The Lost World มหัศจรรย์ดินแดนสาบสูญ EP204 + ประกาศอัพเดต 23/05/2018
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: The Lost World มหัศจรรย์ดินแดนสาบสูญ EP204 + ประกาศอัพเดต 23/05/2018  (อ่าน 445183 ครั้ง)

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
ต้องขอโทษด้วยที่ไม่ได้มาเม้นท์ตอนก่อน เพราะเรานึกว่ายังไม่มาต่อ

แต่ไม่เป็นไรนะยังไงตอนนี้เราก็ได้เข้ามาอ่านและ แล้วก็เม้นท์ให้แล้วด้วย อิอิ

นึกว่าโจจะเป็นพี่สาวแบบอายุห่างจากน้องมากๆอะไรแบบนี้เพราะจีแค่สิบขวบ

แต่ไม่คิดว่าจะห่างกันแค่สองปีนะเนี่ย แต่เรื่องนั้นต้องตัดไปเพราะความคิดความสามารถและ

ไหวพริบน่าจะเทียบเท่ากับผู้ใหญ่เลยทีเดียวหรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ

ดีใจที่ทุกคนปลอดภัยนะ แต่ตอนนี้ธันพอฟื้นขึ้นมาก็เริ่มกวนเฟี๊ยตละ ไม่ไหวๆ

แต่เฟี๊ยตนี่สิโดนแกล้งตลอด ฮ่าๆ

รอตอนต่อไปนะ


ปล.คิดถึงไบเบิ้ลๆก็มา แต่มาน้อยยยยยยยยมาก

ปล.2 ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยรักษาสุขภาพด้วยนะ :mew1:

ออฟไลน์ lukkeng

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-0
บทที่ 135 Dinner

 

            “เป็นไงบ้างวะ โอเคเปล่า”

 

            เสียงของเฟี๊ยตเอ่ยขึ้นอย่างไม่มั่นใจเท่าไหร่นัก ชายหนุ่มพูดพลางหมุนตัวไปรอบๆ ให้กับเพื่อนร่วมทีมอีกคนดู เขาจัดการอาบน้ำแต่งตัวในเวลาประมาณสิบนาทีได้ ก่อนจะเรียกใช้การ์ดเครื่องแต่งกายกับเซ็ตผมตามที่ธันได้ให้มา ตอนนี้ เขารู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังจะขึ้นเวทีแสดงละครโรงเรียนสมัยมัธยมอย่างใดอย่างนั้น ชุดที่ใส่นี่มันช่างพะรุงพะรังและชวนให้ไม่มั่นใจอย่างบอกไม่ถูกเลย

           

 

            ธันที่กำลังก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสืออ่านเล่นที่วางอยู่ในห้องของเพื่อนชายนั้นเงยหน้าขึ้นมาดูตามทิศทางเสียงเรียกนั่น ก่อนจะต้องถึงกับกลืนน้ำลายลงไปในคอเอื้อกใหญ่

 

            เภสัชกรหนุ่มในเวลานี้อยู่ในเครื่องแต่งกายที่เรียกได้ว่าเต็มยศกว่าเขาเสียอีก ช่วงบนนั่นประกอบด้วยชุดสีทองตัดขาวบริสุทธิ์ที่กำลังล้อกับแสงจากหลอดไฟประดิษฐ์ที่กำลังเปล่งแสงอยู่ในห้องในเวลานี้ บ่าทั้งสองหนุนด้วยเสริมไหล่ที่ผูกติดไว้ด้วยผ้าคลุมสีทองยาวจรดบริเวณสะโพกแคบนั่น ชุดเกราะเบาเข้ารูปนั้นเสริมให้เห็นร่างกายที่อุดมไปด้วยมัดกล้ามน้อยๆ นั่น กางเกงช่วงล่างทอดยาวจนสุดปลายขาด้วยสีที่กลมกลืนกับชุดด้านบนได้อย่างดี เนื้อผ้าของมันราวกับผลิตขึ้นด้วยผ้าพิเศษที่ดูหนาแต่ไม่มีความเทอะทะอยู่เลย เข็มขัดเส้นใหญ่เส้นหนึ่งพาดยาวทับบริเวณสะโพกที่ทิ้งตัวลงเป็นทรงกระบอกตรง กึ่งกลางของมันเป็นสัญลักษณ์ของกังหันลมที่ดูเหมือนจะเป็นหัวใจของดินแดนแห่งทิศอุดรแห่งนี้ ทรงผมที่ปัดเรียบขึ้นโดยที่ยังมีความวาวของน้ำยาตกแต่งผมนั่นให้ความรู้สึกแบบ wet look ที่สื่อถึงลักษณะของคุณชายผู้สูงศักดิ์ ผิวสะอาดบริสุทธิ์เนียนละเอียดนั่นผุดผ่องด้วยเพิ่งทำความสะอาดคราบเหงื่อไคลจากการต่อสู้นั่นจนหมดจรดแล้ว ริมฝีปากบางสีชมพูระเรื่อนั่นยกขึ้นเล็กน้อยอย่างไม่มั่นใจในตัวเองเท่าไหร่ ดวงตาที่เกือบจะเป็นเส้นตรงนั่นสำรวจตัวเองไปมา ก่อนจะมาสิ้นสุดโดยการจ้องมองเขาอย่างรอคอยคำตอบ

 

            นี่มันเทพบุตรจากดินแดนโรมันชัดๆ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีมัดกล้ามใหญ่โตอย่างจินตภาพใดๆ แต่โครงหน้าอันงดงามบริสุทธิ์นั่นก็ราวกับว่าจะถอดแบบมาจากรูปปั้นในเทพนิยายแท้ๆ!

 

            เสียงจังหวะการเต้นของหัวใจของชายทั้งสองดังลั่นขึ้นในความเงียบสงบไร้สำเนียงใดๆ นั่น ราวกับโลกจะหยุดหมุนลงอีกครั้ง พวกเขาสื่อภาษาจากกันถึงกันโดยไม่จำเป็นต้องเอื้อนเอ่ยคำใดออกมาสักนิดเลย

 

 

            “ก็งั้นๆ แหละ ไปเหอะ ชักช้า เสียเวลา”

 

            ธันเอ่ยประโยคดังกล่าวขึ้นทำลายความเงียบนั่นเป็นคนแรก หลังจากที่พวกเขาต่างฝ่ายต่างตกอยู่ในภวังค์ไปโดยไม่ได้ตั้งใจ เด็กหนุ่มเลือกที่จะเบือนหน้านั่นออกไปทางประตูของห้องพัก ก่อนจะก้าวเดินนำออกไปเป็นคนแรก

 

            “อะไรวะ”

 

            เฟี๊ยตบ่นพึมพำออกมาเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจเดินไปที่หน้ากระจกบานใหญ่ในห้องนอนสไตล์ยุโรปโบราณนั่นอีกครั้ง เขาตรวจสอบความเรียบร้อยเป็นครั้งสุดท้าย และเดินตามธันออกไปจากห้องพักแห่งนี้

 

 

            พวกเขาทั้งสองคนเดินไปตามทางเดินที่ปูด้วยพรมนุ่มสีน้ำตาลอ่อนตลอดทาง ระหว่างทางเฟี๊ยตและธันสวนกับผู้คนบ้างประปราย บ้างก็เป็นหญิงสาวในชุดรัดกุม บ้างก็เป็นชายหนุ่มในชุดเกราะ ทุกคนล้วนโค้งศีรษะลงน้อยๆ เป็นการแสดงความเคารพพวกเขาทั้งคู่ เฟี๊ยตได้แต่ยิ้มอย่างขัดเขินน้อยๆ เขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเป็นคนใหญ่คนโตอย่างไรบอกไม่ถูกเลย

 

            เพียงไม่ถึงห้านาที เด็กหนุ่มสายฟ้านั่นก็พาเขามายังบริเวณห้องโถงกว้างอย่างไม่มีการหลงเลยสักนิด ระหว่างทาง เฟี๊ยตหันไปสำรวจธันหลายครั้ง แต่ก็พบความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมในการนำทางนี่ เรื่องที่ว่าธันตื่นมาสำรวจวังนี่ตั้งแต่เที่ยงนี่ดูจะมีประโยชน์อยู่ไม่น้อยเลย

 

 

            หญิงสาวที่ยืนประจำอยู่ในห้องนั้นแล้วหันมายิ้มให้กับพวกเขาทั้งคู่ ก่อนที่จะเดินมาเลื่อนเก้าอี้คู่หนึ่งออกเป็นสัญลักษณ์เชื้อเชิญให้พวกเขานั่งลงบนโต๊ะอาหารที่จัดไว้อย่างหรูหรานั่น ชายหนุ่มทั้งสองยิ้มน้อยๆ พร้อมกับนั่งลงตรงเก้าอี้ดังกล่าว เฟี๊ยตชำเลืองไปมองนาฬิกาที่ประดับอยู่บนผนังนั่น แล้วก็ยิ้มออกมาอย่างสบายใจ พวกเขามาถึงก่อนเวลาประมาณห้านาทีได้

 

            โต๊ะอาหารดังกล่าวทอดยาวไปตามความยาวของห้องรับรองนั่น มันประดับเรียงรายไว้ด้วยเก้าอี้เกือบยี่สิบตัวได้ บนโต๊ะอาหารนั่นประดับไว้ด้วยผ้าปูรองสีน้ำตาลทองและเชิงเทียนที่ประกอบขึ้นด้วยคริสตัลและทองเหลือง โต๊ะรับรองนี่น่าจะมีไว้สำหรับต้อนรับแขกคนสำคัญสำหรับเมืองนี้ เพราะดูจากข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ แล้ว น่าจะมีราคาเอาเรื่องอยู่พอสมควร

 

 

            หลังจากนั่งได้เพียงชั่วครู่เดียว ธันก็เริ่มหันมาทางเขา แล้วเล่าถึงความเป็นมาของสถาปัตยกรรมของวังแห่งนี้ให้ฟัง เด็กหนุ่มดังกล่าวดูมีท่าทีตื่นเต้นออกมาอย่างเห็นได้ชัด จนถึงบัดนี้ เฟี๊ยตเข้าใจแล้วว่าทำไมธันถึงลุกขึ้นมาจากห้องตั้งแต่เที่ยง แถมยังดูจะรู้จักทางเดินไปมาในอาคารแห่งนี้เป็นอย่างดี เฟี๊ยตเกือบจะลืมข้อเท็จจริงไปเสียแล้วว่า เด็กหนุ่มที่ร่วมทีมกับเขามาตลอดนี่เป็นว่าท่ีสถาปนิก และแน่นอนว่าการที่มีโอกาสได้มาอาศัยอยู่ในสถาปัตยกรรมที่สร้างขึ้นอย่างวิจิตรบรรจงนี่ ธันคงจะตื่นเต้นอยู่ไม่น้อยเลย

 

 

            ธันเล่าว่าอาคาร หรืออีกนัยหนึ่งคือวังตามที่พวกเขาเข้าใจนี่เป็นสถาปัตยกรรมแบบโรมาเนสก์ ลักษณะสำคัญของมันคือเป็นอาคารแบบที่มีความหนาเป็นเอกลักษณ์ กำแพง เพดาน หลังคา ตลอดไปจนประตูต่างๆ จะมีความเทอะทะอย่างรู้สึกได้ โครงสร้างที่แน่นหนักเหล่านั้นจะให้ความรู้สึกทึบและปลอดภัย แต่มันก็ซ่อนความขึงขังอยู่ในที แต่ตามความคิดเห็นของธัน เขาคิดว่าอาคารเหล่านี้น่าจะปรับโครงสร้างมาตามยุคสมัยใหม่พอสมควร ดูจากจำนวนกระจก ประตู และช่องระบายอากาศต่างๆ ที่มีอยู่ค่อนข้างมาก องค์ประกอบเหล่านั้นจะให้ความรู้สึกโปร่งและสบายกว่าโรมาเนสก์แท้ๆ เด็กหนุ่มพูดพลางกวาดสายตาไปรอบๆ สถานที่เหล่านั้น มือคู่นั้นชี้ไปตามเสา ประตูต่างๆ ตามข้อสันนิษฐานเหล่านั้น เฟี๊ยตเห็นอาการดังกล่าวแล้วก็ได้แต่ยิ้มออกมาน้อยๆ ตามความคิดของชายหนุ่มแล้ว ใครก็ตามที่มีความชอบหรือหลงใหลในสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างสุดหัวใจนั้น คนเหล่านั้นจะมีเสน่ห์เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลโดยไม่ต้องปรุงแต่งใดๆ เลย รอยยิ้มอย่างบริสุทธิ์ใจเหล่านี้แหละ คือเครื่องประดับที่สวยงามที่สุดแล้ว

 

 

            แต่ก่อนที่ธันจะเริ่มเข้าสู่หัวข้อเลคเชอร์เรื่องรูปแบบสถาปัตยกรรมของเสาแต่ละชนิดที่มีชื่อเรียกเป็นภาษาต่างดาวเกินกว่าเฟี๊ยตจะเข้าใจแล้ว สายตาของชายหนุ่มก็ไปปะทะเข้ากับผู้มาใหม่อีกคนหนึ่งที่เดินผ่านเข้ามาจากทางเข้าอีกด้านหนึ่งที่ลึกเข้าไป บุรุษคนนั้นเป็นชายวัยกลางคนค่อนไปจนเกือบจะใช้คำว่าชราก็ได้ หากแต่จากบุคลิกภาพแล้วยังดูมีความคล่องแคล่วว่องไวมากมายอยู่นัก บ่าของชายที่มีผมสีดอกเลาแซมอยู่ประปรายนั่นประดับไว้ด้วยสายสะพายที่ประดับไว้ด้วยสัญลักษณ์แสดงตำแหน่งที่น่าจะเรียกว่าใหญ่โตอยู่มากพอสมควร ที่เห็นชัดที่สุดก็คงจะเป็นเข็มกลัดรูปกังหันลมที่น่าจะทำมาจากทองบริสุทธิ์นั่น

 

            “ยินดีต้อนรับท่านทุกคนสู่เมืองพฤษภาคม”

 

            ชายคนนั้นเอ่ยขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆ ก่อนจะนั่งลงตรงหัวโต๊ะรับประทานอาหารนั่น ลักษณะของชายวัยกลางคนคนนั้นดูเป็นกันเองระดับหนึ่ง แต่ก็รู้สึกได้ว่าแฝงความไว้ตัวอยู่ในที

 

            เฟี๊ยตและธันเอ่ยตอบรับเบาๆ อย่างทำตัวไม่ค่อยถูกเท่าไหร่ ธันที่เคยพูดเจื้อยแจ้วอย่างสนุกสนานนั่นเงียบลงทันทีที่ผู้มาใหม่เข้ามา เฟี๊ยตยกมือไหว้ผู้อาวุโสขึ้นก่อน ด้วยไม่รู้ว่าจะแสดงความเคารพอย่างไรดี พร้อมกับธันที่เลียนแบบเฟี๊ยตตามมาติดๆ

 

            “เราเป็นองคมนตรีประจำเมืองพฤษภาคมแห่งนี้ มีหน้าที่ดูแลปกครองประชาชนชาวเมืองทุกคน ความจริงแล้วผู้ที่มีอำนาจโดยตรงในการปกครองเมืองนี้คือ ควีนโจแอนนา แต่ด้วยความที่เป็นโซดิแอคจึงทำให้มีภารกิจมาก เราจึงได้รับคำสั่งให้มาทำหน้าที่ในส่วนนี้แทน” ชายคนนั้นเอ่ยขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม

 

            “ไม่ทราบว่าตอนนี้ควีนโจแอนนาอยู่ที่ใดเหรอครับ พวกเราทั้งสองอยากแสดงความขอบคุณด้วยตัวเองสักครั้ง สำหรับที่พักพิง และอาหารเหล่านี้”

 

            เฟี๊ยตพูดขึ้นอย่างนอบน้อม ในขณะที่ ธันตัดสินใจนั่งเฉยๆ และปล่อยหน้าที่การเจรจาเป็นของเสนาธิการของทีมไป ธันเองรู้ดีว่าตนไม่ค่อยเชี่ยวชาญด้านลับเหลี่ยมเฉือนคมกับคนอื่นเท่าใดนัก

 

            “ท่านทั้งสองไม่ต้องกังวลไป พวกท่านจะได้พบกับควีนโจแอนนาด้วยตัวเองอีกครั้งแน่ แต่ตอนนี้พวกท่านทั้งสองน่าจะยังไม่มีความสามารถพอที่จะพบราชินีของเราได้ด้วยตัวเอง” ชายคนนั้นเอ่ยประโยคด้วยน้ำเสียงชวนฟัง แต่ใจความของมันกลับดูไม่ค่อยจะเสนาะหูเท่าไหร่นัก

 

            “ไม่มีความสามารถพอ?” เฟี๊ยตเอ่ยเสียงสูงขึ้นเป็นเชิงคำถาม

 

            “พวกท่านทั้งสองยังไม่ความสามารถจะเข้าไปในวิหารพฤษภาคมได้ในเวลานี้ พวกท่านทั้งสองจะต้องได้รับการฝึกฝนทักษะพิเศษจากคนของเมืองนี้ ก่อนที่จะได้รับอนุญาตให้เข้าพบได้”

 

            “ทักษะพิเศษ?” เสียงของเฟี๊ยตสูงขึ้นเป็นคำถามอีกครั้ง

 

            “วิหารพฤษภาคมนั้นเป็นเรือบินขนาดยักษ์ซึ่งลอยตัวอยู่เหนือขึ้นไปบนท้องฟ้า บรรยากาศโดยรอบจะมีลมแห่งอุดรทิศพัดกรรโชกแรงตลอดเวลา ผู้ที่จะทรงตัวอยู่บนวิหารได้จะต้องมีความสามารถในการควบคุมจักระเฉพาะจุด เพื่อที่จะรวบรวมจิตให้อยู่ที่เท้า ความสามารถดังกล่าวจะยึดร่างกายกับพื้นเรือบินไม่ให้ปลิวไปตามลมได้ ภายในสามวันข้างหน้านี้ พวกท่านจะต้องเข้าเรียนการควบคุมจักระกับครูสอนจักระจากเมืองของเรา และพวกท่านจะได้เข้าพบควีนโจแอนนาหลังจากฝึกวิชาจนสำเร็จลุล่วงแล้ว ราชินีฝากเรามาบอกพวกท่านว่า นางมีของขวัญที่จะมอบให้พวกท่านเป็นการตอบแทนที่ช่วยชีวิตเจ้าหญิงจีน่าจากโจรร้ายได้สำเร็จ ติดอยู่เพียงแค่ว่า นางจะรอพวกท่านอยู่บนที่วิหารกลางอากาศเหนือขึ้นไปบนน่านฟ้าแห่งเมืองแห่งสายลมนี้เท่านั้น!”





จากผู้แต่ง : ผมกำลังวางแผนง้อคนใจร้ายอยู่ครับ (พูดยังกะจะไปออกรบ ฮ่าฮ่า) ง้อทั้งๆ ที่ผมไม่รู้ว่าผมผิดอะไรนี่แหละ ไม่รู้สิครับ บางทีเราก็คงอยากทำอะไรให้ถึงที่สุดก่อนจะตัดใจมั้งครับ บางทีก็ลองอยากจะทำตามเสียงหัวใจตัวเองดูสักครั้ง ยังไงก็เป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ อวยพรให้คนใจร้ายยอมใจอ่อน ฮ่าฮ่า แต่ถ้าไม่สำเร็จก็รอปลอบใจผมด้วยนะ T^T

 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ lukkeng

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-0
หลังหลังคอมเม้นน้อยจัง ผมว่าผมไม่ได้คิดไปเองนะ โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ เศร้า

ออฟไลน์ จี้ซัง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
สู้ๆนะ หวังว่าจะง้อสำเร็จ

ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1860
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2
ขอให้โชคดีนะครับ
คิดเหมือนกันไหม ธันซึนอะ ฮ่าๆ

ออฟไลน์ $VAN$

  • Moderator
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +307/-6
เหมือนโดนดูถูก แต่ก็เข้าใจว่าองคมนตรีเขาพูดไปตามเนื้อผ้า
เอาเป็นว่าจะได้เรียนทักษะใหม่ๆ ดีนะ

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
ตอนแรกที่อ่านเรื่องนี้เราคิดถึงเรื่อง wwo เลยอ่ะ นึกว่าเรื่องมันจะคล้ายๆกัน
ที่ไหนได้เรื่องนี้คนเขียนเก็บรายละเอียดดีเวอร์
อยากรู้ว่าคนเขียน เขียนพล็อตไว้กี่เล่ม(ฮา)
เรารู้สึกอย่างนั้นจริงๆนะ จนคิดว่าความจริงเรื่องนี้เขียนจบไปแล้วเอามารีไรท์หรือเปล่าด้วยซ้ำ
ข้อมูลมันเวอร์ เราอยากให้ตอนจบมันมีข้อมูลการ์ด กับรูปการ์ดทั้งหมดด้วยซ้ำไป

เรื่องนี้เป็นนิยายเรื่องหนังที่ ถ้าคนเขียนเขียนจบเราอยากมีไว้ในครอบครองมาก
ซึ่งมันน่าจะมีถึงหลายร้อยตอน OMG! นับคร่าวๆอาจจะ 400+ ป่ะเนี่ย
เราไม่อยากให้คนเขียนหมดกำลังใจไปก่อน อยากให้สู้ๆอย่าท้อ
นักเขียนหลายๆคนกว่าจะดังก็ต้องผ่านอะไรหลายๆอย่าง
แล้วอย่าลืมว่าแนวส่วนใหญ่ที่คนเข้ามาอ่านมักจะเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับความรักชัดเจน
แต่ในขณะที่เรื่องของคุณ(คราวหลัง น่าจะมีชื่อเล่นนะ จะได้เรียกง่ายๆ :hao7:) มันเป็นเรื่องที่หมาย game online เป็นหลักรักเป็นองค์ประกอบ ถ้าเปรียบคงเหมือนกับนิยายที่ชื่อ SAO ซึ่งโด่งดังมากๆ แต่เป็นภาค Y
ดังนั้นสู้ๆนะคนเขียน

นิยายเรื่องนี้เรื่องอินเนอร์อาจยังน้อยไปหน่อยเพราะมันเป็นเกมส์ออนไลน์นี่นะ ( :z6: โดนคนเขียนถีบ)
เรายังลุ้นเนื้อเรื่องอยู่ว่าจะเป็นยังไง แต่จากที่อ่านมาจนถึงตอนนี้ คิดว่า ธันกะเฟี๊ยต มันชอบกันแล้วล่ะ
แล้วมันก็ยอมรับใจตัวเองแล้วมั้ง

ในตอนนี้เราขอเม้นอะไรหน่อยซึ่งมันอาจจะขัดใจคนเขียน  :z6:(โดนถีบ again)
เมือง พฤษภา เป็นเมืองแห่งสายลม เราคิดว่าเมืองมันน่าจะโล่งๆโปร่งสบายแถมมีกังหัน สถาปัตมันน่าจะออกแนว Dutch
แต่ตอนนี้มันดันเป็น Romanesque ซึ่งมันออกแนวตันๆ แข็งแกร่ง ประมาณเนี่ย มันเลยขัดๆพิกลละมั้ง
ถ้าเราเม้นอะไรทำให้ขัดใจก็บอกนะ แล้วขอโทษด้วย

ส่วนเรื่องส่วนตัวเราก็คงเป็นกำลังใจให้คุณสุดๆและเต็มที่กับชีวิต
ไม่รู้ว่าคุณเชื่อพรหมลิขิตอะไรพวกนี้รึเปล่า บางทีถ้าคุณมองแง่พรหมลิขิตอาจจะสบายใจขึ้น
ความจริงอยากคุยมากกว่านี้แต่ ไม่ถนัดคุยในบอร์ดแบบเยอะๆเท่าไหร่ วันหลังว่างๆจะมาเม้นใหม่

ปอลิง ถ้าทำเพจจะไปกดไลค์ แล้วคงจะได้คุยมากขึ้น

สุดท้ายจริงๆ  :hao7: ทำในสิ่งที่คุณคิดว่ามีความสุขและจะไม่มาเสียใจที่หลังนะ :bye2:


ออฟไลน์ hewlett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 560
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-3
ในเมื่อตัดสินใจแล้วว่ายังใจเรายังผูกพันอยู่กับเขาแล้วอย่างจะลองก็ไม่เห็นจะเสียหายตรงไหน
ดีกว่าทิฐิมากกลัวโน่นนี่ไปหมดแล้วต้องมานั่งเสียใจทีหลังก็ทำเถอะค่ะ
แต่การตัดสินใจนั้นต้องไม่ทำร้ายเราเองนะคะ

แหมเฟี๊ยตกับธันเริ่มมีความรู้สึกใหม่ๆเข้ามาซะแล้ว
อย่าให้มีไอ้หนุ่มคนไหมมาแยกเขาออกจากกันเลย
ตอนนี้หนุ่มๆของเราจะได้ฝึกวิชาเพิ่มแล้ว

ออฟไลน์ Noo_Patchy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1055
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +123/-4
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: เฟี๊ยตต้องได้ฝึกมีความสามารถใหม่ ๆ อีกแน่ ๆๆ

nightsza

  • บุคคลทั่วไป
เริ่มน่าสนใจซะแล้วสิ ต่างคนต่างปากแข็ง หึๆ ธันนะทำเป็นปากแข็ง จะชมเฟี๊ยตก็พูดไปตรงๆเล้ย

เป็นกำลังใจให้คนแต่งน๊า สู้ๆ ยังไงก็กลับมาซบไหล่คนอ่านนะ คนอ่านรออยู่เสมอออ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ rinny

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 517
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
ฮัลโหลพี่คนเขียน~ เค้ามาอ่านละนะ
มันฟินมากๆเลยอ่ะ ฟินแบบ
ฟินโคตรๆๆๆๆ ธันกะเฟี๊ยตนี่กินกันไม่ลงจริงๆนะเนี่ย
ขำมากเลยอ่ะ ตอนที่ธันบอกเฟี๊ยตให้แต่งตัวเอง
เพราะไล่คนอื่นไปหมดแล้ว แหมๆๆๆ
นี่มีหวงกันด้วยนะเนี่ย แบบว่า
อ่านแล้วเขินแทนเลย
พี่คนเขียนบรรยายซะเราจินตนาการภาพได้เลยนะเนี่ย
แบบเป็นชายหนุ่ม2คน คนนึงหน้าจีน อีกคนหล่อแบบเข้มๆ
เฮ้ย~ แค่คิดก็เขินอีกแล้ว! อิอิอิ
 เรามาตามเม้นให้ละนะคะ อย่าเสียใจไปล่ะ
 ว่าแต่ จะโกรธเรามะถ้าเราจะถามว่าคนใจร้ายของพี่คนเขียนนี่
เป็นผู้หญิงหรือผู้ชายอ่ะ
ทำไมถึงมาทำร้ายจิตใจของพี่คนเขียนของเราแบบนี้?
ถึงเราจะไม่ได้รู้เรื่องอะไร
แต่เราจิปกป้องพี่คนเขียนเองนะ
พี่คนเขียนสู้ๆนะ ถึงจะเจ็บยังไง
แต่ชีวิตยังมีพรุ่งนี้เสมอนะ พรุ่งนี้เดี๋ยวน้ำตาก็จาง
เดี๋ยวเวลาจะช่วยเยียวยา ถ้าผ่านมันไปได้ก็สบายแล้ว
เราจะคอยเป็นกำลังใจให้นะ บางทีชีวิตเราก็มีสุข มีเศร้า มีเหงา
มีความรู้สึกปนๆกันไปเนอะ ทุกอย่างมันไม่มีไรยั่งยืนหรอก
พี่คนเขียนอย่าคิดมากเลยนะ คิดไปก็เจ็บเอง
คิดไปก็ปวดเอง คิดๆแล้วก็เครียดเองคนเดียว
เราปล่อยวางดีกว่า ถ้าเค้าไปใช่ของเรา
ทำให้ตายยังไงก็ไม่ใช่ของเราอยู่ดีอ่ะนะ
เก็บใจไว้รอคนที่ใช่จริงๆดีกว่า พี่คนเขียนรู้ป่าว
พี่คนเขียนมีคนเป็นห่วง มีคนเป็นกำลังใจให้ตั้งเยอะแยะ
พี่ไม่ได้อยู่คนเดียวซะหน่อย พี่ยังมีเค้า
มีคนอ่านคนอื่นๆที่จะอยู่ให้กำลังใจพี่
พี่คนเขียนต้องอดทนๆ เรารู้ว่าพี่คนเขียนทำได้อยู่แล้วน้า
พี่คนเขียนๆ เรารอนิยายพี่รวมเล่มอยู่น้า~
 ถึงมันจะหนาปานแฮรี่เราก็ไม่หวั่น
เราจะเก็บตังค์ไปเรื่อยๆ รอจนกว่าจะออกเป็นเล่มน้า
สู้ๆๆๆ สู้ไปๆ อย่าท้อน้า อ้อใช่ๆ
พี่คนเขียนเราไม่ได้เร่งนะ
เราชอบการดำเนินเรื่องของพี่ที่ค่อยเป็นค่อยไปแบบนี้
แต่ก็อย่าลืมมาอัพบ่อยๆน้าพี่
เราจิขาดใจตายถ้าไม่ได้อ่าน ฮือๆ
นี่เรื่องจริงนะไม่ได้โม้ เราจิขาดใจจริงๆ
มาอัพมาต่อมาให้เราหายคิดถึงไวๆน้าพี่
เลิฟพี่คนเขียยแบบมอร์แดนไอแคนเซย์ อิอิ

ออฟไลน์ lukkeng

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-0
นักอ่านที่รักทุกท่านครับผม

ตอนนี้ผมได้ทำเพจเฟสบุ๊คสำหรับพูดคุยและลงรูปในจินตนาการของผมเกี่ยวกับนิยายเรื่องนี้ครับ

ใครอยากคุยกับผมเจอกันได้ที่ www.facebook.com/allornonetheauthor นะครับผม

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ถึงคุณ isdeer : ผมทำเพจแล้วน้า เปิดเพจเอาไว้อ้อนคนอ่านดีกว่า เผื่อในเฟสบุ๊คจะมีคนอยากเม้นมากขึ้น 555 ที่มันเป็นโรมาเนสก์เพราะมันถอดแบบมาจากจินตนาการผมหนะครับ ใจผมคิดว่ามันเป็นเมืองแห่งพายุ โครงสร้างอาการน่าจะทึบแข็งแรง และสร้างความมั่นใจให้คนอาศัยด้วยครับบ




ขอบคุณทุกคนสำหรับกำลังใจมากเลยนะครับ เฮ้อออออออออ คนอะไรก็ไม่รู้ ใจด๊ำใจดำ  :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ tutankamen

  • ผีสิงประจำเล้า
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
    • Facebook ของผมเองครับ
หนุกหนานทุกครั้งที่ได้เข้ามาอ่านครับ ขอบคุณจริงๆ

ออฟไลน์ fahhee_zeze

  • Love you...YAOI~
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 297
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
ลองทำตามหัวใจสักครั้ง...เป็นประโยคที่เจ๋งมากเลยจ้า แล้วถ้าทำสำเร็จนะ...จะยิ่งกว่าเจ๋งอีก ทำให้เรากลายเป็นคนที่มุ่งมั่นในสายตาของเค้าคนนั้นทันที และเพราะทำตามหัวใจยังไงๆ ก็จะส่งผลดีกับตัวเราทั้งนั้นจ้า สู้ๆนะจ๊ะ ขอให้สำเร็จ #เค้างอนเรื่องอะไรเราไม่รู้แต่ถ้าปล่อยไว้นานๆมันไม่เป็นผลดีแก่เรา ง้อไว้ก่อนค่อยมาถามเหตุผลทีหลังยังไม่สาย.... ขอออ อย่ายอมแพ้~ อย่าอ่อนแอ แม้จะร้องไห้~~ (มาเป็นเพลงเลยทีเดียว)
.
.
.
.
.
.
.
มโนเฟี๊ยตและมโนธันแล้วทำให้คิดได้ว่า...หล่อเกิ๊นนน ดูดีเกิ๊นนนน 555555
#คนเม้นเกรียนอย่าใส่ใจจ้า 5555

ออฟไลน์ zylph_z

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 213
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
มีบทพิสูจน์ท้าทายทั้งเฟี๊ยตและธันอีกแล้ว คราวนี้เป็นการบุกเข้าวิหารพฤษภาคม เหมือนจะง่ายแค่ขึ้นไปให้ถึงเรือบินก็เท่านั้น แต่ดูๆแล้วมันน่าจะมีอะไรมากกว่านั้น รอติดตามตอนต่อไปจ้า

ปล.ขอให้ทำให้สำเร็จนะ เราเอาใจช่วย

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
อุ๊ย.....เขาจะได้ฝึกวิชาเพิ่มด้วยล่ะ ดีใจจัง

แต่ตอนนี้เหมือนซ่อนความหวานไวนะ

ยังไงก็ขอให้ง้อคนสำเร็จนะ แล้วมาต่อตอนต่อไป อิอิ  :hao7:

ออฟไลน์ lukkeng

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-0
บทที่ 136 Sleepy

 

            องคมนตรีในชุดเกือบเต็มยศคนนั้นเอ่ยคำพูดที่เรียกได้ว่าสร้างความสนใจให้เขาอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว โดยเนื้อแท้แล้ว เฟี๊ยตคิดว่าชายตรงหน้านี่ไม่ได้มีเจตนาจะดูหมิ่นความสามารถของพวกเขาแต่อย่างไร หากแต่คงจะด้วยหน้าที่ที่ต้องใช้อำนาจเด็ดขาดอยู่ตลอด จึงทำให้คำพูดที่หลุดออกมาเหล่านั้นดูเชือดเฉือนความรู้สึกอยู่ไม่น้อย อย่างไรก็ตาม ตัวเฟี๊ยตเองก็ไม่ได้ติดใจอะไร ออกจะตื่นเต้นเสียอีกที่จะได้เรียนวิชาใหม่ๆ หลังจากที่เขาห่างหายจากวิชาการต่อสู้มานานมาก การฝึกสมรรถภาพร่างกายที่เคยสม่ำเสมออยู่ทุกวันในช่วงแรกของการเดินทางนั้น ก็เรียกได้ว่าหายไปเลยตั้งแต่เข้าเกมมาครั้งล่าสุด บางที เขาอาจจะต้องตั้งใจฝึกฝนวิชามากกว่านี้เสียแล้ว

 

            “พวกเราต้องเตรียมตัวอะไรเป็นพิเศษไหมครับ” เสียงของเฟี๊ยตเอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบ

 

            “ทานไปคุยไปเถอะ เกรงว่าสเต๊กขึ้นชื่อของเมืองเราจะจืดชืดไปหมดเสียก่อนที่เราจะตอบข้อสงสัยท่านได้หมด ฮ่าฮ่า”

 

            ชายกลางคนนั่นพูดขึ้นพร้อมกับหัวเราะขึ้นน้อยๆ อย่างสบายๆ ตอนนี้ ความรู้สึกของเฟี๊ยตและธันผ่อนคลายลงมาก เขาทั้งสองหยิบส้อมและมีดขึ้นจัดการอาหารตรงหน้าตามคำแนะนำขององคมนตรีนั่น คำถามต่างๆ ค่อยๆ ถูกส่งไปยังเจ้าเมืองอย่างช้าๆ หลายคำถามมีคำตอบ ในขณะที่ อีกหลายคำถามให้ผลลัพธ์ที่ตรงกันข้าม ธันตั้งคำถามขึ้นในบางช่วงของบทสนทนาในมื้อเย็นนั้น แต่ส่วนใหญ่จะผูกขาดไปที่เฟี๊ยตและองคมนตรีดังกล่าวมากกว่า หากส่วนใหญ่ก็เป็นเพียงเรื่องราวทั่วๆ ไปของเมืองนี้เท่านั้น เนื้อหาการพูดคุยไม่ได้บ่งชี้ไปถึงการพิชิตเรื่องราวต่างๆ ของเกมในช่วงที่อยู่ในเมืองนี้เลย

 

 

            อาหารเย็นในวันนั้นดำเนินไปอย่างเป็นกันเองมากขึ้นในทันทีที่องคมนตรีคนนั้นขอตัวกลับเข้าไปสะสางงานต่อให้เสร็จหลังจากที่สเต็กจานเด็ดของชาวพฤษภได้หมดลง ชายวัยกลางคนทิ้งให้พวกเขาสองคนครอบครองห้องอาหารนั้นอย่างสมบูรณ์ หญิงสาวทั้งสองคนที่ดูจะเป็นพนักงานประจำโต๊ะอาหารนั่นนำอาหารหน้าตาน่ากินมาเสิร์ฟให้เขาทั้งคู่ไม่หยุด จวบจนล่วงเข้าเมนูที่ 5 เฟี๊ยตจึงต้องขอยุติการรับประทานอาหารเย็นไว้เพียงเท่านี้ เนื่องจากท้องของเขาดูจะพองตัวขึ้นจนปริชุดหล่อๆ ของเมืองแห่งสายลมนั่นเสียแล้ว

 

            พวกเขาทั้งสองคนขอตัวกลับที่พักหลังจากเวลาล่วงเลยไปกว่าชั่วโมงได้ ระหว่างทางเดินกลับ เด็กหนุ่มว่าที่สถาปนิกนั่นก็ยังคงพูดเจื้อยแจ้วไม่หยุดเกี่ยวกับเสาวิหารหน้าตาประหลาดเหล่านั้น เฟี๊ยตได้แต่เออออห่อหมกไปตามเรื่อง เพราะขี้เกียจจะขัดใจคนตรงหน้านี่ บางจังหวะ เขาก็แอบคิดย้อนไปถึงเวลาที่เขาเจอสมุนไพรหน้าตาประหลาดในป่าแล้วชี้ให้ธันดู เด็กหนุ่มในเวลานั้นก็คงจะมีความรู้สึกเหมือนตัวเขาในเวลานี้เลย

 

 

            “คืนนี้มานอนด้วยกันนะ”

 

            เสียงของเฟี๊ยตเอ่ยขึ้นอย่างง่ายๆ เมื่อเดินมาถึงบริเวณหน้าห้องพัก ที่ธันเองก็มานั่งเจ้ากี้เจ้าการสั่งเรื่องการแต่งตัวของเขาเมื่อตอนเย็นๆ ที่ผ่านมา

 

            “หมายความว่าไง”

 

            เสียงของธันดังขึ้นเบาๆ อย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก เด็กหนุ่มหันมามองหน้าเขาอย่างสนใจ ศีรษะนั่นเอียงลงน้อยๆ อย่างรอคอยคำตอบ

 

            “คืนนี้ให้มานอนห้องเดียวกันไง ประโยคนี้มันเข้าใจยากตรงไหนวะ” เฟี๊ยตตอบออกไปง่ายๆ อย่างไม่ค่อยสนใจอะไรนัก

 

            “ตี๋กลัวผีเหรอ” ธันพูดออกมาพร้อมยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

 

            “ผีพ่องงงงง” เฟี๊ยตหันมาด่าอย่างขำๆ

 

            “เอาดีดี กลัวผีก็บอก คนกันเอง ไม่บอกใครหรอกน่า ฮ่าฮ่า” ธันยังคงพูดจายั่วคนที่อาวุโสกว่านั่นอย่างถือสนุก

 

            “ไม่ได้กลัวโว๊ย ก่อนหน้านี้เล่นเกมก็เดินทางคนเดียวมาตลอด นอนกลางป่าคนเดียวก็ทำมาแล้ว แต่นี่มันต่างบ้านต่างเมืองเข้าใจไหม ใครมิตรใครศัตรูบ้างก็ไม่รู้ เกิดถูกลอบโจมตีขึ้นมา สองหัวก็ดีกว่าหัวเดียว เข้าใจเปล่า กันไว้ดีกว่าแก้หนะ รู้จักไหม ไอ้บังแคระ”

 

            เฟี๊ยตสวนออกมายาวเหยียดอย่างหมั่นไส้ในความกวนประสาทนั่น แต่เขาก็ไม่ได้ใช้เสียงที่ดังไปกว่าการกระซิบสักเท่าไหร่นัก ด้วยกังวลว่าอาจจะมีคนแอบฟังอยู่ขณะนี้

 

            “สรุปว่ากลัวผีนี่เอง ไม่เป็นไรนะตี๋ เดี๋ยวให้ยืมพระ” ธันส่ายหัวไปมาอย่างไม่สนใจต่อคำอธิบายใดๆ ทั้งสิ้น เด็กหนุ่มยังคงยั่วโมโหคนตรงหน้าอย่างเพลิดเพลิน

 

            “กวนส้นตีน!”

 

 

            เฟี๊ยตลุกขึ้นบิดขี้เกียจในเช้าวันรุ่งขึ้นอย่างสดชื่น เมื่อคืนนับได้ว่าเป็นคืนที่เขานอนหลับอย่างเต็มอิ่มที่สุด ถึงแม้ว่าเขาจะเปรยๆ กับธันให้ระวังตัวจากภัยที่ไม่คาดคิด แต่พอเอาเข้าจริงๆ แล้ว ทันทีที่หัวเขาแตะหมอน ทุกสิ่งทุกอย่างก็ฟุ้งกระจายหายจากสมองเขาไปหมด ความเหน็ดเหนื่อยที่สะสมมาอย่างยาวนานทำให้คืนนั้นเขาหลับสนิทจนถึงที่สุดเลย เขาปล่อยให้ตัวเองตื่นสายอย่างมาก วันนี้ พวกเขาทั้งคู่มีแค่ชั่วโมงเรียนในตอนบ่ายเท่านั้น เขาจึงปล่อยให้ตัวเองได้อู้บ้างตามสมควร

 

            เฟี๊ยตหันไปทางซ้ายของตน หลังจากที่ทรงตัวขึ้นนั่งบนเตียงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สายตาของเขากวาดมาพบกับเด็กหนุ่มคิ้วเข้มคนหนึ่งที่นอนอยู่ไม่ห่างจากเขาไปเท่าไหร่นัก ทันใดนั้น ปากของเขาก็มีรอยยิ้มยกขึ้นเล็กน้อยอย่างเจ้าเล่ห์ ชายหนุ่มยกขาขวาตัวเองขึ้นถีบไปที่สีข้างนั่นหนึ่งครั้งอย่างไม่แรงนัก เฟี๊ยตจัดการลงโทษไอ้เด็กนี่อย่างหมั่นไส้ นอนหลับมาตลอดทางแท้ๆ ยังมาอู้ทำเป็นเหนื่อยอีก อย่างนี้มันต้องโดน!

 

           

            ผลั่กกกกกกก

 

            เสียงอวัยวะของเขากระทบกับร่างของธันดังขึ้นท่ามกลางความเงียบของห้องนอนนั่น เด็กชายกระเถิบตามแรงกระแทกไปบนเตียงขนาดคิงไซส์นั่น ไม่มีอาการตอบรับ ไม่มีอาการสักนิดว่าเด็กชายสายฟ้านั่นจะรู้สึกตัว ไม่มีการลุกขึ้นมาโวยวายแต่น้อยตามที่เฟี๊ยตคิดไว้เลย

 

            “ธัน”

 

            เสียงของเฟี๊ยตเอ่ยขึ้นเบาๆ อย่างเป็นห่วง การที่เด็กหนุ่มนี่ไม่มีการตอบสนองใดๆ ดูจะเป็นความผิดปรกติอยู่มาก หรือไม่บางที ธันก็อาจจะเหนื่อยจากการเดินทางมาก และกำลังหลับลึกอยู่จริงๆ

 

            เฟี๊ยตที่นั่งอยู่ไม่ห่างออกไปค่อยๆ เอนตัวกระเถิบเข้าหาเพื่อนร่วมทีมที่นอนสลบไสลอยู่อย่างไม่รู้เรื่อง สมองของเฟี๊ยตเริ่มเกิดความเป็นห่วงในตัวชายหนุ่มกึ่งเพื่อนกึ่งน้องชายคนนี้เสียแล้ว

 

 

            ผลั่กกกกกกกก

 

            แต่ความเป็นห่วงนั้นก็คงอยู่เพียงไม่นานเท่านั้น เมื่อร่างที่กำลังดูเหมือนจะหลับลึกอย่างไม่ได้สตินั่นสะบัดขาขวาเข้าโจมตีเฟี๊ยตอย่างฉวยโอกาสที่สุด ขาข้างนั้นสะบัดออกมาจากกระแทกบริเวณหัวเข่าของเขา ทั้งๆ ที่เจ้าของมันยังคงหลับตา และทำท่าดูเหมือนอยู่ในนิทราสวัสดิ์อย่างนั้น

 

            “เด็กเวร!”

 

            เภสัชกรหนุ่มอุทานขึ้นมาอย่างตกใจอยู่ไม่น้อย ความเป็นห่วงเปลี่ยนมาเป็นความหมั่นไส้ภายในชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น แต่ก่อนที่เฟี๊ยตจะได้ลงมือทำอะไรต่อไป ร่างกายของเฟี๊ยตที่กำลังอยู่ในท่านั่งที่ชะโงกตัวไปข้างหน้าอย่างทุลักทุเลนั่นก็ล้มลงไปข้างหน้าอย่างทรงตัวไม่อยู่ แรงถีบจากธันไม่ได้มีอานุภาพรุนแรงอะไรเลย แต่มันพุ่งเข้าหาบริเวณหัวเข่าที่ดูจะเป็นจุดศูนย์ถ่วงสำคัญในการทรงตัวอยู่ในท่านี้

 

            “เฮ้ยยยยยยยย”

 

            เสียงของเฟี๊ยตอุทานขึ้นอย่างตกใจ ไม่ถึงวินาทีเดียวเท่านั้น ร่างของเขาก็ลงไปจ้ำเบ้าลงบนเตียงนั่น มันจะดีกว่านั้นถ้าสิ่งที่รองรับเขาอยู่เป็นฟูกนุ่มๆ เหล่านี้ แต่เปล่าเลย ร่างของเขาปะทะเข้าอย่างจังกับแพงอกที่แสนจะแข็งแรงของเด็กหนุ่มขี้กวนนั่น อกของเขาทั้งสองแนบชิดกันอย่างไม่มีใครคาดคิดมาก่อน ใบหน้าของเขาทั้งสองห่างกันไม่ถึงคืบเท่านั้น นี่มันฉากคลาสิกในละครหลังข่าวชัดๆ แต่ตามท้องเรื่อง ไอ้เด็กเปรตมันควรจะเป็นผู้หญิงน่ารักๆ สักคนไม่ใช่เหรอวะ!

 

 

            ธันไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดมากไปกว่าค่อยเปิดเปลือกตาคู่นั้นอย่างช้าๆ แววตาคู่นั้นทอดมองมาที่เขาอย่างที่ตัวเขาเองก็แปลความหมายไม่ได้เลย เฟี๊ยตมั่นใจว่าหลายครั้ง ตัวเขาเองเคยพบกับสายตาแบบนี้ของเด็กหนุ่ม หากแต่เขาเองไม่เคยสักครั้งที่จะแปลมันออกมาเป็นความหมายได้ มันดูเป็นความลึกซึ้งที่แสนจะตื้นเขิน ในความวูบไหวในดวงตานั่นมีความมั่นคงแต่เย็นชาสลับไปมาอย่างที่เขาเองก็ยากที่จะอธิบาย

 

            เฟี๊ยตเพิ่งจะสังเกตในช่วงอึดใจนั้นเองว่าธันเป็นผู้ชายที่มีตาหวานมาก แผงขนตาบนของเด็กชายนั้นหนาจนผู้หญิงบางคนคงต้องยอมแพ้ วูบหนึ่งที่เฟี๊ยตเผลอพิจารณาลึกลงไปในดวงตาคู่นั้น แต่แล้ว เฟี๊ยตก็รู้สึกราวกับว่าตนเองกำลังตกหลุมไปอยู่ในห้องของวังวนที่ไม่มีที่สิ้นสุด ดวงตาคู่นั้นราวกับว่าเป็นประตูสู่โลกอีกโลกหนึ่งที่ห่างไกล ในขณะที่ โลกที่มีชายสองคนกำลังตกอยู่ในภวังค์นั่นหยุดนิ่งไปเสียสนิท แต่อีกดินแดนที่แสนไกลนั่นเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนเฟี๊ยตสั่นไปหมดทั้งใจ เทียนไขต้องเปลวไฟย่อมหลอมละลายลงจนสิ้นท่าฉันใด ความรู้สึกที่ถูกจับจ้องด้วยแววตาแข็งแกร่งแต่ลึกซึ้งคู่นั้นก็ยินดีที่จะต้องหลอมละลายไปฉันนั้น

 

            ราวกับอากาศในตอนนั้นจะถูกลักลอบโจรกรรมหายไปจนหมด เฟี๊ยตรู้สึกเหมือนตัวเองจะขาดหายใจอย่างใดอย่างนั้น ชายหนุ่มรู้สึกว่าตัวเป็นผู้ประสบภัยท่ามกลางมหาสมุทรที่กว้างใหญ่ ตัวเขาเองกำลังจะจมน้ำตายในไม่ช้า เขากระเสือกกระสนมาจนเจอหนทางรอดชีวิตสุดท้าย และเขาก็พบว่า หนทางนั้นมันแอบซ่อนอยู่ในดวงตาของชายหนุ่มที่เขาไม่อาจจะรู้ที่มาคนนั้นได้เลย!

           

           
จากผู้แต่ง : ผมแอบไปทำเพจมาครับ สำหรับคุยกัน อัพรูปภาพที่ผมจินตนาการตามที่ผมบรรยายออกมาในเรื่อง แล้วก็เอาไว้ให้คนอ่านไปตามผมเวลาผมอู้ สนใจก็มาคุยกันได้นะครับ สนุกๆ เผื่อใครอยากคุยแบบส่วนตัวไรงิ ฮ่าฮ่า

www.facebook.com/allornonetheauthor ครับผม

ปล. เรียกผมว่าอ้นก็ได้ครับ

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ lukkeng

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-0
เจ็ดหมื่นกว่าวิวแล้ว แสนวิวเมื่อไหร่ผมจะจุดพลุฉลอง อิอิ

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: เฮ้ย เฮ้ย เฮ้ย
อัยย๊ะ รอตอนต่อไปรัวๆ
แค่ชวนนอนก็  :hao6:

นานๆทีมีตอนพัฒนาความสัมพันธ์ฉันท์คนรักก็ดีนะ  :hao7: :hao7:

อัญเชิญ ตอนต่อไป รีลิสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส

angilena

  • บุคคลทั่วไป
>O< สนุกมากเลย ชอบมากเลย(เพิ่งมาอ่านรวดเดียว)
ถ้าออกหนังสือขอจองไว้เบย5555+

ติดเรื่องนี้งอมแงมเลย :กอด1: :กอด1: :กอด1:
รักคนเขียนที่แต่งเรื่องนี้ขึ้นมาค่ะ!! :L2: :L2:

สุดท้าย พยายามเข้านะ  เอาใจช่วย สู้ๆ \^O^/ ฮูเล่ๆ :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:

บวกเป็ดให้เลยอิอิ และจะมาเม้นใหม่นะคะ :bye2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ tutankamen

  • ผีสิงประจำเล้า
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
    • Facebook ของผมเองครับ
ตามเข้าไป Like Fan Page แล้วนะครับ

nightsza

  • บุคคลทั่วไป
เอาแล้วๆๆ เริ่มหลงเสน่ห์กันซะแล้ว รักกันไวๆน๊าาา คงจะมีความสุขมากๆแน่เลยยย

สวัสดีจ้าาาอ้น :)

ออฟไลน์ fahhee_zeze

  • Love you...YAOI~
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 297
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
กรี๊ดดดด ธันจะป๊ะกันแหมกับเฟี๊ยตหราา นี่มันในเกมส์นะ!! 55555555555 #เค้าว้อเว่ง #เค้าไลค์เพจแล้วจ้าาา
รอตอนต่อไปแจ้~~ คริคริ

ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1860
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2
อุต๊ะ :-[

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
ให้เป็ดตัวนึงฐานเอาตอนชวนจิ้นมาลง

ว้ายๆ เขาแอบคิดลึกซึ้งกันด้วยอ่า

อุ๊ย...เขินๆ

รอตอนต่อไปดีกว่า :hao7:

ออฟไลน์ yong

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ชอบ ชวนดีดี ทำลีลานะธัน  ตามมาดัน

ออฟไลน์ lukkeng

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-0
บทที่ 137 A Class

 

            “เฟี๊ยต”

 

            เสียงของเด็กหนุ่มที่กำลังใช้ร่างกายรองรับตัวชายหนุ่มอีกคนอยู่ทางด่านล่างนั่น ดังขึ้นอย่างน้อยๆ ทำลายความเงียบของบรรยากาศนั้นลง หลังจากที่ต่างฝ่ายต่างตกอยู่ในภวังค์ของตนเองไปนานแสนนาน คำเอ่ยเรียกชื่อของเขาคำนั้น ดูแฝงไว้ด้วยความรู้สึกต่างๆ มากมาย

 

            “หืมม”

 

            เสียงของเขาเอ่ยตอบรับขึ้นอย่างไม่ค่อยรู้สึกตัวเท่าไหร่นัก สายตาของเขายังคงจับจ้องไปที่หน้าต่างของหัวใจที่นำพาเขาเข้าไปสู่วังวนที่ไม่มีวันจบสิ้นนั่น ราวกับมีแม่เหล็กขนาดยักษ์ดึงดูดเขาไว้ไม่ยอมปล่อย หากตัวเขาเป็นขั้วบวกอย่างใด เด็กหนุ่มตรงหน้าก็คือขั้วลบที่จะเข้าร่วมปฏิสัมพันธ์ให้ตัวเขามลายกลายเป็นกลางเสียหมดสิ้น ไม่มีทางเลย ไม่มีทางใดที่เขาจะต้านทานแววตาแสนทรงอำนาจคู่นั้นได้เลย

 

 

            “คนหรือฮิปโปโปเตมัสเนี่ย ทำไมตัวหนักอย่างนี้วะ ฮ่าฮ่า ลดความอ้วนบ้างนะไอ้ตี๋”

 

            เสียงหัวเราะที่กังวานขึ้นน้อยๆ นั่นทำลายบรรยากาศในภวังค์นั้นให้กระจายหายไปเสียหมดสิ้น ดูเหมือนว่าโลกจะกลับมาหมุนดังเก่าอีกครั้ง เด็กหนุ่มตรงหน้ากลายมาเป็นเด็กเมื่อวานซืนจอมยียวนกวนประสาทแล้ว

 

            “ถามทำไม อยากกินตีนฮิปโปโปเตมัสหรือไง จะจัดให้สักคู่ไหม เดี๋ยวจะถวายตีนคู่หน้าให้สักคู่หนึ่ง ถุ๊ยย ไอ้แขกขี้เหม็นเอ๊ย”

 

            เฟี๊ยตสะบัดหัวเล็กน้อยอย่างเรียกสติสัมปชัญญะ ก่อนจะเถียงออกไปด้วยถ้อยคำที่เผ็ดร้อนพอกัน เขาจะให้ไอ้เด็กนี่รู้ความผิดปรกติของตัวเขาที่เกิดขึ้นไม่ได้เลย

 

            “แขกอะไรจะหล่อขนาดนี้ เจ๊กเข้าใจไรผิดเปล่าครับ ฮ่าฮ่า”

 

            ธันก็ยังคงกวนโมโหด้วยความสนุกสนานเช่นเดิม แต่ถ้าหากเภสัชกรหนุ่มตั้งใจจะสืบค้นลึกลงไปในดวงตาคู่นั้นแล้ว เขาจะพบว่า มันยังคงเหลือร่องรอยของความวูบไหวอยู่ไม่น้อยเลย

 

            “ลุกๆๆ ไปเรียนได้แล้ว สายตั้งแต่วันแรกขายขี้หน้าเขาตาย”

 

            เฟี๊ยตในขณะนั้นไม่สนใจจะต่อล้อต่อเถียงใดๆ ให้มากความลงไปอีก เขาตัดสินใจเอ่ยสั่งธันเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะลุกยืนขึ้นเดินออกไปจากห้องในเวลานั้น โดยที่ธันก็ได้แต่มองผ่านไป และลุกขึ้นตามไปโดยไม่พูดอะไรอีกเช่นกัน

 

            ไม่มีคำอธิบายใดๆ มอบให้แก่ช่วงเวลาสั่นคลอนของหัวใจที่เกิดขึ้น ยากเหลือเกินที่จะหาคำจำกัดความใดๆ ให้กับความรู้สึกเมื่อครู่ของชายหนุ่มทั้งสองคนที่กำลังเดินเคียงคู่กันไปในหนทางยาวนี้ บางที คำพูดที่ดีที่สุดอาจจะเป็นคำพูดที่ไม่ได้เอ่ยออกมานั่นเอง และดูเหมือนว่า ชายทั้งสองคนนั้นก็คิดอย่างนั้นเช่นกัน

           

 

            พวกเขามาถึงห้องเรียนก่อนเวลานัดหมายร่วมครึ่งชั่วโมงได้ หลังจากที่แวะหาขนมปังทานกันง่ายๆ ที่ห้องโถงใหญ่ที่เมื่อวานพวกเขาได้ร่วมรับประทานอาหารกับองคมนตรีคนนั้น ห้องเรียนของพวกเขาเป็นห้องขนาดกว้างใหญ่ร่วม 10 คูณ 20 เมตรเห็นจะได้ ด้านยาวฝั่งหนึ่งของมันถูกประดับไว้ด้วยกระจกเงาขนาดบานใหญ่เต็มพื้นที่ผนังนั่นเลย ความรู้สึกของเฟี๊ยตเหมือนห้องซ้อมเต้นหรือการแสดงต่างๆ ตามที่เคยเห็นในโทรทัศน์อย่างใดอย่างนั้น จวบจนถึงเสี้ยววินาทีนี้ เขาเองก็ยังไม่เข้าใจว่ากระจกเงาดังกล่าวมันเกี่ยวข้องกับการเรียนจักระอย่างไร

 

            ครูของเขามาถึงก่อนเวลานัดจริงประมาณห้านาทีเห็นจะได้ ครูของเขามีชื่อว่า อิสรา เธอเป็นผู้หญิงวัยกลางคน ถ้าจะให้เขาเดา น่าจะอายุประมาณสี่สิบหน่อยๆ หากแต่โครงหน้าและลักษณะท่าทางดูภูมิฐาน แต่ก็ยังสดใสอ่อนกว่าวัยอยู่มาก เธอแต่งตัวในชุดสีน้ำตาลรัดกุมด้วยผ้าที่ดูค่อนข้างบางเบาตามที่เขาชอบเห็นคนในวังนี้สวมใส่กันจนชินตา ผมที่รวมบตึงประกอบกับตุ้มหูรูปไม้กางเขนนั่นทำให้ครูอิสราของเขาดูหน้าเกรงขามอยู่ไม่น้อยเลย เธอก้าวเข้ามาในห้องอย่างมั่นใจ พร้อมกับมอบรอยยิ้มเล็กๆ ตรงมุมปากให้กับเขาทั้งสองคน

 

 

            “สวัสดีค่ะ”

 

            เธอเอ่ยทักทายสั้นๆ กับพวกเขา และทันทีที่พวกเขาเอ่ยตอบรับ หญิงวัยกลางคนคนนั้นก็เอ่ยแนะนำชื่อตัวเองสั้นๆ เหมือนกับที่เขาแอบสอบถามมาจากเหล่านางกำนัลในห้องโถงนั่น ครูอิสราดูเป็นผู้หญิงที่สวยสมวัยตามที่เหล่านางในเหล่านั้นชื่นชมไว้ไม่ผิดเลย

 

            พวกเขาตอบแนะนำชื่อตัวเองออกไปบ้าง ก่อนที่จะยกมือไหว้ผู้ที่อาวุโสกว่าอย่างนอบน้อม และครูของเขาก็ฉีกยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อยเมื่อเห็นกิริยาเหล่านั้น

 

 

            “ครูได้รับหน้าที่ในการฝึกสอนเรื่องจักระพื้นฐานให้กับพวกเธอทั้งสองคน เนื้อหาของเราจะเน้นไปที่การควบคุมจักระให้นิ่งอยู่ที่อวัยวะใดอวัยวะหนึ่ง ทักษะนี้เองจะทำให้พวกเธอขึ้นไปพบกับควีนโจแอนนาได้อย่างปลอดภัย”

 

            บทเรียนเริ่มต้นขึ้นอย่างง่ายๆ ครูอิสราของพวกเขาเริ่มต้นการบรรยายเกริ่นเข้าเรื่องในห้องเรียนที่ไม่มีอุปกรณ์อยู่เลยทั้งสิ้นนั้น เฟี๊ยตกับธันติดจะงงอยู่เล็กน้อยในสถานการณ์ที่ไม่เคยพบมาก่อนนี่ แต่พวกเขาก็เก็บอาการได้ดี และยืนฟังเรื่องราวเหล่านั้นโดยสงบ

 

            “ครูสอนจักระในโลกแห่งนี้มีอยู่น้อยมาก และครูสอนจักระในโลกแห่งนี้ที่เขาจะสอนจักระให้เธอยิ่งจะมีน้อยลงไปอีก วิชาการควบคุมจักระถือเป็นวิชาชั้นสูงที่ไม่มีใครสอนให้เธอได้ง่ายๆ นัก ดังนั้น ถ้าใครเอ่ยปากว่าจะสอนวิชาจักระให้กับเธอหละก็ เธอควรจะสันนิษฐานไว้ได้เลยว่าเธอได้สร้างบุญคุณอันแสนยิ่งใหญ่กับเขาคนนั้นไว้เสียแล้ว”

 

            ครูของเขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ท่าทางของเธอดูกร้าวขึ้นเล็กน้อยทันทีที่พูดถึงข้อเท็จจริงดังกล่าว ประโยคที่ดูจะพูดไปแบบไม่ได้เจาะจงนักของเธอทำให้เฟี๊ยตหวนไปคิดถึงชายคนหนึ่งในป่าทิวสนนั่น ชายเจ้าของผมสีดอกเลาที่เขาได้ช่วยชีวิตเอาไว้จากโรคร้ายนั่น ยิ่งเขาได้รู้ข้อเท็จจริงที่ว่าการเรียนวิชาจักระเป็นเรื่องซับซ้อนมากมายถึงขนาดนี้ มันยิ่งทำให้เขาตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูกเลย ชั่วขณะจิตนั้น เขาก็เพิ่งค้นพบว่าตัวเขาเองในขณะนั้นลืมที่จะถามชื่อของคนไข้คนนั้นของเขาเสียสนิท ใจของเขาไล่ลำดับไปถึงเรื่องราวต่อจากนั้น ครูสอนจักระอีกคนที่ชายคนนั้นแนะนำให้เขาไปฝากตัวเป็นศิษย์ หัสดิน ชายเจ้าของชื่อที่ดูทรงอำนาจคนนั้นนั่นเอง

 

            “แต่พวกเธอทั้งสองถือเป็นกรณีพิเศษสำหรับครู เพราะปรกติ ครูจะสอนเฉพาะคนที่มีเชื้อสายของผู้ปกครองเมืองเท่านั้น แต่ในฐานะที่พวกเธอทั้งสองทำคุณประโยชน์อันยิ่งใหญ่ไว้แก่ดินแดนของเรา เธอจึงได้รับสิทธิพิเศษนี้ ตักตวงความรู้ไปให้มากที่สุด เพราะโอกาสอย่างนี้จะไม่มีอีกเป็นครั้งที่สองแน่นอน”

 

            หญิงสาวที่ดูไว้ตัวคนนั้นหันมาส่งสายตาคมกริบกับพวกเขาทั้งสองคนอีกครั้ง หากแต่เฟี๊ยตก็เลือกที่จะไม่แสดงอาการต่อต้านอื่นใดๆ ออกไป

 

 

            “ก่อนจะเริ่มต้นเรียน พวกเธอจะต้องเข้าใจจักระให้ถ่องแท้เสียก่อน พวกเธอเคยเรียนเรื่องจักระมาก่อนบ้างหรือเปล่า” เสียงนั่นเอ่ยสูงขึ้นเป็นคำถาม

 

            “ไม่/ไม่ครับ”

 

            เสียงของพวกเขาทั้งเอ่ยตอบขึ้นอย่างประสานกันโดยไม่ได้ตั้งใจ เฟี๊ยตลอบเอาขาไปสะกิดธันน้อยๆ เสียงของธันไม่ได้หางเสียงเสียแล้ว เฟี๊ยตรู้สึกได้เลยว่าธันเริ่มมีอาการต่อต้านครูคนนี้ขึ้นน้อยๆ เสียแล้ว

           

 

            “ร่างกายของคนเราก็มีลักษณะเป็นเพียงสสารหนึ่งเท่านั้น หากแต่มีพลังงานอย่างหนึ่งที่มีอำนาจในการควบคุมมันให้มีชีวิตอยู่ได้ สิ่งนั้นเราทั้งหลายให้คำนิยามมันว่าวิญญาณ หากแต่ถ้าจะแบ่งย่อยให้ละเอียดลงไปอีก ก็สามารถจะแบ่งคร่าวๆ ได้ดังนี้”

 

            “สิ่งแรกคือ ชี่ หรือที่มีลักษณะเหมือนวิญญาณนั่นเอง ชี่คือพลังชีวิตที่ขับเคลื่อนให้สิ่งมีชีวิตยังมีชีวิตอยู่ได้ ถ้าไม่มีชี่ หมายถึงไม่มีชีวิตนั่นเอง”

 

            “สิ่งต่อมาคือ จิต ซึ่งก็คือความกำหนดรู้นั่นเอง ตราบใดที่เธอยังรู้สึกตัวอยู่ นั่นหมายความว่าจิตของเธอยังสถิตอยู่กับเธอ ณ ขณะนี้ แต่ถ้าหากเธอหมดสติลงไป แต่ยังมีลมหายใจอยู่ นั่นหมายว่า จิตเธอไม่อยู่เสียแล้ว แต่เธอยังคงมีชี่ที่หล่อเลี้ยงร่างกายเธอไว้”

 

            “สุดท้ายคือ จักระ หรือสิ่งที่พวกเรากำลังจะศึกษากันอยู่นี่เอง จักระไม่ใช่ทั้งชี่ และไม่ใช่ทั้งจิต หากแต่มันเป็นสิ่งที่ซ่อนและหล่อเลี้ยงเธออยู่ภายใน เธอแม้ว่าเธอจะไม่สามารถควบคุมจักระเธอได้ แต่เธอก็ยังสามารถดำรงชีวิตได้อย่างปรกติสุข นั่นหมายความว่า จักระคือพลังขับเคลื่อนส่วนลึกที่ยากที่จะควบคุม แต่ถ้าหากผู้ใดสามารถดึงมันออกมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ คนผู้นั้นก็จะกลายเป็นผู้ที่เหนือมนุษย์นั่นเอง!”



เพจสำหรับเม้ามอยหอยแมงภู่นิวซีแลนด์ : www.facebook.com/allornonetheauthor

จากผู้แต่ง : มาลงล๊าววววววววววว วันนี้ไปเดินงานไทยเที่ยวไทยที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิต์มาด้วยยย ใครไปบ้างงงงงง เจอกันทำไมไม่ทัก ฮึ 555555555555

ออฟไลน์ lukkeng

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-0
ยอดวิวก็เยอะ แต่คนเม้นน้อยจัง //คนแต่งเริ่มเบะปากร้องไห้ และวิ่งหนีไปรื้อหาอะไรกินในตู้เย็นเงียบๆ ฮ่าฮ๋า

ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1860
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2
อย่างอแงครับ เดะเลี้ยงหนม 555555

nightsza

  • บุคคลทั่วไป
โอ๋ๆๆๆ อย่างอนนะเธออออ อิอิ

วิชานี้ดูน่าสนใจมากๆ อยากไปเรียนด้วยมั่งจัง

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด