[3P] Sugar daddy ❤️ #พริ้มกับdaddy แจ้งข่าว
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [3P] Sugar daddy ❤️ #พริ้มกับdaddy แจ้งข่าว  (อ่าน 80747 ครั้ง)

ออฟไลน์ WilpeR

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
คุณไทม์น่ารักดีนะ น่ารักกว่าคุณท่านมากเลย

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
อ่านไปตาเหลือกไป

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
หายไปนานจัง

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1432
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
ตามจร้าาา

ออฟไลน์ แม่พิเสือ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 39
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-2

ตอนที่ 16


การกลับมาใช้ชีวิตในโรงพยาบาลอีกครั้งเป็นเรื่องน่าเบื่อสำหรับผม สองสัปดาห์ที่แล้วก็ได้แต่ กิน นอน เย็บตุ๊กตา วนเป็นวงจรชีวิตที่ซ้ำซากจำเจ แต่ครั้งนี้ผมจะไม่ยอมปล่อยเวลาไปอย่างเปล่าประโยชน์แบบนั้นอีกแล้ว


“พริ้ม ทานข้าวครับ”พี่ธิวาตะโกนเรียกผมด้วยเสียงเหนื่อยหน่ายใจที่เรียกผมเท่าไหร่ ผมก็ยังไม่ยอมละสายตาจากการฝึกทำข้อสอบเก่าที่เพื่อนส่งต่อกันในกรุ๊ปไลน์


“แปปนึงครับ”ผมตะโกนตอบพี่ธิวา ขณะที่มือก็กดเครื่องคิดเลขในมือถือไปด้วย แคลคูลัสข้อนี้ยากจนผมทำมาสิบนาทีก็ยังแก้ไม่เสร็จ พอจะได้คำตอบก็โดนเร่งให้ทานข้าว ความรู้ผมหลุดลอยไปกับอากาศทุกครั้งที่พี่ธิวาตะโกนเร่ง


“แปปมา 3 รอบแล้วนะครับพริ้ม”พี่ธิวายืนกอดอกพิงกรอบประตู หน้าตาเริ่มดุ
ผมประเมินสถานการณ์ตรงหน้าว่าผมควรดื้อดึงต่อไปหรือยอมทำตามพี่ธิวาดี แต่สุดท้ายผมก็เลือกอย่างหลัง “ทานก็ได้ครับ”


“เรานี่มันขยันเรียนเกินเบอร์จริงๆ นอนป่วยก็ยังอ่านหนังสือ”พี่ธิวาบ่นผมแต่ก็เข้ามาช่วยพยุงพาเดินไปห้องทานข้าวที่เชื่อมติดกัน


“ไม่ขยันไม่ได้หรอกครับ ถ้าเกรดน้อยกว่า 3.5 คุณท่านจะไม่ให้ทุนผม”


“กลัวอะไร การเงินมีปัญหา ใส่ชุดนักศึกษามาหาพี่สิครับ”พี่รีบส่ายหน้าปฏิเสธพี่ธิวา “ไม่เอาครับ ผมไม่อยากเป็นเด็กโง่ ไม่เอาไหนในสายตาคุณท่าน”


“เรานี่หายใจเข้าก็คุณท่าน หายใจออกก็คุณท่าน”


ผมฟังคำพูดพี่ธิวาแล้วก็สะท้อนใจ นั่นสินะ ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ผมเอาใจไปผูกไว้กับคนใจร้ายคนนั้นทุกลมหายใจ


“พี่ไม่รู้ว่าพริ้มชอบทานอะไร เลยให้เขาจัดอาหารง่ายๆมา”ผมมองแกงจืดเต้าหู้หมูสับกับปูผัดผงกะหรี่ที่อยู่บนโต๊ะแล้วยิ้มหวาน งรื้อ…น่ากินกว่าคราวที่แล้วที่โดนปล่อยลอยแพให้นอนโรงพยาบาลอีก


“ขอบคุณครับ จริงๆพี่ธิวาไม่ต้องยุ่งยากก็ได้ ผมทานได้ทุกอย่าง”


“พี่บอกสักคำรึยังครับว่าพี่ยุ่งยาก ลำบาก?”พี่ธิวาเลิกคิ้วถามกวนๆ


“นั่นสินะครับ แค่สั่งเอง จะยุ่งยากอะไร”


โป๊ก!


ผมลูบหน้าผากตัวเองที่โดนพี่ธิวาดีดจนขึ้นรอยแดง “พี่ธิวาผมเจ็บ”


“เจ็บก็ดี จะได้สงบปากสงบคำบ้าง เห็นพี่ใจดีด้วยหน่อย เลย…” ผมไม่ปล่อยให้พี่ธิวาบ่นไปมากกว่านั้น จัดการตักกับข้าวใส่จานพี่ธิวาแทนแล้วยิ้มให้ “ทานเยอะๆนะครับ”


“เรานี่มันจริงๆเลยนะพริ้ม”


ระหว่างทานข้าวพี่ธิวาก็ชวยคุยนู่น นั่นนี่ ส่วนใหญ่จะเป็นผมที่ถูกซักฟอกซะมากกว่า ทั้งเรื่องมาอยู่กับคุณท่านได้ยังไง มีปัญหาอะไร อยู่ในฐานะไหน ได้เงินเท่าไหร่ ผมก็ตอบตามความจริงทั้งหมด
เลือกจะเป็นแบบนี้แล้วไม่รู้จะอายอะไร…ก็เลือกเองทั้งนั้น


ในขณะที่ผมกำลังจะอิ่ม คุณท่านก็เดินเข้ามาพร้อมถุงเบเกอร์รี่ร้านโปรดของผมที่คุณชนะชอบซื้อมาฝาก


“อิ่มแล้วสิ งั้นก็ไม่ต้องกิน”คุณท่านปรายตามามองผมที่กำลังรวบช้อน ฝ่ามือหนาโยนถุงขนมลงถังขยะอย่างไม่ใยดี ผมรีบลุกจากเก้าอี้ ลากสายน้ำเกลือพะรุงพะรังเดินตามออกไป


“เดี๋ยวสิครับ”ผมรีบแทรกตัวไปยืนหน้าคุณท่าน กางแขนไม่ให้เดินหนี


“ขนมของผมเหรอครับ”


“เปล่า”คุณท่านปฏิเสธออกมาหน้าตาย แต่ผมไม่เชื่อหรอก…ผมยิ้มหวานออกมาอย่างดีใจ ถ้าไม่ใช่ของผมแล้วจะของใคร


ผมสวมกอดที่เอวของคุณท่าน ซบหน้าลงบนแผงอกอุ่น แค่คุณท่านมาเยี่ยมแล้วซื้อขนมมาให้ ใจเจ้ากรรมก็เต้นระรัวด้วยความอิ่มเอมใจ ลืมหมดแล้วเรื่องร้ายๆที่เคย ‘ขาย’ กัน


ผมผละออกจากอกอุ่น แต่ยังคล้องเอวคุณท่านไว้ เงยหน้าเชยตามองคุณท่านตาใส “ขอบคุณนะครับ”


“ไม่ใช่ครั้งแรกที่ซื้อให้ซะหน่อย”ผมมองหน้าคุณท่านอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะนึกถึงวันนั้น...วันแรกและวันเดียวที่คุณท่านมาเยี่ยมผมแล้วถามถึงเค้กที่คุณชนะเอามาให้ ถ้าคุณท่านไม่ได้ซื้อแล้วคุณท่านจะรู้ได้ยังไงว่าคุณชนะซื้อเค้กมาให้ผม


ผมยิ้มหวานยืดตัวจุ๊บที่ปลายคางของคุณท่าน “ที่ผ่านมา คุณท่านซื้อให้ผมเองเหรอครับ”ถึงจะคิดเองได้ว่าเป็นคุณท่านที่ซื้อ แต่ก็ไม่อยากเข้าข้างตัวเองว่าคุณท่านจะใจดีมาเหลียวแลผม คอยซื้อขนมนมเนยฝากมาให้ทุกวัน


ถึงตัวจะไม่มา…แค่ฝากใจมาก็พอ
 

“ถ้าชั้นไม่ซื้อแล้วใครจะ…”ผมไม่อยากฟังแล้วละ แค่นี้ผมก็ได้คำตอบที่ผมต้องการแล้ว ที่ผ่านมาคุณท่านไม่ได้ใจร้ายซะหน่อย ถึงจะแอบดูแลอยู่ห่างๆ แต่คุณท่านก็ไม่ได้ปล่อยมือจากผม


ผมจูบเบาๆลงบนริมฝีปากหนา ขบเม้มริมฝีปากหยุ่นเล่นก่อนจะสอดลิ้นเข้าไปเลาะลิ้มชิมรสมิ้นต์…คุณท่านคงสูบบุหรี่ก่อนมาหาผม ผมแนบริมฝีปากแน่น ไม่อยากปล่อย


“พอแล้ว จะกอดอะไรนักหนา ชั้นอึดอัด”ผมส่ายหน้ากับอกอุ่น ไม่เอาหรอก ไม่ยอมปล่อยง่ายๆหรอก ใครจะไปรู้ว่าวันไหนผมจะมีโอกาสได้อิงแอบแนบชิดกับคุณท่านแบบนี้อีก


คุณท่านลูบหลังผมเบาๆ “เด็กขี้อ้อน”


“ใครว่า ชั้นว่าเป็นเด็กดื้อมากกว่า”ผมผละออกจากอ้อมอกคุณท่าน หันไปมองพี่ธิวาอย่างเซ็งๆ
มาขัดจังหวะทำไม?


“พอกาลมานี่ชั้นเป็นหมาหัวเน่าเลยนะ”ผมมองบน ชมนกชมไม้ ไม่อยากจะใส่ใจคำพูดของพี่ธิวา


“งรื้อออ…”ผมร้องประท้วงเมื่อพี่ธิวาบิดจมูกผม “พี่ธิวา ผมเจ็บ”


“หมั่นไส้”


ผมเงยหน้ามองคุณท่านจะฟ้องว่าโดนพี่ธิวาแกล้ง “ปวดหัว”คุณท่านบ่นแค่นั้นแล้วพยุงให้ผมเดินไปนั่งบนเตียง
 

ผมมองสถานการณ์อึดอัดตรงหน้า แทบไม่กล้าจะหายใจ ทั้งสองคนไม่มีใครยอมเอ่ยปาก
พี่ธิวาก็เอาแต่กอดอกมองหน้าคุณท่าน ส่วนคุณท่านก็นั่งไขว้ห้างจ้องตากลับ
จนสุดท้ายผมก็ทนความอึดอัดไม่ไหว ยอมพูดออกมาเอง


“พรุ่งนี้ผมขอออกจากโรงพยาบาลตอนเช้าแล้วไปมหาลัยเองนะครับ”


“ไม่ได้ พรุ่งนี้จะให้ชัยมารับ”ผมพยักหน้ารับรู้คำพูดของคุณท่าน


“ไม่ต้อง ชั้นพาไปส่งมหาลัยเอง”พี่ธิวาเถียงกลับ


“เด็กชั้น ชั้นดูแลเองได้”


“หึ!”พี่ธิวาทำเสียงขึ้นจมูก “ถ้าดูแลได้อย่างปากว่า น้องคงไม่อยู่ในสภาพนี้”


“จะสภาพนี้หรือสภาพไหน เด็กนี่ก็เป็นของๆชั้น นายไม่มีสิทธิ์”


พี่ธิวายิ้มร้าย “เผื่อนายจะลืม ผัวทุกคนมีสิทธิ์ในตัวเมียทั้งนั้นแหละ” คุณท่านลุกจากโซฟาเดินไปกระชากคอเสื้อพี่ธิวา


พี่ธิวาปรายตามองคุณท่านที่กำคอเสื้อพี่ธิวาจนยับยู่ยี่แบบไม่รู้สึกรู้สา ทั้งๆที่ผมนั่งนิ่งตัวแข็งอยู่บนเตียง ไม่กล้าแม้แต่จะขยับเขื้อนตัว กลัวจะโดนลูกหลงไปด้วย


“ไม่มี one night stand ที่ไหนเขามีสิทธิ์ในตัวกันและกันหรอก”คุณท่านยอมปล่อยมือออกจากคอเสื้อพี่ธิวา แต่ก็ยังเอ่ยวาจาถากถาง


พี่ธิวาหยิบมือถือขึ้นมาควงเล่น “มาพนันกันไหมละ ว่าถ้าฟ้ารู้...ใครกันแน่ที่จะมีสิทธิ์ในตัวเด็กคนนี้”


“ไอ้เหี้ยไทม์ มึงมันถนัดแต่เล่นสกปรก”


“ถ้ากูสกปรก มึงก็คงสกปรกไม่ต่างกัน ต่อหน้าฟ้าทำตัวเป็นพี่ชายที่แสนดี ไม่ล่วงเกิน แต่ลับหลังเลี้ยงเด็กไว้บำเรอตั้งกี่คน ที่มั่วไม่เลือกอีกตั้งเท่าไหร่”


“ที่พูดมามันก็นิสัยมึงด้วยนี่ ถ้าไม่ทำตัวเหี้ยๆ ฟ้าจะเขี่ยมึงทิ้งแล้วมาหากูไหม”


“มึงมันเพื่อนเหี้ย เมียเพื่อนสนิทก็ไม่เว้น”


“มึงไม่ใช่เพื่อนสนิทกูไอ้ไทม์”


ผมล้มตัวลงนอน ดึงผ้าห่มมาคลุมโปง ไม่อยากจะฟังคนสองคนนี้เถียงกันอีกแล้ว สุดท้ายเรื่องที่เขาเถียงกันก็ไม่พ้นเรื่องของคนๆเดิมที่ครอบครองจิตใจของเขาทั้งคู่


ผมไม่อยากอยู่ในเงาของใคร ไม่อยากอยู่ในฐานะสัตว์เลี้ยงบำบัดความใคร่แทน ‘คุณฟ้า’ ในสายตาคุณท่าน ไม่อยากอยู่ในฐานะเด็กโง่เง่า น่าสงสารในสายตาพี่ธิวา


ไม่อยากเป็นแค่สิ่งของที่เขาสองคนเอาไว้ใช้เอาชนะ คะคานกันว่าใครเหนือกว่า ถึงจะมีสิทธิ์ในตัวผม


ผมนอนนิ่งปล่อยน้ำตาให้ไหลริน เสียงทะเลาะเบาะแว้งยังคงดังขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายเขาก็ต่อยตีกันเหมือนเด็กวัยรุ่นอารมณ์ร้อนที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ เดือดร้อนพยาบาลด้านนอกต้องเข้ามาห้ามและพาออกไปทำแผล


ไปเถอะ จะไปไหนก็ไป ไปทะเลาะกันให้พอ ผมไม่ขอเข้าไปยุ่งเกี่ยว

.
.
.

“อย่า…มึง ออกไป”ผมตะโกนไล่สุดเสียง เมื่อใบหน้าของวีที่เปรอะเปื้อนไปด้วยรอยเลือด มีแต่ความช้ำเลือดช้ำหนองปรากฏให้เห็นกำลังเดินเข้ามาหาผม


วีแสยะยิ้มอย่างน่ารังเกียจ “กูจะเอามึงไปอยู่ด้วย อีพริ้ม อีกะหรี่”กลิ่นความเหม็นเน่าของซากศพลอยเข้ามาแตะจมูก ผมรู้สึกสะอิดสะเอียนจนอยากจะอ้วก


“มึงออกไป ออกไปให้พ้นตัวกู”ผมร้องตะโกนเมื่อมันเอามือเน่าๆของมันที่มีแต่หนอนไชมาลูบไล้บนใบหน้าผม หนอนตัวเล็กตัวน้อยหลุดออกจากมือมันลงมาที่ใบหน้าผม


ผมรู้สึกอึดอัดจนแทบบ้า


“ตายซะเถอะ อีพริ้ม”มันพูดแล้วเอาเชือกรัดคอผม ผมกุมคอตัวเองแน่น ดิ้นพล่านเพราะหายใจไม่ออก ความรู้สึกเหมือนลมหายใจสุดท้ายกำลังจะหมดลง มันทรมานเหลือเกิน


“อ่อก…ปล่อย…กู”ตาของผมเหลือกถลนขึ้นด้านบน ลมหายใจขาดห้วงเหมือนคนกำลังจะสิ้นใจ
ผมยังตายไม่ได้ ปล่อยผมที….
ผมตายไม่ได้….


ภาพสุดท้ายที่ปรากฎในคลองสายตา คือ ภาพของวีที่หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ดวงตาแดงก่ำจ้องมองผมที่อ้าปากค้าง ตาถลน กำลังจะขาดอากาศหายใจตายอย่างพึงใจ น้ำหนองบนใบหน้าวีไหลเยิ้มเปรอะเปื้อนไปทั่วร่าง ยังไม่นับหนอนนับร้อยตัวที่ไชยั้วเยี้ยอยู่บนผิวหนังผุพอง “ฮ่าๆ สะใจกูนักที่ได้ฆ่ามึง อีกะหรี่ ฮ่าๆ”


“ม่ายยยยยยยยย…”ผมกรีดร้อง ทุรนทุรายเมื่อวีกำลังคายซากหนอนใส่ปากผม


นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน วีตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ

.
.
.

“พริ้มครับ”


ผมสะดุ้งตื่นจากความฝัน เหงื่อเกาะพราวทั่วใบหน้า เมื่อกี้มันคือความฝันจริงๆเหรอ ทำไมทุกอย่างถึงเหมือนจริง ทั้งรูป รส กลิ่น เสียงหรือแม้กระทั่งสัมผัส


“พริ้ม…ปล่อยมือก่อนนะครับ”พี่ธิวาค่อยๆแกะมือผมที่บีบคอตัวเองออก เผยให้รอยนิ้วมือแดงเป็นปื้น
ผมมองรอยแดงที่คอตัวจากกระจกที่สะท้อนมาทำให้ผมกลัวใจตัวเอง นี่ผมบ้าถึงขนาดบีบคอตัวเองแล้วเหรอเนี่ย


“พริ้ม เล่าให้พี่ฟังหน่อยสิครับว่าเราฝันอะไร”พี่ธิวาดึงผมเข้าไปกอดจนจมอก ฝ่ามืออุ่นลูบเบาๆเป็นการปลอบประโลมที่ต้นแขน ผมเงยหน้ามองหน้าพี่ธิวาอย่างทำอะไรไม่ถูก จะให้เล่ายังไง จะบอกได้ยังไงว่าผมกลัววีจนเป็นบ้าไปแล้ว…กลัวจนฝังใจเอามาฝันเป็นเรื่องเป็นราวน่ากลัวแบบนี้เกือบทุกคืน


จะพูดได้ยังไงว่าผมเหมือนคน…โรคจิตอ่อนๆ


น้ำตาใสไหลคลอในดวงตา ผมกำมือสั่นๆของตัวเองแน่น จะให้ใครรู้ไม่ได้ว่าผมกำลังจะเป็นบ้า
ฮรือ…ให้รู้ไม่ได้


“พริ้มครับ…เชื่อใจพี่นะ”พี่ธิวาลูบเบาๆบนหลังฝ่ามือผม ค่อยๆคลายมือผมที่กำมัดแน่นจนเล็บจิกลึกเข้าไปในฝ่ามือจนเป็นแผล ฝ่ามืออุ่นของพี่ธิวาสอดประสานกับมือผมเบาๆ


“พริ้มครับ พี่อยู่ตรงนี้นะ”พี่ธิวากดจูบแนบกับขมับผม ไล้เบาๆตามโครงหน้า


ผมจะทำยังไงดี ถ้าพูดไปพี่ธิวาจะรังเกียจผมไหม จะเอาไปบอกคุณท่านไหม แล้วคุณท่านจะเขี่ยผมทิ้งไหม
ผมไม่อยากถูกทิ้ง ทำไงดี…


อ้อมกอดของพี่ธิวารัดแน่นขึ้น ผมเงยหน้ามองพี่ธิวาน้ำตาคลอ จะลองเชื่อใจคนๆนี้ดูสักครั้งดีไหมนะ เขาจะหลอกผมเหมือนที่วีเคยหลอกรึเปล่า


“เชื่อใจพี่นะครับคนดี เล่าให้พี่ฟังนะครับ”พี่ธิวาใช้นิ้วโป้งเกลี่ยน้ำตาใสบนแก้มออกให้ ผมพลิกตัวโผกอดพี่ธิวาแน่น พี่ธิวาไม่เอ่ยคำใดออกมาอีก ทำเพียงแค่ลูบหลังเบาๆอย่างปลอบประโลม


“แด๊ดดี้…”


“ว่าไงครับ”พี่ธิวาลูบหัวผมเบาๆ หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าเสื้อมาเช็ดน้ำตาให้
ทำไมถึงอ่อนโยนกับผมขนาดนี้นะ ถ้ารู้เรื่องนั้นแล้วจะอ่อนโยนกับผมเหมือนเดิมไหม


“แด๊ดดี้…”


“ว่าไงครับ เด็กดี”


“แด๊ดดี้จะไม่รังเกียจพริ้มใช่ไหม”


“แด๊ดดี้จะรังเกียจพริ้มทำไมละครับ หื้มมมม?”


“แด๊ดดี้จะไม่บอกคุณท่านใช่ไหมถ้าพริ้มเล่าให้ฟัง”


“ความลับคนไข้คือสิ่งที่แพทย์ทุกคนต้องรักษาครับ”ผมมองเข้าไปในนัยน์ตาตาของพี่ธิวาที่ฉายแววเด็ดเดี่ยว มั่นคง จะลองเชื่อใจใครสักคนอีกครั้งคงไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัวเกินไปมั้ง ถ้าคนนั้นจะเป็น…พี่ธิวา


“แด๊ดดี้ พริ้ม…”ผมเล่าทุกอย่างให้พี่ธิวาฟังตั้งแต่ต้น ตั้งแต่วันแรกที่ผมตัดสินใจเป็นเด็กขาย
พี่ธิวานั่งฟังผมด้วยสีหน้าท่าทางนิ่งสงบ ไม่พูดขัดใดๆสักคำ มีแต่รอยยิ้มอบอุ่นอ่อนโยนเท่านั้นที่ส่งมาให้หลังผมเล่าจบ


“เด็กดี มันไม่ใช่ความผิดของพริ้มทั้งหมดรู้ไหมครับ”


“แด๊ดดี้…”ผมกำมือพี่ธิวาด้วยมือสั่นๆของผม เล่าหมดแล้ว เล่าไปหมดแล้วในทุกสิ่งที่ประสบพบเจอ


“ตอนนี้เราแค่กลัว อาการแบบนี้สามารถรักษาหายได้ พริ้มรู้ไหมครับ”


“พริ้มเป็นบ้าเหรอครับ ฮรือ…”ผมร้องไห้ออกมาอย่างหมดหวัง ผมเป็นบ้าสินะ เป็นบ้าจริงๆสินะ


“ไม่ครับ พริ้มยังไม่ได้เป็นบ้า มันเป็นแค่ความกลัวที่เกิดจากเหตุการณ์วันนั้น แต่เราจะปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ เราต้องรักษา”


“ไม่เอา พริ้มไม่อยากไปโรงพยาบาลบ้า ฮรือ…อย่าเอาพริ้มไปทิ้งไว้ที่นั่นเลยนะครับ พริ้มไม่อยากถูกฉีดยา ไม่อยากโดนมัด”


“แด๊ดดี้ไม่ปล่อยให้ใครมาฉีดยาเราได้หรอกนะ แด๊ดดี้ฉีดได้คนเดียว”


“แด๊ดดี้”ผมร้องประท้วงเสียงดังทั้งน้ำตา คนกำลังเครียดๆอยู่วกมาพูดเรื่องลามกได้หน้าตาเฉย


“การรักษามีหลายรูปแบบนะครับพริ้ม ถ้าพริ้มไม่อยากกินยา เราใช้วิธีทำจิตบำบัดแทนได้”


“แต่…”


“แด๊ดดี้จะอยู่กับพริ้ม จะรักษาใจพริ้มให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม พริ้มไม่อยากสู้ไปกับแด๊ดดี้เหรอครับ”ผมฟังคำพูดพี่ธิวาแล้วก็คิดตาม…พี่ธิวาเป็นคนที่มีจิตวิทยาสูงจริงๆในการใช้คำพูดชักจูงใจคน


“แด๊ดดี้ไม่รังเกียจพริ้มเหรอครับ”


“ต้องทำยังไงหื้มถึงจะยืนยันว่าแด๊ดดี้ไม่ได้รังเกียจพริ้ม”ผมไม่ตอบคำถามพี่ธิวา ได้แต่ยืดตัวขึ้นประทับจูบลงบนริมฝีปากหนาสีชมพูระเรื่อ


“รักพริ้มนะครับ”ผมกระซิบแนบหูพี่ธิวา งับเบาๆที่ติ่งหู ใช้ปลายลิ้นไล้เลียเบาๆ


“ยั่วแด๊ดดี้แบบนี้ไม่ดีกับตัวเราเลยนะ”


“แด๊ดดี้รังเกียจพริ้ม”


“ไม่ได้รังเกียจครับ แด๊ดดี้กลัวซี่โครงเราจะทิ่มปอดอีก”ผมมองหน้าพี่ธิวางอง้ำ พูดแบบนี้ใครก็พูดได้ แท้จริงก็รังเกียจกัน


“งอนอีกแล้ว”


“พริ้มไม่ได้งอน”


“น่ารัก”


“หื้ออออ?”น่ารักอะไรของพี่ธิวา


“ที่แทนตัวเองว่าพริ้มอะน่ารัก”


“พี่ธิวา…”


“นอนนะครับเด็กดี พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าไปเรียนอีก”


“ฝันดีครับ”ผมจูบจมูกพี่ธิวา ก่อนจะไถตัวลงมานอนกอดซบอก…อกอุ่นๆ อ้อมกอดแข็งแรงและฝ่ามือนุ่มที่คอยลูบเบาๆที่แผ่นหลังทำให้ผมเข้าสู่ห้วงนิทราได้อย่างรวดเร็ว



ฝาก #พริ้มกับdaddy ด้วยนะคะ

<3

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
อย่าหายไปนานๆแบบนี้อีกนะ :hao5:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
วี ใครฟ่ะ นึกไม่ออก มานเป็นคาย มานทำอะไรพริ้ม แถมตายไปแล้วด้วย ดีโสมนามหน้า  :m4:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1909
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
พริ้มนี่โรคซึมเศร้าถามหาละนะ คือแบบอารมณ์สวิงแบบเดี๋ยวสุขเดี๋ยวเศร้าจนเราปรับไม่ทัน   งื้ออออ

ออฟไลน์ W2P5

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
ทำ! ไม! พี่ธิวาอ่อนโยนแบบนี้ ใจน้องไม่ดี้ลยยยย :hao7:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ kanj1005

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
ทำไมเราชอบโมเม้นท์คุณท่าน  มากกว่าพี่ธิวา
หรือเราชอบคนซาดิสต์มากกว่าคนหวาน   
คือพี่ธิวาแกหวานไวไปหน่อยเลยไม่ค่อยอิน แถมพริ้มดูใจง่ายไงไม่รู้  เหมือนนอกใจคุณท่าน

ออฟไลน์ มนุษย์สาววาย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
แพ้ใจคุณหมอ อบอุ่นมากกกก

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
สงสารพริ้ม

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
วีน่ากลัววว :sad3: :sad5: ตอนคายหนอนคือแหยะมาก
คุณท่านกับธิวาแตกหักกันเพราะฟ้า แล้วตอนนี้ก็ทะเลาะกันเพราะพริ้มอีก อยากรู้ว่าคุณท่านให้ความสำคัญกับพริ้มในแบบไหน เพราะอะไร อยากรู้ความรู้สึกของธิวาต่อพริ้มด้วย
พริ้มก็หวั่นไหวง่ายเพราะเจอแต่เรื่องร้ายๆ แถมยังไม่เคยมีใครคอยเคียงข้างอีก เลยเอาตัวเองไปผูกไว้กับคุณท่านแล้วยังเอาตัวเองไปผูกกับธิวาอีก

ออฟไลน์ WilpeR

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
พริ้มน่าสงสารมาก เหมือนถูกเอามาเป็นตัวแทนฟ้าที่ไม่อยู่ แล้วต้องเจอแต่เรื่องร้ายๆที่ทำร้ายจิตใจ

ออฟไลน์ ous_p

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
พริ้มมีปมในใจสินะ

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5591
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
คุณท่าน&แด๊ดดี้แสดงความห่วงใยต่อะริ้มกันคนละแบบ คุณท่านแนวโหด คุณหมอแนวอ่อนโยน

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
ถ้าพริ้มรักทั้ง 2 คน แล้วถ้าฟ้ากลับมาพริ้มจะยิ่งเจ็บกว่าที่เป็นอยู่ไหม

ออฟไลน์ แม้วธวัลหทัย

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
ขอแด๊ดดี้ ขอออออออ

ออฟไลน์ netich

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ alt1991

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
 :hao5: ปวดตับกับชีวิตออพริ้ง เขี่ยคุณท่านทิ้งลงเรือแด๊ดดี้ดีกว่า แซบกว่าเยอะ  :hao6:

ออฟไลน์ Yui_baanindy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
3P สินะ  :hao3: :hao3: :hao3: :hao3:

ออฟไลน์ YounIn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-8
สนุก แต่ดราม่ามาก
สงสารพริ้ม
น้องนี่ก็น่าจะเด็กเอาแต่ใจ ทำให้พริ้มเสียใจแน่ๆ
คุณท่านนี่ก็เดาไม่ถูกเลย

ออฟไลน์ แม่พิเสือ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 39
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-2
ตอนที่ 17


หลังจากคืนนั้นที่คุณท่านกับพี่ธิวามีเรื่องกันจนหน้าตายับเยินกันทั้งคู่ พอถึงตอนเช้าก็ไม่มีใครมารับผมออกจากโรงพยาบาลสักคน มีแต่คุณชัยแวะเอาชุดนักศึกษามาให้แล้วแจ้งว่าให้ผมไปมหาลัยเอง สุดท้ายคงตกลงกันไม่ได้เลยออกมารูปแบบนี้ แต่ก็ดีเหมือนกัน


หลังจากเลิกเรียน คุณชัยมารับผมตามปกติ แต่สิ่งที่ผิดปกติคือคุณชัยพาผมไปส่งที่บ้านพี่ธิวา ผมหันไปถามคุณชัยด้วยความไม่เข้าใจ “คุณชัย นี่มันหมายความว่าไงครับ”


“คุณเองก็ทราบดีว่าใครจะเป็นคนให้คำตอบเรื่องนี้กับคุณได้ดีที่สุด”คุณชัยพูดเพียงเท่านั้นแล้วส่งผมลงหน้าบ้านพี่ธิวาพร้อมกับขนข้าวของของผมลงจากรถ กองไว้ข้างกำแพงบ้าน


ผมเงยหน้ามองรั้วไม้สีน้ำตาลอุ่นที่อยู่ตรงหน้าแล้วได้แต่ถอนหายใจ เหมือนหมาถูกทิ้งข้างถนนเลยเรา บ้านพี่ธิวาเป็นบ้านติดริมทะเลสาบ พื้นที่บ้านมีอาณาเขตบริเวณกว้างขวางดูจากขอบแนวรั้วที่ยาวไปสุดแนวสายตา ส่วนตัวบ้านเป็นสิ่งที่ผมมองไม่เห็นเนื่องจากต้นไม้มากมายปกคลุมไว้


ผมเดินไปเดินมาอยู่ข้างกำแพงรั้ว เฝ้าถามตัวเองว่าทำอะไรผิด คุณท่านถึงทิ้งกันง่ายๆแบบนี้ ทั้งๆที่เมื่อวานยังเถียงกับพี่ธิวาเรื่องสิทธิ์ขาดในตัวผมอยู่แท้ๆ บางทีความคิดคุณท่านก็เข้าใจยาก ซับซ้อนเกินกว่าที่ผมจะเข้าใจ หรือจริงๆเรื่องทุกอย่างมันไม่ได้ซับซ้อนขนาดนั้น เพราะผมมันก็แค่…เด็กเลี้ยง นึกจะเลี้ยงเมื่อไหร่ก็เลี้ยง นึกจะทิ้งเมื่อไหร่ก็ทิ้ง


สุดท้ายทนความเมื่อยไม่ไหว ผมนั่งลงที่ขอบฟุตบาทหน้าประตูบ้าน ก้มหน้ามองนาฬิกาในมือถือเป็นรอบที่ร้อยก็ยังไม่เห็นวี่แววว่าพี่ธิวาจะกลับมา จะโทรหาคุณท่านก็ไม่กล้า เปิดปิดหน้าจอล็อคสกรีนเป็นสิบรอบก็ไม่กล้ากดโทรหารายชื่อหนึ่งเดียวที่อยู่ใน favorite สักที


รัตติกาลดำมืดค่อยๆคืบคลานเข้ามาเมื่อเวลาหมุนไป ท้องฟ้าแปรเปลี่ยนจากสีส้มแดงเป็นสีดำสนิท ดวงดาวส่องประกายระยิบระยับบนฟากฟ้าเหมือนทุกวัน ต่าวจากใจผมนัก ที่รู้สึกเหมือนความหวังที่มีจะริบหรี่ลงไปทุกที การคาดหวังจะให้คุณท่านหันมาใส่ใจดูแลผมบ้าง คงเป็นเรื่องที่เกินเอื้อมจริงๆ


แค่คาดหวังให้…ไม่ทำร้ายกัน ยังดูน่าจะเป็นไปได้มากกว่าการคาดหวังการดูแลจากคนใจร้าย เห็นคนเหมือนสิ่งของที่ซื้อหามาง่ายๆด้วยเงินตรา


ผมโดนยุงกัดจนคันไปหมดทั้งตัว นั่งตบยุงตัวแล้วตัวเล่าจนรู้สึกผิดบาป ปาณาติปาตา เวรมณี สิก… ศีลยังท่องได้ไม่ครบเลย เนี่ย…ศีลขาดแล้ว อ้าว ไม่ขำเหรอ ขำกับผมหน่อยเถอะ ผมยังอยากขำกับชีวิตทุกข์ระทมของผมเองเลย 


ชะเง้อคอรอจนคอยาวเป็นยีราฟ ก็ยังไม่มีวี่แววว่าพี่ธิวาจะกลับมา ท้องก็ร้อง หิวก็หิว เหนื่อยก็เหนื่อย น้ำก็อยากอาบ ทำไมถึงเอาผมมาทิ้งไว้แบบนี้นะ


จากจิตใจที่เข้มแข็ง พอถูกทิ้งให้รอนาน จิตก็ฟุ้งซ่านคิดนู่นคิดนี่ คิดจนน้ำตาไหลคลอออกมาจนได้ ผมเงยหน้ามองพระจันทร์ หวังใจจะให้น้ำตาที่คลอหน่วยไหลกลับเข้าไป บางทีผมก็สับสนว่าชีวิตคนกลางคืนกับการเป็นเด็กเลี้ยงอะไรมันดีกว่ากัน ทำไมช่วงนี้ผมถึงเสียน้ำตามากมายขนาดนี้


ผมใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตาที่ไหลเอ่อ ก้มหน้ากอดเข่าตัวเองชิดริมขอบรั้ว กลางคืนอีกแล้ว ผมเกลียดความมืดมิดเป็นที่สุด มันทั้งน่ากลัว ทั้งมืดมน ผมอยากจะหลับตานิ่งๆตัดการรับรู้ ผมใช้กระเป๋าเสื้อผ้าต่างหมอนนอนลงที่ริมรั้ว


พี่ธิวาอยู่ที่ไหนกัน
กลับมาได้รึยัง?
ผมจะไม่ไหวแล้วนะ

.
.
.

ปรี๊น!
ผมสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงบีบแตรรถเสียงดัง ลืมตาขึ้นมาเห็นเป็นพี่ธิวายังไม่ทันได้ยิ้มกว้าง คนตัวสูงก็ลงจากรถมาด้วยหน้าตาโมโหเหมือนจะกินคนได้ 


“พี่…”ผมเรียกพี่ธิวาด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง การนอนข้างถนนตากน้ำค้างทำให้ร่างกายแสนอ่อนแอของผมครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนจะเป็นไข้


พี่ธิวาขมวดคิ้วแน่นจนหัวคิ้วชนกัน สายตามีแต่ความสงสัย ไม่เข้าใจและที่มากที่สุดคือความรู้สึกไม่พอใจ ถึงผมจะไม่ใช่เด็กฉลาด แต่ผมก็รับรู้ถึงอารมณ์ของคนตัวสูงได้ เวลานี้การเงียบปากไว้น่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด


“ขึ้นรถ”ผมรีบวิ่งขึ้นรถแทบไม่ทัน กลัวว่าจะช้าแล้วจะขัดใจเขาไปมากกว่านี้


ผมรีบก้าวตามขายาวๆของพี่ธิวาที่ก้าวทีเดียวถึงหน้าประตูบ้าน ผมชั่งใจอยู่นานกว่าจะยื่นมือไปดึงเสื้อพี่ธิวา คำพูดที่เตรียมจะบอกว่า ‘ผมหิว ขอข้าวกินหน่อย’ กลืนหายไปในลำคอ เมื่อสายตาดุหันขวับกลับมา


เมื่อเห็นผมไม่พูด พี่ธิวาตอบกลับด้วยการถอนหายใจแรงใส่หน้าผมก่อนจะเปิดประตูเข้าบ้าน
เสียงท้องร้องดังโครกคราก ผมหิวจนแสบท้องไปหมด แต่ก็ไม่กล้าร้องขอ ยิ่งเห็นความเหน็ดเหนื่อยในแววตาคู่นั้นยิ่งไม่กล้าร้องขอ


คนตัวสูงนั่งทิ้งตัวลงบนโซฟา ใบหน้าบอกบุญไม่รับ “เรามาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ มาได้ยังไง”


“คุณชัยมาส่งหลังเลิกเรียนครับ”


“ตั้งแต่กี่โมง?”พี่ธิวาเลิกคิ้วถามผม “ห้าโมงครับ”


“ทำไมไม่โทรหาพี่”พี่ธิวาขมวดคิ้วถามด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์


“ไม่มีเบอร์ครับ”


“เอามือถือมานี่”ผมยื่นมือถือให้พี่ธิวาแต่โดยดี คนตัวสูงรับไปเมมเบอร์ก่อนจะโยนมือถือทิ้งลงบนโซฟาอย่างไม่ใยดี

 
“ไปอาบน้ำนอนไป”พี่ธิวาโบกมือไล่แต่ผมยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่


“พริ้ม!”พี่ธิวาตวาดผมเสียงดังจนผมสะดุ้ง ผมไม่เคยเจอพี่ธิวาเป็นแบบนี้มาก่อน รับมือไม่ไหวหรอกนะ 


พี่ธิวาถอนหายใจแรงก่อนจะสั่งผมใหม่ “ขึ้นบันไดไปชั้นสอง ห้องแรกคือห้องพี่ พริ้มไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้เลย”ผมมองเข้าไปในนัยน์ตาของพี่ธิวาที่ฉายแววอ่อนล้า นั่นสินะ นี่ก็ดึกจนเข้าเช้าวันใหม่แล้ว พี่ธิวาทำงานเหนื่อยมาทั้งวันยังต้องกลับมาเจอภาระอย่างผมอีก จะไม่หงุดหงิดได้ยังไง


“ครับ”


ผมเดินเหม่อลอยขึ้นบันได บ้านของพี่ธิวาตกแต่งง่ายๆ ผนังบ้านถูกแทนที่ด้วยกระจกเผยให้เห็นต้นไม้ด้านนอกที่ปลูกจนรกครึ้ม และมีด้านหนึ่งที่เห็นวิวทะเลสาบ ผมหยุดยืนมอง…อยากออกไปที่นี่ ตอนนี้ ที่ที่ไม่มีใครต้องการผม ผมก็ไม่อยากอยู่ด้วยหรอกนะ


“พริ้ม ทำไมยังไม่ไปอาบน้ำอีก”ผมหันไปมองพี่ธิวาที่มายืนด้านหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้


“ขอโทษครับ”ผมขอโทษเสียงอ่อย แล้วรีบวิ่งขึ้นบ้านไปอาบน้ำ


หลังจากอาบน้ำเสร็จ ผมจะออกมาขออนุญาตพี่ธิวาใส่ชุดนอน ก็เจอกับข้าวของของผมที่กองอยู่กลางห้องนั่งเล่นพร้อมกับพี่ธิวาที่ยืนตะโกนเสียงดังใส่โทรศัพท์


“ทำไมมึงทำอะไรไม่เคยปรึกษากูเลย”


“กูไม่เคยบอกว่าอยากให้เขามาอยู่กับกู”


“ไอ้เหี้ยกาล!!!”พี่ธิวาตะโกนด่าคุณท่านเสียงดัง ใบหน้าอบอุ่นที่เคยส่งรอยยิ้มให้ผม บัดนี้ไม่มีอีกแล้ว มีแต่ความโกรธเกรี้ยว เกรี้ยวกราด


นั่นสินะ


เด็กเลี้ยงที่เนื้อตัวมีแต่ร่องรอยราคีคาว ไม่สด ไม่ใหม่ เนื้อมันคงไม่หอมหวานมัน ไม่น่าขบเคี้ยว แล้วไหนยังจะอาการทางจิตที่มีนี่อีกละ ต่อหน้าก็บอกว่าไม่เป็นไร รับได้ พี่จะดูแลแต่จริงๆแล้วมันไม่ใช่ ใครจะรับได้


ผมไม่ใช่ญาติ ไม่ใช่คนรัก แม้แต่สถานะ ‘คนรู้จัก’ ยังพูดยากเลย ก็แค่เคยนอนด้วยกันคืนเดียว ใครจะอยากรับภาระมาดูแล


สุดท้ายผมมันก็แค่ ‘หมาหัวเน่าที่ถูกทิ้ง’ อย่างไม่มีใครต้องการ


ผมเดินกลับขึ้นไปด้านบน หยิบชุดนอนพี่ธิวามาใส่ เดินไปนอกระเบียง หมาเน่าๆแบบผมคงนอนได้แค่ที่นี่ ผมล้มตัวลงนอนบนพื้นระเบียงเย็นๆ ขดตัวเข้าหากัน น้ำตาที่หยุดไปแล้วเอ่อออกมาอีกรอบ สายตาของผมทอดมองออกไปที่ทะเลสาบ


ภาพวันนั้นที่ผมเอากระดูกของพ่อกับแม่ไปลอยอังคารที่ทะเลยังติดตาและฝังอยู่ในจิตใจ


พ่อครับ แม่ครับ พริ้มเหนื่อยเกิน ทำไมถึงทิ้งพริ้มให้เผชิญโชคชะตาร้ายๆแบบนี้คนเดียว
พาพริ้มไปอยู่ด้วยได้ไหม


หยาดน้ำตาของเด็กธรรมดาๆคนหนึ่งหลั่งรินลงบนพื้น เป็นหยอดน้ำตาที่ไม่มีค่า เหมือนเจ้าของๆมัน…ไม่มีค่า ไม่มีราคา ไม่มีใครต้องการ

.
.
.

“พริ้ม ตื่นเดี๋ยวนี้เลยนะ”ผมสะดุ้งตื่นเพราะเสียงปลุกแสนดังจากปากพี่ธิวา คนตัวสูงกอดอกจ้องมองผมด้วยสีหน้าท่าทางไม่พอใจ ผมสีดำน้ำตาลถูกเสยลวกๆ เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวถูกพับลวกๆขึ้นมาถึงข้อศอก พี่ธิวายังอยู่ในชุดเดิมเช่นเดียวกับเมื่อวาน


“ทำไมออกมานอนที่นี่ จะประชดชีวิตรึไง ถ้าดื้อแบบนี้พี่ดูแลไม่ไหวหรอกนะ”พี่ธิวาดุผมด้วยท่าทีนิ่งขรึม น่ากลัวกว่าคุณท่านตอนดุผมอีก ผมกัดปากตัวเองแน่น ไม่กล้าแม้แต่จะเถียง


“ไม่ต้องมาจ้องตาพี่ ลุกขึ้นไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้”ผมกะพริบตาถี่ไล่น้ำตาที่กำลังคลอหน่วย ไม่อยากจะร้องไห้ให้พี่ธิวาเห็น รู้สึกปวดเมื่อยครั่นเนื้อครั่นตัวจนลุกแทบไม่ไหว


“พริ้ม พี่ไม่ได้มีเวลาทั้งวันมานั่งรอเราหรอกนะ”ผมสะดุ้งตัวโยนเมื่อพี่ธิวาดุผมอีกครั้ง เสียงถอนหายใจของพี่ธิวาดังก้องอยู่ในใจผม ปากอยากจะเอ่ยตัดพ้อออกไปว่า ‘ดูแลผมมันเหนื่อยนักเหรอ แค่เลี้ยงเด็กไม่มีที่ไปคนเดียวมันเหนื่อยมากนักหรือไง ถึงต้องแสดงท่าทีรังเกียจ ผลักไล่ไสส่งกันขนาดนี้’


“พี่ให้เวลา 10 นาที ต้องเห็นเราที่โต๊ะทานข้าวด้านล่าง”สั่งแค่นั้นแล้วพี่ธิวาก็เดินออกไป


ฮัดชิ่ว! ผมจามออกมาเสียงดัง รู้สึกเจ็บคอ เจ็บแม้กระทั่งเวลากลืนน้ำลาย หลังจากอาบน้ำเสร็จ ชุดลำลอง 1 ชุดถูกเตรียมวางรอไว้บนเตียงนอน วันนี้คงไม่ได้ไปเรียนอีกแล้ว ป่วยการจะดื้อกับพี่ธิวาตอนที่อารมณ์ไม่ดี


ผมรีบแต่งตัวแล้วรีบวิ่งลงบันได กลัวจะไม่ทันเวลา 10 นาทีที่พี่ธิวาตั้งไว้ “พริ้ม อย่าวิ่ง” เสียงเตือนจากปากพี่ธิวายังไม่ขาดคำ ผมก็ลื่น ไถลตูดกระแทกปั้กๆกับขอบบันได เจ็บจนน้ำตาไหล


“พี่เตือน พี่พูดทำไมไม่เคยฟัง จะต้องทำตัวเองเจ็บ ทำตัวเองป่วย อีกกี่ครั้งกี่หน”ปากพี่ธิวาก็บ่นไปด้วย แต่มือก็คอยประคองผมจากพื้นไปนั่งที่โซฟา ผมรู้สึกเจ็บแปลบๆที่ข้อเท้าทุกครั้งที่ลงน้ำหนัก  แต่ก็ไม่กล้าร้องโวยวาย กลัวจะโดนว่าอีก


“เจ็บตรงไหนครับ”ผมส่ายหน้าแทนคำตอบ ใครจะกล้าบอกว่าตอนนี้เจ็บระบมไปทั้งตัว เดี๋ยวก็โดนดุอีก


“พริ้มครับ พี่ไม่ชอบเด็กขี้โกหก”ไม่รู้ทำไมแค่ได้ยินคำว่า ‘ไม่ชอบ’ น้ำตาก็ไหลออกมา จะมาเซนซิทีฟอะไรตอนนี้


“พริ้มหยุดร้อง แล้วมาคุยกับพี่ดีๆ”ผมสะบัดหน้าหนี นอนลงบนโซฟาหันหลังให้พี่ธิวา
ไม่ชอบก็ไม่ต้องมาสนใจกัน


“พริ้ม! เฮ้อ”แค่ได้ยินเสียงถอนหายใจ น้ำตาก็พาใจกันไหลออกมาเหมือนเขื่อนแตก ผมมันก็แค่ ‘หมาหัวเน่า’ ที่ไม่มีใครต้องการ เป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีประโยชน์ ไปอยู่กับใครก็ดีแต่สร้างความยุ่งยาก เหนื่อยหน่าย ลำบากใจให้เขาไปหมด


พี่ธิวาทิ้งผมไว้ตรงนั้นคนเดียวกับเสียงถอดถอนหายใจที่ดังก้องในหัวผม รำคาญจนต้องเดินหนีกันเลยรึไง


“พริ้ม พี่ไม่ได้อยากจะดุหรอกนะ แต่เรามันดื้อ”พี่ธิวากลับมาอีกครั้งพร้อมกับกล่องพยาบาล ร่างสูงนั่งลงบนโซฟาที่ปลายเท้าผม ยกข้อเท้าด้านที่เจ็บขึ้นมาวางบนตัก ข้อเท้าที่พลิกเริ่มมีอาการบวมแดง ร่างสูงทายาแล้วพันผ้าให้ผม


“ขอบคุณครับ”ผมยกมือไหว้ขอบคุณแล้วรีบยกเท้าลงจากตักพี่ธิวา การวางเท้าบนตักคนอายุมากกว่าทำให้ผมรู้สึกเกรงใจ แต่พี่ธิวายื้อไว้


“เช็ดน้ำตาแล้วลุกขึ้นมาคุยกับพี่ดีๆครับ”ผมยกแขนเสื้อยืดปาดน้ำตาออกจากใบหน้าลวกๆแต่ก็โดนดุ “พริ้ม ทำดีๆครับ” พี่ธิวาดุแล้วดึงตัวผมไปใกล้ ใช้ทิชชู่ซับน้ำตาให้อย่างเบามือ


“ไหนบอกพี่สิครับว่าทำไมถึงออกไปนอนที่ระเบียง”ผมเม้มปากแน่น ไม่อยากตอบ “พริ้มครับ” แต่พี่ธิวาก็ยังคงเร่งเอาคำตอบ


เมื่อเห็นว่ารอสักพักก็ยังไม่ได้คำตอบ ร่างสูงดึงผมเข้าไปกอดแล้วลูบหลังเบาๆ “พี่ไม่ได้อยากโมโหหรอกนะ แต่เราชอบทำตัวเองป่วย พี่ไม่ชอบ รู้ไหมครับเมื่อวานตอนเห็นเรานอนรออยู่ที่ฟุตบาทหน้าบ้าน พี่ตกใจขนาดไหน นี่ดีว่าอยู่ในหมู่บ้าน ถ้าเป็นข้างถนนที่อื่น ถ้ามีคนมาทำร้าย พริ้มจะทำยังไง”


“ขอโทษครับ”ขอโทษที่ไม่ทันคิด ขอโทษที่สร้างปัญหา ขอโทษที่เป็นคนไม่มีที่ไป


“โรงพยาบาลพี่ พริ้มก็รู้จัก ทำไมไม่ไปหาครับ จะนั่งรอจนถึงตีสองตีสามทำไม ละถ้าเมื่อวานพี่ไม่กลับบ้าน พริ้มจะทำไงครับ”


“รอจนกว่าพี่จะกลับ”


“การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเราแย่มากนะพริ้ม”ผมรู้สึกเจ็บที่โดนดุตรงๆมากกว่าโดนลงโทษจากคุณท่านอีก ผมใช้หลังมือปาดน้ำตาลวกๆ พยายามเก็บเสียงสะอื้นไม่ให้พี่ธิวาได้ยิน


“แล้วอีกเรื่องที่พี่โมโหคือการที่พริ้มออกไปนอนที่ระเบียง ทำไปทำไมครับ”ผมผละออกจากอกพี่ธิวา เงยหน้ามองเขาตาแดงก่ำ


“พี่ไม่ชอบการกระทำแบบนี้ มีอะไรก็พูดก็คุยกันดีๆ ไม่ใช่ทำตัวประชดชีวิตแบบนี้”


“ขอ…”


“พริ้มเลิกพูดคำว่าขอโทษสักที”ผมแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว เวลาพี่ธิวาดุ ผมรู้สึกเจ็บเหลือเกิน


“ถ้าจะอยู่ด้วยกัน เราต้องเคารพซึ่งกันและกัน มีอะไรก็พูดคุย ทำความเข้าใจกัน ไม่ใช่ทำตัวแบบนี้ รู้ไหมครับ”


“ครับ”ปากผมตอบว่าเข้าใจ แต่จริงๆผมก็ไม่เข้าใจหรอก จะให้ทำความเข้าใจง่ายๆว่าพี่ธิวาไม่ได้รังเกียจที่จะรับผมเข้ามาอยู่ในบ้านก็ออกจะเป็นเรื่องแปลก ในเมื่อสิ่งที่ผมได้ยินเมื่อคืนมันค้านกับคำพูดของเขาในตอนนี้


 “กฎของการอยู่ร่วมกันคือ เราจะไม่ลุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวของกันและกัน พี่จะไม่ห้ามอะไรพริ้ม อยากไปไหนก็ไป แต่ขอให้บอก จะกลับดึกก็ต้องบอก จะไม่กลับบ้านก็ต้องบอก แต่มีเรื่องที่พี่จะขอคือ อย่าโกหก อย่าเล่นการพนัน ที่สำคัญคืออย่าเล่นยา แค่นี้พริ้มทำให้พี่ได้ไหม”


“ได้ครับ”


“ไปล้างหน้าล้างตาแล้วมาทานข้าว”พี่ธิวาพูดแล้วเดินเข้าไปในห้องครัว


ผมเองก็บอกความรู้สึกตัวเองไม่ถูกเหมือนกัน มันเจ็บๆหน่วงๆ ยิ่งโดนดุแบบนี้ยิ่งเจ็บ ผมล้างหน้าแล้วมองตัวเองในกระจก เห็นสภาพดูไม่ได้ของตัวเองแล้วรับไม่ได้ จากปกติที่ก็ดูไม่ค่อยได้อยู่แล้วอะนะ ตาก็บวมช้ำ แถมขอบตายังดำคล้ำอีก


ชีวิตผมตอนนี้ถ้าไม่เดินหน้าก็คงถอยหลัง...ถอยหลังลงคลอง
เอาวะพริ้ม ชีวิตแม่งต้องสู้ ลองดูกันสักตั้ง


เราอาจเข้ามาในชีวิตเขาในฐานะคนที่ไม่มีใครต้องการ แต่เราเปลี่ยนตัวเองได้ เปลี่ยนให้เป็นคนที่เขาต้องการแล้วไม่อยากปล่อยมือ ถึงความคิดแบบนี้มันก็จะดูเพ้อฝันไปหน่อยๆก็เถอะ


วันนี้พี่ธิวาทำมื้อเช้าเป็นข้าวต้มหมู ผมตักเข้าปากคำแรกแล้วไม่อยากเชื่อว่าพี่ธิวาทำกับข้าวอร่อยขนาดนี้ พอๆกับคุณท่านเลย เอ๊ะ หรือของคุณท่านอร่อยกว่านะ ไม่หรอก “ของพี่ธิวาอร่อย” ผมแทบตบปากตัวเองที่หลุดพูดออกมา


พี่ธิวายิ้มขำ “ของพี่อร่อยเหรอ พริ้มยังไม่เคยชิมเลยนี่”รอยยิ้มมีเลศนัยแบบนี้ คำว่า ‘ของ’ ไม่ได้หมายถึงอาหารบนโต๊ะตอนนี้แน่


“ลามกอีกแล้วนะครับ”


“ใครว่าลามก พี่บอกพริ้มแล้วไงครับว่าเรื่องธรรมชาติ”ผมพยักหน้ารับ ขี้เกียจจะเถียงด้วย


“วันนี้จะไปเรียนหรือเปล่าครับ พี่จะไปส่ง”


“ไปครับ”


“ชุดนักศึกษาน่าจะอยู่ในลัง พริ้มลองไปรื้อดู”


“ขอบคุณครับที่ยกของเข้ามาให้แล้วก็ขอบคุณสำหรับอาหารอร่อยๆมื้อนี้ด้วย”พี่ธิวายิ้มอบอุ่นให้ผม “ด้วยความยินดีครับ ไอ้ตัวดื้อ”


“อิ่มแล้วเหรอพริ้ม ทานไปนิดเดียวเอง”


“อิ่มแล้วครับ”ผมรีบยกน้ำขึ้นมาดื่ม ต้องรีบไปเรียน แค่นี้ก็สายจะแย่แล้ว


“ทานยาก่อนครับ พี่ว่าเราตัวร้อน เดี๋ยวจะป่วยไปมากกว่านี้”ผมรีบกินยาแล้ววิ่งไปเปลี่ยนชุด ใช้เวลาไม่นานผมก็เปลี่ยนชุดเสร็จ พี่ธิวานั่งควงกุญแจรถรออยู่แล้ว


ฮัดชิ่ว!


ผมจามเสียงดังตอนอยู่ในรถ พี่ธิวาหยิบผ้าเช็ดหน้ายื่นให้ งรือ…มีน้ำมูกด้วย ป่วยแล้วละพริ้ม


“mask อยู่ในที่เก็บของหน้ารถครับพริ้ม หยิบมาใส่เลยครับ เดี๋ยวเอาไปติดคนอื่น”ถ้าจะติดก็ติดพี่ธิวาคนแรกนี่แหละ


“ครับ”ผมรับคำแล้วหยิบ mask มาใส่


“เย็นนี้เลิกเรียนแล้วโทรหาพี่นะ พี่จะไปรับ จะได้ไปหาหมอกัน”


“เป็นหวัดนิดเดียว ไม่ต้องหาหมอก็ได้ครับ พี่ธิวาก็เป็นหมอไม่ใช่เหรอครับ”


“ไม่ได้หาหมอกายครับ จะพาไปหาหมอใจ”หมอโรคจิตนั่นเอง ถ้าจะพูดให้ถูก


“ผมไม่อยากไป”


“ทำไมครับ”ไม่เห็นต้องถามเลย ใครจะอยากกินยา ยิ่งกินยิ่งบ้ารึเปล่าก็ไม่รู้ พออาการหนักมากขึ้นเรื่อยๆก็ถูกทิ้งให้อยู่โรงพยาบาลบ้า โดนจับมัดแขนมัดขา ใครจะยอม

ผมนั่งเงียบไม่ยอมตอบ “พริ้มครับ พี่บอกว่าไงครับ มีอะไรให้คุยกันใช่ไหม”


“ผมกลัว”


“มันไม่มีอะไรน่ากลัวเลยครับพริ้ม เชื่อพี่”


“ฮรื่อ ไม่เอา พี่ธิวาไม่ต้องมาหลอกเด็กเลย ตอนเด็กๆ หมอชอบหลอกว่าฉีดยาเจ็บเหมือนมดกัด มดยักษ์สิไม่ว่า”


“นั่นเขาไม่เรียกว่าหลอกครับ แค่พูดไม่หมด”


“งั้นคราวนี้ก็พูดไม่หมดเหมือนกันใช่ไหมครับ”


“ไม่ครับพริ้ม มันเป็นแบบนั้นจริงๆ”


ผมหันหน้าออกนอกหน้าต่าง พี่ธิวาบอกว่าไม่ชอบคนโกหกแต่ตัวเองกลับโกหกซะเอง


“พริ้มครับ”ผมหันไปมองหน้าพี่ธิวาที่ดึงมือผมไปกุม “เชื่อใจพี่สักครั้งนะครับคนดี”


ผมมองหน้าพี่ธิวาอย่างไม่เชื่อสายตา คำขอร้องให้เชื่อใจที่หลุดออกจากปากคนที่เคยเอ่ยคำว่าไม่อยากให้ผมอยู่ด้วย มันจะเชื่อถือได้สักแค่ไหนกัน


ผมยังคงนั่งนิ่งตลอดทางที่พี่ธิวาขับรถมาส่งที่มหาลัย จวบจนกระทั่งถึงคณะผมถึงได้ดึงมือตัวเองออกจากการเกาะกุมของพี่ธิวา “ขอบคุณนะครับที่มาส่ง เลิกแล้วเดี๋ยวพริ้มโทรหานะครับ”


ผมเดินเข้ามาในห้องสโลปตอนเลยเวลาเข้าเรียนไปเกือบชั่วโมง อาจารย์หยุดกด powerpoint หันมามองผมตาเขียว ผมยกมือไหว้ขอโทษแทบไม่ทัน มาถึงที่นั่งก็โดนน้องแซวว่าอ่อนแอ ขี้โรค ป่วยอีกแล้ว ไม่รู้จะแก้ตัวยังไง บางทีผมก็ว่าตัวผมเองนี่แหละที่ทำให้ตัวเองป่วย


ระหว่างเรียน ผมนั่งจามน้ำมูกยืดทั้งวัน เกรงใจน้องนัทที่นั่งข้างๆจะแย่ กลัวจะติดหวัดไปด้วย


“พี่พริ้ม วันนี้ไปติวปะ”น้องนัทถามผมระหว่างเดินออกจากห้องเลคเช่อร์ ผมส่ายหน้าปฏิเสธ “พี่พริ้มเบี้ยวอีกแล้ววะ”น้องหันไปโวยวายกับเพื่อน “โหยพี่พริ้ม ไปด้วยกันเถอะนะๆ”น้องตองเดินมาอ้อน


“พี่ป่วยอยู่ เดี๋ยวเอาหวัดไปติด อาทิตย์หน้าสัญญาจะอยู่ติวด้วยทั้งอาทิตย์เลย”


“ดีมากพี่ ดีล”น้องตองว่าแล้วชนมือกับผม


เราโบกไม้โบกมือบ๊ายบายกันก่อนจะแยกย้าย น้องๆไปติวกัน ส่วนผมก็ได้แต่นั่งรอพี่ธิวามารับ ระหว่างรอก็นั่งเล่นกับเจ้าเหมียวขาใหญ่ประจำคณะ เล่นเพลินจนลืมว่ารอพี่ธิวามารับ รู้ตัวอีกทีว่าพี่ธิวามาถึงตอนได้ยินเสียงบีบแตรเรียก


“พี่ธิวาหวัดดีครับ”ผมยกมือไหว้ทักทายพี่ธิวา ยังไม่ทันพ้นเขตมหาวิทยาลัย คนตัวสูงก็โยนเจลแอลกอฮอล์สำหรับล้างมือมาให้ “เล่นกับแมวข้างถนน สกปรก”แมวข้างถนนก็หาว่าสกปรก ผมเองก็คงสกปรกไม่ต่างกัน เพราะเมื่อวานก็พึ่งนอนข้างถนนเหมือน ‘หมาข้างถนน’ มาเหมือนกัน


“ไม่ต้องมาทำหน้าตัดพ้อพี่เลยนะ ถึงจะเป็นแมวบ้าน พี่ก็ว่ามันสกปรกเหมือนกันนั่นแหละ”ผมทำปากยื่น พิงหัวที่กระจกมองหน้าพี่ธิวา “กวนใหญ่แล้วนะพริ้ม”ผมหัวเราะพี่ธิวาที่ทำหน้ายู่เป็นคนแก่ขี้บ่นอย่างอารมณ์ดี


“อารมณ์ดีแล้วไปหาหมอได้แล้วมั้ง”


“ไม่ไป”


“พริ้ม”


“คนไข้มีสิทธิตัดสินใจในการรักษาของตัวเองไม่ใช่เหรอครับคุณหมอ”


“ใช่ครับ แต่ตอนนี้พี่เป็นผู้ปกครองเรา พี่มีสิทธิตัดสินใจด้วย”


“ผมอายุเกิน 18 แล้วนะครับ มีสิทธิตัดสินใจทำสิ่งที่มีผลทางกฎหมายได้เองแล้ว”


“หัวหมอจริงๆ” พี่ธิวาหันมาคุยกับผมเพระตอนนี้รถติดไฟแดงอยู่ “ผมไม่ได้หัวหมอ ถ้าหัวหมอจริงๆก็อยู่บนบ่าพี่ธิวาแล้วไง”ผมว่าแล้วจิ้มนิ้วที่ไรผมพี่ธิวา “เด็กไม่ดีเล่นหัวผู้ใหญ่”พี่ธิวาดึงนิ้วผมไว้ ใช้มืออีกข้างดึงคอผมเข้าไปหาจนหน้าเราแทบชิดกัน


“อยากจะกัดปากดื้อๆ ช่างเถียงนี่ให้ช้ำเลยจริงๆ”


“หึ! กัดได้ก็กัดสิครับ ใครห้าม”


“พี่จะกัดปากเราทุกไฟแดง เอาให้เจ่อไปอวดคุณหมอเลยดีมะ”


“แด๊ดดี้แก่แล้วไม่มีน้ำยาหรอก อื้อ…”พี่ธิวาดูดปากผมแรงจนเจ็บไปหมด แต่ยังไม่ทันสอดลิ้นเข้ามา รถคันข้างหลังก็บีบแตรไล่เสียงดังลั่น สมน้ำหน้า! หื่นไม่ดูเวลาล่ำเวลา


พี่ธิวานี่ก็เป็นอีกหนึ่งคนจริง พูดแบบไหนก็ทำแบบนั้น ทำขนาดนี้เอาโล่ไปเลยไหม! เล่นดูดปากผมจนเห่อแดงไปหมด ไฟแดงกี่ไฟแดงก็เอาหมด 30 วิก็ไม่ปล่อยเวลาไปให้เปล่าประโยชน์ จนเรามาถึงโรงพยาบาลก็ยังไม่ปล่อยให้ผมลงจากรถ


ริมฝีปากอุ่นชื้นคลอเคลียอยู่ไม่ห่าง “ว่าไงครับ จะยอมลงไปหาคุณหมอดีๆหรือให้พี่ดูดปากอยู่ตรงนี้ทั้งคืน” ผมหันไปมองหน้าพี่ธิวาหน้างอง้ำ บ้าจริง! เอาเรื่องแบบนี้บังคับผมได้ไง


“อื้อ…ปะ…ไปก็ได้”ผมรีบตบปากรับคำก่อนที่รปภ.จะเดินมาเห็นผู้ชายสองคนจูบดูดดื่มกันบนรถ พี่ธิวานี่ไม่อายฟ้าอายดินเลยจริงๆ โรงพยาบาลของตัวเองแท้ๆ


“เก่งมากครับเด็กดี”พี่ธิวาจุ๊บจมูกก่อนจะปล่อยให้ผมลงจากรถ ผมจับจมูกตัวเองแล้วหันไปค้อนพี่ธิวาตาคว่ำ นี่ก็อีกคน ขี้บังคับ เอาแต่ใจ อยากให้ทำอะไรก็ต้องทำ เพียงแต่วิธีการบังคับต่างกับคุณท่านก็แค่นั้น


ผมยังคงอิดออดไม่อยากเดินเข้าโรงพยาบาล จนพี่ธิวาต้องเดินมาดันหลัง งรื้อ…กลัวโว้ยยยยยย!


ใจของผมเต้นสั่นระรัว เหงื่อออกจนชื้นฝ่ามือไปหมด ขาก็เริ่มสั่น ยิ่งตอนพยาบาลเรียกชื่อให้เข้าไปพบคุณหมอ ขายิ่งสั่นจนก้าวไม่ออก ผมหันไปมองพี่ธิวาน้ำตาคลอ จะอ้อนหรือจะวิ่งหนีดี


ยังไม่ทันจะได้วิ่งหนีอย่างใจนึก เหมือนพี่ธิวาจะรู้ทัน จูงมือผมเข้าไปตรวจ “พี่รอด้านนอกนะครับ”ผมส่ายหน้าปฏิเสธ มาถึงขั้นนี้แล้วจะมาทิ้งกันได้ไงเล่า “ก็ได้ครับคนดี”พี่ธิวาลูบหัวผมเบาๆอย่างปลอบประโลม ผมจับมือพี่ธิวาแน่นไม่ยอมปล่อย ไม่ได้หรอก เกิดหนีผมไปกลางคัน ผมจะทำยังไง


คุณหมอยิ้มให้ผมอย่างใจดี เริ่มจากซักประวัติ ถามอาการ ตอนแรกผมก็เกร็ง ไม่กล้าเล่า กลัวคุณหมอหาว่าบ้า แต่การที่มีพี่ธิวาอยู่ใกล้ๆ คอยบีบมือให้กำลังใจก็ทำให้ผมกล้าเล่ามากขึ้น ยิ่งตอนที่ต้องเล่าถึงเรื่องของวีก็ทำผมเกือบประสาทเสีย ฝันร้ายที่ตามหลอกหลอนมาเกือบเดือนทำให้ผมไม่อยากนึกถึงมัน


แต่สุดท้ายผมก็ผ่านขั้นตอนรับการรักษาไปได้ ผมบอกคุณหมอว่าผมสามารถหลับเองได้ เพียงแค่สะดุ้งตื่นกลางดึกเพราะฝันร้าย ผมเลยขอไม่ใช้ยานอนหลับ ผมกลัวว่าถ้าใช้แล้วผมจะติด จนสุดท้ายขาดยานอนหลับไม่ได้ ผมไม่อยากเป็นแบบนั้น การนอนไม่หลับมันทรมาน ผมอยากนอนได้เองโดยไม่ต้องพึ่งยา


ส่วนเรื่องอาการของผม คุณหมอบอกว่าเกิดจากความกลัว ทำให้จิตวิตกและคอยย้ำคิดถึงแต่เรื่องนั้นซ้ำๆ ผมถึงยังฝันร้ายไม่เลิกสักที คุณหมอนัดให้ผมมาทำจิตบำบัดทุกอาทิตย์และบอกให้ผมลองพยายามนอนปิดไฟ โดยเริ่มจากปิดทีละดวง ค่อยๆให้ร่างกายและจิตใจคุ้นชินกับความมืดไปทีละนิด


ผมถามว่าผมนอนเปิดไฟไปตลอดชีวิตไม่ได้เหรอ คุณหมออธิบายว่าไม่ได้ เมลานินจะไม่หลั่ง ทำให้เรานอนไม่หลับตามนาฬิกาชีวิตอะไรก็ไม่รู้ ผมเองก็ไม่มีความรู้เรื่องนี้ คุณหมอว่ายังไง ผมก็ว่าตามนั้น


“เห็นไหมพี่บอกแล้ว มาหาจิตแพทย์ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด”


“ก็ผมไม่รู้นี่ครับ”


“พี่บอกพริ้มจนปากจะฉีกถึงรูหู พริ้มไม่เชื่อพี่เอง”


“งรื้อ”


ใครจะไปรู้เล่า คิดว่าเหมือนในละคร เรื่องหลังคาแดงอะพี่ธิวาไม่เคยดูละสิ






แต่ง #พริ้มกับdaddy แล้วเหมือนเอาพลังชีวิตที่มีทั้งหมดมาใช้เลยค่ะ

ทานมาม่ากันจนอืดเต็มถ้วยแล้ว

ยังไงก็ฝากติดตามกันด้วยนะคะ

ขอบคุณทุกวิว ทุกคอมเม้นท์ ทุกบวกเป็ดทั้งในนี้แล้วก็ในทวิตด้วยนะคะ

<3

ออฟไลน์ YounIn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-8
เดี๋ยวๆ คุณท่านนี่คืออะไร ทำงี้ โหดร้าย

ออฟไลน์ PKT

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ถามจริงนักพริ้มกันบ้างมั้ย?

ออฟไลน์ kanj1005

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
เนื่องจากเพราะชื่อเรื่องมีคำว่า3P ทำให้ยังรอคุณท่านอยู่เสมอ   ทั้งๆๆที่ดูเหมือนพริ้มจะห่างจากคุณท่านออกไปทุกที(รึเปล่า)
คุณธิวานี่ ไม่น่าไว้ใจ ดูคุ้มดีคุ้มร้าย จะปากหวานก้นเปรี้ยวไหม
เรื่องคุณท่านเทพริ้มมาให้ธิวานี่พอจะเข้าใจนะว่า น่าจะมาจากที่ธิวาพูดกับคุณท่าน คล้ายอยากยุ่งกับพริ้ม แล้วพูดว่าถ้าฟ้ารู้..คุณท่านเลยเทพริ้มมาให้เลย   เหมือนคุณท่านมีนิสัยชอบประชด(เอาไว้กลบความอ่อนแอ ทำเหมือนไม่ได้แคร์พริ้ม กลัวคนว่าติดเด็ก  แต่จริงๆเริ่มจะแคร์ )....  คาดว่าเมื่อเอาพริ้มมาทิ้งไว้ทางนี้  คุณท่านน่าจะเป็นฝ่ายมาหาพริ้มเอง.....ไหมๆๆๆๆ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
พริ้ม สู้ ๆ นะลูก หนูต้องหายจากโรคนี้ได้แน่ ๆ  :กอด1:

ปอลอ   ผู้ใดเอา + เป็ด ไป รบกวนเอามาคืนด้วยจ้า   :m5:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
อ่านแล้วเครียดตามเลย มันจะอะไรนักว่ะกับชีวิตเนี่ย

ออฟไลน์ LAFIA

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
นิสัยไม่สมเหตุสมผลทั้ง3คนอะ อ่านละขัดอารมณ์ ตอนแรกชอบนายเอกนะใจแข็ง ปากแข็งปากดี ดี ที่ด่าวีเสือกตอนไลฟ์เซ็ก ที่เถียงไทม์ให้เอาๆให้เสร็จๆไปอะ เราชอบอารมณ์แบบนั้นมากกว่าอะ เอ็งทำงานเลี้ยงน้องมากี่ปีอะเห้ยยย อารมณ์แบบถวายชีวิตเลย single dad อะ แต่ตอนหลังๆดูเหมือนเด็กปัญญาอ่อนไปเลยอะ เดี๋ยวงื้อเดี๋ยวเง้อ แด๊ดดี้ตอนคุยโทรศัพท์บอกไม่ต้องการให้พริ้มมาอยู่กับกู แต่ตอนเช้าบอกมาเห็นหน้าบ้านละโกรธที่นั่งให้ยุงกัดเป็นชม.ๆโดยไม่โทรบอกหรือแก้ปัญหาเฉพาะหน้าดีดี คืออารมณ์ตอนนั้นของไทม์แน่ๆตอนเจอหน้าบ้านคือ เหี้ยไรเนี่ย ห่ากาลกูไม่ได้ต้องการให้เด็กนี่มาอยู่กับกูอะ!! สุดท้ายที่แย่สุดคือความเอาใจใส่ของทั้ง2รุกที่มีต่อพริ้ม สลับร้ายแบบที่อ่านแล้วคือ...อะไรอะ? มันใช่หรอวะ? อารมณ์ไม่สอดคล้องกันเลย แล้วอีนางฟ้าที่จะกลับมามั้ยไม่รู้แต่ตัวประเด็นเลยแหละ คือเป็นแฟนไทม์ เสร็จละนางฟ้าเลิกรักไปรักกาลแทน วอทททท แล้วการพูดของนางฟ้าในโทรศัพท์คือปัญญาอ่อนสุดๆ สมองดูไม่น่าเรียนต่างประเทศอะ หรือไม่ก็นางควรเป็นผู้หญิงไม่ใช่ผู้ชายอะ
เห้อ ยังไงพริ้มก็คือเงาของอีนางฟ้าอยู่วันยังค่ำ กาลถวายทุกอย่างให้ดูจากทั้งเคลียงาน ทั้งรีโนเวทคอนโดจนสภาพมีแต่สิ่งที่มันชอบ ให้พลิคมารักก็คิดไม่ออก ถ้าให้อยู่ดีดีพระเอกทั้ง2เริ่มมีใจให้หรอ เหอะๆ ยากเถอะ โครตไม่สมเหตุสมผล very invalid อะ เชื่อมอารมร์กับนิสัยไม่เข้ากันเลย อ่านแล้วขัด  :a5: ส่วนเรื่องsugar daddy ตามชื่อเรื่องออนไลน์ออฟไลน์ มีบทบาทแค่ไม่กี่ตอนคือใช้ไลฟ์เซ็กกับวี แค่นั้นอะ แล้วอีวีก็โดนเฉือน ข่มขืน ฆ่าตายไปละ จบ ที่เหลือก็ตรงตามชื่อคือเด็กเสี่ย sugar daddy

P.S.ขออนุญาติแก้ไขคำผิดค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-05-2018 06:28:25 โดย LAFIA »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด