Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH27 [16|01|62] P13
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH27 [16|01|62] P13  (อ่าน 75411 ครั้ง)

ออฟไลน์ manami_01

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 980
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-1
 :mew4:ฮืออออออออ เอรีสรีบเปิดใจคุยเถอะก่อนปัตถ์จะตัดใจ

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5

ออฟไลน์ armize

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ตามตาม

ออฟไลน์ didididia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1

ออฟไลน์ joborcusier

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 194
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
รอนะค้าาา สู้ๆน้า :mew1:

ออฟไลน์ manami_01

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 980
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-1
 :mew6: รอออออออ

ออฟไลน์ sompong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ไปไหนหนอ เรารอเธออยู่นะจ๊ะ  คริคริ

ออฟไลน์ anin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
Chapter 13


   ข้างฐิติที่ถูกทิ้งไว้ที่ร้านอาหารเพียงลำพังทั้งโมโหแล้วก็ไม่พอใจ คนงี่เง่าแบบเอรีสที่ทั้งเอาใจยากแถมถืออำนาจและสั่งเป็นนิสัย แต่เรื่องที่ขัดใจฐิติมากที่สุดคงเป็นเรื่องที่เอรีสไม่ยอมให้เขาเข้าไปร่วใวงสนทนากับมิสเตอร์เจซีนี่ล่ะ ไม่รู้ว่าทั้งคู่พูดคุยอะไรไปถึงไหนแล้ว

    คิดได้ดังนั้นฐิติจึงหยิบโทรศัพท์เพื่อโทรหาคนที่เขาคิดถึง แต่ไม่ว่าจะโทรหาเท่าไรปลายสายก็ไม่มีทีท่าว่าจะรับ ความหงุดหงิดจากเรื่องาน กำลังถูกเพิ่มเติมมาเป็นความหงุดหงิดจากคนรักด้วยยิ่งทำให้ฐิติใกล้ถึงจุดเดือดเข้าไปใหญ่

    นานนับสิบนาทีกว่าที่อีกฝ่ายจะโทรกลับ

    “ทำไมไม่รับโทรศัพท์ครับ อยู่กับใคร” พออีกฝ่ายโทรกลับมาเจ้าตัวก็ส่งสัญญาณความไม่พอใจกลับไปในทันที

    “ผมอาบน้ำอยู่ ขอโทษนะ”

    เสียงนุ่มหวานหูส่งกลับมาไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกดีเลย เพราะเท่าที่รู้นิสัยของแฟนหนุ่มมันชวนมีเรื่องให้ระแวงใจโดยตลอด มีหลายครั้งที่เขานอกใจจนถูกจับได้ หลังๆ เข้าเจ้าตัวเลยไม่นึกไว้อกไว้ใจผู้เป็นคนรักสักเท่าไร

    “อาบน้ำจริงหรือเปล่า วีดีโอคอลเลยครับ ผมอยากเห็น”

   “ตอนนี้เหรอ” ปลายสายร้องเสียงหลง แต่ยิ่งอีกฝั่งอิดออดเท่าไร คนที่ร้อนใจก็ยิ่งไม่ยอมอ่อนข้อให้โดยง่ายอยู่ดี

   “ใช่ ตอนนี้เลยครับ หรือว่าคุณคอลไม่ได้ครับ ทำไมครับ ไม่สะดวกเพราะอยู่กับใครหรือไงครับ”

    “โอ๋ๆๆๆ คนดีของผมงอนอีกแล้ว ไม่เอานะครับผมอาบน้ำอยู่จริงๆ”

   “ถ้าอย่างนั้นเปิดกล้องครับ” ฐิติยังคงทำเสียงดุใส่

    “ได้สิครับ” อีกฝ่ายเปิดกล้อง ภาพเปลือยอกของฝ่ายนั้นจึงปรากฏให้เห็นในสายตา ไม่พอยังไล่กล้องไปด้านหลังห้องตนเองโดยทั่วเพื่อให้อีกฝ่างพอใจ “เชื่อหรือยังครับ เห็นไหม บอกแล้วว่าอยู่คนเดียว”

    “ก็ดีแล้วครับที่อยู่คนเดียว” เสียงนั้นอ่อนลง สีหน้าบึ้งตึงเอาเรื่องเมื่อครู่ดีขึ้นตามลำดับ

    “กินข้าวหรือยังคนดี กินกับอะไรครับ”

    “เพิ่งกินเสร็จครับ แล้วก็เพิ่งกลับมาถึงห้อง

   “อร่อยไหม”

   “อาหารที่นี่ก็ใช้ได้ แต่น่าโมโหไปสักหน่อยที่ถูกทิ้งไว้ให้กินคนเดียว”

    “แล้วเจ้านายล่ะ”

    “ทิ้งผมทันทีที่เจอเลขาเก่า น่าโมโหเป็นบ้าเลย ผมไม่เคยเจอใครน่าโมโหแบบนี้มาก่อน ถ้าไม่ติดว่าหล่อแล้วก็รวย ผมว่าคงไม่มีใครอยากอยู่ใกล้ด้วยแน่ๆ”

    “หืม เจอกันที่นั่นเหรอ” อีกฝ่ายทำสีหน้าสงสัย แล้วถามอย่างครุ่นคิด

    “ใช่ครับ บังเอิญน่าดู พอเอรีสเห็นปุ๊ปก็ลุกพรวดพราดออกไปเลย ทิ้งผมให้ต้องกลับโรงแรมคนเดียว ไม่มีมารยาท”

    “ปัถย์มาทำอะไร คุณรู้ไหม”

    “ผมไม่แน่ใจครับ แต่รู้สึกว่าเขามากับเพื่อน”

    “แล้วเรื่องที่ไปคุยกันวันนี้ล่ะ คุณพอจะได้อะไรมาบ้างไหม”

    “ไม่เลยครับ เขาไม่ยอมให้ผมเข้าไปคุย ปล่อยให้ผมรออยู่ด้านนอกเป็นั่วโมง ดูแล้วน่าจะเป็นเรื่องที่สำคัญพอดู” ฐิติอธิบายตามความจริง

    “แล้วเอกสารล่ะ คุณพอจะได้เห็นบ้างไหม”

    “ไม่เลยครับ เขาเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อนอก แต่คุณไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ผมจะลองหาวิธีดูก่อนว่าจะเอาข้อมูลมาได้ยังไง”

    ฐิติยังคงพูดให้ฝ่ายแฟนหนุ่มเบาใจ ยังไงเสียเขาก็จะไม่ยอมมาที่นี่แล้วเสียเที่ยวโดยไม่ได้ข้อมูลอะไรไปแน่

    “โครงการนี้สำคัญมานะ ผมอยากได้โครงการนี้ด้วย”

    “ผมจะช่วยคุณเองครับ คุณเชื่อใจผมได้”

    “ผมเชื่อใจคุณเสมอ” ฝ่ายนั้นพูดเอาใจ “พักผ่อนเถอะ คุณเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”

    “คุณเองก็พักผ่อนเยอะๆ นะครับ แล้วก็อย่าออกไปเที่ยวนะครับ”

   “ไม่ไปครับ”
   






{ปัถย์}

    “ให้โอกาสฉัน”

    “…”

    สิ่งที่ได้ยินกลับทำให้ผมรู้สึกถึงความไม่มั่นคง... ทั้งไม่มั่นคงทางอารมณ์ ความนึกคิด และการตัดสินใจ

   สติและสมองบอกว่า ‘อย่าเชียวนะ’ แต่หัวใจของผมกลับร่ำร้อง เพรียกหา เต้นเร่าๆ อยากโผเข้าใส่ ส่วนลึกที่ผมพยายามซุกซ่อนไว้ คือ...ขอให้เขารักผม ให้เขาต้องการเพียงผม และขอให้เขามีเพียงผม...

   ถึงที่สุดแล้วคนที่เป็น Loser ตัวจริงก็ยังคงเป็นผมอยู่วันยันค่ำ แม้เอรีสจะเป็นคนที่เปล่งวาจาเว้าวอน แต่คนที่ต้องการร้องขอความเห็นใจมันกลับกลายเป็นผมเอง

   ดูเถอะ ใครกันแน่ที่ต้องการความเมตตา เอรีสหรือว่าผม?

 เมื่อได้เห็นสีหน้าอมทุกข์ของเอรีส หัวใจบางๆ ของผมก็เจ็บร้าวไม่ต่างกัน แม้ความโดดเดี่ยวที่ผ่านมาในชีวิตจะหล่อหลอมให้ผมกล้าแกร่งยามต้องเผชิญหน้ากับความทุกข์หรือความผิดหวัง แต่ในยามที่เห็นดวงตาไร้ซึ่งความสุขขเองเอรีสผมกลับเหมือนตัวเองใกล้แหลกละเอียดเป็นผุยผงเสียให้ได้

 ผมไม่รู้ว่าการโอกาสมันจะดีต่อเราทั้งคู่ไหม หรือจะเป็นแค่การประวิงเวลาแห่งการสูญเสียให้ทอดยาวออกไป ตั้งคำถามกับตัวเองอยู่ตลอดว่าจะมีวันนั้นจริงหรือ จะมีโอกาสแบบนั้นจริงๆ?

   ทั้งที่ผมเฝ้ารักเอรีสมาก็หลายปี เห็นในทุกๆ รายละเอียดความสัมพันธ์ก็เรียกได้ว่าเกือบทุกครั้ง สุดท้ายคนที่เอรีสรักใคร่ใยดีจริงจังไม่เคยปรากฏให้เห็นเป็นตัวเป็นตน

    “คุณจริงจัง? ที่คุณต้องการคือตัวตนที่เป็นผม... หรือผู้ช่วยคนเดิมที่รู้งาน คนที่ทำงานรู้ใจคุณทุกอย่าง”

   คำถามนี้ผุดขึ้นมาเป็นอันดับแรก หากว่าผมไม่ได้ถามออกไป ผมคงค้างคาใจไปตลอดชีวิต

   “ทุกอย่าง...” เอรีสตอบกลับมาแบบไม่อ้อมค้อม


    “…”

    “ฉันเป็นคนเห็นแก่ตัว เป็นคนโลภ อยากได้ไปหมดทุกอย่าง จะผู้ช่วยคนเดิมที่รู้ใจรู้งาน เพื่อนกินข้าว คนที่นั่งรถไปไหนมาไหนด้วยกัน คนคุยตอนรถติด หรือแม้แต่กระทั่งคนที่อยู่ข้างๆกันในวันที่ฉันไม่มีใคร... แล้วเมื่อไม่นานที่ผ่านมา ฉันก็รู้ว่าฉันอยากตื่นตอนเช้าแล้วเจอนาย นั่นคือทั้งหมดที่ฉันอยากจะได้”

    เอรีสตอบกลับมาแบบที่ไม่มีความลังเล ดวงตาที่มุ่งมั่นของเขาทำให้ความแห้งแล้งในจิตใจของผมมีชีวิตชีวาขึ้น

    “คุณเรียกร้องจากผมเยอะมาก”

   “ก็ใช่ ถ้าทุกอย่างที่เป็นนาย ฉันก็ยากได้มันทั้งหมด”

   “แล้วถ้าผมให้สิ่งนั้นกับคุณไม่ได้”

   “ฉันก็จะไม่ยอมแพ้ แต่ฉันไม่ได้ทำเพราะอยากเอาชนะหรอกนะ ฉันแค่อยากมีนาย ฉันแค่อยากซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตัวเองให้มากๆ ไม่อยากห่างจากนายอีกแล้ว อยากบอกว่าเสียใจที่ตลอดเวลาผ่านมาฉันไม่ได้ใส่ใจ...เรื่องระหว่าเรา”    ดวงตาเอรีสบ่งบอกว่าเขารู้สึกแย่จริงๆ

   “ไม่ใช่ไม่ใส่ใจ แต่สายตาของคุณมัวแต่มองคนอื่นอยู่”

   “ก็เพิ่งมารู้ว่าตัวเองบางทีก็โง่เหมือนกัน แก้ตัวตอนนี้คงไม่ทันแล้วใช่ไหม”

    “หึหึ” ผมหัวเราะ “คุณก็ไม่ได้ผิดอะไร คุณแค่เป็นในแบบที่เคยเป็นมาตลอด”

    “นี่ไง ขอโอกาสอยู่เนี่ย เราได้ลองเรียนรู้กันได้ไหม ไม่ใช่แค่เจ้านายหรือลูกน้อง”

   “แต่ก็ยังไม่ใช่คนรัก?”

 ผมรู้ว่าเอรีสไม่พร้อมจะลงหลักปักฐานกับใครจริงๆ เขาไม่เคยมีความสัมพันธ์แบบคู่รักกับใคร จะมีก็แค่คู่เดทที่ข้ามผ่านไปจบด้วยการเป็นคู่นอน

    “คุณจะต้องการผมอีกนานแค่ไหนครับ ที่ผ่านมาคุณคบใครก็ไม่เคยเกินครึ่งปี”

   “ทำไมไม่คิดบ้างว่ายังไม่เจอคนที่ใช่” เสียงนั้นเบา หากจริงจังและแน่วแน่

   ผมมองสีหน้าและแววตาสำนึกผิดของอีกฝ่าย แต่ใช่ว่าเอรีสจะดูหมอบราบคาบแก้วเสียทีเดียว ยังไงเสือก็คือเสือ เพราะท่าทางผึ่งผายองอาจในตัวเขายังข่มขวัญความตั้งใจจริงของผมได้

    “แล้วถ้าผมเองก็ยังไม่ใช่ล่ะ ระหว่างเรา... ก็จะเหมือนอย่างที่คุณเคยเบื่อคนที่ผ่านๆ มาแบบนั้นหรือเปล่า”

    “อย่าเพิ่งรีบด่วนตัดสินฉันจะได้ไหม อดีตย้อนกลับมาไม่ได้หรอกนะ แต่ถ้านายให็ฉันได้แก้ตัว... ฉันจะทำทุกอย่างให้ดีสำหรับเรา”

   เอรีสขยับรุกไล่เข้ามา เราทั้งคู่ห่างกันไม่มาก กลิ่นน้ำหอมอันคุ้นเคยลอยผ่านปลายจมูก ฝ่ามือหน่ของเอรีสจับข้อมือของผมไว้ข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างก็รั้งต้นคอผมไว้เพื่อไม่ให้ผมถอยหนี ใบหน้าคมเข้มและแววตาเป็นประกายตรึงผมไว้กับที่ โสตประสาททั้งหมดของผมเปิดการรับรู้ หัวใจผมเต้นตึกตัก มันสั่นสะท้านรุนแรง มือเริ่มชื้นเหงื่อทว่ากลับเย็นเฉียบ ร่างกายผมแข็งทื่อเหมือนท่อนไม้ จะถอยหนีก็ไม่กล้า จะขยับเข้าหาก็ไม่ได้

   เราสบตากัน ผมพยายามอ่านความคิดในใจของอีกฝ่ายให้ถ่องแท้ไปถึงภายใน ซึ่งไม่ต่างจากเอรีสเลยที่จับจ้องมาที่ผม จนแทบจะกลืนกิน ลมหายใจของเขาเป่ารดอยู่ที่ข้างกระหม่อม เสียงคลื่นซัดชายฝั่งจากไกลๆ เหมือนเพลงขับกล่อมระหว่างที่เรากำลังสนทนากันอยู่ มือของเอรีสไล่จากต้นคอระหัวแม่งโป้งกับสันกรามของผม นิ้วมืออุ่นปัดผ่านหนักสลับเบาสอดคล้องกับเสียงซัดฝั่งของเกลียวคลื่น แม้จะเป็นการแตะต้องเพียงน้อยนิดเพียงปลายนิ้วสัมผัสแต่ก็ทำให้หัวใจของผมเต้นแรง เลือดในการอุ่นซ่านจนแทบเดือด

   เพียงชั่ววินาทีริมฝีปากหนาก็บดเบียดลงที่ริมฝีปากของผม แต่แทนที่ที่จะผลักเขาออกไป ผมกลับยอมให้เอรีสไล้ปลายลิ้นกับปากที่ปิดสนิทอย่างใจเย็นไม่เร่งรีบอะไร ปลายลิ้นอุ่นเริ่มแทรกผ่านเข้ามาทีละน้อยจนจากจูบที่เย้าแหย่งบางเบาเมื่อครู่เริ่มเร่าร้อนและเรียกร้องตามลำดับเพราะความโหยหาและคิดถึง

   กระทั่งจุมพิตที่ยาวนานนับสิบนาทีถูกขัดจังหวะจากแสงไฟของรถที่ขับผ่านเข้ามา ผมผละออกแต่เอรีสยังคงรัดวงแขนไว้แน่นไม่ยอมให้ผมขยับออกได้ง่ายๆ เขายิ้มอ่อนโยนให้พร้อมกับดวงตาที่ทำให้ผมแทบจะใจอ่อนในทันที

    “ผมต้องการเวลาครับ”

   “นานแค่ไหน” เสียงนั้นอ้อยอิ่ง ริมฝีปากที่ทาบประกบเมื่อครู่ยังไม่ยอมผละออกไปง่ายๆ

   “ผมไม่รู้”

   “…พรุ่งนี้มาเอาคำตอบ”

   “ไม่เร็วขนาดนั้นครับ”

   “สองวัน” เอรีสไล่ริมฝีปากมาที่กรามของผม เคราที่เริ่มขึ้นใหม่ของเขากำลังทำให้ผมจักจี้

   “สองเดือนครับ ผมขอเวลาสองเดือน”

   “นานไป รอขนาดนั้นไม่ได้หรอก”

   “ก็ไม่ต้องรอครับ”

   “เฮ้อ!” เอรีสถอนใจแล้วเม้มเบาๆ ทีหนึ่งที่ต้นคอของผม เล่นเอาผมสะดุ้งเพราะไม่ทันตั้งตัว “เดือนเดียว แล้วจะมาทวงคำตอบ แต่ระหว่างนั้นขอร้องว่าอย่าเงียบหายไป แล้วก็อย่า... ไปมีคนอื่น”

   “…” ผมเงยหน้ามองเขา เห็นดวงตาหวานเชื่อมที่พาลให้ใจละลาย

   “รับปากสิ”

   “ครับ”

   “นี่ก็ดึกแล้ว คุณควรกลับโรงแรมไปพักผ่อน”

    ผมรีบตัดบท เมื่อหัวใจส่งสัญญาณเตือนว่ากำลังอยู่สภาวะอันตราย...

    สุ่มเสี่ยงที่จะเสียหัวใจง่ายๆ ไปอีกครั้ง

   “นึกว่าจะชวนให้ไปหาอะไรดื่มบนห้องเสียอีก”

   “…” ผมมองจ้องเอรีสแบบดุๆ

   “โอเค พรุ่งนี้เช้าจะมารับไปกินข้าวเช้านะ” เอรีสถอนใจ แล้วบอกเสียงอ่อน เขาคงรู้ว่าผมไม่มีทางโอนอ่อนผ่อนตามง่ายๆ และเขาก็ฉลาดมากพอที่จะไม่รุกไล่ให้หงุดหงิดใจไปมากกว่านี้

   “ไม่ต้องมาหรอกครับคุณกินที่โรงแรมนั่นล่ะดีแล้ว อีกอย่างผมอยากตื่นสายๆ กว่าผมจะตื่น คุณก็คงหิวจนปวดท้องแล้ว” ผมพยายามบอกปัดแบบอ้อมๆ

   “ฉันก็คิดว่าจะตื่นสายๆ เหมือนกัน แล้วก็อยากกินพร้อมนาย มากๆๆๆๆ”

    เอรีสยักคิ้วให้ แถมยังยิ้มเจ้าเล่ห์ตอบกลับมาแบบน่าโมโหอีกต่างหาก ดวงตาที่แน่วแน่อบบนี้รู้เลยว่าต่อให้ดื้อดึงเพียงใดก็ไม่อาจเอาชนะเอรีสได้แน่ๆ

    “ถ้าแบบนั้นก็สักแปดโมงแล้วกันครับ คุณพักที่ไหน ผมไปหาเองดีกว่า”

    “ไม่เอา อยากมาหา”

    “เฮ้อ! ตามใจครับ”




 

   ทั้งๆที่ผมว่าอยากจะนอนตื่นสาย แต่พอถึงเวลาจริงๆ ผมกลับตื่นนอนตั้งแต่ย่ำรุ่ง และใช้เวลานอนครุ่นคิดเรื่องของเอรีสจนเวลาล่วงเลยเกือบเจ็ดโมงเช้าจึงได้ฤกษ์ลุกจากเตียงและใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำพักใหญ่ ออกมาก็แต่งตัวด้วยเสื้อยืดกับกางเกงยีนขาสั้นแบบง่ายๆ ไม่ได้คิดพิถีพิถันอะไรเป็นพิเศษ

    ในเวลาแปดโมงตรง ผมที่เดินลงมาถึงล๊อบบี้ก็เห็นอดีตเจ้านายสุดโหดนั่งรออยู่แล้ว

   เราสบตากันนิ่ง เอรีสขยับตัวแล้วยิ้มอ่อนๆ แบบหล่อกระชากใจส่งมาให้ ผมมองเสื้อฮาวายลายดอกแบบง่ายๆ กับผมเผ้าที่ปล่อยตามธรรมชาติ ไร้การจัดแต่งทรง แต่ถึงกระนั้นเอรีสก็ยังดูดีและมีระดับไม่เสียบุคคลิคอันโดดเด่นแตอย่างใด เพราะสาวน้อยสาวใหญ่ที่เดินผ่านไปผ่านมามีแอบชำเลืองเอรีสบ้างเพราะความสะดุดตาอันเป็นแบบฉบับของเขา

    ผมเดินเข้าไปหาเขาและยิ้มตอบให้น้อยๆ

    “มานานแล้วเหรอครับ”

    “สิบนาที” เสียงทุ้มตอบกลับมา หลังจากเหลือบมองนาฬิกาบนข้อมือนิดหน่อย

    “ที่จริงน่าจะพักผ่อนนะครับ”

    “ก็บอกว่าจะมาชวนไปกินข้าวเช้าด้วยไง”

    “ทำไมต้องทำให้ลำบากล่ะครับ”

    “บอกเหรอว่าลำบาก” เอรีสเย้าเสียงนุ่ม ดวงตาดูระยิบระยับเหมือนกับว่ากำลังอารมณ์ดีอะไรนักหนา เขาลุกขึ้น ขยับเข้ามาใกล้ผมแล้วหยิบแว่นตากันแดดสุดเท่ที่เหน็บไว้ตรงเสื้อขึ้นสวม

    “แล้ว... มายังไงครับ”

   ผมร้องถามอย่างสงสัย เพราะมองดูแล้วผู้ช่วยคนใหม่ของเขาไม่ได้มาด้วย

    “ขับรถมาน่ะ ไปกันเลยไหม”

    “ครับ?” 

    “กินข้าวไง ไปเถอะ”

    เอรีสพูดจบก็ลุกขึ้น แถมยังกางฝ่ามือแตะแผ่นหลังของผมจนผมสะดุ้งเล็กน้อย ไม่พอเจ้าตัวยังเอามือมาโอบผมแบบไม่บอกไม่กล่าวเล่นเอาผมรีบผละออกเป็นการด่วน ที่สะดุ้งเพราะปกติเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ เอรีสมักจะรักษาภาพลักษณ์ แลละเขาวางตัวค่อนข้างดีไม่มีหลุดมาดอะไรๆ ออกมาง่ายๆ

    “ตกใจอะไร” เขายิ้ม แล้วทำสีหน้าล้อเลียนกลับมา จนผมเองถึงกับวางตัววางสีหน้าไม่ถูก

    “ถึงเนื้อถึงตัวไปครับ” ผมเผลอพูดอย่างที่ใจคิด

    “อะไร นิดเดียวเอง เดทกันก็ต้องมีบ้างล่ะน่า”

    “เดทอะไรครับ” ผมเงยหน้าขึ้นไปมอง ก็รู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่เป่ารดอยู่ข้างกระหม่อม “พูดแบบนี้ผมไม่ไปด้วยนะ”

    “ล้อเล่น อย่าโมโหสิ”

   “ไม่ได้โมโหครับ แค่จะบอกว่าอย่างทำรุ่มร่ามกับผม”

   “โอเคๆ ไปเถอะ กินข้าวกัน”

    ถึงจะพูดแบบนั้น แต่เอรีสก็ยังพาดแขนไว้บนบ่าผม ออกแรงน้อยๆ เพื่อให้ผมเดินตามเจ้าตัวออกไปจนถึงที่รถ ผมที่พยายามเบี่ยงตัวออกก็ไม่อาจชนะความดื้อดึงของอีกฝ่ายง่ายๆ

    “อยากกินอะไร?” เอรีสถามผมขณะที่กำลังสตาร์ทเครื่องรถยนต์

    “แล้วแต่คุณเลยครับ” ผมตอบส่งๆ ไป

    “อาหารทะเลไหม” เขาถาม แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วกดอะไรๆ ไปสักพักแล้วยื่นโทรศัพท์มาให้ผม “เห็นรีวิวของบล๊อคเกอร์ดูน่าอร่อย” เขาหันมายิ้มให้ สีหน้าขอความคิดเห็น

    ภาพอาหารทะเลสดๆ มีทั้งปูทั้งกุ้ง แล้วยังมีปลาหมึกอีก จะว่าไปก็น้ำลายสออยู่เหมือนกัน

   “ตามใจคุณครับ”

    “งั้น... ไปนะ”

    “ครับ”

    เอรีสขับรถออกจากที่พักของผมมุ่งเข้าสู่ถนนเลียบชายหาด ผมมองสองข้างทางไปเรื่อยๆ ไม่ได้พูดอะไร ผมยังคงจมกับความเงียบ

    “จะกลับกรุงเทพฯวันไหน” เอรีสเป็นฝ่ายที่ทำลายความเงียบก่อน

 ผมหันไปมองเขานิดหนึ่ง เสี้ยวหน้าที่คุ้นเคยคล้ายกับวันเก่าๆ แต่ครั้งนี้เอรีสเป็นคนขับรถ ไม่ใช่ผม

    “ยังไม่แน่ใจครับ คุณล่ะ กลับวันไหนครับ” ผมอดไม่ได้ที่จะถาม ความอยากรู้ในความเป็นไปเรื่องของเขายังวนเวียนอยู่ในสมองผม

    “ตอนแรกจะกลับวันนี้ แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจ”

    “…” ผมหลบตา โดยไม่ได้พูดอะไรเราเงียบอยู่อึดใจหนึ่ง แล้วเอรีสจึงขยายความต่อ

   “เพราะเจอนาย ฉันเลยว่าจะกลับวันอาทิตย์เลย มีอีกหลายที่นะที่อยากไป ไปด้วยกันนะปัถย์”

    “ผมบอกว่าจะไปด้วยเหรอครับ”

    “ก็จะขอให้ไปด้วย”

    ขณะที่เอรีสกำลับพูดอยู่ เสียงโทรศัพท์ของเจ้าตัวที่ยังคงอยู่บนตักผมก็ดังขึ้น

    ผมมองที่หน้าจอแล้วเห็นเป็นชื่อของมิสเตอร์เจซี เลยยื่นส่งคืนให้เขา

    “รับให้หน่อย เปิดสปีคเกอร์โฟนเลย”

    เอรีสสั่งง่ายๆ ความรู้สึกเหมือนคืนวันที่ผมยังเป็นผู้ช่วยของเขาไม่มีผิด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องานหรือเรื่องส่วนตัวขอเอรีสไม่มีเรื่องไหนที่ผมไม่รู้

    “เอรีสครับ...”

    ผมทำท่าจะแย้งว่ามันไม่น่าจะเหมาะ ตอนนี้สถานะของผมเปลี่ยนไปแล้ว ยิ่งถ้าเป็นเรื่องงานที่มีความสำคัญก็ยิ่งไม่ควรใหญ่ ทุกอย่างต้องเป็นความลับของบริษัท คนนอกอย่างเขารู้ไปก็ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์

    “รับสิ ไม่เป็นไรน่า” เอรีสเหมือนจะเดาใจออก ผมที่ยังคงลังเล แต่เอรีสก็ทำทีเป็นไม่สน เสียงโทรศัพท์ก็เร่งเร้าแผดเสียงไปเรื่อยจนผมทนไม่ไหวกดรับให้ในที่สุด

    “รับแล้วครับ” ผมเตือน เพราะเอรีสไม่ยอมพูดอะไร อีกฝ่ายที่โทรเข้าก็เงียบเช่นกัน ผมเลยถอนใจแล้วจะต้องเอ่ยกับฝ่ายตรงข้ามแบบเสียไม่ได้ “สวัสดีครับ”

   “เอรีสอยู่ไหมครับ”

    “พูดเลยมีอะไร” เอรีสทักอีกฝั่ง น่าโมโหที่เขาทำเป็นยึกยักไม่ยอมรับโทรศัพท์ จะมาติดนิสัยเหมือนเมื่อก่อนก็ไม่ได้แล้ว

    “เมื่อกี้ คุณปัถย์เหรอ” ฝั่งผู้สนทนาที่เดาว่าน่าจะเป็นมิสเตอร์เจซีเอ่ยทัก

    “อืม ปัถย์” เอรีสครางในลำคอ เหลือบมองผมเล็กน้อยก่อนยิ้มให้

    “ไหนว่าลาออกไปแล้วไง”

    “ก็ใช่ ลาออกไปแล้วแต่บังเอิญเจอกันน่ะ”

    “เอออย่างนั้นเหรอ... จะโทรมาถามว่าจะกลับวันไหน ถ้าไม่รีบกลับเย็นนี้มากินข้าวด้วยกันสิ ฉันกับอินว่าจะทำบาร์บีคิวริมหาดต้อนรับขณะผู้เข้าร่วมประมูลงาน จัดแบบเล็กๆ เป็นกันเอง”

    “ได้ เดี๋ยวไป”

    “แล้ว... คุณปัถย์จะมาไหม”

    ฝ่ายนั้นถามมา ซึ่งผมที่นั่งฟังอยู่รีบหันไปส่ายหัวไปมา เป็นเชิงเซย์โนกับเอรีสในทันที

    “ปัถย์บอก...โอเค” เอรีสบอกอีกฝ่ายคนละเรื่องกับผมเลย

โอ้ย! น่าโมโหจริงๆ

    “เอรีส!” ผมกระซิบเสียงดุ โบกมือบอกไม่ไป แต่คนอย่างเอรีสก็ไม่ได้คิดจะฟังอะไรผมอยู่วันยันค่ำ

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
ยังคงเจ้าบงการตลอด คราวนี้ให้ฉลาดๆหน่อยละกันนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
เอรีสสสสส ขอรุกหนักๆเลยนะ

เอาเลขาออกไปเล่ยยยย :fire:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
ชอบเอรีส  จอมโมเม  555  น่ารักดี
ปัถ  อย่าเพิ่งใจอ่อนนะ  อิอิ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
คราวนี้ได้โอกาสมาแล้วก็ใช้ให้เต็มที่นะ แสดงความจริงใจให้ปัถย์เห็นซะ ไม่งั้นเราจะยึดปัถย์แล้วนะ!

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เอรีส คนโมเม โมเมได้ทุกเรื่องที่ตัวเองได้ประโยชน์  :hao4:

ปล. กด +เป็ดให้แล้วแต่คะแนนเป็ดไม่ขึ้นอ่ะ  :z3:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
รอตอนต่อไป~

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ sompong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
คู่นี้จัดว่าเด็ดดด

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ BitterCucumber

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 136
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
บอสจะทำตัวละมุนละม่อมได้อีกนานแค่ไหนคะ

ออฟไลน์ joborcusier

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 194
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :hao7: เอรีสนายมันร้ายกาจ

ออฟไลน์ sompong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
คิดถึงเอริสจัง อย่าหายไปนานนะครับบบ :z10:

ออฟไลน์ Trystan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ปัถย์คนดี น่ารักที่สุด
เอรีสอย่าทำเสียอีกหละ
มาต่อไวๆนะคับ :ruready :pig4:

ออฟไลน์ anin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
Chapter 14



   “เอรีส ทำไมคุณถึงตอบไปแบบนั้น ผมไม่ได้จะไปด้วยนะครับ”

   ปัถย์ส่งเสียงโวยแบบจริงจังติดจะห้วนอยู่ในที ทั้งที่ปกติเขาจะใช้โทนเสียงสุภาพกับเอรีสเสมอ ไม่มีขึ้นเสียงหรือใส่อารมณ์ ฝ่ายเอรีสที่แม้จะรู้ว่าปัถย์ไม่ค่อยสบอารมณ์กับตนเป็นอย่างมาก แต่ก็ยังส่งยิ้มหวานๆ ไปให้อีกฝ่ายราวกับไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร

   “เอาน่าปัถย์ ก็มาเที่ยวไม่ใช่หรือไง มีของฟรีให้กินไม่ชอบหรือไง”

   “มันเกี่ยวกันเสียที่ไหนครับ อีกอย่าง ผมไม่ใช่คนเห็นแก่กิน”

   ปัถย์โต้กลับเสียงแข็ง จะว่าไม่พอใจก็ไม่เชิง มันเหมือนหงุดหงิดกับความหน้ามึนของเอรีสมากกว่า

   “ก็ไม่ได้จะว่าแบบนั้นเสียหน่อย แค่อยากชวนให้ไปด้วยกัน อยากให้ไปเป็นเพื่อน... ไปกันสองคน”

   ดวงตาเอรีสระยิบระยับอีกแล้ว... และคำว่าสองคนมันฟังดูจักจี้แปลกๆ เอาเรื่องอยู่เหมือนกัน

   ปัถย์รู้สึกว่าเอรีสมักจะพูดจากหยอดเขาหนักข้อขึ้นทุกที ไหนจะสีหน้าและแววตากรุ่มกริ่มนั่นก็ด้วย ต่อให้เขาอยากจะใจแข็งหรือปั้นหน้ายังไง ก็คงจะหลุดอาการเอาง่ายๆ จะใจแข็งได้อีกกี่มากน้อยก็ต้องรอดูกันต่อไป

   “ตารางงานของคุณว่างมากเหรอครับ ลองให้คุณฐิติจัดเวลาให้ใหม่ดีไหม”

   ปัถย์แกล้งย้อนกลับบ้าง เพราะดูแล้วเอรีสทำเหมือรชิลเสียเหลือเกิน เห็นแล้วก็หมั่นไส้อยู่เล็กๆ ก็เพราะตอนเขาอยู่ตารางนัดเสาร์อาทิตย์เอรีสต้องไปคุยเรื่องธุรกิจนอกรอบกับผู้หลักผู้ใหญ่ตลอด จะหาเวลาส่วนตัวจริงๆ แทบไม่มี แต่พอเปลี่ยนเลขามาทีนี้ก็ดูจะสบายจนน่าอิจฉา

   “เอาจริงๆ ก็ติดอยู่หลายนัด แต่บอกฐิติให้เลื่อนออกไปหมดแล้ว อยากอยู่ที่นี่กับนายให้นานอีกนิด”

   คำตอบของเอรีสพาให้คนที่ได้ฟังหัวใจฟูฟ่องขึ้นมา จนต้องแก้เก้อด้วยการเมินสานตาออกไปนอกรถ ไม่อยากให้คนที่ทำร้ายจิตใจมาตลอดได้ใจ

   “แค่อยากมีเวลาอยู่ใกล้ๆ รู้ไหมว่าคิดถึง แค่ไม่ถึงอาทิตย์มันเหมือนกับนานเป็นเดือนเป็นปี อยากเจอ อยากคุยด้วย”


ปึก!

   คำพูดของเอรีสกระแทกเข้ามาในใจของปัถย์เต็มๆ สีหน้าที่ติดจะเย็นชาบึ้งตึงเกิดอาการแดงระเรื่องอย่างควบคุมไม่ได้

   “เลี่ยนครับ”

   ปัถย์บอกแก้เก้อ ทั้งที่รู้สึกไปในทางตรงกันข้าม ตอนนี้ใจของเขาอ่อนยวบลงไปมาก แต่ก็ไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองไปเพียงฝ่ายเดียว เพราะเวลาที่เจ็บแผลที่เกิดขึ้นอาจรักษาและสมานตัวได้ยากลำบากจริงๆ

   “ฮึๆ พูดจริงก็บอกเลี่ยน”

   “เก็บคำหวานๆ ไว้พูดกับคู่เดทคุณเถอะครับ ผมไม่อิน”

   “ก็นี่เราเดทกันอยู่นะ”

   “…เอรีส ผมไม่ตลกนะครับ”

   “พูดจริงก็ไม่เชื่อ” ไม่พูดเปล่าแต่เอรีสกลับแกล้งลูบมือที่วางอยู่บนตักเบาๆ แต่ปัถย์ก็รีบดึงออกเช่นกัน

   “อย่ารุ่มร่ามครับ” น้ำเสียงนิ่งๆ บ่นขึ้น

   ปัถย์ที่พยายามดึงมือของตัวเองออก แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่สู้แรงคนดื้ออย่างเอรีสได้

   “ปัถย์” เสียงนิ่งๆ กับแรงที่กอบกุมตรงอุ้งมือ ทำให้ปัถย์อดไม่ได้ที่จะเผลอสบตาขึ้นมามอง

   “ครับ”

   “คิดถึง”

   “…”

   ปัถย์แค่นิ่งฟัง แต่ไม่ได้พูดอะไร เจ้าตัวยังคงมองออกไปด้านนอกเพื่อชื่นชมกับวิว ส่วนเอรีสก็ทำแค่เพียงอมยิ้มอ่อนๆ มองใบหน้าเรียบเฉยของคนข้างๆ อย่างอ่อนโยนเป็นระยะ สลับกับการมองเส้นทางข้างหน้าด้วยอารมณ์สุนทรีย์




   
   เอรีสพาปัถย์ขับรถเลียบชายหาดไปตามเส้นทางที่บล๊อคเกอร์ชื่อดังได้บอกไว้ ที่จริงแล้วเขาเองก็ไม่สันทัดเรื่องการท่องเที่ยวหรือเรื่องอาหารการกินสักเท่าไร เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาไม่มีความจำเป็นแม้แต่น้อยที่จะต้องดั้นด้นเพื่อไปตามหาของอร่อย จะมีปัถย์คนที่นั่งข้างๆ นี่ล่ะ ที่เป็นคนจัดแจงหาของที่ตนชอบมาเสริฟให้ถึงที่เอง

   ผิดจากตอนนี้ เอรีสรู้สึกเริ่มสนุกกับการพาขับรถพาปัถย์ไปไหนต่อไหน ก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าเพราะอะไรจึงนึกอยากเอาอกเอาใจ คงเพราะอยากเห็นปัถย์ยิ้มให้เขาสักนิดสักหน่อยล่ะกระมัง ดูสิ... เห็นนั่งหน้าบึ้งตั้งแต่ที่เขาบอกว่าปัถย์จะไปร่วมงานเลี้ยงเล็กๆ ที่เจซีเป็นคนเชิญ

   “หิวหรือยัง” เอรีสร้องถาม เขาพาปัถย์ลัดเลาะตามแผ่นที่มานานพอสมควร เป็นห่วงอยู่ว่าคนข้างๆ จะปวดท้องไปเสียก่อน ไม่รู้ว่าอดีตเจ้านายคนนี้จะได้กินข้าวตรงเวลาบ้างหรือเปล่า ฐิติจะคอยเตือนเขาไหม

   “ก็... นิดหน่อยครับ” ปัถย์บอกตามความรู้สึก ไม่ได้คิดจะเล่นแง่อะไรสักเท่าไร

   “อืม อีกสามกิโลก็ถึง ทนหน่อยนะ”

   “ครับ ว่าแต่คุณไม่ชวนคุณฐิติมาด้วยกันล่ะครับ ทิ้งไว้ให้อยู่โรงแรมคนเดียวเหงาแย่”

   “ทำไมต้องเหงา งานก็ทิ้งไว้ให้ทำ นี่วันศุกร์นะ”

   “ทำไมใจร้าย” ปัถย์ทำตาโต แถมยังทำสีหน้าเหม็นบูดให้อีกฝ่ายที่พูดจาฟังแล้วไม่น่ารักสักเท่าไร “มาด้วยกันทั้งที ก็น่าจะชวนมากินของอร่อยด้วยกัน”

   “ถ้าจะพาใครสักคนไปกินของอร่อย ก็มีแค่นายนี่ล่ะ รู้หรอกน่าว่าชอบอาหารทะเล”

   เอรีสชำเลืองมานิดหนึ่งก่อนตีไฟเลี้ยวเข้าสู่ร้านที่ตั้งใจมาพอดี

   “ถึงแล้ว”

   เอรีสบอกเสียงนุ่ม หันไปยิ้มให้ปัถย์แบบขี้อ้อน ซึ่งปัถย์ก็ทำแค่เพียงกรอกตาไปมา จนใจกับท่าทางทะเล้นผิดวิสัยปกติแบบนี้

   ทั้งคู่ลงจากรถแล้วเดินเข้าสู่ด้านใน บรรยากาศของร้านอาหารริมชายหาดครึกครื้น มีทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติ จนพนักงานต้อนรับเชิญเขาทั้งคู่ไปยังมุมหนึ่งที่สามารถรับลมทะเลได้ บริกรหยิบเมนูให้ทั้งคู่และรออ้วยท่าทางสุภาพ

   “อยากกินอะไร”

   เอรีสรับเมนูอาหารแล้วยื่นให้อีกฝ่าย ปัถย์ทำท่าลังเล แต่พอเห็นดวงตากับสีหน้าอีกฝ่ายที่แสดงชัดว่าให้ตนสั่งก่อน ปัถย์เลยจนใจ

   “ผมขอ... ไข่เจียวกุ้งสับ ปูผัดผงกระหรี่ แล้วก็ต้มยำรวมครับ”

   ปัถย์เปิดเมนู แล้วสั่งอาหารเอรีสชอบแทนที่จะเป็นเมนูโปรดของตัวเอง จะบอกว่าเป็นความเคยชินก็ไม่ผิดนัก

   “ผมขอปูม้านึ่ง กับผัดฉ่าทะเล แล้วก็ข้าวสวยหนึ่งโถ”

   เป็นเอรีสที่สั่งเมนูโปรดของปัถย์ต่อท้ายให้ ยิ้มอ่อนๆ เมื่อได้ยินรายการอาหาร อย่างน้อยที่สุดปัถย์ก็ยังจำได้ว่าเขาชอบกินอะไร ก็เหมือนกับเขาที่จำได้แม่นว่าปัถย์นั่นชอบกินอะไร ติดแต่ว่าเมื่อก่อนปัถย์เองที่มักจะเป็นคนคอยเทคแคร์เขา แต่ตอนนี้เอรีสตั้งใจแน่วแน่แล้วว่าเขานี่ล่ะจะสลับหน้าที่กับปัถย์บ้าง ถึงตอนนี้จะเป็นเขาที่เป็นฝ่ายเทคแคร์เอาใจปัถย์ จะสปอยให้หนักชดเชยที่ผ่านมาเขาไม่ได้ใส่ใจคนใกล้ตัวที่แสนจะสำคัญคนนี้

   สักพักใหญ่อาหารที่สั่งถูกเสริฟลงบนโต๊ะ ทั้งคู่ต่างลงมือรับประทานอาหารกันเงียบๆ จากบรรยากาศแล้วก็อาหารที่อร่อยถูกปากส่งผลให้อารมณ์ของคนทั้งคู่ค่อนข้างดี และพูดคุยเรื่องราวต่างๆ อย่างลื่นไหลขึ้น ปัถย์ไม่ได้ตั้งป้อมปั้นปึงกับเอรีสแต่อย่างใด แต่ก็ยังวางตัวสุภาพเป็นทางการรักษาระยะปลอดภัย

   “โครงการของมิสเตอร์เจซีเริ่มแล้วหรือครับ” ปัถย์ชวนคุยเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าเอรีสมาที่นี่ด้วยเหตุผลอะไร

   “ใช่ เมื่อวานก็ได้รายละเอียดมาแล้วนะ นี่ก็ยังหาเวลาดูรายละเอียดไม่ได้เลย”

   “คุณงานยุ่งมากเลยหรือครับช่วงนี้”

   ปัถย์ถามไปอย่างเป็นห่วง สีหน้านิ่งๆ แต่แววตากลับดูสนอกสนใจ จากที่สังเกตเอรีสเช็คเมลในมือถืออยู่บ่อยครั้ง ทั้งที่เมื่อก่อนเป็นเขาเองที่เป็นฝ่ายจัดการให้มันเลยรู้สึกแปลกอยู่หน่อยๆ

   “ก็ยุ่งอยู่ รู้สึกว่าอะไรมันรวนๆ ไปหมด ทั้งแผนงานส่วนตัว แล้วก็ของบริษัท ตอนนี้มีสัญญาของอีกห้าบริษัทวางรอไว้บนโต๊ะ ยังหาเวลาอ่านไม่ได้เลย ไหนจะงานประมูลของอีกโครงการที่ต้องทำราคา ยังหาที่จบไม่ลง นี่ส่งสัยจะพลาดงานเอาง่ายๆ”

   เอรีสจงใจพูเกินความจริงไปอีกนิด เพื่อทำให้ตัวเองดูน่าสงสารกว่าที่ควรเป็น จับสีหน้าและอากับกริยาของอดีตผู้ช่วยหนุ่มได้ว่ากำลังเป็นห่วงเขาอยู่ไม่น้อยมันก็ทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นไปอีกนิด

   “โครงการไหนครับ” ปัถย์ฟังแล้วก็ลังเลอยู่แป๊บหนึ่งก่อนที่จะถาม

   “โรงแรมริมแม่น้ำเจ้าพระยา ของกลุ่มธุรกิจG น่ะ”

   เอรีสกำลังหมายถึงโครงการโรงแรมที่มีศูนย์การค้ารวมอยู่ด้วย เป็นโคงการติดแม่น้ำย่านคลองสานที่กำลังเริ่มหาผู้รับเหมาโครงสร้างหลักอยู่ ซึ่งก็แน่ว่าคู่แข่งคงมีอย่างต่ำหกเจ้าตามมาตรฐานการร่วมประมูล ซึ่งก็คงเป็นรายเดิมๆ ที่มีระดับความหน้าเชื่อถือไม่น้อยหน้าไปกว่ากัน ดังนั้นธุรกิจก่อสร็างเป็นอะไรที่มีการแข็งขันสูงเลยทีเดียว

   “คุณต้องปล่อยงานให้คุณฐิติบ้างนะครับ อย่าเก็บงานไว้คนเดียว” ปัถย์พูดตามที่คิด พอจะรู้อยู่พอควรว่าเอรีสคงรู้สึกว่าฐิติทำงานไม่ถูกอกถูกใจสักเท่าไร

   “นายก็รู้ว่าฉันไม่เคยหวงงาน แต่ฉันยังไม่เชื่อมือฐิติให้ทำงานระดับนั้น”

   เห็นไหมล่ะ นึกอะไรไว้ไม่มีผิดสักนิด

   “เขาเป็นผู้ช่วยคุณ คุณต้องไว้ใจเขา ให้เขาช่วยคุณทำงาน แบบนี้คุณเองจะเหนื่อย แล้วเขาก็จะไม่มีโอกาสได้เจองานจริง”

   “…”

   เอรีสไม่ได้พูดอะไร สีหน้านิ่งแต่ในใจกลับครุ่นคิดบางอย่างอยู่ ดวงตาแน่วแน่มองแล้วให้ความรู้สึกลึกลับซับซ้อนอย่างที่สุด

   “คุณต้องให้โอกาสคุณฐิติทำงานนะครับ เหมือนอย่างที่คุณเคยให้โอกาสผม”

   เอรีสถอนใจน้อยๆ สิ่งที่เขาคิดอยู่ยังไม่ถูกอธิบายให้ปัถย์ฟัง เพราะบางอย่างที่เขายังไม่ค่อยจะมั่นใจนัก มันก็แค่เซ็นท์ไม่มีข้อพิสูจน์

   “เย็นนี้ตอนไปกินข้าวกับเจซี ฉันอยากหาอะไรติดมือไปสักหน่อย เดี๋ยวเราเข้าไปห้างในเมือง หาไวน์ดีๆ ติดไม้ติดมือไปด้วยดีไหม”

   เอรีสจงใจเบี่ยงประเด็นสนทนา สีหน้าเคร่งเครียดเมื่อครู่เปลี่ยนไปเหมือนสลับฉาก ดึงเอาอารมณ์ด้านสว่างกลับมาเสียจนปัถย์ตั้งตัวไม่ติด ก็ดูเถอะเจ้าตัวไม่พูดเปล่าแต่ขยับใบหน้าเข้ามาใกล้ ส่งยิ้มที่สาวเห็นแล้วคงใจสั่นมาให้อีก ขนาดเขาเป็นผู้ชายยังขัดเขินเอาง่ายๆ

   “ผมไม่อยากไป ไม่ไปได้ไหมครับ” ปัถย์ปฏิเสธ สีหน้าจริงจัง

   “ไวน์ขาว หรือไวน์แดง”

   “เอรีสครับ ฟังผมหรือเปล่า”

   “ซื้อไปสองขวดเลยดีหว่า อินชอบไวน์ขาว”

   “…เอรีส”

   “ฟังอยู่ ไมต้องทำหน้าบึ้งด้วย” ไม่ว่าเปล่า เอรีสเอามือแตะแก้มปัถย์น้อยๆ เป็นเชิงหยอก ซึ่งปัถย์ก็ปัดมือหนาออกเช่นกัน เขาหันมองไปรอบๆ เพราะกลัวจะเป็นขี้ปากคนอื่น

   “แล้วทำไมถึงชอบทำไม่รู้ไม่ชี้ เหมือนกับไม่ได้ยินที่ผมพูด”

   “ได้ยินสิ นายพูดอะไรฉันก็ตั้งใจฟังตลอด”

   “แต่ไม่สนใจจะทำอย่างที่ผมบอก?”

   “ก็อยากให้ไปด้วยกัน ขอร้อง นะ...”

   เสียงที่ทั้งออดอ้อน แววตาก็ดูหม่นลงจนน่าสงสาร ปัถย์ได้แต่ส่ายหน้าอย่างยอมใจ

   “ขอกลับไม่ดึกนะครับ”

   “ไม่ดึก สัญญา”



มีต่อด้านล่าง

ออฟไลน์ anin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
ต่อค่ะ



   ฐิติอาศัยช่วงเวลาหลังจากที่เรีสออกไปข้างนอก ไปขอคีย์การ์ดสำรองของห้องเอรีสเปิดเข้ามาภายในห้องพักสุดหรู และไม่รีรอโดยอาศัยเวลาในตอนที่เอรีสไม่อยู่เพื่อนแอบเข้ามาหาเอกสารข้อมูลที่ตนต้องการ ฐิติเดินเข้าห้องนอนและเริ่มลงมือค้นจากลิ้นชัก และโต๊ะตรงหัวเตียง เมื่อไม่พบเจ้าตัวก็สอดส่ายสายตาไปทั่ว เพราะต้องรีบทำเวลา กลัวเหลือเกินว่าเกิดเอรีสกลับอะไรๆ จะยากขึ้น

   ใช้เวลาเกือบห้านาทีฐิติก็ยังไม่เจอเอกสารลับที่ต้องการ เจ้าตัวเริ่มนึกใคร่ครวญถึงสถานที่ที่เอรีสจะเก็บ...

   กระเป๋าเสื้อ...

   ใช่สิ กระเป๋สเสื้อสูทตัวนั้น

   นึกได้ฐิติก็รีบเดินไปที่ประตู มองหาเสื้อที่คุ้นตา เดี๋ยวเดียวก็เห็นเป้าหมายที่ต้องการ รีบเปิดกระเป๋าเสื้อด้านในแล้วก็พบซองเอกสารอยู่จริง เจ้าตัวรีบหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาแล้วจัดการทำเหมือนเช่นครั้งก่อนคือการถ่ายภาพปึกเอกสารทุกหน้า แล้วเก็บเข้าซองเช่นเดิม ก่อนที่จะนำซองนั้นเก็บใส่เสื้อนอกไว้ จัดระเบียบตู้ของเอรีสอีกนิด เพื่อไม่ให้เห็นถึงความผิดปกติก่อนที่เขาจะปิดตู้ แล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว

   ฐิติรีบลงมาที่ฟรอนต์และจัดการคือคีย์การ์ดให้แก่เจ้าหน้าที่ โดยไม่ลืมยิ้มให้ฝ่ายตรงข้างอย่างสุภาพและรีบกลับมาที่ห้องด้วยความรวดเร็ว เมื่อมาถึงห้องพัก ฐิติรีบเปิดเอกสารต่างๆ ด้วยความฉับไว เขาห็นรายละเอียดการเข้าร่วมประมูลซึ่งประกอบไปด้วยTOR และสเปควัสดุต่างๆ ที่ค่อนข้างละเอียด แต่สิ่งที่ฐิติที่พอใจอย่างที่สุดคือในช่องตาราง BOQ ดูเหมือนว่าเอรีสจะเริ่มใส่ราคาตัวเลขต่างๆ ลงไปบ้างแล้ว...

   แบบนี้ก็ดีเลย!

   ฐิติยิ้มในหน้าอย่างพอใจ ความหวังที่เขาจะได้เริ่มต้นชีวิตครอบครัวกับคนที่รัก มันใกล้เข้ามาแล้วสินะ







   “เชิญครับเอรีส สวัสดีครับคุณปัถย์ คุณฐิติ เชิญนั่งก่อนครับ เดี๋ยวผมจะให้เด็กมาบริการ” เสียงของอินเอ่ยทักทายทันทีที่คนทั้งคู่ปรากฏตัวของทั้งสามคนตอนนี้ภายในงานเลี้ยงแบบเป็นกันเองมีแขกเหรื่อมาก็ไม่น้อย

   “สวัสดีครับคุณอิน นี่ครับของฝาก”

   ปัถย์ส่งขวดไวน์ทั้งสองขวดให้ฝ่ายเจ้าภาพ จากที่เอรีสเที่ยวพาปัถย์ไปไหนต่อไหนด้วยบ่อยครั้ง ปัถย์จึงค่อนข้างคุ้นเคยกับคนตรงหน้าพอควร

   “มามือเปล่าก็ได้ ไม่เห็นต้องลำบาก เข้าไปหาอะไรกินก่อนครับคุณปัถย์ เอรีสครับ เจซีถามหาคุณอยู่ยังไงก็แวะไปหาเขาหน่อยนะครับ เห็นอยากจะคุยอะไรด้วย”

   “โอเค เดี๋ยวผมตามไป ฝากบอกว่าขอพาคนนี้ไปหาอะไรกินรองท้องก่อน” เอรีสพยักหน้าไปทางปัถย์ บอกเป็นกรายๆ ว่าปัถย์ใครที่ถูกกล่าวถึงมีความสำคัญมากเพียงใด

   “ตามสบายครับ ยังไงผมขอตัวก่อน เดี๋ยวจะบอกเจซีให้นะครับ” ว่าจบอินก็เดินจากไปเพื่อต้อนรับแขกที่มาใหม่ ปล่อยให้ทั้งสามหนุ่มไว้ด้วยกัน

   “คุณเอรีสอยากรับประทานอะไรไหมครับ เดี๋ยวผมจะไปตักให้” ฐิติกล่าวอย่างสุภาพ และพยายามเอาใจผู้เป็นนายหวังไให้อีกฝ่ายพอใจและไว้ใจให้ได้ในเร็ววัน แต่จากท่าทีแล้วเอรีสไม่ใช่คนที่เข้าหาได้ง่ายเท่าไร

   “ไม่ต้อง ผมกับปัถย์จัดการตัวเองได้”

   “ครับ...” ฐิติตอบรับด้วยเสียงสุภาพ แม้ในใจจะโมโหอยู่นิดๆ ก็ตาม

   “ไปหาที่นั่งกันก่อนเถอะครับ คนเริ่มเยอะแล้ว”​ ปัถย์บอกทั้งสอง เมื่อมองไปรอบๆ

   “นั่งตรงโน้นไหม”

   เอรีสกระซิบถามถามเสียงนุ่มก้มใบหน้าคมคายลงใกล้ๆ เฉียดแก้มปัถย์ไปแบบฉิวเฉียด พลางชี้มือไปยังมุมหนึ่งที่เงียบสงบกว่าตรงอื่น ด้วยห่างจากบาร์อาหารอยู่พอควร

   “ไปนั่งก่อนไป เดี่ยวไปหาอะไรมาให้กิน” เอรีสสั่งแล้วแตะแผ่นหลังปัถย์เบาๆ

   “ไม่เป็นไรครับ ผมจัดการเองได้”

   “อย่าดื้อ ถ้าไม่อยากอายคน”

   ประโยคหลังเอรีสจงใจกระซิบให้พอได้ยินแค่สองคน ใบหน้าคมของคนตัวสูงกว่าก้มลงน้อยๆ ปลายจมูกโด่งแตะกกหูของปัถย์อย่างตั้งใจ ทำให้คนที่ถูกสัมผัสชิดเชื้อนิ่วหน้า เบี่ยงตัวออกเล็กน้อยด้วยไม่ให้ใครต่อใครผิดสังเกต แต่นั่นก็ใช่ว่าฐิติที่อยู่ใกล้คนทั้งคู่เพียงเมตรเดียวจะไม่เห็นหรือไม่ได้ยิน

   “พาปัถย์ไปนั่งหน่อย”

   เมื่อน้ำเสียงเผด็จการส่งมาให้ผู้ช่วยคนใหม่ ช่างต่างกันราวฟ้ากับเหว ขัดหูของคนได้ฟังอย่างฐิติเป็นอันมาก ฟังแล้วทั้งโมโหและหมั่นไส้ปัถย์ขึ้นมาตะหงิดๆ ยิ่งเห็นเอรีสโอ๋เอาใจก็ยิ่งไม่ชอบขี้หน้าขึ้นมาแบบไร้เหตุผล แต่ด้วยเป็นคนเก็บอารมณ์เก่ง ใบหน้าของฐิติจึงปรากฏรอยยิ้มและเอ่ยขึ้น

   “ครับ เชิญครับคุณปัถย์” บอกด้วยน้ำเสียงสุภาพ ข่มอารมณ์บางอย่างไว้ได้อย่างแนบเนียน

   “คุณไปหาอะไรทานก็ได้นะครับ” ปัถย์ถอนหายใจและยอมเดินเคียงข้างฐิติมาเงียบๆ พอได้เห็นสีหน้าเจื่อนของฐิติก็รู้สึกเห็นใจไม่น้อย เพราะการทำงานกับเอรีสนี่ถ้าไม่รู้ใจก็ถือได้ว่าสาหัสเอาการทีเดียว

   “เดี๋ยวรอคุณเอรีสก่อนก็ได้ครับ ผมไม่ได้หิวอะไร ว่าแต่คุณปัถย์เถอะครับ สบายดีไหม”

   “สบายดีครับ”

   “แล้ว... ตอนนี้ทำงานอะไรที่ไหนอยู่ครับ”

   “ผมยังอยากพักผ่อนอยู่ครับ เดือนหน้าค่อยว่ากันอีกที นี่ก็กะจะพักยาวๆ เพราะถ้าผมทำงานแล้วก็คงหาจังหวะเที่ยวแบบสบายใจยาก”

   “แล้วนี่มาเที่ยวหรือครับ” ฐิติมองคนตรงหน้าอย่างพิจารณา ที่ผ่านมาความสัมพันธ์ระหว่างเอรีสกับอดีตผู้ช่วยจัดได้ว่าคลุมเครือชวนให้คิด แต่มาวันนี้ไพ่ใบต่างๆ ถูกหงายออกหมดแล้ว เอรีสกับปัถย์คงจะมีความลึกซึ้งต่อกันมากเอาการทีเดียว ดูจากภาษากาย แววตาและคำพูด เอรีสย่อมต้องคิดกับปัถย์มากกว่าอดีตลูกน้องคนสนิทอย่างไม่ต้องสงสัย จะพูดว่าหลงใหลคลั่งใคล้เลยก็ไม่ผิด สายตาคู่คมที่ไม่ละจากอดีตผู้ช่วยหนุ่มเลยตั้งแต่นั่งรถมาด้วยกัน

   “พอดีเพื่อนทำงานอยู่ไซด์งานแถวนี้เลยแวะมาเที่ยวหาครับ”

   “ที่เจอคุณเอรีสคงเพราะความบังเอิญสินะครับ”

   “แบบนั้นละครับ...  ว่าแต่คุณฐิติทำงานเป็นยังไงบ้าง ปรับตัวได้แล้วใช่ไหม” ปัถย์เบี่ยงประเด็นไปจากหัวข้อพูดคุย

   “ก็กำลังพยายามอยู่ครับ มีบ้างที่ยังไม่ถูกใจเอรีสเท่าไร”

   ดวงตาของฐิติดูเปิดเผย สีหน้ามีท่าทางยิ้มแย้มจนปัถย์รู้สึกเบาใจจากลักษณะของฐิติที่ดูเป็นคนใจเย็น กับความสามารถที่มีติดตัวมาปัถย์เลยคิดว่าอีกไม่นานฐิติคงจะแทนที่เขาได้โดยสมบูรณ์

   “เอรีสแค่ชอบความรวดเร็ว กับความเป็นระเบียบ ถ้าอยู่ไปสักพักก็จะจับทางได้เองนั่นล่ะครับ สำคัญที่สุดคืออถ้าเขาเดือดเมื่อไร คุณฐิติต้องใจเย็นให้มากๆ รอเวลาสักพัก ให้เขาสงบลงก่อนแล้วพูดเหตุผลให้เขาฟัง ทุกอย่างก็จะดีขึ้นเอง”

   เอรีสไม่ใช่คนร้ายกาจ เขาแค่เป็นคนที่ชอบความสมบูรณ์แบบ แล้วคนที่เก่งรอบด้านพอมาเจอกับอะไรที่ไม่ได้อย่างใจก็มักหัวร้อนไว้ก่อน นั่นคือนิสัยเสียๆ ที่ถ้าเจ้าตัวแก้ได้ เขาจะเป็นเจ้านายที่น่ารักมาก เพราะเรื่องอื่นๆ เอรีสคือต้นแบบของเจ้านายในฝัน

   “แบบนั้นเหรอครับ”   

   “ครับ”

   “จะว่าไปแล้วนะครับคุณปัถย์ ผมขอปรึกษาอะไรหน่อยได้ไหมครับ”

   “ได้ครับ”

   “ผมมีปัญหาเรื่อง... คิวนัดของคุณเอรีสอยู่นิดหน่อย เรื่องคู่เดทของคุณเอรีสน่ะครับ”

   คำว่าคู่เดท ทำเอาหางตาของปัถย์กระตุก แต่สีหน้าก็ยังราบเรียบได้เฉกเช่นปกติ

   “ผมจัดเอ่อ... ตารางนัดเดทของเอรีสพลาด เอรีสต่อว่าผมค่อนข้างหนัก ซึ่งถ้าจะพูดถึงเรื่องงานผมก็ไม่เคยผิดพลาดอะไรนะครับ ก็มีแต่เรื่องส่วนตัวของเอรีสนี่ล่ะครับที่เป็นปัญหาสำหรับผมมาก” พูดไปสีหน้าก็แสดงความรู้สึกย่ำแย่ไปด้วย ซึ่งความจริงในส่วนนี้นับว่าไม่มีเลย ฐิติก็แค่ใส่สีตีไข่ไปตามความพอใจ ก็แค่นึกสนุกสุมไฟเรือนคนอื่นเพื่อแก้เผ็ดเท่านั้นเอง

   นั่นไง... แค่เชื้อไฟสะเก็ดเล็กๆ ที่หวังผลได้ ดูจากหน้าเปลี่ยนสีของปัถย์ยิ่งดูก็ยิ่งน่าขัน

   “คุณปัถย์ครับ ผมต้องทำยังไงกับเรื่องนี้ ผมไม่อยากให้เอรีสไล่ผมออก วันก่อนเอรีสบอกกับผมว่าทดลองงานแค่เดือนเดียว สั่งหนักสั่งหนาว่าอย่าทำพลาดเรื่องเดิมอีก” น้ำเสียงของฐิติฟังแล้วก็น่าเห็นใจ คนฟังอย่างปัถย์คล้อยตามคำบอกเล่า บางคำจริงบางคำเท็จแต่ใครจะรู้เล่า

   “คุณแค่ถามเอรีสไปว่าเขาต้องการพบใคร หรือไม่ต้องการพบใคร เอรีสเป็นคนตรงๆ ถ้าคุณถามเขาก็ตอบ ที่สำคัญที่อย่าให้ใครก็ตามเข้ามาในห้องทำงานเด็ดขาด ยกเว้นเสียแต่เอรีสจะอนุญาต”

   “ถ้าอย่างนั้นคงยกเว้นคุณคิมหันต์สินะครับ” ฐิติถามออกไปอย่างใสซื่อ

   โอ๊ะโอ... ฐิติลอบยิ้ม ดูเหมือนว่าเขาจะมีเรื่องสนุกๆ ทำเสียแล้ว

   ชื่อคิมหันต์ทำให้ปัถย์กลั้นลมหายใจ สีหน้าแสดงอาการชะงักแวบหนึ่ง

   ปัถย์นิ่งฟังสีหน้าว่างเปล่า แต่กลับคลี่รอยยิ้มมุมปาก คงมีเพียงเจ้าตัวเองที่รู้ว่ามันน่าหดหู่ขนาดไหน หัวใจเจ้ากรรมมันรู้สึกชาๆ เพียงใด ความไม่มั่นใจหวนกลับมาต่อให้ไม่อยากจะคิดมากก็ทำไม่ได้ง่ายๆ

   “คุณคิมหันต์เป็นคนพิเศษของเอรีสครับ” พูดไปใช่ว่าไม่เจ็บ

   “เหมาะกันนะครับ คุณเอรีสทรีตคุณคิมหันต์ดีมากเป็นพิเศษ คุณคิมหันต์เองก็วางตัวดี ดูมุมไหนก็ไม่เบื่อ เคยเห็นแววตาที่คุณเอรีสมองไหมละครับ หวานจนชวนละลาย” ฐิติพูดแบบสนุกปาก พลางนึกว่างานนี้ไม่เหนื่อยฟรีเสียแล้วมีอะไรสนุกๆ เล่นแก้เบื่อเสียด้วย

   ปัถย์ทำได้เพียงแค่นยิ้ม บังเกิดอาการคันยุบยิบที่หัวใจอย่างห้ามไม่ได้

   เมื่อก่อนตอนที่ยังไม่มีความหวังตนก็ยังห้ามใจไว้ไม่ให้คิดเตลิดคิดเข้าข้างตัวเอง แต่ที่เอรีสมาแจกยาหอมก็เหมือนให้ความหวัง

   “ตอนแรกผมก็เข้าใจว่าคุณกับคุณเอรีสมีบางอย่างที่พิเศษต่อกัน ดูจากที่ให้ความสำคัญกับคุณมาก อะไรๆ ก็ต้องคุณ แต่พอคุณลาออกไปผมก็งงพอดู ก็มากระจ่างตอนที่เจอคุณคิมหันต์ล่ะครับ ขอโทษนะครับที่เข้าใจผิดเรื่องคุณกับบอส” ฐิติกล่าวเสียงเนิบนาบ เฝ้าสังเกตท่าทีปัถย์ทุกอริยาบท แต่ปัถย์ก็ช่างเก็บอาการเก่งเสียจนน่านับถือ

   “…” ปัถย์ทำได้เพียงแค่ยิ้ม เขาไม่พูดอะไรให้มากความ

   กระทั่งเห็นเอรีสเดินมาแต่ไกลจึงหุบยิ้มที่ฝืนใจอยู่ลง

   ยิ่งพอเห็นเอรีสก็ยิ่งเจ็บ

   “คุยอะไรกัน” เอรีสถือแก้วน้ำอัดลมส่งให้ปัถย์ พร้อมกับวางของว่างให้อีกฝ่ายเพื่อรองท้อง ส่วนปัถย์ก็ทำเพียงแค่มองอย่างเฉยชา ไม่ยอมรับของจากอีกฝ่าย ยิ่งไปกว่านั้นยังโบกมือเรียกบริกรที่เดินถือถาดเครื่องดื่มแรงๆ มาให้แทนอีกต่างหาก

   เอรีสมองแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร เขานั่งลงเคียงข้างปัถย์ จงใจวางแขนพาดไปบนพนักเก้าอี้ของอีกฝ่าย ท่าทางคล้ายโอบกอดอยู่กลายๆ จนปัถย์ต้องขยับตัวออกห่างจากพนักพิงแบบให้ดูแนบเนียน พร้อมกันก็ลอบสังเกตสายตาของฐิติที่มองมาด้วยความไม่สบายใจ

   “ก็แค่เรื่องไม่เป็นเรื่องครับ” ปัถย์กล่าวช้าๆ แต่ไม่มองหน้าเอรีส

   น้ำเสียงนั้นช่างเย็นชาจนเอรีสนิ่วหน้า เอี้ยวตัวมาใกล้แล้วหันมองปัถย์แบบสังเกตอารมณ์ จึงรับรู้ว่าปัถย์มีบางอย่างรบกวนจิตใจอยู่ไม่มากก็น้อย แต่อะไรละที่รบกวนปัถย์... ทั้งที่เมื่อกี้ก็ยังดูมีท่าทีสบายๆ ไม่เคร่งเครียดเย็นชาแบบนี้เลย เอรีสหรี่ตาหันไปมองผู้ช่วยคนใหม่ที่นั่งอยู่ตรงข้าม สีหน้าของฐิติเรียบเฉยมีรอยยิ้มน้อยๆ กับแววตาวาววับชั่วแวบหนึ่ง แต่สัณชาตญาณบอกว่านี่ล่ะกระมังที่สร้างความขุ่นใจให้กับปัถย์

   “ถ้าแค่เรื่องไม่เป็นเรื่องก็แล้วไป คุณไม่คิดจะไปหาอะไรกินหน่อยเหรอ”

   เอรีสโพล่งใส่ฐิติออกมาดื้อๆ ฟังแล้วเหมือนเป็นการเอ่ยไล่มากกว่าห่วงใยประสาเจ้านายกับลูกน้อง มีเพียงความเย็นชากับแววตานิ่งสงบจนใครที่ได้ฟัง

   “ครับ งั้นผมขอตัวไปตักอาหารก่อนนะครับ”

   “เชิญ” ฐิติหน้าสลดลง กล่าวจบก็รีบลงจากโต๊ะแล้วเดินผละมาอย่างเงียบกริบ

   ปัถย์มองหลังของฐิติที่เดินผ่านไป ก่อนหยิบแก้วสีอัมพันในมือขึ้นกระดกรวดเดียวหมด ยอมรับว่าคำพูดของฐิติทำให้ตัวเองคิดมาก ความกังวลลึกๆ กำลังทำร้ายความเชื่อมั่นในตัวเองไปจนหมด ต่อให้เอรีสพูดให้ความหวัง แต่เขาก็ยังกลัว

   กลัวความไม่แน่นอน

   กลัวคนรอบข้างที่ผ่านมาในชีวิตของเอรีส

   ที่สำคัญที่สุด คือ...กลัวใจของเอรีส

   เขาควรทำยังไงดี ถึงจะสลัดความคิดงี่เง่าพวกนั้นออกไปให้ได้

   “ฐิติพูดอะไรให้นายไม่สบายใจหรือเปล่า” เอรีสถามอย่างหวังเอาคำตอบ แต่สีหน้าเมนเฉยของปัถย์ก็ทำให้เขาไม่สู้พอใจสักเท่าไร เขาอยากเห็นรอยยิ้มแบบสบายๆ ของปัถย์มากกว่าสีหน้าหม่นๆ แบบนี้ ดูแล้วมันเป็นเค้าลางของหายนะชัดๆ ยิ่งเพิ่งเจรจาความกันรู้เรื่อง เกิดมีอะไรไปกระทบใจปัถย์เข้าโดยที่เขาไม่ตั้งใจ หรือไม่ทันระวังก็มีหวังปัถย์เขี่ยเขาออกจากสารระบบอีก จะพาลให้ซวยไปใหญ่

   “มีอะไรที่ผมต้องไม่สบายใจเหรอครับ” ถามไปก็แสดงทีท่าไม่ใส่ใจไป

   “ปัถย์ ถ้าอะไรทำให้นายโกรธก็บอก ฉันไม่อยากให้เราเข้าใจกันผิดๆ อีก”

   เอรีสขยับแก้วเครื่องดื่มสีหวานให้ปัถย์ แต่รายนั้นส่ายหน้าแล้วฉวยแก้วเหล่าในมืออีกฝ่ายแล้วกระดกเอือกๆ แทน จนเอรีสได้แต่มองเพราะปัถย์ไม่ใช่คนที่ชอบดื่มสักเท่าไร ยิ่งตอนอยู่กับเขาปัถย์จะไม่ดื่มน้อยมาก

   “ไม่มีครับ” ปัถย์ตอบเมื่อวางแก้วเหล้าที่หมดลง

   “เฮ้!” เอรีสส่งเสียงปราม แต่อีกฝ่ายก็กวักมือเด็กเสริฟแล้วหยิบแก้วใหม่แล้วกระดกดื่มอีก แล้วรีบฉวยข้อมืออีกฝ่ายไว้แน่น 

   “ปล่อยครับ” ปัถย์ดึงแขนกลับ

   “เดี๋ยวเมา พอก่อนปัถย์”

   “ทำไมครับ ผมดื่มไม่ได้? ถ้าไม่ให้ดื่มก็พาผมกลับ”

   ปัถย์เลิกคิ้วขณะบอกเสียงยียวน นานครั้งจริงๆ ที่ตนจะหาเรื่องพูดจากท้าทายคนที่อยู่ตรงหน้าเสียที แล้วก็ได้เห็นสีหน้าหล่อดุของเอรีสขมวดคิ้วน้อยๆ ให้อย่างประหลาดใจด้วยคงไม่คิดว่าคนที่อยู่ใต้อานัติมาตลอดอย่างปัถย์จะหาญกล้ามาปะคารมด้วย

   “ดื่มได้ ก็ไม่ได้ว่าอะไร แค่ห่วงว่าจะเมาเร็ว”

   อ่า... ปัถย์ในโหมดนี้เขาไม่เคยเห็นนะ


   ท่าทีกวนๆ ชวนหาเรื่อง แล้วก็สีหน้าแง่งอนนี่ก็ด้วย จะว่าน่ารักก็น้อยไปหน่อยแบบนี้มันน่าฟัดที่สุด

   เอรีสเท้าคางแล้วจ้องตาปัถย์นิ่งๆ ทีท่าราวกับจะกลืนกินอีกฝ่ายลงท้องเสียให้ได้ถ้าลองได้สบโอกาส ผิดกับปัถย์ที่ดูหงุดหงิดใจ สีหน้าบึ้งตึงบอกบุญไม่รับ ผลสืบเนื่องมาจากคำพูดไม่กี่ประโยคของฐิตินั่นล่ะที่ทิ้งทุ่นระเบิดเอาไว้

   อินเดินมาหาเอรีสที่โต๊ะ เจ้าตัวยิ้มมุมปากเมื่อเห็นเอรีสกำลังจับข้อมือของปัถย์แล้วขยับหน้าเขาไปใกล้ก่อนกระซิบกระซาบอะไรกับอีกฝ่ายอยู่ จึงยกมือขึ้นเป็นเชิงขออนุญาตขัดจังหวะแล้วกล่าว

   “เอรีสครับ ขอรบกวนเวลาสักครู่นะครับ เจซีอยากคุยกับคุณ”

   “ได้สิ” เอรีสลุกขึ้น แม้จะมีทีท่าอิดออดอยู่บ้างแต่ก็จำใจลุกขึ้นไปเงียบๆ “เดี๋ยวมานะ อย่ารีบเมาล่ะ” เขาหันไปสั่งปัถย์ก่อนจะเดินตามอินไปอย่างเสียมิได้

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ T_TARS

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
นังฐิติ บังอาจมาทำให้ปัถย์หวั่นไหว
 :m16: :m16: :m16:

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
ฐิติ ยัยงูเห่า

ดูดิว่าข้อมูลชุดนั้นจะเป็นการวางยารึเปล่า อยากให้บอสฉลาดๆ นะ จะได้ลุ้นหน่อย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด