พิมพ์หน้านี้ - Boy's Story ให้รักนำทางใจ ( พิเศษ ) ๒๔ มกราคม ๒๕๕๕ หน้า ๓๔

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: eiky ที่ 10-03-2010 10:43:47

หัวข้อ: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ( พิเศษ ) ๒๔ มกราคม ๒๕๕๕ หน้า ๓๔
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 10-03-2010 10:43:47
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2. ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

5. ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้ แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยาย ในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน


เวปไซต์แห่งนี้เป็น เวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0





 :monkeysad: :monkeysad:



                                       ตอนแรก

ผมตัดสินใจอยู่นานกว่าจะกดกริ่งประตูไม้สีน้ำตาลเกือบดำสนิทนี้ บ้านเลขที่ก็หล่นหายไปตัวเลขหนึ่ง เพราะมีแค่เลขต้นกับเลขท้าย ส่วนตรงกลางหล่นหายไปแล้วเหลือเพียงร่องรอยให้เดาว่าเป็นเลขอะไร ผมมาที่นี่เพื่อสอนพิเศษวิชาภาษาอังกฤษ ให้กับเด็กนักเรียนมัธยมห้า ที่ผมรับสอนพิเศษด้วยแม่ของผมกับแม่ของเด็กคนนี้สอนอยู่โรงเรียนเดียวกัน แม่จึงเสนอความช่วยเหลือ ผมเองเรียนอยู่มหาวิทยาลัยปีสุดท้าย เหลือเล่มสุดท้ายก็จบแล้ว ความจริงผมไม่มีงานค้าง ฝึกงานก็เสร็จแล้ว รอแค่รับใบปริญญาบัตรอย่างเดียว เพราะวิชาที่เหลือ โครงงานก็ทำไว้ก่อนแล้ว เหลือแค่ส่ง ผมจึงไม่ค่อยห่วงเท่าไหร่ วันปกติถ้าไม่มีเรียนผมก็ไปทำงานที่บริษัทรับตกแต่งภายในของพี่สาวของพล พลคือเพื่อนสนิทของผม อีกคนหนึ่งคือจ๋า ผมกับจ๋าเรียนมัธยมมาด้วยกัน จนเข้ามหาวิทยาลัย ส่วนพลมาสนิทกันเรียนอยู่ปีหนึ่งเทอมสอง เพราะเทอมแรกมัวแต่เขม่นกันอยู่ ที่จริงผมเรียน มนุษยศาสตร์เอกภาษาอังกฤษ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมพี่สาวพลรับเข้าทำงาน คงเป็นเพราะผมเป็นเพื่อนของพล ส่วนหน้าที่ในบริษัทก็จัดเอกสาร ตรวจสัญญาภาษาอังกฤษ เตรียมแผนงานเสนอลูกค้า สรุปคือถ้าทำอะไรได้ก็ทำไป

ผมอยู่กับแม่สองคน แม่ผมชื่ออรอนงค์ แม่เป็นครูสอนภาษาไทยอยู่โรงเรียนประถมแถวพระโขนง ส่วนผมชื่อ ยศภาค หรือ โย พ่อผมเสียไปตั้งแต่ผมเรียนอยู่ประถมต้น จำได้ว่าพ่อเสียเพราะโดนยิง พ่อผมเป็นนายทหารชั้นสัญญาบัตร ยศชั้นตรีที่เพิ่งได้ตำแหน่งมา พ่อผมเสียชีวิตในเขตชายแดนภาคใต้ ตอนนั้นรู้สึกว่าเสียใจมากร้องไห้กับแม่สองคน แต่ที่จริงผมเพิ่งรู้ว่าวันนั้นไม่ใช่วันที่ผมเสียใจที่สุด เพราะแต่ละวันกับการใช้ชีวิตอยู่แบบไม่มีพ่อมันแสนจะปวดร้าวเสียใจ จนความเสียใจนั้นมันรางเลือนไปตามกาลเวลา แม่เองก็เสียใจมาก แต่ผมไม่เคยเห็นแม่ร้องไห้ตอนที่ไม่มีพ่ออยู่ เว้นจากวันที่เรารู้ข่าว กับวันที่รับศพพ่อมาทำพิธีทางพุทธศาสนา แค่นั้นจริงๆที่ผมเห็นแม่ร้องไห้ แต่แม่เองก็จะเว้นจากการพูดถึงพ่อ ผมก็เข้าใจแม่คงจะยังเสียใจอยู่มาก แต่ผมก็นับถือความอดทนของแม่มากเพราะแม่เองไม่เคยแสดงความอ่อนแอออกมาให้ผมเห็นสักครั้ง แม่เป็นทั้งพ่อและแม่ และคอยบอกผมอยู่เสมอว่า

 “ถึงแม้เราจะไม่มีพ่อ ก็ใช่ว่าเราจะทำตัวเหมือนไม่มีใครเคยอบรมสั่งสอน”

แม่คอยสั่งสอนในสิ่งที่ถูกพร้อมทั้งชี้ให้เห็นความแตกต่างของสิ่งที่ไม่ควรทำและสิ่งที่ควรทำ ผมภูมิใจในตัวแม่มาก ถึงแม้ผมจะไม่ได้ดีเด่อะไร แต่ผมก็มั่นใจว่าผมเป็นคนดี ถึงแม้จะจำหน้าพ่อได้รางเลือนแต่ผมก็รักพ่อมาก เท่าที่จำได้พ่อมักให้ผมซ้อนจักรยานแล้วปั่นออกไปรอบหมู่บ้านตอนเย็นๆ เสื้อผ้าทหารยังมีอยู่เต็มตู้ มันไม่เคยเก่าไปเลย เพราะแม่เก็บมาซักรีดอยู่เป็นประจำ แม่บอกว่าเวลาแม่คิดถึงพ่อก็เอาเสื้อผ้าของพ่อนี่ล่ะออกมาซัก เพราะแม่รู้ว่าพ่ออยู่กับเราตลอดเวลา พ่อคอยจ้องมองเราอยู่ คอยให้กำลังใจคอยเป็นแสงนำทางให้แม่และผมทำในสิ่งที่ดีนั่นล่ะครับ

 ผมใช้ชีวิตวัยรุ่นไม่หวือหวาอะไรนัก ส่วนมากก็ใช้เวลาอยู่กับแม่ ช่วยแม่ทำงานบ้านทุกอย่างตั้งแต่เด็กจนชิน จะออกไปเที่ยวบ้างก็เป็นวันพิเศษจริงๆ อย่างวันเกิดของจ๋า หรือไม่ก็พล เพื่อนทั้งสองก็เข้าใจจนพักหลัง บ้านผมเองกลายเป็นที่รวมตัวของบรรดาเพื่อนๆ

ผมสูดลมหายใจเข้าอีกครั้งเพื่อเรียกความมั่นใจ ก่อนที่จะมีคนมาเปิดประตู ผมกดกริ่งไปนานพอสมควรจนจากประหม่าจนเริ่มจะสงสัย เสียงประตูบ้านเปิดออก มีเด็กชายตัวเล็กยืนมองหน้าผมอยู่

“มาหาใครครับ”

 เขาถามพลางเอาตัวออกมาจากประตูครึ่งตัว

“เอ่อ คือพี่มาสอนพิเศษ ที่นี่คือบ้านอาจารย์ปริศนาใช่ไหมครับ”

 ผมไม่เข้าใจว่าทำไมผมต้องพูดสุภาพขนาดนี้กับเด็กตัวกระเปี๊ยกที่ยืนอยู่ตรงหน้า

 “อ้อ ครับ เชิญครับ พี่โยใช่ไหม”

เขาเปิดประตูกว้างขึ้น เพื่อให้ผมเข้าไปในบ้านแล้วยกมือไหว้ผม เออเด็กคนนี้มันน่ารักดีนะ

 “ครับ เราล่ะ ชื่ออะไรครับ”

 “ผมชื่อโอ ครับ พี่ไม่ได้มาสอนผมหรอกนะ แต่มาสอนพี่เอ”  “อ้อครับ”

เขาปิดประตูบ้านหลังจากที่ผมเข้าไปในบริเวณบ้านแล้ว ขวามือเป็นที่จอดรถ ซ้ายมือเป็นผนังกำแพงซึ่งติดกับบ้านหลังอื่น ทาง เข้าบ้านมีชั้นรองเท้าที่มีรองเท้าอยู่หลายคู่วางระเกะระกะล้นออกมาจากชั้น ประตูไม้บานใหญ่ดูแข็งแรงเปิดทิ้งไว้ ผมได้ยินเสียงของอาจารย์ปริศนาดังแว่วออกมา โอวิ่งเข้าไปในบ้านก่อน ผมก็ยืนลังเลอยู่แล้วจึงถอดรองเท้าเดินตามเข้าไป

“แม่ๆ ครูสอนพี่เอมาแล้ว”

 โอวิ่งไปเกาะแขนแม่ที่กำลังง่วนอยู่กับการจับนั่นจับนี่ ความจริงผมคุ้นหน้ากับอาจารย์ปริศนาเป็นอย่างดี เพราะเคยไปรับแม่ที่โรงเรียนบ่อยๆ เคยคุยกันบ้างแต่ก็ไม่มาก บางทีอาจารย์ปริศนาเองก็เคยมาที่บ้านมานั่งคุยกับแม่ ผมยกมือไหว้อาจารย์ปริศนา

“อ้าวโย มาแล้วเหรอลูก มาๆ นั่งก่อน”

 อาจารย์ปริศนารับไหว้พลางเดินไปนั่งที่โซฟา ผมเดินค้อมตัวไปนั่งตรงข้าม โอนั่งลงข้างๆแม่ของเขา

“ตาโอ ไปตามพี่มาหน่อยซิ นี่คงจะเล่นเกมอยู่แน่ๆ”

อาจารย์ปริศนาหันหน้าไปทางลูกชายคนเล็ก แล้วบุ้ยปากไปข้างบนบ้าน ดูเหมือนโอจะไม่ค่อยพอใจแต่ก็ยอมไปแต่โดยดี

“วันนี้ แม่ว่าจะพาตาโอไปเรียนว่ายน้ำเดี๋ยวโย อยู่สอนน้องที่บ้านนะลูก แม่คงกลับสักสี่โมง เดี๋ยวกลับมาทำกับข้าวให้กิน เด็กเดี๋ยวนี้สอนยาก แม่ล่ะเหนื่อย ลูกตัวเองก็จะทำลมจับอยู่แล้วต้องสอนลูกคนอื่นอีก โอยนั่นยิ่งลิงทโมน อรเขาไม่บ่นให้ฟังบ้างเหรอลูก”

“ก็นิดหน่อยครับ แต่แม่ชอบสอนเด็กๆ เลยไม่ค่อยบ่นเท่าไหร่” ผมยกย่องแม่

 “เห็นแม่บอกว่าตอนอาจารย์อยู่ที่โรงเรียนเด็กก็รักมากนี่ครับ เพราะใจดี” ผมรีบหักล้างคำพูดของตัวเองเพราะกลัวแกน้อยใจ

 “โอ๊ย อรเขาก็พูดเกินไป ก็เรามีลูกแล้วนี่ เลยเข้าใจว่าเด็กๆมันต้องการอะไร จะบังคับมันมากเดี๋ยวก็พาลโกรธ เกลียดเราเปล่าๆ ต้องเอาน้ำเย็นเข้าลูบ มีอะไรก็ค่อยๆบอกค่อยๆสอนไป อย่างตาเอ มันติดเกมส์ยิ่งกว่าอะไรเสียอีก แม่ก็ไม่ว่ามัน แต่ก็คอยแนะว่าต้องดูหนังสือบ้าง แต่ดูเหมือนกรรมของแม่ มันไม่เอาไหนเลย”

“แต่เห็นแม่บอกว่าน้องเขาเก่งเลขไม่ใช่เหรอครับ คงจะไม่ถนัดเรื่องภาษาเท่าไร ผมเองเลขก็ไม่เอาไหนเหมือนกันครับ”

”อาจจะจริง ยังไงก็ช่วยน้องหน่อยนะลูกแม่ฝากล่ะ อย่าให้เขาว่าได้เลยว่าลูกครูสอนภาษาอังกฤษแต่ลูกตัวเองติดศูนย์ทุกเทอม มันคิดยังไงของมันไม่รู้อยากสอบเข้าเรียนวิศวฯ ไอ้เรียนเลขเก่งน่ะ อย่างเดียวมันพอที่ไหน ภาษาอังกฤษมันไม่กระดิกเลย แม่ล่ะกลุ้มใจ ดีนะที่อรเขายอมให้หนูมาช่วย”

อาจารย์ปริศนาพูดพลางหัวเราะ ทำให้ผมหัวเราะไปด้วย พอดีกับที่โอเดินกึ่งวิ่งลงมาจากชั้นบน

“พี่เอเล่นเกมอยู่จริงๆแหล่ะแม่ โอขอเล่นก็ไม่ยอม”

เขาวิ่งเข้ามากอดแขนแม่

 “ไม่ต้องเล่นหรอกลูกเดี๋ยวแม่พาไปว่ายน้ำ กลับมาค่อยเล่น หนูไปอาบน้ำไป”

ผมอมยิ้มกับการที่แม่ลูกคลอเคลียกัน อาจารย์ปริศนาพูดพลางลูบหัวโอ เสียงเดินลงส้นเท้าหนักลงมาตามบันได

 “อ้าวเอ นี่พี่โย ไหว้พี่เขาเสียสิ พี่เขาจะมาช่วยสอนภาษาอังกฤษให้”

 ผมหันไปตามสายตาของอาจารย์ปริศนา ผมผงะเล็กน้อย เพราะคนที่เดินลงมาดูเหมือนจะไม่ใช่นักเรียนมัธยมปลายเสียเลย เขาตัวสูงใหญ่ตัวหนาๆ หนวดเครายังเป็นไรอ่อนๆ เขายกมือไหว้ผมด้วยสีหน้าปกติเฉยชาเสียจนผมเสียวสันหลังวาบ จะรอดไหมเนี่ย ผมคิดในใจ

 “แม่จะไปไหนครับ”

”แม่จะพาโอไปเรียนว่ายน้ำ เดี๋ยวแม่กลับตอนเย็นๆ ตั้งใจเรียนล่ะลูก”

 เสียงเขาทุ้มต่ำดูดุทีเดียว ผมต้องหลบหน้ามองกลับมาทางอาจารย์ปริศนา

“อะไรโย หน้าซีดเชียว กลัวน้องมันเหรอ”

 ตายล่ะสิ พูดแทงใจดำผมทีเดียว พูดเสร็จก็หัวเราะ

 “น้องมันตัวโตอย่างนี้แหล่ะลูก พ่อมันตัวโต น้องมันว่าง่ายมีอะไรก็ดุได้เลยแม่อนุญาต”

ผมได้แต่ยิ้มแห้งๆ เขามานั่งข้างๆแม่ แล้วจ้องมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า อะไรกันเด็กคนนี้เสียมารยาทจัง ผมคิดในใจ

 “พี่เรียนอยู่เหรอครับ”

เขาถามผมสูดหายใจเข้าลูกๆเบาๆ เพราะกลัวเขาจะสังเกตเห็น

 “ครับ อยู่ปีสุดท้ายแล้ว”

”ผมบอกไว้ก่อนนะว่าผมไม่รู้เรื่องเลยนะภาษาอังกฤษน่ะ” เขาออกตัว

“พี่เขาเก่ง เอไม่ต้องกลัวหรอก”

อึดอัดจริงแฮะ

“เดี๋ยวแม่ไปอาบน้ำก่อนนะลูก นี่จะเรียนกันตรงนี้หรือเปล่าแม่จะได้เคลียร์ของแม่ออกจากโต๊ะ”

”ไม่เอา ไปเรียนบนห้องผมดีกว่า ของแม่เยอะจะตาย ผมง่วงจะได้นอนเลย”

”อ้าว ไอ้ลูกคนนี้นี่ พี่เขาเสียเวลามานะ”

”ก็ได้ตังค์ไม่ใช่เหรอฮะ”

”เอ” เสียงอาจารย์ปริศนาขุ่นขึ้นทันที

“ไม่เป็นไรครับ มันก็จริง งั้นเราขึ้นไปเลยไหม”

ผมรีบตัดบทเพราะเห็นสีหน้าของเอจะเจื่อนลงทันที อาจารย์ปริศนายังค้อนลูกชายอยู่วงใหญ่ เอลุกขึ้นก่อน

 “มีอะไรกินน่ะแม่ หิวข้าวแล้ว”

 เอพูดพลางเดินเข้าไปในครัวที่อยู่ติดกับห้องรับแขกที่เรานั่งอยู่

 “มีต้มจืด เออ โย กินข้าวมารึยังล่ะลูก ไปกินกับน้องมันไป”

 “อ้อ เรียบร้อยมาแล้วครับ” ผมตอบ

 “รีบไปกินสิเอ อย่าให้พี่เขารอนาน เดี๋ยวแม่ไปอาบน้ำก่อนล่ะ เดี๋ยวสาย”

 อาจารย์ปริศนาลุกขึ้นไปชั้นบน ส่วนเอก็เข้าไปในครัว ผมเองก็ไม่รู้จะทำอะไรจึงเอาตำราเรียนตั้งแต่ชั้นมัธยมปลายกับที่เตรียมมาอีกสองสามเล่มออกมาเปิดดู ไม่รู้จะเริ่มสอนเขาจากตรงไหนดี คงต้องลองวัดพื้นดูก่อน เอเดินถือจานข้าวมานั่งข้างๆผมแล้วหยิบรีโมทย์โทรทัศน์มาเปลี่ยนช่องดู

“พี่เรียนจะจบแล้วจริงเหรอ”

เขาถามแต่หน้ายังมองโทรทัศน์อยู่ ส่วนปากก็เคี้ยวข้าวหมุบหมับอยู่

“ครับ” ผมรู้สึกประหม่า แปลกจังทั้งที่ตัวเองก็เคยเรียนมัธยมมาก่อน แต่ทำไมต้องประหม่าได้ขนาดนี้ด้วย

“ตัวเล็กกระเปี๊ยกเนี่ยนะ เรียนมหาฯลัย ผมว่าพี่หน้าเด็กกว่าผมอีกนะ”

 เอหันหน้ามาทางผม ตามองสำรวจแล้วอมยิ้ม ผมรู้สึกว่ากำลังโดนเด็กล้อเลียนอยู่

“พี่คงตัวเล็กน่ะครับ ดูไม่น่าเชื่อถือเหรอ” ผมเน้นเสียงคำสุดท้าย เขาอมยิ้ม

“พี่จะสอนผมไหวเร้อ ผมไม่ค่อยรู้เรื่องหรอกนะ”

 “ก็ยังไม่ลองนี่ครับ ไม่มีอะไรยากเกินไปหรอก ถ้าเราไม่พยายาม”

 “อ่ะนะ”

 ผมคุยกับเขาอีกครู่ใหญ่ โอกับอาจารย์ปริศนาก็พร้อมที่จะออกจากบ้าน ผมล่ำลากับทั้งสองแล้วจึงเดินเข้ามาในบ้าน เอยืนเป็นยักษ์รออยู่ตรงบันไดขึ้นชั้นสอง

“พี่ขึ้นไปก่อนนะครับ ห้องขวามือ ผมปิดบ้านก่อน”

เขาบอก ผมจึงเดินไปหยิบเป้แล้วเดินขึ้นไปบนชั้นสอง หน้าห้องเขามีรูปการ์ตูน น่าจะปริ๊นออกมาจากคอมพิวเตอร์ ติดอยู่เกือบครึ่งประตู ส่วนอีกห้องน่าจะเป็นห้องของอาจารย์ปริศนา เป็นประตูไม้เรียบๆ ไม่มีอะไรปิดทับด้านหน้า ห้องที่ติดกับห้องน้ำน่าจะเป็นห้องของน้องโอ พระเป็นรูปโดราเอมอน การ์ตูนญี่ปุ่น ไม่ใช่กระดาษแต่เป็นพลาสติก ผมเดินเข้าไปในห้องที่เปิดประทิ้งไว้ ห้องนอนของเอ ผมสูดหายใจเข้าปอดลึกๆอยู่หลายรอบกว่าจะก้าวเข้าในห้อง ไม่รู้เหมือนกันว่าจะประหม่าหรือตื่นเต้นอะไรมากมาย แค่เด็กมัธยมปลายคนหนึ่งที่ตัวโตเหมือนกับนักบาสฯทีมชาติ นี่ถ้าไม่ติดว่าเขาหน้ายังอ่อนใสกับมีไรหนวดเขียวๆอยู่ เขาคงดูเหมือนหนุ่มวัยรุ่นเลยทีเดียว พอก้าวเข้าไปในห้อง กลิ่นของชายหนุ่มปะทะเข้าเต็มหน้า เป็นกลิ่นของห้องที่ไม่ได้เปิดหน้าต่างระบายอากาศเลย กลิ่นกายของเจ้าของห้องมันยังระคนลอยไปทั่วห้อง ที่บอกกลิ่นกายนี่ไม่ใช่กลิ่นแบบที่ไม่อาบน้ำ แต่เป็นกลิ่นของเนื้อตัวของคนที่ไม่ได้ใช้น้ำหอม หรือเครื่องหอมใดๆ ผมเองก็เพิ่งได้กลิ่นชัดเจนตอนนี้เอง ห้องนอนของเอทาด้วยสีเขียวกรมท่าแก่ ด้านขวามือเป็นเตียงนอนที่ผ้าห่มยังกองอยู่ที่ปลายเตียง ส่วนซ้ายมือเป็นโต๊ะอ่านหนังสือ มีโคมไฟสีดำยื่นออกมา บนโต๊ะมีหนังสือเรียนกองกระจัดกระจายอยู่ บนพื้นก็มีเสื้อผ้าใส่นอนวางอยู่คนละทิศละทาง ตู้เสื้อผ้าก็เปิดทิ้งไว้ให้เห็นเสื้อผ้าที่ล้นตู้จนเกินจะปิดประตูได้ ผมถอนหายใจคงเด็กวัยรุ่นคนหนึ่ง ไม่มีอะไรโย ไม่มีอะไร ผมปลอบใจตัวเอง

 “ไงพี่ ห้องรกเหรอ”

เขาทักจนผมสะดุ้ง เอไม่ได้สนใจเขาปิดประตู แล้วเดินมาเอาเท้าเขี่ยเสื้อผ้าใส่นอนบนพื้นให้ไปเสียอีกทางหนึ่ง

“พี่จะสอนตรงไหนเนี่ย”

 เอพูดแล้วก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงอย่างแรง

 “น้องเอ อยากนั่งเก้าอี้หรือนั่งกับพื้นดีครับ”

 ผมพยายามไม่สนใจกับอากัปกริยาของเขา ที่จริงผมเองก็ถามออกไปได้ ว่านั่งเรียนตรงไหนดี แทนที่จะระบุไปเลยว่าให้นั่งเรียนกับพื้น เซ็งตัวเองเหมือนกัน

“นอน”

เอพูดพลางเอาเท้าเขี่ยผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวครึ่งล่าง ว่าแล้วเชียว

“มีโต๊ะญี่ปุ่นไหมครับ เรามานั่งเรียนบนพื้นดีกว่า จะได้ไม่ง่วง”

 ผมพยายามไถไป

 “ปวดหลัง พี่นั่งไปดิผมจะนอน”

กรรมแท้ๆ ผมคิดไว้แล้วไม่มีผิด

“เอาใกล้ๆเตียงก็ดีเหมือนกันเนอะ เมื่อยจะได้พิง”

 ผมยังไม่ละความพยายาม แต่ในใจเริ่มท่องนะโมๆ ใจเย็นๆนะโย น้องเขายังเด็กอยู่มาก ไม่ใจร้อนๆ ผมเตือนตัวเองอยู่ในใจ

 “พี่ ถามจริงๆเถอะ พี่เป็นตุ๊ดป่าวเนี่ย”

เอกึ่งนั่งกึ่งลุกขึ้นจากเตียง ผมรู้สึกเหมือนโดนตบหน้าอย่างแรง จากที่ประหม่าอยู่แล้วเป็นทุน ยิ่งไปกันใหญ่ ใจเต้นระรัว ทั้งไม่ได้เตรียมคำตอบมา ทั้งรู้สึกอายที่เด็กถามยัดเข้ามาไม่ให้ตั้งตัว

 “ทำไมครับ”

ผมถามเสียงสั่น

 “ก็พี่ดูขาวๆ บางๆ ดูท่าเหมือนกับตุ๊ดเลย น่าใสๆอย่างนี้อ่ะ เป็นตุ๊ด ชัวร์”

 อยากจะตะคอกใส่หูมัน เขาเรียกเรียบร้อยเฟ้ยไอ้บ้า

“แล้วไงครับ”

ผมยังดึงดันที่จะพูดออกไป ไม่รู้เหมือนกันว่าสีหน้าตอนนี้เป็นยังไง แต่ข้างในเหมือนโดนแกล้ง อายเหมือนนักเรียนโดนทำโทษโดยการแก้ผ้าหน้าเสาธง

 “แค่ลักษณะภายนอกนี่เราก็สรุปแล้วเหรอครับ ว่าพี่เป็นอะไร”

ผมจ้องเขาเขม็ง พยายามจะบีบเสียงให้แข็งข่มความสั่น

 “เฮ้ย พี่ ทำท่าซีเรียสไปได้ ผมแค่ล้อเล่น แต่พี่อย่ามาแอบชอบผมนา ผมไม่นิยม”

เอากับมันสิ พูดจบก็หัวเราะอย่างสบายใจ น่าถีบจริงๆนะแก

“แล้วจะเรียนได้รึยังครับ จะสงสัยอีกนานไหม”

ผมเริ่มโมโห

“เรียนดิพี่ สอนมาดิ”

เขายังอยู่ในท่าเดิม

 “นี่ จะเรียนแบบนี้น่ะเหรอ พี่ไม่สอนหรอกนะ นอนเรียนน่ะ ไปเอาโต๊ะญี่ปุ่นมา”

ผมขึ้นเสียง เขาดูตกใจเล็กน้อย

“โห ดุเว้ย เห็นน่าใสๆนี่เอาเรื่องเหมือนกันนะพี่เนี่ย”

 เขายังยียวน ก่อนที่จะลุกออกไปข้างนอก ปล่อยให้ผมยืนเคว้งอยู่ในห้อง สูดหายใจเข้าปอดใหม่ เรียกกำลังใจขึ้นมาใหม่ ไม่ได้นะโย จะยอมกับเด็กกวนประสาทง่ายๆแบบนี้ไม่ได้นะ เอกลับเข้ามาพร้อมโต๊ะญี่ปุ่นตัวเล็ก ที่น่าจะวางหนังสือได้แค่สองเล่ม ตายล่ะสิจะนั่งสอนมันยังไงล่ะนี่

“เอ้า นั่งตรงนี้นะ”

 เขาวางโต๊ะลงใกล้ๆเตียง แล้วก็นั่งลงหลังพิงเตียงทันที

“แล้วหนังสือเรียน สมุด ปากกาล่ะครับ”

 “โหพี่ หยิบให้หน่อยดิ นะนะ โน่นแน่ะอยู่บนโต๊ะ”

“เอ”

 ผมขึ้นเสียง ทำไมมันถึงได้ลามปามแบบนี้นะ

 “เออๆ ไม่หยิบก็ไม่หยิบ โหอย่างกะแม่เลยเว้ย”

กรรมนี่ขนาดผมยังไม่ได้พูดอะไรกับมัน อยากจะต่อยหน้ามันเหลือเกิน แต่คงจะสู้ไม่ไหวเพราะมันตัวโตเหลือเกิน ท่องไว้ๆโย อดทนๆ น้องมันยังเด็ก มันยังไม่บรรลุนิติภาวะเลย ค่อยๆสอน เด็กมันก็เด็กวันยังค่ำ ไม่มีพิษมีภัยหรอก

 “พี่ตัวหอมจังเลย ใส่น้ำหอมอะไรเนี่ย”

เขาเข้ามาทำจมูกฟุดฟิดอยู่ข้างๆหู ผมรู้สึกใจเต้นออกมานอกตัว ผมรีบถอยออกทันที แล้วจ้องหน้าเขาอย่างไม่พอใจ

“ทำอะไรน่ะ”

ผมแว้ดเสียงขึ้น

 “โห แค่นี้ก็หน้าแดงด้วย ไหนบอกไม่ใช่ตุ๊ด”

เขาหัวเราะอย่างอารมณ์ดี มันแกล้งผมนี่ ไอ้เด็กบ้า

 “อย่าทำแบบนี้นะเอ พี่ไม่ชอบ”

ผมพูดไปทั้งที่ใจยังเต้นอยู่โครมคราม

 “พี่เป็นตุ๊ดแน่ๆ แค่นี้ก็อาย”

 คุณพระคุณเจ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย โปรดประทานความอดทนให้ลูกด้วยเถิด อดทนกับมารตัวนี้ให้อยู่รอดข้ามวันไปทีเถิด

 “แล้วไง เป็นตุ๊ดแล้วจะสอนเราไม่ได้เหรอ”

 ผมพูดด้วยความโกรธ

 “ก็สอนได้อ่ะนะ แต่อย่าล่วงเกินผมนะผมฟ้องแม่จริงๆด้วย”

 โหเด็กเวร ล่วงเกินน่ะล่วงแน่ แต่จะถีบยอดอกแกนี่ล่ะ ผมสั่นไปทั้งตัวไม่คิดว่าจะเจอกับเด็กแบบนี้ ผมกลั้นหายใจอยู่หายทีเพื่อให้มีสติ แล้วนั่งลงตรงข้ามกับเขา พอนั่งลง เงยหน้าขึ้นเขาก็เอาหน้ามาจ่อเกือบติดหน้าผม ด้วยความตกใจผมผงะออกอย่างแรง

 “ฮ่าๆ พี่กลัวผมเหรอ”

 ดูมันทำเสียง โอ๊ย ไม่ไหวแล้ว

“นี่ จะเรียนหรือไม่เรียน ทำไมทำตัวแบบนี้ พี่เป็นรุ่นพี่เธอนะ จะเล่นอะไรน่ะเกรงใจกันบ้าง ถ้าไม่อยากเรียนจะได้บอกแม่เรา ว่าพี่เองล่ะที่ไม่มีปัญญาสอนเรา และเราถ้ารังเกียจพี่นัก ก็ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ บอกกันดีๆก็ได้”

ผมเม้มปากกัดฟันพูด ด้วยความโมโห เขาหน้าสลดลงทันที ผมพูดเสร็จก็เตรียมจะลุกขึ้น ไม่ไหวแล้ว เด็กอะไรไม่มีมารยาทเอาเสียเลย

“โห พี่ ผมขอโทษ นะนะ อย่าไปเลยนะ ผมล้อเล่น ถ้าพี่ไป แม่เอาผมตายแน่ๆ นะนะพี่โย ผมจะตั้งใจเรียนไม่แกล้งพี่แล้ว นะนะ อย่าไปเลยนะครับ”

เขารั้งมือผมเอาไว้ ผมจ้องเขาตาเขม็ง แหมทีอย่างนี้นะมาทำเสียงอ่อน ไอ้เด็กบ้า ผมด่ามันด้วยสายตา

“นะนะ พี่ ผมจะทำตามที่พี่บอกทุกอย่างนะครับ สอนผมเถอะนะ”

มันยังรบเร้า ผมถอนหายใจอย่างระอา เอาวะ ถึงยังไงเขาก็ต้องการคนสอน ถ้าเขาไม่มีคนสอนก็ไม่ผิดหรอกที่เขาจะจาบจ้วงคนอื่นง่ายๆ แบบนี้ ยอมก็ยอมวะ  ผมเถียงกับตัวเองในใจ

“อย่าทำแบบนี้อีก ไม่งั้นพี่ไม่สอนเราแน่ๆ”

 ผมขู่ก่อนจะนั่งลงที่เดิม

 “คร้าบบบ”

เขาลากเสียงแล้วอมยิ้มเห็นไหม มันจะรอดไหมเนี่ย :m20:


*** ขออนุญาตแก้ไขคำห้อยท้ายของชื่อเรื่อง เพื่อลดความรุงรังของหัวข้อ  แต่หากผู้แต่งมีเรื่องแจ้งเพิ่มเติม ก็สามารถแก้ไขชื่อเรื่องได้ตามปกติค่ะ
 ทิพย์โมบอร์ดนิยาย
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: NUKWUN ที่ 10-03-2010 10:49:25
เรื่องใหม่ อย่าลืม ลงกฏ ก่อนขึ้นเรื่องนะ

น่าสนุกดีนะ จะรออ่านตอนต่อไป
 :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: jadezii ที่ 10-03-2010 12:10:14
น่าติดตามมากเลย  o13
รีบๆมาต่อนะคะ :o8:

แค่เริ่มก็น่าสนุกแล้ว :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 10-03-2010 15:12:11
ลงกฎยังไงอ่ะคับ ผมทำมะเป็น ช่วยสอนหน่อย มือใหม่ๆๆๆ ขอโทษที รบกวนด้วยน้าาา
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 10-03-2010 15:19:33
ตอน สอง ค้าบบบบ

กว่าจะสอนมันเสร็จกว่าแทบแย่ ผมรู้สึกประสาทกินไปเลย มันคอยกวนใจอยู่ตลอดเวลา ปากก็บอกขอโทษ ทำหน้ารู้สึกผิดแค่ไม่กี่นาที แล้วมันก็เริ่มอีก ผมอยากจะบ้าตาย พอก้าวออกจากบ้านอาจารย์ปริศนาได้ ตอนห้าโมงกว่าๆ เพราะสอนเสร็จตอนสี่โมง กว่าจะต่อปากต่อคำกับมันเสร็จก็เกือบห้าโมงแล้ว ผมรีบโทรหาพลทันที

“แกอยู่ไหนเนี่ยพล มีเรื่องจะเมาท์ เอออย่าเพิ่งถามแก เจอกันที่เดิม เรียกจ๋ามาด้วยนะ เออๆ ค่อยคุยกันแก จะบ้าตายอยู่แล้ว”

พอวางสายผมก็รีบเดินออกไปหน้าถนนเอกมัยทันที จากเอกมัยซอยเจ็ดเดินออกไปไม่นานก็ถึงรถไฟฟ้า ผมนั่งรถไฟไปอีกสถานีเดียวก็ถึง เพราะร้านประจำของเรา อยู่ใต้สถานีรถไฟฟ้าพระโขนง ยึดเป็นร้านประจำตั้งแต่เรียนปีสองจนจะจบ เป็นร้านกาแฟ รวมถึงขนมเค้กต่างๆ พลทำธุระให้แม่อยู่แถวราชเทวี ส่วนจ๋า พอไปถึงร้านแล้วผมค่อยโทรไปบอก เพราะจ๋าอยู่แค่กล้วยน้ำไทเอง ใช้เวลาไม่นานในการเดินทาง พอไปถึงร้านผมก็โทรหาจ๋า
 
“เออแก ว่างป่ะ ออกมาเจอกันหน่อยสิ เนี่ยรอไอ้พลอยู่ ร้านเดิม มีเรื่องจะเมาท์แก ก็เรื่องเด็กที่ฉันไปสอนพิเศษนั่นล่ะ ไม่เอาๆ เมาท์ทางโทรศัพท์ไม่มัน เออๆ เจอกัน”

ผมสั่งคาปูชิโนปั่นเหมือนเดิม แล้วก็ไปซื้อคุกกี้อีกถุงเล็กถุงหนึ่ง ที่นั่งประจำที่อยู่มุมในสุดยังไม่มีคนนั่งผมจึงรีบเอากระเป๋าไปวางก่อน พอดีมีโทรศัพท์เข้า
 
“สวัสดีครับ พี่ตั้ม”

พี่ตั้มคือคนที่ผมคบอยู่ เจอกันตอนผมอยู่ปีสองเทอมแรก เพราะปีหนึ่งผมเรียนอยู่ที่องครักษ์ ไม่ได้เรียนที่นี่ เป็นธรรมเนียมของมหาวิทยาลัยที่อยู่ในตัวเมือง ที่พวกรุ่นน้องปีหนึ่งจะไปเรียนที่วิทยาเขตเสียส่วนใหญ่ นอกจากบางเอกเท่านั้นที่จะได้เรียนอยู่ในเมือง ตอนนี้พี่ตั้มเรียนจบแล้ว ทำงานเกี่ยวกับการสร้างโปรแกรม คอมพิวเตอร์หรืออะไรเทือกนี้ ผมไม่ได้ถามเขามาก เพราะแม้จะถามมาก เวลาเขาเล่าให้ฟังผมก็ทำหน้างง เพราะไม่รู้เรื่องอยู่ดี

“โย สอนหนังสือเสร็จยังครับ ดูหนังกับพี่ไหม”  เสียงพี่ตั้ม

 “แล้วพี่ตั้มอยู่ไหนครับ”

 “พี่อยู่สวนจตุจักรครับ พอดีพาแม่มาซื้อของ เดี๋ยวเสร็จล่ะกำลังจะกลับไปส่งแม่ที่บ้าน แล้วเราอยู่ไหนครับ”

 “โย อยู่พระโขนงครับ ร้านเดิม นัดพลกับจ๋าเอาไว้”

“อืม งั้นเจอกันค่ำๆก็ได้ครับ เดี๋ยวพี่ไปรับ เราใกล้เสร็จแล้วโทรหาพี่ละกัน”

 “ได้ครับ"

  พอวางสายจากพี่ตั้ม ผมก็หันมาดูดกาแฟเย็นในแก้ว พี่ตั้มเคยไปที่บ้าน แม่ก็ชอบพอกับพี่ตั้มมาก เพราะเขาอัธยาศัยดี แม่ก็รู้ว่าผมคบกับพี่เขาในฐานะอะไร แม่ก็ไม่เคยว่า ผมเองก็เกรงใจแม่ เพราะกลัวแม่เสียใจ เคยถามเหมือนกันว่าเสียใจไหมที่ผมเป็นแบบนี้ แม่ตอบว่า

 “บอกตามความจริงนะโย แม่ก็เสียใจนะ แต่จะทำยังไงได้ แม่เลี้ยงลูกมา ตั้งแต่เล็กจนโต ไม่เคยมีวันไหนที่โยทำให้แม่ทุกข์ใจเลยนี่ลูก เป็นอย่างนี้แล้วโยมีความสุข แม่เองก็มีความสุข ไม่ต้องห่วงแม่หรอกลูก แม่เชื่อใจว่าโยเป็นคนดี และจะทำแต่สิ่งดีๆ”

ผมปลื้มใจมาก รักแม่ที่สุด ผมเป็นคนที่โชคดีที่สุด ที่มีแม่ประเสริฐอย่างนี้ ถึงแม้ผมจะเสียพ่อไป หรือหากว่าพ่อยังอยู่ พ่อก็คงพูดเหมือนกับแม่ ผมเชื่ออย่างนั้น
 
“ไอ้โย ไอ้พลมันยังไม่ถึงอีกเหรอ”

เสียงจ๋าแปร๋นมาแต่ไกล

“ยัง แกโทรไปหามันแล้วเหรอ”

“ก็ เออสิ เพิ่งโทรก่อนออกจากบ้าน แหม บอกอีกนิดเดียวถึงแล้ว ตอแหลตลอดนะนังนี่”

จ๋าบ่นแล้วทรุดลงนั่งอย่างแรง

 “แกไปสั่งอะไรมากินก่อนสิ”

“เออ ไปสั่งน้ำก่อนนะ ร้อนเป็นบ้า นี่มันเดือนอะไรเนี่ย ร้อนตั้งแต่เช้ายันเย็น”

จ๋าบ่นก่อนจะสะบัดก้นออกจากเก้าอี้ เดือนกันยายน เป็นช่วงปลายฝนต้นหนาว แต่ปีนี้รู้สึกจะมีแต่ฝน กับร้อน ความหนาว หรือฤดูที่ว่าหนาว เดี๋ยวนี้แทบจะไม่มีให้เห็น หนาวแค่วันสองวันก็หายไป

“ไหนเล่ามาซิ มีอะไรจะเห็นโทรจิกเรียกชั้นออกมาเนี่ย”

 “ก็เรื่องเด็กที่ไปสอนพิเศษนั่นล่ะ มหัศจรรย์มาก”

 “จริงเหรอ ว่ามาแก”

 จ๋าทำหน้าอยากรู้อยากเห็นมาก

 “เดี๋ยวรอเล่าพร้อมกัน ขี้เกียจเล่าหลายรอบ”

 “อะไรยะ ทำให้อยากนะแก”

 จ๋าทำหน้าผิดหวังพลางดูดน้ำในแก้ว

“แล้วนังพลมันถึงไหนแล้วเนี่ย ชักช้าตลอด ทำยังกะสวย”  จ๋าเริ่มพาล

 “เออน่ะแก รอมันหน่อยเถอะ เล่าเสร็จเราก็ไม่มีอะไรจะพูด กับมันสิ”

 “เออ” จ๋างอนใส่ แล้วเดินไปหยิบนิตยาสารมาดู

“เออ ว่าแต่ เดทแกเป็นไง กับหมอสัตว์ น่ะ”

 “สัตวแพทย์ ย่ะ กรุณาเรียกให้เต็ม พี่ป้อมก็ดีนะแก ดูเรียบร้อยดี ตอนอยู่ในโรงหนังนะแก ฉันน่ะอยากให้เขาจับมือใจจะขาดแต่ดีนะที่ยังมีความเป็นกุลสตรีไทยอยู่”

 “นับเป็นบุญ”

ผมเหน็บจ๋าไปแต่เหมือนว่ามันไม่รู้สึกตัว

 “แต่ตอนเดินด้วยกันแล้วดูดีว่ะแก ก็พี่ป้อมเขาตัวสูง หล่ออีกต่างหาก ฉันเลยดูเด่นขึ้นมาเชียว”
 
“แล้วคิดจะคบกับพี่เขาจริงๆ รึเปล่าล่ะ หรือว่าแค่ขำๆ”

ผมซักไปเรื่อย เพราะถ้าปล่อยให้เงียบเดี๋ยววกมาเรื่องของผมอีก

“ก็ต้องลองดูสักตั้ง แล้วแกว่าเขาเป็นไงบ้าง”

“ก็ดีนะแก ดูเป็นคนดี ไม่เจ้าชู้ มีแต่แกนี่ล่ะ กลัวจะไปทำให้เขาเสียใจ”

 “อ้าวแก ฉันก็เป็นคนดีนะยะ ผิดเหรอที่เกิดมาสวย แล้วมีคนมารุมจีบน่ะ ช่วยไม่ได้นะยะ”

 “จ้า แม่คนสวย ระวังเถอะแก จะโดนดีเข้าสักวัน”

เราหัวเราะอย่างอารมณ์ดี การอยู่กับเพื่อนที่เราสนิท บางทีก็ทำให้ลืมเรื่องที่เพิ่งเจอมาได้เหมือนกัน ว่าไปแล้วพี่ป้อมไม่ใช่หมอสัตว์หรอกแต่เรียนอยู่อีกที่ ใจกลางเมือง อีกสองปีถึงจบ ยังจำวันที่เขาเดินเข้ามาในกลุ่มเราที่ร้านตำนัว ในสยามได้ดี ตอนแรกพลบอกว่าเขาเดินมาหามันเอง ทำท่าระริกระรี้ แต่พี่ป้อมกลับขอเดทกับจ๋าแทน เอ๋อไปตามๆกัน ไม่คิดว่าคนหน้าตาดี ใส่แว่นดูเอ๋อๆ เงียบๆขรึมๆ ที่นั่งมองอยู่โต๊ะตรงข้ามจะมาชอบแม่เสือสาวอย่างจ๋า รายนี้แม้จะอยู่กับที่บ้าน ซึ่งเป็นครอบครัวคนจีน แต่ความเปรี้ยวซ่าก็ไม่ได้ลดน้อยหรือเกรงกลัวใคร พลเองก็กัดจ๋าเวลาที่รู้ว่าออกเดทกัน

"ต๊าย พบรักในร้านส้มตำ ชื่อร้านอะไรนะโย ตำนัว คงจะตำเก่งเนอะ ไอ้พี่ป้อมเนี่ย"

จ๋าเองก็งอนหัวฟัดหัวเหวี่ยงไป เราคุยกันสักพักพลก็มาถึง

“ไหนๆแก เด็กมันน่ากินไหม”

พลถามทั้งที่ยังไม่ได้นั่งลงเก้าอี้เลย

“แหม นังนี่ มาถึงก็ถามเรื่องใต้สะดือเลยนะ ไม่คิดจะทักทายกันเลยนะ” จ๋าสัพยอก

“โอ๊ยแก เจอกันเกือบทุกวันจะมาพิธีรีตองอะไรยะ เล่ามาเร็วแก”

พลนั่งลงข้างๆ จ๋า “แกไม่ไปสั่งน้ำมากินก่อนเหรอ ท่าทางเหงื่อโทรมมาเชียว”

ผมบอกเพราะเห็นพลมันเหงื่อไหลไคลย้อย

 “เออ งั้นรอแป๊บ เดี๋ยวมา”

ว่าแล้วก็ลุกไปที่เคาท์เตอร์ ผมกับจ๋ามองหน้ากัน เพราะรู้ว่าพลเป็นคนแบบนี้ พอพลกลับมา ก็มุ่งเข้าสู่ประเด็น

“มันต้องมีอะไรแน่ๆ เพราะอย่างนั้นแกน่าจะเล่าตั้งแต่ตอนคุยโทรศัพท์แล้ว เล่ามาแก”

“เออ นั่นสิ ทำเป็นมีความลับ”

 “เอ๊ะ หรือว่าแก มีอะไรกับเด็กนั่น ต๊าย”

 “นี่ พอเลย”

 ผมต้องหยุดพลก่อนที่มันจะพูดไปมากกว่านี้ ผมเริ่มเล่าถึงความทะลึ่งของเอ ระบายควาในใจเสียส่วนใหญ่ ส่วนจ๋ากับพลก็นั่งฟังตาปริบๆ พอเล่าจบ

“ทำไมแกไม่กินมันเลยวะ ถ้าเป็นชั้นนะ ฉันกินมันตั้งแต่ตอนแรกที่มันยั่วแล้วล่ะ”

“อีนี่ มันน่ะมีจรรยาบรรณนะยะ ใครจะเหมือนหล่อน เป็นผีตายอดตายอยาก”

”อ้าว นังจ๋า แล้วจะปล่อยไว้ทำพ่อเหรอ ยั่วมาก็จัดไปอย่าให้เสีย”

“มันมีแฟนแล้วนะอีนี่ คนเขารักกันดีๆ นี่ก็ไปยุให้เขาแตกกัน”

 “อ้าว ใครจะไปรู้ ฉันน่ะไม่ทนเป็นฤาษีหรอก เด็กมันยั่วมา ก็ว่ากันไป”

ทั้งสองทะเลาะกันอย่างเคย เพราะสองคนนี้ไม่เคยคุยกันดีๆสักที

“ไม่หรอกแก ฉันถือว่าเป็นครูสอนมันนะ อีกอย่างแม่ชั้นก็สอนหนังสืออยู่โรงเรียนเดียวกันกับแม่มัน ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นน่ะ เสียผู้ใหญ่นะ”

“เออเห็นมั้ย เขาไม่ได้คิดเลวๆ เหมือนแกนะนังพล”
 
“อ้าว นังนี่ ชั้นเลวตรงไหนวะ ก็แค่พูดในสิ่งที่ใจต้องการ”
 
“ก็อย่างนี้ล่ะ ถึงได้ทำอนาจารลูกพี่ลูกน้อง คนอาร้าย” จ๋าล้อ

“นี่ นังจ๋า”

“ นี่แกสองคนน่ะ จะทะเลาะกันทำไมเนี่ย คนยิ่งกลุ้มๆ อยู่ รู้งี้ไม่เล่าให้ฟังเสียก็ดี”

ผมรีบตัดบท ทั้งที่รู้ว่าสองคนนี้ชอบกัดจิกกันเป็นประจำ

“เห็นไหม นังพลเพราะแกคนเดียว”

“อ้าว นัง”

“พอๆ แล้วเรื่องโครงงานที่ให้ไปแก้น่ะ ถึงไหนแล้วแก”

ผมเปลี่ยนเรื่องเพราะท่าจะไม่ลงง่ายๆ

“ของชั้นเสร็จแล้ว”

พลพูดแล้วยกแก้วน้ำขึ้นมาดูด แล้วหยิบคุกกี้ในถุงไปเคี้ยว จ๋าหน้าม่อยลงทันที

“ก็ดูอยู่แก พรุ่งนี้ว่าจะไปห้องสมุด ดูตัวอย่างเก่าน่ะ”

“อ้าวหล่อน ส่งสิ้นเดือนนะยะ ไม่ใช่สิ้นปี มัวแต่หลงระเริงอยู่กับหมอสัตว์นั่นล่ะ”

“นี่นังพล น้อยๆหน่อย พวกแกจะทะเลาะกันเพื่อ แกเสร็จแล้วก็ช่วยมันดูสิ จะได้รวบรวมเอาไปตรวจเสียที ไม่อยากดองแล้ว จะได้ทำเรื่องขอจบ”

ผมเริ่มรำคาญพลเพราะเผลอไม่ได้ กัดกันตลอด

“เออแก วันจันทร์น่ะ เดี๋ยวชั้นมารับนะ”
 
พลพูดถึงการไปทำงานของผม เพราะปกติจะนั่งรถไฟฟ้าไปลงหมอชิตแล้วต่อรถเมล์อีกต่อหนึ่ง ค่อยถึงบริษัท ส่วนบ้านพลก็อยู่รังสิต มันมีรถขับมาบริษัทที่ดอนเมืองไม่กี่นาที

“ทำไมวะ”

ผมถาม เพราะปกติมันไม่เคยที่จะมารับ ยกเว้นแต่มันมาเที่ยวคืนวันอาทิตย์แล้วมานอนค้างที่บ้านผม แล้วค่อยไปทำงานด้วยกันวันจันทร์

“พอดีมาหาเด็กน่ะ อิอิ เดี๋ยวค่อยเล่า”

“โหคนเรานะ ถ้าไม่ติดเป้ง มึงก็ไม่คิดจะมารับมันว่างั้น” จ๋าได้ที

“อ้าวก็เป็นเรื่องธรรมดา ก็ต้องเอาเด็กก่อนสิ เพื่อนยังไงก็ไม่ไปไหนอยู่แล้ว”

 “แหวะ อีบ้า ติดสัดนะมึง”

 “ชั้นไม่ใช่หมานะยะ จะได้ติดสัด”

ทั้งสองทะเลาะกันอยู่นานจนผมเบื่อที่จะห้าม ได้แต่นั่งฟังแล้วก็หัวเราะ เวลาสองคนกัดกันมันก็สนุกดีไปอีกแบบพอ เราแยกย้ายกันก็เกือบหกโมงครึ่ง ผมโทรหาพี่ตั้ม หลังจากที่เพื่อนทั้งสองกลับไปแล้ว

"พี่ตั้มครับ เสร็จแล้วครับ"

"เราอยู่ไหนครับโยเดี๋ยวพี่ไปรับ"

"ไม่เป็นไรครับพี่ตั้ม เดี๋ยวโยไปรอที่เมเจอร์ก็ได้ จะได้ไม่เสียเวลาพี่ตั้ม"

หลังจากวางหูโทรศัพท์ ผมก็ข้ามฝั่งไปนั่งรถเมล์ รถเมล์ทุกสายที่ผ่านสามารถขึ้นได้ทุกสาย เพราะอีกสองป้ายก็ถึงเมเจอร์เอกมัยแล้ว อีกอย่างผมต้องเป็นฝ่ายไปนั่งรอพี่ตั้ม เพราะกว่าที่เขาจะมาก็คงอีกนานพอสมควร ผมนั่งรถเมล์สาย 38 ไปลงหน้าท้องฟ้าจำลองแล้วข้ามฝั่งไปเมเจอร์ เย็นวันเสาร์ที่หน้าเมเจอร์เอกมัย มีผู้คนพลุกพล่านพอสมควร มีทั้งนั่งรอรถเมล์เพราะตรงหน้าเมเจอร์เป็นป้ายรถเมล์พอดี ทั้งนั่งอยู่ตรงบันไดทางขึ้น ผมเดินเข้าไปในเมเจอร์แล้วตรงไปที่ร้านบูทส์ ไม่คิดว่าจะซื้ออะไรแต่เผื่อมีของที่อยากได้ ผมเดินดูพวกครีมอาบน้ำ ยาสระผม พอดีกับพี่ตั้มโทรเข้ามาพอดี

"โย พี่ถึงแล้วนะ เดี๋ยวขอจอดรถแป๊บ เราอยู่ตรงไหนครับ"

เสียงพี่ตั้มดังไม่ค่อยชัดคิดว่าน่าจะใส่หูฟัง คงจะอยู่ที่จอดรถ เร็วจังแฮะ

"โยอยู่ร้านบูทส์ครับ ทำไมเร็วจังล่ะครับพี่ตั้ม"

"พอดีพี่ออกมาก่อนแล้ว กะจะมารอที่เมเจอร์พอดี ก็โยโทรมาพอดีล่ะ พี่ก็เกือบถึงแล้ว รอพี่พี่แป๊บนะ"

"ได้ครับ เดี๋ยวโยรออยู่ตรงนี้ ครับ ครับ"

ผมวางสายไป แล้วเดินไปจ่ายเงินที่เคาท์เตอร์ ผมตัดสินใจซื้อ ครีมอาบน้ำกลิ่นส้ม เพราะจำได้ว่าแม่ชอบ ขวดเก่าซื้อไปนานละ พอจ่ายตังค์เสร็จ พี่ตั้มก็ยืนอยู่ข้างหลังแล้ว

"ไง โย ซื้ออะไรครับ"

พี่ตั้มวางมือบนบ่าของผมอย่างคุ้นเคย กลิ่นน้ำหอมกลิ่นเดิมกระทบจมูก พี่ตั้มใช้น้ำหอมกลิ่นนี้ตั้งแต่รู้จักกัน ไม่เคยเปลี่ยน กลิ่น Extreme ของ Blvgari พี่ตั้มตัวสูงกว่าผมพอสมควร จำได้ว่าสูงน่าจะ 180 เซนต์ ส่วนผมสูงแค่ 171 เซนต์ ตัด ผมรองทรงสูงจนเห็นหนังศรีษะสีขาวรับกับคอที่ดูยาวแข็งแรง พี่ตั้มจัดเป้นคนหน้าตาดีมากคนหนึ่ง ผมคบกับเขายังไงไม่รู้ เพราะคิดเสมอว่าผมเป็นเด็กธรรมดาคนหนึ่ง ไม่คิดว่าคนอย่างเขาจะมาชอบ ไม่ตามแฟชั่น ไม่ตามสมัยนิยม เสื้อผ้าก็ใส่เสื้อยืด กางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบ คอนเวิร์สเก่าๆ สะพายเป้หนังสือที่มาจากการสอนพิเศษไอ้ตัวดี เคยถามเขาเหมือนกัน คำตอบที่ได้คือ เขาลูบหัวอย่างเอ็นดู

"โยคิดว่าโยไม่น่ารักเหรอ พี่ดีใจนะที่ได้คบกับโย เพื่อนๆพี่อิจฉากันจะตาย อีกอย่างโยนิสัยดีด้วย ไม่แรด"

เหมือนชมหรือด่าผมยังไม่แน่ใจจนถึงทุกวันนี้ ตกลงเขาชอบผมเพราะ ผมไม่แรด หรือเพราะผมเป็นคนดี แต่รู้ว่าพอได้ยินแบบนั้น ก็เอ๋อไปเลย

"ซื้อครีมอาบน้ำไปให้แม่ครับ จำได้ว่าแม่ชอบกลิ่นนี้"

 "หิวมั้ยครับ ไปหาอะไรกินก่อนดีไหม พี่ชักหิวแล้ว ยังไม่ได้กินอะไรเลย พอดีมัวจัดของให้แม่อยู่ ซื้ออะไรก็ไม่รู้เต็มรถไปหมด"

พี่ตั้มเล่าอย่างอารมณ์ดี พลางเอามือดันหลังผมออกจากร้านบูทส์

"ไม่ดูรอบหนังก่อนเหรอครับ"

ผมพูดอายๆ ไม่รู้ทำไมไม่เคยชินกับการเดินกับเขาสักที คงเป็นเพราะผู้คนที่ขวักไขว่อยู่ ก็ไม่ใช่น้อย บางคนมอง บางคนทำเป็นไม่สนใจ แต่ผมกลับอาย

"เออ จริงสิ ไปซื้อตั๋วไว้ดีกว่า วันนี้วันเสาร์"

 พี่ตั้มยังเกาะบ่าผมอยู่ดันหลังให้ขึ้นบันไดเลื่อนขึ้นไปชั้นสอง ที่ซื้อตั๋วหนัง พี่ตั้มตั้งใจชวนมาดู transformers โรงหนังทุกโรงที่หนังเรื่องนี้เข้าฉายเกือบเต็มทุกที่นั่ง ไม่น่าแปลกใจที่ทำไมข้างนอกคนเยอะ พี่ตั้มซื้อตั๋วชั้นบนสุดซึ่งแพง จึงไม่ได้ไปแย่งกับใคร รอบหนังฉายตอน 19.30 มีเวลาเหลือประมาณ ยี่สิบนาที

"พี่ตั้ม งั้นเราไปหาอะไรกินกันก่อนไหมครับ เห็นบอกหิว"

ผมบอกหลังจากได้ตั๋วหนังมาแล้ว

"อืม กินอะไรดี เหลือเวลาไม่มากนี่นะ งั้นกินง่ายๆละกัน"

ที่บอกกินง่ายๆ ผมเข้าใจได้ทันทีว่าพี่ตั้มจะกินขนมปัง หรือไม่ก็ อะไรง่ายๆ พี่ตั้มเองก็รู้ว่าถ้ามีเวลาไม่มาก เราจะกินอะไรรองท้องไปก่อน ยกเว้นพวกเบอร์เกอร์ ผมไม่กิน พี่ตั้มก็พลอยไม่กินไปด้วย เราขึ้นไปชั้นสาม ร้าน Bread and Spread สั่งขนมปังทาสังขยากับ แยมส้ม ยำลูกชิ้นอีกจาน ส่วนน้ำก้เป็นกาแฟเย็นสำหรับพี่ตั้ม ผมสั่งชามะนาว พี่ตั้มเป็นคนทานข้าวเร็วมาก ผมกินขนมปังได้แค่สองชิ้น เขากินหมดแผ่นแล้ว พอกินเสร็จก็ได้เวลาที่เขาประกาศให้เข้าโรงหนังพอดี

"พี่ไปซื้อปีอบคอร์นดีกว่า"

 "ไปซื้อข้างบนก็ได้นี่พี่ตั้ม"

"เออ แฮะ"

ข้างบนคือชั้นที่มีโรงหนัง รู้สึกจะเป็นเรงที่ 1-4 ประมาณนี้ มีเคาท์เตอร์เล็กๆขายน้ำกับป๊อบคอร์น ระหว่างที่ขึ้นบันไดเลื่อนขึ้นไปชั้นโรงหนัง

"เออ แล้ว สอนพิเศษเป็นไงบ้าง เด็กสอนง่ายไหม"

พี่ตั้มยังเกาะบ่าผมอยู่ แต่ตอนนี้ไม่ค่อยอายแล้วเพราะทางขึ้นโรงหนังไม่ค่อยมีคน

"โห สอนยากเหมือนกันครับ เด็กมันทะลึ่ง" ผมระบาย

"ใจเย็นๆ พี่เชื่อว่าเราทำได้ ขนาดพี่ เกเรๆ เรายังเอาอยู่เลย"

"อ้าว เหมือนกันที่ไหน"

ดีนะที่ถึงชั้นโรงหนังก่อน เพราะไม่อยากพูดเรื่องนี้ พี่ตั้มคงวกเข้าหาเรื่องของเราได้ตลอด ที่พี่ตั้มบอกว่าเคยเกเร เพราะก่อนที่จะมาคบกัน เขาเคยเป็นคนเจ้าชู้มาก เที่ยวแทบทุกคืน มีแฟน ทั้งหญิงทั้งชาย ตอนคบกับผมเดือนแรกๆ เคยมีคนมาระรานผมด้วย ก็แฟนคลับเก่าๆ ของเขานั่นล่ะ แต่ตอนนี้ดีขึ้นเยอะ เพราะเที่ยวน้อยลง แล้วก็ไม่ค่อยเจ้าชู้ เวลาที่อยู่กับผมนะ แต่เวลาอื่น ไม่รู้เหมือนกัน แต่เอาน่ะ เชื่อใจเขา หนังเรื่องนี้สนุกดี ตื่นตาตื่นใจตลอดทั้งเรื่อง เขาก็เข้าใจสร้างหนัง ชอบตอนรถยนต์แปลงร่าง พี่ตั้มเองก็ชอบหนังเรื่องนี้ เพราะเล่าตลอดทางที่ขับรถไปส่งผมที่บ้าน หนังจบเกือบห้าทุ่ม ดึกเหมือนกัน พอถึงหน้าบ้านผมเห็นไฟยังเปิดอยู่ แม่คงยังไม่นอน

"พี่ตั้มเข้าบ้านก่อนไหมครับ แม่น่าจะยังไม่นอน" ผมชวน

"อืม เอาสิไปไหว้แม่สักหน่อย"

พี่ตั้มจอดรถไว้หน้าบ้าน แล้วเดินตามผมเข้าบ้าน แม่นั่งพับดอกบัวอยู่ม้าหินอ่อนหน้าบ้าน

"หวัดดีครับแม่" พี่ตั้มทักทายก่อน

"อ้าวไปไหนกันมาลูกกลับมาเสียค่ำมืด กินข้าวกินปลากันมาหรือยัง"

แม่ละสายตาจากดอกบัว

"ยังเลยครับ พาน้องไปดูหนัง ไม่คิดว่ามันจะฉายนานขนาดนี้ หิวข้าวเหมือนกัน แม่มีอะไรให้ทานไหมครับ"

พี่ตั้มไปนั่งตรงข้ามแม่ ผมไหว้แม่เสร็จก็เดินเข้าไปในครัว หาน้ำมาให้พี่ตั้ม

"พรุ่งนี้วันพระเหรอครับแม่" พี่ตั้มยังคงถาม

"จ๊ะ กะจะเตรียมเอาไว้ใส่บาตรน่ะจ๊ะ โยๆ ลูก พาพี่เขาไปกินข้าวก่อนไป แม่ทำแกงส้มดอกแคไว้ อุ่นเสียหน่อย ไปกินข้าวก่อนเถอะลูก"

ผมเอาน้ำมะตูมที่แม่ต้มไว้ ใส่น้ำแข็งมาให้พี่ตั้มแก้วหนึ่ง ให้แม่อีกแก้วหนึ่ง

"ไปกินข้าวดีกว่าครับพี่ตั้ม เดี๋ยวค่อยออกมาคุยกับแม่"

ผมชวนพี่ตั้มจึงยอมลุกตามผมมา ผมกินข้าวกับพี่ตั้มแป๊บเดียวเพราะพี่ตั้มเขากินข้าวเร็ว ส่วนผมกินไม่เยอะ เพราะดึกแล้ว พี่ตั้มออกไปคุยกับแม่ ส่วนผมก็เก็บกวาด พี่ตั้มขอตัวกลับบ้านเกือบเที่ยงคืน ผมออกไปส่งหน้าบ้านแล้วจึงกลับเข้ามาคุยกับแม่

"แล้วพรุ่งนี้จะตื่นทันเหรอครับแม่ นอนดึกเชียว"

ผมถามพลางเก็บดอกบัวที่พับเสร็จแล้วให้

"ก็นอนเวลานี้ประจำนี่ลูก เราล่ะเป็นไงบ้างสอนน้องน่ะ" แม่ถาม

ผมไม่รู้จะตอบว่าไงดี

"ก็ดีครับ แม่เดี๋ยวโยไปอาบน้ำก่อนนะเดี๋ยวลงมาปิดบ้านให้ แม่ขึ้นนอนได้เลย"

ผมบ่ายเบี่ยง สรุปกว่าผมจะได้นอนก็เกือบตีหนึ่งเข้าไปแล้ว
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 10-03-2010 19:32:51
+ ให้กำลังใจเรื่องใหม่ค่ะ พลอตน่าสนใจดี

สู้ๆ จ้า รออ่านต่อ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: jadezii ที่ 10-03-2010 20:43:11
อยากอ่านๆๆ เดี๋ยวกลับมาอ่านพรุ่งนี้  :impress2:
 :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 10-03-2010 20:55:31
เด๋วอ่านก่อนนะคะ

ไอ่เจ้าเอ...กวนประสาทเป็นที่สุด น่าเอาหนังสือยัดปากนะ จะได้เงียบๆ เกรียนจริงๆ
เห็นโยภาพลักษณ์รูปร่างหน้าตาน่าแกล้งอ่ะดิเลยปากดี ไอ่เดะนี่ โยก็ใจร่มๆนะ
ลงมาสอนมันข้างล่างก็ดีนะจะได้ไม่อันตราย....ที่มันบอกว่าของแม่แยะไม่อยากเรียนข้างล่าง
แล้วลากโยขึ้นไปห้องมันที่รกกว่าอ่ะนะ  เหอะๆ..ไอ่เดะขี้เกียจฟังไม่ขึ้น


ปล. สู้ๆนะคะ จะเป็นกำลังใจให้ +1
ปล.2 ถ้าอยากแก้หัวเรื่องเพื่ออัพเดทวันและตอนที่เราจะอัพ
ทำได้โดย กดตรงคำว่า modify ตรงหัวมุมขวาของเม้นแรกนะคะ
เราก็จะสามารถอัพเดท วันและตอนเราลงได้คะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 10-03-2010 21:09:59
                                           ตอนสาม ค้าบบบบ


ผมตื่นตอนหกโมง ด้วยเคยตื่นเช้าจนชิน ถึงจะนอนดึกแค่ไหน พอหกโมงร่างกายมันก็ปลุกให้ตื่นเอง ผมเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวเสร็จก็ลงมาที่ครัวทำอาหารดีกว่า ว่าแล้วก็เปิดดูตู้เย็น เห็นเนื้อปลากะพงอยู่ในแพ็ค วันนี้ทำข้าวต้มปลาดีกว่า ทำไปนานเท่าไหร่ไม่รู้จนได้ยินเสียงแม่เดินลงมาจากบนบ้าน

 “ตื่นแล้วเหรอครับแม่ วันนี้โยทำข้าวต้มปลา แม่จะทานเลยไหม กำลังร้อนๆเชียว”

แม่ใส่กางกางขาสั้นกับเสื้อยืดสีปูนตัวโคร่ง ผมเผ้าจัดเรียบร้อยแล้ว

“ตื่นนานแล้วลูก ใส่บาตรเสร็จล่ะ แต่แม่กลับขึ้นไปไหว้พระ ยังไม่กินหรอกลูก แม่จะไปรดน้ำต้นไม้สักหน่อย เมื่อวานเห็นกุหลาบกำลังตูมเชียว”

ว่าแล้วแม่ก็เดินออกไปหน้าบ้านรดน้ำต้นไม้


หน้าบ้านของเราแม้จะไม่กว้างใหญ่นัก แต่แม่ก็ปลูกไม่ดอกไว้เต็ม มีทั้งมะลิที่ปลูกไว้ริมรั้วข้างบ้านน้าสา ยาวจากกำแพงหน้าบ้านจรดตัวบ้าน อีกฝั่งที่มีต้นจำปี ข้างๆก็มีกุหลาบอยู่สามสี่กอ ปกติผมเป็นคนรดน้ำต้นไม้ตอนเช้าๆ ส่วนแม่จะคอยมาเก็บผลผลิต เพราะแม่นอนดึกกว่าผม ปกติผมจะตื่นช้ากว่านิดหน่อย แต่เมื่อคืนคงนอนดึกไปหน่อย ผมเทน้ำส้มสำเร็จใส่แก้วแล้วเดินเอาออกไปให้แม่ ผมนั่งลงตรงม้าหินอ่อนดูแม่รดน้ำอย่างสบายใจ

“เออ สอนน้องเป็นไงบ้างลูก”

แม่ถามคำถามเมื่อคืน โดยที่สายตายังคงมองกอกุหลาบอยู่

“อ้อ ก็ดีครับ” ผมตอบแบบไม่ค่อยเต็มเสียง ไม่อยากให้แม่ไม่สบายใจ

“น้องเขาดื้อล่ะสิ เห็นพี่ปริศนาก็บอกอยู่เหมือนกัน กลัวว่าโยจะทนไม่ได้ เพราะตาเอค่อนข้างจะเกเรอยู่สักหน่อย คงจะดื้อเงียบ ยังไงก็อดทนเอานะลูก เราโตกว่าน้องมัน เห็นอะไรไม่ดีก็คอยบอกคอยเตือนน้องมัน อย่าเอาแต่อารมณ์เป็นใหญ่”
แม่หันมาผมไม่รู้จะทำหน้ายังไง แม่คงรู้ เพราะผมปิดแม่ไม่ได้สักเรื่อง

“น้องเอ ก็ดีนี่ครับแม่ เห็นตั้งใจเรียนดี”

ผมตอบแก้เก้อไป แต่ความจริงเอก็หัวไว เพราะเท่าที่สอนเบื้องต้นไปเมื่อวาน เวลาถามเขาตอบได้ และดูเหมือนที่เขาไม่เก่งวิชานี้เพราะเขาไม่ใส่ใจเองไม่ใช่ว่าเป็นคนหัวทึบ ทั้งที่จริงเป็นคนฉลาดมาก นับว่าฉลาดเป็นกรดเลยทีเดียว

 “งั้นผมไปอาบน้ำก่อนนะครับ นัดน้องไว้เก้าโมงเดี๋ยวสาย ข้าวต้มอยู่ในครัวนะครับแม่”

ผมต้องรีบเลี่ยงตัวออกมา แต่ความจริงแม่ก็คงไม่ซักหรอกเพราะแม่เองก็รู้เหมือนกัน ว่าผมเองก็ปากแข็ง

พออาบน้ำเสร็จก็ออกจากบ้าน เดินออกมาจากซอยอ่อนนุช ๒๔ แล้วก็นั่งรถสองแถวออกมาลงตรงคาร์ฟูล แล้วเดินไปข้ามสะพานลอยไปนั่งรถเมล์ วันอาทิตย์รถไม่ติด คงไปถึงที่เอกมัยรวมเดินเข้าซอยน่าจะแปดโมงกว่าๆ ผมกดกริ่งคราวนี้เริ่มไม่ประหม่า แต่พอคิดว่าวันนี้ มันจะมาไม้ไหนกับผมอีก ก็ชักจะหวั่นๆ ความจริงเงินค่าจ้างก็ไม่มากมายนัก แต่ด้วยความสัมพันธ์ทางแม่กับอาจารย์ปริศนา ทั้งตัวอาจารย์ปริศนาเองเป็นคนเข้าไปขอร้องผมถึงบ้าน จะบอกปัดไปก็จะเสียทางแม่ ผมจึงรับสอน ไม่คิดเลยว่าเด็กมัธยมปลายคนที่ตัวใหญ่กว่าเด็กธรรมดาจะทำให้ผมหวั่นใจได้เพียงนี้

“หวัดดีครับ ครู”

เสียงโอทัก ผมยกมือไหว้ตอบ แหมทีคนเป็นน้องนี่น่ารักอย่างกะคนละท้องแม่
 
“หวัดดีครับ น้องโอ ตื่นแต่เช้าเชียว ไม่ไปว่ายน้ำเหรอครับ”

“กำลังจะไปครับ เมื่อวานโอว่ายน้ำเป็นแล้ว ง่ายมาก วันนี้จะไปว่ายท่าใหม่”

 “เก่งจังครับโอ” ผมชม

โออยู่ชั้นประถมสี่ ตัวโตกว่าเด็กประถมสี่ ถ้าจะให้คาดคงเป็นเพราะพันธุกรรม อย่างที่อาจารย์ปริศนาบอก

“แม่กำลังเตรียมของอยู่ครับ ส่วนพี่เอยังไม่ตื่น ครูกินข้าวมาแล้วเหรอครับ”

โอยังคงพูดจ้อยๆ นำหน้าผมเข้าบ้าน

“น้องโอ ทำไมเรียกพี่ว่าครูล่ะครับ พี่แค่มาสอนพิเศษเสาร์อาทิตย์เองนะ”

 ที่จริงผมรู้สึกซาบซ่านต่างหาก ไม่เคยได้ยินเคยได้ยินแต่เด็กๆเรียกแม่ ว่าครู แต่พอมาได้ยินเอง หัวใจพองโตเชียว ความรู้สึกดีมากๆ

“ก็ครูเป็นคนสอนพี่เอนี่ครับ แม่บอกว่าคนที่สอนเราเป็นครูได้ทั้งนั้น ครูไม่ชอบเหรอครับ”

ผมอมยิ้มรู้สึกเขิน เด็กสองคนนี่เหมือนกันอยู่อย่างคือเวลาพูด บางทีก็ไม่เหมือนเด็ก อีกอย่าง นี่ล่ะนะลูกครู

“เปล่าครับ พี่ชอบ”

“อ้าวโย มาแล้วเหรอลูก มาๆ กินข้าวกับโอ แม่ทำแกงจืดหมูตำลึง ร้อนๆเชียวลูก”

อาจารย์ปริศนาร้องทักมาจากในบ้าน เมื่อเห็นผมก้มถอดรองเท้า ผมต้องรีบเด้งตัวขึ้นยกมือไหว้เป็นพัลวัน

“วันนี้ ก็ยุ๊งยุ่ง ตาโอก็ตื่นตั้งแต่ไก่โห่ คงจะชอบว่ายน้ำ เมื่อวานว่ายไม่ยอมขึ้น จนครูฝึกต้องขู่เอาถึงยอม เราก็กลัวมันจะเป็นไข้ กลับมาไปแย่งเล่นเกมกับพี่อีก แม่ล่ะปวดหัว ส่วนรายนั้นตื่นหรือยังไม่รู้แม่ยังไม่ได้ปลุก อย่าว่าแม่เลยนะลูกโย ลำพังลูกคนเดียวนี่ก็กระเตงไปนั่นมานี่ ดันมามีสองคน ไปกันใหญ่เลย”

ว่าแล้วอาจารย์ปริศนาก็หัวเราะ บ่นแต่ขำผมก็งง แต่ก็ดีเหมือนกันจะได้ไม่เครียด โอนั่งกินข้าวอย่างตั้งใจ คงอยากจะไปว่ายน้ำเต็มที ส่วนผมขอตัวมานั่งที่โซฟา เตรียมเอกสารที่จะสอนเจ้าตัวดี

“โอๆ กินเสร็จไปปลุกพี่เอด้วยนะลุก พี่โยเขามารอแล้ว เวรกรรม คนสอนมาตรงเวลา คนเรียนมันไม่เอาไหนเลย”

“ไม่เอาหรอก โอไปปลุกมากินข้าวแล้ว พี่เอไม่ยอมตื่น”   โอพูดพลางเคี้ยวข้าวตุ้ยๆ

“งั้น กินเสร็จเอาของไปเก็บที่รถนะจ๊ะ เดี๋ยวแม่ไปปลุกพี่เขาก่อน โทษทีนะลูกโย น้องมันก็เป็นแบบนี้ล่ะ วันหยุดทีไรตื่นสายทุกที โยนั่งเล่นไปก่อนนะลูก ของกิน น้ำเนิ้มอยู่ในตู้เย็นนะลูก ถือว่าเป็นบ้านของตัวเอง”

 อาจารย์ปริศนาหันมาทางผม น้ำเสียงแกดูอบอุ่นเหมือนแม่ ถึงจะบ่นให้ลูก แต่เสียงบ่นนั้นก็เต็มไปด้วยความห่วงหาอาทร อาจารย์ปริศนาขึ้นไปชั้นบน ส่วนผมก็ได้แต่ถอนหายใจ มองดูจอโทรทัศน์

“น้องเขาตื่นแล้วนะลูก ให้อาบน้ำแป๊บเดียว งั้นแม่ฝากด้วยนะ แม่ต้องไปก่อนละ ตาโอนั่งรอในรถแล้ว ขอบใจมากนะโย”

อาจารย์ปริศนาเดินมาตบบ่าผมเบาๆ ผมลุกขึ้นเดินออกไปส่ง โอดูร่าเริงมาก โบกไม่โบกมือให้ พอรถเลี้ยวออกไปจากบ้านผมก็ไปปิดประตูหน้าบ้าน แล้วก็เข้ามาในบ้าน นั่งดูโทรทัศน์รอเออาบน้ำ ดูไปนานจนจะสิบโมงไม่เห็นทีท่าว่ามันจะลงมา หรือเรียกผมสักคำ ยังคงเงียบกริบ ผมตัดสินใจเดินขึ้นไปชั้นบน ผ่านประตูห้องน้ำเห็นเปิดอยู่ แสดงว่าออกมาแล้ว ผมจึงเคาะประตู

“เอๆ เสร็จหรือยัง” เงียบ “เอๆ พี่เข้าไปนะ”

ผมพูดกึ่งตะโกน ผมค่อยๆเปิดประตูเข้าไป ไม่เห็นมีแสงใดเล็ดลอดออกมาจากห้อง ผมเปิดประตูเข้าไปเต็มที่ แสงจากภายนอกสาดเข้ามา เขายังนอนอุตุอยู่ที่เดิม รู้สึกโมโหขึ้นมาทันที ผมปราดเข้าไปข้างๆเตียง

“นี่เอ ทำไมยังไม่ตื่น” ผมพูดเสียงดัง

“อือ อือ”

 เขาครางอยู่ในคอแล้วดึงผ้าห่มขึ้นคลุมโปง

“อือ อือ อะไร จะเที่ยงอยู่แล้วเนี่ย พี่มารอตั้งนานรู้ไหม”

ผมตะโกนดังกว่าเดิม แต่เขาก็ไม่กระดิก ผมเม้มปากอย่างแค้นใจ เอากูอีกแล้ว ไอ้เด็กบ้า ผมวางเป้ลงแล้วเดินไปเปิดผ้าม่านปิดแอร์ เปิดหน้าต่างทุกบาน

 “โว้ย อะไรนักหนาวะ คนจะนอน”

เขาดีดตัวขึ้นทันที ตะโกนใส่ผม ตกใจเหมือนกัน ผมทำเป็นไม่ได้ยินเดินมาเปิดไฟ

 “อะไรวะ แม่งกวนตีน คนจะนอน”

เขาตะโกน หน้าตาดูเอาเรื่อง แล้วก็เอาผ้าห่มคลุมโปงเหมือนเดิม ผมยืนนิ่งอยู่นาน นี่ไม่ทันได้สอนกันเลย จะอารมณ์เสียแล้ว ทนวะทน เพื่อแม่เอ้าอย่างน้อย ผมบอกตัวเอง

“เอ มันสายมากแล้วนะ”

ผมพูดเสียงเครียด เพราะรู้สึกโกรธเหมือนกัน ผมเดินไปห่างเตียงพอสมควรเพราะกลัวโดนลูกหลงมัน มีคนเคยบอกเวลาคนนอนอย่าไปกวน เพราะถ้าเจอพวกโมโหร้ายอาจจะซวยได้

“โว้ย จะนอนโว้ย”

เขาตะโกนในผ้าห่ม ผมหมดความอดทนเพื่ออะไรผมถามตัวเอง

 “งั้นพี่ขอโทษนะที่มารบกวน”

ผมพูดเน้นคำ ไม่คิดว่าจะยอมเขาง่ายๆแบบนี้ ทั้งที่เมื่อคืนบอกกับตัวเองว่าจะทน ไม่ว่าเขาจะมาไม้ไหน จะยอมทน แต่เจอเข้าแบบนี้ เขาเดายากเหลือเกิน ปกติผมไม่เคยโดนใครตะคอกใส่ เว้นแต่ตอนรับน้อง อันนั้นก็ยกไปเพราะเรารู้และเตรียมใจไว้แล้ว แต่พอมาใช้ชีวิตปกติประจำวันแบบนี้ ไม่ได้คาดหวัง ผมก้มลงหยิบเป้อย่างห่อเหี่ยว ท้อใจ ในใจก็เต้นโครมคราม ทั้งโกรธทั้งโมโห เขาลุกพรวดพราดขึ้นมา ตายังปรือๆอยู่ เขามองผมเหมือนคนที่มากวนเวลาอันเป็นส่วนตัวของเขาจริงๆ

“นอนต่อเถอะ พี่ขอโทษที่กวน พี่คงกลับล่ะ”

ผมก็จ้องเขาเขม็งเหมือนกัน ผมหันหลังเดินออกจากห้อง

“เดี๋ยว” เขาตะคอก

 ผมชะงักเพราะตกใจ

“อะไรวะ ขี้น้อยใจเหมือนผู้หญิงเลย ไหนบอกไม่ใช่ตุ๊ดวะ”

 เหมือนโดนเขากระโดดถีบข้างหลังหัวคะมำไปข้างหน้า ผมหันหน้าไปทันที

“นี่ มันจะมากไปแล้วนะ ฉันเป็นเพื่อนเล่นเธอเหรอ ไม่อยากเรียนก็ไม่ต้องเรียน แล้วก็ขอโทษ ที่เสนอหน้าเข้ามาเอง”

 ผมตวาดไปด้วยความโมโห สะบัดหน้ากลับทันที ไม่เอาแล้วเด็กแบบนี้ ใครสอนก็คงเอามันไม่อยู่หรอก ผมเดินออกจากห้อง แต่เขากระโดดมาคว้ามือไว้

“เฮ้ยพี่โย ผมขอโทษ นะนะ ยกโทษให้ผมนะ ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมง่วงน่ะพี่ นะนะ อย่าโกรธเลยนะ ผมขอโทษ ผมจะไม่ทำอย่างนี้อีกแล้ว”

เขาอ้วนวอนรั้งข้อมือผมไว้ ผมก็สะบัดออก รู้สึกรังเกียจยังไงพิกล

“เอไม่พร้อมที่จะเรียน ก็ไม่ต้องเรียน”

ผมยังเน้นเสียง แต่เสียงเบากว่าเมื่อครู่ เพราะรู้สึกว่าเวลาออกมาจากห้องเสียงมันสะท้อนดังกว่าเดิมอีก

“เฮ้ยพี่ ผมขอโทษ ผมขอโทษจริงๆ ผมจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว”

เขาพูดคำเดิม เสียงออดอ้อน ท่าว่ามันแสดงละครเก่ง ก็น่าจะใช่ ถ้าคนอื่นมาเห็นตอนนี้คงเหมือนผมกำลังรังแกเด็ก ม.ปลาย

“ไม่เป็นไรหรอก เอไม่ได้ทำอะไรผิด มันเป็นชีวิตประจำวันของเธอ พี่ไม่ถือ เรื่องแม่ของเธอก็ไม่ต้องกลัวหรอก เดี๋ยวพี่จะบอกท่านเอง ว่าพี่ไม่มีคุณสมบัติที่จะสอนเธอเอง ไม่ใช่เป็นเพราะเธอ”

ผมหยุดเพราะรำคาญที่เขาเขย่ามือ ที่จริงผมแกะไม่ออก ผมยังโมโหอยู่ แทบจะไม่ได้ยินเสียงของเขาเลย นี่หรือที่เขาบอกโกรธจนลมออกหู

“โธ่พี่ ผมขอโทษ พี่จะให้ผมทำยังไงล่ะเนี่ย พี่ถึงจะยอม”

ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ไม่อายไม่แอบ ทำให้เขาเห็นว่าผมกำลังรวบรวมสมาธิ เขาคงคิดได้ว่าถ้าผมไม่สอนจริงๆแล้ว อาจารย์ปริศนาคงมีมาตรการที่จะจัดการกับเขาเป็นแน่ คิดแล้วก็แอบสะใจ แต่นะเราเองก็จะยอมเพราะเด็กมันเป็นแบบนี้ก็ใช่เรื่อง

“ทำไม ถึงทำแบบนี้ล่ะ พี่รู้ว่าเธอไม่อยากเรียน หรือไม่ชอบให้ใครมากวนใจเธอ รู้ไว้นะ ถ้าไม่ใช่ว่าอาจารย์ปริศนาอยากเห็นเธอสอบเข้าเรียนวิศวะ ตามที่เธออยากเรียน พี่ก็จะไม่ช่วย เงินมันไม่ได้สำคัญหรอก แต่พี่สงสารคนที่เป็นแม่ ผู้หญิงคนเดียวอุตส่าห์อดทนต่อความยากลำบากเพื่อที่จะทำให้ฝันของลูกชายเป็นจริง ถึงแม้ลูกชายจะห่วยแตกแค่ไหนก็ตาม”

ผมเน้นคำสุดท้าย จ้องหน้าเขาเขม็ง หน้าเขาสลดลงทันที แววตาดูน่าสงสารขึ้นมา ในใจผมเองก็ตกใจ พูดแรงไปหรือเปล่า เขาก้มหน้านิ่ง แต่ยังกุมข้อมือผมอยู่ แต่ด้วยความที่เขาตัวสูงกว่าผมถึงแม้ว่าเขาจะก้มหน้า กริยาอาการต่างๆ ก็ใช่ว่าผมจะไม่เห็น เขาก้มหน้าเพื่อที่จะอมยิ้ม พระแม่ลักษมี มือข้างที่เว้นจากการเกาะกุมของเขา ฟาดไปเต็มแรงที่บ่า

“โอ๊ย พี่ตีผมทำไมเนี่ย เจ็บนะ”

เขาร้องพร้อมกับกระโดดหนี

“หนอย เลว ไอ้เราก็คิดว่าสลดใจ เหลือขอที่สุด”

ผมกะตามเข้าไปฟาดอีกที เพราะโมโหน็อตหลุดไปแล้ว

“ตลกมากเหรอ ห๊า ที่ฉันพูดแล้วมันตลกมากนักเหรอ”

คราวนี้ผมไม่ได้สนใจว่าเสียงจะก้องบ้านแล้ว ตวาดเสียงดังลั่น คิดว่าถ้าเขาสำนึกได้ประโยค

“เอาเถอะ”

ก็กำลังจะตามมา แต่เวรแท้

“เปล่า ไม่ตลก”

เขายังมีหน้ามาพูด สีหน้าไม่มีความเศร้าสลดเหมือนเมื่อครู่เลย กับดูร่าเริงกับสิ่งที่กำลังเผชิญอยู่

“เปล่า แล้วยิ้มอะไรหา นิสัยเสีย”

ผมตวาดไล่กวดเขาให้จนมุม

“เปล่าพี่ แต่เวลาพี่โกรธแล้วแก้มแดงๆ น่ารักดี”

 เหมือนโดนน้ำเย็นสาดตอนเล่นน้ำสงกรานต์ เขาพูดหน้าตาเฉยขณะที่ผมรู้สึกเหมือนลอยเคว้งอยู่กลางอากาศ

“ไอ้บ้า”

ทำไมไม่เข้าใจ ผมเขินมัน เขินมาก รู้สึกอาย เหมือนโดนล้อ

“โหยิ่งอาย ยิ่งหน้าแดง น่ารักนะเราเนี่ย”

กรรมของยศภาคที่ต้องมาเผชิญชะตากรรมเช่นนี้ ผมอายครับ อายโดยไม่รู้สาเหตุ จากที่เราเป็นต่อมัน โดนหักมุมให้เราเป็นรอง ตายแล้วเพิ่งรู้ว่าผมแพ้คำเยินยอ ไม่ใช่สิ เคยโดนคนพูดแบบนี้มาก็เยอะ ทำไมไม่อายขนาดนี้ โอ๊ย อะไรกัน ผมด่าทอตัวเองอยู่ในใจ


“ผมขอโทษจริงๆนะพี่ ผมขออาบน้ำแป๊บเดียว นะนะ”


เขา เข้ามาเขย่าแขนให้ผมตื่นจากภวังค์ แล้วก็วิ่งกลับเข้าไปในห้อง ผมสิ ยืนหน้าแดงอยู่ เพราะโกรธผมเชื่อว่าโกรธเยอะกว่าอาย ไม่มีทางผมไม่อายมันหรอก นี่ถ้ามันรู้ว่าผมอ่อนให้กับเรื่องง่ายๆ แบบนี้แล้ววันหลังมันก็จะเอาใหญ่อีกสิ ไม่ได้ๆ ผมยังยืนอยู่ที่เดิม รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นลม ไม่มีร่าง ยืนเอ๋ออยู่จนมันวิ่งออกมาจากห้อง
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 10-03-2010 21:16:24
แง่มๆ คำก็ตุ๊ด สองคำก็ตุ๊ด แบบนี้ต้องวีนนนน :m31: :m31:
อีกอย่างนะคะ ถ้าใจอ่อนก็จะเสียคน..เรียนไม่เป็นอันเรียน
ต้องให้ครูสอนพิเศษมาปลุก เฮ้อไอ่เดะนี่
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: kny ที่ 10-03-2010 22:33:51
แหย่ให้โกรธแล้วขอคืนดี  ตบหัวแล้วลูบหลังนี่ อย่าไปยอมมานนนน
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 11-03-2010 02:13:12
 :L2: รับเรื่องใหม่
สนุกมาก



+1
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 11-03-2010 07:34:35
ขอบคุณ ทุกเมนต์นะค้าบบบ มีกำลังใจเขียนขึ้นเยอะเลย ต่อด้วย ตอน สี่เลยนะค้าบบบ




                                        ตอนสี่ค้าบบบบ



เอนุ่งกางเกงขาสั้นตัวเดิมแต่ไม่ใส่เสื้อ มีผ้าเช็ดตัวคล้องคอ ผมจ้องเขาอย่างไม่ตั้งใจ

 “ทำไมจ้องจังล่ะพี่ อยากดูของผมเหรอ”

“ไอ้บ้า น่าดูตายล่ะ”

รู้สึกเขินเหมือนกัน แต่ผมเองก็ไม่หลบสายตา เพราะท่าทำเกินจริตเดี๋ยวมันก็เข้าใจเป็นอย่างอื่นอีก ขี้เกียจจะต่อความยาว สาวความยืดกับมัน ในใจก็พยายามดึงสติเถียงกับตัวเองว่าจะอยู่หรือกลับบ้านดี

“โห ดูใหญ่เลยโว้ย จะเข้ามาถูหลังให้ผมไหมล่ะพี่ เผื่ออยากจะดูมากกว่านี้”

“รีบๆอาบเข้าเถอะ เสียเวลา”

ผมตัดรำคาญ เพราะรู้ว่ามันคงถนัดเรื่องกวนใจคนอื่นอยู่แล้ว ขืนไปโต้คารมด้วยมีหวังยาว สรุปอยู่ต่อก็อยู่ ไหนๆมันก็มาขั้นนี้แล้ว ผมวุฒิภาวะเยอะกว่ามัน อย่าปล่อยให้ใจวอกแวก มันจะมาไม้ไหนก็ต้องอดทน เข้มแข็งไว้นะโยๆ ผมปลอบตัวเองเหมือนเด็ก แล้วรีบเดินเข้าไปในห้อง ตอนแรกกะว่าจะเก็บผ้าห่มให้ แต่ถ้าทำมันคงพูดไม่หยุดเลยไปเตรียมหนังสือที่จะสอนมัน แล้วก็นั่งอยู่เก้าอี้หน้าโต๊ะอ่านหนังสือ เข้มแข็งไว้ๆ ไม่ฟุ้งซ่านๆ จะสอนมันเรื่องไหนดี เรื่อง Tense มันก็ยังไม่ได้ แต่การใช้ Verb ก็ยังอ่อน จะเอาจากตรงไหนดี กรรมแท้ๆ ผมคิดวกไปเวียนมา ไม่เข้าไม่ออก พยายามดึงสติ และจิตวิญญาณกลับมาไม่ให้ลอยไปตามคารมที่ผ่านมาของมัน ไม่คิดๆ

“คิดอะไรอยู่เหรอพี่ ใจลอยเชียว”

ผมสะดุ้งเพราะมันมายืนอยู่ข้างหลังแล้วคร่อมผมไว้ หน้าแทบจะติดกันจนได้กลิ่นสบู่

“โอ๊ะ ทำไมไม่เปลี่ยนเสื้อผ้า”

ผมไม่รู้จะพูดอะไร

“ก็กำลังจะใส่อยู่นี่ไง ตัวหอมนะเนี่ย ยิ่งอยู่ใกล้ๆยิ่งหอม”

ว่าแล้วมันก็สูดหายใจเข้าแรงๆ มันแกล้งผม ผมยังสั่นอยู่เพราะตกใจ ไม่ใช่ไม่เคยเจอแบบนี้ แต่ไม่ได้คาดหวังอีกแล้วว่าจะเจอ มันเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า ส่วนผมทั้งโมโหทั้งตกใจ รู้ทั้งรู้ว่ามันจงใจแกล้ง แต่ในใจก็กระเจิดกระเจิง เหมือนคนวิ่งหนี วัวบ้าในทุ่งกว้าง ยิ่งหนี มันยิ่งตาม

“เฮ้ย”

 ผมอุทานด้วยความตกใจ เพราะมันคลี่ผ้าเช็ดตัวลงมากองที่พื้น โดยที่ตัวล่อนจ้อน ยืนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า

“ทำไมพี่ หน้าตาตกใจเชียว เฮ้ย อย่ามองผมแบบนั้นดิ ไหนบอกไม่ใช่ตุ๊ด”

มันรีบนุ่งกางเกงขาสั้นสวมเสื้อยืดทันที

“เอ่อ”

ผมพูดไม่ออก ไม่ได้อยากจะมอง แต่มันเหมือนใครจับหน้าไว้ไม่ให้หันหนี ไม่คิดว่ามันจะกล้าทำได้มากขนาดนี้ หรือมันอาจจะไม่คิดอะไร ไม่นะ ผมก็ไม่ได้คิดอะไร โอย วันนี้มันอะไรกันนี่ โมโหก็โมโห อยากจะเตะมันสักที กวนดีนัก มันทำเป็นทองไม่รู้ร้อนเดินมาที่โต๊ะแล้วไปหยิบโต๊ะญี่ปุ่นมากาง เดินมาหยิบสมุดกับปากกา

“จะเริ่มกันยังล่ะพี่ ผมไม่อยากเสียเวลา”

แหมไอ้เวร ดูมันพูด ผมได้แต่ถอนหายใจ มันทำให้ความคิดที่กระเจิดกระเจิงเตลิดเปิดเปิงกลับมาทันที

“อ่ะนะ”

ผมพูดไม่ออก เหมือนว่ามันผลักความผิด ความอัปยศอดสูมาใส่ผมโดยสิ้นเชิง ผมต้องจำใจเดินไปนั่งลงตรงข้ามมัน อย่างเคยมันอมยิ้ม ยิ้มเหมือนคนที่ถือไพ่เหนือกว่า เป็นยิ้มที่อยากจะต่อยปากมันสักที

“วันนี้เราจะเรียนเรื่อง tense ละกัน พี่ขอเทสต์หน่อยนะ ว่าเราพื้นฐานเป็นยังไงบ้าง อ่ะ ประโยคนี้เป็นประโยคอะไรครับ”

ผมเขียนประโยคขึ้นมาแล้วยื่นให้เขาดู

“ลายมือไม่สวยอ่ะ อ่านไม่ออก”

เฮ้อ กูจะรอดไหมเนี่ย ชั้นเนี่ยนะลายมือไม่สวยไม่อยากจะคุย ตอนเรียนอยู่ชั้นเดียวกับแก ชั้นก็เป็นตัวแทนคัดไทยนะเว้ย ผมด่ามันอยู่ในใจ ต้องดึงกลับมาเขียนใหม่

“อ่ะอ่านได้ไหม”

ผมพยายามควบคุมสีหน้าให้เรียบเฉยที่สุด เท่าที่จะทำได้ ไม่อยากเล่นเกมกับมันแล้ว เหนื่อย

“อะไรล่ะพี่ เอ่อ มันน่าจะเป็น simple tense ป่ะ”

เขาตอบอย่างลังเล ไม่รู้ว่าแกล้งหรือลองภูมิ

“ I was sick. ประโยคนี้เป็น past tense โดยเราจะดูจากกริยา หรือ verb ซึ่งกริยา หรือ verb นี้เป็นตัวระบุการกระทำว่าเกิดขึ้นในอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต วิธีง่ายๆ ที่เราจะสังเกตว่าประโยคนั้นๆ เป็นประโยคอะไร ตัวอย่าง I was in Chaingmai last week with my girlfriend. ซึ่งนอกจากจะมีกริยาเป็นตัวบอกว่า เหตุการณ์นี้ได้เกิดขึ้นมาแล้ว คือได้อยู่มาแล้ว เป็นตัวระบุ ยังมี last week เป็น adverb ขยายว่าได้เกิดขึ้นเมื่อไหร่”

ผมเอาดินสอวงกลมให้มันดู วันนี้มันดูสนใจกว่าวันแรก แต่ก็มีบ่อยครั้งที่มันจ้องหน้าผมแล้วก็ยิ้มๆ ตอนแรกผมก็เขม่นใส่มัน แต่คิดๆดูแล้วมันน่าจะกำลังยั่วโมโหผมอยู่ จึงทำเป็นทองไม่รู้ร้อนบ้าง ผมสอนเรื่อง tense จนถึงเที่ยง มันหัวเร็วกว่าที่คิด นี่ถ้ามันเอาหัวเร็วๆของมันมาคิดเรื่องการเรียน ผมว่ามันน่าจะเป็นนักเรียนเรียนดีคนหนึ่ง แต่นี่ดันเอาสมองส่วนดีมาใช้งานในทางที่ผิด กรรมของอาจารย์ปริศนา ผมพอรู้แล้วว่าทำไมมันถึงเรียนวิชานี้ไม่ค่อยรู้เรื่อง เพราะมันเองนั่นล่ะที่ทำท่าไม่ใส่ใจเอง ทั้งที่พื้นฐานเป็นคนหัวไว

“ไปกินข้าวกันเถอะ”

ผมชวนมันก็พยักหน้าไม่ยักพูดอะไรแฮะ มันเดินนำหน้าลงมาจากห้อง ผมเดินตามลงมา มันเดินตรงไปนั่งที่โต๊ะกินข้าว

“มีอะไรกินไม่รู้ หิวแล้วเนี่ย”

เหมือนจะพูดให้ผมสนใจ แต่ผมคิดว่ามันพูดกับตัวเองมากกว่า ผมเปิดดูในหม้อมีแกงจืดเมื่อเช้า รู้สึกเมื่อวานอาจารย์ปริศนาก็ทำแกงจืดนี่

“แกงจืด”

ผมพูดขึ้นลอยๆ

“อะไรวะ แม่ทำเป็นแต่แกงจืดเหรอ วันก่อนก็แกงจืด กินทุกวันเลย”

 มันบ่น ผมไม่อยากพูดอะไรมาก จึงไปเปิดตู้เย็นดูของว่ามีอะไรที่จะพอทำให้ไอ้คุณชายมันยัดได้ไหม ผมเอาไก่ออกมา กับพริกหยวก ทำอย่างเดียวนี่ล่ะ ไม่ต้องหลายอย่าง ผมจะผัดไก่ใส่พริกหยวกให้มันกิน แล้วก็อุ่นแกงจืดนั่นล่ะ

“เปิดแก๊ส ตรงไหน”

ผมถาม แล้วหันไปหามัน

“ตรงโน้น”

มันใช้ปากบุ้ยชี้ทาง

“สบายจังนะ มาช่วยหั่นพริก”

 ผมออกคำสั่ง

“ไม่เอาอ่ะ ทำไม่เป็น พี่นั่นล่ะทำ”

 “ทำไม่เป็นก็กินแกงจืดนี่ล่ะง่ายดี” ผมชักรำคาญ

“ไม่เอา ไม่กินแกงจืด”

“ไม่กินก็มาหั่น อย่ามากความ”

 ผมหันหลังเอาไก่ออกจากล่องแล้วไปแช่น้ำ ไม่สนใจมันอีก สรุปมันก็ต้องเดินลากเท้ามาล้างพริก โฮะๆ รู้สึกสะใจ

“นี่คุณ หั่นกินนะไม่ใช่หั่นให้หมู นี่ หั่นแบบนี้”

ผมทนดูมันทำไม่ได้ เพราะเอามีดสับๆ ชิ้นใหญ่โต

“บอกแล้วทำไม่เป็น ก็ยังจะให้ทำอยู่นั่นล่ะ”

 “ทำไม่เป็นแล้วไม่ฝึก ไม่หัด เมื่อไหร่จะเป็น อย่ามาทำเป็นคุณหนู ไม่ทำก็ไม่ต้องกิน”

ผมขึ้นเสียง พูดแล้วก็น่าเห็นใจอาจารย์ปริศนา ลำพังลูกชายคนเล็กคงไม่เท่าไหร่ แต่ไอ้เจ้าตัวปัญหานี่ ท่าจะทำกลุ้มใจอยู่ไม่น้อย แม่เล่าว่าแต่ก่อน อาจารย์ปริศนาเคยจ้างแม่บ้าน แต่พอสามีเสียเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์ แกก็เลิกจ้างเพราะค่าใช้จ่ายเยอะ ต้องทำเองทุกอย่าง น่าเห็นใจ แต่ลูกชายมันจะรู้ไหมว่าแม่มันลำบากแค่ไหน ทำตัวเป็นคุณชายจับอะไรก็ร้อง

“ว่าแต่พี่ทำเป็นเหรอ”

 มันถามเมื่อหั่นพริกเสร็จ

“เป็นไม่เป็นก็กินได้ละกัน กลัวก็กินแกงจืด” ผมขู่

“โห ขู่ได้ขู่ดี จำไว้นะ”

มันย้อน จำไว้นะ ตายล่ะสิมันจะเอาคืนไม้ไหนอีกหนอ ผมหน้าซีดไป ทำไมต้องเกรงกลัวมันด้วยนะ ผมด่าตัวเองในใจ ผมเลยสั่งมันทำโน่นทำนี่แก้อาการของตัวเอง แม้มันจะบ่น แต่ก็ทำ พอเสร็จผมก็ตักข้าวใส่จานให้มัน

“เจียวไข่อีกดีกว่า”

 ผมพูดเพราะดูท่า ยักษ์คงเข้าสิงมัน แค่วางจานกับข้าวลงมันก็จ้ำก่อนแล้ว ผมเดินไปเจียวไข่อีกสามฟอง เดินกลับมาผัดพริกไก่ผมพร่องไปครึ่งจานแล้ว

 “โห เบาๆ พ่อคุณ ทีเมื่อเช้าไม่รู้จักลงมากิน”

 ผมเหน็บแต่ดูเหมือนมันไม่สนใจ ระหว่างกินข้าวมันไม่พูดสักคำ ตั้งหน้าตั้งตากิน คงจะหิวจัดเพราะกินข้าวสองจานพูนๆ

“อิ่มจัง”

 มันพูดอกมาแล้วเอาหลังเอนพนักพิง อย่างสบายใจ ผมอิ่มตั้งนานนั่งมองดูมันอยู่

“กินเสร็จก็ไปล้างจาน” ผมออกคำสั่ง

“โอ๊ย ไม่เอาหรอก ไม่เคยทำ” มันพูดหน้าตาเฉย

“กินเสร็จก็ต้องล้างจานสิ เราไม่ล้างแล้วใครจะล้าง”

 “ก็เดี๋ยวแม่กลับมาล้างเองล่ะ ขึ้นไปงีบก่อนดีกว่า” ดูมัน

“ไม่ได้ ไม่รู้เหรอว่าแม่ เขาเหนื่อยแค่ไหน แค่ล้างจาน ทำไมจะทำไม่ได้ มันยากเย็นนักเหรอ”

ผมทำเสียงดุ

“ทำไมต้องทำเสียงดุอย่างนี้ด้วยวะ”

 “วะ กับใคร เราไม่ใช่เด็กๆแล้วนะเอ พี่เป็นพี่เธอนะ ที่บอกอยู่เนี่ย ก็เพราะเห็นใจแม่ของเธอ แค่เรื่องแค่นี้ยังทำไม่ได้ แล้วจะเป็นหัวหน้าครอบครัวได้ยังไง”

ผมได้ที สวดไปอีกชุดใหญ่

“ผมยังไม่คิดที่จะมีครอบครัว มีแต่แฟนแต่เดี๋ยวก็คงเบื่อ”

มันยังดันทุรังไปได้อีก

“ นี่ ไม่รู้สึกอะไรบ้างเหรอ เธอเป็นลูกคนโตนะ ตอนนี้ก็จะ ๑๘ อยู่แล้ว น่าจะเป็นที่พึ่งให้กับ แม่และน้องได้ แต่นี่อะไร กลับเป็นคนที่ไม่เอาไหนที่สุด” ผมพูดลอยๆ

“พี่” มันโมโห ตบโต๊ะเสียงดัง จนผมเองสะดุ้ง มันจ้องผมเขม็ง

“พี่มาสอนแค่ ภาษาอังกฤษผมนะ ไม่ใช่มาก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวผม”

มันลุกขึ้นยืน ตัวที่ใหญ่อยู่แล้วเวลามันลุกนี่ยังกับยักษ์ ผมใจแป้วไปเหมือนกัน มันโกรธหน้าแดง กว่าตอนที่ปลุกมันเสียอีก

“ขอโทษ ก็แค่เตือนๆ”

ผมเสียงอ่อย ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเสียงอ่อยให้มัน

“งั้น เราขึ้นไปรอข้างบน อ้อ เธอไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้หรอกนะ สิ่งที่พี่พูดไป ถ้าไม่ใช่แม่เธอบอกให้ช่วยสอน ช่วยเตือน ฉันก็คงไม่พูด เพราะในชีวิตของพี่ตั้งแต่เกิดมา ไม่เคยมีเด็กคนไหนมาตวาดใส่พี่แบบนี้เหมือนกัน”

ผมเอาอาจารย์ปริศนามาเป็นข้ออ้าง มันเงียบเสียงลง ทำหน้าคิดเล็กน้อย เกลียดจังเลยเวลามันทำหน้าตาแบบนี้ อยากเข้าไปถีบมันสักที ผมพูดเสียงเรียบต่ำ มันดูหน้าเจื่อนไป แล้วก็สะบัดก้นเดินขึ้นบ้านไป พร้อมกับสบถเบาๆ ผมไม่อยากจะเล่า นับเป็นกรรมของผมเถอะที่ต้องเจอเด็กแบบนี้

หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 11-03-2010 08:09:06
รออ่านตอนต่อไป
สนุก น่าติดตาม :L2:



+1
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: aorta999 ที่ 11-03-2010 09:51:56
เขียนได้ดีัมากๆเลย อ่านแล้วไหลดี
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: jadezii ที่ 11-03-2010 12:07:17
สนุกมากขึ้นเรื่อยๆ  o13
รีบมาต่อนะคะ อยากอ่านต่อ ^^ :z2:
 :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 11-03-2010 14:21:34
ถามเพื่อนๆ หน่อยคับ ถ้าอยากทำให้มันเป็น หน้าถัดไปนี่ ต้อง อัพเรื่องลงตรงไหน ทำไมของเรามันเป็น หน้าแรก ตลอด อ่าา ช่วยด้วยๆๆ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 11-03-2010 17:40:29
                                               ตอนห้า ค้าบบบบบ



ผมล้างจานเก็บครัว เสร็จก็โทรศัพท์หาจ๋า อยากจะปรึกษาสักหน่อย เพราะรู้สึกว่าศึกวันนี้คงยังไม่จบแค่นี้
“แก มันเอาใหญ่เลยนะ ยั่วโมโหตลอดเวลาเลย ฉันจะทำไงดี”
ผมพูดเสียงเบา เพราะกลัวมันได้ยิน
“อะไรโย แกกลัวเด็ก ม.๕ ด้วยเหรอ ไม่ยักรู้ ยั่วมาก็ด่ามันไปสิ อย่าให้มันกำเริบ”
“โอยทำไปหมดแล้วแก ทั้งด่าแบบผู้ดี ด่าแบบผู้ร้าย มันสนที่ไหนล่ะ ฉันคนด่านี่สิจะบ้าตาย”
“แกก็ทำเป็นทองไม่รู้ร้อนสิแก ตีมึนเข้าไว้ แอ๊บแบ๊วใส่มันเลย”
“นะ ถ้าเป็นพลก็ดีสิ จะให้มันรู้ไปเลย”
ผม วางสายจากจ๋า โดยไม่รู้สึกว่าช่วยอะไรได้มากนัก แต่ก็ยังดีที่ได้ระบายออก เมื่อครู่เหมือนมันโกรธจริงๆ หรือว่าผมวุ่นวายกับมันมากเกินไป เจ้ากี้เจ้าการ ขี้บ่น มันคงจะรำคาญ ผมคิดพลางย่องขึ้นไปข้างบน ประตูห้องปิดสนิท ผมเงี่ยหูฟัง ไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมา หรือว่ามันโกรธจริงๆ หว่า ผมคิดอยู่นาน ก่อนจะตัดสินใจเคาะประตูเบาๆ ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง ผมเลื่อนมือไปบิดลูกบิดช้าๆ เขานั่งพิงเตียงอยู่ เตรียมตัวเรียนเต็มที่ ผมเองที่เป็นฝ่ายประหม่า เอาละสิ มันคงโกรธจริงๆ ชิ ดีเหมือนกันจะได้สอนอย่างเดียว ไม่ต้องออกนอกเรื่อง

“ช้าจังเลยพี่ เดี๋ยวผมก็ง่วงก่อนหรอก”  

มันเงยหน้าขึ้นมายิ้ม ส่วนผมก็งงสิครับ อะไรของมันนี่ หรือว่ามันอาจจะคิดได้ ที่ผมบอกไป

“พอดี พี่เก็บของอยู่น่ะ พักก่อนได้นะจะได้ไม่เครียด”

ผม พูดไปแก้เก้อ เพราะไม่รู้ว่าพูดอะไรกับมันดี มันนับเป็นคนที่เก่งมากในเรื่องปั้นหน้า ตอนอยู่ข้างล่าง หน้ายังบูดอยู่เลย แต่ถ้ามันไม่ได้ปั้นหน้า ทำไมมันเปลี่ยนอารมณ์ได้เร็วขนาดนี้ ผมคิดอยู่ในใจ พอดีกับโทรศัพท์มันดัง

“เฮ้ย กูเรียนอยู่ ไอ้สัตว์ กูก็ขอมีความรู้บ้างดิ ไอ้เหี้ย มึงทำห่าอะไรอยู่วะ”
มัน คงคุยกับเพื่อน แต่อย่างนี้ไม่น่าเรียกว่าคุย น่าจะเป็นการบริภาษกันเสียมากกว่า ผมตกใจเหมือนกันเพราะมันคุยเสียงดัง แต่ผมก็ทำท่าเปิดหนังสือ ไปเรื่อยเปื่อย ไม่สนใจ ไม่ได้ยินที่มันคุยกัน


“แค้นี้นะไอ้เหี้ย กูจะเรียน มึงจะไปก็ไปไอ้สัตว์ แม่งยั่วฉิบหาย”

มัน วางแล้วแล้วหันมามองผม ซึ่งนั่งทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ ที่จริงมันก็เป็นปกติของเด็กที่คุยกับเพื่อน เพียงแต่ผมไม่ค่อยพูด จะหนักสุด ก็แก กับ ฉัน มึงกูบ้าง ถ้าโกรธจริงๆ น้อยมาก จะด่า ก็อีบ้า ขุดเผือกขุดมันมาด่า

“ฟังเพลงไหมพี่”

มัน ถามขึ้นคงอึดอัดที่ผมไม่ยอมพูดอะไร ผมไม่ตอบได้แต่พยักหน้า ที่จริงกลัวมันจะแจกไอ้ตัวที่มันเพิ่งจะคุยกับเพื่อนเมื่อครู่ให้ผม คงไม่ไหวจะรับ มันลุกขึ้นไปเปิดเครื่องเสียง พอเครื่องเสียงทำงาน ผมก็เป็นอันสติแตก เพราะเพลงที่มันฟังจะออกร็อค รวมทั้งมันแหกปากไปตามเพลง เปิดก็เสียงดัง

“นี่ เปิดเบาๆ ไม่ได้เหรอ หนวกหู” ผมตะโกน

มันมองแบบไม่พอใจ แล้วก็ปิดเพลงเสีย แต่แวบหนึ่งผมเห็นมันอมยิ้ม รู้สึกเสียวสันหลังวาบ มันกลับมานั่งที่เดิม แล้วมองหน้าผม

“เจี้ยวแข็งว่ะพี่”

ไอ้ บ้า แล้วแกมาบอกฉันทำไมล่ะ ผมด่ามันในใจ เอากูอีกแล้ว แต่ผมก็ทำเป็นนิ่ง ไม่สนใจมัน แต่มันกลับเอาครึ่งตัวพาดมาที่โต๊ะ จมูกเกือบชนกับจมูกของผมเหลือช่องว่างอยู่ไม่กี่เซ็นต์ ผมเด้งตัวออก

“มันแข็งจริงๆนะพี่ จับดูดิ”

มันยังมีหน้ามาพูด อย่างลอยหน้าลอยตา แถมยังอมยิ้มคงเห็นว่าผมหน้าแดงเพราะอายหรืออะไรก็ไม่ทราบ

“เรามาเรียนต่อเถอะ ในเมื่อเธอจะไม่พัก”

ผมพยายามทำเป็นทองไม่รู้ร้อนอีกเหมือนเคย

“เรียน เรืองบนเตียงดีกว่าไหมพี่ เนี่ยมันไม่ยอมลงเลยอ่ะ”

โอ๊ย ไอ้เวร กวนประสาท อยากจะเหยียบให้มันหักไปเลยดีไหม จะได้เงียบสักที ผมเม้มปากกัดกราม ด่ามันในใจ พุทโธ พุทโธ  ผมพยายามเรียกสติกลับคืนมา

“นะนะ พี่จับให้หน่อย อยากให้พี่จับจริงๆนะ”

น้ำเสียงของมันตอนนี้ มันทำให้ผมรู้ว่ามันจงใจที่จะกวนประสาท อย่างนี้มันต้องเกลือจิ้มเกลือ ผมคิด

 “ไม่อยากจับครับ ไม่ถนัดน่ะ ถนัดแต่ทำอย่างอื่น อยากลองไหมล่ะ”

ผมเหลือบตาลงต่ำไปยังเป้าหมายที่ต้องการ เขากระเด้งตัวกลับทันที

 “เฮ้ย ไหนบอกไม่ใช่ตุ๊ด อะไรวะ”
”อ้าว แล้วทำอย่างนี้ทำไมล่ะ อย่ายั่วให้มากเดี๋ยวจะหาว่าพี่ไม่เตือน อย่างเธอน่ะไม่ใช่แนวพี่หรอกอย่าพยายามเลย” ผมเบะปาก
 “ทำไมผมไม่ดีตรงไหน”

อ้าวไอ้นี่อุตส่าห์พูดให้เสียกำลังใจ

“เอาเถอะ เอ ถือว่าพี่จะไม่มองเธอในเรื่องแบบนั้นหรอก ไม่ต้องกลัว เราจะเริ่มเรียนจากตรงไหนดี”

ว่าแล้วผมก็เปิดหนังสือ รู้สึกสะใจที่ทำให้มันหายบ้าได้

 “พี่ถามจริงๆเถอะ เขาทำกันยังไงเหรอ ผู้ชายกับผู้ชายเนี่ย” เขายังยื่นหน้ามาถาม

“นี่ จะอยากรู้ไปทำไม หรืออยากจะเป็นเหรอ ทำไมไม่คิดจะถามเรื่องที่ว่าพี่จะสอนยังไง สอนอะไรไม่ดีกว่าเหรอ”
”บ้าดิ ก็แค่อยากรู้ใครจะอยากเป็นตุ๊ด วิปริต”

ผมอยากจะด่ามันนักแต่ก็ห้ามใจเพราะถ้าโต้คารมคงจะยาว

“ไหนลองบอกพี่ซิ ประโยคนี้หมายถึงอะไร”
ผมเขียนประโยคสั้นๆให้เขาดู
 “ไม่รู้ อ่านออกอย่างเดียว”
มันเกาหัวแกรกๆ
”แล้วแปลไม่ออกเหรอ”
”ก็ไม่เชิง แต่ไม่รู้ว่ามันยังไง”
”อะไร ยังไง” ผมเริ่มงง
 “ลองเขียนประโยคสั้นๆ ซิ เอา ผมอยากจะดูหนังเรื่อง transformers”

ผมตั้งประโยคให้ มันหยิบปากกาขึ้นแล้วลังเลอยู่พักหนึ่งแล้วค่อยเขียน แล้วก็ยื่นให้ผมดู

 “เอาล่ะ ไหนลองแยกว่าอันไหนเป็นกริยา อันไหนเป็นกรรมให้พี่ดูหน่อยซิ”
ผม ยื่นกลับคืน มันเกาหัวแกรกๆ ถ้ามีเหาอยู่บนหัวนี่ เหาคงได้แช่งชักหักกระดูก เพราะมันเกาแรงเหลือเกิน มันลังเลสักพักจึงวงกลมตัวหนังสือ
“พี่รู้แล้วล่ะว่าเราจะเริ่มจากตรงไหนดี”
 ผมพยายามเอาวิชาความรู้ที่ร่ำเรียนมา ถ่ายทอดให้มัน แต่ดูเหมือนจะยากสักหน่อย เพราะมันสับสนกับรูปประโยค กับการใช้กริยา

“พี่วันหลังทำให้ผมบ้างดิ”

มันโพล่งขึ้น หลังจากที่ทำตามตัวอย่างที่ผมสอนไป

”ทำอะไรครับ”

ผมยังก้มหน้าดูหนังสือที่มันเขียนเพื่อดูความถูกต้อง

“ก็ทำอย่างที่พี่ทำกับผู้ชายคนอื่นน่ะ”

ไอ้นี่ ผมเงยหน้าขึ้นถลึงตาใส่เขาทันที
“เอ” ผมแว้ดใส่
 “จะทำตอนนี้เลยไหมล่ะ หา จะได้หมดเรื่องกันเสียที อยากรู้มากนักเหรอ”
”ก็แค่อยากรู้” มันยิ้มอย่างพอใจ
“มีเรื่องอื่นตั้งมากมายให้เรียนรู้ คิดบ้างสิ ไม่ใช่คิดแต่เรื่องแบบนี้”

ผมรู้สึกว่าโกรธ เหมือนคนเอาเข็มมาทิ่ม หรือกำลังนอนสบายๆแล้วมีมดคันไฟมากัด แต่ก็ไม่ได้ๆ จะให้มันเบนความตั้งใจของผมไม่ได้


“ไหนลองออกเสียงประโยคที่เขียนซิ “

ผมวกกลับเข้าตำรา มันก็ทำเป็นไม่ใส่ใจในสิ่งที่เพิ่งพูดออกมา แล้วออกเสียงเหมือนเด็กอนุบาล

“เคยดูหนังฝรั่งหรือเปล่าเอ”
”เคยดิพี่”
”ดูเขาพากย์เสียงหรือซาวด์แทรก”
”แหมพี่ อย่างผมต้องดูพากย์ไทยสิ ขี้เกียจอ่าน” อ้าว กรรมแท้ๆ
“วันหลังเดี๋ยวพี่เอาหนังมาให้ดู”
”ไม่เอาหนังโป๊นะพี่ ของผมมีอยู่เยอะแล้ว”

ผมได้แต่ส่ายหัว มันจะยั่วไปถึงไหนเนี่ย

“เวลาเราพูดภาษาอังกฤษ เราต้องออกเสียงให้ถูกนะ แล้วก็คำบางคำไม่จำเป็นต้องลากเสียงเหมือนเด็กท่องสูตรคูณอย่างนั้นก็ได้”
”พี่พูดให้ฟังหน่อยดิ”

ผมพูดประโยคง่ายๆให้เขาฟัง

 “โห อย่างนี้เพื่อนผมต้องว่ากระแดะแน่ๆ ออกเสียงซะเหมือนฝรั่งเลย”
อ้าว กรรมอีกแล้วอีกแล้วกู ทีพูดที่โรงเรียน หรือมหาฯลัย มีแต่คนชม

“แล้วเราคิดว่ามันดูเหมือนได้เรียนมากว่าที่เราพูดเมื่อตะกี้รึเปล่าล่ะ อันไหนมันดูน่าฟังกว่า” ผมย้อนเขาทันที

“ไม่ มีใครจะว่าเรากระแดะหรอกนะเอ คนที่เขาว่าอย่างนั้นเพราะว่าเขาทำไม่ได้ แล้วเราก็ไม่ต้องไปใส่ใจเขา เราเสียเงินเรียนแม่เราเป็นคนจ่ายค่าเทอม เราเรียนไม่เก่งไอ้คนที่ว่าเรากระแดะน่ะ เขาช่วยติวเราสอนเรารึเปล่าล่ะ มันมีแต่จะเหยียดหยัน เพราะฉะนั้น ทำในสิ่งที่คิดว่าดีและถูกต้องไม่ต้องไปสนใจคนอื่น”
”โหเทศน์เป็นชุดเลยโว้ย”
”ไม่ได้เทศน์ แค่บอกให้ฟัง”
”นั่นล่ะเทศน์ เหมือนแม่เลย”  โอ๊ย กูเซ็ง จะต่อปากต่อคำกับมัน ผมร้องในใจ
“เอาเถอะ ไหนเราลองพูดซิ” ผมตัดรำคาญ
“ไม่ คำนี้ต้องพูดอย่างนี้” ผมออกเสียงให้เขาดู
“ถ้าเราไม่อยากขยับปากมาก เราก็พูดอย่างนี้ก็ได้ แต่มันจะเหนื่อยเพราะจะใช้พลังจากคอมากกว่าปกติ ไหนลองใหม่ซิ”

มัน ยังทำท่าล้อเรียนผมอย่างสนุกสนาน แต่ผมก็พยายามเอานะโม เข้าข่ม มันเป็นมารชั้นเยี่ยมทีเดียว ถ้าไม่ติดแม่ผมรู้จักกับอาจารย์ปริศนานะ ผมเขกกบาลมันไปหลายทีแล้ว
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: aorta999 ที่ 11-03-2010 19:46:39
มาต่อไวไว นะคับ เนื้อเรื่องน่ารักดี
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: IRIS ที่ 12-03-2010 01:24:41
ขอบคุณค่า..

นักเรียนแบบนี้ :angry2:ทำเอาปวดประสาทเหลือเกิ๊น :serius2:

ถามเพื่อนๆ หน่อยคับ ถ้าอยากทำให้มันเป็น หน้าถัดไปนี่ ต้อง อัพเรื่องลงตรงไหน ทำไมของเรามันเป็น หน้าแรก ตลอด อ่าา ช่วยด้วยๆๆ

อัพไปเรื่อยๆ ค่ะ หน้านี้มี 19 รีพลายนะ(เท่าที่สังเกตุ) พอรีพลายที่ 20 ก็จะขึ้นหน้า 2 ให้เองจ้า..
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: bvan ที่ 12-03-2010 01:55:48
 :mc4: to be continuation.
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 12-03-2010 02:26:35
ชอบ รออ่าน :z2:




+1
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zeazaiz ที่ 12-03-2010 02:27:30
ปวดหัวกับเอแทนโยจริงๆ
 :m31:
ขอบคุณนะคะ
รออ่านต่อนะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: kei_kakura ที่ 12-03-2010 02:46:01
อ่านรวดเดียวจบเลย   บอกได้คำเดียวว่า....ไม่ผิดหรอกถ้านายเอกเราจะหลวมตัว....ก็เด็กมันยั่วนี่ค่า 55555+

รออ่านตอนต่อไปอยู่นะค่ะ สู้ๆ  :L2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Vesi ที่ 12-03-2010 03:10:42
"ก็เด็กมันยั่ว" วาจานี้มันใช้ได้ทุกยุคทุกสมัยจริงๆ
น่าต่อยปากจริงๆ เอะอะก็ตุ๊ด อะไรก็ตุ๊ด  :m31:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 12-03-2010 03:29:20
 :mc4: :mc4: :mc4:
+1 เจิมเรื่องใหม่ อิอิ พึ่งว่างเข้ามาอ่าน
อ่านแล้วแบบสนุกอ่ะชวนติดตามดีเจ้า เอ ก็กวนได้ตลอดเวลาแบบคนไม่รู้กาลเทศะเลย
หวังว่าตอนหน้าเจ้าเอจะกวนให้ได้ใจเหมือนตอนล่าสุึดนี้นะแล้วจะรออ่านต่อ
นิว(ยิ้มๆ)
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: jadezii ที่ 12-03-2010 10:26:02
น่าเห็นใจโย  :o12:
เอ นี่กวนได้ใจจริงๆ :angry2:

 :z6: :z6: :z6: :z6:

มาต่อด่วนค่า ~ :a11:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 12-03-2010 16:42:03
ดีใจมากที่ทุกคนชอบ ผมมีกำลังใจเขียนขึ้นเยอะเลย ขอบคุณมากๆๆ นะค้าบบ ต่อไป เลยค้าบบ


                                    ตอน หก ค้าบบบบบ





ผม กลับถึงบ้าน ก็ขึ้นไปล้มตัวลงเตียงทันที ทำไมมันเหนื่อยอย่างนี้ เวียนหัวไปหมดเลย เหมือนเอาตัวเองเข้าไปฝึกให้อดทน ต่อสิ่งยุยง โอย จะไหวไหมนี่ ผมเผลอหลับไป จนแม่มาปลุกไปกินข้าว ผมคุยกับแม่สักพักก็ขอตัว เข้าห้อง กะจะไม่อาบน้ำ แต่ก็เหนียว เหนื่อยตัวเหลือเกิน อาบน้ำเสร็จ โทรหาพล ดันปิดเครื่อง คงอยู่กับเด็กจริงๆ โทรหาจ๋าก็ได้


"แกจะนอนยัง จ๋า" ผมถาม
"ยัง แก เป็นไงยะ เสียงเหมือนคนเพิ่งไปออกรบมาเลย"
"เออสิแก เหนื่อยเป็นบ้า เวียนหัวเลย"
"เอาน่ะแก เดี๋ยวก็ชิน มันหน้าตาเป็นไงวะ ไอ้เด็กคนนี้"
"ก็กวนตีนไง แม้แต่หน้าตามัน ก็กวนตีน นี่ถ้าไม่ได้เกี่ยวพันกัน ฉันคงไม่แม้แต่จะคุยกับมัน"
"โห ขนาดนั้นเชียว"


ผม ระบายออก จ๋าก็ไม่พูดอะไรมาก เพราะมันแค่อาทิตย์แรก ไม่รู้ว่าต่อไป ผมจะทนได้ไหม หรือบางทีอาจจะชิน อย่างที่จ๋าว่า ผมเผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ตื่นมาตอนเกือบหกโมง พอเข้าห้องน้ำเสร็จก็ออกไปรดน้ำต้นไม้ แล้วก็มาทำข้าวต้ม ขี้เกียจหุงข้าว แม่ตื่นเกือบเจ็ดโมง แต่ลงมาในสภาพที่พร้อมจะออกไปโรงเรียน


"โย ไปอาบน้ำก่อนเถอะลูก เดี๋ยวไปทำงานสาย"
"อ้อ วันนี้พลมารับครับ"
"อ้าว พลมาทำธุระแถวนี้หรือ ไม่เป็นไรลูกเดี๋ยวแม่จัดการเอง โยไปอาบน้ำเถอะ"


แม่เข้ามาตักข้าวต้มใส่ถ้วย ผมจึงขึ้นไปอาบน้ำ พออาบเสร็จ พลก็โทรมา
"แก เสร็จยัง ทำไรกินวะ"
"ข้าวต้ม แกอยู่ไหนแล้วล่ะ ถ้ามาถึงแล้ว แม่อยู่ข้างล่าง ขอแต่งตัวก่อนแป๊บนึง"


ผมรีบแต่งตัว เตรียมกระเป๋า แล้วลงมาข้างล่าง แม่กินข้าวเสร็จแล้ว


"แม่เสร็จแล้วเหรอครับ พลยังไม่มาอีกเหรอครับแม่ เห็นบอกอยู่หน้าปากซอยแล้ว"
"จ๊ะ ยังเลยนี่ลูก เอ๊ะ นั่นไง พูดถึงก็มาพอดี แม่ต้องรีบไปนะ วันนี้แม่มีประชุม"


ผมเดินออกไปส่งแม่ที่รถ พอดีกับพลลงมาจากรถ


"หวัดดีครับแม่ จะไปแล้วเหรอครับ"
"จ๊ะลูก กินข้าวมายังจ๊ะพล มีข้าวต้มนะ วันนี้แม่รีบ แล้วไปยังไงมายังไงถึงมารับกันได้ล่ะ"


แม่ถามพลางง่วนอยู่กับการจัดของในรถ


"อ้อ ผมมาธุระแถวนี้น่ะครับ เลยแวะมารับโย"


ผมเดินไปเปิดประตูบ้านให้แม่ พลเดินมากระซิบ


"เด็ดมากแก มีเรื่องจะเมาท์"


คงหมายถึงเด็กที่ มันไปค้างด้วยเมื่อคืน พอแม่ขับรถออกไปจากบ้านแล้ว ผมก็ปิดประตู


"ไปกินข้าวก่อนเถอะแก เดี๋ยวสาย พี่ภาเอาตายแน่"


ผมเร่ง แล้วเดินนำหน้าเข้าบ้าน ไปก่อน พลเดินตามมา


"น่ารักมากแก น้อง ดาม โดนใจอย่างแรง ตัวจริง น่ากินมาก อร่อยมาก"
"นะ กินข้าวก่อนเถอะ แล้วค่อยเล่าบนรถ เดี๋ยวฉันกินข้าวไม่ลง"


ผมต้องห้ามมันก่อน เพราะถ้าปล่อยให้เล่า มาเป็นฉากๆ เห็นถึงไส้ถึงพุง


"ขึ้นทางด่วนละกันแก ฉันจ่ายค่าทางด่วนให้"


ผมบอกเพราะออกจากบ้านช้าเกือบ ๘ โมง


"โห แกไม่ต้องรีบหรอก เจ๊เขาไม่ว่าหรอก ยิ่งมีแกมาด้วย ผ่านชัวร์"
"ไม่อยากมีปะวัติ เดี๋ยวภาพติดลบ เจ๊แกยิ่งไว้ใจอยู่"
"เออ เล่าต่อ น้องดาม น่ะ แก เรียนอยู่ ปีสองเอง ที่ฉันบอกวันก่อนเจอใน เอ็ม น่ะ ดูรูปก็น่ารักแล้วนะ ตัวจริง อยากจะกรี๊ด"
มันเหมือนความสุขจะล้นออกมาทางปาก แสดงท่าทางเหมือนเพิ่งได้รถคันใหม่


"เอาแบบ คร่าวๆก็ได้นะแก ไม่ต้องรายละเอียดมาก จะเอียนซะก่อน"
" ไม่ได้แก มันต้องถึง น้องดามอยู่ตรงลุมพินีนี่เอง ที่บ้านเขาซื้อคอนโดไว้ เป็นคนแรกที่เจอนะ ที่รูปสู้ตัวจริงไม่ได้ คนก่อนหน้านี้ รูปอย่างกับเทพ คงจบตกแต่งรูปมา ตัวจริงยังกับ จรกา ตอนน้องดามลงมารับนะ ใจฉันบอกแล้วล่ะว่า ใช่ น้องคนนี้แน่ๆ ขาวเนียน อมชมพู"
"เวอร์ คนอะไรจะขาวเนียน อมชมพู" ผมกัด
" พอไปถึงห้องนะแก อยากจะโถมเข้าหาทันที แต่ก็ต้องคุยกันก่อน พอเป็นพิธี ฉันก็ขอนอนค้างเลย บอกดึกแล้วไม่อยากกลับ อิอิ น้องเขาก็ไม่ว่าอะไร ฉันจึงไปอาบน้ำ แก น้องเขาขออาบน้ำด้วย ถอดกางเกงออก อกอีแป้นจะแตก เยส มันใช่น่ะแก มันใช่ สิ่งที่หามานาน"


พลทำท่าทาง ผมอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ


"ทำไม ใหญ่มาก ว่างั้น"
"ไม่อยากจะเชื่อแก ตัวก็ไม่ใหญ่กว่าฉันมากมาย แต่ เป้าเลิศ ฉันก็เลย ถวายบัวให้เลย"
"โห ไม่ลงไม่ล้างมันก่อนเหรอ"
"ล้างทำไมเสียเวลา น้องเขาชอบมาก โอ๊ย ยังคิดถึงสีหน้า ที่เซ็กซี่อยู่เลย ไฮ มาก"


ผมเริ่มไม่อยากจะฟังแล้ว เพราะรู้สึกมันคงล้วงลึกถึงไส้ใน เพราะปกติ มันจะเล่าแม้แต่ ตอนใส่ถุงยาง เอาทุกรายละเอียด


"แก ฟังเพลง หน่อยเถอะ อยากฟัง วันก่อนไปได้ยินมา มาดอนน่า ซิงเกิ้ลใหม่ แกเคยฟัง หรือยัง Isaac"
"แกมีแผ่นเหรอ" มันยอมคล้อยตาม
"เออ ไร้ท์มาแล้ว"


ผมรีบเปิดกระเป๋าเอาซีดีที่ไรท์มาสอดเข้าไปในเครื่องเล่น


"ต๊าย ป้าแกจะหอนอะไร ขนาดนั้นยะ"
"คนที่หอนไม่ใช่ ป้าแก เสียงก็ผู้ชายขนาดนั้น นี่มีเวอร์ชั้น มิกซ์ด้วยนะ แกน่าจะชอบ"


ผมกดเลื่อนเพลง


"ต๊าย เลิศ นี่แก วันเกิดฉันน่ะ อย่าลืมนะ จะพาไปแดนซ์ เดี๋ยวจะพาน้องดามไปด้วย"


วันเกิดพล คือวันที่ ๑๒ ตุลาคม ปีนี้ ตรงกับวันศุกร์พอดี


"แต่อยู่ได้ไม่นานนะแก เพราะแกก็รู้ ฉันต้องไปสอน ไอ้นั่น"
"เออ แล้วเมื่อวานมันแผลงฤทธิ์ อีกป่ะ"


ผม เปลี่ยนเรื่องได้สำเร็จ แต่ก็ต้องยอมเล่าเรื่องตัวเองแลก เพราะไม่อย่างนั้น มันคงวกเข้าเรื่อง ใต้สะดือมันอีกเป็นแน่ ผมเล่าให้พลฟัง แต่ตอนนี้ไม่เครียดเหมือนเมื่อวานแล้ว


"มันต้องเจอชั้น เด็กแบบนี้ ชอบ อิอิ จะเอาให้เงยหัวไม่ขึ้นเลย แล้วทำไมมันตัวใหญ่ล่ะแก กรรมพันธ์เหรอ"
"อืม พ่อมันตัวใหญ่ น้องมันก็ตัวใหญ่ แต่มันเล่นบาสด้วยล่ะ เลยสูงกว่าปกติ"


เรา คุยกันจน ถึงที่ทำงาน เกือบ ๙โมง เฉียดฉิว พี่ภายังไม่มา ผมเลยออกไปซื้อน้ำเต้าหู้กับปลาท่องโก๋มาเผื่อพล งานผมก็เป็นปกติ ทำทุกอย่างเหมือนเคย พยายามจะเรียนรู้งานให้มากที่สุด เอาไปเอามา ผมจะผันตัวเองไปเป็นเหมือนเลขาฯพี่ภาไปเสีย ปกติแกไม่มีเลขาฯ เพราะต่างคนก็ต่างทำงาน แต่ผมจัดคิวงานให้แก นัดลูกค้า สรุป แกให้ผมทำเลขาฯเป็นหลัก ว่างๆ ค่อยไปช่วยคนอื่น พลเองก็ทำเหมือนผม แต่จะคอยดูรายได้กับรายจ่ายเสียมากกว่า คนในครอบครัว ย่อมไว้ใจกันมากกว่าคนนอกเป็นเรื่องธรรมดา


"เออ โย วันพุธ มีเรียนนี่ แกไปหน่อยสิ ฉันจะมาทำงาน"
"แล้วแก โดดกี่รอบแล้วล่ะ"


ถ้า มีเรียน เราจะผลัดกันไปเรียน เพราะที่เหลืออีกวิชาเดียว เป็น ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร ไม่ยากเท่าไหร่ อาจารยืก็ไม่เข้มงวดมากนัก เพราะเข้าใจว่าเราติดวิชาแกอยู่เล่มเดียว เพราะบางคนก็ได้งานทำแล้ว บางคนก็ทำอย่างอื่น
สรุปผมต้องเป็นคนไปเรียน มีจ๋าอีกคนหนึ่ง เพราะรายนั้น ไม่ทำงาน ช่วยที่บ้าน ขายวัสดุก่อสร้าง แล้วก็ออกเดทกับพี่ป้อม


วันอังคาร


ผม ตื่นเช้ากว่าเมื่อวานเพราะได้นอนแต่หัวค่ำ กิจวัตรประจำวันยังคงเป็นปกติ แม่ออกจากบ้านเช้ากว่าเดิมเพราะมีเวรยืนหน้าโรงเรียน ผมออกจากบ้าน ๗ โมงครึ่ง เพราะเผื่อรถติดในซอยอ่อนนุช ถ้าออกสายกว่า ๗ โมงครึ่งมีหวังไปถึงที่ทำงานสาย วันนี้ พี่ภา นัดลูกค้าไว้ที่ เซ็นทัลลาดพร้าว แกพาผมไปด้วย ตื่นเต้นอยู่เหมือนกัน เพราะเป็นครั้งแรกที่ได้ไปเจอลูกค้า ก็ไปคอยเดินตามหลังพี่ภาล่ะครับ ทำท่าจดนั่นจดนี่ หยิบตัวอย่างให้พี่ภา เอาให้ลูกค้าดู กว่าจะกลับเข้าบริษัทกว่าเย็นพอดี สรุปวันนี้ ก็ไม่มีอะไรมาก เพราะชีวิตตามปกติของผมจะเป็นไปในลักษณะนี้ ยกเว้นทุกเสาร์อาทิตย์ นับจากนี้ ต้องคอยเวียนหัวกับ ความทะลึ่งของเด็ก อย่าง ไอ้เอ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 12-03-2010 16:45:08
 แทนคำขอบคุณ ต่อไปอีกตอนค้าบบบ



ตอน เจ็ด ค้าบบบบ



ผม ถึงมหาฯลัยตอนเก้าโมงกว่า เดินไปม้านั่งที่ประจำประจำหน้าคณะ เห็นกบนั่งอ่านหนังสืออยู่ก่อนแล้ว กบเป็นเพื่อนร่วมคณะ ที่สนิทกันพอสมควร อีกคนคือกาย ผมกับจ๋ารู้จักสองคนนี้และสนิทกันเพราะพล ทั้งสามคนนี้เป็นขาเที่ยวกลางคืน มักจะมาเล่าประสบการณ์ให้ฟังอยู่เสมอ กบเป็นเด็กต่างจังหวัด ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็น นครราชสีมา ส่วนกาย เป็นคนที่ค่อนข้างมีฐานะ เพราะที่บ้านทำธุรกิจส่งออก อัญญมณี มีรีสอร์ท อยู่เกาะช้างสองแห่ง แต่กายมักจะไม่ค่อยอวดตัวเองนัก เว้นแต่ของใช้ส่วนตัว เพราะ กายถือเป็นเจ้าแม่แบรนด์เนม แข่งกับพล กบนั่งหน้ามุ่ย ก้มอ่านหนังสืออยู่


"อ้าว กบ มานานแล้วเหรอ แล้วกายล่ะ"


ผมทัก แล้วนั่งลงตรงข้าม


"มันไปแรดที่โรงอาหาร นี่แก วันเกิดอีพลน่ะ ไปหลังสวนกันนะแก เดี๋ยวชั้นจะกรีดตาไปให้แกดู ได้ตัวใหม่มา"

กบเงยหน้าขึ้นจากหนังสือ เล่าอย่างเบิกบาน


"แกซื้อเองเหรอ ยี่ห้ออะไรล่ะ"


"เปล่าหรอก ของอีกายมัน"


กบตอบ หน้าเผือดลง นิดเดียวแล้วก็ ตีสีหน้าขึ้นมาใหม่


"ก็ของมันเยอะแก ของแมค มันไม่ใช้แล้ว ชั้นก็เลยจุ๊บมา นี่แกดู ยังใหม่ๆ อยู่เลย"


กบ ล้วงเอา อายไลน์เนอร์ในกระเป๋าออกมาอวด ผมก็มองดูโดยไม่มีความรู้อันใดจะไปคุยกับมัน ได้แต่พยักหน้า แปลกที่สองคนนี้มันชอบซื้อของแบบนี้ ทั้งที่กายเอง หน้าตาก็จัดว่าดี ดีกว่าใครในกลุ่มเสียอีก ส่วนกบ แต่งหน่อยก็ดี

"อ้าว โย มานานยัง"


เสียงกายทักมาจากข้างหลัง จ๋าเดินมากับกายด้วย


"นี่ แก วันนี้ไปกินหมูกระทะกัน เดี๋ยวชั้นโทรนัด นังพลให้"


จ๋าบอก พลางนั่งลงข้างผม


"อีกบ แกทำอะไรน่ะ ต๊าย ยังกะผีกระสือ"

จ๋าร้องเสียงหลง แล้วล้มตัวลงใส่ผมหัวเราะเสียงดัง


"อีบ้า แกทำอะไร อีกบ ต๊าย เป็นตุ๊ดซะเปล่า กรีดตาก็ไม่เป็น"

กาย เสริม เราสามคนหัวเราะ ที่กบ กรีดขอบตาดำปี๋เหมือนหมีแพนด้า ผมก็นึกว่ามันก้มหน้าทำอะไร กรีดตานี่เอง กบวิ่งหนีไปเข้าห้องน้ำ กว่าที่เราสามคนจะหยุดหัวเราะ ก็เล่นเอาปวดท้อง น้ำหูน้ำตาไหล พอสิบโมงครึ่งก็เข้าเรียน สรุปนั่งเรียนทั้งคาบ เต็มไปด้วยความทรมาน เพราะกลั้นหัวเราะ เพราะถึงแม้กบจะลบออก แต่ลอยดำก็ยังไม่จางเท่าไหร่ ผมว่ายิ่งไปกระจายความดำให้มันกว้างขึ้น เป็นหมีแพนด้าไปจริงๆ อาจารย์ก็แซว กบต้องวิ่งเข้าห้องน้ำอีกรอบ อาจารย์เองก็หัวเราะ จนไม่สอน แต่เป็นสั่งงานแทน กว่าจะหมดคาบเรียนเล่นเอาเกือบตาย เพราะกลั้นขำจนปวดท้อง เราลงมานั่งที่เดิม แต่ก็ต้องลดความสนุกสนานลงทันที เพราะโต๊ะข้างๆ มีเด็กคณะออกแบบ นั่งอยู่สี่คน หนึ่งในนั้นคือนัท เพื่อนของกายสมัยปีหนึ่ง เคยเที่ยวด้วยกันอยู่พักใหญ่ แต่ก็ทะเลาะกัน เพราะนัทขี้โอ่เกินไป กายเลยไม่ชอบ จากเพื่อนกัน ก็กลายเป็นไม่ถูกกันไปเลย ฐานะทางบ้านของนัทถือว่าร่ำรวยเพราะพ่อของนัททำธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริม ทรัพย์ สร้างคอนโด นัทไม่เหมือนกับกายตรงที่ โอ้อวดสุดจะบรรยาย ของใช้ก็ต้องนำเข้า รถก็ต้องขับเบนซ์ อะไรมาใหม่ มันต้องเอามาอวดเพื่อนก่อนใคร อีกสามคนเป็นเบ้ให้มัน ผมไม่ค่อยสนใจ รู้สึกจะชื่อ แดน เก่ง หนุ่ม เห็นกายเคยบอกว่า เป็นกระเทยปลายแถว ไม่มีใครเอา ไม่มีรสนิยม พูดจาไม่เข้าหูคน ทำตัวต่ำทราม ประมาณนี้ ที่ยอมคบกับนัท เพราะ นัทเองก็ไม่มีคนคบ เอาเงินซื้อกันไว้ ผมไม่ได้ใส่ใจนักเพราะไม่เคยเสวนาด้วยสักครั้ง

"ต๊าย อี หนุ่ม แกได้กลิ่นอะไร มั้ยแก เหม็นๆ"


เสียงของ แดน แปร๋นขึ้นมา


"เออ นั่นสิ อีเก่ง แกไปเหยียบขี้มารึปล่าววะ"


หนุ่ม เสริม


"นี่พวกแก กลิ่นนี้น่ะ มันเป็นกลิ่นคนจน เหม็นสาปคนจนไงแก"


ตัวแม่มันสรุปให้ เราสี่คนยืนมองหน้ากัน ไม่รู้มันเจาะจงว่าใคร แต่เห็นกายหน้าแดง

"นี่กบ พวกที่เพิ่งรวยน่ะ เขาเรียกว่าอะไรนะแก"


กายพูดเน้นเสียง สายตาจ้องมองหน้า นัทอย่างกับจะกินเลือด กินเนื้อ


"พวกเศรษฐีใหม่ไงแก อุ๊ยต๊าย ไม่อยากจะสมาคมหรอกนะ พวกมีแต่เงิน แต่ไม่มีมารยาท"


กบจีบปากจีบคอ

"อีดอก มึงว่าใคร"


นัทเด้งตัวลุกขึ้นยืน ชี้หน้ามาที่เรา เพราะมันดูไม่ออกว่าชี้ใครจริงๆ


"เห็นจะจริงว่ะกบ ดูสิ สำเนียงส่อภาษา กริยา ส่อสกุล จริงๆ"


กบเบะปาก


"อี เหี้ย มึงว่าใคร"


หนุ่มลุกขึ้น ชี้หน้ากาย


"อุ๊ย คุณขา มีเยอะเหรอคะที่บ้าน ถึงเอามาแจกชาวบ้านเขาไปทั่วแบบนี้ อีชั้นไม่รับหรอกนะคะ ตัวเหี้ยน่ะ"


กบเน้นเสียงคำสุดท้ายแล้วถลนตาใส่ เสียงกรี๊ดกร๊าดดังกว่าเดิม ผมจับแขนกายไว้


"พอๆ แก อายคนเขา ไปข้างนอกกัน"


" จะอายทำไมแก ทีมันยังไม่อาย หน้าหนา หน้าทน มาว่าชาวบ้านเขาจนอย่างนั้น จนอย่างนี้ ถ้าพ่อมึงรวยจริง เอาไปแจกคนจนโน่น อีควาย อย่าดีแต่ปาก แม่งขอเอาตีนลูบปากมันสักหน่อย"


กาย ถลกแขนเสื้อขึ้น พร้อมเดินหน้าเต็มที่ ผมต้องรั้งมันไว้สุดกำลัง


"มึงมาสิ แล้วกูพูดไม่ถูกไง จนแล้วไม่เสือกยอมรับวะ แข่งอะไรมันแข่งได้ แต่บุญวาสนาน่ะนะมึง คงไม่มีหวังหรอกชาตินี้"


"ดู เพื่อนแต่ละคนของมันสิ นัท กุ๊ยทั้งนั้น ต๊าย คงสูบกันเลือดซิบๆ"


เสียงหลุดออกจากปาก นังแดน


"โอ๊ย ต๊าย พูดไม่หัดมองดูตัวเอง อีห่า คนที่เป็นปลิง น่ะพวกมึง แล้วคนที่เป็นคนในร่างควายให้สูบน่ะ อีนัท"


กบวี๊ดใส่


"อีสัตว์ ขอตบปากเน่าๆของมึงหน่อยเถอะ"


หนุ่มกับนัท ทำท่าจะโผมาพร้อมกัน กายเข้าไปกันกบไว้ กบเองก็ไม่ยอมถอย ผมเองก็มือติดแขนมันเข้าไปด้วย จ๋าเองก็รั้งแขนกบอยู่


"พอๆ แก ไปได้แล้ว จะทะเลาะกันทำไม"


ผมพูดกึ่งตะโกน


"มึงอย่าเสือก ลูกอีครูบ้านนอก เดี๋ยวปากแตกหรอกมึง"


อี นัทมันโพล่งออกมา ผมเหมือนคนเอาโคลนสาดใส่ ในวันที่แต่งตัวอย่างดี จะไปงานแต่งงานเพื่อนประมาณนั้น รู้สึกหูร้อน ใจสั่น ร้อนหน้าไปหมด ผม แย่งเอาหนังสือมาจากกบ ที่มันอาสาถือให้เพื่อนๆ ปาลงไปตรงกลางระหว่างกลุ่ม ที่กำลังจะวิวาทกัน ผมตรงเข้าไปจะผลักอกมัน แต่กาย อุ้มตัวผมไว้ ตัวลอยเลย กลับกันกับที่ผมเคยห้ามมัน


"มึงว่าไงนะ"


ผมพูดเสียงแข็งกึ่งตะโกน ตาขวางมองหน้ามัน


"มึงเป็นใคร มึงรู้จักกูดีแค่ไหน มึงถึงกล้าว่าถึงแม่กู พ่อมึงรวยแล้วมึงตายไม่เป็นใช่มั้ย"


"มึงรีบพาเพื่อนมึงไปไหนก็ไปเลย ก่อนที่เพื่อนกูจะฆ่ามันตาย"


จ๋า ตะโกนบอก พวกมันด่าทออะไรอีกไม่รู้ ผมหูอื้อตาลายไปหมด สติหลุด นี่หรือที่เขาบอกโกรธจนควันออกหู พอพวกมันไป กายก็ดึงผม รีบเดินผ่านคนที่เริ่มมามุงดูไปที่มันจอดรถ พอเริ่มมีสติ ก็รู้สึกเสียใจ เพราะถ้ามีเรื่องกัน ทีนี้คงไม่ต้องเอามันล่ะ ใบปริญญา ที่จริงด่าทอกันมากมายกว่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นคำที่ไม่มีในพจนานุกรมไทย รู้สึกอายคนเหมือนกัน เหมือนจะมีแต่รุ่นน้อง ที่นั่งอยู่หน้าคณะ คงไม่เคยเห็นผมในรูปแบบนี้ อีกทั้งรุ่นพี่เกย์กลุ่มใหญ่ ทะเลาะกันกลางมหาฯลัย เรารีบออกมาจากมหาฯลัย ทันทีก่อนที่เรื่องจะแดงไปมากกว่านี้

"ต๊าย น่ากลัวนะแก ไม่เคยเห็นแกโกรธ"


กบ นั่งอยู่ข้างหลังกับจ๋า เกาะเบาะของกายแล้ว ยื่นหน้ามาพูด


"เออ พวกแก รู้น้อยไป อย่าไปว่าแม่ของมันเชียว จะเข้าโรงบาลไม่รู้ตัว"


จ๋า เสริม ที่จริง ผมก็ไม่มีปมอะไรนะ แค่ไม่มีพ่อ แต่ทำไมไม่รู้ เวลาใครพูดถึงแม่ในแง่ร้ายผมจะเหมือนโดนปีศาจเข้าสิง เพราะผมรู้ว่าแม่ผมเป็นคนดี ดีที่สุด


"เออ นั่นสิ แรงฉิบหาย เพิ่งเคยเห็นนะเนี่ย แกเห็นหน้าอีนัทป่ะล่ะ หน้าซีดยังกะไก่ต้ม ปากดีนัก"


"เกือบไม่ได้ใบปริญญาแล้วเชียว"


ผมพูดออกมา


"เห็นนิ่งๆ เวลาโกรธ น่ากลัวนะแก ต๊ายชั้นกลัว"


"หล่อนกลัวตัวเองเถอะ นังกบ แหม เบ้าตายังดำอยู่เลยนะยะ"


จ๋า กัด ผมเองก็อดหัวเราะไม่ได้ สรุป เราทั้งหมดก็หัวเราะออกมาจนได้ บางทีเวลาเราอยู่ในสภานการณ์คับขัน เรื่องที่ตลกๆ ก็เปลี่ยนสถานการณ์นั้นได้เหมือนกัน
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Vesi ที่ 12-03-2010 17:11:40
อยากเจอน้องแล้วครับ  :laugh:
ชอบโยตอนโกรธจัง สะจิตดี
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: sweetener ที่ 12-03-2010 23:49:58
เด็กมันยั่วอารมณ์ดีจัง
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 13-03-2010 00:45:17
ไม่น่าเชื่อ น้องโยแรงอ่ะ

+1 writer สนุกมาก
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 13-03-2010 01:05:46
 :sad4: โยแรงน่ากลัวมากมาย แต่มันต้องอย่างนี้ล่ะถึงจะคุมเจ้าเออยู่
แล้วจะรออ่านต่อ
นิว(ยิ้มๆ)
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: [[_GozpeL_]] ที่ 13-03-2010 17:03:50
โย...แรงมาก!
รออ่านต่อค่ะ^^"

 :กอด1: :กอด1:คนเขียนนนน
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 13-03-2010 17:29:33
Thanks for every comments..............


                                  ตอน แปด ค้าบบบบบบบ



ตอน แรกเราตกลงกันไว้ว่า จะไปกินหมูกระทะที่สามแยก อ่อนนุช แต่เอาไปเอามา เลยตัดสินใจว่าจะซื้อของไปทำสุกี้กินที่บ้านผมแทน ผมโทรบอกแม่เสร็จ เราจึงแวะซื้อของที่คาร์ฟูล อ่อนนุช พอได้ของครบก็ตรงเข้าบ้าน


"อุ๊ย กุหลาบสวยจังแก อยากได้ๆ"


กบ วิ่งตรงเข้าไปที่กอกุหลาบ ทำท่าเหมือนไม่เคยเจอดอก กุหลาบ


"ของแม่ หล่อนอยากได้ ไว้ขอแม่คืนนี้สิ"


จ๋าบอก แล้ววางของลงบนม้าหินอ่อน หน้าบ้าน


"คุณแม่ขา หนูกบอยากได้ดอกกุหลาบ สักดอก เกิดมา เพิ่งเคยเห็นกุหลาบงามแบบนี้ คุณแม่ได้โปรดเถอะนะค๊ะ"


กบล้อเลียน


"อีดอก"


กายทนไม่ไหว กับกริยาอาการของกบ ที่ทำ จริตเกินงาม


ผม กับจ๋าขนเครื่องครัวที่จะทำสุกี้ออกมาข้างนอก เพราะจะทำกินกันตรงม้าหินอ่อนนี่ล่ะ ส่วยกายกับกบ ก็แกะของออกจากห่อ พอเสร็จผมก็ไปเอาน้ำกระเจี๊ยบที่แม่ต้มไว้ ออกมาให้เพื่อนๆ ผมชอบทำกับข้าว ส่วนแม่มักชอบทำขนมกับเครื่องดื่มสมุนไพร ไปอ่านเจอมาจากหนังสือก็ลองเอามาทำดู เราเตรียมของเสร็จเกือบ สี่โมงกว่าๆ ไม่ได้ตั้งใจทำเท่าไหร่ เพราะมัวแต่หัวเราะกบ ที่ทำท่าทาง บางทีก็เหมือนคุณนาย บางทีก็เหมือนทาส ในละคร นางทาส เล่นเอาเพื่อนๆ หัวเราะกันท้องคัดท้องแข็ง พอเตรียมเสร็จก็เอาของไปแช่ตู้เย็นไว้ รอพลกับแม่ก่อน แล้วเราก็ขึ้นไปที่ห้องผม ไปถึงกบก็เปิดเพลงทันที


"ต๊าย โย แกมี ซิงเกิ้ลนี้ด้วยเหรอ ไรท์ให้ด่วยสิ"


"ของใคร"


"ก็ Beautiful Liar ไง คือ กบชอบมากกก"


กบ หยิบแผ่นซีดีขึ้นมาโชว์ แล้วก็ใส่เข้าไปในเครื่อง พอเพลงเล่น มันก็เต้นตามจังหวะเพลง เราทั้งสามคนก็หัวเราะ กลิ้งอยู่บนเตียง เพราะมันส่ายเอว และพยายามเลียนแบบ นักร้องตาม มิวสิควีดีโอที่เคยดูมา อยู่บนห้องกันนานจน พลโทรมาบอกว่าอยู่หน้าบ้านแล้ว เราจึงลงไปข้างล่าง เกือบหกโมงเย็นแล้ว


"ไหนเล่ามาซิแก อีห่านั่นมันว่าอะไรนะ"


พลมาถึงก็ทำหน้าตึง ถามเรื่องเมื่อตอนกลางวัน จ๋าคงบอกมันแล้ว ผมยังไม่ทันจะเอ่ยปาก กบก็รายงานทุกอย่างที่ดูจะเกินจริงไปหน่อย


"แหม ถ้าชั้นอยู่นะ จะถีบยอดอกมันเชียว อีห่า ปากปีจอ สงสัยมันคงรวยจนอยากจะนอนโรงบาลเล่น"


พลพูดเหมือนอยู่ในเหตุการณ์


"นี่พวกแก ถ้าแม่มาไม่ต้องพูดนะ เดี๋ยวชั้นโดนสวด"


ผม บอกไว้ เพราะคงโดนแน่ๆ ถ้ารู้ว่ามีเรื่องกับเพื่อนเพราะเรื่องแค่นี้ แม่ไม่ชอบให้ผมมีเรื่องกับใคร ที่จริงไม่ชอบการทะเลาะวิวาท แม่บอกว่า คนเราต่างพ่อต่างแม่ อบรมกันมาคนละอย่าง อย่าให้อารมณ์มันพาไปในทางที่ไม่ถูกไม่ควร พูดกันได้ก็พูดกัน พูดไม่ได้ ก็ให้เงียบ อดทน พอเรื่องผ่านไปเรามาลองย้อนมองดู จะเห็นว่า "ก็แค่นี้เอง" ไม่น่าจะทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่


"ช้าไปแล้วล่ะแก ฉันรายงานไปหมดแล้ว"


จ๋าสารภาพ ผมทำหน้าตกใจ เพราะไม่คิดว่าจ๋าจะโทรบอกแม่


"แกบอกตอนไหน"


ผมทำเสียงดู


"ก็ตอนที่แก เลือกของอยู่นั่นล่ะ พอดีแม่โทรมาหา บอกว่าแกเสียงเครียดๆ แม่คงสงสัยล่ะแก"


จ๋าพูดเสียงอ่อย


"อ้าว นังนี่ แกก็เล่าไปหมดว่างั้น เร็วนะยะ"


กบเหน็บ


"อ้าว แล้วแกเคยปิดแม่เรื่องไหนได้บ้างล่ะ สู้บอกก่อนดีกว่า ถ้ามารู้้ทีหลังจะโดนยิ่งกว่านี้"


จ๋าพูดก็ถูก เพราะแม่รู้เรื่องทุกอย่าง ถ้าผมผิดปกติไป จ๋าเองก็คุ้นเคยกับแม่ดี เพราะว่าเห็นกันตั้งแต่เด็ก


"เออ ช่างเถอะแก ยังไงก็คงปิดแม่ไม่ได้หรอก เตรียมหม้อเถอะ เดี๋ยวแม่คงมา"


ผม ถอนหายใจ เพราะไม่รู้จะทำอะไรได้ แม่รู้แล้วนี่ ตอนแรกกะจะเงียบๆ แต่คงไม่ได้แล้ว เราต่างแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ จ๋ากับกบ ไปเอากระทะไฟฟ้ามาเสียบเตรียมน้ำซุบ พลกับกายก็นั่งคุยกัน ส่วนผมก็ไปเตรียมจานชาม แม่กลับมาหกโมงกว่าๆ สีหน้ายังปกติดี แต่มีแวบหนึ่งเห็นสายตาแม่มองผมแบบตำหนิ รู้สึกเสียวสันหลังไปเหมือนกัน


"แม่จ๋า กุหลาบแม่นี่สวยจังเลย แม่ปลูกเองเหรอจ๊ะ"


กบพูดขึ้น ระหว่างที่ทุกคนกำลังกินสุกี้อยู่


" จ๊ะ แม่ปลูกเอง แต่โยเขาเป็นคนดูแลนะ หนูอยากได้หรือลูก ตัดเอาสิ พอดีวันเสาร์นี้เดี๋ยวแม่ไปนั่งสิปัสนา คงไม่ได้เอาขึ้นหิ้ง หนูตัดเอาเลยลูก"


"ขอบคุณครับ แม่"


กบยกมือไหว้ แล้วยิ้มร่าเริง


"หนูเอาไปไหว้พระหรือจ๊ะ เอามะลิไปด้วยสิ ใส่ปุ๋ยไปวันก่อน ออกดอกแล้ว"


"อุ๊ย ไหว้พระที่ไหนแม่ มันเอาไปให้ผู้ชาย"


กายสอดขึ้น


"บ้าเหรอ แก เมาท์เค้า จะเอาไปไว้หัวเตียงต่างหาก"


"แหวะ"


ทีนี้พลแขวะบ้าง
เราคุยกันเรื่องนั้นเรื่องนี้ ส่วนมาก กบ จะเป็นคนเริ่มเรื่องสนทนา ที่ตามมาด้วยเสียงหัวเราะ แม่เองก็หัวเราะ


"แล้ววันนี้ไปทำอะไรกันมา ไหนเล่าให้แม่ฟังซิ"


แม่เปลี่ยนเรื่องทันที ทุกคนเงียบ มองหน้ากันเลิ่กลั่ก แม่มองมาที่ผม ซึ่งก้มหน้ามองถ้วยสุกี้อยู่ นั่น ว่าแล้วเชียว


"เอ่อ ก็ อีนัท น่ะแม่ มันปากไม่ดี มาว่า โย ว่ามีแม่เป็นครูบ้านนอก โย มันก็เลยโกรธ แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรมัน นะแม่"


จ๋า รีบเล่าเพราะ รู้ว่าตัวเองผิดที่เล่าเรื่องนี้ให้แม่ฟัง


"ใจร้อนอีกแล้วนะเรา"


แม่บ่น มองหน้าเราทุกคนด้วยสายตาที่เป็นห่วง


" อย่าหาว่าแม่ขี้บ่นเลยนะลูก แม่รู้ว่า เรารักแม่ ไม่อยากให้ใครมาดูแคลน แต่เราโตๆ กันแล้วนะจ๊ะ แค่คนพูด แค่นี้ เราก็โมโห โกรธเขาแล้ว คนเรานะลูก จะห้ามเขาพูดไม่ได้หรอก แม่เป็นครูบ้านนอก ถึงจะใช่หรือไม่ใช่ มันก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ครูบ้านนอกแล้วไงล่ะจ๊ะ คนเราน่ะควรจะเทิดทูนครูบ้านนอกเสียมากกว่า มีน้อยคนนะ ที่จะอุทิศตนจากความสบายในเมืองใหญ่ไปสอนเด็ก อยู่บ้านนอก ขึ้นชื่อว่าครู ก็เป็นคนที่ประสาทวิชาความรู้ให้ทั้งนั้น แม่ได้ยิน แม่ยังไม่เสียใจ เพราะรู้ว่าคนที่พูด เขาคงยึดติดกับวัตถุ พวกเราเองก็ไม่ต้องไปใส่ใจ นี่ถ้ามีเรื่องกัน แล้วคิดไหมว่าเรื่องมันจะเป็นยังไง"


แม่หยุดแล้วมองหน้าพวกเราที่นั่งหน้าจ๋อยอยู่ แม่มองมาที่ผมเสียเนิ่นนาน


" เหลืออีกวิชาเดียวก็จะจบแล้ว อย่าให้ มารมันมาขวางทางเรานะลูก คิดให้หนัก เข้มแข็ง ถ้าผ่านมันมาได้ มันก็ไม่มีอะไรแล้ว อย่างตอนนี้ ทุกคนหัวเราะมีความสุข เพราะเราไม่ได้วิวาทขั้นชกต่อย แต่ถ้าเราทำล่ะ ตอนนี้พวกเรายังจะนั่งมีความสุขอยู่ไหมจ๊ะ แม่ฝากด้วย อย่าใจร้อน"


แม่จบประโยค ทุกคนยังเงียบ


"ขอบคุณค่ะแม่ เราจะไม่ใจร้อนอีกแล้วค่ะ"


จ๋า ยกมือขึ้นไหว้ เราทุกคนก็ทำตาม แม่ยิ้มอย่างอ่อนโยน แล้วลูบหัวจ๋าที่นั่งอยู่ข้างๆ แม่เปลี่ยนเรื่องโดยพา กบไปดูกอกุหลาบ แล้วขอตัวเข้าไปในบ้านก่อน


"โดน สวดเลยแก"


ผมบ่น


"แม่สอน ก็ดีแล้วแก ไม่แปลกใจเลยทำไม แกดูโมโหขนาดนั้น เวลาที่อีนัท มันพูดถึงแม่ในทางไม่ดี"


กาย บอก แล้วเราก็กินกันต่อ จนเกือบสามทุ่ม พอกินเสร็จก็ช่วยกันเก็บกวาด แล้วมานั่งกินน้ำกระเจี๊ยบที่ม้านั่ง คุยกันเรื่อยเปื่อย จนห้าทุ่มกว่า จึงแยกย้ายกลับบ้าน กายไปส่งจ๋า ส่วนกบพักอยู่หอกับกายอยู่แล้ว จึงไปด้วยกัน พลค้างที่บ้านเพราะพรุ่งนี้ ต้องไปทำงานด้วยกัน กบกลับบ้านพร้อมกุหลายกำหนึ่งสมใจ มาคิดดูแล้ว แม่ก็พูดถูก พอมาถึงตอนนี้ เรื่องเมื่อกลางวัน ผมจำเกือบไม่ได้แล้ว เวลาเล่าขึ้นมาก็ทำให้มันเป็นเรื่องตลกเสีย แต่ ผมก็ยังเจ็บแปลบขึ้นในใจ เมื่อได้ยินมันดูถูกแม่ ระหว่างที่พลอาบน้ำ ผมเปิดเพลงฟังอย่างสบายใจ ผมอาบน้ำเสร็จก่อนพล ปิดบ้านเก็บของเรียบร้อยแล้ว รอนอน ผมไปเลือกแผ่นเพลงฟัง Richard Marx ผมหยิบขึ้นดู อยากฟังเพลงสบายๆ แต่ก็มาสะดุดหู มันเป็นเพลงที่ผมฟังบ่อย แต่ไม่ได้สนใจ แต่วันนี้ ผมรู้สึกจับใจเหลือเกิน


You gave me life,
Gave me your heart
Your shoulder when I needed to cry
You gave me hope when all my hope is gone
Wings so my dreams can fly
And I haven't told you enough
Haven't been good enough, making you see


My love for you will live in my heart
Until eternity's through....
I see your smile in the eyes of my child
I am who I am, Mama, Thanks to you


น้ำตา ซึมออกข้างตา รักแม่เหลือเกิน ผมรักแม่ตลอดเวลา แต่ วันนี้ เรื่องวันนี้ มันย้ำให้ผมรู้ว่า ผมรักแม่มากเท่าใด แม่คือทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของผม พลอาบน้ำเสร็จ แล้วมานั่งฟังเพลงอยู่ด้วยกัน แล้วนอน ตอนเกือบตีหนึ่ง
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 13-03-2010 17:37:32
 ต่อเลย ค้าบ แต่ ตอนนี้มี คำด่า เยอะ พยายามแก้แล้ว ยังไง ผมขออภัย ล่วงหน้านะค้าบบ



                              ตอน เก้า ค้าบบบบ



วัน ทำงานผ่านไปอย่างรวดเร็ว พี่ตั้มมารับไปกินข้าวเย็นคืนวันศุกร์ เขาดูแปลกๆไป หรือว่าผมเองที่มีเรื่องคิดในใจ ไม่นี่เรื่องนั้นก็หายคาใจแล้ว ผมคงคิดมากไปเอง ดูเขาเลื่อนลอย เหมือนอยากจะบอกอะไร แต่ก็ไม่พูด หรือว่าเขามีเรื่อง แต่ถามเขาก็บอกไม่มีอะไรนี่ ผมจึงไม่ได้ถามอีก คอยสังเกตุอยู่ห่างๆ เชื่อใจเขาว่าถ้ามีปัญหาอะไรเขาคงบอกแล้ว

ไม่อยากเชื่อว่าผมต้องไปสอนหนังสือให้ไอ้บ้านั่นแล้ว คิดแล้วก็กลุ้ม นี่จะเจอมันกวนอะไรอีก

วันนี้ผมไปถึงบ้านอาจารย์ปริศนาเกือบเก้าโมง ครึ่ง ไม่ได้ตื่นสาย แต่รถในซอยอ่อนนุช ติดมากทั้งที่เป็นวันเสาร์ ยังมาติดตรงแยกพระโขนงอีก เลยมาช้า พอมาถึง อาจารย์ปริศนากับโอก็เตรียมออกจากบ้านแล้ว ผมทักทาย ก่อนจะส่งทั้งสองออกจากบ้านไป รู้สึกอายเหมือนกันที่มาสาย รู้สึกว่าโอจะคล้ำขึ้น เบ้าตาเป็นรอยสายแว่นตาว่ายน้ำ เห็นแล้วพลอยให้นึกถึง กบ เพราะเหมือนหมีแพนด้า คิดแล้วก็ยิ้ม ผมเดินขึ้นไปชั้นบน ทำใจไว้แล้ว ว่ามันคงยังไม่ตื่น แต่เสียงเปิดเพลงดังออกมาจากห้อง ผมจึงเคาะประตูห้อง

"เปิดเข้ามาเลยพี่"

มันตะโกนออกมา ผมจึงเปิดประตูเข้าไป ชะงัก เพราะมันไม่ได้อยู่คนเดียว มีเด็กหน้าตาคงจะรุ่นเดียวกัน นั่งเล่นเกมอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ส่วนมันก็นอนร้องเพลงอยู่บนเตียง ทำไมอาจารย์ปริศนา หรือโอไม่บอกสักคำ ว่ามันมีเพื่อนมาค้างด้วย ตายล่ะสิ เริ่มประหม่า ลำพังมันคนเดียวนี่ก็จะแย่อยู่แล้ว นี่ดันพาเพื่อนมาอีก เอาล่ะสิ

"หวัดดีพี่" มันทัก "มาสายนะวันนี้"

"อืม รถติดน่ะ"

ผมแก้ตัวไป ทั้งที่ยังยืนเก้ๆ กังๆ อยู่หน้าประตู

"เฮ้ย ไอ้บ๊อบ นี่ไง พี่โยที่กูบอก"

มันตะโกนบอกเพื่อน เพราะเปิดเพลงเสียงดัง

"หวัดดีครับพี่"

ไอ้นั่นพยักหน้าให้ผม ผมดูเด็ก หรือว่าเด็กมันไม่มีมารยาท จะยกมือไหว้สักหน่อยก็ไม่ได้

"จะสอนเลยไหมพี่ จะได้ไม่เสียเวลา"

มันบอก แล้วลุกจากเตียง ไปเอาโต๊ะญี่ปุ่นมากาง

"มึงเงียบๆ นะไอ้เชี่ย อย่ารบกวนเดี๋ยวกูจะเรียน"

มันเข้าไปหยิบหนังสือที่โต๊ะ ตบหัวเพื่อนไปทีหนึ่ง

"โอ๊ย ไอ้ห่า ว่าแต่ พี่เขาน่ารักดีนะมึง กูจีบได้ป่ะ"

มันกระซิบกัน แต่เหมือนจะไม่ได้กระซิบเพราะพูดแล้วยิ้มหันมาทางผม

"ส้นตีน กูไม่ให้ใครจีบหรอก เด็กกู ไอ้สาดด"

ดูมันพูด ผมอยากจะเข้าไปตบปากมันจริง ลามปามขึ้นทุกวัน

"หวงไปได้ มึงเป็นตุ๊ดเหรอ ถึงหวงพี่เขาไว้คนเดียว"

"ไอ้เชี่ี้ย มึงดิเป็นตุ๊ด ไหนบอกชอบอีจอย แล้วนี่อะไร สาดด จะมาจีบพี่เขา"

"อ้าว ไอ้นี่ มึงไม่รู้เหรอ ใครๆ เขาก็เคยทั้งนั้นล่ะกับเกย์น่ะ"

ทำไมพวกมันถึงพูดกันอย่างสนุกปากจัง ผมยืนโกรธตัวสั่นอยู่ ทำไมมันไม่ให้เกียรติกันบ้าง ผมทิ้งเป้ลงพื้นอย่างแรง

"จะเรียน มั้ยครับ หรือจะทะเลาะกัน"

ผมชักหมดความอดทน หันไปมองมันตาขวาง

"นั่น เอาแล้วไหมล่ะ มึงกลับบ้านไปเลยไอ้บ๊อบ ไอ้เชี่ี้ย กูจะเรียน"

"ขอโทษครับ พี่ ผมจะอยู่เงียบๆ นะครับ ไม่กวนแล้ว"

มันหันมาทำหน้าจ๋อยโค้งหัวให้ เอ กลับมานั่งลงที่โต๊ะ ส่วนไอ้นั่นก็นั่งเล่นเกมต่อไป

"วันนี้พี่ ทวนเรื่อง tense ให้ผมหน่อยสิ อยากจะจำให้ได้ ตอนบ่ายค่อยเรียนออกเสียง"

เออนะ มีหัวคิดเหมือนกันนี่ ไอ้บ้า ทีแบบนี้วางแผนออกคำสั่งเชียว

"ครับ งั้นเริ่มกันเลยนะ"

ผมสอนเพิ่มเติมเรื่อง tense ให้มัน แล้วก็ยกประโยคตัวอย่าง พอเรียนไปได้สักพัก เพื่อนมันก็เลิกเล่นเกม เดินมาที่เตียง ตัวมันขนาดไล่เลี่ยกัน แต่เอดูเหมือนจะตัวใหญ่กว่า มันทิ้งตัวลงเตียงอย่างแรง แล้วก็หันหน้ามาดูเรา

"พี่ๆ สอนผมด้วยดิ ผมก็อ่อนภาษาอังกฤษ" มันพูด พลางเท้าคาง

"มึงไปจ้างคนอื่นดิ พี่เขาสอนกูคนเดียว"

"ไอ้ห่า หวงไปได้ ผมให้เยอะกว่ามันนะพี่ ห้องผมก็ไม่รกแบบนี้ด้วย"

เอมองเพื่อนตาขวาง

"มึงกลับบ้านไปเลยไป กูเสียสมาธิ"

"ไม่เอากูก็อยากเรียน หรือว่ามึงจะทำอะไรกัน"

พูดแล้วมันก็อมยิ้ม

"ไอ้ห่า์ เดี๋ยว ตีนยัดปากแม่ม เลยมึง"

"เอ่อ"

ผมกะจะพูดอะไรออกไปบ้าง เพราะรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นอากาศธาตุ มันทั้งสองหยุดหันมามอง แต่ไอ้คนที่พูดยังยิ้มๆ อยู่

"พี่ ไปข้างล่างแป๊บนะ หิวน้ำ"

ไม่พูดเปล่า ผมลุกเดินออกไปเลย ลงไปตั้งสติในครัว อดทนเอานะโย ผมปลอบตัวเอง มันยังเด็ก อย่าไปใส่ใจ เข้มแข็งไว้ ผมกลืนน้ำเย็นลงคอ แก้วหนึ่งไม่พอ เอาอีกแก้ว เหงื่อผุดขึ้นเต็มหน้าผาก รู้สึกอาย อยากจะด่ามันทั้งสองคน ไม่มีคนสอนมารยาทให้หรือไง แต่ก็พูดไม่ได้ มันกระทบไปเสียทุกฝ่าย โอย อะไรกันนักหนา ทุกวันที่มาสอนมันเลยเหรอ ผมนั่งอยู่ในครัวสักพักก็ได้ยินเสียงเอะอะ แล้วก็เสียงลงส้นเท้าลงมาจากข้างบน

"ไอ้เชี่ย หวงนะมึง จำไว้ กูจะบอกอี ครีม ว่ามึงชอบตุ๋ยผู้ชาย"

"ไอ้สาดด กูก็จะบอกอีจอย ว่ามึง อยากจีบพี่กู กลับบ้านไปเลยมึง ไอ้เชี่ี้ย รู้งี้กูไล่กลับบ้านตั้งนานแล้ว"

เสียงด่าทอกันไล่หลังกันลงมา

"ผมไปนะครับพี่ วันหลังสอนผมบ้างนะ อิอิ"

มัน คงพูดเล่นผมรู้ เพราะดูท่ามันอยากจะแกล้งผมมากกว่า ผมโผล่หน้าเข้ามาในครัวก่อนที่จะหอบเป้ออกจากบ้านไป เอตามออกไปด่าเพื่อนจนลับตาไปจากประตูบ้าน

"โทษทีนะพี่ เพื่อนผมมันไม่มีมารยาท"

มันเดินเข้ามากินน้ำในครัว แหม ยังกับแก มีมารยาทยังงั้นล่ะ ผมเหน็บมันอยู่ในใจ แต่ไม่รู้เบะปากออกไปหรือทำท่าอะไร

"พี่ด่าผมในใจเหรอ รู้นะ ไหน ด่าผมว่าไง"

"เฮ้ย บ้าเหรอ พี่จะไปด่าเราทำไม หาเรื่อง"

"ไม่รู้ล่ะ เห็นเบะปาก เห็นไหม ผมบอกแล้วอย่าทำตัวน่ารักมากดิ เพื่อนผมมันจะมาจีบเอา"

"เฮ้ย เป็นบ้า พวกเธอเป็น อะไรกัน ไหนบอกเป็นผู้ชายไง"

ผมลากเสียง คำว่าชาย เพราะรู้สึกหมั่นไส้

"อ้าว เป็นผู้ชาย ได้ชายเป็นยอดชาย พี่ไม่เคยได้ยินเหรอ"

มันพูดหน้าตาเฉย

"ทุเรศ ระวังเถอะ ระวังจะโงหัวไม่ขึ้น"

ผมพูดเสียงเบา เพราะไม่น่าจะพูดออกไปเลย เหมือนไปเปิดช่องให้มัน

"งั้น พี่ลองกับผมหน่อยสิ จะได้รู้ว่าจะดีจริงป่ะ"

นั่น เอาแล้วไหมล่ะ

"ไอ้บ้า อย่ามาพูดเล่นๆนะ รู้ว่าอยากลอง อยากรู้ แต่เรื่องแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องที่จะมาทำเล่นๆ"

ผมพูดวกไปวนมา เพราะไม่รู้จะหาอะไรมาโต้เถอียงกับมัน ให้ออกจากประเด็นนี้

"ผมไม่ได้ล้อเล่น"

มันพูดแต่ยังอมยิ้มอยู่ จนผมชักโมโห

"พี่ไม่สนหรอกว่าเรา จะล้อเล่นหรือเปล่า แต่ พี่ไม่เล่นด้วย"

"โห เล่นตัวว่ะ นะนะ พี่ ทำไมคนมันถึงชอบเป็นกันจังเกย์นี่"

"แล้วไม่กลัวว่าเราจะเป็นเกย์ไปด้วยเหรอ" ผมย้อน

"ไม่เป็นหรอก ลองแค่นี้ไม่เป็นหรอกน่า แหม ทำยังกะเป็นหวัดจะได้ติดกันง่ายขนาดนั้น"

ผมไม่อยากจะต่อปากต่อคำกับมันแล้ว เบื่อ พูดไม่รู้เรื่อง

"ไปเรียนเถอะ เสียเวลามามากแล้ว"

ผมพูดแล้วเดินออกจากครัวไปโดยไม่สนใจมัน แต่ก็ต้องสะดุ้ง หันหลังกลับ เพราะมันตีก้นผม

"เฮ้ย ทำไรน่ะ"

ผมร้องลั่น

"ก้น นุ๊ม นุ่ม"

"ไอ้บ้า ชั้นเป็นพี่แกนะ"

"เป็นพี่แล้วไม่สอนน้อง เนี่ยนะ"

"โว้ย ทำไมพูดไม่รู้เรื่อง ไอ้บ้า"

ผมตะโกนใส่มัน แล้วหน้าแดง วิ่งขึ้นบนห้องไป ทำไมต้องอาย ไม่เข้าใจเหมือนกัน
ผมกลับไปนั่งที่โต๊ะ หงุดหงิดขึ้นมาทันที สอนหนังสือยังไม่เท่าไหร่ กวนใจอีกแล้ว
กว่ามันจะขึ้นมาบนห้องก็นานพอสมควร จนผมระงับจิตใจให้เป็นปกติ แต่ มันกลับเข้ามาในห้อง
พร้อมกับใส่กางเกงเล่นบาสฯ กับใส่เสื้อกล้าม เหมือนจะไม่ใส่กางเกงใน เพราะ เห็นมันแกว่งๆ มันมานั่งข้างผมทันที

"ร้อนจัง ถอดเสื้อดีกว่า" มันพูด

"เฮ้ย ทำไม ไม่นั่งที่เดิม นั่งตรงนี้อึดอัด"

ผมขยับตัว เพราะมันทำท่าจะเบียดเข้ามา

"ไม่อึดอัดหรอก อบอุ่นดี"

"ไหนบอกร้อนไง"

"อยากถอดเสื้อเฉยๆ พี่ดูกล้ามผมดิ ผมมีกล้ามด้วยนะ"

มันยกแขนขึ้นเบ่งกล้ามให้ดู ไอ้บ้า อยากดูตายล่ะ ผมจะทำยังไงดี

"เรียนต่อเถอะ เอาอีกสักหน่อยค่อยลงไปกินข้าว"

ผมพยายาม ไม่สนใจ มันทำน่าเซ็งเพราะ ท่าทีของผมที่ไม่ได้สนใจมันเลย พอเรียนไปสักพัก

"เมื่อยหลังจัง"

ว่าแล้วมันก็นอนหงายหลังลงเลย พร้อมทั้ง ถลกขากางเกง ขึ้นสูงจนเกือบเห็น น้องชายของมันที่กำลังตื่นตัว ผมร้อนไปทั้งหน้า โอย มันจะยั่วไปถึงไหน
รู้สึกว่าตัวเองหน้าแดง ร้อนชาไปหมด

"พี่ๆ พี่ว่าของผม นี่ใหญ่ไหม"

กรรม

"ไอ้บ้า อะไร มาเรียนต่อเร็วๆ"

ผมพูดเสียงสั่น

"ก็ไอ้เนี่ยพี่ น้องชายผมน่ะ เนี่ยกำลังแข็งเลย พี่ว่ามันใหญ่ไหม"

มันพูดพลางจับน้องชายมัน อยากจะเอาหนังสือฟาดลงไปให้มันหัก มันจะได้เลิกกวนซะที

"ก็ ยังเด็กอยู่นะ คงต้องใช้เวลา"

ผมพูดออกไปแล้ว ทั้งที่พยายาม สะกดทุกคำพูดของตัวเอง

"เฮ้ย พี่ ของผมน่ะ ใหญ่ที่สุดแล้วนะในห้อง"

"ไม่รู้ แต่สำหรับพี่" ผมเบะปากใส่มัน เผื่อมันจะท้อใจบ้าง

"เด็กๆ"

"เล็กๆ แบบนี้ ก็เอาพี่ได้ดิ"

มันพูดออกมา

" นี่ มันจะมากเกินไปแล้วนะ ฉันเป็นพี่เธอนะ พูดอะไรเกรงใจกันบ้าง ฉันไม่ใช่เพื่อนเล่นเธอนะ"

ผมตวาดเสียงดัง โมโห อีกแล้ว

"พี่มาที่นี่เพื่อที่จะสอนหนังสือ ถ้าเรายังลามปามพี่อีก พี่จะไม่มาสอนเธอแล้ว เคารพกันบ้าง"

ผมพูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง ได้ผล เพราะมันเด้งตัวกลับมานั่งเหมือนเดิม ผมกัดกรามจนปูดโปน เพราะโกรธมัน เด็กอะไร ไม่รู้จักเด็ก ผู้ใหญ่

"ใส่เสื้อด้วย"

ผมสั่ง มันยอมทำตามแต่โดยดี

"โห แค่นี้ก็ต้องดุด้วย หรือว่ากลัวจะอดใจไม่ไหว" มันล้อเลียน

"ว่าแต่ของผมเล้กไปจริงเหรอพี่"

ดูมัน ผมถลึงตาใส่ มันจึงยอมหยุด กว่าจะถึงเวลากินข้าวเที่ยง ก็เล่นผม หูร้อนไปหลายที เพราะ มันยังคอยถามแต่เรื่อง น้องชายมัน ว่าเล็กไปหรือ ผมล่ะกลุ้มใจ ทั้งที่จริง ขนาดของมันดูจะเกินวัยไปเสียด้วยซ้ำ แต่ด้วยความที่เราเป็นคนสอนมัน ต้อง บั่นทอนกำลังใจมันเรื่องนอกลู่นอกทางบ้าง
แล้วตอนบ่ายจะเป็นยังไงเนี่ย ผมจะทนไหวไหม กับเด็ก เกินเด็กอย่างมัน
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: aorta999 ที่ 13-03-2010 20:55:34
มาต่ออีกคับ กำลังเข้มข้นเลย
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 13-03-2010 21:07:44
                  




                                               ตอน สิบ ค้าบบ



เอ มันก็แปลกของมัน ตอนเช้ากวนใจมาก แต่พอบ่ายกลับตั้งใจเรียน เล่นเอาผมปรับตัวแทบไม่ทัน แต่มองในแง่ดี มันก็เป็นผลดีกับทั้งมันและผมเอง ผมสอนง่ายขึ้น บทเรียนจึงไปได้เร็ว ส่วนมัน ถ้ามันตั้งใจเท่าไหร่ มันก็ได้มากขึ้น คงเพราะมันกำลังสอบปลายภาคด้วย คงจะกลัวสอบไม่ได้ แต่ก็ซวยผมอีก เพราะพอมันสอบเสร็จ แทนที่จะพักบ้าง กลับให้ผมไปสอนตามปกติ พูดแล้วเซ็ง สอบเสร็จมันคงจะปิดเทอม ต้องคุยกับอาจารย์ปริศนาว่าจะให้สอนยังไง หรือมันอาจจะไปเรียนพิเศษก็น่าจะเป็นได้ ดีเลยสิ ถ้าไปเรียนพิเศษ

วันอาทิตย์ มันก็ไม่กวนใจผมอีก อาจจะมีมองแล้วยิ้มๆ บ้าง ผมเองก็เป็นอะไรก็ไม่รู้ เวลาเด็กมันตั้งใจเรียน ก็พลั้งปาก ไปแหย่มัน

"เอ๊ะ วันนี้แปลก ไม่กวน นะเรา"

"ทำไม อยากให้กวนไง หรือพี่เปลี่ยนใจ อยากให้ผมลองแล้ว"

เออ ฉันผิดเอง ผมด่าตัวเองในใจ สรุป ก็ให้มันตั้งใจดีกว่า เอเป็นคนหัวไวมาก ผมสอนเรื่อง tense ให้ครึ่งวันหลังเมื่อวาน มาวันนี้มันจำได้หมด สามารถระบุได้ว่าประโยคที่ผมยกตัวอย่างเป็น ประโยคอะไร แล้วทำไมมันเรียนอ่อนวิชานี้ ผมไม่เข้าใจ ความจำมันดีกว่าผมเสียด้วยซ้ำ เพราะผมเองกว่าจะจำได้ ต้องท่องเป็นลูกนกลูกกา อยู่หลายวัน

นับ เป็นอาทิตย์ที่ผมสบายใจเป็นที่สุด ลูกศิษย์ไม่กวนใจ ที่ทำงานก็เรื่อยๆ ออกไปข้างนอกเสียมากกว่า เพราะพี่ ภา เอาผมติดไปด้วยตลอด ยิ่งจะใกล้สิ้นปี มีงานเข้ามาเยอะกว่าช่วง กลางปี บริษัทเราจึงค่อนข้างยุ่ง งานที่อาจารย์สั่งมา ก็มอบให้จ๋าเป็นคนดูแล เพราะมันไม่ได้ทำงาน แต่ที่แปลกไป คือพี่ตั้ม ไม่รู้ว่าเพราะผมยุ่ง หรือเขายุ่ง ไม่ค่อยโทรหาเหมือนอาทิตย์ก่อน เวลาโทรไปก็คุยเดี๋ยวเดียว ยุ่งบ้างล่ะ ติดลูกค้าบ้างล่ะ ผมเลยไม่รู้จะคุยอะไรดี ในใจก็หวั่นๆ เป็นอย่างนี้เกือบทั้งอาทิตย์

"แก พี่ตั้มเป็นอะไรก็ไม่รู้ว่ะ ไม่ค่อยเหมือนเดิมเลย โทรไปก็ไม่ค่อยอยากจะคุย"

ผม ระบายให้พลฟัง ตอนที่มันขับรถมาที่ central world เราขอพี่ภาออกมาก่อน เพราะวันนี้เป็นวันเกิดมัน ผมก็กะจะหาซื้อของขวัญให้มันไปด้วย
 
"มีเด็กใหม่ รึเปล่าแก"
 
พลพูด แต่ตาไม่ได้มองผม ใจแป้วไปเหมือนกัน
 
"คงไม่น่า เพราะพี่ตั้ม ไม่น่าจะกลับไปเจ้าชู้อีก เขาสัญญาแล้ว"
 
"โอ๊ย แก นี่มันสมัย อินเตอร์เน็ท ไฮสปีดนะ ไม่ใช่สมัย เลิฟ เล็ทเทอร์ คนมันติดอยู่ในสันดานน่ะ แก้ยากว่ะ"
 
มันจะรู้หรือเปล่าว่า คำตอบที่ผมอยากได้ยินจากปากมันไม่ใช่แบบนี้ มันควรจะพูดหลอกให้สถานการณ์มันดีกว่านี้หน่อย
พลเหลือบมามองผม คงรู้ตัวว่าพูดอะไร ที่ไม่น่าจะพูดออกมา ความจริงผมน่าจะโทรหา จ๋า พลมันเป็นคนตรงๆ ว่ามันก็ไม่ได้

" เฮ้ย แก ฉันพูดเล่น พี่ ตั้มจะมีอะร๊าย เขาคงยุ่งล่ะแก ไม่เชื่อ แก็ลองโทรไปดิ บอกว่าจะไปเที่ยวกับเพื่อน ชวนเขาด้วย ดูสิว่าเขาจะว่ายังไง"

พลแนะนำ ผมยังไม่ได้รู้สึกดีขึ้น แต่ก็เอาโทรศัพท์ออกมา กดหาพี่ ตั้ม

"พี่ตั้ม คือ เย็นนี้ วันเกิดพลน่ะครับ เราจะไปหลังสวนกัน เอ่อ พี่ตั้ม ไปด้วยกันไหม"
 
ผม อึกๆอักๆ ไม่รู้ทำไม ยิ่งปล่อยไว้แบบนี้ ยิ่งทำให้รู้สึกว่า การคุยกับเขา เหมือนคุยกับคนแปลกหน้า ผมว่ามันไม่มีอะไร แต่ผมคิดมากไปเอง
 
"อ้าว เหรอ อยากไปนะครับโย แต่พอดี มีงานด่วนเข้ามา พี่ต้องทำให้เสร็จน่ะครับ เอาไว้วันหลัง บอกพลเดี๋ยวพี่พาไปเลี้ยงข้าว"

ที่จริง เสียงเขาก็ยังเหมือนเดิม ไม่เห็นมีอะไรแตกต่างออกไปเลย ผมคิดมากไปจริงๆ

"อ้อ ครับ งั้นไม่เป็นไรครับ ไว้วันหลังก็ได้"
 
ผมแอบถอนหายใจ ทั้งโล่งใจ และเหมือน ผิดหวังไปในครั้งเดียวกัน
 
"ช่วงนี้ งานยุ่งเหรอครับ พี่ตั้ม โยไม่ค่อยได้คุยเลย"
 
ผมตัดพ้อ
 
"ครับ ยุ่งมาก มีแต่งานด่วนเข้ามา พี่ต้องแก้โปรแกรมให้เขา ให้ทันน่ะครับ โยดูแลตัวเองดีๆนะ พี่เป็นห่วง เี่ที่ยวให้สนุก"
 
เหมือนเขาไม่อยากคุยแล้ว ดูตัดตอนยังไงไม่รู้  ผมน้อยใจขึ้นมา แต่ มันไม่มีอะไรหรอกน่า ผมปลอบใจตัวเอง
 
"ครับ ได้ครับ"
 
ผมวางสาย สีหน้ายังไม่สู้ดี พอดีกับที่พล จะเลี้ยวเข้าห้างพอดี มันเอามือมาตบบ่าเบาๆ
 
"โย แก เผื่อใจไว้ด้วยนะ"
 
อะไร มันจะพยายามพูดอะไร ผมมองหน้ามัน อย่างไม่เข้าใจ
 
"อะไรแก เผื่อใจ อะไร พี่เขาไม่ว่าง ยังบอกเลยวันหลัง จะพาไปเลี้ยง"
 
ผม แว้ดเสียงขึ้น โมโห มันขึ้นมา ไม่รู้ทำไม เหมือนมันจะพยายาม ให้ผม เลิกกับพี่ตั้ม
มัน เม้มปาก เหมือนจะพูดอะไรออกมา
 
"แกมีอะไร พล จะพูดอะไร"
 
ผมพูดเสียงดัง
 
"ไม่มีอะไรหรอก ฉันขอโทษ ที่พยายามมองพี่ตั้มในแง่ร้ายมาตลอด"

เรา เงียบกันทั้งคู่ ผมก็ยิ่งสับสน อะไรกัน เหมือนมันรู้อะไร แล้วมันปิดผมอยู่ แต่ว่าไปแล้ว พลไม่เคยปิดผมเลยสัักเรื่อง ตั้งแต่รู้จักกันมา แต่ก็รู้อยู่ว่ามันไม่ปลื้ม พี่ตั้ม เท่าใดนัก เพราะ พี่ตั้มเจ้าชู้ มันเคยเห็นตามที่เที่ยวบ่อย แต่พอมาคบกับผมเขาดีขึ้น แต่พลมันก็ยังไม่ปลื้มอยู่ดี

เราเดินห้างกันเรื่อยๆ พลเลือกเสื้อกับรองเืท้า เป็นของขวัญให้ตัวเอง เพราะได้เงินจากพี่ ภา มาเยอะพอสมควร ส่วนผมก็แอบไปร้าน เกรย์ฮาวด์ ซื้อเสื้อให้มันตัวหนึ่ง เป็นเสื้อยืดสกรีนลายสวย มันคงชอบ ผมให้เขาห่อให้

"ไปหาอะไรกินกันก่อนเถอะแก ชั้นหิว"
 
มันบอกตอนที่เดินเสร็จแล้ว ที่จริงเราเดินผ่านร้านอาหารญี่ปุ่น ผมเองก็หิว เราจึงไปกินข้าวกัน
 
"นี่ อีกบ กับ อีกาย จะไปรอเราที่โน่นเลยนะ มันจะไปจองที่ไว้"
 
พลบอกตอนเราจะกลับ




"แล้วไหนบอกแกจะพาน้อง ดง น้องดาม ไปด้วยไงแก"

ผมถามขึ้น เพราะนึกขึ้นได้

"โอ๊ย เหวี่ยงทิ้งไปแล้ว แก เรื่องเยอะ แหม หลายสิ่ง จะเอานั่นเอานี่ ทำยังกับชั้นรวย มันอยากได้แต่ละอย่างนะแก"

พลบ่น
 
"นี่แก ชั้นอยู่ดึกไม่ได้นะ พรุ่งนี้มีสอน"
 
  ผมรีบเปลี่ยนเรื่อง เพราะสีหน้ามันดูไม่ค่อยดี


"อะไรแก วันเกิดชั้นนะยะ ปีละครั้ง ไอ้เด็กนั่น ไปสายหน่อยก็ได้"

พล แว้ดกลับ ผมก็ได้แต่เงียบไป คงจะไปตามเพื่อนล่ะถ้าอย่างนั้น เราถึงบ้าน ทุ่มกว่าๆ แม่กำลังเตรียมของจะไปนั่งวิปัสนา กับน้าี่สาที่อยู่ข้างบ้าน แม่ชอบไปนั่งวิปัสนาที่วัดธรรม ที่ซอย ๑๐๑ ตอนที่พ่อเสียใหม่ๆ ไปเกือบทุกวัน แต่พักหลัง ไปบ้าง เดือนละครั้ง สองครั้ง เราคุยกับแม่อยู่สักพัก จนแม่ออกจากบ้าน เราจึงค่อยอาบน้ำแต่งตัว

กว่า จะออกจากบ้าน ก็เกือบสี่ทุ่มครึ่ง แต่พลบอกว่า ที่จริงเขาเที่ยวกันดึกกว่านี้ แต่ถ้าไปหลังสวน คืนวันศุกร์ หรือเสาร์ควรจะไปเวลานี้ เพราะจะไม่มีโต๊ะ เราแวะไปรับจ๋าที่บ้าน เห็นออกมายืนยิ้มแฉ่งคู่กับ พี่ป้อม

"ต๊าย เดี๋ยวนี้พัฒนานะยะ พาผู้ชายมาที่บ้านเลย ท่าทางจะเอาจริง"
 
พลพูดเมื่อเห็นทั่งคู่ยืนอยู่ หน้าบ้าน ผมได้แต่มอง ไม่ได้พูดอะไร
 
"ฉันสวยไหมแก"
 
จ๋าถามเมื่อขึ้นรถมา แต่พี่ป้อมไม่ขึ้นมาด้วย
 
"เลิศ เพื่อน สาวเลิศ นี่หล่อนจะไปงานศพเหรอยะ แต่งดำซะ"

"อ้าว นังนี่ ตกเทรนเหรอยะ นี่เป็นเทรนฝรั่งเศษ กำลังอินเชียว"


"อ้าว พี่ป้อม ไม่ไปด้วยเหรอครับ"
 
ผมถาม ก่อนที่สองคนจะกัดกันไปมากกว่านี้
 
"อ้อ พอดี พรุ่งนี้พี่มี แลบตอนเช้าครับ คงไม่ไหว เที่ยวให้สนุกนะครับ ฝากจ๋าด้วย"
 
"ค่า นังนี่ไม่มีใครเอาหรอกพี่ป้อม นอกจากพี่"
 
พลกัด
 
"อ้าวอีนี่ ฉันมันสวยขนาดนั้นเชียว ผู้ชายถึงไม่มีใครคู่ควร"
 
จ๋า แว้ดกลับ
 
"อ่ะ อ่ะ อย่าทะเลาะกันครับ ใครไม่เอา พี่เอาเองครับ เออ นี่ครับพล ของขวัญของพี่กับจ๋า"
 
พี่ป้อมยื่น กล่องของขวัญให้ ผมรับไปให้พล เพราะเขายืนอยู่ทางผม
 
"อุ๊ย ขอบคุณครับพี่ป้อม ไม่ใช่การ์ดแต่งงานนะ"
 
พลยังกัดไม่เลิก
 
"อีนี่ จะเอาไหมยะ แหม ปากดี เดี๋ยวก็ริบคืน"
 
จ๋าทำท่าจะไปแย่งของขวัญคืนมา
 
"ต๊าย ให้แล้วให้เลยสิ ขอบคุณนะครับ พี่ป้อม"
 
พลไหว้ขอบคุณ

เรา ออกจากกล้วยน้ำไท ตรงเข้าพระรามสี่ พลตรงไปแยกสีลมแล้วค่อยเลี้ยวเข้าจอดรถในโรงพยาบาลจุฬาฯ แล้วเราค่อยเดินไปที่หลังสวน พลบอกว่าที่จอดรถแถวนั้นหายาก ยิ่งคืนวันศุกร์ เสาร์ แย่งกันเที่ยว เราเดินข้ามฝั่งไปทางสวนลุม ร้านที่พลบอก ผมไม่เห็นว่ามันจะน่าเที่ยวตรงไหน ดูน่าสนใจก็ตรงที่ ไฟแสงสี กับเสียงเพลงที่ดังกระหึ่มออกมา ร้านที่เราเข้าไป ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะเปิดเป็น เธค เหมือนห้องแถวธรรมดา แต่ คนเยอะมาก เยอะจนผมกับจ๋าเกาะกันแน่น เดินแทบจะไม่ได้ ตายจริง เขามาเบียดเสียดกันทำไมนี่ ผมตกใจ คนเยอะ จนมองไม่ออกว่าใครเป็นใคร พลดึงเราเข้าไปโต๊ะเกือบในสุดของร้าน
 
"ต๊าย อีกบ พวกหล่อนเข้าใจเลือกที่นะยะ อีห่า ไม่เข้าไปอยู่ในบาร์เขาเลยล่ะ"
 
จ๋า แว้ดเสียงดังทันที ที่เข้าไปถึงโต๊ะได้
 
"อ้าว นังนี่ ตรงนี้น่ะ ทำเลดีสุดๆ แกเห็นไหม มันเป็นทางขึ้นชั้นสอง เวลาผู้ชายเดินเราก็จะได้สีๆไง"
 
กบ อธิบาย เห็นจะจริงตามที่มันบอก เพราะ มันเป็นทางขึ้นไปห้องน้ำชั้นสอง แต่ เดินไปได้ยังไงไม่เข้าใจ เล็กๆ แคบๆ คนแน่นอัดกันยังกับปลากระป๋อง
 
"โหย แก แล้วอะไรยังไงเนี่ย คนแน่นขนาดนี้"
 
ผมบ่นบ้าง เวลาพูดกันก็ เหมือนจะตะโกนใส่กัน
 
"น่าแก เอ้า กินๆ อย่าพูดมาก"
 
กายจับแก้ว เหล้าใส่มือ พร้อมทั้งยกใส่ปากผม
 
"เฮ้ย แก แหวะ มีแต่เหล้า"
 
ผมบ้วนออก เพราะกลืนลงไปหน่อยเดียว แต่ขมปี๋
 
"อ้าว แก เสียของ กินเข้าไป อย่าพูดมาก อย่ามาเรียบร้อยแถวนี้ เจ๊ ไม่ปลื้ม"
 
กาย ยังพยายาม ต่อ ทีนี้ ทั้ง พล กับกบ จับแขนผมไว้ มือใครไม่รู้จับปากอ้าไว้แล้วเทเหล้าเข้าปาก ผมไม่ค่อยกินเหล้า เพราะกินแล้ว เมาเร็วมาก ผมกลืนเหล้าเข้าปากอย่างทุลักทุเล ทำไมเหล้ามันขมแบบนี้ ไม่เข้าใจเขากินกันจัง พอเหล้าหมดแก้ว ผมก็หาที่เกาะ
 
"อีนี่ เดี๋ยวมันก็เมาหรอก"
 
จ๋า ร้องเตือน แต่ไม่เห็นยักช่วยอะไร
 
"โอ๊ย ไม่ต้องห่วงหรอกหล่อน เพราะหล่อนเองก็จะต้องเมาเหมือนกัน"
 
พล หันมาเล่นงานจ๋า ดูกลุ่มเรา กรี๊ดกร๊าดเป็นพิเศษ เพราะ ทั้งกายและกบก็วางมือจากผมไปทางจ๋าแทน รายนั้นกรี๊ดเสียงดัง เพราะโดนไปสองแก้ว
พอเหล้าเข้าปากแก้วหนึ่งก็มีแก้วสองตามมา ผมพอคุ้นลิ้นก็ชักไม่ต้องจับกรอกแล้ว กระดกเองเลย พอเที่ยงคืน กายกับกบก็เอากล่องเค้กขึ้นมา ทางร้านเขาใจดีเปิดเพลง แฮปปี้เบิร์ทเดย์ให้ คนในร้านมองกันใหญ่ แต่เราก็ไม่รู้สึกกระดากอายเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ แต่ผมก็ไม่เข้าใจอยู่ดี ว่าเป่าเค้ก กับ เธค นี่มันเข้ากันตรงไหน พอเมาได้ที่ผมก็เริ่มง่วงนอน
 
"แกๆ กลับเถอะ ฉานง่วงนอน แล้วว"
 
ผมเสียงยาน
 
"อะไรแก ยังไม่ถึงไหนเลย เนี่ยเดี๋ยวไปต่อที่สีลมกัน"
 
พลบอก พลางตบแก้มผมเบาๆ เพราะตาเริ่มปิด
 
"อู๊ย มันเด็กเรียนจริงๆ เนอะแก ไม่ใช่เหมือน นังชะนีนี่ พอเมาแล้ว แร่ด ค่าา"
 
กบบอก จ๋า หันขวับมาทันที
 
"ช้าน แร่ด เหรอแก ไม่จริ๊งง ออกจะเรียบร้อย อุ๊ย น่ารักจัง คุณคะ คุณ"
 
จ๋า หันไปเกาะหลังผู้ชายที่กำลังดันคนจะไปเข้าห้องน้ำ จน กายต้องไปดึงออกมา
 
"โห ของเขาแรงว่ะ นังนี่ระวังหน่อย เขาอาจจะมีผัวก็ได้นะยะ"
 
"โอ๊ย ผัวเผออาราย ไม่สน ก็หล่ออ่า ช้านจะอาวๆ"
 
"ชั้นว่าเรา ย้ายเถอะ เดี๋ยว นังจ๋าทำเสียเรื่อง ผู้ชายหนีหมด"
 
พลบ อก แล้วเรียกเด็กมาเก็บเงิน กบลากผมออกมานอกร้านก่อน ตามด้วยกายลากจ๋า ซึ่งรายหลัง เกาะคนนั้นคนนี้ไปทั่ว พอออกไปยืนนอกร้านถึงรู้ตัวเองว่าเมา ยืนโงนเงน
 
"ยืนดีๆ แก เดี๋ยวชั้นไปเชค เรตติ้งหน่อย แป๊บนะ"
 
กบพูดเสร็จ ก็เดินเข้าไปในร้านอีก กายต้องคอยเฝ้าจ๋าเพราะ มันจะคอยไปดึงคนนั้น คนนี้ นี่ถ้ามันสร่างเมามันจะกล้าทำแบบนี้ ไหม
 
"สวัสดีครับ มาคนเดียวเหรอครับ"
 
เสียงทักอยู่ข้างหน้า ใครหว่า ผมเงยหน้ามอง เพราะก้มหน้าอยู่ เวียนหัวตุ๊บๆ
 
"เอ่อ "
 
ผม ไม่รู้จะพูดอะไร ใครก็ไม่รู้ หน้าตาดียู่หรอก แต่ทาแป้ง ขาวลอยมาแต่ไกล
 
"ชื่ออะไรครับ ผมชื่อ โจ้"
 
เขารุกต่อ นี่เราน่าตาน่าคุยด้วยขนาดนั้นเลยเหรอ ผมคิด มองไปทางกายกับจ๋าก็เหมือนจะดูวุ่นวายอยู่ ตายละสิทำยังไดี
 
"มากับแฟนครับ"
 
ผมพยายามตอบ เขาจะได้ไม่ต้องมาวุ่นวาย
 
"อ้าว มีแฟนแล้วเหรอครับ ไหนล่ะแฟน ทำไมปล่อยให้คนน่ารักมายืนคนเดียวแบบนี้"
 
โ๊อย เบื่อมุขนี้เต็มที จะหนียังไงดี ผมคิด พอดีเห็นผู้ชายคนหนึ่ง ใส่เสื้อเชิ๊ตสีอะไรไม่แน่ใจ ยืนคุยโทรศัพท์อยู่ ผมโผเข้าไปทันที
 
"นี่ไงครับ แฟนผม พี่ เอ็ม ไปไหนมา โยรอตั้งนาน"
 
ผมเมา ผมถึงกล้าทำไปขนาดนั้น เพราะกอดคอเขาเลย เขาสูงกว่าผมมาก จนต้องเขย่ง เขาตกใจสะดุ้งจะผลักผมออก
 
"พี่ ขอโทษ ครับ ช่วยผมหน่อย ผมไม่อยากคุยกับเขา"
 
ผมพูดเสียงเบา แน่ใจว่าเขาคงได้ยิน เขาค่อยมองหน้าผม แล้วมองผู้ชายคนนั้น เขาจึงค่อยยอมให้ผมกอด
 
"เอ้อ พี่ไปเข้าห้องน้ำมาครับ อยากกลับบ้านแล้วเหรอครับ คนดี"
 
เขาแสดงเกินจริงไปหน่อย เพราะเขา ก้มลงมาหอมแก้มผม จนผมต้องผละออก มองไป ผู้ชายคนนั้น ไปแล้ว ผมจึงผละออก
 
"ขอบคุณครับพี่"
 
ผมไหว้ขอบคุณเพราะดูเขา มีอายุกว่าผม
 
"อ้าว ไม่เอาจริงๆ เหรอครับ พี่ยังไม่มีแฟนนะ"
 
ตายแล้ว หาเรื่องใส่ตัวอีกแล้วเรา เขาเดินรุกเข้ามาทันที เขาดูดีกว่าคนเมื่อกี้ แต่ผมกลับไม่อยากคุยแล้ว
 
"กบ ชั้นจะอ๊วก"
 
โชคยังมี กบเดินออกมาพอดี ผมโผเข้าหากบทันที
 
"ต๊ายแก อย่าอ๊วกตรงนี้ อายเค้า ไปๆ ข้ามไปฝั่งโน้น"
 
กบรีบลากผม ข้ามฝั่งไปทันที
 
"อ้าว ไม่อ๊วกล่ะแก ฉันกำลังสีผู้ชายอยู่ ไปเลยแก เห็นไหม"
 
กบบ่น เขาเดินข้ามฝั่งมาที่เรา
 
"ไปกินน้ำเย็นก่อนดีไหมครับ ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวตรงนั้นน่าจะมี"
 
เขา เสนอ พลางก้มหน้าลงมาใกล้ๆ
 
"อุ๊ย ค่า เอ๊ย ครับพี่ เพื่อนเมาน่ะครับ ไม่รู้เรื่องเลย"
 
กบ ทำท่าร่าเริง ทำท่าฝืนธรรมชาติ
 
"หล่อเวอร์แก ต๊าย ชอบชั้นแน่เลยอ่ะ"
 
กบกระซิบ
 
"พี่ช่วยพยุงเพื่อน ดีกว่าไหมครับ ท่าทางเราจะเมื่อยแล้ว"
 
อ๊าย ไม่เอา ผมพยายามเด้งตัวขึ้นมาทำเป็นไม่เมาทันที
 
"ผมไหว ครับพี่ ไม่รบกวนหรอกครับ ขอบคุณครับ"
 
พอดี พลกับกายที่ลากจ๋าเดินข้ามมาพอดี ผมตะโกนเรียก
 
"อุ๊ย ใครอ่ะ หล่อเชียว"
 
กายบอก แล้วพลักจ๋าใส่อกให้พล
 
"อ้าวอีนี่ เห็นผู้ชายแล้วทิ้งเพื่อนเลยนะแก"
 
พลบ่น แล้วรับจ๋ามา
 
"หวัดดี ครับพี่ ผมชื่อ กายนะครับ"
 
"อุ๊ย หนู เอ๊ย ผมชื่อกบ ครับ"
 
ทั้งสองแย่งกันบอกชื่อตัวเอง
 
"สวัสดีครับ พี่ชื่อ ปิ๊ก นะครับ ยินดีที่ได้รู้จัก มาเที่ยวกันกี่คนครับ"
 
เขา ยิ้ม แต่สายตายังจ้องมาที่ผมอยู่ ผมไม่ได้เข้าข้างตัวเองนะ แต่เขามองผมอยู่จริงๆ แต่เพราะผมเมา เลยไม่ค่อยประหม่า ที่จริงไม่ชอบให้ใครมาจ้องแบบนี้
 
"เอ่อ พี่ค๊ะ ชอบ คนนี้เหรอ"
กบเบ้ปาก เพราะเห็นสายตาเขามองผม และพูดแบบเป็นธรรมชาติของมัน
 
"มันชื่อโย ค่ะพี่ มีแฟนแล้ว แฟนกำลังมีกิ๊ก"
 
พอพูดได้แค่นี้ ทั้งกายทั้งพลก็ ถลึงตาใส่ จนกบพูดไม่จบประโยค ผมเองได้ยินบ้างไม่ได้ยินบ้าง แต่ก็แว่วๆ หูแต่ไม่ได้ใส่ใจมากนัก
 
"ใครน้า โชคดีได้ น้องโยเป็นแฟน น่ารักแบบนี้ แฟนคงรักมาก คงโง่แล้วล่ะถ้ามีกิ๊ก"
 
เขาพูด ทำสายตากรุ้มกริ่ม
 
"เราจะไปต่อที่ วอยสองอ่ะครับพี่ ไปด้วยกันไหม"
 
กายเอ่ยปากชวน เหมือนจะรีบตัดบท แต่ทำไมต้องชวนด้วย ผมไม่เข้าใจ
 
"เหรอครับ ก็ดี ครับ เดี๋ยว พี่ขอโทรบอกเพื่อนก่อน เดี๋ยวมันหาว่าพี่หนีกลับก่อน"
 
สรุป เราก็ต้องไปต่อกันที่ซอยสอง ผมไม่เคยไปที่นั่น แต่ ทั้งสามสิงห์ ไปจนเขาจำหน้าได้แล้ว และก็มีเขาตามไปด้วยอีกคน    
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: benxine ที่ 13-03-2010 21:40:49
สนุกมากกกกกกกกกกกกก

มาต่อไวๆนะคร๊าบบ

ชอบมากกอ่ะ อ่านไปยิ้มไป

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: jantaro ที่ 13-03-2010 22:30:50
ขอบคุนคราบบ

ต่อไปมานต้องมีเรื่องเศร้าๆๆแน่เลย
อย่าเศร้าน้าคราบบบ :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: aorta999 ที่ 14-03-2010 00:19:33
ดูแล้ว โย น่าจะกำลังเจอความจิงนะคับ

มาต่อไวๆนะคับ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 14-03-2010 00:47:43
 o13 ชอบเรื่องนี้จริง
เรื่องนี้ผู้ชายเยอะไปหมดอ่านแล้วลัลล๊า
แล้วจะรออ่านต่อ
นิว(ยิ้มๆ)
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: kei_kakura ที่ 14-03-2010 00:59:19
อ่ะ......ค้างอย่างแรง

เรื่องจะเป็นไงต่อล่ะนี่   :impress2:


ลุ้นๆๆ.... รีบอัพไวไวนะ  เป็นกำลังใจให้จร๊า :L2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: jantaro ที่ 14-03-2010 01:08:45
 :call: :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zeazaiz ที่ 14-03-2010 03:23:43
 :pig4:

หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 14-03-2010 04:41:54
อ่านแล้วได้บรรยากาศแบบเพื่อนสาวๆเลยค่ะ

นึกถึงสมัยเรียนเชียว

อิอิ

ปล.อิพี่ตั้มมันจะนอกใจชิมิคิเนี้ย  :z6:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: ryokung ที่ 14-03-2010 05:37:08
หนุกๆๆๆ คัฟ

จะรออ่านต่อ  อิอิ  :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 14-03-2010 06:42:04
 ตอนต่อ ภาษา ค่อนข้างแรง นะครับ ยังไงช่วยกัน วิจารณ์ด้วย

ขอบคุณทุกกำลัง ใจ


                          ตอน สิบเอ็ด ค้าบบบบบบ


เรากอดคอกันเดินข้ามแยกมาฝั่งสีลม พอข้ามฝั่งมา โลกก็เหมือนเปลี่ยนไปอีกโลก เป็นโลกที่รังสรรค์ไว้เพื่อชาวเรา แม้แต่ของขายที่อยู่ต้นซอย ก็เหมือนจะเตรียมไว้สำหรับเรา ผู้คนขวักไขว่ไปมาแม้จะดึกมากแล้วก็ตาม พลพาเราเลี้ยวเข้าซอยสอง ที่จริงไม่น่าจะเรียกว่าซอย น่าจะเรียกว่าตรอกมากกว่า เพราะเป็นซอยที่ตัน จากปากทางเข้าท้ายซอย ไม่ถึงห้าสิบเมตร หน้าซอยมีร้านขายก๋วยเตี๋ยวอยู่ ก่อนเข้าซอยมีพนักงานตรวจบัตรประชาชน กายบอกก่อนตอนที่กำลังข้ามแยกแล้ว ผู้คนที่มีเที่ยวที่นี่ ต่างหน้าตาดีๆ กันทั้งนั้น แต่งตัวดี กลิ่นน้ำหอม ต่างกลิ่นเคล้ากับกลิ่นบุหรี่ตลบอบอวล
จ๋าเองที่ดูเป็นคนแปลกแยก เพราะ น้อยนักที่ผมจะมองเห็นผู้หญิง กายดันหลังผมให้เดินตามพล โดยมีกบกุมมือจ๋าตามมา เสียงเพลงกระหึ่ม ไม่รู้เสียงไหนเป็นมาจากร้านใด เพราะร้านที่รายเรียงกัน ต่างเปิดเพลงแข่งกัน คนที่ยืนออกันอยู่ตรงทางเดินเยอะจนจะเดินไม่ได้ ร้านที่เราเข้าอยู่ท้ายซอยสุดทางขวามือ ก่อนเข้าร้านมีพนักงานตรวจบัตรประชาชนอีกด่านหนึ่ง ที่จริงต้องเสียค่าเข้าด้วย แต่พลกับกาย มีเหล้าเปิดไว้จึงไม่ต้องเสียค่าเข้า อีกทั้งดูเหมือนเป็นสมาชิกพิเศษ เพราะพนักงานหน้าร้านยกมือไหว้มันสองคน เข้าไปในร้าน คนแน่นจนเดินไม่ได้ ต้องกุมมือกันตลอด เพราะถ้ามือหลุดจากกัน คงหลงกันเป็นแน่ เสียงเพลงดังกว่าร้านเดิมที่เราเพิ่งออกมา แนวเพลงก็เป็นแนวที่เปิดตามวิทยุ แต่เป็นเวอร์ชั่นที่เอามาทำดนตรีให้เข้ากับจังหวะการเต้น พลคุยกับพนักงาน แล้วก็เดินฝ่าคนเข้าไปเกือบจะกลางฟอร์ ที่มีรั้วคล้ายบาร์ แต่ใช้เป็นที่ยืนเต้นของหนุ่มๆ ที่เปลื้องท่อนบน เผยให้เห็นมัดกล้าม ตรงด้านหน้ามีเวทีใหญ่ คนที่เต้นอยู่ข้างบนก็เปลือยส่วนบน รูปร่างดีๆกันทั้งนั้น สร้างความตื่นตาตื่นใจกับผู้ไม่เคยพบเห็น


"ต๊ายแก เปิด Tamia ด้วย"


จ๋าตะโกน เพราะเพลงที่เขากำลังเปิด เป็นเพลงที่มันชอบ ผมเองก็ชอบ แต่เวอร์ชั่นนี้ไม่เคยได้ยิน


"There's a stranger in my house
It took a while to figure out
There's no way you could be who you say you are
You gotta be someone else
Cuz he wouldn't touch me like that
And he wouldn't treat me like you do
He would adore me, he wouldn't ignore me
So I'm convinced there's a stranger in my house "


จ๋า ร้องตามเสียงดัง แต่เสียงเพลงที่ดังกว่าก็กลบเสียงมันจนแทบจะไม่ได้ยิน พอเด็กเอาเหล้ามาให้ เราก็ดื่มกันอีก ผมรู้สึกเมา กว่าเดิม ผมกับจ๋าโดนตีวงล้อมจากทั้งสาม เพราะคงไม่เคยมา อีกทั้งคนก็แน่นจนเกินไป ผู้คนทั้งเดิน ทั้งเบียดกันไปมา ความจริงเต้นแทบจะยังเต้นไม่ได้ แต่คนก็ดูเหมือนยิ่งอัดกันเข้ามา


"ชอม มั้ยแก"


พลตะโกนถาม


"นี่ ถ้าชอบเดี๋ยวพามาอีกแก"


ผมพยักหน้าแล้วกอดคอมันเต้น เราดูมีความสุขมาก นานๆได้เที่ยวกับเพื่อนๆ แทบลืมเรื่องต่างๆไปหมด ให้เพลงนำพาอารมณ์ไป ความจริงไม่ได้ชอบสถานที่ที่คนเยอะแย่งกันเที่ยวแบบนี้ แต่เพราะวันนี้เป็นวันพิเศษ เป็นวันที่ผมไม่ควรจะคิดเรื่องอะไรอีก นอกจากสนุกกับเพื่อนๆ


ผมเห็นพลพยักเพยิดให้กายดูอะไรข้างหน้ามัน แล้วสีหน้ามันก็ดูกร้าวขึ้นมาทันที ผมจะหันไปมองด้วย แต่กายก็จับตัว หันกลับไปทางหน้าเวที พลางส่ายหน้า ว่าไม่มีอะไรให้ต้องดู
แต่ผมชักสงสัย


"แก ผู้ชายถอดกางเกง"


ผม ตะโกนบอกมัน ได้ผล เพราะมันต่างมองไปที่เวทีทันที ผมได้โอกาศจึงหันไปทางที่มันบุ้ยปาก ผู้คนที่แน่นเกินจะมองออกว่าใครเป็นใคร ผมก็ยังไม่รู้ว่ามันมองอะไรกัน ยิ่งคนเบียดเสียดกันเข้ามาอีก


แต่ คนที่คุ้นหน้าเหลือเกิน เหมือนเป็นคนที่เพิ่งจะมีเรื่องกันไปเมื่อวันก่อน กำลังกอดจูบ นัวเนียอยู่กับผู้ชายอีกคน อย่างไม่แยแสสายตาใคร ไอ้นัท นั่นเอง ดูมันกำลังดูดดื่ม กับสิ่งที่มันทำอยู่ กายรู้ตัวว่าโดนผมหลอกเข้าแล้ว


"เฮ้ยแก หันกลับมา"


มัน พยายามจะจับตัวผมเบี่ยงหันกลับไปทางเดิม แต่ ช้าไปแล้ว ผมยืนนิ่งมองไปข้างหน้า อีกคนที่ผมคุ้นกว่าไอ้นัท ผมจำได้แม้คนจะเยอะมากเพียงใด แม้คนจะแน่นที่ทำให้เราอยู่ห่างกันแค่เพียงสามก้าว แต่มันเหมือนห่างไกลออกไปหลายโยชน์ คนที่ผมคุ้นเคยดี


"พี่ตั้ม"


ผม พูดออกจากคอ ไม่มีใครได้ยินนอกจากตัวผมเอง ผมยืนนิ่งเหมือนถูกสาป รู้สึกใจหล่นหายลอยไปไกล ตัวสั่น หน้าร้อนชาเหมือนมีคนกดหัวผมลงน้ำแข็งให้แช่อยู่อย่างนั้น พลเข้ามาช่วยจับผมหันกลับ แต่ผมก็ฝืนแรงเพื่อน ทั้งจ๋ากับกบเห็นแล้ว


"ไอ้เชี่ย สาด ไม่รู้จักพอ"


จ๋า กรี๊ด พลางโผเข้าไปหาเขา หวังจะตบ แต่กายดันตัวเอาไว้ก่อน ผมเห็นสีหน้าเขาตกใจ แต่ไอ้นัท ยิ้มอย่างสะใจ มันยังกอดเขานัวเนียอยู่ เขาเหมือนกำลังจะเอ่ยปากพูดอะไร


"อีกบ พามันออกไป"


เสียง กายสั่ง พลันผมก็โดนกบฉุดออกมาทันที คนที่เยอะแน่นเบียดเสียดกัน ไม่ใช่เรื่องง่าย ที่จะฝ่าออกมาได้ ต่างคนต่างเมา ยิ่งคนนั้นดันเข้า คนนี้ก็ยิ่งดันออก ผมไม่รู้ว่าออกมายืนอยู่นอกร้านได้ยังไง ผมหายเมาไปเลย กลับรู้สึกหวั่น หวิว ในใจ ก้าวขาแทบไม่ออก มันรู้สึกหนัก มันหนักที่ไหน ที่ใจผมเอง พอออกมายืนนอกร้าน กบก็ฉุดมือผมออกไปยืนหน้าซอย รอเพื่อนที่กำลังตามออกมา


"โยๆ ฟังพี่ก่อน"


เสียงที่คุ้นเคย พูดกึ่งตะโกน เพราะข้างนอกเสียงเพลงไม่ดัง อีกทั้งคนที่ออกันอยู่ก็ไม่น้อย เขาคงอาย


"หยุดอยู่ตรงนั้นนะ ไอ้เชี่ย มึงไม่ต้องเข้ามาใกล้มันเลย ไอ้สาด คนไม่รู้จักพอ"


กบชี้หน้าด่า ผมใจหายไปแล้ว รู้ว่าสั่น หน้าชา รู้สึกอายขึ้นมา ตอนนี้ เบ้าตาเริ่มร้อน ผมกำลังจะร้องไห้


"พาฉันกลับบ้าน กบ"


ผมพูดเสียงสั่น มันลากมือผมเดินไปทางที่เรามา กบกอดบ่าผมไว้ เสียงจ๋าตวาด ไล่หลังมา พอเราข้ามฝั่งไปยืนอยู่ฝั่งโรงพยาบาลจุฬาฯแล้ว


"โย ฟังพี่อธิบายก่อน"


เขายังตามมา พร้อมกับ ไอ้นัท และ สมุนทั้งสามของมัน ตรงนี้ไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่นัก


"ไอ้สาด ไหนมึงสัญญาแล้วมึงจะไม่ทำแบบนี้อีก ไอ้เชี่ย"


จ๋าโผเข้าไปตบหน้าเขาดังฉาด พลต้องฉุดตัวเอาไว้ จ๋าร้องไห้ออกมา ไอ้นัทเองก็ทำท่าจะโผเข้าตบ จ๋า แต่พล ชี้หน้ากันเอาไว้


"มึงเข้ามา อีนัท ถ้ามึงอยากตาย อีสาด"


"อีเชี่ย มึงมาตบพี่เขาทำไม"


"มึงนั่นล่ะเชี่ย แค่นี้มันยังโดนน้อยไป อีห่า ไม่มีปัญญาหาผัว รึไง ถึงมาแย่งของชาวบ้าน"


กายสวนกลับบ้าง


"กูไม่ได้แย่ง ก็ผู้ชายเขาไม่เอามันเอง ช่วยไม่ได้"


มันทำสีหน้า ยียวนเหมือนคนที่กำลังมีชัย "เขาไม่เอามันเอง" มันย้ำให้ผมหลั่งน้ำตาออกมา


"เดี๋ยวกูไปเอารถ ฝากด้วยนะกาย"


พลบอกมองมาทางผมอย่างห่วงใย แล้วรีบวิ่งเข้าไปในโรงพยาบาล


"แหม อีสาด พูดออกมาได้ มึงแร่ด น่ะสิ"


กบชี้หน้าด่า เสียงดังกว่าใคร


"ไอ้สันดาน มึงทำแบบนี้ได้ยังไง"


จ๋ายังคงสบถ พร้อมกับสะอื้น มันเสียใจ ผมรู้ เพราะ วันที่เราจะคบกัน จ๋าเป็นคนขอเขาเรื่องเที่ยว กับเจ้าชู้


"อีงูพิษ อีสาด มึงเก่งแต่แย่งของชาวบ้านเขาใช่ไหม ไม่มีปัญญาหาเอง"


กบดันผมให้ไปข้างหลังแล้วมัน ก็ออกมายืนหน้ากระดาน บังผมเอาไว้


"พี่อยากคุยกับโยนะ เราไม่เกี่ยว"


"ไม่เกี่ยวห่าอะไร มึงยังมีอะไรจะคุย"


กายตวาด


"อ้าว อีเชี่ย มันหนักหัวพ่อมึงเหรอ มึงถึงมาเสือก"


ไอ้นัทด่า สิ้นคำด่า มันก็โดน เท้าของกายยัดเข้าไปที่กลางอก มันเซล้มลง กลิ้งอยู่กับพื้น


"นี่ไง พ่อมึง อีสาด มึงจำไว้นะ อีนัท ถ้ามึงเห่าอีกคำเดียว กูเอาตีนลูบปากมึงแน่ๆ"


สมุนทั้งสามของมัน ทั้งพี่ตั้ม ไม่มีใครช่วยมัน มีแต่เสียงร้องกรี๊ดๆ


"ผู้ชายเขาไม่เอามันแล้ว แล้วกูผิดเหรอ"


นัทยังด่ากราด ทั้งที่ตัวเอง ล้มอยู่


"พอเถอะแก กลับบ้าน"


ผมดึงเสื้อกบ เพราะรู้สึกเริ่มอายขึ้นมา ผู้คนที่สัญจรไปมาต่างมองดู


"โย โยอย่าเข้าใจผิดนะ"


"พอเถอะพี่ตั้ม พอแล้ว"


ผมพูดทั้งน้ำตา ไม่ได้อยากคุยกับเขา แต่ก็พุดออกไป เสียงของเขาตอนนี้เหมือนผสมยาพิษ ผมไม่อยากได้ยินเลย


"ก็มันไม่ได้เรื่อง พี่เขาถึงเบื่อมัน พี่เขาบอกว่ามันเซกส์ก็ไม่ได้เรื่อง เหมือนมีอะไรกับขอนไม้ เขามาหาชั้นมันก็ไม่แปลกหรอก"


นัท กรี๊ด พูดเย้ยหยันในที ผมรู้สึกเหมือนมันไม่ได้ด่าหรือพูด แต่มันกำลังเอาเท้า ตบหน้าผมอยู่ เรื่องของผมกับเขา เรื่องบนเตียง เรื่องที่รู้แค่เรา แต่ นี่ เขาบอกมัน


"มึงอยากได้ มึงก็เอาไปเถอะนัท กูให้ทาน"


"แหม อีสาดให้ทาน คนไม่เอาไหนอย่างมึงน่ะ"


"หุบปากนะอีเชี่ย"


กาย ยกเท้าขึ้นอีก ก่อนที่มันจะพูดต่อ ผมต้องดึงไว้มันถึงหยุด พอดีกับที่พลบีบแตร กบรีบลากผมไป มันเปิดประตูรถแล้วยัดผมเข้าไปนั่ง มันตามเข้าไปแล้วปิดประตู จ๋าถูกกายยัดเข้าไปเบาะหน้าข้างพล


"แกไปรอที่บ้านมันนะ เดี๋ยวตามไป"


กายบอกแล้วปิดประตู พลออกรถทันที ผมยังคงร้องไห้อยู่ จ๋าก็เหมือนกัน


"แกรู้อยู่แล้ว ใช่ไหม พล"


ผมเขย่าเบาะคนขับ


"แกรู้อยู่แล้ว ทำไมแกไม่บอก ทำไมแกไม่พูด"


ผมร้องไห้เสียงดัง รู้สึกโกรธมันขึ้นมา


"ฉันก็รู้แก"


กบสารภาพเสียงอ่อย ผมมองหน้ามันทันที กบก้มหน้า


"ทำไมพล ทำไมแกไม่บอกมัน แกยังเห็นมันเป็นเพื่อนอยู่ไหม"


จ๋าตะคอกใส่พล


"ถ้าเป็นแก แกจะพูดมั้ย ใครจะอยากเห็นเพื่อนเสียใจ"


พลขึ้นเสียง ร้องไห้ออกมา


"ใช่ แกก็รู้ว่าพวกเราไม่ชอบมันอยู่แล้ว ถ้าพูดไป แกจะเชื่อมั้ย"


กบเอาบ้าง มันก็จริงของมัน เจอแบบนี้ล่ะสะใจดี เห็นกับตา หลักฐานมัดดิ้นไม่หลุดแบบนี้


"ฉันรู้ว่าแกเสียใจ โย ฉันเองก็เสียใจ"


พลพูดทั้งน้ำตา


"ไอ้เชี่ยนั่นมันเลว มันไม่รู้จักพอ"


กบเสริม


"แล้วแก รู้เรื่องเมื่อไหร่"


ผมถาม ด้วยเสียงสะอื้น


"ก็สามวันก่อน มาเที่ยวที่นี่ล่ะ เห็นแล้ว คุยกันอยู่ว่าจะบอกดีหรือเปล่า แต่แกก็มาเจอเอง"


ผม นั่งนิ่ง มันไม่ได้จะปิดผมหรอก มันคงกลัวผมเสียใจ ผมสะอื้นอยู่ รู้สึกเจ็บแปลบเข้าไปในอก ไม่คิดเลยว่าเขาจะทำแบบนี้ ถ้าเป็นคนอื่น ผมอาจจะเสียใจน้อยกว่านี้ แต่นี่เป็น ไอ้นัท คนที่เคยว่าแม่ เสียงโทรศัพท์ ดัง กบรีบแย่งเอาไปดู


"ให้ฉันด่าให้ไหมแก"


ผมนิ่ง แล้วส่ายหน้าขอโทรศัพท์คืน


"ครับ พี่ตั้ม"


ผมพยายามสูดลมหายใจเข้าปอด แล้วบังคับให้เสียงไม่สั่นเครือ เรียกสติกลับมาให้ได้มากที่สุด


"โย พี่ขอโทษ พี่ไม่ได้ตั้งใจ พี่ทำไปเพราะเมา"


เขาพยามแก้ตัว


"พอเถอะครับ พี่ตั้ม"


"พี่ทำไปเพราะเราไม่มีเวลาให้พี่ พี่ไม่ได้คิดจริงจังกับเขานะ โย โยอย่าเข้าใจผิด พี่รักโยคนเดียวนะ"


ผมกลืนน้ำลายลงคอ อย่างยากเย็น เหมือนคนมาหว่านทรายอยู่เต็มคอ


" พี่ตั้ม ขอโทษนะครับที่ผมไม่ได้เรื่องในเรื่องอย่างว่า แต่ กรุณาอย่าติดต่อผมอีก ผมขออณุญาติลบเบอร์ เราไม่เคยรู้จักกัน เจอกันที่ไหนก็ไม่ต้องทัก ของที่พี่ให้ รบกวนไปรับคืนที่วัดใต้ นะครับ ผมจะเอาไปทำทาน ให้สัมพเวสี"


ผมเน้นประโยคสุดท้ายแล้วกดสายทิ้ง ปิดเครื่องไปเสีย รู้ว่าพูดกับเขาแรงไป แต่ ตอนนี้เขาไม่ควรจะพูดอะไร เพราะมันยิ่งทำให้ผมเกลียดเขามากกว่าเดิม เพิ่งรู้ตอนนี้เองว่าคนที่เขาโดนเขี่ยทิ้ง มันเจ็บเหลือเกิน เสียดแทงเข้าไปในใจ แม่เคยสอนเสมอว่าให้อภัย ไม่ว่ามันจะหนักหนาแค่ไหน ครับ ผมให้อภัยแล้ว อโหสิ ให้ทุกอย่าง ปล่อยให้เขาไปตามทางที่เขาชอบเถอะ


"ต๊าย แอบแรงนะยะ คำฮิตเลยนะเนี่ย จะได้จำเอาไปใช้กับผู้ชายบ้าง"


กบ พูดออกมา ผมอดอมยิ้มไม่ได้ น่าแปลก ทั้งที่เจ็บ ร้องไห้อยู่ แต่พอเห็นท่าทางของมัน ผมกลับรู้สึกอยากหัวเราะ ออกมา เราหัวเราะออกมาเพราะท่าทางของกบ ผมเองก็หัวเราะ แต่เหมือนกำลังหลอกตัวเองอยู่ ยิ่งหัวเราะ เหมือนยิ่งกรีดหัวใจตัวเอง ในความสว่าง ผมกลับหลับตา ดำดิ่งเข้าสู่ก้นเหว รู้สึกเศร้า จน แทบจะทนไม่ไหว


 :sad4: จบตอนนี้ ขอเวลา ทำใจเศร้า รื้อฟื้นตอนที่โดนทิ้งหน่อยนะครับ เดี๋ยวมาต่อ เป็นกำลังใจให้ด้วย น้าาา
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 14-03-2010 06:55:28
 :o12: :o12:
ผู้ชายมันก็เหมือนกันหมด สันดานเดียวกัน ไม่รู้จักพอ เศร้าอะ
เข้าใจหัวอกพล กับ กายเลย เคยอยู่ในเหตุการณ์แนวๆนี้เหมือนกัน
ส่วนอีนัท อับจนคำพูด คนแบบนี้ พี่เค้าไปหลงได้ยังไง หรือเพราะมันรู้ว่าพี่ตั้มเป็นใคร
มันเลยจงใจเข้าไปยั่วยวนพี่เค้า เครียดเศร้า เป็นกำลังใจให้น๊า
เรื่องของภาษาก็เรียกว่าแรงกว่าตอนก่อนๆ ยังรับได้ไม่แรงเกินงามเพราะยังด่าได้เพราะ555+
แล้วจะรออ่านต่อ(ในวันนี้ อิอิ)
นิว(ยิ้มๆ)
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: benxine ที่ 14-03-2010 08:51:51
"ผมจะเอาไปทำทาน ให้สัมพเวสี"

ประโยคนี้โดนมากก เพราะเคยใช้มากับตัว

เหตุการณ์แบบนี้ก็เคยโดนมา...

สู้ ๆ ๆ .... ผู้ชายเหี้ยๆ ไม่รู้จักพอ...

เอาน้องเอมาเย้ยแม่งเลยย!!

 :fire: :fire: :fire:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 14-03-2010 11:35:37
เลว

ชั่ว

อ้างมาได้ เมา

เมาอะไรหละคะคุ๊ณณณณณณณณณณณณณณณณณณณ


เลวมาก

เกลียดผู้ชายที่อ้างแบบนี้ที่สุด

พี่ไม่ได้จิงจัง พี่แค่เมา พี่รักเราคนเดียว

พูดมาได้ ไอชั่ว :z6: :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: [[_GozpeL_]] ที่ 14-03-2010 12:18:00
เมาเป็นแค่ข้ออ้าง :m31:

ผู้ชายแบบนี้ทิ้งๆไปเหอะ :angry2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: kei_kakura ที่ 14-03-2010 12:39:49
เหอๆๆๆๆ  คิดในแง่ดีไว้

....ผู้ชายแบบเนี้ยะ....เอาต-รีน เขี่ย...ก็หาเจอ...ชริ   :m16:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: jantaro ที่ 14-03-2010 15:23:02
โยได้ใจมาก ตัดแล้วตัดเลย

ไอเกย์เฮ็งซวยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย :fire: :fire: :angry2: :angry2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Vesi ที่ 14-03-2010 21:29:34
หมดเสี้ยนหนามแระ
กินเด็กเถอะคุ๊ณณณ
เด็กมันหวาน มันกรอบ มันอร่อย และ มันยั่ว
 :z1:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 14-03-2010 22:51:47
น้องเอได้โอกาสแล้วนะ เสร็จเด็กแน่ๆเลยนะนาย
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 15-03-2010 06:55:45
                              


                      ตอน สิบสอง ค้าบบบบ


ผมตื่นนอนเกือบ เก้าโมงครึ่ง รู้สึกปวดไปทั้งร่าง หนักหัว เหมือนโดนอะไรฟาดมา เหลือบไปมองดูข้างๆ เห็นจ๋ายังนอนอยู่ อีกสามคนนอนฟูกข้างล่าง ยังไม่มีใครตื่นเลย



พอตื่นมีสติ ก็หวนคิดเรื่องเมื่อคืน แปลบขึ้นมาในใจ มันเพิ่งเกิดขึ้นหรือ เหมือนความรู้สึกมันยังใหม่ๆอยู่ จำได้ว่า มาถึงบ้าน แล้วก็ร้องไห้อยู่อีกนาน เพื่อนๆ ก็ปลอบ จนหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ ทำไมนะ ทำไมพี่ตั้มถึงทำแบบนี้ พอนึกถึงคำที่ไอ้นัท มันพูด "เรื่องบนเตียง ไม่ได้เรื่อง" ผมรู้สึกอายขึ้นมาทันที เคยได้ยินแต่ กายเล่าให้ฟังว่า คนนั้นเป็นอย่างนั้น คนนี้เป็นอย่างนี้ ไม่อยากเชื่อ เวลาคนที่ถูกนินทา มาได้ยินเอง มันจะเจ็บ อาย ฝังใจขนาดนี้ ผมงัวเงีย ไม่อยากจะตื่น เหมือนเมื่อคืนไปแบกอิฐแบกปูนมา เหล้าที่กินไปมันทำให้ปวดกาย สิ่งที่เห็นมา ที่พูดออกไป มันทำให้ปวดใจ รู้สึกไม่มีแรงใจจะทำสิ่งไหนอีกในวันนี้

ขยับมองนาฬิกา ตายล่ะสิ มีสอนนี่วันนี้ ผมรีบเด้งตัวลุกจากเตียง แต่ก็กลัวเพื่อนตื่น ผมรีบหาโทรศัพท์แล้วลงไปข้างล่าง พอเปิดเครื่อง เห็นหมายเลขที่ไม่ได้รับ กว่าห้าสิบสาย ข้อความอีก สิบกว่าข้อความ เปิดดู พอรู้ว่าเป็นของใครผมก็ลบทิ้งโดยที่ไม่เปิดอ่านเลย ผมรีบโทรศัพท์ ไปหาอาจารย์ปริศนา



"สวัสดีครับ อาจารย์ปริศนา ผมโยนะครับ"

 ผมพูดเมื่ออาจารย์ปริศนารับสาย


"อ้าว ลูกโย แม่ก็นึกว่าไม่สบาย ให้ตาโอโทรหาหลายรอบแล้ว แต่เราปิดเครื่อง"



"อ้อ ขอโทษครับ พอดีเมื่อคืนเวียนหัวครับ เลยกินยา ตอนนี้ดีขึ้นแล้วครับ"



ผมแก้ตัวไป แต่ที่จริงก็ยังเวียนหัวอยู่



"ไหวมั้ยลูก วันนี้ไม่ต้องมาสอนก็ได้ นอนพักเถอะจ๊ะ แต่ตอนนี้แม่ออกมาจากบ้านแล้ว อืม เอายังไงดี"



อาจารย์ปริศนาเว้นช่วง





" เห็นอาทิตย์ก่อน ตาเอบอกว่าโยทำกับข้าวอร่อย แม่เลยซื้อแต่ของใส่ตู้เย็นไว้ให้ ยังไม่ได้ทำกับข้าวให้ตาเอเลย ไม่เป็นไรลูก เดี๋ยวแม่โทรบอกตาเอให้ ว่าให้ออกไปซื้อข้าวหน้าปากซอยมากินเอง"




"ผมไม่เป็นไรมากแล้วครับ เดี๋ยวผมกำลังจะออกจากบ้าน ผมขอโทษอีกทีนะครับ"




"โอ๊ย ลูก ขอทงขอโทษอะไรกัน คนไม่สบายก็ต้องพัก แม่ต่างหากที่ควรจะขอบใจเรา ตาเอ ชมโยตลอดเลยนะ แม่เลี้ยงมันมาก็เพิ่งเห็นมันชมใครนี่ล่ะ"



ผมไม่ได้รู้สึกยินดีกับคำชม แต่อยากจะวางหูเหลือเกิน ไม่ได้รำคาญเสียงอาจารย์ปริศนานะ แต่รู้สึกเหมือนกำลังจะอ๊วก พอวางสายเสร็จ ผมก็วิ่งเข้าห้องน้ำชั้นล่าง อ๊วก ออกมา อ๊วก จนปวดท้อง ผมลากตัวเองออกจากห้องน้ำ เข้าครัวไปหาน้ำเย็นมาดื่ม พอดื่มน้ำรู้สึกค่อยยังชั่วขึ้นมาหน่อย ผมจึงไปอาบน้ำ



ผมนั่งแท็กซี่ไปบ้านอาจารย์ปริศนา เพราะกว่าผมจะออกจากบ้านก็เกือบ สิบโมงครึ่งแล้ว เพื่อนๆ ยังไม่ตื่นกันเลย สบายกันจังนะ ระหว่างทางผมมองนั่นมองนี่ใจลอยไปเรื่อย พยายามไม่คิดเรื่องที่จะทำให้ผมคิดถึงเขา แต่ก็อดไม่ได้ มันวกกับมาทุกที พอหลับตาลงทีไร ภาพเขาก็วนเวียนแจ่มชัดขึ้นมา รถรอสัญญาณไฟตรงแยกเอกมัย ผมมองไปเมเจอร์ สะท้อนใจขึ้นมา ผมชอบมาที่นี่กับเขามาก เพราะรู้สึกคนไม่เยอะวุ่นวาย ผมรักเขาแล้วผมแสดงออกไม่เต็มที่เหรอ เขาถึงปันใจไปมีคนอื่น คิดแล้วก็ใจหาย นี่ผมเลิกกับเขาแล้วจริงๆหรือ วันคืนเก่าๆ เราไม่เคยมีเรื่องทะเลาะกันเลย มีแต่ความรู้สึกดีๆ ผมมองเขาในแง่ดีมาโดยตลอด ไม่เคยสักครั้งที่จะไม่เชื่อใจ ไม่เคยที่จะคิดระแวง ถึงแม้จะไม่ได้เจอกันบ่อย แต่ผมก็ห่วงเขาทุกวัน อยากคุย อยากเจอหน้า อยากจับตัวเขา อยากไปในทุกๆที่ที่เราเคยไป ที่ที่มีแค่ผมกับพี่ตั้ม เจ็บเหลือเกิน เจ็บจนไม่อยากจะหายใจออกมา ลมที่ผ่านเข้าออก มันย้ำทุกที ว่าไม่มีเขาอยู่แล้ว พอรู้สึกว่ามีน้ำตาซึมออกหางตา ผมก็สะบัดความคิดนั้นออกจากหัว
แล้วยังไง ในเมื่อคนมันไม่รู้จักพอ ต่อหน้าทำอีกอย่าง ลับหลังเราก็ทำอีกอย่าง ปากคนเราจะพูดแม่น้ำให้กลายเป็นภูเขายังได้ กับแค่บอกว่ารัก ทำไมเขาจะพูดไม่ได้ เวลาเขาพูดใช่ว่าเราจะเห็นว่าใจของเขาคิดออกห่างไปแค่ไหนแล้ว ปล่อยเขาไปเถอะ รั้งไว้มันก็ไม่เหมือนเดิม แก้วที่อยู่ของมันดีๆ เขามาทำให้มันร้าวเอง มันไม่มีทางจะเชื่อมต่อให้มีสภาพดังเดิม ไม่มีทาง ในสมองคิดแยกเป็นสองฝ่าย พยายามฝืนตัวเองไม่ให้จมอยู่กับความเศร้า จะตบตีทึ้งหัวตัวเองให้เจ็บช้ำแล้วได้อะไรขึ้นมา

แท็กซี่จอดหน้ารั้วประตูบ้าน ผมจ่ายเงินแล้วลงไปยืนถอนหายใจอยู่หน้าประตูบ้าน สภาพของผมมันเป็นยังไงนะตอนนี้ คงโทรมจนดูไม่ได้ ผมเอามือลูบหน้าตัวเองก่อนจะกดกริ่ง ยืนรอสักพักไม่เห็นทีท่าว่าเอมันจะมาเปิด ผมเลยลองผลักประตูเล็ก ไม่ได้ล็อค อาจารย์ปริศนาคงคิดว่าผมกำลังมาก่อนออกที่จะออกจากบ้านจึงไม่ได้ล็อกประตู ผมเดินเข้าไปในบ้าน ได้ยินเสียงโทรทัศน์ดังมาจากห้องรับแขก ผมถอดรองเท้าแล้วเดินเข้าไป เอนั่งดูอยู่ มันหันมาเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู



"โห นึกว่าจะเบี้ยวซะแระ"



มันยิ้มอย่างร่าเริง น่าแปลกที่วันนี้มันตื่นมานั่งรอ



"โทษทีครับ พอดีพี่ไม่ค่อยสบาย"



ผมพยายามก้มหน้า เพราะรู้สึกว่าตายังแดงๆ อยู่



"จะไหวมั้ยเนี่ย ผมหิวอ่ะพี่ รอตั้งนาน"



"เดี๋ยวพี่ทำให้ รอแป๊บนะ"



ผมรีบเดินเข้าครัว ไม่อยากคุยกับมัน กลัวมันกวนอีก รู้สึกว่าตัวเองอ่อนแอ ไม่อยากสู้รบกับใคร ผมเปิดตู้เย็นดูของที่จะทำ กะว่าจะทำต้มยำรวมมิตรอย่างเดียว เพราะไม่มีกระจิตกระใจ ผมยืนเหม่อต้มน้ำ เอากุ้ง เอาไก่ออกมา เปิดน้ำแช่ไว้ ผมเอาทัพพีลงคนในหม้อที่มีแต่น้ำเปล่าๆเดือดอยู่



"ทำไรกินอ่ะพี่"



เอมันมายืนข้างหลัง ผมสะดุ้งเพราะมันเอาเป้าที่กำลังตื่นตัวมาถูที่ก้นของผม พลางเอาปากมากระซิบถามที่หู ถ้าเป็นเมื่ออาทิตย์ก่อนผมคงสาดน้ำร้อนใส่มันแล้ว แต่วันนี้ ผมยืนนิ่ง



"อ้อ ต้มยำ เรากินเผ็ดไหม"



ผม พูดแค่นั้น แต่ไม่ได้ดิ้นหนีเหมือนแต่ก่อน มันคงแปลกใจ แต่คงอยากแกล้งผมอยู่ มันเอามือมากอดเอว



"แล้ว เหม่ออะไรพี่ คนอยู่ได้น้ำเปล่าน่ะ"



มันยังคงซุกไซร้ต่อ ผมได้สติ จึงเอาเครื่องปรุงลงไป



"เป็นไรพี่ วันนี้ไม่เห็นว่าเลย"



มันถาม แต่ยังไม่ปล่อย



"อ้อ เปล่าครับ เราอยากโดนน้ำร้อนลวกเหรอ"



ผมถามเสียงเรียบ ไม่มีต่ำสูง มันรีบปล่อยทันที แล้วถอยออกไปยืนห่างออกไปสองสามก้าว



"เฮ้ย พี่ แปลกไปจริงๆ ล่ะ ไหวมั้ยเนี่ย"



มันชะโงกหน้ามาดู ผมรีบเอาทุกอย่างลงไปพร้อมกัน ไม่ได้ๆ เราจะมาเหม่อลอย ไม่มีสติแบบนี้ไม่ได้



"จะกินได้มั้ยเนี่ย"



มันล้ออยู่ห่างๆ



"เดี๋ยวพี่เจียวไข่เพิ่มให้"



ผมพูดเสียงเบา มันคงรู้แล้วว่าผมไม่เหมือนเดิม มันกลับไปนั่งที่โต๊ะกินข้าว สักพักก็ไปเปิดตู้เย็น เอาน้ำอัดลมออกมากิน พอมีสติจากการบังคับตัวเอง ผมก็ทำทุกอย่างให้เป็นปกติ พอทำกับข้าวเสร็จก็ตักให้มัน ซึ่งนั่งมองอยู่ไม่พูดอะไร ผมไม่อยากมองหน้ามัน เพราะเดี๋ยวมันถาม ไม่อยากตอบ ไม่อยากพูด วันนี้กะจะให้มันดูหนัง แล้วหัดฟัง ระหว่างนั้นผมก็จะอยู่เงียบๆ


กับข้าวรสชาติไม่เลวแต่คาว เพราะผมใส่ทุกอย่างลงไปพร้อมกัน แปลกที่มันไม่บ่นสักคำ พอกินเสร็จผมก็ล้างจาน มันขึ้นไปรอในห้อง ผมล้างจานอยู่นาน ล้างแล้วล้างอีก พอว่างและอยู่คนเดียวทีไร ใจก็คิดไปหาเรื่องเมื่อคืนทุกที ใจหาย เสียใจ เจ็บแปลบเข้าไปข้างใน ผมพยายามดึงตัวเองกลับมา ยังต้องมีหน้าที่อยู่ ผมขึ้นไปข้างบน มันนอนกับพื้นเอาขาพาดโต๊ะที่เรานั่งเรียนอย่างสบายใจ



"พี่ ผมทำข้อสอบได้ด้วยล่ะ เหมือนที่พี่สอนเลย"



มันพูด ผมนั่งลงตรงปลายเท้ามันพอดี มันไม่เอาเท้าลง กลับกระดิกเท้าอย่างสบายใจ ผมไม่ว่าอะไร นั่งลงมองเท้ามัน



"ครับ ดีแล้ว"



"เฮ้ย พี่ ถามจริงๆ วันนี้เป็นอะไร ทำไมไม่เหมือนเดิม"



มันถามแล้วค่อยเอาเท้าลง คงเห็นว่าผมนิ่งเสียเหลือเกิน



"เปล่าครับ พี่มึนหัวนิดหน่อย"



"จะสอนไหวมั้ยเนี่ย เอ หรือว่าวันนี้เราจะทำอย่างอื่นกันดี"



มันเด้งตัวขึ้นมานั่ง ทำท่าคิด แล้วเอาหน้ามาจ่อหน้าผม แต่วันนี้ผมไม่หลบ ไม่มีแรงจะหลบ ได้แต่หลุบตาลงต่ำ ไม่อยากให้มันเห็น แววตาที่เหนื่อยล้า หมดแรงใจในตอนนี้



"มามีอะไรกันดีกว่าพี่"



มันพูด มองหน้าผม ทำไมไม่รู้ มันไม่เคยกลัวผมเลย ไม่เคยที่จะเกรงใจ ผมมันดูไม่มีอำนาจ ไม่มีอะไรให้ใครเขามองเห็นขนาดนั้นเลยเหรอ ผมมันเป็นลม เป็นอากาศธาตุหรือยังไง มันยังจ้องไม่เอาหน้าถอยออก ผมเองก็ยังนิ่ง


มันเอาปากมากระกบปากผมทันที แล้วยังพยายามดันปากมันให้เบียดเข้าในปากผม พลันน้ำตาผมก็ไหลออกมา ท้อใจเหลือเกิน เขาคนนั้นก็คงคิดกับผมแต่เรื่องแบบนี้ ผมมันไม่เก่ง นอนเหมือนขอนไม้ ไร้วิญญาณ ไม่เร้าใจเขา เหมือนไอ้นัท นี่ใช่ไหม เหตุผลที่เขามีใจให้คนอื่น เหตุผลที่ทำให้เขานอกใจ ผมรู้สึกตีบตันในคอ เหมือนอาหารที่กลืนลงไปเมื่อครู่มันจุกอยู่ที่คอ ทั้งเจ็บ ทั้งอาย ร้อนเบ้าตา น้ำตาร่วงลงเหมือนเขื่อนแตก มันคงตกใจผละออกทันที



"เฮ้ยพี่ ผมขอโทษ"



มันเสียงสั่น ผมไม่ได้ยินอะไรแล้ว กัดปากตัวเอง ไม่ให้สะอื้น ผมนั่งอยู่ท่าเดิม ความในใจที่เหมือนพยายามฝืนมันไม่ให้แสดงออกมา มันกดดันเกินจะเก็บอีกต่อไป เมื่อคืน เหตุการณ์มันเร็วเกินไป ที่ร้องไห้ออกมาเพราะเพิ่งเจอ มันเจ็บ แต่มันก็ไม่มีเวลามันนั่งคิดไตร่ตรองเหมือนตอนนี้ ยิ่งคิด ยิ่งทบทวน ยิ่งกรีดลึกลงไปในใจ เจ็บ เจ็บเหลือเกิน



"ผมขอโทษพี่ ผมล้อเล่น ผมไม่ได้ตั้งใจ"



มันยังคงพูด แต่ทำอะไรไม่ถูก ผมยังคงปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา คราวนี้พอหายใจเข้า ก็สะอื้นเสียงดัง ผมก้มหน้าลงกับโต๊ะ ร้องไห้ออกมาอย่างไม่อาย ไม่มีเสียงใดจากมัน ผมร้องไห้อยู่นาน กว่าจะสงบ พอร้องไห้ออกมาจนหมด ก็รู้สึกอาย ไม่คิดว่าคนที่จะได้เห็น น้ำตาล็อตใหญ่ จะเป็นไอ้เอ



"ขอโทษนะ พี่เครียดๆน่ะ"



ผมพูด เสียงยังเคล้าน้ำตาอยู่ มันยังคงหน้าเหวออยู่



"อกหักเหรอพี่"



มันถาม ผมไม่รู้จะตอบว่าอะไร ใช่ อกหัก ไม่ใช่สิ โดนเขี่ยทิ้งสิน่าจะเหมาะสมที่สุด โดนเหวี่ยงทิ้งเหมือนของที่ใช้แล้ว ของชั้นเลวที่ได้มาอย่างไม่มีคุณค่าที่จะเก็บเอาไว้ คนเราแม้จะอยู่ด้วยกัน พูดคำว่ารักทุกวัน แต่ถ้าใจมันออกห่างแล้ว อะไรๆ มันก็มัดใจไว้กับใจไม่ได้ จะโทษเขามันก็ไม่ถูก เราเองก็ไม่ใช่ดี ถือว่าทำบุญกันมาแค่นี้ละกัน ขออโหสิทุกอย่าง ต่อจากนี้ก็จะไม่ฟูมฟายตีอกชกตัวอีกแล้ว รู้ว่าใจเจ็บ รู้ว่าทรมาน แต่ถ้าลงโทษตัวเองอยู่แบบนี้ มันก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมา ชีวิตผมยังต้องเดินต่อไป เด็กเกเร ก้าวร้าวที่นั่งอยู่ข้างหน้าก็รอผมสอนภาษาอังกฤษอยู่ จะแสดงความอ่อนแอของตัวเองให้เขาเห็นไม่ได้ ผมสูดลมหายใจเข้าปอด แล้วเปิดตำรา



"ดูหนังดีกว่าไหมพี่ วันนี้เรียนการฟังดีกว่า"




ผมรู้สึกชื่มชมมันก็วันนี้เอง มันเหมือนอ่านใจผมออก ว่าสอนไป ผมก็คงพูดวกไปเวียนมา ขอบใจมากเอ สรุปเราก็ดูหนังจากคอมกัน ผมเอาทรัมไดรฟ์ติดไว้ในกระเป๋าตลอด ผมให้มันดูเรื่อง Billy Elliot เพราะอีกเรื่อง About a Boy ค่อยให้มันดูคราวหลัง
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 15-03-2010 07:27:19
 :monkeysad:
ผู้ชาย....
รออ่านนะ writer

+1 เป็นกำลังใจ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Seoul In Love ที่ 15-03-2010 08:43:26
อ่านรวดเดียวเลยค่ะ ตอนหลังๆ นี่เศร้ามากมาย  :monkeysad:

ปล่อยเขาไปเถอะ เขาไม่รักดีก็ปล่อยให้เขาไปเจอคนประเภทเดียวกับเขา จะได้สมน้ำสมเนื้อกัน  :angry2:

โยเองเป็นคนดีก็จะได้เจอคนดีๆ เหมือนกันค่ะ  :impress3:

รอตอนหน้าต่อ  :call:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: benxine ที่ 15-03-2010 09:51:49
 :monkeysad: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: aorta999 ที่ 15-03-2010 10:10:15
เอ กำลังจะ....ซะหน่อยดันมาร้องซะได้

มาต่อไวๆนะคราบบบบ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 15-03-2010 19:55:10
จะต่อให้ตอนเช้านะค้าบบบ เพิ่งเลิกงาน ง่วง มะไหม แย้ววว o22 :เฮ้อ: o22
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: StopLove ที่ 15-03-2010 19:56:15
เป็นกำลังใจให้นะครับ

^^

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 15-03-2010 20:28:54
เป็นกำลังใจให้นะครับ


ขอบคุณ ค้าบบบ รออ่านตอนต่อพรุ่งนี้ด้วย น้าาา :impress3:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zeazaiz ที่ 15-03-2010 21:15:17
 :L2:
นอนให้เต็มอิ่มนะจ๊ะ
รออ่านเสมอแหละ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 16-03-2010 06:47:14
              มา แว้ววว ตอนต่อ ค้าบบ



                                 ตอน สิบสาม  ค้าบบบบบ



คืนนี้แม่ค้างที่วัด คงอยู่คนเดียว ไม่อยากอยู่คนเดียวเลยวันนี้ ไม่อยากจะคิดอะไร ผมกลับบ้านตอนเย็น หลังจากสอนเอเสร็จ แปลกมันไม่กวนใจอีกเลย ตั้งใจเรียน ผมเองก็สอนมันเต็มที่เหมือนกัน เป็นแบบนี้ก็ดีนะคนเรียนก็ตั้งใจเรียน คนสอนก็สอนในตำรา ไม่กวนใจกัน จะว่ามันเป็นเด็กเกเรไม่รู้เรื่องก็ไม่ใช่ แท้จริงแล้ว มันเป็นเด็กที่น่าจะฉลาดอยู่พอสมควร เพราะดูจากเหตุการณ์วันนี้ อย่างน้อยผมก็เห็นในน้ำใจมัน แม้จะน้อยนิด แต่หัวใจที่อ่อนแรงตอนนี้ แค่น้ำใจสักหยดเดียวมันก็ชุ่มฉ่ำได้เหมือนกัน


ผมกลับถึงบ้านเกือบค่ำ จ๋ายังรออยู่ที่บ้านกับพล ส่วนกายกับกบกลับไปแล้ว ทั้งสองนั่งคุยกันอยู่ม้าหินอ่อนหน้าบ้าน
"เป็นไงบ้างแก" จ๋าถามเมื่อเห็นผมเดินเข้าบ้าน


"อ้าว พวกแกยังไม่กลับอีกเหรอ"


"ก็เป็นห่วงแกนั่นล่ะ ไม่อยากให้อยู่คนเดียว แต่เดี๋ยวจ๋ามันก็กลับแล้วล่ะ ป๊ามันโทรมาตามแล้ว"


ผมทรุดตัวลงนั่งข้างๆ พล ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย คุยอยู่กับเพื่อนจนค่ำ มีคนเคยบอกว่าเพื่อนมีค่าก็ตอนที่เราลำบาก เห็นจะจริง แต่สำหรับผม เพื่อนมีค่าทุกเวลา ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ ถ้าไม่นับแม่แล้ว คนที่ผมคิดถึงก่อนใคร ก็คือเพื่อน คิดถึงก่อนเขาคนนั้นเสียอีก พี่ป้อมมารับจ๋าที่บ้าน แล้วปลอบใจผมใหญ่ น่าขัน ที่ทุกคนดูเป็นห่วงผมเพราะเรื่องแค่นี้เอง ผมเจ็บก็จริงแต่ไม่อยากให้ใครต้องมาเป็นกังวลกับผมขนาดนี้ ผมคงต้องเข้มแข็งขึ้นมาเสียที พอที การทำตัวอ่อนแอ


จ๋ากลับไปแล้ว ผมกับพลนั่งคุยกันจนดึก เพิ่งรู้ว่ามันเป็นห่วงผมมากขนาดนี้ จากที่เคยมองมันว่าเอาแต่เที่ยวไปวันๆ ปรึกษาอะไรก็ไม่ค่อยได้ มันกลับห่วงใยผมแม้จะไม่เท่าจ๋า แต่ด้วยความที่มันเป็นผู้ชาย เหมือนกัน มันย่อมเข้าใจผมมากกว่า ชีวิตผมดำเนินไปตามปกติ คือผมพยายามทำให้มันเป็นปกติมากที่สุด แม่คงรู้แล้ว เพราะแม่มีลูกอีกคนคือจ๋า ขานั้น รายงานทุกอย่าง วันอาทิตย์แม่กลับมาจากวัด มองหน้าผมสายตาห่วงใยนัก
"อย่าคิดมากนะลูก ถือว่าทำบุญมาแค่นี้ อย่าไปคิดจองเวรพี่เขา"


แม่พูดตอนที่เรานั่งดูละครอยู่ด้วยกัน


"ครับ ผมไม่มีอะไรแล้ว คงไม่มีวาสนาต่อกันจริงๆ"


แม่ลูบหัวผมเบาๆ ผมซบลงที่ตักแม่ ตักที่อบอุ่นเสมอสำหรับผม ไม่มีที่ใดอีกแล้วที่จะทำให้ผมรู้สึกเป็นสุข ปลอดภัยเท่านี้ แม่ไม่พูดอะไรมากเรื่องของผม เพราะรู้ว่าผมเองก็ไม่ชอบเล่าเรื่องเก่า เรื่องที่ทำให้เราเจ็บช้ำใจ เอปิดเทอมแล้วสองอาทิตย์ วันจันทร์ถึงศุกร์ มันไปเรียนกวดวิชา เสาร์อาทิตย์ ผมก็ยังคงไปสอนให้มันตามปกติ ผมสังเกตุว่ามันน่ารักขึ้นมาก ไม่กวนใจผมอีกเลยนับจากเหตุการณ์นั้น ตั้งใจเรียน ผลสอบครั้งล่าสุด ออกมาค่อนข้างน่าพอใจ แม้ผมจะมาสอนมันเกือบจะปลายๆเดือน แต่ผมก็แอบภูมิใจอยู่ไม่น้อย ส่วนโอก็ว่ายน้ำจนเป็นนักกีฬาของโรงเรียน ช่วงปิดเทอม ไปว่ายทุกวัน พอเจอกันอาทิตย์หลังๆ ดูตัวโตขึ้นเยอะ อาจารย์ปริศนาก็ดูมีความสุขกับการที่ได้พาโอไปว่ายน้ำ เพราะ โอว่ายเพียงไม่กี่เดือนก็ได้เป็นนักกีฬาของโรงเรียน คงเป็นเพราะสรีระที่โตกว่าเด็กทั่วไป
งานประจำผมเองก็ยุ่ง เพราะยิ่งใกล้จะสิ้นปีเข้ามาทีไร งานก็ยิ่งเยอะ ผมสอบตัวสุดท้ายไปแล้ว ทำเรื่องขอจบเรียบร้อยดี ถ้าไม่มีอะไรผิดคาดคงได้รับปริญญาต้นปี ผมเกือบลืมเรื่องของพี่ตั้มไปเลย แม้เขาจะโทรมาอยู่เสมอ แต่ผมก็ไม่เคยคุย พักหลังเห็นหายเงียบไป คงใจออกเพราะผมไม่ยอมอ่อนให้ แต่ความจริงเขาก็ยังอยู่ในใจนั่นล่ะ ไม่ได้ไปไหน แม้จะทำทีเป็นลืม แต่เอาเข้าจริงๆ ผมเองก็ยังคงคิดถึงเขาอยู่เสมอ ไม่เคยเลือนไปเลยสักวัน

กลางเดือนพฤศจิกายน
วันนี้แม่ก็ไปนอนที่วัดเหมือนเคย อาจารย์ปริศนาให้กุญแจบ้านผมมาตั้งนานแล้ว ผมไม่ต้องกดกริ่งอีกต่อไป โอมีแข่งคัดตัวนักกีฬาเขตุ รุ่นอายุไม่เกิน ๑๒ปี ตอนแรกได้ยินผมก็ตกใจ เพราะโออายุเพิ่งจะย่าง ๑๐ ปี แต่จะลงคัดตัว รุ่นอายุ ๑๒ แต่อาจารย์ปริศนาก็ขัดลูกชายไม่ได้ เพราะเห่อเข้าเส้นเลือด ซ้อมเอาเป็นเอาตาย จนตัวดำปี๋ เสาร์อาทิตย์นี้ อาจารย์ปริศนาจึงพาโอไปคัดตัว ถึงขนาดไปเปิดโรงแรมนอนกัน เลยทีเดียวเพราะโออยากจะว่ายน้ำก่อนไปสนาม


ผมเปิดประตูเข้าบ้าน ไม่มีเสียงใดๆในบ้าน เอคงยังไม่ตื่น ผมเปิดเข้าไปในครัว แล้วเปิดตู้เย็น กลายเป็นหน้าที่ไปแล้ว ที่ผมจะต้องทำกับข้าวให้มันกิน อาจารย์ปริศนาซื้อของไว้เต็มตู้เย็น ทั้งหวานทั้งคาว แต่วันนี้รู้สึกขี้เกียจยังไงพิกล จึงทำข้าวต้มกุ้ง พอเสร็จ ผมก็เดินขึ้นไปชั้นบน กะจะปลุกให้มันมากินข้าวก่อน เพราะเกือบจะสิบโมงครึ่งแล้ว เสียงเพลงดังออกมาจากห้องของมัน คงจะตื่นแล้ว ผมถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปในห้อง เพราะหลังจากวันที่ผมร้องไห้ให้มันเห็นผมก็ไม่เคาะประตูอีก ผมยืนนิ่ง ตะลึงอยู่ เพราะ เอมันกำลังหยอกล้อกันกับเด็กผู้หญิงวัยรุ่น ดูแบบแว๊บเดียวก็พอรู้ว่าคงเป็นรุ่นราวคราวเดียวกัน เธอใส่แต่เสื้อชั้นใน กับกางกางขาสั้นหรือกางเกงใน ผมไม่แน่ใจแต่เห็นว่ามันสั้นมาก

"ว๊าย"


"เฮ้ย พี่ ทำไม ไม่เคาะประตู"


มันตะคอกใส่ผม ซึ่งยืนเอ๋ออยู่ ผมไม่ได้รู้สึกอะไร แค่ตกใจกับชาๆตรงหน้า มันรีบเอาผ้าห่มคลุมทันที


"เอ่อ โทษที"


ผมพูดตะกุกตะกัก ใจเต้นโครมคราม แล้วรีบปิดประตูเข้าตามเดิม ผมรีบลงมาข้างล่าง เข้าไปในครัว ไม่รู้ทำไมถึงเข้าไปในครัว ยืนหันรีหันขวางอยู่ไม่รู้จะไปทางไหนดี ไม่รู้จะทำอะไร จะเอายังไงดี ผมคิด แต่เอ๊ะ มันไม่ใช่เรื่องของเรา มันเป็นเรื่องปกติของเด็กวัยรุ่นสมัยนี้ แล้วจะใจสั่นไปทำไมนี่ ผมไม่เข้าใจตัวเอง แต่มันก็ไม่สมควรนะ ถึงมันจะโตเป็นหนุ่มแล้ว แต่มันยังเรียนอยู่แค่ มัธยมปลาย ถ้าเกิดอะไรขึ้น ผู้หญิงท้องล่ะ ตายล่ะสิ ผมเปิดตู้เย็นเอาน้ำออกมาดื่ม ผมคิดแย้งกันอยู่ในหัว อย่าไปยุ่งเรื่องของมันดีกว่า ผมบอกกับตัวเอง เสียงมันวิ่งลงมาจากข้างบน
"พี่โยๆ อยู่ไหน"
มันตะโกนเสียงดัง มันเข้ามาในครัวแล้วมองผมอย่างเคียดแค้น ปนกับตกใจ


"อย่าบอกแม่นะพี่ ผมขอร้อง"


พูดเสียงเครียด มันเข้ามาจับมือผมเขย่า ผมเองก็ยังอึ้งอยู่ แม้จะได้ดื่มน้ำเย็นๆ ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก


"ถ้าแม่รู้ผมซวยแน่เลย นะพี่ อย่าบอกแม่นะ"


คราวนี้มันอ้อนวอน


"เราป้องกัน รึเปล่า"


ผมโพล่งออกไป ไม่ได้คิดจะพูด แต่มันหลุดออกไปจากปากผมตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ มันมองผมแปลกๆ


"อะไรพี่"
มันตะคอกกลับ บีบข้อมือผมแน่นกว่าเดิม ผมรู้สึกเจ็บ และโมโหในท่าทางของมัน ที่เหมือนกับผมเองเป็นคนที่ก่อเรื่องไม่ใช่มัน


"ถ้าพลาดมาล่ะเอ เราพร้อมจะรับผิดชอบเขาแล้วเหรอ"


ผมไม่รู้ว่าทำไมถึงถามแบบนี้ออกไป มันเรื่องอะไรของผม แต่เหมือนสมองกับปากมันทะเลาะกัน


"แล้วที่อยากเป็น วิศวฯน่ะ คิดว่ามันจะง่ายขึ้นเหรอ"


ผมยังไม่ยอมหยุด คราวนี้มันสะบัดมือผมลงอย่างแรง มองหน้าผมเขม็ง


"มันเรื่องของผมนะพี่ พี่เป็นใครเนี่ย เป็นแค่ตุ๊ดสอนหนังสือ อย่ามายุ่งเรื่องของผมดีกว่า"


มันตวาด โกรธหน้าแดง พอได้ยินผมรู้สึกหน้าชาไปอีกครั้ง เหมือนมันฟาดหน้าผมแรงๆต่อกันไม่หยุด มันทำให้ผมได้คิด นั่นสิ เราเป็นใคร ไปยุ่งอะไรกับเรื่องของมัน


"นั่นสินะ พี่ขอโทษก็แล้วกัน งั้นพี่เองก็คงไม่มีอะไรจะพูด ขอให้เธอโชคดี"


ผมพูดเสียงสั่น คงพอกันแค่นี้สำหรับมัน สุดจะทนแล้ว ผมรู้ว่ายุ่งวุ่นวายกับมันมากเกินไป แต่มันก็น่าจะไว้หน้าผมบ้าง ผมร้อนไปทั้งหน้า
รู้สึกน้ำตาซึมออกมา เพราะอะไรก็ไม่รู้ คงเป็นเพราะผมยังหัวใจไม่แข็งแรงพอ ความรู้สึกเหมือนแผลที่กำลังจะตกสะเก็ด แล้วมีอะไรมาสะกิดให้มันเจ็บปลาบขึ้นมาอีก ผมจับกระเป๋าขึ้นสะพายบ่าแล้วเดินออกไปจากครัวทันที สีหน้ามันตกใจที่ผมพูดนิ่งกว่ามันมาก แม้จะสั่นๆ อยู่ มันคงรู้ว่าคราวนี้ผมเอาจริง


"เฮ้ย พี่ ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจ"


มันกระชากแขนผมไว้ ขอโทษ อีกแล้ว ผมได้ยินบ่อยจนเอียน มันจะขอโทษทำไมในเมื่อมันไม่เคยจำ และทำซ้ำแล้วซ้ำอีก


"พอเถอะ เอ ถ้าเธอไม่เคารพพี่ ไม่เคยแม้จะคิด ก็ไม่เป็นไร พี่เองก็คน มีความรู้สึกเหมือนกัน พอแล้ว"


ผมพูดเน้นแต่ละคำ ออกมาจากใจจริงๆ รู้สึกเบื่อหน่าย กับเด็กแบบมัน ผมสะบัดมือมันออก แต่มันก็ไม่ยอมปล่อย
"ผมขอโทษ จริงๆ พี่ แต่เข้าใจผมหน่อยเถอะ ผมเป็นผู้ชาย เรื่องแบบนี้มันธรรมดา เพื่อนๆผมมันก็ทำ"


ผมไม่ได้อยากจะได้ยินอะไรจากมันอีก แต่ก็นิ่ง กัดปากตัวเอง


"ผมยังไม่ได้ทำอะไรกันนะพี่ เธอเพิ่งมาเมื่อกี๊เอง"


"เรื่องนั้นพี่ไม่รู้ เธอจะทำอะไรกับใครมันก็เรื่องของเธอ เราไม่ได้เกี่ยวพันธ์อะไรกัน ไม่ต้องพยายามเล่า พี่ไม่อยากฟัง พอที"
ผมพูดอย่างไร้เยื่อใย หมดจริงๆ ทั้งโกรธ ทั้งโมโห ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม


"พี่โย ผมขอโทษจริงๆ อย่าทำแบบนี้เลยนะพี่ ผมผิดไปแล้ว ผมขอโทษ"


มันร้องไห้ ผมสะอึกเล็กน้อย อึ้ง ไม่คิดว่ามันจะร้องไห้ออกมา คงไม่ได้แสดงละคร เพราะมันดูเสียใจจริงๆ มันร้องออกมาอย่างไม่อาย


"ผมจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้วพี่ อย่าทำแบบนี้เลย อย่าไปเลย"


มันอ้อนวอน ผมนิ่งคิดไม่ถึง คิดไม่ออก ถ้าจะมองกันจริงๆ มันก็เรื่องของมัน เป็นเรื่องปกติ ทำไมมันต้องเสียใจขนาดนี้ แล้วทำไมผมต้องโกรธมันมากขนาดนี้ ผมเป็นคนนอกมันเป็นความสัจจริง จะไปละลาบละล้วงมันเกินไป มันก็ใช่เรื่อง แต่ผมก็นิ่งไม่พูดอะไรสักคำ


"เอาเถอะ พี่ไม่บอกเรื่องนี้กับแม่เราหรอกไม่ต้องห่วง ส่วนเรื่องเรียน ค่อยว่ากัน"


ผมยังไม่อยากตัดสินอะไรตอนนี้ มึนหัว ไม่อยากคิด


"พี่จะไม่ไปใช่ไหม ขอบคุณมากพี่ ผมขอโทษจริงๆ ผมมันปากไม่ดี"


รู้ตัวนี่ ผมอยกจะตอกหน้ามันกลับไป แต่ก็นิ่ง เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นมันไหว้ผมอย่างเต็มใจ น่าทึ่งนัก


"ไม่เป็นไร ที่พี่สอนเราต่อเพราะอาจารย์ปริศนาคนเดียว เธอจะไม่เคารพพี่ไม่เป็นไร เพราะยังไงเสีย พี่ก็ถือว่าพี่เอาความรู้ของพี่แลกกับเงิน"
ผมยังไม่ยอมเลิก อยากจะระบายมันออกให้หมด ไหนๆ ก็ได้พูดแล้ว


"ไปจัดการเรื่องของตัวเองให้เสร็จ ถ้าวันนี้ไม่พร้อมที่จะเรียน ค่อยว่ากันวันหลัง"


ผมพูดจบก็สะบัดมือมันออก แล้วเดินออกจากบ้านไปทันที ยังรู้สึกเจ็บใจอยู่ "แค่ตุ๊ดที่สอนหนังสือ" มันคงมองผมแค่นี้มาตลอด คำนี้ล่ะที่มันเสียดแทงใจ ผมรู้สึกเหนื่อยล้าเพลียเหลือเกิน เหนื่อยกับทุกสิ่ง ทุกอย่าง อยากจะกลับบ้าน ไม่อยากเจอใครอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 16-03-2010 06:55:50
 :3123: :3123: :3123: :3123: :3123: :3123: :3123: :3123: :3123: :3123: :3123: :3123:

                                    แทนคำขอบคุณทุกคนที่รอ อ่านนะค้าบบ ต่อไปเลย อีกตอน


                          
                          ตอนสิบสี่  ค้าบบบ


ผมขึ้นรถกลับบ้านด้วยความเหนื่อยใจ ปิดมือถือ ไม่อยากจะคุยกับใคร ตั้งแต่เลิกกับพี่ตั้ม รู้สึกว่าผมเจอแต่เรื่องไม่สบายใจ เรื่องของเอ มันไม่ได้มีส่วนสักเท่าใดนัก แค่ไม่พอใจคำที่มันพูด ผมกลับถึงบ้านแล้วรีบขึ้นไปบนห้อง ล้มลงเตียง คิดสิ่งนั้นผนวกกับสิ่งนี้ น้อยใจ ท้อใจ เหนื่อย ผมร้องไห้ออกมาอย่างระอา ร้องจนเพลียเผลอหลับไป ไม่รู้ว่านอนไปนานแค่ไหน แต่รู้สึกตัวเหมือนมีใครลูบผมขึ้นลงช้าๆ ผมรู้สึกขนลุก ตัวแข็ง แม่เหรอ เป็นไปไม่ได้ แม่ยังไม่กลับจากวัดเร็วขนาดนี้หรอก ผมคิดแต่ยังคงนอนนิ่งไม่ลืมตา มือนั้นลูบจากเส้นผมขึ้นลงช้าๆ แล้วคลอเคลียมาที่คางของผม ผมสะดุ้ง

"เอ"
ไอ้เอ นั่นเอง

เข้ามาได้ยังไง"

ผมร้องเพราะตกใจ

"ก็ปีนรั้วเข้ามา บ้านไม่ได้ล็อคเลยขึ้นมาหานี่ล่ะ"

มันพูดเหมือนกับเป็นเรื่องธรรมดา

"แล้วมานอนตรงนี้ทำไม ทำไมไม่ปลุก"

ผมยังแว้ดเสียงอยู่ เพราะมันนอนขนาบข้าง แต่ตัวมันอยู่สูงกว่า

"อ้าว ก็เห็นพี่หลับอยู่ก็เลยไม่ปลุก ผมก็เลยนอนข้างๆ"

"นิสัยไม่ดี"

ผมถลึงตาใส่ อยากจะถีบมันลงเตียงเสียเหลือเกิน เพราะสีหน้าตอนนี้ ต่างกันเหลือเกินกับตอนที่มันร้องไห้

"ก็แค่นอนข้างๆ ไม่ได้ทำอะไรซักหน่อย"

"หมายถึงเข้าห้องคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาติ"

"ผมหิว อ่ะพี่ หาไรให้กินหน่อยดิ"

มันเปลี่ยนเรื่อง ทำหน้าตาย แล้วล้มตัวลงนอนอย่างเป็นสุข ผมรู้สึกโมโห ไอ้นี่มันยังไงกันแน่

"พี่นอนอ้าปาก น้ำลายไหลด้วยล่ะ"

"ไอ้บ้า ไม่มีทาง"

ผมมั่นใจว่าไม่มีทางที่ผมจะนอนน้ำลายยืด แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเอามือขึ้นลูบดู มันหัวเราะชอบใจ ที่แกล้งผมได้สำเร็จ

"ลงไปหากินเองในครัว อย่ามากวน แล้วที่พี่ทำไว้ให้ที่บ้านไม่กินล่ะ ตามมาทำไมถึงนี่"

ผมบ่นแก้เขิน พลางเอามือพลักมันลงจากเตียง ความจริงอยากจะถีบมากกว่า

"ไม่รู้ พอไล่เพื่อนกลับก็รีบมาหาพี่เลย"

"ลงไปหากินเอง พี่จะนอน"

ผมชักรำคาญ

"โห ไรวะ คนอุตส่าห์มาหา ยังจะนอนอีก"

"ไม่ได้ร้องขอ อย่าพูดมาก รีบๆออกไป กินเสร็จก็ทิ้งไว้นั่นล่ะ แล้วก็กลับบ้านไปเลยนะ"

"ไล่เลยนะ ไม่เอา ไม่กลับ ผมจะนอนที่นี่ ไม่อยากนอนคนเดียว"

"นี่ อย่ามากมาย เพื่อนเยอะไม่ใช่เหรอ เรียกมานอนสิ"

ผมรำคาญสุดทน ตาเขียวใส่มัน

"ผมดูไม่ดีมากเลยเหรอพี่ ที่พาผู้หญิงมานอนที่บ้านน่ะ"

มันทำเสียงขึม แววตาดูจริงจัง ผมถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน เพลียใจ

"ไม่รู้ว่าคนอื่นเขาจะคิดยังไงนะ แต่พี่ว่ามันดูไม่ดี มันไม่แปลกหรอกที่เราจะมีอะไรกับใคร แต่มันแปลกที่เราไม่รู้จักป้องกัน"

"แล้วพี่รู้ได้ไงว่าผมไม่ได้ป้องกัน"

มันเถียง ผมไม่รู้ว่าทำไมผมต้องพูดออกไปแบบนั้น

"เอาเถอะ รีบไปกินข้าว แล้วรีบกลับบ้าน"

ผมหันหลังให้มัน ไม่สนใจมันอีกต่อไป

"พี่หึงผมเหรอ"

ผมหันขวับไปหามันทันที

"ไอ้บ้า อย่ามาล้อเล่นนะ ฉันไม่ใช่เพื่อนเล่นนะ"

"นั่นแน่ แล้วทำไมหน้าแดง แอบชอบผมใช่ม้า บอกแล้ว ว่าพี่ต้องชอบผม"

มันล้อเลียน

"เบื่อ"

ผมระบายออก อย่างหดหู่ เพราะไม่รู้จะโต้แย้งกับมันยังไงดี

"ออกไปหาอะไรกินเถอะ พี่อยากอยู่คนเดียว"

ผมถอนหายใจแรงๆ ใส่มัน แล้วล้มตัวลงนอนหันหลังให้มัน แต่เอ๊ะ หันหลังให้มัน

"เฮ้ยทำอะไรน่ะ ไอ้บ้า ปล่อยนะ"

ผมดิ้นเพราะมันเข้ามาสวมกอดทันที มันกอดแน่นจนหายใจแทบไม่ออก

"พี่ตัวหอมจัง"

มันไซร้ซอกคอผม ขนลุกไปหมด แต่ผมก็ดิ้น พยายามผลักมันออก แต่มันก็ยิ่งรัดแน่นกว่าเดิม

"ปล่อย"

ผมตวาด

"ไม่ปล่อย ก้นนุ๊ม นุ่ม"

มันดันตัวเข้าประชิด

"ปล่อย"

ผมพยายามทำเสียงให้แข็ง เน้นคำเดิม แต่มันไม่สนใจ

"ฉันกัดนะ"

ผมขู่ พูดจบก็กัดเลย ที่กัดเพราะมันล็อกแขนล็อกขาผมกระดิกแทบไม่ได้ อีกอย่างมันตัวใหญ่กว่าผมเยอะ ถ้าจะต่อยกันผมคงสู้ไม่ไหว
ยิ่งผมกัดแรงเท่าไหร่ มันก็ดันช่วงล่างเข้าติดเสียดสีก้นผมเท่านั้น ผมกัดจนรู้สึกว่ามีน้ำข้นๆ เหนือดๆ เค็มประแล่มๆ ไหลออกมา ผมปล่อยปากทันที

"เฮ้ยเลือดออก"

"ไม่เป็นไร ผมไม่เจ็บ"

มันพูด แล้วก็เบียดผมต่อ

"เฮ้ย พี่ขอโทษ เดี๋ยวทำแผลให้ ลุกเถอะเอ"

ผมอ่อนเสียงลง ตกใจเหมือนกัน ไม่คิดว่าฟันผมจะคมขนาดนั้น เลือดยังไหลไม่หยุด จนเปื้อนผ้าปูที่นอน มันยอมปล่อยมือจากผม แต่ปล่อยข้างที่ถูกกัด อีกข้างยังกอดเอวผมอยู่

"แล้วพี่จะลุกไปเอากล่องยายังไงล่ะ"

มันถึงยอมปล่อย ผมเดินไปที่ตู้หนังสือ แล้วเปิดลิ้นชักอันล่างสุด มีกล่องปฐมพยาบาลอันเล็กอยู่ มันนี่ท่าจะบ้า ผมกัดเลือดออก ไม่ร้องสักแอะ ผมเดินกลับมาที่เตียง มันยังนอนดูแขนตัวเองเลือดไหลอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว

"ไม่เจ็บเหรอ นอนดูอยู่ได้"

"เจ็บดิ คนนะพี่"

"อ้าว ก็ไม่เห็นร้องสักคำ"

"ร้องทำไม ร้องแต่ตอนที่จะมีอะไรกันก็พอ"

มันยังมีหน้ามาพูด

"พอเถอะ เอาแขนมานี่"

ผมเริ่มรำคาญมัน กะจะยืนทำแผลให้มัน แล้วรีบลงไปข้างล่าง เบื่อมัน เดี๋ยวมันทำอะไรแผลงๆอีก คราวนี้กลัวจะไม่กัดอย่างเดียวแล้ว มีหวังเลือดสาดทั่วห้องแน่ มันกระเถิบเข้าไปข้างในของเตียง

"แล้วจะถอยไปไหนเนี่ย"

"อ้าว ก็เห็นพี่ไม่นั่งสักที กลัวมันแคบ"

"เพิ่งรู้เหรอว่ามันแคบ มาเอาแขนมา"

ผมต้องจำในนั่งลง คาดไว้ไม่ผิด พอนั่งลงมันก็เอาแขนข้างที่ไม่โดนกัดมาคว้าเอวผมไว้ทันที

"นี่ ถามจริงๆเถอะ เป็นบ้าอะไร"

ผมชักทนพฤติกรรมของมันไม่ได้

"ก็แค่อยากกอด ทำไม กอดไม่ได้เหรอ"

แหม แก ยังมีหน้ามาย้อนอยากจะเอามือฟาดปากมันจริงๆ

"แล้วจะทำแผลยังไง ยื่นมือมาดีๆ เดี๋ยวเลือดมันจะห้ามยาก"

"จะเป็นพิษสุนัขบ้ารึเปล่าเนี่ย"

"แก สิเป็นน่ะ"

ผมพยายามไม่คล้อยตามคารมของมัน เพราะรู้สึกเตลิดเปิดเปิงทุกทีเมื่อคุยกับมัน

"ก้นพี่ นุ่มดีจัง ผมชอบ"

"เดี๋ยวถีบให้ ไหนบอกไม่ชอบผู้ชาย ปากดีนักนะ"

"ไม่เห็นเป็นไรเลย พี่น่ารักออก ใครได้เป็นแฟนก็คงไม่อายใคร เผื่อดี เห็นมันเป็นกันจังเกย์เนี่ย มันมีอะไรดี"

"หุบปากสักครู่ได้ไหม รำคาญ"

ผมด่ามันเพราะไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียง มันพยายามจะอ้าปากพูดต่อ ผมคว้าปลายหมอนยัดปากมันไว้ แล้วนั่งทับมือข้างที่กอดเอวผมอยู่ มันดิ้น แต่ยิ่งมันดิ้นผมก็กดแผลมันแรงกว่าเดิม มันจึงยอมนิ่ง ผมรีบล้างแผล ทายาแล้วเอาผ้าก้อตปิดแผลให้มัน พอเสร็จผมก็รีบกระเด้งตัวออกจากมันทันที เพราะกลัวว่ามันจะคว้าตัวเอาไว้อีก มันคงไม่รู้หรอกว่า ไอ้คนที่มันบอกน่ารักก้นนุ่มนี่ล่ะ ที่โดนเขาหาว่านอนแข็งเป็นท่อนไม้ ไม่ได้เรื่อง จืดชืด เขาจึงเหวี่ยงทิ้ง ถ้าน่ารักแล้วมันต้องโดนทิ้งผมยอมขี้เหร่ดีกว่า


หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 16-03-2010 07:20:34
ขอบคุณที่มาอัพ
อยากอ่านต่อ   :serius2:


+1
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: benxine ที่ 16-03-2010 08:07:29
 :serius2: :serius2:

รอ ๆ ๆ

ค้างงง
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: aorta999 ที่ 16-03-2010 09:36:37
มาต่อไวๆนาาาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: sweetener ที่ 16-03-2010 09:50:06
น้องเอมือไวไปป่าว
เด๋วก็กอด เด๋วก็จับก้น
โยนหินถามทางหรือเปล่านิ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Vesi ที่ 16-03-2010 13:23:10
เอชอบเขาแล้วอ่าดิ
คำขอโทษอ่ะ พูดบ่อยๆ มันก็หมดความน่าเชื่อถือ เป็นแค่ลมปาก
ถ้าขอโทษแล้วไม่จำ ก็อย่าขอโทษเลยดีกว่า
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 16-03-2010 23:29:27
เรื่องกำลังน่าลุ้นอยุ่เลยอะ จะเป็นยังไงต่อไปนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: สุดโฉด ที่ 17-03-2010 03:20:54
หนุกคับ รอตอนต่อไปนะคับ o13
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 17-03-2010 07:30:38
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

                  มาแว้วววววว ตอนต่อนะค้าบบบ อ่านแล้ว เม้นต์ให้กำลังใจ ผมหน่อยนะค้าบบ อยากได้กำลังใจ


                        



                                ตอน สิบ ห้า



ผมรีบกระเด้งออกจากเตียง แล้วตรงไปที่ประตู จวนถึงอยู่แล้ว แต่มันก็ลุกก้าวตาม มันก้าวไม่กี่ก้าวก็ถึงตัวผมแล้ว มันรวบตัวผมมากอดทันที

"จะไปไหน"

มันกัดฟันพูด เหมือนหมั่นเขี้ยว

"ปล่อยนะ เอ"  ผมร้อง

"ไม่ปล่อย กัดผมแล้วจะไปง่ายๆเหรอ"

มันโยนผมลงเตียงอย่างแรง แล้วตัวมันก็ตามขึ้นมาทับทันที

"ปล่อย จะทำอะไรน่ะ"

ผมร้อง พยายามดิ้นเอาตัวออก

"จะมีอะไรกับพี่ไง ไหนลองดูซิ"

"ไอ้บ้า ปล่อย"

ผม ร้องขู่ แต่มันไม่สน หน้ามันอยู่ห่างจากหน้าผมไม่ถึงคืบ หนักตัวมันก็หนัก รู้สึกหายใจไม่ออก ผมเอามือผลักหน้ามันออก แต่มันยิ่งกอดรัดแน่นขึ้น ผมไม่มีแรงจะต่อสู้กับมัน จึงนิ่ง เบือนหน้าออกไปอีกทาง มันไม่สนใจซุกไซร้ตามซอกคอ แต่ผมก็พยายามนิ่ง จนมันเงยหน้าขึ้น เอามือจับหน้าผมให้จ้องตามัน สายตามัน ยั่วโมโหมาก ผมเม้มปาก

"อยากมีอะไรกับ พี่มากนักเหรอ ได้"

ผมกัดฟันพูด จ้องตามันเขม็ง

"อยากทำอะไรก็ทำเลย เอาเลย ทำสิ"

ผม ท้า มันยิ้มที่มุมปาก ลมหายใจของมันรดหน้าผม รู้สึกหวั่นๆ เหมือนกัน ถ้ามันบ้าทำจริงขึ้นมาล่ะ ตายล่ะสิ มันก้มลงประกบปากผมทันที ผมเม้มปากไว้ แต่มันก็พยายามดันลิ้นเข้ามาในปาก ผมจะเบี่ยงหน้าหนี มันก็เอามือจับหน้าไว้ ผมนอนตัวแข็งทื่อ ตกใจไม่คิดว่ามันจะทำ เพราะพูดประชดไป ผมไม่ตอบสนอง นอนแข็งทื่อเป็นตอไม้

"แหม เคลิ้มเชียว ไม่เอาดีกว่าเดี๋ยวพี่ติดใจขึ้นมา จะสอนผมรู้เรื่องไหมเนี่ย ไม่ใช่จะสอนอยู่แต่เรื่องเดียว"

มัน ผละออก คงคิดอะไรได้ ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก ผมนอนนิ่งมองเพดาน หลับตาปริบๆ ใจหายใจคว่ำไปหมด ผมพยายามประครองตัวลุกจากเตียง แต่มันก็คว้าผมลงไปนอนอีก

"นอนกอดกันเฉยๆดีกว่า"

ผมไม่พูดอะไร ไม่ดิ้นหนี นอนนิ่ง ตกใจก็ตกใจ กลัวก็กลัว มันจะเป็นแบบนี้ไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ ในหัวผมคิดอยู่แค่นี้

"แล้วไม่ไปกินข้าวเหรอ"

ผมถามเสียงกระท่อนกระแท่น

"เอาไว้ก่อน ขอนอนกอดก่อน"

มันพูดหน้าตาเฉย ให้ตายเถอะผมไม่เคยเจอใครดื้อด้านเท่ามันมาก่อน ไม่เคยคิดว่าจะได้มาเจอ สงสาร ครูบาอาจารย์ที่สอนมันจังเลย คงจะสุดขั้วน่าดู มันนอนนิ่ง ผมคิดไปต่างๆนานา ไม่น่าให้เรื่องล่อแหลมแบบ นี้เกิดขึ้น มันเสี่ยงเกินไปที่จะอยู่กับมันสองคนแบบนี้ ใครจะรู้บางทีมันคึกขึ้นมา แม้บางทีมันดูเหมือนแค่ล้อผมเล่น แต่มันดูมากขึ้นทุกที อย่างน้อยผมก็เหมือนเป็นครูของมัน
เสียง หายใจของมันเริ่มยาว ลึก เป็นจังหวะสม่ำเสมอ คงหลับไปแล้ว ผมค่อยๆ แกะมือมันออก แล้วลุกออกจากพันธนาการของมัน ผมยืนมองมันที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง มันก็แค่เด็กที่อยู่ในร่างที่โตเกินวัย เท่านั้นเอง เวลานอนดูไม่มีพิษมีภัยอะไร ดูสงบนิ่ง ต่างกันเสียเหลือเกิน ผมเดินออกจากห้อง ลงไปในครัว อุ่นอาหาร แล้วไปนั่งดู โทรทัศน์ โทรหา จ๋า แต่ขานั้นกำลังเดทอยู่ เลยไม่ได้คุย โทรหาพล ก็กำลังวุ่นวายอยู่กับเด็ก จึงไม่ได้คุยอีก ผมนั่งดู โทรทัศน์ไปเรื่อยๆ จนเริ่มหิว จึงเดินขึ้นไปบนห้อง ตามเจ้าตัวดีมากินข้าว มันยังคงนอนอยู่ ผมไปเขย่าตัวมัน

"เอ ไปกินข้าว เอ"

"อืม"

มันงัวเงีย หน้าตาเหมือนเด็กที่เพิ่งตื่นนอน ถ้ามันเป็นแบบนี้ตลอดก็คงดี แต่มันหลับตาลงอีก ดิ้นไปอีกทาง

"ตามใจนะ พี่ไม่เหลือไว้ให้นะ"

ผมพูดแล้วลงมาจากห้องเลย ไปตักกับข้าวใส่ถ้วย ตักข้าวไว้เผื่อมัน ผมลงมือกินไปก่อน สักพักมันก็ เดินลงมา

"ไม่รอเลย น้า"

"ไม่นอนต่อล่ะ จะได้เหลือแต่ถ้วยเปล่า"

"โห ใจร้ายว่ะ หิวๆ"

มันไม่สนใจนั่งลงกินข้าว ผมรีบกินแล้วไปเอาน้ำมะตูมที่แม่ต้มไว้ในตู้เย็น

"ไม่เอามาเผื่อผมด้วยล่ะ"

"เกินไป อยากกินก็ไปเอาเอง"

"โห ทำเสียงดุ มันเริ่มเจ็บแล้วอ่ะพี่ แขนผมน่ะ"

มันทำท่าโอดครวญ

"ไหน เดี๋ยวใส่ยาอีกรอบ บอกแล้วไม่ฟัง สมน้ำหน้า"

"เห็นแบบนี้ มีเขี้ยวเล็บเหมือนกันนะพี่น่ะ"

ผมขี้เกียจต่อกรกับมัน จึงเดินไปที่โซฟาเปิดโทรทัศน์ดูอีกรอบ พอมันกินเสร็จ ก็ถือแก้วน้ำแข็งใส่น้ำมะตูมเดินมานั่งข้างๆผม แต่ผมก็ลุกเดินหนีกลับเข้าไปในครัว เพราะไปเก็บจานที่กินไว้ พอล้างจานเสร็จ เห็นมันนอนดูโทรทัศน์อย่างสบายใจ ผมจึงย่องขึ้นไปบนห้อง ล็อคประตูใส่กลอนแน่นหนา ไม่อยากให้มันเข้ามาอีก เพราะไล่กลับบ้านตอนนี้ จะเหมือนไปยุให้มันอยู่เสียมากกว่า ผมหยิบหนังสือมาอ่าน พออ่านได้สักพักก็เริ่มง่วง หลับไปตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ แต่สะดุ้งตื่น เพราะมันมาเคาะประตูเสียงดังเรียก

"พี่โยๆ เปิดประตูหน่อย"

ผมงัวเงียเดินไปที่ประตู แต่ยังไม่เปิด

"มีอะไร จะกลับบ้านเหรอ"

ผมได้ที

"เปิดหน่อย หิวอีกแล้ว"

"อะไร เพิ่งกินไปเมื่อกี๊"

"เพิ่งกินอะไรล่ะ นี่มัน หกโมงกว่าแล้วพี่"

มันย้อน ผมไม่เชื่อ ต้องเหลือบไปดูนาฬิกาที่หัวเตียง ตายจริง หกโมงกว่าจริงๆ นี่ผมนอนหลับไปนานขนาดนี้เลยเหรอนี่ ผมเปิดประตู

"กลัวผมขนาดนั้นเชียว"

มันแทรกตัวเข้ามาอย่างรวดเร็ว

"ใครบอกกลัว รู้จักคำว่าส่วนตัวไหม"

"ไม่รู้ล่ะหิวแล้ว"

มันเดินไปล้มตัวลงนอน นี่มันกรรมเวรแต่ชาติปางไหนนะ ผมต้องสอนหนังสือมัน แล้วยังต้องมาดูแลมันอีก

"จะกินอะไรล่ะ"

"อยากกิน กุ้งเผา"

"จ้า พ่อคุณ เนรมิตรเอาสิ"

"อยากกินอ่ะ"

"ขี้เกียจออกไปตลาด"

ผมปัดไป เพราะขี้เกียจจริงๆ

"อยากกิน จริงๆนะพี่ นะเดี๋ยวผมช่วยทำ"

"ไม่ได้ยินเหรอ ขี้เกียจออก หัดกินอะไรที่มันง่ายๆไม่เป็นเหรอ อยากกินนั่นอยากกินนี่ เหมือนทำเป็น"

ผมแว้ดใส่

"อ้าว ก็มีพี่อยู่นี่ นะนะ สงสารน้องหน่อย"

"ทีอย่างนี้ทำมาเป็นพูดดี รู้จักน้อง รู้จักพี่ด้วยเหรอ"

"ตอนนี้รู้ แต่บนเตียงไม่รู้"

มันทำหน้ากวนประสาท

"งั้นก็ไม่ต้องกิน อย่างเธอน่ะ ไข่ต้มก็น่าจะพอ"

"ไม่เอาอ่ะ ผมจะกินกุ้งเผา"

"โว้ย รำคาญ ทีจะเป็นเด็กนี่ก็เหลือเกินจริงๆนะ ขอล้างหน้าก่อน ลงไปรอข้างล่าง"

ผมตะคอกใส่มันแล้วดันหลังให้มันออกจากห้องไป แล้วผมปิดประตูใส่หน้ามัน นี่ผมต้องอยู่กับไอ้นี่อีกนานแค่ไหนนะ เบื่อเหลือทน  ผมรำพึงรำพรรณกับตัวเอง แต่ก็ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้า พามันออกไปซื้อของ

เรา นั่งรถสองแถวออกไปคาร์ฟูล เพราะตลาดคงไม่มีแล้วป่านนี้ เวลาอยู่ในห้าง มันก็คอยเกาะแกะ ต่างๆนานา อายคนก็อาย ผมรีบซื้อเสร็จก็พามันนั่งรถกลับมาเหมือนเดิม ได้ของครบตามที่มันต้องการ ดีจัง มันไม่ต้องจ่ายสักบาท ผมให้มันหิ้วของทั้งหมด ตอนแรกทำท่าจะบ่น แต่ผมขู่ไว้เลยยอมเงียบแต่โดยดี

"เอาของไปล้าง เสร็จแล้วเอาเตาถ่านออกมาหน้าบ้านด้วย"

ผมออกคำสั่ง

"คร้าบบ"

มัน ลากเสียงยาวล้อเลียน มันเอาชามใส่น้ำ ตอนแรกท่าทางดูเอาการ แต่เอาไปเอามา ผมต้องเป็นคนทำเอง เพราะมันทำแรง ของช้ำหมด ล้างกุ้งยังไม่เป็น ผมเลยไล่ให้มันออกไปก่อไฟ

"นี่พอแล้วๆ ออกไปก่อเตานู่น ล้างผักล้างปลายังทำไม่เป็นแล้วจะไปทำอะไรกิน"

ผมเขี่ยให้มันออกจากทาง

"ก็ให้พี่เลี้ยงไง มีคนทำให้กินอยู่แล้วจะกลัวอะไร"

"นี่แค่ครั้งนี้หรอก รู้ไว้ด้วย ที่ทำให้กินน่ะเพราะรำคาญ"

"เดี๋ยวก็ชินเองล่ะพี่"

โอ๊ย ผมผิดเองที่ต่อกรกับมัน ผมล้างของเอง แล้วให้มันไปให้พ้นๆหน้า ผมหันมาล้างกุ้งแบ่งเป็นสองส่วน ให้มันเผากินส่วนหนึ่ง อีกส่วนผมจะทำต้มยำ พอล้างเสร็จผมก็เริ่มทำต้มยำ พอเสร็จก็ยกของออกไปให้มัน เห็นกำลังง่วนอยู่กับการก่อเตา พอมันหันหน้ามา ผมก็อดหัวเราะไม่ได้ เพราะถ่านดำเปื้อนหน้ามันทั้งแถบ คงจะเอามือขึ้นเช็ดหน้า

"ขำไรพี่"

มันทำหน้าเลิ่กลั่ก

"หน้าเหมือนลิงเลย"

ผมหัวเราะ ออกมาเสียงดัง มันลุกขึ้นมาเอามือ ป้ายหน้าผมทันที

"เอ๊ะ เอามาป้ายหน้าพี่ทำไม"

ผมโวยวาย เอามือปัดออกพัลวัล

"หัวเราะดีนักนี่แน่ะ"

"นิสัยไม่ดี"

ผมผลักมันออก แล้วรีบไปล้างหน้า แต่มันกลับไม่สนใจที่จะล้าง เวลามันย่างกุ้งไป ผมก็อมยิ้มเพราะไม่กล้าหัวเราะ กลัวมันเอามาทาอีก

"เวลาพี่ยิ้มแล้วน่ารักดีนะ"

มันโพล่งขึ้นมา

"ทำไมไม่ค่อยยิ้มเวลาอยู่กับผม เห็นเก๊กหน้าดุตลอดเวลา"

"จำเป็นต้องยิ้มด้วยเหรอ ฉันมีหน้าที่สอนเธอนะ ไม่ใช่มายิ้มให้"

"แหมก็เสริมสร้างบรรยากาศหน่อยดิพี่ ทำหน้าบูดอย่างนั้นใครมันจะเรียนรู้เรื่อง"

ผมหุบยิ้ม ทำหน้าตึง ไม่อยากให้มันมาลาม

"พี่เลิกกับแฟนคนนั้นแล้วเหรอ"

มันถามขึ้น ผมถึงกับสะอึก

"ทำไม"

ผมถามเสียงห้วน

"ก็เห็นช่วงนี้พี่ดูแปลกๆ"

"แปลกยังไง"

"ไม่รู้ แต่รู้สึกได้ว่าพี่อกหัก"

มันพูดแบบไม่ได้ใส่ใจ เคี้ยวกุ้งเผาไป ตาก็ไม่หันมามอง

"อย่าทำเป็นรู้ดีหน่อยเลย ฉันจะอกหักรักคุด มันไปเกี่ยวอะไรกับเธอ"

ผมเริ่มพาล

"ปล่าวหรอก แค่อยากบอก ถ้าไม่มีใครเอา มาเป็นกิ๊กผมได้นะ ผมจะลองทำใจคบดู"

"หยาบคาย นี่มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆนะ อย่าพูดอะไรให้มันติดตลกไปซะทุกเรื่อง ไว้หน้ากันบ้าง"

ผมโมโห ตวาดเสียงดัง ผมรู้สึกอารมณ์เสียขึ้นมาทันที จะลุกไปก็จะเกินไปหน่อย จึงเงียบ ก้มหน้าก้มตากินต่อ

"โหแค่นี้ก็โกรธ ถ้าผมอยากได้พี่เป็นแฟน จริงๆล่ะ พี่จะยอมไหม"

มันยังไม่ยอมหยุด

"ไม่มีทาง จำไว้ ไม่มีทาง"

ผมจ้องมันเขม็ง เหลือทนกับมันเต็มที

"พี่คอยดูเถอะ พี่ต้องรักผมสักวัน แล้ววันนั้น อย่ามาขอร้องผมก็แล้วกัน"

มัน ก็จ้องตาผม แววตามันเอาเรื่องเหมือนกัน แต่มันก็หลุบตาลงไม่สนใจกับสิ่งที่มันพ่นออกมา ผมรู้สึกเสียวปลาบที่สันหลัง แววตามันดูเหมือนอยากจะเอาชนะ ผมได้แต่เม้มปากเพราะพูดอะไรไม่ออก ดูด้อยกว่ามันไปเลย เพราะไม่ว่าจะพูดอะไรดูเหมือนมันจะทำท่าไม่สนใจ แต่เวลามันพูดอะไรมาทำไมผมถึงรู้สึกโกรธมากขนาดนี้

"นี่พี่ เดี๋ยวอาทิตย์หน้า ผมว่าจะขอแม่มาค้างที่นี่ เพราะอยากมาติวให้หนักๆ"

มันพูดขึ้นมาลอยๆ

"ไม่ได้ ฉันก็ต้องทำงาน ไม่มีเวลามาสอนหรอก"

"วันเสาร์ อาทิตย์ดิ"

"ไม่ได้ ไปสอนที่บ้านล่ะ สะดวกกว่า"

"ไม่รู้ล่ะ ผมอยากมานอนนี่ เดี๋ยวจะขอแม่อรเอง" มันรั้น

"ไม่มีทาง ไม่มีห้องให้นอนหรอก"

"ก็นอนกับพี่ไง"

มันพูดแล้วอมยิ้ม

"บ้าเหรอ ฉันไม่เคยนอนกับใคร ไม่ได้"

ผมยังยืนกระต่ายขาเดียว

"นอนบนพื้นก็ได้"

"นี่ถามหน่อย เป็นอะไรมากหรือเปล่า อยู่บ้านตัวเองก็เรียนได้ อยากรู้อะไรก็โทรมาถามสิ ทำไมต้องทำให้ผู้ใหญ่เขาลำบากใจ"

"อะไรวะพี่ ผมอยากเรียนให้หนักๆ แล้วให้พี่สอนให้มันผิดเหรอ" มันขึ้นเสียง

"เอาเถอะ อย่าคุยเรื่องนี้เลย รีบกินซะ แล้วรีบกลับบ้านเดี๋ยวมันจะค่ำก่อน"

ผมเปลี่ยนเรื่อง พยายามทำใจเย็นๆ

"ไม่กลับ จะนอนที่นี่"

"เอ๊ะ พูดไม่รู้เรื่องเหรอ"

"ทำไมล่ะ ผมไม่เคยอยู่บ้านคนเดียวนี่ น่ากลัวจะตาย"

"กลัวอะไร บ้านตัวเอง"

"ไม่รู้ล่ะ ถ้าพี่ไม่ยอม ผมโทรไปขอแม่อรเองนะ"

"ไอ้บ้า เก่งนักนะเรื่องฟ้องน่ะ"

ผม กระฟัดกระเฟียดเดินเข้าไปในบ้าน ไม่อยากคุยกับมันแล้ว เพราะถ้ามันโทรไปหาแม่จริง ผมนั่นล่ะที่จะโดนด่า เซ็งเลย ผมได้แต่ภาวนาให้มันกลับบ้าน ผมเดินเข้าไปในครัวเพื่อเก็บกวาด พอเสร็จก็เดินออกมาเก็บนอกบ้าน ไม่เห็นมันอยู่แล้ว ของยังวางระเกะระกะ ผมเดินดูรอบๆ ไม่เห็นมันแล้ว แอบยิ้ม มันคงกลับไปแล้ว ผมรีบปิดหน้าบ้านทันที แล้วเอาของเข้ามาเก็บในครัว แอบมองห้องนั่งเล่นก็ไม่เห็น คงกลับจริงๆ กลับซะที ไอ้ตัวแสบ

หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: benxine ที่ 17-03-2010 07:53:34
อิอิ....มาต่ออีกไวๆนะ

เมื่อไรจะใจอ่อนกับ"เอ"ซะที

 :call: :call:

 :z1:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 17-03-2010 08:29:32
นายเอรออยู่บนห้อง :z1:

+1 เป็นกำลังใจ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 17-03-2010 09:34:04
มาไวติดต่อกันจริงๆเลยค่ะ อ่านแล้วลุ้นจังเมื่อไรทั้งคู่จะเปิดใจกันนะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Vesi ที่ 17-03-2010 13:31:24
นับวันจะยิ่งรุกหนัก
เออยากจะเอาชนะจริงๆ เหรอ แน่ใจน้า
เอก็เลือกเพศให้ตัวเองดีๆ ล่ะ
จะเป็นชายแท้ก็เป็นไป อย่ามาอยากเปลี่ยนทีหลังสงสารคนอื่นบ้าง
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: สุดโฉด ที่ 17-03-2010 18:14:52
รอตอนต่อไปคับ o13
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 18-03-2010 00:55:08
ปวดหัวแทนว่ะ จัดการเด็กคนเดียวยังไม่ได้  แพ้เด็กเหรอไม่ใช่หรอกไม่ยอมคิดทัดทานตะหาก ปล่อยให้เป็นวัวพันหลักอยู่ได้ นี่แหละหนาเขาว่าจบปริญญาก็ใช่ว่าจะเอาตัวรอดได้ทุกเรื่อง  จงปวดหัวต่อไปเหอะ น่าสงสาร
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 18-03-2010 01:12:49
 :t3:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 18-03-2010 02:37:30
+1 จัดไปเลยที่รัก อิอิ
อ่านรัวเลยเพราะไม่รู้ว่าเรื่องนี้มาลงเพิ่ม อ่านไปตั้ง 4 ตอน
เขียนดีขึ้นนะ ภาษายังคงสบายๆแต่ให้อารมณ์แบบอ่านไปยิ้มไป
หวังว่าคงจะไม่โดนเด็กหรอกใช่ไหมเนี่ยกับความรู้สึกแบบนี้
นิว(ยิ้มๆ)

ปล. ขอนิดนึง เวลาลงตอนใหม่เพิ่ม แบบไม่รู้เลยว่าลง อยากให้ช่วยแก้หัวกระทู้บอกหน่อยน๊า
หมายเหตุ
การแก้ไขหน้าแรกของกระทู้รวมถึงชื่อหัวข้อกระทู้สามารถแก้ไขได้โดย
กลับมาอยู่ที่กระทู้แรกสุดของเรื่องของเรา
บริเวณมุมขวาบนของกระทู้ เลือกคำว่า Modify หรือ แก้ไข
แล้วจะอยู่ในหน้าที่เราลงเรื่องตอนแรกสามารถแก้ได้
ซึ่งจะทำให้เราสามารถเข้ามาอัพหัวข้อกระทู้บอกคนอ่านได้ว่าตอนนี้ลงตอนใหม่แล้ว
 Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน xx  เป็นต้น
ซึ่งอาจจะบอกวันที่ที่ลง หน้าที่ลงด้วยก็ได้แล้วแต่ตามสะดวก
เมื่อแก้ไขเสร็จเรียบร้อยเลื่อนลงมาด้านล่าง เลือกคำว่า save
เป็นอันเสร็จสิ้นขั้นตอนการเปลี่ยนชื่อกระทู้เรื่องของเรา

หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 16 Mar 18, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 18-03-2010 08:07:50
                                                ตอนต่อค้าบบบ


 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
                                                



                                                         ตอน สิบหก





ผมตรวจดูความเรียบร้อยก่อนที่จะขึ้นไปข้าง บนบ้าน รู้สึกโล่งใจ แต่ก่อนที่จะเปิดประตูเข้าห้อง ประตูห้องน้ำเปิดออก มันยืนใส่ผ้าเช็ดตัว ยังมีหยดน้ำเกาะอยู่ตามตัว

"เฮ้ย ทำไมยังอยู่ ไม่กลับบ้าน"

ผมอุทาน แล้วมันเอารองเท้ามันไปไว้ไหน ผมคิดเพราะตอนที่ดูข้างล่างไม่มีรองเท้าของมัน

"ง่วงว่ะพี่"

มันไม่รู้สึกรู้สากับสิ่งที่ผมพูด หาวนอนแล้วเดินแทรกตัวเข้าไปในห้อง มันล้มลงบนเตียงทันที

"นี่ จะมานอนนี่ไม่ได้นะ ลุกขึ้นมา"

ผมตวาดเสียงดัง

"เอ๊ะ พี่นี่ยังไง มันดึกแล้วนะ กลับตอนนี้มันอันตราย"

อยากจะ บี้หน้ามันเหลือเกิน พูดหน้าตาเฉย หลับตาพริ้มอย่างมีความสุข

"แล้วทำไมไม่ใส่เสื้อผ้า จะนอนทั้งที่ตัวเปียกๆนี่เหรอ"

ผมไม่รู้จะไล่มันกลับบ้านยังไงดี ได้แต่แถไป

"เช็ดให้หน่อยดิ ง่วง"

"โอ๊ย ลุกขึ้นมา เตียงมันเปียก"

ผมคำราม แต่ก็ไม่ไปอยู่ใกล้เตียงเพราะกลัวว่ามันจะทำอะไรอีก

"ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะ"

มันยังคงไม่สนใจกับคำตวาดของผม กลิ้งตัวไปมา จนผ้าเช็ดตัวจะหลุดออกจากร่าง

"ลุกขึ้นมาใส่เสื้อผ้า"

ผมเริ่มขึ้นเสียงดัง หน้าก็เริ่มร้อน

"ไม่รู้จะใส่ตัวไหน มีแต่ตัวเล็กๆ"

โอย อยากจะบ้าตาย จะทำยังไงให้มันกลับบ้านดี ผมต้องเป็นฝ่ายที่เดินออกมาจากห้อง คิดไปคิดมาก็เดินเข้าไปในห้องแม่ ไปดูในตู้ เสื้อผ้าของพ่อที่แม่ซักเก็บไว้ยังใช้ได้ ผมเลือกเอากางเกงขาสั้นทหาร กับเสื้อลายพรางทหารออกมา แล้วเดินกลับไปที่ห้อง ปาใส่ตัวมัน

"ใส่ซะ อุจาดตา"

มันลุกขึ้น ถอดผ้าเช็ดตัวออกทันที

"เฮ้ย" ผมอุทาน

"อะไรพี่ อยากดูเหรอ"

"อุบาศก์"

"อะไรวะผู้ชายเขาไม่อายกันหรอก แหมอยากดู ก็ไม่บอกทำฟอร์ม"

ผมเดินลงมาข้างล่าง ใจเต้นตุบตับ ไม่ดีแน่ๆ ถ้าจะอยู่กับมันสองคน มีความเสี่ยงสูงมาก มันยั่วเหลือเกิน นี่ถ้าเผลอหลับไปล่ะ แต่นอนห้องแม่ก็ได้ ผมคิดไปต่างๆ นานา เปิดโทรทัศน์ดูแต่ก็ดูไม่รู้เรื่อง มันเดินตามลงมา แล้วมานั่งเบียดผมทันที

"อะไร ที่มีเยอะแยะ จะมานั่งเบียดทำไม"

ผมขยับตัวออก แล้วลุกไปจากโซฟา

"ไปไหนล่ะพี่"

"รำคาญไง"

"เหรอ นึกว่าชอบ"

ผมค้อนใส่มันวงใหญ่ แล้วจึงเดินขึ้นไปข้างบน ผมรีบอาบน้ำ อาบน้ำเสร็จก็ปิดไฟ พอเปิดประตูห้องเพื่อที่จะไปหยิบหนังสือและของใช้ส่วนตัว ไปนอนห้องแม่ มันนอนอยู่่บนเตียงแล้ว นอนหลับตาอย่างสบายใจ ผมต้องย่องเข้าห้องตัวเอง รีบหยิบของใช้ มันลุกขึ้นมา กระโดดไปที่ประตูล็อกไว้ทันที

"จะทำอะไรน่ะ"

ผมร้องเสียงหลง

"เสร็จแน่คราวนี้"

มันกันประตูไว้ ทำท่าน่ากลัว

"พี่จะไปไหน ผมไม่อยากนอนคนเดียว บ้านพี่น่ากลัวจะตาย"

มันทำเสียง น่าสะพรึงกลัว

"ไม่ได้ ฉันไม่เคยนอนกับใคร ไม่คุ้น นอนไม่หลับ"

ผมเสียงสั่น หอบหนังสืออยู่ในอก

"อย่ามาโกหก ทำยังกะไม่เคยนอนกับแฟนเก่า"

"นี่ มันจะมากไปแล้วนะ"

ผมชักโมโห เพราะมันจาบจ้วงเรื่องส่วนตัวเสียเหลือเกิน

"น่านะพี่ นอนเป็นเพื่อนผมหน่อย"

มันไม่พูดเปล่า เดินเข้ามาฉุดตัวผมไปที่เตียง

"นี่จะทำอะไร ปล่อยนะไอ้บ้า"

"อย่ามาทำเป็นขัดขืน ยังกะไม่เคย"

"หยาบคาย จะมาฉุดตัวฉันทำไม ปล่อย"

ผมตวาดเสียงหลง ทั้งกลัว ทั้งโมโห ผมพยายามจะดิ้นหนีแต่มันเหวี่ยงตัวผมลงบนเตียง แล้วมันก็ตามขึ้นมาทับตัวผมแล้ว

"นี่ ฉันหายใจไม่ออก"

หน้าผมแดง เพราะอายด้วยหายใจไม่ออกด้วย มันยอมลงจากตัวผม แต่ก็ยังกอดรัดอยู่

"ให้ตายเถอะ ผมชอบตัวพี่ นุ๊ม นุ่ม หอมอีกตะหาก"

มันเอาหน้ามาซุกตรงซอกคอ ผมต้องห่อคอไว้ คาวนี้มันไม่ซุกธรรมดามันเอาลิ้นลาก ผ่านซอกคอ ผมสะดุ้ง เพราะไม่คิดว่ามันจะทำแบบนี้

"เฮ้ย อย่านะเอ"

ผม เสียงสั่น ไม่เคยรู้สึกอยากหนีใครมากเท่ามันมาก่อน มันไม่หยุดแต่เอามือสอดเข้ามาในเสื้อผม ได้แต่ดิ้น แต่มันตัวใหญ่กว่า มันเขาขาล็อกเอวผมไว้ รู้สึกว่าน้องชายมันพองตัวเต็มที่ดันอยู่ก้นผม

"โอ๊ย อึดอัด"

ผมไม่รู้จะพูดอะไร เพราะยิ่งห้ามเหมือนยิ่งบอกให้มันทำ

"น้องชายตื่นแล้วอ่ะพี่ ทำไงดี"

มันดันตัวเบียดเข้ามา

"นี่พอได้แล้ว ฉันยังไม่ได้ปิดไฟห้องน้ำ"

"อย่ามาโกหก ผมดูแล้วปิดแล้วนี่"

"แล้วจะดันเข้ามาทำไม นอนเฉยๆไม่ได้เหรอ"

"ก็น้องชายตื่นอ่ะ พี่ช่วยทำให้มันลงหน่อยสิ"

มันพูดหน้าตาเฉย

"นี่ เอ พี่ไม่รู้จะพูดยังไงดีกับเธอดี เธอถึงจะเข้าใจ ทำไมเหรอ อยากลองมากเหรอ อยากรู้อยากเห็นมากเหรอ"

ผมเริ่มรำคาญ หันหน้ามาหามัน หน้าชนกัน จ้องตามันเขม็ง

"แล้วอย่ามาเสียใจภายหลังนะ"

ผมพลิกตัวขึ้นด้านบน มองหน้ามัน ไม่รู้ว่ามันจะรู้สึกยังไง แต่แววตามันดูตื่นๆ

"เฮ้ยพี่เอาจริงเหรอ"

เสียงมันสั่นๆ คงจะตกใจ

"รำคาญ ทำให้มันเสร็จๆไป จะได้เลิกยุ่งกับฉันเสียที"

ผม พูดเสร็จก็ก้มหน้าลง ตรงซอกคอของมัน กลิ่นสบู่อ่อนๆ มันยั่วยวนใจเสียเหลือเกิน แต่ผมก็ต้องซุกหน้าอยู่อย่างนั้น ผมทำอะไรอยู่ มันจะเลยเถิด มันไม่มีผลดีด้วยประการทั้งปวง ผลที่จะตามมาจะเป็นยังไง อย่าให้กิเลส มันครอบงำได้ ผมบอกกับตัวเอง ผมทำอย่างนั้นไม่ได้หรอก ผมทำไม่ได้ ผมทิ้งน้ำหนักลงบนตัวของมัน ซุกอยู่ตรงนั้นซอกคอของมัน อย่างไร้เรี่ยวแรง ละอายใจเหลือเกิน

"อ้าว ทำไมล่ะพี่ กำลังตื่นเต้นเลย"

มันผงะหน้าถาม เพราะผมนิ่งไปนาน

"นอนเถอะ"

"อ้าว เฮ้ยพี่ ไม่ได้นะ"

มันยกตัวผมขึ้น ผมขยับตัวออกจากร่างมันจะลุกออกไปจากเตียง มันคว้าเอวไว้

"งั้นผมทำเอง"

มันดึงผมมาที่เดิม แต่คราวนี้มันคร่อมร่างผมไว้

"อย่าเลย เอ พี่ขอร้อง อย่าทำแบบนี้เลย ถ้าเธอยังอยากจะเจอกับพี่อีก"

ผมพูดเสียงเรียบ นิ่งจนมันหยุด มองหน้าผม แต่แววตามันครุ่นคิด

"ทำไมจะเจออีกไม่ได้ ในเมื่อพี่จะมาเป็นแฟนผม"

มัน พูดจบก็ประกบปากผมทันที ผมบ่ายหน้าออกแต่มันก็จับหน้าไว้ ผมเอามือผลักตัวมันออก แต่มันก็ทิ้งน้ำหนักตัวลงมา มันดู เร่าร้อนกว่าเมื่อตอนกลางวัน ผมได้แต่ดิ้นหนี แต่มันก็ซุกไซร้อยู่อย่างนั้น ผมเผลอลอยไปกับ ลีลาของมัน ในหัวก็คิดต่อต้าน แต่ร่างกายมันกลับ สนองตอบกับสิ่งที่มันยั่วยวนอยู่ มารู้สึกตัว ตอนที่กางเกงผมหลุดออกไปจากตัวแล้ว มันเองก็อยู่ในสภาพที่ไร้พันธนาการ ผมเอามือปิดของตัวเองไว้ รู้สึกอาย รู้สึกกระดากใจ ไม่อยากให้มันเลยเถิดไปไกลขนาดนี้ มันจับผมนอนคว่ำแล้วทับตัวลงมา

"พี่นอนเป็นท่อนไม้เลย ผมไม่เก่งเหรอ"

มัน พูดออกมา แวบหนึ่ง คำพูดนี้มันเคยตบหน้าผมแล้ว เพราะอย่างนี้สินะ ผมมันท่อนไม้ ใครจะอยากมีอะไรกับท่อนไม้ ผมพลิกตัวขึ้นเผชิญหน้ามัน แล้วดันให้มันนอนลง

"ท่อนไม้"

ผมรำพึงเบาๆ แล้วก็เป็นฝ่ายทำให้มัน อย่างไม่อาย กิเลสบังตา ผีห่าซาตานเข้าสิง ผมเตลิดเปิดเปิง ไปไกลแสนไกลเกินจะดึงตัวเองกลับ

"ไม่ไหวแล้วพี่ ผมเอาพี่นะ"

มัน เสียงกระเส่่า ไม่พูดเปล่ามันจับผมนอนคว่ำ แล้วมันก็เดินไปหยิบโลชั่นที่โต๊ะเครื่องแป้งมา มันทำอย่างช่ำชอง ผมพยายามฝืนตัวหนี ไม่อยากจะเชื่อว่า น้องชายมันมีขนาดใหญ่กว่าของพี่ตั้มอีก มันสอดเข้ามาพรวด ผมร้องเสียงหลง เด้งตัวหนี มันหยุดแล้วจูบทั่วแผ่นหลัง น้ำตาผมซึมออกหางตา เจ็บแปลบไปทั่วก้น พอสักพัก มันก็ไม่ฟังเสียงอะไรแล้ว มันทำอยู่ไม่นานก็กระตุกตัว ผมดันตัวเองออกจากร่างของมัน แต่มันก็ยังกอดไว้ น้ำตาผมไหลออกมา นี่ผมทำอะไรลงไป ผมทำอะไรอยู่ มันเลยเถิดไปแล้ว ต่อจากนี้จะเป็นยังไง

"เจ็บเหรอพี่ ผมขอโทษ"

มันจูบหน้าผาก ผมยังน้ำตาไหลเจ็บด้วย แต่ในใจนี่เจ็บกว่าคิดฟุ้งซ่านไปหมด มันกอดผมจูบทั่วหน้าผาก ทั่วหน้า

"อย่าโกรธผมนะพี่ ตอนนี้พี่เป็นของผมแล้วนะ"

ผมยังคงนอนนิ่งน้ำตาไหล ที่ร้องไห้ไม่ใช่ดัดจริตเพราะมีอะไรกับมัน แต่ในใจก็คิดแต่เรื่องที่จะตามมา ทำไมผมไม่รู้จักหักห้ามใจ ทำไมต้องปล่อยให้มันเกิดขึ้น ผมจะมองหน้าอาจารย์ปริศนายังไง ผมยังจะมีหน้าไปพบท่านได้ยังไง แล้วแม่ผมล่ะ แม่บอกให้ดูแลน้องให้ดีๆ  แต่ดูผมทำ ผมสะอื้นออกมาอย่างไม่อาย มันกอดผมแน่นขึ้น พรมจูบทั่วหน้า ปากก็พร่ำอะไรก็ไม่รู้ ผมไม่ได้ใส่ใจฟัง แต่ผมรู้อย่างเดียวว่านับจากนี้ ทุกอย่างมันจะไม่เหมือนเดิม

"ผมสัญญา ผมจะไม่ทำให้พี่เสียใจ ผมจะมีพี่คนเดียว ไม่ว่าจะยังไง จำคำผมไว้"

มัน ปลอบต่างๆ นานา จนผมผลอยหลับไปในอ้อมกอดมัน อ้อมกอดที่ผมไม่ได้อยากจะอยู่ แต่ว่าไป แม้แต่พี่ตั้มเอง เขาก็ไม่เคยกอดผมจนหลับไปแบบนี้ รู้สึกดีอย่างประหลาด แต่ห้วงความจริง มันเป็นไปไม่ได้ กอดให้พอเถอะ เอ พรุ่งนี้ มันจะไม่ได้เป็นแบบนี้แล้ว
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 16 Mar 18, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 18-03-2010 08:35:41
สงสารนายเอก :เฮ้อ:

+1
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 16 Mar 18, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: aorta999 ที่ 18-03-2010 09:49:19
มันจะเป็นไงต่อ ล่ะเนี๊ยะ....
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 16 Mar 18, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: benxine ที่ 18-03-2010 10:08:00
 :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 16 Mar 18, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: motosemo ที่ 18-03-2010 10:40:40
อ่า~เศร้า :sad4:
รอตอนต่อไป :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 16 Mar 18, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 18-03-2010 15:00:26
ไวเหมือนนกกระจอกไม่ทันกินน้ำ.....

หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 16 Mar 18, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: สุดโฉด ที่ 18-03-2010 17:09:17
อ๊ากกกกกก จะเป็นไงต่อเนี่ย ลุ่นๆ

รอตอนต่อไปคับ :pig4:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 16 Mar 18, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: jantaro ที่ 18-03-2010 23:11:31
 :m15: :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 17 Mar 19, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 19-03-2010 07:35:37
               บางทีความในใจมันก็ยากเหลือเกินที่จะอธิบาย
               บางทีความเจ็บปวดในใจมันก็ ยากเหลือเกินที่จะแบ่งปัน



                             ตอน สิบเจ็ด




ผมตื่นขึ้นมาตอนเช้า เสียงเต้นของอะไรสักอย่างดัง ตุ๊บๆ อยู่ข้างหู ผมลืมตาขึ้นห้องยังคงมืด แม้จะมีแสงสว่างลอดเข้ามาตามผ้าม่านแล้วก็ตาม ผมขยับตัว ก็โดนกับคนตัวใหญ่ที่นอนอยู่ติดกัน ใช่สิเรื่องเมื่อคืน พลันผมก็คิดไปถึงเรื่องที่ตามมา มันจะเป็นยังไงนะนับจากนี้ ไม่น่าเลยเรา แค่ความหวั่นไหวชั่ววูบ มันจะทำให้ทุกอย่างแย่ลงไป จะมองหน้าอาจารย์ปริศนายังไง จะบอกแม่ว่าอะไร ความคิดในแง่ลบวนเวียนอยู่ในหัว ผมมองดูมันนอนหลับอย่างสบายใจ แปลก ผมเองก็หลับสบาย รู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด ไม่เคยมีใครนอนกอดผมข้ามคืน แม้แต่พี่ตั้มเองก็ไม่เคย ผมมองดูตัวเองในผ้าห่ม นอนขดตัวอยู่ในอ้อมกอดของมันเหมือนเด็กที่นอนอยู่ในอ้อมกอดของพ่อแม่ ผมขยับตัวแกะแขนมันออกจากตัวแล้วลุกขึ้น ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะคิดไปในทางนั้น มันไม่มีทางเป็นไปได้ ผมไม่เคยชอบมันเลย อีกอย่าง มันเป็นไปไม่ได้อย่างเด็ดขาด

"จะไปไหนคะ"

มันงัวเงียถาม ผมไม่ตอบมันพยายามดันตัวลุกขึ้น ทั้งที่ตายังลืมไม่เต็มตา

"โอ๊ย แขนผม"

มันร้อง แล้วกลับไปนอนเต็มหลัง

"โอ๊ย มันชา เจ็บจังเลยพี่"

มันร้องทำหน้าเหยเก ผมนั่งมอง เพราะคิดว่ามันคงแสดงละครอีก แต่ดูท่าคงไม่ใช่เพราะมันคงเหน็บกินจริงๆ

"ก็นอนแบบนี้ทั้งคืน มันก็ชาสิ ไหน"

ผมพูดประชด แต่ก็เข้าไปยกแขนมันมาบีบนวด แต่มันก็ร้อง เจ็บๆ อยู่ตลอด แขนข้่างที่โดนกัดก็ยังเป็นแผลพันผ้าอยู่ ข้างนี้จะพิการอีกไหม

"ค่อยยังชั่วหรือยัง"

ผมถาม แต่ก็ยังไม่หยุดนวด

"ยัง มันยังชาๆ อยู่เลย จะพิการไหมเนี่ย"

"อืม คงใช้ไม่ได้แล้วล่ะแขนข้างนี้"

"ไม่เป็นไร ถ้าพี่จะนวดให้ผมทุกวัน"

มันยังมีหน้ามาพูดเล่น ผมบีบแรงขึ้นจนมันร้อง แสดงว่าไม่เจ็บแบบเหน็บกินแล้ว

"พอล่ะ น่าจะไม่เป็นไรแล้ว"

ผมลุกขึ้น มันคว้าตัวไว้ทันที

"จะไปไหนคะ ไม่ให้ไป"

ผมกลับมานอนอยู่ท่าเดิม พูดตามจริงผมรู้สึกแปลกๆ แต่มันก็เป็นแบบนี้ไม่ได้ ไม่มีทาง

"ไปเข้าห้องน้ำ"

ผมพูดเสียงแข็ง แต่มันยังคงนัวเนียอยู่ สักพักมันจึงยอมปล่อย

"ผมรู้สึกดีจริงๆเลยพี่ รู้งี้เอาพี่เป็นแฟนตั้งนานล่ะ ไม่ปล่อยไว้นานแบบนี้หรอก"

ผม ไม่สนใจฟังหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเข้าห้องน้ำ พอเสร็จผมก็ลงไปข้างล่างเลย ไปนั่งเหม่ออยู่ในครัว คิดไม่ออก กลุ้มใจ สมองมันตื้อไปหมด ไม่รู้จะทำยังไงต่อ ไม่พอผมเดินออกไปจะรดน้ำต้นไม้ แต่ก็นั่งเหม่ออยู่ม้าหินอ่อนหน้าบ้าน เปิดน้ำอยู่อย่างนั้น ไม่มีต้นไม้ต้นไหนโดนน้ำ อาจารย์ปริศนาอุตสาห์ไว้วางใจให้คอยเป็นพี่ คอยบอกคอยสอน แม่เองก็วางใจ เพราะเชื่อใจผมมาตลอด ไม่เคยออกนอกลู่นอกทาง แล้วผมทำอะไรลงไป ผมทำลงไปได้ยังไง ทำไมปล่อยให้กิเลสมันครอบงำจิตใต้สำนึก ทำไมปล่อยให้ตัวเองหน้ามืดตามัวไปแบบนั้น แล้วผมจะสอนมันต่อยังไง แล้วผมจะมองหน้ามันยังไงในฐานะ ครูกับศิษย์ นั่งอยู่นานแสนนาน ผมจึงลุกมาเจียวไข่ พอเสร็จก็ไปตามมันลงมากินข้าว มันยังคงละลาบละล้วงผมเหมือนเดิม แต่ผมก็ไม่พูดอะไร

"เอ เรามาคุยกันเรื่องเมื่อคืนเถอะ"

ผมโพล่งออกมา แต่กว่าจะพูดมันออกมาได้มันแสนยากเย็น เหมือนมีใครมาคอยปิดปากเอาไว้

"ผมยังทำไม่ถูกใจเหรอ งั้นเดี๋ยวกินข้าวเสร็จไปต่อกัน"

"เรื่องเมื่อคืน ถือว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนะ"

ผมยังคงพูดต่อไม่สนใจคำยั่วยุของมัน

"พี่ขอโทษ พี่ไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้ ถือว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นละกัน"

เสียงผมแผ่วเบาเหมือนกระซิบ มันเงียบทันที

"ทำไม พี่รังเกียจผมมากขนาดนั้นเลยเหรอ ทำไมต้องให้ทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พี่ก็น่าจะรู้ว่าผมทำ ไม่ใช่เพราะคะนอง"

มันจ้องหน้าผม เสียงแข็ง นับเป็นครั้งแรกที่เห็นมันดูจริงจังกับคำพูดขนาดนี้

"แล้วแต่เราจะคิด แต่พี่ไม่เห็นว่ามันจะเป็นผลดีกับเราทั้งสองคน พี่เป็นคนสอนเธอนะ พี่ทำใจไม่ได้"

"งั้นก็ไม่ต้องสอนแล้ว ถ้าพี่ลำบากใจ แค่พี่คบกับผม"

"เอ เธอไม่เข้าใจหรอก แม่เธอล่ะ จะว่ายังไง แม่พี่ล่ะจะคิดยังไง มันเป็นไปไม่ได้ เอ"

ผมพยายามอธิบาย

"ทำไมมันจะเป็นไปไม่ได้ ทีพี่คบคนอื่นแม่พี่ยังไม่ว่า แล้วคบกับผมมันจะเสียหายตรงไหน"

" มันไม่ใช่แบบนั้น เข้าใจพี่ด้วย เรายังมีอนาคตอีกไกลนะ เอ อย่ามาเสียคนเพราะพี่ อย่าทำแบบนี้ พี่อยากให้เราเป็นในสิ่งที่เราหวังไว้ พี่อยากเห็นเรามีครอบครัวที่อบอุ่น ไม่ใช่แบบพี่"

น้ำตาผมคลอเบ้า รู้สึกหดหู่เหลือเกิน รู้สึกยากเกินจะอธิบาย ไม่อยากให้มันเป็นเหมือนผม เหมือนผม คำๆนี้รู้สึกอายตัวเองเหลือเกิน ผมเป็นตัวประหลาดไปแล้วหรือ ผมแย้งตัวเองในใจ ทั้งที่ตั้งแต่เกิดมา ไม่เคยรู้สึกอายตัวเองเลย นอกจากวันนี้

"เราคบกันผมก็ไปถึงสิ่งที่ผมหวังไว้ได้เหมือนกัน เราคบกันมันก็เป็นครอบครัวที่อบอุ่นได้เหมือนกัน ทำไมพี่"

"เอ"

ผมพูดอะไรไม่ออก รู้สึกตันจุกอยู่ที่คอ ไม่ได้อยากร้องไห้ให้มันเห็น แต่น้ำตามันก็ไหลออกมา

"ผมไม่สนใจหรอก ว่าแม่หรือ แม่อรจะว่าอะไร ผมจะบอกท่านเอง ว่าผมจะคบกับพี่"

"เอ ถ้าเธอทำแบบนั้น ชาตินี้เราไม่ต้องเจอหน้ากันอีก"

ผมตะโกนทั้งน้ำตา มันนิ่ง ตาแดงเหมือนกัน

"สรุป มันเพราะอะไร พี่ ทำไม พี่ถึงไม่อยากคบกับผม ทำไม"

มันเสียงดังเหมือนกัน น้ำตาคลอเบ้า

"มันเป็นไปไม่ได้ เอ เข้าใจพี่ไหม มันเป็นไปไม่ได้ ไม่ว่าจะยังไง"

"ผมไม่สน คอยดู ผมจะทำให้พี่เห็นว่าเราคบกันได้ พี่คอยดู"

มัน ลุกขึ้น เดินออกไปจากบ้าน ผมนั่งหมดอาลัย น้ำตาไหลไม่รู้จะทำยังไง โทษตัวเองที่ให้เรื่องมันลามมาถึงขั้นนี้ พอใจหรือยังล่ะ ผมด่าตัวเอง ผมร้องไห้อยู่นานจนน้ำตาแห้งไปเอง ความคิดต่างๆนานาสุมเข้ามาในหัว คิดจนรู้สึกมึนๆหัว ไม่มีใจจะทำอะไร ผมกลับขึ้นไปนอนต่อ นานแค่ไหนไม่รู้ตื่นขึ้นตอนแม่มาเขย่าตัว

"โยๆ เป็นอะไรไปลูก"

แม่ถาม ผมงัวเงียจะลุกขึ้นแต่รู้สึกหนักหัวเหลือเกิน

"นั่นเสื้อผ้าตาเอหรือเปล่าลูก น้องมานอนนี่เหรอเมื่อคืน"

แม่ถามแต่ผมยังคงหลับตาเอามือกดขมับ ปวดหัวเหลือเกิน

"ปวดหัวหรือลูก"

แม่ถามอย่างห่วงใย พลางลูบผมแล้วจับหน้าผาก

"นอนเถอะ เดี๋ยวแม่ไปทำข้าวต้มให้"

แม่ นั่งมองผมอยู่สักพักก็ลงไปจากห้อง แม่คงรู้แล้วว่าผมผิดปกติไป เพราะนอกจากจะไม่พูดสักคำ ผมยังเอาแต่หลับตา ยิ่งคิดก็ยิ่งทุกข์ใจ ร้อนรนเหลือเกิน อยากลงไปคุยกับแม่ แต่ก็หนักหัวเหลือเกิน ปวดไปทั้งท้ายทอยลามขึ้นมาขมับ

ตอนเช้าผมก็ตื่นไม่ไหว ปวดหัวยิ่งกว่าเดิม เพราะเมื่อคืนนอนคิดทั้งคืน แม่เองก็คงห่วง เพราะเดินมาดูผมหลายรอบ พอพ้นสายตาแม่ผมเองก็สะท้อนใจร้องไห้ไม่รู้กี่ที ทั้งอาทิตย์ผมพยายามทำตัวให้ยุ่งมากที่สุด ตอนทำงานพอว่างจากงานของตัวเองก็อาสาช่วยพี่ๆ จนพลมันสงสัย ผมเล่าให้มันฟัง แปลกที่มันไม่พูดไร้สาระ แต่กลับพูดให้กำลังใจผม มันคงเห็นสภาพ จ๋าเองก็คอยโทรมาตลอด ที่จริงพวกมันจะนัดเจอ แต่ผมไม่อยากจะคุยอะไรมาก อยากอยู่คนเดียว แต่พออยู่คนเดียวผมก็คิดมาก จึงพยายามทำทุกอย่างในบ้าน ตั้งแต่หน้าบ้าน จนถึงหลังบ้าน แม่เองก็คงสังเกตุได้ว่าผมแปลกไป ผมพูดน้อยลงแม้จะพยายามทำตัวร่าเริงเหมือนเดิม แต่แม่คงรู้ เพราะท่านเลี้ยงมาของท่าน มีหรือเรื่องแค่นี้แม่จะไม่รู้

"โย ไหนมาคุยกันหน่อยสิลูก"

แม่เดินมานั่งตรงม้าหินอ่อน บอกผมที่กำลังแต่งกิ่งมะลิอยู่ ผมรู้สึกร้อนวูบเสียวสันหลัง ร้อนๆหนาวๆ จ๋ามันคงไม่บอกแม่หรอกนะ ผมคิด

"เป็นอะไรไปลุก ดูมีอะไรในใจ"

แม่จ้องหน้าผมที่นั่งก้มหน้ามองพื้น

"ไม่มีอะไรนี่แม่ โยแค่เหนื่อยๆ"

"เรื่องน้องเหรอ ลูก"

ผมสะดุ้ง มองหน้าแม่ จ๋ามันบอกแน่ๆ

"เอ้อ ไม่นี่ครับแม่ น้องมันก็ตั้งใจเรียนดี ไม่มีอะไรนี่ครับ"

ผมพุดตะกุกตะกัก

"มีอะไรกันหรือเปล่า ดูเราไม่สบายใจเลย"

มีอะไรกันหรือเปล่า ผมไม่ได้ดีความหมายไปในทางเดียวกับแม่ มีอะไรกัน ใช่ครับแม่ เรามีอะไรกัน ผมถึงต้องมานั่งทุกข์อย่างนี้ไง

"ไม่มีนี่แม่ ไม่มีครับ"

ผม ร้อง โบกไม้โบกมือ ปฏิเสธสุดตัว แม่มองหน้าผมแล้วถอนหายใจ ที่จริงผมไม่เคยปิดแม่สักเรื่อง ไม่ว่าจะเรื่องไหน รู้สึกละอายใจเหลือเกิน ขอโทษนะครับแม่ ผมพูดไม่ได้จริงๆ ผมบอกแม่ไม่ได้

"โย เป็นอะไรไปลูก แม่บอกแล้วนี่ จะพูดอะไร จะทำอะไร ให้ตรองให้หนัก อย่าให้ใจนำเสียทุกเรื่อง แม่ไม่รู้นะว่าเกิดอะไรขึ้น แต่แม่ไม่ว่าหรอก สิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว ทำอะไรกับมันได้ แม่เชื่อว่าโยคงพยายามแล้ว อย่ามานั่งเป็นทุกข์นะลูก เพราะเราไม่ได้ทุกข์คนเดียว แม่เองก็เป็นทุกข์ เพื่อนๆ ก็เป็นทุกข์ สิ่งที่ผ่านก็ให้มันผ่านไป หน้าที่ของเราคือประครองน้องมันให้ไปให้ถึงสิ่งที่เขาหวังไว้"

ผมก้ม หน้าซบแขนตัวเอง ร้องไห้ออกมาอย่างไม่อาย แม่รู้แล้ว ผมอายแม่เหลือเกิน แม่ลูบหลังผมเบาๆ เพราะนานแล้วตั้งแต่เด็กๆ ที่แม่เห็นผมร้องไห้ ผมเสียใจที่ทำให้ทุกอย่างมันเป็นไปในทางนี้ ผมเสียใจนะครับแม่

หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 17 Mar 19, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 19-03-2010 08:09:29
สงสารโย :monkeysad:
คุณแม่ห้ามใช้ใจนำทาง
กลุ้มแทน  :เฮ้อ:

+1 เป็นกำลังใจ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 17 Mar 19, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: aorta999 ที่ 19-03-2010 10:43:24
มันจะเป็นยังไงต่อล่ะ......


ให้กำลังใจคราบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 17 Mar 19, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: jadezii ที่ 19-03-2010 18:22:10
ไม่ได้เข้ามาอ่านแค่ไม่กี่วัน = ='
เยอะมากกกกกก เลยค่ะ
ตามอ่านไม่ทัน :z3:

จะทยอยอ่าน นะ TT :impress3:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 17 Mar 19, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 19-03-2010 18:54:58
อร๊ายยยยยยยยยยยย ทำไมหนูคิดมากหลายเรื่องจังค่ะ เด็กมันแบะท่ามาขนาดนี้ก็เป็นผัวเมียชีวิตแฮปปี้ไปดีกว่า
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 17 Mar 19, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 20-03-2010 02:27:38
 :sad4:

เรื่องนี้มันเศ้ราจังคะ

ไม่นานทุกอย่างจะดีขึ้นคะ เบนเชื่ออย่างนั้น

กำลังใจให้นะคะ สู้ๆๆ

หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 17 Mar 19, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 20-03-2010 06:21:14
เกิดอีกสิบชาติก็หาแม่ที่น่ารักและดีแบบนี้ไม่ได้ สมแล้วเป็นแม่พิมพ์ของชาติ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 18 Mar 20, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 20-03-2010 07:18:45
                                               ทำไมหัวใจมันเหมือนชินชา


                                              ทำไมร้องไห้ไม่มีน้ำตา



                                             รอยเปื้อนด่างในหัวใจ...... เอาอะไรลบออกดี




                                                                   ตอน สิบแปด




วันเสาร์มาถึงแล้ว ผมยังไม่อยากจะเจอหน้ามัน ไม่พร้อมที่จะเจอ แม่ไปวิปัสนาที่วัดอีกแล้วตั้งแต่เมื่อคืน ที่จริงเอมันเปืดเทอมแล้วตั้งแต่อาทิตย์ก่อน ปลายเดือนพฤศจิกายน อากาศเริ่มเย็นตอนกลางคืน แต่กลางวันก็ร้อนระอุเหมือนเดิม ผมไม่คิดว่าผมจะหนักใจมากขนาดนี้ ผลของสิ่งที่ทำไปคืนนั้น มันก่อกวนผมได้มากขนาดนี้ ผมนอนไม่หลับตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา คิดวกไปเวียนมา ว่าจะแก้ไขสถานการณ์ที่มันเกิดได้อย่างไร ทำตัวเฉยๆไม่รู้ไม่ชี้ แต่ก็คงไม่ได้ เพราะแม่รู้แล้ว แต่เชื่อว่าแม่คงยังไม่บอกอาจารย์ปริศนา ผมรู้สึกอาย ละอายแก่ใจแม้แต่จะเจอหน้าแม่ในแต่ละวัน แต่แม่เองก็คอยถาม คอยห่วงใย ลำบากใจเหลือเกิน ผมจะทำยังไงดี ผมนอนนิ่งมองเพดานห้อง ผมยังไม่อยากเจอใครในตอนนี้ ผมคิดอยู่นานจึงกดโทรศัพท์ไปหาอาจารย์ปริศนา

"สวัสดีครับ อาจารย์ ผมโยนะครับ"

เสียงผมแหบพร่า

"ว่าไงลูกโย ไม่สบายหรือเปล่า เสียงไม่สู้ดีเลย"

"เอ่อ ผมไม่ค่อยสบายครับ จึงโทรมาบอกอาจารย์ว่า วันนี้คงไปสอนน้องไม่ไหว"

" อ้อ ไม่เป็นไรลูกโย เดี๋ยวแม่ขึ้นไปบอกน้องเขา โยเก่งนะอาทิตย์นี้เห็นตาเอ ขยันอ่านหนังสือ ช่วยทำงานบ้านอีกต่างหาก จนแม่แปลกใจ ไม่เป็นไรลูกเหนื่อยก็พัก ไม่ต้องเป็นห่วงเดี๋ยวแม่ออกไปซื้อกับข้าวมาไว้ให้น้องมัน แต่เอายังไงดี วันนี้แม่ต้องพาตาโอไปค้างที่ปราจีนฯ"

อาจารย์ปริศนาหยุดคิด ผมเองก็แอบถอนหายใจ โล่งใจที่ไม่ได้ไปสอน แต่ก็หนักใจในเรื่องที่อาจารย์ปริศนากำลังจะพูด

" โย ฝากน้องให้ไปค้างที่บ้านได้ไหมลูก ความจริงแม่คุยกับ อรแล้วล่ะ สงสัยยังไม่ได้บอกเรา แม่จะกลับมาก็วันพุธโน่นแน่ะลูก ปล่อยให้อยู่คนเดียว สงสัยจะไม่ดี คงพาเืพื่อนมาค้างแน่ๆ ยังไงรบกวนลูกโยด้วยนะลูก"

นั่นไง ผมกะไว้แล้วว่ามันต้องเป็นแบบนี้ แล้วผมจะบอกปัดไปยังไงล่ะ

"อ้อ ครับ ได้ครับ"

ผม ก็ต้องตอบรับไปแบบนี้สินะ พอวางสายผมก็นอนคิดหนักเลย จะมองหน้ามันยังไง ถ้ามันกวนขึ้นมาอีกล่ะ โอยย ปวดหัว กว่าผมจะลุกขึ้นมาจากเตียงแล้วลงไปรดน้ำต้นไม้ ทำกับข้าวกินก็เกือบเก้าโมง พอเสร็จก็นอนอยู่โซฟา นอนดูโทรทัศน์ อยากคุยกับจ๋าแต่ก็ยังเคืองที่มันเอาเรื่องนั้นไปบอกแม่ มันโทรมาผมก็คุยไม่มาก แต่มาคิดๆดูแล้ว มันก็ไม่ผิดหรอกผมเองที่เก็บอารมณ์ความรู้สึกไม่ได้เองทำให้คนรอบข้างเป็น ห่วง ผมนอนมองดูโทรทัศน์ไปโดยที่ไม่รู้เรื่อง จนเผลอหลับไป รู้สึกตัวขึ้นมาเสียงโทรทัศน์ก็เงียบไปแล้ว ผมไม่ได้ปิดนี่

"ตื่นแล้วเหรอคะ"

เสียงที่ผมกำลังหนีอยู่ดังลอยมาจากอีกฝั่งของโซฟา ผมกระเด้งตัวขึ้นทันที

"เห็น นอนเลยไม่ปลุก ผมกำลังทบทวนบทเรียนอยู่"

มัน พูดแล้วหันมายิ้มให้ผม หน้าตามันดูเซียวๆไป คงนอนน้อย ผมคิดไปไกลถึงขนาดนั้น มันหันกลับไปอ่านหนังสืออีก ผมไม่รู้จะพูดอะไรดี บ้านผมมันคงปีนเข้าจนรู้ลู่ทางแล้ว

"กินข้าวหรือยัง เอ"

ผมถาม แล้วลุกนั่ง

"กินแล้ว ตัวเองหิวเหรอ"

ผมรู้สึกเอียน เลี่ยนขึ้นมาทันทีกับคำพูดที่มันใช้แทนตัวผม

"วันนี้ พี่ปวดหัวนะ คงสอนเราไม่รู้เรื่อง เอาไว้วันหลังนะ"

ผมเปลี่ยนเรื่อง เพราะไม่อยากให้มันพูดอะไรเกี่ยวโยงมาเรื่องนี้มากนัก

"ไม่เป็นไรครับ ยังไงผมก็จะนอนนี่จนถึงวันพุธล่ะ สอนตอนไหนก็ได้"

ผมรู้สึกกลุ้มขึ้นมาทันที ไม่อยากเจอหน้ามันยิ่งได้อยู่กับมันจะทำท่ารังเกียจก็ดูจะเกินไป เราเองที่เผลอตัวไปกับมัน

"งั้นพี่ขึ้นไปนอนพักนะ เราอ่านหนังสือไปก่อน"

ผม เดินขึ้นข้างบนหนีหน้ามันไปเฉยๆ ล็อกห้องแล้วนอนทั้งที่ไม่ง่วง ในใจผมกระวนกระวายเหลือเกิน ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้ ดูท่าทีมันก็ไม่เห็นจะเปลี่ยนแปลงอะไร แล้วทำไมผมจึงต้องหนีหน้ามันด้วย ผมคิดวนเวียน คิดไม่ตกจนผ่านไปนาน รู้สึกหิวขึ้นมา มองดูนาฬิกาหัวเตียงเกือบบ่ายสามแล้ว ผมจึงเดินลงไปข้างล่าง มันยังคงอ่านหนังสืออยู่ที่เดิม

"เอ หิวข้าวไหม"

ผมถาม มันเงยหน้ามามองแล้วยิ้ม พยักหน้า แววตามันช่างสดใสเหลือเกิน เห็นแล้วน้ำตาจะไหล นี่ผมทำอะไรลงไปกับมัน

"ตัวเองหิวแล้วเหรอ"

ผมไม่ตอบแต่เดินไปที่ครัว ไม่อยากจะทำอะไรเลย มันเดินตามเข้ามา

"พาผมไปดูหนังหน่อย อ่านหนังสือมากปวดตา"

มันพูดขึ้น แล้วขยี้ตา ผมไม่รู้จะพูดอะไรดี ได้แต่พยักหน้า ดีเหมือนกัน อยู่ในบ้านสองคนแบบนี้ อึดอัดออกไปข้างนอกบ้างก็น่าจะดี

เรา นั่งรถสองแถวออกจากซอยอ่อนนุช วันเสาร์รถก็ยังติดรถสองแถวคนแน่นเราต้องยืนโหนท้ายรถ มันยืนข้างหลังผมหายใจรดต้นคอจนผมอึดอัด หวั่นไหวในใจ ไม่มีทางมันจะเป็นแบบนั้นไม่ได้ กว่าจะได้ลงจากรถ ผมก็แทบแย่เพราะคนยิ่งแน่นตัวมันก็ยิ่งติดกับผมมากขึ้น ใจผมเต้นตึกตัก เราไปนั่งรถเมล์สาย ๔๘ ไปลงหน้าท้องฟ้าจำลองแล้วข้ามฝั่งไปเมเจอร์

"กินอะไรก่อนไหม" ผมถาม

"อืม ตัวเองอยากกินไรคะ"

"นี่ถามหน่อย พี่ไม่ใช่ผู้หญิงนะ มาค๊งมาคะอะไร"

ผมชักทนไม่ไหว กับคำพูดของมัน

"อ้าวก็อยากพูดอ่ะ ทำไมพูดไม่ได้ ก็เป็นแฟนกันเขาก็พูดแบบนี้ล่ะ"

"ใครเป็นแฟนเธอ"

ผมพูดเสียงแข็ง

"พี่นั่นล่ะ อย่ากวน วันนี้ผมอ่านหนังสือมากเครียด"

มัน พูดหน้าตาเฉยแล้วดันหลังผมเดินนำหน้าขึ้นไปชั้นบน มันดันให้ผมไปยืนหน้าโปรแกรมหนัง ผมไม่ได้สนใจที่จะดู ไม่สนใจว่าหนังเรื่องอะไร รู้สึกอายคนเพราะมีคนเริ่มมอง ผมพยายามขัดขืน แต่ดูปล่าวประโยชน์ เวลาที่ผมจะดิ้นหนี มันบีบบ่าผมแรงๆ บอกให้รู้ว่าอย่าทำ ผมดูเชื่อฟังมันทันที ไม่รู้ทำไม พอมันเลือกรอบได้มันก็ดันหลังให้ผมไปต่อคิวซื้อตั๋ว ผมก้มหน้าอาย รู้สึกหน้าแดงเพราะคนแอบมองแล้วอมยิ้ม พอถึงคิวเรามันก็ดันมายืนข้างหลังผมอีก ทั้งที่เบี่ยงตัวออกมันก็ดึงกลับมา มันเป็นคนเลือกที่นั่ง เหมือนเคย ผมเป็นคนจ่ายเงิน พอซื้อตั๋วเสร็จมันก็เกาะบ่าผมเหมือนเดิม

"เดินห่างๆกันได้ไหม อายคน"

ผมกัดฟันพูด

"อายใครคะ ไม่มีใครมองสักหน่อย"

มันก้มลงพูดข้างหู เหมือนมันแกล้ง

"จะกินไร เร็วๆหิว"

ผมเริ่มเหวี่ยงใส่มัน ไม่รู้คิดถูกหรือคิดผิดที่พามันออกมาข้างนอกบ้าน

"กินโออิชิ"

"โห เงินไม่พอหรอกนะ"

"กิน ขนมก่อนก็ได้ ดูหนังเสร็จค่อยซื้อไปกินที่บ้าน"

ผมถอนหายใจ มันจะอะไรกันหนักหนา มันดันให้ผมขึ้นไปชั้นสาม ร้านเดิม ร้านที่เคยมากินกับพี่ตั้ม

"กินอย่างอื่นไม่ได้เหรอ"

"อ้าว ก็กินง่ายๆ ก่อนไงคะ แล้วค่อยกิน ตัวเองหิวมากไหมล่ะ"

"เออๆ"

เรา เข้าไปสั่งขนมปังกิน มันสั่งทั้งยำมาม่า ขนมปังอีกสี่ห้าอย่าง ผมมองแล้วท้อใจ มันกินหรือมันซื้อไปแจกใคร เวลากินมันไม่คุยเลย แค่เคี้ยวๆแล้วก็ยิ้มให้ผม ส่วนผมเองก็นั่งเคี้ยวตุ้ยๆอยู่ มันกินหมดเร็วมาก

"จะเอาอีกไหม" ผมพูดประชด

"ไม่อ่ะ เดี๋ยวอิ่มมากง่วงนอน"

มันยังมีหน้ามาพูด แต่ก็มองดูรายการอาหารอีก

"อ้าว เฮ้ย ไอ้เชี่ย เอ มึงมาทำไรวะ กูโทรไปบอกเรียน ไอ้ห่า"

เสียงทักที่ดูเหมือนด่ามากกว่าดังมาจากทางเข้าร้าน เด็กรุ่นราวคราวเดียวกับมันเดินเข้ามาหาเรา

"อ้าว ไอ้ ห่าบอม มึงมาทำไร ก็เรียนนอกสถานที่ไง ไอ้โง่"

ฝ่ายนี้ก็ไม่ยอมน้อยหน้า เด็กที่ชื่อบอมนั่งลงข้างๆมันทันที ผมมองหน้าเอ กระอักกระอ่วนใจบอกไม่ถูก

"มึงไหว้ก่อน นี่ครูกู"

มันคงรู้ว่าผมอึกอัด โบ้ยปากให้เพื่อน มันยกมือไหว้ผมแบบกวนๆ

"หวัดดีพี่ ครูมึงหรือเด็กมึง ไอ้ห่ามึงอย่ามาหลอกกู คนนี้เหรอที่มึงบอกว่ารักจริงน่ะ"

ผม รู้สึกหน้าชาขึ้นมาทันที ทำไมเด็กพวกนี้มันถึงไร้มารยาทกันจัง รู้ว่าเรียนชายล้วนแต่จวกกันซึ่งๆหน้าอย่างนี้เลย เอมันคงรู้เหมือนว่าผมคงอึดอัด

"เออ แล้วไง มึงหัดมีมารยาทหน่อย ไอ้ห่า ไปไหนก็ไปเลย คนจะอยู่ด้วยกัน"

"โหมึง พอมีแฟนแล้วไม่เอาเพื่อนเลยนะมึง เออ ไปก็ได้ แต่ว่าเด็กมึง น่ารักดีว่ะ"

"ไอ้ส้นตีน"

ดี ที่ไอ้นั่นลุกไปก่อน เพราะเอมันยกเท้าขึ้นแล้ว มันหันมายิ้มให้ผมตาหวานฉ่ำก่อนที่จะวิ่งออกจากร้าน มันหันมามองหน้าผมยิ้มเขินๆ ผมหน้าตึงไปแล้ว

"ขอโทษน้า เพื่อนผมมันปากไม่ดีอย่างนี้ล่ะ"

"ก็เหมือนเรานี่"

ผมได้ที

"อ่า พูดแบบนี้ไม่งอนแล้วสิ"

มัน หัวเราะอย่างอารมณ์ดี ผมเองที่เป็นฝ่ายค้อนประหลับประเหลือก เราเข้าโรงหนังไปตอนสี่โมงกว่า พอเข้าไปถึงที่นั่ง มันก็เอาที่กั้นออกแล้วเอามือสอดมาที่สะโพกผมทันที ผมเด้งตัวออก หันมาทำตาโตใส่มัน แต่มันทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ พอเอนหลังไปอีก มันก็เอามาสอดอีกคราวนี้มันเกาะเอวไว้เลย ผมพยายามแกะมือมันออก แต่ก็ไม่เป็นผล จะด่ามันก็เกรงใจคนในโรงหนัง จะสะดิ้งมาก คนข้างหลังคงได้ด่าเอา ผมจึงยอมให้มันเอามือลูบอยู่ตรงเอว มือมันอุ่นจนร้อน บางทีมันก็เกาเบาๆ บางทีมันก็สอดนิ้วเข้าไปใต้หัวกางเกง ผมเอนหลังให้ติดเบาะมากที่สุดเพราะมือมันจะได้ไม่กระดุกกระดิก พอหนังฉายมันก็โน้มตัวลงมาหอมแก้ม ผมผลักน้ามันออก

"ทำไรน่ะ บ้าเหรอ"

ผมเบี่ยงตัวออก มันไม่ตอบแต่ยิ้มอย่างพอใจที่มันแกล้งผมได้ น่ารำคาญที่สุด ผมจะหนีมันยังไงถึงจะพ้นนะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 18 Mar 20, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 20-03-2010 07:41:59
สงสารใครดี
น้องเอหรือพี่โย   o18

+1 เป็นกำลังใจนะ writer
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 18 Mar 20, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: sweetener ที่ 20-03-2010 09:21:39
เลิกคิดเยอะแล้วคบกันดู  มันอาจจะดีกว่ารักครั้งก่อนก็ได้นะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 18 Mar 20, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Vesi ที่ 20-03-2010 20:09:03
ไหนๆ ก็มาขนาดนี้แล้วก็ตามน้ำไปเถอะ
แต่ถ้าจะให้ดี สถานะแฟน ควรจะรอให้พ้นสภาพครูกับศิษย์ก่อนน่าจะดีกว่านะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 18 Mar 20, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 20-03-2010 20:21:13
 :-[ แหมมมม ไม่ต้องหนีหรอกคะ

เด็กเค้าออกจะน่ารัก

555


 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 18 Mar 20, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 20-03-2010 21:34:44
เหนื่อยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ทำไม๊ทำไมกลัวเด็ก สงสัยกลัวเด็กไม่รัก :pigha2: :pigha2: :pigha2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 18 Mar 20, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 20-03-2010 23:05:56
น้องโยก็คิดมากเกินไป ถ้าเปิดใจลองศึกษาน้องเอดูก็ไม่น่ายาก ชีวิตจะยาวก็ไม่ยาวจะสั้นก็ไม่สั่น มัวแต่ยึดติดกับคำสมมุติระวังจะเสียใจภายหลัง
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 18 Mar 20, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 20-03-2010 23:26:44
สนุกดีค่ะ อ่านถึงตอนนี้แล้วปวดหัวแทนโย
ขอดูฝีมือเอหน่อยซิว่าจะทำให้โยใจอ่อนได้มั้ย หุหุ

เป็นกำลังใจให้ค่ะ

หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 19 Mar 21, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 21-03-2010 07:01:29
 ขอบคุณ ทุกกำลังใจนะครับ เริ่มเขียนยากขึ้นทุกที มันควรจะต่อยังไงดีช่วยคิดหน่อยนะครับ

 :serius2:                        :serius2:                            :serius2:



             ตอน ต่อ ค้าบบบ



                                     ตอน สิบเก้า


กว่าหนังจะจบผมต้องยุกยิกอยู่ตลอดเวลา จนคนที่นั่งข้างหลังกระแอมด่าหลายที จนหลังๆผมต้องนั่งนิ่งๆ มันเห็นว่าผมนั่งนิ่งแทนที่จะเกรงใจมันกลับเอานิ้วล้วงเข้าไปในกางเกงตรง สะโพกเขี่ยเล่นอยู่อย่างนั้น ผมต้องทำใจอยากลุกหนีไปเลยแต่มันขู่ว่าถ้าผมลุกมันจะโวยวาย ผมไม่ใช่กลัวแต่ไม่อยากจะเสี่ยงเพราะที่นี่ผมมาดูหนังบ่อยไม่อยากให้เสีย ประวัติ แล้วกลับมาดูหนังอีกไม่ได้ที่จริงมันก็ไม่เกี่ยวหรอก แต่ผมรู้สึกเกรงมันยังไงไม่รู้ พอหนังจบผมรีบลุกเลยแต่มันก็ดึงมือไว้

"ปวดห้องน้ำเหรอคะ"

มันถามแบบกวนๆ ผมลุกตอนที่คนยังไม่ลุกหันไปมองคนอื่นมองที่ผมเหมือนกัน

"เออ"

ผมตอบสะบัดไป แล้วแกะมือมันออกเดินออกจากโรงหนัง มันเดินตามออกมา ที่จริงไม่ได้อยากเข้าห้องน้ำแต่รำคาญมัน

"อ้าว ไม่ไปห้องน้ำล่ะ"

"หิว อยากรีบกลับบ้าน"

"อ้อ"

มันเกาหัวแล้วเกาะบ่าผมเหมือนเดิม ตอนลงบันไดเลื่อนมันก็จับมือ ผมสะบัดออก มันก็เกาะเอว โอ๊ย อยากจะถีบมันเหลือเกิน เดินเหวี่ยงใส่มันมาจนถึงชั้นล่าง ตายสองทุ่มครึ่งแล้ว ถึงว่าหิวจัง ผมรำพรรณกับตัวเอง

"กินอะไรดีคะ"

เบื่อคำว่า คะ ของมันจังเลย ฟังแล้วอยากจะเอามือตบปากมัน ไม่อายปาก

"ไม่รู้ แต่ไม่กินแถวนี้"

ผมตอบกวนๆ

"โย ต๊าย โย ควงเด็กเหรอแก"

เสียง ทักที่น่ารังเกียจที่สุด นัท ยืนอยู่กับคนที่เคยทำให้ผมร้องไห้ข้ามคืนมาแล้ว คนที่ทำให้ผมยังเจ็บปวดใจอยู่ แม้จะไม่มากก็ไม่ใช่ว่าอยากจะเจอเขา ตอนนี้ พี่ตั้ม รู้สึกใจหล่นหายไปเหมือนกัน ตั้งแต่เลิกกันเพิ่งจะได้เจอเขา แต่ก็เจออยู่กับไอ้คนที่ไม่อยากเจอมากที่สุด รอยร้าวที่เกิดขึ้นในใจมันยากเหลือเกินที่จะเกลี่ยให้มันคืนกลับเป็นดังเดิม ทั้งสองเดินเข้ามาหาเรา เอมันมองหน้าผมคงรู้ว่าพวกนี้เป็นใคร เพราะผมคงสีหน้าอาการออกมาก มันโอบเอวผมทันที

"สบายดีเหรอโย ไม่เจอกันตั้งนาน"

พี่ตั้มถาม แต่ตามองที่เอ

"ครับ สบายดี"

ผมตอบเสียงสั่น ทำไมไม่รู้ทำไมยังมีความรู้สึกกับคนแบบนี้ ใจเต้นแรง สั่น แม้จะพยายามควบคุม แต่มันก็ยากเหลือเกิน

"แล้วนี่"

"จะใครล่ะพี่ตั้ม ก็เด็กใหม่มันไง ไม่ยักรู้ว่าโยมันจะชอบกินเด็ก"

นัทพูดแล้วหัวเราะ รู้สึกหมั่นไส้มันขึ้นมาทันที แต่ก็ไม่อยากจะพูดกับมันแม้แต่คำเดียว

"ยังเด็กๆ อยู่เลยนะโย น่าจะเรียน ม ปลายป่ะ น้อง"

พี่ตั้มหันไปถามเอ

" ครับพี่ ผมยังเรียน ม ปลาย อยู่ แต่ก็รักเดียวใจเดียวครับ ไม่มั่ว ไม่หลายใจ ผมโชคดีครับที่ได้แฟนน่ารัก ใครปล่อยหลุดมือไป โง่เป็นควายเลยนะผมว่า ตัวเล้ก เรารีบกลับบ้านเถอะ เค้าหิวข้าวแล้ว ตัวเองว่าจะทำสุกี้ให้เค้ากินใช่มะ"

เอมองหน้าพี่ตั้มนิ่ง สายตามันดูไม่กลัวหรือเกรงเลย แต่ถือเป็นเรื่องปกติเพราะมันก็มองผมแบบนี้บ่อยๆ แต่ไม่คิดว่ามันจะมองคนแปลกหน้าด้วยสายตาแบบนี้ มันพูดจบก็ดึงเอวผมเข้าไปกอดอย่างไม่อายคนที่เดินผ่านไปผ่านมา แปลกที่ผมยอมโดยง่าย เรารีบเดินออกมาหน้าประตู

"เดี๋ยว โย"

นัทมันวิ่งตามออกมา

"อะไร"

ผมหันไปอย่างไม่พอใจ ท่าจะมีเรื่องกันอีกแน่

" ฉันไม่ได้อยากคุยกับแก แต่อยากคุยกับน้องเขา นี่น้องหล่อๆ อย่างนี้น่ะมาดูหนังกับพี่ไหมวันหลัง อยากได้อะไรพี่ซื้อให้หมดเลย นี่เบอร์พี่ พี่โยน่ะเขาคงไม่มีกำลังจะซื้อให้เราหรอก"

เอดึงแขนผมไปอยู่ข้างหลังมันทันที

" อ้อ ขอบคุณพี่ แต่ผมไม่เอาหรอกคับ แม่ผมรวย พี่ก็น่ารักนะครับ แต่ท่าทางคงมั่ว ผมไม่อยากยุ่งหรอก ไม่อยากเป็นเอดส์ อยากได้เด็กมากก็ไปดักเอาแถวนี้สิพี่ เผื่อมีพวกหิวเงินเป็นเหยื่อ"

"ไอ้"

นัท หุบปากทันที เพราะเอมันชี้หน้า ถลึงตาใส่ ดูท่าทางเอาเรื่อง พี่ตั้มวิ่งออกมาทันก็เลยดึงตัวนัทกลับเข้าไป เอมันขึงขังน่ากลัวผมเองก็ไม่เคยเห็นมันเป็นแบบนี้ มันลากมือผมไปเรียกแท็กซี่กลับบ้าน มันบอกทางอย่างคล่องแคล่วเหมือนกลับไปบ้านมัน ผมไม่พูดสักคำ อึ้งงงอยู่กับสถานการณ์

"ไอ้คนนี้เหรอที่มันทิ้งพี่"

มันถามขึ้นหลังจากที่เราขึ้นรถได้ไม่นาน ผมไม่ตอบ ไม่รู้จะรื้อฟื้นขึ้นมาทำไมอีก มันหันมาจ้องหน้าผม

"ดีนะที่ผมไม่ต่อยหน้าเอา กวนตีน"

"เอาเถอะ มันผ่านมาแล้ว อย่าใจร้อนนักเลย ไม่สนใจล่ะ"

"อย่าพูดแบบนี้นะ ผมไม่ใช่คนแบบนั้น ถ้าผมจะคบคนเพราะเรื่องแบบนั้นผมมีไปนานแล้ว ผมจะเอาพี่เป็นแฟนคนเดียว"

"ทำไม"

ผมสอดขึ้น ไม่รู้ทำไม ทั้งที่ไม่น่าถาม ไม่น่าไปเปิดประเด็นให้มัน คนขับแท็กซี่เริ่มมอง

"ไม่บอก เดี๋ยวสักวันก็รู้เอง"

มัน ทำหน้ากวนใส่แล้วยิ้ม เออแปลกดี แต่มันก็เปลี่ยนหน้าเร็วอยู่แล้วนี่นะ เป็นเรื่องปกตของมัน เมื่อกี้หน้าเหมือนจะไปกินเลือดกินเนื้อใคร แต่ตอนนี้หน้ามันกลับมายียวนกวนประสาทเหมือนเดิม

"นั่งแท็กซี่นี่เราจะจ่ายเหรอ"

"จ่ายก็ได้ แต่คืนนี้"

มันทำท่าเจ้าเลห์

"คืนนี้จะนอนห้องแม่"

ผมตอบแล้วเบะปาก

"ดีเหมือนกัน ไม่เคยนอนห้องแม่อรเลย คงเตียงนุ่มเนอะ"

มันพูดหน้าตาเฉย

"ขี้เกียจพูด"

ผมตัดรำคาญ แล้วมองออกไปนอกรถ สิ่งที่เราพยายามหนีทำไมมันถึงยังคงวนเวียนอยู่ไม่ห่างเลยนะ หรือว่าใจเรายังไม่สงบ

" รู้ไว้นะพี่ ใครที่ได้พี่เป็นแฟนน่ะ ผมว่าน่าจะมีความสุขที่สุดแล้ว ผมเองก็เชื่ออย่างนั้น อยู่ด้วยแล้วสบายใจที่สุด มองหน้าแล้วไม่รู้จักเบื่อ อยากมองอยู่อย่างนั้น อยากกอดอยู่อย่างนั้น ผมโชคดีใช่ไหม"

มันเพ้อขึ้นมาตอนรถรอสัญญาณไฟที่แยกพระโขนง ผมได้แต่มองหน้ามัน เอียนคำพูด ไอ้เด็กแก่แดด แหมคิดจะมาจีบ โปรยคำหวาน ไม่ตกหล่มง่ายๆหรอกแก อยากจะตะคอกใส่มัน แต่ก็เงียบไม่พูดดีกว่า ปล่อยให้มันกุมมืออยู่อย่างนั้น

ถึงบ้านสามทุ่มกว่า ผมรีบไปเปิดตู้เย็นดูของที่จะทำกิน มีไก่กับหมู ผักสามสี่อย่าง แต่ขี้เกียจเหลือเกิน เหนื่อยไม่อยากจะทำอะไรเลย ผมไปเปิดตู้เก็บของแห้งเห็นบะหมี่ก้อน ต้มหมี่กินดีกว่า ว่าแล้วผมก็ต้มบะหมี่ใส่คะน้าไข่แล้วก็ไก่ ต้มสามก้อนเพราะคงไม่พอ ไอ้ยักษ์มันคงไม่อิ่ม ผมเป็นกังวลว่าจะกินอะไรดี ส่วนมันเปิดโทรทัศน์ดูอย่างสบายใจ

"นี่ จะกินไหมข้าวน่ะ"

ผมตะโกนเรียก แต่ไม่รอมันตักบะหมี่ใส่ชาม แบ่งให้มันเยอะกว่า

"โห น่ากินจังเลย"

เป็นคำพูดเดียวที่ผมได้ยินตอนกินข้าวเพราะหลังจากนั้น มันก็กินไม่พูดไม่จาเลย

"อร่อยมาก ไม่ยักรู้ต้มมาม่ามันจะอร่อยขนาดนี้"

"เวอร์ กินเสร็จเอาชามไปล้างด้วย"

"ค้าบบ ที่รัก"

"ไอ้นี่"

ผมค้อนใส่ แต่ก็ก้มหน้ากินต่อเพราะถ้าแสดงอาการอายให้มันเห็นเดี๋ยวไม่จบง่ายๆ

"เออ มีสับปะรดอยู่ในตู้เย็นน่ะ"

ผม บอกมันแล้วกินต่อ กินเสร็จก็ล้างถ้วยจาน เดินออกไปเห็นมันนอนกินสับปะรดอย่างสบายใจ ดูโทรทัศน์ ท่าทางมันไม่ใช่เด็กที่จะเรียนได้ดีเอาเสียเลย

"โอ๊ยย อะไรกัดหลัง"

มันร้องแล้วกระเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง ผมรีบเดินไปดู

"โอ๊ย เจ็บจังเลย ดูให้หน่อย"

มันก้มหลังแต่ยังนั่งอยู่กับที่ ผมเดินเข้าไปถลกเสื้อมันขึ้น

"ไหน ไม่เห็นมี"

"มีสิ ตรงนี้ไง โอ๊ย เจ็บ"

"ไหน ไม่เห็นมีอะไร ไม่มีรอยอะไรเลย"

ผมนั่งลงพิจารณาหลังมัน ไม่มีรอยจริงๆ หรือว่ามัน

"นี่ ทำอะไรน่ะ นิสัยเสีย หลอกพี่เหรอ"

ผมร้องเพราะมันพลิกตัวแล้วมาคร่อมทับผมแล้ว กว่าจะรู้ตัวว่ามันหลอก ทำไมไม่เฉลียวใจนะเรา

"อ้าว ไม่ทำแบบนี้แล้วจะได้อยู่ใกล้ๆเหรอ อยากกอดจะตายอยู่แล้ว"

มันไม่พูดปล่าวเอาหน้าลงมาซุกตรงแก้มและซอกคอ

"เอ้ย ไอ้นี่ ปล่อย เป็นบ้าเหรอ คุยกันแล้วนะเอ ปล่อย"

ผมร้องกึ่งตะโกน

"ไม่ปล่อย ผิดเหรอที่ผมจะทำแบบนี้กับแฟนตัวเอง"

"โอ๊ย จะพูดกี่ที ถึงจะเข้าใจ ไม่ใช่แฟนโว้ย ไม่มีอะไรทั้งนั้น"

ผมตวาดผลักหัวมันออก

"ไม่สน คนจะทำน่ะ พี่จะทำอะไร พีไม่อยากก็อยู่เฉยๆดิ ผมจะทำเอง"

"ไอ้นี่ ปล่อย"

"อย่าดิ้นสิ ยิ่งดิ้น ของผมยิ่งแข็งนะ"

มัน เป็นกรรมเก่าของผมจริงๆล่ะ คิดไม่ตกอยากจะโกรธมัน แต่ตอนที่คุยกันดูมันฟังเข้าใจรู้เรื่อง แต่ตอนนี้มันก็แค่ทำอย่างที่มันอยากทำ ผมนอนนิ่งขี้เกียจจะขัดขืน รำคาญ อยากทำอะไรก็ทำ แต่อย่ามากกว่านี้ก็แล้วกัน

"ตัวห้อม หอม"

"กอดเฉยๆได้ไหม อย่าทำอย่างอื่น"

ผมตวาดมัน แล้วผลักหน้ามันออก

"โห ก็กอดอยู่นี่ไง ทำตรงนี้ไม่ดีหรอก อาย"

โห กล้าพูดนะแก อาย ไม่อยากจะด่า อายแต่ล้วงเอาๆ

"พอเถอะ จะไปอาบน้ำ"

"อาบด้วย"

"เสียสติเหรอ อาบเองไม่เป็นไง"

"ไม่ได้จะให้อาบให้สักหน่อย อาบด้วยกันเฉยๆ"

"ทุเรศ ปลอย"

ผม อยากจะด่ามันแรงๆ ให้มันเสียใจกลับบ้านไป แล้วเลิกให้ผมสอนมันเสียที ยิ่งอยู่มันยิ่งลามปาม หรือเพราะผมเป็นคนไม่ค่อยมีปากเสียงกับใครเหรอ มันถึงทำได้ขนาดนี้ ผมกลุ้มใจเสียเหลือเกิน จะทำยังไงดี

หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 19 Mar 21, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 21-03-2010 07:22:02
กลุ้มแทนนายเอนะ   :เฮ้อ:
โยเหมือนเจ้าสาวกลัวฝน
อ้าว! ไม่ได้วางพล็อทไว้ก่อนเรอะ

+1 เป็นกำลังใจนะ writer  :L2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 19 Mar 21, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: benxine ที่ 21-03-2010 10:16:03
 :z1: :z1:

สู้ ๆ ๆ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 19 Mar 21, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 21-03-2010 10:38:37
กลุ้มแทนนายเอนะ   :เฮ้อ:
โยเหมือนเจ้าสาวกลัวฝน
อ้าว! ไม่ได้วางพล็อทไว้ก่อนเรอะ

+1 เป็นกำลังใจนะ writer  :L2:

มีพล็อตอยู่แล้ว ค้าบบ แต่อยากฟังความเห็นจากเพื่อนๆ เผื่อเอามาปรับ อิอิ ช่วยหน่อยน้าา ค้าบบ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 19 Mar 21, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: jadezii ที่ 21-03-2010 10:47:11
 :o8: :o8:

อยากอ่านต่อ ๆ

สู้ ๆ ค่ะ ไรท์เตอร์  :L2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 19 Mar 21, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: aorta999 ที่ 21-03-2010 13:27:42
ก็ทำใจรักมันซะสิ ดีกว่าทุกข์ใจ

5555555
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 19 Mar 21, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: tawan ที่ 21-03-2010 13:28:49
น่าลุ้น

ชอบบบบบ

 :call:

 :call:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 19 Mar 21, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: สุดโฉด ที่ 21-03-2010 15:19:36
โย เอ้ยยยยย 


พรอตเรื่องผมว่าเอาตามคนแต่งต้องการเลยคับ 
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 19 Mar 21, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 21-03-2010 15:32:04
อยาก :beat: :beat:อีนังนัท แรงจริงอะไรจริง ต่อไปจะมีมาปะทะกันอีกมั๊ยคะเนี้ย ชอบจังเวลาน้องเอปกป้องโยอ่ะ เริ่ดๆ

 :กอด1:ไรเตอร์
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 19 Mar 21, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Vesi ที่ 21-03-2010 20:53:22
นัทเค้าเป็น มิสเป(pay)รู เปล่า
แรงได้อีกนะ เดินมาเอาเงินฟาดหัวต่อหน้าต่อตา
อีพี่ตั้มเดี๋ยวก็รู้ว่าใครเป็นเพชรใครเป็นกรวด
น้องเอทำตัวดีๆ แบบนี้ไปนานๆ นะ อย่าเป็นแค่ช่วงโปรโมชั่น
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 19 Mar 21, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: jantaro ที่ 21-03-2010 21:10:33
 :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 19 Mar 21, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Na_RimKLonG ที่ 21-03-2010 23:19:06
อยาก  :z6: พี่ตั้ม

อยาก  :beat: อินัท

อยาก  :จุ๊บๆ: ไรเตอร์

เอิ้กๆ  มาต่อไวๆเน้อ 
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 19 Mar 21, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 21-03-2010 23:19:58
อยากเอาทุเรียนไปตบนังนัทมากๆ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 19 Mar 21, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 22-03-2010 03:27:10
อ่านแล้วโมโหพี่ตั้ม อยากทำร้ายร่างกายนัท
ช่างเป็นคู่ที่สมกันซะจริงๆ นิสัย !!
ซักวันพี่ตั้มจะสำนึก โยเริ่ดๆเชิดๆเข้าไว้ อย่าได้แคร์
ส่วนน้องเอ ขอดูหน่อยซิว่าจะทำได้อย่างที่พูดมั้ย(หึหึ)

เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 20 Mar 22, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 22-03-2010 06:51:20
                      ขอบคุณทุกเมนต์นะค้าบบบ มีกำลังใจมาก




                            ตอนต่อค้าบบ


                          ตอน ยี่สิบ



ผมอาบน้ำเสร็จก็เข้าไปห้องแม่ทันที ไม่ทงไม่ทามันแล้วครีม เปิดตู้เอาเสื้อกับกางเกงพ่อมาใส่ ตัวโคร่งแต่ก็ใส่ได้ เพราะไอ้ตัวดีคนเดียวแท้ๆ ผมจึงต้องระเห็ดตัวเองมารบกวนห้องแม่ เพราะตั้งแต่เด็กผมนอนห้องตัวเองมาตลอด น้อยครั้งที่จะไปค้างที่อื่น เคยนอนกับแม่ตอนที่พ่อเสียใหม่ๆเท่าั้นั้น ห้องแม่ไม่มีอะไรเลย มีตู้เสื้อผ้าหลังใหญ่อยู่ขวามือของเตียง ด้านซ้ายเป็นโต๊ะหมู่บูชาขนาดกลาง มีพรมผืนเล็กปูไว้รองเวลาแม่นั่งสวดมนต์ ดอกไม้เพิ่งเปลี่ยนไปวันก่อน ผมเป็นคนมาเปลี่ยนเอง ห้องแม่น่านอนเพราะเย็นสบาย อากาศถ่ายเทสะดวก ห้องผมอยู่ในมุมอับลม ต้องคอยเปิดหน้าต่างกับประตูให้ลมโกรก อากาศถึงจะถ่ายเท เสียงเคาะประตู ผมทำเป็นไม่สนใจ มันทั้งเคาะดังขึ้น ทั้งเรียกชื่อ

"มีอะไร พี่กำลังจะนอน"

ผมตะโกนออกไป

"เสื้อผ้าผมล่ะพี่ จะให้นอนยังไง"

ผมเดินไปค้นตู้เสื้อผ้า หาเสื้อพ่อให้มันอีกตามเคย คงไม่ใช่แกล้งให้ผมเปิดประตูนะ ไม่ได้กินหรอก เอ ผมยิ้มที่มุมปาก

"อ่ะ"

ผมแง้มประตูแล้วยื่นเสื้อกับกางเกงให้มัน แต่มันก็จับข้อมือผมไว้ทันที

"ทำไมไม่เปิดประตู"

"เอ๊ะ ไอ้นี่ ปล่อย"

"เปิด นะ"

มัน เอาตัวดันประตูเข้ามาได้ครึ่งหนึ่ง ผมก็เอาตัวดันไว้เหมือนกัน มันยังไม่ปล่อยข้อมือ ผมก็บิดมืออก ด้วยความที่ไม่อยากให้มันเข้ามาวุ่นวาย รำคาญมันเต็มที ผมดันตัวอัดประตูอย่างแรงมันเสียหลักประตูหนีบท่อนแขนมันอย่างแรง

"โอ๊ยย"

มือ มันยังโผล่พ้นประตูมา ความแรงของแรงอัดของประตู ทำให้ผมชะงักตกใจเหมือนกัน ถ้าผมโดนคงแขนหักแล้วแน่ๆ ผมเปิดประตูออก เห็นมันนอนดิ้นตัวงออยู่

"เอ้ย เจ็บไหม เอ พี่ขอโทษ"

ผมนั่งลงจับแขนมันมีรอยแดงเป็นแถบ

"โอ๊ย เจ็บ"

"เจ็บมากไหม พี่ขอโทษนะ"

"ผมเจ็บพี่ โอ๊ย"

มันไม่ยอมให้จับแขนมัน ผมเริ่มใจเสีย ไม่กล้าจับ แขนมันจะหักไหม ผมเริ่มคิด

"พี่เกลียดผมขนาดนี้เลยเหรอ"

มันพูดทั้งที่ยังนอนดิ้นอยู่ ตามันมองผมอย่างโกรธแค้น

"พี่ขอโทษ เอ พี่ไม่ได้ตั้งใจ"

"ไม่ต้องมาจับ ถ้ารังเกียจผมมากก็ไม่ต้องมายุ่ง"

มันตวาด จนผมชะงัก ไม่เคยเห็นมันตวาดผมมาก่อน ผมหน้าสลดลงทันที นี่ผมทำเกินไปเหรอ

"พี่ขอโทษ"

ผมพูดเสียงสั่น มันพยายามยกแขนมันขึ้นแต่มันก็ยังร้องอยู่

"ไปหาหมอไหม"

"ไม่ต้องมายุ่ง ผมจะเป็นยังไงก็ไม่ต้องมาสนใจ"

"เอ"


"แขนผมหัก เล่นบาสไม่ได้ พี่นั่นล่ะเป็นคนทำ พี่เกลียดผม พี่ทำลายผม"

มันตะโกนใส่หน้า ผมได้แต่เรียกชื่อมัน ไม่รู้ทำไมรู้สึกผิดเหลือเกิน เป็นห่วงก็เป็นห่วง กลัวว่าแขนมันจะหัก ตกใจที่โดนมันตวาดก็ตกใจ ผมร้องไห้ออกมา น่าอายที่สุด เรื่องแค่นี้ก็ร้องไห้ รู้สึกว่าช่วงนี้ผมจะเจ้าน้ำตาเหลือเกิน แต่ก่อนใครเห็นน้ำตาผมถือว่าเก่งมาก จ๋าเคยบอก แล้วไอ้นี่ล่ะ มันเป็นใครผมร้องไห้เพราะมันหลายครั้งแล้ว

"ฮ่าๆๆ ผมไม่เป็นไรหรอก ขี้แยไปได้"

มันหัวเราะเปลี่ยนสีหน้าทันที ผมค้างอยู่อย่างนั้นปรับอารมณ์ไม่ทัน ยิ่งรู้สึกน้อยใจ ผมเหมือนเป็นตัวตลกให้มันแกล้ง นี่ผมเป็นตัวอะไรในสายตามัน ยิ่งคิดน้ำตายิ่งหลั่งไหลออกมา น้อยใจ ท้อใจ

"เค้าแค่อยากรู้ ว่าตัวเองคิดยังไงกับเค้า ตอนนี้รู้แล้วล่ะ"

ด้วยความโมโห บวกความน้อยใจผมฟาดมือไปเต็มแรงที่หน้าของมัน

"เพี๊ยะ"

มันหน้าหันไปตามแรงตบ มันนิ่งอยู่ท่าเดิม

"ชอบความรุนแรงก็ไม่บอก เดี๋ยวจัดให้ ที่รัก"

มันมองผมด้วยสายตาที่โกรธแค้น แต่แฝงความต้องการเอาชนะมันโผเข้ามาตะครุบผมทันที

"ไอ้บ้า ปล่อย"

ผมร้องทั้งน้ำตา มันฉุดตัวผมให้ลุกไปกับมัน แต่ผมดิ้นขึนตัวไว้ มันจับตัวผมขึ้นพาดบ่า ผมทั้งดิ้นทั้งเตะ ทั้งต่อย แต่มันก็ไม่ยอม มันเปิดประตูห้องผมแล้วทิ้งตัวผมลงบนเตียงอย่างแรง จุก ตัวงอ มันขึ้นมาบนเตียงดึงกางเกงผมออกไปอย่างง่ายดาย ทั้งที่ผมพยายามจะแย่งเอาไว้ มันจับขาผมถ่างออก ผมถีบเข้าที่อกของมันอย่างบังเอิญ

"แกจะทำอะไร"

ผมตวาดแล้วพยายามดิ้นหนีแต่มันหน้าแดงดูโกรธผมมาก

"ก็พูดดีๆไม่ชอบ ชอบให้ใช้กำลัง"

มันกัดฟันพูด มันจับผมพลิกตัวแล้วขึ้นมาทับขาอ่อนไว้ ผมจะเอี้ยวตัวมาต่อสู้แต่มันใช้มือเดียวกดตัวผมหันกลับไป หน้าผมติดกับหมอนพูดเสียงอู้อี้ มันดึงกางเกงชั้นในผมออก แล้วแหกก้นผมออก

"อย่านะ ไอ้เอ อย่า ไอ้เลว"

ผมร้องไห้ ด่ามัน เสียงอู้อี้ ดังอยู่แต่บริเวณหมอน แต่มันดูเหมือนมันจะไม่ฟังอะไรแล้ว เพราะผมรู้สึกว่ามันเอาน้องชายมันมาจ่อที่ก้นผมแล้ว มันเอาน้ำลายมันทาที่ก้นแล้วแทงพรวดเดียว ผมร้องไม่ออก จะดิ้นหนีก็ทำไม่ได้ จุกในท้องน้อย เจ็บ ปวดแสบปวดร้อน

"เอ อย่า"

ผมร้องไห้ พยายามอ้อนวอนให้มันเห็นใจ แต่มันไม่ฟังเสียง มันกระแทกเข้ามาอย่างไม่ประนีประนอม ผมกัดหมอนน้ำตาไหล ตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยเผชิญกับเหตุการณ์เลวร้ายแบบนี้มาก่อน คบเพื่อนก็เลือกคบแต่คนที่มีพื้นฐานจิตใจที่ดี ไม่ใช้ความรุนแรงในการต่อรองกัน แม้จะมีหลุดบ้างแต่ก็พยายามเตือนกัน นี่ผมกำลังใช้เวรใช้กรรมกับมันอยู่หรือ ไม่รู้ว่านานแค่ไหนกว่าที่มันจะสมใจมัน แต่พอมันเอาของมันออกจากร่างผม รู้สึกมีน้ำอุ่นๆไหลออกมาด้วย ผมนอนนิ่ง สะอื้นจนตัวโยน

"เฮ้ย เลือด"

มัน อุทาน แล้วรีบวิ่งไปห้องน้ำ มันกลับมาพร้อมผ้าขนหนูเช็ดหน้า มันเอามาเช็ดเลือดที่ไหลออกมา ผมสะดุ้งเพราะแสบตอนที่มันเอาผ้ามาเช็ด มันคงตกใจเพราะวิ่งกลับไปเข้าห้องน้ำแล้วเอาผ้ามาอีก มันเช็ดจนเลือดซึมๆ มันจึงหยุดแล้วมานอนข้างๆผม เอามือลูบหน้าเช็ดน้ำตาให้แต่ผมหันหน้าไปทางอื่น รู้สึกรังเกียจมันขึ้นมาจริงๆ เกลียดมันจับใจ

"เค้าขอโทษ น้าา ก็ตัวเองอ่ะ ชอบตบตีเค้า เค้าก็เลย อดใจไม่ไหว"

มันพูด แต่ผมยังคงร้องไห้อยู่ กะว่าจะไม่พูดอะไรแรงๆ ถนอมน้ำใจกันไว้แล้ว แต่คงไม่ไหวแล้ว ต้องพูดกันให้รู้เรื่อง ยิ่งไม่อยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น มันยิ่งเกิดขึ้น

"ตัวเองเจ็บเหรอ เดี๋ยวเค้าทายาให้น้า ตัวเองอย่าโกรธน้า"

มันลุกไปทันที ผมกำลังอ้าปากจะด่ามัน กะจะเอาให้แตกหักกันไปเลย ชาตินี้อย่าได้หวังจะเจอกันอีกเลย มันเดินไปที่ตู้ที่ผมเคยเอายามาทาให้มัน

"โอ๊ย" ผมร้อง เพราะมันเอายาทาแผลสดใส่สำลีทาพรวด

"เจ็บเหรอ ทนหน่อยน้า"

"นี่ ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน ไอ้เลว"

"ไม่เอา ไม่พูด เลือดยังไม่หยุดไหลเลย ตัวเองอย่าพูด"

มันเอามือมาปิดปากผมไว้

"โอ๊ยยยย ไอ้ บ้า ฉันเกลียดแก"

เสียงผมฟังไม่เป็นคำอยู่ในลำคอ เพราะมันกดมือแรงกะไม่ให้ผมพูดอะไรเลย ผมร้องไม่ใช่เจ็บ แต่เจ็บใจผมด่ามันไม่ได้ ผมทำอะไรมันไม่ได้ ผมกัดมือมันแต่มันก็บีบปากผมไว้ ร้องไห้อย่างเดียวเท่านั้นที่ผมทำได้ตอนนี้

"โอ๋ๆ เดี๋ยวก็หาย นะคะ อย่าดิ้นมากสิตัวเอง เดี๋ยวแผลเปิดน้า มาเดี๋ยวเค้าเป่าให้ เพี้ยง หาย"

ผมเศร้าใจในชะตากรรมของตัวเอง มันเหมือนรู้ว่าผมคงจะด่ามัน มันจึงรีบอุดปากผมไว้ น้ำลายผมไหลออกมาเลอะมือมันเปื้อนหมอน สภาพของผมตอนนี้ดูน่าสมเพชนัก มันคลอเคลียอยู่อย่างนั้นจนผมเริ่มอ่อนแรง ในที่สุดผมก็หลับไป ตอนนี้ผมไม่ได้เกลียดมันเท่ากับที่ผมเกลียดตัวเองแล้ว ที่จริงผมเป็นคนอ่อนแอมากเพียงนี้เชียวหรือ ผมไม่มีทางที่จะทำให้มันหยุดพฤติกรรมแบบนี้ได้เลยหรือ ผมไม่มีปัญญาที่จะแก้ไขมันได้ ผมเป็นอะไรไป แกเป็นอะไรไป โย

หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 20 Mar 22, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Vesi ที่ 22-03-2010 09:00:55
หึหึ ว่าละเชียวต้องดีแตก
สามี ภรรยาไม่พูดกัน เพราะเอากันโดยไม่เต็มใจ มันมีเยอะนา
การข่มขืนไม่ได้เจ็บแค่ตัว ที่แย่กว่าคือมันเป็นรอยแผลในใจของคนที่โดนไปตลอดชีวิต หรืออีกนาน
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 20 Mar 22, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: sweetener ที่ 22-03-2010 09:08:10
ไอ่น้องเอ ทำอะไรไม่คิดนะ

ส่วนโย ในเมื่อคิดว่าหนียังไงก็หนีไม่พ้น
ก็ลองเปิดใจรับดู เผื่ออะไรมันจะไม่เลวร้ายกว่าที่คิดก็ได้นะ
 
:3123:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 20 Mar 22, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: jadezii ที่ 22-03-2010 10:53:31
อยาก  :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:
พูดอะไรไม่ออก  :m15:

สงสารโยอ่า TT  :o12:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 20 Mar 22, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 22-03-2010 12:34:07
 :beat:เอโหดร้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 20 Mar 22, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: aorta999 ที่ 22-03-2010 15:10:54
 :z3:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 20 Mar 22, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: nidnoi ที่ 22-03-2010 20:33:21
อิเด็กนี่

โหดร้ายที่สุด

 :serius2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 20 Mar 22, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 23-03-2010 00:27:30
โหยยย เอทำแบบนี้พี่ไม่ปลื้มค่ะคุณน้อง
ยังไม่ทันไรเลย ลงไม้ลงมือซะแล้ว
นิสัยเด็กน้อยในร่างผู้ใหญ่ ตอนนี้สงสารโยจังเลยค่ะ

เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 20 Mar 22, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 23-03-2010 00:58:23
โอ๊ยยย :serius2:

หงุดหงิดโว้ยยยยยย

ทำไมต้องทำกันถึงขนาดนี้ด้วย

 :z6:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 21 Mar 23, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 23-03-2010 07:08:26
                                ตอนต่อนะครับ




                         ตอน ยี่สิบเอ็ด



ผมตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดมันอีกแล้ว รู้สึกเจ็บแปลบๆที่ก้น มันเอาแขนข้างซ้ายช้อนที่ใต้คอผม ส่วนแขนขวาก็กอดผมไว้ ไม่เข้าใจว่ามันนอนหลับได้ยังไง ส่วนผมเองคงเหนื่อย หรือล้า แต่หลับสบายอยู่ในอกของศัตรู รู้สึกตัวว่าผมเองนอนซุกอยู่อยางนั้น นอนเหมือนอยู่ในที่ที่ปลอดภัยและอบอุ่นที่สุด ผมขยับกายแต่ความเจ็บปวดมันเตือนให้รู้ว่าเมื่อคืนผมโดนมันทำร้าย นึกถึงเรื่องที่เกิด มันเหมือนกับสัตว์ป่าหยาบเถื่อน เลวร้ายชั่วชีวิตนี้คงไม่เลวร้ายเท่าเมื่อคืนอีกแล้ว ผมผละตัวเองออกจากพันธนาการของมัน รู้สึกหัวหมุนติ้วๆ ปวดไปทั้งร่าง ตัวรุมๆ ตายล่ะสิ ผมตัวร้อน ผมเอามือแตะหน้าผาก แต่ก็ฝืนตัวเองลุกออกจากเตียง


"อือ จะไปไหนคะ"

เสียงมันยังคงงัวเงีย ผมรังเกียจมันเหลือเกิน อยากจะเอาหมัดยัดเข้าที่หน้าของมัน ที่นอนทำหน้าเหมือนเด็กอ่อนไม่รู้ประสีประสา

"ยังเจ็บอยู่ไหมคะ"

ไอ้เลว ยังมีหน้ามาถาม ผมได้แต่มองมันตาขวาง แต่มันกลับยิ้มพริ้มเพราไม่สะทกสะท้านต่อสายตาของผมเลย

"ไหน เค้าดูหน่อย บวมอ่ะปล่าว"

มันทำท่าจะมาดูก้นผม ต้องเอามือผลักหัวมันออก แล้วผมรีบตะเกียกตะกายลุกจากเตียงไปเข้าห้องน้ำ ทีนี้เองผมเพิ่งเข้าใจว่ามันทรมานมากแค่ไหน ของเสียที่ถูกปล่อยออกจากร่างกายมันเสียดสีเข้าโดยตรงกับรอยแผล ผมต้องสะดุ้งจนน้ำตาไหล กว่าจะเสร็จเล่นเอาผมร้องไห้เลย ยิ่งโดนน้ำยิ่งแสบไปถึงสันหลัง น้ำตาร่วงแล้วร่วงอีก ผมเอากระดาษชำระเช็ด ต้องตกใจหน้าซีด เพราะมันมีคราบเลือดซึมติดมาด้วย ผมใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำเกือบชั่วโมง ทรมานยิ่งกว่าสิ่งใดที่ผมเคยเผชิญมา ความเกลียดมันเพิ่มเป็นทวีคูณ ผมจะไม่พูดกับมัน จะไม่มองหน้ามัน พอกันทีจะไม่ทนเอาตัวเองเข้าไปแลกกับคนทุเรศอย่างมัน ผมได้อะไรจากการสอนมัน เงินเล็กน้อยเท่านั้นหรือ มันเพียงพอแล้วหรือกับการที่ผมต้องเป็นทุกข์ทั้งกายและใจขนาดนี้

ผมเดินลงมาหน้าบ้านเปิดน้ำรดต้นไม้ ไม่อยากเหม่อลอย ไม่อยากคิดอะไร ยิ่งคิดยิ่งไม่มีทางไป ทำให้มันจบๆไปเสียดีกว่า ผมสะดุ้งเพราะมันมาสวมกอดข้างหลัง

"ไม่เอา ตัวเองไม่ต้องทำ เดี๋ยวเค้าทำเอง มาๆ"

มันหอมแก้มผมทีหนึ่งแล้วแย่งสายยางไปจากมือ ผมขืนตัวออกแต่มันก็ไม่ยอม ผมกระทืบเท้ามัน

"โอ๊ย ตัวเอง อ่า เค้าเจ็บนะ"

มันโอดครวญแต่เหมือนไม่เจ็บจริง มันยังไม่ยอมปล่อยผมออกจากวงแขนของมัน ผมกัดกรามกรอด มองหน้ามัน ผมจับปลายสายยางยัดเข้าไปในปากของมัน จนมันสำลักน้ำ มันถึงยอมปล่อย

"โห ตัวเองเล่นแรงอ่า เค้าไม่สู้น้า"

มันล้อเลียน ไม่มีทีท่าว่าจะโกรธ กลับหัวเราะอย่างอารมณ์ดี มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกโมโหขึ้นมากเป็นเท่าตัว

"เค้ารู้น้า ว่าตัวเองเกลียดเค้า ไม่อยากคุยกับเค้า แต่เค้ายอมตัวเองน้า อย่าโกรธเค้าเลยน้า เดี๋ยววันนี้ให้เค้าทำอะไรเค้ายอมทำทุกอย่างนะคะ"

มันขยับตัวจะเข้ามาพัวพันอีก ผมยกมือขึ้นเป็นทีท่าว่าจะทำร้ายมันแน่ๆถ้ามันเข้ามา

"นี่รู้ตัวไหม ตัวเองเวลาโกรธ หรืองอนน่ะ น่ารักที่สุดเลย เนี่ยเค้าน่ะหลงตัวเองแล้วน้า"

มันทำหน้าล้อเลียน ผมกลับโมโหเอาสายยางฟาดไปที่ตัวมัน ทีนี้มันไม่ยอมมันกลับเอาน้ำฉีดมาที่ตัวผม ผมพยายามแย่งสายยางคืนมาจากมัน แต่ด้วยความที่มันตัวสูงกว่าใหญ่กว่ามันแย่งสายยางไปได้ ผมมองหาอาวุธอันอื่นเห็นไม้กวาดทางมะพร้าววางอยู่ริมกำแพง ผมปรี่เข้าไปคว้ามาทันที

"เฮ้ย ตัวเอง จะฆ่าผัวเลยเหรอ"

มันทำสีหน้าตกใจ แต่แววตาไม่ได้กลัวเลยสักนิด ผมกัดฟัน เอาวะขอสักที ผมหวดด้ามไม้กวาดเข้าไปกลางหลังมัน

"โอ๊ย เล่นแบบนี้เหรอ นี่แน่ะ"

มันเด้งตัวหนี พยายามแย่งไม้กวาดจากมือผม แล้วฉีดน้ำใส่หน้าผม แต่ผมก็หวดเอาๆ ตอนนี้เองผมสังเกตุเห็นสีหน้ามัน มันโกรธแต่กัดฟันทนอยู่เพราะเห็นมันกัดกรามปูดโปน ได้แต่ร้องเจ็บ พยายามยื้อแย่งไม้กวาดจากมือ แต่ไม่ป้องไม้กวาดจากการตีของผมเลย ผมฟาดไปหลายที มันพยายามหลบ จนมันหยุดนิ่งหันหลังให้ผมฟาด ผมไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ตอนนี้เกลียดมัน ขอตีให้หนำใจก่อน พอมันนิ่งไม่ดิ้นหนีผมเองก็รู้สึกละอายใจ ตีไปสองสามทีก็หยุด เสื้อยืดสีขาวเปียกน้ำของมันมีรอยนูนแดงขึ้นมาทันตา เอ๊ะ มีเลือดซึมออกมาด้วย ทีนี่ผมเองที่ตกใจ ทิ้งไม้กวาดลงจากมือ

"พอใจแล้วเหรอคะ"

มันพูดเสียงเรียบ เรียบจนน่ากลัว มันหันมามองผมด้วยสายตาแปลกๆ มันคงไม่ทำอะไรผมอีกนะ ถ้าทำอีกขอให้มีเรื่องกันให้ถึงที่สุด ผมคิดในใจ

"ตัวเอง มือหนักเหมือนกันนะเนี่ย สงสัยถ้านอกใจตายแต่เรา"

มันพูดแล้วยิ้ม ผมรู้สึกไม่ดี ไม่ได้รู้สึกผิด ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยทำร้ายร่างกายใคร เมื่อครู่ผีร้ายตนไหนมันเข้าสิงผมอีก มันก้มลงหยิบสายยางไปรดน้ำต้นไม้ต่อ ผิวปากอย่างอารมณ์ดี ผมมองมันอย่างสะท้อนใจ เลือดซึมออกมาเด่นชัด ผมตกใจ แต่ก็ไม่อยากคุยกับมัน บอกกับตัวเองไว้แล้ว ว่าจะไม่คุยกับมัน แต่.....

"เลือด"

ผมพูดเสียงเบาเหมือนมีคนบีบคอไม่ให้เสียงเล็ดออกไปตอนจะพูด มันทำเป็นไม่สนใจ

"หลังเธอ มีเลือด"

ผมกัดฟันพูดออกไป

"ช่างมันเถอะ เมื่อคืนตัวเองก็เลือดออกเหมือนกันนี่ แค่นี้เค้าไม่เป็นไรหรอก"

มันพูดโดยไม่หันหน้ามา ผมรู้สึกจุกในอก มันพยายามจะทำอะไรของมัน ไอ้เด็กคนนี้ ผมยืนมองอยู่นาน กำลังถกเถียงกับตัวเองว่าจะปล่อยให้มันดูแลเอง หรือจะทำแผลให้มันดี แต่เมื่อคืนมันก็ล่วงเกินผมอย่างที่ไม่น่าให้อภัย ช่างมันเถอะ มันจะได้จำแค่นี้ไม่ตายหรอก แต่เลือดที่ซึมออกมานอกเสื้อมันเริ่มแดงจนหลังของมันเริ่มถูกสีแดงจากเลือดปกคลุม

"ยังไงเราก็โตกว่าน้องนะโย สิ่งไหนดีก็บอกก็สอน อย่าเอาแต่ตนเป็นที่ตั้ง อย่าเอาแต่อารมณ์มาตัดสินทุกอย่างไป"

เสียงของแม่ก้องกังวานในหัว เฮ้อ ผมต้องทนอยู่อย่างนี้อีกนานไหมครับแม่ ผมถามตัวเอง แล้วก็เดินไปข้างหลังมัน

"ถอดเสื้อออกสิ"

ผมพูดกึ่งออกคำสั่ง มันหันหน้ามา

"โห ที่รักจะเอาตรงนี้เลยเหรอ ไม่อายคนเขาเหรอ"

ผมไม่ต่อล้อต่อเถียงกับมัน แต่มองหน้ามันอย่างตำหนิ

"อ่ะๆ ทำตาดุใส่ไปได้ ตัวเองน่ะจะไหวเร้อ"

มันยังไม่ยอมลงง่ายๆ

"ถอด"

"จ้าา สุดที่ร้าก"

มันยังคงลากเสียงล้อเลียน ผมพยายามระงับความโกรธไว้ แต่ด่ามันด้วยสายตา มันถอดเสื้อออกอย่างยากลำบาก เพราะมันคงเจ็บ

"เจ็บอ่ะ"

"ยกแขนขึ้น"

ผมเห็นจะไม่เข้าท่า จึงบอกให้มันยกแขนขึ้น มันถลกเสื้อขึ้นได้แค่ครึ่งตัว เสื้อคงโดนแผลเห็นมันสะดุ้งตัว มันยอมยกแขนขึ้นโดยดี แต่ก็ยังมองผมยิ้มๆอยู่ ผมเข้าไปใกล้ๆมันแต่ก็พยายามรักษาระยะห่างเอาไว้ ผมช่วยมันถอดเสื้อพอพ้นศรีษะแต่ก็ติดอยู่ที่แขน ด้วยความที่มันตัวสูงกว่าผม จำเป็นต้องเขย่ง มันเอาเสื้อไว้ที่ปลายมือทั้งสองแล้วเอาแขนลงอ้อมลงกอดผมไว้ทันที

"ตีเค้าอีกเถอะ ถ้าตัวเองจะยังคงอยู่อย่างนี้ เค้าไม่ขออะไรแล้ว"

มันพูดเสียงหวาน ผมรู้สึกเขินขึ้นมาแว๊บหนึ่งในความคิด แต่ก็สลัดมันออกไป

"จะทาไหมยา"

ผมทำเสียงแข็ง มันยังคงกอดผมไว้ หน้ามันจะจรดกับหน้าผมอยุ่แล้ว หยดน้ำที่เกาะตามหน้าของมันหยดลงใส่หน้าผม

"บางครางามดั่งน้ำค้างต้องแสงแรกดรุณี บางคราดังอัคคีห่อหุ้มด้วยกฤษณา"

ผมสะบัดหัวตัวเอง ให้ความคิดเพ้อเจ้อ เลื่อนลอยนี้หลุดหายไป ผมจ้องตามันเขม็ง มันยิ้มแหยๆ แล้วถึงปล่อย ผมดูข้างหลังมันก็ต้องตกใจ ผมตีแรงขนาดนี้เลยหรือ รอยนูนแดงสามสี่รอย แต่รอยที่หนักสุดดูจะแดงใหญ่กว่ารอยอื่นๆ ซ้ำยังมีรอยแตกคงเพราะตีซ้ำรอยเดิมมีเลือดไหลซึมออกมา นี่มันได้ไปกี่แผลแล้วตั้งแต่มันล่วงเกินผม รอยกัด รอยประตูหนีบ รอยที่หลัง นึกแล้วก็สงสาร แต่สะใจสมน้ำหน้าลามปามดีนัก แต่รอยพวกนี้ไม่กี่ปีมันก็เลือนหายแต่รอยที่มันสร้างไว้ให้ผมล่ะ จะให้ลบออกยังไง

"ไปทายา"

ผมออกคำสั่งแล้วเดินเข้าบ้านไปโดยไม่สนใจมัน ผมเดินไปที่ตู้เก้บหนังสือด้านล่าง กล่องยาใหญ่กว่าในห้องของผม หยิบผ้าเช็ดตัวมาด้วยเพราะตัวมันยังเปียกน้ำอยู่

"หันหลังมาสิ"

ผมสั่งมัน เพราะมันนั่งแต่ยังมองหน้าผมตาปริบๆ มันยอมหันแต่โดยดี ผมค่อยๆเอาผ้าเช็ดตัวซับน้ำออกจากหลังมันก่อน แล้วยื่นให้มันเช็ดตัวที่เหลือเอง ผมเอาสำลีชุบแอลกอฮอล์ค่อยๆทาที่รอยแตกกลางหลัง

"โอ๊ย เบาๆหน่อยสิคะ เค้าเจ็บน้า"

มันร้อง ผมหมั่นไส้เลยเพิ่มแรงกด มันถอยหนีออกไป

"เจ็บเป็นด้วยเหรอ รู้ไว้ คนอื่นเขาก็เจ็บเหมือนกัน"

ผมพูดออกไป ให้มันรู้เรื่องที่มันทำเมื่อคืนว่าผมเองก็เจ็บปวดกว่ามันหลายเท่านัก

"อ่า แก้แค้นเค้าเหรอ"

ผมไม่ตอบแต่ล้างแผลให้มันเสร็จก็เอายาทา แล้วเอาผ้าก็อตปิดแผลไว้ ผมหันมาเช็ดน้ำออกจากตัวผมบ้าง เพราะเปียกไปทั้งหัวเหมือนกัน ผมรู้สึกหนักหัวมากเวียนหัวเหลือเกิน ตาเริ่มพร่ามัว นี่ผมเป็นไข้หรือนี่ ผมเอามือขึ้นแตะหน้าผาก หลับตา

"เอ้ย ตัวเอง ไม่สบายเหรอ ตัวร้อนเชียว"

มันร้องไม่รู้ว่ามันหันมาเมื่อไหร่ มันเอามือแตะหน้าผากผม แต่ผมยังไม่ลืมตา หนาว ผมกอดตัวเอง

"ขึ้นไปนอนดีกว่าไหมคะ เดี๋ยวเค้าพาขึ้นไป"

มันลุกขึ้นพยายามจะพยุงตัว แต่ผมอ่อนแรง ไม่มีแม้แต่แรงที่จะยันกายลุกขึ้น มันอุ้มผมขึ้นทันที

"ไม่ ไม่"

ผมคราง

"อย่าดื้อ ไม่สบายขนาดนี้ยังมีแรงตีเค้าจนเลือดออกนะ"

มันบ่นพูดอะไรอีกไม่รู้ แต่ผมเริ่มเวียนหัวไม่รู้เรื่องแล้ว มันค่อยๆวางผมลงบนเตียงมันเอาผ้าห่มมาคลุมให้

"ยาๆ อยู่ไหนหว่า"

มันเดินกลับไปกลับมา ไปเปิดกล่องยาที่วางอยู่บนโต๊ะ มันเดินออกไปจากห้อง แล้วกลับเข้ามาใหม่

"ที่รัก กินยาหน่อยนะคะ"

มันพยุงหัวผมขึ้น มันจะฆ่าผมหรือเปล่านี่ ผมคิดในใจแต่ก็อ้าปากรับยาสองเม็ดแล้วมันก็กรอกน้ำตามให้ ผมล้มตัวลงนอนซุกกายอยูในผ้าห่มเหมือนเดิม มันแทรกตัวเข้ามาในผ้าห่มแล้วกอดผมไว้

"เดี๋ยวเค้านอนเป็นเพื่อน"

"อย่า เดี๋ยวติดไข้"

ผมพูดเสียงฟังไม่ได้ศัพท์

"ไม่เป็นไร เค้าแข็งแรง นอนนะคะ จะได้หาย หนาวไหม มาเค้ากอด"

มันกอดผม พรมจูบทั่วหน้า ผมรำคาญมันเหลือเกิน แต่ครั้งนี้ไม่มีแรงจะดิ้นหนี ไม่มีกำลังจะขัดขืน ความเจ็บปวดภายนอกที่รั้งตรึงเมื่อตอนเช้า ผมแทบไม่รู้สึกหรือรู้เรื่องเลย กลับอ่อนล้า หมดแรง เวียนหัว หนาว มันก็กอดผมหลวมๆ ลูบตามตัว จูบหน้าผาก ความจริงก็เพลินดีนะ แต่ถ้าผมยังมีฤทธิ์อยู่ มันคงไม่ได้ทำแบบนี้ ผมหลับไปในอ้อมกอดของมัน เบียดตัวเข้าหามันคงเพราะหนาว พอเริ่มได้ที่ผมก็เคลิ้มเหมือนได้ยินเสียงหนึ่ง ร้องเรียก

"โย คิดถึง พ่อไหมลูก"

"พ่อ พ่อไปไหนมา รู้ไหม โยกับแม่คิดถึงพ่อทุกวัน"

"พ่อไปทำหน้าที่รับใช้ชาติน่ะลูก พ่อคิดถึงลูกกับแม่ทุกวันเหมือนกัน"

"เมื่อไหร่พ่อจะกลับมา พ่อ โยคิดถึงพ่อเหลือเกิน พ่อกลับมาหาเราได้ไหม พ่อ จ๋า"

"เข้มแข็งไว้นะโย เราต้องเป็นคนดูแลแม่แทนพ่อนะ ไม่เอาลูกอย่าร้องไห้ พ่ออยู่ตรงนี้เฝ้าดู โยกับแม่ตลอดเวลา"

"พ่อ"

น้ำตาซึมออกหางตา ปลื้มใจระคนกับร้าวใจ ไม่เคยฝันเห็นพ่อเลย ภาพของพ่อในชุดลายพรางทหารยังแจ่มชัดเหลือเกิน เสียงของพ่อดังกังวานเหมือนมากระซิบอยู่ข้างๆหู

"ฝันร้ายเหรอคะ คนดี"

อีกเสียงที่คุ้นเคยดังกระซิบอยู่เหนือใบหน้า รู้สึกมีมือปาดน้ำตาออกจากแก้ม ผมไม่ลืมตาแต่หลับต่อด้วยความอ่อนล้า
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 21 Mar 23, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: benxine ที่ 23-03-2010 08:01:04
ไม่รู้จะพูดไงดี

 :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 21 Mar 23, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: jadezii ที่ 23-03-2010 12:21:14
ฮือออออออออออออออออออ  :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:
สงสาร โย ~  :m15:

แต่เอ ก็คงจะรู้สึกผิดมั้งที่ทำกับโยขนาดนั้น TT^TT  :m17:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 21 Mar 23, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: clubza ที่ 23-03-2010 13:25:17
โยโกรธเอมากเลยเหรอหรือเกลียดเลยใช่ไหม
แล้วกับพี่ตั้มคนที่เราเคยไว้ใจ เชื่อใจแต่หักหลังเรา
ไม่รู้ว่าโยจะโกรธจะเกลียด ใครมากกว่า


อยากให้โยเอาคืนพี่ตั้มกะปอบนัทเเสบๆเลย   บังอาจเอาเงินมาล่อน้องเอ บังอาจสวมเขา
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 21 Mar 23, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 23-03-2010 17:59:03
ตอนนี้รู้สึกอย่างเดียวว่า เอ..หน้ามึนมากกกก
โยอย่าเพิ่งใจอ่อนง่ายๆนะ ยังไม่ได้ดัดนิสัยเด็กเอาแต่ใจเลย หุหุ

เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 21 Mar 23, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Vesi ที่ 23-03-2010 18:29:26
น่าจะฟาดให้ตายคามือเลย
แล้วทำแบบเมื่อคืนด้วย จะได้รู้ว่าที่ตัวเองทำ คนโดนรู้สึกยังไง
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 21 Mar 23, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 23-03-2010 21:19:58
 :m15:

เม้นไม่ถูกเลย เศร้าทั้งตอน หาตอนเขินมีไม่

ชั่งเศร้า จับจิต เสียนี่กระไร หลายตอนแล้วนา
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 21 Mar 23, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 24-03-2010 07:03:29
วันนี้ ท้อแท้ยังไงไม่รู้ เดี๋ยวสายๆ จะอัพตอนใหม่ให้นะครับ ขอบคุณทุกกำลังใจ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 21 Mar 23, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Vesi ที่ 24-03-2010 10:46:04
สู้ๆนะก๊าบบบ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 22 Mar 24, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 24-03-2010 12:06:47
                                      พยายามเขียนจนได้อีกตอน



                               ตอนต่อครับ





                                       ตอน ยี่สิบสอง


"เปรียบหนึ่งเสียกเพรียกเรียกหา จากปลายฟ้าสุดคณาแสนไกล

เปรียบสองดังลมที่พริ้วไหว ชุ่มฉ่ำใจดังฝนทิพย์หยาดมาโปรย"



"ที่ รักคะ ตื่นมากินอะไรหน่อยไหม จะได้กินยาแล้วนอนต่อ"

เสียง เรียกดังก้องไกลแสนไกลอยู่ในห้วงของความมืด เสียงดังใกล้เข้ามาทุกทีๆ ผมโดนเขย่าตัวเบาๆ รู้สึกเหมือนมีก้อนหินก้อนใหญ่ทับหัวผมอยู่ ผมค่อยๆลืมตาขึ้น หน้าของมันจ่ออยู่ตรงหน้าผม มันยิ้มแล้วจูบที่เปลือกตา ผมมองมันแน่นิ่งไม่กระพริบตา ที่จริงไม่มีแรงที่จะกระพริบเสียมากกว่า

"เค้า ออกไปซื้อโจ๊กมา ตัวเองกินหน่อยนะ"

ผม ชำเลืองมองไปตรงหัวเตียง มันเอาเก้าอี้โต๊ะคอมฯมาทำเป็นโต๊ะวางชามโจ๊ก มีแก้วน้ำวางอยู่ข้างๆ

"มา คนดี ลุกขึ้นหน่อยนะคะ เดี๋ยวเค้าป้อน"

มัน โน้มลงมากอดเอวผมรุนหลังให้นั่ง ผมไม่ขัดขืนแต่อย่างใด ร้อนเบ้าตา ร้อนตามหน้าไปหมด มันเอาหมอนมาหนุนหลังผมแล้วดันตัวผมให้ไปติดตรงหัวเตียงเป็นท่านั่งครึ่งตัว แล้วมันก็กุลีกุจอไปเลื่อนเก้าอี้มาใกล้ๆ

"อ้ำ เอาหน่อยนะคะ กินหน่อยน้า"

มัน ตักโจ๊กมาจ่อที่ปาก แล้วทำท่าเหมือนป้อนเด็ก มันอ้าปากไปด้วย ผมมองมันอย่างเหม่อลอย ในใจผมว่างเปล่าเหลือเกิน มันล้ามันเหนื่อย พิษไข้ทำเอาผมไม่มีอะไรในหัวสมองเลย มันบอกให้อ้าปากผมก็อ้า กินไปได้หน่อยเดียวผมก็บ่ายหน้าหนี ไม่มีรสชาติอะไรเลย ขมปากท่าเดียว

"กิน นิดเดียวเอง จะหายมั้ยคะคนดี"

มัน เอามือมาลูบผม ลูบหน้าผม

"งั้น กินยานะคะ เค้าไปซื้อมาจากปากซอยน้า"

มัน อ้างสรพพคุณ แล้วบีบปากผมเบาๆให้อ้าปาก มันหว่านยาเม็ดสามสี่เม็ดเข้าไปในปากผมแล้วเอาแก้วน้ำมาจ่อปากให้

"อ่ะ ดื่มน้ำตาม เค้าโทรไปหาแม่มา บอกว่าตัวเองไม่สบาย แม่บอกให้เช็ดตัว เดี๋ยวเค้าเช็ดตัวให้ตัวเองน้า"

ผม มุดลงนอนตามเดิม ไม่อยากฟังสิ่งที่มันพูด หูอื้อ ตาลายไปหมด อยากจะนอน หนักหัว มันเดินกลับมาพร้อมกะละมังใบเล็กมีผ้าขนหนูผืนเล็กอีกสองผืน

"ถอด เสื้อหน่อยนะคะ"

มัน ไม่พูดปล่าวถลกผ้าห่มออกแล้วถอดเสื้อผมทันที ผมไม่ขัดขืน กลิ้งไปกลิ้งมาตามมัน แม้มันจะถอดกางเกงผมออกด้วยก็ตามผมก็ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะขัดขวาง ปล่อยมันทำตามใจ มันเอาผ้าเช็ดตามหน้าตามตัว ผมรู้สึกขนลุกตั้งเป็นแผง

"หนาว เหรอคะ"

มัน ถามก่อนจะเอาผ้าแห้งอีกผืนเช็ดตาม

"มา เดี๋ยวเค้ากอด"

ผม กลายเป็นเด็กไปแล้ว มันว่าอะไรผมก็ยอมไปหมด มันกอดผมจูบตามหน้าตามหน้าผาก อยู่อย่างนั้นจนผมหลับไปอีก คราวนี้ไม่ฝันแล้ว หนาวกายแต่รู้สึกอบอุ่นเหลือเกิน

ผม รู้สึกตัวตื่น เพราะมีมือมาแตะตรงหน้าผาก ผมลืมตาขึ้นแม้จะมึนๆหัวอยู่แต่ก็รู้สึกเบาหัวกว่าตอนที่ตื่นมาครั้งแรก มันยังคงนอนกอดผมอยู่ไม่ได้หันไปมองแต่รู้ว่ามันยังกอดอยู่ มือที่แตะหน้าผากช่างอ่อนโยน แม่นั่นเอง

"เป็น ไงบ้างลูก ตัวไม่ร้อนแล้วนี่"

แม่ พูดเสียงเบา แต่เหมือนน้ำทิพย์ชะโลมใจ ผมน้ำตารื้นขึ้นมาที่หางตา

"พี่ ปริศนาโทรบอกแม่ ว่าเราไม่สบายน้องดูอยู่ แม่จึงรีบกลับมา เดี๋ยวแม่ไปทำข้าวต้มให้นะโย กินโจ๊กกระป๋องมันไม่ดี"

แม่ นั่งอยู่ข้างเตียง ลูบตามหน้าผมอยุ่อย่างนั้น รู้สึกเบาใจเหลือเกิน แม่กลับมาแล้ว ผมไม่ตายแล้ว ผมรู้สึกอุ่นใจ แต่เอ๊ะ ไอ้เอมันยังกอดผมอยู่นี่ ผมเริ่มวิตก หันไป มันยังนอนกอดผมจริงๆด้วย ท่าทางหลับสบาย ผมรีบยกมือมันออกจากตัว ก่อนที่จะหันไปมองแม่

"เดี๋ยว น้องตื่นนะลูก เราก็นอนอีกสักพักเถอะ เดี๋ยวแม่ขึ้นมาปลุก"

คราว นี้เสียงแม่เรียบเหลือเกิน สายตาแม่มองผมแบบตำหนิอย่างเห็นได้ชัด ผมใจแป้วทันที ซวยแล้ว ถึงแม้ว่าแม่จะพอรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่แม่ก็ยังไม่เห็น แต่คราวนี้แม่เห็นเองกับตา ผมนอนไม่ใส่เสื้อผ้าเลย ไอ้เอก็นอนไม่ใส่เสื้อ แม้จะมีผ้าห่มคลุมร่าง แต่แม่คงดูรู้ว่าผมเปลือย ผมใจเต้นแรง กระสับกระส่าย แม่คงผิดหวังในตัวผมมาก ทำยังไงดี ผมเริ่มมีสติ พิษไข้คงลดลงแล้ว ผมผลักร่างของมันออกจากตัวทันที มันงัวเงียแต่ก็ยังจะดิ้นมากอดผมไว้อีก ผมรีบพยุงตัวลุกจากเตียง ไปใส่เสื้อผ้า

"ไป ไหนคะ"

เสียง ที่น่ารำคาญงัวเงียถาม

"แม่ มาแล้ว แม่เห็นหมดแล้ว ทำไมเราถอดเสื้อผ้าพี่ ไอ้บ้า"

ผม ตีโพยตีพาย น้ำตาไหลออกมา เอาอีกแล้ว อ่อนแออีกแล้ว

"อ้าว ก็เค้าเช็ดตัวให้ตัวเองนิ ต้องถอดเสื้อผ้าสิ แม่ไม่ว่าหรอก แม่เค้ารู้"

"ไม่ ว่ากะผีน่ะสิ ทำอะไรหัดคิดซะบ้าง"

"อ้าว เค้าจะรู้มั้ยเนี่ย มาๆ ที่รักมานอนต่อเพิ่งหายไข้ เดี๋ยวไข้ขึ้นอีก"

ผม ขี้เกียจจะพูดกับมัน พยายามลากตัวเองลงไปข้างล่าง แม้จะรู้สึกมึนๆหัวอยู่แต่ก็ค่อยยังชั่ว ผมเห็นแม่กำลังต้มข้าวอยู่ในครัว

"ตาย แล้ว โย ลงมาทำไม กลับขึ้นไปนอน เดี่ยวไข้ขึ้นนะลูก"

ผม มองหน้าแม่สีหน้าผมคงยากที่จะอธิบาย หวั่นในใจบอกไม่ถูก สายตาที่ดูห่วงใยแต่ตำหนิไปในที ช่างดูอบอุ่นแต่เยือกเย็น

"ไป ลูก กลับขึ้นไปนอน เดี๋ยวเสร็จแม่ขึ้นไปหา"

แม่ เสียงแข็ง ผมก้มหน้าแล้วกลับขึ้นไปข้างบน เห็นมันยังนอนกลิ้งอยู่บนเตียงผมอย่างสบายใจ

"มา แล้วเหรอคะ มาๆ มานอน"

ผม กัดปากตัวเอง ถ้ามีแรงคงวิ่งเข้าไปกระโดดเหยียบมันแล้ว รู้สึกรังเกียจมันขึ้นมาทันที

"นอน พอรึยัง ลุกจากเตียงได้แล้ว อยากจะนอนคนเดียว"

ผม เสียงแข็งใส่มัน

"โห พอหายไข้ เอาใหญ่เลยแฮะ แฟนกรู"

"ใคร แฟนแก ไอ้บ้าลุกเดี๋ยวนี้"

"เค้า ยังเจ็บแผลอยู่เลยอ่า ขอนอนแป๊บได้มั้ยคะ"

เออ นั่นสิ แม่เห็นหลังมันหรือยังไม่รู้ ตายล่ะสิ ซวยสองเด้งถ้าแม่เห็น ผมเครียดหนักกว่าเดิม ผมเดินไปนั่งที่เตียงเริ่มคิดหนัก มันเข้ามากอดที่เอวทันที

"เอีะ อย่ามาวุ่นวายได้ไหม รำคาญ"

"โห สมใจอยากแล้วไล่ผัวยังกะหมูกะหมานะคะ"

ผม เอามือตีปากมัน แต่ก็รั้งน้ำหนักเอาไว้ ความจริงอยากจะกระหน่ำลงไปให้เต็มแรง แต่ก็อดใจไว้

"อ่า ตีเค้าด้วย ใจร้าย"

มัน พูดแล้วยิ้มอย่างพอใจ ไม่เข้าใจมันเลย นี่มันเป็นอะไรของมัน

"ไหน เอาหลังมาดูซิ"

ผม เริ่มหนักใจ มันรีบนอนคว่ำเอาหน้ามุดเข้านอนหนุนตักผมทันที ตอนแรกผมดันหัวมันออก แต่มันก็ไม่ยอม ผมเห็นแผลมันแล้วก็ต้องตกใจ คราบเลือดที่ซึมผ้าก็อตออกมาเป็นจุดๆ ผมค่อยๆดึงผ้าก้อตออกจากแผล ตายจริง แผลมันบวมเปล่ง คราบเลือดกรังติดแผล แม้จะค่อนข้างแห้งแล้วแต่แผลก็ใหญ่บวมน่ากลัว นี่ผมทำไปได้ถึงขนาดนี้เลยหรือ ผมเอานิ้วแตะแผลมันเบาๆ

"เจ็บ ไหม"

"อืม เจ็บนิดเดียว"

"พี่ ขอโทษนะ"

ผม พุดเสียงเครือ เพราะรู้สึกผิดเหลือเกิน มันทำกับผมเกินไปก็จริงแต่ผมทำกับมันก็ไม่ใช่น้อย แต่มันไม่เคยปริปากบ่นให้ฟังเลยว่าเจ็บแค่ไหน แผลขนาดนี้ถ้าเป็นผมคงนอนซมไข้อย่างที่เป็นอยู่แน่ๆ น้ำตารื้นขึ้นมาอีกรอบ ทำไมเรื่องวุ่นวายมันถึงเกิดขึ้นไม่จบไม่สิ้น เสียใจนะกับสิ่งที่เกิดขึ้น มันอะไรกันนักหนา น้ำตาผมหยดลงบนหลังของมัน

"ตัว เอง ร้องไห้เหรอคะ เห็นม้า ตีเค้าเองก็สงสารเอง"

มัน ย้อน

"เดี๋ยว ใส่ยาให้อีก ไปอาบน้ำก่อน"

ผม ปาดน้ำตาออกจากแก้ม ผลักให้มันลุกขึ้น มันว่าง่าย ยอมลุกขึ้นไปหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเดินออกไปจากห้อง ผมเองที่นั่งคิดหนัก จะทำยังไงดีเรื่องแม่หนักที่สุด ดูจากสายตาของแม่แล้ว แม่ตำหนิผมอย่างเห็นได้ชัดแม้แม่จะไม่พูด ผมล้มตัวลงนอนคิดไปหลายตลบ จนแม่ขึ้นมาพร้อมด้วยข้าวต้มไก่ฉีก กลิ่นหอมฉุย แม่มองหน้าผมแล้ววางลงบนเก้าอี้ตัวเดิม

"ดี ขึ้นไหมลูก"

แม่ จับหน้าผาก ผมได้แต่พยักหน้า รอฟังว่าแม่จะพูดว่าอะไร แม่มองผมยากที่จะเดา

"หลัง น้องไปโดนอะไร โย"

ผม อึ้ง พูดไม่ออก แม่เห็นแล้วสินะ ผมหลุบตาลงไม่ยอมสบตากับน้อง เสียงของแม่เรียบแต่ต้องการคำตอบไม่ใช่ถามแบบเลื่อนลอย

"เอ่อ"

ผม ไม่รู้จะบอกว่าอะไรดี ได้แต่เอ่อ แต่พูดไม่ออก

"โย ทำอะไรน้อง เหรอลูก"

แม่ เปลี่ยนเสียงเรียบ นุ่มลงกว่าเดิม

"มี เรื่องกันนิดหน่อยครับ"

ผม ยอมเปิดปาก เพราะคิดว่ายังไงก็ปิดแม่ไม่ได้แน่นอน

"ถึง กับลงไม้ลงมือกันขนาดนี้เลยหรือ"

คราว นี้แม่จ้องผมเขม็ง

"โย แม่บอกแล้วใช่ไหม มีอะไรก็ค่อยๆบอกค่อยๆสอนน้อง มันดื้อเป็นเรื่องธรรมดาของเด็กผู้ชาย แต่เราจำเป็นต้องทำกับน้องมันจนเลือดตกยางออกเลยเหรอลูก โยโตแล้วนะ แม่ไว้ใจ พี่ปริศนาเองก็ไว้ใจให้โยช่วยดูน้องมัน"

แม่ ยังพูดไม่จบ แต่ผมน้ำตาร่วงลงอาบแก้ม ปวดร้าวใจที่สุด ใครพูดก็ไม่เจ็บเท่าแม่พูด ผมเสียใจ สะอื้นไห้ออกมาอย่างสุดทน แม่เองก็คงตกใจเพราะน้อยครั้งที่ผมจะแสดงความอ่อนแอให้แม่เห็น

"เอา เถอะลูก แม่รู้ว่าเราเองก็คงเสียใจ ไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ แม่เลี้ยงของแม่มา แม่รู้ดีว่าเราเป็นยังไง"

แม่ เสียงเครือ ผมมองหน้าแม่ เห็นน้ำตาแม่ไหลออกมาเหมือนกัน นี่ผมทำให้แม่ร้องไห้ ผมยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม ยิ่งแม่พูดแบบนี้ ยิ่งเหมือนสาดน้ำเกลือใส่แผลสด ผมปวดแสบปวดร้อนไปทั้งใจ

"อาบ น้ำเสร็จแล้ว ทายาให้เค้าด้วย"

เสียง ของไอ้ตัวดี แจ่มใส แต่ก็ชะงักลงเพราะเห็นผมร้องไห้ และมีแม่อยู่ด้วย

"ไหน เอ มาแม่ดูหน่อยซิ หลังเป็นไงบ้าง"

แม่ รีบปาดน้ำตาแล้วหันไปทางเอ ยิ้มให้มันอย่างอ่อนโยน

"เอ่อ ไม่เป็นไรมากหรอกครับ แม่อร ผมซนไปหน่อย เล่นบาสกับเพื่อนแรงเลยล้มหลังไถพื้นเลย"

มัน เกาหัวแล้วรีบเดินไปใส่เสื้อ มันหลอกแม่ แต่คงไม่รู้ว่าแม่ผมไม่ได้โง่ ความจริงมันแบกเป้มาด้วยใบใหญ่แต่มันโกหกผมว่าไม่ได้เอาเสื้อผ้ามา

"เดี๋ยว แม่ทายาให้ ไหนหันหลังมาดูหน่อยซิ"

แม่ ยังไม่ยอม ลุกออกจากเตียงเดินไปหามันทันที มันหันมามองผมเลิ่กลั่ก แต่ผมก็ได้แต่ก้มหน้า มันยอมให้แม่ดูหลังแต่โดยดี

"ตาย แล้ว เล่นอะไรกันแรงขนาดนี้ แผลใหญ่อักเสบ มาๆเดี๋ยวแม่ใส่ยาให้ เจ็บไหมลูก นี่ถ้าพี่ปริสนารู้แม่แย่แน่ๆ"

แม่ อุทานแล้วหันมามองผม ยิ่งตอกย้ำให้ผมรู้สึกผิดมากขึ้นกว่าเดิม แล้วที่มันทำผมล่ะแม่ ถ้าแม่รู้แม่จะพูดอย่างนี้อยู่ไหม ผมรู้สึกน้อยใจขึ้นมา แต่จะว่าอย่างนั้นก็ไม่ถูก แม่รู้แล้วว่ามีอะไรเกินเลยกัน โอ๊ย ผมจะบ้าตาย เจ็บปวดทรมานในใจ ไข้ก็พอทุเลาแต่ไข้ใจนี่ผมคงป่วยไปอีกนาน
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 22 Mar 24, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: jadezii ที่ 24-03-2010 12:27:26
เอก็ทำกับโยไว้เจ็บเหมือนกันน่ะแหละ :m15:

 :o12: :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 22 Mar 24, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: aorta999 ที่ 24-03-2010 13:48:06
ถ้าใจเย็นๆก้ไม่มีปัญหาหรอกนะโย


55555
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 22 Mar 24, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: •ผั๑`|nกุ้va’ด• ที่ 24-03-2010 15:38:36
*0* โอ้ววว~~~~~~~~~~~~ โยของเราน่าสงสารที่สุด. . .   แต่สงสารเอมากกว่า เพราะเท่าที่ผ่านมา เหมือนโยเอาตัวโยเป็นหลักเสียมากกว่า ทุกอย่างก็เลยเป็นแบบนี้ หลายๆเรื่องเกิดเพราะอารมณ์   

เอ. . .สิ ทำด้วยใจเสียมากกว่า แต่ว่า เพราะน้องยังเด็ก อารมณ์เลยควบคุมได้ยาก
 
แต่ก็เข้าใจนะ อะไรที่เค้าไว้ใจ แล้วมาทำพังเองกับมือมันก็รู้สึกแย่ทั้งนั้น แต่ก็ไม่น่าจะทำร้ายกันแบบนี้  :sad4:
 
พึ่งจะได้เข้ามาอ่านจ้า~~~  อยากบอกว่าประทับใจมาก เขียนดีมากๆด้วย  >,,,,<  มอบดอกไม้ช่อโตเป็นกำลังให้งานเขียนต่อไปนะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 22 Mar 24, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Vesi ที่ 24-03-2010 17:08:02
น่าคิดเหมือนกัน
ว่าถ้าคุณแม่รู้ว่าไอ่น้องเอข่มขืนลูกตัวเองจะยังโทษโยอยู่มั้ย

ไรต์เตอร์สู้ๆ นะ :L2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 22 Mar 24, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 24-03-2010 19:20:32
ชีวิตมันแย่ขนาดนี้แล้วหรืองัย ดูเหมือนปิดประตูรับชะตากรรมยังงัยยังงั้น  :seng2ped:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 22 Mar 24, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 25-03-2010 00:30:29
คุณแม่ใจเย็นมากๆ งานนี้จะมีเคลียร์รึป่าว หึหึ

เป็นกำลังใจให้นะคะ ไรท์เตอร์สู้ๆ :L2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 23 Mar 25, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 25-03-2010 07:39:53
                              ตอนต่อ ค้าบบ




                                   ตอน ยี่สิบสาม



แม่พาไอ้เอลงไปกินข้าว ผมนอนนิ่งมองเพดาน ตอนนี้เองที่จิตใจผมไม่เป็นปกติสุขแล้ว คิดไปทุกทาง แม่คงเสียใจมากที่เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก แม่ไม่เคยเสียใจที่ผมเป็นเกย์ ไม่เคยว่า จะคบกับใครก็ไม่เคยว่า พาพี่ตั้มกลับมาบ้านแม่ก็ทำตัวเป็นแม่ที่ดี กลับทำให้พี่ตั้มรู้สึกไม่ประหม่าอีกต่างหาก แม่คอยให้กำลังใจแม้ผมจะโดนพี่ตั้มทิ้ง แต่แม่ก็คงไม่คาดหวังให้ผมมีอะไรเกินเลยกับ ลูกชายของเพื่อนที่ฝากฝังเอาไว้เป็นอย่างดี แม่คงทุกข์ใจมาก มากกว่าผมหลายเท่านัก ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีครั้งใดที่ผมทำให้แม่เป็นทุกข์ใจ แม่ไม่เคยมองผมด้วยสายตาที่มองเมื่อครู่เลย ผมเหมือนโดนไฟเผาร่าง ลนใจร้อนรนเหลือเกิน จะข่มตาให้หลับแต่ยิ่งพยายามผมยิ่งตื่น น้ำตาไหลซึมออกมาตลอดจนแสบตา สิ่งที่เกิดขึ้นเพราะอารมรณ์ชั่ววูบหรืออะไรก็ตามแต่ วันนี้ตอนนี้มันทำให้ผมเสียใจ อีกคนคือแม่ที่ทรมานใจไปไม่น้อยกว่าผมแน่นอน ใจผมกระสับกระส่าย ล่องลอยไปแสนไกล ถ้าพ่ออยู่ด้วยพ่อเองก็คงเสียใจมากเช่นกัน ผมทำอะไรลงไป ผมกำลังทำอะไรอยู่ ผมสะอื้นจนเจ็บหน้าอก ผมกลายเป็นลูกไม่ดีไปแล้ว ผมทำให้คนที่ผมรักที่สุดในชีวิตเสียใจ ยิ่งคิดยิ่งปวดร้าวใจ ยิ่งดั้นด้นคิดหาทางออกยิ่งมืดมนจนหนทาง


เสียงไอ้เอเปิดประตูเข้ามาในห้อง ผมลุกขึ้นนั่งครึ่งตัวทันที จ้องไปที่มันอย่างเกลียดชัง นี่ถ้าผมไม่ได้สอนหนังสือมัน เรื่องแบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น นี่ถ้าผมเข้มแข็งมากกว่านี้ วันนี้เรื่องก็คงไม่เป็นแบบนี้ ผมคิดโทษตัวเอง

"อิ่มจัง เค้าง่วงแระ ตัวเองยังไม่นอนเหรอคะ"

มันพูดอย่างอารมณ์ดี เดินเข้ามาที่ผมแล้วคลานขึ้นเตียงทันที

"เรานอนข้างล่างนะ"

ผมพูดเสียงแข็ง

"ไม่เอา จะนอนกอดแฟน"

"แม่รู้แล้วนะเอ พี่ไม่อยากให้มันทำร้ายผู้ใหญ่เพียงเพราะเราสองคนไม่ทันคิด"

ผมยังจ้องมันอยู่ เสียงสั่นเครือเพราะผมยังสะอื้นอยู่

"อืม เค้าคุยกับแม่อรแล้ว"

"อะไรนะ คุยกับแม่ว่ายังไง"

ผมร้องเสียงหลง ไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน มันทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ แต่กลับมุดตัวเข้ามาในผ้าห่ม

"ก็บอกว่า เค้าชอบตัวเอง เราจะคบกัน ก็เท่านั้นเอง ไม่มีอะไรมาก"

มันพูดเสียงเรียบเหมือนเป็นเรื่องปกติธรรมดา

"ไอ้บ้า ทำไมแกพูดแบบนั้น"

ผมตะคอก ความเป็นเด็กของมันพูดอะไรอาจไม่ทันคิด แต่มันคงจะไม่รู้ว่าผู้ใหญ่เขาไม่ได้คิดอะไรง่ายๆ อย่างที่มันคิด

"โห ที่รักคะ แม่ไม่เห็นว่าอะไร ตัวเองไม่ต้องคิดมากหรอกน่า ร้องไห้จนตาบวมแระ มาๆ มานอนกอดกัน"

"ฉันเกลียดแก ไอ้เอ แกทำให้ทุกอย่างดูแย่ลงไปหมด ฉันเกลียดแก"

ผมผลักหน้ามันร้องไห้ อย่างอดสู ไม่รู้จะเอาแรงกำลังที่ไหนไปต่อสู้

"ค้าบ ที่รัก รู้ว่าเกลียด แต่ทำไงได้ ก็เค้าชอบตัวเองนิ ไม่ได้หยุดชอบง่ายๆด้วยนะ"

มันยังคงทำเสียงล้อเลียน ทุกอย่างในชีวิตมันไม่เคยมีอะไรจริงจังเลยหรือ ผมพยายามสะกดน้ำตาให้มันหยุดไหลสักที จะได้คุยกับมันให้รู้เรื่อง

"เรามาคุยกันให้รู้เรื่องดีกว่า เอ"

ผมมองหน้ามันอย่างจริงจัง ไหนๆมันก็มาถึงขั้นนี้แล้วจะผลักมันออกจากชีวิตมันก็คงไม่ใช่ง่าย

"คุยอะไรคะ เค้าง่วงแล้วนะ"

"นี่ ฉันไม่ได้พูดเล่นนะ"

"อ่ะ ค้าบ โหดุตลอดเลยนะ ตัวเล็ก"

ไอ้นี่มันกวนประสาทได้ตลอดเวลา ผมพยายามสูดลมหายใจเข้าปอดให้ลึกที่สุด พยายามระงับอารมณ์ให้นิ่ง เพราะไม่เคยคุยกับมันเป็นจริงเป็นจังได้สักที

"พี่ว่าเรื่องระหว่างเรา"

"หยุดเลย เค้าบอกแล้วนี่ว่าคุยกับแม่อรแล้ว แม่อรโอเค แล้วตัวเองจะหนักใจเรื่องอะไรล่ะ"

มันสวนกลับทันที ผมได้แต่อ้าปากค้าง

"แม่ บอกว่าอะไร"

"ก็บอกว่าลองคบกันได้ แต่ให้เค้าตั้งใจเรียน สอบเข้าวิศวะฯให้ได้ แค่นั้นเอง แม่อรน่ารักที่สุดในโลก"

ผมถอนหายใจ ไม่ได้โล่งใจแต่อ่อนใจกับความไร้เดียงสาของมัน

"แล้วคิดว่าแม่พี่ มีความสุขเหรอ ที่บอกเราไปแบบนั้น คิดบ้างไหมว่าผู้ใหญ่เขาคิดกันยังไง"

ผมขึ้นเสียงอีก

"ทำไมจะไม่รู้ ผมไม่ใช่เด้กเมื่อวานซืนนะ ผู้ใหญ่เขาต้องทุกข์ใจสิที่มีลูกเป็นเกย์ แม้หน้าตาจะยิ้มบอกว่ารับได้ แต่ในใจไม่มีใครรับได้หรอก แต่อย่างน้อย คนรักกันก็ดีกว่าเกลียดกัน ผมรักพี่"

มันหยุดเหมือนพูดอะไรผิด ผมมองหน้ามันไม่ลดสายตา

"เอ่อ ผมชอบพี่ มันไม่มีอะไรเสียหาย ผมบอกกับแม่อรแล้วว่า เราจะประคับประครองกันไปให้ไกล จะดูแลซึ่งกันและกัน เค้าจะตั้งใจเรียน ไม่ออกนอกลู่นอกทาง ตัวเองไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องแม่หรอก เค้ารู้ว่าท่านเสียใจ แต่มันมาถึงขั้นนี้แล้ว เค้าว่าถ้าเราทำตัวให้ดี ไม่ประเจิดประเจ้อ ท่านก็น่าจะยอมรับได้ แต่แม่อรบอกว่าอย่าเพิ่งให้บอกแม่เค้า รายนั้นคงทำใจรับยาก ตัวเองนอนเถอะ เดี๋ยวไข้ขึ้น ขี้แยนะเราอ่ะ"

มันยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาออกจากแก้มผม ซึ่งนั่งอ้าปากค้าง พุดอะไรไม่ออก ไม่เคยคิดเลยว่าเด็กที่มองอะไรเป็นเล่นแบบมันไปทุกเรื่อง จะคิดแบบนี้ ความจริงผมตั้งใจไว้สองอย่าง คือพูดให้แตกหักกันไปเลย แต่ถ้าทำแบบนั้น แม่ผมคงเสียใจมากอีกเช่นกัน เพราะท่าทางมันคงเอาเรื่องอยู่เหมือนกันถ้าเสียใจ อีกทางที่เตรียมไว้คือ ปล่อยให้เลยตามเลย ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้ชอบมัน ไม่ได้ตั้งใจจะให้เรื่องออกมาในรูปแบบนี้ แต่ยิ่งขัดยิ่งฝืนเหมือนทุกอย่างจะยิ่งแย่ไปเสียหมด แต่ก็จะบอกให้มันอยู่ในกรอบ ทำเหมือนแต่ก่อนไม่ได้อีกต่อไปแล้ว

"แล้วคิดว่าเธอจะทำได้เหรอ"

ผมถามขึ้น มันมองผมแล้วยิ้ม

"คงห้ามใจยากอ่ะนะที่จะไม่ได้แตะตัวเองน่ะ แต่เค้าจะพยายาม จะอดใจมากอดในห้อง เฮ้อ ลำบากเหมือนกันเนอะ"

"ลำบากก็หยุดสิ จะได้เป็นปกติ"

"หึ หึ"

มันไม่ตอบแต่หัวเราะ

"ให้หยุดตอนนี้นะเหรอ ไม่มีทาง คนมันไปไกลขนาดนี้แล้ว กู่ไม่กลับหรอก"

ผมไม่รู้จะพูดอะไรกับมันอีก ตั้งใจไว้ว่าจะคุยกันให้มันจริงจัง แต่ก็คว้าน้ำเหลว เวลาผมจะเอาเรื่องมันไม่เคยจบเรื่งแบบที่ผมต้องการสักที มันมักจะเฉเข้าทางที่มันต้องการ มันคว้าเอวผมไปกอด แล้วดึงให้นอนลง ผมพยายามขืนตัวไว้

"ไปนอนข้างล่าง อยากนอนคนเดียว เสื่ออยู่ในตู้ไปเอามาปูเอง"

"ใจร้าย จะนอนกับแฟนอ่ะ"

"ไอ้นี่ เดี๋ยวก็ติดไข้"

"โอ๊ย ตัวเอง เค้าเจ็บหลังอ่า เป่าให้หน่อยดิ นะนะ"

มันเปลี่ยนเรื่องแล้วนอนคว่ำเปิดเสื้อขึ้นได้ครึ่งหลัง ผมได้แต่ถอนหายใจ จะทำยังไงกับมันดี ตกลงนี่ผมต้องทนอยู่ในสภาพแบบนี้ใช่ไหม ต้องคุยกับแม่ เผื่อมันจะโกหก มันมาขนาดนี้แล้ว ต้องคุยกับแม่ให้รู้เรื่อง ผมบอกตัวเองในใจ

"ดูให้เค้าหน่อย เจ็บจังเลย"

"ทายาแล้วนี่ จะเจ็บอะไรล่ะ"

"เป่าให้หน่อยดิ นะนะ"

มันอ้อน เอี้ยวตัวเอาหน้ามาถูตักผม

"ไม่เอาจะนอน เวียนหัว เถิบไป"

ผมเองก็แปลก ปากบอกเกลียดมันๆ แต่ก็ยอมทุกกระบวนความ บอกให้มันนอนข้างล่าง มันไม่ยอม ผมเองที่ยอม ไม่เข้าใจตัวเอง พอผมนอนลงมันก็เข้ามากอดทันที

"โอ๊ย ไม่ต้องวุ่นวายสักวันได้ไหม คนยิ่งไม่สบายอยู่"

"ก็คิดถึงนี่นา กอดหน่อย เดี๋ยวเค้านอนไม่หลับ"

"อย่ามา แต่ก่อนก็นอนคนเดียว แล้วจะมาคิดทงคิดถึงอะไร เถิบไปฉันนอนไม่หลับ"

"อิอิ ชอบไม่ใช่เหรอเวลาเขากอด เห็นเบียดตัวเข้าหาตลอด"

"ไอ้บ้า ใครเบียดตัวเข้าหา ถอยไป"

"ตัวไม่ร้อนแล้วนี่ มีความสุขจังเลย เวลาอยู่กับตัวเองน่ะ ไม่อยากไปไหนเลย อยากอยู่อย่างนี้ตลอดไป"

ผมขี้เกียจพูดกับมัน อยากกอดก็กอด ผมยังคงเศร้าใจอยู่ แม้ปากจะพูดกับมันแต่ในใจผมก็ยังครุ่นคิด หัวอกแม่คงคิดไปไม่น้อยกว่าผม แค่นี้ผมยังทุกข์ใจ แล้วแม่ผมล่ะป่านนี้ไม่นอนทุกข์ใจยิ่งกว่าผมหรือ ผมคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ส่วนมันก็ยังคงคลอเคลียผมอยู่อย่างนั้นไม่มีทีท่าว่าจะหลับง่ายๆ จนผมเองที่หลับไปก่อนมัน
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 23 Mar 25, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: jadezii ที่ 25-03-2010 08:39:13
โห่ , โยคิดมากไปมั้ยเนี่ย  :try2:
ลองคบกับเอดูจะเป็นไรไปน้า o16

สู้ๆ ค่ะไรท์เตอร์ :call:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 23 Mar 25, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: tokyodeef ที่ 25-03-2010 10:53:15
 o7ขอบคุณน้า
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 23 Mar 25, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 25-03-2010 20:23:25
คิดมากไปก็เท่านั้น  ตัวจมปลักไปแค่เอวแล้ว ไม่ถอนตัวแต่แรกมันถลำลึกเกินถอยแล้วมั้ง :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 23 Mar 25, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Vesi ที่ 25-03-2010 20:32:24
คิดมากไปอ่ะ
ปวดหมองเปล่าๆ เอาเวลามากินเด็กดีก่าเนอะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 23 Mar 25, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 25-03-2010 21:00:39
ก้อนะ  อย่างงี้เรียกแพ้ทางอ่ะป่าว
เอาน่า..โย สู้ๆ

เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 23 Mar 25, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Na_RimKLonG ที่ 25-03-2010 21:20:13
 :3123: :L1: :3123:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 23 Mar 25, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 25-03-2010 22:27:08
คนที่น่าสงสารที่สุด ก็คนเป็นแม่นะสิ


ป้าอ่าแล้วน้ำตาซืมเลยนะนี่



ค่อยๆประคับประคองกันไปในทางที่ดีละกันนะ



จะเป็ืนกำลังใจให้คนเขียนเสมอจ้า






จากอีป้าแก่คนนึง
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 23 Mar 25, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: andyus1 ที่ 26-03-2010 07:00:34
พี่โยครับ เรื่องมันเลยเถิดมาขนาดนี้แล้วพี่อย่ามัวแต่คิดมากนั่งเสียน้ำตาอยู่เลยครับ

พี่ต้องคิดวางแผนอนาคตแล้วแหละ

พี่อย่าปฏิเสธว่าไม่รักน้องมัน ฟฏติกรรมมันฟ้องกันอยู่

ต่อจากนี้พี่มีหน้าที่แล้วแหละ พี่ต้องดูแลแม่

แล้วยังต้องดูแลกำชับเดกตัวโตนี่ด้วย

ทำให้น้องมันไปถึงฝัน ให้แม่น้องเค้าได้ภูมิใจ

สู้ๆ ครับทุกๆ คนเลย อย่ามัวกังวล ทำให้แม่สบายใจก่อน แล้วประคับประคองทุกอย่างไปให้ถึงฝั่งอย่างราบรื่นครับ

ปล. ตอนต่อไปหน่อยคร้าบบบบ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 24 Mar 26, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 26-03-2010 07:05:39
 ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะครับ เริ่มเขียนยากขึ้นล่ะพอเรื่องเริ่มมาในอารมณ์นี้ แล้วจะเศร้าไปทำไมเนี่ย อิอิ ผม งงกับตัวเอง เอาเป็นว่า เป็นกำลังใจให้ด้วยนะค้าบบบ



                                 ตอน ยี่สิบสี่



You look at me and see the boy
Who lives inside the golden world
But don't believe
That's all there is to see
You'll never know the real me

He smiles through a thousand tears
And harbours adolescent fears
He dreams of all
That he can never be
He wades in insecurity
And hides himself inside of me

Don't say he takes it all for granted
I'm well aware of all I have
Don't think that I am disenchanted
Please understand

It seems as though I've always been

Somebody outside looking in
Well, here I am for all of them to bleed
But they can't take my heart from me
And they can't bring me to my knees
They'll never know the real me


ผมตื่นเกือบจะเจ็ดโมง รู้สึกตัวโล่งแต่ยังมึนๆหัวอยู่ ไอ้เอไม่อยู่ข้างตัวแล้วมันคงไปเข้าห้องน้ำหรือไม่ก็ไปโรงเรียนแล้ว ผมลุกจากเตียงเดินไปเปิดเพลง หยิบแผ่น mp3 ของ Mariah Carey มายัดเข้าไปในเครื่องเล่น ฟังแทรกที่ดังก้องอยู่เบาๆ แต่ก่อนฟังเพลงนี้ก็ไม่รู้สึกอะไรมาก แค่รู้สึกว่ามันเป็นเพลงช้าธรรมดา แต่วันนี้เหมือนเธอร้องเพื่อผมโดยเฉพาะ ผมยืนนิ่งฟังอยู่อย่างนั้นช่างเศร้าจับใจเหลือเกิน มันกัดกินเข้าไปถึงในหัวใจ น้ำตาไหลซึมออกมาอีกครั้ง เป็นชวงเวลาที่อ่อนแอเหลือเกิน ดูเหมือนอะไรๆมันก็สะกิดใจไปเสียหมด ผมหลับตาสูดลมหายใจเข้าปอดให้ลึกยาวที่สุด คืนที่ผ่านมามันยากลำบากเหลือเกินแล้วเวลาที่เหลือต่อไปผมจะทำยังไงดี

ไอ้เอเปิดประตูเข้ามามันใส่ผ้าเช็ดตัว น้ำเป็นหยดๆยังเกาะอยู่ตามตัวของมันหัวก็เปียก

"ตื่นแล้วเหรอคะ ยังเวียนหัวอยู่ไหม"

มันถามแล้วเดินเข้ามาหา ผมกระพริบตาถี่ๆ ไล่น้ำตาออก

"ตัวเองร้องไห้อีกแล้วเหรอ ยี้แยจัง ไหนเป็นไรคะ"

มันเข้ามาจับหน้าผม ยิ้มให้ ผมปัดมือมันออก

"จะไปอาบน้ำ"

ผมพูดแล้วเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วออกจากห้องไป ผมหยิบโทรศัพท์ที่เสียบสายชาร์ตอยู่ติดมืออกไปด้วย เวลานี้ผมควรจะออกจากบ้านได้แล้ว ไม่ใช่เพิ่งจะอาบน้ำ ผมโทรไปหาพล

"นี่ เป็นไรแก ปิดเครื่องตลอด มีอะไรหรือเปล่า"

ทันทีที่พลรับสายมันก็ยิงคำถามมาทันที

"ฉันไม่สบายแก เป็นไข้ โทษที ฝากบอกพี่ภาให้ด้วย อาจจะไปสาย"

"เป็นไข้ แกไปหาหมอหรือยังแก ไข้หวัดนกรึปล่าวยะ"

"บ้าสิ ไม่รู้สิแก อยู่ๆก็ตัวร้อน แต่หายแล้วแค่มึนๆหัว"

"เออ เดี๋ยวฉันไปรับ จะได้แอบอู้"

"ไม่ต้องหรอกแก รถติด"

"แหมแก ถ้าฉันบอกเจ๊แกว่าแกไม่ค่อยสบาย เจ๊แกก็บังคับให้ฉันไปรับแกอยู่ดี รอที่บ้านนั่นล่ะ เออ แก นังจ๋ามันเหมือนมีอะไรเลยนะ มันอยากคุยกับแกนะ เห็นแกปิดเครื่อง มันเลยโทรมาหาฉัน น้ำเสียงไม่ค่อยดีเลยแก ยังไงแกโทรถามมันหน่อย"

ผมคุยกับพลอีกคำสองคำก็วางตกลงมันจะมารับผมที่บ้าน ดีเหมือนกันจะได้ปรึกษามันเลยว่าควรทำยังไงดี ผมโทรศัพท์ไปหาจ๋า

"เออ แก ว่าไง พอดีฉันเป็นไข้ แกมีอะไรหรือเปล่า"

ผมถามเมื่อจ๋ารับสาย

"ฉันมีเรื่องจะปรึกษาแก ฉันไม่รู้จะทำยังไงดี"

จ๋าร้องไห้ ผมอึ้ง

"แก เป็นอะไร มีอะไร เล่ามา ทำไมแกไม่โทรเข้าเบอร์บ้านล่ะ"

"ก็ไม่มีคนรับ แกไปทำงานไหม"

"ไปสิ ด่วนรึเปล่า แก เดี๋ยวฉันลางานก็ได้"

"อย่าเลยแก ไปทำงานเถอะ ฉันรอได้"

"ไม่ต้องมากความ มาหาฉันที่บ้าน พอดีเลย พลมันก็จะมารับ จะได้โทรบอกมัน"

ผมวางสายจากจ๋าแล้วโทรไปหาพลอีกรอบ สรุปผมก็ลางานแล้วอยู่รอจ๋าที่บ้าน พลเองก็จะมาหาที่บ้าน รายนั้นคงสบายใจที่ไม่ต้องทำงาน เพราะเอาข้อที่ว่าผมป่วยเป็นข้อต่อรองกับพี่สาว ผมอาบน้ำอย่างลวกๆ แล้วเข้าห้องไปแต่งตัวเห็นเอมันแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว เวลามันใส่ชุดนักเรียน มันก็ดูเหมือนเด็ก มัธยมปลายธรรมดาคนหนึ่ง กางเกงนักเรียนขาสั้นสีน้ำเงินกับเสื้อขาว มันดูสดใสขึ้นมาไม่เหมือนกับเวลาที่มันอยู่ในชุดปกติ มันดูเด็กก็จริงแต่ดูแก่แดดเหลือเกิน เอเรียนโรงเรียนชายล้วนไม่ไกลจากบ้านมากนักนั่งรถเมล์ต่อเดียวจากบ้านมันก็ถึง แต่บ้านผมต้องนั่งสองแถวออกไปต่อรถเมล์ที่ปากซอยอ่อนนุช แต่นี่มันเจ็ดโมงกว่าแล้ว ไม่เข้าใจว่ามันไปโรงเรียนภาษาอะไรของมัน มันยืนยิ้มให้ผมอย่างไม่สะทกสะท้านต่ออะไรในโลกนี้

"มาจุ๊บหน่อสิที่รัก ให้กำลังใจเค้าหน่อย"

มันเดินตรงเข้ามาหา ผมรีบเดินหนีไปใส่เสื้อ มันก็รีบมาคว้าเอวไว้ทันที

"ไม่รีบไปเหรอ โรงเรียนน่ะ นี่มันกี่โมงแล้ว"

ผมว่ามัน แต่มันดูไม่เดือดร้อนอะไรเลย

"โอ๊ย ไปสายหน่อยก็ได้ เพิ่งเปิดเทอม อาจารย์เขาไม่ว่าหรอก มาเค้าหอมแก้มหน่อย"

มันไม่พูดแค่ปากมันทำทันที

"นี่ ฉันจะแต่งตัว เร็วๆรีบไปสายแล้ว"

"แหม คนเขาจะขอกำลังใจจากแฟนนี่ สายนิดสายหน่อยไม่เป็นไรหรอกน่า อ่า ชื่นใจ"

ผมเบี่ยงตัวออกจากวงแขนของมัน แล้วเอามือดันมันไว้ ผมต้องถลึงตาใส่มันถึงยอมหยุด

"เค้ายังไม่ได้กินอะไรเลยอ่ะ หิว"

"ก็ตื่นสายเอง ป่านนี้แม่ไปโรงเรียนแล้ว ไปดูเองในครัวว่ามีอะไรเหลือให้กิน"

"ไปกินด้วยกันดิ นะนะ เค้าอยากกินข้าวกับตัวเอง"

"แล้วนี่จะไม่ไปเหรอโรงเรียนน่ะ นี่มันกี่โมงแล้ว คุณ"

"ไม่สนอ่ะ จะกินข้าวกับแฟน"

"อย่ามาท่ามาก ตอนเย็นค่อยกลับมากิน ไปได้แล้ว จะแต่งตัว"

ผมดุมันแล้วดันหลังมันให้ออกจากห้องอย่างยากเย็น

"เออ ตัวเอง วันนี้เค้ากลับค่ำๆ น้า เพราะต้องซ้อมบาส แต่เดี๋ยวจะรีบกลับ พักเที่ยงเดี๋ยวเค้าโทรหา"

มันโผล่หน้ามายิ้ม ผมดันหน้ามันออกแล้วปิดประตู รำคาญมันแต่เช้า ผมแต่งตัวอยู่สักพักก็ลงมาในครัว มันออกจากบ้านไปแล้วผมเิดินเข้าไปดูในครัว ไม่มีร่องรอยของการใช้ครัว แต่เห็นหม้อข้าวต้มหมู แม่คงทำไว้ ผมตักมาครึ่งทัพพี แค่นั้นก็กินไม่หมด กินยาที่ไอ้ตัวดีซื้อมาให้ แล้วนั่งรอพลกับจ๋า เสียงออดหน้าบ้านดัง ผมรีบเดินออกไป จ๋า นั่นเอง มันยังอยู่ในชุดที่ไม่น่าจะออกจากบ้านมาได้ เสื้อยืดใส่นอนกับกางเกงขาสั้น มันใส่แว่นดำอันโต ใส่แว่นดำตั้งแต่เช้าเนี่ยนะ พอจ๋าเห็นหน้าผม มันโผเข้ามากอดทันที มันสะอื้นไ้ห้ จนผมตกใจ

"แก แกเป็นอะไร"

ผมปลอบ ไม่รู้จะทำยังไงดี ลำพังตัวเองก็เอาเสียจนล้มหมอนนอนเสื่อ มาเจอเพื่อนเป็นแบบนี้อีกรู้สึกมึนทึบไปหมด

"แก ฉันจะทำยังไงดี ป๊ารู้ฉันตายแน่ๆ"

"อะไรแก ใจเย็นๆ มีอะไร"

จ๋า มันยังฟูมฟาย ผมลากมันมานั่งที่ม้าหินอ่อนหน้าบ้าน มันยังคงร้องไห้ ผมเริ่มใจแป้ว มันยังคงไม่ปริปาก ผมเองก็ไม่ถามรอให้มันร้องไห้ให้พอก่อน

"ฉันท้อง แก"

"หา"

ผมร้องเสียงหลง ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง

"ฉันจะทำยังไงดีโย มันพลาด ฉันจะทำยังไงดี"

ผมเหมือนโดนถีบลงเหวลึก เวลาตกจากที่สูงจิตใจก็คงหวิวอย่างนี้ เรามองไม่เห็นพื้นล่าง แต่รู้ว่ามันลึกหนาวเย็นเหลือเกิน ข้างล่างจะหล่นลงไปกระทบกับอะไรไม่รู้ แต่รู้ว่ามันหวิวใจจะขาด

"ใครรู้บ้าง"

ผมเปล่งเสียงถามออกไปอย่างยากลำบาก

"พี่ป้อม"

จ๋ายังคงร้องไห้ มองหน้าผม ผมทั้งสงสารทั้งเห็นใจ แต่อีกใจก็นึกตำหนิมัน เรียนก็สูงไม่รู้จักป้องกัน ทำตัวดีมาตลอดแล้วทำไมมาพลาด

"แล้วเค้าว่ายังไง"

"พี่ป้อมบอกให้ปล่อย เดี๋ยวพอฉันรับปริญญาเสร็จ เขาจะให้ผู้ใหญ่มาขอ"

"แล้วแกว่าไง"
  
ผมยิงคำถามต่อไม่ให้มันมีช่องว่าง เสียงผมเครียดกว่าทุกครั้ง

"ฉันไม่รู้ ถ้าป๊ารู้ ป๊าฆ่าฉันแน่ๆ แกก็รู้ ฉันอยากเอาออก"

"บ้าเหรอ คนนะแก คนทั้งคน แกจะฆ่าเขาเหรอ"

"ฉันก็ไม่อยากทำ แต่ ฉันไม่รู้แก ฉันคิดไม่ออก"

"กี่เดือนแล้ว"

"สองเดือนแล้ว"

"สองเดือน"

ผมอุทานเพราะไม่คิดว่า ท้องสองเดือนจะแสดงอาการอะไรออกมาได้

"อืม ก็วันนั้นฉันทะลึ่งไปซื้อที่ตรวจครรภ์มาเล่นๆ กะจะแกล้งพี่ป้อมเล่น ไม่คิดว่ามันจะจริง"

"สมใจไหมล่ะ"

ผมเหน็บมัน

"แก อย่าว่าฉันเลย ฉันคิดไม่ออกจริงๆ แกว่าฉันควรเอาไว้ หรือปล่อยดี"

"อย่าเพิ่งตีโพยตีพายเลยแก แกยังไม่ได้ไปหาหมอนี่ ไม่แน่หรอก ไอ้เครื่องตรวงเองของแกมันอาจจะไม่จริง"

ผมพยายามให้กำลังใจมัน

"ขอให้เป็นอย่างนั้น ฉันไม่อยากคิดเลย"

"ทำไมแกปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ล่ะ จ๋า แกไว้ใจเขามากขนาดนั้นเลยหรือ"

ผม มองหน้ามัน ไม่เข้าใจว่าเพื่อนที่ผมเคยรู้จัก ที่เคยเข้มแข็งเป็นขุมพลังให้กันและกันมาตลอดจะยอมปล่อยตัวขนาดนี้ เราปรึกษากันทุกเรื่อง แม้แต่เรื่องบนเตียง มันยังเคยเล่าว่าเวลามีอะไรกัน มันจะบังคับให้ผู้ชายใส่ถุงยางตลอดถึงสองชั้น แล้วนี่อะไร

"ฉันขอโทษแก ฉันไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้ ฉันแค่รู้สึกว่ารักพี่ป้อม กว่าใคร"

" พอแกรักกว่าใครต้องยอมปล่อยตัวขนาดนี้เลยเหรอ เอาเถอะ อย่ามาพูดเรื่องที่มันเกิดขึ้นแล้วเลย มาคิดกันดีกว่าว่าวันพรุ่งนี้แกจะทำยังไงถ้าท้องขึ้นมาจริงๆ"

ผม รู้สึกเครียด คิดอะไรไม่ออก ไม่อยากด่าว่ามันมาก เพราะไหนๆมันก็มาถึงขั้นนี้แล้ว จะพล่ามพรรณายกเอาเรื่องเมื่อวานมาด่าว่าตัวเอง แต่ตอนนั้นกลับไม่คิดเผื่อว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น เหมือนผมที่ปล่อยให้เรื่องมันเกิดขึ้นมาไกลถึงขนาดนี้ คิดย้อนไปเรื่องของตัวเองผมยิ่งเครียด เศร้าใจ ยิ่งมาได้ยินเรื่องของจ๋า มันเหมือนโยนหินสองก้อนหนักๆเข้ามาให้ผมแบกพร้อมกัน ผมปวดหัว เครียด ไม่อยากคิดอะไร ไม่อยากทำอะไร แต่ถ้าปล่อยไว้ ผมเองนั่น่ะที่จะทุกข์ใจ หรือไม่ก็ตรอมใจตายไปเอง
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 24 Mar 26, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: andyus1 ที่ 26-03-2010 07:40:39
อ่า นี่ละหนา พอไอเรื่องร้ายมันจะมา มันก็คอมโบกันมาเชียว

แม่ม เวลอัปอย่างไว เปนไงละเทพเลย (เกี่ยวกันไหม: ไม่ ฮาาา)

เอาน่า ตรวจดูให้แน่ แต่สตริปก็ให้ผลค่อนข้างแน่นอนนะคับ

วางแผนไว้เลยดีกว่า เอางี้ ให้พี่ป้อมไรนั่นมาสู่ขอไว้เลย

รับปริญญาเส็ดแต่งเลย น่าจะโอสุด

ส่วนเรื่องของพี่โยกะไอ่ตัวดี ตามนั้น เอาน้องมันอยู่ในกรอบ แล้วประคองๆ กันให้ตลอดน่าจะโอสุด

ปล. หวังว่าเรื่องร้ายๆ ผ่านไปทุกคนจะพบความสดใสด้านน่านะคร้าบบ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 24 Mar 26, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: sweetener ที่ 26-03-2010 10:13:56
เรื่องของตัวเองก็ทุกข์ใจมากพอแล้ว ยังมีเรื่องของเพื่อนมาช่วยให้ทุกข์ทวีคูณอีก
แต่ฟ้าหลังฝนมักจะสวยงามเสมอค่ะ
 :L2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 24 Mar 26, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 26-03-2010 11:33:24
เรื่องตัวยังพันคออยู่ ไหนเรื่องเพิ่อนอีก รุมเร้ามากมายหลายปัญหา  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 24 Mar 26, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Vesi ที่ 26-03-2010 17:26:23
หลายเรื่องรุมเร้าจริงๆ
อย่าเครียดตายก่อนล่ะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 24 Mar 26, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: som ที่ 26-03-2010 18:57:25
หลากหลานอารมณ์มาก   ปรับอารมณ์แทบไม่ทัน  ทำไมทั้งดีใจและเศร้ามาพร้อมๆกันเลย
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 24 Mar 26, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: salawinyeen ที่ 26-03-2010 20:38:24
ชอบมากๆเลยครับ จะรีบอ่านให้จบ บบ   อิอิ 


จากน้องเอตัวจริง :o8:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 24 Mar 26, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 26-03-2010 20:50:40
ตอนต่อๆไปอาจจะน่าเบื่อหน่อยนะครับ ทุกคน พยายามเขียนแล้ว อยากให้คนอ่านชอบ แต่เรื่องมันเป็นแบบนี้จริงๆ ยังไงก็อย่าเพิ่งหยุดอ่านนะครับ


ขอบคุณทุกเมนต์ กำลังใจมาจากเมนต์ของทุกคนนี่ล่ะ





โย

เอ้ย

Eiky
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 24 Mar 26, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: jadezii ที่ 26-03-2010 21:21:50
หลายเรื่องจริงๆเลย :sad4:
เฮ้อออออ :a6:

สู้ๆ ค่ะไรท์เตอร์ :a2:
ไม่หยุดอ่านหรอกค่า ^^ :m4:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 24 Mar 26, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 26-03-2010 21:52:22
ปวดหัวแทน เรื่องตัวเองยังคิดไม่ตกเจอเรื่องเพื่อนเข้าไปอีก  :เฮ้อ:
โยสู้ๆ จ๋าสู้ๆ ใจเย็นๆค่อยๆคิดละกันน๊า

เป็นกำลังใจให้ค่ะ

หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 24 Mar 26, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 27-03-2010 00:44:12
 :เฮ้อ: บางครั้งเรื่องที่ไม่อยากให้เกิดที่สุดกลับเกิดกับตัวเราเองไม่มีใครคาดเดาได้ แต่ใครก็ระวัง
หวังว่านี่จะเป็นบทเรียนที่ดี...
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 24 Mar 26, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 27-03-2010 09:45:25
คนแก่ปวดกะบาลค่ะ ปัยหาสาระพัด ประดังประเดเข้ามากันจัง

โย ไม่บอกเพื่อนหน่อยเหรอ ว่าปัญหาตัวเองยังแก้ไม่ตกเลย

ช่วยกันคิดหลายคนท่าจะดีกว่านะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 25 Mar 27, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 27-03-2010 12:25:24
             ตอนนี้ สั้น นะครับ




                           ตอนที่ ยี่สิบห้า



พลบีบแตรรถดังอยู่หน้าบ้าน ผมมองหน้าจ๋า

"แล้วไอ้พลล่ะ แกจะบอกมันไหม"

จ๋ามองหน้าผม สายตามันน่าเห็นใจเหลือเกิน ผมนิ่งแล้วคิด

"อย่างน้อยมันก็เพื่อน เอาเถอะแก มีกันและกันแค่นี้ล่ะ"

ผมเดินออกไปเปิดประตูให้พล มันอยู่ในชุดทำงาน หน้าตาดูตื่นๆ

"เออ มีอะไรกันแก"

พลถาม แล้วมองหน้าผม ผมพยักหน้าแล้วให้มันเดินเข้าบ้าน

"มีอะไรแก"

มันนั่งลงตรงข้ามจ๋า ถามเสียงอ่อนโยน จ๋ามองหน้ามันแล้วเม้มปาก เหมือนมันพยายามไม่ให้ร้องไห้ออกมา พลเหมือนเข้าใจ มันหันมามองผมซึ่งทรุดตัวลงนั่งข้างๆจ๋า ผมหันไปมองจ๋ามันได้แต่ก้มหน้า ผมเองก็ลำบากใจ

"ฉันท้อง แก"

จ๋าพูดออกไปเอง มันคงลำบากใจมากกว่าผม

"อะไรนะ"

พลตะโกนทำท่าตกใจ ผมมองมันเตือนให้มันสงบลงหน่อย เพราะจ๋าคงไม่อยากได้ยินเพื่อนว่ามันอีกรอบ มันค่อยลดเสียงลง

"แล้วพี่ป้อม รู้เรื่องยัง"

มันถามเสียง เครียด จ๋าพยักหน้า

"แล้วเค้าว่าไง"

"กำลังคิดกันอยู่แก พี่ป้อมจะให้ผู้ใหญ่มาขอตอนรับปริญญาเสร็จ"

ผมตอบแทนเพราะจ๋ามันเบะ ปากอีกแล้ว ท่าน้ำตาจะทะลักออกมาอีก

"แล้วป๊าจะยอมเหรอแก รายนั้นก็ยังเรียนไม่จบ แกก็ยังไม่ได้ทำงาน"

คราวนี้มันปล่อยโฮออกมาเลย ใช่เรายังไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้ ผมบีบบ่าจ๋าเบาๆ แล้วมองพล มันทำหน้าเอ๋อเพราะไม่คิดว่าคำพูดของมันจะไปสะกิดใจมัน เรานั่งนิ่งไม่มีใครพูดอะไร ต่างถอนหายใจ มองหน้ากัน

"แล้วฉันจะทำ ยังไงดีแก"

จ๋าสะอื้น ถามออกมา

"ทำไงได้แก ปล่อยให้มันเลยตามเลย มาถึงขั้นนี้แล้ว แล้วแกปล่อยให้หลุดได้ไงแก ทำไมไม่ป้องกัน"

พลขึ้นเสียง

"เอาน่าแก ไหนๆ มันก็เกิดขึ้นแล้ว จะด่าว่ามันแล้วมันจะดีกว่านี้ไหม"

"ฉันไม่เข้าใจแกเลยจ๋า แกไม่เคยเป็นแบบนี้ คบใครต่อใคร ไม่เคยยอมเขาขนาดนี้ แล้วแกไว้ใจมันมากขนาดนี้เลยเหรอ ไอ้พี่ป้อมน่ะ"

พลพูดเสียงเครียด ขรึม จ๋ายิ่งสะอื้นไห้

"พล แกก็อย่าไปว่ามันมาก ช่วยกันคิดดีกว่าว่าจะทำยังไงดี"

ผมพยายามประครองไม่ให้เรื่องมัน ตึงเครียดมากไปกว่านี้ ไม่อยากได้ยินอะไรเครียดๆอีกแล้ว

"ไม่ได้ จะพอง่ายๆไม่ได้ เวลาทำทำไมไม่คิด เวลาเกิดเรื่องแล้วเป็นไง สนุกไหม ก่อนที่จะช่วยคิดขอด่าหน่อยเถอะ มักง่าย"

"พล"

ผมตวาด จ๋าก้มหน้าลงร้องไห้ยิ่งกว่าเดิม

"แกเสียใจเหรอ เราคุยกันกี่รอบแล้วเรื่องป้องกันไม่ป้องกัน แกทำไม"

พลยังไม่ยอมหยุด แต่มันก็พูดยังไม่ทันจบ น้ำตามันก็ร่วง

"แกเสียใจแค่ไหน แกรู้ไว้นะจ๋า ฉันเองก็เสียใจ"

มันสะอื้น

"ทำไม ปล่อยตัวแบบนี้ มั่นใจมากเลยเหรอ ว่ามันจะยอมรับแก ถ้ามันไม่ยอมรับล่ะ รักมันมากเลยเหรอ แกมันรักมันมากกว่าอนาคตของแกเลยเหรอ แกถึงทำแบบนี้"

"ฉัน ไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้นะแก มันพลาดแกได้ยินไหม มันพลาด แกจะให้ฉันทำยังไง จะให้ฉันเอามันออกเหรอไอ้เด็กคนนี้"

จ๋าสวนขึ้นมาทั้งน้ำตา ผมเหมือนกำแพงกั้นระหว่างกองทรายกับน้ำทะเล อีกฝ่ายโหมเข้าใส่ อีกฝ่ายก็ไม่อยากให้บอบช้ำ ผมเองที่ปวดใจเหลือเกิน ยิ่งมีแผลในใจ ยิ่งเห็นเพื่อนรักเป็นแบบนี้ ยิ่งแทงใจ

"จะทะเลาะกันอีกนานไหม ได้อะไร หา พวกแกทะเลาะกันให้มันได้อะไรขึ้นมา เสียใจ ทุกคนก็เสียใจ เรื่องที่เกิดขึ้นแล้วจะขุดขึ้นมาพูดให้ได้อะไร ทำไมไม่ช่วยกันคิด มันไม่ดีกว่านั่งเถียงกันเหรอ"

ผมทนไม่ไหวตะโกนขึ้น น้ำตาซึมหางตาไม่ร้องไห้มาก เพราะร้องมามากพอแล้ว ทั้งสองเงียบ เราทั้งสามกลับมานั่งเงียบอีกครั้ง เสียงสะอื้นปนเสียงถอนหายใจดังเป็นระยะ ลำบากใจเหลือเกิน คิดไม่ออกเลยว่าควรจะทำยังไงดี คิดเรื่องจ๋าเรื่องส่วนตัวของผมก็แทรกเข้ามา

"แล้วแกจะบอกป๊าไหม หรือว่าจะรอให้เขามาขอก่อน"
  
พลพูดขึ้นมาทำลายความเงียบ จ๋าส่ายหน้าไม่มีคำตอบ

"เรื่องจะเอาเด็กออก ไม่ต้องคิด คนทั้งคน เวลาพ่อกับแม่มันสนุกสนานกัน เคยคิดป่ะล่ะว่าจะเป็นแบบนี้ มีแต่ครางขออีกๆ เชอะ"

ผมอดอมยิ้มไม่ได้ จ๋าเองก็หัวเราะออกมาทั้งน้ำตา

"อี บ้า"

เราหัวเราะออกมาจนได้ มันเครียดก็จริง แต่ทำยังไงได้ เรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว เหมือนผมกับเรื่องที่สุมอกอยู่ตอนนี้ แต่เราจะยิ้มได้นานสักแค่ไหนเชียว

"นั่นสินะแก อย่าคิดมากเลย ป๊าเขาคงไม่ฆ่าแกหรอก"

ผมปลอบ จ๋าค่อยดูหายเศร้าขึ้นมาหน่อย

"ท้อง สาวน่ะมันไม่ใหญ่หรอกแก อีกไม่กี่เดือนก็รับปริญญาแล้ว พอรับเสร็จก็แต่ง ไม่แปลกหรอก"

พลเสริม

"ว่าแต่แกเถอะ ช่วงนี้เป็นไรเห็นเงียบๆ"

พลหันมาทางผม จ๋าเองก็จ้องมาที่ผม

"ปล่าวนี่ ก็แค่เป็นไข้"

"เป็นไข้ต้องปิดมือถือไม่บอกไม่กล่าวเพื่อนเลย เหรอ แปลกว่ะ"

พลยังคงสงสัย

"เออ นั่นสิ ฉันก็เป็นห่วง ยิ่งมีเรื่อง ยิ่งอยากคุย แต่แกก็ไม่รับโทรศัพท์ มีอะไรหรือเปล่าแก"

"ไม่ มี เออกินน้ำไหมแกคุยตั้งนาน เดี๋ยวไปเอาน้ำมาให้"

ผมเปลี่ยนเรื่อง ไม่คิดจะปิดเพื่อนแต่ยังไม่อยากเล่าตอนนี้ ผมลุกออกจากโต๊ะทันที

"ไม่ ใช่โดนของใหญ่จนไข้ขึ้นเร้อแก ฉันก็เคยเป็น"

ผมหันมาค้อนพลวงใหญ่ มันพูดขึ้นมาลอยๆ แต่มันแทงใจเหลือเกิน แล้วก็เดินเข้าครัวไปเลย

"โห พูดแค่นี้ทำเป็นค้อน จริงเหรอโย ใครอ่ะ เฮ้ยอย่าบอกนะว่า"

พลมัน ร้องตาม ผมรู้สึกอายเพื่อนเหลือเกิน นี่มันชักจะรู้มากไปแล้ว ผมนั่งลงที่เก้าอี้ในครัว คิดว่าควรจะบอกพวกมันดีไหม ใจหนึ่งก็ไม่มีเรื่องไหนที่เคยปิดพวกมันได้ ใจหนึ่งมันไม่ใช่เรื่องที่จะบอกใครๆได้ง่ายๆ แม้แต่ตัวของผมเอง ผมยังทำใจรับไม่ได้เลย แล้วเพื่อนล่ะมันจะทำใจรับได้เหรอ เรื่องบางเรื่องเราก็ขอให้มันเป็นควาลับฝังอยู่ในใจของเราคนเดียวไปจนวันตาย แต่ท่าทางมันคงไม่ลงง่ายๆ ผมยกถาดน้ำมะตูมออกไป เตรียมใจที่จะเผชิญกับคำถามของเพื่อนๆ เข้มแข็งไว้ โย แกต้องเข้มแข็ง
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 25 Mar 27, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Vesi ที่ 27-03-2010 12:46:07

"ไม่ ใช่โดนของใหญ่จนไข้ขึ้นเร้อแก ฉันก็เคยเป็น"

 :laugh: :m20:

ใหญ่ขนาดนั้นเชียว.....
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 25 Mar 27, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: สุดโฉด ที่ 27-03-2010 13:11:24
รอตอนต่อไป 

 :กอด1:คนแต่ง
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 25 Mar 27, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 27-03-2010 14:55:07
 :laugh: แหมโยแค่นี้ทำเป็นอายไปได้
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 25 Mar 27, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: jadezii ที่ 27-03-2010 15:05:27
:call: :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 26 Mar 27, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 27-03-2010 19:30:08
 ตามคำขอคร้าบบบ  ขอบคุณทุกเสียง





                     ตอน ยี่สิบหก




ผม ถือถาดน้ำมะตูมออกไปในใจก็สั่นไหวกลัวว่าเพื่อนจะถาม ไม่ใช่จะปิดบังแต่ผมยังไม่พร้อมที่จะเล่าอะไรในตอนนี้ ทั้งสองคนมองหน้าผมจ๋าแม้จะมีสีหน้าเศร้าอยู่แต่แววตามันก็อยากรู้มาก นี่คงถึงตาผมเผยความจริงแล้วสินะ




"ไป เอาน้ำแค่นี้ไปเป็นชั่วโมงเลยนะแก"


พล แซว


"เออ จ๋า เรื่องแกน่ะฉันว่า"


"อย่า มาเปลี่ยนเรื่อง ไม่ได้ผลหรอกแก หลอกฉันสองคนไม่ได้หรอก"


พล สวนขึ้นมา ทั้งที่ผมพยายามวกกลับไปเรื่องของจ๋า


"อะไร ล่ะแก ก็บอกเป็นไข้ธรรมดา นี่ก็เพิ่งสร่างอย่าซักมากได้ไหม"


ผม หัวเสียใส่


"ไม่ จริง เวลาแกไม่สบายแกไม่เป็นแบบนี้ ฉันรู้ ไม่ทำท่ามีความลับพันล้านแบบนี้หรอก"


ที นี้จ๋าเสริม


"อ้าว แก ก็คราวนี้มันไม่สบายมาก ฉันก็แค่เครียดๆ"


"เครียด เรื่องน้องเอหรือเปล่าแก"


พล เหน็บ แต่ผมรู้สึกจริงๆ ไม่รู้ว่ามันระแคะระคายจากเรื่องที่เคยเล่าให้ฟังหรือด้วยความที่มันฉลาดนัก เรื่องของชาวบ้านก็ไม่แน่ใจ ผมมองค้อนพล


"แน่ะ แน๊ มองแบบนี้มีอะไรแน่ๆ ไหนแกเล่ามาซิ"


"โอ๊ย ไม่มีอะไรแก ตอนนี้สนใจเรื่องของจ๋าก่อนดีไหม ฉันไม่มีอะไร"


"ฉัน โอเคแล้วแก ว่าเรื่องของแกมาเถอะ"


จ๋า ปาดน้ำตาออกแล้วทำหน้าอยากรู้อยากเห็นจนหน้าหมั่นไส้ ไม่ยักรู้ว่าเมื่อกี้มันเพิ่งร้องไห้หมดสภาพ


"ไม่ มีอะไร ไม่มีอะไรทั้งนั้น"


ผม โวยวาย


"โย แกเป็นเพื่อนฉันนะ แกเปลี่ยนไปยังไงทำไมฉันจะดูไม่ออก แกดูไม่สบายใจขนาดนี้ ฉันดูออก อย่ามาปิดบังเลย"


จ๋า พูดเสียงอ้อนวอน


"ใช่ แก ทีเรื่องจ๋า เรายังปรึกษากัน แล้วแกมีเรื่องอะไรทำไมจะไม่ปรึกษาพวกฉันล่ะ"


ผม นั่งนิ่งหน้าสลดลงทันที ในที่สุดพวกมันก็จะล้วงความในใจของผมออกมาให้ได้จริงๆใช่ไหม ผมถอนหายใจคิดทบทวน ขัดแย้งในใจทำไมแม้แต่เพื่อนที่สนิทอย่างพวกมันไม่เคยมีเรื่องใดปิดบังกัน ผมยังรู้สึกลำบากใจที่จะบอก ยากเหลือเกิน


"ฉัน มีอะไรกับไอ้เอ"


ผม พูดเหมือนกระซิบ เสียงเบาลอดออกมาจากช่องคออย่างยากเย็น มันดังออกมาจากห้วงที่ลึกที่สุดของหัวใจ ความอายทำให้ผมไม่กล้าที่จะพูดมันออกมาได้อย่างเต็มใจ


"หา อะไรนะ"


ทั้ง สองตะโกนพร้อมกัน มันมองหน้าผมทีแล้วมองหน้ากัน


"ฉัน ว่าแล้ว มันต้องมีวันนี้"


พล พูดขึ้น จ๋าตีมือมัน


"ฉัน แย่มากเลยใช่ไหมแก ที่คุมตัวเองไม่อยู่"


ผม พูดเสียงเศร้ารังเกียจตัวเองขึ้นมา


"ไม่ หรอกแก อย่าคิดมาก ไม่เห็นเป็นไรเลย แค่มีอะไรกัน"


จ๋า พูดเสียงอ่อนโยน รู้ว่ามันพยายามพูดให้ผมรู้สึกดีขึ้น แต่ผมไม่ได้รู้สึกดีขึ้นเลย


"นั่น สิแก คิดอะไรมากมาย เด็กมันยั่วนักก็จัดไป"


"เรื่อง แค่นี้เหรอที่ทำให้แกนั่งเศร้าจนป่วย"


จ๋า มองหน้าผม


"แค่ นี้เหรอแก แม่รู้แล้ว แม่ดูผิดหวังมาก"


ผม กระแทกเสียง ไม่ได้ตั้งใจ หวังจะให้เพื่อนเข้าใจตัวเองโดยที่ไม่พูดคงจะประหลาด


"หา แม่รู้ด้วยเหรอ"


ทั้ง สองอุทานพร้อมกันอีกครั้ง ผมพยักหน้า


"นี่ ล่ะที่ฉันกลุ้มใจ"


"แต่ แม่คงเข้าใจนะแก อย่าคิดมากเลย"


จ๋า จับบ่าผมแล้วบีบเบาๆ


"นั่น สิ แม่เป็นแม่พระจะตาย แม่เข้าใจล่ะ"


"ยิ่ง แม่ดีเท่าไหร่ วางใจเท่าไหร่ แต่สิ่งที่ฉันตอบแทนแม่ล่ะแก ดูฉันทำสิ ปล่อยให้อารมณ์ชั่ววูบทำลายความไว้วางใจที่แม่มีให้ ไหนจะอาจารย์ปริศนาอีก เขาอุตส่าห์ไว้วางใจให้บอกให้สอนลูกเขา แต่ฉันกลับทำมันพัง ฉันจะมองหน้าแม่ยังไง สายตาแม่ตำหนิฉันมาก ตั้งแต่เกิดมา ฉันไม่เคยทำให้แม่เสียใจเลย แม่ไม่เคยเสียใจเลย แต่คราวนี้"


ความ ในใจที่เก็บไว้มานานพรั่งพรูออกมา ผมร้องไห้ สะอื้นอย่างช้ำใจ เพื่อนทั้งสอบเงียบนิ่งไม่มีเสียงหลุดออกมาจากปากของใคร


"คราว นี้ฉันมันแย่มากเลยใช่ไหม ผ่านอะไรมามากมาย แค่เรื่องแค่นี้ฉันยังทำไม่ได้ แล้วฉันจะทำยังไงแก ฉันจะทำยังไง"


ผม โอดครวญ พูดทั้งน้ำตา


"โย"


จ๋า เรียกชื่อแล้วกอดผม ผมร้องไห้จนพอใจ เพื่อนก็เงียบนั่งดูอยู่ พลก็บีบมือให้กำลังใจ


"โอ๊ย นีมันเกิดอะไรขึ้น ทำไมมีแต่เรื่องนะช่วงนี้ ไปทำบุญกันเถอะแก"


พล พูดขึ้น


"นั่น สิ ฉันว่าฉันคงมีเรื่องแค่คนเดียว แกใจเย็นๆนะโย อย่าคิดมาก แม่เสียใจ แต่แม่คงเข้าใจล่ะ"


ผม พยักหน้ายอมรับน้ำใจจากเพื่อน แต่ใจจริงผมยังคงรังเกียจตัวเอง ทำใจยอมรับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น กับลูกเลวอย่างผม เรานั่งคุยกันจนเกือบเที่ยงจึงมาทำกับข้าวกินกัน พอกินเสร็จก็นั่งคุยกันต่อ คุยกับเพื่อนแล้วรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย จ๋าเองก็ดูไม่เครียดแล้ว อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด พยายามทำให้มันดีที่สุด เราปลอบใจกันด้วยคำพูดเหล่านี้ หน้าก็บอกรับรู้เข้าใจ แต่ในใจไม่รู้ว่าจ๋าเองมันจะทำได้อย่างที่พูดหรือเปล่า เพราะผมเองทำไม่ได้


เรา นั่งดูโทรทัศน์สักพักก็ออกมานั่งคุยกันต่อที่ม้าหินอ่อนหน้าบ้าน เกือบสี่โมง เราทั้งสามก็สะดุ้งเพราะมีเป้โยนเข้ามาในบ้าน


"เฮ้ย ขโมย"


พล ร้อง


"ไม่ ใช่หรอก ไอ้เอ"


ผม บอก เพราะเป้นักเรียนของมันคุ้นตา อีกอย่างมันคงปีนเข้าบ้านผมจนชิน พอพูดจบก็เห็นร่างของมันปีนรั้วเข้ามา มันชะงักอยู่บนรั้วบ้าน คงตกใจที่มองเห็นเรานั่งอยู่ มันยิ้มแห้งๆแล้วค่อยกระโดดลงจากรั้ว พอมันหยิบเป้ขึ้นมาก็ยืนเก้ๆกังๆอยู่สักพัก ค่อยเดินเข้ามา มันยังคงใส่กางเกงนักเรียนแต่เสื้อเป็นเสื้อเล่นบาสฯ


"หวัด ดีครับพี่"


มัน ยกมือไหว้เพื่อนทั้งสองแล้วยืนเขินอยู่


"ไหนบอก จะซ้อมบาสไง แล้วทำไมกลับเร็ว"


ผม ถามกลัวมันจะเขินจนทำอะไรไม่ถูก


"ก็ เค้า เอ่อ ผมเจ็บหลังเลยกลับก่อน"


มัน หน้าแดง รีบเปลี่ยนสรรพนามแทนตัว เพิ่งรู้ว่าไอ้นี่ก็มียางอาย มันเดินมานั่งเบียดผมทันที


"เนี่ย เหรอน้องเอ เข้าใจแล้วล่ะแกว่าทำไมมันถึงเกินเลย"


พล พูดแล้วยิ้มมองสำรวจไอ้เอ จนผมเองที่อายแทนมัน


"เอ ขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนไป"


ผม พูดแล้วดันให้มันลุก มันทำหน้างงๆแต่ก็ยอมลุกไปแต่โดยดี พอลับหลังมันพลก็ทำหน้าตาตื่นตาโตใส่


"หล่อ ว่ะแก ไม่แปลกใจหรอกที่แกจะเกินเลยกับมัน ตัวสูงใหญ่หล่อล่ำขนาดนี้ เป็นฉันนะตั้งแต่มันยั่ววันแรกแล้วแก"


"อี บ้า คนมันยิ่งเครียดๆอยู่ ใครจะเหมือนแก แหม"


"เงียบ ไปเลยจ๋า"


พล แว้ดใส่ แล้วหันมาทางผมอีก ผมไม่ได้ยินดียินร้ายกับมัน แต่ทำตัวไม่ถูก


"แก จะไปเครียดอะร้าย เด็กมันหล่อออกขนาดนี้ น่ากินมาก รู้งี้ฉันไปรับจ้างสอนพิเศษด้วยก็ดี ดูท่าคงจะไม่น้อย อิอิ เพื่อนฉันถึงกับเป็นไข้"


"นี่ แก มากไปแล้ว ไม่ต้องคุยเรื่องนี้แล้ว ฉันไม่สนุกด้วย"


ผม โวยใส่ ไม่พอใจมันที่พูดทุกอย่างเป็นเรื่องเล่นไปเสียหมด


"น่า แก อย่าเครียด น่าจะพอใจมากกว่านะฉันว่า"


มัน อมยิ้ม


"โอ๊ย ไม่อยากคุย กลับบ้านได้แล้วแก ไปพักเถอะจ๋าแกเองก็เครียด ส่วนแกกลับไปหาเด็กแกเถอะ"


"จ้า พอเด็กมาก็ไล่เพื่อนเลย ปะจ๋าเรากลับ มันจะสานสัมพันธ์กับน้องเอ"


มัน ล้อ ผมค้อนวงใหญ่ มันรีบลุกแล้วดึงมือจ๋าลุกตาม


"แก มีอะไรโทรมานะ ไม่ต้องคิดมาก"


จ๋า บอกก่อนจะเดินไปตามแรงดึงของไอ้พล รายนั้นยิ้มกรุ้มกริ่ม


"อย่า หักโหมนักล่ะแก เดี๋ยวไข้ขึ้นอีก อิอิ"


"ไอ้ นี่ เดี๋ยวเถอะ"


พอ เพื่อนออกจากบ้าน ผมก็ปิดประตูถอนหายใจ ไม่ได้โล่งใจแต่รู้สึกแปลกๆนี่มันจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปนะ ผมคิดไม่ตกจริงๆ เรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นมันดูประดังประเดเข้ามาเกินจะรับ ความรู้สึกก็อ่อนล้าเหลือเกิน ไม่อยากจะทำอะไร ไม่อยากจะคิดอะไร
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 26 Mar 27, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: salawinyeen ที่ 27-03-2010 20:19:57
 :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1:
 :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1:



ขอบคุณมากนะครับ  ขอบคุณจริงๆ  จาก น้องเอตัวจริง
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 26 Mar 27, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Vesi ที่ 27-03-2010 22:28:22
ความแตกซะละ หุหุหุ
แต่เป็นเรา เราก็กินนะ ก็เด็กมันยั่วอ่ะ :laugh:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 26 Mar 27, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: jadezii ที่ 27-03-2010 22:42:57
โย คิดมากไปแล้ววววววววววว :try2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 26 Mar 27, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 27-03-2010 23:12:45
พอน้องเอทำอายๆ ก้อดูน่ารักดีนะ หุหุ

รอตอนต่อไปค่ะ

เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 26 Mar 27, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: andyus1 ที่ 28-03-2010 02:17:17
เอาน่า อย่ามัวแต่กังวล คิดทางออกได้แล้ว

เดินไปทีละขั้น แล้วจะค่อยๆ ดีขึ้น

มาต่ออีกคับ สงสารน้องเอ เมียมันจะรักมันขึ้นบ้างไหมหนอ เจ็บตัวขนาด

เอ้อ ถือว่าเจ๊ากันเนอะ น้องมันยอมขนาดนั้นแล้ว อย่าผลักไสน้องมันเลย
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 26 Mar 27, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 28-03-2010 11:09:29
ทุกปัญหา มีทางออกของมันเองนะค่ะ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 26 Mar 27, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: som ที่ 28-03-2010 11:28:11
ความเศร้า ความเครียด ความไม่สบายใจ มันมาพร้อมกับความหวานเลยนะครับ 
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 27 Mar 28, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 28-03-2010 11:59:00
เพิ่งเสร็จ สดๆร้อนๆ ต่อเลย ค้าบบบ



                         ตอน ยี่สิบเจ็ด



"เฮ้ย ตกใจหมด มายืนทำไมตรงนี้"
 
พอผมหันหลังกลับก็เห็นมันยืนดักอยู่แล้ว
 
"ก็เห็นเพื่อนตัวเองกลับเค้าก็ลงมาดิ ตัวเองเค้าเจ็บหลังอ่ะ วันนี้เลยอยู่ซ้อมบาสไม่ได้เลย ดูให้หน่อยดิ"
 
มันอ้อนแล้วมาลากมือผมให้เดินตามมันไปที่ม้าหินอ่อน มันนั่งลงหันหลังให้ ไม่รู้เหมือนกันทำไมถึงยอมตามมันไปง่ายดายโดยไม่ขัดขืนเลย ผมค่อยๆถลกเสื้อมันขึ้น แผลมันเริ่มตกสะเก็ดแล้ว แต่ตรงกลางของแผลบวมใหญ่กว่าใคร แผลมันเป็นหนอง
 
"เดี๋ยวล้างแผลให้ รอแป๊บ"
 
ผมเดินเข้าไปในบ้านแล้วหยิบกล่องยาออกมา ผมหาเข็มหมุดมาด้วยอันหนึ่ง ผมค่อยๆล้างแผลให้มัน
 
"ทนเจ็บหน่อยนะ"
 
ผมบอกมันก่อนที่จะเอาเข็มหมุดค่อยๆแคะแผลให้หนองไหลออก มา พอเสร็จผมก็เช็ดแผลให้มันอีก ความจริงผมชอบบีบสิวนะไม่รู้ทำไม หน้ากบเยินก็เพราะผม ชอบจับมันให้มานั่งแล้วพิจารณาหน้ามัน แต่ก็รักษาให้จนตอนนี้ไม่ได้บีบของมันแล้ว ผมค่อยๆทำอย่างบรรจง ลืมความเกลียดชังมันไปชั่วขณะ

"เอ๊ะ เราอาบน้ำแล้วเหรอ"

ผม คิดขึ้นมาได้ เพราะทำแผลให้มันอย่างดีปิดผ้าเรียบร้อย

"ยัง จ๊ะ"

"อ้าว ไม่ต้องทำใหม่หรอกเหรอ"

ผมหยุดทำทันที พอดีกับเสียงรถมาจอดหน้าบ้านแม่คงกลับมาแล้ว ผมผละออกจากมันแล้วเดินไปเปิดประตูให้แม่เอารถเข้ามาจอด

"หิวไหมเอ"

แม่ ทักมันแล้วเดินลงมานั่งข้างหน้า มันยกมือไหว้

"นิดหน่อยครับ แม่อร ซื้อดอกไม้มาเยอะแยะเลย วันพระเหรอครับ"

มันเข้าใจพูดประจบผู้ใหญ่ผม ยืมมองท่าทางของมันอย่างหมั่นไส้

"จ๊ะ แม่ซื้อมาไหว้พระให้พี่เขานั่นล่ะจัดการให้ อาบน้ำหรือยังล่ะเรา"

"ยัง ครับ พี่โยเพิ่งทำแผลให้ วันนี้แม่อรจะทำอะไรให้ผมกินครับ"

"อยากกิน อะไรล่ะจ๊ะ แต่ถ้าพี่เขาอยู่พี่เขานะทำ แม่ไม่ได้ทำหรอก"

ผมเอาของ แม่เข้าไปเก็บในบ้านแล้วเอาน้ำมะตูมออกมาให้แม่

"อ้าวแล้วของผมล่ะ พี่"

มันถามแล้วมองหน้าผมแบบกวนๆ

"อ้าวนึกว่ากินแล้ว เข้าไปเอาสิในครัวน่ะ" ผมย้อน รู้ทันมัน

"โย ทำไมไม่เอามาให้น้องด้วยล่ะลูก"

แม่เตือน ผมมองหน้ามันอย่างหมั่นไส้เหลือทน ไอ้นี่มันช่างตลบแตลงได้ใจเสียจริง แล้วก็เดินเข้าไปในครัว แต่ผมก็ไม่สนใจจะเอาน้ำไปให้มัน เพราะผมเปิดตู้เย็นดูของที่จะทำกับข้าว แล้วก็เอาผักออกมาแช่น้ำด่างทับทิม แล้วก็เอาปลาออกมาล้าง ทำจนลืม

"ไหนอ่ะน้ำเค้าอ่ะ"

มันเดิน เข้ามาตาม

"นั่นไง ไม่มีมือเหรอ"

"โห ตัวเองใจร้ายอ่ะ เค้ารอกินน้ำจนคอแห้งไปหมดแระ"

มันเดินเข้ามาใกล้ จนผมต้องถอยออกมองไปดูข้างนอกเผื่อแม่จะเดินมาเห็น

"แม่ขึ้นไปอาบน้ำ แล้ว"

มันบอกเหมือนรู้

"แหม ทีต่อหน้าแม่ นี่พี่โยๆ ผมยังงั้นผมอย่างนี้ ทีตอนนี้ไม่พูดอย่างนั้นล่ะ"

ผมเหน็บมัน

"อ้าว ก็ตัวเองบอกว่าอย่าประเจิดประเจ้อไง หรือจะให้เค้าพูดแบบนี้ต่อหน้าแม่อร เอาไหมล่ะ"

"ก็ลองสิ อย่าหาว่าไม่เตือน"

"จะทำอะไรสามีค้าบบ"

มัน ล้อเลียน ผมอดไม่ได้เอาทัพพีโขกหัวมัน

"โอ๊ย ตัวเองอ่ะ เล่นแรงทุกทีเลย เดี๋ยวเถอะ คืนนี้เจอกัน"

"ไอ้บ้า ฉันจะไปนอนกับแม่"

"ไม่ได้หรอก เพราะบอกแม่อรไว้แล้ว ว่าเค้ากลัวผี อิอิ ลองดู๊ ถ้าแม่อรยอม"

ผมยกมือที่ถือทัพพีขึ้นกะจะฟาดให้หนัก

"โย ทำอะไรน่ะลูก"

ตายล่ะสิ แม่มา ผมหยุดแล้วทำท่าชี้มือไปทางอ่างล้างผัก

"เอ่อ โยใช้น้องมันล้างผักน่ะแม่ ไม่มีอะไรครับ"

"อะไร แม่เห็นอยู่ จะทำอะไรน้อง เรานี่ทำตัวเป็นเด็กๆ คุยกันแล้วนะ"

แม่ดุแล้วเดินเข้ามา แม่ยังไม่อาบน้ำแต่มีหมวกคลุมหัวเอาไว้แล้ว ผมทำหน้ามุ่ยทันที มันเดินไปหลังแม่ทั้งที่ตัวสูงใหญ่กว่า

"อย่าให้แม่รู้นะว่าเราทำ อะไรรุนแรงกับน้อง"

แม่พูดเสียงแข็ง ผมได้แต่ก้มหน้า อยากจะถีบมันเหลือเกิน ไม่เคยเห็นใครปลิ้นปล้อนเท่ามัน

"แล้วนี่ทำอะไรกิน ตาเอก็ไปอาบน้ำได้แล้วลูก หรือจะช่วยพี่เขาทำกับข้าว"

แม่เปลี่ยนเสียงทันทีเวลาพูดกับมัน

"เอ จะช่วยทำครับ"

ผมถลนตา ใส่มันทันที

"โย"

แม่เรียกเสียงเรียบยาว กว่าแม่จะออกไปจากครัวผมต้องทนก้มหน้ายอมรับทุกสถานการณ์

"ไหน ตัวเอง มีอะไรให้เค้าทำอ่ะ"

มันพูดเสียงเคล้าเสียงหัวเราะ มันพูดแบบนี้แสดงว่าแม่ไปแล้ว ดีล่ะ แกเตรียมตัวได้เลย

"แหม ขออีกสักทีเถอะ"

"แม่อร" มันตะโกน

ผมง้างมือกะจะฟาดเข้าที่กกหูมันสักที ผมทำอะไรมันไม่ได้ ผมได้แต่กัดปากตัวเอง เก็บความแค้นไว้ในใจ

"จะนอนห้องพี่ใช่ไหมคืนนี้ ได้ เราจะนอนด้วยกัน"

ผมกัดฟันพูดสายตามอง มันอย่างเคียดแค้น

"โห ดูทำหน้าเข้า จะกินเลือดเค้าเหรอ อิอิ เค้ากลัวนะ อย่ากินเลือดเค้าหมดตัวนะ เดี๋ยวเค้าไม่มีแรงกอดตัวเอง"

ผมอยากจะกราบพระ เทพเจ้าเทวดาองค์ไหนโปรดให้ลูกพ้นจากไอ้นี่ทีเถอะ รู้สึกต่อมโมโหพุ่งทะยานสูงลิ่ว อยากจะขย้ำคอมันเหลือเกิน พอเสร็จผมก็เตรียมสำรับ แม่อาบน้ำเสร็จก็กินข้าว ระหว่างกินมันก็ชวนแม่คุยนั่นคุยนี่ไม่กวนผมอีก กินข้าวเสร็จก็ทำความสะอาด แม่นั่งทำงานที่โต๊ะผมเองก็เอาดอกไม้ใส่แจกันให้ ส่วนไอ้ตัวดีไปอาบน้ำ

"นี่ โย เวลาอยู่กับน้องน่ะ ระงับอารมณ์หน่อยสิลูก อย่าโมโหง่าย ก็รู้อยู่ว่าน้องมันกวน เราต้องคุมมันให้ได้ อย่าเอาแต่อารมณ์"

แม่ เรียกผมเข้าไปเตือน ผมได้แต่พยักหน้ารับ แม่ไม่รู้หรอกว่ามันกวนมากแค่ไหน นี่ขนาดพยายามทำใจเย็นที่สุดแล้วนะ ผมแย้งแม่ในใจ

"แม่รู้ว่าเราทำใจ ลำบาก แต่พยายามหน่อยนะลูก อย่างน้อยก็เพื่อน้องมัน และเพื่อพี่ปริศนา"

แม่เทศน์ชุดใหญ่ ผมก็ได้แต่ทำท่าเดียวก้มหน้าแล้วก็พยักหน้าตอบรับ ผมขอตัวแม่ไปอาบน้ำ เพราะไอ้ตัวดีมันลงมาดูโทรทัศน์ พออาบน้ำเสร็จก็เข้าห้อง เห็นมันนอนทำท่าอ่านหนังสืออยู่ ผมรีบแต่งตัวแล้วลงมาปิดบ้าน คิดอยู่ว่าจะไปนอนที่ห้องตัวเองดีหรือเปล่า ถ้าขอไปนอนห้องแม่ แบบนั้นแม่ยิ่งจะสงสัยไปกันใหญ่ ผมจำใจต้องนอนห้องเดียวกับมันอีกตามเคย มันไม่อยู่ที่เตียงแล้ว แต่มันนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะ ผมเดินเข้าห้องไปเงียบๆ มันหันมามองแต่ก็กลับไปอ่านหนังสือต่อ เออดีไม่ต้องมากวน ผมเอนหลังหยิบหนังสือนิยายที่อ่านค้างไว้มาอ่าน นานจนง่วงผมจึงหลับไป รู้สึกตัวตอนมีคนมากอด

"คิดถึงจัง"

มันพูดอู้อี้อยู่ข้างหู

"อะไร จะนอน"

ผมพาล

"คิดถึงตัวเองจัง ยิ่งอยู่ใกล้ ยิ่งคิดถึง อยากจะกอดอยู่อย่างนี้"

"พอเถอะ เลี่ยน อ่านเสร็จแล้วเหรอ"

ผม ผลักหน้ามันออก รำคาญ

"ยัง แต่มากล่อมตัวเองให้หลับก่อน เดี๋ยวเค้าไปอ่านต่อ เดี๋ยวไม่ได้ตามเป้า แม่อรยิ่งเตือนๆอยู่"

นี่ มันคุยอะไรกับแม่กันแน่ ผมยิ่งสงสัยไม่เข้าใจไปใหญ่ นับวันแม่ชักจะมีความลับกับผมมากขึ้นทุกวัน ไอ้นี่อีกคน ต่อหน้าแม่ก็อีกอย่างแต่พอลับหลังก็เปลี่ยนเป็นปีศาจเหมือนเดิม

"จะ นอนแล้ว ไปทำอะไรก็ทำ อย่ามากวน"

"หอมแก้มเค้าหน่อยดิ นะนะ ตัวเองหอมเค้าหน่อย เป็นกำลังใจ"

"โอ๊ย กำลังจงกำลังใจอะไรล่ะ คนจะนอน"

"โห อ่ะ"

มันเอาแก้มมันมาประกบปากผม ยอมมันจริงๆ ไม่ว่าจะทำอะไรจะด่ายังไง มันก็ไม่สะท้านเลย มันกลับไปอ่านหนังสือต่อผมก็นอนหลับสบายไปเลย ผมเองก็แปลกพอนอนแล้วถ้าหลับสนิทมักจะไม่รู้ตัว เวลามันกอดมันก่าย นี่มันกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผมไปแล้วหรือ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 27 Mar 28, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: kaporzung ที่ 28-03-2010 12:06:18
ทำไมเอ ขี้ปี้ จังเลยคร๊ะ อิอิ แต่ดูจะรักพีโยจังเลย
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 27 Mar 28, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 28-03-2010 13:54:38
เอทำตัวน่ารักขึ้น
สงสารทั้งคู่  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 27 Mar 28, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: jadezii ที่ 28-03-2010 14:38:53
ไรท์เตอร์สู้ๆ ค่ะ :man1:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 27 Mar 28, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 28-03-2010 15:03:11
สงสัยแม่จะหลงลูกเขยล่ะมั้งงานนี้  :really2: :really2: :really2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 27 Mar 28, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 28-03-2010 17:58:14
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 27 Mar 28, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: aekporamai2 ที่ 28-03-2010 18:42:20
ขลงมติเป็นเอกฉันท์ว่าแม่อรควรรีบคุยกับแม่ปริศนาโดยด่วยเพราะน้องเอมีแม่เหมือนกัน
แม่ลูกเค้าจะได้คุยกันเพื่อหาทางออกให้โยได้ตัดสินใจและน้องเอจะได้มีเคลียร์ตัวเอง
เพราะหากปล่อยนานไปคนที่เสียคือแม่อรและคนที่เจ็บปวดที่สุดคงไม่พ้นโยเพราะได้ทำร้ายแม่โดยไม่ได้เจตนา...
เพราะถึงเอจะยั่วยวนพี่โยแต่ยังไงโยก็คงต้องผิดเพราะเป็นพี่ที่มีวัยวุฒิมากกว่า..เห็นได้จากแม่อรที่สึกได้ว่าโยไม่อดทนอดกลั้นจนทำให้เกิดเรื่องเหล่านี้ขึ้นทั้งๆที่เรื่องต่างๆมันเกิดจากเอ.. :pig4:
เฮ่อออออออออออ...อินไปหน่อยครับแต่ชอบที่เอมีจุดยืนมากๆ..แล้วเวลาคงช่วยพิสูจน์อะไรๆได้ป็นอย่างดี
ติอตามคนแต่งต่อไปนะครับ
:3123: :L2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 27 Mar 28, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 28-03-2010 19:26:50
ขลงมติเป็นเอกฉันท์ว่าแม่อรควรรีบคุยกับแม่ปริศนาโดยด่วยเพราะน้องเอมีแม่เหมือนกัน
แม่ลูกเค้าจะได้คุยกันเพื่อหาทางออกให้โยได้ตัดสินใจและน้องเอจะได้มีเคลียร์ตัวเอง
เพราะหากปล่อยนานไปคนที่เสียคือแม่อรและคนที่เจ็บปวดที่สุดคงไม่พ้นโยเพราะได้ทำร้ายแม่โดยไม่ได้เจตนา...
เพราะถึงเอจะยั่วยวนพี่โยแต่ยังไงโยก็คงต้องผิดเพราะเป็นพี่ที่มีวัยวุฒิมากกว่า..เห็นได้จากแม่อรที่สึกได้ว่าโยไม่อดทนอดกลั้นจนทำให้เกิดเรื่องเหล่านี้ขึ้นทั้งๆที่เรื่องต่างๆมันเกิดจากเอ.. :pig4:
เฮ่อออออออออออ...อินไปหน่อยครับแต่ชอบที่เอมีจุดยืนมากๆ..แล้วเวลาคงช่วยพิสูจน์อะไรๆได้ป็นอย่างดี
ติอตามคนแต่งต่อไปนะครับ
:3123: :L2:

ขอบคุณมากนะครับ ที่จริงตัวอาจารย์ปริศนาเองจะหัวโบราณกว่าแม่อร ถ้าผลีผลามไปบอกเกรงว่าคงไม่ค่อยจะดี ยังไงช่วยติดตามด้วยนะครับ งวดเข้ามาแล้ว

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 27 Mar 28, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 28-03-2010 21:07:57
 :call: :call: :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 27 Mar 28, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 28-03-2010 21:19:48
ไหนๆก้อไหนๆแล้ว

โยจัดไป !!!

เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 27 Mar 28, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: salawinyeen ที่ 28-03-2010 21:58:43
รออ่านอยู่นะครับ เป็นกำลังใจให้ครับ  อันนี้สำหรับพี่โย :L2:


จาก น้องเอตัวจริง ครับ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 27 Mar 28, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Na_RimKLonG ที่ 28-03-2010 22:39:42
 :pig4: :pig4:

 :call: :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 28 Mar 29, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 29-03-2010 06:54:28
 มาแล้ว คร้าบบบบ ตอนต่อ


                   ตอน ยี่สิบแปด





ช่วงท้ายปีมีเรื่องเข้ามามากมาย แค่ผ่านไปไม่กี่วันก็จะถึงสิ้นปีแล้ว ผมยังรู้สึกมึนๆกับเหตุการณ์ทั้งหลายทั้งปวงที่รุมเร้า จ๋าเองก็ไม่เครียดแล้วเพราะท่าทีพี่ป้อมยังเหมือนเดิมดูจะเห่อลูกขึ้นมากกว่าเดิมอีก ทั้งที่ท้องของจ๋ายังไม่ป่องขึ้นมาเลย ทางบ้านพี่ป้อมรู้เรื่องแล้ว แค่รอเวลาที่จะมาตกลงกันกับผู้ใหญ่ฝ่ายจ๋า เราทำเรื่องขอจบและทำเรื่องรับปริญญาเสร็จก็พากันโล่งใจ เรียนภาคฤดูร้อนเยอะๆนี่ช่วยได้มากจริงๆ ที่ทำงานผมก็ยุ่งจนบางวันกลับค่ำหอบงานกลับมาทำที่บ้านอีกต่างหาก แม่เองพอเด็กสอบกลางภาคเสร็จก็เตรียมเข้าวัดท่าเดียว ท่าทีแม่กับผมยังปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ในแววตาลึกๆแม่ก็ยังกังวลอยู่มาก เพราะเดี๋ยวนี้พอวันเสาร์ อาทิตย์ไม่ต้องไปสอนไอ้ตัวดีที่บ้านแล้ว เพราะมันมาตั้งแต่เช้า บางทีมาตั้งแต่คืนวันศุกร์ ผมอยากจะไล่มันกลับบ้านไปแต่มันก็เข้าหาแม่ตลอด อีกทั้งอาจารย์ปริศนาก็โทรมาล่วงหน้า ผมปฏิเสธมันไม่ได้เลยหรือ จะว่าไปแล้วผมรู้สึกชินกับการที่มีมันมาก่อนกวน เพราะเดี๋ยวนี้มันคืบหน้าขึ้นเยอะเรื่องการเรียนสอบกลางภาคได้คะแนนสูงขึ้นจนน่าตกใจ จากที่เคยตกตลอดสำหรับวิชาภาษาอังกฤษ แต่เดี๋ยวนี้คะแนนมันขึ้นมาระดับต้นๆของห้องแม้จะไม่เด่นมาก แต่อาจารย์และเพื่อนมันต่างก็ชมเชย อาจารย์ปริศนาเองก็โทรมาชมผมบ่อยๆ ดูแกมีความสุขมาก แต่ยิ่งอาจารย์ปริศนามีความสุขภาคภูมิใจในการสอนของผมเท่าไหร่ ผมยิ่งรู้สึกผิด ไม่ได้รับรู้ถึงความยินดีนั้นสักเท่าใดนัก เพราะชนักที่ปักอยู่กลางหลัง


ตัวของมันเองก็ดูเปลี่ยนไป เวลาอยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่ผมเป็นแค่ครูสอนมัน แต่เวลาอยู่ด้วยกันสองต่อสองมันจะดูเป็นเด็กขี้อ้อนกวนประสาทยิ่งกว่าเดิม เดี๋ยวนี้มันไม่ล่วงเกินผมแล้ว เวลาที่มันมาค้างที่บ้าน อย่างมากมันก็กอดแล้วหอม เวลาส่วนใหญ่มันเอาไปอ่านหนังสือ บางคืนมันอ่านเกือบเช้า ถ้าอยู่แบบนี้มันก็เป็นผลดีสำหรับผม ความลำบากใจลดน้อยลง เวลาสอนมันก็ไม่กวนตั้งใจเรียน จนบางทีผมเองที่ไปแหย่มัน

อากาศช่วงปลายปีเย็นลงแม้ไม่มากแต่ผมก็รู้สึกได้ว่ามันเป็นฤดูที่มีความสุขสำหรับใครหลายๆคน รวมถึงตัวผมด้วย เวลาตอนเย็นนั่งรถไฟกลับบ้านผมชอบตรงราชดำริที่สุด มันดูมีชีวิตชีวา มีความสุขลอยตลบอบอวลไปทั่ว ที่จริงเขาติดไฟประดับตั้งแต่ต้นเดือนแต่ความรู้สึกมันก็ไม่ดีเท่าช่วงนี้ ผมชอบช่วงนี้ของปีที่สุด อย่างน้อยความสุขกับการเสพทางสายตามันก็เยียวยาความเจ็บปวดทางใจได้มากเหมือนกัน

วันคริสมาสต์ปีนี้ตรงกับวันพฤหัสบดี แต่วันพุธผมก็ต้องกลุ้มใจอีกรอบเพราะไอ้เอมันมีงานที่โรงเรียน แสดงละครอะไรนี่ล่ะผู้ปกครองต้องไป ที่จริงมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับผมแต่อาจารย์ปริศนากลับไม่ว่างพาโอไปตรวจร่างกายเพื่อที่จะคัดตัวเข้านักกีฬาระดับเขตุ ผมคงเป็นตัวเลือกสุดท้าย เพราะอาจารย์ปริศนาโทรมาตอนบ่ายๆให้ผมช่วยไปที่โรงเรียนไอ้ตัวดีให้หน่อย ผมไม่รู้จะบอกปัดไปยังไงดี โทรไปหาแม่รายนั้นก็มีงานที่โรงเรียนอีก ต้องเป็นผมใช่ไหม ผมชวนพลไปเป็นเพื่อนรายนี้ไม่ยักวิตกกังวล กลับดี๊ด๊าเพราะจะได้เข้าโรงเรียนชายล้วน

"นี่แกใส่ชุดนี้ไปเหรอ ไปเปลี่ยนเสื้อที่บ้านฉันก่อนดีกว่า"

พลจับเสื้อตัวเองขึ้นมาดม

"มากไปแก แค่ไปงานโรงเรียนจะอะไรมากมาย"

"แหม ไม่ได้หรอกเผื่อมีเด็กที่ต้องตาต้องใจ จะต้องดูดีอยู่ตลอดเวลา รักษาคอนเซปส์"

"จ้าแม่คนมีคอนเซปส์ ดูสั่นเชียวนะจะเข้าโรงเรียนชายล้วนน่ะ"

"อ๊ะ ไม่ได้หรอก ต้องดูมีชีวิตชีวาหน่อย ฉันว่าเราไปเปลี่ยนเสื้อดีกว่า ฉันไม่ค่อยมั่น"

"แกก็เรียนชายล้วนไม่ใช่เหรอ"

"ก็ตอนเรียนฉันไม่แรดอย่างนี้นี่แก ไม่งั้นฉันคงมีฝามีไปหลายคนแล้ว"

"นี่ไม่แรดเหรอเนี่ย"

เรากัดกันไปมา แล้วมันก็วกมาเรื่องเสื้อผ้าอีกจนผมเบื่อที่จะเถียง

"ตามใจแต่ฉันไม่เปลี่ยนนะ ขี้เกียจ ไปมันอย่างนี้ล่ะ"

"โหแก นี่แกจะไปงานน้องมันหรือจะไปงานศพยะ ดำทั้งชุด"

พลแขวะ เพราะวันนี้ผมใส่เสื้อเชิ๊ตสีดำกับกางเกงแสล็คสีดำรองเท้าหนังก็ดำอีก สรุปทุกอย่างในตัวสีดำ

"ไม่เป็นไรหรอกแก เดี๋ยวนี้เขาก็ใส่กันทั้งนั้นล่ะ ขี้เกียจเปลี่ยน ไปแป๊บเดียว"

"เออ ตามใจ แต่ฉันขอหน่อยละกัน ขอมีสีสันสดใสหน่อย"

ผมขี้เกียจออกความเห็นเพราะท่าทางของพลไม่มีอะไรรั้งได้แล้ว ดูใจของมันจะอยู่ที่โรงเรียนของไอ้เอแล้ว กว่าเราจะออกจากบ้านพลก็เกือบบ่ายสามโมงกว่าแล้ว ขอพี่ภาออกมาก่อน รายนั้นก็ไม่ว่าสักคำ พอเข้าเส้นเพชรบุรีรถก็เริ่มแน่น หน้าโรงเรียนรถติดยาวเป็นแถว

"แกจอดตรงลานจอดรถใต้ดินดีกว่าไหม ท่าทางจะหาที่จอดยาก"

ผมแนะเพราะดูท่าคงจะติดอีกนาน พลมองข้างหน้าตัวเองแล้วพยักหน้า เราหาที่จอดรถตรงลานจอดรถสถานีรถไฟใต้ดินเสร็จก็เดินข้ามถนนมาที่โรงเรียน

"แกไม่ซื้อดอกม๊งดอกไม้ให้น้องมันหน่อยเหรอ อุตส่าห์มา"

"โอ๊ย ไม่เอาหรอกแก มานี่ก็พอแล้ว"

"โหใจดำนะแก เดี๋ยวเด็กมันก็น้อยใจ"

"น้อยจงน้อยใจอะไรล่ะ แกอย่าพูดมากไปแจ้งชื่อให้หน่อย"

ผมดันหลังมันให้ไปแจ้งชื่อกับเจ้าพนักงาน ผมก็ตามเข้าไป

"โหคนเยอะว่ะแก ต๊ายเด็กผู้ชาย"

"น้อยๆหน่อยแก เก็บอาการหน่อย"

"นี่ๆ เขาแสดงละครกันแล้วมั๊ง"

พลเดินนำไปทางหอประชุม ผู้คนเดินขวักไขว่ทั้งนักเรียนและผู้ปกครอง ผมเดินตามพลไป ท่าทางมันดูมีความสุขมากยิ้มตลอดทาง เราเข้าไปหาที่นั่งในห้องประชุม ได้ที่นั่งแถวกลางๆ บนเวทีมีการแสดงแล้วแต่น่าจะเป็นการแสดงของเด็ก มัธยมต้นเพราะเห็นมีแต่ตัวเล็กๆ พอการแสดงจบเสียงปรบมือก็ดังเกรียวกราว ยังมีการแสดงของแต่ละชั้นอีกหลายชุด ผมนั่งเซ็งอยู่ต่างจากพลที่ดูเหมือนปลาได้น้ำ ไม่รู้จะให้ผมมาทำไม ผมนั่งหน้าบึ้งอยู่ จนการแสดงของนักเรียน มัธยมห้า พลสะกิด

"ถึงเวลาแล้วแก เดี๋ยวฉันยืนโบกไม้โบกมือให้น้องมันดีกว่า เออ ว่าแต่มันเล่นเป็นตัวอะไรล่ะ"

พลหันมากระซิบ

"ไม่รู้ จะยืนเลยเหรอแกอายคนเขา"

"อายทำไม เรามาเป็นผู้ปกครองน้องมันนะ ควรจะภูมิใจ"

ตามใจมันก็แล้วกัน พอเริ่มการแสดง ก็มีเสียงเกรียวกราวเพราะตัวละครแต่ละตัวเหมือนคัดมา น่าจะเป็นเด็กที่เด่นๆของแต่ละห้อง เอ ออกมาแล้วมันเล่นเป็นเหมือนเจ้าชาย มีมงกุฏอยู่บนหัว มีผ้าคลุมเหมือนอัศวินสีขาว เสียงเกรียวกราวท่าทางมันก็คงเด่นไม่น้อย พลลุกขึ้นโบกไม้โบกมือทันที มันหันมาทางเราแล้วยิ้มน้อยๆแล้วแสดงต่อ ผมรีบดึงพลนั่งลง เพราะเริ่มอายคน

"หล่อมากเลยแก ต๊ายเด็กใครเนี่ย"

ผมตีบ่ามันเบาๆ

"ดูสิหน้าแดงแล้ว โน่นแก น้องมันหันมาบ่อยๆ ยิ้มให้มันหน่อยสิ"

พลบุ้ยปากไปทางเวที ผมเหลือบตาตาม มันมองมาจริงๆด้วย สายตาผมประสานกับมันอย่างจัง ผมรีบหลบหน้า ไม่รู้เหมือนกันรู้สึกประหม่าอย่างประหลาด ทำไมวันนี้รู้สึกแปลกๆ ไม่กล้าสู้สายตามันทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยรู้สึกอะไร ผมอดไม่ได้ที่จะมองมัน เวลามันอยู่บนเวที มองมันเล่นละครแล้วก็เพลินดีผมเผลอยิ้มออกมา มันมองมาพอดี ผมรีบก้มหน้ารู้สึกอายยังไงไม่รู้

"แหม ชอบน้องมันแล้วก็ไม่ต้องแอ๊บหรอกแก มาถึงขั้นนี้แล้ว"

พลเหน็บแล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย

"บ้าเหรอแก"

"โอ๊ย อย่ามาปิดเลยแก แกปิดฉันไม่ได้หรอก ชอบก็ชอบไปสิใครจะว่าอะไร เคยมีอะไรกันแล้วนี่"

ผมตีมันแรงๆทีหนึ่งแล้วทำตาเขียวใส่ พอดีกับละครจบเสียงปรบมือดังสนั่น พลลุกขึ้นยืนปรบมือออกหน้าออกตา

"เดี๋ยวออกไปซื้อดอกไม้ดีกว่า เห็นร้านในโรงเรียนเมื่อกี้ แกรอที่นี่นะ"

"เฮ้ยไปด้วย"

ผมรีบลุกตามพลออกจากหอประชุมทันที เราเดินออกมาก็เห็นที่ขายช่อดอกไม้ เหมือนเป็นสหกรณ์ที่มีเด็กยืนขายดอกไม้อยู่หน้าร้าน

"ช่อเท่าไหร่ครับน้อง"

พลถามแล้วเข้าสีเด็กทันที

"ช่อนี้ห้าร้อยครับพี่ เอาช่อใหญ่ไหมครับ"

"ช่อใหญ่เท่าไหร่จ๊ะ"

พลยิ้มกริ่มประกบชิดตัวเด็ก จนเด็กมองหน้าแปลกแล้วถอยออกไป

"แก เอาช่อเล็กนี่ล่ะ ไม่ต้องซื้ออันใหญ่มากหรอก"

ผมเดินเข้าไปขัดจังหวะมัน

"ไม่ได้หรอกแก น้องแสดงละครทั้งที พี่เอาช่อใหญ่ๆ นั่นครับ เท่าไหร่จ๊ะ พ่อรูปหล่อ"

"เอ่อ พันนึงครับ"

"จัดเองรึเปล่าจ๊ะโก่งราคาพี่รึเปล่าเนี่ย"

พลมองหน้าเด็กตลอดไม่ได้สนใจดอกไม้เลย น้องอีกคนหยิบช่อดอกกุหลาบขาวกับลิลลี่ช่อใหญ่มาให้ ผมรับเอาไว้กำลังจะควักเงิน

"อ่า ใช่ครับ พวกเราจัดกันเอง"

"อุ๊ย เก่งจัง วันหลังพี่จ้างให้จัดให้ได้ไหมครับเนี่ย เดี๋ยวพี่รับปริญญา อยากได้สวยๆแบบนี้ อ่ะนี่ครับเงิน"

พลรีบควักเงินให้น้องก่อนผมอีก

"ไม่เป็นไรแก เดี๋ยวฉันจ่ายเอง"

ผมร้องบอกมัน

"ไม่เป็นไร น้องฉันเหมือนกัน"

"พี่ก็เอาคนละช่อสิครับ จะได้ไม่ต้องแย่งกันจ่าย"

น้องคนนั้นพูดแล้วยิ้ม

"ไม่หรอกครับน้อง ช่อเดียวก็พอ"

ผมรีบดึงมือมันออกมาจากร้านดอกไม้

"เอ๊ะ แกนี่ยังไง น้องครับมีเบอร์ไหม พี่จะๆได้ติดต่อเรื่องจัดดอกไม้ พี่สนใจจริงๆนะครับ"

"บ้าเหรอแก ไปรีบไป"

ผมดึงมัน เพราะดูท่าว่ามันทำเกินไป เพราะเด็กมันมองกันใหญ่แล้ว กว่ามันจะออกมาจากร้านขายดอกไม้ก็ฉุดกระชากลากถูกันอยู่นาน

"ตัวเล็กๆ ทางนี้"

เสียงตะโกนดังมาจากฟากของตึก ดีนะที่เสียงดนตรีดังคนไม่ค่อยได้ยิน ไม่งั้นคนคงหันมามองเป็นตาเดียวเป็นแน่ ไอ้เอยืนยิ้มแป้นอยู่ มันยังใส่ชุดที่ใส่เล่นละครอยู่ มีคนห้อมล้อมขอถ่ายรูปมันใหญ่

"น้องเอ"

พลตะโกนเรียกเหมือนกัน แล้วมันก็เดินเข้าไปหาเอก่อนผมอีก

"หล่อมากเลยน้องเอ หล่อจนใครบางคนลอยหน้าแดงอยู่ข้างๆพี่"

พลพูดแล้วยิ้มหันมาทางผม มันก็หันมายิ้มเต็มปากเดินออกมาจากกลุ่มคนที่ห้อมล้อมตรงเข้ามาหาผม

"นี่ซื้อดอกไม้ให้เค้าด้วยเหรอ"

มันเข้ามายืนข้างๆแล้วกอดเอวผมทันที

"พี่พลเขาซื้อน่ะ พี่ไม่ได้ซื้อ"

ผมตอบอ้อมแอ้ม พยายามปัดมือมันออกแต่มันก็กอดแน่นกว่าเดิม ไม่อายคน

"นี่ไม่อายคนเหรอ"

ผมกัดฟันพูด

"อายทำไม แฟนอุตส่าห์มา ดีใจจะตายอยู่แล้วเนี่ย"

"มาๆ ถ่ายรูปคู่หน่อยจ้า"

พลร้องขึ้นกันคนออกแล้วถ่ายรูป พอมันถ่ายเสร็จมันก็ให้ผมเป็นตากล้องด้วย กว่าจะเสร็จก็ค่ำแล้ว กว่าจะรอมันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกเกือบทุ่ม นักเรียนส่วนมากกับผู้ปกครองเริ่มทยอยกลับแล้ว บรรยากาศในโรงเรียนเริ่มเงียบ แต่ก็ยังมีกลุ่มนักเรียนเล่นดนตรีอยู่ตามซุ้มต่างๆที่ทางโรงเรียนจัดขึ้น เอมันเดินสะพายเป้ตรงมาหา มันยังยิ้มแป้นดูอารมณ์ดี ตอนนี้มันใส่ชุดนักเรียนตามปกติ ดูแตกต่างจากเมื่อตอนที่มันอยู่บนเวทีนัก เพราะตอนที่อยู่บนเวทีมันดูเป็นหนุ่มแต่ตอนนี้มันดูเหมือนเด็ก คนที่ผมคุ้นเคย
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 28 Mar 29, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 29-03-2010 07:09:33
อ่านไป ลุ้นไป :impress2:

+1
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 28 Mar 29, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 29-03-2010 07:33:05
อ่านไป ลุ้นไป :impress2:

+1

ขอบคุณค้าบบบ I need your message na p' Little devil**** :pig4: :pig2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 28 Mar 29, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Yellow Lilly ที่ 29-03-2010 13:03:34
 :impress2: :impress3: :-[
Too sweet na......^^
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 28 Mar 29, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: som ที่ 29-03-2010 19:13:38
เริ่มจะหวานจริงๆจังๆแล้ว :o8:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 28 Mar 29, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Vesi ที่ 29-03-2010 19:22:15
แม่ยายกับลูกเขยแอบมีความลับอะไรกันนะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 28 Mar 29, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 29-03-2010 20:05:42
มาต่อด่วนเลยค่ะ ป้ายิ้มค้างอยู่นะค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 28 Mar 29, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 29-03-2010 20:49:35
เริ่มมีบรรยากาศหวานๆกันมั่งแล้ว น่ารักดีๆ

เป็นกำลังใจให้ค่ะ

หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 28 Mar 29, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 29-03-2010 21:45:50
ท่าทางจะหลงสเนห์เด็กแบบเป็นการเป็นงานแล้วสิ ความรักวิ่งมาชนโครมเบ้อเร่อยังไม่รู้อีก
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 28 Mar 29, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: salawinyeen ที่ 29-03-2010 22:03:50
 :o8: :impress2:               อ่านไปยิ้มไปครับ 

จาก น้องเอตัวจริง
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 28 Mar 29, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 29-03-2010 22:23:04
 :o8: เด็กอะไรไม่รู้โผล่มาก็กอดเลย อิอิ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 29 Mar 30, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 30-03-2010 06:56:50
          To be continued........


 When the sun rises i hear angle sound,
When the moon shines i touch the ground,
When you raise your eyes i already found,
You're the one make me feel like a crown........



                                    



                                                    ตอน ยี่สิบเก้า



"พี่ ผมหิวข้าว พาไปกินข้าวหน่อยดิ"


มัน พูดขึ้นตอนที่เราอยู่ในรถแล้ว

"อยาก กินอะไร เอ วันนี้เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง เล่นละครหล่อได้ใจมาก"

พล มองผ่านกระจกมองหลัง

"จริง นะพี่ ผมอยากกินอาหารญี่ปุ่น"

"ได้ สิ ไปที่ไหนกันดี เซนทรัลเวิลด์ ไหม"

"ดีๆ พี่"

ทั้ง สองคุยกันอย่างออกรส ส่วนผมได้แต่นั่งนิ่งไม่รู้จะพูดอะไรดี

"นั่ง เงียบเชียว ตัวเองหิวข้าวเหรอ"

มัน มากอดที่เบาะเอาหน้ามาจ่อเกือบถึงแก้ม ผมสะดุ้งผงะหน้าออก

"แหม เอ เห็นใจพี่บ้างอย่าหวานใส่กันให้มาก พี่อิจฉาไปหมดแล้วเนี่ย"

"ขอ หน่อยพี่ วันนี้วันพิเศษ ไม่เจอหน้าตั้งหลายวัน ผมคิดถึงแฟนผมจะแย่อยู่แล้ว"

มัน ไม่เคยพูดแบบนี้ต่อหน้าคนอื่นเลย ผมรู้สึกอายหน้าแดง

"ไอ้ บ้า"

ผม ทำเสียงแข็งใส่

"แหม แก ไม่ต้องอายชั้นหรอก ต๊ายน่ารักแบบนี้นี่เอง พี่โยถึงแอบอมยิ้มอยู่คนเดียวตอนที่เราแสดงอยู่บนเวที"

"บ้า เหรอแก"

"นั่นๆ ดูสิเขินหน้าแดงแล้ว"

พล ยังล้อ ผมรู้สึกอายมากกว่าเดิม นี่ผมเป็นอะไรไปทั้งที่แต่ก่อนจะล้อเรื่องแบบนี้ผมไม่รู้สึกอายมากมายขนาด นี้

"จริง เหรอคะ เค้าดีใจนะเนี่ย"

มัน จับหน้าผมมาหอมทันที

"ไอ้ บ้า พอๆ คุยเรื่องอื่นได้ไหม หนวกหู"

ผม ทำตาโตใส่มันฟาดงวงฟาดงาแล้วเอาหลังไปพิงประตูรถเพราะมันจะดึงตัวผมไม่ได้ แม้เข็มขัดนิรภัยจะรั้งแต่ก็ดีกว่าให้เพื่อนกับไอ้ตัวดีพูดจาแทะโลม

"พอ เถอะ เอ เห็นมั้ย แฟนเราน่ะอายหน้าแดงม้วนไปแล้ว เดี๋ยวมันกินข้าวไม่ลง แค่นี้ก็ล้นออกมาท่วมรถอยู่แล้ว"

พล หัวเราะชอบใจ มันเองก็หัวเราะ พลถามเรื่องเล่นบาสมันค่อยยอมเปลี่ยนเรื่องคุย ผมนั่งอยู่อย่างนั้นจนเมื่อยหลังเราเลี้ยวเข้าถนนชิดลมแล้วเลี้ยวอีกทีตรง แยก รถติดจนขยับได้ทีละนิด กว่าจะถึงที่หมายก็เกือบสองทุ่มเราขึ้นไปชั้นห้า ร้านอาหารเป็นแถวทั้งโซน พลเดินนำเข้าร้านอาหารญี่ปุ่น ส่วนไอ้ตัวดีเดินเกาะบ่าผมไม่ยอมปล่อย วันนี้ผมกลับอายมันมากกว่าเดิม หน้าแดงตลอดเวลา มันเหมือนรู้ยิ่งแกล้งเข้าไปอีก บางทีก็กอดเอว เผลอก็เอาเป้ามาถู ผมได้แต่เขินอายหน้าแดงไป ไม่ด่ามันเหมือนเก่า เวลากินก็นั่งกอดเอวผมตลอด ทั้งที่ปากคุยกันกับพลอย่างสนุกสนาน

"วันนี้ ไปนอนกะตัวเองดีกว่า แม่ยังไม่กลับ อิอิ"

มัน พูดขึ้นตอนกินข้าวเสร็จ ผมไม่ว่าอะไรรู้สึกใจเต้นตึกตัก ไม่มีบทพูด

"ให้ พี่ไปส่งที่ไหนจ๊ะ เอ ที่บ้านหรือที่"

พล เว้นช่วงแล้วหันมามองผม ทั้งสองมองหน้ากันแล้วหัวเราะ ผมงอนเดินนำหน้าไปก่อน ไอ้ตัวดีวิ่งตามแล้วกอดบ่าไว้

"อย่า เดินเร็วสิคะ เค้าเพิ่งกินอิ่มๆ เดี๋ยวจุกตายหรอก"

"สม"

ผม พูดออกมาแต่หน้ายังงออยู่

"ไม่ หายงอนเดี๋ยวหอมแก้มนะคะ"

มัน พูดแล้วทำท่าจะโน้มคอลงมาจริง

"บ้า เหรอ คนเยอะแยะ"

ผม อายหนักเข้าไปอีก ผลักมันออกพัลวัน

"ต๊าย เห็นใจชาวบ้านเขาด้วยนะยะ หวานกันกลางห้างเนี่ย"

"คน มันรักกันน่ะพี่"

มัน พูดเสียงดัง ผมอยากจะมุดแทรกปูนหนีไปให้พ้นจากตรงนี้ เพราะเรากินเสร็จเกือบสามทุ่ม เป็นเวลาห้างปิดคนก็ทยอยออกจากห้าง คนหันมามองกันใหญ่

"รัก พี่เค้า ก็ถนอมหน่อยนะเอ อย่าทำอะไรมันรุนแรงจนเป็นไข้ไปอีกล่ะ มันยิ่งบางๆอยู่"

ผม มองพลขวับค้อนตาเขียว พวกนี้มันจะรุมผมไปถึงไหน พอพูดจบก็หัวเราะชอบใจทั้งสองคน

"แก ไม่ต้องไปส่งหรอก รถท่าจะติด เดี๋ยวนั่งรถไฟกลับดีกว่า"

ผม พูดตอนเดินลงมาเกือบถึงชั้นสอง ชั้นที่มีทางเชื่อมกับรถไฟฟ้า

"เอา งั้นเหรอแก เออ พรุ่งนี้น่ะ ไม่ต้องไปทำงานนะ เจ๊เขามีเดท ฉันก็จะโดดไปหาเด็กเหมือนกัน นี่น้องเอ แนะนำเพื่อนให้พี่สักคนสิ"

พล พูดกึ่งหัวเราะ

"จะ ไหวเหรอพี่ กินเด็กน่ะไม่กลัวเขาว่าเอาเหรอว่ากินหญ้าอ่อน"

"นี่ มากไป แล้วเราล่ะ เขาเรียกอะไร"

"โอ๊ย ผมน่ะคนละอย่าง ของผมเขาเรียกวัวเด็กชอบเคี้ยวหญ้าแก่"

ผม รำคาญมันทั้งสองคนเหลือเกิน พูดแล้วหัวเราะอย่างสนุกสนานไม่คิดถึงใจผมเลย ผมเหมือนโดนมันทั้งสองคนนินทาต่อหน้า มันพูดเหมือนผมไม่มีตัวตน ผมบอกลาพลแล้วเดินนำหน้าออกจากห้างไปเลย ไอ้เอวิ่งตามตะโกนบอกลากันโดยไม่สนใจคนอื่น ไม่รู้จักอายบ้างเลย

"จะ รีบไปไหนคะ ตัวเล็ก"

มัน ดึงแขนไว้

"กลับ บ้าน"

ผม พูดห้วนๆ

"เดี๋ยว ดิลงไปเดินดูไฟก่อนดิ นะนะ"

มัน อ้อนแล้วลากมือผมเดินลงบันไดทันที

"สวย เนอะ ตัวเองชอบไหม"

มัน ถามอยู่ข้างๆ เสียงดนตรีดังมาจากที่ต่างๆรอบทิศ ยิ่งใกล้วันปีใหม่ผู้คนยิ่งออกมาจับจ่ายใช้สอย บ้างก็มาดูไฟแสงสีตามสถานที่ต่างๆ ตอนค่ำลมเย็นดี รู้สึกสบายตัว แสงไฟระยับที่สาดส่อง เหมือนหิ่งห้อยตัวใหญ่หลายพันตัวเปล่งแสงพราวทั่วทั้งบริเวณ สวยจัง อยากเห็นบ้านเมืองมีแสงไฟอย่างนี้ไปตลอดจัง

"เหม่อ เชียว ชอบเหรอคะ"

มัน ก้มลงมากระซิบข้างหู ผมสะดุ้ง

"ไป นั่งตรงนั้นดีกว่ามีที่นั่งแล้ว"

มัน ชี้บอกม้านั่งที่อยู่รอบลานน้ำพุ มันลากแขนผมไป ผมก็เดินตามมันอย่างง่ายดาย แม้ผู้คนจะเยอะดูเบียดเสียดกัน แต่ก็รู้สึกดีกว่าเมื่อครู่ เพราะดูเหมือนไม่มีใครสนใจมองใคร มันกุมมือผมแน่น เรานั่งลงตรงม้านั่งรูปครึ่งวงกลมมองไปทางน้ำพุ ต้นคริสต์มาสต้นใหญ่มีไฟสีต่างๆประดับระยับราวเอาดาวทั้งท้องฟ้ามาโปรยราย รอบไว้ มันนั่งเบียดตัวติดกับผมมือนึ่งกุมมือผมไว้ อีกมือก็เอื้อมมากอดเอว

"เค้า รู้สึกดีที่สุดเลย"

มัน กระซิบ ผมไม่มีทีท่าว่าจะสะดิ้งกันมันออก กลับรู้สึกเพลินไปกับบรรยากาศรอบๆตัว อีกอย่างผมรู้สึกดีเหมือนกันนะที่มีมันอยู่่ด้วยในตอนนี้ ผมล้วงกระเป่าที่มันเอาไปสะพายควานหาของ

"หา อะไรคะ"

ผม หยิบเอาพวงกุญแจลูกบาสเล็กๆออกมาให้มัน ผมซื้อไว้วันก่อนที่ออกไปเจอลูกค้ากับพี่ภาที่เซ็นทรัลลาดพร้าว เป็นลูกบาสสีส้มทำจากเซรามิกเคลือบสีสด

"อ่ะ พี่ให้"

ผม ยื่นให้มัน อายแต่ก็คงต้องให้ คิดไว้ว่าอย่างน้อยช่วงนี้มันก็ตั้งใจเรียน อีกอย่างผมเป็นคนสอนมันควรจะมีกำลังใจให้มันบ้าง แม้ค่ามันจะไม่มากมาย แต่ก็เอาเถอะ ดีกว่าไม่มีอะไรให้มัน รอให้มันทวงเองเดี๋ยวจะลำบาก มันยิ้มมองผมตาฉ่ำ

"ขอบ คุณครับ"

มัน พูดแล้วกุมมือผมที่ถือพวงกุญแจ ผมก็ไม่ขัดขืนมองตามันเหมือนกัน

"เค้า รักตัวเองนะ"

ผม ตาโตขึ้นมาทันที แล้วแกะมือออก นี่ผมปล่อยให้มันล่วงเลยเผลอตัวเผลอใจไกลขนาดนี้เชียวหรือ

"แม้ เราจะรู้จักกันไม่นาน แต่เค้ารู้แล้วว่าเค้ารักตัวเอง"

มัน พล่าม

"เอ"

ผม พูดไม่ออก ใจหนึ่งรู้สึกดีใจเนื้อเต้นที่ได้ยิน แต่อีกใจกลับหดหู่เหลือเกิน มันเป็นไปไม่ได้ ไม่มีทาง

"ยิ่ง อยู่ใกล้ยิ่งใจจะขาด เค้าไม่เคยคิดจะรักใครได้เท่านี้มาก่อน แต่พอเจอตัวเอง เพิ่งรู้ว่าการที่ได้รักใครสักคน มันรู้สึกดีอย่างนี้เอง"

"ไป ถ่ายรูปดีกว่า"

ผม ตัดบทไป ไม่อยากให้มันถลำลึกไปมากกว่านี้ ผมคิดไม่ออกจริงๆว่าเรื่องราวในวันข้างหน้ามันจะเป็นไปในรูปแบบไหน ผมไม่ปฏิเสธว่าตอนนี้ผมเองก็เริ่มรู้สึกดีกับมันเหมือนกัน เทียบกันแล้วเวลาที่มันอยู่กับผมแม้จะไม่นานมาก แต่ถ้าพี่ตั้มเองคบกันมาตั้งแต่ปีหนึ่ง เขายังมีเวลาอยู่กับผมไม่มากเท่ามันเลย เจอกันแค่ประเดี๋ยวประด๋าว อีกอย่างเวลาอยู่กับพี่ตั้มผมไม่รู้สึกว่าหัวใจผมพองโตเท่าอยู่กับมันเลย แต่ผมก็ต้องหักห้ามใจกดมันลงไปให้อยู่ส่วนลึกที่สุดของหัวใจ ผมมีหน้าที่ต้องสอนมัน มีจรรยาบรรณของความเป็นครูอยู่ในสายเลือด รีบตัดไฟเสียตั้งแต่มันแค่จะเริ่มก่อ เจ็บตอนนี้ดีกว่าปล่อยให้่มันลามใหญ่โตเกินกว่าจะแก้ไขได้ ผมจะทำยังไงได้ เคยเจ็บกว่านี้ก็เคยมาแล้วแค่เรื่องเท่านี้เจ็บอีกสักทีจะเป็นอะไรไป

เอ มันก็ดีอย่างดูไม่เครียดกับอะไรเลย มันขอให้คนถ่ายรูปให้เราหลายรูป ท่าทางมันดูมีความสุขมาก เรากลับบ้านเกือบสามทุ่มบนรถไฟคนก็ยังแน่น เรายืนตรงขบวนกลางๆตรงรอยต่อของขบวน ผมยืนหลังพิงผนังรถไฟติดริมหน้าต่าง มันยกแขนขึ้นดันผนังรถไว้ทำให้เราหันหน้าเข้าหากัน ยิ่งคนเยอะเท่าไหร่หน้าผมยิ่งจะชนคอมันทุกที ผมรู้สึกใจเต้นตึกตักหายใจไม่สะดวก

"เป็นไร คะ หน้าแดงเชียว"

มัน ก้มลงถาม ผมยิ่งหน้าแดงใจสั่นไปใหญ่บ่ายหน้าหนี

"เถิ บออกไปหน่อยสิ"

ผม พูดเบาเหมือนกระซิบ

"หือ อะไรนะคะ"

มัน เหมือนแกล้งมันเอาหูมาใกล้ปากผม

"เถิบ ไปหน่อย อายคน"

คำ สุดท้ายพูดเบาเหลือเกิน คนที่อยู่ข้างๆเริ่มมอง

"อาย เหรอ เค้าไม่เห็นอาย ดีออกอยู่แบบนี้ เค้าชอบ"

แก ชอบ แต่ฉันไม่ชอบ ผมด่ามันในใจแต่จะให้มันขยับตัวไปก็คนแน่นเกิน ผมต้องทนก้มหน้าจนถึงอโศกคนลงเยอะผมถึงดันมันออกไปได้ แต่มันก็ยังยันแขนไว้กับผนังรถไฟอย่างนั้น มันมองผมตลอดทางยิ้มกริ่ม คนมองก็มอง ผมอายก็อาย แต่ในใจลึกๆผมกลับรู้สึกดีอย่างประหลาด ลมหายใจอุ่นๆของมันรดหน้าอยู่ นี่ผมคิดเลยเถิดกับมันแล้วหรือ




หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 29 Mar 30, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: MeepadA ที่ 30-03-2010 07:51:55

ทำใจให้สบาย จะดีกว่าน๊า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 29 Mar 30, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 30-03-2010 08:04:25
 :impress2:
+1 เป็นกำลังใจให้ทั้งคู่
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 29 Mar 30, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: sweetener ที่ 30-03-2010 08:58:48
หลายๆอย่างมันค้ำคออยู่เนาะ
อะไรละได้ก็ละ

เป็นกำลังใจให้ค่ะ
 :L2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 29 Mar 30, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 30-03-2010 10:54:38
อย่าว่าแต่พลเลย อีป้าแก่ๆ อ่านไป ยังอิจฉาเลยค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 29 Mar 30, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 30-03-2010 18:46:24
เรื่องอื่นพักไว้ก่อน
เพราะตอนนี้มัน..หวานม๊ากกกก  :o8:

เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 29 Mar 30, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: salawinyeen ที่ 30-03-2010 22:11:11
 :haun4:  เค้าอ่านของตัวเองแล้วยิ้มอีกแล้วนะคะ

จากน้องเอตัวจริง
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 29 Mar 30, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Na_RimKLonG ที่ 30-03-2010 22:36:45
^^^^

^^


^

จิ้มๆ น้องเอตัวจริง

....ตัวจริง จริงป่าวเนี่ยย   :impress3:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 29 Mar 30, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: sai_dil69 ที่ 31-03-2010 02:14:12
 :haun4: :haun4:หวานซะ
 :jul1:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 29 Mar 30, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 31-03-2010 04:42:08
สักวันเร็วนี้ก็จะแพ้ใจตัวเอง แต่รำคาญคำว่าค่ะของเจ้าเอจังมันดูกระแดะงัยไม่รู้ขัดๆ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 29 Mar 30, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 31-03-2010 07:29:58
ขอบคุณทุกเมนต์นะครับ ไม่อยากบอก ตอนต่อไป ยิ่งเพิ่งดีกรีความหวาน นะครับ อิอิ ระวังเบาหวานขึ้นเน้อ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 30 Mar 30, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 31-03-2010 07:34:37
 ตอนต่อนะคร้าบบบบ  :oo1: :impress3: :-[ :sad11: :monkeysad: o18 :L1: :L2:





                                                ตอน สามสิบ



พอลงจากรถไฟเราต้องเดินย้อนกลับไปทางซอย สุขุมวิท 77 วันนี้คงเป็นวันพิเศษของใครหลายๆคน แม้เราจะเป็นชาวพุทธแต่ก็ซึมซับเอากลิ่นอาย เทศกาลแห่งความอิ่มเอิบใจ แม้จะไม่เคร่งอะไรกับเขานักแต่ก็รู้สึกว่าเป็นสุขเหลือเกิน แค่ได้เห็นไฟแสงสีประดับประดาตามร้านค้าต่างๆ ก็รู้สึกได้ถึงความสุข มันยังคงเดินกอดคอผมอยู่ไม่ยอมปล่อย ผู้คนในซอยอ่อนนุชมากมายนัก แม้จะเป็นเวลาที่ดึกมากแล้วแต่ถนนไม่เคยเปลี่ยว ผมรู้สึกชินกับการเกาะแกะของมันไม่อายมากเหมือนแต่ก่อน เพราะถ้าผมยิ่งอายมากมันก็ยิ่งแกล้ง พอทำเป็นชินมันก็กลับคุ้นขึ้นมา เราเดินไปขึ้นรถสองแถวต้องยืนอีกแล้ว เราถึงบ้านเกือบสี่ทุ่ม แม่กลับมาแล้วแต่นั่งทำงานอยู่บนโต๊ะ
 
"เป็นไงลูกเอ ถ่ายรูปมาให้แม่ดูไหม เสียดายจังที่แม่ไม่ว่างไปดู"
 
แม่ทักตอนที่เราเข้าบ้าน
 
"ถ่ายมาครับ ผมเล่นเป็นะพระคริสต์ด้วยนะแม่ มีแต่คนบอกว่าหล่อ"
 
มันเดินตรง ไปหาแม่แล้วเล่าอย่างมีความสุข
 
"ก็ลูกเอหล่ออยู่แล้วนี่จ๊ะ ให้เล่นเป็นตัวอะไรก็คงหล่อเหมือนเดิมนั่นล่ะจ๊ะ"
 
แม่ชมมัน แล้วหันมาถามผม
 
"ไปไหนกันมาลูก กลับซะค่ำเชียว"
 
"พลพาแวะไป กินข้าวที่เซ็นทรัลน่ะแม่ แวะดูไฟด้วย"
 
ผมตอบแล้ว เดินเข้าครัวไป เผื่อมีอะไรให้ล้าง เสียงแม่กับเอคุยกันอย่างออกรส ผมขึ้นไปอาบน้ำก่อน สักพักเอก็ขึ้นมาอาบน้ำ กว่าจะลงไปปิดบ้านก็เกือบห้าทุ่ม พอขึ้นเตียงได้มันก็เข้ามากอดทันที
 
"คิดถึงจัง เลย"
 
มันอ้อน
 
"เป็นบ้า เหรอ เจอหน้ากันทั้งวัน จะมาคิดถึงอะไรล่ะ"
 
"ยิ่งอยู่ ใกล้ยิ่งคิดถึงอ่ะ นี่ตัวเองเคยฟังเพลงนี้ไหม
 
I could stay awake just to hear your breathing
Watch you smile while you are sleeping
While you're far away dreaming
I could spend my life in this sweet surrender
I could stay lost in this moment forever"

มันร้องเพลงขึ้นมา เสียงทุ้มใหญ่ไม่มีความไพเราะเลย แต่ชอบฟังรู้สึกจิตใจล่องลอยไปไกลแสนไกลผมแอบยิ้มไม่ได้

"เวอร์แล้ว รู้เรื่องเหรอ"

"รู้ดิ เค้ารู้สึกอย่างนั้นจริงๆนะ"

มันกอดผมแน่นขึ้นเอามือช้อนหน้าผมให้จ้องหน้ามัน มันมองผมแล้วยิ้ม จูบข้างปากที่แสนอุ่น ผมเคลิบเคลิ้มไปในใจตอนนี้ไม่คิดอะไรแล้ว มันกอดผมนอนอย่างเคย วันนี้ผมยอมให้มันกอดด้วยความเต็มใจ ไม่รู้ว่าเพราะบรรยากาศหรืออะไร แต่รู้สึกดีจริงๆ

วันคริสต์มาสต์ ผมตื่นมาเตรียมตัวใส่บาตรตั้งแต่ตีสี่ มันยังคงนอนอยู่ผมลงมาหุงข้าวทำกับข้าวสองอย่างไก่ผัดขิงกับต้มจืดเต้าหู้ ไข่ ขนมหวานแม่ซื้อเม็ดขนุนกับทองหยอดมาตั้งแต่เมื่อคืน ผมตักใส่ถุงแบ่งเป็นชุดๆไว้สี่ชุด พอเสร็จก็ไปพับดอกบัวเตรียมไว้ทำเสร็จก็ตีห้ากว่าๆขึ้นไปอาบน้ำแล้วปลุกไอ้ ตัวดี เพราะมันเร้าๆอยากจะใส่บาตรด้วย แม่ตื่นอาบน้าเสร็จแล้ว กว่าจะเสร็จก็เกือบหกโมง ผมเอาโต๊ะออกไปตั้งหน้าบ้านแล้วให้เอขนของออกไปวาง พระก็เริ่มเดินบิณฑบาตรแล้ว แม่นิมนต์พระ ผมก็ส่งถาดให้แม่แล้วก็ให้เอทำตาม ผมใส่เป็นคนสุดท้าย

"ชอบใส่บาตรไหมลูกเอ"

แม่ถามตอนเก็บของเข้าบ้าน

"ชอบครับ สนุกดี"

ที่จริงมันถือคริสต์แต่คงไม่เป็นไรเพราะเจ้าตัว รบเร้า อยากทำเอง อีกอย่างไม่เคยเห็นมันพูดถึงพระเจ้าหรือสิ่งที่มันนับถืออยู่เลย ไม่ว่าจะด้วยอะไรก็ช่างแต่วันนี้ผมเห็นมันน่ารักขึ้นเยอะทีเดียว มันรดน้ำต้นไม้อยู่หน้าบ้านผมเองก็ตัดกุหลาบเอามาใส่แจกันให้แม่ ส่วนมะลิยังไม่ออกดอก แม่กินข้าวก่อนเราเพราะต้องรีบออกจากบ้านไปโรงเรียนตามปกติ ผมหยุดไอ้เอก็หยุดเราจึงกินข้าวทีหลัง พอแม่ออกจากบ้านผมก็ชวนมันกินข้าว พอเสร็จผมก็นอนอ่านหนังสืออยู่ข้างล่าง มันก็อ่านหนังสืออยู่ใกล้ๆ

"ตัวเองไปเดินเล่นกันไหม วันนี้วันคริสต์มาสต์นะ"

มัน พูดขึ้นแล้วมองหน้าผมยิ้ม ผมพยักหน้า

"อยากไปไหนล่ะ"

"ไปที่มัน มีไฟสวยๆ แต่มันยังหัววันอยู่เราไปเดินเล่นสวนหลวงก่อนดีไหม"

ผมได้แต่พยักหน้า เราออกจากบ้านเกือบบ่ายสองแดดยังร้อนอยู่ ตอนแรกกะจะไปสวนหลวงเลยแต่ด้วยความที่อากาศร้อนจึงแวะเดินที่ซีคอนสแควก่อน ร้านรวงต่างๆประดับประดาด้วยกระดาษหลากสีทำให้บรรยากาศดูเป็นเทศกาลที่มี ความสุข เราแวะกินข้าวที่ศูนย์อาหารแล้วเดินไปเลือกของขวัญที่ฝั่งโรบินสัน

"ตัว เอง เสื้อตัวนี้น่ารักไหม"

มันหยิบเสื้อยืดสีเขียวมรกตขึ้นมามีลาย สกรีนเป็นรูปหัวใจเป็นเงาๆ ผมมองแล้วพยักหน้า

"ตัวเล็กไปป่ะ เธอตัวเบ่อเร่อ"

"ก็จะซื้อให้ตัวเองนั่นล่ะ ตัวนี้ของขวัญวันคริสต์มาสต์กับปีใหม่ รวมกันเลย"

"มีเงินเหรอเรา ไม่ต้องหรอก พี่ไม่อยากได้อะไร เก็บเงินไว้ดีกว่า"

"มีดิ เก็บตังค์ค่าขนม เอาน่าอยากซื้อให้แฟนน่ะ อย่าคิดมาก"

ผมยิ้มเขินขึ้น มาโดยไม่รู้ตัว ไม่รู้ทำไมเดี๋ยวนี้ทนไม่ค่อยได้กับคำหวานของมัน นี่มันเร็วไปหรือที่ผมจะรู้สึกแบบนี้ ผมกำลังทำอะไรอยู่ หักห้ามใจยังไงเหมือนกำลังชี้นำทางให้ใจมันทำในสิ่งที่คัดค้าน

"งั้น พี่ซื้อกางเกงในให้เราดีไหม"

ผมคิดจแกล้งมัน เพราปกติมันใส่แต่กางเกงบอกเซอร์

"อ่า จริงเหรอ เอาๆ จะใส่ตอนอยู่กับตัวเองเท่านั้น"

"อ้าวไม่ใส่ตลอดล่ะ อุตส่าห์ซื้อให้"

"ไม่ เอาอ่ะ เดี๋ยวมันไม่พิเศษ แฟนซื้อให้ทั้งที"

สรุปผมก็ต้องซื้อกางเกง ในให้มันเป็นแพ็กสามตัว มันก็ซื้อเสื้อยืดให้ผม

"ตัวเองเค้าไปห้องน้ำ น้า รอแป๊บเดียวอย่าไปไหนนะ"

มันบอกแล้วเดินไปทันที ผมก็เดินดูเสื้อผ้าต่อไป ผมซื้อบอดี้สเปรย์ของ The Body Shop ให้พลกับจ๋า รวมทั้งกายกับกบด้วย ส่วนแม่ผมซื้อน้ำมันหอมกลิ่นที่แม่ชอบให้

"มา แระ รอนานไหมคะ"

มันเอาคางมาพาดที่บ่า ผมสะดุ้งเบี่ยงตัวออกเพราะคนในร้านไม่ใช่น้อย

"ไปนานจัง"

ผมพูด อ้อมไปแก้เขิน

"ตัวเองซื้อไรอ่ะ เยอะแยะเชียว มาเค้าถือ"

มันแย่งไปถือแล้วเปิดถุงดู เราเดินวนไปวนมาจนเกือบสี่โมงครึ่งแล้วจึงนั่งแท็กซี่ไปสวนหลวง แดดยังจ้าอยู่แต่ก็ไม่ร้อนมากนักเพราะมีต้นไม้เยอะ เราเดินไปยังบึง

"นั่ง เรือกันดีกว่า"

มันเดินตรงไปที่เรือถีบแล้วคุยกับคนให้เช่าเรือ มันจ่ายเงินค่าเช่าเรือเรียบร้อยแล้วลากผมลงไปนั่ง ผมยึกยักเพราะไม่ค่อยชอบบึงหรือน้ำที่เป็นที่กว้างๆไม่รู้ทำไมกลัวนั่นเอง

"ตัว เองไม่ต้องถีบ เดี๋ยวเค้าถีบเอง"

มันพูดแล้วขมักเขม้นถีบเรือออกไป เกือบกลางบึง แล้วมันก็หยุดปล่อยให้เรือลอยไปตามแรงลม

"เหนื่อยเหรอ"

ผม ถามมองหน้ามันที่ยังจ้องหน้าผมอยู่

"ปล่าว แต่อยากอยู่ตรงนี้นานๆ"

มัน ทำตาหวาน ผมมองผ่านไปไกลแสนไกลเพราะไม่อยากให้มันมาหวานอะไรตอนนี้

"ตัว เองดูกลัวๆน กลัวเหรอ"

มันถาม

"บ้าเหรอ ไม่กลัว แต่ไม่ชอบ"

"อ่า แล้วก็ไม่บอก"

"มีเวลาให้บอกไหมล่ะ คิดเองเออเองหมด"

ผมประชด

"น่า นะ อยู่กับเค้าตัวเองไม่ต้องกลัวหรอก สวยดีเนอะ พระอาทิตย์กำลังตกพอดี เค้าอยากพาตัวเองมาที่สวยๆแบบนี้บ่อยๆจัง"

"เพ้อ"

มันพูดตาลอย หวานฉ่ำ ผมก็รู้สึกดีเป็นคนชอบพระอาทิตย์ตกดินอยู่แล้วเป็นทุน บึงน้ำที่กว้างใหญ่กระเพื่อมตามแรงลม แดดตอนอาทิตย์อัสดงกระทบพื้นน้ำแสงแวววาวดั่งแผ่นทอง รู้สึกอบอุ่นในใจ รู้สึกอิ่มเอม อยากมองภาพแบบนี้อยู่ตลอดไป ความสวยงามเบื้องหน้า ความอบอุ่นใจในตอนนี้ อยากให้มันอยู่ตลอดไปจังเลย มันโผเข้ามาจูบผมทันที ผมสะดุ้งจนเรือโคลง ตกใจเพราะมัวแต่เหม่อ อีกทั้งกลัวคนที่อยู่รายรอบจะมองเห็น

"อดใจไม่ไหวจริงๆ ยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งอยากกอด"

"บ้า คนเยอะแยะ อายคนบ้าง"

"อายทำไม ก็คนเขารักกัน"

มันพูดหน้าตาเฉยยิ้มอย่างพอใจ ผมเองก็อดที่จะยิ้มไม่ได้ ล่องลอยไปกับมันพยายามบอกตัวเองว่ามันเป็นไปไม่ได้ มันจะมากไปกว่านี้ไม่ได้ แต่จิตใจเรานี่มันบังคับยากเหลือเกิน นี่ผมกำลังเป็นอะไรไป

"เอ พี่ถามหน่อยสิ ทำไมถึงชอบพี่"

ผมพูดออกไปลอยไปกับลม ที่จริงไม่ได้อยากจะถามแต่อยากรู้

"ตอนนี้น่ะเหรอ เค้าไม่ได้ชอบตัวเองซะหน่อย ตอนนี้เค้ารักตัวเอง แต่เริ่มชอบตอนไหนน่ะเหรอ น่าจะเป็นวันแรกๆที่เค้าแกล้งตัวเองแล้วตัวเองแก้มแดง น่ารักดี แต่คิดว่าเป็นเรื่องปกติ ไม่คิดว่าจะชอบได้มากขนาดนี้ ยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งชอบ ยิ่งอยากแกล้ง"

"โรคจิต"

"ไม่นะ เค้าไม่ได้โรคจิต แต่ตัวเองเคยเป็นไหมล่ะ ยิ่งอยู่ใกล้แล้วยิ่งรู้สึกดี อยากมองหน้าอยู่อย่างนั้น เวลาอยู่กับตัวเองแล้วเค้ามีความสุข เค้ารู้นะว่าตัวเองไม่ได้ชอบเค้า อาจจะเกลียดด้วยซ้ำ แต่เค้าไม่สนหรอก ก็ใจมันรักไปแล้ว อยากจะพิสูจน์ให้ตัวเองเห็นว่าเค้าเป็นคนที่ตัวเองจะมอบหัวใจให้รักได้"

มันจ้องหน้าผมสีหน้าจริงจัง ผมมองมันหวั่นๆในใจ นี่มันมาไกลขนาดนี้แล้วหรือ เวลาเพียงไม่นานมันจะรักผมได้ขนาดนี้เลยหรือ

"ค่อยๆ ดูกันไป เอ อย่าเพิ่งใจร้อน"

ผมพยายามดึกสติให้มันรวมทั้งผมเองด้วย บางอย่างสิ่งที่เคลือบฉาบภายนอกนั้นอาจจะเป็นน้ำตาลรสหวานติดใจ แต่ลึกๆภายในมันคือบอระเพ็ดที่ขม

"ไม่อ่ะ ไม่ดูแล้ว ไม่มองใครแล้ว ตัวเองอย่าทิ้งเค้านะ เค้ารักตัวเองมากนะ ช่วยนำทางใจให้เค้าด้วย"

มันกุมมือผมแน่นตามองผมอ้อนวอน ผมเม้มปากรู้สึกชุ่มช่ำในใจ ไม่รู้สิ รู้สึกชอบเวลามันบอกว่ามันรักผมเหลือเกินไม่รู้สึกเบื่อ แต่แทรกมาด้วยความปวดร้าวใจเบื้องลึกที่แปลบขึ้นมาผสมกัน ภาพแม่ภาพอาจารย์ปริศนาแวบโผล่ขึ้นมา ผมเผลอใจไม่ได้หรอก ผมทำไม่ได้หรอก

เราลอยเรืออยู่จนค่ำมันจึงปั่นเข้าฝั่ง เราตกลงไม่ไปดูไฟต่อเพราะขี้เกียจ เวลาอยู่กับมันผมมีความสุข มันเริ่มมีมาตอนไหนไม่รู้ทั้งที่แต่ก่อนไม่อยากแม้แต่จมองหน้า แต่ตอนนี้ ผมอยากจะสัมผัสมือมันตลอดเวลา แม้ผมพยายามจะดึงสติตัวเองให้นิ่ง ผมสุขใจมันสุขใจ แล้วคนที่รักผมที่สุดคนที่รักมันที่สุดอย่างแม่ของเราล่ะ ท่านยังจะสุขใจด้วยไหม ผมสับสนเหลือเกิน ไม่อยากคิดอะไร รู้เพียงว่าตอนนี้ผมหัวใจพองโตมันบดบังความมืดมน แต่เวลาที่อยู่คนเดียวความมืดมนดูมันจะแผ่ปกคลุมทุกตารางนิ้วของหัวใจ ผมไม่อยากอยู่ในภาวะแบบนี้เลย ทรมานใจเหลือเกิน

เรานั่งแท็กซี่กลับบ้านถึงประมาณทุ่มกว่า แม่ทำกับข้าวรออยู่แล้ว ผมเดินเข้าไปช่วยแม่ มันเองก็เข้าไปคุยกับแม่ทำเหมือนแม่ตัวเอง ผมเองยังคุยกับอาจารย์ปริศนาไม่เยอะเท่ากับที่มันคุยกับแม่

"เออ ลูกเอ แม่เรากลับมาแล้วนะ วันนี้จะกลับบ้านไหมจ๊ะ"

แม่ถามขึ้นตอนกินข้าว

"ไม่กลับครับ เพราะเดี๋ยวก็ต้องเรียนกับพี่เค้าอยู่ดี ผมขี้เกียจไปๆมาๆ แม่อรไม่ว่านะครับถ้าผมจะขอรบกวนต่อ"

"ตายแล้ว ดูพูดเข้าสิ เป็นเด็กเป็นเล้กรู้จักอ้อนผู้ใหญ่ เข้าใจพูดนะเรา เอาเถอะจ๊ะที่นี่ก็เหมือนบ้านเราเองล่ะ แม่ถามเผื่อว่าเราอยากจะกลับไปที่บ้าน"

แม่พูดอย่างอารมณ์ดี

"ก็ผมอ้อนแต่กับแม่อรล่ะครับ คนอื่นไม่อ้อนหรอกเพราะรู้ว่าแม่อรใจดี"

มันพูดแล้วหัวเราะ แม่เองก็หัวเราะ รู้สึกคุยถูกคอกันเหลือเกินนะ ผมรู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมา

"แล้ววันนี้ไม่ออกไปเที่ยวไหนเหรอลูก วันคริสต์มาสต์นะวันนี้"

แม่ถามมันเพราะรู้ว่ามันเป็นคริสต์

"ต้องให้พี่โยพาไปครับ รออยู่ว่าจะพาผมไปเปิดหูเปิดตาที่ไหน"

มันพูดแล้วหันมามองผม

"ไหนบอกขี้เกียจออกแล้ว"

ผมพูดขึ้น

"พาน้องออกไปเดินดูไฟบ้างสิลูก หยุดเรียนกันสักวัน เรียนมากๆเดี๋ยวเครียด"

แม่หันมามองผมสายตายังคงห่วงใยเหมือนเดิม ผมมองหน้าแม่เหมือนจะขอคำตอบ ขอคำตอบอยู่ในที แม่พยักหน้า ผมก็ก้มหน้ากินข้าวต่อ พอกินเสร็จก็เก็บกวาดทำความสะอาด พอเสร็จจึงโทรหาพล รายนั้นถ้าชวนออกข้างนอกไม่เคยบอกปฏิเสธ เราตกลงกันว่าจะไปข้าวสารกัน พลจะชวนกายกับกบไปด้วย ส่วนจ๋าท้องอยู่กินเหล้าไม่ได้ เลยข้ามไป ผมให้เอขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวรอเพราะพลจะมารับตอนสี่ทุ่ม พอเออาบน้ำเสร็จผมก็อาบบ้าง ที่จริงไม่ได้อยากจะออกไปเที่ยวไหนเลย อยากจะอยู่บ้าน แต่ทำยังไงได้ เอใส่เสื้อยืดสีเทา สกรีนลายวัยรุ่น กางเกงยีนส์ เสื้อผ้ามันเข้ามาอยู่ในตู้เสื้อผ้าผมเกือบครึ่งแล้ว ท้องรองเท้าชุดนักเรียน มีพร้อม เวลามันอยู่ในชุดปกติมันดูเป็นเด็กวัยรุ่นดูคุ้นตากว่าตอนที่มันใส่ชุดนัก เรียน ผมใส่เสื้อยืดสีดำกางเกงยีนส์ธรรมดา

"ตัวเอง ใส่เยวให้เค้าหน่อยสิ"

มันบอกตอนผมกำลังทาครีมอยู่ มันมายืนมองแต่ก่อนด่ามันเพราะเขินแต่เดี๋ยวนี้ไม่เขินแล้ว

"ผมสั้นแค่นี้ยังจะใส่เยวอีกเหรอ เปลือง"

"อ้าวก็จะได้ดูหล่อๆไง เวลาเดินกับตัวเองจะได้ดูเหมาะสมกัน ทำไงได้ก็มีแฟนน่ารักนี่นะ ต้องทำตัวให้หล่ออยู่ตลอดเวลา"

"เออ มานี่"

ผมรำคาญเรียกให้มันมานั่งที่เก้าอี้หน้าโต๊ะ เครื่องแป้ง ผมเอาเจลใส่ผมทาที่มิอแล้วถูจนร้อนค่อยๆลูบผมมันจนทั่ว มันดึงเอวผมไปเกาะไว้แล้วมองหน้าผมยิ้ม

"เสร็จแล้ว พอใจไหม"

ผมบอกแล้วหันไปทำให้ตัวเองบ้าง

"โห เค้าหล่อนะเนี่ย ตัวเองดีใจไหมที่มีแฟนเป็นเค้าน่ะ"

มันพูดแล้วเอาหน้ามาวางที่บ่า

"อย่าถามมากได้ไหม ขอแต่งตัวก่อน ไปนั่งรอข้างล่างไป"

"โห ถามหน่อยก็ไม่ได้ แต่เค้าดีใจมากนะที่มีตัวเองเป็นแฟน โชคดีที่สุด"

มันหอมแก้มผมแล้วเดินออกจากห้องไป ปล่อยให้ผมยืนอายหน้าแดงอยู่หน้ากระจก แล้วก็ต้องถอนหายใจ พอรู้สึกดีใจขึ้นมาเมื่อไหร่ ทำไมผมต้องทุกข์ใจผสมมาด้วยตลอดนะ เสียงพลบีบแตรปลุกให้ผมตื่นจากภวังค์ ผมรีบเดินลงไปข้างล่าง เอออกไปแล้ว ผมเดินตามออกไปเห็นมันคุยกับพลอย่างคุ้นเคย

"อิจฉาคนมีแฟนหล่อโว้ย ดูซิ น่ารักน่ากินไปหมด"

พลพูดขึ้นมันเป็นคำทักทาย

"ผมเหรอพี่ เสียใจด้วยครับ ผมมีแฟนแล้ว แฟนผมน่ารักไม่มีทางเปลี่ยนใจไปมองคนอื่น"

มันพูดขึ้นแล้วหัวเราะ

"จ้า ใช่สิพี่มันไม่น่ารัก แหม แล้วที่ให้ติดต่อเพื่อนให้ล่ะ ไปถึงไหนแล้ว"

"เฮ้ยพี่ เพื่อนผมมีแต่ผู้ชาย ไม่มีเกย์หรอก"

"อ้าว แล้วเราล่ะ"

"ผมไม่ได้เป็นเกย์ แต่มีแฟนเป็นเกย์"

"นั่นล่ะพ่อหนุ่มเขาเรียกเกย์"

"ไม่รู้ล่ะ ผมรักของผมนี่เป็นอะไรก็เป็น"

มันสองคนเถียงกัน จนผมต้องสอดขึ้น

"จะไปกันหรือยัง ไม่อยากกลับดึก"

"เห็นมั้ยแฟนเราเร่งแล้ว"

"ตัวเองวันนี้มานั่งกับเค้าข้างหลังนะ ให้พี่พลขับ"

"มากไปๆ ชั้นไม่ใช่คนขับรถนะยะ"

"นั่งคนเดียวนั่นล่ะ เดี๋ยวพี่นั่งข้างหน้า"

ผมพูดแล้วเปิดประตูรถด้านหน้าขึ้นไปนั่งทันที

"อ่าใจร้าย"

มันบ่นพึมพัม พอขึ้นรถได้ผมก็เอื้อมมือไปเปิดเพลงทั้งที่ไม่ใช่รถของตัวเอง แต่พลก็ไม่เคยว่าอะไรผมจึงติดเป็นนิสัยเวลาที่นั่งรถมัน เราคุยกันเรื่อยเปื่อย ส่วนมากเป็นพลกับเอที่คุยกัน ส่วนผมได้แต่นั่งฟังเพราะหัวข้อมันคือเรื่องของผมกับมันเอง





 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:




ถ้าชอบเมนต์กันเยอะๆหน่อยนะคร้าบบบ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 30 Mar 31, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: clubza ที่ 31-03-2010 10:18:28
ตัวเอง ใส่เยวให้เค้าหน่อยสิ       เจลใส่ผมใช่ไหมครับ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 30 Mar 31, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: kenshinkenchu ที่ 31-03-2010 10:29:43
ไรท์เตอร์ขยันจัง
คนอ่านปลื้มใจ
น้องโยก็แหม.. คิดมากอยู่นั่นแหละ  เคลียร์กับคุณแม่ปริศนากันไปเล๊ยรู้แล้วรู้รอด
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 30 Mar 31, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 31-03-2010 10:32:24
ตัวเอง ใส่เยวให้เค้าหน่อยสิ       เจลใส่ผมใช่ไหมครับ

อิอิ เจลคร้าบบบ ภาษาพูดเราเรียกกันว่า เยว ใช่ไหมอ่า อิอิ ขอบคุณค้าบบบ ที่อ่านดดยละเอียด
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 30 Mar 31, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: sweetener ที่ 31-03-2010 10:50:00
โยพอเริ่มปล่อยวางบ้าง ก็มีอะไรหวานๆ
แต่น้องเอมันน่ารักเนาะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 30 Mar 31, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: jadezii ที่ 31-03-2010 13:05:51
กำลังน่ารักเลยอ่าาา :m3: :m3: :m3: :m3: :m3:
อร๊าย ๆๆ

ไรท์เตอร์สุ้ๆ ค่า :a1:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 30 Mar 31, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Vesi ที่ 31-03-2010 13:26:54
จริงจะเรียก เยล ก็ไม่ผิดนะ
เพราะในตัวสัทอักษร ตัว j แทน เสียง ย ไม่ได้แทนเสียงตัว จ อย่างที่หลายๆ คนเข้าใจ

นับวันยิ่งทวีดีกรีความหวานมากขึ้นแฮะ
อย่าเอาความกลัวในสิ่งที่ยังไม่เกิดมาบั่นทอนจิตใจเลยนะ
มีความสุขกับปัจจุบันดีกว่า
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 30 Mar 31, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 31-03-2010 15:24:39
อุปสรรคใหญ่สุด น่าจะเป็นใจโย
น้องเอน่ารักขึ้นทุกวัน
+1 เป็นกำลังใจ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 30 Mar 31, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: tarkung ที่ 31-03-2010 16:24:46
จะติดตามต่อไปๆเช่นเดิมนะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 30 Mar 31, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: kongkilmania ที่ 31-03-2010 17:30:24
มาให้กำลังใจคนเขียนจ้า  :L2:
เพิ่งอ่านได้ถึงตอน 5 แต่ขอมาเม้นท์ให้กำลังใจก่อน
เนื้อเรื่องน่ารัีก สนุกดี อ่านแล้วรู้สึกลื่นไหลมากกกกกกกกก
ชอบน้องโย น่าร๊ากกกกกกกกกกก
ส่วนอิเอน่า  :z6: กวนตรีนที่สรวดดดด

รีบไปอ่านก่อน อยากรู้ว่าเอเป็นพระเอกแน่รึ  o22 (ท่าจริงก็เวนกำของน้องโยจริงจิ๊ง)
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 30 Mar 31, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 31-03-2010 19:34:16
หวาน หว๊าน หวาน น่ารักดีค่ะ
โยที่เริ่มปลงได้ กับน้องเอที่เอาแต่ใจน้อยลง
ก้อดูจะเข้ากันได้ดีเนอะ

เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 30 Mar 31, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 31-03-2010 19:57:35
อีป้าแก่อ่านแล้วกระชุ่ทกระชวยหัสใจดีนัก
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 30 Mar 31, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: salawinyeen ที่ 31-03-2010 20:18:14
 :3123:   ตัวเองเอามาลงอีกสิคะเค้ารออ่านอยู่นะ

จากน้องเอตัวจริง
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 31 Apr 1, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 01-04-2010 07:38:37
ตอน ต่อครับ





                                                   ตอน สามสิบเอ็ด





When I first saw you I already knew


There was something inside of you


Something I thought that I would never find


Angel of Mine






I look at you looking at me


Now I know why they say the best things are free


Gonna love you boy you are so fine


Angel of Mine










"เอ้ ย ตัวเอง ชอบเพลงนี้อ่ะ ใครร้องคะ"

มัน ชะโงกหน้ามากอดที่เบาะผมตามเคย ผมกำลังเคลิ้มกับเสียงเพลงต้องสะดุ้ง

"อ้อ น้องเอชอบเหรอ เพลงนี้หวานเชียวนะความหมายมันน่ะ"

"ชอบ พี่ เพราะดี"

"เพลง Angel of Mine จ๊ะ ของ Monica ร้องให้แฟนเราสิ พี่ว่าน่าจะชอบ"

"บ้า แกนี่ก็ชอบพูดอะไรเวอร์"

ผม พูดแก้เขิน ค้อนพลวงใหญ่

"มัน หมายถึงอะไรอ่ะพี่พล"

มัน ถาม หน้ามองพลแต่ยังเกาะเบาะผมอยู่

"ไหนบอก เริ่มฟังรู้เรื่อง แปลเองสิ"

ผม ประชด มันเงียบ แล้วโน้มคอมาหอมแก้มผมทีหนึ่ง

"เอ้ ย"

ผม ตกใจสะดุ้งหนี

"ต๊าย จะหวานกันไปไหนจ๊ะ บอกว่าให้เห็นใจพี่บ้าง"

"แหม พี่ คนมันมีความสุขอ่ะนะ อย่าอิจฉาเลย"

"เพ ลงนี้ก้แปลรวมๆว่านางฟ้าของผมไงเอ เหมาะกับเรานะพี่ว่า ฮ่าๆ"

ไอ้ พลนี่ก็แปลกคุยกับมันแต่ตามองจิกกัดผมอยู่ตลอด มันรู้ว่าผมจะเก็บอาการอายไม่ค่อยอยู่มันถึงรวมหัวกันแกล้งเอาๆ

"นี่ แก แล้วไอ้กายกับกบล่ะโทรหามันรึยัง"

ผม พยายามตัดบทเปลี่ยนเรื่อง

"โทร ก่อนออกจากบ้านแล้วมันบอกจะไปรอที่โน่น เออแล้วเอเข้าเธคได้แล้วเหรอ"

"บ้า เหรอแก ยังไม่สิบแปดเลย"

"ยัง ไม่สิบแปดแค่อายุใช่ไหมเอ แต่อย่างอื่นน่ะคงโตล่วงหน้าไปแล้วเนอะ"

พล หันไปเย้าเอ

"อ่ะ นะพี่ ก็ไม่รู้นะครับ แต่รู้ว่าพอตัว ฮ่าๆๆ"

"โทร หาพวกมันหน่อยสิแก"

ผม เริ่มรำคาญสองคนนี้เต็มทนดูเหมือนมันจะเข้ากันได้ดีเหลือเกิน พลยอมโทรหากายแต่โดยดี กายถึงข้าวสารแล้ว รออยู่ทางเข้า พอบอกว่าเอมันมาด้วยพวกนั้นก็คิดแผนอื่นไว้รอเลย เพราะตอนแรกพวกมันอยากไปร้านชินนะม่อน แต่ท่าทางเอคงเข้าไม่ได้ พลหาที่จอดรถตรงลานด้านหลังถนนข้าวสารทางที่จะไปสนามหลวง เราเดินย้อนกลับมานัดเจอกันใหม่ที่หน้าข้าวสารเซ้นเตอร์

"ไหนบอก ไม่สบายแก หน้าตาดูแจ่มใสเชียว"

กาย ทักมาตั้งแต่ไกล ผมพยักหน้า

"แล้ว นี่ใครอ่ะ อุ๊ยหล่อเชียว"

กบ กระแซะเข้าหาเอ มันขยับตัวมาข้างหลังผมแล้วเกาะเอวทันที

"อย่า บอกนะ ว่า"

"เออ แฟนไอ้โยมัน นี่น้องเอ"

พล ดึงแขนกบไว้ ไม่ให้เข้าใกล้เรามากเกินไป

"หา น้อง เอ"

ทั้ง กายและกบอุทานพร้อมกัน

"เออ น้องเอ อยู่ ม.5 อายุ 17 ปี พอใจไหม"

พล พูดอย่างรู้ดี

"หา"

อุทาน พร้อมกันอีก หน้ามันทั้งสองดูตกใจยิ่งขึ้น

"อะไร อีพวกนี้ จะตะโกนเพื่อ"

พล ปรามไว้ เพราะพวกมันเสียงดังจนคนที่เดินไปมาหันมามอง

"ต๊าย โย ร้ายกาจนะแก ฉันอยากได้แทบตายเด็กๆน่ะ ไม่เคยได้ แต่แกนี่นอนมาเลยนะยะ ต๊าย หล่อด้วยนะ"

กบ แสดงท่าทีจริตเยอะตามปกติ

"นั่น สิ โห แกไปหามาจากไหนเนี่ย หาให้บ้างสิ"

กาย พูดบ้าง ผมรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาในใจ ไม่รู้ทำไม ทำไมเหรอมีแฟนเด็ก แล้วมันน่าภูมิใจขนาดนี้เลยหรือ แล้วทำไมจะต้องทำท่ากันแบบนี้ ผมไม่ได้อยากมีมัน ผมไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้ พวกมันเข้าใจบ้างไหม

"นี่ พอแล้วแก พูดอะไรเห็นแก่หน้ามันหน่อย"

พล เสียงดุปรามขึ้น มันคงรู้ว่าผมคงหน้างอแล้ว ทั้งกายและกบมองหน้าผมแล้วทำหน้าเจื่อนๆลงทันที พลเข้าไปกระซิบกระซาบมันสองคน แล้วมันทำตาโต ผมเอาศอกสะกิดเอที่มันเกาะเอวอยู่ มันมองหน้าผมแล้วมองหน้ามัน

"หวัด ดีครับพี่"

มัน ยึกยักอยู่พักใหญ่กว่าจะรู้ว่าผมสื่อให้มันไหว้เพื่อนทั้งสอง มันเกาหัวแกรกๆก่อนยกมือไหว้ เพื่อนทั้งสองยกมือไหว้ตอบแทบไม่ทัน

"เออ ว่าแต่จะไปร้านไหนดีแก น้องมันเข้าไม่ได้นะ"

พล ถาม

"ไป หาร้านนั่งนั่งกินเบียร์ก็ได้แก"

"เออ แก ไปชาร์มล็อก ดีไหม นั่งสบายๆ"

กบ กับกายแนะนำ เราก็เห็นด้วยเพราะถึงแม้จะตรวจบัตรแต่กายมันบอกว่ามันรู้จักคนข้างในไม่น่า จะมีปัญหา เราเดินย้อนไปทางต้นซอยแล้วขึ้นไปชั้นบน มีคนอยู่เต็มร้านคงเพราะเป็นวันคริสต์มาสต์ ชาวต่างชาติที่มีจำนวนมากกว่าคนไทยหนาแน่นไปหมด ร้านนี้มีนักร้องเล่นเพลงสดที่นั่งเปิดโล่งมีพัดลมไอน้ำอันใหญ่เป่าอากาศให้ ระบาย เราได้ที่นั่งติดบาร์เพราะกายคุยกับคนที่มันรู้จัก

"เอา อะไรดีแก"

กาย ถามเมื่อนั่งลงที่นั่ง

"กิน เบียร์ดีกว่าแก ง่ายๆเมาเร็วดี"

กบ เสริม พลก็พยักหน้า

"ฉัน ไม่อยากกินเหล้าแก กินค้อกเทลได้ไหม ไม่อยากเมา"

ผม แย้งเพราะปกติไม่ค่อยชอบกินเหล้า เพราะกินแล้วรู้สึกว่าตัวเองเมาแล้วตลก

"แหม แก นานๆที กินหน่อยเถอะ แล้วน้องเอล่ะครับ กินเบียร์ได้ไหมนี่"

กาย หันมาถามมันที่นั่งคลอเคลียผมอยู่

"ได้ พี่"

"ไม่ ได้ บ้าเหรอแก จะให้น้องกินเหล้า เอาน้ำอัดลมพอ"

ผม ขึ้นเสียงขัดขึ้นมา

"โห"

มัน โอดครวญ

"นี่ ล่ะเอ เมียมาคุม เอ้ยมีแฟนมาคุมก็อย่างนี้ล่ะ"

พล กระแนะกระแหน แล้วหัวเราะชอบใจ มันเหมือนคิดอะไรได้ กวักมือให้เอมันโน้มคอเข้าไปหาแล้วกระซิบกระซาบกันอีกรอบ ผมทำท่าไม่สนใจ

"แก นี่กินหน่อยเถอะนะ จิบเบียร์นิดเดียว ไม่เมาหรอกน่า เมาฉันก็ไปส่งให้ถึงห้อง อีกอย่างเอมันก็อยู่ น้องมันไม่ได้กินด้วยนี่"

พล พยายามยุ

"ไม่ เอาหรอกแก ไม่อยากเมา ฉันไม่ใช่ฝรั่งจำเป็นต้องฉลองด้วยเหรอ แกจะกินก็กินไปเถอะ ฉันไม่กิน"

"แหม โย เอาหน่อยเถอะ ไหนๆก็หยุดนี่พรุ่งนี้ ไม่ต้องวิตกอะไรหรอกน่า เพื่อนๆมาสนุกกันแกจะมานั่งทำตัวเป็นนางเอกเหรอยะ"

กบ ประชด ดูพวกมันเข้าขากันยังไงไม่รู้ แปลกๆหวั่นในใจ

"เออ กินก็กิน เมาแล้วรั่วอย่ามาว่ากันล่ะ"

ผม เหวี่ยงเพราะรำคาญ สรุปก็ต้องบยอมกินเบียร์เป็นหลอดกับพวกมัน เสียงนักร้องดังเคล้ากับเสียงสนทนากันจนฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้บ้าง พวกเราคุยกันสัพเพเหระ พอเบียร์เข้าปากผมก็เมากินไม่กี่แก้ว หน้าก็เริ่มแดง

"เอๆ แฟนเราเมาแล้ว ดูหน้าสิแดงแจ๋เลย"

พล พยักเพยิดมาทางผม

"ม่าย มาว ไหน เอามาอีก"

ผม เริ่มเสียงยาน ควานหาแก้ว ไอ้เอมันยิ้มแล้วกอดเอวผมไว้

"พอ แล้วนะคะ ตัวเองเมาแล้วน้า"

มัน เอาจมูกมาคลอเคลียแถวกกหูผม

"ม่าย มาว จากินอีก อาวมาอีก"

"ฮ่าๆ แกดูมันสิ แหม พอเมาแล้วได้เรื่องเลย เลื้อยแล้ว"

กาย หัวเราะ

"นี่ แก น้องเอ หล่อมาก แกโชคดีนะเนี่ย"

กบ เสริม

"ดู ซิ ดูรักแกออก"

"อ้าว ก็ต้องรักฉันสิ ไม่รักฉันแล้วจะรักคราย"

ผม พูดแล้วหันไปมองหน้ามัน เอยิ้มหวานให้ ผมเลยหอมแก้มมันไปฟอดใหญ่

"โอ้ โห เอาแล้วโว้ย ได้เรื่องแล้วเห็นไหมเอ"

"ตัว เล็ก อายคนนะคะ เดี๋ยวเรากลับไปทำที่บ้าน"

มัน พูดแต่ก็เอาปากมาพุดอยู่เหนือริมฝีปากผม

"ม่าย อาย ก็เป็นแฟนกันนิ ม่ายอาย"

"ฉัน ว่าพามันกลับเถอะพล คนมองใหญ่แล้ว"

กาย พูด ไม่รู้ว่าพวกมันคุยอะไรกันต่อแต่ผมรู้สึกตัวอีกทีตอนอยู่บนรถ นอนอยู่บนตักมัน ผมงัวเงียขึ้นมา

"ตื่น แล้วเหรอคะ เมานะเรา"

มัน เอาหน้ามาซุกท้ายทอยผม

"อะไร เมาเมิว อะไรล่ะ"

"แหม เมื่อกี้เลื้อยใหญ่เชียว เขาบอกว่าเวลาคนเมามักจะพูดเรื่องจริงที่สุดนะแก"

พล มองกระจกมองหลังพูดขึ้น

"ฉัน พูดอะไรแก ไม่รู้ล่ะตอนเมาไม่รู้เรื่อง"

มัน สองคนรุมผมกันใหญ่ ไอ้ตัวเดียวไม่ยอมปล่อยให้ผมออกห่างคอยกอดอยู่ตลอดเวลา พอถึงบ้านผมก็รีบอาบน้ำแล้วรีบนอนเพราะเกือบจะตีสองแล้ว ส่วนเอมันอ่านหนังสือต่อ เออแปลกดี ผมหลับไปรู้สึกอุ่นใจมากกว่าทุกวัน นี่ผมเริ่มชอบมันแล้วเหรอ ทำไมทุกทีที่มันอยู่ใกล้ๆ หัวใจผมเต้นแรง ลมหายใจมันที่รดหน้าผม ทำไมมันมีพลังร้อนแรงเหลือเกิน นี่ผมเผลอใจแล้วหรือ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 31 Apr 1, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 01-04-2010 08:31:00
อิจฉา อิจฉา
หวานตลอด  :-[ :impress2:
+1 ให้รักมั่นคง
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 31 Apr 1, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: salawinyeen ที่ 01-04-2010 09:51:37
:)  ชอบๆ  อิอิ

  by น้องเอตัวจริง
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 31 Apr 1, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Na_RimKLonG ที่ 01-04-2010 14:51:52
หวานตลอดอ่ะ คู่นี้  :-[ :-[
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 31 Apr 1, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Vesi ที่ 01-04-2010 15:05:12
คนเมาโกหกไม่เป็นนะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 31 Apr 1, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: kongkilmania ที่ 01-04-2010 17:38:52
มารายงานผลจ้า ว่าอ่านถึงตอน26 แล้วน้า
เกือบทันแระ อิๆๆ
ยิ่งอ่านยิ่งสนุก
ปวดใจแทนน้องโย  :m15: เครียดหลายเรื่องเกิ๊น
อิน้องเอก็ตื้อคร่อดๆ ทั้งหน้ามึน หน้าเป็นตลอดๆ
 :pig4: คนแต่งมากมาย เขียนได้สนุกมาก
อยากนั่งอ่านนิยายอย่างเดียว แต่งานยังทำไม่เสร็จ กรี๊ดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!!
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 31 Apr 1, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 01-04-2010 20:08:46
  :-[ น่ารักอ่ะ หวานอ่ะ เขินๆๆ

เป็นกำลังใจให้นะคะ

หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 31 Apr 1, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 01-04-2010 20:25:30
ยังกล้าเรียกเผลอใจนะคนเรา ทั้งๆที่ถลำไปทั้งใจทั้งตัวแล้ว :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 31 Apr 1, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: nidnoi ที่ 01-04-2010 20:44:06
ตามอ่านอยู่นะคะ

ชอบค่ะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 31 Apr 1, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 01-04-2010 22:51:51
ตามอ่านจนทันแล้ว น่าเห็นใจโยนะ หลายเรื่องประดังประเดเข้ามาเลย ส่วน เอ นี่คงต้องดูไปอีกพักใหญ่ๆ ละมั้ง
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 31 Apr 1, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 01-04-2010 23:01:57
 :o8:

เมาแล้วรั่วอะโย
 :pigha2:
 :pig4:

หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 32 Apr 2, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 02-04-2010 07:16:50
 ตอนต่อครับ



ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่าน



                         ตอน สามสิบสอง




เผลอ แป๊บเดียวก็ถึงวันส่งท้ายปีเก่าแล้ว ปี ๒๕๕๑ ผ่านไปรวดเร็วนักมีอะไรผ่านเข้ามาในชีวิตมากมาย เป็นทุกข์เสียส่วนใหญ่ จากชีวิตที่เรียบง่าย อยู่กับแม่ดูแลกันและกันเหมือนทุกวันที่ผ่านมา มีผู้ชายคนหนึ่งที่เรียกตัวเขาเองว่าแฟนที่คิดว่าซื่อสัตว์ แต่เขาก็ทำร้ายน้ำใจอย่างโหดร้ายที่สุด แต่ที่เปลี่ยนชีวิตผมไปได้มากจากหน้ามือเป็นหลังมือ คือ เอ เด้กมัธยมห้า อายุ ๑๗ ปี ฟังดูอาจจะเป็นแค่เด็กคนหนึ่งไม่มีพิษมีภัยอะไร แต่ไอ้เด็กมัธยมปลายสูง ๑๘๐ กว่าๆ นี่ล่ะที่กวนใจ จากที่ไม่ชอบขี้หน้า เป็นเกลียด พอเกลียดมันมากๆยิ่งได้เจอกัน ยิ่งได้อยู่ด้วยกัน จนตอนนี้ ผมหวั่นไหวในใจ ทั้งที่พยายามห้ามใจตัวเอง มันเป็นไปไม่ได้ มันไม่มีทางเป็นไปได้ แต่ห้ามอะไรฤาจะยากเท่าหักห้ามใจ ยิ่งฝืนใจยิ่งตีกรอบล้อมมัน หัวใจมันยิ่งหาทางไป เป็นอีกปีที่ทรมานหัวใจมากอีกปีหนึ่ง จากที่แต่ก่อนที่มีเรื่องอะไรจะเล่าให้แม่ฟังไม่เคยปิดบัง แต่พอมีไอ้เอเข้ามาในชีวิตผมก็ละอายแก่ใจเกินกว่าที่จะบอกใคร แม้แต่ตัวเองผมก็ไม่อยากจะรื้อฟื้นความทรงจำเหล่านั้นขึ้นมา มันเสียดแทงใจอยู่ทุกเวลา



คืน ก่อนวันสิ้นปีแม่ทำกับข้าวที่บ้านเพราะมีแขกมาเยอะ อาจารย์ปริศนากับลูกชายทั้งสอง พลกับจ๋า พี่ป้อมติดเรียนภาคปฏิบัติมาไม่ได้ กายกับกบ แล้วก็น้าสาข้างบ้าน น้าสากับจ๋ามาช่วยทำอาหาร ผมตื่นแต่เช้าไปตลาดคลองเตยเพราะของเยอะและถูกกว่าตลาดอ่อนนุช มีน้าสาไปเป็นเพื่อน ขากลับแวะรับจ๋ามาด้วย ดูจ๋าแล้วมันคงท้องจริงเพราะช่วงนี้อ๊วกใหญ่ เข้ามาในรถก็จะอ๊วกเพราะบอกเหม็นน้ำหอมปรับอากาศในรถ ลำบากน้าสาต้องควักยาดมที่พกติดตัวให้ดม กว่าจะมาถึงบ้านก็หน้าซีดเซียว จนแม่เห็นต้องตกใจ หายาลมยาหอมให้กินก็บอกเหม็นอีก จนผมต้องสะกิดบอกให้จ๋าทนกินเอาเดี๋ยวแม่สงสัย มันถึงยอมเห็นแล้วก็สงสาร มันดูแย่มากแทนที่จะได้มาช่วยเตรียมนั่นเตรียมนี่กลับมาให้แม่คอยเฝ้า


"ไหว ไหมลูก นอนสักพักก่อนเถอะ เรื่องอาหารให้น้าสากับโยทำเราพักก่อน"


แม่ ประคบประหงมจ๋าราวกับเป็นลูกตัวเอง ไม่แปลกใจเลยที่เรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นกับผมแม่กับจ๋าจะติดต่อกันโดยตรง และรู้โดยที่ผมไม่ต้องบอก รอแค่ให้แม่มาถาม จ๋ามันรักแม่ผมเหมือนแม่ของมันเองเพราะเห็นมาตั้งแต่เด็กๆ


"ไหว จ๊ะแม่ หนูนอนดึกค่ะช่วงนี้เลยเวียนหัวบ่อยๆ"


จ๋า แก้ตัว


"เฮ้อ พวกเรานี่ก็แปลก ทำไมนอนดึกนักล่ะลูก รู้อยู่ว่ามันไม่ดี มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าลูก ดูซีดๆไปนะช่วงนี้"


"มี เรื่องให้คิดนิดหน่อยค่ะแม่ เลยติดนิสัยนอนยากไปเลย"


"ปลงๆ บ้างนะลูก คิดไปก็เท่านั้น ปล่อยวางบ้าง เวลาเราวิ่งตามสิ่งที่เราอยากได้ เรามักจะมองไม่เห็นอะไรข้างทางที่เราวิ่งผ่านหรอก เพราะเราไปด้วยความเร็วลองหยุดเดิน อยู่นิ่งๆสักพักเดี๋ยวก็ดีขึ้นเองล่ะ เรานี่ชักจะเหมือนโยขึ้นทุกวัน รายนั้นก็เงียบๆไปช่วงนี้ มีอะไรก็เล่าให้แม่ฟังนะลูก เผื่อแม่จะคิดหาทางให้ได้"


ผม ยืนมองแม่กับจ๋าอยู่ห่างๆ ในใจก็ลุ้นอย่าให้มันบอกแม่เลย เพราะแม่คงทุกข์ใจคูณสอง ลำพังเรื่องของผมแม่ก็จะแย่แล้ว ถ้าเอาเรื่องจ๋ามารับรู้อีกแม่คงทุกข์หนักกว่าเดิม


"ไม่ มีอะไรหรอกค่ะแม่ ถ้ามีหนูเล่าให้แม่ฟังแล้วค่ะ แค่เรื่องพอจะจบมาหนูอยากจะทำงานส่วนตัว อยากใช้ความรู้ความสามารถที่ได้ร่ำเรียนมา แต่ป๊าคงไม่ยอม แค่นี้ล่ะค่ะแม่ หนูเลยเครียด"


จ๋า ทำหน้าม่อยลงทันที ผมรู้สึกโล่งใจ แม่เหมือนไม่เชื่อแต่ก็ไม่ซักอะไรต่อ ลูบหัวมันทีหนึ่งแล้วก็เดินเข้ามาช่วยในครัว แม่คุยกับน้าสาเรื่องธรรมะ ผมฟังอยู่สักพักก็ยกของออกมาทำหน้าบ้าน จ๋าออกมานั่งด้วย พอบ่ายๆ พล กาย และกบก็มาถึง มีของขวัญมาด้วย เห็นมันบอกว่าอยากจะจับฉลากที่นี่ด้วย ลำบากผมกับจ๋าต้องออกไปซื้อของขวัญ โดยมีพลขับรถออกไปส่ง เพราะรถมันจอดอยู่นอกบ้าน ผมได้ของขวัญมาสองกล่องให้แม่กล่องหนึ่งของตัวผมเองกล่องหนึ่ง จ๋าก็ได้ของมัน พอบ่ายแก่ๆอาจารย์ปริศนากับโอก็มาถึง ไม่ยักมีไอ้ตัวดีมาด้วย


"เอ ไปซื้อของขวัญน่ะลูกโย"


อาจารย์ ปริศนาทักผม งงเหมือนกันนี่ผมแสดงออกขนาดนั้นเลยหรือ แค่คิดในใจ ผมได้แต่อ้ำๆอึ้งๆ แต่ดูเจตนาของอาจารย์ปริศนาแล้วคงไม่ได้ระแคะระคายอะไร อาจารย์ปริศนาเอากระเช้าผลไม้มากระเช้าใหญ่ โอดูตัวคล้ำไปมาก แต่ดูตัวโตขึ้นผิดหูผิดตา ผมไม่ได้เจอน้องมันแค่ไม่กี่เดือน ตัวโตขนาดนี้เชียว แววตาของโอดูสดใสมีความมุ่งมั่น อารมณ์ดีเหมือนเคย แม่เอาขนมใส่ไส้ออกมาให้แขกทานก่อน ระหว่างนั้นผู้ใหญ่ก็คุยกัน เด็กๆอย่างเราก็เลยต้องขึ้นไปชุมนุมกันอยู่บนห้องผม ส่วนโอนั่งดูโทรทัศน์อยู่ข้างล่างกับจ๋า เพราะจ๋ามันรู้สึกหงุดหงิด ไม่อยากจะให้ใครกัด เพราะ กายกับกบยังไม่รู้


"ต๊าย นี่เสื้อใครน่ะแก"


กบ ร้องขึ้นหลังจากมันเห็นเสื้อบาสที่ห้อยอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า ผมไม่ตอบอ้ำอึ้งอยู่


"ของ ผัวมันสิยะ"


พล พูดขึ้น ผมรู้สึกหน้าชา


"ต๊าย นี่น้องมันย้ายมานอนกับแกแล้วเหรอ"


มัน เสียงดัง จนผมต้องจิ๊ปากบอกให้มันเบาเสียง อายเพื่อนก็อาย พลเองก็ยังไม่ได้ขึ้นมาห้องผมเลยตั้งแต่ไอ้เอเข้ามานอน


"ไหน เล่ามาเดี๋ยวนี้เลย โอ๊ย ใจจะขาด ฉันว่าแล้วเชียวกลิ่นแบบนี้ มันกลิ่นเด็กผู้ชาย"


"มาก ไปนังกบ แกจะไปอิจฉาอะไรมัน อยากได้เหมือนมันคงยากนะแกน่ะ เพราะหล่อนไม่สวย"


พล แขวะ


"อี นี่ ฉันน่ะอดีตนางงามเขื่อนลำตะคองนะยะ แกพูดอย่างนี้ไม่ด้าย"


กบ ทำเสียงดัดจริตใส่พล


"แหม อีนางงามสันเขื่อนลำตะคอง สวยนักนี่หล่อนน่ะ นั่งรถกับฉันมาผู้ชายมองเข้ามา เห็นตกใจทุกราย วันก่อนผู้ชายโทรมาบอกว่าในรถมีผีนั่งข้างๆ"


กาย กัดกบบ้าง


"อ๊าย หล่อน"


กบ พูดไม่ออก มันทำท่างอนตุ๊บป่อง แต่ก็หันหน้ามาหาผม


"ว่า มาสิแก ฉันอยากรู้"


"อะไร ล่ะ"


ผม ทำท่าเป็นไม่รู้เรื่อง


"ก็ เด็กแกน่ะ มาค้างจริงเหรอ"


มัน จ้องหน้าผมจะเอาคำตอบ ผมได้แต่ก้มหน้าทำท่าทำอย่างอื่น ไม่อยากพูดถึง แต่ก็ต้องพยักหน้าเพราะมันเซ้าซี้อยู่อย่างนั้น กายอีกคน


"กรี๊ด ดด"


"อี บ้า เบาๆหน่อย เดี๋ยวแม่นึกว่าผีเข้าหล่อนนะ"


พล ดุ ทั้งสองคนถึงยอมหุบปาก


"อยาก รู้อะไรถามฉันนี่ ไม่ต้องไปซักมัน เห็นไหมว่ามันอาย"


"แล้ว หล่อนมาอยู่ใต้เตียงเขาเหรอ ถึงจะตอบแทน"


กบ ย้อน


"อ้าว อีนี่ ถ้างั้นหล่อนก็ไม่ต้องรู้ ฉันรู้เยอะกว่าแกอีกก็แล้วกัน ขนาดน้องมันฉันก็รู้"


"ว๊าย เล่ามาๆ"


ผม รู้สึกอายเพื่อนเหลือเกิน ทั้งที่แต่ก่อนเล่าเรื่องพี่ตั้มให้เพื่อนฟัง แม้จะไม่มากแต่ก็ไม่รู้สึกอายขนาดนี้ พลพูดจริงบ้างหลอกบ้าง แต่ก็เบี่ยงเบนความสนใจจากทั้งคนไปจากผมโดยสิ้นเชิง เราคุยกันอยู่นานจนค่ำจึงลงมาข้างล่าง กินข้าวกัน ไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบกัน อาจารย์เล่าเรื่องโอ อย่างภูมิใจ ไม่อยากจะเชื่อว่าโอได้เป็นนักกีฬาเขตุไปแล้ว เดือนกุมภาพันธ์ก็จะได้ไปแข่งแล้ว ฟังแล้วก็ปลื้มใจแทน ดูอาจารย์ปริศนามีความสุขมากตอนเล่าเรื่องโอ เรากินข้าวไปสักพักเอก็มาถึง มันหอบกล่องของขวัญมาสามกล่อง มันไม่ได้มองผมเลยทักทายแม่กับน้าสาและเพื่อนๆ กับผมมันยกมือไหว้


"หวัด ดีพี่"


มัน หันไปสนใจคนอื่น แปลกผมรู้สึกแปลบขึ้นในใจ ทั้งที่ผมรอมัน นั้นสิ นี่ผมรอมันอยู่ เวลาคุยโทรศัพท์กันมันก็ดูไม่ห่างเหินขนาดนี้ แต่มันคงไม่อยากให้อาจารย์ปริศนารู้ อืม ใช่สินะ ผมคิดคำตอบให้ตัวเองเสร็จสรรพ มากไปแล้วโย ทำไมถึงหวั่นไหวไปได้มากขนาดนี้ มันคุยกับคนนั้นคนนี้อย่างสนุกสนาน ทั้งที่ผมบอกตัวเองว่าเข้าใจ แต่ทำไมในใจผมมันรู้สึกแปลกๆ ผมเดินเข้าไปเอาอาหารในครัว


"ทำไม หน้างอๆคะ"


มัน ตามเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ผมสะดุ้งตื่นจากภวังค์


"ไม่ มีอะไรนี่ เหนื่อย"


"ไม่ คิดถึงเค้าเลยเหรอ เค้าคิดถึงตัวเองนะ มากด้วย"


มัน อ้อนแล้วลากแขนผมไปข้างหน้าตู้เย็น เพราะมันเป็นมุมที่บังมองไม่เห็นจากข้างนอก


"อะไร"


"งอน อะไรคะ"


"ไม่ ได้งอน สนใจอะไร"


"อ่า งอนนะเนี่ย ทำอะไรหว่าตู"


มัน หอมแก้มผมทีหนึ่ง ใจเต้นแรง ทำไม ผมไม่เข้าใจ


"บ้า เหรอ เดี๋ยวใครก็มาเห็น"


ผม โวย รู้สึกร้อนหน้าขึ้นมา


"ไม่ มีหรอก หอมหน่อย คิดถึงใจจะขาดอยู่แล้ว"


ผม ผลักมันออกแล้วยกหม้อออกไปข้างนอก มันหัวเราะชอบใจ ผมเป็นอะไรไป มันเร็วไปไหมโย แค่ไม่กี่วันทำไมปล่อยใจให้มันล่องลอยได้มากขนาดนี้ มันทำอะไรแกไว้ คิดบ้างสิ คิดถึงความจริงบ้าง มันเป็นไปไม่ได้ ผมเถียงตัวเอง นี่ผมกำลังจะเป็นบ้าไปแล้วเหรอ ใจเต้นแรง ทั้งโกรธ ไม่รู้ว่าโกรธอะไร ทั้งฉ่ำใจอย่างประหลาด โอยผมเป็นอะไร


"เป็น อะไรลูกโย หน้าตาไม่ค่อยดีเลย"


อาจารย์ ปริศนาทัก ผมสะดุ้ง ทุกคนหันมามอง ผมได้แต่ยิ้มแห้งๆ


"อ้อ พอดีหม้อมันร้อนน่ะครับ"


"อุ๊ย ระวังหน่อยนะลุก เดี๋ยวมือพองพอดี"


อาจารย์ ปริศนาร้องแล้วยิ้มให้


"นี่ ต้องขอบใจหนูโยเขานะ ที่ช่วยสอนตาเอ เดี๋ยวนี้เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ เรียนก็ดีขึ้นจนอาจารย์ประจำชั้นโทรมาชมกับแม่ ช่วยงานบ้านอีก แม่ปลื้มใจมาก คิดไม่ผิดเลยจริงๆที่ให้หนูโยช่วย"


นี่ ล่ะ ที่เป็นมีดอันแหลมคมผ่ากลางใจผม แม่มองหน้าผมมองด้วยความเห็นใจ ผมรู้สึกว่าหัวใจมันร่วงลงมาอยู่บนพื้นดิน เจ็บแปลบขึ้นมา


"โย ไปทำฉลากมาจับสิลูก"


แม่ บอก สายตาแม่น่าสงสารเหลือเกิน ผมพยักหน้า


"อ้าว อิ่มแล้วเหรอลูก เพิ่งกินไปเอง เราก็อะไรอร เดี๋ยวค่อยทำก็ได้ ฉลงฉลากอะไรนี่ ไม่ใช่จะจับตอนนี้เสียหน่อย"


"โย อิ่มแล้วครับ"


ผม พูดเสียงขาดหาย ไม่รอให้อาจารย์ปริศนาพูดอะไรมากไปกว่านี้ผมทนไม่ได้ นี่คือความจริงนะโย นี่คือสิ่งที่เป็นสัจธรรมที่สุด ผมทำผิดตั้งแต่แรก ผมปล่อยให้ใจมันออกไปนอกลู่นอกทางเอง ผมเดินขึ้นห้องไปทันที ก่อนเดินมาผมปราดตามองไปทางเอ ดูมันครุ่นคิดอยู่เหมือนกัน ผมรู้สึกหดหู่เหลือเกิน เหตุการณ์มันเริ่มส่อแววยุ่งยาก ลำพังผมทุกข์ใจไม่ค่อยสำคัญเท่าไหร่ แต่แม่สิ ผมทำไม่ได้ ผมทำร้ายแม่ไม่ได้ ผมเคยเห็นแม่เป็นทุกข์มาแล้วตอนที่พ่อจากเราไป มันจะไม่มีทางเกิดขึ้นอีก ผมยอมเจ็บปวดเองดีกว่า ผมขอทนทุกข์เองเจ็บปวดเอง อย่าไปแบ่งให้แม่เลย ผมใจจะขาด


"อย่า คิดมากนะแก ฉันเข้าใจ"


เสียง จ๋าดังตามหลังมา


"ฉัน สับสนแก ฉันจะทำยังไงดี"


ผม พูดออกไปเสียงเครียด จ๋าเข้ามากอดผม ผมเม้มปากพยายามไม่ให้น้ำตาไหลออกมา มันไม่แย่ไปกว่านี้หรอกผมปลอบตัวเอง ผมกับจ๋านั่งอยู่บนห้องนานพอสมควรแล้วเราก็ตัดกระดาษมาทำเป็นฉลากจับของขวัญ จ๋าเอาสีเมจิกเขียนหมายเลขบนกล่องของขวัญจนครบตามจำนวนเราจึงออกไปสมทบกับ ทุกคนบอกให้พล กาย กบ และเอมาช่วยยกของขวัญออกไปข้างนอก เอพยายามมองผมอยู่ตลอดเวลา แต่ผมเองที่เป็นฝ่ายหลบหน้ามัน พอจับฉลากทุกคนไม่ทันสังเกตุ เอมันพยายามจะเข้าใกล้ผมแต่ผมให้จ๋ากันไว้ เห็นจ๋ามันคุยอะไรกับเอไม่รู้ มันก็ยอมอยู่นิ่งๆ ผมจับได้ของกายเป็นน้ำหอม มันยอมลงทุนขนาดนี้เลยหรือ ผมแปลกใจเพราะมันจับได้ของจ๋าซึ่งเป็นผ้าเช็ดตัว แต่ดูมันไม่วิตกกังวลอะไร แม่จับได้ของน้องโอ เป็นครีมอาบน้ำขวดจิ๋วหลายขวดน่ารัก เอมันเข้าใจเลือก น้าสาจับได้ของเอ เป็นหมอนใบใหญ่ลวดลายวัยรุ่น เอจับได้ของผม ดูมันดีใจมาก ทั้งที่ของขวัญเป็นเสื้อยืดสองตัวไม่มีราคาอะไรมาก สีเทากับขาว สกรีนลายใบไม้ตัวหนึ่ง กับตัวอักษรตัวสีเทา ยิ่งไม่อยากให้ความหวังกับมัน เหมือนฟ้ายิ่งแกล้ง


พอ ดึกทุกคนก็แยกย้ายกลับ จ๋ากับพลกลับเป็นรายสุดท้ายเกือบเที่ยงคืน เราคุยกันเรื่องต่างๆ ทั้งเรื่องจ๋ากับเรื่องของผมเอง ผมอาบน้ำนอนเกือบตีสองกว่าจะหลับก็ดึกมากแล้ว ในใจวุ่นวายคิดวกไปเวียนมา ไม่มีข้อยุติ ที่หลับเพราะคิดจนเหนื่อย ล้าในใจ


วัน สิ้นปี ผมตื่นมาตอนเก้าโมงกว่า เห็นแม่นั่งคุยกับน้าสาอยู่ข้างล่าง แม่จะไปนั่งกรรมฐานคืนสิ้นปี ผมก็เห็นดีด้วยไม่ขัดเพราะนี่เป็นสิ่งเดียวที่ทำให้แม่สบายใจขึ้น ดีที่มีน้าสาที่เป็นคอเดียวกันแม่จึงมีเพื่อน แม่ออกจากบ้านบ่ายโมงกว่าๆ ผมนั่งอยู่ม้าหินอ่อนเหม่อมองต้นไม้ คิดเรื่อยเปื่อย ยิ่งคิดยิ่งจม คิดไม่ออก ผมสะดุ้งเพราะเสียงเคาะประตูบ้าน ผมแค่สะดุ้งแต่ยังนั่งอยู่ที่เดิม จากเคาะเป็นทุบ ผมจึงค่อยๆเดินไปเปิดประตู เอนั่นเอง มันสะพายเป้ใบใหญ่ ในมือถือกีต้าร์ ใส่กางเกงยีนส์เสื้อยืด มันยิ้มแป้น


"นึก ว่าไม่อยู่ซะแล้ว"


มัน ทำหน้าทะเล้นใส่


"จะ มาไม่โทรมาก่อนล่ะ"


ผม พูดประชด มันเดินเข้ามาในบ้านแล้ว


"อ้าว ก็มาเซอร์ไพรซ์ ตัวเองไง เค้ารู้นะว่าแม่อรไม่อยู่ อิอิ เลยมา"


"มี ธุระอะไร"


"โห คิดถึงแฟนอ่ะค้าบบ จะให้มีธุระอะไรล่ะ"


มัน อ้อนวางของลงบนโซฟาแล้วเดินเข้าไปในครัว ทำท่าหาของกิน


"ตัว เล็ก เค้าหิวอ่ะ มีอะไรกินไหม"


มัน เปิดนั่นเปิดนี่ดูเหมือนบ้านตัวเอง ผมจึงเดินตามเข้าไป


"ไป นั่งรอ มีแต่ของเหลือเมื่อคืนนะ จะกินไหม"


"กิน ค้าบบ หิวจนตาลายไปหมดแล้ว อะไรๆก็กิน"


มัน ล้อเลียนแล้วไปนั่งที่โต๊ะกินข้าว ผมไปอุ่นแกงกับเอาของทอดมาทอดใหม่ พอเสร็จก็ยกไปให้มัน


"เออ ตัวเล็กเมื่อคืนน่ะ ทำไมทำท่าห่างเหินเค้าจะงล่ะคะ เค้าน้อยใจนะ"


มัน พูดขึ้นมา ผมรู้สึกกระตุกในใจ


"ไม่ นี่ ก็ทำตัวตามปกติ"


ผม พูดเสียงเรียบไม่มองหน้ามัน


"จริง เหรอ แต่เค้าพยายามจะมองตัวเองตั้งหลายรอบ ตัวเองก็หลบหน้าตลอด ใจไม่ดีเลย เนี่ยเค้านอนไม่หลับเลย"


มัน พร่ำพรรณาต่อ ผมไม่อยากจะพูดกับมันในทางให้ความหวัง แต่คิดจะบอกมันตรงๆก็พูดไม่ออกเหมือนมีอะไรมาปิดปากเอาไว้


"ไม่ มีอะไรหรอก ผู้ใหญ่อยู่เยอะแยะ"


"เออ นั่นสินะ ตัวเองเค้าว่าจะบอกแม่แล้วนะเรื่องของเรา"


"ไม่ ได้"


ผม ตะคอกใส่มัน จนมันสะดุ้ง


"อ่า ทำไมอ่ะ ตะคอกเค้าด้วย"


มัน ทำเสียงอ่อน รู้สึกใจแป้วไปเหมือนกัน มันทำหน้าเจื่อนๆ ผมรู้สึกผิดขึ้นมา


"อย่า เพิ่งเลยเอ ให้ทุกอย่างดีขึ้นกว่านี้ก่อน"


เสียง ผมล่องลอยเหมือนออกมาจากส่วนอื่นของร่างกายไม่ใช่ปาก มันเบาดูไร้เรี่ยวแรง เหี่ยวแห้งไม่มีชีวิตชีวา


"เค้า เชื่อตัวเอง รักตัวเองมากนะ ไม่ว่าจะยังไงเค้าก็ไม่ยอมง่ายๆหรอก"


มัน พูดน้ำเสียงเข้มแข็งมุ่งมั่นเหลือเกิน นี่จะอะไรหนักหนากับผม ทั้งที่พยายามออกห่าง ทั้งที่พยายามทำใจ แต่เหมือนมันยิ่งรัดยิ่งบีบให้ไปในทิศทางที่ไม่ถูกต้อง ผมเหมือนอยู่ในห้องที่ไร้แสงสว่างมองไม่เห็นอะไรเลย ดวงตาไม่รู้สึกชินกับความมืดมิด มันกลับยิ่งมืด ยิ่งน่ากลัว ผมสับสนเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 32 Apr 2, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 02-04-2010 07:37:16
ความสุขเพิ่งผ่านมา
เศร้าอีกแล้วเรอะ :serius2:
เข้าใจนะว่าโยสับสน
ใครจะช่วยให้โยดีขึ้นได้บ้างนะ

+1 เป็นกำลังใจนะ writer   :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 32 Apr 2, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: sweetener ที่ 02-04-2010 07:47:44
โยคิดมากเกิน
อะไรๆมันอาจจะไม่แย่อย่างที่โยคิดก็ได้
 :L2:
น้องเอน่ารักเนาะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 32 Apr 2, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 02-04-2010 10:36:18
อ่านถึงตอนท้าย
อีป้าเครียดคะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 32 Apr 2, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 02-04-2010 11:05:41
อ่านถึงตอนท้าย
อีป้าเครียดคะ

อย่าเพิ่งเครียดนะครับป้า ตอนหน้าเตรียมตัวหวานได้เลย   :กอด1: :L2: :L1:อิอิ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 32 Apr 2, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: kongkilmania ที่ 02-04-2010 16:13:43
อ่านทันแล้วจ้า  :mc4: สนุกมากกกกก เป็นกำลังใจให้คนเขียนด้วยค่า

เข้าใจความสับสน และกดดันภายในใจของโยนะ
ถ้าแม่ของเอรู้เรื่อง อะไรจะเกิดขึ้น  o22


ปล. รออ่านตอนหวานๆนะจ๊ะ  :z1:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 32 Apr 2, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Vesi ที่ 02-04-2010 17:04:16
แอบเครียด
คุณแม่น้องเอจะโอเครึเปล่าเนี่ย
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 32 Apr 2, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 02-04-2010 18:23:30
อืมๆๆ โยเครียดรับปีใหม่เลย ไม่ดีๆๆ
แต่ก้องี้แหละ ถือว่าเป็นบททดสอบแล้วกัน
รอตอนหวานๆค่ะ

เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 32 Apr 2, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 02-04-2010 18:59:56
ทำใจให้สุขมั่ง มัวแต่กลุ้มความสุขวิ่งหนีหมด ความสุขมันไปง่ายมาง่ายไม่ได้อยู่กับใครนานๆหรอกนะ พยายามเก็บรักไว้เป็นกำลังใจยามอ่อนแอ :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 32 Apr 2, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 02-04-2010 20:40:04
ทำใจให้สุขมั่ง มัวแต่กลุ้มความสุขวิ่งหนีหมด ความสุขมันไปง่ายมาง่ายไม่ได้อยู่กับใครนานๆหรอกนะ พยายามเก็บรักไว้เป็นกำลังใจยามอ่อนแอ :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ซึ้งใจจัง ขอบคุณนะคร้าบบ ที่คอยอ่านทุกตอนเลย  :กอด1: :กอด1: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 32 Apr 2, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: salawinyeen ที่ 02-04-2010 22:07:58
 :sad4:  ตอนนี่เศร้าจังครับ
 
แต่ผมชอบนะครับ

BY  YEEN YO AA
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 32 Apr 2, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: kanda53 ที่ 02-04-2010 22:38:34
ยังไม่ได้อ่าน..
แต่ขอ   o13  ให้กับความขยันของคนแต่ง
ดูจากโพสคงต้องสนุกน่าติดตามแน่ๆ  :L2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! Sweet Charpter ตอน 33 Apr 3, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 03-04-2010 07:43:05
 :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:


            มาแล้วววววว ตอนนี้ ผมว่า หวานนะ


อิอิ คงชอบกันนะครับ


                          


                                 ตอน สามสิบสาม



"แล้วนี่มาทำอะไร"

ผมถาม

"ก็มาอยู่กับ ตัวเองไง วันสิ้นปีอยากจะเค้าท์ดาวน์กะแฟน"

"ไม่ออกไปเที่ยวล่ะ ไปกับเพื่อนๆ มาขลุกอยู่ทำไมที่นี่"

ผมยังพยายามผลักไสไล่ส่งมัน

"อ้าว มีแฟนก็ต้องอยู่กับแฟนสิ เพื่อนมันก็ไปของมัน เพื่อนเค้าเข้าใจ อิอิ วันนี้เค้ามีอะไรให้ตัวเองด้วยน้า แต่รอก่อน อุบไว้ก่อน"

มันพูดอย่างสบายอารมณ์

"พี่ ไม่อยากได้อะไรหรอก"

ผมคิดคำจะพูดต่อไม่ได้จึงเงียบไป

"ไม่อยากได้แต่เค้าจะให้อ่ะ เออ ตัวเองเดี๋ยวเค้าขึ้นไปนอนพักนะ ตัวเองยังไม่ต้องเข้าห้อง"

มันทำท่ามีลับลมคมใน

"นอนก็นอนไปสิ ฉันจะอ่านหนังสือเหมือนกัน ถ้าไม่อยากให้กวนก็มานอนข้างล่าง"

"อ่า คือเค้า อ่า เค้าจะแต่งห้องน่ะ"

มันเหมือนไม่อยากจะบอกแต่ก็ยอมพูด ออกมา

"แล้วทำไมต้องแอบทำ ห้องฉันนะเท่าที่เข้าใจ"

"ห้องของ เรา"

มันสวนกลับ ผมถลึงตาใส่ เพราะไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับมัน ไม่รู้เหมือนกันยิ่งพูดกันมากความผมเองที่เป็นฝ่ายใจเต้นแรงขึ้นทุกที แล้วเวลาใจเต้นแรงหน้าก็จะแดงเก็บอาการไม่ค่อยอยู่

"ตามใจ จะทำอะไรก็ทำ แต่บอกไว้ก่อน อย่าทำห้องฉันรกล่ะ"

"ค้าบบ ที่รัก"

มันลากเสียงล้อเลียน แล้วก็ขึ้นห้องไป ผมนั่งดูโทรทัศน์อยู่ข้างล่าง เอาหนังสือมาอ่านก็เริ่มง่วงจึงเผลอหลับไป ตื่นมาอีกทีก็เกือบค่ำแล้ว เดี๋ยวนี้เหมือนไปแบกอะไรมา เผลอหน่อยไม่ได้หลับท่าเดียว ผมออกไปนอกบ้านเห็นรองเท้าไอ้ตัวดียังวางคู่กันอยู่ ไม่อยากขึ้นไปห้องเลย ผมจึงเดินเข้าไปในครัวคิดว่าจะทำอะไรเป็นมื้อเย็นกินดี เห็นไก่ก็เบื่อ มีหมูก็เซ็ง เฮ้อ นี่ผมจะกินอะไรดี แต่ของกินเมื่อคืนก็ยังเหลืออยู่เอามาดัดแปลงดีกว่า ไก่อบก็เหลือเยอะ แต่แกงถ้าอุ่นอีกไอ้ตัวดีโวยวายแน่ ผมจึงทำแกงป่าไก่อบ กับไข่เจียว เก็บนั่นเก็บนี่จนค่ำ รู้สึกหิวจึงไปเรียกมันลงมากินข้าว มันโผล่หน้าออกมานอกห้อง ไม่ยอมเปิดประตูทั้งบาน

"ทำอะไรน่ะ"

ผมเริ่มสงสัย เพราะท่าทางมันมีพิรุธ

"ปล่าว เค้าแค่แต่งห้องอ่ะ เสร็จแล้ว ตัวเองค่อยดู"

"เออ จะกินไหมข้าว"

ที่จริงผมไม่ได้อยากรู้ มากมายขนาดนั้น อยากทำอะไรก็ทำไป แต่กลัวมันจะรื้อค้นอะไรในห้องน่ะสิ ยิ่งกวนๆประสาทอยู่ด้วย

"อร่อยจังตัวเอง เขาเรียกแกงอะไรอ่ะ"

มันชมแล้วตักแกงเข้าปาก

"แกงป่าประยุกต์"

"หือ ทำไมอ่ะ"

มันทำหน้าสงสัย

"นี่ อย่าถามมาก กินๆไปเถอะ อร่อยก็กิน"

"โห ดุเค้าอีกแล้วอ่า แต่อร่อยจริงๆนะ แฟนเค้าทำกับข้าวอร่อยที่สุดเลย"

ต้นประโยคมันพูดเสียงอ่อน แต่ก็ดีดเสียงขึ้นร่าเริงได้ตลอดเวลา จะว่าไปแล้วผมดุด่ามันสารพัด แต่มันก็ทำเป็นไม่สนใจ จะว่ามันไม่รู้สึกก็คงเป็นไปไม่ได้ เพราะอะไรมันถึงทนทำตัวร่าเริงอยู่เสมอ ผมแวบคิดขึ้นมา พอกินข้าวเสร็จผมก็เก็บข้าวของ มันอยู่ช่วยล้างจาน

"มาๆ เดี๋ยวเค้าล้างเอง เดี๋ยวนี้เค้าทำเป็นแล้ว"

ผมจึงได้แต่ยืนดูอยู่ ห่างๆ ท่าทางมันดูทะมัดทะแมง ผมแอบยิ้ม ดูไปมันก็น่ารักดีนะ

"ตัวเอง หยิบผ้าเช็ดจานให้หน่อยสิคะ"

ผมสะดุ้ง ไม่ได้นะโย เผลอใจแบบนี้ไม่ได้ จิตใต้สำนึกอีกส่วนค้าน ผมยื่นผ้าเช็ดจานให้มัน แล้วก็ปล่อยมันทำไป ปลีกตัวออกมาข้างนอกบ้าน ผมนั่งลงม้าหินอ่อน มองต้นไม้เหม่อไปไกลแสนไกล จุดตกของสายตาคือต้นไม้ แต่มันเหมือนผมมองออกไปไกลโพ้น ไม่มีจุดจบ ที่จริงพลโทรมาชวนไปเที่ยวสีลม แต่ผมไม่อยากไป อยากจะอยู่บ้าน นอนพักสมอง ส่วนลึกถ้าผมไปไอ้ตัวดีจะอยู่ยังไง มันอุตส่าห์ดั้นด้นมาหา แม้จะไม่ได้ร้องขอก็ตาม ผมสะดุ้งอีกครั้งเพราะมันเข้ามากอด

"บ้าเหรอ ที่นั่งมีเยอะแยะ มานั่งเบียดทำไม"

ผมดิ้นแต่มันยิ่งกอดแน่นขึ้น

"คิดถึงอ่ะ กอดหน่อย ยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งคิดถึง นี่ตัวเองรู้ไหม เวลาที่ไม่เจอตัวเองน่ะ เค้าคิดถึงตัวเองมากนะกางเกงในที่ตัวเองซื้อให้เค้าใส่ทุกวันเลยน้า อิอิ ซักจนยุ่ยแล้ว"

"เวอร์"

มันเอาหน้าซุกตรงซอกคอเบียดตัวเข้ามา ราวกับจะผสานให้เป็นร่างเดียว ผมถอยจนจะตกจากม้านั่ง

"ฉันจะไปอาบน้ำ ปล่อย"

"เดี๋ยวดิ เค้ายังไม่หายคิดถึงเลย"

มันหอมแก้มกอดรัดผมแน่น นี่มันคิดถึงหรือมันหมั่นเขี้ยวกันแน่

"แล้วไหน ของจะให้"

ผมเปลี่ยนเรื่องเผื่อจะเปลี่ยนความสนใจมันบ้าง

"เดี๋ยวสิคะ สำหรับคนพิเศษต้องมีอะไรพิเศษอยู่แล้ว รอหน่อยน้า"

ผมจนปัญญาจะเบี่ยงเบนความสนใจมันแล้ว ปล่อยให้มันกอดรัดให้พอใจ แต่กว่ามันจะยอมคลายกอด ผมก็หน้าแดงตัวแดงไปหมด ผมผละออกมันตอนที่มันคลายมือ

"จะ ไปไหน"

มันพยายามจะคว้ามือไว้

"ไปอาบน้ำสิ เหนียวตัวจะตายอยู่แล้ว"

"เดี๋ยวสิคะ เดี๋ยวเค้าไปหยิบเสื้อผ้าให้ บอกแล้วไงอย่าเพิ่งเข้าห้อง"

"เอ๊ะ ตกลงทำอะไรกับห้องฉันเนี่ย"

ผมขึ้นเสียงเพราะชักหงุดหงิด

"เซอร์ไพซ์ไงคะ"

"เซอร์พงเซอร์ไพซ์อะไร ไม่สนใจแล้ว จะเข้าห้อง"

"อ่า นะนะ ตัวเอง ยอมเค้าหน่อยน้า ขอวันนี้วันเดียว เดี๋ยวเค้าหยิบเสื้อผ้าให้"

มันพูดจบก็วิ่งขึ้นไปบนห้องทันที ผมได้แต่ยืนหน้าบึ้งอยู่ อ้าปากจะด่าค้างไว้ มันวิ่งกลับลงมาพร้อมกางเกงขาสั้นกับเสื้อยืด มันกวาดครีมบนโต๊ะใส่ถุงกระดาษมาพร้อมสรรพ ตกลงนี่ผมโดนยึดห้องแล้วใช่ไหม ผมมองมันอย่างไม่พอใจ แต่ก็รับเสื้อผ้ากับถุงกระดาษมา ผมเข้าไปอาบน้ำในใจก็คิดว่าไอ้นี่มันคิดจะทำอะไรของมันนะ อยากรู้ก็อยากรู้ แต่ก็ต้องวางมาดเอาไว้ก่อน เดี๋ยวเสียฟอร์ม ผมอาบน้ำเสร็จมันก็ยืนรอหน้าห้องน้ำแล้ว มันอยู่ในชุดใหม่เหมือนกัน หัวยังเปียกๆอยู่ ใส่กางเกงเล่นบาสกับเสื้อกล้ามเข้าชุดกันเหมือนเคย

"อาบน้ำแล้ว เหรอ ถึงเปลี่ยนเสื้อ"

ผมถามมองสำรวจมันตั้งแต่หัวจรดเท้า

"อาบเสร็จแล้ว ก็ตอนตัวเองอาบน้ำเค้าก็ลงไปอาบข้างล่าง รีบแทบตาย แต่ดีหน่อยตัวเองอาบน้ำนาน อิอิ เลยเสร็จก่อน"

"ไอ้บ้า ตกลงจะทำอะไรนี่ แล้วฉันเข้าห้องได้หรือยัง"

"ยัง มันยังไม่ถึงเวลา รอก่อนนะคะ"

"โอ๊ย อะไรนักหนา ฉันจะนอน"

ผมโวยวาย

"จะรีบนอนไปไหนคะ เค้าจะมาเคาท์ดาวน์กับตัวเองนะเนี่ย"

"เชิญทำไปคนเดียวเถอะ ง่วง"

"ไม่ได้ เค้าขอตัวเองแล้วนะ แค่วันนี้วันเดียว นะนะ อยู่กับเค้าก่อน นะคะ"
มันอ้อน ผมขี้เกียจจะเถียงกับมัน เพราะรู้ว่าเถียงไปผมก็สู้มันไม่ได้ เพราะตะบะแตกก่อนทุกที ก็เล่นกวนโมโหขนาดนี้ ผมเดินกระฟัดกระเพียดลงไปข้างล่าง เปิดโทรทัศน์ดู ช่องต่างๆก็มีแต่คนพูดถึงวันสิ้นปี ใช่สินะ วันสิ้นปีเป็นวันที่ทุกคนมีความสุขอยู่กับคนที่รัก ผมเองในใจแล้วก็สุขแต่ทำไมผมถึงพยายามเอาความขมขื่นเข้ามาปะปน ละลายจนความสุขมลายหายไป แต่ก็อย่างว่านี่คือชีวิตจริง เราจะใช้ชีวิตให้มันเหมือนละครก็คงลำบาก ผมยังต้องอยู่กับแม่ดูแลแม่ไปอีกนาน อาจารย์ปริศนาผมก็ยังนับหน้าถือตาแกอยู่ สรุปมันเป็นไปไม่ได้หรอก มันเดินมานั่งข้างๆ แล้วกอดผมไว้ ตอนนี้ขี้เกียจจะปัดมันออกแล้ว อยากกอดก็กอดไป มันนัวเนียอยู่สักพักก็เดินไปหยิบขนมในตู้มากิน

"ป้อน เค้าหน่อยสิคะ"

มันเปิดกระป๋องมันฝรั่งทอดแล้วยื่นกระป๋องมาให้ผม

"ไม่มีมือเหรอ จะดูทีวี"

ผมทำท่าไม่สนใจ

"อ่า นะนะ ป้อนเค้าหน่อย"

มันไม่ยอมแพ้เอาหน้ามาไซร้ตรงซอกคอ ขามันก็หนีบเอวผมไว้

"อ่ะ"

"โอ๊ย ตัวเองอ่า"

ผมหยิบมันฝรั่งทอดมาเยอะพอสมควรยัดเข้าปากมันทั้งหมด แม้จะเข้าไม่หมดผมก็ดันมันเข้าไป มันพูดเสียงอู้อี้ สำลักออกมา ผมเห็นแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้ ดีสม

"เวลาแกล้งเค้าแล้วตัวเองมีความ สุขเหรอ หัวเราะใหญ่เลย"

มันพูดหลังจากที่บ้วนขนมทิ้ง มันยิ้มมองหน้าผม

"แบบนี้ต้องเอาคืน"

มันกัดฟันพูดแล้วโถมตัวมาทับผมจากนั่งผมก็นอนลงบนโซฟาทันที มันทับผมทั้งตัว แล้วเอามือจี้เอว ผมหัวเราะจนน้ำตาไหล

"หยุด เอ ไม่เอา"

ผมร้องดิ้นไปมา มันยิ่งได้ใจ ผมรู้สึกเหนื่อยหอบ หน้าร้อน น้ำตาไหล มันยิ้มอย่างพอใจจ้องหน้าผมอยู่นาน ลมหายใจมันรดหน้าผม เอาอีกแล้วใจเต้นแรงอีกแล้ว จมูกมันชนกับปลายจมูกผม มันแนบริมฝีปากลงทาบปากผมทันที ใจผมสั่นระริกหลับตา ริมฝีปากมันร้อนปลุกใจให้พองโต มันแหย่ลิ้นเข้ามาในปากผมเผลอตัวเผยอปากรับ รสจุมพิศที่หวานฉ่ำดูดดื่มเกินจะต้านทานไหว ไม่อาจจะปฎิเสธได้ว่ามันเป็นความพึงใจของผมด้วยเหมือนกัน มันผงะหน้าขึ้นผมยังคงหลับตาพริ้ม ผมลืมตาขึ้นมันจ้องหน้าผมแล้วยิ้ม รู้สึกอายขึ้นมา

"ไม่เอาละ เค้าไปนอนดีกว่า ง่วงแล้ว"

มันพูด เสร็จก็ลุกเดินขึ้นข้างบนบ้านไปเลย ผมนอนนิ่งท่าเดิม ใจผมลอยละลิ่วไปไกล เมื่อครู่ผมรู้สึกดีมากเป็นรสจูบที่ผมปรารถนา บ้าไปแล้ว โย แกบ้าไปแล้ว ผมพยายามสลัดความคิดในทางเสื่อมออกไป เดินออกไปนอกบ้าน อากาศวันนี้มันช่างเป็นใจ ลมหนาวแม้จะรู้สึกได้ไม่มาก แต่ก็รู้สึกว่านี่มันคือฤดูที่พิเศษ วันที่พิเศษ ผมควรจะทำยังไงดี นี่ถ้าให้อยู่กับมันสองคน ผมกลัวใจตัวเองเหลือเกินว่าผมจะต้านมันไม่ไหว กลัวว่าผมจะปล่อยใจไปอีกรอบ ถ้าเกิดขึ้นอีกคราวนี้คงไม่ใช่มันหรอกที่จะผลักไม่ออก ผมเองนั่นล่ะที่จะถลำลึกไปกว่าเดิม ตอนนี้ผมสับสนเหลือเกิน นั่งมองความมืดนอกบ้านจนตาเริ่มชินกับความมืดเห็นทุกอย่างรางเลือน ทำไมผมไม่เจอทางสว่างแบบนี้บ้างนะ ยิ่งคิดยิ่งถลำลึกมืดมิดไม่มีทางไป ผมนั่งอยู่นานจนมั่นใจว่ามันน่าจะหลับแล้ว ผมจึงปิดบ้านแล้วขึ้นไปข้างบน ผมคงต้องนอนห้องแม่ ผมเงี่ยหูฟังผ่านประตู ทำไมต้องทำแบบนี้ ผมไม่เข้าใจตัวเอง แต่ถ้าไม่ทำผมคงนอนไม่หลับ ไม่มีเสียงอันใดเล็ดลอดออกมา มันคงหลับแล้วจริงๆ มือผมกำอยู่ที่ลูกบิดประตู ผมยืนทะเลาะกันกับตัวเอง ว่าจะเปิดเข้าไปหรือไปนอนเลย สรุปผมค่อยๆเปิดประตูเข้าไปในห้องของตัวเอง ย่องเบาเหมือนผมมาขโมยอะไรในห้องของตัวเอง ความมืดทำให้ผมยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่ขยับเพราะกลัวจะไปชนอะไรเกิดเสียงดัง ขึ้น แสงไฟสว่าง พรึ่บ ขึ้น ผมยืนนิ่งตาค้าง


"When I first saw you I already knew
There was something inside of you
Something I thought that I would never find
Angel of Mine"

เสียงกีตาร์โปร่งดังขึ้น เสียงทุ้มไม่มีความไพเราะเลย แต่มันกลับเคล้ากันได้ดีกับเสียงกีตาร์ลอยมาประทะโสตประสาท ในห้องผมเต็มไปด้วยไปแสงสีระยิระยับเต็มห้องไปหมด ผมยืนนิ่งเหมือนโดนมนต์สะกด มันยิ้มให้ผม

"I look at you looking at me
Now I know why they say the best things are free
Gonna love you boy you are so fine
Angel of Mine

How you changed my world you'll never know
I'm here for now, you helped me grow

You came into my life
Sent from above
When I lost the hope
You show my love
I'm checkin for you
Boy your right on time
Angel of Mine

Nothing means more to me then what we share
No one in this world can ever compare
Last night the way you moved is still on my mind
Angel of Mine

What you mean to me you'll never know
Deep inside I need to show

I never knew I could feel each moment
As if they were new
Every breath that I take
The love that we make
I only share it with you
You, You, You, You

When I first saw you I already knew
There was something inside of you
Something I thought that I would never find
Angel of Mine

How you changed my world you'll never know
I'm here for now you helped me grow
I look at you looking at me
Now I know why they say the best things are free
Checkin' for you boy your right on time
Angel of Mine"
เสียงร้องจบไปแล้ว แต่เสียงดีดกีตาร์ยังคงกังวานอยู่ ผมลอยอยู่บนวิมานอากาศของตัวเอง รู้สึกตัวว่ามีน้ำตาไหลออกมาจากสองตา ตื้นตันใจเหลือเกิน ผมพูดไม่ออก นี่มันทำเพื่อผมขนาดนี้เลยหรือ มันเดินเข้ามาหากอดผมแล้วเอื้อมมือไปลงกลอนประตู

"เค้ารักตัวเองมาก นะ"

เสียงกระซิบดังอยู่ข้างหู ผมเพิ่งรู้ตัว ผมเองก็ไหวหวั่นแล้ว ผมต้านไม่ไหวแล้ว ผมกอดตอบน้ำตาไหลออกมา ไม่รู้ว่าดีใจหรือเสียใจ แต่รู้ว่าผมรู้สึกมีความสุขที่สุด หัวใจพองคับอกจนแทบจะระเบิดออกมา ผมไม่เคยรู้สึกอย่างนี้ แม้แต่กับพี่ตั้มเอง ผมไม่เคยรู้สึกว่าอายหรือตื่นเต้นตลอดเวลาเมื่ออยู่ใกล้เหมือนอยู่กับมันเลย นี่ผมรักมันแล้วหรือ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! Sweet Charpter ตอน 33 Apr 3, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 03-04-2010 08:03:59
ค้างงงงงง  :serius2:
ทำได้ไง writer   :z13:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! Sweet Charpter ตอน 33 Apr 3, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: kenshinkenchu ที่ 03-04-2010 11:24:05
อ๊ายยยย........
อิ่มอกอิ่มใจขออย่างนี้ทีนึง  :-[
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 33 Apr 3, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 03-04-2010 17:05:51
ป้าว่า ห้าก็เครียดดยู่ดี มันไม่จบตอนอะ อยากรู้ต่อจากนั้น... 55555555 :pig4:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 33 Apr 3, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 03-04-2010 19:41:56
นี่ผมรักมันแล้วหรือ

ความรู้สึกช้ามากไปป่าว หัวใจวิ่งไปรักน้องมันแล้ว ช่างไม่รู้ใจตัวเองเล้ยคนเรา
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 33 Apr 3, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 04-04-2010 00:22:38
น้องเอน่ารัก นับถือความพยายามเลย o13
โยกล้ายอมรับกับตัวเองซะที ดีใจกับน้องเอด้วยเพราะชักจะเริ่มๆสงสารเอเหมือนกัน
หวานกันนานๆน๊า

เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 33 Apr 3, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: salawinyeen ที่ 04-04-2010 00:54:04
 :impress2:       "เค้ารักตัวเองมาก นะ"      ชอบประโยคนี้มากที่สุดครับ


ชอบครับชอบมาก คุณเก่งมากนะที่เขียนเรื่อง     : )
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 33 Apr 3, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: salawinyeen ที่ 04-04-2010 00:56:42
ชอบครับ  เขียนต่อไปเยอะๆนะครับ สู้ๆ 

: )     จาก น้องเอตัวจริง :กอด1:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 34 Apr 4, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 04-04-2010 07:41:22
                                                    ตอนต่อครับ




                                                     ตอน สามสิบสี่

  

ตอน นี้ผมไม่ได้ยินเสียงอะไรแล้วเว้นเสียเสียงของหัวใจ ไม่รู้ว่าของผมหรือของมันแต่ผมอยากจะกอดมันอยู่อย่างนี้ น้ำตายังคงไหลออกมาจากสองตา อิ่มใจ สุขใจ ปลื้มใจเหลือเกิน


"ร้องไห้ ทำไมคะ"

มัน กระซิบถาม แล้วจูบที่ขมับ ไออุ่นของริมฝีปากแผ่กระจายไปทั่วใบหน้า ผมส่ายหน้า มันดึงแขนผมไปนอนที่เตียงมันนอนลงไปก่อนแล้วให้ผมนอนทับตัวมันในท่าครึ่ง นั่งครึ่งนอน ผมมองดูไฟแสงสีที่สว่างไสวทั่วห้อง เหมือนล่องลอยอยู่ในห้วงของความสุข สวนสวรรค์สักที่ เป้นที่ของผมกับมันสองคนเพียงเท่านั้น อยากจะจดจำภาพแบบนี้ไปนานๆจังเลย มันยกมือผมขึ้น จูบแผ่วเบาที่เรียวนิ้ว

"อุ๊ย"

ผม อุทานเพราะมันเอานิ้วผมแหย่เข้าไปในปากของมัน มันพยายามยัดอะไรเข้าไปในนิ้วนาง "แหวน" ผมพยายามชักนิ้วออก มันจับมือไว้

"อ่ะ เค้าให้ตัวเอง ทีนี่เราก็เป็นแฟนกันโดยสมบูรณ์แล้วน้า"

มัน เอานิ้วออกจากปาก ผมยกนิ้วขึ้นมาดู แหวนเงินเกลี้ยงๆที่สวมอยู่นิ้วนาง ผมพลิกมือดูแหวนมีตัวอักษรสลักอยู่ เป็นชื่อของมันเอง ผมรู้สึกละลายหัวใจเต้นแรงไม่รู้เป็นรอบที่เท่าไหร่ ผมเอี้ยวตัวไปมองหน้ามัน มันยิ้มแล้วจูบหน้าผาก

"ตัว เอง รักเค้าบ้าง หรือยังคะ"

เสียงกระซิบ แผ่วเบาแต่นุ่มนวลเหลือเกิน เหมือนมันดังมาจากห้วงที่ไกลโพ้น ผมอบอุ่นใจเหลือเกิน เป็นสุขจนมันล้นออกมาทางตา

"ยัง"

ผม พูดออกไป

"อ้าว ยังไม่รักเค้าอีกเหรอ ว้า จะให้ทำยังไงล่ะเนี่ย ตัวเองถึงจะรักเค้า"

ไม่ รู้ว่าเพราะอะไรถึงพูดแบบนั้นออกไป ทั้งที่ในใจตอนนี้มันเปล่งผลิบานจนเก็บอาการไม่อยู่ ใครดูก็รู้ มันเองก็คงรู้เพราะน้ำเสียงไม่ได้แสดงถึงความน้อยเนื้อต่ำใจเลยแม้แต่น้อย กลับเริงร่าหยอกเย้า

"ไม่ ต้องทำอะไรหรอก พอแล้ว"

"ไม่ ได้หรอก เค้าอยากจะชนะใจตัวเอง อยากให้ตัวเองรักเค้า ไม่ต้องรักเค้ามากหรอก แค่ค่อยๆรัก เห็นมั้ยว่าเค้าน่ะก็น่ารักนะ"

มัน หัวเราะแล้วพรมจูบทั่วใบหน้า ผมยิ้มหน้าแดง ตอนนี้ผมกอดมันอย่างเต็มใจ กลิ่นสบู่อ่อนๆมันช่างน่าพิศวาสเสียเหลือเกิน

"มา เค้ากอดให้หายคิดถึงหน่อย ทำไมนะยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งอยากกอดอยู่ตลอดเวลา"

มัน ดึงตัวผมเข้าไปกระชับกอด ผมมองหน้ามันพิจารณาทุกจุดบนใบหน้า รอยยิ้มที่ตรึงใจ ไรหนวดอ่อนๆเหนือริมฝีปากแดง ไรฟันขาวเรียงกันเป็นระเบียบ คิ้วดกหนาจนเกือบต่อกันยาวเป็นแผง ดวงตาที่สดใสส่องประกาย ว่าไปแล้วมันหล่อมากทีเดียว ผมเพิ่งสังเกตุยิ่งมองยิ่งหลงไหล ตอนนี้ผมไม่คิดอะไรแล้ว อย่างน้อยตอนนี้ผมก็มีความสุขมาก แค่คืนนี้ก็ยังดี ผมลูบไรผมมันเบาๆ มันก็เอาปลายนิ้วเขี่ยที่ขอบตาของผมแผ่วเบาเคลิบเคลิ้มประดุจฝัน

"ไหน รอยกัดยังเหลืออยู่ไหม"

ผม เอาหน้าแนบปากมันแล้วพูดเบาๆ ก่อนจะดันตัวลุกขึ้น แต่มันก็ยังคงกอดไว้

"ยัง เป็นรอยอยู่เลย เจ็บไหม"

"ไม่ เจ็บแล้ว เค้าไม่อยากให้มันหายหรอก เป้นสัญลักษณ์แทนตัวคนที่เค้ารักที่สุดไง เห็นไหมรอยเขี้ยวตัวเองน่ะ"

ผม ลูบรอยกัดที่เป็นรอยฟันตกสะเก็ดสีดำอย่่างอ่อนโยน นี่ผมทำเกินไปหรือนี่ แล้วรอยที่หลังล่ะ ผมกังวล

"แล้ว หลังล่ะ"

ผม มองหน้ามันอย่างรู้สึกผิด ผละออกจากอ้อมกอดของมันแล้วดึงแขนให้ลุกนั่ง ผมคลานไปด้านหลังแล้วถลกเสื้อมันขึ้น รอยแผลยังหายไม่สนิทกลางหลังเป็นรอยดำคล้ำตัดกับสีผิวของมัน เศร้าใจเหลือเกินผมทำไปได้ขนาดนี้เชียวหรือ ผมเอาปลายนิ้วค่อยๆสัมผัสอย่างแผ่วเบาเพราะกลัวมันเจ็บ

"เจ็บ ไหม เอ"

เสียง ผมลอดไรฟันออกไป เสียงสั่นเพราะผมเองที่ตอนนี้รู้สึกเจ็บเหลือเกิน

"ไม่ เจ็บแล้ว เค้าแข็งแรงน้า แค่นี้ไม่เป็นไรหรอก ก็เตือนให้เค้ารู้ไงว่าแฟนเค้าน่ะ ดุ"

มัน ยังหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ผมแนบริมฝีปากลงไปบนแผ่นหลังของมัน ถ้าหากมันเป็นมนต์วิเศษก็ขอให้เขาอย่าได้เจ็บปวดเลย

"พี่ ขอโทษนะเอ"

ผม พูดออกไป น้ำตาไหลออกมา ตอนผมจูบที่กลางหลัง มันสะดุ้งเล็กน้อย

"ที่ รัก เค้ารู้แล้วล่ะว่าตัวเองก็รักเค้า ขอบคุณนะ ที่รักเค้า"

มัน หันมาเอามือช้อนหน้าผมประครองขึ้นมา น้ำตาไหลเหมือนกัน มันประทับรอยจูบลงบนริมฝีปากผมอีกครั้ง ผมยอมรับจูบอย่างเต็มใจ เป้นจูบที่เนิ่นนานหวานจับใจ กว่าเราจะถอนหน้าออกจากกันก็ผ่านไปนาน

"รู้ ไหม ทำไมเค้าถึงรักตัวเอง"

มัน ยังคงนัวเนียอยู่ข้างหู ผมไม่อยากรู้ว่ามันรักผมยังไงหรือเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้แต่ว่าตอนนี้ผมอยากอยู่อย่างนี้ไปนานๆ

"ก็ ตอนที่ตัวเองไปเจอเค้ากับเพื่อนผู้หญิงบนห้องไง ตอนนั้นรู้สึกว่าแคร์ตัวเองมาก เค้าอยู่ไม่ได้เลย สั่นไปหมด ร้อนรน เค้าโทรถามไอ้ บอม มันก็บอกว่าเค้าน่ะรักตัวเองแล้ว นั่นล่ะเค้าถึงรู้ตัว"

"แล้ว ไม่สับสนเหรอ คิดดีแล้วเหรอที่จะรักผู้ชายน่ะ"

ผม คิดจะแหย่มัน แต่ที่จริงก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันจะคิดยังไง

"สับ สนดิ ตอนแรกก็คิดอยู่นานล่ะ แต่ตอนนี้มั่นใจแล้ว เค้าคิดไม่ผิดหรอกที่รักตัวเองน่ะ ตั้งแต่รู้จักกันมาตัวเองมีแต่สิ่งดีๆมอบให้เค้าทั้งนั้น ถ้าเค้าไม่รักตัวเองสิแปลก คนน่ารักขนาดนี้ปล่อยไปก็โง่ดิ"

ผม คลอเคลียอยู่อย่างนั้น ความในใจที่เก็บหมักหมมเอาไว้นานมันทะลักออกมา ความในใจผมตอนนี้มันเปิดเผยออกมาหมดเปลือก อยากจะสัมผัสมันอยากจะกอด อยากจะจูบ ผมไม่คิดห้ามตัวเองแล้ว แท้จริงผมปรารถนามันมากขนาดนี้เชียวหรือ มันเองก็ไม่ปกปิดเช่นกัน ยิ่งผมแสดงความรู้สึกมากเท่าไหร่ มันก็แสดงออกมามากขึ้นเท่านั้น

"ทำไม เล็บเท้ายาวจังล่ะ"

ผม พูดขึ้นหลังจากสำรวจทุกส่วนในร่างกายของมัน

"ขี้ เกียจตัด"

มัน ยังคงกอดเอวผมอยู่ ผมนั่งอยู่ตรงกลางหว่างขาของมัน ผมเดินไปหยิบกรรไกรตัดเล็บมาจากตู้

"เอ้ ย ตัวเองจะทำอะไรน่ะ"

มัน ชักเท้าออก ผมดึงกลับมาเหมือนเดิมแล้วเข้าไปนั่งที่เดิม

"ไม่ เอานะคะ มันสกปรก"

"เอา มานี่ ไม่ตัดสักทีนั่นล่ะยิ่งสกปรก"

ผม ดึงขามันมาพาดไว้ที่ตักแล้วลงมือตัดเล็บเท้าให้มัน ตอนแรกก็ไม่คิดจะทำเพราะมันมากไป แต่ไม่รู้ทำไมผมอยากจะสัมผัสมันทุกๆส่วน มันดันตัวขึ้นมามอง ผมทำอย่างใจเย็นไม่ได้รังเกียจ แค่รู้สึกว่าอยากทำ

"รัก ตายเลยอ่ะ"

"อ้าว รักแล้วตาย แล้วให้พี่ทำไงล่ะ"

"รัก หมดใจแล้วเนี่ย"

มัน เย้าแล้วลุกขึ้นมานั่งทั้งที่ผมยังนั่งอยู่ที่เดิม กอดเอวผมแล้วจูบทั่วหน้าและลำคอ เราคลอเคลียกันจนเกือบเที่ยงคืน เวลาที่เรามีความสุขมันเหมือนติดจรวดผ่านไปเร็วเหลือเกิน ส่วนเวลาที่เราเป็นทุกข์เหมือนเข็มนาฬิกาผูกไว้ด้วยก้อนหิน กว่าจะผ่านไปแต่ละนาทีช่างยากเย็น พอถึงเวลาเที่ยงคืน เสียงข้างบ้านโห่ดังลั่น

"สวัสดี ปีใหม่ครับ ที่รักของผม"

มัน กระซิบข้างหูแล้วจูบ

"ผม รักคุณ"

เสียง ดังออกมาจากปากของมัน เราจ้องหน้ากันอยู่นานแสนนาน รอยยิ้มที่ผมรู้สึกตรึงตราใจที่สุด เป็นวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่มีความสุขที่สุด แม้ช่วงที่ผ่านมาผมจะเจอกับเหตุการณ์ที่ทุกข์ใจมามากมาย แต่วันนี้มันก็ทำให้ผมใจชื้นอิ่มเอมขึ้นมา หวังว่าในปีใหม่ที่กำลังก้าวเข้ามานี้ผมจะเจอสิ่งที่ดีกว่าเดิม

"สวัสดี ปีใหม่ จ๊ะ พ่อตัวดี"

ผม จูบแก้มตอบแทนมันบ้าง เราสองคนอยู่ในอ้อมกอดของกันและกัน แสงไฟหลากสีในห้องส่องแสงระยิบระยับดุจวิมาน ความสุขในวันนี้แม้มันจะแค่ไม่นานแต่ผมจะจดจำมันเอาไว้หล่อเลี้ยงหัวใจในวัน ที่มันแห้งเหี่ยว ผมหลับอยู่ในอ้อมกอดของมัน อบอุ่นหัวใจ อยากหลับอยู่อย่างนี้ อยากอยู่ในอ้อมกอดนี้ ตลอดไป


"แม้ลมหนาวมีรักยังอุ่นใจ ถักสายใยสานรักพันธ์ผูกกัน

ด้วยวันนี้อุปสรรคแม้นขวางกั้น จับมือกันให้รักนำทางใจ"





                                          




หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 34, 35 Apr 4, 2010 (สองตอนควบ)
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 04-04-2010 07:48:31
                                            อีกตอนครับ




                                     ตอนสามสิบห้า




"ก้อนหินบนภูเขาโดนลมเป่ายังสึกไหว

หินผาศิลาอาจยังมิอาจต้านทานได้

สาย ชลที่กัดร่อนให้หินกร่อนและสั่นไหว

หัวใจเป็นก้อนเนื้อฤาจะเหลือแรง น้ำใจ"



ผมตื่นมาในอ้อมกอดของมัน ไฟแสงสียังส่องสว่างอยู่ทั่วห้อง ผมมองหน้าที่หลับสนิท ใบหน้าที่งามเหลือเกินดูสงบนิ่งไม่มีพิษภัย ผมเอานิ้วคลอเคลียหน้ามันเบาๆ ตอนนี้ใบหน้าของคนๆนี้ คือคนที่ผมรู้สึกหัวใจสั่นไหวเวลาที่อยู่ใกล้ หรือแม้แต่อยู่ไกล เขาก้าวเข้ามาในชีวิตผมตั้งแต่เมื่อไหร่นะ ผมรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจมากขนาดนี้ตั้งแต่ตอนไหนกัน ใบหน้าของมันหลับพริ้มอย่างสุขใจ ไรหนวดอ่อนๆเหนือริมฝีปากมันเข้ากันได้ดีเหลือเกินกับใบหน้า ผมดันกายขึ้นมองดูมันนอนแล้วก้มลงจูบที่หน้าผาก มันเกินเลยไปมากขนาดนี้แล้วนะเอ นับจากนี้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น มันกู่ให้กลับไม่ได้แล้ว ความเสียใจที่รออยู่เบื้องหน้า ผมทำใจยอมรับมันไว้แล้ว เอาเถอะ ยังไงเสียตอนนี้ก็สุุขใจเหลือเกิน

ผมลงมาในครัวเพื่อที่จะทำกับข้าวใส่บาตร เพิ่งตีห้ากว่าๆผมทำอาหารง่ายๆ เป็นรวนไก่ใส่เครื่องปรุง ของหวานก็มีคุ๊กกี้ที่ยังไม่เปิดกล่อง ผมเอามาแบ่งใส่ถุง เสร็จก็เกือบหกโมง ผมเดินขึ้นไปปลุกไอ้ตัวดี มันยังนอนหลับอุตุอย่างสบายใจ ผมเขย่าตัวมันเบาๆ

"เอๆ ตื่นไปใส่บาตรกัน"

"หือ อืม"

มันลืมตางัวเงีย พอลืมตาได้มันก็ฉุดตัวผมลงไปนอนกอดทันที

"ไม่เอา เอ ลุกเดี๋ยวพระหมดก่อน"

ผมพยายามขัดขืน แต่ก็ไม่วายไปหอมแก้มมัน

"ขอกอด หน่อย คิดถึง"

"เดี๋ยวค่อยกอด ลุกก่อน"

ผมดันตัวออกมาจากมันได้ก็เดินลงข้างล่างทันที สักพักมันก็เดินเข้าห้องน้ำ ผมบอกให้ล้างหน้าแปรงฟันก็พอ เราออกมารอพระหน้าบ้านก็หกโมงกว่าๆ เช้าวันใหม่ของปีใหม่ ช่างสดชื่น อากาศเย็นสบาย พระอาทิตย์ทอแสงทองอยู่อีกฟากไล่ความมืดที่ปกคลุมให้หายไป พอพระเดินผ่านมาผมก็นิมนต์พระ เอใส่บาตรอย่างคล่องแคล่ว เราใส่บาตรคนละสองชุดก็เก็บของเข้ามาในบ้าน ผมวางของไว้ที่ม้าหินอ่อนหน้าบ้าน แล้วรดน้ำต้นไม้ มันเป็นคนทำผมเองก็ดูต้นไม้ พรวนดินเด็ดใบไม้ที่แห้งออก ตัดดอกกุหลาบที่เกือบบานได้กำหนึ่ง

"เอ รดตรงนี้หน่อย"

ผมร้องบอกมันที่กำลังรดกอมะลิอยู่ มันหันมาแล้วลากสายยางมาฉีดน้ำใส่ตรงที่ผมบอก

"ตัวเองจะเอากุหลาบไป ทำไรอ่ะ"

"เอาไปใส่แจกันในห้องไง"

ผมตอบอย่างอารมณ์ดี

"เหมือน เราแต่งงานกันเลยเนอะ อิอิ เค้าชอบจังแบบนี้"

"บ้าเหรอ"

"อ้าว ก็เหมือนแต่งล่ะน่า ตัวเองสวมแหวนแทนใจเค้าแล้วนิ"

"ไม่ได้สวมเองนะ เธอนั่นล่ะยัดเยียด"

"อ้าว ไม่ยัดเยียดแล้วจะได้เหรอ"

"ไอ้ บ้า"

ผมเขินยิ้มออกมาอย่างไม่ปกปิด ทำไมหัวใจถึงเหมือนโลดแล่นอยู่ทุ่งหญ้ากว้างใหญ่เสียเหลือเกิน มีความสุขจริงๆ ผมปล่อยให้มันรดน้ำต้นไม้ต่อไป ส่วนผมก็เข้าไปเก็บกวาดบนบ้าน แล้วก็ลงมาทำข้างล่าง  มันนั่งดูโทรทัศน์อย่างสบายใจ ถ้ามันเป็นแบบนี้ทุกวันก็คงดีสินะ อยากหยุดเวลาแบบนี้ไว้นานๆจังเลย

"ตัว เองๆ มาดูข่าวนี่เร็ว"

มันร้องเรียกน้ำเสียงตื่นเต้น

"อะไร"

ผมโผล่หน้าออกไปนอกครัวเพราะกำลังดูของที่จะทำกับข้าวในตู้เย็น

"ไฟไหม้ เธคแถวทองหล่อ คนตายเยอะเชียวตัวเอง"

ผมเดินออกไปดูข่าวกับมัน ภาพข่าวที่แสดงทางจอโทรทัศน์เป็นภาพคนเดินวุ่นวายไปหมด เสียงบรรยายบอกให้รู้ว่าเมื่อคืนเกิดเหตุไฟไหม้ที่เธคแห่งหนึ่งมีคนตายหลาย สิบ แวบแรกที่คิดขึ้นมาได้ ผมรีบวิ่งไปหยิบโทรศัพท์กดไปหาพลทันที รอสายอยู่นาน มันก็ไม่รับสายสักที ผมโทรเป็นหลายรอบ ใจก็เริ่มไม่ดี เอมันมองส่งสายตาเอาใจช่วย ผมใจร้อนรนโทรไปหาจ๋า

"เออ ว่าไงแก โทรมาแต่เช้า"

"แก ไฟไหม้เธคแกรู้เรื่องไหม ฉันโทรหาไอ้พล ทำไมมันไม่รับสาย เมื่อคืนมันบอกไหมว่ามันจะไปไหน"

ผมใส่เป็นชุด น้ำเสียงสั่นรู้สึกกระวนกระวาย

"ไม่บอกนี่แก แล้วพวกอีกายกับอีกบล่ะแก โทรรึยัง มันไม่ได้โทรหาฉันเลย บอกแค่ว่าจะออกล่าผู้ชาย ตายแล้วๆ"

จ๋าก็ตกใจเหมือนกันเพราะดูเหมือน มันก็คงเพิ่งตื่นยังคงไม่ได้ดูข่าว

"แกโทรหากบ หน่อยเดี๋ยวฉันจะโทรหากาย"

ผมร้อนใจเป็นอย่างมากเป็นห่วงมันขึ้นมา แล้วก็กดโทรศัพท์ไปหากาย ไม่รับสาย ลองอีกที ก็ไม่รับสาย ผมร้อนใจยิ่งขึ้น

"โอ๊ย มันเป็นอะไรของพวกมัน รับสายหน่อย"

ผมโวยวาย เสียงสั่น มันเข้ามาแย่งโทรศัพท์ไปจากมือ

"ใจเย็นๆ นะคะ เดี๋ยวเค้าโทรให้ ตัวเองนั่งเฉยๆ"

มันเอาโทรศัพท์ผมไปกดโทรแล้วเอาแนบหู ผมนั่งลงมองมันอย่างมีความหวัง อย่าให้มีอะไรเลย คุณพระคุณเจ้า คุ้มครองเพื่อนๆลูกด้วยเถิด ผมยกมือขึ้นพนมมือไหว้ น้ำตาซึมออกมา ร้อนรนเหลือเกิน

"รับแล้วๆ"

มันพูดแล้วยื่นโทรศัพท์ให้ผม มองดูหน้าจอโทรศัพท์ พลนั่นเอง

"ฮาโหล"

เสียงมันงัวเงีย ผมรู้สึกโล่งใจเหมือนเอาภูเขาออกจากอก

"แกอยู่ไหนพล ทำไมไม่รับโทรศัพท์ หา รู้ไหมฉันเป็นห่วง"

ผมตะคอกเสียงไป

"มี อะไรแก"

มันยังงัวเงียอยู่ยังมีหน้ามาถาม

"แกไม่รู้เรื่อง อะไรเลยเหรอ เมื่อคืนไฟไหม้เธค ฉันก็ใจเสีย โทรหาก็ไม่รับ ฉันกังวลใจรู้ไหม ทำไมทำแบบนี้ หา"

ผมโวยวายน้ำตาไหลมาตั้งต่ตอนไหนไม่รู้ พลเงียบ เอแย่งโทรศัพท์ไปจากมือ

"พี่พล เอนะครับ คือเมื่อคืนไฟไหม้เธคแถวทองหล่อน่ะครับ พี่โยเค้าเป็นห่วง พยายามโทรหา แต่พี่คงยังไม่ตื่น ไม่มีอะไรแล้วนะพี่"

มันพูดแล้วเข้ามากอดผมไว้ ผมพยายามแย่งโทรศัพท์จากมือมันมา รู้สึกโกรธขึ้นมา เราเป็นห่วงแทบตายแต่ดูมันสิยังนอนไม่รู้เหนือรู้ใต้ แต่เอไม่ยอมคืนโทรศัพท์ให้ มันวางสายไปแล้ว

"พี่ยังคุยไม่จบนะเอ เสียมารยาท"

ผมแว๊ดใส่

"ตัวเอง ใจเย็นๆนะคะ พี่พลไม่ป็นไรแล้ว อย่าโกรธสิ นะคนดี วันนี้วันปีใหม่นะ อย่าอารมณ์เสียสิ"

มันพูดเสียงขรึมเตือนสติ ผมจึงนิ่งอยู่พักใหญ่ มันเอามือปาดน้ำตาให้ จริงสินะ วันปีใหม่ผมเริ่มวันด้วยการร้องไห้ใจร้อนรน ไม่ดีเลย แต่คิดไปแล้วตอนนี้ผมมีความสุขมากแต่คนอื่นเขาต้องสังเวยชีวิตให้กับการ เฉลิมฉลอง น่าเศร้าเสียจริง ครอบครัวของคนเหล่านั้นล่ะจะเสียใจมากมายแค่ไหนกันนะ แย่จังเลย วันปีใหม่แท้ๆกับต้องจัดงานศพกัน ผมคิดแล้วก็ท้อใจ เอยังกอดผมอยู่มันลูบผมเบาๆ ดูไปแล้วมันก็ทำท่าผู้ใหญ่เกินตัวเสียจริง สักพักพลก็โทรกลับมา

"เออ ว่าไงแก"

ผมเริ่มเปลี่ยนเสียงไม่ เกรี้ยวกราดเหมือนเมื่อครู่

"ฉันขอโทษแก เมื่อคืนหนักไปหน่อย ขอโทษจริงๆที่ทำให้เป็นห่วง"

"เออ ไม่เป็นไร แล้วไปไหนมาเมื่อคืน  ทำไม่เพิ่งตื่น"

ผมรู้สึกดีขึ้นพอได้ยินเสียงเพื่อน แต่จะว่าไปแล้วพลมันชอบไปเที่ยวสีลม หรือไม่ก็ แถวตลาด อตก มันคงไม่คิดอุตริไปเที่ยวแถวทองหล่อหรอก

"ก็ไปโรงเรียนสตรีเหมือน เดิมล่ะ ก็ไปกับนังสองคนนี่ล่ะเนี่ยนอนกองกันอยู่ เพิ่งกลับมาตอนตีสี่เองแก เมามาก กว่าจะนอนอีก"

โรงเรียนสตรีคือเธคที่พวกมันชอบไป วันสิ้นปีเขาคงเปิดจนเกือบสว่าง

"เออ แก งั้นแกไปนอนต่อเถอะ ฉันโทรมาถามดูเป็นห่วง ไม่มีอะไรแล้วแก  ฝากด่านังสองคนนั้นด้วยนะ"

"อืม ขอบใจนะแก เดี๋ยวขอนอนต่ออีกแป๊บ"

พลวางสายไป เอมันนั่งลงข้างๆแล้วกอดเอวผมไว้ มันยิ้ม

"ยิ้มอะไร"

ผมพูด อายๆ

"ยิ้มสิคะ มีแฟนจิตใจดี ห่วงเพื่อนขนาดนี้ ปลื้มใจที่สุดเลย"

"หิว ข้าวหรือยัง"

ผมเปลี่ยนเรื่องเพราะรู้สึกอารมณ์เปลี่ยนเร็วเหลือเกิน เมื่อครู่ยังโกรธเพื่อนหน้าแดงอยู่ แต่ตอนนี้รู้สึกเขินอายขึ้นมาอีก

"ยัง ค่ะ เดี๋ยวเค้าไปช่วยทำกับข้าวดีกว่าเนอะ"

มันเอาคางมาถูที่คอ ผมต้องดันตัวมันออกแล้วเดินเข้าครัวไป มันเดินตามมา

"วันนี้เค้าอยาก กินน้ำพริกอ่ะตัวเอง"

"จ๊ะ พ่อคุณ เนรมิตรเอาเนอะ"

ผมพูด ประชด

"ก็รู้อ่ะว่าตัวเองทำได้ อิอิ มีแฟนเก่ง น่ารักนี่เนอะ"

"พอเถอะ นี่เอาผักไปล้าง เปิดตู้เอาหัวหอมไปแกะ ล้างด้วย"

ผมออกคำสั่ง แล้วเปิดตู้เย็นดูของ ปลาไม่มี แล้วจะทำน้ำพริกยังไงเนี่ย ผมคิดในใจ แต่เอ๊ะมีไก่อบเหลือจากวันนั้น เอามาทำน้ำพริกดีกว่า ผมเอาไก่อบออกมาหั่นเป็นชิ้นแล้วเอาไปต้มให้มันยุ่ยๆหน่อย เอปลอกหอมแดงแล้วล้างเสร็จแล้ว ผมจึงเลือกกระเทียมเป็นกลีบๆ กับพริกสดให้มันเอาไปคั่วไฟรวมกับหัวหอม

"ต้องย่างด้วยเหรอคะ"

มันถาม

"อืม มันจะได้หอม เอาไฟอ่อนๆสิ เดี๋ยวไหม้พอดี นี่พอสุกเอามะเขือเทศลงไปคั่วด้วย"

"หือ ยังไงล่ะนี่"

"กิน ได้ก็แล้วกัน สูตรใหม่"

ผมหันไปทำน้ำซุป เอาหัวไชเท้าล้างแล้วหั่น แต่จะทำน้ำซุปก็ยุ่งยากอีก ผมต้องไปเปิดตู้เก็บของแห้งเอาปลาแห้งกับกุ้งแห้งออกมา เอาไปอบในไมโครเวฟพอกรอบก็เอาไปโขลกรวมกัน ห่อผ้าขาวบางทิ้งลงในหม้อแล้วจึงเอาหัวไชเท้าลงไป พอเคี่ยวอยู่พอสมควรก็หั่นไก่เป็นชิ้นๆลงไปสองสามชิ้นพอให้มันเป็นกลิ่น พอเอคั่วพริกเสร็จผมก็ให้มันโขลกพริกกับหัวหอมกระเทียมรวมกัน

"โขลก เบาๆหน่อยสิ เดี๋ยวครกก็แตกพอดี"

ผมเหน็บเพราะมันออกแรงมาก คงทำเอาความมัน พอละเอียดผมก็เอาไก่ที่ต้มยุ่ยแล้วมาฉีกเป็นฝอยๆ แล้วเอาลงไปให้มันตำ คราวนี้ค่อยรู้วิธีตำหน่อย พอเห็นว่าได้ที่ผมจึงตำเองแล้วเอามะเขือเทศคั่วลง แล้วปรุงรส ใช้ได้แฮะ ผมชิม

"เป็นไงบ้าง"

ผมยื่นช้อนให้มันชิม

"ไม่ค่อยเผ็ดอ่ะตัวเอง เค้าอยากกินเผ็ดๆ"

"เดี๋ยวก็ท้องเสียพอดี กินรสนี้ล่ะขี้เกียจเผาพริกลงไปอีก"

"คร้าบบ"

มันทำจมูกย่น แล้วทำท่าจะมาหอม ผมยกสากขึ้น มันจึงถอย พอเสร็จผมก็จัดผักสดใส่ถาดแล้วตักข้าวให้มัน

"อืม อร่อยอ่ะตัวเอง เค้าเรียกน้ำพริกอะไรอ่ะ น้ำซุปก็อร่อย"

"น้ำพริก ไก่เหลือ"

ผม พุดแล้วหัวเราะ เพราะมันเป็นไก่เหลือจริงๆ

"น่ารักจัง แฟนผม"

ผมรีบหุบยิ้มทันที อยากจะแกล้งมัน มันกินข้าวสองจานครึ่ง เกือบหมดหม้อ คงจะหิว พอเสร็จเราก็เก็บล้างทำความสะอาด แล้วออกไปนั่งดูโทรทัศน์

"แม่ อรกลับมากี่โมงคะ"

มันหันมาถาม

"ไม่รู้ น่าจะบ่ายๆ"

มันทำหน้าเจ้าเล่ห์

"อะไร"

"เราก็มีเวลา เหลือสิคะ จะได้จู๋จี๋กันไง"

"บ้า"

ผมค้อน หน้าแดง มันลากผมขึ้นไปบนบ้านทันที ตอนแรกผมก็ขัดขืนแต่ก็ยินยอมแต่โดยดี มันลากผมขึ้นเตียงแล้วกอด

"ไม่ต้องทำอะไรนะ กอดเฉยๆ"

ผมบอก

"อ่า ที่รักอ่า ใจร้าย เห็นไหม น้องชายเค้ามันไม่ยอมอ่า"

"จะกอดหรือจะต้องไม่แตะตัวเลย เลือกเอา"

"อ่า คร้าบบ กอดก็กอด"

มันพรมจูบทั่ว หน้า

"เค้ามีความสุขมากเลยนะตัวเอง อยากอยู่กับตัวเองแบบนี้ทุกวัน"

"ไม่ต้องเรียนต้องทำงานกันว่างั้น"

ผมแย้งขึ้นทันที

"ก็เลิกเรียน เลิกงานไงคะ ได้กอดก่อนนอนทุกวัน แค่นี้เค้าก็พอใจแล้ว รู้ไหมเวลาเค้าดูตัวเองนอน เค้ามีความสุขที่สุด คิดว่านี่ล่ะคือคนที่เค้าจะเฝ้าดูเวลานอนทุกวัน ตื่นมาก็ได้เห็นตัวเองเป็นคนแรก"

มันเพ้อสายตาหวานฉ่ำ

"นิยาย ไปไหม"

"ไม่รู้ล่ะ แต่เค้ารู้สึกแบบนี้จริงๆ รักตัวเองมากนะ รู้ไหม"

ผมมองหน้ามันที่ยิ้มหวานตาฉ่ำเยิ้ม ผมยิ้มแล้วจูบที่หน้าผากมัน ถ้ามันเข้าใจในสิ่งที่ผมทำ อยากให้จูบนี้ถ่ายทอดความรู้สึกในใจ ว่าผมเองก็รู้สึกเหมือนกับมัน แม้ว่าเรื่องราวในอนาคตมันจะบีบคั้นให้จนหนทางเท่าไหร่ก็ตาม แต่ตอนนี้ ผมอยากบอกให้มันรู้ว่าผมเองก็โน้มเอียงไปหามันทั้งหัวใจแล้ว
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 34, 35 Apr 4, 2010 (สองตอนควบ)
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 04-04-2010 08:30:30
ได้เวลามาเรียกคะแนนกะคนอ่านเลย มาสองตอนควบทีหวานมากมายของนายเอ บอกแล้วงานนี้รักหลงลึกยังกะฝังเสาเข็ม หวังแต่พอตัวดีจะเสมอต้นเสมอปลายแหละ ดูไปดูมาเอเป็นผู้ใหญ่มากกว่าคนพี่นะ มีสติเกินวัยในเวลาเครียดขึ้ง สงสัยต้องยอมเด็กแล้วล่ะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 34, 35 Apr 4, 2010 (สองตอนควบ)
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 04-04-2010 08:45:40
ได้เวลามาเรียกคะแนนกะคนอ่านเลย มาสองตอนควบทีหวานมากมายของนายเอ บอกแล้วงานนี้รักหลงลึกยังกะฝังเสาเข็ม หวังแต่พอตัวดีจะเสมอต้นเสมอปลายแหละ ดูไปดูมาเอเป็นผู้ใหญ่มากกว่าคนพี่นะ มีสติเกินวัยในเวลาเครียดขึ้ง สงสัยต้องยอมเด็กแล้วล่ะ


อิอิ ไม่อยากกักไว้แล้วคร้าบบ มีเท่าไหร่ใส่ไปให้หมด คนอ่านจะได้ไม่ต้องรอ เนอะ เดี๋ยวโดนด่าเพราะเสียอารมณ์ในการอ่านไม่ต่อเนื่อง ขอบคุณน้า อ่านแต่เช้าเลย :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 34, 35 Apr 4, 2010 (สองตอนควบ)
เริ่มหัวข้อโดย: nidnoi ที่ 04-04-2010 08:51:34
ขอให้น้องเอรักพี่โยอย่างนี้ตลอดไปนะคะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 34, 35 Apr 4, 2010 (สองตอนควบ)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 04-04-2010 11:22:41
ขอบคุณสำหรับสองตอนรับวันหยุด ... :laugh:
+1 เป็นกำลังใจ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 34, 35 Apr 4, 2010 (สองตอนควบ)
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 04-04-2010 11:27:05
ขอบคุณสำหรับสองตอนรับวันหยุด ... :laugh:
+1 เป็นกำลังใจ



อ่าาา วันนี้เสียแชมป์ น้าา
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 34, 35 Apr 4, 2010 (สองตอนควบ)
เริ่มหัวข้อโดย: sweetener ที่ 04-04-2010 11:40:42
ตื่นมาก็มองหาเรื่องนี้ก่อนเลย
น้องเอมันน่ารักเนาะ
โยก็ทำตามหัวใจตัวเองแล้วได้ค่ะ
ส่วนไอ่ที่จะเกิดขึ้นต่อไปก็ค่อยว่ากันอีกที
ตอนนี้ทำตัวเองให้มีความสุขก่อน
 :L2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 34, 35 Apr 4, 2010 (สองตอนควบ)
เริ่มหัวข้อโดย: Vesi ที่ 04-04-2010 17:02:17
หวานที่สุดเลย
อ่านแล้วตกใจตอนข่าวซานติก้าไฟไหม้ นึกว่าจะมีเรื่องให้เศร้าอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 34, 35 Apr 4, 2010 (สองตอนควบ)
เริ่มหัวข้อโดย: kongkilmania ที่ 04-04-2010 17:05:50
แอร๊ยยยยยย...หว๊านหวาน น้ำตาลยังจืดง่ะ 555
เป็นแบบนี้ดีแล้วหล่ะ้น้องโย
อุปสรรคในชีวิตมันมีสารพัดเรื่องให้เราได้เจอ
ก็ค่อยๆแก้  ค่อยๆหาทางออกกันไปเนาะ
โยทำกับข้าวเก่งจัง  o13  แม่ศรีเรือนแบบนี้น้องเอจะไปไหนรอด
ว่าแต่คุณน้องฟาดข้าวทีเป็นกาละมัง ต้องหมั่นออกกำลังนะจ๊ะ เด๋วจะอวบเกิ๊นน
ส่วนจะออกกำลังกายท่าไหน ปรึกษาพี่โยได้  :haun4:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 34, 35 Apr 4, 2010 (สองตอนควบ)
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 04-04-2010 17:54:56
น่ารักกันดีจังเลย ป้าแก่ๆ ตาร้อนมากมายค่ะ 55555555  :pig4:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 34, 35 Apr 4, 2010 (สองตอนควบ)
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 04-04-2010 17:56:29
เอ้าลืมไป + 1 ค่ะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 34, 35 Apr 4, 2010 (สองตอนควบ)
เริ่มหัวข้อโดย: kanda53 ที่ 04-04-2010 20:36:15
อ่านทันแล้วจ้า.....
ขอบอกว่า  เนื้อเรื่องสนุกน่าติดตาม  แอบทุกข์ใจแทนโย ไม่รู้ว่า
เอจะสม่ำเสมอต่อไปได้แค่ไหน  เพราะอายุยังน้อยยังต้องพบเจอ
อะไรอีกมากมาย........
 :call:  ขอให้เอมั่นคงและจริงใจกับโยตลอดไป
ขอบคุณสำหรับความหวานที่มอบให้  และขอบคุณสำหรับความขยันของคนแต่ง
 o13 o13 :L2: :L1:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 34, 35 Apr 4, 2010 (สองตอนควบ)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 04-04-2010 20:39:41
พี่โย ดูเริ่มมีความสุขกับรักครั้งนี้บ้างแล้ว หวังว่า เอ คงไม่ทำอะไรให้ช็อคโดยไม่ได้คาดหมายนะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 34, 35 Apr 4, 2010 (สองตอนควบ)
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 04-04-2010 21:46:18
น่ารักมากกกกก อ่านแล้วเคลิ้มเลย
ได้หวานกันจริงๆจังๆซะที ชอบอ่าาา ~
แต่พอหวานกันมากๆแล้วแอบระแวงขึ้นมาซะงั้น
หวังว่า...จะรักกันไปนานๆนะ

เป็นกำลังใจให้ค่ะ แล้วก้อนี่  :L2: สำหรับไรท์เตอร์ผู้น่ารัก
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 34, 35 Apr 4, 2010 (สองตอนควบ)
เริ่มหัวข้อโดย: salawinyeen ที่ 05-04-2010 09:55:38
  :กอด1:     อ่านแล้วจะลอย ยิ้มหน้าบานเป็นจานดาวเทียมเลยครับ   

 ชอบมากครับ   เขียนนิยายดีๆแบบนี้ให้ เราอ่านต่อไปนะครับ 

  :)     


BY    Nong A Tour Jing
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 34, 35 Apr 4, 2010 (สองตอนควบ)
เริ่มหัวข้อโดย: sai_dil69 ที่ 06-04-2010 05:14:44
 :impress3: :impress3:อ่านแล้ว พองเลย หุหุ :pig4:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 36 Apr 6, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 06-04-2010 07:30:12
                                 ตอน ต่อ ครับ







                                            ตอน สาม สิบหก




หลังปีใหม่ ทุกอย่างในชีวิตดูจะราบรื่น ผมยังคงไปทำงานตามปกติ แม่เองก็ไปสอนสลับกับการไปวัดเดี๋ยวนี้ไปทุกอาทิตย์เลย แม่บอกว่าสบายใจดี ได้เจริญภาวนาอยู่ในศีลในธรรม เอ กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตผมไปแล้ว หลังจากวันสิ้นปี ความรู้สึกที่มีต่อมันปกปิดไม่ได้แล้ว แต่เวลาอยู่ต่อหน้าแม่ผมก็พยายามทำตัวให้เป็นปกติมากที่สุด มันเองก็ทำตัวเป็นปกติ แม่จึงอาจจะมองไม่เห็นความเปลี่ยนแปลง ไม่รู้สิแต่ผมอยากเจอหน้ามันทุกวัน ท่าจะเป็นเอามาก เวลาเลิกงานก็นัดเจอกัน ส่วนมากเป็นเมเจอร์เอกมัยเพราะใกล้บ้านมันและใกล้ผมเองด้วย บางวันแค่เจอหน้ากันเดินด้วยกันมาที่ป้ายรถเมล์ตรงหน้าวัดธาตุทอง ไออุ่นของรักมันแผ่ออกมาทำให้ชื่นใจหล่อเลี้ยงชีวิตไปได้ วันไหนที่ผมไม่เจอรู้สึกทรมานใจเหมือนขาดไอรัก ใจจะขาดเอาเสียให้ได้

วันนี้ ผมเลิกงานแล้วนัดมันที่เซ็นทรัลเวิลดิ์ ไม่มีอะไรมากแค่อยากเดินด้วยกัน พลขับรถมาส่งเพราะมันเองก็บอกว่านัดเด็กไว้แถวนนี้เหมือนกัน

"สรุปแก เอาแน่แล้วเหรอกับเอน่ะ"

พลถามขึ้นตอนที่รถติดไฟแดง ผมมองออกไปนอกรถสายตามองไปไกลแสนไกล ผมถอนหายใจ

"ไม่รู้สิแก แต่ตอนนี้ฉันห้ามตัวเองไม่ได้แล้ว มันถลำลึกไปเกินกว่าจะเรียกมันกลับคืนมาแล้ว"

ผมพูดเสียงเนิบราบเรียบ แต่เครียดเหลือเกิน พอพูดเรื่องนี้ขึ้นมาทีไร ผมก็อดไม่ได้ที่จะวกกลับไปคิดถึงแม่ กับอาจารย์ปริศนาไม่ได้

"เอาเถอะ แก คิดอะไรมากมาย คนรักกันก็ดีกว่าเกลียดกัน จะคิดอะไรมาก ผู้ใหญ่เขาคงเข้าใจ"

พลปลอบใจ ผมเองก็รู้สึกดีที่เพื่อนเข้าใจ แต่ลึกๆแล้วความมืดมิดที่รออยู่เบื้องหน้าผมยังหาแสงใดที่จะส่องทางไปไม่มี พลขับรถเข้าไปในสยามพารากอน พอแยกจากพลผมก็เดินต่อไปที่เซ็นทรัลเวิลดิ์ เอโทรมาพอดี

"ถึงไหนแล้วคะ"

เสียงแจ่มใจกรอกมาตามสาย

"กำลังเดินไป เธออยู่ไหนแล้วล่ะ"

"เค้ารออยู่ลานน้ำพุที่เดิม ร้อนอ่ะตัวเอง เค้าอยากกินไอติม"

"อืม เดี๋ยวถึงแล้วรออยู่ตรงนั้นล่ะ"

ผมวางสายแล้วรีบเดิน รู้สึกมีจุดหมายปลายทางที่จะไป ผมเดินจ้ำเร็วเป็นพิเศษ พอถึงลานน้ำพุข้างหน้าห้างเห็นมันนั่งแผ่อยู่ตรงม้านั่งที่เดิมที่เราเคย นั่ง มันยังใส่ชุดรด อยู่เลย แต่เอาเสื้อออกข้างนอกกางเกง ใจเต้นแรง ร้อนหน้าอีกแล้ว ผมเป็นแบบนี้ประจำกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้วเวลาเจอหน้ามัน เอยิ้มให้แต่ไกล

"เหนื่อยไหม"

ผมถามแล้วนั่งลงข้างๆมัน

"หายเหนื่อยแล้ว เจอหน้าที่รักแล้วหายเหนื่อยเลย"

มันทำหน้ากวนๆ ผมได้แต่ยิ้มเขินอายอยู่

"เข้าไปข้างในเถอะ ร้อน"

ผมชวนแล้วเดินนำหน้ามันทันที แล้วก็เป็นปกติที่มันจะมาดึงเอากระเป๋าสะพายของผมไปสะพายแล้วเกาะบ่า หรือไม่ก็เกาะเอว ตอนแรกผมไม่อยากให้มันจับเพราะอายคน แต่ตอนนี้ ผมขาดมันไม่ได้แล้ว ถ้ามันไม่จับผมเองที่เป็นคนไปจับมัน สรุปตอนนี้ผมตกลงไปในหลุมแห่งรักนี้แล้ว ทั้งที่รู้ว่าก้นหลุมมันมีแต่หนามคมเสียดแทงให้เจ็บปวด แต่ผมเลือกเอง ผมยอมทนเจ็บปวด ห้ามใจยากดีนักก็ปล่อยให้มันเป็นไป

เราเดินอยู่ชั้นสามดูนั่นดูนี่ไปเรื่อย เดินไปจนเห็นร้านขายไอศครีมตรงโถงทางเดินเรานั่งกินไอศรีมอย่างสบายใจ มันเข้ามานั่งเบียดเหมือนเคย ไม่เคยคิดที่จะอายใครเลย ผมเองก็ยิ่งหน้าแดงเขินอายไม่รู้สึกชินเสียที แม้จะชอบแต่ก็อายอยู่ เพราะสังเกตุเห็นคนมองกันใหญ่

"โย"

เสียงเรียกที่แต่ก่อนคุ้น เคยดี แต่เดี๋ยวนี้ผมจำไม่ได้แล้วว่าเคยได้ยินมันจากไหน พี่ตั้ม มากับนัทเหมือนเดิม ทำไมนะ โลกมันแคบเสียจริง คนที่ไม่อยากเจอที่สุดกลับมาคอยหลอกหลอน อยู่ตลอดเวลา ผมเงยหน้าขึ้นมอง เอมันทำตาขวางใส่ทั้งคู่

"ต๊าย โลกกล๊มกลมเนอะ เจอแกบ่อยมากเลยช่วงนี้"

เสียงที่ดัดจริตทำลายโสตประสาท

"มา กินไอติมเหรอโย"

พี่ตั้มถาม ผมมองหน้าเอแล้วหันไปพยักหน้าให้พี่ตั้ม ตอนแรกว่าจะยกมือไหว้เสียหน่อย แต่พอนัทมันพูดขึ้นเลยหมดอารมณ์

"ออก หน้าออกตานะแกช่วงนี้ ดูสิพี่ตั้ม หน้าโยเค้าผ่องนะเดี๋ยวนี้ กินเด็ก"

มันแขวะตามสันดานเดิมของมัน ผมไม่สนใจ เอถลึงตาใส่ ผมเอามือจับขามันไว้

"คือว่า เราอยากจะสวีทกันสองต่อสองนะนัท จะคุยอีกนานไหม"

ผมพูดขึ้น ไม่อยากจะพูดแบบนี้แต่ไม่อยากเจอสิ่งที่ทำลายความรู้สึกดีๆ

"แหม อีนี่ แค่ทัก กระแดะ"

"ไม่จำเป็นต้องทักนะแก เพราะเราไม่ได้รู้จักกันดีขนาดนั้น"

ผมจ้องหน้ามันเพราะรู้ว่ามันคง วี๊ดขึ้นแน่ๆ

"อีห่า กูอยากรู้จักมึงนักนี่ อีดอก"

มันเกรี้ยวกราดใส่ พี่ตั้มดึงแขนมัน

"รู้ก็ไปสิ รำคาญ"

ผมพูดจบ แล้วหันมากินไอติมกับเอต่อ เสียงมันด่าขรมอยู่ คนมองแต่ผมไม่สนใจแล้ว รำคาญจริงๆ รู้สึกว่าตัวเองมีฤิทธิ์มีเดชมากขึ้นทุกวัน เพราะปกติจะเป็นฝ่ายเงียบ แต่พักนี้ชักทนไม่ไหวต้องฉะกับมันสักหน่อย เพราะคนเราบางคนมองตัวเองไม่ออกหรอกเวลาที่เราพูดให้คนอื่น อย่างน้อยก็เป็นกระจกเงาสะท้อนไปให้มันละกัน

เรากินเสร็จก็เดินเล่น ไปเรื่อยๆ จนเกือบสองทุ่ม ผมชวนมันไปกินข้าวมันไก่ประตุน้ำเดินไปอีกหน่อย เรากินเสร็จก็เดินมาหน้าบิ๊กซีขึ้นรถเมล์สาย ๕๑๑ กลับ เอมันมาลงพร้อมผมที่อ่อนนุช มันไปส่งถึงบ้านประจำแล้วมันค่อยกลับบ้าน ผมเพิ่งรู้สึกตัวเองว่ามันเป็นแฟนผมจริงๆ นี่ล่ะคือสิ่งที่ผมปรารถนาจากใจเบื้องลึกที่สุด ในซอยอ่อนนุชรถยังคงติดเป็นปกติ เรานั่งสองแถวเข้าบ้านยืนเบียดกับคนเหมือนเคย ดูเหมือนมันจะชอบยืนมากกว่านั่งเพราะเวลายืมมันได้กอดหรือเบียดผม ไม่ได้อายสายตาใครเลย เวลาคุยกันหน้าก็ห่างจากผมไม่ถึงคืบ  เราถึงหน้าบ้านผมเกือบสามทุ่ม

"กินน้ำก่อนไหม"

ผมถามแล้วเปิด ประตูบ้านเข้าไป

"ก็ดี อยากกินน้ำมะตูมอยู่พอดี"

มันพูดอย่าง อารมณ์ดีแล้วเอามือฉุดตัวผมมากอด

"เอ้ย เอ ทำอะไร เดี๋ยวใครก็มาเห็น"

ผมตกใจสะดุ้งแต่ก็ไม่ขัดขืน

"กอดหน่อยสิคะ เดี๋ยวเข้าบ้านก็ไม่ได้กอดแล้ว รู้ไหม เวลาที่เราทำตัวห่างเหินกันอยู่หน้าผู้ใหญ่น่ะ เค้าปวดใจที่สุด อยากอยู่กันแค่สองคนจะได้ทำอะไรไม่ต้องอาย"

"บ้าเหรอ เรามีแม่นี่ ทำอะไรก็ต้องหักห้ามใจ ปล่อยได้แล้ว รู้ว่าอยากทำ แต่อดใจไว้บ้าง"

"อ่า เขาไม่ชอบฝืนใจตัวเองอ่า มันทรมาน เจอหน้ากัน อยู่ใกล้กันแค่เอื้อมได้แต่มอง"

ผมแกะมือมันออกเพราะกลัวใครมาเห็น ไม่ได้กลัวหรอกว่าใครจะมองว่าเป็นเกย์ แต่ความเกรงใจแม่ยังมีอยู่มากแค่นี้แม่ก็คิดหนักเรื่องผมจะแย่อยู่แล้ว ผมเดินเข้าบ้านแล้วให้มันรออยู่ที่ม้าหินอ่อนหน้าบ้าน ผมเดินเข้าครัวไปเอาน้ำมะตูมมาให้มัน มันยังคงยิ้มอยู่อย่างสุขใจ ผมเองก็รู้สึกเป็นสุขมากเวลาเห็นรอยยิ้มของมัน นี่กระมังที่เป็นแรงพลังทำให้ผมหักห้ามใจไม่อยู่ แววตาที่ไม่มีความในใจเจือบนสื่อแค่ความรู้สึกรักมาให้ ผมจะต้านมันยังไงไหว

"อ้าว ทำไมถอดรองเท้าล่ะ"

ผมถามเพราะเห็นมันถอดรองเท้าคอมแบ็ตออกแล้วเอารองเท้าแตะไปใส่ จะว่าไปแล้วเอกลายเป็นสมาชิกอีกคนของบ้านผมไปแล้ว ของใช้ส่วนตัวของมันอยู่ที่บ้านเยอะเหมือนบ้านของมันเอง

"เอาไว้นี่ ล่ะเดี๋ยวค่อยมาเอา มันไม่สบายเท้า"

"ถอดถุงเท้าด้วยสิ เดี๋ยวจะได้ซัก"

ผมบอกมันจึงยอมถอดถุงเท้า เพราะไหนๆก็ใส่รองเท้าแตะแล้วจะใส่ถุงเท้ากับรองเท้าแตะมันดูแปลกๆ

"แล้วจะ ไม่ให้เค้ารักตัวเองได้ยังไงล่ะคะ น่ารักแบบนี้"

"เวอร์ รีบกลับบ้านเถอะเดี๋ยวดึก"

ผมเปลี่ยนเรื่องก่อนที่หน้าผมจะแดงไป มากกว่านี้

"ไม่อยากจะกลับเลยอ่ะ อยากอยู่ด้วย"

"เดี๋ยวค่อยเจอ เจอบ่อยเดี๋ยวก็เบื่อ"

"ไม่มีทาง ยิ่งเจอยิ่งรัก ยิ่งเห็นยิ่งคิดถึง"

หัวใจเต้นแรง เลือดสูบฉีดทั่วร่าง ผมยิ้มอย่างสุขใจ แต่ก็ต้องยอมให้มันรีบกลับไปก่อนเพราะพรุ่งนี้ผมก็ต้องทำงาน มันเองก็ต้องไปโรงเรียน แต่กว่าจะกลับก็เกือบสี่ทุ่ม ดึงหน้าดึงหลังไม่ยอมสักที ผมกว่าจะได้อาบน้ำปิดบ้านก็เกือบห้าทุ่ม แม่นอนไปแล้ว ผมนอนอยู่บนเตียงแวบหนึ่งในใจรู้สึกคิดถึงอีกคนที่เคยนอนอยู่ข้างๆ ตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยสบายใจหรือหลับสนิทถ้ามีใครมานอนด้วย แต่มันเป็นคนที่ผมอยากจะแทรกกายเข้าหาอย่างไม่รู้จักเบื่อ ไม่ได้รู้สึกรำคาญ อยากจะนอนอยู่ในอ้อมกอดอยู่อย่างนั้น ผมมองดูหมอนที่มันเคยหนุนในความมืดแล้วคว้ามากอด เสียงโทรศัพท์สั่นปลุกผมให้ตื่นจากภวังค์ส่วนตัว ผมเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์มาดู เอ นั่นเอง

"อาโหล ที่รัก นอนหรือยังคะ"

เสียง มันแจ่มใสผ่านสายมา

"ยัง แล้วเธอยังไม่นอนเหรอ"

"เค้านอนไม่ หลับอ่า คิดถึงตัวเอง"

"แล้วไม่อ่านหนังสือเหรอ อ่านไปสิจะได้นอนหลับ"

"ไม่เอาอ่ะ อยากกอดตัวเอง"

มันอ้อน

"บ้า เหรอ ไม่เอาแล้ว จะนอนแล้ว"

"ไม่เอาอ่า คุยกับเค้าก่อน เป็นกำลังใจให้เค้าก่อน"

"นี่เธอ ตกลงไม่ต้องนอนเหรอ ฉันง่วงนะ พรุ่งนี้ต้องทำงาน หักห้ามใจบ้าง"

ผมแว๊ดใส่

"อ่า ดุเค้าอ่า ห้ามใจแล้ว แต่หยุดคิดถึงตัวเองไม่ได้เลยสักนาที"

"เวอร์ ไปๆ ไปนอนเดี๋ยวตื่นสาย"

ผมกดวางสายไปทันทีเพราะถ้ามัวคุยเยิ่นเย้อคงไม่ต้องนอนกันแล้วคืนนี้ เดี๋ยวนี้มันโทรหาผมบ่อยมาก เวลาทำงานก็ส่งข้อความมาตลอด รู้สึกดีนะ แต่ก็กลัวว่ามันจะเป็นแค่่ช่วงนี้ ช่วงที่มันหลง มันโทรเข้ามาอีกแต่ผมก็ไม่รับสายแล้ว คิดนั่นคิดนี่แล้วเผลอหลับไป

วันเสาร์ ผมตื่นเช้าตามปกติ วันนี้แม่ไม่ไปวัดแต่เตรียมออกข้อสอบปลายเทอมไว้ เพราะช่วงที่สอบที่วัดเขามีงานสมโภชน์แม่ต้องเตรียมตัว เดี๋ยวนี้ผมไม่ค่อยได้สอนเอแล้ว เพราะมันดูเหมือนจะรู้เยอะกว่าผมเสียอีกด้วยซ้ำ แต่ทักษะการเขียนของมันยังอ่อนอยู่ แต่ก็ไม่มากนัก วันหยุดทีไรมันก็มักชวนออกไปข้างนอก ผมทำกับข้าวในครัว แต่ก็อดชะเง้อออกมาดูไม่ได้เพราะเอมันมาถึงแล้ว คุยกับแม่อย่างสนุกสนาน

"ตัว เอง  วันนี้พาเค้าไปสวนหน่อยดิ เค้าอยากไป"

มันเดินเข้ามาในครัว แล้วยืนอยู่ห่างๆคงกลัวแม่จะมาเห็น

"ร้อนจะตาย"

"น่านะ พาเค้าไปหน่อย"

"อืม ไปขอแม่สิ"

ผมบอกแล้วทำหน้าทะเล้นใส่มัน มันก็เดินออกไปหาแม่ทันที

"พี่โย แม่อรให้ไปแล้ว"

มันตะโกน เสียงดัง คงไปคุยกับแม่แล้ว ผมอมยิ้มอยู่คนเดียว พอกับข้าวเสร็จก็ตักไปวางที่โต๊ะ เรียกแม่กับเอมาทานข้าว เวลาอยู่ต่อหน้าแม่เอมันดูมีระยะห่างกับผม เรียกพี่ทุกคำ เวลาพูดก็ไม่ค่อยมองผม คุยอยู่แต่กับแม่ แต่มีหันมาทำหน้าทะเล้นใส่ตอนแม่เผลอ ผมมีความสุขจังเลย สรุปผมก็ต้องพามันไปเดินสวนจตุจักร ผมขึ้นไปอาบน้ำส่วนมันก็คุยอยู่กับแม่ข้างล่าง

"ตัวเอง เค้าเปลี่ยนกางเกงดีกว่า ไม่อยากใส่ยีนส์ไป ร้อน"

มันเข้ามาในห้อง ตอนที่ผมกำลังทาครีมอยู่ ผมพยักหน้า มันถอดกางเกงทันที ผมไม่เขินอายแล้ว เวลามันทำอะไรแบบนี้รู้สึกชิน

"นี่เห็นมั้ย เค้าใส่กางเกงในที่ตัวเองซื้อให้ด้วยน้า"

มันอวดแล้วทำท่าจะเดินเข้า มาหา

"รีบใส่สิกางเกงน่ะ จะมาโชว์ทำไม รู้แล้วว่าใส่"

ผมเมินหน้าหนี ร้องห้ามมันไว้ก่อน มันถึงยอมเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า มันหยิบกางเกงขาสั้นสีน้ำตาลอ่อนๆยาวแค่เข่ามาสวม ผมเองก็ใส่ขาสั้นแต่เป็นกางเกงยีนส์ตัวเก่าที่เอามาตัดขา สีซีดใส่จนผ้านุ่มไม่เหมือนยีนส์แล้ว

"เอาหมวกไปด้วย เดี๋ยวร้อน"

ผมบอกแล้วลุกขึ้นไปหยิบกระเป๋าสะพายมายื่นให้มัน เราออกจากบ้านเกือบสิบเอ็ดโมงแดดกำลังเปรี้ยง นั่งรถสองแถวออกไปหน้าปากซอยแล้วเดินไปขึ้นรถไฟฟ้า

"จะไปซื้ออะไร เหรอ"

ผมถามตอนนั่งอยู่บนรถไฟ

"ไม่รู้ ไปเดินเล่นๆ อยู่บ้านก็จู๋จี๋กันไม่ได้สิ วันนี้แม่อรอยู่นี่"

"แหม จอมวางแผน ยังกะออกมาข้างนอกจะทำได้"

"ทำได้ดิ นี่ไง"

มันโน้มหน้ามาจะ หอมแก้มผมทันที หน้าผมแดงขึ้นทันทีผมหยิกมือมัน เพราะคนที่อยู่บนรถไฟไม่ใช่น้อย ทุกสายตาหันมามอง ใจผมเต้นตึกตักผมค้อนมันวงใหญ่

"จะบ้าเหรอ หัดอายคนซะบ้าง"

ผมพูดเสียงเบาก้มหน้า อายหน้าแดงอยู่ มันยิ้มอย่างพอใจ

"ไม่อายอ่ะ มองไม่เห็นใครนอกจากตัวเอง"

ผมก้มหน้ามองนิ้วเท้าของตัวเอง ไม่พูดกับมันแล้ว เดี๋ยวมันจะยิ่งกำเริบ แต่มันก็ไม่ใช่จะยอมแพ้ง่ายๆ มันเอาแขนมาพาดที่บ่าผมเอามือมาลูบผมไปมา

"นอนดีกว่า"

มันพูดหน้าตาเฉยแล้วเอาหน้าซบลงมาที่บ่าของผม ใจผมเต้นตึกตัก โอ๊ย จะให้อายคนไปถึงไหน ผมร้อนรนเหงื่อผุดขึ้นเป็นเม็ดๆ เสียงซุบซิบกัน ทุกสายตาที่อยู่แวดล้อมผมคงกำลังมองมา มันไม่ทำท่านอนเฉยๆ แต่เอาหน้าถูไปถูมาบนบ่า อยากจะผลักหัวมันออกแต่ตอนนี้เหมือนผมขยับตัวไม่ได้ อายมากๆมันเป็นอย่างนี้นี่เอง จนถึงสถานีอโศก คนเข้ามาในรถไฟเยอะจนเกือบแน่น ความอายมันจึงลดลงเพราะคนที่เห็นคือคนที่อยู่ต่อหน้าผมเท่านั้น ผมจึงรู้สึกดีขึ้น แต่พอถึงสยามคนก็ลงจากรถไฟจนรถโล่งคนกลุ่มใหม่ที่เข้ามาก็ไม่เยอะเท่าเมื่อ ครู่ ผมพยายามผลักหัวมันออก

"ไม่เอา เค้าจะนอน"

มันพูดเสียงดัง ดีกรีความอายมันยิ่งเพิ่มทวีคูณ คนกลุ่มใหม่ที่เข้ามาก็มอง ตัวผมแข็งแต่หน้ายังแดงหัวใจก็ยังเต้นแรงถี่ยิ่งกว่าเดิม มีเด็กวัยรุ่นเข้ามาตรงตู้ที่ผมอยู่เยอะพอสมควร มาเป็นกลุ่มๆ เสียงซุบซิบดังกว่าเดิม โอย เมื่อไหร่จะถึงสักที พอเสียงประกาศบอกสถานีหน้าคือสะพานควาย ผมก็สะกิดบอกมัน

"นี่ เอ จะถึงแล้วลุก เอาหน้าออกไป"

มันถึงทำท่างัวเงียเอาหัวออกจากบ่าผม ผมจิกสายตาด่ามัน แต่มันกลับยิ้มเหมือนแกล้งผมได้ คอยดูนะ ผมฝังแค้นไว้ในใจ

"ไหน อ่า ต้องไปลงหมอชิตนี่"

"ลงสะพานควายนี่ล่ะเดินหน่อยเดียว ขึ้เกียจเดินย้อน"

ผมบอกแล้วมองไปรอบๆ เด็กวัยรุ่นที่ยืนอยู่มองมาที่เรา พวกนั้นยิ้มแล้วหันไปซุบซิบกัน เอาวะไม่รู้จักกันหรอก อายไปหน้าก็แดง เก็บอาการดีกว่า พอรถไฟกำลังจะจอดที่สถานีสะพานควาย ผมก็ลุกออกไปยืนรอหน้าประตู กะว่าประตุเปิดจะรีบเผ่นทันที มันเดินมายืนข้างหลังแล้วกอดคอ เอามือทำท่าจัดทรงผมที่มันทำให้ยุ่งเมื่อครู่ให้เข้าที่ รู้สึกโดนสายตาหลายคู่มอง พอประตูเปิดผมก็จ้ำออกไปทันที

"จะรีบไปไหน คะ"

"ไอ้บ้า อายคนบ้างไหม"

ผมแว๊ดใส่

"อายใคร ไม่เห็นสนใจเลย คนมันรักนี่นะ"

"ฮึ่ม"

ผมพูดไม่ออกไม่รู้จะ ด่ามันยังไงดี ได้แต่เดินหน้างอนำหน้ามันไป เราเดินย้อนไปเข้าด้านข้างของตลาดนัด มันยังคงเกาะอยู่ที่บ่าไม่ยอมปล่อยเลยไม่ว่าจะเดินหรือจะทำอะไร เราเดินดูนั่นดูนี่ จนเกือบบ่ายโมง

"หิวอ่ะ ตัวเอง"

"อืม กินอะไรดี"

ผมเองก็รู้สึกหิวขึ้นมาเหมือนกัน แต่มันหิวสิแปลกเพราะกินตลอดทางเห็นอะไรก็กิน เราไปนั่งกินส้มตำไก่ย่างที่ร้านริมกำแพงตลาดนัด คนเยอะมาก ร้อนก็ร้อน แต่ก็หิวเลยต้องกิน พอกินเสร็จก็เดินต่อ เอมันได้เสื้อเชิ๊ตไปสองตัว ผมเองก็ได้เสื้อเชิ๊ตสีดำสองตัว เสื้อยืดอีกตัว ผมซื้อเทียนหอมกับอโรม่าไปฝากแม่ด้วย

"ร้อนอ่ะตัวเอง"

มันบ่น เหงื่อเต็มหน้า เสื้อเปียก ผมเลยซื้อผ้าเย็นยื่นให้มัน

"เช็ดให้ หน่อยดิ เห็นมั้ยมือเค้าไม่ว่างอ่ะ"

"โห"

ผมอ้าปากจะด่ามัน แต่มือมันก็ถือของอยู่เต็ม ผมจึงจำเป็นต้องเช็ดให้มัน คนเดินผ่านไปผ่านมามองอีกแล้วมีเกย์อยู่กลุ่มหนึ่งเดินผ่านไปมองแล้วเบะปาก ใส่คงหมั่นใส้ แต่เอาเถอะไม่รู้จักใครสักคนหรอก จะว่าไปแล้วผมเองก็อยากจะสัมผัสตัวมันอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน ผมเช็ดหน้าให้มันเสร็จก็ล้วงเข้าไปเช็ดให้มันในเสื้อ ทั้งข้างหน้าข้างหลัง พอใจหรือยัง ชอบมองดีนัก ผมแอบสะใจอยู่คนเดียว แล้วอมยิ้ม

"เห็นมะ เค้าบอกแล้วไม่ต้องอายใครหรอก คนรักกัน ไม่แสดงออกตอนนี้แล้วจะไปทำตอนไหน"

มันยิ้มพูอย่างอารมณ์ดี ไม่ได้เข้าใจในจุดประสงค์ของผมเลยเสียจริง เรากลับบ้านบ่ายสองกว่าๆ กว่าจะถึงบ้านก็สามโมงเกือบสี่โมง พอถึงบ้านผมก็รีบขึ้นไปอาบน้ำทันที เพราะร้อนเหงื่อโทรมกาย มันก็อาบน้ำข้างล่าง พอเสร็จผมก็ลงมาข้างล่างเห็นมันคุยอยู่กับแม่อยู่ จะว่าไปแล้วผมรู้สึกดีนะที่มีมันอยู่แบบนี้ แม่เองก็ดูไม่ได้รังเกียจอะไรมัน ดูจะรักใคร่กันเสียมากกว่า อย่างน้อยแม่ก็คงไม่ปิดกั้น แต่กับอาจารย์ปริศนาล่ะ ท่านจะยอมหรือ หนักใจอีกครั้ง แต่ก็ช่างเถอะเราจะมาเป็นทุกข์อะไรกับสิ่งที่ยังมองไม่เห็น เสพสุขกับปัจจุบันดีกว่าในเมื่อมันช่างเป็นสุขเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 36 Apr 6, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 06-04-2010 10:09:47
 :-[ :impress2:
อิจฉาโย
มีเหลืออีกมั๊ย แบบนายเอ
+1 เป็นกำลังใจ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 36 Apr 6, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: sweetener ที่ 06-04-2010 10:13:08
หวานมากกก
น่ารักทั้งพี่ทั้งน้องเลย
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 36 Apr 6, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 06-04-2010 11:22:11
ความรักทำให้คนเปลี่ยนแปลง
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 36 Apr 6, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: kenshinkenchu ที่ 06-04-2010 11:40:06
น่ารักจัง ความรักฟุ้งกระจาย  :-[
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 36 Apr 6, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 06-04-2010 13:00:18
โยแอบร้ายยยย แต่น่ารักดี
คนน่ารักทำไรไม่ผิด แต่หมั่นไส้พี่ตั้มกับนัทมาก
เจอคู่นี้ทีไร รมณ์เสียๆ :m16:

เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 36 Apr 6, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 06-04-2010 15:49:07
นัท อะเป็นอะไรมากหรือเปล่า หาเรื่องคนอื่นตลอด ไม่รู้ว่าพี่ตั้มทนอยู่ด้วยได้อย่างไง งง
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 36 Apr 6, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Vesi ที่ 06-04-2010 16:30:23
กำลังหวานได้ที่เลย
อย่ามีอะไรอีกนะ

ปล. อยากอัดนังนัทซักที หมั่นไส้
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 36 Apr 6, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: kongkilmania ที่ 06-04-2010 17:06:29
โฮ๊ะๆๆ เดทกันหวานเลยนะ อิจฉาวุ้ย
น้องเอนี่สุดๆ โชว์ความหวานไม่สนชาวบ้านเลยเว๊ย ปล่อยน้องโยอายม้วนอยู่คนเดียว  :laugh:


รำคาญนังนัทจริงๆ
แปลกคนจริง ไม่ชอบหน้ากัน แต่ขยันเข้ามาทักจริง (จริงๆต้องบอกเข้ามาจิกซะมากกว่า)
รอดูว่านิสัยแบบนี้ จะโดนไอ้พี่ตั้ม  :z6: วันไหน????
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 36 Apr 6, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: tarkung ที่ 06-04-2010 17:17:10
แวะมาเยี่ยมเยียน

จะยังติดตามต่อไปอย่างเหนียวแน่นนะครับ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 36 Apr 6, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: salawinyeen ที่ 06-04-2010 17:43:37
ให้เธอหมายมั่งคงแล้วอย่าหลงไปเชื่อใคร  เดินทางไปอย่าหวั่นไหวใครขวางกั้น  มีดวงตะวันส่องเป็นแสงสีทอง

กระจ่างครรลองให้ใฝ่ปองและสร้างสรรค์ เมื่อดอไม้แย้มบานให้คนหาญสู้ไม่หวั่น คือรางวัลแด่ความฝันอันยิ่งใหญ่  ให้เธอ


ชอบครับ   สู้ๆ เป็นกำลังใจให้นะครับ   

จาก  ใครสักคน
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 36 Apr 6, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 06-04-2010 20:09:59
 เวลาสุขเก็บเกี่ยวไว้ให้มาก วันข้างหน้ามายังไม่ถึง อยู่กับวันนี้สุขกับวันนี้
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 36 Apr 6, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: jadezii ที่ 06-04-2010 20:34:25
อ่านไปยิ้มไปค่ะ ^^
หวาน อะไรจะปานนี้ :m3:

ไรท์เตอร์ สู้ ๆ ค่า :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 36 Apr 6, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: filmtoptap ที่ 06-04-2010 20:50:34
ฟิมเข้ามาอ่านแร้วนะ

ง่วงมากแระ
เด๋วจะมาอ่านเรื่อยๆ

อย่าดื้อนะเจ้าของกระทู้นี้อ่ะ :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 36 Apr 6, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 06-04-2010 21:13:40
โอย อยากจะบ้าตายพิมพ์ไปตั้งเยอะ เซฟไม่ได้  :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 36 Apr 6, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: kanda53 ที่ 06-04-2010 23:25:45
อิจฉาโยจัง.....เจ้าเอขยันหยอดตลอด...
ยังไงก้อ..ขอให้เอมั่นคงนะ กลัวคำว่า"หลง" เหมือนกัน
ขอบคุณความขยัน และความสุข ที่คนแต่งมอบให้ค่ะ :L1:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 36 Apr 6, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: zeazaiz ที่ 07-04-2010 03:04:19
สู้ๆค่ะคนเขียน  :L2:




หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 36 Apr 6, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 07-04-2010 04:12:19
สงสัยต้องเซฟบ่อยๆหรือใช้ ออโตอัพเดทแล้วมั้งครับ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 37 Apr 7, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 07-04-2010 07:11:29
                                      ตอนต่อ ครับ




                                  ตอน สามสิบเจ็ด






ความจริงพิธีพระราชทานปริญญาบัตรมีขึ้นหลังปี ใหม่ไม่กี่ วัน เราทำเรื่องรับไม่ทันจึงต้องเลื่อนไปรับปีการศึกษาหน้า ผมไม่ได้เครียดอะไรเพราะทุกวันนี้ผมก็มีงานประจำทำอยู่แล้ว ตอนนี้ไม่คิดที่จะออกไปหางานใหม่ เพราะอยู่กับพลก็ดีอยู่แล้ว อีกอย่างหัวหน้าผม พี่ภานั่นเองแกดูรักผมมากเหมือนกัน ยิ่งทำงานด้วยกันยิ่งรู้สึกว่าพี่ภาเองไว้วางใจผมมาก ผมจึงยังไม่อยากจะไปไหน อาทิตย์กลางเดือนมกราคม เราชวนกันไปเที่ยวสะเม็ดกัน มีจ๋า พี่ป้อม กายกับกบ พลแล้วก็ผม ถือว่าไปพักผ่อนอีกอย่างไม่ได้เที่ยวแบบเพื่อนๆมานาน

"เออ แก ไม่ชวนน้องเอไปด้วยล่ะ"

พลถามขึ้นตอนทานข้าวกลางวัน

"ไม่เอา หรอกอยากไปเที่ยวกับเพื่อนๆ เอามันไปเดี๋ยวก็กวนโมโหอีก"

ผมตอบอ้อม แอ้ม ความจริงอยากชวนมันไปด้วย แต่ก็เกรงใจเพื่อนๆ

"โอ๊ย จะอะไรมากมายแก ทีนังจ๋ายังเอาผัวไปเลย ทำไมแกจะพาผัวไปด้วยไม่ได้"

พล ทำเสียงสูง

"ไอ้บ้า เบาๆหน่อย คนมอง"

ผมปรามมันเพราะพลขึ้น เสียงสูงปรี๊ด

"พาน้องมันไป ล่ะแก ไม่รู้ล่ะ เพราะฉันโทรชวนน้องมันเรียบร้อยแล้ว แกรอปฎิเสธมันเองละกัน"

"อ้าว แก โห เล่นแบบนี้เลยนะ"

"ช่วย ไม่ได้ ก็น้องเอ ขอให้เป็นพี่เลี้ยงให้นี่"

"เออ เข้ากันดีนักนะ"

ผมงอนประหลับประเหลือก

"แหม แก น้องมันรักแกมากขนาดนั้นน่ะ พาๆมันไปเปิดหูเปิดตาหน่อยเถอะ ถือว่าไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์"

"บ้า"

ผมรีบกินข้าวแล้วลุกทันที ปล่อยให้พลมันจ่าย สรุปทั้งบ่ายมันก็ล้อผมจนเลิกงาน พอเลิกงานผมก็รีบกลับบ้าน เพราะนัดกับไอ้ตัวดีไว้ที่เมเจอร์เอกมัย ถึงเกือบห้าโมงครึ่ง มันนั่งรอในร้านฟาสต์ฟู๊ด หน้างออยู่ เพราะเห็นหน้าผมปกติมันจะยิ้มร่าแต่ไกลแต่วันนี้แปลก ทำเชิดใส่ ผมเดินเข้าไปหา

"รอนานไหม"

ผมถามแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามมัน

"หึ ตัวเองจะไปไหนเหรอ วันศุกร์นี้น่ะ"

มันถามแต่ทำหน้า มู่ทู่ใส่

"ทำไมเหรอ ว่าจะไปเที่ยวกับเพื่อนๆ"

"ทำไมไม่ชวน เค้า"

มันยังทำหน้างอใส่ ผมก็ทำหน้าเหรอหราไม่รู้เรื่อง

"ก็ว่าจะชวนอยู่"

"งั้นเค้าไปด้วยนะ"

"แต่ฉันไปกับเพื่อนๆนะ"

ผมยังลังเล เกรงใจเพื่อนด้วยประการสำคัญ

"แล้วไงอ่า ก็พี่พลชวนเค้าแล้วอ่ะ ตัวเองล่ะไม่ยอมชวน งอนนะเนี่ย"

เออนะบทคุณชายจะทำตัวเป็นเด็กก็เป็นเด็กไปเลย

"อืม งั้นไปด้วยกันไหมล่ะ"

ผมพูดออกไป มันยิ้มแฉ่งทันที ผมรู้สึกหมั่นไส้มันขึ้นมา

"น่ารักที่สุด เลย แฟนเค้า ดีใจจังจะได้ไปเที่ยวทะเลกับแฟน"

มันเอาหน้ามาใกล้ๆ ผมผลักหน้ามันออกเพราะคนเยอะ แม้ผมจะชินกับอากัปกริยาของมันแต่ก็ยังมียางอายอยู่

"แล้ววันนี้จะทำ อะไร"

"ก็ว่าจะชวนตัวเองกินโออิชิ"

"รวยเนอะ"

ผมประชด

"เค้าไม่รวย แต่ให้ตัวเองล่ะจ่าย"

"อ้าวนะ อยากกินก็จ่ายดิ เลือกกินแต่ละอย่าง"

"อ่า งั้นกินก๋วยเตี๋ยวก็ได้"
มันทำเสียง เศร้า โอย นี่ผมโดนเด็กอ้อนต้องจนหนทางแล้วหรือนี่ ผมยอมพามันไปกินโออิชิ ชาบู ชั้นสอง ตอนแรกมันไม่ยอมไปเพราะบอกว่าเปลือง ดูบทมันจะพูดยากแต่ผมก็ดุเอามันถึงยอม พอกินเสร็จมันก็ไปส่งที่บ้านถึงบ้านราวๆสองทุ่มครึ่ง ผมรีบไล่มันให้กลับบ้าน เพราะยิ่งอยู่นานผมเป็นอันไม่ต้องทำอะไรพอดี แม้ในใจอยากจะอยู่กับมันแต่ก็ต้องยอมไล่มันไป

บ่ายวันศุกร์เราขอพี่ภาเลิกงานก่อน ซึ่งรายนั้นไม่มีปัญหาอะไรเลยให้เงินสมทบทุนการเที่ยวมาอีกต่างหาก ผมกับพลแวะรับเอที่เมเจอร์ รายนี้ก็โดดเรียนช่วงบ่าย พอถึงเมเจอร์เอยืนรออยู่ที่ข้างหน้าแล้ว มันใส่กางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดใส่หมวกแก๊ปกับแว่นดำ สะพายเป้ จุดรวมตัวคือบ้านผมเพราะกายมันจะเอารถโฟร์วิลไป จ๋ากับพี่ป้อมก็กำลังออกจากบ้าน เราถึงบ้านตอนบ่ายโมงกว่าๆ พลขึ้นไปอาบน้ำผมก็เก็บของใส่เป้ระหว่างรอพลอาบน้ำ ไอ้ตัวดีก็หาอะไรกินในครัว สักพักพี่ป้อมกับจ๋าก็มาถึง พลก็ลงไปคุยด้วย ผมก็อาบน้ำพอเสร็จกายกับกบก็มาพอดี

"นี่แวะซื้อของที่คาร์ฟูลก่อนนะ แก"

กายบอก

"อืม พลแกไปเอารถมาจอดในบ้านไป"

ผมบอก

"แล้ว รถแม่ล่ะแก"

"ไม่เป็นไร บอกแม่แล้ว คงจอดข้างนอกไม่เป็นไรหรอก"

กว่าเราจะออกจากบ้านก็บ่ายสองเกือบครึ่ง แวะซื้อของที่คาร์ฟูลก่อน ใช้เวลาไปนานพอสมควรเพราะมัวแต่คุยกัน พอได้ของครบก็ได้ฤกษ์ออกจากกรุงเทพฯเสียที ดูเอมันไม่คะเขินเลยกับเพื่อนๆ คุยตอบรับอย่างสนุกสนาน พี่ป้อมเองที่เป็นฝ่ายเงียบ คุยบ้างแต่ก็ไม่มาก พี่ป้อมชอบคุยกับเอเพราะเหมือนจะคุยกันรู้เรื่องที่สุด แล้วก็นัวเนียอยู่กับจ๋า ผมไอ้ตัวดีกบ นั่งเบาะหลังสุด จ๋ากับพี่ป้อมนั่งตรงกลาง พลนั่งคู่กาย

"ต๊าย ฉันได้ข่าวคืนนี้มีปาร์ตี้นะยะแก เตรียมหางปลามาหรือเปล่ายะ"

กบทำเสียงดัดจริตเหมือนเคย

"ปาร์ตี้อะไรแก"

ผมถาม

"ก็ปาร์ตี้เกย์ในยะ"

"หือเสม็ดเนี่ยนะ"

"โห โย แกไปอยู่ไหนมา เดี๋ยวนี้เขาแบบออกหน้าออกตา ในเวบเขาชวนกันโครมๆ"

กายพูดขึ้นมาบ้าง

"คนเยอะแน่เลย"

จ๋าหันมาพูดบ้าง

"จะสนทำไมล่ะยะเรา สวยนี่"

กบพูดสร้างเสียงหัวเราะได้ทั้งคันรถ

"จ้า แม่สวยไม่เสร็จ เป็นนางงามอะไรนะแกน่ะ นางงามสันเขื่อนลำตะคองใช่ไหม"

พลหันมาแขวะ

"ว้าย นังพล อย่างฉันน่ะ สวยมีตำแหน่งนะยะ หล่อนล่ะ นางงามกาชาด แจกฟรีค่า"

"อี นี่"

เอหันมามองหน้าผม ดูมันงงๆ ไม่เข้าใจ ผมยิ้มให้

"น้องเอ ขา นางงามกาชาดอย่างพี่พลน่ะ เขาได้ตำแหน่งมาเพราะแจกฟรีไงคะ ให้ผู้ชายเอาฟรีๆ"

กบอธิบาย

"แล้วมีอะไรกันต้องได้อะไรตอบแทน ด้วยเหรอพี่"

มันยังทำหน้างง

"โอ๊ย อินโนเซนต์จริงๆ ผัวแกนี่โย"

"บ้า ก็น้องมันไม่รู้แก อย่าใส่ใจเลยเอ"

จ๋าหันมาบอกเอ ผมมองหน้าเอแล้วพยักหน้าให้มันสนใจมากนักเดี๋ยวเสียเด็กพอดี

"ก็ไม่ได้ อะไรหรอกเอ มีอะไรกันสนุกๆ พี่ไม่ซีเรียส แต่พี่กบเขาน่ะ ชอบแจกชอบแถมทองผู้ชาย"

พลพูดแล้วก็หัวเราะ เสียงกบกรี๊ดดังลั่น มันยิ่งทำหน้างง ผมจับมือมันไว้แล้วส่ายหน้าไม่ให้ฟัง ผมเอื้อมไปเอากระปุกมันฝรั่งทอดมาให้มันกิน

"แหม หวานกันเชียวนะยะ มีคู่รักมาตั้งสองคู่ แล้วเราล่ะเธอ"

กบแซว

"ฉันก็ไปหาเอา ข้างหน้า แต่หล่อนน่ะ น่าจะเป็นตัวประกอบ ไม่มีบทพูด อาจจะหายากหน่อยนะ ผู้ชายที่ชอบหน้าตาเถื่อนๆน่ะคงเหลือน้อยแล้วล่ะแก"

กายกัดบ้าง แล้วพลกับกายก็หัวเราะชอบใจ ผมเองก็อมยิ้ม เอทำหน้ามีเครื่องหมายคำถามอยู่บนหน้ามันอีกแล้ว ผมได้แต่ส่ายหน้าไม่ให้มันรับรู้ ระหว่างทางมันกอดเอวผมไว้ตลอดเวลา ผมเองก็จับต้นขามันบ้าง สลับกับจับมือมันบ้าง ตอนแรกกบแซวก็เขินๆเพื่อนอยู่เหมือนกัน แต่เอาไปเอามาเลยปล่อยเลยตามเลย เสียงคุยกันสนุกสนานตลอดทาง พี่ป้อมคุยบ้างเพราะโดนแง้มปากให้พูดจากกบและกาย ส่วนพลไม่ค่อยคุย มันยังตึงๆอยู่

เราถึงบ้านเพเกือบหกโมงเย็น พอถึงก็รีบไปฝากรถ โชคดีที่กายมีญาติทำรีสอร์ทอยู่ที่นี่ แต่คนละหาดกับที่เราจะไป แต่เขาก็จัดการเรื่องที่พักให้หมดแล้ว รอแค่ไปจ่ายเงิน เรานั่งรอเรือไปส่งที่เกาะอยู่พักเดียว แสงแดดยามเย็นช่างงดงามเหลือเกิน น้ำเป็นฝืนทองส่องประกายระยับกระเพื่อมไปมา ท้องฟ้าเปิดไม่มีเมฆสักก้อน อาทิตย์กำลังจะอัสดงอยู่ทางฝั่งตะวันตก แสงแดงส้มฉาบท้องฟ้าฝั่งนั้นงามดังภาพวาด ผมมองดูด้วยจิตใจที่เป็นสุข เอเข้ามากอด

"ชอบไหมคะ"

มันกระซิบถาม ผมพยักหน้า

"ต๊าย จะหวานไปไหนยะ เห็นใจกันบ้าง"

กบแซวเสียงดัง

"อีมารหัวขน คนมันจะสวีทกันไปกวนเขาทำไม มาถ่ายรูปให้ฉันนี่"
 
พลแว๊ดใส่ ผมได้แต่ยิ้มแห้งๆ กบหันไปโพสต์ท่าถ่ายรูปอย่างสนุกสนาน บนเรือมีคนอยู่เยอะเหมือนกัน ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ มีเกย์อยู่กลุ่มใหญ่แต่อยู่อีกฟากของเรือ เห็นกายกับพลเหล่ๆอยู่

"มา แกถ่ายรูปให้"

พลบอกแล้วกดชัตเตอร์ทันที ผมยังไม่ทันตั้งตัวสายตายังเคลิ้มมองริมขอบฟ้าเอมันก็คลอเคลียอยู่ซอกคออยู่ เลย

"เอ้ย เดี๋ยวสิแก"

ผมร้อง ยังไม่ทันตั้งตัว พอตั้งหลักได้จึงค่อยถ่ายรูป พอถ่ายเสร็จเอก็ขอดูรูปที่ถ่ายไป

"สวยไหมเอ เหมือนคู่รักที่เพิ่งแต่งงานมา ฮันนีมูนกันเลยใช่ไหม"

พลถามเอ มันทั้งสองยิ้มอย่างพอใจ ผมขอดูบ้าง ฉากหลังเป็นห้วงน้ำทะเลกว้างไกลส่องประายสีทองระยิบ แม้นดวงตะวันที่ลับขอบฟ้าไปแล้วยังทิ้งแสงสีแดงส้มสดเป็นฉากหลัง ผมมองออกไปไกลแสนไกล เอหลับตาแต่หน้าซุกอยู่ซอกคอผม สวย องค์ประกอบของภาพสวยทีเดียว ผมแอบอมยิ้ม

"เดี๋ยวเอาไปใส่กรอบด้วยนะ เอ เป็นภาพแต่งงานได้เลยนะเนี่ย"

พลแซว เอยิ้มเขินๆแล้วกดดูภาพอื่นๆ เราถึงเกาะตอนเกือบทุ่มมืดแล้ว เรานั่งรถสองแถวไปหาดทรายแก้ว จองบังกาโลไว้สามหลังแต่เดี๋ยวนี้เขาทำใหม่หมดเป็นแนวรีสอร์ต ภายในห้องก็ตกแต่งเหมือนโรงแรม ตอนแรกผมจะไปนอนกับพลแล้วให้เอมันนอนด้วย แต่พลไม่ยอมให้ผมอยู่กับมันสองคน ส่วนตัวมันเองไปนอนกับกายและกบ จ๋ากับพี่ป้อมอยู่หลังถัดจากผม พอเช็คอินเสร็จก็เอาของไปเก็บ นัดกันสองทุ่มครึ่งที่หน้าบังกาโล หลังที่ผมอยู่ทาสีฟ้าอ่อนสดใส ในห้องก็มีเตียงอยู่เตียงเดียว ผมเดินเข้าไปดูห้องน้ำ มีน้ำอุ่นด้วย เอมันทิ้งเป้ลงข้างเตียงแล้วกระโดดลงไปนอนบนเตียงทันที

"ไปอาบน้ำสิ เดี๋ยวจะได้ออกไปกินข้าว"

"ยัง ตัวเองมานี่หน่อยสิ"

"อะไร"

ผมถามแต่ก็เดินไปหามัน มันลุกขึ้นมาดึงแขนผมลงไปกอดทันที

"ไม่เอา ไปอาบน้ำ"

ผมขัด

"น่า มากอดหน่อย ไม่ได้กอดทั้งวันอยากกอดจะแย่อยู่แล้ว"

"บ้าเหรอ นั่งกอดมาทั้งวัน ยังไม่พออีกเหรอ"

ผมตอบมันเขินๆ

"ไม่ใช่กอดแบบนั้นนี่ กอดตัวเองน่ะไม่รู้จักพอหรอก มามะ ชื่นใจหน่อย"

มันหอมฟอดใหญ่ ผมยอมแต่โดยดี

"ตัวเอง คราวหลังเรามาเที่ยวกันสองคนเนอะ จะได้สวีทกันได้เต็มที่"

มันพูดแล้วจูบ ลมหายใจร้อนแรงผ่านเข้าปอดผม ผมจูบตอบ อยากจะจูบมันเหมือนกัน เราจูบดูดดื่มกันอยู่นานพอสมควรแล้วก็นอนกอดกัน

"ไปอาบน้ำด้วยกันดี กว่า"

มันพูดแล้วดันตัวลุกขึ้น

"บ้าเหรอ ไม่เอาหรอก อาย"

"โห จะอายอะไรคะ เค้าเห็นของตัวเองทุกส่วนแล้ว"

มันเอาจมูกมาไซร้ที่ แก้ม

"ไม่เอา ไม่ชอบ"

ผมหน้าแดงอายม้วนไป

"ไม่เป็นไร นะคะ เนี่ย เดี๋ยวเค้ากอดตัวเองไว้ตลอดเวลาจะได้ไม่อายไง"
 
มันพยายาม ตื้อ แล้วถอดเสื้อมันออกทันที

"เอ้ย ไม่เอา เธอไปอาบก่อนเถอะ"

"ไม่ เอา อาบด้วยกัน นะคะ คนดี"

มันกอดผมแน่นขึ้น พยายามถอดเสื้อผมออก ตอนแรกก็ขัดขืนเอาไปเอามาตัวผมล่อนจ้อน ผมเอาเสื้อที่ถูกมันถอดกองไว้ปิดของสงวนไว้ ไม่รู้ทำไมอายมันจังเลย ส่วนมันเองพอถอดของผมได้มันก็รูดของตัวเองออกรวดเดียว ตัวมันล่อนจ้อนเหมือนกัน ผมอายหน้าแดงเพราะน้องชายมันชี้โด่

"มาเค้า กอด ตัวเองจะได้ไม่อาย"

มันฉุดตัวผมไปกอด น้องชายผมเองก็ไม่ยอมแพ้เหมือนกัน อายนะแต่ยิ่งอายมันก็ยิ่งสู้ไม่ได้อายเหมือนเจ้าของมันเลย หน้าท้องผมแนบกับน้องชายมันพอดี ยิ่งมันกอดแน่นผมก็ยิ่งหน้าแดงเพราะหน้าท้องมันเสียดสีกับน้องชายมันโดยตรง มันพยุงผมเข้าไปในห้องน้ำ

"แล้วเครื่องอาบน้ำล่ะ"

ผมถามเสียง สั่น

"เอ้อ ลืมไปเลย เดี๋ยวเค้าออกไปเอา"

มันพูดจบก็เดินออก ไปจากห้องน้ำทันที

"อยู่ไหนอ่ะคะตัวเอง"

มันร้องถาม

"อยู่ ในเป้ ถุงพลาสติกน่ะ"

ผมร้องออกไปแล้วเปิดน้ำให้มันอุ่นพอดีรอมัน

"มา แล้ว คิดถึงเค้าไหม"

มันเดินกลับเข้ามาแล้วกอดผมจากข้างหลัง โอยจะบ้าตาย เพราะน้องชายมันสีอยู่ตรงร่องก้นผมพอดี มันดันตัวผมเข้าไปในฝักบัวที่รดลงมา พอตัวโดนน้ำมันก็ไซร้ซอกคอทันที

"เอ๊ะ ไม่เอา รีบอาบ"

ผมสะดุ้ง

"จะรีบไปไหนคะ ให้เค้าชื่นใจหน่อย ไม่ไหวแล้ว"

ผมยืนนิ่ง ทำไมใจมันเต้นแรงอย่างนี้นะ ยังไม่รู้จักชินเสียทีเวลาที่โดนมันสัมผัส มันเอามือจับหน้าผมให้เอี้ยวมาหามัน จูบที่เร่าร้อนผมเองก็ระเริงไปกับรสจูบของมัน ปรารถนาในตัวมันมากเพียงนี้เชียวหรือ ผมถามตัวเอง ยิ่งสัมผัสกายยิ่งใจเต้นแรง ยิ่งจุมพิศแต่ไม่รู้สึกพอไม่รู้สึกอิ่ม ความปรารถนาแรงกล้าร้อนแรงไม่แพ้กัน ไฟรักที่สุมอยู่ในอกผมมันปะทุ ไม่ขัดขืนแต่ทำด้วยความเต็มใจ ทำด้วยความรักที่เต็มเปี่ยมหัวใจ เสียงกระเส่าดังเป็นระยะ

มันจูบผมเนิบนาบเนิ่นนานแล้วกอดไว้ในอกมัน ท่ามกลางสายน้ำที่เป็นฝอยอุ่นๆรดลงมาตัวเราทั้งสองจนเปียกโชก มันลูบผมเอามือปาดน้ำออกจากหน้าของผม

"รักตัวเองจัง ยิ่งอยู่ด้วยกันยิ่งรัก"

มันกระซิบ ผมยิ้มจูบคอมันเบาๆเพราะตัวสูงแค่นั้น เรากอดกันอยู่เนิ่นนานจนผมต้องเตือนว่าควรจะรีบอาบน้ำได้แล้ว ตัวเริ่มเหี่ยวแล้วเพราะโดนน้ำนาน ผมถูหลังให้มันโดยยังกอดหันหน้าเข้าหากันอยู่ มันเองก็ทำให้ผม

"ทำไม ไม่ยอมลงสักทีล่ะ"

ผมพูดแล้วยิ้ม เพราะน้องชายมันยังโด่อยู่

"ไม่รู้เหรอ เวลาอยู่กับตัวเอง มันไม่เคยลงเลย อิอิ"

"บ้า"

ผมให้ มันนั่งลงแล้วสระผมให้รีบอาบให้มันก่อน แล้วให้มันออกไปเช็ดตัวข้างนอก พอจัดการกับมันเสร็จผมก็จัดการกับตัวเองบ้าง เสร็จก็ออกไปเห็นมันนอนเอกเขนกอยู่ยังไม่ใส่เสื้อผ้า

"มาทาครีม หน่อยสิเอ เดี๋ยวตัวแห้งนะ"

ผมเรียกมันมาทาครีม

"ไม่เอาอ่ะ เหนียว"

"มาเดี๋ยวทาให้"

พูดแค่นี้มันก็ลุกขึ้นมาทันที สลัดผ้าเช็ดตัวออกจากร่าง

"แหม ไหนบอกเหนียว"

ผมประชด

"ตัว เองทำให้นิ เหนียวก็ยอม"

ผมยิ้มให้มัน แล้วหยิบขวดโลชั่นมาเทใส่มือลูบไปตามตัวมันอย่างรวดเร็ว เพราะถ้าทำช้าเนิบนาบกลัวมันจะเปลี่ยนใจเป็นอย่างอื่นก่อน พอเสร็จผมก็ให้มันใส่เสื้อผ้า ส่วนผมก็จัดการกับตัวเอง ผมใส่กางเกงขาสั้นกับเสื้อยืด ส่วนมันใส่กางเกงเล กับเสื้อบาสเหมือนเคย

"ไม่ใส่กางเกงในล่ะ ยิ่งไม่ยอมลงง่ายๆอยู่"

ผมทักเพราะเห็นมันสวมกางเกง เลเลยไม่ยอมใส่กางเกงในเป้ากางเกงยังตุงๆอยู่

"ไม่เอาอ่ะเดี๋ยวก็มานอนแล้ว ขี้เกียจ"

"ไม่ได้ เดี๋ยวผิดสังเกตุ เดี๋ยวค่อยถอดตอนนอนสิ"

ผมทำเสียงดุ

"อ่า ได้ คร้าบบ ภรรยา"

"ไอ้บ้า เร็วๆ เพื่อนๆรอแล้วนะ จะสามทุ่มแล้ว"

ผมเร่งเพราะเหลือบดูนาฬิกาบอกเวลาหน้าจอโทรศัพท์ พอมันเปลี่ยนใส่กางเกงในเสร็จแล้วเราก็ออกจากห้อง พอเดินมาหน้าบังกะโลก็เห็นทุกคนรออยู่พร้อมหน้า

"ต๊าย แก มันได้ทำอะไรกันอยู่แล้วล่ะค่า อย่าเพิ่งรีบทำนักเลย ฉันหิว กว่าจะมา ฟาดพี่เขาไปกี่รอบล่ะน้องเอ"

กบลากเสียงยาวแซวมาแต่ไกล ผมเขินหน้าแดงอีกแล้ว

"อี นี่ หล่อนจะไปยุ่งอะไรกับมัน รอนิดรอหน่อยจะตายเหรอ แหมเห็นรีบอาบน้ำออกไปเดินเช็คเรตรอบนึงแล้วนี่ เป็นไงยะ เรตติ้งตกฮวบฮาบ"

พลกัดแล้วหัวเราะ

"อ๊าย อีนี่ อย่างฉันนะไม่มีทางเรตติ้งตก ผู้ชายมองกันตรึม ไม่อยากบอก ไม่รู้จะเลือกคนไหนดี"

"จ้า อีสวย"

กายลากเสียงคำว่าสวย ผมเดินเข้าไปหาจ๋า มันยิ้มให้ ท้องจ๋าไม่โผล่ให้เห็นเลยว่าท้องยังปกติ มันใส่ยีนส์ตัดขา ส่วนพี่ป้อมที่ยืนอยู่ข้างๆใส่กางเกงขาสั้นสบายๆ

"ดูมันแต่งตัวสิ จะไปยั่วส้นตีนใครเหรอ อีกบ"

พลยังกัดไม่เลือก กบใส่กางเกงขาสั้นจู๋แล้วมีผ้าบางๆสีม่วงสดมัดอีกที ใส่เสื้อสีชมพูแจ๋รัดติ้ว ทุกสีที่อยู่บนร่างกายมันตัดกับสีผิวเป็นอย่างดี

"อีนี่ เทรนใหม่นะยะ เชยนะหล่อน เอ๊ย ไปกินข้าวเถอะ ฉันหิว จะได้ออกไปล่าผู้ชายเสียที"

มันรีบเปลี่ยนเรื่องเพราะรู้สึกว่าจะสู้ รบปรบมือกับกายและพลไม่ได้

"เออ หิวแล้วเหมือนกัน พวกแกอย่ามัวมากัดกันอยู่เลย น่ารำคาญ"

จ๋าบ่นแล้วทำหน้างอ

"อ้าว อีชะนีนี่"

ทั้งสามคนร้องพร้อมกันถลึงตาใส่จ๋า ผมต้องกระแอมพวกมันถึงยอมลง

"ไปกันสิแก หิวแล้วเหมือนกัน ดีนะที่พวกเราไม่มีใครแพ้อาหารทะเล"

ผมพูดเบื่ยงประเด็นออกจากจ๋า มันคงจะหงุดหงิดตามประสาคนท้อง เราเดินไปตามหาดแวะเข้าร้านพลอยทะเลเพราะเห็นที่นั่งน่าสนใจดี เขาเอาเสื่อปูกับพื้นทรายรอบโต๊ะเตี้ยๆแล้วมีหมอนสามเหลี่ยมลูกโตวางอยู่รอบ โต๊ะให้หนุนเวลากินข้าว เข้าใจทำ พอได้ที่นั่งก็สั่งกันใหญ่ เอมันก็สั่งกั๊งเผา

"ตัวเองกินหอยสามสหายเผาไหม"

มันหันมาถาม

"มีหอยอะไรบ้างล่ะ"

ผมยื่นหน้าไปดูรายการอาหารในมือมัน เสียงโห่ร้องของเพื่อนก็ดังขึ้นทันที

"โอ๊ย หวานซะ นังจ๋าแพ้ไปเลยนะแก"

กายเป็นคนเริ่ม

"นั่นน่ะสิ เพิ่งรู้นะว่าโยมันก็หวานเป็น"

จ๋าพยักเพยิดตาม ผมอายแต่ก็ไม่มากนักดีดตัวหน้าออกจากมัน

"โหพี่ นี่คุยกันธรรมดานะ ถ้าอยู่สองต่อสอง พวกพี่ไม่คิดว่าเลี่ยนเลยเหรอ"

เอมันพูดเสียงดังแล้วยิ้ม ผมยิ่งอายตีแขนมันเบาๆแล้วพยายามจะขยับตัวออกห่างจากมัน แต่ก็ช้าไปมันคว้าเอวผมไว้แล้วดึงเข้าไปแนบอกแล้วหอมแก้ม เอาเข้าไป ผมไม่รู้จะทำอะไรดีนอกจากนิ่ง เพื่อนก็แซวสนุกสนาน เอก็ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน แต่ภายใต้ความกระดากอาย มันคือความสุขเปี่ยมล้นใจ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 37 Apr 7, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 07-04-2010 07:30:53
เดินตามมดมา หวานซะ
 
+1 ขอบคุณนะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 37 Apr 7, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 07-04-2010 07:33:37
เดินตามมดมา หวานซะ
 
+1 ขอบคุณนะ


อ่าในที่สุดก็มารักษาแชมป์

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 37 Apr 7, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 07-04-2010 12:25:53
น้ำทะเลจืดแล้วหรือยัง  :m12:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 37 Apr 7, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: kongkilmania ที่ 07-04-2010 15:33:48
แอร๊ยยยยยยย...หวานไม่แคร์สื่ออ่ะ
           เขิลลลลที่ซู๊ดดดด

ขอให้คลื่นลมสงบ ไร้อุปสรรคมาขวางกั้นนะโย  :กอด1:

ปล. รอฉาก... :haun4: คืนนี้อยู่นะ
น้องเอเตรียมพร้อม สู้ตาย สู้ๆ
น้องโยพร้อมม๊ายยยย!!!!!!!!! 555
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 37 Apr 7, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: jadezii ที่ 07-04-2010 15:38:46
หวานนนนน เจี๊ยบบบ บบ :m3: :m3: :m3: :m3:
น่ารัก น่ารัก :m1:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 37 Apr 7, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 07-04-2010 17:52:49
หวานจนป้าต้องฉีดยาไล่มดละนี่ 555  :pig4:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 37 Apr 7, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: iiดาวพระสุขლii ที่ 07-04-2010 18:03:08
จะหวานไปไหนคะ

คนอ่านตาร้อนผ่าว   o18
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 37 Apr 7, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 07-04-2010 18:14:35
 :-[
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 37 Apr 7, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: salawinyeen ที่ 07-04-2010 18:55:11
 :haun4:    :n1:  ชอบครับ     ชอบมาก  มากที่สุด

อิอิ     Nong A tour jing
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 37 Apr 7, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 07-04-2010 20:01:35
ปลาทะเลแถวนั้นสำลักความหวานตายเป็นเบือเลยมั้ง ขนาดพวกปากหอยปากปูยังสำลักกันเป็นแถว :m20: :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 37 Apr 7, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 07-04-2010 20:30:28
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 37 Apr 7, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Seoul In Love ที่ 07-04-2010 20:38:34
ชอบที่สุดเลยตอนนี้ หวาน :-[

เอาอีกๆ เอาให้น้ำทะเลเป็นน้ำเชื่อมไปเลย  o13
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 37 Apr 7, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Vesi ที่ 07-04-2010 20:40:14
ตอนต่อไปขอ  :m25: นะครับ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 37 Apr 7, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 07-04-2010 23:04:48
อ่านตอนนี้แล้วอดยิ้มไม่ได้ น่ารักดี

เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 38 Apr 8, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 08-04-2010 07:48:45
                               ตอนต่อ ครับ







                                        ตอน สามสิบแปด




 พอกินข้าวเสร็จเราก็นั่งคุยกันสักพัก แล้วชวนกันไปหาเหล้ากิน ลมทะเลพัดอยู่ตลอดเวลา เย็นสบายดีแต่เหนียวตัว ลมพัดคลื่นซัดกระทบฝั่งเสียงซู่ซ่ากลบทุกสรรพเสียงบนหาด แม้บนหาดทรายแก้วจะมีร้านรวงต่างๆเปิดเพลงเสียงดังเรียกร้องความสนใจจาก ลูกค้า แต่เสียงใดจะสู้เสียงธรรมชาติได้ พอเดินห่างออกมาเราก็ได้ยินแต่เสียงคลื่นทะเลซัดฝั่ง

"ไปกิน เหล้าร้านเดิมมั้ยแก"

พลถามกาย

"เออ ดีๆ ร้านนั่งกับพื้นสวยดี พวกแกน่าจะชอบ"

"ต๊าย ร้านเงียบยังกะเป่าสาก ไม่ไปเธคล่ะแก จะได้สีผู้ชาย"

กบค้าน

"อีนี่ แล้วพวกนี้ล่ะมันจะเข้าไปกับแกไหม อีนี่เดี๋ยวแกค่อยไปหากินตามโขดหินก็แล้วกัน"

พลแขวะกบทำหน้างอ แต่ก็เดินกระฟัดกระเฟียดมากอดแขนผม

"แกไม่อยากไปเธคเหรอโย"

มันทำเสียงอ้อน ผมยิ้มแล้วหันมามองเอที่กอดคอผมอยู่ มันทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

"นี่ อีกบ ผัวเมียเขาจะสวีทกัน ออกมานี่แก อย่าไปเป็นก้าง"

กายแซว กบปล่อยมือทันทีแล้วเดินไปหาพล

"ตัวเองอยากไปไหมล่ะคะ"

มันถามเสียงเบา ผมเงยหน้าขึ้นมองมัน

"ไม่ล่ะ กินเหล้าเสร็จก็คงนอน เหนื่อย เธออยากไปเหรอ"

"ไม่เอา เค้าอยากจะไปนอนกอดตัวเองเต็มทีแล้ว"

ผมยิ้มหัวใจอิ่มเอิบ เราเดินถึงร้านที่พวกมันเคยมา เป็นร้านที่ติดอยู่กับโขดหินที่มีรูปปั้น มีศาลเจ้าด้วย ผมยกมือขึ้นไหว้ อธิษฐานว่าลูกหลานมาเที่ยวอย่าได้ตื่นตกใจขอให้คุ้มครองด้วย ร้านนี้ปูเสื่อกับทรายมีหมอนสามเหลี่ยมเหมือนร้านพลอยทะเล แต่เขาเอาเทียนใส่แก้วฝังไว้ในทรายเป็นจุดๆ สวยทีเดียว เรานั่งล้อมวงแล้วสั่งเหล้า ผมกินลองไอร์แลนด์ สั่งเบียร์ให้เอ เพราะมันเร้าๆอยากจะกิน ตอนแรกผมก็ทำตาดุใส่ แต่ไหนๆมันก็มาเที่ยวแล้ว ปล่อยบ้างคงไม่เป็นไร กินเหล้าไปคุยกันไป เสียงเพลงพยายามดังต้านเสียงคลื่นได้ยินเป็นระยะๆ ขาดหายบ้างเสียงคลื่นแทรกบ้าง เราคุยกันอย่างเพลิดเพลิน ส่วนมากเป็นกายกับพลรุมกัดกบ ผมหัวเราะท้องคัดท้องแข็ง พอกินเหล้าไปหน่อยก็เริ่มเมาหน้าแดง เริ่มนัวเนียเอมากกว่าเดิมไม่มีอายเพื่อนๆเหมือนก่อนกินเหล้า

"เอา แล้วค่า คุณโย เริ่มแล้ว แฟนเราเมาแล้วนะเอ"

กบแซวแล้วหัวเราะ

"บ้า ไม่มาว ช้านคอไม่อ่อนนะแก"

ผมยกมือขึ้นโบกปฏิเสธ เอมันกระชับตัวผมเข้ากอดแน่นขึ้น มันหัวเราะอย่างพอใจ จูบกกหูผม

"ว๊าย กลัวพี่อายบ้างนะคะน้องเอ"

กบร้อง

"นี่นังจ๋าแกจัยอมแพ้เหรอ ยอมเหรอพี่ป้อม"

กายเย้าจ๋ากับพี่ป้อม รายนั้นก็ไม่ยอมดึงจ๋าไปนั่งตักทันที จ๋ามันไม่กินเหล้าเพราะมีน้องอยู่ แต่เผลอเป็นไม่ได้แอบจิบตลอด เสียงหัวเราะดังกลบทุกเสียง

"ปล่อยน้อง มันบ้างแก กอดไม่ปล่อยให้วอกแวกเลยนะ"

พลกัดบ้าง

"ผมต่างหาก ที่ไม่ปล่อย อิอิ"

มันพูดแล้วหอมแก้ม ผมทำหน้าย่นใส่แล้วกอดคอมันหอมแก้มตอบ

"อ๊าย แบบนี้น้องเอไม่มอมพี่เขาทุกวันเหรอเนี่ย พอเมาแล้วมีฤทธิ์"

กายพูดแล้วหัวเราะ

"ไม่ต้องมอมหรอกแก ปกติฉันก็ทำอยู่แล้ว"

"แรงงงง"

พวกมันทั้งสามอุทานพร้อมกัน ผมพูดออกไปแล้ว ไม่ได้สนใจแต่หันมาคลอเคลียมันต่อ เราคุยกันต่อจนผมเริ่มหาว จ๋าเองก็หาว เราจึงแยกกันกลับก่อน ส่วนสามคนนั้นไปต่อที่เธคต้องเดินไปอีกหน่อย เอกอดคอผมเดินตามหลังจ๋ากับพี่ป้อม เราเดินช้าเนิบนาบราวกับกลัวที่จะถึงที่หมาย มันลูบแขนผมแล้วจูบขมับเป็นระยะ

"เค้าหลับตา แต่ยังเห็นภาพตัวเองอยู่เลย รักมาก รักจนมองไม่เห็นอะไรแล้ว"

มันพูดขึ้นมาเสียงแผ่วเบา แต่มันดังก้องอยู่ในหัวของผม ยิ้มออกมาอย่างสุขใจ

"แค่หลงหรือเปล่า หลงน่ะสักพักมันก็จาง"

ผมแหย่แล้วมองหน้ามัน

"มันมากกว่าหลงอีก ไม่รู้หรอกว่ามันจะเป็นยังไง แต่รู้ว่ายิ่งนานวันมันยิ่งเพิ่มขึ้น"

เสียงทุ้มหวานจับใจ ผมยิ้มเอานิ้วเขี่ยไรนวดอ่อนๆมันงับนิ้วไว้ขบเบาๆ เราเดินจนถึงห้อง รู้สึกเหนียวตัว ผมมึนหัวขึ้นมาไม่รู้ทำไมเวลากินเหล้าแม้จะน้อยนิดแต่พอเลิกกินมันมึนหัว ทุกที

"ไปอาบน้ำก่อนเอ เหนียวตัว"

ผมบอกเพราะมันกระโจนขึ้น เตียงไปแล้ว

"อาบด้วยกันอีกน้า"

มันดีดตัวขึ้นมาแล้วถอดเสื้อ ออกทันที ผมไม่ว่าอะไร เพราะค้านไปมันก็พยายามทำให้ผมจะอ่อนอยู่ดี เราเปลือยกายอยู่ในห้องน้ำมันพยายามจะคลอเคลียอีกแต่ผมก็ค้านรีบอาบน้ำให้ เสร็จเพราะไม่อยากตัวเหี่ยวอีก พอผมอาบให้มันเสร็จก็ให้มันออกมาเช็ดตัวก่อน แล้วค่อยจัดการกับตัวเอง ออกมาจากห้องน้ำเห็นมันใส่กางเกงเลตัวเดิมนอนยิ้มอยู่บนเตียง

"มาทา ครีมก่อน"

ผมบอกแล้วถือขวดโลชั่นไปนั่งปลายเตียง มันลุกขึ้นมาแล้วเอาหัวมุดเข้ามาบนตัก ผมจึงค่อยๆทาโลชั่นให้มัน พอเสร็จก็มาจัดการกับตัวเองแล้วปิดไฟ พอขึ้นเตียงมันก็มาคว้าตัวไปกอดทันที

"คิด ถึงจัง"

"ตัวติดกันขนาดนี้ยังคิดถึงอีกเหรอ"

ผมหันหน้าเข้าหา ปากเราชนกัน ลมหายใจมันแรงร้อนผ่าว

"ยิ่งใกล้ล่ะ ยิ่งคิดถึง"

มันประกบปากจูบแผ่วเบา แล้วค่อยๆหนักหน่วงขึ้น รสของลิ้นหวานฉ่ำอยู่ในปากของผม ริมฝีปากร้อนซอกไซร้ไปตามไรฟัน ผมเคลิ้มไปดุจล่องลอยอยู่บนวิมานกุหลาบหอมหวานรัญจวนใจเหลือประมาณ ผมผลักให้มันนอนแล้วขึ้นไปทับบนร่างของมันอย่างแผ่วเบา ผมเป็นคนคุมเกมบ้าง เสียงครางกระเส่าหายใจแรงดังเป็นระยะ ผมไม่มีอะไรต้องเขินอาย ไม่มีอะไรในใจที่ต้องวิตกกังวลอีกต่อไป คนนี้คือคนที่ผมรู้สึกรักเหลือเกิน ไม่ว่าจะยังไงขอทำตามใจบ้างเถอะ เราผสานร่างไปตามลีลารัก ผ่อนปรนบ้าง ร้อนแรงบ้าง เม็ดเหงื่อผุดขึ้นตรงหน้าผากของผมและมัน แม้ในห้องจะมีเครื่องปรับอากาศ แต่ความเร่าร้อนบนเตียงมันเกินกว่าที่อะไรจะมาควบคุม ผมนอนกอดมันเอาไว้ราวกับกลัวมันจะหนีหายไปไหน มันหายใจแรงอยู่ซอกคอหอบเหนื่อย

"ตัวเองมีความสุขไหมเวลาอยู่กับ เค้า"

เสียงกระซิบแผ่วเบาออกมาจากช่องท้อง

"มีความสุขสิ เธอล่ะ เบื่อบ้างไหม"

ไม่รู้ทำไมผมชอบถามมันว่าเบื่อไหม ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ

"ไม่เคยคิด ไม่เคยพอ ยิ่งมีแต่รักมากขึ้น เค้ามีความสุขมากนะเวลาอยู่กับตัวเอง มีความสุขที่สุด"

เสียงกระซิบ แผ่วเบากว่าเดิม เราคลอเคลียกันอยู่อย่างนั้นจนผมเผลอหลับไป

..............
เหมือนเป็นทุ่งสักแห่งกว้างเหลือเกิน ดอกหญ้าต้องลมปลิวไสว ลมเย็นพัดเอื่อยๆสบายจริงๆ ผมยืนอยู่กลางท้องทุ่งกว้าง เอ๊ะ นั่นเอ นี่

"เอ พี่อยู่ทางนี้"

ผมร้องเรียกออกไป มันหันมายิ้มเดินเข้ามาหา รอยยิ้มที่คุ้นตาหวานฉ่ำเข้าสู่ก้นบึ้งของหัวใจ ผมยิ้มรับเดินเข้าไปหา โผกอดทันที ไออุ่นที่ใฝ่หามานาน อุ่นเหลือเกิน สุขเหลือเกิน

"ปล่อย มือ"

เสียงหนึ่งดังก้องออกลอยมากับสายลม แต่สะท้อนเหมือนออกมาจากพื้นพสุธา เราทั้งสองผงะแต่ยังไม่ปล่อยมือ

"บอก ให้ปล่อยมือ"

เสียงเกรี้ยวกราดดังก้องกว่าเดิม เราส่ายหน้าจับมือกันแน่นกว่าเดิม

"กรี๊ดดดดด"

เสียงร้องแผด ดังก้องจนแสบแก้วหู ทั้งเสียงกรีดร้องกลายเป็นเสียงโอดครวญทรมานยิ่งนัก เราปล่อยมือยกขึ้นอุดหู เอ หายไปแล้ว ผมอยู่คนเดียว พลันท้องฟ้าสีครามหม่นหมองมีแต่ความดำมืดของหมู่เมฆาปกคลุม เสียงฟ้าร้อง คำรามดังสนั่นหวั่นไหว ผมทรุดกายลงนั่งด้วยความกลัว

"เอ เอ อยู่ไหน เอ"

ผมร้องเรียกสุดเสียง ความปล่าวเปลี่ยวเข้ามาแทรกความอุ่นใจเมื่อครู่จนหมดสิ้น หนาวเข้าไปถึงกระดูก

"เอ เอ อยู่ไหน เอ"

ผมร้องเรียกเพรียกหาทั้งน้ำตา ความมืดมันช่างน่ากลัวเสียเหลือเกิน เอหายไปไหน

"เค้า อยู่นี่ ตัวเอง ตัวเองอยู่ไหน"

เสียงเหมือนดังอยู่ข้างหลัง ผมหันมองตามเสียงแต่ความมืดมันช่างปกปิดมองไม่เห็นอะไรเลย ผมวิ่งไปตามเสียง พลันเหมือนตกลงไปในหลุมใจหวิวหลุดออกจากขั้ว หลุมลึกผมลอยละลิ่ว รู้สึกหนาวเย็นเสียดแทงเจ็บปวดไปทั้งร่าง

"เอ!!!!!!!!!!!!!!!"

ผม กรีดร้องสุดเสียง

..........

"ที่รักๆ ฝันร้ายหรือคะ เค้าอยู่นี่ๆ"

เสียงปลุก ทั้งเขย่าตัวให้ตื่นจากฝันอันน่ากลัว นี่ผมฝันไปหรือ ผมลืมตาตื่นขึ้นมา น้ำตาเลอะใบหน้า มันเอามือปาดน้ำตาออก

"เอ นี่เอ ใช่ไหม เอไปไหนมา"

ผมยังแยกแยะไม่ออก ว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือว่าฝันไปเพราะมันช่างเสมือนจริงเหลือเกิน ผมกอดมันแน่นลูบตามตัว

"เค้าไม่ได้ไปไหน กอดตัวเองอยู่ตลอด ตัวเองคงฝันร้าย ไหน ฝันว่าอะไรคะ"

มันจูบที่หน้าผาก น้ำตายังไม่หยุดไหล แม้จะเป็นฝันแต่มันกระตุกใจเหลือเกิน

"ฝันว่าเธอ หายไป ไม่รู้ไปไหน หาไม่เจอ มันมืดเหลือเกิน"

ผมพูดเสียงสั่น สะอื้นออกมา

"โอ๋ๆ แค่ฝันนะคะ เค้าไม่มีวันจะไปไหนหรอก จะอยู่กับตัวเองนี่ล่ะ ไม่มีทางนะคะ"

มันพรมจูบทั่วหน้า

"อย่าไปไหนนะเอ อย่าทิ้งฉันไปไหนนะ"

ผมอ้อนวอน สะอื้นตัวโยน ไม่เคยขอใคร รู้สึกหวั่นไหวหวิวในใจอย่างประหลาด ความฝันเมื่อครู่ทำให้ผมรู้ตัวเองว่าแท้จริงแล้ว ผมรักมันเข้าเต็มหัวใจแล้ว แค่ในฝันผมยังรู้สึกเจ็บปวดหนาวเหน็บมากขนาดนี้ที่จะสูญเสียมันไป ถ้ามันเป็นจริงล่ะ ผมจะทำยังไง มันลูบหัวพรมจูบอยู่ไม่หยุด

"นอนต่อ นะคะ ไม่เป็นไรน้า ฝันร้ายจะกลายเป็นดี นอนนะคะคนดี เค้าอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน"

เสียงปลอบอันอบอุ่น ผมรู้สึกผ่อนคลายขึ้นกระชับกอดมันแน่นขึ้น ขอให้จริงเถอะ ว่าฝันร้ายจะกลายเป็นดี ผมผลอยหลับไปอีกรอบในอ้อมกอดของมัน

ผมงัว เงียตื่นขึ้น เอยังไม่ตื่นแต่มันยังซุกอยู่ซอกคอผมอยู่ ผมลืมตา ทำไมรู้สึกเหนื่อยจังเลย คิดทบทวนเรื่องที่ฝันเมื่อคืน จำไม่ค่อยได้แล้วว่าฝันว่ายังไง มันดูรางเลือนไปแล้ว ผมจูบที่หัวมันเบาๆ ก่อนจะค่อยๆแกะมันออกจากตัว เพราะจะไปเข้าห้องน้ำ ผมลุกจากเตียงเบาที่สุดเพราะกลัวว่ามันจะตื่น ผมเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวเสร็จก็อาบน้ำ พอออกมาจากห้องน้ำมันก็งัวเงียตื่นแล้ว

"ทำไมไม่รอเค้าอ่า"

มัน ทำหน้าย่นใส่

"ก็เห็นนอนหลับอยู่ไม่อยากจะปลุก ไปอาบน้ำสิ จะได้ไปกินข้าว"

ผมพูดแล้วแต่งตัว

"อ่า เราจะไม่ทำรักกันเหรอเช้านี้"

"บ้าเหรอ ทำอะไรบ่อยเดี๋ยวก็สึกพอดี"

"อ่า ใจร้าย เนี่ยดูสิน้องชายเค้าตื่นแล้วอ่า"

มันพูดแล้วทำท่าจะลุกมา จากเตียง ผมเด้งตัวลุกขึ้น

"ไปอาบน้ำเลย อย่ามา"

ผมหลบมายืน อีกทาง แล้วยื่นผ้าเช็ดตัวให้มัน กว่ามันจะยอมไปอาบน้ำก็เล่นเอาผมหลบทางนั้นทางนี้อยู่นาน ต้องขู่ว่าถ้ามีอะไรกันครั้งนี้ คืนนี้ก็ไม่ต้องยุ่งแล้ว เพราะรู้สึกระบมเหมือนกัน มันถึงยอม ผมโผล่หน้าออกไปนอกห้อง เสียงลมพัดคลื่นยังดังสม่ำเสมอ แดดจ้าแต่เช้า ร้อนแน่ๆ ผมจึงกลับเข้ามาทาครีมกันแดด พอเออาบน้พเสร็จผมก็จับให้มาทาด้วยเหมือนกัน เราออกไปที่ทานอาหารเช้า เห็นจ๋ากับพี่ป้อมนั่งกินอยู่ก่อนแล้ว

"อ้าว แล้วพวกนั้นล่ะแก"

ผมร้องทักจ๋า พี่ป้อมยิ้มให้ ส่วนเอไปนั่งตรงข้ามพี่ป้อมแล้ว

"โอ๊ย คงยังไม่ตื่นหรอกแก ไม่รู้ว่าเมื่อคืนกลับมากี่โมง นี่คงยังนอนกันอยู่"

"อืม งั้นกินกันก่อนละกัน ไม่ต้องรอมันหรอก"

"ฉันสั่งไปแล้ว แกสั่งสิ"

ที่ นี่มีอาหารเช้าแบบยุโรบคือเป็นเซ็ทไว้แล้ว เลือกแค่ว่าจะเอาไข่แบบไหน เอาชาหรือกาแฟ

"เอ เอาอะไรดี"

ผมหันไปถามมันที่กำลังจ้อกับ พี่ป้อมเรื่องดำน้ำ มันหันมาแล้วเอามือมาพาดบ่าผม

"เค้าอยากกินข้าว ผัดปูอ่ะ"

"อืม"

ผมสั่งข้าวผัดปูให้มัน แล้วสั่งอาหารให้ตัวเอง เอาไข่เจียวฝรั่งซึ่งเสริฟพร้อมชุดมันอยู่แล้ว อาหารของจ๋ากับพี่ป้อมมาก่อน เลยให้มันกินก่อนไม่ต้องรอ

"เป็นไงบ้าง แก ดูสดใสขึ้นนี่"

ผมถามจ๋า

"ก็ดีแก แต่ช่วงนี้หงุดหงิดง่าย คงเพราะ"

"เออ รู้แล้ว มันเป็นเรื่องปกติล่ะ พี่ป้อมเองก็ต้องเข้าใจมันนะพี่ไม่ใช่จะพาลงอนมันไปอีก"

ผมรีบพูดตัด ก่อนที่จ๋าจะพูดจบ แล้วหันไปพูดยิ้มๆกับพี่ป้อม

"จ้า แค่นี้พี่ก็รักจะตายอยู่แล้ว ทนได้ทุกอย่างล่ะ"

พูดจบก็เอามือไปจับ แก้มจ๋าเขย่าเบาๆ จ๋าหน้าแดง ผมอมยิ้ม เอเองก็ยิ้ม ถ้าทุกคนรักกันอย่างนี้ก็ดีสินะ ทุกอย่างคงดูสดใสมากกว่านี้ เรากินอาหารเสร็จก็ออกไปนั่งที่เปลหน้าบังกาโล ทรายสีขาวตัดกับน้ำสีฟ้าอมเขียวตีเกลียวเป็นคลื่นซัดเข้าหาฝั่ง แดดจ้าท้องฟ้าสีครามไม่มีเมฆมาบดบัง สวยเหลือเกิน มีความสุขเหลือเกิน อยากให้ความสุขความรู้สึกแบบนี้มันอยู่อย่างนี้ไปนานๆ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 38 Apr 8, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: benxine ที่ 08-04-2010 09:26:14
 :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 38 Apr 8, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: sweetener ที่ 08-04-2010 09:28:59
ทะเลจะเป็นน้ำเชื่อมก็ครานี้แหละ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 38 Apr 8, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 08-04-2010 11:09:36
 :impress2: อิจฉาน้องโย
นายเอหวานซะ
อยากไปทะเล
+1
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 38 Apr 8, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Vesi ที่ 08-04-2010 11:53:41
ฝันเป็นลางรึเปล่า  :sad4:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 38 Apr 8, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: kongkilmania ที่ 08-04-2010 12:39:11
ปลาบปลื้มมากอ่ะ
น้องเอกะโยมีความสุขแบบนี้ไปเรื่อยๆนะ  :o8:

กลัวแต่ฝันร้ายจะเป็นลางบอกเหตุอะไรรึป่าว
 :call: ขอให้ฝันร้ายกลายเป็นดีจริงๆเถิ๊ดดดดด สาธุ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 38 Apr 8, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: jadezii ที่ 08-04-2010 13:54:19
หวานเกิน :m1:

 :m3: :m3: :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 38 Apr 8, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 08-04-2010 14:02:43
ฝันไม่ดีเลยแฮะ เสียงที่บอกคือเสียงคุณแม่เอหรือเปล่า  o22
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 38 Apr 8, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 08-04-2010 17:22:08
น่าัรักทั้งสองคู่เลย ถ้าจะมีเรื่องอะไรร้ายๆก้อขอให้ผ่านไปได้ด้วยดีละกัน สาธุ :call:

เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 38 Apr 8, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 08-04-2010 18:25:04
ฝันร้ายกลายเป็นดีละกันน้า

ความคิดแบบโบราณของอีป้าแก่ๆ ค้า
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 38 Apr 8, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 08-04-2010 19:42:16
ความฝันมันมันไม่สำคัญเท่าใจคน ถ้ามั่นคงต่อกันนะฝันก็เลือนหายไปตามเวลา :really2: :really2: :really2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 38 Apr 8, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 09-04-2010 00:18:37
ความฝันมันมันไม่สำคัญเท่าใจคน ถ้ามั่นคงต่อกันนะฝันก็เลือนหายไปตามเวลา :really2: :really2: :really2:


จริงที่สุด ค้าบบบบ

อันฝันใดจะจีรังเท่าตาเห็น

แม้ลืมตาก็หายแลสาปสูญ

ปวดใดจะเจ็บเท่าใจอาดูร

ทวีคูณใจและตาประสานกัน


อิอิ ขอบคุณน้าา


 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 39 Apr 9, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 09-04-2010 07:15:44
                                         ตอน ต่อ คร้าบบ







                                                  ตอน สามสิบเก้า




"ไปเช่าสน็กเกอร์มาดำน้ำดีกว่าเอ"

พี่ป้อมชวนเอ มันก็พยักหน้าเดินตามไปทันที

"แกกินน้ำอะไรไหมแก เดี๋ยวสั่งเขา นอนสวยๆสักวันซิ"

จ๋าชวน ผมเองก็เห็นดีด้วยเพราะไม่เล่นน้ำผมเป็นโรคประหลาดกลัวน้ำ ไม่ใช่พิษสุนัขบ้านะ แต่กลัวน้ำห้วงใหญ่ๆกว้างๆ ทั้งที่ว่ายน้ำเป็น ไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องจมน้ำ มันไม่มีเหตุผลแค่กลัวไม่อยากลง เราเดินไปที่บังกาโลแล้วสั่งน้ำมะพร้าวมาสี่ลูก แล้วกลับไปเอาขนมที่ห้อง เดินกลับมาที่เปลเห็นเอมันถอดเสื้อใส่แต่กางเกงขาสั้นสำหรับเล่นน้ำ พี่ป้อมเองก็เหมือนกัน มีอุปกรณ์ดำน้ำอยู่ที่เปล ผมยิ้มให้มัน

"ทา ครีมกันแดดก่อนสิเอ เดี๋ยวตัวไหม้หรอก"

ผมเดินไปหาแล้วดึงแขนมันไป ยังเปลอีกตัว

"นั่นสิ พี่ป้อม มาทาด้วย"

จ๋าก็ทำตาม ผมเทครีมกันแดดลงฝ่ามือค่อยๆลูบตามตัวมัน เอยืนนิ่งยกแขนขึ้นจับหัวเหมือนนักโทษให้ตรวจร่างกาย ผมทาข้างหลังเสร็จก็มาทาข้างหน้า มันลดมือลงมาเกาะบ่าแล้วยิ้ม

"ต๊าย หวานแต่เช้า นะยะ"

เสียงร้องแขวะดังมาจากหน้าบังกะโล กบยืนอยู่หัวมันยังฟูๆอยู่เลย มันเดินปรี่เข้ามาหาเรา

"โอ แม่เจ้า น้องเอ หุ่นเริ่ด ต๊าย พี่หัวใจจะวาย"

"อีบ้า มองไปย่ะ เป็นหมาเห่าเครื่องบินไป"

จ๋าแขวะ

"ต๊ายนังจ๋า พี่ป้อมก็เริ่ดนะยะ อุ๊ยพี่ป้อมขาเปลี่ยนใจมาหาหนูกบยังทันนะคะ"

กบพูดติดตลก

"ไม่ ดีกว่าครับ น้องกบ พี่ไม่นิยมของดำ"

กบกรี๊ดแต่เช้า พี่ป้อมพูดจบทุกคนก็หัวเราะ กบค้อนประหลับประเหลือกแล้วเดินเชิ่ดงอนกลับไปที่ทานอาหารเช้า

"เหลือ เกินจริงๆนะ อีนี่"

จ๋าพูดแล้วหันมาหาพี่ป้อม

"ไม่สนใจหน่อย เหรอคะพี่ป้อมขา"

จ๋าลากเสียงยากประชด พี่ป้อมคว้าตัวมันมากอดไว้

"ไม่ ล่ะจ๊ะ มีคนเดียวนี่ล่ะถูกใจที่สุดแล้ว"

พูดจบก็หอมแก้มมัน จ๋าฟาดแขนพี่ป้อมเบาๆหยอกเย้ากัน

"ใช่พี่ ของผมก็ไม่มีใครแล้ว ถูกใจแล้ว ไม่มีทางเปลี่ยนใจ"

เอเอาบ้าง

"นี่ เดี๋ยวทาครีมไม่เสร็จ ยืนดีๆ"

ผมทำเสียงดุแต่ก็ยิ้ม

"โอ๊ย ไม่เกรงอกเกรงใจกันเลยนะ เกรงใจฟ้าบ้างเดี๋ยวก็ผ่ากลางแจ้งหรอก"

มาอีกคู่เสียงพลกับกายแซวมาแต่ไกล เสียงพวกมันแจ่มใสอารมณ์ดี กบเดินพ่วงท้ายมาอีกคน

"เพิ่งตื่นเหรอยะ อีแฮ่นทั้งหลาย เป็นไงล่ะ ได้มั้ยผู้ชายน่ะ"

จ๋าร้องทักไป แต่ยังให้พี่ป้อมกอดอยู่

"อุ๊ย ขั้นเทพอย่างพวกชั้นแล้ว จะเหลือรึ เนี่ยเดี๋ยวผู้ชายเมื่อคืนก็มาหานัดกันแล้ว"

กายพูดอย่างภาคภูมิใจ

"ไม่ไปกินข้าวล่ะแก"

ผมทาครีมให้เอเสร็จ หันไปถามเพื่อนบ้าง

"สั่ง มากินตรงนี้ล่ะ เดี๋ยวจะได้ลงว่ายน้ำอาบแดดซะหน่อย"

พลบอกแล้วทิ้ง ตัวลงนอนข้างเปลที่เราวางของ

"โห เอ มีซิกแพ็คด้วยเหรอ น่าอิจฉาจัง"

กายพูดแล้วจ้องเอ

"อย่าคิดนะแก นี่น้องฉัน"

พลทำเสียงดุ

"ต๊าย อีนี่ไปเป็นน้องเป็นพี่กับเขาเมื่อไหร่ยะ ฉันแค่ชมย่ะ ไม่คิดจะแย่งของเพื่อนหรอก"

กายหัวเราะ

"นั่นล่ะ อย่าแม้แต่จะคิด"

"ค่า แม่พี่สาวแสนสวย"

"เป็นธรรมดา"

ทั้งสองเหน็บกันแต่หัวเราะอย่างสนุกสนาน กบไปสั่งอาหาร ส่วนเอกับพี่ป้อมเดินไปไกลตรงโขดหินถืออุปกรณ์ดำน้ำตื้นๆไปด้วย

"ดู เอมันรักแกมากนะ"

กายพูดกับผมเปรยๆลอยมากับลม ผมพยักหน้าแล้วมองตามหลังมันไป

"แกโชคดีนะโย ดูแกมีความสุขมาก มากกว่าตอนที่คบไอ้พี่ตั้มเสียอีก"

ผมไม่คิดอะไรได้แต่พยักหน้า คงจะจริงความสุขแม้เราจะปิดบังมันเอาไว้ไม่แสดงอาการออกมาแต่มันก็ยังล้นออก มาทางสายตาอยู่ดี พอกบกลับมาเราก็นั่งคุยกันอย่างสนุกสนาน อาหารมาพวกมันก็กินกัน ผมกับจ๋าก็เดินออกไปเล่นที่ทรายหาด คลื่นแรงซัดมาเป็นระรอก เกลียวคลื่นพัดน้ำมาโดนเท้าเรา

"พอกลับบ้าน พี่ป้อมว่าจะให้ผู้ใหญ่มาสู่ขอว่ะแก"

จ๋าพูดขึ้นสายตายังมองไปที่ ทั้งสองคนที่กำลังดำผุดดำว่ายอยู่ใกล้ๆโขดหิน

"ก็ดีแล้วนี่แก จะได้หมดเรื่องกันเสียที"

"แกว่ามันเร็วไปไหม ไม่รู้สิ บางทีฉันก็ยังไม่อยากจะแต่งงาน"

จ๋ามองหน้าผมสายตามันยากเกินกว่าจะ เดาว่ามันต้องการอะไร แต่มันดูสับสนอย่างที่พูดจริงๆ

"ก็ถือว่าแต่ง เพื่อลูกแก พี่ป้อมก็ดูรักแกดีออก อย่าคิดมาก"

ผมปลอบ มันพยักหน้า คนที่เคยโสดเคยสนุกสนานกับเพื่อนไปวันๆ มันคงเป็นเรื่องธรรมดาปกติที่ยังไม่อยากมีอะไรมาผูกมัด แต่ก็ช่วยไม่ได้มันจำเป็นต้องทำ คบกันไม่นานก็จริงแต่ต้องรอถึงเมื่อไหร่ล่ะถึงจะตกลงปลงใจ บางคู่คบกันเป็นสิบปีแต่ก็ต้องเลิกรากันไปอยู่ดีถ้าอยู่ด้วยกันไม่ได้ มันก็คงจะเหมือนกันกับตอนที่รักกันแล้วแต่งงานกันเลย พออยู่ด้วยกันไม่ได้ก็คงต้องเลิกรากันเหมือนกัน แต่อย่างน้อยก็มีห่วงโซ่ทางใจต่อกันแล้ว คงตัดได้ยาก

เราเดินอยู่สักพักก็เดินกลับมานั่งกินน้ำมะพร้าว พวกพลกินข้าวเสร็จแล้วต่างก็พากันนอนอุตุอยู่คงจะเพลีย ผมกับจ๋านั่งคุยกันสักพักก็พลอยหลับไปด้วยเพราะลมที่พัดเป่าทำให้ง่วง

"ตัว เอง เค้าหิวข้าวอ่ะ"

เอมันเขย่าตัว ผมลืมตาขึ้น มันยืนตัวแดงอยู่ข้างหน้า

"หิวแล้วเหรอ ทำไมตัวแดงจังล่ะเอ"

"ไม่ รู้ แสบแล้วอ่ะ ครีมกันแดดตัวเองคงใช้ไม่ได้ผล"

"กี่โมงแล้ว"

ผมงัวเงียลุกขึ้นหันมองข้างๆ จ๋าไม่อยู่แล้ว พวกพลก๋เห็นเล่นน้ำกรี๊ดกร๊าดอยู่ริมหาด

"จะเที่ยงแล้ว"

มันนั่งลงกับพื้นเอาหน้าซุกมาที่แขน ผมเอานิ้วลูบหน้ามันที่เริ่มแดง

"เดี๋ยว ชวนเพื่อนๆก่อนนะ หิวมากไหม"

ผมถามน้ำเสียงห่วงใยมากที่สุด หน้ามันแดงแจ๋ตัวก็แดง

"ไม่มากอ่ะ เค้ากินขนมไปบ้างแล้ว"

มันโน้มคอมาหอมแก้ม ผมดันตัวมันไว้

"ตัวแดงแจ๋เลย แสบไหม"

"นิด หน่อย"

"ไปอาบน้ำก่อนไหม จะได้สบายตัวเดี๋ยวเอาเจลเย็นทาให้"

มันพยักหน้า ผมลุกขึ้นเดินออกไปบอกเพื่อน โดนแซวเหมือนเคย แต่ก็ไม่ได้อายแล้ว ผมเดินกลับมาหาเอ มันถือของแล้วเดินกลับเข้าห้องไป ผมให้มันไปอาบน้ำ พอเสร็จมันออกมาตัวล่อนจ้อน

"ไม่เช็ดตัวก่อนล่ะพ่อ"

ผมประชด เพราะหยดน้ำยังเกาะอยู่ตามตัว

"มาให้แม่เช็ดให้ไง"

"ไอ้นี่"

ผมคิดจะประชดมันแต่มันก็ไม่ยอมแพ้ ผมจึงต้องไปเช็ดตัวให้มัน พอหมาดก็เอาเจลเย็นที่เตรียมมาทาทั่วตัว เราเดินกลับมาที่เปล เห็นพลนอนเอกขเนกอยู่

"อ้าว แล้วพวกนั้นล่ะ"

ผมถามแล้วนั่งลง ข้างๆมัน

"ไล่ไปอาบน้ำแล้ว มันแย่งกันอาบน้ำ เออ แกอยากกินตำปูม้า หิวแล้ว"

พลบอก ผมก็เออออตามมัน

"เป็นไงเอ ตัวแดงเชียว ระวังนะเดี๋ยวตัวลอก ทาครีมหรือยังล่ะ"

"เรียบร้อยครับพี่ แฟนทาให้แล้ว"

"แหมนะ"

พลคงขี้เกียจจะกัดมันจึงเงียบไป สักพักจ๋ากับพี่ป้อมก็เดินออกจากห้องมาสมทบ พลกัดกับจ๋าตามปกติจนกายกับกบเดินเฉิดฉายออกมา มันจึงไปอาบน้ำเรานั่งคุยกันหัวเราะท้องคัดท้องแข็งเพราะกบเมาท์กระจาย ออกลีลาท่าทาง พอพลอาบน้ำเสร็จเราก็เดินไปหาร้านอาหารกินข้าวกัน ผู้คนนั่งอยู่เต็มหาดคงเป็นวันหยุดมีทั้งต่างชาติและคนไทยเอง ทั้งหาดจึงคราคร่ำไปด้วยผู้คน เรากินข้าวเสร็จก็มานั่งอยู่ที่เดิม คุยกัน นอน เพราะคงเพลียที่เล่นน้ำมา

"ตัวเอง มานั่งตรงนี้"

เอมันเรียกผมที่กำลังจะนั่งลงที่เปลอีกตัว แต่มันเรียกให้ไปนั่งเปลเดียวกับมัน ผมมองอยู่ตัดสินใจแต่ท่าจะลีลามากเดี๋ยวเพื่อนก็ได้ยินแซวอีก ผมจึงไปนั่งลงตรงหว่างขามัน พอนั่งลงอย่างยากลำบากมันก็คว้าเอวไปกอดทันทีเพื่อนมองแต่ก็ไม่แซวอะไร คงชินตาแล้ว ลมทะเลพัดอยู่ไม่ขาดสาย ไอแดดที่ลมพัดมากระทบกาย รู้สึกแสบร้อน เอมันหลับไปแล้ว ผมเองก็เผลอหลับไปบนตัวมัน

ตื่นมาอีกทีเพราะเอมัน ขยับตัว คงจะเหน็บกินเพราะผมทิ้งน้ำหนักตัวลงไปที่ตัวของมัน พอลืมตาขึ้นเห็นจ๋านั่งยิ้มให้ พี่ป้อมนอนอยู่ข้างๆ ส่วนพวกนั้นก็แยกออกไปเห็นยืนคุยกับผู้ชายอีกสองคนใต้ต้นหูกวางริมหาด

"นี่ แก เล่นวอลเลย์กันไหม"

พลเดินมาชวน จ๋ามองหน้า

"เอาสิ ไม่มีอะไรทำพอดี"

จ๋าพูดแล้วหันมามองผม ก็ดีเหมือนกัน ผมพยักหน้า แดดเริ่มร่มลงมากแม้จะยังร้อนอยู่ แต่ถ้ามาทะเลแล้วไม่มีกิจกรรมอะไรเลย ก็คงจะน่าเบื่อพอดู จ่าหันไปปลุกพี่ป้อม แต่ผมห้ามไว้เพราะคงเพลียจากการดำน้ำ ผมค่อยๆลุกจากเปลเพราะกลัวเอมันจะตื่น เราเดินไปที่สนามเขาขึงตาข่ายไว้แล้วเห็นตั้งแต่ตอนที่มาถึง ตอนนั้นมีคนเล่นอยู่แล้ว แต่ตอนนี้คงร้อนเกินไปจึงไม่มีใครเล่น ผมอยู่ทีมเดียวกับจ๋า กบ และอีกคนที่เพิ่งรู้จัก ชื่อ ก้อง หรืออะไรประมาณนี้ไม่ได้จำเป็นเพื่อนที่พลกับกายไปสอยมาเมื่อคืน ส่วนพลกับกายอยู่อีกทีมกับเพื่อนใหม่อีกคน ชื่อ เป้ ฝั่งโน้นมีกันสามคนเพราะต่อให้ฝั่งเรา พอเริ่มเล่นก็ไม่เป็นอันเล่นเพราะทางฝ่ายเรามัวหัวเราะกบ ก็คุณนายเล่นบทนางงามเล่นวอลเลย์บอล กรี๊ดกร๊าดตลอดเวลา เราเล่นอยู่สักพักผมก็คอยแอบชำเลืองมองดูเอว่ามันตื่นหรือยัง เห็นมันนั่งดูเราเล่นอยู่ ยิ้มแฉ่งอยู่ไกล พอเล่นจนเหนื่อยก็เลิกเดินมาที่เปล

"เหนื่อยไหมคะ"

มันถาม แล้วยิ้มให้ ผมพยักหน้าแล้วมันก็ฉุดตัวผมลงไปนั่งทับมันเหมือนเคย มันหอมแก้ม

"น่ารักจังแฟนใครเนี่ย"

มันพูดแล้วซุกไซร้ท้ายทอย

"ไม่ เคยลดดีกรีความหวานเลยนะคู่นี้"

กายพูดแล้วนั่งลงข้างๆ

"อ้าว นี่แฟนโยเหรอ น่ารักนะ"

คนชื่อเป้พูดขึ้นแล้วมองแปลกๆ

"ใช่ คนมันน่ารักอ่ะนะ มันก็ต้องคู่กับคนน่ารัก"

พลพูดเสียงห้วน สายตามันขวางๆแปลก สักพักมันก็พาทั้งสองคนไปจากกลุ่มเรา มันเดินกลับมา

"แหม มึง อีตุ๊ด เมื่อคืนนี่ดูดกูไม่ปล่อย พอเจอผู้ชายหน่อยตาส่องประกายเชียว"

พลบ่นแล้วนั่งลงกระฟัดกระเฟียด

"แหมแก จะเอาอะไรกับพวกนี้ กินแล้วก็แล้ว ฉันยังไม่ซีเรียสเลย"

กายพูดขึ้นบ้าง ดูมันไม่ใส่ใจจริงๆ

"ฉันก็ไม่ได้ซีเรียสหรอก แต่แหมนะ คิดว่าคนอื่นเขาจะมองตัวเองทุกคนไป สวยตายล่ะอีห่า ฉันกินนี่เพราะเซี่ยนหรอก"

"อุ๊ย เมื่อคืนไม่ได้พูดแบบนี้นี่คะ ริต้าเปลี่ยนใจเหรอ เห็นเมื่อคืนบอกเจอแล้ว โดนใจ อะไรแบบนี้"

กบได้ ทีกัดพลบ้าง

"อ้าว อีนี่ เมื่อคืนฉันเมาโว้ย มืดๆก็รักทุุกคนนั่นล่ะ พอเจอแสง ก็งั้นๆ ชิ"

สรุปพวกมันสามคนก็ถกกันเอง เราได้แต่นั่งฟัง ไม่ได้รู้สึกหึงหวงอะไร ผมชวนเอกลับห้องไปตามหลังจ๋าที่ปลุกพี่ป้อมไปนอนต่อที่ห้อง

"เราน่าตาดีเนอะ คนมองกันใหญ่"

ผมเหน็บมันตอนเดินมาด้วยกัน

"หึหึ ไม่แปลกหรอกที่ใครจะมอง แต่ไม่มีใครได้ใจเค้าไปหรอก เพราะตัวเองเอามันไปแล้ว"

มันหัวเราะในลำคอแล้วกอดคอผม หัวใจพองโตขึ้นมาเขินเหมือนกัน พึงพอใจกับคำตอบที่ได้รับ

"บ้า ใจเธอก็อยู่กับเธอ ใครจะเอามันมาได้"

ผมตอบดำน้ำไป

"ได้สิ ก็ตัวเองไง เอามันไปหมดแล้ว ฝากใจไว้กับตัวเองนะ อย่าทำลายมันล่ะ"

มันยังคงพูดเสียงแจ่มใสอยู่ ผมไม่โต้ตอบแล้วเพราะกลัวตัวเองจะหัวใจวายตาย เพราะรู้สึกมันเต้นแรง เลือดสูบฉีดพลุ้งพล่านไปทั่วตัว พอถึงห้องมันก็ดึงตัวผมลงไปนอนกอด พรมจูบทั่วใบหน้า ไม่รู้ว่าการที่คนเรารักกัน การกระทำแบบนี้มันเป็นเพียงแค่ช่วงเริ่มต้น แต่พอผ่านไปสักพักมันจะยังคงอยู่แบบนี้ไหมนะ ผมมีความสุขมากในตอนนี้ แต่เอาเถอะคิดล่วงหน้าเกินไปในอนาคตที่เรามองไม่เห็นประโยชน์อะไรก็ไม่มี วางแผนอนาคตมันก็ดีอยู่ แต่ผมไม่คิดว่าจะวางแผนอะไรกับหัวใจ ไม่คิดจะทำให้มันเป็นดั่งที่ใจต้องการ เพราะตอนนี้ผมก็ได้เกินกว่าที่คาดหวังไว้อยู่แล้ว น้อมรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นหรือผลที่มันจะตามมา เราเผลอหลับไปทั้งคู่ สะดุ้งตื่นตอนที่กบมาเคาะประตูเรียก เหลือบดูนาฬิกา ตายจริงเกือบทุ่มแล้ว ผมร้องบอกกบว่าขออาบน้ำก่อน แล้วจึงปลุกเอลุกไปอาบน้ำ มันบังคับให้ผมอาบน้ำให้มันอีกแล้ว ตอนแรกผมก็ไม่ยอมแต่ก็ทนที่มันตื้อไม่ได้ จึงต้องอาบน้ำด้วยกัน พอเสร็จเราก็เดินไปสมทบเพื่อนๆ เราไปกินข้าวร้านใหม่ คราวนี้นั่งในร้านมีแอร์ คงจะเหนื่อยและร้อนกัน อาหารก็ยังเป็นอาหารทะเลเหมือนเคย พอกินเสร็จก็เดินกลับมารวมกันที่ห้องของพล เราจะเล่นไพ่กัน คนแพ้กินว็อดก้า กับเตกีร่า เล่นเอาผมหน้างอไปครู่ใหญ่ เพราะเล่นไพ่สลาฟทีไรผมเป็นคนแพ้ทุกที

"แกไม่กินเหล้าก็ยังมีตัวแทน นี่แกจะกลัวอะไร นังจ๋ามันก็กินไม่ได้มันก็ให้พี่ป้อมกินแทน"

พลกระเซ้า กบกับกายก็เห็นด้วย ผมมองหน้าเอ รายนั้นยิ้มรออยู่แล้ว เหมือนมันตกลงอะไรไว้กับพล ผมมองด้วยความหมั่นไส้

"บ้าเหรอแก เดี๋ยวเอมันเมา"

ผมค้าน

"เค้าไม่เมาหรอกตัวเอง"

"เห็น มะ เจ้าตัวเค้ายังไม่กลัว แกจะกลัวอะไร น่านะแก ปล่อยให้น้องมันสนุกบ้าง"

ผมขี้เกียจเถียง ตามใจก็แล้วกัน พอเมามาอย่ามางอแงใส่ก็แล้วกัน สรุปเราก็เล่นไพ่กัน เสียงหัวเราะสนุกสนาน ตาแรกกบแพ้ ตาสองจ๋า ตาสามถึงเป็นผม เอไม่รีรอมันคว้าแก้วว็อดก้าไปกระดกลงคอรวดเดียว ผมมองตาค้าง

"นี่เดี๋ยวก็เมาหรอก"

ผมทำตาดุ แต่มันทำตาหวานใส่ เราเล่นต่อจนดึก พี่ป้อมเมาลุกไม่ไหวแล้ว ทุกคนเมาหมด เว้นแต่ผมกับจ๋า ผมก็มึนๆนิดหน่อยเพราะช่วยเอกิน ส่วนรายของผมนั้นเมาแต่ก็พูดจารู้เรื่องอยู่ แต่พอให้ยืนลุกกลับห้อง หัวมันก็ขมำไป ผมต้องรีบคว้าไว้แล้วเอาแขนมันมาพาดบ่าลากกลับห้องอย่างทุลักทุเล

"เห็น ไหม บอกแล้วว่าอย่ากินเยอะ เป็นไงล่ะ"

ผมบ่น

"หือ อารายค้า ที่รัก เค้าม่ายด้ายมาววว ค้าววว มึนนเฉยๆ"

มันลากเสียงยานพูดอย่าง ลำบาก ผมได้แต่ถอนหายใจ

"ตัวเอง ค้าา เค้าาา อยากดูทะเล พา เค้าาา ปายหน่อยน้าา"

ผมพยายามจับใจความ พอรู้เรื่องก็ลากมันเปลี่ยนเส้นทางจากตรงกลับห้องไปยังหาด ผมพยายามพยุงมันเซหน้าเซหลัง จนสะดุดเท้ามันล้มลงทั้งสองคน มันนอนแผ่อยู่บนทราย ผมทับอยู่บนตัวมัน โอยเหนื่อย ผมดิ้นไปมาคงเวียนหัว ผมดึงตัวมันให้ลุกขึ้นนั่งแล้วไปอยู่ข้างหลังกอดมันมาจากข้างหลังเพราะกลัว มันล้มลงอีก

"เค้า รักตัวเองน้าา รักตัวเองมาก รู้หมายย"

มัน เพ้อ

"อืมม รู้แล้ว เวียนหัวไหม"

ผมกระซิบถามตรงข้างหู

"เค้า เวียนหัวอ่า เค้าเวียน ตัวเอง จุ๊บ เค้าหน่อยสิค้าา ตัวเอง"

มันทำท่ายังกับเด็กเอามือป่ายไปมา ผมต้องหอมแก้มมัน

"เค้าเกิดมา ม่ายเคยร้ากครายเท่าตัวเองเลย ร้ากตัวเองมากน้าา"

เสียงมันเริ่มหาย แหบแห้งขึ้นทุกที

"ตัวเอง ตัวเอง อย่าทิ้งเค้าน้าาา ตัวเอง ร้ากเค้าให้มากๆ น้าา"

ผมแอบอมยิ้ม เวลามันลากเสียงยาวแล้วตลกดี ผมกอดมันอยู่อย่างนั้น มันก็เพ้อไปเรื่อย ลมทะเลพัดโดนตัวความเย็นของลมตอนกลางคืนทำให้ผมรู้สึกค่อยยังชั่ว สักพักผมก็พยุงมันกลับห้อง มันก็คงรู้สึกดีขึ้น พอกลับมาถึงห้องมันก็อ๊วกพุ่งทันที ผมลากเข้าห้องน้ำถอดเสื้อผ้ามันออกแล้วเปิดน้ำฝักบัวรดตัวมัน แล้วก็ออกไปเช้ดอ๊วก ผมกลับเข้าไปมันดิ้นพรวดพราด

"ตัวเอง ที่ร้าก ปายหนาย ที่รัก ปายหนาย ไม่อาว ม่ายอยู่คนเดียว จะอาวที่ร้าก"

มันคว้าลม ผมต้องเข้าไปกอดไว้แล้วลูบตามหลัง สรุปผมก็ต้องเปียกไปด้วย ผมใช้ความพยายามอย่างมากในการอาบน้ำให้มัน เพราะมันคอยปัดป่ายมืออก มันจะกอดท่าเดียว ดุก็แล้วไม่มีฟัง มันนั่งกับพื้นดิ้นพรวดๆยังกับเด็กๆ อาบเสร็จผมก็ลากมันออกมาดันตัวให้ติดกำแพงไว้ แล้วเอาผ้าเช็ดตัวมาเช็ด กว่าจะเสร็จจากอาบน้ำเย็นๆผมเหงื่อออกเลย ผมใส่เสื้อผ้าให้มันแล้วให้มันนอน ผมก็หันมาจัดการกับตัวเอง เอาเสื้อผ้าออกไปตากทำความสะอาด จึงได้นอน พอล้มตัวลงมันก็คว้าไปกอด ครางอยู่ในคอ ผมต้องลุกไปเปิดน้ำในตู้เย็นแล้วพยุงให้มันลุกขึ้นกรอกเข้าปาก กว่าจะหลับได้ ผมแทบแย่

ผมตื่นขึ้นเกือบเก้าโมง แต่เจ้าตัวดียังนอนอยู่ ผมเข้าห้องน้ำไปทำธุระส่วนตัวแล้วอาบน้ำ ออกมามันก็ยังไม่ตื่น ผมจึงเดินออกไปที่ทานอาหารเช้าเห็นจ๋านั่งอยู่คนเดียวหน้ามุ่ยอยู่

"เป็น ไงแก ตื่นยัง เอน่ะ"

จ๋าถาม หน้ายังงออยู่

"ยัง พี่ป้อมล่ะ"

"โอ๊ย รายนั้นสลบไปแล้ว เขย่าให้ตายก็ไม่ตื่น พี่ป้อมเค้าไม่ค่อยกินเหล้า พอกินนี่หมดสภาพเลย"

จ๋าบน

"ของฉันก็เหมือนกันล่ะ เมื่อคืนก็อ๊วกแตก กว่าจะนอนดิ้นทุรนทุราย แล้วพวกบ่างช่างยุล่ะ ตื่นสักตัวหรือยัง"

"ฝันไปเถอะ คงนอนตายอยู่ในห้องนั่นล่ะ"

เรา คุยกันสักพักก็กินข้าวก่อน ผมสั่งผัดซีอิ๊วให้ไปส่งให้ที่ห้อง เดินไปร้านขายของซื้อน้ำส้มมากล่องใหญ่ เดินกลับห้องไปเอมันยังไม่ตื่น ผมไปเขย่าตัวมัน

"เอ ตื่นมากินอะไรก่อน เอๆ"

ผมเขย่ามันงัว เงียตื่นขึ้น ตาแดง มันคว้าตัวผมลงไปกอด เอาหน้าซุกลงกับอก

"มากินอะไรก่อนนะ เดี๋ยวค่อยนอนต่อ"

ผมพูดเสียงเบา อ่อนโยนเพราะถ้าดุมันไปเดี๋ยวไม่ยอมกินอีก

"อืม"

มันยอมลุก ขึ้น ตาปรือแดงก่ำ

"เค้ามึนหัวอ่ะตัวเอง ปวดหัว"

"อืม กินข้าวก่อน แล้วกินยาแก้ปวด เดี๋ยวค่อยนอนต่อนะ"

ผมพูดกึ่งปลอบ มันยิ่งอ้อนให้ป้อนให้อีก ซวยไปเลยผม ต้องป้อนมัน พอกินเสร็จผมก็ให้มันกินน้ำส้มไปสองแก้ม กินยาพาราอีกสองเม็ด ให้นอนต่อแต่มันก็จะกอดท่าเดียวผมก็เลยจำใจต้องนอนต่อ สรุปผมเองที่หลับก่อนมัน
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 39 Apr 9, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: jadezii ที่ 09-04-2010 08:02:04
ขอโทษนะคะ ขอโทษ ๆๆ TT :o12: :o12: :o12:
่คือเปิดหน้าจอทิ้งไว้ น้องมันมากดเล่น T^T :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:

โทษทีค่า :m8:

ปล. ยังชอบเอกะโยอยู่นะค๊าๆ :L2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 39 Apr 9, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: benxine ที่ 09-04-2010 08:05:29
 :m20: :m20:

 :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 39 Apr 9, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 09-04-2010 08:16:33
:z3: :z3: :bye2: o13kh
 :jul1: :z2: :z10: :z13:gjhd




hjtfyhd :z3: :z2: :z13:gjf
hjhg
lllllllllllllllllllll
ddddddddddddddddddddddddddddddddddddddddddddddddddddddddddddddddddddddddddddddddddddddddddddddddddddddddd
khgjggggggggggggggggggggggggggggggggggghhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhtttttttttttttttttttttttttttttttttiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiioooooooooooooooooooooooooooo
k
hffff
g
kj
h
h
h
h
h
uh
h
'h
h
j
j
jk
j












fffffffffffffffffffffffffffffffffffff

lkmjjjjjjjjjjjjjjjjjjjjjjjj


 :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:

ไม่ชอบเหรอ ค้าบบบบ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 39 Apr 9, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 09-04-2010 09:41:58
หมั่นไส้คนมีคู่ หวานกันสะขนาด

แต่อีป้าแก่ๆ กลัว คลื่นลมสงบก่อนพายุใหญ่จะมามั้ง  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 39 Apr 9, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 09-04-2010 10:09:43
หมั่นไส้คนมีคู่ หวานกันสะขนาด

แต่อีป้าแก่ๆ กลัว คลื่นลมสงบก่อนพายุใหญ่จะมามั้ง  :กอด1:


ป้าจ๋า ไม่อยากบอกเลยว่าคนเขียนไม่ถนัดเลยตอนหวานๆ อิอิ แต่ถ้าเศร้าแล้ว อ่านด้วยน้าาา :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 39 Apr 9, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: clubza ที่ 09-04-2010 10:16:20
เออย่าดีเเตกละกัน ดีเเตกวันไหนจะมา :z6:ให้
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 39 Apr 9, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Vesi ที่ 09-04-2010 11:03:20
สวีทมาก ถึงขั้นทะเลหวาน

jadezii จะมาโพสป่วนทำไมครับ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 39 Apr 9, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 09-04-2010 11:29:19
สวีทมาก ถึงขั้นทะเลหวาน

jadezii จะมาโพสป่วนทำไมครับ

เอ๊ะ เขาป่วนเหรอครับ ไม่เป็นไร จะได้ดูเหมือนมีคนเมนต์เยอะๆ อิอิ



ขอบคุณน้าคร้าบบ ที่ติดตามอ่านทุกตอน  :man1: :man1: :man1: :man1: :man1: :man1: :man1: :man1: :man1:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 39 Apr 9, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 09-04-2010 11:49:04
หวานดีแล้ว
ไม่นะ เรื่องเศร้า
+1
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 39 Apr 9, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: jadezii ที่ 09-04-2010 12:04:41
สวีทมาก ถึงขั้นทะเลหวาน

jadezii จะมาโพสป่วนทำไมครับ

แงะ T^T
ไม่ได้ป่วนนะ จริง ๆ T_____T :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:

ขอโทษทีค่า น้องมันมากดเล่นๆ เราก็เพิ่งเห็นอ่ะ  :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 39 Apr 9, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: •ผั๑`|nกุ้va’ด• ที่ 09-04-2010 12:39:15
โอ๊ยยย น้ำตาลขึ้นอย่างแรงค่ะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 39 Apr 9, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: salawinyeen ที่ 09-04-2010 14:40:57
 :o8:        ขอให้รักกันอย่างนี้ อีกนานเรื่อยไป ไม่ต้องถึงวันที่ฟ้าแตกสลาย


แค่ทั้งชีวิตที่เหลือ เธออยู่เคียงข้างกัน มีฉันและเธอ...(ตลอดไป)    :  )


ถ้ารักผมเป็นแบบนี้ก็ดีสิครับ


+1


จาก   Yeen2U
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 39 Apr 9, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: kenshinkenchu ที่ 09-04-2010 15:39:20
คาดว่ารางร้ายในความฝันใกล้มาเยือน คุณครูปริศนาต้องรับไม่ได้แน่เลย
แต่ไม่น่าเชื่อว่าเอจะรักโยขนาดนี้  ตอนโน้นนนนนนนนนนนนนนนนน
มีครั้งนึงที่บอกประมาณว่าจะทำให้โยรักตัวเองให้ได้ แล้ววันนั้นโยจะเสียใจ   ฉากนั้นยังสะกิดใจอยู่เลย
แต่ขนาดนี้แล้วคงรักจริงๆล่ะ  บรรยากาศน่าอิจแาที่สุด  อยากมีความรักแบบล้นใจบ้างจังน้า  :-[
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 39 Apr 9, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 09-04-2010 18:31:47
พูดถึงเอเปลี่ยนไปเยอะเนอะ จากครั้งแรกที่โยเจอ
จากนี้ไปก้อมีเรื่องรออยู่อีกเยอะ หวังว่าทั้งคู่จะผ่านมันไปได้ด้วยดี

เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 39 Apr 9, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 09-04-2010 19:12:24
อยากให้ความสุขอยู่กับทุกๆคนแบนี้ตลอดไปนะคับ สุขใจจริงๆทริปนี้ :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 39 Apr 9, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 09-04-2010 23:16:55
หมั่นไส้คนมีคู่ หวานกันสะขนาด

แต่อีป้าแก่ๆ กลัว คลื่นลมสงบก่อนพายุใหญ่จะมามั้ง  :กอด1:


ป้าจ๋า ไม่อยากบอกเลยว่าคนเขียนไม่ถนัดเลยตอนหวานๆ อิอิ แต่ถ้าเศร้าแล้ว อ่านด้วยน้าาา :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:


จ้า จะ หวาน ขม เค็ม เปรี้ยว ป้าแก่ๆ ก็ ตามอ่านอยู่ดี เพราะ ชอบอ่านเป็น สายเลือดแล้วละ

อ่านสะขนาด คอมฯ ระเบิด ไปตัวแล้วเนี่ย 555
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 39 Apr 9, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 09-04-2010 23:39:59
หวานนนนนนนนนนนนนนนนนนนนฉ่ำ  :-[
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 39 Apr 9, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: kanda53 ที่ 10-04-2010 00:01:50
ไม่มีอะไรจะกล่าว... :-[
เจ้าเอรักจริงหวังแต่งนะเนี่ย....
ขอหวานนานๆหน่อยนะคะ  อิจฉาโยจริงๆเลย :interest:
ขอบคุณสำหรับความขยันของคนแต่ง  และ
ความหวานที่มอบให้คนอ่านค่ะ   :L1:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 40 Apr 10, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 10-04-2010 06:01:23
                        ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านครับ



                       ตอนต่อ เลย ครับทุกท่าน




                                ตอน สี่สิบ




เสียงเคาะประตูดังปลุกให้ผมตื่นจากภวังค์

"โยๆ แกจะกลับแล้วนะแก ทำอะไรกันยะ"

เสียงกบตะโกนผ่านประตูเข้ามา ผมงัวเงียเพราะเผลอหลับไปกับเอ ผมร้องตอบมันออกไปว่าขออาบน้ำก่อน ผมลุกจากเตียงมองเอที่ยังนอนอยู่ ผมรีบเก็บของใส่กระเป๋า เสื้อเปียกเมื่อคืนหมาดๆ ต้องเอาใส่ถุงพลาสติก พอเสร็จก็มาปลุกเอ

"เอ ตื่นได้แล้วจะกลับบ้านแล้ว"

ผมเย่าตัวมัน งัวเงียตื่นมา

"ยัง เวียนหัวอยู่ไหม"

ผมถามมองมันอย่างห่วงใย มันยิ้มแล้วกอดผมโน้มตัวลงไปกอด

"เร็วๆ รีบไปอาบน้ำ ทุกคนรออยู่นะ"

"ขอกอด แป๊บ นึงน้า คิดถึง"

"พูดแบบนี้หายเวียนหัวแล้วสิ"

"อืม"

มันพยักหน้า ผมให้มันกอดอยู่สักพักก็ไล่ไปอาบน้ำ มันดึงแขนเข้าไปอาบน้ำด้วยกันอีกเหมือนเคย พออาบเสร็จเราก็แต่งตัว ออกจากห้องไปรวมกับเพื่อนๆ ทุกคนยืนรอกันอยู่พร้อมแล้ว เพื่อนแซวตามปกติ เราเช็คเอาท์ออกจากบังกาโลแล้วไปรอรถสองแถวกลับไปที่ท่าเรือ นั่งรอเรืออยู่พักใหญ่จึงได้ข้ามกลับไปฝั่งบ้านเพ แดดตอนบ่ายสามยังแก่ร้อนแรง เอดูสลึมสลือคงยังไม่สร่าง ผมจับกินน้ำส้มแต่กินเยอะมันก็อยากเข้าห้องน้ำ กว่าจะถึงฝั่งได้แทบแย่ เราเดินซื้อของอยู่พักใหญ่จึงขึ้นรถกลับ ขากลับมีเพียงเสียงเพลงที่เปิดในรถ การสนทนาไม่ออกรสออกชาติเหมือนตอนขามา ทุกคนดูเหมือนหมดฤทธิ์ยา กายขับรถไม่เร็วมากนักเพราะมันเองก็งัวเงียอยู่ เปลี่ยนกันขับกับพลทุกชั่วโมง พี่ป้อมพอขึ้นรถได้ก็นอนเลย เหมือนของผมนั่งกอดเอวผมอยู่พักเดียวก็หลับ ผมต้องนั่งคอยกอดประครองไว้เพราะมันหลับแต่ดิ้น จ๋าคุยกับผมเบาๆ มีพลกับกายตอบรับบ้าง ส่วนกบนั่งสับปะหงกอยู่ กว่าจะถึงกรุงเทพฯก็มืดพอดี แวะปั๊มน้ำมันหลายรอบ กายขับรถไปบ้านผมก่อน ทุกคนทักทายแม่แล้วแยกย้ายกันกลับ เอเดินขึ้นไปนอนข้างบนทันที ไม่ยอมกินข้าว ตอนแรกผมจะไปปลุกให้มันมาอาบน้ำกินข้าวแต่แม่ห้ามไว้อยากให้มันนอนให้เต็มที่

เดือนแห่งความรักมาถึงแล้ว ไม่ได้รู้สึกว่าเดือนนี้มันจะพิเศษอะไร เพราะตอนนี้ผมรู้สึกว่าทุกๆวันมันคือวันแห่งความรัก ความรักของผมตอนนี้มันเบ่งบานเต็มอก เราเจอกันทุกวันตอนผมเลิกงาน ถ้าวันไหนไม่เจอรู้สึกเหมือนใจจะขาดกว่าจะผ่านไปแต่ละวันมันช่างยืดยาวนาน คนที่อยู่แวดล้อมผมก็คงดูออกว่าผมเองดูสดใสขึ้นมาก แม่เองก็ดูรู้ท่านไม่ได้คุยเรื่องนี้อีกเลยแต่บางคราสายตาของแม่ก็ยังคง ห่วงใยอยู่มาก ผมเองก็ไม่ได้คิดเกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นมากเหมือนแต่ก่อน ปล่อยให้มันเป็นไปตามแต่มันจะเป็น ผมมีความสุขไม่อยากให้อะไรที่คิดไว้หรือสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตมันมาบั่นทอนความสุขอันนี้

วันวาเลนไทน์มาถึงแล้ว ปีนี้ตรงกับวันเสาร์พอดี ผมนัดเอออกไปดูหนังกันตอนกลางวันแล้วค่อยไปกินข้าวกัน ผมจองไว้ที่ร้านเกาะลันตาแถวสนามบิน ผมตื่นแต่เช้ามาเตรียมใส่บาตรเหมือนเคย เดี๋ยวนี้ใส่เป็นประจำทุกเสาร์อาทิตย์ เอเองก็คุ้นกับการใส่บาตรแล้ว แม้มันจะยังไม่ตื่นเพราะอ่านหนังสือดึก ช่วงสอบปลายภาคมันนอนดึกเกือบทุกวัน โทรหาก่อนนอนทุกวัน เมื่อคืนก็ท่าจะนอนดึกเพราะตอนผมนอนมันก็ยังไม่นอน ผมเตรียมทุกอย่างเสร็จก็ขึ้นไปปลุกมัน แม่เองก็เพิ่งอาบน้ำเสร็จ ช่วงสอบแม่งดไปวัดเพราะง่วนอยู่กับการออกข้อสอบ ตรวจข้อสอบ เองัวเงียไม่อาบน้ำล้างแต่หน้า มันยืนตาปรือใส่บาตร พอเสร็จก็ขึ้นไปนอนต่อ ส่วนแม่ก็ทำงานที่ค้างอยู่ ผมก็ไปทำกับข้าว เอตื่นมาอีกทีเก้าโมงกว่า แม่กินข้าวไปก่อนแล้ว ผมกินข้าวกับเอเสร็จก็ให้มันไปอาบน้ำเตรียมตัวไปดูหนังกัน เห็นมันบอกอยากดู A Moment in June ผมก็เออออตาม ตอนนี้ทำอะไรก็ไม่อยากขัด แย้งบ้างแต่ไม่มาก ส่วนใหญ่คล้อยตามมันไปเสียทุกอย่าง ไม่ได้ตามใจแต่รู้สึกว่าอยากเอาใจมันมากเป็นพิเศษ

"เค้ารักตัวเองนะ คะ"

มันกระซิบตอนอยู่ในโรงหนังแล้วจับมือผมไว้ มันจูบหน้าผากหัวใจผมลอยละลิ่ว มีความสุขใจที่สุด เราดูหนังจบเกือบบ่ายสอง เดินคลอเคลียกันออกมาจากโรงหนัง ตอนนี้ผมไม่อายใครแล้ว มองไม่เห็นใครนอกจากมัน รักมันมากล้นใจ

"ตัวเองไปเดินเล่นสวนหลวง ไหม"

มันชวน ผมพยักหน้า เพราะไม่มีที่ไปกว่าจะค่ำ กลับบ้านก็ขี้เกียจจะทำอะไรประเจิดประเจ้อก็ไม่ได้เพราะแม่อยู่ เรานั่งแท็กซี่ออกจากเมเจอร์เอกมัยตรงไปยังสวนหลวง แดดร้อน มีคนนั่งอยู่ตามใต้ร่มไม้ บ้างก็มาเป็นคู่

"เค้าจะสอบให้ติดวิศวะ ตัวเองจะได้ภูมิใจที่มีแฟนเป็นวิศวกร"

เรานั่งใต้ร่มต้นก้ามกราม ใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขาให้ร่มเงา มีคนนั่งอยู่ก่อนแล้วแต่ก็ไม่มากนัก

"เรียน อะไรก็ภูมิใจแล้วล่ะ"

ผมพูดยิ้มๆ หยิบเศษใบไม้ออกจากหัวมัน

"เค้าอยากให้ตัวเองมีความสุข ไม่อยากเสียใจที่มีเขาเป็นแฟน"

ผมเอานิ้วปิดปากมัน มองตามันไม่ให้พูดต่อ

"อย่าพูดอย่างนี้เอ ฉันไม่เคยเสียใจ ดีใจเสียอีก แม้มันจะมีอะไรให้คิดมากมาย แต่ตอนนี้ ดีใจ ภูมิใจแล้ว"
 
มันจับมือผมเอาริมฝีปากงับเบาๆ

"เค้าก็ดีใจมาก ภูมิใจมากนะที่มีตัวเอง เป็นของขวัญจากพระเจ้า เค้ามีความสุขที่สุดเลย"

มันเอนหลังพิงพนัก เต็มแผ่นหลังผ่อนลมหายใจออกมา มันเอามือผมวางที่ตัก ผมมองหน้ามันอย่างไม่รู้จักเบื่อ ทุกอณูบนร่างกายของมันผมไม่รู้จักเบื่อที่จะมอง อยากจะสัมผัสแตะต้องมันอยู่อย่างนั้น

"ตัวเองจำได้ไหม ว่าเค้าบอกรักตัวเองที่นี่นะ กลางบึงโน่น"

"จำได้สิ ไม่เคยลืม"

ผมบีบมือมันเบาๆ เรานั่งมองหน้ากันแล้วยิ้ม ผมมองออกไปไกลแสนไกล ทุกอย่างมันช่างสวยงามเหลือเกิน ดูสดใสไปเสียทุกอย่าง เรานั่งอยู่ตรงนั้นสักพักก็เดินไปเช่าเรือถีบเหมือนเคย แม้อากาศจะร้อน เราช่วยกันถีบออกไปกลางบึง ไอแดดลอยมากับลมกำบังที่กั้นไว้ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก ผมรู้สึกร้อนจนต้องบอกให้เอถีบกลับ เราตกลงไปเดินเล่นที่ซีคอน เพราะทนร้อนไม่ไหว พอถึงซีคอนเราก็ตรงไปกินไอติมนั่งแช่อยู่นาน เผลอแป๊บเดียวก็ค่ำ ผมพาเอออกจากซีคอนตรงไปยังร้านเกาะลันตา ร้านอาหารสวยเพิ่มบรรยากาศมีคู่รักหลายคู่นั่งอยู่เกือบเต็มร้าน แต่ผมโทรจองไว้แล้วที่นั่งริมนอกสุดมองเห็นบึงท้องฟ้ามืดออกส้มๆในยามพลบค่ำ แสงเทียนตามโต๊ะอาหารส่องประกายไสว สวยงามเหลือเกิน อีกคนที่นั่งอยู่ข้างผม ใบหน้าใต้เปลวเทียวช่างน่าพิศมัยเสียนี่กระไร ตั้งแต่ยอมรับในใจว่ามันเป็นแฟน เวลาไปไหนมาไหนด้วยกันมันไม่เคยนั่งห่างจากผมเลย แม้เขาจะจัดที่นั่งให้นั่งตรงข้ามกัน แต่มันก็จะยกเก้าอี้มานั่งติดผมอยู่ดี มันเป็นอีกอย่างหนึ่งที่ผมพึงใจ เรานั่งทานอาหารอย่างเพลิดเพลิน ดื่มด่ำกับบรรยากาศที่แวดล้อม หัวใจมันพองโต ทุกวินาทีมันช่างเป็นสุขเหลือเกิน มีคนเคยบอกเวลาที่เรามีความสุขเราอยากจะหยุดเวลาเอาไว้ตรงนั้น ผมก็เพิ่งมีความคิดเช่นนี้ อยากจะหยุดเวลาเอาไว้อย่างนี้ อยากจะซึมซับทุกความทรงจำเท่าที่ตาจะเก็บภาพได้ เท่าที่ใจจะรู้สึกสุข ให้มันเป็นอยู่อย่างนี้ตลอดไป

เรากลับบ้านเกือบสามทุ่ม เห็นแม่นั่งยิ้มรออยู่ใรบ้าน

"แม่กินข้าวหรือยังครับ"

ผมถาม แล้วไปนั่งข้างแม่

"เรียบร้อยแล้วจ๊ะ ไปกินอะไรกันมา"

"ไปร้านเกาะลันตามาครับแม่ สวยมาก"

"เมื่อกี้พลก็แวะมา เข้าใจทำนะเอเราน่ะ"

แม่หันไปพูดกับเอ ผมมองตามมองมันยิ้มแฉ่งอยู่

"มีบ้างนิดหน่อยครับ"

มันหัวเราะอารมณ์ดี

"อะไรเหรอเอ"

"ปล่าว ไม่มีอะไร"

เอขึ้นบ้านไปก่อนผมนั่งคุยกับแม่ต่อ

"มันคงห้าม ไม่ได้แล้วสินะ ระหว่างโยกับเอน่ะ"

แม่พูดขึ้น ผมรู้สึกหวั่นในใจ มองหน้าแม่ ทำไมวันนี้พูดเรื่องนี้ขึ้นมาทั้งที่แม่ไม่พูดถึงมันนานมาแล้ว ผมได้แต่อึกอักทำตัวไม่ถูกไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดี

"เอาเถอะ โย แม่ไม่ว่าหรอก เรื่องของความรัก มันห้ามได้ที่ไหนกัน จริงไหม แต่คิดเผื่อไว้ด้วยนะ ถ้าวันไหนไม่รักกันแล้ว เรายังจะเป็นพี่น้องกันได้อยู่ไหม"

เสียงแม่ราบเรียบ เย็นสะท้านไปถึงกระดูกสันหลัง ผมเม้มปากมองหน้าแม่ สายตาแม่ยากเกินที่จะเดา แม่พยายามจะสื่ออะไรออกมา

"วันนี้รักชอบกัน ก็ถนอมน้ำใจกันให้มากนะลูก อย่าหักหาญน้ำใจกัน เราเป็นพี่ต้องดูแลชี้นำทางน้อง แม่ไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้ แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว มันเป็นไปแล้ว แม่ไม่ว่าหรอก ยังไงเสียคนรักกันก็ดีกว่าคนเกลียดกัน"

ผมหน้าชาร้อนรนในใจ แม่เหมือนจะเข้าใจแต่ก็เหมือนแม่ตำหนิผมอยู่ ผมนั่งนิ่งมองหน้าแม่พูดอะไรไม่ออก

"ดูทำหน้าเข้า แม่ไม่ได้ว่าเรานะโย ไปๆ ไปอาบน้ำอาบท่า น้องมันมีอะไรให้โน่นแน่ะ ไปขึ้นไปดู มันน่ารักอย่างนี้สินะ ลูกแม่ถึงใจอ่อนได้"

แม่ยิ้มออกมา เต็มปาก คลายความตึงเครียดลงไปได้บ้าง แต่ความกังวลใจมันก็ยังไม่หายไปง่ายๆ ผมเดินขึ้นไปบนบ้านอย่างล่องลอย เปิดประตูห้องเข้าไป เห็นไฟแสงสีสว่างขึ้นทั้งห้องเหมือนตอนวันปีใหม่ ผมไม่ได้แปลกใจอะไรมากนักเพราะเคยเจอกับเหตุการณ์แบบนี้แล้ว แต่ในห้องผมเต็มไปด้วยดอกกุหลาบสีแดงใส่แจกันวางอยู่เต็มห้อง ทั้งหัวเตียงบนโต๊ะ

"โอ"

ผมอุทานออกไป เอมันยืนถือช่อกุหลาบอยู่ในมือยิ้ม

"สุขสันต์วันวาเลนไทน์จ๊ะ ที่รักของผม"

ผมงงยืนเอ๋ออยู่ แต่ก็ยื่นมือไปรับช่อกุหลาบมาจากมัน

"ไม่ เห็นต้องทำขนาดนี้เลยเอ"

ผมพูดเสียงเบา ตื้นตันใจเหลือเกิน ไม่ได้คาดหวังให้มันทำถึงขนาดนี้ ไม่ได้อยากได้ขนาดนี้ มันมากไปสำหรับผม ใจผมรับไม่ได้ ผมน้ำตาคลอ กอดมันไว้น้ำตาไหลออกมา

"ไม่มากหรอก สำหรับตัวเองเค้าทำได้ทุกอย่าง เพื่อคนที่เขารักที่สุดในชีวิต"

ผมสะอื้นออกมาอย่างไม่อายพยายามจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่ให้มันไหล แต่ก็เกินกว่าที่จะบังคับมันแล้ว ในใจผมตื้นตันปลาบปลื้มเหลือเกิน นี่หรือน้ำตาแห่งความปลาบปลื้มยินดี มีความสุขที่สุด

"แล้วไปซื้อมา ตอนไหน"

ผมถามขึ้นตอนที่เรานอนกอดกันท่ามกลางดอกกุหลาบ

"วาน พี่พลไปเหมามา อิอิ แลกกับไอ้บอม"

"วางแผนไว้เหรอ"

"แค่ลองถามพี่พลว่าตัวเองชอบดอกไม้หรือเปล่า พี่พลบอกว่าชอบ เค้าก็เลยอยากจะเซอร์ไพซ์ ตัวเองชอบไหมคะ"

มันถาม ผมหอมแก้มมันแทนคำตอบ เบียดตัวกระชับเข้าหาอกมันมากกว่าเดิม ถ้าผมไม่รักมันสิแปลก ผมรักมันได้มากขนาดนี้ไม่แปลกหรอกใช่ไหม ผมจะสนใจอะไรในเมื่อผมมีความสุขเหลือเกินในตอนนี้ มีความสุขมากจนกลัวขึ้นมาว่าถ้าวันไหนมันไม่เป็นอย่างนี้ ผมยังจะทนใช้ชีวิตอยู่ได้ไหม ผมจะอยู่ต่อไปยังไง แต่เอาเถอะปัจจุบันมันนอนกอดผมอยู่ด้วยความรู้สึกเดียวกัน "รัก" อนาคตผมมองไม่เห็นมันเองก็คงเหมือนกัน เราจะไปคิดให้มันได้อะไรขึ้นมา

คืนที่แสนสุขผ่านไปอย่างรวดเร็วห้องผมเต็มไปด้วยสีแดงหลากหลายเฉดสี กุหลาบแดงส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลไปทั้งห้อง ผมตื่นขึ้นมาทำอาหารสำหรับใส่บาตรแต่เช้าเหมือนเคย วันนี้เอไม่ต้องปลุกเพราะเมื่อคืนมันนอนเร็วงดอ่านหนังสือไปวันหนึ่ง แม่เองก็ตื่นแล้วเราออกมายืนพร้อมหน้ารอพระเดินมาบิณฑบาตร พอเสร็จเอก็รดน้ำต้นไม้ผมก็เข้าไปทำกับข้าว เรากินข้าวตอนแปดโมงกว่าๆ แม่ตรวจข้อสอบต่อ เอเอาหนังสือมานั่งอ่านที่หน้าบ้าน ผมก็อ่านหนังสือนิยายอยู่ข้างๆ คอยชำเลืองมันตลอดเวลา เวลามันมุ่งมั่นอ่านหนังสือ ขมวดคิ้ว ไรหนวดเหนือริมฝีปากช่างน่าดูยิ่งนัก

"ยิ้ม ไรคะ"

มันทักผมหุบปากทันที เผลอตัวคิดล่องลอยไปไกล

"แอบมอง เค้าเหรอ เขินนะเนี่ย"

"บ้า คิดอะไรเรื่อยเปื่อย อ่านต่อไปเถอะ"

ผมแก้ตัว แล้วอ่านนิยายต่อ

"คิดเรื่องเราน่ะเหรอ อิอิ เค้าก็คิดนะ คิดว่านอนกอดตัวเองตัวล่อนจ้อน"

"บ้า ไปเอาแตงโมมากินดีกว่า"

ผมเขินเดินเข้าครัวไป อมยิ้มเข้าครัวแล้วไปปลอกแตงโมใส่จานเอาไปให้แม่ด้วยจานหนึ่งแล้วเอามาให้ คนหน้ากวน ยอดดวงใจของผม ตอนนี้เขาคือคนที่ผมรักที่สุดแล้วไม่รู้ว่ามันเริ่มความรู้สึกนี้ตั้งแต่ เมื่อไหร่ แต่รู้ว่าตอนนี้มันมากมายเหลือเกินมากเสียจนกักเก็บไว้ในใจไม่ได้ มันล้นออกมาปิดไม่อยู่

วันจันทร์ ผมตื่นเช้าเป็นปกติ ปลุกเอให้ตื่นมาอาบน้ำ ผมลงไปทำกับข้าว แม่เองก็ตื่นแล้วเอมีสอบตัวสุดท้าย วิชาที่ผ่านมามันมั่นใจเหลือเกินว่าเกรดเทอมจบมัธยมห้าจะออกมาจนทุกคนตกใจ ผมเองก็คิดว่ามันน่าจะออกมาดีเพราะพักหลังมันอ่านหนังสือหนักเอาการ เอออกจากบ้านก่อนเพราะมันมีสอบแต่เช้าผมออกจากบ้านหลังสุดตอนเจ็ดโมงกว่าๆ นั่งรถมอร์เตอร์ไซค์รับจ้างออกไปนั่งรถไฟฟ้า เพราะเช้าวันจันทร์ในซอยอ่อนนุชรถติดเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน ผมถึงที่ทำงานก่อนเก้าโมง พลมาทีหลังผมหน้าตามันยิ้มแย้ม

"นี่เป็นไง แก เซอร์ไพรซ์ไหมวันวาเลนไทน์"

มันถามแล้วยิ้ม

"อืม แล้วแกล่ะไปทำอะไรมา ขอบใจนะที่ไปจัดดอกไม้ให้"

ผมตอบเพราะรู้ว่าพล วางแผนกับเอเรื่องดอกไม้ มันยิ้มๆ

"เรื่องเล็กแก ฉันเต็มใจ"

"ก็ มีค่าตอบแทนไม่ใช่เหรอ น้องอะไรนะ"

ผมรู้ทันมันอีก

"บ้าแก แหมนะ เห็นแกมีความสุขก็เผื่อฉันจะโชคดีบ้าง อย่างน้อยบอมก็เป็นเพื่อนเอ น่าจะน่ารักเหมือนกัน"

มันพูดแววตาดูมีความหวัง

"แล้วน้องมัน รู้ตัวแล้วเหรอว่าจะมีวัวแก่อยากกินอยู่"

ผมกัด

"บ้า แก วัวกงวัวแก่อะไร ฉันก็ดูแอ๊บได้อยู่นะแก คงรู้แล้วล่ะเห็นเอบอกว่าติดต่อให้แล้ว น้องเขาเพิ่งเลิกกับแฟน อิอิ เผื่อจะดามหัวใจให้น้องมันได้"

"จ้า แม่หมอ"

ผมคุยอยู่กับพล พักใหญ่จึงไปทำงาน พอพี่ภามาก็แซวผมใหญ่ พลคงรายงานเรียบร้อยแล้ว บรรยากาศในที่ทำงานสดใสทั้งวัน เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว พอเลิกงานผมกับพลก็ไปหาเอกับบอมที่เซ็นทรัลเวิร์ล ดูพลมันมีความสุขมาก เอนั่งรออยู่ก่อนแล้วในร้านไอติมร้านเดิมที่เราเคยนั่ง ผมกับพลเดินขึ้นไป เอยิ้มมาแต่ไกล น้องบอมนั่งหน้าเอ๋ออยู่ เพราะไม่รู้จะยิ้มหรือจะทำตัวยังไงดี

"หวัดดีพี่พล"

เอทัก แล้วยิ้มให้ มันสะกิดน้องบอมให้ยกมือไหว้เราสองคน บอมก็ยกมือไหว้เก้ๆกังๆ

"กิน อะไรกันหรือยังครับ"

ผมถามแล้วนั่งลงข้างเอ

"ยังเลยตัวเอง พี่พลวันนี้เลี้ยงไรดีพี่"

เอส่ายหน้าแล้วหันไปพูดกับพลอย่างอารมณ์ ดี

"อยากกินอะไรล่ะเอ อาหารจีนไหม"

พลพูดกับเอแต่สายตาจ้อง มองน้องบอมราวกับจะมองให้ทะลุเสื้อผ้า จนน้องมันเขินหน้าแดงขยับออกผมสะกิดเอ

"เอ้อ นี่ไอ้บอมเพื่อนรักผมครับ มึงนี่แฟนกู มึงเคยเห็นแล้วนี่ แล้วนี่พี่พลเพื่อนแฟนกูอีกทีนึง และเป็นพี่กูด้วย"

เอแนะนำ คราวนี้มันผงกหัวให้เหมือนกิ้งก่า

"ไหว้สิไอ้ห่า ไม่มีมารยาทเลยมึง"

เอ ทำเสียงกร่างดุเพื่อน บอมยกมือไหว้แต่ตาพิฆาตเออยู่

"หวัดดีพี่"

"น่า รักจังครับน้องบอม"

พลพูดขึ้น รู้สึกแกร่วๆแทนมันเหมือนกันเพราะบอมมันทำหน้าเหรอหรา

"ผมหล่อเพ่ ไม่น่ารัก ไม่ใช่หญิง"

มันไม่มองหน้าพลแต่มองหน้าผม ผมอมยิ้มเจอแล้วไหมล่ะ ท่าทางคงจะไม่ใช่น้อยเหมือนไอ้ตัวดีของผม

"นั่น ล่ะครับ พี่หมายถึงหล่อ นั่นล่ะ"

พลมันยังไม่ยอมแพ้ พยายามยิ้มหวานให้บอม

"ครับ ผมรู้"

"โห มึงกวนตีนนะ พี่เขาพูดดีๆ เดี๋ยวเถอะมึงจะโดนตีนกู"

"เอ"

ผมปราม เพราะมันพูดออกรสท่าทางคงหมั่นไส้เพื่อน มันหันมายิ้มให้ผมปห้งๆเกาหัวแกรกๆ

"งั้น ไปกินข้าวกันก่อนเถอะ หิวไหมครับ"

ผมตัดบทเพราะท่าทางคงยาว หนักใจแน่พล คิดจะคบเด็กไม่ใช่ง่าย ผมคิดในใจเพราะกว่าผมจะรู้สึกรักเอได้ก็ไม่ใช่ง่ายมันก็กวนบาทาผมอยู่มาก เหมือนกัน เราตกลงไปกินอาหารไทยกันเพราะน้องบอมไม่กินอาหารจีน บ้านมันเป็นคนจีนอยู่แล้วมันบอกเอียน เราเลยขึ้นไปชั้นห้าระแวกร้านอาหารญี่ปุ่น มีร้านอาหารไทยอยู่สองสามร้านเราเลือกร้านที่ดูดีที่สุดเพราะพลมันอยากจะเอา หน้า เอมันกอดคอผมเดินนำหน้าตลอดปล่อยให้พลทำความรู้จักกับบอมให้มากขึ้น แต่ท่าทางคงกวนอยู่ไม่น้อย เพราะหันไปมองทีไรพลทำหน้าเหลือรับเต็มทน

พลขับรถไปส่งเอก่อนเพื่อนแล้วค่อยไปส่งผม ส่วนบอมลงคนสุดท้ายเพราะบ้านอยู่ถนนศรีนครินทร์ พอถึงบ้านผมก็เข้าไปเก็บของในครัวล้าง แม่เองนั่งตรวจข้อสอบอยู่ พอเสร็จผมก็ขึ้นไปอาบน้ำเปิดเพลงฟังอยู่สักพักก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายข้าง ล่าง เสียงคุ้นๆ ผมรีบเดินลงมาข้างล่าง
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 40 Apr 10, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: clubza ที่ 10-04-2010 06:34:06
นี่เเหละรางวัลคนตื่นเช้า ตื่นก่อนอ่านก่อน

จิ้มทะลุเลย o13
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 40 Apr 10, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 10-04-2010 06:35:24
แขกคนที่มาทำเสียงดังรบกวนนี่ใครน๊า หรือเจ้าเอผลสอบออก เลยดีใจสุดๆ ไม่เดาแล้ว รอผลเลยดีกว่า :L1: :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 40 Apr 10, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Vesi ที่ 10-04-2010 13:31:06
กินเด็กมันเป็นเทรนด์ตลอดกาลจริงๆ  :laugh:
ว่าแต่ใครมาบ้านอ่ะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 40 Apr 10, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 10-04-2010 14:37:07
แต่ป้าแก่ๆ ว่านะคะ ตอนนี้ เทรนใหม่มาแรงมากค่ะ พวกไรท์เตอร์ หรือ โพสเตอร์ ทั้งหลาย

นิยม แต่ง โพส ครึ่งๆ กลางๆ ค้างๆ คาๆ ยังไงไม่รู้ ทำเอาอีป้าแ่ก่ๆ  อารมณ์ เสีย งอนดีกว่า ชิ.
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 40 Apr 10, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: jadezii ที่ 10-04-2010 16:02:57
ค้างงงงงงงงงงงงงง :serius2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 40 Apr 10, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 10-04-2010 16:35:33
แต่ป้าแก่ๆ ว่านะคะ ตอนนี้ เทรนใหม่มาแรงมากค่ะ พวกไรท์เตอร์ หรือ โพสเตอร์ ทั้งหลาย

นิยม แต่ง โพส ครึ่งๆ กลางๆ ค้างๆ คาๆ ยังไงไม่รู้ ทำเอาอีป้าแ่ก่ๆ  อารมณ์ เสีย งอนดีกว่า ชิ.

โธ่ ป้า ค้าบบบบ อดทนหน่อยน้าาา เดี๋ยว วันเกิดผม ลงให้ สามตอนเลย อ่ะ สัญญา อิอิ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 40 Apr 10, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 10-04-2010 16:42:27
Insert Quote
Quote from: PEENAT1972 on 10 April, 2010, 02:37:07 PM
แต่ป้าแก่ๆ ว่านะคะ ตอนนี้ เทรนใหม่มาแรงมากค่ะ พวกไรท์เตอร์ หรือ โพสเตอร์ ทั้งหลาย

นิยม แต่ง โพส ครึ่งๆ กลางๆ ค้างๆ คาๆ ยังไงไม่รู้ ทำเอาอีป้าแ่ก่ๆ  อารมณ์ เสีย งอนดีกว่า ชิ.


โธ่ ป้า ค้าบบบบ อดทนหน่อยน้าาา เดี๋ยว วันเกิดผม ลงให้ สามตอนเลย อ่ะ สัญญา อิอิ


 ว่าแต่ตั้งใจเกิดวันไหนล่ะจะได้เตรียมตัวและสายตาไว้อ่านสามตอนรวด(สั้นป่าว)
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 40 Apr 10, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 10-04-2010 17:00:02
Insert Quote
Quote from: PEENAT1972 on 10 April, 2010, 02:37:07 PM
แต่ป้าแก่ๆ ว่านะคะ ตอนนี้ เทรนใหม่มาแรงมากค่ะ พวกไรท์เตอร์ หรือ โพสเตอร์ ทั้งหลาย

นิยม แต่ง โพส ครึ่งๆ กลางๆ ค้างๆ คาๆ ยังไงไม่รู้ ทำเอาอีป้าแ่ก่ๆ  อารมณ์ เสีย งอนดีกว่า ชิ.


โธ่ ป้า ค้าบบบบ อดทนหน่อยน้าาา เดี๋ยว วันเกิดผม ลงให้ สามตอนเลย อ่ะ สัญญา อิอิ


 ว่าแต่ตั้งใจเกิดวันไหนล่ะจะได้เตรียมตัวและสายตาไว้อ่านสามตอนรวด(สั้นป่าว)

 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

เร็วๆนี้ล่ะค้าบบบ ไม่สั้นหรอก เพราะคิดว่าไม่อยากจะให้คนอ่านด่า อิอิ เอาแบบ ยาวๆ ตาบวมกันไปเลย เหอๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 41 Apr 10, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 10-04-2010 19:54:56
                   o22 o22 o22 o22 ตามคำเรียกร้องของป้า ก่อนจะด่าผม เน้อ  :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:



                                อ่านแล้วอย่าด่าผมนะค้าบบบ





                              ตอน สี่สิบเอ็ด

เสียงที่คุ้นหูเหลือเกิน ผมรีบเดินลงมาข้างล่าง อาจารย์ปริศนานั่นเอง

 "เธอทำอย่างนี้กับพี่ได้ยังไงอร เธอปล่อยให้มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไง"

เสียงอาจารย์ปริศนาดังกึ่งตะโกนแผดเสียงอยู่ หน้าตาดูเกรี้ยวกราด ยืนชี้หน้าแม่อยู่ ผมใจหล่นไปอยู่ตาตุ่ม ใจแป้วลอยหายไป

"ใจเย็นๆนะคะพี่ปริศนา มีอะไรค่อยๆคุยกันนะคะ"

แม่พยายามพูดอย่างใจเย็น

"ไม่ยงไม่ เย็นกันแล้ว อ้อ มาพอดีพ่อตัวดี เธอทำอย่างนี้กับฉันได้ยังไงโย เสียแรงที่ไว้วางใจ"

อาจารย์ปริศนาหันมาทางผมที่ก้าวลงบันไดยังไม่พ้นขั้นสุดท้ายด้วยซ้ำ ผมหยุดชะงักอยู่แม่มองผม หน้าแม่ดูไม่ค่อยดีเอาเสียเลย ผมทำหน้าไม่ถูกยกมือขึ้นไหว้ แต่สายตาอาจารย์ปริศนาจิกจ้องอยู่ที่ผมราวกับจะฉีกเนื้อผมออกมากิน ชี้หน้าเหมือนไปขโมยอะไรที่สำคัญมาจากมือ หรือเหมือนผมเพิ่งไปเข่นฆ่าใครมา

"เธอมายุ่งกับเอทำไม มาทำให้น้องมันเบี่ยงเบน วิปริตผิดเพศแค่ตัวเองไม่พอเหรอต้องมาทำให้คนอื่นเขาเป็นไปด้วย ฉันให้สอนมันอย่างเดียวไม่ได้ให้ทำอะไรเกินเลย"

เสียงอาจารย์ปริศนา แผดก้องในหัว มันบาดลึกไปกรีดลงหัวใจ ผมกระตุกเหมือนโดนตบหน้าด้วยมือที่หนาใหญ่ สิ่งที่ผมกลัวที่สุด สิ่งที่ผมกังวลที่สุดมันเกิดขึ้นแล้ว

"แม่ อย่าไปว่าพี่เขา ผมเป็นคนเริ่มเอง"

เอมันวิ่งตามเข้ามากระหืดกระหอบ มันมาฉุดแขนอาจารย์ปริศนาไว้ แต่อาจารย์ปริศนาสะบัดมือออก

"เงียบไปเลยเรา อย่างเราจะทันพวกเสือสิงห์กระทิงแรดอย่างนี้เหรอ ฉันผิดหวังมากนะโย นี่เงินค่าจ้างงวดสุดท้าย ไม่ต้องมายุ่งกับเออีก ไม่ต้องมาเจอกันอีก ถ้าฉันรู้ว่ามันจะเป็นอย่างนี้นะ ฉันไม่มีทางให้เธอเข้ามาในบ้านฉันเด็ดขาด"

"ใจ เย็นๆ นะคะพี่ เรื่องมันเกิดแล้ว จะห้ามไปก็คง"

"เธอไม่ต้องพูดอร เธอเองก็ผิด เธอเลี้ยงลูกยังไง มันวิปริตวิปลาสคนเดียวฉันก็ไม่ว่าหรอกนะ แต่นี่ทำไมมาทำกับลูกฉันแบบนี้ ฉันไม่แจ้งความเอาผิดก็บุญหัวเท่าไหร่แล้ว น่ารังเกียจ ฉันไม่มีทางให้ลูกฉันผิดเพศอย่างลูกเธอหรอกนะ อะไร เลี้ยงลูกให้เป็นกระเทย อันนั้นฉันก็ไม่สนหรอกนะ แต่อย่ามายุ่งกับลูกของฉัน น่าอาย เป็นผู้ชายดีๆไม่ชอบ อยากเป็นกระเทย"

"แม่"

เอมันตะโกน

"กลับ บ้านไป เอ ไม่ต้องมาเหยียบบ้านหลังนี้อีก กลับไป"

อาจารย์ปริศนาไล่ เอกลับ มันยืนนิ่งหน้าตาดูโกรธแค้น มันวิ่งออกไปจากบ้านแล้ว ผมยังยืนอยู่ที่เดิม แม่ก็ยืนอยู่ที่เดิมหน้าซีด ผมเม้มปากรู้สึกปวดร้าวในใจที่ได้ยินอาจารย์ปริศนาด่าว่าแม่

"พี่ ปริศนา ตอนนี้พี่อาจจะยังโกรธอยู่ เอาไว้ใจเย็นแล้วค่อยมาคุยกันดีไหมคะ อรว่า"

"ไม่!! ฉันจะพูดครั้งนี้ครั้งสุดท้าย เลิกยุ่งกับลูกฉัน ไม่งั้นฉันเอาเรื่องเธอให้ถึงที่สุดแน่ๆ อย่ามาลองดี ลูกชายฉันอยู่ของมันดีๆ เพราะเธอคนเดียวทำให้มันเบี่ยงเบน เสียแรงจริงๆ เสียแรงที่ไว้ใจ ทำกันได้นะโย"

น้ำตาผมไหลออกมา เจ็บแค้นปวดร้าวในใจ

"ผม ขอโทษครับ"

ผมยกมือไหว้อาจารย์ปริศนา รู้สึกผิดจากส่วนลึกที่สุดของหัวใจ

"ไม่ต้องมาขอโทษ มันเกิดขึ้นแล้วนี่ เธอจะรับผิดชอบยังไง เธอจะทำยังไง จำเอาไว้ อย่ามายุ่งกับเออีก"

อาจารย์ปริศนาแว๊ดตะคอกกลับมา ผมสะดุ้งลดมือลงน้ำตาไหลออกมา

"พี่ปริศนาคะ อรกราบขอโทษที่เลี้ยงลูกไม่ดี แต่ที่โยเป็นแบบนี้ อรไม่เคยเสียใจ คนเป็นแม่ ลูกจะเป็นยังไงอรไม่สนใจแค่ขอให้ลูกเป็นคนดีก็พอแล้ว อีกอย่างพี่ปริศนาไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ต่อจากนี้ โยจะไม่เจอกับเออีก ส่วนเงินค่าจ้าง อรขอโทษจริงๆ อรคงให้โยรับไว้ไม่ได้ อรกราบขอโทษจริงๆค่ะ"

"แม่"

ผมร้องเพราะแม่ยกมือไหว้อาจารย์ปริศนาอย่างอ่อนน้อม แม่พูดเสียงเรียบนิ่งเสียจนน่าขนลุก ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเห็นทีท่าของแม่เย็นชาแบบนี้ แม่คงจะทุกข์ใจปวดร้าวใจไปไม่น้อยกว่าผม

"ยโส นัก ฉันผิดหวังจริงๆ อร"

อาจารย์ปริศนาเหมือนมีอะไรจุกคอพูดไม่ออก นิ่งอยู่สักพักจึงพูดออกมา แม่ไม่ได้ลดสายตาแต่มองอาจารย์ปริศนาด้วยสายตาที่อ่อนโยนอย่างน่าประหลาด ทั้งอ่อนโยนทั้งเย็นเฉียบในเวลาเดียวกัน อาจารย์ปริศนากระฟัดกระเฟียดออกจากบ้านไปแล้ว ผมยังยืนร้องไห้อยู่ที่เดิม ก้าวไปไหนไม่ได้เหมือนโดนสาปให้ชาเป็นหิน แม่เองก็นิ่งอยู่ก่อนจะทรุดตัวลงนั่ง ผมลากกายเข้าไปหาแม่

"แม่ โยขอโทษ โย ไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้"

ผมร้องไห้ สะอื้นตัวโยน แม่นั่งนิ่งไม่พูด สายตามองออกไปไกลแสนไกล น้ำตาแม่ไหลออกมาอาบสองแก้ม ผมยิ่งสะอื้นไห้ใจจะขาด หัวใจผมถูกบดขยี้ให้แหลกเหลวไปแล้ว น้ำตาของแม่ที่ไหลลงอาบแก้ม ยิ่งย้ำความเจ็บปวดให้ผมรู้สึกราวจะสิ้นลมหายใจ

"โยเป็นลูกไม่ดี โยทำให้แม่เสียน้ำตา โย ขอโทษ"

ผมก้มลงกราบเท้าแม่ จูบเท้าแม่ทั้งน้ำตา สะอื้นแรงจนหายใจไม่ทันใจจะขาดรอนๆ ทุกครั้งที่สูดลมหายใจเข้ามันบาดลึกลงเสียดแทง เจ็บปวดไปทั้งร่างกาย คราใดที่หายใจออก เหมือนหนามคมในใจมันพยายามจะออกมาทิ่มตำให้แหลกสลายไป น้ำตาพรั่งพรูออกมาจากใจ แค่หลับตาน้ำตาก็ไหลออกมา แค่คิดไปว่าแม่จะรู้สึกยังไง หัวใจผมยอกบอบช้ำ ในใจเหมือนโดนกระทืบให้แตกสลาย ปวดร้าวเหลือเกิน แม่รั้งตัวผมขึ้น

"โย ไม่เป็นไรลูก เรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว อย่าไปพร่ำเพ้อถึงมัน ใจเย็นๆ แม่เสียใจ โยเองก็เสียใจแต่ใครล่ะอยากให้มันเป็นแบบนี้"

แม่พูดทั้ง น้ำตา ผมยิ่งใจสลาย แม่ไม่เคยด่าว่าผมเลยสักครั้ง มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกผิด ผมกอดตักแม่ร่ำไห้

"ทุกสิ่งในโลกล้วนอนิจจัง ปล่อยวาง แล้วเราจะรู้ว่าไม่มีอะไรที่เป็นสุขที่เที่ยง ไม่มีอะไรเป็นทุกข์ มีแต่ใจเราที่ชักเอานำพาเอามาให้มันเป็นสุขและทุกข์"

แม่ปาดน้ำตาออก จากหน้า ผมไม่ได้ยินอะไรมากไปกว่านี้แล้ว ร้องไห้จนหูอื้อตาลาย น้ำหูน้ำตาไหลออกมาเปรอะกางเกงแม่จนเปียกชุ่ม แม่ยันตัวผมลุกขึ้น แล้วมองหน้า แววตาแม่เป็นกังวลเหลือเกิน นัยน์ตาที่เจือด้วยน้ำตาส่องประกายสะท้อนความเจ็บปวด มีคนเคยบอกว่าลูกคนใดทำบุพการีเสียน้ำตาแม้แต่หยดเดียว ลูกคนนั้นจะตกนรกหมกไหม้ ผมทำให้แม่ร้องไห้ออกมา ผมไม่ต้องตกนรกขุมที่สาหัสสากรรณ์ที่สุดหรอกหรือ ผมใจสลายมองหน้าแม่ยิ่งน้ำตาไหล

คำพูดทุกคำของอาจารญ์ปริศนากึกก้องอยู่ในมโนจิต ทุกอณูความคิด ยิ่งหลับตาเสียงแจ่มชัดขึ้น น้ำเสียงเกรี้ยวกราดคอยหลอกหลอนแม้ยามลืมหรือหลับตา สีหน้าอาการของอาจารย์ปริศนาที่ชี้นิ้วด่าว่าผมและแม่ยิ่งทำให้ผมสะอื้นไห้ ปานใจจะขาด "กระเทย" "วิปริต เลี้ยงลูกให้วิปริต" ด่าผมคนเดียวผมน้อมรับก้มหัวให้ทุกอย่าง ผมรู้ดีว่าเหตุการณ์ความรักของผมกับเอมันไม่ได้ราบรื่นอย่างที่หวังเอาไว้ แต่ด่าแม่ผมทนไม่ได้ แม่ไม่ได้เลี้ยงผมให้วิปริต ผมเองที่เป็นไปแม่เลี้ยงผมมาด้วยความรักความใส่ใยห่วงใยเสมอมา ทุกสิ่งทุกอย่างมันเป็นเพราะผม ผมเองที่สร้างมันขึ้นมา อย่าว่าแม่ผมได้ไหม ผมร่ำไห้อ้อนวอนอากาศธาตุ ความมืดมิดปกคลุมบริเวณบ้านเพราะผมปิดไฟทุกดวง แม่ขึ้นบ้านไปแล้ว แม่คงไปสวดมนต์ทำใจ ส่วนผมนั่งอยู่ที่เดิมร้องไห้อยู่อย่างนั้น ดูเหมือนความมืดมิดมันไม่ได้ปกคลุมแค่บริเวณบ้าน มันปกคลุมคุกคามเข้ามาในใจผม มองไม่เห็นอะไรเลย มองไม่เห็นแสงใดที่จะส่องนำทาง ผมยกมือขึ้นดูแหวนเงินที่เอใส่ให้ส่องประกายแต่ดูหม่นหมอง คงเหมือนใจผมตอนนี้ที่มันหม่นหมอง ไม่มีประกายอยู่เลย ผมยกนิ้วตัวเองขึ้จูบเบาๆ ไม่น่าให้เรื่องมันลามลุกมาไกลขนาดนี้เลย ความสุขที่ผ่านเข้ามามันไม่มาปลอบชะโลมหัวใจในยามนี้เลย ความสุขที่ผมรั้นฝืนให้มันเกิดขึ้นแค่ชั่ววูบ ผมผิดเองที่ไม่รู้จักหักห้ามใจ ผมผิดเองที่ปล่อยให้เรื่องมันเลวร้ายมาถึงขั้นนี้ ตอนเราสุขแม่ก็ไม่ได้รับรู้ด้วยว่าหัวใจเราพองโตแค่ไหน แต่เวลาเราทุกข์ แม่เองที่ดูเหมือนจะทุกข์กว่าเราหลายพันเท่านัก

ผมเดินขึ้นบ้านไป อย่างไร้จิตวิญญาณ ล้มตัวลงนอนที่เตียงดอกกุหลาบแดงยังรายล้อมเตียง มันช่างน่ารังเกียจเสียนี่กระไร ผมยิ่งมองเสมือนเอาหนามมันมาทิ่มตำตัวเอง สีแดงหลากหลายเฉดสีประหนึ่งกำลังหัวเราะเยาะเย้ยให้กับความอัปยศอดสูที่ เพิ่งผ่านไป ความทุกข์เหมือนมันกำลังหล่นทับใจผมเต็มที่ ได้แต่ร้องไห้อยู่ไม่รู้จักหยุดหย่อนความเจ็บปวดดูเหมือนมันไม่ได้ผ่อนคลาย ลงเลยแม้แต่น้อย ยิ่งสะอื้นไห้หัวใจเหมือนจะหลุดจากขั้วรอนๆ ผมนอนเอาหน้าซุกกับหมอนสะอื้นออกมา

"ก๊อก"

เสียงดังที่หน้าต่าง ผมเงยหน้าขึ้นจากหมอน เหมือนมีคนพยายามปีนห้องเข้ามา ผมใจหายค่อยๆลุกย่องไปตรงหน้าต่าง ผมคว้าแจกันหัวเตียงมาด้วย

"ตัว เองๆ นอนหรือยัง"

เสียงกระซิบกึ่งร้องดังมาจากริมหน้าต่าง ผมรีบวางแจกันลงแล้ววิ่งไปที่หน้าต่างทันที

"เอ"

ผมร้องดั่งเด็กที่พรากจากมารดาเจอมารดาของตน ผมเปิดหน้าต่างแล้วก้มลงไปดู เอมันกำลังปีนขึ้นมาทางหน้าต่าง ผมเอื้อมมือไปฉุดมันขึ้นมา เอมันโผเข้ากอดผม

"ตัวเองเป็นอะไรไหม"

มันถามแล้วร้องไห้ ยิ่งทำให้ผมใจร้าว

"จะทำยังไงดีเอ เราจะทำยังไงดี"

ผมพูด ทั้งน้ำตา กอดมันแน่น

"ตัวเองเชื่อเค้านะไม่ว่าจะยังไงเราจะก้าวไปด้วยกัน เค้าไม่มีทางให้แม่มาห้ามความรักของเราได้หรอก"

ผมสะอื้นในอ้อมกอดของมัน พูดอะไรไม่ออก มันเจ็บในใจ ยิ่งได้เห็นน้ำตาของมันผมยิ่งอ่อนล้า เหมือนจะหมดลมหายใจ ทำไมคนที่ผมรักทุกคนต้องเสียใจ ผมผิดมากเลยหรือที่รักผู้ชาย ผมวิปริตขนาดนั้นเลยหรือ ยิ่งคิดยิ่งน้อยใจ จากคำแทนตัวเองของอาจารย์ปริศนาแต่ก่อน เรียกตัวเองว่าแม่ ทุกคำ เรียกผมว่าลูก แต่เมื่อครู่ "เธอ" "ฉัน" มันดูห่างไกลกันเหลือเกิน

"แล้ว แม่รู้ได้ไง เอ"

ผมสะอื้นถาม เรานั่งอยู่บนเตียงที่ห้อมล้อมไปด้วยมวลกุหลาบแดง

"ไอ้ บอมมันโทรมาฟ้องแม่ คอยดูนะไอ้ตัวดี เพื่อนเหี้ย มันไม่ชอบพี่พล แต่มันก็ไม่น่าทำถึงขนาดนี้เลย"

เอกัดฟันพูด ขบกรามจนปูดโปน ผมได้ยินแล้วก็ท้อสะท้อนใจ กลัวว่ามันจะหุนหันพลันแล่นไปทำอะไรเพื่อนอีก

"เอา เถอะ เอ ยังไงแม่ก็รู้แล้ว ตอนนี้ เรา .......................ห่าง.........กัน........สักพักนะ"

ผมสะอื้น แรงหนักกว่าเดิม กว่าจะพูดออกไปได้แต่ละคำ

"ไม่เอา ตัวเอง อย่าพูดแบบนี้ เค้าจะอยู่ยังไง ถ้าห่างจากตัวเอง ไม่เอา เค้าไม่ยอม ตัวเอง อย่าพูดแบบนี้ เค้าเจ็บนะ รู้ไหม"

มันร้องไห้น้ำตาไหลลงมาอาบแก้ม ยิ่งเห็นยิ่งปวดใจ มันกอดผมแน่นร้องไห้ฟูมฟาย

"ช่วงนี้ถ้าเรา ยังติดต่อกันอยู่กลัวว่าเรื่องมันจะเลวร้ายไปกว่านี้ เอ.........ถ้าหากว่า.........อาจารย์ปริศนา.....เขาส่งเอไป.......ที่ อื่น.........แล้ว ฉันล่ะ เอ................ฉันจะอยู่ยังไง............ ถ้าไม่มีเธอ"

ผมสะอื้นจนหอบ กลัวทุกสิ่งที่จะเกิดขึ้นนับจากนี้ ผมกลัวแม้แต่จะปล่อยมือออกจากอ้อมกอดของมัน กอดแน่นขึ้นสะอื้นในอกของมัน เอร้องไห้ลูบตามตัวผม มันเองก็คงเสียใจไม่น้อยไปกว่าผม

"ไม่มีทาง เค้าไม่ไปไหนทั้งนั้น แม่บังคับเค้าไม่ได้หรอก ที่เค้าตั้งใจเรียนอยู่ทุกวันนี้ไม่เกเร เพราะตัวเองนะ รู้ไหม เค้ารักตัวเอง เค้าอยากเป็นคนดีให้ตัวเองรัก เค้าอยากเป็นคนที่คู่ควรกับตัวเอง แม่ไม่เข้าใจ แม่ไม่เคยเข้าใจเค้าเลย"

ความในใจมันพรั่งพรูออกมาผมผละออกจากอกมันแล้วโน้มคอมันมาซุกที่บ่า ลูบหัวมันเบาๆ ผมพรมจูบตามเส้นผมของมัน สงสารจับใจ สงสารมันกับตัวผมเอง

"เราไม่น่าให้มันเลยเถิดขนาดนี้เลย"

ผมพูดเสียงเบาสั่นสะอื้นอยู่

"อย่าพูดแบบนี้ ตัวเองอย่าพูดแบบนี้ เค้าเสียใจนะ เพราะรักนะเค้าถึงทำกับตัวเอง ถ้าไม่มีวันนั้น ถ้าเราไม่ได้รักกัน คิดไหมว่าเค้าจะเชื่อที่ตัวเองพูดสักอย่างไหม ถ้าเราไม่ได้รักกัน เค้าไม่มีทางจะมานั่งฟูมฟายเสียใจอยู่อย่างนี้"

เอจ้องผมจับหน้าผม ไว้ น้ำตามันไหลออกมาจากตาของมัน โอย ผมปวดใจเหลือเกิน ทรมานใจจะขาด

"เอ ฉันก็เสียใจ เอ"

ผมพูดไม่ออกสะอื้นแรงหนักจนต้องทรุดหน้าลงกับบ่า ของมัน เอมันคงเข้าใจว่าผมเองก็คงเสียใจมากเพราะผมเหมือนคนที่ไร้ซึ่งหนทาง หมดอาลัยตายอยาก หน้าตาบูดเบี้ยวเพราะร้องไห้หนัก ตาแดง แต่ภายในใจผมมันพังทะลายยับเยินไปหมดแล้ว จะพูดออกมาแต่ละคำมันช่างยากลำบาก ปวดร้าวใจจนพูดอะไรออกมาไม่ได้ ผมสะอื้นตัวสั่น มันคอยลูบปลอบโยน ทั้งที่ตัวมันเองก็ร้องไห้เช่นกัน เรานอนกอดกันอยู่อย่างนั้น บนเตียงที่ห้อมล้อมไปด้วยดอกกุหลาบแดง ที่เอเพิ่งจะทำให้ผมแปลกปลื้มใจ ไม่ทันไรกุหลาบยังไม่เฉาไปเลย แต่ความรักที่มันทำให้ผมประทับใจเหมือนกลายเป็นหนามคมที่คอยทิ่มแทงใจของเรา ทั้งสองให้เจ็บปวดร้าวราน ทรมานเหลือเกิน  

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากลโลกแห่งนี้ช่วยดลใจนำพา ใจให้เราทั้งสองเจอทางสว่างด้วยเถิด ทรมานทุกข์ใจเหลือเกินด้วยบุพการีก็ทุกข์ใจไปด้วย ด้วยบุญกุศลที่ได้สร้างสมมา ช่วยดลบันดาลให้ลูกพ้นจากห้วงทุกข์นี้ทีเถิด ผมภาวนาในใจก่อนหลับไปในอ้อมกอดของเอ


"สิ้นแสงสุริยา ราตรีส่อง ผุดผ่องงามงดพิศมร

อันดวงใจต้องมนต์ โดนศร  ฤาดัสกรข้ามเขตพัธสีมา

ด้วยรักดังน้ำ ผึ้งอาบยาพิษ   ราวจะปลิดชีพเสียวายชีวา

ยอกอกเสียดแทงเกินรักษา  แล้วทิวาก็สิ้นแสงแรงแห่งใจ"

หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!!สองตอนวันเดียว ตอน 41 Apr 10, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 10-04-2010 20:14:11
พายุอารมย์จองคนเรานี่รุนแรงและน่ากลัวที่สุด  สามารถฆ่าคนให้ตายทั้งเป็นเพี่ยงแค่ถ้อยคำและกริยาอาการที่ส่งผ่านแววตาและสีหน้า ที่สำคัญมันทำลายความรักและความสนิทสนมไปด้วย ฆ่าความโกรธด้วยปัญญาและสติเถอะนะ :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!!สองตอนวันเดียว ตอน 41 Apr 10, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: nidnoi ที่ 10-04-2010 20:19:01
 :เฮ้อ:

เป็นกำลังใจให้ค่ะ

 :L2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!!สองตอนวันเดียว ตอน 41 Apr 10, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 10-04-2010 20:32:24
 :monkeysad: writer ใจร้าย
น้ำตาท่วมจอ

น้องเอจัดไปชุดใหญ่
ไอ้เพื่อนเลว   :beat:
ทำชีวิตคนอื่นเค้าวุ่นวาย

+1
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!!สองตอนวันเดียว ตอน 41 Apr 10, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Natavishi ที่ 10-04-2010 20:42:31
 :sad4: :sad4: :sad4:

 :o12: :o12: :o12:

โหดร้ายยย   ที่  สุดดดดดดดดดดด

ข่อยรับ บ่ ได๋
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!!สองตอนวันเดียว ตอน 41 Apr 10, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: salawinyeen ที่ 10-04-2010 22:16:20
 :z3:     ตะวันกล้าหมื่นภูผาไม่อาจขวางกั้น ร้อยทะเลไหลมาปิดทาง ปีกบางๆแห่งรักไม่หวั่น บินข้ามฟ้าหอบฝันกำนัลแด่...เธอ     



TT              เศร้าจัง
 

+๑      BY YEEn 2U
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!!สองตอนวันเดียว ตอน 41 Apr 10, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 10-04-2010 22:31:20
ดีจ้า อีป้าแก่ๆ หายงอนก็ได้ แต่ที่สัญญาไว้ 3 ตอนรวด ห้ามนับ ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป

ต้องเป็น 3 ตอนรวด ในวันเดียวนะ ถึงจะเป็นการฉลองวันเกิดที่สมบูรณ์ +1 กับ  :กอด1: 1ที

ละกัน
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!!สองตอนวันเดียว ตอน 41 Apr 10, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 10-04-2010 22:35:37
ปัญหาข้อที่แก้ยากที่สุดอีกข้อก็โผล่มาจนได้ แล้วพี่โยกับน้องเอ จะฝ่ากันไปไหวมั้ย :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!!สองตอนวันเดียว ตอน 41 Apr 10, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: •ผั๑`|nกุ้va’ด• ที่ 10-04-2010 22:44:40
โอ๊ยยยยย ปวดตับ  ~~!!!~  :z3:
 
ทำไมบอมถึงทำแบบนี้ได้นี่. . . 
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!! ตอน 42 Apr 11, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 11-04-2010 10:11:42
                             ไม่มีกั๊กครับ อ่านต่อไปเลย เมื่อเช้าเขียนไปได้เกือบจบตอน ไฟดับ ไม่เซฟเลย อยากจะบ้าตาย


                    โอ๊ยยยย ปวดใจ






                                                ตอน สี่สิบสอง





ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมา แวบแรกที่คิดขึ้นมาคือเอ ผมคว้าหาตัวมันในความมืด เอไม่อยู่แล้ว ผมควานหาทั่วทั้งเตียง ใจสั่นหวาดกลัว เอไปไหน ใจสั่นระริก เดินงมฝ่าความมืดไปเปิดไฟ เอไปแล้วจริงๆ เอมันไปจากผมแล้ว ความมืดมิดมันปกคลุมในใจ ผมเคยห่างมันหลายวันไม่ได้เจอหน้าหลายวันแต่ก็อิ่มใจว่ายังไงเสียก็คงได้เจอ แต่คราวนี้ผมใจหายหลุดลอยไป มันไปแล้วผมจะได้เจอกับมันอีกไหม แต่เอมันคงไม่อยากให้แม่เห็นเพราะเกรงว่าแม่จะลำบากใจ ผมคิดแบบนี้ได้จึงค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อย นี่เรากำลังแอบพบกันอยู่หรือ นี่ความรักเรามันมีกำแพงสูงตระหง่านขวางกั้นเสียแล้วหรือ ภาพน้ำตาที่อาบสองแก้มมัน ผมเองใจยิ่งร้าว สายตาที่วิงวอนขอความเห็นใจเคลือบไปด้วยม่านน้ำตา เอมันคงเจ็บปวดไปไม่น้อยกว่าผม เสียงข้อความเข้ามา ผมรีบคว้าโทรศัพท์มาเปิดดูทันที มีหลายสายที่ไม่ได้รับ เป็นเบอร์ของพล แต่สิ่งที่ผมสนใจคือข้อความ ข้อความจากเอ

"ตัวเอง เค้ารักตัวเองมากนะ เค้าไม่ยอมง่ายๆหรอก อยู่เคียงข้างเค้านะ เราจะสู้ไปด้วยกัน"

ผมทรุดกายลงกับพื้น น้ำตาพลันไหลออกมา ปวดใจเหลือเกิน ไม่เคยรู้สึกท้อแท้อย่างนี้เลย สงสารเอ สงสารตัวเอง ทั้งยังแม่อีกคน ผมสะอื้นไห้ออกมาอีกครั้ง อยากจะกอดมันเหลือเกิน เอ เธอจะรู้ไหมว่าตอนนี้ฉันทรมานเหลือเกิน ยิ่งรักเธอมากเท่าไหร่ ฉันยิ่งเจ็บปวดรวดร้าวในใจ ผมไม่รู้ว่ารักมันตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่รู้ว่าตอนนี้มันมากมายเหลือเกิน พอรักมันมากใจผมก็บอบช้ำ นี่ผมมีกรรมอันใด ผมพร่ำเพ้อพรรณากับตัวเอง ร้องไห้จนไม่มีน้ำตา แสบตาน้ำในตาเหือดแห้งไป นาฬิกาบอกเวลาตีสี่ครึ่ง ผมยันกายลุกขึ้นลากร่างไร้วิญญาณลงมาจากห้อง เห็นแสงไฟในครัวสว่างจ้า แม่นั่นเอง ผมยืนนิ่งหยุดลังเลอยู่ ละอายแก่ใจแม้จะมองหน้าแม่ ผมทำให้แม่ร้องไห้เสียใจ ผมเป็นลูกที่เลวใช่ไหม ผมยืนนิ่งอยู่นานจึงเดินลงไปจากบันไดอย่างช้าเนิบนาบราวกับกลัวที่จะถึงที่ หมาย

"อ้าว โย เป็นยังไงลูก ดูซิ ร้องไห้จนตาบวม แดงก่ำแล้วนั่น ไปๆ ไปล้างหน้าล้างตา"

เสียงแม่แจ่มใส มองผมด้วยความห่วงใย เสียงของแม่ไม่เหมือนเมื่อคืนที่แสนเย็นชาไร้ความรู้สึก ผมยิ่งเจ็บแปลบขึ้นมาในใจ แม่คงพยายามทำให้ผมไม่คิดมาก คราใดที่ผมเห็นแม่ทุกข์ใจ แม่จ๋ารู้ไว้เถิดผมเองกำลังตกนรกทั้งเป็น ผมเดินกลับขึ้นไปล้างหน้าล้างตาแล้วอาบน้ำ พออาบน้ำค่อยรู้สึกโล่งตัวขึ้นมาหน่อย ผมเดินลงมาอยากจะใส่บาตรเผื่อจิตใจมันจะสดใสเห็นทางสว่างขึ้นบ้าง แม่ทำกับข้าวเสร็จแล้ว แม่ตื่นเช้ากว่าทุกวัน คงจะนอนไม่หลับ ผมเดินลงมายกของออกไปนอกบ้าน

"น้องมาค้างที่นี่เหรอลูก"

แม่ ถามขึ้นมาผมถึงกับสะอึก สะดุ้งพูดอะไรไม่ออก นิ่งอยู่ไม่พูดสักคำก้มหน้าดูโถข้าว

"แม่ไม่ว่าหรอกนะโย แม่รู้ว่าเราเองก็ลำบากใจ คงทุกข์ใจไม่น้อย แม่ห่วงแต่น้องมันกลัวจะหุนหันพลันแล่น ยิ่งดูเป็นคนอารมณ์ร้อนอยู่ เราเป็นพี่คอยบอกคอยเตือนน้องมันด้วยนะลูก"

แม่พูดเสียงอ่อนโยน ผมรู้สึกแปลกใจ แต่อีกด้านผมก็รู้สึกเหมือนมีน้ำทิพย์มาพรมที่กลางใจ

"แต่ เราถูกสั่งห้าม ไม่ให้.......เจอกัน นี่ครับแม่"

ผมพูดติดๆขัดๆ เหมือนมีก้อนอะไรจุกอยู่ที่คอ เปล่งเสียงออกมาอย่างยากลำบาก แม้จะพูดออกมาก็ยังก้มหน้าอยู่

"คนรักกันห้ามได้ด้วยเหรอลูก แม่ไม่ว่า พี่ปริศนาจะห้ามก็เรื่องของเขา แม่ไม่ได้สนับสนุนให้มันเป็นแบบนี้ แต่ในเมื่อมันเป็นไปแล้ว เราจะมาแก้ที่ปลายเรื่องมันเห็นจะไม่เข้าที ตอนนี้เราจะทำยังไงที่จะประครองน้องมันให้ไปในทางที่ถูกที่ควรจะดีกว่า แม่เองก็เสียใจนะลูกที่มันเกิดเรื่องแบบนี้ แต่แม่เชื่อว่าลูกเองก็ไม่ได้อยากให้มันเป็นอย่างทุกวันนี้ เอาเถอะ คนรักกันก็ยังดีกว่าเกลียดกัน"

แม่พูดเสียงราบเรียบไม่เย็นชาเหมือน เมื่อคืน แม่ลูบหัวผมเบาๆ ผมก้มลงกราบที่อกแม่ อิ่มใจ เหมือนคนหลงทางอยู่กลางทะเลทรายเดินทางอย่างอ่อนแรงแล้วเจอบ่อน้ำ แม่คือคนที่ผมรักที่สุดในชีวิต แม่คือทุกอย่างในชีวิตนี้ ผมรักแม่ รักแม่เกินกว่าที่จะพูดออกมาได้ ผมเก็บของแล้วเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าไปทำงาน ผมออกจากบ้านเช้ากว่าทุกวัน นั่งรถไฟฟ้า เหม่อลอยจิตใจคิดวกไปเวียนมา แม้ถึงสถานีหมอชิตแล้วผมก็ยังคงนั่งอยู่ ยามเดินเข้ามาสะกิดผมถึงสะดุ้งลุกออกไป ผมนั่งแท็กซี่ไปที่ทำงานเพราะถ้านั่งต่อรถอย่างอื่นคงใจลอยเลยที่ทำงานไปอีก ผมถึงที่ทำงานเช้าก่อนใคร ผมนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานมองเอกสารอยู่อย่างนั้นเหมือนกำลังจะหาคำตอบจาก เอกสารที่จ้องอยู่ แต่สายตาผมเพ่งลึกเข้าไปในกระดาษมองทะลุออกไป จิตใจผมวนเวียนคิดถึงเรื่องเมื่อคืน คำพูดทุกคำ สายตาของอาจารย์ปริศนา น้ำตาของแม่ "วิปริต" "เลี้ยงลูกให้ผิดเพศ" คำพูดเหล่านี้มันทำลายโสตประสาทผมหลอกหลอนให้จิตใจผมกระเจิงอยู่ ผม "วิปริตหรือ" "ผมวิปลาสผิดเพศมันน่ารังเกียจขนาดนี้เชียวหรือ"

"โย เป็นยังไงบ้าง ฉันรู้เรื่องหมดแล้วแก เอโทรบอก แก โอเคไหม"

เสียงพล ปลุกผมให้ตื่นจากความฝันอันโหดร้าย ผมสะดุ้ง ได้แต่มองหน้าพลแล้วพยักหน้า ไม่พูดอะไร แล้วผมก็หันกลับมามองที่เอกสารเหมือนเดิม

"ไอ้เด็กเปรต แหมไม่ชอบฉันก็ไม่น่าจะทำกันขนาดนี้เลย เลวที่สุด อย่าให้เจอนะจะด่าให้เสียคนไปเลย ไอ้ห่า"

พลสบถออกมา ผมได้แต่มองจมดิ่งลึกอยู่กับห้วงความคิดของตัวเอง

"อย่าคิดมากนะแก มันต้องมีทางออก เดี๋ยวแม่เอก็เข้าใจเองล่ะ"

เข้าใจเหรอ คงไม่มีทางคงไม่มีใครอยากเห็นลูกตัวเองวิปริตผิดเพศหรอก เอมันต้องเป็นผู้ชายธรรมดาที่มีครอบครัวที่แสนอบอุ่นอย่างที่อาจารย์ปริศนา วาดฝันไว้ ฉันเองนั่นล่ะที่ก้าวเข้ามาทำลายความฝันของเขา ฉันเองที่ทำทุกอย่างมันพัง มันแย่อยู่อย่างนี้ มันคงสมควรแล้วที่ฉันจะทนทุกข์ทรมาน ผมแย้งพลในใจ

"แก ฮึก.......ฉัน"

ผมพยายามจะพูดออกมาแต่ก้อนอะไรมันลงไปจุกคอ ร้องไห้ออกมา สะอื้น เหมือนเค้นเอาความช้ำเลือดช้ำหนองให้ออกมากับน้ำตาที่ไหลพรั่งพรูออกมา พลปรี่เข้ามากอดมันคงตกใจ

"ไม่เป็นไรนะแก ใจเย็นๆ อย่าคิดมาก"

พล ปลอบ แต่ในใจผมมันแหลกเหลวไปหมดแล้ว จะมีอะไรมาปลอบประโลมใจผมมันถึงจะดีขึ้นได้ ใจที่ตกห้วงเหวลึกมืดมิดหนาวเหน็บ จะมีแสงอันใด จะมีไออุ่นจากใครที่คอยช่วยเยียวยาหัวใจ

"โอ้โห โย มาแต่เช้าเลย ชนะพี่อีกนะเนี่ย"

เสียงทักดังมาจากประตู ผมปาดน้ำตาออกจากสองแก้มแล้วรีบก้มหน้าทำทีว่าทำงานอยู่ พลตอบรับแทน มันทักอยู่กับพี่เขาสักพักพยายามดึงความสนใจให้ไปทางอื่น ผมไล่น้ำตาออกไปแล้ว ทำตัวให้เป็นปกติมากที่สุด พอถึงเวลาทำงานผมก็พยายามดึงสติสมาธิทั้งหมดให้จดจ้องอยู่กับงาน แต่เอาไปเอามาผมทำอะไรไม่ได้เลย ภายในใจมันเหมือนภูเขาไฟที่ครุกรุ่นรอวันประทุ เอกสารที่พี่ภาเอามาให้แปลผมก็ทำไม่ดีต้องแก้ใหม่ จนพลต้องเอาไปแปลให้ มันคอยเดินมาตบบ่าผมเบาๆ ผมพยายามสูดลมหายใจเข้าปอดเผื่ออากาศมันจะทำให้ข้างในมันเย็นลงได้บ้าง พี่ภาเรียกผมเข้าไปพบตอนเกือบเที่ยง

"เป็นอะไรไปโย ดูไม่ดีเลย มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ เล่าให้พี่ฟังได้นะ"

พี่ภาถามอย่างห่วงใย ผมก้มหน้านิ่งมองใต้โต๊ะพี่ภาอยู่อย่างนั้น ส่ายหน้า

"เปล่าครับพี่ ผมไม่สบายใจนิดหน่อย"

ผมพูดออกไปเสียงเบา

"ไหวไหมโย ถ้าไม่ไหวพักก่อนได้นะ พี่ว่าเราคงไม่สบายใจมาก ไม่เคยเห็นเป็นแบบนี้"

พี่ ภายังคงสงสัย นี่ผมเป็นอะไรไปแล้ว แยกแยะงานกับเรื่องส่วนตัวไม่ออกเลยหรือ การงานเสียหมดเพราะสิ่งที่หมักหมมอยู่ในใจ

"แก เด็กนั่นโทรมา มันอยากเจออยากขอโทษ ไปด้วยกันหน่อยนะ เดี๋ยวแม่จะฉะให้กลับบ้านไม่ถูกเลยนี่ ไอ้เด็กเปรต"

พลกวักมือเรียก พอผมออกมาจากห้องพี่ภา ผมไม่ได้ยินดียินร้ายด้วย ไม่อยากจะรับรู้อะไรมากไปกว่านี้แล้ว พอถึงเวลาเที่ยงผมก็ออกไปกินข้าวกับพล นั่งเขี่ยข้าวอยู่อย่างนั้นไม่ได้เอาเข้าปากสักคำ พลเองก็ได้แต่ถอนหายใจ  มันคงเป็นห่วงผมมากเหมือนกัน ผมไม่ได้อยากทำให้มันเป็นแบบนี้เลย แต่ผมฝืนยิ้มฝืนให้ตัวเองร่าเริงไม่ได้เลย เวลายิ้มก็ยิ้มแห้งๆ ไม่มีชีวิตชีวา พอกินข้าวเสร็จเราก็กลับเข้าไปทำงาน ทำได้พักเดียวผมก็เดินออกมาข้างนอก ออกมาสูดอากาศ แดดจ้าแรง ผมเดินฝ่าไปเซเว่น แต่เดินเข้าไปโดยไม่มีจุดประสงค์ เดินเหม่อลอยวนเวียนไปมา เดินออกมาโดยไม่มีอะไรติดมือมาเลย พอเลิกงานพลก็ลากมือผมขึ้นรถไปด้วย ตอนแรกผมจะไม่ไป ไม่รู้จะไปทำไม ไม่อยากเจอใครไม่อยากให้ใครเห็นสภาพอันย่ำแย่ของผม แต่พลมันก็เหมือนรู้ พอลากขึ้นรถได้ผมก็นั่งนิ่งไม่เอื้อมมือไปเปิดเพลงเหมือนอย่างเคย ผมไม่พูดอะไรสักคำ แค่พยักหน้าเวลามันชวนคุย พลคอยชำเลืองมองผมอยู่ตลอดเวลา ขอโทษนะพล ฉันไม่มีกระจิตกระใจแม้แต่จะพูดอะไร พอถึงที่นัด เป็นที่เดิมที่เราเคยนัดกัน ภาพของเอก็สะท้อมแจ่มชัดขึ้นมา รอยยิ้มที่ผมรัก ท่าทางยียวนกวนประสาทที่ผมไม่รู้จักเบื่อ เอ ฉันรักเธอมากนะ เธอรู้ไหม คิดแล้วรื้นน้ำตาก็ปกคลุมลูกตา ผมต้องกระพริบตาถี่ๆไล่น้ำตาไป พลลากผมขึ้นไปชั้นบน ถึงร้าน บอมนั่งรออยู่ก่อนแล้ว มันยังใส่ชุดนักเรียน นั่งก้มหน้าอยู่ พลปรี่เข้าไปหาทันที

"ว่าไง ไอ้เด็กปากเปราะ"

พล แขวะตั้งแต่เดินยังไม่ถึงที่ มันเงยหน้าขึ้นมามองเราทั้งสอง ผมก็ต้องตกใจ เพราะใบหน้ามันบวมเปล่ง ปากเจ่อห้อเลือด เบ้าตาก็แดงคล้ำ เสื้อผ้ามอมแมม

"หวัด ดีครับพี่"

มันยกมือไหว้ แล้วหลบตาผม

"ไปฟัดกะหมาที่ไหนมาล่ะ โดนน้อยไปนะเนี่ย"

"พล"

ผมปรามเพราะพลยังแขวะมันไม่เลิก

"ผม มาขอโทษครับพี่ ผมไม่ได้ตั้งใจ"

มันพูดลอดไรฟันออกมา เหมือนว่ากลัวดอกพิกุลจะร่วง

"รู้สึกตัวด้วยเหรอว่าทำผิด เรารู้ตัวไหมว่าทำให้คนอื่นเขาเดือดร้อน ไม่ชอบพี่ ก็ไม่เห็นต้องทำกันถึงขนาดนี้ เอกับโยเขาไม่รู้เรื่องด้วย พี่เป็นคนอยากรู้จักเราเองเลยขอให้เอติดต่อให้ แต่ดูเราทำสิ ทำให้คนรักกันเขามีปัญหา สะใจหรือยัง"

พลพูดเสียงดังจ้องมันเขม็ง

"พี่ ผมไม่ได้อยากให้เป็นอย่างนี้นะ ผมแค่อยากแกล้งไอ้เอมัน ไม่คิดว่าแม่มันจะ"

มัน เงยหน้าขึ้นมาจ้องพลอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน แต่มันก็ลดเสียงลงตอนท้ายประโยค เหลือบมามองผมแล้วหลุบตาลง

"ผมขอโทษ นะพี่"

เสียงมันเครือๆ ยิ่งฟังยิ่งร้าวจับใจ

"ทำไมต้องทำอะไรกันรุนแรงขนาดนี้ด้วย เอ นี่เหลือเกินจริงๆ"

ผมพูดออกไป มองมันอย่างห่วงใยเพราะดูท่าคงเล่นกันแรงเหมือนกัน หน้าตาถึงได้บูดเบี้ยวแบบนี้

"ต่อให้มันทำเยอะกว่านี้ผมก็ทนได้ครับ พี่ ถ้าทำให้ไอ้เอกลับมาเป็นเหมือนเดิม มันเปลี่ยนไป มันเกลียดผมไปเลย ผมไม่รู้จะทำยังไงดี"

บอมระบายออกมาอย่างคับแค้นใจ

"เป็นยัง ไงล่ะ ตอนทำไม่คิด โดนซะบ้าง สม"

"พล พอได้แล้ว"

บอมจ้องหน้า พลอย่างโกรธแค้น ผมต้องปรามเอาไว้

"นี่มันก็ไปกินเหล้า ทั้งที่มันเลิกกินมาตั้งนานแล้ว คงเพราะพี่ที่ทำให้มันเลิก"

"อ้อ เพื่อนไม่ชวนสินะ ถึงแจ้นมาบอก"

"พี่"

มันลุกขึ้นกำหมัด จ้องหน้าพลยังกับจะควักตับไตใส้พุงออกมา

"พล พอแล้ว"

ผมพูด เสียงดุแล้วมองมัน

"นั่งลงก่อนเถอะบอม ค่อยๆพูดกัน เอเองก็ทำเกินไปเป็นเพื่อนกันแท้ๆ ทำไมต้องรุนแรงถึงขนาดนี้ด้วย เจ็บไหม เรากินข้าวหรือยังครับ เดี๋ยวพี่พาไปกินข้าว แล้วไปหาหมอนะ"

ผมพูด เสียงอ่อนโยน อ่อนล้าในใจ

"แม่พระเหลือเกิ๊น"

พลยังไม่ยอม หยุด ผมต้องหันไปจิกด้วยสายตามันถึงยอมนิ่ง

"ผมไม่เป็นไรหรอกครับพี่ แค่นี้มันยังน้อยไป อย่างที่พี่เขาบอกจริงๆ เพราะมันยังเจ็บน้อยกว่าที่เอมันเป็นอยู่ ผมไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้นะครับ พี่ ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจ"

มัน พูดเสียงเศร้า เหมือนมันร้องไห้ แต่ผมมองไม่เห็นเพราะมันก้มหน้าอยู่

"เอา เถอะบอม อย่าคิดมาก ไม่เกี่ยวกับเราหรอก สิ่งที่มันผ่านมาแล้วมันทำอะไรไม่ได้หรอก ที่ทำได้คือแก้ปัญหาไป สักวันแม่เอก็ต้องรู้อยู่ดี ยังไงพี่กับเอก็ต้องเจอเรื่องแบบนี้ เราไม่ผิดหรอก ไม่ต้องคิดมาก เรื่องเอเดี๋ยวพี่จัดการให้ ไม่ต้องเป็นห่วง เราไปกินข้าวกันก่อนเถอะ เดี๋ยวพี่พาไปหาหมอ ล้างแผลสักหน่อย นี่ถ้าพ่อแม่เราเห็นไม่เอาเรื่องแย่หรือ"

ผมพยายามตัดบทให้จบโดยเร็ว เห็นใจมัน แต่เอของผมล่ะ ป่านนี้มันจะเป็นยังไง ยิ่งได้ยินว่าไปกินเหล้า เวลามันเมา อ๊วกใครจะดูแล ใครจะคอยกอดมัน ผมเป็นห่วงมันเหลือเกิน น้ำตาซึมออกมาโดยไม่รู้ตัวอีกครั้ง ผมกระพริบตาถี่ๆไล่น้ำตาไปจากหางตา ผมลุกขึ้นเดินนำหน้าทุกคนไป พลฉุดบอมให้เดินคู่กับมัน ตอนแรกมันเหวี่ยงมือออก แต่พลก็ไม่ยอม พอหลับหลังผมพลก็กัดน้องมันไม่ยอมหยุด เสียงมันทะเลาะกันไม่ใช่เบาจนผมต้องหันมาดึงแขนบอมเอาไปเดินคู่กัน แล้วเอ็ดพลมันก็ทำหน้ามึนใส่คงจะหมั่นไว้บอมมัน

"ผมรู้แล้วล่ะครับ ว่าทำไมเอมันถึงรักพี่ ผมไม่แปลกใจเลย ถ้าเป็นผมเองผมก็คงรักพี่เหมือนกัน"

บอมมองหน้าผม ไม่ได้รู้สึกยินดีกับคำพูดของมันแม้แต่น้อย พี่ไม่ได้ดีเด่อะไรหรอกนะบอม พี่ทำให้ใครต่อใครเสียใจ เพียงเพราะรสนิยมส่วนตัว หรือที่อาจารย์ปริศนาเรียกว่า "วิปริตวิปลาส" อย่าเอาเพียงแค่เปลือกนอกของพี่มาตัดสินเลยว่าพี่คู่ควรสำหรับความรักจากใคร คิดมาก็สะท้อนยอกให้ใจเจ็บช้ำปวดร้าว บาดแผลนับวันมันไม่มีทีท่าว่าจะหายเลย ยิ่งกรีดลึกทรมาน เวลาใครพูดอะไรขึ้นมาผมก็เอามาตีใส่มันให้แผลมันเปิดเจ็บช้ำกว่าเดิม ผมอมยิ้มแห้งๆให้บอมแล้วรีบเดินไปร้านอาหาร  เรากินข้าวเสร็จพลก็ขับรถพาเราไปคลีนิกแถวอโศก เพราะตอนเรียนเคยไปหาบ่อยครั้งและรู้จักกับหมอประจำร้านด้วย หมอล้างแผลทำความสะอาดให้บอม ผมก็นั่งรอกับพล ในใจผมคิดถึงแต่เอผมพยายามกดโทรศัพท์หามันทุกห้านาที แต่มันไม่รับสายเลย ทำอะไรอยู่นะคนดี เธอทำอะไรอยู่ พูดให้ได้ยินเสียงสักหน่อยเถิด ฉันใจจะขาด ได้โปรดเถิด รับสายฉันหน่อย ผมเหมือนคนบ้ามองแต่โทรศัพท์ ทั้งเขียนข้อความ ทั้งโทรออก แต่ปฏิกริยาตอบรับไม่มีเลย มันยิ่งเป็นเหมือนไฟสุมใจให้ร้อนรนกว่าเดิม

พลขับรถมาส่งผมที่บ้าน ตอนแรกบอมจะกลับบ้านเองเพราะคงทะเลาะกับพล แต่ผมขอไว้ มันจึงยอม รายของผมนั้นยิ้มมุมปากทันทีเมื่อได้ไปส่งบอมมันที่บ้าน ผมต้องกำชับพลว่าอย่าว่าน้องมันอีก แล้วผมก็ให้เบอร์บอมไปถ้าหากพลว่าอะไรให้รายงานผม ไม่อยากทำแบบนี้แต่ไม่รู้ทำไมไม่อยากให้ทุกอย่างมันเลวร้ายลงไปมากกว่านี้

ผม ถึงบ้านเกือบสามทุ่ม แม่นั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะผมอยู่คุยกับแม่ครู่ใหญ่จึงขึ้นไปอาบน้ำชำระความ เหนื่อยล้าที่สะสมมาทั้งวัน พอเสร็จผมก็ล้มลงบนเตียงแหงนมองเพดานอย่างหดหู่ คิดถึงเอที่เคยนอนคลอเคลียอยู่ข้างกาย ป่านนี้มันจะเป็นยังไงนะ ผมเอาโทรศัพท์มากดโทรหามันอีกครั้ง อยากได้ยินเสียง พลันก็มีโทรศัพท์เรียกเข้ามาเป็นเบอร์ที่ไม่คุ้น ผมลังเลก่อนจะกดรับ

"สวัสดี ครับ"

ผมกรอกเสียงตามสายไป

"เอ่อ พี่โยหรือเปล่าครับ ผมบ๊อบนะครับ เป็นเพื่อนเอ"

เสียงอีกฝั่งดังมามันทำให้ผมกระเด้งตัว ลุกขึ้น

"ครับ ใช่ครับ เออยู่กับเราหรือ"

น้ำเสียงผมร้อนรน

"ครับ พี่ มันเมามาก มันขอให้ผมโทรหาพี่"

"เอเป็นอะไรมากไหม แล้วตอนนี้อยู่ไหนครับ น้อง"

ผมเร่งถามเพราะร้อนใจ

"มันเมา พี่ พากลับก็ไม่กลับ จะคุยกับพี่ท่าเดียว นี่มันก็แดกเหล้าไปคนเดียวเลย ไม่รู้หิวเหล้ามาจากไหน พี่มารับมันหน่อยสิครับ"

หลังจากวางสายผมก็ เปลี่ยนเสื้อผ้ารีบออกจากบ้านทันที บอกแม่ว่าเรื่องราวมันเป็นยังไง แม่เข้าใจไม่ได้ห้ามอะไร ผมนั่งแท็กซี่ไปยังพัฒนาการซอยสามสิบบ้านของบ๊อบที่โทรมาเมื่อครู่ จากบ้านผมถึงพฒนาการไม่ไกลกันมากนัก พอถึงผมก็โทรหาบ๊อบอีกที รอสักพักมันก็ออกมารับ ผมเดินตามเข้าไปในบ้าน ไม่มีใครภายในบ้าน มันเดินนำขึ้นไปบนห้องมัน พอเปิดห้องเข้าไปผมก็ยืนนิ่งอยู่ มีเพื่อนมันอีกสองคน พวกมันดูเหมือนจะเมาเหมือนกันแต่ยังนั่งอยู่ ผมกวาดสายตามองหาเอ มันนอนแผ่อยู่บนเตียงทั้งชุดนักเรียน นอนดิ้นไปมา

"เอ"

ผม เรียกออกมา ใจหล่นลอยหายไป สภาพมันน่าสงสารเหลือเกิน มันร้องไห้อยู่ดิ้นคว้านั่นคว้านี่อยู่

"ตัวเอง อยู่หนาย ที่ร้ากกูอยู่หนาย อ้ายเหี้ย มึงพาเมียกูมาหาหน่อย อ้ายเหี้ย"

มันพูดทั้งน้ำตา ผมยืนนิ่งดูอยู่ บ๊อบมันหันมามองผมแล้วพยักหน้าให้ ผมน้ำตาร่วงออกมาทันที ปวดใจเหลือเกิน

"เอ เอ กลับบ้าน"

ผม เข้าไปเขย่าตัวมัน

"ม่ายกลับ กู ม่ายกลับ กูจาคุยกับ ที่ร้ากกู มึงโทรหา ที่ร้ากกูให้หน่อย อ้ายเหี้ย บ๊อบ"

มันปัดมือผมออก ผมทรุดตัวลงนั่งข้างตัวมัน ร้องไห้ ลูบตามแขนที่มีรอยฟกช้ำ ใบหน้ามันก็ฟกช้ำ สงสารจับใจ

"เอ ฉันเอง นี่ฉันเอง"

ผมพูดออก ไปเสียงเครือไปด้วยน้ำตา เพื่อนมันคงแปลกใจแต่ผมมองไม่เห็นใครแล้วในตอนนี้ คนที่ผมห่วงใยคนที่เป็นดวงใจอยู่ตรงหน้า เขากำลังทรมานด้วยฤทธิ์เหล้าหรือจะด้วยอะไรก็ตามแต่ มันทำให้ใจผมร้าวรานเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!! ตอน 42 Apr 11, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Vesi ที่ 11-04-2010 11:12:02
อ่านแล้วทรมานใจจริงๆ คิดอยู่แล้วว่าคุณแม่น้องเอต้องรับไม่ได้แน่ๆ
คงเพราะวิธีการที่รู้มันแย่ไปหน่อยละมั้ง
รู้จากคนอื่นแทนที่จะรู้จากตัวต้นเหตุโดยตรง
ซักวัน อ.ปริศนา คงจะรับรู้ได้เองว่าที่ เอ ปรับตัวดีขึ้นผิดหูผิดตาแบบนี้เป็นเพราะโย
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!! ตอน 42 Apr 11, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: pearleye ที่ 11-04-2010 11:47:05
โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ :o12:

เศร้าาาาาาา สงสารโย สงสารเอ  :sad4:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!! ตอน 42 Apr 11, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 11-04-2010 12:07:18
 :monkeysad:

+1
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!! ตอน 42 Apr 11, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Earhee ที่ 11-04-2010 13:11:56
 :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:

อ่านแล้วเศร้าจัง

สงสารเอ

สงสาร โย

สงสาร แม่อร

เกลียดอาจารย์ปริศนา


สู้ๆๆ ค่า

 :o12: :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!! ตอน 42 Apr 11, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: jadezii ที่ 11-04-2010 15:37:41
ฮืออออออออออออออออ
อะไรจะเศร้าเช่นนี้ ~ TT^TT

 :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:
 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:

อาจารย์ปริศนาทำเกินไปนะ !
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!! ตอน 42 Apr 11, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: salawinyeen ที่ 11-04-2010 16:42:55
 :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15:






ได้แต่ยินยอมรับความเจ็บปวดและฉันจะอดทนนะเธอที่รัก









มันเป็นเรื่องที่เศร้ามากๆเลย     เป็นกำลังใจในครับ    + 1
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!! ตอน 42 Apr 11, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: salawinyeen ที่ 11-04-2010 16:49:13
แม้ว่าจะต้องเสียความรักไปแม้ว่าจะไม่เหลือใครสักคนมันจะเจ็บจะช้ำกี่หนแต่คนๆนี้ไม่ท้อใจแม้ว่าในวันนี้มีน้ำตาจะข่มมันให้



 :m15: :monkeysad: :sad11:           ไหลอยู่ข้างในความฝันนั้นจบไปแต่ยังเหลือตัวฉัน



                    ------------------                     ------------------
                             i                                          i
                             i                                          i
                             i                                          i
                             i                                          i
                             i                                          i
                             

                                      ----------------------
 






                  เพราะโลกนี้มีเธอเพียงคนเดียวฉันจึงเสียเธอไม่ได้ถ้าเธออยากทำร้ายก็เชิญแต่อย่าเดินหนีไปจากฉันนึกเสียว่า

สงสารอย่าลงฑัณ ด้วยคำว่าลาจาก



                          เป็นกำลังใจให้นะครับ บ                        by    salawin




หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!! ตอน 42 Apr 11, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: •ผั๑`|nกุ้va’ด• ที่ 11-04-2010 18:26:59
โอ้ววววววววววววววววววววววววว >,,,,,,<  สู้นะ กันต่อไปนะ น้องเอ พี่โย
 
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!! ตอน 42 Apr 11, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 11-04-2010 18:36:26
สงสารมากแต่ไม่รู้จะบอกยังงัยดี ได้แต่ส่งกำลังใจผ่านอักษรมา ให้มีสติและประครองกันก้าวผ่านปัญหาให้ได้ บันไดขั้นแรกเพิ่งเริ่มต้น สู้นะคับสู้ สู้เพื่อรัก :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!! ตอน 42 Apr 11, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Na_RimKLonG ที่ 11-04-2010 22:33:55
สงสารอ่ะ

โอ๊ยยไม่รู้จะบรรยายยังไงดี 

 :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!! ตอน 43 Apr 12, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 12-04-2010 06:58:27
                              



                               ตอน สี่สิบสาม



"เอ นี่ฉันเอง"

ผมสะอื้นออกมา ลูบตามตัวมันอยู่ มันปรือตาขึ้นมาดู

"ตัว เองหรา ตัวเองมาแล้วหรา เค้าคิดถึงตัวเอง มากน้า"

มันพยายามจะดันตัว ลุกขึ้นมาแต่ก็ต้องล้มตัวลงไปอีกเพราะคงเวียนหัว มันดิ้นตัวงอเอามือกุมหัว

"เอ ไหวไหม"

ผมสะอื้นใจจะขาด ทั้งที่มันเมาเป็นเรื่องปกติเพราะผมเองก็เคยเห็นมาแล้ว แต่ครั้งนี้ทำไมผมถึงรู้สึกปวดใจยิ่งนัก

"หวาย เค้าหวาย"

"บ๊อบ ช่วยพี่หน่อย พี่จะพาเอกลับบ้าน"

ผมหันไปขอร้องบ๊อบที่ยืนเอ๋ออยู่ เพื่อนมันอีกสองคนลุกมาช่วยพยุง

"ปล่อยกูอ้ายเฮี้ย กูจาให้เมียกูจับคนเดียว"

มันตวาดพยายามลุก

"เอ"

ผม ได้แต่ร้องเรียกชื่อมัน เข้าไปพยุงมันใส่บ่า แต่ก็ต้องเซไปอีกทาง เพื่อนมันต้องประครองไว้

"มันไม่เคยเป็นอย่างนี้เลยนะพี่ พี่ทะเลาะกับมันเหรอ"

บ๊อบถาม ผมไม่ตอบได้แต่เม้มปาก มันคงไม่ได้บอกใคร

"มันกินเหล้าปกติมันจะคอยดูแลเพื่อน แต่นี่ มันคงเสียใจมาก"

"ขอบใจนะบ๊อบ ที่ช่วยดูแลเอให้ เดี๋ยวพี่พาเขากลับบ้านเอง ขอโทษนะ ที่เอมารบกวน"

ผมพูดทั้งน้ำตา มันหน้าซีดมือไม้สั่น

"ช่วยพี่พยุงหน่อย"

ผมขอร้องมันอีกที เพราะเอมันตัวใหญ่กว่าผมเยอะ อีกอย่างเพื่อนๆมันก็รูปร่างพอๆกัน

"อ้าย เหี้ย อย่ามาจับกู กูจะให้เมียกูจับคนเดียว"

มันยังตวาดเพื่อน จนบ๊อบเองผงะไม่กล้าแตะ

"เอ อย่าทำแบบนี้ ให้เพื่อนพยุงนะ เราจะได้รีบกลับบ้าน"

ผมพูดเสียงอ่อนโยน ลูบหัวมัน

"เพราะที่ ร้ากกูขอนะอ้ายเหี้ย กูถึงยอม"

มันยังมีฤทธิ์ด่าเพื่อน กว่าเราจะพยุงตัวมันลงจากห้องบ๊อบได้ก็ลำบากลำบนเพราะมันดิ้นตลอดเวลา พอถึงหน้าบ้านผมก็ให้เพื่อนมันอีกคนเรียกแท็กซี่ให้ ยัดตัวมันเข้าไปในแท็กซี่ได้ผมก็หันมาหาเพื่อนๆมัน

"ขอบใจนะ ที่ดูแลเอให้"

ผมพูดน้ำตายังไม่หายไปจากเบ้าตา พวกมันยืนเอ๋อไม่รู้จะพูดอะไรดี พอขึ้นรถได้ผมก็คว้าตัวมันมากอด บอกแท็กซี่ไปเอกมัย ผมคงต้องพามันกลับบ้านมันเองเพราะถ้าอาจารย์ปริศนารู้ ผมเองที่จะเป็นฝ่ายที่ลำบาก

"เค้าเสียจายน้า เค้าทำให้ที่ร้ากลำบาก"

มัน เพ้อ

"ไม่เป็นไรนะ เอ ไม่เป็นไร เวียนหัวไหม"

ผมจูบหน้ผากมัน ทั้งน้ำตา สะท้อนใจสงสารเหลือเกิน

"เค้า เกลียดแม่ เค้าเกลียดแม่ แม่ไม่เข้าใจเค้า"

มันร้องไห้ออกมา

"ไม่เอานะเอ อย่าพูดแบบนี้ อย่าพูดแบบนี้"

ผมพยายามกดเสียงสะอื้นไว้กัดปากตัวเอง ให้เสียงสะอื้นมันหายไป

"เอ ต้องเข้มแข็งนะ อย่ายอมแพ้ อย่าทำแบบนี้ ฉันทรมาน รู้ไหมเอ"

ผมร้องไห้ออกมา สะอื้นสุดกลั้นคนขับรถแท็กซี่คงจะแปลกใจ แต่ผมไม่คิดว่าอยู่บนรถแท็กซี่ไม่คิดอาย ผมพรมจูบใบหน้ามันด้วยคราบน้ำตา กว่าจะถึงเอกมัยก็เล่นเอาผมสะอื้นหลายรอบ พอลงจากรถมันก็คว้าตัวผมมากอดทั้งที่ตัวมันเซยืนไม่อยู่

"เค้ารักตัว เองมากน้า เค้ารักตัวเองมากกว่าใคร อยู่กับเค้าน้า อย่าทิ้งเค้าน้า"

มัน กอดผมร้องไห้ ผมยิ่งสะอื้นหนัก

"ฉันไม่ไปไหนเอ เราจะไปด้วยกัน เราจะเดินไปด้วยกัน เข้มแข็งไว้นะเอ"

ผมกอดมันอยู่นาน เออ๊วกออกมาผมต้องลูบหลังให้มัน ไม่อยากจะจากไปเลย แต่ก็อยู่ไม่ได้ ถ้าอาจารย์ปริศนามาเห็นทุกอย่างมันคงแย่ลงกว่านี้ ผมพยายามปลอบมันอยู่นานก่อนจะผลักประตูบ้านให้มันเข้าไป เอมันยื้ออยู่นาน ก่อนมันจะหันหลังเข้าบ้าน วินาทีที่มันละสายตาจากผม มันรู้สึกหวิวเหมือนเด็ดใจออกจากขั้ว ใจหายลอยไปไกลแสนไกลหวิวในใจ กลัวขึ้นมาจับใจผมถอยออกไปก้าวหนึ่งรอมันปิดประตูบ้าน แต่ผมยังยืนร้องให้อยู่หน้าบ้านมัน ทรุดตัวลงนั่งกับพื้น ใจจะขาดทรมานใจปวดร้าวอย่างที่สุด ผมเอากำปั้นตีหน้าอกตัวเอง เพื่อให้มันเจ็บเตือนสติให้รู้ว่านี่มันเป็นเรื่องจริง นี่คือสัจธรรมที่ผมกำลังเผชิญอยู่ มรสุมความหนาวเหน็บปวดร้าวนี้มันกำลังเล่นงานผมอยู่ ผมสะอื้นไห้อยู่กับพื้นไม่อายใครไม่มีกะใจจะมองเห็นสิ่งอื่น ความเจ็บปวดที่มันถาโถมเข้ามามันบดบังทุกสิ่ง ภาพแผ่นหลังเอที่เดินลับตาเข้าบ้านไปมันยังแจ่มชัด ใจจริงอยากจะวิ่งไปกอดไว้ไม่ไห้ไปไหน แต่ผมก็ต้องปล่อยให้มันไป หวั่นใจเหลือเกิน ผมลากตัวเองกลับบ้านด้วยความทุกข์ทรมาน พอถึงบ้านแม่นั่งรออยู่ ผมโผเข้ากอดแม่ สะอื้นหนักจนจะสิ้นลม แม่ปลอบลูบหัวอยู่ ความในใจพรั่งพรูออกมา สิ่งที่เก็บไว้ในใจผมเพียงลำพังมันออกมาจนหมดเปลือก แม่นั่งกอดผมอยู่ลูบหัวเบาๆ จนผมเคลิ้มหลับไปตรงโซฟานั่นเอง

อาทิตย์ นี้ผ่านไปยากเย็นแสนเข็ญ ไปทำงานก็ไม่มีสมาธิ แม่เรียกผมเข้าไปสวดมนต์ด้วยทุกวัน เผื่อว่าผลจากการสวดมนต์มันจะทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นบ้าง มันก็ดีขึ้นนะตอนที่สวดอยู่หน้าพระ แต่พออยู่คนเดียวนรกในใจมันก็เข้ามากลืนกินหัวใจผมให้เปราะบางไปกว่าเดิม ผมคุยกับเอทุกวัน มันปิดเทอมแล้ว ผมยิ่งร้อนใจแทนที่ปิดเทอมผมน่าจะได้อยู่กับมันให้มากกว่าเดิม แต่กลับเป็นว่าเราโดนจับแยกจากกัน วันเสาร์ผมก็คุ้นกับการที่ตื่นขึ้นมาแล้วมีมันอยู่ข้างกาย แต่วันนี้เตียงมันว่างเปล่า เหงาขึ้นมาจับใจมองไปทุกที่ที่เคยมีมันยิ่งแปลบเจ็บลึกเข้าไปในทรวงอก ผมอดใจไม่ได้ที่จะกดโทรศัพท์ไปหาเอ แค่ได้ยินเสียง อย่างน้อยให้เสียงนั้นหล่อเลี้ยงชีวิตผมไปในแต่ละวัน พอจะเยียวยาความเจ็บปวดไปได้บ้าง

"เอ"

พอมันกดรับผมก็เรียกชื่อทันที

"ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าติดต่อกับลูกชายฉันอีก นี่พูดไม่รู้เรื่องใช่ไหม ห๊า ต้องให้ทำยังไงถึงจะเข้าใจ อย่ามาวอแวกับ ลูกชายฉันอีก"

ผมเหมือนหูฝาดไป เสียงอาจารย์ปริศนาแผดเสียงด่ามาตามสายโทรศัพท์ ผมอึ้งอยู่ตกใจ กดสายทิ้งไป ใสสั่นระริกกลัวหวั่นอยู่ในใจ ผมคิดไปต่างๆนานา นี่เกิดอะไรขึ้น ผมร้อนใจเป็นอย่างยิ่งไม่เป็นอันทำอะไร ผมคงต้องพึ่งบอมแล้ว

"บอม พี่โยเองนะครับ"

พอบอมรับสายผมก็พูดไป

"อ้อ ครับ ว่าไงครับพี่"

เสียงมันดูแปลกใจคงไม่คาดหวังที่ผมจะโทรหา

"เอ่อ เอเป็นอะไรหรือเปล่า"

ผมถามอ้อมแอ้ม

"หือ มีอะไรกันเหรอพี่ มันยังไม่ยอมคุยกับผมเลยครับ"

"เหรอ ยังไม่คุยกันอีกเหรอ"

ใจแป้วหมดหวังไป จริงสินะมันทะเลาะกันอยู่นี่ ผมวางสายจากบอมแล้วนอนคิดอยู่บนเตียง จะทำยังไงดี ผมแวบคิดถึงบ๊อบขึ้นมา ไวทันความคิดผมกดโทรศัพท์ไปหาบ๊อบทันที

"บ๊อบ พี่โยนะครับ"

"เอ้อ ครับพี่ มีอะไรครับ"

มันตอบตะกุกตะกัก

"เอ่อ เอไปหาเราบ้างไหม"

ผมก็อายที่จะถาม แต่ด้วยร้อนใจอยากจะรู้

"เอ่อ ไม่นี่ครับพี่ มีอะไรเหรอครับ"

"คือ พี่โทรไป เห็นเอไม่รับสาย คิดว่าจะไปหาเรา"

ผมตอบขาดๆหายๆ บ๊อบนิ่งเงียบไป ผมเองก็เงียบ

"คือ แม่มันยึดโทรศัพท์น่ะครับ"

ผมใจหายไปกว่าเดิม นี่อาจารย์ปริศนารังเกียจผมถึงเพียงนี้เชียวหรือ มือสั่นพูดไม่ออก ร้อนรน

"อ้อครับ"

ผมพูดออกไป เสียงสั่นสะท้าน ความคิดต่างๆหลั่งไหลเข้ามาในหัว ไม่รู้จะพูดอะไรต่อไปดี นี่ผมจนหนทางแล้วหรือ แค่คุยกันทางโทรศัพท์ยังไม่ได้ แล้วผมจะทำยังไงดี

"พอแล้ว ไอ้บ๊อบ"

เสียงที่คุ้นหูเหลือเกินดังลอดเข้ามาในสาย ผมเนื้อเต้นดีใจ

"เอ นั่นเอใช่ไหม"

ผมตะโกนร้องถามบ๊อบไป

"เอ่อ ไม่ใช่พี่ แค่นี้ก่อนนะครับ"

มันตัดสายไป ผมพยายามโทรไปใหม่หลายรอบมันก็ไม่ยอมรับสาย ใจร้อนรนเหลือเกิน ผมอยู่ไม่ได้แล้วผมรีบอาบน้ำออกจากบ้านไปที่บ้านบ๊อบทันที พอถึงก็โทรหามันแต่มันก็ยังไม่รับสาย ผมกดกริ่งหน้าบ้าน กดอยู่นานก็ไม่มีใครมาเปิดประตู ตกลงไอ้นี่มันอยู่บ้านคนเดียวหรือไงนะ สักพักก็มีหญิงวัยกลางคนมาเปิดประตู ผมทำท่าเงอะงะก่อนยกมือไหว้

"ผมมาหาน้องบ๊อบครับ ไม่ทราบว่าอยู่ไหม"

"อ้อ คุณบ๊อบเหรอคะ อยู่บนห้องน่ะค่ะ"

ป้าแกตอบมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า

"ผมขอเข้าไปเจอน้องบ๊อบได้ไหมครับป้า"

ผมทำสายตาวิงวอน ป้าแกยอมหลับจากประตูให้ผมเข้าบ้านไป

"อยู่บนห้อน่ะค่ะ เดี๋ยวป้าไปบอกให้"

"อ้อ ไม่เป็นไรครับ ผมเคยมาแล้วเดี๋ยวผมเดินขึ้นไปเอง ผมมาคุยกับน้องเขาแป๊บเดียวครับป้า เดี๋ยวก็กลับแล้ว"

ผมบอกปัดเพราะกลัวว่าพอบ๊อบมันรู้ว่าผมมาหามันจะไม่ยอมเจอ ผมเดินตรงขึ้นไปชั้นบนตรงห้องนอนของมัน เคาะประตูอยู่สักพัก ประตูก็เปิดออก ผมผงะถอยออกมาเพราะควันโขมงลอยออกมาจากห้อง

"เฮ้ย พี่"

มันทำหน้าตกใจเหมือนเจอผี เหรือไม่ก็โจทก์เก่า ผมยืนมองอยู่อย่างตกใจเช่นกัน

"พี่เข้าไปได้ไหม"

ผมพูดขึ้นเพราะกลัวเว้นช่องนานมันจะปิดประตูเสียก่อน

"เอ่อ ไม่ดีกว่า"

"ไม่เป็นไร พี่เข้าไปหน่อย"

ผมแทรกกายดันตัวเองเข้าไปในห้องมันทันที ผมยินนิ่งเพราะภาพที่ม่านตาผมรับรู้คือเอ ยืนอยู่ริมระเบียงสูบบุหรี่อยู่ มันหันมามองผมแล้วตกใจ ทิ้งบุหรี่ในมือลงพื้นแล้วเอาส้นเท้าขยี้ทั้งที่มันเป็นไฟ มันคงลืมตัวพอส้นเท้าแตะกับก้นบุหรี่มันก็กระโดดโหยง ผมยืนมองนิ่งอยู่ตาค้างไม่พูดอะไรสักคำ

"ตัวเอง มาทำไมที่นี่"

มันพูดหลังจากกลับมาเป็นปกติ มันเดินเข้ามาหาผม บ๊อบเองก็ยืนเคว้งคว้างอยู่ข้างหลังผม คงทำตัวไม่ถูก

"เป็นห่วง อยากเห็นหน้า"

ผมกัดฟันพูดรู้สึกโกรธมันขึ้นมา มันเครียดมากจนถึงต้องเสพสิ่งแบบนี้ด้วยหรือ

"เอ่อ เค้าไม่เป็นไร ว่าจะโทรหาอยู่เหมือนกัน"

มันพูดอ้อมแอ้ม ใจผมเต้นแรงหน้าแดงร้อน รู้สึกน้ำตามันปริ่มๆออกมาอีกแล้ว เกลียดตัวเองเสียจริง ทำไมกลายเป็นคนเจ้าน้ำตาไปเสียแล้วนะ

"อืม คงไม่เป็นไรแล้วจริงๆ งั้นฉันกลับแล้ว เอ ดูแลตัวเองด้วยนะ ฉันเป็นห่วง"

ผมพูดเสียงราบเรียบ ไม่มีขึ้นต่ำสูง พูดจบก็หันหลังกลับทันที แต่ลดเสียงลงต่ำจนเหมือนมันลอดออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ มันเบาแผ่วไม่มีเรี่ยวแรง

"ตัวเอง อย่าไปนะ เค้าขอโทษ เค้าเครียด เค้า"

มันเข้ามากอดไว้ บ๊อบทำหน้าเหรอหรา มันเกาหัวแล้วเดินออกจากห้องปิดประตูไป

"แม่ยึดโทรศัพท์เค้า ไม่รู้จะโทรหาตัวเองยังไง เค้าไม่มีกระจิตกระใจจะทำอะไรเลย เค้าคิดถึงตัวเองมากนะ"

ผมยังนิ่งอยู่ไม่พูดอะไรสักคำ ไม่รู้จะพูดอะไร อย่างที่ใจมันคิดอยู่ น้ำตาผมไหลออกมา ปวดร้าวใจเป็นที่สุด

"ตัวเอง พูดกับเค้าหน่อยสิคะ อย่าเงียบแบบนี้เขาไม่ชอบ พูดกับเค้าบ้าง อย่าทำแบบนี้"

มันอ้อนวอนแต่ผมยังนิ่งอยู่ไม่ยอมหันกลับมาเจอหน้ามัน เอมันซุกอยู่ตรงคอ ผมสะอื้นออกมาเท่านั้นเองมันก็จับตัวผมหันหน้าเข้าหามัน

"ตัวเอง เค้าขอโทษ เค้าจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว เค้าขอโทษ ตัวเองอย่าโกรธเค้าน้า"

มันร้องไห้ออกมา ผมมองหน้ามันไม่ชัดเพราะม่านน้ำตามันปิดบังตาไว้จนพร่าเลือน

"ทำไมทำแบบนี้เอ"

ผมพูดออกไปเสียงสั่น

"ทำไม ทำร้ายตัวเองแบบนี้ แค่นี้ยังทำให้ฉันเจ็บไม่พอเหรอ รู้ไหม เวลาที่เห็นเธอเป็นแบบนี้ คนที่เจ็บปวดทรมานที่สุด คือ ฉัน"

ผมร้องไห้ออกมา สะอื้นอยู่ในอกของมัน

"เค้าขอโทษ ตัวเองนะนะนะ อย่าโกรธเค้าน้า เค้าจะไม่ทำอีกแล้ว เค้าจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว ยกโทษให้เค้าน้า"

มันร้องไห้อ้อนวอน พร่ำพรรณาอยู่ ผมได้ยินบ้างไม่ได้ยินบ้าง เพราะตอนนี้หูอื้อตาลายไปหมดแล้ว ในใจมีหลายคำอยากจะตำหนิมัน แต่ก็ได้แต่กลืนมันลงไปกับน้ำตา มันกอดผมแน่นอยู่อย่างนั้นนานแสนนาน จนพายุในใจผมสงบลง ผมผละออกจากอกมันแล้วนั่งลงที่ปลายเตียง ผมเอามือขึ้นลูบหน้ามันอย่างพิจารณา ใบหน้ามันดูตอบผอมลงอย่างเห็นได้ชัด เบ้าตาก็เริ่มคล้ำ ตาแดง กลิ่นบุหรี่ตลบอบอวลไปทั้งตัว น้ำตายังซึมออกมาจากหางตา

"เค้าสัญญา เค้าจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว"

มันพูดแล้วมองหน้าผม สายตามันน่าเห็นใจยิ่งนัก ไม่ว่าจะด้วยอะไรสำหรับเหตุการณ์วันนี้ แต่ผมไม่คิดจะติดใจอะไรกับมัน ยิ่งเห็นมันเป็นแบบนี้ผมยิ่งรักยิ่งสงสารมันจับใจ

"ไม่เป็นไร เอ ฉันขอได้ไหม ถ้ารักฉัน ดูแลตัวเองดีๆ อย่าให้สิ่งเหล่านี้มันครอบงำเราได้"

ผมพูดแล้วเกลี่ยนิ้วคลอเคลียอยู่บนใบหน้าของมัน ผมจูบที่แก้มอย่างอ่อนโยน ขอให้รอยจุมพิศนี้เป็นกำลังใจนำพาให้มันและผมผ่านพ้นช่วงเวลาโหดร้ายนี้ด้วย เถิด ผมอ้อนวอนในใจ มันจูบหน้าผากผมอยู่เนิ่นนาน สักพักผมก็พามันไปหน้ารามฯ ไปนั่งเล่นในรามฯเผื่อบรรยากาศจะทำให้ใจชุ่มชื้นขึ้นมาบ้าง

"ตัวเองไม่โกรธเค้าน้า"

มันยังคงคลอเคลีย

"อืม อย่าทำแบบนี้อีกนะเอ"

"คร้าบบ คนดีของผม"

มันกอดแล้วหอมแก้ม ทำไมนะเวลาที่คนเรามีความสุขความทุกข์มันมักจะเบียดตัวเข้ามาแทรกอยู่ร่ำไป แต่ผมบอกกับตัวเองไว้ว่า ต่อให้ทุกข์สักแค่ไหน ต่อให้เจออุปสรรคอีกสักเท่าไหร่ ผมก็จะยังรักมัน กอดจูบมันอย่างนี้ต่อไป ขอให้รักที่เต็มเปี่ยมดวงใจมันนำทางให้เราสองคนไปสู่สิ่งที่เราปรารถนาที เถิด  
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!! ตอน 43 Apr 12, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: sweetener ที่ 12-04-2010 08:16:59
สู้กันต่อไป
เป็นกำลังใจให้กันและกันนะคะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!! ตอน 43 Apr 12, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 12-04-2010 08:47:19
โอ้ ดราม่าๆ อีป้าแก่ๆ อ่านไป เครียดไป

ทำไม่ ทำไม ทำไม มีแต่จั่วหัวคำถามแบบนี้

แต่ตอบไม่ได้ ต้องรอบทสรุปอย่างเดียวว่า ... เป็นไง


จะยังไงก็ตามใจคนแต่งเฮอะ ถึงยังไงก็จะตามอ่านละกัน

เพราะอีป้าแก่ๆ อยากรู้บทสรุป ตอนจบสุดท้าน สะงั้น

กรมมของอีป้าแก่ๆ ไม่มีใครช่วยแบบ กำอย่างเดียว 555

 :pig4:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!! ตอน 43 Apr 12, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 12-04-2010 08:53:55
โอ้ ดราม่าๆ อีป้าแก่ๆ อ่านไป เครียดไป

ทำไม่ ทำไม ทำไม มีแต่จั่วหัวคำถามแบบนี้

แต่ตอบไม่ได้ ต้องรอบทสรุปอย่างเดียวว่า ... เป็นไง


จะยังไงก็ตามใจคนแต่งเฮอะ ถึงยังไงก็จะตามอ่านละกัน

เพราะอีป้าแก่ๆ อยากรู้บทสรุป ตอนจบสุดท้าน สะงั้น

กรมมของอีป้าแก่ๆ ไม่มีใครช่วยแบบ กำอย่างเดียว 555

 :pig4:


อ้าว ป้าไม่ชอบดราม่าหรอกหรือครับ ว้า อุตส่าห์เค้นออกมาจากใจนะเนี่ย อิอิ ติดตามด้วยน้าคร้าบบบ



 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!! ตอน 43 Apr 12, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 12-04-2010 09:22:19
 :monkeysad:
เมื่อไหร่จะผ่านพ้น

+1 :กอด1: :L2:
 
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!! ตอน 43 Apr 12, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: benxine ที่ 12-04-2010 09:47:39
ไม่ไหวแล้วววว

ร้องไห้หมดตัวแล้ววว !!

 :o12: :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!! ตอน 43 Apr 12, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 12-04-2010 11:08:29
และแล้ววันนี้ก้อมาถึง เฮ้อ~
เอาใจช่วยโยกับเอ ให้ผ่านไปได้ด้วยดี

 :L2: สำหรับโยกับเอ

เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!! ตอน 43 Apr 12, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: pearleye ที่ 12-04-2010 11:18:41
เป็นอิบ๊อบ.....เขินตายเรย  :-[
คนเขารักกานนน แล้วเราเกี่ยวไรเนี่ยยยย (เกี่ยวจิ นี่มานบ้านโผ้มมมมมมมมมมมมมมมมมมม)
 :z3:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!! ตอน 43 Apr 12, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: salawinyeen ที่ 12-04-2010 12:27:26
 :z10:              เป็นกำลังใจให้ครับ      จากน้องเอตัวจริง


เวลาไม่เคยเปลี่ยนฉัน ที่มันยังมีแต่เธอทั้งใจ ยังเก็บเธอไว้อย่างดี ยังมีรักเดียวเสมอ ทุกอย่างยังเหมือนว่าเธอ ไม่จากไป ยัง

อยู่กับรักที่มี ไม่เคยคิดจะเปลี่ยนใจ





สู้ๆครับ    น้องเอ  พี่โย :o12:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!! ตอน 43 Apr 12, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 12-04-2010 13:28:07
ดราม่ามากๆ   :z3:

+1 เป้นกำลังใจค่ะ

หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!! ตอน 43 Apr 12, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 12-04-2010 20:17:51
อย่ามาซีนแบบนี้บ่อยๆนะต่อมน้ำตาแห้งพอดี เมษายิ่งร้อนๆน้ำน้อยๆด้วย
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!! ตอน 43 Apr 12, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 12-04-2010 20:39:52
อย่ามาซีนแบบนี้บ่อยๆนะต่อมน้ำตาแห้งพอดี เมษายิ่งร้อนๆน้ำน้อยๆด้วย

อ่า ไม่อยากบอกเลยว่า มันไม่จบแค่นี้อ่าครับ ทนหน่อยน้า ตอนต่อไปก็แอบหวานแล้ว คร้าบบ :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!! ตอน 43 Apr 12, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Na_RimKLonG ที่ 12-04-2010 22:00:24
ชีวิตยังไม่สิ้น  ก็ต้องดิ้นก็ต่อไป   :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!! ตอน 43 Apr 12, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 12-04-2010 22:16:38
ปัญหาเก่ายังหาทางออกไม่เจอ เอ ก็พยายามสร้างแต่ปัญหาใหม่ๆ ตลอดเลย เฮ้ออออ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!! ตอน 43 Apr 12, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: booboos ที่ 12-04-2010 22:27:40
สู้ สู้นะ เดี๋ยวคงจะดีเองแหล่ะ
คิดซะว่าถ้าเราฝ่าอุปสรรคไปได้เราจะเข้มแข็งขึ้น
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!ต้อนรับวันสงกรานต์ ตอน 44 Apr 13, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 13-04-2010 00:53:32
                           มีคนเค้าขอมา นะครับ ตามใจกันเลย อิอิ


                  ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านนะคร้าบบ ขอให้มีความสุข ต้อนรับวันสงกรานต์





                            ตอน สี่สิบสี่



"อันหลุมใดในโลกจะลึกร้อน  คอยสึกกร่อนเผาใจให้แหลกเหลว
ดังเงา มืดแสงเทียนที่สิ้นเปลว  ดำดิ่งลึกในเหวแสนปวดใจ

ด้วยหลุมนี้บาดลึกในดวงจิต  เป็นยาพิษหวังเยียวยารักษาได้

ยิ่งตกลึกลงหลุมรักปักกลางใจ  หลุมอันใดจะมืดมิดก็มิปาน"




ม้านั่งในรามฯเรียงยาวเป็นแถวไว้เป็นที่นั่งอ่าน หนังสือของนักศึกษา ทั้งยังเป็นศูนย์รวมของซุ้มต่างๆ ผมพาเอไปนั่งลงตรงซุ้มติดกับบึงเล็กๆ เดินเข้าทางบิ๊กซี มีนักศึกษานั่งอ่านหนังสือบ้างคุยกันบ้างอยู่เกือบทุกซุ้ม เป็นครั้งแรกที่เรานั่งตรงข้ามกันเพราะไปขอนั่งกับนักศึกษาผู้หญิงที่กำลัง อ่านหนังสืออยู่ เอจะอ้าปากพูดแต่ผมเอานิ้วชี้แตะปากตัวเองเป็นสัญลักษณ์ไม่ให้มันพูด มันจึงเงียบมองผมอยู่อย่างนั้น ผมเองก็มองตามันอ่านความในใจของมันที่ฉายแววส่องประกายออกมาทางสายตา ทรมานใจเหลือเกิน ทั้งที่นั่งอยู่ตรงหน้าแต่ผมกลับทำอะไรมันไม่ได้ แม้แต่จะสัมผัส เอมันดึงมือผมไปวางแผ่ข้างหน้ามัน แล้วอีกมือก็เอื้อมมาใต้โต๊ะจับมือผมไว้อย่างยากลำบาก คางผมเกือบจ่อกับโต๊ะเพราะขนาดความสูงของโต๊ะก็ได้เรื่องอยู่เหมือนกัน เรียวนิ้วของมันค่อยๆวาดลงบนฝ่ามือที่วางอยู่ข้างหน้ามันอย่างอ่อนโยน เป็น อักษรภาษาอังกฤษ

"U" "R" "M" "Y" "H" "E" "A" "R" "T"

สายตามันบอกอย่างนั้นจริงๆ ผมเม้มปากไม่มีคำใดจะเอ่ยออกมา ยามปวดร้าวใจแค่คำหวานเหล่านี้มันเยียวยาหัวใจที่เหี่ยวแห้งให้กลับชุ่มฉ่ำ ขึ้นมาได้เหมือนกัน

"I" "L" "O" "V" "E" "U"    

"M" "Y" "S" "W" "E" "E" "T" "H" "E" "A" "R" "T"

พลันน้ำตาก็ซึมออกมาผมมองมันด้วยสายตาที่ เปี่ยมไปด้วยรัก รักที่ล้นใจ มือด้านล่างของเรากุมบีบกันแน่นราวกับกลัวอีกฝ่ายจะหนีหายจากกันไป น้องนักศึกษาที่นั่งอยู่ข้างๆมองเราทั้งสองแล้วอมยิ้ม เธอยอมลุกเดินหนีไปปล่อยให้เรานั่งมองตากันและกันนานแสนนาน ผมชวนเอไปไหว้สักการะพ่อขุนรามคำแหงที่อนุเสาวรีย์ตรงลานใจกลางมหาวิทยาลัย แดดร้อนเปรี้ยงแต่เราก็อยากไปกราบขอพร ผมซื้อดอกไม้ตรงลานด้านล่าง นั่งท่าเทพบุตรคู่กันสองคนกลางแดด มีกลุ่มนักศึกษาหลายคนกำลังทำแบบเรา เอมันคล้อยตามผมทุกอย่าง ผมอธิษฐานให้พ่อขุนโปรดชี้นำทางให้แสงแห่งรักนำพาเราสองคนด้วยเถิด ให้พ้นจากห้วงทุกข์นี้ที ลูกทรมานเหลือเกิน ผมก้มลงกราบ เอทำตาม พอเสร็จเราก็เดินไปสนามกีฬาราชมังคลาฯ อากาศร้อนแต่อย่างน้อยเราก็ยังไม่อยากจะพรากจากกันไป
"อธิษฐาน ว่าไงเหรอเอ"

ผมถามตอนเราเดินตามทางเท้ามุ่งตรงไปยัง สนามกีฬา

"ขอให้เรารักกันไปนานๆ รักกันจนกว่าจะตายจากกันไป"

"เอ"

ผมทั้งปลื้มใจทั้งตกใจ ที่ปลื้มก็เพราะคำหวานที่มันพูด ที่ตกใจเพราะๆไม่อยากได้ยินคำว่าตาย มันดูเป็นลางไม่ดีใจหายเหมือนกัน

"อย่า พูดเรื่องเป็นเรื่องตาย เอ ฉันไม่ชอบ วันนี้รักกันจะพูดอะไรมันก็ยังรักกัน แต่วันข้างหน้าเรามองไม่เห็น อย่าเพิ่งพูดไป"

ผมปรามมันเสียงเบา เอมองหน้าผมสายตาดูจริงจัง

"เค้าพูดจากใจ ไม่รู้ว่าคนเราเขารักกันยังไง หรือรักกันนานแค่ไหนถึงจะเพียงพอ แต่เค้ารักตัวเองหมดใจ ไม่คิดที่จะเผื่อไว้ให้ใคร รักด้วยใจที่มันเอาอะไรมาทดแทนไม่ได้"

เอจ้องหน้าผมเขม็ง มันพูดเสียงขรึมจริงจัง จนผมเองที่หวั่นในใจ ผมยิ้มให้มัน ยอมแพ้ที่จะเถียง เอาเถอะ ฉันเองก็รักเธอมากเหมือนกัน

"จ๊ะ พ่อรูปหล่อ เชื่อแล้วจ้า"

ผมแหย่มัน เอยิ้มออกมาก้มลงจะมาหอมแก้ม ผมต้องผลักหน้าออกเพราะเรากำลังเดินอยู่บนทางเท้า คนเดินไม่ใช่น้อย พอถึงสนามกีฬาเราไปหาที่ใต้ร่มไม้นั่งซื้อน้ำอัดลมกระป๋องไปด้วย นั่งจับมือมองหน้ากันอยู่อย่างนั้น เรียวนิ้วยาวของเอเขี่ยอยู่ขอบกางเกงผมตลอดเวลา อยากจะกอดมันเหลือเกิน อยากอยู่ในอ้อมกอดของมัน อยากจะลูบไล้ตามตัวให้หายคิดถึง เราคุยกันหลายเรื่องจนค่ำ ไม่อยากจากกันเลย แต่ก่อนผมเคยไล่มันกลับบ้านเพราะตัดใจไม่อยากให้มันอยู่นาน แต่ตอนนี้ผมไม่อยากจะห่างมันแม้สักวินาที อยากจะนั่งอยู่ข้างๆคอยสัมผัสกายมันสูดไออุ่นจากลมหายใจของมัน ฟังเสียงหัวใจที่เต้นแรง อยากจะอยู่อย่างนี้ อุปสรรคครั้งนี้มันใหญ่โตเหลือเกิน ไม่รู้ว่าเพราะอะไรผมรู้สึกทั้งผิดทั้งถูกระคนกันไป แต่เสียงของหัวใจมันเรียกร้องบดบังตามองไม่เห็นสิ่งใดถูกผิดเอาเสียเลย ความรักทำให้คนเห็นแก่ตัว เพิ่งกระจ่างแก่ใจวันนี้เอง ผมอยากจะทำทุกอย่างที่ทำให้ผมได้อยู่กับมัน ได้ใกล้ชิดมัน ไม่ได้สนใจความรู้สึกของใครแล้ว แม้แต่แม่หรืออาจารย์ปริศนา

เราออกจากสนามกีฬาเกือบทุ่มอยู่บนรถเมล์ก็เบียดกันตลอดเวลา ผมคอยมองมันตลอดเวลาไม่ยอมให้ห่างสายตา เวลาเออยู่กับผมไม่เคยเลยสักครั้งที่จะเห็นมันแลดูร้อนใจ อึดอัด มองไปทีไรเห็นแต่รอยยิ้ม มองไปทีไรเห็นแต่สายตาที่มีแต่น้ำใจรักกัน ผมรักมันมากเหลือเกิน เอมาส่งผมที่ปากซอยเข้าบ้านเรายืนมองหน้ากันอยู่อย่างนั้น ไม่มีใครยอมหันหลังให้กัน จนผมต้องตัดใจ ยอมหันหลังเดินเข้าซอยบ้านไป แต่ก็อดไม่ได้ที่จะแอบหันกลับไปมองมัน ใจจะขาดรอนๆ มันยังยืนอยู่ที่เดิม ยืนมองผมอยู่อย่างนั้น ผมหัวใจสะอื้นร่ำไห้อยู่ภายใน กว่าจะตัดใจเดินเข้าบ้านได้ หัวใจผมหล่นลงตรงเท้าไปหลายครา

วันอาทิตย์ผมก็ยังไม่มีอะไรทำ ขาดการติดต่อจากเอ ผมทุรนทุรายไม่เป็นอันกินอันนอน เดินวนไปเวียนมา เอาโทรศัพท์ติดตัวไว้ตลอดเวลา คอยมองดูหน้าจอเหมือนคนบ้า ร้อนใจอย่างทึ่สุด จากเช้าถึงเย็นสายที่เรียกเข้ามาไม่ใช่คนที่ผมปรารถนาสักราย ผมพูดตามสายไปด้วยหัวใจที่ห่อเหี่ยว ไร้เรี่ยวแรง หดหู่ในใจ จนฝ่ายที่โทรศัพท์เข้ามาอ่อนใจวางสายไปเอง ผมอยากได้ยินเสียงมันใจจะขาด อยากจะรู้ว่ามันสบายดีไหม กินข้าวหรือยัง ทำอะไรอยู่ แค่เสียง ยังไม่ได้อีกเหรอ แค่ได้ยินเสียงหายใจก็ยังดี แค่เสียงลมหายใจไออุ่นนั้น

"แก เป็นไงบ้าง"

เสียงพลพูดกรอกสายมา ผมนิ่งไม่รู้จะตอบอะไรมันดี เป็นยังไงน่ะเหรอ จวนเจียนที่จะขาดใจแล้ว

"โย แกเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมเงียบจัง"

พลถามอีกรอบหลังจากที่ผมเงียบไปเสียนาน

"อืม โอเคแก"

ผมพูดออกไปไม่เต็มเสียง ถอนหายใจอยากเอาความหนักหน่วงที่ถ่วงใจไว้ระบายมันออกมากับลมหายใจบ้าง แต่ก็ไร้ประโยชน์

"เสียงแกไม่ค่อยดีเลยแก นี่ ออกมากินข้าวกัน เดี๋ยวฉันไปรับ ไอ้บอมมันอยากจะเจอแก"

พลบอก ผมไม่ตอบรับเงียบไป มันกำลังพูดถึงใคร มันกำลังหมายถึงอะไรสมองผมไม่รับรู้แล้ว มึนตึงในหัว ไม่รับสารใด ไม่มีความรู้สึกยินดียินร้าย วางสายจากพลไปแล้วแต่ลืมไปทุกอย่างว่ามันพูดอะไรบ้าง ผมนั่งเหม่ออยู่หน้าบ้าน แม่นั่งตรวจข้อสอบทำงานอยู่บนโต๊ะ แม่คอยเดินออกมาดู บ่อยครั้งที่แม่เดินออกมาลูบหัวผมเบาๆ ความอบอุ่นจากใจแม่แผ่ซ่านผ่านมือมา ผมรับรู้แต่ก็ไม่อาจทำให้ผมรู้สึกไปได้ดีกว่านี้ แม่ไม่พูดอะไรได้แต่ถอนหายใจ ผมนั่งอยู่จนมืด พลเปิดประตูเข้ามา มันยืนมองผมอยู่สีหน้ามันบอกไม่ถูก คงลำบากใจเพราะผมอาการเหมือนคนอกหัก ยิ่งกว่าอกหักเพราะผมใจร้าวแหลกรานไปเกินกว่าคำนั้นจะบรรหยัดความหมาย ยอมอกหักยังดีเสียกว่าที่รักกันล้นใจแต่ไม่มีทางที่จะได้เจอกัน ไม่มีโอกาสที่จะแม้ได้ยินเสียงกัน พลเดินมานั่งลงข้างหน้า

"แก อย่าคิดมากสิ หน้าแกไม่รับบุญรับบาปเลยนะ ดูสิ"

พลพูดแล้วถอนหายใจ

"ไป แก ออกไปกินข้าวกัน อย่ามาขลุกอยู่คนเดียวแบบนี้"

พลบอก ผมยังคงนิ่งอยู่ สายตาเหม่อลอยไปไกลแสนไกล เอ ตอนนี้ทำอะไรอยู่นะ ยอดดวงใจของฉัน เธออยู่ไหน

"โย แกๆ พูดกับฉันบ้างสิ แก อย่าทำแบบนี้"

พลร้องเรียก เสียงมันอ้อนวอน ผมค่อยสะดุ้ง มองหน้ามัน ยิ้มแห้งๆ หน้าตามันดูตกใจ

"ไปสิแก เบื่อๆอยู่เหมือนกัน"

ผมพูดออกไป แล้วไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ใช้เวลานานเหมือนกัน เพราะเวลาเปิดตู้เสื้อผ้า ชุดนักเรียนที่ห้อยอยู่ในตู้ทำใจผมสลาย ผมเอามันออกมากอดดมแล้วร้องไห้ ปวดใจเหลือเกิน พลเดินขึ้นมาตามผมจึงผละออกจากชุดนักเรียนของเอ ผมกอดพลร้องไห้ สะอื้นจนตัวโยน พลก็ร้องไห้มันคงสงสารผม ผมสะอื้นสะท้อนความในใจออกมา ความในใจที่หมักหมมอยู่นาน ทุกวินาทีมันคือความเจ็บปวดรวดร้าว อากาศที่สูดหายใจเข้าไปมันเสียดแทงทะลุกลางใจ ผมเสียใจเหลือเกิน

กว่า จะออกจากบ้านก็เกือบสองทุ่ม พลขับรถไปรับบอมที่พัฒนาการแล้วขับรถย้อนมาที่ถนนอ่อนนุช มันพาเราไปกินข้าวที่ร้าน Melon Mint  อะไรสักอย่างผมไม่ได้ใส่ใจ เรานั่งอยู่ด้านในร้าน บอมมันทักผมซึ่งมีแต่รอยยิ้มแห้งๆให้ บทสนทนาจากที่ผมเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยให้ทั้งสองคน แต่วันนี้ผมกลับเงียบ จนมันเองต้องคุยกันเอง ประชดกันไปมา เหมือนจะฆ่ากันเสียมากกว่า ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามันจะนัดกันมาทำไม ผมนั่งเขี่ยอาหารไปมา

"พี่ ผมขอโทษ นะครับ ไม่คิดเลยว่ามันจะแย่แบบนี้ ผมเสียใจจริงๆครับพี่"

บอมพูดออกมา มันคงทนเห็นสภาพเหม่อลอยของผมไม่ไหว

"รู้ไว้ด้วยนะ ว่านี่ล่ะผลของการกระทำที่ไม่คิด ดูสิมันทำร้ายคนอื่นเขาแค่ไหน"

พล ได้ทีแขวะมัน

"ผมไม่ได้ตั้งใจนะพี่"

"เด็กไม่ดี ขี้อิจฉา ขี้ฟ้องยังกับผู้หญิง เป็นตุ๊ดหรือเปล่าเราน่ะ"

"เฮ้ยพี่ ผมขอโทษไปแล้วนะ พี่จะเอาอะไร ผมไม่ได้อิจฉา ผมไม่ได้เป็นตุ๊ด พี่นั่นล่ะเป็น"

"ใช่ฉันเป็น แต่ฉันก็รักเพื่อน ไม่เคยทำแบบนี้กับเพื่อน นายนี่ก็กล้าเรียกเอมันว่าเพื่อนสนิทเนอะ ทำกันลง"

บอ มตบโต๊ะเสียงดัง มันคงโกรธ พลสะดุ้งเอนมาทางผม ซึ่งนิ่งอยู่ ไม่มีปฏิกริยาอันใด บอมมองมาทางผมแล้วนิ่ง มันคงคิดอะไรได้ มันจึงเงียบลง

"ผม ขอโทษครับพี่ จะให้ผมทำยังไง พี่ถึงจะยอมยกโทษให้ผม ผมเสียใจจริงๆ"

มัน ร้องไห้ออกมาน้ำตาไหลเปรอะสองแก้ม

"เฮ้ย"

พลตกใจทำตัวไม่ถูก ผมมองอยู่นิ่งไม่พูดอะไร ทำไมเดี๋ยวนี้เห็นแต่น้ำตานะ ผมถอนหายใจ

"พี่ ไม่ได้โกรธเราหรอกนะ บอม เราไม่เกี่ยวหรอก มันเป็นวิบากกรรมของพี่กับเอเอง ไม่เกี่ยวกับใคร ขอโทษเราด้วยนะ ที่ทำให้ลำบากใจ"

ผมพูดออกไป สายตาแน่นิ่ง มันยิ่งฟูมฟาย พลทำตัวไม่ถูกไม่คิดว่าเด็กผู้ชายตัวใหญ่เท่าๆกับเอจะเสียน้ำตาออกมาได้

"ตัว โตยังกะควาย ขี้แยไปได้"

พลยังไม่ยอมหยุด แม้มันจะพูดกับตัวมันเอง แต่มันก็ดังพอที่มันจะได้ยิน บอมกำหมัดในมือ

"พล แกจะพูดแบบนี้อีกนานไหม พอได้แล้ว บอมมันเสียใจ มันยอมแล้ว แกจะเอาอะไรอีก พอแล้ว ฉันไม่อยากได้ยิน"

ผมดุมัน พลทำหน้าเอ๋อ มันทำตัวไม่ถูก บอมมันถึงคลายมือลง มันมองผมทั้งน้ำตา ผมมองมันแล้วยิ้มให้ ไม่เอาผิดแล้ว ไม่คิดติดใจไม่เคยคิดเลยว่ามันผิด ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเป็นกรรมของผมเอง

"เออ แล้วปิดเทอมไปไหนครับ บอม"

ผมถามขึ้น คิดดูแล้วจะมานั่งเงียบเหม่อลอยไร้จิตวิญญาณ คนที่ลำบากใจไม่ได้มีแค่ผม คนที่รักผมทุกคนก็ลำบากใจ บอมปาดน้ำตาออกจากหน้า มันยิ้มทันที

"ไม่ ไปไหนครับ ผมว่าจะเรียนพิเศษ อยากสอบเข้าวิศวะ เหมือนไอ้เอ"

เอ อีกแล้ว พูดชื่อมันขึ้นมาทีไรหัวใจแป้วหล่นลอยหายไป ผมทำหน้าเจื่อนลงทันที

"คิด เองไม่เป็นเหรอ ถึงคอยตามแต่เพื่อน หัวดีเหรอเราน่ะ"

พลได้ที กัดมันทันที

"พี่ กวนตีนนะ ผมไม่ใช่โง่นะพี่"

มันมองพลอย่าง โกรธแค้น

"อ้าวเหรอ หน้าไม่ให้เลยนะ"

"เอ๊ะ"

"โอย นี่จะกัดกันไปถึงไหน กัดกันมากๆ ระวังนะ จะรักกันเอง"

ผมพูดขึ้น ปล่อยให้คุยกันไม่ได้เลยสองคนนี่

"ไม่มีทางแก ฉันไม่ยอมเป็นแฟนกับเด็กขี้ฟ้องหรอก"

"พล"

ผมเอ็ดมันมองด้วย สายตาตำหนิ

"ผมก็ไม่เอาพี่หรอก ไม่มีทาง ถ้าเป็นพี่โยก็ว่าไปอย่าง"

"เห็น ไหม คิดจะหักหลังเพื่อนเหรอ แย่จริงๆเรา"
"ผมเปรียบเทียบโว้ยพี่ ผมไม่มีทางทรยศเพื่อนหรอก แต่ที่แน่ๆ ผมไม่เอาพี่"

"ฉัน ก็ไม่เอานาย อย่าคิดว่าฉันอยากได้ ทุเรศ"

ทั้งสองเชิดหน้าเถียงใส่ กัน ผมจนปัญญาที่จะห้าม อย่ามาเผลอใจให้พี่เลยนะบอม แม่ว่าเธอจะพูดเล่นหรือจริง มันไม่มีที่เหลือให้ใครแล้ว พี่รักใครไม่ได้แล้วในตอนนี้ และคงอีกนาน เพราะคนที่ครอบครองใจ คือ เอ คือเขาคนเดียว

พลกลับมาส่งที่บ้าน แล้วค่อยไปส่งบอม ไม่รู้จะเหวี่ยงกันลงข้างทางหรือเปล่าเพราะท่าทางคงไม่ยอมสงบศึกกันง่ายๆ ผมถึงบ้านเกือบสี่ทุ่มครึ่ง แม่ยังนั่งอยู่ที่เดิม สายตาที่แม่มองมาทุกทีมันเต็มไปด้วยความห่วงใย ผมนั่งคุยกับแม่ พยายามทำตัวให้ร่าเริงมากที่สุด ถึงตอนนี้รู้สึกสงสารแม่ขึ้นมา ไม่อยากให้แม่ทุกข์ใจเสียใจเพราะผมอีก คนที่รักผมที่สุดไม่ควรอย่างยิ่งที่จะมาทนทุกข์ไปกับผมในเรื่องนี้ แลดูว่าผมจะเห็นแก่ตัวเกินไป ผมขอตัวขึ้นไปสวดมนต์ก่อนนอน นานแล้วที่ไม่ได้สวดขอไหว้พระทำใจให้สบาย ปลดปล่อยสิ่งที่หนักถ่วงอยู่ในอกออกไปบ้าง ผมอาบน้ำแล้วไปนั่งในห้องแม่สวดมนต์ พยายามนั่งสมาธิ แต่ก็ทำไม่ได้ อานุภาพแห่งรักมันรุนแรงบังตา บังสติปัญญามองไม่เห็นแสงใด ผมหยุดการทำสมาธิแล้วเดินออกมาจากห้อง เข้าห้องตัวเองแล้วล้มลงเตียง เสียงโทรศัพท์สั่น ผมกระเด้งตัวรีบตว้ามาดูทันที เป็นเบอร์บ้าน ผมรีบกดรับ

"ตัว เอง เค้าเองน้า เค้าแอบออกมาหยอดตู้โทรนอกบ้าน แม่นอนแล้ว ตัวเองเป็นยังไงบ้าง คิดถึงเค้าไหม"

เสียงที่ผมรอคอยมาทั้งวันดัง แจ่มใจผ่านโทรศัพท์มา ผมยิ้มทั้งน้ำตา

"ฮึก...............เอ ฉัน คิดถึงเธอมากนะ คิดถึงมาก"

ผมพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ ไม่อยากให้มันลำบากใจ

"เค้าก็คิดถึงตัวเองมากน้า แต่แม่พาไปกับไอ้โอ ไม่ปล่อยไปไหนเลยอ่า เค้าจะทนไม่ไหวแล้วนะ แม่ไม่เคยเข้าใจเลย"

เอ มันเสียงดุดันขึ้น คงโกรธจริงๆ

"ใจเย็นๆนะเอ เราต้องอดทนนะ ยังไงแม่ก็คิดว่ามันดีแล้วสำหรับเอเอง"

"ไม่ ไม่จริง แม่คิดเอาแต่ตัวเอง แม่ไม่สนใจความรู้สึกของเค้าเลย เอ้ย เหรียญจะหมดแล้ว ตัวเอง เดี๋ยววันหลังเค้าโทรหาใหม่นะ"

"เอ เอ"

ผมร้องเรียก ยังไม่อยากให้มันวางสาย

"ตัวเอง ถ้านับจากนี้เค้าทำอะไรไป ตัวเองต้องเข้าใจเค้านะ เค้าจะทำให้แม่รู้ว่าแม่คิดผิด แต่ตัวเองเชื่อใจเค้านะ"

สายตัดไปแล้ว กับสิ่งที่มันพูดค้างไว้ มันยังติดคาในใจผมอยู่ นี่มันจะทำอะไร นี่มันคิดอะไรอยู่ ผมร้อนรนยิ่งกว่าเดิมแทนที่พอได้ยินเสียงมันผมจะรู้สึกดีขึ้น ผมกลับนอนไม่หลับกระสับกระส่ายดิ้นไปมา ความคิดมากมายวิ่งเข้ามาในหัว ยิ่งคิดยิ่งจม เอมันเป็นคนใจร้อนกลัวว่ามันจะทำอะไรโดยที่ไม่ทันคิดอย่างที่แม่ว่า คราวนี้มันคงคิดทำอะไรอยู่ในใจ ผมอยากจะกดโทรศัพท์ไปหาพลระบายความอัดอั้นตันใจ แต่ก็เกรงใจมันเพราะดึกมากแล้ว ผมต้องทนรับความหนักอกหนักใจทุกข์ทนทรมานอยู่อย่างนี้โดยลำพัง คิดแต่เรื่องไม่ดี ถ้ามันทำร้ายตัวเองขึ้นมาล่ะ ผมจะทำยังไง ถ้ามันประชดแม่มันขึ้นมาโดยที่ทำอะไรร้ายแรง ดอย จะทำยังไงดี จากนอนเป็นลุกเดินไปมา นาฬิกาบอกเวลาตีสองกว่าแล้ว ผมไม่ได้รู้สึกง่วงเลยแม้แต่น้อย ในใจยังร้อนรุ่ม เดินไปเดินมา คิดหาคำตอบให้กับคำถามของตัวเองไม่ได้ ทรมานเหลือเกิน ผมหลับไปตอนไหนไม่รู้ แต่มารู้สึกตัวตอนที่แม่มาเขย่าตัวปลุกให้ตื่น ตายจริง เจ็ดโมงกว่าแล้ว



 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: ก็คนมันเศร้าเนอะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!ต้อนรับวันสงกรานต์ ตอน 44 Apr 13, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 13-04-2010 03:26:01
ไม่มีอะไรดีกว่าปล่อยวางห่างกันสักพัก ทำไมไม่ใช้เจ้าบอมตัวดีเป็นสื่อซะเลย น่าจะง่ายสุดๆนะ ว่าเอจะยอมเร้อ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!ต้อนรับวันสงกรานต์ ตอน 44 Apr 13, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 13-04-2010 07:41:04
ไม่มีอะไรดีกว่าปล่อยวางห่างกันสักพัก ทำไมไม่ใช้เจ้าบอมตัวดีเป็นสื่อซะเลย น่าจะง่ายสุดๆนะ ว่าเอจะยอมเร้อ

 :pighaun: :pighaun: :pighaun:

เอ้ย โพสต์ตอนไหนก็อ่านตอนนั้นเลยอ่า ไม่นอนเลยรึ ท่าน
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!ต้อนรับวันสงกรานต์ ตอน 44 Apr 13, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: bvan ที่ 13-04-2010 08:34:50
verry saddddddddddddddd :m15:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!ต้อนรับวันสงกรานต์ ตอน 44 Apr 13, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 13-04-2010 10:01:44
ความรัก มันมีสองด้าน จริงๆ

เมื่อใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์ จริงๆ

กรรมเป็นเึครื่องลิขิต จริงๆ

เวลาก็คือเครื่องชี้วัด

หัวใจคือส่วนประมวลผล

แม่ก็คือคนที่รักลูกเสมอ

 :เฮ้อ: ทรมานกันต่อไป ได้อีกนะคะ

รักมากมาย  :กอด1: จากอีป้าแก่ๆค่ะ +1 เพื่อความสะใจ

ป.ล. ใครว่าอีป้าแก่ๆ ไม่ชอบดราม่าคะ เถียงขาดใจ ชอบมากต่างหากละ ตะเอง.......
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!ต้อนรับวันสงกรานต์ ตอน 44 Apr 13, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 13-04-2010 10:10:19
ความรัก มันมีสองด้าน จริงๆ

เมื่อใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์ จริงๆ

กรรมเป็นเึครื่องลิขิต จริงๆ

เวลาก็คือเครื่องชี้วัด

หัวใจคือส่วนประมวลผล

แม่ก็คือคนที่รักลูกเสมอ

 :เฮ้อ: ทรมานกันต่อไป ได้อีกนะคะ

รักมากมาย  :กอด1: จากอีป้าแก่ๆค่ะ +1 เพื่อความสะใจ

ป.ล. ใครว่าอีป้าแก่ๆ ไม่ชอบดราม่าคะ เถียงขาดใจ ชอบมากต่างหากละ ตะเอง.......


 :3123: :3123: :3123: :3123: :3123: :3123:

ป้ามาแล้ววววววววววววววว

ขอบคุณครับป้าที่ยังอบดราม่าอยู่ อิอิ เดี๋ยวพรุ่งนี้ตามสัญญานะคร้าบบบ รอรับชุดใหญ่ได้เลย อิอิ


ส่งกำลังใจมาด้วยน้าาาาา


 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!ต้อนรับวันสงกรานต์ ตอน 44 Apr 13, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 13-04-2010 10:14:19
 :serius2: จะเศร้าอีกนานมั๊ยเนี่ย
 :monkeysad:
ลุ้นน้ำตาท่วมจอทุกวัน
+1
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!ต้อนรับวันสงกรานต์ ตอน 44 Apr 13, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Na_RimKLonG ที่ 13-04-2010 10:19:29
อ๊ากกกเศร้าเว้ยยยย   :o12: :o12:

ปล. ไรเตอร์ฟิตมากมายอ่ะ  สู้ต่อไป  o7 o7
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!ต้อนรับวันสงกรานต์ ตอน 44 Apr 13, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 13-04-2010 15:38:40
ถือซะว่า อุปสรรคคือบททดสอบความรักละกัน
ยิ่งยากยิ่งคุ้มค่ากับสิ่งที่รอคอย

เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!ต้อนรับวันสงกรานต์ ตอน 44 Apr 13, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Seoul In Love ที่ 13-04-2010 15:41:24
(http://i555.photobucket.com/albums/jj468/seoulinlove/ID/J9122522-4.gif)
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!ต้อนรับวันสงกรานต์ ตอน 44 Apr 13, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 13-04-2010 16:27:26
(http://i555.photobucket.com/albums/jj468/seoulinlove/ID/J9122522-4.gif)


อ่า คนเขียน ยังเอ๊าะ อยู่ น้าาาาา

 :pighaun: :pighaun: :pighaun: :pighaun:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!ต้อนรับวันสงกรานต์ ตอน 44 Apr 13, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: DexTunG ที่ 13-04-2010 16:30:42
สุขสันต์วันสงกรานต์ปีใหม่ไทย

นะครับทุก ๆ คน
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!ต้อนรับวันสงกรานต์ ตอน 44 Apr 13, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 13-04-2010 18:23:07
นอนครับนอนรออ่าน เวลาผมเร็วกว่าชั่วโมงนึงอ่ะครับ สุขสันต์วันสงกรานต์กับปีใหม่ไทยนะครับ มีความสุขชุ่มเย็นถ้วนหน้าครับ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!ต้อนรับวันสงกรานต์ ตอน 44 Apr 13, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: nidnoi ที่ 13-04-2010 20:31:26
ขอให้ผ่านเรื่องร้ายๆ ได้เร็วๆ นะคะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!ต้อนรับวันสงกรานต์ ตอน 44 Apr 13, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: salawinyeen ที่ 13-04-2010 22:20:33
วันนี้ไปเล่นน้ำมาง่วงจะตาย    คนเขียนมาทำให้ติดนิยาย ดูซิ  เห็นเอาตอนใหม่มาลงอดที่จะอ่านไม่ได้


คิดว่าไปนอนคงหลับฝันดีน่าดู อิอิ    เมื่อไหร่อาจารย์ปริศนาจะเข้าใจ  น๊า  เหนื่อยแทน เอกับพี่โย


 :L1: :3123: :L2:



BY   YeeN 2 U
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!ต้อนรับวันสงกรานต์ ตอน 44 Apr 13, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: kanda53 ที่ 13-04-2010 22:28:30
 :เฮ้อ:หวังว่าเอคงจะไม่ทำอะไรที่เป็นการทำร้ายตัวเอง
เพราะสุดท้ายแล้ว..นอกจากแม่ที่เสียใจ..โยก้อคงเสียใจทุกข์ใจไม่แพ้กัน  :monkeysad:
รออ่านตอนต่อไป..ขอบคุณสำหรับความขยันและความสนุก
เล่นสงกรานต์ให้สนุก..และปลอดภัย  ให้สมกับวันปีใหม่ไทยนะคะ   :bye2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!ต้อนรับวันสงกรานต์ ตอน 44 Apr 13, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 13-04-2010 23:42:23
เอ คิดจะทำอะไรอีกล่ะเนี่ย   :เฮ้อ:
น่าเห็นใจโยจริงๆเลย
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!ต้อนรับวันสงกรานต์ ตอน 44 Apr 13, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 14-04-2010 00:53:58
 :L2: :L2: :L2: :L2:
Happy Birthday..Eiky
มีความสุขมากๆ นะ

หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!ต้อนรับวันสงกรานต์ ตอน 44 Apr 13, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: DexTunG ที่ 14-04-2010 04:53:58
อ่านมาทันแล้วครับ  +1 ให้กัเรื่องราวที่น่าติดตาม


แล้วก้อแวะมาอวยพรให้ด้วยนะครับ


Happy Birth  Day   สุขสันต์วัน่กิดนะครับ..Eiky


ขอให้มีความสุขมาก ๆ นะ  คิด หวัง สิ่งใดขอให้สมปรารถนาทุกสิ่งทุกอย่างเทอญ


 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! สามตอนรวด ตอน 45,46,47 Apr 13, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 14-04-2010 08:36:08
                   วันนี้ วันเกิดผมคร้าบบบบบบ

อิอิ เพิ่งตื่น อวยพรด้วยน้าาาาาา ตอนนี้โบนัสให้เพื่อนๆที่ติดตามอ่านทุกคน





                                      ตอน สี่สิบห้า




ผมไปทำงานสายเพราะถึงแม้ว่าจะตื่นมาแล้วก็ ยังเหม่อลอยอยู่ ผมไปทำงานด้วยจิตใจที่ขุ่นมัว หน้าตาคงดูแย่เพราะใครๆก็ทัก พลเองก็สงสารแต่มันก็ทำอะไรไม่ได้ทั้งที่พยายามจะชวนผมคุยในเรื่องที่ตลกๆ หรือชวนไปนั่นไปนี่ แต่ผมเองก็เอาแต่ร่างไป ไม่ได้เอาจิตวิญญาณไปด้วย จ๋าเองก็เงียบๆไป เห็นวันก่อนโทรมาบอกว่า พ่อแม่พี่ป้อมมาสู่ขอแล้ว รอฤกษ์แต่ง ผิดคาดที่ป๊ามันเห็นดีด้วย เรื่องที่คิดเอาไว้ว่าน่าจะยากกลับง่าย แต่เรื่องที่คิดว่าไม่น่าจะมีอะไรกลับสุมใจดังไฟที่แผดเผา ผมไม่ได้บอกจ๋าว่าเกิดอะไรขึ้น กลัวมันคิดมาก ไม่อยากให้มันคิดมากคนท้องคนไส้ คิดมากไปมันจะไม่ดี ผมพยายามไม่ให้ความเห็นแก่ตัวของตัวเองมันเบียดเบียนเพื่อนที่ผมรัก แต่สำหรับพลไม่ต้องบอกมันก็รู้ มันพยายามตามใจผมทุกอย่าง อย่างที่ไม่เคยเป็น ผมลำบากใจแต่ก็ทำอะไรไปได้ไม่มากกว่านี้ เป็นอีกสัปดาห์ที่ผ่านไปได้ยากเย็น เอไม่ติดต่อมาเลย ผมเหมือนคนไร้ซึ่งแรงใจ เดินทางรอนแรมอยู่กลางทะเลทรายที่แดดร้อนแรงแต่มืดมิดมองไม่เห็นทางใด ผมอยู่อย่างไม่เป็นสุข ทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน กินไม่ได้นอนไม่หลับ ผมโทรหาบ๊อบเกือบทุกวัน ตอนแรกๆมันก็ทำเสียงรำคาญ แต่พอบ่อยขึ้นมันก็เหมือนเห็นใจ มันคงรักเพื่อนมันเหมือนกันจึงไม่ยอมปริปากบอกอะไร มันบอกว่าเอเองก็ไม่ได้ไปหามันเกือบอาทิตย์แล้ว โทรไปก็เมาอยู่บ้าน ผมเป็นห่วงมันมาก แต่ไม่รู้จะติดต่อยังไง ผมทรมานใจอย่างที่ไม่เคยเป็น ผมกำลังจะขาดใจตาย ผมทนอยู่ต่อไปไม่ได้เลย แต่ละวันมันช่างแสนยากเย็น เหม่อลอย ไร้เรี่ยวแรง ห่อเหี่ยว มีหัวใจอยู่แต่เป็นหัวใจขาดซึ่งน้ำล่อเลี้ยง แม่เองก็คงทุกข์ใจมากไม่น้อยไปกว่าผม แม่พยายามปลอบ แต่ผมเหมือนดำดิ่งลงห้วงเหวลึก เวลาอยู่ต่อหน้าแม่ผมก็พยายามทำตัวให้เป็นปกติให้มากที่สุด แต่เวลาที่ผมอยู่คนเดียวบนห้อง ทุกตารางนิ้วที่เอมันเคยอยู่ ผมปวดใจเหลือเกินเหมือนมันสะท้อนเงาของเอ ยิ่งนานวันยิ่งแจ่มชัดขึ้น ผมร้องไห้ทุกคืนร้องอย่างไม่รู้จักอิ่ม น้ำตาไม่รู้มากจากไหน มันหลั่งไหลออกมาได้ตลอด

พี่ภาเองก็เป็นห่วงจากที่เคยเป็นคนที่สดใส ร่าเริง ทำงานไม่ค่อยพลาด แต่เดี๋ยวนี้ทำอะไรก็ไม่ดี ทั้งที่พยายามแยกแยะ แต่เรื่องที่คาในใจที่สุมอกอยู่มันเด่นชัดบดบังสติปัญญาไปเสียหมด ตอนเลิกงานพลก็มาส่งที่บ้านทุกวันเพราะมันกลัวว่าผมจะเหม่อลอยจนโดนรถเฉี่ยว ชนเอา ผมซึ้งในในความห่วงใยของเพื่อนและคนที่อยู่รอบข้าง ผมขอโทษ ที่ผมทำตัวเองให้ดีไปกว่านี้ไม่ได้ ผมทำไม่ได้เลยจริงๆ เดี๋ยวนี้ผมขึ้นนอนเร็วกว่าปกติ แม่เป็นคนปิดบ้าน ผมเองขึ้นห้องไปแต่ก็ใช่ว่าจะนอน ผมขึ้นไปพยายามหาทางติดต่อกับเอ ทำทุกวิถีทาง แต่มันก็ไม่มีประโยชน์ ยิ่งพยายามหาทางยิ่งจนหนทางปวดร้าวใจทุกข์ทวีคูณ

ผมกำลังเคลิ้มหลับ ไปด้วยความเหนื่อยอ่อนเพราะนอนไม่หลับมาหลายวัน แต่ต้องสะดุ้งตื่นเพราะเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เดี๋ยวนี้ผมไม่เอาโทรศัพท์ออกห่างตัวเลย ไม่เคยปิดเครื่องด้วยหวังว่าเอมันจะโทรเข้ามา แล้วผมจะไม่ได้รับ จนกลายเป็นคนวิตกจริตไปแล้ว ผมรีบคว้าโทรศัพท์มากดรับสาย

"พี่โย นี่บ๊อบนะ พี่ออกมาหาหน่อยสิครับ"

เสียงมันดูตื่นๆ

"หือ มีอะไร บ๊อบ นี่มันกี่โมงแล้วเนี่ย"

ผมยังงัวเงีย

"ไอ้เอมัน มีเรื่องพี่ ตอนนี้ผมอยู่กับมันที่พระโขนง พี่มาดูมันหน่อยมันโดนตี"

ผม กระเด้งตัวออกจากเตียง อุทานออกมา

"หา อะไรนะ อยู่ตรงไหน บ๊อบ เดี๋ยวพี่ไป"

ผมตะโกนออกไปด้วยความตกใจ พอรู้ว่าบ๊อบมันอยู่ที่ไหนผมก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าคว้ากระเป๋าตังค์วิ่งออก จากบ้าน ผมนั่งแท็กซี่ตรงไปยังที่ที่มันบอก แต่รถแท็กซี่ต้องไปกลับรถเกือบถึงเอกมัย ผมยิ่งใจร้อนกระสับกระส่าย มันโดนตี มันจะเป็นยังไงบ้าง ใจผมไม่ดีเลย พอเลี้ยวเข้าถนนพระโขนงผมก็เร่งให้คนขับรถแท็กซี่ขับเร็วขึ้น ตรงที่มันบอกต้องเข้าซอยปรีดีฯ ๒๔ เป็นซอยเล็กๆ ผมเห็นมันสองคนยืนเกาะกันอยู่บอกให้รถจอดแล้วจ่ายเงินโดยไม่เอาเงินทอน ผมรีบลงไปจากรถแล้ววิ่งไปหามันทันที

"เอ!!!!!"

ผมร้องเรียก

"พี่ โย ทางนี้"

บ๊อบร้องเรียกแล้วพยายามพยุงเอให้ลุกขึ้น พอแสงไฟริมถนนสาดส่องให้เห็นสภาพเอ ผมหยุดวิ่งหยุดลงโดยอัตโนมัติ ผมอึ้งขาอ่อนวิ่งต่อไม่ได้ เหมือนหัวใจจะหยุดเต้น เลือดสีแดงเกือบดำไหลอาบมันครึ่งหน้า

"เอ!!!!!! เป็นอะไร เอ!!!!!"

ผม ร้องออกไปเสียงดัง ใจหลุดลอยไป ผมปรี่เข้าไปซ้อนปีกมันพยุงไว้อีกข้าง สภาพมันเลื่อนลอย ทั้งกลิ่นคาวเลือดปนกันกับกลิ่นเหล้าคละคลุ้ง สภาพมันดูไม่รู้เรื่องอะไรแล้ว หน้าตาฟกช้ำ สภาพเสื้อผ้าเปื้อนเลือด

"ไป โรงบาล"

ผมพูดออกมาไม่ได้คิด

"พี่ช่วยมันด้วย"

บ๊อบ เองก็สภาพดูคล้ายกันเพียงแต่ไม่มีเลือดมากและดูไม่เมาเท่าเอ ผมร้องไห้ออกมากอดมันไว้ ให้บ๊อบไปเรียกแท็กซี่

"ไปทำอะไรกันมา บ๊อบ ไปทำอะไรกันมา"

ผมถามทั้งที่ยังร้องไห้อยู่ บ๊อบมันมองหน้าผม แล้วหลบตา

"กินเหล้าพี่ แต่มีเรื่องกันนิดหน่อย"

"นี่นิด หน่อยเหรอ เลือดอาบขนาดนี้"

ผมตวาดออกไป

"ทำไม บ๊อบ ทำไม"

ผม ร้องเหมือนคนบ้า ตวาดมันเสียงดัง จนคนขับแท็กซี่ตกใจ

"พี่ก็มันชวน ออกมา มันกินแบบลืมตายเลย พอดีมีคนมากวน มันก็เลยมีเรื่อง"

ผมไม่มีอะไรจะพูดกับมันทั้งรู้สึกโกรธ ทั้งสงสารคนที่อยู่ในอ้อมกอด เลือดมันเปื้อนเสื้อผมจากสีฟ้าเข้ากลายเป็นสีคล้ำ

"เอ เอ ฉันอยู่นี่แล้ว เอ อย่าเป็นอะไรไปนะเอ"

ผมพยายามเขย่าตัวมันเพราะมัน ดูตาปรือๆ ผมร้องไห้เหมือนคนบ้า พอถึงโรงพยาบาลก็แจ้งเจ้าหน้าที่ เอเข้าห้องฉุกเฉินไปแล้ว ส่วนผมก็ไปทำเรื่องทั้งน้ำตา ส่วนบ๊อบเองก็ไปทำแผล ผมพูดไม่รู้เรื่อง พนักงานถามแล้วถามอีก ผมจำเป็นต้องโทรหาพล เพราะชื่อเดียวที่คิดออกตอนนี้คือพล มันรับโทรศัพท์ พอได้ยินเสียงผมสะอื้นมันก็ตื่นแล้วบอกจะรีบมาทันที ผมนั่งร้องไห้อยู่ตรงโถงกลางโรงพยาบาลสุขุมวิท นั่งรออยู่นาน พลก็มาถึงมันกระหืดกระหอบเข้ามาหา

"เกิดอะไรขึ้น แก"

มันนั่ง ลงจับบ่าผม สายตามันตระหนกตกใจ

"เอ แก เอ มันอยู่ห้องฉุกเฉิน"

ผม สะอื้นไห้พูดออกไป

"หา เกิดอะไรขึ้น"

ผมส่ายหัว พอดีกับพนักงานที่นั่งมองดูอาการผมอยู่เข้ามาถามพล มันจึงโดนแยกออกไปเพื่อทำเรื่อง พลไปติดต่อที่เคาท์เตอร์ ผมก็นั่งร้องไห้กุมหน้าอยู่ที่เดิม ร้อนรนทุรนทุราย ยิ่งคิดไปยิ่งร้องไห้ออกมาหนักกว่าเดิม บ๊อบมันเสร็จจากการทำแผลแล้วมันเดินมานั่งข้างๆ ผม ไม่พูดอะไร เพราะเห็นสภาพผมแล้วมันคงไม่กล้าที่จะพูดอะไร ผมนั่งร้องไห้อยู่นานพอสมควร  จนพลมันเดินมาหา

"แก น้องมันออกจากห้องฉุกเฉินแล้วนะ หมอบอกว่า เมา แล้วก็คิ้วแตก ฟกช้ำตามตัว ไม่มีอะไรมาก แต่รอผลตรวจตอนมันฟื้นอีกที"

ผม รู้สึกใจชื้นขึ้น โล่งใจเหมือนยกหินออกจากอก ผมสูดหายใจเข้าปอดให้ลึกที่สุด พยายามไล่น้ำตาออกไปจากตา แล้วหันมามองบ๊อบอย่างต้องการคำตอบ บ๊อบหลบหน้าผมทันที

"พี่ ผมแค่ไปกับมันนะ"

มันตอบเสียงเบา เหมือนกระซิบ

"ไหนเล่ามาซิ ไปทำอะไรกันมา"

พลเป็นคนถาม มันนั่งลงอีกข้างของบ๊อบ ตอนนี้มันอยู่ตรงกลางพอดี

"ก็เดี๋ยวนี้ไอ้ เอมันเครียดมากพี่ กินเหล้าทุกวันที่บ้าน แต่วันนี้มันโทรชวนแกมบังคับให้ผมไปกับมัน ก็คาราโอเกะ ในซอยนั้นล่ะพี่ มันกินเยอะไปหน่อย เมาแล้วมีคนมาหาเรื่อง มันก็เลยเป็นแบบนี้ล่ะ"

ผม กับพลเงียบ ผมสงสารเอขึ้นมาจับใจ นี่มันพยายามจะประชดแม่มันอยู่ มันถึงทำขนาดนี้

"แค่เหล้าเหรอ"

พลถามสายตาจ้องอยู่ที่บ๊อบ รายนั้นอึกอัก ก้มหน้าลงต่ำกว่าเดิม

"ถามน่ะ ได้ยินไหม แค่เหล้าหรือเปล่าหรือมันมีอย่างอื่นด้วย"

พลทำเสียงดุ บ๊อบดูรนรานกว่าเดิม ผมก็รู้สึกอยากรู้ขึ้นมาเหมือนกัน

"กัญชา ด้วยพี่"

มันตอบเสียงเบาเหมือนมันไม่ได้พูด ผมหูผึ่ง นี่เอสูบกัญชาด้วยหรือ

"ไปเอามาจากไหน"

พลถามต่อเสียงดุ เหมือนเดิม

"วินมอร์ไซค์"

มันยังคงก้มมองพื้นตอบอ้อมแอ้ม ผมน้ำตาไหล จุกในอกพูดไม่ออก

"แค่นี้เหรอ มีอะไรอีก"

"โอ๊ย พี่ แค่นี้ล่ะ พี่จะถามทำไมซอกแซก"

มันเงยหน้าขึ้นมาโวยวาย จนผมสะดุ้ง

"จะบอกพวกฉันหรือจะให้พวกฉันบอกพ่อแม่เธอล่ะ"

พล ขู่เสียงเรียบจ้องหน้ามันแววตาพลดูเอาเรื่องไม่ยอมเหมือนกัน บ๊อบหลุบสายตาลงไม่ยอมจ้องหน้า

"ว่าไง"

พลแย็บต่อ

"เล่น โค๊กด้วยพี่ แต่สองสามวันแล้ว"

"หา ไปเอามาจากไหน"

พลอุทาน ผมงง โค๊ก แค่โค๊กทำไมต้องตกใจ พอภายหลังถามมันผมถึงเข้าใจ มันคือโคเคน ผมตกใจมากตอนรู้ด่าว่าเอไปเยอะเหมือนกัน

"เพื่อน"

"เพื่อนที่ ไหน รู้ไหม มันอันตราย"

พลจับบ่ามันให้มันจ้องหน้าแล้วตวาด

"เพื่อน จริงๆ พี่ มันบอกว่ามันขโมยมาจากพี่มันอีกที"

พลส่ายหน้า

"ถ้า พลาดขึ้นมาล่ะ อยากเข้าคุกกันใช่ไหม อยากเรียนจบแค่ ม ห้าเหรอ คิดบ้างสิ"

"โห พี่ ผมไม่ได้อยากลองนะ ไอ้เอ มันอยากลอง"

"แล้วทำไมเราไม่ห้าม เพื่อน"

พลแว๊ดใส่ ผมได้แต่นั่งฟังเพราะกำลังงว่าพวกมันหมายถึงอะไรกัน

"โหพี่ ตอนนี้ใครห้ามมันได้บ้าง มันไม่เชื่อใครเลย ผมเองก็ต้องคล้อยตามมัน"

บ๊อบ พูดแล้วหันมามองผม

"มันรักพี่มากนะพี่ แต่มันทำประชดแม่มัน ปกติมันไม่ใช่คนแบบนี้หรอก"

ควรจะดีใจหรือเสียใจดี ผมถามตัวเอง ผมนิ่งเหมือนโดนมนต์สะกด น้ำตายังไม่หยุดไหล นี่มันเกิดอะไรขึ้น มันล่วงเลยมาถึงเพียงนี้เชียวหรือ พลกับบ๊อบนั่งถกกันอยู่สักพักเราก็เข้าไปดูเอที่ห้องพักคนไข้ ผมปรี่เข้าไปหาที่เตียง พลกับบ๊อบอยู่อีกฟากของเตียง เห็นภาพมันนอนนิ่งอยู่ สภาพแบบนี้ ผมหัวใจสลาย เหมือนกำลังโดนใครกระทืบหัวใจอยู่ แม้เนื้อตัวมันจะดดนทำความสะอาดแล้ว หัวคิ้วซ้ายมีผ้าก็อตปิดอยู่ หน้าตาที่ฟกช้ำ ตามแขนขามีรอยขีดข่วน ผมนั่งลงข้างๆอย่างหมดกำลังใจ ร้องไห้ออกมากอดมันไว้

"เอ...........ทำไมทำแบบนี้ ทำไมทำแบบนี้ รู้ไหม ฉันใจจะขาด"

ผมพร่ำร้องไห้ออกมา น้ำหูน้ำตาเปรอะเปื้อน สะอื้นตัวโยน

"พอแล้ว เอ อย่าทำแบบนี้ อย่าทำแบบนี้ สงสารฉันบ้าง ...........เอ.............ฉันอยู่แบบนี้ไม่ได้นะ...............ฉันอยู่โดย ไม่มีเธอ.......ไม่ได้นะ"

ผมพูดคำเดิมย้อนไปย้อนมา อ้อนวอนกับร่างที่กำลังหลับไหล ลูบตามตัวมันอย่างแผ่วเบากลัวว่ามันจะเจ็บ พลเดินอ้อมมาดึงตัวผมออกจากมันเพราะยิ่งร้องไห้ผมยิ่งกอดมันแน่นขึ้น

"พอ แล้วแก ให้น้องมันพัก มันไม่เป็นอะไรแล้ว"

พลร้องไห้เหมือนกัน

"ฉัน เจ็บเหลือเกินแก ฉันเจ็บเหลือเกิน ทำไม ทำไมต้องเป็นแบบนี้"

ผมกอดพล ร้องไห้ สะอื้นจนเหนื่อยหอบ

"พี่ ผมขอโทษ ผมน่าจะห้ามมันให้ได้ ผมขอโทษ"

บีอบเองก็ร้องไห้ออกมา เราทั้งสามยืนร้องไห้อยู่ข้างเตียง ส่วนเอนอนหลับเพราะยาและน้ำเกลือ รู้ไหมเอ ไม่ใช่เธอคนเดียวนะที่อยากให้ทุกอย่างมันดีกว่านี้ ไม่ใช่เธอคนเดียวนะที่เจ็บปวด ยิ่งเธอเจ็บ ฉันเองที่เจ็บกว่าเธอหลายเท่านัก ผมพูดกับตัวเองร้องไห้อยู่ข้างเตียง พลพาบ๊อบกลับบ้านผมนอนเฝ้าเออยู่จนเช้า ผมรีบกลับบ้านเห็นแม่นั่งอยู่หน้าบ้านด้วยสีหน้าวิตกกังวล พอเห็นหน้าแม่ผมก็วิ่งเข้าไปกอด ร่ำไห้อีกรอบ ผมเล่าให้แม่ฟัง แม่เองก็ตกใจแต่ผมไม่ได้เล่าทั้งหมดเล่าแค่ว่ามันมีเรื่องจนต้องเข้าโรง พยาบาล แม่ไล่ผมให้ไปอาบน้ำเพราะเสื้อที่เปื้อนเลือดจนเป็นคราบ หน้าตาที่มอมแมม แม่บอกให้ผมหยุดงานสักวันเพราะเห็นสภาพผมคงไม่ได้นอนทั้งคืน แต่ผมก็คงทำไม่ได้ ไม่อยากให้ที่ทำงานเขาระอา เพราะอาการที่เป็นอยู่ทุกวันนี้เขาก็เอือมผมแล้ว ผมรีบไปอาบน้ำแล้วจะแวะไปหาเออีก แต่แม่ห้ามไว้บอกว่าจะจัดการเอง ผมจึงยอม

ผม ไปทำงานด้วยจิตใจที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว คอยโทรไปโรงพยาบาลตลอดทุกชั่วโมง ทำงานก็ไม่เป็นอันทำกระสับกระส่าย พลต้องคอยปลอบ ตอนสิบเอ็ดโมงผมโทรไปที่โรงพยาบาลอีกรอบ แต่พนักงานบอกว่า นาย เอกวรรศ ออกจากโรงพยาบาลไปแล้ว พอสอบถามก็ต้องตกใจเพราะผู้ปกครองมารับออกไป ผมนั่งคิดหนัก อาจารย์ปริศนารู้เรื่องแล้ว ตายจริงมันจะเป็นยังไงต่อไป ผมกลุ้มขึ้นมาทันที

"เป็นไรแก หน้าดูไม่ดีเลย"

พลถามขึ้นตอน กินข้าวเที่ยง ซึ่งผมไม่ได้แตะเลยเขี่ยไปมา

"อาจารย์ปริศนามารับ เอกลับบ้านแล้วแก"

"หา รู้เรื่องแล้วเหรอ"

พลเองก็คงตกใจ

"ซวย แน่ๆ เอ เอ้ย"

พลพูดออกมา แล้วมองหน้าผมที่รู้สึกว่าจะซวยกว่า ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับมันและรวมทั้งผมด้วย ผมเลิกกินข้าวแล้วเดินไปหน้าตึก ยืนเหม่ออยู่ตรงทางเดิน พลต้องรีบมาดึงแขนเข้าที่ทำงาน พอบ่ายแก่ๆ ผมก็รู้สึกปวดท้องเวียนหัว หน้าซีด จนเป็นลมไปเพราะไม่ได้กินอะไรเลย ตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็น ผมนอนอยู่ห้องพี่ภา พอฟื้นขึ้นมาก็เห็นพี่ภากับพลยืนมองอยู่

"เป็น ลมเลยนะโย ไม่กินข้าวบ้างล่ะเรา"

พี่ภาพูดด้วยเสียงที่เป็นห่วง

"เออ แก กินนี่ก่อนจะได้อุ่นท้องขึ้นมาหน่อย"

พลยื่นแก้วใบใหญ่ให้ เอามือแตะมันอุ่นๆ เป็นธัญพืชผสมน้ำร้อนผมค่อยๆจิบ รู้สึกดีขึ้นมาหน่อย

"อย่า คิดมากนักสิโย ดูสิโทรมไปเลยนะเรา"

พี่ภาพูดแล้วเข้ามาลูบหัว ผมยิ้มแห้งๆ พี่ภาอนุญาติให้ผมลากลับครึ่งวันโดยให้พลมาส่งที่บ้าน ความจริงผมไม่อยากจะลากลับบ้านแต่ดูจากสภาพแล้วคงฝืนทำงานต่อไม่ไหว ผมจำใจต้องกลับบ้าน ระหว่างทางก็งีบเพราะรู้สึกเพลียเหลือเกิน พอกลับถึงบ้านพลก็ลงมากินข้าวด้วย กับข้าวที่แม่ทำไว้ เอาไปอุ่น รู้สึกหิวขึ้นมา พอกินข้าวเสร็จก็นอนพัก จนหลับไป พลกลับบ้านไปแล้ว ผมนอนหลับเพราะเพลียกับพายุที่มันพัดโหมกระหน่ำเข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัว พัดซัดใจจนบอบสลาย ได้แต่ภาวนาให้พายุร้ายนี้สงบลงเสียที เผื่อใจมันจะได้พักบ้าง แม้สักเพียงเสี้ยววินาทีก็ยังดี
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! สามตอนรวด ตอน 45,46,47 Apr 13, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 14-04-2010 08:41:10
                             ตอกันตามสัญญานะครับ วันเกิดจะอัพสามตอนรวด



                            อัพให้แล้วน้า ป้า



                  


                                      ตอนสี่ สิบหก





ผมงัวเงียตื่นขึ้นมา เหลือบดูนาฬิกาเกือบหกโมงเย็นแล้ว พอตื่นขึ้นมาก็รู้สึกหิวเลย ผมเดินลงไปในครัว เห็นแม่กำลังง่วนอยู่กับการทำกับข้าว

"แม่กลับมาแล้วเหรอครับ"

ผมถามแล้วเดินไปช่วยแม่ทำกับข้าว

"จ๊ะ โยหิวเหรอลูก แป๊บนึงนะ เดี๋ยวเสร็จแล้ว"

แม่กำลังทำแกงจืด ผมเลยเดินไปดูข้าวที่หุงไว้ ข้าวสุกพอดี ผมจึงตักข้าวใส่จาน

"โย ทำไมเหม่อล่ะลูก ตักทำไมสามจาน"

แม่ทัก ผมสะดุ้ง ทำหน้าเหรอหรา เอาจานข้าวที่ตักเกินเททิ้งลงขยะ

"โย นั่งลงลูกนั่งลง เดี๋ยวแม่ทำเอง เอาข้าวไปทิ้งทำไมกัน"

แม่ร้องเสียงหลง ผมเทข้าวไปแล้วถึงรู้สึกตัว

"เอ้ย ขอโทษครับแม่"

ผมเกาหัวแกรกๆ แม่มองหน้าด้วยสายตาที่วิตกกังวล ผมนั่งลงที่เก้าอี้มองจานข้าวอยู่ ไม่ได้รู้ผิดสึกอะไรที่เทข้าวทิ้ง

"โย พักนี้โยเปลี่ยนไปเยอะนะลูก คิดมากไปหรือเปล่าโย แม่เป็นห่วงนะลูก"

แม่พูดด้วยน้ำเสียงที่อาทรห่วงใย ผมได้แต่นั่งนิ่ง ใจลอย กินข้าวก็ตักกินแต่แกงจืด ไม่กินข้าว พอแม่ทักก็กินแต่ข้าวเปล่าไม่กินกับ แม่ได้แต่ส่ายหัว ผมพยายามทำให้จิตใจอยู่กับเนื้อกับตัวให้มากที่สุด แต่ยิ่งพยายามจิตใจยิ่งหลุดเลื่อนลอยไป พอกินข้าวเสร็จผมก็ไปนั่งดูโทรทัศน์ แม่เป็นคนเก็บของทำความสะอาด ตอนแรกผมอาสาจะทำอย่างทุกครั้ง แต่แม่ห้ามไว้ คงเห็นสภาพแล้วไม่น่าจะรอด ผมนั่งดูโทรทัศน์อยู่แต่ไม่ได้รับรู้เลยว่าเรื่องราวบนจอมันเกี่ยวกับอะไร จนแม่มานั่งลงข้างๆลูบหัวเบาๆ ผมนอนลงบนตักแม่

"โย หักห้ามใจบ้างนะลูก อย่าเป็นแบบนี้นานเกินไป แม่ไม่สบายใจเลย"

แม่พูดอยู่ ผมน้ำตาซึม แต่ก็ไม่พูดอะไร รู้ว่าแม่คงทุกข์ใจไปไม่น้อยกว่าผมเลย แต่ผมห้ามใจตัวเองไม่ได้เลยที่จะไม่คิดถึงเอ ยิ่งคิดผมก็ยิ่งจมทุกข์พอคิดมากเหมือนสติขาดหลุดลอยไป เสียงเอะอะหน้าบ้าน แม่ชะเง้อคอไปดูแล้วก็ดันตัวให้ผมลุกขึ้น แม่เดินออกไปเปิดประตูบ้านเพราะเสียงเคาะประตูดังเหมือนจะมาทวงหนี้

"มาคุยกันให้รู้เรื่อง ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่ามายุ่งกับลูกชายชั้น อยากลองดีใช่ไหม หรือจะให้ฉันแจ้งตำรวจ"

เสียงที่เอ็ดตะโรอยู่ข้างนอกไม่ใช่ใคร เสียงของอาจารย์ปริศนาเอง

"ใจเย็นๆนะคะ พี่ปริศนา มีอะไรค่อยๆพูดกันนะคะ"

"ยังจะมีหน้ามาพูด เธอรู้ไหม ลูกฉันจะเสียคนเพราะลูกเธอ นี่เธอเลี้ยงลูกยังไง สั่งสอนมันบ้างไหม ทำไมปล่อยให้มันทำแบบนี้ ฉันผิดหวังในตัวเธอกับลุกมากรู้ไหม อร"

เสียงอาจารย์ปริศนาแว๊ดๆใส่แม่

"นี่เธอรู้ไหมว่าเอมันเจ็บปางตายนอนซมอยู่บ้าน เพราะใคร หา เพราะลูกของเธอ ไหนมันอยู่ไหน"

"ใจเย็นๆก่อนค่ะ พี่"

"โอ๊ย รำคาญ ฉันจะไม่ทนอีกแล้วนะ ทนมามากแล้ว นี่ถ้าเอเป็นอะไรไปมากกว่านี้ฉันจะเอาเรื่องเธอสองคนให้ถึงที่สุด"

อาจารย์ปริศนาปรี่เข้ามาในบ้าน ผมยืนขึ้นยกมือไหว้ทั้งที่ยังตกใจอยู่ ผมยังไม่ทันลดมือที่ไหว้ลง อาจารย์ปริศนาก็ฟาดมือมาที่หน้าผมแล้ว

"เพี๊ยะ"

ผมหน้าหันไปอีกทางตามแรงตบ ชาไปทั้งหน้าน้ำตาคลอเบ้า

"พี่ปริศนา!!!!!"

เสียงแม่ร้อง ผมตะลึงไม่ทันตั้งตัว หน้าหันไปยังไม่ยอมหันกลับ

"เลว รู้ไหมฉันเสียใจแค่ไหน ลูกฉันไม่เคยเป็นแบบนี้ มันเป็นเพราะเธอ เธอคนเดียว"

"พี่ปริศนา อรรู้นะคะว่าพี่เสียใจ แต่พี่ดูสภาพโยตอนนี้สิคะ พี่คิดว่าอรก็ไม่เสียใจเหรอ โยเองไม่เคยเป็นแบบนี้  เห็นใจกันบ้างเถอะค่ะพี่ปริศนา ไม่ใช่พี่ที่ทุกข์ใจคนเดียว"

แม่ขึ้นเสียงบ้าง ผมไม่เคยเห็นแม่ขึ้นเสียงกับใครมาก่อนเลย

"เธออย่ามาย้อนนะอร เธอจะเข้าใจอะไร ก็ลูกเธอมันวิปริตผิดเพศแบบนี้เธอก็ต้องเข้าข้างมันวันยังค่ำ"

"พี่ปริศนา อรไม่คิดเลยนะคะว่า พี่ปริศนาจะพูดคำนี้ออกมาได้ พี่โตแล้วเป็นผู้ใหญ่แล้ว เป็นแม่คน พี่ก็น่าจะรู้ว่าคนเป็นพ่อแม่เลี้ยงลูกได้แตแต่ตัว จิตใจของลูกพี่บังคับมันได้ด้วยเหรอ อีกอย่าง โยไม่ได้วิปริตค่ะ ถึงพี่จะคิดแบบนั้นก็ตาม แต่สำหรับอร ตั้งแต่ลูกเกิดมาไม่เคยมีวันไหนที่ทำให้อรรู้สึกอับอาย โยเป็นความภูมิใจของอร เพราะโยเป็นคนดีมาโดยตลอด อยู่ในลู่ในทาง พี่ลองคิดดูนะคะพี่ปริศนา ตั้งแต่เอรู้จักโย มันเปลี่ยนไปยังไงบ้าง แล้วที่มันเป็นแบบทุกวันนี้ เป็นเพราะอะไร เป็นเพราะใคร"
แม่เน้นเสียงตาจ้องอาจารย์ปริศนาเขม็ง มันทำให้อาจารย์ปริศนาชะงักหยุดนิ่งอยู่

"เธอไม่ต้องมาพูดอร เธอไม่เข้าใจฉันหรอก"

"อรเข้าใจค่ะ เข้าใจดี แต่ถามพี่ปริศนานะคะ แล้วพี่เองเข้าใจเอมันหรือเปล่าว่ามันต้องการอะไร คิดว่าการทำแบบนี้เป็นทางออกที่ดีก็แล้วแต่ใจพี่ค่ะ แต่ถ้าเอมันจะถลำมากไปกว่านี้ อรบอกพี่ไว้ตรงนี้เลยว่า มันไม่เกี่ยวกับโย เพราะโยเองก็อยู่เหมือนคนตายทั้งเป็น แล้วพี่เข้าใจอรไหมล่ะคะว่าอรทุกข์ใจมากแค่ไหน"

แม่น้ำตาไหลออกมาแต่ยังไม่ละสายตาจากอาจารย์ ปริศนา

"ไม่รู้ล่ะ อย่ามายุ่งกับตาเออีก"

อาจารย์ปริศนาเหมือนคนจนต่อคำพูด ยืนมองหน้าแม่อยู่แล้วสะบัดหน้าออกจากบ้านไป ผมยืนนิ่งน้ำตาคลอ แปลกใจมันไม่ยักไหลออกมา แต่แม่เองที่น้ำตาไหลออกมาอาบสองแก้ม แม่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ผมเองก็ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม มันชาขยับกายไม่ได้ สติไม่มีเหลืออยู่กับตัว นี่มันอะไรกัน เหตุการณ์มันรวดเร็วเหมือนฝัน ผมชินกับความเจ็บปวดหรือผมเป็นอะไรไปแล้ว

"โย ไม่เป็นไรนะลูก"

เสียงแม่สะอื้นถาม เท่านี้เองบ่อน้ำตาที่เหมือนโดนกักไว้ได้พังทลายออกมา ผมโผเข้ากอดแม่ตัวเองทันที ร้องไห้สะอื้นออกมา

"แม่ โย ขอโทษ.........โย ทำให้แม่ผิดใจกับ......อาจารย์ ......โยเป็นเด็กไม่ดี......แม่โย.."

"ไม่ลูก ไม่เอา อย่าพูดแบบนั้น ทุกอย่างมันวนเวียนไปตามกรรมของมัน ไม่เอานะโยอย่าพูดแบบนี้"

แม่สะอื้นปลอบลูบหลังผม น้ำตายิ่งหลั่งไหลพรั่งพรูออกมา

"โย เป็นเด็กดีมาตลอด ถึงแม้ว่าจะเจอเหตุการณ์นี้ โยก็ยังเป็นเด็กดีของแม่ คิดดูนะลูกถ้าน้องมันไม่มาเจอโย น้องมันอาจจะแย่กว่านี้ก็ได้"

ผมรู้ว่าแม่พยายามปลอบให้กำลังใจผม แต่ส่วนลึกแล้วแม่เองก็คงเสียใจมาก ความเจ็บปวดทรมานที่รุมเร้าสุมอยู่ในอกผม มันไม่ได้ทำลายแค่ผมคนเดียวแม่เองก็โดนบั่นทอนไปด้วยเช่นกัน ลำพังความทุกข์ของหัวใจผมเองมันก็สุมอกจะมอดไหม้ให้แตกดับอยู่แล้ว ยิ่งมาเห็นน้ำตาแม่ เสียงร่ำไห้สะอื้นกอดผมอยู่แบบนี้ ผมอยู่ในนรกดีๆนี่เอง ทำไมอะไรหลายอย่างมันดูเลวร้ายเสียเหลือเกิน เมื่อไหร่มันถึงจะทุเลาลง ผมทรมานเหลือเกิน

"โย ไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้ แม่............จ๋า...........โย เสียใจ"

ผมคร่ำครวญ แต่ละคำที่มันลอดออกมาจากปากมันช่างยากเย็นเคล้าเสียงสะอื้นออกมา

"โย ไม่เอาลูก ไม่เอา เดี๋ยวมันก็ดีขึ้นเอง พี่ปริศนาไม่ใช่คนใจร้ายใจดำอะไร ใจเย็นๆนะลูก เดี๋ยวมันก็มีทางออก"

แม่สะอื้นไห้เหมือนกัน ผมร้าวรานใจ พยายามจะหยุดร้องไห้เพราะไม่อยากจะเห็นน้ำตาแม่ แต่ยิ่งพยายามผมยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม ที่โดนตบหน้าไม่รู้สึกเจ็บเท่านี้เลย มันไม่ได้แค่เศษเสี้ยวหนึ่งของความทรมานที่ได้รับจากการได้เห็นน้ำตาของแม่ แม่ปลอบผมอยู่นานกว่าผมจะยอมสงบลง แม่หยุดร้องไห้ไปนานแล้ว แต่ผมยังคงสะอื้นอยู่ ผมนอนหนุนตักแม่ที่โซฟาจนหลับไปด้วยความเหนื่อยล้าอ่อนแอในใจ

ผมตื่น ขึ้นมาลืมตาขึ้นมารู้สึกหนักอึ้งเหลือบตาไปรอบๆบ้าน ผมยังนอนอยู่ที่โซฟา สว่างแล้วหรือ ผมลุกขึ้นมองนาฬิกาที่แขวนอยู่ผนังบ้าน ตายจริงเกือบแปดโมงแล้ว ผมรีบเดินขึ้นไปบนบ้าน แม่ไปโรงเรียนแล้ว กะจะโทรไปหาพลให้มันลางานให้สักสองสามชั่วโมง เห็นสายที่ไม่ได้รับ สิบกว่าสาย ผมรีบโทรกลับ

"เออ แกเป็นอะไรหรือเปล่าโย โทรไปก็ไม่รับ"

พล พูดกรอกสายมา

"ฉันไม่เป็นไรแก โทษทีนอนเพลินไปหน่อย เออ แกฉันลาสายสองสามชั่วโมงนะ"

"ไม่ต้องหรอกแก เจ๊ให้โทรบอกแกว่าไม่ต้องมาทำงานหรอกวันนี้ ให้ลาเต็มวัน แกโอเคนะ ให้ฉันไปหาป่ะ"

"ไม่ต้องแก ฉันไม่เป็นไร"

นี่ผมไม่ทำลายเพียง แต่จิตใจของตัวเองและคนรอบข้างผมยังทำลายงานของตัวเองอีกด้วย ผมวางสายจากพลแล้วนอนลงบนเตียงอย่างเหนื่อยล้า เพลียใจสมองคิดอะไรไม่ออก เรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนมันช่างเลวร้าย นับวันผมจะยิ่งเจอแต่เรื่องร้ายๆ มันรุนแรงเกินกว่าใจจะรับไหว ไม่เคยคิดจะรักเอ แต่พอรักมันก็รักทั้งหัวใจ ยิ่งรักยิ่งทรมานมองไม่เห็นสิ่งใด มองไปทางไหนมีแต่ใบหน้ามันล่องลอยหลอกหลอนอยู่ นี่มันเป็นการทำโทษผมใช่ไหม ผมควรจะหนักแน่นมากกว่านี้ไม่ควรปล่อยให้เรื่องมันเกิดขึ้นล่วงเลยมาถึง เพียงนี้ ผมสมควรได้รับการลงโทษนี้ แต่คนรอบข้างผม โดยเฉพาะแม่ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะมาทุกขืทรมานใจเพราะความเห็นแก่ตัวของผมเลย ผมเสียใจเหลือเกิน

เดือนแห่งความรักที่น่าจะหวานชื่นผ่านไปด้วยความ ขมขื่น ผมใช้ชีวิตให้ผ่านไปแต่ละวันไม่มีวันไหนที่ไม่เสียน้ำตา ไร้ซึ่งชีวิตจิตใจ นับจากเหตุการณ์ที่อาจารย์ปริศนาบุกบ้านมาตบหน้าผม เอไม่ได้ติดต่อมาเลย มันยิ่งบั่นทอนผมให้จมลงกับขุมนรกในใจ ผมพยายามสวดมนต์แต่ก็เป็นร้องไห้หน้าพระเสียมากกว่า แทนที่จะสวดให้จิตใจรู้สึกดีขึ้นสบายใจขึ้น แต่กลับสวดเพื่ออ้อนวอนขอให้ได้เจอเออีกสักครั้ง อยากจะกอดมันเหลือเกิน อยากสัมผัสใบหน้าที่ผมรักเสียเหลือเกิน อยากได้กลิ่นลมหายใจอุ่นๆนั้นอีกสักครั้ง แค่สักครั้งเพื่อหล่อเลี้ยงลมหายใจนี้ให้คงอยู่ต่อไป

ต้นเดือนมีนาคม เอมันคงปิดเทอมแล้ว เดี๋ยวนี้ผมโทรหา บอมกับบ๊อบเกือบทุกวันคอยถามว่าเจอเอบ้างไหม สาระทุกข์สุกดิบก็รับรู้มาจากทั้งสองคนนี้ เอมันยอมคุยกับบอมแล้ว แต่เอเองก็ดูเปลี่ยนไปมากกว่าเดิม ไม่ใช่เอคนเดิม มันไม่คุยกับใคร เก็บตัวอยู่ในห้อง เขียนไดอารี่อย่างเดียว ข้าวปลาก็กินน้อยจนผ่ายผอม ยิ่งรับฟังใจเหมือนโดนมีดเฉือนออกทีละน้อย เป็นห่วงเหลือเกิน บ๊อบกับบอมเองก็หนักใจเพราะไม่รู้จะทำยังไงดี เอมันฝากมาบอกผมเสมอ ว่า "รักผมมาก" ผมร้องไห้ทุกครั้งที่เด็กสองคนนี้บอก ส่วนพลเองเดี๋ยวนี้กลายเป็นเพื่อนสนิทที่สุดแทนที่จ๋าไปแล้ว ไม่ได้ว่าจ๋าเพราะมันเองก็ปิดป๊ามันอยู่ว่ามันท้องก่อนแต่ง หน้าท้องก็เริ่มป่องออกมา ต้องสวมใส่เสื้อผ้าตัวใหญ่ๆเพื่ออำพราง เห็นมันโทรมาบอกว่าจะแต่งกันเดือน พฤษภาคม ได้ฤกษ์มาจากฝั่งของพ่อแม่พี่ป้อม

วันเสาร์ต้นเดือนอากาศร้อนอบ อ้าว แม่ไปนั่งวิปัสสนาที่วัดเหมือนเคยเพราะผมดูไม่เศร้าเหมือนแต่ก่อน แต่ก็อย่างว่าผมใช้ความพยายามอย่างมากที่จะทำตัวให้ร่าเริงตอนอยู่หน้าแม่ แต่ลับหลังผมก็ยังคงจมอยู่กับรอยน้ำตาและความทุกข์โศกในใจ ผมนั่งเหม่ออยู่ม้าหินอ่อนหน้าบ้าน คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยเลื่อนลอย อยากจะโทรหาเอ อยากคุยกับมัน แต่ก็จนปัญญา เพราะเวลาที่บอมกับบ๊อบไปหา อาจารย์ปริศนาก็มักจะสอดส่องอยู่ใกล้ๆ อยากจะโทรหาบอมกับบ๊อบตอนที่มันอยู่ด้วยกันเคยลองแล้ว แต่เอมันไม่คุยไม่รู้เหมือนกัน หรือว่ามันไม่มีใจเหลือให้กันแล้ว ผมสะท้อนใจปวดร้าว พยายามปลงปล่อยวาง แต่ก็ยากเย็นเสียเหลือเกิน เสียงคนพยายามเปิดประตู ผมสะดุ้งจากภวังค์หนามกุหลาบที่ทิ่มแทงใจอยู่ ใจเต้นตึกตักกลัวว่าเป็นใครแอบมางัดบ้าน เห็นมือสอดเข้ามาปลดกลอนจากภายนอก มันรู้ด้วยว่ากลอนประตูอยู่ตรงไหน ประตูเปิดออก

"เอ!!!!!!!!!!!"

ผมร้องสุดเสียง เพราะคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือเอ ผมยืนขึ้นตลึงตาค้าง เอมันวิ่งเข้ากอดผมยกตัวขึ้นจนตัวลอยจากพื้น

"เค้าใจจะขาด เค้าเหมือนคนใกล้จะตาย คิดถึงตัวเองเหลือเกิน"

มันร้องไห้ออกมา ยิ่งทำให้ผมร้องไห้สะอื้นออกมาเช่นกัน

"ไปไหนมา เอ ไปไหน มา ทำไมทำแบบนี้"

ผมตีหลังมันทั้งที่มันกอดอยู่

"เค้าขอโทษ เค้าทำไม่ได้ ตัวเอง เค้าทำไม่ได้ ถ้าเค้าได้ยินเสียงตัวเอง แล้วโดนขังให้อยู่ที่บ้าน เค้าใจจะขาด"

น้ำตาของมันไหลเปื้อนซอกคอผม น้ำตาผมเปื้อนบ่ามัน

"ทำไมใจร้าย เหลือเกิน รู้ไหม ฉันทรมาน อย่าทำแบบนี้ เอ อย่าทำแบบนี้"

เสียงสะอื้นคละเคล้าปนกัน ผมสะอื้นอ้อนวอนกอดมันแน่น

"เค้าขอโทษที่รัก เค้าขอโทษ เค้าคิดว่าทำแบบนี้แล้วแม่จะใจอ่อนลง แต่ ไม่เลย แม่ใจร้าย เค้าเกลียดแม่"

มันวางผมลงแล้วมองหน้าผมจูบทั้งน้ำตา ผมได้ยินแบบนั้นก็สะท้อนใจแต่ก็ไม่อยากจะห้ามอะไรในตอนนี้ เพราะดีใจมากเหลือเกินที่ได้เจอหน้ามัน เรากอดจูบลูบไล้กันอยู่นานแล้วจึงขึ้นไปบนห้อง ผมนอนกอดมันอย่างที่ใจโหยหามานาน เอตัดผมสั้นกุดเหมือนโกนหัวมา คิ้วซ้ายเป็นรอยแผลเป็นตัดเส้นขนคิ้วไปผมใช้นิ้วลูบอย่างแผ่วเบา ผมจูบลงหัวคิ้วมันแผ่วเบา ถ้าเจ็บก็ให้หายนะเอ ขอให้จุมพิศนี้เป็นยารักษารอยเจ็บช้ำนี้ให้หาย จุมพิศที่เต็มไปด้วยรักจากใจจริง

"ตัวเอง ร้องไห้ทุกวันเลยเหรอ เห็นไอ้บอมมันบอก"

มันจับหน้าผมให้ไปใกล้ หน้ามัน ลมหายใจอุ่นๆที่ผมหลงไหล ผมสูดเข้าปอดอย่างกระหาย ผมไม่ตอบแต่ยิ้มให้มันทั้งน้ำตา มันเขานิ้วปาดออกอย่างอ่อนโยน

"เค้า เสียใจนะคะ ขอโทษน้า เค้าจะไม่ทำแบบนี้อีก คิดว่าเงียบแล้วทุกอย่างจะดีขึ้น ปล่าวเลย ยิ่งแย่ลง เค้าเหมือนคนกำลังจะขาดใจ"

ผมมองริมฝีปากมันทุก คำที่พูดมันจ้องหน้าผมตลอดเวลา

"เค้ารักตัวเองมากน้า มากจนทำตามที่แม่บังคับไม่ได้ มากจนทนไม่ไหวอีกแล้ว"

"รักมากแล้วทำไม ไม่ติดต่อมาเลย รู้ไหม เอ แค่อยากได้ยินเสียง เป็นห่วงเหลือเกิน แค่ได้ยินเสียงแค่นี้ก็ผิดหรือ"

ผมสะอื้นหนัก มันกอดไว้จูบหน้าผาก

"เค้า ขอโทษ เค้าก็ทรมานน้า เค้าร้องไห้เหมือนกัน อยากโทรหาใจจะขาด แต่แม่ไม่ให้เค้าออกไปไหนเลย เฝ้าอยู่บ้านตลอดเวลา"

มันร้องไห้พร่ำ พูดออกมา ผมเห็นใจมันมาก ไม่คิดว่าอาจารย์ปริศนาจะทำแบบนี้กับลูกชายในวัยแบบนี้

"อย่าทำแบบนี้ อีกนะเอ ฉันรู้มันยาก ไหนบอกจะฝ่ามันไปด้วยกัน ไหนบอกจะจับมือกันไปตลอด"

"ตัว เองเชื่อใจเค้าน้า เค้าไม่ได้ตั้งใจ เค้าอยากจะประชดแม่ แต่แม่ไม่ใจอ่อนเลย"

"อย่าให้ฉันเจ็บไปกว่านี้เลย สงสารฉันบ้าง"

ผมยังคงสะอื้นให้ความในใจมันออกมากับน้ำตา

"เค้าขอโทษนะคะ ที่รักของผม เค้าสัญญาว่าจะไม่ทำให้ตัวเองเสียใจอีก เค้าสัญญา"

มันพูดแล้วลูบ ตามหน้าจรดคางของผม พรมจูบอยู่อย่างนั้น ผมจูบตอบมันอย่างแผ่วเบา อ้อมกอด รสจูบที่ผมปรารถนา ตอนนี้มันอยู่ตรงหน้าผมแล้ว แรงรักในใจปลุกใจให้ล่องลอยไปตามร่างกาย ฝ่ามือมันคอยลูบไล้ตรงสะโพก ผมดื่มกินจูบมันอย่างกระหาย ทุกส่วนในร่างกายมันช่างน่าพิศมัย ไม่เคยรังเกียจเลย ผมปล่อยใจให้ลอยไปตามแรงปรารถนาแห่งใจ ไฟราคะสุมร้อนให้เราเร่าร้อนไปตามลีลา เม็ดเหงื่อผุดขึ้นเต็มดวงหน้าทั้งผมและมัน ประตูสวรรค์เปิดรับเราไม่รู้กี่รอบกี่คราว ไม่รู้จักพอไม่รู้สึกอิ่ม รสรักที่เติมเต็มให้แก่กันเหมือนน้ำทิพย์หยาดมาโปรยก็ไม่ปาน ผมมีความสุขเหลือเกินแต่มันก็ปนมาด้วยทุกข์มหันต์ที่แทรกมาทุกนาที


 :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call:

ขอบคุณ ทุกแรงใจนะครับ อยากเอ่ยชื่อทุกคน แต่ดูย้อนไปไม่เป็น ยังไงก็ขอบคุณอีกทีครับ






                      
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! สามตอนรวด ตอน 45,46,47 Apr 13, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 14-04-2010 08:45:59
                            อ่านแล้วอย่ารุมด่าผมนะครับ อิอิ


                           ยังไงเปลี่ยนคำด่าเป็นคำอวยพรก็ดีน้าาาา



                          Happy Birthday to Eiky อิอิ





                                   ตอน สี่สิบเจ็ด




เอ นอนทับร่างผมซุกหน้าอยู่ซอกคอ เสียงหายใจมันเหนื่อยหอบ ผมเองรื้นน้ำตาไม่เคยจางหายไปเลย ทั้งสุขใจทั้งกังวล หลากอารมณ์ประดังประเดเข้ามา ผมลูบแผ่นหลังมันไปมาแผ่วเบากอดคอมันไว้


"ตัว เอง จำไว้นะ เค้าจะรักตัวเองจนกว่าเค้าจะตาย"

ผม สะดุ้งที่คำพูดมันแทรกขึ้นมาแทนเสียงหอบเหนื่อย

"เอ"

ผม จับหน้ามันยกขึ้น จ้องตามันด้วยน้ำตา

"อย่า พูดแบบนี้ ไม่ อย่าพูดอีก ฉันไม่ชอบ บอกแล้วใช่ไหม อย่าพูดเรื่องเป็นเรื่องตาย"

ผม ทำตาดุใส่มันแต่น้ำตาที่เคลือบตาไว้ไม่รู้ว่ามันจะดุได้แค่ไหน มันจ้องผมจริงจัง

"เค้า พูดจริงๆ เค้าคิดว่าถ้าโตไปกว่านี้ เค้าก็คงไม่รักใครได้เท่านี้แล้ว รู้ไหม ในหัวใจเค้ามีแต่ตัวเอง คนเดียวในใจ"

เรา จ้องตากันอยู่ ผมเม้มปาก ได้ยินแบบนี้ก็ชื่นใจอยู่หรอก แต่สะท้อนใจเหลือเกิน นี่มันหมายถึงเรื่องราวต่างๆที่รออยู่เบื้องหน้ามันจะรุนแรงกว่านี้อีกหรือ

"รัก ก็ให้มันนำทางเราไปสู่จุดหมายสิเอ อย่าให้รักมันพาเราจมตกนรกไป พากันไปให้ถึงฝั่งสิ"

ผม พยายามเรียกสติคืนมาให้เราทั้งสองคน แม้จะทุกข์ใจตรมในอกเพียงใดเราจะกอดคอกันจมดิ่งลงเหวไม่ได้

"นี่ ล่ะที่เค้ารักตัวเอง เพราะตัวเองไม่เหมือนใคร ตัวเองเป็นขุมพลัง เป็นกำลังใจให้เค้าเสมอมา ตั้งแต่รู้จักกันมา ตั้งแต่รู้สึกรัก ไม่เคยมีวันไหนที่เค้าจะรู้สึกว่ารักตัวเองน้อยลงเลย มีแต่รักตัวเองเพิ่มขึ้น มากขึ้นทุกวัน"

จาก สายตาจริงจังเป็นประกายหวานซึ้ง มันลูบหน้าผมอย่างอ่อนโยนจูบหน้าผาก ริมฝีปากอุ่นวาบหวามไปถึงใจ ผมหลับตาพริ้มอย่างเป็นสุข

"เอ ไม่ว่าต่อไปจะเป็นยังไง อดทนไว้นะ อย่าทำอะไรผลีผลาม จะคิดจะทำอะไรขอให้คิดถึงฉันก่อน ได้ไหม"

น้ำ เสียงที่วิงวอนอ่อนโยนอย่างน้อยอยากให้มันฟังผมบ้างสักนิดก็ยังดี

"คร้า บบบ ไม่เชื่อเมียรักแล้วจะฟังใครล่ะคะ"

มัน ทำหน้าทะเล้นเหมือนเคย นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้เห็นใบหน้าแบบนี้ อยากให้มันทำหน้าแบบนี้ตลอดเวลาจังเลย

"บ้า ฉันไม่ได้พูดเล่นนะ อย่าทำเป็นเล่น"

ผม ค้อนใส่

"จ้า ที่รัก เค้าเชื่อตัวเอง จะคิดถึงตัวเองก่อนคิดก่อนทำอะไร สัญญา"

มัน จูบลงมาหนักหน่วง ผมเผยอปากรับจูบนั้นด้วยความปรีดา เรากอดก่ายร่างเข้าหากันแนบแน่นราวจะหลอมให้กลายเป็นร่างเดียวกัน ความเจ็บปวดทางกายถูกกลบลบเลือนไปด้วยความปรารถนาทางใจ ไฟราคะลุกโชนขึ้นอีกครั้ง ทุกอณูของร่างกายผมเอมันซอกซอนไม่มีจุดใดเล็ดลอดสายตาหรือชิวหามันไปได้ เช่นกันเรือนร่างของมันทุกอณูรูขุมขน ผมดอมดมมันอย่างพึงใจไม่มีเบื่อ เราล่องลอยไปบนวิมานจนถึงฝั่งแห่งสวรรค์ เหงื่อกาฬผุดขึ้นอีกครา

"เค้า เจ็บน้องชายอ่า ตัวเอง"

มัน อมยิ้มอยู่ ทำหน้าเขินอาย

"สม น้ำหน้าไหมล่ะ กี่รอบแล้วเนี่ย"

ผม ก็รู้สึกอาย แต่ก็ยิ้มตอบมัน

"เค้า ไม่เอาไหนเลยอ่ะ ห้ารอบเอง ไม่ไหวซะแระ"

"บ้า ฉันไม่ไหวแล้วนะ เจ็บแล้ว"

"หือ ไม่ไหวแล้วเหรอคะ เค้าว่าจะเอาอีกสักสองรอบ"

"บ้า ทำไปคนเดียวเถอะ"

ผม ทำท่างอนตุ๊บป่องใส่มัน เอกอดกระชับผมแน่นขึ้น ซุกไซร้อยู่ตรงซอกคอ ผมพลิกตัวขึ้นมานอนทับร่างมันบ้าง เอาเรียวนิ้วลูบที่คิ้วมันแผ่วเบา

"เจ็บ ไหม"

มัน ส่ายหน้าแล้วยิ้มให้ผม

"คิ้ว แหว่งเลย"

"แต่ ยังหล่ออยู่เนอะ"

ผม ยิ้มลูบไล้ลงมาที่ใบหน้ามันแผ่วเบา รักที่สุดเต็มหัวใจ

"แล้ว คิดยังไงไปตัดผมซะเกรียนเชียว"

"ตัด ไปงั้นล่ะ ขี้เกียจสระ ตัวเองไม่ชอบเหรอ"

"เปล่า หล่อดี"

ผม ยิ้มเต็มดวงหน้าจูบที่หน้าผากมัน

"อิ อิ เห็นมั้ยเค้าน่ะหล่อ มีแผลเป็นยิ่งหล่อ"

"จ้า พ่อรูปหล่อ"

ผม ประชดแล้วหยิกแก้มมันเบาๆ เรานอนกอดกันคลอเคลียอยู่จนบ่ายกว่าๆ ผมจึงลงมาทำกับข้าวเอมันคอยกอดอยู่ไม่ห่าง ไม่ได้รู้สึกรำคาญเลยแม้แต่น้อย รู้สึกอิ่มรักล้นสุขอย่างบอกไม่ถูก พอกินข้าวเสร็จเราก็กลับขึ้นไปบนห้องอีก

"อยาก อยู่อย่างนี้ไปนานจังเลยเนอะ"

เอ พูดขึ้นมาแล้วถอนหายใจ ลมหายใจอุ่นๆของมันรดหน้าผมอยู่ กลิ่นกายที่ผมพึงปรารถนา เรานอนกอดกันจนผมหลับไปมันเองก็หลับ ผมเบียดกายเข้าหา เอเองก็กอดกระชับผมแน่นขึ้นราวกับจะหลอมรวมร่างให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ความอบอุ่นจากอกของคนที่รักมันแผ่แทรกซึมเข้ามาในร่างกายทดแทนความเหน็บหนาว ที่ฝ่าฟันเผชิญมานาน ผมเองก็อยากอยู่แบบนี้ไปนานๆ ถ้ามีพรวิเศษอันใดที่จะขอแล้วให้มันเป็นจริงได้ ผมขอให้เวลามันหยุดอยู่ตรงนี้ หยุดอยู่เพียงแค่นี้ แค่ผมกับมัน

ผม ตื่นลืมตาขึ้นมา สิ่งแรกที่คิดได้คือเอ กลัวว่ามันจะหนีหายไปเหมือนคราวก่อน ผมขยับตัวมันยังนอนกอดผมอยู่ ผมมองหน้ามันตอนนอนหลับ ช่างดูเป็นสุขเสียเหลือเกิน ทำไมนะเอ ทำไมเราต้องเผชิญกับกำแพงขวางกั้นแบบนี้ด้วย ผมกรีดนิ้วบนใบหน้ามันอย่างแผ่วเบา อย่างทะนุถนอม ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผมจะรักมันได้มากมายถึงเพียงนี้

"ตื่น แล้วเหรอคะ"

มัน งัวเงียถาม ผมจูบลงที่เปลือกตาที่กำลังจะลืมขึ้น

"หิว ไหมเอ ค่ำแล้ว"

ผม ถามเพราะเหลือบไปดูนาฬิกาบอกเวลาเกือบหกโมงเย็นแล้ว เอพยักหน้าแล้วดึงผมลงไปกอดจูบ

"ต่อ อีกสักรอบไหมคะ น้องชายเค้าตื่นอีกแล้วอ่ะ"

"บ้า เหรอ นี่จะบ้าพลังไปไหน ไม่เอาแล้ว เจ็บแล้ว"

ผม ฟาดที่บ่ามันไปเบาๆ มันทำหน้าทะเล้นใส่แล้วจับมือผมไปจับน้องชายมัน

"ก็ อยู่กับตัวเองนี่คะ มันตื่นตัวตลอดอ่ะ"

"งั้น ก็อยู่ห่างๆกันสิ ฉันไม่ไหวหรอกนะ วันนึงหลายๆครั้งน่ะ"

"ไม่ เอา ไม่อยู่ห่าง แค่นี้ก็ใจจะขาดตายอยู่แล้ว ก็ได้ๆ เค้าไม่ทำแล้วก็ได้ กอดเฉยๆน้า"

มัน อ้อนแล้วกอดเอวผมไว้ ปากก็คลึงอยู่แถวท้ายทอย ผมยอมให้มันทำจนพอใจจึงลงมาทำกับข้าว คราวนี้เอออกไปรดน้ำต้นไม้ ภาพคืนวันเก่าๆที่เราอยู่ด้วยกัน ภาพที่ผมเอาไม้กวาดทางมะพร้าวฟาดหลังมันจนกลายเป็นแผลเป็นอยู่กลางหลังจนถึง เดี๋ยวนี้ยังแจ่มชัด คิดขึ้นมาก็สะท้อนใจ ทั้งดีใจเสียใจระคนกันไป ผมชำเลืองมองเออยู่ตลอดเวลา มีสิ่งใดที่จะให้ผมทำเพียงเพื่อเก็บภาพเหล่านี้ไว้ให้นานแสนนาน มองเห็นแม้ยามหลับตา ตื่นมาก็ยังไม่จางหายไป แผ่นหลังมันที่กำลังก้มๆเงยๆอยู่กับกอมะลิ ผมมีความสุขจังเลย แม้ความสุขนี้มันจะไม่ได้อยู่กับผมไปทุกวัน แต่ตอนนี้ผมอุ่นขึ้นมาในใจ จะให้เผชิญกับทุกข์เพียงใดผมก็ยอมเพียงเพื่อความทรงจำทั้งหลายเหล่านี้

พอ กินข้าวเสร็จผมก็ให้เอกลับบ้าน แม้มันจะไยอมกลับง่ายๆ แต่ก็พยายามอธิบายเหตุผล แม้ใจผมเองก็ไม่ได้อยากให้มันพ้นสายตาแม้เพียงวินาที แต่ความจำเป็นที่บีบบังคับ สิ่งที่จะตามมาจากนี้มันไม่ใช่เรื่องง่าย หรือจะอธิบายให้เข้าใจได้ ลำบากใจ ปวดร้าว แต่ผมยังมีทางอื่นอีกหรือ ใจจริงอยากจะคว้าแขนมันเข้ามากอดเหนี่ยวรั้งไว้ซุกอยู่กับอกนั้นไม่อยากให้ ไปไหน แต่ความจริงคือผมต้องกัดฟันบอกให้มันกลับบ้านไป

"เดี่ยว ก็เจอกันอยู่ดีล่ะเอ รีบกลับไปเถอะ เดี๋ยวแม่ก็ว่าเอา"

ผม พยายามปลอบประโลม ตอนแรกมันก็ไม่ยอมท่าเดียว ผมต้องเอาเหตุผลร้อยแปดมาอ้างมันถึงยอมอ่อนลง เรายืนสบตากันอยู่นานแสนนาน จับมือกันอยู่อย่างนั้นจนมืด พอมันหันหลังออกจากประตูใจผมก็หล่นวาบหายไป ราวกับมันได้เด็ดดวงใจผมกลับบ้านไปกับมันด้วย สายตามองแผ่นหลังมันจนเลือนลับตาไป เหมือนเอาเหล็กแหลมมากระทุ้งกลางใจ นี่ผมปล่อยมันไปอีกแล้วหรือ ผมยอมปล่อยมือมันให้หลุดไปอีกแล้ว คิดขึ้นมาก็น้ำตาซึม แต่อย่างน้อยก็ยังอิ่มใจว่าทุกอย่างที่มันทำลงไปเพราะมันมีใจรักผมอยู่เต็ม เปี่ยม แม้จะทุกข์ทรมานอีกสักเท่าใด ก็ขอให้มันยังมีใจคงอยู่อย่างนี้ต่อๆไป เพราะเมื่อใดที่ใจมันมีรัก มันก็ย่อมมีหวัง ผมเชื่ออย่างนี้

อาทิตย์ นี้ดูเหมือนทุกอย่างจะดูดีขึ้นหลังจากที่เอกลับบ้านไปแล้ว มันไม่หายไปเหมือนเคย มันโทรศัพท์หาทุกวัน ส่วนมากจะเป็นตอนสี่ทุ่มโดยแอบบออกมาโทรที่ตู้โทรศัพท์หน้าบ้าน แม้จะคุยกันไม่นานแต่อย่างน้อยเสียงของมันก็เป็นก็ล่อเลี้ยงหัวใจผมให้มี ชีวิตอยู่ต่อไปได้ในแต่ละวัน ผมรู้สึกดีขึ้นไม่เหม่อลอยมีชีวิตชีวาขึ้น ไม่เป็นร่างไร้วิญญาณเหมือนแต่ก่อน แม่เองก็ดูเป็นสุขใจมากขึ้น เพื่อนๆก็คลายห่วงลงบ้าง การงานก็กลับมาเป็นปกติเหมือนเคย มีคนบอกว่าแรงแห่งรักมันสามารถเคลื่อนภูเขาได้ทั้งลูก ผมหัวเราะเมื่อได้ยิน แต่ในทางเปรียบเปรยอุปมาอุปมัย ผมว่ามันทำได้มากกว่านั้น เพราะมันสามารถทำให้เราจมหายไปกับทุกข์แห่งรัก หรือทำให้เราล่องลอยอยู่บนวิมานสีหวานก็เพราะด้วยแรงแห่งรักนี่เอง

"ตัว เอง คิดถึงเค้าไหม"

เสียง แจ่มใสกรอกตามสายมา ผมกลิ้งอยู่บนเตียงเตรียมตัวนอนแต่ก็รอคอยอยู่

"คิด ถึงจ๊ะ"

"เค้า อยากไปหาตัวเองจังเลยอ่ะ อยากกอด "

"อด ทนเอานะเอ เดี๋ยวก้ได้กอดแล้ว"

"เมื่อ ไหร่อ่ะ เค้าไม่อยากรอยากกอดตอนนี้"

"แหม นะ อยากได้อะไรก็จะได้ทันตาเลยเหรอ ทนเอาหน่อยสิพ่อคุณ"

ผม เย้ามันอารมณ์ดี

"ก็ คนมันรักนี่นา รักอยู่เต็มอก นี่ตัวเอง น้องชายเค้ามันคิดถึงตัวเองอ่ะ ตอนนี้ก็ตื่นอยู่ สู้มือเชียว"

"บ้า เหรอ "

"อิ อิ โอ๊ยอยากจะกอด จะจูบให้ชื่นใจเลย"

"แล้ว นี่ไม่หลับไม่นอนเหรอจ๊ะ"

"เอ๊ย เหรียญจะหมดพอดี ตัวเอง เค้ารักตัวเองน้า รักตัวเองที่สุด"

มัน วางสายไปทิ้งไว้แต่รอยยิ้ม ผมยิ้มให้กับรูปที่ขึ้นหน้าโทรศัพท์เด็กชายหนุ่มหัวเกรียนหัวคิ้วซ้ายมีรอย แผลเป็นตัดความหนาของคิ้วให้ดูบางลง แต่รอยนั้นใช่จะทำให้เขาดูน่าเกลียดแต่กลับเพิ่มเสน่ห์ในใจเท่าทวีคูณ อีกคนที่อิงแอบแนบอกเขาอยู่นั้นดูเป็นสุขแม้จะไม่ยิ้มจนเห็นฟันแต่รอยยิ้ม มันเผยออกมาทางตาส่องประกายแห่งความสุขอย่างยากที่จะปิดบัง ผมรู้ดีว่าเขาสองคนมีความสุขมากแค่ไหน เพราะเขาคนนั้นก็คือผมเอง รูปถ่ายบนหน้าจอมือถือนี้เป็นขุมซึ่งแรงใจ มันนำพารอยยิ้มมาให้ตลอดเวลาที่หยิบเอามันขึ้นมาดู เป็นแสงนำทางใจเวลาที่มืดมน เป็นลมอุ่นในคืนที่เหน็บหนาว เพราะนี่คือรักที่ผมมีอยู่เต็มหัวใจ






"แม้รักนั้นดังแสงแรกฤดูหนาว ทอแสงพราวระยับอยู่ไม่รู้หาย



หากรักนั้นดังทิวาราตรีราย เปรียบดังสายฝนโปรยให้ฉ่ำใจ"
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!ต้อนรับวันสงกรานต์ ตอน 44 Apr 13, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 14-04-2010 08:48:08
:L2: :L2: :L2: :L2:
Happy Birthday..Eiky
มีความสุขมากๆ นะ



ขอบคุณมากคร้าบบบบ เมื่อคืนเมาเหล้าญี่ปุ่น กินไปแก้วเดียว หัวปักพื้นเลย อิอิ สาดน้ำเผื่อด้วยนะคร้าบบบ

 :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!ต้อนรับวันสงกรานต์ ตอน 44 Apr 13, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 14-04-2010 08:49:42
อ่านมาทันแล้วครับ  +1 ให้กัเรื่องราวที่น่าติดตาม


แล้วก้อแวะมาอวยพรให้ด้วยนะครับ


Happy Birth  Day   สุขสันต์วัน่กิดนะครับ..Eiky


ขอให้มีความสุขมาก ๆ นะ  คิด หวัง สิ่งใดขอให้สมปรารถนาทุกสิ่งทุกอย่างเทอญ




 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

อ่า ขอบคุณมากครับ แค่นี้ก็ปลื้มใจแล้ว


ติดตามอ่านด้วยนะคร้าบบบ

 :L2: :L2:


 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! สามตอนรวด ตอน 45,46,47 Apr 13, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 14-04-2010 08:58:13
ส่งกำลังใจก่อน  :กอด1:  :กอด1:  :กอด1:

เดี๋ยวอีป้าแก่ๆ ค่อยไปอ่าน

สุขสันต์วันเกิดนะตะเอง... :L2:

คิดอะไรก็ขอให้สมปราถณา อย่าเจ็บ อย่าจน มีแต่คนรักมากๆ

ด้วยรักจากใจ อีป้าแก่ๆ แต่ไม่เหี่ยว  :pigha2:  :m20:  :laugh:  :jul3:



หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! สามตอนรวด ตอน 45,46,47 Apr 13, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 14-04-2010 09:19:11
อ่านแล้ว 3 ตอนรวด น้ำตาซึม บ่อน้ำตาจะแตกเอา


แม่ที่รักลูกมากเกินไป ทำร้ายลูกด้วยความรักนี่ เป็นแม่ซาดิสไหมนะ (อ.ปริศนา)



โย + เอ สู้ๆ กันต่อไปน้า อีป้าแ่ก่ๆ เอาใจช่วยเสมอคะ



รักคนแต่งมากมาย  :L1:
 
:pig4:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! สามตอนรวด ตอน 45,46,47 Apr 13, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 14-04-2010 09:22:47
อ่านแล้ว 3 ตอนรวด น้ำตาซึม บ่อน้ำตาจะแตกเอา


แม่ที่รักลูกมากเกินไป ทำร้ายลูกด้วยความรักนี่ เป็นแม่ซาดิสไหมนะ (อ.ปริศนา)



โย + เอ สู้ๆ กันต่อไปน้า อีป้าแ่ก่ๆ เอาใจช่วยเสมอคะ



รักคนแต่งมากมาย  :L1:
 
:pig4:



ถูกใจไหมครับป้า อิอิ ผมปั่นแทบตามให้ทัน วันนี้ เหอๆๆ เพื่อนๆบอกผมใกล้บ้าไปทุกทีแล้ว น้าาาา
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! สามตอนรวด ตอน 45,46,47 Apr 14, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Seoul In Love ที่ 14-04-2010 09:55:30
(http://i555.photobucket.com/albums/jj468/seoulinlove/ID/2212.gif)

Happy นะคะ มีความสุขมากๆ ค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! สามตอนรวด ตอน 45,46,47 Apr 14, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: •ผั๑`|nกุ้va’ด• ที่ 14-04-2010 11:00:47
(http://i166.photobucket.com/albums/u94/glitterfy/graphics/33/blue_cake.gif)

Happy Birthy Eiky~!!!~
 
มีความสุขมากๆในวันที่อากาศร้องแรง เช่นนี้นะคะ
 
ไปเล่นสงกรานต์ที่ไหน ขอให้ หนุ่มๆมาปะแป้ง ไม่หยุด หย่อน เอิ๊กๆ๐
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! สามตอนรวด ตอน 45,46,47 Apr 14, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: nidnoi ที่ 14-04-2010 11:25:55
 :b:

มีความสุขมากๆ นะคะ คุณ  Eiky
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! สามตอนรวด ตอน 45,46,47 Apr 14, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 14-04-2010 16:31:42
HBD...  Eiky !!!

มีความสุขมากๆนะคะ

แล้วก้อขอบคุณสำหรับ 3 ตอนรวดนี่ด้วย

เศร้าสะใจมากกกกกก

หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! สามตอนรวด ตอน 45,46,47 Apr 14, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Vesi ที่ 14-04-2010 18:16:49
มาช้าไปนิด happy birthday นะคร้าบ
แหะๆ เพิ่งกลับมาถึงห้องน่ะ
ขอให้ผ่านมรสุมไปได้ไวๆนะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! สามตอนรวด ตอน 45,46,47 Apr 14, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 14-04-2010 18:39:11
คู่นี้ เศร้า แอนด์ โศก เลยอะ  :monkeysad:

สุขสันต์วันเกิดนะคะ ขอให้โชคดีๆๆๆๆๆๆ  :mc4:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! สามตอนรวด ตอน 45,46,47 Apr 14, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 14-04-2010 19:02:45
มาอวยพรวันเกิดช้าไปนิดนึงไม่ว่ากันนะครับ   happy birthday นะคร้าบผม ขอให้มีแต่ความสุขไหลมาเทมาตลอดทุกวันเวลาอย่าได้ขาดสาย   :HBD3: :HBD3: :b: :HBD3: :HBD3:
ขอบคุณสำหรับสามตอนตามสัญญา แม้จะทำบ่อน้ำตาซึมมาตลอดสามตอนก็เหอะ :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! สามตอนรวด ตอน 45,46,47 Apr 14, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 14-04-2010 19:17:41
 โอ๊ย ซึ้งเลยอ่ะ น้ำตาไหล ขอบคุณทุกคนนะคร้าบบบ วันเกิดตัวเองไม่ไปไหนเลย ไม่อยากบอกกลัวโดนโห่ ว่าสวดมนต์ อิอิ



แค่ทุกคนอวยพรก็มีความสุขแล้วววววว



รักทุกคนคร้าบบบ เอ้อ นิยายเศร้าไปอย่าว่ากันน้า อิอิ คนเขียน เป็นแบบ ซาดิสต์ อิอิ

 :L2: :L2: :L2: :L2: :call: :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! สามตอนรวด ตอน 45,46,47 Apr 14, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: kanda53 ที่ 14-04-2010 20:05:15
 :a:  ขอให้น้อง Eiky มีความสุขสมหวังในทุกๆสิ่งที่ปรารถนานะคะ  :HBD1:

อ่านเรื่องนี้แล้วซึ้งมาก  รักทรหดจริงๆคู่นี้  :monkeysad:
แต่ก็แสดงให้เห็นว่า ความรักเป็นสิ่งที่สวยงามและ 
ความรักที่แท้จริงย่อมปรารถนาให้คนรักมีความสุขและพบแต่สิ่งดีๆในชีวิต   :กอด1:
หวังว่ารักของ โยกับเอ คงจะสุขสมหวัง  :call:
ขอบคุณที่แต่งเรื่องดีๆให้อ่าน  และความขยันของ Eiky ด้วยค่ะ  o13  :bye2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! สามตอนรวด ตอน 45,46,47 Apr 14, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: SoN ที่ 14-04-2010 21:33:14
^^
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! สามตอนรวด ตอน 45,46,47 Apr 14, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Vicky ที่ 14-04-2010 22:49:36
สนุกมากๆๆๆๆๆๆๆๆ พึ่งเริ่มอ่าน คนเขียนดีมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! สามตอนรวด ตอน 45,46,47 Apr 14, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 14-04-2010 22:57:06
อีป้าแก่ๆ ขอบอกว่าสนุก แต่เศร้ามาก thank u
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! สามตอนรวด ตอน 45,46,47 Apr 14, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 14-04-2010 23:12:05
ขอให้ผ่านไปแบบ HAPPY ด้วยเถิดดดดดดดดดดด :call: :call: :call: :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! สามตอนรวด ตอน 45,46,47 Apr 14, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Na_RimKLonG ที่ 14-04-2010 23:26:35
(http://i223.photobucket.com/albums/dd277/akapong/happybirthday/02-07-08_greeting03.gif) (http://glitter.kapook.com/category.php?category_id=112&sid=fffe0ceae8109b066adb4d36d67e9eda)

มีความสุขมากๆนะค้าาา
ปล. แก่ขึ้นอีกปีแว้ววว 55+
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! สามตอนรวด ตอน 45,46,47 Apr 14, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: salawinyeen ที่ 15-04-2010 00:17:38
 o13   เสียดายเอามาลงแค่3ตอน วันหลังเอา 10 ตอนรวดนะครับ อิอิ





  HAPPY BIRTH DAY NA KUB  เย้ๆ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! สามตอนรวด ตอน 45,46,47 Apr 14, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: DexTunG ที่ 15-04-2010 02:53:50
แวะมาส่งกำลังใจให้ครับ :L2:


อยากอ่านตอนต่อไปแล้วสิ


 :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! สามตอนรวด ตอน 45,46,47 Apr 14, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 15-04-2010 09:52:00
ขอบคุณทุกคนนะครับ สำหรับทุกคำอวยพร คนเขียนไม่มีปัญญาลงแล้ววันนี้ ไม่ไหว คิดอะไรไม่ออกเลย ฮือๆๆๆ เดี๋ยวดึกๆมาลงให้ใหม่นะครับ ขอตัวไปนอนก่อนเผื่อจะดีขึ้น

 :z3: :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! สามตอนรวด ตอน 45,46,47 Apr 14, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 15-04-2010 10:05:46
เป็นกำลังใจนะ  :L2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! สามตอนรวด ตอน 45,46,47 Apr 14, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 15-04-2010 17:17:06
เจอกันตอนดึกๆ น้า อีป้าจะรอต่อ  :pig4: +1 ด้วย
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! สามตอนรวด ตอน 45,46,47 Apr 14, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: LifeTime ที่ 15-04-2010 22:53:24
ตามอ่านวันเดียวเลย...แต่งดีนะ ยามเศร้าก็น้ำตาไหลพราก
ยามสุขหวานกันหยดย้อยก็อ่านไปยิ้มไป...  o13
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 48 Apr 15, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 15-04-2010 23:13:24
  ขอบคุณทุกคนที่ติดตาม คร้าบบบ ไปเล่นน้ำสีลม มา ไม่มันเท่าไหร่ อิอิ กลับมามึนหน่อยๆ


                        อัพให้ตามสัญญาคร้าบบบ





                                ตอน สี่สิบแปด



ปลายเดือน มีนาคม กว่าจะผ่านไปแต่ละวันช่างยากเย็นแสนเข็ญ เหตุการณ์ต่างๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิตดังมรสุมลูกใหญ่โถมกระหน่ำซัดใจให้แหลก ราญ แต่ในความมืดมิดนั้นก็ยังพอมีแสงสว่างเล็ดลอดมา การที่ผมได้เจอเอ ได้อยู่ด้วยกันเพียงไม่นานมันก็ผสานใจให้มีหวังขึ้นมาบ้าง หัวใจที่บอบช้ำยังพอมีแสงแห่งหวัง ยังมีแรงแห่งใจให้ก้าวเดินต่อไปในวันที่มืดมน ผมใช้ชีวิตแต่ละวันเกือบจะเป็นปกติไม่ซึมเศร้าล่องลอยไร้สติเหมือนก่อน เพราะเอมันโทรมาหาทุกวันแม้จะคุยกันไม่นานแต่เสียงของมันได้ต่อแรงใจให้ผม ได้มาก งานการก็เข้ารูปเข้ารอยกว่าแต่ก่อน เวลาเรามีความสุขไม่ใช่มีเพียงเราที่มีความสุข คนรอบข้างเองก็เป็นสุขไปด้วย แต่เวลาทุกข์คนที่รักเราเขาก็จมไปกับเราด้วยเช่นกัน จ๋าเองกำลังง่วนอยู่กับการเตรียมตัวเพื่อเป็นเจ้าสาว มันเดินสายหาโรงแรมจัดงาน ไปเฉพาะวันที่พี่ป้อมไม่มีเรียน ส่วนพลเองก็เจอกับบอมเกือบทุกวันเพราะบอมมันยังรู้สึกผิด แต่ก็ไม่เข้าใจว่ามันจะนัดเจอกันทำไมในเมื่อเวลาเจอกันมันก็กัดกันตลอดเวลา ไม่เคยถูกกันเลย วันนี้ก็เหมือนกันพลมาเร้าตั้งแต่บ่ายว่าจะไปเจอบอม ให้ผมไปเป็นเพื่อน

"เดี๋ยวนี้แกเจอมันทุกวันเลยเหรอ"

ผมถาม ขึ้นระหว่างทางหลังเลิกงาน

"ก็ไม่หรอกแก ก็มันบอกว่าอยากระบายที่ทำเรื่องเอาไว้ มันเสียใจนะแก มันไม่ได้อยากให้เป็นแบบนี้ แม้เอจะคุยกับมันแล้ว แต่เอมันก็ไม่เหมือนเดิม"

"มัน ไม่น่าคิดมากเลยนะ ที่จริงมันไม่ได้เกี่ยวกับมันเลย เอมันเปลี่ยนไปก็คงเพราะมันโดนบีบบังคับล่ะมั้ง มันไม่ได้เปลี่ยนไปหรอก"

ผม ออกความคิด แล้วเลื่อนมือไปกดเพลงฟังเหมือนเคย

"ก็บอกมันแล้ว แต่มันก็ยังคิดมากอยู่ ฉันก็เข้าใจมันนะแก เพื่อนที่เคยสนิทเพราะความลืมตัวของเราทำให้เพื่อนเปลี่ยนไปเลย ว่าไปก็สงสารมันเหมือนกันนะ"

"เริ่มใจอ่อนแล้วสิ ระวังนะแก จะรักมันเข้าสักวัน"

"ไม่มีทางแก เด็กปากเสียแบบนี้ กวนตีนอีกต่างหาก"

พลเถียงแต่ก็หน้าแดงๆ

"แหมแล้วเอล่ะแก ตัวพ่อมันเลยนะนั่น ฉันยังเป็นได้มากขนาดนี้เลย อย่าว่าไป คอยดูเถอะ"

"โอ๊ย ไม่เอาแล้ว แกนี่พูดอะไรก็ไม่รู้ เอมันน่ารักนี่ กวนตีนแค่ไหนใครๆก็ต้องละลายล่ะ แต่ไอ้นี่หน้าตาก็กวนตีน ไม่มีอะไรดีสักอย่าง"

"แหม ว่าไป บอมมันก็น่ารักดีออก ขี้คร้านจะติดงอมแงม"

ผมพยายามยุมัน

"ไม่เอาหรอกรักเด็กแล้ว เดี๋ยวมีปัญหา"

ผมสะท้อนลึกลงไปในใจ นั่นสินะ พลหันมามองมันหน้าเสียไปทันทีเพราะผมหน้าเจื่อนลง

"เฮ้ย แก ฉันขอโทษ ไม่เกี่ยวหรอกที่จริงน่ะ จะเด็กจะผู้ใหญ่ มันก็มีปัญหาทั้งนั้นล่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจนะแก"

พลเสียงอ่อยลงท้ายประโยค ผมพยักหน้า ไม่อยากให้เพื่อนคิดมากอีกแค่นี้พลก็แบกรับเรื่องของผมมามากพอแล้ว ผมไม่อยากให้ใครต้องมารับรู้ความทุกข์ในใจผมอีก ขอทรมานเจ็บปวดแค่คนเดียว เรามาถึงที่เดิมเกือบจะห้าโมง พอถึงก็ตรงไปที่นัดหมาย เห็นบอมนั่งรออยู่ก่อนแล้ว มันลุกขึ้นไหว้ทักทาย

"หวัดดีพี่"

"เป็น ไงบ้างบอม หล่อเชียววันนี้"

ผมแซวเพราะมันใส่กางเกงยีนส์วัยรุ่น ขากระบอกเสื้อยืดสีสดใส ผมตั้งใส่เจล มันทำหน้าเขินๆ

"แหมชมหน่อย ยิ้มเชียวนะ ทีเจอชั้นเห็นใส่ขาสั้นมาตลอด พอรู้ว่าพี่โยมาแต่งซะหล่อ"

พล แขวะแล้วนั่งลงข้างๆผม

"อ้าว ก็เป็นเรื่องธรรมดา คนมันหล่อ ไม่แต่งยังไงก็หล่อ"

"จ้า หล่อมาก อดใจไม่ไหวแล้วเนี่ย"

"ผม ไม่เอาพี่หรอก เสียใจ"

"ฉันประชดเว้ย แล้วคิดเหรอว่าฉันจะเอาแก หลงตัวเอง"

"แหม เจอหน้ากันก็เอาเลยนะ คุยกันดีๆไม่ได้เหรอ"

ผม แทรกขึ้นกลางปล้องเพราะคงทะเลาะกันอีกนาน ทั้งสองเชิดหน้าใส่กัน ผมได้แต่ส่ายหน้า นี่มันจะรอดเหรอเนี่ย

"เรียนพิเศษเป็นไงบ้างบอม"

ผม ถามขึ้นก่อนที่คอมันจะหักเพราะเชิดหน้าหักมุมเสียเหลือเกิน

"ก็ดีพี่ นี่ก็เพิ่งเรียนเสร็จ"

"แล้วไม่ไปไหนบ้างเหรอ ปิดเทอมทั้งที"

"ไม่ หรอกครับ อยากติวเยอะๆ จะได้ทันเพื่อน กลัวสอบไม่ได้ ผมหัวไม่ค่อยดี"

"เห็น มะ ในที่สุดก็ยอมรับว่า หัวไม่ดี"

"อ้าวพี่ กวนนะ หัวไม่ดีแต่มีความพยายาม ไม่ผิดนี่"

"จ้า ไม่ผิดหรอก แต่ผิดที่คิดจะสอบอะไรที่มันยากๆอ่ะนะ อย่างเธอน่าจะเรียนอะไรที่มันสอบง่ายๆ แต่เอ๊ะ ไม่ค่อยมีนะที่ว่าง่ายน่ะ แล้วจะเรียนอะไรล่ะเนี่ยหนักใจแทน"

"พี่"

"พล แกนี่ก็เหลือเกิน พยายามน่ะดีแล้วบอม พี่เองก็หัวไม่ดี เรื่องตัวเลขน่ะไม่เอาไหนเลย"

ผมปรามขึ้นเพราะบอมมันถลึงตาใส่พลแล้ว ผมหันไปพูดกับมันเสียงอ่อนโยน มันค่อยลดดีกรีลงมาหน่อย พอคุยกันสักพัก ก็ไปกินข้าว ที่จริงไม่น่าจะเรียกว่าคุยเพราะสองคนคอยจะกัดแทะกันตลอดเวลา ผมคอยห้ามอยู่ไม่รู้กี่รอบ พอเสร็จพลก็มาส่งที่บ้าน แล้วค่อยไปส่งบอม ผมเองพอถึงบ้านก็ตั้งหน้าตั้งตารอเวลาที่เอจะโทรมาใจจดใจจ่อ แต่คืนนี้แปลก รอนานจากสี่ทุ่มเป็นห้าทุ่ม ผมยังคงกุมโทรศัพท์ไว้ในมือ จากห้าทุ่มล่วงเที่ยงคืน ใจผมเริ่มกระสับกระส่าย เอมันมีอะไรหรือเปล่า คำถามต่างๆนานาผุดขึ้นกลางสมอง ผมนอนกลิ้งไปมา พยายามคิดว่ามันคงง่วงหรือไม่ก็ไม่มีเงินค่าโทรแล้ว หรือมันอาจจะไม่สบาย แล้วจะกินยาหรือยัง ใครจะคอยดูแลมัน แต่คงไม่เป็นไรเพราะอาจารย์ปริศนาคงไม่ปล่อยให้ลูกชายป่วยไข้ไม่สบายไป หรือมันจะไม่สบายมากจนเข้าโรงพยาบาล ผมหาคำตอบให้คำถามตัวเองไม่ได้สักอัน ได้แต่นอนกลิ้งไปกลิ้งมา ดูภาพบนหน้าจอที่เราสองถ่ายคู่กัน ขออย่าให้มีอะไรเลยนะ อย่าได้มีอะไรอีกเลย ใจฉันต้านทานรับมันไม่ไหวแล้ว ผมหลับไปตอนค่อนคืนแล้ว ไร้เสียงใดจากโทรศัพท์ ผมหลับไหลไปด้วยความกังวลใจ พอตื่นขึ้นมาโทรศัพท์ยังกุมไว้ในมือ สิ่งแรกที่ทำคือกดดูเผื่อว่าเอจะโทรเข้ามา แต่ก็เปล่าเลย ไม่มีอะไรบนหน้าจอ มันยังเป็นรูปผมกับมันอยู่อย่างเดิม ผมเดินลงมาข้างล่าง วันนี้วันเสาร์ แต่แม่ไม่ได้ไปวัดเพราะน้าสาไปต่างจังหวัด แม่เลยไม่มีเพื่อน ผมเห็นแม่ง่วนอยู่ในครัวผมจึงไปช่วย

"หน้าตาไม่ดีเลยลูก มีอะไรหรือเปล่า"

แม่ถามแล้วลูบหัวอย่างห่วงใย

"อ้อ ไม่มีอะไรครับแม่ เมื่อคืนนอนดึกไปหน่อย พอดีได้นิยายเรื่องใหม่มา"

เอา อีกแล้วผมโกหกแม่อีกแล้ว ไม่ได้อยากจะพูดแบบนี้เลย แต่ถ้าบอกว่ารอโทรศัพท์จากเอทั้งคืนแม่คงไม่สบายใจ ผมไปล้างผักที่แม่แช่น้ำไว้ก่อนแล้ว

"แม่ใส่บาตรแล้วเหรอครับ"

ผม ถามเพราะผมเองตื่นสายลงมาก็เกือบจะแปดโมงแล้ว

"จ๊ะ เห้นเราหลับอยู่แม่ก็เลยไม่ปลุก วันนี้ไปไหนไหมลูก"

"ยังไม่รู้เลย ครับแม่ ไม่อยากไปไหน อยากอ่านหนังสือ แล้วก็ว่าจะขัดหลังบ้านซะหน่อย"

ผม ล้างผักต่อไปใจก็ขุ่นมัว นี่ถ้าให้รออีกถึงคืนนี้ผมต้องเก็บอาการไม่อยู่แน่ๆ ผมจะทำยังไงดี พอดีเสียงโทรศัพท์ดัง ผมรีบคว้าออกมาดู บอมนั่นเอง มันมีอะไรนะทำไมโทรมาแต่เช้า ผมกดรับสาย

"ว่าไงครับบอม โทรมาแต่เช้าเลย"

ผมกรอกเสียงไปตามสาย

"ตัวเอง นี่เค้าเองนะ"

ผม อึ้ง มึนชาอยู่ พอได้สติก็ใจเต้นดีใจที่เอโทรมาเสียที

"เอ"

"ตัว เอง แม่บังคับให้เค้าไปอยู่เชียงใหม่อ่ะ ตัวเอง เค้าไม่อยากไป เค้าไม่อยากจะไปจากตัวเอง เค้าจะทำยังไงดี"

มันร้องไห้ ผมเหมือนโดนสาดด้วยน้ำเย็นความหนาวเหน็บนั้นวิ่งตรงไปที่ขั้วหัวใจ

"เค้า เกลียดแม่ เค้าจะทำยังไงดี ตัวเอง เค้าไม่อยากจะไป เค้าจะหนี"

มัน ร้องไห้พูดเสียงเครือน้ำตา ผมยังนิ่งอยู่เพราะพูดอะไรไม่ออก พอได้สติผมจึงพยายามรวบรวมพลังที่มีอยู่ในใจน้อยนิด

"เอ ใจเย็นๆนะ มันต้องมีทางออก เอ"

จบประโยคน้ำตาก็ทะลักออกมา สะอื้น จนแม่ตกใจ

"อะไร โย มีอะไรกัน"

แม่เข้ามาโอบไว้ ผมยืนร้องไห้อยู่

"เค้าเสียใจ ตัวเอง เค้าเกลียดแม่ เค้าเกลียดแม่"

มันร่ำไห้ปานใจจะขาด มันยิ่งทำให้ผมอ่อนไหว ผมไร้ซึ่งเรี่ยวแรง แม่แย่งเอาโทรศัพท์ไปจากมือ

"เอ เอเหรอลูกนี่แม่อรนะ"

แม่กรอกเสียงไปตามสาย น้ำเสียงเป็นกังวล

"ไม่ เอานะลูกอย่าพูดแบบนั้น อดทนไว้นะเอ อย่าทำอะไรแบบนั้นนะ แม่ขอร้อง"

เสียง แม่อ้อนวอน

"แม่เข้าใจลูกเอ พี่โยเองก็เสียใจ แต่อย่ายอมแพ้นะลูก อดทนไว้ สักวันแม่เขาต้องเข้าใจ ไม่เอาเอ ไม่เอาลุกอย่าพูดแบบนั้น ทำใจเย็นๆไว้นะลูก"

เสียงแม่ขรึม ผมสะอื้นไห้อยู่ข้างๆ อยากได้ยินเสียงมัน

"เอ ฟังแม่อรนะลูก ถือว่านี่เป็นบทพิสูจน์ความรักของลูกเอนะจ๊ะ อย่าคิดว่าแม่เขาไม่รัก เพราะแม่รักเขาถึงทำแบบนี้ แม่อรเชื่อว่าสักวันแม่เขาจะเข้าใจ แล้วยอมให้เอได้รักพี่เขาแบบเต็มใจ แต่ตอนนี้ลูกเอ ต้องเข้มแข็งนะ เข้มแข็งอดทนไว้นะลูก"

เสียงแม่นิ่งเย็นอย่างน่าประหลาด แม่ยังไม่หันมามองผมที่ทรุดลงไปนั่งกับพื้น สะอื้นไห้อยู่

"ลูกเอ แม่อรเห็นใจเราสองคนมาก แต่เราต้องสู้นะลูก เพื่อตัวเราเอง เพื่อพี่เขา อย่าเสียใจเลยลูก ทุกอย่างมันมีอุปสรรคทั้งนั้นล่ะ คิดให้มันเป็นกำลังใจอย่างน้อยสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นมันก็เป็นแรงใจให้เรา ทั้งสองคน ว่าเรารักกันมากแค่ไหน ได้ลูกเอ แป๊บนึงนะจ๊ะ"

แม่หันมา มองที่ผมแล้วเอามือปิดโทรศัพท์เอาไว้

"โย น้องอยากจะคุยด้วย เลิกร้องไห้ได้แล้ว"

แม่ดุ ผมพยายามกลั้นเสียงสะอื้นกลืนมันลงคออย่างยากลำบาก ผมพยายามอยู่นานแต่ก็ยังไม่หยุด ผมเอากำปั้นทุบอกตัวเองทุบหนักแรงให้มันคลายหายสะอื้น

"โย ทำอะไรน่ะลูก หยุดเดี๋ยวนี้นะ"

"โย.....ฮึก......อยาก....คุย กับ.....เอ"

ผมตอบออกมาทีละคำเพราะผมสะอื้นหนักเหลือเกิน พูดไม่เป็นคำผมกัดปากตัวเอง มือยังทุบหน้าอกตัวเองอยู่ แม่เข้ามาคว้ามือไว้

"อย่า ทำแบบนี้นะโย อย่าทำแบบนี้ แม่เจ็บ รู้ไหม"

แม่เสียงเครือแต่ยังดุ อยู่ ผมก้มหน้าลงซบกับพื้นครัว ไม่ไหวแล้ว ผมทนไม่ไหวแล้ว ผมบังคับตัวเองไม่ได้ ทรมานเหลือเกิน เจ็บปวดในใจ

"ลูกเอ รอพี่เค้าแป๊บนึงนะลูก"

"พี่เขาทำใจอยู่ รอพี่เขาหน่อยนะลูก"

แม่ หันไปพูดโทรศัพท์กับเอ ผมสะอื้นอยู่ไม่ยอมลงเสียที ในใจก็อยากจะคุยกับมันอยากได้ยินเสียงมัน แต่ทำไมผมหยุดไม่ได้ ผมลากตัวเองไปที่ก๊อกน้ำเปิดน้ำสาดเข้าหน้าตัวเอง พอโดนน้ำเย็นที่ไหลออกมา ผมพอดึงสติกลับมาได้บ้าง แม่คอยลูบตามหัวตามตัวผมอยู่ตลอดเวลา

"เอ นี่ฉันเองนะ"

"ตัวเอง เค้าคิดถึงตัวเอง เค้าอยู่ไม่ได้ ถ้าไม่มีตัวเอง เค้าไม่อยากไป"

มันยังคงคร่ำครวญอยู่ ผมเม้มปากกัดมันเอาไว้ไม่อยากจะสะอื้นออกมาอีก แม่มองหน้าให้กำลังใจ

"เอ ฉันจะไม่ไปไหน จะอยู่ตรงนี้ จะรอเธอ เอ.......ไหนบอกว่าจะสู้ด้วยกัน ไหนบอก...........จะฝ่าฟันอุปสรรคไปด้วยกัน"

ผมพยายามเปล่งเสียงพูด ให้มันกลบเสียงสะอื้นออกมา

"เค้าเสียใจเหลือเกิน เค้าอยากจะอยู่กับตัวเอง"

"เอ ฟังนะ ถึงเราจะอยู่ไกลกัน ใช่ว่าใจเราจะห่างกัน อย่าใจร้อน เอ ต้องอดทนนะ อดทนเพื่อนฉันได้ไหม เอ"

น้ำตา ไหลออกมา ผมกัดปากตัวเองจนเจ็บ

"ตัวเอง รอเค้าน้า ตัวเองอย่าลืมเค้าน้า เค้ารักตัวเองมากน้า"

ใจผมสลาย น้ำตาไหลออกมา เสียงอึกๆดังอยู่ในลำคอ

"ฉันสัญญา เอ ฉันสัญญา"

"เอ ไปได้แล้วลูก สายแล้ว"

เสียงอาจารย์ปริศนาดังแทรกเข้ามาในโทรศัพท์ เสียงลงทัณฑ์จากผู้เป็นเจ้าชีวิตสั่งให้หยุดการสนทนา

"ตัวเอง รู้ไว้นะ เค้ารักตัวเองมาก รักตัวเองหมดหัวใจ รอเค้าน้า"

เสียงมัน เครือปวดร้าวเหลือเกิน ผมไม่ทันจะได้พูดอะไรไป มันตัดสายไปแล้ว ผมสะอื้นจนตัวสั่นไหว แม่เข้ามากอดไว้

"โย ใจเย็นๆลุก มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่านี้อีกแล้ว ใจเย็นๆลูก"

แม่กอดปลอบประโลม แต่ผมไม่ได้ยินเสียงของแม่แล้ว น้ำตากลบสายตามองไม่เห็นสิ่งใด มีเพียงความเจ็บปวดที่สุมอยู่ในอก ทรมานเหลือเกิน เรื่องราวแบบนี้มันจะจบลงเมื่อไหร่กัน ผมไม่มีที่พอให้เจ็บปวดอีกแล้ว บาดแผลจากใจมันยิ่งลุกลามเต็มหัวใจ ยิ่งหลับตาภาพของเอยิ่งกระจ่างขึ้นมา ในใจผมโดนเผาวายวอดไปแล้ว ไม่มีแรงใจ ไม่มีกำลังใจ

"พี่ปริศนาใจ ร้ายเหลือเกิน ตัวเองเจ็บปวดคนเดียวเสียเมื่อไหร่กัน"

แม่พูดขึ้นมา พลางลูบหลังกอดผมอยู่ไม่ยอมห่าง ผมซึมซับได้แห่งความอบอุ่นจากอกแม่ แต่ผมดึงตัวเองขึ้นมาจากบ่อลึกเหวร้ายนี้ไม่ได้เลย แม่ปลอบอยู่นานจนผมสงบลง ผมนั่งเหม่ออยู่ที่โซฟา นานเท่าไหร่ไม่รู้ แต่สักพัก พลกับบอมก็มาถึงบ้าน พลวิ่งเข้ามากอดทันที แม่ผละขึ้นบ้านไป ผมรู้ว่าแม่ไปทำอะไร แม่กำลังสวดมนต์ภาวนาให้ลูกชายของตัวเองให้พ้นจากห้วงทุกข์นี้เสียที แต่อานิสงส์มันไล่กิเลสหนาในใจไม่พ้นเลย กรรมเวรแต่เบื้องหลังมันถึงเวลามาทวงคืนผมแล้ว ยิ่งเห็นหน้าเพื่อน หนังเศร้าเรื่องเดิมก็กลับวนฉายได้อย่างไม่รู้จักเบื่อ พลพลอยร้องไห้ไปด้วย บอมเองก็ยืนน้ำตาไหลอยู่ พลปลอบผมต่างๆนานา ผมร้องไห้จนน้ำตามันไม่มีจะออกมา พอปวดใจมากๆก็กรีดร้องออกมา พลกอดผมแน่น ผมกำลังเสียสติ ผมควบคุมตัวเองไม่ได้เลย ความเจ็บปวดที่สะสมมานานมันเกินใจจะทนไหว แค่ร่ำไห้มันก็ระบายความเจ็บปวดออกมาไม่พอ




เขียนโดย eiky

 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

กว่าจะเค้นแต่ละตอน ยากน้าาา
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 48 Apr 15, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 15-04-2010 23:30:49
เอ้ามาทำให้ค้างดึกๆเนี่ยแล้วจะนอนหลับลงป่าวเนี้ย o12 o12 o12
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 48 Apr 15, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 15-04-2010 23:35:23
 :monkeysad:
จะให้คนอ่านจมน้ำตายเลยนะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 48 Apr 15, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: SoN ที่ 15-04-2010 23:40:29
^^
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 48 Apr 15, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 15-04-2010 23:44:58
 เศร้าอ่าาาาา  :sad4:
ว่าแล้วก้อวิ่งออกไปร้องไห้นอกทู้ :o12:

เป็นกำลังใจให้นะคะ

หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 48 Apr 15, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: SPSJ ที่ 15-04-2010 23:58:06
อ่านที่ไรน้ำตาไหลทุกที



ระยะทางอีกยาวไกล  ขอให้เอมั่นคงในรักด้วยครับบ











หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 48 Apr 15, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Phelyra ที่ 16-04-2010 00:05:41
เศร้าเกินบรรยายเลยค่ะรอบนี้  :monkeysad: :m15: :o12:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 48 Apr 15, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Vesi ที่ 16-04-2010 00:19:11
 :sad4:
โถ่ เรื่องมันเศร้า
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 48 Apr 15, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 16-04-2010 00:55:39
คงเป็นบทพิสูจน์อย่างที่แม่อรว่า แต่อย่างไงมันก็เศร้าเกินไปจริงๆ  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 48 Apr 15, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: nidnoi ที่ 16-04-2010 01:03:07
 :เฮ้อ:

พูดไม่ออก
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 48 Apr 15, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 16-04-2010 01:55:42
วันเวลาจะนำพาสู่บทสรุบเสมอ อีป้าแก่ๆ อ่านแล้ว น้ำตาเล็ดคะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 48 Apr 15, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Yellow Lilly ที่ 16-04-2010 07:09:04
 :sad4: :sad4: :sad4:

..

...

....

เศร้าเกินไป๊.....
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 48 Apr 15, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 16-04-2010 09:17:28
มากด + อ่างเดียว ไม่มีไร เพราะ เมื่อคืนออน กับ มือถือ กด + ไม่ได้ 555
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 49 Apr 16, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 16-04-2010 09:28:15
                                     เหนื่อยจังเลย เล่นน้ำมาง่วงนอนมากมาย


                                       ตอน สี่สิบเก้า





พลพาผมขึ้นมาบนห้องตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ จำไม่ได้แม้มันพาขึ้นมายังไงพลนั่งกอดบ่าผมอยู่บนเตียง บอมมันนั่งดูเราอยู่ตรงโต๊ะเขียนหนังสือ มันไม่ร้องไห้แล้วแต่ยังดูเศร้าๆอยู่ ผมจะระบายความทุกข์ที่หนักอึ้งมืดแปดด้านนี่ออกจากใจยังไงดี พอหยุดร้องไห้แม้นั่งเฉยๆน้ำตาก็ไหลออกมา แค่คิดถึงหน้ามันสูดลมหายใจเข้า มันก็เจ็บแปลบในใจน้ำตาเอ่อล้นออกมา พยายามไม่คิดถึงแต่ผมทำไม่ได้ ผมหยุดคิดถึงมันไม่ได้ เหมือนหัวใจหมดแรง ไม่มีกำลังจะทำอะไรได้ต่อ

"มัน ต้องดีขึ้นแก มันต้องดีกว่านี้"

พลสะอื้นลูบบ่าผมอยู่ ผมเม้มปากกัดกลืนความเจ็บช้ำลงไปในคอ

"แกเข้มแข็งไว้นะโย"

ผม เข้มแข็งมาโดยตลอด แม้ตอนเลิกกับพี่ตั้มมันควรจะเจ็บช้ำกว่านี้แต่ผมก็เสียใจอยู่ไม่นาน แต่นี่ผมยังรักมันอยู่เต็มหัวใจ ผมรู้ว่ามันเองก็รักผมอยู่เต็มอกเช่นกัน แต่ทำไมมันเจ็บปวดยิ่งกว่าเลิกลาแยกจากกันเสียอีก ให้แยกจากกันแบบนี้ทำไมมันเจ็บปวดรวดร้าวเหลือเกิน เหมือนดังใจไม่เคยได้เจอแสงใดจะส่องนำทาง มืดมิด เหน็บหนาว ดึงตัวเองออกมายังไงดี พอแล้ว โย พอแล้ว ผมคร่ำครวญในใจ

"แก .....ฉัน....ฮึก......ฮึก....เสียใจ"

ผมพูดไม่เป็นคำสะอื้นออกมา

"ร้องไห้ ให้พอแก ร้องออกมา ถ้ามันจะทำให้แกรู้สึกดีขึ้น อย่าเก็บมันไว้"

ผม เม้มปากลูบหัวผม มันพยายามไม่สะอื้นออกมา คงสงสารสมเพชเวทนาผม ตั้งแต่รู้จักกันมาส่วนมากผมจะเป็นคนที่คอยปลอบเพื่อน คอยให้กำลังใจให้คำแนะนำ เพื่อนไม่เคยเห็นน้ำตาของผมเลย พลเคยบอกว่าผมมองโลกในแง่ดีเกินไป คงจะจริง แต่ตอนนี้สิ่งนั้นหายไปไหนแล้ว โลกนี้ช่างมืดมนโหดร้ายเสียเหลือเกิน แค่รักกันมันผิดมากนักหรือ แค่ผมรักมันผมก็วิปริตหรือ ถ้าผมหักห้ามใจได้ ถ้าผมทำได้ วันนี้ผมคงไม่มานั่งทนทุกข์อยู่แบบนี้ เพราะผมหักห้ามใจตัวเองไม่ได้ อานุภาพรักมันรุนแรงเกินกว่าที่ใจผมจะต่อต้าน พอรักแล้วผมกลับจมลงสู่ห้วงเหวแห่งความโทมนัสอดสู ภาพแผ่นหลังของเอที่ลับตาไปวันนั้นอยู่ในหัว ผมน่าจะคว้าแขนมันไว้ โอบกอดอีกสักเพียงวินาที แค่เพียงสักวินาที ให้ได้สูดเอากลิ่นกาย กลิ่นลมหายใจนั้น แต่ผมปล่อยให้มันเดินลับตาไป ผมสะอื้นหนักกว่าเดิม ยกกำปั้นขึ้นทุบหน้าอกตัวเอง เป็นกลายเป็นบ้าไปแล้ว ผมทำแบบนี้สามครั้งแล้ว ผมหายใจไม่ออก จุกอยู่ในใจ ทุบให้มันเจ็บ ทุบให้รู้ว่าผมยังมีชีวิตอยู่ ยังไม่ตาย ยังรับรู้รสของความเจ็บปวดอยู่ ผมทุบอกตัวเองพลจับมือห้าม

"โย แกอย่าทำแบบนี้ โย"

พลตะคอกใส่หู แต่ผมก็ไม่หยุด

"แก ฮือ ฮือ ทำไมทำแบบนี้ โย พอแล้วๆ ฉันขอร้อง"

"พี่โย อย่าทำครับ พี่"

ทั้ง พลและบอมเข้ามาจับมือผมไว้ ผมเสียสติไปแล้ว ดิ้นพล่าน

"อ้ากกกกกกกก กกกกก"

ผมกรีดร้องออกมาซุกหน้าลงบ่าของพล

"ทำไม!!!!!!!!!!!!!!!!!!!"

"โย อย่าทำแบบนี้ อย่าทำร้ายตัวเอง อย่าทำ............แบบนี้"

พลสะอื้น กอดผมแน่น ผมจับบ่ามันเขย่าหนักกว่าเดิม บอมเองก็ยืนนิ่งน้ำตาไหลอยู่มันคงไม่เคยเจอคนบ้าแบบนี้มาก่อน จิตผมหลุดลอยไปแล้ว แค่คิดถึงใบหน้ามัน รอยแผลเป็นที่คิ้วซ้าย รอยยิ้มอันนั้น เอาคืนมาให้ผมได้ไหม อย่าเอามันไปไหนเลย สงสารผมบ้าง สงสารผมเถิด ผมกำลังจะขาดใจตาย อย่าพรากสิ่งเดียวที่ใจผมรักไปจากผมเลย ยิ่งคิดยิ่งสะอื้น กรีดร้องออกมา ขยุ้มบ่าของพลจนบอมมันมาดึงออก

"เอ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! เอ "

ผมร้องครวญครางหามัน แค่หวังว่าเสียงนี้จะสื่อไปถึงใจมันว่าผมคิดถึงมันเหลือเกิน อยู่แห่งหนใด ขอให้รับรู้ไว้ ว่าคิดถึงเหลือเกิน ขอวอนสายลมใดจะพัดพาเสียงนี้ล่องลอยไป บอกเอให้ที ผมรักและคิดถึงมันมากเพียงใด ผมสะอื้นไห้อยู่นานพลกอดไว้แน่น บอมยืนลูบหลังผมอยู่ จนผมหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน ผมดึงพลังออกมาจากร่างเพื่อร้องไห้ พอเหนื่อยก็นอน ไม่ฝัน ไม่คิดถึง ไม่คิดอะไร ผมอยากจะนอนหลับอย่างนี้ไปนานแสนนาน เผื่อว่าใจมันจะได้พักบ้าง

ที่ ใดมีรักที่นั้นย่อมหนีไม่พ้นทุกข์ช่างเป็นสัจธรรมที่จริงแท้เสียนี่กระไร แต่ก่อนรักแต่เหมือนจะคิดว่าตัวเองโตเป็นผู้ใหญ่แล้วควบคุมความคิดและหัวใจ ได้ ปล่าวเลยแท้จริงผมก็แพ้หัวใจตัวเอง แต่หากให้เลือกว่าอยู่แบบไม่ได้รักมัน แล้วไม่เป็นทุกข์ กับการที่ได้รักมันหมดหัวใจแล้วมีสภาพแบบนี้ ผมก็ยังจะเลือกที่จะรักมัน พอรักแล้วถอดถอนยาก เป็นกรรมของผมโดยแท้ ไม่เพียงแต่ตัวเองที่ทนทุกข์คนรอบข้างพลอยทุกข์ไปด้วย

ผมลืมตางัว เงียขึ้นมา ภาพแรกที่ผุดขึ้นกลางใจ เอ ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างนะ อย่าเสียใจนะเอ เข้มแข็งไว้นะ อย่าเป็นเหมือนฉัน พอคิดน้ำในตาก็เอ่อท่วมท้นขึ้นมา พลนั่งอยู่เตียงมันคุยกับบอมอยู่

"ตื่น แล้วเหรอแก เป็นไงบ้าง"

พลเอื้อมมือมาจับที่ขา ผมไม่ตอบ ไม่รู้จะบอกมันว่ายังไงดี ให้บอกว่าไม่เป็นไรแล้วหรือ มันก็เห็นสภาพที่เอน็จอนาถอยู่แก่ตา ผมจึงเงียบอยู่อย่างนั้น

"ไปกิน อะไรหน่อยเถอะแก จะค่ำแล้ว"

จะค่ำแล้ว นี่ผมนอนไปนานขนาดนี้เชียวหรือ ผมส่ายหน้ารับรู้สิ่งที่เพื่อนพูด

"โย อย่าทำร้ายตัวเองแบบนี้เลย ฉันรู้ว่าแกเสียใจมาก แต่ทำร้ายตัวเองมันก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมาหรอก ถ้าน้องมันกลับมาเห็นแกเป็นอย่างนี้แล้วมันจะทนไหวเหรอ"

เสียงพลก้อง เข้ามาในหัว เตือนสติ จริงสินะ ผมจะมานอนทนทุกข์ทำไม เพื่ออะไร ถ้าเอมันกลับมาเห็นสภาพผมตอนนี้ล่ะ ผมยันกายลุกขึ้น มองหน้าพลกับบอม สายตาสองคู่ให้กำลังใจผมอยู่ แต่รื้นน้ำตามันปิดบังทำให้มองไม่ชัด ผมพยักหน้าพลเข้ามาประครองร่างที่ไร้วิญญาณของผมให้ลุกจากเตียง ผมเดินลงมาข้างล่างด้วยแรงพยุงของบอมกับพล ผมเหมือนคนป่วยไปแล้ว แม่นั่งอยู่ข้างล่างมองด้วยสายตาห่วงใย แววตาแม่ดูปวดร้าวกว่าผมหลายร้อยเท่านัก ผมเป็นลูกที่แย่ แม่เสียใจเพราะผม แม่ร้องไห้เพราะความเห็นแก่ตัวของผม เสียใจเหลือเกิน จะพร่ำพูดว่าเสียใจอีกสักพันล้านครั้ง มันจะทดแทนแววตาที่ฉายแววมาตอนนี้ได้ไหม โย ผมประนามตัวเอง

"กินข้าว กินปลาซะลูก แล้วไปนอนพัก อย่าทำร้ายตัวเอง"

แม่เข้ามาลูบหน้าลูบตา แววตาเศร้ารันทดบาดลึกลงไปกลางใจ ผมเม้มปากพยายามไม่ให้น้ำตามันไหลออกมา ผมกินข้าวไม่เยอะกลืนไม่ลง แม้แต่น้ำก็รู้สึกว่ากำลังกลืนทรายลงไปในลำคอ ทุกคนก็คอยลุ้นให้กำลังใจอยู่สายตาทุกคู่เป็นห่วงผมเหลือเกิน ผมพยายามไม่มองไม่อยากให้น้ำตาไหลออกมาอีก อยากจะขอโทษ ก้มลงกราบเท้าแม่ ให้สมกับที่ผมทำให้แม่ชอกช้ำใจ แต่ถ้าทำไปตอนนี้ผมคงมีอาการเดิมเหมือนเมื่อตอนกลางวัน ผมคิดว่าผมเป็นคนดีมีศีลธรรมอยู่ในใจเหมือนอย่างที่แม่คอยพร่ำสอนมา ไม่เคยให้กิเลสล่วงล้ำเข้ามาครอบงำใจได้มากมายเพียงนี้ แท้จริงแล้วกิเลสมันบังตาผมจนแยกแยะอะไรไม่ออก แค่คำว่ารักเขา คำเดียว มันกดผมลงต่ำจมพื้นได้ถึงเพียงนี้ แม้จะโงหัวเงยคอขึ้นมาดูแสงสว่างก็หนักถ่วงอยู่ ผมได้แต่ ขอโทษในใจกลืนมันลงไปกับความช้ำใจ

พลนอนเป็นเพื่อน มันไปส่งบอมก่อนแล้วค่อยกลับมา ผมนอนมองเพดานห้องสายตาไม่เปลี่ยนจุดศูนย์กลาง กระพริบตาช้ามองอยู่เนิ่นนานเหมือนต้องการหาคำตอบอะไรจากเพดาน ไม่มีอะไรเลย ว่างเปล่า พลเดินเข้ามาในห้องมันนั่งลงข้างๆมองอย่างห่วงใย

"แก กินยาก่อนจะได้หลับสบาย"

พลยื่นยาเม็ดสีขาวพร้อมแก้วน้ำให้ ผมเชื่อฟังมัน ที่จริงผมเป็นเหมือนหุ่นยนต์ไปแล้ว มันบอกอะไรก็ทำแต่ไร้ซึ่งจิตไร้ซึ่งชีวิต ผมกลืนยาลงคออย่างยากลำบากแล้วล้มตัวลงนอนท่าเดิม มองที่เดิม

"จ๋า มันก็จะแต่งงานแล้ว กลุ่มเราเริ่มแยกย้ายกันแล้วเนอะ อีกายกับอีกบก็แรดไปวันๆ อยากกลับไปเป็นนักศึกษาอีกจังนะแก"

พลนอนลง ข้างๆ มันพูดเสียงเรียบ

"ยังจำตอนที่เราเจอกันครั้งแรกได้ไหม ที่แกเดินเอ๋อหลงทางเข้าห้องน้ำหญิงน่ะ เพราะเขินรุ่นพี่ ถาปัตย์ ชื่ออะไรนะที่เป็นนักกีฬาทีมมหาฯลัยน่ะ อ้อ ไอ้พี่ทอม"

ผมนิ่งฟัง อยู่ จิตคิดตามที่พลพูด

"แหม ฉันต้องเข้าไปดึงเอาไว้ ตอนนั้นนะแก ฉันคิดว่าฉันชอบแกนะ เพราะแกน่ารักมาก แต่พอคุย ต๊าย เป็นเพื่อนสาวหรอกเหรอเนี่ย แต่ฉันก็ดีใจนะที่ได้รู้จักแก"

ผมอมยิ้ม ขึ้นมาได้ น่าแปลก แม้หัวใจจะหม่นหมองมืดมนอยู่ แต่อดีตที่งดงามมันก็ทำให้เรายิ้มได้เหมือนกัน

"ฉันรู้นะว่าแกแอบ ชอบพี่เค้าตอนนั้น แต่เอาไปเอามา พี่ทอม ดันมีผัวซะนี่ ต๊าย สปีชี่เดียวกัน แล้วจำตอนที่เจออีกบกับอีกายได้ไหม คิดแล้วขำ กล้ามาก อีกบนี่ทาปากแดงหน้าขาวมาเชียว ส่วนอีกายก็แต่งเครื่องราชย์มาระยับเต็มตัว ไม่ได้ดูหนังหน้าตัวเองเล๊ย"

พลพูดแล้วหัวเราะ ผมยิ้มออกมาได้ คิดถึงเพื่อนๆตอนนั้น ความจริงภาพมันก็ยังแจ่มชัดเช่นกัน ภาพอดีตที่งดงามระหว่างเพื่อน แล้วตอนนี้ผมเป็นอะไรไปภาพเหล่านั้นผมลบเลือนมันไปเอง ทั้งที่มันไม่ได้หายไปไหนเลย

"แกเองก็เวอร์เหมือนกันล่ะ ใส่กางเกงรัดติ้ว"

ผมพูดขึ้นมาบ้าง แต่สายตายังมองเพดานอยู่

"ต๊าย แก ก็มันเป็นเทรนนี่ เขาเอาฟิตธรรมดา ส่วนชั้นก็ต้องเยอะกว่าชาวบ้านเขาสิ ถ้าไม่เยอะไม่ใช่พลรัตนาหรอก อิอิ"

ผมหัวเราะออกมาเบาๆ พลเองก็หัวเราะ คุยกันสักพักตาก็เริ่มหนักจนหลับไปตอนไหนไม่รู้คงจะเหนื่อยกับสิ่งที่ผจญมา ทั้งวัน

ผมตื่นขึ้นมางัวเงียลุกขึ้น มึนๆหัว เหลือบดูนาฬิกา หกโมงเย็น อืม ห๊า หกโมงเย็น! นี่ผมนอนข้ามวันข้ามคืนเชียวหรือ ผมสะดุ้งรีบเดินเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตา นี่มันหกโมงเย็นของวันอาทิตย์ จำได้ว่านอนเมื่อคืนสามทุ่ม ตายจริง เมื่อคืนก็ไม่ได้อาบน้ำ ผมเดินลงไปข้างล่าง เห็นแม่นั่งดูข่าวอยู่ ผมเดินไปนั่งข้างๆแม่

"เป็น ไงบ้างลูก นอนหลับสบายไหม"

แม่หันมาถามแล้วลูบหัวเบาๆ

"โย หลับไปข้ามวันข้ามคืนเลยเหรอแม่"

"จ๊ะ โยคงเพลีย นอนเยอะๆน่ะดีแล้ว"

"แล้ว พล"

"อ้อกลับไปตั้งแต่บ่ายแล้วล่ะลูก เพราะเห็นบอกมีนัด หิวข้าวไหม แม่ทำกับข้าวเสร็จแล้ว"

แม่ถามแววตาห่วงใยยิ่งนัก ผมพยักหน้าเพราะหิวอยู่เหมือนกัน เราไปกินข้าว ผมกินเยอะกว่าปกติเพราะเมื่อคืนก็กินน้อยแล้วก็นอนข้ามวันอีก ในท้องโครกคราก

"โย ลองไปวัดกับแม่ไหมลูก เผื่อจะสบายใจขึ้น"

แม่ พูดขึ้นมากลางโต๊ะกินข้าว ผมสูดลมหายใจเข้า แม้จะตื่นมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ในใจก็ยังระบมอยู่

"ครับ"

"แม่ ทนไม่ได้นะโยที่เห็นเราเป็นแบบนี้ จะเจ็บปวดแค่ไหนแม่รู้ ถือว่าแม่ขอร้อง"

แม่ วิงวอน เป็นครั้งแรกที่แม่ขอร้องผม หลายอย่างที่ผมไม่เคยเห็นแม่ทำมาก่อน เพราะผมหรือนี่ผมทำให้แม่เสียใจขนาดนี้เลยหรือ ผมรีบกินข้าวแล้วเก็บกวาด ขึ้นห้องไป ร้องไห้อีกแล้ว คราวนี้ไม่ได้คิดถึงเอ แต่เป็นสายตาแม่คู่นั้น คู่ที่ผมเห็นมาตั้งแต่เด็ก สายตาที่ห่วงใยผมมาโดยตลอด เป็นรักที่บริสุทธิ์ปราศจากสารเคลือบแคลงใดๆ แต่วันนี้สายตาคู่นั้นหม่นหมองเจ็บปวดเศร้าสร้อยเหลือเกิน เพราะผมใช่ไหม เพราะผมคนเดียว ผมสะอื้นอยู่ใจจะขาด

"พ่อจ๋า...........พ่ออยู่ ไหน..........โย เจ็บเหลือเกิน พ่อ จ๋า........โยทำแม่เสียใจ โยทำให้พ่อผิดหวัง.......โย เสียใจ โยจะทำยังไงดี พ่อจ๋า....ฮึก ฮึก....โยเป็นลูกไม่ดี.........โยทำให้แม่ร้องไห้ พ่อจ๋า........โย ใจจะขาด"

ผมคร่ำครวญนอนพนมมืออ้อนวอน เผื่อว่าพ่ออาจจะเฝ้าดูอยู่ น้ำตาไหลอาบแก้มเปียกหมอน ความทรมานใจเช่นนี้เมื่อไหร่มันจะจบจะสิ้นไปเสียที ผมไร้เรี่ยวแรงจะสู้ต่อ ยิ่งรู้สึกผิดยิ่งเสียใจตรมในอกทนทุกข์หนักเพิ่มขึ้น ผมจะทำยังไงดี ผมมองไม่เห็นทางใดเลย

พี่ภาบังคับให้ผมลาพักร้อนหนึ่งอาทิตย์เพราะพล คงไปรายงานสภาพที่น่าอดสูของผม พี่ภาไล่ผมกลับบ้านตอนไปถึงที่ทำงานวันจันทร์ ทั้งที่ผมพยายามจะบอกว่าผมยังทำงานไหว แต่พี่ภาไม่ยอม พลเองก็ไม่ยอม ผมหงอยกลับบ้าน พอถึงบ้านจึงตัดสินใจไปวัดกับแม่ ผมเตรียมชุดขาวไปด้วย เราออกจากบ้านตรงไปวัดธรรมมงคล ขอให้แสงแห่งธรรมโปรดสาดส่องมาให้ทางลูกด้วยเถิด ผมตั้งจิตที่สั่นคลอนอธิษฐานหน้าพระประธาน นับจากนี้ถ้าหากกรรมใดที่ลูกก่อทั้งในอดีตชาติ ปัจจุบันชาติ ทั้งด้วยกายก็ดี วาจาก็ดี มโนจิตก็ดี โดยตั้งใจก็ดี ไม่ตั้งใจก็ดี ขอให้กรรมนั้นทุเลาเบาบางด้วยเถิด ให้ลูกมีแรงใจที่จะใช้ชีวิตต่อไป ให้ลูกได้มีชีวิตอยู่เพื่อชดใช้กรรมต่อไปด้วยเถิด ผมก้มลงกราบ


สัพ เพ ธัมมา นาลัง อภินิเวสายะ "สิ่งทั้งหลายทั้งปวง ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น"


เขียนโดย eiky

 :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:

ใครคิดว่ายังเศร้าน้อยไป เมนต์ด้วยนะครับ อิอิ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 49 Apr 16, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 16-04-2010 10:14:51
จิ้มตูดคนแต่ง

อีป้าแก่ๆ อ่านทัน 555

แต่ พักนี้ หันหน้าเข้าหา ธรรม บ่อยนะ

แต่ก็ดี ถือว่า ไปทำจิตใจให้สงบ ก่อเกิดปัญญา

รักเหมือนเดิม  :กอด1: แต่ + ไม่ได้แล้ว อะวันนี้ โควต้าหมด 555

ป.ล. เล่นน้ำ แน่หรือ  ทำยังกับโดนสูบพลังชีวิต ชิ... อิจฉาคนไปเล่นน้ำ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 49 Apr 16, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Yellow Lilly ที่ 16-04-2010 11:02:19
ใจร้ายยยย เศร้ามาก จิดตกหง่ะ.... :กอด1:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 49 Apr 16, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 16-04-2010 12:10:47
 :monkeysad:
ซึม เศร้า จิตตก
+1  :z13: writer
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 49 Apr 16, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: •ผั๑`|nกุ้va’ด• ที่ 16-04-2010 12:45:16
 :sad4:   วิ่งไปให้เค้าเอาน้ำมาสาดด!!!~  เศร้างะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 49 Apr 16, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Earhee ที่ 16-04-2010 13:06:34
 :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:

เศร้ามาก

 :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 49 Apr 16, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: lomekung ที่ 16-04-2010 13:53:07


ทำไมเศร้าจัง

 :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 49 Apr 16, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: aekporamai2 ที่ 16-04-2010 13:58:25
สู้ๆ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 49 Apr 16, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: LifeTime ที่ 16-04-2010 15:05:41
น้ำตาไหลได้อีก... :m15:

โดยส่วนตัวค่อนข้างแปลกใจและไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ ที่พ่อแม่เข้าไปก้าวก่ายในชีวิตรักของลูก
อาจจะเพราะค่อนข้างโชคดีที่พ่อแม่ตัวเองไม่เป็นอย่างนั้น...แต่กระนั้นการดูแลตัวเองของเราก็
เป็นสิ่งหนึ่งที่จะทำให้พ่อแม่วางใจ ให้เกียรติในการตัดสินใจ  :เฮ้อ:

อ่านแล้วเสียดายพี่ตั้ม สงสารโย เห็นใจเอ และชื่นชมแม่อรที่สุด...
เสียดายพี่ตั้ม เพราะปูพื้นให้พี่ตั้มเหมาะสมกับโยมาก ไม่น่าจะกลายพันธ์ไปหาเพื่อนเลวๆแบบนัทได้
สงสารโย คงเพราะพื้นเพ การวางตัว การใช้ชีวิตคล้ายตัวคนอ่านมากมาย อ่านแล้วคิดว่าตัวเองเป็นนายเอก  :pigha2:
เห็นใจเอ เพราะปัญหาจากแม่ และเพราะความที่เอยังเด็ก ผ่านโลกมาแค่น้อยนิด ระยะเวลาเท่านั้นที่จะพิสูจน์ได้
ตัวละครที่ชอบที่สุดคือแม่อร ทุกฉากที่เกี่ยวพันกับแม่อรทำให้ซาบซึ้งใจและเต็มตื้นเสมอ
 :L2: :L1: :L2:

หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 49 Apr 16, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: chicken ที่ 16-04-2010 15:07:42
 :m15: :monkeysad: โอ้ยซึ้งเนอะโยน่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 49 Apr 16, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 16-04-2010 16:45:31
อย่าจมดิ่งในทะเลน้ำตานาน กลับเข้าฝั่งลุกขึ้นสู้จริงอยูพลังแห่งธรรมพร้อมจะฉุดรั้งเราออกจากบ่วงทุกข็ ถ้าเราไม่ดิ้นออกด้วยแรงของเราเอง พลังไหนก็ป่วยการ ฝ่าม่านน้ำตาผ่านหลุมทุกข์ด้วยสตินะครับ รักอยู่ที่ใจคนสองคนไกลแค่ไหนใจยังเชื่อมกันถ้ามั่นคงพอ :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 49 Apr 16, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 16-04-2010 17:07:10
ขอบคุณทุกคนที่คอยให้กำลังใจนะครับ


คำถาม ผมลงนิยายบ่อยไปหรือเปล่า เบื่อกันบ้างไหม

แชร์ความเห็นหน่อยนะคร้าบบ



 :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 49 Apr 16, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: salawinyeen ที่ 16-04-2010 17:33:49
 :m15: :m15: :m15: :m15:


คำถาม ผมลงนิยายบ่อยไปหรือเปล่า เบื่อกันบ้างไหม
คำตอบ ผมไม่เคยเบื่อ ไม่คิดจะเบื่อ แล้วก็ไม่มีวันจะเบื่อ


เป็นกำลังใจให้นะครับ     สงสารพี่โยจัง     







เธอคือลมหายใจเธอคือทุกอย่าง...จะรักเธอไม่มีวันจางไปจากใจ จ









BY   YEeN  2  YoUUUUU

หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 49 Apr 16, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Yellow Lilly ที่ 16-04-2010 19:25:16
นังนัทนี่น่าโดนซักทีนะ ควงเอเย้ย เชิดใส่เลย :laugh:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 49 Apr 16, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 16-04-2010 21:06:33
ขอบคุณทุกคนที่คอยให้กำลังใจนะครับ


คำถาม ผมลงนิยายบ่อยไปหรือเปล่า เบื่อกันบ้างไหม

แชร์ความเห็นหน่อยนะคร้าบบ



 :L2: :L2: :L2: :L2:



ตร๊ายใครกล้าถามค่ะ ประโยคนี้ แสลงใจอีป้าแก่ๆ อย่างแรง

ใครกล้าตอบปัญหาคาจิตอันนี้ของไร้ท์เตอร์ อีป้าแก่ๆ

จะตามไปวีนให้ถึงที่สุด เพราะอีป้าแก่ๆชอบแบบยาวๆ

จิ๊บจิ๋ว อีป้าแก่ๆไม่คูควร ต้องแบบยาวๆเท่านั้นคะ

ข้อดีคือ คนแต่งเป็นคนเดียวที่ลง 3 ตอนรวด ตามที่ได้สัญญากับคนอ่านทุกคน

และเขาก็ทำตามที่บอก แล้วจังหวะกับ ที่ต้องลงทุกวันด้วยมั้ง เค้าก็เลยดูมันเยอะไป

แต่แบบนี้ นักอ่านจะไม่ชอบเหรอ อีป้าแก่ๆ รักคนไม่เสียสัจจะคะ ใครหือบอก

จะตามไป  o18 ไส้แตกเลย

(แต่ถ้าจะลาพักร้อนนะ อีป้าแก่ๆ อนุมัติ แต่ต้อง

แจ้งเป็นลายลักษณ์อักษร และแจ้งกำหนดกลับด้วยค่ะ)

+1 ไม่ได้ ถึงแม้อยากจะกดสัก 100 ที  :กอด1: 50 ที แทนก็ได้  :pigha2:

หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 49 Apr 16, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 16-04-2010 21:17:19
 เศร้า.... :m15:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 49 Apr 16, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: kanda53 ที่ 16-04-2010 22:57:26
สงสารโยมาก.....เข้าวัดก็ดีนะจิตใจจะได้สงบ..
รักนี้คงต้องใช้เวลาอีกนาน...กว่าแม่น้องเอจะยอมรับได้
หวังว่าน้องเอจะทนสภาวะกดดันนี้ได้และไม่ทำอะไรที่
ทำร้ายตัวเองอีก....ห่วงเพราะวุฒิภาวะของน้องเอยังน้อย
อึ้ง...คนแต่งแต่งได้ไงอ่ะ....อย่างยาววววว...และอย่างเศร้า...
ซะขนาดนี้....แถมต่อเนื่องด้วย... o13 o13
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 49 Apr 16, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 16-04-2010 23:20:57
สงสารพี่โยจริงเลยๆอะ ร้องไห้จนแย่แล้ว  :monkeysad:  อย่าได้เศร้าไปมากกว่านี้เลยนะ

ลงนิยายทุกวัน ไม่เบื่อนะ ดีซะอีกเพราะมันได้อ่านแบบต่อเนื่อง กลัวว่าคนเขียนจะเหนื่อยซะก่อนมากกว่านะ
:pig4:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 49 Apr 16, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 16-04-2010 23:42:41
 o13 เขียนดีจัง เข้าใจใช้หลักการบรรยายแบบมีโทนความรู้สึก
แล้วจะรออ่านต่อน๊า
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 49 Apr 16, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: LifeTime ที่ 17-04-2010 01:20:40
 :laugh:
กล้ามาถามเนอะ...ทัศนะคนอ่านอ่ะ อ่านเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักพอ ถ้าเรื่องไม่จบ...
ดีไม่ดีบอกจบ คนอ่านยังอยากอ่านต่อ อาจได้เขียนเพิ่มภาคพิเศษ ภาคใหม่สารพัด
จัดมาเถอะ เอาเท่าที่มีแรงจะทำ ไม่ลำบาก ไม่เดือดร้อน ไม่เหนื่อย และที่สำคัญ...
ไม่หายไปกลางทาง  :L2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 49 Apr 16, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: SoN ที่ 17-04-2010 01:39:27
^^
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 49 Apr 16, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: DexTunG ที่ 17-04-2010 02:44:22
สาธุ สาธุ  ธรรมะทำให้ใจสงบจริง


 :call: :call:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 50 Apr 17, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 17-04-2010 08:10:01
  ขอบคุณทุกความเห็นคร้าบ เปล่าหรอกคร้าบที่ถามเพราะกลัว คุณผู้อ่านจะเซ็งเสียก่อน


 แต่ดีใจกับคำตอบ อิอิ จะมีพลังเยอะเหมือนเดิม เพื่อทุกคนคร้าบบบ

 :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire:





                                                      ตอน ห้าสิบ




จิตเต สังกิลิฏเฐ ทุคคติ ปาฏิกังขา

จิตเต อสังกิลิฏเฐ สุคติ ปาฏิกังขา
 

เมื่อจิตเศร้าหมอง แล้ว ทุคคติเป็นอันหวังได้
 
เมื่อจิตไม่เศร้า หมอง สุคติเป็นอันหวังได้



"ตรมในจิตทุกข์ในใจอกเศร้า หมอง   ฤาจะมองเห็นดาราที่ส่องแสง

มีเพียงร่างไม่มีใจไร้เรี่ยว แรง    ใจระแหงแตกร้าวรานมอดดับไป"



การนั่งวิปัสสะนากรรมฐาน วันแรกทำได้อย่างยากลำบาก จิตผมคุมไม่ได้ บังคับให้มันกลับมาอยู่กับตัวไม่ได้เลย ยากเย็นเหลือเกินจิตใจผมบอบช้ำเกินกว่าผมจะเข้าถึงรสพระธรรม เหมือนบัวใต้น้ำแลน้ำนั้นก็เหม็นเน่าด้วยกิเลสในใจ แสงแดดอากาศสวยงามอยู่เบื้องบนแค่เพียงเอื้อม ทว่าผมแลไม่เห็นแสงส่องนั้น พระท่านเทศน์ให้ฟังก็ฟัง แต่ในใจยังตรมหม่นหมองนัก ผมพยายามซึมซับคำสั่งสอนให้ได้มากที่สุด ใจของผมเหมือนแก้วที่มีน้ำเต็มล้นออกมา ปากก็บอกว่าฟัง แต่ในหัวไม่ได้เก็บเอาไปคิดสักนิดเดียว แก้วใดที่มีน้ำเต็มล้นอยู่แล้ว เทน้ำทิพย์ น้ำสวรรค์อะไรลงไปมันก็ล้นออก เฉกเช่นใจของผม ตาบอดมืดสนิทมองเห็นแค่สิ่งที่อยากเห็น สิ่งที่อยู่ในใจ

ผมใช้เวลา อยู่สองสามวันถึงเริ่มมีสติ เริ่มคิดได้ พอเรามีสติปัญญามันก็ตามมา ทางที่เคยมืดมิดไร้แสงใดก็เริ่มสาดส่องมา ชีวิตย่อมเป็นไปตามกรรม เราทนทุกข์เพราะภาพลวงตาที่เราวาดมันขึ้นมาหลอกหลอนจิตตัวเอง ปล่อยวาง ความรักที่เหมือนหินที่แบกอุ้มไว้ในอก มันก็ผ่อนคลาย รักเขามากก็ทุกข์มาก แม้จะไม่โดนจับแยกกันถ้ายังรักกันดีอยู่ใช่ว่าจะไม่เป็นทุกข์ เวลาใดที่ไม่ได้ดังใจที่มันเรียกร้องทุกข์นั้นก็เกิดแล้ว โทรไปไม่รับสายจิตใจก็ล่องลอยล่วงหน้าไปไกลแสนไกล ผมคิดได้ อย่างน้อยบอกกับตัวเองว่าก็ยังดีที่มีรักให้กัน ยังมีใจรักคนอื่น หันกลับมามองตัวเอง แล้วผมรักตัวเอง รักคนรอบข้างเพียงพอแล้วหรือ ทุกข์ไปมีแต่พาจิตใจดิ่งจมลงเหว สี่วันหลังผมเริ่มมีสมาธิมากขึ้น บังคับจิตได้มากขึ้น ผมอาจจะไม่ถึงขั้นแม่ แต่อย่างน้อยผมก็คลายปมในใจได้ ไม่ทุกข์ไม่เศร้าแล้ว อะไรมันจะเกิดมันก็เกิด ผมห้ามได้หรือก็ไม่ วงจรของกรรมมันเคลื่อนที่ของมันไปเราเองที่ต้องทำใจมีสติไม่คล้อยตามมัน ผมรู้สึกดีขึ้นมาก เป็นห่วงเอก็ยังเป็นห่วงอยู่ แต่ผมทำอะไรได้ ไม่มีอะไรที่ผมทำได้เลย มีทางเดียวคือรอให้มันติดต่อมาซึ่งก็ไม่เลย ทั้งบ๊อบกับบอมมันก็ไม่ติดต่อ ผมทำได้อย่างเดียวคือ สวดมนต์แผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวรของมันและผมเอง เวลาคิดถึงมันมากๆก็มีร้องไห้ออกมาแต่ไม่ฟูมฟายเหมือนแต่ก่อน เดี๋ยวนี้ผมสวดมนต์ทุกวัน จิตใจสบายขึ้น มีสติกลับมาเป็นผู้เป็นคน ผมกลับไปทำงานตามปกติ แม้ไม่ร่าเริงเหมือนเดิม แต่ก็ไม่เป็นร่างไร้วิญญาณเหมือนก่อน

เดือนมีนาคมที่โหดร้ายล่วงไปแล้ว เดือนเมษายนเป็นเดือนพิเศษในใจผม เพราะเป็นเดือนที่มีวันคล้ายวันเกิดของผมเอง มันไม่ได้พิเศษอะไร ความจริงมันก็แค่วันหนึ่งของปี วันหนึ่งของเดือน แต่ผมให้ความสำคัญมันแง่ของจิตใจ เพราะผมจะทำบุญตักบาตร เอาพระลงหน้าบ้าน และที่สำคัญผมจะเอามาลัยมากราบเท้าขอพรแม่ทุกปี วันที่สำคัญสำหรับผมแต่เพื่อนๆจะจำกันไม่ค่อยได้เพราะ มันตรงกับวันปีใหม่ของไทย วันที่ทุกคนมีความสนุกสนานกัน ไม่ได้เรียกร้องว่าเพื่อนจะต้องจำได้เพราะผมเองบางทีก็ลืมวันเกิดของเพื่อน เหมือนกัน ถึงแม้เพื่อนจะจำได้แต่ผมก็ไม่ได้ฉลองอะไรมากมาย ไม่มีเค้กวันเกิด ผมไม่ชอบ พลกับจ๋าจำได้เพราะเราสนิทกันมาก

ต้นเดือนเมษายนผมยังคงใช้ชีวิต ที่เกือบเป็นปกติ เอไม่ติดต่อมาเลย เจอบอมมันเองก็ขาดการติดต่อ เวลาคุยเรื่องเอผมก็ได้แต่นิ่งไป คิดเป็นห่วงมันเหลือเกิน แต่ก็เก็บความในใจลงไปในอกตัวเอง ผมไปวัดกับแม่และน้าสาทุกคืนวันศุกร์ ผมอยู่ถึงวันเสาร์ก็กลับก่อนแม่กับน้าสา เจอจ๋าบ้างแต่ไม่มากเพราะเดือนหน้ามันจะแต่งงาน มันกำลังตัวเป็นเกลียว มันบอกว่าน้องดิ้นแล้ว เราตื่นเต้นกันใหญ่ที่จะได้อุ้มหลาน แต่เรื่องนี้ก็ยังคงรับรู้แค่เรา ป๊ามันยังไม่รู้ เพราะท้องก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากมายนัก แต่พอแต่งกันไปแล้วค่อยบอก จ๋ามันว่าอย่างนั้น

"เซ็งอ่ะพี่ ไม่รู้ปีนี้จะได้เล่นน้ำหรือเปล่า"

บอมมันบ่นตอนที่เรานัดเจอกันที่เดิม เดี๋ยวนี้พลนัดเจอกับบอมบ่อยมาก ปากก็บ่นว่าไม่รู้จะเจอทำไม แต่มันก็มาตามนัดทุกที ที่มันบ่นเพราะสถานการณ์บ้านเมืองที่ตึงเครียด รุนแรงขึ้นทุกวัน

"ไป ทะเลสิบอม"

ผมแนะนำ

"ไม่เอาอ่ะ ไม่มีเพื่อน ไอ้พวกนั้นมันก็จะไปเล่นสีลม แต่ผมกลัวว่ะพี่"

"อย่างเธอกลัวด้วย เหรอ ชอบไม่ใช่เหรอมีคนมารุมน่ะ"

"รุมไรพี่ พูดดีๆ อย่างน้อยก็มีคนสนใจ ไม่เหมือนพี่ หน้าสะอาดตลอดงาน"

"อย่ามา ฉันน่ะเรตติ้งไม่เคยตก มีแต่ผู้ชายเข้ามารุม"

"รุมตื๊บอ่ะเหรอ ไม่แปลก"

"ไอ้บอม!!!"

ทั้งสองกัดกันเหมือนเคย แต่ผมไม่ห้ามแล้ว เพราะรู้ว่ามันไม่ได้มีอะไรกันจริงๆอย่างที่พูด ไม่แน่มันอาจจะกำลังจีบกันอยู่ในแบบหัวรุนแรง

"รักกันหรือยังนี่"

ผมสอดขึ้นกลางลำเรือ พลอ้าปากค้าง บอมเองก็ทำหน้าเหรอหรา

"เฮ้ยพี่"

"บ้าเหรอแก อย่างฉันนี่นะจะชอบไอ้เด้กปากเสียคนนี้"

"ผมก็ไม่เอาพี่หรอก ปากหมา"

"อ้าว ไอ้นี่ เดี๋ยวแม่จบปากเลยนี่"

"มาดิ จะตั้นหน้าให้"

"เอาสิ อยากเห็นคนที่ในใจรักกันแต่จะทำร้ายกันน่ะ ขอดูหน่อย"

ผมพูดเสียงเรียบจนมันทั้งสองผงะออกจากกัน พลหน้าแดง บอมเองก็เขินทำตัวไม่ถูก

"บ้าไปแล้วแก พูดอะไรก็ไม่รู้ รักเริ่กอะไรกัน ไม่มีทาง"

"นั่นดิพี่ โห แอบซาดิสต์นะเนี่ย"

ถ้ามันรักกันได้ก็คงดี แต่อย่าเลยพ่อแม่บอมคงไม่เห็นดีด้วยเหมือนอย่างที่..............

"คิด อะไรอยู่แก หน้าเครียดเลย"

พลถามขึ้น ผมสะดุ้ง

"เปล่า คิดว่าถ้าแกสองคนรักกันได้ มันจะเป็นยังไงนะ"

ผมเสแสร้ง

"โอ๊ย ให้น้ำท่วมหลังเป็ดก่อนเถอะแก ไม่มีทาง ขอเน้น ไม่มีทาง"

"แหวะ น่าเอาตายนักนี่พี่น่ะ ผมไม่มีวันชอบคนอย่างพี่เหมือนกันล่ะ อย่าหลงตัวเอง"

"แก นั่นล่ะหลงตัวเอง หล่อตายนี่ หน้าตี๋จืดชืดแบบนี้อ่ะ คงไม่มีน้ำยา"

"เฮ้ย พี่ กวนตีนนะ"

"แกนั่นล่ะกวนตีน"

ผมถอนหายใจ ปิดได้ปิดไปคนรักกันเพราะทะเลาะกันมีมานักต่อนักแล้ว ผมดูพลก็รู้ว่ามันชอบบอมอยู่ ไม่อย่างนั้นมันคงไม่มาเจอเกือบทุกวัน มาเพื่อทะเลาะกันมันก็ดีใจแล้ว ส่วนบอมเองคงยังไม่รู้ตัว เหมือน..........

สัปดาห์ของวันสงกรานต์บริษัทผมหยุดยาวหกวัน ผมวางแผนไว้ว่าจะไปวัดกับแม่แล้วก็ทำความสะอาดบ้านครั้งใหญ่ วันเกิดตัวเองก็คงไปซื้อดอกไม้ที่ปากคลองตลาดกับพลอย่างทุกปี วันที่๑๓ ก็คงไปเล่นน้ำที่สีลม พอเลิกเล่นก็ไปปากคลองตลาดแล้วกลับมาทำดอกไม้ พอเช้าวันเกิดก็ตื่นมาใส่บาตรเอาพระลงสรงน้ำ

"นี่แก ทำไมใส่กางเกงสีขาวไปล่ะ"

พลทำเสียงไม่พอใจใส่บอม ที่มันใส่เสื้อเล่นบาสกับกางเกงกีฬาสีขาว

"ทำไมอ่ะ ก็พอใจ"

"ต๊าย แล้วนี่โดนน้ำไม่เห็นไปถึงไหนต่อไหนเหรอ"

พลขึ้นเสียงสูง

"เห็น ก็เห็นดิ อยากดูก็ดูใหญ่อ่ะ ไม่อาย"

"โห ทุเรศลูกกะตาน่ะสิ ไปเปลี่ยนสิ โย กางเกงขาสั้นเอยังอยู่ไหม เอาให้ไอ้นี่มันใส่หน่อย"

พลพูดไม่ทันคิด ชื่อนี้มีอิทธิพลต่อจิตใจผมมาก เวลาได้ยินใจผมจะหวิวเหมือนหลักปักเลนแล้วโดนคลื่นสาดซัดมา

"โทษที แก ฉันไม่ได้ตั้งใจ"

พลเสียงอ่อยทันที

"ไม่เป็นไรแก เดี๋ยวไปดูให้"

"เอ้ย ไม่ต้องหรอกพี่ ไปอย่างนี้ล่ะ ใครจะมาสนใจ"

บอมบอกปัด

"ก็พี่พลเขาหวงของเค้านี่บอม"

"อ๊าย แก บ้าเหรอ"

พลอายหน้าแดง บอมเองก็ทำหน้าบอกไม่ถูกเหมือนกำลังพยายามกลืนอะไรลงไปในคอ พลวิ่งเข้าไปหาแม่ในบ้าน ส่วนบอมก็เขินผมอยู่่ สรุปมันก็ไม่ยอมเปลี่ยนเรานั่งรถสองแถวออกไปขึ้นรถไฟฟ้าเพื่อตรงไปสีลม คนที่สีลมเยอะมากกว่าทุกปี เสียงโห่ร้องดังก้องขึ้นมาถึงรถไฟ ใจเต้น พลพาเราเดินฝ่าคนเข้าไปในซอยสี่เพราะมันนัดกบกับกายไว้ที่นั่นแต่กว่าจะผ่าน ไปได้มันไม่ใช่ง่ายเลย ผู้คนหลั่งไหลมาจากไหนไม่รู้ทั้งที่แต่ก่อนสีลมไม่เคยมีเล่นน้ำสงกรานต์ ผมโดนปะแป้งจนหน้าขาววอก จับมือพลไว้กลัวหลง ส่วนบอมเดินข้างหลังผมมันเกาะบ่าผมไว้

"เฮ้ย พี่โย ๆ ทางนี้ๆ"

เสียงร้องทักดังอยู่ข้างๆ บ๊อบน่ะเองสภาพมันก็ยับเยินเหมือนกัน

"อ้าว บ๊อบมาเหมือนกันเหรอ"

อยู่ใกล้กันไม่ถึงวาแต่ผมไม่ยักเห็นมัน

"ไอ้เชี่ย มึงมาไม่ยอมชวนนะมึงไอ้บอม"

"อ้าว ช่วยไม่ได้ มึงไม่โทรหากูเอง สัด มาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ เละแล้วมึงน่ะ"

แทนที่มันจะทักผมกลับมันกลับไปด่าทอกับบอม บ๊อบมากับเพื่อนอีกสองสามคน ไม่ได้คุยอะไรมากเพราะคนเยอะ มันตามเราเข้าไปในซอยสี่ ผมไม่อยากเข้าไปเลยเพราะคนแน่นไม่ต้องเดินเลย เพราะคนดันให้เราไหลไปกับแรงคน พอไปถึงร้านกบก็เห็นเราก่อนมาดึงเข้าไปยืนถึงค่อยยังชั่ว พลซื้อกระป๋องใส่แป้งกับปืนฉีดน้ำมาด้วย ให้บอมไปเติมน้ำ พลบอกใช้หน้าตาที่ไม่หล่อให้เป็นประโยชน์ มันก็หน้างอยอมไปแต่โดยดี

"ได้ข่าวเอ บ้างไหมบ๊อบ"

ผมถามมันตอนที่มีโอกาศ

"ไม่เลยพี่ ไอ้ห่านี่พอเงียบแล้วเงียบเลย ผมโกรธมันอยู่เนี่ย ไอ้เราก็เป็นห่วง"

ผมถอนหายใจ เพื่อนมันก็ยังเป็นห่วงมันขนาดนี้แล้วคนที่รักมันอย่างผมล่ะ

"เอคงยุ่งล่ะ คงกำลังปรับตัว"

ผมพยายามตอบเลี่ยงไป เหมือนจะรู้ แต่ก็ไม่อยากคิดอะไรมาก

"พี่คิดถึงมันเหรอครับ เอาผมเป็นตัวแทนก็ได้นะ ผมให้ยืมควงวันนึง"

มันพูดติดตลก แล้วหัวเราะ

"เมื่อกี๊เห็นหญิงเดินตามนี่ ไม่เอาหรอก พี่ไม่เป็นไร"

"หญิงที่ไหนพี่ โหนะ ควงผมเถอะ อยากมีคนน่ารักเดินด้วยอ่ะ"

"บ้าเหรอ จะควงไปไหนล่ะคนเยอะแยะ เรากินเบียร์อีกไหม"

ผมเปลี่ยนเรื่อง เพื่อนมันทุกคนนี่เป็นเหมือนกันหมดเลย เหมือนจะดี แต่มันคงไม่อยากเห็นผมเศร้า ผมหันไปบอกพลให้ซื้อเบียร์ให้บ๊อบอีก กบเข้ามาสีมันใหญ่แต่มันก็คอยประกบผมอยู่ตลอดเวลา ถ้าเออยู่ที่นี่วันนี้ผมคงรู้สึกมีความสุขมาก ท่าทางยียวนของมันคงทำให้ผมยิ้มได้ คิดถึงนะเอ คิดถึงเหลือเกิน

เราเล่นน้ำกันอยู่พอสมควรจึงชวนพลออกไปหาอะไรกินเพราะรู้สึกหิวแล้ว ตอนออกก็ลำบากเพราะคนที่ดันเข้ามาก็จะเข้าอย่างเดียว คนจะออกก็ดันท่าเดียว เขาดูสนุกกันจังแต่คนที่อยู่ตรงกลางสิกลัวแขนหัก นี่หรือที่คนโดนเหยียบจนตายเป็นแบบนี้นี่เอง เราต้องให้เด็กผู้ชายตัวโตทั้งหมดเป็นกองหน้าผมเกาะหลังบ๊อบมีพลอยู่ข้าง หลัง กว่าจะออกมาได้ใจหายใจคว่ำ กบกับกายยังเย้วๆอยู่มันไม่ยอมออกมา เราข้ามไปฝั่งซอยคอนแวนต์มีร้านขายข้าวไข่เจียว ยืนกินกันเปียกๆนี่ล่ะ ได้กินอะไรร้อนๆคงดีขึ้นมาหน่อย ตอนที่ยืนรอข้าวอยู่ไอ้บ๊อบมันเอานิ้วมาเขี่ยแป้งออกจากหน้าผม ทำตาหวานเยิ้ม

"ไอ้ห่า มึงทำไรพี่กู"

บอมตวาดมันเสียงดัง

"อ้าวไอ้เชี่ยกูก็คอยดูแลพี่เขาแทนไอ้เอมันไง ทำไม"

"เดี๋ยวมันรู้มึงจะซวย"

"อ้าว ถ้ามันรู้ก็เพราะมึงนั่นล่ะบอก อย่าบอกนะมึงเดี๋ยวมึงนั่นล่ะจะโดนตีนกู"

"ทำให้พี่บ้างสิ บ๊อบเนี่ยแป้งเต็มหน้าเหมือนกัน"

พลพูดขึ้นแล้วยื่นหน้ามา

"พี่ให้ไอ้บอมเขี่ยออกให้ดิ ผมเป็นองครักษ์ของพี่โยคนเดียว"

"โห นะ"

พลค้อน ผมไม่รู้จะพูดยังไงดี ทำไมมันมาวุ่นวายกับผมจัง ไม่อยากจะวุ่นวายกับใครแล้ว พอแล้ว พอเรากินข้าวเสร็จก็เดินออกมาทางแยกศาลาแดง เพื่อจะนั่งรถไปปากคลองตลาด บ๊อบมันเดินออกมาส่งจนถึงที่ ตอนแรกมันจะไปด้วยแต่บอมไม่ยอมให้มันไปด้วย จนผมต้องห้มปรามเพราะมันทะเลาะกันแม้ไม่จริงจังแต่ก็ไม่อยากเห็นคนทะเลาะกัน เรานั่งรถตุ๊กๆไปปากคลองตลาดกัน ระหว่างทางก็มีคนสาดน้ำจนรู้สึกหนาว พอไปถึงเราก็เลือกซื้อดอกไม้ มีมะลิ รัก กุหลาบ บัว ได้ครบก็นั่งแท็กซี่กลับ รถไม่ติดอย่างที่คิด พอถึงบ้านก็รีบวิ่งเข้าครัวกันทันที เพราะหิว แม่เป็นคนแกะดอกไม้ออกจากห่อให้ส่วนเราก็กินข้าว พอกินเสร็จก็ไปอาบน้ำ ให้บอมไปอาบก่อน ผมอาบข้างล่าง พลอาบต่อจากบอม พออาบน้ำเสร็จก็มานั่งร้อยดอกรักกับมะลิ บอมนั่งดูเราตาปริบๆ มันอยากทำแต่ลองให้พับบัวมันก็ทำช้ำหมด มันเลยไปนั่งดูอยู่ห่างๆคอยกัดกับพล บรรยากาศจึงครึกครื้นกว่าทุกวัน

"เออ บอมวันนี้ค้างที่นี่ก็ได้นะ พรุ่งนี้จะได้ตื่นมาใส่บาตรด้วยกัน"

ผมชวน

"นั่นสิแก ฉันขี้เกียจไปส่ง"

"นอนได้เหรอพี่ นอนไหนล่ะ ไม่เอาอ่ะ กลัวโดนใครคิดไม่ดีไม่ร้าย"

"แกหมายถึงใครยะ ทุเรศ ดูมีเสน่ห์มากนี่นะ แหมใครเขาจะคิดแบบนั้น แกนั่นล่ะจะคิดไม่ดีไม่ร้ายกับคนอื่น ดูสิมองโยตาเป็นมันเชียว"

"อ้าวแก อย่าโยนมาให้ฉันสิ นอนข้างล่างไงครับบอม มีห้องอยู่"

"ได้ครับพี่ พี่โยชวนนะเนี่ยถึงนอน"

"จ้า พ่อคุณ"

เราหัวเราะอย่างสนุกสนาน ถ้าเราไม่ยึดมั่นถือมั่นกับสิ่งใดใจเราก็มีสุขเช่นนี้แล ช่างเป็นสัจธรรมที่จริงแท้เสียเหลือเกิน  



 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

เขียนโดย eiky
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 50 Apr 17, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 17-04-2010 08:36:21
จิ้ม คนแต่ง เย้ๆๆๆๆ ดีใจจัง

เห็นไหมนี่ จิตสงบ ปัญญาย่อมเกิด

เวลาจะนำพาทุกอย่าง

สาธุ

+1 จัดไป รักมากมาย  :กอด1:จากอีป้าแก่ๆ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 50 Apr 17, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: kanda53 ที่ 17-04-2010 10:05:36
โยเริ่มผ่อนคลายแล้วเนอะ  ....ไม่รู้ว่าเอจะเป็นอย่างไรบ้าง  :เฮ้อ:
อย่างหนึ่งที่ได้จากการอ่านนิยายเรื่องนี้คือ  ความประทับใจในตัวโย
โยเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเยาวชนได้ เพราะเป็นคนกตัญญู มีจิตใจที่ดีงาม
เป็นคนรักครอบครัวมาก  ฉะนั้นทุกสิ่งที่โยทำโยจะพยายามไม่ให้บุคคลที่ตนรักเดือดร้อน
ต้องขอบอกว่า นิยายเรื่องนี้ให้อะไรๆมากกว่าความสนุกสนานโดยทั่วไป
หากเรานำกลับไปคิดและพิจารณาให้ดี คิดว่าต้องเป็นประโยชน์กับเราบ้าง
ขอบคุณสิ่งดีๆ ที่คนแต่งมอบให้ และความขยันขั้นสุดยอดที่ลงให้อ่านอย่างต่อเนื่อง
  :L2:  o13   :pig4:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 50 Apr 17, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 17-04-2010 10:14:25
จิ้ม คนแต่ง เย้ๆๆๆๆ ดีใจจัง

เห็นไหมนี่ จิตสงบ ปัญญาย่อมเกิด

เวลาจะนำพาทุกอย่าง

สาธุ

+1 จัดไป รักมากมาย  :กอด1:จากอีป้าแก่ๆ


 :กอด1: :กอด1:

ขอบคุณคร้าบบบ รักป้าที่สุดเลย

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 50 Apr 17, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 17-04-2010 10:16:00
โยเริ่มผ่อนคลายแล้วเนอะ  ....ไม่รู้ว่าเอจะเป็นอย่างไรบ้าง  :เฮ้อ:
อย่างหนึ่งที่ได้จากการอ่านนิยายเรื่องนี้คือ  ความประทับใจในตัวโย
โยเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเยาวชนได้ เพราะเป็นคนกตัญญู มีจิตใจที่ดีงาม
เป็นคนรักครอบครัวมาก  ฉะนั้นทุกสิ่งที่โยทำโยจะพยายามไม่ให้บุคคลที่ตนรักเดือดร้อน
ต้องขอบอกว่า นิยายเรื่องนี้ให้อะไรๆมากกว่าความสนุกสนานโดยทั่วไป
หากเรานำกลับไปคิดและพิจารณาให้ดี คิดว่าต้องเป็นประโยชน์กับเราบ้าง
ขอบคุณสิ่งดีๆ ที่คนแต่งมอบให้ และความขยันขั้นสุดยอดที่ลงให้อ่านอย่างต่อเนื่อง
  :L2:  o13   :pig4:

 :L1: :L1: :L1: :L1: :L1:

โอย ลอยแล้วคร้าบบ ขอบคุณนะครับที่ชอบ ชมผมอยู่ใช่ไหม อิอิ ปลื้ม


ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะครับ

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 50 Apr 17, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 17-04-2010 10:24:19
+1 เป็นกำลังให้น้องโย  :กอด1:
นายเอไปไหน
อย่าใจร้ายมากนะ writer
เศร้ามาก เหนื่อยมาก   :m16:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 50 Apr 17, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: bvan ที่ 17-04-2010 12:00:19
 :o12:PLEse to be continue
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 50 Apr 17, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: salawinyeen ที่ 17-04-2010 12:31:33
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:






มีความจริงอยู่ในความรักตั้งมากมายและที่ผ่านมาฉันใช้เวลาเพื่อหาความหมาย  แต่ไม่นานกพึ่งรู้ว่าทุกครั้งที่มีเธอใกล้ว่าถ้า



ชีวิตคือทำนองเธอก็เป็นดังคำร้องที่เพราะและซึ้งจับใจ







ยินดีด้วยกับความรักของ พี่พล แล้วก็ บอม ด้วยนะครับ   อิอิ








รออ่านตอนต่อไปอยู่นะครับ




By      น้องเอตัวจริง
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 50 Apr 17, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 17-04-2010 12:45:21
ท้องฟ้าเริ่มใสขึ้นมาบ้างแล้วนะโย  หลังจากอึมครึมมานาน

ดีแล้วนะปล่อยวางบ้าง แค่นี้ก็ทำให้เรามีความสุขขึ้น  อย่างน้อยคนที่รักเราเค้าก็สบายใจขึ้น

หวังว่าตอนต่อไปๆ เรื่องดีๆจะมีขึ้นมาเรื่อยๆ


แอบมาให้กำลังใจ แล้วหายไปอย่างรวดเร็ว :m7:

หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 50 Apr 17, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Yellow Lilly ที่ 17-04-2010 15:09:17
..... o13 อ่านจนนิ้วบวมเลยอ่ะ

ไรท์เตอร์สู้สู้น้า ^^  :z13:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 50 Apr 17, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: LifeTime ที่ 17-04-2010 16:09:11
พูดง่ายแต่ทำยาก...ทำใจ
จนปูนนี้ละก็ยังไม่ชิน ทุกวันนี้ก็ยังฟุ้งซ่านไม่หาย  :m15:
อยากทำหมันหัวใจซะที... :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 50 Apr 17, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: kongkilmania ที่ 17-04-2010 16:53:39
น้องโยทำใจได้ดีขึ้น เราคนอ่านค่อยหายกดดันหน่อย
ตอนที่ผ่านมา บีบหัวใจสุดๆ  :m15:
เพื่อนก็เคยทุกข์เพราะรักจนต้องเข้าวัดปฏิบัติธรรมเหมือนกัน

ขอให้เรื่องร้ายๆผ่านไปเร็วๆ ให้อาจารย์ปริศนาสงสารลูกชายบ้าง
แล้วก็ให้น้อง eiky สงสารคนอ่านด้วย รันทดเกิ๊นนนนน  :o12:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 50 Apr 17, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 17-04-2010 19:49:24
มาอัพบ่อยก็จะได้อ่านบ่อยๆ เรื่องน่าจะเริ่มเบาๆมั่งแล้ว ค่อยยังชั่วจะได้ไม่เศร้านานเกินไป สู้ สู้ :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 50 Apr 17, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Earhee ที่ 17-04-2010 20:19:00
ขอให้ดีนานๆ กลับมาหวานเหมือนเดิมทีเถิ๊ดดดดด


 :เฮ้อ: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 50 Apr 17, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 17-04-2010 20:20:25
วันนี้มาเก็บ 2 ตอนรวด
อ่านตอนล่าสุด รู้สึกหายเศร้านิดหน่อย
เห็นโยเิริ่มทำใจได้ เราก้อค่อยยังชั่ว(ไปเกี่ยวอะไรกับเค้าเนี่ย ฮ่าๆๆ)
บอมกับพลน่ารักดี ถ้าคบกันชีวิตคงจะมีสีสันอีกเยอะ หุหุ

เป็นกำลังใจให้นะคะ
อ่อๆอยากบอกว่าชอบเรื่องนี้นะคะ ยิ่งลงบ่อยยิ่งชอบ ไม่เบื่อหรอกค่ะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 50 Apr 17, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: chicken ที่ 17-04-2010 23:01:57
 :sad4: :sad4:น่าสงสารโยกะเอเนอะ ทำไมแม่เอใจร้ายจังไม่เห็นเหมือนแม่โยเลยนะ
 :m16: :m31:ส่วนอีบอมเลวมากเจอนะจะ :z10:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 50 Apr 17, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 17-04-2010 23:21:49
เรียน คนแต่ง

          อีป้าแก่ๆ ขอเสนอ ขอตอนพิเศษ พล + บอม

แบบ  :m20:   หวานๆ มาแก้อาการจิตตก ของอีป้าแก่ๆ กับ ชาวคณะรักการอ่านด้วยด่วน

แบบว่าตอนนี้ จิตตกไปอยู่แถวๆ จุดยืน ของอีป้าแก่ๆ แล้วคะ  นะจะรูปหล่อน้าๆๆๆ

แล้วค่อยกลับไปแบบตีมเดิม โย+เอ จะได้พักจิต นิดนึง  :เฮ้อ:

หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 50 Apr 17, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 18-04-2010 00:04:21
เรียน คนแต่ง

          อีป้าแก่ๆ ขอเสนอ ขอตอนพิเศษ พล + บอม

แบบ  :m20:   หวานๆ มาแก้อาการจิตตก ของอีป้าแก่ๆ กับ ชาวคณะรักการอ่านด้วยด่วน

แบบว่าตอนนี้ จิตตกไปอยู่แถวๆ จุดยืน ของอีป้าแก่ๆ แล้วคะ  นะจะรูปหล่อน้าๆๆๆ

แล้วค่อยกลับไปแบบตีมเดิม โย+เอ จะได้พักจิต นิดนึง  :เฮ้อ:



มีแน่ครับป้า อิอิ แต่เอาเรื่อง โยกับเอ ให้จบก่อนน้า เดี๋ยวคนเขียนจะงง โรคประสาทจะถามหา อิอิ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 50 Apr 17, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 18-04-2010 00:27:22
โยเริ่มตั้งสติได้บ้างแล้ว ส่วนเอล่ะ เป็นไงมั้งละเนี่ย  :sad4:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 50 Apr 17, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: chicken ที่ 18-04-2010 01:46:37
 :sad11: :sad11: :sad11:
อินอ่ะ เศร้าได้อีก
แล้วสองคนต้องแอบคุยกันอย่างนี้ไปตลอดเลยเหรอ :z3:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 50 Apr 17, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: DexTunG ที่ 18-04-2010 07:09:22
คิดถึง เอ จัง ยัง :undecided: :undecided:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 51 Apr 18, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 18-04-2010 07:59:00
                                           ขอบคุณทุกคนนะคร้าบบบ



                                          ตอน ห้าสิบเอ็ด







ผม ตื่นแต่เช้ามาเตรียมอาหารเพื่อใส่บาตร พลลุกมาช่วยอีกคน ดอกไม้เตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว พอเสร็จก็ไปอาบน้ำ แม่รออยู่ก่อนแล้ว ผมเดินไปปลุกบอม มันขี้เซากว่าเอเยอะต้องเขย่าอยู่นานกว่าจะรู้สึกตัว พอตื่นมาก็นั่งจ้องหน้าผมไม่พูดไม่จา จนผมกลัว ต้องเรียกอีกทีมันถึงรู้สึกตัว กว่าจะให้มันไปอาบน้ำได้ก็เกือบสาย พลต้องมายืนบ่นใส่ พอใส่บาตรเสร็จก็มาทำกับข้าว บอมนั่งดูโทรทัศน์กับแม่ แต่นั่งดูท่าไหนไม่รู้ปรากฏว่านั่งหลับ พอเราไปเจอก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้


"ต๊าย เหลือเกินจริงๆนะไอ้นี่"

พล พูดแล้วเข้าไปจะแกล้งมัน

"นี่ แกอย่าไปแกล้งมันสิ มันคงไม่เคยตื่นเช้าขนาดนี้"

"แหม แล้วตอนมันไปโรงเรียนล่ะแก ไม่ต้องตื่นเช้าเหรอ"

"แหม ก็เราเล่นปลุกมันซะตีห้า มันคงตื่นไปโรงเรียนเวลานี้หรอกนะ"

"ไอ้ บอม!!!!"

พล ตะโกน บอมสะดุ้งตื่น ทำหน้าเหรอหรา เราหัวเราะแม่เองก็หัวเราะ

"แหม หลับลึกแบบนี้เดี๋ยวก็โดนปองร้ายหรอกแก"

"เฮ้ย อย่านะ อย่ามายุ่งกับผม"

มัน ทำท่ากลัวกระเถิบไปติดพนักโซฟา

"ตอน แรกว่าจะไม่อ่ะนะ แต่พอเห็นหลับลึกแบบนี้ทำอะไรไปแกก็คงไม่รู้ตัว อิอิ จะยอมฝืนใจทำ"

"บ้า ทุเรศ คนฉวยโอกาศ"

"เกิน ไป ไอ้บอม ฉันล้อเล่นหรอก แหมน่าพิศมัยตายล่ะแกน่ะ"

"ไม่ รู้ล่ะ อย่ามายุ่งกับผม"

"เออ บอมกินน้ำส้มก่อนไหมเดี๋ยวพี่ไปเอาให้ หรือจะเอานม"

ผม ตัดบทก่อนที่แม่จะหนักใจเพราะเริ่มมองแล้ว

"เอา นมครับ"

"ต๊าย กินนม"

"ทำไม ผมกินนมดิตัวถึงโตกว่าคนที่ไม่กินอย่างพี่ไง"

"ฉัน หุ่นดีย่ะ แหม ตัวโตแล้วไง มีน้ำยาเหรอ"

"พล"

ผม ปรามเพราะมันเริ่มจะวกมาเรื่องลามกอีกเหมือนเคย

"ไป รอข้างนอกไปแก เอาอะไรป่ะจะได้ยกออกไปทีเดียว"

ผม ดุมันแล้วไล่ออกไปรอข้างนอก มันเดินกระฟัดกระเฟียดออกไปรอที่ม้าหินอ่อนข้างนอก ผมยกถาดใส่ของกินเล่นมาให้พวกมัน พอกินข้าวเสร็จตอนสายก็เอาพระลงมาจากห้องแม่ ผมตั้งโต๊ะหมู่บูชาที่ลานหน้าบ้าน เอาดอกไม้ที่เตรียมไว้มาประดับ เตรียมน้ำอบแล้วก็ปูเสื่อสวดมนต์ก่อนที่จะสรงน้ำพระ พอเสร็จผมก็เอาพวงมาลัยดอกมะลิมาไหว้แม่ ขอพร

"โย โตขึ้นอีกปีนะลูก ผ่านอะไรมาก็ไม่น้อย ตั้งจิตให้มั่นอย่าไหวเอน คิดให้ดีก่อนพูด ก่อนทำ มีสติ อย่าได้เจ็บได้ไข้ สิ่งที่ผ่านที่ล่วงมาแล้วปล่อยวางให้มันดำเนินไปตามกรรม แม่ดีใจที่มีโย ไม่เคยเสียใจเลย ไม่ว่าโยจะทำอะไรเพราะแม่มั่นใจว่าโยเป็นเด็กดีของแม่เสมอ"

แม่ ลูบหัวให้พรอยู่ น้ำตาซึมผมกราบลงตักแม่ พอเสร็จพลก็มาไหว้แม่บ้าง บอมเห็นมันก็ทำตาม มันบอกว่ามันไม่เคยทำแบบนี้ เขินๆแต่ก็อยากทำ แม่ให้พรมันคงถูกใจเพราะยิ้มร่าเริง พอบ่ายแก่ๆเราก็เตรียมตัวไปเล่นน้ำที่สีลมอีกเหมือนเคย ผมคิดว่าจะเล่นเป็นวันสุดท้ายแล้ว เพราะปกติจะไม่เล่นน้ำมากเพราะกลัวไม่สบาย เราออกจากบ้านสี่โมงกว่า แดดยังร้อนจ้าเหมือนบ่ายโมง นั่งรถไฟไปเหมือนเดิม วันนี้คนเยอะกว่าเดิมเสียงโห่ร้องยังอื้ออึงดังกระหึ่มทั่วบริเวณถนนสีลม เราเดินไปเล่นที่ซอยสี่เหมือนเดิม เจอกบกับกายเต้นอยู่บนลำโพงหน้าร้านเดิม

"อี พลขึ้นมาสิแก"

กบ ร้องทักแล้วดึงแขนผมให้ฝ่าคนเข้าไปอยู่ใกล้ๆลำโพง บอมอยู่ข้างหลังผม

"ต๊าย ตะวันยังไม่ตกดินเลยแก มาดูผีปอบพวกนี้แก่กล้าสามารถ"

"นี่ อย่ามาเยอะนะ จะขึ้นไม่ขึ้น"

กบ แว๊ดกลับมา

"ไม่ เอาหรอกแก เด๊่ยวโยมันไม่มีเพื่อนอยู่ข้างล่าง"

พลบอก แล้วเดินดันคนเข้ามาหาผมกับบอม

"ต๊าย ตัวอ่อน น่ารักจังเลยครับน้อง"

แต่ ยังไม่ถึงผมพลก็ปรี่เข้าหาเด็กกลุ่มที่อยู่ข้างหน้าแล้วเอาแป้งดินสอพอง ละลายน้ำประคนนั้นคนนี้ชุนละมุนอยู่

"ไป ประแป้งกับเขาสิบอม"

ผม แนะเพราะเห็นมันชะเง้อดูอยู่

"ไม่ เอาอ่ะ กินเบียร์ดีกว่า"

"กิน แต่วันเลยเหรอ มาเดี๋ยวพี่สั่งให้ พลๆ แกเอาเบียร์ไหม"

ผม ร้องถามพลที่กำลังนัวเนียอยู่กับเด็ก

"น้อง ครับ กินเบียร์ไหมเดี๋ยวพี่เลี้ยง"

พล เสนอมีหรือที่เด็กมันจะไม่สน กินเป็นไม่เป็นก็เอาไว้ก่อน สรุปพลสั่งเบียร์มาเป็นลัง บอมเองก็กินไม่มากเพราะผมห้ามไว้ ตอนแรกทำหน้ามุ่ยแต่มันก็ยอมฟัง ผมไม่ค่อยอยากจะประแป้งหรือสาดน้ำใครเพราะวันนี้รู้สึกไม่สนุกคนเยอะเกิน ยิ่งค่ำคนยิ่งแน่นเบียดเสียดกันเข้ามาเหตุการณ์น่าจะเป็นเหมือนเมื่อคืน ผมจึงงอแงชวนพลกลับ ตอนแรกมันก็เย้วๆอยู่บอมเองก็ดูสนุกไปกับฝูงชน แต่ด้วยความเห็นแก่ตัวของผมเราจึงตกลงใจกลับ เรากลับตอนหกโมงกว่าๆ เพราะผมรู้สึกเหมือนจะไม่สบาย พลแวะไปส่งผมก่อนแล้วก็ไปส่งบอม ผมอาบน้ำแล้วลงมากินข้าว กินยาเสร็จก็ขึ้นบ้านไปนอนพัก เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เป็นเบอร์ที่ไม่เคยเห็น ผมรีบคว้าโทรศัพท์มารับ

"ตัว เอง เค้าเองน้า"

ผม อึ้งพูดไม่ออก หัวใจเต้นแรงอีกครั้ง นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้ยินเสียงนี้ คิดถึงเหลือเกิน

"เอ"

ผม ร้องออกไป

"สุข สันต์วันเกิดน้า เค้าโทรมาช้าไปหน่อย โทษทีน้า เค้าทำใจไม่ได้ที่จะโทรหาตัวเอง กลัวว่าจะหนีลงมากรุงเทพฯ"

"เอสบาย ดีไหม ทำไมหายเงียบไปเลย รู้ไหมว่าเป็นห่วง"

ผม พรั่งพรูออกไป น้ำตาไหลออกมาตอนไหนไม่รู้ตัว

"เค้า ขอโทษนะคะ เค้าคุยกับลุงใหญ่แล้ว ลุงเค้าสงสาร เค้าบอกจะช่วยคุยกับแม่ให้ ตัวเอง เรามีความหวังแล้ว เค้าเลยโทรหาตัวเอง ตัวเองคิดถึงเค้าไหม"

เสียง มันไม่แจ่มใสเหมือนเคย คงทุกข์ใจมาก โถ เอ

"คิด ถึง คิดถึงมากรู้ไหม เอ อย่าทำแบบนี้ เอไม่ได้เจ็บคนเดียวนะ ฉันเองก็เจ็บ อย่าหายไปแบบนี้"

ผม กัดปากตัวเองให้น้ำตาไหลอย่างเดียวไม่ให้สะอื้นออกมา

"เค้า เป็นคนไม่ดี เค้าทำให้ตัวเองเจ็บ เคยสัญญาไว้แล้ว แต่ทำไม่ได้ เค้าขอโทษน้า อย่าโกรธเค้าน้า ที่รัก"

มัน ก็ร้องไห้ ผมสะท้อนเจ็บลึกลงไปในใจลึกลงไปในใจ ได้ยินเสียงมันแทนที่จะดีใจกลับปวดร้าว

"เค้า ทรมานเหลือเกิน อยากอยู่กับตัวเอง อยากอยู่ใกล้ๆ ถ้าแม่ยอมแล้วเราไปอยู่ด้วยกันน้า"

"เอ คิดถึงเอ มากรู้ไหม คิดถึงมากเหลือเกิน"

"เค้า ก็คิดถึงตัวเอง นี่เค้าผอมลงเยอะเลย ไม่กินข้าวคิดถึงตัวเอง"

"ไม่ ดีนะเอ อย่าทำร้ายตัวเอง คิดถึงกันก็ดูแลตัวเองดีๆ"

น่า ประหลาดที่น้ำตาที่ไหลออกมาจากตอนแรกที่เสียใจ แต่พอได้ยินเสียงที่คุ้นเคยรักเสียเหลือเกิน ใจเต้นระริกมีแต่ความปรีดา ผมคุยกับเออยู่สักพักจึงปล่อยให้มันไป ความสุขที่ดูเลือนรางหายไปเปล่งแสงทอประกายอีกครั้ง เอให้เบอร์มือถือมาเพราะลุกใหญ่ที่มันบอกเห็นใจและคงกลัวว่าหลานจะทำร้ายตัว เองไปมากกว่านี้จึงซื้อมือถือให้ ผมดีใจ มีความสุขที่สุด ผมนอนหลับไปด้วยความอิ่มเอมในใจ อย่างน้อยก็รู้ว่าในความมืดนั้นยังมีแสงสว่างอยู่ เป็นลางที่ดีที่อาจารย์ปริศนาจะยอมเข้าใจหรือเปิดใจบ้าง ใจชุ่มชื้นขึ้นมาบ้าง

หลัง จากวันเกิดดูเหมือนทุกอย่างจะเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น ผมคุยกับเอทุกวันถึงแม้จะอยู่ห่างกันแต่อย่างน้อยก็รู้ว่ามันก็คิดถึงผมมาก เหมือนกัน เราประครองรักให้กันและกันแม้มันจะมีขวากหนามมากมายเพียงใด น้ำหล่อเลี้ยงใจที่ได้รับมันเหมือนจะเหือดหายไปแค่เพียงข้ามคืน เพราะเอโทรมาบอกหลังจากสงกรานต์ได้เพียงสัปดาห์เดียวว่าอาจารย์ปริศนาขึ้นไป อาละวาดที่เชียงใหม่

"ตัว เอง แม่ทะเลาะกับลุงใหญ่อ่ะ เค้าจะทำยังไงดี ทำไมแม่ไม่เข้าใจเสียที ทำไม"

เอ เสียงเศร้าเหมือนมันกำลังร้องไห้ ผมจุกพูดไม่ออก เหมือนทุกอย่างกำลังจะดีขึ้นแต่ทำไมมันกลับตาลปัตรแบบนี้ ผมใจหายตอนนี้ไม่ได้ร้องไห้ รู้สึกชินกับความเสียใจ หัวใจมันชาชินไปแล้ว น้ำตาเหือดแห้งไป ในใจปวดร้าวแต่มันก็ไม่แสดงอาการอะไรออกมา เหมือนจำยอมรับกับสภาพ ผมได้แต่ปลอบใจอย่าให้มันคิดมาก มันต้องมีทางออกสักทางให้เราสองคนก้าวเดินไป แม้จะริบหรี่เต็มทีแต่ผมเชื่อเสมอว่าตราบใดที่เราเกาะกุมมือกันไป ฝ่ามรสุมหัวใจไปด้วยกันสุดท้ายแล้ว แสงสว่างแห่งใจนั้นก็รออยู่เบื้องหน้าไม่ไกล แต่ทว่าพอเอวางสายไปเหมือนความทุกข์ตรมทั้งหลายทั้งปวงมันได้ดันมาทางผม หลับตาลงเหมือนความมืดมิดมันปกคลุมทั่วทั้งใจ มันมืดกว่าไร้แสงมันแฝงไปด้วยความเหน็บหนาวที่เสียดแทงกายและใจอยู่ ผมเผชิญกับเรื่องบั่นทอนหัวใจอีกแล้วหรือ พอสิ้นเสียงจากเอเหมือนหัวใจผมแตกสลายไปทันตา ผมล้มลงเตียงเหม่อมองเพดานห้องอยู่อย่างนั้น น้ำตาไหลออกมา ไม่สะอื้น มันเจ็บจุกอยู่กลางใจ ปวดร้าวไปทั่วทุกขุมขน ผมยกมือเอากำปั้นทุบอกตัวเองอีกครั้ง เจ็บจุกเข้าไปข้างในหายใจไม่ออก กรรมนี้ช่างมหันต์นัก ทุบเพื่อเตือนสติว่าผมยังมีลมหายใจแม้มันกำลังจะขาดรอนๆ ผมกัดปากตัวเองจนเจ็บความเค็มประแล่มๆของเลือดไหลซึมผ่านคอลงไป ไม่สะอื้นออกมาแม้แต่น้อย แต่ทำไมรู้สึกอ่อนล้ากว่าการที่ร้องไห้แล้วสะอื้น หัวอกที่กลัดหนองมานานเหมือนโดนสะกิดให้มันบวมปวดยิ่งกว่าเดิม หวังว่ามันจะดีขึ้นแค่เพียงข้ามคืนก็เลวร้ายยิ่งกว่าเดิม ถ้ารักนี้มันยากนัก ให้มันจบให้มันพอลงตรงนี้จะดีไหม ให้มันจบเสียที ผมต้านทานไม่ไหวแล้ว ทำไมเอไม่บอกเลิกผมไปเลย ผมยอมเจ็บที่สุดวันนี้ ดีกว่าเจ็บสะสมเพิ่มพูนมากขึ้นทุกวัน ผมควรจะทำยังไงดี หรือจะบอกมันให้ตัดใจจากกันไป เผื่อว่าเรื่องทุกอย่างมันจะได้ดีขึ้น ผมทุกข์คนเดียวผมทนได้ แต่คนรอบข้างเป็นทุกข์ด้วยผมทนไม่ได้ เสียใจจนไม่รู้จะเอาคำใดมาทดแทน ปวดใจไม่รู้จะมีอะไรเจ็บไปกว่านี้อีกไหม แต่ถ้าให้บอกเลิกกัน ผมเองก็ทำใจไม่ได้อยู่ดี แค่เพียงคิดว่าวันไหนที่ใจจะไม่ได้คิดถึงมัน ผมก็สั่นสะท้านไปถึงจิตวิญญาณ แค่คิดว่าลมหายใจอุ่นนั้นจะไม่มีโอกาศได้สูดกลิ่นเข้าไปอีกแล้ว ใจผมก็หลุดปลิวลอยหายไป เจ็บยิ่งกว่าตอนนี้ที่แม้จะมีอุปสรรคขวางกั้นมากมาย แต่อย่างน้อยก็ได้รัก อย่างน้อยก็ได้รู้ว่าผมจะต่อสู้ไปเพื่ออะไร เพื่อคำว่ารัก เพื่อเขาคนนั้น เพื่อลมหายใจอุ่นนั้น เพื่อกลิ่นกายที่ผมปรารถนา เพื่อเอ

ผม นอนไม่ได้ข่มตาให้หลับแต่ใจมันตื่น ผมลุกขึ้นมาสวดมนต์แล้วนั่งสมาธิ ผลคือน้ำตาที่ไม่ยอมหยุดไหล จะมีธรรมอันใดเข้าถึงจิตใจที่หมกมุ่นไฟกิเลสครอบงำอยู่เช่นนี้ ผมทำอะไรไม่ได้เลย นอกจากเสียใจ


 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

เขียนโดย eiky
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 51 Apr 18, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 18-04-2010 10:28:36
กรรมจริงนะแม่เอนี่ไม่น่าเชื่อจะเป็นเอามากขนาดนั้น น่ากลัววิบากกรรมนี้คงจะมีไปอีกนาน  สู้ต่อไปนะครับอย่าท้อ :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 51 Apr 18, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 18-04-2010 11:25:21
 :monkeysad: :monkeysad:
+1 ใจร้ายนะ writer
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 51 Apr 18, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: LifeTime ที่ 18-04-2010 11:44:33
แม่เอนี่ท่าทางต้องเจอไม้แข็ง...เห็นใจเอ แต่ก็แปลกใจ  :m28:
หลายครั้งเอเหมือนกล้าทำอะไรเกินเด็ก...แต่ทำไมครั้งนี้ยอมแม่จัง
ถ้าเป็นเราคงจะวางแผนแกล้งกินยานอนหลับ หรือไม่ก็ขู่ฆ่าตัวตาย
ให้มันรู้เรื่องกันไปเลย แม่จะได้เลิกวุ่นวายซะที...แอบเลวได้อีก  :laugh:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 51 Apr 18, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 18-04-2010 12:13:00
น่าสงสารทั้งคู่เลย :sad11:
อดทนและเข้มแข็งเอาไว้ อย่างน้อยก้อรู้ว่าทำเพื่อใคร เพื่ออะไร
ช้าหน่อยแต่ซักวันจะต้องเป็นวันของทั้งคู่แน่ๆ ตอนนี้เอยังเด็กในสายตาแม่ เค้าอาจจะมองว่าไม่ยั่งยืน
หากว่ารักกันจริง เรียนจนจบ จนทำงานแล้วยังมั่นคงต่อกันถึงวันนั้นแม่ต้องเข้าใจแน่ๆ(หรอ?) เฮ้อ~
โย+เอ สู้ๆน๊า

เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 51 Apr 18, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: salawinyeen ที่ 18-04-2010 15:25:18
 o13
อาจารย์ปริศนาใจร้าย
[/b]

เป็นกำลังใจให้นะครับ     :m15:








รออ่านตอนต่อไปอยู่นะครับ   



BY    ยีนส์ทูยู
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 51 Apr 18, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 18-04-2010 15:34:51
ถ้าดับไฟกิเลศในใจคนเราได้ ก็เท่ากับดับความหมองม่นในชีวิตได้เช่นกัน

+1  :กอด1: ด้วย ฝากกำลังใจไปให้คนที่ทรมานกับรักไม่สมหวังด้วยเน้อ

อีป้าแก่ๆ เอาใจช่วยเสมอคะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 51 Apr 18, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: kongkilmania ที่ 18-04-2010 15:40:23
สงสารโย  :o12:
ต้องเข้มแข็งนะโย ถ้าทิ้งเอตอนนี้ กลัวว่าเอจะ..... ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

คงต้องให้เวลาอ.ปริศนาอีกหน่อย
รอให้แกทำใจได้มากกว่านี้  :เฮ้อ: แต่ไม่รู้นานแค่ไหนน้อ???????????
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 51 Apr 18, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Earhee ที่ 18-04-2010 16:37:45
 :z3: :z3: :z3: :z3:

อย่าแย่กว่านี้เลย สงสาร โย

+1 ค่า

 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 51 Apr 18, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Vesi ที่ 18-04-2010 17:01:25
แย่จริงๆ พวกผู้ใหญ่หัวแข็ง :sad4:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 51 Apr 18, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 18-04-2010 17:12:41
อ่านรวดเดียว 51 ตอนเลย พลาดไปได้ไงเนี่ย เรื่องหวานปนเศร้าขนาดนี้
ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 51 Apr 18, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: chicken ที่ 18-04-2010 19:38:21
ทำไมต้องเศร้าขนาดนี้ สงสารเอกะโยตอนที่คุยโทรศัพท์กัน :monkeysad: :monkeysad:

ตามไปๆ เชียงใหม่เลยโย
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 51 Apr 18, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: kanda53 ที่ 18-04-2010 19:54:34
คงต้องบอกว่า...ให้อดทนกันต่อไป..ทั้งโยกะเอ (รวมทั้งคนอ่านด้วย)
คนเป็นแม่ยังไงก้อรักลูก...แต่ทัศนคติและการไม่ยอมรับของสังคม
เป็นตัวแปรที่ทำให้อะไรๆมันยากขึ้น....แต่วันหนึ่งแม่ก้อจะคิดได้ว่า...
อะไรก้อไม่สำคัญเท่าลูกอันเป็นที่รัก.....แต่กว่าวันนั้นจะมาถึงคนอ่านคงต้อง...
 :m15: ไปกับโยกะเอต่อไป
รักคนแต่งค่ะ  :L1:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 51 Apr 18, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: railay ที่ 18-04-2010 20:36:10
 :pig4: :pig4: :pig4:
 :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 51 Apr 18, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: •ผั๑`|nกุ้va’ด• ที่ 18-04-2010 20:53:31
คุณ eiky สงกรานต์ที่ผ่านมา  เหล้าก็ไม่กิน เบียร์ก็ไม่แตะ   แต่ทำไม ผัดไท ปวดตับ!!!  :z3:
 
 
รอวันที่ท้องฟ้าจะสว่างสดใส 
 
ให้กำลังคนแต่ง 1 ช่อจ้า   :L2:
 
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 51 Apr 18, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 18-04-2010 22:46:09
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านนะคร้าบ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้ามาต่อให้ อ่านแล้วอย่ารุมด่ากันน้า อิอิ o22 o22




 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 51 Apr 18, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: kanda53 ที่ 19-04-2010 00:05:35
มาบอกให้ทำใจกันก่อนใช่ไหม....
คนอ่าน  :m15: จนตาบวมหมดแล้ว
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 52 Apr 19, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 19-04-2010 00:11:11
                               อัพตอนเที่ยงคืน



                         ขอให้ทุกคนมีความสุขนะครับ





                                 ตอน ห้าสิบสอง



 จากวันที่ เอโทรมาส่งข่าวก็หายเงียบไปอีก ผมทั้งโทรทั้งส่งข้อความทำทุกวิถีทางให้เอมันติดต่อมาบ้าง แต่มันก็ไม่เห็นใจผมเลยทิ้งความตรอมใจไว้ให้ผมทนทุกข์ ผมหันหน้าเข้าหาวัดที่พอจะเป็นที่พึ่งได้ โศกาอาดูรไปมีแต่จมกับจม ผมทำใจได้อย่างเดียวในตอนนี้ เวลาอยู่ต่อหน้าแม่ต่อหน้าเพื่อนผมจะทำตัวให้เป็นปกติมากที่สุด อาจจะซึมไปบ้างแต่ทุกคนก็เหมาว่าผมคงคิดถึงเอเหตุเพราะอยู่ห่างกัน แต่เวลาอยู่คนเดียวผมเองก็มีโลกส่วนตัวที่มืดมนไร้ซึ่งหนทาง ผมสวดมนต์ภาวนาให้อาจารย์ปริศนาใจอ่อนให้เราแค่เจอกันบ้างก็ยังดี สวดทุกวันภาวนาทุกวันให้คุณพระคุณเจ้าคุ้มครองเอ แต่สิ่งที่ทำให้ผมเศร้าใจไปกว่าเดิมคือข้อความจากเอ หลังจากที่ไม่ตอบรับเป็นอาทิตย์

 "ที่รัก ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเชื่อใจเค้านะ เค้ารักตัวเองมากนะ"

ผมใจหาย วาบ สิ่งที่กลัวคือความหุนหันพลันแล่นของมัน มันกำลังคิดที่จะทำอะไรอยู่ ผมทุกข์ยิ่งกว่าคิดถึงมันเพราะตอนนี้ความห่วงมันทวีคูณ ผมไม่สบายใจเลย ผมระบายออกกับพลเล่าให้มันฟัง พลเองก็เห็นใจ ปลอบต่างๆนานาแต่อยู่ต่อหน้ามันผมก็พยักหน้าเข้าใจไม่คิดมาก แต่ลับหลังมันผมก็ตกลงไปในนรกที่สุมใจของผมเช่นเดิม ล่วงเดือนที่พิเศษที่สุดสำหรับผมไปแล้ว พอเข้าเดือนพฤษภาคมผมก็มีเรื่องอื่นต้องคิดแทรกเข้ามา คืองานแต่งของจ๋า เราทั้งกลุ่มดูมีอะไรทำเพิ่มขึ้นเพราะเห็นจ๋ามันวิ่งอยู่กับพี่ป้อมสองคนก็ เห็นใจ ผมกับพลช่วยมันดูเรื่องของชำร่วยและของจุกจิกอีกหลายอย่าง ไปดูห้องพักที่โรงแรมให้เป็นอภินันทนาการคืนวันส่งตัวให้มัน เวลาอยู่ที่ทำงานและเวลาที่ยุ่งอยู่กับเรื่องของจ๋าผมดูไม่เศร้ามากนัก พลเองก็ดูระวังคำพูดของมันมากขึ้นพยายามไม่เอ่ยชื่อของเอ หรืออะไรก็ตามแต่ที่เกี่ยวพันกับมัน แต่ก็อนาถใจเพราะเวลาอยู่คนเดียวผมก็จะเอาโทรศัพท์ที่มีรูปผมกับเอเคียงคู่ กันขึ้นมาดูแล้วก็ร้องไห้ใจหวั่นไหวไปตามเคย

สองสัปดาห์ก่อนงานแต่ง ของจ๋าพลก็นักเจอกับบอมอีก ความจริงแล้วมันเจอกันเกือบทุกวัน แต่ผมเองที่ไม่ยอมไปด้วย พักหลังมันก็ไม่ค่อยชวนคงเห็นผมเศร้าๆอยู่ ถึงแม้ว่ามันจะระมัดระวังคำพูดของมันเอง แต่มันก็ไม่มั่นใจเกี่ยวกับบอม เพราะรายนั้นมันก็เป็นเพื่อนรักของเอ หลุดปากพูดอยู่บ่อยๆ และพอผมได้ยินผมก็เหมือนตกจากอากาศสูงดิ่งสู่เหวลึก

"แก ไอ้บอมมันจะไปเชียงใหม่กับไอ้บ๊อบนะ พวกมันก็ทนไม่ไหวที่เอมันเงียบไปแบบนี้"

พลพูดขึ้นตอนมันขับรถมาเจอบ อมเหมือนเคยตอนที่เราเลิกงาน

"เหรอ ไปเมื่อไหร่แก ฉันไปด้วย"

ผม เนื้อเต้นร้องอย่างดีใจ เออจริงสินะ ทำไมผมไม่คิดที่จะไปหามันถึงที่โน่น ทำไมมานั่งจมอยู่กับความทุกข์แต่ไม่คิดที่จะทำอะไร

"เออ ไปสิ เดี๋ยวฉันบอกเจ๊ ไปพักหน่อยก็ดี ฉันจะได้ไถเงินเผื่อเลย"

พลพูดอย่าง อารมณ์ที่แจ่มใสขึ้น

"แล้วจะไปกี่วันล่ะแก"

ผมถามเพราะพะวง เกี่ยวกับงาน

"ไปสองสามวันก็น่าจะดีแก ไปนานเดี๋ยวเจ๊แกวีน"

ผม ก็เห็นดีเห็นงามไปด้วย ในใจกระโดดโลดเต้นดีใจ อย่างน้อยไปเห็นหน้ามันก็ยังดี อาจารย์ปริศนาคงจะไม่รู้หรือห้ามไม่ให้ผมไปเจอมันได้ ผมดีใจเหลือเกินมีความสุขขึ้นมาในรอบหลายเดือนที่ทนทุกข์ ผมบอกแม่ว่าผมจะไปเชียงใหม่แม่ก็ไม่ว่า แค่เตือนสติว่าอย่าวู่วาม ให้กำลังใจน้อง ผมซื้อแหวนเงินสลักตัวอักษรภาษาอังกฤษตัวแรกของชื่อมันและผมในวงเดียวกัน ดีใจเนื้อเต้นนับคืนนับวันที่จะได้ไปหาเอ พลเป็นคนจัดการเรื่องที่พักส่วนการเดินทางพลอาสาจะขับรถไป เราออกจากรุงเทพฯตอนบ่ายวันศุกร์บอมกับบ๊อบมารอที่เซ็นทรัลเวิลดิ์ เพราะพอผมกับพลออกจากที่ทำงานก็จะได้ตรงมารับเลย ผมเตรียมกระเป๋าเดินทางมาตั้งแต่เช้าแล้ว เราขอพี่ภาออกมาก่อนตอนเที่ยงเพราะกลัวไปถึงดึกเกินไป พี่ภาเองก็ดีแสนดี ขออะไรไม่เคยขัดเลย ผมเองที่เป็นฝ่ายเกรงใจจึงอยากจะมีสติตอนทำงานให้มากที่สุด ทำงานให้พลาดน้อยที่สุดเพราะถือเป็นการตอบแทนน้ำใจที่พี่ภามีต่อผม พอถึงที่นัดพลก็โทรให้บอมกับบ๊อบลงมารอหน้าห้างเพราะพลบอกว่าไม่อยากเข้าไป จอด ทั้งสองอยู่ในชุดตามสมัยนิยม ดูไม่เหมือนเด็กมัธยมปลายแต่ดูเหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วไป พอขึ้นมาที่รถได้ก็จ้อใหญ่ บอมกับพลยังกัดกันอยู่คงเส้นคงวา สร้างความครื้นเครงให้ทั้งคันรถ บ๊อบเองก็กัดกับบอมบ้าง แล้วก็พยายามดูแลผมเป็นพิเศษจนน่าอึดอัด ผมก็คุยตามน้ำไปบ้างเพราะไม่อยากเงียบมากนัก อีกทั้งในใจก็ลิงโลดอยู่จะปกปิดไว้ก็ไม่อยู่ เวลาที่เราดีใจเราก็ปิดไม่อยู่เช่นเดียวกับเวลาที่เราเสียใจ การเดินทางอันยาวนานเพื่อมาหาคนที่รักมันดูยาวไกลเสียเหลือเกิน ในใจอยากให้ถึงโดยเร็วไม่อยากจะเสียไปแม้สักวินาที

เราถึงเมือง เชียงใหม่ตอนสามทุ่มกว่าเพราะผมไม่อยากให้พลขับรถเร็วเกินไป พอเข้าที่พักเรียบร้อยแล้วเราก็ตกลงกันไว้ให้บ๊อบโทรไปหาเอ บอกว่าตอนนี้อยู่เชียงใหม่ แต่ห้ามบอกว่าผมกับพลมาด้วย ผมใจเต้นดีรอฟังอยู่

"ไอ้ เอ กูเอง เออ ตอนนี้กูอยู่ที่เชียงใหม่นะมึง กูมากับไอ้เชี่ยบอมล่ะ ก็เออดิ ไอ้เชี่ยก็มึงเล่นเงียบหายไปแบบนี้พวกกูก็เป็นห่วงดิวะ เออ เจอกันตอนนี้เลยได้ไหม เร็วๆนะมึง"

บ๊อบวางสายจากเอแล้ว ผมเนื้อเต้นเข้าไปเกาะแขนมัน

"เอว่าไงบ้างบ๊อบ"

"มันบอกว่าไป เจอที่หน้ากาดอะไรของมันไม่รู้พี่ แก้วๆ"

"ไอ้ห่า โง่นะมึง เขาเรียกกาดสวนแก้ว"

"อ้าวเชี่ยกูไม่เคยมากูจะรู้ไหม"

"เอา เถอะๆ แล้วไปกี่โมงตอนนี้เลยไหม"

พลขัดจังหวะของทั้งสองคน บ๊อบพยักหน้าแต่ตายังจ้องเขม่นบอมอยู่ ผมต้องช่วยดันหลังให้มันเดินไปขึ้นรถมันถึงยอม พลรู้จักสถานที่เพราะเคยมาแล้วหนหนึ่งส่วนผมกับเด็กทั้งสองไม่เคยมา พลขับรถออกจากที่พักสักครู่ก็ถึงกาดสวนแก้ว ดูเหมือนห้างหรือที่ชาวพื้นเมืองจะเรียกว่ากาดนี้เลยเวลาปิดบริการแล้ว พลหาที่จอดรถเสร็จเราก็เดินมารอที่หน้ากาด ยืนอยู่สักพักก็เห็นเงาของเด็กวัยรุ่นตัวสูงใหญ่กำลังเดินมาแต่ไกล ใจผมเต้นตึกตัก คิดคำถามไว้ต่างๆนานา ดีใจเหลือเกิน บ๊อบกับบอมโบกไม้โบกมือให้เอ พอร่างนั้นเข้ามาจนเห็นถนัดตาใจผมก็แป้วหายไป เพราะเอดูซูบผอมหน้าตอบลงไปเยอะมาก ทันทีที่สายตามันมองมาเห็นผม มันดูตื่นกลัวเหมือนเจอผี ผมใจเต้นเหมือนจะหลุดออกมาจากอก เอไม่ได้มาคนเดียวเด็กผู้หญิงที่เดินมาด้วยเกาะแขนมันอยู่ ผมยืนนิ่งตัวชา อ้าปากค้าง แทนที่จะดีใจที่ได้เจอ แต่ความรู้สึกสับสนวกวนตีกันปนเปไปหมด เหมือนทุกคนจะอึ้งไม่มีใครพูดอะไรกันสักคำ

















"นี่เหรอเพื่อนเธอน่ะเอ"

เสียงนั้นปลุกให้ทุกคนตื่นจากภวังค์ยกเว้นผม

"เอ"

พลเรียกชื่อมันเสียงหลง ไม่รู้ว่าดีใจหรือเสียใจ

"สบายดีเหรอมึง ผอมเชียวไอ้เชี่ย"

บอมทักขึ้น สายตาของเอยังมองอยู่ที่ผมมันไม่กระพริบตาเลย เราจ้องตากันอยู่ ผมมีคำถามมากมายผ่านสายตาไป

"ตัวเอง"

มันพูดหลุดปากออกมามันลอยลมมากระทบโสตประสาทผม

"ใครน่ะเอ"

เสียงเด็กผู้หญิงคนนั้นแปร๋นขึ้นมา ผมเองก็เริ่มหายใจติดขัด

"เมียกู"

เอพูดออกมา ทันทีที่คำพูดหลุดจากปากมัน เด็กผู้หญิงคนนั้นก็สะบัดมือออกจากแขนมันแล้วกรีดร้อง

"กรี๊ดดด แล้วฉันล่ะ แล้วฉันล่ะ"

ผมไม่มีสติพอที่จะยืนนิ่งอยู่อีกต่อไป ทุกอย่างมันฟ้องด้วยภาพที่อยู่เบื้องหน้าหมดแล้ว ใจสลาย ผมหันหลังกำลังจะก้าววิ่งหนีไป

"ตัวเองฟังเค้าก่อน เค้าอธิบายได้"

"ไอ้เชี่ย สันดานเลว มึงทำได้ไงไอ้สัตว์"

บ๊อบโผเข้าไปต่อยเอ ผมหันหลังกลับ แต่ยืนนิ่งอยู่ เอล้มคว่ำไปคลุกอยู่กับพื้น บอมเป็นคนดึงบ๊อบออกมาจากเอ ผมน้ำตาไหลออกมาตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ พลเข้ามากอดบ่าไว้ มันเองก็น้ำตาไหล

"เราทำแบบนี้ได้ยังไงเอ รู้ไหม ทุเรศที่สุด"

พลตวาดออกไป

"พวกนี้เป็นใครเอ บอกมานะ แล้วฉันล่ะ"

เสียงแหลมปรี๊ดขึ้น ผู้คนที่อยู่โดยรอบแม้จะไม่มากมายนักหันมาสนใจเป็นจุดเดียวกัน

"หุบปากไปเลยอีชะนี หล่อนไม่รู้เหรอว่านี่เขาเป็นผัวเมียกัน อีหน้าด้าน รีบไปให้พ้นหน้านะ เดี๋ยวแม่ตบปากแตกเลยนี่"

"กรี๊ดดดด แล้วมายุ่งกับฉันทำไมไอ้เชี่ย"

เสียงกรี๊ดดังลั่น

"มึงกลับไปเลยอีห่า กูบอกอย่ามายุ่งกับกูมึงก็ไม่ฟัง"

เสียงเอตวาดด่าทอเด็กคนนั้นดังจนเส้นที่คอปูดโปน

"ไอ้สัตว์บอกกูมา มึงทำได้ไง มึงทำร้ายพี่โยได้ยังไง ไอ้เชี่ย"

บ๊อบไม่ยอมหยุด มันถลาเข้าหาเอที่ยังนอนอยู่ท่าเดิมอยู่ บอมต้องกอดไว้พัลวัน ผมยืนร้องไห้ นิ่งไม่พูดอะไรสักคำ พูดไม่ออก ผมไม่มีอะไรในหัวเลย มันว่างเปล่า คิดอยู่อย่างเดียวคือไปให้พ้นจากตรงนี้ ไปให้ไกลแสนไกล ผมก้าวเท้าวิ่งทันที

"โยๆ"

พลร้องเรียก

"ใจเธอทำด้วยอะไรเอ ใจร้ายที่สุด"

พลตวาดเอก่อนที่มันจะวิ่งตามผมมา

"ตัวเอง ตัวเองฟังเค้าก่อน"

"ฟังเชี่ยอะไรไอ้สัตว์ แดกตีนกูนี่"

เสียงร้องคร่ำครวญดังแว่วตามหลังมา ผมวิ่งเตลิดเปิดเปิงไม่รู้ทิศทางพลวิ่งตามทันคว้าแขนได้มันดึงผมมากอดทันที

"แก ฉันเข้าใจ คนเลว ทำไปได้ยังไง"

พลร้องไห้กอดผมไว้แน่น ผมสะอื้นออกมาทั้งตัว ใจแหลกไปแล้วมันชาเหมือนโดนตีแสกหน้ามาสดๆร้อนๆ

"นี่มันกรรมเวรอะไรของแก โย ทำไมเจอแต่เรื่องแบบนี้"

พลร้องไห้เสียงดัง เรายืนกอดกันไม่สนใจผู้คนที่เดินผ่านไปมา บ๊อบวิ่งตามมาทัน มันยืนอึ้งอยู่แล้วจึงสะกิดพลให้ไปจากที่นี่ พลดึงแขนผมที่น้ำตาไหลเป็นทางตามมันไปที่รถ

"แล้วบอมล่ะบ๊อบ"

"มันไปรอที่รถพี่ ไปเถอะ ก่อนที่ผมจะฆ่าคนตาย"

ผมโดนพลลากมาที่รถอย่างยากลำบาก พอขึ้นรถได้ผมก็เหมือนคนที่เมาที่ไม่ได้สติ ร้องไห้กัดปากตัวเองสะอื้นออกมา กัดปากจนเลือดไหลอาบที่มุมปาก

"โย อย่าทำแบบนี้ฉันขอร้อง บ๊อบเอาผ้ามา"

พลร้องเสียงหลงร้องไห้ดัง บ๊อบรีบคว้าผ้าเช็ดหน้ามาแล้วเอื้อมจากเบาะคนนั่งหลังมากอดผมไว้ บอมเองก็ช่วยพลง้างปากผมออก

"เอ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!"

ผมบ่ายหน้าหนีดิ้น ไม่รู้ว่าทำไปทำไมแต่ผมไม่รู้สึกตัวแล้ว บ๊อบจับผ้าเช็ดหน้ายัดเข้าไปในปากของผม ผมพยายามบ้วนมันออกมา แต่มันก็เอามือปิดไว้ ทุกคนในรถร้องไห้เสียงระงม

"ตัวเอง ฟังเค้าก่อน ฟังเค้าพูดก่อน เค้าไม่ได้ตั้งใจ ตัวเอง"

เสียงเอร้องไห้เคาะกระจกรถด้านที่ผมนั่ง ผมหันไปมองใจจะขาด อยากเปิดประตูออกไปกอดให้สมกับที่คิดถึง แต่ผมไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่สิ่งที่เห็นเมื่อครู่ เด็กผู้หญิงที่ยืนเกาะแขนมันอยู่ข้างๆ มันทำให้ผมสับสน

"อย่าบ๊อบ อย่าออกไป พอแล้ว"

พลร้องห้ามบ๊อบที่เปิดประตุรถออกไป แต่ห้ามไม่ทันมันออกไปกระชากคอเสื้อเอมาต่อยจนเอล้มฟุบไปอีกรอบ

"ไอ้สัตว์ มึงยังมีหน้ามาพูด ไหนมึงบอกกูซิ อีนั่นเป็นใคร"

มันตวาดเสียงดังลั่นที่จอดรถ

"กูจะคุยกับเมียกู ไอ้เชี่ย มึงถอยไป"

"กูไม่ให้คุย ไอ้สัตว์ เลว อีนั่นมันเป็นใคร"

บ๊อบกะคอกใส่มันแล้วต่อยอีกจนเลือดเต็มหน้าเอ บอมรีบลงรถไปห้ามพลเองก็กอดผมไว้ ผมไม่มีสติแล้ว จำได้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่สมองไม่สั่งงานแล้ว

"ไอ้เชี่ย มึงจะต่อยมันให้ตายเหรอเหรอ พี่พลพามันกลับไปก่อน"

บอมหันมาสั่งพลแล้วพยายามดึงบีอบออกมาจากร่างเออย่างทุลักทุเล พอมันดันบีอบเข้ามาในรถได้ก็ปิดประตูให้พลล็อกทันที พลรีบขับรถออกไป ผมเกาะกระจกรถมองเออย่างปวดใจ ภาพมันที่นอนกลิ้งอยู่เลือดอาบหน้ามีบอมพยุงอยู่ข้างๆมันช่างจับใจเจ็บเข้า ไปถึงทรวงอก พอไกลออกมาผมเพิ่งจะรู้ตัวว่าผมกำลังจะโดนพรากจากมันอีกแล้ว ผมเคาะกระจก

"เอ เอ"

"แก พอแล้ว พอได้แล้ว" พลสะอื้นแต่ยังขับรถอยู่ ตาก็คอยมองมาที่ผม

"ฮือๆ"

บ๊อบเข้ามากอดผมไว้ให้ตัวติดเบาะ มือไม้ก็ป่ายไปทั่วผมกำลังจะบ้า สติผมหลุดลอยขาดหายไป ผมปวดใจ นี่หรือที่เราโดนแย่งคนรักไปมันรู้สึกอย่างนี้เองหรือ คนที่คิดว่าเป็นของตัว คนที่คิดว่าเขารักตัวมากเท่ากับที่เรารักเขา มันเจ็บอย่างนี้เองหรือ ถ้าการมีลมหายใจเพื่อเห็นในสิ่งเหล่านี้ มาเอาลมหายใจฉันไปเถิดเอ ฉันทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว  



 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:



เขียนโดย eiky
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 52 Apr 19, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 19-04-2010 00:54:46
ทำไม  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 52 Apr 19, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 19-04-2010 01:15:49
 :m8: :m8: :m8: :m8:ไม่น่าเลยนะเอ ทำร้ายกันได้ลงรักจริงๆนีทำแบบนี้นะ แต่โยเองขาดสติไม่ฟังน้องก่อนทำร้ายตัวเอง รันทดจริงๆ วิบากกรรมครั้งนี้จะจบลงแบบไหนน้อนึกไม่ออกจริงๆ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 52 Apr 19, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: bvan ที่ 19-04-2010 01:29:25
 :m15: :o12:sadddddddddddddddddddddddddddddddddddddddddddddddddddddddddddd
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 52 Apr 19, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 19-04-2010 01:42:32
 :sad4: :sad4: :sad4:
เอ ทำไมอ่ะ จากคำพูดของน้องผู้หญิงไม่ใช่แค่ควงกันเฉยๆมั้ง
ทำแบบนี้ไม่ไหวจะรับเหมือนกันนะเนี่ย จะตั้งใจไม่ตั้งใจก้อเหอะ
สงสารโยอ่ะ แต่โยน่าจะแข็งใจกว่านี้ คุยกันให้รู้เรื่องไปเลย
เจ็บทีเดียว อย่าซ้ำซาก
เฮ้อ~ แซดดดดดดดดดดด !!!!!

เป็นกำลังใจให้เหมือนเดิมค่ะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 52 Apr 19, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 19-04-2010 01:48:32
คนแต่งใจร้ายมาก วันนี้งด+ โทษฐาน ทำให้อีป้าแก่ๆเคือง ชิ...
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 52 Apr 19, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: DexTunG ที่ 19-04-2010 02:07:13
ทำไมมันถึงต้อง เศร้า ขนาดนี้ :o12: :o12:


ทนไม่ไหวแล้วนะครับ :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 52 Apr 19, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: iiดาวพระสุขლii ที่ 19-04-2010 02:24:11
.....


สติ   จะทำให้เราผ่านทุกอย่างไม่ว่าดีหรือร้าย ได้อย่างดีที่สุด....



ปวดตับ  :z3:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 52 Apr 19, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: LifeTime ที่ 19-04-2010 12:26:32
รู้ว่า เอ ทำเพื่อประชดแม่ แต่เป็นวิธีที่ไม่ฉลาดเอาซะเลย
มันแสดงถึงความเห็นแก่ตัว มักง่าย และไม่ซื่อสัตย์ต่อรัก
แต่ก็อย่างว่า เอ ยังเด็กอยู่เนาะ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 52 Apr 19, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 19-04-2010 12:45:09
+1 จัดไปโลด เมื่อวานออนมือถือ + ไม่ได้

แต่ถ้าทำให้เคืองอีก - อย่างเดียว  :กอด1: 50 ที

อีป้าแก่ๆว่า น้องQ ขยันทำงานนะพักนี้ 555  :pig4:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 52 Apr 19, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 19-04-2010 12:59:05

หนักอึ้งในอก

เมื่อไหร่หมอกดำมืดจะจางหายไปจากโยเสียที

เอคิดอะไรอยู่น้อง   


 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 52 Apr 19, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: •ผั๑`|nกุ้va’ด• ที่ 19-04-2010 14:51:11
โอ๊ยยยยย ปวดตับ!!
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 52 Apr 19, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: kongkilmania ที่ 19-04-2010 15:07:05
ทำไมเคราะห์ซ้ำ กรรมซัดขนาดนี้เนี่ย โธ่เว๊ยยยยยย!!!!!!!!!!!

แทนที่จะคอยให้กำลังใจกัน อดทนแก้ปัญหา ฝ่าฟันอุปสรรคไปด้วยกัน
กลับสร้างแต่ปัญหา ทั้งกินเหล้า มีเรื่องชกต่อย คราวนี้มีเรื่องนอกใจอีก  :seng2ped:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 52 Apr 19, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 19-04-2010 15:36:10
สงสัยสถานการณ์ยังเลวร้ายไม่พอ เอ เลยช่วยให้ยิ่งมีสีสันมากกว่าเดิมนะ เจ๋งจริงๆ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 52 Apr 19, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 19-04-2010 16:44:30
+1 จัดไปโลด เมื่อวานออนมือถือ + ไม่ได้

แต่ถ้าทำให้เคืองอีก - อย่างเดียว  :กอด1: 50 ที

อีป้าแก่ๆว่า น้องQ ขยันทำงานนะพักนี้ 555  :pig4:

น้อง Q ไหนอ่ะป้า ผิดคนอ่ะป่าววว


อิอิ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 52 Apr 19, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 19-04-2010 16:45:43
ทุกคนคร้าบบ ผมไม่สบายอ่า เครียดไปหน่อย สงสารแต่โยกับเอเหรอคร้าบบ แล้ว ผมล่ะ


แงๆๆๆๆ


เวียนหัว o22 o22 o22 o22 o22 o22
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 52 Apr 19, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Na_RimKLonG ที่ 19-04-2010 17:01:56
ทุกคนคร้าบบ ผมไม่สบายอ่า เครียดไปหน่อย สงสารแต่โยกับเอเหรอคร้าบบ แล้ว ผมล่ะ


แงๆๆๆๆ


เวียนหัว o22 o22 o22 o22 o22 o22

โอ๋ๆๆๆๆๆ

รักนะจุ๊บๆ   :จุ๊บๆ: :จุ๊บๆ:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 52 Apr 19, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Vesi ที่ 19-04-2010 18:52:51
ทำไมมันกลายเป็นงี้ไปได้อ่ะ  o22

รู้หรอกนะว่าทำประชดแม่ แต่เป็นวิธีที่สิ้นคิดไปนิด
กลับไปทำการบ้านมาใหม่นะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 52 Apr 19, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: salawinyeen ที่ 19-04-2010 19:07:53
 :m15: :m15: :m15: :fire:


สงสัยเอเค้าทำให้อาจารย์ปริศนารู้มั้งว่าตัวเองชอบผู้หญิง 


แต่เอเลวเกิ๊นนนนนน


คนแต่ง   สงสารคนอ่านบ้างเถอะอิอิ



เป็นกำลังใจให้ครับ บ บ   
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 52 Apr 19, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: railay ที่ 19-04-2010 19:12:23
 :pig4: :pig4: :pig4:
 :impress3: :impress3: :impress3:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 52 Apr 19, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: kanda53 ที่ 19-04-2010 20:50:49
ก้อ...อยากไปแกล้งโยกะเอมาก...เลยป่วยเลย  :a14:
เอแก้ปัญหาแบบเด็ก ๆ  โยคงต้องมีสติแล้วคุยกับเอให้รู้เรื่อง
ดีกว่าปล่อยเอาไว้  ทิ้งให้เอคิดเองเดี๋ยวก้อทำอะไรผิด ๆ อีก
น้อง eiky พักผ่อนเยอะ ๆ นะ อาจจะเพราะเราแต่งเรื่องเครียดเกินไปหรือเปล่า  :teach:
ผ่อน ๆ หน่อยก้อดีนะ   o15
 :L2:  :L1:  :pig4: ให้น้อง eiky
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 52 Apr 19, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Natavishi ที่ 19-04-2010 21:00:37
o12
อ้ากกกกกกกกกก  อยากจะ   :z6: คน แต่ง จริง ๆๆ

สงสาร โย กะ เอ มากกก
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 52 Apr 19, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 19-04-2010 21:23:04
คนแต่งไปไหนมาขอ :z4: :z4: :z4:หน่อยดิ โหดร้ายกะโยกะเอจัง
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 52 Apr 19, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 19-04-2010 22:25:53
o12
อ้ากกกกกกกกกก  อยากจะ   :z6: คน แต่ง จริง ๆๆ

สงสาร โย กะ เอ มากกก

เหอๆๆๆ คนแต่งไม่ใจร้ายน้าาา

 o18
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 52 Apr 19, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 19-04-2010 22:28:54
คนแต่งไปไหนมาขอ :z4: :z4: :z4:หน่อยดิ โหดร้ายกะโยกะเอจัง

ไม่อยากบอก ว่าคนเขียนเป็นเอ็ม อิอิ ชอบซาดิสต์ ปนความเจ็บปวด อิอิ อะจึ๋ยยยย ม่ายช่ายหรอก มันเป็นแบบนี้อ่าคร้าบบ


ทนหน่อยน้า เพื่อ คนเขียน อิอิ

 o18 o18 o18
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 52 Apr 19, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: clubza ที่ 19-04-2010 22:33:09
คนแต่งไปไหนมาขอ :z4: :z4: :z4:หน่อยดิ โหดร้ายกะโยกะเอจัง

ไม่อยากบอก ว่าคนเขียนเป็นเอ็ม อิอิ ชอบซาดิสต์ ปนความเจ็บปวด อิอิ อะจึ๋ยยยย ม่ายช่ายหรอก มันเป็นแบบนี้อ่าคร้าบบ


ทนหน่อยน้า เพื่อ คนเขียน อิอิ

 o18 o18 o18


จะไม่ทาอีกต่อไปถ้าวันนี้ไม่เอามาลง

 :laugh:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 52 Apr 19, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: SPSJ ที่ 19-04-2010 22:36:52
เอจะซ้ำเติมโยกันไปถึงไหน  แค่นี้โยก็จะทนไม่ไหวอยู่แล้ว


อ้ายบ้าเอ  อ้ายเด็กผี 
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 52 Apr 19, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: booboos ที่ 19-04-2010 22:48:49
จะเศร้าไปไหนเนี่ย น่าสงสารโยอ่ะ
ตกลงแล้วเอจะเอาไงเนี่ย ต้องรอลุ้นต่อไปชิมิ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 53 Apr 20, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 20-04-2010 00:30:28
                                                 นิยายจะเป็นยังไง อย่าเพิ่งเกลียดคนเขียนนะคร้าบบ


                              ความเจ็บปวด อย่างน้อยมันก็ทำให้เราได้รู้ว่า เรายังมีชีวิตอยู่ ยังมีลมหายใจ ไม่ดีหรือ อิอิ






                                                 ตอน ห้าสิบสาม



 นี่ผมกำลังฝันไปใช่ไหม ฝันที่โหดร้าย ไม่จริงหรอก เอไม่มีทางทำแบบนั้นกับผม เอรักผม ผมรักเอ เรารักกันมากมันเป็นไปไม่ได้ ฝันร้ายผมฝันร้าย ตื่นเสียที ตื่นจากฝันนี้เสียที

แต่ความรู้สึก เหล่านี้ทำไมมันเจ็บเหมือนจริงเสียเหลือเกิน ความรู้สึกชาไปทั่วทั้งร่าง พอหยิกแขนตัวเองก็รู้สึกเจ็บ มันเป็นเรื่องจริงหรือ เอนอกใจผมจริงๆหรือ เอมีคนใหม่เป็นผู้หญิง คนที่มันคบได้โดยไม่มีอุปสรรคใด ผู้หญิง!!! ทีอาจารย์ปริศนาวาดหวังไว้ ไม่มีใครมองว่า วิปริต!!! ผมยกมือขึ้นตบที่หน้าตัวเอง มันชาไม่รู้สึกเจ็บบ๊อบยังกอดตัวผมไว้เสียงมันร้องไห้ยังดังอยู่ข้างหลัง

"โย!!!!!!!!! พอแล้ว พอแล้ว"

เสียงพลร้องห้าม

"พี่ พอแล้ว อย่าทำแบบนี้เลย"

บ๊อบร้องไห้ดังกว่าเดิม

"เอ!!!!!!!!! ไม่จริง!!!!!!!!!! เอ"

ผมกรีดร้องออกมาเสียงดัง ยิ่งตบหน้าตัวเองยิ่งรู้สึกชา อยากพิสูจน์ว่าผมกำลังฝันไปอยู่ในภวังค์ของความมืด มันไม่จริงใช่ไหม ผมไม่เชื่อ ผมไม่ยอมหยุดตบหน้าตัวเอง พลรีบจอดรถข้างทาง

"โย ฉันขอล่ะ อย่าทำแบบนี้ ฉันขอร้อง"

พลอ้อนวอนกอดแขนผมไว้อีกคน ผมดิ้นเหมือนคนบ้าที่กำลังโดนหมอจับฉีดยา ทั้งบ๊อบกับพลช่วยกันจับ ผมกรีดร้องออกมาจนเสียงแหบแห้ง นี่ผมเป็นบ้าไปแล้ว ผมสะอื้นหนักกว่าเดิม ทั้งสองคนก็คอยอ้อนวอนไม่ให้ผมทำร้ายตัวเอง ผมยอมสงบลง เพราะเหนื่อยล้า ใจไม่มีเรี่ยวแรง หายใจอ่อนเหมือนจะขาดใจ พลขับรถต่อไปเมื่อเห็นผมสงบลง บ๊อบยังไม่ปล่อยผม

"ทำไมแก มันเกิดอะไรขึ้น"

ผมถามล่องลอยสาย ตาเอ่อท่วมด้วยน้ำตา มองฝ่าความมืดข้างทางไปอย่างไร้จุดหมาย ไม่เคยคิดระแวงในตัวเอเลย ไม่เคยคิดว่าเอจะทำร้ายน้ำใจผมด้วยวิธีการนอกใจมีผู้หญิง!!!!อื่น ผมรักมันได้แค่ใจสินะ ความจริงแล้วมันก็ย่อมเป็นไปตามธรรมชาติของมัน ผมหวังว่ามันจะรักผมอย่างที่ผมรัก นี่สินะ มันเคยบอกไว้ ว่าถ้าวันไหนที่ผมเผลอใจกับมัน แล้วจะรู้สึก ตอนนี้ผมรับรู้แล้ว ว่าความเจ็บปวดมันเป็นยังไง รู้สึกเจ็บเข้าไปถึงจิตวิญญาณ ผมโดนตรารักที่ตอกตรึงไว้ในเหวมืด เหน็บหนาวเจ็บปวดรวดร้าวเหลือเกิน ผมสะอื้นออกมา บ๊อบยังกอดผมไว้ ผ้าเช็ดหน้าร่วงหล่นหายไป มีเพียงมืออีกข้างที่คอยบีบปากผมอยู่ ผมพยายามจะเม้มปากเข้าหากัน แต่ก็โดนมันบีบเอาไว้ พลรีบจอดรถเมื่อถึงที่พัก ทั้งสองคนพยุงร่างของผมออกจากรถไปยังห้องอย่างยากลำบาก เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นพลเป็นคนกดรับสาย มันมองหน้าผมก่อนจะกดรับ หน้าตาผมคงดูไม่ได้เลยในตอนนี้

"เอ พอใจหรือยัง รู้ไหมว่าโยเขาเป็นยังไง"

เสียงพลตวาดดังลั่น ผมหยุดสะอื้น พยายามจะแย่งโทรศัพท์มาจากมือพล เอ ผมอยากได้ยินเสียงของเอ ผมมาที่นี่เพื่อที่จะได้กอดมัน สูดลมหายใจอุ่นนั้น ได้ยินเสียงที่ทุ้มอ่อนโยนนั้น ใบหน้าที่ผมรักจนหมดใจ เอ แค่ได้ยินเสียงแม้เพียงวินาทีเดียว เอของผม พลห้ามไว้ บ๊อบเองก็กอดผมให้นั่งทับมันที่เตียงผมพยายามดิ้นแต่อ่อนแรงเหลือเกิน

"เมาเหรอเอ ไม่แก้ตัวง่ายไปหน่อยเหรอ เธอรู้ไหมแค่เธอโทรหามัน มันก็มีความสุขแล้ว แค่เสียงที่โกหกตอแหลของเธอมันก็หล่อเลี้ยงชีวิตมันให้แบกลากร่างมันมาที่ นี่ เพื่อที่จะเจอคนทรยศอย่างเธอ มันทนทุกอย่างเพื่อที่จะฝ่าฟันอุปสรรคเพื่อเธอ แล้วนี่อะไร ห๊า อะไร!!!!! เธอเอาสันดานผู้ชายมักง่ายมาจากไหน เธอรู้ไว้ด้วยตอนนี้โยมันเหมือนตายทั้งเป็น เธอสะใจหรือยัง พอใจหรือยัง"

พลกดสายทิ้งไป เหมือนเอามีดตัดขั้วหัวใจผม ทรุดตัวลงกับพื้นแม้บ๊อบมันจะพยายามดึงเอาไว้ ผมสะอื้นร้าวรานใจสลาย ผมเคยเชื่อว่าหากแม้นมีความรักที่มั่นคงต่อกันก็ย่อมมีแสงแห่งหวัง แล้วนี่แสงนั้นมันหายไปไหน มันอันตรธานไปไหน ส่องแสงสาดมาที เปล่งประกายมาโปรดสัตว์น้อยที่กำลังจะสิ้นลมอย่างผมที ผมหายใจไม่ออก ผมพยายามยกมือขึ้นทุบหน้าอกอีกครั้ง แต่อ่อนแรงเหลือเกิน หมดแรงแม้แต่จะคิดถึงใบหน้าอันเป็นที่รัก

"อย่า!!!!! โย อย่า!!!!!!!!! บ๊อบ ไปเอายาในกระเป๋าพี่ให้ที"

"เอ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! เอ!!!!!!!!!!!!!!!!!"

ผมกรีดร้องสุดเสียง ทุบหน้าอกตัวเอง แม้พลจะจับมือเอาไว้ เสียงพลกับบ๊อบร้องไห้ระงมแข่งกับเสียงกรีดร้องของผม นี่ผมเสียสติไปแล้วหรือ ปวดใจเหลือเกิน มีสิ่งใดที่ให้ผมทำได้ไหม พาผมหลุดพ้นจากห้วงเวลานี้ที มันเกินกว่าเจ็บปวด มันเกินกว่าเสียใจ ผมสิ้นแรงใจแล้ว พลเอายาเม็ดสีขาวยัดใส่ปากผมแล้วกรอกน้ำเข้าปาก ผมสำลักแต่ก็กลืนยาไปแล้ว

"ไอ้สัตว์ เลว เพื่อนชั่ว"

เสียงบ๊อบสบถดังอยู่ข้างๆหูเคล้ากับเสียงสะอื้นของมัน พลกอดผมไว้แน่นมันลูบตามหัวตามตัว ในหัวผมไม่มีอะไรแล้วว่างเปล่า มีเพียงความเจ็บปวดในใจ ผมคิดอะไรไม่ออกแต่ในใจที่สั่นไหวร้าวราน ยังสั่นระริก พายุระรอกนี้โหมซัดกระหน่ำรุนแรงเหลือเกิน คราบเลือดที่เช็ดออกไม่หมดยังเกรอะกรังอยู่ริมฝีปาก น้ำหูน้ำตาไหลเปรอะเปื้อนไม่รู้ว่าอะไรคือน้ำตาอะไรคือน้ำลาย ผมสะอื้นถี่หนักใจจะขาด เสียงสะอื้นของพลกับบ๊อบเหมือนเสียงกล่อมผมเริ่มหน้าตึงอ่อนแรง แล้วก็หลับไปไม่รู้ตัว


แม้หากผมมีลมหายใจเพื่ออยู่รอคนที่ผมรัก         ทำไมทุกทีที่หายใจมันจึงเจ็บแปลบปวดร้าว
แม้หากผมมีชีวิตอยู่เพื่อรอคนที่ผมรัก               ทำไมทุกวินาทีมันถึงเจ็บปวดเหมือนเดินอยู่บนเศษแก้ว
 
แม้หากผมมีความหวังเพื่อรอคนที่ผมรัก             ทำไมแสงแห่งหวังมันช่างรางเลือนไกลแสนไกล
แม้หากว่าผมมีรักเป็นแรงแห่งใจ                     ทำไมตอนนี้ผมถึงอ่อนแรงแม้จะเดินยังไม่ไหว


ผมตื่นมาเพราะแสงแดดแยงตา ลืมตาขึ้นน้ำตาก็ไหลออกมา ลมหายใจแรกที่สูดเข้าไปตอนรู้สึกตัวมันเสียดแทงเข้าไปที่ใจ ผมมองเพดานห้องที่ทาสีสดใส แต่ทำไมในใจผมมันช่างดำมืดมน ผมฝันไปใช่ไหม ความฝันที่สดใหม่เหมือนมันเพิ่งเกิดขึ้น มันช่างน่ากลัวเสียเหลือเกิน ใบหน้าแรกที่ผมเจอคือพล ไม่ใช่เอ ผมมาที่นี่เพื่อที่จะเจอเอ ยอดดวงใจของผม ไม่ใช่ใครอื่น ผมมาที่นี่เพื่อเติมแรงแห่งใจ เพื่อคนที่ผมรักสุดหัวใจ พลลูบหน้าผมอย่างแผ่วเบา

"กินอะไรหน่อยนะแก"

พลพูดเหมือนมันกำลังกลั้นน้ำตาไว้ ผมมองหน้ามันอย่างไร้ความหมายล่องลอยไป ม่านน้ำตามันไหลออกมาเอง รู้สึกเจ็บที่ปาก ปวดไปตามตัว นี่มันเกิดอะไรขึ้น ผมไปทำอะไรมา เหมือนไปฝ่าฟันต่อสู้กับสัตว์ร้าย อีกสองใบหน้าคือบอมกับบ๊อบที่นั่งอยู่ข้างๆ อายเด็กเหลือเกินทำตัวน่ารังเกียจให้เด็กๆเห็น หน้าตามันทั้งสองคนเศร้าสร้อยยิ่งนัก

"ทำใจเถอะนะแก ฉันเข้าใจ ฉันเองยังรู้สึกเจ็บขนาดนี้เลย แล้วคนที่รักมันมากอย่างแก ไม่แปลกหรอกที่จะเสียใจ ทำใจนะแก"

ผมไม่รู้ว่าพลมันต้องการให้ผมเสียใจให้พอ หรือมันต้องการเตือนสติให้ผมรู้ว่า เอมีคนอื่นแล้ว หรือสิ่งที่ผมพยายามปลอบใจตัวเอง หลอกตัวเองว่าเหตุการณ์ที่ผ่านมามันไม่ใช่ฝัน แต่มันคือเรื่องจริง เรื่องที่ผมเป็นผู้ชายที่รักผู้ชายด้วยกันอย่างมัน และความจริงที่มันไม่มีทางที่จะมีรักจริงให้ผม นอกจากเด็กผู้หญิงคนนั้น!!!!! ผมเม้มปากได้ไม่เต็มที่นักเพราะรู้สึกเจ็บ น้ำตาไหลออกมา

"เอ ไม่รักฉัน....แล้ว แก เอ....หมดรัก....ฉันแล้ว"

ผมสะอื้นรำพรรณ พูดออกมาไม่เป็นคำ

"ไม่พี่โย เอมันรักพี่ มันไม่ได้ตั้งใจ มันเมา มันไม่ได้ทำอะไรเกินเลย พี่อย่าเข้าใจมันผิดนะพี่"

บอมพูดออกมาน้ำตาไหล จับแขนผมเขย่า

"สัตว์ เมาเชี่ยอะไร ไอ้คนไม่รับผิดชอบ เห็นพี่เขาเป็นอะไร ทำแบบนี้กับคนที่รักมันมากอย่างนี้ได้ยังไง สัตว์"

"พี่ไม่รู้หรอกว่าทำอะไรกันแค่ไหน แต่สิ่งที่เห็นเมื่อวาน บอมช่วยไปบอกเพื่อนบอมด้วยนะว่าไม่ใช่มันคนเดียวที่เจ็บ จะด้วยเมาหรือประชดใคร อันนั้นพี่ไม่รู้ แต่รู้คือเพื่อนพี่ ตอนนี้ เธอก็เห็นว่ามันเป็นยังไง พอใจไหมที่ทำมันเป็นแบบนี้ได้"

พลกัดฟันมองบอมอย่างโกรธแค้นแล้วพูดต่อ

"สันดานเลว ไม่รู้จักพอ ถ้ากลัวว่าคบกันแล้วมันจะวิปริตผิดเพศ เข้ามาในชีวิตมันทำไม ถึงจะวิปริตผิดเพศ เห็นเราไม่ใช่คนเหรอ มันก็มีหัวใจนะ"

"พี่ ผมเสียใจ ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น"

"มึงหุบปากเลยไอ้เชี่ย กูหลงคบตั้งนาน ไอ้สัตว์เลว แหมไอ้เชี่ยอ้างแม่ห้ามอย่างนั้นอย่างนี้ ที่แท้มันก็สัตว์!!! มักง่าย"

"ไอ้เชี่ยบ๊อบ มึงไปดูสภาพมันไหม ตอนนี้มันก็ไม่ต่างจากพี่โยหรอก มันยิ่งเสียใจ มึงก็รู้ไอ้เอมันไม่เคยรักใครเท่าพี่โย มันไม่มีทางทำแบบนั้นแน่ๆ อีห่านั่นชอบมันพยายามจะมีอะไรกับมัน มึงก็รู้ไอ้เอมันไม่เคยทำร้ายน้ำใจใคร"

"อ้อ ก็เลยรับอีนั่นมาเป็นเมียเหรอ สัตว์"

"ไอ้บ๊อบ"

"ถ้าจะทะเลาะกัน ออกไป!!! เห็นไหมว่าโยมันเสียใจ"

แม้สมองไม่รับฟังแต่มันประมวลผลให้เสร็จสรรพ ผมสะอื้นแรงหนักกว่าเดิม เอ เอของฉันกำลังเสียใจใช่ไหม เอ อยากจะกอดเหลือเกิน

"เอ.......อยู่ไหน"

ผมสะอื้นถามออกมา

"พักก่อนเถอะแก เดี๋ยวค่อยไปหามัน แกพักก่อน ฉันขอร้อง"

"ฉันอยากเจอ เอ แก......ฉันอยากเจอ เอ"

ผมคร่ำครวญพยายามจะลุกขึ้นจากเตียง พลจับกดลงที่เดิมผมดิ้น หมดแรงไร้เรี่ยวแรง นี่น่ะหรือคนที่สิ้นแรงแห่งใจ ผมมองไม่เห็นหนทางใดที่จะให้ผมเดินไปเลย ไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะคลานไป ผมสะอื้นอยู่บนอกเพื่อนรัก สะอื้นอยู่จนหมดแรงสิ้นฤทธิ์ไป นานพอสมควรพลสั่งข้าวต้มมาให้มันป้อนให้อย่างยากลำบาก พอหยุดร้องไห้ผมก็เป็นเหมือนคนป่วยทางจิตระยะร้ายแรง เหม่อลอย ไม่พูด ไร้ชีวิตไม่มีจิตใจ มีเพียงร่างที่ปวดระบม อ้าปากกินข้าวต้มก็อ้าอย่างลำบากยากเย็น มันเจ็บที่ปากแต่ดูเหมือนมันจะชาปวดลึกกว่าที่ใจ ที่มันเต้นตุบตับเหมือนข้างในมันเป็นน้ำร้อนสุกพองเจ็บปวดเหลือประมาณ

อยากรู้ไหมว่ารู้สึกอย่างไรยอดรัก                เธอยากรู้ไหมว่าฉันเจ็บปวดมากเพียงใด
เอามือมาจับตรงที่ใจเธอจะรับรู้ไหม            ต่อให้ร้องตะโกนออกไปว่าเจ็บปวด
ต่อให้กรีดแขนตีอกชกตัวให้สาสม              เจ็บนั้นที่ฉันได้รับเธอจะเข้าใจไหม
แม้เอามีดแทงลงกลางใจให้สิ้นลมเสีย         เธอยังจะเข้าใจไหมว่าฉันเจ็บลึกลงไปเพียงใด

อยากรู้ไหมว่าฉันจะอยู่ยังไงโดยไม่มีเธอ      อยากรู้ไหมฉันจะหล่อเลี้ยงจิตใจยังไงโดยปราศจากเธอ
แม้เธอหลับตาแล้วมืดมิดไร้แสงเงา            นั่นล่ะคนดีหัวใจฉันในวันที่ไร้เธอ
แม้ฉันจะร้องไห้ออกมาจนเป็นเลือด           เธอจะสัมผัสความร้าวรานในใจไหม
เธอจะรับรู้ไหมว่าหัวใจฉันสิ้นแรง               แม้จะให้สิ้นใจไปเธอจะยังเข้าใจไหมว่าฉันเสียใจมาก..... เพียงใด


ผมไม่สบายอยู่น้า ถ้าจะด่า อิอิ อย่าเอาชุดใหญ่น้าาาา
 :m16: :m16: :m16: :m16: :m16:


เขียนโดย eiky
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 53 Apr 20, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Seoul In Love ที่ 20-04-2010 00:39:44
อีกคืนที่ทำให้นอนไม่หลับ  :sad4:

ขอหวานๆ  :call: ขอน้ำตาลหน่อย มันเศร้า  :o12:

ขอบคุณ eiky ค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 53 Apr 20, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: •ผั๑`|nกุ้va’ด• ที่ 20-04-2010 00:42:05
ปวดตับ!!! แบบ เรื้อรัง  ~~!!~ หมอที่ไหน รับ ดูใจ   :z3:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 53 Apr 20, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 20-04-2010 00:56:12
ป้าแก่ๆ ยอมรับก็ได้ว่าชื่อผิด ชิ... แต่งด+ ข้อหาทำอีป้าแก่ๆจิตตก
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 53 Apr 20, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: ChiOln ที่ 20-04-2010 01:00:56
โอ๊ยยย น้ำตาไหลเลยครับ

สงสารโยมาก ๆ เลยย


เมื่อไรสถานการณ์จะดีขึ้นน่ะ

 :m15:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 53 Apr 20, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: iiดาวพระสุขლii ที่ 20-04-2010 01:02:16
แต่งตอนนี้ได้ ยอดเยี่ยมมากค่ะ...   o13


  ความเจ็บปวด อย่างน้อยมันก็ทำให้เราได้รู้ว่า เรายังมีชีวิตอยู่ ยังมีลมหายใจ   >>  แม่น!!!!!!!!!!


หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 53 Apr 20, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: DexTunG ที่ 20-04-2010 02:37:16
เจ็บปวด รวดร้าวมาก จริง จริง   :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 53 Apr 20, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Vicky ที่ 20-04-2010 04:12:51
 :m15: So sad jung
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 53 Apr 20, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 20-04-2010 05:40:01
นี่เห็นใจว่าป่วยนะไม่งั้นโดนไปอีกหลายขนานหลายกัณเทศนาแน่ๆ แต่งัยก็ให้สบายตัวสบายใจหายป่วยไวไวนะครับ :กอด1: :กอด1: :กอด1: อย่าใจร้ายกะเอกะโยมากนัก
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 53 Apr 20, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: bvan ที่ 20-04-2010 08:59:31
hohhhhhhhhhhhhhhhhhhh :o12: cry cry cry next time to be happy na wait wait now very saddddddddddddd :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 53 Apr 20, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 20-04-2010 10:13:57
 :L3: ช่วยด้วยยยยยยยยยยยยยย ขนเขียน จิตตก เอ้ย ไม่สบายยยยยยย



ฮือๆๆๆ เจ็บคอ เวียนหัว อ่าาาา

เศร้าใจมีแต่คนปองร้าย อิอิ

รักผมบ้าง น้าาาาาา  :impress2: :o8: :-[

เดี๋ยวนอนสักพักแล้วมาต่อให้ คร้าบบบ

เตรียมใจไว้เลยยยยยย
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 53 Apr 20, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: •ผั๑`|nกุ้va’ด• ที่ 20-04-2010 10:23:46
โอ๋~~!!~ คุณ eiky~~~ ไม่สบายมากไม๊ค่ะนี่  นอนพักเยอะๆนะคะ 
 
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 53 Apr 20, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: LifeTime ที่ 20-04-2010 11:53:29
 :m15:
สงสารนะ...แต่ดูโยจะสติแตกเกินไป ตั้งสติ ละปลงซักนิด... :เฮ้อ:
ดูเหมือนนี่จะเป็นข้อแตกต่างระหว่างโยกับคนอ่าน...เพราะตัวเองคงน้ำตาไหล
ร้องไห้ แต่จะไม่ทำร้ายตัวเองและไม่สติแตกขนาดนั้นแน่นอน  :sad11: 

โอ๋ๆๆๆกินข้าวกินยาพักผ่อนมากๆ จะได้หายเร็วๆ นะค้าบบบ writer  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 53 Apr 20, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: benxine ที่ 20-04-2010 11:54:42
ไม่เหลือน้ำตาแล้วนะคร๊าบบบบบ บบ บ

 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 53 Apr 20, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: salawinyeen ที่ 20-04-2010 12:45:55
 :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15:


โหดร้าย
[/size]





คนเขียนน่าจะโดนตบ 555  โหดร้ายมาก   









ตอนต่อไปเศร้าแบบนี้ไม่ไหวนะครับ สงสารพี่โย 






เห้อ จิตตก :z3: :beat:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 53 Apr 20, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Na_RimKLonG ที่ 20-04-2010 13:26:08
ดร่ามา เกินไปแล้วน่ะ

กริ๊ดดดดดดดดด   :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 53 Apr 20, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 20-04-2010 16:24:19
เมาอีกแล้ว คำนี้อีกแล้ว เฮ้อ~
หนีไปเศร้านอกทู้ เพราะไรท์เตอร์ไม่สบาย

ดูแลตัวเอง พักผ่อน กินข้าวกินยา แล้วขอให้หายไวๆนะคะ
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 53 Apr 20, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: railay ที่ 20-04-2010 20:19:48
 :pig4: :pig4: :pig4:
 ขอให้หายไวๆนะคะ :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 53 Apr 20, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 20-04-2010 23:35:46
อีป้าแก่ๆ จะบอกว่า ไม่มีใครรัก ไม่เป้นไร eiky ยังไงอีป้าแก่ๆ ก็รัก  o18

มาต่อเร็วๆละ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 54 Apr 21, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 21-04-2010 00:04:56
                 อิอิ มาแล้วววว  



                                      ตอน ห้าสิบสี่





เคยอยู่ใน ห้องมืดไหม ห้องที่รู้สึกว่ามันแคบแต่พยายามคลำหาผนังกลับกว้างใหญ่วิ่งยังไงก็ไม่ถึง ฝั่งฝา ห้องมืดที่ความหนาวเหน็บแผ่ปกคลุมไปทั่วทั้งร่างกาย หนาวจนปวดเข้าถึงกระดูก ยิ่งพยายามดิ้นรนหาทางออก ยิ่งพยายามคลำหาแสงสว่าง ยิ่งเจอแต่คมของแก้วหรือหนามคอยทิ่มตำให้ปวดร้าว ผมกำลังอยู่ในห้องนั้น คราใดที่หลับตาก็ช้ำใจ คราใดที่สูดลมหายใจก็ร้าวไปถึงทรวง ความเจ็บช้ำครั้งนี้จะมียาขนานใดเยียวยาได้ ผมพยายามรวบรวมสติที่มีอยู่น้อยนิดคิดทบทวนว่าเกิดอะไรขึ้น คิดย้อนกลับไปภาพเด็กผู้หญิงคนนั้น คนที่เพิ่งเจอหน้ากันไม่ถึงนาที ทำไมใบหน้านั้นถึงคอยหลอกหลอนเรียกน้ำตาให้หลั่งไหลออกมาได้ไม่หยุดหย่อน สายตาที่เธอมองผมเหมือนเกลียดเข้าไส้เมื่อได้ยินคำที่เอ บอกว่า "เมียกู" คิดมาถึงตอนนี้ใจก็สั่นไหว นี่สินะความเป็นจริง นี่สินะสิ่งที่มันควรจะเป็นไปตามธรรมชาติ ผมมีอะไรให้เอนอกจากความรัก รักมันกินไม่ได้ มันเชิดหน้าชูตาให้เอไม่ได้ เพราะผมเป็นผู้ชาย เพราะผมเป็นเกย์ เป็นคนวิปริต!!!! ผมจะเอาอะไรไปสู้รบปรบมือกับเขา แค่คิดจะสู้ก็แพ้ตั้งแต่คิดแล้ว
 
ผมเคยอกหักจากพี่ตั้ม ครั้งนั้นก็เจ็บปวดเหมือนกันแต่มันไม่ร้าวรานมากมายถึงเพียงนี้ พอเห็นพี่ตั้มกับนัทอยู่ด้วยกันใจผมก็หมดจากพี่ตั้มทันที เสียใจอยู่ไม่นาน ทุกข์ใจอยู่ไม่เท่าไหร่ก็หายดี แต่เอผมยังรักมันอยู่หมดใจ แม้เห็นมันอยู่กับคนอื่น เด็กผู้หญิงคนนั้น ให้ตัดใจจากมันน่ะหรือผมทำไม่ได้ แค่คิดว่าวินาทีถัดไปผมจะไม่มีหัวใจเหลือให้มันแล้ว ผมก็เหมือนจะหมดลมสิ้นใจเสียตรงนี้ แค่คิดว่ามันจะเป็นแค่คนที่ผมเคยรัก ผมก็เหมือนโดนตัดพลังแห่งใจ ผมทำไม่ได้แค่คิดผมก็ไม่ทำ ไม่เคยจะหยุดรักมันเลย มีแต่รัก มีแต่ห่วงใยมีแต่มากขึ้นทุกๆวัน ทุกๆวินาที ผมประคบประหงมใจ คอยเติมพลังให้มันด้วยความหวัง แต่เหมือนผมจะวาดวิมานอากาศเพียงลำพัง และตอนนี้วิมานนั้นได้มลายหายไปแล้ว
 
"แกหักใจ บ้างนะ อย่าทำแบบนี้ ฉันไม่สบายใจเลย"
 
เสียงพลที่ ยังนั่งอยู่ข้างๆปลอบโยน ผมน้ำตาไหลร้องไห้อยู่ แม้จะเหนื่อยหอบแต่น้ำตาเจ้ากรรมมันก็ไม่ยอมหยุดไหลเสียที ร่างกายอ่อนแรงหัวใจเหนื่อยล้าแต่สมองมันกำลังทำงานอย่างเต็มที่ ภาพต่างๆที่เราเคยทำด้วยกันมา ฉายขึ้นเป็นฉากๆ ใบหน้าของมัน รอยยิ้มของมัน ไรหนวดบางๆนั้น โอย ผมไม่ไหวแล้ว ผมซุกหน้าลงกับมือสะอื้นออกมาอีกครั้ง ถามว่าเจ็บปวดหรือ มันเกินกว่าเจ็บปวด ผมกำลังเสียสติจิดผมหลุดลอยไปแล้ว
 
"โยๆ ตั้งสติหน่อยสิแก อย่าทำแบบนี้ ฉันรู้ว่าเสียใจ ร้องไห้ยังไม่พออีกเหรอ ต้องให้เจ็บกว่านี้เหรอแกถึงจะพอใจ รู้ไว้นะโย ไม่ใช่มีแต่แกคนเดียวที่เสียใจ ฉันเองก็เสียใจ แล้วไหนจะแม่อรอีก จะทำอะไรคิดถึงใจแม่บ้าง แกทุกข์แค่ไหนแม่อรทุกข์กว่าแกเป็นพันเท่า สงสารตัวเอง สงสารแม่บ้างโย แกคนเดิมมันหายไปไหน คนที่เป็นที่พึ่งทางใจให้พวกเรา เอากลับมาได้ไหมแก อย่าทำแบบนี้"
 
พลตวาดผม เสียงดัง เป็นครั้งแรกตั้งแต่คบกันมาที่พลตวาดผม เป็นครั้งแรกที่มันเตือนสติผม ใช่ แม่ แม่คือคนที่ผมควรจะห่วงความรู้สึกมากที่สุดไม่ใช่ตัวเอง นี่ความรักมันทำให้ผมเห็นแก่ตัวขนาดนี้เชียวหรือ ผมทำร้ายจิตใจแม่มานานเท่าไหร่แล้ว ผมทำให้แม่เสียน้ำตามากี่หยดแล้ว ผมเป็นลูกที่ไม่เอาไหนเสียเลย หัวใจตัวเองที่บอบช้ำพร่ำเพ้อพรรณา แต่หัวใจคนที่รักผมที่สุดอย่างแม่ อย่างเพื่อนๆล่ะเป็นอย่างไร ผมคิดย้อนวกกลับมายิ่งสะท้อนใจ
 
"พล ฉันเสียใจ ..... ฉันขอโทษ.....ฉันไม่รู้...ฉัน.....ไม่รู้.........ต้องทำยังไง"
 
ผมโผเข้ากอด พล ร้องไห้ออกมาหลายสิ่งหลายอย่างรวมกัน ทั้งเอ ทั้งแม่ทั้งเพื่อน ตัวผมเองจะเจ็บปวดสักแค่ไหนมันไม่สำคัญแล้ว แต่ตอนนี้ผมพอมีสติจากการตวาดของพล ว่าผมไม่ได้อยู่คนเดียวบนโลกใบนี้ ผมไม่ใช่คนตัวเปลี่ยวเดียวดายที่ไม่มีใครรักใครห่วง ผมแค่ถูกความรักบดบังตาให้บอดสนิท มองเห็นแต่สิ่งที่ตาเพ่งมอง ผมสะอื้นหนัก
 
"ไม่เป็นไร แก ฉันไม่อยากเห็นแกเป็นแบบนี้ โย ฉันเข้าใจแกทุกอย่าง ฉันเจ็บเหมือนกันนะแก ยิ่งแกทรมานฉันก็ยิ่งทรมาน พอเถอะแก พอได้แล้ว เจ็บมามากแล้ว"
 
พลสะอื้นไห้กอดผมแน่น ทั้งบ๊อบกับบอมยืนน้ำตาซึมอยู่ เรากอดกันนานจนผมคลายเศร้าลงบ้าง ไม่มีน้ำตาแล้วแต่ก็ยังสะอื้นลมอยู่ ผมมองหน้าทุกคนที่ส่งสายตาเห็นใจสมเพชเวทนามายังผม ทั้งดีใจที่มีคนคอยเฝ้าดูเวลาที่เราลำบาก ทุกข์ใจ ทั้งเสียใจที่ทำให้คนอื่นต้องเสียน้ำตาทนทุกข์ไปด้วย
 
"ฉัน....... ขอโทษนะ"
 
ผมพูดออกไปเสียงแหบแห้งเพราะร้องไห้เยอะเกินความ จำเป็น ผมเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าล้างตาชำระความทุกข์โศกออกไปบ้าง แล้วก็มาชวนพลออกไปกินข้าว เพราะเหลือบดูนาฬิกาเกือบจะบ่ายสามโมงแล้ว ผมคงนอนไปนาน พอได้ล้างหน้าล้างตาก็รู้สึกดีขึ้นมาบ้างแม้ไม่มากก็ตาม ตาผมแดงช้ำ ใบหน้าดูซีดเซียวกว่าเดิมเยอะ นี่ผมทำอะไรกับตัวเองอยู่นี่ผมทำร้ายตัวเองได้มากถึงเพียงนี้เชียวหรือ ผมออกไปข้างนอกทุกคนพร้อมอยู่แล้ว
 
เราตกลงกินข้าวกันในโรงแรม เพราะไม่อยากออกไปไหนตกลงกันว่ากินข้าวเสร็จก็จะกลับเลย เพราะไม่อยู่ต่อแล้ว ไม่มีจุดประสงค์ใดที่จะอยู่ต่อ ผมพยายามกลืนข้าวลงคอ ยังเหม่อลอยอยู่ แต่เวลาใดที่คิดถึงเอ ผมจะรีบคิดถึงหน้าแม่ เพราะอย่างน้อยที่พลพูดก็ตรงใจที่สุด ผมทำร้ายตัวเองได้ไม่มีใครว่า แต่ถ้าทำแล้วไม่ใช่ผมคนเดียวที่เจ็บ คนที่รักผมมากที่สุดในชีวิตที่เจ็บกว่า พอเรากินข้าวเสร็จก็มาเก็บของ ที่จริงไม่ได้เอาอะไรออกจากกระเป๋าเดินทางเลย มันยังคงสภาพเดิมอยู่ พลไปจัดการเรื่องค่าที่พัก ส่วนบ๊อบพาผมไปรอที่รถ บ๊อบประครองผมออกไปนอกโรงแรม ระหว่างทางเดินไปที่จอดรถ บ๊อบชะงักจนผมต้องเงยหน้าขึ้นตาม เพราะมัวแต่มองข้างทางเลื่อนลอยไป
 
"เอ"
 
ผมอุทาน ใจเต้นตึกตัก
 
"ตัวเอง ฟังเค้าหน่อยได้ไหม เค้าขอร้อง"
 
มันร้องไห้ หน้าตาดูไม่ได้เอาเสียเลย เหมือนคนไม่ได้อาบน้ำ ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง หน้าตาดูหมองคล้ำมีคราบน้ำตาไหลอาบหน้า กลิ่นเหล้าคลุ้งมาแต่ไกล ผมสั่นทำตัวไม่ถูก
 
"ไอ้เชี่ย มึงถอยไปเลย เดี๋ยวมึงโดนกู"
 
บ๊อบทำท่าจะ ผละเข้าไปหาเอ ผมดึงแขนไว้ น้ำตาของผมไหลออกมาอีกครั้ง ไม่ได้อยากให้มันไหลออกมาเลย แต่ผมห้ามมันไม่เคยได้
 
"อย่า บ๊อบ พี่ขอคุยกับเอหน่อย"
 
ผมดึงแขนมันเบาๆ บ๊อบถึงหยุดมันลังเลมองอยู่ครู่ใหญ่มันจึงยอมปล่อยมือผม ผมค่อยๆเดินเข้าไปหาเอ มันร้องไห้หนักขึ้นจนหลังงอ สงสารเหลือเกินจับใจ ผมเอามือกุมปากตัวเองไว้ไม่ให้สะอื้นออกมา
 
"เอ"
 
ผมเรียกได้ แค่ชื่อมันเพราะถ้าพูดมากกว่านี้ไม่ได้ เพราะคำแต่ละคำมันอยู่ในใจมันมากมายจนเรียบเรียงไม่ถูกว่าจะเริ่มจากคำไหน ก่อนดี
 
"ตัวเอง เค้าขอโทษ เค้าไม่ได้ตั้งใจ เค้าไม่ได้ตั้งใจ ตัวเอง อย่าทิ้งเค้าน้า เค้าขอโทษ"
 
มันสะอื้นพยายามเอื้อมมือมาคว้าตัวผมแต่ผมยัง ชะงัก ลังเลใจอยู่ อยากจะเอื้อมมือไปจับ คว้าตัวมันมากอดเหลือเกิน แต่ปมในใจมันก็ดีดแตกขึ้นมา
 
"ตัวเองให้อภัยเค้าได้ไหม เค้ารักตัวเองคนเดียว เค้าขอโทษ"
 
"แล้วน้องเขาล่ะ.......เอ"
 
เสียงผมแหบ พร่าจนแทบจะไม่ได้ยิน
 
"เค้าไม่ได้มีอะไรกันน้า ตัวเอง อย่าเข้าใจเค้าผิดน้า เค้าไม่ได้มีอะไรกัน ตัวเองฟังเค้าน้า"
 
"เพราะอะไร เอ.... เธอเห็นฉันเป็นอะไร......... ฉันเจ็บ.....รู้ไหม.........ไหนบอกว่ารัก ไหนบอกว่ารัก หา ไหนบอกจะฝ่าฟันไปด้วยกัน"
 
ผมลุด้วยโทสะปรี่เข้าไปตีมันที่ตัว ทั้งต่อยทั้งเตะ จนมันล้มลงไปนอนกลิ้งอยู่ที่พื้น มันกอดขาผมไว้ ผมไร้เรี่ยวแรง ทรุดตัวลง
 
"เค้าขอโทษ ตัวเองจะต่อยตีเค้ายังไงก็ได้ แต่อย่าเข้าใจเค้าผิด เค้าขอร้อง"
 
มันสะอื้นอยู่แทบเท้าผม ผมตัวสั่นสะอื้น พอทำลงไปก็สงสาร ผมทำร้ายมันมาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว จะมันผิดหรือผมถูก แต่เอมันไม่เคยสู้ตอบเลย ผมห้ามตัวเองไม่ได้อีกแล้วผมนั่งลงกับพื้นกอดมันไว้
 
"เอ........ เอ...........ทำไม ทำแบบนี้.............ทำไม...........ทำแบบนี้............ฉันเจ็บรู้ ไหม................เอ..........ทำให้ฉันตาย..........ถ้าจะ.........ทำแบบ นี้.........ฆ่าฉัน..."
 
"โย พอแล้ว แก พอแล้ว เอ พอก่อน ปล่อยโยมันก่อน พี่ขอร้อง โยมันไม่ไหวแล้ว เอ"
 
เสียงพลร้องมาแล้วมาดึงผมออกจากเอ
 
"เอ........... ขอกอดหน่อยนะ พล.........ฉันขอกอด...เอ.....หน่อย"
 
ผมสะอื้นกอด ตัวเอไม่ยอมปล่อยปริ่มใจจะขาด สงสารคนที่กอดอยู่ สงสารตัวเองก็สงสาร ความรักที่มีต่อมันไม่ได้ลดน้อยถอยลงเลยแม้จะชอกช้ำใจกับสิ่งที่เห็น มันมีแต่เพิ่มมากขึ้น ยิ่งเห็นสภาพคนที่รักเป็นแบบนี้แล้วยิ่งร้าวลึกลงไปในใจ อยากจะประครองจูบโอบกอดไว้ ไม่น่าเลย ไม่น่ามาเลย ถ้าผมไม่รู้มันคงไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น อาจารย์ปริศนาจะห้ามยังไงสักวันก็ต้องใจอ่อน ผมเชื่อมั่นในใจนักว่าต้องมีสักวันถ้าหากว่าเรายังรักยังมั่นคงต่อกัน แต่เอปันใจมีคนอื่นผมถึงต้องฟูมฟายจวนเจียนตายอยู่อย่างนี้ แต่ถึงกระนั้นก็ตามผมก็ไม่ได้คลายความรักลงแม้สักเล็กน้อย

"เอ!!!!!!!! แล้วฉันล่ะ เอ ฉันไม่มีความหมายเลยใช่ไหม อีตุ๊ดนี่ดีกว่าชั้นตรงไหน"

เสียงแว๊ดดังมาจากข้างหลัง เสียงที่เหมือนมีดคมตัดสายใยรักบั่นหัวใจผมให้ขาดสะบั้นลง เด็กผู้หญิงคนนั้นยืนร้องไห้ชี้นิ้วด่าทออยู่ไม่ถึงสิบเมตร

"อย่ามายุ่งกับกู ไป!!!!!!!!!!!! เป็นเพราะมึง เมียกูถึงเข้าใจผิด ออกไป!!!!!!!!!!!!"

เอตะโกนด่าสุดเสียง ผมจากสะอื้นไห้สงสารมันจับใจเหมือนโดนไฟฟ้าแรงสูงฟาดเข้าที่ลำตัว ชา อึ้ง นิ่งอยู่

"เพราะอะไร เอ เพราะอะไร ทำไมเอชอบกระเทย ฉันไม่ดีตรงไหน"

เสียงนั้นกรีดร้องดังกว่าเดิมอยู่หลังผมนี่เอง

"มึงอย่าเข้ามานะอีชะนี มึงเข้ามากูจะเอาเลือดปากมึงออก หน้าด้าน มึงเห็นไหมว่าเขาไม่เอามึง ไปตายที่ไหนก็ไป"

พลชี้หน้าด่ากราดอยู่ข้างหน้าผม

"บ๊อบ บอม มาพาพี่โยไปที่รถ โยกลับบ้านเรา ไม่ต้องอยู่แล้ว"

พลหันไปสั่งบอมกับบ๊อบแล้วหันมาพูดกับผม ที่จริงผมไม่ได้ยินเสียงอันใดแล้วประสาทมันไม่สั่งงาน บ๊อบกับบอมมาดึงผมขึ้น

"อ๊ากกกกกกกกกกก ตัวเอง อย่าไป อย่าไป อย่าทิ้งเค้าไป ฟังเค้าก่อน"

เอดึงขาผมไว้ร้องไห้เหมือนคนไร้สติอย่างที่ผมเคยเป็น

"ไอ้สัตว์ มึงไปเอาอีเชี่ยนี่เถอะ"

บ๊อบพูดแล้วถีบเข้าที่ยอดอกของเอ มันล้มหงายหลังไป

"ตัวเอง เค้ารักตัวเองนะ เค้ารักตัวเองคนเดียว ฟังเค้าก่อน อย่าไป อย่าไป อย่าทิ้งเค้า อย่าทิ้งเค้าไป"

เสียงคร่ำครวญนั้นดังลอยห่างออกไปทุกทีๆ จนผมได้ยินเสียงอ้อนวอนนั้นเหมือนเสียงกระซิบที่มาจากที่ไกลแสนไกล นี่มันเกิดอะไรขึ้น นี่ผมทำอะไรอยู่ ผมคอยถามตัวเองเสมอ แต่คำตอบคือแผลในใจที่ไม่มีวันหายเสียที คำตอบคือผมกำลังจมลงไปกับบ่อแห่งทุกข์หุบเหวที่ผมแลเห็นแสงส่องอยู่ปลายหลุม แต่แสงนั้นดับมืดลงแล้ว
 


 :z2: :z2: :z2: :z2:

น้อมรับคำด่า เอ้ย คำติชมคร้าบบ


เขียนโดย eiky
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 54 Apr 21, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: iiดาวพระสุขლii ที่ 21-04-2010 00:13:45
แล้วโย ทำไมไม่อยู่ฟังเอ จะมัวร้องไห้แล้วปล่อยให้คนอื่นลากไปมาทำไม.....

ไม่เข้าใจ......ทำไมไม่รู้จักใช้สติ...



(อ่ะๆ  อย่าด่ากรูนะ ว่าไม่เจอเองไม่รู้.... กรูเคยเจอมาแล้วแบบนี้ 555 เลยรู้ไงว่าสติเท่านั้นที่จะทำให้เราผ่านวันเวลาเลวร้ายไปได้)

 :L2:  คนแต่งจ้า...
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 54 Apr 21, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: wawana ที่ 21-04-2010 00:14:59
อีบ๊อบมีแผนแน่ :fire: :fire: :fire:คิดเองนะ
ขัดขวางการคืนดี  :beat: :beat: :beat:มันซะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 54 Apr 21, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 21-04-2010 00:24:21
อีป้าแก่ๆอึ้ง ไม่มีคำบรรยาย
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 54 Apr 21, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 21-04-2010 00:44:49
 :sad4: น้ำตาตกมาหลายตอนแล้ววววว
ยังไงล่ะ แบบว่าสงสารโยนะ
แต่ก้อ..แบบ...สงสารแม่โย กับคนที่เป็นห่วงโยมากกว่า
เพราะงั้นเวลาที่เห็นโยสติแตกบ่อยๆ แล้วมันเครียดดดดด

เป็นกำลังใจให้ค่ะ o13
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 54 Apr 21, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: clubza ที่ 21-04-2010 00:53:45
ขอเศร้าๆอีกสัก10ตอนได้ไหม
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 54 Apr 21, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: art ที่ 21-04-2010 01:08:42
งง
โยทำไมไม่ฟัง มัวแต่ร้องไห้ไม่ฟังอะไร
ไม่รู้ว่ากลัวอะไรนักหนา น้องเค้าก็พยายามจะบอกอยู่
ร้องไ้ห้จะเป็นจะตาย
คบกันมานานก็น่าจะรู้นิสัยกันดี

โทษนะอ่านตอนนี้แล้วเอ่อ
อารมณ์มันตะหงิดๆอ่ะมันไม่ค่่อยอินเท่าใหร่
หรือเพราะเราอาจนิสัยไม่เหมือนโย เออ คิดมากเองกู ฮิฮิ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 54 Apr 21, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: DexTunG ที่ 21-04-2010 02:42:56
มีแต่เรื่อง เศร้า ๆ มีไหร่จะจบสักทีนะ   :เฮ้อ:   สะเทือนใจตลอด
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 54 Apr 21, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 21-04-2010 07:50:05
งง
โยทำไมไม่ฟัง มัวแต่ร้องไห้ไม่ฟังอะไร
ไม่รู้ว่ากลัวอะไรนักหนา น้องเค้าก็พยายามจะบอกอยู่
ร้องไ้ห้จะเป็นจะตาย
คบกันมานานก็น่าจะรู้นิสัยกันดี

โทษนะอ่านตอนนี้แล้วเอ่อ
อารมณ์มันตะหงิดๆอ่ะมันไม่ค่่อยอินเท่าใหร่
หรือเพราะเราอาจนิสัยไม่เหมือนโย เออ คิดมากเองกู ฮิฮิ

อิอิ
ไม่ต้องงหรอกครับ ปกติโยเป็นคนพูดน้อยอยู่แล้ว
บางทีทั้งที่ใจรู้ว่าเขาไม่ผิด แต่ตอนนั้น มันไม่อยากรับฟังอะไร
ไม่รู้ทำไม ไม่มีเหตุผล
คนที่อยู่ในสถานการณ์ ย่อมมองคนละมุมกับคนที่กำลังมองดูเขาอยู่

อิอิ
แสดงว่าผมเขียนไม่ไหลแน่เลย อ่า
 o22
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 54 Apr 21, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: LifeTime ที่ 21-04-2010 11:04:33
เห็นเต็มสองตา ได้ยินเต็มสองหู ... พูดอะไรตอนนี้มันก็ไม่มีค่า มันกลายเป็นคำแก้ตัวไปเปล่าๆ
ไหนจะความผิดหวัง ความห่างไกล ความไม่เชื่อมั่น...เวลา & สติ เท่านั้นละจะรักษาบาดแผลได้  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 54 Apr 21, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 21-04-2010 11:13:16
เห็นเต็มสองตา ได้ยินเต็มสองหู ... พูดอะไรตอนนี้มันก็ไม่มีค่า มันกลายเป็นคำแก้ตัวไปเปล่าๆ
ไหนจะความผิดหวัง ความห่างไกล ความไม่เชื่อมั่น...เวลา & สติ เท่านั้นละจะรักษาบาดแผลได้  :เฮ้อ:

มีคนเข้าใจผมด้วยยย

อ่า สุดยอดดด

เอาไปเลยย o13 o13 o13 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 54 Apr 21, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: alive ที่ 21-04-2010 11:27:07
ไอ้บ๊อบเนี่ยมันจะอะไรนักหนา

เค้าจะคุยกันก็ไม่ได้คุย

ก็รู้นะว่าตอนนี้เออ่อนแอ แต่แบบให้เค้าจูงไปแบบนี้ก็ไม่ไหวจะเคลียร์นะ

ดูเกินไปอ่ะ  คนอื่นก็คือคนอื่นแหล่ะ

มันไม่เหมือนคนที่รักหรอก

อีกอย่างไม่รู้ด้วยว่าไอ้บ๊อบมันจะยังงัยของมัน  ขวางเค้าอยู่ได้ 

แล้วชาติไหนเอ กะ โย จะเข้าใจกันซะทีหล่ะเนี่ย

 :z6:  ไอ้บ๊อบทีได้ป่ะ  หมั่นไส้ชิหาย

พล กะ บอม เค้ายังดูเข้าใจโย กะ เอ เลยอ่ะ

บางทีคำแก้ตัวก็อาจทำให้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้

มากกว่าการคิดเอาเองนะ

 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 54 Apr 21, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 21-04-2010 11:48:23
มา+1 เฉยๆ เมื่อคืนออนมือถือ + ไม่ได้ 555  :pig4:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 54 Apr 21, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: salawinyeen ที่ 21-04-2010 12:12:03
น่าตบอีบ๊อบ  บ๊อบนีมาจาก บ๊อบฟาโร รึป่าว 55.


เป็นกำลังใจให้คนแต่งครับไม่อยากด่า   ชินแล้ว  อิอิ



 :z10: :z10: :z10: :z10: :z10: :z10: :z10: :m15::z10:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 54 Apr 21, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: aekporamai2 ที่ 21-04-2010 12:35:54
สงสารแม่ของโยและก็สารน้องเอจังครับ
ส่วนโยสงสารนะ..แต่รู้สึกโยหลุดความเป็นตัวเองไปเยอะเลยครับ
เพราะโยที่มีพื้นฐานนิสัยมาแต่ต้นไม่น่าจะยอมแพ้และฟูมฟายได้ขนาดนี้
แต่ความรักบังตาจนลืมมองตัวเองและคนรอบข้างที่รักโยมั้งครับ
ส่วนเอสงสารเพราะถึงยังไงเอก็ยังเป็นเด็กที่มีวุฒิภาวะทางอารมณ์ที่น้อยกว่าโยเยอะเลยครับ
ประสบการณ์ตามที่ดูพื้นฐานของเอในการแก้ปัญหาต่างๆก็น้อยกว่าโย
และโยก็เป็นพี่ครับ..
ที่สงสารที่สุดคือแม่ของโยเพราะคงต้องเศร้าใจมากๆแน่...
แต่ยังไงก็ขอให้โยรักตัวเองและคุณแม่ให้มากๆนะครับ..สู้ๆครับโย
ขอบคุณผู้แต่งนะครับ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ อัพอีกสักตอนจะเป็นไรไป เหอๆๆ!!! ตอน 55 Apr 21, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 21-04-2010 15:29:39
                                       ค่อยยังชั่วแระ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่าน


                                       ขอบคุณที่ร่วมแชร์ความรู้สึก


                                       ตอน ห้าสิบห้า





 บ๊อบจับตัวผมดันเข้าไปในรถเบาะหลังกับมัน บอมขึ้นไปนั่งรอพลตรงที่ผมเคยนั่ง ผมยังร้องไห้อยู่ แต่ไม่โวยวายฟูมฟาย แค่สะอื้นเอามือปิดหน้าอยู่ ด้วยบารมีแห่งแม่แผ่มาปกคลุมคุ้มหัวผมไว้ ผมคิดถึงหน้าแม่ ผมจึงระงับความเสียใจไว้ แม่จ๋า ลูกจะทำยังไงดี สงสารเอจับใจ อยากกอดปลอบโยนมันอยู่อย่างนั้น แต่เสียงของเด็กผู้หญิงคนนั้น แยกเราให้จากกัน ถ้าไม่ได้ยนเสียงนั้น ผมจะไม่ยอมปล่อยมือจากเอเลย ไม่ว่าพลจะห้ามยังไงก็ตาม แต่ด้วยเสียงนั้นทำให้ผมลังเล ถูกดึงตัวมาที่รถแล้วแต่ยังมึนงงอยู่ว่าควรจะอยู่หรือจะไปเสียให้ไกล ระยะเวลาแห่งความเสียใจมันยืดยาวนานเสียเหลือเกิน ความทุกข์ที่หมักหมมไว้ในใจไม่มีวี่แววว่าจะคลี่คลาย ผมสับสนเหลือเกิน พลกลับมาที่รถแล้วรีบขับออกไปทันที ผมไม่ได้หันไปมองเอแล้ว สถานที่ที่เราเกาะกุมกันเมื่อครู่หายวับไปกับตา บ๊อบกอดผมไว้ ผมนั่งนิ่งร้องไห้อยู่ ผมหันหลังกลับไปมอง ใจหาย เอ จะเป็นยังไงบ้างตอนนี้ แค่นี้เองผมก็สะอื้นออกมา ผมเอามือกุมหน้าตัวเองค้อมตัวลงเกือบติดกับเข่า บ๊อบลูบหลัง

"ทำใจดีๆนะแก"

พลสะอื้นหันมาปลอบ ทำใจดีๆ ทำยังไงพล ในเมื่อตอนนี้คำว่าใจที่ดี ใจที่เข้มแข็งมันพังทลายเป็นรูโหว่หมดแล้ว บอกฉันทีให้ฉันทำยังไง

"อี นั่นมันเป็นใครบอม"

พลหันไปถามบอมเสียงแข็ง

"เอ่อ เห็นไอ้เอบอกว่าเป็นเด็กข้างบ้าน มันชอบมาวุ่นวายกับมัน แต่เอมันไม่ได้ยุ่งด้วยนะพี่"

"แน่ใจเหรอว่าไม่ได้ยุ่ง ไม่ยุ่งแล้วมันแสดงความเป็นเจ้าของออกหน้าออกตาอย่างนี้เลยเหรอ บอกมานะบอม เธอไม่ต้องปกป้องเอแล้ว"

"ใช่ ไอ้เชี่ย มึงอยู่คุยอะไรกัน ไม่มีอะไรกันแล้วทำไมอีนั่น มาร้องกรี๊ดๆอยู่"

บ๊อบเสริมกดดันให้บอ มจนต่อคำพูด

"มันบอกวันนั้นมันเมาพี่ แต่มันไม่ได้ทำอะไรกัน เพราะเอมันบอกว่าลุงใหญ่มาตามกลับพอดี"

บอมพูดเสียงอ้อมแอ้ม

"เมา!!!! แก้ตัว มันเมาแล้วมันรู้ได้ไงว่าไม่มีอะไรกัน หา!!!!"

พลตวาดเสียง ดังลั่น

"พี่............มันบอกว่าถึงมันเมา แต่มันก็รู้สึกตัว มันยังไม่ได้มีอะไรกัน"

"มักง่าย ตอแหล ยังไม่ได้มีอะไรกัน หมายถึงอะไร หา ยังไม่ได้มีอะไรกันลึกซึ้ง หรือยังไม่ได้มีอะไรกันรอบสอง"

"พี่....."

"พอ แล้ว พอแล้ว"

ผมสะอื้นขอร้อง เจ็บปวดเหลือเกิน ยิ่งได้ยินยิ่งเจ็บเข้าไปในใจ คำพูดทุกคำเหมือนมีดที่คอยเชือดเฉือนหัใจให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ผมไม่อยากรู้ว่าเอมันจะมีอะไรกันหรือไม่ ไม่อยากรับฟัง ทรมานใจ เห็นแค่นี้ผมก็เหมือนโดนไฟเผาทั้งเป็นอยู่แล้ว อย่าให้ผมต้องรับรู้เลยว่ามีอะไรกันไปถึงขั้นไหน

"เรายังมีเรื่อง ต้องคุยกันนะบอม เอาไว้ถึงกรุงเทพฯก่อน"

พลขู่ทั้งเสียงสะอื้น บ๊อบกอดผมไว้ไม่ยอมปล่อยลูบหลังผม หัวใจผมมันไม่มีที่ว่างที่จะรับความอบอุนหรือความหวังดีใจใคร มันไม่มีที่เหลือแล้ว มันมืดมิดบุบสลาย ผมสะอื้นหนักใจจะขาด ทำไมนะเอ ทุกครั้งที่เกิดปัญหาเอต้องพึ่งอบายมุขเหล่านี้ เคยบอกแล้ว เคยเตือนแล้ว นี่ไม่เคยฟังกันเลยใช่ไหม ที่ฉันเคยพูดไปมันเป็นเพียงแค่ลมปากหรอกหรือ มันไม่มีค่าไม่คู่ควรให้เธอได้จดจำหรอกหรือ อาจจะเป็นเพราะว่าผมไม่ได้มีความสำคัญอะไรเลยในชีวิตมัน ทุกอย่างที่ผมทำลงไปมันจึงไร้ซึ่งความหมาย ผมมันเป็นแค่ตุ๊ดคนหนึ่งที่มันเคยพูด เป็นแค่ตุ๊ด สอนหนังสือ โอย พอคิดยิ่งใจสลายจะขาดสิ้นเสียตรงนี้ ผมสะอื้นจนหายใจติดขัด บ๊อบตกใจมันดึงตัวผมขึ้นมา น้ำตามันไหลเปียกคอเสื้อ

"บอม เอายาในกระเป๋าให้พี่โยที"

พลร้องเสียงหลงบอกบอม บ๊อบกอดผมร้องไห้ออกมาอีกทั้งที่มันสงบลงแล้ว ผมไม่ได้ทำร้ายตัวเอง แต่ด้วยความที่สะอื้นถี่เกินไปเหมือนผมหายใจไม่ทัน เหมือนจะสิ้นลมหายใจ บ๊อบรับยามาจากบอมแล้วยัดมันเข้าในปากผม มันยกขวดน้ำแล้วให้ผมกลืนยาลงไป ร่างกายผมมันไม่มีแรงที่จะปฏิเสธอะไรจากใครแล้ว ผมกลือนเม็ดยาลงไปในคอ

"ฉัน ขอโทษนะแก ฉันขอโทษ ไม่น่าพาแกมาเลย"

พลร้องไห้ฟูมฟายอยู่ มันจอดรถข้างทางแล้วหยุดหันมาดูผม ผมสะอื้นหนักออกมาจากใจ เสียใจเหลือเกิน เสียใจจนไม่รู้จะทำยังไงดี ไม่รู้จะพูดอะไรดี เอของผม จะเป็นยังไงบ้าง จะอยู่ยังไง จะเจ็บช้ำใจเพียงไหน เอ ฉันเสียใจเหลือเกิน ทำไมเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับเราไม่รู้จักหยุดหย่อน ทำไมความรักของเรามันมีอุปสรรคขวางกั้นมากมายเหลือเกิน เป็นกรรมแต่ชาติปางไหน เอ คิดถึงเหลือเกิน ใจจะขาดแล้ว ผมสะอื้นเบาบางลง รู้สึกง่วงนอนจนตาจะปิด ในที่สุดผมก็หลับไปด้วยความเหนื่อยล้า ด้วยฤทธิ์ยา

..................................................

เคยไหมเคยกลัวอะไรสักอย่าง บางทีไม่มีเหตุผลว่าทำไมถึงกลัว แต่กลัว เคยผ่าตัดไหมตรงไหนก็ได้ของร่างกาย แต่หมอไม่ได้วางยา กรีดมีดลงไป ถ้าบอกว่าเจ็บเขาจะรู้ไหมว่ามันหมายถึงอะไร ถ้าบอกว่าปวดเขาจะรับรู้ไหมว่าเรารู้สึกยังไง ผมเองก็รู้สึกแบบนั้นอยู่ เจ็บ ปวดเหลือเกิน แล้วใครรับรู้ไหมว่าผม เจ็บ ปวดสักเพียงใด
..................................................


ผมงัวเงียตื่นขึ้นมา รู้สึกตัวว่านอนหนุนตักบ๊อบอยู่ ผมพยายามดันตัวจะลุกขึ้น

"ตื่นแล้วเหรอครับพี่"

เสียงของบ๊อบที่พยายามทำให้มันแจ่มใส มันยิ้มให้ผม ผมเม้มปากไม่พูดอะไร

"เป็นไงบ้างแก ตื่นแล้วเหรอ"

เสียงพลที่เอี้ยวตัวมาถาม บอมก็หันมาด้วย ผมดันตัวลุกขึ้นไม่พูดอะไร นี่เราถึงไหนแล้วนะข้างนอกรถมืดแล้ว ไม่มีแสงใดระหว่างทางมีเพียงแสงจากเสาไฟฟ้าเป็นระยะ อย่างน้อยก็พอมีแสงไฟที่ส่องนำทางไป คิดวกมาถึงตัวเอง ทำไมในใจมันมืดมิด ไม่มีแสงใดผมมองไม่เห็นอะไรนอกจากความมืด ผมมองออกนอกกระจกรถ วินาทีแรกที่เรียกสติที่ไม่สมประกอบกลับคืนมา ผมคิดถึงเอ แค่คิดถึงน้ำตาก็ซึมออกหางตา ผมสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ปวดแปลบไปทั้งร่าง

"แกหิวไหม แวะกินอะไรกันหน่อยนะ"

ผมได้แต่พยักหน้าตอบรับ ได้ยินที่เพื่อนพูดแต่ไม่ได้คิดตาม ใจผมมันไม่ได้อยู่ที่นี่ เป็นห่วงเอ มันจะเป็นยังไงบ้างนะ จะกลับไปกินเหล้าเมาไม่ได้สติเหมือนเดิมหรือเปล่า จะกินเหล้าแล้วปล่อยให้ใครคนอื่นเข้ามาในชีวิตอีกหรือเปล่า คนที่ทำให้รักของเราเป็นรอยด่าง ทำให้ใจที่เหมือนแก้วที่คอยประคบประหงมมาให้มันร้าว เอ ทำไมนะ ทำไมทำแบบนี้ นี่ฉันรักเธอน้อยไปหรือ นี่ฉันทำผิดอะไรหรือ

"พี่ พอเถอะครับ ร้องไห้ตาบวมหมดแล้ว"

บ๊อบดึงผมเข้าไปกอดแล้วลูบบ่าผมเบาๆ  ผมพยายามไม่สะอื้นออกมา ไม่มีแรงแล้ว น้ำตาไหลเจ็บปวดแต่ก็ขอให้มันไหลออกมาให้หมดเถิด ไหลออกมาให้พอแต่อย่าให้คนอื่นต้องเจ็บช้ำน้ำใจเพราะน้ำตาของผมเลย พลเลี้ยวรถเข้าร้านอาหารข้างทาง ผมถูกลากลงจากรถ เรานั่งกินข้าวอยู่สักพักจึงไปต่อ ผมแทบจะไม่แตะต้องอะไรเลย ทั้งที่โดนเพื่อนและน้องๆบังคับต่างๆนานา กลืนอาหารลงไปโดยไม่รู้รส ความเจ็บปวดมันจุกเอ่อล้นจะทะลักออกมา

"เราไปค้างคืนที่พิษณุโลกดีกว่านะ ดึกแล้ว"

พลบอกทุกคนก็เอออตามไปด้วย ส่วนผมพาไปไหนก็พาไปเถอะ ไม่รับรู้แล้วว่าอยู่ตรงส่วนไหนของโลกใบนี้ พอขึ้นมาบนรถบอมก็อาสาเปิดเพลงเพราะเห็นว่าเงียบเกินไป

"When I first saw you I already knew
There was something inside of you
Something I thought that I would never find
Angel of Mine

I look at you looking at me
Now I know why they say the best things are free
Gonna love you boy you are so fine
Angel of Mine"

ทันทีที่เสียงเพลงดังออกมา เพลงที่ผมเคยได้ยินจากคนที่ผมรัก คืนที่ผมมีความสุขที่สุดกังมากระทบโสตประสาท ผมสะอื้นออกมาทันที ทั้งที่พยายามกักเก็บมันไว้ เอ เออยู่ไหน

"ปิดเดี๋ยวนี้บอม เปิดทำไม" พลตวาดเสียงดัง

"ไอ้เชี่ย ควายนะมึง" บอมก็สัมทับ

"อ้าวกูจะรู้ไหมเนี่ย ขอโทษครับพี่ ผมไม่ได้ตั้งใจ"

ไม่หรอกบอม เราไม่ผิดหรอก พี่ผิดเองที่ช่างจดช่างจำเอง จำทุกอย่างเกี่ยวกับเอ แต่ถ้าจะให้ลืมเอ ให้ลืมให้ลบความทรงจำที่มีต่อมันมีวิธีเดียวคือเอาชีวิตนี้ไปเสีย ให้มันตายแตกดับไปพร้อมกับความทรงจำ ผมสะอื้นหนักกว่าเดิม บ๊อบกอดไว้ ผมเห็นใจทุกคนคงไม่มีใครอยากอยู่ในสภาพที่อึกอัดเช่นนี้ แต่ผมบังคับตัวเองไม่ได้ ภาพความทรงจำคืนนั้น วิธีมอบแหวนของมันให้ผม ซึ่งตอนนี้ก็สวมอยู่นิ้วนางข้างซ้าย มันยังแจ่มชัดเหลือเกิน ผมจะลืมได้อย่างไร แหวนที่ผมเองเตรียมมามันยังอยู่ในกล่องกำมะหยี่ อยู่ที่เดิมในกระเป๋า วาดหวังว่าจะยื่นให้มันแล้วคว้ามันมากอดจูบให้สาแก่ที่ใจคิดถึง แล้วนี่อะไร แล้วนี่เกิดอะไรขึ้นระหว่างเรา

ฉันเริ่มรักเธอตั้งแต่ตอนไหนนะ คืนนั้นคืนที่ฉันประชดเธอแล้วปล่อยให้ทุกอย่างมันล่วงเลยมาไกลถึงเพียงนี้ หรือมันเริ่มจากตรงไหน ฉันจำไม่ได้แล้วว่าเริ่มรักตอนไหน แต่รู้ไว้นะว่าตอนนี้รักเธอหมดใจแล้ว ไม่ว่าเธอจะมีใคร จะมีคนอื่น แต่รักแล้วฉันหยุดรักเธอไม่ได้เลย ไม่เคยคิดว่าจะหยุดรักเธอเลย ทุกลมหายใจมันคือเธอ

ยังจำได้ไหมเอ คืนที่เรานับถอยหลังคืนสิ้นปีด้วยกัน จำแสงไฟที่เหมือนสวรรค์ของเราเหล่านั้นได้ไหม ยังจำได้ไหมว่าเรากอดกันนอนข้ามคืน ความอุ่นจากกายแผ่เข้าไปถึงใจ ยังจำได้ไหมเอ คืนนั้นที่เกาะเสม็ดที่เราอาบน้ำด้วยกัน ยังจำเรือนร่างฉันได้ไหม ร่างกายและหัวใจที่มอบให้เธอคนเดียว เธอยังจำได้ไหมว่าเธอพูดกับฉันว่าอะไร คำว่ารัก ไม่เคยเบื่อที่จะฟังกินใจทุกครั้งที่ได้ยิน เธอจำมันได้บ้างไหมเอ ยังจำฉันคนนี้ได้บ้างไหม จำได้ไหมว่าเรารักกันมากแค่ไหน หรือเธอลืมมันไปหมดแล้ว เอ เธอจำมันได้บ้างไหม


 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

เชิญตามลำบากเลยครับท่าน อิอิ กว่าจะคลอดตอนนี้ออกมาได้ อ่านเมนต์ซ้ำไปซ้ำมา อิอิ

เขียนโดย eiky
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ อัพอีกสักตอนจะเป็นไรไป เหอๆๆ!!! ตอน 55 Apr 21, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: badcow ที่ 21-04-2010 15:43:44
เอาจริงๆเลยนะครับ ผมทนอ่านต่อไปไม่ได้แล้วอ่ะ
ทำไมตอนที่เจ็บปวดมันมากมายทรมานงี้ล่ะครับ นอนไม่หลับมาหลายตอนแล้ว
เพราะว่าติดต้องรออ่านอัพตอนดึก พออ่านจบแล้วอินนอนไม่หลับอีก เห้ออ
คงต้องเบรคไว้ก่อนนะ

แต่ไม่ได้ให้ไรเตอร์เปลี่ยนพล็อตนะครับ เรื่องสนุกมากๆครับ แต่ผมทนไม่ไหวเองแหล่ะ T_T
เด๋วมาเม้นท์อีกทีตอนจบเลยล่ะกัน (เผื่อว่า จบเศร้าจะได้เศร้าทีเดียวไปเลย)

รักษาสุขภาพนะครับ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ อัพอีกสักตอนจะเป็นไรไป เหอๆๆ!!! ตอน 55 Apr 21, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Vesi ที่ 21-04-2010 15:54:04
มันเจ็บปวดจริงจริ๊ง
แต่ถ้าเป็นเราจะร้องไห้มันวันเดียวซะให้พอ แล้วสาบานกับตัวเองว่า ทุกอย่างในชีวิตต้องดำเนินไปตามปกติ ชีวิตไม่มีเวลาให้หยุดเศร้าได้นานนักหรอก :เฮ้อ:
จริงๆ น่าจะเรียกมาเคลียร์ให้รู้เรื่องไปเลย ว่ามันคืออะไรกันแน่ เชื่อได้แค่ไหน
อ่านแล้วรู้สึกว่าคำแก้ตัว "กูไม่รู้ กูเมา" แม่มเป็นอะไรที่มักง่ายจริงๆ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ อัพอีกสักตอนจะเป็นไรไป เหอๆๆ!!! ตอน 55 Apr 21, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 21-04-2010 16:15:37
ฟังคำพูดที่ว่า เมา แล้วมันน่าโมโห แล้วที่บอกว่าไม่มีอะไรกัน เพราะลุงมาตามพอดี
แสดงว่าถ้าไม่มาตาม ก้อเลยตามเลยว่างั้น  :เฮ้อ:
สนับสนุนให้เลิกกันเหอะ ถ้ายังเป็นยังงี้ยังไงก้อเจ็บอยู่ดี ดูแล้วไม่พร้อมทั้งคู่
ยังไงกลับไปตั้งหลัก ตั้งสติ ทบทวนอะไรใหม่ดีมั้ย

อ่านแล้วอินมากค่ะ

เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ อัพอีกสักตอนจะเป็นไรไป เหอๆๆ!!! ตอน 55 Apr 21, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 21-04-2010 16:55:43
eiky อีป้าแก่ฟ ว่าจะ+1 ชดเชยเมื่อวาน

ตอนนี้ -1 โทษฐานทำอีป้าจิตตก


งั้นหายกัน  แต่แหมม อารมเศร้า กระจายกระจัดไปไหม :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ อัพอีกสักตอนจะเป็นไรไป เหอๆๆ!!! ตอน 55 Apr 21, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Seoul In Love ที่ 21-04-2010 17:03:51
ร้องไห้แล้วก็คุยกันซะนะ  :impress2:

 ไม่รู้สิ เราว่าเรายังเชื่ออะว่าเอรักโยจริงและไม่ทำอะไรแบบนั้นแน่  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ อัพอีกสักตอนจะเป็นไรไป เหอๆๆ!!! ตอน 55 Apr 21, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: LifeTime ที่ 21-04-2010 17:58:18
ว่าแต่ลืมไปอย่าง...ทำไมบ๊อบต้องโมโหแทนมากมายขนาดนั้น  :m28:
เศร้าได้...แต่กำลังใจอย่าให้หมดไป ไม่มีใครให้เราได้นอกจากตัวเราเอง
 :เฮ้อ: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ อัพอีกสักตอนจะเป็นไรไป เหอๆๆ!!! ตอน 55 Apr 21, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: railay ที่ 21-04-2010 18:28:11
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ อัพอีกสักตอนจะเป็นไรไป เหอๆๆ!!! ตอน 55 Apr 21, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: clubza ที่ 21-04-2010 18:28:57
บ๊อบทำเกินหน้าที่มากไปป่าว  หรือหวังอะไรไว้ในใจ

[มันบอกว่ามันเมา  อาการเเบบนี่เมาเเล้วเเอลกอฮอลงไข่]อิอิ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ อัพอีกสักตอนจะเป็นไรไป เหอๆๆ!!! ตอน 55 Apr 21, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 21-04-2010 19:18:06
ทำไมทำกะเอยังงั้นนะ ใจดำจัง ไม่ฟังกันมั่งเลยให้โอกาสพูดมั่งสิ เอพูดไม่ฟังไปฟังชะนีพล่ามไหนว่ารักกันงัยแค่นี้ยังไม่ยอมฟัง รักกันประสาอะไร :seng2ped: :seng2ped: :seng2ped:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!! ตอน 54 Apr 21, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: art ที่ 21-04-2010 19:33:01
งง
โยทำไมไม่ฟัง มัวแต่ร้องไห้ไม่ฟังอะไร
ไม่รู้ว่ากลัวอะไรนักหนา น้องเค้าก็พยายามจะบอกอยู่
ร้องไ้ห้จะเป็นจะตาย
คบกันมานานก็น่าจะรู้นิสัยกันดี

โทษนะอ่านตอนนี้แล้วเอ่อ
อารมณ์มันตะหงิดๆอ่ะมันไม่ค่่อยอินเท่าใหร่
หรือเพราะเราอาจนิสัยไม่เหมือนโย เออ คิดมากเองกู ฮิฮิ

อิอิ
ไม่ต้องงหรอกครับ ปกติโยเป็นคนพูดน้อยอยู่แล้ว
บางทีทั้งที่ใจรู้ว่าเขาไม่ผิด แต่ตอนนั้น มันไม่อยากรับฟังอะไร
ไม่รู้ทำไม ไม่มีเหตุผล
คนที่อยู่ในสถานการณ์ ย่อมมองคนละมุมกับคนที่กำลังมองดูเขาอยู่

อิอิ
แสดงว่าผมเขียนไม่ไหลแน่เลย อ่า
 o22

อย่าพูดแบบนั้นสิครับคุณ eiky
คุณเขียนดีครับ ผมอ่านลื่นตลอดทุกตอน
เพียงแต่ผมเป็นคนที่เวลาอ่านนิยายแล้วต้อง3-4รอบ
ถึงจะอินครับ โทษด้วยนะครับ
แล้วก็ขอบคุณที่อธิบายให้เข้าใจนะครับ
คนเราต่างก็มีเหตุผลด้วย ด้วยระยะห่างและความกลัว
สิ่งต่างๆที่โยเคยเผชิญมา มันเลวร้าย
จนทำให้โยไม่กล้าที่เอาหัีวใจไปเผชิญหน้ากับความจริง
ถึงแม้ว่าความจริงแล้ว เอ อาจจะไม่ผิด หรือไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยก็ได้
 :3123: :3123:
รอตอนต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ อัพอีกสักตอนจะเป็นไรไป เหอๆๆ!!! ตอน 55 Apr 21, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: kanda53 ที่ 21-04-2010 20:57:55
อ่านแล้ว...ปวดตับ..เจ็บไต..ลำไส้ทะลุกันไป... :dont2: :dont2:
 :L2: :pig4: ให้น้อง eiky และรักษาสุขภาพด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ อัพอีกสักตอนจะเป็นไรไป เหอๆๆ!!! ตอน 55 Apr 21, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: aekporamai2 ที่ 21-04-2010 23:25:38
รักแต่ไม่เชื่อ...แปลรักว่าอะไร..
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ อัพอีกสักตอนจะเป็นไรไป เหอๆๆ!!! ตอน 55 Apr 21, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: K2KARN ที่ 21-04-2010 23:43:54
ตามอ่านมาตั้งแต่ตอนที่ 1 รวดเดียวเลยค่ะ
ตอนรักกันก็อ่านหวานไปอมยิ้มไป
พอแยกกันก็จะขาดใจกันไปข้าง
สงสารโยมากๆเลยล่ะค่ะ อ่านไปน้ำตาซึมไป
แล้วตอนล่าสุดแย่นะ เอต้องมีเหตุผลดีๆ
แต่คำถามคือ จะได้เจอกับโยมั้ย เหอๆ

ขออย่าให้เกิดอะไรที่มันร้ายไปกว่านี้เลย
อ่านแล้วจิตตก เสียใจไม่ทน
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ อัพอีกสักตอนจะเป็นไรไป เหอๆๆ!!! ตอน 55 Apr 21, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: DexTunG ที่ 22-04-2010 02:00:14
 :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ อัพอีกสักตอนจะเป็นไรไป เหอๆๆ!!! ตอน 55 Apr 21, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 22-04-2010 10:30:07
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านนะครับ ขอบคุณทุกเมนต์ ต่อไปไม่เศร้าแล้วล่ะ อิอิ คนเขียนก็ปวดใจ ร้องไห้ทุกตอนที่เขียน จิตตก



 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ อัพอีกสักตอนจะเป็นไรไป เหอๆๆ!!! ตอน 55 Apr 21, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: kanda53 ที่ 22-04-2010 12:52:09
อย่าหลอกกันน้า.......
รอ   :mc4:  :bye2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ อัพอีกสักตอนจะเป็นไรไป เหอๆๆ!!! ตอน 55 Apr 21, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: kongkilmania ที่ 22-04-2010 15:33:04
รออ่านตอนที่ไม่เศร้าด้วยคน
เศร้าลงตับ ไม่ไหวแระ  :o12:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!! ตอน 56 Apr 22, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 22-04-2010 21:09:18
                                         ขอบคุณทุกคนที่ติดตามครับ


                               ตอนนี้ ตั้งใจเขียนมาก หวังว่าทุกคนคงได้แง่คิดไม่มากก็น้อย







                                                 ตอน ห้าสิบหก



พล ขับรถลัดเลาะหาที่พักค้างแรมในตัวเมืองพิษณุโลก เราได้ที่พักแถวระแวกมหาวิทยาลัยนเรศวร พอเข้าที่พักผมก็นั่งนิ่งไม่ยอมนอน แม้จะพยายามข่มตาให้หลับยังไงก็ไม่มีวี่แวว ตาแข็งค้างสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นผ่านเข้ามาในมโนจิตอยู่ตลอดเวลา


"แก มาคุยกันหน่อยสิ"

พล เดินเข้ามายืนอยู่ข้างหน้า ผมยังคงสะอื้นกระซิกๆอยู่ มันเดินออกไปข้างนอกห้อง ผมเดินตามออกไป พลนั่งลงตรงม้านั่งหน้าที่พัก ผมทรุดตัวลงนั่งข้างๆ

"ฉัน เข้าใจแกนะโย ว่าแกเสียใจมาก แต่อยากให้แกทำใจหน่อยนะ จะเศร้าจะเสียใจไปมีแต่บั่นทอนตัวเอง เรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้วแก ฉันไม่เคยเห็นแกเป็นแบบนี้ ฉันรู้ว่าแกรักเอมันมาก มากเสียจนแกยอมทำร้ายตัวเอง พอเถอะโย เจ็บมามากแล้ว กลับมาเป็นเหมือนเดิมเถอะ"

พล ร้องไห้ออกมามันคงอัดอั้นตันใจ

"ฉัน ไม่รู้จะทำยังไง..... แก....... ฉันก็เสียใจ...... ฉันทำ......ใจ......ไม่ได้"

"ฉัน รู้แก มันยาก แต่อย่างน้อย ถ้าไม่ทำเพื่อตัวเอง ก็ทำเพื่อแม่สิ สงสารแม่บ้าง แม่ไม่ได้เกี่ยวข้องด้วยเลย แต่เวลาแกทุกข์ดูแม่จะทุกข์มากกว่าแกอีกนะ แกทนเห็นแม่ร้องไห้เพราะแกได้เหรอโย"

พอ ได้ฟังทั้งที่รู้อยู่ดีแก่ใจ ผมก็สะอื้นออกมา แม่....... แม่ต้องเสียใจทนทุกข์มามากเท่าไหร่เพราะผม ไม่ว่าผมจะเป็นอะไรจะทำอะไร แม่ไม่เคยว่า แต่ผลของสิ่งที่ทำมันทำร้ายแม่ ไม่ใช่ทำร้ายแค่ผมคนเดียว พลกอดผมไว้

"ฉัน เข้าใจแก ฉันเข้าใจ ทำใจเสียเถอะ"

"ฉัน จะทำยังไงดีแก ฉันรักเอมันมากเหลือเกิน.............. รักมากเหลือเกิน"

"ฉัน รู้แก ฉันรู้ รักกันก็ดีกว่าเกลียดกัน สิ่งที่ดีๆมันก็มี เอาสิ่งเหล่านั้นมาเป็นกำลังใจสิ อย่าจมกับมันแบบนี้"

สิ่ง ที่พลพูดมันเป็นจริงทุกประการ ผมรับรู้ผมเข้าใจ แต่ผมพยายามแล้ว บอกไปแล้วให้ทำใจให้ดีขึ้นมันอาจจะพอเป็นไปได้ แต่ให้ตัดใจให้ทำใจไม่ให้รักมัน ผมทำไม่ได้

"มัน มีคนอื่น มันทำร้ายน้ำใจแก ฉันรู้........ ว่าถ้าพูดแกจะเจ็บ แต่ทนเอาหน่อยนะโย นี่คือความจริง สันดานผู้ชายมันไม่เคยพอหรอก เอานั่นเอานี่มาอ้าง แต่ถ้ามันมั่นคงจริง ถ้ามันรักเราจริง มันต้องหนักแน่นสิ จะด้วยอะไรก็ตามที่ทำให้มันเปลี่ยนใจ มันไม่เข้าท่าถ้าจะบอกว่า เมา...... ไม่ได้ตั้งใจ แกทำใจ"

"อย่า..... บอกให้ฉันเลิกรักมัน อย่าขอให้ฉันตัดใจจากมัน พล....แม้ฉันจะไม่เห็นหน้ามันแล้ว แม้ใครจะพยายามแยกเราจากกัน แต่...... ฉันไม่มีทางจะเลิกรักมัน ขออะไรก็ได้ฉันจะพยายามทำ แต่อย่าขอให้เลิกรักมัน"

ผม สะอื้นหนัก ร้องไห้ออกมา พลกอดผมไว้แน่น มันก็ร้องไห้ ปวดใจเหลือเกิน คนที่เขาหมดใจจากกัน ขาดเยื่อใยจากกันโดยที่อีกฝ่ายยังคงมั่นคง มันเจ็บเหลือเกิน

"ฉัน ไม่ได้ขอให้แกเลิกรักมันโย แต่ขอให้แกทำใจ ทำใจสักหน่อย ตอนนี้แกเสียใจจนฉันกลัว แกไม่เคยเป็นแบบนี้ แกไม่เคยเป็นคนแบบนี้"

พล คร่ำครวญ เสียงร้องไห้ของเราระงมกันอยู่หน้าที่พัก ใช้เวลาเนิ่นนานกว่าจะสงบลงได้ เราเข้านอนเกือบเที่ยงคืน ตอนแรกผมก็นอนไม่หลับแต่คงด้วยความที่เพลียเหนื่อยมาทั้งวัน ผมจึงเผลอหลับไป

ตื่น มาตอนเกือบเก้าโมง ดูเหมือนทุกคนจะตื่นหมดแล้ว ผมเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัว เราไปหาอะไรกินกันก่อนเดินทางแถวๆที่พัก ผมก็ยังกินไม่ได้มากอยู่ดี พอตื่นมีสติขึ้นมา ผมก็คิดถึงเอ คิดถึงมันเหลือเกิน ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง จะกินข้าวหรือยัง ใครจะคอยดูแล.....เรื่องนี้คงไม่ต้องห่วงหรอก คงมีคนดูแลเอแล้ว คนอื่น!! ที่เขาเองก็คงรักเอ คงคอยดูอยู่ผมสิที่จะต้องดูแลตัวเอง ดูแลใจที่บอบช้ำของตัวเอง ไม่ให้มันช้ำในตายไปเสียก่อน เราออกจากที่พักสิบโมงกว่า ผมนั่งที่เดิมข้างบ๊อบเพราะสภาพผมคงเป็นบ้าขึ้นมาอีกเมื่อไหร่ก็ได้

"แก พาแวะไหว้พระหน่อยได้ไหม"

ผม พูดออกไปเสียงเบา พลไม่ได้ยินแต่บ๊อบได้ยิน

"พี่ พล แวะไหว้พระหน่อยได้ไหมครับ"

"ได้ งั้นเราแวะไหว้พระพุทธชินราชก็แล้วกัน"

พล ไม่ได้สงสัยว่าทำไมบ๊อบมันถึงอยากไหว้พระ ทั้งที่มันเป็นคริสต์ แต่พลมองผ่านกระจกมองหลังมองผมอย่างเข้าใจ ผมไม่ร้องไห้แล้ว เพียงแต่นั่งเหม่อลอยอยู่ พายุแห่งรักที่ซัดกระแทกใจดูเหมือนกำลังจะสงบ ทิ้งไว้เพียงร่องรอยแห่งความบอบช้ำ ผมกำลังทำใจให้ยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ว่าเรื่องราวมันจะเลวร้ายมากเพียงใดผมจะต้องประคองร่างกายนี้ให้ผ่านพ้น ไปให้ได้ แม้ว่าหัวใจมันพังทลายแหลกสลายย่อยยับไปหมดแล้วก็ตาม พลแวะไหว้พระพุทธชินราชตามที่บอก ผู้คนที่มากราบไหว้ขอพรแน่นขนัดไปทั้งวัด กว่าจะฝ่าฝูงชนเข้าไปในอุโบสถได้ก็เหงื่อตก ผู้คนที่มาขอพรเขาคงจะมีจุดประสงค์ต่างๆกัน ผมเองที่อยากกราบพระพุทธชินราชวันนี้ในใจก็มีจุดประสงค์ ด้วยหวังว่าบารมีขององค์พระพุทธชินราชจะคุ้มครองให้ผม ให้เอผ่านห้วงแห่งทุกข์นี้ แม้ว่าอนาคตมันจะเป็นไปยังไงก็ตาม ผมไม่ได้สนใจแล้ว ผมสนใจแค่อยากให้เอมีความสุข ให้แม่มีความสุข ส่วนผมคงเจอวิบากกรรมตั้งแต่ครั้งชาติปางก่อน ผมไม่เป็นไร ผมทนได้ ผมคงไม่ขอพรให้ตัวเองเป็นสุข แค่รู้ว่าต้องสูญเสียลมหายใจอุ่นนั้น อ้อมกอดที่ผมซุกกายนอนในคืนอันอบอุ่นนั้น แผลเป็นที่คิ้วซ้ายนั้นไปให้คนอื่น ไม่ใช่ผมอีกต่อไป ผมก็คงหาสุขใดไม่ได้อีกแล้ว แต่อย่างน้อยผมก็จะหล่อเลี้ยงชีวิตให้อยู่รอดด้วยความรักที่ผมมีให้มัน อย่างไม่เคยเสื่อมคลาย

นโม ตัสสะภะควะโต อะระโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

นโม ตัสสะภะควะโต อะระโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

นโม ตัสสะภะควะโต อะระโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

อิ เมหิ นานาสักกาเรหิ อะภิปูชิเตหิ ทีฆายุโก โหมิ อะโรโค สุขิโต สิทธิกิจจัง สิทธิกัมมัง ปิยัง มะมะ ปะสิทธิ ลาโภ ชะโย โหตุ สัพพะทา พุทธะชินะราชา อภิปาเลตุ มัง นะโมพุทธายะฯ

ด้วย ฤทธิ์พุทธานุภาพ บารมีของพระพุทธชินราชเจ้า ลูกช้างกราบขอพร ด้วยบุญบารมีที่ลูกช้างสร้างสมมาเพียงน้อยนิด ขอให้พระพุทธชินราชช่วยดลบันดาลให้มารดา แลคนที่ลูกช้างรักจงพ้นจากห้วงแห่งทุกข์ ประสบแต่สุขกายแลใจ กรรมใดเคยก่อลูกช้างขอรับมาชดใช้ แต่เพียงผู้เดียว อย่าให้ทุกข์ได้แผ้วพานบุคคลที่เป็นที่รักด้วยเถิด สาธุ

ผม ก้มลงกราบ พลันน้ำตาก็ร่วงไหลอาบแก้ม นี่มันเกิดอะไรขึ้น นี่ผมปล่อยให้ทุกอย่างล่วงเลยมาไกลถึงเพียงนี้เชียวหรือ ผมพร่ำเพ้ออยู่คำๆเดียว คำพูดเหล่านี้ซ้ำไปซ้ำมาแต่ผมทำอะไรไม่ได้เลย นอกจากมานั่งร้องไห้ต่อหน้าพระอย่างนี้ บาปหนาเสียเหลือเกิน พลเข้ามาช้อนปีกให้ลุกขึ้นเพราะคงเห็นแล้วว่าผมไม่มีสติที่จะกราบพระได้ดัง ใจหวัง บอมช่วยพยุงอีกข้างเราออกจากอุโบสถอย่างทุกลักทุเล ขาจะกลับผมยังร้องขอให้พลพาไปทำสังฑทาน เพราะด้วยคิดว่าผลบุญอาจจะนำพาให้ทางสว่างแก่ผมก็ได้ พลเองก็ไม่ขัดส่วนเด็กสองคนได้แต่มอง เพราะคงไม่เคยทำและในสภาพแบบนี้

"ทุกข์ ใจอยู่หรือโยม หน้าตาไม่สู้ดีเลย"

เสียง หลวงพ่อถามตอนกำลังจะกรวดน้ำ ผมเม้มปาก

"ครับ หลวงพ่อ มีเรื่องนิดหน่อยน่ะครับ"

พล ตอบแทน แต่สายตาหลวงพ่อมองมาที่ผม

"เกิด เป็นมนุษย์ มีทุกข์ มีห่วงกรรมติดตัวมาทุกคนนั่นล่ะโยม ทุกข์ก็อย่าจนต่อปัญญา ระลึกไว้ว่าในห้วงทุกข์นั้นย่อมมีสุขผสมปนเปอยู่เสมอนั่นล่ะ"

เรา ยกมือขึ้นพนม ผมก้มลงต่ำมองพื้นเสื่อที่ปูรองนั่ง ไม่กล้าสบหน้าหลวงพ่อ ผมกลัวว่าผมจะร้องไห้ออกมาอีก

"ทุกข์ เพราะเหตุว่ารักเขามาก จิตคิดไปว่าเขาเป็นของของเรา เป็นของรักของเรา การที่มนุษย์เสียของรักย่อมทุกข์เป็นเรื่องธรรมดา ไม่มีสิ่งใดในโลกนี้เป็นของเรา แม้แต่ร่างกายที่เราครองอยู่ มีเพียงอย่างเดียวที่เป็นของเรา คือ จิต ดึงมันออกมานะโยม ดึงจิตออกมาเพ่งมองดูว่าเราเป็นทุกข์เพราะเหตุใด เราจะระงับทุกข์นั้นด้วยเหตุใด พระพุทธองค์ก็ทรงตรัสรู้ด้วยธรรมข้อนี้ คือ อริยสัจสี่ เอาล่ะโยม ทำใจให้สบาย ปล่อยวาง อย่ายึดมั่นถือมั่นมากเพราะนั่นคือสิ่งที่ทำให้เราทุกข์ เดี๋ยวโยมเตรียมกรวดน้ำนะ"

" ยะถา วาริวะหา ปูรา ปะริปูเรนติ สาคะรัง เอวะเมวะ อิโต ทินนัง เปตานัง อุปะกัปปะติ อิจฉิตัง ปัตถิตัง ตุมหัง ขิปปะเมวะ สะมิชฌะตุ สัพเพ ปูเรนตุ สังกัปปา จันโท ปัณณะระโส ยะถา มะณิ โชติระโส ยะถา"

หยาด น้ำที่ไหลลงไปที่ฐานรองรวมไปกับน้ำตา แม้จะฟังพระเทศน์อยู่แต่น้ำตาเจ้ากรรมก็ไม่หยุดไหล ช่างเป็นสิ่งสัจจริงเสียเหลือเกิน คิดว่าเขาเป็นของรักของตน เขารักเรา เขาเป็นของเรา เอามายึดเอามาผูกไว้กับใจ มีแต่ทุกข์ทั้งนั้น ผมอยากให้คำสอนของพระอยู่ในใจเสมอ คอยเตือนตัวเองให้มีจิตที่นิ่งไม่ไหวเอน แต่ผมทำได้ยากเสียเหลือเกิน แม้ตอนนี้จะใจชื้นขึ้นมาบ้างจากการฟังเทศน์ แต่คราใดที่ผมนิ่งอยู่กับที่ครานั้นใบหน้าของเอก็ผุดขึ้นมา วันเวลาเก่าๆก็ฉายออกมา

อัน ธรรมอันประเสริฐใดจะช่วยนำทางใจที่เศร้าหมองนี้ได้ จิตใจที่มีแต่กิเลสหนาปกคลุม ถ้าผมไม่คิดที่จะทำตาม ธรรมนั้นก็เปรียบดังสาดน้ำใส่ก้อนหิน ไม่ได้รู้สึกร้อนหนาวไปกับน้ำที่สาดนั้นเลย เก็บงำเอาความทุกข์หมักหมมรอเวลาระเบิดออกมาเท่านั้นเอง




 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

กว่าจะได้แต่ละตอน ตาบวมเลยอ่า อิอิ



เขียนโดย eiky
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!! ตอน 56 Apr 22, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: kannooh ที่ 22-04-2010 21:25:35
 :o12:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!! ตอน 56 Apr 22, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 22-04-2010 21:45:08
ธรรมอันประเสริฐใดจะช่วยนำทางใจที่เศร้าหมองนี้ได้ จิตใจที่มีแต่กิเลสหนาปกคลุม ถ้าผมไม่คิดที่จะทำตาม ธรรมนั้นก็เปรียบดังสาดน้ำใส่ก้อนหิน ไม่ได้รู้สึกร้อนหนาวไปกับน้ำที่สาดนั้นเลย เก็บงำเอาความทุกข์หมักหมมรอเวลาระเบิดออกมาเท่านั้นเอง

ถ้าทำได้ดังว่าคง เข้าถึงทางธรรมครึ่งตัวเป็นพระโยไปแล้ว :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!! ตอน 56 Apr 22, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: zeazaiz ที่ 22-04-2010 22:00:51
มารอตอนไม่เศร้าด้วยคนจ่ะ
ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!! ตอน 56 Apr 22, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: SPSJ ที่ 22-04-2010 22:08:01
ทัมมมมมมมมใจเถอะโยมโย
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!! ตอน 56 Apr 22, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 22-04-2010 22:12:03
ธรรมอันประเสริฐใดจะช่วยนำทางใจที่เศร้าหมองนี้ได้ จิตใจที่มีแต่กิเลสหนาปกคลุม ถ้าผมไม่คิดที่จะทำตาม ธรรมนั้นก็เปรียบดังสาดน้ำใส่ก้อนหิน ไม่ได้รู้สึกร้อนหนาวไปกับน้ำที่สาดนั้นเลย เก็บงำเอาความทุกข์หมักหมมรอเวลาระเบิดออกมาเท่านั้นเอง

ถ้าทำได้ดังว่าคง เข้าถึงทางธรรมครึ่งตัวเป็นพระโยไปแล้ว :call: :call: :call:

อ่า มาแล้วเหรอ ตอนที่แล้วหายไปน้าาา

อิอิ

 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!! ตอน 56 Apr 22, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Vesi ที่ 22-04-2010 22:16:24
ไปบวชพระหนีรักซักเดือนท่าจะดีนะ
อาจจะคิดอะไรได้มากขึ้น
มีแววได้เห็นพระโย  :laugh:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!! ตอน 56 Apr 22, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 22-04-2010 22:21:04
อิอิอิ แค่ควบตอนห้าสี่ห้าห้าด้วยกันเองครับ  :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!! ตอน 56 Apr 22, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: iiดาวพระสุขლii ที่ 22-04-2010 22:29:51
ไม่มีสิ่งใดในโลกนี้เป็นของเรา แม้แต่ร่างกายที่เราครองอยู่ มีเพียงอย่างเดียวที่เป็นของเรา คือ จิต     


แม่นแล้ว....    ใจเค้าเราไปบังคับให้เป็นไปตามที่เราหวังไม่ได้หรอก  บังคับได้แค่ใจเราเท่านั้นแหละ...


 :กอด1:  คนแต่ง...  แต่งไปอินไปเลยน๊าาาา  สู้ๆ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!! ตอน 56 Apr 22, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 22-04-2010 22:44:20
สาธุ~
หวังว่า...ทุกอย่างจะดีขึ้น

เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!! ตอน 56 Apr 22, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 22-04-2010 22:49:25
หวังว่า พี่โยจะดีขึ้นเร็ววันนะ  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!! ตอน 56 Apr 22, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: K2KARN ที่ 22-04-2010 22:55:11
เพราะโยรักเอมาก ก็เลยทุกข์มาก
ยิ่งรักก็ยิ่งทุกข์ แย่นะ
แล้วโยกับเอจะไม่มีทางกลับมาดีกันเลยเหรอ
เอก็ทนได้ตั้งพักนึง มาเชียงใหม่แล้วไม่น่าเลยนะ
เฮ้อ ยังคงอยากให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมนะ
อย่าให้เกิดอะไรอีกเลย
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!! ตอน 56 Apr 22, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: lomekung ที่ 22-04-2010 23:08:51



ใจจะขาดแทน

 :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!! ตอน 56 Apr 22, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 22-04-2010 23:36:32
Eiky การพรากการจากกัน ของคน2คน ไม่ว่าจะเป็นด้วยเหตุผลอะไร มันทำให้เจ็บมาก ใครไม่เคยไม่รู้หรอก ถึงเวลาจะช่วยเยียวยาแต่ หัวใจมันก็ไม่เคยหยุดร้องไห้สักที  ยิ่งพอได้เจอสิ่งเร้า จาก eiky น้ำตาที่ไม่ไหลมานานจะ 10 ปี เพราะเรึ่องนั้น มันก็ไหลไม่หยุดเอาดื้อๆ ขอไปทำใจ ให้หายอ่อนแอ สักพัก ลาละคะ eiky ... See u soon
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!! ตอน 56 Apr 22, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 22-04-2010 23:53:52
Eiky การพรากการจากกัน ของคน2คน ไม่ว่าจะเป็นด้วยเหตุผลอะไร มันทำให้เจ็บมาก ใครไม่เคยไม่รู้หรอก ถึงเวลาจะช่วยเยียวยาแต่ หัวใจมันก็ไม่เคยหยุดร้องไห้สักที  ยิ่งพอได้เจอสิ่งเร้า จาก eiky น้ำตาที่ไม่ไหลมานานจะ 10 ปี เพราะเรึ่องนั้น มันก็ไหลไม่หยุดเอาดื้อๆ ขอไปทำใจ ให้หายอ่อนแอ สักพัก ลาละคะ eiky ... See u soon

อ่า ป้า ขอโทษจริงๆ นะครับ

ผมเขียนเรื่องนี้ก็ดึงเอามาจากประสบการณ์

ขอโทษจริงๆ ที่ทำให้ทุกคนเศร้า


ผมเสียใจนะ

 :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!! ตอน 56 Apr 22, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: •ผั๑`|nกุ้va’ด• ที่ 23-04-2010 00:24:23
ตอนจบ โย หนีไปบวช เนื่องจาก ละทางโลกได้   ตึ่ง+
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!! ตอน 56 Apr 22, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 23-04-2010 08:14:23
eiky เล่นเอาสะอีป้าแก่ๆ

หลับไปทั้งน้ำตาเลยนะ

แต่ตอนนี้สบายแล้ว

จากกันแบบถาวร

ทั้งที่ยังรักกันมาก

มันทรมานมากกว่า

จากกันเพราะเกลียดกันสะอีก

แต่ก็ไม่เคยติดต่อ ไปมาหาสู่

ไม่รู้ตอนนี้เขาไปอยู่ไหน

และทำไมต้องไป

มันเป็นสิ่งที่ค้างคามากๆ

ของๆ เขา ก็มีทิ้งไว้ทุกอย่าง

ทิ้งไว้ให้เรา ไว้เตือนความทรงจำกระมั้ง

แต่มันก็ผ่านมาเป็น 10 ปี แล้ว

ตอนนี้น่าจะไม่มีอะไรแล้วละ

เมื่อคืนคงอินมากไปหน่อยมั้ง

+1 กับขอ  :กอด1: ทีนะ eiky

ป.ล. มารับผิดชอบหัวใจดวงน้อยๆ ของอีป้าแก่ๆ ด้วย เอาตอนต่อไปมาสังเวยสะดีๆ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!! ตอน 56 Apr 22, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 23-04-2010 08:27:08
eiky เล่นเอาสะอีป้าแก่ๆ

หลับไปทั้งน้ำตาเลยนะ

แต่ตอนนี้สบายแล้ว

จากกันแบบถาวร

ทั้งที่ยังรักกันมาก

มันทรมานมากกว่า

จากกันเพราะเกลียดกันสะอีก

แต่ก็ไม่เคยติดต่อ ไปมาหาสู่

ไม่รู้ตอนนี้เขาไปอยู่ไหน

และทำไมต้องไป

มันเป็นสิ่งที่ค้างคามากๆ

ของๆ เขา ก็มีทิ้งไว้ทุกอย่าง

ทิ้งไว้ให้เรา ไว้เตือนความทรงจำกระมั้ง

แต่มันก็ผ่านมาเป็น 10 ปี แล้ว

ตอนนี้น่าจะไม่มีอะไรแล้วละ

เมื่อคืนคงอินมากไปหน่อยมั้ง

+1 กับขอ  :กอด1: ทีนะ eiky

ป.ล. มารับผิดชอบหัวใจดวงน้อยๆ ของอีป้าแก่ๆ ด้วย เอาตอนต่อไปมาสังเวยสะดีๆ


 :L1: :L1: :L1:

เฮ้อ โล่งใจ นึกว่าป้าจะงอน

ผมเฉลยก็ได้ จบแบบ แฮบปี้ คร้าบบบบ จบแบบหวานๆ

ให้รักนำทางใจ มาจากโจทย์ที่ว่า จะมีไหมรักที่แท้จริงที่จะพาเราไปถึงฝั่งฝัน

ไม่ว่าจะเป็นรักของหญิงชาย ชายชาย หญิงหญิง ขอให้เป็นรัก

แต่รักที่ได้มาง่าย ไม่ฝ่าฟันอุปสรรค หัวใจมันก็ไม่มีอะไรให้จดจำ

ขอให้ป้าอดทนนะครับ

รักแล้วเสียใจ ก็ดีกว่า ไม่เคยรักใครเลย

เป็นกำลังใจให้ น้าาาา


 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!! ตอน 56 Apr 22, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: DexTunG ที่ 23-04-2010 09:40:29
พระธรรม สอนเรื่องจริง  แต่คนเรา ไม่สามารถทำเรื่องจริง เหล่านั้นได้

จึงได้แต่เป็นคน ไม่ได้เป็นมนุษย์เสียที ยังไงหละ

 :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!! ตอน 57 Apr 23, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 23-04-2010 12:41:43
                                              




                                                  เรื่องงวดเข้ามาแล้วนะครับ
    
                                                    ขอบคุณที่ติดตามอ่าน ขอบคุณจากใจ




                                                   ตอนห้าสิบเจ็ด






 ไม่รู้ว่าจะเนิ่นนานสักเพียงใดหัวใจมันจึงจะฟื้นคืนสภาพ ไม่รู้จะใช้วิธีอะไรรักษาเยียวยาหัวใจ ยิ่งหลับตาภาพความทรงจำยิ่งแจ่มชัด พอลืมตาม่านน้ำตาก็บดบังมองไม่เห็นสิ่งใดนอกจากความหมองหม่น ผมนั่งเหม่อลอยมาตลอดทางจนพลจอดรถที่หน้าบ้าน พอบ๊อบสะกิดผมก็เริ่มหวาดกลัว ถึงบ้านแล้ว แม่......แม่ต้องเสียใจมากถ้าเห็นผมในสภาพแบบนี้ สภาพร่างที่ไร้หัวใจไร้จิตวิญญาณ รถจอดสนิทแน่นิ่ง แต่ผมยังไม่ขยับกายของจากที่ สายตามองหน้าบ้านด้วยจิตใจที่ไม่เป็นสุข ผมจะทำตัวยังไงดี ทุกคนเดินลงจากรถไปแล้วเหลือผมที่ยังนั่งคิดไตร่ตรองอยู่ จนพลมาเปิดประตูรถ

"อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดแก ทำใจดีๆไว้ จะอะไรยังไงก็คิดถึงแม่ไว้ คิดถึงแม่อรไว้ให้มากกว่าใครทุกคน"

พลตบ บ่าเบาๆเป็นกำลังใจ ผมจึงค่อยๆลงจากมารถ พอเปิดประตูบ้านแม่ยืนรออยู่แล้ว สายตาแม่มองอย่างห่วงใย

"อ้าว ทำไมกลับกันมาเร็วจังลูก แม่นึกว่าจะมาพรุ่งนี้เสียอีก เป็นยังไงบ้าง เอสบายดีไหม"

แม่รับ ไหว้ทุกคนแต่สายตามองมาที่ผม

"แม่!!!!!!!"

ผมร้องออกไปเสียง แหบพร่า วิ่งเข้าไปกอดแม่ ร้องไห้สะอื้นออกมา แม่ไม่ได้แลดูตกใจหรือประหลาดใจเลย อ้าแขนรับผมเข้าไปกอด

"แม่ จ๋า...........เอ"

"ไม่เป็นไรนะลูก ทำใจดีๆ น้องเป็นอะไรไป"

เสียง แม่เริ่มวิตก ผมกอดแม่แน่น

"เอ.......มีคนอื่น.......เอ ปันใจแล้ว....แม่"

ผมสะอื้นออกมา แม่ลูบหัวอย่างอ่อนโยน

"จริง เหรอลูก เอ นี่นะ"

แม่ทำเสียงตกใจเหมือนไม่เชื่อ

"เอาเถอะโย ใจเย็นๆลูก อย่าเศร้าโศกเสียใจให้มาก รู้แน่แล้วหรือว่าน้องมันมีคนอื่น น้องมันบอกหรือว่ามันหมดรักเราแล้ว"

แม่เสียงอ่อนลงจนน่าประหลาด

"ปลง ซะลูก ทำใจให้สบาย คิดซะว่าทำบุญกันมาแค่นี้"

"โยผิดมากเลยเหรอ แม่.....โยผิดมากใช่ไหม โยทำกรรมทำเวรอะไรไว้ ทำไมโยต้องเจอแต่เรื่องแบบนี้"

ความในใจพรั่งพรูออกมา กอดแม่สะอื้นไห้

"โย.....จะกรรมใด หรือจะเป็นทุกข์ใด ใช่ว่ามันจะไม่มีทางแก้ ใจเย็นๆลูก โยไม่ผิดหรอก น้องมันก็ไม่ผิด ถือว่าไม่มีวาสนาต่อกันนะลูก"

"โยเสียใจ แม่.......โย.....เสียใจ โยทำให้ทุกคนเสียใจ โย.......ขอโทษ"

"แม่รู้โย แม่รู้ อย่างน้อยโยก็รักน้องมัน และแม่ก็เชื่อว่าเอเองก็รักโย แต่ด้วยกรรมที่บดบัง ทำให้เราพรากจากกันไป อย่าเศร้าไปเลยโย เดี๋ยวทุกอย่างก็ดีขึ้นเอง คงไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่านี้แล้วล่ะลูก รักกันไม่จำเป็นต้องครองคู่อยู่ด้วยกัน แค่รักกันด้วยใจ โยเอามันมาเป็นแรงใจสิลูก"

แม่พยายามปลอบผมเนิ่นนาน จนผมยอมสงบลง เพื่อนๆที่นั่งดูอยู่ไม่ปริปากสักคำ ตะวันจวนจะลาลับขอบฟ้าแล้ว แสงสีส้มแดงที่เคยรักที่เคยชอบ ตอนนี้ทำไมมันดูหดหู่เศร้าสร้อยเสียจริง ตะวันที่จะลาลับไปคงเหมือนเอที่โบกมือลา แต่ไม่มีวันที่จะหวนคืนเหมือนดวงตะวัน แม่บังคับให้ผมกินข้าว พลคอยเตือนสติอยู่ตลอดเวลาว่าแม่เสียใจเพียงใดถ้าผมยังมีสภาพแบบนี้อยู่ ผมพยายามดึงสติออกมาให้มากที่สุดเอามาพยุงร่างที่ไร้จิตวิญญาณนี้ให้ผ่านพ้น แต่ละวินาทีไปให้ได้ แม้มันจะยากลำบากแต่ผมก็จะพยายาม เพื่อ แม่

พล ไปส่งบ๊อบกับบอมแล้ววกกลับมาค้างเป็นเพื่อน ผมนั่งกอดแม่อยู่อย่างนั้น แม่เล่าเรื่องราวต่างๆให้ฟัง ทั้งตอนที่เจอพ่อใหม่ๆ ตอนที่จีบกัน พ่อเป็นนักเรียนนายร้อยอยู่ แม่เองก็เรียนมหาวิทยาลัย แม่บอกว่าเจอพ่อครั้งแรกก็รู้สึกรักแล้ว ตั้งแต่คบกันไม่เคยมีวันไหนที่ทะเลาะกัน ไม่เคยมีวันไหนที่จะรักพ่อน้อยลงเลย แม้ว่าตอนนี้พ่อจะไม่อยู่กับเราแล้วก็ตาม แต่พ่อยังเป็นที่สุดของดวงใจ ผมฟังแล้วก็น้ำตาไหล จริงสินะ แม้จะไม่ได้เอมาครอบครองกอดก่ายเหมือนเดิม แต่อย่างน้อยผมก็ไม่เคยรักมันน้อยลงไปเลย เพิ่มพูนขึ้นทุกวันมากขึ้นทุกๆวัน

แม่พาผมขึ้นไปสวดมนต์ที่ห้องพลเองก็ตามขึ้นไปด้วย โกฐเถ้ากระดูกพ่อก็อยู่บนหิ้งพระ ผมสวดมนต์ด้วยจิตใจที่ไหวเอน อ่อนล้าหมดแรงใจ กลิ่นธูปหอมส่งกลิ่นคลุ้งไปทั่วห้องเคล้ากับกลิ่นมาลัยดอกมะลิ พ่อจ๋า......ถ้าพ่อเฝ้ามองเราอยู่ พ่อช่วยดลใจให้โยพ้นทุกข์นี้ที ช่วยลูกด้วย ลูกเสียใจคนเดียวไม่เป็นไร แต่แม่ที่กำลังทุกข์ใจเพราะโย พ่อช่วยแม่ด้วย โยอกตัญญูโยทำให้แม่เสียใจ พ่อจ๋า.....ผมตั้งจิตอธิษฐานน้ำตาไหลซึมออกมา พยายามไม่สะอื้น พอสวดมนต์เสร็จผมก็เข้านอน

"แกทำให้ฉันกลัวรู้ไหมโย"

พลพูด ขึ้นท่ามกลางความเงียบ

"แกทำให้ฉันกลัวความรัก ถ้าหากรักแล้วทุกข์ทรมานแบบนี้ ฉันขออยู่แบบนี้ดีกว่า ฉันเห็นแกแล้ว ฉันทนไม่ได้"

เสียงมันสื่ออะไรหลายอย่างผมนอนนิ่งมองเพดานในความมืด

"ความ รักมันไม่ได้แย่ขนาดนั้นหรอกแก ฉันเองที่อ่อนแอ อย่างน้อยแม้รักมันจะไม่เป็นดังที่หวัง แต่ฉันก็ไม่เคยเสียใจที่ได้รัก"

ผม พูดเสียงเบาเหมือนกระซิบออกไป ใช้เวลาเนิ่นนานกว่าที่จะข่มตาให้หลับลงได้ ป่านนี้ เอจะเป็นยังไงบ้างนะ จะหลับหรือยัง จะคิดถึงกันบ้างไหมนะ ทำใจดีๆไว้นะเอ ฉันไม่เชื่อหรอกว่าเธอจะไม่ได้รักฉันแล้ว แม้มันจะไม่จริงก็ตามแต่ฉันก็เชื่อมั่นในตัวเธอ ลมจ๋า ช่วยวานนำความในใจไปบอกที่รักฉันให้ที ว่าฉันรักเขาไม่เคยเสื่อมคลาย รักไม่เคยเปลี่ยนแปลงไป รักมากกว่าเดิม ไม่มีสิ่งใดจะมาบั่นทอนรักนี้ให้ลดน้อยถอยลงเลย แล้วผมก็หลับไปในคืนนั้นด้วยน้ำตา

สัปดาห์ที่จ๋ารอคอยก็มาถึง ผมยังคงเศร้าอยู่แม้จะไม่ร้องไห้แล้วก็ตาม พอวันงานงวดเข้ามาผมก็ต้องวิ่งงานช่วยจ๋า ความจริงเอโทรมาหาเป็นร้อยครั้งแต่ผมไม่ได้รับสาย ข้อความก็ส่งมา

"ได้ โปรด อย่าทิ้งเค้าเลย"

"ที่รักฟังเค้าบ้าง"

"ยกโทษให้เค้าได้ ไหม"

"เค้ารักตัวเองนะ"

"ขอร้องเถอะที่รัก อย่าทิ้งเค้าเลย"

ประโยค วนเวียนอยู่แบบนี้ ผมทำใจลำบากเหลือเกิน ทุกครั้งที่เปิดอ่านคือทุกครั้งที่มีหยดน้ำตา คือแผลในใจที่ไม่เคยจะหาย ตอนแรกว่าจะไม่ส่งกลับไปแล้ว แต่ผมก็อดไม่ได้ ทำใจให้ห่างเหินไม่ได้

"ยัง รักเหมือนเดิม ยังห่วงเหมือนเดิม ไม่ได้ทิ้งไปไหน ไม่เคยหมดรัก"

ไม่ รู้ว่าผมทำถูกหรือทำผิด แต่ความในใจมันเป็นแบบนั้น  ผมรู้ว่ามันไม่ดี ถ้าเราจะตัดอะไรสักอย่างต้องตัดใจตัดมันให้ขาด แต่ความรักนี้มันตัดยังไงหรือ เอาอะไรตัดมันถึงจะขาด ผมไม่อยากทำให้เอเสียคนมากไปกว่านี้เพราะผม น้องผู้หญิงคนนั้นอีก เธอจะเสียใจมากมายแค่ไหน นี่วงจรกรรมมันดึงผมให้บาปหนัหนาลงกว่าเดิมอีก

วัน งานมาถึงแล้ว ตอนเช้ามีพิธีรดน้ำสังข์ที่บ้าน ผมก็ตื่นไปแต่เช้าพร้อมแม่ พลเองก็มากับที่บ้าน เพื่อนๆครบหน้า ดูสายตาของทุกคนเป็นห่วงเป็นใยผมนักมีแต่มากอดบ่าไม่พูดเรื่องที่เกิดขึ้น จ๋าเองดูมีความสุขมาก ผมยินดีกับจ๋า แต่เห็นมันมีความสุขขึ้นมาก็อดไม่ได้ที่จะย้อนคิดกลับมาหาตัวเอง ภวังค์แห่งความมืดก็ปกคลุมเข้ามาในใจอีก ต้องหลบมุมไม่ให้ใครเห็นหยาดน้ำตา พอเย็นก็มีงานเลี้ยงที่โรงแรมแถวรัชดาฯ โรงแรมที่มีโคมไฟระย้าสวยจับใจ พลอาสามารับผมกับแม่

"นี่แก จะใส่ดำไปเหรอ งานแต่งนะแกเดี๋ยวนังจ๋ามันก็วีนเอา"

พลพูดขึ้นผมถึงกับสะดุ้ง ไม่ได้คิดอะไรเหม่อลอยไป ต้องรีบเปลี่ยนเสื้อผ้า หยิบตัวใหม่ออกมาก็ยังดำเทาอยู่ดี

"มาๆ ฉันเลือกให้"

พลต้อง คอยจัดการให้ มันเลือกเสื้อเชิ้ตลายดอกไม้เล็กๆสีโอรสออกมาจากตู้

"ลอง ตัวนี้ซิ"

ผมหยิบมาใส่โดยไม่ได้สนใจ

"อืมค่อยเข้าท่าหน่อย"

มัน เอาแจ็กเก็ตให้สวมทับอีกตัว แล้วพลก็ทำผมให้ผมนั่งนิ่งเหมือนตุ๊กตาไร้ชีวิตไร้จิตใจ เราออกจากบ้านตอนสี่โมงกว่าๆ เพราะต้องรีบไปช่วยจ๋าดูแลแขก แม่เข้าไปในงานคุยกับม้ากับป๊าของจ๋าเพราะคุ้นเคยกันตั้งแต่ผมยังเด็กๆ ส่วนผมกับพลก็ไปดูจ๋าที่แต่งตัวอยู่

"โย ขอบใจนะสำหรับทุกอย่าง แกด้วยพล"

"แหมแก เป็นเพื่อนกันนี่ แทนคำขอบใจขอยืมพี่ป้อมสักคืนสิยะ"

"อีบ้า ฝันไปเถอะย่ะ"

"อ้าว แก เจ้าสาวเขาไม่ให้ด่าใครนะแกไม่รู้เหรอ"

"แหมแต่จะมาฉกเจ้าบ่าวนี่ ขอตบสักทีเถอะ"

จ๋ากับพลกัดกันตามปกติของมัน เสียงหัวเราะที่เปี่ยมไปด้วยสุขของเพื่อนๆกรีดลึดลงไปในใจ

"โย ทำไมทำหน้าแบบนั้นแก มานี่มา"

จ๋ากวักมือเรียกผมเข้าไปใกล้ๆมัน จ๋าดึงตัวผมไปกอด

"แก ฉันรู้ ฉันรู้ทุกอย่างฉันเข้าใจ รู้ไว้นะโย ฉันรักแกมาก แกคือเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน แต่วันนี้ขอนะอย่าให้ฉันต้องร้องไห้เดี๋ยวช่างแต่งหน้ามาด่าเอา"

จ๋า กระซิบข้างหูผมกระตุกในใจ อยากจะร้องไห้ออกมาแต่ก็ระงับไว้

"อ้าว แล้วฉันล่ะยะหล่อน ไม่ได้เป็นเพื่อนที่สุดของแกบ้างเหรอ"

พลเสียงสูง ขึ้น

"หล่อนก็ที่สุดจ๊ะ เป็นเพื่อนที่กัดได้มันที่สุดไง นังพล"

"อ้าว นังนี่ ตบเจ้าสาวสักทีจะเป็นไรมั้ยเนี่ย"

ผมหัวเราะออกมา แม้จะไม่มากแต่เป็นเสียงหัวเราะที่หายไปนานแสนนาน นั่นสินะ ความจริงแล้ว ความเจ็บปวดมันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร มันยังมีข้อดีอยู่ อย่างน้อยก็ทำให้เรารู้ว่าเรายังมีชีวิต ยังมีลมหายใจอยู่ จริงไหม



 :กอด1:รักทุกคนครับ





เขียนโดย eiky
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!! ตอน 57 Apr 23, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: zeazaiz ที่ 23-04-2010 16:04:06
 :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!! ตอน 57 Apr 23, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: DexTunG ที่ 23-04-2010 16:36:49
 :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!! ตอน 57 Apr 23, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 23-04-2010 16:38:45
 :z13: รีบน   


บังอาจมากมาจิ้ม eiky


สุดที่รักของป้าแก่ๆ ได้ลงคอ ชิ...





ทำไงได้ ชีวิตมันก็ต้องเดินต่อไปข้างหน้า

กาลเวลา มันไม่เคยหยุดเดิน

แล้วเราจะมามัวเศร้าโศกเสียใจอะไรกันหนักหนา

กับอีแค่เรื่องที่ดำเนินผ่านมาแล้ว

เราก็ต้องปล่อยมันไว้ข้างหลังอยู่ดี

ไม่มีใครย้อนกลับไปแก้ไขเรื่องเก่าๆ ได้

ก็มีเพียงตัวเรา กับเวลาตรงหน้า เท่านั้น

ที่ต้องดำรงค์อยู่คู่กันไปเสมอ






อีป้าแก่ๆ รัก eiky จังเลยวันนี้


มามะ มามะ มา  







:จุ๊บๆ: 10 ที
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!! ตอน 57 Apr 23, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 23-04-2010 16:43:28
:z13: รีบน   


บังอาจมากมาจิ้ม eiky


สุดที่รักของป้าแก่ๆ ได้ลงคอ ชิ...





ทำไงได้ ชีวิตมันก็ต้องเดินต่อไปข้างหน้า

กาลเวลา มันไม่เคยหยุดเดิน

แล้วเราจะมามัวเศร้าโศกเสียใจอะไรกันหนักหนา

กับอีแค่เรื่องที่ดำเนินผ่านมาแล้ว

เราก็ต้องปล่อยมันไว้ข้างหลังอยู่ดี

ไม่มีใครย้อนกลับไปแก้ไขเรื่องเก่าๆ ได้

ก็มีเพียงตัวเรา กับเวลาตรงหน้า เท่านั้น

ที่ต้องดำรงค์อยู่คู่กันไปเสมอ






อีป้าแก่ๆ รัก eiky จังเลยวันนี้


มามะ มามะ มา  







:จุ๊บๆ: 10 ที


ป้า ซึ้งเลยอ่ะครับ

ขอบคุณมาก สำหรับกำลังใจที่มีให้กันเสมอมา

 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!! ตอน 57 Apr 23, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: benxine ที่ 23-04-2010 16:49:14
เกือบร้องไห้ แต่ก็ไม่ได้

น้ำตาคลอๆ เฉยๆ

 :monkeysad: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!! ตอน 57 Apr 23, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 23-04-2010 19:00:58
ห่างไกลแค่ไหนไม่สำคัญ สำคัญที่รักกันหรือปล่าว  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!! ตอน 57 Apr 23, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 23-04-2010 20:48:07
แล้วชีวิตก้อดำเนินต่อไป

เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!! ตอน 57 Apr 23, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: kanda53 ที่ 23-04-2010 21:13:19
น้อง eiky บอกว่าจบแบบแฮปปี๊ ก้อดีแล้ว   บรรยากาศค่อยผ่อนคลายไปหน่อย
อยากรู้จริง ๆ ว่าทางออกของเรื่องนี้มันจะอยู่ที่ไหน .....

รักษาสุขภาพด้วยนะคะ  :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!! ตอน 57 Apr 23, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Natavishi ที่ 23-04-2010 21:43:42
 อยาก จะ บอก คน แต่ง ว่า
 :angry2:
 :z6: :z6: :z6:

 :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!! ตอน 57 Apr 23, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: LifeTime ที่ 23-04-2010 22:16:55
แม้พิษรักมันจะเจ็บปวด...แต่ก็ยังเลือกที่จะมีรัก...
ณ วันนี้จึงเลือกที่จะทำให้ดีที่สุด เพราะถึงวันหนึ่งที่รักต้องผ่านไป
เราก็จะได้ไม่ต้องเสียใจ...เพราะเราทำทุกอย่างดีที่สุดแล้ว  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!! ตอน 57 Apr 23, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: salawinyeen ที่ 23-04-2010 23:05:11
 :m15:


ใจของฉันมันเป็นของเธอไม่ว่านานเท่าไร และมันจะเป็นของเธอตลอดไป ใจของฉันมันเป็นของเธอ คนเดียวทั้งใจ จะรอเธอรักเธอจนตายใจเอยยย




อ่านลื่นจัง  3 ตอนโลดดดด





 o13
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!! ตอน 57 Apr 23, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: lomekung ที่ 24-04-2010 01:43:43



อร้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย


 :serius2: :serius2:

ใจจะขาด   :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!! ตอน 57 Apr 23, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: K2KARN ที่ 24-04-2010 01:46:04
ก็คิดเสียว่าเรากับเค้าทำบุญร่วมกันมาเท่านี้
รักแล้วก็ต้องเสียใจ แต่ทำไมคนเรามักไฝ่หาความรัก
เพราะในความเสียใจแต่เราก็สุขใจแค่ได้รักเค้า
อยากให้โยกับเอกลับมาดีกันเหมือนเดิมนะ
จะมีวันนั้นไหมโย หรือจะให้ต้องมีคนนึงเจ็บกว่า
ถึงจะรู้ตัวว่ามันสายไปแล้วกัน??


อยากให้โยกลับมาร่าเริงไวๆด้วยนะ
แล้วก็ขอให้คนแต่งๆให้กลับมารักกันไวไว อิอิ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!! ตอน 58 Apr 24, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 24-04-2010 08:09:24
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านนะครับ

ขอบคุณทุกเมนต์

ขอบคุณทุกกำลังใจ


 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!! ตอน 58 Apr 24, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 24-04-2010 08:10:55
                                                





                                                    ตอน ห้าสิบแปด




 ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ใจในมันรู้สึกยังไง เรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นมันทำให้ใจปั่นป่วน ผมน่าจะหยุดฟังเอแล้วสะสางเรื่องทุกอย่างให้มันจบไป แต่มีใครรู้ใจผมบ้างไหม รักมันมาก มากเสียจนเวลาเห็นมันอยู่กับคนอื่นผมก็โดนปิดหูปิดตา น้อยใจ ผมควรจะมีสติมากกว่านี้ แต่จะเอาสติปัญญาอะไรกับคนที่เมา เมาในรัก เมาเสียจนดึงสติออกมาไม่ได้ แต่พอผ่านเหตุการณ์มาผมก็พอมีสติ ผ่านงานแต่งของจ๋าไปแล้ว กลางเดือนพฤษภาคมโรงเรียนเปิดเทอมแล้ว บอมบอกว่าเอกลับมากรุงเทพฯแล้ว ใจเต้นสั่นไหวที่ได้ยิน เอโทรหาผมหลายครั้งแต่ผมก็ทำเป็นใจแข็ง อยากจะตบหัวตัวเองเหมือนกัน ผมน่าจะยกโทรศัพท์ขึ้นมาคุยให้รู้เรื่อง แต่ทิฐิมานะในใจมันก็สั่งห้ามไว้ พลเองก็ว่าผมว่าทำไมไม่คุยกับเอให้รู้เรื่อง แล้วมาคิดเองเออเองร้องไห้ฟูมฟายตีอกชกตัว ทำร้ายตัวเองให้ได้ประโยชน์อะไร ผมได้แต่นิ่งเงียบ บางอย่างที่อยู่ในใจแม้จะพูดจะอธิบายออกไป แต่มันก็ยังทำให้คนอื่นเข้าใจในสิ่งที่เรารู้สึกไม่ได้ ความรู้สึกในใจอธิบายเป็นคำพูดยากเหลือเกิน ผมเข้าใจว่าเพื่อนหวังดีอยากให้เรื่องมันคลี่คลาย ผมก็อยากทำแต่เข้าใจผมไหม แค่ได้ยินเสียงเอ ผมก็จิตล่องลอยไปไหนต่อไหนแล้ว ไม่มีสติ ผมยังไม่เข้มแข็งพอที่จะได้ยินเสียงมัน รักมากก็เจ็บมาก

ผมทำใจอยู่ นานกว่าจะรับโทรศัพท์ของเอ

"ตัวเอง ทำไมไม่รับโทรศัพท์เค้าเลยอ่ะ เค้าเสียใจนะ ตัวเองไม่ยอมฟังเค้าเลย"

ทันทีที่ผมกดรับสายเอก็พรั่ง พรูออกมา เสียงมันดูตื่นเต้น ระคนปนสะอื้น

"ทำไม ทำไมตัวเองไม่เชื่อเค้า ไม่รักเค้าแล้วเหรอ"

"เอ"

ผมไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดี ในใจมันสับสนวุ่นวายไปหมด

"เค้าไม่เคยรักคนอื่น รักตัวเองคนเดียว แต่ทำไมตัวเองไม่ฟังเค้าเลย"

มันพูดคำเดิมซ้ำไปซ้ำมา

"ฉัน.............. เอ่อ"

"ถึงเค้าจะหลงผิดไปวุ่นวายกับคนอื่น แต่ไม่ได้หมายความว่าเค้าจะไม่รักตัวเอง ตัวเองให้อภัยเค้าไม่ได้เหรอ ไม่ได้เลยเหรอ"

เสียงมันเครือสะอื้นไห้ พูดรัวเร็วจนผมฟังไม่ทัน

"เอ"

"เค้า ไม่มีกำลังใจจะทำอะไรเลย เค้าผิดเค้ารู้ แต่อย่าเงียบแบบนี้ เค้ายอมรับผิดแล้ว ตัวเองยกโทษให้เค้าได้ไหม"

"อย่าทำแบบนี้อีก นะเอ"

ผมยอมพูดออกไป

"หมายความว่าตัวเอง ยกโทษให้เค้าแล้วเหรอ"

เสียงมันลิงโลดดังออกมานอกโทรศัพท์จนผมต้องยก โทรศัพท์ออกห่างหู

"อืม"

"เค้ารักตัวเองที่สุดเลย เค้าสัญญาว่าจะไม่ปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก เค้าสัญญา"

ผมไม่รู้ว่าพูดอะไรออกไป คำพูดที่ทำให้มันดีใจได้ขนาดนั้น ส่วนตัวผมเองยังยืนนิ่งงงอยู่ ว่าผมทำอะไรลงไป ในใจมันไม่ปกติแล้ว เอเปลี่ยนเสียงจากสะอื้นเป็นดีใจ แม้จะไม่ได้อยู่ต่อหน้าผมก็รับรู้ได้ หลังจากที่คุยโทรศัพท์กันเอก็นัดเจอผมที่เมเจอร์เอกมัย ผมเองไม่รู้ว่าควรจะไปเจอมันหรือไม่ไปดี ในใจตอนนี้มันแปลกๆไป จากที่รักมากมายล้นใจ ผมรู้สึกหวั่นๆในใจ ความรู้สึกคนเราเปลี่ยนไปเร็วขนาดนี้เชียวหรือ แต่สุดท้ายผมก็ยอมแพ้ต่อความรู้สึกรักที่มีมากกว่าความหวั่นใจ ผมไปเจอมันตามนัด

เออยู่ในชุดนักเรียน ผมสั้นเกรียนที่ยาวขึ้นมาหน่อย ใบหน้ามันหมองคล้ำ เบ้าตาลึก ไรหนวดอ่อนที่ผมเคยรักมันโกนออกแล้ว แผลเป็นที่คิ้วซ้ายยังเด่นชัดอยู่ ผมจ้องหน้ามันอยู่เนิ่นนาน

"คิดถึงเค้าไหมคะ"

เสียงเอปลุกให้ ตื่นจากภวังค์ ผมสะดุ้งพยักหน้า

"เค้าคิดถึงตัวเองน้า คิดถึงมาก"

"เอ ทำไมไม่ดูแลตัวเองเลย"

ผมอยากจะเอื้อมมือไปจับสัมผัสใบหน้ามันเหลือเกิน พออยู่ต่อหน้าเอาเข้าจริงๆแล้วผมยังรักมันมากอยู่นั่นเอง ไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่ทำให้ใจมันหวั่นไหวออกห่างกลัวไป ทั้งที่ผมรักมันไม่เคยน้อยลงไปเลย

"ว่าแต่เค้า ดูตัวเองดิ เบ้าตาดำแล้ว เป็นน้องหลินปิงไปแล้ว อิอิ"

มันหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ผมยิ้มออกมาได้ เป็นยิ้มในรอบหลายเดือน ยิ้มครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่จำไม่ได้ ทั้งที่เรารักกันมากมายขนาดนี้ เพราะอะไรที่มันบดบังให้เราห่างจากกันนะ กรรมหรือ ความสุขที่หายไปนานส่องแสงสว่างอีกครั้ง ผมจะไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคทั้งหลายทั้งปวงแล้ว ต่อให้เกิดอะไรขึ้น เอบอกว่ามันทะเลาะกับอาจารย์ปริศนารุนแรง พังทำลายข้าวของ จนอาจารย์ปริศนาต้องส่งไปอยู่กับลุงใหญ่ที่เชียงไหม่ หวังว่าจะให้ทุกอย่างดีขึ้น แต่ไปอยู่ที่โน่นมันก็กินเหล้า สูบบุหรี่ ไม่ทำอะไรเลยนอกจากเมา ลุงใหญ่ก็ห้ามไม่ได้ แต่เอบอกว่าลุงใหญ่เข้าใจที่มันรักผู้ชาย ไม่ได้ว่ายังรับปากอีกว่าจะช่วยพูดกับอาจารย์ปริศนาให้ แต่พอพูดไปอาจารย์ปริศนาก็ลงไปอาละวาด ทะเลาะกันรุนแรงจนเองหนีออกจากบ้าน แล้วเรื่องก็เกิดขึ้น ตอนนี้ผมเข้าใจเอแล้ว ไม่ได้ว่ามันเข้าใจทุกอย่างแล้ว ผมเกือบเสียรักไปเพราะทิฐิมานะของตัวเอง เพราะความที่มัวแต่เศร้าโศกงมงมงายกับความอาดูร ผมโง่เสียจริง ฟังมันตั้งแต่แรกเรื่องมันคงจะคลี่คลายลงไปตั้งแต่วันนั้นแล้ว ไม่ต้องเสียใจทำร้ายตัวเองเป็นบ้าเหมือนอย่างนี้

"ฉันผิดเอง เอ ที่ไม่ฟังเธอ ขอโทษนะ ต่อไปนี้จะฟังเธอ จะเชื่อเธอ"

ผมพูดกับมันด้วยรอยยิ้ม เหมือนฟ้าหลังฝนเหมือนยกภูเขาออกจากอก เหมือนกำลังดำดิ่งลงในบ่อลึกเหวดำแต่ก็มีมือมาดึงคว้าขึ้นมา ไม่คิดว่าความสุขที่เกิดหลังจากมรสุมมันจะรู้สึกดีอย่างนี้ ผมไม่ใช่รักมันมากขึ้นกว่าเดิม แต่ยังมีสติเตือนใจตัวเอง ว่าทุกปัญหามันมีทางออกถ้าเราเปิดใจรับฟัง ไม่ใช่มัวแต่เศร้าใจทำร้ายตัวเอง

เอไปส่งผมที่บ้าน ความรู้สึกเดิมๆมันหวนกลับมา เวลาอยู่ใกล้เสียงหัวใจมันที่เต้นผมรู้สึกเพลินเพลินเหมือนฟังดนตรี ลมหายใจอุ่นที่ผมชอบ ความอุ่นจากกายแผ่ออกมา ผมรู้สึกดีเหลือเกิน

"พรุ่งนี้เจอกันที่เดิมนะคะที่รัก เค้าอยากดูหนัง"

"อืม แต่ฉันอาจจะเลิกค่ำนะเพราะงานค้างอยู่เยอะ"

"ดึกก็จะรอ เค้าจะรอกินข้าวกับตัวเอง"

"นะ จะทนหิวได้เหรอ ดึกนะ"

"ทนได้ สิคะ เพื่อตัวเองทนได้ทุกอย่าง"

"เอ หายโกรธบอมหรือยัง"

ผมเปลี่ยนเรื่อง เพราะดูท่าทางเอมันจะรุกหนักกว่าเดิมทั้งที่ยืนอยู่หน้าบ้าน

"โอ๊ย เค้าไม่โกรธมันหรอก วันนั้น ที่ตัวเองโดนไอ้เชี่ยบ๊อบลากไป มันก็อยู่คุยกับเค้า อ้าวแสดงว่ามันไม่ได้เล่าให้ฟังอ่ะดิ"

"อืม มันคงตกใจ เพราะคนบ้าอาละวาด"

ผมพูดแล้วหัวเราะเบาๆ ดีใจโล่งใจเป็นที่สุด เอกลับบ้านไปแล้ว ผมมองแผ่นหลังมันอย่างเป็นสุข ไม่กังวลเหมือนอย่างแต่ก่อน ผมเข้าบ้านเห็นแม่นั่งอยู่ที่ม้าหินอ่อน กำลังเลือกดอกกุหลาบที่ตัดมา

"เป็นไงบ้างลูก ดูแจ่มใสขึ้นนี่"

ผมยิ้มแล้วไปกอดแม่ ความสุขกับความทุกข์นี่มันก็แปลก ไม่เคยจะปกปิดมันได้เลย

"โยคุยกับเอแล้วแม่ เข้าใจมันผิดไป โยขอโทษแม่ด้วยนะครับ ที่ทำให้แม่เสียใจและเป็นห่วง"

"ดีแล้วลูก เห็นไหมทุกปัญหามีทางออก ถ้าเรามัวแต่เศร้าโศกเสียใจ ม่านน้ำตามันก็บังสติปัญญา แล้วน้องสบายดีเหรอลูก"

"ก็ดีครับแม่ แต่มันโทรมไปหน่อย ผอมลงด้วย"

"อืม น้องมันคงตรอมใจ นี่ล่ะลูก รักกันชอบกันต้องถนอมรักษาน้ำใจ มีสติอย่าหูเบา จิตใจต้องหนักแน่นให้มากเพราะความรักมันทำให้ใจเราล่องลอยไปได้ ถ้าลอยไปตามมันเราเองที่จะทุกข์ จริงไหมลูก"

จริงแท้ที่สุดที่ผ่านมา ผมคิดว่าผมโตพอที่จะคิดจะตัดสินใจเองได้ แต่ที่จริงแล้ว ผมก็ยังเด็กนักจิตใจผมก็เลยล่องลอยไปตามความรัก ไม่เจอหน้าก็ทุกข์ เจอเขาอยู่กับคนอื่นยิ่งทุกข์ตรมหนักทำร้ายตัวเองฟูมฟายไปยิ่งกว่าเดิม คิดว่าตัวเองมีพระเป็นที่พึ่งทางใจด้วยอานิสงของแม่ที่พาเข้าวัดตั้งแต่เด็ก แต่ที่จริงแล้วกิเลสก็ครอบงำผมอยู่ ถึงธรรมคำสอนจะดีเลิศสักเพียงใด ผมก็มองเห็นแค่หัวใจและทำตามแต่เสียงเรียกร้องของมัน รับฟังทุกคนแต่ไม่ได้ทำตาม ไม่ได้คิดตาม แค่ฟัง

ความสุขกลับคืน มาหาผมอีกครา ครั้งนี้เป็นความสุขที่ผมมองความรักในอีกแง่มุม ผมไม่งมงายตะบี้ตะบันรักเหมือนเคย อย่างอาจารย์ปริศนาเองก็คงมีเหตุผลของแกที่ทำไมกีดกัน บางเหตุผลเราไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นเข้าใจเห็นดีเห็นงามด้วย แม้ว่ามันจะทำร้ายคนที่เรารักสักเท่าใดก็ตาม เพราะทุกคนล้วนแล้วแต่มีเหตุผลส่วนตัว เพราะเราเกิดมาเป็นมนุษย์ มนุษย์ทุกคนมีความคิดมีจิตใจเป็นของตัวเอง ไม่มีใครผิดที่จะคิดมีเหตุผลของตน แต่เราจะทำใจยอมรับกับเหตุผลหรือความคิดของเขาได้หรือไม่ก็เป็นอีกเรื่อง หนึ่ง

ผมเจอเอทุกวันดูเหมือนทุกอย่างจะเข้ารูปเข้ารอยแล้ว พลเองก็เจอกับบอมเกือบทุกวันเช่นกัน แต่เอไม่อยากไปเจอสองคนเพราะอยากอยู่กับผมคนเดียวให้พอใจก่อน แม้เราจะเจอกันแค่เพียงตอนเลิกงานแต่ก็เพียงพอแล้ว ผมก็รู้สึกเป็นสุขมากแล้ว แม้ในใจอยากจะกอดมันให้สมรักแต่ก็ต้องหักห้ามใจ มันต้องมีสักวันที่ผมได้กอดมันอย่างไม่อายใคร เหมือนเคย ตราบใดมีรัก มันย่อมมีหวัง ผมท่องขึ้นใจ

"เป็นอะไรไปเอ วันนี้หน้าตาไม่ดีเลย"

ผม ทักมันตอนเย็นที่เราเจอกัน เพราะดูเอมีอะไรคิดในใจ สายตาวอกแวก

"ปะ ปล่าว ไม่มีอะไร เค้าคงนอนน้อย ตัวเอง ไปกินไอติมดีกว่า"

เอพยายามเส แสร้งปกปิด ผมก็ไม่ได้ทักอะไรมันอีก เวลาที่อยู่ด้วยกันเอก็ดูพะวง ผมชักไม่สบายใจขึ้นมา

"มีอะไรในใจหรือเปล่า เอ บอกฉันได้นะ"

"ป่ะ ปล่าว ตัวเอง อ่ะ เค้าดูแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ เมื่อคืน ไม่อยากบอก อย่าโกรธเค้าน้า"

"อะไร"

ผมเสียงเข้มขรึมขึ้น

"เค้า เล่นเกมจนเกือบเช้าอ่ะ"

เอทำหน้าเจื่อนๆ

"แหมนะ เขาแจกโล่เหรอ วันนี้ก็รู้อยู่ว่าต้องไปโรงเรียน เล่นได้นะ แต่อย่าเล่นข้ามคืนแบบนี้ เกมน่ะ เล่นเมื่อไหร่ก็ได้ ถ้าแบบนี้จะสอบเข้าได้ไหมล่ะ"

ผมบ่นแต่ไม่ได้รู้สึกโกรธมันเลย แต่เอมันยังดูกังวลอยู่จนผมบอกอีกว่าไม่โกรธ มันถึงทำหน้าดีขึ้น

"ตัว เอง เชื่อเค้านะ ไม่ว่าจะมีอะไร"

"หือ ทำไมล่ะ เชื่ออยู่แล้ว ไม่เชื่อเราแล้วจะเชื่อใคร"

ผมพูดอย่างอารมณ์ดี มองมันด้วยสายตาที่เปี่ยมรัก ยังรักเหมือนเดิม ไม่มีเปลี่ยนแปลงไปเลย ยิ่งฝ่าอุปสรรค ยิ่งรักเพิ่มทวีคูณ ขอให้รักนี้นำทางใจเราทั้งสองคนด้วยเถิด







เขียนโดย eiky
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!! ตอน 58 Apr 24, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 24-04-2010 08:26:06
นาย eiky เล่นมาจั่วหัวบอกอีกแล้วนะ

"ตัว เอง เชื่อเค้านะ ไม่ว่าจะมีอะไร"

แค่ที่ผ่านมา ปี่แตกไปแปดบ้าน


เธอเล่นมาแหย่ให้อยากรู้อีกละ

แต่ชีวิต มันไม่ได้สมบูรณ์พร้อมไปทุกเรื่องใช่ไหม

มีสุก มีทุกข์ ควบคู่กันไปตลอด  :เฮ้อ:

วันนี้ +1 ให้ก็ได้
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!! ตอน 58 Apr 24, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: bvan ที่ 24-04-2010 09:01:24
 :o12: :o12: :o12:to be cotinue na i want to know :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!! ตอน 58 Apr 24, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: the_pupae ที่ 24-04-2010 11:06:39
 อ่านแล้วสงสารสุุดๆ จะมีอะไรอีกมั้ยเนี่ย :serius2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!! ตอน 58 Apr 24, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Vesi ที่ 24-04-2010 12:45:07
เข้าใจกันละ
ต่อจะมีีอะไรเลวร้ายไปกว่านี้อีกมั้ย
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!! ตอน 58 Apr 24, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: railay ที่ 24-04-2010 13:12:30
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!! ตอน 58 Apr 24, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 24-04-2010 13:37:06
ประโยคเอมันแหม่งๆอีกแล้ว
คราวที่แล้ว SMS ประมาณนี้ ไปเจออีกทีอยู่กับผู้หญิง
คราวนี้มาอีกแล้วประโยคนี้ จะมีอะไรอีกมั้ยเนี่ย :เฮ้อ:

เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!! ตอน 58 Apr 24, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: iiดาวพระสุขლii ที่ 24-04-2010 14:08:50
ตราบใดที่มนุษย์ รักคนอื่นมากกว่าตนเอง... แม้ว่าเค้าจะทำผิดซักกี่ครั้ง ก็ยังคงให้อภัยเสมอ.....

เราว่าเอรักโยนะ.....
แต่เหมือนเอรักตัวเองมากกว่าโย.....

ส่วนโยก็รักเอมากกว่าตัวเอง....

อ่านมาท้ายๆ ก็เดาว่าน่าจะมีอะไรซักอย่างเกิดขึ้น....

มันก็ต้องให้มันเป็นไป...   แต่ถ้าแผลเก่ายังไม่หายสนิท แล้วมีเรื่งมาซ้ำรอยแผลเดิมอีก...
ไม่แน่ใจว่า คนที่อ่อนไหวอย่างโย จะรับได้มั้ย.เหมือนกันเนอะ...

อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด....  เราบังคับใจใครได้ที่ไหนเล่าเนอะ..

 :L2:  ให้คนแต่งจ้า....
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!! ตอน 58 Apr 24, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 24-04-2010 15:16:56
 :เฮ้อ:

เมฆหมอกชุดเก่ายังไม่ทันจะจางดี  ชุดใหม่ก็จะเข้ามาบดบังท้องฟ้าที่สดใสอีกแล้ว

ไม่รู้ว่าโยจะทำใจได้ไหม  จะสติแตกมากกว่าเดิม  หรือ ประคองสติให้อยู่ในโลกของความเป็นจริงได้ไหม

เจ้าน้องเอก็ดูยากเหลือเกิน  เหมือนจะรักโยมากๆ  แต่ก็ ก่อเรื่องทุกข์ใจให้โยไม่จบไม่สิ้น

บางครั้งนะ เวลาโยสติแตกมากๆ เคยคิดว่า โยน่าจะความจำเสื่อมลืมเฉพาะเรื่องของเอไปเลย  จะได้ไม่ทรมานอย่างนี้

ดูโหดร้ายเนาะ   :m17:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!! ตอน 58 Apr 24, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Vicky ที่ 24-04-2010 16:47:49
 :z3: :z3:

มาต่อไวไวนะค้าา เหมือนจะค้างเลย


 :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!! ตอน 58 Apr 24, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 24-04-2010 17:44:38
เอ พูดแปลกๆ สงสัยจะมีเรื่องอะไรอีกแล้วละมั้งเนี่ย  :z3:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!! ตอน 58 Apr 24, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: kanda53 ที่ 24-04-2010 19:30:52
โยเอ๋ย......หัวใจต้องดามเหล็กอีกครั้งแล้วมั๊ง....
เชื่อว่าเอรักโยจริง....แต่ครั้งนี้...โยจะทนได้แค่ไหน
จิตใจของโยอ่อนไหวเกินไป   สงสารโยมาก.... :เฮ้อ:
 :L2: น้อง eiky
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!! ตอน 58 Apr 24, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 24-04-2010 21:10:50
ขอบคุณคร้าบบบ


วันนี้เหน็ดเหนื่อย งานเยอะแยะ

เดี๋ยวดึกมา ลงให้อีกตอนนะคร้าบ


รออ่านด้วยน้าาาาา

ให้ทุกคนที่น่ารักของผม

 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!! ตอน 58 Apr 24, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Xfish ที่ 24-04-2010 21:39:16
รออ่านอยู่นะเทอ.....
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!! ตอน 58 Apr 24, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 24-04-2010 21:57:20
eiky ป้าแก่ๆจะรอดูตอนรันทดอยู่อีกนะ

แบบว่าตอนนี้หัวใจกลับมาเหมือนเดิมแล้วไง

(ประมาณว่าสามารถยั่วประสานคนอื่นได้เหมือนเดิมแล้ว)

ถ้า eiky มาช้ามาก อีป้าแก่ๆ จะทำโทษ  o18 ด้วยความรักนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!! ตอน 58 Apr 24, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Na_RimKLonG ที่ 24-04-2010 22:29:21
โอ๊ยยย
รันทดเหลือหลายย

เฮ้ออ  คนรักกันก็ต่อเชื่อใจกันอ่ะเนอะๆๆๆ 
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!! ตอน 58 Apr 24, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 24-04-2010 23:16:23
บางเหตุผลเราไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นเข้าใจเห็นดีเห็นงามด้วย แม้ว่ามันจะทำร้ายคนที่เรารักสักเท่าใดก็ตาม เพราะทุกคนล้วนแล้วแต่มีเหตุผลส่วนตัว เพราะเราเกิดมาเป็นมนุษย์ มนุษย์ทุกคนมีความคิดมีจิตใจเป็นของตัวเอง ไม่มีใครผิดที่จะคิดมีเหตุผลของตน แต่เราจะทำใจยอมรับกับเหตุผลหรือความคิดของเขาได้หรือไม่ก็เป็นอีกเรื่อง หนึ่ง
คนเรานี่คิดนี่คิดได้แต่ทำน่ะไม่ง่ายเลย :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!งวดเข้ามาแล้วคร้าบบ ตอน 59 Apr 25, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 25-04-2010 00:10:11
                                                   เรื่องงวดเข้ามาแล้วน้า





                                                  ตอน ห้าสิบเก้า





 พอมีแสง แห่งรักหัวใจก็เอิบอิ่มรับแสงนั้น ผมกลับมาเป็นคนเดิม กลับมาร่าเริงเหมือนเดิม แม้จะยังพูดน้อยอยู่แต่ก็ไม่ทำให้ใครลำบากใจแล้ว เจอกับเอกลายเป็นกิจวัตรประจำวันไปแล้ว ผ่านเรื่องราวเลวร้ายมาได้สองสัปดาห์ แต่เหมือนเราจะเข้าใจกันมานาน เอมันยังทะลึ่งเหมือนเดิม เพียงแต่พักหลังมันดูขรึมไป พอถามก็บอกเล่นเกม ผมจึงไม่อยากจะซักไซร้อะไรมันมาก ผมเข้าใจว่าบางทีความในใจมันก็ยากที่จะเผยออกมา คนเราทุกคนมีความลับที่บอกใครไม่ได้แม้แต่ตัวเอง ถึงจะรักจะใครกันแค่ไหนก็ตามเรื่องบางเรื่องก็อยากจะเก็บมันไว้ในใจคนเดียว ไปจนวันตาย

วันศุกร์ปลายเดือนพฤษภาคม ผมมีนัดกับเอ พลก็มีนัดกับบอม เรานัดรวมกันที่เซ็นทรัลเวิร์ลเหมือนเคย พลดูกระดี้กระด้าแม้จะเจอกับบอมเกือบทุกวัน ผมเองก็สุขใจได้เจอกับเอทุกวันทำให้ผมมีความสุข

"ตกลงคบกันแล้วใช่ ไหมแก"

ผมถามขึ้นระหว่างทาง พลอายหน้าแดง

"บ้าเหรอแก คบอะไรกัน แค่ไอ้บ้านั่นมันให้ฉันไปเลี้ยงข้าว เลี้ยงหนัง"

"แหมแก จะปิดฉันทำไม ปกติแแกไม่ใส่ใจใครเท่าบอมมาก่อน คบกันก็บอกมาเถอะ"

พล ไม่ตอบแต่ยิ้มหน้าแดงแทนคำตอบผมจึงไม่ซักมันอีก พอถึงที่นัดก็เจอเอกับบอมนั่งรออยู่ก่อนแล้ว

"ไงพี่พล ไม่เจอตั้งนาน สบายดีไหม"

เอทักทาย

"อืมก็ดี เราล่ะ หน้าตาดูดีขึ้นนี่"


"ได้ยาดีพี่ ว่าแต่พี่ทำไรไอ้บอม ไอ้เชี่ยบอมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เวลาเรียนก็ไม่เป็นอันเรียน"

"อ้าวเชี่ย เอ มึงเหมือนกันล่ะ ช่วงนี้ทำหน้าวิตกกังวล ดีกับพี่โยแล้วยังคิดมากอยู่เหรอมึง"

"ไอ้ห่า กูไม่ได้วิตกซะหน่อย ปากดีนะมึง"

"อ้าว ไอ้เชี่ย ทำไมต้องขึ้นเสียงขนาดนี้ด้วยวะ กูเห็นยังไงก็ก็พุดอย่างนั้น"

เอขึ้นเสียงดุจนเราทั้งสามคนแปลกใจ ผงะกันไปตามๆกัน มันมีอะไรในใจนะ ผมได้แต่คิดในใจเพราะแม้ถามไปเอมันก็ไม่บอก เราไปกินข้าวกันสักพักบอมก็นึกขึ้นได้ว่ามีนัดทำรายงานกลุ่มเอก็ต้องไปด้วย เราจึงแยกกันกลับบ้าน พลแวะมาส่งผมส่วนเอกับบอมก็ไปบ้านบ๊อบเพื่อทำรายงาน

"เหมือน เอ มันมีอะไรในใจเหรอแก ดูขรึมๆไปนะ"

"อืม มันบอกว่ามันนอนน้อยติดเกม ก็เลยไม่ได้ถามอะไรมาก"

"มันแปลกๆนะ เดี๋ยวนี้ ไม่เห็นร่าเริงเหมือนก่อน แกเห็นบอมว่ามันไหมล่ะ ทำไมมันต้องขึ้นเสียงโกรธขนาดนั้นด้วย"

"มันคงยังไม่พร้อมที่จะบอกแก ถ้ามันพร้อมมันคงไม่ปิดหรอก เอมันไม่ใช่คนมีความลับอะไร"

พลพูดให้ ได้คิด ผมต้องหาเวลาคุยกับเอให้ได้แล้ว เพราะเอมันก็แปลกไปจริงๆ ผมคงไม่ได้ใส่ใจในเรื่องนี้มากนักเพราะคิดว่าเวลาที่มันอยู่กับผม เอมันก็ปกติดี พลเลี้ยวรถเข้าในซอยบ้าน พอจะถึงหน้าบ้านก็ต้องชะงักกันทั้งสองคน เพราะมีคนมารออยู่หน้าบ้าน แม่ไปวัดตามปกติจึงไม่ได้มาเปิดประตูบ้านให้ เด็กผู้หญิงสองคนที่ยืนอยู่หน้าบ้านหน้าตามันคุ้นเคยเสียเหลือเกิน

พล รีบจอดรถชิดกำแพงบ้านมันรีบลงไปก่อน

"แหม อีนี่กล้ามาถึงนี่เชียวหรือ ขอตบจริงๆสักฉาดหน่อย"

ผมนั่งนิ่งมึนงง อยู่ นี่อะไรอีก จะมาหาผมทำไม

"มีอะไรหล่อน มาที่นี่ทำไม"

พล แว๊ดเสียงใส่ มือชี้หน้ายืนเท้าสะเอว ผมลงจากรถไป ตกใจตื่นกลัวอยู่

"กู ไม่ได้อยากคุยกับมึง กูอยากคุยกับอีตุ๊ดนั่น อย่าเสือก"

เพื่อนของ เธอแว๊ดพลกลับ พลโกรธหน้าแดง

"แล้วเธอล่ะเป็นใคร ไม่ให้เจ้าตัวเขาพูดเอง อย่างนี้ก็เสือกสิ อีชะนี"

"อีตุ๊ดนี่"

"ทำไม ตบกันสักฉาดมั้ยล่ะ คันมือตั้งแต่ที่โน่นแล้ว อยากเอาเลือดปากชะนีออกสักที"

"มีอะไรกับฉัน"

ผมพูดขึ้นบ้าง เพราะเสียงของพลเริ่มดัง จุดประสงค์ของเด็กผู้หญิงสองคนนี้คงต้องการคุยกับผม

"หนูมาขอร้องพี่ ปล่อยเอไปเถอะ"

เด็กผู้หญิงคนนั้นพูดออกมา เสียงมันดูแปลกๆ

"ต๊าย หน้าด้าน จำใส่กะโหลกไว้สิหล่อน หล่อนน่ะเป็นชะนี เที่ยวเร่ขอผู้ชายแบบนี้ ไม่อายเหรอ"

พลยังแว๊ดไม่หยุด

"หนูท้อง!!!!"

เธอ ร้องไห้ออกมา ผมตะลึง พูดไม่ออก

"อะไรนะ!!!!"

พลร้องเสียงหลง ผมยังนิ่งหน้าซีดอยู่ความคิดต่างๆที่มันสะสมเป็นปม ยืนเซไปจะติดกำแพงต้องเอามือพยุงไว้ นี่สินะที่เอมันขรึมๆเงียบไป

"ท้อง กี่เดือน"

พลถามหน้าตาอย่างกะจะกินเลือดกินเนื้อ

"สองเดือน แล้ว"

เธอพูดลอดออกมาจากไรฟัน เพื่อนเธอเอามือสะกิดทันที

"เอ้อ เดือนนึงแล้ว"

"เอาให้แน่หล่อน กี่เดือน"

พลขู่ทำท่าเหมือน จะบีบคอมันทั้งสอง

"ก็ท้องน่ะพี่ พี่ปล่อยเอไปได้แล้ว พี่จะกักตัวเอไว้ทำไม เอเป็นพ่อของเด็กในท้องหนูนะ"

เธอแว๊ดเสียง ขึ้น ผมสูดลมหายใจเข้า พอกันที

"นี่หนู หนูเจอกับเอเมื่อไหร่ครับ พี่จำได้ว่าเอมันไปเชียงใหม่ตอนปลายมีนา ได้เจอกับหนูน่าจะก่อนสงกรานต์ เจอกันแล้วมีอะไรกันเลยเหรอ พี่ว่าน่าจะหลังจากนั้น แล้วท้องน่ะไปหาหมอตรวจแล้วเหรอครับ พ่อแม่รู้หรือยัง ท่าทางเรายังเรียนมัธยมอยู่เลยนี่ จะดีเหรอ"

ผมพูดขึ้นมาเสียงเรียบ ดูปกติ พลมองหน้าผม

"ใช่ อีกอย่างเห็นเอบอกว่าลุงใหญ่มาเจอก่อนยังไม่ได้มีอะไรกัน แล้วหนูแน่ใจเหรอว่าท้องกับเอ"

"พี่ ทำไมพูดแบบนี้ หนูเป็นผู้หญิงหนูเสียหายนะ"

"รู้ว่าเสียหาย ต้องมาถึงนี่ มาขอผู้ชายกับเกย์เลยเหรอหนู อย่างนี้เหรอ ที่เสียหาย"

พลเหน็บ เพื่อนของเธอกรี๊ดขึ้น

"หนูขอร้องพี่ หนูยุ่งกับเอคนเดียว แม้เอจะรักตุ๊ด แต่เอก็ต้องเป็นพ่อเด็ก เห็นใจหนูด้วย"

ผมเม้มปาก สูดลมหายใจเข้าปอดอีกครั้ง

"หนู พี่ไม่ได้กักตัวเอไว้นะ ไม่ได้ผูกติดไว้กับตัว หนูอยากได้เอก็ไปบอกเอ มาบอกพี่ทำไม หนูจะมีอะไรกันจริงไม่จริงพี่ไม่สน แต่อย่ามายุ่งกับพี่ อีกอย่าง หนูตรวจให้แน่ใจก่นอดีไหมว่าท้องกับเอจริง ถ้าจริงเอต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว แต่ถ้าไม่จริงหนูก็อย่าทำแบบนี้เลย มันไม่ดี"

"อีนี่"

เธอ แว๊ดเสียงขึ้นทั้งที่ผมยังพูดไม่จบผมจิกสายตาที่เธอ

"มันไม่ดีที่ไม่ ใช่แค่ความอยากได้ของหนูแล้วมันจะทำลายชีวิตของใครอีกหลายคน จำเอาไว้ ตอนทำทำไมไม่คิด แล้วตอนนี้จะมาเรียกร้องเอาอะไร ผิดคนแล้วหนู ไปคุยกับเอให้รู้เรื่อง ไม่ใช่พี่"

ผมแย้งขึ้นมาพูดจนจบ

"โย"

พล เรียกชื่อผมอ้าปากค้าง คงไม่คิดว่าผมจะพูดแบบนี้ออกไป แต่ผมไม่อยากรับฟังอะไรแล้วในใจตอนนี้เหมือนโดนลนด้วยไฟเต้นตึกตัก อยากคุยกับเอให้รู้เรื่อง

"พี่ก็รู้ว่าระหว่างพี่กับเอมันเป็นไปไม่ ได้ พี่เป็นตุ๊ด......เป็นผู้ชายด้วยกัน มันไม่มีทางเป็นไปได้"

เธอ ร้องไห้ออกมา ตีโพยตีพาย

"แล้วไงยะ กับหล่อนมันเป็นไปได้เหรอ หล่อนเป็นชะนีแล้วไง มีปัญญาทำให้มันรักไหมล่ะ ไม่มี๊ มีแต่ตุ๊ด อย่างที่เธอเรียกนี่ล่ะ ที่ทำให้มันรัก เก่งจริงก็ทำให้เขารักเธอทั้งตัวทั้งใจสิ ตอนนั้นน่ะเธอไม่ต้องลำบากมาถึงนี่หรอก นอนแผ่อยู่บ้านมันก็ไปหาเอง ถ้าเธอดีจริง มีค่าจริง"

พลพูดเน้นคำต่อคำเสียงกรี้ดดังลั่น เพื่อนของเธอทำท่าจะโผเข้ามาหาพล แต่พลชี้นิ้วกราดไว้ เธอจึงผงะออกไป เราเถียงกันอยู่นานกว่าที่ทั้งสองคนจะยอมไป ผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นมาอีกแล้ว สับสนไปหมด ไม่ร้องไห้ แต่สั่นระริกไปทั้งตัว พลลากผมเข้าบ้านไป พอเข้าบ้านได้น้ำตาก็ร่วงออกมา

"มัน เกิดอะไรขึ้นแก"

ผมร้องไห้แม้จะไม่ฟูมฟายแต่ความสับสนในใจมันก็ผัน เป็นน้ำตาไหลออกมา

"ใจเย็นๆแก ดูเท่าที่มันพูดมันก็ไม่น่าจริงแล้ว อีห่า รู้ด้วยนะว่าประมาณเดือน สองเดือน มีกะเกณฑ์กันได้ด้วยเหรอท้องน่ะ"

"นี่ มันอะไรกันนักหนา"

ผมซุกมือเข้ากับหน้าร้องไห้ออกมา หลายสิ่งในใจระคนกันไปหมด

"ถ้ามันท้องกับเอจริงล่ะแก"

ผม เริ่มเพ้อออกมา

"ไม่หรอกแก ใจเย็นๆ ถ้ามันท้องกับเอจริง แกก็ทำใจไว้หน่อยนะโย"

ผมไม่ได้ยินเสียงปลอบของพล หูอื้อตาลายไปหมด อยากคุยกับเอให้รู้เรื่อง พลโทรศัพท์หาเอทันที พลบอกว่าเอจะรีบมาทันที ระหว่างที่รอใจผมก็กระสับกระส่ายอยู่ไม่เป็นสุข แม้จะไม่ร้องไห้แล้ว แต่ในใจก็เดือดระอุอยู่ ถ้าผมต้องเสียเอไปจริงๆ ผมจะทำยังไงดี ผมนั่งทรุดตัวลงกับม้านั่งคิดวกวนหลายตลบ จนเอกับบอมเข้ามาในบ้าน

"เอ"

ผม ร้องเรียกเสียงแหบแห้ง

"ไหนว่ามาซิเอ มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมอีนั่นมันบอกมันท้อง แต่เราบอกไม่ได้มีอะไรกัน เอาให้แน่"

พล จ้องเอตาเขม็ง

"เอ่อ......"

"ว่าไงเอ เอาให้เคลียร์"

"ผม จำไม่ค่อยได้แล้ว แต่ไม่น่าจะมีอะไรกัน เพราะลุงใหญ่ไปพากลับบ้าน"

"หา จำไม่ได้ แล้วลุงใหญ่พากลับตอนไหน ตอนที่ยังไม่ทำหรือตอนทำเสร็จแล้ว เอ ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะ รู้ไหม อีนั่นมันท้อง"

พลขึ้นเสียงดัง เสียงที่กรีดลงไปในความรู้สึกของผม ผมได้แต่นั่งนิ่ง

"ผมจำไม่ได้ จริงๆพี่"

เอเสียงสั่น หน้าซีด

"จำไม่ได้!!! มักง่ายไปหน่อยไหม ห๊า นี่มันล่วงเลยมาขนาดนี้ยังจะมาบอกจำไม่ได้ ทุเรศ"

พล ขึ้นเสียงเกรี้ยวกราด

"เอ เอาเถอะ ต่อจากนี้ไม่ว่าอะไรมันจะเกิด เตรียมใจรับมันให้ดี"

ผมพุดขึ้นบ้าง มองหน้ามันอย่างเคลือบแคลงใจ

"ตัว เอง ทำไมพูดแบบนี้ เค้าไม่รู้เค้าจำไม่ได้"

"เอ ฉันรู้ มันเกิดขึ้นแล้ว เราเป็นผู้ชายเราต้องรับผิดชอบนะ"

"ไม่เอา เค้าจะอยู่กับตัวเอง เค้าไม่เอา"

มันร้องไห้ออกมาเข้ามากอดผมไว้ ตอนนี้ผมนั่งนิ่งเหมือนก้อนหินตัวแข็ง แต่ในใจมันร้อนระอุรอระเบิดออกมา

"อย่า ทำแบบนี้ เค้าไม่ได้มีอะไรกับอีนั่น เค้าไม่ได้มีอะไรกัน ตัวเองเชื่อเค้าน้า"

มันร้องไห้ฟูมฟาย น้ำตาผมเริ่มซึมออกมาแต่ผมก็กระพริบตาถี่ๆไล่ให้มันไป

"ฉันเชื่อเธอ นะเอ ฉันเชื่อเธอ ไม่ว่าจะยังไงก็เชื่อเธอเสมอ แต่เอ ความจริงมันก็คือความจริง เราหนีมันไปไม่พ้นหรอก"

"ไม่เอา ไม่เอาแบบนี้ เค้าจะบอกลุงใหญ่ให้ลุงใหญ่มาอธิบาย ตัวเอง อย่าทำแบบนี้ อย่าเย็นชากับเค้าแบบนี้"

เอร่ำไห้ปานใจจะขาด ส่วนผมนั่งนิ่งไร้ชีวิตจิตใจ มีเพียงน้ำตาที่ซึมออกจากหางตา พลกับบอมยืนดูอยู่

"ตัวเอง เค้ารักตัวเองคนเดียว รักมากรู้ไหม ถึงเค้าจะหลงผิดไป เค้าไม่มีทางทำแบบนั้นแน่นอน ตัวเอง เชื่อเค้านะ"

"เอ จำไว้นะไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น รู้เอาไว้ฉันยังไม่เสื่อมคลายใจที่มีต่อเธอ มันยังเหมือนเดิม ยังคงเดิม"

ผมพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ จ้องหน้ามันแน่นิ่งยาวนาน รู้ไหมเอ ตอนนี้ฉันเจ็บปวดมากเหลือเกิน ถ้าหากฉันต้องเสียเธอไปจริงๆ ฉันเชื่อเธอมาโดยตลอดไม่เคยแคลงใจเลย แต่เรื่องวันนี้ ถ้ามันเป็นจริง อยากให้รู้ไว้ว่าเสียใจเหลือเกิน

เอคร่ำครวญอยู่วกไปวนมาประโยคเดิม ผมสงสารมันเหลือเกิน แต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้ ถ้ามันเป็นจริงขึ้นมาไม่ใช่เธอหรอกเอที่จะเจ็บปวด คนที่เธอกำลังกอดอยู่นี่ล่ะที่จะเจ็บปวดมากที่สุด ผมวานให้บอมพาเอกลับไปส่งที่บ้านเพราะพลนอนค้างกับผม พอเอลับตาไป ใจหายล่องลอยไป นี่ผมปล่อยให้เอหลุดมือไปอีกแล้ว ปล่อยให้มันหันหลังจากผมไปอีกแล้ว พอเอไป ผมก็นั่งร้องไห้สะอื้นออกมาอย่างสุดกลั้น พลเข้ามากอดไว้ ผมไม่ฟูมฟายตีอกชกตัวอย่างเดิมแล้ว พยายามคิดพยายามมีสติ แต่ท่านผู้รู้เอย โปรดรู้ไว้เถิดร้องไห้เหมือนคนบ้ามันไม่ทรมานเหมือนเก็บความตรมระทมทุกข์ไว้ในใจ ข้างในกายร้อนแรงดังถูกไฟบรรลัยกัลป์แผดเผา ทรมานเป็นที่สุด




รักทุกคนคร้าบบบบ

 :L2: :L2:


เขียนโดย eiky
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!งวดเข้ามาแล้วคร้าบบ ตอน 59 Apr 25, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 25-04-2010 00:38:13
ยังมีอะไรที่ยังจะเลวร้ายหนักหนามากกว่านี้อีกมั๊ย คนคนนึงทำไมถึงได้โชคร้ายเจออะไรได้มากมายขนาดนั้น อยากให้มันแค่ฝันร้ายจังนะ :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!งวดเข้ามาแล้วคร้าบบ ตอน 59 Apr 25, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: J๐ly ที่ 25-04-2010 00:48:56
โอ้ย ปวดใจแทน



เจ้าของนิยาย แต่งหนังสร้างละครเหอะ 100 ล้านแน่



 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!งวดเข้ามาแล้วคร้าบบ ตอน 59 Apr 25, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 25-04-2010 00:52:22
โอ้ย ปวดใจแทน



เจ้าของนิยาย แต่งหนังสร้างละครเหอะ 100 ล้านแน่



 o13 o13 o13 o13

เรามาร่วมทุนกันนะ อิอิ ผมจะคัดตัวแสดง อิอิ กับเป็นผู้ช่วยผู้กินกับ เอ้ย ผู้กำกับ

ขอบคุณนะคร้าบบบ

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!งวดเข้ามาแล้วคร้าบบ ตอน 59 Apr 25, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: iiดาวพระสุขლii ที่ 25-04-2010 00:59:45
อืม......

ร้องออกมาเถอะ ถ้ามันทำให้ความทุกข์เบาบางลง....
แต่อย่าลืมว่า...ต่อให้ร้องไห้เท่าไหร่ ความทุกข์ก็ไม่มีวันจางหาย....

เราต้องลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากมัน...เท่านั้นแหละ...

เข้มเเข็งมากๆ ความเข็มแข็งและอดทน เท่านั้นจะทำให้เราหลุดออกจากวังวนแห่งความทุกข์ในสักวัน....


จากประสบการณ์จริงนะ  คึคึ  ......   



 :L2:  ให้คนแต่งจ้า.... 
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!งวดเข้ามาแล้วคร้าบบ ตอน 59 Apr 25, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Vesi ที่ 25-04-2010 01:01:55
ตายห่าแล้ว มีชะนีอุ้มท้อง? มาเรียกร้องถึงถิ่น จะท้องจริงหรือท้องลม เดี๋ยวได้รู้กัน
สะใจคำพูดพลอ่ะ เอาไปเลย ๑๐ กระโหลก
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!งวดเข้ามาแล้วคร้าบบ ตอน 59 Apr 25, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: zeazaiz ที่ 25-04-2010 01:36:24
สร้างเรื่องเข้ามาไม่หยุดเลยนะเอ
สงสารโย


หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!งวดเข้ามาแล้วคร้าบบ ตอน 59 Apr 25, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: kannooh ที่ 25-04-2010 02:13:43
อร๊ายยยยยยยยย

นิยายรันทดแห่งปี
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!งวดเข้ามาแล้วคร้าบบ ตอน 59 Apr 25, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: K2KARN ที่ 25-04-2010 02:51:39
โอ้ย! อยากจะตีอกชกตัวทึ้งหัว
บทกลับมาดีกันรักกันก็มีเรื่องขึ้นมาอีก
มันอะไรกันเนี่ย สงสารโยนะ
ทำไมต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!งวดเข้ามาแล้วคร้าบบ ตอน 59 Apr 25, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: benxine ที่ 25-04-2010 09:08:58
 :monkeysad: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!งวดเข้ามาแล้วคร้าบบ ตอน 59 Apr 25, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: clubza ที่ 25-04-2010 09:41:36
     
   ท้องเหรอไม่มีปัญหาตรวจได้ เดี๋ยวนี้วิทยาการทางการเเพทย์

ออกจะทันสมัย  สามารถตรวจ   ดีเอ็นเอ   ได้
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!งวดเข้ามาแล้วคร้าบบ ตอน 59 Apr 25, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 25-04-2010 10:19:33
eiky ทำให้เห็นว่า

นี่แหละที่เรียกว่า "คน"

ทุกข์ กับ สุข ปนเป กันไปเสมอ

ไม่มีใคร สุข หรือ ทุกข์ แต่เพียงด้านเดียว

สิ่งที่อยู่คู่กัน ก็ต้องอยู่คู่กันไปเสมอ

ไม่มีสิ่งใดอยู่อย่างโดเดี่ยว ได้ตลอดไป

และโย กับเอ ก็เป็น คน นี่คะ



รักเสมอ นะนาย eiky  :กอด1: +1 too

แต่ ...........





เอาส่วนที่ต่อจากตอนนี้มาด่วนคะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!งวดเข้ามาแล้วคร้าบบ ตอน 59 Apr 25, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: railay ที่ 25-04-2010 11:13:47
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!งวดเข้ามาแล้วคร้าบบ ตอน 59 Apr 25, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 25-04-2010 11:56:08
โอ้ย ปวดใจแทน



เจ้าของนิยาย แต่งหนังสร้างละครเหอะ 100 ล้านแน่



 o13 o13 o13 o13

เรามาร่วมทุนกันนะ อิอิ ผมจะคัดตัวแสดง อิอิ กับเป็นผู้ช่วยผู้กินกับ เอ้ย ผู้กำกับ

ขอบคุณนะคร้าบบบ

 :กอด1:



อีป้าแก่ๆ จองธุรกิจกองถ่ายเองนะ งานถนัดป้าเลยละ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!งวดเข้ามาแล้วคร้าบบ ตอน 59 Apr 25, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: salawinyeen ที่ 25-04-2010 14:43:12
 :เฮ้อ:     ไม่มีอะไรจะพูด อ่านไปใจเต้นไป อิอิ   


               รีบๆมาต่อนะครับ




              :)
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!งวดเข้ามาแล้วคร้าบบ ตอน 59 Apr 25, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 25-04-2010 14:50:09
 :เฮ้อ: เอาเหอะ อะไรจะเกิดก้อต้องเกิด
ไม่คิดว่าน้องจะท้องจริง แต่ถ้าจริงก้ออยากรู้เหมือนกันว่าคุณแม่น้องเอจะทำไง
ไม่อยากให้รักกับผู้ชาย ทีนี้เลยมีหลานตั้งแต่ลูกยังไม่ได้เข้ามหา'ลัยเลย เหอๆ

เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!งวดเข้ามาแล้วคร้าบบ ตอน 59 Apr 25, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: ferly ที่ 25-04-2010 16:57:50
เมื่อไหร่จะหวานอย่างที่ไม่ต้องมีมารมาขัดความสุข?

-*-

อ่านตอนหลังๆ แล้วมีแต่ตอนเศร้า รู้สึกไม่ค่อยดี (ท่าจะบ้าหว่ะ) =o="

สงสารโย T^T
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!งวดเข้ามาแล้วคร้าบบ ตอน 59 Apr 25, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 25-04-2010 17:05:42
โอ้ย ปวดใจแทน



เจ้าของนิยาย แต่งหนังสร้างละครเหอะ 100 ล้านแน่



 o13 o13 o13 o13

เรามาร่วมทุนกันนะ อิอิ ผมจะคัดตัวแสดง อิอิ กับเป็นผู้ช่วยผู้กินกับ เอ้ย ผู้กำกับ

ขอบคุณนะคร้าบบบ

 :กอด1:



อีป้าแก่ๆ จองธุรกิจกองถ่ายเองนะ งานถนัดป้าเลยละ


งั้นเรามาทำหนังกันเถอะครับ ป้าคุณJoly อิอิ

 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!งวดเข้ามาแล้วคร้าบบ ตอน 59 Apr 25, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 25-04-2010 17:22:50
โอ้ย ปวดใจแทน



เจ้าของนิยาย แต่งหนังสร้างละครเหอะ 100 ล้านแน่



 o13 o13 o13 o13

เรามาร่วมทุนกันนะ อิอิ ผมจะคัดตัวแสดง อิอิ กับเป็นผู้ช่วยผู้กินกับ เอ้ย ผู้กำกับ

ขอบคุณนะคร้าบบบ

 :กอด1:



อีป้าแก่ๆ จองธุรกิจกองถ่ายเองนะ งานถนัดป้าเลยละ


งั้นเรามาทำหนังกันเถอะครับ ป้าคุณJoly อิอิ

 :-[ :-[



ไม่ใช่ Joly นะ eiky แต่เป็น Jessica Simson ต่างหาก หุๆ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!งวดเข้ามาแล้วคร้าบบ ตอน 59 Apr 25, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: kongkilmania ที่ 25-04-2010 17:26:54
  ^
  ^
  ^
เข้าโรงฉายเมื่อไหร่จะเกณฑ์เพื่อนพ้องน้องพี่ไปดู "ภาพยนตร์รักสุดรันทดแห่งปี" นะคะ   :z2:
the letter ของเจ๊แอนกะเฮียหนุ่มมีหนาวแน่!!!!!!! 555
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!งวดเข้ามาแล้วคร้าบบ ตอน 59 Apr 25, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 25-04-2010 18:41:23
+1 คะ
ถ้าสร้างหนังเรื่องนี้  สงสัยน้ำตาท่วมโรงหนังแน่นอนเลย มาม่าเอ้ย!!! ดราม่าขนาดนี้(อิอิ ขอยืมนิดนึงนะคะน้องดาวพระศุกร์)

โยเริ่มมีพัฒนาการที่ดีขึ้นแล้วนะ  รู้จักฟัง ก่อนที่จะตีโพยตีพายไปเองก่อน

แล้วก็ไม่ฟูมฟามจนสติแตก แล้วเนาะ  แต่ก็เข้าใจนะว่าถ้าร้องไห้แบบสุดๆมันจะโล่ง ไม่ทรมานเหมือนเหมือนน้ำตกใน

ยังไงก็สู้ๆทั้งโย ทั้งเอ  เท่าที่ฟังชะนีเหนือ ก็เข้าใจว่าสาวเจ้าแค่หาพ่อให้ลูกในท้องซึ่งน่าจะไม่ใช่ลูกของเอหรอก

แต่ประเด็นที่ทำให้น่าเจ็บใจคือเอทำอะไรไม่คิด จนเรื่องเลยเถิด วุ่นวายมาถึงขนาดนี้
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!งวดเข้ามาแล้วคร้าบบ ตอน 59 Apr 25, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: lomekung ที่ 25-04-2010 20:59:12
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!งวดเข้ามาแล้วคร้าบบ ตอน 59 Apr 25, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: kanda53 ที่ 25-04-2010 21:23:02
ครั้งนี้โยมีสติมากขึ้น   o13
ต่อให้เจ็บปวดอย่างไร...แต่ถ้ามีสติ  ก้อน่าจะผ่านไปได้
คราวนี้..คุณแม่น้องเอจะทำอย่างไร....รับได้ไหม????  :เฮ้อ:

 :กอด1:  น้อง eiky ค่ะ

หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!งวดเข้ามาแล้วคร้าบบ ตอน 59 Apr 25, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Natavishi ที่ 25-04-2010 21:25:21
 :laugh: :laugh: :laugh:

นู๋ โย กลับมาดีแล้ววว

 o13 o13
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 60 Apr 26, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 26-04-2010 00:03:27
                                      โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบบ แต่ยังไม่จบน้า







                                            ตอน หกสิบ




 ผมนั่งทรุดตัวลงกับโซฟา น้ำตาซึมแต่ไม่ร้องไห้ฟูมฟาย นี่น้องคนนั้นท้องจริงๆหรือ ไม่น่าจะจริงเพราะผมเชื่อใจเอเชื่อว่มันมั่นคงต่อผม แม้มันจะรางเลือนเต็มที แต่จะทำยังไงดี ถ้าหากเอต้องรับผิดชอบขึ้นมา เรื่องมันจะเป็นไปในรูปแบบไหนกัน ผมคิดไม่ออกเลย

"แก ใจเย็นๆ มันไม่มีอะไรหรอกน่า อีนั่นดูก็รู้ท่าทางคงร่านแรด แกคิดดูจะมีผู้หญิงที่ไหนบากหน้ามาขอให้เกย์ปล่อยผู้ชายให้ ทุเรศที่สุด ผู้หญิงดีๆเขาคงไม่ทำกันหรอก นี่คงจะจับเอมัน เฮ้อพูดมาก็สงสารเอ นี่พวกแกไปสร้างเวรสร้างกรรมอะไรกันมาชาติที่แล้ว ทำไมรักมันถึงหฤโหดขนาดนี้"

พลมาตบบ่าเบาๆ มันพูดแบบนี้คงเห็นว่าผมไม่ฟูมฟายทำร้ายตัวเองเหมือนแต่ก่อน แต่หารู้ไม่ที่ไม่ฟูมฟายในใจมันยิ่งร้อนรนกว่าเดิมเสียอีกเป็นหลายเท่านัก

"ฉัน ไม่รู้แก ถ้าเอต้องรับผิดชอบขึ้นมาจริงๆล่ะ"

ผมพูดออกไปเสียงเครียด

"ไม่ หรอกแก คิดมาก จับตรวจดีเอ็นเอเลยสิถ้าเด็กออกมา"

"ฉันสงสารเด็กนั่น ฉันไม่รู้หรอกว่ามันจะแรดไม่แรด แต่ถ้าลงทุนทำขนาดนี้แสดงว่ามันก็รักชอบเออยู่ไม่น้อยทีเดียว"

"โห แก จะแม่พระไปถึงไหน รักชอบแล้วไง มันนะที่มาแย่งของคนอื่น มันมาทีหลัง"

"ถึง ฉันมาก่อน อะไรล่ะที่ผูกฉันไว้ระหว่างฉันกับเอน่ะ"

ผมสวนขึ้นพลนิ่ง

"ก็ ความรักไงแก"

"มันนามธรรมไปหน่อยไหมแก สิ่งที่เด็กนั่นมี แต่ฉันไม่มี และไม่มีทางมีคือลูก กฎหมายคุ้มครองสิทธิแน่นอนที่สุด แล้วเกย์อย่างฉันล่ะ จะบอกศาลเตี้ยที่ไหนว่ามีรักอยู่เต็มหัวใจ รักมันเต็มอกแล้วเขาจะฟัง"

"โย ฉันรู้แก ว่ามันยาก แต่เชื่อเอดูสักที ไหนๆเรื่องมันก็มาถึงขั้นนี้แล้ว เราทำอะไรได้แก"

"นั่น สินะ นอกจากนั่งทุกข์ใจอยู่แบบนี้"

"โย"

ผมไม่พูดอะไรอีก ไม่รู้ว่าสิ่งที่พูดไปมันจะเป็นการระบายออกหรือทำให้สบายใจก็ตาม แต่ในใจผมมันไม่มีทางระบายออกหมด มันกักมันขังเป็นสนิมเกาะกินหัวใจอยู่ ทำไมนะยิ่งรักมันมากผมก็ยิ่งทุกข์ทรมานมาก น้ำตามันเป็นเพื่อนคลายทุกข์ก็จริงแต่เวลานี้ น้ำตาคงไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น วันเวลาที่สร้างร่วมกันมามันสวยงามเหลือเกิน แม้จะไม่ได้รักได้ชอบมันในตอนแรก แต่ตอนนี้ทั้งหัวใจมีมันคนเดียว ในเมื่อรักมาเจอทางแยกให้ต้องเลือกระหว่างความถูกต้องดีงามตามวิถีสังคม กับความรักที่มีอยู่ในใจ ผมเกลียดคำนี้ที่สุด ความถูกต้อง ทำไมเกย์อย่างผมถึงมีข้อด้อยด้านสรีระเวลาเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เวลาที่ต้องให้สังคมตัดสิน ค่านิยมนี้มันมีตั้งแต่โลกถือกำเนิด แล้วสร้างผมให้มาเป็นเกย์ทำไม!!!!!

หลังจากอาบน้ำเสร็จผมก็นั่งแน่ นิ่งอยู่ปลายเตียงพลลงไปนอนกลิ้งอยู่ที่นอนแล้ว ผมเหม่อมองไปทั่วบริเวณห้อง ถ้าผมหลับตาผมก็ไม่เห็นอะไรแล้ว จะปิดตาจากสิ่งที่ไม่พึงตาก็ย่อมทำได้ ถ้าหากผมปิดหูเพื่อหลีกหนีเสียงอันใดในโลกนี้ผมก็ทำได้ แต่ใจผมไม่อยากจะคิดอะไรยิ่งพยายามปิดกั้นมัน หัวใจก็แผ่ความคิดสั่งสมองให้ทำงานมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม ผมหยุดคิดถึงเอไม่ได้เลย ไม่ได้แม้สักวินาทีเดียว ผมโทรศัพท์ไปหาแต่เอปิดมือถือ ผมกลัวเหลือเกิน เอมันยิ่งหุนหันพลันแล่นกลัวว่ามันจะไปทำอะไรไม่ดีอีก อะไรที่ทำให้ใจผมบอบช้ำมากกว่าเดิม

"บอมเหรอ บอมอยู่กับเอหรือเปล่า"

ผม กดโทรศัพท์ไปหาบอม

"อ้อ พี่ มันเมาอยู่นี่ล่ะ เฮ้ยพี่ ผมสงสารมันว่ะ มันร้องเรียกแต่ชื่อพี่ แม่มันก็เอาไม่อยู่มันด่าเปิงไป เห็นแม่มันจะโทรเรียกลุงใหญ่มากรุงเทพฯ"

บอมเล่าเสียงเครือๆ

"บอม พี่ฝากเอด้วยนะ พี่คุยกับเอหน่อยได้ไหม"

"โห พี่มันพูดไม่รู้เรื่องแล้ว เนี่ยนอนเอามือป่ายนั่นป่ายนี่อยู่"

"บอม ฝากบอกเอด้วยนะ ให้เอเข้มแข็ง อย่าคิดมาก พี่เป็นกำลังใจให้เอเสมอ"

ผมจุกเจ็บยอกเข้าในใจ อยากจะบอกว่ารักเอเหลือเกิน แต่อยากพูดให้มันได้ยิน ตั้งแต่รู้ตัวว่ารักมันผมยังไม่เคยบอกรักมันเลยสักที ผมรออะไรอยู่ ผมจะรอให้เรื่องมันเลวร้ายมากไปกว่านี้ แล้วมาบอกว่ารักตอนที่กำลังจะเสียมันไปน่ะหรือ โง่ที่สุด ผมด่าตัวเองเพราะความปากหนักของตน ความยึดถืออะไรบ้าบอไม่รู้แต่มันทำให้เรื่องราวมันแย่ได้มากขนาดนี้ พลหลับไปแล้ว รัตติกาลที่คืบคลานเข้ามามันค่อยๆเคลื่อนไปอย่างช้าๆ เสียงเข็มนาฬิกาเดิน ติีกต๊อกๆ แข่งกันกับเสียงหัวใจของผม ร้อนใจ ทรมานเป็นอย่างยิ่ง ผมจะแก้ไขมันยังไงให้ลุล่วงดี ปัญหานี้ดูเหมือนจะหนักหนากว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ถ้ามันเป็นจริง หมายความว่าผมกับเอจะกลายเป็นแค่อดีต ลมหายใจอุ่นนั้นจะกลายเป็นเมื่อวาน อ้อมกอดนั้นที่ผมคนึงหา มันจะเป็นเพียงความทรงจำ ผมจะทำยังไงดี ผมกลิ้งไปกลิ้งมานอนไม่หลับ ผ่านไปเนิ่นนานก็ไม่หลับ จนเกือบรุ่งสางผมจึงเผลอหลับไปเพราะร่างกายมันบีบบังคับ

ตอนกลางวัน พลกลับบ้านไปเอาเสื้อผ้า ส่วนผมยังนอนอยู่ตอนที่มันกลับบ้านไป ตื่นเกือบสิบเอ็ดโมงผมก็เข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัว แล้วเดินลงมาข้างล่าง แม่กลับมาเร็วกว่าทุกครั้ง คงระแคะระคายจากใครว่ามีเรื่องเกิดขึ้นกับลูกเจ้าปัญหาอย่างผม แต่ที่ทำให้ผมไม่อาจจะก้าวขาลงบันไดได้ต่อคืออาจารย์ปริศนา มีชายสูงวัยผมแซมสีดอกเลานั่งอยู่ที่โซฟา ผมอึ้งใจเต้นหล่นหายไป นี่จะมาเอานิยายอะไรกับผมอีก ผมคิดขึ้นมา

"โย มานี่หน่อยลูก"

เสียงแม่เรียก ผมสะดุ้งค่อยๆก้าวลงบันไดไป ผมยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสอง

"นี่ น่ะเหรอ หนูโยที่ตาเอเพ้อหา หน้าตาน่าเอ็นดูนี่"

เสียงชายสูงวัยทัก หลังจากรับไหว้ผม ผมค้อมตัวเดินผ่านไปนั่งลงข้างๆแม่

"ที่มาวันนี้"

อาจารย์ปริศนาพูดแล้วเหมือนกลืนน้ำลายก้อนใหญ่ลงคอไปอย่างยากลำบาก

"ไม่ได้ มาอาละวาดนะโย ที่ผ่านมาแม่ขอโทษ ไม่คิดเลยว่าการที่คิดว่าจะห้ามลูกตัวเองได้ มันเหมือนยิ่งทำให้มันเสียผู้เสียคนไป แม่เสียใจ"

อาจารย์ปริศนาพูด ออกมาอย่างยากลำบาก ร้องไห้สะอื้นออกมา

"พี่บอกเธอแล้ว คนอย่างเอน่ะ มันเหมือนพ่อมัน ใครห้ามได้ที่ไหน เห็นตอนเธอไหมล่ะ ทั้งที่มันมีคู่หมั้นอยู่แล้ว มันยังไม่ยอม เธอนี่ช่างใจร้ายนะปริศนา ลูกทั้งคน และดูหนูโยสิ น่ารักน่าเอ็นดูออก เห็นบอกทำงานบ้านงานเรือนก็เป็น แล้วที่มันคบกันมา ไอ้คนฝ่ายเราที่ได้ประโยชน์ มีแต่ดีขึ้นกับดีขึ้น"

ชายคนนี้คงเป็นลุงใหญ่ที่เอเคยบอก

"ก็น้องคิดว่าลูกมันต้องเชื่อฟังโอวาท แม่สิคะพี่ใหญ่ ใครจะยอมให้ลุกตัวเอง วิปริ...เอ้อ รักเพศเดียวกันได้ลง น้องยอมไม่ได้"

"อ้าว แล้วที่มาวันนี้จะมาว่าอะไร จะมาบอกอะไรเขา"

"พี่ ใหญ่ น้องยังทำใจไม่ได้ แต่น้องเองก็ทนเห็นสภาพตาเอเป็นแบบนั้นไม่ได้เหมือนกัน น้องยอมแล้ว"

อาจารย์ปริศนาเอามือซุกหน้าร้องไห้สะอื้นออกมา แม่บีบมือผมแน่น ผมน้ำตาซึม

"เธอนี่เหลือเกินจริงๆนะ ฉันเป็นคนแก่ปูนนี้แล้วฉันยังไม่ถือเลย ผู้ชายรักผู้ชาย มันแปลกตรงไหน คนรักกันมันแบ่งเพศแบ่งศาสนา แบ่งวรรณะได้ด้วยหรือปริศนา เธอพูดแบบนี้ก็ไม่ถูก คนที่รักชายด้วยกันทำไมไปมองว่าเขาวิปริตผิดเพศเสียล่ะ ถ้าเขาเลือกได้เขาอยากจะให้มันเป็นอย่างนั้นไหม เธอเป็นครูสอนคนนะ เรื่องหัวโบราณนี่ยังไม่ก้าวตามโลกไปอีกหรือ นี่มันยุคไหนแล้ว"

ลุงใหญ่พูดแล้วหัวเราะ แต่อาจารย์ปริศนายังคงร้องไห้สะอื้นอยู่

"พี่ปริศนาคะ อรเข้าใจค่ะ ที่ผ่านมาอรเองก็ทรมานใจไม่น้อยไปกว่าพี่เลย ตั้งแต่เกิดมาอรไม่เคยเห็นลูกเจ็บปวดเท่านี้มาก่อน และอรก็คิดว่าเอเองก็คงเจ็บไม่น้อยไปกว่ากัน อรไม่ได้สนับสนุนให้ลุกเป็นแบบนี้นะคะ แต่จะให้อรกักขังทำร้ายลูกให้ลูกเป็นเหมือนที่ใจต้องการ อรเองก็คงไม่ทำ เพราะอย่างที่อรเคยบอก ตั้งแต่โยเกิดมาไม่เคยมีสิ่งไหนเลยที่อรรู้สึกว่าโยคือปมด้อย โยคือหัวใจของอร โยคือความภาคภูมิใจของอร ไม่ว่าลูกจะเป็นอะไรเพราะอรเชื่อค่ะ ว่าโยเป็นคนดี เอเองก็คงเหมือนดวงใจของพี่ปริศนา แล้วพี่ปริศนาจะบีบดวงใจตัวเองให้เจ็บช้ำทำไมคะ"

"เห็นไหม ไม่มีใครเขาหัวโบราณอย่างเธอหรอก คราวที่ไปอาละวาดที่เชียงใหม่ เอมันก็ไปกินเหล้าเมามายจนเกือบจะเสียท่านังผู้หญิงซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ข้าง บ้านไปแล้วไหมล่ะ ดีนะที่ลุงไปเห็นก่อนเลยรอดเงื้อมมือ"

ผมหูผึ่ง กระพริบตาถี่ๆไล่น้ำตาออกไปให้หมดแล้วจ้องไปที่ลุงใหญ่

"ลุงว่าอะไร นะครับ"

ผมทำท่าเหมือนรอผลรางวัลใหญ่แล้วไม่เชื่อหูตัวเองในสิ่ง ที่ได้ยิน

"อ้อ นี่ใช่ไหมที่เป็นสาเหตุให้ เอมันกลับมากินเหล้าจนลุงต้องหามส่งโรงบาลตอนเที่ยงคืน มันไม่ได้มีอะไรกันหรอกหนู นังเด็กนั่นมันคอยมาโฉบหน้าบ้านอยู่ประจำล่ะ ตั้งแต่เอไปอยู่กับลุง แต่วันนั้นเอมันประชดแม่มัน มันเลยออกไปกินเหล้านอกบ้าน เพราะปกติลุงไม่ห้ามมันถ้ากินในบ้าน วันนั้นลุงเป็นห่วงก็เลยไปตาม เห็นเด็กนั่นกำลังจะปล้ำตาเออยู่ แต่เสื้อตาเอมันคงถอดยากเพราะมันร้องเรียกแต่ชื่อหนูนั่นล่ะมันเลยดิ้นป่าย ไปมา เด็กนั่นมันก็เลยถอดเสื้อไม่สะดวก ลุงเห็นเลยเอ็ดไป เลยพาตาเอกลับ อ้าวแล้วตาเอไม่ได้บอกหนูเหรอ"

ผมเหมือนเอาเหล็กแหลมตอกกลางอก สมใจหรือยังโย เพราะอะไรวันนั้นถึงไม่ฟังเอ เพราะอะไรถึงเดินหนีมา เพราะอะไรทำไมถึงปล่อยให้เอชอกช้ำทั้งที่เอกอดขาไว้ เอจะบอกความจริงอยู่แล้ว โง่ที่สุด น้ำเน่าที่สุด ผมน้ำตาร่วงลงทันที ผมเม้มปากรู้สึกผิด

"แต่เมื่อวาน......เด็กนั่น บอกว่า ท้อง"

ผมสะอื้นพูดออกไปทีละคำ

"โอ๊ย"

ลุงใหญ่หัวเราะออกมาเสียงดัง

"ดี มันท้องหรือ ลุงกลับไปเชียงใหม่จะไปบอกพ่อมัน ดูซิมันยังจะท้องกับตาเออยู่ไหม เด็กสมัยนี้ แฮ่นเองอยากได้ใครก็จะกุมจับเอาเลยอย่างนั้นหรือ"

ผมเหมือนคนโง่ท่าม กลางหมู่นักปราชญ์ รู้สึกว่าที่ผ่านมาเพราะความเขลาของตนที่ทำให้จิตใจดำดิ่งลงสู่ที่ต่ำ สู่ก้นเหว

"แล้วนี่เธอจะเอายังไง แม่ปริศนา ฉันอุตส่าห์บินมาจากเชียงใหม่ไม่ได้มาฟังเธอพร่ำพรรณา บีบน้ำตาอย่างนี้หนา"

ลุงใหญ่หันไปมองอาจารย์ปริศนา

"ก็ ตามนั้นล่ะค่ะพี่ใหญ่ น้องไม่ห้ามแล้ว รักก็รัก"

"อย่าพูดเพราะเธอไม่มีทางเลือกอย่างนั้น สิ คิดให้ดีตรองให้หนัก วันนี้ตัดสินใจแล้ว ภายหน้าเธอจะมากล่าวหาว่าร้ายใครไม่ได้นา"

"แล้วพี่ใหญ่จะให้น้องทำ ยังไงคะ น้องมีทางเลือกอยู่อีกเหรอ"

อาจารย์ปริศนาแว๊ดขึ้นมา

"ทำไม จะไม่มี แต่ก่อนจะพูดขอถามอะไรเธอหน่อย ที่เลี้ยงลูกมาตั้งแต่เล็กจนมันโตขนาดนี้น่ะ เธออยากได้อะไรจากลูกมัน หือ"

เสียงขรึมของลุงใหญ่ มันทำให้ผมระลึกถึงใครบางคน "พ่อ" ถ้าพ่ออยู่ผมคงกำลังกอดพ่ออยู่ข้างๆแม่

"ก็อยากเห็นมันประสบผลสำเร็จ ในชีวิต มีหน้าที่การงานที่ดี มีครอบครัวที่ดี"

"แล้วครอบครัวที่ดี ของเธอมันคืออะไร หือ"

ลุงใหญ่ยิงคำถามต่อ

"ก็มีพ่อ แม่ ลูก เป็นครอบครัวสมบูรณ์แบบ"

"อะไรที่ทำให้เธอคิดว่า การที่มี พ่อ แม่ ลูก จะเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ แสดงว่าเธอก็เป็นครอบครัวที่ล้มเหลวสิ ที่ไม่มีพ่อให้ลูกๆมัน"

อาจารย์ปริศนากัดปากร้องไห้เสียงดังเพราะจน ต่่อคำถาม และคงเจ็บช้ำในใจที่พี่ชายตัวเองต้อนเสียจนมุม

"ฉันไม่ได้ ว่าหรอกนะ คิดแบบนั้นมันก็ไม่ผิด แต่เธอลองคิดดูดีๆ เธอก็โตเป็นแม่คนแล้ว ฉันก็เห็นด้วยกับอรเขานะ เพราะฉันก็ไม่ได้สนับสนุน แต่ถ้าจะให้ฉันกักขัง บีบคั้นหัวใจลูกน่ะ ฉันไม่ทำ เพราะผลมันก็อย่างที่เห็นอยู่ เราให้กำเนิดเขาก็จริง แต่สิ้นเราไปแล้ว เราจะรู้ได้ยังไงว่าเขาจะประคองตัวไปให้ถึงฝั่ง ทำไมเธอไม่ให้มันตามใจตัวมันเอง เด็กน่ะมันมีแต่โตขึ้นทุกวันๆ มันเรียนรู้เองได้ ถ้ามันอยู่แล้วไม่ใช่ มันไม่ชอบ มันก็ไปของมันเอง คราวนี้เธอก็ไม่จำเป็นต้องไปบังคับบีบคั้นมันหรอก ฉันเข้าใจว่าเธอเป็นครูมีหน้ามีตา แต่มองเข้ามาในครอบครัวเราสิ เราควรจะภูมิใจที่เราเข้าใจลุกเรา เพราะถ้าเธอไม่เข้าใจแม้ลูกตัวเอง ฉันว่าอย่าริอ่านไปสอนลูกคนอื่นเขาเลย"

เสียงอาจารยืปริศนาร้องไห้ เสียงดังกว่าเดิม ผมน้ำตาไหลกุมมือแม่อยู่ ทั้งดีใจทั้งเสียใจระคนปนกันไปทั่ว จิตใจผมอยากจะวิ่งออกไปหาเอเสียตั้งแต่ตอนนี้อยากจะไปกอดมันให้เต็มรัก บอกมันว่าผมรักมันมากเพียงใด ในที่สุดแสงแห่งหวังก็สาดแสงส่องมาหาหัวใจที่กำลังจะตายเพราะความชอกช้ำ ผมรู้สึกปรีดาเป็นที่สุด อยากจะกรีดร้องออกมาด้วยหัวใจที่ชื่นบาน

เสียงออดหน้าประตูดังขึ้นทำลายบรรยากาศที่กำลังจะคลี่คลาย ผมผงะปาดน้ำตาออกแล้วลุกออกไปนอกบ้านเปิดประตู

"บอม!!!!"






 :เฮ้อ: :เฮ้อ:

แต่  :กอด1:


เขียนโดย eiky
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!งวดเข้ามาแล้วคร้าบบ ตอน 59 Apr 25, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: DexTunG ที่ 26-04-2010 00:11:05
 :เฮ้อ:เหนื่อยใจแท้     :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 60 Apr 26, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 26-04-2010 00:11:10
 :เฮ้อ:
 :serius2:
 :z13:
+1
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 60 Apr 26, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: iiดาวพระสุขლii ที่ 26-04-2010 00:19:51
เรื่องเริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีแล้ว....

ดีใจด้วยที่เมฆหมอกกำลังจะพัดผ่าน....  คิดว่ากำลังจะ เพราะว่า...นายบอมที่เดินเข้ามานี่แหละ 55

 :กอด1:  คนแต่งจ้า ขยันจริงๆ  o13
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 60 Apr 26, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 26-04-2010 00:24:45
เอิ่ม...น้องขา..ลุงใหญ่บอกว่า...น้องแฮ่นนนนน
นี่แบบว่า...ถึงขนาดจับผู้ชายปล้ำเลยหรอคะ  :เฮ้อ:
ว่าแต่ นู๋บอม...มีงานใหม่มารึป่าวคะ หืม?

เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 60 Apr 26, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: K2KARN ที่ 26-04-2010 00:26:49
บอมมาแล้ว
เอาเอมาส่ง? หรือว่าเอางานใหม่เข้ามาอีก?
ขอให้อยู่ด้วยกันสักทีเถอะนะ
ลุ้นจนน้ำตาท่วมจอไปหลายตอนแล้ว
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 60 Apr 26, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Vesi ที่ 26-04-2010 00:45:11
อ. ปริศนา คงซึ้งใจกับประโยคที่ว่า ลูกเลี้ยงมันได้แต่ตัว แต่เลี้ยงใจมันไม่ได้หรอก
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 60 Apr 26, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: LifeTime ที่ 26-04-2010 09:49:35
ลุงใหญ่...เหมือนเชือกเส้นสุดท้ายที่ดึงคู่นี้ขึ้นมาจากความทุกข์ทรมานเลย  :m4:
อะไรๆกำลังจะดีแล้วไอ้เจ้าเอ อย่าได้ทำเรื่องอะไรอีกเล๊ยยย... :เฮ้อ:

 
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 60 Apr 26, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 26-04-2010 09:58:49
 :กอด1: :กอด1:




เพื่อนๆ นิยายผมจะจบเร็วไปป่าวอ่า


แต่นานไปเดี๋ยวโดนรุมด่า อิอิ รันทด


เรื่องใหม่กำลังพล็อตนะคร้าบบบ

อิอิ

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 60 Apr 26, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: sayhi11 ที่ 26-04-2010 10:08:29
ไม่หรอกค่ะ กำลังดี
จะได้อ่านเรื่องอื่น ต่อเลยค่ะ
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 60 Apr 26, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: •ผั๑`|nกุ้va’ด• ที่ 26-04-2010 10:35:57
>,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,<  ไม่อยากเชื่อ คุณ eiky ว่า เรื่องจะคลี่คลาย . . . 
 
แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย~~~~ "มารักอะไรตอนนี้ ตอนที่จะเสียฉ้านนนนปายยยย"
 
คร่ำครวญ. . .   บอมเดินเข้ามาไม่น่าไว้วางใจสุด. . .
 
 :L2:  ให้กำลังใจคนแต่ง 1 ช่อ และ ของตอนหน้า ที่ไม่เศร้ากว่านี้แล้วนะคะ  ปวดตับคะ ช่วงนี้ตับทำงานหนัก
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 60 Apr 26, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: ferly ที่ 26-04-2010 12:32:34
^


^^



^^^

เห็นด้วยเรื่องบอม - -"
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 60 Apr 26, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: clubza ที่ 26-04-2010 12:40:49
                   

         พี่โย   แย่เเล้วไอ้เอมัน   ฮือๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

    ประมาณนี้หรือเปล่าครับ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 60 Apr 26, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 26-04-2010 12:56:57
อะไรมันจะเกิดมันก็ต้องเกิดละนะค่ะ eiky

อีป้าแก่ๆ ก็จะรอดูผลสรุปของเรื่องต่อไป

เพราะอย่างไร เรื่องวที่สรุป มันก็ไม่ใช่

จุดจดของเรื่องเสมอไปใช่ไหมค่ะ

แต่มันอาจจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องอื่นๆ อีกก็ได้

+1  :กอด1: 10 ที


ด้วยรักเสมอ

จากอีป้าแก่ๆ แต่ไม่เหี่ยว



หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 60 Apr 26, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: railay ที่ 26-04-2010 13:55:06
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 60 Apr 26, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 26-04-2010 14:47:15
เมฆเริ่มเคลื่อนออก มีช่องให้แสงส่องสว่างส่องนำทางแล้ว

ขอให้ทุกฝ่ายเข้าใจกันเร็วๆ

เอ๋??? บอมมา เอจะมาด้วยกันหรือเปล่านะ  หรือเอจะเตลิดเปิดเปิงไปแล้วก็ไม่รู้

                   

         พี่โย   แย่เเล้วไอ้เอมัน   ฮือๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

    ประมาณนี้หรือเปล่าครับ


กลัวจะเป็นประมาณนี้อะดิ


 :m28: :m28:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 60 Apr 26, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: lomekung ที่ 26-04-2010 16:58:04


เครียดจัง


 :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 60 Apr 26, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: zeazaiz ที่ 26-04-2010 17:35:28
จะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีกไหนเนี่ย
สังหรณ์ใจแปลกๆ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 60 Apr 26, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Na_RimKLonG ที่ 26-04-2010 19:12:18
มันมาอีกแล้วว

ถ้าจะมีเรื่องอีกแล้ววว   :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 60 Apr 26, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 26-04-2010 19:38:58
 :L2: :L2:

เรื่องมันนี้หวานน้า ตอนสุดท้าย


อิอิ

แต่เอ๊ะ


ลืมไปคนเขียนเป็น เอ็ม เหอๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 60 Apr 26, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 26-04-2010 20:16:19
หวานมากเลย  หวานน้ำตานองหน้าเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 60 Apr 26, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: ChiOln ที่ 26-04-2010 20:20:05
 o13 ให้คุณลุง
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 60 Apr 26, 20
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 26-04-2010 20:39:13
ถ้าแบบที่ eiky เขียน เรียกว่าหวานนะ อีป้าแก่ๆว่า น้ำตาลไหม้ หรือ น้ำผึ้งขม มั้งคะ ค่าบริก คงจะคู่ควรกับ eiky
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 60 Apr 26, 20
เริ่มหัวข้อโดย: Natavishi ที่ 26-04-2010 21:46:44
ถ้า เอาไปสร้าง ละครน่ะ ดัง แน่ ๆๆ

และคงเรียกน้ำตา ได้ดีกว่า "สตรีที่โลกลืม" อีกน่ะ

 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 60 Apr 26, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: salawinyeen ที่ 26-04-2010 22:49:47
ไอ้บอมม ม       มันจะมาทำไมเนี่ย  เห้อ   



 :เฮ้อ:        เร็วๆนะครับรีบๆมาผมใจคอไม่ดีเลย  555


หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 60 Apr 26, 20
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 26-04-2010 22:59:29
ถ้าแบบที่ eiky เขียน เรียกว่าหวานนะ อีป้าแก่ๆว่า น้ำตาลไหม้ หรือ น้ำผึ้งขม มั้งคะ ค่าบริก คงจะคู่ควรกับ eiky

อ่าค้าบบ

ค่าบริก  แปลว่าไรอ่ะป้า


อิอิ

ถ้าสร้างเป็นละครกลัวคลองแสนแสบอาย
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 60 Apr 26, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 26-04-2010 23:33:49
ค่าความหวาน ค่าน้ำตาลในสิ่งของ ใช้วัดกับพวกผลไม้มั้ง

อย่างองุ่น ก่อนไปทำไวน์ อะ 5555


แล้ว eiky คิดว่ามันจะมีไหมอะ ความหวาน

น้ำตาลไหม้ กับน้ำผึ้งขม ชื่อก็ส่ออยู่ว่า ขมๆๆ จะหวานไหมห้า คิดเอา  :m20:

หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 61 Apr 27, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 27-04-2010 00:05:33
                        :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:







                                        ตอน หกสิบเอ็ด










 "บอม!!!!!"

ผมอุทานเพราะบอมมันทำท่ากระหืดกระหอบ

"เอล่ะ เออยู่กับใคร"

"ไอ้บ๊อบมาอยู่เป็นเพื่อน พี่ แฮ่กๆๆ เอ้ย เหนื่อย มันให้ผมเอานี่มาให้พี่"

บอมหอบแต่ยื่นสมุดสีดำในมือให้ผม สมุดปกสีดำที่หน้าปกมีรอยขูดเป็นตัวอักษร A กับ Y ผมรับมาถือมือสั่น

"เอ เป็นอะไรไหม บอม พี่อยากไปหาเอ"

ผมเสียงสั่น สายตายังมองที่หน้าบอม

"สร่าง แล้วพี่ มันเมาแล้วร้องไห้ ลุงมันมามันยังไม่รู้ตัว นี่มันบอกมันจะอาบน้ำนอนแช่อ่าง ผมก็เลยโทรเรียกไอ้บ๊อบมาอยู่เป็นเพื่อน จึงออกมาหาพี่นี่ล่ะ พี่อ่านก่อนเถอะ มันบอกให้พี่อ่านให้ได้"

ผมรีบ เอาสมุดมาเปิดออกอ่าน ใจสั่นระริก

"ถึงที่รักของผม"

"ไม่ชอบ เขียนอะไรแบบนี้ ไม่เคยคิดที่จะเขียน แต่มันเป็นทางเดียวที่จะให้ตัวเองรู้ว่าเค้ารักตัวเองมากแค่ไหน รู้ไหมที่รัก เค้าไม่เคยเชื่อเรื่องรักเลย แต่ตั้งแต่เจอตัวเองเค้าก็ได้เจอและได้รับรู้ว่าการได้รักใครสักคนมันช่าง เป็นสุขเหลือเกิน ทุกอย่างมันดูสดใส เค้าอยากให้ทุกวันมันมีแต่เรา อยากให้รู้ว่าเค้ามีความสุขมากเพียงใดที่ได้รักตัวเอง แต่วันที่แม่ไปอาละวาดที่บ้านตัวเอง เค้าเสียใจมาก แต่ไม่เคยคิดที่จะยอมแพ้ บอกตามตรง เกิดมาเค้าไม่เคยรักใครเท่าตัวเอง ไม่เคยคิดว่าเค้าจะมารักผู้ชายด้วยกัน แต่เค้าก็ห้ามใจตัวเองไม่ได้ รู้ไหม ยิ่งอยู่ใกล้ ยิ่งรักผูกพันธ์ ไม่อยากห่างไปไหน เค้าชอบตัวเองตั้งแต่ตอนที่เค้ายื่นหน้าไปใกล้ๆตัวเองนั่นล่ะ จำได้ไหม ไม่รู้เหมือนกัน ผู้ชายอะไรเวลาอายหน้าแดง น่ารัก ตอนแรกอยากแกล้งเฉยๆ แต่ยิ่งแกล้งยิ่งชอบ เวลาตัวเองงอนแล้วน่ารัก น่าทะนุถนอม เค้าเผลอใจไปตอนไหนไม่รู้พอรู้สึกตัวก็ขาดตัวเองไม่ได้แล้ว รู้ไหมตอนที่ตัวเองตีเค้าน่ะ เค้าไม่เคยโกรธเลย เจ็บ แต่เค้าก็ทำกับตัวเองไม่ดี ตัวเองไม่โกรธเค้าใช่ไหม

วันที่เค้ารัก ตัวเองมากที่สุดคือวันสิ้นปี ยังจำได้ดี เห็นแววตาตัวเองแล้ว มั่นใจขึ้นมาว่าตัวเองก็รักเค้าเหมือนกัน แม้ตัวเองจะไม่พูดมันออกมา รู้ไหมที่รัก ทุกวินาทีที่เค้าอยู่กับตัวเอง ทุกลมหายใจมันคือความสุข เค้ามีความสุขที่สุดที่มีตัวเอง ที่ได้รักตัวเอง ชีวิตเค้ามีค่าขึ้นมาที่มีตัวเองเข้ามาในชีวิต

จำได้ไหมตอนที่เราไป เกาะเสม็ดกัน เค้ารักตัวเองที่สุดที่ตัวเองยอมอาบน้ำกับเค้า แล้วตัวเองก็มีอะไรกับเค้าด้วยความเต็มใจ รู้ไว้นะคนดี เค้ารักตัวเองมาก ไม่เคยรักใครเท่าตัวเองมาก่อน รักมากหมดหัวใจ"

ผมหยุดอ่าน ถอนหายใจ น้ำตามันคลอออกมาแล้ว ในใจมันหวั่นไหวเหลือเกิน ผมรับรู้ใจเอไม่ได้ครึ่งกับที่มันรู้สึกเลย ผมทำอะไรลงไปเพราะอะไร ผมเจ็บปวดแต่ใช่ว่าเอมันจะไม่เจ็บ ผมเห็นแก่ตัว ผมทำร้ายคนที่ผมรักและรักผมสุดหัวใจได้อย่างไร


"วันที่เจ็บปวด ที่สุดคือวันที่รู้ว่าเราจับให้แยกจากกัน เค้าเกลียดแม่ แม่ไม่เข้าใจ ทั้งที่บอกแล้วว่ารักแล้วมันเปลี่ยนไม่ได้ เค้าไม่ได้วิปริต เค้าไม่ผิดที่จะรักใครสักคนแม้คนๆนั้นจะเป็นผู้ชาย เค้าเกลียดแม่

ใจ จะขาด รู้ไหมเค้าอยากจะประชดแม่ให้มากกว่านี้ แต่ทำไม่ได้ เพราะใครน่ะเหรอ เพราะตัวเอง เพราะตัวเองคนเดียวที่ยึดเค้าไว้ได้ แต่เค้าก็ขอโทษที่ทำอะไรไปโดยไม่ทันคิด ทำให้ตัวเองเสียใจ รู้ไหมวันที่เค้าเห็นสภาพตัวเอง เค้าใจจะขาด ตัวเองคงเสียใจมาก เค้าขอโทษน้า"

ผมหยุดอ่านพยายารวบรวมพละกำลัง สูดลมหายใจเข้าเรียกสติคืนมา น้ำตาไหลออกมาแล้ว เอ เอของฉัน เจ็บปวดมากสินะคนดี ฉันขอโทษ ผมน้ำตาไหลออกมาพยายามเม้มปากไม่ให้สะอื้นออกมา มันยอกในใจ มันแปลบเข้าไปถึงขั้วหัวใจ บอมยืมมองอยู่

"ยิ่งรู้ว่าแม่ไปทำร้ายตัว เองถึงบ้าน เค้าอยากจะหนีออกจากบ้านไปให้ไกล แต่เพราะตัวเอง เค้าคิดถึงหน้าของตัวเอง ที่บอกให้เค้าอดทน แต่รู้ไหมที่รัก เค้าอดทนนะ แต่มันทรมานเหลือเกิน เค้าอยากจะกอดตัวเอง อยากจะกอดให้หายคิดถึง แต่แม่ก็ใจร้ายขังเขาไว้ในห้อง รู้ไหมเค้าทำลายข้าวของพังหมดทั้งห้องเลย ตัวเองรู้อย่าโกรธเค้าน้า เค้าไม่ได้ตั้งใจแต่คุมตัวเองไม่อยู่

เค้า ขอโทษน้า ที่ไม่โทรหาตัวเอง เงียบไปนาน รู้ไหมถ้าได้ยินเสียงตัวเองเค้าคงเป็นบ้าไปแล้ว โง่เสียจริง เค้าคิดผิดคิดว่าถ้าอยู่เงียบๆ จะอดทนได้มากกว่าได้ยินเสียงตัวเอง แต่เค้าก็ทนไม่ไหว พอแม่ยึดโทรศัพท์ไป รู้ไหมเค้าทำอะไรกับตัวเองบ้าง เค้ากินเหล้า สูบบุหรี่ กินทุกวัน ไม่อาบน้ำ ไม่กินข้าว ตัวเองอย่าโกรธเค้าน้า เค้าคิดไม่ออกจริงๆว่าต้องทำยังไง อยากให้แม่รู้ว่าที่แม่บังคับ มันทำให้เค้าเสียใจ ไม่มีอะไรดีขึ้น คิดแค่ว่าเผื่อแม่จะใจอ่อนขึ้นมาบ้าง แต่ก็ไม่เลย แม่ไม่เคยเข้าใจเค้าเลย แม่เข้าใจแต่ความต้องการของตัวเอง ตั้งแต่เค้ารู้จักกับตัวเอง เค้าดีขึ้น เค้ารู้สึกได้ เรียนก็ดีขึ้น เพราะรู้ว่ามีตัวเองเป็นกำลังใจ จุดหมายที่ตั้งไว้มันดูมีหวัง แต่ตอนนี้เค้าไม่อยากได้อะไรแล้ว อยากมีตัวเอง อยากอยู่กับตัวเองแค่นั้นพอ

ที่เชียงใหม่เค้าไม่ได้ อยากมาเลย ลุงใหญ่ดีกับเค้ามาก ป้าเองก็ดี แต่เค้าไม่ดีเอง ไม่ฟังใคร ลุงใหญ่บอกจะช่วยคุยกับแม่ให้ แต่พอแม่รู้ก็มาอาละวาด เค้าเสียใจมาก จึงไปกินเหล้า ตัวเอง เค้าไม่ได้มีอะไรกับอีนั่นจริงๆนะ ไม่เคยคุยกันเกินสามคำต่อวัน ไม่คิดเลยว่าความมักง่ายของเค้าเองจะทำให้ตัวเองเข้าใจเค้าผิด เค้าขอโทษ ขอโทษจากใจ จริงอย่างที่พี่พลว่า เค้ามักง่าย ไม่รู้จักพอ ทั้งที่มีรักอยู่ในใจแต่ก็ยังไปเมาไม่รู้เรื่องให้ใครต่อใครเข้ามาทำลาย ชีวิต

ที่รัก รู้ไว้นะว่าเค้ารักตัวเองคนเดียว ต่อให้ตายอีกสักกี่ครั้ง ก็จะระลึกเสมอว่ารักตัวเองมากเพียงใด ตัวเองคือแสงนำทางใจ ตัวเองคือรักที่เค้าเกิดมาเพื่อจะเจอแต่เค้า ทำตัวไม่ดีเอง เค้าเสียใจ เค้าเสียใจเหลือเกิน เพราะเค้าคนเดียวเรื่องมันถึงเป็นแบบนี้ เพราะเค้าคนเดียว"

น้ำตาผม หยดลงบนแผ่นกระดาษ ความสงสารแล่นเข้าจับใจ เอ ฉันรู้ว่าเธอเจ็บปวดเพียงใด รู้แล้ว อยากไปหาเหลือเกิน มือที่จับสมุดอยู่ไร้เรี่ยวแรง สมุดร่วงลงจากมือ ใจสลายหลุดลอยไป ผมอยากจะตบหน้าตัวเองให้สาสมกับความโง่ ทิฐิมานะโง่เง่าของตัวเอง นี่ผมทำอะไรลงไป ผมทำลายหัวใจตัวเองยังไม่พอ แต่ผมทำร้ายเออย่างจงใจเพราะความหูหนวกตาบอด ให้ความเสียใจของตัวเองบดบัง ไม่คิดย้อนกลับว่าเอเองมันก็เสียใจ

"พี่ โอเคไหมครับ"

ผม สะอื้นออกมาจนได้  บอมหยิบสมุดขึ้นมาให้ผม ผมคิดเองฝ่ายเดียวว่าตัวเองเจ็บปวดรวดร้าว แต่ลืมนึกไปว่าเอมันก็มีหัวใจ นี่มันทรมานมากกว่าผมหลายร้อยเท่านัก เอ ฉันขอโทษ ผมหยิบสุมดขึ้นมาเปิดอ่านต่อ ตัวหนังสือที่ดูรางเลือนไปเพราะมีคราบหยดน้ำตาเปื้อนหมึก อ่านได้บ้างไม่ได้บ้าง

"เวลาเค้าหลับตาเค้าคิดถึงแต่ตัวเอง นั่นเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เค้าอยากมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ เวลาที่เรามีความสุขด้วยกัน เค้าจำมันได้ดี จำได้ทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเอง เค้ามีความสุข แต่ตอนนี้เค้าเสียใจมาก เค้าปวดร้าวใจที่สุด ไม่อยากมีชีวิตต่อไปแล้ว รู้ไหมสายตาตัวเองเมื่อวาน มันทำร้ายจิตใจเค้า ตัวเองเหมือนสงสัยในตัวเค้า เค้าขอโทษเค้าไม่ได้ว่าตัวเอง แต่มันทำให้เค้าหมดหวัง หมดแล้วทุกอย่าง ถ้าไม่มีตัวเองเค้าจะอยู่ยังไง เค้าจะอยู่ไปทำไม ถ้าตัวเองไม่รักเค้าแล้ว เค้าจะมีลมหายใจต่อไปทำไม"

ผม สะอื้นหนัก เอาสมุดขึ้นซบหน้า ปวดร้าวเหมือนใจจะขาด

"พี่ ไหวมั้ย"

บอ มเข้ามาเขย่าตัว แม่เดินออกมาดูเพราะเสียงสะอื้นผมดังขึ้นกว่าเดิม

"เป็น อะไรไปโย โย"

แม่เรียก เขย่าตัว ผมมีสติทุกอย่าง ผมพยายามประคองตัวแล้ว ผมทำได้แค่นี้จริงๆ ผมบังคับร่างกายและจิตใจให้มันดีกว่านี้ไปไม่ได้แล้ว ผมเอามือปาดน้ำตาออก แล้วพยายามอ่านต่อ อาจารย์ปริศนากับลุงใหญ่เดินออกมา

"มีอะไรกัน หนู"

"อ่านสมุดนี่แล้วก็เป็นแบบนี้เลยค่ะ" แม่พูดเสียงสั่น

"ไหน เอามาดูหน่อย" ลุงใหญ่หยิบสมุดจากมือแม่ไป

"ใครอยู่กับตาเอล่ะพ่อ หนุ่ม"

ลุงใหญ่หันไปถามบอมที่มองอยู่เหรอหราทำตัวไม่ถูก

"เอ่อ มีเพื่อนมาอยู่กับมันอีกคนครับ น้องโอก็อยู่"

"ไหนมันเขียนอะไรมา"

ลุง ใหญ่กวาดสายตาอ่านอย่างรวดเร็ว

"ตายแล้ว"

ลุงใหญ่อุทานออกมา สมุดร่วงลงจากพื้น

"รีบกลับ ยัยปริศนา ตาเอแย่แล้ว"

"มีอะไร คะ คุรพี่ มีอะไร"

อาจารย์ปริศนาร้องไห้ออกมาทั้งที่ยังไม่รู้เรื่อง ผมมีสติคว้าเอาสมุดที่กองอยู่ที่พื้นมาอ่านท่อนสุดท้าย

"ที่รักของ ผม ถ้าชาติหน้ามีจริงเค้าขอเกิดมาเพื่อรักตัวเองคนเดียว ชาตินี้เค้าเป็นคนไม่ดี ไม่มีวาสนาที่จะได้อยู่กับตัวเอง เค้าไม่อยากทำแบบนี้เลย แต่เค้าปวดใจเหลือเกิน ไม่มีตัวเองเค้าจะอยู่ยังไง ไม่มีตัวเองลมหายใจนี้มันก็ไม่มีความหมาย เค้ารักตัวเองมากนะ ลาก่อนที่รัก"

"เอ!!!!!!!!!!"

ผม กรีดร้องออกมาเสียงดัง น้ำตาไหลพังทลายออกมา แม่กอดผมไว้

"อะไรลูก มีอะไร" แม่เสียงสั่น คว้าสมุดมาจากมือผมกวาดสายตาอ่านอย่างรวดเร็ว

"คุณ พระคุณเจ้า"

แม่หน้าซีดทิ้งสมุดลงจากมือ มือสั่นตัวสั่น ผมลุกขึ้นทันที

"จะไปหาเอ แม่ จะไปหาเอ"

ผมร้องเหมือนคนบ้า สติหลุดไปแล้ว

"อะไรกัน มีอะไร พี่ใหญ่คะ อะไร"

อาจารย์ ปริศนากรี๊ดเสียงดังเขย่าแขนลุงใหญ่

"รีบกลับ ตาเอมันคิดสั้น"

"กรี๊ด ดดดดดดดดดดดด"

"พี่ปริศนา!!!!!!!!!!!"

อาจารย์ปริศนาเป็นลม ล้มพับไปแล้ว แม่ผละจากผมไปประคองไว้ ผมคว้าบอมที่ยืนงงอยู่มากอด เสียงโทรศัพท์มันดังขึ้น บอมล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง

"ว่า ไงมึง"

"หา!!!!!!!!"

"มีอะไรพ่อหนุ่ม มีอะไร" เสียงลุงใหญ่ตะคอกถามเพราะบอมมันยืนนิ่งตาค้างอยู่

"มีอะไรบอม เอเป็นอะไร บอม"

ผมยังเขย่าตัวบอมกรีดร้องอยู่ ลุงใหญ่คว้าโทรศัพท์มาจากมือมัน

"ว่าไงพ่อหนุ่ม นี่ลุงใหญ่นะ อะไรนะ!!!! พามันไปโรงบาลตอนนี้เลย ตั้งสติพ่อหนุ่ม เดี๋ยวลุงไป"

ผม มองหน้าลุงใหญ่อย่างต้องการคำตอบ ลุงใหญ่สีหน้าไม่ดีเลย มองอาจารยืปริศนาที่เป็นลมพับอยู่แล้วหันมามองผม

"ไปโรงบาลกันหนู ไอ้เอ มันคิดสั้น"

ผมหูอื้อตาลาย คนที่มีแต่ร่างไม่มีหัวใจมันเป็นแบบนี้นี่เอง หัวใจผมหลุดลอยหายไปแล้ว หายไปไกลแสนไกล อย่าเป็นอะไรไปนะเอ อย่าเพิ่งเป็นอะไรไป รอฉันหน่อย ฉันยังไม่ได้บอกเธอเลยว่าฉันรักเธอมากแค่ไหน ฉันยังไม่ได้บอกเธอเลยว่าฉันอยู่ไม่ได้เหมือนกันถ้าไม่มีเธอ ถ้าเธอเป็นอะไรไป ฉันจะไม่ยอมให้อภัยตัวเองเลย เอ อย่าเป็นอะไรไปนะ ฉันขอร้อง







 :sad11: :sad11: :sad11: :sad11: :sad11:




เขียนโดย eiky
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 61 Apr 27, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: J๐ly ที่ 27-04-2010 00:11:29

โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยย

คนเขียน น่าจะเอาอีก ซัก 2-3 โค้งนะ




ตกลงจะกี่โค้งเนี่ย 55555+




อย่าให้เอตายนะ ถ้าตายนะ......หึหึหึ  :m16: :m16: :m16:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 61 Apr 27, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: kunkai ที่ 27-04-2010 00:21:41
มาต่อด่วน
ก่อนที่คนอ่านจาคิดสั้นอีกคน :serius2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 61 Apr 27, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 27-04-2010 00:26:38
 :serius2:
 :z13:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 61 Apr 27, 20
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 27-04-2010 00:51:08
นาย eiky ทำไมเป็นคนซาดิสจัง ทำร้ายอีป้าแก่ๆ ได้ลงคอ วันนี้เล่นเอาสะน้ำคลอตา ว้าย...จะไหลแล้ว เฮ้อ... หยดแล้ว...
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 61 Apr 27, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: K2KARN ที่ 27-04-2010 00:56:25
+1 ค่ะ
อ่านไปแล้วเจ็บที่หัวใจจี๊ดๆ ทำไมเอทำแบบนี้ล่ะ!
รู้มั้ยว่าโยเค้าจะเสียใจขนาดไหนที่เอทำแบบนี้
เพราะงั้นเออย่าเป็นอะไรไปนะ ขอให้ทันทีเถอะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 61 Apr 27, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: iiดาวพระสุขლii ที่ 27-04-2010 01:02:50
อา........

ความรัก สร้าง ชีวิตเล็กๆของคนคนนึงขึ้นมาได้...

ก็ ทำลาย ชีวิตของคนคนนึงได้เหมือนกันสินะ....   :เฮ้อ:


ขอให้ทุกอย่างไม่สายเกินไป....สำหรับความรักของทั้งสองคน... :กอด1:




ปอลิง. น่าเอาไปทำเป็นละครสอนใจ ผู้ปกครอง 555 
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 61 Apr 27, 20
เริ่มหัวข้อโดย: DexTunG ที่ 27-04-2010 02:23:01
อย่าปล่อยให้ค้างอย่างนี้สิ


ไม่ไหวแล้วนะ :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 61 Apr 27, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 27-04-2010 07:53:58
 :z2: :z2: :z2:


น่านะทุกคนค้างแปบเดียวเอง ขอผมคิดตอนกระชากใจหน่อยน้าาาาา




อิอิ เตรียมใจ เอ้ย เตรียมตัวอ่านคืนนี้น้าาาา


จุ๊บๆๆๆๆ

 :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 61 Apr 27, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 27-04-2010 08:55:56
 :z13: :z13: :z13: :z13: :z13: ให้พรุน 5555

อีป้าแก่ๆ จะรออ่านคืนนี้นะ

หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 61 Apr 27, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: clubza ที่ 27-04-2010 09:22:02
คิดไว้เเล้วว่าจะป็นเเบบนี้
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 61 Apr 27, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 27-04-2010 09:51:10
คิดไว้เเล้วว่าจะป็นเเบบนี้


รออ่านคืนนี้น้า จะเหมือนที่คิดไว้อ่ะป่าว อิอิ

 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 61 Apr 27, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: kongkilmania ที่ 27-04-2010 10:30:31
 :o12:
ไม่ไหวแล้ว สงสารเอ
ขอเปลี่ยนจากอยาก  :beat: เอ ที่ก่อแต่เรื่อง
มา  :z6: คนเขียนได้ไม๊
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 61 Apr 27, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: •ผั๑`|nกุ้va’ด• ที่ 27-04-2010 10:43:22
โค้งนี้ คุณ eiky หักศอก รึป่าวคะ  คนอ่านเลี้ยวตามไม่ทัน จะ ตกเหวแล้ว ร่วงงง แอ๊กกกกกกกกกก~~~.....
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 61 Apr 27, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 27-04-2010 10:45:37
 เพื่อนๆ อย่าใจร้ายกับผมเลย เรื่องใหม่กำลังร่าง อิอิ


แอบมาบอกเพื่อนๆคนแรกเลยน้า ว่าชื่อเรื่อง คือ My Sweetheart Valentine

อิอิ เปนงายหวานม๊ะ เหอๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 61 Apr 27, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 27-04-2010 10:55:01
 :monkeysad: :monkeysad:

ขอให้หมอช่วยได้ทันทีเถอะ

sweet จริงป่าวคะ เรื่องต่อไปเนี่ย

หวาน เศร้า เคล้าน้ำตา ป่าวเนี่ย
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 61 Apr 27, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 27-04-2010 10:55:36
ไม่เอาแบบเศร้าๆ นะ   o18
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 61 Apr 27, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 27-04-2010 12:13:27
เง้ออออออ ทำไมเป็นงี้ละ  :a5:
จะเศร้าจริงๆ เหรอ  o18  o18

ปล. My Sweetheart Valentine >>>>  จะหวานจริงอะ  :m29:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 61 Apr 27, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: booboos ที่ 27-04-2010 12:41:16
รอคืนนี้อ่ะ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 61 Apr 27, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: ferly ที่ 27-04-2010 12:44:42
เศร้าไปไหนนนนนน  :o12: :o12: :o12:

เรื่องหน้าอย่าเศร้าแบบนี้น้า

(เห็นชื่อเรื่องแต่ใครจะรู้ใจคนเขียน -*-)
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 61 Apr 27, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 27-04-2010 13:20:19
ไม่น่าจะเป็นไดอารี่นะ น่าจะบอกว่าเอเขียนจดหมายมาให้มากกว่า
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 61 Apr 27, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 27-04-2010 14:17:34
 :monkeysad: เอทำแบบนี้ แล้วคิดว่าโยจะทำยังไงล่ะ
เศร้าจริงๆ  เอาใจช่วย... ขอให้เอปลอดภัย

เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 61 Apr 27, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: pearleye ที่ 27-04-2010 15:03:17
ฮึ้ย! อีกกี่โค้งกันแน่เนี่ย  :serius2: ถ้ายังมีอีกหลายโค้ง กลัวจะแหกโค้ง...ซะก่อน :m15:

เพื่อนๆ อย่าใจร้ายกับผมเลย เรื่องใหม่กำลังร่าง อิอิ


แอบมาบอกเพื่อนๆคนแรกเลยน้า ว่าชื่อเรื่อง คือ My Sweetheart Valentine

อิอิ เปนงายหวานม๊ะ เหอๆๆๆ

หวานนนนนนนนนนนนนนน แต่จะหวานแต่ชื่อเรื่องอ่ะป่าวน๊า  o18 หึหึ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 61 Apr 27, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 27-04-2010 15:11:08
ไม่น่าจะเป็นไดอารี่นะ น่าจะบอกว่าเอเขียนจดหมายมาให้มากกว่า

เออ ช่าย ขอบคุณน้าคร้าบบ
เดี๋ยวเข้าไปแก้

จุ๊บๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 61 Apr 27, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: kanda53 ที่ 27-04-2010 15:29:38
:z2: :z2: :z2:


น่านะทุกคนค้างแปบเดียวเอง ขอผมคิดตอนกระชากใจหน่อยน้าาาาา




อิอิ เตรียมใจ เอ้ย เตรียมตัวอ่านคืนนี้น้าาาา


จุ๊บๆๆๆๆ

 :L1: :L1: :L1:

จะกระชากขึ้นหรือกระชากลงจ๊ะน้อง eiky
แต่ที่แหกโค้งตกเหวไปแล้ว....คงต้องไว้อาลัย :m2:
แต่สำหรับคนอ่านบังเอิญขึ้นรถไม่ทัน  เลยรอด...... o3
แล้วโค้งสุดท้ายและท้ายสุดน่ะขอแบบหวานเจี๊ยบเลยนะ.....
ชดเชยกับที่เศร้ากันมาอย่างยาวนานมากกกกกก.........
เห็นใจเอกะโยหน่อย  โดยเฉพาะโยได้รับรางวัล นายเอกเจ้าน้ำตาแห่งปี ไปแล้ว  :m16:

สำหรับเรื่องใหม่....คงจะหวานสมชื่อนะ...หรือหวานปนขมหว่า......

 :เฮ้อ:  แต่ไม่ว่าน้อง eiky จะแต่งแบบไหน  (ชอบแกล้งคนอ่าน) เราก้อตามอ่านอยู่ดี
 
:L2: :L1: :pig4: ให้น้อง eiky ค่ะ



หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 61 Apr 27, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Na_RimKLonG ที่ 27-04-2010 15:45:21
นั่นสิ  จะกระซากขึ้นหรือกระซากลง

 :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 61 Apr 27, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 27-04-2010 15:57:48
:z2: :z2: :z2:


น่านะทุกคนค้างแปบเดียวเอง ขอผมคิดตอนกระชากใจหน่อยน้าาาาา




อิอิ เตรียมใจ เอ้ย เตรียมตัวอ่านคืนนี้น้าาาา


จุ๊บๆๆๆๆ

 :L1: :L1: :L1:

จะกระชากขึ้นหรือกระชากลงจ๊ะน้อง eiky
แต่ที่แหกโค้งตกเหวไปแล้ว....คงต้องไว้อาลัย :m2:
แต่สำหรับคนอ่านบังเอิญขึ้นรถไม่ทัน  เลยรอด...... o3
แล้วโค้งสุดท้ายและท้ายสุดน่ะขอแบบหวานเจี๊ยบเลยนะ.....
ชดเชยกับที่เศร้ากันมาอย่างยาวนานมากกกกกก.........
เห็นใจเอกะโยหน่อย  โดยเฉพาะโยได้รับรางวัล นายเอกเจ้าน้ำตาแห่งปี ไปแล้ว  :m16:

สำหรับเรื่องใหม่....คงจะหวานสมชื่อนะ...หรือหวานปนขมหว่า......

 :เฮ้อ:  แต่ไม่ว่าน้อง eiky จะแต่งแบบไหน  (ชอบแกล้งคนอ่าน) เราก้อตามอ่านอยู่ดี
 
:L2: :L1: :pig4: ให้น้อง eiky ค่ะ






น่ารักมากมาย
ทำไมผมเขียนแล้วมีความสุขขึ้นทุกวันๆ เนอะ เพราะมีคนอ่าน่ารักอย่างนี้นี่เอง

หึหึ

เรื่องใหม่รับรองครับ ว่า ตลก เอามัน ฮา อิอิ

แต่ถามหน่อยน้า มีใครในนี้ชอบอ่านเรื่องเรียกน้ำตาบ้างไหมคร้าบบ

เพราะคิดว่าผมถนัดเรื่องบีบน้ำตามากว่า อิอิ เป็นแบบ เอ็ม อ่าครับ อิอิ

 :m16: :m16:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 61 Apr 27, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: kanda53 ที่ 27-04-2010 16:44:43
ชอบอ่านเรื่องเศร้าแต่พอดีค่ะ.....เน้น...เศร้าแต่พอดี...
แล้วต้องจบแบบสวย ๆ ด้วยนะคะ คือ....แบบแฮปปี้ ๆ น่ะ
แบบว่า....ชีวิตก้อเครียดแล้ว...ไม่อยากอ่านอะไรเพิ่มความเครียดเข้าไปอีก....
รู้ค่ะว่าเป็นนิยาย....แต่ถ้าอ่านแล้วอิน..ก้อเศร้าไปหลายวันเหมือนกัน...

แต่...ต้องขอ  o13 ให้คนแต่งทุกคน(น้อง eiky ด้วย) ที่เขียนเรื่องให้คนอ่านอินได้...
จนรู้สึกเหมือนตัวละครคือญาติพี่น้องของเรา....ที่เราต้องคอยติดตามและห่วงใย....
ถือว่าประสบความสำเร็จในการเป็นนักเขียนนะคะ  ยินดีด้วยค่ะ  :mc4: :bye2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 61 Apr 27, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: salawinyeen ที่ 27-04-2010 18:11:11
TO คนแต่ง

                 ถ้าเอตายนะ   :fcuk: :z4:



แล้วจะกลับมาอ่านครับ :)
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 61 Apr 27, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: pearleye ที่ 27-04-2010 20:34:14
รอ ร๊อ รอ  :z2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 61 Apr 27, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 27-04-2010 20:44:50
TO คนแต่ง

                 ถ้าเอตายนะ   :fcuk: :z4:



แล้วจะกลับมาอ่านครับ :)

^
^
^

มาช่วย ย้ำ  ถ้า เอ ตาย นะ  o18 

คนแต่ง เตรียม ตัว   ......    o12
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 61 Apr 27, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 27-04-2010 20:49:07
 :z13: :z13: สองรีบน คนละที โทษฐาน

ทำร้าย eiky ในดวงใจของอีป้าแก่ๆได้ลงคอ









ป.ล. ไม่ใช่อะไรหรอก ฉันจะลงมือ เชือด

 eiky ด้วยมือฉันเองตะหาก ใครอย่ามาแย่ง ฉันจะจัดการเอง เข้าใจ  o18



หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 61 Apr 27, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 27-04-2010 21:55:29
ใจร้ายกะคนอ่านได้ลงคอนะ :seng2ped: :seng2ped: :seng2ped:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 61 Apr 27, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: pearleye ที่ 27-04-2010 22:07:03
:z13: :z13: สองรีบน คนละที โทษฐาน
ทำร้าย eiky ในดวงใจของอีป้าแก่ๆได้ลงคอ
ป.ล. ไม่ใช่อะไรหรอก ฉันจะลงมือ เชือด
 eiky ด้วยมือฉันเองตะหาก ใครอย่ามาแย่ง ฉันจะจัดการเอง เข้าใจ  o18

ป้าจ๋าน่ากลัวจัง  :m13: แต่ไม่เป็นไรหลานขาไม่เกี่ยว
แต่หลานขอฝากด้วยอีกสักทีได้ไหมคะ o18
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 61 Apr 27, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 27-04-2010 22:12:54
รีบนคะ อีป้าแก่ๆ รับฝากคะ



แต่..........







ตอนนี้ eiky ไปไหน มามะ มามะ 

มาหาอีป้าแก่ๆ หน่อยเร็ว 

ฉันคิดถึงเธอมากเลย วันนี้

ขี้เกียจรอตอน ดึกๆ

มาไวหน่อยได้รึเปล่าจ๊ะ แบบว่า

คิดถึงมากมาย อะไรอย่างเนี้ยะ 555
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 61 Apr 27, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Seoul In Love ที่ 27-04-2010 22:17:52
เอโตแต่ตัวจริงๆ นะ   :เฮ้อ:

แม้แต่ตัวเองยังไม่รักแล้วจะไปดูแลโยได้ยังไง  :m16:

ยิ่งอ่านยิ่งเครียด  o22 ขอพาราด่วน!  :serius2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 61 Apr 27, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 27-04-2010 22:23:26
 :z3: :z3: :z3:



อ่า ทำไมทุกคนรักผมจังเลย เย้ๆๆ ดีจาย อิอิ

รุมแย่งผมกันใหญ่เลย

เหอๆๆๆ แย่งกระทืบ อิอิ

แอบชอบนะเนี่ย


 :impress2: :impress2:

รออีกนิดน้า ได้สมใจกันถ้วนหน้า คร้าบบ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 61 Apr 27, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: pearleye ที่ 27-04-2010 22:37:03
:z3: :z3: :z3:
อ่า ทำไมทุกคนรักผมจังเลย เย้ๆๆ ดีจาย อิอิ
รุมแย่งผมกันใหญ่เลย
เหอๆๆๆ แย่งกระทืบ อิอิ
แอบชอบนะเนี่ย
 :impress2: :impress2:
รออีกนิดน้า ได้สมใจกันถ้วนหน้า คร้าบบ
:a5:

ให้ได้อีกห้านาทีค่ะ  :sad2:
คืนนี้อดอ่านแน่เลย โฮ  :sad11:
แบบว่า มีคุณแม่ขา คอยคุม   :m29:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 61 Apr 27, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: LifeTime ที่ 27-04-2010 23:00:22
 :o12:
ภาวนาให้ทันการณ์
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 61 Apr 27, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 27-04-2010 23:05:44
มันบีบหัวจายยยยยยยยยยยยย :sad4:


สั่นๆๆจากข้างในนนนนนนนนนนนนนนน :z3:


เออย่าเป็นอะไรไปนะ :call:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 61 Apr 27, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 27-04-2010 23:21:59
:z3: :z3: :z3:



อ่า ทำไมทุกคนรักผมจังเลย เย้ๆๆ ดีจาย อิอิ

รุมแย่งผมกันใหญ่เลย

เหอๆๆๆ แย่งกระทืบ อิอิ

แอบชอบนะเนี่ย


 :impress2: :impress2:

รออีกนิดน้า ได้สมใจกันถ้วนหน้า คร้าบบ


แบบว่ามาแล้ว มาเร็วเลย ทำงาน ทำงาน


ออ ลืมบอกไปอย่างนึง ซาดิส กับ มาโคซิส หรือที่เราๆ ท่านๆ เรียก SM อะนะ

ถ้าพวก ซาดิส จะเป็นพวกที่ชอบทำให้คนอื่นเจ็บปวด ทรมาน ประมาณนั้น

แต่พวก มาโคซิส จะเป็นพวกที่ชอบให้คนอื่นทำให้ตัวเองเจ็บปวด หรือ ทรมาน

eiky  ชอบ พูดว่าตัวเองเป็น M ก็มีความหมายอย่างที่สอง ที่กล่าวไปแล้ว

ฉะนั้น eiky ต้อง บอกว่า ตัวเองเป็น S มากกว่ามั้งค่ะ  :pigha2: +1 แด่ eiky ค่ะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 62 Apr 28, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 28-04-2010 00:02:59
                                           มาแว้วววววตามสัญญา



                              




                                             ตอน หกสิบสอง




 ลุงใหญ่ขับ รถออกจากบ้านโดยมีผมและบอมติดรถไปด้วย ส่วนแม่รอให้อาจารย์ปริศนาฟื้นก่อนค่อยตามไปที่โรงพยาบาล ระหว่างทางบอมคุยกับบ๊อบตลอดทาง

"ลุงๆ เลือดมันไหลใหญ่เลย"

"บอก มันเอามือกดไว้ กดไว้ก่อน แล้วไปโรงบาลสุขุมวิท"

"ไอ้บ๊อบมึงเอามือ กดแผลไว้ก่อน ไปโรงบาลสุขุมวิท"

บอมพูดตามที่ลุงใหญ่บอก ผมนั่งตัวสั่นทำอะไรไม่ถูกอยู่ข้างหลัง น้ำตาไหลออกมาอาบสองแก้ม ในใจเป็นกังวล คิดอะไรไม่ออก

"ลุงคิดไว้แล้วเชียว ตอนอยู่ที่โน่นมันก็หยิบมีดมาดูแปลกๆ ดีนะที่ลุงไม่ปล่อยให้อยู่คนเดียว แต่ในที่สุด"

ผมยิ่งฟังที่ทรมานใจอยากจะกรีดร้องออกมาให้สุดเสียง ได้แต่สะอื้นนั่งกระสับกระส่าย พูดไม่ออกสักคำ ทำไมขับช้าจังเลย

"มึง ถึงโรงบาลยังไอ้บ๊อบ ไอ้เชี่ย เร็วๆ อุ้มมันไปหาหมอ เออๆ กูจะถึงแล้ว"

บอ มยกโทรศัพท์ขึ้นมารับแล้วร้องออกไป ใจผมสั่นไหวนั่งไม่ติดที่ชะเง้อคอดูตามถนนบ้างมองบอมที่คุยโทรศัพท์บ้าง

"หนู โย ใจเย็นๆลูก ถึงมือหมอแล้วเอไม่เป็นไรหรอก"

เสียงลุงใหญ่ทุ้มบาด ลึกเข้าไปในใจ ผมปล่อยโฮออกมา

"เพราะผม เพราะผมคนเดียว ผมน่าจะฟังเอบ้าง ผมทำร้ายเอ"

ผมเอามือปิดหน้าตัวเองสะอื้นไห้ออกมา ร้าวรานในใจ

"ไม่เอาลูก น้องมันไม่เป็นไรแล้ว นี่ไงถึงแล้ว ไปเราลงไปก่อนลุงไปจอดรถก่อน"

ผมเงยหน้าขึ้นมาหยุดร้องไห้ พอลุงใหญ่จอดรถของอาจารย์ปริศนาลงยังไม่ทันสนิทดี ผมก็เปิดประตูวิ่งออกไปเลย วิ่งไปโดยไม่รู้ที่หมายปลายทาง

"พี่ๆ ทางนี้ๆ ห้องฉุกเฉินอยู่ทางนี้"

เสียงบอมเรียกให้ผมชะงักแล้ววิ่ง ย้อนกลับมาตามมันไป ผมใจสั่นไม่อยากจะคิดอะไรไปมากกว่านี้แล้ว ขอให้เอไม่เป็นอะไร อย่าให้เอต้องเป็นอะไรไปเลย ผมชะงักเมื่อมาถึงหน้าห้องฉุกเฉิน บ๊อบยืนตัวสั่น เลือดเต็มตัวมัน น้องโอยืนร้องไห้อยู่ข้างๆ

"เอ!!!!!!!!" ผมร้องออกไป

"เอ อยู่ไหนบ๊อบ เออยู่ไหน"

ผมโผเข้าไปเขย่าตัวบ๊อบ มันยังยืนเหม่อลอยอยู่

"มันอยู่ในห้อง หมอดูอยู่"

เสียงลอด ออกมาจากคอ ผมทรุดตัวลงกับพื้นคุกเข่าหน้าบ๊อบ สะอื้นออกมา ใจจะขาด ผมจุกอยู่ที่อก

"ทำไม ทำไมเอต้องทำแบบนี้ เอ!!!!!!!!!!!!"

ผม ไม่มีสติแล้ว ไม่เหลืออะไรแล้ว บอมจับตัวผมลุกขึ้น มันลากผมไปนั่งลุงใหญ่มาพอดี

"เป็นไงบ้างพ่อหนุ่ม"

ลุงใหญ่ ถามบ๊อบ

"มันกรีดแขนตัวเอง แล้ว แล้วไปแช่ในอ่าง ผมมาก็เห็นเลือดเต็มแล้ว"

บ๊อบปากสั่น หน้าซีด ลุงใหญ่เข้าไปตบบ่ามันเบาๆแล้วพามานั่งข้างๆผม หมอเปิดประตูออกมา

"เป็น ยังไงบ้างครับคุณหมอ"

ลุงใหญ่ลุกไปถามหมอที่มีผ้าปิดปากอยู่

"เด็ก เสียเลือดมากนะครับ กรุ๊ป เอบี ทางเราเกรงว่าจะมีเลือดกรุ๊ปนี้ไม่พอ"

"ผม เอบีครับหมอ"

ผมร้องขึ้นเคยบริจาคเลือด จำได้ว่ากรุ๊ปเลือดผมก็ เอบี คุณพระคุณเจ้ายังเมตตาอยู่

"ดีครับ งั้นตามพยาบาลไปห้องโน้นเลยครับ"

"แล้วหลานผมเป็นยังไงบ้างครับ คุณหมอ"

ลุงใหญ่ยังถามเสียงขรึม

"ตอนนี้หมดสติไปครับ เนื่องจากเสียเลือดมาก แต่คงไม่เป็นอะไรมากเพราะพามาโรงพยาบาลทันเวลาพอดี"

"ผม ฝากหลานด้วยนะครับ"

หมอพยักหน้าคุยกับลุงใหญ่อีกคำสองคำ เพราะผมเดินตามพยาบาลไปได้แต่มองย้อนหลังกลับมาดู ผมตามพยาบาลเข้าไปในห้อง ผมขึ้นนอนบนเตียงตามที่พยาบาลบอก น้ำตาไหล ขออย่าได้เป็นอะไรไปเลยนะเอ คุณพระคุณเจ้าคุ้มครองเอด้วยเถิด ทำไมทำแบบนี้ ทำไมคิดสั้นแบบนี้

"กำ หมอนนี้นะคะ กำ ปล่อย กำ ปล่อย ค่ะดีค่ะ"

เสียงพยาบาลบอก ผมนอนหลับตาปล่อยให้น้ำตามันไหลออกมาอาบสองแก้ม ไม่หันไปมองถุงเลือดที่กำลังสูบออกจากร่าง ขอให้เลือดนี้ช่วยชีวิตเอด้วยเถิด ต่อให้สูบไปจนหมดตัวผมก็ไม่เสียดาย ขอให้แค่เลือดผมต่อชีวิตให้ดวงใจของผม ผมยอมแล้ว ผมยอมแพ้ทุกอย่างแล้ว อย่าทำแบบนี้เลย อย่าลงโทษผมด้วยวิธีการนี้เลย ผมทนไม่ไหวแล้ว อย่าพรากเอไปจากผมด้วยวิธีนี้เลย ให้แยกจากกันด้วยวิธีไหน หนทางใดก็ได้ แต่อย่าทำแบบนี้ ผมทนไม่ได้ ผมจะอยู่ยังไงถ้าเสียเอไป ใจผมจะสู้ต่อไปยังไง ผมจะยังมีลมหายใจอยู่ในโลกนี้ได้ยังไง ได้โปรดกรุณาเราสองคนด้วย ผมอ้อนวอนในใจที่กำลังแหลกสลายร้าวราน

"เจ็บเหรอคะน้อง ทนหน่อยนะคะเดี๋ยวก็เต็มถุงแล้ว"

เสียงพยาบาลกังวานในหัว ผมส่ายหน้าทั้งน้ำตา

"ไม่.....ครับ ....ผม ไม่......"

พูด เป็นคำไม่ได้แล้ว ทุกอย่างมันมาจุกอยู่ที่คอ ผมเม้มปากแน่นเพราะไม่อยากจะสะอื้นออกมา อยากบีบให้เลือดเต็มเร็วๆ ยิ่งเร็วผมยิ่งช่วยเอได้เร็วกว่าเดิม

"เต็มแล้วค่ะ น้องนอนพักแป๊บนะคะอย่าเพิ่งลุก"

"พอไหมครับพี่ เอาอีกได้ไหม เอาให้พอ"

ผมหันมามองพยาบาลร้องอ้อนวอน น้ำตายังไหลอยู่อาบทั้งหน้า

"มัน จะเกินกำลังไปนะคะ แค่นี้คงพอ เดี๋ยวเราจะไปดูหมอด้วย น้องนอนพักก่อนเถอะค่ะ"

"ผมไหวครับพี่ ผมไหว เอาของผมเถอะ ผมขอร้อง"

ผม สะอื้นออกมา พยาบาลมองหน้าผม เธอคงตกใจ เสียงสะอื้นที่พยายามสะกดเอาไว้พรั่งพรูออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ

"ได้ โปรด......เอาเลือดผม เถอะ เอาไปให้เอที ผมขอร้อง"

ผมสะอื้นออกมา พยาบาลลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะเอาถุงใส่เลือดอีกถุงมาเสียบเข้าท่อ

"ไม่ ไหวบอกพี่นะคะน้อง อย่าฝืนนะคะ"

ผมไม่ตอบแต่เร่งมือกำหมอน ผมรู้สึกอ่อนแรง ยิ่งร้องไห้หัวใจยิ่งเต้นแรง ผมไม่มีแรงแม้แต่จะกำหมอนเข้าหากัน

"พอแล้วค่ะ น้อง พอแล้วค่ะไม่ต้องกำแล้ว"

เสียงร้องของพยาบาล เธอมาถอดสายเจาะเลือดออกทันที

"พี่.....เอาเลือดผม อย่าให้เอ เป็นอะไรไป ผมขอร้อง......ผมยังไหว พี่ ครับ.....ได้โปรด"

ผมสะอื้น มองหน้าเธอเลือนลางรู้สึกหวิวๆ แต่เจ็บปวดทางกายมันไม่เทียบเท่าความเจ็บในใจที่มันสุมแน่นอยู่จนผมไม่ รู้สึกว่าเจ็บปวดทางกายเลยแม้แต่น้อย ในใจมันร้อนมันไม่ฟังเสียงใครแล้ว สติหรือ มีใครคุมสติตัวเองในเวลาแบบนี้ได้ด้วยหรือ อาจจะมีแต่ไม่ใช่ผม ผมทำอะไรไม่ได้แล้ว ผมคิดอะไรไม่ออกนอกจากสิ่งที่อยู่ต่อหน้า

"พอ แล้วค่ะ ถุงนั้นเอาไปแล้ว พอแล้วค่ะน้อง เอาอีกเราช็อคแน่ๆ พักก่อนนะคะอย่าเพิ่งลุก"

พยาบาลมาดันตัวผมลงให้ไปนอนกับเตียงเพราะ ผมทำท่าจะลุกขึ้นจากเตียง เลือดได้แค่ครึ่งถุง ถ้าเลือดไม่พอล่ะ เอจะเป็นยังไง เอ อย่าเป็นอะไรไปนะ เอ รอฉันก่อน ฉันขอร้อง ได้โปรด อย่าเป็นอะไรไปเลย ผมยกมือขึ้นพนมทั้งที่นอนอยู่บนเตียง สะอื้นออกมาจนตัวโยนสะท้อน

"คุณพระคุณเจ้า สงสารลูกด้วยเถิด อย่าเพิ่งให้เอเป็นอะไรไปเลย ช่วยเอด้วย ช่วยเอด้วย ลูกขอทำทุกอย่างเพื่อแลกกับเอ"

"น้องคะ อย่าคิดมากนะคะหมอกำลังช่วยอยู่ น้องเขาพ้นขีดอันตรายแล้ว น้องพักก่อนนะคะ"

พยาบาล มาจับมือผมที่พนมกันอยู่ ผมร้อนในใจ อยากไปกอดเอ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้เพราะผมคนเดียว เพราะคนโง่ที่อวดฉลาดอย่างผม ที่คิดว่าตัวเองมีข้อดีเสียมากมาย ไม่ยอมมองเห็นน้ำใจของเอ ไม่ยอมฟังเสียงอธิบายของเอ ผมมันโง่นัก ผมมามัวนอนฟูมฟายเสียใจอะไรอยู่ตรงนี้ ทุกวินาทีนับจากนี้ถ้าเกิดอะไรขึ้นผมจะไม่ยอมยกโทษให้ตัวเองเลย ผมพยายามดันตัวลุกขึ้น

"น้องคะ อย่าเพิ่งค่ะ อย่าเพิ่งลุก เดี๋ยวช็อค"

พยาบาลร้องเสียงหลงเข้ามาจับผมให้นอนลงอย่างเดิม แต่ผมรั้งตัวไว้ไม่มีเรี่ยวแรง เวียนหัว

"พี่ครับ พาผมไปหา............เอ ได้ไหม ผมขอร้อง..........ผม ไม่เป็นไร.........ผม ไหว ผม ขอร้อง"

ผมยกมือไหว้พยาบาลสะอื้นไห้ ใจจะขาด ผมไม่คิดอะไรแล้วในหัว ตอนนี้อยากจะออกไปดูว่าเอเป็นยังไงบ้าง ทั้งที่พยาบาลบอกอยู่ว่าเอพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ผมอยากไปเห็นกับตา ว่าเอไม่เป็นอะไร ผมทนไม่ได้ ผมอยู่ตรงนี้ไม่ได้ ทนอยู่อย่างนี้ไม่ได้ พยาบาลจับตัวผม เธอลังเลอยู่ครู่ใหญ่แต่ผมก็ไม่สนใจแล้วจะลุกจากเตียงอย่างเดียว เธอจำใจต้องพยุงผมลุกขึ้น

"ค่อยๆเดินนะคะน้อง โอยหมอมาเห็นพี่โดนแน่ๆ"

พยาบาลพยุงผมออกมาจากห้อง

"โย เป็นยังไงบ้างแก หน้าซีดเชียว"

พลมาถึงแล้ว มันวิ่งเข้ามาซ้อนปีกผมพยาบาลจึงผละออกปล่อยให้พลพยุงแทน

"เอ เป็นยังไงบ้างแก เอ อยู่ไหน"

ผมยังสะอื้นอยู่ ยิ่งหายใจยิ่งเหนื่อย เวียนหัวเหลือเกิน ตาเริ่มพร่ารางเลือน

"มันอยู่ในห้องพักฟื้นแล้ว ไม่เป็นไรแล้วแก เอมันปลอดภัยแล้ว แม่ก็อยู่ข้างใน"

"พา ฉันเข้าไปหน่อย ฉันอยากเจอเอ"

ผมอ้อนวอน เสียงแผ่วเบาขาดหาย ลมหายใจผมอ่อนรวยริน ไม่มีแรง เหมือนจะเป็นลม

"แกนั่งพักก่อนไหม หน้าซีดมากแก"

"ไม่ พาฉันไปหาเอ ได้โปรด พล พาฉันไป ฉันอยากเห็นหน้าเอ"

ผมไม่ฟังเสียงค้านของพล พยายามลากตัวเองไปข้างหน้า แม้ไร้เรี่ยวแรง เอ อยากเจอเอ พลพยุงผมเข้ามาในห้องพักฟื้น เห็นแม่ยืนกอดอาจารย์ปริศนาอยู่ ลุงใหญ่ก็กอดโอไว้ บ๊อบกับบอมยืนอยู่อีกทาง

"เอ!!!!!!!!!!!!!!"

ผม กรีดร้องออกไปจากใจ โผเข้าไปที่เตียง ร่างมันนอนแน่นิ่งมีสายระโยงระยางเต็มแขนไปหมด หน้ามันซีดขาวเหมือนไม่มีวิญญาณ หน้าตามันดูสงบเหลือเกิน เอ..........

"โย ทำไมหน้าซีดอย่างนี้ลูก"

"โยให้เลือดมาแม่"

"เอ!!!!!! ทำไมทำแบบนี้ เอ ทำไมทำแบบนี้"

ผมกอดร่างที่นอนแน่นิ่งอยู่สะอื้นใจ จะขาด

"แม่ผิดเอง แม่ผิดเอง เพราะแม่คนเดียว เอ แม่ขอโทษนะลูก แม่ไม่ห้ามแล้ว แม่ยอมแล้ว เออย่าเป็นอะไรไปนะ"

เสียงอาจารย์ปริศนา คร่ำครวญ

"เอ!!!!!!!!!!!!!!! เอ อย่าเป็นอะไรไปนะ เอ ฉันรักเธอนะเอ ฉันรักเธอ ได้ยินไหม ได้ยินไหม ฉันรักเธอ"

ผมตะโกนออกไปแทบไม่ได้ยิน เสียงของตัวเอง เจ็บปวดใจ ยอกอยู่ในอก เสียงคนรอบข้างร้องไห้ พูดอะไรไม่ได้ยินแล้ว

"ฮึก ฮึก............"

"โย โย!!!!!!!!!!!!!!"

จำได้ว่าเป็นเสียงแม่ แม่กรีดร้อง เสียงใครต่อใครเรียกชื่อผม เสียงนั้นแผ่วเบาเหมือนลอยมากับสายลม

"โย!!!!!!!!! ช่วยด้วย!!!!!!!!!! ตามหมอ ที"

เสียงสุดท้ายที่ผมได้ยิน ไม่แน่ใจว่าเป็นเสียงแม่หรือพล เสียงนั้นแว่วแผ่วเบา แล้วทุกอย่างก็ขาดหายไป




 o18 o18 o18


หึหึ เป็นไปตามที่คิดไหมครับ ว้ามีคนรู้ด้วยอ่าว่าต้องเป็นแบบนี้


ปล ป้า เป็นเอ็มจริงๆน้า เพราะตอนเขียนก็น้ำตาท่วมอยู่ แต่ไม่ชอบให้ใครมาทำให้เจ็บ อิอิ ชอบทรมานตัวเอง




เขียนโดย eiky                              




          

หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 62 Apr 28, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Na_RimKLonG ที่ 28-04-2010 00:11:02
จิ้มๆๆๆ


โค้งสุดท้ายมันเศร้า จนอยากแหกโค้งงงงงง

แงงงงงงงงงงงง   :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 62 Apr 28, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: ChiOln ที่ 28-04-2010 00:15:49
 :call: :call:


ขออย่าให้เป็นอะไรทั้งคู่อ่ะ

 :sad11:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 62 Apr 28, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: iiดาวพระสุขლii ที่ 28-04-2010 00:17:02
ขอให้ปลอดภัยทั้งคู่น๊าาาาา     :กอด1:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 62 Apr 28, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 28-04-2010 00:18:53
เค้าว่ากันว่า ฟ้าหลังฝนสดใสเสมอ
โย+เอ อย่าเป็นอะไรไปน๊า~

เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 62 Apr 28, 20
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 28-04-2010 00:28:57
อีป้าแก่ๆ ก็ยังนอนยันอยู่ดี ว่า eiky เป็น s เล่นเอาอีป้าแก่ๆ ปี่แตกอึกแล้วคะ คนอ่านท่านอื่นเป็นยังไงบ้างค่ะ อยาก+ แต่ เกินโควต้าคะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 62 Apr 28, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: •ผั๑`|nกุ้va’ด• ที่ 28-04-2010 01:27:11
ยัง ติด ตาม อ่าน อยู่ จ้า ~~!!~ . . .   ไม่ใช่ตอนท้าย โย จะตาย เพราะเสียเลือดมาก - -.. แต่เอกลับมีชีวิตอยู่ ตึ่ง!!!~
 
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 62 Apr 28, 20
เริ่มหัวข้อโดย: DexTunG ที่ 28-04-2010 01:31:46
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :z13:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 62 Apr 28, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 28-04-2010 04:43:02
 :z13: :m16:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 62 Apr 28, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 28-04-2010 05:53:08
เซ็งคนเขียนว่ะ เอาน้ำตาผมไปทำไมอ่ะ :m16: :m16: :m16: :m16:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 62 Apr 28, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 28-04-2010 08:06:05
เซ็งคนเขียนว่ะ เอาน้ำตาผมไปทำไมอ่ะ :m16: :m16: :m16: :m16:


อ่า เอามาที่หนาย มะเห็นมี อิอิ


เรียนทุกท่าน เดี๋ยวอัพให้น้า ตอนกระชากหัวใจ

เหอๆ ขอคิดแนวหน่อยคร้าบบบ

จุ๊บๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 62 Apr 28, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 28-04-2010 08:07:46
 :z13: eiky สะงั้น


อีป้าแก่อนุญาต ให้คิดได้ แต่อย่านานนะ เดี๋ยว อ่านแล้วมันไม่ต่อเนื่อง กับปี่ที่แตกไว้เมื่อวาน
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 62 Apr 28, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 28-04-2010 11:15:09
 ถึงเพื่อนๆ ที่รัก

วันนี้ไม่รักผมเหรอ อิอิ


มามะมารักกัน

 :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 62 Apr 28, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: อิสระ ที่ 28-04-2010 12:18:50
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก :serius2: :serius2: :serius2:

ยิ่งอ่านยิ่งบีบอารมณ์

บริหารต้อมนำตาเหลือเกิน

แต่.....


ขออีก :impress2:   เอาอีก :impress2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 62 Apr 28, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 28-04-2010 12:22:05
                                   คิดว่า แอบเอามาออกนิดหน่อยดีกว่าเนอะ


เดี๋ยวเพื่อนๆ ค้างแล้วรุมด่า ช่วงนี้จามบ่อย โดนด่าแน่ๆ อิอิ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนใหม่!!!โค้งสุดท้ายแล้วคร้าบบ ตอน 62 Apr 28, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: pearleye ที่ 28-04-2010 12:23:31
อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก :serius2:
อยากสับไร แต่กลัวท่านหญิงป้า  :m15:
  :z6: :beat: :z6:  :a5:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ แอบเอามาลงครึ่งตอน อิอิ ตอน 63 Apr 28, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 28-04-2010 12:24:25
มามะมาเลย อีป้าแก่ๆ รัก eiky อยู่แล้ว
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ แอบเอามาลงครึ่งตอน อิอิ ตอน 63 Apr 28, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 28-04-2010 12:25:44
                                           ตอน หกสิบสาม (ครึ่งเดียวน้า) เรียกร้องความสนใจ อิอิ สนใจผมหน่อยๆ







"โย!!!!!!!!!!!!! ช่วยด้วย หมอ ช่วยด้วย!!!!!!!!!"

"พรึ่บบบ"


...

มืด เหลือเกิน ที่นี่ที่ไหน แม่ แม่อยู่ไหน ผมมองไม่เห็นอะไรเลย มืดกว่าความมืดใดๆที่เคยเห็นมา สายตาไม่ชินกับความมืดเลย แม้จะพยายามจ้องมองอยู่นาน ทำไมผมรู้สึกตัวเบาโหวงอย่างนี้

"พรึ่บบบบ"

แสง สว่างส่องจ้าขึ้นจนผมต้องหลับตา แม้หลับตาแล้วยังรู้สึกได้ว่ามันสว่างเหลือเกิน ที่นี่ที่ไหน!!!! แม่!!!!!! แม่อยู่ไหน ห้องสีขาวจ้านี่มันที่ไหนกัน ขาวโพลนไปหมด ขาวมากอย่างที่ไม่เคยเห็น ขาวกว้างไม่มีจุุดตก ผมยืนอยู่คนเดียวกลางห้องสีขาวนี้ มันสว่างขาวจนผมมองไม่เห็นเงาตัวเอง ชุดสีขาวนี้ผมไม่เคยมี อย่างมากก็มีเสื้อขาว แต่ไม่เคยมีกางเกงสีขาวเพราะผมไม่เคยซื้อ ผมเริ่มกลัว

"แม่!!!!!!!!!!!!! พล!!!!!!!!!!!!!!!!!!!"

ผมตะโกนร้องเรียก เสียงที่ออกจากปากมันสะท้อนกลับมา ในใจเริ่มกลัว

"เอ!!!!!!!!!!!"

"ที่ ไหนกัน ที่นี่ที่ไหนกัน"

ผมหันมองรอบตัวเอง ไม่เจอใคร ไม่มีเสียงตอบรับ มีเพียงเสียงสะท้อนที่ผมเพิ่งตะโกนออกไปมันก้องกลับมา กลัวเหลือเกิน ผมอยู่ที่ไหนกัน ผมอยู่ที่แห่งใด ผมเดินหมุนรอบตัวเองในใจก็ประหวั่นพรั่นพรึง นี่มันเกิดอะไรขึ้น ผมเป็นอะไรไป

"โย"

เสียงทุ้มลอยลมมาต้องโสตประสาท เสียงคุ้นที่เคยได้ยินมานานแสนนาน

"พ่อ!!!!!!!!!! พ่อ อยู่ไหน พ่อ"

ผม ร้องออกไปมองหาพ่อรอบตัว ต้นเสียงไม่รู้มันมาจากทิศทางใด เสียงนี้ เสียงของพ่อผมจำได้

"โย พ่ออยู่ทางนี้"

เสียงลอยใกล้มาเหมือน กระซิบอยู่ข้างหู จนผมสะดุ้ง ทั้งดีใจทั้งกลัวระคนกันไป

"พ่อ พ่อจ๋า"

พ่อยืนอยู่ตรงหน้า ดวงหน้าแจ่มใส พ่ออยู่ในชุดเครื่องแบบนายทหารสีเขียวขี้ม้าเต็มยศ พ่อยิ้มให้ผมแล้วผายมือออก ผมโผเข้ากอดพ่อทันที พ่อจริงๆ ผมสัมผัสได้ ผมจับต้องพ่อได้ อบอุ่นเหลือเกิน

"พ่อจ๋า พ่อไปไหนมา พ่อ โยคิดถึงพ่อเหลือเกิน พ่อจ๋า"

ผมร้องไห้ออกไป กอดพ่อแน่น พ่อโอบกอดผมแล้วลูบหัวเบาๆ กลิ่นพ่อยังไม่เปลี่ยนไปเลย กลิ่นของนายทหาร

"พ่อ ไม่ได้ไปไหนเลยลูก พ่ออยู่กับโยกับแม่ตลอดเวลา พ่อไม่เคยไปไหนเลย"

เสียง พ่อทุ้มอยู่เหนือหัว

"โย คิดถึงพ่อเหลือเกิน พ่อจ๋า พ่ออย่าทิ้งโยกับแม่ไปอีกนะ"

ผมสะอื้นออกมา แต่รู้สึกว่าน้ำตามันไม่ไหลออกมาเลย เบาตัวโหวง ในใจตื้นตันเหลือเกิน นานแค่ไหนแล้วที่ผมไม่ได้กอดพ่อ เคยเจอแต่ในความฝัน แต่ตอนนี้ผมจับต้องพ่ออยู่กอดพ่ออยู่ ได้กลิ่นพ่อ พ่อที่ผมรัก ดีใจเหลือเกิน

"พ่อไม่ไปไหนหรอกลูก อยู่กับเราตลอดเวลา เฝ้ามองดูอยู่"

พ่อยังลูบหัวผมแผ่วเบา

"พ่อภูมิใจในตัวลูกมาก นะโย เหมือนกับแม่ที่ภูมิใจในตัวลูก พ่อรักลูกเสมอ"

ผมผละออกจากอก พ่อแหงนมองหน้าพ่อ รอยยิ้มของพ่อแจ่มใส

"แต่โยทำให้แม่เสียใจ พ่อจ๋า โยเป็นลูกไม่ดี โยเป็นเด็กไม่ดี"

"หือ ไม่เอาลูก อย่าพูดแบบนั้น กรรมที่ลูกได้ฝ่าฟันมามันกำลังจะลุล่วง อดทนนะโย แม่เขาเข้าใจ แม่เขาไม่ว่าลูกหรอก"

"พ่อจ๋า โยเสียใจ ที่โยเกิดมาแล้วไม่ได้เป็นเด็กผู้ชายปกติเหมือนคนอื่นเขา โยเสียใจที่ทำให้แม่ต้องลำบากใจ"

ผมพรั่งพรูออกไป รู้สึกว่าน้ำตาไหล ร้องไห้ สะอื้นอยู่แต่ใบหน้า ดวงตาแห้งไม่มีน้ำตา

"โย ฟังพ่อนะลูก พ่อไม่เคยเสียใจ แม่เองก็ไม่เคยเสียใจ โยเป็นเด็กดี นั่นต่างหากที่พ่อกับแม่ภูมิใจ อย่าคิดมากสิโย ทุกวันนี้โยได้พยายามแล้ว พ่อรู้ พ่อกับแม่เป็นกำลังใจให้โยเสมอนะลูก เข้มแข็ง โยยังต้องเป็นที่พึ่งให้แม่อีกนานนะ อย่าท้อถอย นะลูก"

พ่อจูบที่ หน้าผาก อุ่นเข้าไปถึงหัวใจผมหลับตาพริ้มสุขใจที่สุด

"โย กลับไปหาแม่เถอะลูก แม่เขาตามแล้ว"

"โยจะอยู่กับพ่อ พ่อจ๋าโยเหนื่อยเหลือเกิน โยเจ็บเหลือเกิน โยอยากอยู่กับพ่อที่นี่"


 :o8: :o8:


เดี๋ยวเย็นๆมาต่อ อย่ารุมด่ากันน้าา
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ แอบเอามาลงครึ่งตอน อิอิ ตอน 63 Apr 28, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: pearleye ที่ 28-04-2010 12:27:15
 :m31:

ทรมานคนอ่านเหลือเกิน  :fire:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ แอบเอามาลงครึ่งตอน อิอิ ตอน 63 Apr 28, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 28-04-2010 12:28:53
แค่นี้ ก็ทำเอา อีป้าแก่ๆ คิดถึง แม่ กับ ป๊า และอะ น้ำตาซึมในช่วงเวลางาน eiky ทำบาปมากมาย
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ แอบเอามาลงครึ่งตอน อิอิ ตอน 63 Apr 28, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 28-04-2010 12:31:54
แค่นี้ ก็ทำเอา อีป้าแก่ๆ คิดถึง แม่ กับ ป๊า และอะ น้ำตาซึมในช่วงเวลางาน eiky ทำบาปมากมาย


อ่า ป้าอ่านรวดเร็วมากกก ไม่ทันตั้งตัว ยัง ยังไม่จบนะป้าาาา


อิอิ

รักป้ามากมาย

 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ แอบเอามาลงครึ่งตอน อิอิ ตอน 63 Apr 28, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: ferly ที่ 28-04-2010 12:42:46
อ้ากกกกกกกกกกก  :m16: :m16:

ต่อด่วนค่ะ -*-
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ แอบเอามาลงครึ่งตอน อิอิ ตอน 63 Apr 28, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: iiดาวพระสุขლii ที่ 28-04-2010 12:57:30
 :กอด1:  โย....  วันนี้มาแปลก  ต่อกลางวัน  555
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ แอบเอามาลงครึ่งตอน อิอิ ตอน 63 Apr 28, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 28-04-2010 13:05:45
:กอด1:  โย....  วันนี้มาแปลก  ต่อกลางวัน  555


หยุดคร้าบบบ เลยตื่นแต่เช้า พลังเยอะ อิอิ


 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ แอบเอามาลงครึ่งตอน อิอิ ตอน 63 Apr 28, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: LifeTime ที่ 28-04-2010 13:57:25
 :m15:
เป็นกำลังใจให้โยกับเอ...โยอ่อนไหวมากไปควบคุมสติแทบไม่ได้เลย ไม่ไหวๆๆๆ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ แอบเอามาลงครึ่งตอน อิอิ ตอน 63 Apr 28, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 28-04-2010 14:04:16
 :serius2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ แอบเอามาลงครึ่งตอน อิอิ ตอน 63 Apr 28, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: pearleye ที่ 28-04-2010 14:28:50
แว๊บไปกินข้าวมาก็ยังไม่มา  :a9:
ผู้ใหญ่ลีจะมาแล้วด้วยยยยยยยยยยยย  :a5:
เดี๋ยวมานะเจ้าคะ  :m13:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ แอบเอามาลงครึ่งตอน อิอิ ตอน 63 Apr 28, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Vesi ที่ 28-04-2010 16:57:59
น้ำตาท่วมจอละจ้า  :sad4:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ แอบเอามาลงครึ่งตอน อิอิ ตอน 63 Apr 28, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: •ผั๑`|nกุ้va’ด• ที่ 28-04-2010 17:02:31
คุณ eiky เป็นเด็กนิสัยไม่ดีแล้ว เรียกร้องความสนใจ แบบครึ่งเดียว~~!!!~ แว๊กกกกกกกกกกก
 
เราก็จะรักคุณ eiky แค่ครึ่งเดียว~~!!!!!!!!!!!    ตัดจบแบบนี้ เอามีดหมอ มาเชือดกันซะจะดีกว่า~!!!~
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ เต็มตอน โค้งสุดท้าย ตอน 63 Apr 28, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 28-04-2010 17:41:10
                                          ต่อให้เต็มตอนคร้าบบบ


                                           อิอิ แกล้งเล่น นิดหน่อย



                                               ตอน หกสิบสาม



 "โย!!!!!!!!!!!!! ช่วยด้วย หมอ ช่วยด้วย!!!!!!!!!"

"พรึ่บบบ"


...

มืด เหลือเกิน ที่นี่ที่ไหน แม่ แม่อยู่ไหน ผมมองไม่เห็นอะไรเลย มืดกว่าความมืดใดๆที่เคยเห็นมา สายตาไม่ชินกับความมืดเลย แม้จะพยายามจ้องมองอยู่นาน ทำไมผมรู้สึกตัวเบาโหวงอย่างนี้

"พรึ่บบบบ"

แสง สว่างส่องจ้าขึ้นจนผมต้องหลับตา แม้หลับตาแล้วยังรู้สึกได้ว่ามันสว่างเหลือเกิน ที่นี่ที่ไหน!!!! แม่!!!!!! แม่อยู่ไหน ห้องสีขาวจ้านี่มันที่ไหนกัน ขาวโพลนไปหมด ขาวมากอย่างที่ไม่เคยเห็น ขาวกว้างไม่มีจุุดตก ผมยืนอยู่คนเดียวกลางห้องสีขาวนี้ มันสว่างขาวจนผมมองไม่เห็นเงาตัวเอง ชุดสีขาวนี้ผมไม่เคยมี อย่างมากก็มีเสื้อขาว แต่ไม่เคยมีกางเกงสีขาวเพราะผมไม่เคยซื้อ ผมเริ่มกลัว

"แม่!!!!!!!!!!!!! พล!!!!!!!!!!!!!!!!!!!"

ผมตะโกนร้องเรียก เสียงที่ออกจากปากมันสะท้อนกลับมา ในใจเริ่มกลัว

"เอ!!!!!!!!!!!"

"ที่ ไหนกัน ที่นี่ที่ไหนกัน"

ผมหันมองรอบตัวเอง ไม่เจอใคร ไม่มีเสียงตอบรับ มีเพียงเสียงสะท้อนที่ผมเพิ่งตะโกนออกไปมันก้องกลับมา กลัวเหลือเกิน ผมอยู่ที่ไหนกัน ผมอยู่ที่แห่งใด ผมเดินหมุนรอบตัวเองในใจก็ประหวั่นพรั่นพรึง นี่มันเกิดอะไรขึ้น ผมเป็นอะไรไป

"โย"

เสียงทุ้มลอยลมมาต้องโสตประสาท เสียงคุ้นที่เคยได้ยินมานานแสนนาน

"พ่อ!!!!!!!!!! พ่อ อยู่ไหน พ่อ"

ผม ร้องออกไปมองหาพ่อรอบตัว ต้นเสียงไม่รู้มันมาจากทิศทางใด เสียงนี้ เสียงของพ่อผมจำได้

"โย พ่ออยู่ทางนี้"

เสียงลอยใกล้มาเหมือน กระซิบอยู่ข้างหู จนผมสะดุ้ง ทั้งดีใจทั้งกลัวระคนกันไป

"พ่อ พ่อจ๋า"

พ่อยืนอยู่ตรงหน้า ดวงหน้าแจ่มใส พ่ออยู่ในชุดเครื่องแบบนายทหารสีเขียวขี้ม้าเต็มยศ พ่อยิ้มให้ผมแล้วผายมือออก ผมโผเข้ากอดพ่อทันที พ่อจริงๆ ผมสัมผัสได้ ผมจับต้องพ่อได้ อบอุ่นเหลือเกิน

"พ่อจ๋า พ่อไปไหนมา พ่อ โยคิดถึงพ่อเหลือเกิน พ่อจ๋า"

ผมร้องไห้ออกไป กอดพ่อแน่น พ่อโอบกอดผมแล้วลูบหัวเบาๆ กลิ่นพ่อยังไม่เปลี่ยนไปเลย กลิ่นของนายทหาร

"พ่อ ไม่ได้ไปไหนเลยลูก พ่ออยู่กับโยกับแม่ตลอดเวลา พ่อไม่เคยไปไหนเลย"

เสียง พ่อทุ้มอยู่เหนือหัว

"โย คิดถึงพ่อเหลือเกิน พ่อจ๋า พ่ออย่าทิ้งโยกับแม่ไปอีกนะ"

ผมสะอื้นออกมา แต่รู้สึกว่าน้ำตามันไม่ไหลออกมาเลย เบาตัวโหวง ในใจตื้นตันเหลือเกิน นานแค่ไหนแล้วที่ผมไม่ได้กอดพ่อ เคยเจอแต่ในความฝัน แต่ตอนนี้ผมจับต้องพ่ออยู่กอดพ่ออยู่ ได้กลิ่นพ่อ พ่อที่ผมรัก ดีใจเหลือเกิน

"พ่อไม่ไปไหนหรอกลูก อยู่กับเราตลอดเวลา เฝ้ามองดูอยู่"

พ่อยังลูบหัวผมแผ่วเบา

"พ่อภูมิใจในตัวลูกมาก นะโย เหมือนกับแม่ที่ภูมิใจในตัวลูก พ่อรักลูกเสมอ"

ผมผละออกจากอก พ่อแหงนมองหน้าพ่อ รอยยิ้มของพ่อแจ่มใส

"แต่โยทำให้แม่เสียใจ พ่อจ๋า โยเป็นลูกไม่ดี โยเป็นเด็กไม่ดี"

"หือ ไม่เอาลูก อย่าพูดแบบนั้น กรรมที่ลูกได้ฝ่าฟันมามันกำลังจะลุล่วง อดทนนะโย แม่เขาเข้าใจ แม่เขาไม่ว่าลูกหรอก"

"พ่อจ๋า โยเสียใจ ที่โยเกิดมาแล้วไม่ได้เป็นเด็กผู้ชายปกติเหมือนคนอื่นเขา โยเสียใจที่ทำให้แม่ต้องลำบากใจ"

ผมพรั่งพรูออกไป รู้สึกว่าน้ำตาไหล ร้องไห้ สะอื้นอยู่แต่ใบหน้า ดวงตาแห้งไม่มีน้ำตา

"โย ฟังพ่อนะลูก พ่อไม่เคยเสียใจ แม่เองก็ไม่เคยเสียใจ โยเป็นเด็กดี นั่นต่างหากที่พ่อกับแม่ภูมิใจ อย่าคิดมากสิโย ทุกวันนี้โยได้พยายามแล้ว พ่อรู้ พ่อกับแม่เป็นกำลังใจให้โยเสมอนะลูก เข้มแข็ง โยยังต้องเป็นที่พึ่งให้แม่อีกนานนะ อย่าท้อถอย นะลูก"

พ่อจูบที่ หน้าผาก อุ่นเข้าไปถึงหัวใจผมหลับตาพริ้มสุขใจที่สุด

"โย กลับไปหาแม่เถอะลูก แม่เขาตามแล้ว"

"โยจะอยู่กับพ่อ พ่อจ๋าโยเหนื่อยเหลือเกิน โยเจ็บเหลือเกิน โยอยากอยู่กับพ่อที่นี่"

"ไม่ได้นะ ลูก กลับไป"

พ่อดุเสียงดังมันสะท้อนเข้าไปถึงเส้นสมอง ผมสะดุ้งตกใจ พ่อไม่เคยดุผมเลย

"กลับไปลูก มานานเกินไปแล้ว"

"พ่อ โย......"

"พ่อรักลูกกับแม่เสมอ กลับไป ทางโน้นลูก"

ใบหน้า พ่อบึ้งมึนตึง ชี้มือไปข้างหน้า ผมตัวสั่น นี่พ่อดุผม

"พ่อ...... โย รักพ่อมากนะครับ"

ผมกระพริบตาไล่น้ำตาที่อุปมาขึ้นมาว่ามันเอ่อขึ้น นองหน้า ทั้งที่มันไม่มี พอลืมตาขึ้น พ่อไม่อยู่แล้ว ผมใจสั่นมองไปรอบตัว

"พ่อ!!!!!!!!!!! พ่อ อยู่ไหน พ่อ!!!!!!!!!!!"

ผมร้องเรียกพ่อเสียงดัง มันสะท้อนกลับมาเหมือนเดิม ผมเริ่มกลัว ทันใดความมืดที่ปกคลุมมาจากอีกฝั่งมันไล่มาเรื่อยๆ เหมือนมีคนปิดไฟนีออนไล่กันมา ผมเริ่มวิ่ง วิ่ง วิ่ง

"โอ๊ยยยยย"

เหมือน มีคนกระชากตัวอย่างแรงให้หล่นลงไปในหลุมลึกตัวผมลอยร่วงลงไปในหลุม

...

"โย!!!!!!!!!!!! อย่าทิ้งแม่ไป โย!!!!!!!!!!!!!! ช่วยด้วย!!!!!!!! หมอ ช่วยลูก ฉันด้วย"

"โย!!!!!!!!!! แกกลับมา โย!!!!!!!!!!!!!!! กลับมา"

"แม่จะอยู่ยังไง โย!!!!!!!!!!!!!!!!!! กลับมา กลับมาหาแม่ คุณคะ ได้โปรด ช่วยลูกด้วย!!!!!!!!!!!!"

เสียงเหล่านี้แว่วอยู่ในโสตประสาท เสียงคร่ำครวญร้องเรียกชื่อผมก้องอยู่ในห้วงไกลแสนไกล จำได้ว่าเป็นเสียงแม่

"โย!!!!!!!!!! ฟื้นสิลูก โย!!!!!!!!!!!! อย่าทิ้งแม่ไป!!!!!!!!!! โย!!!!!!!!!!"

"ฮือๆๆ ฮือ"

ทำไมผมถึงรู้สึกเหนื่อยอย่างนี้ ไม่มีเรี่ยวเรียกจะขานตอบ แม่ ผมอยู่ตรงนี้ ผมได้ยินแม่แล้ว โยอยู่ตรงนี้ แม่จ๋า

...

แวบ เรียกที่รู้สึกว่าสูดลมหายใจเข้าปอด มันรู้สึกเจ็บปวดไปทั้งร่าง ทำไมมันหนักตัวเหนื่อยล้าไปขนาดนี้ ผมไม่มีแรงแม้จะขยับมือ

"โย แม่ โย ฟื้นแล้ว!!!!!!!!!!"

เสียงพลนี่ ผมจำได้

"โย!!!!!!! อย่าทิ้งแม่ไป โยกลับมาหาแม่ แม่ขอร้อง"

เสียงแม่ร้องไห้กอดผม รู้สึกได้ถึงแรงเขย่า ผมพยายามจะลืมตาขึ้น

"ขอหมอดูหน่อยนะครับ"

รู้สึก เหมือนมีมือมาจับตามร่างกาย เหมือนโดนไฟฉายส่องเข้าที่ตา จ้าสว่างเหมือนเมื่อครู่

"คนไข้ชีพจรปกติแล้วครับ ไม่มีอะไรแล้ว เดี๋ยวผมขอให้คนไข้พักฟื้นก่อนนะครับ อย่าเพิ่งรบกวน"

เสียงนั้นเป็น เสียงสุดท้ายที่ผมได้ยิน หลังจากนั้นก็ไม่รู้สึกตัวแล้ว

...

"แม่"

ทันที ที่รู้สึกตัวผมพยายามพูดออกไป แม่อยู่ไหน อยากเห็นหน้าแม่เหลือเกิน

"โย!!!!!"

"แม่ โยฟื้นแล้ว!!!!!!!"

ผมลืมตาได้แล้ว แต่ยังพร่ามัว ผมเหมือนหลับตาในที่มืดมาเป็นปี พอตาเจอแสงก็หรี่ตาสู้แสงไม่ไหว ผมค่อยๆให้ตามันสู้แสงจนมองเห็นจนเกือบเป็นปกติ ใบหน้าแม่ที่อาบไปด้วยน้ำตา พลเองก็เช่นกัน จ๋ายืนกอดกุมมืออยู่กับพี่ป้อม กบกับกายก็ร้องไห้อยู่ตรงปลายเตียง อาจารย์ปริศนานั่งร้องไห้มีลุงใหญ่ลูบบ่าอยู่ บ๊อบกับบอมยืนน้ำตาไหลอยู่อีกฝั่งของเตียง ทั้งหมดกำลังห้อมล้อมผมอยู่ เกิดอะไรขึ้น ผมเป็นอะไรไป

"คุณพระคุณเจ้าคุ้มครองลูกโยด้วยเถิด"

แม่ กอดผมสะอื้นไห้อยู่ แม่สะอื้นตัวโยนสะท้อนพลยืนกอดแม่อยู่

"โถ ขวัญเอ๋ย ขวัญมา"

"ฟื้นแล้วเหรอครับ น้องโย หลับไปนานนะเรา เล่นเอาหมอใจหายใจคว่ำกันไปเป็นแถบ ไหนเห็นมือหมอมั้ยครับ"

หมอเดิน ฝ่าคนที่มุงผมอยู่เข้ามาประชิดตัว แล้วมาจับตรงนั้นตรงนี้ผมเหมือนเคย ผมพยักหน้าตอบตามที่หมอถาม

"ไม่มีอะไรแล้วครับคุณแม่ ไม่ต้องห่วงนะครับ น้องเขาฟื้นกลับมาเป็นปกติแล้วครับ เดี๋ยวให้พักอีกสักหน่อยก็น่าจะดีเป็นปกติแล้ว"

"ขอบคุณมากนะคะหมอ ที่ช่วยลูกดิฉันไว้ ขอบคุณจริงๆค่ะ"

แม่ยกมือขึ้นไหว้หมอทั้งน้ำตา แล้วหันมาลูบหน้าลูบตาผม น้ำตาผมไหลออกมา

"แม่จ๋า โยเป็นอะไรไป"

ผม พูดออกมาเสียงแหบแห้ง

"โย อย่าทำแบบนี้อีกนะลูก แม่จะขาดใจ อย่าไปแบบนี้อีกนะลูก"

แม่ยังสะอื้นอยู่

"โย เป็นอะไรไป............. พล"

ผมยังถามแม่ทั้งน้ำตา แต่แม่ยิ่งสะอื้นไห้ออกมาเสียงดัง ทุกคนที่อยู่ในห้องก็เหมือนเป็นลูกคู่ร้องไห้กันหมด

"แก หัวใจหยุดเต้นไปนะโย"

พลสะอื้นออกมาบีบมือผมแน่น ผมหลับตาน้ำตาไหล "พ่อ" นี่ผมตายมาแล้วหรือ ผมสิ้นลมหายใจมาแล้วหรือ ผมสะอื้นออกมา

"พัก เสียนะลูก ไม่มีอะไรแล้ว คนดีคณพระคุณเจ้าท่านคุ้มครอง"

แม่ลูบหัวผม แต่ยังคงสะอื้นอยู่

"โย ขอโทษนะแม่"

ผมสะอื้นออกมา

"อย่า ลูก อย่าพูด พักก่อน แม่ขอร้อง"

แม่สะอื้นเหมือนใจจะขาด แม่กอดผมไว้เนิ่นนาน จนผมหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน






"ในห้องกว้างที่ว่างเปล่าไม่มีเงาไม่มีแสง   หัวใจที่จวนเจียนสิ้นแรงมันเหนื่อยล้า

เสียงลมหายใจแผ่วเบาเหมือนกระซิบ       ดวงจิตที่กำลังหลุดลอยไปไกลแสน

เสียงเพรียกเรียกหาให้กลับมา               เสียงร่ำไห้คร่ำครวญปวดร้าวใจ

จับมือเอาไว้ให้ไออุ่นมันแผ่ไป              อย่าปล่อยให้ใจมันไปไหนได้เลย นะคนดี"





 :กอด1: :กอด1:


เขียนโดย eiky
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ เต็มตอน โค้งสุดท้าย ตอน 63 Apr 28, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: pearleye ที่ 28-04-2010 17:46:38
 :m31: แอร๊ยยย ยังอีกกี่โค้งกันแน่คะเนี่ย  :z3:

 :sad2: แหกโค้ง ต๊ายแน่ ต๊ายแน่ ต๊ายแน่ .....

ตายแล้วไม่มีคนมาเม้นนะเออ  :m16:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ เต็มตอน โค้งสุดท้าย ตอน 63 Apr 28, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 28-04-2010 17:56:23
:m31: แอร๊ยยย ยังอีกกี่โค้งกันแน่คะเนี่ย  :z3:

 :sad2: แหกโค้ง ต๊ายแน่ ต๊ายแน่ ต๊ายแน่ .....

ตายแล้วไม่มีคนมาเม้นนะเออ  :m16:


ไม่ตายค้าบบบบบ ผมไม่ใช่คนใจร้ายยน้าาา อิอิ

แค่เฉียดๆ :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 63 Apr 28, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 28-04-2010 18:22:18
 :z13:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 63 Apr 28, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: lomekung ที่ 28-04-2010 19:01:44


 :m31: :m31:

ใจจะขาดดดดดดด

หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 63 Apr 28, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 28-04-2010 20:30:39
คนอ่านทุกคนคะ ถ้าอีป้าแก่ๆจะไปดักตี eiky ที่หน้าบ้าน ข้อหาหมั่นไส้ อีป้าแก่ๆจะบาปไหมคะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 63 Apr 28, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: salawinyeen ที่ 28-04-2010 20:31:25
เจ้าประคุณรุนช่อง :เฮ้อ: :เฮ้อ: o22
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 63 Apr 28, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 28-04-2010 20:32:55
คนอ่านทุกคนคะ ถ้าอีป้าแก่ๆจะไปดักตี eiky ที่หน้าบ้าน ข้อหาหมั่นไส้ อีป้าแก่ๆจะบาปไหมคะ


ป้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา อ่าา ป้าจะทำร้าย ผ้มมมมม

ช่วยด้วยยยยยย


อิอิ  :z10: :z10:

แต่รักน้าาา จุ๊บๆๆ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 63 Apr 28, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 28-04-2010 20:39:45
ขอแหกโค้งตกเขาคนแรกเลยได้มะ ลุ้นจนปวดตับไต้ไส้พุงแล้วเนี่ย  :z3:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 63 Apr 28, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: pearleye ที่ 28-04-2010 21:07:14
คนอ่านทุกคนคะ ถ้าอีป้าแก่ๆจะไปดักตี eiky ที่หน้าบ้าน ข้อหาหมั่นไส้ อีป้าแก่ๆจะบาปไหมคะ

ป๋าจ๋า อย่าเพิ่งทำเลยนะจ๊ะ รอจบเรื่องก่อน ค่อยลอบลาก ยังไม่สายนะจ๊ะป้า  :m13: หนูกลัวไม่ได้อ่านตอนจบอ่ะจ๊ะ

ป้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา อ่าา ป้าจะทำร้าย ผ้มมมมม
ช่วยด้วยยยยยย
อิอิ  :z10: :z10:
แต่รักน้าาา จุ๊บๆๆ

ช่วยค่ะ แต่ช่วยป้านะ  :m13:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 63 Apr 28, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: iiดาวพระสุขლii ที่ 28-04-2010 21:28:15
 :กอด1:  โย.... 

 o18  <<  คนแต่ง... 
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 63 Apr 28, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 28-04-2010 21:41:04
เฮ้อ~ โล่งงง ไรท์เตอร์กะจะทรมานกันจนจบเรื่องเลยใช่ม๊ายยยยยย
มามะๆๆ มาให้ทำโทษซะดีๆ  o18

เป็นกำลังใจให้ค่ะ

หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 63 Apr 28, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: LifeTime ที่ 28-04-2010 21:44:55
ฟื้นมากันคราวนี้คงได้ชื่นฉ่ำหัวใจกันบ้าง...หลังจากบีบคั้นกันมาซะเหลือเกิน  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 63 Apr 28, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: kanda53 ที่ 28-04-2010 22:11:19
 :เฮ้อ: ...โยช่างเป็นนายเอกที่ทรหดอดทนเสียจริง ๆ.... o13
ชีวิตโยเหมือนเพิ่งรอดตายจากแถว ๆสามจังหวัด........มาได้.... :m21:
ส่วนคนอ่านช่วงนี้ อารมณ์  o9 :amen: :o7: ประมาณนี้ตลอด
จบเรื่องนี้คงต้องไปเช็คความดันอย่างแรงงงง....(ไม่น่าติดเรื่องนี้...พร้อม ๆ กับอ่านเรื่องไอ้วุฒิเลยตู)  :angry2:
ยังไงก้อให้  :L1: :pig4: น้อง eiky อยู่ดี
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 63 Apr 28, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 28-04-2010 22:12:03
คนอ่านทุกคนคะ ถ้าอีป้าแก่ๆจะไปดักตี eiky ที่หน้าบ้าน ข้อหาหมั่นไส้ อีป้าแก่ๆจะบาปไหมคะ


ป๋าจ๋า อย่าเพิ่งทำเลยนะจ๊ะ รอจบเรื่องก่อน ค่อยลอบลาก ยังไม่สายนะจ๊ะป้า   หนูกลัวไม่ได้อ่านตอนจบอ่ะจ๊ะ


Quote from: eiky on 28 April, 2010, 08:32:55 PM
ป้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา อ่าา ป้าจะทำร้าย ผ้มมมมม
ช่วยด้วยยยยยย
อิอิ  
แต่รักน้าาา จุ๊บๆๆ


ช่วยค่ะ แต่ช่วยป้านะ  


เอาเลยเห็นด้วยอย่างแรง :m16: :m16: :m16:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 63 Apr 28, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 28-04-2010 22:46:41
เห็นไหมจะ eiky ตอนนี้ แฟนคลับเธอ ก็ กลายมาเป็น แฟนคลับของฉันแล้ว  :m20:

มีแต่คนเห็นใจจะเข้าข้าง อีป้าแก่ๆ กันทั้นนั้น เพราะฉะนั้น ทำตัวดีๆละ เดี๋ยวอีป้าแก่ๆ ไำม่รักนะ  :จุ๊บๆ:

วันนี้ จะมีตอนดึกอีกรอบหรือเปล่าคะ อีป้าแก่ๆ ชักจะเสพติด eiky ไำด้ทุกวันเลยละ พักนี้  :pigha2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 63 Apr 28, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: K2KARN ที่ 28-04-2010 22:58:11
โิ้อ้ยยยยยยย ปวกตับ เอรอด แต่โยจะอะไรเนี่ย
อย่าเพิ่งไปอยู่กับพ่อ อยู่กับเอก่อนนน  :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 63 Apr 28, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 28-04-2010 23:14:10
ถึงทุกท่าน วันนี้ไม่มีรอบดึกน้าาา


เป็นพรุ่งนี้เช้าได้ป่าว

ง่วงมากมายหัวทึบ


อิอิ


เชื่อแน่ว่าเรื่องต่อไปทุกคนต้องกลับมารักผม อิอิ

 :L2: :o8:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 63 Apr 28, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 28-04-2010 23:32:12
ฝันดีนะ eiky เล่นมาลงตั้งแต่เช้า ดึกก็ตาจะปิดอะสิ


แต่ +1 ไปกดพรุ่งนี้แทนละกัน  :m20: (วันนี้หมดโควต้าจ้า)

ยังไงอีป้าแก่ๆ ก็รัก อยู่ดีละ ชิ....... ไม่ต้องทำเป็นอ้อนหรอกนะรู้ทัน  :bye2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 63 Apr 28, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: ChiOln ที่ 28-04-2010 23:44:40
 :call: ขอให้หมดเรื่องร้าย ๆ สักทีเถอะ


โยจะได้มีความสุขสักที
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 63 Apr 28, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: DexTunG ที่ 29-04-2010 01:56:49
 :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 64 Apr 29, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 29-04-2010 08:39:36
                                        มาแล้วครับ








                                             ตอน หกสิบสี่







 พอรู้สึกตัวผมก็ลืมตา ไม่รู้ว่ามันเนิ่นนานผ่านมาแค่ไหน ไม่รู้ว่าคนที่รักผมเขาห่วงใยปวดใจสักเท่าใด นี่ผมหยุดหายใจไปหรือ หัวใจหยุดเต้นไปนานแค่ไหน ภาพที่เห็นตอนนี้คือเพดานห้องสีขาวหม่นๆ ที่แห่งนี้คงเป็นโรงพยาบาล โรงพยาบาลที่ผมสิ้นลมหายใจไปแล้วฟื้นคืนมา สายตากวาดไปรอบๆ แม่!!!! แม่นอนฟุบหลับอยู่ข้างเตียง นี่ผมทำร้ายจิตใจแม่อีกแล้วหรือ ความเจ็บปวดที่ผมส่งมอบให้แม่ไม่รู้จักสิ้นสุด หัวใจแม่คงบอบช้ำ รับความทุกข์มาแบกรับไว้มากกว่าผมหลายเท่านัก พลนั่งอยู่ข้างๆกายและกบ จ๋ากับพี่ป้อมนั่งเกาะกุมกันอยู่อีกฝั่ง

"โย!!!!! แกฟื้นแล้วเหรอ"

เสียงพลร้องอุทานออกมาเบาๆ

"แม่"

ผมร้องเรียกแม่ที่นอนฟุบอยู่ กำลังงัวเงียลุกขึ้นเพราะได้ยินเสียงพล

"โย ตื่นแล้วเหรอลูก เป็นยังไงบ้าง"

หัวใจสลาย ดูแววตาแม่ผมสิ ช่างอ่อนล้า แววตาที่ฉายออกมามันเปี่ยมไปด้วยทุกข์กักขังอยู่เนิ่นนาน

"แม่"

ผมร้องเรียกแม่อยู่อย่างนั้น น้ำตาไหลออกมาจากหัวใจ แม่ลุกขึ้นมาลูบหน้าลูบตาผมอย่างเบามือ แม่ทะนุถนอมผมมาตั้งแต่เกิด เลี้ยงผมมาด้วยความรักอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ สั่งสอนผมให้อยู่ในครรลองที่ควร ไม่เคยเลยที่จะตบตีทำให้ผมเจ็บช้ำทั้งกายและใจ แม่เป็นสายน้ำเย็นคอยลูบประโลมให้ผมคลายร้อน เป็นความอุ่นให้ซุกพักกายใจเมื่อผมเหน็บหนาว แล้วผมทำร้ายหัวใจแม่ได้อย่างไร

"ไม่เอาลูก ตื่นขึ้นมาก็ร้องไห้เลยเหรอ หือ"

ผมจับมือแม่ไว้เอาหน้าซุกมือแม่อยู่อย่างนั้น แม้จะพูดอะไรไม่ถนัดนักเพราะร้องไห้อยู่ แม่จ๋าโปรดรับรู้ไว้ด้วยเถิดลูกขอโทษ เสียใจเหลือเกิน

"แก หยุดร้องได้แล้ว นี่พวกเราร้องไห้กันยังไม่ได้หยุดเลยนะตั้งแต่แกหลับไป แม่ผมว่าแม่กลับไปพักหน่อยเถอะครับ เดี๋ยวทางนี้ผมจัดการเอง เห็นหมอบอกว่าถ้าพื้นแล้วไม่มีอะไรก็น่าจะกลับบ้านได้แล้ว นอนนานนะแก สามวันแล้วนะ"

พลเข้ามาประคองแม่

"ใช่แม่ เดี๋ยวเป็นลมเป็นแล้งไปอีก เห็นแม่ไม่กินอะไรเลย เดี๋ยวทรุดไปอีกคน"

จ๋าเดินเข้ามามองผมอย่างห่วงใย

"โย อย่าคิดมากนะลูก แม่ไม่เป็นไรไม่ต้องห่วงแม่ ตอนนี้โยทำใจให้สบาย จะได้กลับบ้านไวๆนะลูก"

แม่ยิ้มให้ ผมพยายามกลั้นน้ำตา แม่โน้มตัวลงกอดผมจูบที่หน้าผาก

"โย แม่รักลูกนะ"

เสียงแม่กระซิบบอก ผมเหมือนน้ำตาจะทะลักออกมากลั้นเอาไว้

"กายแกพาแม่กลับบ้านก่อน เดี๋ยวให้หมอมาตรวจก่อนเดี๋ยวตามไป"

พลหันไปบอกกาย มันก็ลุกมาพยุงแม่ออกไปจากห้อง แม่มองผมจนลับสายตา จะมีไหมในชีวิตนี้ที่จะมีใครรักจริงรักบริสุทธิ์เท่าแม่ นี่ถ้าหากว่าเกิดอะไรขึ้นกับผม ถ้าผมตัดสินใจดื้อดึงที่จะอยู่กับพ่อ แม่ผมล่ะจะอยู่ยังไง คิดขึ้นมาน้ำตาก็จุกล้นขึ้นมาอยู่ตรงคอ พอแม่ลับตาไปผมก็สะอื้นออกมาอย่างสุดกลั้น

"แก เป็นอะไรไปอีก"

จ๋าร้องแล้วมาเกาะแขนผมไว้

"ฉัน......เสียใจ ฉันทำให้แม่.....เสียใจ"

เหนื่อยเหลือเกิน ปวดในใจ ร้าวเข้าไปถึงจิตวิญญาณ

"พอแล้วแก ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว อย่าทำให้ใจหายไปมากกว่านี้เลย"

จ๋าลูบหน้าปาดน้ำตาออกจากหน้า

"นั่นสิแก สงสารแม่ สงสารพวกฉันบ้าง นี่ก็ร้องไห้กันไม่ได้พัก ไม่มีอะไรแล้วนะแก"

พลพูดขึ้น ผมพยายามไล่น้ำตาไปให้พ้น สูดลมหายใจเข้าให้ลึกให้มันหยุดสะอื้น

"น้องโย อย่าคิดมากนะครับ ไม่มีอะไรแล้ว ดูซินอนนานหน้าตาซูบเชียว"

พี่ป้อมเข้าเกาะบ่าจ๋าไว้แล้วพูดเสียงแจ่มใส

"เอ!!!! เอล่ะแก"

ผมลืมนึกไปว่าอีกคนที่ผมรัก อีกคนที่ผมห่วงใย อีกคนที่ทำให้หัวใจผมหยุดเต้น ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง ผมเสียงสั่นใจเต้นแรงขึ้นมา

"โอ๊ย รายนั้นแกไม่ต้องห่วง ฟื้นก่อนแกล่ะ เมื่อคืนมันก็มาหาแก แต่แกหลับอยู่ มันดีขึ้นมากแล้ว ตอนนี้ปอบเข้าสิง กินดะ"

พลพูดขึ้นแล้วหัวเราะ

"ฉันอยากเจอเอ"

ผมพูดขึ้นสายตาวิงวอนขอร้อง พลกับจ๋ามองหน้ากัน

"จะเป็นหนังเศร้าอีกไหมเนี่ย โอ๊ยแกนี่อะไร ให้ดีขึ้นกว่านี้ไม่ดีกว่าเหรอ เอมันไม่เป็นไรหรอกน่า แกนั่นล่ะเจอมันใช่จะฟูมฟายออกมาอีกนะ"

จ๋าพูดขึ้นมามันคงรู้ว่าถ้าผมเจอเอผมคงต้องร้องไห้อีก แต่ผมอยากเจอมันจริงๆ

"ไม่แก ฉันจะไม่ฟูมฟายหรอก"

ผมพูดขึ้นเสียงระริก

"อย่านะแก ถ้าฟูมฟายไม่ได้นะ สงสารพวกฉันบ้าง"

จ๋าพูดก่อนจะพยักหน้าให้พล มันเดินออกไปนอกห้อง

"ฉันเป็นอะไรไปแก"

ผมถามจ๋ามองหน้ามัน จ๋าทำหน้าเลิ่กลั่กมองผมแล้วมองพี่ป้อม พี่ป้อมพยักหน้าให้จ๋า

"หมอบอกแกช็อค ร่างกายอ่อนเพลีย หัวใจหยุดเต้น"

"นานแค่ไหน"

ผมถามมันต่อ

"สองนาที"

ฟังดูเหมือนไม่นาน แต่ระหว่างสองนาทีนั้น แต่ละวินาทีมันคงดูยาวนานสำหรับคนที่รักผม

"หมอต้องปั้มหัวใจ แกรู้ไหมฉันจะขาดใจตาย แม่เองก็เกือบช็อคไปนะแก เฮ้อ เอาเถอะไม่เป็นไรแล้ว แกอย่าทำแบบนี้อีกละกัน คราวนี้คงหัวใจไม่หยุดเต้นแค่คนเดียวแน่"

จ๋ายิ้มตอนท้ายประโยค มันนั่งลงข้างเตียงแล้วจับแขนผม จ๋ายิ้มให้กำลังใจ เสียงพลเปิดประตูเข้ามา คนที่เดินตามเข้ามาคือเอ ผมหันไปมอง หัวใจเต้นเหมือนไม่เจอมันนานเป็นแรมปี

"เอ"

ใบหน้าเอดูมีชีวิตชีวาขึ้น แม้ยังมีสายน้ำเกลือระโยงระยางอยู่ มันเดินเข้ามาหาพร้อมด้วยเสาตั้งกระปุกน้ำเกลือ

"ตัวเอง"

เสียงมันสั่นปรี่เข้ามาหา

"เราออกไปข้างนอกเถอะแก คนเขาจะหวานกัน"

จ๋าพูดขึ้นแล้วลุกจากเตียงดึงแขนพี่ป้อมกับพลให้ตามมันไป

"อย่าหักโหมนักล่ะเอ พี่โยเขาพึ่งจะฟื้น"

พลหันมากัดแล้วเดินออกนอกห้องไป

"ตัวเอง เป็นไงบ้าง รู้ไหมเค้าใจจะขาด ตอนที่รู้ว่าตัวเอง"

ผมเอานิ้วขึ้นปิดปากมัน ดันตัวเองขึ้นมาให้ครึ่งนั่งครึ่งนอน

"ฉันรักเธอนะเอ ฉันรักเธอ"

ผมรีบพูดก่อนที่จะกล่าวโทษตัวเองเหมือนแต่ก่อน เวลามีให้พูดไม่พูดมัวแต่มีทิฐิมานะปากหนัก น้ำตาซึมออกมาอีก เอยิ้มแล้วขึ้นมานั่งที่เตียงกอดผมไว้

"เค้ารู้คร้าบ รู้อยู่เต็มอก เค้าก็รักตัวเองมากนะ"

มันพรมจูบทั่วหน้าผาก ผมสูดกลิ่นกายมันเข้าปอด แม้จะมีกลิ่นยาแทรกผสมแต่อย่างน้อยนี่มันก็ไม่ใช่ฝัน ผมกำลังกอดคนที่ผมรักอยู่ ความอุ่นของอ้อมกอดมันแผ่ปกคลุมเข้าไปถึงใจ เป็นสุข ผมให้มันนอนลงข้างๆบนเตียงเดียวกัน ผมเพ่งมองใบหน้าอันเป็นที่รักเนิ่นนาน ไรหนวดที่ผ่านการโกนมันขึ้นเขียวครึ้ม ใบหน้าซูบผอมที่กำลังมีเลือดมีเนื้อขึ้นมา ผมเอานิ้วลูบรอยแผลเป็นที่หัวคิ้วซ้ายอย่างอ่อนโยน

"รักเหลือเกิน เอ"

"ตัวเอง ตอนนี้เลือดตัวเองอยู่ในตัวเค้าน้า เค้าเป็นของตัวเองทั้งกายและใจ โดยสมบูรณ์ อย่าไปไหนจากเค้าอีกน้า เค้าขอร้อง อย่าไปไหนเลย อยู่กับเค้า"

เอเสียงเครือมองหน้าผม มันยิ้มแต่น้ำตาไหลออกมา ผมกอดกระชับมันแน่นขึ้น

"ไม่ไปไหนแล้ว จะไม่ไปไหน จะอยู่ตรงนี้ จะอยู่กับเธอ"

"เค้าสัญญา ต่อจากนี้เค้าจะมีสติ ไม่ทำให้ตัวเองเสียใจอีก เค้าจะฟังตัวเองทุกอย่าง"

เอร้องไห้ออกมาจูบหน้าผากผมแผ่วเบา ผมก็น้ำตาซึมไม่ได้เสียใจแต่ปลาบปลื้มเหลือเกิน

"ตอนที่เค้าฟื้น พอรู้ว่าตัวเองก็นอนโรงบาล เค้าใจจะขาด รู้ไหมคนดี เค้าใจจะขาด"

"เอ ต่อจากนี้คงไม่มีอะไรแล้ว มันผ่านไปแล้ว"

"ต่อให้มีอะไร เค้าก็ไม่ยอมแล้ว ไม่มีทางให้เรื่องมันเกิดขึ้นแบบนี้อีกแล้ว ตัวเองเจ็บเค้าทนไม่ได้"

ผมพรมจูบตามลำคอไม่พูดอะไรปล่อยให้รักมันสื่อออกไปโดยการสัมผัส โดยหัวใจ ผ่านเวลามาเนิ่นนานรักที่บ่มหนองให้ระบมทนทุกข์ แม้ผมจะเฉียดวินาทีของการตาย แม้ผมจะสิ้นลมหายใจไปแล้ว ผ่านเรื่องวิปโยคโสกเสียน้ำตาอาดูรมานานแสนนาน ต่อจากนี้เหมือนฟ้าเปิดทางให้ เหมือนฟ้าสางหลังฝน รุ้งงามที่ทอสายเป็นประกายอยู่รออยู่เบื่้องหน้าให้เราจับมือกันไปให้ถึงมัน จะเกิดอะไรขึ้นก็ตามนับจากนี้ ผมจะไม่ปล่อยมือของเอ ผมจะไม่ปล่อยให้ใจต้องทนทุกข์ หรือแผ่ความทุกข์ไปให้คนรอบข้างโดยเฉพาะแม่ ผมทำให้ท่านเสียใจมามากแล้ว ต่อจากนี้ขอให้ผมมีความสุข ขอให้ความสุขนั้นมันแผ่ไปให้ทุกคนที่รายล้อมผม ที่รักผมให้เป็นสุขไปด้วย

ผมคุยกับเอก่ายกอดกันอยู่จนพลพาหมอเข้ามาตรวจผม หมอบอกว่าไม่มีอะไรมากแล้วแค่พักผ่อนให้เยอะๆ อย่าคิดอะไรมาก เพราะหัวใจผมอ่อนแอนัก อย่าไปมีเรื่องสะเทือนใจ ผมออกจากโรงพยาบาลตอนบ่าย สรุปนอนโรงพยาบาลไปสามวันครึ่ง ส่วนเอก็รบเร้าลุงใหญ่กับอาจารย์ปริศนาให้กลับไปพักฟื้นที่บ้าน ตอนแรกหมอไม่ยอมแต่มันก็ไม่ยอมเหมือนกัน ผมไม่รู้ว่ามันพูดอะไรกับแม่มัน แต่ในที่สุดเอก็ได้ออกจากโรงพยาบาลพร้อมผม เอไม่กลับบ้านของมันแต่มันมาพักฟื้นที่บ้านผม กลับถึงบ้านแม่ก็เตรียมกับข้าวไว้แล้ว มีคนมากมายที่บ้าน ของเยี่ยมทั้งของผมกับเอรวมกันเต็มบ้านไปหมด แม่ไล่เราขึ้นไปนอนพักสอนสองทุ่มกว่า พลเองก็อาสานอนเฝ้ากับกบที่ห้องข้างล่าง

เดินทางรอมแรมผ่านราตรีที่เหน็บหนาวยาวนาน ฝ่าดงหนามแหลมคมที่เสียดแทง ไร้สิ้นซึ่งแสงดาวฤาจันทรา ไม่มีดาราดวงใดบอกชี้นำทาง ผมหลับตาให้แรงแห่งใจมันชี้ทางฝ่าเดินไป รู้ว่าไกลแสนไกล รู้ว่าเจ็บปวดรวดร้าวเพียงใด แต่ด้วยแรงแห่งรักแรงแห่งใจ ผมเดินไปจนเห็นแสงแรกอุษาสาง สัมผัสหยาดน้ำค้างต้องแสงสุริยา งามระยับดังใจที่ถวิลหา หัวใจผมชุ่มฉ่ำขึ้นมา ด้วยรักที่มันนำทางใจ




 :กอด1: :กอด1: :กอด1:







เขียนโดย eiky



หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 64 Apr 29, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 29-04-2010 09:07:45
 :z13: eiky ทันอีกแล้ว   :m20:

eiky อย่าบอกนะจะว่าจะจบแบบกุดๆ แบบนี้


มาทำหน้าที่เฉลยต่อเลย ไวไว ไม่งั้น  o18

ด้วยรักนะ จาก อีป้าแก่ๆ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 64 Apr 29, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 29-04-2010 09:27:40
:z13: eiky ทันอีกแล้ว   :m20:

eiky อ่าบอกนะจะว่าจะจบแบบกุดๆ แบบนี้


มาทำหน้าที่เฉลยต่อเลย ไวไว ไม่งั้น  o18

ด้วยรักนะ จาก อีป้าแก่ๆ


ม่าย จบแบบหวานๆ แต่ไม่ยาวอ่า อีกสองตอนจบ นะคร้าบบ เพราะพอหวานผมเขียนไม่ออกอ่า

อิอิ

ชีวิตขาดความหวาน

แต่เรื่องใหม่กำลังเขียนน้า รอ แป๊บ อ่านเรื่องนี้ไปก่อน นะ ป้า น้า


จุ๊บๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 64 Apr 29, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 29-04-2010 09:29:27
 :จุ๊บๆ: you too...
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 64 Apr 29, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: bvan ที่ 29-04-2010 09:42:28
please special story naaaaaaaaaaaaaaaaaa and special pon and bom na ka :serius2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 64 Apr 29, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: kunkai ที่ 29-04-2010 09:44:11
 :pig4:ค้าบ
เศร้าปนสุข
สนุกมากมาย :-[
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 64 Apr 29, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: iiดาวพระสุขლii ที่ 29-04-2010 09:57:21
 :L2:  หอบมาเยี่ยมให้ทั้งโย กับ เอ....

 :กอด1:   คนแต่ง....   
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 64 Apr 29, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: •ผั๑`|nกุ้va’ด• ที่ 29-04-2010 09:57:45
T^T~  กว่าเราจะทนแหกโค้งฝ่าด่านมาถึงตอนนี้ ตกเหว กระดูกป่น เป็นซอมบี้เดิน เราก็ยังอดทนอ่านมาจนได้
 
สรุปว่า คนแต่งซาดิส  และ คนอ่านมาโซ กันใช่ไม๊ ถึงได้ชอบความเจ็บปวดถึงเพียงนี้ 5 5 5+
 
 
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 64 Apr 29, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 29-04-2010 10:26:27
เพื่อนๆ ที่เรียกร้องให้มีตอนพิเศษ พลกับบอมอ่ะครับ เกรงว่าจะมอมเมาเยาวชน อิอิ เพราะเดี๋ยวเด็กม ปลายไปหาผู้ใหญ่มาเป็นแฟน จะยุ่ง เหอๆๆๆ แอบ เข้าข้างตัวเอง :laugh: :laugh:

เพราะเรื่องนี้โยก็งาบเอไปแล้วอ่า

แต่เรื่องใหม่ก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับรั้วโรงเรียนอยู่ดี อิอิ

แต่ไม่มีฉากรักหวือหวา เดี๋ยวเค้าแบนเรื่องผม เพราะหาว่าส่งเสริมให้เด็กนักเรียนชายเป็นเกย์ อิอิ


แต่เรื่องใหม่ ฮาๆ ล่ะคร้าบบ

อิอิ

รอ อ่านด้วยน้าาา


 :laugh: :laugh:


หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 64 Apr 29, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: LifeTime ที่ 29-04-2010 10:36:36
 :กอด1:
รอยน้ำตาครั้งสุดท้ายผ่านไปซะที  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 64 Apr 29, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: kiyomine ที่ 29-04-2010 11:10:01
ยังไม่จบซินะครับ
แต่ขอบคุณที่จะจบแบบชุ่มชื่นหัวใจ หลังจากเครียด ปวดตับ อ่านต่อไม่ได้ตั้งแต่ตอนอยู่เชียงใหม่โน้น
เพราะอ่านแล้วรู้สึกจริงๆนะครับว่ามันเรื่องจริงอ่ะแถมบ้านอยู่แถวบ้านเออีกต่างหาก 555
มีกำลังใจอ่านย้อนหลังแล้วล่ะครับ

หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 64 Apr 29, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: pearleye ที่ 29-04-2010 11:35:41
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด :serius2:
ปวดม้าม ต้องไปเตรียมน้ำปลาไว้ดับหวาน :กอด1:
อีกสองตอน ฮึ้ยๆๆๆๆๆ :fire: ไฟท์ติ้ง ก๊าซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซ :m31:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 64 Apr 29, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: tarkung ที่ 29-04-2010 11:52:18
แวะมาเยี่ยมมมมมมมม ได้อ่านตอนใหม่แล้ว ดีใจๆ

จะยังติดตามและรอต่อไปนะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 64 Apr 29, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: อิสระ ที่ 29-04-2010 12:08:18
อ่านแล้วเครียดสุดใจ


แต่ก็ช๊อบบบบบบ  ชอบ


ใกล้จบแล้ว

ขอให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดีนะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 64 Apr 29, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: ferly ที่ 29-04-2010 12:55:32
คิดว่าจะจบแค่นี้

ขอตอนหน้าดับเบิ้ลหวานนะคะ^^

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 64 Apr 29, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 29-04-2010 13:04:51
 :เฮ้อ: โล่งงงงงงง ~
ขอแบบหว๊าน หวาน ปิดท้ายนะคะ  :m13:
เพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดหน่อย เครียดมานานแระ

เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 64 Apr 29, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: tawanna ที่ 29-04-2010 13:12:14
 o13แค่นี้ก็โอ นะ จะต่อหวานอีกหน่อยก็ดี
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 64 Apr 29, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Vesi ที่ 29-04-2010 13:38:01
เข้าใจกันได้ซะที  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 64 Apr 29, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 29-04-2010 13:45:18
ดีใจจริงๆได้หวานมั่งโศรกมานาน :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 64 Apr 29, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 29-04-2010 14:08:35
+1 ให้คนแต่ง  โทษฐานทำให้เราร้องไห้
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 64 Apr 29, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 29-04-2010 15:15:01
อยากอ่านตอนพิเศษ :serius2:
+1
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 64 Apr 29, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: ChiOln ที่ 29-04-2010 15:42:19
ผ่านเรื่องเศร้า ๆ ไปได้สักที


//ขอตอนหวาน ๆ หน่อยนะครับ  o13
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 64 Apr 29, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 29-04-2010 16:24:07
ในที่สุดทุกอย่างก็ดีขึ้น   :-[ :impress2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 64 Apr 29, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 29-04-2010 18:12:25
ยังไม่จบซินะครับ
แต่ขอบคุณที่จะจบแบบชุ่มชื่นหัวใจ หลังจากเครียด ปวดตับ อ่านต่อไม่ได้ตั้งแต่ตอนอยู่เชียงใหม่โน้น
เพราะอ่านแล้วรู้สึกจริงๆนะครับว่ามันเรื่องจริงอ่ะแถมบ้านอยู่แถวบ้านเออีกต่างหาก 555
มีกำลังใจอ่านย้อนหลังแล้วล่ะครับ




เอ๋ บอกพิกัดจุดตัวเองแบบนี้ ระวัง คนเขียนไปดัก น้า เหอๆๆๆ


เดี๋ยวคืนนี้ ลงให้ตอนก่อน จบคร้าบบบ

จูบุ จูบุ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 64 Apr 29, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: pearleye ที่ 29-04-2010 18:44:26
อย่าดึกน๊า เดี๋ยวอยู่อ่านไม่ทัน  :z2:
วันนี้มึนๆเหมือนจะไม่สบายด้วย  :really2:
รักไร  :กอด1: จุ๊บๆ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 64 Apr 29, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: kiyomine ที่ 29-04-2010 19:28:21
คุณ eiky มาไม่กลัว กลัวไม่มานะครับ 555
รออ่านคืนนี้ครับ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ก่อนตอนจบ ตอน 65 Apr 29, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 29-04-2010 19:28:49
                              ตอนก่อนจบ ไม่หวานมากนะครับ หวานไม่ออกแล้ว







                                    ตอน หกสิบห้า








สูดกลิ่นกาย โอบกอดพ่อยอดขวัญ          เปรียบสวรรค์ส่งเธอมาเป็นคู่หมาย

เธอห่มใจด้วยรักไม่เสื่อมคลาย              ดุจดังสายธารามหานที
 
 ดัง เหมันต์บอกรักวายุกา                      เปรียบอุษาแรกแย้มดรุณี

ด้วยมีเธออยู่เคียงชีวีต นี้                       ดุจปักษีเคียงคู่พนาไพร




ผมเกือบจะหายเป็นปกติแล้ว มีเพียงอาการอ่อนเพลียเล็กน้อย หยุดงานเป็นสัปดาห์แล้ว ส่วนเอก็หายแล้วแม้จะไม่ให้น้ำเกลือแต่หมอก็นัดไปตรวจอีกรอบเหลือเพียงแผล ที่ยังไม่หายสนิท สถานการณ์ดีขึ้นจากหน้ามือเป็นหลังมือ แม่โล่งใจขึ้นมากแววตาสีหน้าดูเป็นสุขไม่มีความกังวลในใจอีก อาจารย์ปริศนามาที่บ้านทุกวัน ส่วนลุงใหญ่กลับไปเชียงใหม่แล้ว เหตุการณ์ที่ผ่านไปได้ด้วยดีต้องนับว่าเป็นเพราะลุงใหญ่ที่มาไกล่เกลี่ยให้ หน้าหนาวลุงใหญ่ชวนให้ไปเที่ยวที่เชียงใหม่ผมก็วางแผนไว้เหมือนกัน อาจารย์ปริศนาเองก็ดูไม่ติดใจแล้ว ถ้าจะมองแบบไม่เข้าข้างตัวเองดูเหมือนอาจารย์ปริศนาเองจะเอ็นดูผมมากขึ้น ด้วย

"เอ ถามหน่อยสิ ทำไมคิดทำแบบนั้น"

ผมถามเอตอนที่เรากำลังจะนอน มันยังคงกอดผมแม้จะทำได้ไม่ถนัดนักเพราะแขนมันยังเจ็บ

"หือ ที่ทำร้ายตัวเองน่ะเหรอคะ"

มันยิ้มกรุ้มกริ่ม

"ฆ่าตัวตายนะรู้สึก"

"อิอิ เขาเรียกไม้ตาย"

"แหม ถ้าตายสมใจขึ้นมาล่ะ จะทำยังไง"

"โห ตัวเองอ่ะ เค้าไม่ตายง่ายๆหรอก เค้ายังไม่ได้อยู่กับตัวเองเลย ตายไม่ได้หรอก"

"อ้อ เรียกร้องความสนใจว่างั้น"

"แต่ เค้าเสียใจอยู่อย่างเดียว"

เอถอนหายใจ สายตาดูสลดลง มองหน้าผมแล้วจูบหน้าผาก

"อะไร"

"เค้าเกือบเสียตัวเองไปน่ะสิ ถ้าเป็นแบบนั้น ตอนนี้ก็คงมีงานศพสองงาน อิอิ"

"นี่เอ มันไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะ อย่ามาพูดเล่น" ผมดุมัน

"เค้าขอโทษ ตัวเองรู้ไหม พอรู้ว่าตัวเองช็อค เค้าแทบจะคลั่ง ดีนะที่พี่พลบอกว่าตัวเองไม่เป็นไรแล้ว ไม่งั้นเค้านั่นล่ะจะกลั้นใจตายเอง"

ผมปล่อยลมหายใจที่กักเก็บเอาไว้ออกมา ไม่รู้จะพูดอะไร ไม่รู้จะให้มันเป็นไปในรูปแบบไหนดี

"ไม่ใช่มี แต่เรานะเอที่เสียใจ ทุกคนเสียใจกันหมด"

"เค้า รู้ แต่เค้าก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีล่ะ ว่าทำไมกีดกันแต่แรก แม่นะรู้ทั้งรู้ว่าเค้าไม่ยอมอะไรง่ายๆ เค้าไม่เคยรักใครขนาดนี้ แม่ไม่เข้าใจเอง"

"เอาเถอะเอ ต่อจากนี้อย่าทำอะไรแบบนั้นอีก มันไม่ใช่ทางออกที่ดี ถ้าเราไม่อยู่บนโลกนี้แล้ว คิดไหมว่าคนที่อยู่ข้างหลังเขาจะเสียใจขนาดไหน"

"คร้าบ เมียรัก ต่อจากนี้จะไม่คิดสั้นอีกแล้ว แต่ตัวเองห้ามทิ้งเค้านะ เค้าไม่ยอมน้า"

มันออดอ้อนแล้วเบียดกายเข้าหาผม

"จะไปไหนอ่ะ"

"แปบนึง มีอะไรให้"

ผมแกะมือมันออก จำได้ว่าผมมีของที่แทนใจตัวเองเหมือนกันที่จะมอบให้มัน เก็บไว้ตั้งแต่อยู่ที่เชียงใหม่ จนเรื่องมันเกิดขึ้นก่อน ผมเดินกลับมาพร้อมกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินเล็กๆที่ยังผูกโบว์อยู่

"อะไรคะ"

"ว่าจะให้ตั้งนานแล้วล่ะ แต่มีเหตุซะก่อน"

มันดึงตัวผมลงไปนอนกอดเหมือน เดิม แล้วแกะกล่องออก

"อ่า เหมือนของเค้าเลย"

ผมยิ้มให้มัน

"ใส่ให้เค้าหน่อยสิคะ"

มันยิ้มเต็มดวงหน้า ผมหยิบเอาแหวนเงินมาสวมให้มันอย่างแผ่วเบา แหวนพอดีกับนิ้วนางข้างซ้ายของมัน

"ฉันรัก เธอนะเอ รักมาก"

ผมพูดออกไป รื้นน้ำตามันกลบตาอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่เสียใจหรือทุกข์ใจแต่มันช่างปริ่มใจสุขใจเสียเหลือเกิน

"เค้าก็รักตัวเอง ขอบคุณนะคะ ที่ตัวเองรับรักเค้า เค้ามีความสุขมากที่สุด นี่เราเหมือนแต่งงานกันแล้วนะ"

ผมเองก็มีความสุข กว่าจะรู้สึกว่าสุขถึงเพียงนี้ได้ก็แลกมาด้วยอะไรหลายๆอย่าง กว่าจะฝ่าฝันอุปสรรคที่ขวางกั้นได้มันไม่ใช่ง่าย ถ้าหากว่าผมยอมแพ้กับอุปสรรคนั้นเสียป่านนี้คนที่ผมนอนกอดอาจจะไม่ใช่มัน ผมอาจจะกำลังนอนกอดตัวเองเหน็บหนาวอยู่ที่ใดในยมโลก

................................................................

"เอ ตื่นได้แล้ว เดี๋ยวไปโรงเรียนสายนะ"

ผมเขย่าตัวเอ หลังจากที่อาบน้ำเสร็จ มันยังนอนขดตัวอยู่บนเตียงอย่างสุขใจ

"หือ ขอนอนอีกแปบนึงน้า"

"ไม่ได้นะเอ จะนอนอีกงั้นฉันไม่รอกินข้าวนะ เร็วๆเดี๋ยวแม่รอ"

ผมทำเป็นไม่สนใจเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เป็นวันทำงานที่แสนสุข เอย้ายมาอยู่ที่บ้านเกือบจะถาวร มีกลับไปบ้านบ้างบางวัน แต่ก็จะกลับมาค้างที่บ้านผมอยู่ดีเพราะมันอ้างว่านอนไม่หลับ แผลมันหายแล้วเหลือเพียงร่องรอยของอดีตที่เพิ่งผ่านไป อดีตที่คอยเตือนใจว่าอย่าทำอะไรก็ตามด้วยอารมณ์ชั่ววูบ หรือให้ใจมันนำจิต เอลุกพรวดพราดขึ้นจากเตียงวิ่งไปเข้าห้องน้ำทันที ผมแต่งตัวเตรียมไปทำงาน หยิบเอาชุดนักเรียนมาวางไว้ที่ปลายเตียงเตรียมไว้ให้มัน เอออกมาจากห้องน้ำตัวยังมีหยดน้ำเกาะอยู่

"เช็ด ตัวให้เค้าหน่อย"

มันมายืนจังก้าอยู่ต่อหน้า ยื่นผ้าเช็ดตัวมาให้ผม ไม่ได้ตกใจหรือเขินอายแต่อย่างใด เพราะมันทำแบบนี้ทุกวัน

"ยืนดีๆสิ แล้วนี่จะสู้ไปไหน"

"อิอิ ก็บอกแล้วเวลาอยู่กับตัวเอง น้องชายมันสู้ตลอดอ่ะ นานแล้วนะที่เราไม่ได้ทำแบบนั้นกันน่ะ"

"บ้า เหรอ หายดีแล้วเหรอ"

"หายแล้ว หายดีแล้ว งั้นคืนนี้เรามาแสดงความรักกันน้า"

"บ้า ไม่เอา ยังไม่อยากทำ"

"อ่า เมียใจร้าย"

"เวอร์ แสดงความรักก็กอดจูบอยู่ทุกวัน ไม่พอเหรอ"

ผมหน้าแดง ไม่เคยชินอยู่วันยังค่ำเวลาโดนมันแทะโลม

"ไม่เคยพอหรอก อิอิ"

"ไปใส่เสื้อผ้า แห้งแล้ว"

ผมเปลี่ยนเรื่องเพราะดูเหมือน มันจะประชิดตัวมากขึ้น

"ใส่ให้หน่อยสิคะ"

"นี่ เดี๋ยวลงไปช่วยแม่จัดโต๊ะ เดี๋ยวสาย เร็วๆ รีบตามลงมา"

ผมพูดจบก็ผละออกจากมันทันที

"อ่า มาหอมก่อนสิคะ"

มันดึงแขนไว้แล้วหอมแก้ม ผมก็ยังใจเต้นแรงอยู่ดี ไม่เคยชินยังเขินยังอาย ผมลงมาจากข้างบนด้วยความสุข

"อ้าวโย เสร็จแล้วเหรอลูก แล้วพ่อเอล่ะยังไม่เสร็จเหรอ"

แม่ถามแล้วยิ้มให้ แม่จัดโต๊ะเสร็จแล้ว

"กำลังลงมาครับแม่ วันนี้แม่ทำอะไรกินครับ"

"ข้ามต้มกุ้งลูก"

ผมไปช่วยแม่เอาแก้ว น้ำออกมาวาง แม่ดูมีความสุข ผมเองก็ยิ่งมีความสุข เขินแม่เหมือนกันเพราะแต่ก่อนเวลาเออยู่ต่อหน้าแม่มันจะทำเนียนว่าผมเป็นครู สอนพิเศษมัน  แต่ตอนนี้มันทำตัวเหมือนเป็นเขยของบ้านนี้ไปแล้ว

"อ้าวพ่อลูกเขย หน้าตาสดใสขึ้นมากแล้วนี่ ยิ้มแฉ่งเชียว"

"อิอิ แม่ โรงเรียนแม่เขาสอบมิดเทอมยังอ่ะครับ ของเออาทิตย์หน้าก็สอบแล้ว เอยังไม่ได้ดูหนังสือเลย"

มันเข้ามากอดแม่ผมเหมือนแม่ของมันเอง ดูเข้าขากันเสียเหลือเกิน ผมคิดไปเองหรือเปล่าไม่รู้ ว่าตอนนี้ผมมีความสุขมากเสียจนไม่มีอะไรจะบรรยายออกมา เหมือนผมกับเอเป็นคู่รักที่เพิ่งแต่งงานกัน มีความสุขเหลือเกิน

"ยังจ๊ะ อาทิตย์หน้าเหมือนกัน นี่แม่ก็ยังออกข้อสอบไม่เสร็จเลย เอมาอ่านหนังสือเป็นเพื่อนแม่สิจ๊ะ"

แม่พูด อย่างร่าเริง เอนั่งลงที่เก้าอี้ประจำของมันกินข้าวต้มไปคุยกับแม่ไป ผมนั่งอมยิ้มอยู่ไม่พูดอะไร

พอออกจากบ้าน เรานั่งรถสองแถวออกจากบ้านตามปกติเพราะเพิ่งจะเจ็ดโมงรถเริ่มแน่นถนนอ่อนนุช แล้ว ถ้าสายกว่านี้มีหวังได้นั่งมอร์เตอร์ไซค์แน่ๆ ปกติเอมันจะนั่งรถเมล์ไป ผมนั่งรถไฟฟ้า แต่เดี๋ยวนี้เอมันไม่ยอมต้องนั่งรถไฟฟ้าไปลงอโศกแล้วค่อยต่อรถเมล์ไปอีก มันบอกอยากอยู่กับผมให้นานที่สุด ไม่อยากเสียไปแม้แต่นาทีเดียว ผมปลื้มใจนะ มีความสุขก็เลยตามใจมัน ผมไปทำงานด้วยหัวใจที่เปี่ยมสุข พอถึงที่ทำงานทุกคนก็แซวว่าความสุขมันล้นออกมากองเต็มที่ทำงาน โดยเฉพาะพล

"นี่แก เย็นนี้ไปกินข้าวกัน นัดไอ้บอมไว้"

พลพูดขึ้นตอนพักเที่ยง

"อยากไปกันสอง คนไม่ใช่เหรอแก ไปเถอะ ฉันว่าจะไปดูหนังกับเอ"

"แหม แก จะอยากไปอะไรล่ะสองคน มันอยากกินฟรีน่ะสิ แกไปด้วยกันนั่นล่ะ ไปกินริมน้ำเจ้าพระยาเชียวนะแก นานแล้วตั้งแต่เรียนยังไม่ได้ไป ถือโอกาส"

พลรบเร้า ผมได้แต่พยักหน้าแล้วโทรไปบอกเอว่าจะพาไปกินข้าวแทนดูหนัง มันก็ไม่ว่าอะไร พอเลิกงานพลก็ขับรถไปรับเอกับบอมมีบ๊อบด้วยอีกคนที่หน้าโรงเรียน พอขึ้นมาบนรถได้เสียงของพวกมันก็กลบทุกเสียง

"เชี่ย เอ กูขอลอกการบ้านก็ไม่ได้ ห่ากูลอกหน่อยดิ กูทำไม่ได้"

"เชี่ยบอม แค่นี้มึงทำไม่ได้แล้วกระแดะจะสอบวิศวะ วิศวะมีเขาเหรอมึงน่ะ"

"อ้าวเชี่ย บ๊อบ มึงเหมือนกันล่ะ มีเขาอยู่แล้วนี่ พูดยังกะมึงทำเอง"

"ห่า พอเลยมึงทั้งสองคน กูไม่ให้ลอกเว้ย อยากทำเป็นก็ลองหัดทำดิ ทำไม่ได้ก็ถาม ไม่ใช่ลอก ควาย"

"อ้าวเชี่ย ด่ากูเป็นควายนี่"

"เออสิไม่ต้องแปล"

"นี่ พวกเธอ พูดกันดีๆหน่อย เสียงดังยังกะนกกระจอกแตกรัง หนวกหูโว้ย"

พลโวยวายขึ้น แต่ยังยิ้มอยู่

"ดีแล้วพี่ พวกนี้พูดดีกว่านี้ไม่ได้หรอกมันไม่เข้าใจ มันไม่มีคนเสี้ยม"

"โห มึง มีแฟนดีหน่อยโวทับเพื่อนเลยนะมึง"

"งั้นพี่โย มาเป็นแฟนผมบ้างสิ ผมจะได้พูดดีๆเหมือนไอ้เอ"

"ส้น ตีนกูนี่ ห่า ไม่มีทางโว้ย"

บ๊อบล้อขึ้น แต่เอเสียงแข็งขรึมขึ้นทันที

"จะดีเหรอบ๊อบ"

ผมพูดแล้วเอี้ยวตัวไปยิ้มให้

"โห ยิ่งยิ้มใจละลายว่ะพี่ ไอ้เชี่ยเอมันดีกว่าผมตรงไหนอ่ะ หล่อก็ไม่หล่อ ดีแต่ใหญ่อย่างเดียว"

พูดแล้วมันก็หัวเราะ เอตบหัวเพื่อนทันที

"โอ๊ย เชี่ยเอ"

"หรือมึงจะเอาตีน ลามปามนะมึง" เอมันขู่

"นั่นล่ะจ๊ะข้อดี"

พลพูดขึ้นแล้ว หัวเราะเหมือนกัน ส่วนผมอายหน้าแดงอยู่

"ห่า บ๊อบ มึงอย่าฝันไปเลย"

เราหัวเราะครื้นเครง อย่างสนุกสนาน จนถึงร้านอาหาร บรรยากาศริมแม่น้ำเจ้าพระยายามเย็นช่างงดงามยิ่งนัก ไฟแสงสีตามร้านรวงริมฝั่งแม่น้ำส่องแสงประกายระยับอยู่ฟากฝั่งโน้น ตึกสูงริมน้ำเปิดไฟสวยงาม ลมเย็นพัดเอื่อยๆ สวยจริงๆ

พลแวะส่งทุกคนถึงบ้านโดยมาส่งเราก่อน พอถึงบ้านก็เข้าไปคุยกับแม่ เอเข้าไปกอดแม่ออกหน้าออกตา มันเข้าใจฉอเลาะผู้ใหญ่

"แม่เออยากกินขนมอ่ะครับ วันนี้แม่มีขนมให้เอกินไหม"

"อ้อ มีสิลูกแม่กวนข้าวเหนียวเปียกไว้ในครัวน่ะจ๊ะ"

แม่มองมาที่ผม ผมถอนหายใจต้องเป็นผมสินะที่ต้องไปตักมาบริการมัน ผมลุกเดินเข้าไปในครัวแล้วตักข้าวเหนียวเปียกมาให้พ่อตัวดี แล้วผมก็เดินขึ้นไปอาบน้ำ

"เอกินเสร็จ รดน้ำต้นไม้ด้วยนะ"

ผมสั่งก่อนเดินขึ้นบ้านไป

"คร้าบบบ"

มันลากเสียงยาวล้อเลียน

คืนนี้ไม่รู้ว่าเป็นคืนเดือนมืดหรือเดือนหงาย เพราะมองไม่เห็นอะไร เลยนอกจากท้องฟ้าสีส้มดำแผ่ปกคลุมไปทั้งกรุงเทพฯ แต่ในใจผมมันมีเดือนดาวระยิบส่องแสงประกายอยู่ เอนอนอยู่ข้างๆตัว มันก่ายกอดอยู่อย่างนั้น

"ตัวเองปิดเทอม เล็กพาเค้าไปเที่ยวหน่อยดิ"

เอพูดขึ้นแต่ปาก มันยังซุกไซร้อยู่ที่ซอกคอของผม

"อืม อยากไปไหนล่ะ"

ผมเสียงเครือๆล่องลอยไปกับมัน

"ไปทางเหนือ"

"อืม ไปตอนหน้าหนาวก็น่าจะดี"

ผมเคลิบเคลิ้มไปกับ มัน เอรุกหนักขึ้นมันเลื่อนมือลูบไล้ไปตามกาย ผมหันหน้าเข้าหามัน พลิกกายขึ้นบนตัวมัน ไม่มีอะไรจะหยุดยั้ง ไม่มีอะไรมาขวางกั้น ไม่ต้องกังวลพะวงกับสิ่งใด รักของเราเป็นไปตามครรลองของมัน เป็นไปตามสิ่งที่ใจเรียกร้อง นี่ถ้าเราไม่ประคับประคองใจกันมามันจะเป็นไปในรูปแบบนี้ไหมนะ เพราะความรักที่เราให้มันชี้นำทางไปในลู่ทางที่ถูกที่ควร แม้มันจะเกินกว่าที่ใจจะยอมรับได้ มันมีอะไรมากมายขวางกั้น ด้วยวัยวุฒิคุณวุฒิที่ยังน้อยทั้งสองคน ด้วยเพศที่เหมือนกัน แต่เราก็ได้จับมือกันทำให้ผู้ใหญ่รับรู้แล้วว่ารักของเรามันได้ผลักดันให้ เราลอยสูงขึ้นไม่ใช่จมดำดิ่งลง ผมคิดว่าผู้ใหญ่เองก็น่าที่จะคลายความตึงเครียดลงได้บ้าง ไม่ว่าจะเพศใดวัยใดถ้าหากนำความรักมาใช้เกื้อหนุนชีวิตในทางที่ถูกมันก็เป็น รักเช่นกัน ด้วยอานิสงแห่งรัก ด้วยพลังแห่งใจ ผมจึงมีความสุขได้มากขนาดนี้






 :กอด1: :L2:



เขียนโดย eiky
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ก่อนตอนจบ ตอน 65 Apr 29, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 29-04-2010 19:56:22
 :z13: eiky ทันอีกละ อีป้าแก่ๆ เก่งไหมคะ  :laugh:

อีป้าแก่ๆ มาจิ้มจองไว้ก่อน ใครจะทำไม ชิ...  o18



อีป้าแก่ๆ บอกแล้วคะ ของที่คู่กัน มันก็ต้องอยู่คู่กันเสมอ

มีทุกข์ เพื่อให้เราได้รู้จัก และ อิ่มเอมกับความสุข

คนอ่านทุกท่านมาเสพความสุขที่ eiky เอามามอบให้แก่คนอ่านทุกคนสิคะ

เพราะ eiky คงจะทำเพื่อไถ่โทษ และขอร้อง อย่าให้คนอ่าน เกลียดตัวเอง

โดยเอาความสุขนี้ มาบรรณาการ ตอบแทน น้ำตาของคนอ่านทุกคนคะ ใช่ไหมคะ eiky
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ก่อนตอนจบ ตอน 65 Apr 29, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 29-04-2010 20:05:01
งั้น ก็ จิ้ม ต่อ  เอา ให้ ทะลุ เรย ละ กัล   :z13:

บท จะหวานก็ หวานซะ  บท จะเศร้า ก็ น้ำตา ท้วม กัล เรย ที เดียว

 o13
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ก่อนตอนจบ ตอน 65 Apr 29, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 29-04-2010 20:06:45
 ถามเพื่อนๆหน่อยนะครับ

อยากรู้ว่าใครอ่านเรื่องนี้แล้วร้องไห้บ้าง

อยากรู้จริงๆ น้า

อิอิ

จะได้ปรับปรุง เรื่องต่อไป ให้ร่วงมากกว่านี้


เหอๆๆๆๆ

คนเขียนเป็นเอ็ม

 o18
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ก่อนตอนจบ ตอน 65 Apr 29, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: ChiOln ที่ 29-04-2010 20:08:42
ยกมือคร้าบบ ร้อง ๆ อ่ะครับ สงสารทั้งโย สงสารทั้ง เอ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ก่อนตอนจบ ตอน 65 Apr 29, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 29-04-2010 20:13:58
อีป้าแก่ๆ นี่คนนึงละคะ บางตอน eiky เล่นเอาสะ เผาเต่า หลับทั้งน้ำตาเลยละคะ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ก่อนตอนจบ ตอน 65 Apr 29, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: pearleye ที่ 29-04-2010 20:20:20
ถามเพื่อนๆหน่อยนะครับ
อยากรู้ว่าใครอ่านเรื่องนี้แล้วร้องไห้บ้าง
อยากรู้จริงๆ น้า
อิอิ
จะได้ปรับปรุง เรื่องต่อไป ให้ร่วงมากกว่านี้
เหอๆๆๆๆ
คนเขียนเป็นเอ็ม
 o18

ไม่ร้องอ่าค่า แบบว่าบ่อน้ำตาแห้ง  :m4:
แต่เหมือนกุหลาบเป็นพวก น้ำตาตกใน มากกว่า  :m29:
มันเศร้า มันตื้อในอก แต่ไม่มีน้ำตา เฮ้อ เหมือนคนเก็บกดเนอะ? ว่าไหม?
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ก่อนตอนจบ ตอน 65 Apr 29, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 29-04-2010 20:29:41
อ่านตอนนี้แล้วสบายใจจัง~
ฟ้าหลังฝนมันสดใสจริงๆด้วย ขอบคุณนะคะ
สำหรับคำถาม เราเหมือนรีบนค่ะ ร้องไห้ในใจ(มันเป็นไงหว่า?)
คือมันเศร้ามากๆค่ะ แต่น้ำตาไม่ไหล
ว่าแต่เรื่องหน้าจะไม่หวานซักหน่อยหรอคะ  :monkeysad:

หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ก่อนตอนจบ ตอน 65 Apr 29, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 29-04-2010 20:31:50
สนุกมากครับ แรกๆ เหมือนจะเป็นเรื่องฮาๆ ครึ่งหลังมาน้ำตาท่วมซะงั้น
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ก่อนตอนจบ ตอน 65 Apr 29, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: salawinyeen ที่ 29-04-2010 20:45:19
ขอบคุณนะครับ ที่คุณ eiky สร้างนวนิยายเรื่องนี้ให้พวกเราได้อ่านกัน

ผมอยากจะบอกว่าชอบทุกประโยคทุกเนื้อความในเรื่องนี้แม้บทเศร้าจะมีมากไปหน่อยก็ตาม



รักคนแต่ง    : )    Yeen 2U
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ก่อนตอนจบ ตอน 65 Apr 29, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: •ผั๑`|nกุ้va’ด• ที่ 29-04-2010 20:46:03
อ่านแล้ว อึดอัดค่ะ ปวดตับเป็นที่สุด
 
แถม คุณ eiky เค้น จน ไม่รู้จะ บรรยายยังไง  บีบก็แล้ว รัดก็แล้ว
 
แต่ก็ไม่เข้าใจตัวเอง ปากก็บอก ไม่ไหวแล้วไม่อยากอ่านแล้ว อึดอัดมาก. .  แต่ ก็ยังทน ยังเฝ้าอ่าน -..-
 
สรุปแล้วก็อยู่ด้วยกันมาจนจะจบเรื่องนะคะ   (ที่ไม่ร้องไห้ ไม่ใช่ว่าคุณ eiky เขียนไม่ดีนะ แต่เค้าทนอ่านไม่ค่อยได้ เลยอ่านผ่านๆไม่อยาก อิน)
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ก่อนตอนจบ ตอน 65 Apr 29, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 29-04-2010 20:46:57
จะจบแล้วอ่ะ
 :seng2ped:

กร๊ากกกกกกกก

ไม่มีไรหรอก
เราบ้า :laugh:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ก่อนตอนจบ ตอน 65 Apr 29, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: ferly ที่ 29-04-2010 20:59:33
รอตอนจบค่ะ^^
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ก่อนตอนจบ ตอน 65 Apr 29, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: K2KARN ที่ 29-04-2010 21:11:48
โอ้ย กว่าจะได้อยู่ด้วยกัน
คนนึงกรีดข้อมือตัวเอง
คนนึงสลบจนต้องปั๊มหัวใจ

อันที่จริงควรมาปั๊มคนอ่านด้วย
หัวใจจะวายตายตามไปล่ะค่ะ *

ดีแล้วที่กลับมาอยู่ด้วยกัน
รักนำทางใจจริงๆ  o13

+1 ค่ะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ก่อนตอนจบ ตอน 65 Apr 29, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: kanda53 ที่ 29-04-2010 22:46:49
ครั้งแรกที่พี่เห็นนิยายเรื่องนี้...สะดุดตากับจำนวนบทที่ลงกับหน้าที่โพส...
มันช่างแตกต่างและห่างไกลกันเหลือเกิน...
พี่คิดต่อไปว่า...คนแต่งเขาลงบทแบบสั้น ๆ หรือเปล่า จำนวนบทถึงเยอะนัก
พอเข้ามาดูถึงกับ  อึ้งกับปริมาณเนื้อหาของแต่ละบท  ซึ่งไม่ใช่น้อย....
ไม่ว่าน้อง eiky จะแต่งไว้ก่อนแล้ว  หรือว่าแต่งสด  นั้นไม่สำคัญ
มันสำคัญที่ว่าการลงเรื่องให้อ่านอย่างสม่ำเสมอ  พี่คิดว่าเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่จะผูกใจ
ให้มีคนมาอ่านเรื่องของเรา  นอกเหนือจากความสนุกสนานของเนื้อเรื่อง
ดังนั้นครั้งแรกที่พี่โพสเพื่อให้กำลังใจคนแต่ง  (ตูยังตามอ่านไม่ทัน..เพิ่งจะเริ่มอ่าน)
เพราะประทับใจกับความขยันและคำว่า "มาต่อกันเลยนะครับ" ที่น้อง eiky มักจะกล่าวนำก่อนลง
บทต่อไป.....แบบว่า  ข้าฯไม่สนใจละว่าใครจะอ่านหรือไม่  แต่อยากลงให้อ่านน่ะมีอะไรอ๊ะเปล่า...
จากนั้นพออ่าน... ก้ออย่างรู้ ๆ กัน   :o8: ต่อมา :m16: ต่อมา :fire: และต่อมา  :sad4:
จนจะจบแล้วยัง....  :-[  (หวานน้อยไปหน่อยเนอะ)
เห็นน้อง eiky บอกว่า แต่งหวานไม่เก่งหรือหวานหมดก็อกแล้ว....ไม่เป็นไร..
เดี๋ยวพี่ย้อนกลับไปอ่าน สองบทก่อนสุดท้ายหลาย ๆ เที่ยวหน่อย   ชดเชยที่จิตตกมานาน... :เฮ้อ:
โพสยาวเนอะ....อยากบอกง่ะ
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ก่อนตอนจบ ตอน 65 Apr 29, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 29-04-2010 23:33:10
ครั้งแรกที่พี่เห็นนิยายเรื่องนี้...สะดุดตากับจำนวนบทที่ลงกับหน้าที่โพส...
มันช่างแตกต่างและห่างไกลกันเหลือเกิน...
พี่คิดต่อไปว่า...คนแต่งเขาลงบทแบบสั้น ๆ หรือเปล่า จำนวนบทถึงเยอะนัก
พอเข้ามาดูถึงกับ  อึ้งกับปริมาณเนื้อหาของแต่ละบท  ซึ่งไม่ใช่น้อย....
ไม่ว่าน้อง eiky จะแต่งไว้ก่อนแล้ว  หรือว่าแต่งสด  นั้นไม่สำคัญ
มันสำคัญที่ว่าการลงเรื่องให้อ่านอย่างสม่ำเสมอ  พี่คิดว่าเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่จะผูกใจ
ให้มีคนมาอ่านเรื่องของเรา  นอกเหนือจากความสนุกสนานของเนื้อเรื่อง
ดังนั้นครั้งแรกที่พี่โพสเพื่อให้กำลังใจคนแต่ง  (ตูยังตามอ่านไม่ทัน..เพิ่งจะเริ่มอ่าน)
เพราะประทับใจกับความขยันและคำว่า "มาต่อกันเลยนะครับ" ที่น้อง eiky มักจะกล่าวนำก่อนลง
บทต่อไป.....แบบว่า  ข้าฯไม่สนใจละว่าใครจะอ่านหรือไม่  แต่อยากลงให้อ่านน่ะมีอะไรอ๊ะเปล่า...
จากนั้นพออ่าน... ก้ออย่างรู้ ๆ กัน   :o8: ต่อมา :m16: ต่อมา :fire: และต่อมา  :sad4:
จนจะจบแล้วยัง....  :-[  (หวานน้อยไปหน่อยเนอะ)
เห็นน้อง eiky บอกว่า แต่งหวานไม่เก่งหรือหวานหมดก็อกแล้ว....ไม่เป็นไร..
เดี๋ยวพี่ย้อนกลับไปอ่าน สองบทก่อนสุดท้ายหลาย ๆ เที่ยวหน่อย   ชดเชยที่จิตตกมานาน... :เฮ้อ:
โพสยาวเนอะ....อยากบอกง่ะ
 :L2: :pig4:


โห ประทับใจมากครับ อิอิ

ไม่ใช่ความขยันหรอกครับ

แต่เป็นความบ้าเลือด อิอิ

ไม่อยากให้คนอ่านรอ เดี๋ยวรุมด่า

อิอิ

ขอบคุณนะครับที่ชอบ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ก่อนตอนจบ ตอน 65 Apr 29, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: DexTunG ที่ 30-04-2010 01:46:40
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ก่อนตอนจบ ตอน 65 Apr 29, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: lomekung ที่ 30-04-2010 04:56:34


ไม่ได้ร้อง  แค่คลอเฉยๆ

 :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ก่อนตอนจบ ตอน 65 Apr 29, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 30-04-2010 06:23:54
ไม่ว่าจะเพศใดวัยใดถ้าหากนำความรักมาใช้เกื้อหนุนชีวิตในทางที่ถูกมันก็เป็น รักเช่นกัน ด้วยอานิสงแห่งรัก ด้วยพลังแห่งใจ ผมจึงมีความสุขได้มากขนาดนี้


 :L1: :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนจบ!!!!!! ตอน 66 Apr 30, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 30-04-2010 07:13:36
                                          ตอนจบมาแล้วครับ อาจจะไม่หวานเท่าไหร่น้า








                                             ตอน หกสิบหก








 เวลาที่เรา มีความสุขทำไมมันผ่านไปรวดเร็วนัก ต้นเดือนพฤศจิกายนแล้ว แต่ละวันที่ผ่านมาหลังจากเหตุการณ์เฉียดตาย ผมมีความสุขทุกวัน ทุกวินาทีทุกคนที่แวดล้อมก็มีความสุข เริ่มจากแม่ที่ตอนนี้มีเพื่อนไปนั่งวิปัสนาคนใหม่นอกจากน้าสาแล้วคืออาจารย์ ปริศนานั่นเอง อาจารย์ปริศนาดูเปลี่ยนทัศนคติเกี่ยวกับผมไปโดยสิ้นเชิง เพราะจะมองผมเป็นลูกไปอีกคนหนึ่งไม่ได้รังเกียจเหมือนตอนที่รู้ว่าเราคบกัน แถมยังมาบ้านเกือบทุกวัน มานั่งคุยกับแม่ฝึกทำอาหารกับแม่ สนทนาธรรมกันโดยมีน้าสาเป็นสมาชิกอีกคน ส่วนน้องโอตอนนี้กลายเป็นนักกีฬาเยาวชนทีมชาติและได้ย้ายไปเรียนอยู่ โรงเรียนกีฬาที่จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นครั้งแรกที่โอออกจากอกอาจารย์ปริศนาแต่ดูเหมือนอาจารย์ปริศนาจะปลงปล่อย วางอะไรหลายอย่างจึงไม่ได้ฟูมฟายรั้งไว้ บอกว่าเพื่ออนาคตของโอเอง แต่เราก็จะไปเยี่ยมน้องโอทุกอาทิตย์ บางทีแม่ไปกับอาจารย์ปริศนาสองคน บางทีผมก็ไปกับแม่และอาจารย์ปริศนา สลับสับเปลี่ยนกันไป ถือเป็นกิจวัตรประจำสัปดาห์ ไม่รู้สึกเบื่อ กำลังใจที่มีให้กันไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อแต่อย่างใด แต่มันคือความสุขที่ได้เห็นคนที่เรารักและห่วงใยมีความสุข

ส่วน เอกลายเป็นสมาชิกของบ้านไปแล้ว ช่วงนี้เออ่านหนังสือดึกทุกวันเพราะกำลังไล่ล่าสอบและเตรียมตัวที่จะสอบโอ เน็ทเอเน็ท เพื่อสิ่งที่ตั้งเป้าเอาไว้ การเรียนของเอดีขึ้นอย่างน่าประหลาด ทั้งบอมและบ๊อบเองก็พลอยกระเตื้องไปด้วย เด็กทั้งสองมาขลุกอยู่ที่บ้านทุกอาทิตย์ ทุกคนดูแจ่มใสร่าเริงกว่าเดิม นับจากที่เราจับมือกันผ่านเรื่องราวต่างๆมาด้วยกันจนถึงวันนี้ ไม่เคยมีวันไหนที่จะทะเลาะผิดใจกันเลย เราประคับประคองรักให้มันเป็นไปอย่างราบรื่นสงบสุข จากที่ผมสังเกตุเอดูรักผมมากขึ้นกว่าเดิม ว่านอนสอนง่ายบอกใช้อะไรไม่เคยลังเลที่จะทำ ส่วนผมเองก็ไม่เคยเบื่อมันเหมือนกัน รู้สึกรักมากขึ้น ยิ่งอยู่ด้วยกันยิ่งรักมันมากขึ้นกว่าเดิม

พลเองก็คบกับบอมไปแล้ว แม้ปากจะบอกไม่ใช่ ไม่มีทาง แต่การปฏิบัติต่อกันระหว่างพลกับบอมหลอกใครไม่ได้เลย แม้เจ้าตัวทั้งสองจะปากแข็งว่าไม่มีทางเป็นไปไม่ได้ จนเราไม่ได้ใส่ใจที่จะจิกกัดมันอีก พลเองก็มาที่บ้านเกือบทุกวันเช่นกัน มันไม่ค่อยเที่ยวกลางคืนแล้ว เห็นบอกเบื่อ

ส่วนจ๋าเองก็มีกำหนด คลอดกลางเดือนนี้ ตอนนี้จ๋าท้องโตขึ้นมาก ไปอัลตาซาวด์ดูรู้ว่าเป็นลูกผู้หญิง จ๋าดีใจมาก พี่ป้อมเองก็ดีใจที่จะได้เป็นพ่อคน ประคบประหงมกัน ส่วนป๊าจ๋าเองก็เห่อหลาน ผิดกับที่คาดไว้ว่าจะเอ็ดมันที่รู้ว่าท้องก่อนแต่ง กลับเป็นฟูมฟักไปหาชื่อเตรียมไว้หลายชื่อ ซื้อของใช้เด็กเตรียมไว้แล้ว เดือนนี้เรารอคอยที่จะเห็นหน้าหลานคนแรกและอาจจะเป็นคนเดียวที่สามารถจะมี ลูกได้ กบกับกายก็เที่ยวเตร่ตามปกติ แต่ไม่ค่อยได้เจอกันบ่อยเหมือนแต่ก่อนแล้ว

หลังจากที่จ๋าคลอดลูก เป็นเด็กผู้หญิงน่ารักน่าชัง ชื่อน้องจ๋อม เพราะเอาชื่อของพ่อกับแม่มารวมกัน เราทั้งกลุ่มก็เห่อหลานกันใหญ่ ไปเยี่ยมจ๋าเกือบทุกวันจนออกจากโรงพยาบาล

"ตัวเอง อยากมีลูกไหม"

เอ ถามขึ้นตอนกลับจากบ้านจ๋า

"หือ ทำไมล่ะ เอจะไปแต่งงานเหรอ"

ผม ไม่เข้าใจในสิ่งที่มันถาม ถ้าถามว่าอยากมีลูกไหม ผมไม่เคยคิดในหัวเลยด้วยองค์ประกอบกับสิ่งที่เราเป็นอยู่ จึงไม่ทันคิดไป พอเอถามขึ้นมาจึงไม่เข้าใจ

"บ้าดิ เค้าคิดว่า พอทำงานแล้วเค้าอยากจะไปขอเด็กมาเลี้ยง เป็นลูกเราไง"

สายตาเอดูจริง จังกว่าที่จะพูดเพราะคะนองปาก ผมมองหน้ามันแล้วอดที่จะยิ้มไม่ได้ รู้สึกอุ่นไปถึงหัวใจ

"อย่าเพิ่งคิดเลยพ่อคุณ สอบให้ได้ก่อนเถอะ พ่อวิศวะหนุ่มในอนาคต"

ผมล้อเลียน เอก้มลงหอมแก้มทันที

"ตัว เองเค้าอยากจะไปเที่ยวอ่ะ ปิดเทอมเล็กพาเค้าไปหน่อยน้า"

ผมพยักหน้า คิดเอาไว้แล้วว่าจะไปไหน

"ไปกันสองคนเราเนอะ"

"อืม ไปเขาค้อกันเนอะ ฉันโทรถามลุงใหญ่แล้ว แกมีเพื่อนเป็นปลัดอยู่ที่เขาค้อ อยากไปลุงใหญ่เดี๋ยวให้ปลัดจัดการให้"

ผมศึกษาข้อมูลล่วงหน้าหลาย เดือนแล้ว เห็นในรูปสวยจับใจ อยากจะไปสักหน ถ้าไปจริงคงขับรถไป เพราะตอนนี้แม่กับอาจารย์ปริศนาไปไหนไปด้วยกันจึงเหลือรถอีกคัน เอมันก็ขับรถเป็นเพียงแต่ยังไม่มีใบขับขี่เพราะยังไม่ถึงสิบแปด ที่จริงอีกเดือนหน้าก็จะสิบแปดแล้ว

ถึงวันเดินทางเราออกจากบ้านแต่ เช้าเตรียมเสบียงขนมขบเคี้ยวไปด้วยเต็มคันรถ อากาศในกรุงเทพฯยังร้อนอบอ้าว แต่ดูจากข่าวอากาศที่เพชรบูรณ์เริ่มลดลงแล้ว ผมเตรียมเอาเสื้อผ้าไปอย่างเพียงพอ เพราะเกรงจะหนาวไป เราขับรถไปเรื่อยๆเหนื่อยก็แวะพัก ซื้อนั่นซื้อนี่ เอเอากล้องไปด้วยมันชอบถ่ายรูปตั้งแต่ตอนไหนไม่ยักรู้แต่พอเจออะไรสวยๆข้าง ทางก็เก็บภาพไว้ตลอด ผมไม่คิดว่าการเดินทางไปเพชรบูรณ์มันยาวไกลเลย การได้เดินทางกับคนที่รักไม่ว่าจะไปไหน ทำไมหนทางมันดูสั้นนัก ทุกวินาทีที่อยู่ด้วยกันมันดูมีความสุข ผมไม่รู้สึกง่วงหรือเบื่อเลย เอเองก็ไม่เห็นอาการแบบนั้นสื่อออกมาเลย พอผมขับรถเหนื่อยเอก็มาขับแต่ให้เอขับในระยะสั้นเพราะกลัวว่าจะโดนด่านดัก จับเอา แต่นับว่าเป็นโชคเราไม่เจอด่านเลย พอถึงเพชรบูรณ์ก็เกือบสามทุ่มแล้ว เพราะเราขับรถไม่เร็ว กว่าจะหาที่พักเจอก็เกือบสี่ทุ่ม แต่ถนนที่นี่ขับลำบากเพราะเป็นหนทางคดเคี้ยวเป็นเหวเสียส่วนใหญ่ ความง่วงจึงไม่โผล่มาเลยเพราะผมเองก็กลัวขับอย่างระมัดระวัง ทางเข้าที่พักยังเป็นถนนลูกรังมีฝุ่นคลุ้งอยู่ มองไม่เห็นทัศนียภาพเพราะมืดมากแล้ว ถามทางมาตลอดเพราะเป็นที่พักเปิดใหม่ พอถึงก็โทรศัพท์หาคนที่ลุงใหญ่ให้เบอร์ไว้ ลุงมีเป็นเจ้าของแกมาคอยต้อนรับอยู่ก่อนแล้ว ที่พักเป็นบ้านสองชั้นเพิ่งสร้างเสร็จเป็นที่กว้างเพราะมองไม่เห็นแสงไฟใน ระยะใกล้เคียง ผมจะจ่ายค่าที่พักแต่ลุงมีบอกว่าไม่ต้องปลัดจัดการให้เรียบร้อยแล้ว ผมจึงโทรศัพท์ไปขอบคุณลุงใหญ่ฝากขอบคุณคุณปลัดเพื่อนลุงใหญ่ด้วย แกบอกว่าเป็นของขวัญให้ในโอกาสที่ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ผมได้แต่ปลื้มใจ แต่ผมก็จ่ายค่าทำความสะอาดให้ลุงมี บังคับให้แกเอาเพราะถือเป็นสินน้ำใจเล็กๆน้อยๆ พอเข้าที่พักเราก็เก็บของ แล้วออกไปหาอะไรกินเพราะยังไม่ได้กินอะไรตอนค่ำเลย

หลังจากถามลุงมี ว่าแถวระแวกที่พักมีร้านอาหารง่ายๆที่พอให้ประทังหิวบ้างไหม ลุงมีก็บอกให้ขับรถขึ้นไปอีกหน่อยจะมีร้านขายข้าวอยู่เราจึงออกไปตามที่ลุง มีบอก พอกินข้าวเสร็จก็กลับมาที่พัก อาบน้ำ อากาศที่นี่แตกต่างจากกรุงเทพฯอย่างสิ้นเชิง เพราะอากาศหนาวเย็นมากแต่โชคดีที่ที่พักมีน้ำอุ่นอาบ นานแค่ไหนแล้วนะที่เราไม่ได้อาบน้ำด้วยกัน ผมยังคิดถึงตอนที่ไปเสม็ดด้วยกัน

"เอ ไปอาบน้ำจะได้มานอน"

ผมชวนหลังจากที่เข้าที่พักแล้ว แต่เอกลับขึ้นไปซุกตัวอยู่บนผ้าห่ม

"หนาวอ่ะตัวเอง ไม่อาบได้ป่ะ"

"ไม่ อาบก็ไม่ต้องมานอนกอด"

"อ่า คร้าบ ที่รัก"

มันกระเด้งตัวออก มาจากที่นอนแล้วเข้ามากอดผม แต่ผมก็ผลักมันออกเพราะต้องเข้าไปเปิดน้ำอุ่นรอไว้

"อาบด้วยกันนะคะ"

ผม ไม่ตอบแต่พยักหน้า มันดูลิงโลดขึ้นมาทันที กว่าจะอาบน้ำเสร็จก็มือเหี่ยวพอดีเพราะพ่อตัวดีมันคอยละลาบละล้วงอยู่ตลอด เวลา ต้องบอกว่าคืนนี้ค่อยทำมันถึงยอมหยุด พออาบน้ำเสร็จผมก็เช็ดตัวทาครีมให้มันตามปกติ เราใส่เสื้อผ้าหนากว่าปกติเพราะอากาศที่หนาวเหน็บพออาบน้ำเสร็จก็ค่อยยัง ชั่ว

"ตัวเอง รออยู่ตรงนี้แป๊บนึงน้า เค้ามีอะไรจะอวด"

"หือ อะไร"

"น่านะ รอแป๊บ"

เอพูดจบก็ออกไปตรงระเบียง ที่พักมีระเบียงอยู่ชั้นสอง มีโต๊ะไม้อันใหญ่วางอยู่ ผมก็จัดของรอในห้อง

"ตัว เองลมแรงอ่ะ ทำไม่ได้"

มันเดินเข้ามาบอกท่าทางหัวเสีย

"จะทำ อะไรล่ะคุณชาย"

"เค้าจะจุดเทียนอ่ะ"

"ไม่ต้องก็ได้ ลมแรงอันตราย"

"ว้า ว่าจะโรแมนติกซะหน่อย ไม่เป็นใจเลยอากาศ"

"มอง เห็นดาวไหม"

ผมถามเพราะอยากจะดูดาว

"ไม่ค่อยเห็นอ่ะตัวเอง"

ผม เดินออกไประเบียงบ้าง ไปแหงนมองดูท้องฟ้าสีเทามืด เห็นดาวน้อยมาก คงเป็นเพราะลมแรง หรือมีหมอกเมฆ ไม่แน่ใจเพราะมองอะไรไม่เห็นเลย แย่จัง เอเดินออกมาหอบผ้านวมออกมา

"ตัวเองมานี่"

มันนั่งลงที่ม้า นั่งอันใหญ่ ผมเดินอมยิ้มเข้าไปซุกตัวข้างๆมัน

"กอดหน่อย คิดถึง"

มัน กอดรัดผมแน่นผมก็กอดมันตอบ

"หนาวไหมคะ"

ผมพยักหน้า มันก็รัดวงแขนแน่นขึ้น

"เค้ามีความสุขที่สุดเลย เรานั่งอยู่ตรงนี้สักพักเนอะ"

"ฉันก็มีความสุข อยากจะอยู่แบบนี้นานๆ"

ผมซุกหน้าเข้าไปตรงซอกคอของเอ สูดกลิ่นกายที่ผมรักเข้าเต็มปอด เรานั่งปล่อยให้ความเงียบกับเสียงลมพาไป ร่างกายก็กอดเบียดกันอยู่ให้คลายหนาว หัวใจก็สานสัมพันธ์รักแน่นแฟ้นขึ้นกว่าเดิม

พอเช้าด้วยกากาศที่เย็น จัด แม้จะอยู่ในห้องมิดชิดแต่ความเย็นภายนอกมันก็แผ่เข้ามาในห้อง ผมเบียดกายเข้าหาเอที่กอดผมอยู่ เมื่อคืนหลังจากที่นั่งอยู่ตรงระเบียงสักพักเราก็เข้านอน พอถึงเตียงเอก็ไม่ยอมทำอย่างอื่นมันบอกว่าผมสัญญาไว้แล้ว ผมก็เลยต้องยอมตามใจมัน ตอนนี้ร่างกายเราเปล่าเปลือยมีเพียงผ้านวมสองผืนทับร่างอยู่ พอรู้สึกตัวผมก็แกะมือเอออกแล้วใส่เสื้อผ้าเดินออกมานอกระเบียง สิ่งที่ผมเห็นมันคือม่านหมอกขาวโพลนไปทั่วมองอะไรไม่เห็นเลย ด้วยความที่เกิดมายังไม่เคยเจอหมอกเยอะขนาดนี้

"เอๆ มาดูอะไรนี่มา"

ผม เข้าไปเขย่าตัวเอ

"หือ อะไรคะ"

"หมอก หมอกเต็มเลย"

"อ่า ตัวเอง อ่า แค่หมอกเค้านอนแป๊บนึงน้า"

ผมได้แต่ส่ายหัว ไม่สนใจจะปลุกมันแล้ว ผมจึงเดินไปเสียบกาน้ำร้อนกะจะชงโกโก้กินเพราะเอามาจากบ้าน ผมเดินออกไปนอกระเบียงนั่งมองหมอกอยู่เนิ่นนาน สักพักจึงเข้าไปชงโกโก้มาสองแก้ว เพราะพ่อตัวดีลุกมาแล้วกำลังควานหาเสื้อผ้าใส่

"โห อะไรนี่"

เอ อุทานเมื่อเห็นหมอก"

"ขาวไปหมดเลยอ่ะ เดี๋ยวไปเอากล้องมาถ่ายรูปไว้ดีกว่า"

ว่าแล้วเอก็วิ่งเข้าไปในห้อง กลับออกมาพร้อมกล้อง มันถ่ายรูปอย่างเพลิดเพลิน ผมเองก็นั่งจิบโกโก้ร้อนมองดูอยู่อย่างสุขใจพอตะวันขึ้นแม้จะมองไม่เห็น เพราะหมอกที่ปกคลุมอยู่แต่ความอุ่นที่แผ่มาทำให้หมอกเริ่มจาง ผมไล่เอให้ไปล้างหน้าล้างตาก่อนผม พอเสร็จผมจึงไปเข้าห้องน้ำบ้าง พอออกมาก็ยืนตะลึงกับสิ่งที่เห็น เพราะที่พักที่เราอยู่เป็นเหมือนที่ราบลุ่มแอ่งกระทะ ข้างๆที่พักมีบึงที่หมอกยังปกคลุมอยู่ เวิ้งกว้างมองขึ้นไปเป็นภูเขาที่ดูขาวโพลน สวยงามที่สุด

"เอ"

ผม อุทานอ้าปากค้าง เอหันมาชักภาพถ่ายรูป แล้วเดินยิ้มเข้ามากอด

"สวย ไหมคะ สวยมากเลยใช่ไหม"

ผมได้แต่พยักหน้า ยังตื่นตะลึงกับสิ่งที่เห็นอยู่เบื้องหน้า ลมนิ่งสงบลงแล้ว หมอกเริ่มจางทำให้ภาพวิวทิวทัศน์แจ่มชัดขึ้นมา

"สวยมาก สวยที่สุด"

ผม ไม่ได้พูดเกินจริงเพราะสิ่งที่เห็นมันงดงามเสียจริงไม่อยากจะเชื่อว่ามีที่ แห่งนี้อยู่ในประเทศไทย บึงน้ำที่อยู่ไม่ไกลนักกระทบแสงแดดกระเพื่อมเล่นแสงราวอัญมณีระยิบระยับ หมอกที่ปกคลุมอยู่เบื้องบนทำให้บึงดูทั้งสวยทั้งลึกลับไปในคราวเดียวกัน บ้านพักอยู่บนเนินเตี้ยๆมองออกไปมีภูเขาล้อมรอบ สุขอิ่มไปถึงใจ

เอ ยืนกอดผมอยู่แต่มือก็กดชัตเตอร์ถ่ายรูปอยู่ ผมยืมโอบกอดเออย่างเป็นสุข ขอบคุณทุกสิ่งที่ทำให้ผมมีวันนี้ ที่ทำให้ผมได้เป็นสุขใจได้มากมายถึงเพียงนี้ ด้วยแรงแห่งรักด้วยแรงแห่งใจทำให้เรามีวันนี้

"เค้ารักตัวเองน้า"

ผม ไม่เคยเบื่อที่จะฟังคำนี้ ไม่เคยเบื่อ ได้ยินทีไรหัวใจก็เต้นแรงมีความสุข

"ฉัน ก็รักเธอมากนะ"

ผมไม่รีรอที่จะตอบกลับ เสียงมันออกมาจากหัวใจ ผมรู้สึกอย่างนี้ผมก็ควรจะพูดแบบนี้

สำหรับผมความรักมันเกิดขึ้นได้ ทุกที่ทุกเวลา ทุกเพศทุกวัยไม่ว่ามันจะเกิดขึ้นกับใคร ทั้งหญิงชาย หรือเกย์ เราควรจะจับมือกันไว้ประคับประคองให้รักมันนำทางให้เราไปถึงในที่หมาย ไม่ว่าจะฝ่าฟันอุปสรรคไปมากสักเท่าใด ถ้าหากรักแล้วไม่มีอุปสรรคเราก็จะไม่เห็นค่าของรักนั้น ถึงแม้มีอุปสรรคใช่ว่าจะทำให้เราท้อถอย จับมือกันไว้ เดินไปด้วยกัน แลกใจด้วยใจ ผมเชื่อเสมอว่ารักมันย่อมให้ผล ให้ใจได้ลิ้มรสกับคำว่ารักสักวัน



 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่าน แม้จะรันทดไปบ้าง อย่างน้อยก็สื่อให้เห็นว่ารักมันมีหลายแง่มุม รักมันออกแบบไม่ได้ บังคับไม่ได้ ถ้าหากว่ารักใครสักคนแล้ว มันก็คือรักไม่ว่าเขาคนนั้นจะเป็นใคร มาจากไหน แต่เราก็เรียกเขาว่าคนที่เรารัก ความรักเป็นสิ่งสวยงามเสมอสำหรับผม อย่างน้อยมันก็ทำให้บางเวลาของโลกอันมืดมิดให้สว่างใส อิอิ

ขอบคุณอีกครั้ง ที่ติดตามอ่านนะครับ

ขอให้มุกคนมีสุข สมหวังในรัก  :L2: :L2:

เขียนโดย eiky
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนจบ!!!!!! ตอน 66 Apr 30, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: sweetener ที่ 30-04-2010 07:19:43
 K.eiky เอาตอนจบมาเสริฟแล้ว ไปอ่านก่อนนะคะ

สารภาพก่อนเลยค่ะว่าไม่ได้อ่านเรื่องนี้นานแล้วตั้งแต่ อ.ปริศนารู้เรื่อง
แต่แอบอ่าน comment นักอ่านท่านอื่นอยู่เป็นประจำ
ว่าเรื่องดำเนินถึงไหนแล้ว  เลิกรันทดแล้วหรือยัง
ตอนนั้นเรื่องมันบีบหัวใจเหลือหลาย
ส่วนตัว อ่านแล้วอึดอัด ไม่อ่านดีกว่า
จนมาถึงตอนก่อนหน้านี้ที่เห็นว่าพายุสงบแล้ว
เลยนั่งอ่านตั้งแต่ตอนห้าสิบกว่าๆ จนมาอ่านตอนจบเช้าวันนี้

ทุกคนอยากมีแม่แบบโย ที่เข้าใจลูก แค่ลูกมีความสุขเป็นคนดีพ่อแม่ก็ภูมิใจแล้ว
แต่แม่แบบ อ.ปริศนา มีให้เห็นทั่วไปตามสังคมไทย อะไรไม่ใช่ที่ฉันเห็นดีถือว่าผิด ออกนอกกรอบ
มาคิดได้ว่านั่นคือชีวิตลูกไม่ใช่ชีวิตของเราก็ตอนอะไรมันเกือบจะสายเกินไปแล้ว
แต่เอใจร้ายเนาะทำร้ายตัวเองได้  ไม่ได้คิดถึงคนที่ตัวเองรักเลย ว่าจะเป็นอะไรยังไง
ตอนจบน่ารักดีค่ะ

ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆที่นำมาให้อ่าน
ถึงแม้จะเป็นนักอ่านนิสัยไม่ค่อยดี(เม้นบ้างไม่เม้นบ้าง รันทดมากนักก็ไม่อ่าน)
แต่ก็ติดตามเรื่องนี้มาตลอด
รออ่านเรื่องต่อไปนะคะ
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนจบ!!!!!! ตอน 66 Apr 30, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: salawinyeen ที่ 30-04-2010 08:21:12
 :a9: :pig3:

 ขอบคุณครับ : )          คุณ eiky พูดถูกความรักเกิดได้ทุกที่ทุกเวลาทุกสถานการณ์ทุกเพศ ทุกวัย   


            ความรักไม่เคยทำให้คนตาบอด ความหลงต่างหากที่ทำให้คนตาบอด 


                 นิยายจบลงไปแล้ว ก็มีความสุขกันทุกๆคน     



                      ผมขอเป็นกำลังใจให้คุณ eiky อีกครั้งนะครับ กับการเขียนนิยายให้เราได้อ่านกันอีก


         สำหรับเรื่องนี้ผมคิดว่าคุณประสบความสำเร็จในการเขียนแล้วครับ : )


ฉันคือหนึ่งคน ที่ทนฟันฝ่า พลังศรัทราคือสิ่งดี
ได้มาเท่ากัน เหมือนกันทุกที่ เตรียมใจที่มีให้มั่นคงเข้าไว้
ขอเพียงแค่ฝันให้ไกล แล้วไปให้ถึงที่จุดหมาย
โปรดจงมั่นใจ ที่ทำลงไปนะถูกแล้ว
อย่าฟังคำคน อย่าสนใจใคร อย่าเปลี่ยนแนว
คนแน่แน่วเท่านั้น ผู้ชนะ




หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนจบ!!!!!! ตอน 66 Apr 30, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 30-04-2010 08:28:11
รักก็คือรัก รักไม่จะเป็นต้องมีเหตุผล รักก็เพราะรัก

ถึงอย่างไร อีป้าแก่ๆ ก็ยังคงรัก eiky เสมอละจะ

ป.ล.  ถ้ามีเรื่องใหม่มาก็บอกละกันนะจะ อีป้าแก่ๆ จะตามไปอ่านอีก  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนจบ!!!!!! ตอน 66 Apr 30, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: •ผั๑`|nกุ้va’ด• ที่ 30-04-2010 08:55:39
 :L2:  และแล้วความรักของทั้งคู่ก็จบลงด้วยดี  >,,,,,<
 
ให้กำลังใจ คุณ eiky สำหรับเรื่องต่อ ไปก่อน 1 ช่อ คร๊า~!!
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนจบ!!!!!! ตอน 66 Apr 30, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: LifeTime ที่ 30-04-2010 09:26:47
 :L2:
จบซะแล้ว...ยินดีไปกับเอและโยด้วยที่ทุกอย่างลงตัว
ขอบคุณสำหรับผลงานดีๆ  :pig4:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนจบ!!!!!! ตอน 66 Apr 30, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 30-04-2010 09:41:46
ขอบคุณสำหรับผลงานดีๆแบบนี้   :pig4:

รอเรื่องต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนจบ!!!!!! ตอน 66 Apr 30, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: ChiOln ที่ 30-04-2010 09:42:57
จบแล้ว ๆ ขอบคุณมากนะครับ สนุกมาก ๆ เลย

เสียน้ำตาไปหลายปี๊ป T T
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนจบ!!!!!! ตอน 66 Apr 30, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 30-04-2010 10:43:53
เพื่อนๆคร้าบ ผมลงเรื่องใหม่แล้วน้า ตอนแรก (หวานใจนายหน้าเอ๋อ) My Sweetheart Valentine




รบกวนติดตามด้วยน้า



อิอิ

รักทุกคนคร้าบบบบ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนจบ!!!!!! ตอน 66 Apr 30, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 30-04-2010 10:43:59
ในที่สุดก็แฮปปี้เอ็นดิ้ง เย้ๆๆๆ  :m3:
ขอบคุณที่เขียนเรื่องสนุกๆ มาให้อ่านนะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนจบ!!!!!! ตอน 66 Apr 30, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: booboos ที่ 30-04-2010 11:31:12
ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆมาให้ได้อ่านกันค่ะ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนจบ!!!!!! ตอน 66 Apr 30, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: อิสระ ที่ 30-04-2010 11:44:54
ในที่สุดก็ผ่านไปได้ด้วยดี

หลังจากเสียน้ำตาไปหลายโล

ถ้าเป็นน้ำมันก็คงขายได้หลายตังค์

ถ้าเป็นเลือดก็คงบริจาคได้บุญเพียบ

ไม่ได้ตั้งใจนะ

อ่านไปอ่านมามันไหลออกมาเอง

ต้องโทษคนเขียนซาดิสชอบทำคนอ่านร้องให้

แต่คนอ่านก็มาโซรู้ว่าอ่านแล้วต้องเสียน้ำตาก็ยังอ่าน

พอกัน :เฮ้อ:

อยากขอคู่พิเศษ พลกะบอม บ้าง

ท่าทางคู่นี้จะมันส์

จะติดตามผงงานต่อไปนะ

หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนจบ!!!!!! ตอน 66 Apr 30, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Seoul In Love ที่ 30-04-2010 12:07:24
จบไม่หวานแต่สวยงามค่ะ ชอบๆ  o18

ขอบคุณสำหรับความขยันและเรื่องราวดีๆ ในเนื้อหาค่ะ  o13

ไปลุ้นน้องญี่ปุ่นต่อล่ะ  :bye2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนจบ!!!!!! ตอน 66 Apr 30, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 30-04-2010 12:34:21
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆในงานเขียนชิ้นนี้ค่ะ
 :pig4:
เป็นกำลังใจให้เสมอค่ะ
 :L2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนจบ!!!!!! ตอน 66 Apr 30, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 30-04-2010 13:40:20
ขอบคุณที่เขียนเรื่องดีๆ ให้อ่าน
ขอบคุณสำหรับแง่มุมของความรัก
ขอบคุณที่ทำให้บ่อน้ำตาไม่เคยแห้ง
เป็นกำลังสำหรับเรื่องใหม่นะ Eiky
 :L2: :L2:
+1
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนจบ!!!!!! ตอน 66 Apr 30, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 30-04-2010 13:52:20
จบแบบHappy ในที่สวยๆบรรยากาศดีๆ

ขอบคุณคะ

หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนจบ!!!!!! ตอน 66 Apr 30, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Vesi ที่ 30-04-2010 14:59:44
ในที่สุดก็ happy ending ลุ้นกันมาซะหลายตอน
อุปสรรคมากมาย ใหญ่น้อยเยอะมากจริงๆ

ขอบคุณนะครับ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนจบ!!!!!! ตอน 66 Apr 30, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Yellow Lilly ที่ 30-04-2010 18:34:13
ขอบคุณนะค๊ะ ที่เขียนเรื่องดีๆให้เราอ่าน ถึงจะเศร้าไปหน่อยก็ตาม




 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนจบ!!!!!! ตอน 66 Apr 30, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: lomekung ที่ 30-04-2010 21:30:41


 :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนจบ!!!!!! ตอน 66 Apr 30, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 30-04-2010 21:43:59
สำหรับผมความรักมันเกิดขึ้นได้ ทุกที่ทุกเวลา ทุกเพศทุกวัยไม่ว่ามันจะเกิดขึ้นกับใคร ทั้งหญิงชาย หรือเกย์ เราควรจะจับมือกันไว้ประคับประคองให้รักมันนำทางให้เราไปถึงในที่หมาย ไม่ว่าจะฝ่าฟันอุปสรรคไปมากสักเท่าใด ถ้าหากรักแล้วไม่มีอุปสรรคเราก็จะไม่เห็นค่าของรักนั้น ถึงแม้มีอุปสรรคใช่ว่าจะทำให้เราท้อถอย จับมือกันไว้ เดินไปด้วยกัน แลกใจด้วยใจ ผมเชื่อเสมอว่ารักมันย่อมให้ผล ให้ใจได้ลิ้มรสกับคำว่ารักสักวัน


 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ขอบคุณนะที่มาละลายน้ำตาเราไปมากมายหลายตอน
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนจบ!!!!!! ตอน 66 Apr 30, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: kanda53 ที่ 30-04-2010 23:44:28
จบลงไปด้วยดี.....อาจจะเสียเลือดและน้ำตากันบ้าง...
แต่ถือว่า...เป็นการพิสูจน์รักแท้ของโยกะเอ...
น้อง eiky  ไม่มีตอนพิเศษหวาน ๆ สมนาคุณคนอ่านสักหน่อยเหรอค่ะ

เดี๋ยวจะตามไปอ่านเรื่องต่อไปนะคะ
สำหรับเรื่องนี้...ขอขอบคุณและขอบคุณค่ะ
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนจบ!!!!!! ตอน 66 Apr 30, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: K2KARN ที่ 01-05-2010 00:08:09
แม้จะรันทดไปบ้าง ( ... คิดว่าไม่บ้าง)
เศร้านิดหน่อย ( ... คิดว่าไม่หน่อย)

แต่ก็เป็นเรื่องที่ดีมากๆเลยล่ะค่ะ
รักแท้ก็ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมายเนอะ
ถึงจะได้เป็นรักแท้ เพราะฉะนั้นทั้งสองคนก้รักษาไว้ดีๆ :")

อยากกดบวกให้อีกสักที แต่ยังกดไม่ได้
เอาไว้ติดตามเรื่องใหม่นะคะ *
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนจบ!!!!!! ตอน 66 Apr 30, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: cherrycream ที่ 01-05-2010 00:47:00
     ตามอ่านจนจบจนได้ครับ ประทับใจนะมากๆเลย เพราะตอนเราอ่านไปฉากไหนที่มันบีบหัวใจเราก็เจ็บตาม (สงสัยอยากจะเป็นโยซะเอง ฮ่ะ ฮ่ะ)  :o12:



     ถือว่าเป็นอีกแนวนึงครับ ทำให้ผมเข้าใจชีวิตและมุมมองต่างๆมากขึ้นเยอะเลย ขอบคุณมากครับ สุดท้ายนี้ก็อยากให้มีตอนพิเศษให้อ่านกันบ้างนะครับ  o13



     ขอบคุณมากเลยครับ ผมรัก นิยายเรื่องนี้จริงๆครับ 



:L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนจบ!!!!!! ตอน 66 Apr 30, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 01-05-2010 06:20:20
เพิ่งมาอ่านจ้าจะบอกว่าแอบน้ำตาซึมมากๆๆๆ ซึ้งใจมากๆๆ อ่านแล้วรู้สึกถึงพลังแห่งรักเลย
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนจบ!!!!!! ตอน 66 Apr 30, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: railay ที่ 01-05-2010 19:35:09
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนจบ!!!!!! ตอน 66 Apr 30, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Phelyra ที่ 01-05-2010 20:13:48
น้ำตาท่วมเลยกว่าจะ Happy Ending แล้วก้มีความสุขกันจนได้ :m4: ขอบคุณนะค่ะ Writer :3123:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนจบ!!!!!! ตอน 66 Apr 30, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 01-05-2010 20:28:42
อ่า
จบแล้ว
มีความสุขจัง
ของคุณคนแต่งจร้า
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนจบ!!!!!! ตอน 66 Apr 30, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: mma419109 ที่ 01-05-2010 23:31:13
      ในที่สุดก็มีความสุขกันเสียที ลุ้นสุดๆ ขอบคุณที่เขียนเรื่องดีๆ
 มาแบ่งปันกัน +1 จ๊ะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนจบ!!!!!! ตอน 66 Apr 30, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: cartoons ที่ 02-05-2010 06:42:47
 :impress2: ชอบมากๆๆๆๆๆ ถึงมากที่สุดเลยอ่ะ จะบอกว่า ทั้งร้องไห้ ตื่นเต้น น่ารักมากมาย

อ่านแบบงั้นตัวเองไม่ขึ้นเลยทีเดียว  :-[

ตอนนี้อ่านมาได้ ถึงตอนสามสิบกว่าๆละ แต่ต้องละก่อนเพราะต้องอ่านหนังสือ  :o12:

เสียดายอย่างแรง แต่เด๋วสอบเสร็จจะมาอ่านต่อ คิดว่าตอนต่อไปต้องมีอารายแน่ๆ

เลยหยุดไว้ก่อน เด๋วไม่ได้อ่านหนังสือ แฮ่ๆ

ชอบมากมายค่ะ ไรเตอร์เก่งจริงๆ ขอบคุณที่นำสิ่งดีๆมาให้นะคะ อิอิ  :กอด1:

แล้วก็โพลสำรวจน่ะ น่าจะมีข้อเลือกว่า ชอบมากกกกกกกกก เหอๆ

+1 น้า อยากให้มีตอนพิเศษเหมือนกัน (นี่ขนาดยังอ่านไม่จบนะนี่ 55+)

มานเป็นกำลังใจที่ดีมากให้เราอ่านหนังสือต่อไป (เกี่ยวมั้ย ??)

(เกี่ยวจิ ก็มันทำให้เรากระชุ่มกระชวย สู้ต่อไป เอิ๊กซ์)

ชอบอ่ะ อ่านแล้วคิดถึงเพื่อนเลย มั้นชอบกัดกันแล้ว เราจะต้องขำ

จ๋าให้ความรู้สึกเดียวกะเค้าเลยอ่ะ เป็นชะนีนางเดียวในกลุ่ม 55+

(แต่ไม่เหมือนตรงไม่สวยเหมือนจ๋านี่แหละ )กร๊ากกกกกกกกกกกก

อ่านแค่ครึ่งเดียวนะ แต่อ่านแล้วรู้สึกอบอุ่นดีอ่ะ ทั้ง แม่ ทั้งเพื่อน เหมือนรู้สึกมันโดนหลายๆอย่างมั้ง

อ่านตอนสวีตกันแล้วยิ้มไมหุบเลยอ่ะ น่ารักได้อีก อิอิ

กอดๆๆๆๆๆ น้า

เด๋วจะมาอ่านต่อ อิอิ

หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนจบ!!!!!! ตอน 66 Apr 30, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: skysonata ที่ 02-05-2010 06:57:36
อ่านเรื่องนี้แบบรวดเดียวจบ
ประทับใจสุดๆค่ะ สนุก สุข เศร้า หวาน ขม มีครบ
และยังให้ข้อคิดดีๆสำหรับชีวิตอีกด้วย
ขอบคุณมากมายสำหรับเรื่องราวดีๆอย่างนี้  :pig4:
 
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนจบ!!!!!! ตอน 66 Apr 30, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: kongkilmania ที่ 02-05-2010 15:17:38
 :pig4: น้องeiky ที่เขียนเรื่องสนุกๆแบบนี้นะคะ
จริงๆชอบเรื่องแนวบีบหัีวใจ รันทดสุดขั้ว แต่ต้องจบhappy endingนะ
ซึ่งเรื่องนี้ก็ตรงคอนเซ็ปนิยายโปรดพอดี อิๆๆ
                 :L1:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนจบ!!!!!! ตอน 66 Apr 30, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 02-05-2010 15:51:08
ขอบคุณ สำหรับ  Happy ending
 o13
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนจบ!!!!!! ตอน 66 Apr 30, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: ferly ที่ 02-05-2010 16:33:38
จะมีตอนพิเศษต่อรึเปล่าคะ

หรือว่าจบแ้ล้วจบเลย??
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนจบ!!!!!! ตอน 66 Apr 30, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 02-05-2010 16:59:30
ตอนพิเศษกำลังเขียนนะคร้าบ ใจเย็นๆน้า เอา แบบ เอกับโยหวานๆ หรือเอาในมุมของ บอมกับพล ดีเอ่ย อิอิ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนจบ!!!!!! ตอน 66 Apr 30, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 02-05-2010 17:16:37
 :z13: eiky

อีป้าแก่ๆ จอง ทั้ง 2 แบบ

เพราะอีป้าแก่ๆ โลภมาก(แต่ลาภไม่หาย)

+1 ไม่รู้เกินโควต้า หรือเปล่า





ดีใจด้วย ที่ไม่เกิน 555
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนจบ!!!!!! ตอน 66 Apr 30, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: โน๊อา ที่ 03-05-2010 20:46:17
ผลโหวต ชอบ 93.3%
เพิ่งจะได้มาอ่าน เสียน้ำตาให้ โย กะ เอ อยู่เหมือนกัน
อยากจะบอกนิดนึงค่ะ พวกช่องไฟ การเว้นวรรค บางประโยค มันแปลก ๆ น่ะค่ะ พอดีเร่งอ่านอยู่เลยไม่ได้ยกตัวอย่างมา แต่ก็บวกให้ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนจบ!!!!!! ตอน 66 Apr 30, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: kanda53 ที่ 03-05-2010 20:59:03
ตอนพิเศษขอทั้งสองคู่เลยได้ไหมคะ
อย่าทำให้ผิดหวังน้า.... :m5:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนจบ!!!!!! ตอน 66 Apr 30, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 04-05-2010 09:34:20
ตอนพิเศากำลังมานะครับ รอแป๊บน้า อิอิ  :L2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนจบ!!!!!! ตอน 66 Apr 30, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: the_pupae ที่ 04-05-2010 15:15:34
บีบหัวใจผู้อ่านมาแสนนาน :o12:

happyซะที :n1:

จบแล้วอย่าจบเลย แวะเอาตอนพิเศษมาบ้างนะค่า o13
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนจบ!!!!!! ตอน 66 Apr 30, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: tutu ที่ 04-05-2010 16:01:19
ตามอ่านจนจบแล้ว.....................หัวใจเกือบวายหลายรอบ.....กว่าจะได้รักกัน :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนจบ!!!!!! ตอน 66 Apr 30, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: ColdHeart ที่ 04-05-2010 17:22:24
อ่านจบแล้วว

ขอบคุณมากนะคร๊าบ

บางตอนอ่านแล้วน้ำตาจะไหลออกมาให้ได้ ^^
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนจบ!!!!!! ตอน 66 Apr 30, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: cartoons ที่ 04-05-2010 22:32:03
กรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ มากรี๊ดรอตอนพิเศษ อิอิ
(ทั้งๆที่อ่านยังไม่จบ)  :o8:

เดี๋ยวมาตามอ่าน พอดีช่วงนี้สอบอ่ะ อยากอ่านใจจะขาด ได้แต่ แว่บๆมาอ่ะ  :sad4:



รอน้า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนจบ!!!!!! ตอน 66 Apr 30, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: bvan ที่ 04-05-2010 22:55:55
please special story of yo&a, pon&bom na ka pleasessssssssssssssssssssssss :-[ :call:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนจบ!!!!!! ตอน 66 Apr 30, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: จริงใจ ที่ 05-05-2010 00:04:44
เครียดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
อ่านจบแล้ว Eiky รับผิดชอบด้วยโทษฐานทำให้
เราตาบวมมมมมมมมมมมม  มารับชอบซะดีดี เหอะ เหอะ
แล้วจะรออ่านตอนพิเศษ โย+เอ และ พล+บอม เน้อ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนจบ!!!!!! ตอน 66 Apr 30, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: bvan ที่ 05-05-2010 19:32:53
Eiky :o12:please special story yo&a , pon&bom requesttttttttttttttttttt :pig4: :z13:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนจบ!!!!!! ตอน 66 Apr 30, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Ottomechan ที่ 06-05-2010 01:38:31
จบอย่างมีความสุข ค่อยยังชั่วหน่อย


เศร้ามานาน
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนจบ!!!!!! ตอน 66 Apr 30, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 06-05-2010 03:10:03
รอตอนพิเศษด้วย
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนจบ!!!!!! ตอน 66 Apr 30, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: kanda53 ที่ 06-05-2010 23:50:34
ไม่ได้ทวงนะ....
แต่...มาบอกว่ายังรอตอนพิเศษอยู่นะคะ :bye2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนจบ!!!!!! ตอน 66 Apr 30, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: cartoons ที่ 07-05-2010 06:16:12
 :sad4: จบแว้วววววววววววววววววววววววววว กว่าจะจบ บีบคั้นกันเหลือเกิน

ชอบมากกกกกกกกกกกกกกก ร้องไห้จนหัวโล่งเลยนะนี่

เอิ๊กซ์

แบบว่าตอนพิเศษอ่ะ แบบไม่ได้โลภนะ แต่ เอาสองแบบเลยได้ปะ 55555+

รออยู่นะจ๊ะ   :กอด1:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนพิเศษ (ในมุมของ เอ) May 7, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 07-05-2010 10:10:59
            ขอโทษทุกคนนะครับที่ให้รอนาน ใช้ความพยายามเป็นอย่างมาก เพราะมัวแต่เขียนเรื่อง น้องญี่ปุ่นอยู่

            ตอนพิเศษจะมีสามตอนนะครับ อันนี้เป็นตอนแรก เหอๆๆ เขียนอยู่สามวันไม่ไหลเลย ยากน้าเวลามันจบไปแล้วอ่ะ จะเอามาเขียนใหม่ ไม่ค่อยมีความคิดเลย ยังไงก็ขอโทษทุกคนนะครับที่มันอาจจะดูแข็งๆ แต่ก็เพื่อทุกคนที่ติดตาม





                                   ขอบคุณ จากใจ  :L2:



  ในมุมของ เอ




ผมเอเองครับ วันเวลาที่ผันผ่านมันช่างหมุนไปรวดเร็วเหลือเกิน ไม่น่าเชื่อว่าผ่านเรื่องราวต่างๆตั้งแต่วันนั้นมาสองปีแล้ว ตอนนี้ผมกำลังจะเข้าเรียนวิศวะอยู่มหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศใจกลางเมือง สอบเข้าได้ครับเพราะกำลังใจผมดี เวลาอ่านหนังสือก็เลยขยันหนักกว่าเดิม จากที่อ่านบ้างไม่อ่านบ้าง ผมคิดว่าที่ผมเรียนวิศวะเพราะเขาคนนั้น คนพิเศษของผม แฟนผมนั่นเองครับ ชื่อโย ผ่านเหตุการณ์หลายอย่างมาด้วยกัน ผมรักเขามาก มากเสียจนผมเกือบสูญเสียลมหายใจไป เขาเองก็เช่นกัน ผมไม่เคยคิดเลยว่าในชีวิตนี้จะมีใครจะมายอมตายเพราะผม มันนิยายไปหน่อย แต่ผมได้สัมผัสมาแล้ว ผมรู้แล้ว มันเป็นเรื่องจริง

ตั้งแต่รู้ความ ผมไม่เคยคิดที่จะชอบผู้ชายหรือแม้แต่รัก แต่พอใกล้ๆเขาทีไรหัวใจมันอ่อนไหว แอบรักแอบชอบไปตอนไหนก็ไม่รู้ ก็จะไม่ให้ชอบได้ยังไงล่ะครับ ตัวไม่สูงมาก ขาวๆ น่ารักอย่าบอกใคร เวลายิ้มนี่ใจผมแทบละลาย ยิ่งตอนอายนะ อยากจะแกล้งให้เขินให้อายอยู่อย่างนั้น เวลากอดสัมผัสตัวกลิ่นหอมของตัวเขาก็รัญจวนใจที่สุดเนื้อตัวก็นุ่นลื่นน่า กอดยิ่งนัก ปกติผมเป็นคนไม่ดีเท่าไหร่ เอาแต่ใจอยากได้อะไรก็ต้องได้ แต่พอรักเขาแล้วผมยอมให้เขาทุกอย่าง ไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่เคยคิดที่จะเป็น ผมไม่เคยเสียใจเลยที่คบกับเขา ทุกวันทุกวินาทีมันคือความสุขทั้งกายและใจ รักมากเหลือเกิน ยิ่งรักยิ่งอยูใกล้หัวใจผมมันยิ่งรัดตรึงแน่น แม่ยายผมก็ประเสริฐกว่าใครในโลก ถ้าไม่พูดในทางลำเอียงผมว่าผมรักแม่อรมากกว่าแม่ผมเสียอีก ทุกครั้งที่คุยด้วยคือความรู้และมุมมองของการมองชีวิตที่มีค่าน่าจดจำนัก  แต่เดี๋ยวนี้แม่ผมเองก็น่ารักขึ้นมากคงเพราะเข้าวัดกับแม่ยายประจำ มองโลกไปอีกมุมเลย ผมเองก็เปลี่ยนมานับถือพระพุทธตามหวานใจ ตอนแรกทำเพราะเขาทำแต่เอาไปเอามาทุกคำสั่งสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้ามัน ไม่เคยล้าสมัยไปเลย ทุกสิ่งทุกอย่างมันอยู่ที่เรา การกระทำของเรามันสะท้อนผล จะสุขหรือทุกข์ก็ล้วนแล้วขึ้อยู่กับเราทั้งสิ้น

ตอนนี้ผมย้ายเข้าไปอยู่บ้านของเขาเต็มตัวแล้วครับ แม่อรใจดีให้รถขับไปเรียนแต่ผมไม่ขับเอง แค่เรียนหนังสือ หาเงินยังไม่เป็นความจำเป็นไม่มีเลย ผมตั้งใจเรียนให้จบเร็วๆจะได้ออกมาทำงานหาเงิน อยากพาหวานใจผมไปเที่ยวไกลๆ ยังไม่บอกว่าที่ไหนกะจะทำให้แปลกใจ ไอ้บอมกับไอ้บ๊อบไม่อยากจะเชื่อมันก็สอบเข้าได้เหมือนกัน ไอ้บอมสอบติดแถวสนามบิน วิศวะเหมือนกัน ส่วนไอ้บ๊อบอยู่ที่เดียวกับผม จะเชื่อไหมว่าผมไปไหนมาไหนมีคนมารุมตอมมากมาย ผมเองก็กลัว ไม่ได้กลัวใจตัวเองนะครับ เพราะคงไม่มีทางแปรเปลี่ยนไปได้ และมองไม่เห็นหนทางที่จะให้มันเปลี่ยนไปเลย แต่ที่ผมกลัวคือกลัวว่าแฟนผมเขาจะคิดมาก แต่พอเล่าให้ฟังก็ได้แต่ยิ้ม "ฉันเชื่อใจเธอนะเอ" คือประโยคจับใจ ซึ้งใจที่สุด ผมเองก็อยากจะพิสูจน์ให้หวานใจผมรู้เหมือนกัน ว่าผมไม่ใช่ไม้หลักปักเลน หรือไม้เลื้อย ชีวิตที่เหลืออยู่นี้ผมขอตักตวงความสุขจากเขาคนเดียว ความสุขที่ไม่เคยลดระดับลงเลย ความสุขที่มีอยู่ทุกพื้นที่แค่เพียงมีใบหน้าของเขา  นับวันที่จะมีแต่เพิ่มขึ้น ตั้งแต่หนทางแห่งรักของเราราบรื่นไม่เคยมีวันไหนที่เราจะทะเลาะกันเลย แม้ผมจะแหย่จะแกล้งบ้างตามประสาวัยรุ่นซึ่งผมเองก็นิสัยยังเป็นผู้ชายอยู่ เต็มตัว แต่เขาไม่เคยโกรธหรืองอนเลย กลับมีแต่รอยยิ้มนั่นเองที่ทำให้ผมหยุดแกล้งไปทำอย่างอื่นแทน ทุกๆวันมันคือวันแห่งความรัก ทุกๆวันมันคือวันแห่งความสุข ทุกลมหายใจมันคือเขา เขาคนเดียวเท่านั้น

เพิ่งผ่านสงกรานต์มาไม่นาน แต่ปีนี้ไม่น่าออกไปไหนเลยเพราะสถานการณ์ทางการเมือง เรายกครอบครัวเราไปบางแสนกัน คนเยอะแต่ก็ไม่น่าเบื่อเพราะเรามีความสุข ตอนนี้โอกลายเป็นนักกีฬาเยาวชนทีมชาติไปแล้วกำลังคัดตัวเข้าทีมชาติ ผมดีใจนะโอมีอะไรหลายอย่างที่ต่างจากผม ความมุ่งมั่นมันเยอะเหลือเกิน แม้จะเรียนไม่ค่อยแข็งเท่าไหร่ ผมเองก็ต้องทำให้ทุกคนที่รักผมภูมิใจ โดยเฉพาะหวานใจของผม

"ตัวเองเค้าเมื่อยหลังจัง"

ผมพูดขึ้หลัง จากกลับมาจากตลาด เดี๋ยวนี้ผมขับรถพาหวานใจไปตลาดไกลถึงบางกะปิเพราะถูกกว่าแถวนี้ของก็เยอะ กว่า อ้อช่วงนี้ปิดเทอมครับ เลยว่างอ่านหนังสืออยู่บ้าน ตอนเช้าก็ไปส่งหวานใจที่ทำงาน สายๆก็ไปส่งแม่ยายกับแม่ไปวัด เพราะแม่ยายลาออกจากครูแล้ว แม่ผมก็เหมือนกันหันหน้าเข้าวัดอย่างเดียว เงินเก็บสะสมก็มีมากพอที่จะส่งผมกับโอเรียนให้จบ แต่ผมเองตอนปิดเทอมก็คิดจะหาอะไรทำเหมือนกันดีกว่าอยู่ว่างๆ อยากมีรายได้พิเศษ

"เดี๋ยวก่อนนอนนวดหลังให้ เมื่อยมากไหม"

พูดแล้วหันมายิ้ม จับใจผมเหลือเกิน

"นวดอย่างเดียวเหรอคะ"

ผมแหย่เพราะอยากเห็นแก้มแดงๆ เวลาอาย

"อืม นวดอย่างเดียว"

"อ่า เค้าไม่ยอมหรอกนะ อยากทำอย่างอื่นด้วย"

"บ้าเหรอ ทำอะไรทุกวันเดี๋ยวสึกหมด"

นั่นไงครับได้ผล น่ารักจริงๆหวานใจของผม

"ไม่สึกหรอก สึกก็รักเหมือนเดิมล่ะ เพราะเค้าทำเองนิ"

"ไม่เอาแล้ว เร็วๆ รีบเอาของลงจากรถเดี๋ยวแม่มายังทำกับข้าวไม่เสร็จ แม่จะว่าเอา"

"แม่ยายเค้าใจดีไม่ว่าหรอก"

"นะ อย่าโอ้เอ้"

อายม้วนหน้าแดงลงรถ ไปแล้วครับ ผมจอดรถในบ้านแล้วขนของตามไปในครัว เห็นยืนหันหลังอยู่อดใจไม่ไหวจริงๆ

"อุ๊ย ทำอะไรน่ะเอ ไม่เอาเหนียวตัว"

"นะนะ เค้าหอมหน่อยคิดถึงจะแย่อยู่แล้ว"

"บ้าเหรอ อยู่ด้วกันทั้งวันจะมาคิดถึงอะไรล่ะ"

"ก็เค้าคิดถึงอ่ะ มาหอมแก้มเค้าหน่อย"

ผมรั้งตัวให้หันหน้าเข้าหาผม หน้าแดงจัด หวานใจเงยหน้าขึ้นมองผม ตาหวานฉ่ำ โอยอดใจไม่ไหว ผมทำแก้มป่องหลับตาให้หอมแก้ม ริมฝีปากอุ่นๆแตะลงที่แก้มผมอย่างแผ่วเบา ผมลืมตาทาบริมฝีปากเข้ากับปากบางของหวานใจทันที

"อ่า"

เสียงลอดออกมาจากคอ มันช่างหอมหวานเสียเหลือเกิน ผมไม่รู้สึกเบื่อไม่รู้จักอิ่มกับรสจุมพิศของเขาเลยเราจูบกันอยู่เนิ่นนาน

"พอๆ เอ เดี๋ยวไม่ได้ทำกับข้าวพอดี"

ผมหัวเราะเบาๆ แล้วยอมตัดใจผละออกจากหวานใจ ช่วยล้างผักล้างปลา ผมมีความสุขเหลือเกินที่ได้เฝ้ามองคนที่ผมรักเหลือเกินยืนทำกับข้าวให้ผมกินทุกวัน มันเป็นภาพที่มีค่า ผมรักเขาเหลือเกิน

หลัอาบน้ำผมใส่กางเกง เลตัวเดียวนอนแผ่อยู่บนเตียง รอให้หวานใจมานวดหลังให้ เขาจุดตะเกียงเผาน้ำมันหอม มีเทียนหอมลอยอ่างอยู่หัวเตียง ในห้องมีเพียงแสงสว่างจากเทียนหอม ผมจำได้ว่าเคยซื้อน้ำมันนวดชนิดหอมเก็บไว้กับเขาตอนไปเดินที่ร้านบูทส์ ที่รักผมมาแล้ว

"นอนคว่ำสิ เดี๋ยวนวดหลังให้"

หวานใจบอกเบาๆ ผมนอนคว่ำหน้าทันที สัมผัสนุ่มละมุนจากมือแผ่ไปทุกอณูของร่างกาย ผมเคลิบเคลิ้มล่องลอยไปบนสวรรค์ แม้หวานใจจะนวดไม่เป็นแต่เขาก็พยายามไม่บ่นสักคำ ผมไม่ได้เมื่อยขนาดนั้นหรอกที่จริง ผมแค่อยากให้เขาทำแบบนี้กับผมเฉยๆ

"ตรงนี้ใช่ไหม"

เสียงใสกังวานอยู่ในหัว

"อื้ม ตรงนั้นล่ะ"

ผมครางตอบรับ ไม่ไหวแล้วผมหงายหน้าขึ้นมาทันที ดึงตัวเข้ามากอดแล้วจูบทันที

"ยังนวดไม่เสร็จเลย"

เบนหน้าหนีแต่รู้ว่าอายอยู่ ผมยิ่งกระหนิ่มในใจ

"ไม่ต้องแล้ว เค้าไม่ไหวแล้ว"

"หือ ปวดมากเลยเหรอ"

ผมยิ้มกับคำ ตอบที่ได้รับ

"อยากทำอย่างอื่น"

"บ้าเหรอ"

ผมไม่พูดอะไรอีกพลิกกายขึ้นคร่อมหวานใจทันที สัมผัสกายก่ายกอด พรมจูบทั่วร่าง ทุกส่วนของร่างกายช่างน่าปรารถนา ผมเหมือนค้นหาจุดตำหนิของร่างกายเขา แต่ยิ่งหายิ่งชอบ เสียงครางอย่างเป็นสุขลอดออกมาจากคอ หวานใจผมเปลี่ยนมาคุมเกมบ้าง ทำเหมือนผม เรามีความสุขมากผมรับรู้ได้ สวรรค์ของเราอยู่ตรงหน้าแล้ว เหงื่อผมหยดลงหน้าของหวานใจ จังหวะลีลาที่ผมขยับ ปริ่มไปด้วยสุขสรรค์หรรษา ผมเร่งจังหวะขึ้นแล้วให้หวานใจถึงฝั่งสวรรค์ก่อนผมเล็กน้อย ผมนอนซุกกายหอบอยู่บนซอกคอของหวานใจ มีความสุขเหลือเกิน

"เค้ารักตัว เองมากนะ"

ผมพูดทุกวัน พูดตลอดเวลาเมื่ออยู่ด้วยกัน

"ฉันก็รักเธอเอ รักมาก"

ผมยิ้มพอใจในคำตอบพรมจูบอยู่เนิ่นนาน มีความสุขเหลือเกิน อยากอยู่กับเขาแบบนี้ไปนานๆ

วันศุกร์นี้หวานใจผม จะพาไปเที่ยวเกาะช้าง พี่ชายผม พี่พลพาไป แน่นอนครับมีไอ้บอมไปด้วย สองคนนี้ตกลงคบกัน ทั้งที่เวลาถามก็บอกว่าเป็นพี่เป็นน้องกัน ผมก็แหย่บ่อยว่าพี่น้องท้องติดกัน แต่หวานใจผมห้ามไว้ว่าอย่าไปแหย่เพื่อนมากเพราะมันอาจจะอาย น่ารักไหมล่ะครับ ผมก็เลยทำเป็นไม่สนใจ พี่กบกับพี่กายเปิดบริษัททัวร์ที่เกาะช้าง เพราะมีรีสอร์ทอยู่ที่นั่น เราได้ที่พักฟรีครับ พี่กบกับพี่กายบอกว่าฉลองที่พวกผมสอบเข้าวิศวะได้ อ้อ ลืมบอกไปไอ้บ๊อบก็ไปครับ วันออกเดินทางไอ้บอมกับไอ้บ๊อบมารอที่บ้านผม เอ้ยบ้านหวานใจผม ที่นี่กลายเป็นจุดรวมตัวกันไปแล้ว

"มึงหาแฟนให้กู คนดิไอ้เชี่ยเอ"

ไอ้บ๊อบพูดขึ้นระหว่างรอพี่พล

"อ้าว แล้วอีมิ้นท์ที่มึงคั่วอยู่ล่ะ"

ผมถามมองหน้ามันไม่เข้าใจ

"ไม่ใช่ กูหมายถึงแฟนเหมือนพี่โยน่ะ"

"เฮ้ย ไอ้นี่ มีคนเดียวในโลกโว้ย"

"พี่กบไงมึง"

บอมสวนขึ้นแล้วยิ้ม

"ไอ้เชี่ย มึงเอาไปดิแล้วเอาพี่พลให้กู"

"ส้นตีนกูนี่"

บอมทำตาใหญ่ใส่

"บ๊อบ บอม กินกล้วยฉาบไหม พี่ทำเอง"

หวานใจผมยกจานใส่กล้วยฉาบที่ผมช่วยทำ เมื่อวันก่อนออกมา ไอ้สองตัวทำหน้าเหมือนจะได้กินหูฉลาม

"เดี๋ยวพี่ เอาใส่ถุงไปกินบนรถด้วย"

หวานใจผมนั่งลงข้างๆ ผมคว้าเอวหมับทันที

"โห เชี่ยเอ มึงปล่อยมือบ้างก็ได้ ไม่มีใครแย่งหรอก ปล่อยพี่เขาให้เป็นอิสระบ้าง"

ไอ้บ๊อบล้อเลียน หวานใจผมหน้าแดง

"ไม่ได้หรอก บางคนมันไม่มีแฟนนี่ เผื่อมันมาเกาะแกะ แต่เอ๊ะ คงได้แต่เกาะแกะ เพราะแฟนกูรักกูคนเดียว"

ผมหัวเราะเสียงดัง ไอ้บอมกับไอ้บ๊อบทำหน้าหมั่นไส้เต็มที่

"เอ ไปเอากระเป๋าลงมาสิ เดี๋ยวพลมาจะได้ไปกันเลย"

หวานใจผมสะกิด ผมหอมแก้มไปทีหนึ่ง แน่นอนครับ เสียงอื้ออึงในลำคอของไอ้สองตัวดังขึ้นทันที ผมลุกขึ้นเดินเข้าไปในบ้าน

"โหพี่โย ทำอะไรเกรงใจกันบ้าง ทำร้ายจิตใจผมนะเนี่ย"

บ๊อบพูดขึ้น

"ชอบไหมครับ กล้วยฉาบ พี่ไปเอาใส่ถุงดีกว่า"

หวานใจผมลุกออกมาแล้ว ผมหิ้วกระเป๋าลงมาจากบนบ้าน เห็นหวานใจยกแก้วใส่น้ำเก๊กฮวยออกไปให้ไอ้สองตัวนั่น ไม่เห็นต้องดูแลมันดีขนาดนี้เลย

"อ้าวพี่พลมา หวัดดีพี่ โหแต่งตัวซะ"

ผมยกมือไหว้พี่ชายผม

"ไม่ได้หรอกเอ ไปทะเลต้องสีแปร๊ดหน่อย ว่าแต่พร้อมกันหรือยัง"

"กินก่อนดิพี่ จะรีบไปไหน"

ไอ้บอมมองหน้าพี่พลแล้วยิ้ม แหมทำเป็นมาปิด สายตามันกอดกลมเกลียวกันไปถึงไหนแล้ว

"อ้าว เดี๋ยวมันค่ำดิ ไปตราดนะไม่ได้ไปพัทยา เดี๋ยวสาย"

พี่พลนั่งลงข้างๆ ไอ้บ๊อบ ดูก็รู้ว่าอาย

"เออ พี่พล ไอ้บ๊อบมันอยากมีแฟนอ่ะ ผมแนะนำพี่กบให้มันก็ไม่เอา"

ผมแหย่ไอ้บ๊อบ

"อ้าวเหรอ มีแฟนเป็นผู้หญิงไม่ดีเหรอ จะตามเพื่อนเห็นเป็นแฟชั่นว่างั้น"

"ไม่ใช่แฟชั่นพี่ ก็เห็นพี่โยแล้วอยากมีแบบนี้บ้างอ่ะ เอาแบบพี่ก็ได้"

พี่พลยิ้มอายๆ

"แหมพูดซะ มาเป็นแฟนพี่ดิ"

"อ้าวแล้วไอ้บอมล่ะ"

"เฮ้ย เกี่ยวอะไรกับกู"

ไอ้บอมหน้าบึ้งแล้วครับ มีได้ดูคนงอนง้อกันแน่ๆ ว่าแล้วก็เดินเข้าบ้านไปเลย

"เอาแล้วไหมล่ะพี่ งานเข้าแล้ว"

ผมอมยิ้ม หวานใจผมเดินถือถุงใส่กล้วยฉาบออกมา

"ไปกันยังแก เดี๋ยวสายนะ ป่านนี้กบกับกายคงรอแล้ว"

"อืม ไปสิ เอไปเรียกไอ้นั่นให้เร็วๆหน่อยสิ จะมาเข้าห้องน้ำอะไรตอนที่เขาจะไปกัน"

พี่พลพูดเสียงเครียดคงรู้แล้วว่าไอ้บอมมันงอน ผมเินเข้าไปเคาะประตูห้องน้ำเรียกไอ้บอม

"เร็วๆนะเชี่ยบอม เขาจะไปกันแล้ว"

"เออ ไปก่อนเลยถ้ารีบน่ะ"

น่าน ของจริงครับ มันงอน

"เออ งั้นมึงเฝ้าบ้านละกัน เชี่ยงอนยังกะผู้หญิง"

ได้ผลครับมันเปิดประตูผ่างออกมาทันที

"ไอ้เชี่ยใครงอน กูไม่ใช่ตุ๊ดว้ย"

"ไม่ใช่ตุ๊ด แต่มีเมียเป็นตุ๊ด" ผมย้อน

"อ้าวแล้วมึงล่ะเชี่ยเอ เรียกตัวเองว่าอะไร"

แหมมันย้อนครับ

"กูเป็นผู้ชาย มีเมียเป็นเกย์ ทำไมอ่ะ ความสุขของกู หึหึ"

ผมไม่พูดกับมันต่อเพราะ คงได้ต่อยกันแน่ๆ ผมเริ่มตึงๆขึ้นมาแล้ว แต่หวานใจผมเคยบอกไว้ถ้าโกรธกับใครหรือทะเลาะกับใครให้เดินหนีไปก่อน จะได้ใจเย็นลง ผมเชื่อหวานใจผมครับ พอขนของขึ้นรถ ผมก็ไปนั่งข้างหลังให้หวานใจผมนั่งติดกับผมให้ไอ้บ๊อบนั่งอีกฝั่ง เพราะปกติหวานใจผมจะนั่งข้างพี่พล แต่วันนี้จะแกล้งไอ้บอม มันขึ้นนั่งข้างพี่พลแต่หันหน้าออกไปนอกรถตลอดเวลา

"ระวังคอเคล็ดนะ มึงเชี่ยบอม"

ไอ้บ๊อบแซวถูกใจผมที่สุด

"เรื่องของกู"

มันตอบเสียงห้วน

"งอนอะไรครับบอม หือ เห็นหน้าบูดๆ งอนพี่เหรอ"

หวานใจผมแหย่มันบ้าง

"เปล่าพี่ ผมไม่ได้งอน"

แหมไอ้นี่พอพูดกับ หวานใจผมเสียงอ่อนลงทันที

"อ่ะ กินกล้วยฉาบไปก่อนบอม เดี๋ยวหิวค่อยแวะกินข้างทาง"

หวานใจผมยื่นถุงกล้วยฉาบให้มัน แต่ไอ้บ๊อบมันแย่งเอาไปกินแทน

"ให้ผมกินดีกว่าพี่ ไอ้เชี่ยบอมมันไม่กินหรอก"

"กูจะกิน เอามานี่ไอ้เชี่ย"

มันหันหน้ามาแย่งจากไอ้บ๊อบ

"แบ่งกันสิครับ มาพี่แบ่งให้"

เวลาหวานใจผมยิ้ม บอกตามตรงผมไม่อยากให้ใครเห็นเลย ไม่รู้สิมันเหมือนยิ้มหยุดสงคราม ผมเจอทุกวันยังละลาย แล้วไอ้พวกนี้มันจะทนไหวหรือ ผมนั่งกอดสูดดมกลิ่นกายของหวานใจไปตลอดทางเผลอหลับไปบ้าง แต่ก็ไม่ยอมปล่อยมือ จนเรามาถึงท่าเรือจะไปเกาะช้าง พี่กบกับพี่กายรออยู่ก่อนแล้ว เราเอารถขึ้นไปบนเรือข้ามไปบนเกาะด้วย ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงข้ามทะเลไป เกาะช้างดำทะมึนอยู่ข้างหน้า พอขึ้นไปฝั่งเกาะช้างก็ขับรถไปที่พัก สวยนะผมชอบมีภูเขาทางลาดชันเหมือนไปเขาค้อเลย พอเข้าห้องพักผมก็กระโดดขึ้นเตียงทันที

"เหนื่อยเหรอเอ ไปล้างหน้าล้างตาก่อนสิ"

หวานใจผมเอาของออกจากกระเป๋า

"มากอด หน่อยสิคะ"

"กอดมาทั้งวันยังไม่พอเหรอ"

"ไม่อ่ะ ไม่เคยพอ"

"บ้าเดี๋ยวเพื่อนๆรอไปกินข้าว"

"น่านะ เค้ากอดแป๊บเดียว นะคะ"

แม้จะห้ามปรามแต่ก็ยอมเดินมาให้ผมกอดอยู่ดี พอผมคว้าตัวได้ก็จูบหนักหน่วงทันที

"แน๊ ไหนบอกจะกอดเฉยๆ"

หวานใจผละหน้าออก พูดเขินอาย

"ไม่เอาอ่ะ อยากจะจูบนะนะ เค้าจูบหน่อย"

เรื่องอ้อนกับตื้อนี่ผมถนัดเพราะรู้ อยู่แก่ใจว่าหวานใจไม่มีทางปฏิเสธ ผมเอามือประคองหน้ามาทาบจูบลงอย่างต้องการ ความหวานฉ่ำจากรสจูบที่ผมไม่เคยเบื่อหน่าย เหมือนผึ้งภมรที่ไม่เคยหน่ายรสหวานจากกลีบเกสร ผมก่ายกอดหวานใจอยู่นานจนคนในอ้อมกอดดันตัวออกเพราะผมคงอดใจไม่ไหวที่จะทำ อะไรไปมากกว่านี้

"รีบไปเถอะเอ เดี๋ยวเพื่อนรอ"

หวานใจผมหน้า แดง เพราะน้องชายผมมันตื่นตัวเต็มที่ไม่รู้ทำไม อยู่ใกล้แม้จะแค่นั่งใกล้กัน ได้กลิ่นหอมอ่อนๆจากตัว ผมก็กระเจิดกระเจิงไปไกลแสนไกลแล้ว แต่ผมก็ยอมแพ้เพราะสงสารเหมือนกัน เพราะบางทีเหมือนผมรังแกหวานใจผมเกินไป เราเดินออกไปพบเพื่อนๆที่นั่งรออยู่ที่ล็อบบี้โรงแรม

"แหม พอถึงก็ไม่ปล่อยให้เสียเวลาเลยนะเอ"

พี่กายครับ แซวมาแต่ไกล

"ไม่ ได้หรอกพี่ ทุกที่คือที่ฮันนีมูนของเรา"

ผมหัวเราะมือยังไม่ปล่อยออก จากบ่าของหวานใจ

"แหมนะ หาได้ที่ไหนเนี่ยแบบน้องเอน่ะ พี่ล่ะอยากได้บ้าง"

พี่กบหัวเราะอย่างอารมณ์ดี

"โอ๊ย นังกบ อย่างแกไปเอาชาวเลแถวหมู่บ้านชาวประมงโน่น ได้ยินข่าวว่าอึกนักเชียว"

"ต๊าย นังพลพอมีเด้กหน่อยกัดชั้นนะยะ แหมแต่ก่อนก็ร่ำๆหาเหมือนกันล่ะ"

"ช่วย ไม่ได้ คนมันหน้าตาดี ใครก็หมายปอง"

"ค่า แม่นางงาม เริศล้ำกว่าใคร ว่าแต่น้องบอมไปตกบ่วงนังปีศาจนี่ได้ยังไงอ่ะคะ พี่กบไม่สวยตรงไหน"

หัวข้อตกมาที่ไอ้บอมครับ มันทำหน้าเอ๋อไม่รู้เรื่องอยู่

"ก็ทั้งหน้า ทั้งตัวอ่ะคะ คุณเพื่อนกบ เอ๊ะถามเหมือนไม่รู้ตัวเลยเนอะ"

"กรี๊ด นังพล"

เวลาเพื่อนๆของหวานใจมาอยู่ด้วยกันผมหัวเราะตลอดเวลา เพราะการสนทนาเหมือนจะด่ากัน แต่เป็นการจิกกัดกันเสียมากกว่า แต่ไม่มีใครโกรธกันจริงจัง หวานใจผมได้แต่ยิ้มและหัวเราะไปกับการสนทนาของเพื่อนๆ มือยังเกาะหูกางเกงขาสั้นผมอยู่ ไม่รู้ทำไม ผมชอบที่หวานใจทำแบบนี้มากเวลาเดินไปไหนด้วยกันจะเอามือเกาะเกี่ยวหูกางเกง ผมไว้ตลอดเวลา ว่าไปแล้วถ้าอยู่ด้วยกันเราไม่เคยห่างจากกันเลย ไม่ส่วนใดก็ส่วนหนึ่งของร่างกายจะติดกันตลอดเวลา ผมไม่ได้รักหวานใจผมแล้วมันมากกว่ารัก เป็นความรู้สึกที่ยากเกินจะจำกัดความ ทุกวินาทีผมอยู่เพื่อเขา ตื่นมาทุกวันเพื่อที่จะเจอหน้าเขาอยู่ข้างกาย แม้แต่ก่อนจะใช้ชีวิตไปวันๆมีความฝันแต่ก้ไม่รู้จะไขว่คว้ามันมายังไง แต่ทุกวันนี้ผมมีจุดมุ่งหมายเดียวในชีวิต คืออยู่กับหวานใจผมมีเขาแนบอกอยู่ทุกเวลา ผมรักหวานใจของผมจริงๆ จากก้นบึ้งของหัวใจ

เราไปกินข้าวเย็นที่ร้านอาหารในแถวคลองพร้าว เห็นพี่กบสาธะยายว่าเป็นที่ที่ต้องมาถ้ามากาะช้าง ร้านอาหารต้องขับรถเข้าไปในป่านิดหน่อย เป็นร้านอาหารยกสูงพื้นล่างเป็นน้ำทะเล เรานั่งริมสุด บรรยากาศดีมากๆ ผมนั่งติดหวานใจ

"ต๊าย เห็นนะ นังพลแอบจับมือน้องบอมด้วย กรี๊ดด"

เสียงพี่กบร้องขึ้นระหว่างที่เรากำลังเอร็ดอร่อยกับอาหารทะเลเผา ทุกสายตาหันไปมอง

"บ้าเหรออีกบ มือมันไปโดนเฉยๆ"

พี่พลแก้ตัว หน้าแดง ไอ้บอมเองก็เหรอหราทำหน้าไม่ถูก

"แล้วแกไปเป็นมารขวางคอเขา ทำไมล่ะ อีนี่ บาปหนานะ"

พี่กายว่าแล้วหัวเราะ

"ไม่ได้หรอก ฉันจะเป็นมาร ขวางนังพล พี่ยังสงสัยอยู่ดีอ่ะค่ะ น้องบอม พี่กบไม่สวยตรงไหน"

"ทั้งหน้ามึงนั่นล่ะ กินๆ เข้าไป อีนี่ เดี๋ยวจะได้ไปดูหิ่งห้อย"

พี่กายถลึงตาใส่พี่กบถึงหยุดก้มลงหยิบกุ้ง เผามากิน

"โอ๊ย เขามีคู่กันหมด เซ็งว่ะ"

"ไอ้บ๊อบครับ สร้างหัวข้อใหม่อีกแล้ว"

"พี่ไงคะน้องบ๊อบ พี่ว่าง ว่างเสมอสำหรับน้องบ๊อบ"

"อีหอย ถอยไปเลย พี่ไงน้องบ๊อบ พี่มองน้องบ๊อบมาตั้งนานแล้ว"

พี่กายเอามือตีพี่กบ กลายเป็นว่าแย่งไอ้บ๊อบกัน แต่เพื่อนผมกลับถอยมาตัวติดกับหวานใจผมเลย

"อ่า ไม่เอาดีกว่าพี่ อิอิ ผมชอบพี่โย ถ้าไม่ได้อย่างพี่โย ไม่เอาอ่ะ"

งานกร่อย ครับ ทุกคนเงียบ

"เฮ้ย มึงมายุ่งอะไรกับของกู"

ผมยื่นมือออก ไปผลักหัวมันออกที่ดูเหมือนจะมาซบหน้าหวานใจผมอยู่แล้ว

"เอ อย่าผลักหัวเพื่อนแบบนั้นสิ"

ใจอ่อนครับ ไม่รู้ทำไมใครพูดผมไม่เคยฟัง แต่แค่หวานใจผมมองหรือพูดคำเดียวผมหยุดทันที

"โห มึงกูล้อเล่น หรอกน่า แต่ก็ชอบจริงๆนะพี่โยอ่ะ"

"ไอ้นี่"

ผม กะจะถีบมันสักทีเพราะสายตามันกรุ้มกริ่มเหลือเกิน แต่ตาหวานใจของผมดุกว่า ผมเลยเงียบเคี้ยวกุ้งเผาหมุบหมับ พอกินข้าวเสร็จก็มีเรือเครื่องหางยาวมารับไปดูหิ่งห้อย คนที่ไปกินข้าวที่ร้านอาหารเยอะพอสมควรเรือไม่พอกันนั่ง ทางร้านจึงเอาเรือเล็กมาอีกลำเราได้นั่งเรือเล็กไปครับ คนแจวเรือบอกว่าคลองพร้าวน้ำไม่ลึกมากเป็นน้ำจืดที่มาจากภูเขา เรือล่องผ่านไปเรื่อยๆมีแสงไฟของบ้านเรือนริมคลองสาดส่องมา เห็นรีสอร์ทที่เราพักด้วย หวานใจผมนั่งข้างหน้าผมนั่งกอดอยู่ด้านหลังบรรยากาศดีจริงๆ ผมเอาคางเกยที่บ่าหวานใจ พอเรือล่องขึ้นไปสักพักก็เริ่มมืดสนิท เห็นเงาของพระจันทร์ที่เป็นเสี้ยวชัดเจน หวานใจผมจับแขนผมกระชับขึ้นคงกลัว ทุกคนเงียบหมด ผมนึกถึงบรรยากาศในหนังเรื่องนางนากคลองเป็นแบบนั้นเลย

"กลัว เหรอคะ"

ผมกระซิบถามเบาๆ หวานใจพยักหน้า ผมเลยได้โอกาสกอดแน่นกว่าเดิม แสงวูบวาบเล็กๆอยู่ตรงต้นไม้ริมคลอง เสียงอื้อหือจากลำคอของทุกคน เรือจอดแน่นิ่งให้เราดูหิ่งห้อย พี่กบกับพี่กายถ่ายวีดีโอไว้ ผมกอดหวานใจแน่น

"เค้ารักตัวเองนะ"

ผม กระซิบที่กกหู หวานใจผมหันมายิ้มเต็มดวงหน้า ฟันขาวเรียงเป็นระเบียบสะท้อนเงาจันทร์ในความมืด ผมจูบหน้าผากหวานใจ มีความสุขที่สุดเลยไม่ว่าจะเป็นสถานที่แห่งหนใดตราบใดที่มีหวานใจผมอยู่ เคียงข้าง ผมก็มีความสุขทุกเวลา เพราะหวานใจที่ให้ความรักนำทางผม วันนี้ผมจึงรู้สึกว่าผมมีค่ามีคนที่รักผมมากมายเพียงนี้อยู่ เพราะรักที่หวานใจส่งมาให้ผมจึงเดินทางด้วยความหวังและศรัทธา ผมสัญญาว่าจะโอบอุ้มความรักที่มีต่อกันไปจนวันสุดท้าย ไม่ว่าอนาคตภายภาคหน้ามันจะเป็นเช่นไร ผมมองไม่เห็นแต่ขอให้ความรักของผมมันยาวนาน ผมมั่นใจว่ามันจะยาวนาน เพราะนับวันไม่เคยรู้สึกว่ารักลดน้อยลงเลย มันเพิ่มพูนมากขึ้นทุกวัน หวานใจของผม รู้ไว้นะว่าใจดวงนี้มันมีเพียงหวานใจคนเดียว รักมาก ทุกวินาที ทุกลมหายใจ มันคือหวานใจคนเดียว









เขียนโดย eiky



ขัดๆหน่อยนะคร้าบ พยายามแล้ว อิอิ เดี๋ยวเอาตอน บอมมาลงน้า ตอนต่อไปอ่ะ

รักจัง :กอด1: :กอด1:


หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนพิเศษ (ในมุมของ เอ) May 7, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: •ผั๑`|nกุ้va’ด• ที่ 07-05-2010 10:51:20
นึกว่าจะไม่มีตอนพิเศษเสียแล้ว~~~!!!!!!~
 
รักกัน ปานน้ำผึ้งเดือน 5   >,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,<

รออ่านตอนพิเศษ ของบอม ต่อ อิอิ    อยากรู้ว่า จับพลัดจับผลู กันมาได้ยังไง อิอิ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนพิเศษ (ในมุมของ เอ) May 7, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: ChiOln ที่ 07-05-2010 11:15:14
โอ๊ยย อ่านแล้วซึ้งใจ


อยากได้แบบนี้สักคน


เอน่ารักจริง ๆ  ^ ^
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนพิเศษ (ในมุมของ เอ) May 7, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 07-05-2010 11:29:00
พลกะบอม ปากแข็งเพราะเขินเล่นประกาศไว้นี่ต่างจะไม่ยอมเอากันเป็นแฟน มุมมองเอน่ารักมาก  อยากให้รักกันแบบนี้ชอบ น่ารัก :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนพิเศษ (ในมุมของ เอ) May 7, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: LifeTime ที่ 07-05-2010 12:13:31
 :-[
น่ารักดีจัง  :L2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนพิเศษ (ในมุมของ เอ) May 7, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: จริงใจ ที่ 07-05-2010 15:27:32
รอตอนบอม+พล
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนพิเศษ (ในมุมของ เอ) May 7, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 07-05-2010 16:28:15
เอ นานๆมาที บรรยายซะเคลิ้มเลย
น่ารักมากๆค่ะ

เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนพิเศษ (ในมุมของ เอ) May 7, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 07-05-2010 18:15:30
อิจฉาคู่นี้จริงๆๆๆๆๆๆ



หาซื้อได้ที่ไหนเนี่ย ๕๕๕๕๕๕


อยากได้สักคน
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนพิเศษ (ในมุมของ เอ) May 7, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 07-05-2010 20:48:07
อีป้าแก่ๆ น้ำตาลขึ้นคะ หวานมากมายเลยอะ eiky

(แอบคิดถึงตอนน้ำตาตก 555 แต่ไม่ต้องจัดมานะ อีป้าแก่ๆ กลัว)
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนพิเศษ (ในมุมของ เอ) May 7, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: kanda53 ที่ 07-05-2010 20:59:22
เอ...ทั้งรักทั้งหลงโยมากเลยนะเนี่ย....
คนเดียวในชีวิตนี้ของเอคือโยเท่านั้น....
ประทับใจมากค่ะ...... :o8:

 :pig4: น้อง eiky ค่ะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนพิเศษ (ในมุมของ เอ) May 7, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 07-05-2010 21:32:37
เอ ทำตัวน่ารักขึ้นเยอะเลย แบบนี้พี่โยคงหมดห่วง แถมยังหวานนนนนนนนนนซะขนาดนี้ แอร๊ยยยย อิจฉาตาทะลัก
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนพิเศษ (ในมุมของ เอ) May 7, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 07-05-2010 22:45:48
 :-[ :impress2:
นายเอน่ารักมาก
+1
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนพิเศษ (ในมุมของ เอ) May 7, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Greenkub ที่ 08-05-2010 08:36:48

เรื่องน่ารักมากครับ

หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนพิเศษ (ในมุมของ เอ) May 7, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: salawinyeen ที่ 08-05-2010 15:00:53
:)
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนพิเศษ (ในมุมของ เอ) May 7, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: lomekung ที่ 08-05-2010 20:48:49


 :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนพิเศษ (ในมุมของ เอ) May 7, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: comprivate ที่ 09-05-2010 04:00:22
สวัสดีครับ..คุณ eiky
       อ่านแล้วซึ้งนะครับ แต่งได้ดีมากๆเลยนะครับ ทำผมร้องไห้ไปหลายรอบเหมือนกัน รู้สึกเห็นใจนะครับที่ตอนเศร้าโดนหลายท่านขู่เอาไว้มากมาย ^^
แต่ผมไม่ว่าหรอกครับ เข้าใจว่าเป็นส่วนหนึ่งของเรื่อง ถ้าขาดหายมันก็คงไม่มีตอนจบที่สวยงาม(อุปสรรคมีไว้พิสูจน์รักแท้) ขอชื่นชมนะครับว่าเขียนได้เก่งมากแต่งกลอนก็เพราะ ผมก็เป็นคนหนึ่งเหมือนกันที่ชื่นชอบการแต่งหลอน
...
   ความรักมิใช่ไฟ      แต่เป็นใจที่โหยหา
เมื่อใดที่รักมา          พาชีวาล่องลอยไป
ความรักมิกีดกัน        ไม่แบ่งชั้นชนใดใด
สุดหล้าหรือฟ้าไกล   ก็มิใหญ่จะขวางกัน
โย,เอเพราะมั่นคง    ต่างธำรงรักสร้างสรรค์
อุปสรรคนานับพัน   มิอาจกั้นความรักเธอ
ใครว่ารักคือไฟ       ไม่เข้าใจรักแล้วเออ
พินิจจะพบเจอ        ลิ้มรสหวานน้ำตาลเอย
....
     ปล. ขอให้ทุกท่านและคนแต่งได้รับแต่ความรักที่สดใสทุกวันๆๆๆๆ      
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนพิเศษ (ในมุมของ เอ) May 7, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 09-05-2010 08:37:59
สวัสดีครับ..คุณ eiky
       อ่านแล้วซึ้งนะครับ แต่งได้ดีมากๆเลยนะครับ ทำผมร้องไห้ไปหลายรอบเหมือนกัน รู้สึกเห็นใจนะครับที่ตอนเศร้าโดนหลายท่านขู่เอาไว้มากมาย ^^
แต่ผมไม่ว่าหรอกครับ เข้าใจว่าเป็นส่วนหนึ่งของเรื่อง ถ้าขาดหายมันก็คงไม่มีตอนจบที่สวยงาม(อุปสรรคมีไว้พิสูจน์รักแท้) ขอชื่นชมนะครับว่าเขียนได้เก่งมากแต่งกลอนก็เพราะ ผมก็เป็นคนหนึ่งเหมือนกันที่ชื่นชอบการแต่งหลอน
...
   ความรักมิใช่ไฟ      แต่เป็นใจที่โหยหา
เมื่อใดที่รักมา          พาชีวาล่องลอยไป
ความรักมิกีดกัน        ไม่แบ่งชั้นชนใดใด
สุดหล้าหรือฟ้าไกล   ก็มิใหญ่จะขวางกัน
โย,เอเพราะมั่นคง    ต่างธำรงรักสร้างสรรค์
อุปสรรคนานับพัน   มิอาจกั้นความรักเธอ
ใครว่ารักคือไฟ       ไม่เข้าใจรักแล้วเออ
พินิจจะพบเจอ        ลิ้มรสหวานน้ำตาลเอย
....
     ปล. ขอให้ทุกท่านและคนแต่งได้รับแต่ความรักที่สดใสทุกวันๆๆๆๆ     

โห ขอบคุณมากครับ เก่งจังเลยแต่งกลอนได้เพราะมาก

หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนพิเศษ (ในมุมของ เอ) May 7, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: badcow ที่ 10-05-2010 21:40:29
มาดันไว้  eiky จะได้มาต่อง่ายๆนะคร้าบบ 555 :z2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนพิเศษ (ในมุมของ เอ) May 7, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: kanda53 ที่ 12-05-2010 12:35:12
แวะเข้าดู..... :bye2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนพิเศษ (ในมุมของ เอ) May 7, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 13-05-2010 01:46:28
หวานซะเราอ่านชอบมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก อิจฉาเลย รอตอนบอมด้วยอะน่าสนุก บอมกะพล
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนพิเศษ(บอมครับ ผิดไหมที่ผมเป็นผู้ชาย แต่ผมรักเกย์) May 13, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 13-05-2010 19:42:12
 ตอนสั้นๆนะครับ เขียนยาวกลัวจะเป็นอีกเรื่อง เอาแบบสั้นๆง่ายๆเนอะ แทนคำขอบคุณของเพื่อนๆทุกคน (อย่าลืม ไปอ่าน น้องญี่ปุ่นน้า อิอิ)




 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:





ผมชื่อบอมครับเป็นเพื่อนสนิทของไอ้เอนั่นล่ะครับ ผมกับเอไม่เคยผิดใจกันตั้งแต่คบกันมา แต่ก็จนแล้วจนรอดเพราะความปากเปราะของผมคิดจะแกล้งมัน เรื่องอะไรน่ะเหรอก็เรื่องที่มันชอบเกย์ มันชอบครูสอนพิเศษของมัน ผมไม่ได้รังเกียจเกย์แต่อย่างใด แต่ผมก็ไม่เข้าใจว่าผู้ชายกับผู้ชายหรือที่เรียกตัวเองว่าเกย์จะรักกันได้ ยังไง เพราะผู้ชายมีขั้วอารมณ์ที่เหมือนกันยากที่จะดึงดูดเข้าหากัน แต่ไอ้เอมันเป็นเอามาก แต่ว่าไปแล้วพี่โยก็น่ารักนะ ผมเจอผมยังแอบคิดไม่ได้ว่าผู้ชายจะน่ารักได้ขนาดนี้เชียวหรือ เรื่องมันเกิดก็ตอนที่ไอ้เอมันแนะนำผมให้เพื่อนพี่โยชื่อพล ผมไม่ได้ชอบพี่เขาเลย ปากเสีย หน้าตาก็ดูดีอยู่หรอก ก็เลยโทรแกล้งไอ้เอเสียหน่อยแต่ไม่คิดเลยว่ามันจะกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต จนผมเกือบจะเสียไอ้เอไป ผมเสียใจนะ เสียใจมาก ผมพยายามจะทำทุกอย่างให้มันดีขึ้นแต่มันไม่ได้ดีขึ้นเลย แย่ลงทุกๆวัน แต่นี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมได้ใกล้ชิดกับพี่พล เพราะผมไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร แต่ก็อย่างว่าเหมือนผมคิดผิด เพราะนอกจากจะกัดแทะผมแล้ว ไม่ได้ช่วยอะไรเลย แต่ผมเองก็ไม่รู้ทำไมถึงเจอเขาทุกวัน นั่นสินะ ผมไม่มีทางเป็นเกย์ครับ ไม่มีทาง หรือถ้าผมจะเป็นผมก็คงไม่มองคนอย่างพี่พลแน่ๆ แฟนผมต้องน่ารัก ถ้าเป็นพี่โยก็ว่าไปอย่าง เวลาพูดก็ใจเย็น เดินด้วยก็ไม่อายใคร เฮ้อ ผมล่ะกลุ้ม จอยที่คบกับผมมันก็ไปมีแฟนใหม่ รุ่นพี่ที่เล่นบาสฯด้วยกันนั่นล่ะครับ แต่พอมาวันนี้จะกลับคืนมาหาผมบอกว่าคุยกันไม่รู้เรื่อง ผมไม่รู้สิไม่ได้ดีใจนะ มันรู้สึกแปลกๆ เวลานัดเจอกันมันไม่เหมือนเคย ไม่ได้คิดอยากจับอยากแตะเลย เวลามันพูดผมก็รำคาญ เสียใจนะจอย ผมคงกลับไปรักมันอีกไม่ได้ เพราะลึกๆแล้วผมเหมือนรักใครเข้าแล้ว แล้วใครล่ะ ว่าแล้วผมโทรหาพี่พลปากเสียดีกว่า ให้เขากัดเล่นยังดีกว่าทนนั่งอยู่กับมัน

"พี่ ว่างป่ะ"

ผมกรอกเสียงตามสายไปทันทีที่เขารับโทรศัพท์

"ว่าไง มีอะไร"

"เลี้ยงข้าวหน่อยดิ"

"มากไปแล้วไอ้บอม ฉันไม่ใช่ผู้ปกครองแกนะ จะได้คอยตามเลี้ยงข้าว ไม่มีปัญญาหากินเองเหรอ"

"อ้าว จะมาไม่มา พูดมาก"

"ที่ไหน"

นั่นแน่ ผมใช้มุขนี้ล่ะครับยอมผมตลอดนะดูสถิติที่ผ่านมา แม้จะปากดี

"ที่เดิม ล่ะ เอ้ย ไม่เอาดีกว่า อยากไปบางปู"

"ไอ้นี่ บ้าเหรอ ขี้เกียจไปไกล"

"งั้น ก็ไม่ต้องคุย"

ผมตัดสายไปทันที ผมนิสัยเสียสินะ แต่เชื่อผมเถอะ เดี๋ยวโทรมาด่าแน่ๆ อิอิ ที่จริงเปลืองค่าโทรผมครับ

"ไอ้บอม ทำไมวางสาย ฉันยังพูดไม่จบนะ นิสัยเสีย จะมาเอาแต่ใจได้ไง แกอยากไปนะไม่ใช่ฉัน ขู่เข็นกันอย่างนี้เลยเหรอ"

นั่นไงครับ อย่างที่ผมว่าไหม ผมยกโทรศัพท์ออกไกลๆหูเพราะเสียงแว๊ดดังผ่านเข้ามา

"แล้วจะ ไปไหมอ่ะพี่ บ่นอยู่ได้"

"เออๆ เลิกงานเดี๋ยวไปรับ"

แอบยิ้ม ครับ ว่าไปเขาก็น่ารักนะเพราะยอมผมตลอด ทั้งที่ไม่เคยมีใครยอมผมมาก่อน

"ทำไม คิดอะไรอยู่ เปรี้ยวอะไรขึ้นมายะ ถึงอยากไปบางปู"

เขาถามขึ้นระหว่าง ทางไปบางปู

"ไม่ได้คิดไร อยากไปเฉยๆ"

"แหม มาติสต์แตกอะไรเอาตอนนี้ เปลืองน้ำมันฉันนะยะแก"

"อ้าว แล้วพามาไมอ่ะ บ่นยังกะยายแก่"

"ไอ้บอม มากไป ทุเรศ แกนั่นล่ะห้ามพูดมาก พาไปแล้วยังมาปากดีอีก"

"ช่วยไม่ได้ อยากมาเอง"

"เออ ฉันผิดใช่ไหมเนี่ย"

เป็นครั้งแรกที่เขาเถียงผมไม่สู้ เงียบไปเหมือนกำลังคิดคำพูดอยู่

"เออ บอม วันศุกร์พวกฉันว่าจะไปเที่ยวเกาะช้างนะ ไปไหม ชวนบ๊อบไปด้วย"

"เนื่อง ในโอกาสอะไรพี่"

"โอกาส อยากนี่ล่ะ จะไปหรือเปล่าล่ะ"

"ไปดิ ไปฟรีนี่ ชอบอยู่แล้ว"

"เออ นะ ไม่น่าถาม"

บางปูผมเคยมาตอน เด็กๆ ชอบมาดูตะวันตกดินที่นี่สวยดี แต่วันนี้ไม่ได้เอากล้องติดมือมาด้วย เลยได้แต่ดูเฉยๆ ร้านอาหารแถวนี้ก็อร่อยดี เรากินข้าวเสร็จก็ขับรถเล่นแล้วก็กลับ พอวันศุกร์ก็ออกเดินทาง ผมเหมือนโดนแกล้งให้นั่งติดกับเขา แต่ก่อนออกจากบ้าน ทำไมรู้สึกแปลกๆก็ไม่รู้ รู้สึกจี๊ดในใจ ตอนที่เขาบอกว่า "เป็นแฟนพี่สิบ๊อบพี่ว่างอยู่" โอ๊ย ผมคิดอะไรอยู่เนี่ย บ้าไปแล้ว เสียสติไปแล้วแน่ๆ ไม่มีทางเป็นไปไม่ได้ ทำไมพอได้ยินแล้วหัวใจมันสั่นไหวแบบนี้นะ ผมพยายามไล่ความรู้สึกบ้าๆนี้ออกไปจากใจ ผมนี่นะจะมีใจให้เขา ไม่มีทาง ผมไม่ใช่เกย์ ผมชอบผู้หญิง แต่ไอ้เอมันก็สะกิดใจผมเหลือเกิน มันบอกว่า "กูไม่ใช่เกย์แต่ก็มีแฟนเป็นเกย์ จะทำไมในเมื่อกูมีความสุข" ผมเริ่มสับสนแล้ว หรือผมจะตามรอยมัน พอถึงเกาะช้างเจอพี่กบกับพี่กายยิ่งแล้วใหญ่ สองคนนี้ยิ่งคอยแหย่อยู่เรื่อย ไม่เข้าใจ ทำไมเหรอผมแสดงออกมามามากขนาดนั้นเลยเหรอ หรือเขาแสดงออกว่าเขาชอบผม ไม่หรอกน่า เวลาไปไหนมาไหนด้วยกันเขาจะกัดหาคำเสียดสีผมตลอดไม่มีทาง แต่เหมือนผมยิ่งหนีบรรยากาศมันยิ่งบีบให้ใจมันสั่นไหว ตอนที่ไปดูหิ่งห้อยกัน เขานั่งเรือข้างหน้าผม ไอ้บ๊อบนั่งขางหลังผม ส่วนไอ้เอกับพี่โยไม่ได้สนใจสายตาใคร ความจริงน่าจะจัดงานแต่งให้มันที่นี่เลยเสียอีก เหมือนมาดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กันสองคน เพื่อนๆกลายเป็นตัวประกอบไปเลย น้ำในคลองพร้าวนิ่งจนน่ากลัว แสงไฟจากชายคาบ้านริมคลองส่องแสงมาจกกระทบที่ผืนน้ำ พอไร้แสงไฟแสงจันทร์ก็เด่นสง่าอยู่กลางน้ำ ให้ตายเถอะผมน่าจะได้กอดใครสักคน

"อุ๊ย หิ่งห้อย"

เขาอุทานขึ้นเบาๆ ผมชะโงกหน้าไปตามทิศทางของใบหน้าของเขา แสงวูบวาบบนกอไม้ริมฝั่ง เหมือนไฟต้นคริสมาสต์

"สวยว่ะ"

ผม พูดออกไปเสียงเบาเช่นกัน เพราะเกรงว่าถ้าหากเสียงดังหิ่งห้อยมันจะตกใจบินหนีไปเสียก่อน พลันมือผมก็ไปเฉี่ยวโดนมือของเขาที่วางอยู่กราบเรือโดยบังเอิญ ทำไมร้อนวูบมาถึงใจ ผมสั่นทันที จะชักมือกลับมาแต่ก็เสียดายมันอุ่นแปลกๆจริงๆนะ เหมือนเขาเองก็สะดุ้งที่มือผมไปสัมผัสต้องมือเขา แต่ก็ไม่ยักชักออกเหมือนกันแฮะ เอาวะแค่มือโดนกันจะเป็นอะไรไป ผมวางมือไว้ที่เดิม อากาศที่เย็นสบายกลับร้อนขึ้นมาทันที ใจสั่นไหวเต้นตุบตับ ผมบีบมือเข้าหากันเขาตอบรับกุมมือผมทันที ไม่ได้แล้ว จะจับมือกันไม่ได้เดี๋ยวเลยเถิดไปไกล ผมจะชักมือกลับแต่เขากำมือผมไว้แน่น อ้าวซวยแล้วไหมล่ะ เอาวะจับก็จับ พอปล่อยเลยตามเลยก็เพลินดีแฮะ อิอิ เราจับมือกันเนิ่นนานมันมืดด้วยล่ะครับ อีกอย่างเพราะหิ่งห้อยได้ดึงดูดความสนใจของเพื่ือนๆไปหมดเลยไม่มีใครสนใจผม กับเขาที่แอบจับมือกันอยู่ พอกลับที่พักผมก็ปลีกตัวไปอาบน้ำ ผมพักอยู่ห้องเดียวกับไอ้บ๊อบครับ ที่จริงไม่ได้อยากนอนกับมันเลย ไอ้นี่นอนกรนเสียงดัง พออาบน้ำเสร็จก็ออกไปนั่งระเบียงมองนั่นมองนี่ สวยดีนะครับที่นี่ อันนารีสอร์ทแต่ว่าไปมันเหมาะสมกับคู่รักอย่างไอ้เอกับพี่โยมากกว่า บรรยากาศแบบนี้ เฮ้อ

"ทำอะไรอยู่ยะ"

เสียงทักทำให้ผมสะดุ้ง

"ใจ ลอยไปไหนแล้วไอ้บอม มานั่งเหม่ออะไรตรงนี้เพื่อนๆเขาจะไปกินเหล้ากัน อ้าวแล้วบ๊อบล่ะ"

เขานั่นเองครับมายืนอยู่ข้างหลังผมตั้งแต่เมื่อ ไหร่ก็ไม่รู้

"อาบน้ำ"

ผมตอบลอยๆออกไปสายตาหันกลับไปมองที่ ชายป่ากับคลองที่ไหลตัดผ่านไป

"สวยเนอะที่นี่อ่ะ"

เขาพูดขึ้น มาแล้วมานั่งข้างๆผม ใจผมเริ่มสั่น

"อืม น่าจะได้มากับแฟน จะกอดนัวเนียไม่ไปไหนเลย"

ผมพูดออกไป มีจุดประสงค์ครับ ไม่รู้สิลองแหย่ดู

"แล้วไม่ชวนมาล่ะ"

เสียงนั้นขาดๆหายๆ

"นั่น สินะ ถ้ารู้ว่าพามาได้พามาแล้ว"

พูดจบผมก็หันไปมองหน้าเขา เห็นเม้มปากมองไปไกลแสนไกล

"อืม ไปรอข้างล่างนะ"

สะบัดหน้า ใส่ผมแล้วลุกขึ้นทันที อ้าว

"เดี๋ยว จะไปไหนล่ะพี่"

ผมรั้ง มือไว้เขาชะงัก

"คุยกันก่อนดิ"

"ไม่เอาหรอก เดี๋ยวแฟนนายว่าเอา ไม่อยากทำให้ใครบาดหมางใจ"

ขำดีนะ นี่หรืเปล่าที่เขาเรียกว่างอน ตอนเขางอนนี่ก็น่าดูนะผมว่า

"ไม่หรอก น่า แหมใจน้อยไปได้ ทำไม แอบชอบผมเหรอ"

"ไอ้นี่ อย่ามาสำคัญตัวเอง ฉันมีค่าพอ ไม่จำเป็นต้องแอบ"

"งั้นก็แสดงว่าชอบผม"

ผมพยายาม แหย่ให้ได้มากที่สุดเผื่อว่าเขาจะยอมพูดอะไรออกมาบ้าง

"เออ แล้วไง"

ตาย ล่ะหว่า ไม่คิดว่าจะกล้าพูด เขาจ้องหน้าผมเขม็งผมเสียอีกที่เป็นฝ่ายใจเต้นแรง

"เอ่อ ผะ ผม"

กลาย เป็นคนติดอ่างไปเลย ผมยังตาค้างอยู่แต่เขาก้มลงมาประกบปากผมแล้ว ผมสะดุ้งแต่ก็ไม่ไม่หนี รสชาติจูบมันแปลกๆ ความจริงมันหวานดีนะผมชอบ ผมจูบตอบโดยไม่รีรอเหมือนกัน ดูซิใครจะแน่กว่ากัน เสียงประตูห้องน้ำดังแกร๊ก ผมกับเขาผงะออกจากกันทันที

"ไปรอข้างล่าง นะ"

เขาพูดแล้วเดินไปทันที

"อ้าวบ๊อบ เดี๋ยวไปเจอกันข้างล่างนะ เดี๋ยวไปกินเหล้ากัน"

"ได้ๆพี่ขอเปลี่ยน เสื้อผ้าแป๊บ ไอ้เชี่ยบอมล่ะ"

"โน่น"

เขาบุ้ยปากมาทางผมแล้ว เดินออกจากห้องไป

"เชี่ยบอม ลาภปากอีกแล้วโว้ย ดีจังมาเที่ยวกับพี่ๆเขา เหล้าปลาอาหารไม่เคยขาด อิอิ"

"เออ มึงอย่าแดกให้เมาล่ะ ตื่นมาอาจจะเป็นผัวพี่กบหรือไม่ก็พี่กาย"

ผม ประชดมันที่กำลังสะลัดผ้าเช็ดตัวแล้วสวมกางเกง

"ไม่กลัวโว้ย เป็นผัวใครก็ได้ถ้าเลี้ยงกูดีๆ อิอิ จะสนใจทำไมเขาทำกันเยอะแยะออก"

"ไอ้ เชี่ยนี่ เห็นแก่แดก ที่บ้านก็รวยนี่หว่า"

"ช่วยไม่ได้"

ผม ขี้เกียจเถียงกับมันเลยลุกจากที่เดินออกจากห้องไป พี่กายพาเราไปกินเหล้าที่หาดอะไรจำชื่อไม่ได้ แต่รู้ว่ามีเธคด้วย มีชาวต่างชาติอยู่เต็ม มีที่นั่งติดทรายหาด เราก็ไปนั่งตรงนั้นด้วย สั่งอาหารทะเลเผามาแกล้มกับเหล้า พอสักพักก็มีคนมาแสดงหมุนไฟให้ดู เพลินตาดีเหมือนกัน พอเหล้าเข้าปากก็เริ่มพูดมาก

"โอ๊ย อิจฉาไอ้เชี่ยเอว่ะพี่ ดูดิทำอะไรเกรงใจกันบ้างนะไอ้เชี่ยเอ"

ผมพูดขึ้นเพราะเห็นไอ้เอมันกอดหอมพี่โยอย่างไม่แคร์สายตาใคร

"อ้าว มึงก็กอดพี่พลอย่างกูดิวะ มัวแต่อายไอ้เชี่ย เมื่อไหร่จะตกร่องปล่องชิ้นกันสักที"

"มาๆ พี่ มากอดกันดิ"

ผมเมาครับเหล้ามันไปดันความในใจให้แสดงออกมา ผมเอื้อมมือไปดึงแขนเขามาใกล้ๆ

"เฮ้ย ไม่ได้นะพี่พล ไหนบอกจะเป็นแฟนผม"

ไอ้บ๊อบครับ กวนบาทาอีกแล้วไอ้นี่คนอุตส่าห์กำลังจะเข้าด้ายเข้าเข็ม

"เมียกูโว้ย ไอ้เชี่ย กูได้เสียกันแล้ว"

ผมพูดออกไปตาหวานฉ่ำมองหน้าเขา เสียงมือตีแขนผมดังเพี๊ยะๆ

"อะไรบอม บ้าเหรอ ใครเมียแก ไอ้บ้า"

"น่านะ ที่รัก ไหนๆก็ไหนๆ แล้ว บอกทุกคนไปเลย ว่าเราไปถึงขั้นไหนแล้ว"

"กรี๊ดดดด น้องบอม ไม่ได้นะคะ ไปตกหลุมนังปีศาจนี่ได้ยังไง"

"หุบปากไปเลยอีกบ แหมดูสารร่างตัวเองเสียก่อน คนเขาได้กันแล้วน่ะ ทำใจเถอะหล่อน"

พี่กายแทรกขึ้น ผมยิ้มเต็มปาก

"ไอ้บอม บ้าเหรอ"

แม้จะพูดอยู่แต่คำเดิมแต่ผมก็ดูออกว่าเขาอาย อิอิ ผมก็เลยคว้าตัวมากอดเสียให้อายยิ่งกว่าเดิมอีก

"อุ๊ย ไอ้บอม"

"น่าพล แกเองก็อย่าอายเลย ไม่มีใครว่าหรอก ความจริงมันย่อมเป็นความจริงวันยังค่ำ"

น่านเห็นไหมครับ ไอดอลผมยังพูดแบบนี้เลย เสียงหัวเราะดังทั้งกลุ่ม ผมได้โอกาสก็รุกหนักล้วงนั่นล้วงนี่

"บอม หยุดนะ ไม่งั้นได้เป็นผัวฉันจริงๆแน่แก"

เขากัดฟันพูดหน้ายิ้มแต่สายตาจิกผมเขม็ง ผมหรือจะกลัว ล้วงต่อสิครับ ท้าทายอยากรู้เหมือนกันว่าจะแน่สักแค่ไหน

"ต๊าย กลับห้องไปก่อนไหมคะ คุณเพื่อน ที่สาธารณะนะคะ อายฟ้าอายดินบ้าง"

พี่กบเบะปาก

"งั้นผมกลับก่อนนะครับ จะไปเอากัน"

ธรรมดาผมไม่ใช่คนแบบนี้นะครับ ทำไมไม่รู้ทำไมวันนี้มันคึกจังเลย

"เอ้ย ไอ้บ้า"

เสียงโห่ดังขึ้นมาทันที ผมฉวยมือเขาลุกขึ้นจากกลุ่ม ตอนแรกก็ขัดขืนแต่ก็ยอมอยู่ดี พอลุกผมถึงรู้ตัวว่าผมเมามากเซเลยครับ เขาพยุงตัวไว้

"เป็นไงล่ะ ปากดีนัก นึกว่าจะแน่ เชอะ"

เขาเข้ามาประคองร่างแต่ก็ยังเหน็บผมอยู่

"อารายคร้าบ เมีย อิอิ คืนนี้ไป ปั๊มปั้มกันน้า"

"แหม เอาร่างให้ถึงที่ก่อนเถอะพ่อคุณ อย่ามาปากเก่ง"

"น่า เดี๋ยวรู้ มากอดหน่อย"

"เอ้ย บ้าเหรอ นี่มันถนนนะ"

"อายเป็นเหรอพี่น่ะ"

"ไอ้บอม ยังมียางอยู่นะ เดี๋ยวปล่อยให้ใครลากไปทึ้งเลยนี่"

"อ่านะ จะทำได้เร้อ รักเค้าอยู่เต็มอก"

"ใครรักใคร พูดให้มันดีๆนะแก"

"พี่ไงรักผม หรือไม่จริง"

ทำไมยิ่งเมายิ่งคึกเนอะ ผมพยายามจะง้างปากคนปากแข็ง แต่เอผมจะทำไปทำไมล่ะนี่

"อย่ามาล้อเล่นนะไอ้บอม ใครรักแก ปากเสียแบบนี้อ่ะ ไม่เอาหรอก"

"ไม่รักก็ปล่อย อย่ามาจับ"

ผมเริ่มงอนแล้วครับ ต้องใช้ไม้นี้

"เอาสิ เดินเองได้ไปเลย"

อ้าว ไม่เป็นไปตามแผนแฮะ ได้ผมเดินสะเปะสะปะโซเซจนหัวขมำคว่ำลงพื้น

"เฮ้ย บอมๆ"

เขาเข้ามาพยุงผมแต่ผมปัดมือออก

"เออ ฉันรักเธอ ฉันรักเธอ พอใจไหม รักจนจะบ้าตายอยู่แล้วเนี่ย"

หึหึ ผมยิ้มออกมา ยอมให้พยุง

"ร้ายนะแก แล้วไงรักแล้วไง"

"รักแล้วก็ไปเอากันไง ปะ"

"ไอ้บ้า ทำเป็นปากดีนะ"

"พูดจริงนะเนี่ย ไม่ได้ล้อเล่น"

ดูเขาหน้าแดง อายหรือเมาผมแยกไม่ออก ส่วนผมน่ะเหรอ ยิ่งเมายิ่งคึกคะนอง เขาเรียกรถสองแถวที่คอยวิ่งรับส่งนักท่องเที่ยว พอบอกสถานที่ไปเราก็ขึ้นข้างหลังรถ

"ไหวไหมบอม"

เขายังพยุงผมอยู่ อยากจะเอาของที่เพิ่งกินเข้าไปออกมาครับท่าน แค่คิดผมก็อ๊วกพุ่งทันที

"เอ้ย เลอะรถเขา โผล่หน้าออกนอกรถ"

เขาลูบหลังผมเบาๆ ผมอ๊วกจนปวดท้องน้ำตาไหลออกมา

"อ่า อยากกินน้ำ"

"เดี๋ยวสิ รอถึงโรงแรมก่อน"

ไหนลองอ้อนดูหน่อยเผื่อจะเข้าท่า อิอิ

"ไม่เอาอ่า อยากกินน้ำๆ"

"โว้ย เวลากินน่ะดูตัวเองบ้างไหม เห็นไหม เป็นแบบนี้เลย รอแป๊บดิ"

"ไม่เอา จะกินน้ำ นะนะ ไหนบอกรักไง"

"อ้าวไอ้นี่ เออๆ"

เขาเคาะกระจกกั้นคนขับกับกระบะรถสองแถว

"พี่จอดร้านขายของข้างหน้าให้หน่อยครับ"

พอคนขับจอดรถเขาก็เข้าไปคุยแล้ววิ่งลงรถไปซท้อน้ำ ผมนั่งอมยิ้มอยู่ พอถึงที่พักเขาก็พยุงขึ้นห้องไป

"ไปล้างหน้าก่อนไหมบอม"

"ไม่เอา จะนอนๆ"

"โว้ย เซ็ง"

เขาบ่นแต่ก็เดินเข้าห้องน้ำกลับออกมาพร้อมกับผ้าผืนเล็กๆ เอามาเช็ดตามหน้าตามคอ

"เช็ดตรงนี้หน่อย"

ผมได้ใจถลกเสื้อขึ้น เขาหน้าแดงแต่ก็เช็ดแผ่วเบา

"ไปอาบน้ำเสียก็สิ้นเรื่อง"

ยังบ่นอยู่ เดี๋ยวเถอะ เจอดีแน่

"ทำให้หน่อยดิ"

ผมพูดออกไป ถ้าเป็นตอนไม่เมานี่ไม่มีทางนะครับที่จะพูดแบบนี้ออกไป แต่ผมก็โทษเหล้าดีกว่าเพราะมันคึกจริงๆ

"ทำไร"

ทำเป็นงง ผมชี้ตรงเป้ากางเกง ไม่ได้อายเลยครับ อยากรู้ว่าเขาจะทำยังไงต่อไป

"อย่ามาเสียใจก็แล้วกัน ท้าทายดีนัก จับทำผัวซะเลย นี่แน่ะ"

เขาก้มหน้าลงมาตรงหน้าอกผมทันที ผมสิกลับใจสั่นเต้นแรงขึ้นมา

"เฮ้ย เอาจริงเหรอพี่"

เสียงผมสั่น เริ่มรู้สึกตัวขึ้นมาจริงๆ

"อย่ามาล้อเล่น ไม่มีหยุดนะจะบอก"

เขาตวัดลิ้นที่ยอดอกผมทันที ตัวสั่นเลยครับท่าน หวิวไปถึงสันหลัง เขาถอดเสื้อผมออกแต่ไม่ถอดออกหมดเอาไปกองไว้ที่ท่อนแขนทั้งสองเหนือหัวผม ไม่ให้ผมเปลี่ยนใจนั่นเอง ผมสั่นไปหมดแล้วเขาดึงกางเกงผมออก อายแล้วครับผมจะบิดตัวออกแต่เขาไม่ยอม ความเป็นชายผมโดนงับไปแล้ว อ่า ใจจะขาด ลีลาท่าทางของเขาเหมือนเสือที่หิวโหยเร่าร้อนเหลือเกิน ผมไม่เคยเจอ เราประกบปากกันเนิ่นนานมือเขาก็ไม่อยู่นิ่ง ตายล่ะสิผมลอยไปกับเขาแล้ว หยุดไม่ได้แล้ว เอาวะเป็นไงเป็นกัน ผมเล่นไปตามเกมครับ โอ สุดยอด ถึงใจผมจริงๆ

ผมนอนหอบแฮ่กๆอยู่เขายังนอนอยู่บนอกผมเนื้อตัวเประอเปื้อนไปหมด ลมหายใจร้อนๆของผมรดหัวเขาอยู่

"ชอบจังครับ"

ผมพูดออกไป เขาผงะหน้าขึ้นมามองหน้าผม

"ชอบอะไร"

นะยังมีถามก็เร่าร้อนถึงใจขนาดนี้

"ก็พี่ล่ะ เก่งนะเนี่ย"

"บอกแล้ว เดี๋ยวมาติดใจนะ"

"ทำไม ติดใจไม่ได้เหรอ"

"ก็ไม่รู้สินะ ไม่ได้เป็นอะไรกันนี่ จะมาติดใจได้ยังไง"

"อ้าว สรุปเราไม่ได้เป็นอะไรกันเหรอ"

ผมเริ่มสับสน สร่างเมาทันที

"จะรู้เหรอ ก็เธอไม่เคยบอก พูดสิว่าเราเป็นอะไรกัน"

อ้าว ผมซวยสิครับผลักมาทางผมหมดเลยทีนี้

"เอ่อ"

"เห็นมะ ไม่แน่ใจใช่ไหม"

ทำท่างอน อ้าว กรรมของผม

"เป็นแฟนไงครับ แหมพี่ นั่งทับกันขนาดนี้จะเป็นอะไรได้อีกล่ะ"

ยิ้มออกมาเลยครับ แหมดูสิครับฤทธิ์คนแก่บังคับให้ผมพูดจนได้ แต่เอาเถอะไหนๆก็ไหนๆแล้ว จะปากแข็งไปทำไม ผมก็เลยดึงลงมาจูบทำโทษซะหน่อย เราจูบกันเนิ่นนาน ผมเป็นสุขในใจครับ ความกังวลก่อนหน้านี้มันหายไปไหนไม่รู้ เพิ่งรู้ตัวว่าผมชอบเขามากขนาดนี้เชียว เราไปอาบน้ำด้วยกัน ผมยืนนิ่งให้เขาอาบน้ำให้ แต่นะอย่างว่าถูไปถูมาไอ้ลูกชายผมมันก็ตื่นสิครับเลยฟาดเอาอีกรอบ อิอิ สมน้ำหน้าปากดีนักโดนไปเลย พออาบน้ำเสร็จเราก็มานอนที่เตียงของผมจนเผลอหลับไป

เช้าวันใหม่ ผมงัวเงียตื่นขึ้นมาไม่ได้รู้สึกแปลกใจที่มีคนอยู่ในอ้อมกอด เขายังคงนอนอยู่แต่คงตื่นแล้วเพราะลูบไปตามตัวผม อ้าว ไอ้บ๊อบมันกลับมาแล้วนอนแผ่อยู่เตียงมันไม่เปลี่ยนชุดคงเมา ผมบอกให้เขากลับไปที่ห้องก่อน เดี๋ยวดังแน่ๆ พออาบน้ำเสร็จผมก็ลงไปที่ทานอาหารเช้า เขินจังครับทุกคนนั่งรออยู่แล้ว ยกเว้นไอ้บ๊อบที่นอนสลบอยู่ข้างบน

"ต๊าย เสียดายที่สุด ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านังมารร้ายจะได้กินพ่อบอมของชั้น"

เสียงพี่กบครับแปร๋นมาแต่ไกล ผมนี่อายจนจะเดินไม่ออก

"ได้ยินข่าว เมื่อคืนหนักเหรอพล เดินขาถ่างๆ"

อ้าวคราวนี้พี่กายครับ เสียงกรี๊ดกร๊าดดังกว่าเดิม

"บ้าพวกแกนี่ คนมันรักกันเนอะ ก็เป็นธรรมดา"

"แหม ก็แน่ซียะ เมื่อคืนทำร้ายพี่โยไปกี่รอบล่ะเอ"

"สองเองครับพี่ กะว่าจะทำแฮตทริกซ์ซะหน่อย อิอิ"

ดูครับ ไอ้เอนี่ไม่มียางอายเลย พูดแล้วกอดพี่โยหน้าตาเฉย พี่โยเองก็ตีแขนมันเบาๆ

"กรี๊ดดดดดดดด ไม่ได้นะนังกาย คืนนี้หล่อนต้องพาชั้นไปหมู่บ้านชาวประมงแล้ว ทนไม่ได้แล้ว"

"ค่า ทีนี้หล่อนก็เอาสักสิบไม้เลยสินังกบ จะได้ไม่น้อยหน้า"

ผมเดินแอบย่องไปนั่งตอนที่พี่ๆเขารุมกัดกันอยู่

"มานั่งนี่สิบอม"

แฟนหมาดๆผมเองครับ ตบเก้าอี้ข้างๆตัวเขา หน้าตาแดงฉ่ำคงอาย อิอิ แกล้งสักหน่อยคงดี

"ตัวเอง เมื่อคืนไหนบอกจะทำสามรอบไง อิอิ"

ผมเดินไปหยิกแก้มเบาๆ

"ว้าย บอม พูดอะไรออกมา ทำร้ายจิตใจพี่กบมากนะคะ รู้ไหม"

เสียงพี่กบกรี๊ดออกมา เขาเองก็ตีแขนผม

"อ้าวก็จริงนี่พี่ แฟนผมนี่เก่งสุดยอด เนี่ยหน้าซีดเลยผมอ่ะ"

ว่าแล้วก็ยิ้มมองไปที่เขาที่ก้มหน้าอายหน้าแดงอยู่ เราพูดหยอกล้อกันไปเรื่อยๆจนไอ้บ๊อบมันเดินงัวเงียลงมาจากห้อง ประเด็นจึงเบี่ยงไปที่ไอ้บ๊อบแทน ผมเอื้อมมือไปจับมือของเขา ไม่เขินแล้วครับไม่มีอะไรต้องอายแล้ว ผมคงต้องยอมจำนนใจตัวเองแล้ว ที่ผ่านมาพยายามหลบเลี่ยงตลอด ผมก็คงจะเป็นเหมือนไอ้เอที่เป็นผู้ชายแต่รักเกย์ มีเกย์เป็นแฟน ผมมั่นใจว่าผมยังเป็นผู้ชายทุกกระเบียด แต่ใครจะรู้ว่าผมจะชอบผู้ชายด้วยกัน ในเมื่อรักมันกำหนดไม่ได้ พรเจ้าสร้างผู้ชายให้เคียงคู่กับผู้หญืงเท่านั้นเหรอ ไม่จริงหรอกผมเชื่อใจตัวเอง แม้จะทำให้ประชากรโลกลดลงสักสองสามคนก็ตามที
 


 

 

เขียนโดย Eiky




 




หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนพิเศษ(บอมครับ ผิดไหมที่ผมเป็นผู้ชาย แต่ผมรักเกย์) May 13, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 13-05-2010 19:57:17
Eiky ตอนนี้สนุกตื่นเต้น ระทึกใจได้ดีมากค่ะ อีป้าแ่ก่ๆ ชอบ +1 ค่ะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนพิเศษ(บอมครับ ผิดไหมที่ผมเป็นผู้ชาย แต่ผมรักเกย์) May 13, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 13-05-2010 20:01:22
Eiky ตอนนี้สนุกตื่นเต้น ระทึกใจได้ดีมากค่ะ อีป้าแ่ก่ๆ ชอบ +1 ค่ะ

โหป้า หายไปเลยอ่า ทิ้งกันแล้วเหรอ แงๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนพิเศษ(บอมครับ ผิดไหมที่ผมเป็นผู้ชาย แต่ผมรักเกย์) May 13, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 13-05-2010 21:11:39
 ในเมื่อรักมันกำหนดไม่ได้ พรเจ้าสร้างผู้ชายให้เคียงคู่กับผู้หญืงเท่านั้นเหรอ ไม่จริงหรอกผมเชื่อใจตัวเอง แม้จะทำให้ประชากรโลกลดลงสักสองสามคนก็ตามที
 
  เหอเหอเหอ เข้าใจคิดนะคนคิดเป็นแบบนี้น่ารักซะ :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนพิเศษ(บอมครับ ผิดไหมที่ผมเป็นผู้ชาย แต่ผมรักเกย์) May 13, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 13-05-2010 21:17:58
ในเมื่อรักมันกำหนดไม่ได้ พรเจ้าสร้างผู้ชายให้เคียงคู่กับผู้หญืงเท่านั้นเหรอ ไม่จริงหรอกผมเชื่อใจตัวเอง แม้จะทำให้ประชากรโลกลดลงสักสองสามคนก็ตามที
 
  เหอเหอเหอ เข้าใจคิดนะคนคิดเป็นแบบนี้น่ารักซะ :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

อิอิ ชอบไหมอ่ะ ว่าจะไม่มีแล้วนะตอนพิเศษ เขียนไม่ออกแล้ว เขียนเรื่องใหม่ดีกว่าเนอะ อิอิ นายไม่เห็นไปอ่านเรื่องใหม่เลยอ่า อิอิ ขำน้าา
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนพิเศษ(บอมครับ ผิดไหมที่ผมเป็นผู้ชาย แต่ผมรักเกย์) May 13, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 13-05-2010 21:38:18
Eiky ตอนนี้สนุกตื่นเต้น ระทึกใจได้ดีมากค่ะ อีป้าแ่ก่ๆ ชอบ +1 ค่ะ

โหป้า หายไปเลยอ่า ทิ้งกันแล้วเหรอ แงๆๆๆ

เปล่า.... อย่ามาหาว่าฉันได้แกมาเชยชมแล้วฉันทิ้งแำกนะ eiky   :laugh:

แค่ตอนนี้ไม่ค่อยว่าง งานเยอะมากจริงๆ ตอนนี้เลยได้แค่ ออน มือถืออ่านเอา แล้วมันก็เกิดอาการไม่ยากพิมพ์เมนท์อะไร เพราะ เมื่อยนิ้วโป้งมากๆ ขอบอก จริงๆแล้ว มือถือมันก็อ่านได้ แต่เม้นท์ยาก และ+ไม่ได้
อย่ามาทำเป็นน้อยใจ ยังไงอีป้าแก่ๆ ก็ยังรัก คิดถึง และตามอ่านเรื่องของคุณ อยู่เสมอละค่ะ  :bye2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนพิเศษ(บอมครับ ผิดไหมที่ผมเป็นผู้ชาย แต่ผมรักเกย์) May 13, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 14-05-2010 04:16:27
คู่นี้เผ็ดได้ใจ
เหมือนมาม่าต้มยำ  :laugh:
อยากอ่าน กาย กบ 
+1
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนพิเศษ(บอมครับ ผิดไหมที่ผมเป็นผู้ชาย แต่ผมรักเกย์) May 13, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: LifeTime ที่ 14-05-2010 09:34:41
คู่นี้ก็น่ารักใช่ย่อย...คู่กัดที่สุดท้ายก็รักกัน  :laugh:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอนพิเศษ(บอมครับ ผิดไหมที่ผมเป็นผู้ชาย แต่ผมรักเกย์) May 13, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: •ผั๑`|nกุ้va’ด• ที่ 14-05-2010 09:45:32
สรุปว่า ที่หึงไป หึงมา ~~~~~!!!~ ไม่ได้คบกันตั้งแต่ตอนที่ เอ กับพี่โย มีปัญหา กันรึนี่. . .
 
พึ่งจะมาตกล่องปล่องชิ้นกัน *0*  โอ้วววววววว
 
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ จบแล้วคร้าบ May 13, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: kanda53 ที่ 14-05-2010 12:21:09
คู่นี้ปากแข็งทั้งคู่......
มัวแต่ลุ้นคู่ เอ กะ โย อยู่ละซิ...
พอตกลงกันได้....ก้อหวานซะ :o8:

 :pig4: :pig4:


หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ จบแล้วคร้าบ May 13, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 14-05-2010 17:23:10
ใครว่าไปอ่านทุกตอนแหละขำมากมายน้ำหูน้ำตากระจาย  แบบเอกะโย พลกะบอมก็รอลุ้นแต่ตอนพิเศษแหละ  :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ จบแล้วคร้าบ May 13, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 15-05-2010 01:07:00
อ่านแล้วทอฝันเลยยย
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ จบแล้วคร้าบ รบกวนย้ายให้ด้วยคร้าบ May 13, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 16-05-2010 18:39:52
คู่นี้ดุเดือดดีจัง แต่ก้อสมกันดี 55+
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ จบแล้วคร้าบ รบกวนย้ายให้ด้วยคร้าบ May 13, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 16-05-2010 19:01:21
ก็แบบว่าไปอ่านเรื่องญี่ปุ่นมาแล้วค่อยมาตามอ่านเรื่องนี้ แหะๆ :try2:
แต่ว่าอ่านทันแล้วปรากฏว่าจบพอดี แอร๊ยยย :z3:
คนอื่นตามกันตอนต่อตอนยังน้ำหูน้ำตาไหล แล้วนี่นั่งอ่านรวดเดียวพี่ว่านู๋เสียน้ำตาไปกี่โอ่ง :monkeysad:
ขอบคุณพี่ไรเตอร์มากๆค่าที่แต่งนิยายเรื่องนี้ให้อ่าน ในฐานะพี่น้องร่วมสถาบัน ขอกอดพี่โยแรงๆหนึ่งทีนะ :กอด1:
สำหรับคู่พี่พลกะบอม :haun4:
ตามไปอ่านเรื่องญี่ปุ่นต่อค่าาา :bye2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ จบแล้วคร้าบ รบกวนย้ายให้ด้วยคร้าบ May 13, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: badcow ที่ 18-05-2010 17:41:44
จบแล้วหรือครับ ว้าน่าจะมีตอนของบอมอีกซักตอน นะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ จบแล้วคร้าบ รบกวนย้ายให้ด้วยคร้าบ May 13, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: badcow ที่ 18-05-2010 20:13:52
เอ่อ เรื่องบอมนี่หมายถึง ในมุมมองของพลอ่ะครับ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ จบแล้วคร้าบ รบกวนย้ายให้ด้วยคร้าบ May 13, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: vk_iupk ที่ 20-05-2010 15:05:21
กว่าจะอ่านจบ น้ำตาท่วมเลยอ่ะ อ่านแล้วน่าสงสารมาก

รักแท้  คนเราจะรักกันได้ขนาดนั้นจะมีสักกี่คู่

ถึงแม้จะหายากที่จะหาคนๆ นั้น ให้เจอ   แต่เราก็ยังมีสิทธิ์ที่จะฝัน 

ชอบเรื่องนี้มากๆเลยค่ะ  จะรออ่านเรื่องต่อไปนะค่ะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ o13 :L2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ จบแล้วคร้าบ รบกวนย้ายให้ด้วยคร้าบ May 13, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 25-05-2010 02:47:04
อยากอ่านตอนพิเศษอีกนะ writer
แล้วนายบ๊อบล่ะ คู่ใคร
พี่กายไง ว่่างนิ รวยด้วย
สเปคนายบ๊อบ.....lol..
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ จบแล้วคร้าบ รบกวนย้ายให้ด้วยคร้าบ May 13, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: banana49 ที่ 26-05-2010 01:51:03
กรี๊ดดดดด พึ่งเห็นเรื่องนี้ พึ่งได้อ่าน อ่านข้ามวันเลยยยย
อ่านรวดเดียวด้วย หลายอารมย์มากมายค่ะ
น้ำตาออกมาเป็นถังแล้วเนี่ยยย รู้สึกเหมือนจะขาดใจตามโยแล้วเนี่ย
ยิ่งตอนโยคลุ้มคลั่งนะ ไอ้เราก็ใจสั่นไปด้วย สงสาร เสียใจ อินมาก
ยิ่งอ่านยิ่งเครียด อยากจะเลิกอ่านก็อยากรู้ว่าจะเป็นไงต่อ ลุ้นสุดๆ
ทรมานจิตใจมากอ่ะ แงๆ เศร้าจนหดหู่เลยยย
นี่ถ้าไม่มีตอนจบหวานๆมาให้ พุ่งนี้คงไม่แคล้ว ตาบวมแน่ๆ
ชอบแม่โยมากมายเลยค่ะ ประทับใจสุดๆ เป็นแม่ตัวอย่างเลย ^^
ยิ่งอ่าน ยิ่งอิจฉาอ่ะ อยากได้อย่างเอซักคน น่ารักมาก น่ารักเว่อร์
ถ้ามีอย่างงี้นะ รักตายเลย หุหุหุ

ปล.แอบดีใจนะที่มาตอนจบแล้ว ไม่งั้นคงนอนไม่หลับอ่ะ ^^
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆที่เอามาแบ่งปันกันนะคะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ จบแล้วคร้าบ รบกวนย้ายให้ด้วยคร้าบ May 13, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: ┠┨ ¡ Þ Þ ☻ ❣ ╰╰ ที่ 26-05-2010 18:19:47
เจ๊งไปแล้วค่ะ...สำหรับบ่อน้ำตา...เครื่องรวนทั้งเเต่เริ่มเรื่องจนเรื่องจบ...

ร้องไห้จนตาบวมปูด....ชีวิตคนเราเจอเรื่องเเบบนี้ เข้าใจ...มันก้อยากที่จะผ่านใจ...

แต่สุดท้ายด้วยความรักที่มี..มันก้อ  แฮปปี้จนดั้ยล่ะน๊า...

ขอบคุณน่ะค่ะสำหรับเรื่องราวดีดี...ทำหั้ยเห็นมุมมองความรักในรูปแบบต่างๆ...ปัญหา อุปสรรคมากมาย...
ใช้ว่าทุกคู่จะราบรื่นเสมอใจ...ขอบคุณอีกครั้งค่ะ...

ปูลม....อ่านเม้นท์ผ่านๆมา...เห็นมีเรื่องของน้องญี่ปุ่น...มันเรื่องอารัยกันหนอค่ะ...จะตามไปอ่านบ้าง...
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ จบแล้วคร้าบ รบกวนย้ายให้ด้วยคร้าบ May 13, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 26-05-2010 18:35:54
ขอบคุณทุกท่านนครับที่อ่านเรื่องนี้ แม้จะเศร้าไปบ้างแต่มันก็เป็นอีกแง่มุมหนึ่งของชีวิต ของความรัก คนที่รักกันจริงไม่ว่าอุปสรรคมากมายใหญ่โตแค่ไหนก็จะจับมือกันผ่านไปได้ ความรักที่มีต่อกันมันก็จะสานเกลียวถักทอสายใยให้แน่นหนาขึ้น

ผมเบรคเรื่องหนักๆไว้กับเรื่องของน้องญี่ปุ่น นะครับ ก่อนจะลงอีกเรื่องที่ไม่เบาเหมือนกัน อิอิ หวังว่าเพื่อนๆคงยังติดตามอ่านอยู่นะครับ


ขอบคุณอีกครั้งสำหรับทุกกำลังใจ แค่เข้ามาเปิดดูก็ขอบคุณมากแล้วครับ



Eiky
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ END รบกวนย้ายให้ด้วยคร้าบ May 13, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: pay-it-forward ที่ 27-05-2010 15:22:28
โอ๊ย.....สนุกมากๆ
ขอบคุณนะคะไรท์เตอร์
 :L2:
+1ให้ค่า
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ END รบกวนย้ายให้ด้วยคร้าบ May 13, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: mixmix ที่ 28-05-2010 02:00:56
นั่งอ่านรวดเดียวเลย เล่นเอาตาปูด(เพราะร้องไห้ตามโย ฮาาา)

ชอบมากๆค่า อ่านได้ลื่นไหลดีจัง ชอบภาษาเขียนแบบนี้แหละ

แต่มาสะดุดตอนโศกนิดหน่อยเพราะต้องอ่านไป หยุดไป ไม่งั้นได้ร้องไห้จนปวดหัวแน่ 55+

ชอบคาแรกเตอร์โยมากๆ ขอสารภาพนิดนึง อ่านแล้วแอบเชียร์ บ๊อบโย ด้วยอ่า คึคึ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ END รบกวนย้ายให้ด้วยคร้าบ May 13, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Paracetamol ที่ 28-05-2010 21:41:29
ช่วงหลังๆ เกือบหลังสุดก่อนจะแฮปปี้นี่ร้องไห้ตลอดเลย
เป็นคนอารมณ์อ่อนไหวไปซะแล้ว แต่งได้ดีมากๆเลย ^__^
ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆ อย่างนี้มาให้อ่านน้า
นั่งอ่านตั้งแต่ตอนเย็นจนมืดเลยนะนี่ ม้วนเดียวจบ คึๆๆ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ END รบกวนย้ายให้ด้วยคร้าบ May 13, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: pppp ที่ 29-05-2010 03:09:05
พี่โยน่ารักมากๆ เลยค่ะ
นิสัยดีอย่างงี้ ใครก็รักอ่ะเนอะ
น้องบ๊อบ น้องบอมยังแอบมีเคลิ้ม
เหอเหอ หวานกันน่ารักมากมายเลยค่ะ
แต่ช่วงดาร์กนี่ก็นะ จิตตกมาก
ทิชชู่กองรอบๆ ตัวเลยทีเดียว
ขอบคุณมากเลยนะคะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ END รบกวนย้ายให้ด้วยคร้าบ May 13, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 30-05-2010 00:04:26
อ๊ายยยยยยยยยยยย พึ่งเคยอ่านค่ะคุณขา

สนุกมากกกกกกกกกกกกกก

รู้สึกว่าจังหวะชีวิตรักคุณเอขึ้นลงมาก555แต่จบแฮปปี้เอนดิ้งก็ดีใจ เห็นหลายเรื่องตายตอนจบก็ลุ้นๆว่าเรื่องนี้จะตายไม๊เห็นมีเขียนเป็นนัยๆแต่สุดท้ายก็เลิฟๆ ชื่นใจจริงจริ๊ง

น่าเสียดายน่าจะมีตอนพิเศษคู่บอมอีก ชอบๆ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ END รบกวนย้ายให้ด้วยคร้าบ May 13, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: mysunsa ที่ 30-05-2010 07:41:18
โอ้ย มราธอนอ่าน รวดเดียวจบเลยคะ  :z1:

เอดูแลสุดที่รักดีมากคะ อบอุ่นจนใจจะละลาย ต่อให้เป็นใครเจอแบบนี้ก็ คาอกคะ ฮิฮิ

ถึงจะโมโหร้ายไปหน่อยก็เอาหนะ หยวนๆ

เจ็บจี๊ดตอนมีปัญหาเลยจริงๆ เฮ้อๆ ความรักอิอิ

ตอนพิเศษก็น่ารักมากมายคะ  :-[

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ หวังว่าจะมีมาให้ได้อ่านและซึ้งๆน่ารักกันอีกคะ

สู้ตายนะคะ

ที่ประทับใจ คือ ความเป็นเพื่อนของเหล่าสหายโยมากคะ น่ารักจริงๆ

 o13 o13
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ END รบกวนย้ายให้ด้วยคร้าบ May 13, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: -N- ที่ 31-05-2010 02:12:20
อ่านเรื่องนี้แล้วร้องไห้แบบนอนสต็อป ร้องแบบรายทางเลยจิงๆ
เขียนได้สุดยอดมากค่ะ จะบ้าตาย หัวใจโดนบีบไปซะจนจะเปนลม
ตอนจะตายก็เหมือนจะตายตามซะจริงๆ

ขอบคุณมากๆๆๆล้านครั้ง ล้านๆๆๆครั้งจิงๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ END รบกวนย้ายให้ด้วยคร้าบ May 13, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: member ที่ 31-05-2010 18:56:07
น่ารักมากกกกก อยากได้แบบเอบ้างงง

อยากอ่านตอนพิเศษอีกหลายๆตอนเลย

จับคู่ให้บ๊อบด้วยนะไรท์เตอร์


แต่งได้น่ารักมากกกจ้าา
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ END รบกวนย้ายให้ด้วยคร้าบ May 13, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: papirunya ที่ 08-06-2010 21:10:55
อ่านมาหลายเรื่อง เรื่องนี้ทำก๊อกพังเลย

สุดๆครับ ชอบมาก

เสียน้ำตาให้เรื่องนี้มากที่สุดเท่าที่เคยอ่านเรื่องไหนๆเลย

writer เก่งที่สุด
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ END รบกวนย้ายให้ด้วยคร้าบ May 13, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: QUE1 ที่ 10-06-2010 02:13:36
สนุกมากเลยค่ะ
อ่านรวดเดียวจบ กรี๊ดด
น้องเอ...น่ารักที่สู๊ดดดดด ทำเอาอิจฉาพี่โยไปเลยเชียวคิกๆๆ
สุดท้ายก็รักกันหวานจ๋อย ให้เรา เสียน้ำตาไปซะหลายตอน
กว่าจะรักกัน คิกๆๆ แต่รักกันแล้วก็ หวานซะ น้ำตาลอาย
ส่วนพี่พล กรี๊ดด ดีใจเย้ๆๆ เข้าชมรมรักเด็ก อีกคน
เพื่อนสนิทกัน จริงๆ ขนาดแฟนยังเป็นเพือนสนิทกันเลย อิอิ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ END รบกวนย้ายให้ด้วยคร้าบ May 13, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: mascot ที่ 14-06-2010 18:54:40
ตามอ่านเกินครึ่งเรื่องแล้ว...

แต่ปวดใจจังเลยเศร้าไปถึงไหน เศร้าแล้ว เศร้าอีก :monkeysad:

รออ่านให้ถึงตอนHappy ซะที :impress:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ END รบกวนย้ายให้ด้วยคร้าบ May 13, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: mascot ที่ 16-06-2010 20:00:00
สุดท้ายก็ผ่านอุปสรรคไปได้ถ้าใจเรามั่นคง

จากที่ต้องเสียน้ำตาไป...ก็กลับมายิ้มได้

ขอบคุณคับผม :bye2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ END รบกวนย้ายให้ด้วยคร้าบ May 13, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 19-06-2010 21:02:50
ขอบคุณทุกคนนะครับ ที่ชอบเรื่องนี้ เป็นกำลังใจให้ผมเป็นอย่างมากในการเขียน ผมจะพัฒนาฝีมือการเขียนให้ดียิ่งขึ้นครับ


วันนี้มีกลอนมาฝากครับ เขียนตอนนี้เอง


ยืนอยู่ที่ไหนแห่งใดก็ได้ยิน      เสียงนั้นเป็นเหมือนหินทิ่มแทงใจ


หลบฝนลมหนาวไปแห่งไหน   แม้นหลับตาฝันไปในคาใด ภาพนั้น ภาพเธอ ยังหลอก ยังหลอนใจ


I am done...with all over the pain, you had one and now it's no more fun..is that anything gone? If I have magic I'd swept way this tragic...I just found the light when you lost me....and somehow you left me unselected.....but now you lost me......you lost me....


บ้าๆ ป่วงไปนะครับ อย่าถือสา กำลังสับสนทางจิต ผมไม่อยากทำร้ายใครอีกแล้ว


เพราะผมหัวใจพิการไปแล้ว จริงๆหรือ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ END รบกวนย้ายให้ด้วยคร้าบ May 13, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: InKMoNsTeR ที่ 30-06-2010 11:40:21
อ่านไป 50% แล้วครับ ตั้งแต่เที่ยงคืน - ตี 4
เดี๋ยวกลับมาเม้นท์ต่อครับผม

ปล*เป็นกำลังใจให้เรื่องต่อๆไปด้วยค๊าบ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ END รบกวนย้ายให้ด้วยคร้าบ May 13, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: InKMoNsTeR ที่ 01-07-2010 08:25:10
อ่านจบแล้วเช้านี้ครับ...
ทรมานไปตามๆโย T^T


แต่ในที่สุดก็แฮปปี้ถ้วนหน้า (ฉลองงงง)

อยากอ่านคู่บอมอีกอ่ะครับ
แล้วยังจะ น้องกบ น้องกาย กร๊ากกกก (เรียกน้องแล้วขนลุก 5555+)

แต่งต่ออีกหน่อยสิค๊าบบบบบ

(ส่งสายตาเว้าวอน งุงิ)

 :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ END รบกวนย้ายให้ด้วยคร้าบ May 13, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 02-07-2010 08:44:52
รอหน่อยนะครับ เดี๋ยวมี รีไรท์เพ่มตอนพิเศษให้




อิอิ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ END รบกวนย้ายให้ด้วยคร้าบ May 13, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 02-07-2010 12:53:20
รอๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ END รบกวนย้ายให้ด้วยคร้าบ May 13, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: InKMoNsTeR ที่ 02-07-2010 17:21:41
รอหน่อยนะครับ เดี๋ยวมี รีไรท์เพ่มตอนพิเศษให้

ข่าวดีสำหรับสัปดาห์แรกของเดือน7!!!


อิอิ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ END รบกวนย้ายให้ด้วยคร้าบ May 13, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 03-07-2010 00:35:50
มานอนรอตอนพิเศษ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ END รบกวนย้ายให้ด้วยคร้าบ May 13, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: kanda53 ที่ 05-07-2010 16:15:25
ขอพิเศษแบบหวาน ๆ นะจ๊ะ น้อง eiky
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ END รบกวนย้ายให้ด้วยคร้าบ May 13, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 07-07-2010 09:11:17
สวัสดีครับคุณ eiky

อ่านจบแล้วเลยขอคอมเม้นให้หน่อย ^ ^
ใช้เวลาอ่านพอสมควรเลยทีเดียว  กว่าจะทำใจอ่านได้จบ

ไม่ใช่ว่าตัวเนื้อเรื่องไม่น่าติดตามแนะครับ  แต่เป็นนิยายอีกเรื่องที่อินจนต้องใช้ความพยายามในการฝ่าฟัน  และยอมรับไปกับเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้

ไม่ค่อยได้อินกับความรู้สึกในตัวละครมาแบบนี้ได้ซักพักแล้วเหมือนกันนะเนี่ย

ได้แอบยิ้มอย่างมีความสุขไปกับตัวละคร  ได้แอบฝืนยิ้มไปกับความทุกข์  หรือแม้แต่แอบน้ำตาซึมไปกับความขมขื่นที่เกิดขึ้น (นั่งอ่านไปร้องไห้ไปไม่ได้  เดี๋ยวมีคนสงสัย > <)

ถือว่าเป็นอีกผลงานที่ประทับใจจริงๆ นะครับ  หลังจาได้อ่านแล้วก็รู้สึกประทับใจมากๆ ที่คุณ eiky ได้ถ่ายทอดเรื่องราว  และอารมณ์ความรู้สึกออกมาเป็นตัวอักษรให้ได้ชื่นชมแบบนี้

แต่ว่าในตอนอ่านเองบางทีก็แอบบ่น  ว่า คุณ eiky  จะใจร้ายไปถึงไหน  เรื่องราวมันถึงได้บีบหัวใจขนาดนั้น

ถ้ามันเป็นเรื่องจริง  ก็ถือว่าเป็นเรื่องความสุขในความทุกข์โดยแท้  หรือแม้จะเป็นเรื่องแต่งก็ถือว่าเป็นความสวยงามบนความมืดหม่นจริงๆ

สุดท้ายแล้ว  ก็ขอชื่นชม  และขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆ เรื่องนี้ที่ได้เข้ามาอ่านนะครับ

 o13
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ END รบกวนย้ายให้ด้วยคร้าบ May 13, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: taem2love ที่ 08-07-2010 23:23:55
ตัดสินใจอยู่นานว่าจะอ่านดีหรอเปล่าเพราะดูจากรีพลายแล้วเรื่องมันดูดราม่ามากมาย

ไม่ค่อยอยากอ่านเรื่องที่เรียกน้ำตาสักเท่าไร แต่ก็ตัดสินใจลองอ่านดู เพราะตามมาจากเรื่องที่ eiky

เขียนอยู่ในขณะนี้ เข้ามาอ่านช่วงแรกยิ้มไม่หุบ น่ารักมากมาย หวานได้ใจมากๆ

แต่พอมากลางเรื่องที่เข้าสูโหมดเศร้านั้นส่วนตัวแล้วพอรับได้ น้ำตาไม่ท่วมจอเท่าไร

แต่พอมามีจุดเปลี่ยนที่มีนางชะนีเข้ามา น้ำตาร่วงเลย โดยส่วนตัวเจ้เองเป็นคนที่อ่อนไหวกับเรื่องผู้ชายเจ้าชู้

(มีเรื่องฝังใจหรอย่ะนางเจ้)แต่มันก็สามารถคลี่คลายไปได้ด้วยดี ลุ้นแทบแย่

แล้วก็กลับมาหวานกันแบบไม่เกรงใจคนไม่มีคู่กันเลยทีเดียว

ชอบเรื่องนี้มากค่ะ ขอบคุณ eiky มากที่นำเสนอเรื่องราวดีๆให้ได้อ่านกัน
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ END รบกวนย้ายให้ด้วยคร้าบ May 13, 2010
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 11-07-2010 21:31:39
ก่อนจะวิจารณ์นิยายที่เพิ่งอ่านจบไปหมาดๆ ขอกล่าวขอบคุณน้องคนเขียนนะคะ ที่พยายามเอาหัวกระแทกกำแพง อดหลับอดนอน รีดเรื่องออกมาให้เราได้อ่าน

คำวิจารณ์มีแค่คำเดียว นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายที่ "สวย"

"สวย" ยังไงน่ะหรือคะ

ก็สวยตรงที่ว่า

ประการแรก...ทำให้เจ้ร้องไห้ ทั้งที่เจ้ใจแข็งขนาดนี้ ยังร้องไห้เลยจ้ะ ฉากที่ร้องมีฉากเดียว คือฉากที่โยล้มหมอนนอนเสื่อเพราะเอาเลือดไปให้เอ...

ประการสอง...เป็นนิยายที่ทำให้เจ้อ่านแล้วต้องอ่านต่อจนจบ...ประมาณว่าอดหลับอดนอนน่ะค่ะ

และประการสุดท้าย...มีกลอน และมีคำสอนหลายอย่างแทรกอยู่ในเรื่องเยอะแยะเหลือเกิน โดยเฉพาะเรื่องความรักของแม่...

นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมนิยายเรื่องนี้ ถึง "สวย"

กรี๊ดด คนอ่านก็ "สวย" นะคะ แต่ คำว่า "สวย" สำหรับคนอ่านอย่างเจ้ คือ "แรด"  :laugh:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: hpsky ที่ 29-09-2010 13:25:26
ตามมาอ่านเรื่องนี้ของคุณอิ๊กค่ะ

อ่านแล้วเสียน้ำตาไปเป็นกระบุง ปกติเป็นคนเซ้นซิทีฟอยู่แล้วด้วย โอยยยย จะตายเอา :sad4:
แต่ชอบนะคะ ภาษาเข้าใจง่าย อ่านแล้วมีให้ลุ้นทุกตอน ตื่นเต้นดีค่ะ
ตอนจบก็น่ารัก หวานซ๊า  :o8:
สรุปเรื่องนี้ก็สุดยอดอีกเรื่องเลยค่ะ o13

รักคุณอิ๊ก :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 03-10-2010 06:29:13
eiky เค้าอ่านจบแล้ว... :a2:

เรื่องนี้ก็สนุกมากเหอะ...ผูกเรื่องได้ดีมาก
ทำให้ได้เห็นมุมมองความรักเพิ่มมากขึ้น แต่ความรักอีกอย่างที่เห็นแน่ๆคือรักจากแม่นี่แหล่ะนะ...
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆเรื่องนี้ค่ะ

ปล.....เอาครีมบำรุงใต้ตามาให้เค้าเลย..... o11 เค้าร้องไห้ตาบวมเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: badcow ที่ 03-10-2010 14:54:25
รอตอนพิเศษนะค้าบเนะ 555+
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Princea ที่ 13-10-2010 16:31:11
เมื่อไหร่จะมานะ ตอนพิเศษที่เหลือ
รออยู่นะคร้าบ...
 :L2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: dragonfly08 ที่ 15-10-2010 17:06:59
 :L2: :pig4: ขอบคุณ eiky สำหรับนิยายดีๆ เรื่องนี้ มีครบทุกรสชาิดจริงๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับความรักของแม่ ซาบซึ้งมากคะ
 
ปล อ่าน Heroine ที่นี่ไม่มีนายเอก แล้วคะ ถึงได้ตามมาอ่านนิยายเรื่องอื่นๆ ของ eiky เป็นนักเขียนอีกคนที่ติดตามผลงานต่อไปคะ
  :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: ღiสุดขอบiღ ที่ 20-10-2010 21:40:39
หลังจากประทับใจกับน้องภูมิมาแล้ว เลยเข้ามายนโฉมพี่โยกันบ้าง.... :-[

อยากบอกว่าอ่านแบบหน้าดำคล่ำเคลียดยิ่งกว่าตอนอ่านหนังสือสอบไฟนอลซะอีกค่ะ.. พออ่านจบต่อมน้ำตาเจ๊งเบ๊งกันพอดีเลยทีเดียว ฮือ............... :sad4:
ตั้งแต่อ.ปริศนารู้เรื่อง ไม่มีตอนไหนที่น้ำตาไม่ทะลักเลยค่ะ ทั้งเคลียด ทั้งเศร้า ทั้งกดดัน จนจะเป็นไมเกรน..เส้นเลือดในสมองแทบแตก! ให้ตายสิคุณอิกกี้...อิเจ๊ขอยกตำแหน่งเจ้าพ่อมหาดราม่าซุปเปอร์เอ็กซ์ตร้าซุพรีมพรีเมี่ยมลิมิเต็ดอิดิชั่นให้เลยค่ะ ซูฮกจริงๆ อ่านไปไอ้เราก็นึกว่าตัวเองเป็นหมู่เฮาเพื่อนฝูงของตาเอกับพี่โยไปซะงั้น มันอินได้ใจ~~

โดยส่วนตัวแล้วไม่ได้โกรธเกลียดอาจารย์ปริศนาเลย...เพราะว่ากันตามจริงความรักแบบนี้มันก็ยากจะเข้าใจอยู่แล้ว ถึงไม่ต้องคำนึงถึงหน้าตาของตัวเองหรือฐานะทางสังคมอะไรเลยก็เถอะนะ แต่แค่คิดไปถึงว่าแล้วลูกเรามันจะเป็นยังไงต่อไปล่ะเนี่ย..ถ้าคนอื่นๆรู้ว่ามันไปชอบผู้ชายจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง...แม้ตามอุดมคติแล้ว ความรักเป็นเรื่องของคนสองคน ไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นมาร่วมรับรู้ จะบอกว่าเราไม่ได้บอกให้คนอื่นมาเลี้ยงเราซะหน่อยไม่เห็นต้องไปแคร์คนอื่นหรืออะไรเทือกนั้นก็ตาม แต่ในความเป็นจริงแล้ว...คนเราไม่สามารถอยู่คนเดียวในโลกได้ ไม่สามารถอยู่กันแค่สองคนได้ เพราะโลกทั้งใบไม่ใช่มีแค่เราสองคนเท่านั้น ทุกคนต้องมีสังคมไม่ว่าจะเล็กใหญ่แค่ไหนก็ตาม และไม่ใช่ทุกๆคนจะรับได้หมด แม้ความรักแบบนี้มันจะไม่ได้หนักหัวใครหรือทำให้ใครเดือดร้อนก็ตาม แต่ความจริงอีกข้อก็คือ ทุกคนไม่ใช่พ่อพระแม่พระ และคนทุกคนสามารถทำร้ายคนอื่นได้ง่ายกว่าการช่วยเหลืออยู่แล้ว ดังนั้นความรักแบบนี้จึงไม่ง่ายเลย!
ไม่แปลกที่อ.ปริศนาจะกีดกันขัดขวางทุกวิถีทาง สาเหตุสำคัญประการหนึ่งที่เราคิดว่าเป็นปัจจัยหลักนอกเหนือจากความหัวโบราณของแกก็คือ เอมันเพิ่งม.5เองนะ ขี้หมูขี้หมายังไงอายุก็ไม่น่าเกิน 16 ปีหรอก ตามประสาผู้ใหญ่คงมองว่ามันยังเด็ก ไม่ประสีประสา ความคิดอ่านยังด้อย ถูกชักจูงไปในทางที่ผิดที่เสื่อมได้ง่าย และไม่แปลกที่อ.แกจะโทษว่าเป็นความผิดของพี่โย เพราะแม่ที่ไหนจะโยนขี้ให้ลูกตัวเองล่ะ! เหอๆ

อีกอย่างตาเอเนี่ยก็เด็กจริงๆนั่นแหละ นิสัยเด็กมากๆ... รั้น..จะเอาแต่ให้ชนะ ไม่คิดให้รอบครอบ คิดแต่ว่าแม่ไม่เข้าใจ เกลียดแม่ ทำร้ายตัวเองประชดประชันไปเรื่อย แม้สุดท้ายแล้วผลมันจะออกมาสมหวัง แต่อิเจ๊ไม่ชอบใจเลย ตรงที่รู้ว่าไอ้การกรีดข้อมือเหมือนจะฆ่าตัวตายเนี่ยเป็นแผน!! พอรู้ว่าแม่รัก..ถ้าเอาชีวิตเป็นเดิมพัน แม่ต้องยอมแน่...เล่นกับความรู้สึกของบุพการีแบบนี้ อิเจ๊ไม่ชอบใจจริงๆ ทำไมไม่ใจเย็นๆ คิดอะไรให้กว้างๆหน่อย ทำเหมือนเด็กสองสามขวบที่จะเอาไอนั่นไอนี่แล้วไม่ได้ ก็ลงไปชักดิ้นชักงอที่พื้นห้าง หากเอใจเย็นๆคิดถึงทุกๆคนให้มาก โดยเฉพาะโยที่ตัวเองพร่ำบอกนักหนาว่ารักจะเป็นจะตาย... สัญญาแล้วสัญญาอีกว่าจะไม่ทำร้ายตัวเอง จะจับมือเดินไปด้วยกัน... คำว่าจับมือเดินไปด้วยกันก็คือช่วยกันฝ่าฟันอุปสรรคนะตาเอไม่ใช่อย่างที่หนูทำ แล้วดูซิเกือบกลายเป็นหนังโศกอนาตกรรมแบบตำนานรักดอกเหมยซะแล้ว เฮ้อ~~

ส่วนโย...พอเอาไปเทียบกับภูมิบุญแล้วสองคนนี้เป็นความเหมือนในความต่าง ไม่ต้องพูดถึงบุคลิกลักษณะภายนอก เพราะร้อยพ่อพันธุ์แม่มันไม่มีทางเหมือนอยู่แล้ว แต่ในด้านความคิด... ทั้งสองคนเป็นคนที่รักแม่มากเหมือนๆกัน ซึ้งอิเจ๊ประทับใจที่คุณอิคกี้ใส่ลักษณะแบบนี้ลงมาที่ตัวนายเอกทั้งสองคนจริงๆ อ่านแล้วมันสะทกสะท้อนใจๆ ...แต่สิ่งที่ต่างกันของทั้งสองอย่างเห็นได้ชัดก็คือความคิดในการจัดการกับปัญหา และการจัดการอารมณ์ของตัวเอง ในเรื่องนี้ต้องบอกว่าภูมิบุญเก่งกว่าโยมาก แม้สถานการณ์จะไม่เหมือนกันเสียทีเดียว แต่ก็พอจะเล็งเห็นได้
ตอนอ่านเรื่องของภูมิบุญ...รู้สึกว่าเคลียด กดดัน บีบคั้นหัวใจเหลือเกิน แต่ท้ายสุดมันจะห้อยความสะใจมาให้คลายเคลียดเสมอ
แต่ในเรื่องของโย...มันมีทั้งความเคลียด กดดัน บีบคั้นหัวใจ เศร้า และอึดอัด ตั้งแต่ช่วงประมาณตอนที่ 30 กว่าๆ เป็นต้นมา จนกระทั่งสองตอนก่อนสุดท้าย สภาวะทางอารมณ์ไม่มีการผ่อนปนความขมึงเกรียวเลยสักนิดเดียว...

แต่พอเรื่องทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี ความรักของเอกับโยก็ทำให้อิเจ๊ประทับใจ เจ้าเอที่ตอนแรกๆดูมันหยอกๆแหย่ๆโยเหมือนหมาหยอกไก่แล้วหมั่นใส้ ไม่คิดว่ามันจะจริงจัง ตอนแรกอิเจ๊คิดว่าเรื่องนี้มันจะดราม่าตรงที่พอโยรักเจ้าเด็กนี่จริงๆแล้วรู้ว่ามันไม่จริงจังด้วยแค่อยากลองตามประสาวัยรุ่น เลยเสียใจ คิดตัดใจ แล้วพอโยจะตัดใจ เจ้าเด็กเอก็เพิ่งมารู้ว่าเฮ้ย! เรารักพี่มันจริงๆนี่หว่า...ไม่ใช่แค่เล่นๆนะเฟร้ย~~ ประมาณรู้สึกตัวเมื่อสาย แต่ทำไงดี ทำพี่มันเสียใจไปแล้ว..ทำร้ายจิตใจไปก็ไม่ใช่น้อย แล้วเราจะไปขอคืนดีมันยังไง แล้วก็เกิดขบวนการโคตรดราม่าขึ้น... แต่ที่ไหนได้ ความเน่าแบบนิยายเจ็ดสีที่อิเจ๊คิดว่าจะเกิดเพราะมองการกระทำทีเล่นทีจริงของเอมันตั้งแต่แรกเป็นภาพติดตา ไม่ยักกะเกิดขึ้น ปัญหาดันไปเกิดที่ตัวอ.แม่ซะงั้น...ก็นะ ใครจะไปคิดว่าเด็กนี่มันรักจริงหวังแต่ง ตอนอ่านมันสวีดหวานวี้ดวิ้ว~~กับโยก่อนมารดาบังเกิดเกล้าคุณน้องเค้าจะรู้เรื่องอิเจ๊ยังระแวงมันไม่หายเลยนะขอบอก แต่พอเห็นเจ้าเอมันดีเสมอต้นเสมอปลายแบบนี้ (ถึงจะมีการกระทำงี่เง้าเข้ามาด้วยก็เถอะ...ทั้งสูบบุหรี่ กินเหล้า เสพยา เฮ้อ... :เฮ้อ:) ต้องบอกว่าประทับใจมากมาย คนเรามันจะคู่กัน อะไรก็มาขวางไม่ได้ แม้แต่ความตายสินะ

ตอนที่โยหัวใจหยุดเต้น อิเจ๊อ่านไปกลั้นหายใจไป ลุ้นซะยิ่งกว่าเชียร์ผลบอลโลก!... เกือบได้หยุดหายใจตามไปด้วยแล้วมั้ยล่ะ เหอๆ  :o8:

ในเรื่องนี้...ชอบตัวละครทุกตัวเลยค่ะ (ยกเว้นชะนีนางน้อยตัวนั้น) ทุกคนก็มีสีสันเป็นของตัวเอง แต่ที่ประทับใจที่สุดก็คงหนีไม่พ้นคุณแม่ของโย ไม่รู้เป็นไรชอบผู้หญิงแบบนี้จริงๆ  :-[

สุดท้ายคงหนีไม่พ้นคำขอบคุณ... ขอบคุณอิกกี้สำหรับนิยายดีๆอีกเรื่อง รู้สึกว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องแรกสินะคะ...ถึงจะเป็นเรื่องแรกแต่นิยายเรื่องนี้ก็ไม่มีที่ติเลยจริงๆ ความประทับใจก็ไม่แพ้กับเรื่องที่นี่ไม่มีนายเอกเลย... แล้วอีกอย่างที่อยากจะชื่นชมมากๆก็คือ ทั้งสองเรื่องที่อ่านมันแยกเป็นสองเรื่องจริงๆ ไม่ได้รู้สึกว่าอ่านเรื่องเหมือนๆเดิมเลยซักนิด (อืม..ไม่รู้คุณอิกกี้เข้าใจความหมายของอิเจ๊รึเปล่า) คือมันได้ความรู้สึกคนละแบบ เหมือนหนังคนละม้วนจริงๆ ไม่ใช่แค่เปลี่ยนตัวละครแต่อย่างอื่นคงเดิม หรือคล้ายๆเดิมน่ะค่ะ

ฮิฮิ...เอาเป็นว่าขอ :กอด1: หนึ่งทีแทนการให้คะแนนนะคะ ก็แหม...จนป่านนี้ อิเจ๊ก็ยังคุณวุฒิไม่พอจะไปบวกให้ใครได้เลยอ่ะ ฮึ..แอบน้อยใจ~~ คริคริ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 21-10-2010 05:44:20
มานอนรอตอนพิเศษ
คิดถึงน้องโย น้องเอ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: MyTeaMeJive ที่ 21-10-2010 06:37:03
อ่านจบแล้ว  :sad11:

สนุกมาก และ ขอบคุณมากครับ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: moonoi_sert ที่ 01-11-2010 01:01:26
 :L2:อ่านแบบรวดเดียวจบภายใน 1 วัน ขอบอกว่าเรีกยน้ำตาได้เยอะมาก อ่านแล้วร้องไห้ตามเลย :L2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: TaroT ที่ 03-12-2010 02:28:02
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ 2 ที่ตามมาอ่านครับหลังจากจบเรื่องน้องภูมิกะ พี่โต้แล้ว......

ว่าแร้วววไปติดตามอ่านก่อนนะคร้าบบบบ :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: TaroT ที่ 03-12-2010 05:46:02
อ่านถึงตอนที่21 อ่ะครับ สงสารโย....... :sad11: :sad11: :sad11:

อยาก :z6: ไอ้น้องเอมาก......

แต่ทำไมไม่รู้ ณุ้สึกว่า น้องเอ แมนดีแฮะ!!!!

ยอมให้โยตีจนเลือดไหล เพราะตัวเองก็ทำกับโยไว้เหมือนกัน.......

แมนหว่ะ !!!!!!!!!!!!!!

หลงเอแร้วเนี่ย !!!!!!! :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: TaroT ที่ 04-12-2010 04:34:45
น้ำตาท่วมแร้ววว   :sad4: :sad4: :sad4:

รู้ครับว่าอิกกี้บอกว่าจะจบอย่างมีความสุข....

แต่อ่านถึงตอนเอคิดสั้น แล้ว น้ำตาอาบแก้มอ่ะ......

 :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: TaroT ที่ 04-12-2010 05:47:38
จบแร้วครับ อ่านจบแร้วววว :mc4: :mc4: :mc4:

สนุกมากมายครับ ตอนพิเศษก็น่ารักมาก...........................

ขอบคุณอิ๊กกี้ครับ ขอบคุณมากๆสำหรับนิยายสนุกๆเรื่องนี้ จะตามอ่านผลงานของอิ๊กกี้ต่อไปคร้าบบบบ

ขอบคุณอีกที จากใจครับผม :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: rainy_naja ที่ 13-12-2010 04:12:27
ขอบคุณนะคะสำหรับเรื่องราวดีดี \\(^^)//  (>/////<)
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: I_HAM_NOI ที่ 17-12-2010 14:46:54
อ่านนิยายของ คุณ eiky ที่ไรได้มีฉากเรียกน้ำตาทุกทีซิน่า  แต่หยุดอ่านไม่ได้เลย  นิยายคุณ eiky สุดยอดครับ :pig4:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 20-12-2010 20:33:07
เข้ามาขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านนะครับ

โดยเฉพาะ คุณ SK26 เชื่อไหมว่าทุกตัวอักษรที่คุณเขียนมา ผมอ่านแล้วมีความสุขมาก เพราะเหมือนว่าคุณได้ใส่ใจในทุกตัวอักษรที่ผมสื่อออกไป ขอบคุณมากครับ

เพื่อนๆคนอื่นๆก็ขอขอบคุณจากใจนะครับ น้อยคนนักที่จะชอบเรื่องเศร้าๆ เพราะคนเราก็มีเหตุผลส่วนตัวในการเสพนิยาย ชีวิตจริงของคนเรามันหนักหน่วงมากพออยู่แล้ว การที่จะรับสิ่งหนักๆเข้าไปอีกแทนที่จะได้เป็นการพักผ่อน แต่กลับกลายเป็นเอาอะไรใส่เข้าไปในหัวอีก ต้องขอนับถือเพื่อนๆทุกคนครับ ที่ยอมตัดใจอ่านจนจบ

ผมเองตอนเขียนก็น้ำตาไหลนะ ไม่รู้อินจัดหรืออะไร แต่เวลาเขียนมันไหลดี ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกันว่าผมจะเขียนให้คนอื่นบอกว่าน้ำตาไหลได้ ตัวจริงนี่ปัญญาอ่อนมาก โก๊ะๆ ฮาๆ

แต่ผมเป็นคนแปลกตรงที่ว่าชอบอ่านนิยายหรือกลอนที่มันเศร้าๆ เวลาอ่านแล้วน้ำตาไหลมันเหมือนเป็นการระบายอย่างหนึ่ง (ถือว่าเป็นโรคจิตไหม) อิอิ แต่ก็นะพอน้ำตาไหลออกมาแล้วก็รู้สึกโล่งสบายนะ อิอิ

ผมคิดว่าจะพยายามคิดตอนพิเศษนะครับไม่ใช่ปล่อยทิ้งไปเลย แต่ก็นะ พยายามผูกปมผูกเงื่อนแล้ว แต่ก็ได้เรื่องใหม่แทนซะนี่ เลยไม่มีโอกาสเขียนใหม่ซะที คงต้องกลับไปอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นจนจบอีกรอบ

เอาเป็นว่ายังไงผมก็ไม่ทิ้งนิยายเรื่องแรกของผมหรอกนะครับ รู้ไหมเรื่องนี้คิดพล็อตมาตั้งแต่อยู่ ม หก ฮ่าๆๆ ตอนนี้ก็ปาไปหลายแล้ว

ขอบคุณอีกครั้งนะครับ ที่ให้กำลังใจ และขอบคุณสำหรับทุกคำติชม

อิ๊กกี้
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 20-12-2010 20:45:28
ฉึกๆ จิ้มอิกกี้ 555
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 20-12-2010 20:50:01
ฉึกๆ จิ้มอิกกี้ 555

อ้าว ไหนบอกไปกาญจน์ไงป้า แอบอู้เหรอ อิอิ

คิดถุงๆๆๆ มาๆ กอดหน่อย
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 20-12-2010 21:03:44
บัดนาว อยู่กรุงเทพฯ แต่จะไปอีกทีวันศุกร์เช้า 555

แค่สงสัยใครผู้ใด มาช่วยขุดกระทู้เรื่องโศกรันทดนี้ขึ้นมา 555

โศกปนหวาน ก็พอทน แต่โศกาอาดูร 555 คงต้องไปหาที่อื่นอ่าน

(ได้ข่าวอีป้าแก่ ๆ ซาดิสด้วยคน 555)

พลังชีวิตกลับมาแล้วใช่ไหม อิกกี้
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 20-12-2010 21:08:32
บัดนาว อยู่กรุงเทพฯ แต่จะไปอีกทีวันศุกร์เช้า 555

แค่สงสัยใครผู้ใด มาช่วยขุดกระทู้เรื่องโศกรันทดนี้ขึ้นมา 555

โศกปนหวาน ก็พอทน แต่โศกาอาดูร 555 คงต้องไปหาที่อื่นอ่าน

(ได้ข่าวอีป้าแก่ ๆ ซาดิสด้วยคน 555)

พลังชีวิตกลับมาแล้วใช่ไหม อิกกี้

โว้ๆๆๆๆๆ ป้าคร้าบ เขาเรียกพลังแห่งแรงใจ อิอิ
เหมือนจะมาแล้วนะ อิอิ สวดมนต์มากไปหน่อย ผีเลยออก แว้กกกก
ป้าไปเที่ยวกาญจน์ไม่หนาวเหรอ พี่เขยไปด้วยอ่ะเปล่าอ่า อิอิ

แต่ทำอะไรระหวังหน่อยน้า รู้สึกว่าที่พักที่กาญจน์มันจะเป็นไม้ เดี๋ยวมัน แอ๊ด อ๊าดๆ อิอิ

จุ๊บๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 20-12-2010 21:16:41
ชอบทำให้คิดไปโน่น... แต่จะว่าไปน่าสนดีเหมือนกัน

บรรยากาศหมอกยามเช้า อากาศเย็นยามค่ำ

กับ







เสียง







 แอ๊ด อ๊าดๆ




แค่คิดก็หยิวจะแย่แล้ว คริๆ


หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 27-12-2010 00:24:12
Eiky อยากอ่านตอนพิเศษ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: yakusa ที่ 03-01-2011 01:05:18
เพิ่งรู้ตัวเองว่าซาดิส  อ่านไปร้องไป ก็อ่าน

 :L1:


 :กอด1:

สนุก ถึงจะ "ระเบิดภูเขา เผากะท่อม" เราก็ชอบ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: love2y ที่ 09-01-2011 03:58:29
โอยยยยยยยย ในที่สุดก็จบซักที วันนี้อ่านทั้งวันเลย
ทำงานไปแป๊บๆ แอบกลับมาอ่านนิยายอีกตอนนึง
ทำสลับไปสลับมาทั้งวัน เลิกงานรีบกลับบ้านมาอ่านต่อจนจบ
สุดยอดดดดดดดดดดดดดดดด ครบรสจริงๆค่ะ
เดี๋ยวยิ้ม เดี๋ยวร้องไห้ เดี๋ยวหัวเราะ เดี๋ยวเจ็บแปล่บที่ใจ
อ่านไปได้ครึ่งเรื่องกลัวมาก กลัวจบไม่แฮปปี้ - -"
จะเลิกอ่านหลายที่ แต่ด้วยความที่ลุ้นมาทั้งวันแล้วก็เลยกลั้นใจอ่านต่อ
(อ่านแต่นิยายอย่างเดียวเลย พยายามไม่อ่านคอมเม้นท์ กลัวยิ่งช้า ฮ่าๆๆ)


ตอนแรกไม่ได้อ่านเรื่องนี้ เรื่องแรกที่อ่านคือเรื่องของน้องญี่ปุ่น
แต่อ่านไปได้ซักพักนึงก็ไม่ได้อ่านต่อ แบบว่า.....ยังไงดีล่ะ
ไม่บอกได้มั้ย เรากลัวแฟนคลับน้องญี่ปุ่นโกรธอ่ะ แหะๆ((ขออภัยอย่างแรง))
แล้วก็อ่าน"นางร้าย"ต่ออีก....วันนี้ช่วงเช้างานยังไม่เข้าเลยลองหานิยายของคุณอิ๊กอ่านดู
มาเจอเรื่องนี้ก็เลยอ่านยาวเลย คึคึ


ขอบคุณนะึคะ สนุกมากๆค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: precious_Aoffe ที่ 10-01-2011 20:32:50
ชอบมากครับ

บ้านคนเขียนอยู่ใกล้ๆเลย

ชอบเรื่องนี้มากครับ

อิน !  [ ไม่ดี้นะ ]

เห็นเขียนแถวๆ อ่อนนุช  ผมเองศึกษาใน ซอย ออนนุช 44 ครับ

คงรู้

ชอบมากเพราะที่ แต่งมาผมเคยไปเดินแล้วทั้งสิ้น ^^
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Chinnosuke ที่ 11-01-2011 18:05:57
ร้องไห้จนตามบวมไปทำงานเลยคับพี่อิ๊ก
มันบีบอารมณ์มากทุกฉากทุกตอน
ตัวละครมีพัฒนาการให้เราตามไปเรื่อย
คนสองคนที่รักกันมาแต่ต้องโดนพรากจากกัน
เป็ฯนิยายเรื่องแรกที่อ่านรวดเดียว วันเีดียวจบ
สุดยอดคับ
ตอนนี้ตามทุกเรื่องของพี่อิ๊กนะยกเว้น สนิมน้ำค้างเพราะยังทำใจอ่านไม่ได้
อย่าโกรธเค้าน้า เพราะเท่าที่อ่านตอนแรก น่าจะหนักกว่า โยกะเออีก
เสร็จแล้วก็ไปหาภูมิแรกๆมันดี นึกไว้แล้วว่าของพี่นี่มันต้องมีจัดหนักมาแน่
และก็มีจริงๆด้วยอ่าาา
เลยต้องไปพึงนู๋ญี่ปุ่นแทนอ่าาาาาา
ช่วยได้
ยิ่งตอนนี้มีคุณนาย
คุณหลวง
น้องต้อม
ยิ่งคล่องคอ
แต่ผมคิดว่า
อีกไม่นาน
พี่คงจัดหนักมาอีกแน่
่ใช่ไหมเพ่่พพพพพพพพพพ :L2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 11-01-2011 19:12:22
รีบนคะ โย&เอ หนักสุดแล้วค่ะ
เรื่องอื่นอ่านได้สบายใจโลดคะ 555
อีป้าแก่ๆ ฟันธงคะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Chinnosuke ที่ 11-01-2011 23:46:21
ถ้าคุณป้ามายืนยันเองไอ้กระผมก็โล่งงคับ
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Hachi_an1234 ที่ 20-01-2011 02:20:14
พี่โยเป็นคนดีมากมายอะ.... แอบอิจฉาเอนะเนี้ย.. ฮาๆๆๆๆ
เกลียดพี่ตั้มเว้ยเห้ย..... มาบอกว่าพี่โยแข็งเป็นท่อนไม้... เป็นแฟนกันภาษาไรทำร้ายกันได้ขนาดนี้...
แบบตอนแรกที่อ่านเนี้ยกลัวโยจะโดนเอหลอกมากๆๆเลยอะ.. ก็แบบเอชอบบว่าโยว่าตุ๊ดบ้างอะ..
แล้วก็แบบคิดว่าเออยากลองมากกว่าอะ.. แบบอยากรู้ว่าการมีไรกับผู้ชายมันเป็นยังไง...
ตอนแรกเนี้ย... อยากด่าเอมากมาย.ยิ่งตอนที่เอขมขื่นพี่โยด้วยแล้วนะ.. อยากจะกระถืบบบบบ....
แบบมันมีหลายๆตอนที่ทำให้คิดอะ.. ก็แบบตอนที่โยเอาไม้ตีเอแล้วเห็นวาวตา ท่าทางของเอ..
ตอนที่อ่านนี้คิดว่าแบบเอาแล้วไง.. เอมันจะแกล้งไรพี่โยอีก.. ไม่ยอมนะเฟ้ย..
แต่พอมาตอนที่รักกันแล้วไปเที่ยวด้วยกัน.. นี่เจ๋งมากอะ... โคดชอบตอนที่ไปเสม็ดเลยอะ.. อาบน้ำด้วยกัน.. ฮูๆๆๆ น่ารักกกก
แล้วก็เข้าใจนะที่เอ.. ทำร้ายตัวเองอะ.. อยากจะประชด.. แต่เอก็น่าจะคิดถึงคนข้างหลังด้วยนะ.. ทำให้ใครๆๆเสียใจอีกมากมายอะ..
อยากอ่านตอนที่พี่โยกับเอหวานๆๆกันอีกอับฮับบ eiky ชอบมากมายอะ..
พี่โยเป็นแฟนที่ดีอะ.. เป็นคนในอุดมคติได้เลยนะเนี้ย.. น่ารักชะมัด.. ส่วนเอก็เป็ฯแฟนที่ดีอะ...
แต่อย่าให้รู้ว่าเจ้าชู้นะเอ.. ยิ่งอยู่ในมหาลัย.. แรด ชะนี etc. อีกมากมายมันเยอะเกินจะทน...

สุดท้ายขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆๆที่มีแง่คิดหลายๆอย่างนะฮับ.. เป็ฯเรื่องที่สนุกมากมายเลยอะ...
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: BaII ที่ 20-01-2011 18:40:56
เย้ อ่านจบแล้ว สนุกมากๆเลยคับ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: eyejaejae ที่ 25-01-2011 19:17:44
โอ้ยยยเรื่องนี้เล่นเอาวางไม่ลงเลยยย

สนุกมา่กเลยค่ะ เวลาน่ารักนี่เขินมากก

แต่เวลาเศร้านี่เล่นเอาน้ำตาซึมเลยค่ะ

หวังว่าจะได้อ่านเรื่องต่อๆไปค่ะ :3123:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: tummy22 ที่ 24-03-2011 20:29:29
ขอบคุณครับผม..................... :pig4:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: ku_nan_jung ที่ 25-03-2011 15:50:31
สนุกมากค่ะ นั่งอ่านมาสองวัน
ตอนดราม่านั่งลุ้นสุดๆอ่ะ

ชอบ พลกับบอมมาก ปากแข็งทั้งคู่

ก่อ ขอบคุณไรเตอร์ มากๆ ที่เอานิยายสนุกมาให้อ่านกัน
จะติดตามเรื่องต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: nbom_pkai ที่ 27-03-2011 23:18:47
โทษนะครับ  น้ำตาผมหมดก๊อกแล้ว คุณจะเอาอะไรอีก
ฉากหวาน  หวานได้ใจ  ร้องไห้ ทิชชู่สิบม้วนเอาไม่อยู่
แงๆๆ  สนุกอ่ะครับ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: DeJavu~ ★ ที่ 10-04-2011 01:46:43
อ่านเรื่องนี้ บอกได้คำเลยว่า ไม่รู้จะอธิบายยังไงจริงๆๆ

แบบว่า อีกมุมมันก้อโดนใจ อีกมุมหนึ่ง มันก้อเศร้าได้ใจมากๆๆเลย

คุณ อิกกี้ แต่งเรื่องเนี่ย รู้เลยว่าอนุภาคควารักมันมีมากๆขนาดไหน

มันทำให้ใครบ้างคนถึงกับยอดปลิดชีวิตเพื่อคนที่ตนรัก (อ่านเเล้วอิจฉาเฟ้ย อยากมีกับเค้าบ้าง ช่วยมาจีบมาจีบฉันที  :z6: :z6: ในขณะเดียวกันมันก้อทำให้ใครบ้างคน มีความ

สุขมากที่สุดในโลก 

ชอบโย มากๆๆอ่า น่ารักใสๆๆ  แล้วเป็นคนดีสุดๆๆ (อยากมีแบบนี้จังครับ หลบตีนน้องเอด่วน)

ส่วนน้องเอ หล่อ หล่ำ แมน ถึก เวลาพูดกับโยเนี่ยมีคะ ทุกคำเลยฟังเเล้วใจละลายเลยเนี่ย เป็นพระเอกที่รักนายเอกแบบสุดๆๆๆ  (อยากมีแบบน้องเอบ้างๆๆ พูดที มีคะ ทุกคำเลย

ชอบน้องเองมากๆๆเลย โอยย ยกให้เป็นพระเอกในดวงใจเลยนะเนี่ย  (แต่เสียดายเค้าไม่ชอบมีแฟนอายุน้องกว่าอ่า ดิ เค้าไม่ชอบกินเด็ก อิอิ

ชอบน้องเอมากๆๆเลยเว้่ย อ่านแล้วอยากจะ...

และในสุดท้ายนี้ ก้อต้องขอขอบคุนพี่อิกกี้มากๆๆครับ

ทีุ่อุตสาห์เสียสละเวลา เขียนเรื่องราวดีๆที่ืน่าประทับใจให้มาอ่านกัน

รักพี่ิอิกกี้ครับ ขอบคุนอีกครั้งครับ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 12-04-2011 17:49:59
อ่านเรื่องนี้แล้วปวดหน่อยตามากๆค่ะ

โอ๊ยยยเครียดสุดๆ  คนละอารมณ์กับ "นาย" เลยอ่ะ

จิตตกมากอะไรมากตอนนี้  ดีนะ  จบแบบ Happy

แต่ก็นะเหมือนจะนำเสนอเรื่องได้แบบอิงชีวิตจริง

สรุปสนุกค่ะ  +1 นะคะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: PLAENDI ที่ 13-04-2011 06:20:09
pretty good!! ^^
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: lastlover ที่ 18-04-2011 11:50:37
โห...กว่าจะอ่านจบได้น้ำตาถล่มจอเลยค่ะ เศร้าสุดแล้วก็หวานเจี๊ยบเชียว   แต่ที่ชอบมากๆๆๆๆๆอย่างหนึ่งก็คือ ชอบให้เอ พูด ค่ะ กับแฟน   รู้สึกเหมือนเค้าจะรักแฟนมากๆๆๆๆๆค่ะ    นิยายแต่ล่ะเรื่องทรมานจิตดีจริงๆค่ะเนี่ย o13
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: cy55555 ที่ 24-04-2011 20:37:35
สนุกมากค่ะ  กินน้ำตาแทนข้าวกันเลยทีเดียว
แต่เวลาหวาน ก็ถึงขนาดมดไต่ตมกันให้วุ้น
ชอบที่เอพูดค่ะ เค้า...ตัวเอง...นะคะ...
ขอแบบนี้สักคนคงนอนตายตาหลับ  ฮ่าๆๆๆ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 25-04-2011 02:45:26
กว่าจะอ่านจบ  เสียน้ำตาเกือบโหล  

โอ้ย กว่าจะผ่านมาได้


เเต่จบ แอปปี้   ชอบๆๆๆ     ขอบคุณคุณeikyมากครับบบบบที่เเต่งนิยายดีๆ ให้เราได้อ่านกัน  ขอบคุณนะครับบบ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: debubly ที่ 26-04-2011 00:01:16
 :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Saint De Jupiter ที่ 07-05-2011 02:54:36
 :กอด1: คนแต่ง

 :L2:

 :pig4:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: ♫~Eristneth~♪ ที่ 08-05-2011 18:08:20
สนุกมากค่ะ  o13

อ่านเเล้วก็อินตาม  :-[

ร้องไห้ซะ  :o12:


ขอบคุณนะคะ  :3123:
 :bye2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Smirnoff ที่ 09-05-2011 02:52:13
โอ้ยนะ กว่าจะลงเอยกันเล่นเสียน้ำตาไปเปงปิ้ปแล้วพี่อิกกี้ :z2: :monkeysad:
แหมๆ ชอบตอนเอเล่าอะ  เด๋วก้อหวานใจ เด๋วก้อที่รัก  อึ้ยยยย อิจฉา :man1:
ลุ้นมากกว่าบอมกะพลจะตกล่องปล้องชิ้นกันเนี่ย 555 :m20:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: barahi ที่ 09-05-2011 05:35:25
ขอก๊อบไปอ่านก่อนนะครับ แอบอ่านคอมเม่้นแล้วอดใจไม่ไหวจริงๆ อิอิ อยากเสียน้ำ(ตา)กับเค้าด้วยคน อิอิ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: jpkoko ที่ 20-05-2011 12:59:54
กว่าจะอ่านจบ น้ำตาลไหลเป็นปีบ  :o12:

แต่.... สนุกมากกกกกกกกกกก  o13
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Still_14OC ที่ 23-05-2011 23:58:20
เฮ้อ กว่าจะฝ่าอุปสรรค์มาได้แทบจะแลกด้วยชีวิตเลยทีเดียว อิจฉา โยกับเอ ที่ พอรู้ว่าเวลาของความรักมีค่าแค่ไหนก็รักกันเต็มที่ทุกวินาที  :impress2: o13
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: -~iK@iZ_KunG~- ที่ 24-05-2011 19:28:53
นั่งอ่านตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ออกไปไหนเลยครับ
อ่านไปร้องไห้ไปกับหลายๆ ตอน
แล้วก็คิดไปว่า เราพลาดนิยายดีๆ แบบนี้ไปได้ไง
อิจฉาโยกับเอนะครับที่ได้รักกัน ผมนี้สิยังหาไม่ได้เลย
อ่านเรื่องนี้แล้วได้อะไรหลายๆ อย่างเลย
แต่ที่ประทับใจที่สุดคือความรักของแม่
ประทับใจมากครับ เป็นคุณแม่ที่ดีที่สุดเลย
แต่ไม่รู้แม่ผมจะรับได้มั้ย อิอิ

ยังไงก็ขอบคุณคนแต่งมากๆ เลยนะครับ
ที่สร้างสรรค์ผลงานดีๆ แบบนี้มาให้เราได้อ่านกัน
ขอบคุณครับ ขอบคุณจริงๆๆ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: โดดเดี่ยวแต่ไม่ ที่ 07-07-2011 18:40:38
มาแปะไว้ก่อน ตามหาตั้งนาว่านิยายเรื่องอยู่หน้าไหนที่ไหนได้ตกไปหน้า 5แล้วเลยมาดันไว้ก่อน
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: โดดเดี่ยวแต่ไม่ ที่ 10-07-2011 17:31:51
ถึงแม้ว่าตามมาอ่านทีหลัง แต่ขอบอกว่าสนุกมากๆๆ
อ่านไปร้องไห้ไป ตาเนี่ยบวมจริงๆเสร้ามากๆเลยครับ
กว่าจะฟันฝ่ามามาได้ไม่ใช่ง่ายๆๆ ขอให้รักนี้นิจนิรันด์นะครับโยและเอ :L1:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: azure™ ที่ 07-09-2011 02:26:18
สวัสดีค้าบคุณ eiky

เพิ่งมีโอกาสได้อ่านเรื่องนี้ครั้งแรก เผลอตัวอ่านรวดเดียวจบเลย เสียทิชชู่ซับน้ำตาไปทั้งหมดสี่แผ่น แฮะๆ
ขอบคุณมากๆเลยนะครับ สำหรับเรื่องราวดีๆเรื่องนี้ ชอบมาก บรรยายไม่ถูกเลยครับ ว่าชอบตรงไหนที่สุด ^^
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Andestiney ที่ 07-09-2011 21:56:04
สุดยอดค่า


สนุกมากๆเลย


ซึ้งๆดี ดีนะที่จบแบบ happy ending ไม่งั้นเอาเก็บไปร้องไห้แน่ๆ :monkeysad:


 :bye2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 08-09-2011 02:54:55
มารอตอนพิเศษหรือภาค 2
น้อง eiky มาต่อได้แล้ว
+1 +เป็ด
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: SoN ที่ 09-09-2011 13:17:43
^^
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: bytoey ที่ 17-09-2011 00:30:23
ยังไม่มาอีกหรือค่ะ รออยู่นะ มาเร็วๆๆ อยากอ่านมากมายคร้าา o22
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: ASSASSIN ที่ 17-09-2011 18:06:26
อ่านไปปวดตับไป  ลุ้นซะข้าวปลาไม่ได้กินเลยอะ  :laugh:
เนี่ยะหละเนอะ รักมากก็ทุกข์มาก สงสารเอกะโยเป็นที่ซู้ดดด  โดยเฉพาะเอ ยังเด็ก วิธีแก้ปัญหาเลยน่าหวาดเสียวโคตร :z3:ยกให้เป็นเจ้าพ่อดราม่าอันดับ1ของเล้าเลยครับ อ่านแต่ละตอน แทบทรุด ยังดีนะที่จบไม่เศร้า ถ้าจบเศร้ามีหวัง คนอ่าน หัวใจวาย  :sad2:

+1 คร๊าบบบ  o13 จุ๊บๆ  :จุ๊บๆ:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 17-09-2011 20:16:36
น่ารักจังครับ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: obab ที่ 19-09-2011 04:01:45
กลับมาอ่านอีกรอบก็ยังสนุกเหมือนเดิม (^O^)/
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: kamikame ที่ 25-09-2011 14:38:16
 :L2: อ่านจบแล้วสนุกดีฮ๊าฟฟฟ
ถึงแม้จะร้องไห้ซะเหนื่อยเลย   :m15:
แต่ก็ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดี ๆ นะฮ๊าฟฟฟฟ  :man1:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: boworange ที่ 27-09-2011 20:26:57
 o13 o13 มาตามจนจบคะ เยี่ยมคูณสองมากๆ o13 o13

ขอ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: เพ่ขุน ที่ 30-09-2011 19:18:13
[สนุกมาก

น้ำตาซึมเลยอะ[/font


 :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:


หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: moonoi_sert ที่ 22-10-2011 07:38:26
 :m15:มาอ่านรอบที่ 2 อ่านไปก็น้ำตาไหลไป คนเขียนแต่งได้แบบกระชากอารมณ์มากๆ โดยเฉพาะตอนที่เกิดเรื่องต่างๆ ขอบอกว่าบีบคั้นใจมากๆ  :m15:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: POPEA ที่ 03-11-2011 18:04:36
เพิ่งเข้ามาอ่านเรื่องนี้ค่ะ
แต่ยังอ่านไม่จบ คือมันเศร้า+ซึ้งมากเลย~
 :monkeysad:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Mickii ที่ 13-11-2011 22:16:46
อ่านจบแล้วคะ รู้สึกว่าสนุกมากๆๆ

ยิ่งตอนที่เรียกอารมณ์แบบว่าน้ำตาเต็มหน้าเลยอ่ะ

แต่ก้อยังดีที่ทั้งคู่รักกัน และจบแบบแฮปปี้

ถึงแม้ว่าเอจะแมนแค่ไหน แต่ก้อแอบเทใจให้นายบอมไปซะแล้วอ่ะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 14-11-2011 15:52:13
ตอนแรกอ่านไปทำไมเอมันแสบ
กวนโอ๊ยน่าจับตืบซะหลายยก
อ่านไปอีหน่อยเริ่มหวานกันซะ
ใจละลายอ่านไปอีกมันเริ่มดราม่า
ขึ้นเรื่อยๆเรียกได้ว่าจัดเต็มไปมั๊ย
เอาจิตตกน้ำตาแตกใส่ตุ่มไม่พอ
บทสรุปสุดท้ายมันHappyเราดีใจ
เพราะมันน่ารักอบอุ่น :กอด1:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: nona159 ที่ 21-11-2011 00:42:32
อยากบอกว่าติดเรื่องของeikyเพราะเรื่องเมื่อผมรับบทฯ

แล้วก็เลยตามมาหาอ่านเรื่องอื่นต่อ เรื่องนี้แบบว่าอ่านไปลุ้นไปเลย

ให้ความรู้สึกแบบว่าทั้งคู่เค้ารักกันมากจริง

พอเมื่อเจออุปสรรคต่างคนก็ต่างเหมือนจะตายกันเสียให้ได้

อ่านไปก็ร้องให้ไปอ่ะ ดีนะที่ไม่จบเศร้า

ปล.รัก eiky จ้ารอเรื่องต่อไปนะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: tittawat ที่ 07-12-2011 21:46:50
ใครจะเชื่อ ว่าอ่านเรื่องนี้มา5รอบแล้ว !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Homepage ที่ 12-12-2011 22:41:30
ติดตามอ่านนิยายของพี่คนเขียนมาได้ สองเรื่องแล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สาม
ยังคงประทับใจในเรื่องราวเหมือนเดิม เหตุการณ์ที่เกิดในเรื่องนี้ก็คงคล้ายคลึงกับของใครหลายๆ คน
อยากอ่านภาคต่อหลังเอเรียนจบจังเลยอ่ะครับ 55555 :)
รู้สึกดีที่ได้อ่านเรื่องนี้ และจะจดจำเอาไว้ในส่วนลึกของใจว่ามีเรื่องราวดีๆ ที่ทำให้ยิ้มได้เช่นนี้
ขอบคุณนะครับที่สร้างรอยยิ้มบนริมฝีปากให้ผม ^_________^  :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 28-12-2011 15:34:20
ชอบเรื่องนี้มาก เเม้มันจะเศร้าไปนิด(ไม่นิดละ)

ชอบเวลาที่พี่โยกับเอ คุณกันมันน่ารักมากๆ :pig4:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: praseat ที่ 28-12-2011 20:28:50
 :m11: :m11:ขอบคุณครับ....นิยายแต่งดีมากๆ....มีความเป็นธรรมชาติ.....มีเหตุมีผลรองรับสถานการณ์ต่างๆ....ครบรส....การบรรยายทำให้เห็นภาพทำได้ดีมาก....เนื้อหาแฝงคติให้ได้คิด....ขอชื่นชมมากๆ...อย่างนี้รับไปเต็มๆ 100 คะแนนคร้าบบ :mc3: :mc2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: express_men ที่ 04-01-2012 09:02:22
ขอบคุณมากครับ ต้องบอกว่าสุดรันทดจริงๆ จากพล็อตเรื่อง บวกกับสำนวนการเขียน บีบคั้นสุดๆ

ผู้อ่านที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงนี่ อาจจะต้องถูกละเว้นได้ เอิ๊กๆ

เนื้อหายาวมากหลายสิบตอนจบ เดินเรื่องได้ดีครับ

แหม แต่ขอนิดนึง บางทีในตอนมันดูซ้ำไปมา ร้องแล้วร้องอีก  :beat: อะไรมันจะร้องเยอะขนาดนั้น

บางครั้งนิยายเราอ่านอาจจะสงสัยว่า ทำไมมันอย่างนั้น อย่างนี้ แต่ในชีวิตจริงเราก็ไม่ต่าง บางครั้งการกระทำ หรือ สิ่งรอบกายเราก็ไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยเหตุผลเสมอไป เพราะมนุษย์มีจิตใจ มีอารมณ์เป็นที่ตั้ง นั่นละคือสาเหตุ ว่าทำไมบางอย่างดูไม่สมเหตุผล แต่สมจริงกับความรู้สึกและอารมณ์ เป็นเรา เราก็คงทำเช่นนั้น .. วินาทีนั้น เหตุผลหรืออารมณ์ ที่จะเป็นใหญ่ ครับ ?

ยังไงก็ขอบคุณมากครับ อ่านรวดเดียวจบ 5 ชม. อาบน้ำนอน ทานพาราแก้ปวดหัว 2 เม็ด   :z2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 24-01-2012 20:56:18
พิเศษ จริงๆ ให้หายคิดถึง อิอิ
จะเชื่อไหมว่าเกิดมาผมไม่เคยคิดจะมีแฟนเป็นเพศเดียวกันเลยนะครับ ไม่เคยมีในหัวเลย ผมคิดว่าผมไม่ใช่เกย์นะตลอดเวลาที่โตมาผมชอบผู้หญิงมาตลอด มีแฟนกี่คนๆก็เถอะ ถึงแม้ว่าผมจะเรียนโรงเรียนชายล้วน เห็นเพื่อนๆพี่ๆน้องๆเขาเป็นเกย์บ้างแต่ผมเองไม่เคยสนใจหรอกนะครับ จนผมได้มาเจอกับโย ต้องเรียกว่าพี่สิ ตอนแรกก็แค่จะแกล้งเล่น คือเขามาสอนพิเศษภาษาอังกฤษซึ่งเป็นวิชาเดียวที่ผมไม่เอาไหนเลย พี่เขาหน้าตาดีนะผมว่าแต่เตี้ยกว่าผม ผิวขาวๆไม่ขาวมากตาโตๆ จะว่าเขาออกสาวไหมน่ะเหรอไม่นะ แค่เขาดูเรียบร้อย ผมจึงอยากจะแกล้ง แกล้งไปแกล้งมาผมกลับชอบขึ้นมา ไม่รู้สิครับ ความชอบของคนเรานี่ก็แปลกนะ ปากบอกไม่ใช่ๆ ไม่เอาๆ แต่ใจมันถลำลึกไปไกลแสนไกลแล้ว พอได้เจอ ได้คุย จนมันผันเป็นความรักไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ รักเขาแล้ว รักมากด้วยนะ ไม่รู้เหมือนกันแต่ก่อนผมคิดว่าเป็นแค่ความชอบนะ ไม่คิดว่ามันคือความรัก จนมีเหตุการณที่แม่ผมรู้เรื่องนั่นล่ะครับ เพิ่งจะรู้ตัวว่าผมขาดเขาไม่ได้ ไม่ได้เลยจริงๆนะ ผมไม่เคยคิดเลยว่าจะทนอยู่กับใครในห้องเล็กๆแคบๆได้นานขนาดนี้ ไม่เคยคิดว่าจะโอบกอดใครได้เนิ่นนานโดยไม่รู้จักเบื่อ เขาคือคำตอบของทุกอย่าง ผมรักเหลือเกินที่จะกอดเขาไว้ในอก ลูบไล้ไปตามเนื้อตัวที่หอมละมุน ที่จริงผมก็ไม่ได้อายใครหรอกนะครับถ้าหากว่าจะมีแฟนเป็นผู้ชาย ไม่เคยคิด เพราะนี่ชีวิตผม ในโลกนี้ผมจะหาคนที่รักผมได้หมดใจ ยอมแม้กระทั่งให้เลือดให้เนื้อผมเวลาผมเจ็บเหมือนเขาคงไม่มีอีกแล้ว เอาเถอะครับ เรื่องราวที่ผ่านมาผมเองก็เจ็บปวดมามาก แต่จะว่าคุ้มไหมกับบทเรียนคุ้มค่านะ ทุกวันนี้ผมไม่เคยรักเขาน้อยลงไปเลยนะ มีแต่มากขึ้นทุกๆวัน ไม่มีวันไหนเลยที่ผมจะไม่รักเขา
รู้ไหมก่อนผมจะจบผมตั้งใจจะทำเซอร์ไพรซ์ให้แฟนผมด้วยนะ มีโครงการเอาไว้ในใจ ต้องถามแม่ด้วยว่าแม่จะยอมไหม เงินทุนผมพอมีก็เงินเก็บของแม่นั่นล่ะครับ ผมอยากจะทำอะไรให้เขาบ้าง อย่างน้อยก็ตอบแทนที่เขารักผมมากมายขนาดนี้
"เชี่ยบอม มาหากูหน่อยดิ"
ผมโทรฯหาเพื่อนรักผมนั่นล่ะครับ ผมรู้ว่ามันก็ชอบแฟนผมอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน ตอนแรกมันลองคบกับพี่พลแต่ไม่ถึงไหน มันบอกว่าไม่ใช่ แต่ไม่มีทางหรอกนะ ถ้าผมยังมีชีวิตอยู่มันคงได้แต่ฝันไปนั่นล่ะ
"มีห่าไรวะ กูขี้เกียจ"
"ไอ้นี่ มาหน่อยเถอะ กูมีเรื่องจะปรึกษา"
"เรื่องไรวะ คุยทางโทรศัพท์ก็ได้นี่หว่า"
"เรื่องแฟนกูน่ะ"
"หา เรื่องพี่โยเหรอ ว่าไง มึงจะเลิกกับพี่โยเหรอ"
ดูเพื่อนรักผมมันพูดสิครับ
"ไอ้ส้นตีน อยากรู้ก็มาบ้านกู รออยู่ที่บ้านนั่นล่ะเดี๋ยวกูออกไปกินข้าว แค่นี้นะโว้ยเมียโทรฯมาแล้ว"
ผมต้องรีบวางสายครับเพราะเดี๋ยวมันจะด่าเอา แฟนโทรฯมาตามแล้วนี่ ผมต้องไปกินข้าวกับเพื่อนๆแฟนครับ มีแต่พี่ๆที่ผมรัก นับถือทั้งนั้นล่ะครับ น้องต้นข้าวอีกลูกสาวพี่จ๋าล่ะครับ ผมรักเป็นพิเศษ ความจริงอยากได้เป็นลูกเลยนะถ้าพี่จ๋ากับพี่ต้อมเขาไม่ว่าเอา อีกคนก็พี่พลพี่ชายสุดเปรี้ยวของผมเองล่ะครับ ผมเป็นคนแนะนำไอ้บอมให้ลองคบกับพี่เขาดู ผมว่าพี่พลนิสัยดีนะแต่แกออกจะแรงๆไปหน่อยไม่ได้เรียบร้อยเหมือนแฟนผม นี่ล่ะมั้งไอ้บอมมันถึงบอกไม่ใช่ ผมอิจฉาเพื่อนๆของแฟนผมนะครับ เขาคบกันแบบเพื่อนรักกันจริงๆ ไม่ใช่เพียงเพื่อชวนกันออกเที่ยวหรือแค่พอเรียนจบแล้วตีจากต่างคนต่างไป แต่เพื่อนๆของแฟนผมกลุ่มนี้ยังเกาะกันเหนียวแน่น ยังจำได้ตอนที่ผมเข้าโรงพยาบาลพร้อมกันกับแฟนผม รู้ไหมตอนที่รู้ว่าเขาหัวใจหยุดเต้นไปน่ะ ผมเองเหมือนคนกำลังจะตาย เพิ่งเข้าใจตอนนี้เองว่าคนที่โดนกระชาดหัวใจออกไปจากร่างมันเป็นยังไง คำว่าเจ็บมันยังไม่พอหรอกครับผมว่านะ มันมากกว่านั้น
"ตัวเองแม่ยังไม่ได้กินข้าวนะ"
ผมบอกเขาตอนที่เรานั่งกินข้าวอยู่ที่ร้าน ผมเองก็ต้องคอยป้อนน้องต้นข้าวอยู่ น่ารักจริงๆเลยกำลังพูดจ้อเชียว พอขากลับผมก็ออกทางพระรามเก้านั่นล่ะครับไปทนติดเอาตรงแยกเอกมัยนิดเดียว พอขึ้นสะพานข้ามไปฝั่งพัฒนาการก็ไม่ติดแล้ว
"ตัวเองเหนื่อยไหมวันนี้อ่ะ"
"ไม่หรอก เหนื่อยแค่ไหนก็หาย"
รู้ไหมผมชอบฟังคำตอบแบบนี้จัง ไม่ว่าจะให้ฟังกี่ครั้งผมก็ไม่เบื่อ กับบางคนคำถามอย่างเดียวกัน คำตอบก็เหมือนกันแต่ทำไมผมรู้สึกว่าคนนั้นเขาไม่จริงใจก็ไม่รู้นะ แต่สำหรับเขาแค่เพียงแค่ตอบว่า อืม คำเดียวผมกลับเห็นถึงอะไรบางอย่างที่อยู่ในใจ
"รถบอมนี่"
มาแล้วสินะไอ้เพื่อนรัก คงต้องคุยกับมันอีกนานล่ะครับ กว่าจะลงตัว มันเป็นคนที่สองรองจากแม่ผมเลยนะเนี่ยที่ได้รู้แฟนเซอร์ไพรซ์แฟน
"พี่โยคิดถึงพี่โยจังเลย"
ดูมันนะครับ ออกหน้าออกตาเชียวนี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นเพื่อนรักเพื่อนแค้นผมเตะก้านคอมันไปแล้วนะ
"มึงมาทำไมวะไอ้บอม"
ผมแกล้งถามมันไปอย่างนั้นล่ะครับ มันจะได้เนียนๆ
"เอ"
นั่นว่าแล้วเชียว เขาไม่ชอบให้ผมพูดจาไม่ดีกับใครหรอกนะครับ เหมือนมีแม่อีกคน ไม่ใช่สิผมฟังเขามากกว่าแม่อีกนะ เรียกว่าทุกอย่างนั่นล่ะครับ จากที่รั้นๆไม่ยอมใคร เขาปราบผมซะอยู่หมัดเชียว
"ตัวเองวันนี้เค้าอยากกินน้ำใบเตยอ่ะ"
ผมต้องอ้อมโลกไปก่อนครับ ยิ้มเจื่อนๆเพราะตาเริ่มโตใส่ผมแล้ว
"ไปตัดมาให้สิ อยู่หลังบ้านเดี๋ยวต้มให้"
น้ำเสียงเรียบๆ เบาๆ ทำไมผมชอบจังนะ ไม่ได้ดัดจริตแอ๊บเสียงอ่อนเสียงหวานนะ แต่มันเพราะสบายหูยังไงไม่รู้
"ตกลงมึงมีห่าไรวะไอ้เชี่ยเอ แหมเรียกกูมาพอทักพี่โยหน่อยหวงเชียวนะมึง"
"อ้าว ไอ้เชี่ย เมียกูนี่หว่า มึงชอบทำตาหวานใส่เมียกู กูไม่เตะให้ก็บุญหัวมึงแค่ไหนแล้ว"
"ห้ามได้ด้วยเหรอวะเชี่ย กูชอบของกูนี่ มึงอย่าเผลอล่ะ กูฉกเอาจริงๆนะจะบอก"
"ลองดู มึงกับกูขาดกันเลยเอาสิ"
"กูไม่สนใจ ฮ่าๆ ถ้ามีแฟนอย่างพี่โยนี่ต่อให้กูอยู่คนเดียวในโลกกูก็ไม่แคร์"
"ส้นตีน เออๆ เข้าเรื่อง เดี๋ยวมึงก็โดนตีนจริงๆหรอก"
ผมยอมมันครับ รู้ดีล่ะว่ามันอะไรยังไง แฟนผมน่ะปกติไปไหนมาไหนคนก็มองอยู่แล้วนะ ยิ่งเดินกับผมสายตามองแทบทุกคู่ แต่ผมชอบเขาอย่างหนึ่งคือเวลาผมจับเอวจับมือเขาจะอายนิดเดียวนะ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ใครมองเขาก็รู้ครับว่าเป็นแฟนกัน
"เฮ้ย มึงจะทำแบบนี้จริงเหรอไอ้เอ"
มันทำท่าตกใจครับหลังจากที่ผมบอกแผนไปคร่าวๆ
"ก็อยากทำให้เซอร์ไพรซ์ว่ะ"
"ห่า แรงไปไหมมึง พี่โยเขาเคยเจ็บเพราะมึงทำแบบนี้มารอบนึงแล้วนะ"
"กูไม่ได้จะทำเหมือนเดิมโว้ย แค่อยากให้เขาเห็นว่ากูไม่ได้เปลี่ยนใจ หรือจะมีใคร"
"กูเสียวๆว่ะ กูเคยเห็นพี่เขาร้องไห้แล้ว ทนไม่ไหว มึงแน่ใจเหรอว่าจะทำแบบนี้"
"ก็ลองดู มึงก็ต้องช่วยกูทำบ้านให้เสร็จไวไวดิ จะได้ไม่ใช้เวลานาน"
"อีกล่ะ กูตลอด มึงว่ากูจะดีใจหรือเสียใจล่ะ ที่ต้องมาร่วมมือกับมึงสร้างรังรัก ในเมื่อมึงก็รู้ว่ากูก็ชอบพี่เขาน่ะ"
"เพราะมึงเป็นเพื่อนรักกูไง ฮ่าๆ"
"เชี่ยเอ้ย ทำไมวะ คนแบบพี่โยนี่มันหายากจริงๆ ให้ตายเถอะ"
"คนเดียวในโลกเว้ย เสียใจไอ้เพื่อนยาก"
ผมไม่ได้สงสารมันหรอกนะครับ จะสงสารมันทำไมในเมื่อคนเขารักกันอยู่ดีๆ รักกันมากขนาดนี้มันก็รู้ มันยังคิดมาชอบแฟนผมอยู่อีก ช่วยไม่ได้นะ ยังไงผมก็ไม่ปล่อยให้เขาไปรักกับใครหรอก และผมเชื่อใจเขาว่าไม่มีทางมีวันนั้น
"เอ ไหนบอกให้ต้มน้ำใบเตยแล้วไม่ค่อยกินล่ะ เอไม่ค่อยกินน้ำนะเดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก"
พอไอ้บอมกลับ แฟนผมก็ยกเหยือกใส่น้ำมะตูมกับแก้วใส่น้ำแข็งออกมาให้ หอมดีนะ แต่ผมเป็นอะไรไม่รู้ไม่ค่อยชอบดื่มน้ำ ขี้เกียจเข้าห้องน้ำน่ะครับ
"ไม่เอาอ่ะ เดี๋ยวค่อยกิน เค้าไม่อยากเข้าห้องน้ำบ่อย"
"ไม่ดีนะเอ กินน้ำเยอะๆสิ"
"ตัวเองกินน่ะดีแล้ว ผิวพรรณจะได้สวยๆ เค้าชอบจับตัวเองก็รู้"
"แล้วเธอล่ะ ไม่ยอมกิน"
"เดี๋ยวก็กินไงคะ"
รู้ไหมทำไมผมถึงชอบพูด คะกับเขา เพราะเวลาพูดทีไรเขาหน้าแดงนี่ครับ ผมชอบ ผมรู้ว่าเขาเองก็ชอบ ไม่ได้กระแดะนะ แตก่อนมีแฟนไม่เคยพูดเลยนะคำพูดแบบนี้มันดูตุ๊ดๆยังไงไม่รู้ แต่พอได้รักกับเขา มันออกมาเองผมเสียอีกที่ไม่เคยเขินเลย พูดจนติดปากไปแล้ว
"ทำไรอยู่เนตร วันนี้ว่างป่ะวะ"
พอวันใหม่ ผมออกไปส่งเขาไปทำงานตามปกติล่ะครับ ไม่เบื่อนะตื่นเช้าจนชิน กลับมาก็ช่วยแม่รดน้ำต้นไม้กวาดบ้าน ใครมาเห็นก็คงไม่เชื่อว่าคนอย่างผมจะทำเรื่องแบบนี้ได้ ไม่รู้สิครับ แม่อรเป็นคนที่ผมเคารพรักมากเท่าๆกับแม่แท้ๆ แม่แท้ๆบางทีเวลาท่านบ่นผมยังเซ็งๆเลย แต่กับแม่อรไม่เคยเลยนะ เวลาพูดน้ำเสียงเย็นๆฟังสบายๆ พูดคำต่อคำเว้นระยะกันน่าฟังเชียวครับ ทุกเรื่องที่ท่านเอ่ยขึ้นมีคติสอนใจทั้งนั้น มุมมองของการใช้ชีวิตที่ดีๆ ผมเองรักและเคารพท่านมากจริงๆนะ
"มีไรนายเอ เราว่างๆอ่ะเพิ่งสอบเสร็จอยากจะนอนให้เยอะๆ"
"นอนไมวะ มาหาเราหน่อยเรามีเรื่องจะปรึกษา"
"อะไรอีกไอ้นี่ ชั้นขี้เกียจ"
"เรื่องแฟนเราน่ะ"
"อ๊ะ เรื่องพี่โยเหรอ ทำไม เออๆ เดี๋ยวเราไป"
ดูมันนะครับ เนตรเป็นสาวเพียงคนเดียวในกลุ่ม ผมว่ามันสวยนะ สวยมากทีเดียว แต่ว่าเหอๆ มันเป็นดี๊ครับ ไม่มองผูชาย มันเคยมีแฟนเป็นผู้ชายแล้วล่ะครับ แต่ไอ้บ้านั่นนิสัยไม่ดี มีคนใหม่มันเลยฝังใจ ตอนนี้ไม่มีแฟนหรอก ทอมมาจีบเยอะแยะ แต่มันบอกไม่เอาเพราะเป็นทอมปลอม ยังไงของมันไม่รู้ เราสนิทกันมากล่ะครับ กลุ่มผมมีอยู่สี่คน ไอ้บอมคนหนึ่ง เนตร แล้วอีกคนก็ได้แทงค์ ไอ้นี่เจ้าชู้ครับเพราะมันคิดว่ามันหล่อ เดี๋ยวค่อยเล่าเมื่อมีโอกาส เอาเป็นว่าตอนนี้เอาเรื่องของเนตรนพิศไปก่อน
"มีไรวะเอ รู้ไหมมาหาแกน่ะเราลำบากนะโว้ย อยู่ตั้งงามฯ ถ่อมาถึงอ่อนนุช"
ผมออกไปรับมันที่หน้าปากซอยครับเพราะมันไม่เคยมา พอเห็นหน้าก็สับผมใหญ่เลย
"ก็มีเรื่องจะปรึกษาว่ะแก ป่ะเข้าบ้านก่อนเถอะ ร้อน"
จากปากซอนเดินเข้าบ้านเราก็พอสมควรล่ะครับ แต่ก็เดินคุยกันมาเรื่อยๆ คนมองจากภายนอกนี่คงหาว่าผมกับเนตรเป็นแฟนกันแน่ๆ ใครๆก็บอกอย่างนั้นนะเวลาอยู่ที่มหาฯลัยเหมือนกัน แต่ก็ดีนะเหมือนมันกันใครๆออกห่างจากตัวผม แต่ข้อเสียไปตกอยู่ที่มันนี่สิครับ เพราะไม่มีใครกล้าเข้ามาจีบ คงจะกลัวผม เพราะปกติผมจะชอบตัดผมเกรียนๆไม่เคยไว้ยาวเลย แฟนผมชอบคนผมเกรียนๆครับ ตัวผมก็ใหญ่ ไว้หนวดไปเรียนบ้างบางครั้ง คนเห็นเขาคงกลัว
"สวัสดีค่ะคุณแม่ หนูชื่อเนตรนะคะ เป็นเพื่อนของเอค่ะ ขออนุญาตรบกวนนะคะ"
พอเข้าบ้านมันเห็นแม่กำลังนั่งสอยผ้าอยู่ก็เข้าไปทักทาย มันใช้ได้เหมือนกันนะ
"สวัสดีจ๊ะลูก ตามสบายนะจ๊ะ เอบอกแม่แล้วล่ะ เอ ไปเอาน้ำใบเตยมาให้เพื่อนสิจ๊ะ มาเหนื่อยๆกินน้ำเย็นๆก่อนนะลูกจะได้ชื่นใจ"
"ขอบคุณค่ะ"
ผมก็พามันเข้าไปในครัวล่ะครับ ผมคงไม่ยกมาให้มันฟาดสบายๆหรอกนะ เพื่อนกันไม่ได้เป็นแขกอะไรสักหน่อย
"บ้านน่าอยู่จังนะเอ ต้นไม้เยอะแยะไปหมด ถึงว่าวันหยุดทีไรชวนไปไหนนายไม่ยอมไป"
"น่าอยู่ไหม เรื่องที่จะบอกก็เรื่องนี้ล่ะ"
"หือ"
ผมก็เล่าแผนให้มันฟังคร่าวๆล่ะครับ มันก็ตั้งใจฟัง ผมเล่าไม่เก่งลืมบ้างแต่มันก็เข้าใจนะ
"เฮ้ย นายแน่ใจเหรอเอ ไม่กลัวพี่เขางอนเข้าใจผิดแล้วตัดใจไปเลยเหรอ"
"บ้าน่า แฟนเราไม่ได้ความคิดเด็กๆแบบนั้นซะหน่อย"
"แต่เราว่าไม่ดีว่ะ ให้เราแอ๊บเป็นแฟนนายเนี่ยนะ ไม่ใช่สเป็กย่ะ"
"โหย อย่างเราเนี่ยนะไม่ใช่สเป็ก มีแต่คนอยากได้"
"จ้า พ่อคุณ คนเหล่านั้นไม่มีเราไง อย่างเราต้องสูงๆโปร่งๆ เหมือนพี่ ซี อ่ะ อ๊าย"
ดูมันครับทำสายตาชวนฝันน่าหมั่นไส้จริงๆ
"เอาน่า ช่วยเราหน่อย แฟนเราไม่ว่าอะไรหรอก"
"นี่เอ เราไม่อยากจะเล่นกับความรู้สึกของใครนะ รู้ไหมว่าคนที่เขารักเราเวลาเขาเห็นว่าเรามีคนใหม่น่ะ มันทรมานมากนะ ทรมานจนบางทีตัดใจได้เองเลยนะ"
เออนั่นสินะ ผมก็กลัวเหมือนกันนะ เพราะเคยเห็นแล้วเวลาเขาโกรธไม่ได้ด่าทอหรืออะไรเลยนะครับ แค่ยืนจ้องหน้าผมน้ำตาไหลออกมา แค่นั้นผมก็เหมือนโดนไฟลนแล้วอยู่ไม่เป็นสุข
"อืม แล้วทำไงดีวะ"
"เราว่าเกริ่นๆบอกพี่เขาหน่อยเถอะเอ อย่างน้อยก็ให้เขารู้ว่าเราไม่ได้มีจุดประสงค์ร้าย ชั้นไม่เอานะยะให้พี่โยมาเกลียดชั้นน่ะ ทั้งที่มันเป็นแผนของนาย"
"เอาน่า ไม่หรอก ให้เราเกริ่นก่อนเหรอ"
"หรือว่าไปปรึกษาคุณแม่ดี ท่าทางคุณแม่ใจเย็นดีออก"
"เออจริงสิ แม่พระของเราเลยล่ะนั่น"
เราเดินออกมาหาแม่ที่ด้านนอก ลมโกรกเย็นสบายเหมือนกันนะครับ ปกติผมจะนอนอ่านหนังสืออยู่ที่เปลนั่นล่ะครับ นอนกลางวันเย็นสบายดี ผมเล่าให้แม่ฟังตามที่ผมตั้งใจไม่ได้ปิดบัง
"เราอยากทำแบบนั้นเหรอเอ"
สายตาที่มองผม มันมาพร้อมทุกอย่างครับเหมือนเคย คือไม่ใช่แค่ถามแต่มันฉายแววของอะไรหลายๆอย่าง ทั้งคิดดีแล้วเหรอ เรามั่นใจดีแล้วหรือ แต่สายตานั้นหลุบลงตอนท้ายด้วยคำตอบที่ว่าถ้าเห็นดีแล้วแม่ก็ไม่ขัดประมาณ นี้ล่ะครับ ผมไม่ได้คิดไปเองนะ ผมสังเกตมานานแล้ว
"ครับแม่ ผมอยากจะทำให้โยจริงๆครับ"
"อืม แม่ก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะ แต่เราเองที่น่าจะรู้จักโยดีกว่าใคร แม่ว่าการที่ปล่อยให้คนเราคิดไปเองฝ่ายเดียว แล้วตัดสินใจเองได้น่ะ เวลาจะเอาคืนมันลำบากอยู่นะลูก"
"นั่นสิเอ หนูก็คดเหมือนคุณแม่ค่ะ เราว่าเกริ่นๆบอกพี่เขาไปหน่อยเถอะเอ"
"ครับแม่ ผมคงต้องบอก"
"เดี๋ยวแม่ช่วยพูดให้ แต่ว่ามันเยอะไปไหมกับการที่เราจะทำน่ะ บ้านแม่ไม่น่าอยู่แล้วสิ"
"ไม่ใช่หรอกครับแม่ ผมตั้งใจว่าจะให้แม่ผมมาอยู่กับแม่ที่นี่ ผมก็จะอยู่ที่นี่ แต่บางทีผมก็อยากอยู่กับโยที่โน่นสองคน"
ผมเริ่มงงกับคำตอบของตัวเอง คุณแม่ก็หัวเราะเช่นเคยล่ะครับ
"แม่เราเขาจะยอมรึ โยอีก เอาให้แน่ใจก่อนสิลูก มีอะไรอย่างอื่นไหมที่จะทำ ลองตรองดูดีๆก่อนค่อยตัดสินใจ"
"นั่นสิเอ มีอีกตั้งหลายอย่างนะที่จะทำให้แฟนน่ะ"
"เราคิดไม่ออกนี่นา คิดออกแต่อันนี้"
"แม่ว่ามันจะสิ้นเปลืองไปไหมลูก โครงการมันใหญ่นะ สู้เก็บเงินเอาไว้ใช้เวลาป่วยไข้จะดีกว่าไหม แม่ว่าถ้าพี่เขารู้เขาก็คงไม่เอาด้วยหรอก แม่รู้ว่าโยเป็นคนยังไง"
เออนั่นสินะ ผมเองก็รู้ เฮ้อ นี่แค่เริ่มติดแผนผมก็พังซะแล้วเหรอเนี่ย ผมเริ่มคิดหนักแล้วครับ
"เราว่าหาอันอื่นทำดีกว่าไหมเอ จะได้ไม่เยอะไปน้อยไป"
"คิดไม่ออกน่ะดิ เธอช่วยเราคิดหน่อยสิ"
"อืม เอาไงดี พี่โยชอบอ่านหนังสือไม่ใช่เหรอ นายซื้อหนังสือให้สิ"
"โห่ ไอเดีย"
"อ้าวก็นะ เราก็คิดไม่ออกนี่ อิอิ"
"แม่ว่าถ้าสร้างวัดสร้างโบสถ์โยเขายังจะดีใจเสียกว่านะ"
ปิ้ง เลยครับ ผมตาวาวขึ้นมาทันที
"ใช่ๆ โหย ขอบคุณครับแม่"
"หา สร้างวัดสร้างโบสถ์ให้แฟนเนี่ยนะ"
"เออดิ สร้างกุฏิก็ได้นี่นา จริงไหมครับแม่"
"อย่าเลยลูก อย่าเสียเงินเสียทองเลย แค่ร่วมสร้างกับเขาก็น่าจะพอ"
สมองผมคิดไปไกลกว่าที่แม่พูดแล้วครับ นี่ถ้าผมสร้างกุฏิแล้วให้วัดติดแผ่นป้ายชื่อของแฟนผมคงจะดีไม่น้อย หรือว่าพุทธสถานตามโรงเรียนแถวต่างจังหวัดดี ความคิดมันเริ่มแตกแขนงแล้วครับ แม่นี่ยังเป็นสุดยอดของต้นความคิดของผมประจำ ตอนแรกผมตั้งใจว่าจะต่อเติมบ้านที่เอกมัย แล้วทำให้เป็นเหมือนเรือนหอ แต่อันนั้นคงใช้เงินมากทีเดียว
"หรือว่าพุทธสถานตามโรงเรียนต่างจังหวัดดีเนตร"
"เออ อันนี้เราเห็นด้วย ห้องสมุดไงเอ ใช้ไม้กับปูนไม่เยอะ"
"เออนั่นสินะ"
"จริงจังกันขนาดนี้เชียว พี่เขาคงดีใจนะ"
"ผมว่าโยต้องชอบครับแม่ นี่จะเป็นของขวัญที่ผมภูมิใจนำเสนอมากที่สุด"
"เรานี่นะพ่อเอ สรรหาเรื่องมาทำให้แปลกใจอยู่ตลอดเวลา"
ผมนี่แทบจะกระโดดเลยครับ รีบโทรนไปบอกไอ้บอมดีกว่าอย่างน้อยพ่อมันก็ขายวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้าง คงช่วยผมได้ไม่น้อย ฮ่าๆ ฉลาดจริงๆผมเนี่ย
"เราลองหาข้อมูลก่อนไหมเอ ว่าที่ไหนดีที่เขาต้องการห้องสมุดหรือพุทธสถานน่ะ"
"อืมดีๆ"
ผมวิ่งขึ้นไปบนห้องครับรีบไปเอาโน๊ตบุ้คลงมา แม่ก็ยังนั่งสอยผ้าอยู่ที่เดิม คอยชำเลืองมองเรา เดินไปเอาขนมผลไม้มาให้ตลอด ส่วนผมกับเนตรก็ช่วยกันหาข้อมูล
"อีสาน หรือเหนือดี"
"อีสานก็กว้างนะ เราไม่เคยไป เราอยากไป"
"นี่ๆเธอ เราจะสร้างให้แฟนนะเว้ย"
"อ้าวเอ ไม่ต้องการแรงงานหรือไงวะ"
"โอ๋ๆ ต้องการคร้าบ แหม เอาเลยว่ามาเลย ที่ไหนดี"
"ใต้ล่ะ"
"หรือว่าตะวันออกดี"
"เราว่านะเอ เราไปภาค จังหวัดที่เขากันดารๆดีกว่า เราว่าคนมันจะเห็นคุณค่าของที่เราจะสร้างมากกว่ากันนะ"
"อีสานเหรอ"
"เดี๋ยวเราลองดูก่อนว่าที่ไหนเขายังไม่ค่อยมี"
เราถกกันอยู่นานพอสมควรครับ แต่ก็ยังไม่มีบทสรุป แม่เดินเข้าไปในบ้านแล้วผมกับเนตรก็ยังหาข้อมูลกันอยู่
"เฮ้ย แฟนเราจะเลิกงานแล้วว่ะ"
"อ้าวไม่ไปรับล่ะ เดี๋ยวก็งอนหรอกเอ"
ผมมีความคิดแวบขึ้นมาได้ทันทีครับ
"ก็เราจะเซอร์ไพรซ์แฟนอยู่นี่นา อิอิ เริ่มเลยละกันนะ เธออยู่รอด้วยล่ะ"
"ตายๆ นี่นายจะให้เราสวมบทบาทเลยเหรอ พี่เขาไม่ตบเรานะยะ"
"เออน่า รับประกัน"
"แต่เราก็อยากเจอพี่โยเหมือนกันนะ เห็นนายบอกน่ารักๆ อยากเห็นตัวเป็นๆ"
"เดี๋ยวก็ได้เจอ แป๊บนะ เราโทรฯบอกแฟนก่อน"
ผมเดินออกมาหน้าบ้านครับ ไม่รู้สิไม่อยากให้ใครฟังเวลาผมคุยกับแฟน เว้นบางคนล่ะนะ ปกติเนตรมันก็เคยฟังตอนผมคุยโทรศัพท์ล่ะครับ แต่วันนี้กลัวมันหลุดหัวเราะออกมาไง
"ตัวเอง วันนี้เค้าไม่ได้ไปรับตัวเองน้า กลับเองได้ไหมอ่ะ"
ผมใจสั่นเชียวครับรอฟังอยู่ว่าเขาจะว่ายังไง
"อ้อ ไม่เป็นไรเอ เดี๋ยวกลับเอง แล้วแม่อยู่ไหม วันนี้จะกินอะไรดี จะได้แวะซื้อเข้าไปทำ"
"อะไรก็ได้อ่ะ พอดีเพื่อนเค้ามาหาเลยออกไปรับตัวเองไม่ได้ ตัวเองไม่งอนน้า"
"บ้าเหรอเอ ชั้นไม่ใช่เด็กๆนะจะได้งอน ไม่เป็นไรเดี๋ยวเจอกันที่บ้าน"
"รักตัวเองนะคะ"
"อืม"
"ไม่เอาอ่ะ ตัวเองตอบแต่อือๆ บอกเค้าหน่อยดิ"
"ชั้นก็รักเธอนะเอ รักมาก"
อิอิ สมใจสิครับ เวลาเขาตอบกลับแบบนี้ไม่ได้ประชดผมนะ แต่ก่อนน่ะใช่ แต่ตอนหลังๆมาเขาจะลดเสียงลงเหมือนกลัวใครได้ยินแล้วพูดออกมาช้าๆ ชัดเจนมาก แค่นี้ก็สุขใจแล้วผม

เขียนโดย อิ๊กกี้

ปล. คือเขียนไว้นานแล้วแต่ช่วงนี้ผมติสต์แตก ฮ่าๆๆ ขี้เกียจมากๆ มันมีอีกนะครับแต่จะค่อยๆลงให้อ่านกัน ตั้งใจว่าจะเขียนแล้วทำเป็นเรื่องใหม่โดยมีเจ้าเอเป็นคนเล่าบ้าง แต่เอาไปเอามาก็ล้มพับไปก่อนเพราะทำหลายอย่างเกิน เพลียใจ

ปล. ตอนนี้ใครที่ติดตามผลงานของผมอยู่ มีน้องภูมิ เรื่อง ที่นี่ไม่มี "นางเอก" นะครับที่รวมเล่มและกำลังเปิดจองอยู่ สนใจอยากจะสะสมไว้ก็ตามลิงค์ได้เลยครับผม http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=16234.0 (ftp://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=16234.0) ผมเขียนเพิ่มเยอะมากๆ เปลี่ยนปรับเยอะพอสมควรให้มันน่าอ่านขึ้น ยังไงก็ลองดูนะครับผม เต็มที่กับเรื่องนี้มากๆ
(http://images.temppic.com/24-01-2012/images_vertis/1327369568_0.92280400.jpg)
ขอบคุณที่คอยติดตามครับ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ( พิเศษ ) ๒๔ มกราคม ๒๕๕๕ หน้า ๓๔
เริ่มหัวข้อโดย: wolfram ที่ 24-01-2012 20:58:55
 :z13:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ( พิเศษ ) ๒๔ มกราคม ๒๕๕๕ หน้า ๓๔
เริ่มหัวข้อโดย: wolfram ที่ 24-01-2012 22:42:56
เอแกล้งพี่โยถ้าโดนงอนนะจะสมน้ำน่าให้!!  :laugh:

นิยายของพี่อิ๊กกี๊นี่...สนุกทุกเรื่องเลยนะคะ แถมยังให้ข้อคิดดีๆอีก

จะติดตามไปตลอดเลยนะคะ !!  :กอด1:

 :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ( พิเศษ ) ๒๔ มกราคม ๒๕๕๕ หน้า ๓๔
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 25-01-2012 01:57:42
ดีใจมาแอบอัพตอนพิเศษเรื่องโปรด
แต่มันค้างนะ Eiky.... :serius2:
+1
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ( พิเศษ ) ๒๔ มกราคม ๒๕๕๕ หน้า ๓๔
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 25-01-2012 09:17:10
 :L2:
ขอไปอ่านก่อนนะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ( พิเศษ ) ๒๔ มกราคม ๒๕๕๕ หน้า ๓๔
เริ่มหัวข้อโดย: kanda53 ที่ 25-01-2012 21:41:39
เพิ่งเห็น ๆ ...อีกแล้วนะเจ้าเอ...
น้องโยก็...ไม่วีนแตกสักที...จะได้เข็ด
น้องอิ๊กอย่าทิ้งไปนานล่ะ ..อยากรู้...

หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ( พิเศษ ) ๒๔ มกราคม ๒๕๕๕ หน้า ๓๔
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 26-01-2012 13:14:10
หนุกดี แต่งได้หลายอารมณ์มากๆ

 :sad4:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ( พิเศษ ) ๒๔ มกราคม ๒๕๕๕ หน้า ๓๔
เริ่มหัวข้อโดย: loverken ที่ 28-01-2012 16:18:36
 :impress2:
รักพี่โยกับน้องเอน๊า
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ( พิเศษ ) ๒๔ มกราคม ๒๕๕๕ หน้า ๓๔
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 30-01-2012 17:39:30
 :pig4: :pig4: :pig4:
 :pig4: :pig4:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ( พิเศษ ) ๒๔ มกราคม ๒๕๕๕ หน้า ๓๔
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 31-01-2012 12:46:31
น่าจะให้หวานกันสักหน่อย แต่ก็ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ( พิเศษ ) ๒๔ มกราคม ๒๕๕๕ หน้า ๓๔
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 31-01-2012 12:57:08
น่าจะให้หวานกันสักหน่อย แต่ก็ขอบคุณค่ะ

ที่จริงมันมีต่อล่ะ อิอิ อุบไว้ก่อนนิ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ( พิเศษ ) ๒๔ มกราคม ๒๕๕๕ หน้า ๓๔
เริ่มหัวข้อโดย: Karn12 ที่ 31-01-2012 20:42:32
ประทับใจมาก ๆ ชอบเลยครับ โดนสุด ๆ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ( พิเศษ ) ๒๔ มกราคม ๒๕๕๕ หน้า ๓๔
เริ่มหัวข้อโดย: badcow ที่ 31-01-2012 21:30:23
เรื่องนี้ไม่ทำหนังสือรึ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ( พิเศษ ) ๒๔ มกราคม ๒๕๕๕ หน้า ๓๔
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 01-02-2012 08:02:07
เรื่องนี้ไม่ทำหนังสือรึ

อยากทำเหมือนกันคร้าบ แต่มันจบนานแล้วนิกลัวคนไม่อ่านอ่า แหะๆๆ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ( พิเศษ ) ๒๔ มกราคม ๒๕๕๕ หน้า ๓๔
เริ่มหัวข้อโดย: bytoey ที่ 01-02-2012 17:45:09
พี่อิ๊คทำเหอะ เตยรอซื้อนะ o13
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ( พิเศษ ) ๒๔ มกราคม ๒๕๕๕ หน้า ๓๔
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 01-02-2012 19:11:18
เอนี่ชอบหาเรื่องจริง
แต่ก็อีกแหละสีสัน
ของชีวิต :z2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ( พิเศษ ) ๒๔ มกราคม ๒๕๕๕ หน้า ๓๔
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 01-02-2012 20:07:54
นั่งนึกตั้งนานกว่าจะคิดเค้าเรื่องเดิมออก  เห้อออ คิดถึง
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ( พิเศษ ) ๒๔ มกราคม ๒๕๕๕ หน้า ๓๔
เริ่มหัวข้อโดย: badcow ที่ 02-02-2012 14:46:10
ทำดิ่ จะซื้อมาอ่าน 
เพราะว่าไม่ได้อ่านตั้งแต่ช่วงที่เชียงใหม่เป็นต้นมา
มาอ่านอีกทีก็ลุงใหญ่มากรุงเทพอ่ะ
มันเศร้าเกิน
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ( พิเศษ ) ๒๔ มกราคม ๒๕๕๕ หน้า ๓๔
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 26-03-2012 18:31:20
คิดจะเล่นอะไรพิเรนทร์อีกแล้วนะนายเอ เดี๋ยวเถอะ!
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ( พิเศษ ) ๒๔ มกราคม ๒๕๕๕ หน้า ๓๔
เริ่มหัวข้อโดย: Japanlie ที่ 28-03-2012 10:34:47
กรี้ดดดดด

มาต่อด่วน

กำลังจะฟินกับตอนพิเศษ

คุณอิ้คไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ แต่รีบมาต่อเถอะน้า พลิสสสสสส
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ( พิเศษ ) ๒๔ มกราคม ๒๕๕๕ หน้า ๓๔
เริ่มหัวข้อโดย: lekkatid ที่ 25-06-2012 18:53:08
 :m15:น้ำตาไหลไปกับเอ-โยหลายรอบสุดท้ายก็ยิ้มออกขอบคุณที่เขียนเนื้เรื่องดีๆมาให้อ่านครับ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ( พิเศษ ) ๒๔ มกราคม ๒๕๕๕ หน้า ๓๔
เริ่มหัวข้อโดย: HoMophobia ที่ 29-06-2012 04:25:34
 :impress2:ขอบคุณนะครับคุณ eiky ที่นำเรื่องราวความรักของโยและเอ มาให้ผู้อ่านได้ประทับอีกครั้ง ฝีมือยังได้มาตรฐานนะครับ หวานก็หวานจับจิต เศร้าก็รันทดจนบีบหัวใจ ตัวละครและเนื้อเรื่องเป็นเรื่องที่สัมผัสได้จริงนะครับ ไม่ได้มีแค่ตัวเด่น ที่สำคัญมีองค์ประกอบอื่นๆ คือครอบครัว เพื่อนฝูง และที่ทำงาน ทำให้เรารู้สึกได้ว่ามันมีอยู่จริง ประกอบกับมีเรื่องของศาสนาที่เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจมาเกี่ยวข้องด้วย ถือว่าดีครับ แต่เสียดายความจริงคิดว่าน่าจะเยอะกว่านี้ซักหน่อย ไม่เหมือนของภูมิกับโตโต้ ที่ยาวได้ใจดีครับ ผมประทับใจมาตั้งแต่เรื่องนี้แล้ว อ่านตอนแรกนึกกลัวอยู่เหมือนกันว่าบุคลิกของโยจะไปซ้อนทับกับของภูมิบุญซะแล้วแต่ก็มีความต่างให้ได้เห็นอยู่ชัดเจนครับ แต่จะว่าไปทั้งโย+เอ และ ภูมิบุญ+โตโต้ ก็มีคล้ายกันอยู่นะครับ แต่ก็ไม่เป็นไรครับ ไม่ได้เหมือนจนเหมือนมันซ้อนทับกันอยู่เพียงแค่ซ้อนเหลื่อมกันนิดหน่อย โดยรวมเนื้อเรื่องน่าติดตามครับ กระชับ และมาลงสม่ำเสมอเผลอๆ ขยันลงตอนต่อไปอีกต่างหาก ดูจากความถี่ในการลงแต่ตอนหนะครับ(ไม่ค่อยได้ติดตามเรื่องที่ผู้แต่งทยอยมาลงนะครับจะอ่านแต่เรื่องที่เค้าแต่งจนจบแล้ว คือไม่ค่อยอยากค้างอ่ะครับ)
       :laugh:
       สุดท้ายนี้เป็นกำลังใจให้นะครับ และขอสมัครเป็นแฟนคลับของคุณeikyเพิ่มอีกคนนึงนะครับ

        o13 o13 o13 o13 o13

หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ( พิเศษ ) ๒๔ มกราคม ๒๕๕๕ หน้า ๓๔
เริ่มหัวข้อโดย: NaNaAS ที่ 30-06-2012 02:28:50
 :pighaun: :oo1:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ( พิเศษ ) ๒๔ มกราคม ๒๕๕๕ หน้า ๓๔
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 30-06-2012 09:23:28
รออ่านพี่โยกับเอ อิอิ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ( พิเศษ ) ๒๔ มกราคม ๒๕๕๕ หน้า ๓๔
เริ่มหัวข้อโดย: yumsonteen ที่ 02-11-2012 00:38:11
 o13 สุดยอดครับ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ( พิเศษ ) ๒๔ มกราคม ๒๕๕๕ หน้า ๓๔
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 05-11-2012 00:30:11
ชอบมากครับ
 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ( พิเศษ ) ๒๔ มกราคม ๒๕๕๕ หน้า ๓๔
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 12-11-2012 19:48:15
 :3059:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ( พิเศษ ) ๒๔ มกราคม ๒๕๕๕ หน้า ๓๔
เริ่มหัวข้อโดย: miracle22936 ที่ 21-11-2012 02:09:52
เกือบจะเศร้านะ แต่กลายเป็น้เน่าไปตาย เวอร์เกิน เพ้อเกิน ไม่ไหวจะเคลียร์กับโย กับเอ

โยเรียนจบแล้วซะป่าวเหมือนคิดอะไรไม่ค่อยเป็น ทั้งๆ ที่ผ่านเรื่องร้าย ๆ หนัก  มาได้ แต่กลับคิดอะไรไม่ได้สักอย่าง

น้ำเน่ามาก ช่วงดราม่าแรก ๆ เศร้าอยู่นะ หลัง ๆ เอยะเกินไป เยอะมากกกกก
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ( พิเศษ ) ๒๔ มกราคม ๒๕๕๕ หน้า ๓๔
เริ่มหัวข้อโดย: phai ที่ 27-12-2012 14:35:02
 :L1: :L1:

ชอบมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ( พิเศษ ) ๒๔ มกราคม ๒๕๕๕ หน้า ๓๔
เริ่มหัวข้อโดย: wargroup ที่ 20-02-2013 14:53:49
ดีใจได้อ่านเรื่องแรกที่คุณ eiky แต่งซักที(ตามอ่านเรื่องอื่นมาแล้วก่อนหน้า) เหมือนได้เรียนรู้ต้นอ่อนที่รอแตกยอด ผลิดอกออกผล
เรื่องนี้ก็อ่านสนุกอยู่ดี แม้จะมิติเดียว แต่ก็ชุดใหญ่จัดเต็มมาก o13 อยากแอบกระซิบว่า...ช่วงโศกาอาดูรกับช่วงรีคัฟเว่อร์ของหนูโย อ่านแล้วรู้สึกหนืดๆเบาๆล่ะ //แต่งานยุคถัดๆมาของคุณอิ๊กกี้ กระชับ ฉับไว ถูกใจเจ้มากนะ

มีคีย์เวิร์ดต่างๆที่คุ้นเคย เช่น เขาค้อ ทะเลหมอก คำสอนทางพุทธศาสนา ช่วงเวลาพระอาทิตย์ตก ภาพชีวิตชนบท กลุ่มเพื่อนที่แน่นเหนียว ผู้ชายผมเกรียน ผิวกายสีน้ำผึ้ง และเด็กม.ปลาย(อิอิ) ฯลฯ . . . พึ่งรู้ว่าถูกนำเสนอมาตั้งแต่เรื่องแรก เหมือนกลายเป็นตัวเชื่อมในงานเขียนของคุณอิ๊กกี้ เป็นเอกลักษณ์ที่มาจากประสบการณ์เฉพาะตัวผู้เขียน ที่ทำให้รู้สึกผูกพันดีจังเบย :L1: 
ว่าแล้วเจ้ก็กระดึ๊บไปอ่านงานอื่นของคุณต่อไป ช๊อบชอบอ่ะ :110011:


 
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ( พิเศษ ) ๒๔ มกราคม ๒๕๕๕ หน้า ๓๔
เริ่มหัวข้อโดย: keem ที่ 20-02-2013 16:54:13
อ่านนานแล้วแต่ไม่รู้ทำไมลืมโพสต์ขอบคุณ วันนี้เข้ามาขอบคุณอีกครั้งะครับ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ( พิเศษ ) ๒๔ มกราคม ๒๕๕๕ หน้า ๓๔
เริ่มหัวข้อโดย: eiky ที่ 20-02-2013 17:11:16
ดีใจได้อ่านเรื่องแรกที่คุณ eiky แต่งซักที(ตามอ่านเรื่องอื่นมาแล้วก่อนหน้า) เหมือนได้เรียนรู้ต้นอ่อนที่รอแตกยอด ผลิดอกออกผล
เรื่องนี้ก็อ่านสนุกอยู่ดี แม้จะมิติเดียว แต่ก็ชุดใหญ่จัดเต็มมาก o13 อยากแอบกระซิบว่า...ช่วงโศกาอาดูรกับช่วงรีคัฟเว่อร์ของหนูโย อ่านแล้วรู้สึกหนืดๆเบาๆล่ะ //แต่งานยุคถัดๆมาของคุณอิ๊กกี้ กระชับ ฉับไว ถูกใจเจ้มากนะ

มีคีย์เวิร์ดต่างๆที่คุ้นเคย เช่น เขาค้อ ทะเลหมอก คำสอนทางพุทธศาสนา ช่วงเวลาพระอาทิตย์ตก ภาพชีวิตชนบท กลุ่มเพื่อนที่แน่นเหนียว ผู้ชายผมเกรียน ผิวกายสีน้ำผึ้ง และเด็กม.ปลาย(อิอิ) ฯลฯ . . . พึ่งรู้ว่าถูกนำเสนอมาตั้งแต่เรื่องแรก เหมือนกลายเป็นตัวเชื่อมในงานเขียนของคุณอิ๊กกี้ เป็นเอกลักษณ์ที่มาจากประสบการณ์เฉพาะตัวผู้เขียน ที่ทำให้รู้สึกผูกพันดีจังเบย :L1: 
ว่าแล้วเจ้ก็กระดึ๊บไปอ่านงานอื่นของคุณต่อไป ช๊อบชอบอ่ะ :110011:


 


ขอบคุณมากคร้าบบ
ฮ่าๆๆ จับทางผมได้ด้วยนิ อิอิ คือชอบส่วนตัวคร้าบ ตัวคนเขียนเองก็ไม่เคยไว้ผมยาวเกินนิ้วเลย เพราะขี้เกียจสระ เนื้อตัวก็ไม่เคยดูแล มันเลยดำๆด่างๆ 5555

ขอบคุณที่ติดตามครับผม
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ( พิเศษ ) ๒๔ มกราคม ๒๕๕๕ หน้า ๓๔
เริ่มหัวข้อโดย: na-au ที่ 21-02-2013 14:14:27
อ่านเรื่องนี้แล้วทำเอาต่อมน้ำตาคนแก่แตก   :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:

จนนึกว่าจะจบแบบเศร้าซะแล้วซิ  :impress3: :impress3: :impress3:

ทำเอาคนแก่ลุ้นแทบตาย สุดท้ายก็จบลงด้วยดี  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

เดี๋ยวตามไปอ่่านเรื่องอื่น ๆ ของหลาน eiky ดีกว่า

 :bye2: :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ( พิเศษ ) ๒๔ มกราคม ๒๕๕๕ หน้า ๓๔
เริ่มหัวข้อโดย: kinly ที่ 19-05-2013 17:11:10
ขอบคุณครับ อ่านมาจนจบสนุกดีครับแต่เนื้องเรื่องเศร้ามากไปหน่อยนะครับ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ( พิเศษ ) ๒๔ มกราคม ๒๕๕๕ หน้า ๓๔
เริ่มหัวข้อโดย: shikyu3211 ที่ 30-06-2013 15:36:37
ขอบอกว่าสนุกมากกกกกกกกกก
แต่ว่าตอนพิเศษอันสุดท้ายมันไม่จบนี่นา  :ling1:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ( พิเศษ ) ๒๔ มกราคม ๒๕๕๕ หน้า ๓๔
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 09-07-2013 23:16:58
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ( พิเศษ ) ๒๔ มกราคม ๒๕๕๕ หน้า ๓๔
เริ่มหัวข้อโดย: poonnana2533 ที่ 04-10-2014 17:55:07
ดันๆ  ให้คนอ่ายเยอะๆ  ขอบคุณคะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ( พิเศษ ) ๒๔ มกราคม ๒๕๕๕ หน้า ๓๔
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 25-02-2015 22:14:59
ชอบเรื่องนี้มาก ถือโอกาสกลับมาอ่านอีกครั้ง อยากให้คุณผู้เขียนนำเรื่องใหม่มาให้อ่านบ้าง (ถ้ากำลังเขียนนะคะ)
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ( พิเศษ ) ๒๔ มกราคม ๒๕๕๕ หน้า ๓๔
เริ่มหัวข้อโดย: sasaka8 ที่ 10-08-2015 10:10:21
ขอบคุณนะคะ นิยายดราม่ามากแต่จบดีมีสาระดีค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ( พิเศษ ) ๒๔ มกราคม ๒๕๕๕ หน้า ๓๔
เริ่มหัวข้อโดย: toon12900 ที่ 11-11-2015 19:33:38
 :o12:

อิกกี้ไม่มาต่อแล้วใช่ไหม เสียใจ  :hao5:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ( พิเศษ ) ๒๔ มกราคม ๒๕๕๕ หน้า ๓๔
เริ่มหัวข้อโดย: GMT101 ที่ 25-06-2017 11:26:48
 :mew1:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ( พิเศษ ) ๒๔ มกราคม ๒๕๕๕ หน้า ๓๔
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 12-11-2017 00:09:04
ถ้าใครมาอ่านคอมเม้นท์ก่อนอ่านนิยาย
ขอบอกเลยว่าเรื่องนี้ดราม่านะค๊าาาาาา
กลางเรื่องจนมาถึงใกล้ๆจบอึดอัดมากกกก
กลับจบไม่แฮปปี้ 555
แต่.... ก็จบด้วยดีค่ะ หวานมาก ^^

ขอบคุณผู้เขียนด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ( พิเศษ ) ๒๔ มกราคม ๒๕๕๕ หน้า ๓๔
เริ่มหัวข้อโดย: cookie8009 ที่ 13-11-2017 20:57:50
อ่านเรื่องนี้จบแล้ว ความคิดแรกที่แว่บเข้ามาเลย คือ

พิษใดๆในโลก จะร้ายแรงเท่า ‘พิษรัก’ นั้น ไม่มี
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ( พิเศษ ) ๒๔ มกราคม ๒๕๕๕ หน้า ๓๔
เริ่มหัวข้อโดย: nyxca ที่ 29-02-2020 18:02:00
อ่านจบแล้วค่ะ ชอบนะ ถามว่าชอบตรงไหน ชอบที่ชัดเจนในความรักค่ะ ทั้งโยและเอเลย แต่เอจะเป๋ๆหน่อยหมายถึงวิธีการที่ใช้โต้ตอบแม่เค้า ก็โอเคนะเหมาะกับช่วงอายุนี้ดี ดูเป็นวัยต่อต้านที่ใช้ทุกๆวิธีมารับมือกับแม่ให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ55555 แม่แบบอาจารย์ปริศนาเราก็เข้าใจนะคะแต่ไม่ชอบแหละ เหมือนเลือกทางเดินให้ลูกน่ะ


สำหรับคนหาสปอยก่อนอ่านตัดสินใจอ่าน อ่านได้เลยค่ะจบแฮปปี้ มีช่วงหน่วงและขยี้ลากยาวก็จริงแต่มันเคลียร์นะ ^^
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ( พิเศษ ) ๒๔ มกราคม ๒๕๕๕ หน้า ๓๔
เริ่มหัวข้อโดย: PoMArmKuB ที่ 01-01-2021 10:03:09
เคยอ่าน และกลับมาติดตามอีกครั้ง ชอบมากครับ
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ( พิเศษ ) ๒๔ มกราคม ๒๕๕๕ หน้า ๓๔
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 03-01-2021 15:40:37
 :o8:
หัวข้อ: Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ( พิเศษ ) ๒๔ มกราคม ๒๕๕๕ หน้า ๓๔
เริ่มหัวข้อโดย: Maeo ที่ 17-01-2021 14:31:52
 :pig4: