ตอนต่อ ครับ
ตอน สามสิบแปด
พอกินข้าวเสร็จเราก็นั่งคุยกันสักพัก แล้วชวนกันไปหาเหล้ากิน ลมทะเลพัดอยู่ตลอดเวลา เย็นสบายดีแต่เหนียวตัว ลมพัดคลื่นซัดกระทบฝั่งเสียงซู่ซ่ากลบทุกสรรพเสียงบนหาด แม้บนหาดทรายแก้วจะมีร้านรวงต่างๆเปิดเพลงเสียงดังเรียกร้องความสนใจจาก ลูกค้า แต่เสียงใดจะสู้เสียงธรรมชาติได้ พอเดินห่างออกมาเราก็ได้ยินแต่เสียงคลื่นทะเลซัดฝั่ง
"ไปกิน เหล้าร้านเดิมมั้ยแก"
พลถามกาย
"เออ ดีๆ ร้านนั่งกับพื้นสวยดี พวกแกน่าจะชอบ"
"ต๊าย ร้านเงียบยังกะเป่าสาก ไม่ไปเธคล่ะแก จะได้สีผู้ชาย"
กบค้าน
"อีนี่ แล้วพวกนี้ล่ะมันจะเข้าไปกับแกไหม อีนี่เดี๋ยวแกค่อยไปหากินตามโขดหินก็แล้วกัน"
พลแขวะกบทำหน้างอ แต่ก็เดินกระฟัดกระเฟียดมากอดแขนผม
"แกไม่อยากไปเธคเหรอโย"
มันทำเสียงอ้อน ผมยิ้มแล้วหันมามองเอที่กอดคอผมอยู่ มันทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
"นี่ อีกบ ผัวเมียเขาจะสวีทกัน ออกมานี่แก อย่าไปเป็นก้าง"
กายแซว กบปล่อยมือทันทีแล้วเดินไปหาพล
"ตัวเองอยากไปไหมล่ะคะ"
มันถามเสียงเบา ผมเงยหน้าขึ้นมองมัน
"ไม่ล่ะ กินเหล้าเสร็จก็คงนอน เหนื่อย เธออยากไปเหรอ"
"ไม่เอา เค้าอยากจะไปนอนกอดตัวเองเต็มทีแล้ว"
ผมยิ้มหัวใจอิ่มเอิบ เราเดินถึงร้านที่พวกมันเคยมา เป็นร้านที่ติดอยู่กับโขดหินที่มีรูปปั้น มีศาลเจ้าด้วย ผมยกมือขึ้นไหว้ อธิษฐานว่าลูกหลานมาเที่ยวอย่าได้ตื่นตกใจขอให้คุ้มครองด้วย ร้านนี้ปูเสื่อกับทรายมีหมอนสามเหลี่ยมเหมือนร้านพลอยทะเล แต่เขาเอาเทียนใส่แก้วฝังไว้ในทรายเป็นจุดๆ สวยทีเดียว เรานั่งล้อมวงแล้วสั่งเหล้า ผมกินลองไอร์แลนด์ สั่งเบียร์ให้เอ เพราะมันเร้าๆอยากจะกิน ตอนแรกผมก็ทำตาดุใส่ แต่ไหนๆมันก็มาเที่ยวแล้ว ปล่อยบ้างคงไม่เป็นไร กินเหล้าไปคุยกันไป เสียงเพลงพยายามดังต้านเสียงคลื่นได้ยินเป็นระยะๆ ขาดหายบ้างเสียงคลื่นแทรกบ้าง เราคุยกันอย่างเพลิดเพลิน ส่วนมากเป็นกายกับพลรุมกัดกบ ผมหัวเราะท้องคัดท้องแข็ง พอกินเหล้าไปหน่อยก็เริ่มเมาหน้าแดง เริ่มนัวเนียเอมากกว่าเดิมไม่มีอายเพื่อนๆเหมือนก่อนกินเหล้า
"เอา แล้วค่า คุณโย เริ่มแล้ว แฟนเราเมาแล้วนะเอ"
กบแซวแล้วหัวเราะ
"บ้า ไม่มาว ช้านคอไม่อ่อนนะแก"
ผมยกมือขึ้นโบกปฏิเสธ เอมันกระชับตัวผมเข้ากอดแน่นขึ้น มันหัวเราะอย่างพอใจ จูบกกหูผม
"ว๊าย กลัวพี่อายบ้างนะคะน้องเอ"
กบร้อง
"นี่นังจ๋าแกจัยอมแพ้เหรอ ยอมเหรอพี่ป้อม"
กายเย้าจ๋ากับพี่ป้อม รายนั้นก็ไม่ยอมดึงจ๋าไปนั่งตักทันที จ๋ามันไม่กินเหล้าเพราะมีน้องอยู่ แต่เผลอเป็นไม่ได้แอบจิบตลอด เสียงหัวเราะดังกลบทุกเสียง
"ปล่อยน้อง มันบ้างแก กอดไม่ปล่อยให้วอกแวกเลยนะ"
พลกัดบ้าง
"ผมต่างหาก ที่ไม่ปล่อย อิอิ"
มันพูดแล้วหอมแก้ม ผมทำหน้าย่นใส่แล้วกอดคอมันหอมแก้มตอบ
"อ๊าย แบบนี้น้องเอไม่มอมพี่เขาทุกวันเหรอเนี่ย พอเมาแล้วมีฤทธิ์"
กายพูดแล้วหัวเราะ
"ไม่ต้องมอมหรอกแก ปกติฉันก็ทำอยู่แล้ว"
"แรงงงง"
พวกมันทั้งสามอุทานพร้อมกัน ผมพูดออกไปแล้ว ไม่ได้สนใจแต่หันมาคลอเคลียมันต่อ เราคุยกันต่อจนผมเริ่มหาว จ๋าเองก็หาว เราจึงแยกกันกลับก่อน ส่วนสามคนนั้นไปต่อที่เธคต้องเดินไปอีกหน่อย เอกอดคอผมเดินตามหลังจ๋ากับพี่ป้อม เราเดินช้าเนิบนาบราวกับกลัวที่จะถึงที่หมาย มันลูบแขนผมแล้วจูบขมับเป็นระยะ
"เค้าหลับตา แต่ยังเห็นภาพตัวเองอยู่เลย รักมาก รักจนมองไม่เห็นอะไรแล้ว"
มันพูดขึ้นมาเสียงแผ่วเบา แต่มันดังก้องอยู่ในหัวของผม ยิ้มออกมาอย่างสุขใจ
"แค่หลงหรือเปล่า หลงน่ะสักพักมันก็จาง"
ผมแหย่แล้วมองหน้ามัน
"มันมากกว่าหลงอีก ไม่รู้หรอกว่ามันจะเป็นยังไง แต่รู้ว่ายิ่งนานวันมันยิ่งเพิ่มขึ้น"
เสียงทุ้มหวานจับใจ ผมยิ้มเอานิ้วเขี่ยไรนวดอ่อนๆมันงับนิ้วไว้ขบเบาๆ เราเดินจนถึงห้อง รู้สึกเหนียวตัว ผมมึนหัวขึ้นมาไม่รู้ทำไมเวลากินเหล้าแม้จะน้อยนิดแต่พอเลิกกินมันมึนหัว ทุกที
"ไปอาบน้ำก่อนเอ เหนียวตัว"
ผมบอกเพราะมันกระโจนขึ้น เตียงไปแล้ว
"อาบด้วยกันอีกน้า"
มันดีดตัวขึ้นมาแล้วถอดเสื้อ ออกทันที ผมไม่ว่าอะไร เพราะค้านไปมันก็พยายามทำให้ผมจะอ่อนอยู่ดี เราเปลือยกายอยู่ในห้องน้ำมันพยายามจะคลอเคลียอีกแต่ผมก็ค้านรีบอาบน้ำให้ เสร็จเพราะไม่อยากตัวเหี่ยวอีก พอผมอาบให้มันเสร็จก็ให้มันออกมาเช็ดตัวก่อน แล้วค่อยจัดการกับตัวเอง ออกมาจากห้องน้ำเห็นมันใส่กางเกงเลตัวเดิมนอนยิ้มอยู่บนเตียง
"มาทา ครีมก่อน"
ผมบอกแล้วถือขวดโลชั่นไปนั่งปลายเตียง มันลุกขึ้นมาแล้วเอาหัวมุดเข้ามาบนตัก ผมจึงค่อยๆทาโลชั่นให้มัน พอเสร็จก็มาจัดการกับตัวเองแล้วปิดไฟ พอขึ้นเตียงมันก็มาคว้าตัวไปกอดทันที
"คิด ถึงจัง"
"ตัวติดกันขนาดนี้ยังคิดถึงอีกเหรอ"
ผมหันหน้าเข้าหา ปากเราชนกัน ลมหายใจมันแรงร้อนผ่าว
"ยิ่งใกล้ล่ะ ยิ่งคิดถึง"
มันประกบปากจูบแผ่วเบา แล้วค่อยๆหนักหน่วงขึ้น รสของลิ้นหวานฉ่ำอยู่ในปากของผม ริมฝีปากร้อนซอกไซร้ไปตามไรฟัน ผมเคลิ้มไปดุจล่องลอยอยู่บนวิมานกุหลาบหอมหวานรัญจวนใจเหลือประมาณ ผมผลักให้มันนอนแล้วขึ้นไปทับบนร่างของมันอย่างแผ่วเบา ผมเป็นคนคุมเกมบ้าง เสียงครางกระเส่าหายใจแรงดังเป็นระยะ ผมไม่มีอะไรต้องเขินอาย ไม่มีอะไรในใจที่ต้องวิตกกังวลอีกต่อไป คนนี้คือคนที่ผมรู้สึกรักเหลือเกิน ไม่ว่าจะยังไงขอทำตามใจบ้างเถอะ เราผสานร่างไปตามลีลารัก ผ่อนปรนบ้าง ร้อนแรงบ้าง เม็ดเหงื่อผุดขึ้นตรงหน้าผากของผมและมัน แม้ในห้องจะมีเครื่องปรับอากาศ แต่ความเร่าร้อนบนเตียงมันเกินกว่าที่อะไรจะมาควบคุม ผมนอนกอดมันเอาไว้ราวกับกลัวมันจะหนีหายไปไหน มันหายใจแรงอยู่ซอกคอหอบเหนื่อย
"ตัวเองมีความสุขไหมเวลาอยู่กับ เค้า"
เสียงกระซิบแผ่วเบาออกมาจากช่องท้อง
"มีความสุขสิ เธอล่ะ เบื่อบ้างไหม"
ไม่รู้ทำไมผมชอบถามมันว่าเบื่อไหม ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ
"ไม่เคยคิด ไม่เคยพอ ยิ่งมีแต่รักมากขึ้น เค้ามีความสุขมากนะเวลาอยู่กับตัวเอง มีความสุขที่สุด"
เสียงกระซิบ แผ่วเบากว่าเดิม เราคลอเคลียกันอยู่อย่างนั้นจนผมเผลอหลับไป
..............
เหมือนเป็นทุ่งสักแห่งกว้างเหลือเกิน ดอกหญ้าต้องลมปลิวไสว ลมเย็นพัดเอื่อยๆสบายจริงๆ ผมยืนอยู่กลางท้องทุ่งกว้าง เอ๊ะ นั่นเอ นี่
"เอ พี่อยู่ทางนี้"
ผมร้องเรียกออกไป มันหันมายิ้มเดินเข้ามาหา รอยยิ้มที่คุ้นตาหวานฉ่ำเข้าสู่ก้นบึ้งของหัวใจ ผมยิ้มรับเดินเข้าไปหา โผกอดทันที ไออุ่นที่ใฝ่หามานาน อุ่นเหลือเกิน สุขเหลือเกิน
"ปล่อย มือ"
เสียงหนึ่งดังก้องออกลอยมากับสายลม แต่สะท้อนเหมือนออกมาจากพื้นพสุธา เราทั้งสองผงะแต่ยังไม่ปล่อยมือ
"บอก ให้ปล่อยมือ"
เสียงเกรี้ยวกราดดังก้องกว่าเดิม เราส่ายหน้าจับมือกันแน่นกว่าเดิม
"กรี๊ดดดดด"
เสียงร้องแผด ดังก้องจนแสบแก้วหู ทั้งเสียงกรีดร้องกลายเป็นเสียงโอดครวญทรมานยิ่งนัก เราปล่อยมือยกขึ้นอุดหู เอ หายไปแล้ว ผมอยู่คนเดียว พลันท้องฟ้าสีครามหม่นหมองมีแต่ความดำมืดของหมู่เมฆาปกคลุม เสียงฟ้าร้อง คำรามดังสนั่นหวั่นไหว ผมทรุดกายลงนั่งด้วยความกลัว
"เอ เอ อยู่ไหน เอ"
ผมร้องเรียกสุดเสียง ความปล่าวเปลี่ยวเข้ามาแทรกความอุ่นใจเมื่อครู่จนหมดสิ้น หนาวเข้าไปถึงกระดูก
"เอ เอ อยู่ไหน เอ"
ผมร้องเรียกเพรียกหาทั้งน้ำตา ความมืดมันช่างน่ากลัวเสียเหลือเกิน เอหายไปไหน
"เค้า อยู่นี่ ตัวเอง ตัวเองอยู่ไหน"
เสียงเหมือนดังอยู่ข้างหลัง ผมหันมองตามเสียงแต่ความมืดมันช่างปกปิดมองไม่เห็นอะไรเลย ผมวิ่งไปตามเสียง พลันเหมือนตกลงไปในหลุมใจหวิวหลุดออกจากขั้ว หลุมลึกผมลอยละลิ่ว รู้สึกหนาวเย็นเสียดแทงเจ็บปวดไปทั้งร่าง
"เอ!!!!!!!!!!!!!!!"
ผม กรีดร้องสุดเสียง
..........
"ที่รักๆ ฝันร้ายหรือคะ เค้าอยู่นี่ๆ"
เสียงปลุก ทั้งเขย่าตัวให้ตื่นจากฝันอันน่ากลัว นี่ผมฝันไปหรือ ผมลืมตาตื่นขึ้นมา น้ำตาเลอะใบหน้า มันเอามือปาดน้ำตาออก
"เอ นี่เอ ใช่ไหม เอไปไหนมา"
ผมยังแยกแยะไม่ออก ว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือว่าฝันไปเพราะมันช่างเสมือนจริงเหลือเกิน ผมกอดมันแน่นลูบตามตัว
"เค้าไม่ได้ไปไหน กอดตัวเองอยู่ตลอด ตัวเองคงฝันร้าย ไหน ฝันว่าอะไรคะ"
มันจูบที่หน้าผาก น้ำตายังไม่หยุดไหล แม้จะเป็นฝันแต่มันกระตุกใจเหลือเกิน
"ฝันว่าเธอ หายไป ไม่รู้ไปไหน หาไม่เจอ มันมืดเหลือเกิน"
ผมพูดเสียงสั่น สะอื้นออกมา
"โอ๋ๆ แค่ฝันนะคะ เค้าไม่มีวันจะไปไหนหรอก จะอยู่กับตัวเองนี่ล่ะ ไม่มีทางนะคะ"
มันพรมจูบทั่วหน้า
"อย่าไปไหนนะเอ อย่าทิ้งฉันไปไหนนะ"
ผมอ้อนวอน สะอื้นตัวโยน ไม่เคยขอใคร รู้สึกหวั่นไหวหวิวในใจอย่างประหลาด ความฝันเมื่อครู่ทำให้ผมรู้ตัวเองว่าแท้จริงแล้ว ผมรักมันเข้าเต็มหัวใจแล้ว แค่ในฝันผมยังรู้สึกเจ็บปวดหนาวเหน็บมากขนาดนี้ที่จะสูญเสียมันไป ถ้ามันเป็นจริงล่ะ ผมจะทำยังไง มันลูบหัวพรมจูบอยู่ไม่หยุด
"นอนต่อ นะคะ ไม่เป็นไรน้า ฝันร้ายจะกลายเป็นดี นอนนะคะคนดี เค้าอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน"
เสียงปลอบอันอบอุ่น ผมรู้สึกผ่อนคลายขึ้นกระชับกอดมันแน่นขึ้น ขอให้จริงเถอะ ว่าฝันร้ายจะกลายเป็นดี ผมผลอยหลับไปอีกรอบในอ้อมกอดของมัน
ผมงัว เงียตื่นขึ้น เอยังไม่ตื่นแต่มันยังซุกอยู่ซอกคอผมอยู่ ผมลืมตา ทำไมรู้สึกเหนื่อยจังเลย คิดทบทวนเรื่องที่ฝันเมื่อคืน จำไม่ค่อยได้แล้วว่าฝันว่ายังไง มันดูรางเลือนไปแล้ว ผมจูบที่หัวมันเบาๆ ก่อนจะค่อยๆแกะมันออกจากตัว เพราะจะไปเข้าห้องน้ำ ผมลุกจากเตียงเบาที่สุดเพราะกลัวว่ามันจะตื่น ผมเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวเสร็จก็อาบน้ำ พอออกมาจากห้องน้ำมันก็งัวเงียตื่นแล้ว
"ทำไมไม่รอเค้าอ่า"
มัน ทำหน้าย่นใส่
"ก็เห็นนอนหลับอยู่ไม่อยากจะปลุก ไปอาบน้ำสิ จะได้ไปกินข้าว"
ผมพูดแล้วแต่งตัว
"อ่า เราจะไม่ทำรักกันเหรอเช้านี้"
"บ้าเหรอ ทำอะไรบ่อยเดี๋ยวก็สึกพอดี"
"อ่า ใจร้าย เนี่ยดูสิน้องชายเค้าตื่นแล้วอ่า"
มันพูดแล้วทำท่าจะลุกมา จากเตียง ผมเด้งตัวลุกขึ้น
"ไปอาบน้ำเลย อย่ามา"
ผมหลบมายืน อีกทาง แล้วยื่นผ้าเช็ดตัวให้มัน กว่ามันจะยอมไปอาบน้ำก็เล่นเอาผมหลบทางนั้นทางนี้อยู่นาน ต้องขู่ว่าถ้ามีอะไรกันครั้งนี้ คืนนี้ก็ไม่ต้องยุ่งแล้ว เพราะรู้สึกระบมเหมือนกัน มันถึงยอม ผมโผล่หน้าออกไปนอกห้อง เสียงลมพัดคลื่นยังดังสม่ำเสมอ แดดจ้าแต่เช้า ร้อนแน่ๆ ผมจึงกลับเข้ามาทาครีมกันแดด พอเออาบน้พเสร็จผมก็จับให้มาทาด้วยเหมือนกัน เราออกไปที่ทานอาหารเช้า เห็นจ๋ากับพี่ป้อมนั่งกินอยู่ก่อนแล้ว
"อ้าว แล้วพวกนั้นล่ะแก"
ผมร้องทักจ๋า พี่ป้อมยิ้มให้ ส่วนเอไปนั่งตรงข้ามพี่ป้อมแล้ว
"โอ๊ย คงยังไม่ตื่นหรอกแก ไม่รู้ว่าเมื่อคืนกลับมากี่โมง นี่คงยังนอนกันอยู่"
"อืม งั้นกินกันก่อนละกัน ไม่ต้องรอมันหรอก"
"ฉันสั่งไปแล้ว แกสั่งสิ"
ที่ นี่มีอาหารเช้าแบบยุโรบคือเป็นเซ็ทไว้แล้ว เลือกแค่ว่าจะเอาไข่แบบไหน เอาชาหรือกาแฟ
"เอ เอาอะไรดี"
ผมหันไปถามมันที่กำลังจ้อกับ พี่ป้อมเรื่องดำน้ำ มันหันมาแล้วเอามือมาพาดบ่าผม
"เค้าอยากกินข้าว ผัดปูอ่ะ"
"อืม"
ผมสั่งข้าวผัดปูให้มัน แล้วสั่งอาหารให้ตัวเอง เอาไข่เจียวฝรั่งซึ่งเสริฟพร้อมชุดมันอยู่แล้ว อาหารของจ๋ากับพี่ป้อมมาก่อน เลยให้มันกินก่อนไม่ต้องรอ
"เป็นไงบ้าง แก ดูสดใสขึ้นนี่"
ผมถามจ๋า
"ก็ดีแก แต่ช่วงนี้หงุดหงิดง่าย คงเพราะ"
"เออ รู้แล้ว มันเป็นเรื่องปกติล่ะ พี่ป้อมเองก็ต้องเข้าใจมันนะพี่ไม่ใช่จะพาลงอนมันไปอีก"
ผมรีบพูดตัด ก่อนที่จ๋าจะพูดจบ แล้วหันไปพูดยิ้มๆกับพี่ป้อม
"จ้า แค่นี้พี่ก็รักจะตายอยู่แล้ว ทนได้ทุกอย่างล่ะ"
พูดจบก็เอามือไปจับ แก้มจ๋าเขย่าเบาๆ จ๋าหน้าแดง ผมอมยิ้ม เอเองก็ยิ้ม ถ้าทุกคนรักกันอย่างนี้ก็ดีสินะ ทุกอย่างคงดูสดใสมากกว่านี้ เรากินอาหารเสร็จก็ออกไปนั่งที่เปลหน้าบังกาโล ทรายสีขาวตัดกับน้ำสีฟ้าอมเขียวตีเกลียวเป็นคลื่นซัดเข้าหาฝั่ง แดดจ้าท้องฟ้าสีครามไม่มีเมฆมาบดบัง สวยเหลือเกิน มีความสุขเหลือเกิน อยากให้ความสุขความรู้สึกแบบนี้มันอยู่อย่างนี้ไปนานๆ