[จบแล้ว] จันทร์กระพ้อ (วายพีเรียด) ตอนพิเศษ : วัยเยาว์ (20/12/62)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [จบแล้ว] จันทร์กระพ้อ (วายพีเรียด) ตอนพิเศษ : วัยเยาว์ (20/12/62)  (อ่าน 36489 ครั้ง)

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ได้รู้ความจริงซักที  :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
ความจริงเปิดเผยแล้ว

ออฟไลน์ ponpon1a

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
บทที่ ๑๗

หลังจากมรสุมทุกอย่างผ่านพ้นไป คุณหญิงลำดวนได้รับรู้และเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นทุกอย่างและยินดีที่จะได้จันมาเป็นสมาชิกในครอบครัวอีกผู้หนึ่ง
ตาคงมิจำเป็นต้องอยู่ที่กระท่อมท้ายวัดแล้ว ทั้งจันและตาได้ย้ายมาอยู่ที่เรือนของพระยาจำรูญและมีสถานะเทียบเท่าเจ้านายภายในเรือนทุกประการ พวกทาสในเรือนต่างมาขอโทษขอโพยจันยกใหญ่ที่เคยล่วงเกินแต่จันก็มิได้ถือสาหาความอันใด
ข่าวลือแพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็วว่าพระยาจำรูญมีลูกที่เกิดจากแม่เรือนแต่ท่านพระยาก็หาได้สนใจไม่ ผู้เป็นพ่อย่อมสนใจความรู้สึกของลูกมากกว่าคำพูดของชาวบ้านอยู่แล้ว
ผ่านไปเป็นอาทิตย์แล้วที่จันย้ายเข้ามาอยู่ในเรือนหลังนี้ จันและตาคงยังคงมิคุ้นชินกับสถานะใหม่ของตนนัก
“ลูกคิดอะไรอยู่รึ?” เสียงผู้เป็นพ่อดังขึ้นเรียกความสนใจจากจันที่ยืนมองออกไปนอกเรือน
“หามิได้ขอรับ ลูกเพียงแค่...ชมนกชมไม้เพียงเท่านั้น”
“ชมนกชมไม้...แต่หันมองไปที่ท่าน้ำน่ะรึ?”
“เอ่อ...”
“คิดถึงพี่เขารึ?” เหมือนผู้เป็นพ่อจะรู้ทันลูกชายของตน หลังจากที่จันย้ายที่อยู่ไตรทศก็มิได้มาหาอีกเลย เจอก็เพียงแค่วันที่ขนย้ายของ หลังจากนั้นไตรทศก็มิได้มาเยี่ยมเยือนอีก
“ขอรับ” จันมิปฏิเสธแต่อย่างใดเพราะอย่างไรผู้เป็นพ่อก็รู้ใจตนอยู่แล้ว
“หากคิดถึงก็ไปหาเสียสิ”
“จะดีหรือขอรับ” ถึงจันจะมิใช่สตรีเพศที่เข้าหาบุรุษก่อนแล้วจะดูมิงามแต่จันก็ยังคงคิดมากอยู่ดี
“คิดถึงก็ควรไปหามิใช่รึ บางทีพ่อไตรอาจจะรอลูกอยู่ก็เป็นได้”
“ขอรับเจ้าคุณพ่อ” ชายหนุ่มเดินเข้าไปหาผู้เป็นพ่อก่อนจะโน้มไหว้ลงบนไหล่ข้างขวา ท่านพระยาลูบหัวลูกชายอย่างเอ็นดู
ชายหนุ่มเดินลงไปทีท่าเรือก่อนจะบอกจุดหมายปลายทางแก่นายทาสผู้มีหน้าที่เป็นฝีพาย
เรือนเล็กที่จันเคยอยู่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า พวกทาสพากันกรูเข้ามาหาลูบเนื้อลูบตัวคุณชายใหญ่ของบ้านพระยาจำรูญกันยกใหญ่
จันมิลืมที่จะเข้าไปกราบป้าอิ่มผู้ซึ่งเป็นหัวหน้าแม่ครัวที่รักและเอ็นดูจันมาโดยตลอด
เมื่อพูดคุยเสร็จจันจึงปลีกตัวออกมาเพื่อขึ้นไปบนเรือนเล็ก ของทุกชิ้นยังวางอยู่ตำแหน่งเดิมมิเปลี่ยน จันปรายตามองไปรอบๆจึงเห็นไอ้มิ่งที่กำลังยกของเข้าไปเก็บในห้องเก็บของ ชายหนุ่มจึงเอ่ยทัก
“ไอ้มิ่ง”
“ไอ้จัน! เอ้ย มิใช่สิ คุณจัน”
“เรียกข้าแบบเดิมเถอะ”
“โอ๊ยย มิได้ดอกขอรับ จะให้เรียกแบบเดิมได้อย่างไร”
“ตามใจเอ็ง...แล้วนี่..”
“มาหาท่านไตรทศรึขอรับ?” ไอ้มิ่งพอเดาออกได้ เหตุที่จันมาเรือนเล็กก็คงมีอยู่เหตุผลเดียว
“อืม” กระแอมไอกลบเกลื่อนความเขินอาย เสมองไปทางอื่นเพื่อหลบสายตานายทาสผู้รู้มาก
“ท่านไตรทศมิอยู่ดอกขอรับ”
“มิอยู่งั้นรึ? แล้วไปที่ใด?”
“ท่านไปว่าราชการกับท่านพระยาเกษมที่พระนครน่ะขอรับ คงกลับมาช่วงโพล้เพล้” จันเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ตำแหน่งของดวงอาทิตย์ในยามนี้บอกเวลาว่าเป็นเพลาชาย คงต้องรออีกนานโขกว่าอีกฝ่ายจะกลับเรือน
“มิเป็นไร ข้ารอได้”
“งั้นเชิญที่ห้องรับแขกก่อนนะขอรับ กระผมจะบอกนางทาสเอาขนมกับชาเข้าไปให้” จันพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินเข้าห้องรับแขก
มินานพวกนางทาสก็พากันเวียนเอาขนมและชาจีนมาให้ ขนมช่อม่วงที่จันชอบก็มี ไหนจะขนมผิงที่ไตรทศชอบอีก
จันหยิบขนมเข้าปาก ความอร่อยแผ่ซ่านไปทั่ว หากไอ้ทิดได้กินก็คงจะดี...

ผ่านไปสองชั่วโมงไตรทศก็ยังมิมีทีท่าที่จะกลับมา จันจึงถือวิสาสะแอบเข้าไปในห้องของคนพี่ด้วยความใคร่รู้ อยากรู้นักว่าห้องของไตรทศจะเป็นอย่างไร ยังตกแต่งเหมือนเดิมอยู่รึไม่
เมื่อเปิดประตูเข้ามาสายตาซุกซนก็จับจ้องไปทั่วทั้งห้อง มิมีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก
ชายหนุ่มนั่งลงบนเตียงนุ่มที่ตนเคยนอน มือปัดป่ายลูบลงบนผ้าปูเตียง รอยยิ้มเปื้อนบนใบหน้าเมื่อนึกถึงคราที่ตนเคยนอนอยู่บนเตียงนี้กับไตรทศ
ด้วยความคิดถึงจึงล้มตัวลงนอนบนหมอนที่ศีรษะตนเคยสัมผัส กลิ่นอายของคนพี่ยังคงติดอยู่ตามหมอนและผ้าห่ม เจ้าตัวแสบซุกใบหน้าแดงก่ำลงบนหมอนนิ่มด้วยความถวิลหา
หนึ่งอาทิตย์ที่มิได้เจอช่างนานดั่งหนึ่งเดือน นึกแล้วก็ตลกตัวเองในใจ ครั้งแรกที่เจอทั้งปฏิเสธ ทั้งมิชอบขี้หน้า แต่ในยามนี้...กลับรักเขาหมดทั้งหัวใจ
สายลมที่พัดโกรกเข้ามาสัมผัสผิวกายให้เย็นสบาย ทั้งยังมีกลิ่นของดอกจันทร์กระพ้อที่ออกดอกโชยเข้ามาด้วย มันทำให้จันเคลิ้มหลับไปอย่างง่ายดาย

“จัน” 
“...อือ” เจ้าตัวแสบมุ่ยหน้าก่อนจะซุกใบหน้าลงไปบนหมอนเพื่อตัดรำคาญ
“ออเจ้าตื่นเถิด” ฝ่ามือหนาสัมผัสลงบนแก้มนวลเนียน จันขยับหนีก่อนจะหลับต่อ
“จัน...”
“...” ชายหนุ่มนอนนิ่งมิไหวติง ไตรทศยิ้มขำที่มีเมียขี้เซาถึงเพียงนี้
“เมียจ๋า...หากมิตื่น พี่จะทำลูกกับออเจ้าแล้วหนา” จมูกโด่งถูกกดลงบนแก้มนุ่ม จันเบิกตาโพลงเมื่อได้ยิน
“ต-ตื่นแล้วๆ ข้าตื่นแล้ว” จันรีบรุดนั่งตัวตรงในทันที ไตรทศขำก่อนจะยื่นมือไปลูบหัวคนน้อง
“ขี้เซาเสียจริง”
จันมองออกไปข้างนอกจึงเห็นว่ามันเลยเวลาโพล้เพล้มาแล้ว “เหตุใดพี่จึงกลับช้านักล่ะ” 
“งานราชการเยอะนัก พี่จึงปลีกตัวออกมาก่อนมิได้” นิ้วหัวแม่มือเกลี่ยไปมาบนแก้มเนียน “แต่หากพี่รู้ว่ากลับมาแล้วจะได้มาเจอออเจ้า พี่คงจะรีบกลับมาให้เร็วกว่านี้”
ใบหน้าหล่อขึ้นสีแดงระเรื่อ ไตรทศนั้นเก่งทุกอย่าง อย่างเรื่องที่ทำให้ใจของจันเต้นถี่รัวมากกว่าเดิม ไตรทศก็เก่ง...
“เหนื่อยหรือไม่?” คำถามธรรมดาแต่กลับทำให้ไตรทศหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง
“ตอนแรกพี่ก็เหนื่อย แต่พอเข้ามาในห้องแล้วเจอออเจ้าแบบนี้...พี่ก็หายเหนื่อยแล้ว”
“หึ ปากหวานนัก คนเจ้าเล่ห์”
“ปากออเจ้าก็หวาน...” 
นัยน์ตาสีเข้มจ้องมองเข้าไปในตาของจัน สองสายตาสอดประสานกันพาให้ใจดวงน้อยกระตุกวูบไหว มินานริมฝีปากหนาก็ประกบลงบนริมฝีปากของชายหนุ่ม
เจ้าตัวแสบหลับตาพริ้มเพื่อตอบรับสัมผัสอันอ่อนโยนก่อนจะหน้าแดงอีกครั้งเมื่อรับรู้ถึงความชื้นที่ริมฝีปาก ไตรทศไล้เลียริมฝีปากของเมียรักอย่างถวิลหา
จันเปิดปากรับโดยที่คนพี่มิจำเป็นต้องบังคับ ปลายลิ้นทั้งสองสัมผัสกันเกิดเป็นความรู้สึกวูบโหวงที่ช่องท้องดั่งมีผีเสื้อนับพันโบยบินไปทั่ว
ไตรทศกดจูบซ้ำลงบนกลีบปากนุ่ม ทั้งดูดดุนและโลมเลียจนเกิดเป็นเสียงน่าอายแต่ในยามนี้ไตรทศสนใจเพียงแค่คนในอ้อมกอดเพียงเท่านั้น
เมื่อผ่านไปได้ชั่วครู่ทั้งสองจึงผละออกจากกัน คนพี่มองริมฝีปากที่ตนพึ่งครอบครอง มันทั้งแดงทั้งบวมเจ่อจนอดยิ้มเอ็นดูมิได้
“ฮื่อ..” เจ้าตัวแสบรีบก้มหน้า เอาหัวทุยซุกอกแกร่งด้วยความเขินอาย ไตรทศใช้มือลูบลงบนกลุ่มผมนิ่มอย่างเบามือ
“พี่ขอโทษหนาที่มิได้ไปหาออเจ้าเลย ช่วงนี้พี่ต้องไปว่าราชการอยู่บ่อยครั้ง”
“แต่พี่มิได้รับราชการมิใช่รึ?” เพราะไตรทศเป็นหมอยาจันจึงสงสัยว่าเหตุใดจึงต้องไปว่าราชการ
“ในภายภาคหน้าก็มิแน่ พี่ไปว่าราชการอยู่บ่อยครั้งอีกมินานคงได้อวยยศ”
“เหตุใดพี่จึงคิดจะรับราชการหรือจ้ะ?” จันเงยหน้าขึ้นมองด้วยความสงสัย ดวงตากลมโตดั่งตาของกวางจ้องมองคนพี่มิวางตา
“เพราะพี่อยากไปสู่ขอออเจ้าอย่างไรเล่า” ใบหน้าคนน้องพลันขึ้นสีระเรื่ออีกครา ใบหน้าร้อนวูบวาบไปหมด “จะไปสู่ขอลูกท่านพระยาทั้งทีจะไปในฐานะหมอยาได้อย่างไร”
“ถ-ถึงพี่จะเป็นหมอยา...ข้าก็ยังรักพี่เหมือนเดิมนะจ้ะ” ไตรทศแทบอยากจะขย้ำจันเสียให้ร้องคามือแต่ก็ต้องหักห้ามใจไว้เสียก่อน
“มันจะดูมิควร พี่ควรให้เกียรติออเจ้าในฐานะเมียของพี่ด้วย” จันพยักหน้ารับ “ถึงบิดาของพี่จะเป็นถึงท่านพระยาแต่ตัวพี่เองมีฐานะต่ำต้อยเป็นแค่หมอยาผู้หนึ่งเท่านั้น”
จันวางนิ้วชี้จรดลงบนริมฝีปากคนพี่เพื่อให้หยุดพูด
“พี่อย่าพูดเช่นนั้น มิมีผู้ใดต่ำต้อยดอกหนา คุณค่าของคนมิได้วัดที่ยศถาบรรดาศักดิ์เสียหน่อย” เมื่อได้ยินจันพูดดังนั้นจึงยิ้มออกมาด้วยความผาสุก ตนเลือกคนมิผิดจริงๆ
ฝ่ามือหนาจับเอามือของจันขึ้นมาก่อนจะกดจูบลงไปบนหลังมืออย่างทะนุถนอม เงยหน้าขึ้นมอง จ้องเข้าไปในดวงตาใสซื่อ
“หากเป็นเช่นนั้นแล้ว...คุณหนูจันจะให้เกียรติแต่งงานกับไตรทศผู้นี้รึไม่ขอรับ?” 
ความร้อนแผ่ซ่านไปทั่วทั้งพวงแก้ม ใจดวงน้อยเต้นมิเป็นส่ำเมื่อถูกสายตาอันพราวเสน่ห์จ้องมอง จันพึ่งจะรู้ซึ้งก็วันนี้ว่านอกจากเป็นหมอยาแล้วไตรทศยังเป็นขโมยอีกด้วย
สิ่งที่ขโมยก็ช่างมีค่ามากนัก
...ขโมยหัวใจของไอ้จันผู้นี้อย่างไรเล่า
“ตกลงจ้ะ”

หนึ่งเดือนผ่านไปนับตั้งแต่วันนั้น พระยาเกษมได้คุยเรื่องการสู่ขอจันกับพระยาจำรูญและทั้งสองฝ่ายก็มิมีเหตุขัดข้องใด ต่างพากันเห็นดีเห็นงามด้วย
ผู้ใหญ่ฝ่ายไตรทศคือพระยาเกษมและคุณหญิงนิ่ม
ผู้ใหญ่ฝ่ายจันคือตาคงและพระยาจำรูญ
ภายในงานทุกคนต่างชื่นมื่นและมาแสดงความยินดี รวมทั้งขุนไกรและอาหลินที่แต่งงานกันก่อนหน้าไตรทศเสียอีก
และดูเหมือนว่าแม่พิกุลก็พบเจอกับความรักครั้งใหม่แล้ว ชายผู้นั้นคือขุนเดชผู้ที่เป็นพี่ชายของไตรทศ มิมีผู้ใดรู้ว่าทั้งสองไปรักกันได้อย่างไร
สินสอดมากมายรวมเป็นเงินหลายชั่ง ทั้งยังมีทองคำแท่งและเพชรนิลจินดา จันมิเคยคิดว่าวันหนึ่งตนจะมีผู้มาสู่ขอเช่นนี้ 
ดวงตาใสซื่อมองไปยังเจ้าบ่าวของตน ไตรทศในชุดโจงกระเบนและเสื้อแขนยาวทรงกระบอกสีขาวช่างเข้ากันนัก ทรงผมก็ถูกจัดแต่งจนดูหล่อเหลา พาลให้สาวน้อยสาวใหญ่ในงานแทบจะถวายตัวเป็นเมียรองทันที
หลังจบงานจันและไตรทศจึงถูกส่งตัวมาที่เรือนหอ จะเป็นที่ใดไปได้หากมิใช่เรือนเล็กที่ไตรทศอาศัยอยู่มาตลอด
“เหตุใดจึงทำหน้าเช่นนั้น” ไตรทศเอ่ยถามเมียหมาดๆของตนที่กำลังนั่งส่องคันฉ่อง
“มิมีอันใดดอก” ใบหน้าหล่อกำลังยุ่งจนคิ้วแทบจะขมวดเป็นปม คนพี่จึงเดินเข้าไปหาก่อนจะกอดคนเป็นเมียจากด้านหลัง
“พี่เป็นผัวของออเจ้าอย่างเป็นทางการแล้วหนา บอกพี่มาเถิดคนดี” คำเรียกทำเอาใจจันอ่อนยวบ
“ก็วันนี้ที่งานแต่งมีแต่คนมองพี่เต็มไปหมด ข้าเลย...”
“หวงรึ?”
“ม-มิใช่เช่นนั้น” ไตรทศมองหน้าเมียผ่านกระจกบานใหญ่ ดูจากสีหน้าก็รู้ว่าตนเดาถูก
“โธ่เจ้าแมวดื้อ อย่าคิดมากไปเลยหนา” คนตัวสูงจับจันให้หันมาทางตนก่อนจะนั่งลงให้ต่ำกว่าเมีย
“พี่ไตร! พี่จะทำอะไร!” จันตกใจเมื่อเห็นว่าไตรทศนั่งต่ำกว่าตน มันเป็นสิ่งที่มิควรเพราะผัวต้องอยู่สูงกว่าเมียเสมอ
“พี่ขอให้สัจสัญญาว่าพี่จะมิมีน้อยให้ออเจ้าได้ทุกข์ใจ ทั้งชีวิตของพี่จะมีเพียงออเจ้า รักเพียงออเจ้า และยอมเป็นทาสให้ออเจ้าเพียงผู้เดียว”
เมื่อพูดจบไตรทศจึงยกฝ่าเท้าผู้เป็นเมียขึ้นก่อนจะจูบลงบนหลังเท้าด้วยความเต็มใจ มิได้รู้สึกว่าเสียเกียรติแต่กลับรู้สึกเป็นเกียรติเสียด้วยซ้ำที่ได้คนผู้นี้มาเป็นคู่ชีวิต
“พี่ไตร...” จันมองภาพสามีจูบลงบนฝ่าเท้าของตนด้วยความตื้นตัน น้ำตาหยดน้อยพลันหยดลงบนแก้มนวล เมื่อเห็นดังนั้นไตรทศจึงใช้นิ้วมือเกลี่ยออกให้ด้วยความนุ่มนวล 
“คุณจันยินดีที่จะตกเป็นของไตรทศผู้นี้อีกครั้งหรือไม่ขอรับ?”
“ยินดีจ้ะ...”
ในคืนนี้พระจันทร์เต็มดวง แสงจันทร์ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามากระทบร่างเปลือยเปล่าของคนทั้งสองที่กำลังร่วมรักกันอยู่บนเตียงนุ่ม
ในยามนี้มิใช่ฤดูหาคู่ของแม่เรือนจันจังมิมีน้ำหล่อลื่นทำให้ไตรทศต้องใช้น้ำมันที่สกัดจากดอกไม้แทน
นิ้วเรียวยาวค่อยๆสอดใส่เข้าไปภายในช่องทางหวานของเมียรัก ร่างของจันที่นอนราบอยู่บนเตียงบิดเร้าด้วยความรู้สึกแปลกใหม่เพราะร้างราจากการร่วมรักไปเสียนาน เมื่อความรู้สึกคับแน่นแปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกวาบหวิวไตรทศจึงสอดใส่นิ้วเพิ่มเข้าไปจนกลายเป็นสองและสามนิ้วในที่สุด
“อ๊ะ..พี่ไตร...พี่ไตรจ๋า~” เสียงครางหวานส่งผลให้กลางกายของไตรทศแข็งขึงจนเกร็งไปหมด ใจจริงก็อยากจะสอดใส่เข้าไปให้รู้แล้วรู้รอดแต่เพราะกลัวว่าจันจะเจ็บจึงต้องหักห้ามใจ
ยามที่ขยับนิ้วเข้าลึกเสียงครางหวานหูก็ยิ่งดัง แรงบีบรัดที่นิ้วทำเอาไตรทศแทบจะคลั่ง อยากขย้ำเจ้าแมวน้อยเสียให้จมเขี้ยว
“ข้า...ข้ามิไหวแล้ว”
ชายหนุ่มหันหลัง กดใบหน้าลงบนหมอนนิ่มก่อนจะยกสะโพกของตนขึ้นให้สูง มือทั้งสองแหวกเจ้าก้อนขาวกลมทั้งสองออกจนเห็นช่องทางที่กำลังกระตุกอย่างเชื้อเชิญ
“ข้าต้องการพี่...”
สิ้นเสียงเรียกร้อง ไตรทศยิ้มอย่างได้ใจก่อนจะใช้ความแข็งเกร็งของกลางกายกดส่วนหัวสีเข้มเข้าไปในช่องทางสีหวานที่กำลังเชื้อเชิญ
“อึก..” ความคับแน่นทำให้สอดใส่ได้ยาก “อย่าเกร็งนะคนดี” พูดปลอบใจก่อนจะกดจูบลงบนหัวไหล่ของคนน้อง
เมื่อจันเริ่มผ่อนคลายจึงสอดใส่เข้าไปจนได้ครึ่งทาง ไตรทศต้องหักห้ามใจอย่างมากที่จะมิเผลอทำรุนแรงให้จันต้องเจ็บตัว
“อื้อ...พี่ไตร...เร็วๆ” เจ้าตัวแสบออกคำสั่งอย่างเอาแต่ใจ มีหรือที่ไตรทศจะขัดใจเมีย เมื่อเมียขอมา...ผัวก็ต้องจัดให้
ปึก!
“อ๊า~” แก่นกลางกายคนพี่เข้าไปทีเดียวจนสุดทาง ส่งผลทำให้จันต้องครางออกมาเป็นเสียงหวานเมื่อส่วนปลายไปโดนจุดที่กระตุ้นให้รู้สึกดี
เอวหนาสอบสะโพกเน้นย้ำทุกจังหวะส่งผลให้คนที่นอนอยู่ใต้ร่างส่งเสียงครางมิหยุดหย่อน ไตรทศชอบเสียครางหวานของเมียรักยามร้องเรียกชื่อตนที่สุด เสียงเรียกนั้นผสมไปด้วยความสุขและความกำหนัด
ปึก ปึก
“อ๊ะ...ฮ่าห์...แรง...แรงอีก” เมื่อได้ยินดังนั้นไตรทศจึงก้มลงกระซิบข้างหูของจัน
“...เด็กลามก” หากถามว่าตนยอมทำตามรึไม่...
มีหรือที่จะขัด
ฝ่ามือหนาตะปบลงบนก้อนกลมทั้งสอง บีบด้วยความมันเขี้ยวจนขึ้นเป็นรอยแดง ก่อนจะเลื่อนมือไปกอบกุมเอวคอดเอาไว้เพื่อยึดเป็นหลักก่อนจะกระแทกส่วนกลางกายเข้าออกเป็นจังหวะ
เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังหยาบโลนไปทั้งห้อง หยดเหงื่อเค็มไหลอาบแผ่นอกแกร่งของไตรทศก่อนจะไหลลงไปที่กล้ามหน้าท้องที่เป็นลอนสวย ตามแผ่นหลังของจันก็มีเหงื่อผุดขึ้นเล็กน้อยจนเปียกชื้น
สายตาของคนพี่มองตามเม็ดเหงื่อจนมันไหลมาถึงรอยแผลเป็นยาว รอยแผลเป็นที่เกิดจากครั้งหนึ่งจันได้ปกป้องตนเอาไว้ด้วยชีวิต
ไตรทศดึงคนใต้ร่างให้ลุกขึ้นเป็นท่านั่งโดยที่ส่วนกลางกายยังมิหลุดออกจากกัน การเปลี่ยนเป็นท่านี้กะทันหันส่งผลให้ส่วนกลางกายของไตรทศเข้าไปลึกมากกว่าเดิม
“อ๊ะ..พี่ไตร พ-พี่ไตร ข้า...”
“เป็นอะไรรึ?” ไตรทศถามด้วยรอยยิ้มโดยที่สะโพกยังมิหยุดขยับ กระแทกเข้าออกโดยที่จันได้เพียงแค่ขยับสะโพกมนรับ
“มัน...มันลึก อ๊า~”
“เด็กดี” พูดจบไตรทศจึงก้มเลียลงบนแผลเป็นยาวที่กลางหลังของจันจนจันสะดุ้งเฮือก ลิ้นสากไล้เลียตามแผ่นหลังอย่างอ่อนโยน สวนทางกับส่วนกลางกายที่ขยับเข้าออกอย่างดุดันจนจันมิมีจังหวะให้หายใจ
ยามที่มองส่วนหัวสีเข้มผลุบเข้าออกจากช่องทางสีหวานของจันมันช่างชวนให้อารมณ์คุกรุ่นปะทุขึ้นมาอีกครา อยากจะทำอยู่อย่างนี้มิต้องหยุดหย่อน
ไตรทศจับจันให้หันหน้าเข้าหาตนก่อนจะวางอีกฝ่ายลงให้นอนในแนวราบ ทั้งสองสบตากันก่อนที่คนพี่จะโน้นหน้าลงเพื่อกดจูบลงบนริมฝีปากนุ่ม
“พี่รักออเจ้า” รำพึงรำพันคำว่ารักอยู่อย่างนั้น จนในที่สุดก็มาถึงจุดหมายปลายทาง 
ปึก ปึก
“พ-พี่ไตร อ๊า...ข้า ข้ามิไหวแล้ว”
“จัน...” ไตรทศโน้มใบหน้าลงใกล้ใบหูของเมียก่อนจะกระซิบ “ท้องลูกของเราหนาคนดี”
“อ่ะ อ๊า~” เมื่อไตรทศพูดจบจันก็ปลดปล่อยออกมาจนหน้าท้องเต็มไปด้วยของเหลวสีขุ่น
คนพี่สอบสะโพกหนักอีกสองสามทีก่อนจะปลดปล่อยเข้าไปภายในร่างกายของเมียรัก จันสัมผัสได้ถึงความรู้สึกอุ่นวาบที่ช่องท้องน้อย
ไตรทศทิ้งตัวลงนอนบนตัวของจันโดยที่ส่วนกลางกายยังเชื่อมกันมิยอมจากไปไหน เสียงหอบดังก้องจนกลบเสียงรอบข้าง ลมเย็นที่โชยเข้ามาในหน้าต่างมิสามารถระบายความร้อนรุ่มภายในห้องนี้ได้แม้แต่น้อย
จันยิ้มน้อยๆก่อนจะกดจูบลงบนหน้าผากของคนพี่ ต่างฝ่ายต่างมองหน้ากันก่อนจะยิ้มออกมาด้วยความสุขใจ
“อีกรอบนะคนดี”
“ด-เดี๋ยว อื้อ!”
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-12-2019 21:36:56 โดย ponpon1a »

ออฟไลน์ พิศตะวัน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 496
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-3

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ลูกต้องมาแล้ววว  :jul1: :jul1:

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
แง๊ พี่ไตรรอบเดียวมิเคยพอ :jul1:
ลูกแฝดต้องมาแน่นวลลล

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1

ออฟไลน์ ponpon1a

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
บทที่ ๑๘

   จันตื่นขึ้นมาอีกทีในยามสาย ชายหนุ่มลุกขึ้นนั่ง นิ่วหน้าเมื่อรู้สึกเจ็บที่ช่องทางด้านหลัง ในใจก็นึกบ่นไตรทศที่ได้คืบจะเอาศอกทำเอาตนมิได้หลับมิได้นอน กว่าจะพอใจก็ล่วงเลยจนใกล้ฟ้าสาง
“ตื่นแล้วรึ” เสียงดังที่หน้าประตูเรียกความสนใจให้หันไปมอง ไตรทศเดินเข้ามาหาจันโดยที่ในมือถือสำรับที่ป้าอิ่มทำไว้ให้ตนและเมีย
จันทำหน้ายุ่งใส่จนไตรทศอดขำมิได้ ท่าทางแยกเขี้ยวใส่ดั่งแมวกำลังขู่มิมีผิด
“กินข้าวเสียหน่อยหนาจะได้มีแรง”
“ข้ามิมีแรงกินเลย ป้อนข้าหน่อยสิจ้ะ” อันที่จริงแรงน่ะมีอยู่แล้ว แต่แค่อยากแกล้งไตรทศเพียงเท่านั้น
“หึ  เจ้าเล่ห์นัก” มีหรือที่ไตรทศจะมิรู้ทันเมียของตนแต่ถึงอย่างไรตนก็ยอมทำตามความต้องการของเมียอยู่แล้ว “อ้าปากสิ”
จันอ้าปากตามที่ไตรทศบอกอย่างว่าง่าย คนอายุมากกว่าหันเข้าหาสำรับ นำผักลวกจิ้มกับน้ำพริกกะปิก่อนจะป้อนคนน้องที่นั่งมองอยู่
“หืออ...เผ็ด”
“ออเจ้ามิชอบกินเผ็ดรึ” ถามพร้อมกับยกขันน้ำฝนให้ดื่ม
“หึ” จันดื่มน้ำไปส่ายหน้าไป
“คราวหลังพี่จะบอกให้ป้าอิ่มทำอย่างอื่นให้”
เมื่อเห็นว่ามีน้ำเลอะตามขอบปากของจันไตรทศจึงยกมือเช็ดให้ จันจดจ้องสามีของตนที่เช็ดขอบปากให้ด้วยความเบามือ ในใจรู้สึกโชคดีที่ได้ไตรทศมาเป็นคู่ชีวิต
“กินปลากะพงทอดไปก่อนหนา” จันพยักหน้าหงึกหงัก ไตรทศยิ้มก่อนจะลงมือป้อนภรรยาของตนอีกครั้ง
มื้ออาหารผ่านไปอย่างเรียบง่ายโดยที่มีไตรทศคอยป้อนให้ทุกคำจันจึงมิต้องลำบาก
“ออเจ้าอยากไปอาบน้ำหรือไม่” พอไตรทศถามจันเองก็รู้สึกครั่นเนื้อครั้นตัวขึ้นมาทันที
“ข้าอยากอาบแล้ว”
“พี่ให้พวกทาสทำห้องอาบน้ำไว้ให้แล้ว มาเถิด”
“อ่ะ!” พอจะลุกจันกลับลุกมิได้ ไตรทศเข้าใจในทันทีก่อนจะยิ้มออกมา
“มิต้องมายิ้มเลย! เพราะพี่นั่นแหละ”
“ขอโทษจ้ะเมีย มาเถิดเดี๋ยวพี่จะอุ้มออเจ้าไปเอง” ยังมิทันได้ห้ามไตรทศก็ฉวยอุ้มจันขึ้นจากเตียงเสียก่อน คนพี่เอาผ้าคลุมตัวเมียจนเสร็จสรรพ
เมื่อเหล่าทาสเห็นไตรทศอุ้มจันออกมาจากห้องพวกมันต่างพากันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่และเข้าใจในทันทีว่าเหตุใดนายของพวกมันจึงต้องอุ้มเมียของตนออกมา
คนในอ้อมแขนหน้าแดงก่ำ ซุกใบหน้าเข้ากับอกของไตรทศด้วยความเขินอาย เจ้าของเรือนส่งสายตาเขม่นใส่พวกทาสแต่ปากกลับยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
ที่อาบน้ำที่ไตรทศให้พวกทาสทำไว้บนเรือนถูกกั้นด้วยผ้ากั้นสีขาวรอบทิศเพื่อปกปิดมิให้ผู้ใดสามารถมองเข้ามาได้ ตรงกลางมีอ่างไม้ขนาดใหญ่เป็นแบบเดียวกันกับที่พวกฟะรังคีชอบใช้อาบน้ำ น้ำที่อยู่ในอ่างคือน้ำสะอาดที่ผ่านการต้มฆ่าเชื้อเป็นอย่างดีหาใช่น้ำคลองที่พวกชาวบ้านชอบลงอาบ
คนตัวโตค่อยๆวางเมียของตนลงในอ่างด้วยความเบามือ เมื่อปลายเท้าสัมผัสน้ำจันจึงรับรู้ได้ถึงความอุ่นของน้ำที่อยู่ในอ่าง อุณหภูมิกำลังอุ่นสบายมิร้อนจนเกินไป
“สบายตัวดีรึไม่?”
“สบายจ้ะ” จันยิ้มให้คนพี่ที่กำลังยืนมอง
“ออเจ้ารู้หรือไม่ว่าหากพี่ปลดปล่อยเข้าไปข้างในนี้...” นิ้วเรียวยาวจิ้มลงบนท้องน้อยของจัน “ออเจ้าต้องเอาออก”
“อ-เอาออก!?” จันทำหน้าตกใจเป็นกระต่ายตื่นตูม
“ใช่”
“แต่ว่า...ข้าจะเอาออกอย่างไรเล่า”
“อยากให้พี่ช่วยหรือไม่?” ใจจริงก็อยากปฏิเสธแต่หากต้องทำเองก็ทำมิเป็น จันจึงต้องจำใจพยักหน้ารับ “ถ้าเช่นนั้นออเจ้าจงหันหลังมาหาพี่”
จันหน้าขึ้นสี ทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย เปลี่ยนจากท่านอนแช่ธรรมดาเป็นท่าคลานเข่า มือทั้งสองจับขอบอ่างเอาไว้
ท่าทางน่ารักน่าชังทำให้คนขรึมอดอมยิ้มเอ็นดูมิได้ มือหนาตะปบลงบนสะโพกมนจนจันสะดุ้งเฮือก
“อย่าเกร็งนะคนดี...” อีกแล้ว ทำให้ใจไอ้จันเต้นแรงอีกแล้วหนา
นิ้วเรียวค่อยๆชำแรกก้อนขาวนุ่มนิ่มออกจากกันจนเห็นรอบจีบสีหวานที่ตนเคยแทรกกลางกายผ่านเข้าไป มันบวมแดงเล็กน้อยจากการร่วมรักที่แสนจะยาวนาน
จันสะดุ้งเมื่อรับรู้ถึงความยาวของนิ้วที่แทรกผ่านเข้ามาภายใน นิ้วยาวแทรกผ่านได้ง่ายเพราะเมื่อคืนมีสิ่งที่ใหญ่กว่ามากแทรกผ่านตลอดทั้งคืน เมื่อคิดดังนั้นใบหน้าของชายหนุ่มพลันแดงก่ำและรู้สึกร้อนรุ่ม
กัดริมฝีปากจนซีดเพื่อกลั้นเสียง สะโพกสั่นระริกตอบรับสัมผัสที่รู้สึกว่าโดนนิ้วยาวควงคว้านอยู่ภายใน
“เจ็บหรือไม่?” จันส่ายหน้า
“อึก...อื้อ” เสียงหวานเล็ดลอดออกมาตามไรฟัน ถึงแม้จะพยายามสกัดกั้นเพียงใดแต่จันก็มิอาจห้ามความรู้สึกดีที่เกิดขึ้นได้
“อีกนิดนะคนเก่ง” คำพูดปลอบประโลมที่ดังใกล้หูทำเอาใจกระตุกวูบด้วยความวาบหวาม
“อ๊ะ...ลึก...ลึกเกินไปแล้ว” คนตัวโตยิ้มร้าย ปลายนิ้วสัมผัสได้ถึงการตอดรัดถี่ภายในช่องทางสีหวาน ในใจคิดอยากจะรังแกเมียของตนอีกคราแต่อีกใจก็อยากให้เมียได้พักผ่อน
“เสร็จแล้ว” จันถอนหายในเฮือกใหญ่ ทิ้งตัวลงนอนหอบในอ่าง สายตาหวานฉ่ำจ้องมองไปที่คนพี่ “มองพี่เช่นนี้...เดี๋ยวก็ได้โดนอีกทีดอกหนา”
“หึ่ยย” จันแยกเขี้ยวขู่ รีบล้างเนื้อล้างตัวทันที
“หึๆ” เมียใครหนอ เหตุใดถึงน่ารักน่าชังนัก

นี่ก็ผ่านมาหนึ่งเดือนแล้วที่ไตรทศและจันได้แต่งงานกัน หลังจากคืนเข้าหอทั้งสองก็มิได้ร่วมรักกันอีกเพราะไตรทศติดงานราชการ ในยามกลางคืนก็ต้องทำแต่เอกสารทำให้มิได้มีเวลามาคลอเคลียเมียมากนัก
“หนูจันเป็นอย่างไรบ้างลูก” คุณหญิงนิ่มเอ่ยถามลูกสะใภ้ของตนที่มาเยี่ยมเยือนที่เรือนใหญ่ จับไม้จับมือพลิกดูตามเนื้อตัวเพราะกลัวว่าลูกชายจะรุนแรง
“สบายดีขอรับคุณหญิงนิ่ม”
“ตายๆ เรียกแม่เช่นนี้ได้อย่างไร ออเจ้าต้องเรียกแม่ว่าคุณหญิงแม่สิจ้ะ”
“เอ่อ...” จันหันไปมองไตรทศที่ยืนอยู่ด้านหลัง เจ้าตัวกำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างน่าหมั่นไส้  “คุณหญิงแม่”
“น่ารักที่สุดเลยลูกสะใภ้คนนี้” คุณหญิงนิ่มลูบหัวจันด้วยความรักใคร่ “แล้วนี่ถูกพี่เขารังแกหรือไม่? หากไตรทศทำอะไรขัดใจบอกแม่ได้เลยหนา”
“ขอรับ” จันยิ้มให้แม่สามีจนตาปิด ในใจก็รู้สึกดีที่ผู้ใหญ่รักและเอ็นดู
“แล้วนี่ท้องรึยังลูก?”
“ห-หา!?” ชายหนุ่มตกใจกับคำถามอยู่มิน้อย
“หากตกใจเช่นนี้คงแปลว่ายัง” คนหญิงส่ายหน้าเอือมระอา “ไร้น้ำยาจริงๆเลยลูกชาย” มิวายหันไปบ่นลูกชายของตน
 “นั่น เจ้าคุณพ่อมาแล้ว” ทั้งสองหันไปมองที่บันไดเรือนเห็นว่าท่านพระยาเกษมกำลังเดินขึ้นมาพร้อมกับใครบางคน
“ว่าอย่างไรลูกชาย ลูกสะใภ้” ทั้งสองก้มลงไหว้ท่านพระยา “นี่หลวงทองดีและลูกสาว ท่านจะมาว่าราชการกับพ่อและพักอยู่ที่เรือนใหญ่สักสองสามวัน” 
หญิงสาวรูปร่างอรชรก้มลงไหว้ทั้งสองด้วยความนอบน้อม หน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักจนอดเอ็นดูมิได้
“นี่ไตรทศลูกชายข้า ส่วนนี่จันเป็นลูกสะใภ้” ทั้งสองพ่อลูกเคยได้ยินข่าวลือมาบ้างแล้วว่าพระยาเกษมมีลูกสะใภ้เป็นแม่เรือน คราแรกก็มิอยากเชื่อแต่พอได้มาเห็นกับตาถึงเข้าใจ
“อิฉันชื่อกานพลูเจ้าค่ะ” หญิงสาวหันไปไหว้คุณหญิงนิ่ม
“ไหว้พระเถอะจ้ะ” คุณหญิงรับไว้ด้วยความเอ็นดู
“วันพรุ่งเป็นวันลอยกระทงพอดี ออเจ้าทั้งสองก็อยู่ทำบุญด้วยกันเลยหนา” พระยาเกษมเอ่ยชวน
“เป็นเกียรติมากขอรับ มิอยากจะโอ้อวดแต่กระผมขอบอกเลยว่าแม่กานพลูมีฝีมือทำกระทงได้งามนัก”
“เจ้าคุณพ่อล่ะก็” รอยยิ้มเหนียมอายปรากฏบนใบหน้า แม่หญิงก้มหน้าก้มตาอย่างเคอะเขินเมื่อถูกชม หากเป็นไอ้จันล่ะก็คงชูหน้าชูตารับคำชมเป็นแน่
“กระผมกับจันขอตัวกลับก่อนนะขอรับ” ไตรทศและจันยกมือไหว้ผู้ใหญ่ก่อนจะปลีกตัวออกมา ไตรทศยังมีงานต้องทำอีกมากจึงมิมีเวลาอยู่สนทนาด้วยนัก
คนทั้งสองและไอ้มิ่งพากันเดินกลับเรือนเล็ก เมื่อไตรทศเดินเข้ามาในห้องทำงานและมีจันตามเข้ามาร่างหนาก็โผกอดเมียรักก่อนจะกดจูบลงบนแก้มนุ่ม
“พี่ไตร...ฉวยโอกาสอีกแล้วหนา”
“ก็เมียพี่น่ารัก พี่ก็ต้องแสดงความรักเป็นธรรมดา” จันยิ้มขำเพื่อแก้เขิน ไตรทศคลายกอดออกเพื่อให้จันได้เป็นอิสระ
“แล้วพี่คิดว่าแม่กานพลูน่ารักหรือไม่?” ถามไปโดยมิคิดอะไรแต่คนฟังกลับคิ้วกระตุก
“เหตุใดจึงถามเช่นนั้น?”
“ข้าแค่อยากรู้” คนตัวโตเริ่มขยับเข้ามาใกล้ สายตาแปรเปลี่ยนเป็นดุราวกับสัตว์ป่า “เอ่อ...”
“อย่าบอกหนาว่าออเจ้าชอบ”
“ม-มิใช่แบบนั้น โธ่...” ร่างถูกดันติดกับผนังห้อง ครั้นจะหนีก็หนีมิได้เพราะคนตัวโตกว่าเอาแขนกันไว้มิให้ออก
“อยู่กับพี่...ห้ามพูดถึงผู้อื่น” ใบหน้าคมเข้มเลื่อนเข้ามาใกล้จนต้องหลับตาปี๋ แต่ความรู้สึกนุ่มหยุ่นบนริมฝีปากกลับทำเอาจันต้องเบิกตาโพลง
ไตรทศเพียงกดจูบแช่ไว้มิได้รุกล้ำแต่อย่างได้เพราะรู้ตัวดีว่าหากรุกล้ำเข้าไปแล้วล่ะก็...ตนจักมิหยุดแค่จูบเป็นแน่
แช่ค้างไว้เพียงครู่จะผละออก ใบหน้าคมเลื่อนลงต่ำมาที่คอระหงไล้เลียจากลำคอลงมาที่ไหปลาร้า
“อะ...อื้อ” กดจูบลงบนไหปลาร้า ไล่มาที่ลาดไหล่ก่อนจะฝากรอยรักสีกุหลาบไว้เป็นการตีตราจอง ใบหน้าหล่อผละออกมองคนรักที่กำลังทำตาหวานเชื่อม
“หากทำให้พี่หึงอีก...” วางมือลงบนสะโพกก่อนจะบีบด้วยความมันเขี้ยว “ออเจ้าจักเดินมิได้ไปหลายวันแน่”
คำขู่ทำเอาจันกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ ดูจากสายตาจริงจังก็รู้แล้วว่าไตรทศมิได้พูดเล่นและมิได้ขู่แต่กลับคิดที่จะทำจริง
“ข-เข้าใจแล้วจ้ะ...”
“หึ เด็กดี” มือหนาลูบลงบนกลุ่มผม ริมฝีปากกดลงบนหน้าผากมนด้วยความรักใคร่
จันคิดว่าตนมองไตรทศผิดไปเสียแล้ว...ชายผู้นี้ร้ายกว่าที่ตนคิดไว้มากโขนัก
จันปล่อยให้ไตรทศนั่งทำงานส่วนตนเองก็มาที่โรงครัวเพื่อฝึกทำกับข้าวไว้เพราะในภายภาคหน้าจักได้ทำให้ไตรทศกินได้
“ป้าอิ่มทำอะไรอยู่หรือจ้ะ” เอ่ยถามเสียงหวาน ป้าอิ่มจึงยิ้มให้ด้วยความเอ็นดู
“ทำแกงเผ็ดฟักทองเจ้าค่ะคุณจัน มาดูสิเจ้าคะป้าจะสอนให้”
“จ้ะป้า”
จันนั่งมองป้าอิ่มเตรียมวัตถุดิบ คร่าวๆที่จันพอรู้ก็คือฟักทอง เนื้อหมูหั่นเป็นชิ้น ใบมะกรูด พริกแกงเผ็ดที่ป้าอิ่มโขลงไว้แล้วก็หัวกะทิ
 “ขั้นแรกผัดพริกแกงก่อนนะเจ้าคะ”
“เดี๋ยวจันทำเองจ้ะป้า” จันขันอาสาเป็นผู้ลงมือทำด้วยความตื่นเต้น
“ระวังนะเจ้าคะ น้ำมันร้อนๆเมื่อโดนพริกแกงมันจะกระเด็นได้เจ้าค่ะ” จันพยักหน้าเชื่อฟัง ตั้งกระทะพร้อมกับหยอดน้ำมันลงไปเล็กน้อย เมื่อน้ำมันร้อนจึงใส่พริกแกงลงไปผัด
เป็นอย่างที่ป้าอิ่มว่า น้ำมันกระเด็นกระดอนไปมาทุกทิศทางจนจันแทบหลบมิทัน ป้าอิ่มและพวกทาสต่างพากันหัวเราะท่าทางโก๊ะกังของเมียผู้เป็นนาย
กลิ่นพริกแกงหอมๆโชยไปทั่วโรงครัว พวกทาสต่างพากันมามุงดูด้วยความสนอกสนใจ บ้างก็อยากรู้ว่าฝีมือของจันจะอร่อยสู้ป้าอิ่มหรือไม่
“พอเริ่มหอมแล้วให้ใส่กะทิลงไปเจ้าค่ะ” จันหยิบเอากะละมังใบเล็กที่ใส่หัวกะทิขึ้นมาก่อนจะค่อยๆเทลงไปช้าช้า
“ยังไงต่อจ้ะป้า”
“ผัดจนแตกมันแล้วค่อยใส่หมูเจ้าค่ะ” จันพยักหน้ารับ ผัดพริกแกงให้รวมเข้ากับกะทิ ในใจก็นึกว่าแตกมันนี่เป็นยังไงหนอ เกิดมามิเคยได้ยิน
“เอ่อ...” ชายหนุ่มเกาแก้มด้วยความอาย “แตกมันนี่เป็นยังไงหรือป้าอิ่ม”
พวกทาสพากันยิ้มหัวเราะด้วยความเอ็นดู
“ลองมองในกระทะตอนนี้นะเจ้าคะ นี่แหละเจ้าค่ะที่เขาเรียกว่าแตกมัน” จันก้มลงมองในกระทะจึงเห็นว่ากะทิมีความข้นขึ้นเล็กน้อย หลังจากนั้นจึงใส่เนื้อหมูลงไปผัด
“หากหมูสุกแล้วนำฟักทองลงไปผัดได้เลยเจ้าค่ะ”
“จ้ะป้า” จันผัดเนื้อหมูไปมา สังเกตดูไปเรื่อยๆ เมื่อเห็นว่าเนื้อหมูเริ่มเปลี่ยนสีแล้วจึงรู้ได้ว่ามันสุก
“ปรุงรสเลยเจ้าค่ะ ใส่น้ำตาลปึกแล้วก็น้ำปลา” นางหวานที่อยู่ใกล้เครื่องปรุงคอยหยิบจับของให้มิขาดสาย
“ขอบใจจ้ะ” จันยิ้มให้ทาสสาว พวกทาสต่างพากันรักใคร่จันเพราะมิมีนายที่ใดเขาพูดขอบใจหรือขอโทษพวกทาสดอก ยกเว้นจัน
ชายหนุ่มค่อยๆหักน้ำตาลปึกลงไปก่อนจะหยิบเอาโถน้ำปลาขึ้นมาใช้ช้อนตักเพราะมิกล้าเทลงไปตรงๆ
“ฉีกใบมะกรูดลงไปเลยเจ้าค่ะ” จันพยักหนา กำใบมะกรูดจำนวนมากมาก่อนจะฉีกลงไปในกระทะ ดูไปดูมาก็คล้ายผัดใบมะกรูดใส่หมูเสียมากกว่า
“เสร็จแล้ว!” จันแหวด้วยความดีใจ ยกกระทะออกมาตั้งนอกเตาก่อนจะตักให้พวกทาสช่วยชิม
จะปฏิเสธก็มิได้พวกมันจึงต้องยอมกินตามคำขอ เมื่อแกงเผ็ดฟักทองเข้าปากพวกทาสต่างก็พากันมองหน้ากันไปมา
“อร่อยหรือไม่จ้ะ?” พวกทาสพร้อมใจกันพยักหน้า
เมื่อเห็นดังนั้นชายหนุ่มจึงยิ้มร่า รีบตักใส่ถ้วยเพื่อนำขึ้นไปให้ไตรทศที่นั่งอยู่ในห้องทำงานกิน
“พี่ไตรต้องชอบแน่เลย” ปากบ่นพึมพำไปตักไป ป้าอิ่มมองก่อนจะยิ้มด้วยความเอ็นดู นึกดีใจที่คุณท่านคนเล็กมีเมียที่รักและใส่ใจถึงเพียงนี้
“ขอบใจป้าอิ่มมากนะจ้ะ ข้าลองเอาไปให้พี่ไตรกินดูก่อนหนา”
“เจ้าค่ะ” ป้าอิ่มพยักหน้า
จันถือถาดไม้ใส่สำรับกับข้าวที่ประกอบไปข้าวที่เพิ่งหุงเสร็จและแกงเผ็ดที่ตนทำขึ้นไปหาคนพี่ แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงใครบางคนเล็ดลอดออกมาจากประตูห้องทำงานที่เปิดอยู่
“เจ้าคุณพ่อให้นำสำรับมาให้ท่านไตรทศเจ้าค่ะ” เสียงแม่หญิงกานพลู จันจำได้
“ฝากขอบน้ำใจท่านด้วยหนา”
“สำรับนี้อิฉันทำเอง หากมิถูกปากก็ขออภัยด้วยนะเจ้าคะ”
“แค่ออเจ้าทำมาให้ข้าก็เกรงใจมากแล้ว”
“เจ้าค่ะ” จันแอบลอบมองจึงเห็นว่าทั้งสองกำลังยืนคุยกันอยู่ “อิฉันขอตัวกลับก่อนนะเจ้าคะ”
ไตรทศพยักหน้าให้ก่อนจะรับไหว้แม่หญิงตามมารยาท เมื่อเห็นว่าสาวเจ้าจะเดินมาทางประตูจันจึงเลี่ยงหลบไปอีกด้านของประตู ทำให้ผู้ที่เดินออกมามิสังเกตเห็น
จันถอนหายใจก่อนจะเดินเลี่ยงจากห้องทำงานเพราะดูเหมือนว่าไตรทศจะมิได้กินสำรับฝีมือตนเสียแล้ว
“ออเจ้ากำลังจะไปไหนรึ” คิดจะย่องหนีแต่กลับโดนเจอเข้าเสียได้ “พี่เห็นว่าออเจ้าออกไปเสียนานจึงกำลังจะออกไปตาม”
เสียงไตรทศดังจากด้านหลัง แต่จันมิยอมหันไปเพราะกลัวว่าคนพี่จะเห็นถาดไม้ที่ตนถืออยู่ 
“เอ่อ...” มิมีคำใดจะเอื้อนเอ่ย
“แล้วนั่นถืออะไรอยู่”
“...” จะรอคำตอบก็รอนาน ไตรทศจึงเดินไปดักข้างหน้า สายตาคมทอดมองแกงเผ็ดฟักทองและข้าวสวยในถาดไม้ “สำรับรึ?”
เห็นอยู่ยังจะถามอีก จันบ่นในใจ
“แล้วจะยกไปที่ใด?”
“ข้าก็กะว่าจะเอาไปให้ไอ้มิ่งกิน เพราะดูเหมือนว่าคนแถวนี้จะมีสำรับให้กินอยู่แล้ว” พูดพร้อมกับเสมองไปทางอื่น ดูก็รู้ว่าเมียกำลังน้อยใจ
“ออเจ้าทำเองรึ?” ถามพร้อมใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม
“อือ”
“ออเจ้าน้อยใจพี่หรือ?” เสียงคนถามดูอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด
คนปากแข็งมิยอมพูดให้มากความ คิดจะเดินเลี่ยงอีกคราแต่ก็โดนดักไว้
“ข้าจะไปหาไอ้มิ่ง”
“โธ่...ออเจ้าทำมาให้พี่มิใช่หรือ?”
“แต่พี่มีสำรับอยู่แล้ว”
“แต่พี่อยากกินฝีมือเมียของพี่มากกว่าของหญิงอื่น” จันแทบจะเผลอยิ้มกับคำพูดหว่านล้อมแต่ก็ต้องทำสีหน้าให้ตึงเข้าไว้
“ของข้ามิอร่อยเช่นของแม่กานพลูดอก ข้ามิใช่กุลสตรีที่ทำอาหารเป็น หากกินไปพี่คงจะท้องเสียเปล่าๆ”
“หากเป็นเช่นนั้นจริง...” ไตรทศเดินอ้อมมาข้างหลัง วางมือลงบนลาดไหล่ก่อนจะกระซิบข้างหู “พี่ขอยอมท้องเสีย”
ใบหน้าของจันพลันเห่อร้อนและขึ้นสีแดงระเรื่อ ไตรทศยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เมื่อทำให้จันเสียอาการได้
 “ถ-ถ้าพี่ท้องเสียอย่ามาว่าข้าก็แล้วกัน”
ไตรทศและจันพากันเดินกลับเข้ามาในห้อง สำรับของแม่หญิงกานพลูถูกส่งให้ไอ้มิ่งไป ส่วนไตรทศเลือกที่จะกินแกงเผ็ดที่เมียตนทำแทน
เมื่อคำแรกเข้าปากไปจันจึงใจจดใจจ่อกับการมองคนพี่เคี้ยวก่อนจะกลืนลงท้อง
“อร่อยหรือไม่?”
“อร่อย” คำตอบที่ได้ยินส่งผลให้จันก้มหน้ายิ้มออกมาเพราะมิอยากให้ไตรทศสังเกตเห็น แต่หารู้ไม่ว่าคันฉ่องภายในห้องกำลังสะท้อนให้เห็นถึงใบหน้าที่กำลังยิ้มด้วยใจเปี่ยมสุขของตนเอง
ไตรทศมองเมียของตนที่กำลังยิ้มด้วยความเขินอาย ทั้งรักทั้งเอ็นดูแถมยังทำตัวเป็นเมียที่ดีเช่นนี้...หัวใจไตรทศผู้นี้จะไปไหนเสีย นอกจากไปอยู่กับเมียรักเช่นจัน

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-12-2019 21:38:53 โดย ponpon1a »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
น่ารัก  :mew3:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
แต่งกันแล้ว~

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
รักเมียดีมากค่า

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
กับข้าวหญิงอื่นฤๅจะสู้กับข้าวฝีมือเมีย
พี่ไตรคนหลงเมียยยยยย

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ ponpon1a

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
บทที่ ๑๙

“ตรงนี้ยังมิถูกนะเจ้าคะ”
“ผิดอีกแล้วรึ?”
จันทำหน้าบูดบึ้งเป็นรอบที่ร้อยของวันได้แล้วกระมัง เพราะการพับใบตองให้เป็นกลีบมันช่างมิใช่เรื่องง่ายสำหรับชายหนุ่มตัวเท่าลูกควายเฉกเช่นจันเลยแม้แต่น้อย
“พับเข้าหากันแบบนี้เจ้าคะ”
จันมองตามมือของทาสสาวในเรือนใหญ่ที่อาสาเป็นผู้สอนจันทำกระทง มือสตรีเพศย่อมเล็กกว่ามือของบุรุษเพศ การพับใบตองให้มีขนาดเล็กจึงดูมิยากเย็น
ไตรทศ พระยาเกษมและหลวงทองดีติดว่าราชการที่พระนครจึงมิได้อยู่ดูการประดิษฐ์กระทง ในตอนนี้บนเรือนจึงมีเพียงแค่จัน แม่กานพลูและคุณหญิงนิ่ม
ชายหนุ่มลองตั้งใจพับอีกคราแต่ใบตองที่สุดแสนจะเปราะบางก็ขาดคามือเอาเสียดื้อๆ
“ขาดอีกแล้ว...” จันถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ คุณหญิงนิ่มที่นั่งร้อยมาลัยอยู่มิไกลจึงหันมอง
“เป็นอะไรไปหรือออเจ้า?”
“กระผมพับใบตองมิได้ขอรับ” คุณหญิงยิ้มเอ็นดูจันที่นั่งทำหน้างอง้ำ ดูก็รู้ว่าลูกสะใภ้ตั้งใจจะทำกระทงให้ไตรทศ
“ไหน ขอแม่ดูทีฤา” คุณหญิงลุกจากที่นั่งเดินมาทางจันที่นั่งกับพื้นเรือน “ดูตามแม่ดีๆหนา”
คุณหญิงเริ่มลงมือพับให้จันดูเพื่อเป็นตัวอย่าง จันมองตามและจดจำวิธีการพับ
“ไหนออเจ้าลองทำซิ”
“ขอรับ” จันพยักหน้าก่อนจะลงมือพับอีกครั้ง
“ออเจ้าลองผ่อนแรงลงสักนิด”
ด้วยความที่เป็นชายจันจึงถนัดทำงานที่ต้องใช้แรงมากกว่าการใช้ความอ่อนโยน ทำให้การกะแรงของมือที่จับใบตองนั้นช่างยากนัก เมื่อโดนติงจึงค่อยๆผ่อนแรงลงและพับใบตองเข้าหากันให้เป็นรูปคล้ายกลีบดอกไม้
“เช่นนี้แล” คุณหญิงยิ้มให้ลูกสะใภ้ที่พับใบตองจนสำเร็จได้ จันเองก็ยิ้มตอบด้วยความดีใจ ความรู้สึกอุ่นวาบที่อกทำให้รู้สึกดีพิกล นี่คงจะเป็นความรู้สึกของการมีแม่สิหนา
“กระทงของอิฉันเสร็จแล้วเจ้าค่ะ” เสียงหวานดังขึ้นเรียกความสนใจของคุณหญิงและจันให้หันไปมอง
กระทงใบตองที่ไล่สีจากเข้มไปอ่อนทั้งยังประดับด้วยดอกไม้ชวนให้น่ามอง ทั้งยังมีความประณีตและความละเอียดดูก็รู้ว่าผู้ทำตั้งใจทำถึงเพียงใด
“สวยมากเลยออเจ้า มิผิดแปลกไปจากที่หลวงทองดีคุยไว้สักนิด” คุณหญิงเอ่ยชมกระทงในมือของหญิงสาว มันสวยจริงดั่งที่คุณหญิงชม พวกนางทาสต่างพากันมามุงดู แม่กานพลูจึงยิ้มรับคำชมเอาไว้
ต่างจากของจันที่ยังมิไปถึงไหนทั้งที่ตั้งหน้าตั้งตาทำมาตั้งแต่เช้าจนตอนนี้ก็ถึงเพลาชายแล้วก็ยังมิมีความคืบหน้าเพราะมัวสนใจแต่พับใบตอง
“คุณจันอยากให้อิฉันช่วยทำตรงไหนรึไม่เจ้าคะ?” กานพลูเอ่ยถาม
“มิเป็นไรจ้ะ ข้าอยากขอทำเองดู” จันยิ้มรับด้วยความยินดี ถึงมันจะทำยากเพราะตนมิได้มีการฝึกความเป็นกุลสตรีมาตั้งแต่เด็กเช่นแม่กานพลูแต่จันก็อยากพยายามให้ถึงที่สุดเสียก่อน
กานพลูพยักหน้าพร้อมกับยิ้มให้ “หากเป็นเช่นนั้นอิฉันจะช่วยคุณหญิงร้อยมาลัยนะเจ้าคะ”
“ลูกจันทำเองได้หรือไม่ลูก?” คุณหญิงนิ่มเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงเพราะตนเองเข้าใจดีว่าจันมิเคยทำอะไรเช่นนี้มาก่อน
“ได้ขอรับคุณหญิงแม่”
“มีอะไรก็บอกแม่ได้เลยหนา แม่จะนั่งอยู่มิไกลมากนัก”
“ขอรับ” จันยกมือไหว้ขอบคุณผู้ใหญ่ เมื่อพูดคุยเสร็จคุณหญิงจึงกลับไปนั่งร้อยพวงมาลัยบนตั่งไม้ตัวใหญ่ตามเดิม เหลือไว้เพียงจันและพวกทาสที่นั่งทำกระทงต่อ
มีบางช่วงที่ต้องใช้เข็มและด้ายเย็บทำให้มือของจันเต็มไปด้วยรอยเข็มที่โดนมือยามแทงผ่านใบตอง
ใช้เวลาอยู่หลายชั่วยามกว่ากระทงจะเสร็จ จันนั่งมองผลงานของตนเองด้วยความภาคภูมิใจ ถึงแม้มันจะมิสวยและประณีตเท่าของแม่กานพลูแต่จันก็ภูมิใจที่ทำออกมาได้จนเสร็จ
“กลับมาแล้วหรือเจ้าคะคุณพี่” คุณหญิงนิ่มเอ่ยทักพระยาเกษมที่เดินขึ้นมาบนเรือนจันจึงหันไปมองตาม ไตรทศที่ไปว่าราชการเสียนานก็เดินตามผู้เป็นพ่อมาด้วยเช่นกัน
ทั้งสองมองตากันก่อนจะยิ้มน้อยๆส่งผ่านความคิดถึงผ่านทางสายตา จะบอกว่ารักว่าคิดถึงก็เกรงใจผู้ใหญ่ที่อยู่ด้วยตั้งหลายคน
“กระทงเป็นอย่างไรบ้าง?” พระยาเกษมเอ่ยถาม
“พวกอิฉันทำเสร็จแล้วเจ้าค่ะ ดูของลูกจันสิเจ้าคะ ทำครั้งแรกแต่ทำออกมาได้งามนัก” คุณหญิงเอ่ยชมให้กำลังใจพร้อมกับยิ้มให้
“อืม งามจริงดั่งว่า”
“ขอบพระคุณขอรับ” จันยิ้มก่อนจะยกมือไหว้ขอบคุณพ่อตาของตน 
“ของแม่กานพลูก็งามนัก สมคำคุยเสียจริง” แม่กานพลูพยักหน้าน้อยๆ ยิ้มรับคำชมจากผู้ใหญ่
“เอาล่ะ พากันกินสำรับเสียก่อน เมื่อกินเสร็จค่อยไปลอยกระทงกัน”
พระยาเกษมพูดก่อนจะเดินนำคนบนเรือนไปที่สำรับอาหารที่พวกนางทาสพากันนำอาหารทั้งคาวหวานมาเรียงไว้จนเต็มโต๊ะไม้ยาว
“เมียใคร เก่งเสียจริง” ไตรทศเอ่ยกระซิบข้างหูของจันในขณะที่กำลังเดิน
จันยิ้มด้วยความพอใจที่อย่างน้อยตนก็ทำกระทงออกมาให้สวยได้ แต่ก็คงจะแย่หากมิมีพวกทาสสาวในเรือนคอยช่วย
ทั้งหมดพากันนั่งกินสำรับอาหาร ไตรทศคอยตักนั่นตักนี่ใส่จานของจันมิขาดสายดั่งกลัวว่าเมียของตนจะผอม
ทุกการกระทำอยู่ในสายตาของผู้ใหญ่รวมถึงหลวงทองดีและแม่หญิงกานพลูด้วย
เวลาพลบค่ำมาถึง ระหว่างทางไปตลาดใหญ่มีโคมไฟน้อยใหญ่ประดับประดามากมายจนสว่างไปทั่วบริเวณ
ผู้คนมากมายหลั่งไหลมารวมตัวกันที่วัดเพราะมีการก่อเจดีย์จากทราย จันมองเด็กเล็กที่กำลังพากันนั่งก่อทรายเล่นด้วยความสนอกสนใจ เพราะจันในวัยเด็กก็ชอบมาก่อเจดีย์ทรายเช่นกัน
สายตกสนอกสนใจแกมซุกซนส่งผลให้คนโตกว่ายิ้มอย่างนึกเอ็นดูก่อนจะสอดประสานมือจับกุมกันไว้เพราะกลัวว่าเจ้าแมวดื้อตัวนี้จะหนีหายไปกับผู้คนที่เริ่มมากขึ้น
“ไปลอยกระทงกันเถิดออเจ้า” ไตรทศเอ่ยชวนจันจึงพยักหน้ารับ
ไตรทศมีหน้าที่ถือกระทงที่จันทำ ระหว่างทางเดินไปที่คลองหลังวัดมีผู้คนพลุ่งพล่านอยู่ตลอดเวลา มีเสียงดนตรีคอยกล่อมผู้คนให้สนุกครื้นเครงไปกับบรรยากาศ
เมื่อมาถึงทั้งสองจึงนั่งลงตรงท่าน้ำ ด้านข้างมีคบเพลิงไว้ให้ใช้จุดธูปและเทียน จันมองตามคนพี่ที่กำลังจุดธูปและเทียน ยามใบหน้าหล่อคมต้องแสงเทียนยิ่งทำให้อีกฝ่ายดูหล่อขึ้นเป็นกอง
“อธิษฐานสิจัน” จันพยักหน้า รับกระทงมาถือไว้คนละข้างกับไตรทศก่อนจะหลับตาลงเพื่ออธิษฐาน
‘ชาติหน้าฉันใดหากเราสองมีบุญต่อกันจริง ขอให้กระผมและชายผู้นี้ที่กระผมรักได้เกิดมาคู่กันอีกครั้ง’
เมื่ออธิษฐานเสร็จจึงลอบมองคนพี่ที่กำลังหลับตาเพื่ออธิษฐาน จันนึกสงสัยนักว่าไตรทศขอสิ่งใดเหตุใดจึงนานนัก
เมื่อไตรทศลืมตาจันจึงเสมองไปทางอื่นเพราะมิอยากถูกจับใจว่าตนแอบมองหน้าอีกฝ่ายอยู่นานโข
กระทงที่จันบรรจงทำถูกปล่อยลงสู่ลำคลอง ถูกกระแสน้ำพัดพาออกไปไกลจากตลิ่งขึ้นเรื่อยๆจนหายลับไปกับหมู่มวลกระทงของผู้อื่นในที่สุด
“เราไปเดินดูงานวัดกันดีรึไม่?” คำชักชวนทำเอาจันเบิกตาโตด้วยความตื่นเต้น
“ไปจ้ะ”
“หึ เด็กหนอเด็ก”
มืออุ่นลูบลงบนกลุ่มผมนุ่มด้วยความเอ็นดู จันมิขัดทั้งยังเอียงศีรษะรับเสียอีก ทำเอาผู้กระทำอยากพากลับเรือนเสียตอนนี้เพราะมิอยากให้ผู้ใดเห็นเมียตนที่กำลังทำท่าทางน่ารักน่าชัง
งานวัดมีของมาขายมากมายทั้งขนมและของเล่นเด็กที่พวกชาวบ้านเป็นผู้ลงมือทำและยังมีสินค้าที่มาจากประเทศอื่นเช่นจีนและโปรตุเกส
“นั่นขนมฝอยทองมิใช่รึ?” จันเดินเข้าไปดูขนมที่วางแผงไว้ละลานตา ดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะให้ความสนใจกับของกินมากเป็นพิเศษ “พี่ไตร...ข้าซื้อได้รึไม่?” จันหันไปถามไตรทศที่ยืนมองอยู่มิไกล
“อยากเอาเท่าใดก็เอาเถิด” เมื่อได้รับคำอนุญาตจันจึงบอกจำนวนที่ต้องการซื้อแก่แม่ค้าและแน่นอนว่าผู้จ่ายคือไตรทศ
ระหว่างที่จันเลือกซื้อขนมอยู่นั้นสายตาของไตรทศก็หันไปเห็นเสื้อที่ทำจากผ้าไหม มันเป็นเสื้อแขนยาวทรงกระบอกมีสีคล้ายงาช้าง หากจันใส่คงจะดูดีมิน้อย
เมื่อคิดดังนั้นไตรทศจึงเดินเข้าไปดูภายในร้านก่อนจะเลือกซื้อมาสองตัวให้จันหนึ่งตัวและอีกตัวซื้อให้ตัวเอง...จะได้ใส่คู่กัน
“ข้าซื้อเสร็จแล้ว”
“ออเจ้าต้องการสิ่งใดอีกรึไม่?” จันส่ายหน้า “พี่เห็นออเจ้ายืนดูเด็กก่อกองทราย ออเจ้าใคร่จะก่อบ้างรึไม่?”
“อยากจ้ะ!”
มือเล็กเอื้อมมากอบกุมมือของไตรทศอย่างลืมตัว ดึงให้คนตัวโตเดินตามไปข้างหน้าที่ซึ่งเป็นสถานที่สำหรับก่อเจดีย์ทรายที่จันเดินผ่านก่อนหน้านี้
ทั้งสองนั่งลงตรงกองทรายที่ชาวบ้านพากันขนเข้ามากองไว้ ขนมมากมายถูกฝากไว้ที่พวกทาสที่ยืนรออยู่ก่อนหน้า
จันลงมือก่อกองทรายขึ้นเป็นรูปร่างของเจดีย์ ใบหน้าหล่อเปื้อนรอยยิ้มยามที่ก่อทรายขึ้นเป็นรูปร่าง เป็นภาพที่ทำให้คนอายุมากเช่นไตรทศเผลอยิ้มออกมาได้โดยง่าย
“พี่จัน!” เสียงเรียกคุ้นหูดังขึ้นก่อนจะมีหญิงสาวหน้าตาน่ารักวิ่งมาหาจันที่นั่งก่อทรายอยู่
“อ้าว บุหงาเองหรอกรึ”
“มิเจอเสียนาน ข้าคิดถึ๊งคิดถึง~” เด็กสาวโผกอดจันด้วยความคิดถึงโดยที่มิรู้เลยว่ามีใครบางคนกำลังมองด้วยสายตาที่แสนจะน่ากลัว
“พอก่อนๆ เกินไปแล้วนะเอ็ง” จันดีดหน้าผากบุหงาไปหนึ่งทีเพื่อเตือนแต่เด็กสาวก็หาได้สนใจไม่ กลับยิ้มแย้มกว่าเดิมเสียอีก
“บุหงา!” จันเงยหน้ามองผู้ที่เรียกบุหงา
“พ-พี่มั่น!”
“มานี่เลยเอ็ง อย่าไปเจ๊าะแจ๊ะกับเพื่อนข้า”
“โธ่...พี่ก็รู้ว่าข้าชอบพี่จัน” จันชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะหันมองไตรทศที่นั่งอยู่ข้างๆ...
“เอ่อ...”
‘กลับไปโดนดีแน่’ ไตรทศมิได้เอื้อนเอ่ยคำใดออกมาหากแต่เป็นสายตาคมที่บอกเช่นนั้น
“มาเลยๆ”
“พี่มั่น! พี่จันจ๋าช่วยข้าด้วยย” จันมองตามบุหงาที่โดนมั่นลากออกไปจากบริเวณนั้น จะให้ช่วยบุหงาได้อย่างไรในเมื่อยามนี้จันเองก็รู้สึกเหมือนดั่งว่าจะเอาตัวเองมิรอดเช่นกัน...

“อึก..พ-พี่ไตร...พอแล้ว”
“เสน่ห์แรงนักนะแม่คุณ” สรรพนามที่ถูกใช้เรียกทำเอาจันอายจนหน้าแดงหูแดงไปหมด ริมฝีปากที่โดนกระหน่ำจูบก็ช้ำจนบวมเจ่อ
ริมฝีปากสีระเรื่อถูกกดจูบอีกคราเป็นครั้งที่เท่าใดก็มิอาจนับได้ หลังกลับจากวัดจันก็โดนไตรทศ ‘รังแก’ จนแข้งขาไร้เรี่ยวแรงไปหมด
“ข้า...ข้าผิดไปแล้ว แฮ่ก..”
เสียงหอบดังระงมด้วยแรงอารมณ์ที่คุกรุ่น ตามผิวเนียนมีแต่รอยรักสีกุหลาบเต็มไปทุกพื้นที่ รูปร่างที่สมบูรณ์ได้ที่ของจันทำให้ไตรทศจับลงไปที่ใดก็เต็มไม้เต็มมือไปเสียหมด โดยเฉพาะบั้นท้ายขาวเนียนที่ไตรทศชอบนักหนา
ริมฝีปากเอาแต่ใจของคนพี่เลื่อนลงต่ำก่อนจะกดจูบลงบนไหปลาร้า ไล่ลงมาที่ยอดอกสีสวยเพื่อเรียกเสียงกระเส่าจากคนที่นอนหอบอยู่ใต้ร่าง ส่งลิ้นสากไล้เลียที่หน้าท้องสวยก่อนจะจบลงที่รอยปานรูปดอกไม้ที่เอวคอด
พรมจูบลงบนปานด้วยความรักใคร่ “สวย...คราแรกที่พี่เห็นว่าสวยยังไง ในยามนี้ปานนี้ก็ยังคงสวยอย่างนั้น”
คำพูดนั้นทำให้จันหวนนึกถึงครั้งที่จันเคยต่อยตีกับทาสของหมื่นเดชาจนได้แผลหลายที่ แต่ก็ได้ไตรทศพากลับเรือนมากและรักษาให้จนอาการของตนบรรเทาลง และครานั้นยังเป็นคราแรกที่มีคนชมว่าปานของจันนั้นสวย...
“พี่ไตร...” น้ำตาหยดน้อยพลันร่วงผล็อยลงบนหมอน
“เป็นอะไรไปเมียพี่ ใยจึงร้องไห้เล่า...” นิ้วเรียวยาวเช็ดหยดน้ำตาของเมียรักออกจากแก้มนวลพร้อมกับเอ่ยถาม
“ข้า...ข้ารักพี่” เคยมิชอบและเคยพูดมิดีใส่ไตรทศไปหลายครา แต่ทุกคราไตรทศก็มิถือสาทั้งยังให้อภัยตนเสมอมา ความจริงข้อนี้ทำให้จันรู้สึกผิดมิน้อย
“พี่ก็รักออเจ้าหนา” น้ำตาของจันยังคงมิหยุดไหล ไตรทศจึงทำสิ่งใดมิได้นอกจากเอ่ยปลอบประโลม “...มิร้องหนาเมียรักของพี่”
ฝ่ามืออุ่นจับประคองหน้าของจันไว้ก่อนจะกดจูบลงบนแก้มนวลด้วยความรักใคร่
เมื่อหยุดร้องจันจึงเปลี่ยนท่ามานอนอยู่ด้านบนให้คนพี่นอนอยู่ด้านล่าง สองร่างเปลือยเปล่านอนกอดกันมิยอมจากกันไปไหน ทั้งสุขใจ ทั้งรักและอยากให้เวลาหยุดลงที่ตรงนี้
“ข้ารักพี่...”
“หึ...รู้แล้วเจ้าตัวแสบ” มือหนาบีบลงบนจมูกเชิดรั้นด้วยความเอ็นดู
“ฮื่ออ” จันร้องอย่างขัดใจเมื่อถูกแกล้ง
“ไหนออเจ้าลองเรียกพี่ใหม่ซิ”
“เรียกใหม่รึ?” จันเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย
“ใช่”
“จะให้ข้าเรียกว่าอย่างไรเล่า”
“ผัวจ๋า”
“พี่ไตร!” มือเล็กตีลงบนแผ่นอกกว้าง ใบหน้าขึ้นสีระเรื่อ แทนที่จะเจ็บไตรทศกลับหัวเราะด้วยความชอบใจแทน 
“พี่พูดเล่น...”
มือเล็กถูกจับเอาไว้ด้วยมือที่ใหญ่กว่า ไตรทศกดจูบลงบนฝ่ามือของเมียรักก่อนจะส่งสายตาขึ้นมองจันที่กำลังขวยเขิน
“เรียกพี่ว่า ‘คุณพี่’ สิ ปกติผัวเมียเขาเรียกกันแบบนี้ทั้งนั้น” ยิ่งแล้วใหญ่ ความเห่อร้อนที่ใบหน้าเข้าเล่นงานจนจันไปต่อมิเป็น
“ถ้าข้ามิเรียกเล่า”
“ผัวผู้นี้คงจะน้อยใจเมียมากเป็นแน่” คำพูดพร้อมใบหน้าระคนความน้อยใจทำเอาจันในอ่อนยวบ
“ก็ได้ๆ...” จันสูดลมหายใจเข้าลึกๆก่อนจะเอ่ยคำพูดที่น่าอายที่สุดออกมา  “ค-คุณพี่ไตร...”
“เห้อ...” เสียงถอนหายใจทำเอาใจจันแป้ว “รับผิดชอบมาเสียแม่ตัวดี” 
กว่าจะรู้ว่าสิ่งที่ไตรทศพูดคือสิ่งใดร่างกายก็ถูกกดทับจากไตรทศอีกรอบ ความแข็งขืนทำเอาจันเบิกตากว้าง สองรอบที่ผ่านมายังมิพออีกรึ!
“ด-เดี๋ยว!”
“สงสัยวันพรุ่งพี่คงต้องลางานเสียแล้ว...”
“อะ...อ๊า!”


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-12-2019 21:40:08 โดย ponpon1a »

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
อีกไม่นานคงท้อง

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1

ออฟไลน์ ponpon1a

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
บทที่ ๒๐

“เดินทางกลับปลอดภัยนะเจ้าคะคุณหลวง”
“ขอบพระคุณขอรับคุณหญิง”
วันนี้คือวันที่หลวงทองดีมีกำหนดกลับละโว้เพราะว่าราชการจนเสร็จสิ้นแล้วจึงมิมีเหตุที่จักต้องอยู่ต่อ
“หากว่างก็มาเยี่ยมเยือนกันบ้างนะจ้ะแม่กานพลู”
“เจ้าค่ะคุณหญิง” หญิงสาวยกมือไหว้ผู้หลักผู้ใหญ่เพื่อเป็นการเอ่ยลา
“ถ้าเช่นนั้นกระผมขอตัวก่อนนะขอรับ” ทั้งคุณหญิงนิ่มและพระยาเกษมพยักหน้าให้
เมื่อร่ำลากันเสร็จทั้งสองพ่อลูกจึงเดินลงจากเรือนไปโดยที่มีทาสในเรือนของพระยาเกษมเป็นผู้พาไปส่งที่ท่าน้ำ
“ไอ้มิ่ง” คุณหญิงนิ่มเอ่ยเรียกไอ้มิ่งที่มาเอาตัวยาที่เรือนใหญ่
“ขอรับคุณหญิง”
“ไตรทศกับลูกจันไปไหนเล่า เหตุใดจึงมิมาร่ำลาหลวงทองดี”
“เอ่อ...” มันเกาแก้มด้วยความกระดากอาย “เมื่อคืนวานหนักไปหน่อยขอรับ”
“ตายแล้ว...” คุณหญิงใช้มือทาบอก “เห็นทีข้าคงได้อุ้มหลานในเร็ววันเป็นแน่”
ไอ้มิ่งค้อมหัวให้ผู้เป็นนายก่อนจะเดินกลับเรือนเล็กเพื่อนำตัวยาที่ไตรทศสั่งให้มาเอาไปต้ม เป็นยาบำรุงกำลังและบำรุงร่างกายทั้งสิ้นมันจึงมิต้องเดาว่าเหตุใดนายของมันถึงมิยอมออกจากห้องหับเสียที
เมื่อต้มเสร็จมันจึงเดินไปที่หน้าห้องและเคาะประตูเรียก มินานไตรทศจึงเปิดประตูออกมาเพื่อเอายา
ไอ้มิ่งถึงกับชะงักเมื่อเห็นว่าตามแผ่นอกของนายมันที่ไร้อาภรณ์ปกปิดนั้นเต็มไปด้วยรอยเล็บและรอยแดง
“เอายามาทาแผลด้วยรึไม่ขอรับคุณท่าน?” มันมองไปซี้ดปากไปด้วยความแสบแทนนายของตน
“มิต้อง เอ็งไปพักเถอะ”
“ขอรับ”
เมื่อประตูปิดลงมันจึงเดินเลี่ยงออกมา
“จัน” มือหนาสัมผัสลงบนแก้วนิ่มเพื่อปลุกให้ตื่น
“อือ...” ชายหนุ่มยังนอนมิรู้เรื่อง คิ้วขมวดเมื่อถูกรบกวนการนอน
“ตื่นเถิดออเจ้า”
“...”
“หากมิตื่นพี่จะทำอีกรอบดีรึไม่?” เสียงพูดใกล้ใบหูทำเอาจันผวาตื่น
“พ-พอเลยพี่ไตร ข้าตื่นแล้ว” ใบหน้าจิ้มลิ้มขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิด ไตรทศยิ้มขำก่อนจะเอื้อมมือไปหยิกแก้มใสด้วยความมันเขี้ยว
“กินยาเสียหน่อยหนา”
“ข้ามิชอบยา...มันขม”
“หรือจะให้พี่ป้อนด้วยปากดี หืม?”
“ไม่ๆ ข้ากินเองก็ได้” จันรับมาด้วยท่าทีอิดออดก่อนจะยกยาต้มในถ้วยขึ้นดื่มพร้อมกับนิ่วหน้าเมื่อความขมแล่นผ่านลิ้นลงสู่ลำคอ
“เด็กดี” มือหนาลูบลงบนกลุ่มผมดำขลับด้วยความรักใคร่
“ข้าโตแล้วหนา” คิ้วชายหนุ่มขมวดมุ่น
“แต่ถึงอย่างไรก็เด็กสำหรับพี่” จันลืมคิดไปว่าไตรทศนั้นอายุมากกว่าตนถึงสิบปี
“พี่แก่แล้วต่างหากเล่า” ไตรทศเลิกคิ้วเมื่อถูกกล่าวหาว่าเป็นคนแก่
“หึ แก่อย่างไรก็ทำให้ออเจ้าร้องระงมมิหยุดได้มิใช่รึ?” คำพูดลามกทำเอาจันไปต่อมิเป็น ใบหน้าขึ้นสีจนรู้สึกเห่อร้อน
“พี่กลายเป็นคนลามกถึงเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน” จันยู่ปากจนคนพี่อดเอ็นดูมิได้
“ก็ตั้งแต่เจอออเจ้ากระมัง”
“ข้าเกี่ยวอะไรด้วย?”
“ก็เป็นเพราะออเจ้าพี่จึงหมกมุ่นถึงเพียงนี้ มิรู้รึ?” พูดจบก็ฉวยโอกาสฝังจมูกลงบนแก้มนิ่ม
“ฮื่ออ” เจ้าตัวแสบงอแงเมื่อถูกกระทำจากอีกฝ่าย
วันนี้ไตรทศลางานทั้งวันเพราะอยากใช้เวลาอยู่กับเมียรัก ที่ผ่านมางานเยอะจนมิค่อยได้หยุดพักทำให้นานๆครั้งถึงจะมีโอกาสเข้านอนพร้อมกัน
ช่วงสายจันมีเรียนทำอาหารกับป้าอิ่ม ช่วงเพลาชายก็มีการฝึกร้อยมาลัยจากดอกไม้สด เพราะแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาแล้วจันจึงต้องเรียนงานบ้านงานเรือนเหมือนกับสตรีทุกประการ
ดอกพุดถูกรอยเรียงด้วยเข็มร้อยมาลัยจนกลายเป็นพวงมาลัยสวยงาม มีอุบะทำด้วยดอกกุหลาบที่ปลูกอยู่ข้างเรือน
ในมือถือพวงมาลัยแต่สายตากลับมองไตรทศที่นั่งอยู่บนตั่งไม้มิใกล้มิไกลนัก เจ้าของเรือนกำลังนั่งอ่านตำรายาเพื่อเพิ่มพูนความรู้ ถึงแม้ไตรทศจะรับงานราชการแล้วแต่เจ้าตัวก็มิเคยละทิ้งงานหมอยาไปไหน อะไรที่พอช่วยผู้ไข้ได้ก็ยินดีช่วย
เพราะเป็นเช่นนี้อย่างไรเล่า
ไอ้จันผู้นี้ถึงได้หลงรัก...
“...แอบมองพี่รึ” คำทักท้วงทำเอาจันแสดงอาการเลิ่กลั่ก ทำท่าทำทางเสมือนว่ามิได้มอง “พี่เห็นดอกหนา”
มิได้เงยหน้าแต่เห็นได้อย่างไร! 
“ลูกจัน พ่อไตร” เสียงเรียกทำให้คนทั้งสองไปหาต้นเสียง คุณหญิงนิ่มเดินเข้ามาหาเมื่อเห็นว่าทั้งสองกำลังนั่งพูดคุยกันอยู่ที่ชานเรือน
“คุณหญิงแม่” จันวางพวงมาลัยในมือ ลุกขึ้นเพื่อเดินไปประคองให้คุณหญิงนั่งลงบนตั่งไม้
“ขอบใจจ้ะลูก”
“คุณหญิงแม่มีอะไรรึไม่ขอรับ?” ไตรทศเอ่ยถาม
“แม่ได้น้ำผึ้งเดือนห้ามาจึงเอามาฝาก”
“น้ำผึ้ง?” จันหูผึ่งเมื่อได้ยินเพราะน้ำผึ้งนั้นมิได้หาง่ายซ้ำยังมีราคาแพง ทั้งชีวิตจันเองก็ยังมิเคยลิ้มลอง
“ก็แม่เห็นว่าช่วงนี้พวกลูกยุ่งๆกัน...” คุณหญิงเว้นจังหวะเพื่อให้คิดตามว่ายุ่งเรื่องใด “แม่จึงนำมาให้จะได้กินเพื่อบำรุงกำลัง”
ไตรทศยิ้มขำเมื่อรู้ว่ามารดาของตนหมายถึงเรื่องใด มีแต่จันกระมังที่ทำหน้าสงสัยจนน่าเอ็นดู
คุณหญิงเองก็ยิ้มตามลูกชายเสมือนว่าแม่ลูกทั้งสองมีแผนการอยู่ในใจโดยที่จันผู้ใสซื่อมิรู้เรื่องอันใดด้วยเลย
“ขอบพระคุณขอรับ” ชายหนุ่มยิ้มให้พร้อมกับยกมือไหว้ คุณหญิงจึงรับไหว้ลูกสะใภ้ก่อนจะขอตัวกลับเรือนใหญ่เพราะยังมีงานบ้านงานเรือนอีกมากที่ต้องไปจัดการ
เมื่อคุณหญิงนิ่มกลับไปจันจึงกลับมานั่งร้อยพวงมาลัยต่อโดยที่มิรู้เลยว่าไตรทศกำลังมีแผนการอันใดอยู่ในใจ

หลังกินสำรับอาหารเย็นและอาบน้ำจนเสร็จทั้งสองจึงพากันเข้าห้องนอน ไตรทศลงมือตรวจเอกสารส่วนจันนั้นอ่านหนังสืออยู่บนเตียงนุ่ม
จันลอบมองคนพี่ที่นั่งอยู่บนโต๊ะทำงานเป็นระยะเมื่อเห็นว่าไตรทศยกมือขึ้นบีบไหล่ตัวเองจึงรู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายกำลังเมื่อย
“เดี๋ยวข้าช่วยนวดให้นะจ้ะ” ชายหนุ่มลุกขึ้นเดินไปหา วางมือลงบนลาดไหล่กว้างก่อนจะออกแรงเพื่อบีบนวด
ไตรทศทำเสียงพอใจเมื่อจันปรนนิบัติตนในฐานะภริยาเป็นอย่างดี มือที่เล็กกว่าบีบนวดได้ถูกจุดจึงทำให้อาการเมื่อยขบหายไปบ้าง
เมื่อสบโอกาสผู้ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้จึงตะปบเข้าที่เอวของจันก่อนจะกดใบหน้าลงบนหน้าท้องนิ่ม
“พี่ไตรทำอะไรรึ!?” จันมองไตรทศที่ซุกอยู่ที่หน้าท้องของตนเองอย่างมิเข้าใจ
“พี่เหนื่อย...ขออยู่แบบนี้สักประเดี๋ยวได้รึไม่?”
“ได้สิ...”
จันถือวิสาสะใช้มือลูบลงบนกลุ่มผมสีดำขลับของสามี ไตรทศมิได้ต่อว่าอันใดแต่หากเป็นผู้อื่นคงมิพอใจที่ผู้อายุน้อยกว่ามาแตะต้องเบื้องสูงของตน
คนพี่สูดเอากลิ่นหอมจากกลิ่นกายของจันเข้าปอดด้วยความรักใคร่ ดั่งถูกเยียวยาจนความเหนื่อยล้าหายไปจนหมดสิ้น
ไตรทศผละออกก่อนจะเอ่ยถาม “ออเจ้าอยากลองกินน้ำผึ้งรึไม่?”
“กินตอนนี้รึ?”
“กินตอนนี้แล น้ำผึ้งต้องกินตอนดึกๆ...ถึงจะหวาน” พูดจบก็ใช้มือเปิดลิ้นชักออก ภายในมีขวดน้ำผึ้งขวดเล็กที่ถูกแยกออกมาจากขวดใหญ่อีกที 
“ข้ามิรู้มาก่อนเลยว่าพี่ชอบกินของหวาน”
“ชอบ...พี่ชอบ” สายตาพร่างพราวมองสำรวจผู้ที่ยืนอยู่ข้างกายแต่เจ้าจันหารู้ไม่ว่าตนกำลังจะถูกกิน “ออเจ้ารู้วิธีกินน้ำผึ้งรึไม่?” จันส่ายหน้า
“...หากเช่นนั้นพี่จะสอน”

“พ-พี่ไตร...ข้าเหนียวตัว...” น้ำผึ้งเดือนห้าถูกราดลงบนแผ่นอกเนียนขาว ฝ่ามือหนาละเลงน้ำผึ้งไปทั่วยอดอกสีกุหลาบก่อนจะยิ้มมุมปากด้วยความเจ้าเล่ห์
เรียวลิ้นโฉบลงบนยอดอกสีสวยก่อนจะไล้เลียน้ำผึ้งที่ตนพึ่งราดลงไปเพื่อเรียกเสียงกระเส่าจากผู้ที่นอนเปลือยเปล่าอยู่ใต้ร่าง
ความหอมหวานแทรกซึมผ่านเรียวลิ้น เป็นรสหวานที่ชิมได้ตลอดทั้งวันทั้งคืนมิรู้เบื่อ
คนพี่ทั้งดูดทั้งเลียจนตามแผ่นอกขาวมีแต่รอยรักสีกุหลาบฝากไว้ทั่วบริเวณ จันส่งเสียงเครือครางน่าเอ็นดูอยู่ตลอดการกระทำอันจาบจ้วง
“อะ...อื้อ...” กายบางบิดเร้าเพื่อหนีจากคนเจ้าเล่ห์แต่ก็มิเป็นผล ไตรทศเลียจากยอดอกลงต่ำสู่หน้าท้องสวยก่อนจะจบลงที่แอ่งสะดือ
จันนอนหอบหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อคิดว่าการชิม ‘น้ำผึ้ง’ นั้นจบลงแล้ว แต่มิเป็นดั่งความคิดเพราะคนพี่ราดน้ำผึ้งลงบนกลางกายที่กำลังแข็งขืน
“ด-เดี๋ยว พี่จะทำอะไรรึ!?” จันถามด้วยความตกใจ หน้าตาตื่นตระหนกดั่งกระต่ายตื่นตูม
“พี่ก็จะชิม ‘น้ำผึ้ง’ อย่างไรเล่า” เมื่อพูดเสร็จสะโพกของจันจึงถูกยกลอยขึ้น ไตรทศนำหมอนมารองข้างใต้เพื่อให้สะดวกต่อการ ‘ชิม’
ลิ้นสากไล้เลียน้ำผึ้งตามแก่นกายที่เล็กกว่าของตน จันบิดเร้าไปมาด้วยความรู้สึกแปลกใหม่ที่มิเคยสัมผัสมาก่อน
“อ๊ะ!...พี่ไตร...อื้อ” พยายามสะกดกลั้นเสียงน่าอายไว้แต่ก็มิเป็นผลเมื่อความรู้สึกดีมีมากกว่าความกระดากอาย
ความรู้สึกดีตีตื้นจนจุกอก ยิ่งยามที่ถูกกระทำตรงส่วนปลายยิ่งทำให้เอวบางมิสามารถอยู่นิ่งได้
“แฮ่ก...ข้า...ข้ามิไหวแล้ว” ส่วนกลางกายถูกครอบครองด้วยปากของคนตัวโตกว่า สะโพกที่มิอยู่นิ่งทำให้ไตรทศต้องใช้มือจับเอาไว้เพื่อยึดให้อยู่กับที่
ในยามนี้จันพึ่งตะหนักได้ว่าไตรทศที่ตนคิดว่าอ่อนโยนนั้น
...มิอ่อนโยนเลย
“อ๊ะ..อ่าห์!” น้ำผึ้งสีขาวขุ่นพุ่งออกมาจากส่วนปลาย คนพี่ไล้เลียเก็บทุกหยดมิให้เปรอะเปื้อน เมื่อเห็นดั่งนั้นผู้ที่นอนอยู่ใต้ร่างจึงหน้าเห่อร้อนขึ้นมาในทันที
“หวาน...” พูดพร้อมทั้งเลียริมฝีปากในคราเดียวกัน ทำเอาคนน้องใจสั่นจนมิกล้าสบสายตาคม “เอ...ตรงนี้ก็มีน้ำผึ้งรึ”
ทำเสียงยียวนดั่งผู้ใสซื่อ สายตาคมมองไปที่ช่องทางสีหวานที่เปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำผึ้งสีอำพันที่ไหลเชื่อมลงมาจากกลางกายเล็ก จันเบิกตาโพลงเมื่อลิ้นสากจรดลงบนรอยจีบสวย
“พ-พี่ไตร! ตรงนั้นมิได้!” พยายามดันศีรษะออกแต่ก็มิเป็นผล ลิ้นร้อนเลียไปทุกส่วนจนคนที่นอนอยู่ใบหน้าเห่อร้อนดั่งถูกไฟสุม
“อ๊ะ...อื้อ ฮึก..” ลิ้นร้อนชำแรกผ่านรอยจีบบุกรุกเข้าสู่ภายในอ่อนนุ่ม ร่างเล็กบิดเร้าไปมาบนเตียงจนผ้าปูยับ นิ้วทั้งห้าขยุ้มลงบนกลุ่มผมสีดำขลับเพื่อระบายความกำหนัด
เมื่อเลียน้ำผึ้งรสหวานจนหมดจดไตรทศจึงฝากรอยรักไว้จนทั่วขาอ่อนด้านใน เป็นที่ที่มิมีผู้ใดสามารถมองเห็นได้แม้แต่ตัวของจันเอง ผู้เดียวที่มีสิทธิ์เห็นคือตนเท่านั้น
ไตรทศผละออกนั่งมองผลงานของตน ร่างเล็กนอนหอบตามขอบปากมีร่องรอยของน้ำลายสีใส นัยน์ตาคลอไปด้วยน้ำตา ตามแผ่นอกและเอวคอดมีแต่รอยรักสีกุหลาบ สายตาหวานเชื่อมถูกส่งมาให้ผู้ที่ศักดิ์สูงกว่า
“สวย...”
คำคำเดียวที่ออกมาจากปากคนเจ้าเล่ห์ จันหลุบตามองต่ำ กลางกายแข็งขืนของไตรทศทำเอาใจดวงน้อยไหวสั่น มันดูแดงก่ำจนน่ากลัวทั้งตรงส่วนปลายยังมีน้ำสีใสปริ่มออกมาจนหยดลงบนหน้าท้องของจัน
กายบางลุกขึ้นนั่ง ไตรทศจดจ้องคนตรงหน้าที่กำลังเอื้อมมือไปหาขวดน้ำผึ้ง
“ข้า...ข้าจะทำให้” คนตัวโตยิ้มกระหยิ่มเมื่อรู้ว่าเมียรักของตนจะทำการอันใด
ขวดน้ำผึ้งถูกเปิดออกก่อนน้ำผึ้งอำพันจะถูกราดลงบนส่วนปลายหยัก มันกระตุกรับจนจันหน้าเห่อร้อนเมื่อมองดู ความใหญ่โตทำให้จันนึกสงสัยว่ามันเข้ามาภายในกายของตนได้อย่างไร
น้ำลายอึกใหญ่ถูกกลืนลงคอ ตนอยากทำให้อีกฝ่ายก็จริงแต่กลับทำมิเป็น
ดั่งไตรทศอ่านใจของจันได้ คนพี่ยิ้มขำจนจันมุ่ยหน้าอย่างมิพอใจ
“ค่อยๆเลีย...” คนตัวโตออกปากสั่ง จันจึงทำตามอย่างว่าง่าย
ลิ้นนุ่มสัมผัสลงบนความแข็งขืน มันกระตุกรับเรียวลิ้นชื้นเมื่อถูกกระตุ้นตรงส่วนปลาย ใบหน้าไตรทศเหยเกเมื่อจันไล้เลียตั้งแต่โคนขึ้นมาจนจรดตรงส่วนสีแดงเข้ม
“อึก...ซี๊ด” เสียงเครือครางต่ำอย่างสุขสมทำให้คนที่กำลังปรนเปรอได้ใจ ละเลงเลียเก็บน้ำผึ้งทุกหยาดหยด
“จัน...” เสียงต่ำเรียกชื่อ กายบางชายตาขึ้นมองในขณะที่ลิ้นนุ่มแตะลงบนส่วนปลาย
ภาพตรงหน้าทำเอาไตรทศแทบจะปลดปล่อยแต่ก็จำต้องอดกลั้นไว้เพราะมิอยากให้เวลาอันสุขสมนี้สิ้นสุดลง
“อมเข้าไปสิออเจ้า...แต่ห้ามกัดหนา”
ริมฝีปากเล็กครอบเอากลางกายแข็งตึงเข้าไป ความอ่อนนุ่มภายในเรียกเสียงกระเส่าจากไตรทศได้อย่างมิหยุดหย่อน
สะโพกสอบขยับกระแทกสวนขึ้นเมื่อรู้สึกกำหนัดอย่างที่มิเคยเป็นมาก่อน กลิ่นของความเป็นชายทำให้จันหลงใหลไปกับแรงอารมณ์
รับเอาความใหญ่โตไว้แต่ก็มิสามารถครอบครองได้ทั้งหมดเพราะมันใหญ่เกินไปที่ปากเล็กจะสามารถครอบครองได้
“อื้อ...!” มือหนากดศีรษะของจันไว้เมื่อใกล้ถึงฝั่งฝัน กลางกายร้อนกระแทกกระทั้นจนจันเกือบสำลัก มินานนักก็รู้สึกอุ่นภายในปากเมื่อคนพี่ปลดปล่อย 
“แฮ่ก....” ของเหลวสีขาวขุ่นย้อยออกมาที่มุมปาก
“ออเจ้าอย่ากลื..”
“อึก” มิทันห้ามผู้ที่นั่งอยู่ตรงหว่างขาก็กลืนเอาสิ่งที่คนพี่พึ่งปลดปล่อยออกมาเข้าไป ไตรทศนิ่งอึ้งทำอะไรมิถูก “หวาน...”
ตึก ตัก
ใจคนอายุมากเต้นแรงขึ้นมาเพราะชายหนุ่มวัยกลัดมัน อ้อมแขนกว้างกอดรัดเอากายบางมาซบลงตรงอกอุ่นด้วยความเสน่หา กดจมูกลงบนกลุ่มผมหอมด้วยความเอ็นดู
“ฮื่อ...” จันส่งเสียงงอแงเมื่อถูกกระทำ “ข้ารักพี่ไตรหนา...”
คนอายุมากกว่ายิ้มออกมาอย่างสุขสม ผละออกหวังจะประกบปากจูบให้ริมฝีปากบางบวมช้ำอีกครา หากแต่ว่าคนในอ้อมกอดกลับหลับหนีตนไปเสียแล้ว
“โธ่เอ้ย...เจ้าจันของพี่” กดจูบลงบนแก้มใส ก่อนจะนำผ้ามาเช็ดทำความสะอาดให้เมียรักจนสะอาดสะอ้าน ทิ้งตัวนอนลงข้างๆพร้อมกับกอดกายบางจนหลับไป

“อึก...แหวะ...” ชายหนุ่มโก่งคออ้วกลงในกระโถนเมื่อได้กลิ่นสำรับอาหารที่ถูกยกมาให้ ไตรทศมองดูเมียด้วยความร้อนใจเพราะห่วงว่าเมียของตนจะเป็นอะไรไป 
“ออกไปรอข้างนอกก่อนนะขอรับ” หมอยาอาวุโสบอกไตรทศที่มิยอมห่างเมีย ใจจริงอยากอยู่ดูแลแต่เพราะขัดมิได้ไตรทศจึงต้องยอมออกมานอกห้อง
“เกิดอะไรขึ้นรึพ่อไตร” คุณหญิงนิ่มรีบมาดูด้วยความร้อนใจเพราะลูกชายให้ไอ้มิ่งไปตามตนแหละหมอยาอาวุโสผู้ซึ่งเป็นอาจารย์ของไตรทศมา
“จันอ้วกมิหยุดเลยขอรับคุณหญิงแม่”
“ตายแล้ว...แล้วน้องเป็นหนักมากรึไม่”
“อุ...แหวะ!” เสียงอ้วกจากภายในห้องทำเอาคุณหญิงรับรู้ได้ทันทีโดยที่ลูกชายมิต้องเอื้อนเอ่ย
“โธ่ลูกจันของแม่” คุณหญิงนิ่มหยิบพัดในมือขึ้นมาพัด สายตาสอดส่องเข้าไปภายในห้องด้วยความร้อนใจ
เมื่อหมอยาออกมาจึงเอ่ยปากซักถามทันที
“ลูกสะใภ้อิฉันเป็นอะไรรึหมอ?”
“อาการค่อนข้างน่าเป็นห่วงนะขอรับคุณหญิง”
“เมียกระผมเป็นอะไรรึขอรับ!?” เมื่อได้ฟังดังนั้นไตรทศจึงเกิดความร้อนใจ
“ท้องขอรับ”
“ตายแล้ว! ข่าวดีเสียจริง” คุณหญิงยิ้มออกมาด้วยความดีใจมิต่างจากไตรทศ
“แต่ท้องแรกอาจจะแพ้ท้องหนัก กระผมอยากให้ดูแลอย่างใกล้ชิดนะขอรับ”
ไตรทศพยักหน้ารับ จันอยากได้หรืออยากกินอะไรตนก็จักหามาให้ จะปรนนิบัติพัดวี มดมิให้ไต่ไรมิให้ตอม
“ออ...ผู้ไข้บอกว่ามิอยากอยู่ใกล้สามีสักระยะนะขอรับ”
“...”
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-12-2019 21:44:20 โดย ponpon1a »

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ว๊ายยยยยยย โดนลูกเล่นแล้วคุณพ่อ 55555555555555555555

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
จันท้องแล้ว

ออฟไลน์ ponpon1a

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
บทที่ ๒๑

   คงเป็นอย่างที่โบราณเขาว่าไว้ แรกๆรักกันจนน้ำต้มผักยังว่าหวาน หลังๆจืดจางจนน้ำตาลยังว่าขม
ไตรทศจ้องมองไปยังเมียรักที่นั่งกินมะม่วงและของหมักดองอยู่อีกฟากของเรือน ท่าทางคงจะอร่อยถูกปากคนท้องอย่างจัน สีหน้าท่าทางมีความสุขกว่าตอนที่อยู่กับตนเสียอีก..
ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ที่มิได้นอนด้วยกัน มิได้กอด มิได้หอม มิได้เข้าใกล้  ใจคนเป็นผัวแทบจะแตกสลายเมื่อเมียผลักไสให้ออกห่าง
ถูกลูกเล่นเสียแล้วเจ้าคุณพ่อ...
คุณหญิงนิ่มมาเยี่ยมลูกสะใภ้ทุกวันเมื่อมีเวลาว่าง บ้างก็เอายาบำรุงมาให้ต้มกิน บ้างก็เอาของเล่นมารอรับขวัญหลานที่ยังมิได้ลืมตามาดูโลก
ทุกคนบนเรือนดูมีความสุข มีญาติผู้ใหญ่มาเยี่ยมเยือนหลายคราจนนับมิถ้วนเพราะทุกคนต่างเอ็นดูเมียของไตรทศที่ช่างพูดช่างเจรจาทั้งยังเจื้อยแจ้วเก่ง
เสียงพูดและเสียงหัวร่อดังมาจนถึงตรงที่ไตรทศนั่ง เจ้าตัวส่งสายตาละห้อยมองเมียที่กำลังพูดคุยกับคุณหญิงนิ่มอย่างออกรส
อยู่ใกล้แค่เอื้อมแต่กลับมิสามารถแตะต้องเมียได้ทำเอาคนอายุมากเหงาหงอยมิน้อย ช่วงที่ต้องแยกห้องนอนมีพวกทาสแวะเวียนมายั่วยวนไตรทศหลายคราเพราะคงเข้าใจว่าไตรทศเหงาที่มิมีเมียให้กกกอด แต่พวกมันกลับประเมินไตรทศต่ำเกินไปจึงทำให้ถูกไล่ตะเพิดเสียทุกครั้งไป
คนพี่ลุกจากตั่งไม้เดินเข้าห้องตำราเพื่อหาหนังสือมาอ่านจะได้เลิกฟุ้งซ่าน จันแอบมองตามสามีของตนที่เดินหายเข้าไปในห้องตำรา ใจจริงอยากจะเข้าไปกอดเสียให้หายคิดถึงแต่พอได้กลิ่นตัวของพ่อเรือนแล้วยิ่งทำให้อาการแพ้ท้องหนัก
ท่านหมอยาบอกไว้ว่ามันคือผลกระทบของการตั้งครรภ์ในแม่เรือนที่ทำให้แม่เรือนปฏิเสธกลิ่นของพ่อเรือน อาจจะเป็นไปสักระยะแต่พอคุ้นชินว่านี้คือกลิ่นของ ‘ผัว’ อาการแพ้กลิ่นก็จักหายไปเอง
ใจหนึ่งก็แอบสงสารแต่อีกใจหนึ่งก็คิดว่าดีเหมือนกันจะได้ดัดนิสัยคนชอบตอแยเช่นไตรทศ จะนอนก็ชอบตอแยด้วยการเอาแขนมาพาดบนตัว ตอนอาบน้ำก็ชอบมาจับนู้นจับนี่ ตอนนั่งกินขนมก็ชอบเอามือมาบีบแก้มจนต้องเอ่ยดุ
แต่รวมๆแล้วไตรทศนั้นก็ถือว่าเป็นสามีที่ดีและรักจันมากจนเกินนับคนาจนที่กล่าวมานั้นมิใช่ข้อเสียแต่กลับเป็นข้อดีเสียได้
“ออเจ้ายิ้มกระไรรึ?” คุณหญิงนิ่มเอ่ยถามเจ้าตัวแสบที่แอบลอบยิ้ม
“มิมีอันใดขอรับคุณหญิงแม่”

ดวงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า ความมืดมิดกลืนกินทั่วทั้งบริเวณ มีเพียงแสงจากคบเพลิงและเทียนที่สว่างจ้าอยู่บนเรือนเล็ก
 จันนั่งอ่านหนังสืออยู่บนตั่งฝั่งตะวันตกส่วนไตรทศนั่งวาดรูปด้วยหมึกจีนอยู่ฝั่งตะวันออก ห่างกันอยู่หลายวา
“ไอ้มิ่ง”
“ขอรับคุณท่าน”
“เอ็งเอาจดหมายนี่ไปส่งให้ชายผู้นั้นทีสิวะ”
จันหูผึ่งเมื่อได้ยินไตรทศกล่าวถึงผู้อื่น มือที่กำลังเปิดหน้าตำราชะงักเพื่อฟัง
“ขอรับ” ไอ้มิ่งรับคำก่อนจะยิ้มขำ เดินไปทางจันที่นั่งทำหน้าบึ้งเพราะคิดไปว่าสามีพูดถึงผู้อื่น
“มีอะไรมิ่ง”
“คุณท่านฝากให้เอามาให้ขอรับ” จันมองกระดาษที่ถูกส่งให้อย่างมิเข้าใจเท่าใดนัก เงยหน้าขึ้นมองไตรทศที่กำลังนั่งจิบชาเจ้าตัวก็ดันมิยอมมองมามัวแต่เสมองไปทางอื่น
มือเรียวเปิดเพื่อดูเนื้อหาภายในกระดาษสีน้ำตาลอ่อน

‘คืนนี้พระจันทร์สวยเหมือนเดิมเลยหนา’

เจ้าตัวแสบยิ้มเพราะรู้สึกเหมือนว่าตนกำลังถูกอีกฝ่ายเกี้ยวพา
เมื่ออ่านแล้วจันจึงหยิบปากกาขนนกจุ่มหมึกและเขียนตอบลงบนกระดาษใบเดิม

‘ดาวก็สวยมิแพ้พระจันทร์มิใช่รึ?’

“มิ่ง เอาไปส่งให้ชายแก่ผู้นั้นที” คำเรียกทำเอาไตรทศ ทำหน้ามิพอใจและหันหน้าหนีเหมือนกำลังงอน จันยิ้มขำกับท่าทางเด็กน้อยของสามีตนที่อายุเข้าเลขสาม
ไอ้มิ่งรับกระดาษจากจันและนำไปส่งให้ไตรทศ คุณอายุมากที่ทำท่าทีว่างอนรีบเปลี่ยนสีหน้าและรับกระดาษมาเพื่อเปิดอ่าน รอยยิ้มบางเปื้อนบนใบหน้าคมเข้ม
นำปากกาขนนกเขียนตอบอีกครั้ง ไอ้มิ่งมองอย่างอ่อนใจเพราะมันเริ่มเหนื่อยกับการเดินไปมา

‘ต่อให้ดวงดารานับล้านดวงจะสว่างและสวยเพียงใด พระจันทร์ก็ยังคงเป็นสิ่งที่สว่างในใจพี่มากที่สุด’

ข้อความในกระดาษทำเอาจันยิ้มมิหุบ ไตรทศลอบมองอาการภริยาของตนจนเผลอยิ้มตาม จันมองคนพี่ก่อนคิดในใจ
โถ...เอ็นดูคนแก่กว่านี่บาปไหมหนอ
จันสบตาไตรทศ ทั้งสองพยักหน้าพร้อมกันเป็นเชิงว่าควรหยุดการส่งจดหมายไปมาเพราะไอ้มิ่งทำหน้าเหมือนหมาหอบเต็มที
“ครั้งสุดท้ายแล้วมิ่ง” จันเอ่ยบอกพร้อมกับยื่นกระดาษให้
“ขอรับ”
เมื่อมิ่งรับกระดาษไปจันจึงลุกขึ้นเพื่อเดินเข้าห้องนอนและเตรียมพักผ่อนเพราะการมีอีกหนึ่งชีวิตในร่างทำให้จันต้องดูแลตัวเองให้ดี

‘ฝันดีจ้ะพี่ไตรของน้องจัน’

ข้อความสุดท้ายที่ทำเอาคนอายุมากเสียอาการ ไตรทศอยากบุกเข้าห้องเมียแล้วฟัดให้เนื้อตัวช้ำจนหนำใจแต่ก็ต้องอดใจเอาไว้ก่อน

๕เดือนผ่านไป
ท้องของจันโตขึ้นจนสังเกตได้ ในยามนี้จันได้เลิกแพ้กลิ่นของไตรทศแล้วทำให้ไตรทศสามารถกอดจูบเมียของตนจนหนำใจอย่างที่คิดไว้ได้
“ฮื่อ...พี่ไตรพอก่อน แก้มข้าช้ำหมดแล้ว” จันส่งเสียงงอแงเพราะตั้งแต่ตนเลิกแพ้กลิ่นไตรทศก็ชอบเข้ามาตอแยมิหยุดจนมิเป็นอันทำอะไร
“พี่คิดถึงออเจ้า อยากนอนกกทั้งวันเลย”
“วันนี้ต้องไปทำงานมิใช่หรือจ้ะท่านหมื่น” หลังจากทำงานมานานไตรทศก็ได้อวยยศจนมียศเป็นหมื่นไตรทศแล้ว
ชายหนุ่มใช้มือจับใบหน้าของสามีใหญ่หยุดนิ่งก่อนจะประกบจูบลงบนริมฝีปากอีกฝ่าย ไตรทศชะงักไปเพราะตนมิเคยถูกจันกระทำมาก่อน
“ตั้งใจทำงานนะจ้ะ รีบกลับมานะข้ากับลูกจะรอ”
“พี่มิอยากไปแล้ว...” พอเจอลูกอ้อนของเมียเข้าไปก็ทำเอาใจคนพี่อ่อนยวบ
“โธ่...พี่ไตร...” ร่างบางที่ท้องเริ่มโตโผกอดสามีของตน ตนเองก็มิอยากให้ไตรทศไปไหนไกลนัก หลังจากเลิกแพ้กลิ่นก็ดูเหมือนว่าจะเปลี่ยนมาเป็นติดกลิ่นของไตรทศแทน
“พ่อไปก่อนหนาเจ้าตัวเล็ก ตอนพ่อไม่อยู่ต้องดูแลแม่ เข้าใจรึไม่?” ไตรทศก้มลงพูดกับลูกในท้องก่อนจะกดจูบลงบนหน้าท้องนุ่มนิ่ม จันยิ้มขำกับท่าทางของคนเห่อลูก
คนพี่ลุกขึ้นยืน ส่งมือใหญ่ลูบหัวเมียตัวเองอีกครั้งก่อนจะเดินออกจากห้องไป
หลังจากไตรทศไปทำงานได้มินานจันจึงหันไปพับผ้าเพื่อเก็บใส่หีบ ตนเป็นเมียถึงจะท้องอยู่แต่งานบ้านงานเรือนก็มิควรขาด
ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูเรียกความสนใจของจันจากกองผ้า
“เข้ามาเลย” ประตูถูกเปิดออก ตามด้วยไอ้มิ่งที่เดินเข้ามา
“คุณพิกุล ไอ้มั่นและนางบุหงมาหาขอรับ” พอได้ยินชื่อของผู้ที่มิเจอเสียนานจันก็ดีใจใหญ่เพราะตนจะได้มีเพื่อนคุย

“พี่จันจ๋า!” เมื่อเจอหน้าบุหงาก็เข้ามากอดทันทีด้วยความคิดถึง เมื่อกอดคนพี่หงาจึงสังเกตได้ถึงท้องของจันที่เริ่มโต “พี่จันท้องจริงรึ?”
“จริง”
“ฮืออ...พี่จันของบุหงา”
“พอเลยๆ อย่ามาร้องห่มร้องไห้ใส่เพื่อนข้า” จันยิ้มก่อนจะลูบหัวของบุหงาเพื่อปลอบประโลม
“สบายดีหรือจ้ะแม่พิกุล”
“สบายดีจ้ะพี่จัน” แม่หญิงยิ้มตอบ ฝั่งแม่พิกุลเองก็ได้ตบแต่งกับขุนเดชดำรงแล้วจึงทำให้ได้มาอาศัยอยู่ที่เรือนรองซึ่งเป็นเรือนหอของคนทั้งสอง
“ข้าเอาของเล่นมาไว้รับขวัญหลาน” มั่นพูดพร้อมกับยกของเล่นในมือให้เพื่อนรักดู
“เห่อหลานเสียจริงนะเอ็ง”
“เออสิวะ ใครจะมิเห่อ” จันขำกับท่าทีของเพื่อนตน
“ส่วนอิฉันเอาขนมหวานมาฝากเจ้าค่ะ” แม่พิกุลยกตะกร้าหวายให้จันจึงรับมาพร้อมกับเปิดดูขนมภายในตะกร้า มีทั้งทองหยิบ ทองหยอดและขนมช่อม่วงที่จันชอบ
“ขอบใจทั้งสองมากนะ” จันยิ้มให้ “แล้วเอ็งเล่าบุหงา มิมีกระไรกับเขาบ้างรึ”
“มีจ้ะ”
บุหงาเช็ดน้ำตาป้อยๆจนจันนึกเอ็นดู หญิงสาวหยิบเอากำไลข้อเท้าสองคู่ออกมาจากกระเป๋า ถึงแม้บุหงาจะเป็นสาวชาวบ้านแต่ว่าพ่อของนางนั้นก็ทำอาชีพค้าขายเลยพอมีเงินอยู่มากโข
“มันมิแพงรึบุหงา พี่รับไว้มิได้ดอก”
“รับไว้เถอะจ้ะพี่ ข้ายินดีที่จะให้” บุหงาอมยิ้ม “ถ้าลูกพี่ออกมาเป็นผู้ชาย...บุหงาจองนะจ้ะ”
“หยุดเลยนางบุหงา”
“โอ๊ยพี่มั่น!” มั่นหมั่นไส้จึงหยิกแขนบุหงาไปหนึ่งที จันรู้ดีว่าบุหงานั้นพูดเล่นมีแต่ไอ้มั่นกระมังที่นึกว่าพูดจริง
“แล้วเหตุใดจึงให้พี่มาสองคู่เล่า” จันเอ่ยถาม
“ก็เผื่อพี่ได้ลูกแฝดไงจ้ะ” หญิงสาวยิ้มแป้นมิต่างจากแม่พิกุลที่นั่งฟัง
“ข้าขอบน้ำใจทุกคนมากหนา มีมิตรดีเช่นนี้ชีวิตข้าถือว่าสมบูรณ์แล้ว”
“โถ...พี่จัน”
บุหงาโผกอดจันตามด้วยไอ้มั่นที่เหมือนจะทำเนียนกอดบุหงาเสียมากกว่า จันปรายตามองแม่พิกุลเล็กน้อยแม่หญิงจึงเอากับเขาด้วย ปรากฏเป็นภาพเรียกรอยยิ้มจากพวกทาสบนเรือนเล็ก
   สนทนากันจนล่วงเลยไปจนถึงเพลาโพล้เพล้
ทั้งสามคนกลับไปแล้วจันจึงเดินไปที่ครัวเพื่อดูว่าพวกทาสจะทำอะไรให้กินในวันนี้
   “ทำกระไรหรือจ้ะป้าอิ่ม”
“ทำแกงส้มเจ้าค่ะคุณจัน”
“หืมม กลิ่นหอมเชียว”
“นั่งพักก่อนจะเจ้าคะ เดี๋ยวเป็นลมเป็นแล้ง”
“จ้ะ” จันยิ้มให้ป้าอิ่มก่อนจะนั่งลงเพื่อมองดูอยู่มิไกล
พอท้องความอยากอาหารจึงเริ่มมากทำให้ช่วงนี้จันกินเยอะมากกว่าปกติจนเริ่มมีแก้มย้วยให้ไตรทศได้บีบเล่น หลายคราที่ต้องห้ามปรามเมื่อไตรทศดึงเล่นมิหยุด
“เสร็จแล้วเจ้าค่ะ เดี๋ยวอิ่มยกไปไว้ในห้องให้นะเจ้าคะ”
“มิเป็นไรดอกป้า ข้ากินตรงนี้ก็ได้” นางอิ่มอายุอานามก็มากแล้วหากให้ยกไปให้คงจะเหนื่อยเสียเปล่า
“ว้าย มิได้เจ้าค่ะ! เป็นนายมานั่งกินกับบ่าวมันจะดูมิงามนะเจ้าคะ”
“เราก็คนเหมือนกันมิใช่รึ ข้ามิถือดอก”
“แต่...”
“ป้าอิ่ม” จันกดเสียงต่ำลงเป็นเชิงดุ
“ก-ก็ได้เจ้าค่ะ” นางอิ่มวางสำรับลงบนแคร่ไม้ไผ่ให้จันนั่งกิน ส่วนพวกทาสนั่งอยู่ข้างล่าง
เพราะจันมิถือตัวทั้งยังรักใคร่พวกทาสเช่นนี้จึงทำให้พวกทาสพากันรักและพร้อมที่จะดูแลจันทุกเมื่อ
พอกินเสร็จก็พากันนั่งคุยกันเจื้อยแจ้ว เสียงหัวเราะดังไปทั่วบริเวณ ไตรทศที่เลิกงานกลับมาเจอเมียตนกำลังนั่งหัวเราะอยู่กับพวกทาสที่นั่งอยู่ข้างล่างแคร่
จันดูชอบใจกับคำพูดของนางอิ่มและพวกนางทาสภายในเรือน ชายหนุ่มหัวเราะเสียงดังจนบางทีคนเป็นผัวก็กลับว่าเมียจะหงายหลังตกแคร่
ไตรทศลอบมองอยู่นานแต่ก็มิมีผู้ใดสังเกตเห็น เจ้าของเรือนอมยิ้มเพราะเอ็นดูเมียเด็ก จนในที่สุดนางหวานจึงสังเกตเห็นนายของตนที่ยืนอยู่มิไกล
“อะ...เอ่อ คุณท่านกลับมาแล้วเจ้าค่ะ”
“พี่ไตร!” จันส่งยิ้มให้ไตรทศที่กำลังเดินเข้ามาหา พวกทาสพากันหลบทางเสียจนมิทัน
“มาอยู่นี่เองหรือแม่ตัวดี” สรรพนามเรียกทำเอาพวกนางทาสพากันอมยิ้ม “พี่ก็ตามหาเสียจนทั่ว คิดว่าไปดื้ออยู่ที่ใดเสียอีก”
“อย่าพูดเหมือนกับว่าข้าเป็นเด็กสิจ้ะ” จันทำหน้าบึ้งตึง
“ก็เด็กจริง”
“โธ่...” จันก้มหน้างุดเพราะเถียงมิได้
“ข้าขอพาตัวเมียข้าไปพักก่อนแล้วกัน” ไตรทศเอ่ยบอกพวกทาสที่นั่งก้มหน้าเพราะมิกล้ามอง การสอดรู้เรื่องเจ้านายมิใช่เรื่องดี
“เจ้าค่ะ” พวกนางทาสผงกหัวรับคำ
ไตรทศอุ้มจันขึ้นด้วยสองแขน ชายหนุ่มตกใจจนต้องรีบกอดคอคนพี่ไว้เพระมิได้คิดล่วงหน้าว่าไตรทศจักอุ้มตนเช่นนี้
“พี่ไตร...มิหนักรึ?” เอาแขนคล้องคอไว้พร้อมกับเอ่ยถาม
“เมียพี่ตัวแค่นี้จะไปหนักได้เยี่ยงไร”
“ฮื่ออ..” ทั้งเขินทั้งอายพวกทาสในคราเดียวกันจนต้องก้มหน้าซุกอกแกร่ง จันสังเกตเห็นว่าพวกป้าอิ่มพากันนั่งยิ้ม คราวหน้าคงมิวายถูกพวกป้าๆเอ่ยแซวเป็นแน่
ไตรทศอมยิ้มก่อนจะพาเมียรักเดินออกมาจากครัว พาเข้าห้องนอนที่เป็นที่ที่ทั้งสองนอนกอดกันทุกค่ำคืน
“พี่ไตรกินอะไรหรือยังจ้ะ” จันเอ่ยถามในตอนที่ไตรทศวางตนลงบนเตียง   
“พี่กินมาแล้ว”
“แม่พิกุลเอาขนมมาฝากจ้ะ” ไตรทศเปิดผ้าที่ปิดตะกร้าหวายไว้ออก “คือ...ความจริงมันเยอะกว่านี้แต่ข้า...” คนพี่เลิกคิ้วมอง
“ข้ากินไปหน่อยนึงแล้ว...แหะๆ” ขนมภายในตะกร้าเหลืออย่างละสามชิ้น คงมิหน่อยแล้วกระมั้ง
ไตรทศยิ้มขำเพราะเอ็นดูเมียเด็ก ตนจะมิโกรธเลยถ้าจันกินหมดแต่นี่กลับเหลือไว้ให้ตนกินด้วย...เมียใครน่ารักเสียจริง
“ออเจ้าอยากอาบน้ำรึไม่?”
“อาบเลยก็ได้จ้ะ” ไตรทศพยักหน้าก่อนจะหันไปหาเสื้อผ้าในหีบให้จัน
จันมองแผ่นหลังของผู้เป็นสามีก่อนจะยิ้มออกมาบางๆ ในใจรู้สึกโชคดีที่ได้ไตรทศมาเป็นคู่ครอง เพราะที่ผ่านมาไตรทศคอยดูแลเอาใจใส่ตลอด อยากกินอะไรก็หาให้ ยามมิสบายตัวก็นวดให้มิเคยบ่นสักครา
“ไปเถิด” มือข้างขวาถือเสื้อผ้า ข้างซ้ายคอยประคองเมียรัก
ห้องอาบน้ำที่ทำไว้บนเรือนยังคงอยู่ที่เดิมเพราะมิอยากให้จันเดินลงไปไหนไกล
ฉากกั้นสีขาวถูกเปิดออก ภายในคืออ่างไม้ขนาดใหญ่ที่บรรจุน้ำอุ่นที่พวกทาสเตรียมไว้ให้อาบ ไตรทศเอื้อมมือไปปิดผ้าสีขาวเพื่อบดบังสายตาของผู้อื่น ถึงแม้จะห้ามเข้าใกล้บริเวณนี้แต่ก็อาจจะมีคนหลงเข้ามาได้
จันเปลื้องผ้าของตัวเองออก ถึงจะกระดากอายไปบ้างแต่ก็เริ่มชินกับการอาบน้ำพร้อมกับไตรทศบ้างแล้ว
คนเจ้าเล่ห์ยืนมองเมียที่ร่างกายไร้อาภรณ์ด้วยสายตาแพรวพราวจนจันต้องหันหนี คนพี่ขำกับท่าทีของจัน
มือใหญ่เลื่อนไปปลดเสื้อและโจงกระเบนของตนออก หน้าท้องเป็นลอนสวยยามต้องกับแสงจันทร์ก็ยิ่งสวย ทำเอาใจดวงน้อยของจันไหวสั่นเมื่อได้เห็น
คนพี่ส่งมือให้จันจับก่อนจะพากันลงไปในอ่างไม้ ปลายเท้าสัมผัสได้ถึงความอุ่นของน้ำ ไตรทศนั่งลงก่อนตามด้วยจันที่นั่งลงบนตักแกร่งอีกที
“น้ำอุ่นดีรึไม่?”
“จ้ะ”
จันพยักหน้าเล็กน้อย ความอุ่นทำให้ผิวขาวนวลขึ้นสีระเรื่อ ไตรทศวักน้ำขึ้นมาก่อนจะลูบไล้ไปบนขาของเมียรัก แผ่นหลังที่ซบลงบนอกแกร่งสัมผัสได้ถึงความอุ่นที่แผ่ซ่าน
มือซุกซนลูบลงบนแผ่นอกก่อนจะสะกิดลงบนยอดอกสีสวยเป็นการหยอกล้อ
“อ่ะ!...พี่ไตร!” จันหันไปดุคนพี่ที่ทำหน้านิ่งและมิสนใจต่อคำดุซ้ำยังออกแรงมากขึ้นจนกายบางบิดเร้า
“อื้อ...ย-อย่าแกล้งข้า”
“ปากห้ามแต่แอ่นอกสู้งั้นรึ?” ไตรทศยิ้มขำกับอาการของจันที่นั่งมินิ่ง ยอดอกสีสวยแข็งชูชันรับกับลมหนาวที่ผัดผ่านเข้ามา
มือหนาเปลี่ยนเป้าหมายจากยอดอกมาเป็นส่วนแก่นกายเล็กที่ตั้งชัน สัมผัสด้วยความเบามือพร้อมกับรูดขึ้นลงเพื่อแกล้งคนบนตัก
“อ๊ะ...อื้อ...” เมื่อถูกกระทำสะโพกจึงมิอาจอยู่นิ่งได้ แก่นกายสีสวยกระตุกรับมือหนาด้วยความสุขสม
กายบางถูกเปลี่ยนท่าให้นั่งหันหน้าเข้าหาคนพี่ ทำให้ส่วนกลางกายอยู่ตรงอกไตรทศพอดี ส่วนยอดอกก็ถูกไล้เลียด้วยลิ้นร้อน 
มือข้างซ้ายประคองเอว ข้างขวารูดรั้งแก่นกายอ่อนไหว ส่วนลิ้นร้อนลากไล้ลงบนยอดอกสีสวย การกระทำพร้อมกับทั้งบนล่างเรียกเสียงกระเส่าจากจันได้มิมากก็น้อย
“อ๊ะ...อ๊า...” มินานน้ำหวานสีขาวขุ่นก็ถูกปลดปล่อยออกมาจนเปื้อนบนอกคนใต้ร่าง จันก้มหน้าซุกลงบนบ่าแกร่งพร้อมกับหอบหายใจ
คนพี่จูบลงบนขมับเพื่อปลอบประโลม หลังจากนั้นจึงพากันอาบน้ำต่อจนเสร็จ
พอถึงห้องจันก็เอาแต่นั่งหันหลังให้มิยอมพูดคุย เหตุคงเพราะกระดากอายกับการกระทำเมื่อครู่
“งอนพี่หรือออเจ้า” เมื่อนั่งลงข้างๆไตรทศจึงเอ่ยถาม
“...”
“โธ่ พี่ขอโทษหนา ก็เมียพี่น่ารักพี่จึงอดแกล้งมิได้”
“...” จันยังคงนั่งนิ่งมิยอมสนทนาด้วย
“วันพรุ่งพี่ว่าจะพาไปตลาดใหญ่เสียหน่อย หากมิพูดกับพี่เช่นนี้คงมิได้ไปเป็นแน่” ไตรทศรู้ดีว่าต้องล่อเมียขี้งอนของตนอย่างไร เมื่อได้ยินว่าตนจะได้ไปเที่ยวคนขี้งอนก็ถึงกับหูผึ่ง เพราะจันเริ่มเบื่อกับการอยู่แต่กับเรือนเต็มที
“ไป ข้าไป”
“หากเช่นนั้นออเจ้าหันมาคุยกับพี่หน่อยมิได้รึ?”
พูดจบกายบางก็นั่งหันมาทางไตรทศอย่างว่าง่าย คนเป็นสามียิ้มก่อนจะจูบลงบนหน้าผากมนด้วยความรักใคร่ 
“เหอะ คนเจ้าเล่ห์”
“รอคลอดก่อนเถิดออเจ้าจะรู้ว่าพี่เจ้าเล่ห์ได้มากกว่านี้เสียอีก”
สายตาคมที่มองมาทำให้จันรู้ว่าที่ตนได้ยินมิใช่คำขู่...

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-12-2019 21:45:21 โดย ponpon1a »

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด