บทที่ 151 Rose
“ผมทำไม่ได้หรอก คุณจะบ้าเหรอ ผมจะมีอะไรกับคนแปลกหน้าได้ยังไง”
ธันพูดพร้อมกับถอยตัวเองออกมาจากร่างนั้นโดยอัตโนมัติ สายตาของชายหนุ่มกวาดไปโดยรอบอย่างหาทางหนีทีไล่ มันจะต้องมีวิธีดีๆ ในการแก้ปัญหาโดยที่เขายังมองไม่เห็นก็เป็นได้
“ตกลงนี่ใจคอเธอจะไม่ช่วยเราจริงๆ หรือ”
ร่างที่เป็นสัญลักษณ์ของสตรีเพศอย่างยิ่งนั้นเอื้อนเอ่ยวาจาออกมาราวกับว่าจะผิดหวัง หากแต่ดวงตาคู่นั้นหาได้มีเค้ารอยแห่งความโศกเศร้าอยู่เลย มันเต็มไปด้วยแววตาของความนึกสนุกและท้าทายเพียงเท่านั้น
“ผมยินดีช่วยในขอบเขตที่ผมทำได้เท่านั้น ร่างที่คุณอยู่ตอนนี้มันคือเพื่อนของผม คุณจะให้ผมมีอะไรกับเพื่อนตัวเองได้ยังไง ที่สำคัญ มันเป็นผู้ชายด้วย ผมคงช่วยคุณไม่ได้หรอก”
ธันพูดออกมาอย่างตัดสินใจแล้ว สายตาของเขายังคงมองหาทางออกของปัญหาเหมือนเดิม เขาหวังว่าจะมีสิ่งมหัศจรรย์อะไรสักอย่างเกิดขึ้น และพาเขาออกไปจากสถานการณ์ที่แสนจะอึดอัดนี่
“จริงหรือ ในสายตาเธอ ร่างกายเรายังคงเป็นบุรุษเพศอย่างนั้นหรือ”
หญิงสาวคนนั้นพูดพร้อมกับค่อยๆ ใช้มือขาวลูบไล้ไปตามผิวเนียนสะอาดเหล่านั้น นิ้วของเธอค่อยๆ ปลดชุดยาวถึงโคนขาที่สวมใส่อยู่อย่างช้าๆ อิริยาบถเหล่านั้นเผยให้เห็นร่างกายทุกส่วนสัดอย่างปราศจากอาภรณ์ปกคลุมอยู่แม้แต่ชิ้นเดียว ร่างขาวโพลนนั้นตัดกับแผ่นหินแกร่งเบื้องหลังและท้องฟ้าสีหม่นนั่น มือของหญิงสาวลูบไล้ไปตามลำตัวอย่างเปิดเผย จริงตามคำพูดเหล่านั้นทุกประการ ร่างกายของคนตรงหน้านี่ไม่มีความเป็นบุรุษเพศแม้เพียงนิดเดียว ไม่ว่าจะเป็นผมยาวดำขลับกลางหลัง เนินปทุมถันที่ชูเด่นเป็นทรงยั่วล้อสายตาชาย เอวกิ่วที่คอดเข้ามาประสานสอดไปกับหน้าท้องที่แบนราบไล่ไปจนถึงสะโพกผายและปลีกน่องอวบอิ่มเหล่านั้น ไม่มีเลย ไม่มีส่วนใดที่ไม่ดึงดูดหัวใจชายอย่างเขาเลย มันเป็นความรู้สึกที่ยากไปเสียทุกอย่าง ยากเกินจะเข้าใจในความซับซ้อนเหล่านั้นได้ แม้กระทั่งยากที่จะควบคุมให้อยู่ในทิศทางที่สมควร
“ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร แต่จริงๆ แล้ว ร่างกายของคุณก็คือผู้ชายอยู่ดี”
ธันพูดห้วนๆ ก่อนจะเบือนหน้าจากร่างกายที่ทรงอานุภาพแสนเย้ายวนนั่น ชายหนุ่มหันหน้าหนีออกมาอย่างเสียไม่ได้เลย
“จริงหรือ เธอรังเกียจร่างกายแห่งบุรุษนี้จริงๆ หรือ เธอลองถามใจเธอดูอีกสักครั้งก่อนไหม เผื่อประโยคที่เธอพูดออกมา มันจะเป็นความไม่ได้ตั้งใจของเธอ”
หญิงสาวคนนั้นเอ่ยออกมาอย่างมีนัยยะแฝงอยู่ในคำพูดเหล่านั้นอยู่มากมาย ท้ายประโยคของเธอแฝงไว้ด้วยเสียงหัวเราะเล็กๆ ที่แหบห้าวและก้องกังวานไปทั่วความรู้สึกของเขา ไม่เชิงจะหัวเราะเยาะ แต่ดูจะเป็นความรู้เท่าทันเสียมากกว่า
เสียงของธันเงียบไปชั่วอึดใจหนึ่งอย่างไม่มีความรู้สึกใดจะพูด เรื่องราวไม่น้อยวนเวียนอยู่ในความรู้สึกของเขา หากแต่ก็ไม่มีคำอธิบายใดถูกถ่ายทอดออกไปยังคนตรงหน้า
“ไม่ว่ายังไง เขาก็เป็นเพื่อนผม คุณเลิกล้มความคิดของคุณเสียเถอะ ผมช่วยคุณไม่ได้จริงๆ” ธันตัดบทมาสั้นๆ ทั้งที่ไม่ได้มองหน้าผู้หญิงตรงหน้า
“ฮ่าฮ่าฮ่า ดูเหมือนว่าตรรกะของเธอในข้อนี้จะย่อหย่อนกว่าข้อที่แล้วเสียอีกนะ เธอมั่นใจหรือว่าเธอไม่อาจรักคนที่เคยเป็นเพื่อนกันมาก่อนได้ เธออย่าลืมสิว่าเรื่องราวเหล่านี้เกิดขึ้นในหัวสมองของเธอ นั่นแปลว่า เธอไม่อาจหลอกลวงความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับจิตใจเธอได้หรอก ไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหนก็ตาม”
หญิงสาวคนนั้นหัวเราะกึ่งยั่วเย้าออกมาอย่างเปิดเผย ดวงตางามเจ้าของเรือนร่างที่เปลือยเปล่านั่นจับจ้องมาที่เขาอย่างจับสังเกต เมื่อธันหันไปอีกครั้ง ภาพของหญิงสาวนั่นก็กลับมาทับซ้อนกับเพื่อนชายของเขาอย่างห้ามไม่ได้เลย ร่างเปลือยเปล่าของคนทั้งคู่สลับกันไปมาจนธันต้องยกนิ้วขึ้นมาขยี้ตาอีกครั้ง เขาควรจะโทษสิ่งใดดีหนอ ไม่ว่าใคร อะไร อย่างไรก็ดูเป็นใจไปเสียหมดเลย
“ไม่ ผมทำไม่ได้!”
ธันลุกยืนขึ้น ก่อนจะเดินหนีไปอีกฝั่งของลานหินนั่นอย่างขัดใจ จริงอยู่ที่เขาออกจะไม่พอใจคนข้างหน้าอยู่บ้าง แต่เอาจริงๆ แล้ว เขาหงุดหงิดตัวเองเสียมากกว่าที่ห้ามไม่ให้คิดตามคำพูดเหล่านั้นไม่ได้
“จริงหรือ เธอทำไม่ได้จริงหรือ ร่างกายของเราถูกบ่มเพาะด้วยมนต์วิเศษอย่างหนึ่งนะ มนต์วิเศษที่อาจจะช่วยผ่อนคลายความสงสัยในจิตใจเธอได้”
สตรีเดียวบนยอดเสาที่แสนจะโดดเดี่ยวนั่นเอ่ยขึ้นมาด้วยประโยคชวนสงสัย และเมื่อหันไปมองยังต้นเสียงนั่นอีกครั้ง ธันก็ถึงกับต้องกลืนน้ำลายลงไปในลำคออย่างยากลำบากเหลือเกิน
ร่างเปลือยเปล่านั่นกลับกลายไปเป็นภาพของชายหนุ่มเสียแล้ว ชายหนุ่มที่เขาเองเห็นมาจนเจนตา ชายหนุ่มที่ร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่ฝ่าสถานการณ์เฉียดตายมาก็หลายครั้ง หากแต่เพียงเฟี๊ยตในเวลานี้ไม่มีภูษาใดปกปิดเรือนร่างไว้แต่ชิ้นเดียว ผิวขาวเนียนบริสุทธิ์เจิดจริศอยู่ใต้ท้องฟ้าสีน้ำตาลครึ้มนั่น ดวงตาคู่น้อยที่เขาค่อนแคะไว้หลายต่อหลายครั้งนั่นในเวลานี้ผินมาที่เขาอย่างเร่าร้อน ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อนั่นแย้มมุมขึ้นอย่างยั่วเย้า ถัดลงมาเป็นเนินอกแกร่งที่มีกล้ามเนื้อแห่งบุรุษเพศอยู่ไม่มากไม่น้อยไปกว่าเขาเลย ถัดลงมาสู่หน้าท้องที่แบนราบจนเห็นเป็นเค้าลอนน้อยๆ ไต่ไปจนจรดแก่นกลางลำตัวที่รองรับอยู่กับต้นขาคู่งามที่เปลือยเปล่าแสนบริสุทธิ์ งดงาม ชายตรงหน้านี้งดงามราวกับห้วงมหาสมุทรสีครามเข้มที่ไม่อาจหยั่งลึกความตื้นเขินหรือลึกลับได้ ดวงตาคู่นั้นถอดมองมาอย่างเรียกร้องกึ่งท้าทาย ร่างกายที่เปลือยเปล่านั่นชัดเจนเกินกว่าที่ธันจะปฏิเสธกับความคิดใดในใจออกไปได้แม้เพียงแต่น้อย
ชายหนุ่มอยากจะโทษทุกอย่างที่ทำให้เขาต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์อันแสนจะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนี้ อะไรหนอช่างดลใจให้เรื่องราวเลยเถิดมาไกลกว่าที่เขาจะจินตนาการ เขาต้องทำอย่างไรดีหนอ ตรรกะเหตุผลและความรู้สึกในสมองเหล่านั้นเริ่มทะเลาะกันจนตัวเขาไม่อาจห้ามได้เลย
“ผมขอโทษ แต่ผมช่วยคุณไม่ได้จริงๆ ถึงแม้ว่าเจ้าของร่างกายนั่นจะไม่มีสติสัมปชัญญะในเวลานี้ แต่หลังจากที่เขาตื่นขึ้นมา เขาก็ต้องพบกับความผิดปรกติที่เกิดขึ้นกับร่างกายเขาอยู่ดี”
ธันเริ่มต้นพูดอย่างประนีประนอม หลังจากเห็นว่าคนตรงหน้าไม่มีทีท่าจะอ่อนข้อให้เลย ชายหนุ่มตัดสินใจใช้น้ำเย็นเข้าลูบ ด้วยหวังว่า คนตรงหน้าจะยอมเสนอทางออกที่ดีกว่านี้ให้เขา
“เกรงว่าเธอเองคงจะไม่มีทางเลือกมากนัก เธอจงอย่าลืมว่าเราไม่ใช่คนเลือกให้เรามีคำสาปนี้ เราเองก็ไม่มีทางเลือกเหมือนกัน ถ้าเธอไม่เลือกที่จะลบล้างความผิดในค่ำคืนนี้ โอกาสที่เธอจะแก้คำสาปนี้จะมีอีกครั้งในหนึ่งเดือนข้างหน้า ระหว่างนั้นเราจะกลายเป็นดอกกุหลาบที่ไร้คำพูด เธอจะไม่ได้พบเจอเพื่อนเธออีกเลย” ร่างกายที่กลับมาเป็นหญิงสาวอีกครั้งหนึ่งนั้นเอ่ยก้องกังวานไปในสถานที่แห่งนั้น
“นี่มันเป็นแค่เกม ผมกับเฟี๊ยตเริ่มต้นเล่นเกมใหม่ก็ได้ หรือไม่ เราก็อาจจะเลิกเล่นเกมนี้ไปเลย” ธันพูดออกมาเสียงห้วน พร้อมกับเบือนหน้าออกไปจากร่างกายนั้น
“นั่นเป็นไปได้สำหรับเธอ แต่เห็นว่าจะเป็นไปไม่ได้สำหรับชายเจ้าของร่างนี้ เขาจะไร้สติสัมปชัญญะเช่นนี้ไปตลอดเวลาที่อยู่ในเกมแห่งนี้ นั่นแปลว่าทุกครั้งที่เขาฝัน เขาจะต้องเห็นภาพเดิมซ้ำๆ ไปอย่างไม่มีทางเลือก เธอไม่อยากปลดปล่อยเพื่อนเธอจากความทุกข์นี้หรือ” หญิงสาวหยุดไปชั่วอึดใจก่อนจะกล่าวต่ออย่างมีจังหวะจะโคน
“อีกประการหนึ่ง ถ้าเธอไม่ตัดสินใจทำอะไรลงไปในค่ำคืนนี้ เธอจะไม่มีโอกาสได้พบเจอเจ้าของร่างกายนี้อีกเลย เมื่อเขาไม่มีสติ เขาก็ไม่อาจบอกเธอได้ว่าเขาเป็นใครมาจากไหนอย่างไร ความสัมพันธ์ของเธอและเขาจะขาดสะบั้นลง ณ เวลานี้ เธอรับได้หรือ เธอรับได้ที่จะสูญเสียคนตรงหน้านี้เธอไปได้จริงๆ หรือ เราแค่อยากให้หัวใจเธอได้พิจารณาดูอย่างรอบคอบอีกครั้ง”
และกว่าที่ธันจะรู้สึกตัว ร่างเปลือยเปล่านั่นก็ตรงเข้ามาสวมกอดเข้าจากเบื้องหลัง เขารู้สึกได้ถึงสัญลักษณ์แห่งอิสตรีทั้งสองที่นูนเด่นเบียดแผ่นหลังกว้างของเขาอย่างชัดเจน มือทั้งสองนั่นซุกซนไปตามร่างกายเขาอย่างเหนือการควบคุม หัวใจของเขาหลุดพ้นจากพันธนาการทั้งหลายทั้งปวงอีกครั้ง
“มนต์วิเศษอย่างหนึ่งที่ฉันยังไม่ได้บอกเธอ คือ ใครก็ตามที่เอ่ยชื่อของเราแล้ว ถ้าเขามีความรู้สึกเสน่หากับเราแม้เพียงแต่น้อย ความรู้สึกนั่นมันจะทบทวีคูณมหาศาลจนแม้กระทั่งเจ้าตัวนั่นไม่อาจจะควบคุมได้เลย” เสียงแหบนั่นเอ่ยกระซิบที่ข้างใบหูของเขาอย่างยั่วยวน
ธันในเวลานั้นพยายามข่มความรู้สึกที่กำลังคลุ้มคลั่งภายในร่างกายและจิตใจของตนถึงขีดสุด ไม่มีคำใดเอื้อนเอ่ยออกมาภายใต้ความรู้สึกที่โหมกระพืออย่างบ้าคลั่งในช่วงขณะจิตนั้น
“ยอมแพ้เถอะค่ะ ถ้าเธอในเวลานี้กำลังหวั่นไหวไปกับเรือนร่างนี้ นั่นแปลว่าแท้จริงแล้วเธอมีความหวั่นไหวกับเจ้าของร่างนี้อย่างแน่นอน ถึงแม้ว่ามันจะน้อยยิ่งกว่าเศษผงเถ้าธุลีก็ตาม แต่นั่นก็แสดงว่ามันมีอยู่จริง”
“ยอมแพ้เถอะค่ะ ปลดปล่อยตัวเองไปตามสันชาตญาณที่สิ่งมีชีวิตหนึ่งพึงกระทำ อย่าคิดให้มาก สมองมีไว้ใช้ค่ะ แต่ไม่ใช่ภายใต้เรือนร่างของความรักนี้”
หญิงสาวนั่นจับร่างกายของธันพลิกหันกลับมา ก่อนจะกุมมือหนานั่นมาประทับไว้ที่ยอดปทุมถันฝั่งซ้าย สายตาของธันพร่ามัวไปหมดสิ้นแล้วในเวลานี้ ชั่วหนึ่งเขาเห็นสตรีที่เพียบพร้อมไปด้วยความงามอันเหนือคณานับ อีกชั่วขณะหนึ่งคลองจักษุของเขากลับมาร่างกายแห่งบุรุษเพศมาสถิตอยู่เบื้องหน้า เถ้าตะกอนแห่งความรู้สึกมากมายฟุ้งกระจายอยู่ภายในแผงอกหนานั่น
กว่าจะรู้สึกตัวอีกครั้ง ริมฝีปากของชายหนุ่มก็ตรงเข้าบดขยี้กลีบกุหลาบอันมีสาวงามเป็นเจ้าของนั้น ราวกับความสัมผัสได้ถ่ายทอดความรู้สึกจนพรรณนาได้เป็นคำพูดถ้อยอรรถรสนับร้อยพัน ธันสิ้นสุดความอดทนแห่งความเป็นชายในห้วงจังหวะอารมณ์นั้นนั่นเอง
เขารู้สึกราวกับตัวเองเป็นผู้ประสบเคราะห์กรรมท่ามกลางทะเลทรายอันโหดร้ายทารุณไร้หนทางแห่งชีวิต ประหนึ่งว่าตรงหน้านี้เป็นแหล่งน้ำสุดท้ายภายใต้คุกกรงขังแห่งฆาตกรรมเหล่านั้น ชายหนุ่มโหมกายพาพลังสุดท้ายแห่งชีวิตเข้าทิ้งตัวลงบนแหล่งพักพิงยามยาก ปลายทางของเขาช่างหวานหอม นุ่มนวล อิ่มเอม และแสบปร่าเหลือเกิน รสชาติแห่งราคะกำลังกำซาบไปตามเนื้อกายเขาอย่างไม่อาจควบคุม ชายหนุ่มและหญิงสาวในเวลานั้นกำลังต่างพากันดำดิ่งลงสู่มหาสมุทรสุดลึกล้ำแห่งห้วงอารมณ์ที่ไม่อาจใช้มาตรวัดใดมาตัดสินได้ เพียงแค่หัวใจสองดวงมีจังหวะการเต้นที่สอดพ้องกันเท่านั้น ร่างกายของคนทั้งคู่ก็พร้อมจะโบยบินสอดคล้องกันไปสู่สวรรค์ที่สถิตอยู่ยังดินแดนเหนือเส้นขอบฟ้าอันมนุษย์ปุถุชนไม่มีพลังอำนาจใดจะก้าวล่วงล้ำย่ำกรายเข้าไปได้เลย
แหล่งพักพิงกบดาน
www.facebook.com/allornonetheauthorจากผู้แต่ง : กลับมาแล้วนะครับ ตัดสินใจว่าจะคงมาลงต่อเรื่อยๆ เท่าที่จะลงไหว แต่งจบเมื่อไหร่ค่อยรีไรท์ใหม่นะครับ อาจจะกระท่อนกระแท่นไปบ้างก็ต้องขออภัย มีปัญหาส่วนตัวยิ่งใหญ่จริงๆ ครับ เวลาพอมีบ้าง แต่มันเครียดจนแต่งไม่ออกหนะครับ ยังไงก็ขออภัยไว้ก่อน พยายามจะลงให้ได้สม่ำเสมอที่สุดนะครับ แต่ถ้าตกหล่นไปบ้างก็อย่าว่ากันนะ อัพเดตแบบเรียลไทม์ว่าลงวันไหนยังไงได้ที่แฟนเพจนะครับ มาเม้นไว้ในนี้ไม่ค่อยมีคนอ่านเจออ่าครับ
![:katai4:](https://thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/katai4.gif)