The Lost World มหัศจรรย์ดินแดนสาบสูญ EP204 + ประกาศอัพเดต 23/05/2018
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: The Lost World มหัศจรรย์ดินแดนสาบสูญ EP204 + ประกาศอัพเดต 23/05/2018  (อ่าน 488532 ครั้ง)

ออฟไลน์ maew189870

  • รักทุกคนนะคับ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 726
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
พึงจะเข้าหมู่บ้านเองอ่ะ  ลึกลับๆ  น่าติดตามๆ

ออฟไลน์ lukkeng

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-0
บทที่ 148 Kodomonohi

 

            “YES!”

 

            เสียงของเฟี๊ยตดังออกมาอย่างดีใจ เมื่อพิสูจน์ชัดแล้วว่าสมมติฐานของเขาไม่ผิดเพี้ยนเลย เขากับธันร่วมกันแก้ไขปริศนาได้จริงๆ

 

            ธันหันมามองหน้าเฟี๊ยตก่อนเล็กน้อย และเมื่อไม่เห็นว่าเฟี๊ยตแสดงปฏิกิริยาต่อต้านอย่างใด เด็กหนุ่มจึงค่อยๆ เอื้อมมือไปแตะกลอนประตูที่ติดอยู่บนกังหันลมทรงตันนั่น พร้อมกับค่อยๆ หมุนบิดอย่างช้าๆ ใจของเขาเต้นแทบจะล้นออกมานอกอกเสียแล้ว เขาจินตนาการไม่ถูกเลยว่าเบื้องหลังประตูบานนี้จะพาเขาไปพานพบกับสิ่งใด หมู่บ้านปริศนานี่ดูจะลึกลับเกินกว่าจะคาดเดา

 

            แสงสีเรืองอร่ามฉายลอดรอยแยกระหว่างประตูออกมาทันทีที่ธันค่อยๆ เปิดบานประตูนั้นออก ด้านหลังของประตูบานนั้นดูเจิดจ้าไปด้วยแสงสว่างจนมองไม่เห็นทัศนียภาพภายในใดๆ ได้ พวกเขาไม่เหลือโอกาสให้พิจารณาสิ่งใดได้ก่อนเลย ขาทั้งสี่ก้าวตรงเข้าไปในหมู่บ้านแห่งนั้นอย่างไม่มั่นใจเท่าไหร่นัก

 

            เฟี๊ยตและธันพาตัวเองก้าวข้ามธรณีประตูมายืนอยู่บนพื้นที่ที่ไม่อาจคาดคะเนสิ่งใดได้ทั้งสิ้น เนื่องจากแสงสว่างเจิดจ้านั้นฉายสาดไปทั้งบริเวณจากทุกทิศทางจนเหมือนพวกเขาตกอยู่ในความฝันที่ไร้ขอบเขต สายตาของเฟี๊ยตไม่เห็นสิ่งใดเลยนอกจากประตูบานนั้นและแสงจ้าเหล่านี้ เฟี๊ยตถอนหายใจช้าๆ ก่อนจะตัดสินใจหันหลังเอื้อมมือกลับไปดึงประตูบานนั้นให้ปิดสนิทลงกับกรอบประตูอีกครั้ง

 

            ทันทีที่ธรณีเชื่อมต่อระหว่างเมืองใหญ่และหมู่บ้านนั้นได้ปิดลง แสงสว่างเจิดจ้าเหล่านั้นก็จางหายไปราวกับมีมือยักษ์ที่มองไม่เห็นเลื่อนมาดับดวงไฟที่เปิดอยู่ฉะนั้น ภาพทิวทัศน์ที่แท้จริงกลับเข้ามาสู่คลองจักษุของบุรุษผู้ติดตามมาทางลายแทงทั้งสองคน

 

 

            ราวกับพวกเขาหลุดมาในอีกดินแดนหนึ่งอย่างใดอย่างนั้น โลกหลังประตูไม้นั่นกว้างใหญ่ไพศาลเกินกว่าที่จะบรรจุอยู่ในกังหันลมอันเล็กๆ นั้นได้ ชายหนุ่มเงยหน้ามองไปจนสูงสุดสายตาก็มองไม่เห็นท้องฟ้า ลักษณะมันเป็นสีน้ำตาลตุ่นๆ เหมือนอยู่ในห้องโถงที่ถูกฉาบทับด้วยสีผนังอย่างใดอย่างนั้น พื้นที่ในห้องแห่งนั้นก็กว้างขวางจนประมาณอาณาเขตไม่ได้ เพราะว่าไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็ไม่เจอจุดสิ้นสุดเสียที

 

            สิ่งที่กระทบสายตาและดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่เป็นตัวแทนของหมู่บ้านแห่งนี้ได้ดี คือ ธงปลาคาร์ฟญี่ปุ่นที่ถูกแขวนอยู่บนแทบจะทุกอาณาบริเวณของหมู่บ้านแห่งนี้ ปลาคาร์ฟที่เป็นตัวแทนของผู้ที่ไม่ย่อหย่อนต่ออุปสรรคขวากหนาม ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าปลาคาร์ฟเป็นปลาที่ต้องว่ายทวนน้ำไปเพื่อวางไข่ที่ต้นน้ำที่ดีที่สุด เพื่อจะผลิตทายาทในรุ่นต่อๆ ไป แต่มีเพียงไม่กี่ชีวิตเท่านั้นที่จะฝ่าฝันเอาชีวิตรอดไปจนถึงจุดหมายปลายทางได้ ปลาคาร์ฟเหล่านี้จึงเป็นตัวแทนของผู้ที่มีความมานะพยายามอย่างแท้จริง

 

            ธงไสวเหล่านั้นถูกแขวนอยู่บนเสาไม้ขนาดเล็กสูงประมาณเมตรครึ่งเห็นจะได้ มันถูกตั้งไว้ห่างๆ กันจนผู้ที่เป็นแขกหน้าใหม่นั้นสามารถเดินสำรวจได้อย่างสบายๆ ธงเหล่านั้นมีขนาดและสีสันแตกต่างกันไป แต่พวกมันถูกแขวนอยู่บนเสาเพียงตัวละต้นเท่านั้น ปริมาณของมันมากมายเกินกว่าจะกะเกณฑ์ออกมาเป็นตัวเลข เพราะไม่ว่าจะหันหน้าไปทางไหนก็จะพบเห็นกับเจ้าเสาธงรูปสัตว์น้ำนี่ปลิวไสวไปตามลมเสียทั้งหมดทั้งสิ้น

 

 

            “มันมีลมมาจากไหนวะ”

 

            ธันเอ่ยพร้อมกับหันหน้าไปทางเบื้องหลังของตนเอง สายตาแหลมคมนั้นจับจ้องไปที่ประตูที่ปิดสนิทอยู่นั่น ธันเอื้อมมือออกไปเบื้องหน้าเพื่อจับกระแสการเคลื่อนที่ของอากาศนั่น

 

            “นั่นดิ”

 

            เฟี๊ยตตอบสั้นๆ เขาเองก็ไม่รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของอากาศใดๆ ทั้งสิ้น ที่นี่เรียกว่าเป็นบริเวณที่ลมสงบอย่างยิ่งเลยก็ว่าได้ แต่สิ่งที่ขัดตาที่สุดเห็นจะเป็นเจ้าธงเหล่านี้ที่แกว่งไกวราวกับต้องลมแรงอยู่ตลอดอย่างใดอย่างนั้น

 

            “ไปสำรวจเสาหินนั่นกัน”

 

            ธันพูดพร้อมกับชี้มือไปทางเสาหินขนาดยักษ์ที่ตั้งอยู่ห่างออกไปหลายร้อยเมตรนั่น ความสูงของมันดูจะไม่มีจุดสิ้นสุดราวกับว่ามันเจริญเติบโตได้อย่างนั้น มันดูจะเป็นสิ่งก่อสร้างเดียวที่โดดเด่นอยู่ในหมู่บ้านประหลาดแห่งนี้ เมื่อเทียบขนาดกันแล้ว ไอ้เสาธงเล็กๆ เหล่านี้ก็กลายเป็นไม้จิ้มฟันเลยทีเดียว

 

 

            ธันเดินมุ่งหน้าไปยังเสาหินนั่นอย่างสงสัย เขาสาวเท้าไปตามช่องว่างระหว่างเสาธงนั่นอย่างครุ่นคิด ตามคำบอกเล่าของโจแอนนาแล้ว ใจกลางของหมู่บ้านนี่จะมีเขตแดนที่ไม่อาจใช้ความสามารถของการ์ดได้เลย ซึ่งจากการสันนิษฐานในเวลานี้ มันก็น่าจะหนีไม่พ้นไอ้เสาหินประหลาดอันนั้น

 

            สายตาของเด็กหนุ่มจับจ้องไปแต่เบื้องหน้า สมองของเขาคิดทบทวนคำพูดของโซดิแอคคนนั้นอย่างช้าๆ ภาพที่เขาเห็นอยู่นี่ดูจะตรงกับคำพูดเหล่านั้นทุกอย่าง ดินแดนที่มีลมตลอดปีสอดคล้องกับเจ้าธงเหล่านี้ที่พัดไปมาไม่หยุดถึงแม้ว่าจะไร้การเคลื่อนไหวของอากาศขนาดไหน ใจกลางของหมู่บ้านมีสิ่งปลูกสร้างที่สูงใหญ่ตั้งอยู่โดยมีอัญมณีสำหรับแก้คำสาปร้ายถูกซุกซ่อนอยู่บนนั้น และเมื่อชายหนุ่มคิดมาถึงจุดนี้ เขาก็เริ่มคิดหนักด้วยความเป็นจริงที่ว่า เขาจะพาตัวเองไปสู่จุดสูงสุดของไอ้เสายักษ์นี่ได้อย่างไร ในเมื่อโจแอนนาก็บอกเองว่าเขตแดนบริเวณนั้นไม่อาจใช้ความสามารถจากไพ่ใดๆ ได้ นี่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะต้องออกแรงปีนขึ้นไปบนเจ้าวัตถุที่ดูจะสูงแบบไม่มีที่สิ้นสุดนี่หรือ คิดมาถึงตรงนี้แล้วลำคอของเขาก็แห้งผากไปหมดเลย

 

 

            ชั่วไม่กี่นาที พวกเขาทั้งสองคนก็หลุดจากบริเวณที่ประดับประดาไปด้วยธงปลาคาร์ฟหลากสีเหล่านั้น ขาทั้งสี่ข้างพาพวกเขามายืนอยู่บนลานกว้างที่ว่างเปล่าแห่งหนึ่งที่มีเสาหินยักษ์นั่นตั้งตระหง่านอยู่เป็นจุดศูนย์กลาง ลานแห่งนั้นว่างเปล่าและไม่มีสิ่งใดปรากฏอยู่เลย อาณาเขตของมันกว้างขวางอยู่พอสมควร โดยมีเส้นผ่านศูนย์กลางอยู่ประมาณ 100 เมตรเห็นจะได้ ธันเงยหน้ามองไปยังเสาหินนั่นแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจช้าๆ ยิ่งเข้ามาใกล้เท่าไหร่ ความสูงของเจ้าวัตถุนี่ก็ดูจะมากมายเกินคาดคะเนจริงๆ

 

            “The Defensive Golem RELEASE!”

 

            ธันหันไปทางต้นเสียงก็พบกับเฟี๊ยตที่กำลังพยายามลองใช้การ์ดของตนเพื่อทดสอบสมมติฐานนั่น และดูเหมือนว่าจะไม่ผิดไปจากที่โจแอนนาได้บอกไว้เลย พลังความสามารถของไพ่ดูจะดับไปภายใต้อาณาเขตแคบๆ แห่งนี้

 

            “ดูเหมือนว่าเรื่องนี้โจแอนนาจะไม่โกหกเรา” เฟี๊ยตพูดกับยักไหล่ให้กับธัน

 

            “เข้าไปดูใกล้ๆ กว่านี้อีกหน่อยเถอะ” ธันพูดพร้อมกับสาวเท้านำไปเบื้องหน้า

 

 

            เสาหินนั่นมีขนาดใหญ่ประมาณห้าคนโอบ วัตถุชิ้นนั้นตั้งอยู่บนฐานรูปวงกลมแบนที่มีความหนาประมาณ 1 เมตรและเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 10 เมตร ลักษณะของมันโดยภาพรวมจึงเหมือนแท่งเสาขนาดใหญ่ที่ปักอยู่บนแผ่นหินทรงกระบอกเตี้ยๆ อีกชั้นหนึ่ง

 

            “เฟี๊ยต มาดูนี่ดิ”

 

            ธันพาตัวเองขึ้นไปอยู่บนฐานแผ่นหินขนาดใหญ่นั่นล่วงหน้าไปก่อนแล้วร้องเรียกเพื่อนร่วมทีมด้วยน้ำเสียงที่เจือความสงสัยอยู่ไม่น้อยเลย

 

            “อะไรวะ” เฟี๊ยตถามอย่างงงๆ แต่ก็เหยียบตามขึ้นไปบนแผ่นหินนั่นแต่โดยดี

 

            “ของเหลวนี่คืออะไรก็ไม่รู้หวะ”

 

            ธันชี้ให้ดูบริเวณเชื่อมต่อระหว่างเสาหินกับแผ่นหินนั่นที่มีของเหลวเหนียวสีขาวใสประสานอยู่ตรงกลาง ลักษณะของมันเหมือนเจลที่มีความหนืดอย่างมาก

 

            “ไม่รู้หวะ มันอาจจะเป็นกลไกที่ทำให้เสาหินนี่ตั้งอยู่บนฐานได้โดยไม่โอนเอนมั้ง” เฟี๊ยตตอบไปอย่างไม่มั่นใจ

 

            “พวกเราจะขึ้นไปข้างบนได้ยังไงวะ ต่อให้รวมจิตไว้ที่เท้าเพื่อต้านแรงโน้มถ่วงขึ้นไป อย่างมากก็หน่วงไว้ได้ไม่เกินครึ่งชั่วโมง แต่ความสูงขนาดนี้สามชั่วโมงยังไม่รู้ว่าจะเห็นยอดเสาหรือเปล่าเลย” ธันพูดอย่างครุ่นคิด

 

            “ถ้าไม่ให้ใช้การ์ดก็ดูแทบจะเป็นไปไม่ได้ เรื่องรวมจิตแล้วค่อยๆ ไต่นี่เลิกคิดได้เลย หมดแรงเมื่อไหร่ได้ตกมาตายทันที สูงเสียดฟ้าขนาดนี้ จะขึ้นไปได้คงต้องมีปีกอย่างเดียว” เฟี๊ยตพึมพำมาอย่างจนปัญญาด้วยเช่นกัน

 

            ชายทั้งสองตกสู่ห้วงภวังค์ของตนอีกครั้ง ต่างฝ่ายต่างเงยหน้ามองขึ้นไปด้านบนที่ราวจะไม่อาจจะคำนวณความสูงนั่นได้ เฟี๊ยตและธันต่างระดมทุกเซลล์สมองมาเพื่อแก้ปัญหาที่ดูจะไขไม่ตกนี้อย่างสุดความสามารถ

 

 

            “กลับก่อนเหอะ ไหนๆ ก็รู้ที่อยู่ที่แน่ชัดแล้ว กลับไปตั้งหลักใหม่ที่ปราสาทก่อน พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน กลับไปนอนบนเตียงนุ่มอาจจะทำให้สมองแล่นกว่านี้ก็ได้” ธันพูดอย่างตัดบทพร้อมกับหันหลังทำท่าจะเดินกลับไปยังประตูนั่น

 

            “ธัน”

 

            “หืมม”

 

            “ตอนที่เดินกันเข้ามา กูกลัวจะหลงเพราะมองไปทางไหนมันก็เหมือนกันไปหมด กูเลยจับธงปลาคาร์ฟนั่นเอียงลง 45 องศาไว้เป็นสัญลักษณ์ตลอดทางที่เดินมา เวลาเดินกลับไปจะได้ไม่หลง”

 

            “เฮ้ยย จริงด้วยหวะ มึงแม่งสุดยอด รอบคอบสุดๆ เลยหวะ ถ้ากูมาคนเดียวกูต้องหลงชัวร์ ฮ่าฮ่าฮ่า”

 

            “ธัน มึงลองมองย้อนกลับไปตามเส้นเสาธงที่เอียงลงมานั่นดิ มันจะเป็นเส้นนำสายตากลับไปสู่ประตูทางเข้าหมู่บ้านที่พวกเราเข้ามาถูกเปล่า”

 

            “เออๆ ทำไมวะ”

 

            “มึงเห็นจุดสุดท้ายที่เสาธงนั่นเอียงลงต่อกับเสาอันต่อไปที่ตั้งตรงเปล่า ตามหลักแล้วจุดนั้นต้องเป็นจุดที่ประตูที่เราเข้ามานั่นตั้งอยู่”

 

            “เออๆ กูเข้าใจแล้ว แล้วไงต่อวะ”

 

            “ประตูที่มันควรจะอยู่ตรงนั้น มันหายไปแล้วหวะมึง!”


แหล่งกบดาน ลงรูป พูดคุยอย่างเป็นกันเอง : www.facebook.com/allornonetheauthor

จากผู้แต่ง : ตามที่ผมได้บอกไว้ว่าพอถึงตอนที่ 150 ผมจะขอกลับมานั่งคิดทบทวนดูหน่อยนะครับว่าจะเอาอย่างไรต่อไปดี อย่างที่ผมบอกไปว่านิยายเรื่องนี้คิดพล๊อตไว้ยาวมาก และละเอียดมาก มันทำให้ผมกลัวว่าผมที่เป็นมือใหม่จะถ่ายทอดมันออกมาได้ดีหรือเปล่า ผมกลัวจะทำพล๊อตตัวเองเสียหนะครับ ใจหนึ่งผมเลยอยากจะพักเรื่องนี้ไว้ก่อน แล้วไปแต่งเรื่องสั้นๆ สามสิบสี่สิบตอนให้เก่งก่อน แล้วค่อยกลับมาสานต่อเรื่องนี้ให้จบ หรืออาจจะแต่งต่อไปเรื่อยๆ แล้วค่อยมารีไรต์ใหม่หมดทีเดียว ผมก็คิดๆ อยู่ครับ ประกอบกับตอนที่ 150 จะลงในวันพฤหัสบดีนี้ ซึ่งวันศุกร์เสาร์อาทิตย์ผมจะไปเที่ยวต่างจังหวัดพอดี ก็ขอให้ผมได้ทบทวนอะไรสักหน่อยแล้วกันนะครับ ผลสรุปเป็นอย่างไรไว้จะมาบอกประมาณวันจันทร์วันอังคารนะครับ

ขอบคุณที่ติดตามกันมาตลอดฮะ ^ ^

ปล. แวะไปดูรูปในเพจได้นะครับ ขี้เกียจลงในนี้อ่า มันหลายขั้นตอน แหะๆ

ออฟไลน์ lukkeng

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-0
ใครใจดีเม้นให้หน่อยนะครับ :) ขอบคุณทุกคนที่เม้นเลยครับ ผมอ่านหลายรอบเลย อิอิ

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ patchylove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1585
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-4
 :z10: :z10: :z10: :z10:  งานงอกเพิ่มขึ้นอีกแล้ว ปริศนาน่าสงสัย  เฟี๊ยต ธัน สู้ ๆๆ

ออฟไลน์ tutankamen

  • ผีสิงประจำเล้า
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
    • Facebook ของผมเองครับ
หลงทาง อ่ะนะ

ออฟไลน์ hoshinokoe

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1042
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
กลับมาอ่านทันแล้วววววววว  ดูเหมือน คู่นี้จะสนิทกันมากขึ้น มีเล่นคำหยาบกันและ 555  คู่นี้เอาแบบค่อยๆไปแบบบนี้แหละอย่ารักกันเร็วไปเดี๋ยวหมดมุกจีบกัน อิๆ 
ส่วนปริศนาเราแก้ไม่ป็น ฮาาา     
ส่วนเรื่องที่คนเขียนจะพักเรื่องนี้หรือเปล่า อันนี้จะรอคำตอบนะคะ  แต่ไม่อยากให้พักเลย   เค้าชอบเรื่อยๆแบบนี้แหละ แม้จะมีบางตอนที่หนืดไปบ้าง ส่วนมากก็เป็นน่ารักๆแทรกเข้าไปแก้เครียด กับเนื้อหาของเรื่องนี้ได้ ถึบแม้ว่านิยายเตื่องนี้จะไม่เหมือนชาวบ้านที่ลงตอนสั้นๆ แต่ก็อ่านและเข้าใจอยู่ค่ะ เพราะบางเรื่อง สั้นแล้วยังแต่งเข้าใจยากอีกด้วย อิๆ 
แล้วเจอกันค่ะ

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
 :ling1: โอยตายแล้ว ถึงช่วงคุณอ้นจะพักยาวแล้ววววววว
พักได้ แต่ขอเรื่องนี้ให้จบนะจ๊ะมากันถึงขนาดนี้แล้ว

เดาว่าต้องใช้ไอ้ของเหลวเป็นกาว ปีนเข้าไปแบบสไปเดอร์แมนป่ะ

ออฟไลน์ $VAN$

  • Moderator
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +307/-6
หนิดหนมกันมากขึ้นจนพูดกุมึงกันแร้ว อิอิ :hao3:
ของเหลวนั่นจะช่วยในการปีนขึ้นยังไงนะ?

ออฟไลน์ G_Dragon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เพิ่งจะเคยอ่านนิยายแนวนี้เป็นเรื่องแรก สนุกดีครับ ชอบๆ เล็งเรื่องนี้ไว้สักพักแล้ว แต่ติดสอบอยู่ เพิ่งจะมีโอกาสได้อ่าน แหะๆ  คนแต่งเก่งมากๆๆๆ o13 นี่ขนาดเป็นเรื่องแรกยังแต่งได้ดีมากเลยครับ มีการนำความรู้ทางวิชาการต่างๆมาประยุกต์ร่วมและให้คนอ่านได้คิดตามด้วย เยี่ยมๆ :katai2-1: เรื่องการบรรยาย สำหรับผมก็ชอบนะครับ ผู้แต่งบรรยายได้ดีมากครับ ทำให้มองภาพออกเลย

เฟี๊ยตกับธันจะทำยังไงต่อละทีนี้   :katai1: หุหุ  อยากให้ปันกับแทนมาร่วมทีมด้วยเร็วๆ  จะได้ช่วยกันแก้ปัญหา

ปล. ไม่อยากให้คนแต่งพักไว้เลย :sad4: อยากให้แต่งต่อ กำลังสนุก   :hao7:   
เป็นกำลังใจให้ผู้แต่งครับ  :L2:

ออฟไลน์ mildmint0

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
เฟี๊ยตยังคงรอบคอบเสมอเลย
แต่ทำไมประตูหายไปล่ะ ??
เอ๊ะ หรือต้องทำภารกิจนี้ให้เสร็จ
ใช้การ์ดไม่ได้ แล้วจะทำได้ยังไงอ้าาา
พลังสกาย วอร์คเกอร์ของธันอ่ะ ใช้ได้รึป่าววว
เหมือนงานนี้จะหินกว่าที่คิดนะเนี่ย
คงไม่ผ่านง่ายๆแน่ๆ
นี่เดินทางมาไกลจนจะ 150 ตอนละเหรอ
โห ยาวนานเหมือนกันนะเนี่ย
ยังเป็นกำลังใจให้ผู้แต่งเหมือนเดิม
สู้ๆน้า แรงมีเท่าไหร่ทำเท่านั้น
แต่อย่าลืมคนอ่านตาดำๆ น้าาาาา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ hewlett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 560
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-3
ยาวๆแบบนี้ละดีแล้ว ละเอียดดีแสดงถึงความใส่ใจ แนวนี้ไม่อธิบายละเอียดพอล่ะก็ไม่เข้าใจแน่
ยาวแค่ไหนก็อ่าน ขอแค่ไม่หายไปจนเรื่องค้างก็พอ

ออฟไลน์ rinny

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 517
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
อะแฮ่มๆ....ฮัลโหลเทส 1..2..3....
ต้องขอสวัสดีพี่คนเขียนคนนี้อีกครั้งนะคะ
เรากลับมาเม้นแล้วค่า (ขอเอฟเฟกเปิดตัวแบบอลังๆ)
หลังจากที่แอบซุ่มอ่านทั้งในเด็กดีและก็ในเล้าอยู่แปปนึง
แปปนึงจริงๆน้า ตอนนี้มันก็ถึงเวลาอันดี อันเหมาะสม
เพราะตอนนี้เค้ามาแต่งเรียงความให้พี่คนเขียนได้อ่านแล้ว!
พี่นี่คนเขียนแต่งเก่งจังเลยน้า ตอนนี้เนื้อเรื่องก็จะตอนที่150อยู่แล้ว
ถึงเนื้อเรื่องจะช้าจะอึดเหมือนนางอายคลานยังไง แต่ก็น่าติดตามมากๆเลย
แถมยังมีฉากกุ๊กกิ๊กๆให้เราอ่านเพลินๆด้วย >.< โอ๊ยๆๆ ฟินนนนนนนน~
ตอนนี้พี่เฟี๊ยตกะธันก็เข้ามาในหมู่บ้านได้แล้วสินะๆ ปรบมือๆ แปะๆๆๆ
แถมยังเจอเสาหินแล้วด้วย บราโว่ๆ แต่ว่าประตูที่เข้ามามันหายไป!
หายไปไหนนะ? แบบนี้นะเราว่าทั้ง2คนคงต้องหาทางแก้ปริศนาให้ได้
ถึงจะได้ออกจากหมู่บ้านชัวร์ ถ้าแก้ไม่ได้ก็สร้างครอบครัวในนั้นเลยค่ะ
แต่ว่านะ เราสงสัย ทำไมหมู่บ้านไม่มีคนเลย ตั้งแต่2คนนั้นเข้ามาอ่ะ
เรายังไม่เห็นมีฉากคนในหมู่บ้านสักนิส เค้าหายไปไหนหมดนะเนี่ย?
น่าคิดๆ ไม่ใช่ว่าเป็นmonsterไปหมดแล้ว หรือหนีไปซ่อนกันหมดน้า ล้อเล่นๆ >_<
เราสงสัยว่าไอ้ของเหลวสีข่าวขุ่น(?)ที่2คนนั้นเจอมันคืออะไรอ่ะ มาจากไหนน้า~
เราว่านะ ถ้ามันทำให้เสาหินไม่ล้มได้ มันก็ต้องช่วยทั้ง2ปีนไปถึงยอกเสานั้นได้ชัวร์
100% ฟันธง! ว่าแต่พี่เฟี๊ยตนี่ทำไรรอบคอบจริงๆเนอะ ทั้งตี๋ ทั้งฉลาด ทั้งใจดี
นี่มันเหมาะจะคู่กับธัน(คนแอบสะเพร่า)มากๆๆๆเลย
แบบว่าเกิดมาเพื่อเติมเต็มกันและกันสุดๆ อิอิ แบบนี้ต้องร้องเพลง
แต่เราก็หากันจนเจอ มันนานแค่ไหนที่คอยเธอมา
รู้สึกไหมว่าชีวิตคุ้มค่าเมื่อมีใครสักคนข้างกาย
เกิดมาเพื่อหาใครคนหนึ่ง เป็นคนที่ฟ้าสร้างมาตรงใจ
เราต่างรู้โลกมันแสนกว้างใหญ่ แต่มันคงไม่ยากเกินไป
ที่เฟี๊ยตจะพบธัน เอ้ยๆๆๆ ที่ฉันจะพบเธอ ฮิ้วววววว~
อย่างนี้พี่แขกของเราเป็นพระเอกชัวร์ >{}< ดีๆๆ เราชอบบบบ
ส่วนเรื่องพี่คนเขียนจะแต่งต่อ หรือพักไว้ก่อนอ่ะนะ
พี่คนเขียนเราขอเหอะ พี่คนเขียนอย่าเลิกแต่งเลยนะ
แต่งต่อเถอะนะๆ เราขอร้อง พี่คนเขียนรู้ป่าวการจะหานิยานแฟนตาซีสนุกๆ
ที่เป็นคู่วาย แถมยังอ่านๆไปได้ทั้งความรู้ ความสนุกสนาน
ใช้สมองคิดปริศนาตามในเรื่องได้แบบนี้มันยาก
ได้โปรดอย่าหยุดแต่งเลยนะ เราชอบนิยายพี่คนเขียนมากๆจริงๆนะ
แต่เราก็ไม่อยากบังคับอะไร เพราะยังไงเราก็เป็นแค่คนอ่าน
เราเคารพการตัดสินใจของพี่คนเขียนเสมอๆอยู่แล้ว
ถ้าเหนื่อยก็พัก เค้าไม่รักเราก็ต้องพอ ไม่ใช่ละ
อ้อ คิดจะพัก คิดถึงกำลังใจจากคนอ่านทุกๆคนน้า
เราเป็นกำลังใจให้พี่เสมอๆ พี่คนเขียนสู้ๆๆ
ช่วงนี้ดูเหมือนว่าพี่คนเขียนเดินทางบ่อยๆ
เราก็ขอให้เดินทางปลอดภัย ถึงที่หมายโดนสวัสดิภาพ
อย่าเจ็บ อย่าป่วย ที่สำคัญอย่าจน เอ้ย! อย่าท้อๆ
เราจิรอพี่อยู่ที่ทางช้างเผือก(นอกเรื่องใหญ่ละ)
ตอนแรกกะจิทำซึ้ง ไปๆมาๆเกรียนแตกซะได้ ฮ่าๆ
เอาเป็นว่าเราเป็นกำลังใจให้พี่เสมอๆละกันน้า
พี่คนเขียน fighting! รักนะ จุ๊ฟๆม๊วฟๆ ^3^

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3130
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
สองตอนรวดๆๆๆ

เข้ามาให้กำลังใจกันต่อเนื่อง

แต่รู้สึกคนแต่งจะไปเที่ยวอีกแล้ว

แถมยังทิ้งประโยคไว้ให้เสียวเล่นว่าจะไม่ต่อจนจบทันที

อยากบอกว่าถึงมันจะยืดเยื้อแต่เราก็ยังตามอ่านอยู่นะ

บางทีเรื่อยๆแบบนี้ก็ดี ดีกว่ารวบรัดตัดตอนจนคนอ่าน เงิบ

ยังไงก็แล้วแต่คนแต่งตัดสินใจนะ รออ่านอยู่จ๊ะ :hao7:

ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1859
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2
นั่น งานงอก o22

ออฟไลน์ lukkeng

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-0
บทที่ 149 Twist

 

            “เฮ้ยย นี่แปลว่าพวกเราถูกขังอยู่ในนี้เหรอเนี่ย” เสียงของธันดังขึ้นอย่างตกใจ พร้อมกับหันมาทางเพื่อนร่วมทีมที่กำลังชี้ถึงข้อเท็จจริงนั่น

 

            “คิดว่าใช่ ครั้งที่แล้วก็เจอประมาณนี้ ต้องแก้ปริศนาให้ได้ ไม่งั้นก็ออกจากที่นี่ไม่ได้”

 

            เฟี๊ยตพูดอย่างเรียบๆ ในใจของเขาหวาดวิตกอยู่ไม่น้อย แต่เขาไม่รู้จะแสดงความเครียดเหล่านั้นออกมาให้เด็กหนุ่มยิ่งคิดมากไปอีกทำไม

 

            “สงสัยจะโดนโจแอนนาหลอกจริงๆ ด้วย ฮ่าฮ่าฮ่า” ธันพูดขึ้นมาอย่างติดอารมณ์ขัน เด็กหนุ่มทิ้งตัวลงกับพื้นพร้อมกับเสียงหัวเราะน้อยๆ

 

            “เอาไงต่อ” เฟี๊ยตถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ เป็นการหยั่งเชิง

 

            “เดี๋ยวหาไรกินก่อน นอนพักสักคืน ตื่นขึ้นมาเดี๋ยวก็คิดออกเอง เครียดไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอก” ธันพูดเอ่ยออกมาง่ายๆ พร้อมกับรอยยิ้ม

 

            เฟี๊ยตหันไปดูเพื่อนร่วมทีมของตนที่กำลังนั่งอยู่บนพื้นนั่น ธันเป็นคนที่ดูเหมือนจะเข้าใจง่าย แต่เอาจริงๆ แล้วไม่ใช่เลย ภายใต้ความเป็นเด็กที่ร่าเริงสดใสและเหมือนจะไม่คิดอะไรนั่น แฝงไว้ด้วยความเป็นผู้ใหญ่อยู่ลึกๆ ถึงแม้ว่าธันอาจจะไม่ใช่คนฉลาดเฉลียวหรือละเอียดรอบคอบจนต้องจับตามองเป็นพิเศษ แต่ความชินชากับความกดดันต่างๆ นั้นต่างหากที่ดูจะเป็นคุณสมบัติชั้นเยี่ยมของเด็กหนุ่มตรงหน้านี่

 

            ลึกเข้าไปในตัวเด็กหนุ่มคนนี้ มันจะมีเบื้องหลังแบบไหนซุกซ่อนไว้หนอ หลายครั้งคำถามต่างๆ มากมายดังขึ้นมาในสมองของเขา แต่ความปากหนักก็ทำให้เรื่องราวเหล่านั้นไม่เคยถูกถามออกไปสักครั้งเดียว

 

 

            “เฟี๊ยต ดูเสาหินนั่นดิ มันไม่เรียบหวะ สังเกตดูดีดี” อยู่ดีๆ ธันที่กำลังนั่งอยู่อย่างเหมือนจะหมดแรงนั่นก็ชี้มือไปทางเสาหินแกร่งที่อยู่ไม่ห่างออกไปนัก

 

            “ไปดูใกล้ๆ กัน”

 

            เสียงของเฟี๊ยตบอกขึ้นเบาๆ ก่อนจะเดินตรงเข้าไปสำรวจเจ้าวัตถุนั่น เขาใช้มือลูบไปที่รอยบากที่ธันชี้ให้ดูนั่น เสานี่มีรอยบากจริงๆ ดูเหมือนว่ารอยนั้นจะหมุนเป็นเกลียวเหมือนกับลักษณะของสกรูอย่างใดอย่างนั้น

 

            “เฟี๊ยต”

 

            เสียงดังเรียกขึ้นเบาๆ พร้อมกันกับที่ชายหนุ่มหันไปหาที่มาของเสียงนั่น ธันขณะนี้กำลังนั่งยองๆ อยู่ทางฐานเสาหินอีกฝั่งหนึ่ง พร้อมกับใช้มือปัดไปปัดมาบนเสานั่นอย่างหนักมือพอสมควร การกระทำนั่นเผยให้ร่องลึกบนเสาหินที่ปรากฏอยู่เพียงจางๆ ตามที่เฟี๊ยตกำลังสำรวจ ต่างกันเพียงแต่ว่าบริเวณที่ธันค้นพบนั้นลึกและกว้างกว่ามาก

 

            “จริงๆ แล้วร่องเกลียวนี่ลึกและกว้างพอตัวเลย แต่ดูเหมือนว่าฝุ่นหรือทรายจะเข้ามาอัดจนแน่นไปหมดทำให้มองเผินๆ เหมือนว่ามันเรียบกลืนไปเสียหมด ถ้าลากจากตรงนี้ไปตามแนวบากของมัน รอยนี่จะต้องไปพอดีกับตรงที่เฟี๊ยตสำรวจอยู่ เสาหินนี่น่าจะมีบากเกลียววนอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ไปจนถึงยอดบนสุดนั่นแน่นอน” ธันพูดสันนิษฐานออกมา พร้อมกับชี้มือให้เฟี๊ยตดูตามรอยเกลียวเหล่านั้นจนไปสมทบกันกับตรงที่เฟี๊ยตยืนอยู่

 

            “น่าสนใจ” เฟี๊ยตพึมพำออกมาเบาๆ พร้อมกับลองเอามือสำรวจไปบนรอยบากเหล่านั้นบ้าง ดูเหมือนว่ามันจะเป็นฝุ่นทรายที่มาอัดอยู่บนร่องเหล่านี้จนกลืนสนิทจนแทบจะดูเหมือนมันราบเรียบ เมื่อใช้แรงปัดๆ เศษผงที่อัดแน่นเหล่านั้นออก รอยเหล่านั้นก็ชัดเจนขึ้นเป็นลำดับ

 

            “พักกินข้าวก่อนเหอะ นี่ก็น่าจะเย็นแล้ว เดี๋ยวค่อยว่ากันต่อ” ธันพูดอย่างง่ายๆ พร้อมกับกระโดดลงจากแท่นหินที่ดูเหมือนฐานของวัตถุนั่น และเดินนำออกไปนอกเขตตาพายุนั้น

 

 

            พวกเขาทั้งสองคนออกจากเขตอาคมที่ดับทุกความสามารถของไพ่นั่นเพื่อจัดการกับมื้อเย็นของวันนี้ เฟี๊ยตเรียกใช้ไพ่แคมป์ที่แสนจะคุ้นเคยตอนตะลุยไปกลางป่ากับทีมมายาอีกสองคน เฟี๊ยตนั่งปล่อยความคิดให้ล่องลอยฟุ้งในไปอากาศ ณ ขณะนั้น เรื่องปริศนานี่ก็ดูจะเป็นปัญหาที่ใหญ่อยู่ไม่น้อย แต่ชายหนุ่มกลับบอกไม่ถูกว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเขา ราวกับว่าหัวใจเขาในตอนนี้มีตะกอนอะไรสักอย่างตกอยู่ข้างใน และมันกำลังถูกอะไรบางอย่างกวนมันให้กลับมาฟุ้งกระจายภายในอกข้างซ้ายนั้นอีกครั้ง

 

 

            “ธัน มึงว่าเกมนี้มันสามารถถูกเอาชนะได้จริงๆ เปล่าวะ”

 

            เฟี๊ยตถามคำถามหนึ่งซึ่งค้างคาอยู่ในใจเขามาตลอดเวลา เมื่อหลุดไปจนจบประโยคแล้ว เขาก็แทบอยากจะย้อนเวลากลับไปถอนคำพูดนั้นคืนเสีย ชายหนุ่มรู้สึกว่าน้ำเสียงที่ประกอบขึ้นเป็นประโยคนั้นมันดูอ่อนแอเหลือเกิน

 

            “มึงเป็นอะไรเปล่าวะ”

 

            ธันไม่ได้ตอบคำถามนั้น หากแต่เลือกที่จะย้อนถามประโยคหนึ่งกลับมาแทน สายตานั้นถอดมองมาที่เขาอย่างไม่มีวี่แววล้อเล่นอยู่เลย

 

            “ไม่รู้ดิ บางทีกูก็รู้สึกเหมือนกับตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ก็ไม่รู้” เฟี๊ยตถอนหายใจยาวเป็นการปิดประโยคนั่น

 

            “ทำไมวะ อะไรทำให้มึงคิดอย่างนั้น” ธันถามขึ้น

 

            “ธัน พูดตรงๆ นะ กูคิดว่ากูกากเกินไปที่จะเอาชนะเกมนี้หวะ ตอนแรกกูไม่คิดว่าเกมมันจะยากขนาดนี้ ทำไมทำไปทำมา มันดูมีอะไรต่อไปไม่มีสิ้นสุด กูอาจจะเหนื่อยมั้ง กูรู้สึกเหมือนกูกำลังวิ่งไปทั้งๆ ที่มองไม่เห็นปลายทางเลย” เฟี๊ยตระบายออกมาจากใจ

 

            “มึงไม่เคยเล่นเกมออนไลน์มาก่อนใช่ไหม” ธันถามขึ้นอย่างเรียบๆ

 

            “ก็ประมาณนั้น มึงถามทำไมวะ” เฟี๊ยตตอบกลับมาอย่างงงๆ

 

            “ถ้ามึงเคยเล่นเกมออนไลน์ มึงจะรู้ว่าคนทุกคนเขาไม่ได้เล่นเกมเพื่อที่จะเอาชนะหรอก” ธันเอ่ยบอกมาด้วยน้ำเสียงใจเย็น เด็กหนุ่มเว้นจังหวะอยู่ช่วงหนึ่ง ก่อนจะอธิบายเรื่องราวต่อ

 

            “เกมมันคือโลกของจินตนาการ คนส่วนใหญ่เขาก็มาเล่นเอาสนุกกันแค่นั้นแหละ การจะเอาชนะเกมนี่ถือเป็นอีกเรื่องนึงนะ มีคนแค่หยิบมือเดียวแค่นั้นแหละที่มานั่งคิดจริงจังเรื่องจะเคลียร์เกมจริงๆ” ธันอธิบายมาจากประสบการณ์ของตนเอง

 

            “ถ้าอย่างนั้นจะเล่นไปทำไมให้เสียเวลาเปล่าวะ” เฟี๊ยตเอ่ยถามมาอย่างงงๆ น้ำเสียงนั้นไม่มีวี่แววยียวนแม้แต่น้อย

 

            “มึงลองคิดในมุมกลับกันดิว่าทำไมจะต้องจริงจังกับอีแค่การเล่นเกมด้วยวะ ชื่อก็บอกว่าเล่น คนเขาก็เข้ามาเล่นเอาสนุกกันแค่นั้นแหละ จะจริงจังกันให้ปวดหัวทำไม” ธันพูดออกมายิ้มๆ

 

            “แล้วมึงหละ มึงอยู่ในคนกลุ่มไหนวะ”

 

            เฟี๊ยตเอ่ยถามออกมาอีกครั้ง หลังจากเงียบไปสักพักอย่างครุ่นคิด เฟี๊ยตเองดูมีท่าทีผ่อนคลายขึ้นมากเมื่อได้ฟังคำอธิบายเหล่านั้น

 

            “เสียใจด้วยหวะเฟี๊ยต พอดีกูเป็นพวกไม่ชอบความสบาย กูอยู่ในกลุ่มคนส่วนน้อยหวะ ฮ่าฮ่า”

 

            ธันพูดพร้อมกับขำออกมาอย่างผ่อนคลาย บรรยากาศที่ดูอัดแน่นอยู่ในอกของเฟี๊ยตของนั้นก็ค่อยๆ เบาบางลงอย่างบอกไม่ถูก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะคำอธิบายที่มีเหตุผลนั่น หรือเพราะความใส่ใจในความรู้สึกของคนตรงหน้านี้ที่แบ่งเบาก้อนความรู้สึกที่หนักอึ้งอยู่ในใจเขาลงได้ แต่เขารู้แต่เพียงว่า เขารู้สึกดีขึ้นเท่านั้นเอง

 

 

            “เดี๋ยว ธัน พวกเรากำลังเข้าใจอะไรผิดกันหรือเปล่าวะ” เสียงเฟี๊ยตเอ่ยขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย

 

            “เรื่องเกมเนี่ยนะ” ธันหันมาถามอย่างงงๆ

 

            “ไม่ใช่ เรื่องปริศนานี้ มึงคิดว่าไอ้ฐานหินนี่มันมีไว้ทำไม” ชายหนุ่มเอ่ยถามออกไปอย่างไม่แสดงความกระจ่างใดๆ ออกไปนัก

 

            “ตามหลักมันก็น่าจะยึดไว้เป็นฐานเปล่าวะ เสาสูงๆ แบบนี้ตามหลักมันก็ต้องง่อนแง่น การมีฐานขนาดใหญ่ก็จะช่วยให้เสานี้ตั้งตรงอยู่ได้” ธันตอบไปตามความเข้าใจของตน

 

            “มึงลองมองในมุมกลับกันดิ ถ้าจริงๆ แล้วเสาไม่ได้ถูกยึดไว้บนฐาน แต่ไอ้ฐานนี่ต่างหากที่ถูกยึดไว้บนเสา” ตัวเฟี๊ยตในขณะนั้นไม่อาจควบคุมน้ำเสียงไม่ให้ตื่นเต้นได้เลย

 

            “นี่มึงจะหมายความว่า ไอ้แผ่นที่เราเข้าใจว่าเป็นฐานนี่จริงๆ แล้วมันเป็นแผ่นเลื่อนสำหรับเคลื่อนที่ไปข้างบนใช่ไหม เฮ้ยย อย่างนี้เรื่องรอยบากนั่นก็ลงล็อคพอดีสิ ร่องนั่นต้องมีเอาไว้สำหรับให้แผ่นนี่เคลื่อนไปตามรอยเพื่อหมุนไปสู่ชั้นบนสุด” ธันพูดออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นไม่แพ้กัน

 

            “แล้วไอ้น้ำเหนียวๆ นั่นก็เป็นน้ำมันหล่อลื่น” เฟี๊ยตหันมาปิดประโยคนั่นให้สมบูรณ์ ชายหนุ่มทั้งสองหันมายิ้มให้กันอย่างตื่นเต้น

 

            “ให้มันได้อย่างนี้สิ ฮ่าฮ่าฮ่า”

 

            ธันยื่นมือออกไปแท็คมือของเฟี๊ยตอย่างตื่นเต้นและดีใจมาก ก่อนจะลากเฟี๊ยตที่นั่งอยู่นั้นให้วิ่งตรงเข้าไปยังแผ่นหินนั่นอย่างรีบร้อน

 

            “พรุ่งนี้ก็ได้มั้ง คืนนี้นอนพักก่อน” เฟี๊ยตแย้งออกมาเบาๆ

 

            “ไม่ได้เว่ย กูเป็นวัยรุ่นใจร้อน ฮ่าฮ่าฮ่า”

 

 

            ธันกับเฟี๊ยตทดลองประสานจิตไว้ที่มือ ก่อนจะค่อยๆ ลองดันแห่นหินนั่นไปตามรอยบากที่วนไปตามทิศทวนเข็มนาฬิกานั่น ในตอนแรกมันเหมือนจะไม่มีวี่แววจะเคลื่อนที่อยู่อย่างนั้น แต่เมื่อพวกเขาฝืนออกแรงไปถึงจุดหนึ่ง เจ้าแผ่นหินนั้นก็ค่อยๆ เคลื่อนที่ไปตามแรงผลักของพวกเขาทั้งสองคน เจ้าวัตถุแกร่งที่ดูเหมือนฐานนั่นเผยอขึ้นจากพื้นเล็กน้อย เมื่อเห็นดังนั้นธันก็ส่งสัญญาณให้เฟี๊ยตถอนแรงออก ก่อนที่เจ้าหินนั่นจะถอยหลังกลับสู่สภาพเดิมอีกครั้ง

 

            “มันจะหมุนไปถึงยอดเหรอวะ เกิดถ้าขึ้นๆ ไปแล้วมันหยุดหมุนจะทำไง” ธันพูดออกมาเชิงปรึกษาหารือ

 

            “เมื่อวัตถุใดๆ เริ่มเคลื่อนที่แล้ว โมเมนตัมเชิงมุมจะเกิดขึ้นในระบบ และระบบจะพยายามรักษาโมเมนตัมนั้นไว้ตามกฎการอนุรักษ์โมเมนตัม นั่นแปลว่าถ้าแรงที่เราเริ่มต้นใช้หมุนเจ้าแผ่นนี่มากพอจะเอาชนะแรงเสียดทานกับแรงโน้มถ่วงได้ แผ่นหินนี่มันก็จะรักษาการเคลื่อนที่แบบนี้ไปจนถึงจุดสูงสุดเอง” เฟี๊ยตเริ่มต้นอธิบายอย่างมีหลักการ

 

            “โอเค พวกเราจะออกแรงหมุนแผ่นนี้แบบเมื่อกี้อีกครั้ง แต่คราวนี้ใส่จิตที่มีให้ถึงที่สุด หมุนให้แรงที่สุดเท่าที่จะทำได้ พอมันลอยจากพื้นได้ประมาณหนึ่งเมตรจากพื้น มึงก็กระโดดขึ้นไปบนแผ่นนั่นเลย เดี๋ยวกูจะยื้ออยู่บนพื้นออกแรงหมุนให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ พอหมดระยะแล้ว เดี๋ยวกูจะกระโดดตามขึ้นไป”

 

            แผนการสั้นๆ ง่ายๆ เอ่ยออกมาจากเด็กหนุ่มสายฟ้าคนนั้น ชายหนุ่มทั้งสองคนมองหน้ากันอย่างรู้ฝีมือกันดี ไม่มีคำพูดใดมากมายนอกจากการพยักหน้ารับคำเท่านั้น ชายทั้งสองเริ่มออกแรงแบบเดิมอีกครั้ง เพียงแต่คราวนี้ทุ่มสุดแรงที่มีเลยก็ว่าได้

 

            ‘มึงนี่ก็พึ่งพาได้เหมือนกันนะ’


แหล่งกบดาน ลงรูป พูดคุยอย่างเป็นกันเอง : www.facebook.com/allornonetheauthor

จากผู้แต่ง : ศุกร์นี้ผมจะไปเที่ยวแล้วนา อิอิ หน้าร้อนอย่างนี้ต้องไปทะเล อาบแดด เล่นน้ำ ฮู่เร่ๆ ใส่ชุดว่ายน้ำโชว์พุงเดินริมหาด กิกิ ใครเจอผมทักทายกันได้ สังเกตง่ายๆ ตัวอ้วนๆ ดำๆ 555

ออฟไลน์ lukkeng

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-0
กราบขอบพระคุณทุกคอมเม้น อ่านเม้นยาวๆ น่ารักๆ แล้วค่อยมีกำลังใจขึ้นมาหน่อย อิอิ

 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
 :m29: เดาผิดอีกแล้วสิเรา
เห็นตอนที่แล้วบอกว่าของเหลวมันสีขาวหนืดๆ
ไอ้เราก็นึกว่าเหมือนกาวใช้ปีนแบบสไปเดอร์แมน
ที่ไหนได้ดันใช้หลักการสกรูเรอะ

ในหมู่บ้านมีเขตใช้การ์ดได้ด้วยเหรอ เป็นเราจะใช้การ์ดเรียกม้าบิน
แล้วบินไปสูงๆ กะให้พุ่งลงมาที่เสาเลยอ่ะ
ฮาร์ดคอร์ดี ฮ่าฮ่าฮ่า :laugh5:


 :hao5: :hao5: :hao5:
ตอนที่ 150 จะมาแล้ว
ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

ออฟไลน์ caramely

  • พลัง(จิ้น)ของสาววายยากแท้หยั่งถึง
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 93
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เย้ๆๆๆๆ  ในที่สุดก็ตามอ่านทันจนได้  :katai4: :katai2-1:

เรื่องนี้เป็นนิยายบอยเลิฟที่ค่อนข้างแหวกแนว(จากที่เคยอ่านมา)มากๆ  ให้อารมณ์คล้ายๆ HxH ที่มีการสะสมการ์ดผสมกับ SAO ที่หลับเพื่อที่จะเล่นเกมส์เลย ซึ่งส่วนตัวก็ชอบแนวนี้นะค่ะ  แต่จะมีบางช่วงของเรื่องที่ดูจะอืดๆ ทำให้เวลาอ่านจะรู้สึกว่าเบื่อไปซักหน่อย แต่ก็เข้าใจคนเขียนว่าต้องการปูเรื่องไว้และให้คนอ่านเห็นพัฒนาการของตัวละคร แล้วช่วงนี้ก็กำลังเริ่มสนุกขึ้นแล้วเพราะมีน้องธันเข้ามา ชอบโมเม้นธันกวนส้นติงเฟี๊ยตนะ แบบมันแลดูมุ้งมิ้งเหลือเกิน ฮาาาาาา :impress2: โดยรวมๆแล้วก็ถือเป็นนิยายที่น่าอ่านอีกเรื่องนึงเลย บทบรรยายก็ทำให้เห็นภาพได้ เวลาบู้ก็สนุกดี ต้องคอยลุ้นว่าเฟี๊ยตจะเอาชนะมอนสเตอร์ด้วยวิธีไหน แล้วฉากหวานๆของพระ-นาง ซึ่งเกือบจะเป็นแรร์ไอเทมพอๆกับไพ่สูงสุด ที่ออกมาแต่ละครั้งก็ทำให้เราฟินไปไม่น้อย  :m3: อาจจะเพราะมันไม่ค่อยมีโมเม้นนี้หรือเปล่าเลยทำให้เวลามีโมเม้นนี้ออกมาจะทำให้คนอ่านฟินกว่าเรื่องที่มีฉากกุ๊กกิ๊กตลอด


และสุดท้ายต้องขอสารภาพว่าติดเรื่องนี้เข้าซะแล้วล่ะ o22 555555555 :o8:  รีบมาต่อไวๆนะค่ะ คนอ่านใจจะขาดแล้ว เดี๋ยวจะมารอเรื่องนี้ทุกวันเลย รักคนเขียน จุ๊บ  :mew1:

ออฟไลน์ caramely

  • พลัง(จิ้น)ของสาววายยากแท้หยั่งถึง
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 93
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อ่านจนถึงตอนล่าสุดแล้วอารมณ์มันค้างอย่างแรง  :katai1: เลยไปนั่งหารูปอิมเมจของตัวละครเล่นๆ 555555555 เอาไว้จิ้นเวลาอ่าน  :-[ หุหุ

(เป็นตุ๊กตา แต่อาจจะไม่ค่อยตรงอิมเมจเท่าไหร่นะแหะๆ  :m29: :m17: )


เฟี๊ยต >> ตัวนี้ไม่ค่อยเหมือนเฟี๊ยตหรอกแต่ว่า ตัวนี้ตาตี่ที่สุด 55555



ธัน >>ตัวนี้คิ้วเข้มเหมือนธันแต่หน้าไม่ค่อยแขกอ่ะ



แทน >>ตัวนี้ผิวสีแทนเหมือนแทน



ปัน >>ตัวนี้แลดูลูกคุณหนูเหมือนปัน



 :hao3: :hao3: :hao3:

ออฟไลน์ maew189870

  • รักทุกคนนะคับ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 726
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
เป็นผู้อ่านก็สนุกเหมือนกันนะคับไม่ต้องคิดอะไรมากแค่จิตนาการเป็นไปเรื่องราวที่ได้อ่าน

แตกต่างกับผู้แต่งต้องจิตนาการในความคิดตัวเองแล้วมาบรรยายให้เรื่องราวน่าชวนอ่านแล้วก็วางเรื่องราวไว้ในอนาตตด้วย

และการใช้ศัพท์ให้ถูกต้องในภาษาของตัวเอง  อยากบอกว่ามันหนักมากกกกกกกกกกกก

ถ้าแต่งหนึ่งเรื่องมันหนัก มันยากแล้ว  หรือหลายๆเรื่่อง  มันจะยาก มันจะหนัก  การใข้ความคิด การใช้ภาษา

การใช้จินตนาการเพื่อบอกเรื่องราวให้สนุก ให้สมบูรณ์  คนแต่จะเป็นยังไงนะ ความคิดของแทยัง  เอาที่ละอย่างดีกว่า  ดีกว่าไม่ได้ชักอย่าง

ความคิดของคนอื่นจะเป็นยังไงนะ :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

เป็นกำลังใจให้นะคับ  สู้ๆ





แทยัง....จะรอคอยวันเวลาที่กลับมาโลกปัจจุบัน :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ tutankamen

  • ผีสิงประจำเล้า
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
    • Facebook ของผมเองครับ
มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกนะ เหอๆ เควสลับน่ะ

ออฟไลน์ lukkeng

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-0
บทที่ 150 The Top

 

            แผ่นหินนั่นเริ่มเคลื่อนตัวอีกครั้ง แต่คราวนี้ดูจะรวดเร็วกว่าเดิมมาก มันหมุนไปได้เพียงครึ่งรอบ เฟี๊ยตก็ฉวยจังหวะกระโดดขึ้นไปรออยู่บนนั้นแล้ว เพราะเห็นขนาดระยะความสูงตามที่ตกลงกันไว้พอดี ในขณะที่ธันเองยังฝืนวิ่งออกแรงดันเจ้าแผ่นหินนั่นเป็นวงกลมไปรอบๆ อย่างนั้น จนเมื่อถึงระยะที่สูงสุดมือที่ธันจะเอื้อมถึงแล้ว ธันก็หันกลับมารวบรวมจิตที่อยู่ที่เท้าทั้งสองข้าง ก่อนจะย่อตัวลง และกระโดดขึ้นไปอยู่บนแผ่นหินนั่นอีกคน

 

            แผ่นหินนั้นหมุนวนตามทิศทวนเข็มนาฬิกาอย่างรวดเร็วเกินกว่าที่พวกเขาคาดการณ์ไว้มาก เฟี๊ยตและธันทรุดตัวลงกับพื้นเพื่อรักษาสมดุลของร่างกายเอาไว้ เพียงชั่วไม่กี่อึดใจ เจ้าแผ่นหินนั้นก็เคลื่อนที่ไปตามเสาหินนั่นไกลเสียแล้ว ราวกับน้ำมันหล่อลื่นที่ติดอยู่กับแผ่นหินนั้นเป็นสารมหัศจรรย์อย่างนั้น การเคลื่อนที่นี้ดูไม่มีความฝืดเลย มันหมุน หมุน หมุน ขึ้นไปยังเป้าหมายอย่างรวดเร็ว

 

 

            ตึ้งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

 

            เสียงแผ่นหินกระแทกเข้าวัตถุที่เหมือนกับกรอบของวงกลมที่เป็นกลไกสำหรับรับเจ้าแผ่นหินเคลื่อนที่นั้นโดยเฉพาะ พาหนะของพวกเราฝืนเคลื่อนที่ไปอย่างฝืดๆ อีกนิดหน่อย ก่อนจะหยุดสนิทลงบนจุดสูงสุดของเสาหินนั่นอย่างสมบูรณ์ พวกเขาพาตัวเองมายังสถานที่ตามที่โจแอนนาบอกได้แล้ว!

 

 

            บริเวณสูงสุดของเสาหินนั่น เมื่อประกอบเข้ากับแผ่นหินที่พาพวกเขามาสู่เบื้องบนแล้วนี่เรียกได้ว่าดูกว้างขวางอยู่ไม่น้อยเลย เฟี๊ยตและธันลองยืนขึ้นเดินไปเดินมาดูก็พบว่ามันมีความแข็งแรงพอตัว และดูไม่มีทีท่าจะหมุนลงกลับไปสู่ข้างล่างอีก ซึ่งน่าจะเป็นผลมาจากเกลียวของตัวล็อคแผ่นหินที่ตั้งอยู่บนนั้น เฟี๊ยตพยายามไม่เข้าใกล้บริเวณขอบของอาณาเขตนั้นเท่าไหร่ เพราะมันสูงจากพื้นดินอยู่มาก ระดับความสูงระดับนี้ชวนเอาใจหวิวๆ อยู่ไม่น้อยเลย

 

            สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของชายทั้งสองนั่นดูจะหนีไม่พ้นบริเวณใจกลางของพื้นที่สูงสุดของเสาหินปริศนานั่น ณ ที่แห่งนั้นมีแท่นหินเล็กๆ อันหนึ่งตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยว บนแท่นหินนั่นปรากฏมีเพชรน้ำงามสีบริสุทธิ์ที่อวดประกายแวววับรับกับสีน้ำตาลหม่นที่เป็นฉากหลังนั่นอย่างลงตัว

 

            เฟี๊ยตหันไปมองธันเล็กน้อย ก่อนจะเดินตรงเข้าไปที่วัตถุงามนั่น เมื่อเห็นว่าธันพยักหน้าว่าให้เฟี๊ยตเป็นผู้จัดการ มือของชายหนุ่มค่อยๆ เอื้อมเข้าไปยังอัญมณีที่นำพาพวกเขามาอยู่ในหมู่บ้านลึกลับแห่งนี้ นิ้วของเขาค่อยๆ สัมผัสลงบนเพชรน้ำเอกที่พวกเขาลงทุนลงแรงออกตามหานั่น มันดูตรึงตาตรึงใจคุ้มค่ากับหยาดเหงื่อแรงพยายามที่แลกมาอย่างยากลำบากเหลือเกิน

 

 

            กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

 

            ทันทีที่มือของเภสัชกรหนุ่มคว้าเข้ากับอัญมณีลึกลับชิ้นนั้น เสียงกรีดร้องโหยหวนของผู้หญิงคนหนึ่งก็ก้องกังวานไปทั้งบริเวณ เสียงของมันช่างเยียบเย็นและน่าขนลุกเป็นที่สุด และนั่นดูเหมือนจะเป็นเสียงสุดท้ายที่ชายหนุ่มเองสดับได้ก่อนที่ประสาทสัมผัสของเขาจะดับลง สติสัมปชัญญะของเฟี๊ยตขาดลงราวกับมีสิ่งลึกลับใดมาตัดวงจรของมันให้ขาดสะบั้นลงอย่างนั้น ร่างของเขาล้มลงกระแทกกับพื้นพร้อมกับความรู้สึกที่ล่องลอยไปไกลแสนไกล

 

 

            “เฟี๊ยต!”

 

            ธันพุ่งถลาตัวเข้าไปรองรับร่างนั้นไว้อย่างทันท้วงทีก่อนที่จะกระทบกับพื้นหินแกร่ง สีหน้าของเด็กหนุ่มในเวลานี้ร้อนรนไปจนไม่เหลือเค้ารอยของความสงบนิ่งอยู่เลย ความวิตกจริตมากมายพุ่งจู่โจมจิตใจของธันอย่างที่ยากเกินกว่าจะห้ามปรามได้ มือของเขาทั้งสองประคองร่างที่คว่ำอยู่ในอ้อมกอดของเขานั่นลงนอนกับพื้นอย่างนุ่มนวล อย่างน้อย การที่ร่างกายของเฟี๊ยตยังอยู่ก็หมายความว่าเฟี๊ยตยังไม่ตาย เพียงแต่อาจจะสลบไปด้วยกับดักหรือมนต์ดำอะไรสักอย่างของเจ้าอัญมณีนี่ ธันสบถขึ้นมาอย่างเจ็บใจ เมื่อคิดได้ว่าตัวเองควรจะเป็นคนเข้าไปสำรวจความปลอดภัยของวัตถุนั่นก่อนเสียเอง

 

 

            “เฮ้ยยย”

 

            แต่แล้วธันก็ต้องร้องเสียงหลงออกมาอย่างตกใจถึงขีดสุด เมื่อร่างที่อยู่ในอ้อมกอดของเขาไม่ใช่ร่างกายของชายหนุ่มที่เขาคุ้นเคยอีกแล้ว ผมยาวสลวยดำขลับตัดกับสีผิวขาวราวหยวกกล้วย ดวงตาที่ปิดสนิทนั่นรองรับไว้ด้วยขนตาหนาเป็นแพที่ชวนหลงใหล ริมฝีปากอวบอิ่มสีแดงสดประดับอยู่บนใบหน้าที่สร้างขึ้นด้วยผิวขาวเนียนละเอียดอย่างหาคำเปรียบเทียบความสวยงามไม่ได้เลย ทอดสายตาลงมาเบื้องล่างนั่นก็พบกับยอดเนินปทุมถันอวบอิ่มที่ดันเอาชุดราตรีสีน้ำตาลทองนั่นเด่นสง่าออกมาอย่างมีทรวดทรง ต่ำลงมาเป็นเอวคอดกิ่วเข้าทรงรับกับสะโพกผายที่ขยายออกเป็นเนินยั่วเย้าให้นิ้วมือเปลือยเปล่าไล่ไปตามร่างกายที่งดงามราวกับนางในวรรณคดีนั้น ขาที่เปลือยเปล่าทอดปลีน่องยาวออกมาแสดงผิวที่ขาวบริสุทธิ์จนแทบจะหยุดลมหายใจผู้จับจ้องอยู่ในขณะนี้ เกิดมาร่วม 20 ปี เด็กหนุ่มนามสายฟ้าคนนี้ก็ยังไม่เคยมีโอกาสได้พบสตรีใดที่มีความสวยเพียบพร้อมครบเรื่องรูปสมบัติเช่นนี้เลย เฟี๊ยตผู้ฉลาดเฉลียวคนนั้นหายไปไหน และที่สำคัญ ร่างของชายหนุ่มกลายเป็นผู้หญิงตรงหน้านี้ได้อย่างไร!

 

 

            “อืมม”

 

            เสียงของผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมกอดนั้นดังขึ้นเบาๆ เหมือนว่าเธอคนนั้นกำลังจะเริ่มรู้สึกตัว ธันยกมือซ้ายออกจากการประคองร่างกายนั่นมาขยี้ตาตัวเองอย่างเอาเป็นเอาตาย เป็นไปไม่ได้ เรื่องแบบนี้จะเป็นไปได้อย่างไร นี่คงจะเป็นภาพลวงตาเท่านั้น!

 

 

            แต่แล้วสิ่งที่มหัศจรรย์ก็เกิดขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อสายตาของธันที่เพียรพยายามจะเพ่งพินิจร่างกายตรงหน้านี้ก็เริ่มเห็นร่างกายของเภสัชกรหนุ่มผู้นั้นซ้อนอยู่บนร่างกายของสาวงามคนนี้ ภาพที่เขามองเห็นมันราวกับจะเป็นมนุษย์สองคนที่ทับซ้อนกันอย่างแนบเนียนอย่างนั้น โครงหน้าที่คล้ายกันเพียงแต่คนหนึ่งกลมทรงเป็นรูปไข่ ในขณะที่อีกคนมีกรามเด่นออกมาเป็นลักษณะของชายชาตรีอย่างนั้น ธันลองเลื่อนมือไปแตะใบหน้านั้นเพื่อพิจารณา เขาก็พบว่าตัวเขาเองไม่สามารถแยกได้ถูกเลยว่าภาพชายหนุ่มที่แสนจะคุ้นเคยหรือหญิงสาวแปลกหน้าคนนี้กันแน่ที่เป็นภาพลวงตาสำหรับเขา มันทับซ้อนหลอกหลอนเขาจนไม่อาจจะกะเกณฑ์ด้วยหลักเกณฑ์อันใดได้เลย

 

 

            “มืด เราตกอยู่ในความมืดมนมานานเหลือเกิน”

 

            ริมฝีปากสีชาดสดแย้มประโยคออกมาอย่างชวนคิด ทันทีที่เจ้าของร่างกายนั้นคืนสติกลับมาพร้อมอีกครั้ง ภาพทับซ้อนกับเภสัชกรหนุ่มคนนั้นก็หายไป ตรงหน้านี้จึงปรากฏอยู่เพียงหญิงงามเจ้าของเรือนร่างชวนให้บุรุษเพศหลงใหลแต่เพียงผู้เดียว

 

            “คุณเป็นใคร แล้วเพื่อนของผมไปไหน”           

 

            เสียงของธันดังขึ้นอย่างไม่เข้าใจ เขาเอ่ยถามคำถามที่ก้องไปมาในสมองของเขานั้นผ่านริมฝีปากของเขาออกไปอย่างห้ามไม่อยู่เลย เขาอยากจะให้ตัวเขาเป็นคนที่ลงไปหมดสติแล้วเปลี่ยนเป็นเฟี๊ยตมาเจรจากับเธอผู้นี้เสียมากกว่า เขาไม่ชอบการแก้ปัญหาที่แสนจะไม่ชอบมาพากลแบบนี้เลย

 

            “เราชื่อมัทนา”

 

            “มัทนา?”

 

            “ใช่ ตัวเรามีนามว่ามัทนา แต่เดิมเราเป็นนางอัปสรอยู่บนสรวงสรรค์ แต่ด้วยชะตากรรมของเราที่ถึงคราวตกอับจึงถูกท้าวสุเทษณ์เทพบุตรผู้ที่เราไม่อาจรับรักได้สาปแช่งให้เรากลายสภาพมาเป็นดอกกุหลาบอยู่บนโลกมนุษย์ เราถูกสาปให้กลายเป็นดอกกุหลาบอยู่กลางป่าเดียวดายแต่เพียงลำพังมาแสนนาน จนกระทั่งฤาษีกาละทรรศินมาพบเราจึงนำพาตัวเราไปอยู่ใกล้อาศรมของท่าน ตัวเราที่มนต์คำสาปจะสูญสลายหายไปในคืนจันทร์เพ็ญนั้นจึงมีโอกาสได้กลายร่างเป็นมนุษย์เพื่อรับใช้ผู้มีพระคุณของเราเพียงเดือนละครั้งเท่านั้น”

 

            “เราพบรักแล้วก็ต้องลาจาก ซ้ำแล้วซ้ำเล่า หัวใจของเราทุกข์ระทมอยู่ภายในร่างกายที่ประกอบขึ้นด้วยกุหลาบที่ไร้ซึ่งจิตใจแห่งมนุษย์ เศร้าโศกเสียใจสักเพียงไหน เราก็ไม่อาจกลั่นน้ำตาระบายความในใจออกมาได้ ชีวิตของเราจึงต้องเก็บกดความรู้สึกทุกข์ระทมไว้ในอกแต่เพียงอย่างเดียว เราแทบจะสูญเสียความหวังที่จะได้กลับกลายเป็นมนุษย์ไปเสียแล้ว จนกระทั่งวิญญาณของเราล่องลอยมาผูกพันอยู่ ณ เขตแดนแห่งนี้ เรามีหน้าที่ปกป้องอัญมณีศักดิ์สิทธิ์นี้ให้ตกอยู่ในมือผู้ที่คู่ควรเท่านั้น เมื่อนักเดินทางแสวงโชคคนไหนที่ล่วงล้ำเข้ามาและสามารถปลดคำสาปจากร่างกายเราได้ เมื่อนั้นวิญญาณของเราจะเป็นอิสระอีกครั้ง ส่วนผู้ที่มีพระคุณของเราก็จะได้อัญมณีล้ำค่านั้นไปครอบครองเป็นสิ่งตอบแทน”

 

            “แก้คำสาป?” ธันเอ่ยขึ้นสูงเป็นคำถาม ตัวเขาเองยังจับต้นชนปลายอะไรไม่ได้อยู่ดี

 

            “รักแท้เท่านั้นที่จะปลดปล่อยเราออกจากกรงขังกุพชกะบุปผมาลนี้ได้ รักแท้เท่านั้นที่จะปลดปล่อยเราหลุดพ้นจากบ่วงกรรมที่รึงรั้งร่างเราไว้ได้อีกครั้ง”

 

            หญิงสาวในชุดเข้ารูปนั่นเอื้อมมือขาวมาสัมผัสกับอกข้างซ้ายของเขาอย่างนุ่มนวล ดวงตาหวานนั่นดูจะลึกล้ำจนเกินจะคณานับได้ ชั่ววินาทีนั้นเอง สายตาของเด็กหนุ่มก็เห็นร่างกายตรงหน้าเป็นภาพซ้อนกับเพื่อนชายเขาอีกครั้ง เหตุการณ์ตรงหน้านี่พิลึกพิลั่นไปเสียใหญ่โต เขามองเห็นภาพเฟี๊ยตกำลังสัมผัสร่างกายของเขาสลับกันไปมากับผู้หญิงคนนั้น เขาแยกไม่ออกเลยว่าคนที่อยู่เบื้องหน้าของเขานี้คือใครกันแน่

 

            “ผมจะรักคุณได้อย่างไร เราเพิ่งรู้จักกันเพียงเท่านั้น ที่สำคัญ คนที่อยู่ตรงหน้านี่คือเพื่อนของผม มันไม่ใช่ตัวคุณจริงๆ เสียหน่อย” ธันแย้งขึ้นมาอย่างตะกุกตะกัก

 

            “คำว่ารักก็เป็นเพียงแค่กุศโลบายที่มนุษย์เขาเอาไว้พูดกันให้ดูดีเท่านั้น สิ่งที่เราต้องการแท้จริงนั้นไม่ใช่ความรักหรอก มันง่ายดายกว่านั้นมากทีเดียว”

 

            หญิงสาวคนนั้นเอ่ยพร้อมกับคลี่ยิ้มน้อยๆ อย่างมีเสน่ห์ มือของเธอค่อยๆ เลื่อนมาสัมผัสบริเวณลำคอของเขาอย่างแผ่วเบา

 

            “คุณต้องการอะไร”

 

            ธันเอื้อมมือไปจับมือแปลกหน้านั่น เพียงเพราะเขาไม่ชอบรสสัมผัสที่ได้จากคนตรงหน้านี้เลย ชั่วหนึ่งมันเหมือนความนุ่มนวลของหญิงสาว อีกช่วงหนึ่งกลับเหมือนสัมผัสที่เขาแสนจะคุ้นเคย มันไม่ใช่ความรัก มันไม่ใช่ความรังเกียจ หากแต่มันเป็นความรู้สึกที่ล้ำลึกและแหบพร่าที่กำลังแพร่กระจายไปทั่วร่างแห่งบุรุษเพศของเขา สิ่งที่กำลังก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วนั่นช่างเป็นสิ่งที่ยากจะควบคุมได้เหลือเกิน

 

            “กรุณาลบล้างคำสาปให้เรา ปลดปล่อยเราจากพันธนาการที่เหนี่ยวรั้งเราจากอิสรภาพนี้ โปรดจงช่วยพรากตัวเราไปจากพรหมจรรย์ที่รัดรึงเราจากความเป็นมนุษย์ที่แสนจะหวานหอมนี้ที!”

           

 

 

                        แม้นภูผา              แกร่งกล้า            ท้าลมฝน

            เมื่อต้องมนต์            อุทกธร                    ยังอ่อนหวาน

            แล้วนิกร                  ยามต้องกลีบ           บุปผามาล

            จะแข็งขืน                ฝืนจิตต้าน               ทานอย่างไร

            เหมือนภมร              ผู้ผิน                       กลิ่นเกสร

            ดั่งไฟฟอน                ขอนคด                   รดเขียนไข

            แม้นแมนต้อง           กุพช-                      กะหทัย

            ชายต้องฝืน              ฝืนอย่างไร         ไม่รู้เลย


แหล่งกบดาน ลงรูป พูดคุยอย่างเป็นกันเอง : www.facebook.com/allornonetheauthor


จากผู้แต่ง : ตอนนี้เป็นตอนที่ผมภูมิใจนำเสนอมาก เนื่องจากตอนนี้เป็นเป็นตอนเดียวในนิยายเรื่องนี้ที่พล๊อตมาก่อนนิยาย คือฉากนี้เกิดขึ้นในหัวผมก่อน ก่อนที่ผมจะคิดเรื่องนิยายทั้งหมดขึ้นมารองรับให้เนื้อหามันสมบูรณ์ สารภาพตามตรงว่า มาถึงตอนนี้แล้วอิ่มใจมากที่ได้ถ่ายทอดภาพในหัวที่วนไปเวียนมาอยู่นานออกมาเป็นตัวอักษรเสียที

 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:

ออฟไลน์ lukkeng

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-0
ปล. ตอนนี้ครบตอนที่ 150 แล้วนะครับ ผมขอตัวไปทบทวนและวางแผนกับนิยายเรื่องนี้ก่อนนะครับ ว่าจะลุยต่อดี หรือจะเปลี่ยนมาแต่งเรื่องสั้นก่อนดี รอให้ตัวเองพร้อมกว่านี้ถึงจะแต่งต่อ แต่ยังไง ศ ส อา นี้คงไม่ได้ลงแน่ๆ ครับ เพราะไปต่างจังหวัด ช่วงหลังจากนั้นตัดสินใจได้แล้วจะมาบอกนะครับ ยังไงติดตามในเพจก็ได้ครับ ผมคงแจ้งความคืบหน้าได้ง่ายกว่าในเรื่อง ขอบคุณ และขอโทษในความไม่สะดวกครับผม

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ igaga

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 241
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
กรีสคร่า คนเขียน
เค้าจะได้กันแล้วๆๆๆๆ ช่วยลบพรหมจรรย์ของเฟียตที่นะธัน กรีสคร้า
ตอนต่อไป เค้าจะได้กันแล้ว
คนเขียนมาลงต่ออีกน้า อย่าติดนานน้า ยังไม่ถึง12เดือนเลย
คนอ่านยังอยากอ่าน
อยากติดตามอยู่น้า

ออฟไลน์ mildmint0

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
ผมอ่านตอน 150 ผมโครตประทับใจเลย
อ่านแล้วชอบมากๆ
ยิ่งเลื่อนลงมาแล้วผู้แต่งบอกว่า
ผู้แต่งภูมิใจนำเสนอมาก 555
ผมกลับคิดว่ามันจริงอย่างที่ผู้แต่งพูดเลย
หรือว่าตอนนี้จะเฉลยว่าธันชอบเฟี๊ยต อร้ายยยย
จะใช่รึปล่าวเน้ออออออ
กลายเป็นธันที่ต้องมาแก้ปัญหานี้แทน
ขอให้ธันผ่านมันไปได้

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
 :sad5: ขอกรีดร้อง อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

คุณอ้นทำไมทำยังงี้
พล็อตอีบทจะได้กันก็เร็วเกิ๊น แถมยังตัดฉับ
ไม่อยากให้มาได้กันแบบนี้ ม่ายยยยยยยยยยยยย

ธันอย่าทำนะ ถึงมันจะเป็นแค่เกมส์ แต่เฟี๊ยตโกรธตายห่าเลยให้ตายสิ
บท 150 นี่มันตัดอารมณ์กันชัดๆ ยิ่งกว่าฉากจบ the hunger game 2 อีก

อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
เรื่องสั้นไม่ต้องแล้ว มาเขียนต่อมา คาใจสุดๆ

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3130
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
นี่มันอะไรกันอีกล่ะเนี่ย พอขึ้นมาได้ก็มาเจอกับเจ๊หื่นกาม (อันนี้เราคิดเอง)

เพราะผิดหวังในความรัก เพราะไม่มีคนรัก ก็เลยยังซิงสินะ

แต่เจ๊จะบ้าหรอ อยู่ๆก็ทำให้ธันเกิดอารมณ์เพื่อจะมาพรากซิงซะงั้น

ธันอย่าไปหลงกลนะเพราะเราคิดว่าเรื่องของเจ๊มันก็คงเป็นปริศนารูปแบบนึงแน่ๆ

ความรักนั้นมันไม่จำเป็นต้องครอบครองก็ได้นะ

แต่ยังไงก็ต้องรอตอนต่อไป




ปล.ห้ามหยุดแต่งนะไม่งั้นเราจะประท้วง ฮ่าๆๆๆๆๆ   :hao7:

ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1859
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2
มัทนะพาธา ป้ามาได้ไง :m29:

ป้าเข้าใจคิดเนาะ สงสัยโดนขังลืมนานไปหน่อย แหม ทำกับชั้นสิๆ :m16:

รักแท้ ไม่จำเป็นต้องครอบครองหรอกนะเออ

ออฟไลน์ hoshinokoe

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1042
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
ง่าาา  เหมือนทำให้อยากแล้วจากไป    อยากจะบอกเหมือนกัน เรา ชอบ ตอนที่ 150 มากที่สุดค่ะ ชอบกลอนอ่ะ   
แล้ว  ทำไงดีล่ะทีนี้ อารมณ์ค้าง กรี๊ชชชช

ออฟไลน์ maew189870

  • รักทุกคนนะคับ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 726
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
 แม้นภูผา              แกร่งกล้า            ท้าลมฝน

            เมื่อต้องมนต์            อุทกธร                    ยังอ่อนหวาน

            แล้วนิกร                  ยามต้องกลีบ           บุปผามาล

            จะแข็งขืน                ฝืนจิตต้าน               ทานอย่างไร

            เหมือนภมร              ผู้ผิน                       กลิ่นเกสร

            ดั่งไฟฟอน                ขอนคด                   รดเขียนไข

            แม้นแมนต้อง           กุพช-                      กะหทัย

            ชายต้องฝืน              ฝืนอย่างไร         ไม่รู้เลย









อยากส่งให้เจ้าของบทกลอนนี้ฮะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด