บทที่ ๒๔
“แม่...แม่จ๋า...” เสียงเล็กเรียกอยู่ที่ข้างหูส่งผลให้ชายหนุ่มที่นอนอยู่บนเตียงตื่นจากนิทราที่กำลังดำดิ่งลงสู่ห้วงแห่งฝัน
จันลืมตาขึ้นก่อนจะกระพริบตาปริบๆเพื่อให้สายตาปรับรับกับแสงในยามเช้าตรู่ เมื่อหันไปมองข้างกายจึงเห็นว่าเจ้าแฝดพากันยืนมองตนอยู่ข้างเตียงตาแป๋ว
“ตื่นเช้าเสียจริงหนา” จันเอ่ยพร้อมกับยิ้มให้ลูกน้อยในวัยสี่ขวบ
“กล้าหิวขอรับ..” เจ้ากล้าพูดพร้อมกับใช้มือลูบลงบนพุงกลม
“แก้วด้วย~” จันยิ้มขำกับท่าทีของเจ้าแฝดที่กำลังพากันยืนลูบท้องเป็นสัญญาณว่าตนหิวแล้ว
“ตาเถร! คุณกล้า คุณแก้ว อย่ากวนคุณจันสิเจ้าคะ”
นางอ่อนรีบรุดเข้ามาภายในห้องเพื่อปรามทั้งสอง เพียงแค่นางอ่อนลับตาเพียงชั่วครู่เจ้านายตัวน้อยก็หนีหายเข้ามาในห้องนอนของจันเสียแล้ว “อิฉันขออภัยนะเจ้าคะคุณจัน” นางอ่อนก้มหน้าด้วยความรู้สึกผิด
“มิเป็นอันใดดอกอ่อน”
“ถ้าหิวเดี๋ยวอ่อนจะไปทำข้าวต้มร้อนๆให้นะเจ้าคะ” นางอ่อนหันไปคุยกับสองพี่น้อง
“หึ ไม่เอา...แก้วมิชอบข้าวต้ม” เจ้าแก้วเบะปากทำหน้าหยีข้าวต้ม
“แล้วคุณแก้วอยากกินอะไรหรือเจ้าคะ?”
“อืม...” เด็กน้อยทำท่าคิด ทำใบหน้าเคร่งเครียดเหมือนกับไตรทศมิมีผิด “แก้วอยากกินขนมชั้น!”
“มันอ้วนนะแก้ว”
เจ้ากล้าเอ่ยปรามน้องที่เอาแต่กินของหวานแต่ผู้ที่ร่างกายอวบกว่าเจ้าแก้วก็เห็นทีจะว่าเป็นเจ้ากล้าเพราะยามที่น้องกินมิหมดผู้พี่จะกินแทนน้องเสียทุกครั้ง
“ต-แต่มันอย่อย..”
“ประเดี๋ยวพี่หินก็ล้ออีกดอก..”
หินคือชื่อของเด็กชายที่อายุมากกว่ากล้าและแก้วห้าปี ครอบครัวของหินย้ายมาสร้างเรือนอยู่ฝั่งตรงข้ามคลองของเรือนเล็ก เห็นชาวบ้านพากันพูดว่าบ้านนี้เป็นบ้านจอมขมังเวทย์ทั้งบ้าน ตั้งแต่ย้ายมาหินก็เล่นเป็นเพื่อนเจ้าแฝดมาตลอด
“พ-พี่หินมิชอบแก้วหรือ?”
“มิใช่มิชอบแต่พี่หินบอกว่าแก้วอ้วน แก้มเยอะ”
“ฮื่อ..” เจ้าแก้วทำหน้าหมองลงจนจันกังวลใจเพราะคิดว่าลูกชายถูกแกล้ง “แต่ว่า...พี่หินชอบมาจับแก้มของแก้วแล้วบอกว่านุ่มนี่จ้ะ..”
จันกับนางอ่อนมองหน้ากันก่อนจะยิ้มออกมา ดูเหมือนว่าเจ้าหินแค่เอ็นดูเจ้าแก้วเพียงเท่านั้นมิได้แกล้งให้เจ็บช้ำน้ำใจ
“นั่นแหละ ถ้าเยอะขึ้นเรื่อยๆมันจักกลายเป็นอ้วน เพราะฉะนั้นแก้วต้องลดของหวานลงรู้รึไม่?”
“จ้ะพี่กล้า” เจ้าแก้วพยักหน้าหงึกหงักเชื่อฟังคำพูดพี่ชายแต่ก็ยังทำสีหน้าเหมือนกังวลบางอย่าง “แล้วพี่หินจะชอบแก้วหรือไม่จ้ะ?”
คำถามของลูกชายคนเล็กที่เอ่ยถามพี่ทำให้จันยิ้มออกมาด้วยความอ่อนใจ เด็กในวัยนี้ย่อมคิดมากเรื่องที่ตนจะมีเพื่อนเล่นหรือไม่
“ชอบ...แก้วน่ารัก”
“ฮื่อ...พี่กล้าก็”
เด็กตัวป้อมบิดตัวทำท่าทีเขินอายต่อคำชมของพี่ชาย เจ้ากล้ายื่นมือออกไปลูบหัวน้องด้วยความรักใคร่ จันที่มองดูอยู่จึงรู้สึกสบายใจที่สองพี่น้องรักกันดี
“เอาล่ะ แม่ว่าเราไปหาป้าอิ่มกันดีรึไม่?” พอได้ยินสองพี่น้องก็พากันดีใจใหญ่เพราะป้าอิ่มใจดีทั้งยังชอบทำขนมให้กินบ่อยๆจนเจ้าแฝดพากันติดใจ
“ไปจ้ะ!”
สองพี่น้องเอ่ยตอบพร้อมกัน พากันยื่นมือเล็กไปจับมือของจันไว้คนละข้างก่อนจะเดินจูงมือจันออกมาจากห้อง ในขณะที่เดินออกมาจึงสวนทางกับไตรทศที่พึ่งกลับจากห้องหนังสือพอดี
“แม่ลูกจะไปไหนกันหรือ?” ไตรทศเอ่ยถามสามแม่ลูก
“ไปหาป้าอิ่มจ้ะ!” เจ้าแก้วเป็นผู้ตอบด้วยความกระตือรือร้น
“จะไปเป็นลูกมือทำสำรับรึเจ้าแก้ว?” เด็กตัวป้อมพยักหน้าหงึกหงักพร้อมกับยิ้มให้ไตรทศจนตาปิด “พวกลูกพากันดูแลแม่ด้วยหนา อย่าให้แม่ไปซนเข้าล่ะ”
ทั้งเจ้ากล้าและเจ้าแก้วพากันหัวเราะคิกคักเมื่อได้ยินดังนั้น จันทำสีหน้าถะมึงถึงใส่คนพี่แต่ไตรทศก็มิได้สะทกสะท้านซ้ำยังฉวยโอกาสหอมแก้มเมียฟอดใหญ่
“พ-พี่ไตร!” ถึงจะโดนกระทำเสียบ่อยแต่จันก็มิคุ้นชินมากนักที่จะทำต่อหน้าลูก เจ้ากล้ามองภาพตรงหน้าพร้อมกับกระพริบตาปริบๆ
“พ่อจ๋าๆ” เจ้ากล้าเดินไปหาผู้เป็นพ่อพร้อมกับกระตุกชายเสื้อ
“มีอะไรหรือเจ้าตัวแสบ?” ไตรทศนั่งลงต่ำเพื่อให้อยู่ระดับเดียวกับลูก
“หอม...หอมกล้าด้วย” ผู้เป็นพ่อเมื่อได้ฟังดังนั้นจึงยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดูลูกก่อนจะหอมแก้มนิ่มของเจ้ากล้าฟอดใหญ่
“แก้ว...แก้วด้วย!” เจ้าแก้วรีบรุดวิ่งเข้าหาผู้เป็นพ่อพร้อมกับทำแก้มพองลม ไตรทศจึงก้มลงหอมแก้มลูกชายคนเล็กบ้าง
“ชื่นใจเสียจริง” ไตรทศยิ้มให้เจ้าแฝด สองพี่น้องจึงพากันหัวเราะคิกคักเพราะพอใจที่โดนพ่อหอมแก้ม
“ไปก่อนนะจ้ะ” เมื่อพอใจแล้วเจ้าแฝดจึงพากันเดินเข้าไปหาผู้เป็นแม่พร้อมกับจูงมือให้เดินออกจากบริเวณนั้น
ไตรทศมองภาพผู้ที่สำคัญที่สุดในชีวิตของตนทั้งสามคนเดินหายเข้าไปบริเวณโรงครัว ใบหน้าเจ้าของเรือนเปื้อนยิ้มด้วยความสุขใจ ต่อให้มีเงินทองมากองตรงหน้ามากมายไตรทศก็มิยอมแลกความสุขนี้กับเงินทองอย่างแน่นอน
เพราะทั้งสามแม่ลูก
...ล้ำค่ากว่าสมบัติใดๆบนโลกใบนี้
“ป้าอิ่มจ้ะ!” เจ้าแก้วโดดกอดคอป้าอิ่มเพื่อแกล้งให้ตกใจเล่น
“ว้าย! คุณแก้วเองหรือเจ้าคะ” เจ้าแก้วหัวเราะชอบใจใหญ่ที่แกล้งคนอายุมากได้สำเร็จ “อย่าเล่นเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ป้าตกใจ”
“ทำอะไรกินหรือป้าอิ่ม?” จันเอ่ยถาม
“ป้าจักทำแกงเทโพกับขนมลืมกลืนให้เจ้านายน้อยไว้กินหลังอาหารเจ้าค่ะ”
“ดีเลยจ้ะป้า”
“รอสักประเดี๋ยวนะเจ้าคะ ใกล้เสร็จแล้วเจ้าค่ะ”
“กล้า แก้ว มายืนดูตรงนี้ดีกว่าหนาประเดี๋ยวกวนป้าอิ่ม”
เจ้าแฝดเชื่อฟังคำพูดของแม่เป็นอย่างดี พากันเดินเตาะแตะเข้าไปหาผู้เป็นแม่ก่อนจะยืนมองด้วยความสนใจใคร่รู้
กลิ่นอาหารโชยมาตามลมทำเอาเจ้าแฝดพากันกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ เจ้าแก้วก็ดูดนิ้วรอไปพลาง
“สำรับเสร็จแล้วเจ้าค่ะ” พวกนางทาสพากันยกสำรับชุดใหญ่เดินต่อท้ายกันไปที่โต๊ะกินข้าวหลายชุด ทั้งของคาว ของหวานมากมายเรียงเต็มโต๊ะ
เจ้ากล้าและเจ้าแก้วรีบพากันวิ่งไปนั่งอย่างรู้ความ มองอาหารบนโต๊ะที่มากมายละลานตาด้วยสายตาลุกวาวเป็นประกาย
“อ่อนไปตามคุณพี่ให้ข้าที”
“เจ้าค่ะ” นางอ่อนค้อมหัวรับก่อนจะคลานเข่าออกไป เมื่อห่างได้สักระยะจึงลุกเดิน
“จะไปไหนรึอ่อน?” ไอ้มิ่งเอ่ยถามนางอ่อนที่กำลังจะเดินเข้าไปเรียกไตรทศ
“ข้าจะเข้าไปเรียกคุณท่านจ้ะพี่มิ่ง”
“ประเดี๋ยวข้าบอกคุณท่านเอง เอ็งไปพักเถิด”
“ขอบใจจ้ะพี่”
นางอ่อนยิ้มให้ก่อนจะเดินเลี่ยงออกไป ไอ้มิ่งมองตามตาละห้อยเพราะมันแอบชอบนางอ่อนมาตั้งนานแล้วแต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะมิเล่นด้วย
“แฮ่ม!” เสียงกระแอมที่ดังขึ้นส่งผลให้มันสะดุ้งโหยง
“ค-คุณท่าน! กระผมตกใจหมดเลยขอรับ”
“ยืนยิ้มเป็นคนบ้าไปเสียได้นะเอ็ง” ไอ้มิ่งเกาท้ายทอยแก้เขิน “เมียข้าให้คนมาตามข้าไปกินข้าวมิใช่รึ?” ไตรทศได้ยินบทสนทนาของทั้งสองเมื่อครู่แล้วจึงมิรอให้เสียเวลา
“ขอรับ”
“ไปได้แล้ว” ไอ้มิ่งค้อมหัวให้ไตรทศก่อนจะเดินตามหลัง
เมื่อเจ้าแฝดเห็นพ่อก็พากันร้องเรียกเสียงดังลั่นเรือนจนจันต้องปรามลูกชายเอาไว้มิให้แสดงกิริยากระโดกกระเดก
“รอนานรึไม่?” ไตรทศนั่งข้างจันพร้อมกับเอ่ยถาม
“มินานจ้ะ” ทั้งสองสบตากันก่อนจะยิ้มออกมา
สองพี่น้องพากันมองพ่อกับแม่หนุงหนิงกันก่อนจะหัวเราะคิกคัก ทั้งคู่จึงหันไปมอง พบว่าเจ้าแฝดกำลังทำท่าทางล้อเลียนตนและไตรทศด้วยการจับแก้มกันก่อนจะผลัดกันหอมแก้มไปมา
เจ้าแฝดพากันเห็นพ่อกับแม่ทำเช่นนี้บ่อยครั้งยามลับตาพวกตนแต่ทั้งสองหารู้ไม่ว่าสองพี่น้องนั้นยืนแอบดูอยู่ตลอด
“เจ้าพวกตัวแสบ” ไตรทศยื่นมือไปขยี้ผมลูกน้อยด้วยความมันเขี้ยว “หยุดได้แล้วกระมัง...ดูแม่สิหน้าแดงหมดแล้วหนา ฮ่าๆ”
ปากบอกให้หยุดแต่ไตรทศกลับหัวเราะชอบใจพร้อมกับส่งสายตาให้สองพี่น้องว่าทำดีมาก จันจึงมองเขม่นตาใส่แต่ทั้งสามพ่อลูกก็มิได้สะทกสะท้าน
ทั้งสี่ลงมือกินสำรับที่ป้าอิ่มเป็นผู้ทำ เมื่อกินอิ่มจึงตามด้วยของหวานอย่างขนมลืมกลืน ความอร่อยของมันทำให้ผู้ที่ได้ลิ้มลองลืมกลืนตามชื่อมิมีผิดเพี้ยน
“อย่อย” เจ้าแก้วที่เคี้ยวขนมเต็มปากยิ้มชอบใจจนตาปิด ป้าอิ่มที่นั่งดูอยู่มิไกลเมื่อได้ยินดังนั้นจึงพลอยสุขใจไปด้วย
“แก้วอย่ากินเยอะประเดี๋ยวจะอ้วน” กล้าปรามน้องที่กำลังเคี้ยวขนมอยู่ในปากและสองมือก็มิว่างเพราะถือขนมไว้อีกชิ้น
“แก้วชอบ..”
“ประเดี๋ยวพี่หินจะมิรักเอาหนา” คำบอกกล่าวของลูกทำเอาไตรทศหูผึ่งเมื่อได้ยิน ตนไปทำงานทุกวันจึงมิรู้ว่าผู้ใดคือคนที่ชื่อหิน
“ฮื่อ...” เจ้าแก้วหยุดเคี้ยวพร้อมกับวางขนมที่อยู่ในมือลง สีหน้าหม่นลงจนผู้เป็นพ่อร้อนใจ
“ผู้ใดจะมิรักลูกพ่อเล่า หน้าตาน่ารักเสียขนาดนี้”
“จริงหรือจ้ะ” เจ้าแก้วที่อมขนมไว้ในปากมองพ่อตาแป๋ว
“จริงสิลูก ผู้ใดที่มิรักลูกพ่อคงจะเป็นคนโง่เป็นแน่”
ไตรทศเอ่ยปลอบใจลูกชาย เจ้าแก้วจึงยิ้มได้เพราะพี่หินอ่านหนังสือออก พี่หินฉลาด เพราะเป็นเช่นนั้นจึงแปลว่าพี่หินรักแก้ว
เมื่ออารมณ์ดีแล้วเด็กน้อยจึงกินขนมต่อ ไตรทศมองหน้าลูกชายก่อนจะยิ้มอย่างอ่อนใจ เมื่อเรื่องลูกคลี่คลายก็ถึงคราวที่ไตรทศต้องสืบสาวหาความแล้วว่าผู้ใดคือเจ้าคนที่ชื่อหิน
ตะวันบ่ายคล้อยเจ้าแฝดจึงพากันลงไปเล่นที่สวนใกล้กับท่าน้ำ มีต้นมะม่วงต้นใหญ่คอยให้ร่มเงาทำให้ทั้งสองมิร้อนและมิโดนแดดในยามบ่าย
“พี่หิน!” เจ้ากล้าเอ่ยเรียกพร้อมกับโบกมือให้หินที่ยืนอยู่ที่ท่าน้ำอีกฟากฝั่งคลอง “ทางนี้จ้ะพี่”
เมื่อหินเห็นว่าเจ้ากล้าเรียกจึงเดินข้ามสะพานที่ถูกสร้างไว้มิไกลจากท่าน้ำมากนัก เจ้ากล้าแสดงออกว่าดีใจที่หินจะมาเล่นด้วยเพราะกล้านับถือหินเป็นเหมือนพี่ชายของตน พี่หินทั้งเท่ทั้งดูดี โตขึ้นกล้าจึงอย่างเป็นแบบพี่หินบ้าง
เจ้าแก้วชะเง้อมองคนพี่ที่กำลังเดินเข้ามา เด็กตัวป้อมก้มหน้างุดเพราะอาการเขินอาย วันนี้แก้วแอบกินขนมไปเสียเยอะจึงกลัวว่าพี่หินจะดูออก
“ทำอะไรกันอยู่รึ?” หินเอ่ยถามกล้า
“แก้วบอกว่าอยากเล่นพ่อแม่ลูกจ้ะพี่” หินหูผึ่งเมื่อได้ยิน ตนอายุเก้าขวบแล้วจักให้มาเล่นเป็นเด็กๆคงมิเหมาะ
“เล่นกันไปเถอะ พี่โตแล้ว” ถึงจะพูดไปเช่นนั้นแต่ใจจริงก็อยากเล่นกับน้องมิน้อย
“พี่หิน...จะมิเล่นเป็นเพื่อนแก้วหรือจ้ะ?” เจ้าแก้วที่เอาแต่ก้มหน้าอยู่ก่อนหน้าเงยหน้าขึ้นมาถามสายตาละห้อย
“เอ่อ...” เมื่อเห็นว่าน้องส่งสายตาออดอ้อนจึงมิอยากขัด แต่ผู้ใดก็ต้องขัดเขินกันทั้งนั้นที่ต้องมาเล่นอะไรเป็นเด็ก “คือ..”
“ฮึก” เจ้าแก้วเริ่มเบะปาก เมื่อเห็นท่ามิดีหินจึงต้องจำใจเล่น
“ได้ๆ พี่จักเล่น”
“เย้ๆ!” เจ้ากล้าดีใจใหญ่ที่หินจะอยู่เล่นด้วย “กล้าเป็นลูกๆ!”
เจ้ากล้ามิได้อยากเล่นเป็นลูกจริงๆแต่ตนรู้ใจน้องชายดีว่าอยากเล่นเป็นแม่และให้พี่หินเป็นพ่อ ตนจึงยอมให้น้องตลอด ผู้ใดมองดูก็รู้ว่าเจ้าแก้วชอบพี่หิน
“แม่จ๋ากล้าหิวนม” เจ้ากล้าสวมบทบาทลูกได้สมจริงจนหินนึกขำ เจ้ากล้าทำท่าออดอ้อนจนแก้วเองก็กลั้นขำมิอยู่
“โอ๋ๆนะลูก” เจ้าแก้วลูบหัวพี่ชายเป็นการปลอบส่วนเจ้ากล้าหลับตาพริ้มประหนึ่งว่ากลับไปเป็นทารกอีกครั้ง
หินนั่งมองสองพี่น้องเล่นกัน ถึงตนจักได้รับหน้าที่เป็นพ่อแต่ตนก็มิรู้ว่าต้องทำสิ่งใดบ้างเพราะหินมิมีพ่อและถูกเลี้ยงดูมาโดยปู่
“เอ่อ..” เจ้าแก้วเงยหน้ามองคนพี่ด้วยสีหน้าระเรื่อ “พี่หินมานอนตักแก้วสิจ้ะ”
เด็กชายตาโตเมื่อน้องเอ่ยบอก เจ้าแก้วจำได้ว่าพ่อชอบนอนตักแม่ทั้งยังทำหน้าเหมือนกับว่านอนสบาย
เมื่อคนพี่มิยอมมานอนสักทีเจ้าแก้วจึงตบลงบนตักเพื่อเป็นการรบเร้า หินถอนหายใจก่อนจะนอนลงตามคำสั่งของเจ้าแก้ว
“พี่หินหนักจัง” เจ้าแก้วบ่นพร้อมกับทำปากมุบมิบ เมื่ออดมันเขี้ยวมิได้หินจึงใช้มือจับแก้มของเจ้าแก้วพร้อมกับดึงเล่น “ฮื่อ...”
“เหตุใดเมียพี่จึงแก้มเยอะ?”
เมื่อถูกเรียกว่า ‘เมีย’ มีหรือที่เจ้าแก้วจะวางเฉยอยู่ได้ เด็กน้อยใบหน้าแดงก่ำด้วยความเขินอายพร้อมกับก้มหน้างุด รู้อยู่ดอกว่ามันคือการเล่นไปตามบท...แต่แก้วเขินจัง
“เมื่อเช้าแม่กินขนมลืมกลืนไปเยอะเลยจ้ะพ่อ” เจ้ากล้าเป็นผู้คลายข้อสงสัย
“หืม...” หินหรี่ตามองเจ้าแก้วที่เสมองไปทางอื่น
“น-นิดเดียว” เด็กน้อยแก้ตัวยกใหญ่หินจึงมิกล้าดุ ที่คอยปรามเพราะมิอยากให้น้องกินเยอะจนอ้วนฉุ เพราะยามแก่ตัวมันจักลำบาก
“ดื้อ” พูดพร้อมกับใช้มือบีบจมูกเล็กที่ขึ้นสีระเรื่อ เจ้าแก้วหลับตาปี๋เพราะคิดว่าจักโดนตี
เจ้ากล้ามองก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าน้องชายมีความสุขตนจึงมิความสุขตามไปด้วย พ่อแม่(สมมติ)รักกันดี ผู้ใดบ้างจะมิชอบ
หินลุกขึ้นนั่งเพราะกลัวว่าน้องจะขาชา เด็กหนุ่มนั่งชันเข่ามองเจ้าแก้วที่นั่งเรียบร้อย เก็บไม้เก็บมือมาวางบนหน้าตัก
“พ่อจักไปทำงานใช่หรือไม่จ้ะ?” เจ้ากล้าเอ่ยถามหินจึงเลิกคิ้วมองด้วยความสงสัย “ก็พ่อต้องทำงาน ส่วนแม่อยู่เรือนดูแลลูกไงจ้ะ” หินพยักหน้ารับเมื่อเข้าใจ
“ป-ไปทำงานดีๆนะจ้ะพี่หิน” เจ้าแก้วเอ่ยบอก แก้มขึ้นสีระเรื่อ
“อืม” หินพยักหน้ารับ
“พ่อหอมแม่หน่อยสิจ้ะ” เจ้ากล้ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ส่วนเจ้าแก้วนั้นกำลังตะลึงตาค้าง
“ค-คือ..” เจ้าแก้วอยากจะปฏิเสธแต่พอเห็นว่าพี่ชายมองมาอย่างคาดหวังจึงมิกล้าพูด รอให้พี่หินพูดเองจะดีเสียกว่า
“อืม” อะ..เอ๊ะ!?
เพียงชั่วอึดใจเดียวเอวบางถูกใครอีกคนรวบเข้าไปใกล้ทำให้เจ้าแก้วอยู่ระหว่างขาของหินที่นั่งชันเข่าพอดี แก้มขาวนวลถูกจู่โจมโดยมิทันตั้งตัว แต่มันก็แค่เพียงชั่วระยะเวลากระพริบตาเพียงเท่านั้น
“หูวว” เจ้ากล้าตบมือทำท่าดีใจใหญ่
“พี่ว่า...พี่ขอกลับก่อนดีกว่า” หินพูดก่อนจะลุกขึ้นยืนและเดินออกไปทันที
เจ้าแก้วมองตามคนพี่ตาละห้อย สัมผัสที่แก้มซ้ายยังมิหายไปไหน ความรู้สึกอุ่นๆอยู่ภายในอกเป็นความรู้สึกที่เด็กสี่ขวบเช่นแก้วมิสามารถอธิบายได้
ในขณะที่กำลังจะถึงเวลาเข้านอนจันและไตรทศจึงมากล่อมลูกน้อยให้นอนหลับก่อนที่ตนทั้งคู่จักไปนอนพักผ่อนบ้าง
“แม่จ๋า” เจ้าแก้วเอ่ยเรียก
“มีอะไรหรือเจ้าแก้ว”
“ว-วันนี้แก้วได้เล่นกับพี่หิน..” ไตรทศที่นั่งอยู่อีกฝั่งของเตียงหูผึ่ง นั่งฟังลูกคนเล็กคุยกับแม่
“เล่นอะไรกันหรือเจ้าตัวแสบ?”
“เล่นพ่อแม่ลูกจ้ะ” ไตรทศมิอยากชื่อหูตัวเอง แต่ก็ต้องทำใจให้นิ่งไว้
“สนุกรึไม่?”
“สนุกจ้ะ” เด็กน้อยยิ้มชอบใจ “พี่หินเป็นพ่อ...ส่วนแก้ว...เป็นแม่”
“แล้วมีอะไรมิดีเกิดขึ้นรึไม่?” แก้วส่ายหน้า
“แต่พี่หิน..” เด็กน้อยอึกอักมิกล้าพูดต่อ
“พี่หินหอมแก้ว!” เป็นกล้าที่โพล่งขึ้นมา
“หา!” ไตรทศเบิกตาโตทำสีหน้าตกใจจนเจ้ากล้าหัวเราะชอบใจ “หอมรึ?”
“จ้ะ” แก้วพยักหน้าพร้อมกับแก้มระเรื่อที่มองแล้วน่าเอ็นดู “แก้วรู้แล้วว่าโตขึ้นแก้วอยากเป็นอะไร”
“เป็นอะไรรึ?” จันเอ่ยถามลูกน้อย
“แก้วอยากเป็นเมียพี่หิน!”
จันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เพราะเอ็นดูลูก ไตรทศแทบลมจับ ส่วนเจ้ากล้าก็ยิ้มแป้นเพราะกล้าเองก็ชอบพี่หินจึงมิขัดใจน้อง ดีเสียอีกจะได้เล่นกันทุกวัน
“ไว้โตก่อนค่อยคิดนะลูก” จันลูบหัวลูกน้อยก่อนจะกล่อมให้นอนหลับ
เมื่อเจ้าแฝดพากันหลับปุ๋ยทั้งสองจึงค่อยๆพากันเดินออกมาจากห้องลูก
“พี่มิยอมดอกหนา” ไตรทศทำหน้าฟึดฟัด ทำตัวเป็นพ่อหวงลูก
“โธ่พี่ไตร ลูกยังเด็ก...พี่อย่าคิดมากเลยหนา” จับจับแขนไตรทศพร้อมกับลูบไปมา
“นั่นสิหนา ประเดี๋ยวโตขึ้นคงจักลืมไปเอง”
จันยิ้มอย่างอ่อนใจ จันรู้ดีว่าไตรทศมิกีดกันหากลูกจะรักจะชอบผู้ใด แต่ในยามนี้ไตรทศกำลังทำตัวเป็นจงอางหวงไข่เพราะลูกยังเล็กเพียงเท่านั้น
“เราไปนอนกันเถอะจ้ะ”
“แค่นอนรึ?” คนพี่ทำหน้ายียวน
“ตามใจพี่..”
เมื่อได้ยินดังนั้นคนอายุมากกว่าจึงยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะอุ้มเมียเดินเข้าห้องไป เป็นอีกคืนที่จันนอนหลับมิพอและคงต้องให้เจ้าแฝดมาปลุกเหมือนเมื่อเช้าเป็นแน่...