อัพตอนเที่ยงคืน
ขอให้ทุกคนมีความสุขนะครับ
ตอน ห้าสิบสอง
จากวันที่ เอโทรมาส่งข่าวก็หายเงียบไปอีก ผมทั้งโทรทั้งส่งข้อความทำทุกวิถีทางให้เอมันติดต่อมาบ้าง แต่มันก็ไม่เห็นใจผมเลยทิ้งความตรอมใจไว้ให้ผมทนทุกข์ ผมหันหน้าเข้าหาวัดที่พอจะเป็นที่พึ่งได้ โศกาอาดูรไปมีแต่จมกับจม ผมทำใจได้อย่างเดียวในตอนนี้ เวลาอยู่ต่อหน้าแม่ต่อหน้าเพื่อนผมจะทำตัวให้เป็นปกติมากที่สุด อาจจะซึมไปบ้างแต่ทุกคนก็เหมาว่าผมคงคิดถึงเอเหตุเพราะอยู่ห่างกัน แต่เวลาอยู่คนเดียวผมเองก็มีโลกส่วนตัวที่มืดมนไร้ซึ่งหนทาง ผมสวดมนต์ภาวนาให้อาจารย์ปริศนาใจอ่อนให้เราแค่เจอกันบ้างก็ยังดี สวดทุกวันภาวนาทุกวันให้คุณพระคุณเจ้าคุ้มครองเอ แต่สิ่งที่ทำให้ผมเศร้าใจไปกว่าเดิมคือข้อความจากเอ หลังจากที่ไม่ตอบรับเป็นอาทิตย์
"ที่รัก ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเชื่อใจเค้านะ เค้ารักตัวเองมากนะ"
ผมใจหาย วาบ สิ่งที่กลัวคือความหุนหันพลันแล่นของมัน มันกำลังคิดที่จะทำอะไรอยู่ ผมทุกข์ยิ่งกว่าคิดถึงมันเพราะตอนนี้ความห่วงมันทวีคูณ ผมไม่สบายใจเลย ผมระบายออกกับพลเล่าให้มันฟัง พลเองก็เห็นใจ ปลอบต่างๆนานาแต่อยู่ต่อหน้ามันผมก็พยักหน้าเข้าใจไม่คิดมาก แต่ลับหลังมันผมก็ตกลงไปในนรกที่สุมใจของผมเช่นเดิม ล่วงเดือนที่พิเศษที่สุดสำหรับผมไปแล้ว พอเข้าเดือนพฤษภาคมผมก็มีเรื่องอื่นต้องคิดแทรกเข้ามา คืองานแต่งของจ๋า เราทั้งกลุ่มดูมีอะไรทำเพิ่มขึ้นเพราะเห็นจ๋ามันวิ่งอยู่กับพี่ป้อมสองคนก็ เห็นใจ ผมกับพลช่วยมันดูเรื่องของชำร่วยและของจุกจิกอีกหลายอย่าง ไปดูห้องพักที่โรงแรมให้เป็นอภินันทนาการคืนวันส่งตัวให้มัน เวลาอยู่ที่ทำงานและเวลาที่ยุ่งอยู่กับเรื่องของจ๋าผมดูไม่เศร้ามากนัก พลเองก็ดูระวังคำพูดของมันมากขึ้นพยายามไม่เอ่ยชื่อของเอ หรืออะไรก็ตามแต่ที่เกี่ยวพันกับมัน แต่ก็อนาถใจเพราะเวลาอยู่คนเดียวผมก็จะเอาโทรศัพท์ที่มีรูปผมกับเอเคียงคู่ กันขึ้นมาดูแล้วก็ร้องไห้ใจหวั่นไหวไปตามเคย
สองสัปดาห์ก่อนงานแต่ง ของจ๋าพลก็นักเจอกับบอมอีก ความจริงแล้วมันเจอกันเกือบทุกวัน แต่ผมเองที่ไม่ยอมไปด้วย พักหลังมันก็ไม่ค่อยชวนคงเห็นผมเศร้าๆอยู่ ถึงแม้ว่ามันจะระมัดระวังคำพูดของมันเอง แต่มันก็ไม่มั่นใจเกี่ยวกับบอม เพราะรายนั้นมันก็เป็นเพื่อนรักของเอ หลุดปากพูดอยู่บ่อยๆ และพอผมได้ยินผมก็เหมือนตกจากอากาศสูงดิ่งสู่เหวลึก
"แก ไอ้บอมมันจะไปเชียงใหม่กับไอ้บ๊อบนะ พวกมันก็ทนไม่ไหวที่เอมันเงียบไปแบบนี้"
พลพูดขึ้นตอนมันขับรถมาเจอบ อมเหมือนเคยตอนที่เราเลิกงาน
"เหรอ ไปเมื่อไหร่แก ฉันไปด้วย"
ผม เนื้อเต้นร้องอย่างดีใจ เออจริงสินะ ทำไมผมไม่คิดที่จะไปหามันถึงที่โน่น ทำไมมานั่งจมอยู่กับความทุกข์แต่ไม่คิดที่จะทำอะไร
"เออ ไปสิ เดี๋ยวฉันบอกเจ๊ ไปพักหน่อยก็ดี ฉันจะได้ไถเงินเผื่อเลย"
พลพูดอย่าง อารมณ์ที่แจ่มใสขึ้น
"แล้วจะไปกี่วันล่ะแก"
ผมถามเพราะพะวง เกี่ยวกับงาน
"ไปสองสามวันก็น่าจะดีแก ไปนานเดี๋ยวเจ๊แกวีน"
ผม ก็เห็นดีเห็นงามไปด้วย ในใจกระโดดโลดเต้นดีใจ อย่างน้อยไปเห็นหน้ามันก็ยังดี อาจารย์ปริศนาคงจะไม่รู้หรือห้ามไม่ให้ผมไปเจอมันได้ ผมดีใจเหลือเกินมีความสุขขึ้นมาในรอบหลายเดือนที่ทนทุกข์ ผมบอกแม่ว่าผมจะไปเชียงใหม่แม่ก็ไม่ว่า แค่เตือนสติว่าอย่าวู่วาม ให้กำลังใจน้อง ผมซื้อแหวนเงินสลักตัวอักษรภาษาอังกฤษตัวแรกของชื่อมันและผมในวงเดียวกัน ดีใจเนื้อเต้นนับคืนนับวันที่จะได้ไปหาเอ พลเป็นคนจัดการเรื่องที่พักส่วนการเดินทางพลอาสาจะขับรถไป เราออกจากรุงเทพฯตอนบ่ายวันศุกร์บอมกับบ๊อบมารอที่เซ็นทรัลเวิลดิ์ เพราะพอผมกับพลออกจากที่ทำงานก็จะได้ตรงมารับเลย ผมเตรียมกระเป๋าเดินทางมาตั้งแต่เช้าแล้ว เราขอพี่ภาออกมาก่อนตอนเที่ยงเพราะกลัวไปถึงดึกเกินไป พี่ภาเองก็ดีแสนดี ขออะไรไม่เคยขัดเลย ผมเองที่เป็นฝ่ายเกรงใจจึงอยากจะมีสติตอนทำงานให้มากที่สุด ทำงานให้พลาดน้อยที่สุดเพราะถือเป็นการตอบแทนน้ำใจที่พี่ภามีต่อผม พอถึงที่นัดพลก็โทรให้บอมกับบ๊อบลงมารอหน้าห้างเพราะพลบอกว่าไม่อยากเข้าไป จอด ทั้งสองอยู่ในชุดตามสมัยนิยม ดูไม่เหมือนเด็กมัธยมปลายแต่ดูเหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วไป พอขึ้นมาที่รถได้ก็จ้อใหญ่ บอมกับพลยังกัดกันอยู่คงเส้นคงวา สร้างความครื้นเครงให้ทั้งคันรถ บ๊อบเองก็กัดกับบอมบ้าง แล้วก็พยายามดูแลผมเป็นพิเศษจนน่าอึดอัด ผมก็คุยตามน้ำไปบ้างเพราะไม่อยากเงียบมากนัก อีกทั้งในใจก็ลิงโลดอยู่จะปกปิดไว้ก็ไม่อยู่ เวลาที่เราดีใจเราก็ปิดไม่อยู่เช่นเดียวกับเวลาที่เราเสียใจ การเดินทางอันยาวนานเพื่อมาหาคนที่รักมันดูยาวไกลเสียเหลือเกิน ในใจอยากให้ถึงโดยเร็วไม่อยากจะเสียไปแม้สักวินาที
เราถึงเมือง เชียงใหม่ตอนสามทุ่มกว่าเพราะผมไม่อยากให้พลขับรถเร็วเกินไป พอเข้าที่พักเรียบร้อยแล้วเราก็ตกลงกันไว้ให้บ๊อบโทรไปหาเอ บอกว่าตอนนี้อยู่เชียงใหม่ แต่ห้ามบอกว่าผมกับพลมาด้วย ผมใจเต้นดีรอฟังอยู่
"ไอ้ เอ กูเอง เออ ตอนนี้กูอยู่ที่เชียงใหม่นะมึง กูมากับไอ้เชี่ยบอมล่ะ ก็เออดิ ไอ้เชี่ยก็มึงเล่นเงียบหายไปแบบนี้พวกกูก็เป็นห่วงดิวะ เออ เจอกันตอนนี้เลยได้ไหม เร็วๆนะมึง"
บ๊อบวางสายจากเอแล้ว ผมเนื้อเต้นเข้าไปเกาะแขนมัน
"เอว่าไงบ้างบ๊อบ"
"มันบอกว่าไป เจอที่หน้ากาดอะไรของมันไม่รู้พี่ แก้วๆ"
"ไอ้ห่า โง่นะมึง เขาเรียกกาดสวนแก้ว"
"อ้าวเชี่ยกูไม่เคยมากูจะรู้ไหม"
"เอา เถอะๆ แล้วไปกี่โมงตอนนี้เลยไหม"
พลขัดจังหวะของทั้งสองคน บ๊อบพยักหน้าแต่ตายังจ้องเขม่นบอมอยู่ ผมต้องช่วยดันหลังให้มันเดินไปขึ้นรถมันถึงยอม พลรู้จักสถานที่เพราะเคยมาแล้วหนหนึ่งส่วนผมกับเด็กทั้งสองไม่เคยมา พลขับรถออกจากที่พักสักครู่ก็ถึงกาดสวนแก้ว ดูเหมือนห้างหรือที่ชาวพื้นเมืองจะเรียกว่ากาดนี้เลยเวลาปิดบริการแล้ว พลหาที่จอดรถเสร็จเราก็เดินมารอที่หน้ากาด ยืนอยู่สักพักก็เห็นเงาของเด็กวัยรุ่นตัวสูงใหญ่กำลังเดินมาแต่ไกล ใจผมเต้นตึกตัก คิดคำถามไว้ต่างๆนานา ดีใจเหลือเกิน บ๊อบกับบอมโบกไม้โบกมือให้เอ พอร่างนั้นเข้ามาจนเห็นถนัดตาใจผมก็แป้วหายไป เพราะเอดูซูบผอมหน้าตอบลงไปเยอะมาก ทันทีที่สายตามันมองมาเห็นผม มันดูตื่นกลัวเหมือนเจอผี ผมใจเต้นเหมือนจะหลุดออกมาจากอก เอไม่ได้มาคนเดียวเด็กผู้หญิงที่เดินมาด้วยเกาะแขนมันอยู่ ผมยืนนิ่งตัวชา อ้าปากค้าง แทนที่จะดีใจที่ได้เจอ แต่ความรู้สึกสับสนวกวนตีกันปนเปไปหมด เหมือนทุกคนจะอึ้งไม่มีใครพูดอะไรกันสักคำ
"นี่เหรอเพื่อนเธอน่ะเอ"
เสียงนั้นปลุกให้ทุกคนตื่นจากภวังค์ยกเว้นผม
"เอ"
พลเรียกชื่อมันเสียงหลง ไม่รู้ว่าดีใจหรือเสียใจ
"สบายดีเหรอมึง ผอมเชียวไอ้เชี่ย"
บอมทักขึ้น สายตาของเอยังมองอยู่ที่ผมมันไม่กระพริบตาเลย เราจ้องตากันอยู่ ผมมีคำถามมากมายผ่านสายตาไป
"ตัวเอง"
มันพูดหลุดปากออกมามันลอยลมมากระทบโสตประสาทผม
"ใครน่ะเอ"
เสียงเด็กผู้หญิงคนนั้นแปร๋นขึ้นมา ผมเองก็เริ่มหายใจติดขัด
"เมียกู"
เอพูดออกมา ทันทีที่คำพูดหลุดจากปากมัน เด็กผู้หญิงคนนั้นก็สะบัดมือออกจากแขนมันแล้วกรีดร้อง
"กรี๊ดดด แล้วฉันล่ะ แล้วฉันล่ะ"
ผมไม่มีสติพอที่จะยืนนิ่งอยู่อีกต่อไป ทุกอย่างมันฟ้องด้วยภาพที่อยู่เบื้องหน้าหมดแล้ว ใจสลาย ผมหันหลังกำลังจะก้าววิ่งหนีไป
"ตัวเองฟังเค้าก่อน เค้าอธิบายได้"
"ไอ้เชี่ย สันดานเลว มึงทำได้ไงไอ้สัตว์"
บ๊อบโผเข้าไปต่อยเอ ผมหันหลังกลับ แต่ยืนนิ่งอยู่ เอล้มคว่ำไปคลุกอยู่กับพื้น บอมเป็นคนดึงบ๊อบออกมาจากเอ ผมน้ำตาไหลออกมาตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ พลเข้ามากอดบ่าไว้ มันเองก็น้ำตาไหล
"เราทำแบบนี้ได้ยังไงเอ รู้ไหม ทุเรศที่สุด"
พลตวาดออกไป
"พวกนี้เป็นใครเอ บอกมานะ แล้วฉันล่ะ"
เสียงแหลมปรี๊ดขึ้น ผู้คนที่อยู่โดยรอบแม้จะไม่มากมายนักหันมาสนใจเป็นจุดเดียวกัน
"หุบปากไปเลยอีชะนี หล่อนไม่รู้เหรอว่านี่เขาเป็นผัวเมียกัน อีหน้าด้าน รีบไปให้พ้นหน้านะ เดี๋ยวแม่ตบปากแตกเลยนี่"
"กรี๊ดดดด แล้วมายุ่งกับฉันทำไมไอ้เชี่ย"
เสียงกรี๊ดดังลั่น
"มึงกลับไปเลยอีห่า กูบอกอย่ามายุ่งกับกูมึงก็ไม่ฟัง"
เสียงเอตวาดด่าทอเด็กคนนั้นดังจนเส้นที่คอปูดโปน
"ไอ้สัตว์บอกกูมา มึงทำได้ไง มึงทำร้ายพี่โยได้ยังไง ไอ้เชี่ย"
บ๊อบไม่ยอมหยุด มันถลาเข้าหาเอที่ยังนอนอยู่ท่าเดิมอยู่ บอมต้องกอดไว้พัลวัน ผมยืนร้องไห้ นิ่งไม่พูดอะไรสักคำ พูดไม่ออก ผมไม่มีอะไรในหัวเลย มันว่างเปล่า คิดอยู่อย่างเดียวคือไปให้พ้นจากตรงนี้ ไปให้ไกลแสนไกล ผมก้าวเท้าวิ่งทันที
"โยๆ"
พลร้องเรียก
"ใจเธอทำด้วยอะไรเอ ใจร้ายที่สุด"
พลตวาดเอก่อนที่มันจะวิ่งตามผมมา
"ตัวเอง ตัวเองฟังเค้าก่อน"
"ฟังเชี่ยอะไรไอ้สัตว์ แดกตีนกูนี่"
เสียงร้องคร่ำครวญดังแว่วตามหลังมา ผมวิ่งเตลิดเปิดเปิงไม่รู้ทิศทางพลวิ่งตามทันคว้าแขนได้มันดึงผมมากอดทันที
"แก ฉันเข้าใจ คนเลว ทำไปได้ยังไง"
พลร้องไห้กอดผมไว้แน่น ผมสะอื้นออกมาทั้งตัว ใจแหลกไปแล้วมันชาเหมือนโดนตีแสกหน้ามาสดๆร้อนๆ
"นี่มันกรรมเวรอะไรของแก โย ทำไมเจอแต่เรื่องแบบนี้"
พลร้องไห้เสียงดัง เรายืนกอดกันไม่สนใจผู้คนที่เดินผ่านไปมา บ๊อบวิ่งตามมาทัน มันยืนอึ้งอยู่แล้วจึงสะกิดพลให้ไปจากที่นี่ พลดึงแขนผมที่น้ำตาไหลเป็นทางตามมันไปที่รถ
"แล้วบอมล่ะบ๊อบ"
"มันไปรอที่รถพี่ ไปเถอะ ก่อนที่ผมจะฆ่าคนตาย"
ผมโดนพลลากมาที่รถอย่างยากลำบาก พอขึ้นรถได้ผมก็เหมือนคนที่เมาที่ไม่ได้สติ ร้องไห้กัดปากตัวเองสะอื้นออกมา กัดปากจนเลือดไหลอาบที่มุมปาก
"โย อย่าทำแบบนี้ฉันขอร้อง บ๊อบเอาผ้ามา"
พลร้องเสียงหลงร้องไห้ดัง บ๊อบรีบคว้าผ้าเช็ดหน้ามาแล้วเอื้อมจากเบาะคนนั่งหลังมากอดผมไว้ บอมเองก็ช่วยพลง้างปากผมออก
"เอ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!"
ผมบ่ายหน้าหนีดิ้น ไม่รู้ว่าทำไปทำไมแต่ผมไม่รู้สึกตัวแล้ว บ๊อบจับผ้าเช็ดหน้ายัดเข้าไปในปากของผม ผมพยายามบ้วนมันออกมา แต่มันก็เอามือปิดไว้ ทุกคนในรถร้องไห้เสียงระงม
"ตัวเอง ฟังเค้าก่อน ฟังเค้าพูดก่อน เค้าไม่ได้ตั้งใจ ตัวเอง"
เสียงเอร้องไห้เคาะกระจกรถด้านที่ผมนั่ง ผมหันไปมองใจจะขาด อยากเปิดประตูออกไปกอดให้สมกับที่คิดถึง แต่ผมไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่สิ่งที่เห็นเมื่อครู่ เด็กผู้หญิงที่ยืนเกาะแขนมันอยู่ข้างๆ มันทำให้ผมสับสน
"อย่าบ๊อบ อย่าออกไป พอแล้ว"
พลร้องห้ามบ๊อบที่เปิดประตุรถออกไป แต่ห้ามไม่ทันมันออกไปกระชากคอเสื้อเอมาต่อยจนเอล้มฟุบไปอีกรอบ
"ไอ้สัตว์ มึงยังมีหน้ามาพูด ไหนมึงบอกกูซิ อีนั่นเป็นใคร"
มันตวาดเสียงดังลั่นที่จอดรถ
"กูจะคุยกับเมียกู ไอ้เชี่ย มึงถอยไป"
"กูไม่ให้คุย ไอ้สัตว์ เลว อีนั่นมันเป็นใคร"
บ๊อบกะคอกใส่มันแล้วต่อยอีกจนเลือดเต็มหน้าเอ บอมรีบลงรถไปห้ามพลเองก็กอดผมไว้ ผมไม่มีสติแล้ว จำได้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่สมองไม่สั่งงานแล้ว
"ไอ้เชี่ย มึงจะต่อยมันให้ตายเหรอเหรอ พี่พลพามันกลับไปก่อน"
บอมหันมาสั่งพลแล้วพยายามดึงบีอบออกมาจากร่างเออย่างทุลักทุเล พอมันดันบีอบเข้ามาในรถได้ก็ปิดประตูให้พลล็อกทันที พลรีบขับรถออกไป ผมเกาะกระจกรถมองเออย่างปวดใจ ภาพมันที่นอนกลิ้งอยู่เลือดอาบหน้ามีบอมพยุงอยู่ข้างๆมันช่างจับใจเจ็บเข้า ไปถึงทรวงอก พอไกลออกมาผมเพิ่งจะรู้ตัวว่าผมกำลังจะโดนพรากจากมันอีกแล้ว ผมเคาะกระจก
"เอ เอ"
"แก พอแล้ว พอได้แล้ว" พลสะอื้นแต่ยังขับรถอยู่ ตาก็คอยมองมาที่ผม
"ฮือๆ"
บ๊อบเข้ามากอดผมไว้ให้ตัวติดเบาะ มือไม้ก็ป่ายไปทั่วผมกำลังจะบ้า สติผมหลุดลอยขาดหายไป ผมปวดใจ นี่หรือที่เราโดนแย่งคนรักไปมันรู้สึกอย่างนี้เองหรือ คนที่คิดว่าเป็นของตัว คนที่คิดว่าเขารักตัวมากเท่ากับที่เรารักเขา มันเจ็บอย่างนี้เองหรือ ถ้าการมีลมหายใจเพื่อเห็นในสิ่งเหล่านี้ มาเอาลมหายใจฉันไปเถิดเอ ฉันทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว
เขียนโดย eiky