[3P] Sugar daddy ❤️ #พริ้มกับdaddy แจ้งข่าว
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [3P] Sugar daddy ❤️ #พริ้มกับdaddy แจ้งข่าว  (อ่าน 81292 ครั้ง)

ออฟไลน์ zaneforest

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ไม่ไว้ใจ ไม่ไว้ใจ ไม่ไว้ใจ
เกิดทำดีด้วยเข้ามากๆ ตอนที่โดนทิ้งจะเจ็บด้วยมากๆนะ

ออฟไลน์ PKT

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อ่อยยยย สงสารฟ้า ชีวิตอะไรมันจะขนาดเนน้
รออยู่นะจ๊ะ รีบมาอัพนะ

ออฟไลน์ แม่พิเสือ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 39
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-2
ตอนที่ 21


ผมไม่คิดว่าชีวิตที่เหลือจะได้รับโอกาสนี้อีกครั้ง…โอกาสที่ผมรู้สึกเหมือนมีครอบครัวเป็นของตัวเอง
การได้ใช้เวลาร่วมกับใครสักคน ทานข้าวด้วยกัน ดูทีวีด้วยกัน แชร์ความคิดกัน
มันเป็นความรู้สึกที่เต็มตื้น หัวใจพองฟู ความรู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้างที่เกาะกุมหัวใจค่อยๆได้รับการเติมเต็ม


“พี่ธิวา เคยไปที่นี่ไหม”ผมชี้ไปที่ทีวีซึ่งตอนนี้กำลังฉายภาพทุ่งดอกลาเวนเดอร์ในช่วงเวลาที่พระอาทิตย์กำลังลาลับขอบฟ้า


ท้องฟ้าสีส้มแดงตัดกับสีม่วงของดอกลาเวนเดอร์ที่เบ่งบานไปทั่วทั้งทุ่ง ให้ความรู้สึกสวยงามไปอีกแบบ


“เคยครับ พี่เคยไปปั่นจักรยานด้วยนะ”


“ดีจัง แล้วพี่ธิวาเคยชิมไอติมอันนี้ด้วยไหม”พิธีกรในรายการพาเที่ยวกำลังชิมไอติมรสลาเวนเดอร์อยู่ ผมสงสัยจังเลยว่ารสชาติมันจะเป็นยังไง? จะอร่อยรึเปล่า?


“เคยครับ ก็อร่อยดีนะ กลิ่นหอมติดจมูกมาก”กลิ่นของลาเวนเดอร์ที่ผสมอยู่ในไอติมคงคล้ายคลึงกับกลิ่นสเปรย์ลาเวนเดอร์ที่พี่ธิวาฉีดหมอนให้ผมก่อนนอนทุกคืน


“พริ้มอยากไปไหมครับ”


ผมส่ายหน้าปฏิเสธด้วยความรวดเร็ว “ไม่ไปหรอกครับ เปลืองเงิน”พี่ธิวายิ้มขำกับคำตอบผม


“งรื้ออ…ไอติม…จะหก”ผมโวยวายเมื่อพี่ธิวาสอดมือเข้ามาที่ใต้วงแขนของผมก่อนจะออกแรงดึงผมขึ้นมานั่งบนตัก


“แด๊ดดี้ ผมหนักนะครับ”


“หนักจริงๆด้วยเนอะ”ผมเหลือบตามองบน มันใช่ไหมเนี่ย!


“วันหยุดยาวครั้งหน้าเราไปเที่ยวกันดีไหมครับ”ผมยังคงส่ายหน้าเหมือนเดิม


“ทำไมละครับ”


“ผมยังไม่มีงานทำ ไม่มีเงิน ถ้าไปเที่ยวก็ต้องใช้เงินที่พี่ธิวาหามาด้วยความยากลำบาก ผมไม่ไปหรอก”


“หื้ออออ…เป็นห่วงเรื่องเงินของพี่ขนาดนั้นเลย ไอติมที่พริ้มกินอยู่ก็แพงนะครับ กินวันเดียวครึ่งถังเนี่ย พี่เลี้ยงไม่ไหวหรอกนะ จนพอดี”


ผมหันไปมองถังไอติมที่ตัวเองกินด้วยความเพลิดเพลิน…กินไปครึ่งถังจริงๆด้วย


ผมยกมือไหว้ขอโทษพี่ธิวา “ขอโทษนะครับ ผมจะกินให้น้อยลงนะ”ผมลุกเอาถังไอติมไปเก็บในครัวอย่างเศร้าๆ ไอ้พริ้ม…เด็กตะกละ กินไอติมยังไงวันเดียวครึ่งถัง ทำตัวเหมือนคนไม่เคยพบเคยเจอของกินไปได้ รู้ถึงไหน อายถึงนั่น


“มานั่งนี่เร็ว”พี่ธิวากวักมือเรียกผมที่เดินหน้าหงอยเข้ามาในห้องนั่งเล่น ผมนั่งขัดสมาธิข้างๆพี่ธิวาบนโซฟา


“พี่ธิวา ผมกินจุอะ ผมไปหางานพาร์ทไทม์ทำดีไหม ถ้าพี่ธิวาล้มละลายเพราะการกินของผมจะทำยังไง”ทันทีที่ผมพูดจบ พี่ธิวาก็หลุดหัวเราะออกมา ขำแรงจนตัวงอ


ตลกตรงไหน? การที่ผมจะไปหางานทำเพื่อซื้อข้าวกินนี่ตลกตรงไหน หรือหน้าตาผมจะจริงจังไม่พอ


“นี่พูดจริงปะครับ”


“พี่ธิวาเห็นหน้าผมล้อเล่นเหรอครับ”


“พี่พูดเล่น ต่อให้พริ้มกินไอติมวันละตันก็ไม่ระคายขนหน้าแข้งพี่หรอกรู้ไหม พี่รวยมากนะครับ เผื่อพริ้มไม่รู้”หมั่นไส้คนอวดรวยจริงๆ…แต่ก็นะ เขามีความรวยให้อวดนี่


“รวยได้ ก็จนได้เหมือนกันนะครับ”ดูบ้านผมเป็นตัวอย่างสิครับ เมื่อก่อนบ้านเราก็พอมีฐานะระดับหนึ่ง แต่พอเกิดวิกฤต ก็จนได้เพียงชั่วข้ามคืน ข้าวคลุกน้ำปลายังไม่มีกินเลย


“อยากกินเท่าไหร่ก็กินเถอะครับ พริ้มเป็นเด็กวัยกำลังโต แค่เด็กคนเดียวทำไมพี่จะเลี้ยงไม่ได้”


“ขี้โม้”


“คนจริงเขาไม่พูดเยอะกันครับ อาทิตย์หน้ากินอาหารโรงแรมทุกมื้อเลยดีไหม”ผมรีบส่ายหน้ายู่


“รู้แล้วครับว่ารวย ไม่ต้องอวดแล้ว”


“หึๆ”พี่ธิวาหัวเราะในลำคอ แล้วหยิบรีโมททีวีมาเลื่อนเปลี่ยนช่องจนเจอช่องหนึ่งที่ฉายรายการเกี่ยวกับแมวอยู่ ผมรีบจับมือพี่ธิวาไม่ให้เปลี่ยนช่อง


“พี่ครับ ผมอยากดูช่องนี้”


“ชอบแมวเหรอ”


“ชอบครับ”พี่ธิวาลูบหัวผมเล่น แต่ผมไม่ได้ใส่ใจ สายตาผมเอาแต่จับจ้องภาพพิธีกรรายการทีวีที่กำลังเดินเข้าไปในบ้านแมวขนาดใหญ่


บ้านแมวหลังนี้ทำด้วยปูน ภายในแบ่งเป็นห้องเล็กๆให้แมวแต่ละตัวอยู่ เจ้าของบ้านเป็นคนรักสัตว์ ชอบเก็บแมวและหมาจรจัดที่ถูกทิ้งตามวัดมาเลี้ยงที่บ้าน เริ่มแรกทำไปเพราะสงสารพระที่ท่านต้องรับภาระหาอาหารให้หมาและแมวจรจัด


เจ้าของให้สัมภาษณ์ว่าตอนรับมาเลี้ยงเริ่มแรกมีเพียงไม่กี่สิบตัว แต่ปัจจุบันมีเกือบร้อยตัวแล้ว เขารู้สึกว่าเริ่มเลี้ยงไม่ไหวแล้ว มีการประกาศหาบ้านให้แมว แต่เขาก็ทิ้งท้ายไว้ว่าถ้ารับไปเลี้ยงแล้วจะเอาไปปล่อย ให้เอามาคืนเขา เขาจะเลี้ยงเอง


ผมมองเข้าไปในนัยน์ตาของเจ้าเหมียว สายตามันดูเศร้า แมวที่ถูกเจ้าของทิ้ง ถึงจะมีคนเก็บมันมาเลี้ยง แต่การถูกทิ้งในครั้งนั้นคงยังเป็นบาดแผลในใจของมัน


สัตว์ตัวเล็กๆที่ซื่อสัตย์ต่อเจ้าของ กลับโดนเขี่ยทิ้งอย่างไม่ใยดีเมื่อเจ้าของหมดรัก ชะตาชีวิตของหมาแมวเหล่านี้คงไม่ต่างอะไรจากผม “น่าสงสารจังเลยครับ” ไม่ใช่แค่หมาแมวที่น่าสงสาร แต่ชีวิตผมเองก็ด้วย


“ไปรับมาเลี้ยงไหมครับ”


“ไม่เอาหรอกครับ พี่ธิวาไม่ชอบนี่”


“พริ้มชอบคนเดียวก็พอแล้ว ถ้ารับแมวมาเลี้ยง พริ้มจะได้ไม่เหงาไงครับ มีเจ้าเหมียวอยู่เป็นเพื่อน”


“ไม่เอาจริงๆครับ ถ้าจะเลี้ยง...เราต้องช่วยกันดูแลสิครับ ถ้าวันไหนพี่ธิวาพร้อมที่จะดูแลมันร่วมกับพริ้มจริงๆ วันนั้นเราค่อยเลี้ยงแล้วกันเนอะ”ถ้าเกิดวันไหนผมไม่อยู่ แล้วพี่ธิวาเอาแมวไปทิ้งก็แย่สิ


“ตามใจ พี่ขึ้นไปอาบน้ำก่อนนะครับ ดูทีวีเสร็จแล้วก็ปิดทีวี ปิดไฟให้เรียบร้อยแล้วตามขึ้นมานะครับ อ่อ อย่านอนดึกเกินละ พรุ่งนี้ต้องไปเรียน รู้ไหมครับ”


“รู้ครับ”พี่ธิวาขยี้หัวผมด้วยความเอ็นดู ก่อนจะก้มลงมาจุ๊บที่ริมฝีปากผม

.
.
.

หลังจากเกิดเหตุการณ์น่าเศร้าในวันนั้น พี่ธิวาก็ไม่ปล่อยให้ผมเศร้าใจอยู่ตามลำพังอีกเลย เขามักจะตัวติดกับผมอยู่แทบตลอดเวลา ยกเว้นเวลาเรียน


โชคดีที่ช่วงอาทิตย์นี้เป็นอาทิตย์หลังสอบซึ่งถือเป็นช่วงที่ดีที่สุดของนักศึกษามหาวิทยาลัย หนังสือก็ไม่ต้องอ่าน งานก็ไม่ต้องทำ ไม่มีความเครียดมาเป็นสิ่งกระตุ้นให้เกิดอาการแย่ๆ และที่โชคดีไปมากกว่านั้น คือ อีกสามอาทิตย์จะมีการแข่งขันกีฬามหาลัย ซึ่งผมจะได้หยุดเรียนเต็มๆหนึ่งอาทิตย์


ผมได้แต่หวังว่าหนึ่งอาทิตย์ที่จะได้หยุดจะเป็นช่วงเวลาดีๆที่ผมได้ผ่อนคลายและพักใจ


แต่ก่อนที่จะไปถึงช่วงนั้น คงต้องเอาตัวรอดให้ผ่านช่วงวิกฤตที่คณะหาคนลงแข่งกีฬาไม่ได้ไปซะก่อน ใครๆก็อยากหยุดกันทั้งนั้น ไม่มีคนยอมลงแข่งกีฬากันสักเท่าไหร่


“ทำไงดีวะ คณะเราไม่มีคนลงแข่งว่ายน้ำมาราธอนเลย”น้องตองบ่นหลังจากอ่านไลน์รุ่นที่รุ่นพี่ขอตัวแทนคนลงแข่งว่ายน้ำมาราธอน สิ่งที่เกิดขึ้นในกรุ๊ปไลน์มีแต่คนอ่านแล้วไม่ตอบ


“ว่ายน้ำมาราธอนอะไรตอง พี่ไม่เคยได้ยิน”ผมถามน้องด้วยความสงสัย


“ฟรีสไตล์ 1500 เมตรครับพี่พริ้ม ตองมันตั้งชื่อเองมั่วๆ”น้องนัทไขข้อข้องใจให้ผม


“อ่อ มันต้องได้คนที่อึดๆหน่อยปะ ต้องว่ายไปกลับตั้งหลายรอบ”


“ใช่พี่ สระยาว 50 เมตร สรุปคือว่าย 30 รอบ เป็นผม ผมก็ไม่ลงอะ”น้องนัทบ่น


“แต่ถ้าไม่มีใครลง พี่วินัยจะมาบังคับปีหนึ่งลงอะดิ เห็นว่าปีนี้อยากเก็บเหรียญจากว่ายน้ำเพิ่มด้วย”น้องตองพูดหน้านิ่วคิ้วขมวด


“แล้วทุกปีเราไม่ได้เหรียญจากว่ายน้ำเหรอ”ผมถามด้วยความสงสัย เพราะวิศวะเป็นคณะใหญ่ มีจำนวนคนเยอะ ดังนั้นโอกาสที่จะได้คนเล่นกีฬาเก่งๆมาอยู่ในคณะมากกว่าคณะอื่น ปกติกีฬาประเภทอื่นก็เห็นว่าวิศวะเป็นแชมป์มาตลอด โดยเฉพาะฟุตบอลนี่ไม่แบ่งถ้วยให้ใครเลย ได้ถ้วยมา 4 ปีติด


“ได้บ้างไม่ได้บ้างพี่”น้องตองตอบผม


“งี้แกล้งว่ายน้ำไม่เป็นดีปะ”น้องนัทเสนอทางเลือก


“ของแบบนี้มันแกล้งกันยากปะวะ”น้องตองบ่นแล้วถอนหายใจ


ช่วงนี้ท็อปปิคเรื่องกีฬามหาลัยเป็นสิ่งที่ถูกพูดถึงเป็นพิเศษ ผู้หญิงในคณะผมบางคนเอาตารางแข่งมาวงวันที่ว่าวันไหนมีกีฬาอะไรแข่งบ้าง มีคนที่ตัวเองชอบแล้วต้องไปเชียร์ไหม จริงจังกว่าการเรียนหลายร้อยเท่า


“ตอง ตอนนี้ยังมีใครอยู่คณะบ้างวะ”น้องคนหนึ่งในคณะที่เห็นหน้าค่าตาเดินผ่านกันบ่อยๆในห้องเลคเชอร์วิ่งเข้ามาหาน้องตองหน้าตาตื่น


“จะเหลือใครวะ วันนี้อาจารย์ประกาศยกคลาสตอนบ่าย มันออกไปเดินสยามกันหมดแล้ว”


“ฉิบหายแล้ว พี่วินัยโทรสั่งหัวหน้าชั้นปีให้หาคนว่ายน้ำเก่งๆ 5 คนไปทดสอบตอนนี้”


“แล้วถ้าไม่ได้อะ”น้องตองถามกลับด้วยความกังวล


“ก็โดนสั่งซ่อมยกรุ่นไงครับ”


“เวร! เออๆเดี๋ยวกูช่วยหา”น้องตองรับปากแล้วเริ่มเปิดหารายชื่อในโทรศัพท์ ไล่โทรหาเพื่อนทีละคน สุดท้ายก็จิกตัวมาได้ 3 คน แววตาที่กำลังหมดหวังของน้องตองทอประกายแสงทันทีที่เงยหน้าสบตาผม


“พี่พริ้มว่ายน้ำเป็นปะ”ผมจะส่ายหน้าปฏิเสธน้องก็เกรงใจ แต่จะพยักหน้าก็ลำบากใจ ก็รู้ตัวว่าพอว่ายได้บ้าง


“ถีบตกน้ำก็ไม่จม”ผมตอบในเชิงไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ


“ดีเลยพี่ งั้นเพิ่มพี่คนนึง ละอีกคนก็มึงเลยไอนัท ช่วยกันหน่อย แมร่งเอ้ย! ไลน์ไปในกรุ๊ปก็ไม่มีใครตอบ”


“จะดีเหรอตอง พี่ว่าลองโทรหาคนอื่นก่อนดีมะ”ผมพยายามเจรจากับน้องระหว่างเดินไปสระว่ายน้ำ


“นี่ไงพี่ ตองโทรอยู่ ช่วยกันหน่อย”


ผมเดินตามหลังน้องตองไปสระว่ายน้ำของมหาลัยด้วยความไม่สมัครใจ “พี่ว่าเราหนีตอนนี้เลยดีปะนัท”ผมแอบกระซิบกับน้องนัท มองคนตัวเล็กกว่าที่รีบวิ่งเร็วเป็นลมกรดไปที่สระว่ายน้ำซึ่งมีพี่วินัยรออยู่นานแล้ว


“หนีวันนี้ตายวันหน้าดิพี่ โดนมันบ่นหูชาเรื่องไม่ช่วยเพื่อนในรุ่นเบื่อกันไปข้างแน่”


ผมถอนหายใจยอมรับชะตากรรมอย่างยอมจำนน เอาวะ เป็นไงเป็นกัน อย่าเป็นลมคาสระว่ายน้ำพอ


ผมหยิบมือถือไลน์ไปบอกพี่ธิวาว่าวันนี้มีทดสอบแข่งว่ายน้ำที่มหาลัยจะกลับช้าหน่อย ข้อความแสดงสถานะว่าอ่านแล้วแต่ไม่มีการตอบกลับใดๆ คนแก่ก็แบบนี้ ชอบอ่านแล้วไม่ตอบ คุยกันไม่ค่อยจะรู้เรื่อง ถ้ามีอะไรสำคัญจริงๆต้องโทรหาเท่านั้น

.
.
.

“อะนี่ ของพี่พริ้ม นี่ของมึง”ผมมองกางเกงว่ายน้ำสีดำตัวเล็กที่ใส่แล้วแทบจะไม่ปิดอะไรเลยด้วยความรู้สึกกระอักกระอ่วน ถ้าให้ใส่จริงๆก็ไม่ต่างอะไรกับใส่กางเกงในเดินตัวเปล่า


“ขอแบบที่มีขากางเกงหน่อยได้ไหมตอง พี่ว่าอันนี้มันสั้นไป”


“ไม่มีแล้วพี่ หามาให้ใส่ได้ก็บุญแล้ว”น้องตองตอบผมแล้วรีบวิ่งออกไปด้านนอก สงสัยจะไปรับหน้าพี่วินัย


“เอาหน่อยวะพี่”น้องนัทตบหลังผมปลอบใจ ผมมองกางเกงตัวน้อยตัวนิดในมือแล้วถอนหายใจยาวๆ


เอาวะ…เพื่อรุ่น


ทันทีที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ น้องตองวิ่งมาดึงมือผมให้ออกจากห้องแต่งตัว “ไปพี่ ขึ้นไปยืนบนที่ปล่อยตัวเลย”


ผมกำเสื้อนักศึกษาที่ใส่คลุมทับออกมา ไม่อยากจะถอดเลย ยิ่งเห็นนักศึกษาผู้หญิงนั่งกันเต็มอัฒจันทร์แล้วยิ่งใจไม่ดี ไหนว่าอาจารย์ยกคลาสแล้วกลับบ้านไปเดินสยามกันหมดไงวะ


“โหพี่ ใจๆหน่อย โชว์พุงแปปเดียวเดี๋ยวก็เสร็จ”น้องตองดึงชายเสื้อนักศึกษาผมยิกๆเป็นการเร่งให้ถอด


“นี่ทำขนาดนี้ได้อะไรวะตอง”ผมถามน้องด้วยความสงสัย


“ได้ดูพุงพลุ้ยๆของพี่ไง ฮ่าๆ”น้องตองพูดอย่างอารมณ์ดีแล้วดึงเสื้อนักศึกษาของผมไป


“เอ้า! ฟังๆ หยุดกรี๊ดกันสักที”พี่วินัยหันไปตะโกนบอกคนอื่นๆที่นั่งกันอยู่บนอัฒจันทร์ ผมว่าห้ามยังไงก็ห้ามยาก เล่นเอารองเดือนคณะมาแข่งว่ายน้ำ ใครก็ต้องอยากกรี๊ดซิคแพคแน่นๆเป็นธรรมดา


“พี่บอกให้หยุดกรี๊ดไงครับ”พี่วินัยเริ่มสั่งอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเข้ม มีความคาบเกี่ยวกับความเกรี้ยวกราดแค่เส้นบางๆกั้น


“น้องที่จะลงแข่งฟังพี่นะ การทดสอบครั้งนี้ให้ว่ายไปกลับ 10 รอบใครทำเวลาได้ดีที่สุด 3 คนแรกจะต้องไปฝึกว่ายน้ำมาเพิ่มแล้วอีกสองอาทิตย์เรามาแข่งกันใหม่”


“ทราบครับ”


“คุณพูดว่าไงนะ ผมไม่ได้ยิน เสียงผมคนเดียวยังดังกว่าเสียงพวกคุณ 5 คนอีก”


“ทราบครับ”ผมแทบตะโกนตอบรับคำสั่งของพี่วินัย


“ประจำที่”


ผมขึ้นไปยืนประจำที่ ดึงแว่นตาว่ายน้ำลงมาคาดตา จัดท่าออกตัวตามเพื่อนข้างๆ


ปี๊ดดดดดดดดดด!


สิ้นเสียงสัญญาณนกหวีด นักกีฬาว่ายน้ำจำเป็นทุกคนก็ออกตัว กระโดดลงไปในน้ำ ผมมองทุกคนที่ทิ้งระยะห่างออกไปจากผมหลายช่วงตัวด้วยความดีใจ รอดละพริ้ม มีคนทำเวลาดีกว่าแกเยอะ คนที่ทำเวลาได้ดีที่สุดในรอบแรกคือรองเดือน ซึ่งผลก็เป็นไปตามความคาดหมาย หุ่นดีขนาดนั้นคงออกกำลังกายบ่อย


ผมเองก็ว่ายเต็มที่ตามสมรรถภาพที่ตัวเองมี ไม่ฝืนเร่งทำเวลาเพื่อนำใครเพราะรู้ว่าร่างกายตัวเองไม่พร้อม ไม่รู้ว่าซี่โครงที่พึ่งหักมาจะสมานกันดีหรือยัง แต่ระยะเวลาตั้งแต่เกิดเรื่องก็เดือนกว่าๆแล้ว


ช่วงกลับตัวในรอบที่ 5 มีน้องคนหนึ่งในคณะเกิดตะคริวกิน ทำให้ในสระเหลือนักกีฬาจำเป็นรอดชีวิตอยู่ 4 คน ผมเองก็เริ่มเหนื่อยแล้ว นึกอยากยอมแพ้บ้าง แต่พี่วินัยพูดออกไมค์เสียงดังว่าใครแกล้งแพ้จะให้วิ่งรอบสนามฟุตบอลมหาลัยตามจำนวนรุ่น


บ้าบอมาก ขืนต้องวิ่งเท่าจำนวนรุ่นจริงๆ ผมคงตายตั้งแต่ยังไม่ครึ่งรุ่น


เสียงกรี๊ดและเสียงเชียร์ยังคงดังไม่ตก แต่อยู่ดีๆเสียงก็เงียบไป หันไปมองข้างตัวอีกทีก็พบว่าน้องนัทถูกพาขึ้นไปข้างสระแล้ว


สุดท้ายบทสอบก็จบลงที่รอบที่ 8 พี่วินัยสั่งให้พวกผมหยุดว่ายน้ำแล้วขึ้นมารับคำสั่งให้ไปซ้อมมาเพิ่มแล้วมาคัดตัวกันอีกทีสองอาทิตย์ข้างหน้า


ผมนั่งโชว์พุงอยู่ริมสระด้วยความเหนื่อยอ่อน อยากจะนอนแผ่ตัวลงตรงนี้แต่ก็อายนักศึกษาหญิงเกินกว่าที่จะทำแบบนั้น จะให้ลุกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าตอนนี้ก็ไม่มีแรง


“ขอบคุณนะนัท”ผมขอบคุณน้องนัทที่ยื่นผ้าเช็ดตัวมาให้ กำลังจะยื่นมือไปรับ ผ้าเช็ดตัวผืนหนานุ่มก็ถูกดึงกลับ


“พี่ชื่อธิวาครับ ไม่ใช่นัทอะไรนั่น”ผมหันไปมองพี่ธิวาที่อยู่ในชุดสูทด้วยความตกใจ มาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
คนตัวสูงยืนหน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความไม่พอใจ


“ฮัดชิ่ว!”ทันทีที่ผมจาม ผ้าขนหนูผืนใหญ่หนานุ่มก็ถูกกางมาคลุมตัว “รู้ว่าป่วยง่ายแทนที่แข่งเสร็จจะรีบวิ่งไปเปลี่ยนชุด เอาแต่นั่งอวดพุงอยู่นั่นแหละ”


ผมยิ้มขำกับการบ่นกระปอดกระแปดของพี่ธิวา “รอผมแปปเดียวนะครับ จะรีบไปเปลี่ยนชุด”


“เร็วๆละ”


“ใครอะพี่พริ้ม หล่อเหี้ยๆ แต่งตัวก็ดี ใครเดินใกล้ๆนี่โคตรหมองเลย”ผมหันหลังกลับไปมองพี่ธิวาที่โดดเด่นออกมาท่ามกลางผู้คน


ผมยิ้มจางๆให้น้องนัท “ผู้ปกครองพี่เอง”

.
.
.

“ช้า”พี่ธิวาบ่นด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์แล้วเดินไปขึ้นรถ ก้าวเท้าเร็วจนผมต้องวิ่งตาม


คนตัวสูงเปิดประตูรถด้วยแรงที่เยอะจนเหมือนกระชาก เอาแล้วสิ…ถูกโกรธอีกแล้วพริ้ม


“โกรธอะไรครับ”ผมหันไปถามพี่ธิวาระหว่างที่รถติดไฟแดง การที่คนตัวสูงเอาแต่ตีหน้าเคร่ง ไม่พูดไม่จาตลอดระยะเวลาที่เดินทางออกจากมหาลัยทำให้ผมเดาได้ไม่ยากว่าต้องไปทำอะไรขัดใจเขาแน่ๆ


“ไม่รู้”


“ไม่รู้แล้วทำหน้าแบบนี้ทำไมครับ”


“ก็พี่บอกว่าไม่รู้ไงครับ”


ผมจนใจที่จะถาม ตัดสินใจหันหน้าหนี ไม่อยากจะทะเลาะด้วย งงใจสุดๆ อยู่ดีๆก็โกรธขึ้นมาแบบไม่ทราบสาเหตุเหรอ หรือว่าจริงๆพี่ธิวากำลังเข้า ‘วัยทอง’


“หันหน้ามาคุยกันหน่อยสิ”อยู่ดีๆพี่ธิวาก็ทักผม


“คุยอะไรดีละครับ”ผมไม่ได้กวนประสาทนะ แต่จะให้คุยอะไรกับคนที่เอาแต่ดึงหน้าโกรธ พูดจาสะบัดเสียงใส่


พี่ธิวาเปิดสัญญาณไฟฉุกเฉินแล้วเลี้ยวรถจอดข้างทาง


“ตอนแรกเป็นพี่ที่โกรธอยู่ดีๆ ทำไมตอนนี้เป็นเราละ”


“แล้วมันน่าโกรธไหมครับ ผมยังไม่ได้ทำอะไรผิดเลย อยู่ดีพี่ก็เกรี้ยวกราดใส่ผมแบบไม่มีเหตุผล”


“ใครว่าไม่มีเหตุผล”


“งั้นก็บอกมาสิครับ ผมถามพี่ไปหลายครั้งแล้วนะครับว่าโกรธอะไร พี่ก็เอาแต่บอกว่าไม่รู้ๆ”


“พี่งี่เง่าเอง จบไหม”


“ไม่จบครับ”


“ต้องทำยังไงถึงจะจบ”


“บอกเหตุผลดีๆมาสักข้อสิครับว่าอะไรทำให้พี่เป็นแบบนี้”


“พี่หวง พี่ไม่ชอบให้คนอื่นเห็นร่างกายพริ้ม พี่ไม่ชอบเสียงที่พริ้มเรียกชื่อผู้ชายคนอื่น รู้ไหมตอนนี้พี่อยากจับพริ้มมัดไว้กับเตียง ทำให้ทรมานด้วยความเสียว เอาแต่ครางชื่อพี่คนเดียวทั้งคืน”


ทันทีที่ฟังเหตุผลจบ ผมรีบผลักตัวพี่ธิวาออกแล้วปีนหนีไปนั่งเบาะหลัง คนโรคจิต!!!


“นี่ไง พอพี่บอกเหตุผลแล้วก็เป็นแบบนี้”


“แล้วเหตุผลที่พี่พูดมามันเหมือนคนทั่วไปเขาไหมเล่า”


“ไม่เหมือนตรงไหน พี่ชอบพริ้ม พี่ก็ต้องหวงพริ้มเป็นธรรมดา ผู้ชายที่ไหนก็มีอารมณ์กับคนที่ตัวเองชอบทั้งนั้นแหละ”ผมไม่รู้ว่าตัวเองควรหน้าแดงด้วยความเขินหรือหวาดกลัวผู้ชายหื่นกามตรงหน้าดี


“…”


“เงียบทำไมละ”


“แล้วพี่จะให้ผมพูดอะไรเล่า”


“เมื่อคืนนอนแล้วรู้สึกเตียงเย็นๆไหม”อยากจะถามว่าเรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับสถานการณ์ตรงหน้า แต่ก็ยอมตอบไป


“ก็ต้องเย็นสิครับ พี่ธิวาเปิดแอร์ 22 นี่”


“งั้นคืนนี้พี่ทำให้เตียงร้อนเอาไหม warming bed service”


“ตาแก่บ้ากาม ขับรถกลับบ้านเลย”


“หึๆ วันหลังอย่าใส่กางเกงว่ายน้ำตัวเท่าฝ่ามือแบบนั้นอีกนะ พี่หวง”


“งั้นพี่ธิวาคงต้องซื้อชุดว่ายน้ำแขนยาวขายาว ปิดถึงคอกับตาตุ่มให้ผม”


“เป็นความคิดที่ดี”


ผมละเพลียใจกับความขี้หวงของพี่ธิวา ไม่ต่างอะไรกับคุณท่านเลยจริงๆ
หวงแล้วชอบฟาดงวงฟาดงา


ออฟไลน์ แม่พิเสือ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 39
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-2
“พี่ธิวาทานอะไรดีครับ”ผมถามขณะที่รื้อค้นตู้เย็นเพื่อทำอาหารเย็น กินอะไรดีน้า


“พี่ขี้เกียจทำ สั่งมาทานไหม”


“ไม่เอา เดี๋ยวผมทำให้เอง”


“จะทานได้เร้ออออ ไม่ใช่พรุ่งนี้พี่ท้องเสียจนไปทำงานไม่ได้นะ”


“โหย อย่าดูถูกกัน”


ผมหยิบกุ้งออกมาจากช่องแข็ง ตามด้วยหมู เต้าหู้และสาหร่าย “กุ้งกระเทียมกับแกงจืดเต้าหู้หมูสับดีไหมครับ”


“ดีครับ จัดไป”


“พี่ธิวาไปอาบน้ำสิครับ พี่ธิวาอาบเสร็จ พริ้มก็ทำกับข้าวเสร็จพอดี”


“วันนี้ดีแปลกๆนะเนี่ย”


“ก็ง้ออยู่นี่ไงครับ จะให้พี่ธิวาจับผมมัดกับเตียง ผมทำไม่ได้หรอก ทำได้แค่ทำอาหารง้อ”พี่ธิวาเดินมาหาผมยิ้มอย่างอารมณ์ดี จับผมอุ้มขึ้นไปนั่งบนเคาท์เตอร์ครัว


“ทำไมน่ารัก”


“ไม่รู้”ผมเบี่ยงหน้าหนีเมื่อพี่ธิวาเขยิบหน้าเข้ามาใกล้


“เหม็นกลิ่นคลอรีน”ผมตีบ่าพี่ธิวาไม่แรงนัก คนพึ่งขึ้นจากสระว่ายน้ำ จะให้หอมกลิ่นลาเวนเดอร์รึไง


“รู้ไหมว่าเราเป็นคนเอ็กซ์แปลกๆเวลาอยู่ในชุดผ้ากันเปื้อน”คนหื่นกามกระซิบริมกกหูผมก่อนจะงับเบาๆ


“ฮรื่อ…ไม่เอาครับ เดี๋ยวก็ไม่ได้กินข้าวกันพอดี”ผมพยายามดันอกพี่ธิวาที่เข้ามาคลอเคลียไม่ห่าง มือปลาหมึกจับนู่นลูบนี่ยุบยับไปหมด ปากเองก็เหมือนกัน แทบจะประทับรอยไว้ทุกตารางนิ้ว


“พี่ธิวา!”ผมโวยวายทันทีที่ตัวเองเหลือเพียงผ้ากันเปื้อนสีฟ้าใช้คลุมตัว ชุดนักศึกษาถูกคนเจ้าเล่ห์ลอกคราบออกไปจนหมด เหลือไว้เพียงแค่กางเกงใน


“ถ้าอยากง้อพี่ก็ทำกับข้าวอร่อยๆนะครับ”พี่ธิวาสั่งอย่างเอาแต่ใจแล้วดูดปากผมแรงๆ


“อยากให้ทำกับข้าว ก็หยิบเสื้อผ้ามาให้ผมใส่สิครับ เหลือแค่ผ้ากันเปื้อนผมจะทำได้ไง”


“ทำได้สิ พริ้มไม่ได้ใช้ชุดนักศึกษาทำกับข้าวนี่”


“พี่ธิวา!!!”ผมร้องประท้วงเสียงดัง เอาใหญ่เกินไปแล้ว หื่นกามไม่รู้เวล่ำเวลา


“อยากง้อพี่ไม่ใช่เหรอ แค่นี้ก็ทำให้ไม่ได้เหรอครับ”


“โรคจิต”ผมเบะปากใส่พี่ธิวาแล้วกระโดดลงจากเคาท์เตอร์ เอาวะ อยากเห็นนักก็จะโชว์ให้ดู


ผมตั้งน้ำบนเตาแก๊สรอน้ำเดือด ระหว่างรอก็ปั้นหมูบดให้เป็นลูกบอลกลมๆ หลังจากจัดการเตรียมหมูเสร็จ ผมก็ไปล้างผัก ระหว่างที่กำลังหั่นแครอทคนตัวสูงก็มายืนซ้อนด้านหลัง


“หื้อออ! อย่ากวนกันสิครับ”ผมหันไปดุพี่ธิวาที่บดเจ้าลูกชายเขากับสะโพกผม


“พี่ยังไม่ได้ทำอะไรเลยนี่”คนตัวสูงทำหน้าเหรอหรา เล่นใหญ่ขนาดนี้ เอารางวัลตุ๊กตาทองไปเลยดีมะ


ผมขี้เกียจจะสนใจ หยิบเต้าหู้มาหั่นต่อ แต่พี่ธิวาก็ยังไม่หยุด กางเกงลิงตัวเดียวที่เหลือปกปิดของสงวนถูกดึงไปกองที่ข้อเท้า ฝ่ามือหนาบีบเค้นสะโพกผมเล่นอย่างย่ามใจ


“พี่ธิวาหยุดเล่นสักที”ผมตวาดเกรี้ยวกราดด้วยความโมโห มีดจะหั่นนิ้วผมอยู่แล้วเพราะการเล่นไม่รู้เวลาล่ำเวลา


“ใครบอกว่าพี่เล่นหื้ม”นิ้วเรียวยาวดุจลำเทียนสอดเข้ามาในช่องทางรัก หมุนวนหาจุดรักจนผมแข้งขาอ่อนต้องเท้าแขนไว้กับเคาท์เตอร์


“พี่ธิ…อื้อ พอ…อึก…ก่อน”


“ทำไมละครับ กำลังสนุกเลย”คนตัวสูงถอนนิ้วออกจากช่องทางของผม จัดการกวาดของลงจากโต๊ะทานข้าว แล้วอุ้มผมไปวาง


ฝ่ามืออุ่นเลิกผ้ากันเปื้อนสูงขึ้น “ปากบอกว่าให้พอ แต่เจ้าหนูตรงนี้มันยังไม่รู้จักพอเลยนะครับ”พี่ธิวาสะกิดส่วนปลายของลูกชายผมที่ชูคอผงกหัวอย่างน่ารังเกียจ ปลายนิ้วยาวของเขาลากไล้ไปตามความยาว


“อยากกินไอติมบ้างจังเลยน้า”คนตัวสูงหายไปแวบเดียวกลับมาพร้อมถังไอติมและวิปครีม วิปครีมสีขาวถูกบีบออกจากขวดไว้บนยอดอกของผมสองข้าง ตามด้วยไอติมที่ถูกตักวางไว้บนส่วนปลายของแก่นกายกลางลำตัว


ลิ้นร้อนตวัดเลียวิปครีม “หวานจังน้า” ผมยกมือปิดหน้าด้วยความอาย พี่ธิวาเล่นบ้าอะไรเนี่ย คนตัวสูงยังคงดูดดึงยอดอกผมจนเป็นรอยแดง มืออีกข้างก็ขยำขยี้จนยอดอกอีกข้างชูชัน


“ว้า ไอติมละลายซะแล้ว”


“พี่ อย่า…”ยังไม่ทันที่ผมจะเอ่ยปากห้าม ริมฝีปากร้อนก็ครอบครองยอดกายสีแดงฉ่ำที่มีน้ำรักไหลเยิ้มออกมาด้วยความปรารถนา คนตัวสูงปรนเปรอให้ผมจนแทบลืมหายใจ


ผมบิดเร่าอยู่บนโต๊ะกินข้าวเมื่อเขาหยุด ผมลืมตามองเขาด้วยแววตาฉ่ำวาว น้ำใสไหลคลอหน่วยที่ดวงตา


“น่ารักจังเลยนะ”ผมลุกขึ้นจากโต๊ะ เกี่ยวคอเขามาจูบระบายตัณหาราคะที่แผดเผาผมจนแทบไหม้ เราแลกลิ้นกันจนน้ำใสไหลหยดที่มุมปาก เท่าไหร่ก็ไม่พอ ผมอยากได้มากกว่านี้ ผมเกี่ยวขาที่เอวพี่ธิวา จับลูกชายเขากับผมชักขึ้นลงพร้อมกัน


“ถุงยาง”ผมกระซิบริมกกหูของเขาก่อนดูดดึงเล่น


“ยสตนดีไหม”


“พี่ธิวาไม่เอา อื้อ…ไม่สด…อึก”ยังไม่ทันที่จะเอ่ยปากประท้วงจับ คนตัวสูงจะจับขาผมพับไปด้านหลังในแนบกับสะโพก ก่อนจะรวบตัวผมขึ้นแล้วเสยสะโพกเข้ามาในช่องทางรัก ผมกัดฟันแน่นด้วยความอึดอัด ท่านี้มันทั้งเสียว ทั้งลึก  ฝ่ามือแกร่งรวบขาผมขยับขึ้นลง พร้อมกับสะโพกแกร่งที่เด้งสวนกลับมา


ผมเสียวจนปากสั่น “อ๊า…ซี้ด…”


“เสียวไหมครับ”


“ยะ…อย่าถาม”ริมฝีปากนุ่มคลอเคลียแถวเม็ดเชอร์รี่ ลิ้นร้อนไล้เลียวนรอบฐานก่อนจะดูดดุนดึงเข้าปากแล้วครอบครองไว้ทั้งหมด “ฮ้า…แด๊ดดี้ อื้อออ…”ผมครางยาวด้วยความเสียว เสียวจนจุกอก ในขณะที่ปากของพี่ธิวาปรนเปรอจนผมแทบเอ่อล้นไปด้วยความเสียว สะโพกแกร่งก็ไม่หยุดทำงานเลยแม้แต่น้อย ยังคงเพิ่มจังหวะและความแรงในการสอดใส่


“ฮ้า…ไม่ไหว อึก…อื้อ”ผมเหมือนคนที่กำลังว่ายน้ำอยู่กลางแม่น้ำที่เชี่ยวกราก มือแทบจะปริ่มๆแตะขอบตลิ่งได้ แต่ก็โดนแกล้งยื้อไว้ตลอด ความปวดมวนในท้องน้อยมันอึดอัดจนแทบระเบิด


“อย่า…แกล้งกัน”


ฝ่ามือแกร่งดึงสะโพกผมทีเดียวหลุดพ้นจากท่อนลำยาวใหญ่ที่คอยตอกอัดความปรารถนาให้ทรมานใจ ผมใช้มือขยี้ยอดอกตัวเองระหว่างที่พี่ธิวาเอาแต่มองดู ริมฝีปากบวมแดงเจ่อของผมรับนิ้วของพี่ธิวามาดูดเล่นแก้เสียว


“อย่าเล่น…แบบนี้”ผมแอ่นอกครางเสียงดังเมื่อพี่ธิวาตอกอัดความปรารถนาเข้ามาในรูสวรรค์อย่างรุนแรง แต่ทว่าเนิบช้า รอจังหวะ


“ทำไมครับ พริ้มไม่ชอบเหรอครับ”ผมเกลียดสีหน้าท่าทางเจ้าเล่ห์ของเขาเวลาทำเรื่องใต้สะดือเหลือทน


“มันเสียว”ผมแหวใส่เขาเสียงดัง


“แด๊ดดี้ทำให้พริ้มเสียวได้มากกว่านี้อีก”ยังอีก ยังพูดไม่หยุดอีก


“อย่าดีแต่ปากสิครับ สะโพกอะทำงานหน่อย”ผมยื่นมือไปกำเจ้าลูกชายของพี่ธิวา จัดการรูดรั้งเพิ่มแรงอารมณ์


“ถ้าพรุ่งนี้คลานไปเรียน อย่ามาโทษพี่นะครับ”พี่ธิวาอุ้มผมขึ้นไปบนโต๊ะกินข้าว จับผมนอนคว่ำหน้า ยกสะโพกกลมมนให้นูนเด่นเหมาะกับการทำภารกิจ น้ำลายสีใสถูกถ่มลงมาใส่ช่องทางรักพร้อมกับนิ้วที่สอดแทรกเข้ามา


“ไม่เอานิ้วแล้ว”ผมหันไปโวยวายเสียงดัง เอากันจนจะเสร็จอยู่แล้ว ยังจะกลับมาเล้าโลมอีก


“ใจร้อนจริง เมียใครเนี่ย”ผมลุกขึ้นจากโต๊ะดึงหน้าพี่ธิวามาจูบแลกลิ้น รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นอีตัวร่านค_ยก็วันนี้นี่แหละ


“เมียพี่ไงครับ”ผมกระซิบริมกกหู แลบลิ้นเลียดูดดึงใบหูเล่น


“โอ้ววว…แบบนี้ มันต้องแบบนี้ อ๊า…แรงอีก อีก…อึก…”ผมร้องเสียงดังเมื่อพี่ธิวากระแทกเข้ามา มันช่างรวดเร็วและรุนแรงเหมือนไฟปรารถนาที่แผดเผาสุมทรวงผมอยู่ตอนนี้


ผมไม่คิดว่าตัวเองเวลาถูกกระตุ้นถึงขีดสุดจะร่านได้ขนาดนี้ ผมเหมือนคนตะกละตะกราม เท่าไหร่ก็ไม่พอ ปรารถแต่ความรุนแรง ยิ่งพี่ธิวารุนแรงกับผมมากเท่าไหร่ ผมยิ่งอิ่มเอม


ไม่ใช่ว่าเซ็กส์แบบอ่อนโยนจะไม่ทำให้ผมเสร็จ แต่ผมรู้สึกสุขสมกับเซ็กส์ที่ถึงรสถึงชาติแบบนี้มากกว่า
บางทีการที่คุณท่านเอาแต่รุนแรงกับผม อาจจะทำให้ผมเสพติดความรุนแรงแบบนี้ก็เป็นไปได้

.
.
.

“เจ็บคอ”ผมโวยวายกับพี่ธิวาที่กำลังเช็ดตัวให้ด้วยเสียงแหบแห้ง


“ก็เราไม่ใช่รึไงที่ครางเสียงดังลั่นบ้าน”


“ก็พี่ไม่ใช่รึไงที่เริ่มก่อน”


“หึๆ”พี่ธิวาขำแล้วจับผมพลิกตัวให้ชันเข่าขึ้น “ฮรื่อ…ไม่เอาแล้ว”ผมงอแง


“เอาจนอิ่มแล้วครับ น้ำพี่ทะลักออกมานอกรูพริ้มแล้วนี่ เห็นไหม”คนขี้แกล้งว่าแล้วสอดนิ้วเข้าไปช่องทางอ่อนนุ่มของผม กวาดเอาน้ำรักออกมา แถมยังทำลามกเอามาชูให้ผมเห็นอีกว่าน้ำรักสีขาวขุ่นมากมายเหลือเกินที่เคลือบติดนิ้วออกมาด้วย


“ลามก”ผมสะบัดหน้าหนี ฝังหน้าลงกับหมอนนุ่ม อายจะตายอยู่แล้ว


“ตอนนี้ทำมาอาย ที่เมื่อกี้นะ…”


“หยุดพูดได้แล้ว บอกให้หยุดพูดไงเล่า”


“หึๆ”คนเจ้าเล่ห์หื่นกามหัวเราะในลำคอ ดึงตัวผมขึ้นมานั่งคร่อมตัก


“มันต้องทำความสะอาดรู้ไหม ไม่งั้น…”


“จะทำอะไรก็รีบทำได้ไหม ผมอายจะแย่อยู่แล้ว”พี่ธิวายิ้มขำ อุ้มเข้าไปในห้องน้ำ จัดการทำความสะอาดช่องทางอ่อนนุ่ม แล้วอาบน้ำแต่งตัวให้ เรียกว่าเห็นกันทุกซอกทุกมุม


แบบนี้มันเกินไป…เกินไปจริงๆ


เขินจนตัวจะระเบิดอยู่แล้ว


“เอาแต่ซุกหน้าอกพี่ เดี๋ยวก็หายใจไม่ออก”ผมเงยหน้าขึ้นมามองตาพี่ธิวา แต่ก็สู้สายตาไม่ได้ ต้องกลับไปก้มหน้าซุกอกพี่ธิวาเหมือนเดิม


พี่ธิวาเกลี่ยแก้มผมเบาๆ “แค่นี้ก็หลงจะแย่อยู่แล้ว ยิ่งเจอแม่เสือสาวเมื่อตอนเย็นเข้าไปอีก เราจะผูกพี่ ไม่ให้มองใครเลยอีกรึไง”


ผมหลับตาพริ้มอยู่กับอกพี่ธิวา อยากจะบอกเหลือเกินว่าแม่เสือสาวตอนเย็นนั่นอารมณ์จริงๆล้วนๆ ไม่มีการประดิษฐ์อะไรทั้งสิ้น เพราะเป็นพี่ธิวาที่ปลุกตัวตนนั้นขึ้นมา

.
.
.

ผมนอนกระสับกระส่ายทั้งคืนด้วยพิษไข้ ทำเอาพี่ธิวาไม่ได้นอนไปด้วย ต้องคอยเช็ดตัวให้ผมทั้งคืน


“แค่กๆ”ผมไอแค่กๆอยู่บนเตียง มีพี่ธิวานั่งอยู่เคียงข้างคอยเช็ดตัวให้


“ไหวไหมครับ”ผมส่ายหน้า ตอนนี้ผมรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว ร้อนรุ่มไปหมด หัวก็ปวดจนแทบระเบิด คอก็แสบเป็นผุยผง กลืนน้ำลายแต่ละทีเหมือนกลืนน้ำกรด


พี่ธิวาจ่อเครื่องวัดไข้ตรงข้างขมับผม “ไข้เราสูงมากเลยนะพริ้ม ไปโรงพยาบาลนะครับ”


“ไม่ไปครับ”ผมงอแงเป็นเด็กๆ “ทำไมครับ”


“พริ้มไม่อยากไป  ฮรือ…”ยิ่งปวดหัวยิ่งงอแง น้ำตานี่สั่งได้เลย


“ไม่ร้องครับ ไม่ไปก็ไม่ไป แต่เราต้องทานข้าว ทานยาก่อนนะ พี่มีผ่าตัดตอนสิบโมงด้วย”ทันทีที่รู้ว่าวันนี้จะต้องนอนป่วยอยู่บ้านคนเดียว น้ำตาผมก็หยดแหมะๆแบบไม่มีเสียงสะอื้น


ไม่อยากทำให้พี่ธิวาลำบากใจ แต่ก็น้อยใจที่ต้องอยู่คนเดียว
ตอนทำก็ทำด้วยกัน ทำไมต้องเป็นผมที่ป่วยคนเดียวด้วย


“พริ้มครับ ไม่งอแงนะ”ผมพลิกหน้าหนีพี่ธิวา


“เฮ้อออ…”ผมได้ยินเสียงถอนหายใจเสียงดัง ก่อนที่พี่ธิวาจะหายไปจากห้อง


“พี่ยกเลิกผ่าตัดแล้วนะ คนไข้เป็นโรคลิ้นหัวใจรั่วด้วย ถ้าไม่ผ่าตัด…”


“ผมขอโทษ”


“จะงอแงอีกไหม”


“ไม่งอแงแล้วครับ”


“ถ้างั้นก็ลุกขึ้นมาทานข้าว ทานยา เราจะได้ไปโรงพยาบาลด้วยกัน”


“ครับ”


ผมนั่งนิ่งอยู่ข้างๆพี่ธิวาตลอดทาง รู้สึกหนาวสั่นทั้งๆที่พี่ธิวาไม่ได้เปิดแอร์ด้วยซ้ำ คนตัวสูงยอมปิดแอร์ เปิดกระจกขับรถเพราะผมบ่นว่าหนาว


ผมยื่นมือตัวเองไปเช็ดเหงื่อให้พี่ธิวา “ตัวร้อนมากเลยรู้ไหมครับ พริ้มต้องฉีดยาแล้วนะ ถ้าไข้ไม่ลด มีโอกาสช็อคได้นะครับ” ผมกุมมือคนข้างกายแน่น ไม่รู้ว่าทำไมแต่พอป่วยแล้วก็อยากอ้อน อยากเอาแต่ใจ แต่ก็รู้ดีว่าเพราะความเอาแต่ใจของตัวเองเกือบทำให้คนข้างๆเสียการเสียงาน

.
.
.

“ยังหนาวอยู่ไหมครับ”ผมส่ายหน้า ซุกหน้าลงกับผ้านวมผืนหนานุ่มที่ห่อรอบกาย


“นอนพักก่อนนะครับ พี่จะรีบไปทำงาน มีอะไรก็บอกเลขาหน้าห้องพี่นะ”ผมพยักหน้ารับรู้แต่จับมือพี่ธิวาไว้ไม่ยอมปล่อย


คนตัวสูงก้มลงมาลูบหัวผม “ฝันดีนะครับเด็กดื้อของพี่”


สัมผัสบางเบาที่หน้าผากทำให้ผมยอมปิดตาหลับลงด้วยความอ่อนเพลีย

.
.
.

ผมไม่รู้ว่านี่คือความจริงหรือความฝัน แต่ถ้ามันเป็นความฝัน…ให้ผมตื่นได้ไหม


ร่างเละเน่าหนอนของวีที่ไม่ได้ตามหลอกหลอนมานานกลับมาหลอกหลอนผมอีกครั้ง คราวนี้มันมาพร้อมกับเม็ดยาสีชมพูที่ปาใส่ผม


“อีพริ้ม มึงมันอีกะหรี่”ผมยกมือขึ้นปิดหูตัวเอง ไม่อยากจะฟังถ้อยคำโสโครกที่เอ่ยออกจากปากเน่าๆนั่น


“มึงทำให้น้องติดยา มึงทำให้น้องหมดอนาคต มึงสมควรตาย ตายยยย…ตายยยยยยยยย”


“ม่ายยยยยยย….”ผมกรีดร้องทันทีที่เม็ดยาสีชมพูตกลงมาจากฟากฟ้า ทุกครั้งที่เม็ดยาตกใส่ตัวผมมันแสบร้อนไปหมด แสบเหมือนไฟบรรลัยกัลป์ที่พร้อมแผดเผาให้ผมมอดไหม้ไปพร้อมกับความบาปที่ผมได้ก่อ


บาปที่ทำให้น้องติดยา


ทรมาน…ทรมานเหลือเกิน
ถ้าจะลงโทษผมแบบนี้ให้ผมตายไปซะยังดีกว่า


ผมเจ็บปวดเหลือเกิน


ได้โปรดปลดปล่อยผมไป

.
.
.

“พริ้มครับ พริ้ม”ผมลืมตามองพี่ธิวาด้วยน้ำตานองหน้า ความเจ็บปวดจากในฝันมันเหมือนจริงมาก เหมือนจนผมกลัวว่ามันจะเป็นความจริง



“พริ้มครับ นี่พี่เองไงครับ พริ้มอยู่กับพี่ พริ้มปลอดภัยแล้วนะ”ผมมองหน้าพี่ธิวาด้วยความหวาดกลัว จนเขาต้องเขย่าตัวผมเพื่อเรียกสติ ดวงตาของเขาฉายแววกังวล


แววตาของพี่ธิวาสั่นไหวอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน มันคือแววตาของคนหวาดกลัวความสูญเสีย


“ผมไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย”ผมยื่นมือขึ้นไปลูบที่ข้างแก้มของพี่ธิวา พูดปลอบเขาด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง คอเจ็บทุกครั้งที่เปล่งเสียงออกมา


“พริ้มฝันร้ายอะไรครับ บอกพี่ได้ไหม”ผมส่ายหน้าแทนคำตอบ ไม่อยากบอกกล่าวความจริงให้พี่ธิวากังวลใจไปมากกว่านี้


“ไม่บอกก็ไม่บอกครับ อาการเรายังไม่ดีขึ้นเลยนะ ไข้ก็ไม่ลด คืนนี้เราต้องนอนโรงพยาบาลนะ”ผมพยักหน้ารับรู้ รู้ดีว่าอาการตัวเองแย่ลงกว่าเมื่อเช้าด้วยซ้ำ


“เดี๋ยวพี่ไปเอารถเข็นมานะ”ผมพยักหน้ารับรู้แทนคำพูด ตอนนี้ไม่มีแรงแม้แต่จะเอื้อนเอ่ยคำใดออกไป


พี่ธิวาพาผมมาพักที่ห้องพิเศษ ถูกบังคับให้ทานข้าวทานยาและให้น้ำเกลือตามระเบียบ คนตัวสูงยังคงอยู่ไม่ห่างจากข้างกายผม คอยเช็ดตัวให้หวังใจว่าให้ไข้ผมลดลงสักนิดก็ยังดี


ผมเห็นแววตาสั่นไหวของพี่ธิวาแล้วรู้สึกเจ็บปวดใจไม่ได้ เพราะผมอีกแล้วที่ทำให้พี่ธิวาต้องคอยห่วงและเป็นกังวล ผมยกมือขึ้นลูบแก้มพี่ธิวาเบาๆ เขาไม่ควรต้องมาเหนื่อยกับคนแบบผมเลยจริงๆ


“พี่ไม่ชอบเห็นเราป่วยเลยรู้ไหมครับ มันทำให้พี่ใจไม่ดี”ผมยิ้มจางๆให้พี่ธิวา วางมือที่ร้อนเป็นไฟของตัวทาบทันบนมืออุ่นของร่างสูง


“พี่ขอโทษนะ ถ้าพี่ไม่ทำ เราคงไม่ป่วยแบบนี้”


“ไม่ใช่ความผิดของพี่สักหน่อยครับ เรามีความสุขร่วมกันตังหาก”


“วันหลังพี่จะไม่…”ผมทาบนิ้วที่ริมฝีปากนุ่มหยุ่นของคนตัวสูง ยิ้มจางๆให้เขา


“กอดผมหน่อยสิครับ ผมอยากได้ไออุ่นจากพี่นะ”เขายอมทำตามคำขอร้องจากผม พี่ธิวาเอนกายลงนอนข้างผม ดึงผมไปกอดไว้แนบอก ริมฝีปากอุ่นประทับจูบข้างขมับ


“เด็กดี หายไวๆนะครับ”


ผมซุกหน้าลงกับอ้อมอก กลิ่นกายหอมอ่อนๆที่คุ้นชินทำให้ผมรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่น
ผมหลับตาลงด้วยความเหนื่อยอ่อน พิษไข้ทำให้ผมรู้สึกร้อนรุ่มและหนาวสั่นสลับกันไป 


“ขอโทษนะครับที่เอาแต่ใจ พี่จะติดไข้ผมไหม”


“ไม่เป็นไรครับ ตราบใดที่เรานอนหลับ ต่อให้พี่ติดไข้จากเราก็ไม่เป็นไรเลยจริงๆ”ผมยิ้มอ่อน รู้สึกขอบคุณเขามากๆ ขอบคุณที่เข้าใจ ขอบคุณที่ดูแลกัน


ผมไม่รู้ว่าเขาจะรู้รึเปล่า แต่ทุกครั้งที่เขาโอบกอดผมไว้ ผมไม่เคยฝันร้ายอีกเลย


“ขอให้คืนนี้ไม่มีฝันร้ายสำหรับเด็กดีของพี่นะครับ”


ผมรับรู้ได้ถึงความสั่นไหวทางอารมณ์จากน้ำเสียงของพี่ธิวา ผมคิดว่าตอนที่ผมฝันร้าย ผมคงกรีดร้องและแสดงอาการน่ากลัวให้เขาเป็นห่วงอีกแล้ว


พี่ครับ ถ้าผมไม่หายจากอาการบ้าๆนี่สักที
บางทีมันอาจจะดีกว่าไหม ถ้าเป็นผมที่...หายจากโลกนี้ไปเอง



ทวิตภพ #พริ้มกับdaddy

มีความสุขกับวันหยุดยาวกันนะคะทุกคน

ขอบคุณที่คอยติดตามกันมาน้าาาาาาา



ออฟไลน์ myd3ar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-4
น้องพริ้มมมมมม ทำไมคิดแบบนั้น ไม่เอาค่ะ

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
งื้ออออ พี่ธิวาคนดี
ขนาดอยู่กับพี่ธิวาพริ้มก็ยังคิดถึงคุณท่าน
 :pig4:


ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
พี่ธิวา  ดีกับพริ้มจริงๆ   :mew1:
ทั้งหึงที่พริ้มโชว์ร่างกายในกางเกงว่ายน้ำตัวเล็กจิ๊ดเดียว
มีงอนใส่พริ้มอีก
จากงอนกัน  ง้อกัน จนมีเซ็กส์กัน อย่างสุดๆ   :pighaun: :haun4: :jul1:
แล้วพริ้มก็ป่วย  อย่างนี้พริ้มก็ไม่ได้ฝึกว่ายน้ำอีกน่ะสิ 
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ kanj1005

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
เพิ่งมีซีนแข่งว่ายน้ำมา เป็นโรคจิตเฉยเลย ตั้งแต่กลัวความลึก ความมืด มาซึมเศร้า พริ้มไม่ถูกกับโรงพยาบาลจริงๆ มาทีไรจิตหลอนตลอด

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
อย่านะน้องพริ้ม

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
พริ้มป่วยแล้วงอแงน่าดูนะ  :hao3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ papapoope

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 291
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
ขอให้พริ้มหายจากอาการนีี้สักที สงสาร :mew4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-07-2018 20:51:09 โดย papapoope »

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
งื้อออออ สงสารร
พริ้ม มันฝังอยู่ในใจสินะ
เง้อ...สู้ๆลูกขา

ออฟไลน์ Tennyo_Y

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 739
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
ถ้าอีกนิดพริ้มบ้าจะไม่แปลกใจ แลดูทรมานเหลือเกินชีวิตนี้

ออฟไลน์ jimmyjimmy

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1962
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-17
อย่า คิดมาก น้อง พริ้ม... มีความสุขกับเค้าสักที

ออฟไลน์ ous_p

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
 :mew1: พี่ธิวาดีงามอ่ะ

ออฟไลน์ TheWanFah

  • ความใกล้ชิด บางครั้ง ทำให้เราเผลอคิดไปเอง
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
เชียร์พี่ธิวา เชียร์แดดดี่
พริ้มต้องเลิกดื้อนะ
หาหมอ เข้ารับการบำบัด จะได้ดีขึ้นนะ
พี่ธิวาดูแลน้องดีๆนะคะ

ออฟไลน์ WilpeR

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
พริ้มอย่าดื้อนะ อย่าหายไปเลย พี่ทิวาคงคิดมากกว่าเดิมถ้าหนูหายไป

ออฟไลน์ nuum

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
น่ารักครับ

     :man1:

ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ความมืดเดี๋ยวความสว่างเขาก็ทำคะแนนนำไปไกลหรอกอย่าทำร้ายพริ้มมากนัก
พริ้มมีอะไรก็ปรึกษาคนที่ไว้ใจเถอะอย่ :katai1:าเก็บไว้คนเดียวเลย
รอเป็นกำลังใจพริ้มให้ผ่านพ้นไปได้ :กอด1:
เป็นกำลังใจให้คนเขียนด้วย :กอด1: :3123:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-07-2018 20:16:11 โดย Nung66669 »

ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
รอตอนต่อไป~

ออฟไลน์ papapoope

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 291
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
คิดถึงคนเขียน><

ออฟไลน์ แม่พิเสือ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 39
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-2
Re: [3P] Sugar daddy ❤️ #พริ้มกับdaddy waiting....
«ตอบ #382 เมื่อ11-08-2018 18:18:12 »

มีใครกู้ไฟล์ word ใน ipad เป็นไหมคะ
เรากด restore แล้วมันไม่กลับมา
TT

หายไปทั้งตอนเลย

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
Re: [3P] Sugar daddy ❤️ #พริ้มกับdaddy waiting
«ตอบ #384 เมื่อ12-08-2018 07:53:44 »

ไม่นะ ฮือ คิดถึงพริ้ม  :a5:

ขอให้กู้ได้นะคะ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: [3P] Sugar daddy ❤️ #พริ้มกับdaddy waiting
«ตอบ #385 เมื่อ12-08-2018 08:42:35 »

รอ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ kanj1005

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
Re: [3P] Sugar daddy ❤️ #พริ้มกับdaddy waiting
«ตอบ #386 เมื่อ12-08-2018 20:20:08 »

สู้ๆค่ะ

ออฟไลน์ akichan

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: [3P] Sugar daddy ❤️ #พริ้มกับdaddy waiting
«ตอบ #387 เมื่อ13-08-2018 00:06:21 »

สนุกค่ะ รอติดตามพริ้มมีความสุขอย่างแท้จริง

ออฟไลน์ kms

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-14
Re: [3P] Sugar daddy ❤️ #พริ้มกับdaddy waiting
«ตอบ #388 เมื่อ13-08-2018 03:20:20 »

เกลียดอีน้องชายพริ้ม พริ้มอย่าไปรู้สึกผิดกะคนแบบนั้นเลย

ออฟไลน์ แม่พิเสือ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 39
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-2
ตอนที่ 22

ก๊อก…ก๊อก…ก๊อก


เสียงเคาะประตูเป็นเชิงขออนุญาตเข้าห้องดังขึ้นเหมือนเช่นทุกวันที่ผ่านมาในช่วงเวลาเดิมๆ ซึ่งก็คือแปดโมงเช้าและสี่โมงเย็น คุณหมอเวรมากหน้าหลายตาผลัดกันมาดูอาการผม ซึ่งจริงๆอาการก็ดีขึ้นเรื่อยๆทุกวัน


“เชิญครับ”


หลังจากได้รับคำอนุญาต คุณพยายาบาลคนเดิมเดินเข้ามาพร้อมกับคุณหมอคนใหม่ที่ผมไม่คุ้นตาแต่ทว่ารู้สึกคุ้นเคย ใบหน้าของคุณหมอท่านนี้ละม้ายคล้ายคลึงกับคนที่ผมรู้จัก แต่ผมก็นึกไม่ออกว่าคนๆนั้นคือใคร


“สวัสดีครับ”ผมยกมือไหว้คุณหมอ เขาทำเพียงแค่พยักหน้ารับ พยาบาลทำหน้าที่วัดไข้และบันทึกลงชาร์ตผู้ป่วยก่อนจะส่งชาร์ตให้คุณหมอ


ผมพินิจพิจารณาใบหน้าของคุณหมอท่านนี้ด้วยความสงสัย ถึงแม้ว่าท่านจะดูมีวัยวุฒิแต่ผมกลับไม่รู้สึกเลยว่าท่านดูแก่กว่าวัย ท่านยังดูกระฉับกระเฉง น่าเกรงขาม


“วันนี้อาการเป็นยังไงบ้างครับ”


“ปกติดีแล้วครับ”


“อาการปวดศรีษะ คลื่นไส้เจียนยังมีอยู่ไหมครับ”


“ไม่มีแล้วครับ”


“ถ้าไม่มีแล้วทำไมคุณถึงไม่ทานอาหารที่ทางโรงพยาบาลจัดให้”ผมก้มหน้าเก็บคางชิดอก รู้สึกถึงรังสีดำมือที่แผ่ออกมาจากตัวคุณหมอ ผมรู้สึกเหมือนถูกกดดันและถูกตำหนิในเวลาเดียวกัน

 
“ผมไม่ค่อยอยากทานอาหารครับ”ตั้งแต่ป่วยนี่ผมแทบไม่ค่อยอยากจะทานอะไรเลย ทานได้แค่มื้อละคำสองคำพอให้ท้องไม่ว่างเพื่อทานยาเท่านั้น


“ไม่อยากทานก็ต้องทานนะครับ คุณจะมาเอาปต่ใจตัวเองให้คนอื่นคอยหาอาหารที่คุณอยากทานมาประเคนให้ถึงที่ไม่ได้ ป่วยแล้วทำตัวเป็นภาระให้คนอื่นเขาวุ่นวายดูแลมันไม่น่ารักเลยรู้ไหม”ผมไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน แต่หลังจากที่โดนดุแล้วผมกลับรู้สึกผิดมากๆ


สิ่งที่คุณหมอพูดมามันไม่ใช่สิ่งที่ต่างไปจากความจริงเลย การที่ผมไม่ยอมทานอาหารของโรงพยายาบาลทำให้พี่ธิวาต้องทำอาหารมาให้ผมทานเพราะหวังว่าผมจะทานได้มากขึ้น แต่สุดท้ายผมก็ทานได้แค่คำสองคำอยู่ดี


“ขอโทษครับ”ผมยกมือไหว้ขอโทษที่ทำผิด รู้สึกแปลกใจตัวเองเหมือนกะนที่รู้สึกเสียใจเพราะคำพูดของคนแปลกหน้าทั้งๆที่ไม่รู้จัก


“คุณช่วยไปจัดอาหารมาทีนะ ผมจะนั่งรอจนกว่าคนไข้คนนี้จะทานหมด”คุณหมอหันไปบอกคุณพยาบาล ผมฟังแล้วก็รีบแย้งทันที “ไม่เป็นไรครับ ผมจะพยายามทาน คุณหมออย่ามาเฝ้าผมเลย”การที่จะให้คุณหมอที่อายุอานามรุ่นราวคราวพ่อมานั่งเฝ้าผมทานข้าว มันออกจะน่าเกลียดเกินไป


“ผมไม่ได้ถามความคิดเห็นคุณ มีหน้าที่ทานก็ทานไปเถอะครับ เดี๋ยวจะอดข้าวประท้วง เดือดร้อนคนอื่นเขาอีก”คำก็เดือดร้อน สองคำก็ภาระ การที่ผมป่วยนี่มันสร้างความปวดหัวให้คนรอบข้างขนาดนี้เลยรึไง


ผมเปิดชามข้าวต้มหมูที่คุ้นเคย รีบตักเข้าปากเพราะโดนกดดันจนข้าวต้มร้อนๆลวกปาก ต้องรีบดื่มน้ำตามแทบไม่ทัน


“เป่าก่อนสิ ทำไมต้องให้บอกเป็นเด็กๆ”เสียงดุๆของคุณหมอดังขึ้นจนผมสะดุ้ง ผมหันไปมองก็เจอกะบสายตาคมประหนึ่งมีดที่พร้อมบินมาตัดคอโทษฐานสร้างเรื่องวุ่นวาย


ผมรีบตักข้าวต้มร้อนๆเข้าปาก ไม่สนใจแล้วว่าความร้อนจะทำให้ริมฝีปากผุพองขนาดไหน ขอเพียงอย่างเกียวคือให้ผมทานให้หมดเร็วที่สุด คุณหมอจะได้ออกไปเสียที แต่ด้วยความรับทำให้ผมสำลักข้าวต้ม “แค่กๆ”


ผมไอหน้าดำหน้าแดงอยู่นานจนคุณหมอทนไม่ไหว ลุกจากโซฟามาลูบหลังให้ ฝ่ามืออุ่นคอยลูบหลังให้จนผมหายสำลัก


“ขอโทษนะครับ”


ทันทีที่คุณหมอได้ยินผมเอ่ยคำว่าขอโทษอีกครั้ง  คำพูดเฉือดเฉือนใจถูกเปล่งออกมาจากปากเขา “ถ้ารู้ว่าต้องเอ่ยคำขอโทษแล้วจะทำสิ่งที่ทำให้ขอโทษทำไม”


กาลเวลาเหมือนหยุดนิ่งไปชั่วขณะ สายตาตำหนิติเตียนที่ส่งมาเหมือนไม่ได้ต้องการตำหนิแค่เรื่องนี้ “ชั้นไม่อยากจะพูดอะไรมาก มันเจ็บคอ…แต่อนาคตลูกชายชั้นไม่ควรถูกฉุดรั้งด้วยเด็กขายไร้ค่าแบบเธอ”ผมเหมือนคนหูดับไปชั่วขณะ โลกเหมือนจะถล่มลงมาตรงหน้า


คำว่า ‘เด็กขาย’ มันจะไม่บาดใจผมเท่านี้ ถ้าคำๆนั้นไม่ได้เอ่ยออกมาจากปากคุณพ่อพี่ธิวา เค้าโครงหน้าที่ผมคุ้นเคยและนึกไม่ออกก็คือพี่ธิวานั่นเอง


“ถ้าอยากจะยืนข้างลูกชายชั้นจริงๆ ก็จัดการเอาตัวเองไปใส่ตะกร้าล้างน้ำมาให้ขาวสะอาด อย่าให้ราคีคาวเหม็นเน่ามันมาแปดเปื้อนครอบครัวชั้น ถ้าวันไหนเธอเพียบพร้อมทั้งรูปสมบัติ คุณสมบัติและทรัพย์สมบัติ วันนั้นชั้นอาจจะรับพิจารณาเธอเข้ามาในตระกูลก็ได้ แต่เท่าที่มองวันนี้…วันนั้นคงไม่มีวันมาถึง”


คุณพ่อพี่ธิวาเดินออกไปนานแล้ว ทิ้งไว้เพียงแต่ถ้อยคำที่กรีดลึกลงไปในจิตใจจนทำให้ใจดวงเล็กๆที่แสนเปราะบางดวงนี้มีแผลเหวอะหวะ ผมปล่อยน้ำตาให้ไหลริน เสียใจให้พอ


ความสุขที่มีพี่ธิวาคอยเคียงข้างมันเป็นความสุขที่ผมกลัวมาโดยตลอด กลัวว่ามันจะไม่มีวันหวนกลับมา ตั้งแต่เริ่มรู้สึกรัก ผมก็ตระหนักถึงสถานะของตัวเองมาโดยตลอดว่าผมมันด้อยค่า ด้อยราคา ไม่ควรคู่กับเขา คนดีๆที่เพียบพร้อมแบบพี่ธิวาควรจะมีคู่ชีวิตที่เหมาะสมคู่ควรมากกว่าผม


เนื้อตัวที่แปดเปื้อนราคีคาวจากผู้ชายคนอื่น ต่อให้เอาตัวเองไปใส่ตะกร้าล้างน้ำสักร้อยพันครั้ง มันก็ไม่มีวันขาวสะอาดเหมือนผู้ถือพรหมจารีหรอก ผมปาดน้ำตาที่นองหน้าออก ร้องไห้ไปก็เท่านั้น ถึงร้องไห้จนน้ำตาเป็นสายเลือดก็ไม่มีวันที่ผมจะเรียก ‘ศักดิ์ศรีความเป็นคน’ ของผมคืนมาได้ 


ผมพาร่างกายและจิตใจที่บอบช้ำออกจากโรงพยาบาล นั่งรถเมล์วนจนสุดสายก็ไม่รู้จะไปไหน เด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้าแบบผมไม่ต่างอะไรจากหมาข้างถนนที่ไม่มีแม้แต่ที่ไป สุดท้ายผมก็กลับไปตายรังที่บ้านพี่ธิวา


ผมเดินเข้าหมู่บ้านท่ามกลางแดดที่ร้อนระอุที่สุดของรอบวันในช่วงบ่าย สายตาผมพร่ามัวด้วยแสงอาทิตย์ที่เจิดจ้าเหลือทน ในระหว่างที่กำลังเหม่ออยู่นั้น สายตาผมก็เหลือบไปเห็นลูกแมวตัวเล็กกำลังจะวิ่งไปกลางถนน แต่ด้วยสัญชาตญาณการเอาตัวรอดทำให้ผมหันไปมองด้านหลังซึ่งมีรถซุปเปอร์คาร์คันสวยที่ขับมาด้วยความเร็วสูง


ผมกระโดดหลบเข้าไปในสวนสาธารณะริมทะเลสาบด้วยสัญชาตญาณการเอาตัวรอดซึ่งผมก็หลบทัน แต่สัตว์สี่เท้าหน้าขนมันไม่ได้มีสมองที่ชาญฉลาดเหมือนมนุษย์…มันหลบไม่ทัน


“เมี้ยวววววว…. เมี้ยว”เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดทรมานของเจ้าลูกแมววัยสองเดือนดังขึ้นบาดใจผม ลำตัวของมันถูกทับด้วยล้อของรถซุปเปอร์คาร์ เจ้าของรถไม่มีท่าทีว่าจะเหลียวหลังมาดูซากแมวที่ตัวเองได้ปลิกชีวิตมันไปเลยสักนิด


ผมนั่งช็อคอยู่ริมฟุตบาท จ้องมองซากเจ้าแมวตัวเล็กที่หัวกับลำตัวขาดออกจากกัน ริมฝีปากเล็กๆของมันมีเลือดสีแดงสดกระอักออกมา ไหนจะเลือดอีกมากที่ไหลออกจากช่วงคอที่ถูกตัดจนเจิ่งนองไปทั่วทั้งถนน


ผมมองมันด้วยใจสั่น มือของผมสั่นไปหมด น้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว
เหตุการณ์เมื่อกี้มันเกิดขึ้นเร็วมาก ถ้าผมไม่เห็นแก่ตัวเอาตัวรอดคนเดียว แมวก็คงไม่ต้องตาย
 

ผมฝืนกลืนก้อนสะอื้นลงคอ เดินด้วยขาสั่นๆไปที่กลางถนน ฉีกชายเสื้อของตัวเองมาโอบอุ้มซากแมวตัวน้อย


“เมี้ยว เมี้ยว เมี้ยว”พี่น้องที่เหลืออีกสองตัวของเจ้าเหมียวเดินเข้ามาคลอเคลียผม มันพยายามเดินเข้าไปหาเจ้าเหมียวที่จมกองเลือดอยู่ แต่ผมอุ้มไว้ก่อน


ผมอุ้มเจ้าเหมียวสองตัวที่ยังมีชีวิตอยู่แนบอก ส่วนอีกตัวหนึ่งซึ่งเป็นร่างไร้ลมหายใจ ผมก็เอากลับบ้านมาด้วย


ในระหว่างที่เดินกลับบ้าน ผมก็เอาแต่โทษตัวเอง โทษตัวเองที่เป็นคนเห็นแก่ตัว ถ้าวันนี้ผมไม่กระโดดหลบรถแล้วเลือกช่วยเจ้าเหมียวแทน คนที่บาดเจ็บคงเป็นผมแทนที่เจ้าเหมียวที่ตาย


ผมมันคนตัวเปล่าเล่าเปลือย ไร้ญาติขาดมิตร ถ้าเป็นผมที่ตายไปคงจะดีกว่านี้ ไม่มีใครต้องมาร้องไห้เสียใจกับการจากไปของผม


พื้นดินใต้ต้นไม้ใหญ่ถูกใช้เป็นที่ฝังเจ้าเหมียว โดยที่ผมเอาผ้าขาวรองบริเวณก้นหลุม ถึงแกจะตายอย่างเจ็บปวดแต่อย่างน้อยแกก็ยังอยู่ในหลุมฝังศพที่ไม่แย่จนเกินไป หลังจากจัดการฝังเสร็จแล้ว ผมหยิบดอกมะลิที่ผลิดอกบานส่งกลิ่นหอมมาวางไว้บนหลุมฝังศพแทนดอกไม้อาลัย


ไปดีนะเหมียว พี่ขอโทษนะ…ขอโทษที่เห็นแก่ตัวไม่ยอมช่วยแก
ถ้าพี่ช่วยแก พี่คงไม่ต้องเสียใจและรู้สึกผิดแบบนี้
ถ้าพี่เลือกทำในสิ่งที่ถูกต้องและควรกระทำตั้งแต่แรกเหมือนที่คุณพ่อพี่ธิวาพูด
พี่คงไม่เป็นแบบนี้


ผมอุ้มเจ้าแมวสองตัวที่ยังมีชีวิตอยู่เข้าบ้าน มันส่งเสียงร้องโวยวายและพยายามตะกุยเสื้อผมซึ่งมีคราบเลือดติดอยู่  ผมมองออกไปที่ทะเลสาบด้วยความเหม่อลอย เอาจริงๆผมแทบไม่รับรู้อะไรแล้ว
ในหัวมีแต่เสียงที่ดังก้องว่า ‘แมวตายเพราะผม’


ผมยกมือขึ้นปิดหู ไม่อยากได้ยินเสียงแมวสองตัวร้องเรียกหาพี่น้องของมันที่ตายไป
ผมมันคนบาปที่พรากพี่พรากน้องของมัน


ขอโทษนะเหมียว พี่ผิดเอง…พี่ผิดเอง หยุดร้องเรียกกันเถอะ
พี่ขอโทษที่คืนชีวิตพี่น้องของแกให้ไม่ได้
ได้โปรด หยุดร้องเรียกกันสักที
หรือจะเอาชีวิตพี่ไปแทนดี


ผมซุกตัวนั่งลงติดมุมห้องนั่งเล่น ฝังตัวอยู่หลังผ้าม่าน ไม่อยากจะเห็นเจ้าเหมียวสองตัวนั่น เวลาที่ผมจ้องเข้าไปในดวงตาของมัน ความรู้สึกผิดกัดกินหัวใจผมจนเละไม่เหลือชิ้นดี


เหมียวตายแล้ว…ผมควรชดใช้ชีวิตให้มัน
ชีวิตแลกชีวิต
แบบนี้สิถึงเท่าเทียม


ผมค่อยๆคลานออกมาจากหลังม่าน เดินหลบแมวที่วิ่งตามผมขึ้นมาถึงชั้นบนของบ้าน ผมปิดประตูห้องน้ำ ขังตัวเองอยู่ในนั้น เปิดน้ำให้ไหลลงในอ่างอาบน้ำจนล้นเอ่อออกมาเจิ่งนองทั่วพื้นห้องน้ำ หวังใจว่าน้ำเย็นๆจะช่วยคลายความทุกข์ที่อยู่ในจิตใจผม แต่มันกลับไม่ช่วยอะไรเลย


แมวตายแล้ว
มันตายแล้ว


ผมต้องชดใช้


มีดพับเล่มเล็กที่ถูกเก็บในลิ้นชักถูกดึงออกมาใช้งาน
คมมีดสีเงินวาวสะท้อนแสงไฟ


คมมีดถูกกรีดลงบนข้อมือด้านซ้าย เลือดปริมาณไม่น้อยไหลทะลักออกมา
ผมแกว่งแขนตัวเองในอาบอาบน้ำเล่นจนมันแดงฉานไปด้วยสีเลือด


ชั้นชดใช้ให้แล้วนะเหมียว
ชีวิตแลกชีวิต
เลือดต้องชดใช้ด้วยเลือด
เราไม่มีอะไรติดค้างกันอีกแล้วนะ


ตายไปก็ดีเหมือนกัน อยู่ไปก็ดีแต่เป็นภาระของคนอื่น
เสนียดจัญไรแบบผมไม่ควรจะอยู่เพื่อเกลือกกลั้วกับใครให้เขามีมลทิน


ไม่เอาแล้ว ไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว
ไม่อยากสร้างความเดือนร้อนให้ใครอีกแล้ว
ไม่อยากเป็นภาระ


ที่สำคัญ
.
.
.
ไม่อยากรู้สึกเจ็บปวดอีกต่อไปแล้ว


“พริ้ม!!!”ผมปรือตามองพี่ธิวาที่เรียกผมเสียงดังด้วยความตกใจ เขาถลาเข้ามาในห้องน้ำที่บัดนี้เจิ่งนองไปด้วยเลือดสีแดงสด ฝ่าอบอุ่นตระกองกอดผมขึ้นมาจากพื้น


ใบหน้าหล่อเหลาที่เคยเห็นทุกวันมีน้ำตาคลอหน่วย ผมลูบใบหน้าของเขาด้วยความแผ่วเบา อยากจะจดจำรายละเอียดบนใบหน้าของเขาทั้งหมดด้วยการสัมผัส


ผมมอบรอยยิ้มที่สวยงามที่สุดให้เขาแทนคำขอบคุณเท่าที่เด็กผู้ชายตัวเล็กๆคนนี้จะให้ได้


“เด็กโง่ ทำไมทำแบบนี้ ทำไมทิ้งพี่ไปง่ายๆแบบนี้ละครับ”หยาดน้ำตาลูกผู้ชายไหลลงมาจนเปียกแก้มผม


ผมไม่ได้ทิ้งพี่นะ ผมแค่ไม่อยากเป็นภาระให้พี่ต้องลำบากดูแล


นับตั้งแต่วันนี้ วินาทีนี้...
ไม่มีภาระที่ชื่อ ‘พริ้ม’ ให้ต้องดูแลอีกแล้วนะ
ไม่ต้องตื่นเช้าตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่สางมาทำกับข้าวให้ผมกินทั้งๆที่ตัวเองไม่กินข้าวเช้า
ไม่ต้องรีบกลับจากที่ทำงานเพราะเป็นห่วงผม


สิ่งที่ทำให้ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันมันเป็นสิ่งที่ผมไม่สมควรได้รับจากพี่เลย
ขอให้พี่เจอแต่คนดีๆเข้ามาในชีวิตของพี่นะ
พี่เป็นความ ‘อบอุ่นใจ’ ของผม


“พริ้มมมมม!!!”เสียงกรีดร้องจากปากเทพบุตรของผมดังขึ้นเมื่อผมปิดตาลงด้วยความเหนื่อยอ่อน
เสียงกรีดร้องทรมานใจจากปากของเขาเหมือนใบมีดคมๆนับล้านเล่มที่กรีดใจผม


ผมขอโทษที่ทำให้พี่ร้องไห้เสียใจ
น้ำตาของพี่มันมีค่ามากเกินกว่าจะมาเสียไปเพราะผู้ชายไร้ค่าแบบผม


ผมขออวยพรให้พี่มีอนาคตที่ดี…อนาคตที่ไม่ถูกฉุดรั้งไว้เพราะมีผมอยู่เคียงข้างกาย
ขอให้พี่เจอคนที่ดีที่คู่ควรและเหมาะสมกับพี่
ผมจะคอยมองพี่ลงมาจากบนฟ้านะ ถึงมันจะไกลไปหน่อย แต่ผมรู้ว่าความปารถนาดีที่ผมมีให้พี่ จะส่งลงมาถึงพี่แน่นอน


พี่ธิวาอย่าร้องไห้สิครับ
พริ้มทำให้พี่ธิวาเสียใจเหรอครับ
พริ้มขอโทษนะ

นับตั้งแต่วันนี้มันจะไม่มีอีกแล้ว
ไม่มีพริ้มให้พี่เสียใจอีกแล้ว


ลาก่อน...





ตอนนี้เป็นตอนที่แต่งยากมา ไม่รู้ว่าจะแต่งให้ทุกคนสามารถเข้าใจถึงอารมณ์ของน้องได้จริงๆหรือเปล่า

ขอบคุณนะคะที่ช่วยหาทางแก้เรื่อง word เราโง่เองที่ไม่เปิด sync ไว้

อ่านตอนนี้แล้วต้องหน่วงกันแน่เลย เลยเอามาให้อ่านก่อนที่วันหยุดยาวจะหมดไป

ฝากทวิตภพ #พริ้มกับdaddy ด้วยนะคะ

อวยพรย้อนหลังขอให้ทุกคนมีความสุขในวันแม่น้า ขอให้คุณแม่ทุกๆคนมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบรูณ์นะคะ

ขอบคุณที่คอยติดตามกันเสมอมา

ดรั๊ก








« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-08-2018 16:34:10 โดย แม่พิเสือ »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด