บทที่ 156 Black and White
“ฮ่าฮ่าฮ่า เป็นไรไอ้แขก เครียดเป็นด้วยเหรอ ความลับเยอะนะ ฮ่าฮ่าฮ่า”
อยู่ดีๆ ท่าทีที่จ้องจับผิดนั่นของเฟี๊ยตก็กลับกลายเป็นร่าเริงราวกับเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเสียอย่างนั้น เด็กหนุ่มอีกคนที่กำลังรู้สึกเหมือนพุ่งดิ่งลงจากยอดตึกสูงถึงกับอ้าปากค้างด้วยความงงงวย สภาพของธันตอนนี้จับต้นชนปลายไม่ถูกเลย
“ว่าไงนะ” ธันถามออกไปอย่างไม่เข้าใจ
“ฮ่าฮ่าฮ่า ทฤษฎีที่บอกว่าถ้าอยากให้คนหายสะอึกนี่ต้องอำให้ตกใจที่จริงด้วยหวะ อาการหายเกลี้ยงเลย” เฟี๊ยตลึกขึ้นยืนพร้อมกับขำอย่างสะใจ
“สะอึกพ่องง เขาเรียกติดอ่าง ไอ้ตี๋เอ๊ย กลับไปผัดหมี่ซั่วขายไป”
ธันที่เริ่มปรับอารมณ์ได้ก็กลับมาต่อล้อต่อเถียงด้วยทันที เขาเกือบพลาดพลั้งหลุดปากไปอย่างไม่ได้ตั้งใจเสียแล้ว ท่าทีของเฟี๊ยตในเวลานี้ดูปรกติทุกอย่าง เห็นทีว่าเขาเองนั่นแหละที่ควรจะหมกมุ่นกับเรื่องนี้ให้น้อยลง
“เออๆ มันก็เหมือนกันแหละน่า ว่าแต่พวกเราจะออกไปจากที่นี่กันยัง หลังจากที่สลบไป เก็บไอ้อัญมณีนั่นเรียบร้อยแล้วใช่เปล่า”
เฟี๊ยตชี้ไปทางบานประตูบานหนึ่งที่ปรากฏขึ้นมาอย่างเป็นปริศนา ดูเหมือนว่าพวกเขาคงจะเคลียร์เหตุการณ์ของเกมที่บริเวณนี้จนจบแล้ว ทางออกกลับสู่แผนที่ปรกติจึงคลี่คลาย
“เรียบร้อย ออกไปได้เลย เบื่อไอ้หมู่บ้านทึมๆ นี่เต็มทนแล้ว”
ธันตอบรับพร้อมกับเดินตามเฟี๊ยตตรงไปที่ประตูบานนั้น เด็กหนุ่มลอบสังเกตอาการของเพื่อนร่วมทีมก็พบว่าเฟี๊ยตเองนั้นดูปรกติดูทุกอย่าง ไม่มีทีท่าใดๆ ว่าจะระแคะระคายในเรื่องที่เกิดขึ้นเลย เห็นดังนั้น ธันก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
ชายหนุ่มที่เดินนำด้านหน้าบิดลูกบิดเปิดมันออก ก่อนที่เขาจะก้าวข้ามตามไป จบเสียทีกับหมู่บ้านเด็กผู้ชายต้องคำสาปแห่งนี้ เขาเองก็คงจะต้องทิ้งความทรงจำที่เกิดขึ้นที่นี่ไว้เบื้องหลังเช่นกัน
“โอ๊ยย แสงอาทิตย์ คิดถึงจังโว๊ยย”
ธันพูดออกมาอย่างร่าเริงเมื่อออกมาจากเจ้ากังหันลมนั่นสำเร็จ เด็กหนุ่มบิดขี้เกียจไปมาพร้อมยิ้มอย่างอารมณ์ดีที่ได้ออกมาจากสถานที่ชวนหดหู่แห่งนั้น
“ปัญญาอ่อน”
เฟี๊ยตหันมาด่าเบาๆ อย่างไม่จริงจังนัก สายตาของเขากวาดไปมองยังผนังกำแพงที่เคยปรากฎเป็นกำแพงให้พวกเขาทั้งสองเดินออกมานั้น บัดนี้ มันค่อยๆ เลือนหายไปกลายเป็นสภาพอิฐแน่นหนาแข็งอีกครั้ง
“ดูเหมือนว่าจะเพิ่งเคลียร์เกมในหมู่บ้านนี้ได้สินะ”
เสียงเข้มหนึ่งดังขึ้นมาจากทางฝั่งขวาที่ไม่ไกลออกไปมากนัก เมื่อเฟี๊ยตหันไปก็พบว่าเจ้าของเสียงเป็นชายหนุ่มคนหนึ่งในชุดดำพาดขาว เขารู้สึกคุ้นเคยกับการแต่งกายแบบนี้อย่างประหลาด แต่เขานึกอย่างไรก็นึกไม่ออกสักทีว่าเขาเคยเห็นชุดแบบนี้ที่ไหนมาก่อน
“แล้วไง”
เสียงตอบสั้นๆ แบบไม่ค่อยจะเป็นมิตรเท่าไหร่นักดังออกมาจากปากธัน ในจังหวะที่เฟี๊ยตยังไม่ทันพูดอะไรออกไป ดูเหมือนว่าธันจะคุ้นเคยกับสถานการณ์แบบนี้เป็นอย่างดี
“แถวนี้มีคนคุม ตามธรรมเนียมแล้วต้องจ่ายค่าคุ้มครอง”
ชายหนุ่มแปลกหน้าคนนั้นตอบด้วยน้ำเสียงคุกคาม ก่อนจะยกมือทั้งสองมาหักนิ้วไปมาจนเสียงดังลั่น อาการตรงหน้านี่มันคือการข่มขวัญชัดๆ
“ไหนลองแสดงการคุ้มครองให้ดูหน่อยสิ จะได้รู้ว่าควรให้เศษตังเท่าไหร่ดี”
ธันตอบออกไปอย่างสบายๆ น้ำเสียงนั่นแสดงความยียวนกวนประสาทอย่างชัดเจน เฟี๊ยตในขณะนั้นไม่แสดงความคิดเห็นใดๆ ทั้งสิ้น นอกจากเลื่อนมือไปในเสื้อคลุมเพื่อตรวจสอบว่ายาพิษทั้งหลายทั้งแหล่เตรียมพร้อมสำหรับการใช้งานตลอดเวลา ดูจากอาการแล้ว ธันคงจะอยากออกตัวเป็นทัพหน้าเต็มทน เขาคงมีหน้าที่แค่คอยเป็นหน่วยสนับสนุนเท่านั้น
“ขอเปลี่ยนเป็นแสดงการไม่คุ้มครองแทนได้ไหม”
ชายหนุ่มในชุดคลุมสีดำขาวนั่นพูดพร้อมกับตวัดดาบเล่มโตออกมาจากฝักที่พาดอยู่กลางหลัง เสื้อคลุมสีดำขาวลายมังกรนั่นคุ้นตาเฟี๊ยตเหลือเกิน แต่ไม่ว่าชายหนุ่มจะพยายามยังไงก็คิดไม่ออกสักทีว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
“เออดี กำลังเครียด อยากออกแรงอยู่พอดี อย่างนี้ค่อยเข้าท่าหน่อย”
ธันพูดออกมาอย่างไม่มีอาการหวาดกลัวแม้แต่น้อย เด็กหนุ่มสายฟ้าเรียกใช้การ์ดที่เขาเห็นจนชินตาในการต่อสู้ครั้งแล้วครั้งเล่า กว่าที่เฟี๊ยตจะรู้สึกตัวอีกที ธันก็คว้าดาบคู่ของไฮดราและไปยืนอยู่กลางอากาศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“อยู่ตรงนี้แหละเฟี๊ยต คอยเดี๋ยว เดี๋ยวจะกุดหัวหัวหน้าหน่วยพรรคมังกรทมิฬให้ดู!”
เคล้งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
เสียงโลหะหนากระทบกันดังไปทั่วบริเวณนั่น เพียงแค่ลงดาบแรก ดาบคู่ของธันก็สะบัดเอาดาบเล่มยักษ์ของชายคนนั้นหลุดสะบั้นไปเสียงแล้ว เฟี๊ยตสังเกตตั้งแต่อากัปกิริยาการเคลื่อนที่ของธันก็บอกได้เลยว่า เด็กหนุ่มใช้จิตได้คล่องแคล่วกว่าที่เฟี๊ยตคิดไว้มาก การรวมจิตไว้ที่ตาทำให้เฟี๊ยตสามารถเห็นการเคลื่อนไหวของพลังงานจิตในร่างกายธันได้อย่างชัดเจน ราวกับว่าเด็กหนุ่มควบคุมพลังเหนืออำนาจสำนึกนั้นได้อย่างอิสระ รวบรวมอยู่ที่ขาขณะวิ่ง ก่อนที่จะถ่ายเทมาที่แขน และควบแน่นอยู่ที่มือและดาบในที่สุด ไม่แปลกเลยที่ดาบยักษ์นั่นจะกระเด็นไปได้โดยง่าย ธันในขณะนี้ก้าวไปข้างหน้าได้อีกขั้นแล้วจริงๆ
“เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”
ตูมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม
ยังไม่ทันสิ้นเสียงร้องจากความตกใจของอันธพาลคนนั้นตอนที่ดาบหลุดจากมือไป ธันก็ฟาดดาบคู่ซ้ำลงในมืออย่างแทบจะไม่หยุดเสี้ยวจังหวะวินาทีให้หายใจ เดชะบุญของชายคนนั้นที่เรียกใช้การ์ดโล่ได้อย่างทันท่วงที หากแต่โล่แกร่งที่เพิ่งเรียกมาไม่ถึงอึดใจดีก็แตกสลายสะบั้นไปตามแรงฟาดฟันของดาบคู่นั่นเสียแล้ว
ตุบบบบบบ
หากแต่คู่ต่อสู้นั้นก็ไหวดีเหมือนกัน ชายแปลกหน้าอาศัยช่วงจังหวะที่ดาบคู่ของธันสะท้อนกลับไปสั้นๆ ด้วยแรงกระแทกจากโล่ที่เพิ่งแหลกละเอียดไป ย่อตัวลงถีบไปที่ขาข้างซ้ายของธันอย่างเต็มแรง เด็กหนุ่มที่รวมจิตหนาแน่นไว้ที่มือนั้นก็ล้มลงกับพื้นอย่างไม่ทันตั้งตัวเนื่องจากไม่ได้เตรียมตัวตั้งรับไว้ก่อน ชายคนนั้นอาศัยจังหวะนั้นพุ่งตัวเข้าไปหยิบดาบยาวของตนออกมากระชับอีกครั้ง สายตาของเฟี๊ยตเห็นได้ชัดว่าจิตของอันธพาลนั่นเพิ่มขึ้นอย่างรู้สึกได้ จริงๆ แล้วชายคนนี้อาจจะไม่ได้อ่อนแออย่างที่ตอนแรกเห็น หากแต่เพียงอาจจะประเมิณความสามารถของธันไว้ต่ำ และเตรียมพร้อมรับมือน้อยเกินไปก็เป็นได้
กึ่งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
หากแต่ครั้งนี้ไม่เป็นไปตามที่คาดเสียแล้ว ธันฟาดดาบคู่ลงที่ดาบโตนั่นอย่างแรงเหมือนครั้งแรก แต่รอบนี้ดูเหมือนชายแปลกหน้านั่นจะตั้งตัวได้ เขายิ้มเพียงมุมปากก่อนจะสะบัดดาบคืนอย่างแรงจนธันถอยไปเกือบห้าเมตรได้ ชายคนนั้นไม่เปิดโอกาสให้เด็กหนุ่มทันตั้งตัวเช่นกัน เขาพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วพร้อมกับเงื้อมดาบเล่มโตนั่นหมายจะฟาดฟันเอาชีวิตเด็กหนุ่มนามสายฟ้านั่นให้จงได้
ตึงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
หากแต่ธันก็ไม่ได้เป็นหมูในอวยรอให้เชือด เด็กหนุ่มอาศัยช่วงจังหวะเสี้ยววินาทีไถลตัวเข้าไปกระแทกเท้าเข้าที่ขาทั้งสองของเจ้านั่นอย่างเต็มแรง ชายที่เงื้อดาบเข้ามาอย่างหมายมาดนั่นก็เสียศูนย์ล้มคว่ำลงกับพื้นอย่างหมดท่า ชายในชุดขาวดำนั่นรีบเงยหน้าขึ้นเพื่อที่จะลุกขึ้น แต่เพียงเสี้ยววินาทีที่เขาขยับพลิกกายหันกลับมา ดาบคู่ของธันอันหนึ่งก็ไปจ่ออยู่ที่คอหอยของเขาเสียแล้ว ธันใช้โอกาสชั่วขณะจิตพลิกมาเป็นฝ่ายชนะในที่สุด เด็กหนุ่มรอยยิ้มเผยรอยยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ
“ยอมแพ้ซะ ถ้าไม่อยากให้ไอ้นี่ตาย!”
เสียงตวาดหนึ่งกร้าวขึ้นที่ข้างหูของเฟี๊ยต กว่าจะรู้ตัวว่าตัวเองเผลอติดตามการต่อสู้ของธันจนลืมป้องกันตัวเองนั้น เฟี๊ยตก็พลาดไปเสียแล้ว มีดคมอันหนึ่งจ่ออยู่ที่คอของเขาอย่างที่เขาไม่ทันได้รู้สึกตัวเลย ปลายมีดแหลมนั่นบาดลงบนเนื้อจนเลือดจำนวนไม่น้อยไหลซึมออกมาเป็นทาง พวกมันไม่ได้มีคนเดียวอย่างที่พวกเขาทั้งสองคนคิด พรรคพวกอีกคนที่ซ่อนอยู่ตั้งแต่ต้นตลบหลังพวกเขาเสียแล้ว
บัดซบที่สุด เขากลายเป็นตัวประกันโดยได้ตั้งตัวแม้แต่น้อย!
ทางไปเม้ามอยและติดตามข่าวสาร
www.facebook.com/allornonetheauthor จากผู้แต่ง : ใครที่อ่านนิยายผมอยู่ช่วยคอมเมนท์แสดงตัวหน่อยนะ สั้นก็ได้ยาวก็ดี ลงชื่อเฉยๆ ก็ได้ หลังๆ รู้สึกว่าคนอ่านน้อยลงอ่า ยอดวิวก็ตก พาลจะหมดกำลังใจ ขอกำลังใจหน่อยนะ พลีส >/\<