The Lost World มหัศจรรย์ดินแดนสาบสูญ EP204 + ประกาศอัพเดต 23/05/2018
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: The Lost World มหัศจรรย์ดินแดนสาบสูญ EP204 + ประกาศอัพเดต 23/05/2018  (อ่าน 487613 ครั้ง)

ออฟไลน์ flureus

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
อย่าน้อยใจไปใย  อ่านรวดเดียวจนถึงตอนล่าสุด ชอบเรื่องนี้มากเลย อันที่จริงก็อยากเม้นทุกวันนะแต่นานๆทีเราจะมีเวลาอ่าน
จะติดตามไปเรื่อยๆๆมีเรื่องไหนก็จะตามอ่าน สู้ๆๆนะ
ปล.ที่เหนคอมเม้นน้อยนั้นน่าจะเปนเหมือนเราที่อ่านจนถึงตอนล่าสุดแล้วค่อยเม้น อย่าโกดเราน้าๆๆ :mew2:

ออฟไลน์ เลิฟลี่

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 298
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
สนุกสิคะ ติดตามมาตลอดเลย

เริ่มแข็งแกร่งมากขึ้นแล้วสินะ

ออฟไลน์ lukkeng

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-0
บทที่ 158 A Souvenir

 

 

            “ดาบอีกอันมาได้ไง”

 

            เฟี๊ยตที่จ้องมองการหายไปของผู้ร้ายคนที่สามจนวางใจแล้วหันมาทางเพื่อนร่วมทีมเพื่อถามถึงเรื่องดาบปริศนาที่โผล่มาในช่วงจังหวะที่ดีที่สุด

 

            “ไม่รู้เหมือนกัน คิดว่ามีแค่สองแบบมาตลอดนะเนี่ย ไม่นึกว่าจะมีถึงสาม” ธันส่ายหน้าไปมา พร้อมกับตอบออกมาแบบไม่ค่อยเข้าใจอะไรนัก

 

            “ไม่ใช่แค่สามหรอก” เฟี๊ยตแย้งออกมาสั้นๆ

 

            “อ๊าว รู้ได้ไง ตกลงรู้วิธีปลดผนึกด้วยเหรอ” ธันถามกลับมาอย่างตื่นเต้น

 

            “ดาบมันชื่อว่าดาบของไฮดราถูกไหม ซึ่งไฮดราเนี่ยเป็นสัตว์ในเทพนิยายที่มีหกหัว ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้สูงมากว่ามันจะมีหกแบบ”

 

            เฟี๊ยตพูดออกไปตามความคิด ในขณะที่ธันในเวลานั้นได้แต่ตั้งใจฟังอย่างตั้งใจ ความจริงแล้วเขาค่อนข้างคุ้นชื่อกับไฮดราพอสมควร แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจจะหาคำตอบแต่อย่างใด

 

            “ส่วนเรื่องวิธีการปลดผนึก ตอนนี้ยังไม่รู้ แต่อีกเดี๋ยวจะรู้แล้ว” เฟี๊ยตตอบพร้อมรอยยิ้มมุกปาก

 

            “หืออ” ธันส่งเสียงอย่างสงสัย

 

            “ไบเบิ้ล” เฟี๊ยตเอ่ยพร้อมรอยยิ้มกว้าง

 

            “นายท่าน”

 

 

 

            “The Sword of Hydra เป็นไพ่ดาบที่มีรูปลักษณ์แตกต่างกันไปทั้งหมด 6 แบบ เงื่อนไขการปลดผนึกในแต่ละขั้นของดาบไม่ชัดเจนนัก แต่พบว่ามีความสัมพันธ์กับความสามารถของเจ้าของไพ่และสถานการณ์ที่เหมาะสมในการเปลี่ยนแปลง” เฟี๊ยตเอ่ยถ่ายทอดคำพูดออกไปตามประโยคที่ได้รับมาจากไบเบิ้ล

 

            “เฮ้ออ เกิดมาเก่งก็เงี้ย ลำบากใจเหมือนกันนะ ขนาดดาบยังทนไม่ได้ ต้องวิวัฒนาการตาม ฮ่าฮ่า” ธันพูดปนหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี ดูเหมือนเด็กหนุ่มจะภูมิใจไม่น้อยที่ค้นพบว่าตัวเองเก่งขึ้นไปอีกขั้น

 

            “ถุยยย มีหกขั้น ได้ขั้นสามยังจะกล้าภูมิใจ โถๆๆ เด็กน้อย ฮ่าฮ่า” เฟี๊ยตได้โอกาสจึงหันมาทับถมอย่างอารมณ์ดี หากแต่ในใจก็ยอมรับอยู่ในความจริงที่ว่าดูเหมือนธันจะเก่งขึึ้นจริงๆ

 

            “โถถ ตัวเองเก่งตายอะ ยืนอยู่ดีๆ ปล่อยให้คนเอามีดมาจิ้มคอตัวเองจนเลือดออกได้ ใจลอยไปไหนจ๊ะ” ธันเองก็ไม่ยอมแพ้ เด็กหนุ่มยกวีรกรรมเมื่อครู่นี้ออกมาล้ออย่างสนุกปาก

 

            “เออ ไม่เก่งก็ไม่เก่ง ไม่เคยโอ้อวดหวะ ไป ไปกันได้แล้ว เอาเพชรไปให้จีน่า แล้วจะได้ไปเมืองอื่นกันต่อเสียที” เฟี๊ยตเอ่ยตัดบทมาอย่างไม่อยากต่อล้อต่อเถียงด้วย

 

            เมื่อธันได้ยินดังนั้นก็รีบเปิดสมุดการ์ดประจำตัวของตนทันที ก่อนจะหยิบไพ่รถมอเตอร์ไซค์คันโตออกมาอย่างตื่นเต้น แต่ก็ดูเหมือนว่าจะช้ากว่าเฟี๊ยตที่เตรียมตัวไว้ก่อนแล้ว ชายหนุ่มที่ถือไพ่สีเขียวในมืออยู่ก่อนแล้วประกาศใช้การ์ดเสียงดัง พร้อมกันกับที่ร่างกายของคนทั้งสองพุ่งตัวไปอย่างรวดเร็วราวกับว่าถูกพลังมหาศาลดูดร่างเอาไปอย่างนั้น

 

            “Return Release!”

 

 

            “ไม่หนุกเลย”

 

            เสียงของธันเอ่ยขึ้นมาอย่างจงใจให้เฟี๊ยตได้ยิน ธันแสดงความเซ็งออกมาอย่างเห็นได้ชัด หลังจากที่รู้ตัวว่าเพื่อนร่วมทีมจงใจขัดขวางการขี่รถตะลุยท้องฟ้าของเขา

 

            “รีบ เดี๋ยวคืนนี้อย่างจะขี่กี่รอบก็ขี่วนไปเลย ไม่ห้าม” เฟี๊ยตตอบออกมาอย่างง่ายๆ ราวกับว่าธันเป็นเด็กตัวเล็กๆ อย่างใดอย่างนั้น

 

            “ขี่คนเดียวไม่สนุก”

 

            ธันตอบสั้นๆ และไม่ยอมเดินตามเฟี๊ยตที่เริ่มเดินนำเข้าไปในส่วนของเรือบิน จนเฟี๊ยตต้องหันหน้ากลับมามองอย่างสงสัย

 

            “เหมือนกันแหละน่า คืนนี้จะขับมันทั้งคืนก็จะไม่บ่นเลย โอเค๊”

 

            เฟี๊ยตพูดพร้อมกับหันหน้าไปเพื่อจะเดินเข้าไปสู่ส่วนลึกของทางเดินที่เชื่อมต่อกับบริเวณแรกรับผู้มาใหม่ที่ธันเคยเอามอเตอร์ไซค์มาจอดเมื่อครั้งที่แล้ว

 

            “ขี่คนเดียวไม่สนุก” ธันตอบด้วยประโยคเดิมและไม่ยอมเคลื่อนที่เช่นเดิม

 

            “ไปได้แล้ว ธัน” เฟี๊ยตเอ่ยเร่งด้วยน้ำเสียงเข้มขึ้น

 

            “ขี่คนเดียวไม่สนุก” ธันเบือนหน้าออกไปอีกทาง ก่อนจะพูดประโยคเดิมซ้ำอีกครั้ง

 

            “เออๆๆ เดี๋ยวคืนนี้จะไปซ้อนท้ายให้ ตกลงไหม จะขี่ไปถึงสวรรค์วิมานที่ไหนก็เชิญ ตอนนี้ไปทำธุระให้เสร็จก่อน ถ้ายังไม่ไปอีก จะจัดกรอกยาพิษแล้วมัดใส่ถุงไปแล้วนะ”

 

            เฟี๊ยตถอนหายใจพร้อมกับตอบออกมายาวเหยียด สุดท้าย ชายหนุ่มก็ต้องยอมลงให้กับเพื่อนร่วมทีมที่ทำตัวราวกับเป็นเด็กอนุบาลที่แสนจะเอาแต่ใจตัวเองคนนั้น

 

            “เย่ ไปหาจีน่ากันเถอะเฟี๊ยต เดี๋ยวจีน่าจะคอย”

 

            ธันพูดขึ้นมาอย่างอารมณ์ดี สีหน้านั้นเปลี่ยนเป็นฉีกยิ้มกว้าง เด็กหนุ่มเดินเข้ามากอดคอและลากให้เฟี๊ยตเดินลึกเข้าไปตามทางเดินแห่งนั้นอย่างร่าเริง

 

            “กวนส้นตีน!”

 

            เฟี๊ยตพึมพำออกมาสั้นๆ แต่ก็ยอมเดินไปกับเด็กหนุ่มสายฟ้านั่น ไม่มีคำโต้เถียงใดๆ หลุดออกมาจากปากชายอีกคน นอกจากรอยยิ้มที่กว้างเสียจนน่าหมั่นไส้

 

 

            “Hi Phiet, I miss you more than I probably say  (สวัสดีเฟี๊ยต ฉันคิดถึงคุณเหลือเกิน มันมากเกินกว่าจะอธิบาย)”

 

            ทันทีที่เฟี๊ยตก้าวเข้ามาในส่วนของห้องโถง ชายหนุ่มก็ได้ยินเสียงเล็กที่แสนจะคุ้นเคย พร้อมกับที่เด็กสาวที่เคยร่วมเป็นร่วมตายกับเขาในช่วงเวลาหนึ่งกระโดดขึ้นมากอดเขาอย่างเต็มรัก

 

            “Long time no see darling, is everything alright? (ไม่เจอกันนานเลยที่รัก เป็นอย่างไรบ้าง ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม?)”

 

            เฟี๊ยตตอบพร้อมกับกอดจีน่าด้วยความเอ็นดูอยู่ชั่วขณะหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยทักทายและวางตัวเด็กหญิงให้ทรงตัวยืนบนพื้น

 

            “Fine (สบายดี)”

 

            เด็กหญิงคนนั้นเอ่ยตอบมาสั้นๆ พร้อมกับรอยยิ้ม ไม่มีคำใดอธิบายความรู้สึกของคนตรงหน้าได้ดีไปกว่าแววตาที่กำลังสื่อความรู้สึกอย่างท่วมท้นคู่นั้น

 

            “Hey Gina, why do you miss only Phiet? Didn’t you remember me? Hmm (เฮ้ จีน่า ทำไมเธอคิดถึงแต่เฟี๊ยตหละ จำผมไม่ได้แล้วเหรอ หืมม?)”

 

            ธันที่กำลังรอจังหวะอยู่ก็เอ่ยขึ้นขัดการสนทนาของคนทั้งคู่นั่นอย่างนึกสนุก เด็กหนุ่มแกล้งทำท่าน้อยใจหญิงสาวตัวเล็กคนนั้นอย่างไม่จริงจังนัก

 

            “Ohh how could I forget you? I do miss you also Thun. (ฉันจะลืมคุณได้อย่างไร ฉันก็คิดถึงคุณมากเช่นกันนะธัน)”

 

            จีน่าหันมาตอบอย่างอารมณ์ดี เด็กน้อยวิ่งเข้ามากอดธันอีกคนอย่างไม่ให้น้อยน่ากัน เสียงหัวเราะดังขึ้นเรื่อยๆ ท่ามกลางบทสนทนาที่เป็นกันเองเหล่านั้น

 

            เขาทั้งสามคนพูดคุยกันอย่างสบายๆ โดยมีพี่สาวของจีน่านั่งอ่านหนังสือดูอยู่เพียงไกลๆ เท่านั้น เมื่อเฟี๊ยตทำท่าจะชวนทุกคนตรงเข้าไปร่วมวงกับโจแอนนาด้วยอีกคนเพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาท พี่สาวของจีน่าก็ยกมือขึ้นโบกมือปฏิเสธเป็นการบอกให้คุยกันตามสบาย ดูเหมือนว่าเธอจะยังไม่อยากร่วมวงสนทนาด้วยตอนนี้

 

 

            “Gina I’ve just realized I have some souvenir for you (จีน่า ผมเพิ่งนึกได้ว่ามีของที่ระลึกมาฝากด้วย)”

 

            เมื่อเห็นว่าพูดคุยได้ชั่วเวลาหนึ่งแล้ว เฟี๊ยตก็เอ่ยเข้ามาเข้าเรื่องที่เป็นประเด็นสำคัญในวันนี้ เขาชำเลืองไปทางพี่สาวของจีน่าเล็กน้อยก็พบว่าโจแอนนาหันมามองที่เขาอย่างตั้งใจ หากแต่เธอก็ไม่ได้เอ่ยห้ามอะไรแต่ประการใด

 

            “Really? Surprising! (จริงเหรอคะ น่าตื่นเต้นจัง)” จีน่าพูดพร้อมกับยิ้มกว้างออกมาอย่างตื่นเต้น

 

            เฟี๊ยตยิ้มกว้างพร้อมกับค่อยๆ หยิบอัญมณีที่ได้มาจากหมู่บ้านลึกลับนั่นออกมาจากเสื้อคลุมด้านใน ทันทีที่เพชรเม็ดงามต้องแสงสว่างท่ีอยู่ภายนอก มันก็ส่งประกายระยิบระยับออกมาอย่างทรงเสน่ห์ เด็กหญิงถึงกับพึมพำขึ้นมาน้อยๆ อย่างหลงใหลในความงาม ในขณะที่โจแอนนาที่อยู่ห่างออกไปก็ยืนขึ้นพร้อมกับมองมาอย่างตั้งใจ หญิงสาวคนนั้นหรี่ตาอย่างพิจารณา

 

            เฟี๊ยตบรรจงสวมสร้อยเพชรนั้นให้กับเด็กสาวต้องคำสาปคนนั้น ทันทีที่เฟี๊ยตปล่อยมือออกจากอัญมณีเรียบร้อยแล้ว เขาก็พบว่าร่างกายของเด็กหญิงเกินความผิดปรกติขึ้นจนรู้สึกได้ ควันสีดำจางๆ ลอยขึ้นมาจากทั่วบริเวณของจีน่าอย่างรวดเร็ว และเพียงชั่วอึดใจหนึ่ง ควันสีดำน่ากลัวเหล่านั้นก็จางหายไปอย่างไร้ร่องรอย เด็กหญิงสำรวจตัวเองไปมาอย่างสงสัยในความผิดปรกติที่เกิดขึ้น แต่ยังไม่ทันที่เธอจะเอ่ยอะไรออกมา โจแอนนาที่มายืนอยู่เบื้องหลังผู้เป็นน้องตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบนั่นก็ได้เข้าสวมกอดจีน่าจากเบื้องหลัง พร้อมกับพูดประโยคหนึ่งที่เมื่อเฟี๊ยตและธันได้ฟังก็อิ่มเอมไปทั้งหัวใจ

 

            “The nightmare was already end. No one can harm you anymore my sis (ฝันร้ายถึงตอนจบแล้ว ไม่มีใครสามารถทำร้ายน้องของพี่ได้อีกต่อไปแล้ว)”

 

            ทางไปเม้ามอยและติดตามข่าวสาร www.facebook.com/allornonetheauthor


 

ออฟไลน์ lukkeng

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-0

            จากผู้แต่ง : ตอนนี้แต่งแบบมึนมาก วันนี้น็อคสุดๆ งานเยอะเต็มสูบ แต่ก็เค้นพลังเฮือกสุดท้ายแต่งมาให้ได้อ่านกัน สั้นๆ งงๆ อย่างไรก็ห้ามบ่นนะ ฮ่าฮ่า

            ปล. ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจนะครับ รักคนอ่านทุกคนเลย อ่านซ้ำไปซ้ำมา ขอบคุณมากๆ ครับ

ออฟไลน์ igaga

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 241
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
 :-[ :-[ :-[
เอาอีก เอาอีก
คนเขียน
เอามาลงอีกน้า

ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1859
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2
สำหรับจีน่า เรานึกถึงเพลงนี้เลย ปลอดภัยแล้วนะหนูน้อย <3

Just close your eyes
The sun is going down
You'll be alright
No one can hurt you now
Come morning light
You and I'll be safe and sound

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
 :laugh5: ไอ้ประโยค “ขี่คนเดียวไม่สนุก”
นี่ต้องการสก๊อยซ้อนท้ายใช่มั้ยหนูธัน

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2628
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
ดีใจกับจีน่าด้วย โชคดีจริงๆ แต่ท่าทางของโจอันนามีพิรุธอ่า รีบมาเฉลยไวๆนะคะ

ออฟไลน์ Shadownights

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ธันอยากให้เฟี๊ยตนั่งซ้อนท้ายก็บอกไปตรงๆเถ้อะะะ ดีใจกับจีน่าด้วยจัง   :mew1:

ออฟไลน์ hewlett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 560
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-3
ธันอ้อนเฟี๊ยตเต็มที่เลย สมให้เขาว่าเป็นเด็กจริงๆ แต่ก็น่ารักอ่ะ :-[

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ flureus

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
มาเม้นอีก55555เขาเรียกว่าจู๋จี๋กันแบบข้าวใหม่ปลามันอิอิ
ถึงผู้เขียนที่น่ารัก ดีจังที่มาต่ออีก ชอบบบ จะตามอ่านไปเรื่อยๆๆๆๆๆ รักเรื่องนี้เว่อร์ :L1: :3123:

ออฟไลน์ เลิฟลี่

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 298
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
มาต่อไวมากๆ รักคนเขียน

แอบไม่ชอบโจอันนา นางแปลกๆมีเงื่อนงำตลอด

ออฟไลน์ tutankamen

  • ผีสิงประจำเล้า
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
    • Facebook ของผมเองครับ
อ่านล่ะน้าา GM คนนี้ มีอะไรกว่าที่คิด

ออฟไลน์ fanglest

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
ทำไมสั้นแท้
ต่อไป จะไปผจญภัยเมืองไหนอีกนะ
น่าจะมีภารกิจพิเศษ หรือไม่ก็เหตุการณ์ผิดปกติเกิดขึ้นบ้างคงน่าตื่นเต้นกว่านี้นะ
รอตอนต่อนะ :3123:

ออฟไลน์ rinny

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 517
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
เฮ้ยคือรู้ป่ะ เราจะเม้นไปหลายรอบละ แต่เน็ตมันไม่โอเราเลยเม้นไม่ได้ซักที เฮ้อออออ~~
เอาใหม่ๆ เอาเป็นว่าเราชอบอ่ะ น่ารักมากๆเลย ทั้ง2คนดูเป็นเด็กทั้งคู่ คนนึงก็ดื้อ คนนึงก็ซน
อยู่ด้วยกันแล้วโคตรมุ้งมิ้งเลย5555 ตอนนี้missionก็completeแล้วสินะ ดีใจจริงๆเลย จีน่าก็ไม่โดนคำสาปละ
ตอนนี้ดู2คนนั้นก็สนิทๆกันดีเหมือนเดิมละ แถมธันยังมีการอ้อนให้เฟี๊ยตซ้อนอีก อยากได้คนซ้อนท้ายหรืออยากซ้อนอีกคนแทนคะ
(เราป่าวพิมพ์นะ แมวพิมพ์ ><) 555555 เริ่มอยากรู้แล้วละสิว่าถ้าเฟี๊ยตรู้ว่า....กับธันแล้วจะเป็นยังไง
เรื่องคงวุ่นวายน่าดูเลย อิอิอิอิ รอตอนใหม่นะคะ มาต่อไวๆน้า เราจิรอนะ เราฝากใจไว้ที่นิยายนี้แล้วนะ ไม่รับคืนด้วย 55555

ออฟไลน์ lukkeng

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-0
บทที่ 159 Reward


   อ้อมกอดที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของเด็กหญิงสองคนตรงหน้านั่นทำให้เขาสองคนพลอยยิ้มตามไปด้วยอย่างห้ามไม่ได้เลย แววตาของโจแอนนาในเวลานี้ดูรักและห่วงใยคนในอ้อมแขนมากมายเหลือเกิน ความคลายแคลงสงสัยที่เคยมีอยู่ในตอนต้นในเวลานี้สลายหายไปจนหมดสิ้น เหลือไว้แต่ความอิ่มเอมยินดีกับจีน่าที่จะได้หลุดพ้นจากความทุกข์ทรมานเสียที แค่ได้คิดว่าหลังจากนี้ เด็กหญิงคนนี้จะได้ใช้ชีวิตปรกติ เธอจะได้ออกไปสู่โลกกว้าง จะได้ยิ้มเท่าที่เด็กในวัยนี้ควรจะยิ้มได้ เฟี๊ยตเองก็ตื้นตันไปทั้งใจแล้ว

   หลังจากที่มอบอัญมนีให้จีน่าเป็นที่เรียบร้อย พวกเขาทั้งสี่คนก็ได้มีโอกาสนั่งพูดคุยกันถึงเรื่องสัพเพเหระกันอีกพักหนึ่ง ซึ่งส่วนใหญ่จะมีจีน่าเป็นคนกลางของวงสนทนาทั้งหมด เด็กน้อยเล่าให้ฟังถึงการเคลื่อนที่ของวิหารพฤษภาคมแห่งนี้ เธอเล่าถึงการโคจรของดวงดาวที่เธอเฝ้ามองอยู่ทุกคืน ถึงแม้ว่าเรื่องราวเหล่านั้นจะถูกถ่ายทอดออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นสักแค่ไหน หากแต่ในใจคนฟังลึกๆ อย่างเฟี๊ยตแล้วมันก็น่าเศร้าอยู่ดี ดูเหมือนว่าชีวิตของจีน่าจะอุดอู้มาแต่ในเรือบินแห่งนี้เป็นเวลานานแสนนาน เมื่อคิดมาถึงตรงนี้เขาก็ยิ้มออกมาได้ ที่ตัวเองเป็นคนที่มีส่วนช่วยในการปลดปล่อยเธอให้เป็นอิสระจากพันธนาการที่ผูกมัดเด็กหญิงไว้กับความทุกข์เสียที

   ผ่านไปพักหนึ่ง โจแอนนาก็ต้องให้องครักษ์ในเรือบินแห่งนั้นพาจีน่าไปส่งที่ห้องนอนหลังจากที่เด็กน้อยแอบหาวออกมาหลายต่อหลายครั้ง ดูเหมือนว่าเรื่องที่จีน่าชอบดูดาวตอนกลางคืนและหลับตอนกลางวันนั้นจะเป็นเรื่องจริง เด็กหญิงมีท่าทีดื้อเล็กน้อย แต่ก็ยอมกลับสู่ห้องนอนโดยดี เมื่อเฟี๊ยตช่วยสำทับขึ้นมาอีกคน จีน่าเอ่ยลาและสวมกอดเฟี๊ยตและธันเป็นครั้งสุดท้าย เพราะรู้ดีว่าตื่นมาอีกครั้งคงไม่ได้เจอชายทั้งคู่อีกแล้ว รอยยิ้มใสซื่อบริสุทธิ์ของเด็กสาวที่มอบให้นั้นคงจะติดตาเฟี๊ยตไปนานแสนนาน


   “หวังว่าวิญญาณที่เฝ้าอัญมนีต้องคำสาปนี้ไว้จะไม่ทำอะไรรุนแรงกับพวกท่าน”

   โจแอนนาเริ่มต้นบทสนทนาอีกครั้งหลังจากที่น้องสาวได้กลับห้องนอนเป็นที่เรียบร้อย โจแอนนาพาตัวเองกลับไปนั่งบนบัลลังก์สูงอีกครั้ง ในขณะที่ชายทั้งสองได้แต่ยืนอยู่ห่างๆ เท่านั้น

   “วิญญาณ?” เสียงของเฟี๊ยตเอ่ยขึ้นอย่างสงสัย

   “มันแค่ทำให้เฟี๊ยตสลบและหลุดออกจากเกมไปเท่านั้น”

   ธันรีบเอ่ยขัดไปด้วยน้ำเสียงเรียบๆ เฟี๊ยตหันมามองหน้าธันเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าไปมาอย่างเพิ่งเข้าใจในเหตุการณ์

   “ตกลงที่หลุดออกไปนอกเกมนั่นเป็นเพราะวิญญาณที่เฝ้าสร้อยเพชรไว้ใช่ไหม?”

   เฟี๊ยตหันไปทวนความกับธันอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ ในขณะที่ธันก็ไม่ให้คำตอบใดมากไปกว่าการพยักหน้าน้อยๆ ตอบรับมาเท่านั้น ลักษณะอาการของธันในตอนนั้นนิ่งสงบและไม่แสดงอาการใดๆ ออกมาเลย ถ้าหากเฟี๊ยตตั้งใจสังเกตกว่านี้อีกสักหน่อย ชายหนุ่มอาจจะพบว่ามันนิ่งสงบจนมากเกินปรกติไปมาก

   “อ๋อ อย่างนี้นี่เอง” เฟี๊ยตเอ่ยตอบรับอย่างไม่ติดใจสงสัยอะไร สายตาของเภสัชกรหนุ่มเบนกลับไปที่จักรราศีคนนั้นอีกครั้ง


   “นั่นถือได้ว่าพวกคุณโชคดีมาก ผู้มีพระคุณที่บุกเข้าไปนำอัญมนีนั่นให้ฉันถึงกับต้องทำลายไพ่สูงสุดทั้งหมดที่มีในสมุดเพื่อเอาชีวิตรอดกลับมา ดูเหมือนว่าในครั้งนี้พระเจ้าจะเข้าข้างคุณ”

   โจแอนนาเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มมุมปากที่เฟี๊ยตก็ไม่อาจตีความได้อย่างกระจ่างชัดนัก

   “แปลว่าเงื่อนไขของแต่ละคนไม่เหมือนกัน” ธันเอ่ยขึ้นเป็นคำถาม

   “ค่ะ ไพ่ใบนี้จะชักนำวิญญาณแต่ละชนิดมาปกป้องของวิเศษอย่างแตกต่างกันไป ผู้มีพระคุณของฉันอาจจะโชคร้ายเองที่เจอเงื่อนไขที่ยากมากจนแทบจะก้าวข้ามผ่านมาไม่ได้ และพวกคุณก็อาจจะเป็นกลุ่มคนที่โชคดีที่สุดที่ได้เจอเงื่อนไขที่เรียกได้ว่าห่างไกลจากคำว่ารุนแรงมากนัก” โจแอนนาตอบพร้อมคลี่ยิ้มขึ้นน้อยๆ เด็กหญิงคนนี้มีลักษณะบุคลิกที่ลึกลับมากเหลือเกิน

   “แต่คุณก็ยังส่งพวกผมไปทั้งๆ ที่คุณก็รู้ว่ามันอันตรายขนาดไหน”

   เสียงของธันเอ่ยขึ้นเรียบๆ ไม่มีเค้ารอยแห่งความไม่พอใจอยู่ในประโยคนั้น มันดูเรียบเสียจนคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ไม่อาจแยกแยะความรู้สึกของคนถามได้เช่นกัน

   หากแต่ในใจของธัน ณ ขณะนั้นร้อนไปด้วยโทสะที่ไม่อาจแสดงออกไปได้มากนัก โจแอนนารู้ดีว่าที่แห่งนั้นเป็นอันตรายมากแค่ไหน แต่ก็ยังส่งพวกเขาทั้งสองคนไปเอาของมาเพื่อให้น้องสาวตนรอดพ้นจากคำสาป ยิ่งคิดยิ่งเจ็บใจ เขาดูโง่ไปเสียถนัดที่รีบตอบรับภารกิจนั้นอย่างไม่คิดหน้าคิดหลังเสียก่อน ไม่ผิดอย่างที่เฟี๊ยตสันนิษฐานไว้เลย เด็กหญิงตรงหน้านี้มีเล่ห์เหลี่ยมหลายร้อยเล่มเกวียนจริงๆ ยังโชคดีที่เขายังสามารถรักษาเรื่องที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านนั้นให้เป็นความลับไว้ได้ มิฉะนั้น เรื่องราวคงบานปลายไปกว่านี้ใหญ่โต ความผิดพลาดทั้งหมดในคืนนี้เกิดจากการชักนำของเด็กหญิงตรงหน้านี่เพียงคนเดียว

   “พวกคุณมีเจตนาจะเก็บไพ่สูงสุดให้ครบไม่ใช่เหรอคะ ไม่ว่ายังไง คุณก็ต้องพบเจอกับไพ่สูงสุดใบนี้อยู่ดี อีกอย่าง ถ้าคุณจะต้องทำลายไพ่สูงสุดทั้งหมดทิ้งในตอนนี้ มันก็จะเป็นผลดีต่อคุณนะคะ เพราะจำนวนไพ่สูงสุดที่คุณมีอยู่ตอนนี้มัน… ไม่มากเลย”

   โจแอนนาพูดออกมาด้วยท่าทีที่ดูประนีประนอมและรู้สึกผิด แต่ด้วยเนื้อหาที่แสนจะเสียดแทงในตอนจบนั่น ให้ความรู้สึกเหมือนธันกำลังโดนตบหน้าเย้ยหยันอย่างใดอย่างนั้น ยิ่งค้นพบว่าตัวเองหลงผิดไปอย่างที่เฟี๊ยตเตือนสติไว้ตั้งแต่ตอนแรก ธันก็ยิ่งเจ็บใจ แต่เขาก็แสดงออกอะไรมากไม่ได้ไปกว่าการเก็บอาการให้นิ่งที่สุด ยิ่งแสดงความเดือดร้อนมาก มันจะยิ่งเข้าทางเด็กหญิงตรงหน้านี่ไปกันใหญ่ อีกอย่าง เพื่อนของเขาก็อาจจะสงสัยได้ว่าทำไมเขาถึงต้องโกรธ ทั้งๆ ที่เจ้าวิญญาณนั้นแทบไม่ได้สร้างความอันตรายใดให้กับพวกเขาทั้งคู่เลย

   เฟี๊ยตในขณะนั้นเฝ้ามองการปะทะคารมที่แสนจะรุนแรงภายใต้บทสนทนาอันราบเรียบนั่นอย่างเงียบๆ ตัวเขาเองวางตัวระแวดระวังในตัวโจแอนนาไว้ตั้งแต่ต้นแล้วจึงทำให้เขาไม่รู้สึกเสียหน้าอะไรมากนัก ในขณะที่เพื่อนร่วมทีมของเขาดูจะเจ็บหนักเป็นพิเศษ หากแต่เขาก็ไม่เอ่ยอะไรที่เป็นการตอกย้ำหรือซ้ำเติมอะไรธันไปอีก ชายหนุ่มได้แต่ปล่อยให้ประสบการณ์สอนให้เพื่อนของเขาเรียนรู้นิสัยของคนบนโลกเบี้ยวๆ ใบนี้ต่อไป ในความเป็นจริงธันก็ไม่ใช่เด็กที่มองโลกในแง่ดีจนเกินไปนัก หากแต่เด็กหนุ่มสายฟ้าอาจจะมองอะไรตรงไปตรงมามากเกินไปกว่าที่ควร เขาเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าประสบการณ์ครั้งนี้จะให้อะไรกับธันอย่างมากมายทีเดียว

   ตั้งแต่เริ่มเกมวันแรกจวบจนถึงวันนี้ เฟี๊ยตยอมรับได้เลยว่าโจแอนนาเป็นคนที่มีความซับซ้อนอยู่ในตัวเองมากที่สุดเท่าที่เขาได้พบเจอมา ในบางทีก็เหมือนจะเป็นมิตรสหายที่สำคัญยิ่ง บางทีก็เหมือนเป็นศัตรูข้างแคร่ที่น่ากลัวที่สุด ความย้อนแย้งไปมาของลักษณะเหล่านี้เองที่ทำให้เฟี๊ยตยิ่งสนใจในจักรราศีทั้ง 12 เป็นพิเศษ แค่คนแรกก็ลึกลับจนยากจะเข้าถึงเสียแล้ว ไม่อยากจะจินตนาการเลยว่าอีก 11 คนที่เหลือจะเป็นอย่างไร ถ้าเขามีโอกาสได้รู้จักครบทุกคน คงจะสนุกสนานน่าดู

   “ของรางวัลของภารกิจนี้คือเงินจำนวน 10,000 เหรียญที่จะเข้าในบัญชีของคุณทั้งคู่ และไพ่จำนวน 10 ซองที่พวกคุณสามารถไปรับได้ที่ร้านขายการ์ดประจำเมืองพฤษภาคมค่ะ ฉันคงจะต้องขอตัวไปพักผ่อนแล้ว พวกคุณสามารถรับประทานอาหารกลางวันบนวิหารแห่งนี้ตามสบายนะคะ หากอะไรที่ฉันทำลงไปแล้วดูไม่สมควร ฉันก็อยากตระหนักให้พวกคุณเข้าใจว่า มันเป็นแค่เกมเท่านั้นค่ะ ฉันขอให้พวกคุณทั้งคู่โชคดี”

   เด็กหญิงพูดสรุปกับเขาเมื่อเห็นว่าชายทั้งคู่ไม่ได้ตอบยอดบทสนทนาอะไรต่อไปอีก ความจริงเฟี๊ยตแทบจะลืมไปแล้วว่าหมู่บ้านนั่นเป็นภารกิจซึ่งพวกเขาจะต้องได้รับรางวัลเมื่อสามารถปฏิบัติงานจนสำเร็จด้วย เภสัชกรหนุ่มถึงกับยิ้มออกมาน้อยๆ เมื่อพบว่าจะได้ของรางวัลเป็นไพ่จำนวนไม่น้อยกับเงินถึงเลขห้าหลักเลยทีเดียว

   “ลาก่อนครับ ควีน” เฟี๊ยตเป็นตัวแทนเอ่ยคำลาออกมาเมื่อเห็นว่าว่าที่สถาปนิกหนุ่มนั่นคงจะพูดอะไรออกไปตอนนี้เป็นแน่

   “อย่าเอ่ยคำลาเลยค่ะ ลางสังหรณ์ของฉันบอกว่าพวกเราจะได้พบกันอีก เพียงแต่จะอยู่ในสถานการณ์แบบไหนเท่านั้นเอง”
   

   ทางไปเม้ามอยและติดตามข่าวสาร  www.facebook.com/allornonetheauthor


   จากผู้แต่ง : ตอนนี้สั้นไหม สั้นใช่ปะ ห้ามด่านะ นะนะนะ เหนื่อยอะ แต่ก็ไม่หนีนะ แค่สั้นลงนิดนึง 555 ปล. วันเสาร์นี้ไปเที่ยวอีกแล้วอะ หวังว่าคราวนี้จะไม่ล่มนะ ห้ามแช่งนะ 555 เสาร์นี้ไม่ลงนะ เจอกันวันอาทิตย์เลย อิอิ


ออฟไลน์ lukkeng

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-0
โอมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม จงเม้นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ rinny

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 517
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
ไป เที่ยว ไหน คะ ? จะ ไป พัก ผ่อน หรอ? ไม่ ได้ แช่ง นะ แต่ ว่า มัน ต้อง คน เยอะ มากกกกกกกก แน่ ๆ เลย
ศุกร์ นี้ วัน หยุด นะ คะ อิ อิ ^_^ ขอ ให้ เที่ยว ให้ สนุก นะ แล้ว วัน อาทิตย์ ต้อง มา อัพ นะ คะ ต้อง มา นะ
ตอนนี้สั้นๆเนอะ แถมดูๆธันทั้งเดือดทั้งเซ็งเลย 55555 แบบนี้ก็คงได้ประสบการณ์มากขึ้นเยอะเลย (เจ็บน่าดู)
แต่ธันก็คุมอารมณ์ได้ดีจริงๆ โตๆกันแล้วเนอะ ชอบจังเลย ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้เยอะเลย ลบภาพเด็กขี้อ้อนหมดนะเนี่ย
มาต่อไวๆน้า สู้ๆ ขอให้เที่ยวให้สนุก

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2628
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
สั้นนน แต่ไม่เปนไรจ้าาา ในที่สุด ด่านมหาหินของเมืองพฤษภา ก็สำเร็จซะที อยากรู้จริงว่า ทัเงสองคนได้ไพ่อะไรกันบ้าง อยากเห็นรูปร่างหน้าตาของการ์ดจังเลยย

ออฟไลน์ Shadownights

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ลึกลับมากจริงขนาดเกมมาสเตอร์คนแรกนะเนี่ย ดีใจกับหนูจีน่าที่รอดจากคำสาปได้สักที กลัวว่าจะเจอกันอีกทีอาจจะเป็นแบบที่ไม่คาดคิดน่ะสิ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ tutankamen

  • ผีสิงประจำเล้า
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
    • Facebook ของผมเองครับ
ยังลึกลับอยู่ ใช่แล้ว....ก็แค่เกมส์...ที่เหมือนจริงมาก

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
 o18 เราว่าโจแอนนา รู้เรื่องที่เกิดขึ้นที่หมู่บ้าน
รึว่าเธอเป็นสาววาย  o22

ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1859
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2
เดี๋ยวมาลุ้นว่าเฟี๊ยตจะได้ไพ่อะไร :hao7:

เที่ยวให้สนุกนะคร้าบบบบ

ออฟไลน์ flureus

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ไปเที่ยวให้สนุกนะคะ :pig4: ขอบใจนะที่มาต่อให้ o13 สนุกสวดยอด :mew3:

ออฟไลน์ fanglest

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
เออ เนาะ ทุกอย่างมันก็เป็นแค่เกมส์ และก็เป็นแค่ความฝัน
มันคงไม่มีอะไรมาก ที่กระทบกับชีวิตนักหรอกเนอะ
ก็แค่เล่นสนุกๆ เพื่อเป้าหมาย และเพื่อทดลองเกมส์
แล้วจะเป็นยังไงนะ ถ้าเกมส์ปิดตัวลงโดยที่เล่นยังไม่จบ (เพราะเกมส์อาจมีผลต่อความอ่อนล้าของสมอง)
คงจะแปลกพิกล ที่พระนาย ไม่ได้เจอกันบ่อยๆอีก5555
(เหมือนเป็นผู้ร้ายเลยแฮะเรา) :laugh:
 :really2:

ออฟไลน์ hoshinokoe

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1042
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
เที่ยวอีกแล้วววววววว  อิจฉราาาาาาา

ในที่สุดก็เคลียร์เควสได้แล้วววววว   กว่าจะครบทุกเมือง ทุกดันเจึ้ยนนี่  คาดว่าน่าหลายร้อยตอนเลยทีเดียววว 5555

ตอนหน้านี่ ตอนสวีทของสองหนุ่มป่ะๆ  นั่งรถชมวิว งุงิๆ เอิ๊กๆ

ออฟไลน์ lukkeng

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-0
บทที่ 160 In The Sky

 

 

            ชายทั้งสองคนตอบรับคำเชิญรับประทานอาหารเที่ยงในห้องอาหารของเรือบินบนฟ้าแห่งนั้น ห้องอาหารที่มีทิวทัศน์ด้านซ้ายเป็นกระจกกว้างสะอาดมองเห็นท้องฟ้าสุดลูกหูลูกตาทำให้ชายทั้งสองเจริญอาหารอยู่ไม่น้อย อาหารกลางวันบนวิหารลอยฟ้าแห่งนั้นจัดมาเป็นเซตอาหารแบบยุโรป ตั้งแต่เรียกน้ำย่อย สลัด จานข้าว อาหารล้างปาก อาหารจานหลัก และสิ้นสุดที่ของหวาน ดูเหมือนธันจะแอบลืมเรื่องราวบาดหมางกับผู้เป็นนายแห่งนี้ไปเล็กน้อย อาหารอร่อยๆ ทำเอาเด็กหนุ่มอารมณ์ดีขึ้นมาได้ไม่น้อยเลย

 

 

            “ไปกันเหอะธัน จะได้ลงไปเอาการ์ดที่ในตัวเมืองด้วย ยังไม่เคยเดินเล่นในเมืองพฤษภาคมเลย” เฟี๊ยตพูดพร้อมกับยืนขึ้น หลังจากทั้งคู่จัดการกับของหวานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

            “เฮ้ยย จะรีบไปไหนอะ อยู่กินมื้อเย็นอีกมื้อดิ อาหารอร่อยจะตาย ฟรีด้วย” ธันพูดอย่างสบายๆ

 

            “เจ้าของเขาไล่แล้วจะอยู่อีกทำไม มื้อเย็นหาอาหารกินเองก็ได้มั้ง” เฟี๊ยตตอบ

 

            “ไล่ โดนไล่ตอนไหน โดนหลอกด่าว่ามีไพ่น้อยต่างหาก” ธันพูดออกมาพร้อมกับหน้าที่เริ่มเบ้น้อยๆ อย่างไม่สมอารมณ์เรื่องบทสนทนาเมื่อครู่เท่าไหร่นัก

 

            “เขาบอกว่าเชิญทานอาหารเที่ยงตามสบาย นั่นแปลว่าเขาเต็มใจให้ทานแต่อาหารเที่ยงไง ไม่ใช่มื้อเย็น โอเค๊” เฟี๊ยตตอบไปแบบเรียบๆ

 

            “เฮ้ยย มันมีความหมายขนาดนั้นเลยเหรอ” ธันหันกลับมาถามแบบสงสัย

 

            “มันก็แปลความได้อย่างนั้นไม่ใช่เหรอ เท่าที่เล่นเกมมาได้สักพักก็พอจะจับจุดได้ว่า ถ้าคนในเกมนี้จะบอกอะไรสักอย่าง เขาจะไม่บอกตรงๆ หรอก มันจะแอบซ่อนอยู่ในคำพูดเล็กๆ น้อยๆ อย่างนี้แหละ ดูอย่างคำใบ้ของหมู่บ้านเด็กผู้ชายก็ได้ จะใบ้แท้ๆ ยังไม่บอกตรงๆ เลย ถ้าตั้งใจจับคำพูดให้ดีก็จะได้ข้อมูลอีกเยอะ” เฟี๊ยตพูดสิ่งที่ตัวเองสันนิษฐานมานานแล้วออกไป

 

            “แล้วเมื่อกี้ โจแอนนาได้พูดอะไรเป็นความนัยออกมาบ้างหรือเปล่า”

 

            ธันเริ่มหันไปถามอย่างสงสัย เขาเริ่มเห็นเค้ารางอะไรอยู่ในบทสนทนาอันชวนโมโหเมื่อครู่นี้ หรือบางที อาจจะเป็นตัวเขาเองที่อ่านเกมพลาดไป

 

            “เท่าที่วิเคราะห์นะ ข้อแรก ตอนนี้เธอค่อนข้างเป็นมิตรกับเรา เพราะปรกติคนเป็นมิตรอาจพูดเผื่อเวลาต้องเป็นศัตรูในภายหลัง แต่คนเป็นศัตรูมักไม่พูดเผื่อว่าจะต้องเป็นมิตรในอนาคต” เฟี๊ยตเริ่มต้นพูดไปตามสมมติฐาน

 

            “ข้อสอง พวกเราต้องได้เจอเธออีกแน่นอน”

 

            “ข้อสาม ในตอนนี้ อันดับไพ่สูงสุดในเกมของเราสองคนถือว่ายังอยู่ในตำแหน่งท้ายๆ การพูดว่ามีไพ่น้อยมาก น่าจะเป็นเชิงเปรียบเทียบในรูปแบบอันดับมากกว่า นั่นหมายความว่า ถ้าอยากชนะเกมนี้จริงๆ เราคงจะต้องฝ่าฝันอะไรไปอีกมาก” เฟี๊ยตพูดต่อออกมาเมื่อเห็นว่าธันไม่พูดอะไรขัดออกมา

 

            “และข้อสุดท้าย เธออาจจะไม่ได้อยากพูดจากระทบกระทั่งเราเลยก็เป็นได้ แต่นั่นอาจจะเป็นรูปประโยคที่เธอต้องพูดเพื่อสื่อถึงลำดับของผู้เล่นที่มีจำนวนไพ่สูงสุดในเกม อย่าลืมว่าเราไม่มีโอกาสรู้ได้เลยว่า ถ้าเทียบกับคนอื่นแล้ว เราอยู่ที่ตำแหน่งไหน การปิดภารกิจใหญ่ๆ ได้จึงอาจจะมีรางวัลเล็กๆ เป็นการบอกถึงอันดับตรงนี้ ซึ่งเธอก็อาจจะไม่ได้อยากพูดจาให้ออกมาในรูปแบบนั้น แต่ก็อย่างที่เธอบอก มันเป็นแค่เกม บทของเกมอาจจะกำหนดให้เธอพูดแบบนี้ก็ได้”

 

            ความจริงเขาก็ไม่ได้ตั้งใจจับพิรุธในคำพูดของโจแอนนามากมายเท่าไหร่ แต่เมื่อพฤติกรรมแสดงความรักของเธอกับน้องสาวกลายเป็นความกร้าวแข็งต่อพวกเขาที่แทบจะเรียกได้เลยว่าเป็นผู้มีพระคุณในช่วงเวลาเพียงอึดใจเดียว เรื่องมันก็ดูย้อนแย้งและน่าสงสัยอยู่ไม่น้อย

 

            เฟี๊ยตจับลักษณะการพูดแฝงความนัยแบบนจากไบเบิ้ลนั่นเอง เห็นได้ว่าหลายครั้งที่ไบเบิ้ลพยายามจะบอกอะไรที่เป็นประโยชน์แก่เขา ไบเบิ้ลต้องเลี่ยงคำตอบอย่างตรงไปตรงมาและเปลี่ยนมาใช้การพูดสื่อความแบบอ้อมๆ แทน นั่นแปลว่าหลายๆ ข้อมูลในเกมนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่สามารถส่งมอบกันได้โดยตรง แต่มันก็ไม่ได้ยากเกินกว่าพยายามของผู้ที่ต้องการจะบอกออกมาจริงๆ และยิ่งข้อมูลได้มายากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งบอกถึงคุณค่าในตัวมันเองมากเท่านั้น

 

            ธันที่นั่งฟังอย่างสงบจนครบทุกข้อนั่นอ้าปากขึ้นเหมือนจะพูดอะไรออกมาอยู่หลายครั้ง แต่เด็กหนุ่มก็ปิดปากลงอย่างตัดสินใจไม่ถูก สีหน้าของธันแสดงความสงสัยและค่อยๆ คลี่คลายลงตามลำดับ คิ้วเข้มที่ขมวดเข้าหากันในตอนแรกนั้นสลายปมออกในที่สุด ธันในขณะนั้นไม่มีคำพูดใดหลุดออกมาเลย เด็กหนุ่มทำแค่เพียงพยักหน้าตามอย่างรับฟัง ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

 

            เขาเชื่อใจโจแอนนาในตอนแรก แต่แล้วก็รู้สึกเหมือนถูกหักหลัง เขาจึงโกรธโจแอนนาในทีถัดมา ในขณะที่ เฟี๊ยตบอกให้เขาระวังตั้งแต่ต้น แต่เขาก็หลงเชื่อ พอต่อมาที่เขาไม่พอใจ เฟี๊ยตก็พลิกกลับมาให้เขามองอีกมุมหนึ่ง สุดท้ายแล้วสิ่งที่ดีที่สุดอาจจะเป็นอย่างที่โจแอนนาบอก อย่าเชื่อ อย่าไว้ใจ อย่าอคติ อย่าโกรธเคืองใคร เพราะสุดท้ายแล้ว มันก็เป็นแค่เกม

 

            เฟี๊ยตเริ่มต้นออกเดินเพื่อออกจากวิหารแห่งนั้นหลังจากที่เห็นว่าธันไม่มีทีท่าอยากจะซักถามเรื่องอะไรต่ออีก ธันในขณะนั้นได้แต่ปล่อยความคิดตัวเองไปตามเรื่องราว และเดินตามเภสัชกรหนุ่มไปเงียบๆ เท่านั้น

           

 

            “หยุดเลย” ธันเอ่ยขึ้นห้วนๆ เมื่อเฟี๊ยตหยิบไพ่สีเขียวขึ้นมาและทำท่าจะใช้มันกลับไปยังเมืองเบื้องล่างอีกครั้ง

 

            “ไม่เอาน่า ตกลงแล้วไงว่าค่อยมาขับเล่นคืนนี้” เฟี๊ยตพูด

 

            “ขับตอนกลางคืนจะไปสนุกอะไร ท้องฟ้ามืดอย่างกับอะไรดี กลางวันนี่แหละ ฟ้าสวย นะเฟี๊ยต ไหนๆ ก็ไม่มีอะไรต้องรีบแล้ว เราคงไม่มีโอกาสได้ขี่มอเตอร์ไซค์เหินฟ้ากันบ่อยๆ หรอกน่า” ธันโน้มน้าวมาอย่างมีเหตุผล

 

            “มันเสียเวลา” เฟี๊ยตแย้ง

 

            “แล้วจะรีบไปไหนเล่า พักบ้างดิ เทคอิทอีซี่หน่อย” ธันพูดอย่างเกลี้ยกล่อม

 

            “เออๆ ตามใจ”

 

            เฟี๊ยตพูดพร้อมกับเก็บการ์ดของตนลงในสมุด หลังจากที่บวกลบคูณหารแล้วพบว่า ถ้าใช้การ์ดเวทมนตร์อีกก็จะต้องเสียการ์ดไปฟรีๆ อีกหนึ่งใบเพราะไพ่เวทมนตร์ใช้แล้วจะหายไปเลยไม่เหมือนไพ่ตัวตนอย่างมอเตอร์ไซค์นั่น คิดๆ ไปก็ไม่เสียหาย นั่งรถชมวิวบ้างก็คงสนุกดี

 

 

            “โกวววววววววววววววววววววว”

 

            เสียงของธันดังขึ้นอย่างร่าเริงพร้อมกับเสียงเร่งของเครื่องยนต์ที่ดังกระหึ่มไปทั่วบริเวณ เด็กหนุ่มบิดคันเร่งพุ่งตัวออกไปพร้อมกับประตูอัตโนมัติที่เลื่อนขึ้นจนสุดเพดาน รถคันยักษ์ทะยานออกไปยังท้องฟ้าเบื้องนอกอย่างรวดเร็ว ลมแรงไม่น้อยพัดเข้าปะทะหน้าของเฟี๊ยตอย่างรวดเร็ว เขาเกือบจะลืมความรู้สึกแบบนี้ไปเสียแล้ว ชายหนุ่มยิ้มออกมาน้อยๆ ตรงมุมปาก ความจริงการทำตัวไร้สาระบ้าๆ บอๆ บ้างนี่ก็ไม่เลวนะ

 

            “จับแน่นๆ นะน้องตี๋ เดี๋ยวพี่จะซิ่งแล้ววววว” เสียงธันตะโกนออกมาแข่งกับเสียงลมพัดที่อื้ออึงไปหมด ณ เวลานี้

 

            “จะรีบไหนวะ ขับช้าๆ ก็ได้” เฟี๊ยตบ่น

 

            “ขับช้าๆ แล้วมันไม่มันนะตี๋ อะดรีนาลีนหนะตี๋ รู้จักไหม อะดรีนาลีน” ธันยังตะโกนออกมาอย่างสนุกสนาน

 

            “เออๆ จะขับอะไรก็ขับไป เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”

 

            เสียงของเฟี๊ยตร้องดังขึ้นอย่างตกใจเมื่อยังไม่จบประโยคดี เด็กหนุ่มสารถีก็เร่งเครื่องอย่างรวดเร็วจนรถกระตุกไปทั้งคัน เฟี๊ยตฉวยคว้าเอาเอวคนเบื้องหน้าเอาไว้แน่นอย่างเสียไม่ได้ ชายหนุ่มพึมพำในลำคอออกมาอย่างหงุดหงิดน้อยๆ ลมแรงๆ ตีหน้าตลอดนี่มันก็เจ็บอยู่เหมือนกันนะ

 

 

            “มึงจะรีบไปหาพ่องงงงงงง มึงเหรอ” เฟี๊ยตตะโกนส่งเสียงแข่งกับเสียงลมพัดดังนั่นไปให้คนข้างหน้า

 

            “อะไรนะ” เสียงของธันตะโกนดังออกมาไม่แพ้กัน ยิ่งความเร็วมากเท่าไหร่ ลมก็ยิ่งพัดแรง เสียงลมก็ดังขึ้นไปเป็นทวีคูณ

 

            “กูถามว่า มึงจะรีบขับรถไปหาพ่องงงงงงงงง มึงเหรอ” เฟี๊ยตกระเถิบเอาหน้าไปพูดช้าๆ ชัดๆ ตรงริมใบหูของสารถีขี้เล่นนั่น เสียงดังขนาดนี้ มันจึงเป็นไปแทบไม่ได้เลยที่จะพูดคุยกันอย่างปรกติแล้วได้ยิน

 

            สถานการณ์ในขณะนั้นจึงกลายเป็นว่าธันอยู่ในอ้อมกอดของเฟี๊ยตอย่างเต็มตัว โดยมีคนเบื้องหลังนั่นเอาใบหน้ามาวางไว้บนไหล่ข้างขวาของคนขับ พวกเขาทั้งคู่ตะโกนคุยกันไปมาโดยมีเสียงกระแสอากาศดังกระหึ่มเป็นฉากหลังอยู่อย่างนั้น ถ้าหากเฟี๊ยตสามารถมองเห็นธันได้เต็มตาในเวลานี้ เขาจะค้นพบรอยยิ้มหนึ่งที่ฉายชัดอยู่บนใบหน้าของเด็กหนุ่มนามว่าสายฟ้านั้นแน่นอน

 

 

            “อ๋อ จะรีบไปหาพ่อ ได้ เดี๋ยวพี่เร่งให้นะตี๋ ฮ่าฮ่า” ธันหัวเราะร่วนออกมาทันทีที่ได้ยินประโยคนั้นอย่างชัดเจน

 

            บรื้นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน

 

            “เชี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย” เฟี๊ยตตะโกนกรอกหูธันเป็นเสียงยาว ในขณะที่ธันก็ยังคงรักษาระดับความเร็วไว้อย่างต่อเนื่องอย่างนั้น

 

 

            ทันทีที่พวกเขาหลุดออกมาจากเมฆก้อนใหญ่ที่ขวางกางอยู่เบื้องบน ลับสายตาอีกที ทิวทัศน์ทั้งหมดก็กลายเป็นเมืองแห่งสายลมที่แสนจะกว้างใหญ่เสียแล้ว ทิวแถวของกังหันลมสุดลูกหูลูกตานั่นทำเอาคนซ้อนในขณะนั้นพึมพำเสียงออกมาอย่างประทับใจ ในจังหวะเวลานั้น เฟี๊ยตไม่ได้ถอนศีรษะออกมาจากบ่าของธันเสียแล้ว เพราะการตั้งตัวตรงอยู่ข้างหลังนั้นจะต้านลมและโดนอากาศปะทะจนเจ็บอยู่ไม่น้อย เฟี๊ยตจึงเลือกที่จะห่อตัวติดกับธันและเอาหน้าตั้งไว้บนตัวชายหนุ่มข้างหน้านั่นอย่างนั้นต่อไป บางที เสียงคลื่นลมเหนือเมืองพฤษภาคมในเวลานั้นอาจจะลั่นดังมากจนเกินไป มากเกินกว่าที่คนๆ หนึ่งจะสัมผัสได้ว่าก้อนเนื้อที่สถิตอยู่ในหน้าอกข้างซ้ายของตนนั้นเต้นไปด้วยจังหวะที่ไม่คุ้นเคยเท่าไหร่เลย

 

 

            “เฟี๊ยตตต” ธันตะโกนแข่งกันเสียงลมดัง

 

            “ว่างายยย” เฟี๊ยตตะโกนตอบไปเช่นกัน

 

            “กูมีอะไรจะถามมึงหน่อยยย”

 

            “จะถามอะไร แต่อย่าถามโจทย์ฟิสิกส์นะ กูคิดไม่ทันนน”

 

 

            “มึงมีแฟนยังวะ”

 

            “ถามทำไมวะ”

 

            “กูอยากรู้ว่าหน้าจืดๆ อย่างมึงจะมีคนเอาไหม”

 

            “จืดพ่อง แฟนเก่ากูเป็นดาวโรงเรียน อย่าดูถูกกู”

 

            “กูถามว่าตอนนี้มึงมีแฟนไหม ไม่ได้ถามว่าเคยมีแฟนเก่าไหม อย่ามั่ว”

 

            “ไม่มี”

 

            “อะไรนะ”

 

            “กูบอกว่ากูไม่มีแฟน”

 

            “กาก”

 

            “กากพ่อง กูแค่ยังไม่พร้อม”

 

            “เออ นั่นแหละ เขาเรียกว่าไม่มีใครเอา ไอ้หน้าจืด”

 

            “แล้วมึงหละไอ้หน้าแขก หน้าอย่างมึงอะ หาแฟนได้หรือไง”

 

            “ไม่มีเว่ย กูหล่อเลือกได้”

 

            “ถุยยย มึงก็ไม่มีใครเอาเหมือนกันหละวะ ฮ่าฮ่าฮ่า”

 

 

            ดูเหมือนว่าวันนี้ท้องฟ้าจะเปิดกว้างและสว่างส่องประกายสดใสเป็นพิเศษ เมฆก้อนใหญ่โตเหล่านั้นก็ดูจะเป็นสีสันรูปทรงแสนแปลกตา ฝูงนกที่บินกันอยู่ลิบตรงฝั่งนั้นก็ดูจะสวยงามขึ้นมาทันทีทันใดอย่างไม่มีเหตุผล และบทสนทนากลางท้องฟ้ากว้างใหญ่นั่นก็สิ้นสุดลง ณ ตำแหน่งนั้นนั่นเอง

 

 

            ทางไปเม้ามอยหอยอบแห้ง www.facebook.com/allornonetheauthor

 


ออฟไลน์ lukkeng

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-0
            จากผู้แต่ง : แต่งนิยาย 1 ตอนต้องแต่งอะไรบ้าง รอบแรกพิมพ์ทุกอย่างที่คิดออกมาตามพล๊อตในหัวออกมาจนหมด คิดอะไรพิมพ์เลย รอบสองกลับมาแก้ลำดับเรื่องราวให้ถูกต้อง สมเหตุสมผล อ่านแล้วไม่กระโดดไปมา รอบสามกลับมาแก้ภาษา เปลี่ยนสรรพนาม บุพบท ทั้งหลายทั้งแหล่ไม่ให้ซ้ำจนเกิดไป ลองอ่านออกเสียงว่าลงท้ายประโยคท้ายย่อหน้าแล้วเพราะไหม ดังนั้น กว่าจะกลั่นมาแต่ละตอนมันยากนะเออว์ ช่วยเม้นให้กำลังหน่อย จักขอบพระคุณยิ่ง (บ่นขอเม้น ว่างั้น 555)

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2628
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
ชอบพัฒนาการของความสัมพันธ์ของเฟี๊ยตและธันมากๆเลย การที่ทั้งสองคนร่วมผจญภัยกันและช่วยกันฝ่าด่านในเกม เป็นเพื่อนที่พึ่งพาได้ ชอบมากเลยค่ะ คุณคนเขียนเก่งมาก อยากให้สู้ๆนะคะ แฟนๆรออ่านอยู่

ออฟไลน์ Shadownights

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ธันจีบเฟี๊ยตเลยยยย ยุๆๆๆๆ มันเป็นแค่เกมอะ เอาไรมากเนอะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด