Boy's Story ให้รักนำทางใจ ( พิเศษ ) ๒๔ มกราคม ๒๕๕๕ หน้า ๓๔
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

ชอบเรื่องนี้หรือเปล่า

เฉยๆๆ
18 (5.9%)
ชอบ
280 (92.1%)
ไม่ชอบ
6 (2%)

จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 181

ผู้เขียน หัวข้อ: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ( พิเศษ ) ๒๔ มกราคม ๒๕๕๕ หน้า ๓๔  (อ่าน 312328 ครั้ง)

ออฟไลน์ •ผั๑`|nกุ้va’ด•

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-69
โอ๊ยยย น้ำตาลขึ้นอย่างแรงค่ะ

salawinyeen

  • บุคคลทั่วไป
 :o8:        ขอให้รักกันอย่างนี้ อีกนานเรื่อยไป ไม่ต้องถึงวันที่ฟ้าแตกสลาย


แค่ทั้งชีวิตที่เหลือ เธออยู่เคียงข้างกัน มีฉันและเธอ...(ตลอดไป)    :  )


ถ้ารักผมเป็นแบบนี้ก็ดีสิครับ


+1


จาก   Yeen2U

kenshinkenchu

  • บุคคลทั่วไป
คาดว่ารางร้ายในความฝันใกล้มาเยือน คุณครูปริศนาต้องรับไม่ได้แน่เลย
แต่ไม่น่าเชื่อว่าเอจะรักโยขนาดนี้  ตอนโน้นนนนนนนนนนนนนนนนน
มีครั้งนึงที่บอกประมาณว่าจะทำให้โยรักตัวเองให้ได้ แล้ววันนั้นโยจะเสียใจ   ฉากนั้นยังสะกิดใจอยู่เลย
แต่ขนาดนี้แล้วคงรักจริงๆล่ะ  บรรยากาศน่าอิจแาที่สุด  อยากมีความรักแบบล้นใจบ้างจังน้า  :-[

pattybluet

  • บุคคลทั่วไป
พูดถึงเอเปลี่ยนไปเยอะเนอะ จากครั้งแรกที่โยเจอ
จากนี้ไปก้อมีเรื่องรออยู่อีกเยอะ หวังว่าทั้งคู่จะผ่านมันไปได้ด้วยดี

เป็นกำลังใจให้นะคะ

ออฟไลน์ naiin

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-9
อยากให้ความสุขอยู่กับทุกๆคนแบนี้ตลอดไปนะคับ สุขใจจริงๆทริปนี้ :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ PEENAT1972

  • Red Rhino
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +563/-106
หมั่นไส้คนมีคู่ หวานกันสะขนาด

แต่อีป้าแก่ๆ กลัว คลื่นลมสงบก่อนพายุใหญ่จะมามั้ง  :กอด1:


ป้าจ๋า ไม่อยากบอกเลยว่าคนเขียนไม่ถนัดเลยตอนหวานๆ อิอิ แต่ถ้าเศร้าแล้ว อ่านด้วยน้าาา :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:


จ้า จะ หวาน ขม เค็ม เปรี้ยว ป้าแก่ๆ ก็ ตามอ่านอยู่ดี เพราะ ชอบอ่านเป็น สายเลือดแล้วละ

อ่านสะขนาด คอมฯ ระเบิด ไปตัวแล้วเนี่ย 555

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
หวานนนนนนนนนนนนนนนนนนนนฉ่ำ  :-[

kanda53

  • บุคคลทั่วไป
ไม่มีอะไรจะกล่าว... :-[
เจ้าเอรักจริงหวังแต่งนะเนี่ย....
ขอหวานนานๆหน่อยนะคะ  อิจฉาโยจริงๆเลย :interest:
ขอบคุณสำหรับความขยันของคนแต่ง  และ
ความหวานที่มอบให้คนอ่านค่ะ   :L1:

ออฟไลน์ eiky

  • Played Me!!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1760/-3
                        ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านครับ



                       ตอนต่อ เลย ครับทุกท่าน




                                ตอน สี่สิบ




เสียงเคาะประตูดังปลุกให้ผมตื่นจากภวังค์

"โยๆ แกจะกลับแล้วนะแก ทำอะไรกันยะ"

เสียงกบตะโกนผ่านประตูเข้ามา ผมงัวเงียเพราะเผลอหลับไปกับเอ ผมร้องตอบมันออกไปว่าขออาบน้ำก่อน ผมลุกจากเตียงมองเอที่ยังนอนอยู่ ผมรีบเก็บของใส่กระเป๋า เสื้อเปียกเมื่อคืนหมาดๆ ต้องเอาใส่ถุงพลาสติก พอเสร็จก็มาปลุกเอ

"เอ ตื่นได้แล้วจะกลับบ้านแล้ว"

ผมเย่าตัวมัน งัวเงียตื่นมา

"ยัง เวียนหัวอยู่ไหม"

ผมถามมองมันอย่างห่วงใย มันยิ้มแล้วกอดผมโน้มตัวลงไปกอด

"เร็วๆ รีบไปอาบน้ำ ทุกคนรออยู่นะ"

"ขอกอด แป๊บ นึงน้า คิดถึง"

"พูดแบบนี้หายเวียนหัวแล้วสิ"

"อืม"

มันพยักหน้า ผมให้มันกอดอยู่สักพักก็ไล่ไปอาบน้ำ มันดึงแขนเข้าไปอาบน้ำด้วยกันอีกเหมือนเคย พออาบเสร็จเราก็แต่งตัว ออกจากห้องไปรวมกับเพื่อนๆ ทุกคนยืนรอกันอยู่พร้อมแล้ว เพื่อนแซวตามปกติ เราเช็คเอาท์ออกจากบังกาโลแล้วไปรอรถสองแถวกลับไปที่ท่าเรือ นั่งรอเรืออยู่พักใหญ่จึงได้ข้ามกลับไปฝั่งบ้านเพ แดดตอนบ่ายสามยังแก่ร้อนแรง เอดูสลึมสลือคงยังไม่สร่าง ผมจับกินน้ำส้มแต่กินเยอะมันก็อยากเข้าห้องน้ำ กว่าจะถึงฝั่งได้แทบแย่ เราเดินซื้อของอยู่พักใหญ่จึงขึ้นรถกลับ ขากลับมีเพียงเสียงเพลงที่เปิดในรถ การสนทนาไม่ออกรสออกชาติเหมือนตอนขามา ทุกคนดูเหมือนหมดฤทธิ์ยา กายขับรถไม่เร็วมากนักเพราะมันเองก็งัวเงียอยู่ เปลี่ยนกันขับกับพลทุกชั่วโมง พี่ป้อมพอขึ้นรถได้ก็นอนเลย เหมือนของผมนั่งกอดเอวผมอยู่พักเดียวก็หลับ ผมต้องนั่งคอยกอดประครองไว้เพราะมันหลับแต่ดิ้น จ๋าคุยกับผมเบาๆ มีพลกับกายตอบรับบ้าง ส่วนกบนั่งสับปะหงกอยู่ กว่าจะถึงกรุงเทพฯก็มืดพอดี แวะปั๊มน้ำมันหลายรอบ กายขับรถไปบ้านผมก่อน ทุกคนทักทายแม่แล้วแยกย้ายกันกลับ เอเดินขึ้นไปนอนข้างบนทันที ไม่ยอมกินข้าว ตอนแรกผมจะไปปลุกให้มันมาอาบน้ำกินข้าวแต่แม่ห้ามไว้อยากให้มันนอนให้เต็มที่

เดือนแห่งความรักมาถึงแล้ว ไม่ได้รู้สึกว่าเดือนนี้มันจะพิเศษอะไร เพราะตอนนี้ผมรู้สึกว่าทุกๆวันมันคือวันแห่งความรัก ความรักของผมตอนนี้มันเบ่งบานเต็มอก เราเจอกันทุกวันตอนผมเลิกงาน ถ้าวันไหนไม่เจอรู้สึกเหมือนใจจะขาดกว่าจะผ่านไปแต่ละวันมันช่างยืดยาวนาน คนที่อยู่แวดล้อมผมก็คงดูออกว่าผมเองดูสดใสขึ้นมาก แม่เองก็ดูรู้ท่านไม่ได้คุยเรื่องนี้อีกเลยแต่บางคราสายตาของแม่ก็ยังคง ห่วงใยอยู่มาก ผมเองก็ไม่ได้คิดเกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นมากเหมือนแต่ก่อน ปล่อยให้มันเป็นไปตามแต่มันจะเป็น ผมมีความสุขไม่อยากให้อะไรที่คิดไว้หรือสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตมันมาบั่นทอนความสุขอันนี้

วันวาเลนไทน์มาถึงแล้ว ปีนี้ตรงกับวันเสาร์พอดี ผมนัดเอออกไปดูหนังกันตอนกลางวันแล้วค่อยไปกินข้าวกัน ผมจองไว้ที่ร้านเกาะลันตาแถวสนามบิน ผมตื่นแต่เช้ามาเตรียมใส่บาตรเหมือนเคย เดี๋ยวนี้ใส่เป็นประจำทุกเสาร์อาทิตย์ เอเองก็คุ้นกับการใส่บาตรแล้ว แม้มันจะยังไม่ตื่นเพราะอ่านหนังสือดึก ช่วงสอบปลายภาคมันนอนดึกเกือบทุกวัน โทรหาก่อนนอนทุกวัน เมื่อคืนก็ท่าจะนอนดึกเพราะตอนผมนอนมันก็ยังไม่นอน ผมเตรียมทุกอย่างเสร็จก็ขึ้นไปปลุกมัน แม่เองก็เพิ่งอาบน้ำเสร็จ ช่วงสอบแม่งดไปวัดเพราะง่วนอยู่กับการออกข้อสอบ ตรวจข้อสอบ เองัวเงียไม่อาบน้ำล้างแต่หน้า มันยืนตาปรือใส่บาตร พอเสร็จก็ขึ้นไปนอนต่อ ส่วนแม่ก็ทำงานที่ค้างอยู่ ผมก็ไปทำกับข้าว เอตื่นมาอีกทีเก้าโมงกว่า แม่กินข้าวไปก่อนแล้ว ผมกินข้าวกับเอเสร็จก็ให้มันไปอาบน้ำเตรียมตัวไปดูหนังกัน เห็นมันบอกอยากดู A Moment in June ผมก็เออออตาม ตอนนี้ทำอะไรก็ไม่อยากขัด แย้งบ้างแต่ไม่มาก ส่วนใหญ่คล้อยตามมันไปเสียทุกอย่าง ไม่ได้ตามใจแต่รู้สึกว่าอยากเอาใจมันมากเป็นพิเศษ

"เค้ารักตัวเองนะ คะ"

มันกระซิบตอนอยู่ในโรงหนังแล้วจับมือผมไว้ มันจูบหน้าผากหัวใจผมลอยละลิ่ว มีความสุขใจที่สุด เราดูหนังจบเกือบบ่ายสอง เดินคลอเคลียกันออกมาจากโรงหนัง ตอนนี้ผมไม่อายใครแล้ว มองไม่เห็นใครนอกจากมัน รักมันมากล้นใจ

"ตัวเองไปเดินเล่นสวนหลวง ไหม"

มันชวน ผมพยักหน้า เพราะไม่มีที่ไปกว่าจะค่ำ กลับบ้านก็ขี้เกียจจะทำอะไรประเจิดประเจ้อก็ไม่ได้เพราะแม่อยู่ เรานั่งแท็กซี่ออกจากเมเจอร์เอกมัยตรงไปยังสวนหลวง แดดร้อน มีคนนั่งอยู่ตามใต้ร่มไม้ บ้างก็มาเป็นคู่

"เค้าจะสอบให้ติดวิศวะ ตัวเองจะได้ภูมิใจที่มีแฟนเป็นวิศวกร"

เรานั่งใต้ร่มต้นก้ามกราม ใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขาให้ร่มเงา มีคนนั่งอยู่ก่อนแล้วแต่ก็ไม่มากนัก

"เรียน อะไรก็ภูมิใจแล้วล่ะ"

ผมพูดยิ้มๆ หยิบเศษใบไม้ออกจากหัวมัน

"เค้าอยากให้ตัวเองมีความสุข ไม่อยากเสียใจที่มีเขาเป็นแฟน"

ผมเอานิ้วปิดปากมัน มองตามันไม่ให้พูดต่อ

"อย่าพูดอย่างนี้เอ ฉันไม่เคยเสียใจ ดีใจเสียอีก แม้มันจะมีอะไรให้คิดมากมาย แต่ตอนนี้ ดีใจ ภูมิใจแล้ว"
 
มันจับมือผมเอาริมฝีปากงับเบาๆ

"เค้าก็ดีใจมาก ภูมิใจมากนะที่มีตัวเอง เป็นของขวัญจากพระเจ้า เค้ามีความสุขที่สุดเลย"

มันเอนหลังพิงพนัก เต็มแผ่นหลังผ่อนลมหายใจออกมา มันเอามือผมวางที่ตัก ผมมองหน้ามันอย่างไม่รู้จักเบื่อ ทุกอณูบนร่างกายของมันผมไม่รู้จักเบื่อที่จะมอง อยากจะสัมผัสแตะต้องมันอยู่อย่างนั้น

"ตัวเองจำได้ไหม ว่าเค้าบอกรักตัวเองที่นี่นะ กลางบึงโน่น"

"จำได้สิ ไม่เคยลืม"

ผมบีบมือมันเบาๆ เรานั่งมองหน้ากันแล้วยิ้ม ผมมองออกไปไกลแสนไกล ทุกอย่างมันช่างสวยงามเหลือเกิน ดูสดใสไปเสียทุกอย่าง เรานั่งอยู่ตรงนั้นสักพักก็เดินไปเช่าเรือถีบเหมือนเคย แม้อากาศจะร้อน เราช่วยกันถีบออกไปกลางบึง ไอแดดลอยมากับลมกำบังที่กั้นไว้ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก ผมรู้สึกร้อนจนต้องบอกให้เอถีบกลับ เราตกลงไปเดินเล่นที่ซีคอน เพราะทนร้อนไม่ไหว พอถึงซีคอนเราก็ตรงไปกินไอติมนั่งแช่อยู่นาน เผลอแป๊บเดียวก็ค่ำ ผมพาเอออกจากซีคอนตรงไปยังร้านเกาะลันตา ร้านอาหารสวยเพิ่มบรรยากาศมีคู่รักหลายคู่นั่งอยู่เกือบเต็มร้าน แต่ผมโทรจองไว้แล้วที่นั่งริมนอกสุดมองเห็นบึงท้องฟ้ามืดออกส้มๆในยามพลบค่ำ แสงเทียนตามโต๊ะอาหารส่องประกายไสว สวยงามเหลือเกิน อีกคนที่นั่งอยู่ข้างผม ใบหน้าใต้เปลวเทียวช่างน่าพิศมัยเสียนี่กระไร ตั้งแต่ยอมรับในใจว่ามันเป็นแฟน เวลาไปไหนมาไหนด้วยกันมันไม่เคยนั่งห่างจากผมเลย แม้เขาจะจัดที่นั่งให้นั่งตรงข้ามกัน แต่มันก็จะยกเก้าอี้มานั่งติดผมอยู่ดี มันเป็นอีกอย่างหนึ่งที่ผมพึงใจ เรานั่งทานอาหารอย่างเพลิดเพลิน ดื่มด่ำกับบรรยากาศที่แวดล้อม หัวใจมันพองโต ทุกวินาทีมันช่างเป็นสุขเหลือเกิน มีคนเคยบอกเวลาที่เรามีความสุขเราอยากจะหยุดเวลาเอาไว้ตรงนั้น ผมก็เพิ่งมีความคิดเช่นนี้ อยากจะหยุดเวลาเอาไว้อย่างนี้ อยากจะซึมซับทุกความทรงจำเท่าที่ตาจะเก็บภาพได้ เท่าที่ใจจะรู้สึกสุข ให้มันเป็นอยู่อย่างนี้ตลอดไป

เรากลับบ้านเกือบสามทุ่ม เห็นแม่นั่งยิ้มรออยู่ใรบ้าน

"แม่กินข้าวหรือยังครับ"

ผมถาม แล้วไปนั่งข้างแม่

"เรียบร้อยแล้วจ๊ะ ไปกินอะไรกันมา"

"ไปร้านเกาะลันตามาครับแม่ สวยมาก"

"เมื่อกี้พลก็แวะมา เข้าใจทำนะเอเราน่ะ"

แม่หันไปพูดกับเอ ผมมองตามมองมันยิ้มแฉ่งอยู่

"มีบ้างนิดหน่อยครับ"

มันหัวเราะอารมณ์ดี

"อะไรเหรอเอ"

"ปล่าว ไม่มีอะไร"

เอขึ้นบ้านไปก่อนผมนั่งคุยกับแม่ต่อ

"มันคงห้าม ไม่ได้แล้วสินะ ระหว่างโยกับเอน่ะ"

แม่พูดขึ้น ผมรู้สึกหวั่นในใจ มองหน้าแม่ ทำไมวันนี้พูดเรื่องนี้ขึ้นมาทั้งที่แม่ไม่พูดถึงมันนานมาแล้ว ผมได้แต่อึกอักทำตัวไม่ถูกไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดี

"เอาเถอะ โย แม่ไม่ว่าหรอก เรื่องของความรัก มันห้ามได้ที่ไหนกัน จริงไหม แต่คิดเผื่อไว้ด้วยนะ ถ้าวันไหนไม่รักกันแล้ว เรายังจะเป็นพี่น้องกันได้อยู่ไหม"

เสียงแม่ราบเรียบ เย็นสะท้านไปถึงกระดูกสันหลัง ผมเม้มปากมองหน้าแม่ สายตาแม่ยากเกินที่จะเดา แม่พยายามจะสื่ออะไรออกมา

"วันนี้รักชอบกัน ก็ถนอมน้ำใจกันให้มากนะลูก อย่าหักหาญน้ำใจกัน เราเป็นพี่ต้องดูแลชี้นำทางน้อง แม่ไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้ แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว มันเป็นไปแล้ว แม่ไม่ว่าหรอก ยังไงเสียคนรักกันก็ดีกว่าคนเกลียดกัน"

ผมหน้าชาร้อนรนในใจ แม่เหมือนจะเข้าใจแต่ก็เหมือนแม่ตำหนิผมอยู่ ผมนั่งนิ่งมองหน้าแม่พูดอะไรไม่ออก

"ดูทำหน้าเข้า แม่ไม่ได้ว่าเรานะโย ไปๆ ไปอาบน้ำอาบท่า น้องมันมีอะไรให้โน่นแน่ะ ไปขึ้นไปดู มันน่ารักอย่างนี้สินะ ลูกแม่ถึงใจอ่อนได้"

แม่ยิ้มออกมา เต็มปาก คลายความตึงเครียดลงไปได้บ้าง แต่ความกังวลใจมันก็ยังไม่หายไปง่ายๆ ผมเดินขึ้นไปบนบ้านอย่างล่องลอย เปิดประตูห้องเข้าไป เห็นไฟแสงสีสว่างขึ้นทั้งห้องเหมือนตอนวันปีใหม่ ผมไม่ได้แปลกใจอะไรมากนักเพราะเคยเจอกับเหตุการณ์แบบนี้แล้ว แต่ในห้องผมเต็มไปด้วยดอกกุหลาบสีแดงใส่แจกันวางอยู่เต็มห้อง ทั้งหัวเตียงบนโต๊ะ

"โอ"

ผมอุทานออกไป เอมันยืนถือช่อกุหลาบอยู่ในมือยิ้ม

"สุขสันต์วันวาเลนไทน์จ๊ะ ที่รักของผม"

ผมงงยืนเอ๋ออยู่ แต่ก็ยื่นมือไปรับช่อกุหลาบมาจากมัน

"ไม่ เห็นต้องทำขนาดนี้เลยเอ"

ผมพูดเสียงเบา ตื้นตันใจเหลือเกิน ไม่ได้คาดหวังให้มันทำถึงขนาดนี้ ไม่ได้อยากได้ขนาดนี้ มันมากไปสำหรับผม ใจผมรับไม่ได้ ผมน้ำตาคลอ กอดมันไว้น้ำตาไหลออกมา

"ไม่มากหรอก สำหรับตัวเองเค้าทำได้ทุกอย่าง เพื่อคนที่เขารักที่สุดในชีวิต"

ผมสะอื้นออกมาอย่างไม่อายพยายามจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่ให้มันไหล แต่ก็เกินกว่าที่จะบังคับมันแล้ว ในใจผมตื้นตันปลาบปลื้มเหลือเกิน นี่หรือน้ำตาแห่งความปลาบปลื้มยินดี มีความสุขที่สุด

"แล้วไปซื้อมา ตอนไหน"

ผมถามขึ้นตอนที่เรานอนกอดกันท่ามกลางดอกกุหลาบ

"วาน พี่พลไปเหมามา อิอิ แลกกับไอ้บอม"

"วางแผนไว้เหรอ"

"แค่ลองถามพี่พลว่าตัวเองชอบดอกไม้หรือเปล่า พี่พลบอกว่าชอบ เค้าก็เลยอยากจะเซอร์ไพซ์ ตัวเองชอบไหมคะ"

มันถาม ผมหอมแก้มมันแทนคำตอบ เบียดตัวกระชับเข้าหาอกมันมากกว่าเดิม ถ้าผมไม่รักมันสิแปลก ผมรักมันได้มากขนาดนี้ไม่แปลกหรอกใช่ไหม ผมจะสนใจอะไรในเมื่อผมมีความสุขเหลือเกินในตอนนี้ มีความสุขมากจนกลัวขึ้นมาว่าถ้าวันไหนมันไม่เป็นอย่างนี้ ผมยังจะทนใช้ชีวิตอยู่ได้ไหม ผมจะอยู่ต่อไปยังไง แต่เอาเถอะปัจจุบันมันนอนกอดผมอยู่ด้วยความรู้สึกเดียวกัน "รัก" อนาคตผมมองไม่เห็นมันเองก็คงเหมือนกัน เราจะไปคิดให้มันได้อะไรขึ้นมา

คืนที่แสนสุขผ่านไปอย่างรวดเร็วห้องผมเต็มไปด้วยสีแดงหลากหลายเฉดสี กุหลาบแดงส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลไปทั้งห้อง ผมตื่นขึ้นมาทำอาหารสำหรับใส่บาตรแต่เช้าเหมือนเคย วันนี้เอไม่ต้องปลุกเพราะเมื่อคืนมันนอนเร็วงดอ่านหนังสือไปวันหนึ่ง แม่เองก็ตื่นแล้วเราออกมายืนพร้อมหน้ารอพระเดินมาบิณฑบาตร พอเสร็จเอก็รดน้ำต้นไม้ผมก็เข้าไปทำกับข้าว เรากินข้าวตอนแปดโมงกว่าๆ แม่ตรวจข้อสอบต่อ เอเอาหนังสือมานั่งอ่านที่หน้าบ้าน ผมก็อ่านหนังสือนิยายอยู่ข้างๆ คอยชำเลืองมันตลอดเวลา เวลามันมุ่งมั่นอ่านหนังสือ ขมวดคิ้ว ไรหนวดเหนือริมฝีปากช่างน่าดูยิ่งนัก

"ยิ้ม ไรคะ"

มันทักผมหุบปากทันที เผลอตัวคิดล่องลอยไปไกล

"แอบมอง เค้าเหรอ เขินนะเนี่ย"

"บ้า คิดอะไรเรื่อยเปื่อย อ่านต่อไปเถอะ"

ผมแก้ตัว แล้วอ่านนิยายต่อ

"คิดเรื่องเราน่ะเหรอ อิอิ เค้าก็คิดนะ คิดว่านอนกอดตัวเองตัวล่อนจ้อน"

"บ้า ไปเอาแตงโมมากินดีกว่า"

ผมเขินเดินเข้าครัวไป อมยิ้มเข้าครัวแล้วไปปลอกแตงโมใส่จานเอาไปให้แม่ด้วยจานหนึ่งแล้วเอามาให้ คนหน้ากวน ยอดดวงใจของผม ตอนนี้เขาคือคนที่ผมรักที่สุดแล้วไม่รู้ว่ามันเริ่มความรู้สึกนี้ตั้งแต่ เมื่อไหร่ แต่รู้ว่าตอนนี้มันมากมายเหลือเกินมากเสียจนกักเก็บไว้ในใจไม่ได้ มันล้นออกมาปิดไม่อยู่

วันจันทร์ ผมตื่นเช้าเป็นปกติ ปลุกเอให้ตื่นมาอาบน้ำ ผมลงไปทำกับข้าว แม่เองก็ตื่นแล้วเอมีสอบตัวสุดท้าย วิชาที่ผ่านมามันมั่นใจเหลือเกินว่าเกรดเทอมจบมัธยมห้าจะออกมาจนทุกคนตกใจ ผมเองก็คิดว่ามันน่าจะออกมาดีเพราะพักหลังมันอ่านหนังสือหนักเอาการ เอออกจากบ้านก่อนเพราะมันมีสอบแต่เช้าผมออกจากบ้านหลังสุดตอนเจ็ดโมงกว่าๆ นั่งรถมอร์เตอร์ไซค์รับจ้างออกไปนั่งรถไฟฟ้า เพราะเช้าวันจันทร์ในซอยอ่อนนุชรถติดเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน ผมถึงที่ทำงานก่อนเก้าโมง พลมาทีหลังผมหน้าตามันยิ้มแย้ม

"นี่เป็นไง แก เซอร์ไพรซ์ไหมวันวาเลนไทน์"

มันถามแล้วยิ้ม

"อืม แล้วแกล่ะไปทำอะไรมา ขอบใจนะที่ไปจัดดอกไม้ให้"

ผมตอบเพราะรู้ว่าพล วางแผนกับเอเรื่องดอกไม้ มันยิ้มๆ

"เรื่องเล็กแก ฉันเต็มใจ"

"ก็ มีค่าตอบแทนไม่ใช่เหรอ น้องอะไรนะ"

ผมรู้ทันมันอีก

"บ้าแก แหมนะ เห็นแกมีความสุขก็เผื่อฉันจะโชคดีบ้าง อย่างน้อยบอมก็เป็นเพื่อนเอ น่าจะน่ารักเหมือนกัน"

มันพูดแววตาดูมีความหวัง

"แล้วน้องมัน รู้ตัวแล้วเหรอว่าจะมีวัวแก่อยากกินอยู่"

ผมกัด

"บ้า แก วัวกงวัวแก่อะไร ฉันก็ดูแอ๊บได้อยู่นะแก คงรู้แล้วล่ะเห็นเอบอกว่าติดต่อให้แล้ว น้องเขาเพิ่งเลิกกับแฟน อิอิ เผื่อจะดามหัวใจให้น้องมันได้"

"จ้า แม่หมอ"

ผมคุยอยู่กับพล พักใหญ่จึงไปทำงาน พอพี่ภามาก็แซวผมใหญ่ พลคงรายงานเรียบร้อยแล้ว บรรยากาศในที่ทำงานสดใสทั้งวัน เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว พอเลิกงานผมกับพลก็ไปหาเอกับบอมที่เซ็นทรัลเวิร์ล ดูพลมันมีความสุขมาก เอนั่งรออยู่ก่อนแล้วในร้านไอติมร้านเดิมที่เราเคยนั่ง ผมกับพลเดินขึ้นไป เอยิ้มมาแต่ไกล น้องบอมนั่งหน้าเอ๋ออยู่ เพราะไม่รู้จะยิ้มหรือจะทำตัวยังไงดี

"หวัดดีพี่พล"

เอทัก แล้วยิ้มให้ มันสะกิดน้องบอมให้ยกมือไหว้เราสองคน บอมก็ยกมือไหว้เก้ๆกังๆ

"กิน อะไรกันหรือยังครับ"

ผมถามแล้วนั่งลงข้างเอ

"ยังเลยตัวเอง พี่พลวันนี้เลี้ยงไรดีพี่"

เอส่ายหน้าแล้วหันไปพูดกับพลอย่างอารมณ์ ดี

"อยากกินอะไรล่ะเอ อาหารจีนไหม"

พลพูดกับเอแต่สายตาจ้อง มองน้องบอมราวกับจะมองให้ทะลุเสื้อผ้า จนน้องมันเขินหน้าแดงขยับออกผมสะกิดเอ

"เอ้อ นี่ไอ้บอมเพื่อนรักผมครับ มึงนี่แฟนกู มึงเคยเห็นแล้วนี่ แล้วนี่พี่พลเพื่อนแฟนกูอีกทีนึง และเป็นพี่กูด้วย"

เอแนะนำ คราวนี้มันผงกหัวให้เหมือนกิ้งก่า

"ไหว้สิไอ้ห่า ไม่มีมารยาทเลยมึง"

เอ ทำเสียงกร่างดุเพื่อน บอมยกมือไหว้แต่ตาพิฆาตเออยู่

"หวัดดีพี่"

"น่า รักจังครับน้องบอม"

พลพูดขึ้น รู้สึกแกร่วๆแทนมันเหมือนกันเพราะบอมมันทำหน้าเหรอหรา

"ผมหล่อเพ่ ไม่น่ารัก ไม่ใช่หญิง"

มันไม่มองหน้าพลแต่มองหน้าผม ผมอมยิ้มเจอแล้วไหมล่ะ ท่าทางคงจะไม่ใช่น้อยเหมือนไอ้ตัวดีของผม

"นั่น ล่ะครับ พี่หมายถึงหล่อ นั่นล่ะ"

พลมันยังไม่ยอมแพ้ พยายามยิ้มหวานให้บอม

"ครับ ผมรู้"

"โห มึงกวนตีนนะ พี่เขาพูดดีๆ เดี๋ยวเถอะมึงจะโดนตีนกู"

"เอ"

ผมปราม เพราะมันพูดออกรสท่าทางคงหมั่นไส้เพื่อน มันหันมายิ้มให้ผมปห้งๆเกาหัวแกรกๆ

"งั้น ไปกินข้าวกันก่อนเถอะ หิวไหมครับ"

ผมตัดบทเพราะท่าทางคงยาว หนักใจแน่พล คิดจะคบเด็กไม่ใช่ง่าย ผมคิดในใจเพราะกว่าผมจะรู้สึกรักเอได้ก็ไม่ใช่ง่ายมันก็กวนบาทาผมอยู่มาก เหมือนกัน เราตกลงไปกินอาหารไทยกันเพราะน้องบอมไม่กินอาหารจีน บ้านมันเป็นคนจีนอยู่แล้วมันบอกเอียน เราเลยขึ้นไปชั้นห้าระแวกร้านอาหารญี่ปุ่น มีร้านอาหารไทยอยู่สองสามร้านเราเลือกร้านที่ดูดีที่สุดเพราะพลมันอยากจะเอา หน้า เอมันกอดคอผมเดินนำหน้าตลอดปล่อยให้พลทำความรู้จักกับบอมให้มากขึ้น แต่ท่าทางคงกวนอยู่ไม่น้อย เพราะหันไปมองทีไรพลทำหน้าเหลือรับเต็มทน

พลขับรถไปส่งเอก่อนเพื่อนแล้วค่อยไปส่งผม ส่วนบอมลงคนสุดท้ายเพราะบ้านอยู่ถนนศรีนครินทร์ พอถึงบ้านผมก็เข้าไปเก็บของในครัวล้าง แม่เองนั่งตรวจข้อสอบอยู่ พอเสร็จผมก็ขึ้นไปอาบน้ำเปิดเพลงฟังอยู่สักพักก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายข้าง ล่าง เสียงคุ้นๆ ผมรีบเดินลงมาข้างล่าง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-05-2011 02:40:16 โดย eiky »

clubza

  • บุคคลทั่วไป
นี่เเหละรางวัลคนตื่นเช้า ตื่นก่อนอ่านก่อน

จิ้มทะลุเลย o13

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ Up!!!! ตอน 40 Apr 10, 2010
« ตอบ #339 เมื่อ: 10-04-2010 06:34:06 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ naiin

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-9
แขกคนที่มาทำเสียงดังรบกวนนี่ใครน๊า หรือเจ้าเอผลสอบออก เลยดีใจสุดๆ ไม่เดาแล้ว รอผลเลยดีกว่า :L1: :L1: :L1: :L1:

ออฟไลน์ Vesi

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1795
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +204/-3
กินเด็กมันเป็นเทรนด์ตลอดกาลจริงๆ  :laugh:
ว่าแต่ใครมาบ้านอ่ะ

ออฟไลน์ PEENAT1972

  • Red Rhino
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +563/-106
แต่ป้าแก่ๆ ว่านะคะ ตอนนี้ เทรนใหม่มาแรงมากค่ะ พวกไรท์เตอร์ หรือ โพสเตอร์ ทั้งหลาย

นิยม แต่ง โพส ครึ่งๆ กลางๆ ค้างๆ คาๆ ยังไงไม่รู้ ทำเอาอีป้าแ่ก่ๆ  อารมณ์ เสีย งอนดีกว่า ชิ.

jadezii

  • บุคคลทั่วไป
ค้างงงงงงงงงงงงงง :serius2:

ออฟไลน์ eiky

  • Played Me!!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1760/-3
แต่ป้าแก่ๆ ว่านะคะ ตอนนี้ เทรนใหม่มาแรงมากค่ะ พวกไรท์เตอร์ หรือ โพสเตอร์ ทั้งหลาย

นิยม แต่ง โพส ครึ่งๆ กลางๆ ค้างๆ คาๆ ยังไงไม่รู้ ทำเอาอีป้าแ่ก่ๆ  อารมณ์ เสีย งอนดีกว่า ชิ.

โธ่ ป้า ค้าบบบบ อดทนหน่อยน้าาา เดี๋ยว วันเกิดผม ลงให้ สามตอนเลย อ่ะ สัญญา อิอิ

ออฟไลน์ naiin

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-9
Insert Quote
Quote from: PEENAT1972 on 10 April, 2010, 02:37:07 PM
แต่ป้าแก่ๆ ว่านะคะ ตอนนี้ เทรนใหม่มาแรงมากค่ะ พวกไรท์เตอร์ หรือ โพสเตอร์ ทั้งหลาย

นิยม แต่ง โพส ครึ่งๆ กลางๆ ค้างๆ คาๆ ยังไงไม่รู้ ทำเอาอีป้าแ่ก่ๆ  อารมณ์ เสีย งอนดีกว่า ชิ.


โธ่ ป้า ค้าบบบบ อดทนหน่อยน้าาา เดี๋ยว วันเกิดผม ลงให้ สามตอนเลย อ่ะ สัญญา อิอิ


 ว่าแต่ตั้งใจเกิดวันไหนล่ะจะได้เตรียมตัวและสายตาไว้อ่านสามตอนรวด(สั้นป่าว)

ออฟไลน์ eiky

  • Played Me!!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1760/-3
Insert Quote
Quote from: PEENAT1972 on 10 April, 2010, 02:37:07 PM
แต่ป้าแก่ๆ ว่านะคะ ตอนนี้ เทรนใหม่มาแรงมากค่ะ พวกไรท์เตอร์ หรือ โพสเตอร์ ทั้งหลาย

นิยม แต่ง โพส ครึ่งๆ กลางๆ ค้างๆ คาๆ ยังไงไม่รู้ ทำเอาอีป้าแ่ก่ๆ  อารมณ์ เสีย งอนดีกว่า ชิ.


โธ่ ป้า ค้าบบบบ อดทนหน่อยน้าาา เดี๋ยว วันเกิดผม ลงให้ สามตอนเลย อ่ะ สัญญา อิอิ


 ว่าแต่ตั้งใจเกิดวันไหนล่ะจะได้เตรียมตัวและสายตาไว้อ่านสามตอนรวด(สั้นป่าว)

 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

เร็วๆนี้ล่ะค้าบบบ ไม่สั้นหรอก เพราะคิดว่าไม่อยากจะให้คนอ่านด่า อิอิ เอาแบบ ยาวๆ ตาบวมกันไปเลย เหอๆๆๆ

ออฟไลน์ eiky

  • Played Me!!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1760/-3
                   o22 o22 o22 o22 ตามคำเรียกร้องของป้า ก่อนจะด่าผม เน้อ  :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:



                                อ่านแล้วอย่าด่าผมนะค้าบบบ





                              ตอน สี่สิบเอ็ด

เสียงที่คุ้นหูเหลือเกิน ผมรีบเดินลงมาข้างล่าง อาจารย์ปริศนานั่นเอง

 "เธอทำอย่างนี้กับพี่ได้ยังไงอร เธอปล่อยให้มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไง"

เสียงอาจารย์ปริศนาดังกึ่งตะโกนแผดเสียงอยู่ หน้าตาดูเกรี้ยวกราด ยืนชี้หน้าแม่อยู่ ผมใจหล่นไปอยู่ตาตุ่ม ใจแป้วลอยหายไป

"ใจเย็นๆนะคะพี่ปริศนา มีอะไรค่อยๆคุยกันนะคะ"

แม่พยายามพูดอย่างใจเย็น

"ไม่ยงไม่ เย็นกันแล้ว อ้อ มาพอดีพ่อตัวดี เธอทำอย่างนี้กับฉันได้ยังไงโย เสียแรงที่ไว้วางใจ"

อาจารย์ปริศนาหันมาทางผมที่ก้าวลงบันไดยังไม่พ้นขั้นสุดท้ายด้วยซ้ำ ผมหยุดชะงักอยู่แม่มองผม หน้าแม่ดูไม่ค่อยดีเอาเสียเลย ผมทำหน้าไม่ถูกยกมือขึ้นไหว้ แต่สายตาอาจารย์ปริศนาจิกจ้องอยู่ที่ผมราวกับจะฉีกเนื้อผมออกมากิน ชี้หน้าเหมือนไปขโมยอะไรที่สำคัญมาจากมือ หรือเหมือนผมเพิ่งไปเข่นฆ่าใครมา

"เธอมายุ่งกับเอทำไม มาทำให้น้องมันเบี่ยงเบน วิปริตผิดเพศแค่ตัวเองไม่พอเหรอต้องมาทำให้คนอื่นเขาเป็นไปด้วย ฉันให้สอนมันอย่างเดียวไม่ได้ให้ทำอะไรเกินเลย"

เสียงอาจารย์ปริศนา แผดก้องในหัว มันบาดลึกไปกรีดลงหัวใจ ผมกระตุกเหมือนโดนตบหน้าด้วยมือที่หนาใหญ่ สิ่งที่ผมกลัวที่สุด สิ่งที่ผมกังวลที่สุดมันเกิดขึ้นแล้ว

"แม่ อย่าไปว่าพี่เขา ผมเป็นคนเริ่มเอง"

เอมันวิ่งตามเข้ามากระหืดกระหอบ มันมาฉุดแขนอาจารย์ปริศนาไว้ แต่อาจารย์ปริศนาสะบัดมือออก

"เงียบไปเลยเรา อย่างเราจะทันพวกเสือสิงห์กระทิงแรดอย่างนี้เหรอ ฉันผิดหวังมากนะโย นี่เงินค่าจ้างงวดสุดท้าย ไม่ต้องมายุ่งกับเออีก ไม่ต้องมาเจอกันอีก ถ้าฉันรู้ว่ามันจะเป็นอย่างนี้นะ ฉันไม่มีทางให้เธอเข้ามาในบ้านฉันเด็ดขาด"

"ใจ เย็นๆ นะคะพี่ เรื่องมันเกิดแล้ว จะห้ามไปก็คง"

"เธอไม่ต้องพูดอร เธอเองก็ผิด เธอเลี้ยงลูกยังไง มันวิปริตวิปลาสคนเดียวฉันก็ไม่ว่าหรอกนะ แต่นี่ทำไมมาทำกับลูกฉันแบบนี้ ฉันไม่แจ้งความเอาผิดก็บุญหัวเท่าไหร่แล้ว น่ารังเกียจ ฉันไม่มีทางให้ลูกฉันผิดเพศอย่างลูกเธอหรอกนะ อะไร เลี้ยงลูกให้เป็นกระเทย อันนั้นฉันก็ไม่สนหรอกนะ แต่อย่ามายุ่งกับลูกของฉัน น่าอาย เป็นผู้ชายดีๆไม่ชอบ อยากเป็นกระเทย"

"แม่"

เอมันตะโกน

"กลับ บ้านไป เอ ไม่ต้องมาเหยียบบ้านหลังนี้อีก กลับไป"

อาจารย์ปริศนาไล่ เอกลับ มันยืนนิ่งหน้าตาดูโกรธแค้น มันวิ่งออกไปจากบ้านแล้ว ผมยังยืนอยู่ที่เดิม แม่ก็ยืนอยู่ที่เดิมหน้าซีด ผมเม้มปากรู้สึกปวดร้าวในใจที่ได้ยินอาจารย์ปริศนาด่าว่าแม่

"พี่ ปริศนา ตอนนี้พี่อาจจะยังโกรธอยู่ เอาไว้ใจเย็นแล้วค่อยมาคุยกันดีไหมคะ อรว่า"

"ไม่!! ฉันจะพูดครั้งนี้ครั้งสุดท้าย เลิกยุ่งกับลูกฉัน ไม่งั้นฉันเอาเรื่องเธอให้ถึงที่สุดแน่ๆ อย่ามาลองดี ลูกชายฉันอยู่ของมันดีๆ เพราะเธอคนเดียวทำให้มันเบี่ยงเบน เสียแรงจริงๆ เสียแรงที่ไว้ใจ ทำกันได้นะโย"

น้ำตาผมไหลออกมา เจ็บแค้นปวดร้าวในใจ

"ผม ขอโทษครับ"

ผมยกมือไหว้อาจารย์ปริศนา รู้สึกผิดจากส่วนลึกที่สุดของหัวใจ

"ไม่ต้องมาขอโทษ มันเกิดขึ้นแล้วนี่ เธอจะรับผิดชอบยังไง เธอจะทำยังไง จำเอาไว้ อย่ามายุ่งกับเออีก"

อาจารย์ปริศนาแว๊ดตะคอกกลับมา ผมสะดุ้งลดมือลงน้ำตาไหลออกมา

"พี่ปริศนาคะ อรกราบขอโทษที่เลี้ยงลูกไม่ดี แต่ที่โยเป็นแบบนี้ อรไม่เคยเสียใจ คนเป็นแม่ ลูกจะเป็นยังไงอรไม่สนใจแค่ขอให้ลูกเป็นคนดีก็พอแล้ว อีกอย่างพี่ปริศนาไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ต่อจากนี้ โยจะไม่เจอกับเออีก ส่วนเงินค่าจ้าง อรขอโทษจริงๆ อรคงให้โยรับไว้ไม่ได้ อรกราบขอโทษจริงๆค่ะ"

"แม่"

ผมร้องเพราะแม่ยกมือไหว้อาจารย์ปริศนาอย่างอ่อนน้อม แม่พูดเสียงเรียบนิ่งเสียจนน่าขนลุก ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเห็นทีท่าของแม่เย็นชาแบบนี้ แม่คงจะทุกข์ใจปวดร้าวใจไปไม่น้อยกว่าผม

"ยโส นัก ฉันผิดหวังจริงๆ อร"

อาจารย์ปริศนาเหมือนมีอะไรจุกคอพูดไม่ออก นิ่งอยู่สักพักจึงพูดออกมา แม่ไม่ได้ลดสายตาแต่มองอาจารย์ปริศนาด้วยสายตาที่อ่อนโยนอย่างน่าประหลาด ทั้งอ่อนโยนทั้งเย็นเฉียบในเวลาเดียวกัน อาจารย์ปริศนากระฟัดกระเฟียดออกจากบ้านไปแล้ว ผมยังยืนร้องไห้อยู่ที่เดิม ก้าวไปไหนไม่ได้เหมือนโดนสาปให้ชาเป็นหิน แม่เองก็นิ่งอยู่ก่อนจะทรุดตัวลงนั่ง ผมลากกายเข้าไปหาแม่

"แม่ โยขอโทษ โย ไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้"

ผมร้องไห้ สะอื้นตัวโยน แม่นั่งนิ่งไม่พูด สายตามองออกไปไกลแสนไกล น้ำตาแม่ไหลออกมาอาบสองแก้ม ผมยิ่งสะอื้นไห้ใจจะขาด หัวใจผมถูกบดขยี้ให้แหลกเหลวไปแล้ว น้ำตาของแม่ที่ไหลลงอาบแก้ม ยิ่งย้ำความเจ็บปวดให้ผมรู้สึกราวจะสิ้นลมหายใจ

"โยเป็นลูกไม่ดี โยทำให้แม่เสียน้ำตา โย ขอโทษ"

ผมก้มลงกราบเท้าแม่ จูบเท้าแม่ทั้งน้ำตา สะอื้นแรงจนหายใจไม่ทันใจจะขาดรอนๆ ทุกครั้งที่สูดลมหายใจเข้ามันบาดลึกลงเสียดแทง เจ็บปวดไปทั้งร่างกาย คราใดที่หายใจออก เหมือนหนามคมในใจมันพยายามจะออกมาทิ่มตำให้แหลกสลายไป น้ำตาพรั่งพรูออกมาจากใจ แค่หลับตาน้ำตาก็ไหลออกมา แค่คิดไปว่าแม่จะรู้สึกยังไง หัวใจผมยอกบอบช้ำ ในใจเหมือนโดนกระทืบให้แตกสลาย ปวดร้าวเหลือเกิน แม่รั้งตัวผมขึ้น

"โย ไม่เป็นไรลูก เรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว อย่าไปพร่ำเพ้อถึงมัน ใจเย็นๆ แม่เสียใจ โยเองก็เสียใจแต่ใครล่ะอยากให้มันเป็นแบบนี้"

แม่พูดทั้ง น้ำตา ผมยิ่งใจสลาย แม่ไม่เคยด่าว่าผมเลยสักครั้ง มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกผิด ผมกอดตักแม่ร่ำไห้

"ทุกสิ่งในโลกล้วนอนิจจัง ปล่อยวาง แล้วเราจะรู้ว่าไม่มีอะไรที่เป็นสุขที่เที่ยง ไม่มีอะไรเป็นทุกข์ มีแต่ใจเราที่ชักเอานำพาเอามาให้มันเป็นสุขและทุกข์"

แม่ปาดน้ำตาออก จากหน้า ผมไม่ได้ยินอะไรมากไปกว่านี้แล้ว ร้องไห้จนหูอื้อตาลาย น้ำหูน้ำตาไหลออกมาเปรอะกางเกงแม่จนเปียกชุ่ม แม่ยันตัวผมลุกขึ้น แล้วมองหน้า แววตาแม่เป็นกังวลเหลือเกิน นัยน์ตาที่เจือด้วยน้ำตาส่องประกายสะท้อนความเจ็บปวด มีคนเคยบอกว่าลูกคนใดทำบุพการีเสียน้ำตาแม้แต่หยดเดียว ลูกคนนั้นจะตกนรกหมกไหม้ ผมทำให้แม่ร้องไห้ออกมา ผมไม่ต้องตกนรกขุมที่สาหัสสากรรณ์ที่สุดหรอกหรือ ผมใจสลายมองหน้าแม่ยิ่งน้ำตาไหล

คำพูดทุกคำของอาจารญ์ปริศนากึกก้องอยู่ในมโนจิต ทุกอณูความคิด ยิ่งหลับตาเสียงแจ่มชัดขึ้น น้ำเสียงเกรี้ยวกราดคอยหลอกหลอนแม้ยามลืมหรือหลับตา สีหน้าอาการของอาจารย์ปริศนาที่ชี้นิ้วด่าว่าผมและแม่ยิ่งทำให้ผมสะอื้นไห้ ปานใจจะขาด "กระเทย" "วิปริต เลี้ยงลูกให้วิปริต" ด่าผมคนเดียวผมน้อมรับก้มหัวให้ทุกอย่าง ผมรู้ดีว่าเหตุการณ์ความรักของผมกับเอมันไม่ได้ราบรื่นอย่างที่หวังเอาไว้ แต่ด่าแม่ผมทนไม่ได้ แม่ไม่ได้เลี้ยงผมให้วิปริต ผมเองที่เป็นไปแม่เลี้ยงผมมาด้วยความรักความใส่ใยห่วงใยเสมอมา ทุกสิ่งทุกอย่างมันเป็นเพราะผม ผมเองที่สร้างมันขึ้นมา อย่าว่าแม่ผมได้ไหม ผมร่ำไห้อ้อนวอนอากาศธาตุ ความมืดมิดปกคลุมบริเวณบ้านเพราะผมปิดไฟทุกดวง แม่ขึ้นบ้านไปแล้ว แม่คงไปสวดมนต์ทำใจ ส่วนผมนั่งอยู่ที่เดิมร้องไห้อยู่อย่างนั้น ดูเหมือนความมืดมิดมันไม่ได้ปกคลุมแค่บริเวณบ้าน มันปกคลุมคุกคามเข้ามาในใจผม มองไม่เห็นอะไรเลย มองไม่เห็นแสงใดที่จะส่องนำทาง ผมยกมือขึ้นดูแหวนเงินที่เอใส่ให้ส่องประกายแต่ดูหม่นหมอง คงเหมือนใจผมตอนนี้ที่มันหม่นหมอง ไม่มีประกายอยู่เลย ผมยกนิ้วตัวเองขึ้จูบเบาๆ ไม่น่าให้เรื่องมันลามลุกมาไกลขนาดนี้เลย ความสุขที่ผ่านเข้ามามันไม่มาปลอบชะโลมหัวใจในยามนี้เลย ความสุขที่ผมรั้นฝืนให้มันเกิดขึ้นแค่ชั่ววูบ ผมผิดเองที่ไม่รู้จักหักห้ามใจ ผมผิดเองที่ปล่อยให้เรื่องมันเลวร้ายมาถึงขั้นนี้ ตอนเราสุขแม่ก็ไม่ได้รับรู้ด้วยว่าหัวใจเราพองโตแค่ไหน แต่เวลาเราทุกข์ แม่เองที่ดูเหมือนจะทุกข์กว่าเราหลายพันเท่านัก

ผมเดินขึ้นบ้านไป อย่างไร้จิตวิญญาณ ล้มตัวลงนอนที่เตียงดอกกุหลาบแดงยังรายล้อมเตียง มันช่างน่ารังเกียจเสียนี่กระไร ผมยิ่งมองเสมือนเอาหนามมันมาทิ่มตำตัวเอง สีแดงหลากหลายเฉดสีประหนึ่งกำลังหัวเราะเยาะเย้ยให้กับความอัปยศอดสูที่ เพิ่งผ่านไป ความทุกข์เหมือนมันกำลังหล่นทับใจผมเต็มที่ ได้แต่ร้องไห้อยู่ไม่รู้จักหยุดหย่อนความเจ็บปวดดูเหมือนมันไม่ได้ผ่อนคลาย ลงเลยแม้แต่น้อย ยิ่งสะอื้นไห้หัวใจเหมือนจะหลุดจากขั้วรอนๆ ผมนอนเอาหน้าซุกกับหมอนสะอื้นออกมา

"ก๊อก"

เสียงดังที่หน้าต่าง ผมเงยหน้าขึ้นจากหมอน เหมือนมีคนพยายามปีนห้องเข้ามา ผมใจหายค่อยๆลุกย่องไปตรงหน้าต่าง ผมคว้าแจกันหัวเตียงมาด้วย

"ตัว เองๆ นอนหรือยัง"

เสียงกระซิบกึ่งร้องดังมาจากริมหน้าต่าง ผมรีบวางแจกันลงแล้ววิ่งไปที่หน้าต่างทันที

"เอ"

ผมร้องดั่งเด็กที่พรากจากมารดาเจอมารดาของตน ผมเปิดหน้าต่างแล้วก้มลงไปดู เอมันกำลังปีนขึ้นมาทางหน้าต่าง ผมเอื้อมมือไปฉุดมันขึ้นมา เอมันโผเข้ากอดผม

"ตัวเองเป็นอะไรไหม"

มันถามแล้วร้องไห้ ยิ่งทำให้ผมใจร้าว

"จะทำยังไงดีเอ เราจะทำยังไงดี"

ผมพูด ทั้งน้ำตา กอดมันแน่น

"ตัวเองเชื่อเค้านะไม่ว่าจะยังไงเราจะก้าวไปด้วยกัน เค้าไม่มีทางให้แม่มาห้ามความรักของเราได้หรอก"

ผมสะอื้นในอ้อมกอดของมัน พูดอะไรไม่ออก มันเจ็บในใจ ยิ่งได้เห็นน้ำตาของมันผมยิ่งอ่อนล้า เหมือนจะหมดลมหายใจ ทำไมคนที่ผมรักทุกคนต้องเสียใจ ผมผิดมากเลยหรือที่รักผู้ชาย ผมวิปริตขนาดนั้นเลยหรือ ยิ่งคิดยิ่งน้อยใจ จากคำแทนตัวเองของอาจารย์ปริศนาแต่ก่อน เรียกตัวเองว่าแม่ ทุกคำ เรียกผมว่าลูก แต่เมื่อครู่ "เธอ" "ฉัน" มันดูห่างไกลกันเหลือเกิน

"แล้ว แม่รู้ได้ไง เอ"

ผมสะอื้นถาม เรานั่งอยู่บนเตียงที่ห้อมล้อมไปด้วยมวลกุหลาบแดง

"ไอ้ บอมมันโทรมาฟ้องแม่ คอยดูนะไอ้ตัวดี เพื่อนเหี้ย มันไม่ชอบพี่พล แต่มันก็ไม่น่าทำถึงขนาดนี้เลย"

เอกัดฟันพูด ขบกรามจนปูดโปน ผมได้ยินแล้วก็ท้อสะท้อนใจ กลัวว่ามันจะหุนหันพลันแล่นไปทำอะไรเพื่อนอีก

"เอา เถอะ เอ ยังไงแม่ก็รู้แล้ว ตอนนี้ เรา .......................ห่าง.........กัน........สักพักนะ"

ผมสะอื้น แรงหนักกว่าเดิม กว่าจะพูดออกไปได้แต่ละคำ

"ไม่เอา ตัวเอง อย่าพูดแบบนี้ เค้าจะอยู่ยังไง ถ้าห่างจากตัวเอง ไม่เอา เค้าไม่ยอม ตัวเอง อย่าพูดแบบนี้ เค้าเจ็บนะ รู้ไหม"

มันร้องไห้น้ำตาไหลลงมาอาบแก้ม ยิ่งเห็นยิ่งปวดใจ มันกอดผมแน่นร้องไห้ฟูมฟาย

"ช่วงนี้ถ้าเรา ยังติดต่อกันอยู่กลัวว่าเรื่องมันจะเลวร้ายไปกว่านี้ เอ.........ถ้าหากว่า.........อาจารย์ปริศนา.....เขาส่งเอไป.......ที่ อื่น.........แล้ว ฉันล่ะ เอ................ฉันจะอยู่ยังไง............ ถ้าไม่มีเธอ"

ผมสะอื้นจนหอบ กลัวทุกสิ่งที่จะเกิดขึ้นนับจากนี้ ผมกลัวแม้แต่จะปล่อยมือออกจากอ้อมกอดของมัน กอดแน่นขึ้นสะอื้นในอกของมัน เอร้องไห้ลูบตามตัวผม มันเองก็คงเสียใจไม่น้อยไปกว่าผม

"ไม่มีทาง เค้าไม่ไปไหนทั้งนั้น แม่บังคับเค้าไม่ได้หรอก ที่เค้าตั้งใจเรียนอยู่ทุกวันนี้ไม่เกเร เพราะตัวเองนะ รู้ไหม เค้ารักตัวเอง เค้าอยากเป็นคนดีให้ตัวเองรัก เค้าอยากเป็นคนที่คู่ควรกับตัวเอง แม่ไม่เข้าใจ แม่ไม่เคยเข้าใจเค้าเลย"

ความในใจมันพรั่งพรูออกมาผมผละออกจากอกมันแล้วโน้มคอมันมาซุกที่บ่า ลูบหัวมันเบาๆ ผมพรมจูบตามเส้นผมของมัน สงสารจับใจ สงสารมันกับตัวผมเอง

"เราไม่น่าให้มันเลยเถิดขนาดนี้เลย"

ผมพูดเสียงเบาสั่นสะอื้นอยู่

"อย่าพูดแบบนี้ ตัวเองอย่าพูดแบบนี้ เค้าเสียใจนะ เพราะรักนะเค้าถึงทำกับตัวเอง ถ้าไม่มีวันนั้น ถ้าเราไม่ได้รักกัน คิดไหมว่าเค้าจะเชื่อที่ตัวเองพูดสักอย่างไหม ถ้าเราไม่ได้รักกัน เค้าไม่มีทางจะมานั่งฟูมฟายเสียใจอยู่อย่างนี้"

เอจ้องผมจับหน้าผม ไว้ น้ำตามันไหลออกมาจากตาของมัน โอย ผมปวดใจเหลือเกิน ทรมานใจจะขาด

"เอ ฉันก็เสียใจ เอ"

ผมพูดไม่ออกสะอื้นแรงหนักจนต้องทรุดหน้าลงกับบ่า ของมัน เอมันคงเข้าใจว่าผมเองก็คงเสียใจมากเพราะผมเหมือนคนที่ไร้ซึ่งหนทาง หมดอาลัยตายอยาก หน้าตาบูดเบี้ยวเพราะร้องไห้หนัก ตาแดง แต่ภายในใจผมมันพังทะลายยับเยินไปหมดแล้ว จะพูดออกมาแต่ละคำมันช่างยากลำบาก ปวดร้าวใจจนพูดอะไรออกมาไม่ได้ ผมสะอื้นตัวสั่น มันคอยลูบปลอบโยน ทั้งที่ตัวมันเองก็ร้องไห้เช่นกัน เรานอนกอดกันอยู่อย่างนั้น บนเตียงที่ห้อมล้อมไปด้วยดอกกุหลาบแดง ที่เอเพิ่งจะทำให้ผมแปลกปลื้มใจ ไม่ทันไรกุหลาบยังไม่เฉาไปเลย แต่ความรักที่มันทำให้ผมประทับใจเหมือนกลายเป็นหนามคมที่คอยทิ่มแทงใจของเรา ทั้งสองให้เจ็บปวดร้าวราน ทรมานเหลือเกิน  

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากลโลกแห่งนี้ช่วยดลใจนำพา ใจให้เราทั้งสองเจอทางสว่างด้วยเถิด ทรมานทุกข์ใจเหลือเกินด้วยบุพการีก็ทุกข์ใจไปด้วย ด้วยบุญกุศลที่ได้สร้างสมมา ช่วยดลบันดาลให้ลูกพ้นจากห้วงทุกข์นี้ทีเถิด ผมภาวนาในใจก่อนหลับไปในอ้อมกอดของเอ


"สิ้นแสงสุริยา ราตรีส่อง ผุดผ่องงามงดพิศมร

อันดวงใจต้องมนต์ โดนศร  ฤาดัสกรข้ามเขตพัธสีมา

ด้วยรักดังน้ำ ผึ้งอาบยาพิษ   ราวจะปลิดชีพเสียวายชีวา

ยอกอกเสียดแทงเกินรักษา  แล้วทิวาก็สิ้นแสงแรงแห่งใจ"

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-05-2011 02:40:55 โดย eiky »

ออฟไลน์ naiin

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-9
พายุอารมย์จองคนเรานี่รุนแรงและน่ากลัวที่สุด  สามารถฆ่าคนให้ตายทั้งเป็นเพี่ยงแค่ถ้อยคำและกริยาอาการที่ส่งผ่านแววตาและสีหน้า ที่สำคัญมันทำลายความรักและความสนิทสนมไปด้วย ฆ่าความโกรธด้วยปัญญาและสติเถอะนะ :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ nidnoi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 558
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-0
 :เฮ้อ:

เป็นกำลังใจให้ค่ะ

 :L2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






Little Devil

  • บุคคลทั่วไป
 :monkeysad: writer ใจร้าย
น้ำตาท่วมจอ

น้องเอจัดไปชุดใหญ่
ไอ้เพื่อนเลว   :beat:
ทำชีวิตคนอื่นเค้าวุ่นวาย

+1
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-04-2010 20:47:36 โดย Little Devil »

ออฟไลน์ Natavishi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 459
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
 :sad4: :sad4: :sad4:

 :o12: :o12: :o12:

โหดร้ายยย   ที่  สุดดดดดดดดดดด

ข่อยรับ บ่ ได๋

salawinyeen

  • บุคคลทั่วไป
 :z3:     ตะวันกล้าหมื่นภูผาไม่อาจขวางกั้น ร้อยทะเลไหลมาปิดทาง ปีกบางๆแห่งรักไม่หวั่น บินข้ามฟ้าหอบฝันกำนัลแด่...เธอ     



TT              เศร้าจัง
 

+๑      BY YEEn 2U

ออฟไลน์ PEENAT1972

  • Red Rhino
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +563/-106
ดีจ้า อีป้าแก่ๆ หายงอนก็ได้ แต่ที่สัญญาไว้ 3 ตอนรวด ห้ามนับ ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป

ต้องเป็น 3 ตอนรวด ในวันเดียวนะ ถึงจะเป็นการฉลองวันเกิดที่สมบูรณ์ +1 กับ  :กอด1: 1ที

ละกัน

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
ปัญหาข้อที่แก้ยากที่สุดอีกข้อก็โผล่มาจนได้ แล้วพี่โยกับน้องเอ จะฝ่ากันไปไหวมั้ย :เฮ้อ:

ออฟไลน์ •ผั๑`|nกุ้va’ด•

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-69
โอ๊ยยยยย ปวดตับ  ~~!!!~  :z3:
 
ทำไมบอมถึงทำแบบนี้ได้นี่. . . 

ออฟไลน์ eiky

  • Played Me!!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1760/-3
                             ไม่มีกั๊กครับ อ่านต่อไปเลย เมื่อเช้าเขียนไปได้เกือบจบตอน ไฟดับ ไม่เซฟเลย อยากจะบ้าตาย


                    โอ๊ยยยย ปวดใจ






                                                ตอน สี่สิบสอง





ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมา แวบแรกที่คิดขึ้นมาคือเอ ผมคว้าหาตัวมันในความมืด เอไม่อยู่แล้ว ผมควานหาทั่วทั้งเตียง ใจสั่นหวาดกลัว เอไปไหน ใจสั่นระริก เดินงมฝ่าความมืดไปเปิดไฟ เอไปแล้วจริงๆ เอมันไปจากผมแล้ว ความมืดมิดมันปกคลุมในใจ ผมเคยห่างมันหลายวันไม่ได้เจอหน้าหลายวันแต่ก็อิ่มใจว่ายังไงเสียก็คงได้เจอ แต่คราวนี้ผมใจหายหลุดลอยไป มันไปแล้วผมจะได้เจอกับมันอีกไหม แต่เอมันคงไม่อยากให้แม่เห็นเพราะเกรงว่าแม่จะลำบากใจ ผมคิดแบบนี้ได้จึงค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อย นี่เรากำลังแอบพบกันอยู่หรือ นี่ความรักเรามันมีกำแพงสูงตระหง่านขวางกั้นเสียแล้วหรือ ภาพน้ำตาที่อาบสองแก้มมัน ผมเองใจยิ่งร้าว สายตาที่วิงวอนขอความเห็นใจเคลือบไปด้วยม่านน้ำตา เอมันคงเจ็บปวดไปไม่น้อยกว่าผม เสียงข้อความเข้ามา ผมรีบคว้าโทรศัพท์มาเปิดดูทันที มีหลายสายที่ไม่ได้รับ เป็นเบอร์ของพล แต่สิ่งที่ผมสนใจคือข้อความ ข้อความจากเอ

"ตัวเอง เค้ารักตัวเองมากนะ เค้าไม่ยอมง่ายๆหรอก อยู่เคียงข้างเค้านะ เราจะสู้ไปด้วยกัน"

ผมทรุดกายลงกับพื้น น้ำตาพลันไหลออกมา ปวดใจเหลือเกิน ไม่เคยรู้สึกท้อแท้อย่างนี้เลย สงสารเอ สงสารตัวเอง ทั้งยังแม่อีกคน ผมสะอื้นไห้ออกมาอีกครั้ง อยากจะกอดมันเหลือเกิน เอ เธอจะรู้ไหมว่าตอนนี้ฉันทรมานเหลือเกิน ยิ่งรักเธอมากเท่าไหร่ ฉันยิ่งเจ็บปวดรวดร้าวในใจ ผมไม่รู้ว่ารักมันตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่รู้ว่าตอนนี้มันมากมายเหลือเกิน พอรักมันมากใจผมก็บอบช้ำ นี่ผมมีกรรมอันใด ผมพร่ำเพ้อพรรณากับตัวเอง ร้องไห้จนไม่มีน้ำตา แสบตาน้ำในตาเหือดแห้งไป นาฬิกาบอกเวลาตีสี่ครึ่ง ผมยันกายลุกขึ้นลากร่างไร้วิญญาณลงมาจากห้อง เห็นแสงไฟในครัวสว่างจ้า แม่นั่นเอง ผมยืนนิ่งหยุดลังเลอยู่ ละอายแก่ใจแม้จะมองหน้าแม่ ผมทำให้แม่ร้องไห้เสียใจ ผมเป็นลูกที่เลวใช่ไหม ผมยืนนิ่งอยู่นานจึงเดินลงไปจากบันไดอย่างช้าเนิบนาบราวกับกลัวที่จะถึงที่ หมาย

"อ้าว โย เป็นยังไงลูก ดูซิ ร้องไห้จนตาบวม แดงก่ำแล้วนั่น ไปๆ ไปล้างหน้าล้างตา"

เสียงแม่แจ่มใส มองผมด้วยความห่วงใย เสียงของแม่ไม่เหมือนเมื่อคืนที่แสนเย็นชาไร้ความรู้สึก ผมยิ่งเจ็บแปลบขึ้นมาในใจ แม่คงพยายามทำให้ผมไม่คิดมาก คราใดที่ผมเห็นแม่ทุกข์ใจ แม่จ๋ารู้ไว้เถิดผมเองกำลังตกนรกทั้งเป็น ผมเดินกลับขึ้นไปล้างหน้าล้างตาแล้วอาบน้ำ พออาบน้ำค่อยรู้สึกโล่งตัวขึ้นมาหน่อย ผมเดินลงมาอยากจะใส่บาตรเผื่อจิตใจมันจะสดใสเห็นทางสว่างขึ้นบ้าง แม่ทำกับข้าวเสร็จแล้ว แม่ตื่นเช้ากว่าทุกวัน คงจะนอนไม่หลับ ผมเดินลงมายกของออกไปนอกบ้าน

"น้องมาค้างที่นี่เหรอลูก"

แม่ ถามขึ้นมาผมถึงกับสะอึก สะดุ้งพูดอะไรไม่ออก นิ่งอยู่ไม่พูดสักคำก้มหน้าดูโถข้าว

"แม่ไม่ว่าหรอกนะโย แม่รู้ว่าเราเองก็ลำบากใจ คงทุกข์ใจไม่น้อย แม่ห่วงแต่น้องมันกลัวจะหุนหันพลันแล่น ยิ่งดูเป็นคนอารมณ์ร้อนอยู่ เราเป็นพี่คอยบอกคอยเตือนน้องมันด้วยนะลูก"

แม่พูดเสียงอ่อนโยน ผมรู้สึกแปลกใจ แต่อีกด้านผมก็รู้สึกเหมือนมีน้ำทิพย์มาพรมที่กลางใจ

"แต่ เราถูกสั่งห้าม ไม่ให้.......เจอกัน นี่ครับแม่"

ผมพูดติดๆขัดๆ เหมือนมีก้อนอะไรจุกอยู่ที่คอ เปล่งเสียงออกมาอย่างยากลำบาก แม้จะพูดออกมาก็ยังก้มหน้าอยู่

"คนรักกันห้ามได้ด้วยเหรอลูก แม่ไม่ว่า พี่ปริศนาจะห้ามก็เรื่องของเขา แม่ไม่ได้สนับสนุนให้มันเป็นแบบนี้ แต่ในเมื่อมันเป็นไปแล้ว เราจะมาแก้ที่ปลายเรื่องมันเห็นจะไม่เข้าที ตอนนี้เราจะทำยังไงที่จะประครองน้องมันให้ไปในทางที่ถูกที่ควรจะดีกว่า แม่เองก็เสียใจนะลูกที่มันเกิดเรื่องแบบนี้ แต่แม่เชื่อว่าลูกเองก็ไม่ได้อยากให้มันเป็นอย่างทุกวันนี้ เอาเถอะ คนรักกันก็ยังดีกว่าเกลียดกัน"

แม่พูดเสียงราบเรียบไม่เย็นชาเหมือน เมื่อคืน แม่ลูบหัวผมเบาๆ ผมก้มลงกราบที่อกแม่ อิ่มใจ เหมือนคนหลงทางอยู่กลางทะเลทรายเดินทางอย่างอ่อนแรงแล้วเจอบ่อน้ำ แม่คือคนที่ผมรักที่สุดในชีวิต แม่คือทุกอย่างในชีวิตนี้ ผมรักแม่ รักแม่เกินกว่าที่จะพูดออกมาได้ ผมเก็บของแล้วเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าไปทำงาน ผมออกจากบ้านเช้ากว่าทุกวัน นั่งรถไฟฟ้า เหม่อลอยจิตใจคิดวกไปเวียนมา แม้ถึงสถานีหมอชิตแล้วผมก็ยังคงนั่งอยู่ ยามเดินเข้ามาสะกิดผมถึงสะดุ้งลุกออกไป ผมนั่งแท็กซี่ไปที่ทำงานเพราะถ้านั่งต่อรถอย่างอื่นคงใจลอยเลยที่ทำงานไปอีก ผมถึงที่ทำงานเช้าก่อนใคร ผมนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานมองเอกสารอยู่อย่างนั้นเหมือนกำลังจะหาคำตอบจาก เอกสารที่จ้องอยู่ แต่สายตาผมเพ่งลึกเข้าไปในกระดาษมองทะลุออกไป จิตใจผมวนเวียนคิดถึงเรื่องเมื่อคืน คำพูดทุกคำ สายตาของอาจารย์ปริศนา น้ำตาของแม่ "วิปริต" "เลี้ยงลูกให้ผิดเพศ" คำพูดเหล่านี้มันทำลายโสตประสาทผมหลอกหลอนให้จิตใจผมกระเจิงอยู่ ผม "วิปริตหรือ" "ผมวิปลาสผิดเพศมันน่ารังเกียจขนาดนี้เชียวหรือ"

"โย เป็นยังไงบ้าง ฉันรู้เรื่องหมดแล้วแก เอโทรบอก แก โอเคไหม"

เสียงพล ปลุกผมให้ตื่นจากความฝันอันโหดร้าย ผมสะดุ้ง ได้แต่มองหน้าพลแล้วพยักหน้า ไม่พูดอะไร แล้วผมก็หันกลับมามองที่เอกสารเหมือนเดิม

"ไอ้เด็กเปรต แหมไม่ชอบฉันก็ไม่น่าจะทำกันขนาดนี้เลย เลวที่สุด อย่าให้เจอนะจะด่าให้เสียคนไปเลย ไอ้ห่า"

พลสบถออกมา ผมได้แต่มองจมดิ่งลึกอยู่กับห้วงความคิดของตัวเอง

"อย่าคิดมากนะแก มันต้องมีทางออก เดี๋ยวแม่เอก็เข้าใจเองล่ะ"

เข้าใจเหรอ คงไม่มีทางคงไม่มีใครอยากเห็นลูกตัวเองวิปริตผิดเพศหรอก เอมันต้องเป็นผู้ชายธรรมดาที่มีครอบครัวที่แสนอบอุ่นอย่างที่อาจารย์ปริศนา วาดฝันไว้ ฉันเองนั่นล่ะที่ก้าวเข้ามาทำลายความฝันของเขา ฉันเองที่ทำทุกอย่างมันพัง มันแย่อยู่อย่างนี้ มันคงสมควรแล้วที่ฉันจะทนทุกข์ทรมาน ผมแย้งพลในใจ

"แก ฮึก.......ฉัน"

ผมพยายามจะพูดออกมาแต่ก้อนอะไรมันลงไปจุกคอ ร้องไห้ออกมา สะอื้น เหมือนเค้นเอาความช้ำเลือดช้ำหนองให้ออกมากับน้ำตาที่ไหลพรั่งพรูออกมา พลปรี่เข้ามากอดมันคงตกใจ

"ไม่เป็นไรนะแก ใจเย็นๆ อย่าคิดมาก"

พล ปลอบ แต่ในใจผมมันแหลกเหลวไปหมดแล้ว จะมีอะไรมาปลอบประโลมใจผมมันถึงจะดีขึ้นได้ ใจที่ตกห้วงเหวลึกมืดมิดหนาวเหน็บ จะมีแสงอันใด จะมีไออุ่นจากใครที่คอยช่วยเยียวยาหัวใจ

"โอ้โห โย มาแต่เช้าเลย ชนะพี่อีกนะเนี่ย"

เสียงทักดังมาจากประตู ผมปาดน้ำตาออกจากสองแก้มแล้วรีบก้มหน้าทำทีว่าทำงานอยู่ พลตอบรับแทน มันทักอยู่กับพี่เขาสักพักพยายามดึงความสนใจให้ไปทางอื่น ผมไล่น้ำตาออกไปแล้ว ทำตัวให้เป็นปกติมากที่สุด พอถึงเวลาทำงานผมก็พยายามดึงสติสมาธิทั้งหมดให้จดจ้องอยู่กับงาน แต่เอาไปเอามาผมทำอะไรไม่ได้เลย ภายในใจมันเหมือนภูเขาไฟที่ครุกรุ่นรอวันประทุ เอกสารที่พี่ภาเอามาให้แปลผมก็ทำไม่ดีต้องแก้ใหม่ จนพลต้องเอาไปแปลให้ มันคอยเดินมาตบบ่าผมเบาๆ ผมพยายามสูดลมหายใจเข้าปอดเผื่ออากาศมันจะทำให้ข้างในมันเย็นลงได้บ้าง พี่ภาเรียกผมเข้าไปพบตอนเกือบเที่ยง

"เป็นอะไรไปโย ดูไม่ดีเลย มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ เล่าให้พี่ฟังได้นะ"

พี่ภาถามอย่างห่วงใย ผมก้มหน้านิ่งมองใต้โต๊ะพี่ภาอยู่อย่างนั้น ส่ายหน้า

"เปล่าครับพี่ ผมไม่สบายใจนิดหน่อย"

ผมพูดออกไปเสียงเบา

"ไหวไหมโย ถ้าไม่ไหวพักก่อนได้นะ พี่ว่าเราคงไม่สบายใจมาก ไม่เคยเห็นเป็นแบบนี้"

พี่ ภายังคงสงสัย นี่ผมเป็นอะไรไปแล้ว แยกแยะงานกับเรื่องส่วนตัวไม่ออกเลยหรือ การงานเสียหมดเพราะสิ่งที่หมักหมมอยู่ในใจ

"แก เด็กนั่นโทรมา มันอยากเจออยากขอโทษ ไปด้วยกันหน่อยนะ เดี๋ยวแม่จะฉะให้กลับบ้านไม่ถูกเลยนี่ ไอ้เด็กเปรต"

พลกวักมือเรียก พอผมออกมาจากห้องพี่ภา ผมไม่ได้ยินดียินร้ายด้วย ไม่อยากจะรับรู้อะไรมากไปกว่านี้แล้ว พอถึงเวลาเที่ยงผมก็ออกไปกินข้าวกับพล นั่งเขี่ยข้าวอยู่อย่างนั้นไม่ได้เอาเข้าปากสักคำ พลเองก็ได้แต่ถอนหายใจ  มันคงเป็นห่วงผมมากเหมือนกัน ผมไม่ได้อยากทำให้มันเป็นแบบนี้เลย แต่ผมฝืนยิ้มฝืนให้ตัวเองร่าเริงไม่ได้เลย เวลายิ้มก็ยิ้มแห้งๆ ไม่มีชีวิตชีวา พอกินข้าวเสร็จเราก็กลับเข้าไปทำงาน ทำได้พักเดียวผมก็เดินออกมาข้างนอก ออกมาสูดอากาศ แดดจ้าแรง ผมเดินฝ่าไปเซเว่น แต่เดินเข้าไปโดยไม่มีจุดประสงค์ เดินเหม่อลอยวนเวียนไปมา เดินออกมาโดยไม่มีอะไรติดมือมาเลย พอเลิกงานพลก็ลากมือผมขึ้นรถไปด้วย ตอนแรกผมจะไม่ไป ไม่รู้จะไปทำไม ไม่อยากเจอใครไม่อยากให้ใครเห็นสภาพอันย่ำแย่ของผม แต่พลมันก็เหมือนรู้ พอลากขึ้นรถได้ผมก็นั่งนิ่งไม่เอื้อมมือไปเปิดเพลงเหมือนอย่างเคย ผมไม่พูดอะไรสักคำ แค่พยักหน้าเวลามันชวนคุย พลคอยชำเลืองมองผมอยู่ตลอดเวลา ขอโทษนะพล ฉันไม่มีกระจิตกระใจแม้แต่จะพูดอะไร พอถึงที่นัด เป็นที่เดิมที่เราเคยนัดกัน ภาพของเอก็สะท้อมแจ่มชัดขึ้นมา รอยยิ้มที่ผมรัก ท่าทางยียวนกวนประสาทที่ผมไม่รู้จักเบื่อ เอ ฉันรักเธอมากนะ เธอรู้ไหม คิดแล้วรื้นน้ำตาก็ปกคลุมลูกตา ผมต้องกระพริบตาถี่ๆไล่น้ำตาไป พลลากผมขึ้นไปชั้นบน ถึงร้าน บอมนั่งรออยู่ก่อนแล้ว มันยังใส่ชุดนักเรียน นั่งก้มหน้าอยู่ พลปรี่เข้าไปหาทันที

"ว่าไง ไอ้เด็กปากเปราะ"

พล แขวะตั้งแต่เดินยังไม่ถึงที่ มันเงยหน้าขึ้นมามองเราทั้งสอง ผมก็ต้องตกใจ เพราะใบหน้ามันบวมเปล่ง ปากเจ่อห้อเลือด เบ้าตาก็แดงคล้ำ เสื้อผ้ามอมแมม

"หวัด ดีครับพี่"

มันยกมือไหว้ แล้วหลบตาผม

"ไปฟัดกะหมาที่ไหนมาล่ะ โดนน้อยไปนะเนี่ย"

"พล"

ผมปรามเพราะพลยังแขวะมันไม่เลิก

"ผม มาขอโทษครับพี่ ผมไม่ได้ตั้งใจ"

มันพูดลอดไรฟันออกมา เหมือนว่ากลัวดอกพิกุลจะร่วง

"รู้สึกตัวด้วยเหรอว่าทำผิด เรารู้ตัวไหมว่าทำให้คนอื่นเขาเดือดร้อน ไม่ชอบพี่ ก็ไม่เห็นต้องทำกันถึงขนาดนี้ เอกับโยเขาไม่รู้เรื่องด้วย พี่เป็นคนอยากรู้จักเราเองเลยขอให้เอติดต่อให้ แต่ดูเราทำสิ ทำให้คนรักกันเขามีปัญหา สะใจหรือยัง"

พลพูดเสียงดังจ้องมันเขม็ง

"พี่ ผมไม่ได้อยากให้เป็นอย่างนี้นะ ผมแค่อยากแกล้งไอ้เอมัน ไม่คิดว่าแม่มันจะ"

มัน เงยหน้าขึ้นมาจ้องพลอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน แต่มันก็ลดเสียงลงตอนท้ายประโยค เหลือบมามองผมแล้วหลุบตาลง

"ผมขอโทษ นะพี่"

เสียงมันเครือๆ ยิ่งฟังยิ่งร้าวจับใจ

"ทำไมต้องทำอะไรกันรุนแรงขนาดนี้ด้วย เอ นี่เหลือเกินจริงๆ"

ผมพูดออกไป มองมันอย่างห่วงใยเพราะดูท่าคงเล่นกันแรงเหมือนกัน หน้าตาถึงได้บูดเบี้ยวแบบนี้

"ต่อให้มันทำเยอะกว่านี้ผมก็ทนได้ครับ พี่ ถ้าทำให้ไอ้เอกลับมาเป็นเหมือนเดิม มันเปลี่ยนไป มันเกลียดผมไปเลย ผมไม่รู้จะทำยังไงดี"

บอมระบายออกมาอย่างคับแค้นใจ

"เป็นยัง ไงล่ะ ตอนทำไม่คิด โดนซะบ้าง สม"

"พล พอได้แล้ว"

บอมจ้องหน้า พลอย่างโกรธแค้น ผมต้องปรามเอาไว้

"นี่มันก็ไปกินเหล้า ทั้งที่มันเลิกกินมาตั้งนานแล้ว คงเพราะพี่ที่ทำให้มันเลิก"

"อ้อ เพื่อนไม่ชวนสินะ ถึงแจ้นมาบอก"

"พี่"

มันลุกขึ้นกำหมัด จ้องหน้าพลยังกับจะควักตับไตใส้พุงออกมา

"พล พอแล้ว"

ผมพูด เสียงดุแล้วมองมัน

"นั่งลงก่อนเถอะบอม ค่อยๆพูดกัน เอเองก็ทำเกินไปเป็นเพื่อนกันแท้ๆ ทำไมต้องรุนแรงถึงขนาดนี้ด้วย เจ็บไหม เรากินข้าวหรือยังครับ เดี๋ยวพี่พาไปกินข้าว แล้วไปหาหมอนะ"

ผมพูด เสียงอ่อนโยน อ่อนล้าในใจ

"แม่พระเหลือเกิ๊น"

พลยังไม่ยอม หยุด ผมต้องหันไปจิกด้วยสายตามันถึงยอมนิ่ง

"ผมไม่เป็นไรหรอกครับพี่ แค่นี้มันยังน้อยไป อย่างที่พี่เขาบอกจริงๆ เพราะมันยังเจ็บน้อยกว่าที่เอมันเป็นอยู่ ผมไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้นะครับ พี่ ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจ"

มัน พูดเสียงเศร้า เหมือนมันร้องไห้ แต่ผมมองไม่เห็นเพราะมันก้มหน้าอยู่

"เอา เถอะบอม อย่าคิดมาก ไม่เกี่ยวกับเราหรอก สิ่งที่มันผ่านมาแล้วมันทำอะไรไม่ได้หรอก ที่ทำได้คือแก้ปัญหาไป สักวันแม่เอก็ต้องรู้อยู่ดี ยังไงพี่กับเอก็ต้องเจอเรื่องแบบนี้ เราไม่ผิดหรอก ไม่ต้องคิดมาก เรื่องเอเดี๋ยวพี่จัดการให้ ไม่ต้องเป็นห่วง เราไปกินข้าวกันก่อนเถอะ เดี๋ยวพี่พาไปหาหมอ ล้างแผลสักหน่อย นี่ถ้าพ่อแม่เราเห็นไม่เอาเรื่องแย่หรือ"

ผมพยายามตัดบทให้จบโดยเร็ว เห็นใจมัน แต่เอของผมล่ะ ป่านนี้มันจะเป็นยังไง ยิ่งได้ยินว่าไปกินเหล้า เวลามันเมา อ๊วกใครจะดูแล ใครจะคอยกอดมัน ผมเป็นห่วงมันเหลือเกิน น้ำตาซึมออกมาโดยไม่รู้ตัวอีกครั้ง ผมกระพริบตาถี่ๆไล่น้ำตาไปจากหางตา ผมลุกขึ้นเดินนำหน้าทุกคนไป พลฉุดบอมให้เดินคู่กับมัน ตอนแรกมันเหวี่ยงมือออก แต่พลก็ไม่ยอม พอหลับหลังผมพลก็กัดน้องมันไม่ยอมหยุด เสียงมันทะเลาะกันไม่ใช่เบาจนผมต้องหันมาดึงแขนบอมเอาไปเดินคู่กัน แล้วเอ็ดพลมันก็ทำหน้ามึนใส่คงจะหมั่นไว้บอมมัน

"ผมรู้แล้วล่ะครับ ว่าทำไมเอมันถึงรักพี่ ผมไม่แปลกใจเลย ถ้าเป็นผมเองผมก็คงรักพี่เหมือนกัน"

บอมมองหน้าผม ไม่ได้รู้สึกยินดีกับคำพูดของมันแม้แต่น้อย พี่ไม่ได้ดีเด่อะไรหรอกนะบอม พี่ทำให้ใครต่อใครเสียใจ เพียงเพราะรสนิยมส่วนตัว หรือที่อาจารย์ปริศนาเรียกว่า "วิปริตวิปลาส" อย่าเอาเพียงแค่เปลือกนอกของพี่มาตัดสินเลยว่าพี่คู่ควรสำหรับความรักจากใคร คิดมาก็สะท้อนยอกให้ใจเจ็บช้ำปวดร้าว บาดแผลนับวันมันไม่มีทีท่าว่าจะหายเลย ยิ่งกรีดลึกทรมาน เวลาใครพูดอะไรขึ้นมาผมก็เอามาตีใส่มันให้แผลมันเปิดเจ็บช้ำกว่าเดิม ผมอมยิ้มแห้งๆให้บอมแล้วรีบเดินไปร้านอาหาร  เรากินข้าวเสร็จพลก็ขับรถพาเราไปคลีนิกแถวอโศก เพราะตอนเรียนเคยไปหาบ่อยครั้งและรู้จักกับหมอประจำร้านด้วย หมอล้างแผลทำความสะอาดให้บอม ผมก็นั่งรอกับพล ในใจผมคิดถึงแต่เอผมพยายามกดโทรศัพท์หามันทุกห้านาที แต่มันไม่รับสายเลย ทำอะไรอยู่นะคนดี เธอทำอะไรอยู่ พูดให้ได้ยินเสียงสักหน่อยเถิด ฉันใจจะขาด ได้โปรดเถิด รับสายฉันหน่อย ผมเหมือนคนบ้ามองแต่โทรศัพท์ ทั้งเขียนข้อความ ทั้งโทรออก แต่ปฏิกริยาตอบรับไม่มีเลย มันยิ่งเป็นเหมือนไฟสุมใจให้ร้อนรนกว่าเดิม

พลขับรถมาส่งผมที่บ้าน ตอนแรกบอมจะกลับบ้านเองเพราะคงทะเลาะกับพล แต่ผมขอไว้ มันจึงยอม รายของผมนั้นยิ้มมุมปากทันทีเมื่อได้ไปส่งบอมมันที่บ้าน ผมต้องกำชับพลว่าอย่าว่าน้องมันอีก แล้วผมก็ให้เบอร์บอมไปถ้าหากพลว่าอะไรให้รายงานผม ไม่อยากทำแบบนี้แต่ไม่รู้ทำไมไม่อยากให้ทุกอย่างมันเลวร้ายลงไปมากกว่านี้

ผม ถึงบ้านเกือบสามทุ่ม แม่นั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะผมอยู่คุยกับแม่ครู่ใหญ่จึงขึ้นไปอาบน้ำชำระความ เหนื่อยล้าที่สะสมมาทั้งวัน พอเสร็จผมก็ล้มลงบนเตียงแหงนมองเพดานอย่างหดหู่ คิดถึงเอที่เคยนอนคลอเคลียอยู่ข้างกาย ป่านนี้มันจะเป็นยังไงนะ ผมเอาโทรศัพท์มากดโทรหามันอีกครั้ง อยากได้ยินเสียง พลันก็มีโทรศัพท์เรียกเข้ามาเป็นเบอร์ที่ไม่คุ้น ผมลังเลก่อนจะกดรับ

"สวัสดี ครับ"

ผมกรอกเสียงตามสายไป

"เอ่อ พี่โยหรือเปล่าครับ ผมบ๊อบนะครับ เป็นเพื่อนเอ"

เสียงอีกฝั่งดังมามันทำให้ผมกระเด้งตัว ลุกขึ้น

"ครับ ใช่ครับ เออยู่กับเราหรือ"

น้ำเสียงผมร้อนรน

"ครับ พี่ มันเมามาก มันขอให้ผมโทรหาพี่"

"เอเป็นอะไรมากไหม แล้วตอนนี้อยู่ไหนครับ น้อง"

ผมเร่งถามเพราะร้อนใจ

"มันเมา พี่ พากลับก็ไม่กลับ จะคุยกับพี่ท่าเดียว นี่มันก็แดกเหล้าไปคนเดียวเลย ไม่รู้หิวเหล้ามาจากไหน พี่มารับมันหน่อยสิครับ"

หลังจากวางสายผมก็ เปลี่ยนเสื้อผ้ารีบออกจากบ้านทันที บอกแม่ว่าเรื่องราวมันเป็นยังไง แม่เข้าใจไม่ได้ห้ามอะไร ผมนั่งแท็กซี่ไปยังพัฒนาการซอยสามสิบบ้านของบ๊อบที่โทรมาเมื่อครู่ จากบ้านผมถึงพฒนาการไม่ไกลกันมากนัก พอถึงผมก็โทรหาบ๊อบอีกที รอสักพักมันก็ออกมารับ ผมเดินตามเข้าไปในบ้าน ไม่มีใครภายในบ้าน มันเดินนำขึ้นไปบนห้องมัน พอเปิดห้องเข้าไปผมก็ยืนนิ่งอยู่ มีเพื่อนมันอีกสองคน พวกมันดูเหมือนจะเมาเหมือนกันแต่ยังนั่งอยู่ ผมกวาดสายตามองหาเอ มันนอนแผ่อยู่บนเตียงทั้งชุดนักเรียน นอนดิ้นไปมา

"เอ"

ผม เรียกออกมา ใจหล่นลอยหายไป สภาพมันน่าสงสารเหลือเกิน มันร้องไห้อยู่ดิ้นคว้านั่นคว้านี่อยู่

"ตัวเอง อยู่หนาย ที่ร้ากกูอยู่หนาย อ้ายเหี้ย มึงพาเมียกูมาหาหน่อย อ้ายเหี้ย"

มันพูดทั้งน้ำตา ผมยืนนิ่งดูอยู่ บ๊อบมันหันมามองผมแล้วพยักหน้าให้ ผมน้ำตาร่วงออกมาทันที ปวดใจเหลือเกิน

"เอ เอ กลับบ้าน"

ผม เข้าไปเขย่าตัวมัน

"ม่ายกลับ กู ม่ายกลับ กูจาคุยกับ ที่ร้ากกู มึงโทรหา ที่ร้ากกูให้หน่อย อ้ายเหี้ย บ๊อบ"

มันปัดมือผมออก ผมทรุดตัวลงนั่งข้างตัวมัน ร้องไห้ ลูบตามแขนที่มีรอยฟกช้ำ ใบหน้ามันก็ฟกช้ำ สงสารจับใจ

"เอ ฉันเอง นี่ฉันเอง"

ผมพูดออก ไปเสียงเครือไปด้วยน้ำตา เพื่อนมันคงแปลกใจแต่ผมมองไม่เห็นใครแล้วในตอนนี้ คนที่ผมห่วงใยคนที่เป็นดวงใจอยู่ตรงหน้า เขากำลังทรมานด้วยฤทธิ์เหล้าหรือจะด้วยอะไรก็ตามแต่ มันทำให้ใจผมร้าวรานเหลือเกิน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-05-2011 02:41:43 โดย eiky »

ออฟไลน์ Vesi

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1795
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +204/-3
อ่านแล้วทรมานใจจริงๆ คิดอยู่แล้วว่าคุณแม่น้องเอต้องรับไม่ได้แน่ๆ
คงเพราะวิธีการที่รู้มันแย่ไปหน่อยละมั้ง
รู้จากคนอื่นแทนที่จะรู้จากตัวต้นเหตุโดยตรง
ซักวัน อ.ปริศนา คงจะรับรู้ได้เองว่าที่ เอ ปรับตัวดีขึ้นผิดหูผิดตาแบบนี้เป็นเพราะโย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-04-2010 11:20:08 โดย Vesi »

pearleye

  • บุคคลทั่วไป
โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ :o12:

เศร้าาาาาาา สงสารโย สงสารเอ  :sad4:

Little Devil

  • บุคคลทั่วไป
 :monkeysad:

+1

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด