บทที่ 143 : Their Agreement
“Glad to see you again also Queen Joana (ยินดีที่ได้พบคุณอีกครั้งเช่นกัน ราชินีโจแอนนา)”
เฟี๊ยตเอ่ยตอบออกมาด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับก้มหัวแสดงความเคารพ ธันเองก็ก้มหัวลงเช่นกัน เด็กหนุ่มปล่อยหน้าที่การเจรจาให้เป็นของเฟี๊ยตเช่นเคย เขาถอยออกมาหนึ่งก้าว ก่อนจะลอบใช้สายตาสังเกตไปยังบริเวณรอบๆ เพื่อหาทางหนีทีไล่
“Please make yourselves at home, you’re certainly safe here. (ทำตัวตามสบายเถิด ที่นี่ปลอดภัยสำหรับพวกท่านแน่นอน)”
ราชินีน้อยคนนั้นเอ่ยพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูจะลึกล้ำราวกับมหาสมุทรที่ไม่อาจจะใช้มาตรวัดไปจนถึงเบื้องลึกได้เลย เธอดูทรงพลังอำนาจมหาศาลเมื่อประทับอยู่บนบัลลังก์ที่มีฉากหลังเป็นท้องฟ้าอันแสนจะกว้างใหญ่นั่น
“Thank you, I’ve looked forward to see you for a long time (ขอบคุณ ผมตั้งหน้าตั้งตาคอยที่จะพบคุณมานานแล้ว)”
เฟี๊ยตเอ่ยตอบกลับไปพร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆ เช่นกัน เด็กหนุ่มอีกคนที่ได้แต่ปิดปากเงียบเบือนหน้ามองไปที่คู่สนทนาทีละคนนั่นแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจน้อยๆ ต่างฝ่ายต่างดูมีเหลี่ยมมุมลึกลับยากเกินกว่าจะสัมผัสตัวตนได้จริงๆ ชั่ววินาทีหนึ่งนั้น ธันหันมามองหน้าเพื่อนร่วมทีมช้าๆ พร้อมกับคำถามที่ฝุดขึ้นมาในใจซึ่งตัวเขาเองก็ไม่อาจหาคำตอบให้มันได้เลย
‘ตัวตนที่แท้จริงของมึงเป็นยังไงกันแน่วะ เฟี๊ยต ตลอดเวลาที่ผ่านมา สิ่งที่กูสัมผัส มันคือตัวมึงจริงๆ หรือเปล่าวะ’
“May I speak Thai (ผมขอพูดไทยได้ไหมครับ)”
เสียงของธันเอ่ยขึ้นเป็นครั้งแรกตั้งแต่ก้าวล่วงเข้ามาในห้องโถงที่เป็นที่ประทับของโซดิแอคคนนั้น โจแอนนาหันมามองธันอย่างประหลาดใจน้อยๆ ก่อนจะยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มตรงมุมปาก
“Ohh Can you speak Thai? (คุณพูดภาษาไทยได้ด้วยหรือ)”
เสียงของผู้หญิงคนนั้นดังสูงขึ้นเป็นคำถามพร้อมกับท่าทีประหลาดใจ ธันเองแยกไม่ออกเลยว่าคนตรงหน้านี่สงสัยจนต้องถามออกมาจริงๆ หรือแค่ต้องการแสดงท่าทีล้อเลียนเท่านั้น หากแต่เขาก็ไม่ได้สนใจอะไรทั้งสิ้น เขาไม่อยากจะฟังภาษาต่างชาติผ่านหูไปผ่านหูมาแบบนี้อีกแล้ว
“Of course! (แน่นอน!)” เสียงของธันตอบมาสั้นๆ
“ตกลง งั้นพวกเรากลับมาพูดภาษาไทยกันก็ได้ ขอโทษหากที่ผ่านมาดูเป็นการไม่ให้เกียรติพวกคุณ แต่ฉันต้องอยู่กับจีน่าตลอดเวลา และอย่างที่พวกคุณรู้ จีน่าพูดภาษาไทยไม่ได้เลย” หญิงสาวตรงหน้าเปลี่ยนลิ้นกลับมาพูดภาษาไทยอีกครั้ง
“ขอบคุณมากครับ ไม่ทราบว่าจีน่าสบายดีแล้วหรือยังครับ พวกเราเข้าไปเยี่ยมเธอได้หรือเปล่า” ธันเอ่ยขึ้นถึงเด็กสาวอีกคนที่พวกเขาได้ช่วยชีวิตไว้
“จีน่าดีขึ้นมากแล้วค่ะ แต่แกยังไม่ตื่นขึ้นมาเลยในวันนี้ ปรกติจีน่าเป็นคนที่ชอบนั่งดูดาวตอนกลางดึกมาก แกจึงนอนดึกตื่นสายเป็นเรื่องปรกติไปเสียแล้ว” น้ำเสียงของโจแอนนาดูอ่อนโยนขึ้นมาทันทีเมื่อเอ่ยถึงน้องสาวของตน ดวงตาคู่นั้นมีแววอ่อนโยนขึ้นจนสัมผัสได้
“พูดแล้วก็นึกขึ้นได้เลยค่ะ พวกเราขอบคุณพวกคุณทั้งคู่มากที่ได้ช่วยชีวิตจีน่าไว้ พวกเราติดหนี้บุญคุณมากมายเหลือเกิน ฉันไม่ทราบว่าองคมนตรีบอกพวกคุณทั้งคู่แล้วหรือยังว่า ฉันมีของขวัญจะมอบให้พวกคุณแทนคำขอบคุณ”
ราวกับเรื่องราวของเด็กสาวที่ชื่อว่าจีน่านั้นจะช่วยสานสัมพันธ์ระหว่างบุคคลทั้งสามนั่น โจแอนนาดูมีท่าทีอ่อนลงและเป็นกันเองมากขึ้นจนเฟี๊ยตเองก็ยังแปลกใจ
“บอกแล้วครับ องคมนตรีคนนั้นบอกว่าพวกเราจะได้รับของขวัญบนวิหารลอยฟ้านี่เท่านั้น” เสียงของเฟี๊ยตเอ่ยตอบไปตามความเป็นจริง
“หากคำพูดนั้นจะดูไม่ให้เกียรติพวกท่าน ฉันก็ขออภัย แต่ความจริงแล้ว ฉันมีเจตนาในแง่ที่ว่าการขึ้นมายังวิหารนี่จะทำให้พวกท่านทั้งคู่ได้เรียนรู้วิชาจักระเพิ่มเติม ซึ่งนั่นนับได้ว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่งนัก นี่ค่ะ ของตอบแทนแด่พวกคุณทั้งคู่” โจแอนนาพูดพร้อมเรียกสมุดสะสมการ์ดของตนขึ้นมา ก่อนจะหยิบการ์ดในนั้นสองใบขึ้นมา เธอปล่อยมือจากไพ่เหล่านั้น หากแต่มันหาได้ตกลงสู่พื้นไม่ แต่กลับค่อยๆ เคลื่อนที่ลอยผ่านอากาศมาถึงพวกเขาทั้งสองคน
เฟี๊ยตค่อยๆ เอื้อมมือไปหยิบการ์ดสีทองสดที่ลอยมาอยู่ตรงหน้าอย่างตื่นเต้น เขาไม่คิดเลยว่าการช่วยเหลือเด็กคนนั้นจะมีผลรางวัลเป็นไพ่สูงสุดแบบนี้
ชื่อ Scales of Naga (เกล็ดของพญานาค) ประเภท ไพ่สูงสุด (PC) ลำดับที่ 51 ความสามารถ ใช้ในการปรุงยา และผลิตอาวุธ
เสียงประกาศแรกดังขึ้นหลังจากเฟี๊ยตแตะโดนไพ่ใบนั้นเรียบร้อยแล้ว ธันเองที่ก็มีรอยยิ้มกว้างไม่ต่างกันเท่าไหร่ก็เอื้อมมือออกไปหยิบการ์ดที่ลอยมาอยู่ตรงหน้าของตน ก่อนที่จะมีเสียงหนึ่งปรากฏดังออกมาอย่างไล่เลี่ยกัน
ชื่อ Mandragora Rhizomes (เหง้าแมนดราโกร่า) ประเภท ไพ่สูงสุด (PC) ลำดับที่ 52 ความสามารถ ใช้ในการปรุงยา หรือเป็นวัตถุดิบในพิธีกรรมเกี่ยวกับเวทมนตร์
“ขอบคุณมากครับ ขอบคุณจริงๆ” เฟี๊ยตเอ่ยขึ้นจากใจ ก่อนที่เขาทั้งคู่จะโค้งตัวลงน้อยๆ ให้คนที่อยู่บนบัลลังก์
“ผมขออนุญาตถามอะไรสักหน่อยได้ไหมครับ” เฟี๊ยตเอ่ยขึ้นหลังจากเก็บการ์ดสูงสุดนั่นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ถ้าฉันตอบได้ ฉันยินดีตอบ” โจแอนนาเอ่ยสั้นๆ พร้อมรอยยิ้ม
“จีน่าจะต้องตกอยู่ใต้คำสาปนั้นไปตลอดชีวิตเลยเหรอครับ พอจะมีวิธีแก้ไขได้บ้างไหม อีกอย่าง จีน่าอาศัยอยู่ในเรือบินกลางอากาศเช่นนี้ ทำไมถึงมีผู้ร้ายบุกเข้ามาลักพาตัวได้”
เฟี๊ยตเอ่ยคำถามขึ้นอย่างตรงไปตรงมา ธันถึงกับหันมามองหน้าเพื่อนร่วมทีมอีกครั้งอย่างทึ่งน้อยๆ เฟี๊ยตไม่เคยละทิ้งนิสัยความละเอียดรอบคอบไปเลย ในขณะที่ธันในเวลานั้นเกือบจะหมดความสนใจในเรื่องเหตุการณ์ที่ผ่านมาเสียแล้ว
“เรื่องผู้ร้ายที่ก่อเหตุนั่นขึ้น คงต้องเรียกได้ว่าพวกมันเป็นมืออาชีพเกินกว่าจะมองข้ามไปได้เลย ผู้ที่สามารถลักลอบขึ้นมาบนวิหารกลางฟ้าได้แบบนี้คงไม่ใช่พวกโจรห้าร้อยธรรมดาแน่ พวกมันใช้การ์ดเวทย์ลวงตาหลอกพวกเราไว้เกือบสี่สิบแปดชั่วโมงกว่าที่จะรู้ว่าจีน่าได้ถูกลักพาตัวไปแล้ว แต่เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ฉันเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจจะปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปแต่อย่างใด พวกฉันกำลังสืบเรื่องนี้อยู่” โจแอนนาถอนหายใจยาวเหยียด พร้อมกับเอ่ยประโยคยาวเหยียดนั่นออกมา
“ส่วนเรื่องคำสาปนั้นจะเรียกว่าไม่มีหนทางแก้ก็คงจะไม่ถูกต้องนัก หากแต่หนทางที่มีอยู่มันริบหรี่จนแทบจะเรียกได้ว่าเหมือนจะไม่มีเลยดีกว่า”
ประโยคต่อมาดังออกมาจากเด็กสาวหลังจากที่เงียบไปสักพักอย่างคิดหนัก รอยยิ้มนั่นดูเจือไว้ด้วยความเศร้าอย่างชัดเจน
“โปรดเล่าถึงหนทางนั้นให้พวกเราฟังได้ไหมครับ” ธันเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่ม
“ห่างออกไปไม่ไกลจากตัวเมืองพฤษภาคมเท่าไหร่นัก มีหมู่บ้านแห่งหนึ่งแฝงกายอยู่ในพื้นที่ราบสูงต่ำที่สลับซับซ้อนนั่น หมู่บ้านเด็กผู้ชายหรือ Kodomonohi Village เป็นหมู่บ้านที่มีสายลมพัดผ่านเสมอ เสาธงปลาคาร์ฟที่ประดับไว้จะปลิวไสวอยู่ตลอดทั้งปี หมู่บ้านเล็กๆ ที่ไร้ผู้อยู่อาศัยนั่นมีสิ่งปลูกสร้างหนึ่งตั้งอยู่ใจกลางความลึกลับนั่น เหนือสุดของที่แห่งนั้นมีอัญมนีศักดิ์สิทธิ์ชนิดหนึ่งถูกซุกซ้อนไว้ หากผู้ที่ต้องมนต์ดำแต่กำเนิดได้สวมใส่อัญมนีนั่นแล้ว คำสาปที่ติดตัวมาช้านานนั่นจะถูกดูดซับและสลายหายไปในที่สุด” โจแอนนาตอบออกมาอย่างเปิดเผย
“ท่านเป็นถึงโซดิแอคแห่งเกมนี้ การจะเข้าไปช่วงชิงวัตถุชิ้นเดียวในหมู่บ้านร้างแห่งหนึ่งฟังดูจะไม่ใช่เรื่องยากเท่าไหร่นัก” เฟี๊ยตเอ่ยขัดขึ้นอย่างนุ่มนวล
“หากหมู่บ้านนั้นเป็นหมู่บ้านธรรมดาๆ ฉันคงจะเข้าไปเพื่อช่วยจีน่าเสียนานแล้ว ตัวฉันเองเคยล่วงล้ำเข้าไปครั้งหนึ่ง แต่ก็ไม่อาจจะเอาชนะความลึกลับที่ยากจะหยั่งถึงของหมู่บ้านแห่งนั้นได้เลย ใจกลางที่เป็นที่สถิตของอัญมนีนั่นเป็นตาพายุของความสามารถของไพ่ทั้งปวง การ์ดทุกใบในเกมนี้ไม่อาจเรียกใช้ได้ที่นั่น มีเพียงจิตและจักระของมนุษย์เท่านั้นที่สามารถเคลื่อนไหวได้ในดินแดนที่ทุกอย่างหยุดนิ่งแห่งนั้น ความสามารถเกินจะหยั่งถึงของมนุษย์เดินดินเท่านั้นที่จะสามารถเยียวยาให้จีน่าผ่านพ้นจากทุกข์ภัย”
เสียงของโจแอนนาดังขึ้นราวกับบอกเล่าคำทำนายลึกลับอย่างใดอย่างนั้น ดวงตาคู่นั้นของเธอเหม่อมองไปบนท้องฟ้าสีสดที่ไร้จุดหมายเบื้องบน
“จีน่าเป็นคนที่มีตัวตนอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงหรือเป็นเพียงตัวละครที่ถูกสร้างขึ้นเท่านั้น ควีนโจแอนนา” เสียงธันถามขึ้นอย่างเรียบๆ เฟี๊ยตหันมามองเด็กหนุ่มอย่างตกตะลึงในคำถามที่แสนจะตรงไปตรงมานั่น
“เกรงที่จะต้องบอกว่า จีน่ามีตัวตนอยู่ในอีกโลกใบหนึ่งไม่แตกต่างไปจากเธอแม้แต่น้อย”
โจแอนนาตอบขึ้นอย่างเด็ดขาดไม่แพ้กัน เฟี๊ยตในเวลานั้นหันไปมองที่โซดิแอคคนนั้นอย่างตกตะลึงกว่าเมื่อครู่เสียอีก เขาคิดมาตลอดว่าจีน่าเป็นเพียงตัวละครหนึ่งในเกมเท่านั้น นี่หมายความว่า เด็กสาวคนหนึ่งต้องพบเจอกับเรื่องราวเหล่านั้นด้วยตัวเองจริงๆ หรือ
“ถ้าอย่างนั้น พวกเราขอรับภารกิจนี้ เราจะไปนำอัญมนีจากหมู่บ้านแห่งนั้นกลับมาเพื่อถอนคำสาปให้แก่น้องสาวของท่านเอง!”
และเฟี๊ยตก็ต้องตะลึงเป็นครั้งที่สามเมื่อเสียงของธันดังขึ้นอย่างเฉียบขาด สีหน้าของเด็กหนุ่มแน่วแน่อย่างถึงที่สุด เฟี๊ยตเห็นดังนั้นก็ได้แต่ยิ้มอย่างไม่พูดอะไร เขาเองก็ไม่มีความเห็นขัดแย้งกับการตัดสินใจดังกล่าวแต่อย่างใด ณ เวลานี้ ของรางวัลใดก็ดูจะไม่สำคัญเท่าไปกว่าความทุกข์ทรมานของเด็กหญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งเสียแล้ว
ทันทีที่ประโยคจากปากธันนั้นจบลง ราชินีคนนั้นก็เผยรอยยิ้มกว้างออกมาอย่างพึงพอใจถึงขีดสุด เธอเปิดสมุดการ์ดและเรียกใช้การ์ดใบหนึ่งขึ้นมาอีกครั้ง
“นี่เป็นแผนที่ไปสู่หมู่บ้านโคโดโมะโนฮิแห่งนั้น ผู้ที่จะเหยียบย่างเข้าสู่ดินแดนแห่งความลึกลับนั่นต้องถอดปริศนาลายแทงนี้ให้สำเร็จด้วยตนเอง ขอโทษด้วยที่ไม่อาจเฉลยปริศนาให้ได้ เพราะนั่นจะหมายถึงการปิดตายการเข้าสู่หมู่บ้านแห่งนั้นอย่างถาวร”
โจแอนนาพูดพร้อมกับส่งกระดาษสีน้ำตาลกระดำกระด่างใบหนึ่งตัดอากาศมาเหมือนกับตอนมอบการ์ดสูงสุดทั้งสองใบให้เมื่อสักครู่
“เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหา” ธันเอ่ยพร้อมกับเอื้อมมือไปรับลายแทงเก่าคร่ำคร่านั่น
“ว่ากันว่าบางเรื่องไม่จำเป็นต้องใช้สมองให้มาก ในบางสถานการณ์ การทำตามหัวใจดูจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุด แต่น่าเสียดายที่หัวใจของชาวพฤษภาคมเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เพราะหัวใจของพวกเราทำจากสายลมที่ไม่เคยหยุดนิ่งนั่นเอง!”
โจแอนนาเอ่ยเป็นปริศนาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะลุกยืนขึ้น และทำท่าจะเดินลึกเข้าไปในทางเดินที่พวกเขาก็ไม่รู้ว่ามันเชื่อมต่อไปยังสถานที่ใดในเรือบินนั่น
“ขอให้พวกท่านโชคดี ฉันจะรอฟังข่าวดีอยู่บนวิหารลอยฟ้าแห่งนี้ ฉันจะภาวนาให้พวกท่านทั้งคู่จะปลอดภัย”
แหล่งกบดาน ลงรูป พูดคุยอย่างเป็นกันเอง :
www.facebook.com/allornonetheauthorจากใจผู้แต่ง : คนเม้นน้อยจังช่วงนี้ กลับมาเม้นให้หน่อยนะ นะนะนะ อ้อนนะเนี่ย สงสารหน่อย T ^ T
![:katai5:](https://thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/katai5.gif)