย่างสวยงาม ชายหนุ่มในร้านบ้างก็ใส่โจงกระเบนธรรมดา บ้างก็แต่งเป็นสตรีเพศปะปนกันไป ไตรทศตื่นตาตื่นใจกับภาพที่ตนเห็น ถือว่าเป็นการเปิดโลกจริงอย่างที่ขุนไกรว่าไว้
"มากันสองท่านนะขอรับ"
ชายหนุ่มหน้าตาสะสวยเดินเข้ามาต้อนรับและเชิญทั้งสองเข้าไปนั่งในที่ว่างและลับตาคน สำหรับไตรทศนั้นมิมีปัญหาอะไร แต่หากมีคนมาพบเห็นขุนไกรที่เข้ามาในร้านบำเรอชายที่มีเพียงบุรุษเพศให้บริการอาจจะทำให้ผู้คนนินทาเอาได้
ทั้งสองมองไปรอบๆร้าน ตรงกลางร้านจะมีเวทีสูงขึ้นมาเหนือพื้นเล็กน้อย บนเวทีมีชายหนุ่มหน้าตาสวยคล้ายสตรีเพศร่ายรำด้วยท่าทางอ่อนช้อย เสื้อผ้าน้อยชิ้นทำเอาขุนไกรแอบหวั่นว่าตนจะหันมาชอบบุรุษเพศแทน ยามโดนสายตายั่วยวนนั้นมองมาก็ทำเอาใจเต้นมิเป็นจังหวะจนต้องละสายตาและยกยาดองขึ้นดื่ม
"ยาดองนี้รสชาติดีนัก เอ็งลองเสียหน่อยสิ"
ขุนไกรหันไปชักชวนเพื่อนของตนดื่มบ้าง เมื่อโดนชักชวนไตรทศจึงหยิบจอกยาดองขึ้นมาดื่มบ้าง รสขมปนหวานแล่นไปทั่วปาก ไตรทศมิค่อยได้ดื่มบ่อยนักจึงเมาได้ง่ายกว่าเพื่อนรักของตน
"คนบนเวทีคือผู้ใดรึ" ขุนไกรเอ่ยถามชายหนุ่มหน้าสวยที่เดินผ่าน
"นั่นอาหลินขอรับ เป็นลูกครึ่งไทย-จีน แต่เขามิได้มาบริการแขกดอกนะขอรับ หากสนใจ...ข้ายังพอว่าง"
ชายหนุ่มดังกล่าวส่งสายตาชะม้อยชะม้ายให้ขุนไกรบ้างหากแต่เจ้าตัวกลับมิหวั่นไหวเหมือนผู้ที่อยู่บนเวที
"ข้าแค่ถามไปเช่นนั้นแล มิมีอันใดดอก" ท่านขุนผู้มีศักดิ์ปฏิเสธอย่างประนีประนอม เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมิได้สนใจตนชายหนุ่มจึงเดินออกไปเพื่อไปหาแขกผู้อื่นแทน
"อาหลินอย่างนั้นรึ" ขุนไกรพึมพำอยู่กับตัวเอง คำว่าหลินในภาษาจีนแปลว่าหยก เป็นของล้ำค่า ผู้ที่อยู่บนเวทีก็คงจะล้ำค่าเช่นเดียวกัน
มองคนบนเวทีอยู่นานสองนาน เมื่อหันไปมองเพื่อนรักของตนอีกทีก็เห็นว่าไตรทศนั้นเมายาดองจนคอพับไปเสียแล้ว
 ไตรทศนั้นมิสันทัดกับพวกยาดองเท่าใดนักเพราะวันๆ มิได้ออกไปเที่ยวเล่นที่ไหนดังเช่นขุนไกรจึงทำให้เป็นคนคออ่อนและเมาได้ง่ายกว่าคนอื่น เมื่อเห็นท่าไม่ดีขุนไกรจึงประคองเพื่อนของตนออกจากร้าน
"เอ็งนี่น้า" ขุนไกรถอนหายใจอย่างเอือมระอาเป็นรอบที่สิบของวัน
ใช้เวลานานกว่าจะมาถึงเรือนของไตรทศเพราะระหว่างทางชายหนุ่มมิหยุดนิ่ง บางทีก็หลับจนคอพับอยู่บนเรือ บางทียามตื่นก็จะกระโจนลงน้ำ กว่าจะถึงเรือนทำเอาขุนไกรแอบเหนื่อยใจอยู่มิน้อย เมื่อไอ้มิ่งเห็นนายตนหมดสภาพจึงรีบวิ่งลงจากเรือนเพื่อมารับผู้เป็นนาย
"คุณท่ายเป็นอะไรหรือขอรับ?"
"ก็เมาเหมือนหมาน่ะสิถามได้ ไปๆ ดูแลนายเอ็งด้วย" ขุนไกรกำชับนายทาสประจำเรือน

"นอนดีๆ นะขอรับ"
ไอ้มิ่งจัดแจงท่านอนของนายตนเสียใหม่ มันพึ่งเคยเห็นไตรทศสภาพนี้จึงไม่รู้ว่าควรรับมืออย่างไรดี คนเป็นนายนอนกระสับกระส่ายทั้งเหงื่อยังไหลกาฬตามขมับจนเสื้อผ้าเนื้อดีที่ใส่อยู่ชื้นขึ้นเป็นจุด
"จัน..." เสียงละเมอเบาดังเล็ดลอดออกมาจากคนที่นอนอยู่บนเตียง
"ไอ้จันรึขอรับ? " ไตรทศพยักหน้ารับทั้งที่ยังหลับตาอยู่
"เดี๋ยวกระผมไปเรียกมันให้ขอรับ"
ไอ้มิ่งรีบเดินออกจากห้องนอนของเจ้านายตนเพื่อไปตามคนที่ไตรทศต้องการพบ คิดว่านายตนเรียกหาเพราะมีเรื่องจะคุยด้วยแต่หารู้ไม่ว่าเจ้านายมันแค่ละเมอไปเรื่อย
ก่อนไปมันกำชับทาสในเรือนไว้ว่าให้ดูแลไตรทศด้วยและห้ามให้ผู้ใดไปรบกวน นางนวลทาสสาวประจำเรือนจึงอาสาดูแลแทน
"ไอ้จัน ไอ้จันโว้ย! "
ชายหนุ่มที่กำลังกวาดลานวัดอยู่เป็นอันต้องเงยหน้าขึ้นมาดูว่าอ้ายอีหน้าไหนมาเรียกตนจนเสียงดังลั่นวัดเช่นนี้ เมื่อเห็นว่าเป็นไอ้มิ่งจึงเอ่ยถามมันเสียงเขียว
"มึงมีเหตุอันใดวะไอ้มิ่ง? " จันถามอย่างหัวเสีย
"ท่านไตรทศให้กูมาตามมึง"
"นายมึงเนี่ยนะ? "
"เออสิวะ รีบไปได้แล้วอย่าให้นายกูรอนาน ท่านเมายาดองมาเสียด้วยมิรู้ว่าจะได้สติหรือยัง"
ตอนแรกชายหนุ่มคิดว่าจะมิยอมไปให้เสียเวลาแต่เมื่อได้ยินว่าอีกฝ่ายเมายาดองจึงอยากจะไปดูหน้าคนไก่อ่อนเสียหน่อย
"ก็ได้ ข้าไปก็ได้"
ทางด้านไตรทศก็กำลังเมามิรู้เรื่อง นางนวลจึงคิดจะใช้จังหวะนี้ตกเป็นของนายตนเองเสียเพื่อที่ตนจะได้เลื่อนขั้นจากนางทาสมาเป็นเมียให้นางทาสคนอื่นๆอิจฉาเล่นเสียหน่อย
มันแอบลอบกลืนน้ำลายเมื่อเห็นแผงอกกว้างสมชายชาตรีของไตรทศ มือที่ถือผ้าขาวบางสั่นระริก มันแทบจะอดใจไม่ไหวเมื่อเลื่อนสายตาไปเห็นหน้าท้องที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม
แอ๊ด
เสียงเปิดประตูดังขึ้นก่อนจะปรากฎร่างของชายหนุ่มสองคน หนึ่งในนั้นคือไอ้มิ่งและอีกคนคือนายจันคนที่นายมันเคยชวนมากินข้าวด้วย มันวางผ้าในมือลงอย่างหัวเสียเมื่อโดนขัดจังหวะ
"เอ็งจะทำอะไรวะนางนวล" ไอ้มิ่งเอ่ยถามเสียงเขียวเมื่อเห็นว่านางทาสตัวดีกำลังปลดกระดุมเสื้อนายตน
"ข้าแค่เช็ดตัวให้ท่านไตรทศเท่านั้นเองพี่มิ่ง หากพี่มาแล้วข้าขอตัว"
ทาสสาวรีบเดินออกมาจากห้องด้วยความเสียดายปนอาย มีหรือที่ไอ้มิ่งมันจะดูมิออกว่านางทาสผู้นี้กำลังจะทำการอันใด
ชายหนุ่มเดินเข้าไปใกล้เพื่อดูหน้าไตรทศตอนเมาเสียหน่อย หน้าของหนุ่มโตเต็มวัยที่คอยบ่นเขาบัดนี้กำลังขึ้นสีระเรื่อเพราะฤทธิ์ของยาดองทำเอาจันแทบกลั้นขำไว้มิอยู่ ตามกรอบหน้าคมมีเหงื่อกาฬผุดขึ้นมาบ้างเล็กน้อย กระดุมเสื้อที่ถูกปลดยังมิถูกติดกลับเข้าที่เดิมทำให้สายตาจันปะทะเข้ากับแผ่นท้องที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามนั้นพอดี รูปร่างกำยำสมชายโตเต็มวัยทำเอาจันแอบอิจฉา
"ถ้าเช่นนั้นข้าขอตัวก่อน เอ็งอย่าแอบทำเหมือนนางนวลล่ะไอ้จัน"
"หมาในปากมึงนี่นะไอ้มิ่ง"
คำพูดกำกวมทำเอาจันต้องหันไปมองทาสหนุ่มตาเขม็ง แต่มันกลับผิวปากอย่างมิรู้ร้อนรู้หนาว ไอ้มิ่งนั้นรู้ว่าผู้เป็นนายถูกตาต้องใจไอ้เด็กวัดผู้นี้ตั้งแต่วันที่ถามถึง เพราะไตรทศมิเคยสนใจผู้ใดและมิเคยถามถึงผู้ใดเลย ตัวมันที่อยู่กับไตรทศมาตั้งแต่เด็กเหตุไฉนจักดูมิออกเล่า
เมื่อไอ้มิ่งเดินออกจากห้องไปและประตูถูกปิดลงชายหนุ่มจึงหันกลับมามองคนที่นอนหน้าแดงอยู่บนเตียงต่อ
เหงื่อที่ไหลออกมาตามตัวทำให้จันรู้ว่าอีกคนนั้นร้อนอยู่มิน้อยจันจึงลุกขึ้นยืนเพื่อไปเปิดหน้าต่างรับลมเพื่อให้ลมพัดโกรกเข้ามาจะได้บรรเทาความร้อนของไตรทศลงบ้าง
ยามที่เปิดหน้าต่างออกลมปะทะเข้ากับหน้าชายหนุ่มเต็มๆ หากแต่มิได้มีเพียงลมเท่านั้นยังมีกลิ่นหอมโชยเข้ามาด้วย กลิ่นนั้นหอมอบอวลเสียจนจันต้องหาสาเหตุและที่มาของกลิ่น
สายตาคมหันไปเจอกับต้นไม้ต้นหนึ่งที่กำลังออกดอกสะพรั่ง ดอกไม้นั้นมีสีเหลืองนวลคล้ายดอกจำปี แต่ดูจากลีกษณะต้นที่สูงมากแล้วคงจะมิใช่
"อืม..."
เสียงอื้ออึงดึงความสนใจของจันจากต้นไม้ต้นนั้น เมื่อชายหนุ่มหันกลับไปมองจึงเห็นว่าไตรทศกำลังละเมอ จันเดินกลับมาที่ข้างเตียงและหยิบผ้าขึ้นบิดหมาดๆ เพื่อเช็ดตัวและซับเหงื่อให้อีกคนเพื่อระบายความร้อน
"เอ็งนี่นะ เพื่อนข้าก็มิใช่เหตุใดข้าจึงต้องมาคอยดูแลเอ็งด้วยวะ" จันบ่นพึมพำ ทันใดนั้นมือที่กำลังเช็ดก็ต้องหยุดชะงักเมื่อโดนคนที่นอนอยู่จับเอาไว้
"พูดมิเพราะเอาเสียเลย"
เสียงพูดกระท่อนกระแท่นจากคนเมาที่กำลังนอนหลับตาอยู่ทำเอาจันอดขำมิได้ ชอบวางมาดใหญ่โตดีนัก พอมาเห็นในสภาพนี้จึงทำเอาจันพอใจอยู่มาก ตอนแรกแทบจะมิได้สติพอตนพูดมิเพราะเสียหน่อยถึงกลับต้องหยุดเมาเพื่อมาดุเชียวรึ
"คนเมาอย่างออเจ้านอนพักไปเสียเถอะ" จันจับมือของอีกฝ่ายออกเพื่อเช็ดต่อและพูดเพราะขึ้นตามที่อีกฝ่ายบอก
"ออเจ้ามาได้อย่างไร? " ไตรทศยังคงเอ่ยถามทั้งที่หลับตาอยู่
"ไอ้มิ่งมันไปเรียกข้ามา คิดว่าข้าอยากมาเองหรืออย่างไร? "
"หึ ก็มิแน่กระมัง"
ไตรทศนอนหลับตานิ่งเพราะอาการเมายังคงมิหายไปไหน ถึงลมหายใจจะมีแต่กลิ่นยาดองแต่จมูกก็ยังคงได้กลิ่นของดอกจันทร์กระพ้ออยู่บ้าง
"ออเจ้าได้กลิ่นหอมรึไม่? "
"ได้กลิ่นสิ มันคือดอกอันใดรึข้ามิเคยเห็น" จันไล่เช็ดตามหน้าท้องที่มีมัดกล้ามแน่น มันขยับขึ้นลงเป็นจังหวะเมื่อไตรทศหายใจ
"ดอกจันทร์กระพ้อ"
"ชื่อเพราะดี ข้าชอบ"
"เหมือนกับชื่อของออเจ้า"
"ทำไมรึ? " จันถามคนโตกว่าด้วยความแปลกใจ
"เพราะดี...ข้าชอบ"
"แปลกคน" จันส่ายหน้าอย่างเอือมระอาพลางคิดย้อนไปวันแรกที่เจอกัน วันที่ไตรทศเอ่ยชมชื่อของตนว่าเพราะดี ตอนนั้นฟังแล้วรู้สึกแปลก แต่วันนี้กลับรู้สึกดีพิลึก
"กลิ่นมันหอม...เหมือนกลิ่นกายออเจ้า"
"ห่ะ? " ชายหนุ่มหยุดมือที่กำลังเช็ดด้วยความประหลาดใจ
ไตรทศลืมตาขึ้นและขยับขึ้นลุกนั่งพิงขอบเตียง ส่งสายตาหยาดเยิ้มมองไปที่คนที่นั่งอยู่ข้างเตียงของตน อีกฝ่ายกำลังทำหน้าประหลาดใจเพราะคำพูดของเขาทำเอาไตรทศแอบขำกับสีหน้าเหมือนกระต่ายตื่นตูมนั้นมิน้อย
"กลิ่นกายออเจ้าช่างหอมนัก" ครานี้จันได้ยิมเต็มสองรูหู
"ออเจ้าวิกลจริตหรือไร มาชมกลิ่นกายชายว่าหอม! "
"หากการชมชอบกลิ่นกายของออเจ้าเรียกว่าวิกลจริต ข้าก็ยอม"
"นี่เจ้า! -"
ทันใดนั้นคำพูดที่กำลังจะพูดก็เป็นอันถูกกลืนลงท้องไปเพราะอยู่ดีๆ ไตรทศก็ดึงมือของจันเข้าหาตัวและก้มลงจุมพิตบนมือนั้นเบาๆอย่างทะนุถนอม
ผ้าที่ถูกถือไว้ถูกปล่อยลงบนพื้นเพราะชายหนุ่มเกิดมืออ่อนชั่วขณะเกิดมายังมิเคยถูกผู้ใดทำเช่นนี้มาก่อน การกระทำนั้นทำเอาจันแทบทำตัวมิถูก รู้อยู่ดอกว่าไตรทศเมาแต่มิคิดว่าจะหนักถึงเพียงนี้
"หอมเสียจริงเจ้าจันของพี่"
"อะ...ไอ้คนวิกลจริต! "

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-12-2019 21:07:34 โดย ponpon1a »

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
..หอมเสียจริงเจ้าจันของพี่..

กรี๊ดดดดด คุณพี่ไตรคนซิง เมารักกก :o8:

ชอบบบบมากกกกก สำนวนภาษาดี อ่านเพลินไหลลื่น ดีใจที่มาลงเล้านะคะ เราสิงอยู่ในเล้า จะรอติดตามค่ะ   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-09-2019 14:09:49 โดย Ac118 »

ออฟไลน์ Ti0590

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 455
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
ตอนหน้าโล้สำเภา

ออฟไลน์ unicorncolour

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1001
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ตามจ้า  :จุ๊บๆ:

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
โถ่ เจ้ามิ่ง 55555555555555

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
โอ้ พ่อคนซิง

ออฟไลน์ ponpon1a

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
บทที่ ๔

"เกิดอะไรขึ้นวะ!? "
ขุนไกรที่นั่งจิบน้ำชาอยู่ที่ห้องรับรองแขกรีบเดินเข้ามาดูเพื่อนรักของตนเมื่อได้ยินเสียงเอะอะโวยวายจากในห้อง
เมื่อเข้ามาจึงเห็นว่าเพื่อนของตนนั้นกำลังนั่งจับมือถือแขนชายหนุ่มหน้าตาดีผู้หนึ่งอยู่ สีหน้าของอีกคนดูตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด ถ้าหากให้เดาคงเป็นเพื่อนของตนที่ละลาบละล้วงชายหนุ่มผู้นี้
"ขุนไกรรึ? " ความเมาเข้าเล่นงานทำให้ตาของไตรทศพร่ามัวจนมองมิเห็นผู้ที่ยืนมองอยู่ที่ประตู
"ก็เออสิวะ เอ็งนี่ท่าจะเมาหนักแล้วหนา นอนลงไปเสีย" ขุนไกรเดินเข้าไปจับไหล่เพื่อนรักของตนและกดให้นอนลง ไตรทศทำหน้าซึมเล็กน้อยเมื่อต้องปล่อยมือออกจากคนตัวหอม
"ออเจ้าเป็นอันใดรึไม่?" เมื่อจัดท่านอนให้ไตรทศเสร็จขุนไกรจึงหันไปกระซิบถามชายหนุ่มที่กำลังนั่งนิ่งเพราะทำตัวมิถูก
"อะ เอ่อ มิเป็นอันใดขอรับ"
"ข้าว่าเรามีเรื่องต้องคุยกัน" จันแอบใจเสีย คงโดนเรียกไปต่อว่าเรื่องที่ด่าไตรทศว่าวิกลจริตเป็นแน่
ยามที่ชายหนุ่มกำลังจะลุกขึ้นเพื่อเดินตามขุนไกรออกมานอกห้องก็โดนคนมือปลาหมึกจับไว้เสียก่อน เมื่อหันกลับไปมองก็เห็นว่าไตรทศเป็นผู้จับและกำลังส่งสายตาออดอ้อนมาหาตน จนจันแอบแปลกใจมิน้อย
"ออเจ้า อยู่กับพี่ก่อนมิได้หรือ? " สรรพนามแทนตนว่า 'พี่' ทำเอาคนฟังใจสั่น
"ออเจ้านอนพักเสียเถอะ อย่าพูดจาแปลกๆอีก ข้าขนลุก"
จันจับมือของไตรทศออกและวางไว้บนอกของอีกคน แน่นอนว่าทุกการกระทำอยู่ในสายตาของขุนไกรทั้งหมด ท่านขุนแอบยิ้มกระหยิ่มในใจ คนผู้นี้ดอกรึที่ทำให้เพื่อนรักของเขาละเมอเพ้อพบ
"ออเจ้ามีชื่อเสียงเรียงนามว่าอย่างไร? " ท่านขุนผู้มีศักดิ์เริ่มซักถามชายหนุ่มเมื่อเดินมาถึงห้องรับรองแขก
"จันขอรับ" จันตอบอย่างสุภาพ เพราะตนมิได้รู้จักกับชายผู้นี้
"ข้าขอบน้ำใจออเจ้ามากที่ดูแลเพื่อนข้า" ชายหนุ่มที่นั่งต่ำกว่าเงยหน้ามองอีกคน
"มิเป็นอันใดดอกขอรับ" จันถอนหายใจอย่างโล่งใจเมื่อรู้ว่าตนมิได้โดนเรียกมาด่า
"นานๆ ทีไตรทศจะเมาเช่นนี้ หากทำให้ออเจ้าลำบากข้าก็ขอโทษแทนมันด้วยหนา"
"ขอรับ" จันพยักหน้า
"คุณพิกุลอย่าวิ่งเจ้าค่ะ! "
เสียงดังจากชานเรือนดึงความสนใจของคนทั้งสองให้หันไปมอง ร่างบางอรชรวิ่งขึ้นมาบนเรือนอย่างเหนื่อยหอบเมื่อได้ข่าวจากไอ้มิ่งว่าไตรทศเมายาดองกลับมานอนคอพับที่เรือน พิกุลที่กำลังนั่งร้อยมาลัยอยู่ที่เรือนใหญ่จึงรีบรุดมาดูคนพี่ทันที
"อ้าวแม่พิกุล ไปอย่างไรมาอย่างไรล่ะออเจ้า" ขุนไกรเอ่ยถามคนที่มีศักดิ์น้อยกว่า
"ข้ามาดูคุณพี่ไตรเจ้าค่ะ พี่ขุนไกรเห็นหรือไม่เจ้าคะ? " ท่าทางร้อนรนทำเอาไอ้จันแอบใจเสีย เห็นคนที่ตนแอบชอบมาเป็นห่วงผู้อื่นเช่นนี้ผู้ใดจะชอบกัน
"นู้น...ตรงห้องนอนนู้น"
"ขอบพระคุณเจ้าค่ะ"
เมื่อได้รับคำตอบ แม่หญิงที่เคยเรียบร้อยทุกกริยาท่าทางบัดนี้กลับกำลังวิ่งหน้าตั้งไปทางห้องนอนของไตรทศ จันแอบลอบมองตามแม่หญิงที่ตนหมายปองหายลับเข้าไปในห้องชายผู้เป็นศัตรูหัวใจ ความเจ็บแปลบเเล่นเข้าทำร้ายจนรู้สึกเจ็บกับภาพตรงหน้า
"ออเจ้าเป็นอันใดรึ? " เมื่อเห็นว่าคนที่นั่งอยู่ใกล้ๆ สีหน้ามิดี ขุนไกรจึงเอ่ยถาม
"มิเป็นอันใดขอรับ" ปากบอกมิเป็นอันใดแต่น้ำตาไหลถึงตีนแล้วกระมัง..
"คุณพี่ไตรเป็นอย่างไรบ้างเจ้าค่ะ!? " เมื่อเห็นสภาพที่ไม่สู้ดีของไตรทศนักแม่พิกุลจึงรีบกุลีกุจอเข้ามาดูคนพี่
ไตรทศนอนอย่างอ่อนเพลีย ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอทำให้รู้ว่าคนพี่นั้นกำลังหลับอยู่
"โธ่คุณพี่ รู้ว่าคออ่อนแต่ก็ยังดื่มเสียเยอะเลยนะเจ้าคะ" พิกุลขำกับภาพตรงหน้า ตอนนี้ไตรทศมิเหลือเค้าโครงของคนสุขุมแล้ว เหลือเพียงชายหนุ่มที่กำลังเมาได้ที่
"จัน..." เสียงละเมอบางเบาแต่ก็พอทำให้พิกุลได้ยินได้ ร่างบางชะงักมือที่กำลังบิดผ้าเมื่อได้ยินชื่อที่ไตรทศเอ่ยออกมาขณะที่กำลังหลับ
"คุณพี่"
เสียงเรียกเบามิอาจทำให้ไตรทศตื่นจากนิทราได้ ไตรทศขยับหนีเมื่อรับรู้ถึงความเย็นจากผ้าขาวที่ซับลงตามขมับ พิกุลวางผ้าในมือลงอย่างแผ่วเบาเพราะกลัวรบกวนการนอนของอีกคน
ส่งสายตาตัดพ้อและน้อยใจให้คนที่นอนมิรู้เรื่อง ต้องรอนานอีกสักกี่ปีคนพี่ถึงจะหันมาสนใจตนแลมองตนในฐานะของหญิงสาวมิใช่ในฐานะน้องสาว
พิกุลปลีกตัวออกมาจากห้องเมื่อจัดแจงท่านอนให้ไตรทศเสร็จ เดินผ่านจันและขุนไกรที่กำลังนั่งคุยกันไปยังห้องครัวเพื่อเตรียมสำรับอาหารเย็นให้คนเมา เวลาตื่นขึ้นมาจะได้กินของร้อนเพื่อดับฤทธิ์ของสุราเสียหน่อย
"ออเจ้านี่ช่างตลกยิ่งนัก ข้าชอบ ฮ่าๆ " เสียงคุยของขุนไกรและจันดังไปทั่วเรือน ดูท่าท่านขุนจะถูกใจจันมิใช่น้อย
"ข้าเป็นคนแบบนี้แหละ หาได้เป็นคนตลกไม่ ฮ่าๆ "
"เออดีๆ ต่อไปนี้ออเจ้าต้องเรียกข้าว่าพี่ไกรเข้าใจรึไม่? "
ขุนไกรรู้สึกชอบใจชายหนุ่มผู้นี้ จันเล่าเรื่องวีรกรรมที่ตนไปก่อไว้มากมายมีแต่เรื่องน่าขันทั้งนั้น โดนเฉพาะเรื่องที่จันต่อยหน้าไอ้หมื่นเดชาคู่ปรับตลอดกาลของไตรทศ
"จ้ะ พี่ไกร" จันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ขุนไกรผู้นี้นิสัยดีนักทั้งยังเป็นมิตร ยามเล่าวีรกรรมให้ฟังก็มิได้ดุเหมือนไตรทศเลยทำให้จันสนิทกับขุนไกรได้ง่ายกว่า
เวลาผ่านไปสักพักสำรับอาหารมากมายถูกยกขึ้นมาเรียงบนโต๊ะอาหาร เครื่องเทศในอาหารส่งกลิ่นหอมไปทั่วทั้งชานเรือน
ไตรทศที่หลับเป็นตายบัดนี้ตื่นเต็มตาเมื่อได้ล้างหน้าด้วยน้ำฝนเย็นๆ ฤทธิ์ของยาดองยังคงมีเล็กน้อย หากได้รับประทานน้ำแกงร้อนๆเสียหน่อยคงจะเป็นการดี
ไตรทศนั่งลงตรงโต๊ะอาหาร ที่มีทั้งจัน ขุนไกร และแม่พิกุลที่แสดงเสน่ห์ปลายจวักในวันนี้ ไตรทศลอบมองจันเป็นระยะเพราะตัวเขานั้นจำได้ว่าระหว่างที่เมาตนทำอันใดไว้บ้าง จึงมิกล้าสบตาอีกฝ่ายตรงๆเพราะรู้สึกกระดากอาย
"กินน้ำแกงนี่สักหน่อยนะเจ้าคะคุณพี่ จะได้รู้สึกสดชื่น" พิกุลตักน้ำแกงที่เคี่ยวกับกระดูกหมูให้คนพี่ การกระทำนั้นอยู่ในสายตาจัน ทำเอาชายหนุ่มแอบเสียใจมิน้อย
"ขอบน้ำใจออเจ้ามากที่อุตส่าห์อยู่ดูแลพี่ทั้งยังทำกับข้าวให้อีก"

คำพูดนั้นทำเอาจันชะงัก ตนต่างหากที่เป็นคนดูแล แต่เอ๊ะ...จันต้องชะงักเพราะแม่พิกุลเข้าไปในห้องของไตรทศมิใช่หรือ? เหตุไฉนจึงต้องชะงักเพราะไตรทศเข้าใจผิดเล่า?
"มิเป็นอันใดเจ้าคะ" พิกุลยิ้มรับด้วยความเขินอาย
"ออเจ้ากินหมูทอดนี่สิจัน เป็นสูตรจากชาวจีนอร่อยนักแล" ขุนไกรหยิบหมูทอดกระเทียมวางลงบนจานของจัน เมื่อมองเห็นสายตาละห้อยนั้น ขุนไกรเข้าใจได้ทันทีว่าจันแอบชอบไตรทศเป็นแน่
"ขอบใจจ้ะพี่ไกร"
"แค่กๆ! " ไตรทศถึงกับสำลักข้าวเมื่อได้ยินสรรพนามที่อีกคนใช้เรียกเพื่อนรักของตน
"ออเจ้าเรียกขุนไกรว่าอย่างไรนะ? " ถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
"พี่ไกรอย่างไรเล่า"
ไตรทศแอบน้อยใจที่ทั้งสองคนสนิทกันเร็วมาก สนิทถึงขั้นที่ขุนไกรยอมให้เรียกแทนตัวเองด้วยคำว่า 'พี่' ทีกับเขาเหตุไฉนจันถึงมิเรียกบ้าง
"งั้นดอกรึ" ไตรทศหันมาสนใจกับอาหารต่อ ซ่อนสายตาตัดพ้อเอาไว้ภายใน แต่หารู้ไม่ว่าทุกการกระทำอยู่ในสายตาแม่พิกุลและขุนไกร
ทั้งสี่คนนั่งกินอาหารอย่างเงียบเชียบ รสมือแม่พิกุลอร่อยถูกปากอย่างที่จันคิด อร่อยมิมีที่ติ หากได้มาเป็นแม่เรือนคงจะเป็นบุญนักแล นอกจากของคาวยังมีของหวานเอาไว้ล้างปากและมีน้ำฝนลอยดอกมะลิเย็นๆ ให้ดื่มอีกด้วย
"ขอบใจออเจ้ามากหนาที่มาทำอาหารให้พวกพี่กินในครานี้" ขุนไกรพูดกับแม่หญิงที่กำลังจะกลับเรือนตน
"มิเป็นอันใดเจ้าค่ะ หากพวกคุณพี่ชอบข้าก็ยินดี" พิกุลยกมือไหว้เพื่อเป็นการลาคนทั้งสองและหันไปพยักหน้าให้จันที่ยืนมองอยู่ ชายหนุ่มยิ้มรับด้วยความเอ็นดู
"ให้มันน้อยๆหน่อย" เสียงดุดังขึ้นเมื่อแม่พิกุลเดินลงจากเรือนไป
"มิใช่เรื่องของออเจ้าเสียหน่อย" จันหันไปตอบอย่างมิใส่ใจ
"ข้ามีศักดิ์และอายุมากกว่าออเจ้าหนา ระวังท่าทีเสียหน่อย" ไตรทศเอ่ยดุคนดื้อรั้น
"ข้าสนเสียที่ไหนเล่า"
"เหตุใดออเจ้าถึงดื้อดึงเช่นนี้?"
น้ำเสียงดุของไตรทศมิสามารถทำให้จันสะทกสะท้านได้ กับคนอื่นจันอาจมิกล้าแต่มิรู้ว่าเหตุใดกับชายผู้นี้ตนถึงกล้าต่อปากต่อคำด้วย
"แล้วเหตุใดออเจ้าถึงชอบดุนักเล่า! "
"ข้าก็ดุออเจ้าเพียงผู้เดียว"
"ข้าก็ดื้อกับออเจ้าเพียงผู้เดียว.."
เหตุไฉนการทะเลาะกันถึงคล้ายกับการบอกรักกันกลายๆ ได้หนอ ขุนไกรที่ยืนฟังคิดในใจ ดูเหมือนคนทั้งสองจะลืมไปเสียแล้วว่าตนเองก็ยืนอยู่ตรงนี้...น่าเศร้าใจเสียจริง ชีวิตตัวประกอบ
"ข้ากลับก่อนหนาไตรทศ"
เมื่อเห็นว่าตนมิมีความจำเป็นกับที่ตรงนี้แล้วขุนไกรจึงบอกลาเพื่อนตนเพราะตัวเขาเองก็มีงานราชการมากมายที่รอสะสาง ไตรทศมิเอ่ยตอบด้วยวาจาหากแต่พยักหน้าเหมือนที่ชอบทำ ขุนไกรเองก็ชินไปเสียแล้ว
"กลับดีๆนะจ๊ะพี่ไกร" จันยิ้มให้ขุนไกรอย่างเป็นมิตร
"ออเจ้าเองก็เช่นกัน เพลาๆ การวิวาทลงเสียบางหนา มันจะทำให้แม่หญิงเมินออเจ้าเพราะคิดว่าเป็นอันธพาลได้"
ขุนไกรลูบหัวจันอย่างนึกเอ็นดู สายตาเลื่อนไปมองไตรทศก็เห็นว่าเพื่อนรักของตนกำลังจ้องเขม็งจนต้องรีบชักมือกลับ
"จ้ะพี่ไกร" รอยยิ้มอันบริสุทธิ์ผุดผ่องนั้นทำเอาขุนไกรนึกเอ็นดูชายหนุ่ม
เมื่อร่ำลากันเสร็จและขุนไกรเดินลงจากเรือนไปจนลับตาแล้วจันจึงหันมามองไตรทศที่ยืนอยู่ข้างหลังตนต่อ
หากแต่บัดนี้สีหน้าของไตรทศมิได้เป็นสีหน้าของคนที่ต้องการดุด่าตนอีกแล้ว หากแต่เป็นสีหน้าที่หมองลงอย่างเห็นได้ชัด อีกคนยืนนิ่งจนจันทำตัวมิถูก
"ทีกับข้าเล่า..." ไตรทศเอ่ยเพียงแค่นั้นก่อนจะหันหลังกลับเดินเข้าห้องนอนไปทิ้งความฉงนไว้ให้จัน
ไตรทศเดินผ่านไอ้มิ่งทาสหนุ่มประจำเรือนเข้าไปในห้องอย่างมิสนใจ จนไอ้มิ่งคิดสงสัยมิได้ว่าทำไมนายตนที่วันๆเอาแต่วางมาดนิ่งทั้งวันจึงทำสีหน้าเศร้าถึงเพียงนั้น
"เกิดเหตุอันใดขึ้นวะไอ้จัน?" ไอ้มิ่งรีบเดินมาถามจันที่กำลังยืนงง
"กูจะรู้รึ นายมึงเป็นอันใดใครจะรู้ มิพูดมิจาสักคำ" จันได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ หรือจะเป็นเพราะตนดื้อดึงเกินไปจนอีกคนเหนื่อยใจกันหนอ?
"นายมึงชอบกินขนมอะไรวะ? " คำถามนั้นทำเอาไอ้มิ่งแปลกใจ
"ขนมผิงกระมัง เห็นท่านชอบกินคู่กับชาจีน" จันจำได้ว่าขนมผิงนี้มีขายที่ตลาดเล็กและมิไกลจากที่นี่มาก
ด้านไตรทศที่เดินเข้าห้องตนไปก็มิรู้ว่าจะทำอันใดจึงหยิบพู่กันจีนขึ้นมาวาดรูปที่ยังค้างคาและวาดมิเสร็จต่อ รูปดอกจันทร์กระพ้อในแจกันใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้วหากแต่มันยังขาดอะไรบางอย่างไป บางอย่างที่ไตรทสเองก็มิอาจรู้ว่ามันคืออะไร
คนสุขุมที่ปกติจะมีสมาธิจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ทำหากแต่บัดนี้กลับกระวนกระวายเพราะจันมิตามตนเข้ามาในห้องเสียที ก่อนจะคิดได้ว่าจันคงกลับวัดไปแล้ว ไตรทศแอบตำหนิตนเองในใจที่เดินหนีมาเพราะความน้อยเนื้อต่ำใจ
แอ๊ด
เสียงเปิดประตูดังขึ้น เพราะนั่งหันหลังให้ประตูจึงทำให้ไตรทศ,bเห็นว่าผู้ที่เข้ามาคือผู้ใด
"ข้าบอกเอ็งแล้วมิใช่รึว่าให้เคาะประตูก่อนและห้ามรบกวน" เพราะคิดว่าเป็นไอ้มิ่งทาสคนสนิทไตรทศจึงตำหนิไป
"แต่ออเจ้ามิเคยบอกข้า"
เสียงนุ่มละมุนของใครอีกคนที่ไตรทศจำได้แม่นดังขึ้น ทำเอาเขาต้องหยุดมือที่กำลังตวัดพู่กันอยู่และเงยหน้าขึ้นมองคนที่เดินเข้ามายืนอยู่ข้างๆ
"ออเจ้ายังมิกลับรึ?" ไตรทศเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกว่าดีใจแต่พูดด้วยหน้านิ่งตามปกติ
"ยัง" ชายหนุ่มวางขนมและชาจีนที่ถืออยู่ลงบนโต๊ะ ไตรทศเลิกคิ้วมองด้วยความแปลกใจ
"ไอ้มิ่งบอกว่าออเจ้าชอบ ข้าเลย...เอามาให้" ชายหนุ่มพูดพร้อมกับเสมองไปทางอื่นเพราะ,bชินเวลาโดนใครอีกคนจ้อง
"ขอบใจออเจ้ามาก" ไตรทศหยิบขนมผิงเข้าปากและยิ้มออกมาเล็กน้อย ผู้ใดจะคิดว่าคนที่แข็งกระด้างเช่นจันจะทำการง้อตนได้น่ารักน่าชังเช่นนี้
"แฮ่ม!" ชายหนุ่มกระแอมเล็กน้อยเพื่อกลบเกลือนความเขินอาย เกิดมาจันมิเคยซื้อขนมให้ผู้ใดมาก่อนจึงทำให้ทำตัวมิถูก
"ข้าว่าง เดี๋ยวข้าฝนหมึกให้" มิต้องรอให้ไตรทศตอบ ชายหนุ่มนั่งลงบนพื้นและฝนหมึกให้อีกคนทันที
ไตรทศก้มลงมองคนผู้มีศักดิ์น้อยกว่าอย่างนึกเอ็นดู ยิ่งมองการกระทำยิ่งเพลิดเพลิน สิ่งที่เขารู้สึกอยู่ในใจมันคืออะไรไตรทศหารู้ไม่ ในโลกมีความสัมพันธ์หลายรูปแบบแต่ไตรทศยังมิเคยเจอรูปแบบของบุรุษเพศที่ชื่นชอบบุรุษเพศด้วยกันเอง เคยเข้าไปในร้านบำเรอชายที่บริการด้วยบุรุษเพศเหมือนกันก็จริงแต่หาได้รู้ไม่ว่าเวลาอยู่บนเตียงนั้นต้องทำอย่างไร
"ออเจ้ารู้หรือไม่ ปกติแล้วหน้าที่ฝนหมึกจะเป็นของคนรับใช้คนสนิทหรือไม่ก็ภรรยาเท่านั้น" ไตรทศเอ่ยบอกจันอย่างมีเลศนัย
"ออเจ้าจะบอกว่าข้าเหมือนคนรับใช้รึ!? " จันถามด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียว
"เฮ้อ..." ไตรทศถอนหายใจอย่างเอือมระอา "ข้าหมายถึงออเจ้าทำหน้าที่ของภรรยาต่างหากเล่า...เด็กโง่"
"!!! "






« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-12-2019 21:33:15 โดย ponpon1a »

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด