The Lost World มหัศจรรย์ดินแดนสาบสูญ EP204 + ประกาศอัพเดต 23/05/2018
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: The Lost World มหัศจรรย์ดินแดนสาบสูญ EP204 + ประกาศอัพเดต 23/05/2018  (อ่าน 445178 ครั้ง)

ออฟไลน์ tutankamen

  • ผีสิงประจำเล้า
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
    • Facebook ของผมเองครับ
อย่าดื้อกับคุณครูสิ หนูธัน

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
 :sad4: โอย ขัดใจธัน ทำลายบรรยากาศหมด

เขินใช่ม่ะ  o18

แต่ทำไมธันถึงไม่ชอบอาจารย์หว่า

ออฟไลน์ fanglest

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
เราตามไล่อ่านดุเดือดมากก โฮกฮากจริงๆ สนุกๆ
ใกล้ไล่ทันแระ
อยากเมนต์เฉยๆ
ตอนนี้อ่านถึงตอนที่ เจอกับน้องธันอยู่
นึกว่าแทนจะเป็นพระเอกซะแระ (แอบเซ็งแทนเบาๆ55)
ตอนนี้เชียร์ธันใจขาดดิ้นนะเออ
ตามต่อไปจ้า

ออฟไลน์ lukkeng

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-0
บทที่ 138 A Mirror

 

            “พวกเธอลองหันไปเงาตัวเองในกระจกนั่น”

 

            ครูอิสราเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงเฉียบคมเช่นเดิม ก่อนจะชี้นิ้วไปทางกระจกบานใหญ่ที่ตั้งไว้ราวกับว่าเป็นผนังด้านหนึ่งของห้องสี่เหลี่ยมนั่นฉะนั้น

 

            เฟี๊ยตและธันเอ่ยตอบรับสั้นๆ ก่อนจะหันไปมองตามคำเชื้อเชิญกึ่งคำสั่งนั่น เฟี๊ยตเฝ้าพิจารณามองตัวเองที่เป็นภาพเงานั่น เขารู้สึกถึงความแตกต่างจากภาพสะท้อนของตัวเองที่เห็นได้จากกระจกเงาทั่วไป หากแต่เขาก็ยังจับสังเกตไม่ได้เหมือนกันว่าความแตกต่างที่ว่าคืออะไร

 

            “พวกเธอเห็นความพิเศษที่ซ่อนอยู่ในกระจกนี้หรือไม่” ครูอิสราเอ่ยถามพวกเขาด้วยน้ำเสียงเนิบๆ ดวงตาคมคู่นั้นพิจารณามาที่พวกเขาทั้งสองคน

 

            “กระจกนี้แสดงถึงพลังงานบางอย่างที่หล่อเลี้ยงร่างกายเราอยู่”

 

            เสียงของธันเอ่ยตอบมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่แสดงอารมณ์นัก หลังจากที่คำถามนั้นจบไปชั่วอึดใจหนึ่ง เฟี๊ยตที่ทำได้แต่พยักหน้าน้อยๆ นั่น จึงลองหันกลับไปตั้งใจค้นหาความผิดปรกติของเงาสะท้อนในกระจกนั่นอีกครั้ง เขาสังเกตตามคำพูดของธันก่อนจะพบว่า ภาพนั้นมันมีลักษณะเหมือนที่เด็กหนุ่มพูดอยู่จริงๆ เขารู้สึกว่ามีแสงอ่อนๆ หรือที่น่าจะเรียกได้ว่าออร่าเปล่งออกมาจากตัวเขาเอง

 

 

            “ถูกต้องค่ะ กระจกที่พวกเธอกำลังเห็นอยู่นี่เป็นกระจกเงาที่สามารถสะท้อนพลังงานที่หล่อเลี้ยงชีวิตของพวกเธออยู่ เธอลองสังเกตตัวเธอกับประตูที่อยู่อีกด้านหนึ่งนั่นสิคะ เธอจะเห็นความแตกต่างว่า ตัวพวกเธอนั้นมีพลังงานอย่างหนึ่งหล่อเลี้ยงอยู่ หากเธอพิจารณาให้ดี เธอจะพบว่าแสงออร่าอ่อนๆ สีเหลืองที่เธอพบอยู่บนตัวของพวกเธอนี่ ไม่มีอยู่บนประตูที่ไม่มีชีวิตบานนั้นค่ะ” ครูของเขาชี้ไปที่ประตูอีกด้านหนึ่งฝั่งที่เขาเดินเข้ามานั่นเอง

 

            “ใช่จริงๆ ด้วย”

 

เสียงของเฟี๊ยตรำพึงออกมาเหมือนจะตั้งใจพูดกับตัวเองมากกว่า ตอบคำอธิบายของผู้หญิงวัยกลางคนที่อยู่ตรงหน้าคนนี้

 

“ออร่าสีเหลืองอ่อนที่เธอเห็นอยู่นี่คือลักษณะของ ชี่ ซึ่งจะสามารถแบ่งแยกสิ่งมีชีวิตออกจากสิ่งไม่มีชีวิตได้ ผู้คนในเกมนี้ทุกคนไม่จำเป็นต้องมีชี่เป็นของตัวเอง ถ้าใครมีชี่ นั่นแปลว่าคนๆ นั้นมีชีวิตอยู่จริงในโลกของความเป็นจริง แต่ถ้าไม่ นั่นก็แปลว่าคนๆ นั้นเป็นเพียงบทบาทสมมติที่โซดิแอคสร้างขึ้นเท่านั้น”

 

เด็กหนุ่มสายฟ้าอดไม่ได้เลยที่จะชำเลืองตาไปมองเงาของผู้ที่ได้ชื่อว่าครูของเขาในกระจกนั่น ธันพบว่า ครูอิสราคนนั้นก็มีชี่หล่อเลี้ยงอยู่เช่นกัน นั่นแปลว่า เธอเองก็มีชีวิตอยู่ในโลกความเป็นจริงเช่นกัน

 

 

“ต่อไป เธอลองยืนกระต่ายขาเดียวซิ๊ ทำเป็นไหม เธอลองยืนแล้วหันไปมองกระจก แล้วลองสังเกตความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นดู”

 

เฟี๊ยตยกแขนสองข้างขึ้นขนานกับพื้น ก่อนจะเอาขาข้างขวายกขึ้นตั้งฉากกับเอวและนำมาแตะไว้ตรงหัวเข่าข้างซ้าย เพื่อทรงตัวขาเดียวอย่างว่าง่าย ในขณะที่ธันเองมีท่าทีอิดออด แต่เมื่อเห็นว่าเขาทำอย่างไม่อุทธรณ์ใดๆ เด็กหนุ่มจึงทำตามต่อมาอย่างเสียไม่ได้

 

เฟี๊ยตพยายามจับจ้องไปที่ภาพเงาสะท้อนของตัวเองในกระจกนั่น หากแต่เขาก็ไม่เห็นอะไรที่แตกต่างไปอย่างชัดเจน เขาจึงปิดปากเงียบไว้ก่อน ในขณะที่ธันก็เอาแต่จับจ้องไปที่กระจกนั่น และไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาเช่นกัน

 

เวลาผ่านไปอย่างนั้นประมาณ 5 นาทีได้ ความเมื่อยเริ่มจู่โจมเฟี๊ยตเข้ามาน้อยๆ หากแต่ก็ไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรงอะไรที่จะอดทนและรอคอยคำตอบนั่น จนช่วงจังหวะหนึ่งที่เขาเผลอใจลอยไปจนลืมควบคุมท่าทางการยืนนั่น ตัวของเฟี๊ยตเอนไปทางด้านซ้ายน้อยๆ แต่เขาก็พยายามควบคุมสติและกลับมาทรงตัวให้ได้อีกครั้ง เขาพยายามอย่างหนักที่จะใช้ฝ่าเท้าช่วยควบคุมสมดุลของท่าทางดังกล่าว

 

 

“ออร่าสีส้มหรือเปล่าครับ” เฟี๊ยตเอ่ยขึ้นเบาๆ อย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก

 

“ถูกต้องค่ะ เมื่อได้คำตอบแล้วก็ยืนปรกติได้แล้วค่ะ”

 

หญิงสาวคนเดียวในห้องนั้นตอบขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆ อย่างพึงพอใจ เฟี๊ยตถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ที่จะได้เลิกทำท่าตลกๆ นี่เสียที

 

“เธอคิดว่าออร่าสีส้มเป็นตัวแทนของพลังงานอะไร” ครูคนนั้นหันมาทางเภสัชกรหนุ่ม ก่อนจะเอ่ยคำถามดังกล่าวขึ้น

 

“จิตครับ ผมคิดว่าน่าจะเป็นจิต” เฟี๊ยตเอ่ยออกไปอย่างไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่นัก

 

“ใช่ค่ะ ออร่าสีส้มเป็นลักษณะของจิต เธอจะสังเกตได้ว่าในลักษณะปรกตินั่น ออร่าสีส้มจะไม่ปรากฏขึ้นมาชัดจนมองเห็นได้เท่าไหร่นัก จวบจนกระทั่งเธอใช้ความตั้งใจอย่างสูงในการควบคุมร่างกายหรืออวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่ง จิตของเธอนั้นจะโดดเด่นขึ้นมาอย่างที่เธอพบเห็นเมื่อสักครู่นี้ ขณะที่เธอกำลังพยายามควบคุมการทรงตัวในช่วงสุดท้ายที่จะล้มลงนั่นเอง” ครูคนนั้นเผยยิ้มให้เขานิดหน่อย ก่อนจะเริ่มพูดต่อไป

 

“โดยปรกติแล้ว จิตของบุคคลจะมีขอบเขตอยู่ที่ร่างกายของบุคคลนั้นๆ เท่านั้น จิตของคนทั่วไปไม่อาจแบ่งจิตไปสถิตอยู่กับวัตถุอื่นใดได้ แต่โดยในความเป็นจริงแล้วก็มีผู้ที่สามารถทำได้ หากแต่มันเป็นศาสตร์ที่ลึกลับเกินกว่าที่คนทั่วไปควรจะเรียนรู้”

 

“จิตของเธอจะถูกผูกไว้กับอวัยวะในส่วนที่เธอควบคุมได้เท่านั้น พูดให้เข้าใจกันตรงๆ ก็คือทุกบริเวณที่ระบบประสาท somatic nervous system ของเธอไปถึงนั่นเอง ดังนั้น จิตของคนทั่วไปจะไม่อาจควบคุมอวัยวะอื่นใดที่เกินไปจากขอบเขตนี้ได้ แต่แน่นอน ผู้เชี่ยวชาญระดับสูงย่อมสามารถควบคุมจิตของตนได้ทั่วทุกอณูของร่างกาย นั่นหมายความว่า หากเธอศึกษาให้สูงขึ้นไปอีกนั้น แม้แต่หัวใจของเธอ เธอก็สามารถบังคับให้มันหยุดเต้นได้ แม้แต่สมองของเธอ เธอก็สามารถบังคับให้มันลืมหรือจำอะไรได้ตามต้องการ”

 

 

“เป้าหมายของการเรียนของเราในคลาสนี้ คือการสามารถควบคุมตัวเองให้ยึดติดอยู่กับเรือบิน และไม่หลุดลอยไปตามลมกรรโชกได้ โดยโจทย์แล้ว พวกเธอไม่จำเป็นต้องดึงจักระออกมาใช้เพียงแต่น้อย แค่จิตอันมั่นคงของพวกเธอก็เพียงพอแล้ว ดังนั้น ครูจะสอนพวกเธอควบคุมจิตของตนให้มีประสิทธิภาพเสียก่อน หากมีเวลาเพียงพอ ก็จะสอนเพิ่มเติมในส่วนจักระให้” ครูวัยกลางคนของเขากล่าวเริ่มต้นเข้าสู่บทเรียนอีกครั้ง

 

“แล้วเรียนควบคุมจักระ และใช้จักระยึดตัวเองไว้กับวิหารไม่ได้เหรอครับ”

 

ธันหันหน้าไปทางหญิงสาวคนนั้น ก่อนจะเอ่ยแย้งขึ้นมาเป็นคำถาม แม้น้ำเสียงจะไม่ได้ดูก้าวร้าวแต่อย่างใดหากแต่มันก็ไม่ได้ฟังดูนุ่มนวลหูเท่าไหร่นัก

 

“ควบคุมจิตเธอให้ได้เสียก่อน ก่อนจะพยายามควบคุมจักระที่อยู่ภายในของเธอนั้น วิชาควบคุมจักระยากเป็นพันเท่าหมื่นเท่าของการกำหนดจิตนัก เธออาจจะเข้าใจผิดว่าจักระเป็นเรื่องง่ายๆ นั่นก็เป็นเพราะว่าคนทั่วไปสับสนระหว่างคำว่า ชี่ จิต และจักระกันนั่นเอง หากเธอได้เจอผู้รู้และศึกษาให้ถึงแก่นแล้ว เธอจะพบว่าจำนวนผู้ที่รู้จักจักระอย่างแท้จริงนั้นมีอยู่น้อยเหลือเกินในเกมนี้ อาจจะอยู่ในหลักสิบเสียด้วยซ้ำ”

 

ครูอิสรากล่าวขึ้นมาอย่างเรียบๆ แต่ก็แฝงไว้ด้วยการฟาดฟันทางคำพูดอยู่อย่างลึกๆ นั่น รอยยิ้มที่เธอส่งมาให้นั้นดูเคลืองแคลงไปด้วยความนัยอยู่ไม่น้อยเลย

 

“ได้เลยครับ ตามที่คุณครูบอกเลยครับ เริ่มต้นจากการควบคุมจิตตามที่ครูบอกเลยก็ได้ครับ ถ้ามีเวลาเหลือหลังจากนั้นค่อยเพิ่มเติมกันภายหลัง”

 

เสียงของเฟี๊ยตเอ่ยขัดขึ้นมาอย่างนุ่มนวลเป็นการขัดตราทัพที่กำลังเริ่มก่อตัวขึ้นอย่างน้อยๆ นั่น และคำพูดของเขาก็ดูเหมือนจะเป็นการตัดบทเพื่อเข้าสู่การเรียนรู้ในขั้นตอนต่อไป ทั้งครูและศิษย์ที่เหลืออีกสองคนก็ดูจะไม่ใส่ใจจะหาความใดๆ กันอีก บทเรียนของวันนั้นจึงเริ่มต้นด้วยประการนี้เอง

 

 

คาบเรียนอันแสนยาวนานของวันนั้นดำเนินไปจนจบเมื่อตะวันตกดินนั่นเอง ครูอิสราสอนถึงพื้นฐานการควบคุมอวัยวะต่างๆ ในร่างกายให้สมบูรณ์พร้อมด้วยจิต เริ่มต้นจากการกำหนดลมหายใจเข้าออก เขาสองคนเรียนรู้การกำหนดลมหายใจให้ยาวนานขึ้น ตั้งสติอยู่กับอากาศที่เดินทางไปตามอวัยวะเหล่านั้น ครูอิสราสอนให้พวกเขาค่อยๆ ขยายอาณาเขตของลมหายใจให้กว้างขึ้น หายใจเข้าให้นานขึ้น หายใจออกให้นานขึ้น ฝึกการกลั้นลมหายใจให้ได้นานขึ้น รวมถึงการดึงศักยภาพปอดมาใช้ให้สมบูรณ์

 

หลังจากนั้น พวกเขาก็ได้เรียนรู้การกำหนดจิตไว้ที่ปาก พวกเขาต้องใช้เวลาร่วมชั่วโมงเพื่อผ่านพ้นบทเรียนเหล่านั้นไปให้ได้ ครูสั่งให้เขากำหนดลิ้นตัวเองให้รู้สึกตามความปารถนาตนเองให้ได้ สั่งให้เปรี้ยว ต้องรู้สึกเปรี้ยว สั่งให้หวาน ต้องรู้สึกหวาน ราวกับว่า พวกเขาสามารถปรุงแต่งรสชาติอาหารใดๆ ขึ้นก็ได้ ทั้งๆ ที่ไม่มีวัตถุหรือสสารใดตกต้องถึงลิ้นของพวกเขาอย่างแท้จริงเลย

 

การเรียนดำเนินไปทางลักษณะแบบนี้เรื่อยๆ หากแต่เปลี่ยนอวัยวะไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย ไล่ไปตั้งแต่จมูก ปาก ลิ้น ตา หู แขน ขา ฝ่ามือ ฝ่าเท้า รวมไปถึงทุกอวัยวะที่ระบบประสาทภายใต้อำนาจจิตใจจะไปถึง หลายครั้งที่เฟี๊ยตจวนเจียนจะหมดแรงนั่น ในใจส่วนลึกเขาก็ตะโกนก้องออกมาว่า นี่เป็นโอกาสที่หาไม่ได้ง่ายๆ เลย ที่จะได้เรียนเรื่องเหล่านี้ พวกเขามีเวลาแค่สามวันเท่านั้น พวกเขาต้องซึมซับความรู้จากสามวันนี้ไปให้ได้มากที่สุด หนทางของการเกมนี่ยังอีกยาวไกลนัก!




เพจสำหรับเม้ามอยหอยเป๋าฮื้อ : www.facebook.com/allornonetheauthor

จากผู้แต่ง : วันนี้ตั้งใจว่าจะต้องแต่งให้ได้ห้าตอน ตุนเก็บไว้ เพราะอาทิตย์หน้าว่าจะไปเที่ยวทะเล แต่จนแล้วจนรอด แต่งทั้งวันก็ได้แค่สองตอนเท่านั้น โฮฮฮฮฮฮ นักเขียนที่เขาแต่งนิยายขายกันเป็นเรื่องเป็นราวนี่ช่างเก่งชะมัด ผมต้องสอบ IELTS อีก พูดแล้วน้ำตาจะไหล เฮ้อออ ภาษาอังกฤษงูๆ ปลาๆ มาก ผมจะได้คะแนนติดลบไหม ฮ่าฮ่า

ปล. เม้นน้อยอะ ไม่ยอมเม้นเดี๋ยวจะไม่ยอมลงนิยายบ้าง อิอิ แลกกันๆ

ออฟไลน์ lukkeng

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-0
ใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้ายใจร้าย

คนที่อ่านแล้วไม่เม้นนับเป็นคนใจร้ายทุกคน ชิส์!

ออฟไลน์ igaga

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 241
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
แง่ๆๆๆๆ คนเขียนอย่าใจร้ายนะ
แง่ๆๆๆๆ

ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1860
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2
รับรสได้โดยไม่มีวัตถุ เก๋อ้ะ

ออฟไลน์ Umiko

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0

กำลังสนุกเลย....
ทั้งคู่เริ่มหวานกันแล้วน่ารักมาก...


ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
โอย ตอนนี้มันทฤษฎีจ๋าเสียจริง

มึนๆ  :mew5:

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
มาวนแรกบทเรียนก็เข้มข้นละ

แบบนี้เฟี๊ยตของเราต้องเก่งขึ้นอีกมากแน่ๆเลย

ว่าแต่หนูธันแอบก้าวร้าวกับคุณครูนะ ไม่ดีๆ อิอิ

รอตอนต่อไปจ้า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ zylph_z

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 213
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
ธันกับเฟี๊ยตมีฉากหวานๆบ่อยนะ แต่ธันชอบกวนประสาทเบรคความหวานตลอดอ่ะ สงสัยคงจะกลัวตกหลุมรักเฟี๊ยตละมั้ง
ถึงตอนฝึกควบคุมจิตนี่คิดอยู่เลยว่าธันจะตีกับครูมั้ยนะ เหมือนต่อต้านนิดๆ ยังดีที่เฟี๊ยตพอช่วยแก้ไขไปได้ รอตอนต่อไปจ้า

ออฟไลน์ fanglest

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
อ่านทันแล้ว  เย้!
มารอตอนต่อไปจ้า
กำลังมันส์เลย
สู้ๆน้า อย่าพึ่งน้อยใจสิ
 :กอด1:
 :L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ mildmint0

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
คนแต่งอย่างอล น้าาาาาา
พยายามจะเข้ามาอ่านเรื่อยๆ
และจริงๆก็เม้นต์ทุกครั้งที่มาลง
แต่ช่วงนี้เข้าสอบไฟนอล
ไม่ได้เข้ามาเลยยยย
มีแบบเข้ามาอ่านทางมือถือแล้วออก
แต่อยากมาเม้นต์ให้จริงๆน้าาาา

กึ๋ย ตอนนี้ ธันกับเฟี๊ยต แอบแบบ
มีซัมธิง รอง กันแล้ว ตอนอ่านแบบ ..
นึกว่าจะเผลอตัวจูบอะไรงี้
ฮ่าๆๆๆ ฝันกลางวันมากกกกก
ธันก็นะ กลบเกลื่อนได้ดีแฮะ
น่าจะมีเผลอจูบกันโดยไม่ตั้งใจเนอะ
อีกเรื่อง พอพูดถึงหัสดิน
อาจารย์สอนจักระ แอบน่าสนอยู่นะ
เค้าคงเป็นอาจารย์ที่เก่ง
อยู่ที่เฟี๊ยตจะมีโอกาสได้เจอหรือเปล่า
ถ้าเจอ เฟี๊ยตคงเก่งขึ้นอีกหลายขุม
เป็นกำลังใจให้คนแต่งเน้ออออ


 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ tutankamen

  • ผีสิงประจำเล้า
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
    • Facebook ของผมเองครับ
เอ้าๆ ท่าน อ้น เค้าโวยแล้ว ตอบโพสให้เค้าหน่อยครับ ผมตอบไม่ค่อยเก่งซะด้วยสิ

ปล.พ่อหนุ่มธันหวังว่านานไปคงไม่กัดครูหรอกนะ -*-

ออฟไลน์ lukkeng

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-0
บทที่ 139 Orange Aura

 

            “โอ๊ย ทำไมมันเหนื่อยอย่างงี้วะ”

 

            ธันบ่นออกมาเสียงดังพร้อมกับทิ้งตัวลงบนพื้นห้องเรียนนั่นอย่างหมดสภาพ หลังจากที่ครูอิสราได้กล่าวปิดการเรียนวันแรก และออกไปจากห้องเพียงไม่นานเท่านั้น

 

            “เออ นี่ขนาดแทบไม่ได้ทำอะไรเลยนะเนี่ย ทำไมรู้สึกว่าเหนื่อยกว่าฝึกมวยไทยเสียอีก”

 

            เฟี๊ยตทรุดตัวลงนั่งกับพื้นข้างๆ ธัน ก่อนจะพูดออกมาอย่างเห็นด้วย เขาเหนื่อยจริงๆ สภาพตอนนี้เหมือนสมองผ่านการใช้งานมาอย่างหนักหน่วง

 

            “เล่นมวยไทยด้วยเหรอ หน้าตางี้ไปเรียนพวกวิชาเส้าหลินดีกว่ามั้ง ฮ่าฮ่า” เสียงธันเริ่มยียวนอีกครั้ง หลังจากได้นอนผึ่งหลังไปกับพื้น

 

            “ยุ่งน่า ว่าแต่ทำไมดูเขม่นๆ ครูอิสราเขาจัง” เฟี๊ยตเอ่ยถามขึ้นน้อยๆ ทั้งๆ ที่ในใจของเขาก็แอบมีคำตอบที่คิดว่าใช่อยู่แล้ว

 

            “ไม่ชอบ พูดจาหยิ่ง เหมือนดูถูกคนอื่นอยู่ตลอด หมั่นไส้” ธันเอ่ยขึ้นเบาๆ จมูกโด่งนั่นเชิดขึ้นอย่างเด็กไม่ยอมโตหัวรั้นอย่างใดอย่างนั้น

 

            “อย่าคิดมากเลยธัน เราคิดว่าคนแบบนี้ดีเสียอีก แสดงออกกันตรงๆ แบบนี้เนี่ยแหละ ชอบก็ชอบ ไม่ชอบก็ไม่ชอบ พวกคนหน้าไหว้หลังหลอกน่ากลัวกว่านี้เยอะ ถ้าธันได้เจอคนที่ไม่เคยจริงใจอะไรกับเราสักอย่างเลยบางคนนะ ธันอาจจะไม่กล้าไว้ใจใครไปตลอดชีวิตเลยก็ได้”

 

            เฟี๊ยตพูดขึ้นพร้อมดันตัวเองลุกขึ้นจากพื้นเพื่อจะไปกินอาหารเย็นที่ห้องโถงเดิมนั่น และจะได้ไปพักผ่อนเสียที ธันเองในขณะนั้นก็ไม่ได้เอ่ยปากแสดงความคิดเห็นใดๆ เพิ่มเติมอีก

 

เด็กหนุ่มที่นอนแผ่อยู่บนพื้นนั้นเอื้อมมือส่งมาให้เขาอย่างไม่พูดจาอะไรทั้งสิ้น เฟี๊ยตที่กำลังยืนมองอยู่นั้นก็เพียงแต่ส่ายหัวน้อยๆ เท่านั้น หากแต่ตัวธันเองก็ไม่ยอมแพ้ เด็กหนุ่มพยักหน้าหงึกหงักน้อยๆ และยังคงยื่นมือค้างไว้กลางอากาศอยู่อย่างนั้น ในขณะที่ ทางอีกฝ่ายก็ยังคงยืนกรานปฏิเสธเช่นเดิม เฟี๊ยตยืนกอดอกพร้อมกับส่ายหน้าเป็นสัญญาณ เด็กหนุ่มอีกคนเห็นดังนั้นก็เผยอริมฝีปากออก ก่อนจะขยับปากพูดอะไรบางอย่างออกมาอย่างไม่มีเสียงด้วยประโยคที่พวกเขารู้กันเพียงสองคนเท่านั้น เมื่อเภสัชกรหนุ่มเห็นดังกล่าว เขาก็ทำได้แต่เบือนหน้าออกไปเล็กน้อย พร้อมกับถอนหายใจออกมาหนึ่งเฮือก เฟี๊ยตตัดสินใจยื่นมือออกไปให้คนตรงหน้านั่นอย่างยอมแพ้ เมื่อธันเห็นดังนั้นจึงยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี แล้วจึงใช้มือของตนจับประสานเข้ากับมือของเพื่อนร่วมทีมนั่นเพื่อดึงตัวเองให้กลับมาลุกขึ้นยืน

 

“ก็แค่นี้”

 

ธันพูดพร้อมกับรอยยิ้ม ก่อนจะเดินนำชายอีกคนออกจากห้องเรียนสี่เหลี่ยมนั่น เพื่อมุ่งตรงสู่สถานที่รับประทานอาหารในเย็นวันนี้ เฟี๊ยตที่เห็นดังนั้นก็ได้แต่ส่ายหัวด้วยท่าทางเอือมระอาอย่างนั้น พร้อมกับก้าวเท้ายาวตามไปเงียบๆ หากแต่ถ้าลองสังเกตอย่างตั้งใจแล้ว ใบหน้าของเฟี๊ยตก็แต้มไว้ด้วยรอยยิ้มที่สดใสไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเด็กจอมยั่วโทสะอีกคนนั่นเลย

 

 

อาหารเย็นในวันนั้นเป็นไปอย่างเต็มพิกัดยิ่งกว่าเมื่อวานเสียอีก พนักงานหญิงที่ดูแลห้องอาหารนั้นเตรียมอาหารไว้ชุดใหญ่ราวกับรู้ว่าพวกเขาทั้งสองคนกรำศึกการเรียนกับครูอิสรามาอย่างหนักหนาสาหัสเพียงใด อาหารถูกทยอยไล่เสิร์ฟขึ้นบนโต๊ะอย่างเป็นลำดับขั้นตอน ตั้งแต่อาหารเรียกน้ำย่อยที่เป็นผักสามอย่างย่างมาอย่างพอเหมาะ ราดด้วยซอสรสเปรี้ยว ต่อด้วยสลัดที่เสิร์ฟพร้อมมันบดจานใหญ่ ซุปกุ้งมังกรสีส้มข้นด้วยครีมที่มีรสหัวหอมอยู่อ่อนๆ ก่อนจะมาถึงอาหารจานหลักที่ทำขึ้นด้วยปลากับมันฝรั่งทอดกรอบ พวกเขาทั้งสองกินจนหมดเกลี้ยงทุกจาน ตอนแรกพวกเขารู้สึกว่าเหนื่อยอยู่พอสมควร แต่เมื่อเริ่มกินอาหารคำแรกเข้าไปแล้ว พวกเขารู้ได้เลยว่าพวกเขาต้องการพลังงานมากกว่าที่คิดไว้ตอนแรกมาก ธันลูบท้องตัวเองน้อยๆ หลังจากจัดการทีรามิสุราดผงโกโก้ที่เป็นของหวานปิดท้ายมื้ออาหารนั่นเรียบร้อยแล้ว พวกเขาทั้งสองอารมณ์ดีขึ้นมากโขจริงๆ การฝึกวิชามาเหนื่อยๆ แล้วได้จัดการมื้อเย็นอย่างเต็มคราบนี่ก็ให้ความรู้สึกที่ดีไปอีกแบบหนึ่งเลย

 

 

พวกเขากลับมาถึงห้องไม่นานหลังจากจัดการมื้อเย็นนั่นเสร็จ เฟี๊ยตไล่ธันไปอาบน้ำก่อนเป็นคนแรก ในขณะที่เขานั่งเอาการ์ดที่มีในสมุดออกมาจัดเรียงและทบทวนอีกครั้ง วันสองวันที่ผ่านมา เขาไม่ได้มีโอกาสเรียกการ์ดออกมาใช้เลย นั่นแปลว่า เขาอาจจะมีโอกาสหลงลืมมันเวลาจำเป็นต้องใช้ได้ นิ้วเรียวยาวนั่นไล่เปิดหนังสือที่แสนจะคุ้นเคยไปทีละหน้าๆ เมื่อมองไปแล้ว ตัวเขาเองก็อดไม่ได้เลยที่อมยิ้มออกมา ไพ่แต่ละใบก็มีความทรงจำของตัวเอง สมุดคู่ใจนี่ก็เหมือนไดอารี่ดีๆ อีกเล่มนี่เอง มันอัดแน่นไว้ด้วยความทรงจำของเขาเต็มไปหมด เรื่องราวตั้งแต่เขาเข้าเกมมาถูกร้อยเรียงออกมาผ่านการ์ดเหล่านั้น

 

ชายหนุ่มรู้สึกราวกับว่าเขาเล่นเกมนี้มานานแสนนาน ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงแล้ว มันยังไม่ถึงเวลาหนึ่งอาทิตย์ในโลกแห่งความเป็นจริงด้วยซ้ำ แต่เหตุการณ์เสี่ยงตายหลายต่อหลายครั้งมันทำให้เวลาเหล่านั้นดูจะยืดยาวออกไปอย่างไม่มีขอบเขตเลย เฟี๊ยตเดินออกไปตรงระเบียง ก่อนจะแหงนหน้ามองดูดวงดาวที่ประดับอยู่เต็มท้องฟ้านั่น เขาผูกพันกับเกมนี้อย่างบอกไม่ถูก ทำไปทำมา เขาดูจะสนุกกับการอยู่ในเกมมากกว่าการใช้ชีวิตอยู่ในชีวิตจริงเสียอีก คิดดังนั้น เฟี๊ยตก็หัวเราะออกมาน้อยๆ อย่างไม่มีสาเหตุ ชายหนุ่มไม่อยากจะคิดถึงวันที่เกมนี้จบลงเลย ถึงวันนั้นเขาจะเป็นอย่างไรก็ไม่รู้ คงจะต้องขอบคุณจดหมายฉบับนั้นที่ส่งมาถึงเขาในวันนั้น ใครจะรู้ว่ากระดาษอิเล็กทรอนิกส์เพียงใบเดียวใบนั้นจะเปลี่ยนแปลงชีวิตเขาไปได้มากมายถึงเพียงนี้

 

 

“ไบเบิ้ล”

 

“นายท่าน”

 

“เป็นไปได้ไหมที่คนที่รู้จักกันในเกมจะพัฒนาความสัมพันธ์เป็นเพื่อนกันในชีวิตจริง”

 

เฟี๊ยตเอ่ยถามออกไป อย่างที่ตัวเขาก็ไม่มีเหตุผลเหมือนกัน มันอาจจะมีจุดเริ่มต้นมาจากความสัมพันธ์ดีๆ ที่เขาคิดจะรักษาเอาไว้ก็เป็นได้

 

“เป็นไปได้ นายท่าน หากแต่ต้องขึ้นอยู่กับความยินยอมของบุคคลทั้งสองเองด้วย โดยพื้นฐาน เกมนี้มีระบบป้องกันการจดจำใบหน้าของผู้เล่นทุกคนไว้ นั่นหมายความว่า ถ้าผู้เล่นไม่มีการนัดเจอ หรือแลกเปลี่ยนข้อมูลส่วนตัวใดๆ กันเอง พวกเขาก็จะจำกันไม่ได้ ถึงแม้ว่าจะเป็นเพื่อนสนิทกันมากแค่ไหนในเกมก็ตาม” ไบเบิ้ลเอ่ยอธิบายข้อมูลที่ตัวเขาเองก็รู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว

 

“รูปร่าง หน้าตา บุคลิกภาพทุกอย่างของผู้เล่นในเกมนี้เหมือนกับชีวิตจริงทุกประการอย่างนั้นหรือ ไบเบิ้ล” เสียงของเขาเอ่ยถามต่อ

 

“ถูกต้อง นายท่าน ระบบของเกมจะประมวลผลให้ผู้เล่นที่เข้ามาในเกมมีลักษณะเหมือนกับตัวเขาในชีวิตจริงทุกประการ แต่นั่นหมายความว่า ผู้เล่นเหล่านั้นจะต้องอยู่ในสภาพปรกติ ถ้าหากผู้เล่นใช้การ์ดเวทมนตร์บางประเภทเพื่อเปลี่ยนแปลงรูปร่างหรือลักษณะหน้าตาไป นั่นก็จะทำให้แตกต่างออกไปจากความเป็นจริง” ชายหนุ่มพยักหน้าน้อยๆ เมื่อฟังคำพูดเหล่านั้นจบ

 

“แปรว่าถ้าปราศจากอำนาจจากการ์ดใดๆ แล้ว สิ่งที่เราเห็นอยู่เบื้องหน้า มันคือความเป็นจริง ถูกไหม” เฟี๊ยตพูดพร้อมกับเบือนหน้ากลับไปทางห้องพักน้อยๆ

 

“เกือบจะถูกต้องทุกประการ นายท่าน หากแต่มีข้อยกเว้นอยู่เพียงหนึ่งเดียวว่า ผู้ที่เป็นโซดิแอคนั้นสามารถรังสรรค์ตัวตนขึ้นมาเองได้ตามใจปารถนา ดังนั้น เมื่อท่านพบโซดิแอคในเกม กับโซดิแอคในชีวิตจริง เขาเหล่านั้นอาจจะต่างกันโดยสิ้นเชิงเลยก็เป็นได้ หรืออีกนัยหนึ่ง ถ้าท่านได้พบเห็นกับคนที่มีลักษณะผิดไปเกินกว่าจะเป็นมนุษย์ธรรมดา แต่เขาเหล่านั้นยังคงมีลักษณะตัวตนของความเป็นผู้เล่นอยู่ ข้อเท็จจริงนั้นก็ทำให้ท่านสันนิษฐานได้ว่าคนๆ นั้นอาจจะเป็นโซดิแอคผู้สร้างเกมนี้ขึ้นนั่นเอง”

 

 

เภสัชกรหนุ่มที่เผลอปล่อยความคิดตัวเองให้ล่องลอยไปตามอากาศเย็นสบายในยามค่ำคืนนั่นเรียกตัวเองกลับมาอีกครั้ง ก่อนจะกลับเข้าสู่บริเวณห้องพักของเขา เฟี๊ยตตั้งใจจะเอ่ยปากบอกให้ธันกลับไปนอนที่ห้องพักของตน เพราะคิดว่าสถานการณ์น่าจะไว้วางใจได้แล้ว แต่จนแล้วจนรอด ความคิดของเขาก็กลายเป็นหมันเสียสนิท เนื่องจากเจ้าเด็กหนุ่มนั่นชิงหลับตัดหน้าเขาไปเสียแล้ว เฟี๊ยตเห็นดังนั้นก็ได้แต่หัวเราะออกมาน้อยๆ ก่อนจะพาตัวเองเข้าไปชำระล้างร่างกายเพื่อเตรียมตัวพักผ่อนในค่ำคืนนี้เช่นกัน

 
ค่ำคืนนั้นผ่านไปอย่างสงบเรียบร้อยดี หากจะมีปัญหาอะไรสักอย่างก็คงจะเป็นที่เจ้าธันที่นอนกินที่กินทางเป็นอย่างมาก หลังจากที่เฟี๊ยตออกมาจากห้องน้ำ เขาก็พบว่าเจ้าเด็กนั่นนอนแผ่ตัวเองเต็มเตียงนั่นอยู่ก่อนแล้ว ตัวเขาเองหาพื้นที่ที่จะล้มตัวลงนอนไม่ถูกเลย จะนอนลงฝั่งขวาของเตียง มันก็ถูกกินที่ด้วยขาของเจ้าเด็กนั่น แต่หากจะเลือกทิ้งตัวลงทางฝั่งซ้าย มันก็มีช่วงบนของธันกินพื้นที่อยู่ เฟี๊ยตยืนตัดสินใจเงียบๆ อยู่ชั่วครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจนอนลงบริเวณด้านฝั่งขวาของธันหรือทางฝั่งซ้ายของเตียงนั่นเอง ทางนี้มีพื้นที่เหลือเยอะมากกว่า ติดอยู่ที่ว่า เด็กหนุ่มนั้นนอนเอาลำตัวช่วงบนเอียงมาทางฝั่งนี้ และด้วยลักษณะดังกล่าว ทำให้ชายหนุ่มทั้งสองจะต้องนอนอยู่ในท่าทางที่ใบหน้าต้องใกล้ชิดกันมากเป็นพิเศษกว่าทุกคืน



เพจสำหรับเม้ามอยหอยลายผัดพริกเผา : www.facebook.com/allornonetheauthor

จากผู้แต่ง : มีนักอ่านคนหนึ่งส่งลิ้งกระทู้ให้ดู เนื้อหาใจความเตือนผมอย่างอ้อมๆว่า ควรจะเลือกเรียกร้องคอมเม้นท์จากคนอ่าน และไม่ควรนำคำพูดว่าจะหยุดแต่งมาใช้ เพราะมันจะทำให้นักอ่านเหม็นเบื่อ และเลิกอ่านได้

บอกตามตรงว่าแว๊บแรกที่อ่านก็อารมณ์ขึ้นนิดนึง แต่พอได้บ่นระบายไปบ้างในแฟนเพจแล้วก็ค้นพบความจริงว่า เราคงไม่อาจทำให้ใครชอบเราได้ทุกคนหรอก ผมคงเลิกขอคอมเม้นจากคนอ่านไม่ได้หรอก คนแต่งนิยายทุกคนก็คงอยากรู้ฟีดแบ๊คกลับมาบ้าง หวังว่าคนอ่านคงจะเข้าใจ

ออฟไลน์ lukkeng

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-0
อยากรวมเล่มจัง T^T

ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1860
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2
ตื่นมาต้องมีเหตุการณ์เซอไพรส์แน่ๆ 55555

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
 :impress2: :o8: :-[ โอยยยยยยยยยยยย
ตอนนี้ดาเมจมาแบบกรุบกริบ แต่แค่ฉากจับมือ แทบจะฟินเลยทีเดียว
ถึงอยากจะให้ธันกับเฟี๊ยตเจอกันในโลกจริงเร็วๆ แต่ก็ยังไม่อยากให้เจอซะเท่าไหร่
กลัวมันจะกลายเป็นเพื่อนกันแทน

เรื่องนี้มีตอนลับแบบ SAO มั้ยน้า  :hao6: เหอๆ

ปอลิง : ถ้าจะรวมเล่มบอกเนิ่นๆนะ จะเก็บตังค์
นิยายคุณอ้นคงหน้ามากแน่ๆ

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
ทำไมมันมาแบบมึนๆแต่ฟินเบาๆนะ อิอิ

รอตอนต่อไปจ้า

ออฟไลน์ igaga

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 241
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
ถ้าคนเขียนรวมเล่ม สงสัยจะเป็นชุดใหญ่ๆเล่มหนาๆแน่เลย อิอิ เพราะเนื้อหาเยอะมากๆๆๆ
แต่ยังไงก็ยังติดตามกันอยุ่น้า อยากอ่านจนถึงตอบจบเลย อยากอ่านไปนานๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ fanglest

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
พึ่งรู้สึกตัว ก็ตอนที่ได้อ่านที่ละตอน(แบบไม่ได้อ่านไล่ต่อกัน) ว่า "เนื้อ" มันสั้นจริงๆ
เป็นเหตุการณ์ แค่เพียงวันเดียว สรุปใจความของตอนนี้ได้สั้นๆคือ
"ฝึกวิชา เดินไปนั่งเล่น พอนั่งเล่น ก็ไปกินข้าว แล้วก็นอน"
 คือ มันน่าเสียดายที่เขียนบอกว่า เป็นตอน ออร่าส้ม
ก็น่าจะมีเหตุการณ์อะไรเกี่ยวกับออร่าส้ม บ้าง "เนื้อ" จริงๆ มันก็น่าจะยาวกว่านี้
เอาให้มันได้ เนื้อหา แล้วก็เต็มอิ่มกับตอนนั้นไปเลย
มันรู้สึกเหมือนกับว่า ไม่สมที่ตั้งตา
ก็เข้าใจค่ะที่ว่ามันเป็นสไตท์ การเขียนของคุณ เราว่าแบบนี้มันก็โอเคดี แต่มันสั้นเกินไป จับเนื้อไม่ค่อยได้ในแต่ละตอน
อยากฝากให้ลองคิดดูนะคะ
ลองไปอ่านเรื่องนี้ดูนะคะ Crown to King (ในเด็กดี)
มันทำให้เราโหยหานิยายแฟนตาซี Y
บางทีมันอาจจะแนะแนว ทางการแต่งนิยายเรื่องแรกของคุณให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
เรายังรออ่านอยู่น้า
เป็นกำลังใจให้
สู้ๆน้า
 :กอด1:
 :L2: :L2: :L2:



ออฟไลน์ yong

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
อยากดูฤทธิธัน  เรื่องขอโพสไม่ผิดนะครับผมคิดว่าตนเราทำอะไรก็อยากให้มีคนชมอ่าน แต่ต้องทำใจ ดอกไม้กระบองก็ต้องรับ คนชมก็รับคนว่าก็ต้องไม่โกรธ  ส่วนใหญ่คนอ่านไม่ใช่นักวิจารณืคงเขียนได้แต่ความรู้สึก ผู้เขียนก็ต้องทำใจ เอายาวๆๆ เดี๋ยวมีเรื่องแข่งผู้เขียนนะ ผมชอบนะบอกตรงๆ และสิ่งที่บอกก็ไม่ผิด ที่บอกว่างอนน้อยใจก็ไม่ผิดปกติ  เคยอ่านผู้เขียนบ้างคนก็หายไป แต่กลับมาเขียนเพราะเขาก็ผูกพัน  ก้าวที่ละก้าว แต่มั่นคงจะยืนยาว  ไม่ได้เข้ามาโพสนะถ้ายังไม่ตกหน้า
เรื่องรวมเล่มบางที่ต้องคิดถึงความยาว เล่มหนาบางด้วยนะครับ   สุดท้ายคงต้องเป็นกำลังใจให้นะครับ มีความสุขสนุกดีที่ได้อ่าน

ออฟไลน์ hoshinokoe

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1042
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
อยากจะบอกว่าไล่ตามอ่านจนทันแล้ววววว 5555 ช่วงนึ้งานเยอะ กลับช้านก้อนอนเลย  ไม่มีเวลาเล่นเน็ตเลย งุงิ  ช่วงนี้ แขกกับตี๋จะหวั่นไหวกันบ่อยนะ 555 แต่ก้อชอบค่ะ เค้าคิดว่าแขกต้องเป็นเด็กมีปัญหาในชีวิตจริงๆแน่ๆเลย ท่าจำไม่ผิดเหมือนแขกจะไม่ค่อยพูดเรื่องส่วนตัวเลยนะ!!
ปล พูดถึงจักระก้อนึกถึงนารุโตะเลยแหะ  อิๆ  อย่างบทก่อนหน้านี้ก้อ สาระเยอะอ่านจนมึนเลยทีเดียว (เปนคนไม่ค่อยมีสาระไง)
แลีวจะรอตอนต่อไปนะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-02-2014 22:56:20 โดย hoshinokoe »

ออฟไลน์ lukkeng

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-0
บทที่ 140 Wide and Deep

 

            บทเรียนวันที่สองเรียกได้ว่ามีลักษณะเหมือนเมื่อวานไม่มีผิด หากแต่มันหนักหน่วงกว่าอย่างเห็นได้ชัด จนแทบจะเรียกได้ว่าโหดกว่าจนแทบเทียบกันไม่ติดฝุ่นเลย

 

            พวกเขาเริ่มต้นจากการฝึกลมหายใจเหมือนเดิม บทเรียนแทบจะไม่ต่างจากเดิมเลย คือสะกดการหายใจเข้า ควบคุมการหายใจออก และหยุดการหายใจไว้ให้ได้ หากแต่วันนี้ไม่ใช่การฝึกเปล่าๆ แบบเมื่อวานอีกแล้ว กลางห้องนั่นมีน้ำเปล่าอยู่ถังหนึ่ง พวกเขาต้องกลั้นลมหายใจใต้น้ำให้ได้นานที่สุด และจะต้องนานมากขึ้นสิบวินาทีทุกๆ ครั้งที่มีการเริ่มรอบใหม่แต่ละครั้ง ในช่วงแรกนั้น การฝึกดูจะเป็นไปได้อย่างไม่ยากลำบากเท่าไหร่นัก แต่เมื่อหน่วยวินาทีล่วงเข้ามาถึงหลักร้อย พวกเขาทั้งคู่ก็แทบจะถอดใจเลยทีเดียว

           

 

            “ไม่ไหวแล้ว!”

 

            ธันถอนศีรษะขึ้นจากถังกระจกใสบรรจุน้ำนั่นพร้อมกับพูดออกมาอย่างเหลืออด เด็กหนุ่มในสภาพเปียกปอนนอนแผ่ร่างอยู่กลางห้องนั่น ธันเริ่มต้นกลั้นหายใจได้มากกว่าเขา นั่นหมายความว่า ธันจะต้องเจอกับความยาวนานของช่วงเวลาดังกล่าวก่อนเขาแน่นอน

 

 

            “ถ้าไม่ไหวแล้ว อยากจะเลิกก็ได้ค่ะ” ครูคนเดิมเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

 

            “หมายความว่า?” ธันเอ่ยเสียงสูงขึ้นอย่างเป็นคำถาม การเรียนหลายชั่วโมงที่ผ่านมาสอนเขาว่าคนตรงหน้านี่จะไม่ปล่อยให้ลูกศิษย์หนีเรียนกลางคันแน่ถ้ายังไม่ถึงเป้าหมายที่ต้องการ

 

            “อย่างที่ครูเคยบอกเธอทั้งคู่ไปตั้งแต่ต้นว่าวิชาจิตและจักระนั้นเป็นความลึกลับซ้ำซ้อนเกินกว่ามนุษย์ทั่วไปจะเข้าถึงได้ นี่เป็นเพียงแค่ด่านแรกเท่านั้น ยังไม่ย่างก้าวข้ามธรณีประตูของคำว่าขีดจำกัดเลย เธอก็ทนไม่ได้เสียแล้ว เธอไม่ต้องตกใจไป เพราะเธอก็เป็นเหมือนคนอีกเป็นพันเป็นหมื่นคนอื่นนั่น หากตัวเธอยินดีจะยอมแพ้ และเลือกเดินในเส้นทางที่คนส่วนใหญ่บนโลกนี้เดิน มันก็ตามแต่ความปารถนาของเธอ” ครูอิสราพูดขึ้นอย่างเรียบง่าย รอยยิ้มนั้นดูเปี่ยมไปด้วยความเข้าใจและเห็นอกเห็นใจ แต่ตามความรู้สึกของธันแล้ว คำพูดดังกล่าวเป็นดั่งเสมือนยาพิษอาบน้ำผึ้งชัดๆ เขารู้สึกเหมือนกำลังโดนตบหน้าจากคนที่ได้ชื่อว่าครูตรงหน้านี้อย่างไม่มีผิดเพี้ยนเลย

 

 

            ธันที่กำลังนอนแผ่อย่างหมดแรงนั้นไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว เด็กหนุ่มขบกรามแน่นจนกรอบหน้านั่นเด่นขึ้นเป็นสัน ธันพุ่งตัวขึ้นอย่างไม่ยอมแพ้ ก่อนจะจุ่มหน้าลงในถังน้ำใสนั่นอีกครั้ง เขาอาจจะยอมแพ้ใครบนโลกนี้ก็ได้ แต่จะต้องไม่ใช่คนตรงหน้านี้แน่นอน

 

 

            “จงควบคุมจิตเหมือนว่าเธอกำลังหายใจเข้าพร้อมกับหายใจออกไปอย่างนั้น เมื่อไหร่ที่เธอหมดลมหายใจลง จงสะกดกลั้นลมหายใจให้ถึงที่สุด ก่อนจะกลับมาหายใจเข้าและออกพร้อมกันต่อไปเรื่อยๆ”

 

            เสียงหวานคมนั่นเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ เมื่อเห็นว่าธันกลับไปฝึกลมหายใจใต้น้ำอีกครั้ง ธันเองก็ไม่แสดงทีท่าว่ารับรู้แต่อย่างใด นอกจากยิ้มมุมปากขึ้นเพียงนิดเดียว

 

 

            ราวกับคำแนะนำนั้นเป็นประตูด่านสุดท้ายก่อนจะเข้าไปถึงความลึกล้ำไม่มีที่สิ้นสุดอย่างนั้น ธัน ณ เวลานั้นสามารถกลั้นลมหายใจได้ถึงสิบนาทีเต็ม แถมระหว่างนั้น เด็กหนุ่มยังทำหน้าเฉยๆ ราวกับว่าการหยุดหายใจนั้นเป็นเรื่องธรรมดาเสียเหลือเกิน ศาสตร์เรื่องจิตนี่ดูจะลึกลับซับซ้อนเกินกว่าจินตนาการไว้มากนัก

 

            เฟี๊ยตเองก็ลองพยายามทำตามเทคนิคที่ครูอิสรานั้นบอกดูบ้าง ก่อนที่จะพบว่าความทรมานในการสะกดกลั้นลมหายใจที่ประสบอยู่ก่อนหน้านี้หายไปแทบหมด การหยุดหายใจนั้นดูจะกลายเป็นเรื่องง่าย เมื่อเขาได้เรียนรู้วิชาควบคุมจิตและหลักการจากครูอิสรานั่นจริงๆ จังๆ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่สามารถสะกดลมหายใจในแต่ละช่วงได้นานเท่าธัน แต่มันก็พัฒนาขึ้นมากเมื่อเทียบกับตอนเริ่มต้นฝึกฝนนั่น

 

 

            “ครูอิสราครับ ถ้าผมตื่นกลับเข้าสู่โลกแห่งความเป็นจริง ผมจะสามารถกลั้นลมหายใจได้อย่างนี้ไหมครับ”

 

            เฟี๊ยตเอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัยถึงขีดสุด โลกสองโลกนี้ต่างก็เป็นโลกคู่ขนานของกันและกัน นี่ไม่หมายความว่า ถ้าเขาตื่นไปรอบนี้ เขาจะกลายเป็นยอดมนุษย์ไปเหรอนี่

 

            “เธออาจจะลืมไปแล้ว ว่าเกมที่เกิดใต้จิตสำนึกของเธอนี้จะทวีคูณความสามารถทางกายและทางใจเธอไปถึงสิบเท่า แต่ถึงแม้ว่าเธอจะกลั้นหายใจได้สิบชั่วโมง นั่นก็ไม่ได้แปลว่าเธอจะตื่นไปกลั้นหายใจได้หนึ่งชั่วโมงอย่างนั้น ระดับความสามารถกับระดับพลังงานในร่างกายมนุษย์มันเป็นความสัมพันธ์เอกโพเนนเชียลชี้ขึ้นไปไม่มีสิ้นสุด เธอจงอย่าลืมว่าวันนี้เธอเรียนแค่เพียงจิตเท่านั้น เธอยังไม่ได้ย่างก้าวตัวตนข้ามผ่านธรณีประตูที่เรียกว่าพลังแห่งจักระเลย จวบจนถึงวันนั้น เธออาจจะกลายเป็นอมนุษย์ที่สามารถล้มไพ่สูงสุดอันดับ 13 ที่เธอเพิ่งจะหนีหัวซุกหัวซุนมานั่นโดยไม่ต้องหยิบการ์ดขึ้นมาสักใบเลยก็ได้!”

 

 

            การฝึกฝนในวันที่สองและสามวนซ้ำไปซ้ำมาอย่างไม่มีสิ้นสุด พวกเขาฝึกจิตวนไปตามอวัยวะไปเรื่อยๆ ควบคุมจมูก ตา ปาก หู ลิ้น และร่างกายไปตามลำดับ กว่าจะจวบจนถึงวันที่สามนั่น พวกเขาก็สามารถวิดพื้นได้โดยใช้ปลายนิ้วชี้ข้างเดียวเสียแล้ว ยิ่งฝึก เขายิ่งรู้สึกราวกับว่าพวกเขาเดินก้าวผ่านจากความเป็นมนุษย์ออกไปเรื่อยๆ มันเกินขอบเขตของจินตนาการเขาไปมาก เรื่องเหล่านี้ดูจะน่ามหัศจรรย์ใจกว่าความสามารถที่ใช้จากการ์ดเสียอีก พลังพิเศษเหล่านี้ดูอยู่บนรากฐานของความเป็นจริงที่จับต้องได้ เรื่องราวเหล่านี้ตอกย้ำเขาว่า ถ้ามีมนุษย์คนไหนปลดปล่อยพลังงานของจิตได้อย่างเต็มที่แล้ว เรื่องราวยอดมนุษย์ที่เห็นในภาพยนตร์นี่ก็ไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลย

 

 

            “ยินดีด้วยค่ะ พวกเธอทั้งสองจบหลักสูตรการพัฒนาจิตเบื้องต้นเรียบร้อยแล้ว”

 

            เสียงของครูอิสราเอ่ยขึ้นมาพร้อมกับเสียงปรบมือในช่วงเวลาสุดท้ายของคาบเรียนวันที่สามนั่น รอยยิ้มของหญิงสาววัยกลางคนในชั่ววินาทีนั้นดูต่างจากที่แล้วมา มันดูเจือไว้ด้วยความพึงพอใจอย่างแท้จริง

 

            เด็กนักเรียนทั้งสองที่เวลานี้กำลังยืนห้อยหัวลงมาจากเพดานนั่นยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี พวกเขาทั้งสองเรียนรู้วิชารวบรวมจิตไว้ที่เท้าไว้อย่างนั้น ครูอิสราสอนให้เขาประพฤติตัวเหมือนจะก้าวและถอยในเวลาเดียวกัน เทคนิคดังกล่าวทำให้จิตที่ฝ่าเท้าหยุดนิ่งและผนึกร่างกายเข้ากับพื้นที่บริเวณนั้นๆ ลักษณะดังกล่าวต้องใช้จิตควบคุมอย่างตั้งใจจึงจะทรงตัวอยู่ได้ แต่ครูอิสราก็บอกกับพวกเขาว่านั่นยังไม่เป็นปัญหาในระดับของวิหารพฤษภาคมนี้ เนื่องจากบริเวณที่มีลมพัดแรงจริงๆ เป็นเพียงช่วงสั้นๆ เท่านั้น ขอเพียงพวกเขาตั้งสติให้แน่วแน่ตอนผ่านบริเวณนั้น พวกเขาก็จะเข้าพบกับควีนโจแอนนาได้อย่างปลอดภัย

 

 

            “พวกเธอสองคนถือได้ว่าเป็นลูกศิษย์ที่มีพัฒนาการดีมาก เมื่อเทียบกับศิษย์คนอื่นที่ครูเคยสอนมา เธอสามารถเรียนการควบคุมจิตเบื้องต้นได้ภายใน 3 วัน ซึ่งถือเป็นความสามารถที่ดีกว่าที่ครูคาดคิดไว้ตอนต้นอยู่มาก”

 

            ครูอิสราเอ่ยขึ้นอย่างตั้งใจ หลังจากที่พวกเขาสองคนได้ค่อยๆ ควบคุมจิตและพาตัวเองลงมายังพื้นเบื้องล่างอย่างปลอดภัยแล้ว เฟี๊ยตและธันได้แต่ยิ้มยินดีในคำชมที่เรียกว่าหาฟังได้ยากจากคนตรงหน้านั้น

 

            “ธัน เธอเป็นเด็กที่มีความสามารถแฝงอยู่ภายในมาก จิตของเธอแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไปนัก หากจะให้ครูเรียกเธอว่าช้างเผือกก็คงจะไม่ผิด หากเธอเรียนรู้เรื่องจิตและจักระให้ดีแล้ว หนทางความแข็งแกร่งของเธอยังทอดยาวไปได้อีกไกลเกินกว่าที่เธอคาดคิดนัก ในเบื้องลึกของเธอแล้ว เธอมีความสามารถเร้นลับหนึ่งซึ่งหาได้ยากเหลือเกิน เท่าที่พบเห็นมา เธอเป็นเพียงคนที่สองที่มีพลังอำนาจแบบนี้เท่านั้น จงตามหากุญแจที่จะปลดผนึกพลังอำนาจนั้นให้เจอ เธอจะกลายเป็นคนเก่งแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียว แต่อย่าถามรายละเอียดมากไปกว่านี้ต่อ เพราะครูจะไม่ตอบเธอแน่นอน”

 

            “ส่วนเธอ เฟี๊ยต พูดตามตรงคือเธอจัดได้ว่าเป็นคนที่มีจิตเข็มแข็งน้อยกว่าธันอยู่ในระดับหนึ่ง ซึ่งครูคาดว่า เธอน่าจะรู้ถึงข้อเท็จจริงในจุดนั้นดี หากจะให้พูดว่าจิตของธันเป็นจิตที่มีความกว้างอย่างน่าสนใจแล้ว จิตของเธอก็จะเป็นจิตที่มีความลึกที่หาได้ยากยิ่งเช่นกัน เธอเป็นคนที่มีจิตนี่นิ่งและสมบูรณ์มากคนหนึ่ง จริงอยู่ว่าพลังของจิตเธออาจจะไม่แข็งแกร่งมากมายโดดเด่นนัก แต่การควบคุมจิตของเธอดูน่าสนใจมากกว่า จงเรียนรู้ที่จะใช้ความสามารถนั่นให้ดี ผู้ที่มีจิตที่ลึกมาก ตามตำราบอกไว้ว่าจะเป็นผู้ที่ถือดวงแก้วแห่งปัญญามาเกิด ครูเชื่อว่าเธอน่าจะเป็นคนที่มีสมองหลักแหลมจนหน้าจับตามองคนหนึ่งเลย จงเรียนรู้ที่จะใช้ประโยชน์จากพรสวรรค์นั่นให้ดี”

 

            “แน่นอนว่าจิตที่ดีย่อมไม่ใช่จิตที่กว้างหรือลึกเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งแต่อย่างเดียว หากแต่มันควรจะเป็นจิตที่กว้างและลึกผสมกันเพื่อจะสร้างขอบอาณาเขตที่ไม่มีที่สิ้นสุด นักรบที่ดีนั้นจะต้องมีทั้งสติปัญญาและพละกำลังผสมผสานกัน เขาผู้นั้นจึงจะก้าวไปสู่ความยิ่งใหญ่ได้ เธอคนหนึ่งจงเสียสละตนเป็นอาวุธให้อีกคนหนึ่ง ส่วนเธออีกคนหนึ่งก็ต้องรักษาตัวเพื่อที่จะเป็นสติปัญญาที่จะควบคุมอาวุธนั้นให้จงได้ เธอสองคนถือได้ว่าเป็นผู้เล่นที่น่าสนใจมากทั้งคู่ และยิ่งไปกว่านั้น ส่วนผสมที่ลงตัวนั้นได้โคจรมาอยู่ด้วยกันอย่างเหมาะเจาะที่สุด วันหนึ่ง คนทั้งโลกแห่งนี้จะหันมาจับตามองพวกเธอสองคน เมื่อวันนั้นมาถึง เธอทั้งสองจงระวังตนให้ดี ภยันอันตรายที่พวกเธอพบเจออยู่ทุกวันนี้เรียกได้ว่าเป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้นเอง!”




จากผู้แต่ง : ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณทุกความคิดเห็นนะครับ แต่ละคอมเม้นมีความสำคัญกับผมมาก ผมอ่านแล้วมีความสุขมากจริงๆ อ่านแล้วมีความสุขและมีแรงฮึดต่อไปมากๆ ขอโทษนะครับหากไม่ได้ตามตอบที่ละคน แต่ผมอ่านทุกคน คนละหลายต่อหลายทีด้วยเอ้าาาาา อิอิ

ส่วนเรื่องที่นิยายผมเป็นน้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหรงเหรงเนี่ย ฮ่าฮ่า ต้องขอโทษด้วยนะครับ ผมพยายามจะขาดให้น้อยที่สุด บางทีก็ฝืนตัวเองไปบ้าง มันอาจเลยจะขัดๆ ไปบ้างในบางที แต่ส่วนหนึ่งผมก็อยากให้เร่งบ้างผ่อนบ้าง แต่ผมก็ขอน้อมรับคำวิจารณ์แต่โดยดี

ออฟไลน์ lukkeng

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-0
อ่อ มีอีก หลายเรื่องจังแฮะ ฮ่าฮ่า เสาร์อาทิตย์นี้ ผมไปเที่ยวต่างจังหวัดนะครับ ขออนุญาตส่งใบลา อิอิ ไปเที่ยวอะ ไม่ได้เอาคอมไป ห้ามโกรธนะจ๊ะ สงสารคนอกหักหน่อย หนีรักไปพักร้อนนิดสะนุงงงง

ปล. วันนี้ผมเข้าโรงพยาบาลอะ สงสารผมปะ โฮฮฮฮฮ

 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
 :katai2-1: ทำไมรู้สึกว่าครูก็แอบเป็นสาววาย
"แน่นอนว่าจิตที่ดีย่อมไม่ใช่จิตที่กว้างหรือลึกเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งแต่อย่างเดียว หากแต่มันควรจะเป็นจิตที่กว้างและลึกผสมกันเพื่อจะสร้างขอบอาณาเขตที่ไม่มีที่สิ้นสุด นักรบที่ดีนั้นจะต้องมีทั้งสติปัญญาและพละกำลังผสมผสานกัน เขาผู้นั้นจึงจะก้าวไปสู่ความยิ่งใหญ่ได้ เธอคนหนึ่งจงเสียสละตนเป็นอาวุธให้อีกคนหนึ่ง"

ด้วยประโยคนี้ครูจะบอกว่า เกิดมาเพื่อคู่กันอ่ะป่าว  :hao6:

พอครูใบ้เรื่องจิตงี้ เราเริ่มรู้สึกว่า การ์ดพรสวรรค์ของธัน อาจจะเหมือน artifact ผู้กล้าพันพักตร์ ในเรื่องเนกิมะก็ได้
ส่วนเฟี๊ยตคงเป็น artifact ห้องสมุดโลก ===> สองอันนี้จับคู่กันนี่มันเทียบเท่ากองทัพนึงเลยนะ

คุณอ้นเที่ยวหนักเกินจนเข้าโรงพยาบาลสินะ  :hao3:
ให้เราไปเที่ยวแทนสิ อิอิ

ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1860
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2
ครูจะสื่อว่า สองคนเนี้ย เกิดมาคู่กันเรอะ 5555
ในที่สุดก็ผ่านไปอีกระดับแล้วนะ

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
ดีใจที่ทั้งคู่ผ่านหลักสูตรค้างคาวห้อยหัวแล้ว?

ตอนหน้าจะเจอกับโจแอนนาสินะ :katai5:

ออฟไลน์ QSAR

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ชอบอันนี้เหมือนกันครับ

"แน่นอนว่าจิตที่ดีย่อมไม่ใช่จิตที่กว้างหรือลึกเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งแต่อย่างเดียว หากแต่มันควรจะเป็นจิตที่กว้างและลึกผสมกันเพื่อจะสร้างขอบอาณาเขตที่ไม่มีที่สิ้นสุด"

มันชวนจินตนาการมาก ว่าคนหนึ่งลึก อีกคนหนึ่งกว้าง คงต้อง "ผสมกัน"  :hao6:

อันนี้ให้แง่คิดดีนะ

"นี่เป็นเพียงแค่ด่านแรกเท่านั้น ยังไม่ย่างก้าวข้ามธรณีประตูของคำว่าขีดจำกัดเลย เธอก็ทนไม่ได้เสียแล้ว เธอไม่ต้องตกใจไป เพราะเธอก็เป็นเหมือนคนอีกเป็นพันเป็นหมื่นคนอื่นนั่น หากตัวเธอยินดีจะยอมแพ้ และเลือกเดินในเส้นทางที่คนส่วนใหญ่บนโลกนี้เดิน มันก็ตามแต่ความปารถนาของเธอ"

ให้ข้อคิดว่า อย่าท้อถอย ถ้าเรายังทำมันไม่สุดความสามารถ ผลลัพธ์ที่หอมหวานย่อมเกิดกับผู้มีความพยายามถึงที่สุด o13


บทที่ 138 A Mirror  ชอบที่ครูอธิบายเรื่อง ชี่ จิต  นะครับ อุปมาอุปมัยกับแสง Aura ได้ดี เห็นภาพชัดเจน ในเรื่องของ จิต ตามที่ผู้แต่งนิยามไว้ ดีไม่อุปมาเรื่อง เจตสิก ด้วย คงยุ่งอีกเยอะเลย แหะๆ

ตอนท้ายของบทที่ 138 ผมเห็นคำว่า "ใจร้าย" เต็มไปหมด นึกถึง Aura สีแดง เลยละ และก็ตามมาด้วย Aura สีเทาหม่นของผู้แต่ง ขออภัยด้วยที่ไม่ได้ comment ทุกตอน คือผม In กับเกมส์มากไง คือ อ่านมาหลายตอน หลายอาทิตย์ คิดว่าความเป็นจริงเพิ่งผ่านมาได้อาทิตย์เดียว ก็เลยรวบยอด Comment เสียทีเดียว Ha Ha ไม่ว่ากันนะคร้าบ

ไปเที่ยวบ้างอะไรบ้าง แสง Aura จะได้เป็นสีเขียว (เบิกบาน) และ ต่อไปจะได้มี Aura สีชมพู (ตกอยู่ในห้วงแห่งความรัก) ครั้งใหม่  :o8: :o8: :o8:

ปล. ผู้แต่งเข้า โรงพยาบาล นี่ แบบเฟี๊ยต ป่ะ ไปทำงานได้ตัง เอามาแบ่งกันบ้างน้าาาาาา  แล้วค่อยไปเที่ยว

ออฟไลน์ Umiko

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0

มาเป็นกำลังใจให้......


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด