The Lost World มหัศจรรย์ดินแดนสาบสูญ EP204 + ประกาศอัพเดต 23/05/2018
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: The Lost World มหัศจรรย์ดินแดนสาบสูญ EP204 + ประกาศอัพเดต 23/05/2018  (อ่าน 445174 ครั้ง)

ออฟไลน์ lukkeng

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-0
บทที่ 141 Gifts

 

            “สุดท้ายนี้ ครูมีของขวัญจะมอบให้เธอทั้งคู่”

 

            ครูอิสราพูดขึ้นพร้อมกับยื่นมือขวาออกไปตรงหน้าพวกเขาทั้งสองคน ในมือนั้นมีการ์ดสีน้ำตาลอ่อนสองใบที่หน้าตาเหมือนกันทุกประการอยู่ เฟี๊ยตยกมือขึ้นไหว้ขอบคุณอย่างนอบน้อม ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบการ์ดใบนั้นไว้ ในขณะที่ธันก็ประพฤติด้วยกิริยาไม่ต่างกัน หากแต่ดวงหน้านั้นเจือไว้ด้วยรอยยิ้มอยู่ตรงมุมปากตลอดเวลา

 

 

            ชื่อ The Aura Mirror (กระจกเงาสะท้อนออร่า) ประเภท FC (ไพ่ตัวตน) ระดับ 9 ความสามารถ ใช้ในการตรวจจับออร่าของสิ่งมีชีวิต

 

 

            “การ์ดใบนี้อาจจะไม่ใช่การ์ดที่มีความสามารถในการประหัตถ์ประหารอะไร แต่มันถือได้ว่าเป็นการสายตรวจจับที่ทรงประสิทธิภาพมากใบหนึ่ง”

 

ครูอิสราพูดพร้อมกับแย้มรอยยิ้มขึ้นน้อยๆ ในขณะที่เฟี๊ยตและธันกำลังก้มลงสำรวจการ์ดใบใหม่อยู่นั่น การ์ดใบนั้นเป็นถึงการ์ดเลเวล 9 เลยทีเดียว

 

“ออร่าสีเหลืองหมายถึงชี่ ออร่าสีส้มหมายถึงจิต และออร่าสีแดงหมายถึงจักระ ส่วนเรื่องที่ว่าพวกเธอจะนำไปประยุกต์ใช้อย่างไรได้บ้างนั้น ก็สุดแล้วแต่สติปัญญาของเธอจะนำพาไปก็แล้วกัน ขอให้เธอทั้งสองโชคดี หากควีนโจแอนนามีความประสงค์จะมอบภารกิจใดๆ ให้แก่เธอ จงพิจารณาให้รอบคอบเสียก่อนจะตอบรับ ลาก่อน ถ้าประเหมาะเคราะห์ดี เราอาจจะได้พบเจอกันอีกครั้ง”

 

ครูสอนจักระที่ยังไม่ได้สอนจักระเขาเลยแม้แต่น้อยพูดทิ้งท้ายไปเป็นปริศนาอย่างนั้น ก่อนที่หญิงวัยกลางคนคนนั้นจะก้มหัวน้อยๆ เป็นเชิงอำลา พร้อมกับก้าวท้าวออกไปจากห้องอย่างมั่นใจเช่นเคย

 

 

พวกเขาทั้งสองพาตัวเองไปรับประทานอาหารในเย็นนั้น เฟี๊ยตและธันซัดอาหารจนแน่นกระเพาะเหมือนเดิม การฝึกฝนจิตนี่ใช้พลังมากกว่าที่คิดมากนัก แต่อย่างไรก็ตาม พวกเขาทั้งคู่รู้สึกสดใสมากเป็นพิเศษในเย็นวันนี้ บางที อาจจะเป็นเพราะว่าพวกเขาได้ผ่านพ้นหลักสูตรการฝึกฝนจิตมาได้แล้ว เฟี๊ยตแอบฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีระหว่างของหวาน ถ้าเดาไม่ผิด พรุ่งนี้ พวกเขาน่าจะได้เข้าพบควีนโจแอนนาแล้ว

 

ชั่วเสี้ยวนาทีนั้นเอง เฟี๊ยตรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงฝีเท้าหนึ่งกำลังจะก้าวเข้ามาในห้องอาหารแห่งนั้น เพียงแต่เขารู้สึกมันไม่ใช่เสียงของพนักงานห้องอาหารตามที่เขารอคอย เขาเองก็ตอบไม่ได้ว่าทำไมเขาจึงรู้สึกอย่างนั้น ชายหนุ่มหันไปดูที่ต้นเสียงนั่นในทันที ในขณะที่ธันก็หันตามไปด้วยช่วงเวลาที่ไล่เลี่ยกันนั่นเอง

 

ผู้ที่เข้ามาใหม่ไม่ใช่พนักงานเสิร์ฟตามที่เฟี๊ยตสันนิษฐานไว้จริงๆ ด้วย ผู้ที่ก้าวเข้ามานั้นเป็นชายหนุ่มร่างกำยำ สูงประมาณ 180 เซนติเมตรเห็นจะได้ ชายคนนั้นอยู่ในชุดนักรบของเมืองแห่งสายลมที่เขาเห็นจนเจนตา ทันทีที่ก้าวเข้ามาถึงในห้องนั้น ชายคนดังกล่าวก็ถอดหมวกที่มีลักษณะคล้ายโล่ที่ครอบศีรษะไว้ เผยให้เห็นใบหน้าที่เกรียมแดดพอสมควร ดวงตาที่แน่วแน่นั้นทอดตรงมาที่พวกเขาทั้งสองคน

 

“สวัสดีครับท่านทั้งสอง ผมชื่อว่าวาโย ผมเป็นนายทหารที่ได้รับหน้าที่จากราชินีให้พาพวกท่านทั้งสองไปพบบนวิหารเรือบินแห่งพฤษภาคม ราชินีแจ้งให้ผมทราบว่าพวกท่านทั้งสองเรียนวิชาควบคุมจิตเพื่อป้องกันไม่ให้ถูกลมกรรโชกได้แล้ว ผมรบกวนให้ท่านทั้งสองทบทวนวิชาเหล่านั้นอีกครั้ง เพราะพรุ่งนี้ พวกท่านจะต้องขึ้นพาหนะไปบนเรือบิน ระหว่างทางจะมีลมพัดแรงมาก จิตที่แน่วแน่เท่านั้นที่จะปกป้องพวกท่านจากอันตรายได้”

 

ชายหนุ่มผิวสีทองแดงคนนั้นเอ่ยกับพวกเขาอย่างนอบน้อม ดูจากลักษณะบุคลิกแล้ว เฟี๊ยตเดาว่าคนตรงหน้านี้จะมีตำแหน่งใหญ่โตอยู่ไม่น้อยเลย

 

“ได้ครับ ไม่ทราบว่านัดหมายเวลาเท่าไหร่อย่างไรครับ” เฟี๊ยตเอ่ยตอบไปพร้อมกับคำถาม

 

“พรุ่งนี้เวลาเก้าโมงเช้า หลังจากที่พวกท่านรับประทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้วมาพบกันที่บริเวณลานโล่งหน้าปราสาทได้เลยครับ กรุณาแต่งชุดที่รัดกุมนะครับ ส่วนวิธีการเดินทางนั้น ผมจะอธิบายโดยละเอียดอีกครั้งหนึ่งในวันพรุ่งนี้ครับ” ชายหนุ่มคนนั้นเอ่ยตอบเขากลับมา

 

หลังจากที่เฟี๊ยตซักถามเรื่องสถานที่นัดหมายอย่างละเอียดอีกครั้งแล้ว ชายหนุ่มนามวาโยคนนั้นก็ขอตัวกลับ พวกเขาทั้งคู่จึงกลับมาสนใจของหวานของเย็นวันนั้น พวกเขาดื่มด่ำกับมื้ออาหารจนกระทั่งท้องฟ้าเริ่มหม่นลง ก่อนจะขอตัวกลับเข้าสู่ห้องพักเพื่อเตรียมแรงไว้ในการผจญภัยในวันพรุ่งนี้

 

ในค่ำคืนนั้น ธันยังคงนอนร่วมห้องกับเฟี๊ยตอยู่เหมือนเดิม ตอนแรกเฟี๊ยตตั้งใจจะไล่ธันกลับไปนอนที่ห้องตัวเอง แต่เมื่อคิดไปคิดมาก็พบว่า นี่อาจจะเป็นคนสุดท้ายในปราสาทแห่งสายลมแห่งนี้แล้ว ความคิดดังกล่าวจึงถูกพับเก็บไป ชายหนุ่มสองคนบนเตียงนุ่มนั้นจึงได้ผ่านพ้นราตรีด้วยกันไปอีกคืน

 

 

เช้าวันรุ่งขึ้น พวกเขาทั้งสองคนไปถึงบริเวณที่นัดหมายไว้กับวาโยหลังจากรับประทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว พวกเขาพบกับวาโยที่มารออยู่ก่อนแล้ว ถึงแม้ว่าจะเฟี๊ยตและธันจะมาก่อนเวลาร่วม 15 นาทีได้ ชายหนุ่มผิวสีทองแดงคนนั้นแนะนำให้พวกเขาทั้งสองคนรู้จักกับยานพาหนะที่จะพาพวกเขาทั้งสองคนขึ้นไปสู่เรือบินศักดิ์สิทธิ์นั่น

 

และจินตนาการของเฟี๊ยตก็ผิดไปจากความจริงเสียหมด เขานึกว่าพวกเขาจะได้เดินทางด้วยสัตว์ปีกอะไรสักอย่าง เหมือนกับที่เคยเจอมาแล้วในช่วงเวลาที่ผ่านมานั่น แต่เอาเข้าจริง พอวาโยชี้ให้ดูพาหนะที่จะพาเขาทะยานไปสู่ท้องฟ้านั่น เฟี๊ยตก็ถึงกับหลุดหัวเราะออกมาน้อยๆ เขาคาดการณ์ผิดไปไกลเลยทีเดียว

 

มันคือ Big Bike!

 

เขาและธันจะต้องขี่เจ้าจักรยานยนต์คันโตนี่ตะลุยไปบนท้องฟ้า แค่คิดก็น่าตื่นเต้นแล้ว เฟี๊ยตได้แต่ยิ้มกับตัวเอง เมื่อคิดได้ว่า เขานึกว่าเขาจะได้ขี่มังกรตัวโตขึ้นไปเรือบินเสียอีก

 

 

“นี่ผมกับเฟี๊ยตจะต้องขี่มอเตอร์ไซค์ขึ้นไปบนเรือบินเหรอครับ” ธันเอ่ยขึ้นน้อยๆ อย่างไม่มั่นใจ

 

“ใช่ครับ แต่ผมจะเป็นคนขับให้น่าจะปลอดภัยกว่า ผมจะขับขึ้นไปส่งพวกท่านคนหนึ่งก่อน แล้วจะวนกลับมารับท่านที่เหลืออีกคนหนึ่งครับ” ชายคนนั้นตอบออกมาอย่างนอบน้อม

 

“อ๊าว แล้วไปพร้อมกันสองคันไม่ได้เหรอครับ” ธันถามต่ออย่างสงสัย

 

“ถึงแม้ว่ารถมอเตอร์ไซค์ข้างหน้านี้จะขับได้เหมือนมอเตอร์ไซค์ปรกติก็ตาม แต่ในเมืองนี้ ผู้ที่สามารถควบคุมจิตให้บังคับร่างกายไม่ให้ปลิวไปตามลมก็มีอยู่น้อยมาก ดังนั้น การไปรับไปส่งทีละคนจะสะดวกที่สุดครับ” วาโยตอบออกมาอย่างมีเหตุผล

 

“ขับได้เหมือนมอเตอร์ไซค์ปรกติ แปลว่าถ้าผมอยากขับเองก็ได้ ถูกไหม” ธันเอ่ยถามต่อ ในขณะที่เฟี๊ยตยังคงเงียบและพิจารณาอะไรอยู่ในใจไปเรื่อยๆ

 

“ควีนโจแอนนารับสั่งไว้ว่า หากพวกท่านทั้งสองคนปารถนาจะขับยานพาหนะขึ้นไปด้วยตัวเอง ท่านก็ไม่ขัดข้องครับ” วาโยพูดตอบกลับมาพร้อมกับก้มหัวลงน้อยๆ

 

“งั้นตกลงตามนี้ครับ”

 

ธันเอ่ยสรุปออกไปด้วยตัวเองพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง วาโยเองก็ก้มหัวอย่างตอบรับน้อยๆ ในขณะที่เฟี๊ยตก็พยักเพยิดหน้าตามใจธันโดยไม่ขัดข้องแต่อย่างใด อย่างน้อย ถ้าจะมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดใดๆ ขึ้น การที่พวกเขาอยู่ด้วยกันก็ดูจะเป็นความอุ่นใจที่ดีที่สุดอย่างหนึ่งเลย

 

 

ธันเรียนรู้การใช้เครื่องยนต์เบื้องต้นจากทหารหนุ่มคนนั้น เด็กหนุ่มดูตื่นเต้นมากที่จะได้ขี่เจ้าสองล้อนี่ตะลุยไปในอากาศ เฟี๊ยตปล่อยให้ธันศึกษาการขับขี่กับวาโยไปอย่างนั้น โดยที่เขาเองก็ไม่คิดจะไปยุ่งวุ่นวายหรือเรียนรู้อะไรด้วย เภสัชกรหนุ่มทำแค่เพียงหยิบสมุดการ์ดขึ้นมาทบทวนอย่างช้าๆ พร้อมกับคิดวางแผนการใช้การ์ดในกรณีที่เกิดความฉุกเฉินขึ้นกลางอากาศนั่น

 

เฟี๊ยตเงยหน้าจากสมุดคู่ใจอีกครั้งก็ตอนที่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์กระหึ่มดังขึ้น เฟี๊ยตกำลังจะขยับตัวออกมาที่นั่งใต้ร่มเงาของตัวปราสาทที่อยู่ถัดออกมาจากลานกว้างนั่น แต่ก็ได้ยินเสียงธันตะโกนขัดมาว่าขอลองเครื่องให้ชินมือเสียก่อน ซ้อมให้มั่นใจก่อนถึงจะขับฝ่าขึ้นไปบนท้องฟ้ากว้างนั่นจริงๆ

 

เฟี๊ยตนั่งมองเด็กหนุ่มที่มัวแต่ขับรถฉวัดเฉวียนวนเวียนอยู่บนอากาศโดยมีวาโยซ้อนท้ายเพื่อดูแลความปลอดภัยอยู่อย่างนั้น ท่าทางของธันดูตื่นเต้นและสนุกมากจนเขาหลุดขำออกมา นี่เขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังพาลูกชายวัยคะนองมาเล่นเครื่องตามสวนสนุก โดยตัวเองทำได้แค่นั่งมองอยู่ห่างๆ อย่างนั้น ยิ่งวันเวลาผ่านไป ชายหนุ่มก็รู้สึกว่าตัวเองชักจะผูกพันกับธันมากเกินกว่าเพื่อนเล่มเกมทั่วไปเสียแล้ว

 

 

“ขึ้นมาเลยเฟี๊ยต พร้อมแล้ว!”

 

เสียงของธันดังขึ้นพร้อมกับเสียงเครื่องยนต์ที่กระหึ่มขึ้นไม่ไกลจากที่เฟี๊ยตนั่งอยู่นัก ธันวนรถมารับเขา โดยมีวาโยยืนสังเกตการณ์อยู่ไกลๆ นั่น

 

“มั่นใจแล้วเหรอ ไม่ใช่ตกลงมาคอหักตายทั้งคู่นะ ฮ่าฮ่า”

 

เฟี๊ยตพูดอย่างขำๆ พร้อมกับยกไหล่ขึ้นทั้งสองข้าง ชายหนุ่มเก็บสมุดการ์ดนั่นเข้าที่ ก่อนจะลุกจากที่นั่งเพื่อขึ้นไปซ้อนท้ายเด็กหนุ่มนั่น

 

 

บรื้นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน

 

เสียงเครื่องยนต์กระหึ่มขึ้นท่ามกลางความเงียบบริเวณลานกว้างในยามสายๆ นั่น ธันกระดกล้อขึ้น ก่อนจะบิดคันเร่งพาเครื่องยนต์ขนาดยักษ์พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า กระแสลมปริมาณไม่น้อยพัดเข้าปะทะใบหน้าเฟี๊ยตอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มรู้สึกชาบริเวณใบหน้าไปหมดเลย

 

“เฮ้ย นี่ต้องเกร็งจิตทั้งตัวเลยเหรอเนี่ย ไหนตอนแรกครูเขาบอกว่ารวมจิตไว้เฉพาะที่ฝ่าเท้าก็พอไง” เฟี๊ยตโวยวายขึ้นเสียงดังเมื่อค้นพบว่าลมแรงกว่าที่คิดมาก เขาจำเป็นต้องรวมจิตไว้ทั่วร่างกายตลอดเพื่อที่จะไม่ให้สายลมเหล่านั้นพัดเขาหลุดจากตัวรถไปได้

 

“แค่เท้าก็พอ จะรวมจิตทั้งตัวทำไมให้เปลือง” เสียงธันตอบมาเรียบๆ

 

“ก็ปลิวดิ ลมแรงขนาดนี้” เฟี๊ยตตะโกนแข่งกับเสียงลมที่อื้ออึงไปหมดนั่น

 

“เฟี๊ยตก็เกาะเอวธันไว้ดิ แค่นี้ก็ไม่ปลิวแล้ว” ธันพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเช่นเดิม ก่อนจะถือวิสาสะเอามือข้างซ้ายของตนเอื้อมมาจับมือของเฟี๊ยตทีละข้างให้มาประสานไว้ที่เอวของเขา

 

‘อืมม ไม่ปลิวจริงๆ ด้วยแฮะ’



เพจสำหรับเม้ามอยหอยสามแม่ครัว : www.facebook.com/allornonetheauthor เข้าไปดูรูปภาพต่างๆ เกี่ยวกับจินตนาการเกี่ยวกับนิยายได้นะ เซย์ฮัลโหลแบบเป็นส่วนตัวก็ได้ เย้เยเย

จากผู้แต่ง : กลับมาแล้ววววว กลับมาจากหัวหินแล้ววววว คิดถึงกันบ้างเปล่าาาาาาา ไม่มีใครคิดถึงเลยเหรอออออ โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ วิ่งไปร้องไห้แป๊บบบบบบบบบบบบบบ

 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ lukkeng

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-0
กลับมาแล้ว ร้องไห้เสร็จแล้ว ผมไปนอนรีสอร์ทชื่อบ้านอิสรามาด้วยแหละ ไหงชื่อเหมือนครูอิสราของผมเลยหละ ฮ่าฮ่า ผมจะฟ้องฐานละเมิดลิขสิทธิ์ อิอิ

ขอบคุณสำหรับคอมเมนท์และคำติชมนะครับ หลายคนแนะมาว่าเรื่องมันยาวไป ง่าาาาา ผมอยากแต่งเรื่องยาวอะ ทำใจหน่อยนะ แหะๆ ส่วนเรื่องความไม่มีสาระของนิยาย จะพยายามกระชับให้มากขึ้นนะครับ แต่คือจะมาพีคทุกตอนก็ไม่ไหวง่า มีขึ้นบ้างลงบ้างเนอะ อิอิ


 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ Palmpalm

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 669
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
ธันเป็นเด็กแว้นมาก่อนรึป่าวอ่ะ ซิ่งซะ

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
 :hao7: ธันเป็นเด็กแว้น เฟี๊ยตเป็นสก๊อย ฮ่าฮ่าฮ่า

ธันนี่มันแอบแผนสูงป่าวเนี่ย มีให้กอดเอวด้วย

ออฟไลน์ mildmint0

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
อะไรของหมาธัน ให้เกาะเอววว ฮ่าๆๆๆ
โหมั่นใจใช่เล่นเหอะ ขับเองซะด้วย
นี่เกมส์แอบทันสมัยนะเนี่ย มีบิ๊กไบท์
แต่ ครูอิศราบอกว่า ควีนโจแอนนามีภารกิจ
พิจารณาให้ดีก่อนรับ
คือถ้ารับก็เป็นภารกิจบังคับเหรอ ?
แบบถ้าทำไม่ผ่านก็ไม่มีวันทำภารกิจอื่นได้
แอบขนลุก ที่ครูอิศราบอกว่า
ในวันข้างหน้าอาจสู้เจ้านักบวชคงคาได้
โดยไม่ต้องใช้การ์ด โอ้วพระเจ้า
นึกภาพตาม แบบใช้แค่การ์ดพรสวรรค์
อาชีพ หรือจักระ ก็ตามไม่มีการ์ด
ถ้าไปถึงจุดๆ นั้นคงเก่งน่าดู

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1860
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2
มีให้กอดองกอดเอวด้วยนะ 5555

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
รอตอนต่อไปค่ะ เราชิอบที่ตัวละครในเรื่องทั้งเฟี้ยตและธัน มีการพัฒนาเติบโตแบบไม่โอเว่อร์ดี เป็นกำลังใจให้
คนเขียนนะคะ  :L1:

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
ดีใจที่กลับมาต่อนะ

ตกใจเหมือนกันที่ทั้งสองต้องขี่มอเตอร์ไซขึ้นกลางอากาศ

แต่แหมแอบมีหวานตบท้ายกอดองกอดเอวกันด้วย

ออฟไลน์ hewlett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 560
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-3
มาต่อแล้ว +1จ้า
ไม่ต้องรีบร้อนกระชับเรื่องหรอก เขาอยากอ่านเรื่องของเราเขาก็ต้องใจเย็นซิ
เรื่องนี้เป็นแนวผจญภัยนะ เขียนยากออก หาอ่านก็ยากสำหรับแนวนี้
เป็นตัวของตัวเองดีกว่าค่ะ อะรไที่บั่นทอนกำลังใจก็ถือซะว่าคืออุปสรรคที่จะนำไปสู่ความสำเร็จสำหรับนิยายที่เราต้องการ

ออฟไลน์ infinitez123

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 87
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2
ตามมาอ่านด้วยสนใจแนวนี้มาก เป็นกำลังใจให้จ้า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ lukkeng

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-0
บทที่ 142 That Airship

 

            “เฮ้ยย ขับดีๆ อย่าเล่นสิวะ เดี๋ยวก็ตายห่ากันหมด”

 

            เสียงของเฟี๊ยตโวยวายขึ้นเมื่อเห็นว่าธันในขณะเวลานั้นขับรถมอเตอร์ไซค์คันยักษ์นั่นอย่างสนุกสนานเกินความจำเป็นเสียแล้ว เด็กหนุ่มพาตัวเองและเพื่อนร่วมทางลัดเลาะไปตามหมู่เมฆเหล่านั้น เฟี๊ยตที่ตั้งใจจะเก็บรักษาจิตไว้ในยามฉุกเฉินนั้นจึงต้องกระเถิบตัวเข้าไปใกล้คนขับนั่นขึ้นไปอีก มือทั้งสองกระชับที่เอวของธันอย่างเสียไม่ได้ กระแสลมระหว่างทางไปวิหารลึกลับนั่นรุนแรงสมคำล่ำลือจริงๆ หลายครั้งที่เขารู้สึกเหมือนตัวเองเกือบจะหลุดปลิวไปตามลมเสียให้ได้ แต่ชายหนุ่มก็รอดมาได้ด้วยจิตที่เหนียวแน่นที่ยึดไว้ที่ฝ่าเท้าทั้งสองข้างนั่น

 

            “โหยย ป๊อดหวะน้อง น้องตี๋ใจปลาซิวหวะ ฮ่าฮ่า”

 

            ยิ่งห้ามเหมือนจะยิ่งยุอย่างใดอย่างนั้น ธันหัวเราะร่วนออกมาเสียงดัง ก่อนจะบิดคันเร่ง เร่งเครื่องยนต์ให้พุ่งทะยานออกไปเร็วขึ้นไปอีก

 

            เฟี๊ยตในขณะนั้นทำอะไรไม่ได้นอกจากกระชับร่างคนตรงหน้าไว้ในวงแขนให้แน่นมากที่สุด บรรยากาศที่ดูจะเป็นท้องฟ้าที่แสนธรรมดานี่ประกอบขึ้นด้วยกระแสลมที่รุนแรง และผกผันเกินกว่าที่จินตนาการไว้เหลือเกิน บางทีที่ธันขับรถอย่างน่าหวาดเสียวนี่อาจจะไม่ได้เป็นเพราะความคึกคะนองก็เป็นได้ ชายหนุ่มตรงหน้าอาจจะพยายามหลบหลีกทางผ่านของลมที่รุนแรง เพื่อที่จะพาตัวเองและผู้โดยสารผ่านสถานการณ์ไปอย่างปลอดภัยที่สุด

 

 

            “ธัน ระวัง!”

 

            เสียงของเฟี๊ยตร้องดังขึ้นอย่างตกใจ เมื่อเห็นว่าท้องฟ้าเบื้องบนที่ธันกำลังมุ่งหน้าไปนี้ถูกขวางกั้นไว้ด้วยก้อนเมฆขนาดมหึมา ตลอดเวลาที่ผ่านมา ธันใช้การหักหลบเพื่อหลีกเลี่ยงก้อนเมฆใหญ่น้อยนี้มาตลอด แต่ดูจากสภาพการณ์นี้ กำแพงด่านต่อไปมีขนาดใหญ่โตเกินกว่าจะหลบเลี่ยงได้เสียแล้ว

 

            “ไว้ใจเถอะน่า ระดับไหนแล้ว น้องตี๋ ฮ่าฮ่า”

 

            ธันพูดอย่างไม่มีวี่แววแห่งความกังวลเจือปนอยู่แม้แต่น้อย เด็กหนุ่มบิดคันเร่งอีกครั้ง ก่อนจะพาร่างของคนทั้งสองพุ่งทะลุเข้าสู่เมฆก้อนใหญ่นั้นอย่างมั่นใจ

 

            เฟี๊ยตหลับตาขณะที่พุ่งเข้าสู่ก้อนเมฆใหญ่นั่นอย่างหวาดเสียว ทันทีที่ร่างกายเขากระทบเข้ากับวัตถุยักษ์นั่น ชายหนุ่มก็รู้สึกได้ถึงความเปียกชื้นที่เข้ามาจู่โจมร่างกายเขา เฟี๊ยตรู้สึกราวกับว่าตกอยู่ในสระน้ำอย่างใดอย่างนั้น ผิดแต่เพียงว่ามันดูเจือจางกว่าเท่านั้นเอง

 

            เสียงเร่งเครื่องอีกครั้งดังขึ้นท่ามกลางความตื่นตระหนกของเฟี๊ยตนั่นเอง เด็กหนุ่มเร่งเครื่องขึ้นแรงอีกครั้ง พร้อมกันกับที่เครื่องยนต์ยักษ์นั่นกระตุกโดยแรง พาหนะลอยฟ้าของเขาทั้งสองบุกตะลุยไปในเมฆก้อนใหญ่นั่นอย่างมั่นคง และเพียงชั่วอึดใจเดียว ความเปียกชื้นที่เคยปกคลุมอยู่โดยรอบก็หายไป พร้อมกับบรรยากาศที่กลับมาเป็นปรกติอีกครั้ง

           

 

            “ยินดีต้อนรับสู่วิหารพฤษภาคมครับ ท่านผู้โดยสาร”

 

            เสียงนุ่มดังมาจากชายที่กุมบังเหียนของมอเตอร์ไซค์ยักษ์สีดำสนิทนั่น มันเป็นจังหวะเดียวกันกับที่เฟี๊ยตลืมตาขึ้นหลังจากทะลุเจ้าเมฆก้อนใหญ่นั่นมาได้แล้ว เขาถึงกับอุทานขึ้นมาในลำคออย่างไม่รู้สึกตัว ถึงแม้ว่าเขาจะจินตนาการภาพเรือบินที่ฟังมาหลายต่อหลายครั้งอยู่บ้าง แต่มันก็ไม่เท่ากับการได้มาเห็นด้วยตาจริงๆ

 

            ‘นี่สินะ เรือบินศักดิ์สิทธิ์ของเมืองอุดรแห่งสายลม’

 

 

            ภาพของพาหนะยักษ์ตรงหน้านี่ทำเอาเภสัชกรหนุ่มตะลึงไปชั่วขณะหนึ่ง วิหารลอยฟ้านั่นมีลักษณะเหมือนเรือบินขนาดยักษ์อย่างใดอย่างนั้น มันมีขนาดใหญ่ไล่เลี่ยกับเรือจบจริงๆ ที่เขาเคยเห็นขณะไปท่องเที่ยวทัศนศึกษาตอนเด็กๆ เลย รูปร่างของมันเป็นทรงกลมรีขนาดมหึมา สีสนิมของมันตัดกับสีฟ้าสดใสในยามนี้อย่างชัดเจน บนตัวเครื่องของมันประกอบด้วยเส้นสายต่างๆ มากมายที่ดูเหมือนจะเป็นรอยต่อทั้งในแนวรัศมีและแนวยาวตามทิศทางการเคลื่อนที่นั้น บริเวณปลายตัวเครื่องของมันมีวัตถุที่มีลักษณะคล้ายๆ ปีกเครื่องบินเรียงกันอยู่สี่อันตามแนวเส้นรอบวงของตัวเครื่องนั่นเอง ด่านล่างของเรือบินนั่นมีห้องขนาดเล็กยื่นลงมาเป็นสี่เหลี่ยมขนาดไม่ใหญ่นัก วิหารลอยฟ้านั่นกำลังเคลื่อนที่ไปอย่างช้าๆ จนดูแทบเหมือนจะหยุดนิ่งอยู่กลางอากาศอย่างใดอย่างนั้น

 

            ความรู้สึกของชายหนุ่มในเวลานี้มันราวกับความฝันที่ปรากฏเป็นความจริงขึ้นมาฉะนั้น เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าในชีวิตนี้จะมีโอกาสได้เห็นสิ่งที่น่ามหัศจรรย์ใจขนาดนี้ด้วยตาตัวเองมาก่อน ถึงแม้ว่ามันจะเป็นแค่ความฝันก็ตามที แต่มันก็เป็นความฝันที่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูกเลย ความรู้สึกตื้นตันอย่างบอกไม่ถูกซึมซาบไปทั้งร่างกายของเฟี๊ยตในเวลานี้ หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้นอย่างรู้สึกได้ ชายหนุ่มเผลอกระชับวงแขนที่มีเพื่อนร่วมทางอีกคนเข้ามาแนบอกอย่างไม่ทันรู้สึกตัวเลย

 

            ‘เกมนี้ไปไกลเกินกว่าที่จินตนาการมนุษย์จะก้าวกระโดดไปถึงเสียแล้ว!’

 

 

            “โคตรเท่เลยหวะ” เสียงของเฟี๊ยตรำพึงขึ้นมาเบาๆ อย่างตะลึงในภาพที่เห็นตรงหน้านั่น

 

            “ไม่ต้องชมหรอก รู้ตัวอยู่แล้วว่าหน้าตาดี ฮ่าฮ่า” เสียงของธันแย้งมาอย่างขำๆ

 

            “ปัญญาอ่อน” เฟี๊ยตด่าขึ้นมาเบาๆ จากด้านหลังอย่างนั้น

 

            “เกาะดีๆ นะ จะเทียบท่าแล้ว”

 

เสียงของธันเอ่ยเตือนเบาๆ ก่อนจะเร่งเครื่องเพิ่มความเร็วของเจ้าพาหนะกลางอากาศนั่นอีกครั้ง เจ้าสองล้อคันโตเหินตัวพุ่งเข้าสู่วิหารยักษ์ที่ลอยตัวอยู่กลางอากาศนั่น ธันมุ่งหน้าไปยังบริเวณห้องเล็กๆ ที่อยู่ด้านล่างของเครื่องยนต์เรือบินที่เฟี๊ยตเองก็สังเกตเห็นอยู่ก่อนแล้ว ยิ่งเดินทางเข้าไปใกล้ก็ยิ่งตะลึงในความสมจริงของวัตถุลอยฟ้าที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้านี่ ความสวยงามปนน่าเกรงขามของมันทำเอาเฟี๊ยตขนลุกไปทั้งตัว

 

ธันเคลื่อนมอเตอร์ไซค์นั่นมาจนถึงชั่วระยะไม่เกินยี่สิบเมตรตรงหน้าส่วนต่อเติมด้านล่างของเรือบินนั่นแล้ว เหล็กดัดที่ประดับไว้ด้วยรูปกังหันลมขนาดใหญ่ค่อยๆ เลื่อนตัวเองเปิดขึ้นอย่างอัตโนมัติราวกับว่ามันรอต้อนรับการมาถึงของพวกเขาอยู่ ทางเปิดนั้นเผยให้เห็นห้องขนาดประมาณรถยนต์คันอ้วนๆ จอดได้สักหนึ่งคันพอดี กระแสลมปริมาณไม่น้อยดึงดูดพวกเขาตรงไปยังเป้าหมายข้างหน้านั่น

 

ธันบิดคันเร่งเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อพาตัวเองและผู้โดยสารกิตติมศักดิ์ไปเทียบท่ายังห้องโดยสารขนาดไม่กว้างนักนั่น รถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่พุ่งเข้าไปยังห้องที่มีลักษณะเหมือนโรงรถซึ่งเปิดไว้รออยู่ก่อนแล้วนั้นอย่างไม่ยากเย็นนัก ธันหักรถที่พุ่งมาด้วยความแรงให้ขนานไปกับห้องสี่เหลี่ยมนั่นจนเสียงล้อรถบดขยี้กับพื้นห้องนั่นดังสนั่นไปทั่ว รถคันโตนั่นจอดนิ่งลงอย่างสนิทด้วยฝีมือการขับรถของเด็กหนุ่มสายฟ้านั่นเอง

 

ไฟเตือนในห้องนั้นเปล่งแสงวาบขึ้นเป็นจังหวะ พร้อมกับเสียงดังร้องเตือนว่าห้องโดยสารนั้นกำลังจะปิดตัวลงแล้ว เหล็กดัดที่ม้วนพับขึ้นไปเพื่อต้อนรับเขาทั้งคู่นั่นเลื่อนลงปิดอีกครั้ง เฟี๊ยตรู้สึกได้ว่าเครื่องยนต์ที่แฝงอยู่ในผนังห้องนี่กำลังทำการไล่อากาศที่เอ่อล้นมาจากภายนอกในช่วงก่อนหน้านี้ให้ไหลย้อนกลับออกไป กระแสลมไม่น้อยเคลื่อนย้อนทางกลับสู่ท้องฟ้าภายนอก พร้อมกับประตูที่ค่อยๆ เคลื่อนตัวลงทีละน้อยจนปิดสนิทอีกครั้ง พวกเขาเดินทางมาถึงวิหารพฤษภาคมอย่างสมบูรณ์แล้ว!

 

 

ประตูอัตโนมัติฝั่งตรงข้ามกับทางที่เขาเข้ามาเลื่อนเปิดขึ้นสู่เบื้องบนเผยให้เห็นทางเดินลึกเข้าไปในวิหารลอยฟ้าแห่งนั้น ทันทีที่ประตูนั่นเปิดออกจนสุด สายตาของเฟี๊ยตก็ปะทะเข้ากับบุรุษสองคนที่ยืนรออยู่อีกด้านของประตูอยู่ก่อนแล้ว เครื่องแต่งกายของชายทั้งคู่นั้นเหมือนกับวาโยไม่มีผิด ชุดเกราะเบากับผ้าที่ดูโปร่งเป็นพิเศษนั่น โล่หุ้มศีรษะที่ตัดเป็นซี่เฉพาะบริเวณใบหน้าด้านหน้า ผู้ที่รออยู่ก่อนแล้วนั้นไม่ได้เอ่ยคำใดให้ได้ยินแม้เพียงแต่น้อยเลย พวกเขาก้มศีรษะลงเล็กน้อย ก่อนจะผายมือเป็นการเชื้อเชิญให้ก้าวลึกตามเข้าไปในวิหารแห่งนั้น

 

เฟี๊ยตหันไปมองหน้าธันที่เพิ่งก้าวลงจากมอเตอร์ไซค์คันโตด้วยท่าทางเสียดายนั่นอย่างปรึกษา ธันพยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะก้าวออกมาเดินเคียงข้างเขาไปตามทางเดินยาว โดยมีนายทหารหนุ่มที่ไม่เปิดเผยหน้าตาเดินนำไปอย่างเงียบๆ

 

 

นายทหารหนุ่มทั้งสองคนพาพวกเขาเดินลัดเลี้ยวไปมาตามทางเดินในเรือบินลึกลับ ก่อนจะมาสิ้นสุดที่ห้องโถงขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ชายทั้งคู่ก้มหัวให้เขาอย่างนอบน้อมก่อนจะผายมือไปทางแท่นที่ตั้งอยู่กลางห้องโถงแห่งนั้น เฟี๊ยตหันไปมองธันเล็กน้อย ก่อนที่คนทั้งคู่จะตัดสินใจเข้าไปยืนอยู่บริเวณที่ถูกเชื้อเชิญดังกล่าว

 

เฟี๊ยตและธันเข้าไปยืนบนแท่นรูปวงกลมขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณสามเมตรนั่นอย่างตื่นเต้นน้อยๆ ชั่วอึดใจเดียวหลังจากนั้นก็มีเสียงเตือนเบาๆ ดังมาจากทางเบื้องบนนั่น เฟี๊ยตเงยหน้าขึ้นไปมองเพดานที่อยู่สูงขึ้นไปเกือบสิบเมตร ก่อนจะพบว่ามีวัตถุใสทรงกระบอกกลวงค่อยๆ เคลื่อนตัวลงมายังที่บริเวณที่พวกเขายืนอยู่และครอบลงประกบกับแทนทรงกลมพอดีในที่สุด เสียงร้องเตือนดังขึ้นเบาๆ อีกครั้ง ก่อนที่กระแสลมอ่อนๆ จะพัดลงมาจากทางด้านบนลงสู่ด้านล่างร่วมสามนาทีได้ เฟี๊ยตหันไปมองหน้าธันน้อยๆ อย่างคาดเดาเหตุการณ์อะไรไม่ค่อยถูกนัก เสียงร้องเตือนสุดท้ายดังขึ้นพร้อมกับสายลมจากเบื้องล่างที่พัดสวนทางขึ้นมาจากพื้น พวกเขาทั้งสองคนค่อยๆ ลอยขึ้นเหนือพื้นอย่างน่ามหัศจรรย์ที่สุด เขาทั้งสองปล่อยให้ตัวเองลอยตัวไปตามท่อใสขนาดยักษ์ เพดานที่เคยปิดทึบอยู่ทางด้านบนนั่นค่อยๆ เปิดออกต้อนรับพวกเขาทั้งสองที่กำลังไหลขึ้นไปเบื้องบนอย่างช้าๆ ใจของเฟี๊ยตเริ่มสั่นไม่เป็นจังหวะอีกครั้ง เขาเชื่อมั่นว่าอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าเขาจะได้พบกับราชินีแห่งเมืองนี้เป็นแน่แท้

 

 

เฟี๊ยตและธันผ่านทางเชื่อมระหว่างห้องโถงล่างกับเบื้องบนมาได้ชั่วครู่ ก่อนที่พื้นบริเวณนั่นจะประสานตัวกันอีกครั้ง เท้าของพวกเขาแตะกับพื้นห้องโดยสวัสดิภาพ ห้องข้างบนมีลักษณะคล้ายกับห้องโถงด้านล่างนั่นเอง มันเป็นห้องขนาดกว้างใหญ่ ต่างตรงที่ว่าห้องโถงด้านบนนั่นตกแต่งไว้อย่างวิจิตรบรรจงกว่าทางด้านล่างมาก เพดานเบื้องบนทั้งหมดเป็นกระจกใสเผยให้เห็นท้องฟ้าทีสดที่ตัดกับสีสนิมที่ตกแต่งอยู่ภายในนั่นอย่างสวยงาม ภายในของห้องนั่นมีลักษณะคล้ายเรือรบอย่างใดอย่างนั้น มันเต็มไปด้วยสัญญาณไฟ ท่อลำเลียงสาร ไปจนถึงแผงอิเล็กทรอนิกส์เต็มไปหมด แต่ดูเหมือนจุดรวมสายตาของห้องนั้นจะอยู่ที่แท่นที่ยกตัวสูงขึ้นไปที่ตั้งอยู่ฝั่งทางด้านหนึ่งนั่น มันเป็นส่วนยกสูงที่ดูเหมือนบัลลังก์สำหรับว่าราชการของราชินีผู้สูงศักดิ์อย่างนั้น เหนือสุดที่สายตาของเขาพาดไปถึงนั่นเป็นเก้าอี้ทองคำอร่ามตัดกับสีท้องฟ้าเบื้องหลังที่ฉายผ่านมาทางกระจกใสสะอาดนั่น ผู้หญิงผมทองคนหนึ่งอายุไม่เกินสิบห้าปีที่เฟี๊ยตคุ้นตาอยู่พอสมควรประทับอยู่อย่างทรงอำนาจ เหนือศีรษะของเด็กหญิงคนนั้นประดับไว้ด้วยมงกุฎสีทองอร่ามที่บรรจงสร้างเป็นรูปกังหันลมตัวแทนแห่งพฤษภาคมนั่นเอง

 

“Welcome to my sanctuary. Amazing to see both of you again! (ยินดีต้อนรับเข้าสู่วิหารของฉัน น่ามหัศจรรย์ใจมากที่ได้พบกับคุณทั้งคู่อีกครั้ง!)”



แหล่งกบดาน ลงรูป พูดคุยอย่างเป็นกันเอง : www.facebook.com/allornonetheauthor

จากผู้แต่ง : ตอนนี้ดูยาวยาวนะ หุหุ แปะโป้งเลย ตอนหน้าจะตัดให้สั้นจุ๊ดจู๋ กิกิ

ผมอ่านทุกความคิดเห็นนะครับ ขอบคุณสำหรับทุกถ้อยคำเลย มันเป็นแรงให้ผมก้าวต่อไปได้ดีมากเลยครับ

 :katai3: :katai3: :katai3: :katai3: :katai3: :katai3: :katai3: :katai3: :katai3: :katai3:

ออฟไลน์ lukkeng

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-0
สำหรับบางคำถามที่ผมไม่ได้ตอบ ไม่ใช่ว่าผมไม่ได้อ่านนะครับ แต่บางคำตอบที่ก็แฝงอยู่ในเรื่องอยู่แล้ว บางคำตอบก็ตอบไม่ได้ครับ มันจะสปอยเรื่องในอนาคต

แต่ถ้าสงสัยจริงๆ มาถามหลังไมค์ที่เพจก็ได้ครับผม

รักคนอ่านทุกคนจังเลย อิอิ

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1860
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2
dat cloud!
turn me on, plz (เฟี๊ยตช็อคไปแล้ว ธันมันทำเรื่องหวาดเสียว)
สมมุติว่าเฟี๊ยตขวัญอ่อน คงมีคนร่วงแน่ๆ เชื่อดิ 5555

ออฟไลน์ igaga

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 241
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
ติดตามต่อจร้า รักธันอะ อยากได้แบบธัน
555555
 :impress2: :impress2: :-[ :impress2: :impress2:

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
 :hao5: อยากได้อีกตอนนนนนนนนนนนนนน
มันยังรู้สึกไม่ไปไหนอ่ะ

ออฟไลน์ Palmpalm

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 669
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
มันยังไม่อิ่มเลยอ่ะ อยากอ่านอีกเยอะๆ ^^

ออฟไลน์ หมูน้อย

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
หวาน มัน อร่อย

ครั้งนี้เฟี๊ยตอยู่นานจังเนอะ เรื่องดำเนินไปสนุกดีคะ
ค่อยๆ ก้าวไปเหมือนเห็นพัฒนาการของเฟี๊ยตเพิ่มขึ้น สนุกและน่าตื่นเต้นมาก
ที่ค่อยลุ้นว่าจะได้เจออะไรต่อไปในเกม จะฝึกอะไร น่าตื่นตาจริงๆ

ตอนนี้ก็รอลุ้นว่าจะได้ของขวัญเป็นอะไร 555



ปล.ไม่มาเม้นนาน เพราะเราไม่ได้เข้ามาอ่านหลายเดือน
นักเขียนก็สู้ๆ นะเป็นกำลังใจให้เขียนต่อไป



บายบี

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
ดีใจที่ทั้งคู่ได้ผ่านเข้าไปในตัววิหารแล้ว ว่าแต่จะได้ไผ่สูงสุดที่ได้เข้าวิหารป่ะ

รอดูตอนต่อไปดีกว่า

(กระซิบ : แว่บมาอ่านกลับไปทำงานละ) :katai5:

micmoner

  • บุคคลทั่วไป
มารายงานตัวนักอ่านหน้าใหม่ค่ะ
ฝากตัวเป็นสมาชิกใหม่ของเรื่องนี้ด้วยนะคะ คุณนักเขียน
ไล่อ่านมาตั้งแต่ตอนแรกจนมาถึงตอนล่าสุดแล้ว เย้!
กะว่าอ่านตอนล่าสุดจบแล้วจะเม้น
เลยบวกเป็ดทุกตอนแทนการเม้นไปก่อน (ฮา)
โดยรวมชอบแนวนี้มากกกก แต่ก็หาอ่านยากมากกกก
ต้องขอบคุณผู้แต่งมากๆที่แต่งแนวนี้มาให้ได้อ่าน อิอิอิ
ส่วนตัวไม่คิดว่าเรื่องดำเนินช้า ชอบที่มีรายละเอียดเยอะๆ
การพัฒนาตัวละครก็ไม่ได้ก้าวกระโดดมาก ทำให้ได้ลุ้นเกือบทุกตอน
เล่นเอาใจหายใจคว่ำ หวิดตายหลายหนเกิ๊น แต่สนุกดีค่ะ
อย่าเพิ่งท้อนะคะ สู้ๆ เป็นกำลังใจให้คุณนักเขียนค่ะ

 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ lukkeng

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-0
บทที่ 143 : Their Agreement

“Glad to see you again also Queen Joana (ยินดีที่ได้พบคุณอีกครั้งเช่นกัน ราชินีโจแอนนา)”

 

เฟี๊ยตเอ่ยตอบออกมาด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับก้มหัวแสดงความเคารพ ธันเองก็ก้มหัวลงเช่นกัน เด็กหนุ่มปล่อยหน้าที่การเจรจาให้เป็นของเฟี๊ยตเช่นเคย เขาถอยออกมาหนึ่งก้าว ก่อนจะลอบใช้สายตาสังเกตไปยังบริเวณรอบๆ เพื่อหาทางหนีทีไล่

 

“Please make yourselves at home, you’re certainly safe here. (ทำตัวตามสบายเถิด ที่นี่ปลอดภัยสำหรับพวกท่านแน่นอน)”

 

ราชินีน้อยคนนั้นเอ่ยพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูจะลึกล้ำราวกับมหาสมุทรที่ไม่อาจจะใช้มาตรวัดไปจนถึงเบื้องลึกได้เลย เธอดูทรงพลังอำนาจมหาศาลเมื่อประทับอยู่บนบัลลังก์ที่มีฉากหลังเป็นท้องฟ้าอันแสนจะกว้างใหญ่นั่น

 

“Thank you, I’ve looked forward to see you for a long time (ขอบคุณ ผมตั้งหน้าตั้งตาคอยที่จะพบคุณมานานแล้ว)”

 

เฟี๊ยตเอ่ยตอบกลับไปพร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆ เช่นกัน เด็กหนุ่มอีกคนที่ได้แต่ปิดปากเงียบเบือนหน้ามองไปที่คู่สนทนาทีละคนนั่นแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจน้อยๆ ต่างฝ่ายต่างดูมีเหลี่ยมมุมลึกลับยากเกินกว่าจะสัมผัสตัวตนได้จริงๆ ชั่ววินาทีหนึ่งนั้น ธันหันมามองหน้าเพื่อนร่วมทีมช้าๆ พร้อมกับคำถามที่ฝุดขึ้นมาในใจซึ่งตัวเขาเองก็ไม่อาจหาคำตอบให้มันได้เลย

 

‘ตัวตนที่แท้จริงของมึงเป็นยังไงกันแน่วะ เฟี๊ยต ตลอดเวลาที่ผ่านมา สิ่งที่กูสัมผัส มันคือตัวมึงจริงๆ หรือเปล่าวะ’

 

 

“May I speak Thai (ผมขอพูดไทยได้ไหมครับ)”

 

เสียงของธันเอ่ยขึ้นเป็นครั้งแรกตั้งแต่ก้าวล่วงเข้ามาในห้องโถงที่เป็นที่ประทับของโซดิแอคคนนั้น โจแอนนาหันมามองธันอย่างประหลาดใจน้อยๆ ก่อนจะยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มตรงมุมปาก

 

“Ohh Can you speak Thai? (คุณพูดภาษาไทยได้ด้วยหรือ)”

 

 เสียงของผู้หญิงคนนั้นดังสูงขึ้นเป็นคำถามพร้อมกับท่าทีประหลาดใจ ธันเองแยกไม่ออกเลยว่าคนตรงหน้านี่สงสัยจนต้องถามออกมาจริงๆ หรือแค่ต้องการแสดงท่าทีล้อเลียนเท่านั้น หากแต่เขาก็ไม่ได้สนใจอะไรทั้งสิ้น เขาไม่อยากจะฟังภาษาต่างชาติผ่านหูไปผ่านหูมาแบบนี้อีกแล้ว

 

“Of course! (แน่นอน!)” เสียงของธันตอบมาสั้นๆ

 

 

“ตกลง งั้นพวกเรากลับมาพูดภาษาไทยกันก็ได้ ขอโทษหากที่ผ่านมาดูเป็นการไม่ให้เกียรติพวกคุณ แต่ฉันต้องอยู่กับจีน่าตลอดเวลา และอย่างที่พวกคุณรู้ จีน่าพูดภาษาไทยไม่ได้เลย” หญิงสาวตรงหน้าเปลี่ยนลิ้นกลับมาพูดภาษาไทยอีกครั้ง

 

“ขอบคุณมากครับ ไม่ทราบว่าจีน่าสบายดีแล้วหรือยังครับ พวกเราเข้าไปเยี่ยมเธอได้หรือเปล่า” ธันเอ่ยขึ้นถึงเด็กสาวอีกคนที่พวกเขาได้ช่วยชีวิตไว้

 

“จีน่าดีขึ้นมากแล้วค่ะ แต่แกยังไม่ตื่นขึ้นมาเลยในวันนี้ ปรกติจีน่าเป็นคนที่ชอบนั่งดูดาวตอนกลางดึกมาก แกจึงนอนดึกตื่นสายเป็นเรื่องปรกติไปเสียแล้ว” น้ำเสียงของโจแอนนาดูอ่อนโยนขึ้นมาทันทีเมื่อเอ่ยถึงน้องสาวของตน ดวงตาคู่นั้นมีแววอ่อนโยนขึ้นจนสัมผัสได้

 

“พูดแล้วก็นึกขึ้นได้เลยค่ะ พวกเราขอบคุณพวกคุณทั้งคู่มากที่ได้ช่วยชีวิตจีน่าไว้ พวกเราติดหนี้บุญคุณมากมายเหลือเกิน ฉันไม่ทราบว่าองคมนตรีบอกพวกคุณทั้งคู่แล้วหรือยังว่า ฉันมีของขวัญจะมอบให้พวกคุณแทนคำขอบคุณ”

 

ราวกับเรื่องราวของเด็กสาวที่ชื่อว่าจีน่านั้นจะช่วยสานสัมพันธ์ระหว่างบุคคลทั้งสามนั่น โจแอนนาดูมีท่าทีอ่อนลงและเป็นกันเองมากขึ้นจนเฟี๊ยตเองก็ยังแปลกใจ

 

“บอกแล้วครับ องคมนตรีคนนั้นบอกว่าพวกเราจะได้รับของขวัญบนวิหารลอยฟ้านี่เท่านั้น” เสียงของเฟี๊ยตเอ่ยตอบไปตามความเป็นจริง

 

“หากคำพูดนั้นจะดูไม่ให้เกียรติพวกท่าน ฉันก็ขออภัย แต่ความจริงแล้ว ฉันมีเจตนาในแง่ที่ว่าการขึ้นมายังวิหารนี่จะทำให้พวกท่านทั้งคู่ได้เรียนรู้วิชาจักระเพิ่มเติม ซึ่งนั่นนับได้ว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่งนัก นี่ค่ะ ของตอบแทนแด่พวกคุณทั้งคู่” โจแอนนาพูดพร้อมเรียกสมุดสะสมการ์ดของตนขึ้นมา ก่อนจะหยิบการ์ดในนั้นสองใบขึ้นมา เธอปล่อยมือจากไพ่เหล่านั้น หากแต่มันหาได้ตกลงสู่พื้นไม่ แต่กลับค่อยๆ เคลื่อนที่ลอยผ่านอากาศมาถึงพวกเขาทั้งสองคน

 

 

เฟี๊ยตค่อยๆ เอื้อมมือไปหยิบการ์ดสีทองสดที่ลอยมาอยู่ตรงหน้าอย่างตื่นเต้น เขาไม่คิดเลยว่าการช่วยเหลือเด็กคนนั้นจะมีผลรางวัลเป็นไพ่สูงสุดแบบนี้

 

 

ชื่อ Scales of Naga (เกล็ดของพญานาค) ประเภท ไพ่สูงสุด (PC) ลำดับที่ 51 ความสามารถ ใช้ในการปรุงยา และผลิตอาวุธ

 

 

เสียงประกาศแรกดังขึ้นหลังจากเฟี๊ยตแตะโดนไพ่ใบนั้นเรียบร้อยแล้ว ธันเองที่ก็มีรอยยิ้มกว้างไม่ต่างกันเท่าไหร่ก็เอื้อมมือออกไปหยิบการ์ดที่ลอยมาอยู่ตรงหน้าของตน ก่อนที่จะมีเสียงหนึ่งปรากฏดังออกมาอย่างไล่เลี่ยกัน

 

 

ชื่อ Mandragora Rhizomes (เหง้าแมนดราโกร่า) ประเภท ไพ่สูงสุด (PC) ลำดับที่ 52 ความสามารถ ใช้ในการปรุงยา หรือเป็นวัตถุดิบในพิธีกรรมเกี่ยวกับเวทมนตร์

 

 

“ขอบคุณมากครับ ขอบคุณจริงๆ” เฟี๊ยตเอ่ยขึ้นจากใจ ก่อนที่เขาทั้งคู่จะโค้งตัวลงน้อยๆ ให้คนที่อยู่บนบัลลังก์

 

 

“ผมขออนุญาตถามอะไรสักหน่อยได้ไหมครับ” เฟี๊ยตเอ่ยขึ้นหลังจากเก็บการ์ดสูงสุดนั่นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

“ถ้าฉันตอบได้ ฉันยินดีตอบ” โจแอนนาเอ่ยสั้นๆ พร้อมรอยยิ้ม

 

“จีน่าจะต้องตกอยู่ใต้คำสาปนั้นไปตลอดชีวิตเลยเหรอครับ พอจะมีวิธีแก้ไขได้บ้างไหม อีกอย่าง จีน่าอาศัยอยู่ในเรือบินกลางอากาศเช่นนี้ ทำไมถึงมีผู้ร้ายบุกเข้ามาลักพาตัวได้”

 

เฟี๊ยตเอ่ยคำถามขึ้นอย่างตรงไปตรงมา ธันถึงกับหันมามองหน้าเพื่อนร่วมทีมอีกครั้งอย่างทึ่งน้อยๆ เฟี๊ยตไม่เคยละทิ้งนิสัยความละเอียดรอบคอบไปเลย ในขณะที่ธันในเวลานั้นเกือบจะหมดความสนใจในเรื่องเหตุการณ์ที่ผ่านมาเสียแล้ว

 

“เรื่องผู้ร้ายที่ก่อเหตุนั่นขึ้น คงต้องเรียกได้ว่าพวกมันเป็นมืออาชีพเกินกว่าจะมองข้ามไปได้เลย ผู้ที่สามารถลักลอบขึ้นมาบนวิหารกลางฟ้าได้แบบนี้คงไม่ใช่พวกโจรห้าร้อยธรรมดาแน่  พวกมันใช้การ์ดเวทย์ลวงตาหลอกพวกเราไว้เกือบสี่สิบแปดชั่วโมงกว่าที่จะรู้ว่าจีน่าได้ถูกลักพาตัวไปแล้ว แต่เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ฉันเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจจะปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปแต่อย่างใด พวกฉันกำลังสืบเรื่องนี้อยู่” โจแอนนาถอนหายใจยาวเหยียด พร้อมกับเอ่ยประโยคยาวเหยียดนั่นออกมา

 

“ส่วนเรื่องคำสาปนั้นจะเรียกว่าไม่มีหนทางแก้ก็คงจะไม่ถูกต้องนัก หากแต่หนทางที่มีอยู่มันริบหรี่จนแทบจะเรียกได้ว่าเหมือนจะไม่มีเลยดีกว่า”

 

ประโยคต่อมาดังออกมาจากเด็กสาวหลังจากที่เงียบไปสักพักอย่างคิดหนัก รอยยิ้มนั่นดูเจือไว้ด้วยความเศร้าอย่างชัดเจน

 

“โปรดเล่าถึงหนทางนั้นให้พวกเราฟังได้ไหมครับ” ธันเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่ม

 

“ห่างออกไปไม่ไกลจากตัวเมืองพฤษภาคมเท่าไหร่นัก มีหมู่บ้านแห่งหนึ่งแฝงกายอยู่ในพื้นที่ราบสูงต่ำที่สลับซับซ้อนนั่น หมู่บ้านเด็กผู้ชายหรือ Kodomonohi Village เป็นหมู่บ้านที่มีสายลมพัดผ่านเสมอ เสาธงปลาคาร์ฟที่ประดับไว้จะปลิวไสวอยู่ตลอดทั้งปี หมู่บ้านเล็กๆ ที่ไร้ผู้อยู่อาศัยนั่นมีสิ่งปลูกสร้างหนึ่งตั้งอยู่ใจกลางความลึกลับนั่น เหนือสุดของที่แห่งนั้นมีอัญมนีศักดิ์สิทธิ์ชนิดหนึ่งถูกซุกซ้อนไว้ หากผู้ที่ต้องมนต์ดำแต่กำเนิดได้สวมใส่อัญมนีนั่นแล้ว คำสาปที่ติดตัวมาช้านานนั่นจะถูกดูดซับและสลายหายไปในที่สุด” โจแอนนาตอบออกมาอย่างเปิดเผย

 

“ท่านเป็นถึงโซดิแอคแห่งเกมนี้ การจะเข้าไปช่วงชิงวัตถุชิ้นเดียวในหมู่บ้านร้างแห่งหนึ่งฟังดูจะไม่ใช่เรื่องยากเท่าไหร่นัก” เฟี๊ยตเอ่ยขัดขึ้นอย่างนุ่มนวล

 

“หากหมู่บ้านนั้นเป็นหมู่บ้านธรรมดาๆ ฉันคงจะเข้าไปเพื่อช่วยจีน่าเสียนานแล้ว ตัวฉันเองเคยล่วงล้ำเข้าไปครั้งหนึ่ง แต่ก็ไม่อาจจะเอาชนะความลึกลับที่ยากจะหยั่งถึงของหมู่บ้านแห่งนั้นได้เลย ใจกลางที่เป็นที่สถิตของอัญมนีนั่นเป็นตาพายุของความสามารถของไพ่ทั้งปวง การ์ดทุกใบในเกมนี้ไม่อาจเรียกใช้ได้ที่นั่น มีเพียงจิตและจักระของมนุษย์เท่านั้นที่สามารถเคลื่อนไหวได้ในดินแดนที่ทุกอย่างหยุดนิ่งแห่งนั้น ความสามารถเกินจะหยั่งถึงของมนุษย์เดินดินเท่านั้นที่จะสามารถเยียวยาให้จีน่าผ่านพ้นจากทุกข์ภัย”

 

เสียงของโจแอนนาดังขึ้นราวกับบอกเล่าคำทำนายลึกลับอย่างใดอย่างนั้น ดวงตาคู่นั้นของเธอเหม่อมองไปบนท้องฟ้าสีสดที่ไร้จุดหมายเบื้องบน

 

 

“จีน่าเป็นคนที่มีตัวตนอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงหรือเป็นเพียงตัวละครที่ถูกสร้างขึ้นเท่านั้น ควีนโจแอนนา” เสียงธันถามขึ้นอย่างเรียบๆ เฟี๊ยตหันมามองเด็กหนุ่มอย่างตกตะลึงในคำถามที่แสนจะตรงไปตรงมานั่น

 

“เกรงที่จะต้องบอกว่า จีน่ามีตัวตนอยู่ในอีกโลกใบหนึ่งไม่แตกต่างไปจากเธอแม้แต่น้อย”

 

โจแอนนาตอบขึ้นอย่างเด็ดขาดไม่แพ้กัน เฟี๊ยตในเวลานั้นหันไปมองที่โซดิแอคคนนั้นอย่างตกตะลึงกว่าเมื่อครู่เสียอีก เขาคิดมาตลอดว่าจีน่าเป็นเพียงตัวละครหนึ่งในเกมเท่านั้น นี่หมายความว่า เด็กสาวคนหนึ่งต้องพบเจอกับเรื่องราวเหล่านั้นด้วยตัวเองจริงๆ หรือ

 

“ถ้าอย่างนั้น พวกเราขอรับภารกิจนี้ เราจะไปนำอัญมนีจากหมู่บ้านแห่งนั้นกลับมาเพื่อถอนคำสาปให้แก่น้องสาวของท่านเอง!”

 

และเฟี๊ยตก็ต้องตะลึงเป็นครั้งที่สามเมื่อเสียงของธันดังขึ้นอย่างเฉียบขาด สีหน้าของเด็กหนุ่มแน่วแน่อย่างถึงที่สุด เฟี๊ยตเห็นดังนั้นก็ได้แต่ยิ้มอย่างไม่พูดอะไร เขาเองก็ไม่มีความเห็นขัดแย้งกับการตัดสินใจดังกล่าวแต่อย่างใด ณ เวลานี้ ของรางวัลใดก็ดูจะไม่สำคัญเท่าไปกว่าความทุกข์ทรมานของเด็กหญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งเสียแล้ว

 

 

ทันทีที่ประโยคจากปากธันนั้นจบลง ราชินีคนนั้นก็เผยรอยยิ้มกว้างออกมาอย่างพึงพอใจถึงขีดสุด เธอเปิดสมุดการ์ดและเรียกใช้การ์ดใบหนึ่งขึ้นมาอีกครั้ง

 

“นี่เป็นแผนที่ไปสู่หมู่บ้านโคโดโมะโนฮิแห่งนั้น ผู้ที่จะเหยียบย่างเข้าสู่ดินแดนแห่งความลึกลับนั่นต้องถอดปริศนาลายแทงนี้ให้สำเร็จด้วยตนเอง ขอโทษด้วยที่ไม่อาจเฉลยปริศนาให้ได้ เพราะนั่นจะหมายถึงการปิดตายการเข้าสู่หมู่บ้านแห่งนั้นอย่างถาวร”

 

โจแอนนาพูดพร้อมกับส่งกระดาษสีน้ำตาลกระดำกระด่างใบหนึ่งตัดอากาศมาเหมือนกับตอนมอบการ์ดสูงสุดทั้งสองใบให้เมื่อสักครู่

 

“เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหา” ธันเอ่ยพร้อมกับเอื้อมมือไปรับลายแทงเก่าคร่ำคร่านั่น

 

 

“ว่ากันว่าบางเรื่องไม่จำเป็นต้องใช้สมองให้มาก ในบางสถานการณ์ การทำตามหัวใจดูจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุด แต่น่าเสียดายที่หัวใจของชาวพฤษภาคมเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เพราะหัวใจของพวกเราทำจากสายลมที่ไม่เคยหยุดนิ่งนั่นเอง!”

 

โจแอนนาเอ่ยเป็นปริศนาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะลุกยืนขึ้น และทำท่าจะเดินลึกเข้าไปในทางเดินที่พวกเขาก็ไม่รู้ว่ามันเชื่อมต่อไปยังสถานที่ใดในเรือบินนั่น

 

 

“ขอให้พวกท่านโชคดี ฉันจะรอฟังข่าวดีอยู่บนวิหารลอยฟ้าแห่งนี้ ฉันจะภาวนาให้พวกท่านทั้งคู่จะปลอดภัย”



แหล่งกบดาน ลงรูป พูดคุยอย่างเป็นกันเอง : www.facebook.com/allornonetheauthor

จากใจผู้แต่ง : คนเม้นน้อยจังช่วงนี้ กลับมาเม้นให้หน่อยนะ นะนะนะ อ้อนนะเนี่ย สงสารหน่อย T ^ T

 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ lukkeng

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-0
ห้ามบ่นแล้วนาว่าเนื้อหาช้า จะพาไปเที่ยวต่อแล้ว หมู่บ้านโคโมโด้ เอ๊ย หมู่บ้านอายิโยะโมโต๊ะ เอ๊ย หมู่บ้านโคโดโมะโนฮิ เอ๊ย ถูกแล้วววววววววว ฮ่าฮ่า ช่วยกันขำหน่อยสิ กิกิ


 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1860
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2
time to travel เย้

ออฟไลน์ hewlett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 560
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-3
ก็ไม่ช้าน้า 3 เมืองแล้ว :L1:
อ่ะนะ ขนาดโซดิแอคยังไม่ไหวเลย
เฟี๊ยตกับธันระวังนะ :mew2:

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
สรุปว่าที่ผ่านมาเรื่องของจีน่าไม่ใช่เควส  :a5:

แล้วหมู่บ้านที่โซดิแอคเข้าไปยังทำภารกิจไม่สำเร็จ พวกเฟี๊ยตจะทำสำเร็จเหรอเนี่ย

ออฟไลน์ igaga

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 241
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
กรีสเลยจ้าคนเขียน ติดธันแล้วจริง
จะแย่งธันมาจากเฟียส หรือจะเอาทั้งสองคนดีน้า
5555
ผมล้อเล่น

ออฟไลน์ tutankamen

  • ผีสิงประจำเล้า
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
    • Facebook ของผมเองครับ
ภารกิจใหม่ที่แม้แต่ GM ยังทำไม่ได้

ออฟไลน์ หมูน้อย

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
เวลาการพจญภัย และเปิดเผยความเฉียบแหลมของสมองอันฉานฉลาดเฟี๊ยต
การเข้าคู่กับธัน


รอเบย
นักเขียนสู้ๆ

micmoner

  • บุคคลทั่วไป
ไปทำภารกิจกันสองคนแล้ว
สงสัยจะได้มันส์กันอีกล่ะ  :katai2-1:



voonsen

  • บุคคลทั่วไป
มาเป็นกำลังใจให้ writer ครับ ปกติผมสิงเล้ามาหลายปีแล้ว อ่านนิยายมาก็หลายเรื่อง ไม่เคยสมัครแล้วเม้นท์ใครเลยสักครั้ง นี่ครั้งแรกจริงๆ นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่นับว่าหายากมากจริงๆในเล้านี้ ถือเป็นแรร์ไอเท็มมากกว่าการ์ด PC หมายเลข 1 เพราะบอกตามตรงผมเองก็เบื่อนิยายรักหวานเลี่ยนมัธยมยันมหาลัย หรือนิยายตบจูบแล้วรักกันโดยไร้เหตุผลอย่างมาก

ผมเองก็อ่านถึงตอน 120 ละ เสียดายว่ารู้จักนิยายเรื่องนี้ช้าไปหน่อย นี่แอบมาให้กำลังใจผู้เขียนก่อน แต่อยากให้ writer เขียนโดยคำนึงถึงความสุขของตัวเองมากกว่านะครับ หากทำงานชิ้นนี้แล้วมีความสุข ทำมันไปเถอะครับ อย่าดูที่ยอดวิวหรือคอมเม้นท์เลย แต่เอาจริงๆยอดวิว ณ ตอนนี้ ผมถือว่าไม่น้อยเลยนะครับ

ถึงงานชิ้นนี้จะเป็นชิ้นแรก แต่ผมว่ามันเป็นงานที่ดีมากๆ จะมีข้อบกพร่องบ้าง แต่ก็ไม่น่าเกลียดอะไร ยังไงก็จะติดตามผลงานนะครับ


ออฟไลน์ lukkeng

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-0
บทที่ 144 Return

 

            เด็กหญิงวัยรุ่นเจ้าของจักราศีแห่งกระทิงหนุ่มได้เดินทางลับเข้าไปหลังบัลลังก์นั่นเสียแล้ว เฟี๊ยตหันไปมองหน้าธันน้อยๆ ก่อนจะพยักหน้าเป็นสัญญาณให้กลับลงไปสู่ห้องโถงเบื้องล่างเป็นลำดับต่อไป คำกล่าวสุดท้ายของโจแอนนาเป็นสิ่งที่บอกอย่างชัดเจนว่าพวกเขาจะต้องมุ่งหน้าต่อไปสู่หมู่บ้านลึกลับนั่นแล้ว ได้เวลาจะออกไปตะลุยสถานที่ใหม่กับภารกิจใหม่เสียที

 

 

            “ตัดสินใจเร็วดีนะ” เฟี๊ยตเอ่ยขึ้นเรียบๆ อย่างไม่แสดงอารมณ์ใดออกมามากนัก ขณะที่พวกเขาทั้งคู่เดินย้อนกลับไปสู่ทางออกของวิหารแห่งนั้น

 

            “จีน่าเป็นคนนะเฟี๊ยต คนที่มีความรู้สึกสุขทุกข์เหมือนเรา” ธันหันมาพูดด้วยสีหน้าที่ยังคุกรุ่นไปด้วยความรู้สึกเมื่อได้ฟังเรื่องราวจากโซดิแอคคนนั้น

 

            “ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดี” เฟี๊ยตเอ่ยมาสั้นๆ

 

            “หมายความว่าไง” เสียงธันแย้งขึ้นมาอย่างไม่เข้าใจ

 

            “ก็หมายความว่า ถ้าสิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นพูดออกมาเป็นเรื่องจริง มันก็ดี อย่าลืมสิธัน ปากคนเราหนะ อยากพูดอะไรก็พูดได้ ไม่เห็นจะจำเป็นว่าต้องพูดเรื่องจริงเสียหน่อย” เฟี๊ยตเอ่ยออกมาด้วยความดังที่มากกว่าการกระซิบเพียงนิดเดียว ตาคู่นั้นกวาดไปทั่วบริเวณอย่างระมัดระวัง

 

            เด็กหนุ่มอีกคนเงียบไปอย่างจนคำพูด สีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยอารมณ์ร้อนแรงนั่นค่อยๆ ดับมอดลง ก่อนจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นความครุ่นคิด คิ้วเข้มคู่นั้นขมวดตัวโดยเจ้าของเองก็คงไม่รู้สึกตัว

 

 

            “แต่พวกเราช่วยเหลือน้องสาวเขาไว้นะ เขามีเหตุผลอะไรจะต้องโกหกเรา” เสียงของธันแย้งขึ้นมาเบาๆ หลังจากเงียบไปนานสักพักหนึ่งเลย น้ำเสียงนั่นดูไม่มีเค้าแห่งความมั่นใจแม้แต่น้อย

 

            “เราทำดีกับเขาแปลว่าเราทำดีกับเขา เราทำดีกับเขาไม่ได้แปลว่าเขาจะทำดีกับเรา ธัน” เสียงของชายหนุ่มที่อาวุโสกว่านั้นแย้งมาจนธันเองก็หมดเหตุผลจะโต้แย้ง

 

            “แล้วโซดิแอคคนนั้นมีเหตุผลอะไรต้องมาโกหกพวกเราหละ เฟี๊ยต” ธันเอ่ยออกมาอย่างไม่เข้าใจ

 

            “โอ๊ยย คนเราจะโกหกกันมีเป็นร้อยเป็นพันเหตุผล เขาไม่จำเป็นต้องบอกให้เรารู้หรอก ธัน ฮ่าฮ่า”

 

            “นี่ตกลง เราถูกหลอกใช่ไหมเนี่ย ฮ่าฮ่า” เสียงของธันบ่นออกมาปนกับเสียงหัวเราะเบาๆ ดูเหมือนเด็กหนุ่มจะเริ่มปรับความรู้สึกได้บ้างแล้ว

 

            “เราไม่ได้บอกว่าธันโดนหลอกหรือไม่โดนหลอกนะ ไม่มีใครรู้หรอกว่าโจแอนนาพูดความจริงหรือเปล่า แต่ที่อยากจะบอกคือ ธันตัดสินใจเร็วเกินไป เมื่อกี้ธันกำลังถูกอารมณ์ชั่ววูบเข้าครอบงำ ซึ่งมันอาจจะเป็นความสงสารเห็นใจหรืออะไรก็แล้วแต่ คราวหน้าธันต้องมีสติกว่านี้ อย่าใจร้อน เราไม่ได้สั่งสอนหรือจับผิดอะไรนะ แต่แค่อยากบอกไว้เฉยๆ แค่นั้นเอง” เฟี๊ยตเอ่ยบอกมาด้วยเสียงนุ่มที่คิดว่าเมื่อฟังแล้ว เด็กหนุ่มจะไม่คิดว่ามันเป็นการหักหน้าตัวเองจนเกินไปนัก

 

            “ความจริงก็แอบตงิดอยู่หน่อยๆ นะว่ามันจะมีด้วยเหรอ ภารกิจที่โซดิแอคจะเอาชนะไม่ได้หนะ ฮ่าฮ่า” ธันรำพึงออกมาปนขำ

 

            “ถ้าโจแอนนาเข้าไปเอาอัญมนีอะไรนั่นมาไม่ได้แล้ว เธอจะควบคุมฟีโรโมนของตัวเองได้ยังไง อย่าลืมคำพูดของจีน่าสิ ธัน โจแอนนาเป็นคนเดียวในตระกูลที่สามารถควบคุมคำสาปนั่นได้” เฟี๊ยตพูดเรียบๆ

 

            “โอ๊ยยย โดนตุ๋นซะเปื่อยเลย ทำไมไม่สะกิดบอกกันบ้างนะ ปล่อยให้โชว์โง่ทำเท่อยู่คนเดียว คิดแล้วอายชะมัด ฮ่าฮ่า” เสียงของธันบ่นออกมาอย่างไม่จริงจังนัก

 

            “ไม่หรอก ยังไงเราก็คงจะรับทำภารกิจนั่นอยู่ดี ยังไงเรื่องนี้ก็คงเกี่ยวข้องกับไพ่สูงสุดแน่” ชายหนุ่มอีกคนพูดพร้อมกับส่ายศีรษะน้อยๆ

 

            “ถึงว่า ครูอิสราถึงเตือนไว้ตอนนั้น กว่าจะคิดออกก็ช้าไปเสียแล้ว” ธันพูดขึ้นมาอย่างนึกขึ้นได้

 

            “มันคงเป็นอารมณ์ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่หละมั้ง ฮ่าฮ่า” เฟี๊ยตพูดอย่างติดตลก ก่อนที่ชายทั้งคู่จะเดินเลี้ยวไปจนถึงห้องที่จอดรถจักรยานยนต์ยักษ์นั่นไว้เสียแล้ว ประตูอัตโนมัตินั่นค่อยๆ เปิดออกช้าๆ พร้อมกันกับที่พวกเขาทั้งสองคนก้าวเข้าไปยืนในห้องสี่เหลี่ยมใต้เรือบินนั่นอีกครั้ง

 

 

            เด็กหนุ่มพาตัวเองตวัดขาขึ้นไปขึ้นคร่อมบนมอเตอร์ไซค์คันโตนั่นอย่างเตรียมพร้อม ธันจัดการติดเครื่องยนต์พร้อมกับบิดคันเร่งจนเสียงกระหึ่มห้องเล็กๆ อื้ออึงไปหมด ประตูเหล็กดัดด้านที่เชื่อมต่อสู่ท้องฟ้ากว้างภายนอกค่อยๆ เปิดตัวเองขึ้นราวกับรู้หน้าที่ตนเองดีเป็นอย่างนั้น ลมจากภายนอกพัดกรรโชกเข้ามาตามช่องว่างที่เกิดขึ้นใหม่นั่น จนเฟี๊ยตในขณะนี้ต้องเกร็งจิตไปที่เท้าอีกครั้งเพื่อป้องกันไม่ให้กระแสอากาศเหล่านั้นพัดพาตัวเขาหลุดออกไปข้างนอกนั่นด้วย พวกเขามายืนอยู่หน้าท้องฟ้ากว้างสีสดอีกครั้ง

 

            บรื้นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน

 

            “พี่พร้อมจะแว๊นแล้วนะจ๊ะน้องตี๋ น้องตี๋พร้อมจะเป็นสก๊อยหรือยังจ๊ะ” ธันเร่งเครื่องเสียงดัง พร้อมกับพูดยียวนออกมาพร้อมรอยยิ้มกว้าง

 

            “สก๊อยพ่องง ไปดูดยาม้าไป กวนส้นตีน” เฟี๊ยตพูดตอบโต้ออกไป และยังคงไม่ก้าวออกไปขึ้นคร่อมพาหนะนั่นตามคำเชิญของคนขับคนนั้น

 

            “ขึ้นมาเร็วตี๋ อย่าเล่นตัว พี่อยากบิดล๊าวววว” ธันดูจะชอบใจเป็นพิเศษเมื่อยั่วอารมณ์ของเฟี๊ยตได้ เด็กหนุ่มบิดเร่งเครื่องพร้อมกับลากเสียงสูงยาว

 

            “ไอ้แขกเอ๊ย จะขี่มอไซค์ไปเก็บดอกเบี้ยใช่ปะ มีอาชีพเสริมก็ไม่บอก”

 

            เฟี๊ยตบ่นออกไป โดยไม่มีทีท่าจะตรงเข้าไปซ้อนท้ายเด็กหนุ่มแม้แต่น้อย ประตูเหล็กดัดเลื่อนเปิดขึ้นจนเกือบสุดแล้ว ลมจากภายนอกพัดเข้ามาอย่างรุนแรงจนผ้าคลุมของพวกเขาปลิวตวัดไปมาอย่างรุนแรง

 

            “เร็ว ตี๋ พี่อยากซิ่งงงง” ธันเอ่ยเร่งเร้าออกมา

 

            “หึหึ เสียใจด้วยนะไอ้แขกหน้าขาว งานนี้พับความหวังจะได้แว๊นกลางอากาศเก็บไปได้เลย” เฟี๊ยตพูดพร้อมกับหยิบการ์ดสีเขียวใบหนึ่งออกมาจากสมุดที่ถือเตรียมอยู่ในมือ

 

            “Return RELEASE”

 

            เสียงเรียกใช้การ์ดเวทมนตร์ของเภสัชกรหนุ่มดังลั่นแข่งกับเสียงลมที่อื้ออึงไปหมดในเวลานั้น ทันทีที่สิ้นเสียงนั่น ร่างของพวกเขาทั้งคู่ก็รู้สึกราวกับว่าถูกพลังงานมหาศาลดูดเข้าไปในห้วงมิติที่แตกต่างออกไปฉะนั้น ภาพห้องเครื่องสำหรับจอดพาหนะของเรือบินนั่นหายไปจากคลองจักษุของพวกเขาอย่างรวดเร็ว

 

 

            “เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”

 

            เด็กหนุ่มสายฟ้าร้องดังลั่นเมื่อพบว่าตัวเองที่กำลังคร่อมอยู่บนจักรยานยนต์คนยักษ์นั่นมาโผล่ที่บริเวณลานกว้างของปราสาทใจกลางเมืองพฤษภาคมเสียแล้ว

 

            “ตี๋ทำงี้ได้ไง ตี๋รู้ไหมว่าการซิ่งกลางอากาศมันสนุกแค่ไหน ตี๋ทำลายความฝันของวัยรุ่น โอ๊ยยยย” ธันโวยวายเสียงดังและยังไม่ยอมลงจากมอไซค์คันโปรดอยู่อย่างนั้น

 

            “คนขับสนุกแต่คนซ้อนไม่สนุกด้วยหวะ ฮ่าฮ่า ส่งสมุดการ์ดมาซิ๊” เฟี๊ยตพูดพร้อมรอยยิ้มกว้าง

 

            “อะไรกันตี๋ ตี๋ไม่ให้พี่ซิ่งมอไซค์ ตี๋ยังจะมาขู่กระโชกทรัพย์จากพี่อีกเหรอ ตี๋ใจร้าย ตี๋ทำพี่เสียใจ” ธันส่งสมุดให้เขาอย่างว่าง่าย ก่อนจะเล่นละครแสดงความเสียใจจนเฟี๊ยตหมั่นไส้ในความโอเวอร์ของว่าที่สถาปนิกหนุ่ม

 

            “อยากขับแค่ไหนก็ไปขับไป จะขับไปยันสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ก็ไปขับซะ เลิกบ่นสักที ขับจนเบื่อแล้วก็กลับมาช่วยกันแก้ปริศนาที่ไปรับปากเขามานี่ ไอ้แขกปัญญานิ่มเอ๊ย”

 

            เฟี๊ยตเอ่ยออกมาอย่างไม่สนใจอะไรนัก เขาส่งสมุดการ์ดของเด็กหนุ่มนั่นคืนไป หลังจากที่หยิบการ์ดลายแทงที่ได้มาจากควีนโจแอนนาที่ได้รับมานั้น เฟี๊ยตแอบมองตั้งแต่ตอนเก็บการ์ดแล้วว่าเด็กหนุ่มใส่ไว้ในหน้าแรกที่เหมือนเด็กหนุ่มจะมีไว้ใส่การ์ดที่ยังไม่แยกประเภทลงไป เฟี๊ยตเปิดสมุดหน้านั้นเพียงหน้าเดียวและหยิบการ์ดนั่นออกมาเท่านั้น เขาเองไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นการละลาบละล้วงแต่อย่างใด ในเมื่อเขาเองก็ไม่ได้ยุ่มย่ามในส่วนอื่นของสมุดเลย

 

            ธันรับสมุดกลับมาพร้อมกับทำท่าทะนุถนอมสมุดคู่ใจอย่างเกินเหตุ เด็กหนุ่มเอาหน้าไปแนบที่สมุดเล่มนั้นพร้อมกับทำท่าปลอบประโลมอย่างเป็นห่วงเป็นใยเสียเต็มประดา ธันชำเลืองมาด้วยสายตากวนประสาทอีกครั้ง ก่อนจะเก็บสมุดนั้นเข้าที่ และหันมาบิดคันเร่งอย่างเมามัน

 

            “ตี๋พูดเองนะ งั้นพี่ออกไปชมคิวมูโลนิมบัสก่อน ส่วนน้องตี๋ก็นั่งไขปริศนาอะไรนั่นไปนะจ๊ะ พอดีพี่เป็นชนชั้นแรงงาน พี่ไม่ชอบใช้สมอง ฮ่าฮ่า”

 

            ธันหันมาพูดเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะบิดคันเร่งจนเสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มและยกตัวเองลอยขึ้นไปบนฟากฟ้าอีกครั้ง เด็กหนุ่มขับฉวัดเฉวียนไปมาเพียงชั่วครู่ ก่อนจะลับสายตาไปในที่สุด เสียงหัวเราะและโวยวายดังออกมาอย่างร่าเริงจนเฟี๊ยตเองก็แอบจะอมยิ้มไม่ได้ เภสัชกรหนุ่มส่ายหัวเล็กน้อยก่อนจะตัดสินใจเรียกการ์ดลายแทงนั่นขึ้นมาพิจารณา พร้อมกับเดินลับเข้าไปในปราสาทกังหันลมแห่งนั้น

 

 

            “ขอแผนที่เมืองพฤษภาคมอย่างละเอียด ไบเบิ้ล”



แหล่งกบดาน ลงรูป พูดคุยอย่างเป็นกันเอง : www.facebook.com/allornonetheauthor


จากผู้แต่ง : ขอบคุณคอมเม้นทุกคอมเม้นมากๆ โดยเฉพาะคอมเม้นยาวๆ ทั้งหลายทั้งแหล่ อ่านแล้วชื่นชุ่มหัวใจอย่างยิ่ง รู้เปล่าว่าผมแต่งไปก็อ่านคอมเม้นไป เป็นกำลังใจชีวิต นิยายเรื่องนี้อีกยาวไกลมาก บอกจากใจจริงๆ นะนี่ คือตอนวางพล๊อตว่ายาวแล้ว พอมาแต่งมันยิ่งยาวเข้าไปใหญ่ มันต้องมีบทสนทนาใส่เข้าไปอีก ฮ่าฮ่า ยังไงก็อยู่บังคับขู่เข็ญให้ผมแต่งให้จบด้วยนะ บังคับข่มขู่ผมได้เต็มที่เลย เม้นกระโชกผมยาวยาววววววววว ผมยินดี อิอิ

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด