พิมพ์หน้านี้ - Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH27 [16|01|62] P13

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => ข้อความที่เริ่มโดย: anin ที่ 21-11-2017 10:52:25

หัวข้อ: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH27 [16|01|62] P13
เริ่มหัวข้อโดย: anin ที่ 21-11-2017 10:52:25
เก็บกระทู้ไว้  ------โมดุฯ

--------------------------------------------------------------------------------------------------

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   
เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


..♥♥ .•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•♥:::

ผลงาน




 (http://[/center)
..♥♥ .•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•♥:::

❝ Bad Guy ❞ [ my Boss ]  ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦



- แ น ะ นํ า ตั ว ล ะ ค ร -

ปัถย์
หลงรัก เจ้านาย หนุ่มของตัวเอง

เป็นความรักอย่างหมดจิตหมดใจ ในฐานะผู้ช่วยคนสนิทเขาจำต้องเห็นภาพบาดใจระหว่างเขากับบรรดาคู่ขา ในสต๊อก วันแล้ววันเล่าที่ต้องคอยสับราง รวมถึงสรรหาวิธีกำจัดพวกคนพวกนั้นให้พ้นไปจากเส้นทางเมื่อเจ้านายหนุ่มต้องการ งานนี้เหนื่อยกว่างานหลักของบริษัทเสียด้วยซ้ำ ก็เอรีสเปลี่ยนคู่นอนเปลืองยิ่งกว่ากระดาษชำระ อย่างนี้แล้วถ้ายังไม่ยอมถอนตัวคงต้องเสียใจอย่างเลี่ยงไม่ได้


 เอรีส ตริน เบอร์ตัน
ผู้ซึ่งเลิกศัทธาในความรักไปนานแล้ว ผู้หญิงและผู้ชายคนแล้วคนเล่าผ่านเข้ามาและผ่านไป เขาไม่เคยให้ราคากับคนเหล่านั้น
สำหรับเขา ปัถย์อาจเป็นผู้ชายเรียบๆ ทว่าเขาฉลาดไหวพริบเฉียบคม ที่สำคัญรู้ใจเขาไปเสียทุกเรื่อง
ด้วยความใกล้ชิดทำให้เขาปรารถนาผู้ช่วยของตัวเอง...

และเมื่อความเร่าร้อนเล็กน้อยอย่างไม่ตั้งใจระหว่าง เอรีส กับ ปัถย์ ในคืนหนึ่ง ทำให้เขาเริ่มรู้ใจตัวเองว่าผู้ช่วยคนนี้สำคัญและมีบทบาทกับเขาขนาดไหน
ด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ผู้ช่วยของเขากำลังเปลี่ยนไป
ปัถย์กำลังสร้างกำแพงใส่เขา อาจเพราะเหตุการณ์หวาบหวามหนึ่งคืนนั่นก็ได้

แต่เอรีส ไม่ใช่คนที่ยอมรับกับคำปฏิเสธ
ปัถย์ จะได้รู้ว่า... ลีลารักของเขา ก็ร้ายกาจไม่ต่างไปจากนิสัยของเขานั่นล่ะ

ในเมื่ออยากได้ เขาก็ต้องได้!


✿*゚‘゚・✿.。.:* *.:。✿*゚’゚・✿.。.:* *.:。✿

กราบรอบทิศ
ขอเปิดเรื่องใหม่ แต่ก่อนอื่นอยากเกริ่นนำก่อนนะคะ
ก่อนหน้านี้ เรื่องนี้เป็นนิยายโรมานซ์ ซึ่งanin ได้แต่งไว้ก่อนหน้านี้ แต่ว่าจนแล้วจนรอดก็ไปไม่ถึงฝั่ง

ทีนี้เลยถือโอกาส เอามาปัดฝุ่น แล้วก็ขัดเกลาใหม่ จนเป็นเรื่อง ❝ Bad Guy ❞ [ my Boss ]  ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦
ซึ่งดูแล้วน่าจะเข้ากับบริบทของตัวละครหลักได้ดีกว่า

ดังนั้นขอฝากเรื่องใหม่นี้ไว้ด้วยค่ะ

เนื้อเรื่องและสถานที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานที่ บุคคล หรือเหตุการณ์จริงใดๆ ทั้งสิ้น
ล้วนเป็นจิตนาการบ้าๆ บอๆ ของผู้เขียนที่มโนขึ้นมาเองล้วนๆ ค่ะ
หัวข้อ: Re: ❝ B a d G u y ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ บทนำ
เริ่มหัวข้อโดย: anin ที่ 21-11-2017 11:12:07
(http://i64.tinypic.com/294m7ah.jpg)


บทนำ

{ ปั ถ ย์ }

“ทำงานวันแรกสินะ”

ผู้ชายที่หล่อเหลาคมเข้มสมบูรณ์แบบในชุดสูทสามชิ้นสีดำสนิทหรี่ตามองผมที่อยู่ตรงหน้าอย่างประเมิน ชั่วแวบก็ปรากฎรอยยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ราวกับว่าเขากำลังกำลังเยาะเย้ยผมอยู่ในในที

คุณเอรีส เจ้านายคนใหม่ของผมพินิจผมอย่างจริงจัง

ผมไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรกันแน่ถึงได้ทำสายตาแบบนั้น


สายตาสีควัญบุหรี่ที่สุดลึกล้ำยากจะอ่านความรู้สึกได้ แต่กลับสร้างความปั่นป่วนในหัวใจของผมขึ้นทีละนิดๆ ผมไม่เคยอ่อนไหวง่ายๆ แบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต ผู้ชายคนนี้คือคนแรกที่ทำให้ผมรู้สึกหวั่นไหวด้วยตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ

“ผมชื่อปัถย์ เรื่องวิทย์ เพิ่งมาทำงานวันนี้วันแรก”

ผมเอ่ยแนะนำตัวช้าๆ แต่ยังคงจับจ้องใบหน้าหล่อเหลาของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้านายหมาดๆ ไม่วางตา

ผู้ชายตรงหน้าที่แสนจะหล่อเหลา คมเข้ม เขาคือบรุษหนุ่มเลือดผสมระหว่างตะวันออกและตะวันตก เขาดูดึงดูดผู้คน มีเสน่ห์ หล่อเข้ม และ อันตราย

เอรีสคือเจ้านายคนที่สองของผม หลังจากที่ลาออกจากงานเก่าด้วยเหตุผลจำเป็นบางอย่าง และงานใหม่นี้ก็สำคัญสำหรับผมมาก มันหมายถึงอนาคตของผมจะมั่นคงและก้าวหน้าขึ้นจากเดิม


ผมผ่านงานมาหลากหลายรูปแบบ ต้องดิ้นรนต่อสู่ด้วยสองมือสองเท้ามาตลอดชีวิต ตั้งแต่เป็นพนักงานบริการระดับล่างอย่างล้างจาน เด็กเสิร์ฟ เด็กเช็ดกระจก งานที่ล้วนแล้วไม่เคยถูกให้เกียรติ แต่ผมจำต้องทำเพื่อให้ตัวเองอยู่รอดและส่งตัวเองให้เรียนจบตามที่ตั้งใจไว้


นับว่าเป็นโชคดีอยู่บ้างที่ผมมีความมานะพยายามมากพอ การเรียนก็อยู่ในระดับน่าพอใจ เมื่อเรียนจบอาจารย์ท่านหนึ่งได้แนะนำงานในบริษัทแห่งหนึ่งให้ ทำได้อยู่สองปีเพื่อหาประสบการณ์ก็ของลาออก เหตุผลหลักคืออึดอัดใจบางประการ พอได้ข่าวจากเพื่อนคนหนึ่งว่าที่นี่เปิดรับสมัครงาน ผมก็ลองมาสมัครดู


ผมสอบผ่านข้อเขียน ผ่านการสัมภาษณ์ ถูกรับเข้าทำงานด้วยความรวดเร็ว มาถึงตอนนี้เจ้าก็ยังงงๆ อยู่เชียวว่าทำไมตัวเองถึงได้รับงานนี้อย่างง่ายดาย ทั้งที่บริษัทนี้คือบริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ และมีบริษัทลูกในวงการก่อสร้างมากมายระดับนี้จะมารับโนบอดี้อย่างผมอย่างง่ายๆ


ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะตอนนั้นเจ้านายหน้าโหดคนนี้  ไม่ได้อยู่สัมภาษณ์ด้วยก็ได้

ได้ยินมาว่าเขาเดินทางบ่อยและต้องการได้ผู้ช่วยส่วนตัวเป็นการเร่งด่วน ผมอาจมาในจังหวะที่เหมาะ และโชคเข้าข้างผม


“ปัถย์” เขาเรียกเสียงเข้ม และจ้องมองผมอย่างค้นหา “คุณรู้ไหมว่าในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา มีกี่คนที่เข้ามาทำงานในตำแหน่งนี้”


“ไม่ทราบครับ”


ผมส่ายหน้าน้อยๆ  ไม่รู้ว่าคำถามของเขาเป็นหนึ่งในบททดสอบหรือเปล่า


“ห้าคน”


เอรีสชูมือข้างหนึ่งแสดงตัวเลขนั้นให้รู้ แถมท้ายด้วยรอยยิ้มมุมปากที่ดูลึกลับซับซ้อนส่งกลับมาให้ รอยยิ้มที่ทำให้หัวใจชของผมกระตุก

“คุณคือคนที่หก ผมไม่แน่ใจว่าจะมีคนที่เจ็ดตามมาหรือเปล่า” คนตรงหน้าถอนใจ และลุกขึ้นยืน

เขาสูงมาก ราวๆ ร้อยแปดสิบห้าเซ็นติเมตรเห็นจะได้ เล่นเอาข่มให้ผมดูตัวกระจ้อยร่อยไปในทันตา

“แต่ก็เอาเถอะ เดี๋ยวก็รู้ว่าคุณจะอยู่ที่นี่ได้นานขนาดไหน” 
   

นี่เขากำลังนึกสบประมาทผมใช่ไหม


ผมไม่รู้หรอกว่าคนที่ผ่านๆ มาทำอะไรให้ผู้ชายคนนี้ไม่พอใจ แต่ผมเชื่อว่าตัวเองมีความอดทน และเรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว ถ้าโชคดีผมอาจผ่านการทดลองงานไปได้ ซึ่งนั่นคือความหวังเดียวของผม


“วันนี้มีอะไรบ้าง”


“เช้านี้มีประชุมเกี่ยวกับโครงการใหม่ที่เราประมูลงานโครงสร้างหลักได้ครับ หลังจากนั้นช่วงบ่ายคุณมีนัดกับคณะรัฐมนตรีเรื่องงานปรับปรุงรัฐสภาแห่งใหม่ ช่วงค่ำมีนัดกับคุณพลอยทิวาเป็นงานงานปาร์ตี้ที่คอนโด...”


ผมบอกพิกัดที่แน่นอนแก่เขา และประหลาดใจที่สุดกับชื่อพลอยทิวา นักแสดงสาวที่ตกเป็นข่าวฉาวรายวัน หล่อนเป็นเจ้าแม่จอมเทที่ใครๆ ก็พูดกันหนาหู แต่ครั้งนี้ผมก็ไม่แน่ใจว่าระหว่างเอรีสกับพลอยทิวา ใครจะเป็นฝ่ายเทใคร


เพราะเจ้านายของผมมีชื่อเสียงเรื่องความเจ้าชู้ไม่น้อยไปกว่ากันเท่าไรหรอกครับ


“หาของขวัญให้ด้วยนะ”


“เป็นอะไรดีครับ” ผมเอ่ยถามอย่างลังเล


“คิดสิ หน้าที่ของคุณนี่ จัดหาของงี่เง่าพวกนั้น อะไรก็ได้ที่ผู้หญิงจะพอใจ”


เอรีสพูดกลับมาด้วยน้ำเสียงรำคาญ เขาดูหงุดหงิดเวลาไม่ได้อะไรอย่างใจแบบนี้ตลอดหรือเปล่านะ ถ้าใช่คงไม่แปลกที่เขาเปลี่ยนผู้ช่วยบ่อยขนาดนี้


“จำกัดงบแค่ไหนครับ”


เอรีสขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่อึดใจหนึ่ง

“…แสนนึงมั้ง ไม่รู้สิ ผมไม่เคยรู้ว่าเลขาคนก่อนๆ ใช้เงินไปเท่าไร”


ผมได้ฟังแล้วสะดุ้ง 


ไม่คิดว่าเงินจำนวนนั้นจะถูกใช้แบบไม่สะทกสะท้าน เงินจำนวนนั้นเป็นค่าใช้จ่ายของตัวเองได้เป็นปีทีเดียว


“ได้ครับ ผมจะรีบจัดการให้คุณ”

ผมจดข้อความเร็วๆ มุ่งมั่นที่จะทำเพื่อให้เขาพอใจ



ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา หน้าที่ในการจัดหาของกำนัลให้สาวๆ ก็ตกอยู่ภายใต้ความดูแลของผม รวมถึงเรื่องที่ต้องดูแลทุกอย่างในชีวิตประจำวัน เริ่มด้วยเสื้อผ้า อาหารการกิน ชีวิตรักๆ ใคร่ๆ เรียกได้ว่าทุกอย่างในชีวิตของเอรีส ล้วนผ่านการจัดการของผมแทบทั้งหมด


เมื่อผ่านการทำงานในช่วงสัปดาห์แรกไปได้ ทุกอย่างก็เริ่มเข้าที่เข้าทาง ผมได้รู้ว่าเอรีสก็แค่ผู้ชายธรรมดาๆ คนหนึ่ง เขาเหงาเป็น หิวเป็น และสนุกเป็น แต่เขาเป็นคนที่จริงจังแบบสุดๆ เวลาที่ทำงาน เขาเกลียดความผิดพลาดซึ่งผมจะไม่ยอมให้ความผิดพลาดเกิดขึ้นแน่ๆ


ในเวลาเมื่อเอรีสควงสาว เอรีสจะเป็นนักรักสายเปย์ที่ทุ่มให้พวกหล่อนอย่างไม่อั้น และเมื่อเวลาผ่านไป เขาจะได้ยินหนึ่งคำที่บอกเป็นนัยว่าให้เขี่ยพวกหล่อนไปไกลๆ คำว่า...

‘ไม่สะดวก’


โค้ดลับที่เขาใช้ให้ผม ‘กำจัด’ บรรดาคู่ขาออกจากสารระบบ


ในฐานะผู้ช่วยคนสนิท หน้าที่หลักๆ คือการเตะโด่งพวกหล่อนออกไปให้ไกลเอรีสมากที่สุด หลายครั้งที่ผู้หญิงพวกนั้นด่าทอกลับมาอย่างเกรี้ยวกราด แต่ผมก็ไม่แคร์


ถ้าเป็นสิ่งที่เอรีสพอใจ...ไม่ว่าเรื่องนั้นจะเป็นอะไร เจ้านายของผมจะได้ตามปรารถนา


ผมไม่รู้ว่าตัวเองหลงรักเอรีสตั้งแต่เมื่อไร


รู้ตัวอีกที ทุกลมหายใจเข้าออกล้วนแต่เป็นใบหน้าเขา ชื่อเขา เสียงทุ้มของเขา และกลิ่นกายเฉพาะของเขา


ทุกสิ่งที่เกี่ยวพันกับเอรีสมีผลต่อจิตใจของผมเสมอ


แต่ความรู้สึกน่าอันตรายนั้นถูกเก็บงำไว้ได้มิดชิดแนบเนียน ไม่มีทางที่ผมจะยอมให้ใครได้ล่วงรู้...


โดยเฉพาะเอรีส   


ฐานะของเราทั้งคู่นั้นชัดเจนอยู่แล้ว เอรีสก็คือเจ้านาย และผมก็เป็นแค่ลูกจ้าง


ความรักที่มีต่อเจ้านาย ไม่มีวันเป็นไปได้

ผมรู้ดี
หัวข้อ: Re: ❝ B a d G u y ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ บทนำ
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 21-11-2017 11:28:17
“หาขอขวัญให้ด้วยนะ”  :katai4:  พิมพ์ผิดนะจ้ะ

ความรักหวานปนขม..อารมณ์คนแอบรักนี่ชอบจริง ๆ

ตามตอนต่อไป  o13
หัวข้อ: Re: ❝ B a d G u y ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ บทนำ
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 21-11-2017 12:35:48
ติดตามค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: ❝ B a d G u y ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ บทนำ
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 22-11-2017 09:58:29
น่าสนุกเว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย คุณบอสทำตัวดีๆกะน้องหน่อย
หัวข้อ: Re: ❝ B a d G u y ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ บทนำ
เริ่มหัวข้อโดย: oumoum21 ที่ 22-11-2017 11:36:58
 :sad4: :o12:  เค้าจะอ่านต่อ เค้าจะอ่านต่อ :ling1: :ling1:  รอนะคะ
หัวข้อ: Re: ❝ B a d G u y ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH.1
เริ่มหัวข้อโดย: anin ที่ 22-11-2017 14:34:54
Chapter 1


บรรยากาศภายในห้องทำงานใหญ่ที่สุดหรูหราที่สุดของอาคารเบอร์ตัน พาร์ค หนึ่งในอาคารสำนักงานสุดทันสมัยตั้งบนทำเลที่ดีที่สุดของกรุงเทพฯ กำลังเรียกได้ว่าทั้งอึมครึมเหมือนพายุเมฆฝนกำลังก่อตัว ทว่าบางอณูกลับรุ่มร้อนเหมือนไฟใกล้ปะทุแฝงเร้นอยู่
   


ร่างสูงแกร่งในชุดสูทสีเข้มของ เอรีส ตริน บอร์ตัน เกร็งเครียด ฉุนเฉียวที่ถูกปฏิเสธจากคนที่เคยจัดการให้เขาได้ในสิ่งที่ปรารถนาเสมอ


ปัถย์ กำลังยืนหน้านิ่งที่บอกได้ว่ากำลังไม่พอใจอีกฝ่ายอย่างชัดเจน

ผู้ช่วยคนสนิทกำลังต่อต้านเข้าอย่างท้าทาย และผู้เป็นเจ้านายอย่างเขาไม่ชอบที่ปัถย์กำลังแสดงสีหน้าแบบนี้

เขาเกลียดมันเป็นบ้า
   

ใบหน้าหล่อแบบนุ่มนวลที่กำลังงอง้ำอยู่นั้นดึงดูดความสนใจของชายหนุ่มได้เสมอ ภายใต้ชุดสูทแบบสุภาพนั้น เขารู้ว่ามีความร้อนแรงซ่อนเร้นอยู่
   

เมื่อหลับตาก็ไม่วายนึกถึงที่เปลือยเปล่าของปัถย์ที่แสนจะให้ความรู้สึกดีเกินกว่าที่เขาเคยรู้สึกกับใครคนไหนๆ กล้ามเนื้อที่ไม่มากไม่น้อยเกินไป ผิวที่ขาวและเนียนลื่น ไม่ว่าจะนั่งหรือนอนก็ยังหลอกหลอนเขาไม่หยุด
   

ปัถย์ คือผู้ช่วยคู่ใจที่ยืนเคียงข้างเขาในทุกสถานการณ์  ไม่ว่าจะคอขาดบาดตายเพียงใด คนที่ยืนอยู่ข้างเขาก็คือเจ้าของใบหน้าใสสะอาดที่แสนจะธรรมดาคนนี้ แต่คนธรรมดาคนนี้ก็สามารถผลักดันให้คนอย่าง เอรีสมีอารมณ์รุนแรงและรุ่มร้อนได้เสมอ
   

เหมือนเช่นตอนนี้ เขาเองทั้งแข็งขึงและเกิดอารมณ์จนอยากจะกดอีกฝ่ายลงบนโต๊ะทำงานเสียให้รู้แล้วรู้รอด สั่งสอนท่าทางหยิ่งผยองที่ทำให้เขามั่นเขี้ยวทุกวี่ทุกวันให้ได้รู้เสียว่าอย่ามาอวดดีกับคนอย่างเขา
   

“ผมไปไม่ได้ครับบอส”
   

น้ำเสียงเฉื่อยชาที่แฝงด้วยความท้าทายของผู้ช่วยหนุ่มคือหัวเชื้อชั้นดีในการเกิดให้อารมณ์คุกรุ่นลุกโชน
   

ถ้าวันนั้นเขาไม่หยุด ปัถย์ก็คงไม่มีน้ำหน้ามายืนเถียงเขาอยู่ฉอดๆ แน่ ดีไม่ดีจะเปลี่ยนมาวิงวอนเรียกร้องความสนใจเวลาเห็นหน้าของเขาเลยก็ได้
   

“ไม่ไปไม่ได้” เสียงของผู้เป็นนายห้วนจัด
   

“ผมขอลาล่วงหน้าแล้วนะครับ”

   
“ไม่ให้ลา ยังไงนายก็ต้องไปกระบี่กับฉัน ปกตินายก็ไปกับฉันทุกครั้ง” เอรีสกล่าวอย่างหัวเสียหรี่ตามองอย่างเอาเรื่อง
   

“ยกเว้นครั้งนี้”
   

“หึ! อย่าบอกนะว่านายจงใจยั่วโมโห”
   

ชายหนุ่มคาดคั้น ทั้งสายตาและน้ำเสียงที่ไม่เป็นมิตร แสดงอาการเคยตัวเหมือนพวกชอบออกคำสั่ง
   

“ผมไม่ทำอะไรแบบนั้น ต่อให้ผมโกรธหรือไม่พอใจคุณยังไง ผมก็ไม่มีทางทำให้งานเสีย”
   

ปัถย์กระแทกหางเสียงเม้มปาก มองอีกฝ่ายอย่างอ่อนใจ ด้วยเบื่อจะเถียงกับคนไร้เหตุผลอย่างเอรีส
   

เอรีสที่ได้ยินน้ำเสียงแบบนั้นก็นึกโมโหไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เพราะหลังจากที่ปัถย์กับเขาผ่านเรื่องราวอันเร่าร้อนมาแล้วนั้น เขาคาดคิดว่าจะได้รับท่าทางโอนอ่อนผ่อนตามมากกว่าท่าทีอวดเก่ง แบบที่กำลังแสดงออกอยู่
   

เอรีสกับปัถย์เกิดพลังปะทุทางเพศมาระยะหนึ่ง แม้จะแสดงทีท่าเฉยเมยต่อกัน แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะย้อนกลับมาอีกแน่ๆ ถ้าใครสักคนเผลอเดินไปเฉียดใกล้เส้นบางๆ ที่ขีดแบ่งเอาไว้อยู่ เส้นที่ขีดคำว่าเจ้านายและลูกน้อง เมื่อไรที่ใครสักคนข้ามมันไป เรื่องมันจะยุ่งยากแน่ๆ
   

“นายต้องไปกับฉัน” เสียงของเขาแต่ใจ เป็นการยื่นคำขาดอย่างที่เคยชิน
   

“คุณไปคนเดียวได้อยู่แล้ว หรือไม่ก็หายใครสักคนไปด้วย นั่นคงไม่ใช่เรื่องยากนี่ครับ”
   

ปัถย์โต้กลับให้ดูปกติที่สุด ทั้งที่ใจแกว่งทุกครั้งที่เอรีส อยู่ใกล้ในระยะสองเมตร
   

เขารู้ว่าระดับเอรีสต้องมีใครอยากเสนอตัวเคียงคู่ไปด้วยแน่ ตอนนี้เขาไม่ไว้ใจทั้งผู้เป็นเจ้านายและตัวเอง มีโอกาสสูงมากที่จะสปาร์คกันเมื่อไรก็ได้อยู่เพียงลำพัง   
   

มันเสี่ยงเกินไปที่จะต่อต้านผู้เป็นเจ้านาย เพราะที่ผ่านมาเขาไม่เคยต้านทานทุกอย่างที่เกี่ยวกับเอรีสได้เลยสักครั้ง
   

ดังนั้น ถ้าเขาอยากจะอยู่รอด และรักษาหัวใจของตัวเองไม่ให้พังย่อยยับแล้วล่ะก็ ก็ต้องอยู่ให้ห่างเอรีสเข้าไว้ เพราะทั้งเนื้อทั้งตัวของเอรีสมีป้ายคำว่า ‘อันตราย’ ตัวใหญ่ที่ไม่ควรละเลย
   

“โบนัสก้อนโตรอนายอยู่ นัดของนายกับกับธีรนัยรอได้ แล้วฉันไม่อยากได้ยินคำว่าไม่ได้”
   

เขากดเสียงยามที่เปล่งชื่อลูกพี่ลูกน้องให้ต่ำ จนเกือบเป็นเสียงคำราม
   

“มันไม่ได้เกี่ยวกับเงิน อย่าได้ดูถูกผมแบบนั้น เงินอาจใช้ได้กับหลายคนที่คุณรู้จัก แต่ไม่ใช่กับผม”
   

“แล้วอะไรล่ะที่ใช้กับนายได้”
   

“ความพอใจ”
   

“งั้นก็บอกความพอใจของนายมา ฉันว่าฉันสนองให้นายได้”
   

“ตอนนี้ความพอใจของผมคือการไม่ผิดคำพูดกับคนที่ผมรับปากไว้” ปัถย์พูดอย่างอ่อนใจ “ผมสัญญากับธีร์ไว้แล้ว ผมไม่อยากผิดคำพูด”
   

“คำก็ธีร์ สองคำก็ธีร์ มันมีดีอะไรดี ติดใจลีลามันหรือไง”
   

เอรีสทำเสียงในลำคออย่างดุเดือด พร้อมพูดด้วยถ้อยคำกึ่งดูแคลน ไม่ทนข่มกลั้นความหึงหวงอีกต่อไป
   

ทุเรศชะมัด!   
   

คำพูดของเอรีสทำให้ปััถย์ใบหน้าร้อน รู้สึกว่าโกรธมากๆ ที่อีกฝ่ายเข้ามาวุ่นวายกับชีวิตส่วนตัวของเขา ดูจากพฤติกรรมฉาวโฉ่ของเขาที่ดักกระฉ่อนไปทั่วบ้านทั่วเมือง จะถือดีมามาสอดแทรกเรื่องความสัมพันธ์ทางเพศของคนอื่นได้ยังไง
   

อีกอย่างเขากับเอรีสก็ไม่ได้เป็นอะไรกัน นอกจากคำว่าเจ้านายกับลูกน้อง ดังนั้นมันไม่ใช่กงการอะไรของเขาสักนิด
   

“เรื่องของผม คุณไม่มีสิทธิ์วิพากย์วิจารณ์ ถ้าผมอยากจะทำอะไรแบบนั้นจริงๆ  ไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงตอนนั้นหรอก คืนนี้เลยก็ได้”
   

ดูอย่างรายชื่อบนโต๊ะทำงานสิ หนาเสียยิ่งกว่าบันทึกการประชุมประจำปีด้วยซ้ำ แค่เอรีสกระดิกนิ้วพวกนั้นก็วิ่งโร่มานอนแผ่ให้เขาถึงที่
   

ยิ่งคิดมันก็ยิ่งตอกย้ำความผิดพลาดอันใหญ่ เผลอใจหลงเสน่ห์ให้กับเจ้านายที่โชกโชน ผู้ชายที่ใช้เซ็กซ์เปลืองยิ่งกว่ากระดาษชำระ ซึ่งในตอนนี้เขาเองก็ไม่ต่างจากคนพวกนั้น ในสายตาเอรีสเขาก็คงเป็นแค่ไอ้หนุ่มน้อยที่โง่บัดซบอีกคน จะมีอะไรมากไปกว่านั้นล่ะ
   

“อย่ายั่วโมโหฉันนะปัถย์  ฉันไม่มีอารมณ์มานึกสนุกด้วย ฉันไม่ใช่เพื่อนเล่นของนาย”
   

เอรีสกัดฟันกรอด สายตาที่เคยนิ่งสงบแปรเปลี่ยนเป็นลุกวาว อยากจะเดินไปขย้ำคอหมอนั่น  ให้รู้แล้วรู้รอดไป
   

คันไม้คันมืออยากสั่งสอนท่าทางถือดีนั่น ให้รู้ว่าการที่มาอวดเก่งกับเขามันจะได้ผลตอบกลับไปแบบไหน

“ผมไม่ตั้งใจจะยั่วโมโห แค่จะย้ำว่าผมมีชีวิตเป็นของตัวเอง มีอิสระในการตัดสินใจว่าจะคบใคร คุณก็ควรให้เกีรยติผมด้วย”
   

เขาบอกด้วยความจริงจัง และรู้สึกว่าตัวเองช่างย่ำแย่เกินกว่าจะปั้นสีหน้าให้ดูสงบนิ่งเหมือนทุกครั้ง 
   

“เอรีส... ผมไม่อยากอยู่ในเกมที่คุณชอบเล่นสนุกนะ” 
   

ในน้ำเสียงของปัถย์มีความเจ็บปวดและความกังวลอยู่ลึกๆ
   

ฝ่ายเอรีสที่กำลังโมโห และหวงอีกฝ่ายอย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง เขาละเลยที่จะใส่ใจรายละเอียดบางอย่างที่อาจกระทบต่อความรู้สึกของอีกฝ่าย
   

‘ธีรนัย’ ลูกพี่ลูกน้องที่เป็นหนามหัวใจเขามาเนิ่นนาน อดีตที่บัดซบคอยหลอกหลอนเขาไม่เลิก
   

“ให้ตายสิปัถย์ ฉันไม่รู้หรอกว่าไอ้สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเรานายอยากเรียกมันว่าอะไร อยากจะมองไปในทางที่มันทุเรศๆ ก็ได้ ฉันอาจเป็นคนที่น่ารังเกียจที่ฉวยโอกาสกับนาย ถ้านายอยากจะคิดแบบนั้น แต่นายก็รู้ว่าฉันไม่เคยบังคับใคร”
   

ใบหน้าของปัถย์ซีดเผือด เมื่อเจ้านายหนุ่มเตือนด้วยคำพูดที่ปฏิเสธไม่ได้
   

“เราทั้งคู่ควรจะลืมมันไป” ปัถย์หลบตาขณะพูด
   

“พูดง่ายนี่ แต่จะไม่ให้รู้สึกมันก็ไม่ง่ายเหมือนปากว่าหรอกนะ เพราะธีรนัยใช่ไหมนายถึงเป็นแบบนี้ เพราะมันสนองให้นายถึงใจกว่าฉันหรือเปล่า”
   

เอรีสยิ้มเย็นเหยียบ แววตา ดุดันขัดกับริมฝีปาก
   

อะไรว่ะ นี่จะยัดเยียดให้เขาง่ายกับใครไปทั่วหรือไงกัน งี่เง่าว่ะ ปัถย์สบถอยู่ในใจ
   

“ผมก็ไม่อยากให้คุณรู้สึกเสียหน้านะบอส อย่าให้ผมพูดดีกว่า”  ปัถย์จึงตั้งใจตอกกลับแบบเจ็บๆ บ้าง ให้สมกับที่เขาดูถูกกันเกินไป
   

แต่สิ่งที่ปัถย์ทำนั้นดูโง่มาก การที่ไปกวนอารมณ์ของเอรีสให้ยิ่งเดือดจัด มันก็เหมือนเอาไม้ไปตีรังต่อนั่นล่ะ คนที่กำลังรู้สึกเหมือนถูกกระทืบซุปเปอร์อีโก้ของตัวเองกำลังจะระเบิดออกมาเป็นเสี่ยงๆ

เอรีสกระโดดข้ามาหาผู้ช่วยหนุ่มด้วยความว่องไว   โต๊ะตัวใหญ่ไม่อาจขวางทางไม่ให้เดินเข้าไปจัดการกับปากช่างจ้อของอีกฝ่ายได้
   

ปากอิ่มเอิบที่เม้มสนิทแสดงท่าทางอวดเก่งจนน่าโมโห นึกอยากจะเอาน้ำลาขัดส้มมามาล้างปากนัก ปัถย์ผู้แสนน่ารักและสุขุมของเขาหายไปไหน ตอนนี้เหลือแค่ผู้ชายที่ปากร้ายแล้วก็ทำตัวไม่น่ารัก ที่กล้าบังอาจมาท้าทายอัตตาของเขาอย่างน่าโมโห นี่จะต้องการให้เขาทะลุองศาเดือดใช่ไหมถึงจะสาแก่ใจ
   

“ถ้านายรู้จักกับวิธีการที่ฉันทำเรื่องอย่างว่ากับคู่นอนสักคน สาบานได้ว่านายจะทุกคนในโลก” เขากระซิบดุๆ ที่ข้างหูอีกฝ่ายด้วยนั้นช่างมั่นอกมั่นใจเหลือเกิน “ขึ้นอยู่ว่านายกล้าพอหรือเปล่า ลองดูน่า มันดีอยู่แล้ว”
   

ปัถย์ขนลุกเกรียว ความร้อนแรงส่งผ่านลมหายใจกระทบกับต้นคอ น้ำเสียงแหบพร่าลุ่มลึก ใบหน้าหล่อเหลาสุดเซ็กซีห่างจากใบหน้าของปัถย์ไม่ถึงคืบ
   

ผิวเนื้อหนาวเยือกเมื่อเขาบดเบียดความแข็งขึงตื่นตัวเบียดเสียดกับหน้าท้องแบนราบ
   

ปัถย์จงใจพูดจาแบบนั้นเพื่อโต้กลับแก้เผ็ดผู้ชายปากไม่มีหูรูดอย่างเอรีสเสียบ้าง อย่างน้อยก็ให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขาไม่ใช่สิ่งของใกล้มือ ไม่ใช่เครื่องบันเทิงใจที่จะชักเชิดไปทิศทางไหนก็ได้
   

ช่างน่าเจ็บปวดที่ไปหลงรักปักใจกับคนที่ไร้ขีดจำกัดในเรื่องเซ็กซ์อย่างเอรีส ที่เปลี่ยนคู่นอนเหมือนเครื่องเล่นสักชิ้น เมื่อเบื่อก็ทิ้งขว้างไร้เยื่อใย 
    

ไม่นานเอรีสก็จะก็เล็งหาสัมพันธ์กับคนใหม่ เขาทำมันแบบนั้นเป็นวัฏจักรที่ไม่มีวันจบ มันช่างเห็นแก่ตัวที่สุด
   

“ผมไม่อยากรู้ว่าคุณเก่งกาจขนาดไหน คุณจะทำมันกับใครก็ได้ตามสบาย แต่สำหรับผม ไม่”
   

“ทำไมล่ะปัถย์ นายก็ชอบสัมผัสของฉันจะตาย ซื่อสัตย์หน่อยสิ ไม่อยากรู้เหรอว่ามันจะเป็นยังไง ฉันจะทำอะไรบ้างกับคู่รักบนเตียงอุ่นบ้าง ตรงไหนที่ฉันอ่อนโยน ตรงไหนที่ฉันชอบที่จะทำมันแบบแรงๆ”
   

เขารีบแทรกคำพูดของอีกฝ่ายทันควัน ด้วยเชื่ออยู่ลึกๆ ว่า ปัถย์เองก็รู้สึกไม่ต่างกัน แต่ฝ่ายนั้นปากแข็งไม่กล้าที่จะยอมรับว่าตัวเองก็รู้สึกพิเศษกับเขาที่เป็นเจ้านาย
   

อยากรู้นักว่าความสุขุมของผู้ช่วยหนุ่มมันจะพ่ายแพ้ต่อความต้องการนี้ไหม เขาเองไม่ใช่พวกชอบบังคับ แต่เขาชอบเล่นแผลงๆ กับเซ็กซ์ในบางครั้งซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าอีกฝ่ายยอมที่จะเล่นสนุกแบบแผลงๆ ด้วยหรือเปล่า
   

“ไม่! ผมไม่อยากรู้เรื่องชีวิตเซ็กซ์คุณ อยากให้คุณเข้าใจเสียใหม่ว่าไม่คุณไม่ใช่คนเดียวในโลกที่มีดีในเรื่องใต้สะดือ ถ้าผมอยากมีเซ็กส์ ผมจะทำมันกับคนอื่น อาจจะกับธีรนัยหรือกับคนแปลกหน้า อาจกับคนที่เจอในผับ หรือแม้แต่เคยเดินสวนกันในตึกนี้ แต่มันจะไม่ใช่กับคุณ”
   

“ไม่ใช่กับฉันงั้นรึ? ว้าว เพิ่งรู้นะนี่ ฮึ! ที่พอจำได้นายยังสั่นระริกเมื่อฉันแตะต้องนาย หรือว่าไม่จริง” เขาเปล่งเสียงแห้งกรุ่นด้วยอารมณ์ร้อนแรงทั้งความโกรธและความเร่าร้อน
   
“คุณแน่ใจได้ยังไงว่าผมไม่ได้สั่นระริกกับคนอื่น”

+++++++++

ฝากติดตามด้วยค่ะ
ความงี่เง่าของบอสยังคงมีอย่างคงเส้นคงวา

ปล. อย่าเกลียดบอส
หัวข้อ: Re: ❝ B a d G u y ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH.2
เริ่มหัวข้อโดย: anin ที่ 28-11-2017 17:37:03
Chapter 2



ใบหน้าเอรีสถมึงทึง มีประกายวาวโรจน์พวยพุ่งออกมาจากดวงตาสีเทาเซ็กซี่ตรึงใจคู่นั้น จากที่ทำงานให้เขามาหลายปี ปัถย์รู้ว่าผู้เป็นเจ้านายกำลังจะระเบิดจากโทสะที่กัดกินอยู่  ดูจากท่าทางที่เจ้าตัอวกัดฟันกรอดๆ นี่คงอยากบีบคอเขาให้หักคามือก็ไม่ถือว่าแปลก


   “อย่าให้ฉันหมดความอดทนนะ  นายต้องไม่ชอบกับสิ่งที่ฉันจะทำแน่ อย่าลองดีเลยปัถย์”


   “ทำไม คุณจะไล่ผมออก?” ปัถย์หลุบตาลงต่ำ “เอาสิ ผมก็เบื่อๆ กับงานนี้แล้วเหมือนกัน ผมก็คงไม่แปลกใจเท่าไร ในเมื่อคุณเกลียดคนที่ไม่ทำตามใจคุณอยู่แล้วนี่”


   “ท้าทาย?” เสียงนั้นเย็นชาสุดขั้ว


   “เปล่า แต่เชื่อมั้ยว่าผมไม่แคร์ มันเกินพอแล้วบอส หลังจากที่ต้องทำงานแบบอาบเหงื่อต่างน้ำมาสามปี เริ่มงานตอนหกโมง เลิกงานสามทุ่มทุกวัน วันเสาร์อาทิตย์ก็หอบเอากลับไปทำบ้าน หรือบางครั้งก็ต้องตื่นตั้งแต่ตีห้าเพื่อไปหากาแฟสักแก้วให้คุณกินหลังจากที่คุณเสร็จกิจกับบรรดาคู่นอนของคุณ ผมคงไม่เสียใจที่ต้องเสียงานนี้ไปสักเท่าไร”


   ผู้ช่วยหนุ่มยักไหล่ทำทีไม่แยแส แต่ลึกๆ รู้สึกเบาโหวงเหมือนบางอย่างกำลังจะหลุดลอยไป


   “ให้ตายเถอะปัถย์!...”


   เอรีสอ้าปากค้าง และตกใจกับคำพูดของคนตรงหน้า รู้สึกทั้งโมโหและประหลาดใจที่ปัถย์รู้สึกแบบนั้น


   ก็หมอนี่ไม่เคยบ่นมาก่อน ต่อให้เขาจะเหวี่ยงหรือเจ้าอารมณ์เพียงใด ปัถย์ก็ยังควบคุมสีหน้าให้ราบเรียบมีประสิทธิภาพเสมอ ทุกสิ่งที่เขาต้องการไม่ว่าสิ่งใดต่อมันจะยากเย็นหรืองี่เง่าไร้สาระเพียงใดก็ตามเขาจะได้ดั่งใจทุกครั้ง


   “คุณคาดหวังให้ลูกน้องทุ่มเทถวายชีวิตให้คุณ แต่คุณคงลืมไปว่ากำลังก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวของเขามากไป”


   ปัถย์กล่าวเสียงเรียบ ขณะมองหน้าที่แดงก่ำของอีกฝ่ายที่ดูแล้วว่าเอรีสกำลังโมโหแบบสุดเหวี่ยง


   “ผมแค่อยากมีเวลาชาร์ตแบตให้ตัวเองบ้าง ตราบใดที่ผมยังต้องทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ผมคงมีปัญหากับชีวิตส่วนตัว”


   “อ้อ! นี่คงเริ่มเสียใจที่ต้องทำเรื่องบ้าๆ บอๆ ให้ฉันสินะ ฉันคงน่าเบื่อสำหรับนายมาก ฟังจากที่นายพูดมา ฉันนี่มันงี่เง่าฉิบหายเลย!”


   ผู้เป็นเจ้านายกระแทกเสียงในตอนท้าย และสบถคำหยาบอย่างที่เจ้าตัวไม่เคยมาก่อน คำพูดแบบประชดประชันก็ด้วย ก็เพิ่งรู้ตัวว่าเขาเป็นไอ้งี่เง่าเห็นแก่ตัวก็วันนี้ล่ะ


   เอรีสรู้ว่าปัถย์ทำงานหนักด้วยความทุ่มเท เจ้าตัวทำมันได้ดีจนเขาเริ่มขาดคนแบบปัถย์ไม่ได้เสียแล้ว ยอมรับว่าบางครั้งเขาก็ทำเกินไปด้วยเรียกตัวอีกฝ่ายในตอนดึกด้วยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ไหนจะวันหยุดยาวที่น่าจะได้พักผ่อนเหมือนคนอื่นๆแต่เขาก็ยังเรียกหาผู้ช่วยส่วนตัวทุกคราไป


   ก็แค่อยากอยู่ใกล้...

   “ผมทำงานนี้ด้วยความเต็มใจ ตลอดเวลาที่ทำงานกับคุณผมไม่เคยเสียใจ” เขากลืนน้ำลาย “แต่ผมคงทำมันแบบนี้อีกต่อไปไม่ไหว คุณต้องมีพื้นที่ให้ผมบ้าง” ปัถย์ต้องการเว้นระยะห่างบ้าง เพื่อให้ได้มีโอกาสทำใจกับสถานะที่ไม่มีหวังของตัวเอง


   เอรีสล้วงกระเป๋า และแยกขาออก มองอีกฝ่ายอย่างเย็นชา ดวงตาสีเทาหรี่ลงเวลาโกรธ


   “คิดให้ดี ธีรนัยมันไม่ได้ดีอย่างที่นายคิด มันไม่ใช่คนที่วิเศษไปกว่าฉันสักเท่าไรหรอก มันจะมีเซ็กซ์กับนายแล้วผละไปในวันรุ่งขึ้น เพราะคนอย่างมันทำเสียจนเป็นสันดาน นายอาจเป็นของสนุกของมันแค่ชั่วครั้งชั่วคราว แล้วมันก็จะเบื่อนาย” น้ำเสียงกึ่งดูแคลน และมองปัถย์ด้วยประกายตากร้าวร้าว


   ใบหน้าของปัถย์ซีดเผือด


   “นั่นมันเป็นสิทธิ์ของผมครับบอส ผมจะเลือกเอง”


   คำพูดของปัถย์ทำให้หน้าเขาขึ้นสีเพราะความโมโห มือเขากำแน่นในกระเป๋า บังคับไม่ให้เอามันมาบีบคอของอีกฝ่ายเข้าให้จริงๆ


   “เลือกได้โง่มาก รู้ตัวหรือเปล่า”


   ธีรนัยเป็นไอ้คนโอหังอวดเก่ง ที่ไม่เคยทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ถึงแม้ว่าเขาจะเลิกแยแสธีรนัยมาหลายปี แต่ตอนนี้เขากาหัวมันไว้แล้วว่าชาตินี้เขาจะถือว่าธีรนัยเป็นบุคคลผู้ไม่พึงประสงค์ ตลอดไป


   เพราะปัถย์...


   “ในวันแรกที่นายเดินเข้ามาในห้องนี้ นายพูดว่ายินดีที่จะทุ่มเทตัวเองให้กับบริษัทนี้ ตอนนี้นายจะกลืนน้ำลายตัวเองงั้นเหรอ”


   เอรีสรื้อฟื้นความทรงจำให้อีกฝ่าย จริงอยู่ว่านั่นเป็นคำพูดของปัถย์ เขายอมทุกอย่างที่จะได้ทำงานในตำแหน่งที่มั่นคงทางสังคมและการเงิน แต่ทุกอย่างไม่ง่าย เขาได้พิสูจน์ตัวเองให้เอรีสเห็นและยอมรับ


   แต่ไม่ว่าจะทุ่มเทมากเพียงใด เอรีสก็มองเขาราวกับของใช้ใกล้มือ ช่างน่าสมเพสที่เขากลับทำให้เรื่องต่างๆ ยิ่งแย่ลงด้วยการหลงรักอีกฝ่าย ทั้งที่รู้ว่าเป็นเรื่องที่สิ้นคิดมาก


   “ผมไม่ลืม แต่ถ้าคุณจะเสียเวลามาสนใจสักนิด คุณก็จะเห็นว่าผมอุทิศตัวเองมากมายขนาดไหน” เสียงนั้นมีความน้อยเนื้อต่ำใจอยู่มาก “ผมอาจไม่ดีพอสำหรับบริษัทนี้ก็ได้ บางทีผมอาจต้องไปหางานอื่น”


   …เพราะเขาทำเรื่องต้องห้าม คือการรักเจ้านายตัวเอง


   รักอย่างไม่ลืมหูลืมตา แล้วยังชิงชังที่ต้องทำหน้าที่สับตารางนัดเดทกับคู่ควง ที่มีรายชื่อยาวเป็นหางว่าวนั่นอีก


   เอรีสไม่รู้หรอกว่าเขาต้องกล้ำกลืนความด้านชาลงไปวันละกี่ร้อยรอบ เวลาที่เขากับบรรดาคู่ขาทั้งหลายเดินเคียงข้างกันผ่านหน้าประตูไปครั้งแล้วครั้งเล่ามันทำให้หัวใจเขาย่อยยับสักเพียงไหน


   ตอนนี้เขาสุดจะทนแล้ว


   ดวงตาคู่คมของเอรีสเบิกกว้างเมื่อได้ยินประโยคนั้น ด้วยไม่คิดมาก่อนว่าปัถย์จะรู้สึกแบบนั้น  แถมยังพูดราวกับเหนื่อยหน่ายที่จะยืนอยู่ที่นี่ บนตึกที่เขาเป็นเจ้าของนี้  ไม่แยแสเงินเดือนระดับสูงที่เขาให้ ไม่สนใจความนับหน้าถือตายามที่ได้ยืนเคียงข้างเขา


   “เดี๋ยวฉันขึ้นเงินเดือนให้นาย ตอบแทนความทุ่มเทดีมั้ย”


   เขาพูดนิ่งๆ เย่อหยิ่งติดเป็นนิสัย


   “ผมไม่ต้องการเงินของคุณ” ปัถย์ร้องเสียงหลง


   ปัถย์มีสีหน้าตกใจที่อีกฝ่ายตีความหมายของเขาเช่นนั้น


   “แล้วต้องการอะไร บอกมาสิ ต้องการเวลาพักร้อน หรือต้องการให้ฉันอ้อนวอน นายรู้ดี... ฉลาดๆ อย่างนายรู้อยู่นี่ว่าต้องใช้วีธีไหนจัดการกับฉัน”


   เอรีสกระซิบเสียงดุ ย่างเท้าเข้าหาปัถย์ในเวลาเพียงเสี้ยววินาที รู้สึกว่าตัวเองกำลังจนแต้ม ซึ่งไม่บ่อยเลยที่ความรู้สึกแบบนี้จะเกิดขึ้นกับคนอย่างเอรีส


   ปัถย์มีความหมายกับเขามากกว่าแค่ลูกน้องคนสนิท และมีค่ามากกว่าแค่คู่นอนฉาบฉวยที่เขาเคยรู้จัก


   ทุกอย่างเกิดขึ้นช้าๆ แต่ทวีคูณอย่างไม่รู้จบ


   เขาชอบที่จะอยู่ใกล้ๆ ปัถย์ อยากได้ยินเสียงราบเรียบที่ช่างอบอุ่นของหมอนนั่นที่คอยบอกเขาว่าต้องทำอะไรในเวลาไหน สบายใจเมื่อร่างสูงเพรียวเดินไปรอบบ้าน หยิบชุดต่างๆ   ให้เขาอย่างเป็นธรรมชาติเหมือนกับว่าที่นั่นเป็นบ้านของตัวเอง


   ในวันหยุดเขาก็คิดแต่จะโทรหา บอกให้อีกฝ่ายหาโน่นนี้ให้กิน อยากเห็นผู้ช่วยหนุ่มในทุกเช้า เขาไม่รู้ว่าสิ่งนั้นเรียกว่าอะไร รู้เพียงว่าขาดปัถย์ไม่ได้


   “ผมแค่...อยากให้เราทำตัวเหมือนเจ้านายและลูกน้องปกติทั่วไป อย่าดูถูกว่าผมอยู่กับคุณเพราะเงิน” ผู้ช่วยหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ในใจกลับกลัดกลุ้มเสียจนหัวแทบระเบิด


   “ฉันไม่เคยดูถูกนาย สักนิดก็ไม่เคย สิ่งที่นายพูดเราก็รู้ดึว่ามันเป็นแบบนั้นไม่ได้ ซื่อสัตย์กับตัวเองหน่อย เราต้องการกันและกันขนาดไหน รู้ไหมการที่นายทำตัวเฟริตกับธีรนัยมันไม่ได้ทำให้ฉันต้องการนายน้อยลงเลย”


   “ผมไม่ได้จะเฟริตกับธีรนัย ผมแค่อยากลองเริ่มต้นความสัมพันธ์กับใครสักคน”


   “แต่มันไม่ใช่ฉัน ทำไมถึงไม่ใช่ฉัน”


   เสียงเอรีสเหี้ยม เย็นชาอย่างที่สุด เดาได้ว่าตอนนี้เขาอยากจะฟาดปากใครสักคน


   “คุณคือเจ้านายของผมเอรีส” ปัถย์ย้ำให้เขาและตัวเองด้วย “นั่นคือสิ่งที่เราเป็น มากกว่านั้นไม่ได้หรอก”


   ทันทีที่ชายหนุ่มพูดจบ ร่างหนาของเอรีสก็ตะครุบเขาไว้ด้วยความรวดเร็วปานกรงเล็บเหยี่ยว กักร่างที่เล็กกว่าด้วยวงแขนแกร่ง ก่อนก้มลงประทับลงสู่ริมฝีปากอิ่มอย่างหยาบกระด้าง


   ไม่มีความอ่อนโยนลุ่มหลงเหมือนคืนนั้น ทุกอย่างมาจากความโกรธและโมโห เป็นการระบายโทสะที่ตัวปัถย์เองก็รับรู้ น้ำหนักที่เขาบดเคล้า ฟันที่กระแทกเข้าหากันอาจทำให้ใครสักคนเจ็บตัว แต่เอรีสก็ไม่ใช่คนที่จะกังวลในสิ่งที่ตัวเองกำลังทำ


   ร่างเล็กกว่าส่งเสียงอู้อี้ประท้วง ดิ้นรนหาทางเอาตัวรอดจากท่าทางกระด้างของอีกฝ่ายที่กำลังระบายความโกรธเอากับเขาอย่างไร้เหตุผล เอรีสมักทำอะไรก็ตามที่เขาพอใจ และจะทำมันแบบสุดขอบไม่ไว้หน้าใคร ฝ่ามือหนาของผู้เป็นเจ้านายจับใบหน้าของคนตัวเล็กไว้ เขาบังคับให้อีกฝ่ายอยู่นิ่ง หมายให้รับรู้ว่าเขาต้องการสิ่งนี้มากเพียงใด เขาจูบปัถย์จากความต้องการทั้งหมดที่มี ความปรารถนาที่ไม่ถูกปลดปล่อยอัดแน่นเสียจนเขาอยากจะระเบิด


   ปัถย์ช่างหอมหวานและใสซื่อ ถึงจะต่อต้านในตอนแรก แต่เมื่อเอรีสรุกไล่ด้วยปลายลิ้นร้อนฉ่า ร่างเล็กก็โอนอ่อนแล้วตอบรับเขาอย่างเต็มใจในที่สุด


   หนึ่งจูบไม่เคยพอ


   ฝ่่ามือหนาเลื่อนต่ำลง กระชับสะโพกได้รูปไว้แน่นอย่างหลงใหล มือข้างหนึ่งดึงเสื้อของอีกฝ่ายออก แทรกมือรั้งเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดตาขึ้นช้าๆ ก่อนใช้นิ้วมือสำรวจผิวเนื้อที่เนียนนุ่มอย่างพอใจ เอรีสครางในลำคอด้วยอยากสัมผัสคนในอ้อมกอดให้มากกว่านั้น


   ปัถย์มีผิวกายที่เรียบไม่นุ่มนิ่มแบบผู้หญิง แต่เป็นความนุ่นเนียนในแบบที่เขาชอบ ยอดอกเล็กหดตัวตอบรับเมื่อเขาไล้ผ่านส่วนนั้นเบาๆ สะกิดน้อยๆ เพื่อทักทายก่อนจะโลมไล้อีกข้างอย่างไม่น้อยหน้ากัน มือหน้าขยับผ่านช้าๆ หน้าท้องราบเรียบเกร็งขึ้นเมื่อปัดผ่านก่อนที่จะลูบต่ำลงมาอีกนิด และอีกนิด


   “เอ... เอรีส”


   เอรีสประกบจูบอีกครั้ง เพื่อซับเสียงครางหอบกระเซ่าของอีกฝ่ายอย่างอดใจไม่ไหว แล้วถอนมืออกเปลี่ยนมาวุ่นวายกับเข็มขัดแทน นิ้วมือแกร่งสะกิดตะขอกางเกงสแลคออกอย่างง่ายดาย รูดซิบลงช้าๆ เสียงซิบกังวานแข่งกับเสียงครางของคนทั้งคู่ ใช้มือผลักมันออกเร็วๆ ก่อนพลิกตัวปัถย์ให้นั่งลงบนโต๊ะโดยฉับพลัน


   ปัถย์สะดุ้ง เสียงของบางอย่างตกลงบนพื้นทำให้เจ้าตัวได้สติ เขาผลักอกเอรีสออกแล้วมองอีกฝ่ายด้วยสายตาต่อต้าน สีหน้าไม่สบายใจ


   “เอรีส ปล่อยเถอะ”


   “อย่า! พูด” เขาสั่ง ประกบปากลงอีกครั้ง สูบเอาคำปฏิเสธแล้วความตั้งใจจะขัดขืนออกไปจากปัถย์


   “ถ้านายพูด มันจะทำให้ฉันโมโห เวลาที่ฉันโมโห ฉันก็จะควบคุมตัวเองไม่ได้” เขากระซิบ แล้วขบลงที่ใบหูคนในอ้อมกอด


   ปัถย์กระพริบตา มีท่าทีไม่เข้าใจ


    เอรีสพูดเหมือนทุกอย่างเป็นความผิดของเขา เจ้าตัวไม่เคยยอมรับว่าตัวเองเป็นชนวนต้นเหตุของการทะเลาะในหลายๆ ครั้ง โดยเฉพาะเรื่องของเขากับธีรนัย แถมยังชอบออกคำสั่งทั้งที่ไม่มีสิทธิ์ในเรื่องนั้นเลยสักนิด


   การต่อต้านขัดขืนมีขึ้นอีกครั้งเมื่อเอรีสพยายามปลุกเร้าปัถย์ด้วยปลายนิ้วหยาบกระด้าง ร่างสูงรั้งปัถย์ให้นั่งหมิ่นๆ อยู่ที่ขอบโต๊ะ ดันตัวเองเข้ามาระหว่างต้นขาทั้งสองข้างของอีกฝ่าย


   เอรีสจูบต้นคอเบาๆ ทำให้ปัถย์ขนลุกซู่ ลมหายใจร้อนๆ ของเขาทำให้คนตัวเล็กกว่าครั้นเนื้อครั้นตัว หายใจติดขัด อากาศในท้องตีขึ้นจนเกิดอาการร้อนรุ่ม ความหยาบกระด้างของหัวเข้มขัดและสิ่งอื่นที่อยู่ในกางเกงของคนตัวโตโอ้อวดและพร้อมเต็มที่จะรุกราน มันเสียดสีขาอ่อนของคนในอ้อมแขน สร้างความรู้สึกแปลกประหลาดและน่าตระหนก


   ปัถย์ถอยหนีตามธรรมชาติเพื่อปกป้องตัวเองแต่ก็ถูกกอบเอวบางไว้แล้วกดให้เขาแนบสะโพกอยู่กับที่


   “เราต้องการกันและกัน ถึงนายจะปฏิเสธมันด้วยคำพูด แต่ร่างกายนายกลับบอกอีกแบบ  ยอมรับเถอะปัถย์...”


   เอรีสกุมเอวปัถย์ไว้ด้วยมือแกร่งข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างก็ ลูบไล้ในพื้นที่อันเป็นส่วนตัวผ่านผ้าฝ้ายเนื้อบางที่ไม่อาจซุกซ่อนความสวยงามจากดวงตาเข้มจัดของเขาได้


   แก่นกายที่ถูกกระตุ้น อุ่นจัดจนเกือบร้อน


   ปัถย์สะอื้น เบาๆ และเริ่มเกิดความตระหนก เมื่อเขาไล้ปลายนิ้วที่ขอบบ๊อกเซอร์อย่างย่ามใจ ฝ่ามือหนาขยับเข้าหาร่างบางกว่าทีละเล็กละน้อย เมื่อปัถย์ขยับถอยแต่ก็ถูกฝ่ามือหน้าอีกข้างตรึงไว้อย่างแนบสนิท วินาทีต่อมาเขาก็เดินหน้าหนักขึ้นด้วยการลูบไล้ปัถย์ช้าๆ ทว่าหนักหน่วงด้วยปลายนิ้ว หยอกล้อจุดอ่อนไหวของอีกฝ่ายจนสะดุ้ง


   เอรีสรู้ดีว่าต้องทำอะไรเพื่อให้ปัถย์คล้อยตามคล้อยตาม  เขารู้อยู่แล้วว่าความต้องการของผู้ชายต้องการให้แตะตรงไหน เบาตรงไหน และแรงๆ ตรงไหน เอรีสประกบริมฝีปากหนาอีกครั้ง ครั้งนี้นุ่มนวลและหยอกล้อจนปัถย์เตลิด  ลดปราการการต่อต้านลงหลังจากถูกมอมเมาด้วยรสจูบแสนหวานสุดอันตราย เมื่อเขาไล้ปลายนิ้วรูดรั้งแก่นกายร้อนผ่าวเป็นจังหวะ


   ปัถย์ขยับสะโพกอย่างเป็นธรรมชาติเมื่อถูกกระตุ้น เป็นการเชิญชวนที่เจ้าตัวเองก็ยังไม่รู้ตัว เอรีสทำให้เขารู้สึกรวดร้าวในจุดที่อ่อนไหวที่สุด อยากอีกฝ่ายปลดปล่อยเขาจากความทรมานที่ไร้จุดสิ้นสุดนี้


   เอรีสครางในลำคออย่างพอใจ กลิ่นของปัถย์ช่างหอมหวาน กลิ่นอ่อนๆ ลอยอวลในอากาศชวนลุ่มหลง เขาห้ามตัวเองไว้อย่างสุดความสามารถที่จะไม่ฝังตัวเองสู่ร่างตรงหน้า


   เอรีสขยับตัวอีกครั้ง และเป็นฝ่ายนั่งลงบนโต๊ะแทน โดยรั้งร่างของอีกฝ่ายไว้บนตักเพื่อที่ตัวเองจะสร้างความปั่นป่วนให้อีกฝ่ายได้ง่ายและถนัดกว่าเก่า


   เอรีสกำลังทำให้ปัถย์เตลิดเปิดเปิงจนกู่ไม่กลับ นิ้วมือพริ้วไหวมีจังหวะที่เร้าใจเก่งฉกาจ จนปัถย์ไม่สามารถหลอกลวงตัวเองได้อีกว่าไม่ได้กระหายสิ่งนี้ ความทรมานที่ทำให้โหยหาในสิ่งที่มากขึ้นและมากขึ้น


   ปัถย์กลั้นสะอื้น หายใจไม่ได้เมื่อช่องท้องเกร็งเครียดขนาดนี้ กัดริมฝีปากต้นเองไว้แน่น หน้าหวานส่ายไปมา ดูไม่เป็นตัวของตัวเอง เอรีสใช้อุ้งมือกอบกุมใบหน้าร่างเล็กไว้ นิ้วมือขยับสอดเข้าสู่เรียวปากที่อ้ากว้างเพื่อรับอากาศหายใจ เขาจ้องลงไปในดวงตาฉ่ำปรือ หยอกล้อปลายลิ้นด้วยนิ้วแกร่งจนปัถย์ครางกระเส่า


   “ใจเย็นไว้ หนุ่มน้อย” เขากระซิบ รู้ได้ว่าร่างของคนที่ตัวเล็กกว่าปิดกั้นสิ่งที่เขากำลังทำอยู่


   เอรีสมองอย่างพอใจ ความป่วนปั่นของหนุ่มน้อยเกิดขึ้นจากน้ำมือของเขา สิ่งนั้นยิ่งทำให้เขารู้สึกหึกเหิมและมุ่งมั่นในสิ่งที่กำลังทำมากขึ้นไปอีก มือหนารูดรั้งอีกฝ่ายจนครางไม่ได้ศัพท์ เนื้อตัวของปัถย์ทั้งเกร็งและสั่นสะท้าน


   “ผ่อนคลายสิ อย่าเพิ่งคิดเรื่องอื่น รู้สึกแค่ว่ามือฉันกำลังทำอะไรกับร่างกายของนายที่ตอนนี้ อ่า... ที่ตรงนี้ แค่รับรู้ในสิ่งที่ฉันทำก็พอ”


   “อย่าทำอย่างนี้เลย เอรีส”


   ปัถย์ได้แต่ครางเสียงเบาอยู่ในช่วงเวลาที่ทั้งเปราะบางและอ่อนแอ เมื่อเอรีสรุกหนักข้อเข้า ต่อให้ตั้งมั่นว่าจะต่อต้านอย่างไร ก็มันจะพ่ายแพ้ต่อความต้องการส่วนลึกเสมอ


   “ดื้อน้อย”


   เอรีสเร่งจังหวะขึ้น พร้อมกับซอนไซ้ซอกคอหมอกรุ่น เม้มแรงๆ จนสร้างรอยสีกุหลาบไว้ในทุกรอยประทับ เอวสอบขยับเน้นๆ กดให้อีกฝ่ายบดเบียดสะโพกเปลือยแม้จะมีกางเกงของตัวเองกางกั้นไว้ก็ตาม


   “อาาาา เอรีส”


   “ยอดเยี่ยมใช่ไหม”


   เอรีสครางรับ ใช้โทนเสียงแหบพร่า เพราะตัวเองก็รู้สึกเร่าร้อนไม่ต่างกันเลย ยิ่งร่างของปัถย์ตอบรับเขาด้วยกายแข็งขึงตื่นตัวมากเท่าไร เอรีสก็ปวดร้าวที่แก่นกายมากขึ้นเท่านั้น  แต่เจ้าตัวจำต้องตัดความพอใจส่วนตัวไว้ก่อน ตอนนี้สิ่งเดียวที่เขาต้องการคือการอที่ปัถย์ปลดปล่อยต่อหน้าเขา


   ร่างสูงแกร่งรีดเค้นแก่นกายของคนในอ้อมกอดซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกระทั่งร่างของปัถย์หดเกร็ง เนื้อตัวสั่นสะท้าน มือข้างหนึ่งจับต้นแขนแกร่งของเอรีสไว้แน่น ก่อนที่แตกละเอียดเป็นเสี่ยงๆ ด้วยความสุขสมอย่างรุนแรง


   “โอ ใช่” เขายิ้มโหดร้าย “นั่นล่ะ ปัถย์น่าหลงใหลมาก”


   เอรีสซ้อนหลังปัถย์อยู่ยื่นอุ้งมือเพื่อรองรับการหลั่งของอีกฝ่ายอย่างรู้จังหวะ ในยามที่ปัถย์สุขสมก็ไม่ต่างเทวดาน้อยๆ ที่เปล่งแสงมะลังมะเลือง งดงามและสมบูรณ์แบบ ชายหนุ่มมองอีกฝ่ายอย่างหลงใหล เขาจุมพิตทีี่ขมับเบาๆ เป็นเชิงปลอบประโลม มือข้างที่เหลือลูบไล้กรามมนอย่างลุ่มหลงรักใคร่ แล้วถอนมือออกอย่างอ้อยอิ่งแสนเสียดายที่ทุกอย่างจบลง


   นึกอยากจะทำมันซ้ำๆ ทั้งเสียงครางและสีหน้าแดงระเรื่อบิดเบ้ของปัถย์ช่างให้ความรู้สึกดีเสียจนเขาไม่อาจละสายตาไปได้


   ปัถย์ที่เนื้อตัวสั่นสะท้าน หลังจากที่เขาปล่อยตัวเองให้หลุดจากการควบคุม จนถูกอีกปลุกเร้าจนกลายเป็นเครื่องเล่นอีกชิ้นที่ท้าทายและน่าสนุก


   ...เขาทำอะไรลงไป


   ปัถย์เบิกตากว้าง มองเอรีสที่ยืนค้ำร่างตัวเองอยู่ เขาหยิบกระดาษทิชชู่ออกมาเช็ดคราบจากความสุขสมของคนตัวเล็กอย่างช้าๆ และโยนมันลงถังขยะใต้โต๊ะ ก่อนใช้ริมฝีปากและปลายลิ้นสีเข้มแตะที่นิ้วมือของตัวเอง


   ดวงตาที่วูบไหวของปัถย์หลับลง หัวใจของปัถย์แหลกสลาย เหมือนตัวเองกำลังถูกบีบด้วยกำแพงที่มองไม่เห็น เป็นความผิดพลาดที่เกิดซ้ำอีกทั้งที่ตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่ยอมให้มีอีกเป็นครั้งที่สอง


   เอรีสคงไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่เขาทำในวันนี้มันสร้างบาดแผลให้จิตวิญญาณของเขาขนาดไหน มันเป็นความเสียหายที่อาจไม่เห็นด้วยตา แต่หัวใจของเขากำลังยับเยิน


   ปัถย์ขยับตัว ใช้ฝ่ามือดึงเสื้อและกางเกงปกปิดเรือนร่างอย่างเก้ๆ กังๆ   


   มันชัดเจนอยู่แล้วว่าเอรีสมองเขาว่ามีคุณค่ามากแค่ไหน


   เอรีสทำแบบนี้เท่ากับหยามเกรียติและมองว่าคนแบบเขาไม่ต่างไปจากคู่ขาที่ผ่านมา เอรีสสนุกในการใช้เซ็กซ์เป็นเครื่องบำบัดความเหงา แต่กับเขาแล้วมันไม่ใช่  เขามองเซ็กซ์นั้นควบคู่มากับความรัก ถ้าไม่รักเขาจะไม่ทำ


   เขาจะไม่มีวันสำส่อนไปทั่ว


   แต่เอาเถอะ จะโทษเอรีสฝ่ายเดียวไม่ได้ ถ้าเขาปฏิเสธให้จริงกว่านี้ เอรีสก็คงไม่กล้าทำ แต่นี่เป็นเขาเองที่อ่อนแอ แล้วจะโทษใคร


   “ปัถย์…” เอรีสเรียกเขา


   เสียงของอีกฝ่ายดูเซ็กซี่ด้วยอยู่ในช่วงอารมณ์พิศวาส เอรีสแสดงออกในสิ่งที่ตัวเองรู้สึกว่าเขาพึงพอใจเขาในสิ่งที่ตัวเองทำลงไปขนาดไหน


   ปัถย์ขยับออกจากอีกฝ่ายช้าๆ มือบางสั่นขณะรูดซิบและติดกระดุมกางเกงของตัวเอง นานหลายนาทีปัถย์จึงแต่งตัวเสร็จมือที่สั่นระริดลูบผมเผ้าตัวเองให้เข้าที่ก่อนจะมองหน้าเขาอย่างเย็นชา และพูดเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น


   “คุณมีประชุมตอนสิบโมง” ปัถย์มองที่นาฬิกาข้อมือ แล้วพูดต่อ “ตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้วครับ บอส”


   ปัถย์ยิ้มบางเบาแล้วเดินจากไปอย่างเงียบกริบ



++++

ฝากเรื่องนี้ด้วยนะคะ
เม้นท์โหน่ยยยยย จะได้รู้ว่าติดตาม
หัวข้อ: Re: ❝ B a d G u y ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH.2
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 28-11-2017 18:19:56
ติดตามเจ้านายเจ้าเล่ห์จ้า
หัวข้อ: Re: ❝ B a d G u y ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH.2
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 29-11-2017 02:21:08
เจ้านายปากแข็งจัง
หัวข้อ: Re: ❝ B a d G u y ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH.2
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 29-11-2017 02:51:51
ตามติด ๆ รอตอนหน้า  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❝ B a d G u y ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH.3
เริ่มหัวข้อโดย: anin ที่ 04-12-2017 17:19:37
C h a p t e r  3

   การประชุมผ่านไปแบบน่าเบื่อหน่าย เอรีสฟังทุกอย่างแบบเข้าหูซ้าทะลุหูขวา ภาพกราฟฟิคบนจอทรงคุณภาพไม่ได้ทำให้เขาสนใจแม้แต่น้อย เพราะดวงตาสีเทาลึกล้ำของเขามัวแต่จับจ้องที่ใบหน้าซีดเซียวของปัถย์อย่างไม่อาจละสายตาไปได้

   ทำไมเขาถึงได้คลั่งไคล้หมอนี่ขนาดนี้กันนะ

   เมื่อไรกันที่ปัถย์คือคนที่เขาหวง... แบบเก็บอาการไม่ได้ขนาดนี้

   รู้แต่ว่าเมื่อปัถย์อยู่ใกล้ๆ เขารู้สึกสบายใจและเป็นตัวของตัวเอง ไม่ต้องทนฝืนปั้นหน้าเป็นคนสมบูรณ์แบบอย่างที่ต้องแสร้งว่าเป็นอยู่เสมอ ทุกคนชอบมองว่าเขาคือเฟอร์เฟคชั่นนิส แต่เขาไม่ใช่

   เขามีด้านเลวร้าย แต่เลือกที่จะไม่เปิดเผยให้ใครต่อใครได้เห็น ยกเว้นกับผู้ช่วยหนุ่มคนนี้ที่เห็นเขาแล้วในทุกๆ แง่ ซึ่งเป็นเพียงคนเดียวที่เขาวางใจแสดงอารมณ์และความรู้สึกต่างๆด้วยอย่างไม่มีซ่อนเร้น

   ไม่ว่าจะกับใคร เขาก็ไม่เคยรู้สึกหวั่นไหว ‘ยกเว้นอยู่หนึ่งคน’ แต่ใครคนนั้นก็ได้ทำลายความศรัทธาของเขาไปจนไม่เหลือ

   ใครคนนั้น ทำลายหัวใจของเขาจนแหลกละเอียด ย่อยยับจนไม่มีชิ้นดี ล่วงผ่านมาจนวันนี้เขายังไม่รู้ว่าความเสียหายที่เคยเกิดขึ้นนั้นมันสมานตัวไปแล้วหรือไม่ เขารู้เพียงว่ามันได้กลายเป็นความด้านชา ที่นานวันเข้าก็พัฒนาจนกลายเป็นคำว่า ‘ไร้ความรู้สึก’

   แต่ปัถย์ต่างออกไป เขารู้ว่าคนนี้จะไม่มีวันทำลายความไว้ใจของเขาอย่างที่ใครคนนนั้นเคยทำ เขารู้ได้โดยสัญชาตญาณว่าใครคนนี้ไม่ใช่คนที่จะทำให้เขาเจ็บ

   แต่มาถึงตอนนี้แล้วเขาเริ่มไม่แน่ใจ

   เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกกลัว...

   การที่ธีรนัยเข้ามาพัวพันกับปัถย์ กระตุ้นความรู้สึกอันเลวร้ายบางอย่างออกมาจากก้นบึ้งในจิตใจ เขาเกลียดความรู้สึกที่ไม่มั่นคงแบบนี้ ความกลัวที่จะสูญเสียปัถย์ไปกำลังทำให้เขาพลุ่งพล่านและไม่เป็นตัวของตัวเอง

   เขาไม่เคยทำตัวร้ายกาจกับปัถย์มาก่อน ถึงบางครั้งเขาจะเจ้ากี้เจ้าการ หรือเอาแต่ใจเพียงใด แต่ทุกครั้งเขาก็จะสุภาพกับหมอนั่นเสมอ เขามองปัถย์เป็นคนสำคัญ เป็นลูกน้อง เป็นเพื่อน เป็นคนที่เขายิ้มและหัวเราะด้วยอย่างสนิทใจ ดังนั้นเขาจึงไม่เคยทำอะไรที่เป็นการหมิ่นอีกฝ่าย

   …ยกเว้นเมื่อตอนเช้า


.
.
.

   เมื่อการประชุมที่น่าเบื่อสิ้นสุดลง เขาก็พ่นลมหายใจออกมาในที่สุด แล้วหันไปหาปัถย์ที่กำลังเก็บเอกสารและแล็ปท็อปของตัวเอง ปัถย์ทำทุกอย่างด้วยความคล่องแคล้ว ดูไม่เหมือนคนที่มีบางอย่างรบกวนจิตใจ ซึ่งนั่นไม่เหมือนความรู้สึกทางฝั่งเขาแม้แต่น้อย

   นายควรจะรู้สึกอะไรบ้างสิ!

   อาจรู้สึกหวั่นไหวหรือสะดุ้งสะเทือนบ้างก็ดี...



   ขณะที่ทุกคนกำลังทยอยกันออกจากห้อง ปัถย์รู้ว่าตัวเองก็ต้องรีบออกไปให้เร็วที่สุด ทั้งที่ตลอดสามปีที่ผ่านมาเขาจะเป็นคนที่เดินรั้งท้ายเสมอ

   ปัถย์จะปล่อยให้เจ้านายเป็นผู้เดินออกไปก่อนอย่างให้เกียรติ และรอจนกว่าอีกฝ่ายเอื้อยเอ่ยสิ่งที่ต้องการและเขาพร้อมที่จะทำตามในทุกๆ คำพูด

   ครั้งนี้เขาก็ทำอย่างเช่นเคย ปัถย์รอให้เอรีสลุกจากโต๊ะแต่เอรีสยังคงนั่งนิ่ง จากการชำเลืองด้วยหางตาเขาเห็นว่าเขายังคงกอดอกและมองมาด้วยสายตาเย็นชาปะปนมากับความไม่พอใจอย่างปิดไม่มิด

   “คุณจะรับประทานอาหารกลางวันที่นี่หรือเปล่า ผมจะได้แจ้งให้แม่บ้านเตรียมให้”

   ปัถย์ถามออกไปเรียบ ขยับแว่นสายตาเล็กน้อย รอคำตอบอย่างใจเย็น

   “ได้ ฉันจะกินที่นี่ล่ะ”

   “ครับ”

   “เดี๋ยวสิ”

   “ครับบอส”

   ปัถย์ขานรับ แล้วหันกลับมาถามด้วยรอยยิ้มบางๆ ที่ดูปกติอย่างที่สุด ไม่บ่งบอกอาการใดๆ ทั้งที่ในใจหน่วงหนักจนอกแทบแตก


   หางตาเอรีสกระตุก ท่าทางที่แสนเยือกเย็นของปัถย์กวนอารมณ์ด้านร้ายของตัวเองขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ชอบเลยที่อีกฝ่ายเฉยเมยกับเขา ในเมื่อระหว่างทั้งคู่ไม่เคยเก็บงำความรู้สึกต่อกัน ต่างก็พูดในสิ่งที่นึกเสมอ

   เขาเกลียดที่มีบางอย่างแทรกกลางระหว่างเขากับปัถย์ แต่ถ้าปัถย์อยากจะเล่นเกมก็ได้

   เขาก็อยากเล่นเกมเหมือนกัน

   “ฉันเปลี่ยนใจล่ะ นายช่วยโทร. บอกคิมหน่อยสิว่าฉันอยากกินข้าวเที่ยงด้วย”

   พูดจบเขาลุกขึ้นเต็มความสูงร้อยแปดสิบห้าของตัวเอง แล้วยิ้มโปรยเสน่ห์ แต่ดวงตากลับดูร้ายกาจมาให้ โดยไม่คำนึงว่าคนที่ได้ยินประโยคดังกล่าวจะรู้สึกลำบากใจเพียงใด

   ชื่อของคิม หรือ ‘คิมหันต์’ ทำให้ปัถย์ชะงัก ริมฝีปากที่ฝืนยิ้มอยู่เมื่อครู่แข็งค้าง จนเมื่อตั้งสติได้เจ้าตัวจึงฝืนยกร้อยยิ้มที่มุมปากราวกับเยาะเย้ยความโง่เขลาของตัวเองอยู่ในที

   เจ็บดีไหมล่ะปัถย์

   เขาไม่ได้พิศวาสนายอย่างที่ปากเขาพูดหรอก เขาก็แค่ปั่นหัวขี้เลื่อยของนายเท่านั้นเอง ผู้ช่วยหนุ่มคิดอย่างขมขื่นใจ ความด้านชาที่ตัวเองเคยคิดว่ารับมือได้กลับแสดงฤทธิ์เดชอย่างคาดไม่ถึง

   คิมหันต์คือนายแบบหนุ่มดาวรุ่งเขาคั่วอยู่ลับๆ

   เป็นไฮโซชื่อดังดีกรีนักเรียนนอกที่ดูดีตั้งแต่หัวจรดเท้า ผิวพรรณแบบผู้ดี มีคุณตาเป็นถึงเจ้าสัวห้างดังที่มีสาขาอยู่ทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศ จบจากอังกฤษที่สำคัญเป็นหนึ่งในคนที่เอรีสให้เกรียติเอามากๆ ด้วย

   คนนี้เอรีสไม่ได้คบเล่นๆ

   เมื่อเรียกความมั่นใจกลับคืนมา ปัถย์จึงกลับมายิ้มอ่อนได้อีกครั้ง เขามองไปที่ผู้เป็นเจ้านายด้วยสายตาว่าเปล่า

   “คุณต้องการให้ผมแจ้งนัดครับ ที่ไหนดี ที่เพนต์เฮาส์ หรือว่า...”

   “ที่ห้องทำงาน อ้อ… ผมขอไวน์ดีๆ สักขวด อีกอย่างอย่าให้ใครรบกวนเวลาที่ฉันมีแขกพิเศษ

   เป็นเอรีสก็จงใจยั่วกลับเช่นกัน น้ำเสียงเขาอ่อนนุ่มรื่นหูเกินเหตุ

   เขาไม่ใช่คนที่มีเหตุผลเสมอไป บางครั้งเขาก็อยากแสดงออกแบบเด็กๆ ดูบ้าง เขาอยากประชดประชันให้อีกฝ่ายได้รู้สึกเวลาที่เขามีนัดกับคนอื่น ปัถย์จะได้รู้ว่าเขารู้สึกยังไงจะได้สมน้ำสมเนื้อกับเวลาที่รู้ว่าหมอนั่นไปไหนมาไหนกับธีรนัยว่าเขาก็หวงและห่วงเหมือนกัน

   “ผมจะดูให้แน่ใจคุณกับแขกคนพิเศษจะไม่ถูกรบกวนครับบอส”

   “เยี่ยม” เขากัดฟันขณะพูด “นายนี่ช่างเป็นลูกน้องที่รู้ใจฉันเสมอ”

   “ครับ”

   เมื่อปัถย์เดินออกจากห้องประชุมด้วยท่าทีวางเฉยยิ่งทำให้เอรีสดูวุ่นวายใจยิ่งกว่าเก่า

   ปัดโธ่เอ้ย!
   ปัถย์ไม่รู้สึกหึงหวงเขาจริงๆ อย่างนั้นเหรอ

   สักนิดก็จะทำท่าว่าหวงเขาหน่อยไม่ได้หรือไง!

   ก็แค่ลองใจนะ!

   หวงกันหน่อยสิว่ะ!




.
.
.
.

   ปัถย์ทำทุกอย่างตามที่เอรีสสั่ง เขาโทร. หา คิมหันต์ทันที และได้รับเสียงทุ้มๆ ตอบกลับมาอย่างอารมณ์ดีพร้อมตอบตกลงทั้งที่เขายังพูดออกไปไม่จบประโยคเสียด้วยซ้ำจากนั้นจัดการสั่งอาหารฝรั่งเศลจากภัตรคารชื่อดัง กับไวน์ชนิดที่เอรีสพอใจเป็นพิเศษ ไม่ถึงสี่สิบนาทีคนแขกพิเศษแบบก็ปรากฎตัวขึ้น พร้อมกับเสียงหวีดเซ็งแซ่จากสาวน้อยสาวใหญ่ เพราะคิมหันต์เป็นไฮโซคนดัง เป็นผู้ชายหล่อเหลาและน่าค้นหา มีเสน่ห์ทั้งกับเพศตรงข้ามและเพศเดียวกัน ซึ่งถือว่าเป็นผู้ชายอีกคนที่มองยังไงก็ไม่มีวันเบื่อ

   ปัถย์นิ่งอึ้งไปชั่วอึดใจ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดช้าๆ ไล่ความขุ่นมัวในอารมณ์ออกไปจากความรู้สึก ไม่ต้องเดาก็รู้ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในห้องนั้น

   เอรีสคงพอใจกับแขกคนนี้มาก... และคงลืมไปว่าได้ทำให้คนที่อยู่ใกล้ๆ ตัวทุกวี่ทุกวันอย่างเขารู้สึกแย่ขนาดไหน

   ปัถย์หยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงของตัวเองขึ้นมา ก่อนกดโทรศัพท์หาเพื่อนสนิท ด้วยกำลังรู้สึกว่าตัวเองเซ็งเกินกว่าที่จะทำงานอะไรรู้เรื่องอีกแล้ว

   ‘ว่าไงครับคุณปัถย์ มีอะไรให้เพื่อนคนนี้รับใช้หรือไงครับ’

   “มึงอยู่ไหน อยู่กรุงเทพฯ หรือเปล่า”

   ‘อยู่ เพิ่งกลับจากไซด์งานมาเมื่อวาน ได้หยุดยาวสามวันว่ะ”

   “ไปกินกาแฟกันไหม บ่ายนี้กูว่าง”

   ปัถย์ถามชลนทีเพื่อนสนิทที่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่มหาวิทยาลัย ซึ่งเพื่อนสนิทคนนี้ได้งานเป็นวิศวกรภาคสนามจึงต้องเทียวไปเทียวมาระหว่างไซด์งานและเฮดออฟฟิศในกรุงเทพฯ

   ‘เฮ้ย! แล้วมึงไม่ต้องคอยพะเน้าพะนอเจ้านายสุดเฮี๊ยบของมึงเหรอวะ’

   “ไม่ว่ะ กูว่าจะโดดช่วงบ่าย”

   ‘แปลกว่ะ มึงนี่นะโดดงาน’

   “เออ เจอกันที่ชิดลมนะ กูรอที่ร้านกาแฟร้านเดิม”

   ‘งั้นต้องรอกูนานหน่อยนะมึง ตอนนี้กูเพิ่งเอารถออกมาจากศูนย์ หาโน่นนี่ทำไปก่อนนะ”

   “แล้วเจอกัน”




   ฝ่ายบุคคลทำหน้าประหลาดใจเมื่อเขาโทร. ไปบอกว่ามีธุระสำคัญ และขอให้ส่งใครสักคนมาสแตนบายแทนที่เขาในช่วงบ่ายแน่ล่ะว่ามันเป็นเรื่องแปลก สามปีมานี้ปัถย์แทบไม่เคยลากิจหรือลาป่วย เขาทำงานเหมือนมันคือลมหายใจของตัวเอง ทุ่มเททุกวินาทีเพื่องานและงาน

   “เอมครับ ผมฝากคุณช่วยดูแลคุณเอรีสและแขกของเขาด้วยนะ บ่ายนี้ผมติดธุระนิดหน่อยแล้วคงไม่เข้ามาแล้ว”

   “ฉันไม่แน่ใจว่าเอรีสจะโอเคหรือเปล่า แหม... ไม่มีใครรู้ใจเขาเท่าคุณ”
 
   สีหน้าเอมหนึ่งในผู้ช่วยผู้บริหารดูไม่แน่ใจ ขณะพูดไปก็นึกถึงใบหน้าหล่อแต่ดุก็หวาดๆ ยังไงก็ไม่รู้

   “อย่าห่วงเลยเอม เอรีสจะวุ่นวายกับธุระของตัวเองจนไม่รู้ว่าผมหายไปด้วยซ้ำ คุณแค่คอยดูว่าเขาอยากได้อะไรเพิ่มหรือเปล่าอย่างกาแฟหรือเครื่องดื่ม”

   ปัถย์เชื่อว่าเอรีสคงยุ่งอยู่กับคิมหันต์จนมือเป็นระวิงและรู้ตัวอีกครั้งก็คือช่วงเวลาเลิกงานนั่นล่ะ

   เอมพยักหน้า รับปากว่าจะดูแลให้ ดังนั้นปัถย์จึงรีบกลับออกจากออฟฟิศด้วยความรวดเร็ว






   
   โทรศัพท์ของปัถย์ดังหลังจากนั้นประมาณยี่สิบนาที

   ชื่อเอรีสทำให้เขาชะงักเท้าที่กำลังจะก้าวเข้าสู่ร้านหนังสือ แต่ปัถย์ก็ไม่ได้รับ แถมยังจัดการปิดเสียงและเก็บมันลงกระเป๋าอีกต่างหาก

   เจ้าตัวยังคงเดินหาหนังสือที่ตัวเองสนใจ ระหว่างที่รอให้เพื่อนที่กำลังรถติดแหงกอยู่ที่แยกเพชรบุรีมากว่าครึ่งชั่วโมง มาถึง ซึ่งประมาณการเอาคร่าวๆ ก็คงไม่ต่ำกว่าสี่สิบนาที

   ปัถย์ออกจากร้านหนังสือหลังจากนั้นชั่วโมงเศษและได้หนังสือประเภทจิตวิทยามาสองเล่ม เมื่อดูนาฬิกาที่เกือบจะบ่ายสาม

   “ว่าไงมึง”

   ชลนทีทักเพื่อนที่กำลังสนอกสนใจกับหนังสือตรงหน้า เลิกคิ้วน้อยๆ อย่างล้อเลียนเพราะไม่คิดว่าคนที่บ้างานอย่างปัถย์จะโดดงานแล้วชวนเขามานั่งเล่นแบบนี้

   “ช้าว่ะ”

   “รถมันติด นี่กูโคตรรีบล่ะ ว่าแต่มึงเหอะ อารมณ์ไหนวะะ”

   “ชวนเพื่อนกินกาแฟไม่ได้หรือไง”

   “ได้อ่ะได้ แต่แค่ว่ามันแปลก”

   “เป็นไงบ้าง งานที่กระบี่” ปัถย์เปลี่ยนเรื่อง แล้วชวนเพื่อนคุยแทน

   “วุ่นวายเหมือนกัน แต่ดีหน่อยแม่งมีคนมาช่วยไม่งั้นให้กูดูคนเดียวทังโครงการกูตายพอดี”

   “ใช้มึงคุ้มเลยเน๊อะ บริษัทมึงเนี่ย” ปัถย์ยิ้มเย้ยๆ แล้วส่งแก้วกาแฟที่ซื้อมาให้อีกฝ่าย

   “ไม่สู้บริษัทยักษ์ใหญ่ของมึงหรอกมั้ง กูเห็นใช้มึงแม่งคุ้มของโคตรคุ้ม ไอ้เจ้านายขาโหดของมึงอ่ะ เป็นกูนะเงินเดือนแค่นี้กูไม่เอาหรอก”

   “เออ กูก็อยากหางานใหม่อยู่”

   “มึงพูดจริงพูดเล่น”

   ชลนทีเลิกคิ้ว แล้วถามเพื่อนรักอย่างจริงจัง ปกติแล้วปัถย์รักงานที่ทำจะตาย ไม่เคยบ่นว่าเหนื่อยหรือเบื่อเลยสักครั้ง ทั้งๆ ที่เขายุให้หางานใหม่ตั้งหลายครั้งเพราะว่าไม่ว่าจะชวนเพื่อนไปสังสรรที่ไหน มันก็บอกว่าติดงานตลอด

   “จริง มึงมีงานให้กูทำมั้ยล่ะ”

   “บริษัทกูรับอยู่ แต่ส่วนใหญ่ก็ออกภาคสนาม มึงจะทำไหม”

   “กูจบมาก็ไม่ได้ทำงานภาคสนามเลยว่ะ แต่ก็น่าสนใจ”

   เพราะถึงจะจบโยธามา แต่ปัถย์ก็ไม่ได้ทำงานภาคสนามเท่าไร นอกจากบางทีที่ต้องเดินทางไปดูตามโครงการสำคัญๆ ของเอรีส ซึ่งส่วนใหญ่งานที่เขารับผิดชอบจะเป็นเรื่องการวางแผนธุรกิจที่เกี่ยวกับงานก่อสร้างเสียมากกว่า

   “กูว่าถ้ามึงผ่านงานกับคุณเอรีสได้ ไปไหนมึงก็รอด แต่มึงจะออกจริงๆ ดิ บริษัทกูเงินเดือนไม่เยอะเหมือนที่ที่มึงทำอยู่นะ”

   “ถ้ากูอยากทำ เงินก็ไม่เกี่ยว”

   “เดี๋ยวนะ มึงมีปัญหาอะไรเรื่องงานหรือเปล่า เล่าให้กูฟังก็ได้นะ” ชลนทีเห็นหน้าเพื่อนที่ดูไม่ค่อยสบายจึงอดไม่ได้ที่จะถาม ก็เพื่อนของเขาคนนี้ไมใช่คนที่อ่อนไหวกับอะไรง่ายๆ แต่นี่มองดูแล้วมีท่าทางไม่สบายใจแปลกๆ

   “ก็แค่เบื่อความจำเจ ไม่มีอะไรหรอก ว่าแต่มึงเหอะไปอยู่ไซด์งานเป็นเดือนๆ เมียไม่เครียดเหรอวะ”

   “มันก็เครียดล่ะ แต่ก็ต้องเข้าใจ มันเป็นงาน ว่าแต่มึงเหอะเมื่อไรจะมีแฟนว่ะ ทำแต่งานไม่รู้สึกว่าเหงาหรือไง”

   “ก็มีคนที่กำลังดูๆ อยู่”

   “ใครว่ะ” คนเป็นเพื่อนทำสีหน้าอยากรู้อยากเห็น ขยับตัวมาใกล้แล้วคาดคั้น

   “เดี๋ยวแน่ใจแล้วจะพามาเปิดตัว ตอนนี้ก็แค่ลองๆ คุย ยังไม่รู้เลยว่าจะรอดหรือเปล่า”

   ระหว่างที่คุยกับชลนทีอย่างออกรส โทรศัพท์ในกระเป๋าของเขายังสั่นอยู่ตลอดเวลา

   ปัถย์ถอนใจ เมื่อหยิบออกมาดูก็พบสายที่ไม่ได้รับทั้งหมดสามสิบแปดสาย สิบแปดสายมาจากเอรีส อีกสิบสายเป็นเบอร์โทร. ประจำออฟฟิศและที่เหลือก็เป็นของเอม

   “โหย มีใครตายป่าวมึง โทรถี่ขนาดนี้”

   แม้จะปิดเสียง แต่ไอ้อาการสั่นถี่สั่นไม่หยุดก็ทำให้ผู้เป็นเพื่อนอดแขวะไม่ได้

   “ที่ออฟฟิศ”

   “เจ้านายมึงปวดขี้แล้วมั้ง ห่า สงสัยทิชชูหมดมั้งมึง”

   “ปากมึงนี่นะ ให้มันน้อยๆ หน่อยนั่นเขาเจ้านายกู ไว้หน้านิดนึง”

   “ไอ้ปัถย์ กูเคยคิดเล่นๆ นะว่าไอ้บอสมึงเนี่ยมันจ้องจะแดกมึงป่ะวะ เห็นแม่งติดมึงขนาดหนักเข้าเส้น เดี๋ยวโทรเรียกๆ มันไม่เอาเวลาไปกกหญิงมั้งหรือไงวะ”

   “ฮึ น้อยไปสิ”

   เอรีสมีสาวเยอะแยะ หนุ่มก็ด้วย เยอะจนไอ้เพื่อนตรงหน้าต้องอิจฉาเลยล่ะ

   “มึงทะเลาะกับเจ้านายมาใช่ป่ะ”

   “ไม่เชิง”

   “หน้ามึงแม่งฟ้อง เออเนอะ มึงก็ทนมันได้ เจ้านายงี่เง่าพรรณนั้น”

   “ก็จริง...”

   “ไอ้ปัถย์ กูรำคาญโทรศัพท์มึงว่ะ รับหน่อยมั้ย แม่งต้องมีใครตาย”

   ปัถย์ได้ยินดังนั้นจึงตัดสินใจโทร. กลับหาเอมและได้ยินเสียงกระวนกระวายตอบกลับมา

   “ขอบคุณสวรรค์” เอมพึมพำและรีบพูด “ปัถย์คุณอยู่ไหน”

   “ทำธุระอยู่นิดหน่อย มีอะไรเหรอ”

   “ถ้าเสร็จแล้วช่วยกลับมาทีได้ไหม”

   “มีอะไรด่วนหรือครับ” เขาถามอย่างงุนงง ที่จริงวันนี้งานด่วนๆ ก็ไม่มี แถมเอรีสก็ยังคงมีแขก เผลอๆ ตอนนี้เขาอาจออกไปข้างนอกกับคิมหันต์แล้วก็ได้

   “ยิ่งกว่าด่วน เอรีสโวยวายใหญ่แล้ว เพราะเขาหาคุณไม่เจอ”

   “แล้วคุณไม่ได้บอกว่าผมลาไปธุระเหรอ”

   “บอกแล้ว แต่ไม่ว่าจะพูดหรือทำอะไร เอรีสก็ตะคอกใส่ทุกคนไม่หยุด” เสียงของเอมเครียดมาก “กลับมาก่อนได้ไหม  ไม่มีใครรับมือกับเอรีสไหวแล้ว”

   ปัถย์รู้ดีว่าเวลาที่เอรีสเกรี้ยวกราดและไม่พอใจจะเป็นยังไง ดังนั้นทุกคนที่อยู่ในออฟฟิศคงรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังยืนอยู่ในนรก แล้วมีพญามัจุราชอย่างเอรีชที่คอยลงทัณฑ์อยู่แน่ๆ

   “ขอโทษทีนะเอม ผมจะโทร. หาเอรีสเอง”

   เมื่อวางสายปัถย์ก็ถอนหายใจ

   “ไงมึง งานเข้าเหรอ”

   “…”

   ปัถย์ไม่ตอบ แต่กลอกตาเป็นเชิงว่างานกูเข้าว่ะ

   “ถ้าไม่มีมึง บริษัทนั่นแม่งจะเจ๊งหรือไง หูยเป็นกูนะเงินเดือนหกหมื่นยังขอคิดดูก่อนเลยว่ะ มึงรับๆ ทีดิ๊รำคาญ”

   เอรีสโทร. เข้ามาอีกแล้ว ครั้งนี้เขาลังเลอยู่ชั่วครู่กว่ายอมรับสาย

   “ปัถย์!” เสียงอีกฝ่ายห้วน และดังมาก ดังเสียจนปัถย์ต้องเบี่ยงโทรศัพท์ให้ห่างจากหูเล็กน้อย

   “ครับบอส”

   “นายหายหัวไปไหน ฉันหาจนทั่ว”

   “ผมมีธุระด่วนนิดหน่อย” ปัถย์ทำเสียงเยือกเย็น เก็บความรู้สึกที่รบกวนจิตใจเอาไว้อย่างมิดชิด เพราะเพื่อรักที่นั่งอยู่ตรงข้ามกำลังนั่นเท้าคางมองจับผิดอยู่

   “โกหก” เขาดักคออย่างทันควัน “อยู่ไหน”

   “แถวๆ นี้ล่ะครับ”

   “แถวนี้น่ะ แถวไหน เดี๋ยวจะไปหา”

   “คุณต้องการอะไรครับ” ปัถย์ใช้น้ำเสียงเนือยๆ ถามขึ้น

   “มีเรื่องด่วน” เอรีสทำเสียงแข็งๆ ซึ่งออกอาการอย่างคนที่โดนขัดใจ

   “บอกผมมาได้เลยครับ เดี๋ยวผมรีบจัดการให้” ปัถย์รีบบอกเร็ว เขาเคยชินกับการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าอยู่แล้ว

   “ฉันอยากคุยต่อหน้ามากกว่า”

   “ผมไม่สะดวก”

   เพื่อนที่อยู่ตรงหน้ายิ้มแบบรู้ทัน แล้วทำหน้าล้อเลียนพร้อมพูดแบบไม่มีเสียงว่า ‘ดีมาก’

   “คิมกลับไปแล้ว”

   “ครับ” ปัถย์รับคำแบบส่งๆ

   “นี่นายยังไม่ตอบฉันเลยว่าอยู่ไหน”

   เอรีสเดาไม่ออกว่าปัถย์กำลังรู้สึกอะไร หรือคิดอะไร ที่จริงเขาอยากให้อีกฝ่ายแสดงอาการหึงหวงถึงได้ยั่วอีกฝ่ายแบบนี้ แต่ก็ไม่คิดว่าปัถยืจะได้ทีเผ่นหนีไปแบบนี้

   “ตอนนี้ผมกำลังทำธุระอยู่ครับ”

   “ฟังๆ ดูเหมือนมันไม่จริงสักเท่าไรเลยนะ” เขาทำเสียงไม่ไว้ใจและรู้ทัน “ฉันหาของบางอย่างไม่เจอ มาหาให้หน่อย”

   “อะไรครับ”

   “ไอดีการ์ด แล้วก็ใบขับขี่”

   เอรีสไม่ได้ต้องการมันจริงๆ หรอก ที่จริงแล้วมันยังอยู่ในกระเป๋าสตางค์ของตัวเองนั่นล่ะ ไม่ได้จะใช้ แล้วก็ไม่ได้หายด้วย

   มันก็แค่ข้ออ้าง

   “คุณเอาออกจากกระเป๋าสตางค์หรือเปล่าครับ” ปัถย์ร้องถามอย่างแปลกใจ ด้วยนิสัยของเอรีสไม่ใช่พวกขี้หลงขี้ลืมเสียด้วย

   “ไม่รู้สิ อย่าถามให้มากได้ไหม แค่มาจัดการก็พอ”

   เสียงนั้นตอบกลับมาแบบส่งๆ น้ำเสียงติดจะมีอารมรณ์หงุดหงิดส่งผ่านกลับมาพร้อมคำพูด

   ปัถย์รู้ทันทีว่าเอรีสกำลังหาเรื่อง เจ้าตัวถึงกับส่ายหัว คิดไปว่ารองรับอารมณ์เขาได้ยังไงอยู่ตั้งหลายปี เอาแต่ใจก็ที่หนึ่ง

   “ต้องใช้วันนี้เลยหรือครับ”

   “ใช่สิ ของแบบนี้มันต้องพกติดตัวตลอดเวลา ฉันรื้อโต๊ะออกมาจนทั่วแล้วก็ไม่เจอ”

   “คุณลืมไว้ที่บ้านหรือเปล่า กลับไปดูก่อนดีกว่าครับ อาจจะอยู่ที่ตู้ข้างเตียงก็ได้” ปัถย์ออกความเห็น

   โต๊ะข้างเตียงของเขามีของสำคัญๆ เก็บอยู่หลายอย่าง ตั้งแต่พาสปอร์ต ใบขับขี่หรือแม้กระทั่งคอนดอมของสำคัญที่เอรีสไม่เคยให้ห่างตัว...

   ที่เขารู้เพราะเมื่อเปิดเพื่อจะเอาพาสปอร์ตของอีกฝ่ายเพื่อขอวีซ่าในการเดินทางเขาก็ได้เห็นมันอยู่บ่อยๆ

   “เอาเป็นว่านายต้องรีบมา ฉันรื้อของจนเละหมดล่ะ”

   สิ่งที่เอรีสพูดทำให้เขาทั้งแปลกใจและโมโห กำลังสงสัยอยู่เชียวว่าโต๊ะทำงานที่เขาว่ามันเละเทะมาจากเซ็กส์ที่ที่ฟาดฟันกับคิมหันต์อย่างเมามัน หรือการที่เขารื้อข้าวของเพื่อหาไของกันแน่ แต่ไม่สำคัญหรอกบางทีมันอาจจะทั้งสองอย่างก็ได้

   “พรุ่งนี้ผมจะไปจัดการให้ตั้งแต่เช้าครับ ผมแน่ใจว่าคงไม่มีกล้าเขาไปวุ่นวายกับโต๊ะทำงานของคุณแน่ๆ”

   “โอเค!  งั้นมาหาฉันที่บ้านนะฉันมีเรื่องอยากคุยด้วย”

   “คงไม่ได้ครับบอสผมติดธุระจริงๆ ผมต้องวางสายแล้วเจอกันพรุ่นนี้ครับ” ปัถย์ตัดบทห้วนๆ และวางสายไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะโมโหโทโสขนาดไหน

   “ปัถย์ ปัถย์!!!” หมอนั่นวางสายใส่เขา

   พระเจ้า… เป็นครั้งแรกที่ปัถย์ปฏิเสธในสิ่งที่เขาต้องการ

   เอรีสมองสมาร์ทโฟนเหมือนอยากจะกระทืบให้แหลกคาเท้า

   เมื่อก่อนเขาสงสัยมาตลอดว่าปัถย์พูดคำว่า ‘ไม่’ เป็นหรือเปล่า เพราะทุกครั้งที่เขาต้องการอะไรปัถย์จะพูดว่า ‘ครับ’ หรือคำว่า ‘ได้แน่นอนครับ’ เสมอ


   แต่วันนี้เมื่อผู้ช่วยของเขากลับปฏิเสธความต้องการที่เหมือนบัญชาของเขา แบบนี้ถึงทำรู้สึกร้อนรนแปลกๆ

   “นี่กูเริ่มคิดแล้วนะว่ามึงเป็นลูกน้องหรือเป็นเมียเจ้านายมึงกันแน่”
หัวข้อ: Re: ❝ B a d G u y ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH.3 4/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: Gokusan ที่ 04-12-2017 19:24:51
เจ้านายแบบเน้~~~ สมควรโดนนนน
ลองใจเหรอบอส...ได้ เจอลาออกแล้วจะหนาว

เห็นเฉยๆ แบบปัถย์...เปิดใจและจริงใจถึงจะได้ค่ะ
เห็นเขาเงียบ ไม่โต้ตอบอะไร...เขาไม่พูด แต่เขาไปเลยนะคะ
สู้ต่อไปนะบอส หึหึ
หัวข้อ: Re: ❝ B a d G u y ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH.3 4/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 04-12-2017 19:32:38
อ่อย น่าติดตาม ต้องงี้สินายเอกของเรา เด็็ดด~
หัวข้อ: Re: ❝ B a d G u y ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH.3 4/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 04-12-2017 23:28:34
 :katai2-1:


หวงจังเลยยย บอส
หัวข้อ: Re: ❝ B a d G u y ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH.3 4/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 05-12-2017 00:40:00
 :เฮ้อ: หน่ายเจ้านายประเภทนี้จังเลย
หัวข้อ: Re: ❝ B a d G u y ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH.3 4/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 05-12-2017 03:14:59
มันต้องอย่างนี้
หัวข้อ: Re: ❝ B a d G u y ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH.3 4/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: แม่น้องเปา ที่ 05-12-2017 10:44:51
ติดตามค่า ชอบแนวเจ้านาย-ลูกน้อง  :o8:
หัวข้อ: Re: ❝ B a d G u y ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH.4 8/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: anin ที่ 08-12-2017 16:18:32
C h a p t e r  4


กันยายน สองปีที่แล้ว

{ เ อ รี ส }

   “ปัถย์ ฉันไม่มีชุดใส่ไปงานเลี้ยง นายรีบมาเลยเดี๋ยวนี้ด้วย ฉันโคตรอยากจะบ้าตาย รู้มั้ยแม่บ้านคนใหม่ที่นายหามาเสกชุดของฉันหายวับไปทั้งตู้ มันบ้ามากเลยนะ พรุ่งนี้นะนายให้แม่นี่ออกไปเลย ฉันไม่ขอทนกับคนที่หาเรื่องวุ่นวายมาใส่ฉัน นายเข้าใจไหม”


   ผมโทรศัพท์และเปิดตู้เสื้อผ้าด้วยความหงุดหงิดไปด้วย


   เป็นเพราะความฉลาดน้อยของแม่บ้านใหม่ทำให้ชุดที่ผมต้องใส่ไปอยู่ที่ร้านซักรีดจนหมด สูททางการห้าหกชุดหายไปดื้อๆ แล้วมันแย่ถึงขนาดที่เขาจะต้องแก้ผ้าไปงานเลยมั้ยแบบนี้

   บ้าฉิบ!

   สิ่งเดียวที่ผมนึกถึงก็คือปัถย์

   ตั้งแต่ปัถย์ปรากฎตัวทุกอย่างก็ดูเป็นเรื่องง่ายไปหมด แต่ที่วันนี้เกิดความผิดพลาดเล็กน้อยเพราะว่าหมอนั่นต้องไปประชุมกับคู่ค้าคนสำคัญที่บินตรงมาจากญี่ปุ่นแทนผม เป็นนัดที่ค่อนข้างด่วน และผมก็ติดธุรที่สำคัญพอๆ กันอยู่แล้วหมอนั่นเลยต้องไป

   “ทำไมเป็นแบบนั้นล่ะครับ”

   “ก็แม่บ้านของนายเอาชุดส่งซักแห้งหมดไง แล้วฉันจะไปเอาชุดที่ไหนใส่ไปงานหาปัถย์!” เสียงผมดังไต่ระดับขึ้นเรื่อยๆ พูดไปพร้อมเดินปึงปังแบบหงุดหงิดโมโห เปิดตู้โน้นตู้นี้ไปมา

   “เดี๋ยวครับเอรีส อย่าเพิ่งโมโหนะครับ เดี๋ยวผมจะไปรับชุดมาให้ คุณรอก่อนไม่เกินชั่วโมงผมจะรีบเอาชุดใส่ไปงานให้คุณ”

   ปัถย์เสนอทางแก้ ที่ทำให้ผมเบาใจขึ้นระดับหนึ่ง

   “ทำอะไรก็ได้ แต่ให้เร็วเลยนะ”

   ผ่านไปสี่สิบนาทีผมต้องเบิกตากว้างที่เห็นปัถย์เปิดประตูด้วยคีย์การ์ดเข้ามา ด้วยร่างของผู้ช่วยของเปียกตั้งแต่หัวจรดเท้า ผมก็ลู่ติดกระหม่อม แว่นตาสีดำกรอบใหญ่มีน้ำเกาะค้าง  เจ้าตัวถอดแว่นออกเช็ดลวกๆ ก่อนใส่กลับเข้าไปอีกครั้ง

   “ได้แล้วครับบอส ชุดของคุณ” ปัถย์ยื่นชุดให้ แต่เหมือนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงดึงกลับไปก่อน “เดี๋ยวนะบอส ผมไปหาผ้ามาเช็ดน้ำบนพลาสติกคลุมชุดก่อน”

   เจ้าตัวกระวีกระวาดวิ่งไปที่ห้องน้ำ ได้ผ้าเช็ดตัวมาผืนหนึ่งและเช็ดเร็วๆ ผมนิ่งค้าง หมอนี่ดีหรือบ้าถึงได้วิ่งตัวเปียกเข้าบ้านมาแบบนี้

   “ตัวนายเปียก”

   เสียงผมพูดออกไปอย่างหงุดหงิด แต่ไม่ใช่เรื่องที่ชุดเปียกแต่เป็นเพราะห่วงอีกฝ่ายจะไม่สบายมากกว่า

   “ลืมเลย ผมทำให้พรมคุณเปียก”

   ปัถย์ถอยไปหลายก้าว มองรองเท้าหนังที่เปียกโชกอย่างจนใจ  มือหนึ่งก็ยื่นชุดให้ผมโดยที่มือหนารับไว้ทั้งที่ใบหน้าบึ้งตึง

   “ผมกลัวไม่ทัน เลยนั่งวินฝ่าฝนมา แต่คุณไม่ต้องห่วงนะครับ ชุดนี้ไม่เปียกแน่ๆ” ปัถย์ให้ความมั่นใจ

   จากนั้นผมจึงคาดคั้นว่าหมอนี่มาได้ยังไง ก็ได้รับการบอกเล่าคร่าวๆ ว่า เมื่อวางสายจากเขา ปัถย์ก็รีบเลี้ยวรถ เพื่อตรงไปร้านซักแห้ง แต่ความโชคร้ายก็บังเกิดเมื่อจู่ๆ ก็มีรถเจ้ากรรมคันเก่าก็ดันมาเสียกลางทางเสียอย่างนั้น เลยต้องอาศัยวินมอเตอร์ไซด์ข้างๆ มาแทน

   “นายนี่มันบ้าบิ่นได้ใจจริงๆ แต่วันหลังไม่ต้องนะ ฝนตกๆ แบบนี้ถนนมันลื่น เกินอุบัติเหตุแล้วจะทำยังไง” 

   ผู้ช่วยของผมพยายามไม่ให้ชุดออกงานในอ้อมแขนเปียก แต่ตัวเองกลับไม่มีส่วนไหนที่แห้งเลย ถึงตอนนี้ น้ำบนกายของปัถย์ยังหยดติ๊งๆ อีกฝ่ายเริ่มสั่นน้อยๆ ผมวางชุดลงแล้วเดินเข้าห้องแล้วออกมาพร้อมกับเสื้อยืดสีดำกับผ้าเช็ดตัวอีกผืน

   “ไปเปลี่ยนชุด”

   ปัถย์ถอดแว่นออก แล้วทำท่าทางลังเลที่จะรับเสื้อจากมือผมอยู่อึดใจหนึ่ง หมอนี่เป็นพวกขี้เกรงใจแต่ด้วยคำสั่งจากผมเขาเลยไม่กล้าปฏิเสธ

   “เร็วสิ ได้เปียกทั้งบ้านกันพอดี”

   “ขอบคุณครับบอส บอสรีบแต่งตัวเถอะครับ เดี๋ยวไปงานไม่ทัน แล้วนี่จะขับไปเองหรืออยากให้ผมขับให้”

   “ฉันไปเองได้ นายรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าไป เดี๋ยวไม่สบาย”

   เมื่อไร้กรอบแว่นห่วยๆ ปัถย์ก็ช่างดูน่ามองอยู่เหมือนกัน    ในตอนนี้ปัถย์มีสภาพเหมือนหนุ่มน้อยที่เพิ่งขึ้นจากน้ำ ตัวเปียก เสื้อผ้าแนบลู่กับเนื้อตัวที่โปร่งบาง ช่างกระตุ้นอารมณ์ราคะในจิตฝ่ายต่ำของผมดีแท้ๆ ให้ตายสิ ผมทำงานกับหมอนี่มาเป็นปีๆ ทำไมจะไม่สังเกตว่าที่จริงแล้วปัถย์ก็จัดได้ว่าน่ารักมีเสน่ห์ ที่ผ่านมาก็ชอบนะเวลาที่หมอนี่ยิ้ม โลกทั้งใบมันดูสว่างไสว แล้วเวลาหมอนี่พูดด้วยน้ำเสียงที่รื่นหู รู้สึกว่าปัถย์ทำให้ผมไม่เงียบเหงาจนเกินไป

   “ผมขับไปส่งบอสนะครับ”

   ปัถย์ออกมาอีกครั้งเมื่อเปลี่ยนเสื้อเสร็จ หมอนั่นบอกด้วยความกระตือรือร้น

   ผมมองอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกที่แปลกออกไป เพราะในยามที่เสื้อของผมอยู่บนตัว ผมที่มาดชื้นไม่เป็นทรงแต่น่าดู ผมรู้สึกว่าเป็นภาพที่โคตรเซ็กส์ซี่ พาลให้นึกอยากกดร่างโปร่งลงกับโซฟา แล้วทำให้อีกฝ่ายร้องครางเรียกชื่อผมขึ้นมาติดหมัด

   ปัถย์จะเป็นคนแบบไหนเวลาที่มีเซ็กซ์ อ่อนโยน เชื่องช้า ดุดัน หรือเร่าร้อน ผมเดาเอาว่าปัถย์คงไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนเพราะอีกฝ่ายไม่เคยพูดถึง แต่ก็ไม่แน่ใจว่าคนที่ดีแสนดีแบบนั้นจะไม่มีเพื่อนร่วมเตียง...

   ผมดูไม่ออกว่าปัถย์มีความสัมพันธ์แบบไหนกันแน่ กับผู้หญิง หรือกับผู้ชาย

   แต่นั่นไม่สำคัญ...

   สิ่งสำคัญคือปัถย์คือคนที่ผมพอใจ

   “จะขับให้เหรอ”

   “ครับบอส รถมันติดบอสอย่าขับเองเลยเดี๋ยวจะหงุดหงิดเปล่าๆ”

   “…” ผมพยักหน้า เป็นการยอมรับตามที่อีกฝ่ายเสนอ

   “บอสหิวไหมครับ หาอะไรรองท้องก่อนไหมกินข้าวไม่ตรงเวลาโรคกระเพาะกำเริบอีกแย่เลยครับ”

   “ไม่เป็นไรน่า ไปกินที่งานก็ได้ แล้วนายล่ะหิวหรือเปล่า”

   “ผมทานค่อนข้างดึกน่ะครับ ตอนนี้ยังหัววันอยู่”

   “บอสครับ ขอโทษนะครับ”

   ปัถย์เดินมาหาผมแล้วขยับปกคอเสื้อที่เบี้ยวเล็กน้อยให้เข้าที่ ผมก้มขอลงโดยอัตโนมัติยอมให้คนที่ตัวเล็กกว่าจัดแจงปกคอเสื้อแต่โดยดี สัมผัสเพียงปลายนิ้วตรงต้นคอโดยบังเอิญ ผมมองคนตัวเล็กกว่าตรงหน้าอย่างเผลอๆ และยิ้มกับตัวเองที่มุมปาก ไม่เคยมีใครทำดีกับผมอย่างปัถย์มาก่อน แม้แต่แม่ของผมเองก็ยังไม่ใส่ใจรายละเอียดในชีวิตของผมขนาดนี้ ทุกคนที่ผมรู้จักมักพูดว่ารักและเป็นห่วงผม แต่ในส่วนของการกระทำล้วนตรงกันข้าม มีเพียงความเฉยเมยและเย็นชา

   ระยะเวลาสองปี ทำให้ทั้งผมกับปัถย์ใกล้ชิดกัน อาจด้วยภาระหน้าที่การทำงาน แต่มากกว่านั้นคือความผูกพัน ผมที่เคยแยกแยะทุกอย่างได้อย่างชัดเจน ระหว่างงานกับเรื่องเซ็กซ์ ตอนนี้ผมไม่แน่ใจแล้วว่าตัวเองจะทำแบบนั้นได้จริงๆ หรือเปล่าภาพของปัถย์ตั้งแต่แรกเห็นจนปัจจุบัน หวนกลับมาเป็นฉากๆ เตือนให้ผมเริ่มเข้าใจตัวเองได้ชัดแล้วว่าผมไม่อาจปล่อยปัถย์ไป แล้วผมก็ไม่ยอมให้ปัถย์เห็นใครหน้าไหนสำคัญไปกว่าผม


++++++++++++++

ฝากติดตามกันด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: ❝ B a d G u y ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH.4 8/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 09-12-2017 00:13:55
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❝ B a d G u y ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH.4 8/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 09-12-2017 01:51:12
ว่ากันว่า กว่าเราจะรู้ว่าใครสำคัญกับเราแค่ไหน เราก็เสียเขาไปแล้ว ถ้าไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น รีบไปตามเขากลับมาเร็ว ๆ ไอ้ประธานเฮงซวย  :angry2:
หัวข้อ: Re: ❝ B a d G u y ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH.4 8/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 09-12-2017 01:54:06
อืม ร้ายสมกับชื่อเรื่อง
หัวข้อ: Re: ❝ B a d G u y ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH.4 8/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 09-12-2017 08:45:23
บอสสสสสสส เอาให้ชัดน๊าาาาาา อย่าโลเล ประชดประชัน
หัวข้อ: Re: ❝ B a d G u y ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH.5 3/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: anin ที่ 03-01-2018 15:06:01
Chapter 5

   “ว่าไงสโนว์”

   ปัถย์ร้องเรียกแมวน้อยสีขมุกขมัวของตัวเองเจ้าแมวเหมียวที่อ้วนท้วนและมีสีขนที่ไม่รู้ว่าจะจำกัดความว่าเป็นสีอะไรวิ่งเข้ามาหา มันเอาหัวถูไถกับข้อเท้าเปลือยและร้องเสียงเบาด้วยความยินดีที่เขากลับบ้าน เจ้าตัวที่หน้าบึ้งคลี่ยิ้มเป็นครั้งแรกในรอบวัน มันเป็นรอยยิ้มบางเบาขณะที่เขาลูบขนนุ่มๆ ของเจ้าเหมียว เพราะลึกลงไปเขายังรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะแหลกละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยทางอารมณ์ สิ่งที่บอกออกมาเป็นคำพูดไม่ได้มันจุกแน่นอยู่ในอก คล้ายกับว่ากำลังรอเวลาที่จะระเบิดทะลักทะลายออกมาในวันไหนก็ไม่รู้ ซึ่งถ้าวันนั้นมาถึงจริงมันก็อาจเป็นจุดจบของเรื่องราวบ้าๆ พวกนี้ก็ได้

   แล้วจุดจบที่ว่ามันอาจเร็วกว่าที่คิด

   ปัถย์ถอนใจเฮือกใหญ่ และสลัดเรื่องที่ก่อกวนจิตใจออกไปชั่วคราว

   “หิวมั้ย มานี่มา ไอ้หมู”

   เขาอุ้มมันและเอากระเป๋าวางไว้บนโต๊ะ ก่อนจะพาเจ้าแมวตัวเขื่องเข้าครัวแลเทอาหารเม็ดใส่ชามให้ เจ้าสโนว์ทำแค่เพียงดมๆ แล้วเมยใส่ บอกผู้เป็นเจ้าของกลายๆ ว่ามันไม่พอใจกับอาหารตรงหน้า เจ้าแมวน้อยคลอเคลียที่ขา แต่ยังไม่ยอมกินแต่อย่างใด

   “เออน่า รู้ว่ามันไม่อร่อย แต่ต้องกินไปก่อนนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะไปซื้อแซลมอนมาให้เลยดีไหม” เขาบอกเจ้าแมวที่ทำท่าดมๆ อาหารและมองมาด้วยสายตาไม่พอใจ มันร้องเหมียวๆ และผินหน้าออกจากชามอาหารเม็ดของตัวเอง

   “น่านะ กินไปก่อน วันนี้ไม่อยากไปไหนแล้ว ฉันเจอวันแย่ๆ มา โอเคนะ”

   เขาพึมพำแล้วเกาหูให้สโนว์ และปล่อยให้เจ้าตัวยุ่งและเล็มอาหารแบบขอไปที ก่อนจะเดินไปที่ระเบียงเปิดให้อากาศด้านนอกผ่านเข้ามา เสียงรถยนต์แว่วมาพร้อมกับเสียงต่างๆ จากด้านนอกทำให้ปัถย์ถอนหายใจ

   ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าตัวเองควรทำอะไรดี ด้วยไม่เคยกลับบ้านเร็วแบบนี้มาก่อน โดยส่วนใหญ่เขาจะใช้เวลาอยู่กับงาน รวมถึงวนเวียนเป็นเงาอยู่ข้างกายของเอรีสกว่าจะถึงห้องก็ปาเข้าไปสามสี่ทุ่ม แต่นี่เพิ่งหัวค่ำ   

   ปัถย์หลับตาลงกำลังครุ่นคิดอย่างหนักเรื่องการหางานใหม่...

   ซึ่งเขาเองก็ไม่อยากจะใช้อารมณ์มาตัดสิ้นเรื่องสำคัญเช่นนี้ แต่นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่าเขาจะอดทนมันได้มากขนาดไหน

   เอรีสกำลังเล่นเกม

   เกมที่มีธีรนัยเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย แม้เอรีสจะไม่ได้เอ่ยตรงไปตรงมาว่ามีปัญหาบาดหมางอะไรกับธีรนัยกันแน่ แต่เขาก็เดาออกว่ามันอาจจะเป็นหนึ่งในเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ซึ่งใครคนนั้นคงมีความสำคัญกับเอรีสอย่างมาก ถึงทำให้เขาผูกใจเจ็บกับญาติของตัวเองได้มากขนาดนี้

   ธีรนัยในสายตาเอรีสอาจไม่ใช่ใครที่น่าคบหา แต่ในสายตาเขาแล้ว ธีรนัย ไม่ใช่คนเลวร้าย จากตอนแรกที่เจอกันเพียงผ่านๆ ตามงาน ได้คุยกันบ้างประปลาย แต่ระยะหลังๆ ธีรนัยก็หาโอกาสคุยกับเขามากขึ้นจนพัฒนาเป็นอะไรที่มากกว่านั้น ยังไงก็แล้วแต่เขาก็ไม่ได้เปิดใจเต็มร้อย

   มันไม่ใช่ว่าเอรีสพอใจอะไรกับเขาจริงๆ หรอก คนอย่างเขาถึงไม่ฉลาดมากแต่ก็ไม่ได้โง่ขนาดดูไม่ออก ที่สำคัญที่สุดเอรีสก็คิมหันต์อยู่แล้วทั้งคน

   ดังนั้น มันก็แค่เกมรูปแบบหนึ่ง แค่การอยากเอาชนะ

   เมื่ออาบน้ำแต่งตัวเสร็จและเปลี่ยนเป็นชุดอยู่บ้านที่มีแค่กางเกงขาสั้นและเสื้อสีดำพอดีตัว ในขณะที่นั่งเช็ดผมลวกๆ คิดอะไรเรื่อยเปื่อย เสียงอ๊อดหน้าห้องก็ดังขึ้น ปัถย์เดินไปที่ประตู เมื่อมองผ่านช่องตาแมวเห็นผู้ที่มาเยือนแล้วต้องประหลาดใจ

   เอรีสยืนกอดอกอยู่ด้านนอก ใบหน้าหล่อเหลาที่ไม่ว่ามองเท่าไรก็ไม่เบื่อปรากฎขึ้นแบบไม่คาดฝัน

   ไม่เคยสักครั้งที่เอรีสจะมาหาเขาที่ห้อง... ไม่เคยเลย

   แล้วลมอะไรหอบเขามาที่นี่ ปัถย์เก็บความสงสัยไว้และตัดสินใจว่าจะเปิดประตูให้อีกฝ่ายดีหรือไม่ เพราะตอนนี้เขายังไม่มีอารมณ์ที่จะทะเลาะด้วย

   ฝ่ายเอรีสรอปัถย์อย่างใจจดจ่อ เขาดูนาฬิกาที่บอกว่าตอนนี้ใกล้จะทุ่มตรงแล้วรออยู่ราวสองนาทีปัถย์จึงเปิดประตู ปัถย์มองมาอย่างตั้งคำถาม

   แต่ยังไม่ทันที่อีกฝ่ายจะตั้งตัวชาย หนุ่มร่างสูงกว่าก็เดินแทรกผ่านเข้ามาในห้องอย่างไม่แยแสมารยาทใดๆ ทั้งสิ้น ไม่รอให้ผู้เป็นเจ้าของห้องเชื้อเชิญด้วยซ้ำไป

   “ปิดประตูสิ”

   เอรีสสั่ง ชี้นิ้วส่ายไปส่ายมาทำท่าทางสบายๆ ราวกับเป็นเจ้าของบ้านเสียเอง ปัถย์มองเขาแบบระแวดระวัง

   “คุณ...มีอะไรครับ” เสียงของปัตย์ราบเรียบ แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเคลือบแคลงสงสัย

   “ก็ในเมื่อนายไม่ไปหา ฉันก็ต้องมาเอง” เขาพูดนิ่งขรึม และมองไปรอบห้อง

   “มาหาผม?”

   ปัถย์ร้องถามอย่างสงสัย มองท่าทางที่เขาเดินไปตรงโน้นตรงนี้แล้วสำรวจไปทั่วอย่างไม่สบายใจนัก ด้วยไม่รู้สักนิดว่าเจ้านายตรงหน้ากำลังนึกคิดอะไรอยู่กันแน่ แต่เท่าที่รู้นิสัย เอรีสไม่ได้มีเจตนาบริสุทธิ์แน่นอน

   “ใช่ ทำไมล่ะ มีใครอยู่ด้วยหรือไง ถึงได้ทำท่าตกใจขนาดนั้น” เขาย้อนอย่างจับผิดเต็มที่ประสานสายตากับอีกฝ่าย เห็นท่าทางตื่นๆ แบบนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะแขวะอย่างคนที่ปากตรงกับใจ  เอรีสมองผู้ช่วยหนุ่มอยู่ในชุดลำลองน่าสบาย ผมหมาดชื้นอย่างคนที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ ที่มือยังมีผ้าเช็ดผมสีน้ำเงินอยู่ไม่วางตา

   “เปล่าครับ ผมอยู่คนเดียว”

   “ก็ดี”

   “บอสมีอะไรครับ”

   ปัถย์ย้ำถามอีกครั้ง รักษาระดับน้ำเสียงไว้ให้นิ่งที่สุด ทั้งที่ในใจกำลังเต้นตึกตัก แต่ก็ยังคงรักษาอาการให้ดูเรียบเฉยได้เฉกเช่นทุกครั้ง

   “ห้องน่าอยู่นะ” อีกฝ่ายไม่ตอบ มิหนำซ้ำยังเฉไฉถามเรื่องอื่นอีกต่างหาก ดวงตาคู่คมกราดมองไปรอบๆ ห้องนอนที่ถูกตกแต่งไว้ด้วย โทนสีขาวสะอาดตา เป็นระเบียบ มีเครื่องเรือนน้อยชิ้นแต่ก็ดูมีรสนิยม

   “ขอบคุณครับ”

   “ฉันหิว หาอะไรให้กินหน่อย”

   ชายหนุ่มร่างสูงพูดขึ้นมาดื้อๆ จากอาการของคนจ้องจับผิด เปลี่ยนไปแบบหน้ามือเป็นหลังมือ สีหน้าเครียดเขม็งเมื่อครู่ เปลี่ยนไปเป็นท่าทีสบายๆ

   ปัถย์ถอนใจ มองอีกฝ่ายอย่างเซ้งๆ

   “บ้านผมไม่มีอะไรให้กินหรอกครับ ถึงมีก็คงไม่ถูกกับลิ้นคุณ”

   น้ำเสียงปัถย์เฉยชา เมื่อคิดถึงอาหารหรูที่เขาสั่งตรงมาจากโรงแรมห้าดาวให้เจ้านายกับคิมหันต์เมื่อช่วงกลางวันที่ผ่านมาที่คงจะนุ่มลิ้นกว่ากันมากจนเทียบกันไม่ติด ไหนจะเพื่อนร่วมมื้ออาหารที่แสนจะถูกอกถูกใจนั่นอีก

   “ฉันไม่ได้กินมื้อเที่ยง” น้ำเสียงทุ้มลุ่มลึกกล่าวเป็นนัย เอรีสพูดเหมือนรู้ทัน

   อ้อ จริงสินะ บอสสุดหล่อของเขาคงวุ่นวายเรื่องอื่นอยู่เลยลืมกิน พอยิ่งคิดก็ยิ่งกวนอารมณ์ของปัถย์ให้ไต่ระดับไปอีกสเตป สายตาที่ไร้ซึ่งกรอบแว่นตาออกอาการเย้ยหยันตัวเองอยู่ในที

   “…”

   “นี่ก็เริ่มรู้สึกปวดท้องหน่อยๆ ล่ะ ไปหาอะไรมาให้รองท้องหน่อยสิ”

   เจ้านายหนุ่มส่งสายตาเจ้าเล่ห์มาให้ด้วย สายตาที่ไม่ว่าจะเมื่อไรปัถย์ก็ยอมสยบให้ทุกครั้ง เป็นแบบนี้เสมอมาแต่มันจะไม่เสมอไป

   “ผมมีแค่อาหารแช่แข็ง” เจ้าตัวพูดอย่างจนใจ ด้วยไม่อาจใจดำกับเอรีสได้สักครั้ง ก็ห่วงเรื่องสุขภาพเขาหรอกนะ รายนี้เป็นโรคกระเพาะเรื้อรังมาหลายปี ถ้ากินข้าวผิดเวลาเมื่อไรเป็นออกอาการเสมอ

   “ได้ แค่นั้นก็ได้ ฉันหิวมาก กินได้หมด”

   เอรีสสั่งอย่างเคย แล้วก็โบกมือไล่อีกฝ่ายแบบส่งๆ ราวกับว่าปัถย์เป็นทาสรองมือรองเท้าก็ไม่ปาน ปัถย์เดินเข้าครัวเล็กของตัวเองเร็วๆ เปิดตู้เย็นหยิบนู้นนี่อยู่ครู่หนึ่ง แล้วอุ่นอาหารให้เจ้านายทั้งที่ใจยังนึกโมโหอยู่ไม่หาย ระหว่างนั้นก็สะบัดผมลวกๆ เพราะยังไม่แห้งดี ผมเลยดูยุ่งๆ จนเจ้าตัวเองก็รู้สึกประหม่าเพราะมันคงจะดูไม่ได้เอาเสียเลย แต่ก็ช่างเถอะเขาไม่จำเป็นต้องดูดีอะไรนี่จริงไหม

   ระหว่างที่ปัถย์วุ่นวายในครัว เขาได้ยินเสียงผู้เป็นนายเปิดทีวีไปเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ ครู่หนึ่งเขาจึงจัดจานข้าวผัดปูที่เพิ่งอุ่นด้วยไมโครเวฟบนโต๊ะอาหารขนาดเล็กที่ไม่เคยได้รับแขกอะไรสักเท่าไร

   “เสร็จแล้วครับ” เขาเดินมาบอกเอรีสที่นั่งแผ่หราสบายอารมณ์อยู่ สีหน้าของเอรีสราบเรียบ ไม่บ่งบอกถึงอารมณ์ของเจ้าตัว แต่ก็ดูอันตรายในยามที่เจ้าตัวไม่แสดงออกแบบนี้

   คนตัวสูงลุกขึ้น เดินไปที่โต๊ะอาหารแล้วถาม

   “แล้วนายล่ะ”

   “ผมกินมาแล้ว เชิญคุณตามสบาย”

    เมื่อปัถย์ทำท่าจะเดินหนีไปเอรีสก็รั้งมืออีกฝ่ายไว้ในทันที ไม่ยอมให้คนตัวเล็กผละไปอีกง่ายๆ

   “เดี๋ยวสิ นั่งเป็นเพื่อนฉันก่อน”

   “คุณกินเถอะครับ ผมจะไปเอาน้ำมาให้”
 
   ปัถย์สะบัดมือออกและเดินหนีไปดื้อๆ ปล่อยให้เอรีส มองตามหลังไป อริยาบทแบบนี้ของปัถย์เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน แม้อีกฝ่ายจะทำตัวเป็นหนุ่มเนิร์ดที่สวมแว่นตากับชุดสีเข้มที่ดูเนี๊ยบและเรียบหรูทุกวัน แต่วันนี้ต่างออกไป การที่ปัถย์แต่งตัวง่ายๆ สบายๆ ก็ทำให้หมอนี่น่ามองได้เหมือนกัน

   เอรีสไม่ได้สนใจอาหารอย่างที่ปากบอก เขาทำแค่ตักอาหารรสชาติจืดชืดลงคออย่างขอไปที สายตาก็เอาแต่มองอีกฝ่ายอย่างไม่ปกปิดความรู้สึก

   ฝ่ายของคนที่ถูกจ้องมองก็ทำตัวไม่ถูก ได้แต่ลอบมองแขกผู้ไม่ได้รีบเชิญอยู่ห่างๆ โดยไม่อาจทำอะไรได้นอกจากรักษาระยะห่างไว้ให้มากที่สุด

   “วันนี้นายไปไหนมา”

   ในที่สุด เอรีสก็เปิดประเด็นที่สงสัยมาตลอดบ่าย

   “ผมมีธุระนิดหน่อย”

   “ธุระที่ว่านั่นสำคัญขนาดไหนกันเชียว”

   ปัถย์ถอนใจ “ก็คงสำคัญ”

   “ที่นายหายไปแบบนั้นเพราะเรื่องคิมหรือเปล่า”

   คำถามของเอรีสทำให้ปัถย์ชะงัก ก็มันช่างจี้ใจดำของเขาเหลือเกิน สะกิดแผลสดของเขาให้เหวอะกว้างและเจ็บเกินจะรับไหว แต่เขาก็หน้าบางเกินกว่าจะยอมรับว่าตัวเองโคตรจะเสียความรู้สึกเรื่องที่อีกฝ่ายพาหนึ่งในบรรดาคู่รักมาเย้ยกันถึงที่ แต่ก็โทษใครไม่ได้ในเมื่อเขาเองไม่มีสิทธิ์อะไร

   เขามันก็แค่ลูกน้อง!

   แค่พนักงานที่สนิทหน่อยก็เท่านั้นเอง

   “ไม่ใช่ครับ”

   “ปากแข็ง ถ้าหวงก็บอกมา” เอรีสยั่วอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงหัวเราะลงลูกคอ สายตาวาววับเปล่งประกายเจ้าชู้ไม่ปิดบัง

   “คำว่าหวงใช้กับคุณไม่ได้”

   “ทำไม”

   “เพราะเราไม่ได้มีความพิเศษต่อกัน คำว่าหวงเลยใช้ไม่ได้” ปัถย์หันหลังให้อีกฝ่าย หลบสายตาขณะพูด เพราะกลัวว่าสีหน้าของเขาจะบอกถ้อยคำต่างๆ มากมายที่พยายามซุกซ่อนไว้

   “จริงสินะ ฉันมันไม่พิเศษ แล้วอย่างธีรนัยนี่เรียกว่าพี่เศษไหม”

   “คุณ...”

   ปัถย์สะดุ้งเมื่อร่างสูงกำยำของเอรีสประชิดเข้าที่แผ่นหลังของเขาในชั่วอึดใจเดียว ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดที่ต้นคอ เจ้าตัวหันไปมองอีกฝ่ายพร้อมกับผงะออกอย่างอัตโนมัติ แต่อีกฝ่ายก็รั้งร่างเขาไว้ด้วยฝ่ามือข้างหนึ่ง ตรึงให้เขาหยุดนิ่งกับที่

   “ตอบหน่อยสิ อยากรู้”

   “ผมไม่ตอบอะไรทั้งนั้น ปล่อยผมครับ” เสียงของปัถย์ห้วนและเริ่มไม่พอใจ

   “ไม่ตอบ ก็ไม่ปล่อย”

   นอกจากจะไม่ปล่อย เอรีสยิ่งเกร็งข้อมือให้แน่นขึ้น แม้ปัถย์จะไม่ได้อ่อนแออะไร แต่เขาก็ไม่มีทางสู้แรงของอีกฝ่ายได้อยู่แล้ว ก็นั่นมันหุ่นนักกีฬากล้ามแน่นเปรี๊ยะ ส่วนเขาก็แค่ไอ้ขี้ก้างธรรมดาๆ

   “ผมไม่อยากทะเลาะกับคุณ ผมเหนื่อยครับ ขอร้องเถอะผมอยากพักแล้ว”

   “ก็ไม่ได้มาชวนทะเลาะ”

   “นี่เรียกว่าชวนทะเลาะครับ คุณอารมณ์เสียเวลาพูดถึงคุณธีร์ แต่ก็เป็นคุณที่วกไปเรื่องของเขาก่อนทุกที ไม่ชอบเขาก็อย่าไปพาดพิงถึงเขาสิครับ”

   “ก็จะไม่พูดถึงมันหรอก ถ้านายเลิกยุ่งกับมัน”

   “เถียงไปก็ไม่จบ เราเลิกพูดเรื่องนี้เถอะครับ ว่าแต่คุณมีอะไรถึงมาหาผมถึงนี่ ถ้าไม่ด่วนจริงๆ ผมขอล่ะ วันนี้ผมเหนื่อยไว้พรุ่งนี้เราค่อยคุยนะครับ”

   “ไปไหนมา ตอบคำถามนี้ก่อน ถ้าตอบดีๆ ก็จะไม่กวนใจ”

   “ผมไปหาเพื่อน อยากรู้ด้วยไหมครับว่าเพื่อนคนไหน”

   “เอาสิ จะได้ไม่ต้องถามต่อ”

   “บอส...” ปัถย์ลากเสียงยาว บ่งบอกได้ว่ากำลังอารมณ์ขึ้นเมื่ออีกฝ่ายพูดจากกวนใส่ “เราไม่ควรก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวกันนะครับ”

   “นี่ไม่เรียกว่าก้าวก่าย ก็แค่อยากรู้ว่าผู้ช่วยฉันหายไปไหนในเวลางาน ฉันมีสิทธิ์ที่จะรู้”

   “ผมไปกินกาแฟกับเพื่อน มีธุระคุยกันนิดหน่อย”

   “อืม” เอรีสรับคำง่ายๆ ตัดบทว่ารู้แล้ว “ถ้านายไม่พอใจเรื่องคิม ก็แค่พูดว่าไม่อยากให้เขามา ฉันก็จะไม่ให้เขามาเหยียบที่ทำงานอีก”

   “ผมไม่อยากคุยเรื่องนี้”

   ผมรีบตัดฉับ ไม่อยากให้เขาโยงเข้าเรื่องที่กำลังทำให้ตัวเองนอยด์จนไมเกรนขึ้น

   “โอเค งั้นคุยเรื่องอื่น เรื่องงานที่กระบี่นายต้องไปกับฉันนะ”

   “เฮ้อ! บอสผมไม่อยากเถียงกับคุณเรื่องนี้ ตอนนี้”

   “ไม่อยากเถียง หรือว่า...”

   คำพูดของเอรีสชะงัก เมื่อเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น โทรศัพท์ของปัถย์ที่อยู่ฝากหนึ่งของโซฟาโชว์หราว่าสายที่โทรเข้าคือหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้คนทั้งคู่โต้เถียงกันมาตลอดเดือน


   ธีรนัย



   สายตาของคนทั้งคู่มองไปที่หน้าจอพร้อมกัน แต่คนที่เร็วกว่าคือฝ่ายเอรีส ร่างสูงฉวยโทรศัพท์นั้นไว้ได้แล้วยกขึ้นสุดแขน มองมาที่ปัถย์อย่างท้าทาย ดวงตาของเขาคมกล้าบ่งบอกว่าพร้อมจะมีเรื่องได้ตลอดเวลา ขณะเดียวกันปัถย์ก็เอื้อมมือสุดแรงเพื่อยื้อแย่งออกจากเขาให้ได้ แต่ร่างกายที่เล็กกว่าสิบเซ็นติเมตรหรือจะสู้แรงอีกฝ่าย

   “เอรีส นั่นโทรศัพท์ของผม” ปัถย์วุ่นวายกับการยื้อแย่ง ปากก็ต่อว่าไปด้วยถลึงตาใส่ไปด้วย

   “แล้วไง”

   เอรีสพูดเสร็จก็กดตัดสาย ก่อนจะปิดเครื่องแล้วเหวี่ยงไปที่พื้นตรงหน้าอย่างไม่สนใจว่าจะทำให้อะไรเสียหาย ท่าทางอันธพาลของเขาทำให้ปัถย์ยิ่งโมโห

   “คุณไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้ นั่นมันของส่วนตัว เกินไปนะครับบอส”    ปัถย์หน้าแดงก่ำด้วยที่ทำอะไรไม่ถูก ทั้งโกรธ ทั้งอยากตอบโต้อีกบ้าง เจ้าตัวพยายามจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อดูร่องรอยความเสียหาย กดเปิดเครื่องแล้วก็มีเสียงขัดขึ้นตามมาก

   “อย่าได้กล้าโทรหามันตอนฉันยืนหัวโด่อยู่เชียวนะ”

   เอรีสฉวยข้อมือของปัถย์ไว้ และดึงเข้าหาตัว พร้อมกับลดกายลงก่อนกระซิบข้างหูจนลมหายใจรดต้นคออีกฝ่ายจนชะงักค้าง แต่ก็ไม่วายโต้กลับเพราะไม่ชอบการกระทำบ้าๆ ของเจ้านายตัวปัญหา

   “ตอนนี้ไม่โทร ผมจะโทรตอนที่คุณไม่อยู่ก็แล้วกัน” ไม่รู้ว่าเอรีสมาเจ้ากี้เจ้าการกับตัวเองทำไม

   หางคิ้วหนากระตุก ใบหน้าหล่อเหลาดั่งรูปสลักเกร็งเครียดขึ้นอีกครั้ง

   “งั้นคืนนี้ก็คงไม่มีสิทธิ์ได้โทร”

   เสียงนั้นห้วนห้าว พร้อมกับใบหน้าที่ใกล้เขามาจนเพียงแค่ลมหายใจกั้น “ฉันจะอยู่กับนายทั้งคืน แล้วจะทำให้แน่ใจว่านายจะไม่ว่างคุยกับใคร”

   สิ้นคำพูด เอรีสก็ฝังรอยจูบลงบนต้นคอขาวอย่างรวดเร็ว อีกฝ่ายถึงกับสะดุ้งโหย่งกับความดิบเถื่อนที่ตนได้รับ ปัถย์ผลักร่างสูงออก แล้วใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีดันร่างหนาให้ห่างจากตัว ซึ่งก็ใช่ว่าชายหนุ่มผู้เอาแต่ใจจะสน เขายังคงฝังใบหน้าคมหล่อเหลาปะป่ายไปทั่วแก้มที่หลบเลี่ยงไปมาด้วยอยากเอาชนะผสมกับความปรารถนาลึกล้ำที่รอวันถูกเติมเต็มมาเนิ่นนาน

   และดูเหมือนว่าคนทั้งคู่จะมีบางอย่างที่ไม่ต่างกันเลย

   เอรีสกำลังถูกเล่นงานด้วยความหึงหวงที่สั่งสมมาตลอดหลายสัปดาห์กำลังจะระเบิดอยู่รอมร่อ ด้วยความปรารถนาในตัวผู้ช่วยหนุ่มในวงแขน และความที่อยากตีตราให้ใครต่อใครได้รู้ว่าปัถย์เป็นของเขา ป่่าวประกาศว่านี่คือของหวงที่เขาไม่อาจยอมให้ใครมาซ้ำรอยได้

   จุมพิตที่เร่าร้อนปะป่ายจากพวงแก้มเรียวสู่ริมฝีปากปากอ่อนนุ่มด้วยความช่ำชองว่องไว ด้วยประสบการณ์ที่โชกโชนล่อลวงจนคนที่ด้วยประสบการณ์กว่าแถบตั้งตัวไม่ทัน

   ปัถย์ตัวแข็ง ต่อต้านวงแขนของอีกฝ่ายสุดกำลัง ไม่ยอมให้อีกฝ่ายครอบงำเหมือนเมื่อตอนเช้าแน่ๆ

   สัมผัสที่หยาบคายไร้หัวใจ ต่อให้เป็นเอรีส คนที่เขารักทั้งหัวใจ เขาก็ไม่ยอมให้มาดูถูกเขาแบบนี้ซ้ำๆ

   มันน่าสมเพสเกินไป

   “ปล่อย!” ปัถย์ใช้แรงทั้งหมดเท่าที่มีผลักร่างสูงออก “เลิกทำบ้าๆ ได้แล้ว ออกไปจากห้องผม”

   ร่างสองร่างผละออกจากกัน เสียงของปัถย์สั่นด้วยความโกรธ เขารู้สึกเหมือนตัวเองโดนดูถูกซ้ำอล้วซ้ำเล่า จากคนที่เขารักซึ่งมันทำให้เขาเจ็บปวดเกินจะทน

   “ออกไป เอรีส!”

   ใบหน้าของเอรีสนิ่งเรียบ แต่ดวงตากลับฉายแววมาดหมายเอาเรื่อง ชายร่างสูงเช็ดริมฝีปากตัวเองน้อยๆ นิ้วของเขาป้ายคราบเลือดที่ติดอยู่ออกมา

   ปัถย์กัดปากเขา

   เอรีสยิ้มมุมปาก แต่ไม่ได้พูดอะไร ทำแค่เพียงมองฝ่ายตรงข้ามนิ่งๆ

   “ออกไป!” เสียงของปัถย์กดต่ำ และเดินกลับเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง ก่อนจะปิดประตูดังโครมและปล่อยให้แขกผู้ไม่ได้รับเชิญยืนมองประตูห้องเพียงลำพัง



+++++
นิสัยไม่ดี
บุกห้องเขาแล้วยังทำตัวชั่วร้าย!!!!

แต่ปัถย์ของเราก็ไม่ทนรองมือรองเท้าไปตลอดนะพ่อคู้นนนนนน
หัวข้อ: Re: ❝ B a d G u y ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH.5 3/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: แม่น้องเปา ที่ 03-01-2018 21:52:20
โง้ยยยย มันส์  o13 รอตอนต่อไปค่า
หัวข้อ: Re: ❝ B a d G u y ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH.5 3/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 03-01-2018 22:11:47
อย่าได้ยอม หนูปัถย์
หัวข้อ: Re: ❝ B a d G u y ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH.5 3/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 04-01-2018 01:24:12
กลับบ้านไปซะเจ้านายเฮงซวย  :katai1:
หัวข้อ: Re: ❝ B a d G u y ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH.5 3/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 04-01-2018 07:44:43
คือเหมือนคนหึงก็ตามหึงจนหน้ามืดอ่ะ 5555
หัวข้อ: Re: ❝ B a d G u y ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH.5 3/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 04-01-2018 08:30:15
เฮอะ เอาแต่ใจตัวชะมัด
หัวข้อ: Re: ❝ B a d G u y ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH.5 3/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 04-01-2018 10:55:18
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❝ B a d G u y ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH.5 3/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 04-01-2018 11:24:17
โอ้ยๆๆชอบๆๆๆ o13 o13
หัวข้อ: Re: ❝ B a d G u y ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH.5 3/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: masochism2018 ที่ 04-01-2018 15:46:31
 พระเอกในตำนาน :laugh:
หัวข้อ: Re: ❝ B a d G u y ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH.5 3/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 04-01-2018 16:12:39
คุณบอสนี่นิสัยเด็กจนน่าตบมากค่ะ เอาแต่ใจที่หนึ่งไม่สนความรู้สึกใครเลย อย่างที่ปัถย์คิดอะว่านี่มันความรู้สึกอยากเอาชนะไม่ใช่ความหลงอะไรหรอก ถ้าปัถย์ลาออกไปนะอิตาบอสคงคลั่งตายแน่ สมน้ำหน้าอะ

ปล. อ่านช่วงพาร์ทสองแล้วงงๆไม่แน่ใจว่าเป็นไทม์สกิปหรือยังไง ตกลงว่าบอสกับปัถย์นี่มีอะไรกันมาแล้วเหรอคะเพราะบางรูปประโยคก็ดูเหมือนมีกันแล้ว แต่บางประโยคเป็นเหมือนการมโนของบอสล้วนๆ
หัวข้อ: Re: ❝ B a d G u y ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH.5 3/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 04-01-2018 16:59:26
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❝ B a d G u y ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH.5 3/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 04-01-2018 21:46:14
 :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ❝ B a d G u y ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH.5 3/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: anin ที่ 05-01-2018 10:20:41
คุณบอสนี่นิสัยเด็กจนน่าตบมากค่ะ เอาแต่ใจที่หนึ่งไม่สนความรู้สึกใครเลย อย่างที่ปัถย์คิดอะว่านี่มันความรู้สึกอยากเอาชนะไม่ใช่ความหลงอะไรหรอก ถ้าปัถย์ลาออกไปนะอิตาบอสคงคลั่งตายแน่ สมน้ำหน้าอะ

ปล. อ่านช่วงพาร์ทสองแล้วงงๆไม่แน่ใจว่าเป็นไทม์สกิปหรือยังไง ตกลงว่าบอสกับปัถย์นี่มีอะไรกันมาแล้วเหรอคะเพราะบางรูปประโยคก็ดูเหมือนมีกันแล้ว แต่บางประโยคเป็นเหมือนการมโนของบอสล้วนๆ



ขออนุญาตอธิบายค่ะ
ขอโทษที่อาจอธิบายกำกวม จริงๆ แล้วก็แค่ภายนอกอ่ะค่ะ
เกือบเตลิดไปหลายทีเพราะบอสของเรารุกตลอด
ปัถย์เองก็เผลอตัวเผลอใจไปเป็นบางครั้งบางคราว แต่ก็ไปไม่สุด ทิ้งไว้กลางทางเสียก่อน
หัวข้อ: Re: ❝ B a d G u y ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH.5 3/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 05-01-2018 11:45:56
เราชอบการเรียบเรียงภาษาเล่าเรื่องมากค่ะ
อ่านแล้วอินสุด


หมั่นไส้บอสมาก น้องปัตถ์มาๆๆ อย่าไปยุ่งกับมันลูก
หัวข้อ: Re: ❝ B a d G u y ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH.6 14/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: anin ที่ 14-01-2018 18:12:15
Chapter 6
การเผชิญหน้าที่ปวดใจ


ปัถย์มาถึงออฟฟิศตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า
   ผู้ช่วยหนุ่มจัดการเก็บของใช้ส่วนตัวไว้ในลิ้นชักส่วนตัว ใช้เวลานั่งลงนิ่งๆ สีหน้าครุ่นคิดก่อนถอนใจเฮือกใหญ่แล้วเดินไปที่ห้องทำงานของผู้เป็นเจ้านายด้วยความรู้สึกย่ำแย่ที่สลัดออกจากหัวไม่ได้ ความรู้สึกที่ว่านั่นเล่นงานเขาตลอดคืน

   ประตูบานใหญ่เปิดออก บัดนี้ห้องทำงานที่เคยเป็นระเบียบทุกตารางนิ้วดูยุ่งเหยิงกว่าเคย ข้าวของหลายอย่างอยู่ผิดที่ผิดทาง หลายสิ่งบนโต๊ะถูกกวาดรวมไปกองฝากหนึ่ง และเมื่อมองไปที่พื้นที่ทับกระดาษอันโตก็นอนแอ่งแม้งอยู่ที่พื้นราวกับถูกเหวี่ยงลงมา เจ้าตัวฝืนเดินไปเก็บสิ่งของต่างๆ เข้าที่ แม้ความรู้สึกของเขามันจะช่างย่ำแย่เพียงใดก็ตาม

   “สงครามขนาดย่อยเลยนะนี่ คนจะมันหยดกันเลยสิท่า”

   ปัถย์พึมพำกับตัวเอง รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏขึ้นตรงมุมปาก ดวงตาที่เคยสดใสหม่นแสงลงเล็กน้อย ในระหว่างที่มือก็บรรจงหยิบข้าวของต่างๆ วางไว้คืนที่ทางของมันของมันทีละชิ้น ไม่นานประตูห้องของเอรีสก็เปิดออก ฝีเท้าที่เดินเป็นจังหวะบอกได้ดีว่าคือใคร

   “สวัสดีครับบอส”

   ผู้ช่วยหนุ่มทักทายตามมารยาท ร่างโปร่งขยับห่างจากโต๊ะเพื่อเปิดทางให้ผู้เป็นเจ้านาย

   “เก็บโต๊ะเสร็จแล้วนี่”

   “บอสหาของเจอหรือยังครับ”

   “เจอแล้ว ขอบใจที่ยังนึกได้”

   น้ำเสียงของเอรีสดูประชดประชันอยู่หน่อยๆ แต่ปัถย์ก็เลือกที่จะไม่ต่อล้อต่อความอะไร ไม่มีประโยชน์ที่จะมาทะเลาะกันตั้งแต่เช้า

   “ครับ ว่าแต่... บอสจะรับกาแฟเลยหรือเปล่า” ปัถย์ถามอย่างเฉยชา

   “อืม” เอรีสแค่นยิ้ม สองมือลวงไปที่กระเป๋ากางเกงด้วยท่าทีสบายๆ

   ปัถย์เดินเลี่ยงออกจากห้อง ผ่านไปครู่หนึ่งจึงกลับเข้ามาพร้อมกาแฟกับขนมปังปิ้งสองชิ้น แยมส้มและเนยสดอย่างที่ผู้เป็นเจ้านายโปรดปราน มือเรียววางอาหารเช้าลงและออกไปเงียบกริบเหมือนตอนที่เข้ามา ใช้เวลาในช่วงเช้าเคลียงานเก่า และบอกตารางนัดหมายต่างๆ ให้กับผู้เป็นนายอย่างละเอียดยิบ บรรยากาศของทั้งคู่เต็มไปด้วยความมึนตึง เย็นชา ไม่มีคำพูดหยอกล้อ หรือถามสารทุกข์สุกดิบอย่างที่ทำมาตลอดหลายปี มีเพียงท่าทางเป็นการเป็นงานในแบบเจ้านายกับลูกน้องเพียงเท่านั้น

   ก็ดีแล้วนี่!

   แค่เจ้านายกับลูกน้อง


   “ปัถย์… คุณทำให้พวกเราเกือบไหม้ไปทั้งตัว อีรีสแทบจะเผาพวกเราทั้งเป็น”

   เอมเดินมาที่โต๊ะ และกระซิบกระซาบในขณะที่กำลังตอบอีเมลภายใน ชายหนุ่มฟังอย่างเห็นใจ เดาได้เลยว่าเอรีสคงทำให้พนักงานทุกคนขนลุกขนพองเพราะเสียงที่ก้องกังวานดุดัน อันเป็นเอกลักษณ์ของเขาขนาดไหน

   “ขอโทษนะครับ” ปัถย์แสดงสีหน้ารู้สึกผิด

   “ช่างเถอะ บอสก็เป็นแบบนี้นั่นล่ะ แต่คุณปัถย์นี่เก่งมากเลยนะที่รับมือกับบอสได้ไม่ว่าจะในสถานการณ์ไหน” เอมมีสีหน้านับถือ แล้วยังเม้าท์มอยต่อเหมือนต้องการระบายให้ใครสักคนฟัง “พอโทรศัพท์โต๊ะคุณดัง ฉันเลยรับให้ เท่านั้นล่ะเอรีสก็โวยวาย พอบอกว่าคุณลาออกไปข้างนอกเขาก็ปึงปังออกมาทำเอาทั้งชั้นหัวหดไปหมด”

   ปัถย์ยิ้มบางๆ พอนึกภาพออกว่าเอรีสแสดงสีหน้าหรือท่าทางอย่างไร เอรีสเป็นเสือยิ้มยาก ยิ่งเวลาไม่พอใจใครเขาจะตีหน้ายักษ์ไว้ก่อน ยังไม่รวมเสียงที่ทุ้มติดห้วนที่ฟังที่ไรก็ทำให้เสียวสันหลังมานักต่อนัก 

   ตอนนั้นเองที่เห็นเอมเริ่มทำหน้าแหย ความผิดปกติกับบรรยากาศเย็นยะเยือกปกคลุมรอบบริเวณ และเมื่อหันมองจึงได้รู้ว่าเอรีสกำลังเดินตรงเข้ามาใกล้วงสนทนาของทั้งคู่

   เอมเงียบสงบปากที่นินทาผู้เป็นเจ้านายลงลงจนเหลือเพียงเสียงลมหายใจที่ตื่นตระหนก รีบกุลีกุจอหันไปทักทายบอสใหญ่แบบเลี่ยงไม่ได้ ก่อนจะปลีกตัวไปทันทีที่เห็นสายตาคมกริบของเจ้านายสุดโหดไปในที่สุด

   “ปัถย์นายโทร. หาพิชิตเรื่องสัญญาของบริษัทแกรนด์ซีซันที ฉันส่งรายละเอียดต่างๆ เข้าในเมลให้แล้ว ส่วนนัดช่วงบ่ายช่วยยกเลิกไปก่อน ฉันต้องไปคุยเรื่องสัญญาที่แทรกเข้ามา เพราะอีกสองวันฉันต้องไปญี่ปุ่น”

   “ได้ครับ”

   ปัถย์ออกจากออฟฟิศพร้อมกับเอรีสตอนบ่ายโมง ยังคงรักษาระยะห่างกับผู้เป็นเจ้านายไว้ให้ได้มากที่สุด แต่ด้วยว่าต้องทำงานร่วมกันมันเป็นไปได้น้อยมากที่จะไม่สื่อสารพูดคุยกัน แต่ทุกประโยคที่เอื่อนเอ่ยมันดูแปลกประหลาดเหมือนกับว่าทั้งคู่เพิ่งได้ทำงานด้วยกันเพราะมันช่างเป็นทางการและห่างเหินจนน่าตกใจ

   “บอสไม่ไปรถบริษัทหรือครับ”

   ปัถย์ถามอย่างสงสัย เพราะเจ้านายไม่ได้เดินไปที่รถยนต์อัลพาร์ดสีดำมันปราบอย่างที่เคย แต่เจ้าตัวกลับเดินตรงไปที่รถสปอร์ตBMWi8 สีดำคันเก่งของตัวเองแทน

   “ไม่”

   น้ำเสียงของเอรีสตอบกลับมาสั้นๆ เขาเดินลิ่วไปที่ประตูฝั่งคนขับ

   “ถ้าอย่างนั้น เดี๋ยวผมขับรถตามไปนะครับ”

   ถามไปก็ทำท่าจะผละไปที่รถของตัวเองที่จอดไม่ห่างกัน ชั้นนี้เป็นที่จอดรถผู้บริหาร ซึ่งเขาเองก็ได้อภิสิทธิ์เล็กน้อยจากตำแหน่งผู้ช่วยบองบิ๊กบอส ทำให้เขามีที่จอดรถยนต์ส่วนตัว แทบทั้งชั้นล้วนมีแต่รถยนต์หรูๆ ราคาเกินสามล้านขึ้นทั้งนั้น คงมีเพียงรถเขานี่ล่ะที่ราคาแค่ไม่กี่แสน ด้วยเป็นรถญี่ปุ่นระดับกลางที่พบเห็นได้กันบนท้องถนน

   “ทำไมต้องไปหลายคัน ขึ้นรถ”

   ปัถย์ไม่ได้พูดอะไรให้มากความ เขาเปิดประตูรถสุดหรูแล้ววางกระเป๋าเอกสารไว้บนตักก่อนคาดเข็มขัดนิรภัยเงียบๆ ไม่บ่อยนักที่เขาจะได้นั่งรถคันนี้ ปกติแล้วเอรีสจะใช้รถของบริษัทเป็นส่วนใหญ่ เจ้าตัวจะขับรถเองก็ต่อเมื่อไปบรรดากิ๊กทั้งหลายเท่านั้นที่เหลือถ้าไม่ใช่เขาขับให้ก็จะมีคนขับรถของบริษัทเพียงเท่านั้น

   “อเจนด้าการประชุมมีอะไรบ้าง” เอรีสเปิดฉากการสนทนาก่อน ทั้งที่ปกติแล้วจะเป็นผู้ช่วยหนุ่มต่างหากที่เป็นฝ่ายรายงานทุกอย่างให้ผู้เป็นเจ้านายรู้

   “หลักๆ ประเด็นการชี้แจงแบบเพิ่มเติมมาจากแบบ For Bidding แล้วก็เรื่องต่อรองราคาครับ”

   “อืม”

   ภายในห้องโดยสารเงียบกว่าเคย เพราะชายหนุ่มทั้งคู่ต่างก็เลือกที่จะสงวนท่าทีระหว่างกัน

   “วันนี้นายเงียบผิดปกติ มีอะไรไม่พอใจก็พูดออกมาเลย ฉันไม่ชอบทำสงครามประสาทเท่าไร”

   “ผมควรไม่พอใจอะไรเหรอครับ”

   “เรื่องเมื่อวานไง”

   “ถ้าคุณรู้ว่าผมจะไม่พอใจ คุณก็ไม่ควรทำตั้งแต่แรก จริงไหมครับ”

   “ก็จริง แต่ฉันก็ไม่พอใจนายเหมือนกันนั่น นายล่ะ ใส่ใจความรู้สึกของฉันบ้างหรือเปล่า”

   “ผมทำอะไร”

   ปัถย์ร้องถาม สีหน้าดูสับสนแบบสุดๆ ในเมื่อตัวเขาไม่ได้ทำอะไรอีกฝ่ายเลย นอกจากเป็นฝ่ายที่ถูกกระทำอยู่เพียงฝ่ายเดียว ถ้าเขาจะไม่พอใจนั่นไม่แปลกเลย แต่ดูแล้วอีกฝ่ายกำลังสับสนอะไรอยู่แน่ๆ ถึงได้ย้อนเขากลับมาแบบนี้

   “นายก็รู้ว่าฉันรู้สึกยังไงกับนาย แต่ก็ทำเป็นเมินหนีเหมือนไม่รับรู้อะไร ทำไมกันปัถย์ ฉันสู้ธีรนัยไม่ได้ตรงไหน”

   “ผมไม่รู้ว่าคุณรู้สึกแบบไหนกับผมกันแน่ เห็นกันอยู่ว่าคุณมีใครอีกหลายคน สถานะอย่างผมเป็นแค่ผู้ช่วยของคุณก็น่าจะพอแล้วครับ”

   “ที่พูดแบบนี้เพราะอยากให้ฉันเลิกยุ่งกับคนอื่นหรือเปล่า ถ้าใช่ก็แค่บอกมาตรงๆ”

   “ผมไม่ได้อยากให้คุณเลิกกับใคร ผมแค่ไม่สบายใจที่คุณมองว่าผมเป็นหนึ่งในคนพวกนั้น คนที่คุณนึกพอใจอยากสนุกด้วยแบบฉาบฉวย”
   “มันก็แค่เซ็กซ์น่าปัถย์ อายุขนาดเราแค่ทำตามความพอใจ ไม่ได้ไปแย่งของใครมา อย่าเอามาเป็นสาระเลย”

   “กับผมไม่ใช่ครับ ผมไม่เคยมีความสัมพันธ์แบบฉาบฉวย ผมจริงจังกับคนที่คบหาด้วย เซ็กซ์ของผมไม่ได้เกิดขึ้นกับใครต่อใครก็ได้หรอกนะครับ ผมไม่ได้ง่ายกับทุกคน” 
   ถึงปัถย์จะไม่ได้คบใครมากนัก แต่ในทุกๆ ความสัมพันธ์เขาไม่เคยคิดว่ามันเป็นเรื่องเล่นสนุก เขาจริงจังและจริงใจในทุกครั้ง ซึ่งผิดกับเอรีส รายนี้อาจมองเพียงเป็นเรื่องของการปลดปล่อยอารมณ์ทางเพศ เป็นเรื่องธรรมชาติเหมือนการกินดื่ม จะกับใครล้วนเท่าเทียมเสมอกัน

   “ถ้าฉันเลิกกับทุกคน นายจะคบกับฉันไหม”

   คำถามของเอรีสดังขึ้น แต่ปัถย์กลับนึกขัน เขาอยากหัวเราะดังๆ ให้ฟังร่วง เขาอยู่กับเอรีสมากี่ปีทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเอรีสขี้เบื่อ และมองเรื่องการหลับนอนกับใครสักคนผิวเผินเพียงใด แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังรัก ความใกล้ชิดทำให้เขาเห็นเอรีสในทุกแง่มุม หากตัดเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ไป เอรีสคือชายในฝันของใครหลายคน

   “คุณไม่มีทางเลิกกับทุกคนได้หรอกครับ”

   “แล้วถ้าฉันทำได้ล่ะ นายกล้าคบกับฉันไหม”

   “…”

   ปัถย์ไม่ได้ตอบ ทำได้เพียงครุ่นคิดกับตัวเองเงียบๆ ปล่อยให้เอรีสมองเสี้ยวใบหน้าของตัวเองด้วยแววตามุ่งมั่นที่ปัถย์เองอาจไม่มีวันล่วงรู้

   การสนทนายุติลงแล้วความเงียบงันกลืนกินห้องโดยสารที่กำลังเคลื่อนที่อีกครั้ง จนเมื่อข้อความเข้ามาดึงความสนใจของปัถย์ไปที่มือถือของตัวเอง

   Chon-natee
   วันนี้กูว่าง เย็นนี้แดกชาบูกัน

   ปัถย์อ่านข้อความสายตาชำเลืองคนข้างกายเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายสนใจกับท้องถนนอันคราคร่ำอยู่จึงละสายตาก่อนตอบตกลงกับผู้เป็นเพื่อนแม้จะยังไม่แน่ใจเท่าไรว่าบอสของเขาจะมีอะไรด่วนๆ งอกออกมาหลังจากจบการประชุมหรือเปล่า

   PATT
   เอาดิ กูมีประชุมแถวสาทร
   มึงมาแถวนี้เถอะ มีหลายร้านที่มันเจ๋ง  ดูรีวิวมา
   ขากลับขอติดรถไปด้วย

   
Chon-natee
   ประชุมตึกไหน เลิกกี่โมง


PATT
คิวคอร์ต  เลิกห้าโมง มึงเลี้ยง?


   
Chon-natee
   ตีน!


PATT
คนชวนก็ต้องเลี้ยง

   
Chon-natee
   เงินเดือนเกินครึ่งแสน
   ริอ่านมารีดเลือดกับปู
   ถามด้วยว่ากูจะมีไหม

PATT
555  กูเลี้ยงมึงก็ได้
   ไอ้ขี้งกเอ้ย!



   ตลอดการพิมพ์แชตไม่ได้รอดพ้นสายตาของเอรีสแม้แต่น้อย ใบหน้าเฉยเมยเก็บอาการของปัถย์เบิกบานกว่าเก่า มิหนำซ้ำริมฝีปากบางได้รูปกลับยกยิ้มน้อยๆ พาลให้บอสหน้าเคร่งขมวดคิ้ว

   “ปีนี้งานเลี้ยงบริษัท ฉันอยากให้บรรยากาศดูรีแรคกว่าปีที่แล้วหน่อย นายว่าไง”

   “ครับ ปีที่แล้วเลี้ยงที่โรงแรมหลายคนดูเกร็งๆ ไม่กล้าสนุกกันเต็มที่เท่าไร”

   “นายลองดูหน่อยว่าปีนี้ควรเป็นแบบไหน”

   “เลี้ยงที่ผับเลยดีไหมครับ หลายคนคงชอบ”

   “เอาจริงดิ”

   “บริษัทเราคนแก่ไม่เยอะนะครับ เด็กๆ เขาชอบผัวกัน ดูอย่างที่เลี้ยงโรงแรมเมื่อปีก่อน ผมเห็นนั่งเกร็งกัน สุดท้ายก็ไปต่อที่ผับอยู่ดี”

   “ทำไมรู้”

   “ผมก็ไป จำได้ว่าเมาหนักมา”

   “แล้วไม่ชวนฉันบ้างล่ะ”

   “ก็เห็นบอสติดนัด”

   “งั้นปีนี้นายก็ลองหาที่หมาะแล้วกัน จะได้ไม่ต้องมาบ่นลับหลังว่างานคนแก่”



   

   เมื่อเสร็จสิ้นจาการประชุม เวลาก็ล่วงเลยไปเกือบห้าโมงเย็น ปัถย์เดินตามผู้เป็นเจ้านายออกมาจากห้องประชุม แล้วลงลิฟต์มาด้วยกัน
 
   อาคารสำนักงานนี้ที่ด้านล่างเปิดให้เป็นร้านค้าเช่า และมีร้านอาหารหลายสัญชาติเข้ามาเปิดกิจการ จึงไม่แปลกที่คนจะค่อนข้างพลุกพล่านเป็นพิเศษในยามเลิกงานตอนเย็นแบบนี้

   “พี่ตรินครับ”

   เสียงหนึ่งดังมาจากด้านหลัง คนร่างสูงตรงหน้าชะงักเท้าซึ่งก็ไม่ต่างกับปัถย์ที่หยุดฝีเท้าตามเช่นกัน

   ‘ตริน’ ชื่อของเอรีส แต่ชื่อนี้ไม่ได้ถูกอนุญาตให้ใช้ นอกจากว่าจะเป็นคนที่พิเศษจริงๆ
   ปัถย์หลุบสายตาลงต่ำ ความรู้สึกประหลาดๆ ที่ตกค้างจากเมื่อวานกลับมาเล่นงานเขาอีกครั้ง ไหนจะคำพูดหยั่งเชิงของเอรีสเมื่อตอนอยู่บนรถนั่นอีก

   อย่างนี้น่ะเหรอที่บอกว่าจะเลิกคบกับคนอื่น...
   พระอาทิตย์ขึ้นตอนเที่ยงคืนก่อนเถอะค่อยมาพูด


   “คิม มาทำอะไรแถวนี้”

   “คิมมาหาถ่ายแบบที่สตูดิโอข้างบนครับ เพิ่งเสร็จงานนี่ล่ะ เห็นหลังพี่ตรินไวๆ เลยเข้ามาทัก สวัสดีครับคุณปัถย์” ผู้มาใหม่เอ่ยทักเสียงรื่นหู ใบหน้าหล่อเหลาแบบฉบับนายแบบดูน่ามองเป็นพิเศษเพราะเครื่องสำอางบางๆ ที่แต่งแต้มไว้

   “สวัสดีครับคุณคิม” ปัถย์เอ่ยทักพร้อมยกมือไหว้อย่างมีมารยาท

   “พี่ตรินมาทำอะไรครับ”

   “พี่มีประชุม นี่เราจะกลับแล้วเหรอ”

   “ตอนแรกว่าจะหาอะไรกินกับเพื่อนก่อน แต่เพิ่งโดนเพื่อนเทมา พี่ตรินไปกินข้าวกับคิมหน่อยสิครับ”

   “เอาสิ คิมอยากกินอะไรล่ะ เลือกเลย”

   ปัถย์ที่ยืนคว้างกลางวงสนทนาขยับตัวออกห่างไปอีกหลายก้าว เขาหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมา แล้วอ่านข้อความเข้าที่บอกว่าเพื่อนของเขาใกล้มาถึงแล้ว เมื่อรู้ดังนั้นเจ้าตัวก็โล่งอก มองนาฬิกาที่ข้อมือเห็นว่ากำลังจะห้าโมงเย็น ถ้าวันนี้เขาขอกลับก่อนสักครึ่งชัวโมงคงไม่เป็นอะไรหรอกกระมัง ในเมื่อเจ้านายเขาเจอ ‘เพื่อน’ คนสนิทเข้าแล้ว

   แต่ยังไม่ทันที่ปัถย์จะเอ่ยอะไร คิมหันต์ที่ยืนหล่อออร่าจับอยู่ก็เปรยขึ้น

   “ทานข้าวด้วยกันนะครับคุณปัถย์”

   ปัถย์เหลือบมองไปที่คิมหันแวบหนึ่ง เห็นรอยยิ้มมีเสน่ห์ส่งมาให้แล้วยิ้มรับบางๆ จากหางตาเห็นผู้เป็นเจ้านายยืนหน้านิ่ง เลยเดาเอาว่าไม่อยากให้เขาเป็นก้างขวางคอ

   “คงต้องขอตัวครับ ตอนเย็นมีนัดกับเพื่อนพอดี ไว้โอกาสหน้านะครับ” เขาปฏิเสธ แล้วตอนที่กำลังจะขอลากลับเสียงของเอรีสก็ขัดขึ้นก่อนเสียได้

   “อยู่กินด้วยกันก่อน ฉันอยากคุยงานต่อด้วย” เสียงทรงอำนาจโพล่งขึ้นมา

   “เออ คือ...”

   “นัดกันไว้แถวนี้เหรอครับ” คิมหันต์ถาม

   “ใช่ครับ เพื่อนผ่านมาแถวนี้เลยนัดเจอกันนิดหน่อย” เจ้าตัวมองผู้เป็นเจ้านายตรงๆ เป็นครั้งแรกในรอบวัน จึงได้เห็นสีหน้าบึ้งแกมไม่สบอารมณ์ส่งมาให้จนเสียวสันหลัง

   สายตาแบบนี้ ภาษากายแบบนี้บอกได้ว่าเอรีสกำลังไม่พอใจ อยู่ด้วยกันมาเกือบสามปีทำไมเขาจะไม่รู้

   “ชวนเพื่อนมากินด้วยสิ”

   “ถ้าบอสอยากคุยเรื่องงานก็ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมให้เพื่อนรอก่อน ไว้เราคุยกันเสร็จก็ได้”

   “เรื่องงานเดี๋ยวค่อยคุยวันหลังสิครับพี่ตริน นี่กินข้าวก็จะคุยเรื่องงานอีก เครียดจนกินข้าวไม่ลงพอดี คิมอยากกินข้าวสบายๆ มากกว่า” 

   เอรีสไม่ตอบอะไร เจ้าตัวเพียงแต่พยักหน้า บอกกรายๆ ว่ายอมตามใจอีกฝ่ายแบบไม่โต้แย้ง

   น้ำเสียงกับท่าทางสนิทสนมของคิมหันต์กับเอรีสทำให้ปัถย์เสมองไปทางอื่น ดูก็รู้ว่าทั้งคู่ให้ความสำคัญต่อกันมากขนาดไหน ปกติแล้วไม่มีใครกล้าพูดแบบนี้กับเจ้านายของเขา แต่นี่คิมหันต์แสดงให้เห็นแล้วว่าบทบาทที่มีต่อเอรีสนั่น ไม่ธรรมดาจริงๆ

   โทรศัพท์ในโหมดตั้งสั่นของผมเตือนให้รู้ว่ามีสายเข้า
ชื่อชลนทีปรากฏขึ้น แต่ผมเลือกที่จะกดตั้ดสายไปก่อน จากนั้นก็ส่งข้อความไปบอกว่ารอก่อนไม่นานจะโทรกลับ

   “เพื่อนนายจะมากี่โมง” เสียงที่ถามมาค่อนข้างเย็นยะเยือกเดาไม่ถูกว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่

   “ก็... ไม่น่าเกินสิบห้านาทีครับ”

   “ชวนมากินด้วยกัน”

   “แต่ว่า...”

   “ไม่มีแต่ รอที่ร้านอาหารญี่ปุ่นตรงนั้น รีบตามมาก็แล้วกัน” พูดจบเอรีสก็เดินจากไป โดยมีร่างของนายแบบหนุ่มเดินเคียงข้างไปด้วย ทิ้งผมให้ยืนอึ้งอยู่คนเดียว






   “ปัถย์ มึงพากูมาทำไมวะ”   

   ชลนทีกระซิบเบาๆ ให้ได้ยินกันเพียงสองคน สีหน้านั้นดูงงงันและวางตัวลำบาก เมื่อตรงหน้าของทั้งคู่คือเอรีส เจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีทั้งงานโครงการก่อสร้างมูลค่าหมื่นล้านอยู่ในมือ

   “เออน่า อย่าถามเยอะ กูก็งงไม่น้อยไปกว่ามึง”

   “คุณทีจะสั่งอะไรเพิ่มไหมครับ ไม่ต้องเกรงใจเลยนะ วันนี้เจ้ามือใหญ่เราเลี้ยง สั่งได้เต็มที่เลยครับ” คิมหันต์ชวนคุยเมื่อเห็นว่าบรรยากาศบนโต๊ะอาหารไม่ชวนอภิรมย์สักเท่าไร

   “พอแล้วครับ นี่ก็ทานไม่หมดแล้วครับ”

   “คุณทีทำงานอะไรอยู่เหรอครับ”

   “ผมอยู่บริษัทคอนเซาท์ เป็นวิศวกรภาคสนามน่ะครับ”

   “สนุกไหมครับงานภาคสนาม”

   “ก็สนุกนะครับ แต่ก็ต้องไปโน่นมานี่ ไม่ได้อยู่ประจำที่ไหนนานๆ เท่าไร แถมหน้างานก็มีเรื่องตื่นเต้นให้แก้ปัญหาเฉพาะหน้าตลอด วุ่นวายเอาการเลยครับ”

   “ตอนนี้คุณทีประจำไซด์ที่ไหนเหรอครับ”

   “ผมอยู่ที่กระบี่ครับ ดูเรื่องานรีสอร์ตอยู่”

   “ที่ผมเองจบสถาปัตย์มานะ แต่ก็ไม่เคยไปทำงานในสายที่เรียนมาสักที”

   “จริงเหรอครับ” ชลนทีถามอย่างสนใจ ไม่คิดว่าคนหล่อตรงหน้าจะเป็นอคิเตค

   “ครับ ผมจบที่เดียวกับพี่ตริน เป็นรุ่นน้อง”

   “เออ ครับ”

   ทั้งปัถย์และชลนทีใหัไปมองหน้าของเอรีสแทบจะพร้อมกัน ทีนี้เลยได้คลายข้อสงสัยแล้วว่าทำไมทั้งคู่ถึงเจอกันได้

   “ตอนนั้นพี่ตรินใกล้กำลังจะจบ แต่ผมเพิ่งเข้าปีหนึ่ง อาศัยข้าวห้องพี่ตรินกินตลอดล่ะครับ”

   “แล้วคุณปัถย์กับคุณทีรู้จักกันตั้งแต่ตอนเรียนเลยเหรอครับ”

   “เรียนที่เดียวกัน อยู่หอเดียวกันด้วย เรียกได้ว่ารู้ไส้รู้พุงทุกอย่าง”

   ปัถย์กระทุ้งสีข้างเพื่อนเบาๆ เชิงว่าปรามเพื่อนไม่ให้พูดมากบนโต๊ะอาหาร

   “อย่าพูดมากน่า กินข้าวไป” ขยิบตาห้ามปรามอีกฝ่ายที่ดูจะไม่ร่วมมือเท่าไร ก่อนจะคืบปลาซาบะเข้าปากเพื่อนสนิทเร็วๆ

   “จริงๆ ทำงานภาคสนามนี่ก็เหนื่อยนะครับ ถ้ามีแฟนนี่ต้องคิดหนักๆ” คิมหันต์ชวนคุยอย่างต่อเนื่อง หลังจากอาหารมาเสริฟครบทุกจาน

   “ใช่เลยครับ”

   “นี่เลยครับ แบบพี่ตรินออกไซด์ไม่มากแต่กว่าจะเจอกันสักครั้งหาคิวแทบไม่ได้”

   “งานพี่เยอะนี่ ไม่เหมือนคิมหรอกนะ หนีเที่ยวได้ตลอด โทษพี่ไม่ได้นะ”

   ปัถย์ฟังทั้งคู่สนทนากันเงียบๆ ภายในโต๊ะอาหารคนที่พูดน้อยที่สุดคงหนีไม่พ้นเขา ก็ในเมื่อฝั่งตรงข้ามคือเอรีสกับคนพิเศษของเขาด้วยแล้วมันกระอักกระอ่วนแปลกๆ

   “เดี๋ยวคิมบอกคุณปัถย์ให้เคลียคิวให้ นะครับคุณปัถย์ จะได้มีเวลาว่างให้คิมแทรกสักหน่อย”

   แต่ปัถย์ทำแค่เพียงยิ้มอ่อนๆ และสงวนคำพูดไว้เช่นเดิม





   “ไอ้ปัถย์ เจ้านายมึงนี่... เหรอวะ”
   ชลนทีไม่รอเวลาเมื่อปลีกตัวจากคนทั้งคู่จึงรีบถามเพื่อนสนิทในทันที ผู้เป็นเพื่อนไม่กล้าพูดคำว่า เกย์ ออกมาเพราะรู้สึกกระดากปากไม่น้อย

   “อืม เขาคบๆ กัน”

   “อ้าว เคยเห็นควงผู้หญิง แล้วไหงเป็นคนนี้วะ”

   “ผู้หญิงก็ใช่ ผู้ชายก็ใช่”

   “จริงดิ ป๊าดดดดด! เปิดโลกกูมาก หล่อแมนแบบนี้ ได้หมดเลยเหรอวะ”

   “บอสกูเขาพอใจใครก็คบ ไม่แปลกหรอกมึง”

   “ว่าแต่ มึงดูแปลกไปนะวันนี้ มีอะไรหรือเปล่า เรื่องงาน?”

   “หลายเรื่อง งานก็ด้วย เรื่องส่วนตัวก็ด้วย”

   “เล่าให้กูฟังดิ กูโคตรพร้อม”

   “พร้อมอยากเสือก?”

   “พร้อมให้คำปรึกษา นี่มองเพื่อนในทางลบมากเลย เออ อย่าลีลามีปัญหาเรื่องงานอะไรวะ ใช่เรื่องที่บอกว่าอยากหางานใหม่อยู่หรือเปล่า”

   “ไอ้ที ที่กูเคยบอกมึงว่าลองคุยกับบางคนอยู่น่ะ”

   “เออ ฟังอยู่”

   เราทั้งคู่ถึงลานจอด ชลนทีเปิดล๊อคประตู และขานรับ

   “ผู้ชายนะ”

   “ว่าไงนะ” จังหวะนั้นประตูรถข้างปัถย์ปิดดังปัง ชลนทีที่นึกว่าตัวเองหูฟาดร้องเสียงหลง รีบเข้ามานั่งประจำที่คนขับแล้วมองไปที่เพื่อนรักก่อนร้องถามอีกครั้ง “ไม่ถนัดหู มึงว่าไงนะ”

   “กูจะบอกมึงว่า คนที่กูคุยๆ อยู่เป็นผู้ชาย”

   “เชี่ยยยยยย”

   “ตกใจ?”

   “ตกใจสิ โอ๊ย! มันวันอะไรเนี่ย”

   “รังเกียจ?” ปัถย์หันไปถามสีหน้าอมยิ้ม เห็นหน้าเพื่ออึ้งรับประทายก็ยิ่งขำ ที่จริงเขาไม่ได้ถือสาท่าทีของเพื่อนแม้แต่น้อย ด้วยคบหากันมานานชลนทีคือหนึ่งในคนที่เขาสนืทใจจะคุยด้วยในทุกๆ เรื่องมากที่สุด

   “กูเปล่ารังเกียจ กูแค่อึ้ง เชี่ย!”

   “แค่ลองคุยเอง ไม่ได้ลึกซึ่งอะไร ความรู้สึกบอกว่าไม่เวิร์ค”

   “เมื่อก่อนตอนพี่คิวจีบมึง ไหงมึงไม่เล่นด้วยวะ”

   “ก็กูไม่ได้ชอบเขา อีกอย่างกูก็มีแฟนอยู่แล้ว จะให้ไปชอบพี่เขาได้ยังไงล่ะ”

   “แล้วยังไง ทีนี้เสือกคบผู้ชาย แล้วแม่งเป็นใครวะ อย่าเสือกบอกนะมึงว่าไอ้ที่บอกคุยๆ นี่ มันเจ้านายสุดหล่อแต่งี่เง่าของมึงนะ แค่นี้ก็เซอร์ไพรส์พอล่ะ”

   “ไม่ใช่เอรีส” ปัถย์ตอบ แต่สีหน้าดูไม่ดีขึ้นมาในทันตาจนคนเป็นเพื่อนจับสังเกตได้

   ชลนทีสตาร์ทรถ ก่อนจะหันไปมองเพื่อนตรงๆ อึดใจใหญ่ กดดันทางสายตาให้คนเป็นต้องเล่าต่อเพราะมาขนาดนี้แล้ว ขืนไม่ได้ความจริงออกมาคงนอนไม่หลับทั้งคืนแน่

   “กูคุยกับญาติของเอรีส แต่สองคนนั้นไม่ค่อยถูกกัน”

   “มึงเลยวางตัวลำบาก?” ชลนทีถอยรถออกจากซอง ขณะถามไปด้วย

   “นั่นก็ใช่ แต่มันมีปัญหาที่ใหญ่กว่า”

   “งั้นมึงรีบพูดเลย กูอยากรู้ตัวสั่นแล้วเนี่ย”

   “กูแอบชอบเจ้านายตัวเอง”

   “เชี่ย!”

   ชลนทีร้องเสียงหลง แทบจะเหยียบเบรคจนหัวทิ่ม

   “เออ เชี่ยสุดๆ แม่งไม่น่าเลยว่ะ มีคนเป็นร้อยเป็นพันเสือกทะลึ่งมาชอบเจ้านายตัวเอง หายนะชัดๆ”

   “โอ๊ย กูงง มึงชอบเจ้านายตัวเอง แต่คุยกับญาติของเจ้านาย อะไรเนี่ยซับซ้อนโคตร”

   “ที่จริงกูก็ชอบเอรีสมาสักพักใหญ่ๆ แต่ก็มานึกได้ว่าเอรีสคงไม่ได้มองกูแบบนั้น แถมเจ้านายกูก็นอนกับคนโน้นคนนี้ไปทั่วเด็กเป็นร้อย กิ๊กเป็นแสน ไม่อยากเจ็บว่ะ เลยคิดว่าต้องตัดใจ ญาติของเอรีสเข้ามาจีบ แล้วกูก็อยากรู้ว่ากับผู้ชายหล่อๆ คนอื่น กูจะชอบเขาได้ไหม”

   “แล้วชอบไหม”

   “ก็ไม่ เขาก็ดีนะแต่ไม่ใช่”

   “มึงยังชอบบอสมึงอยู่หรือเปล่า”

   ปัถย์เงียบไป ไม่ตอบรับ แต่ก็ไม่ปฏิเสธ

   “แสดงว่ามึงยังชอบอยู่ แล้วทำไมมึงถึงอยากลาออก มึงอยากตัดใจหรือไงวะ ที่จริงงานของมึงก็ดีนะ เงินเดือนก็สูงถ้ามึงตัดใจได้อนาคตมึงไปได้อีกไกล มึงต้องชั่งใจดู”

   “กูเกือบพลาดสองครั้ง หวิดจะได้กับเจ้านายตัวเอง โคตรพลาด” เสียงอ่อยพูดขึ้น ทำเอาผู้เป็นเพื่อนหันมามองอ้าปากหวอ

   “มึงล้อเล่นใช่มั้ย”

   “หน้ากูเหมือนล้อเล่นเหรอ” เห็นสีหน้ากับรอยยิ้มเศร้าๆ ตรงมุมปากบอกให้รู้ว่าเพื่อนกำลังไม่สบายใจ

   “นรกแตกเลยมึง แบบนี้... แล้วคุณคิมหันต์นั่นล่ะ”

   “ก็คนพิเศษของเขาไง”

   “มึงต้องถอยออกมา แบบนี้แสดงว่าไอ้เจ้านายสังกะบ๊วยของมึงแม่งเลว ถ้าจ้องจะแดกมึงก็ไม่ควรเอาคนอื่นมาประจันหน้ากันแบบนี้กูพูดเลยว่าเกินไป”

   “กูก็ว่างั้นล่ะ”

   “ก็ว่าแล้วทำไมมึงดูสีหน้าแย่ๆ แบบนี้นี่เอง กูเห็นด้วยที่มึงต้องลาออก ถ้าอยู่ไปแล้วมึงไม่สบายใจก็อย่าอยู่”

   ชลนทีคือเพื่อนที่สนิทที่สุดที่ผ่านมามีอะไรก็ปรึกษาหาหรือไม่ก็ระบายให้กันฟังตลอด ครั้งนี้ก็เช่นกันปัถย์รู้สึกสบายใจขึ้นมากเมื่อได้ระบายเรื่องที่คับข้องใจออกมา อย่างน้อยการได้ปรับทุกข์ก็ทำให้เขามีแรงพอที่จะก้าวเดินไปข้างหน้าต่อไป





+++++++
ตอนนี้เนิ่บๆ หน่อยนะคะ
ฝากติดตามด้วย
ชอบอ่านเม้นท์มากๆ ค่ะ
อ่านแล้วมีแรงฮึดขึ้นมาทุกครั้ง
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH.6 14/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: masochism2018 ที่ 14-01-2018 19:18:57
ลาออกกกอย่างนี้ตองลาออก!!!!!!!!!!!! :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH.6 14/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 14-01-2018 19:37:59
เห็นด้วย ลาออกเลย  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH.6 14/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 14-01-2018 23:48:28
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH.6 14/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 15-01-2018 00:34:59
 :katai1: :katai1: :hao3:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH.6 14/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 15-01-2018 01:00:28
 :m16:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH.6 14/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 15-01-2018 04:23:37
พูดอย่าง ทำอย่าง เจ้านายอย่างนี้คบไม่ได้ ลาออกเถอะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH.6 14/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 15-01-2018 20:26:30
เข้าใจความรู้สึกของปัถย์เลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH.6 14/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 15-01-2018 22:35:02
อื้อหืออออ เอรีสแค่หลงปัถย์มากกว่ามั้ย?ก็ดูแต่ละประโยคที่บอกมาสิ ไม่เห็นถึงความจริงใจเลยไหนจะตัวเองไปคั่วคนโน้นควงคนนั้นอีก ถ้าไม่สบายใจก็ลาออกอย่างที่ทีแนะนำนั่นแหละปัถย์ขืนทำงานกับคนที่พูดไม่รู้เรื่องแบบนี้ประสาทเสียเปล่าๆ
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH.6 14/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 16-01-2018 02:48:29
เข้าใจปัถย์เลยนะ ถอยห่างก็ดี ลาออกก็ได้ เงินเดือนอาจจะน้อยกว่าแต่พอใช้จ่าย เงินเก็บก็น่าจะมี แลกกับความสบายใจ ดันทุรังไปก็มีแต่ปวดหัว แต่เราก็เข้าใจนะว่าพระนายต้องคู่กันอยู่ดี ทำไมรู้สึกปัถย์เป็นฝ่ายที่เสียมากกว่าอย่างเดียว บอสเหมือนไม่จริงจัง ทำตัวเป็นเบบี้อ่ะ
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH.7 17/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: anin ที่ 17-01-2018 17:25:45
Chapter 7

Rrrrrrrr

   เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นตอนตีหนึ่งปลุกปัถย์ขึ้นมาจากเตียงนอน เจ้าตัวขยี้ตาแบบคนขี้เกียจก็ด้วยเพิ่งหงีบหลับไปเมื่อตอนห้าทุ่มแค่ไม่ถึงสองชั่วโมงก็มีอันต้องโดนปลุกกลางดึก สถานการณ์แบบนี้ถูกวนลูปกลับมาเหมือนปกติอีกครั้ง

   ‘เอรีส’

   ชื่อบนหน้าจอบอกหราว่าใครเป็นคนที่โทรหา ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไรที่บอสโทรหาเขากลางดึกกลางดื่นแบบนี้

   “ครับ” เสียงของปัถย์แหบพล่าด้วยความงัวเงียเล็กน้อย ขยับตัวลุกขึ้นนั่งแม้จะไม่อยากลุกเพียงใดก็ตาม

   “มารับหน่อยสิ” เสียงห้าวตอบกลับมาตามสาย เป็นข้อความสั่นๆ ง่ายๆ แต่ได้ใจความ

   เดาเอาว่าบอสตัวแสบของเขาคงดื่มหนักอย่างเคย...

   หลังจากการกินข้าวช่วงเย็นของวันนี้ ปัถย์บอกตัวเองให้ปรับเปลี่ยนความรู้สึกที่มีต่อเอรีสเสียใหม่ ต้องแยกแยะเรื่องงานออกจากความรู้สึกส่วนตัว ถ้าเอาทั้งสองเรื่องมาปะปนงานงานก็จะเสีย ส่วนเรื่องงานใหม่ก็จะรอดูอีกสักพักแต่ก็คงไม่ช้าไม่นานหรอก ระหว่างนี้เขาก็จะทำทุกอย่างให้เต็มที่จะได้ไม่ต้องรู้สึกเสียใจอะไรในภายหลัง ถึงตอนนั้นที่เขาลาออกไปช่วงเวลาที่เหลือก็คงเป็นอะไรที่น่าจดจำอย่างน้อยก็ในส่วนของเขา

   ปัถย์หลับตา มือข้างหนึ่งนวดขมับแล้วถอนใจเบาๆ จะเรียกว่าเบื่อก็ไม่เชิงเสียทีเดียว มันเป็นความรู้สึกห่วงปนๆ กับความหวงอยู่ในนั้นเสียมากกว่า

   “นี่บอสอยู่ไหนครับ”

   เจ้าตัวเปิดไฟตรงหัวเตียง หยิบแว่นตาขึ้นสวมพร้อมสลัดหัวแรงๆ เรียกความกระชับกระเฉงให้ตัวเอง

   “ร้านเดิม”

   “ครับ”

   ปัถย์รับคำโดยไม่คิดจะถามอะไรให้มากความ เขารีบลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องน้ำจัดการล้างหน้าล้างตาเพื่อไล่ความง่วงงุน เปลี่ยนกางเกงนอนเป็นกางเกงยีนส์สีซีดกับเสื้อยืดสีเทาพอดีตัว ก่อนจะหยิบกระเป๋าสตางค์ของตัวเองยัดใส่กระเป๋าหลังแล้วออกมาจากห้อง


   ทันทีปัถย์ที่ลงจากแท็กซี่ ก็เห็นเอรีสยืนสูบบุหรี่พิงกับกระโปรงรถสปอร์ตสุดหรู สายตาคู่คมสบตรงมายังเขาราวกับว่ารอเวลาที่เขาจะปรากฏตัวอยู่แล้ว  ดวงตาคู่นั้นหรี่ลงเล็กน้อยก่อนโยนก้นกรองลงพื้นแล้วขยี้ด้วยปลายเท้าทั้งที่ยังสูบไม่หมดมวน ความหล่อคมเข้มแบบเถื่อนๆ พุ่งกระจายจนปัถย์ตาแทบพร่า

   “มาแล้วเหรอ”

   “ครับ”

   ปัถย์เดินเข้ามาหา ก่อนจะแบมือขอกุญแจรถสปอตด้วยความเคยชิน

   เวลาที่เอรีสดื่มจะเป็นเขาที่มาขับรถให้ผู้เป็นเจ้านายทุกครั้ง แรกๆ เอรีสก็ไม่ได้โทรเรียกเขาตอนดึกดื่นขนาดนี้ แต่เพราะเขาเองที่เป็นฝ่ายอาสามาขับรถกลับให้ จากนั้นเป็นต้นมาหน้าที่รับเอรีสกลับบ้านเวลาที่บอสหนุ่มดื่มก็เป็นอีกงานที่ปัถย์ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะทำ

   ปัถย์เปิดรถอีกฝั่งให้ผู้เป็นเจ้านายก่อนที่จะย้ายไปประจำที่คนขับ สตาร์ทรถแล้วขับออกจากลานจอดด้วยความระมัดระวัง เพียงยี่สิบนาทีรถสปอร์ตสุดหรูก็มาจอดที่เพนต์เฮาส์ ปัถย์ดับเครื่องยนต์ แล้วส่งกุญแจรถให้ผู้เป็นเจ้าของโดยไม่พูดอะไร หากแต่เป็นเอรีสกลับคว้าหมับเข้าที่ข้อมือนั้นไว้

   “ตามฉันมาหน่อย มีเรื่องอยากพูดด้วย”

   “นี่ก็ดึกแล้ว ผมขอตัวกลับก่อนดีกว่า มีอะไรไว้ค่อยโทรคุยกันตอนเช้านะครับ”

   ปัถย์ปฏิเสธแล้วพยายามดึงแขนตัวเองออก แต่คนจอมเอาแต่ใจก็ลากตัวเขาออกมาจากรถแล้วรุนหลังเขาให้เดินนำหน้าเสียดื้อๆ

   ปัถย์ที่โดนเอรีสลากเข้าลิฟท์อย่างไม่แยแสเสียงประท้วง เขาทั้งขืนมือและโต้แย้งตลอดทางแต่ก็ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายไม่ได้คิดจะแคร์ เมื่อลิฟท์ปิดปัถย์ขยับถอยห่างจากร่างสูงไปสองก้าวยกมือขึ้นกอดอก เลือกที่จะไม่หัดไปสนใจใครอีกคนที่จ้องเขาตาไม่กระพริบ

   ให้มันได้อย่างนี้สิน่า เอาแต่ใจชะมัด

   คนที่ถูกค่อนขอดในใจเผยยิ้มมุมปาก นึกสนุกกับท่าทางปั้นปึงของผู้ช่วยหนุ่มแล้วกดลิฟท์ไปยังชั้นของตน เมื่อลิฟท์เปิด ปัถย์ก็ยังไม่ขยับตัว จนคนตัวสูงต้องฉวยแขนให้ตามติดออกมาด้วย

   “ดื้อเหมือนกันนะนี่” เอรีสหัวเราะฮึๆ ลงลูกคอ สายตาอ้อยอิ่งหวานเชื่อม

   “คุณเองก็ดื้อเหมือนกันนั่นล่ะ”

   “คุณเมาแล้วก็ควรนอนพักนะครับ ผมจะได้กลับไปหลับไปนอนบ้าง”

   ประตูห้องถูกเปิดออก ร่างสูงดันหลังปัถย์เข้าไปในห้อง จากนั้นก็สวมกอดอีกฝ่ายอย่างที่ยอมให้ตั้งตัว ปัถย์สะดุ้งรีบออกแรงผลักร่างสูงที่โผเข้าประชิดตัวแบบไม่มีปี่ีขลุย แต่ไม่ว่าจะออกแรงยังไงชายหนุ่มร่างสูงตรงหน้าก็ดูจะไม่มีทีท่าว่าจะสะทกสะท้าน

   "อยากจูบ" คนเอาแต่ใจบอกโต้งๆ ไม่ได้คิดจะให้อีกฝ่ายได้เตรียมตัวตั้งรับเอาเสียเลย

   ปัถย์นิ่วหน้าแล้วออกแรงผลักอกแกร่งแรงๆ

   "ไม่ครับ"

   นอกจากจะปฏิเสธเสียงแข็งแล้ว คนที่ถูกเอาเปรียบยังชักสีหน้า ริมฝีปากเม้มแน่นดวงตาคู่สวยภายใต้แว่นสีกรอบดำแข็งกร้าวขึ้นยามไม่พอใจ

   ในตอนนี้ใบหน้าหล่อคมเข้มห่างเพียงคืบ กลิ่นเหล้าเคล้าบุหรี่ปะปนกับกลิ่นกายบุรุษทำให้ปัถย์รู้สึกราวกับไม่เป็นตัวของตัวเองนัก หัวใจช่างเต้นแรงเสียจนน่ากลัวว่าอีกฝ่ายอาจจะได้ยิน

   ฝ่ามือหนาของเอรีสข้างหนึ่งรั้งต้นคอของคนตัวเล็กกว่าไว้แน่น บังคับให้แหงนหน้าไม่ยอมให้หลบเลี่ยงเขาได้อีกต่อไป ดวงตาคมกล้าเปล่งประกายยั่วเย้าที่เห็นได้ไม่บ่อยครั้งทำเอาปัถย์ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ

   "เอรีส ปล่อยเถอะครับ"

   นอกจากจะไม่ปล่อยอย่างที่ปัถย์ร้องขอ เอรีสรัดวงแขนแน่นขึ้นกว่าเก่า มือหนาไล้แก้มขาวไปมาจนคนที่ตกอยู่ในอ้อมกอดเนื้อตัวร้อนผ่าว

   “ขอดีๆ แล้วนะ หรือชอบให้บังคับ”

   เอรีสเอ่ยเสียงทุ้ม เจือหยอกเย้า ใบหน้าที่เคยเรียบเฉยบัดนี้ดูผ่อนคลายและมีแววขี้เล่นผิดเป็นคนละคน พอเหล้าเข้าปากแล้วก็เป็นแบบนี้ล่ะ จากหน้าตาบูดๆ กลายเป็นพวกเจ้าชู้ชอบหยอดไปเสียได้

   ปัถย์ทำได้เพียงปั้นหน้าเคร่งขรึมกลบเกลื่อน เบี่ยงแก้มหนีจมูกคมที่ขยับเข้ามาใกล้จนสัมผัสกันอยู่หลายครั้ง

   "เอาแต่ใจจังเลยนะครับ"

   ปัถย์ต่อว่าอีกฝ่ายเสียงเขียว แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่อาจทำให้คนช่างเอาแต่ใจสำนึกเลยสักนิด เพียรแต่จะหาเศษหาเลยกับใบหน้าของคนในวงแขนหลายครั้งหลายครา

   “นายก็ขี้งกเหมือนกัน”

   “เขาไม่ได้เรียกว่าขี้งก บอสใช้คำผิดแล้วครับ”

   เออเว้ย! ไม่ให้จูบก็มาบอกว่างก

   "นิดเดียว" เสียงแหบพร่ากระซิบ

   “ไปจูบเด็กบอสสิครับ มาจูบผมให้ได้อะไร” ปัถย์พูดทื้อๆ เขาไม่ได้อยากจะประชดอะไรหรอกนะ แค่พูดในสิ่งที่คิดเทท่านั้น

   “ไม่เคยอยากจูบใครนะ มีแค่นายที่เวลามองแล้วนึกอยากแทบทุกครั้ง”

   “เชื่อได้เหรอครับ”

   “อยากให้เชื่อนะ ไม่เคยโกหกนายอยู่แล้ว ไม่รู้เหรอ กับคนอื่นฉันไม่ชอบจูบ”

   ไม่พูดเปล่าเอรีสพยายามก้มหน้าประชิดเข้าหาเขาอีกครั้ง ในยามที่ใบหน้าห่างกันแค่ไม่กี่นิ้วทุกอย่างรอบตัวดูหยุดนิ่ง ปัถย์ไม่กล้าแม้กระทั่งหายใจด้วยซ้ำ

   แบบนี้ก็ได้เหรอ...

   พูดโต้งๆ ออกมาแบบนี้ก็ได้เหรอ?

   แถมเขาก็แพ้ทางเวลาที่เอรีสอ้อนเสียด้วยสิ ถ้าเอรีสมาในบทเจ้าอารมณ์เขาคงรับมือได้ดีกว่านี้

   "เอรีส มะ อุบ..."

   คำพูดของปัถย์ถูกกลืนกินด้วยริมฝีปากร้อน รสจูบดุดันของเอรีสครอบครองปากนุ่มของปัถย์ตามความปรารถนาของตัวเอง คนตัวเล็กทำได้แค่ดิ้นคลุกคลักต่อต้านอ้อมกอดที่รัดแน่นจนกระดิกกระเดี้ยวไม่ได้ ศีรษะทุยเบี่ยงหนีแต่ก็ถูกฝ่ามือหนาเหนี่ยวรั้งเอาไว้ด้วยนิ้วมือแกร่งแถมยังดันใบหน้าปัถย์ให้อยู่นิ่งยอมป้อนจูบหวานๆ ปรนเปรอความต้องการอันเร่าร้อนของตัวเองจนกว่าจะพอใจ

   ปัถย์เองตั้งตัวไม่ถูกไปชั่วขณะ เรียวลิ้นที่เกี่ยวกระหวัดดูดดึงสร้างความปั่นป่วนจนแทบยืนไม่อยู่ ครั้นจะถอยหนีก็ทำไม่ได้ง่ายๆ ดั่งใจ แม้จะออกแรงผลักมากเท่าไรก็ดูไม่เป็นผล ที่ร้ายไปกว่านั้นคนเจ้าเล่ห์อย่างเอรีสไม่เคยทำแค่เพียงจูบเดียวอย่างที่ปากว่า ในเมื่อลองลิ้มชิมรสแล้วแค่จูบแบบนี้คงไม่พอ ริมฝีปากหนาเกี่ยวกระหวัดลิ้นในโพรงปากหวานล้ำ เทียวหยอกเย้าลิ้นนุ่มๆ ของอีกฝ่ายด้วยความเจนจัดช่ำชอง ต่อให้ปัถย์จะไม่ใช่คนที่ไร้เดียงสา เขาไม่ใช่มือใหม่หรือเด็กน้อยอ่อนหัก แต่มีหรือจะต่อสู้กับความแพรวพราวของอีกฝ่ายได้

   จะว่าเอรีสเหนือชั้นกว่ามากก็นับว่าไม่เกินจริง

   “อยากจูบตั้งแต่เช้าแล้ว” เสียงนั้นพึมพำข้างๆ หู แล้วขบเม้มเบาๆ ที่ริมฝีปากล่างเอิ่มอิ่มของอีกฝ่ายไปด้วย

   “…”

   ปัถย์ได้ยินคำพูดนั้นก็จริง แต่เขาก็เบลอๆ ไปกับรสจูบเสียจนลำดับใจความไม่ได้ ยิ่งเมื่อเอรีสขบกัดที่ต้อนคอก่อนจะเลียเบาๆ เหมือนปลอบขวัญตบท้ายก็ถึงกับสะดุ้งเผลอส่งเสียงครางเหมือนหมดสิ้นความอดทน

   “อื้อ... อย่า...”

   เสียงครางด้วยความลืมตัวยิ่งปลุกให้เอรีสมีความปราถนาเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว เขาแพ้ทางปัถย์

   แพ้ทุกอย่างที่เป็นปัถย์...
   รอยยิ้มของปัถย์
   น้ำเสียงของปัถย์
   กลิ่นตัวของปัถย์
   เสียงครางของปัถย์
   ให้ตายสิ เขาแพ้ทุกอย่างเลย


   เอรีสรู้สึกทุรนทุรายเป็นบ้าเวลาที่ปัถย์อยู่ใกล้ๆ แต่ไม่อาจทำอะไรได้มากไปกว่าเล่นบนเจ้านายขาโหดที่ชอบเอาแต่ใจ ต่อให้เขาอยากออดอ้อนออเซาะคนตัวเล็กสักแค่ไหน เขาก็จะต้องปั้นหน้าจริงจังเคร่งขรึม ซึ่งมันบ้ามาก...

   นั่นล่ะคือสิ่งที่ทำให้เขาหงุดหงิดแล้วก็ทำตัวงี่เง่าอยู่ทุกวี่วัน

   “ชอบกลิ่นนาย” เอรีสสูดลมหายใจตรงต้นคอขาว ปัดจมูกโด่งมาจนถึงข้างกรามอีกฝ่าย “มันทำให้ฉันรู้สึกตื่นตัวทุกครั้งเลย”

   เอรีสพูดด้วยน้ำเสียงหยาบโลนไม่ต่างไปจากการกระทำ ใบหน้าที่ฝังแน่นตรงต้นคอทำให้ปัถย์ตัวแข็งทื่อ ขยับเขยื่อนแทบไม่ได้

   เมาแหงเลย! เมาแล้วหื่นฉิบ ปัถย์แอบต่อว่าเจ้านายในใจ

   “เมาเบอร์นี้เลยเหรอครับบอส”

   เอรีสลอบยิ้ม จริงๆ แล้วเขาไม่ได้เมาเหล้าเสียหน่อย จะเรียกว่าเมาดิบก็ไม่ผิดนัก แต่ในเมื่อปัถย์คิดว่าเขาเมาเขาก็จะเออออตามน้ำไป

   “เมาสิ”

   เมานายน่ะ ใช่เลย

   เอรีสนึกอย่างนึกขัน เจ้าตัวเอื้อมมือทั้งสองข้างกุมใบหน้าของปัถย์ไว้ สายตาของอีกฝ่ายจ้องกลับมาอย่างตกตะลึงเล็กน้อย ดวงตาภายใต้กรอบแว่นเบิกโตกระพริบตาปริบๆ เอรีสไม่รอให้ปัถย์พูดอะไรต่อ เขาจัดการประกบปากลงจูบอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้เป็นจูบที่ร้อนแรง ถ่ายทอดความรู้สึกทั้งหมดให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขาลุ่มหลงอีกฝ่ายเพียงใด ส่วนคนที่ถูกขโมยจูบเมื่อเจอความเร่าร้อนประเดประดังมาเช่นนี้ก็เผลอตัวไปชั่วขณะ ยินยอมรับจูบที่หื่นกระหายพร้อมกันก็ตอบรับกลับไปด้วยความร้อนรนไม่ต่างกัน

   ครู่ใหญ่ริมฝีปากร้อนปล่อยให้ปัถย์ได้หายใจเล็กน้อยด้วยการไล้ผ่านระเรื่อยไปที่กกหู ปลายลิ้นสากเปียกชื้นเล็มติ่งหูเลียเม้มเบาๆ ลมหายใจอุ้นที่เป่ารดทำเอาคนตัวเล็กสะดุ้ง มิหนำซ้ำยังต้องตกใจอีกรอบก็ต่อเมื่อแผ่นหลังตัวเองแตะลงบนโซฟานุ่มพร้อมกับร่างสูงใหญ่ที่โถมทับตามลงมาติดๆ

   ไม่รู้ว่าเมื่อไรกันที่บอสจอมหื่นพาเข้ามาถึงตรงนี้

   เออเนอะ จูบกระชากวิญญาณพาลให้สติหลุดเป็นแบบนี้สินะ

   มือหนาที่คอยวนเวียนอยู่บนร่างสร้างความรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว ปัถย์ขยับตัวหนีอุ้งมือหยาบให้ความรู้สึกแผดเผาไปทุกอณูที่ซุกผ่านเข้ามาในเสื้อยืด นิ้วมือเกี่ยวเอวสอบไว้แน่นข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างเกาะกุมต้นคอรั้งให้ปัถย์แหงนรับจูบชวนมอมเมาสติอีกระรอก ฝ่ามือหยาบทาบบนหน้าท้องแบนเรียบของคนตัวบางที่อยู่ใต้ร่าง ลูบเป็นจังหวะเย้าหยอกจนปัถย์ส่งเสียงครางแผ่วเบา เอรีสพึงพอใจอยู่ลึกๆ กับปฏิกิริยาโอนอ่อนนั้น มือหนาคู่เดิมลากไล้ไปถึงขอบกางเกงยีนสีซีด สะกิดกระดุมออกดึงแยกออกจนซิปร่นมาจนสุด เผยให้เห็นบ๊อกเซอร์ตัวในสีดำที่โผล่พ้นมามองแล้วให้ความรู้สึกปลุกเร้าไฟในกายให้ยิ่งต้องการอีกฝ่ายมากขึ้น

   “อื้อ... อย่าครับ” ปัถย์ห้ามปรามเสียงพร่า จับมืออีกฝ่ายที่ทำท่าจะล่วงล้ำสู่ขอบอันเดอร์แวร์ตัวเล็กของตน

   “ชู่ว์” เอรีสกระซิบเบาๆ ข้างหู แล้วขืนมืออกไม่สนใจคนตัวเล็กกว่าที่ปัดมือเขาเป็นการต่อต้าน

   “เอ... เอรีส”

   “ปัถย์น้อย” เจ้าตัวเย้าเสียงเซ็กซี่ นิ้วก็กอบกุมอีกฝ่ายไว้ ขยับปากโต้ตอบด้วยถ้อยคำหยาบโลน “ร้อนจังเลยนะ ตรงนี้”   
   แก่นกายภายใต้อุ้งมือตื่นตัวจากการเร่งเร้าของฝ่ายตรงข้าม แม้สามัญสำนึกผิดชอบชั่วดีของปัถย์ร้องห้ามเพียงใด แต่ความรู้สึกลึกๆ ก็บอกได้ว่าเขากำลังรู้สึกวูบวาบไปกับการเล้าโลมนี้ เอรีสถอดแว่นของปัถย์ออกแล้วโยนไปใกล้ๆ อย่างไม่ใยดี ร่างของปัถย์สั่นเทิ้มจากกระกระตุ้นเร้าที่กลางร่าง ต่อให้ใจแข็งเพียงใดร่างกายก็กลับตอบสนองไปอย่างห้ามไม่อยู่   

   “ไม่ทำแบบนี้ บอส” ปัถย์ห้ามปรามเสียงสั่น ผลักมืออีกฝ่ายเป็นพัลวัน เอวบางขืนออกจากสัมผัสที่รุกไล่แต่หาได้เป็นผลกับคนหื่นแม้แต่น้อย

   “จุ๊ๆ ไม่ดื้อนะ”

   เอรีสกระซิบหนักๆ ข้างหู รั้งร่างของปัถย์ขึ้นให้เอนซบลงบนตักตัวเอง มือโอบอีกฝ่ายไว้ให้แผ่นหลักปะทะลงบนอกกว้าง ก่อนที่ฝ่ามือและปลายนิ้วจะปัดผ่านลึกเรื่อยไปจนถึงแท่งลำหนาอุ่นร้อนที่ขยับยกสู้สัมผัสที่กระตุ้นอยู่ พร้อมกันไปริมฝีปากหนาก็ดูดดึงต้นคอขาวอย่างอดใจไม่อยู่

   “ทำแบบนี้ไม่ได้ครับ อะ...”

   ปัถย์ค้าน แต่น้ำเสียงที่เปล่งออกมามันแหบแห้งดูไม่เป็นตัวของตัวเอง ยิ่งเอรีสขยับเร็วเท่าไรลมหายใจของปัถย์ก็ติดขัดถี่ขึ้นเท่านั้น

   “เปิดใจรับฉันได้แล้ว เลิกใจแข็งสักที อย่าใจร้ายจะได้ไหม”

   “ใครกันแน่ที่ใจร้าย คุณมีคนอื่น... ฮึก” ปัถย์กัดริมฝีปากแน่นจนเกือบทำให้ตัวเองได้เลือด เมื่อเอรีสปัดหัวแม่โป้งบนปลายยอดความรู้สึก

   "คนอื่นไม่มีความหมายอะไร ไม่รู้ตัวเหรอว่าพิเศษกว่าคนอื่นฉันให้ความสำคัญกับนายขนาดไหนก็น่าจะรู้ดี”

   “ผมไม่รู้สึกแบบนั้น"

   ถึงเอรีสจะให้อภิสิทธิ์เขาในหลายๆ เรื่อง แม้จะรับรู้เรื่องส่วนตัวและความเป็นไปมากมายเท่าเราก็ตาม แต่เขากลับไม่คิดว่าเอรีสจะให้สถานะที่มากกว่าใครๆ

   “ไหนบอกทีสิ ฉันทำให้นายรู้สึกยังไง"

   "ของเล่นที่คุณนึกอยากเล่นสนุกด้วย อาจเป็นอีกคนที่คุณอยากเอาชนะ"

   "ที่อยากเอาชนะคือใจของนาย"

   ปัถย์ฟังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ด้วยเอรีสไม่ใช่คนที่ชอบพูดจาหวานหู แถมยังพูดตรงไม่ชอบประดิษฐ์คำ แต่อีกใจก็นึกกังขาว่าจะเขื่อลมปากผู้ชายที่กำลังมีอารมณ์ได้ขนาดไหน เป็นผู้ชายเหมือนกันไอ้อารมณ์ยากได้มันก็ทำได้ทุกอย่าง

   "เอาชนะใจผมมันไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่าย"

   "ก็ไม่เคยคิดว่าง่ายสักที"

   ปากพูดแต่ร่างกายก็สื่อความรู้สึกไปด้วย เอวสอบเร่งเร้า บดเบียดสะโพกให้อีกฝ่ายได้รับรู้ความแข็งขึงจากเรือนกายหนาที่ดุนดันแสดงออกว่ากำลังอยากฟัดอีกฝ่ายมากเพียงใด

   "จะลงแดงตายอยู่แล้ว ตามใจกันหน่อยไม่ได้เหรอ"

   ปัถย์ฟังสีหน้าบ่งบอกกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่าง นี่ขนาดไม่เคยตามใจก็รู้สึกว่าเปลืองตัวไปก็มาก

   “ถ้าเรา... มีเซ็กส์กัน สถานะเราจะเป็นแบบไหนครับ แค่วันไนท์สแตนตื่นเช้ามาก็ปั้นหน้าเหมือนไม่มีอะไร หรือสะดวกเซ็กส์ในที่ทำงาน"

   ปัถย์ไม่กล้าคาดหวังว่าเอรีสจะมองเขาให้สูงส่งไปกว่านั้น คำว่าคนรักหรือแฟนเลยไม่ถูกเอ่ยถึง

   "มันจะเป็นเซ็กส์ที่เราต่างคนต่างพอใจ ไม่มีคำเรียกหรอก”
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH7 17/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 17-01-2018 21:13:14
 ปัถย์ ถีบขาคู่เลยจ้ะ หมั่นไส้อีบอสหื่นมานานละ
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH7 17/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 17-01-2018 21:27:32
เตะหว่างขาเจ้านายแบบเน้น ๆ ไปทีสองทีเลย  โคตรเห็นแก่ตัวเองอย่างงี้  :m16:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH7 17/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: masochism2018 ที่ 17-01-2018 21:30:23
อย่ายอมมันนนนน ถ้ายอมมันก็เสียตัวฟรีแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH7 17/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 17-01-2018 21:35:50
 :z6: อื้อหือออ ขอกระโดดถีบอิบอสหน่อยเหอะ หว่านล้อมต่างๆนาๆสุดท้ายก็หวังแค่เซ็กซ์กับปัถย์สินะ นิสัยเลวร้ายเกินไปแล้ว คนเจ้าชู้เขาไม่กินคนใกล้ตัวหรอกนะคะบอสเพราะถ้ามีปัญหาอะไรขึ้นมามันจะมองหน้ากันไม่ติด ปัถย์เองก็เถอะใจแข็งๆหน่อย แล้วก็ห้ามปรามให้มันจริงจังกว่านี้เถอะ นี่เท่าที่ดูปัถย์ก็เหมือนโอนอ่อนผ่อนตามและทำให้การโดนบอสลวนลามเป็นเรื่องปกติจนชิน เฮ้ยยย มันไม่ใช่นะปัถย์นะ เพราะยอมแบบนี้ไงบอสมันถึงได้ใจ
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH7 17/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 17-01-2018 21:45:12
 :hao4:

อธิบายคำว่าพอใจ หน่อย
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH7 17/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 17-01-2018 22:24:03
โอโหคุณบอส ง่ายไปไหมคะ?

หมั่นไส้อ่ะ
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH7 17/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 17-01-2018 23:22:04
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH7 17/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 18-01-2018 02:29:06
 :laugh3: :laugh3: :laugh3:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH7 17/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 18-01-2018 07:42:07
ติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH7 17/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 18-01-2018 10:54:36
 o13
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH7 17/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 18-01-2018 22:27:41
เพิ่งตามมาอ่าน สนุกมาจ้าาา

ปัถต์ เอาให้เค้าลืมไม่ลงเลยลูก จัดไปแรงๆ :katai1:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH7 17/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 19-01-2018 08:05:12
ติดตามๆ
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH8 19/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: anin ที่ 19-01-2018 17:18:30
สำหรับคนที่หมั่นไส้บอสของเรา...

ใจร่มๆ นะคะ อย่าเพิ่งด่า anin ว่าหัวจิตหัวใจทำด้วยอะไรถึงให้พระเอกเป็นคนไม่น่ารับแบบนี้

ขอให้อดทนกับอสนิดหนึ่งนะคะ 

ฉันก็รักของฉันเข้าใจบ้างไหม 555
[/b]



+++++++++


Chapter 8


{ปัถย์}



เซ็กส์ที่ไม่มีคำเรียก?

ผมมองคนตรงหน้าที่รักนักรักหนาด้วยดวงตาที่เฉยชา บอกไม่ได้ว่าตัวเองรู้สึกเจ็บปวดถึงขั้นไหน มันเป็นความรู้สึกหนักอึ้งมีก้อนบางอย่างอัดแน่นที่อกซึ่งผมไม่รู้ว่าจะสลัดมันออกไปได้ยังไง แต่สิ่งที่ผมทำได้คือฝืนยิ้มออกไปโดยไม่แสดงอาการว่าตัวเองแม่งโคตรช้ำ

ผมหลับตาลงเพื่อหลบสายตาคมกริบที่มองมาอย่างหื่นกระหาย

แม้แววตาคู่นั้นจะแสดงชัดว่าอยากครอบครองผมมากเพียงใด แต่ก็ไม่ใช่สายตาที่แสดงความรักใคร่ มันก็แค่ผู้ชายอีกคนที่อยากจะเอาผม ก็เท่านั้น

ผมควรรู้สึกแบบในกันแน่ระหว่างโกรธ เสียใจ หรือสมน้ำหน้ากับความบ้าของตัวเอง

แต่บางทีผมก็รู้สึกว่าอยากทำอะไรให้มันบ้าแบบสุดขอบดูบ้าง ส่วนใหญ่ผมเป็นคนที่ทำอะไรมักจะคิดหน้าคิดหลัง ทำทุกอย่างในชีวิตอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้อง ไม่เคยทำเพราะอารมณ์เพียงชั่ววูบ ยกเว้นครั้งนี้

สิ่งที่เอรีสพูดมันกระตุ้นความรู้สึกอยากประชด อยากจะสนองตอบความมักง่ายของเขาเสียให้รู้แล้วรู้รอดไปทุกอย่างจะได้จบๆ ลงเสียที ในเมื่อตั้งใจแล้วว่าจะเป็นฝ่ายเดินออกมาจากตำแหน่งหน้าที่การงานที่รักนักรักหนา พอมาถึงตอนนี้ผมก็อยากจะลองทำอะไรที่โง่ๆ ดูสักครั้งสองครั้ง

“ปัถย์” เอรีสเรียกผมเบาๆ เมื่อตัวผมเริ่มแข็งและเงียบไปนานทีเดียว “คิดอะไรอยู่”

“เซ็กส์ที่ไม่มีคำเรียก คือรูปแบบความสัมพันธ์ที่คุณอยากได้หรือครับ”

ครั้งนี้ผมหันไปมองเขาตรงๆ สายตาของอีกฝ่ายดูเย็นชาเมื่อได้ยินคำถาม

“คุณอยากได้แค่ความพอใจแล้วก็ความสนุกแค่นั้นเหรอครับ”

ผมขยี้คำถามอีก ก็อยากรู้เหมือนกันว่าคนที่เฟอร์เฟคตรงหน้าที่มันมีด้านมืดอะไรอยู่บ้าง เผื่อว่าผมจะได้ตาสว่างและโงหัวขึ้นมาได้เสียที

“คุณชอบนอนกับคนไปทั่วแต่ไม่ชอบมีความผูกพันธ์ คุณไม่อยากให้ใครทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของในตัวคุณใช่ไหมครับ”

ผมยิ้มเยือกเย็นขณะถาม พยายามรักษาสีหน้าและแววตาให้ดูเหมือนไม่ได้แคร์อะไรจริงจัง ทั้งที่ในใจอยากจะตะโกนใส่หน้าว่าเขาแม่งโคตรเห็นแก่ตัว

“ถ้าอย่างนั้น...” ผมเผยยิ้มอย่างเปิดเผย แล้วพูดออกไปพร้อมกับรั้งต้นคอของอีกฝ่ายเข้ามาหาตัวแล้วกระซิบ “เราก็มามีเซ็กส์ที่ไม่มีคำเรียกกันเถอะ ผมเองก็ไม่อยากมีความผูกพันธ์อะไรกับคุณขนาดนั้นเหมือนกัน”

“อย่ามาพูดยั่วกันเล่นๆ นะ” เสียงเอรีสทุ้ม ด้วตามีประกายบางอย่างที่ดูแล้วน่ากลัว ผมรู้สึกได้ว่าเขาเหมือนจะดูหงุดหงิดใจอยู่มากในน้ำเสียง หรือบางทีผมอาจจะคิดมากไปเอง

“จริงจังครับ”

พูดจบผมก็เป็นฝ่ายประกบปากจูบเขาเสียเอง รีบทำเพื่อไม่ให้สมองได้มีเวลาคิดไตร่ตรอง แม้รู้ดีว่าสิ่งที่ตัวเองกำลังจะทำมันอาจเป็นเพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบ หรือความหน้ามืดของตัวเอง แต่เอาจริงๆ ผมไม่สนว่ะ

คนใต้ร่างของผมดูจะแปลกใจกับปฏิกริยาผมเช่นกัน เขาตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ แต่ไม่นานก็ตอบโต้จูบของผมอย่างดูดดื่มกลับมา มือก็รัดผมแน่นกว่าเก่า แน่นเสียจนผมแทบหายใจไม่ออก ร่างสูงยกเอวของผมขึ้นและพลิกตัวของผมให้หันกลับเข้ามาหาอกแกร่งของเขา มือหนากระชับต้นขาผมให้แยกออกและทาบทับลงบนตักให้กระชับแน่นกว่าเดิม ผมกอดต้นคอหนา สอดฝ่ามือข้างหนึ่งกับผมสีอ่อนนิ้วทั้งห้าจิกรั้งอีกฝ่ายแรงขึ้นตามอารมณ์

ในขณะที่ผมลูบไล้แผ่นหลังบึกบึนและดึงเสื้อเชิ้ตสีดำเนื้อดีออกจากขอบกางเกงของอีกฝ่าย ไม่มีเวลาให้โลกสวยอีกแล้วปัถย์ ไปให้สุด สนุกให้สุดเหวี่ยง เอรีสช่วยผมในทันทีเขาแทบจะกระชากกระดุมเสื้อออกเลยด้วยซ้ำ แผ่นอกกว้างและกล้ามเนื้อมัดสวยของอีกฝ่ายเผยให้เห็นพาลให้นึกอิจฉาหน่อยๆ แต่ยังไม่ทันคิดอะไรได้มากกว่านั้นอีกฝ่ายก็กระชากเสื้อยืดเก่าๆ ขออผมออก ขยัวตัวพรวดเดียวร่างผมก็ย้ายตำแหน่งไปอยู่เบื่องล่างแทน

ดวงตาของเราจ้องมองกันจนผมเองรู้สึกว่าหัวใจกำลังเต้นตึกตัก ยิ่งแววตาคู่นั้นมันโคตรร้อนแรงและดูดิบเถื่อนกว่าทุกครั้งที่ผมเคยเห็น เอรีสสำรวจลำตัวช่วงบนของผมและอมยิ้มอ่อนๆ ดูแล้วเจ้าเล่ห์ชะมัด

“สีชมพู”

เอรีสพูดแล้วใช้มืออีกข้างสะกิดเบาๆ บนยอดอดของผม นิ้วหัวแม่โป้งสากไล้ตุ่มไตเป็นจังหวะซึ่งมันอยากมากที่ผมจะไม่เผลอครางออกมา ถ้าคิดว่าการแตะต้องด้วยนิ้วว่าร้ายกาจแล้วผมอยากจะบอกว่าที่หนักหน่วงกว่านั้นก็คงจะเป็นลิ้นแล้วก็ฟันของอีกฝ่ายนั่นล่ะ ที่เรียกว่าของจริง

“อ่าาาา อย่ากัดครับ”

ผมร้องเสียงกระเส่าเมื่อฟันของเอรีสตั้งใจขบลงมา มันทั้งเจ็บเพียงเล็กน้อยแต่เสียวซ่านอย่างมากมาย แล้วถ้าคิดว่าการห้ามแล้วจะได้ผลก็อยากบอกว่าเปล่าเลยมันเหมือนยิ่งห้ามก็ยิ่งยุ เพราะลิ้นร้อนๆ ยังคงทำหน้าที่สลับกับฟันคมเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ผมกัดริมฝีปากแน่นข่มเสียงของตัวเองลงในลำคอ มือทั้งสองข้างจิกทึ้งหัวไหล่กับผมอีกฝ่ายตามแรงอารมณ์ที่ปะทุขึ้นในทุกขณะ

ฝ่ามือหนาฉีกกระชากกางเกงยีนซีดของผมให้พ้นจากสะโพก และเพียงไม่กี่วินาทีก็พ้นช่วงขาของผมไปแบบง่ายแสนง่าย

ให้ตายสิ! เอรีสลอกคราบคนเก่งเป็นบ้า

ตอนนี้ทั้งเนื้อทั้งตัวของผมมีเพียงบ็อกเซอร์เนื้อบางตัวเดียวที่ปิดบังร่างกายไว้ เมื่อเห็นสายตาอีกฝ่ายที่จ้องมองมาอย่างสำรวจก็ยิ่งรู้สึกอายและไม่มั่นใจ ก็ผมมันขี้ก้าง ไม่ได้มีกล้ามเนื้อสวยๆ ไหนจะตัวซีดเผือดดูไม่ใช่ผิวแทนสวยกับกล้ามเนื้อเป็นลอนชัดเจนอย่างเอรีส มองยังไงก็เทียบกันไม่ติด

จังหวะที่ผมเผลอมองอีกฝ่ายจนเพลินเอรีสก็ขยับกายขึ้น และหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาโยนไว้บนโต๊ะตามด้วยปลดกางเกงสเลคสีดำพร้อมกับชั้นในออกจากสะโพกเพรียวใรคราวเดียว แก่นกายที่ตื่นตัวเต็มที่ผงาดอยู่ตรงหน้า

ให้ตายสิ!

เอรีสนี่มันของนอกอิมพอร์ตชัดๆ อะไรต่อมิอะไรก็มาเยอะมาแยะ จนผมต้องกลืนน้ำลายเอือก

“ถอยไม่ได้แล้วนะ” เอรีสรีบบอกเมื่อเห็นสีหน้าซีดๆ ดูไม่มั่นใจของผม “ไม่ปล่อยไปเหมือนครั้งก่อนหรอกนะ”

เอรีสรำลึกถึงเหตุการณ์เมื่อเกือบสองเดือนก่อน ตอนนั้นเราก็เลยเถิดมาถึงจุดนี้ล่ะ แต่เป็นผมเองที่หยุดทุกอย่างและออกจากห้องนี้ไปด้วยความรู้สึกสับสน

“ผมก็ไม่คิดว่าคุณจะยอม”

“รู้ก็ดีแล้ว”

สิ้นคำพูดเอรีสก็ถอดบ็อกเซอร์ผมออก ใช้มือรั้งสะโพกผมให้เชิดขึ้นแนบชิดกับเรือนกายแกร่งที่ผงาดง้ำท้าทายความรู้สึกตื่นตัวของผมที่กำลังเต้นเร่าๆ ไม่ต่างกัน ริมฝีปากร้อนประกบจูบดิบเถื่อนรุนแรงลงมา ดูดกลืนเสียงร้องและสติของผมให้พร่าเลือน แก่นกายตั้งชันของเราทั้งคู่สัมผัสกันด้วยความร้อนระอุที่แทบจะมอกไหม้ เอรีสผละเรียวลิ้นจากปากมาที่ต้นคอขบแรงๆ สองทีก่อนเลียซ้ำเพื่อปลอบประโลม แล้วเปลี่ยนไปเป็นดูดเม้มแรงๆ จนผมต้องรีบห้ามปราม

“อย่าทำรอยนะครับ”

ถ้าเป็นรอยแล้วเกิดมีใครมาเห็นคงได้หมดความนับถือกันพอดี เขาเป็นถึงผู้ช่วยผู้บริหาร ไม่ใช่วัยรุ่นที่เพิ่งทดลองเล่นรักที่จะมาสร้างรอยไว้เพื่ออวดเพื่อน

เอรีสหัวเราะลงคอ แล้วเปลี่ยนเป้าหมายมาที่ตุ่มไตบนอกของผมแทน เขาดูมันแรงๆ จนผมร้องคราง ลิ้นที่ละเลงทั้งข้างซ้ายและขวาสลับกันไปไม่น้อยหน้า ส่วนมือก็ปะป่ายมาถึงหน้าท้องราบของผม เรื่อยไล้ไปจนถึงเนินต้นขา แล้วคว้าหมับเอาที่ความแกร่งร้อนเต็มไม้เต็มมือไว้

“ถ้าตรงคอทำรอยไม่ได้ ตรงนี้ล่ะ ได้ไหม”

เอรีสถามด้วยสายตาหื่นกระหายก้มลงต่ำมาที่หน้าท้อง มองผมเหมือนขออนุญาต

ผมหยุดคิดเพียงชั่วครู่แล้วพยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงตกลง ปากของเอรีสที่ทั้งร้อนและชื้นเล่นงานผมเสียจนตาลาย ยามที่ลิ้นสากแตะลงที่แอ่งสะดื้อผมแอ่นเอวรับสัมผัสอย่างอดใจไม่อยู่

“แค่นั้นพอครับ อ่า... ไม่ครับ” ผมร้องเสียงหลงเมื่อเอรีสก้มลงต่ำไปกว่านั้น ผมพออเดาได้ว่าเจ้าตัวกำลังต้องการจะทำรักให้ผมด้วยปาก

“ไม่ชอบออรัลเซ็กส์?”

“เปล่าหรอกครับ” ผมหลับตาซุกซ่อนความคาดหวังจากด้านมืดไว้ แล้วตอบเสียอ่อย

ใครๆ ก็ชอบหรือเปล่า แต่ผมก็ไม่ได้าดหวังว่าเอรีสจะยอมทำให้ผมหรอกนะ ไม่รู้สิ มันดูแปลกๆ

“ขอทำนะ” เอรีสกระซิบที่ข้างหูผมเบาๆ พร้อมกับจูบบนกระหม่อมของผมอย่างออดอ้อน

ทำที่ได้แต่มองอีกฝ่ายจนตาค้างและคอยมองดูศีรษะที่ปกคลุมไปด้วยผมสีอ่อนเลื่อนต่ำลงมาเรื่อยๆ ใจผมสั่นระรัว กลั้นหายใจรอรับสัมผัสที่แผดเผาร่าร้อน



สัมผัสแรกตรงส่วนปลายทำให้ผมสั่นสะท้าน โลกของผมเหมือนกำลังหกคะเมนตีลังกาจนแทบขาดสติ ยิ่งเอรีสปรนเปรอคด้วยเรียวลิ้นและฝ่ามือเป็นจังหวะจะโคนอย่างต่อเนื่องครั้งแล้วครั้งเล่าจะผมแทบแตกสลาย

จุดไคล์แม็กส์ของผมกำลังจะมาถึง ผมพยายามผลักร่างสูงออกเมื่อรู้ว่าตนกำลังจะปลดปล่อย แต่ปากอุ่นร้อนยังคงครอบครองแก่นกายของผมไว้อย่างแน่นเหนียว เฝ้าทรมานผมซ้ำๆ ด้วยปลายลิ้นสากและนิ้วทั้งห้าที่รูดรั้งถี่ขึ้นเป็นจังหวะหนักแน่น ฝ่ามือของผมจกลงบนโซฟา เปล่งเสียงครางแหบพร่าอย่างลืมตัว ดวงตานั้นหรี่ปรือก้วยสัมผัสที่ถูกกระตุ้นเร้าเต็มทุกโสตประสาท ความสุขสมที่ร่ำร้องหากำลังใกล้จะมาถึงอยู่ไม่กี่อึดใจ

ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากลาวาความรู้สึกของผมทะลักทะลายเข้าสู่โพลงปากของเขาในที่สุด คราบความต้องการของผมหลั่งรินออกมามากมายกว่าครั้งไหนๆ มันมาเสียจนทำให้มือของเอรีสเปื้อนเปรอะไปหมด สิ่งที่ผมทำได้คือการหอบหายใจถี่ระรัว เนื้อตัวอ่อนเปลี้ยเหมือนกับคนไม่มีกระดูก พอสบสายตากับคนตรงหน้าจึงได้เห็นกับสีหน้าพึงพอใจและหื่นกระหายมาให้ใจสั่นยิ่งกว่าเก่า

เอรีสหยิบทิชชูขึ้นมาเช็ดน้ำรักออกจากฝ่ามือช้าๆ ไม่ละสายตาไม่จากผมแม้สักวินาที

เราไม่ได้พูดอะไรกัน ต่างฝ่ายต่างเงียบและเลือกที่จะสื่อสารกันด้วยภาษากาย เอรีสขยับตัวไปหยิบกระเป๋าสตางค์ที่อยู่ใกล้ตัว เขาหยิบฟรอยสีเงินออกมาสองชิ้นแล้ววางข้างๆ ตัว ก้มลงจูบผมอย่างเร่งเร้า รั้งเอวผมให้แนบชิดหน้าท้องแกร่งฝ่ามือหยาบลูบตั้งแต่ต้นขาลามไปจนถึงสะโพกด้านหลัง

ผมผวาเฮือกเมื่อนิ้วยาวเริ่มเข้ามาป้วนเปี้ยนทางด้านหลัง ความเย็นของเจลล่อลื่นแบบซองแตะตรงปากทางสะดุ้งโหยง ขืนตัวในทันที เริ่มรู้สึกลังเลกับสัมผัสแปลกปลอมที่พยายามจะแทรกผ่านเข้ามา

“ใจเย็นๆ” เอรีสกระซิบตรงกกหูและเม้มแผ่วเบา

“ผมไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน” ผมสารภาพไปตรงๆ “ไม่เคย... กับผู้ชาย”

“ฉันรู้ ไม่รังเกียจนะที่ได้เป็นคนแรก” เอรีสพูดติดตลก แต่ผมแม่งเขินเกินกว่าจะขำ พอพูดจบเข้าก็จุ๊บหนักๆ ที่ริมฝีปากผมทีหนึ่ง ก่อนมองผมด้วยสายตาแทบจะกืนกินเล่นเอาผมต้องหลบสายตาเพราะขัดเขิน

นิ้วยาวเริ่มชำแรกผ่านช่องทางเข้ามา ความรู้สึกอึดอัดที่คุ้นเคยทำเอาเนื้อตัวผมเกร็งเป็นแท่งหินหลับตาปี๋ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ

“ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้น”

เอรีสเกลี่ยปลายนิ้วที่แก้มผม ก่อนจูบเบาๆ บนกระหม่อมแบบปลอบประโลม

ถึงเขาจะพูดยังไงผมก็ยังเกร็งอยู่ดี จนอีกฝ่ายเริ่มเล้าโลมเรือนร่างผมอีกครั้งด้วยปลายลิ้นพาเอาผมเตลิดไปอีกรอบ นิ้วมือของเขาจึงเริ่มขยับเป็นจังหวะสั้นๆ เนิบนาบเพื่อตระเตรียมความพร้อมมือใหม่ที่ริอ่านเล่นกับไฟอย่างผม

ลำคอผมเริ่มครางไม่เป็นสรรพ เอรีสเพิ่มจำนวนนิ้วมาอีกแม้จะขยับผ่านเขามาแบบนุ่มนวลเพียงใดก็ตาม เมื่อมากเข้าผมจึงยึดข้อมืออีกฝ่ายไว้แน่นเป็นเชิงห้ามปราม ทว่าเอรีสไม่ยอมอ่อนข้อให้ผมง่ายๆ เจ้าตัวขยับปลายนิ้วเข้าออก แม้ผมจะกุมมือเขาไว้อย่างแน่นหนึบแบบนี้

การกระตุ้นของเอรีสส่งผ่านเขามาครั้งแล้วครั้งเล่า ช่องทางด้านหลังของผมยืดขยายทีละน้อย จากครั้งแรกที่เป็นเพียงการสำรวจแบบตื้นๆ แบบหยอกล้อทวีความเร็วและลึกขึ้นจนผนังที่รัดนิ้วยาวไว้ตอดรัดตุบๆ เมื่อเสียดสีจุดอ่อนไหวทางความรู้สึกที่อยู่ลึกลงไปด้านใน

นานเท่านานที่เอรีสเบิกทางให้ผมอย่างใจเย็น จนผมเริ่มคุ้นชินกับสิ่งแปลกปลอมได้บ้างแล้วนิ้วทั้งสองก็ถูกถอนออก ความรู้สึกซ่านเสียวเมื่อครู่หายไป ผมพรูลมหายใจเฮือกปรือตามองอีกฝ่ายด้วยความสงสัย เห็นเอรีสเอื้อมไปหยิบฟรอยอีกซองแล้วฉีกมันด้วยปากแล้วยืดตัวขึ้นสวมเครื่องป้องกันให้ตัวเอง ผมที่เฝ้ามองฝ่ามือที่รูดยางใสครอบแก่นกายอย่างชำนาญ ลำคอเริ่มแห้งผากไปชั่วขณะมันทั้งตื่นเต้นและหวาดหวั่นพอๆ กัน

แก่นกายหนาจ่อประชิดสะโพกเพรียวขยับแนบชิด ขยับปลายป้านเข้าสู่ช่องทางด้านหลังของผมแต่ครั้งนี้มันไม่ง่ายเหมือนกับนิ้วเรียวอีกแล้ว ความใหญ่ที่ต่างกันมากทำให้ผมจุกจนแทบน้ำตาเล็ด เผลอกัดปากตัวเองแรงๆ จนได้เลือด เอรีสกดลงมาช้าๆ เหยียดขยายช่องทางด้วยความใจเย็น ใบหน้าหล่อคมซุกซบมาแล้วถูไถข้างแก้มให้ความรู้สึกสนิทชิดเชื้อจนหัวใจผมสั่นไหว

ลมหายใจฟืดฟาดกับเสียงกัดฟันของเอรีสบอกให้ว่าอีกฝ่ายรู้สึกทรมานจากผมเลย เอรีสแยกต้นขาผมให้กว้างผมเองก็ยอมเปิดรับเขาเข้ามาอย่างเต็มใจ ยกมือขึ้นรั้งต้นคออีกฝ่ายให้เข้ามาหา ครั้งนี้ผมเป็นฝ่ายเริ่มต้นการจูบที่ดุเดือดเสียเอง เอรีสครางในคออย่างพอใจ ป้อนรสจูบกระชากวิญญาณและรุกล้ำเอวสอบเข้ามาในจังหวะหนักแน่นเพียงจังหวะเดียว

“อึก อ่า” เสียงของผมดังผ่านลำคอกับริมฝีปากที่ประกบกันสนิทแนบแน่น

ตัวตนของเอรีสผลักดันเขามาแบบไม่ให้ตั้งตัวจนผมผวา

“Oh shit!!” เอรีสสบถ

ร่างกายของผมโอบรัดเขาไว้อย่างแน่นหนา เอรีสกดแช่ไว้อึดใจหนึ่งแล้วกดหน้าผากของเราชนกันพร้อมหายใจเป่ารดร้อนระอุเกินบรรยาย มือหนากุมสะโพกผมไว้แน่นและเริ่มขยับท่อนเนื้อออกมาอย่างเนิบนาบ ผมเห็นความหื่นกระหายผ่านดวงตาสีอ่อนที่พาลให้หัวใจของผมเต้นไม่เป็นจังหวะ

“So sweet”

ผมไม่ตอบอะไรทำแค่ดึงลำคอหนาลงมาและซุกใบหน้าลงหวังจะบรรเทาความทรมานจากเบื้องล่างที่กระหนำลงมาซ้ำๆ แบบไม่มีพัก เอรีสเร่งจังหวะขึ้นซึ่งเริ่มเกินขีดจำกัดที่ผมจะรับไหว เขาดันตัวเข้าออกหนักๆ แต่แทนที่ผมจะคร่ำครวญกลายเป็นเว่าเอรีสกลับเป็นคนคร่ำครวญเสียเอง

“Oh F..ck”

จังหวะเน้นๆ กับเนื้อเยื่อที่รับสัมผัสจากด้านในทำให้ผมใกล้จะแตะฝั่งฝัน เอรีสเร่งจังหวะเน้นหนักจนผมตัวสั่นตัวคลอนเป็นผมเองที่เป็นฝ่ายทนความปั่นป่วนไม่ไหวและปลดปล่อยออกมาอีกครั้ง

ผมครางแบบไร้เสียงร่างกายพลันอ่อนปวกเปียกไร้เรี่ยวแรง ส่วนเอรีสกระหน่ำเอวใส่ผมไม่ยั้งอีกสามสี่ครั้งก่อนที่เจ้าตัวจะทรุดตัวลงซบซอกคอของผมแล้วหายใจอย่างเหนื่อยหอบแข่งกับผมที่หายใจในแบบเดี่ยวกัน

ผมตื่นขึ้นมาอีกครั้งในเวลาเกือบรุ่งสาง เมื่อคนที่นอนกอดจากทางด้านหลังทั้งคืนเริ่มกวนใจผมไม่หยุด เมื่อคืนกว่าจะได้พักก็เกือบตีสาม แต่นี่พระอาทิตย์ยังไม่ทันพ้นขอบฟ้าคนบ้าเซ็กส์ที่นอนอยู่นี่ทำท่าจะอาการกำเริบอีกแล้ว

“พอแล้วครับ อ่าาาา”

ผมประท้วงเมื่ออีกฝ่ายดุนดันแก่นกายที่พร้อมรบกับร่องสะโพกที่ร้าวระบม เมื่อคืนเบาะๆ ไปสามแล้วนี้จะต่ออีกผมว่าต่อให้ผมเป็นผู้ชายแข็งแรงทั้งแท่งก็คงจะทนพละกำลังของจอมหื่นคนนี้ไม่ไหว

“again please” น้ำเสียงออดอ้อนหมายจะให้ผมใจอ่อนเป็นรอบที่สาม ซึ่งต่อให้ผมปฏิเสธยังไงเอรีสก็ยังมึนๆ ตะบี้ตะบันกระโจนใส่ผมอยู่ดี




เกือบเก้าโมงแล้วผมลุกขึ้นจากเตียงในแบบที่ทุลักทุเลมาก ความรู้สึกตอนนี้ของผมมันเรียกได้ว่าซ่านสุขผสมความรวดร้าว การที่มีเอรีสมันรู้สึกดีเสียจนผมไม่อยากเสียเขาไปให้ใคร แค่ความจริงก็คือความจริง หนึ่งคืนกับเซ็กส์ที่ไม่มีคำเรียกจบลงไปแบบที่เราทั้งคู่ต่างพอใจซึ่งกันและกัน

ก็คงไม่ต่างจากที่ผมใช้เวลาหนึ่งคืนกับใครสักคนที่แลกเปลี่ยนเรื่องเซ็กส์ระหว่างกันและกัน

ผมฝืนยืนขึ้นและเดินตัวเปล่าไปหาเสื้อผ้าที่ถูกทิ้งไว้ด้านนอก ใช้เวลาแต่งตัวไม่นานก็กลับเข้ามาในห้องเพื่อเก็บข้าวของที่กระจัดกระจายให้เป็นระเบียบเงียบก่อนที่จะกลับ

“ไปไหน? "

เรือนร่างเปลือยเปล่าที่อุดมไปด้วยมัดกล้ามที่นอนกอดมาตลอดทั่งคืนผงกหัวขึ้นจากเตียงร้องถาม ผมสีอ่อนยุ่งเหยิงสีหน้าที่ดูบึ่งตึงเคร่งเครียดอ่อนโยนกว่าเก่ามาก

ผมชะงักเท้าที่กำลังจะเดินออกจากห้องนอนไปด้วยแววตาว่างเปล่าเย็นชา เก็บซ่อนความรู้สึกที่อยากจะโผเข้าสู่อ้อมกอดอุ่นนั้นไว้

หมดเวลาเล่นสนุกแล้ว...

"กลับบ้านครับ"

เอรีสลุกขึ้นนั่ง ขมวดคิ้วด้วยสีหน้าถูกขัดใจ ฝ่ามือหนาตบข้างเตียงเป็นเชิงเรียกให้มานั่งข้างๆ

"เอรีสครับ"

"หืม"

"ผมขอทำงานจนถึงสิ้นเดือนนี้นะครับ"

เอรีสที่เลิกคิ้วอย่างไม่ค่อยเข้าใจความหมาย เมื่อขยับตัวผ้าห่มก็ร่นลงมาถึงสะโพกพาลให้เห็นไปถึงไหนต่อไหน

“ผมขอลาออก” ผมพูดไปด้วยน้ำเสียงจริงจัง ดวงตาดูมุ่งมั่นกว่าครั้งไหนๆ

“What the fu..k”

เอรีสสบถเสียงเครียด สะบัดผ้าห่มออกให้พ้นตัว แล้วขยี้ผมมือหนาก็ลูบใบหน้าแรงๆ ใบหน้าเขาเคร่งเครียด กัดฟันกรอดจนเห็นสันกราม ต้นคอเกร็งจนเส้นเลือดปูดโปนเสียจนน่ากลัว

“วันจันทร์ผมจะเขียนใบลาออกอย่างเป็นทางการนะครับ”

เมื่อพูดจบผมก็เดินออกจากมาห้องทิ้งทุกอย่างไว้เบื้องหลังไม่คิดหันกลับไปมอง แม้เสียงเรียกและเสียงโวยวายของเอรีสจะลอยผ่านมาเข้าหูดังเพียงใดก็ตาม

GAME OVER



+++++++++

เขากินตับกันนะตะเองงงงงงง

ฝากติดตามกันต่อไปนะคะ

จากนี้ไปจะยังไงดีกับความสัมพัธ์ที่เกิดจาก เซ็กส์ที่ไม่มีคำเรียก?


หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH8 19/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 19-01-2018 17:37:22
กรี๊ดด เร่าร้อนมาก :jul1: :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH8 19/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 19-01-2018 18:48:48
 :o8:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH8 19/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 19-01-2018 19:01:51
ปัถย์หนูทำแบบนี้ดีแล้ว หมั่นไส้อิบอสมาก
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH8 19/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 19-01-2018 19:18:23
ขุดหลุมฝังตัวเองแล้วล่ะคุณเจ้านาย ต่อไปนี้ก็ไม่มีอะไรจะไปรั้งปัถย์ไว้แล้วแล้วสินะ
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH8 19/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: masochism2018 ที่ 19-01-2018 19:53:13
อยากอ่านต่อ :ling1:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH8 19/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: sompong ที่ 19-01-2018 21:23:28
โอ้ยๆๆๆๆๆฟิน
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH8 19/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 19-01-2018 21:24:28
 :m10: :m10: :m10:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH8 19/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 19-01-2018 21:33:46
เชื่อเถอะ อีบอสมันไม่ยอมจบหรอก แหลออกปานนั้น  :m16:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH8 19/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: Jadd ที่ 19-01-2018 21:44:35
ถอนตัวออกมาเถอะ กับคนที่เห็นเราเป็นอะไรก็ไม่รู้
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH8 19/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 19-01-2018 21:51:19
เอาเลย อย่าไปยอมบอส สู้เขา!!
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH8 19/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 19-01-2018 22:32:34
อื้อหือ เกมนี้เพิ่งเริ่มตะหาก
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH8 19/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 19-01-2018 23:13:52
สนุกมากกกก
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH8 19/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 19-01-2018 23:48:38
ถึงจะไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ปัถย์เลือกทำแต่ก็อดสะใจไม่ได้จริงๆ แบบนี้เรียกว่าเอรีสโดนปัถย์ฟันแล้วทิ้งได้รึเปล่านะ ฮ่าๆๆ สตรองต่อไปนะปัถย์
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH8 19/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 20-01-2018 00:06:04
 :hao4:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH8 19/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: sompong ที่ 20-01-2018 12:13:31
ปัต เธอเริศมากๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH8 19/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: Tukta3039 ที่ 20-01-2018 15:48:40
จุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่แท้ทรูมันมาแล้ว หลังจากนี้รอลุ้นนะ ว่าพี่ตรินจะพิชิตใจปัถย์ยังไง
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH8 19/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: honeymic ที่ 20-01-2018 21:59:40
ตายๆๆ หลงเข้ามาในห้วงของเอรีสปัถย์ จนได้ ปูเสื่อรอนอนรอเลย
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH8 19/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 20-01-2018 23:28:40
เอรีสจะยอมปล่อยปัถย์ไปง่ายๆเหรอ
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH8 19/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: Nick_June ที่ 21-01-2018 11:08:20

ตกลงอะไรยังไง งง กับอิบอสจริง ๆ  :ling1:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH8 19/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 21-01-2018 23:54:54
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH9 24/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: anin ที่ 24-01-2018 15:06:49
Chapter 9
   
   ปัถย์หอบเอาหัวใจที่แหลกละเอียดของตัวเองกลับมาหลบเลียแผลใจเพียงลำพัง ในตอนนี้รู้สึกว่าตัวเองเปราะบางและอ่อนไหวกว่าที่เคยเป็นมาทั้งชีวิต ความอ่อนล้าทางกายไม่อาจเทียบได้กับความอ่อนล้าทางใจ แม้เตรียมใจรับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วแต่พอเอาเข้าจริงความรู้สึกต่างๆ ก็ถาโถมเข้ามาเกิดกว่าที่จะควบคุมให้เป็นปกติ

   มันไม่ใช่ความรัก ก็แค่เซ็กส์ เป็นเรื่องสามัญของปุถุชนคนธรรมดาที่ต้องการการปลดปล่อยความต้องการทางธรรมชาติ อาจมีกับใครต่อใครก็ได้ ยิ่งถ้าเป็นผู้ชายนั่นยิ่งไม่น่าจะใช่เรื่องที่แปลก สังคมทุกวันนี้เรื่องการเปลี่ยนคู่นอนรายวันมันทำกันได้ง่ายๆ ดังนั้นเขาไม่ควรจะเอามาคิดให้ปวดสมอง... ปัถย์พยายามบอกให้ตัวเองคิดไปแบบนั้น

   เมื่อกลับมาถึงห้อง สิ่งแรกที่ปัถย์ทำคือเดินเข้าห้องน้ำแล้วเปลื้องผ้าตัวเองออกจนหมด ร่างกายที่เปลือยเปล่าเผยร่องรอยมากมายจากเซ็กส์ที่ไร้ความรัก แผ่นอกขาว หน้าท้องแบนเรียบแผ่นหลัง รวมไปถึงต้นขาที่ก็ปรากฏรอยจ้ำแดงจากการดูดและขบกัดไม่ต่างกัน ฝ่ามือหนาลูบใบหน้าที่แดงก่ำของตัวเองแรงๆ เพื่อเรียกสติ ดวงตาที่เคยสดใสกลับกลายเป็นแดงช้ำคงเป็นเพราะนอนน้อยก็ได้

   เมื่อมองตัวเองจนพอใจ ร่างสูงก็ผละออกจากกระจกบานใหญ่เดินเข้าสู่คอกสำหรับอาบน้ำ เปิดฝักบัวแรงสุดให้น้ำอุ่นสาดลงบนหัวผ่านใบหน้าและร่างกาย ความปวดร้าวในส่วนที่ถูกเติมเต็มคอยย้ำเตือนทุกครั้งที่ขยับตัว ไอน้ำร้อนๆ คลายความเหมื่อยขบจากกล้ามเนื้อและจุดอ่อนไหว เสียงน้ำที่กระทบลงบนพื้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอช่วยให้จิตใจเขาสงบลง แต่ไม่รู้ทำไมน้ำตาของเขาจู่ถึงไหลออกมาโดยที่เขาไม่รู้ตัว

   ปัถย์ใช้เวลาตลอดวันหมดไปกับการนอนแผ่หราแบบซังกะตายบนเตียง ทั้งที่ยังมีอะไรตั้งแต่เช้าแต่กลับไม่รู้สึกหิว ร่างสูงขยับตัวนอนคว่ำเอามือซุกใต้หมอนแนบหน้าลงนิ่งๆ เฝ้าฟังเสียงแอร์ไปเรื่อยๆ อย่างใจลอย

   จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นปลุกเขาให้หลุดจากภวังค์ความคิด

   ชลนที

   "ไง" ปัถย์กดรับทันทีและร้องทักสั้นๆ

   [ทำไรอยู่วะ คืนนี้แดกเหล้ากันไหม พรุ่งนี้กูต้องบินกลับกระบี่แล้ว]

   “เหนื่อยๆ ว่ะ กูขอบายนะ"

   [มึงเป็นอะไรหรือเปล่า เสียงดูไม่ค่อยดี]

   คนเป็นเพื่อนจับความรู้สึกได้ว่าเพื่อนรักดูไม่ปกติสักเท่าไร

   "เปล่าหรอก แค่เรื่องงานนิดหน่อย ว่าแต่มึงเถอะ จะไปทำงานแล้วยังจะห่วงเมาอีก” ปัถย์ถอนใจแล้วขยี้ผมอีกรอบ เฉไฉไปเรื่องอื่นเพื่อเบี่ยงประเด็น ครั้งนี้ทำเสียงให้กระตือรือร้นอีกนิด

   [งานส่วนงานพักผ่อนส่วนพักผ่อน พูดถึงเรื่องงานขึ้นมาก็ดี นี่มึงยังอยากจะเปลี่ยนอยู่หรือเปล่า คิดดีๆ นะเว้ย คนแบบมึงไปที่ไหนใครก็อยากรับ]

   "อืม ก็จะเขียนใบลาออกวันจันทร์"

   "เฮ้ย เร็วจังนึกว่าจะรอถึงสิ้นเดือน ไง... เจ็บจี๊ดที่ใจอ่ะดิ”

   “ไม่มีอะไรให้ต้องลังเลนี่ แล้วไอ้เจ็บจี๊ดที่ใจก็ฉินแล้วหรือเปล่าวะ ไม่ใช่แค่รู้ว่าไม่มีหวังแค่วันสองวันเมื่อไร สิวๆ" ปัถย์พูดเสียงเนือยแต่ไม่แสดงความเศร้าที่มีออกไปในน้ำเสียง ติดจะทำให้ดูตลกเสียด้วยซ็ำ

   ด้วยนิสัยหนึ่งของปัถย์คือคนที่มักจะเก็บความรู้สึกเอาไว้กับตัว ในยามที่อ่อนแอเขาจะไม่แสดงออกกลับใคร จนกว่าเจ้าตัวจะเคลียความรู้สึกจนเกือบเป็นปกติได้นั่นละ ถึงจะยอมเล่าอะไรให้ใครฟังบ้าง

   [นี่จะออกเลย ไม่รอให้ได้งานใหม่ก่อนเหรอ] ชลนทีถามเพื่อนรักด้วยความสงสัย

   “ว่าจะนอนเล่นอยู่บ้านสักเดือนค่อยหางานใหม่ ขอชิลก่อนหาเรื่องปวดหัว"

   “แล้วบอสโหดของมึงจะว่ายังไง นึกภาพไม่ออก”

   "มันอยู่ที่กูตัดสินใจ เอรีสจะว่าอะไรได้กูไม่สน เขามีเงินจะจ้างอีกสักสิบคนก็ได้ อาจจะได้คนที่เก่งกว่ากูมาก็ได้ใครจะรู้วะ สมัยนี้ใครๆ ก็มีความสามารถรอบด้าน"

   [แต่มึงรู้ใจไง]

   “เปล่ารู้ใจ กูรู้งาน ไม่แน่นะเขาอาจจะไม่ได้แคร์เลยด้วยซ้ำ ไม่มีพนักงานคนเดียวบริษัทเขาก็ไปรอด”

   [นี่ทะเลาะกันหรือเปล่า แบบว่าเอิ่ม... ขัดใจอะไรกัน]

   ชลนทีไม่กล้าพูดอะไรให้มาก เพราะลึกลงไปเขาแน่ใจว่าระหว่างเพื่อนรักกับเจ้านายขาโหดต้องมีบางอย่างที่ลึกซึ้ง ซึ่งคงจะรู้และเข้าใจกันเพียงแค่สองคน ที่ผ่านมาปัถย์ทำงานกับเอรีสมาหลายปีย่อมมีความผูกพันธ์บางอย่างอยู่แล้ว

   “กูบอกเขาไปแล้วนะ เรื่องที่จะออก"

   [จริงอ่ะ มึงนี่บทจะใจเด็ดก็เอาเรื่องเหมือนกันนะ ว่าแต่มึงอยากมาทำงานบริษัทกูหรือเปล่าเดี๋ยวกูดูให้]

   "อย่าเลยกูเกรงใจ"

   [เกรงใจกูหรือไม่อยากมาทำงานบริษัทกิ๊กเก่า]

   "พูดบ้าๆ กิ๊กที่ไหน"

   [ก็พี่เขาเคยจีบมึง]

   "แต่กูก็ไม่ได้คบกับเขา จะพูดว่ากิ๊กก็เกินเบอร์ไป”

   [เออๆ ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ ว่าแต่อยากมาไหม มาทำงานด้วยกันกูจะได้ไม่เหงา]

   “ยังไม่รู้วะ ขอดูก่อน ยังไม่อยากรีบตัดสินใจ”

   [เล่นตัวจัง ก็ได้ ถ้าเปลี่ยนใจก็มาทำด้วยกันนะมึง ที่นี่สบายๆ งานหนักก็จริงแต่คนแม่งไม่เรื่องเยอะ]

   “อืม เดี๋ยวกูลองคิดดูอีกที”


   RRRRR
   วางสายจากชลนทีไม่นานชื่อของ ธีรนัยปรากฏขึ้น ที่หน้าจอโทรศัพท์ ปัถย์ลังเลเล็กน้อยว่าจะรับดีหรือไม่รับดี ตอนนี้เขาไม่อยากปั้นหน้ากับใครที่ไหน ที่จริงความสัมพันธ์ของเขากับธีรนัยก็เป็นรูปแบบครึ่งๆ กลางๆ อาจจะเรียกได้ว่ามากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟนก็ไม่ผิด

   จะมีโทรคุยกันบ้าง กินข้าวด้วยกันบ้าง แต่ก็ไม่ได้เกินเลยถึงเนื้อถึงตัว ธีรนัยเองก็ไม่ขัดข้องที่ปัถย์จะแบ่งช่่องว่างทางความสัมพันธ์ไว้แค่การเป็นคนคุย ในบางครั้งปัถย์เองก็รู้สึกว่าเป็นคนเห็นแก่ตัว เพราะที่จริงแล้วเขาเหมือนหลอกใช้เอาธีรนัยมาเป็นไม้กันหมาก็ไม่ผิดนัก คิดมาถึงตรงนี้ปัถย์จึงรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมกับใครเลย ปัถย์คิดเรื่องนี้มาสักพักแล้วว่าไม่ควรดึงธีรนัยมายุ่งกับเรื่องพวกนี้ ดังนั้นบางทีการบอกจบความสัมพันธ์ที่ไม่ถูกต้องอาจเป็นเรื่องที่ถูกต้องที่สุดก็ได้

   “ว่าไงครับ กลับมาจากนิวยอร์คเมื่อไร”

   [เพิ่งลงเครื่องเมื่อคืน นี่ผมก็เพิ่งตื่นนอน คิดถึงเลยโทรหา]

   ปัถย์ฟังน้ำเสียงหยอดจากฝ่ายตรงข้ามแล้วอมยิ้ม หลังจากธีรนัยเดินทางไปนิวยอร์คเมื่อสองสัปดาห์ก่อนก็เรียกได้ว่าตัดขาดการติดต่อกันโดยสิ้นเชิง

   “ครับ”

   “ทานข้าวกันนะครับเย็นนี้ ผมไปรับที่คอนโดนะ”

   “กี่โมงครับ”

   “หกโมงเย็นนะครับ ผมรอที่ล็อบบี้นะ”

   ปัถย์มองเห็นธีรนัยที่ยืนกอดอกอยู่แต่ไกล ผู้ชายอย่างธีรนัยโดดเด่นสะดุดตาท่ามกลางผู้คนรายรอบเขาเสมอ ด้วยรอยยิ้มมีเสน่ห์ ความสุภาพแบบเชื้อสายผู้ดีทำให้ธีรนัยเป็นผู้ชายที่ไม่อาจปฏิเสธว่าน่าสนใจได้ง่ายๆ

   “คิดถึง” ธีรนัยยิ้มหวาน แล้วโอบไหล่ปัถย์หลวมๆ

   การแสดงออกอย่างเปิดเผยของธีรนัยทำให้ปัถย์รู้สึกไม่สบายใจ เขาขยับตัวออกจากวงแขนอีกฝ่ายให้ดูแนบเนียนที่สุด

   “คุณนี่ชอบหยอดนะครับ”

   “นี่พูดจริง ไม่ได้หยอดเลย อยากทานอะไรครับ อาหารญี่ปุ่นดีไหม หรือว่าเบื่อแล้วจะไปทานอย่างอื่น”

   “อาหารญี่ปุ่นก็ได้ครับ”

   เมื่อมาถึงร้านอาหารญี่ปุ่นย่านทองหล่อ ธีรนัยก็สั่งของที่เขาชอบมาให้สามสี่อย่าง ทั้งคู่ลงมือทานและพูดคุยกันเรื่องสรรพเพเหระไปเรื่อยๆ จนกระทั่งธีรนัยหยิบโทรศัพท์มาเล่นด้วยความเคยชินแล้วยิ้มเย็นออกมาเหมือนเจออะไรในโทรศัพท์สักอย่าง

   “เจ้านายคุณนี่เปลี่ยนคนควงไปเรื่อยเลยนะครับ”

   ปัถย์ได้แต่รับฟังโดยไม่พูดอะไร แถมยังแกล้งคืบเนื้อปลาใส่เข้าปากประหนึ่งทำตัวแบบทองไม่รู้ร้อนทั้งที่จริงแล้วอยากรู้ใจจะขาดว่าธีรนัยหมายความว่ายังไง

   “นี่ไง สวีตหวานกับคิมหันต์ที่ญี่ปุ่น เพิ่งลงเครื่องสดๆ ร้อนๆ มิน่าล่ะถึงปล่อยคุณให้มาทานข้าวกับผมแบบง่ายๆ ปกติก็เห็นมีงานด่วนเข้ามาตลอด”

   ปัถย์เห็นภาพนั้นแบบผ่านตา เลือกที่จะไม่โฟกัสไปตรงๆ ให้ปวดใจ

   “ธรรมดาครับ ไม่มีคนไปด้วยนี่สิแปลก”

   เพิ่งห่างกันไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมง เอรีสก็มีคนควงใหม่แล้ว เป็นแบบนี้สินะสถานะจากเซ็กส์ที่ไม่มีคำเรียก
จะมามีโมเม้นต์ติดตรึงอะไรหรือก็ไม่

   “สับรางยังไงไหว เดี๋ยวผู้หญิง เดี๋ยวผู้ชาย”

   “ก็ไม่เห็นเคยชนกันสักทีนี่ครับ”

   ถึงปากจะพูดอย่างนั้นแต่ใจใจกลับร้อนระอุเต็มไปด้วยความอิจฉา แต่ปัถย์ไม่ใช่คนช่างเรียกร้อง เมื่อก่อนไม่ได้เป็นเจ้าของเขายังไง ตอนนี้ก็ยังคงเป็นอย่างนั้น

   “เอรีสมันเจ้าชู้”

   “ใช่ครับ เจ้าชู้แบบสุดๆ” ปัถย์หัวเราะแล้วคีบทาโก๊ะเข้าปากไปด้วย

   “แต่คุณก็ยังชอบเขา?”

   คำพูดของคู่สนทนาทำเอาปัถย์ชะงัก สีหน้าเปื้อนยิ้มเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นเย็นชาในทันที เป็นอีกครั้งที่ธีรนัยมักจะจิ๊กเขาตรงๆ แบบไม่ไว้หน้า

   “ธีครับ”

   “คุณนึกว่าผมดูไม่ออกเหรอว่าคุณยังชอบเขา ผมรู้มาตลอดว่าเอรีสมีอิทธิพลกับคุณมากแค่ไหน แต่ที่ผ่านมาผมก็หวังว่าจะชนะเขาได้ ผมอยากชนะใจคุณ”

   ธีรนัยพูดเรียบๆ แต่อ่านไม่ออกว่าเขากำลังรู้สึกอย่างไรกันแน่ ถ้าเขาแสดงอาการออกมาว่าโกรธหรือไม่พอใจ มันจะดีเสียกว่ามาดนิ่งที่เขาแสดงออกเขาก็ยิ้มระบายที่มุมปากแบบไม่มีเหตุผล

   “คุณแค่ลองเปิดใจแล้วให้โอกาสผม ให้เราทั้งคู่มากเป็นมากกว่าแค่คนลองคุยๆ กัน”

   “ผมไม่ได้อยากจะเล่นตัวอะไร ตอนแรกก็อยากแค่คิดว่าอยากใช้เวลาศึกษากันอีกสักพัก แต่ผมมาคิดๆ ดูแล้ว...” ปัถย์เริ่มพูดเข้าประเด็น ไหนๆ ก็คุยกันเรื่องนี้แล้วก็เปิดใจกันไปให้รู้เรื่อง ยื้อไว้ก็ไม่ดีกับใคร

   “โอเคครับๆ  ผมเข้าใจแล้ว ผมจะไม่ได้เร่งรัด เอาไว้คุณพร้อมก่อนก็ได้”

   “ธีครับ ผมลองมาคิดมาสักพักหนึ่งแล้ว... ผมคงคบกับคุณไม่ได้จริงๆ เราเป็นเพื่อนกันเถอะครับ ผมไม่อยากเป็นคนที่เห็นแก่ตัว”

   “ผมไม่คิดว่าจะถูกปฏิเสธแบบนี้นะครับ ไม่ได้เตรียมใจมาถูกบอกเลิกความสัมพันธ์”   

   “ผมขอโทษครับ ผมไม่ได้มีเจตนาทำให้คุณรู้สึกแย่ แต่ผมก็อยากจะพูดตรงๆ ไม่อยากเป็นคนที่มาเอาเปรียบด้วยการให้คุณรอไปเรื่อยๆ”

   “ตัวผมเองก็ไม่อยากเร่งรัด ผมรอได้”

   แม้ปากธีรนัยจะพูดแบบนั้นแต่เจ้าตัวก็ยังยิ้มอยู่ในหน้า แต่รอยยิ้มนั้นปัถย์กลับรู้สึกว่าน่ากลัว

   “ผมว่าเราเป็นเพื่อนกันดีกว่าครับ เวลาที่คุณมาเสียกับผม คุณอาจได้ไปเรียนรู้ หรือได้เจอคนที่ดีกว่า”

   “ผมไม่ใช่คนที่จะยอมรับการถูกปฏิเสธง่ายๆ บางทีคุณควรจะศึกษานิสัยของผมเอาไว้บ้างก็ดีนะครับ”

   ปัถย์ฟังน้ำเสียงเรียบๆ แต่ชวนเย็นยะเยือกของธีรนัยแล้วพาลให้ชวนอึดอัด ถ้าลองพูดไปขนาดนี้แล้วยังไม่คิดจะรับฟัง บางทีการตีตัวออกห่างแบบเงียบๆ น่าจะเป็นวิธีที่ดีกว่าก็เป็นได้


   ล่วงเลยมาจนถึงวันพุธปัถย์ยังไม่ได้ยื่นจดหมายลาออกตามที่ตนได้ลั่นวาจาไว้ เหตุผลหลักคือบอสของเขาเดินทางไปธุระส่วนตัวที่ญี่ปุ่น ซึ่งกว่าจะกลับก็น่าจะเป็นพรุ่งนี้ ออฟฟิศที่ไม่มีเอรีสยังคงยุ่งเหมือนเคย ยิ่งใกล้ช่วงส่งมอบงานเขายิ่งงานยุ่ง ดูอย่างตอนนี้เขาก็เพิ่งเสร็จจากไซด์มีตติ้งและยังต้องรีบกลับบริษัทเพื่อประชุมกับฝ่ายบริหารแทนเอรีสอีก ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาไปเสียแล้วที่เขาทำตัวเป็นตัวแทนรับเรื่องสำคัญกับเอรีสเสมอๆ

   ปัถย์กลับมาถึงออฟฟิศในเวลาบ่ายโมงพอดิบพอดี เจ้าตัวรีบตรงไปยังห้องประชุมเพราะเกรงว่าจะทำให้คนอื่นรอนาน

   เมื่อเปิดประตูห้องประชุม เจ้าหน้าที่หลายฝ่ายเดินทางมาถึงเรียบร้อยแล้ว แต่ที่น่าแปลกใจเป็นที่สุดคือเอรีสเองก็นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ประธานการประชุมด้วยสีหน้าเอรีสราบเรียบ เดาอารมณ์ไม่ออกว่าคิดอะไรอยู่

   ส่วนบอสใหญ่เห็นการปรากฏตัวของผู้ช่วยคนเก่ง เขาเหลือบหางตามองปัถย์เล็กน้อยแต่ไม่ได้ทักทายอะไร เป็นปัถย์เองที่แม้จะอยากตัดใจจากเขาแทบตายแต่ก็มัวแต่นับวันรอให้เขากลับมา ไว้รอเวลาที่เขามีอันต้องจากที่นี่ไปแล้วไอ้คำว่าคิดถึงนี่มันคงเล่นงานเขาอย่างแสนสาหัสเลยสินะ แต่มนุษย์เราย่อมเรียนรู้และปรับตัวที่จะใช้ชีวิตอยู่ให้ได้ คงไม่มีใครถึงตายเพราะว่าอกหักรักคุดหรอก

   "กลับมาถึงเมื่อไรครับ" ปัถย์นั่งลงเคียงข้างและร้องถามเพื่อทำทุกอย่างให้ดูเป็นปกติ

   "เพิ่งลงเครื่อง" เอรีสตอบ หากแต่ดวงตาสีอ่อนมองตรงไปทางอื่น

   "ประชุมไหวนะครับ ทานอะไรก่อนไหมเดี๋ยวผมเลื่อนการประชุมไปก่อนสักสิบนาที"

   เอรีสคิ้วกระตุก รอยยิ้มหยัน

   "หึ นายก็เป็นซะแบบนี้”

   ปัถย์มองฟังอย่างไม่เข้าใจความหมายและน้ำเสียงที่เขาสื่ออกมา แต่ก่อนที่เขาจะอ้าปากถามอะไรเสียงของเรีสก็พูดขึ้นเสียก่อน

   “มากันครบแล้ว เริ่มประชุมกันเลยแล้วกัน”








   

   กว่าที่การประชุมจะเสร็จเกือบๆ บ่ายสามเอรีสเดินออกจะห้องประชุมโดยมีปัถย์เดินตามหลังไม่ห่าง วันนี้เอรีสดูแปลกไป นอกจากจะไม่เหวี่ยงใส่ที่ประชุมแล้วยังดูนิ่งเงียบกว่าทุกวัน เขานั่งลงแล้วซบหน้าลงบนฝ่ามือท่าทางอ่อนล้าเดาเอาว่าน่าจะเป็นเพราะเพิ่งเดินทางเลยเกิดอาการเพลีย เอรีสดูหน้าซีดเล็กน้อยแต่ก็ยังหล่อเหลาอันตรายเช่นเคย ผมที่เคยจัดทรงเรียบดูยุ่งหน่อยๆ แต่ในลุกซ์แบบนี้เขากลับดึงดูดสายตาและมีเสน่ห์ในความรู้สึกของเขา

   “หิวไหมครับ”

   “ไม่หิว มีอะไรจะให้เซ็นก็เอามา”

   ปัถย์จำต้องหยิบแฟ้มเอกสารสัญญาการก่อสร้างสองปึกใหญ่ที่เอรีสจะต้องลงนาม และรอเอรีสไล่เซ็นทีละหน้าจนเสร็จ โดยเขายืนมองอยู่เงียบๆ ไม่ห่าง เขาไม่ได้พูดอะไรมากเพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายก็ไม่มีอารมณ์ที่จะคุยด้วยสักเท่าไร ส่วนตัวเขาเองก็ต้องทำตัวให้ชินได้แล้ว...

   ชินที่จะไม่มีเอรีส

   ปัถย์ใช้เวลาเกือบสิบนาทีมองเอรีสเซ้นเอกสารสัญญาตรงหน้า จนกระทั่งผู้เป็นบอสเซ็นเสร็จและเลื่อนกระดาษปึกหน้ามาให้เป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการ

   “มีอะไรหรือเปล่า ถ้าไม่มีอะไรอีก วันนี้ฉันจะกลับก่อน”

   “ไม่มีอะไรแล้วครับ เออ... นี่ครับใบลาออกครับ”

   ปัถย์หยิบซองสีขาวที่เตรียมมาวางไว้บนโต๊ะ เอรีสตวัดสายตามมองมันเหมือนเชื้อโรคร้ายน่าขยะแขยง

   “จะเอาแบบนี้ใช่ไหม” แม้จะไม่ใช่น้ำเสียงตะคอกเจ้าอารมณ์อย่างเคย แต่มันกลับทำให้ปัถย์รู้สึกว่าตัวเองขนลุกซุ่กับความเยือกเย็นและสีหน้าของผู้พูด “อยากให้มันแบบนี้?”

   “ผมเสียใจครับ แต่ผมตัดสินใจแล้ว”

   “อยากจะได้อะไร อยากจะเอาอะไรก็พูดมา อย่ามาเล่นสงครามประสาทแบบนี้นะ ฉันไม่ชอบ”

   เอรีสดูไม่เป็นตัวของตัวเอง เขาเสยผมลวกๆ มองปัถย์นิ่งขรึม ที่ทีเหนื่อยๆ เมื่อครู่กลายเป็นโทสะร้อนแรงไปในฉับพลัน

   “ผมแค่อิ่มตัวกับงานตรงนี้แล้ว อยากลองไปหาประสบการณ์จากตรงอื่นดูบ้าง นี่ครับประวัติผู้สมัครงานตำแหน่งผู้ช่วยของคุณ ผมคัดคนที่มีประสบการณ์และมีคุณสมบัติครบถ้วนเอาไว้ให้ รอแค่คุณเรียกเพื่อนัดสัมภาษณ์”

   “ฉันไม่รับใครทั้งนั้น เพราะฉันไม่ให้นายออก”

   “ตามกฎหมายผมไม่จะเป็นต้องรอการอนุมัตินะครับ ผมสามารถออกได้ทันทีที่ส่งจดหมายลาออกอย่างเป็นทางการ”

   “หัวหมอ”

   “ผมแค่พูดถึงสิทธิของผม”

   เราจ้องตากันราวสิบวินาที เอรีสดูครุ่นคิดบางอย่างเพราะสายตาของเขาดูแน่วแน่มีประกาย แล้วเจ้าตัวก็ถอนใจออกมาในที่สุด

   “ให้ลาพักร้อนห้าวัน นี่ก็สิ้นปีแล้วนายเหนื่อยมาทั้งปีไปพักบ้างก็น่าจะดี เอาไว้นายอารมณ์ดีเราค่อยมาคุยกัน เรื่องลาออกอย่าเอามาพูดอีก ไม่อยากฟัง”

   “ไม่ฟังไม่ได้ครับ”

   “ก็ไม่ฟังไง พูดไม่รู้เรื่องเหรอ อย่าให้ย้ำหลายๆ รอบ”

   โคตรเอาแต่ใจ

   ทีเมื่อก่อนขอลากลับไม่ยอม มาทีนี้กลับยอมกันง่ายๆ คนเรานี่ก็แปลกตอนมีกันอยู่ก็ไม่เห็นอกเห็นใจพอทีนี้จะไปก็เปลี่ยนมายื่นข้อเสนอโน่นี่

   “เอรีสครับผมไม่ได้อยากพักร้อน... ผม”

   “เรื่องานที่มันโหลดเกินไป ก็จะหาคนมาช่วย นายก็ไปดูมาว่าใครที่เหมาะสมแล้วพอจะช่วยงานได้ อยากดึงใครขึ้นมาทำก็เอา หรือจะรับใหม่ก็ได้ ถ้าคนเดียวไม่พอก็สองคนไปเลย ถ้าเหมาะสมแล้วนายโอเคกับคนที่จะมาช่วยงาน เงินเดือนเท่าไรด็ไม่เกี่ยง เอาที่นายเลือกว่าดี”

   “คุณลองดูประวัติพวกนี้ก็ได้ครับ แต่ที่ผมหามาก็เอามาแทนตำแหน่งผมนี่ล่ะ คุณลองดูก่อน”

   คนที่ตั้งท่าจะเป็นอดีตผู้ช่วยดื้อดึงให้บอสจอมเอาแต่ใจอ่านรายละเอียดตรงหน้า

   “บอกว่าไม่ให้ออก ไม่ดู เอาไปไหนก็เอาไป ถ้าไม่เอาไปจะเผาทิ้งตรงนี้ล่ะ”

   “ถ้าบอสไม่ดูรายชื่อพวกนี้ หลังปีใหม่ตำแหน่งของผมก็จะว่าง แล้วบอสจะยุ่งมาก ปีหน้างานโครงการเยอะด้วยนะครับ ถ้าไม่รีบเรียนรู้งานจากผมมาจับงานทีหลังก็จะคลำทางไม่ถูก รายละเอียดงานมันเยอะนะครับ”

   “ถ้าไม่มีนายหามาอีกร้อยคนก็ไม่เอา ไม่มีใครทำงานตำแหน่งนี้ได้นอกจากนาย” ใบหน้าคมเข้มบูดบึ้ง น้ำเสียงมีความหงุดหงิดจนปัถย์ชักอ่อนใจ

   “เมื่อก่อนก็ไม่มีผม ก็เห็นมีคนทำงานได้”

   “ก่อนหน้าจะมีนายฉันเปลี่ยนผู้ช่วยเกือบสิบ มาแล้วก็ไป เสียเวลา เสียความรู้สึก กับนายก็รู้อกรู้ใจกันดีอยู่แล้วเรื่องอะไรจะต้องเอาคนใหม่มาปวดหัวอีก ไร้สาระน่า”

   “เด็กรุ่นใหม่เดี๋ยวนี้ไฟแรง จบมากก็มีความสามารถทุกคน บอสต้องลองดูก่อน อย่าเพิ่งตัดสินคนอื่นทั้งที่ยังไม่ได้ลองให้โอกาส คนที่มีประสบการณ์เก่งกว่าผมก็มี หลายคนผ่านโปรเจคระดับอินเตอร์มาแถม จบป.โทอีกต่างหาก บอสอย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจสิครับ”

   “ไม่เหมือนกัน ถ้าไม่ใช่นายฉันก็ไม่เอา ต่อให้ฉันจะเป็นคนใจกว้างเป็นมหาสมุทรให้โอกาสคนเป็นร้อยแต่ฉันก็ไม่ยอมให้นายออก เข้าใจไหม”

   ถ้าเป็นคำนี้เมื่อก่อนเขาคงตัวลอยเป็นลูกโป่งอัดก๊าซ แต่พอเป็นตอนนี้คำหวานของเขากลับเหมือนยาพิษที่กินเข้าไปก็รังแต่จะทำร้ายกันแบบฝังรากลึก

   “ทางเลือกของบอสมีแค่นี้ครับ เพราะยังไงผมก็ไม่อยู่ต่อ”

   “ถ้านายไปง่ายๆ ก็อย่ามาเรียกว่ากันว่าเอรีส”

   ดวงตาเอรีสเรืองโรจน์ น้ำเสียงเอาจริงกับคนที่ทำอะไรเด็ดขาดมุ่งมั่น แบบนี้ประมาทไม่ได้

   เอรีสอาจทำให้ปัถย์หมดอนาคตถ้าอยากทำ ในเมื่อเขาเองก็เป็นถึงขาใหญ่ในวงการก่อสร้างลองให้สัญญาณนิดเดียวบริษัทต่างๆ ก็แทบพร้อมใจกับปิดประตูใส่หน้า

   “คุณคงไม่รังแกผมแบบนั้น?”

   “ก็ลองดู ฉันยิ่งบ้าๆ ไม่เหมือนคนอื่นอยู่ นายก็รู้นิสัยดีนี่”

   “ผมรู้นิสัยคุณไงครับ ถึงรู้ว่าคุณคงไม่ทำ อย่างน้อยตลอดเวลาที่ผ่านมาผมก็ทำงานให้คุณอย่างเต็มที่ จะมาตัดอนาคตกันเพราะเรื่องที่ผมลาออก คุณคงไม่ใจร้ายกับผมขนาดนั้น”

   “ฉันใจร้ายกับคนที่ฉันอยากร้ายด้วยหมดทุกคนนั่นล่ะ”

   “คุณไม่ได้ใจร้าย”

   “แต่นายน่ะใจร้าย ฉันไม่รู้ว่านายเป็นอะไร ก่อนหน้านั้นเราก็เหมือนยังดีๆ กันอยู่ แต่พอเช้ามานายกลับทำตัวเหมือนเป็นอีกคนฉันไม่เข้าใจ” เอรีสขยับมาใกล้ แล้วนามด้วยสีหน้าสับสน “ฉันทำอะไรที่นายไม่ชอบหรือเปล่า” เอรีสเดินเข้ามาหาปัถย์แล้วก้มลงจ้องตา ถามสิ่งที่อยากรู้ออกไป

   เอรีสเริ่มเดินเข้ามาหา เอื้อมมือข้างหนึ่งจับต้นแขนของปัถย์ไว้ รั้งให้อีกฝ่ายขยับเข้ามาใกล้กว่าเก่า

   “มีอะไรที่ฉันทำพลาดไป นายบอกฉันได้ ฉันรู้ว่ามันเป็นครั้งแรกมันอาจไม่ใช่ไม่เฟอร์เฟคในความรู้สึกนาย แต่ฉันก็ไม่คิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันแย่”

   ปัถย์มองปลายเท้าตัวเอง ไม่กล้าที่จะสู้สายตาของคนตัวโตที่กำลังคาดคั้นความจริงที่ซุกซ่อนอยู่ลึกๆ

   “ครับ... มันไม่ได้แย่”

   “แล้วปัญหามันคืออะไร”

   น้ำเสียงนั้นใกล้เข้ามาทุกขณะเมื่อเอรีสก้มใบหน้าเข้ามา ปัถย์เงยหน้าก็เห็นท่าทางคนเอาแต่ใจที่งอหงิกแบบไม่สบอารมณ์ แต่ดวงตากลับดูเว้าวอนมีความสับสนสงสัย

   “คนทำงานร่วมกันไม่ควรมีเซ็กส์กัน ข้อนี้ใครๆ ก็รู้ ยิ่งเราเป็นเจ้านายกับลูกน้องยิ่งไม่ควร”

   “แต่เราก็มีไปแล้ว จะย้อนไปก็ไม่ได้นี่จริงไหม มันไม่ใช่เรื่องที่เราจะมานึกเสียใจว่าเราทำอะไรผิดพลาด ไม่ใช่เรื่องผิดพลาดเพราะฉันตั้งใจ อีกอย่างเรื่องงานส่วนเรื่องงาน หลังจากเลิกงานมันเป็นเรื่องส่วนตัว เราแยกแยะได้น่า โตๆ กันแล้ว”

   “มันจะไม่ดูแปลกไปหน่อยเหรอครับ”

   “ถ้าเราไม่ทำมันแบบเจิดประเจ้อก็ไม่น่ามีปัญหา” เอรีสก้มหน้าเขามาหา และไล้ริบฝีปากแผ่วเบาที่ขมับอีกคน

   ปัถย์หลบตาอย่างอ่อนใจ เขาไม่คิดว่าการอธิบายให้เจ้านายขาเหวี่ยงฟังมันจะยากเย็นถึงเพียงนี้ ลองว่าถ้าเจ้าตัวเกิดไม่อยากฟังต่อให้พูดกรอกหูอยู่ทุกวันก็ไม่วันทำความเข้าใจ

   “นี่ที่ทำงานครับ อย่าทำให้ผมลำบากใจ”

   ปัถย์ผลักและปัดมือของเอรีสออก คนตัวเล็กกว่าขยับถอยห่างคิ้วเริ่มขมวดด้วยความไม่พอใจกับการทำตัวรุ่มร่ามของอีก
ฝ่าย นี่ก็กำลังสาดสงครามน้ำลายกันอยู่ เอรีสกลับทำให้มันกลายเป็นสงครามพิศวาสไปเสียดื้อๆ ไม่ว่าจะต่อต้านยังไงก็มีอันได้เปลืองเนื้อเปลืองตัวเข้าไปเสียทุกที

   “ก็คิดถึง ไม่ได้เหรอ ไม่เจอกันตั้งหลายวัน” ปากก็ว่าปากและมือก็ไวไม่ต่างกันเลย เอรีสที่พยายามจะจูบเสียให้ได้

   “ใช่เหรอครับ ผมว่าคุณคงไม่มีเวลามาคิดถึงผมหรอก ผมขอตัวมีงานที่ต้องทำต่ออีกเยอะเลยครับ”

   เพราะรู้ทั้งรู้ว่าเอรีสไปญี่ปุ่นกับใคร...



+++++++++
มันจะมีความสับสน...
ปัถย์นี่ทั้งอยากอยู่ ทั้งอยากไป
แม้จะอยู่แล้วเจ็บ แต่ปัถย์ก็เจ็บแบบสุขๆ อ่ะนะ


อันนี้เปิดใจเลยนะคะ
ถามว่าในโลกนี้มีเจ้านายงี่เง่า ที่ชอบเอาแต่ในไม่ฟังเหตุผล โนสนแดดสนลมมีไหม?????
บอกเลยว่ามีบางครั้งบอกเลยว่าอยากจะเดินไปซัดสักฉาดแล้วบอกว่า
เลิกเอาแต่ใจได้แล้ว 5555

ยังไงก็ฝากติดตามกันต่อนะคะ ก็จะพยายามให้มันกระชับมากขึ้น หลานคนอาจมองว่าวนไปวนมา ตัวเอกทั้งคู่ต่างก็ปากแข็งไม่พูดกันตรงๆ เสียดี

แต่อยากให้เข้าใจว่าทั้งคู่ต่องก็มีข้อเสีย แล้วก็เหตุผลที่ค้ำคออยู่
ไอ้ตัวเจ้านายก็เย่อหยิ่ง และเอาแต่ใจ

ส่วยปัถย์ก็รู้ว่าตัวเองไม่มีดีอะไรมาให้รัก เลยไม่คิดหวังว่าจะได้ใจ
ส่วนที่พลีกายไปนั้นก็มาจากที่คิดว่าก่อนจากก็ขอให้มีอะไรไว้จดจำ จะจำแบบเจ็บๆ หรือจำแบบสุขๆ ตัวเองก็พร้อมจะรับสภาพ



 :sad11: :m15:

หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH9 24/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 24-01-2018 15:49:48
คาราคาซัง อะไรเบอร์นี้
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH9 24/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: masochism2018 ที่ 24-01-2018 17:34:11
 เถียงกันอยู่ได้ อิบอสนี่เวรของแท้เลย  :katai4:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH9 24/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 24-01-2018 17:49:27
ยื่นใบลาออกไปเลย กับใครก้อตามเพราะเอรีสก้อต้องเคารพกฏหมายแรงงานนะ
ธีนี่ก้อร้ายใช่ไหม
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH9 24/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: sompong ที่ 24-01-2018 18:55:40
เขาจะรูไหม ว่า ปัตรักเอริสจะตาย อยากให้เอริสหยุดที่ปัด แต้เอริสก็มีเศษมีเลยอยู่เรื่อย
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH9 24/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 24-01-2018 19:04:08
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH9 24/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: Nick_June ที่ 24-01-2018 19:04:26
มาแล้ว อิออ ชอบๆ อิบอสขาเซ็ก
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH9 24/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 24-01-2018 19:17:39
เอรีสนี่ยังไง เกิดมาเพื่อเป็นกรรมเหรอ
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH9 24/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 24-01-2018 20:00:54
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH9 24/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: Jadd ที่ 24-01-2018 20:13:11
เอรีสเห็นแก่ตัวมากเลย จอมเอาแต่ใจ
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH9 24/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 24-01-2018 20:59:36
เหอๆ  ทำยังไงก็ไม่ให้ออก  กั๊ก  ชิส์
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH9 24/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 24-01-2018 21:28:36
คุณบอสก็ทำตัวไม่ดีแต่ก็งอแงจังเลย

และทำไมเราเริ่มระแวงธีแล้วเนี่ย ดูเหมือนปัถย์ต้องรับศึกหลายด้านแล้วล่ะตอนนี้
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH9 24/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 24-01-2018 23:35:28
เรื่องเจ้านายงี่เง่าเอาแต่ใจนี่ยอมรับว่ามีอยู่ค่ะ แต่แบบเอรีสนี่เหมือนเด็กหวงของมากกว่า
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH9 24/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 24-01-2018 23:48:50
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH9 24/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 25-01-2018 02:27:11
เขาให้พักร้อน ไม่ให้ออก หนูก็พักร้อนยาวไปเลยแล้วกัน  :hao3:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH9 24/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: ous_p ที่ 25-01-2018 16:02:24
มันก็จะหน่วงๆ
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH9 24/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 25-01-2018 22:31:03
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH10 1/2/61
เริ่มหัวข้อโดย: anin ที่ 01-02-2018 10:54:35
Chapter 10

   ตกเย็นแผนการกลับบ้านแต่หัววันของเขาก็มีอันพังทลายลง เพราะปัถย์จำต้องมานั่งกินข้าวเย็นเป็นเพื่อนเจ้านายที่ไม่มีทีท่าว่าจะอิ่มง่ายๆ เสียที แถมยังทำชิลนั่งจิบเบียร์ทั้งที่บ่นนักบ่นหนาว่าเหนื่อยมาตลอดทาง

   “กินสิ เอาแต่มองมันก็ไม่หมดสักที”

   “ผมไม่ค่อยหิวครับ” ปัถย์เขี่ยจานสเตกไปมา

   “ไม่อร่อยเหรอ เห็นปกติก็ชอบกินร้านนี้ ทำไมล่ะ ลองพาสต้าไหม” เอรีสทำท่าจะหยิบเมนูเพื่อสั่งอาหารให้อีกรอบ แต่การที่เอรีสทำตัวราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นยิ่งทำให้ปัถย์อารมณ์ไม่สู้ดีนัก

   “เอรีสครับ ผมว่าที่คุณทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้มันไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นหรอกนะครับ”

   “การที่นายดื้อดึงก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นเหมือนกัน”

   “คุณมีคุณคิมหันต์อยู่แล้วทั้งคน ไหนจะไปญี่ปุ่นมาด้วยกันมา อย่าทำให้อะไรๆ มันยากดีกว่า”

   “นายต้องแยกเรื่องนี้ออกจากกัน คิมเขาก็อยู่ส่วนเขา นายก็อยู่ส่วนนาย”

   “เห็นแก่ตัวนะครับ แบบนี้ไม่ดีกับใคร”

   “ฉันกับคิมไม่ได้มีอะไรลึกซึ้งมากมาย เราทั้งคู่ต่างก็รู้สถานะของกันและกันดี ถ้านายนึกระแวง ก็จะบอกว่าอย่าไปคิดมาก ฉันกับคิมเคลียกันแล้ว เรื่องของนายคิมก็รู้”

   ปัถย์ตกใจ ไม่คิดว่าเอรีสจะเอาเรื่องของคนทั้งคู่ไปพูดให้คนที่ตัวเองคัวอยู่ฟัง ถึงจะไม่ได้ข้ามขุ้นไปเป็นคนรักแต่ถ้าเขาเป็นคิมหันต์ก็คงพูดไม่ออกไปเหมือนกัน

   “คุณไม่ควรทำแบบนี้”

   เอรีสยักไหล่ ท่าทางแบบไม่แคร์อะไรยิ่งทำให้ปัถย์ปวดหัว

   “ฉันบอกกับคิมไปแล้วว่าฉันขอห่าง คิมเองก็เข้าใจ ก็อย่างที่นายรู้ฉันไม่ได้คบกับใครจริงจังจนถึงขั้นเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ กับคิมขีดเส้นสถานะเอาไว้ตั้งแต่แรกเราเข้าใจกันดีเขาก็ไม่ได้มารักหรือหวงฉันอย่างที่นายคิดหรอ ถ้านายห่วงเรื่องที่ฉันยังคิมอยู่ก็เลิกกังวลได้ ”

   “ผมก็ไม่ได้กังวลเสียหน่อย คุณเข้าใจผิดแล้วครับ”

   “ปากว่าเปล่า แต่หน้านายมันฟ้อง ทำไมล่ะ ฉันไม่ได้ห้ามนายหวงฉันสักหน่อย จะหึงก็ได้นะ อนุญาต”

   “ไม่ต้องมาอนุญาตผม ผมไม่ได้เรียกร้อง”

   “ไม่เรียกร้อง แต่ก็ยินดีจะให้”

   พูดกับเรีสก็เหมือนพายเรือในอ่าง วนไปวนมาไม่หยุด

   “จบเถอะครับ เราไม่ควรยือเยื้อ สิ้นเดือนนี้ผมก็ไปแล้ว ถึงตอนนั้นคุณอาจลืมว่ามีผมอยู่บนโลกนี้เสียด้วยซ้ำ

   “นายคิดว่าฉันลืมนายได้จริงเหรอ” เอรีสกอดอกแล้วขยับตัวกอดอกยื่นหน้ามาใกล้ปัถย์ยิ่งขึ้น แววตาระยิบระยับ
แพรวพราวโปรยเสน่ห์ที่มีอย่างเต็มที่ “ฉันไม่ลืมหรอกนะว่านายน่ารักขนาดไหนเวลาที่เรา...”

   “ผมนัดเวลาเรียกคนที่จะมาสัมภาษณ์งานมาแล้วคนหนึ่งพรุ่งนี้ จบจากมอ.ซี เกรียตินิยมอันดับหนึ่ง เคยทำงาน...” ปัถย์รีบขัดจังหวะ หาเรื่องงานขึ้นมาพูดเพื่อเบี่ยงประเด็น ใบหน้าขาวกลับแดงเรื่อเมื่ออีกฝ่ายจ้องจะพาดพิงถึงเรื่อง...

   “พอเลย ไม่คุยเรื่องงานตอนกินข้าว”

   เอรีสตัดบทฉับ ยกแก้วเบียร์เย็นเฉียบขึ้นจิบแบบสบายๆ

   “ปกติเราก็เราก็คุยเรื่องงานตลอด ทำไมเพิ่งมาคุยไม่ได้ตอนนี้ล่ะครับ”

   “แต่วันนี้ฉันเหนื่อย เรื่องงานไม่อยากคุย แต่ถ้าเป็นเรื่องส่วนตัวคุยได้ เรื่องของนายกับฉัน...”

   ปัถย์ทำได้เพียงกรอกตา แล้วเงียบปากลงเมื่อเอรีสเฉไฉจนเขาไปต่อไม่ถูก

   “เอรีส” ปัถย์ลากเสียงด้วยความไม่พอใจ

   “ว่าไง หืม?” ดวงตาคมกล้ามองตรงๆ กลับมา “อยากพูดอะไรพูดเลย”

   เอาเข้าจริงปัถย์ก็ไม่กล้าพูดอะไร แม้ถ้อยคำมากมายมันติดอยู่เพียงแค่ริมฝีปาก เขาอยากบอกกับเอรีสไปตรงๆ ว่าเขารักอีกฝ่ายมากขนาดไหน อยากบอกว่าทั้งหวงและห่วงอีกฝ่ายจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ พอได้รู้ว่าเอรีสไปญี่ปุ่นกับคิมหันต์หัวใจเขาก็เหมือนโดนเหยียบโดนย่ำ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันเจ็บนะ แต่เขาก็ทำได้แค่ปล่อยให้มันเป็นไป

   “เลิกคิดเรื่องคนอื่น ก็บอกไปแล้วไง ว่ากับคิมจบไปแล้วจะไม่มีความสัมพันธือะไรกับคิมอีกนอกจากรุ่นน้องที่รู้จัก จะไม่มีเซ็กส์หรือมินิเซ็กส์ให้นายต้องมาเป็นห่วงแน่ๆ แล้วเรื่องที่ต้องไปญี่ปุ่นด้วยก็เพราะมีธุระต้องไปจริงๆ ส่วนคิมก็ต้องไปถ่ายแบบไม่ใช่ว่านัดไปเที่ยวด้วยกันหรอกนะ พอถึงโน่นต่างคนก็ต่างแยกย้ายไปทำงาน นี่รีบเคลียธุระแล้วก็รีบกลับมาเลย อ้อ...แล้วฉันไม่ได้พักกับคิมด้วย เรื่องที่จะไปมีอะไรกันลับหลังก็ลืมไปได้เลย นายก็รู้ใช่ไหมว่าคนอย่างฉันไม่จำเป็นต้องโกหก”

   “…”

   ผมรับฟัง แต่ไม่กล้าสบตา กลัวว่าความอ่อนแอที่อัดแน่นอยู่ข้างในจะทะลักทลายออกมาเพียงคำพูดจี้ใจดำของเขา

   “ปัถย์” เอรีสเรียกด้วยน้ำเสียงจริงจัง จนคนตรงหน้าจำต้องมองกลับไปเพื่อขานรับ “ลืมเรื่องคิมซะ ไม่มีอะไรที่นายต้องกังวล ตอนนี้ถ้าอยากจะคิดก็คิดแค่เรื่องฉันก็พอ แล้วก็กินจานให้หมด นายดูซูบๆ ไป เบียร์ด้วยไหมจะได้เจริญอาหาร” บอสหนุ่มพูดกึ่งสั่งกึ่งเอาใจ

   ปัถย์ทำตามง่ายๆ แต่ก็ใคร่ครวญอย่างหนักว่าควรเชื่อสิ่งที่เอรีสพูดดีไหม มันก็จริงว่าเอรีสไม่จำเป็นต้องโกหก

   “ถ้ากินข้าวเสร็จแล้วไปส่งหน่อยนะ ขี้เกียจขับรถ เหนื่อยมากเลยวันนี้” มันเป็นคำสั่งแบบออดอ้อน ที่จริงแล้วปัถย์ก็ขับรถไปส่งเขาทุกครั้งไม่เห็นจะต้องพูดให้มากความ

   “ครับ”




   มันไม่ใช่แค่ขับรถไปส่ง

   เผลอแป๊บเดียวปัถย์ก็ตกบ่วงเจ้าเล่ห์ของผู้ชายที่มีประสบการ์เรื่องลากคนขึ้นเตียงเก่งฉกาจอย่างหาตัวจับยาก

   เสียงอื้ออึงของผิวเนื่อที่กระทบกันในจังหวะเร่งเร้าแข่งกับเสียงครางในลำคอ ปัถย์ที่คุกเข่าคว่ำหน้าอยู่โยกกายต้านสัมผัสดุดันที่ขวบขับอยู่เนื้อร่าง แก่นกายหนาแทรกผ่านช่องทางอ่อนนุ่มร้อนระอุ ช่องทางรักตอดรัดตุบๆ ราวกับเชิญชวนยิ่งกระตุ้นอารมณ์ดิบเถื่อนให้ยิ่งลุกโชนกว่าครั้งไหนๆ

   แผ่นหลังขาวมีกล้ามเนื้อพอประมาณโก่งตัวตามธรรมชาติเมื่อความต้องการภายในกายพุ่งสูงจนอยากจะปิดกั้น มือของเอรีสจับสะโพกของปัถย์ไว้ยามถอนตัวออกเกือบสุด พร้อมกันก็เกร็งฝ่ามือรั้งบั้นท้ายของปัถย์เข้ามาพร้อมแทรกเสยเน้นๆ สุดความยาว อีกฝ่ายเปล่งเสียงในลำคอเป็นเชิงประท้วง เข่าที่วางลงบนเตียงนุ่มขยับล่นไปหลายคืบเมื่อคนด้านหลังออกแรงแบบไม่ยั้ง เพียงไม่นานคนทั่งคู่ที่ยืนอยู่ค่อนไปทางปลายเตียงร่นถอยไปจนหัวของคนใต้ร่างเกือบจะชนกับผนังอยู่รอมร่อ หากว่าฝ่ามือหนาไม่ยกมือขึ้นดันหัวเตียงไว้เสียก่อน

   “อ่ะ... อ่าห์”

   ปัถย์ครวญเสียงสั่น มือข้างหนึ่งเท้าไปที่หัวเตียงและขืนตัวออกน้อยๆ เมื่ออีกฝ่ายกระแทกแก่นกายตลอดความยาวจนเขาตัวสั่นตัวคลอน เอรีสทำราวกับว่าตายอดตายอยากมาแรมปี ในครั้งแรกเอรีสไม่ได้ส่งผ่านเรี่ยวแรงมาหนักหน่วงขนาดนี้ แม้จะเร่าร้อนดุเดือดแต่ก็ไม่ได้ดูหื่นกระกายอย่างที่กำลังเป็นอยู่

   “เบาหน่อย...เอรีส อะ อ่าห์ เดี่ยวครับ”

   ปัถย์ร้องเสียงหลงเมื่อเอรีสบบดสะโพกโดนจุดอ่อนไหวในกายของที่อยู่ใต้ร่าง แต่แทนที่เมื่อได้ยินเสียงร้องขอเอรีสกลับยิ่งทำเหมือนแกล้ง เขาถอนตัวเพียงครึ่ง และดันหนักๆ กลับเข้าไปในจังหวะถี่ระรัว เสียงผ้าปูที่ถูกเสียดสีและเสียงช่องทางรักที่ถึกเสือกกายซ้ำๆ ดังคละกันไป

   “อืม ดีมากเลยปัถย์” ใบหน้าหล่อกับผมที่ปรกลงมากระซิบเสียงพร่าที่ข้างหู “ข้างในนี้ร้อนเป็นบ้าเลย อ่า รัดฉันจนแน่นเสียด้วย”

   เอรีสไม่พูดเปล่าเจ้าตัวเค้นฝ่ามือที่ก้นขาวมือหนึ่ง ส่วนอีกมือกดแผ่นหลังลงจนสะโพกขยับยกขึ้นเพื่อรับแรงกระหน่ำซ้ำๆ อย่างยั่วใจ เอรีสรั้งใบหน้าแดงเรื่อของปัถย์เพื่อรับจุมพิตแผดเผาไปด้วยระหว่างผลักดัน รสชาติผ่านเรียวลิ้นหวานล้ำจนคนทั้งคู่ต่างครางพร่าในลำคอเพราะถูกอกถูกใจ

   นานเท่านานกว่าพายุอารมณ์จะสิ้นสุดลง ถึงตอนนั้นคนทั้งคู่ต่างหอบหายใจด้วยความอิ่มเอมและเหนื่อยอ่อนในคราเดียว


++++++++++


   “ค้างนี่นะ” เอรีสลูบหลังคนในอ้อมกอด กดใบหน้าซุกกับแก้มขาวไปมาเหมือนแมวขี้อ้อนต่างกันลิบลับกับเวลาที่ทำงาน

   ปัถย์ที่โดนนัวเนียอ่อนโยนแบบนั้นก็ถึงกับหลับตา หวังซึมซับความรู้สึกดีๆ ที่มีให้ไว้กับตัวให้นานที่สุด แต่ก็ต้องแข็งใจปฏิเสธแม้จะเพลียแสนเพลียก็ตาม

   “ผมต้องกลับครับ พรุ่งนี้มีประชุมเช้า” ปัถย์ตอบแม้จะรู้สึกง่วงงุนเกินกว่าจะขยับตัว

   “งั้นยิ่งต้องค้างจะได้ไปพร้อมกันไง ไม่สายหรอก” เอรีสไล้มือไปที่หน้าท้อง และหอมแก้มเบาๆ ดวงตาที่มองบอกได้ว่าหลงใหลคนๆ นี้อย่างถอนตัวไม่ขึ้น

   “เสื้อผ้าไม่มีเปลี่ยนครับ ยังไงก็ต้องกลับ” ปัถย์ดันหน้าที่ถูกไรเคราถูออก นึกจั๊กจี้จนต้องย่นคอ

   “อย่ากลับเลย” เอรีสรัดเอวสอบไว้แน่น และเล็มติ่งหูขาว จูบต้นคอไล่ไปจนถึงหัวไหล่แกร่ง ก้มลงแตะริมฝีปากหนักๆ “ดึกแล้ว ขับรถไปส่งไม่ไหว เหนื่อยจนหมดแรงแล้ว”

   ก็นะ... ไม่ให้หมดแรงได้ยังไง ในเมื่อโหมกระหน่ำเป็นวัวบ้าซะขนาดนั้น นี่เขาเองก็รู้สึกเคล็ดขัดยอกไปหมดแล้ว

   “ผมกลับเองได้ครับ ปกติก็ขับเอง คุณเหนื่อยก็พักเถอะครับ”

   “งั้นต่อไปจะขับให้ ดีไหม” เอรีสเสนอด้วยน้ำเสียงอ้อน ซุกต้นคออีกฝ่ายแล้วพึมพำบอกเสียงนุ่มหู

   “คุณขับรถใจร้อน ยิ่งตอนรถติดไม่ได้หรอกครับ ขับรถเองทีไรได้ใบสั่งมาตลอด ไม่ปาดเส้นทึบก็ฝ่าไฟแดง”

   “นั่งไปด้วยกันจะได้คอยปรามไง”

   “เคยปรามคุณได้เหรอครับ ใจร้อนอย่างกับอะไร”

   “ก็ไม่เคยมีใครเตือน บางทีก็เผลอๆ ไปบ้าง”

   “เผลอหรือเป็นนิสัยครับ”

   “นิสัยแบบเผลอๆ ไง” เอรีสพึมำพ เกยคางกับยบ่าอีกฝ่ายแล้วหลับตานิ่งๆ จนปัถย์ต้องหันไปมองจึงเห็นเขาทำท่าจะเคลิ้มหลับอยู่รอมล่อ

   “คุณพักผ่อนนะครับ ผมจะไปแล้ว” พูดไปก็พยายามจะขยับตัวออก แต่มือเจ้ากรรมก็แน่นเหนียวยิ่งกว่ามือตุ๊กแก “เอรีสครับ ปล่อยก่อนครับ”

   “อื้อ....” เสียงครางในลำคอขานรับแต่ดวงตากลับปิดสนิท

   “ปล่อยนะครับ” ปัถย์ดึงแขนเขาให้หยุดการควบคุมออก แต่จนแล้วจนรอดคนที่ตัวใหญ่กว่าก็ยังคงรัดเขาแน่นจนกระดิกกระเดี่ยไม่ได้

   “…”

   “เอรีส!”

   ปัถย์เรียกอย่างอ่อนใจ เพราะคนที่กอดเขาจากด้านหลังทำท่าว่าจะหลับไปเสียแล้ว เจ้าตัวเผลอถอนใจออกมาเฮือกใหญ่ แล้วก็เป็นฝ่ายยกธงขาวยอมแพ้และทำท่าว่าจะเคลิ้มหลับไปเช่นกัน

   เมื่อคนตัวบางในอ้อมกอดลดท่าทีต่อต้านลง เอรีสก็หรี่ตามองและรอยยิ้มแพรวพราวเจ้าเล่ห์แตะแต้มตรงมุมปาก บางทีปัถย์ก็ดื้อจนน่าตี แต่ถ้าเทียบชั้นกับเขาแล้วก็คงเรียกได้ว่าห่างกันอยู่อีกหลายขุม

   “โอ้ย ทำไมปิดเสียงนาฬิกาผมล่ะครับ สายขนาดนี้แล้ว”

   ปัถย์ที่ทั้งโวยเมื่อตื่นขึ้นมาแล้วเห็นว่าเป็นเวลลาเจ็ดโมงครึ่งแล้ว แถมตอนนี้คนที่ต้องเข้าประชุมตอนเก้าโมงทั้งคู้ยังนอนเปลือยอยู่บนเตียง ปกติเขาก็ปลุกนาฬิกาโทรศัพท์อยู่ที่เวลาหกโมงเช้า แต่นี่มันคงดังแล้วมีมือดีปิดเสียงจนทำให้ตื่นนอนสายโด่งเป็นประวัติการขนาดนี้

   “อืมมม ตื่นแล้วน่า อีกแป๊บเดียว” เอรีสนอนคว่ำหน้าหนีแสงสว่างจากด้านนอกที่ส่องรำไรเข้ามา

   “ไม่ทันแล้วครับ ตื่นเลยบอส นี่ปาเข้าไปมันเจ็ดโมงครึ่ง วันนี้เรามีประชุม สายไม่ได้นะครับ”

   “ห้านาที นายไปอาบน้ำก่อนเลย” เสียงงึมงำดังผ่านหมอนที่เขาซุกอยู่ออกมา

   ปัถย์ทำสีหน้าขัดใจเมื่อคนบนเตียงยังดูใจเย็นอยู่ได้








มีต่อด้านล่างค่ะ}}}}}}}
   
   
   
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH10 1/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: anin ที่ 01-02-2018 10:55:55
ต่อค่ะ
>>>>>>>>>


“สวัสดีครับ ผมฐิติ นนทวานิชครับ”

   ภายในห้องประชุมเล็กที่ปัถย์เลือกเรียกผู้สัมภาษณ์งานเข้ามาพูดคุย เมื่อเห็นคนตรงหน้าสิ่งแรกที่ปัถย์รู้สึกคือผู้ชายคนนี้หน้าตาดี บุคคลิกการแต่งตัวถือได้ว่าสุภาพเรียบร้อยและมีรสนิยมแต่ไม่ถึงขั้นสำอางเกินพอดี จากประวัติบอกว่าผู้สมัครคนนี้อายุยี่สิบแปดแต่ดูๆ ไปแล้วกลับดูอ่อนกว่าวัยเหมือนเพิ่งเรียนจบใหม่

   “สวัสดีครับ ผมขอแนะนำตัวนะครับผมปัถย์ เป็นผู้ช่วยของประธานบริหาร หลังจากที่ได้อ่านเอกสารสมัครงานของคุณกับพอร์ตแล้วในเบื้องต้นก็ต้องยอมรับว่าน่าสนใจมากทีเดียว ผมขอสัมภาษณ์คุณในเบื้องต้นก่อนแล้วจะนัดวันสัมภาษณ์ผู้บริหารอีกครั้งนะครับ”

   “ยินดีครับ”

   “คุณฐิติช่วยเล่าประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมาของคุณให้ผมฟังหน่อยครับ”

   “ผมจบจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาโยธส มหาวิทยาลัยซีครับ หลังเรียนจบก็ทำงานกับบริษัทขนาดกลางประมาณสองปี แล้วย้ายมาทำกับบริษัทเอสพีคอนสตรัคชั่นในตำแหน่งผู้ช่าวผู้บริหารประจำภาคพื้นเอเชีย ทำอยู่อีกสามปีครับ ตอนหลังไปเรียตต่อปริญญาโทที่อเมริกาสาขาบริหารเพิ่งจบครับ”

   “เรียนจบแล้วไม่คิดกลับไปทำที่ บริษัทเอสพีคอนสตรัคชั่นเป็นบริษัทใหญ่มั่นคง จากโพรไฟร์ผลงานเขาน่าจะยินดีต้อนรับคุณกลับไปแน่ๆ”

   “ผมอยากหาประสบการณ์ใหม่ครับ ที่นั่นผมเรียนรู้งานมามากพอสมควร จังหวะดีผมได้ยินมาว่าที่นี่เปิดรับในตำแหน่งผู้ช่วยประธานกรรมการบริษัท ผมเลยสนใจมาก เคยได้ยินชื่อเสียงและโปรเจคน่าสนใจต่างๆ ของที่นี่เลยอยากเป็นส่วนหนึ่งในองกรครับ”

   ปัถย์อ่านเอกสารหน้าต่อไปเรื่อยๆ

   “คุณเคยทำงานภาคสนามด้วยเหรอครับ เป็นยังไงบ้างครับ”

   “งานภาคสนามท้าทายดีครับ ผมเคยเป็นวิศวกรโครงการอยู่หนึ่งปี ตอนจบใหม่น่ะครับ แล้วก็โยกไปทำฝ่ายประสานงานโครงการ ก่อนที่ผมจะได้งานที่เอสพีคอนสตรัคชั่น”

   “คุณมีทัศนคติในการทำงานยังไงบ้างครับ”

   “งานที่ไม่มีปัญหาไม่ใช่งานครับ... เพราะเท่าที่ผ่านมาขนาดงานง่ายๆ ก็มักจะมีเหตุสุดวิสัยเกิดขึ้นตลอด บางทีอาจจากคน เครื่องจักร หรือแม้กระทั่งวัสดุที่ใช้ แต่สิ่งสำคัญคือเราจัดการกับปัญหาได้ตรงจุดหรือเปล่า ถ้าเราสู้กับมันได้ เราก็ประสบความสำเร็จในการทำงาน”

   “แล้วถ้าบริษัทขอให้คุณทำงานที่ไม่ใช่งานในหน้าที่หลักของคุณล่ะครับ คุณคิดเห็นว่ายังไง”

   “ถ้าเป็นงานบริษัทผมก็ต้องทำ ผมเองไม่เกี่ยงงานหรือเกี่ยงวิธีการทำงาน”

   “งานที่นี่ค่อนข้างโหลดนะครับ ยิ่งทำงานกับเจ้านายผมยิ่งมีความกดดันมากกว่าตำแหน่งอื่นๆ คุณทนแรงกดดันได้ไหม บางครั้งอาจมีเหตุผลที่คุณรับไม่ได้ มันค้านกับแนวทางการทำงานที่ีคุณมีคุณจะทำยังไง”

   “ผมไม่มีปัญหาเรื่องสภาวะแรงกดดัน ผมทำงานตามหน้าที่เรื่องเหตุผลเป็นส่วนหนึ่งแต่ถ้างานเสร็จบรรลุตามเป้าหมายอย่างที่บอกผมไม่เกี่ยงวิธีการ”

   ปัถย์ฟังในทุกๆ คำพูด บอกได้เลยว่าฐิติคนนี้น่าจะเหมาะกับเอรีส เพราะดูไม่ใช่คนกลัวคน แต่ก็ดูประนีประนอมและสุภาพ ในวงการธุรกิจก่อสร้างมีการแข่งขันสูง แม้โครงการหลายโครงการเบอร์ตันกรุ๊ปจะเป็นเจ้าของเอง แต่กว่าครึ่งก็ต้องประมูลแข่งสู้มาซึ่งไม่ง่ายเลยที่จะทำให้บริษัทได้รับเลือกในการประมูล ดังนั้นคนที่จะทำงานให้เอรีสจะต้องจัดเจนและไม่หน้าบางที่จะทำงานให้ผู้เป็นเจ้านาย

   “ในตำแหน่งที่เราเปิดรับ สโคปงานรวมถึงเรื่องดูแลตารางชีวิตประจำวันของเจ้านายผมด้วยนะครับ ซึ่งบางครั้งก็กินเวลาส่วนตัว หรืออาจมีงานในวันหยุด แรกๆ คุณอาจพอทนได้แต่ถ้านานๆ ไปคุณอาจจะรู้สึกว่ามันเยอะก็ได้”

   “ผมไม่ติดขัดเรื่องนั้นครับ ผมชอบทำงานซึ่งก็แปลว่าเป็นงานทุกรูปแบบแล้วผมก็ไม่ใช่คนที่เกี่ยงงานหรือรักสบายถ้าที่นี่ให้โอกาสผมก็จะพยายามทำให้เต็มที่ครับ”

   ปัถย์พูดคุยรายละเอียดต่างๆ มากมากับผู้เข้าสัมภาษณ์อยู่ราวสามสิบนาที และตัดสินใจว่าเอรีสควรได้คุยกับใครคนนี้ คนที่อาจได้มาทำงานแทนเขา



+++++++++

   ร่างชายหนุ่มสองคนที่เพิ่งผละจากกันเนื้อตัวฉ่ำชื้นด้วยเงื่อระยับกำลังหายใจหอบหนักๆ ร่างกายส่วนล่างที่เคยแนบชิดขยับห่างและทิ้งกายลงบนที่นอน คนตัวเล็กหยัดกายขึ้นบนอกแกร่งใช้ริมฝีปากแตะลงบนยอดอกเบาๆ หยอกเย้าอีกฝ่ายที่กำลังอิ่มเอมในรสรักที่เพิ่งจบสิ้นไป

   “ผมได้ข้อมูลงานประมูลโครงคอมเพล็กบนเกาะส่วนตัวเรียบร้อยแล้วนะครับ จะรีบจัดการส่งทุกอย่างให้ได้อย่างช้าก็พรุ่งนี้ แต่ข้อมูลบางอย่างยังเป็นความลับอยู่ถ้าได้เพิ่มมาเมื่อไรผมจะรีบบอกคุณ” คนตัวเล็กลูลแผงอบที่ตนซบเบาๆ

   ผู้ที่สนทนากำลังพูดถึงโครงการกาสิโนสุดหรู รูปแบบคอมเพล็กซ์บนเกาะส่วนตัวที่ตั้งอยู่ในน่านน้ำทะเลของประเทศเพื่อนบ้าน หนึ่งในเจ้าของเป็นผู้มีอำนาจในประเทศและมหาเศรษฐีจากดินแดนผู้ดีและรัฐบาลของประเทศเพื่อนบ้านที่จับมือกันก่อตั้งธุรกิจสีเทานี้ขึ้นมา ซึ่งโครงการนี้มูลค่างานนั้นระดับหมื่นล้านและหลายๆ บริษัทก็ต่างอยากจะได้งานกันทั้งนั้น

   “อืมดีเลย ผมไปคุยเรื่องร่วมทุนกับบริษัทหนึ่งไว้แล้ว ทางนั้นก็ยินดีจะให้ส่วนแบ่งสิบเปอร์ของมูลค่างาน คราวนี้ทั้งคุณกับผมเราจะได้คุยกันเรื่องอนาคตของเราสักที”

   “ผมไม่มีวันยอมให้พลาดแน่ๆ ครับ คุณวางใจได้ ถ้าผมรับปากแล้วไม่มีทางให้คุณผิดหวัง”

   “ผมฝากความหวังไว้ที่คุณนะ ฮึ! จะรอดูความฉิบหายของคนอย่างมัน อยากจะรู้ว่าเวลาที่มันไม่เหลืออะไรมันจะยังมีน้ำหน้าอวดเก่งอยู่ไหม ถึงวันนั้นผมจะกระทืบมันซ้ำให้แหลกคาเท้า จะรอสมน้ำหน้าเวลาที่มันล้มเหลวของมัน ให้เหมือนกับที่มันเคยทำกับผมไว้”

   “แต่ตอนนี้ตอนนี้ผู้ช่วยคนเก่าเขายังอยู่ รายนั้นเห็นนิ่งๆ ไม่ค่อยพูดแต่หูตาเป็นสัปปะรด แถมเคี้ยวมากรู้ทุกอย่างรักษาผมประโยชน์ให้ทุกอย่าง จะทำอะไรก็ไม่ค่อยถนัด ทำอะไรก็ยากไปหมด” คนร่างเล็กถอนใจขณะบ่น

   “อีกไม่กี่วันก็จะออกแล้วนี่ ถึงตอนนั้นคุณก็คงทำอะไรๆ ได้ง่ายขึ้น แต่ตอนนี้ก็อย่าเพิ่งกระโตกกระตาก คนเล่ห์เหลี่ยมอย่างมันคงไม่ยอมให้เราล้วงลูกมาได้ง่ายๆ หรอก จะทำอะไรก็ต้องดูหน้าดูหลังให้ดี ผมไม่อยากพลาด ระวังตัวไว้หน่อยอย่าให้มันระแคะระคายเรื่องของเราเด็ดขาด”

   “ผมจะระวังตัว ไม่ให้ใครจับได้ง่ายๆ แน่ ว่าแต่คุณกับคนนั้นละ ไม่ได้คิดอะไรกันเกินเลยจริงๆ ใช่ไหมครับ”

   คนถามน้ำเสียงติดจะหงุดหงิด ไม่ชอบสักนิดที่อีกฝ่ายเอาตัวไปพัวพันกับคนอื่น แม้จะเป็นเรื่องของผลประโยชน์เขาก็ไม่ชอบ ไม่ชอบเอามากๆ ก็เขาทั้งรักทั้งหวง ทุ่มเททุกอย่างให้ผู้ชายคนนี้ ยอมทิ้งอนาคตส่วนตัวเพื่อทำให้อีกฝ่ายพอใจ ทำทุกอย่างโดยไม่คิดถึงผิดชอบชั่วดีแค่ให้อีกฝ่ายพอใจเป็นพอ

   “ผมมีคุณอยู่ทั้งคน จะให้ไปจริงจังกับคนอื่นได้ยังไง คุณก็รู้ว่าที่ผมต้องตีสนิทด้วยก็เพื่อผลประโยชน์ทั้งนั้น ไม่ใช่ความรักเหมือนที่ผมมีกับคุณที่ทั้งรักทั้งห่วง นี่ก็หลงจะตายอยู่แล้ว ไม่เจอกันแค่สองวันผมก็คิดถึงจะเป็นบ้า” คนตัวสูงส่งเสียงอ้อนเอาใจ หอมแก้มฟอดใหญ่แล้วคลอเคลียไม่ห่าง

   “อย่ามาปากหวาน ผมไม่อยากโดนคุณหลอกซ้ำซาก พูดแบบนี้มากี่ครั้งแต่คุณก็หาเศษหาเลยกับคนโน้นคนนี้ตลอด อย่าให้ผมรู้นะว่าคุณนอกใจผมอีก ครั้งนี้ผมไม่ใจดีนะ ผมจะจัดการทั้งคุณกับชู้รักของคุณให้สาสม ถึงผมจะดีกับคุณให้อภัยคุณแต่กับคนอื่นผมเอาตาย” เสียงที่แน่วแน่ข่มขู่มาอีกระรอก ซึ่งหากฟังดีๆ มันไม่ใช่คำพูดขู่เล่นๆ

   “โอ๋ๆๆๆ มามะคนดี อย่างอนนะครับ ผมรักคุณคนเดียวไม่ว่าใครก็เทียบกับคุณไม่ได้หรอก อย่าอารมณ์เสียด้วยเรื่องไร้สาระพวกนั้นเลย ผมกอดคุณอยู่นี่ไง น่านะไม่งอน ดูสิหน้าบึ้งคิ้วขมวดหมดแล้ว แก้มก็ป่องอีก ดูปากนี่สิ โหยขี้เหร่นะเวลาโกรธเนี่ย”

   “ยังจะมาว่ากันอีก คุณนี่! เดี๋ยวเหอะ ผมไม่งอน แต่ผมไม่ชอบใจ กับคนนั้นผมรู้หรอกว่าคุณก็อยากลากขึ้นเตียงด้วยใจจะขาด อยากลองของใหม่ล่ะสิ ฮึ! ติดว่าเขาเล่นตัวใช่ไหมล่ะ คุณถึงยังไม่ได้แอ้มน่ะ”

   “ต่อให้อ่อยผมก็ไม่สน ผมมีคนที่ถูกใจอยู่ ดูสิแฟนผมคนนี้ทั้งน่ารักทั้งแสนดี คนอื่นก็แค่ของข้างทาง เทียบกันไม่ได้หรอก” คนร่างสูงยิ้มยั่วแล้วจูบหนักๆ ลงไปเพื่อยืนยันคำพูดทำให้คนที่กำลังแง่งอนถึงกับตัวอ่อนเพราะคารมหวานๆ

   “ให้มันจริงเถอะ”

   “จริงสิคนดี ไว้อะไรๆ ลงตัวแล้วคุณย้ายมาอยู่กับผมนะ จะได้ไม่ต้องคิดถึงคุณขนาดนี้”

   “อย่าหลอกนะครับ เดี๋ยวก็ผลัดวันไปอีก หลอกไปเรื่อยๆ ผมก็น้อยใจเป็นนะ” คนตัวเล็กเงยหน้าไปมองน้ำเสียงกระเง้ากระงอดใส่อีกฝ่าย

   “งานสำเร็จเมื่อไรเราก็ได้อยู่ด้วยกันครับ อดทนหน่อยนะคนดี ผมรักคุณนะครับ”
   









{เอรีส}

   เมื่อเห็นปัถย์พาผู้ชายตัวเล็กคนหนึ่งเข้ามาในห้องแถมยังแนะนำให้เป็นตุเป็นตะว่านี่คือผู้ช่วยคนใหม่ที่รับเข้ามาทำหน้าที่แทน ผมก็ถึงกับพูดไม่ออก

   ไอ้ที่ว่าโกรธมันก็แสดงออกมาไม่ได้ เพราะช่วงหลังมานี้ทั้งผมกับปัถย์ต่างก็มีเรื่องต้องโมโหโต้เถียงกันแทบจะตลอดเวลา หาเวลาที่จะคุยเล่ยหยอกล้อกันเหมือนวันเก่าๆ ก็แทบจะไม่มี สิ่งที่ผมทำได้คือนิ่งเงียบ และปล่อยให้ปัถย์เล่นบทบาทคนเจ้ากี้เจ้าการไปตามที่อีกฝ่ายต้องการ ทั้งที่อยากโวยใส่อีกฝ่ายแทบใจจะขาดแต่ก็ไม่อยากทำต่อหน้าบุคคลที่สาม เพราะผมไม่อยากให้ปัถย์รู้สึกเสียหน้า

   ในเมื่อผมให้สิทธิ์ขาดในเรื่องงานกับปัถย์ และผมก็เชื่อว่าถ้าปัถย์บอกว่าคนนี้มีคุณสมบัติเพียงพอแสดงว่าคนนี้ก็ดีพอจริงๆ ผมเชื่อมั่นในตัวผู้ช่วยของผมอย่างไร้ข้อกังขา สามสี่วันมานี้ผมเห็นปัถย์พยายามส่งมอบงานของตัวเองให้คนใหม่ พาเข้ามาใกล้ผม ทำความรู้จักกับผม ซึ่งหากเป็นด้วยเรื่องงานผมก็ยอมปล่อยไป เพียงแต่ผมไม่พอใจเท่าไรที่ดูเหมือนเจ้าตัวจงใจอยากจะหาคนมาแทนที่ของตัวเอง ซึ่งสำหรับผมแล้วไม่มีใครแทนที่ปัถย์ได้

   เพราะกับปัถย์แล้วเขาไม่ใช่แค่ผู้ช่วยหรือลูกน้องอีกต่อไป

   “นี่ครับบอส ราคาต้นทุนทั้งหมดที่ผมรวบรวมจากฝ่ายคอสมาให้ วัสดุ แรงงานและก็ค่าดำเนินการในทุกส่วน บอสลองดูก่อน”

   ปัถย์ยื่นแฟ้มเอกสารสำคัญให้ผม ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ผู้ช่วยคนเก่่งของผมจะทำการบ้านของงานประมูลมาให้ ผมแค่ดูตัวเลขและคิดกำไรไว้ในใจว่าต้องการกี่เปอร์เซ็น ที่เหลือปัถย์จะจัดการเอาไว้ให้หมด

   “ขอบใจมาก นายว่า... งานนี้เป็นยังไง น่าสนใจหรือเปล่า”

   ผมถามเขาอย่างเคย ทุกงานที่ผมเข้าร่วมประมูลผมจะลองซาวด์เสียงเอาจากคนข้างๆ ตัวนี่ล่ะ ที่ถามก็เพราะปัถย์มีวิสัยทัศน์การทำงานที่ดี บางครั้งผู้บริหารอย่างผมอาจดูแค่เรื่องตัวเลขแล้วก็เม็ดเงินที่จะได้ แต่บางทีก็หลงลืมอะไรไปในหลายๆ อย่างก็มีเขาคนนี้นี่ล่ะที่กระตุ้นบางอย่างให้ผมได้ดีทีเดียว

   “เป็นโปรเจคน่าสนใจครับ เงินถึง ไม่น่าจะเบิกโปรเกสยากเพราะโอนเนอร์เป็นเศษรฐีน้ำมัน แถมมีแบคเป็นถึงรัฐบาลท้องถิ่นไหนจะทางฝั่งเราด้วย” ปัถย์บอกนิ่งๆ แต่สายตาดูมีบางอย่าง

   “แล้วอย่างอื่นล่ะ”

   “ธุรกิจสีเทาครับ...”

   “อือฮึ” ผมครางรับในลำคอ แล้วรอว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรต่อไป

   “เงินที่ได้มามันไม่สะอาดร้อยเปอร์เซ็น แม้เงินที่มาลงทุนอาจจะเป็นเงินบริสุทธิ์ แต่พอมันเสร็จก็จะกลายเป็นดึงเอาเงินสกปรกมาต่อยอดให้ยิ่งสกปรกมากขึ้น แต่นี่เป็นความเห็นส่วนตัวผมนะครับ บอสไม่ต้องฟังผมก็ได้”

   “ต้องฟังสิ พูดต่อ”

   “ไม่มีอะไรจะพูดแล้วครับ บอสอยากฟังอะไร?” ปัถย์ถามเสียงเอื่อย ขยับแว่นตาให้เข้าที่เล็กน้อย ดูแล้วน่ามัรเขี้ยวพิลึกอยากจะเดินไปดึงตัวแล้วหอมสักฟอดใหญ่ก็กลับเจ้าตัวจะโกธรกลับมาให้อีก ช่วงนี้ยิ่งอะไรๆ ก็ดูไม่ลงรอยกันสักเท่าไรด้วย คุยอะไรกันมีอันต้องมีปากเสียง เฮ้อ!

   “อยากรู้ว่าจะรับงานนี้ดีไหม นายว่าไง”

   “ผมตัดสินใจแทนบอสไม่ได้หรอก ผมแค่พูดในส่วนของผม”

   “อืม ก็อยากฟังส่วนของนายไง”

   “ถ้าเลือกได้ผมจะไม่ทำครับ ก็ไม่ได้เป็นคนดีอะไรขนาดนั้นแต่มันก็รู้สึกว่าเราสนับสนุนให้คนถูกมอมเมา แต่ก็นะครับไม่มีใครไปบังคับนี่อยากไปกันเองทั้งนั้น ที่ผมพูดนี่อารมณ์ล้วนๆ”

   “ก็ถ้านายบอกว่าไม่ควรรับ ฉันก็ไม่รับนะงานนี้”

   “อย่าครับอย่า แบบนั้นไม่ดีหรอก ผมแค่พูดด้วยความรู้สึก บอสอย่ามาคล้อยตามง่ายๆ สิครับ การตัดสินใจเด็ดขาดมันขึ้นอยู่กับบอส ต้องเอาผลประโยชน์บริษัทเป็นที่ตั้งไม่ใช่คำพูดลูกน้องอย่างผม”

   “นายพูดอะไรฉันก็คล้อยตามทั้งนั้นล่ะ แล้วนายก็ไม่ใช่แค่ลูกน้อง”

   ผมพูดออกไปแล้วก็ได้รับสีหน้าแดงๆ ที่ดูสัยสนกลับมาแทน บางครั้งการที่ผมพูดอะไรไปตรงๆ แบบไม่ผ่านสมองมันก็ให้ความรู้สึกดีเหมือนกัน

   “ไม่คุยแล้วครับ”

   “รีบไปไหนล่ะ คุยก่อน” ผมรั้งมือปัถย์ไว้ เผลอยิ้มออกมาเมื่ออีกฝ่ายดูเขินๆ

   “เรื่องงานนะครับ” คนตรงหน้าแย้งออกมา แล้วพูดเสียงเข้มงวด

   “ถ้าอยากคุยเรื่องงานก็จะคุยเรื่องงาน ดีไหม”

   “ครับ?” ปัถย์มองผมแล้วรอว่าผมจะพูดอะไร

   “ฐิติน่ะ ช่วยงานนายได้ดีไหม”

   “ดีครับ กำลังเรียนรู้งานอยู่” รายนั้นพยักหน้า “ค่อนข้างเชี่ยวครับ ทันคนแล้วก็มีลูกล่อลูกชน คงช่วงงานบอสได้มากทีเดียว”

   “นายดูชอบเขา” ผมสังเกตมาหลายวันก็เห็นว่าปัถย์ดูจะพอใจกับการทำงานของคนมาใหม่ เห็นให้งานหลายอย่างขนคล้ายๆ กับว่ากำลังส่งต่องานให้ก็ไม่ผิด

   “เขาทำงานเก่ง”

   “อืม แต่ก็ไม่มีทางสู้นายได้หรอก” ผมพูดอย่างใจคิด และก็ดึงปกคอเสื้อของอีกฝ่ายให้เข้าที่เพราะเห็นว่ามันเบี้ยวอยู่หน่อยๆ

   “เพิ่งเข้ามาไม่กี่วันทำได้ขั้นนี้น่านับถือแล้วครับ ตอนผมมาใหม่ๆ จำได้ว่าหัวหมุนไปหมด เจอคุณต้อนจนมุมด้วยคำถามที่ไม่เคยรู้มาก่อน ตอนนั้นเกือบจะท้อใจอยู่หลายครั้ง แต่คุณฐิตินี่ก็ดูจะเป็นงานเร็วกว่าผมหลายเท่า”

   “แต่เผลอแป๊บๆ ก็จะสามปีแล้ว”

   “ครับ จะสามปีแล้ว” เสียงของปัถย์ดูหงอยลง สีหน้าก็ดูหม่นลงไปด้วยซึ่งมันทำให้ผมไม่ค่อยชอบใจสักเท่าไร

   “ไม่ให้ออกนะ ไม่อยากให้ออก” ผมพูดอีกครั้ง ย้ำว่าเจตนาของผมอยู่ ณ จุดไหนกันแน่

   ถ้าปัถย์ดื้อ ผมก็จะดื้อกว่า

   “…” ปัถย์ไม่พูดอะไรเลย ทำแค่เพียงหลบตาผมและดึงมือกลับไปเงียบๆ

   “มีนายอยู่ข้างๆ ฉันก็อุ่นใจ ไม่ว่าจะเรื่องงานหรือเรื่องอะไรก็แล้วแต่ ถามจริงๆ นะ จะทิ้งกันได้ลงคอเลยเหรอ หมดนายไปฉันก็ไม่มีใครแล้ว... ”

   “…”

   “อย่าไปนะ” ผมย้ำอีกครั้ง และรอคอยคำตอบต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ

   แต่ความเงียบคือคำตอบที่น่ากลัว จากสีหน้าและแววตาผมรู้ดีว่าคนดื้อเงียบของผมไม่ยอมตามใจผมในครั้งนี้    แต่ไม่เป็นไร... ผมไม่ใช่คนที่ยอมแพ้กับอะไรอยู่แล้ว






   แต่ผมก็พ่ายแพ้
   วันนี้คือวันจันทร์เป็นวันที่ปัถย์จะต้องมาขับรถให้ผมเพื่อไปทำงานซึ่งเป็นกิจวัตรที่ทำมาแล้วกว่าสองปี แต่รอจนถึงแปดโมงแล้วก็ยังไร้วี่แววของคนที่ผมกำลังเฝ้ารออยู่ ผมก็ก้มลงมองปฏิทินในโทรศัพท์ก็พบว่าวันนี้คือสัปดาห์แรกของเดือนใหม่...

   ไอ้ความรู้สึกเหมือนถูกทิ้งขว้างมันเป็นแบบนี้สินะ ทั้งที่หลงลืมมันไปกว้าสิบปี หนีมันได้มากว่าสิบปีความรู้สึกนี้ก็หวนกลับมาอีกจนได้

   หัวใจของผมมันวูบโหวงเมื่อไม่มีเสียงทักทายจากคนที่เจอกันทุกวันตลอดสามปี ไม่มีอาหารเช้าง่ายๆ จำพวกแซนวิชในวันจันทร์ ไม่มีกลิ่นกาแฟหอมๆ จากร้านประจำที่ผมชอบ ท้ายที่สุดไม่มีใบหน้าเปื้อนยิ้มที่แฝงไปด้วยความอ่อนใจเวลาผมบ่นพึมพำเรื่องรถติดไม่ขาดปากตลอดทางที่ขับฝ่าย่านการค้าที่รถติดมหาหฤโหด

   จ้องมองนาฬิกาดิจิตอลติดผนังเงียบๆ กลั้นใจรออีกคน คาดหวังเอาไว้ว่าเพราะการจราจรหนาแน่นทำให้ใครอีกคนมาสาย ผมรออีกห้านาทีและตัดสินใจกดโทรออกหาใครคนนั้น


   เลขหมายที่ท่าเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้...
   The Number…


   ปิดเครื่อง...

   ใครคนนั้นไม่เคยปิดเครื่อง ซึ่งผมรู้แล้วว่าเจ้าตัวตั้งใจเงียบหายไปและจงใจไม่อยากรับสาย
   ผมจึงตัดสินใจในชั่ววินาทีหยิบกุญแจรถคันโปรดและออกจากห้องด้วยความรวดเร็ว ภายในรถคันเก่าที่คุ้นเคยจากที่มีคนเคยเปิดเพลงคลอเบาๆ ตอนนี้มีเพียงความเงียบมีเพียงเสียงจอแจที่ดังลอดผ่านเข้ามาจากด้านนอก
   ผมไม่ลังเลที่จะเลี้ยวรถขึ้นทางด่วนและมุ่งหน้าไปในที่ๆ หนึ่ง อย่างที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่ต้น


คอนโดL

   ผมใช้เส้นสายนิดหน่อยเลยได้ขึ้นมาถึงห้องใครคนนั้นอีกครั้ง กดกริ่งหน้าประตูอยู่หลายครั้งก็มีเพียงความว่างเปล่า ห้องข้างๆ หลายคนเดินสวนไป แต่คนในห้องที่ผมรออยู่ยังเงียบสนิท

   โทรศัพท์เครื่องเก่าในกระเป๋ากางเกงถูกหยิบออกมาและกดหาเขาอีกครั้ง


   เลขหมายที่ท่าเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้...
   Sorry, the number that you've dialed cannot be connected at this time,  Please try again later…



   ผมยืนอยู่อย่างนั้นอีกสิบนาที กดกริ่งซ้ำๆ แต่ไม่มีเงาของปัถย์เดินออกมาเปิดประตู ผมมองประตูบานเดิมด้วยขั้วอารมณ์ที่หลากหลาย โกรธ โมโห หงุดหงิด กังวล และคิดถึง

   แค่วันเดียวเองผมยังเป็นขนาดนี้...

   แล้ววันที่เหลือต่อจากนี้ล่ะ

   เพราะปัถย์ไม่เคยหายไปจากทุกกิจกรรมของผมทั้งวันทำงาน วันพักผ่านถ้าไม่มีตัวก็ยังมีเสียงปัถย์ให้ได้ยินเสมอ ถ้าเขาหายไปในวันนี้ผมจะปรับตัวได้ไหม ผมจะบอกตัวเองให้ชินได้ไหม

   ในตอนนี้ตรงหน้าผมคือผู้ช่วยคนใหม่ ผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับคนๆ นี้มากนัก รู้แค่ว่าเขาจะมาทำหน้าที่แทนปัถย์ และวันนี้คือวันแรกที่เข้ามารับหน้าที่เต็มตัวเป็นวันแรก ผมไม่ได้คาดหวังให้เขาทำงานได้เทียบเท่าปัถย์ เพราะผมรู้อยู่แล้วว่าที่ตรงนี้ไม่ว่าใครก็แทนไม่ได้

   “คุณเอรีสครับ นี่เอกสารสัญญาจากทางโครงการที่ภูเก็ต กรุณาเซ็นทุกหน้านะครับ”

   ใบหน้ากระตือรือร้นของคนตรงหน้าทำให้ผมนึกเปรียบเทียบกับปัถย์ตอนเข้ามาใหม่ๆ แต่กับปัถย์เขารู้สึกว่าเข้าถึงได้ง่ายกว่าเพราะปัถย์แสดงอารมณ์ออกทางแววตาและใบหน้า ผิดกับฐิติที่ดูปั้นยิ้มเสียจนคล้ายกับเป็นหน้ากากที่ฉาบทับไว้มากกว่าที่เจ้าตัวอยากจะยิ้มมันจริงๆ

   “เดี๋ยวผมจะออกไปข้างนอกแล้วนะ”

   “แต่ตอนบ่ายสามคุณวิชัยพีเอ็มของรีจีสคอนโดที่เอกมัยจะเข้ามารายงานเรื่องความคืบหน้าของโครงการ สี่โมงเย็นพีเอ็มของเอ็มเอสทาวเวอร์ก็ขอคุยเรื่องงานเพิ่มเติมจากสัญญาครับ ส่วนตอนห้าโมงเย็นก็...”

   “คุณควรบอกผมตั้งแต่เช้านะ ไม่ใช่รอให้ถามก่อน”

   ผมรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาดื้อๆ เมื่อมารู้ว่าตอนบ่ายมีนัดอัดเข้ามาแน่นขนาดนี้ ผมมีนัดเยอะก็จริงแต่ไม่ใช่ยัดเข้ามาจนเต็มตาราง ปัถย์มักจะมีเวลาให้ผมเบรคพักเพื่อเคลียงานก่อนหมดวัน โดยปกติหลังบ่ายสามไปผมจะไม่รับนัดที่ไหนอีก

   “ขอโทษครับ”

   “เรื่องแค่นี้ไม่น่าต้องให้สอน ทำงานให้เป็นมืออาชีพหน่อย เงินเดือนคุณไม่ใช่เรทเด็กจบใหม่ หวังว่าที่จ้างมาคงจะคุ้ม” ผมต่อว่าอีกฝ่ายออกไป แล้วก็ไม่แคร์ด้วยว่าเขาจะรับได้หรือเปล่า

   “ผมจะทำงานให้ดีกว่านี้ครับ”

   “ถ้างานตรงนี้มันง่าย ผมจ้างเด็กจบใหม่มาทำแล้ว เงินเดือนแค่หมื่นห้า จบปริญญาโทมาแล้วได้แค่นี้ผมว่าคุณควรพิจารณาตัวเองด้วย”

   อีกฝ่ายนิ่งสนิท ใบหน้าซีดลงเล็กน้อยแต่ยังฝืนจ้องมองมาทางผม

   “ขอโทษครับบอส ผมจะปรับปรุงตัว”

   “ห้ามเรียกว่าบอส เรียกผมว่าเอรีส” เสียงผมห้วนกว่าเก่า ดุดันกว่าเก่าตามแรงอารมณ์

   คนเดียวที่จะเรียกผมว่าบอสคือปัถย์ และผมจะยอมให้เรียกแบบนี้แค่คนเดียวเท่านั้น

   “ครับคุณเอรีส”

   “ตำแหน่งนี้ทดลองงานแค่เดือนเดียว ทำได้ก็อยู่ต่อ ไม่ได้ก็ออกไป ไม่มีเวลามาเสียกับคนเรียนรู้ช้า คนโปรไฟล์ดีมีเยอะ แต่ทำงานได้จริงๆ ไม่ถึงครึ่ง คุณเป็นครึ่งไหนผมไม่สน แต่โอกาสของคุณเหลือแค่ยี่สิบเก้าวัน”

   “เดือนเดียว?”

   “ใช่”

   “อ่า ครับ” ผู้ช่วยคนใหม่พยักหน้ารับ แต่ผมไม่ได้สนใจอะไร

   “ผมจะรีบเคลียงาน ไปจัดการเรื่องนัดให้เรียบร้อย ผมจะอยู่ถึงแค่สี่โมง”

   ทันทีที่ฐิติออกจากห้องไปผมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกอีกครั้ง ครั้งนี้ผมโทรติด

   ทว่าไม่ว่าจะกี่ครั้ง... เขาก็ไม่รับสาย

   ผมชะล่าใจเป็นความโง่มากที่คิดว่าปัถย์จะเปลี่ยนใจที่จะทิ้งผมไปอีกคน...

   คนส่วนใหญ่รู้จักผมในฐานะเจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่ในแวดวงก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ หลายคนชอบผม มองว่าผมเป็นไอดอล นักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรง แต่ผมไม่ใช่

   ผมก็แค่...ผู้ชายอีกคนที่ล้มเหลวในเรื่องของความสัมพันธ์ครั้งแล้วครั้งเล่า

   ผมพลาดที่รู้ตัวช้า

   พลาดที่ปล่อยใจให้รัก และรักษามันไว้ไม่ได้อีกครั้ง
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH10 1/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 01-02-2018 11:06:45
 :L1:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH10 1/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: masochism2018 ที่ 01-02-2018 11:28:33
ขอสมน้ำหน้าบอสก่อนน :hao3:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH10 1/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 01-02-2018 13:35:30
เรื่องของเอ็งงงงงงงงงงงงงงงงงงงง


ฉลาดแต่เรื่องงานก็จงแห้วไปตลอดชีวิต
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH10 1/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 01-02-2018 13:46:29
ถ้าไม่ตามง้อปัตถ์ดีดีจะแช่งให้นกเขาไม่ขันค่ะบอส55555
ยังดีที่รู้ตัวว่าโง่
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH10 1/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 01-02-2018 14:14:10
จะสมน้ำหน้าดีมั้ยนะ
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH10 1/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 01-02-2018 14:17:36
 :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH10 1/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 01-02-2018 14:44:52
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH10 1/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 01-02-2018 17:26:26
สมควร แต่ตอนนี้เกลียดฐิติอ่ะ
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH10 1/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 01-02-2018 18:53:08
เราทีมปัถย์นะ ก่อนหน้านี้บอสไม่ชัดเจนเองอ่ะ ไม่ชัดเจนมากๆๆๆๆ ทำตัวไม่น่ารักเอง
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH10 1/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 02-02-2018 02:14:58
ซะจายดีจังเลย  :laugh:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH10 1/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 02-02-2018 03:03:33
 :hao3:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH10 1/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 03-02-2018 09:35:55
เมื่อรู้ตัวแล้วก็อย่าปล่อยไปง่ายๆนะ
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH10 1/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: 30267 ที่ 04-02-2018 19:57:54
รอจ้าาา
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH10 1/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: Jadd ที่ 04-02-2018 21:32:09
ทำตัวเองนะบอส 
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH10 1/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 04-02-2018 21:58:53
ปัถย์ไปแล้ววว รู้ตัวเมื่อสายนะบอส ส่วนตัวละครลับสองตัวที่โผล่มานี่เดาว่าน่าจะเป็นลูกพี่ลูกน้องเอรีสที่เข้ามาจีบปัถย์กับเลขาคนใหม่นะ วางแผนกันไว้สินะแล้วแบบนี้เอรีสจะโดนอะไรบ้างมั้ยเนี่ย
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH10 1/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: joborcusier ที่ 05-02-2018 01:04:35
ปัถต์หนีไปอยู่ต่างประเทศเล้ยยยย เอาให้เอริสลงแดงตายไป555 :z1:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH10 1/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: anin ที่ 13-02-2018 11:06:05
Chapter 11

   ปัถย์รู้สึกว่ามันแปลกๆ ที่กลายเป็นคนที่ตกงานอย่างเต็มรูปแบบ จะว่าโล่งอกก็ใช่ จะว่าใจหายก็ใช่อีก เจ้าตัวเลยตัดสินใจแบบฉุกละหุกตอนสามทุ่มว่าจะไปเที่ยวหาชลนทีที่กระบี่สักอาทิตย์ กะให้หายเบื่อค่อยกลับมาเริ่มหางานใหม่อย่างจริงจังอีกที พอนึกได้ก็โทรหาเพื่อนรัก จัดการจองตั๋วเครื่องบินเป็นอันดับแรกแล้วเก็บกระเป๋า แถมยังเอาเจ้าสโนว์ไปฝากกับโรงแรมสัตว์เลี้ยงใกล้ๆ คอนโดเสร็จสรรพพิธีการ

   วันรุ่งขึ้น

   ปัถย์ลงเครื่องประมาณบ่ายโมง รอกระเป๋าที่โหลดราวสิบห้านาที พอเดินออกมาก็ได้เห็นชลนทีส่งยิ้มให้โบกมือเย้วๆ อยู่ไม่ไกล

   “ไงมึง” ชลนทีตบบ่าทัก สีหน้าดูดีใจที่เพื่อนรักแวะมาหา

   “รอนานไหม”

   “เพิ่งมาเอง มึงหิวไหม กูจะพาไปกินข้าวร้านอร่อย” เจ้าถิ่นเอ่ยชวนแล้วแกล้งทำเป็นควงกุญแจรถในมือเล่นๆ แบบนิสัยของคนอารมณ์ดี

   “นิดหน่อย แล้วมึงไม่ต้องรีบกลับไปทำงานหรือไง  ถ้ามีงานก็ไปทำก่อนเลยนะกูจัดการตัวเองได้”

   “งานกูตอนนี้ไม่พีคสบายมาก นี่ก็ฝากเด็กที่ไซด์ไว้แล้วแค่ดูผู้รับเหมาทำงานให้ตรงสเปค ไปๆ กินข้าวก่อน บ่ายแล้วเนี่ย นี่ก็รอกินพร้อมมึงเลยนะ”

   “ไปดิ”

   พูดจบปัถย์ก็จัดการลากกระเป๋าขึ้นรถกระบะของเพื่อนรัก จากนั้นก็นั่งข้างคนขับเพื่อเดินทางไปกินข้าวร้านอร่อยตามที่เพื่อนบอก พอขึ้นบนรถก็บอกกับเพื่อนว่าขอเปิดหน้าต่าง ปล่อยให้แรงลมปะทะหน้าขณะมองออกไปด้านนอกเพื่อชื่นชมทิวทัศน์ไปเรื่อยๆ

   “เป็นไงกลิ่นทะเล หอมไหมวะปัถย์”

   ชลนทีถามยิ้มๆ เพราะเพื่อนรักเล่นเปิดกระจกรับลมร้อนมาตลอดทาง แถมยังทอดสายตาไปไกลอย่างกับพระเอกมิวสิคยุค 90 เห็นแล้วมันชวนขำ

   “ไม่แขวะกูสักแป๊บจะตายไหม”

   “แซวเล่น ทำเป็นน้อยใจ”

   เกือบครึ่งชั่วโมงจึงถึงร้านอาหารขนาดกลางที่ติดกับชายหาด บรรยากาศแบบธรรมชาติตกแต่งแบบง่ายๆ แต่ลงตัว มีผู้คนเข้ามารับประทานหนาตาทั้งคนไทยหรือต่างชาติ บอกได้ว่าร้านนี้เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยว ทั้งคู่เลือกโต๊ะหนึ่งที่สามารถมองวิวทะเลได้ชัดเจน จากนั้นก็เริ่มสั่งอาหารจากพนักงานเสริฟที่เดินถือเมนูมาให้

   “จะมาอยู่กี่วัน”

   “ไม่รู้ว่ะ สักอาทิตย์มั้ง หรือไม่ก็สิบวัน”

   “ดีเลยมึง จะได้มีเพื่อนกินข้าว ที่จริงพักกับกูก็ได้นะ บริษัทเขาเปิดห้องที่โรงแรมสองดาวไว้ให้พัก ไม่หรูแต่ก็สะอาด มีวิวทะเลไกลลิบๆ ให้ดูด้วย”

   “ที่บริษัทเขาจะได้ไม่ด่าเรื่องเอาคนนอกมาอยู่หรือไง”

   “พี่คิวใจดี แค่พาเพื่อนมาค้าง ยิ่งรู้ว่าเป็นมึงพี่มันไม่ด่าชัวร์”

   “ก็พูดไปเรื่อย ยิ่งไม่ด่ายิ่งต้องเกรงใจ เปิดห้องเองดีกว่า ออฟฟิศเก่ากูยังห้ามเอาเพื่อนเอาแฟนเอาญาติไปนอนที่ไซด์เลย”

   “ไม่เหมือนกัน ที่นี่สบายๆ อยู่กันเหมือนพี่น้อง ใครจะมาด่า”

   ชลนทียิ้มอวด แล้วตักต้มยำทะเลซดโฮกๆ ท่าทางน่าอร่อย

   ปัถย์มองออกไปนอกชายหาด สูดหายใจลึกๆ เข้าจมูกเพื่อรับออกซิเจนบริสุทธิ์ที่ไม่ได้รับมานาน ท้องทะเลสีฟ้าครามกับลมโชยร่มรื่นทำให้เขารู้สึกปลอดโปร่งโล่งสมอง เรื่องที่กลัดกลุ่มอยู่ในใจถูกสลัดไปได้ง่ายดายมากคิดไม่ผิดที่ทิ้งกรุงเทพฯมาแบบนี้

   “ที่นี่มีอะไรน่าเที่ยว แนะนำสิไอ้เจ้าถิ่น”

   ปัถย์ถือโอกาสสั่งเบียร์เย็นๆ มาจิบ แต่ชลนทีไม่ร่วมด้วยเพราะต้องไปทำงานต่อแล้วถามเพื่อนรักเพราะรู้สึกสบายใจขึ้นมานิดหน่อย

   “เยอะแยะ อยากไปแบบไหนล่ะ แบบใสๆ หรือสายโหด เลือกมาสักอย่าง”

   สายโหดที่ว่าก็คงเป็นการเที่ยวสถานที่อโคจร ซึ่งถ้าเป็นสมัยเรียนก็มีไปกันบ้าง แต่พอได้ทำงานเป็นเรื่องเป็นราวปัถย์ก็เลิก ด้วยงานที่หนักและเอาเวลาส่วนตัวไปจนหมด บวกกับเนื้อแท้ไม่ได้ชอบทำตัวเสเพลอะไร ถ้าเป็นบางครั้งบางคราวแก้เบื่อก็พอได้อยู่

   “จัดให้สักทริปสิ แบบไหนก็ได้” 

   “ปาร์ตี้ไหม... เขาว่าเด็ด หรือถ้ามึงอยากเที่ยวแบบฟูลออฟชั่นก็มี”

   “ยังก่อนมึง เพิ่งมาถึงจะจัดเบอร์แรงให้กูเลยเหรอวะ”

   “อันนี้ความอยากส่วนตัวของกูล้วนๆ”

   “เมียมึงรู้ไส้แตกนะ”

   “ควาย! ก็อย่าให้มันรู้สิวะ ไปคนเดียวไม่สนุก พอมึงบอกจะมาหา กูงี้อยากเลย ไอ้ฟูลมูนอะไรเนี่ย”

   “กูนี่แหละจะฟ้อง แหมๆ ฟูลมูน”

   “ก็อยากอ่ะมึง ไปเป็นเพื่อนหน่อย”

   “ดูก่อน เดี๋ยวให้คำตอบอีกที”

   เราคุยเรื่องสัพเพเหระกันระหว่างทานอาหาร ทั้งเรื่องเพื่อนเรื่องงานแม้กระทั่งเรื่องส่วนตัว มีหยอกบ้างด่าบ้างตามประสาเพื่อนสนิท

   "กูเข้าไปเคลียงานแป๊บ มึงรอที่ไซด์ออฟฟิศนะ ไม่เกินชั่วโมงก็เสร็จ"

   "อืม แต่ถ้างานมึงเยอะก็เอาตามสะดวกเลยนะ ไม่ต้องรีบ ไม่อยากให้เพื่อนเสียงาน"

   "เออๆ เดี๋ยวมานั่งรอตรงนี้นะจะให้น้องเอาน้ำเอากาแฟกับน้ำเย็นมาให้"

   เมื่อว่าจบชลนทีก็เหน็บหมวกนิรภัยสีขาวแล้วเดินผละไป เปลี่ยนลุคจากเพื่อนจอมขี้เล่นกลายสภาพเป็นวิศกรหนุ่มสุดเท่ไปในทันที ปัถย์มองรอบสำนักงานขนาดเล็กอย่างสนใจ มีเครื่องใช้สำนักงานธรรมดา พนักงานราวสี่ห้าคนกำลังวุ่นจนไม่มีใครเงยหน้ามาสนใจแขกผู้มาใหม่อย่างจริงจัง จะมีบ้างก็แค่ปลายผ่านๆ แล้วกลับไปสนใจงานของตัวเองสักครู่น้องแอดมินคนหนึ่งก็นำแก้วกาแฟร้อนกับน้ำเย็นมาเสริฟ

   ปัถย์กล่าวขอบคุณเบาๆ จากนั้นหยิบโทรศัพท์ขึ้นเช็คอย่างเคยชิน บนหน้าจอโทรศัพท์แจ้งเตือนสายเรียกเข้าแต่ตอนนี้ได้ถูกปิดเสียงไว้

   ‘Boss’

   ชื่อที่คุ้นเคยว่าโทรเข้ากว่าสิบครั้ง

   ปัถย์หลับตา ยกมือขึ้นเกาคิ้วนวดขมับ ความรู้สึกมากมายตีกันภายในความนึกคิด แต่ก็เลือกที่จะปิดสวิตส์ความรู้สึกโหยหาไว้ มือของปัถย์กดไปที่การแก้ไขรายการ กดหน้าจอด้วยปลายนิ้ว จาก Boss เป็น Mr. Burton สถานะถูกลดลงจากเจ้านายลูกน้องให้เป็นเพียงคนรู้จัก

   กระทั่งเสียงใครคนหนึ่งเอ่ยเรียก ทำให้ปัถย์ต้องละสายตาจากโทรศัพท์แล้วหันไปมอง

   “ปัถย์”

   เจ้าตัวขมวดคิ้วนิ่งคิดเพียงชั่ววินาทีก่อนยิ้มกว้าง เพราะคนตรงหน้าคือรุ่นพี่ที่สนิทสนมกันมานายแต่หลังๆ ด้วยหน้าที่การงานรัดตัวเลยห่างหายกันไปนานหลายปี

   “พี่คิว”

   “อืม ว่าไง” น้ำเสียงยินดีขานรับ ร้อยยิ้มกว้างส่งผ่านมาให้ด้วย

   “สวัสดีครับ”

   พี่คิวในชุดเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินกางเกงยีนสีดำสนิทบวกกับรองเท้าบูทส้นหนา ในอ้อมแขนยังมีกระดาษพิมพ์เขียวม้วนใหญ่แนบมากับหวกนิรภัยด้วย ในมาดแบบนี้บอกยี่ห้อนายช่างใหญ่ของโครงการชัดๆ ไม่ผิดตัวแน่

   “หวัดดี ไปไงมาไง”

   “ผมมาหาไอ้ทีน่ะพี่ มันชวนมาเที่ยว ขอโทษที่มารบกวนเวลางานนะครับ”

   “เมื่อกี้พี่เจอมันที่ไซด์ไม่เห็นมันบอกเลยว่าปัถย์มา ถ้าพี่รู้ก่อนก็จะชวนให้บินลงมาพร้อมกัน มามา...เข้ามานั่งในห้องพี่ก่อน อยากคุยด้วยไม่เจอกันนาน”

   “หลายปีเหมือนกันพี่ โหยดูพี่สิเผลอแป๊บเดียวบริษัทใหญ่โต”

   “ที่ไหนกันล่ะ บริษัทเล็กๆ รับงานพอเอาที่ทำไหว ว่าแต่เราเถอะ พี่มองตั้งนานไม่แน่ใจว่าใช่ปัถย์ไหม สูงขึ้นนะดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นด้วย” ครรชิตพินิจมองปัถย์ตั้งแต่หัวจรดเท้า ดวงตาเป็นประกายชื่นชมและพอใจ

   “แหม่อายุก็ป่านนี้แล้วนี่ครับ”

   เมื่อนายช่างใหญ่ของโครงการเดินผ่านเข้ามา ทุกคนในออฟฟิศต่างสวัสดีทักทายโดยอีกฝ่ายทำแค่เพียงยกมือขึ้นเพื่อรับเป็นพิธี มือคร้ามแดดเปิดประตูห้องกระจกที่ถูกกั้นไว้ง่ายๆ ออก ผายมือเชิญแขกให้เดินเข้ามา

   “รกหน่อยนะ พี่ยังไม่ได้เคลียอะไรเลย ตอนนี้งานเอกสารทำเอาพี่ปวดหัวมาก”

   ปัถย์มองแฟ้มเอกสารตั้งใหญ่กับพิมพ์เขียวขนาดA1 ปึกหนาที่กองสุมๆ กันไว้แล้วยิ้มให้เหมือนเข้าอกเข้าใจ

   “พี่ควรพูดว่ามันรกมากจะดีกว่า” ปัถย์แซะรุ่นพี่เบาๆ เมื่อเห็นข้าวของกองพะเนินรายรอบตัว

   “ก็นะ ตอนนี้วุ่นกับคุมงานผู้รับเหมา เอกสารเบิกงวดงานมาอีกตรึม มีสิบมือก็ไม่ไหวจะเคลีย เอ้า...นั่งก่อนๆ”

   “ไม่หาคนช่วยล่ะพี่ หาคนดูเรื่องพวกนี้ให้งานพี่จะเบาไปเยอะ”

   ปัถย์เสนอ เพราะรู้เนื้องานลักษณะนี้ดี ถ้าไม่มีใครเป็นไม้เป็นมือช่วยทำให้ตายคนเดียวก็ทำไม่ไหว

   “ก็งานเอกสารมันไม่มีใครอยากทำ จะให้แอดมินธรรมดาๆ ดู ก็มีปัญหาเรื่องไม่เข้าใจสโคปงาน ก่อนหน้านี้มีน้องคนหนึ่งช่วยแต่ก็หนีไปแต่งงานมีลูกอีก พอจะให้ไอ้ทีช่วยมันก็บอกไม่เอา ขอลุยกับผู้รับเหมาแบบบู้ๆ ดีกว่า แล้วยังไงล่ะ พี่ก็ต้องมานั่งดูเอง นี่ก็พากันเบิกงวดงานทุกเจ้าก็ต้องเช็คอีกรอบว่าเปอร์เซ็นงานได้ไปถึงไหน มันมีพวกชอบเบิกเกินโปรเกสเจอบ่อยทุกงวดดีลเลย ผู้รับเหมาเดี๋ยวนี้ต้องตรวจกันละเอียดๆ หน่อยไม่งั้นลักไก่กันน่าดู”

   “งานใกล้เสร็จหรือยังพี่ ได้กี่เปอร์เซ็นแล้วครับ”

   “จบงานโครงสร้างไปแล้วนะ ตอนนี้เป็นงานสถาปัถย์ล่ะ หนักๆ ก็พวกแลนสเคปกับอินทีเรีย เหลือแต่งานฝีมืองานละเอียด”

   “พี่คิวไม่ได้อยู่กรุงเทพเหรอครับ นึกว่าอยู่ประจำที่โน่นเสียอีก”

   “พี่ไปๆ มาๆ พี่จะอยู่ที่นี่จันทร์ถึงพุธ บริษัทนี้มันแค่เล็กๆ ให้ไอ้ทีมันมาดูคนเดียวมันก็ไม่ไหว นี่ก็เพิ่งมาเมื่อเช้าเหมือนกัน แล้วปัถย์ล่ะมาเที่ยวกี่วัน”

   “น่าจะสักอาทิตย์ หรือาจจะสักสิบวันครับ ยังไม่แน่”

   “ปัถย์พักร้อนเหรอ”

   “ผมตกงาน”

   “หืม? นี่จริงดิ”

   ครรชิตเลิกคิ้วอย่างสงสัย ได้ข่าวว่าปัถย์ทำงานบริษัทยักษ์ใหญ่แถมพ่วงตำแหน่งผู้ช่วยผู้บริหารอีกไม่คิดว่าจะตกงานอะไรง่ายๆ แบบนั้น เพราะปัถย์เป็นคนจริงจังและมีความสามารถรอบด้าน

   “จริงครับ ตกงานอยู่ ทำไมต้องทำหน้าตกใจขนาดนั้น” ปัถย์ร้องถามแล้วหัวเราะกับสีหน้าที่ดูไม่เชื่อของรุ่นพี่

   “ไม่ได้ล้อเล่น?”

   “ไม่ล้อครับ” เจ้าตัวย้ำแล้วพยักหน้า ส่งรอยยิ้มขำๆ ให้ด้วย

   “มาทำด้วยกันไหมเล่า เรียกเงินเดือนมาสิ พี่สู้ขาดใจ”

   คำพูดของครรชิตแอบแฝงนัยเสมอ เมื่อก่อนปัถย์ก็แอบลำบากใจอยู่หลายครั้งหลายครายามที่ครรชิตเทียวแจกขนมจีบครั้งแล้วครั้งเล่า แต่พอมาถึงตอนนี้เขากลับรู้สึกเฉยๆ ไม่ได้กระอักกระอ่วนใจแบบครั้งก่อนๆ อาจเพราะว่าโตขึ้น เริ่มเปิดรับความสัมพันธ์กับเพศเดียวกันแล้ว อีกอย่างเขาก็คิดว่าครรชิตคงล้อเขาเล่น ป่านนี้คงมีแฟนเป็นตัวเป็นตนไปแล้ว ไม่น่าจะมารอเขาหรอกจริงไหม

   “ยังไม่ยากทำงานตอนนี้ครับ อยากเที่ยวสักเดือน ไว้เบื่ออาชีพตกงานแล้วผมบอกพี่เอง” ปัถย์ปฏิเสธกลายๆ

   “โอเค... งั้นเดี๋ยวพี่พาไปเลี้ยงข้าวตอนเย็น ปลอบใจคนตกงานสักหน่อย ปัถย์ชอบกินปูนี่นะ ที่นี่มีปูไข่ที่อร่อยมาก”

   “นี่ถ้าผมไม่ตกงานพี่จะไม่เลี้ยงใช่ไหม” ว่าแล้วก็แกล้งถาม

   “เลี้ยงสิ แต่ถ้าตกงานต้องเลี้ยงเยอะหน่อย เลี้ยงเด็กน้อยที่น่าสงสาร”

   “กระเป๋าฉีกแน่ พี่พลาดมากที่คิดจะเลี้ยงคนกินจุอย่างผม”

   “อืม เอาสิพี่เลี้ยงปัถย์ได้อยู่แล้วล่ะ”

   ครรชิตมองปัถย์แล้วยิ้มอ่อนโยน ไม่ว่าจะตอนไหนๆ คนตรงหน้าก็ดูน่าสนใจสำหรับเขาเสมอ




   ฐิติจัดการเคลียตารางนัดของเอรีสจนเป็นที่พอใจของผู้เป็นเจ้านาย เมื่อนัดต่างๆ เสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยเขาจึงเบาใจและนั่งลงนิ่งๆ ได้สักที นี่ก็เป็นเวลาใกล้าเลิกงานแล้ว แต่งานของเขาก็ยังวุ่นวายไม่หยุด ทั้งงานเอกสารจากภายนอกและภายในที่เยอะจนสะสางแทบไม่หวาดไม่ไหว คนก่อนหน้านี้แบ่งแยกร่างยังไงถึงได้จัดสรรปันส่วนงานได้โดยไม่มีปัญหา

   เจ้านายอะไรเรื่องมากเอาแต่ใจก็เข้าขั้นระอา งี่เง่า ขี้โวยขี้เหวี่ยง ปวดหัวเหลือรับ เอรีสนี่ไม่เคยทำอะไรให้ง่ายเลยพับผ่าสิ!

   “คุณฐิติครับ เอกสารตัวเลขงานประมูลของXXX คอมเพล็กซ์ครับ คุณปัถย์เคยให้ผมทำตัวเลขมาใหม่ให้คุณเอรีสครับ”

   สีหน้าฐิติกระตือรือร้นขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว

   “ขอบคุณมากครับ เดี๋ยวผมเสนอให้คุณเอรีสเอง”

   “ฝากด้วยนะครับ”

   ฐิติจัดเตรียมเอกสารเพิ่มเติมอีกพักใหญ่จึงหอบแฟ้มต่างๆ เข้าสู่ห้องของเอรีสอีกครั้ง ซึ่งตอนนี้เจ้านายยังคงทำหน้านิ่วจนคิ้วแทบจะผูกโบว์อยู่เช่นเดิม บรรยากาศการทำงานมันช่างเลวร้ายเกินบรรยาย แค่ตัวเนื้องานก็เครียดพอแล้ว ไหนจะต้องระวังอารมณ์กับความปรวนแปรของผู้เป็นเจ้านายอีก บอกได้คำเดียวว่ายากเย็นแสนเข็ญนัก

   “หัดเคาะเสียบ้างนะ ประตูน่ะ”

   เอรีสบอกเสียงต่ำ แต่ไม่ยอมมองหน้าลูกน้องคนใหม่แต่อย่างใด เขายังคงก้มหน้าก้มตาอยู่กับกองเอกสารตรงหน้าอย่างเอาจริงเอาจัง แต่ถึงอย่างนั้นน้ำเสียงกร้าวก็ทำให้ชวนขวัญหนีดีฝ่อถ้าฐิติจะเป็นคนขวัญอ่อนสักนิด ดีแต่ว่าเจ้าตัวมีเป้าหมายบางอย่างอยู่แล้วเลยจำใจต้องอดทน

   “ขอโทษครับ ผมไม่ทันระวัง”

   “มีอะไร”

   “เอกสารงานประมูลของXXX คอมเพล็กซ์ครับ ทางฝ่ายคอสจัดทำตัวเลขมาใหม่แล้ว รบกวนให้คุณเอรีสดูราคารวมอีกครั้งก่อนปิดซองส่งประมูล”

   “เอาวางไว้ตรงนั้น ยังไม่ว่างดู”

   “ส่งซองประมูลพรุ่งนี้สิบโมงเช้านะครับ”

   “เดี๋ยวดูให้ วางไว้”

   ฐิติวางแฟ้มต่างๆ ลงตรงฟากหนึ่งของโต๊ะ สายตาเริ่มสังเกตผู้เป็นเจ้านายที่กำลังตั้งอกตั้งใจทำอะไรบางอย่าง ดูแล้วคงเป็นอะไรที่สำคัญมาก เพราะเมื่อเจ้าตัวรู้สึกว่าถูกมองก็มีทีท่าระแวดระวังมากขึ้น

   ฐิติเห็นดังนั้นจึงแสร้งยิ้ม ทำเป็นหยิบแก้วกาแฟที่วางทิ้งไว้บนโต๊ะทำทีว่าจะเอาไปเก็บให้

   “มีอะไรอีกหรือเปล่า” เอรีสหรี่ตา เอาแผ่นกระดาษแผ่นหนึ่งบนโต๊ะวางทับเอกสารที่ตนอ่านก่อนหน้าเพื่อหลบสายตาของผู้ช่วยคนใหม่แบบแนบเนียน

   “ตารางงานของคุณเอรีสบอกไว้ว่ามีต้องไปคุยกับมิสเตอร์เจซี เคนท์ที่กระบี่ในวันพฤหัสนี้คุณให้ผมจองตั๋ววันกลับวันไหนครับ”

   กระบี่?

   จริงสิ ก่อนหน้านี้เขาเคยพูดไว้กับปัถย์ว่าอยากให้เจ้าตัวไปคุยด้วย ส่วนหนึ่งก็อยากหาเวลาไปพักผ่อนกะว่าเสร็จธุระวันศุกร์ก็อยากจะอยู่ต่อเสาร์อาทิตย์กันเงียบๆ แต่ก็มีอันต้องทะเลาะกันใหญ่โตจนถึงขั้นที่ปัถย์คิดลาออก

   “กลับบ่ายวันศุกร์เลย”

   “คุณปัถย์เคยบอกไว้ว่าผมต้องไปด้วย” ฐิติหยั่งเชิงถามดูตามที่ได้รู้มา

   “ถ้าติดธุระก็ไม่ต้อง ผมไปคนเดียวได้”

   “ไปได้ครับ ผมไม่ได้ติดขัดอะไร”

   เอรีสได้ยินแต่ไม่ใคร่สนใจนัก

   เมื่ออีกฝ่ายเห็นท่าทีเฉยเมยของเจ้านายจึงขอตัวออกไปเงียบๆ และมีท่าทีหงุดหงิดใจอยู่ไม่น้อย ไม่คิดว่าจะเจอเจ้านายที่อยู่ด้วยยากอย่างนี้มาก่อน

   ฐิติหยิบโทรศัพท์ขึ้นโทรหาคนสำคัญของตัวเองหลังจากสบโอกาสที่พนักงานต่างๆ ทยอยกลับกันจนหมดแล้ว

   “… ครับ ได้มาแล้วนะครับเอกสาร เดี๋ยวผมลายละเอียดไปให้คืนนี้เลย แค่นี้นะครับ”

   เจ้าตัวมองซ้ายมองขวา แล้วค่อยๆ แกะซองเอกสารออกอย่างระวัง

   เขาจัดการถ่ายภาพเอกสารแต่ละใบด้วยความรวดเร็วและเก็บเอกสารลงซองใหม่เพื่อไม่ให้ใครรู้ว่าตัวเองเปิดออก เสร็จแล้วก็จัดการเอาซองเก่ายัดใส่กระเป๋าเพื่อไม่ให้หลงเหลือหลักฐานไว้ที่โต๊ะทำงานของตัวเอง












   00.12 น.

   เมื่อตอนเย็นเขาขับรถไปหาปัถย์ที่ห้องอีกครั้ง รออยู่กว่าชั่วโมงก็ไม่มีวี่แววของอีกฝ่ายให้ได้เห็น เขาจำต้องขับรถกลับมาที่ห้องของตัวเองด้วยความผิดหวังที่ไม่คุ้นเคย จวบล่วงสู่วันใหม่เขายังไม่ละความพยายามที่จะพยายามติดต่อปัถย์ วันทั้งวันเฝ้าเทียวโทรหาไม่รู้กี่สิบกี่ร้อยรอบ

   ในตอนนี้เอรีสกัดฟันจนกรามแกร่งบดเป็นสันนูน ข่มกลั้นความรู้สึกเจ็บร้าวจี๊ดๆ ในหัวใจที่กำลังเต้นเป็นจังหวะของความคิดถึง ดวงตาคู่คมสีควันบุหรี่แดงก่ำฉ่ำปรือด้วยผลพวงมาจากฤทธิ์แอลกอฮอร์ที่แล่นพล่านในกระแสเลือด เอรีสไม่ใช่คนติดดื่มแต่ครั้งนี้เขากลับดื่มมากกว่าทุกครั้ง

   จากที่โทรไปไม่รับ... เอรีสเริ่มเปลี่ยนเป็นการส่งข้อความ

   ส่งไปทั้งๆ ที่ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าคนที่ใจแข็งปานนั้น จะแยแสกับข้อความที่เขาส่งไปบ้างหรือเปล่า

   ‘ปัถย์... อย่าทำแบบนี้ เรายังคุยกันไม่รู้เรื่อง’

   นั่นคือข้อความแรกที่เอรีสส่งหาอีกฝ่าย จากความโมโหตลอดวันเริ่มกลายเป็นความกังวล กลัวเหลือเกินว่าคนที่มีความสำคัญกำลังจะตีปีกบินหายไปไกลแสนไกล

   ‘ฉันบอกว่าไม่ให้นายออกไง!!!’

   ข้อความที่ถูกส่งไปมันอ่านแล้วเหมือนการข่มขู่ แต่ในฟากของเอรีสนั้นมันไม่ใช่เลย เขากำลังจนตรอกและกลัวสุดใจ
   เอรีสส่งข้อความไปขณะตัวเองกระดกแก้วออนเดอะร็อคในมือไปด้วย ผมที่เคยเรียบแปร่ยุ่งเหยิงน้อยๆ จากฝ่ามือที่ขยี้แรงๆ อยู่หลายต่อหลายครั้ง 

   ‘ปัถย์ นายอยู่ไหน’

   เขาหลับตานึกถึงเรื่องราวต่างๆ ที่เขามีกับปัถย์

   ปัถย์ที่คอยนอนเฝ้า ยามที่ป่วย...

   จำได้ว่าตอนนั้นอาการโรคกระเพาะของเขากำเริบหนักจนถึงขึ้นอาเจียนไม่หยุดก็มีปัถย์ที่ขอเฝ้าไข้และอยู่ดูอาการจนหายดี คนที่เตือนให้เขานอน คนที่บอกให้เขากิน

   อาหารเช้าที่ปัถย์เตรียมให้...
   แก้วกาแฟที่ปัถย์ซื้อ
   กาแฟที่ปัถย์ชง
   นมในตู้เย็นที่ปัถย์ซื้อมาเติม
   เสื้อที่ปัถย์ส่งร้านซักรีด
   เนคไทที่ปัถย์เลือก...
   นาฬิกาข้อมือที่ปัถย์เอาไปใส่ถ่าน
   โซฟาที่ปัถย์ออกแบบและสั่งทำให้เขา
   น้ำหอมปรับอากาศกลิ่นที่ปัถย์บอกว่าหอม
   สบู่ แชมพู...


   เขาโทรหาปลายสายอีก แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือความว่างเปล่า ยิ่งตกดึกความคิดถึงก็ยิ่งมากขึ้นๆ ทุกที มือหนาที่กุมโทรศัพท์ไว้ตลอดเวลาสั่นไหวน้อยๆ เฝ้ารอทุกวินาทีให้อีกฝ่ายโทรกลับ เฝ้ารอให้อีกฝ่ายตอบข้อความ ทุกวินาทีที่ทรมาน

   ‘อยากคุยด้วย รับสายที’

   ‘ได้โปรด...talk to me’

   ‘ถ้ายังไม่ยากคุยกัน ก็ตอบข้อความหน่อย’

   ‘คนดี... ฉันขอโทษ ขอร้องล่ะ คุยกันหน่อย’

   ‘ไม่อยากทำงานด้วยกันก็ได้ จะไม่บังคับ แต่ขอเถอะ อย่างเงียบไปแบบนี้ อย่าหายไป I can’t bear to be apart from you.’

   ฉันทนไม่ได้เมื่อไม่มีนายมาอยู่ข้างๆ

   ‘You can’t deny what’s between us.’
   นายจะปฏิเสธไม่ได้ว่าระหว่างเรามันมีอะไรมากกว่านั้น…

   ‘You mean so much to me.’
   เธอมีความหมายกับฉันมาก      

   ‘Come back to me’
   กลับมาหาฉัน
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH10 1/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 13-02-2018 11:34:37
หมั่นไส้บอสอ่ะ

แต่เอ๊ะ...หรือจะไปเจอกันที่กระบี่
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH10 1/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 13-02-2018 15:48:23
เป็นเรื่องแน่งานนี้
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH11 14/2/61
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 13-02-2018 16:50:41
ฮืออ ทั้งอึมครึมทั้งฟินความในใจบอส กลับมาคราวนี้ยุ่งวุ่นวายแน่ :hao5:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH11 14/2/61
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 13-02-2018 21:31:14
 :m26: :m26:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH11 14/2/61
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 13-02-2018 22:46:04
 :katai2-1:


สงสารใครดี
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH11 14/2/61
เริ่มหัวข้อโดย: 30267 ที่ 13-02-2018 23:09:33
อื้อหืออ ธุรกิจจะโดนโกงไหมนี่ / ง้ออีกๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH11 14/2/61
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 13-02-2018 23:19:27
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH11 14/2/61
เริ่มหัวข้อโดย: masochism2018 ที่ 13-02-2018 23:24:41
 ไม่ร้องน้าบอสสส ช่วงรับกรรม อดทนไปจ้า  :katai3:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH11 14/2/61
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 13-02-2018 23:41:10
เลขาคนใหม่เป็นสายให้ใครนะ อยากรู้ อยากรู้  :hao3:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH11 14/2/61
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 14-02-2018 09:28:01
ุสนุกค่าาาา
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH11 14/2/61
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 14-02-2018 13:21:07
สมน้ำหน้าเอรีสจร้า หมาหัวเน่าเต็มตัวแล้ว
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH11 14/2/61
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 16-02-2018 15:31:37
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH11 14/2/61
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 16-02-2018 17:53:55
อืมมมมมมม

ถ้าเอรีสชัดเจนกว่าเลิกเจ้าชู้แล้วหันมาจีบปัตถ์อย่างจริงจังตั้งแต่ที่รู้ตัวแรก ๆ ปัตถ์อาจจะไมาหนีไปแบบนร้

แล้วแบบนี้จะไปปัตถ์ที่นู้นหรือเปล่า แล้วผู้ช่วยคนใหม่นี่ยังไงแอบชอบบอสเหรอเล่นหูเล่นตาซะขนาดนี้น่ะ
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH11 14/2/61
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 16-02-2018 22:04:15
อิตาบอสง้ออยู่ดีๆไม่ใช่ไปเจอกันที่กระบี่เห็นอะไรบาดใจแล้วทำระเบิดลงอีกนะ

ว่าแล้วว่าฐิติต้องไม่มาดีแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH11 14/2/61
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 17-02-2018 08:29:33
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH11 14/2/61
เริ่มหัวข้อโดย: joborcusier ที่ 17-02-2018 09:52:23
ปัตย์สู้ๆ ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่555
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH11 14/2/61
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 17-02-2018 18:59:13
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH 12 20/2/61
เริ่มหัวข้อโดย: anin ที่ 20-02-2018 12:55:56
Chapter 12

   78 missed call

    ปัถย์นั่งมองหน้าจอโทรศัพท์ที่แจ้งเตือนข้อความและสายที่ไม่ได้รับอยู่นานนับชั่วโมง ตั้งแต่ลงจากเครื่องแล้วเปิดโทรศัพท์อีกครั้ง เอรีสก็เพียรโทรหาเขาไม่หยุดหย่อน ก็หลายครั้งที่เกือบใจอ่อนจะกดรับ แต่ความยั้งคิดสั่งห้ามเขาเอาไว้ในเสี้ยววินาทีสุดท้าย

   ภายใต้สีหน้าอันเรียบสงบ ดูใจเย็น ได้ซุกซ่อนอารมณ์หลากหลายเอาไว้ แม้ข้อความเหล่านั้นจะไม่ได้ถูกเปิดอ่านโดยตรง แต่ทุกตัวอักษรก็ผ่านสายตาจากการแจ้งเตือนที่หน้าจอไม่มีตกหล่นแม้พยางค์เดียว

   ยิ่งอ่าน...ความรู้สึกหลากหลายประเดประดังเข้ามา

   ทั้งสิ้นหวัง คิดถึง และเป็นห่วง ตีกันจนยุ่งหยิงไปหมด

   ปัถย์ต้องทำในสิ่งที่ขัดกับใจตัวเองอย่างที่สุด นี่เขาใจร้ายกับตัวเองเกินไปหรือเปล่านะ   
   

   ‘ปัถย์... อย่าทำแบบนี้ เรายังคุยกันไม่รู้เรื่อง’
   ‘ฉันบอกว่าไม่ให้นายออกไง!!!’

   ขณะที่ปัถย์อ่านข้อความนี้จบ ใบหน้าหล่อคมเข้มผุดขึ้นมาในห้วงความทรงจำอันแสนแจ่มชัดอีกครั้ง

   เดาได้ว่าฝ่ายโน้นคงกำลังหงุดหงิดอยู่เป็นแน่ ถ้าเปลี่ยนข้อความมาเป็นคำพูดคงกำลังหน้าบูดและคำรามเสียงใส่ไปพร้อมกัน คิดไปก็เผลอยิ้ม แต่ใจลึกๆ กลับยิ้มไม่ออกมันทั้งเจ็บและจุกในอกเมื่อรู้ว่าไม่อาจไปยืนเคียงข้างเอรีสได้อีกแล้ว

   ภายในห้องพักของโรงแรมระดับกลางมีเพียงเสียงคลื่นดังผ่านมาแบบไกลๆ ประตูริมระเบียงเปิดไว้เพื่อรับลมทะเล และเจ้าตัวก็ถือโอกาสนั่งปักหลักที่เก้าอี้สนามริมระเบียง สายตาแฝงแววเศร้าเหม่อมองท้องฟ้าที่ไร้ดาวมีเพียงดวงจันทร์เกือบเต็มดวง

   ‘ปัถย์ นายอยู่ไหน’
   ‘อยากคุยด้วย รับสายที’
   ‘ได้โปรด...talk to me’

   มือที่ถือโทรศัพท์อยู่สั่นเทา ส่วนมืออีกข้างลูบหัวเข่าตัวเองไปมาด้วยอาการกระวนกระวาย

   ‘ถ้ายังไม่ยากคุยกัน ก็ตอบข้อความหน่อย’
   ‘คนดี... ฉันขอโทษ ขอร้องล่ะ คุยกันหน่อย’
   ‘ไม่อยากทำงานด้วยกันก็ได้ จะไม่บังคับ แต่ขอเถอะ อย่างเงียบไปแบบนี้ อย่าหายไป I can’t bear to be apart from you.’
   ‘You can’t deny what’s between us.’
   ‘You mean so much to me.’
   ‘Come back to me’
   
   ‘ฉันกำลังจะเป็นบ้าเพราะนาย ขอล่ะ... คุยกันเถอะ อย่าหายไปแบบนี้ บอกสิว่าฉันต้องทำยังไง?’

   ปัถย์อ่านข้อความนี้ในเวลาที่ล่วงเลยมาเกือบๆ จะตีหนึ่ง เอรีสก็ยังรัวพิมพ์ข้อความมาหาอย่างทรหดอดทน ถึงขนาดที่โทรศัพท์เจ้ากรรมทำท่าจะแฮงค์เพราะข้อความที่อเลิตเตือนไม่หยุด

   ปัถย์มองโทรศัพท์ในมือด้วยความลังเล...

   จังหวะเดียวกันนั้นเอรีสก็โทรเข้าอีกครั้ง ดวงตาที่ไร้กรอบแว่นสั่นระริกไม่ต่างไปจากฝ่ามือเลย ใจที่ว่าแข็งก็ดูจะอ่อนยวบยาบลงอีกหลายระดับ  ชายหนุ่มถอนใจแรงๆ ขยี้ผมขยี้หน้าหลายรอบเพื่อเรียกกำลังใจให้เข้มแข็ง

   สายเรียกเข้าถูกตัดไปอีกครั้ง ก่อนที่จะโทรซ้ำกลับเข้ามาใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า

   เมื่อปล่อยให้มันดังกว่าสิบครั้ง ...ปัถย์จึงรับสาย

   “นอนเถอะครับ ดึกแล้ว”

   ปัถย์พูดออกไปดื้อๆ โดยไร้ซึ่งการทักทาย เสียงที่ส่งออกไปก็ดูเย็นเฉียบไร้อารมณ์หวังจะให้คนปลายสายรู้ตัวว่าตอนนี้มันดึกเกินกว่าจะคุยกันแล้ว

   “อยู่ไหน” น้ำเสียงนั้นฟังดูกระตือรือร้น มีแววยินดีจนปัถย์รู้สึกได้

   “…ตีหนึ่งกว่าแล้ว ไปนอนนะครับ” พูดจบปัถย์ก็ทำท่าจะวางสาย

   “อย่าเพิ่งวางนะ ขอร้อง” อีกฝ่ายก็เหมือนจะรู้ใจ รีบร้องบอกเสียงพร่า “ตอบมาก่อนว่านายอยู่ไหน? ทำไมไม่กลับบ้าน อยู่กับใคร” คำถามพรั่งพรูยาวเหยียด แต่น้ำเสียงไร้วี่แววดุดันมีแต่ความเป็นห่วงกลับมาจนอีกฝ่ายรับรู้ได้

   “อยู่ต่างจังหวัดครับ มาหาเพื่อน”

   ปัถย์ยอมตอบตรงๆ ถ้าน้ำเสียงของเอรีสบ่งบอกถึงการคุกคามคาดคั้น ปัถย์ก็คงจะกดวางไปแล้ว แต่นี่เป็นความรู้สึกแบบว่าอยากรู้ผสมความห่วง ปัถย์เลยได้แต่ถอนใจ

   “กลับเมื่อไร”

   “ยังไม่แน่ใจครับ” ปัถย์ตอบส่งๆ

   “จะไปหาเดี๋ยวนี้เลย บอกมาว่าอยู่ที่ไหน”

   “อย่าเลยครับ... ผมมาหาเพื่อน สักพักก็กลับแล้ว” น้ำเสียงที่บอกว่าเอาจริงจนปัถย์รีบค้านเร็วๆ

   “สักพักนี่คือเมื่อไร?”

   “…”

   นอกจากไม่ตอบ ปัถย์ยังพ่นลมหายใจให้อีกฝ่าย เป็นเชิงบอกให้รู้ว่าเขาไม่อยากจะตอบคำถามนี้

   “งั้นก็บอกมาว่าอยู่ไหน แล้วทำไมไม่รับสาย ติดต่อไม่ได้แบบนี้เป็นห่วงรู้ไหม” น้ำเสียงเอรีสเริ่มอ่อนลง ยังนึกหวั่นๆ ว่าอีกฝั่งจะวางสายแล้วทำตัวหนีหายเข้ากลีบเมฆไปอีก ทีนี้เขาคงลงไปนอนดิ้นตายให้จริง “ข้อความก็ไม่ตอบ ฉันจะเป็นบ้าอยู่แล้ว”
 
   “คุณดื่มหรือครับ” ปัถย์รับรู้ความผิดปกติแม้เพียงน้อยนิดของเรีสได้

   “นิดหน่อย”

   “ดื่มข้างนอกหรือครับ?”

   “เปล่า อยู่บ้าน”

   พอได้ยินแบบนั้นปัถย์ก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาหน่อย ยังไงก็เป็นห่วงกลัวอีกฝ่ายขับรถตอนสติไม่ครบถ้วน เกิดอุบัติเหตุมาอะไรๆ มันจะยุ่งไปกีนใหญ่

   “คุณควรไปพักผ่อน มีประชุมเช้านี่ครับ”

   ปัถย์เปลี่ยนจงใจเรื่องพูด ด้วยความเป็นคนความจำดีและรู้ตารางนัดของอีกฝ่าย ซึ่งปัถย์จำได้เลาๆ ว่าเอรีสมีประชุมตอนเช้าในช่วงต้นสัปดาห์ แล้วก็จำได้อีกว่าปลายสัปดาห์เอรีสมีมาประชุมที่กระบี่นี่... เขาเลยเลือกที่จะไม่บอกว่าตนอยู่ที่ไหน

   “…”

   ข้างเอรีสเงียบไปบ้าง อะไรต่างๆ ทั้งคำพูด ความรู้สึกต่างมันตีตื้นขึ้นมาเสียจนไม่รู้ว่าต้องพูดอะไรออกไปก่อน จะขอให้ปัถย์กลับมา ขอให้ปัถย์ให้โอกาส หรือบอกความรู้สึกส่วนลึกที่มี ก็ล้วนเปล่งออกไปเป็นคำไม่ได้ เหมือนกับว่าปากมันหนักลิ้นมันแข็งไปเสียงอย่างนั้น

   “...แค่นี้นะครับ”

   หลังจากวางสาย ปัถย์ก็เลือกที่จะเดินเข้าห้องแล้วโยนโทรศัพท์ไว้ที่มุมหนึ่งของเตียง แล้วไม่คิดหนกลับไปดูดำดูดีอีกครั้ง

   เห็นไหมๆๆๆๆ เขานี่แพ้ทางเอรีสของจริงเลย

   “บ้าเอ้ย! โว้ย”

   ปัถย์ก็ถึงกับสบถสาบานด่าตัวเองที่อดใจไม่ไหวเผลอรับสายเอรีสเข้าจนได้
   
      






++++++++++++++++++



   โรงแรม J จังหวัดกระบี่

   “ว่าไง ฟื้นจากความตายขึ้นมาแล้วก็ไฟแรงหรือไง” เอรีสหยอกเพื่อนรักแล้วก็ได้คำด่ามาแทนที่ จากการทักทายแบบแรงๆ แสดงได้ถึงความสนิทสนมที่ทั้งคู่มีต่อกัน

   “ไอ้นี่ นอกจากจะไม่สงสารเพื่อนแล้วยังจะมาปากหมาอีก” เจซีลูกครึ่งไทยอเมริกันผู้ที่นั่งอยู่บนรถเข็นทำหน้าบึ้ง ก่อนจะหยิบหมอนอิงที่อยู่ใกล้มือเหวี่ยงใส่เอรีสแรงๆ ใบหน้าหล่อเหลาแบบลูกผสมนิ่วหน้าอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์สักเท่าไร

   “หายแล้วสิ! ออกฤทธิ์ออกเดชได้ขนาดนี้ เออก็ดี มัวนอนขี้เกียจอยู่หลายเดือนหุ้นบริษัทร่วงระนาว ถ้ามีแรงก็ลุกขึ้นมาทำงานได้แล้ว สงสารไอ้อินมันทำงานเป็นบ้าเป็นหลังอยุ่คนเดียว เห็นไหมซูบเอาๆ ถ้าเลี้ยงมันให้ลำบากระวังนะ เดี๋ยวมันกลับไปดีกับแฟนเก่าอีกรอบ แล้วมึงจะเสียใจ”

   เอรีสหันไปมอง อิน ที่อยู่ข้างๆ รายนั้นคลี่ยิ้มอ่อน

   เหตุที่เอรีสต้องเดินทางมาถึงกระบี่เกิดจากที่เจซี เจ้าของโครงการประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อหลายเดือนก่อน โครงการอาคารตึกระฟ้ากลางกรุง มูลค่าหลายพันล้านนี้เป็นที่จับตามองในแวววงอสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้างจึงถูกพับเก็บไว้ชั่วคราว แต่ตอนนี้อาการของเจซีดีขึ้นมาก ทั้งคู่จึงถือโอกาสปรึกษาหารือและพูดคุยกันอีกครั้ง

   ด้วยเป็นโครงการใหญ่ กลุ่มลูกค้าที่เจซีเล็งไว้คือกลุ่มอภิมหาเศรษฐีจากตะวันออกกลางและยุโรปที่ต้องการเพนต์เฮาส์สุดหรูในมหานครกรุงเทพฯไว้สำหรับพักผ่อนหย่อนใจ เนื่องจากเขาและเจซีเป็นเพื่อนกันมานานอะไรๆ ก็คุยกันง่ายขึ้น แต่ธุรกิจก็คือธุรกิจ อย่างไรก็ตามเจซีก็ต้องรักษาผลประโยชน์ของตัวเองด้วยการหาคู่เปรียบเทียบในราคางานก่อสร้าง ซึ่งเอรีสก็พอจะเข้าใจและยินดีที่จะเข้าร่วมประมูลในช่องทางปกติโดยไม่ยอมใช้เส้นสาย

   “ลองไปสิ จะตามฆ่าทั้งคู่” เจซีพูดนิ่งๆ แต่แววตากลับเอาเรื่อง ดูก็รู้ว่าหวงแฟนตัวเองแค่ไหน ขนาดเพื่อนหยอกเล่นเจ้าตัวก็ควันออกหูเสียแล้ว

   “จะฆ่าเราเหรอ? พูดดีให้นะ ถ้าพูดไม่ดีจะหนีกลับกรุงเทพฯวันนี้เลย”

   อินได้ยินคำขู่แทนที่จะกลัว กลับยิ่งได้ทีแกล้งปั่นหัวอีกฝ่ายอย่างนึกสนุก เแถมยังกอดอกมองแฟนหนุ่มที่นั่งอยู่บนรถเข็นด้วยดวงตาดุๆ จนอีกฝ่ายถึงกับหน้าเสียไปในทันที

   “ไอ้ตริน มึง! เห็นไหมทะเลาะกันเลย” เจซีชักเสียงยิ่งดูหน้าง้ำกว่าเดิมอีกหลายเท่า

   “อะไร ไม่เกี่ยวกับกูเลย มึงหัวร้อนไปเอง หวงไม่เข้าเรื่อง”

   “ไว้ลองมีเมียเป็นของตัวเองก่อนเถอะ ถ้าไม่หวงหน้ามืดเหมือนกูให้ถีบ แล้วนี่...มึงมาคนเดียวเหรอ คุณปัถย์ล่ะ?”

   เจซีถามอย่างสงสัย ที่ผ่านมาที่ไหนมีเอรีส ตริน เบอร์ตัน ที่นั่นย่อมมีปัถย์เคียงข้างไปด้วยเสมอ แทบจะเรียกว่าเป็นเงาตามตัวก็ไม่ผิดนัก เขาเองยังนึกอิจฉาที่ปัถย์มีผู้ช่วยเก่งๆ ที่ทำอะไรก็คล่องก็รู้งานไปเสียหมด ที่มากกว่านั้นยังซื่อสัตย์และคอยเป็นหูเป็นตา เป็นขาเป็นแขนให้เอรีสไปในทุกๆเรื่อง

   “เขาลาออกไปแล้ว” เอรีสพูดนิ่งขรึม ท่าทางคุยหยอกเมื่อครู่เปลี่ยนไปทันตา

   เจซีรับฟัง ครั้นจะเอ่ยถ้ามก็เห็นสีหน้าไม่ใคร่สบอารมณ์ของเพื่อนก็เลยเก็บความอยากรู้อยากเห็นไปก่อน เดี๋ยวถ้าอยากเล่าเอรีสก็คงยอมเปิดปากเอง

   “มาเถอะ คุยเรื่องโปรเจคกันดีกว่า”

   “เออ ที่จริงมันก็ล่าช้าไปมากแล้ว ก็อยากจะเริ่มโครงการเร็วๆ ก็อยากเชิญมึงมาประกวดราคาด้วย”

   ทั้งเอรีสกับเจซีเข้าเรื่องธุรกิจกันในทันที นานกว่าชั่วโมงที่ทั้งคู่ต่างปรึกษาหารือ และสอบถามข้อมูลและเงื่อนไขต่างๆ แบบไม่ให้มีตกหล่น



   
   
   เอรีสเดินออกจากห้องรับรองแขกในเวลาห้าโมงเย็น โดยระหว่างนั้นฐิตินั่งรอผู้เป็นนายอยู่ที่ลอบบี้เพียงลำพัง เพียงเพราะเอรีสไม่ต้องการให้ผู้ช่วยคนนี้เข้ามาเกี่ยวข้องอย่างเต็มตัวกับโครงการที่เขากำลังจะเข้าร่วมประมูลสักเท่าไร

   จะว่าเพราะฐิติเป็นคนมาใหม่ก็เชิงเสียทีเดียว อย่างคราวปัถย์ก็หอบหิ้วไปคุยงานสำคัญๆ ด้วยแม้จะเพิ่งเริ่มเข้ามาทำงานเพียงสองวันแรก เจ้าตัวก็ยอมรับว่าคิดเปรียบเทียบฐิติกับปัถย์อยู่บ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเรื่องงาน เรื่องการพูดจา แม้กระทั่งการชงกาแฟเขาก็ยังเอามาเปรียบเทียบ

   คิดแล้วก็ขำ แต่พอคิดอีกทีก็เจ็บ...

   แต่พอลองได้จับผิดและเปรียบเทียบ เอรีสจึงรู้สึกว่าบางอย่างในตัวฐิติดูแปลก ทั้งสายตา แววตา และภาษากาย เซ้นท์ส่วนตัวบอกว่าไม่ควรไว้ใจผู้ช่วยคนนี้

   ไม่ใช่อคติ แต่เป็นสัญชาตญาณ

   ตัวอย่างเช่นวันก่อนตอนฐิติเข้ามารับเอกสารปิดผนึกเพื่อส่งราคาราคางานประมูล ตอนนั้นเองที่สัญชาตญาณของเขาตื่นตัวและบอกว่าห้ามไว้ใจคนนี้

   “เย็นแล้ว เดี๋ยวหาอะไรกินก่อนแล้วค่อยแยกกันไปพักก็แล้วกัน” ผู้เป็นเจ้านายเปรยขึ้นแล้วเก็บซองเอกสารไว้ในเสื้อสูทก่อนเดินนำหน้าไปก่อน



   ร้านอาหารริมทะเลที่มีบรรยากาศเรียบง่ายกับวิวสวยๆ ใกล้กับโรงแรมที่เอรีสพักและมีนัดเจซีไว้คือที่หมายของคนทั้งคู่
 
   ฐิติแจ้งกับพนักต้อนรับ และขอให้จัดโต๊ะที่สามารถเห็นวิวริมหาดได้ ช่วงค่ำแบบนี้มีนักท่องเที่ยวเยอะพอควร ทีโต๊ะต่างๆ เต็มเกือบหมด แต่ทั้งคู่ได้โต๊ะมุมสุดของร้านเป็นโต๊ะเล็กที่นั่งได้เพียงสองคน ดูสะอาดสะอ้าน มีดอกกล้วยไม้ใส่แก้วเล็กๆ ไว้เพื่อประดับให้ดูเจริญอาหาร

   เมื่อมาถึงโต๊ะเพียงชั่ววินาที สายตาของเอรีสก็สะดุดเข้ากับใครบางคน...

   เอรีสเห็นปัถย์มาแต่ไกล แม้อีกฝ่ายจะหันมาให้เห็นแม้เพียงด้านข้าง แต่เขาก็จำได้แม่นยำว่าใครคนนี้คือคนที่เขาเฝ้าคิดถึง

   สิ่งแรกที่เขาอยากทำคือเดินเข้าไปกอดให้หายคิดถึง อย่างที่สองคือจัดการคนใจดำที่ทิ้งเขาไปดื้อๆ ให้หนำใจ

   นอกจากไปไม่ลา ซ้ำหนักก็ไม่ยอมรับสายที่เขาเพียรโทรหาทุกวี่วันอย่างน่าโมโหนั่นอีก ความคิดถึงกับความดีใจของเอรีสก็ดูจะขุ่นมัวลง เมื่อคนที่เขาอยากเจอหน้าจนแทบใจจะขาดยังดูดีมีความสุขไม่ได้ดูซึมเศร้าหงอยเหงาอย่างที่เขากำลังทุรนทุรายอยู่แบบเขา

   “คุณเอรีสจะสั่งอาหารเลยไหมครับ”

   ฐิติเอ่ยถามเบาๆ เพราะเมื่อเมนูอาหารจากเด็กเสริฟมาวางตรงหน้า ผู้เป็นเจ้านายกลับไม่มีทีท่าว่าจะสนใจ ดูเหมือนเจ้าตัวกำลังมุ่งความสนใจไปที่มุมหนึ่งภายในร้าน เขาจึงมองตามสายตานั้นแล้วก็เห็นว่าอดีตผู้ช่วยของเอรีสกำลังนั่งกินอาหารอยู่โดยมีเพื่อนอีกสองคนร่วมโตะด้วย

   "สั่งของคุณเถอะ อยากกินอะไรก็ตามสบาย เสร็จแล้วก็กลับไปเลยนะไม่ต้องรอผม” เอรีสปฏิเสธอย่างไม่แยแส

   จากที่ว่าหิวๆ ก่อนหน้าเป็นอันว่าพับเก็บไป เพราะการเจอคนที่เฝ้าคิดถึงด้วยความบังเอิญ

   แถมความบังเอิญที่ว่ายังมีใครก็ไม่รู้อีกคนที่ส่งสายตาวาววับมาให้ปัถย์ด้วยนี่สิถือสิ่งที่เขาไม่ชอบใจสักเท่าไร

   คิดดังนั้นเอรีสลุกขึ้นในทันใด ปล่อยให้ฐิตินั่งงงอยู่ที่โต๊ะอาหารเพียงละพัง เขาเดินดิ่งตรงไปที่โต๊ะนั้นและทักปัถย์ด้วยน้ำเสียงสุขุมเป็นทางการ

   “ปัถย์”

   ปัถย์เงยหน้ามองอย่างตกใจ ไม่คิดว่าจะมาเจอเอรีสที่นี่ ถึงแม้จะรู้ตารางนัดของเอรีสกับมิสเตอร์เจซีแต่ก็คิดว่าคนระดับนี้คงจะไปกินอาหารร้านหรูมากกว่าร้านธรรมดาๆ ริมหาด

   “ขอคุยหน่อยได้ไหม"

   “เออ...” ปัถย์หันไปมองชลนทีและครรชิต รู้สึกกระอักกระอ่วนใจไม่น้อยเพราะรู้ดีว่าเอรีสอาจไม่ใคร่ใจเย็นสักเท่าไร

   เอรีสเร่งรัดทางสายตา ไม่ยอมให้อีกฝ่ายบ่ายเบี่ยงหรือหลบเลี่ยงง่ายๆ อย่างแน่นอน

   “ขอตัวแป๊บนะ” ปัถย์เอ่ยเบาๆ ก่อนจะขอตัวลุกขึ้น

   “บอกเพื่อนไปว่าจะไปส่ง ไม่ต้องรอ” เอรีสขยับเข้าหาก่อนพำพำข้างหู พอปัถย์จะแย้งก็เจอสายตาดุๆ ส่งมาแทนที่

   คนที่พยายามหนีการติดต่อมาตลอดก็หวั่นๆ ว่าเอรีสจะของขึ้น แล้วบอกกับเพื่อนและรุ่นพี่เบาๆ สีหน้าก็ดูเกรงใจและปั้นยาก

   “เดี๋ยวผมกลับเองนะ พี่คิวกลับกับไอ้ทีไปก่อนได้เลยครับ เดี๋ยวผมเดินกลับเองใกล้ๆ”

   “เดี๋ยวพี่กับทีรอ ไม่เป็นไรตามสบาย” ครรชิตรีบบอก

   “ไม่เป็นไรครับพี่คิว คุณเอรีสคงจะมีธุระสำคัญ”

   “โอเค เอาตามนั้นก็ได้” ชลนทีพูดขึ้นบ้าง เห็นท่าแล้วว่าเพื่อนน่าจะมีเรื่องคุยกับอดีตเจ้านายอีกนานแน่นอน



   ทั้งคู่เดินเลี่ยงออกจากร้านไปยังชายหาดที่สงบเงียบ เสียงดนตรีคลอเบาลงจนเกือบนิ่งสนิททั้งคู่จึงหยุดเดินและยืนห่างกันราวสองเมตร

   ปัถย์มองไปที่ร่างสูงในชุดเรียบง่ายด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวเปิดกระดุมสามเม็ดกับกางเกงสีดำเนื้อดีทำให้เอรีสในมาดนักธุรกิจหนุ่มพันล้านกลายเป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์ไปในพริบตา

   ปัถย์ไม่ได้แสดงอาการรังเกียจหรือเดินหนีอย่างที่เอรีสกังวลไว้แต่แรก เจ้าตัวเพียงแค่ยอมออกมาคุยแบบคนโตๆ ที่มีเหตุผล

   “บังเอิญดีนะ ว่าไหม”

   ใช่สิ มันเป็นความบังเอิญที่น่าโมโห

   “…”

   ปัถย์นิ่งเงียบ ทำแค่เพียงยืนนิ่งมองออกไปจนสุดลูกหูลูกตา เสียงคลื่นซัดชายฝั่งเป็นระยะช่วยให้บรรยากาศของคนทั้งคู่ไม่เงียบเกินไปนัก กว่าห้านาทีที่ทั้งสองคนยืนเคียงข้างกันโดยไร้บทสนทนา เอรีสมองใบหน้าปัถย์ด้วยอารมณ์ที่ดีขึ้นกว่าเดิมมาก

   “เพื่อนที่ว่า ชลนที?" เอรีสไม่ปิดบังดวงตาคู่คมเขาจงใจจ้องอีกฝ่ายด้วยความโหยหา

   “ใช่ครับ ทีทำงานอยู่ที่นี่" ปัถย์อธิบายเสริมอีกนิด แต่ยังคงรักษาระยะไว้ ท่าทางดูเหินห่างกว่าที่ควรจะเป็น

   "ทำไมถึงติดต่อไม่ได้" เสียงที่ราบเรียบที่แฝงการตัดพ้อ ใบหน้าที่เคยดุดันมีแววสลดอยู่นิดๆ ถ้าจะลองสังเกตให้ดี “ข้อความก็ถามคำตอบคำ ใจคอไม่คิดจะติดต่อกันอีกแล้ว? จะตัดขาดกันไปเลยจริงๆ สินะ”

   หลังจากคืนก่อน ปัถย์ก็ไม่ได้รับสายอีก มีเพียงตอบข้อความไปสั้นๆ บ้างแค่สองสามครั้ง

   "ผมขอโทษ ที่ไม่รับโทรศัพท์เพราะยังไม่อยากทะเลาะกับคุณ"

   ปัถย์พูดตรงๆ เพราะรู้นิสัยเอาแต่ใจของเอรีสดีว่าหากรับก็คงได้โต้เถียงกันอีกยาว

   “ทำไมไม่คิดบ้างว่าฉันอาจมีเรื่องด่วน บางทีอาจใกล้ตายรอให้นายมาพาส่งหมอ มันอาจเป็นลมหายใจเฮือกสุดท้ายก็ได้” เอรีสพูดติดประชด แต่น้ำเสียงก็ไม่ได้ถึงขึ้นโมโหแบบจริงๆ จังๆ อะไร

   “คุณก็พูดไปเรื่อย ถ้าเป็นถึงขนาดนั้นจริงคุณคงไม่ปล่อยให้ตัวเองตายหรอกจริงไหม ไอ้ลมหายใจเฮือกสุดท้ายมันมีแค่ในหนังจีนกำลังภายใน” ปัถย์พูดอย่างอ่อนใจ ก็ดูเปรียบเทียบไปเสียโอเวอร์ไป แต่ฟังๆ แล้วก็เผลออมยิ้ม

   “สนุกไหม หนีมาเที่ยวแล้วปล่อยให้คนเป็นบ้าเน่ะ”

   “ไม่สนุกครับ แต่สบายใจกว่าต้องปั้นหน้าขึงขังแล้วเถียงกันทั้งวัน”

   “เวลาไม่เจอกันแล้วนายสบายใจ? ไม่คิดถึงเวลาที่ไม่เจอกันเลยหรือไง”

   “…”

   “แต่ฉันไม่สบายใจเลย ไม่มีนายอะไรรอบตัวฉันมันยุ่งเหยิงไปหมด” เอรีสบอกตามที่รู้สึก เจ้าตัวไม่รู้หรอกว่าปัถย์ฟังแล้วจะสงสารหรือสมเพชเขากันแน่ ก็คนที่เคยถูกปัถย์สปอยอย่างเขามีหรือจะทำตัวให้ชินเวลาที่อีกฝ่ายหายไป

   “อีกเดี๋ยวคุณก็ชิน”

   “สามปีที่มีนายคือสิ่งที่ฉันชิน” เอรีสล้วงกระเป๋ากางเกงพูดจบก็หันมาสบตาที่สวมแว่นอยู่ของปัถย์ “แต่ไม่กี่วันที่ไม่มีนายมันกำลังทำให้ฉันเครียดแทบบ้า”

   ปัถย์ฟังเงียบๆ และเริ่มเปลี่ยนเรื่องสนทนาไม่ให้ดูเป็นเรื่องส่วนตัวมากนัก ยิ่งเอรีสพูดเข้าเรื่องส่วนตัวมากเท่าไร ปัถย์ก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองเจ็บปวดไม่แพ้กัน

   “งานเป็นยังไงบ้างครับ โครงการคอมเพล็กซ์xxx ส่งราคาไปแล้วใช่ไหมครับ มีอะไรติดขัดหรือเปล่าผมเห็นราคาคอสมันสูงเลยให้เขาปรับลงมาอีก ซับคอนแทกซ์ของเราราคายังสูงอยู่ผมลองต่อรองไปนะครับ อะไรที่พอลดได้ผมก็ให้ลด เพราะถ้ายืนราคาเก่าผมว่าคู่แข่งคงได้ไป” ปัถย์อดไม่ได้ที่จะถาม ก็ตอนที่เขาออกมาเขาทำเรื่องนี้ค้างไว้อยู่เลยนึกเป็นห่วงอย่างช่วยไม่ได้

   เอรีสที่ได้ฟังแล้วก็รู้สึกดี ยังไงๆ ปัถย์ก็ยังคงเป็นห่วงและรักษาผลประโยชน์ให้เขาอย่างเสมอต้นเสมอปลายเงินสักบาทถ้าลองเป็นของเขาปัถย์ไม่มีวันยอมให้กระเด็นออกจากกระเป๋าถ้าไม่ใช่รายจ่ายที่สมควรจะจ่าย

   “ส่งราคาไปแล้ว”

   “ออ ครับ”

   “ฉันไม่ได้หวังกับงานนี้”

   “ทำไมล่ะครับ มีอะไรติดขัด? ราคาที่ผมเบรคดาวออกมาแล้วลดลงได้อีกสิบเปอร์เซ็นเลยนะครับ” ปัถย์ไม่สบายใจ เขาไม่อยากให้เอรีสเสียผลประโยชน์ในทุกๆ เรื่อง

   เมื่อเห็นสีหน้าผู้ช่วยคนเก่งที่ดูเป็นเดือดเป็นร้อนเอรีสจึงอธิบายเพิ่มเติม เขาไม่อยากให้ปัถย์คิดมากถ้าเขาจะไม่ได้งานนี้
   “ก็ไม่ได้อยากได้งานนี้แต่แรกแล้ว”

   “มูลค่าสูงนะครับ”

   “ก็นายบอกว่าไม่ดีฉันก็เลยไม่เอา”

   “ไม่เห็นต้องทำแบบนี้เลย เสียโอกาสทางธุรกิจของบริษัทเปล่าๆ”

   “ฉันไม่ได้เห็นแก่เงินขนาดนั้นนะ ถ้านายบอกไม่อยากทำฉันก็ตามใจนาย” แววตาของเอรีสที่ส่งมาทำให้ปัถย์เจ็บปวด เอรีสจะมาฟังเขาทุกอย่างเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้แล้ว แล้วเขาก็ไม่มีหน้าที่ดูแลความเป็นไปในชีวิตของเอรีสอีกแล้ว

   “…”

   “พักที่ไหน”

   “ใกล้ๆ ครับ”

   “กลับยังไง”

   “เดินไปได้ครับ ไม่ไกล”

   “จะเดินไปส่ง” เอรีสเสนอตัว แถมยังดันหลังปัถย์ให้เดินไปข้างหน้า

   “แล้วคุณฐิติล่ะครับ”

   ปัถย์หันมาถาม ชำเลือมองแขนข้างหนึ่งของเอรีสที่พสดวางอยู่บนบ่าแล้วพยายามขืนตัวออก

   “เขากลับเองได้ ไม่ต้องห่วงหรอก” พูดจบก็พากันเดินไปเรื่อยๆ จากชายหาดสู่ถนนเล็กๆ ที่เชื่อมต่อกับโรงแรมขนาดกลางที่ปัถย์พักอยู่

   “คนนั้นใคร?”

   จนแล้วจนรอดเอรีสก็ปล่อยความสงสัยไว้ไม่ได้ เลยถามออกไปเพราะขืนไม่พูดวันนี้นอนไม่หลับแน่ เขาไม่ใช่คนขี้หึงแบบไม่ลืมหูลืมตา แต่ก็ต้องบอกว่าหวงของอยู่ไม่หยอก ไอ้จะมาสนิทสนมแบบเพื่อนอะไรก็ได้ แต่ถ้าจะมาตั้งใจหว่านเสน่ห์ใส่ก็จะไม่ยอมหรอก

   “…รุ่นพี่น่ะครับ เป็นเจ้านายของทีด้วย”

   “เขาชอบนาย? ถ้ามองจากสายตากับท่าทาง ฉันไม่คิดว่าจะดูผิดนะ” สายตาเฉรยบคมกับความโชกโชนของเขาบอกในทันที

   ก็ดูแววตานั้นสิ

   ฮึ! ถ้าบอกไม่คิดอะไรก็ดูจะโลกสวยไปหน่อย นี่ถ้าไม่มีชลนทีอยู่ด้วยเขาคงจะคิดว่าปัถย์แอบหนีมาเที่ยวกับมันสองคน แล้วเขาอาจจะทำอะไรบ้าๆ ก็ได้

   “คง... เคยชอบมั้งครับ”

   ปัถย์ไม่เห็นประโยชน์ที่จะโกหก แต่ก็กึงรับกึ่งสู้ไม่อยากบอกว่าที่จริงครรชิตก็ยังแน่วแน่จะจีบตนตอไป

   “ว่าแล้วเชียว” เสียงเอรีสขึ้นจมูก นึกหวงขึ้นมาทันทีทันใดแต่ก็ไม่ได้โกรธคนตัวบางข้างๆ เพราะปัถย์ไม่ใช่พวกโลเลหรือชอบเล่นกับความสัมพันธ์ฉาบฉวย

   ปัถย์ขยับตัวออกจากวงแขนอีกฝ่ายที่พยายามกอดคอเขาไว้ แล้วเดินห่างไปอีกสองก้าวให้มีช่องว่างมากกว่าเก่า

   “ก็แค่รุ่นพี่ครับ” เจ้าตัวรีบย้ำอีกรอบไม่รู้ทำไมถึงไม่อยากให้เขาเข้าใจผิด

   “ช่างเถอะ แค่นายไม่ได้ชอบเขาก็พอ กับธีรนัยยังติดต่อกันหรือเปล่า”

   คำถามหลังเอรีสเสียงเข้มขึ้น เขาหยุดฝีเท้าแล้วหันมามองอีกฝ่ายอย่างจริงจัง ปัถย์เองก็ชะงักเท้าตาม อดไม่ได้ที่จะเอียงคอแสดงสีหน้าสงสัย และครั้งนี้เขาเลือกที่จะถามไปตรงๆ อย่างที่สงสัยมานานแสนนาน

   “พวกคุณมีอะไรกันครับ ผมไม่คิดว่าการที่คุณเกลียดคุณธีร์ออกนอกหน้าขนาดนั้นจะเป็นเพราะเรื่องขัดแย้งกันเล็กๆ น้อยๆ ผมผมทีครับผมอยากรู้”

   “นายรู้แค่ว่าไอ้ธีร์มันไม่ใช่คนดีเหมือนภาพที่มันสร้างก็พอ อย่าไว้ใจมัน คนอย่างมันแว้งกัดได้ทุกคน ไม่มีคำว่าญาติหรือเพื่อน จะมีก็แต่ความเห็นแก่ตัว เอาแต่ได้”

   “ผมยังไม่เข้าใจอยู่ดี”

   ในเมื่อเอรีสไม่ได้ขยายความหรืออธิบายอะไรๆ ให้กระจ่าง ปัถย์ก็เลยรู้สึกว่าตัวเองเลือกทางเดินไม่ถูก แม้เขาจะบอกตัดความสัมพันธ์กับธีรนัยไปแล้ว แต่ความเป็นเพื่อนก็ยังคงหลงเหลือมันจะตัดขาดโดยไม่เหลืออะไรไว้เลยก็ไม่น่าจะใช่

   “ไม่ต้องเข้าใจปัถย์ นายแค่เชื่อใจฉันก็พอ”

   “ผม... ไม่รู้ว่าเชื่อคุณได้ไหม”

   “เชื่อได้สิ นายเชื่อใจฉันได้ ฉันไม่เคยคิดทำร้ายนาย ไม่เคยสักครั้ง”

   “ครับ” แม้ปัถย์จะขานรับคำ แต่ในใจของเขากลับรู้สึกย่ำแย่เลวร้าย อารมณ์ด้านลบทำให้ใบหน้าหล่อเหลาดูหม่นหมองลงไปถนัดตา

   “ให้โอกาสฉัน”

   “…”
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH12 20/2/61
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 20-02-2018 14:20:42
จะใจอ่อนแล้วเหรอ
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH12 20/2/61
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 20-02-2018 14:27:43
ฐิติกับธีรนัยคือคนที่ร่วมมือกันสินะ หวังว่าเอรีสจะรู้ตัวก่อนโดนหักหลังนะ
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH12 20/2/61
เริ่มหัวข้อโดย: sompong ที่ 20-02-2018 16:37:04
ยังไงดี สั่งสอนสักหน่อยจะได้สพนึกนะ 55
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH12 20/2/61
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 20-02-2018 16:55:24
มีต่ออีกไหมเนี่ย!?
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH12 20/2/61
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 20-02-2018 18:03:21
ลุ้น  สงสารเอรีสมากกกก
ปัถย์  ใจอ่อนเถอะนะ
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH12 20/2/61
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 20-02-2018 19:12:51
ให้โอกาสเถอะ plssssssss  :L2:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH12 20/2/61
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 20-02-2018 19:31:23
 :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH12 20/2/61
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 20-02-2018 21:06:23
เอรีสก็เริ่มเอะใจกับคุณผู้ช่วยคนใหม่แล้ว หวังว่าจะจัดการอะไรๆ ได้ก่อนที่จะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นจริงๆนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH12 20/2/61
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 20-02-2018 22:43:10
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH12 20/2/61
เริ่มหัวข้อโดย: masochism2018 ที่ 20-02-2018 23:13:26
ปัถย์เย็นชามากเว่อ  :katai3:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH12 20/2/61
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 20-02-2018 23:55:39
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH12 20/2/61
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 21-02-2018 00:39:37
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH12 20/2/61
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 21-02-2018 01:16:30
หันไปจัดการสายลับของบริษัทตัวเองก่อนดีไหม  :hao3:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH12 20/2/61
เริ่มหัวข้อโดย: memozy ที่ 21-02-2018 09:40:21
รออยู่นะ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH12 20/2/61
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 22-02-2018 01:32:39
เริ่มสงสารเอรีสละ
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH12 20/2/61
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 23-02-2018 04:55:04
 :mew4:ฮืออออออออ เอรีสรีบเปิดใจคุยเถอะก่อนปัตถ์จะตัดใจ
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH12 20/2/61
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 23-02-2018 08:15:21
 :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH12 20/2/61
เริ่มหัวข้อโดย: armize ที่ 23-02-2018 10:49:51
ตามตาม
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH12 20/2/61
เริ่มหัวข้อโดย: didididia ที่ 23-02-2018 14:04:34
 :katai1::katai1:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH12 20/2/61
เริ่มหัวข้อโดย: joborcusier ที่ 02-03-2018 06:03:37
 :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH12 20/2/61
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 02-03-2018 17:22:46
รอนะค้าาา สู้ๆน้า :mew1:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH12 20/2/61
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 04-03-2018 14:00:46
 :mew6: รอออออออ
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH12 20/2/61
เริ่มหัวข้อโดย: sompong ที่ 04-03-2018 16:41:34
ไปไหนหนอ เรารอเธออยู่นะจ๊ะ  คริคริ
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH13 5/3/61
เริ่มหัวข้อโดย: anin ที่ 05-03-2018 12:07:04
Chapter 13


   ข้างฐิติที่ถูกทิ้งไว้ที่ร้านอาหารเพียงลำพังทั้งโมโหแล้วก็ไม่พอใจ คนงี่เง่าแบบเอรีสที่ทั้งเอาใจยากแถมถืออำนาจและสั่งเป็นนิสัย แต่เรื่องที่ขัดใจฐิติมากที่สุดคงเป็นเรื่องที่เอรีสไม่ยอมให้เขาเข้าไปร่วใวงสนทนากับมิสเตอร์เจซีนี่ล่ะ ไม่รู้ว่าทั้งคู่พูดคุยอะไรไปถึงไหนแล้ว

    คิดได้ดังนั้นฐิติจึงหยิบโทรศัพท์เพื่อโทรหาคนที่เขาคิดถึง แต่ไม่ว่าจะโทรหาเท่าไรปลายสายก็ไม่มีทีท่าว่าจะรับ ความหงุดหงิดจากเรื่องาน กำลังถูกเพิ่มเติมมาเป็นความหงุดหงิดจากคนรักด้วยยิ่งทำให้ฐิติใกล้ถึงจุดเดือดเข้าไปใหญ่

    นานนับสิบนาทีกว่าที่อีกฝ่ายจะโทรกลับ

    “ทำไมไม่รับโทรศัพท์ครับ อยู่กับใคร” พออีกฝ่ายโทรกลับมาเจ้าตัวก็ส่งสัญญาณความไม่พอใจกลับไปในทันที

    “ผมอาบน้ำอยู่ ขอโทษนะ”

    เสียงนุ่มหวานหูส่งกลับมาไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกดีเลย เพราะเท่าที่รู้นิสัยของแฟนหนุ่มมันชวนมีเรื่องให้ระแวงใจโดยตลอด มีหลายครั้งที่เขานอกใจจนถูกจับได้ หลังๆ เข้าเจ้าตัวเลยไม่นึกไว้อกไว้ใจผู้เป็นคนรักสักเท่าไร

    “อาบน้ำจริงหรือเปล่า วีดีโอคอลเลยครับ ผมอยากเห็น”

   “ตอนนี้เหรอ” ปลายสายร้องเสียงหลง แต่ยิ่งอีกฝั่งอิดออดเท่าไร คนที่ร้อนใจก็ยิ่งไม่ยอมอ่อนข้อให้โดยง่ายอยู่ดี

   “ใช่ ตอนนี้เลยครับ หรือว่าคุณคอลไม่ได้ครับ ทำไมครับ ไม่สะดวกเพราะอยู่กับใครหรือไงครับ”

    “โอ๋ๆๆๆ คนดีของผมงอนอีกแล้ว ไม่เอานะครับผมอาบน้ำอยู่จริงๆ”

   “ถ้าอย่างนั้นเปิดกล้องครับ” ฐิติยังคงทำเสียงดุใส่

    “ได้สิครับ” อีกฝ่ายเปิดกล้อง ภาพเปลือยอกของฝ่ายนั้นจึงปรากฏให้เห็นในสายตา ไม่พอยังไล่กล้องไปด้านหลังห้องตนเองโดยทั่วเพื่อให้อีกฝ่างพอใจ “เชื่อหรือยังครับ เห็นไหม บอกแล้วว่าอยู่คนเดียว”

    “ก็ดีแล้วครับที่อยู่คนเดียว” เสียงนั้นอ่อนลง สีหน้าบึ้งตึงเอาเรื่องเมื่อครู่ดีขึ้นตามลำดับ

    “กินข้าวหรือยังคนดี กินกับอะไรครับ”

    “เพิ่งกินเสร็จครับ แล้วก็เพิ่งกลับมาถึงห้อง

   “อร่อยไหม”

   “อาหารที่นี่ก็ใช้ได้ แต่น่าโมโหไปสักหน่อยที่ถูกทิ้งไว้ให้กินคนเดียว”

    “แล้วเจ้านายล่ะ”

    “ทิ้งผมทันทีที่เจอเลขาเก่า น่าโมโหเป็นบ้าเลย ผมไม่เคยเจอใครน่าโมโหแบบนี้มาก่อน ถ้าไม่ติดว่าหล่อแล้วก็รวย ผมว่าคงไม่มีใครอยากอยู่ใกล้ด้วยแน่ๆ”

    “หืม เจอกันที่นั่นเหรอ” อีกฝ่ายทำสีหน้าสงสัย แล้วถามอย่างครุ่นคิด

    “ใช่ครับ บังเอิญน่าดู พอเอรีสเห็นปุ๊ปก็ลุกพรวดพราดออกไปเลย ทิ้งผมให้ต้องกลับโรงแรมคนเดียว ไม่มีมารยาท”

    “ปัถย์มาทำอะไร คุณรู้ไหม”

    “ผมไม่แน่ใจครับ แต่รู้สึกว่าเขามากับเพื่อน”

    “แล้วเรื่องที่ไปคุยกันวันนี้ล่ะ คุณพอจะได้อะไรมาบ้างไหม”

    “ไม่เลยครับ เขาไม่ยอมให้ผมเข้าไปคุย ปล่อยให้ผมรออยู่ด้านนอกเป็นั่วโมง ดูแล้วน่าจะเป็นเรื่องที่สำคัญพอดู” ฐิติอธิบายตามความจริง

    “แล้วเอกสารล่ะ คุณพอจะได้เห็นบ้างไหม”

    “ไม่เลยครับ เขาเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อนอก แต่คุณไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ผมจะลองหาวิธีดูก่อนว่าจะเอาข้อมูลมาได้ยังไง”

    ฐิติยังคงพูดให้ฝ่ายแฟนหนุ่มเบาใจ ยังไงเสียเขาก็จะไม่ยอมมาที่นี่แล้วเสียเที่ยวโดยไม่ได้ข้อมูลอะไรไปแน่

    “โครงการนี้สำคัญมานะ ผมอยากได้โครงการนี้ด้วย”

    “ผมจะช่วยคุณเองครับ คุณเชื่อใจผมได้”

    “ผมเชื่อใจคุณเสมอ” ฝ่ายนั้นพูดเอาใจ “พักผ่อนเถอะ คุณเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”

    “คุณเองก็พักผ่อนเยอะๆ นะครับ แล้วก็อย่าออกไปเที่ยวนะครับ”

   “ไม่ไปครับ”
   






{ปัถย์}

    “ให้โอกาสฉัน”

    “…”

    สิ่งที่ได้ยินกลับทำให้ผมรู้สึกถึงความไม่มั่นคง... ทั้งไม่มั่นคงทางอารมณ์ ความนึกคิด และการตัดสินใจ

   สติและสมองบอกว่า ‘อย่าเชียวนะ’ แต่หัวใจของผมกลับร่ำร้อง เพรียกหา เต้นเร่าๆ อยากโผเข้าใส่ ส่วนลึกที่ผมพยายามซุกซ่อนไว้ คือ...ขอให้เขารักผม ให้เขาต้องการเพียงผม และขอให้เขามีเพียงผม...

   ถึงที่สุดแล้วคนที่เป็น Loser ตัวจริงก็ยังคงเป็นผมอยู่วันยันค่ำ แม้เอรีสจะเป็นคนที่เปล่งวาจาเว้าวอน แต่คนที่ต้องการร้องขอความเห็นใจมันกลับกลายเป็นผมเอง

   ดูเถอะ ใครกันแน่ที่ต้องการความเมตตา เอรีสหรือว่าผม?

 เมื่อได้เห็นสีหน้าอมทุกข์ของเอรีส หัวใจบางๆ ของผมก็เจ็บร้าวไม่ต่างกัน แม้ความโดดเดี่ยวที่ผ่านมาในชีวิตจะหล่อหลอมให้ผมกล้าแกร่งยามต้องเผชิญหน้ากับความทุกข์หรือความผิดหวัง แต่ในยามที่เห็นดวงตาไร้ซึ่งความสุขขเองเอรีสผมกลับเหมือนตัวเองใกล้แหลกละเอียดเป็นผุยผงเสียให้ได้

 ผมไม่รู้ว่าการโอกาสมันจะดีต่อเราทั้งคู่ไหม หรือจะเป็นแค่การประวิงเวลาแห่งการสูญเสียให้ทอดยาวออกไป ตั้งคำถามกับตัวเองอยู่ตลอดว่าจะมีวันนั้นจริงหรือ จะมีโอกาสแบบนั้นจริงๆ?

   ทั้งที่ผมเฝ้ารักเอรีสมาก็หลายปี เห็นในทุกๆ รายละเอียดความสัมพันธ์ก็เรียกได้ว่าเกือบทุกครั้ง สุดท้ายคนที่เอรีสรักใคร่ใยดีจริงจังไม่เคยปรากฏให้เห็นเป็นตัวเป็นตน

    “คุณจริงจัง? ที่คุณต้องการคือตัวตนที่เป็นผม... หรือผู้ช่วยคนเดิมที่รู้งาน คนที่ทำงานรู้ใจคุณทุกอย่าง”

   คำถามนี้ผุดขึ้นมาเป็นอันดับแรก หากว่าผมไม่ได้ถามออกไป ผมคงค้างคาใจไปตลอดชีวิต

   “ทุกอย่าง...” เอรีสตอบกลับมาแบบไม่อ้อมค้อม


    “…”

    “ฉันเป็นคนเห็นแก่ตัว เป็นคนโลภ อยากได้ไปหมดทุกอย่าง จะผู้ช่วยคนเดิมที่รู้ใจรู้งาน เพื่อนกินข้าว คนที่นั่งรถไปไหนมาไหนด้วยกัน คนคุยตอนรถติด หรือแม้แต่กระทั่งคนที่อยู่ข้างๆกันในวันที่ฉันไม่มีใคร... แล้วเมื่อไม่นานที่ผ่านมา ฉันก็รู้ว่าฉันอยากตื่นตอนเช้าแล้วเจอนาย นั่นคือทั้งหมดที่ฉันอยากจะได้”

    เอรีสตอบกลับมาแบบที่ไม่มีความลังเล ดวงตาที่มุ่งมั่นของเขาทำให้ความแห้งแล้งในจิตใจของผมมีชีวิตชีวาขึ้น

    “คุณเรียกร้องจากผมเยอะมาก”

   “ก็ใช่ ถ้าทุกอย่างที่เป็นนาย ฉันก็ยากได้มันทั้งหมด”

   “แล้วถ้าผมให้สิ่งนั้นกับคุณไม่ได้”

   “ฉันก็จะไม่ยอมแพ้ แต่ฉันไม่ได้ทำเพราะอยากเอาชนะหรอกนะ ฉันแค่อยากมีนาย ฉันแค่อยากซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตัวเองให้มากๆ ไม่อยากห่างจากนายอีกแล้ว อยากบอกว่าเสียใจที่ตลอดเวลาผ่านมาฉันไม่ได้ใส่ใจ...เรื่องระหว่าเรา”    ดวงตาเอรีสบ่งบอกว่าเขารู้สึกแย่จริงๆ

   “ไม่ใช่ไม่ใส่ใจ แต่สายตาของคุณมัวแต่มองคนอื่นอยู่”

   “ก็เพิ่งมารู้ว่าตัวเองบางทีก็โง่เหมือนกัน แก้ตัวตอนนี้คงไม่ทันแล้วใช่ไหม”

    “หึหึ” ผมหัวเราะ “คุณก็ไม่ได้ผิดอะไร คุณแค่เป็นในแบบที่เคยเป็นมาตลอด”

    “นี่ไง ขอโอกาสอยู่เนี่ย เราได้ลองเรียนรู้กันได้ไหม ไม่ใช่แค่เจ้านายหรือลูกน้อง”

   “แต่ก็ยังไม่ใช่คนรัก?”

 ผมรู้ว่าเอรีสไม่พร้อมจะลงหลักปักฐานกับใครจริงๆ เขาไม่เคยมีความสัมพันธ์แบบคู่รักกับใคร จะมีก็แค่คู่เดทที่ข้ามผ่านไปจบด้วยการเป็นคู่นอน

    “คุณจะต้องการผมอีกนานแค่ไหนครับ ที่ผ่านมาคุณคบใครก็ไม่เคยเกินครึ่งปี”

   “ทำไมไม่คิดบ้างว่ายังไม่เจอคนที่ใช่” เสียงนั้นเบา หากจริงจังและแน่วแน่

   ผมมองสีหน้าและแววตาสำนึกผิดของอีกฝ่าย แต่ใช่ว่าเอรีสจะดูหมอบราบคาบแก้วเสียทีเดียว ยังไงเสือก็คือเสือ เพราะท่าทางผึ่งผายองอาจในตัวเขายังข่มขวัญความตั้งใจจริงของผมได้

    “แล้วถ้าผมเองก็ยังไม่ใช่ล่ะ ระหว่างเรา... ก็จะเหมือนอย่างที่คุณเคยเบื่อคนที่ผ่านๆ มาแบบนั้นหรือเปล่า”

    “อย่าเพิ่งรีบด่วนตัดสินฉันจะได้ไหม อดีตย้อนกลับมาไม่ได้หรอกนะ แต่ถ้านายให็ฉันได้แก้ตัว... ฉันจะทำทุกอย่างให้ดีสำหรับเรา”

   เอรีสขยับรุกไล่เข้ามา เราทั้งคู่ห่างกันไม่มาก กลิ่นน้ำหอมอันคุ้นเคยลอยผ่านปลายจมูก ฝ่ามือหน่ของเอรีสจับข้อมือของผมไว้ข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างก็รั้งต้นคอผมไว้เพื่อไม่ให้ผมถอยหนี ใบหน้าคมเข้มและแววตาเป็นประกายตรึงผมไว้กับที่ โสตประสาททั้งหมดของผมเปิดการรับรู้ หัวใจผมเต้นตึกตัก มันสั่นสะท้านรุนแรง มือเริ่มชื้นเหงื่อทว่ากลับเย็นเฉียบ ร่างกายผมแข็งทื่อเหมือนท่อนไม้ จะถอยหนีก็ไม่กล้า จะขยับเข้าหาก็ไม่ได้

   เราสบตากัน ผมพยายามอ่านความคิดในใจของอีกฝ่ายให้ถ่องแท้ไปถึงภายใน ซึ่งไม่ต่างจากเอรีสเลยที่จับจ้องมาที่ผม จนแทบจะกลืนกิน ลมหายใจของเขาเป่ารดอยู่ที่ข้างกระหม่อม เสียงคลื่นซัดชายฝั่งจากไกลๆ เหมือนเพลงขับกล่อมระหว่างที่เรากำลังสนทนากันอยู่ มือของเอรีสไล่จากต้นคอระหัวแม่งโป้งกับสันกรามของผม นิ้วมืออุ่นปัดผ่านหนักสลับเบาสอดคล้องกับเสียงซัดฝั่งของเกลียวคลื่น แม้จะเป็นการแตะต้องเพียงน้อยนิดเพียงปลายนิ้วสัมผัสแต่ก็ทำให้หัวใจของผมเต้นแรง เลือดในการอุ่นซ่านจนแทบเดือด

   เพียงชั่ววินาทีริมฝีปากหนาก็บดเบียดลงที่ริมฝีปากของผม แต่แทนที่ที่จะผลักเขาออกไป ผมกลับยอมให้เอรีสไล้ปลายลิ้นกับปากที่ปิดสนิทอย่างใจเย็นไม่เร่งรีบอะไร ปลายลิ้นอุ่นเริ่มแทรกผ่านเข้ามาทีละน้อยจนจากจูบที่เย้าแหย่งบางเบาเมื่อครู่เริ่มเร่าร้อนและเรียกร้องตามลำดับเพราะความโหยหาและคิดถึง

   กระทั่งจุมพิตที่ยาวนานนับสิบนาทีถูกขัดจังหวะจากแสงไฟของรถที่ขับผ่านเข้ามา ผมผละออกแต่เอรีสยังคงรัดวงแขนไว้แน่นไม่ยอมให้ผมขยับออกได้ง่ายๆ เขายิ้มอ่อนโยนให้พร้อมกับดวงตาที่ทำให้ผมแทบจะใจอ่อนในทันที

    “ผมต้องการเวลาครับ”

   “นานแค่ไหน” เสียงนั้นอ้อยอิ่ง ริมฝีปากที่ทาบประกบเมื่อครู่ยังไม่ยอมผละออกไปง่ายๆ

   “ผมไม่รู้”

   “…พรุ่งนี้มาเอาคำตอบ”

   “ไม่เร็วขนาดนั้นครับ”

   “สองวัน” เอรีสไล่ริมฝีปากมาที่กรามของผม เคราที่เริ่มขึ้นใหม่ของเขากำลังทำให้ผมจักจี้

   “สองเดือนครับ ผมขอเวลาสองเดือน”

   “นานไป รอขนาดนั้นไม่ได้หรอก”

   “ก็ไม่ต้องรอครับ”

   “เฮ้อ!” เอรีสถอนใจแล้วเม้มเบาๆ ทีหนึ่งที่ต้นคอของผม เล่นเอาผมสะดุ้งเพราะไม่ทันตั้งตัว “เดือนเดียว แล้วจะมาทวงคำตอบ แต่ระหว่างนั้นขอร้องว่าอย่าเงียบหายไป แล้วก็อย่า... ไปมีคนอื่น”

   “…” ผมเงยหน้ามองเขา เห็นดวงตาหวานเชื่อมที่พาลให้ใจละลาย

   “รับปากสิ”

   “ครับ”

   “นี่ก็ดึกแล้ว คุณควรกลับโรงแรมไปพักผ่อน”

    ผมรีบตัดบท เมื่อหัวใจส่งสัญญาณเตือนว่ากำลังอยู่สภาวะอันตราย...

    สุ่มเสี่ยงที่จะเสียหัวใจง่ายๆ ไปอีกครั้ง

   “นึกว่าจะชวนให้ไปหาอะไรดื่มบนห้องเสียอีก”

   “…” ผมมองจ้องเอรีสแบบดุๆ

   “โอเค พรุ่งนี้เช้าจะมารับไปกินข้าวเช้านะ” เอรีสถอนใจ แล้วบอกเสียงอ่อน เขาคงรู้ว่าผมไม่มีทางโอนอ่อนผ่อนตามง่ายๆ และเขาก็ฉลาดมากพอที่จะไม่รุกไล่ให้หงุดหงิดใจไปมากกว่านี้

   “ไม่ต้องมาหรอกครับคุณกินที่โรงแรมนั่นล่ะดีแล้ว อีกอย่างผมอยากตื่นสายๆ กว่าผมจะตื่น คุณก็คงหิวจนปวดท้องแล้ว” ผมพยายามบอกปัดแบบอ้อมๆ

   “ฉันก็คิดว่าจะตื่นสายๆ เหมือนกัน แล้วก็อยากกินพร้อมนาย มากๆๆๆๆ”

    เอรีสยักคิ้วให้ แถมยังยิ้มเจ้าเล่ห์ตอบกลับมาแบบน่าโมโหอีกต่างหาก ดวงตาที่แน่วแน่อบบนี้รู้เลยว่าต่อให้ดื้อดึงเพียงใดก็ไม่อาจเอาชนะเอรีสได้แน่ๆ

    “ถ้าแบบนั้นก็สักแปดโมงแล้วกันครับ คุณพักที่ไหน ผมไปหาเองดีกว่า”

    “ไม่เอา อยากมาหา”

    “เฮ้อ! ตามใจครับ”




 

   ทั้งๆที่ผมว่าอยากจะนอนตื่นสาย แต่พอถึงเวลาจริงๆ ผมกลับตื่นนอนตั้งแต่ย่ำรุ่ง และใช้เวลานอนครุ่นคิดเรื่องของเอรีสจนเวลาล่วงเลยเกือบเจ็ดโมงเช้าจึงได้ฤกษ์ลุกจากเตียงและใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำพักใหญ่ ออกมาก็แต่งตัวด้วยเสื้อยืดกับกางเกงยีนขาสั้นแบบง่ายๆ ไม่ได้คิดพิถีพิถันอะไรเป็นพิเศษ

    ในเวลาแปดโมงตรง ผมที่เดินลงมาถึงล๊อบบี้ก็เห็นอดีตเจ้านายสุดโหดนั่งรออยู่แล้ว

   เราสบตากันนิ่ง เอรีสขยับตัวแล้วยิ้มอ่อนๆ แบบหล่อกระชากใจส่งมาให้ ผมมองเสื้อฮาวายลายดอกแบบง่ายๆ กับผมเผ้าที่ปล่อยตามธรรมชาติ ไร้การจัดแต่งทรง แต่ถึงกระนั้นเอรีสก็ยังดูดีและมีระดับไม่เสียบุคคลิคอันโดดเด่นแตอย่างใด เพราะสาวน้อยสาวใหญ่ที่เดินผ่านไปผ่านมามีแอบชำเลืองเอรีสบ้างเพราะความสะดุดตาอันเป็นแบบฉบับของเขา

    ผมเดินเข้าไปหาเขาและยิ้มตอบให้น้อยๆ

    “มานานแล้วเหรอครับ”

    “สิบนาที” เสียงทุ้มตอบกลับมา หลังจากเหลือบมองนาฬิกาบนข้อมือนิดหน่อย

    “ที่จริงน่าจะพักผ่อนนะครับ”

    “ก็บอกว่าจะมาชวนไปกินข้าวเช้าด้วยไง”

    “ทำไมต้องทำให้ลำบากล่ะครับ”

    “บอกเหรอว่าลำบาก” เอรีสเย้าเสียงนุ่ม ดวงตาดูระยิบระยับเหมือนกับว่ากำลังอารมณ์ดีอะไรนักหนา เขาลุกขึ้น ขยับเข้ามาใกล้ผมแล้วหยิบแว่นตากันแดดสุดเท่ที่เหน็บไว้ตรงเสื้อขึ้นสวม

    “แล้ว... มายังไงครับ”

   ผมร้องถามอย่างสงสัย เพราะมองดูแล้วผู้ช่วยคนใหม่ของเขาไม่ได้มาด้วย

    “ขับรถมาน่ะ ไปกันเลยไหม”

    “ครับ?” 

    “กินข้าวไง ไปเถอะ”

    เอรีสพูดจบก็ลุกขึ้น แถมยังกางฝ่ามือแตะแผ่นหลังของผมจนผมสะดุ้งเล็กน้อย ไม่พอเจ้าตัวยังเอามือมาโอบผมแบบไม่บอกไม่กล่าวเล่นเอาผมรีบผละออกเป็นการด่วน ที่สะดุ้งเพราะปกติเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ เอรีสมักจะรักษาภาพลักษณ์ แลละเขาวางตัวค่อนข้างดีไม่มีหลุดมาดอะไรๆ ออกมาง่ายๆ

    “ตกใจอะไร” เขายิ้ม แล้วทำสีหน้าล้อเลียนกลับมา จนผมเองถึงกับวางตัววางสีหน้าไม่ถูก

    “ถึงเนื้อถึงตัวไปครับ” ผมเผลอพูดอย่างที่ใจคิด

    “อะไร นิดเดียวเอง เดทกันก็ต้องมีบ้างล่ะน่า”

    “เดทอะไรครับ” ผมเงยหน้าขึ้นไปมอง ก็รู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่เป่ารดอยู่ข้างกระหม่อม “พูดแบบนี้ผมไม่ไปด้วยนะ”

    “ล้อเล่น อย่าโมโหสิ”

   “ไม่ได้โมโหครับ แค่จะบอกว่าอย่างทำรุ่มร่ามกับผม”

   “โอเคๆ ไปเถอะ กินข้าวกัน”

    ถึงจะพูดแบบนั้น แต่เอรีสก็ยังพาดแขนไว้บนบ่าผม ออกแรงน้อยๆ เพื่อให้ผมเดินตามเจ้าตัวออกไปจนถึงที่รถ ผมที่พยายามเบี่ยงตัวออกก็ไม่อาจชนะความดื้อดึงของอีกฝ่ายง่ายๆ

    “อยากกินอะไร?” เอรีสถามผมขณะที่กำลังสตาร์ทเครื่องรถยนต์

    “แล้วแต่คุณเลยครับ” ผมตอบส่งๆ ไป

    “อาหารทะเลไหม” เขาถาม แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วกดอะไรๆ ไปสักพักแล้วยื่นโทรศัพท์มาให้ผม “เห็นรีวิวของบล๊อคเกอร์ดูน่าอร่อย” เขาหันมายิ้มให้ สีหน้าขอความคิดเห็น

    ภาพอาหารทะเลสดๆ มีทั้งปูทั้งกุ้ง แล้วยังมีปลาหมึกอีก จะว่าไปก็น้ำลายสออยู่เหมือนกัน

   “ตามใจคุณครับ”

    “งั้น... ไปนะ”

    “ครับ”

    เอรีสขับรถออกจากที่พักของผมมุ่งเข้าสู่ถนนเลียบชายหาด ผมมองสองข้างทางไปเรื่อยๆ ไม่ได้พูดอะไร ผมยังคงจมกับความเงียบ

    “จะกลับกรุงเทพฯวันไหน” เอรีสเป็นฝ่ายที่ทำลายความเงียบก่อน

 ผมหันไปมองเขานิดหนึ่ง เสี้ยวหน้าที่คุ้นเคยคล้ายกับวันเก่าๆ แต่ครั้งนี้เอรีสเป็นคนขับรถ ไม่ใช่ผม

    “ยังไม่แน่ใจครับ คุณล่ะ กลับวันไหนครับ” ผมอดไม่ได้ที่จะถาม ความอยากรู้ในความเป็นไปเรื่องของเขายังวนเวียนอยู่ในสมองผม

    “ตอนแรกจะกลับวันนี้ แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจ”

    “…” ผมหลบตา โดยไม่ได้พูดอะไรเราเงียบอยู่อึดใจหนึ่ง แล้วเอรีสจึงขยายความต่อ

   “เพราะเจอนาย ฉันเลยว่าจะกลับวันอาทิตย์เลย มีอีกหลายที่นะที่อยากไป ไปด้วยกันนะปัถย์”

    “ผมบอกว่าจะไปด้วยเหรอครับ”

    “ก็จะขอให้ไปด้วย”

    ขณะที่เอรีสกำลับพูดอยู่ เสียงโทรศัพท์ของเจ้าตัวที่ยังคงอยู่บนตักผมก็ดังขึ้น

    ผมมองที่หน้าจอแล้วเห็นเป็นชื่อของมิสเตอร์เจซี เลยยื่นส่งคืนให้เขา

    “รับให้หน่อย เปิดสปีคเกอร์โฟนเลย”

    เอรีสสั่งง่ายๆ ความรู้สึกเหมือนคืนวันที่ผมยังเป็นผู้ช่วยของเขาไม่มีผิด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องานหรือเรื่องส่วนตัวขอเอรีสไม่มีเรื่องไหนที่ผมไม่รู้

    “เอรีสครับ...”

    ผมทำท่าจะแย้งว่ามันไม่น่าจะเหมาะ ตอนนี้สถานะของผมเปลี่ยนไปแล้ว ยิ่งถ้าเป็นเรื่องงานที่มีความสำคัญก็ยิ่งไม่ควรใหญ่ ทุกอย่างต้องเป็นความลับของบริษัท คนนอกอย่างเขารู้ไปก็ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์

    “รับสิ ไม่เป็นไรน่า” เอรีสเหมือนจะเดาใจออก ผมที่ยังคงลังเล แต่เอรีสก็ทำทีเป็นไม่สน เสียงโทรศัพท์ก็เร่งเร้าแผดเสียงไปเรื่อยจนผมทนไม่ไหวกดรับให้ในที่สุด

    “รับแล้วครับ” ผมเตือน เพราะเอรีสไม่ยอมพูดอะไร อีกฝ่ายที่โทรเข้าก็เงียบเช่นกัน ผมเลยถอนใจแล้วจะต้องเอ่ยกับฝ่ายตรงข้ามแบบเสียไม่ได้ “สวัสดีครับ”

   “เอรีสอยู่ไหมครับ”

    “พูดเลยมีอะไร” เอรีสทักอีกฝั่ง น่าโมโหที่เขาทำเป็นยึกยักไม่ยอมรับโทรศัพท์ จะมาติดนิสัยเหมือนเมื่อก่อนก็ไม่ได้แล้ว

    “เมื่อกี้ คุณปัถย์เหรอ” ฝั่งผู้สนทนาที่เดาว่าน่าจะเป็นมิสเตอร์เจซีเอ่ยทัก

    “อืม ปัถย์” เอรีสครางในลำคอ เหลือบมองผมเล็กน้อยก่อนยิ้มให้

    “ไหนว่าลาออกไปแล้วไง”

    “ก็ใช่ ลาออกไปแล้วแต่บังเอิญเจอกันน่ะ”

    “เอออย่างนั้นเหรอ... จะโทรมาถามว่าจะกลับวันไหน ถ้าไม่รีบกลับเย็นนี้มากินข้าวด้วยกันสิ ฉันกับอินว่าจะทำบาร์บีคิวริมหาดต้อนรับขณะผู้เข้าร่วมประมูลงาน จัดแบบเล็กๆ เป็นกันเอง”

    “ได้ เดี๋ยวไป”

    “แล้ว... คุณปัถย์จะมาไหม”

    ฝ่ายนั้นถามมา ซึ่งผมที่นั่งฟังอยู่รีบหันไปส่ายหัวไปมา เป็นเชิงเซย์โนกับเอรีสในทันที

    “ปัถย์บอก...โอเค” เอรีสบอกอีกฝ่ายคนละเรื่องกับผมเลย

โอ้ย! น่าโมโหจริงๆ

    “เอรีส!” ผมกระซิบเสียงดุ โบกมือบอกไม่ไป แต่คนอย่างเอรีสก็ไม่ได้คิดจะฟังอะไรผมอยู่วันยันค่ำ
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH13 5/3/61
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 05-03-2018 12:22:19
ยังคงเจ้าบงการตลอด คราวนี้ให้ฉลาดๆหน่อยละกันนะ
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH13 5/3/61
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 05-03-2018 13:03:19
เอรีสสสสส ขอรุกหนักๆเลยนะ

เอาเลขาออกไปเล่ยยยย :fire:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH13 5/3/61
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 05-03-2018 15:43:30
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH13 5/3/61
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 05-03-2018 16:07:25
ชอบเอรีส  จอมโมเม  555  น่ารักดี
ปัถ  อย่าเพิ่งใจอ่อนนะ  อิอิ
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH13 5/3/61
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 06-03-2018 00:28:15
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH13 5/3/61
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 06-03-2018 00:51:59
คราวนี้ได้โอกาสมาแล้วก็ใช้ให้เต็มที่นะ แสดงความจริงใจให้ปัถย์เห็นซะ ไม่งั้นเราจะยึดปัถย์แล้วนะ!
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH13 5/3/61
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 06-03-2018 02:32:57
เอรีส คนโมเม โมเมได้ทุกเรื่องที่ตัวเองได้ประโยชน์  :hao4:

ปล. กด +เป็ดให้แล้วแต่คะแนนเป็ดไม่ขึ้นอ่ะ  :z3:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH13 5/3/61
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 06-03-2018 08:59:36
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH13 5/3/61
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 06-03-2018 13:15:30
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH13 5/3/61
เริ่มหัวข้อโดย: sompong ที่ 06-03-2018 17:46:39
คู่นี้จัดว่าเด็ดดด
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH13 5/3/61
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 06-03-2018 19:02:42
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH13 5/3/61
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 07-03-2018 00:24:01
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH13 5/3/61
เริ่มหัวข้อโดย: BitterCucumber ที่ 08-03-2018 00:11:02
บอสจะทำตัวละมุนละม่อมได้อีกนานแค่ไหนคะ
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH13 5/3/61
เริ่มหัวข้อโดย: joborcusier ที่ 08-03-2018 04:09:58
 :hao7: เอรีสนายมันร้ายกาจ
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH13 5/3/61
เริ่มหัวข้อโดย: sompong ที่ 19-03-2018 01:11:02
คิดถึงเอริสจัง อย่าหายไปนานนะครับบบ :z10:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH13 5/3/61
เริ่มหัวข้อโดย: Trystan ที่ 24-03-2018 13:41:17
ปัถย์คนดี น่ารักที่สุด
เอรีสอย่าทำเสียอีกหละ
มาต่อไวๆนะคับ :ruready :pig4:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH14 3/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: anin ที่ 03-04-2018 14:35:28
Chapter 14



   “เอรีส ทำไมคุณถึงตอบไปแบบนั้น ผมไม่ได้จะไปด้วยนะครับ”

   ปัถย์ส่งเสียงโวยแบบจริงจังติดจะห้วนอยู่ในที ทั้งที่ปกติเขาจะใช้โทนเสียงสุภาพกับเอรีสเสมอ ไม่มีขึ้นเสียงหรือใส่อารมณ์ ฝ่ายเอรีสที่แม้จะรู้ว่าปัถย์ไม่ค่อยสบอารมณ์กับตนเป็นอย่างมาก แต่ก็ยังส่งยิ้มหวานๆ ไปให้อีกฝ่ายราวกับไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร

   “เอาน่าปัถย์ ก็มาเที่ยวไม่ใช่หรือไง มีของฟรีให้กินไม่ชอบหรือไง”

   “มันเกี่ยวกันเสียที่ไหนครับ อีกอย่าง ผมไม่ใช่คนเห็นแก่กิน”

   ปัถย์โต้กลับเสียงแข็ง จะว่าไม่พอใจก็ไม่เชิง มันเหมือนหงุดหงิดกับความหน้ามึนของเอรีสมากกว่า

   “ก็ไม่ได้จะว่าแบบนั้นเสียหน่อย แค่อยากชวนให้ไปด้วยกัน อยากให้ไปเป็นเพื่อน... ไปกันสองคน”

   ดวงตาเอรีสระยิบระยับอีกแล้ว... และคำว่าสองคนมันฟังดูจักจี้แปลกๆ เอาเรื่องอยู่เหมือนกัน

   ปัถย์รู้สึกว่าเอรีสมักจะพูดจากหยอดเขาหนักข้อขึ้นทุกที ไหนจะสีหน้าและแววตากรุ่มกริ่มนั่นก็ด้วย ต่อให้เขาอยากจะใจแข็งหรือปั้นหน้ายังไง ก็คงจะหลุดอาการเอาง่ายๆ จะใจแข็งได้อีกกี่มากน้อยก็ต้องรอดูกันต่อไป

   “ตารางงานของคุณว่างมากเหรอครับ ลองให้คุณฐิติจัดเวลาให้ใหม่ดีไหม”

   ปัถย์แกล้งย้อนกลับบ้าง เพราะดูแล้วเอรีสทำเหมือรชิลเสียเหลือเกิน เห็นแล้วก็หมั่นไส้อยู่เล็กๆ ก็เพราะตอนเขาอยู่ตารางนัดเสาร์อาทิตย์เอรีสต้องไปคุยเรื่องธุรกิจนอกรอบกับผู้หลักผู้ใหญ่ตลอด จะหาเวลาส่วนตัวจริงๆ แทบไม่มี แต่พอเปลี่ยนเลขามาทีนี้ก็ดูจะสบายจนน่าอิจฉา

   “เอาจริงๆ ก็ติดอยู่หลายนัด แต่บอกฐิติให้เลื่อนออกไปหมดแล้ว อยากอยู่ที่นี่กับนายให้นานอีกนิด”

   คำตอบของเอรีสพาให้คนที่ได้ฟังหัวใจฟูฟ่องขึ้นมา จนต้องแก้เก้อด้วยการเมินสานตาออกไปนอกรถ ไม่อยากให้คนที่ทำร้ายจิตใจมาตลอดได้ใจ

   “แค่อยากมีเวลาอยู่ใกล้ๆ รู้ไหมว่าคิดถึง แค่ไม่ถึงอาทิตย์มันเหมือนกับนานเป็นเดือนเป็นปี อยากเจอ อยากคุยด้วย”


ปึก!

   คำพูดของเอรีสกระแทกเข้ามาในใจของปัถย์เต็มๆ สีหน้าที่ติดจะเย็นชาบึ้งตึงเกิดอาการแดงระเรื่องอย่างควบคุมไม่ได้

   “เลี่ยนครับ”

   ปัถย์บอกแก้เก้อ ทั้งที่รู้สึกไปในทางตรงกันข้าม ตอนนี้ใจของเขาอ่อนยวบลงไปมาก แต่ก็ไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองไปเพียงฝ่ายเดียว เพราะเวลาที่เจ็บแผลที่เกิดขึ้นอาจรักษาและสมานตัวได้ยากลำบากจริงๆ

   “ฮึๆ พูดจริงก็บอกเลี่ยน”

   “เก็บคำหวานๆ ไว้พูดกับคู่เดทคุณเถอะครับ ผมไม่อิน”

   “ก็นี่เราเดทกันอยู่นะ”

   “…เอรีส ผมไม่ตลกนะครับ”

   “พูดจริงก็ไม่เชื่อ” ไม่พูดเปล่าแต่เอรีสกลับแกล้งลูบมือที่วางอยู่บนตักเบาๆ แต่ปัถย์ก็รีบดึงออกเช่นกัน

   “อย่ารุ่มร่ามครับ” น้ำเสียงนิ่งๆ บ่นขึ้น

   ปัถย์ที่พยายามดึงมือของตัวเองออก แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่สู้แรงคนดื้ออย่างเอรีสได้

   “ปัถย์” เสียงนิ่งๆ กับแรงที่กอบกุมตรงอุ้งมือ ทำให้ปัถย์อดไม่ได้ที่จะเผลอสบตาขึ้นมามอง

   “ครับ”

   “คิดถึง”

   “…”

   ปัถย์แค่นิ่งฟัง แต่ไม่ได้พูดอะไร เจ้าตัวยังคงมองออกไปด้านนอกเพื่อชื่นชมกับวิว ส่วนเอรีสก็ทำแค่เพียงอมยิ้มอ่อนๆ มองใบหน้าเรียบเฉยของคนข้างๆ อย่างอ่อนโยนเป็นระยะ สลับกับการมองเส้นทางข้างหน้าด้วยอารมณ์สุนทรีย์




   
   เอรีสพาปัถย์ขับรถเลียบชายหาดไปตามเส้นทางที่บล๊อคเกอร์ชื่อดังได้บอกไว้ ที่จริงแล้วเขาเองก็ไม่สันทัดเรื่องการท่องเที่ยวหรือเรื่องอาหารการกินสักเท่าไร เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาไม่มีความจำเป็นแม้แต่น้อยที่จะต้องดั้นด้นเพื่อไปตามหาของอร่อย จะมีปัถย์คนที่นั่งข้างๆ นี่ล่ะ ที่เป็นคนจัดแจงหาของที่ตนชอบมาเสริฟให้ถึงที่เอง

   ผิดจากตอนนี้ เอรีสรู้สึกเริ่มสนุกกับการพาขับรถพาปัถย์ไปไหนต่อไหน ก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าเพราะอะไรจึงนึกอยากเอาอกเอาใจ คงเพราะอยากเห็นปัถย์ยิ้มให้เขาสักนิดสักหน่อยล่ะกระมัง ดูสิ... เห็นนั่งหน้าบึ้งตั้งแต่ที่เขาบอกว่าปัถย์จะไปร่วมงานเลี้ยงเล็กๆ ที่เจซีเป็นคนเชิญ

   “หิวหรือยัง” เอรีสร้องถาม เขาพาปัถย์ลัดเลาะตามแผ่นที่มานานพอสมควร เป็นห่วงอยู่ว่าคนข้างๆ จะปวดท้องไปเสียก่อน ไม่รู้ว่าอดีตเจ้านายคนนี้จะได้กินข้าวตรงเวลาบ้างหรือเปล่า ฐิติจะคอยเตือนเขาไหม

   “ก็... นิดหน่อยครับ” ปัถย์บอกตามความรู้สึก ไม่ได้คิดจะเล่นแง่อะไรสักเท่าไร

   “อืม อีกสามกิโลก็ถึง ทนหน่อยนะ”

   “ครับ ว่าแต่คุณไม่ชวนคุณฐิติมาด้วยกันล่ะครับ ทิ้งไว้ให้อยู่โรงแรมคนเดียวเหงาแย่”

   “ทำไมต้องเหงา งานก็ทิ้งไว้ให้ทำ นี่วันศุกร์นะ”

   “ทำไมใจร้าย” ปัถย์ทำตาโต แถมยังทำสีหน้าเหม็นบูดให้อีกฝ่ายที่พูดจาฟังแล้วไม่น่ารักสักเท่าไร “มาด้วยกันทั้งที ก็น่าจะชวนมากินของอร่อยด้วยกัน”

   “ถ้าจะพาใครสักคนไปกินของอร่อย ก็มีแค่นายนี่ล่ะ รู้หรอกน่าว่าชอบอาหารทะเล”

   เอรีสชำเลืองมานิดหนึ่งก่อนตีไฟเลี้ยวเข้าสู่ร้านที่ตั้งใจมาพอดี

   “ถึงแล้ว”

   เอรีสบอกเสียงนุ่ม หันไปยิ้มให้ปัถย์แบบขี้อ้อน ซึ่งปัถย์ก็ทำแค่เพียงกรอกตาไปมา จนใจกับท่าทางทะเล้นผิดวิสัยปกติแบบนี้

   ทั้งคู่ลงจากรถแล้วเดินเข้าสู่ด้านใน บรรยากาศของร้านอาหารริมชายหาดครึกครื้น มีทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติ จนพนักงานต้อนรับเชิญเขาทั้งคู่ไปยังมุมหนึ่งที่สามารถรับลมทะเลได้ บริกรหยิบเมนูให้ทั้งคู่และรออ้วยท่าทางสุภาพ

   “อยากกินอะไร”

   เอรีสรับเมนูอาหารแล้วยื่นให้อีกฝ่าย ปัถย์ทำท่าลังเล แต่พอเห็นดวงตากับสีหน้าอีกฝ่ายที่แสดงชัดว่าให้ตนสั่งก่อน ปัถย์เลยจนใจ

   “ผมขอ... ไข่เจียวกุ้งสับ ปูผัดผงกระหรี่ แล้วก็ต้มยำรวมครับ”

   ปัถย์เปิดเมนู แล้วสั่งอาหารเอรีสชอบแทนที่จะเป็นเมนูโปรดของตัวเอง จะบอกว่าเป็นความเคยชินก็ไม่ผิดนัก

   “ผมขอปูม้านึ่ง กับผัดฉ่าทะเล แล้วก็ข้าวสวยหนึ่งโถ”

   เป็นเอรีสที่สั่งเมนูโปรดของปัถย์ต่อท้ายให้ ยิ้มอ่อนๆ เมื่อได้ยินรายการอาหาร อย่างน้อยที่สุดปัถย์ก็ยังจำได้ว่าเขาชอบกินอะไร ก็เหมือนกับเขาที่จำได้แม่นว่าปัถย์นั่นชอบกินอะไร ติดแต่ว่าเมื่อก่อนปัถย์เองที่มักจะเป็นคนคอยเทคแคร์เขา แต่ตอนนี้เอรีสตั้งใจแน่วแน่แล้วว่าเขานี่ล่ะจะสลับหน้าที่กับปัถย์บ้าง ถึงตอนนี้จะเป็นเขาที่เป็นฝ่ายเทคแคร์เอาใจปัถย์ จะสปอยให้หนักชดเชยที่ผ่านมาเขาไม่ได้ใส่ใจคนใกล้ตัวที่แสนจะสำคัญคนนี้

   สักพักใหญ่อาหารที่สั่งถูกเสริฟลงบนโต๊ะ ทั้งคู่ต่างลงมือรับประทานอาหารกันเงียบๆ จากบรรยากาศแล้วก็อาหารที่อร่อยถูกปากส่งผลให้อารมณ์ของคนทั้งคู่ค่อนข้างดี และพูดคุยเรื่องราวต่างๆ อย่างลื่นไหลขึ้น ปัถย์ไม่ได้ตั้งป้อมปั้นปึงกับเอรีสแต่อย่างใด แต่ก็ยังวางตัวสุภาพเป็นทางการรักษาระยะปลอดภัย

   “โครงการของมิสเตอร์เจซีเริ่มแล้วหรือครับ” ปัถย์ชวนคุยเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าเอรีสมาที่นี่ด้วยเหตุผลอะไร

   “ใช่ เมื่อวานก็ได้รายละเอียดมาแล้วนะ นี่ก็ยังหาเวลาดูรายละเอียดไม่ได้เลย”

   “คุณงานยุ่งมากเลยหรือครับช่วงนี้”

   ปัถย์ถามไปอย่างเป็นห่วง สีหน้านิ่งๆ แต่แววตากลับดูสนอกสนใจ จากที่สังเกตเอรีสเช็คเมลในมือถืออยู่บ่อยครั้ง ทั้งที่เมื่อก่อนเป็นเขาเองที่เป็นฝ่ายจัดการให้มันเลยรู้สึกแปลกอยู่หน่อยๆ

   “ก็ยุ่งอยู่ รู้สึกว่าอะไรมันรวนๆ ไปหมด ทั้งแผนงานส่วนตัว แล้วก็ของบริษัท ตอนนี้มีสัญญาของอีกห้าบริษัทวางรอไว้บนโต๊ะ ยังหาเวลาอ่านไม่ได้เลย ไหนจะงานประมูลของอีกโครงการที่ต้องทำราคา ยังหาที่จบไม่ลง นี่ส่งสัยจะพลาดงานเอาง่ายๆ”

   เอรีสจงใจพูเกินความจริงไปอีกนิด เพื่อทำให้ตัวเองดูน่าสงสารกว่าที่ควรเป็น จับสีหน้าและอากับกริยาของอดีตผู้ช่วยหนุ่มได้ว่ากำลังเป็นห่วงเขาอยู่ไม่น้อยมันก็ทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นไปอีกนิด

   “โครงการไหนครับ” ปัถย์ฟังแล้วก็ลังเลอยู่แป๊บหนึ่งก่อนที่จะถาม

   “โรงแรมริมแม่น้ำเจ้าพระยา ของกลุ่มธุรกิจG น่ะ”

   เอรีสกำลังหมายถึงโครงการโรงแรมที่มีศูนย์การค้ารวมอยู่ด้วย เป็นโคงการติดแม่น้ำย่านคลองสานที่กำลังเริ่มหาผู้รับเหมาโครงสร้างหลักอยู่ ซึ่งก็แน่ว่าคู่แข่งคงมีอย่างต่ำหกเจ้าตามมาตรฐานการร่วมประมูล ซึ่งก็คงเป็นรายเดิมๆ ที่มีระดับความหน้าเชื่อถือไม่น้อยหน้าไปกว่ากัน ดังนั้นธุรกิจก่อสร็างเป็นอะไรที่มีการแข็งขันสูงเลยทีเดียว

   “คุณต้องปล่อยงานให้คุณฐิติบ้างนะครับ อย่าเก็บงานไว้คนเดียว” ปัถย์พูดตามที่คิด พอจะรู้อยู่พอควรว่าเอรีสคงรู้สึกว่าฐิติทำงานไม่ถูกอกถูกใจสักเท่าไร

   “นายก็รู้ว่าฉันไม่เคยหวงงาน แต่ฉันยังไม่เชื่อมือฐิติให้ทำงานระดับนั้น”

   เห็นไหมล่ะ นึกอะไรไว้ไม่มีผิดสักนิด

   “เขาเป็นผู้ช่วยคุณ คุณต้องไว้ใจเขา ให้เขาช่วยคุณทำงาน แบบนี้คุณเองจะเหนื่อย แล้วเขาก็จะไม่มีโอกาสได้เจองานจริง”

   “…”

   เอรีสไม่ได้พูดอะไร สีหน้านิ่งแต่ในใจกลับครุ่นคิดบางอย่างอยู่ ดวงตาแน่วแน่มองแล้วให้ความรู้สึกลึกลับซับซ้อนอย่างที่สุด

   “คุณต้องให้โอกาสคุณฐิติทำงานนะครับ เหมือนอย่างที่คุณเคยให้โอกาสผม”

   เอรีสถอนใจน้อยๆ สิ่งที่เขาคิดอยู่ยังไม่ถูกอธิบายให้ปัถย์ฟัง เพราะบางอย่างที่เขายังไม่ค่อยจะมั่นใจนัก มันก็แค่เซ็นท์ไม่มีข้อพิสูจน์

   “เย็นนี้ตอนไปกินข้าวกับเจซี ฉันอยากหาอะไรติดมือไปสักหน่อย เดี๋ยวเราเข้าไปห้างในเมือง หาไวน์ดีๆ ติดไม้ติดมือไปด้วยดีไหม”

   เอรีสจงใจเบี่ยงประเด็นสนทนา สีหน้าเคร่งเครียดเมื่อครู่เปลี่ยนไปเหมือนสลับฉาก ดึงเอาอารมณ์ด้านสว่างกลับมาเสียจนปัถย์ตั้งตัวไม่ติด ก็ดูเถอะเจ้าตัวไม่พูดเปล่าแต่ขยับใบหน้าเข้ามาใกล้ ส่งยิ้มที่สาวเห็นแล้วคงใจสั่นมาให้อีก ขนาดเขาเป็นผู้ชายยังขัดเขินเอาง่ายๆ

   “ผมไม่อยากไป ไม่ไปได้ไหมครับ” ปัถย์ปฏิเสธ สีหน้าจริงจัง

   “ไวน์ขาว หรือไวน์แดง”

   “เอรีสครับ ฟังผมหรือเปล่า”

   “ซื้อไปสองขวดเลยดีหว่า อินชอบไวน์ขาว”

   “…เอรีส”

   “ฟังอยู่ ไมต้องทำหน้าบึ้งด้วย” ไม่ว่าเปล่า เอรีสเอามือแตะแก้มปัถย์น้อยๆ เป็นเชิงหยอก ซึ่งปัถย์ก็ปัดมือหนาออกเช่นกัน เขาหันมองไปรอบๆ เพราะกลัวจะเป็นขี้ปากคนอื่น

   “แล้วทำไมถึงชอบทำไม่รู้ไม่ชี้ เหมือนกับไม่ได้ยินที่ผมพูด”

   “ได้ยินสิ นายพูดอะไรฉันก็ตั้งใจฟังตลอด”

   “แต่ไม่สนใจจะทำอย่างที่ผมบอก?”

   “ก็อยากให้ไปด้วยกัน ขอร้อง นะ...”

   เสียงที่ทั้งออดอ้อน แววตาก็ดูหม่นลงจนน่าสงสาร ปัถย์ได้แต่ส่ายหน้าอย่างยอมใจ

   “ขอกลับไม่ดึกนะครับ”

   “ไม่ดึก สัญญา”



มีต่อด้านล่าง
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH14 3/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: anin ที่ 03-04-2018 14:36:24
ต่อค่ะ



   ฐิติอาศัยช่วงเวลาหลังจากที่เรีสออกไปข้างนอก ไปขอคีย์การ์ดสำรองของห้องเอรีสเปิดเข้ามาภายในห้องพักสุดหรู และไม่รีรอโดยอาศัยเวลาในตอนที่เอรีสไม่อยู่เพื่อนแอบเข้ามาหาเอกสารข้อมูลที่ตนต้องการ ฐิติเดินเข้าห้องนอนและเริ่มลงมือค้นจากลิ้นชัก และโต๊ะตรงหัวเตียง เมื่อไม่พบเจ้าตัวก็สอดส่ายสายตาไปทั่ว เพราะต้องรีบทำเวลา กลัวเหลือเกินว่าเกิดเอรีสกลับอะไรๆ จะยากขึ้น

   ใช้เวลาเกือบห้านาทีฐิติก็ยังไม่เจอเอกสารลับที่ต้องการ เจ้าตัวเริ่มนึกใคร่ครวญถึงสถานที่ที่เอรีสจะเก็บ...

   กระเป๋าเสื้อ...

   ใช่สิ กระเป๋สเสื้อสูทตัวนั้น

   นึกได้ฐิติก็รีบเดินไปที่ประตู มองหาเสื้อที่คุ้นตา เดี๋ยวเดียวก็เห็นเป้าหมายที่ต้องการ รีบเปิดกระเป๋าเสื้อด้านในแล้วก็พบซองเอกสารอยู่จริง เจ้าตัวรีบหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาแล้วจัดการทำเหมือนเช่นครั้งก่อนคือการถ่ายภาพปึกเอกสารทุกหน้า แล้วเก็บเข้าซองเช่นเดิม ก่อนที่จะนำซองนั้นเก็บใส่เสื้อนอกไว้ จัดระเบียบตู้ของเอรีสอีกนิด เพื่อไม่ให้เห็นถึงความผิดปกติก่อนที่เขาจะปิดตู้ แล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว

   ฐิติรีบลงมาที่ฟรอนต์และจัดการคือคีย์การ์ดให้แก่เจ้าหน้าที่ โดยไม่ลืมยิ้มให้ฝ่ายตรงข้างอย่างสุภาพและรีบกลับมาที่ห้องด้วยความรวดเร็ว เมื่อมาถึงห้องพัก ฐิติรีบเปิดเอกสารต่างๆ ด้วยความฉับไว เขาห็นรายละเอียดการเข้าร่วมประมูลซึ่งประกอบไปด้วยTOR และสเปควัสดุต่างๆ ที่ค่อนข้างละเอียด แต่สิ่งที่ฐิติที่พอใจอย่างที่สุดคือในช่องตาราง BOQ ดูเหมือนว่าเอรีสจะเริ่มใส่ราคาตัวเลขต่างๆ ลงไปบ้างแล้ว...

   แบบนี้ก็ดีเลย!

   ฐิติยิ้มในหน้าอย่างพอใจ ความหวังที่เขาจะได้เริ่มต้นชีวิตครอบครัวกับคนที่รัก มันใกล้เข้ามาแล้วสินะ







   “เชิญครับเอรีส สวัสดีครับคุณปัถย์ คุณฐิติ เชิญนั่งก่อนครับ เดี๋ยวผมจะให้เด็กมาบริการ” เสียงของอินเอ่ยทักทายทันทีที่คนทั้งคู่ปรากฏตัวของทั้งสามคนตอนนี้ภายในงานเลี้ยงแบบเป็นกันเองมีแขกเหรื่อมาก็ไม่น้อย

   “สวัสดีครับคุณอิน นี่ครับของฝาก”

   ปัถย์ส่งขวดไวน์ทั้งสองขวดให้ฝ่ายเจ้าภาพ จากที่เอรีสเที่ยวพาปัถย์ไปไหนต่อไหนด้วยบ่อยครั้ง ปัถย์จึงค่อนข้างคุ้นเคยกับคนตรงหน้าพอควร

   “มามือเปล่าก็ได้ ไม่เห็นต้องลำบาก เข้าไปหาอะไรกินก่อนครับคุณปัถย์ เอรีสครับ เจซีถามหาคุณอยู่ยังไงก็แวะไปหาเขาหน่อยนะครับ เห็นอยากจะคุยอะไรด้วย”

   “โอเค เดี๋ยวผมตามไป ฝากบอกว่าขอพาคนนี้ไปหาอะไรกินรองท้องก่อน” เอรีสพยักหน้าไปทางปัถย์ บอกเป็นกรายๆ ว่าปัถย์ใครที่ถูกกล่าวถึงมีความสำคัญมากเพียงใด

   “ตามสบายครับ ยังไงผมขอตัวก่อน เดี๋ยวจะบอกเจซีให้นะครับ” ว่าจบอินก็เดินจากไปเพื่อต้อนรับแขกที่มาใหม่ ปล่อยให้ทั้งสามหนุ่มไว้ด้วยกัน

   “คุณเอรีสอยากรับประทานอะไรไหมครับ เดี๋ยวผมจะไปตักให้” ฐิติกล่าวอย่างสุภาพ และพยายามเอาใจผู้เป็นนายหวังไให้อีกฝ่ายพอใจและไว้ใจให้ได้ในเร็ววัน แต่จากท่าทีแล้วเอรีสไม่ใช่คนที่เข้าหาได้ง่ายเท่าไร

   “ไม่ต้อง ผมกับปัถย์จัดการตัวเองได้”

   “ครับ...” ฐิติตอบรับด้วยเสียงสุภาพ แม้ในใจจะโมโหอยู่นิดๆ ก็ตาม

   “ไปหาที่นั่งกันก่อนเถอะครับ คนเริ่มเยอะแล้ว”​ ปัถย์บอกทั้งสอง เมื่อมองไปรอบๆ

   “นั่งตรงโน้นไหม”

   เอรีสกระซิบถามถามเสียงนุ่มก้มใบหน้าคมคายลงใกล้ๆ เฉียดแก้มปัถย์ไปแบบฉิวเฉียด พลางชี้มือไปยังมุมหนึ่งที่เงียบสงบกว่าตรงอื่น ด้วยห่างจากบาร์อาหารอยู่พอควร

   “ไปนั่งก่อนไป เดี่ยวไปหาอะไรมาให้กิน” เอรีสสั่งแล้วแตะแผ่นหลังปัถย์เบาๆ

   “ไม่เป็นไรครับ ผมจัดการเองได้”

   “อย่าดื้อ ถ้าไม่อยากอายคน”

   ประโยคหลังเอรีสจงใจกระซิบให้พอได้ยินแค่สองคน ใบหน้าคมของคนตัวสูงกว่าก้มลงน้อยๆ ปลายจมูกโด่งแตะกกหูของปัถย์อย่างตั้งใจ ทำให้คนที่ถูกสัมผัสชิดเชื้อนิ่วหน้า เบี่ยงตัวออกเล็กน้อยด้วยไม่ให้ใครต่อใครผิดสังเกต แต่นั่นก็ใช่ว่าฐิติที่อยู่ใกล้คนทั้งคู่เพียงเมตรเดียวจะไม่เห็นหรือไม่ได้ยิน

   “พาปัถย์ไปนั่งหน่อย”

   เมื่อน้ำเสียงเผด็จการส่งมาให้ผู้ช่วยคนใหม่ ช่างต่างกันราวฟ้ากับเหว ขัดหูของคนได้ฟังอย่างฐิติเป็นอันมาก ฟังแล้วทั้งโมโหและหมั่นไส้ปัถย์ขึ้นมาตะหงิดๆ ยิ่งเห็นเอรีสโอ๋เอาใจก็ยิ่งไม่ชอบขี้หน้าขึ้นมาแบบไร้เหตุผล แต่ด้วยเป็นคนเก็บอารมณ์เก่ง ใบหน้าของฐิติจึงปรากฏรอยยิ้มและเอ่ยขึ้น

   “ครับ เชิญครับคุณปัถย์” บอกด้วยน้ำเสียงสุภาพ ข่มอารมณ์บางอย่างไว้ได้อย่างแนบเนียน

   “คุณไปหาอะไรทานก็ได้นะครับ” ปัถย์ถอนหายใจและยอมเดินเคียงข้างฐิติมาเงียบๆ พอได้เห็นสีหน้าเจื่อนของฐิติก็รู้สึกเห็นใจไม่น้อย เพราะการทำงานกับเอรีสนี่ถ้าไม่รู้ใจก็ถือได้ว่าสาหัสเอาการทีเดียว

   “เดี๋ยวรอคุณเอรีสก่อนก็ได้ครับ ผมไม่ได้หิวอะไร ว่าแต่คุณปัถย์เถอะครับ สบายดีไหม”

   “สบายดีครับ”

   “แล้ว... ตอนนี้ทำงานอะไรที่ไหนอยู่ครับ”

   “ผมยังอยากพักผ่อนอยู่ครับ เดือนหน้าค่อยว่ากันอีกที นี่ก็กะจะพักยาวๆ เพราะถ้าผมทำงานแล้วก็คงหาจังหวะเที่ยวแบบสบายใจยาก”

   “แล้วนี่มาเที่ยวหรือครับ” ฐิติมองคนตรงหน้าอย่างพิจารณา ที่ผ่านมาความสัมพันธ์ระหว่างเอรีสกับอดีตผู้ช่วยจัดได้ว่าคลุมเครือชวนให้คิด แต่มาวันนี้ไพ่ใบต่างๆ ถูกหงายออกหมดแล้ว เอรีสกับปัถย์คงจะมีความลึกซึ้งต่อกันมากเอาการทีเดียว ดูจากภาษากาย แววตาและคำพูด เอรีสย่อมต้องคิดกับปัถย์มากกว่าอดีตลูกน้องคนสนิทอย่างไม่ต้องสงสัย จะพูดว่าหลงใหลคลั่งใคล้เลยก็ไม่ผิด สายตาคู่คมที่ไม่ละจากอดีตผู้ช่วยหนุ่มเลยตั้งแต่นั่งรถมาด้วยกัน

   “พอดีเพื่อนทำงานอยู่ไซด์งานแถวนี้เลยแวะมาเที่ยวหาครับ”

   “ที่เจอคุณเอรีสคงเพราะความบังเอิญสินะครับ”

   “แบบนั้นละครับ...  ว่าแต่คุณฐิติทำงานเป็นยังไงบ้าง ปรับตัวได้แล้วใช่ไหม” ปัถย์เบี่ยงประเด็นไปจากหัวข้อพูดคุย

   “ก็กำลังพยายามอยู่ครับ มีบ้างที่ยังไม่ถูกใจเอรีสเท่าไร”

   ดวงตาของฐิติดูเปิดเผย สีหน้ามีท่าทางยิ้มแย้มจนปัถย์รู้สึกเบาใจจากลักษณะของฐิติที่ดูเป็นคนใจเย็น กับความสามารถที่มีติดตัวมาปัถย์เลยคิดว่าอีกไม่นานฐิติคงจะแทนที่เขาได้โดยสมบูรณ์

   “เอรีสแค่ชอบความรวดเร็ว กับความเป็นระเบียบ ถ้าอยู่ไปสักพักก็จะจับทางได้เองนั่นล่ะครับ สำคัญที่สุดคืออถ้าเขาเดือดเมื่อไร คุณฐิติต้องใจเย็นให้มากๆ รอเวลาสักพัก ให้เขาสงบลงก่อนแล้วพูดเหตุผลให้เขาฟัง ทุกอย่างก็จะดีขึ้นเอง”

   เอรีสไม่ใช่คนร้ายกาจ เขาแค่เป็นคนที่ชอบความสมบูรณ์แบบ แล้วคนที่เก่งรอบด้านพอมาเจอกับอะไรที่ไม่ได้อย่างใจก็มักหัวร้อนไว้ก่อน นั่นคือนิสัยเสียๆ ที่ถ้าเจ้าตัวแก้ได้ เขาจะเป็นเจ้านายที่น่ารักมาก เพราะเรื่องอื่นๆ เอรีสคือต้นแบบของเจ้านายในฝัน

   “แบบนั้นเหรอครับ”   

   “ครับ”

   “จะว่าไปแล้วนะครับคุณปัถย์ ผมขอปรึกษาอะไรหน่อยได้ไหมครับ”

   “ได้ครับ”

   “ผมมีปัญหาเรื่อง... คิวนัดของคุณเอรีสอยู่นิดหน่อย เรื่องคู่เดทของคุณเอรีสน่ะครับ”

   คำว่าคู่เดท ทำเอาหางตาของปัถย์กระตุก แต่สีหน้าก็ยังราบเรียบได้เฉกเช่นปกติ

   “ผมจัดเอ่อ... ตารางนัดเดทของเอรีสพลาด เอรีสต่อว่าผมค่อนข้างหนัก ซึ่งถ้าจะพูดถึงเรื่องงานผมก็ไม่เคยผิดพลาดอะไรนะครับ ก็มีแต่เรื่องส่วนตัวของเอรีสนี่ล่ะครับที่เป็นปัญหาสำหรับผมมาก” พูดไปสีหน้าก็แสดงความรู้สึกย่ำแย่ไปด้วย ซึ่งความจริงในส่วนนี้นับว่าไม่มีเลย ฐิติก็แค่ใส่สีตีไข่ไปตามความพอใจ ก็แค่นึกสนุกสุมไฟเรือนคนอื่นเพื่อแก้เผ็ดเท่านั้นเอง

   นั่นไง... แค่เชื้อไฟสะเก็ดเล็กๆ ที่หวังผลได้ ดูจากหน้าเปลี่ยนสีของปัถย์ยิ่งดูก็ยิ่งน่าขัน

   “คุณปัถย์ครับ ผมต้องทำยังไงกับเรื่องนี้ ผมไม่อยากให้เอรีสไล่ผมออก วันก่อนเอรีสบอกกับผมว่าทดลองงานแค่เดือนเดียว สั่งหนักสั่งหนาว่าอย่าทำพลาดเรื่องเดิมอีก” น้ำเสียงของฐิติฟังแล้วก็น่าเห็นใจ คนฟังอย่างปัถย์คล้อยตามคำบอกเล่า บางคำจริงบางคำเท็จแต่ใครจะรู้เล่า

   “คุณแค่ถามเอรีสไปว่าเขาต้องการพบใคร หรือไม่ต้องการพบใคร เอรีสเป็นคนตรงๆ ถ้าคุณถามเขาก็ตอบ ที่สำคัญที่อย่าให้ใครก็ตามเข้ามาในห้องทำงานเด็ดขาด ยกเว้นเสียแต่เอรีสจะอนุญาต”

   “ถ้าอย่างนั้นคงยกเว้นคุณคิมหันต์สินะครับ” ฐิติถามออกไปอย่างใสซื่อ

   โอ๊ะโอ... ฐิติลอบยิ้ม ดูเหมือนว่าเขาจะมีเรื่องสนุกๆ ทำเสียแล้ว

   ชื่อคิมหันต์ทำให้ปัถย์กลั้นลมหายใจ สีหน้าแสดงอาการชะงักแวบหนึ่ง

   ปัถย์นิ่งฟังสีหน้าว่างเปล่า แต่กลับคลี่รอยยิ้มมุมปาก คงมีเพียงเจ้าตัวเองที่รู้ว่ามันน่าหดหู่ขนาดไหน หัวใจเจ้ากรรมมันรู้สึกชาๆ เพียงใด ความไม่มั่นใจหวนกลับมาต่อให้ไม่อยากจะคิดมากก็ทำไม่ได้ง่ายๆ

   “คุณคิมหันต์เป็นคนพิเศษของเอรีสครับ” พูดไปใช่ว่าไม่เจ็บ

   “เหมาะกันนะครับ คุณเอรีสทรีตคุณคิมหันต์ดีมากเป็นพิเศษ คุณคิมหันต์เองก็วางตัวดี ดูมุมไหนก็ไม่เบื่อ เคยเห็นแววตาที่คุณเอรีสมองไหมละครับ หวานจนชวนละลาย” ฐิติพูดแบบสนุกปาก พลางนึกว่างานนี้ไม่เหนื่อยฟรีเสียแล้วมีอะไรสนุกๆ เล่นแก้เบื่อเสียด้วย

   ปัถย์ทำได้เพียงแค่นยิ้ม บังเกิดอาการคันยุบยิบที่หัวใจอย่างห้ามไม่ได้

   เมื่อก่อนตอนที่ยังไม่มีความหวังตนก็ยังห้ามใจไว้ไม่ให้คิดเตลิดคิดเข้าข้างตัวเอง แต่ที่เอรีสมาแจกยาหอมก็เหมือนให้ความหวัง

   “ตอนแรกผมก็เข้าใจว่าคุณกับคุณเอรีสมีบางอย่างที่พิเศษต่อกัน ดูจากที่ให้ความสำคัญกับคุณมาก อะไรๆ ก็ต้องคุณ แต่พอคุณลาออกไปผมก็งงพอดู ก็มากระจ่างตอนที่เจอคุณคิมหันต์ล่ะครับ ขอโทษนะครับที่เข้าใจผิดเรื่องคุณกับบอส” ฐิติกล่าวเสียงเนิบนาบ เฝ้าสังเกตท่าทีปัถย์ทุกอริยาบท แต่ปัถย์ก็ช่างเก็บอาการเก่งเสียจนน่านับถือ

   “…” ปัถย์ทำได้เพียงแค่ยิ้ม เขาไม่พูดอะไรให้มากความ

   กระทั่งเห็นเอรีสเดินมาแต่ไกลจึงหุบยิ้มที่ฝืนใจอยู่ลง

   ยิ่งพอเห็นเอรีสก็ยิ่งเจ็บ

   “คุยอะไรกัน” เอรีสถือแก้วน้ำอัดลมส่งให้ปัถย์ พร้อมกับวางของว่างให้อีกฝ่ายเพื่อรองท้อง ส่วนปัถย์ก็ทำเพียงแค่มองอย่างเฉยชา ไม่ยอมรับของจากอีกฝ่าย ยิ่งไปกว่านั้นยังโบกมือเรียกบริกรที่เดินถือถาดเครื่องดื่มแรงๆ มาให้แทนอีกต่างหาก

   เอรีสมองแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร เขานั่งลงเคียงข้างปัถย์ จงใจวางแขนพาดไปบนพนักเก้าอี้ของอีกฝ่าย ท่าทางคล้ายโอบกอดอยู่กลายๆ จนปัถย์ต้องขยับตัวออกห่างจากพนักพิงแบบให้ดูแนบเนียน พร้อมกันก็ลอบสังเกตสายตาของฐิติที่มองมาด้วยความไม่สบายใจ

   “ก็แค่เรื่องไม่เป็นเรื่องครับ” ปัถย์กล่าวช้าๆ แต่ไม่มองหน้าเอรีส

   น้ำเสียงนั้นช่างเย็นชาจนเอรีสนิ่วหน้า เอี้ยวตัวมาใกล้แล้วหันมองปัถย์แบบสังเกตอารมณ์ จึงรับรู้ว่าปัถย์มีบางอย่างรบกวนจิตใจอยู่ไม่มากก็น้อย แต่อะไรละที่รบกวนปัถย์... ทั้งที่เมื่อกี้ก็ยังดูมีท่าทีสบายๆ ไม่เคร่งเครียดเย็นชาแบบนี้เลย เอรีสหรี่ตาหันไปมองผู้ช่วยคนใหม่ที่นั่งอยู่ตรงข้าม สีหน้าของฐิติเรียบเฉยมีรอยยิ้มน้อยๆ กับแววตาวาววับชั่วแวบหนึ่ง แต่สัณชาตญาณบอกว่านี่ล่ะกระมังที่สร้างความขุ่นใจให้กับปัถย์

   “ถ้าแค่เรื่องไม่เป็นเรื่องก็แล้วไป คุณไม่คิดจะไปหาอะไรกินหน่อยเหรอ”

   เอรีสโพล่งใส่ฐิติออกมาดื้อๆ ฟังแล้วเหมือนเป็นการเอ่ยไล่มากกว่าห่วงใยประสาเจ้านายกับลูกน้อง มีเพียงความเย็นชากับแววตานิ่งสงบจนใครที่ได้ฟัง

   “ครับ งั้นผมขอตัวไปตักอาหารก่อนนะครับ”

   “เชิญ” ฐิติหน้าสลดลง กล่าวจบก็รีบลงจากโต๊ะแล้วเดินผละมาอย่างเงียบกริบ

   ปัถย์มองหลังของฐิติที่เดินผ่านไป ก่อนหยิบแก้วสีอัมพันในมือขึ้นกระดกรวดเดียวหมด ยอมรับว่าคำพูดของฐิติทำให้ตัวเองคิดมาก ความกังวลลึกๆ กำลังทำร้ายความเชื่อมั่นในตัวเองไปจนหมด ต่อให้เอรีสพูดให้ความหวัง แต่เขาก็ยังกลัว

   กลัวความไม่แน่นอน

   กลัวคนรอบข้างที่ผ่านมาในชีวิตของเอรีส

   ที่สำคัญที่สุด คือ...กลัวใจของเอรีส

   เขาควรทำยังไงดี ถึงจะสลัดความคิดงี่เง่าพวกนั้นออกไปให้ได้

   “ฐิติพูดอะไรให้นายไม่สบายใจหรือเปล่า” เอรีสถามอย่างหวังเอาคำตอบ แต่สีหน้าเมนเฉยของปัถย์ก็ทำให้เขาไม่สู้พอใจสักเท่าไร เขาอยากเห็นรอยยิ้มแบบสบายๆ ของปัถย์มากกว่าสีหน้าหม่นๆ แบบนี้ ดูแล้วมันเป็นเค้าลางของหายนะชัดๆ ยิ่งเพิ่งเจรจาความกันรู้เรื่อง เกิดมีอะไรไปกระทบใจปัถย์เข้าโดยที่เขาไม่ตั้งใจ หรือไม่ทันระวังก็มีหวังปัถย์เขี่ยเขาออกจากสารระบบอีก จะพาลให้ซวยไปใหญ่

   “มีอะไรที่ผมต้องไม่สบายใจเหรอครับ” ถามไปก็แสดงทีท่าไม่ใส่ใจไป

   “ปัถย์ ถ้าอะไรทำให้นายโกรธก็บอก ฉันไม่อยากให้เราเข้าใจกันผิดๆ อีก”

   เอรีสขยับแก้วเครื่องดื่มสีหวานให้ปัถย์ แต่รายนั้นส่ายหน้าแล้วฉวยแก้วเหล่าในมืออีกฝ่ายแล้วกระดกเอือกๆ แทน จนเอรีสได้แต่มองเพราะปัถย์ไม่ใช่คนที่ชอบดื่มสักเท่าไร ยิ่งตอนอยู่กับเขาปัถย์จะไม่ดื่มน้อยมาก

   “ไม่มีครับ” ปัถย์ตอบเมื่อวางแก้วเหล้าที่หมดลง

   “เฮ้!” เอรีสส่งเสียงปราม แต่อีกฝ่ายก็กวักมือเด็กเสริฟแล้วหยิบแก้วใหม่แล้วกระดกดื่มอีก แล้วรีบฉวยข้อมืออีกฝ่ายไว้แน่น 

   “ปล่อยครับ” ปัถย์ดึงแขนกลับ

   “เดี๋ยวเมา พอก่อนปัถย์”

   “ทำไมครับ ผมดื่มไม่ได้? ถ้าไม่ให้ดื่มก็พาผมกลับ”

   ปัถย์เลิกคิ้วขณะบอกเสียงยียวน นานครั้งจริงๆ ที่ตนจะหาเรื่องพูดจากท้าทายคนที่อยู่ตรงหน้าเสียที แล้วก็ได้เห็นสีหน้าหล่อดุของเอรีสขมวดคิ้วน้อยๆ ให้อย่างประหลาดใจด้วยคงไม่คิดว่าคนที่อยู่ใต้อานัติมาตลอดอย่างปัถย์จะหาญกล้ามาปะคารมด้วย

   “ดื่มได้ ก็ไม่ได้ว่าอะไร แค่ห่วงว่าจะเมาเร็ว”

   อ่า... ปัถย์ในโหมดนี้เขาไม่เคยเห็นนะ


   ท่าทีกวนๆ ชวนหาเรื่อง แล้วก็สีหน้าแง่งอนนี่ก็ด้วย จะว่าน่ารักก็น้อยไปหน่อยแบบนี้มันน่าฟัดที่สุด

   เอรีสเท้าคางแล้วจ้องตาปัถย์นิ่งๆ ทีท่าราวกับจะกลืนกินอีกฝ่ายลงท้องเสียให้ได้ถ้าลองได้สบโอกาส ผิดกับปัถย์ที่ดูหงุดหงิดใจ สีหน้าบึ้งตึงบอกบุญไม่รับ ผลสืบเนื่องมาจากคำพูดไม่กี่ประโยคของฐิตินั่นล่ะที่ทิ้งทุ่นระเบิดเอาไว้

   อินเดินมาหาเอรีสที่โต๊ะ เจ้าตัวยิ้มมุมปากเมื่อเห็นเอรีสกำลังจับข้อมือของปัถย์แล้วขยับหน้าเขาไปใกล้ก่อนกระซิบกระซาบอะไรกับอีกฝ่ายอยู่ จึงยกมือขึ้นเป็นเชิงขออนุญาตขัดจังหวะแล้วกล่าว

   “เอรีสครับ ขอรบกวนเวลาสักครู่นะครับ เจซีอยากคุยกับคุณ”

   “ได้สิ” เอรีสลุกขึ้น แม้จะมีทีท่าอิดออดอยู่บ้างแต่ก็จำใจลุกขึ้นไปเงียบๆ “เดี๋ยวมานะ อย่ารีบเมาล่ะ” เขาหันไปสั่งปัถย์ก่อนจะเดินตามอินไปอย่างเสียมิได้
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH14 3/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 03-04-2018 16:51:48
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH14 3/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: T_TARS ที่ 03-04-2018 16:58:18
นังฐิติ บังอาจมาทำให้ปัถย์หวั่นไหว
 :m16: :m16: :m16:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH14 3/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 03-04-2018 17:18:58
ฐิติ ยัยงูเห่า

ดูดิว่าข้อมูลชุดนั้นจะเป็นการวางยารึเปล่า อยากให้บอสฉลาดๆ นะ จะได้ลุ้นหน่อย
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH14 3/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 03-04-2018 18:00:23
อีงูสารพัดพิษ :z6:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH14 3/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 03-04-2018 19:25:41
โอ๊ะโอ ฐิติร้ายเว่อ

ขอให้ข้อมูลนั้นเป็นข้อมูลปลอมๆด้วยเถอะ
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH14 3/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 03-04-2018 19:34:52
อยากตืบบ่างจังเลย ยุดีนัก  :3125:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH14 3/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 03-04-2018 20:12:55
 :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH14 3/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 03-04-2018 23:09:03
มันร้ายนะครับหัวหน้า!
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH14 3/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 03-04-2018 23:40:23
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH14 3/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 04-04-2018 17:55:31
หึ!อีงูพิษ
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH14 3/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: sompong ที่ 05-04-2018 01:17:32
หายไปไหนกลับมาเขียนอีกป่าว รอ อยู่นะ
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH14 3/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 05-04-2018 01:41:32
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH14 3/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 05-04-2018 01:48:52
กรี๊ดดดด ดีใจ มาอัพแล้ว ชอบเรื่องนี้มากกก
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH14 3/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 05-04-2018 01:54:11
 :fcuk:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH14 3/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: joborcusier ที่ 05-04-2018 03:05:56
รอดราม่าชุดเล็ก1
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH14 3/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: sompong ที่ 17-04-2018 22:30:39
นักบวชงูพิษ ตบมัน รีบมานะ ข้าจะรอตอนที่ 15 นั
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH14 3/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 18-04-2018 04:44:18
หายไปนานจังเลย
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH15 24/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: anin ที่ 24-04-2018 12:08:00
Chapter 15

   เอรีสเดินตามหลังอินมาเพื่อคุยธุระกับเจซีที่โต๊ะรับรองที่เป็นส่วนตัวซึ่งจัดไว้อย่างเป็นส่วนตัว เมื่อใกล้เข้าเจซีกวักมือเรียกสำทับเป็นเชิงเร่งเร้า เอรีสพยักหน้ากลับพร้อมอมยิ้มบางเบาตามแบบฉบับคนหน้านิ่งที่ไม่ยอมหลุดมาดเคร่งขรึมอันเป็นเอกลักษณ์ ถึงตอนนี้จะอยากทุ่มเทความสนใจให้กับปัถย์มากเพียงใด แต่งานก็เป็นอะไรที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ดังนั้นเขาจะพักเรื่องของหัวใจก่อน ไว้หาทำงานหาเงินเสร็จค่อยไปสะสางปัญหาหัวใจอีกที

   “มีอะไรสำคัญงั้นเหรอ”

   “ก็นิดหน่อย เห็นอินบอกว่าปัถย์มาด้วย แล้วนี้ไปไหนละ”

   จีซีถามอย่างเคยชิน น้ำเสียงก็ดูเย้าแหย่อยู่บ้างด้วยอดไม่ได้ พอจะรู้อยู่ว่าสถานะของปัถย์ที่เอรีสวางไว้ นับได้ว่าเป็นคนที่พิเศษ แต่จะพิเศษขั้นไหนก็ยังไม่อาจเจาะจงไปได้ชัดๆ เอรีสที่รู้จักมักไม่ได้ให้ความสำคัญอะไรกับใครเท่าไร เพื่อนเขาคนนี้กลัวการผูกมัด และหลีกเลี่ยงความสัมพันธ์แบบลองเทอมเป็นที่สุด แต่ถ้าการคาดคะเนของเขาไม่ผิดพลาดปัถย์อาจมีอะไรมากกว่าผู้ช่วยคนสนิท

   “ให้นั่งหาอะไรกินรออยู่”

   เอรีสตอบโดยไม่สนใจท่าทางนั้น ทำแค่เพียงแสดงสีหน้านิ่งเฉยเดาอารมณ์ไม่ได้ เจ้าตัวนั่งลงตรงข้ามเพื่อนที่อยู่บนรถเข็น ด้วยคบค้าสมาคมกันมานานก็พอจะเดาได้ว่าเจซีคงมีเรื่องอยากคุยที่สำคัญจริงๆ ถึงได้ให้เมียรักอย่างอินรีบไปตามตัวขนาดนี้

   เจซีที่มองเพื่อนรักที่รับแก้เครื่องดื่มไปจิบเล็กน้อย จากนั้นจึงเข้าเรื่องที่ต้องการ

   “ได้ข่าวแว่วๆ มา... เรื่องธีรนัย แกรู้หรือยัง”

   “เรื่องอะไร” เอรีสที่ชำเลืองมองปัถย์อยู่หันกลับมาทันที ดวงตาคมหรี่ลงขณะถาม

   ด้วยที่เอรีสไม่ได้สนใจในตัวธีรนัยมานานแล้ว ยกเว้นก็แต่ว่าที่ปัถย์แอบกุ๊กกิ๊กกับมันอยู่ระยะหนึ่ง จนเขาเริ่มแน่ใจแล้วว่าปัถย์สลัดไอ้พญาปลวกนั่นออกจากเส้นทางเขาเลยเลิกสอดส่องมันไปพักใหญ่

   “เรื่องที่เข้าไปมีบทบาทเล็กๆน้อยๆ ในบริษัทคู่แข่งตลอดกาลของแกไง... ลอด์จ อินดัสทรี”

   หางคิ้วของเอรีสกระตุก แต่สีหน้ายังรักษาความสงบแม้ภายในใจของเจ้าตัวจะไม่ได้รู้สึกแบบนั้นก็ตาม คำว่า ‘ลอด์ท อินดัสทรี’ มันก็เหมือนเชื้อโรคร้ายที่น่าขยะแขยงพอๆ กับชื่อของธีรนัยนั่นล่ะ ความฉาวโฉ่ส่งกลิ่งคลุ้งมาไกลเสียจนอยากจะอาเจียนออกมาให้ได้

   “เฟยหลง ลอด์จคงเข้าคู่กันดีกับธีรนัยได้ดี ฉันก็ไม่ค่อยแปลกใจเท่าไรที่คนเลวๆ สองคนจะมาฟอร์มวงกัน”

   เอรีสพูดอย่างติดตลกยักไหล่ราวกับไม่ใส่ใจ แต่รอยยิ้มที่ปรากฎออกมามันช่างดูเหยียดหยันสุดขีด

   เขาไม่แยแสหรอกว่าไอ้ระยำสองตัวนั่นมันจะญาติดีกัน คนสารเลวกับไอ้หน้าตัวเมียอยู่ด้วยกันก็ค่อยดูเป็นคู่ซี้รวมทีมคนสุดระยำไร้ที่ติ ถ้ามีรางวัลชาติชั่วดีเด่น เขายังสงสัยอยู่เชียวว่าสองคนนี้ใครที่จะคว้าตำแหน่งนี้ไปครองได้

   “ก็คงจะมีเรื่องในนายปวดหัวแน่ๆ เตรียมใจไว้เถอะนะ ธีรนัยเองไม่ชอบให้นายสงบอยู่แล้ว นี่ลงทุนไปดึงลอด์จมาเข้าพวก นายคงเจองานหนักหน่อย”

   เจซีพูดด้วยกังวลแทนอยู่พอควร ถึงจะรู้ว่าเอรีสไม่ใช่คนที่ใครจะมาลบคมง่ายๆ แต่ชื่อเสียงทางด้านความร้ายกาจของเฟยหลง ลอด์จก็ใช่ว่าจะกระจอกเสียเมื่อไร อิทธิพลและกำลังเงินในสิงค์โปร์ก็ถือว่ามาก อีกทั้งช่วงหลังมานี้ยังแผ่อิทธิพลไปในจีนแผ่นดินใหญ่ และในไทยนี่ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นเป้าหมายใหม่อีกเช่นกัน

   “ก็ไม่เคยกลัว ถ้าลอด์จ อินดัสทรีอยากจะเข้ามาทำมาหากินในเมืองไทย ตราบใดที่ไม่มาทับทางกัน เบอร์ตัน กรุ๊ปก็ไม่ได้มองว่ามันเป็นปัญหา”

   “นายก็รู้ว่ามันทับทางเบอร์ตัน กรุ๊ปแน่ๆ เหมือนอย่างโครงการกาสิโนที่นายเข้าร่วมประมูลไง ลอด์จได้ไป ทั้งที่ตอนแรกยังคิดอยู่เชียวว่าเบอร์ตันจะได้”

   “ที่จริงงานนั้นฉันไม่เอาแต่แรกอยู่แล้ว ถ้าพวกมันอยากนัก ก็เชิญตามสบาย”

   เอรีสตอบกลับอย่างไม่ยี่ระ เขาไม่ใช่พวกชอบริษยา ใครได้งานไปก็ไม่ถือว่าเป็นศัตรูนอกเสียจากว่ามันจะลูบคมด้วยการใช้วิธีสกปรก ปล้นเอาสิ่งที่สมควรเป็นของเขาไป

   “แว่วว่ามูลค่าสูงมาก ทำเงินให้ไม่น้อย ปิดให้แซดว่าจ่ายให้คณะกรรมการตัดสินไปเยอะทั้งคนฝั่งโน้นกับคนฝั่งนี้ กินจนอิ่มแปล่กันทุกฝ่าย”

   เจซีบอกยิ้มๆ ไอ้ที่รู้มาไม่ใช่ข่าวซุบซิบเสียด้วย แถมหลุดมาจากปากคนที่เชื่อถือได้อีกต่างหาก

   “ก็ไม่แปลกใจ”

   “…โครงการของฉัน มีลอด์จเข้าประมูลด้วย นายโอเคใช่ไหม”

   เจซีบอกเพื่อนรักตรงๆ ด้วยบริษัทของเขามีผู้ถือหุ้นอีกหลายราย ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะปฏิเสธอะไรไปด้วยความรู้สึกส่วนตัว

   “ไม่มีปัญหาอะไร นายไม่ต้องกังวลไปหรอก ตราบใดที่ทุกอย่างทำอย่างตรงไปตรงมา ฉันก็ไม่เอามาคิดให้มันเป็นเรื่อง”

   “อืม ถ้าเรื่องนั้นก็สบายใจได้ ฉันไม่ยอมให้ใครมาโกงอะไรในงานที่ฉันดูแลอยู่แน่ ถึงแม้ว่าผู้ถือหุ้นบางคนในบริษัทของฉันจะโคตรแนบแน่นกับลอด์จจนออกนอกหน้านอกตา แต่ฉันก็คอยระวังไว้อยู่” เจซีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นขณะพูด

   เพราะภายในบริษัทตัวเองก็ยังมีคนที่คอยจะแย่งการบริหารของอยู่ แถมไม่ใช่ใครที่ไหนก็เป็นพี่ชายต่างมารดาของเขาเองที่คอยจะเลื่อยขาเก้าอี้ของเขาอยู่แทบทุกวัน ถ้าจะพูดว่าความสัมพันธ์ระหว่างเอรีสกับธรนัยย่ำแย่แล้ว ของเจซีกับพี่ชายถือว่าเลวร้ายกว่ามาก

   “เดฟยังป่วนนายไม่เลิก?” เอรีสกอดอกและครุ่นคิดไปด้วยคณะถาม

   “ใช่”







   

{ปัถย์}

   คำพูดจากฐิติผู้ช่วยคนใหม่ของเอรีสบอกทำให้ผมรู้สึกไม่พอใจนัก

   สิ่งหนึ่งที่ผมรับรู้ได้คือความร้อนรุ่มภายในใจ สิ่งนั้นมีคำเรียกว่า ‘ความหึงหวง’

   เมื่อก่อน สิ่งที่ผมรู้สึกต่อเอรีสคือการมองเขาอยู่ห่างๆ ไม่มีความคาดหวัง ไม่ได้ตั้งเป้าอยากได้หรือครอบครอง มีบางครั้งที่ผมอาจเสียใจ ยามที่เอรีสมีความสัมพันธ์เชิงลึกซึ้งกับใครก็ตาม แต่ผมก็ไม่เคยหึงหวง...

   ผมเจียมตัวกับสถานะของตัวเองมาตลอด

   แต่ตอนนี้ ผมรู้สึกถึงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของในตัวของเอรีสขึ้นมาหน่อยๆ รู้สึกไม่พอใจที่ได้รู้ว่ายินว่าคิมหันต์ยังคงวนเวียนอยู่รอบกายเอรีส ทั้งที่เขาบอกกับผมว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีความสำคัญอะไร

   อันที่จริงผมไม่ควรเก็บเอาคำพูดของฐิติมาคิดให้รกสมอง คงดูงี่เง่ามากที่มัวโมโหเรื่องที่หนึ่งในคู่ขาของเอรีสจะมาพบปะบ้างเป็นครั้งคราวที่ออฟฟิศ ก็ตลอดสามปีที่ผ่านมาเรื่องพวกนี้เกิดขึ้นมาเป็นสิบเป็นร้อยครั้ง ฉะนั้นผมควรปล่อยความหึงหวงนั้นไป และควรหนักแน่น ที่สำคัญที่สุดคือไม่ควรเอาคำพูดของคนอื่นไปตัดสินคนที่ผมตกลงจะให้โอกาส

   พอคิดมาถึงตอนนี้ผมก็สบายใจขึ้นนิดหน่อยและเริ่มเอ็นจอยกับอาหารและเครื่องดื่มในมือกว่าเก่า เมื่อของว่างในจานหมดผมจึงลุกขึ้นและเดินไปที่บาร์ด้วยอารมณ์ที่เกือบเป็นปกติ อาหารนานาชาติตรงหน้ายั่วน้ำลายเสียจนท้องผมเริ่มส่งเสียงร้อง

   ผมตักอาหารหลายอย่างไว้ในจานกระทั่งมือมือหนึ่งที่แตะแผ่นหลังเบาๆ ไม่ต้องหันไปมองผมก็พอจะรู้ว่าใครกันที่เป็นเจ้าของฝ่ามือนั้น

   “เมาหรือยัง”

   เสียงทุ้มๆ ดังอยู่ใกล้ใบหู กลิ่นอาฟเตอร์เชฟที่คุ้นเคยลอยผ่านมาตามลมทะเลที่พัดมาทางนี้พอดียิ่งบอกชัดว่าเขาที่ผมเดาไว้ไม่ผิดตัวจริงๆ

   “อาจจะ...” ผมแกล้งตอบเสียงเรียบ

   จริงๆ แล้วไม่ได้รู้สึกเมาเลย กับแค่สองสามแก้วมันไม่ได้ทำให้ผมมึนด้วยซ้ำ แต่ดูเหมือนว่าเอรีสไม่รู้ว่าผมคอแข็งกว่าที่เขาคิด

   “บอกได้ไหมว่าใครทำให้ไม่พอใจ” เอรีสจริงจังมากจับได้จากน้ำเสียง

   ถ้าเมื่อสิบนาทีก่อนผมคงจะประชดประชันเขาสักประโยคสองประโยค แต่ตอนนี้ผมไม่ได้หึงจนลมออกหูแล้ว ที่มีก็แค่อยากแกล้งเขาเล่นๆ เสียมากกว่า

   “คุณ”

   “ฉัน?”

   เขาชะงักมือที่แตะบนแผ่นหลังผมเล็กน้อย ก่อนจะลูบเบาๆ ซึ่งผมก็ไม่ได้หลบเลี่ยงอะไร ปล่อยให้ปลายนิ้วเรียวยาวสัมผัสผ่านเนื้อผ้า ยอมรับแบบไม่อายว่าผมรู้สึกอุ่นใจเวลาที่เขาแตะต้องเนื้อตัวผมอย่างแผ่วเบา

   “ใช่ คุณนั่นล่ะ”

   ผมยังแกล้งเขาต่อไป บางทีผมก็อยากเอาคืนเอรีสบ้าง สามปีที่ผ่านมาผมเป็นลูกไล่ให้เขามาตลอด พอมีโอกาสเอาคืนเล็กๆ น้อยๆ แก้เผ็ดให้อีกฝ่ายร้อนรนบ้างก็ไม่น่าสนุกไม่หยอก

   “ฉันทำอะไร”

   “…” ผมเงียบ และสนใจกับบาร์อาหารแทน

   “ปัถย์ คุยกัน อย่าเงียบสิ ฉันใจไม่ดี” น้ำเสียงเขาร้อนรน มองจากหางตาสีหน้าก็ดูกระวนกระวาย

   “ฮึ...” ผมส่งเสียงในลำคอเบาๆ แต่ก็เงียบเหมือนเคย

   “เฮ้ ถ้านายไม่บอกฉันก็เดาไม่ถูก ให้ตายสิไม่เอาแบบนี้นะ ขอเลยอย่าเมินใส่ฉัน สงสารกันบ้างเถอะ”

   เอรีสพูดเสียงเว้าวอนเสียจนผมใจอ่อนยวบ แต่ก็แสร้งปั้นสีหน้าเรียบเฉยไว้อย่างสุดความสามารถ

   “ไม่เห็นมีอะไรน่าสงสารเลยครับ”

   “นี่ล่ะน่าสงสารที่สุด โดนคนที่ฉันแคร์ที่สุดทิ้งแบบไร้เยื่อใย ปล่อยให้เผชิญชะตากรรมเพียงลำพังแบบนี้ไม่เรียกว่าน่าสงสารแล้วให้เรียกว่าอะไร” เอรีสก้มลงมาเพื่อสบตา ซึ่งผมเองก็ได้แค่มองเขาตาปริบๆ พูดอะไรไม่ออก มัวแต่ตะลึงกับดวงตาหวานฉ่ำแกมเจ็บปวดลึกๆ ของเขาที่แสดงออกมาอย่างเด่นชัด

   เป็นผมเองที่จงใจหลบสายตาคู่นั้น รู้ดีว่าตัวเองไม่เคยใจแข็งอะไรได้เลยกับมนุษย์ที่มีชื่อว่าเอรีส ต่อให้เขาคนนี้เคยเมินเฉยต่อผมแค่ไหน ผมก็ยังรัก แล้วตอนนี้ที่เขากลับมาออดอ้อนเว้าวอนแบบนี้มันจะใจแข็งไปได้ยังไง

   “กรรมตามสนอง”

   “อะไรนะ”

   “เรียกว่า...กรรมตามสนองครับ โทษฐานที่คุณชอบเจ้าอารมณ์ เอาแต่ใจ อยากได้อะไรก็ต้องได้... แถมยังปากเสียเวลาที่โมโห”

   “โอย... พูดซะไม่มีความดีเลย”

   สีหน้าเอรีสดูน่าขัน ดวงตาที่เบิกกว้างกับปากที่เผยอน้อยๆ แบบเก็บอาการไม่อยู่ ถ้าลองลูกน้องคนอื่นในบริษัทมาให้สภาพหลุดฟอร์มแบบนี้คงพากันซุบซิบนินทาอย่างพออกพอใจเป็นแน่

   “ความดีก็มีละ แต่ผมว่าด้านร้ายของคุณโดดเด่นกว่า” ผมยิ้มน้อยๆ ซึ่งเอรีสก็ยิ้มกลับมาให้เช่นกัน เขามองผมด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก ผมไม่กล้าเข้าข้างตัวเองมากเท่าไร ถึงแม้มันหวานฉ่ำจนน่าลุ่มหลงเพียงใดก็ตาม

   “เจ็บจัง เวลาโดนนายด่าเนี่ย”

   “คุณเคยด่าผมแรงกว่านี้ อย่างเช่น... ไปไกลๆ เลย อย่ามายืนเกะกะขวางทาง ถ้าช่วยอะไรไม่ได้ก็หลีกไปให้พ้นหน้า ฉันไม่ได้เสียเวลาจ้างเด็กประถมมาทำงานนะ แล้วก็ นี่อะไร! ฟังไม่เข้าหูหรือไงว่าไม่เอา อย่าเอามาให้เห็นอีกนะ ซื่อบื้อ แล้วก็....” นั่นคือประโยคที่เอรีสบอกกับผมเมื่อตอนที่ผมเข้ามาทำงานใหม่ๆ ซึ่งตอนนั้นผมนี่โมโหเสียจนแทบอยากจะเดินไปบีบคอเขาแต่ก็ทำได้เพียงเงียบ

   “พอ พอ... ขอร้องล่ะ อย่าพูดอีก รู้แล้วว่าที่ฉันเคยพูดมันแย่มาก”

   เอรีสโบกมือ เขากรอกตาทำท่าเหมือนรับฟังไม่ได้ ซึ่งที่จริงแล้วไอ้ที่เขาด่าผมมันมีอีกเยอะแต่ดูเหมือนเขาจะไม่กล้าฟังคำพูดของตัวเองเสียแล้ว

   “คุยกับเจซีเสร็จแล้วเหรอครับ” ผมถาม เมื่อเห็นเขาดูซีเรียสจริงๆ ก็เลยเลิกแกล้ง

   “อืม เสร็จแล้ว” เอรีสรับคำแล้วเดินตามผมมาเงียบๆ

   “หิวไหมครับ จะกินอะไรดี”

   “หิว แล้วก็อยาก...กิน ถ้าได้ ก็จะดีมาก”

   เสียงเขามันแปลกๆ ฟังดูติดจะเรทอาร์ในความคิดของผม แล้วไอ้ลมหายใจที่รดต้นคอนั่นมันคืออะไร

   “เอรีส” ผมลากเสียง บอกว่ารู้ทันความหมายที่เขาต้องการสื่อ สายตาก็ปรามเขาอยู่ในที แต่ถึงอย่างนั้นเอรีสก็ยังลอยหน้าลอยตาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ก้มหน้าลงมาใกล้จงใจให้ลมหายใจร้อนๆ ปะทะแผ่วบนต้นคอ

   “ครับ”

   “ช่างเถอะครับ”  ผมเบี่ยงหน้าหลบ ยั้งคำถามที่ก่อกวนในใจไว้ได้ทัน

   ทั้งเรื่องที่สงสัยและอยากรู้

   อยากถามเขาตรงๆ ว่ากับคิมหันต์ มันจริงอย่างที่ฐิติพูดไหม ทั้งคู่ยังติดต่อกันอยู่หรือเปล่า แต่ก็ไม่กล้าที่จะถามออกไปตรงๆ เอรีสอาจมองว่าผมก้าวก่าย ซึ่งผมคงรู้สึกหดหู่มากถ้าเขาจะมองผมไปในทางนั้น ในตอนนี้เอรีสเอียงคอน้อยๆ มองผมแบบไม่มีเก็บอาการ เป็นผมเองที่หลบตาก่อนเพราะความรู้สึกแปลกๆ เมื่อมาถึงโต๊ะ ฐิติก็ไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว ผมกับเอรีสนั่งลงข้างกันโดยที่เขาเลื่นเก้าอี้เข้ามาให้ใกล้อมยิ้มน้อยๆ ส่งมาให้ ดูอารมณ์ดีมากกว่าทุกครั้ง

   “เจซีถามถึงนายด้วย”

   “เจซีเป็นยังไงบ้าง หายดีหรือยังครับ”

   ครั้งสุดท้ายที่ผมเจอเขาคือตอนที่ตามเอรีสไปเยี่ยมที่โรงพยาบาล ตอนนั้นเจซีเพิ่งผ่าตัดเสร็จ ภายหลังได้ยินมาว่าต้องนั่งรถเข็นเพราะอาการเขาไม่ค่อยดีเท่าไรเนื่องจากอุบัติเหตุกระทบกระเทือนการเคลื่อนไหวช่วงล่างของเขาหนักมาก ต้องใช้เวลาพักฟื้นยาวนานกว่าจะหายเป็นปกติ

   “ยังนั่งรถเข็นเหมือนเดิม แต่ดีขึ้นมากแล้วล่ะ” เอรีสตอบ มือหนาพาดมาบนพนักพิงด้านหลังผมดูท่าทางน่าสบาย

   “โชคดีมากเลยนะครับที่ฟื้นจากโคม่าแล้วกลับมาทำงานต่อได้” เห็นจากสภาพในข่าวแล้วใครๆ ก็บอกว่าคนในซากรถคนนั้นไม่น่ารอด แต่ปาฏิหารก็พาเจซีกลับมาได้

   “ปัถย์” เอรีสเรียกผม “นายเคยได้ยินชื่อลอด์จ อินดัสทรีไหม”

   ผมนึกอยู่ชั่วครู่ก่อนตอบ

   “เคยครับ บริษัทใหญ่ในสิงคโปร์ ทำไมครับ มีอะไรหรือเปล่า”

   ในแววดวงก่อสร้างชื่อเสียงของลอด์จ อินดัสทรีถือว่าเป็นที่รู้จักกันดีในวงกว้าง แม้จะไม่ได้ทำธุรกิจอยู่ในประเทศไทย แต่ผมก็ได้ยินชื่อเสียงมาไม่น้อยทั้งในแง่ที่ดีและแง่ที่ไม่ดี

   เอรีสนิ่งไปราวครึ่งนาที ก่อนจะเลิกคิ้วเป็นเชิงยั่วเน้า

   “คู่แข่งรายใหม่น่ะ จะมาประมูลแข่งในอีกหลายๆ โครงการ อ้อ อีกอย่าง บริษัทลูกในเมืองไทยมีธีรนัยถือหุ้นอยู่สามสิบเปอร์เซ็นต์”

   น้ำเสียงราบเรียบ ไม่ได้มีอารมณ์โมโหหรือจ้องจับผิดอะไรเจืออยู่ด้วย แต่นั่นก็ไม่ทำให้ผมโล่งอกเท่าไร จากประสบการณ์ที่ผ่านมาเอรีสเกลียดธีรนัยเข้ากระดูกดำ

   “ผมก็ไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน คุณธีร์ไม่เคยเล่าอะไรให้ผมฟังเลยเรื่องงานหรือธุรกิจของเขา”

   ผมบอกแบบไม่โกหก ได้การพยักหน้าแบบเข้าอกเข้าใจของเอรีสกลับมา ซึ่งเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่เอรีสพูดถึงลูกพี่ลูกน้องของตัวเองโดยไม่ได้ใส่อารมณ์โกรธหรือท่าทีไม่พอใจให้เห็น

   เอรีสดูใจเย็นและสุขุมเหมือนกับที่เป็นกับทุกๆ เรื่อง ซึ่งค่อนข้างแปลกในความคิดของผม

   “ลอด์จเพิ่งเข้ามาลงทุนในเมืองไทย ที่รู้มา ธีรนัยก็ร่วมอยู่ในบอร์ดบริหาร พอเศรฐกิจใจอาเซียนดี ใครๆ ก็อยากเข้ามาลงทุน เอาเป็นว่าตอนนี้ก็มีคู่แข่งที่น่ากลัวอีกรายแล้วละ”

   “ลอด์จ อินดัสทรีจะเข้าร่วมประมูลในงานของเจซีด้วยหรือเปล่าครับ” ความอยากรู้อยากเห็นของผมเก็บเอาไว้ไม่อยู่ แม้ท่าทางของเอรีสจะดูสบายๆ ไม่ยี่หระ แต่นั่นก็ยังคงทำให้ผมห่วง

   “อืม” เอรีสครางรับในลำคอ เมื่อผมหันไปมองที่เขาตรงๆ ก็เห็นสายตาคมกล้าที่มีบางอย่างอยู่ในใจ

   “คุณคิดอะไรอยู่ครับ” ผมถามไปตรงๆ “หน้าคุณเหมือนรู้อะไรมา”

   “ดูออก?”   

   “สีหน้าคุณดูมีอะไร” ผมคาดคะเน “ร้ายแรงแค่ไหนครับ”

   “ที่จริงก็รู้ระแคะระคายอะไรมานิดหน่อย แต่ขอให้แน่ใจก่อนถึงตอนนั้นฉันคงต้องปรึกษานายอีกที” เอรีสหลับตาลงชั่วครู่ “ตอนนี้ก็แค่อยากรู็ว่า...จะกลับอยู่ใกล้ๆ กันไหม” เสียงนั้นออดอ้อน เปลี่ยนเรื่องจริงจังไปแบบพลิกฝ่ามือ พานให้ผมปรับอารมณ์ตามไม่ถูก

   “…”

   ผมไม่ได้ตอบ แล้วก็ไม่กล้าสู้ตาของเอรีสด้วย

   “เงียบ คือปฏิเสธ?”

   “อย่ากดดันผมครับ”

   “แค่ถามดู ไม่ได้จะกดดันอะไรเสียหน่อย”

   “เล่นถามตลอดที่มีโอกาส แบบนี้เขาเรียกกดดันครับ”

   “โอเค ไม่ต้องทำเสียงแข็งใส่ก็ได้ ทำไมเดี๋ยวนี้ดุจัง กลัวไปหมดแล้วเนี่ย” เอรีสใช้ฝ่ามือรั้งต้นคอด้านหลังของผมไว้ บังคับให้หันไปสบตากันตรงๆ ความร้อนจากฝ่ามือทำให้ผมรู้สึกอ่อนไหวไปชั่วขณะ การแตะต้องเนื้อตัวเล็กๆ น้อยๆ ส่งผลกับร่างกายมากกว่าที่คิด

   “อย่างคุณ เคยกลัวใครที่ไหนด้วยเหรอ”

   “เมื่อก่อนไม่รู้ แต่รู้ว่าตอนนี้มีคนหนึ่ง ทั้งเกรงใจ ทั้งกลัว” เสียงนั้นนุ่มราวกำหยี่ “...กลัวว่าถ้าทำตัวไม่ดี พูดอะไรไม่เข้าหูก็จะหนีหายไปอีก”

   “พูดเก่งจังนะครับเดี๋ยวนี้” ผมพูดไปด้วยความเก้อเขิน รู้สึกทำหน้าไม่ถูกเลยทีเดียวเมื่อเจออีกฝ่ายหยอดระยะประชิด

   “ขอโทษที ขอนั่งด้วยคนได้ไหม” เสียงห้าวๆ ดังขึ้นทำให้ผมและเอรีสที่มองตากันอยู่หันไปที่ต้นเสียงพร้อมๆ กัน

   ผมชะงักค้าง คำพูดที่จะต่อปากต่อคำกับเอรีสมีอันกลืนหายเข้าไปในลำคอ ผมคงเก็บสีหน้าของความแปลกใจเอาไว้ได้ไม่มิด เอรีสขยับตัวเข้าใกล้ หางตาเขากระตุก สีหน้าเย้าหยอกเมื่อครู่แปลเปลี่ยนเป็นแข็งกระด้างดุดัน

   “…”

   ไม่มีคำพูดอะไรออกมาจากปากเราทั้งคู่ ผมที่ประหลาดใจเกินกว่าจะพูดไรออกมาได้ ส่วนเอรีสก็คงเป็นความรังเกียจอันท้วมท้น

   “ปัถย์ ...น่าแปลกใจนะที่เจอคุณที่นี่”
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH15 24/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 24-04-2018 13:25:02
 :pig4: :pig4: :pig4:

ใครน้อ?  สงสัยจะเป็น ธีร์ดนัย  มั้ง
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH15 24/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 24-04-2018 15:36:06
งานประมูลจะเสียหายไหมนะ  :hao4:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH15 24/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 24-04-2018 15:47:07
ขอรุกแรงๆให้อ่อนใจ  o22
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH15 24/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 24-04-2018 16:02:52
อยากรู้ว่าฐิติเป็นสายให้ใคร :hao4:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH15 24/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 24-04-2018 18:21:28
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH15 24/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 24-04-2018 23:11:34
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH15 24/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 24-04-2018 23:20:52
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH15 24/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 24-04-2018 23:42:23
เข้ามาขัดจังหวะตอนนี้ไม่ดีเลยนะครับ
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH15 24/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 25-04-2018 10:40:46
หืออออ ธีรนัยหรือเปล่า?
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH15 24/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: joborcusier ที่ 26-04-2018 13:34:39
ใครกันนะ หรือตัวละครใหม่!  :ling1:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH15 24/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 27-04-2018 07:35:15
รอๆ
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH15 24/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: sompong ที่ 05-05-2018 20:35:36
รีบมานะ
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH16 7/5/61
เริ่มหัวข้อโดย: anin ที่ 07-05-2018 13:00:16
Chapter 16




   “ปัถย์ ...น่าแปลกใจนะที่เจอคุณที่นี่”

   “คุณธีย์...”

   การพบปะกันแบบไม่คาดคิดทำให้ปัถย์วางตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าต้องวางตัวแบบไหน ส่วนหนึ่งคงมาจากเรื่องระว่างตนกับธีรนัยเป็นการจบแบบไม่สวยนัก...

   ใครจะอยากเผชิญหน้ากับอดีตคนคุยพร้อมกับการที่มีเอรีสนั่งประชิดอยู่ใกล้อบบประชิดตัวกันล่ะ ยิ่งสองคนที่เกลียดกันเข้าไส้เข้ากระดูกดำด้วยแล้วขอให้ห่างกันไว้เป็นดีที่สุด

   เมื่อปัถย์ลองหันไปมองเอรีสที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็ยิ่งหวั่นใจ ด้วยสีหน้าที่ดุดันผิดกับความขี้เล่นเมื่อครู่แบบสุดขั้ว ไหนจะดวงตาแข็งกร้าวที่แสดงต่ออีกฝ่ายว่าเป็นศัตรูอย่างชัดเจนนั่นเล่า... หายนะมาเยือนก็ได้เลยล่ะ งานนี้

   “ฮึ!”

   เอรีสส่งเสียงคำราม พร้อมกับรอยยิ้มหยัน ตวัดตาคมมองมาทางปัถย์อย่างให้รู้ว่าเจ้าตัวกำลังไม่พอใจ ยิ่งในยามที่ชื่อของธีรนัยหลุดออกมาจากของคนข้างๆ ด้วยแล้ว ความหึงหวงแล่นปราดไปทั่วทั้งร่าง หัวใจบังเกิดความรุ่มร้อนประหนึ่งไฟสุม ยิ่งเมื่อปัถย์ส่งสายตาหวั่นไหวให้มัน เขารู้สึกอยากกระโดดข้ามโต๊ะแล้วซัดหน้าหล่อๆ ของมันสักหมัดสองหมัด

   “โว้ว! ญาติคนสำคัญของฉันก็อยู่ด้วย แต่ดูแล้ว....สีหน้าไม่ค่อยดี อ้อ ได้ข่าวว่านอกจากจะเสียผู้ช่วยคนสนิทไปยังพลาดงานใหญ่ไปด้วยไม่ใช่เหรอ แย่หน่อยนะ” ธีรนัยเดาะลิ้นขณะพูด จงใจยั่วโมโหซึ่งนั่นก็นับว่าได้ผล เพราะตอนนี้เอรีสโกรธหน้าดำหน้าแดงไปแล้ว

   “ไปให้พ้นหน้าฉัน” เอรีสจ้องคนที่เกลียดแสนเกลียด ขณะกล่าวช้าๆ ชัดถ้อยชัดคำ ถ้าฆ่าคนตายแล้วไม่ต้องติดคุก ไอ้สวะที่ยืนอยู่ตรงหน้า คงตายด้วยน้ำมือเขาไปนานแล้ว

   “ยังหัวร้อนไม่เปลี่ยน บางทีนายควรใจเย็นลงบ้างนะ ฉันแค่มาทักทายตามประสาญาติ อีกอย่าง... กับปัถย์ก็คนคุ้นเคยกันจะแวะมาพูดคุยไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบกันก็ธรรมดา”

   สายตาโลมเลียมส่งมาที่ปัถย์จนคนถูกมองรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ

   “ไม่จำเป็น” เอรีสพูดจบขยับเข้าหาปัถย์เหมือนว่าร่างกายเป็นไปเองโดยอัตโนมัติ ซึ่งตลอดเวลาที่เอรีสแสดงทีท่าว่าหึงหวงนั้นไม่อาจรอดสายตาของธีรนัย ยิ่งเอรีสทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของปัถย์มากเท่าไรเขาก็ยิ่งริษยา

   “จริงไหมปัถย์”

   “…ครับ”

   ปัถย์ตอบรับคำธีรนัยด้วยมารยาท อาจด้วยความรู้สึกผิดและติดค้างกับธีรนัยอยู่ในใจ ที่ผ่านมาเขาเคยลองพยายามแล้ว พยายามที่จะศึกษาดูใจกับอีกฝ่าย แต่จนแล้วจนรอด เขาก็ไม่อาจที่จะไปเริ่มต้นความสำคัญกับใครได้ ในเมื่อในใจของเขามันมีแต่เอรีส และเอรีส...
   “นั่นไง เห็นไหมล่ะ” ไม่พูดเปล่า ธีรนัยจงใจนั่งลงฝั่งตรงข้ามของคนทั้งคู่ จัดการเรียกบริกรเพื่อรับเครื่องดื่มเสร็จสรรพ    เอรีสมองความหน้าด้านของอีกฝ่ายด้วยสีหน้าราบเรียบ แต่ดวงตากลับเย็นเฉียบแฝงความกรุ่นโกรธ ต่อให้อยากจะลุกขึ้นไปเตะปากเพียงใดก็ยังฝืนข่มอารมณ์ไว้ให้นิ่งสงบที่สุดเท่าที่จะทำได้

   ก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันต้องการอะไรถึงได้กล้ามาป่วนกันซึ่งหน้าแบบนี้

   “พูดธุระของแก แล้วรีบไสหัวไป”

   เสียงของเอรีสกดต่ำ เยียบเย็น เป็นสัญญาณอันตรายที่คนที่อยู่ข้างกายมาหลายปีอย่างปัถย์รู้ดีว่าเขากำลังใกล้จุดระเบิดเต็มที

   “เอรีส” ปัถย์ปรามพร้อมกับแตะข้อมือหนาแผ่วเบา

   เอรีสชำเลืองกลับมามองได้สติขึ้นมาเล็กน้อย ถึงกระนั้นร่างสูงก็ตั้งท่าพร้อมที่จะมีเรื่องได้ตลอดเวลา

   “อิจฉาแกว่ะ ขนาดปัถย์ลาออกไปแล้ว แต่ก็ยังวนเวียนมาอยู่ข้างๆ ไม่ยอมห่างไปไหน เพิ่งรู้นะว่าเขาปฏิเสธนัดกับฉัน สาเหตุมันจะมาจากมีนัดกับแกนี่เอง”

   ธีรนัยยกแก้วในมือชูขึ้น เป็นเชิงสัพยอก แสดงทีท่าเหมือนแสดงความยินดีให้อีกฝ่าย แค่นั้นไม่พอยังส่งสายตาตัดพ้อมาที่อดีตคนเคยคบหา แม้สีหน้าท่าทางคนพูดจะราบเรียบแต่ก็แฝงไปด้วยคำพูดเหน็บแนมจนปัถย์ร้อนใจ ไม่อยากให้เขาเหมารวมโทษเอรีสไปในทางเสียหาย

   “อย่าเข้าใจผิดครับ ผมไม่ได้ปฏิสธคุณเพราะคุณเอรีส ผมมีเพื่อนทำงานอยู่ที่นี่ แล้วการที่เจอกับเอรีสมันก็เป็นเรื่องบังเอิญ”    ปัถย์รีบแก้ความเข้าใจผิดในทันที

   ในทางตรงกันข้าม ยิ่งปัถย์ร้อนรนแก้ตัวมากเท่าไร เอรีสก็ยิ่งหงุดหงิดใจมากเท่านั้น ร่างสูงขยับตัวและพิงแผ่นหลังกับพนักเก้าอี้ มือข้างที่อยู่บนตักกำแน่นและคลายออกซ้ำไปซ้ำมาอย่างระงับอารมณ์

   “อย่างนั้นเหรอ...” ธีรนัยเปล่งคำพูดช้าๆ มีท่าทางคาดคะเนจับผิด

   “มันไม่ใช่กงการอะไรของแก ธุระของฉันกับปัถย์ ไม่จำเป็นที่จะต้องเสือก” เอรีสขัดขึ้น โดยไม่รอให้ธีรนัยพูจบ

   “ฉันพูดอย่างคนที่มีเยื่อใยต่อกันต่างหาก ฉันรู้ว่าแกหวงปัถย์ หวงเหมือนหมาหวงก้าง เห็นแล้วน่าสมเพส อยากลากผู้ช่วยขึ้นเตียงแทบตายแต่ก็ไม่กล้่ายอมรับตรงๆ ทำไม กลัวคนเขานินทาว่าเป็นสมภารกินไก้วัด? หรือก็แค่อยากกั๊กไว้เล่นสนุกไปวันๆ”

   คนที่ถูกพาดพิงสะดุ้ง ใบหน้าขาวร้อนฉ่าจากคำพูดกึ่งดูถูกของธีรนัย

   ปัถย์หลบตาแล้วถอนใจออกมาเบาๆ คำพูดนั้นเสียดแทงใจเหมือนมีดกรีดแผลเก่าอย่างไรอย่างนั้น ในตอนนี้สีหน้าของปัถย์สลดลง ดวงตาคู่หม่นหลุบมองปลายนิ้วตัวเองอย่างไร้ข้อโต้แย้ง


   พอเห็นหน้าจ้อยๆ ของปัถย์ เอรีสก็เป็นเดือดเป็นร้อนแทน

   “หุบปาก! อย่าพูดให้ปัถย์เสียหาย” เอรีสพูดอย่างมีโมโห น้ำเสียงแข็งกร้าวเอาจริง “เมื่อก่อนเขาอาจเป็นแค่ผู้ช่วย แต่ตอนนี้เขาเป็นของฉัน...   ปัถย์เป็นของฉัน! ชัดเจนนะ” เขาตวาดเสียงใส่คนปากพล่อยทันทีทันควันอย่างปกป้องคนที่อยู่ข้างๆ

   ปัถย์ได้ฟังดังนั้นหัวใจกลับพอโตคับอก หากให้เปรียบเทียบก็เหมือนต้นไม้ขาดน้ำที่ได้รับฝนแรกขอฤดู ท่าทางดุดันของเอรีสทำให้ปัถย์ต้องวางมือลงบนต้นขาแกร่งเบาๆ ลูบขึ้นลงหลายครั้งหนักเป็นเชิงเตือนให้อีกฝ่ายสงบอารมณ์คุกรุ่นลง ก่อนที่ทุกอย่างลุกลามบานปลาย

   เอรีสที่โกรธจนแทบกระโดดไปชกหน้าธีรนัย แต่พอปัถย์ให้การสัมผัสเพื่อเรียกสติแบบนี้ก็ลดดีกรีรุนแรงลง เขาเงียบเสียงที่จะด่า แล้วนับหนึ่งถึงสิบในใจ

   “ในที่สุด มันก็หันมาคว้าคุณไปอยู่ดี” ธีรนัยกล่าวด้วยแววตาอ่านไม่ออก น้ำเสียงราบเรียบแต่ฟังแล้วมีนัย “เอาเถอะ ถ้าเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ฉันอาจสู้นายไม่ได้ แต่ถ้าเรื่องอื่นฉันก็พอแน่ใจอยู่หรอกว่าแข่งกับนายได้สบายมาก”

   “อย่างเช่น เข้าไปสุมหัวกับลอด์จงั้นสิ” เอรีสแสยะยิ้ม บอกได้ว่ารู้ทัน

   “จมูกไวดีนี่ จากนี้ไปก็ต้องระวังหน้าระวังหลังหน่อยก็แล้วกัน”
 
   ธีรนัยมั่นใจมากว่าสิ่งที่ตนกำลังทำอยู่เป็นทางที่จะพาตัวเองให้กลับมาประสบความสำเร็จอีกครั้ง ที่ผ่านมาบริษัทของเขาเรียกได้ว่าย่ำแย่ตกต่ำ งานที่ได้ทำก็เล็กกระจ้อยร่อยถ้าต้องเทียบกับเบอร์ตัน กรุ๊ป การที่ลอด์จ อินดัชทรีเข้ามาควบรวมกิจการความหวังอันริบหรี่ก็กลับมาส่องสว่างอีกครั้ง ตอนเด็กๆ เอรีสกับเขาแข่งขันกันเสมอมา แม่ของเขามักจะเปรียบเทียบเขากับไอ้ฝรั่งพันธุ์ทางในทุกๆ เรื่อง ทั้งการเรียน กีฬา เอรีสโดดเด่นกว่าเขาในทุกทาง แม่ไม่เคยชื่นชม มีแต่ตัดพ้อว่าทำไมเขาไม่มีความสามารถได้สักครึ่งของลูกพี่สาว ปีแล้วปีเล่าที่เขาต้องฟังคำพูดซ้ำๆ ของผู้เป็นแม่ ไม่มีครั้งไหนเลยที่แม่จะภูมใจในตัวลูกอย่างเขา

   “คิดหรือว่าการที่เอาลอด์จมาคุ้มหัวแล้วแกจะทำอะไรฉันได้ ไอ้กระจอก”

   “ปากดีไปเถอะเอรีส วันใดที่แกล้ม สาบานเลยว่าจะมีฉันกระทืบซ้ำให้จมดิน”

   ธีรนัยรู้สึกว่าถูกเอรีสเหยียดหยามครั้งแล้วครั้งเล่า ตั้งแต่จำความได้ไอ้ฝรั่งพันธ์ุทางมันก็ขวางทุกอย่างที่เขาปรารถนาเสมอ มันได้รับทั้งความรัก ได้ทุกอย่างได้แม้กระทั่งรอยยิ้มของแม่ ทั้งที่เขาคนที่เป็นลูกแท้ๆ ยังไม่เคยทำได้

   เขาเกลียดมัน เกลียดที่มันได้ดีกว่าเขาในทุกๆ ด้าน

   “ทำได้ ก็ลองดู”

   “คอยดูแล้วกัน ส่วนคุณนะปัถย์ ผมจะบอกคุณอีกครั้ง... ถือว่าผมหวังดี มันไม่รักคุณหรอก สักวันคุณคงรู้ว่าเพราะอะไร”

   เมื่อปัถย์มองไปที่ธีรนัยสิ่งที่เห็นดวงตาที่ดุดันไม่ต่างกัน ทว่าไม่กี่วินาที ธีรนัยก็สลับอารมณ์ได้อย่างสับสวิทต์ สีหน้าอาฆาตแค้นแปรเปลี่ยนเป็นแย้มยิ้มราวกับคนละคน ถึงตอนนี้ปัถย์เริ่มรู้สึกแล้วว่าที่ผ่านมาเขาอาจไม่รู้จักคนที่ชื่อธีรนัยจริงๆ เลยก็ได้ ธีรนัยคนนี้ดูซับซ้อนกว่าที่เขาจะเข้าใจ บางทีธีรนัยอาจไม่ใช่คนที่เขามองว่าเป็นตั้งแต่ต้นก็ได้







   หลังจากที่ธีรนัยจากไปบรรยากาศบนโต๊ะก็ยังไม่ดีขึ้นแม้แต่น้อย

   เอรีสยังคงนั่งหน้านิ่ว คิ้วขมวด แผ่รังษีอำหิตจนคนที่แวะเวียนเข้ามาทัก มีอันต้องเลี่ยงหายไปทีละคนสองคน ใบหน้าบูดบึ้งที่ไม่รับแขก น้ำเสียงก็ห้วนไร้อารมณ์จนทุกคนต่างล่าถอยไปตามๆ กัน

   ปัถย์เองที่นั่งอยู่ข้างกันก็ได้แต่ถอนใจ กำลังคิดหาเรื่องเบี่ยงเบนความสนใจและปรับมูธอารมณ์ของเอรีสให้เบาบางลง เป็นความเคยชินไปเสียแล้วที่เวลาเอรีสร้อนเป็นไฟ เขาจะต้องเย็นเป็นน้ำ


   “อากาศคืนนี้ดีนะครับ ดูสิฟ้าโปร่ง ดวงจันทร์ก็สวย” ปัถย์เปรยขึ้น เรื่องชวนอีกฝ่ายคุย

   “ทำไม ไม่เคยเห็นหรือไง” เอรีสที่ไม่อยู่ในอารมณ์อยากโรแมนติกสวนกลับมาแบบกวนๆ

   “คุณนี่ไม่โรแมนติกเอาเสียเลย เวลามาทะเล ใครๆ เขาก็มาดูท้องฟ้ากลางคืนกันทั้งนั้นล่ะครับ” แต่ปัถย์ก็ยังคงพยายามต่อไป

   “ก็แน่ล่ะ ฉันมันคนกระด้าง ไม่มีรสนิยม”

   เอรีสเหลือบตามองปัถย์นิดเดียว ก่อนตวัดสายตาไปที่ชายหาด แม้จะรู้ว่าปัถย์พยายามชวนคุยเพื่อให้เขาเลิกขุ่นมัว  แต่จนแล้วจนรอดไอ้นิสัยเอาแต่ใจก็กำเริบมันเสียทุกที

   “นี่ประชด หรือรู้ตัวเองจริงๆครับ” ปัถย์เหน็บกลับ ในเมื่อกวนมาก็กวนกลับเดี๋ยวจะหาว่าโกง

   “รู้ตัวไง รู้ว่าไม่เคยดีพอสำหรับคนแถวนี้ ฮึ! แค่มันเดินมาทักก็ทำตาละห้อย รีบแก้ตัวเร็วชะว่าบังเอิญมาเจอกัน กลัวว่ามันจะเข้าใจผิดหรือไง แล้วใครที่บอกว่าเลิกกันแล้ว”

   เอรีสใส่กลับเป็นชุด สีหน้าที่บูดบึ้งหากเป็นสายตาของคนอื่นก็คงจะกลัวกันหัวหด แต่กับปัถย์สีหน้าเจ้าอารมณ์แบบนี้ไม่ได้ทำให้เขาหวั่นไหวสักนิด

   “ผมรู้ว่าคุณกำลังอารมณ์เสีย แต่อย่าลืมนะครับ ว่าผมไม่มีความจำเป็นต้องอดทนอะไรกับคุณ เอาเป็นว่าถ้าคุณเยอะ ผมก็ไม่ทน”

   “…ขอโทษ ก็ฉันอารมณ์เสีย” พอปัถย์ขู่บ้าง เอรีสก็เป็นฝ่ายร้อนรนเสียเอง

   “ผมรู้”

   “นายไม่รู้!” เอรีสหน้าบึ้งน้อยๆ “ถ้านายรู้นายคงไม่ทำให้ฉันหึงจนเป็นบ้าหรอก”

   “ผมไม่ได้ทำอะไรเลย จู่ๆ คุณก็เป็นฟืนเป็นไฟ ทำหน้าหงิกหน้างอ”

   “โธ่! แค่มันใกล้นายเกินห้าเมตรฉันก็หึงแล้ว ยิ่งมันมองนายด้วยสายตาแบบนั้นฉันจะทนได้หรือไง”

   “สายตาแบบไหนครับ คุณคิดมากไปต่างหาก”

   “ก็ต้องคิดมากสิ ก็ฉันหวง นายเป็นคนที่ฉันโคตรแคร์ แล้วไอ้เวรนั่นมันทำท่าเหมือนจะมาลักตัวนายไป จะให้ฉันกราบขอบคุณมันไหม หรือยังไง ตองสรรเสริญมันที่จ้องจะคาบเอาตัวนายไปใช่ไหมถึงจะเหมาะจะควร”

   “เอรีส คุณไม่ควรห่วงเรื่องผม ถ้าผมพูดว่าไม่มีอะไรกับเขา นั่นแสดงว่าผมพูดจริง คุณควรห่วงเรื่องงานของคุณ” ปัถย์พูดด้วยใจจริง “การที่เขาเอาลอด์จมาเป็นเครื่องมือเอาชนะคุณ มันไม่ใช่เรื่องที่ดี คุณต้องระวังตัว”

   “ห่วงฉัน?” ถึงตอนนี้เอรีสอารมณ์ดีขึ้นมานิดๆ น้ำเสียงซอฟลง ดวงตาอ่อนแสงและอมยิ้มที่มุมปาก

   “ครับ ผมห่วงคุณ ห่วงบริษัท ห่วงธุรกิจที่คุณสร้างมา”

   “ฉันจะระวังตัว แค่นายบอกว่าห่วงนี่ก็ดีใจจนตัวลอย”

   “อย่าทำเป็นเล่นนะครับเอรีส”

   “รู้น่า ถึงภายนอกฉันจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไร แต่นายรู้ใช่ไหม ว่าฉันไม่ได้โง่” จบคำปัถย์พยักหน้าเห็นด้วย และได้รอยยิ้มอ่อนโยนของเอรีสกลับไปเป็นของแถม ที่จริงแล้วเอรีสรู้อะไรมาหลายอย่าง ตอนนี้ก็แค่ไม่อยากกระโตกกระตากอะไร สิ่งที่ทำคือวางเบ็ดไว้และรอให้ปลามันหุบเหยื่อก็เท่านั้น

   “ขอโทษครับ พอดีผมท้องไม่ค่อยดีเลยไปนานหน่อย คุณเอรีสต้องการอะไรไหมครับ เดี๋ยวผมจัดการให้” ฐิติกลับมาที่โต๊ะพร้อมกับขอโทษขอโพยยกใหญ่

   “ไม่ต้อง คุณนั่งพักเถอะ”

   ฐิตินั่งลงตามคำที่เอรีสว่า มองไปทางปัถย์ด้วยสายตาที่แฝงไปด้วยอะไรบ้างอย่าง ซึ่งสายตาแบบนั้นของฐิติหาได้รอดพ้นสายตาของเอรีสไปได้

   เอรีสจับจ้องผู้ช่วยอย่างประเมิน และสมองของเขาก็ประมวนบางอย่างช้าๆ แต่เป็นระบบ

   “นี่ฐิติวันจันทร์นี้คุณช่วยเตรียมข้อมูลเพื่อเรียกประชุมทุกฝ่ายด้วยนะ เรื่องโครงการเจซีนี่ล่ะ นับตั้งแต่วันนี้ผมจะขอให้คุณเป็นธุระเรื่องต่างๆ แทนปัถย์อย่างเต็มตัว ยังไงก็ต้องขอฝากเรื่องนี้ด้วย”

   เอรีสกล่าวอย่างเป็นการเป็นงาน ฐิติที่ได้ฟังมีสีหน้ากระตือรือร้นและพอใจที่ได้รับมอบงานที่สำคัญ เจ้าตัวยิ้มอ่อนและมองผู้เป็นเจ้านายอย่างประจบเอาใจ ผิดกับปัถย์ที่หันไปมองเอรีสและเลิกคิ้วอย่างตั้งคำถาม เอียงคอน้อยๆ มองอดีตนายเจ้าด้วยสายตาประหลาดใจ


หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH16 7/5/61
เริ่มหัวข้อโดย: sompong ที่ 07-05-2018 14:19:54
เอรีสเริ่มแผนได้
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH16 7/5/61
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 07-05-2018 16:33:48
 :pig4: :pig4: :pig4:

เอรีส  น่าจะรู้ตื้นลึกหนาบางของฐิติเป็นอย่างดี

นี่คงเริ่มวางหลุมพรางและกับดักแล้วสินะ
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH16 7/5/61
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 07-05-2018 18:13:47
เอรีส รับรู้อะไรบางอย่างแล้วซินะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH16 7/5/61
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 08-05-2018 00:56:36
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH16 7/5/61
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 08-05-2018 08:24:21
โอ้วววว เอรีสจะเริ่มแผนการแล้วสินะ
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH16 7/5/61
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 08-05-2018 08:27:08
เริ่มสงสัยแล้ว
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH16 7/5/61
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 08-05-2018 21:04:41
 o13 o13
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH16 7/5/61
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 08-05-2018 22:27:11
เอรีสรู้อะไรมาแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH16 7/5/61
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 08-05-2018 23:33:43
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH16 7/5/61
เริ่มหัวข้อโดย: Trystan ที่ 09-05-2018 00:42:29
ปลากินเหยื่อ  :katai3:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH16 7/5/61
เริ่มหัวข้อโดย: joborcusier ที่ 10-05-2018 02:26:23
Game on  :hao6:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH16 7/5/61
เริ่มหัวข้อโดย: ous_p ที่ 10-05-2018 10:13:03
จับให้ได้นะ
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH16 7/5/61
เริ่มหัวข้อโดย: sompong ที่ 19-05-2018 00:14:32
มามะไหร่หนอ ข้ารออยู่นะ เอริส จร้าา
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH17 04/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: anin ที่ 04-06-2018 12:38:11
Chapter 17

   ธีรนัยยังคงจับจ้องลูกพี่ลูกน้องและอดีตผู้ช่วยคนสนิทอย่างปัถย์ด้วยความริษยาที่กัดกินอยู่ในใจของเขามาตลอดชั่วชีวิต
   ทำไมว่ะ! คนอย่างไอ้เอรีสถึงได้ทุกอย่างที่ดีไปจนหมด

   คนที่รายล้อมตัวมันล้วนแต่เป็นพวกหัวกะทิ พนักงานเกินครึ่งก็จากมหาวิทยาลัยชื่อดัง หลายคนก็เป็นตัวท็อปในรุ่น หรือไม่ก็พวกติดอันดับเกียรตินิยม

   ดูอย่างปัถย์สิ คนที่เก่งและทุ่มเท จนคนในวงการก่อสร้างไม่มีใครไม่รู้กิติศัพท์ของผู้ช่วยคนนี้

   ปัถย์ไม่ทำตัวอย่างพนักงานกินเงินเดือน แต่ผู้ชายคนนั้นทำเสมือนว่าเบอร์ตันกรุ๊ปเป็นครอบครัว เป็นบ้านที่ต้องรักษาและดูแลให้ดีที่สุด

   ปัถย์นับว่าฉลาดในการวางตัวเขาคอยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับทุกบริษัทตั้งอต่คู่ค้าตลอดจนถึงบริษัทคู่แข่ง ถ้าเอรีสถนัดเล่นบทนักธุรกิจเคี้ยวลากดินมีชั้นเชิง ปัถย์ก็จะเล่นบนในด้านตรงกันข้ามเพื่อให้เกิดมิติหลากหลายในการเจรจา ผู้ช่วยคู่กายคนนั้นจะคอยลดทอนความหยาบกระด้างของเอรีสให้อ่อนดีกรีลง

   ยามเอรีสแข็งกร้าว ปัถย์จะเล่นบทคนหยอดน้ำผึ้งลงในยาขม เทียวแจกยาหอมทีละน้อยๆ จนอีกฝ่ายอาจคิดว่าตนได้ประโยชน์ทั้งที่จริงแล้วอาจไม่ได้อะไรเพิ่มขึ้นมาเลย

   ว่ากันว่าเคยมีหลายบริษัททาบทามปัถย์และให้ข้อเสนอที่ดีกว่าแต่รายนั้นก็ไม่ไป ยังคงตั้งหน้าตั้งตาทำงานเสมือนทาสผู้จงรักกับเบอร์ตันกรุ๊ปแบบถวายหัว กระทั่งเมื่อต้นเดือนที่ปัถย์บอกลาเอรีสแบบปุบปับ เขายังรู้สึกสะใจที่ปัถย์ทิ้งมันได้เสียที

   ฮึ! แต่ดูเหมือนว่าเขาจะดีใจเก้อเสียแล้ว

   นอกจากปัถย์จะไม่ได้บินหนีไปจากเอรีสแล้ว มิหนำซ้ำอาจจะยิ่งแน่นแฟ้นกันยิ่งไปกกว่าเก่าเสียอีกก็ไม่รู้

   โธ่เว้ย!

   ยิ่งคิดความริษยาก็ยิ่งเพิ่มพูลจนอัดแน่นอยู่ในอก แม้ว่าเขาจะไม่ได้รักใคร่ใยดีในตัวปัถย์ขั้นหัวปักหัวปำ แต่เขาก็ยังอยากได้ผู้ชายคนนั้นมาไว้ใกล้ๆ ตัวอยู่ดี มันจะดีสักแค่ไหนถ้าคนสักคนจะตอบสนองเขาได้ทั้งเรื่องงานและเรื่องบนเตียง แม้ปัถย์จะพยายามตีตัวออกห่าง ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะยอมให้เอรีสได้ทุกสิ่งทุกอย่างไป

   ในเมื่อเขาไม่ได้ คนอื่นก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะได้ โดยเฉพาะมัน

   “งานนี้กูจะเอาให้มึงล้มไม่เป็นท่า ถ้ากูทำไม่ได้ อย่าเรียกกูว่าธีรนัย” เจ้าตัวสบถสาบาน กัดฟันกรอดๆ ด้วยไม่อาจระงับความรู้สึกที่คั่งแค้นได้ ยอมแลกทุกอย่างต่อให้เลวทรามเพียงใดแต่ถ้าวิธีการนั้นทำให้เอรีสย่อยยับได้

   ธีรนัยกระดกแก้วสีอำพันในมือ อึกใหญ่ให้ความร้อนของสุราแรงๆ หมายดับไฟระอุในอก กระทั่งเสียงทักจากหนึ่งในผู้บริหารโครงการทำให้คนที่กำลังโกรธเกรี้ยวสลัดท่าทางนั้นทิ้ง แล้วหันมายิ้มแทนที่

   “คุณธีรนัย เป็นยังไงบ้างครับ ไม่ได้เจอหน้าค่าตากันนาน” ชายร่างท้วมอายุราวห้าสิบต้นๆ ตบบ่าหนุ่มรุ่นลูกแล้วเอ่ยทัก

   “สัวสดีครับ คุณวิเชียร” ธีรนัยยกมือขึ้นพุ่มไหว้คนตรงหน้าอย่างนอบน้อม ซ่อนเร้นดวงตาเจ้าเล่ห์แบบจิ้งจอกไว้อย่าง
มิดชิด “ก็... สบายดีครับ ได้ยินมาว่าช่วงนี้ไปลุยงานที่พม่า ว่าแต่ดีไหมครับ”

   “ก็มีติดขัดเรื่องคนในพื้นที่นิดหน่อยแต่ก็พอเคลียกันได้ จะว่าไปผมได้ข่าวเรื่องโครงการคอมเพล็กซ์บนเกาะXXX ว่าทางคุณธีร์ได้ไป ...ปาดหน้าเบอร์ตัน กรุ๊ปมาแบบนี้ไม่ธรรมดานะครับ” รายนั้นยิ่มกริ่มขณะพูออย่างมีนัย

   ธีรนัยยิ้มกว้าง สีหน้าภูมิใจกับผลสำเร็จที่ได้ทั้งเงิน ผลงาน และก็ความสะใจอย่างที่ไม่ได้รู้สึกมานานหลายปี

   เอรีสมันจะได้สำเหนียกตัวเองไว้บ้างว่าไม่ใช่จะได้อะไรมาง่ายๆ ทุกอย่าง เมื่อก่อนเพราะเขาไม่ได้มีทุนมากพอที่จะประมูลงานโครงการใหญ่ แต่ตอนนี้เหตุการณ์ทุกอย่างต่างไปเมื่อลอด์จเข้ามา อะไรที่เป็นไปไม่ได้ ก็ง่ายอย่างกับพลิกฝ่ามือ

   “ไม่เท่าไรหรอกครับ ผมแค่มีพาร์ทเนอร์ที่ดี กับจังหวะและเวลาที่เหมาะ”

   “ลอด์จ อินดัสทรีมาลงทุนในเมืองไทยทีเดียวสะท้านไปทั้งวงการเลยนะครับ ฮึๆ” คู่สนทนาหยิกแกมหยอก

   “ไม่ขนาดนั้นหรือกครับคุณวิเชียร เพิ่งได้งานมาชิ้นเดียว”

   “ชิ้นเดียวที่ว่าก็ไม่น้อยนะครับนั่น ได้ข่าวว่ารวมงานระบบต่างๆ ในคอมเพล็กด้วยนี่ครับ”

   “ครับ ก็ลอด์จถนัดเรื่องงานระบบ อีกอย่าง มิสเตอร์ลอด์จเก็ไม่ยอมให้ตัวเองน้อยหน้าเบอร์ตัน กรุ๊ปอยู่แล้วละครับ”

   “เบอร์ตัน กรุ๊ปคงร้อนๆ หนาวๆ มือดีไม่อยู่แล้วด้วย ไม่รู้ทางนั้นปล่อยไปได้ยังไงนะครับ เสียดายแทน อ้อ... ขอตัวก่อนนะครับพอดีมีเรื่องคุยค้างไว้กับคุณวิษณุ”

   “เชิญครับ”

   เมื่อร่างท้วมของวิเชียรเดินจากไป ธีรนัยก็เหมือนจะนึกอะไรออก เจ้าตัวหยิบโทรศัพท์คู่กายและเริ่มส่งข้อความ ในใจก็รุ่มร้อนไปด้วยความริษยา

   ‘เรามีเรื่องต้องคุยกัน’

   ชั่วไม่กี่วินาทีก็มีข้องความตอบกลับมา

   ‘ได้’
   
   “ไปเดินเล่นกันไหม เปลี่ยนบรรยากาศ”

   เอรีสกระซิบเบาๆ น้ำเสียงอ่อน อาศัยจังหวะเดียวกันนั้นแอบสูดกลิ่นเฉพาะตัวฟอดใหญ่  ใจหนึ่งก็นึกอยากนั่งมองปัถย์ที่อมยิ้มอยู่อย่างนี้ไปตลอดชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่า แต่อีกใจก็ยากจะพุ่งออกจากงานสาเหตุจากแขกไม่ได้รับเชิญวนเวียนมาหลายครั้งเกินไป

   นับตั้งแต่ช่วงหัวค่ำปัถย์ก็เนื้อหอมเป็นพิเศษ คนในแวดวงบริษัทคู่ค้าแม้กระทั่งคู่แข่ง พอรู้ข่าวว่าปัถย์ได้ลาออกจากเบอร์ตันกรุ๊ป ก็พากันดาหน้าเข้ามาเลียบๆ เคียงๆ ไถ่ถามอดีตผู้ช่วยคนเก่งหมายจะจีบเข้าไปทำงานในบริษัทของตัวเองเสียให้ได้ หลายคนที่ทิ้งนามบัตรไว้ให้ติดต่อกลับภายหลังหากต้องการเจรจาต่อรองค่าตัวกัน...

   คิดแล้วก็เดือดปุดๆ นึกหวั่นใจอยู่ครามครัน ถ้าปัถย์เกิดตกลงไปกับสักคนใดคนหนึ่งเขาจะทำยังไง ความหวังที่จะหว่านล้อมให้คนข้างๆ กลับมาทำงานด้วยกันเหมือนเก่าจะไม่ยิ่งริบหนี่ลงไปอีกหรือ

   ฮึ่ม! ไม่ได้เกรงใจที่เขานั่งหัวโด่อยู่สักนิด แต่สิ่งที่ทำได้ก็คงเป็นแค่การกัดฟันกรอด ส่งตาขวางไปให้ถ้วนทั่วทุกตัวคน จนคนพวกนั้นก็ต่างพากันถอยกรูดกันไปทีละคนสองคน เมื่อเจอสายตาอำหิตจิตสังหารที่แสดงชัดแจ้งว่าอย่าได้แหยม...

   เอรีสแตะไหล่เบาๆ ให้อีกฝ่ายลุกขึ้นเพื่อเดินนำไปก่อน ก้มลงมองคนข้างตัวอย่างใส่ใจ ปัถย์ลุกขึ้นเงียบๆ ตอนนี้เขาก็อยากเดินไปยืดเส้นยืดสายอยู่เหมือนกัน

   “เมา? หน้าแดงแจ๋เลย ไหวไหม”

   คนหล่อหน้าเข้มสำทับความห่วงและหวงออกมาทางน้ำเสียง นึกคันไม้คันมืออยากลูบแก้มแดงซับเลือดขึ้นมาติดหมัด ด้วยกลัวว่าจะโดนงอนใส่อีกเลยยั้งมือไว้ก่อน มีก็เพียงแววตาล้ำลึกที่ส่งกลับไปอีกฝ่ายได้รู้ว่าเขาลุ่มหลงอีกฝ่ายหนักข้อเข้าทุกวันๆ

   “แค่มึนครับ ไม่ถึงกับเมา”

   ที่จริงก็ไม่ถึงกับเมา แค่เวลาดื่มทีไรเลือดลมมันจะสูบฉีด หน้าก็เลยแดงกว่าปกติดเท่านั้น แต่ที่น่าจะแดงกว่าปกติเล็กน้อยก็คงเป็นเพราะ อาการเขินนิดๆ เหตุจากเอรีสเอาแต่คลอเคลียแนบชิดเสียจนหายใจหายคอไม่คล่องปอด

   “ไม่เมาก็ดีแล้ว เพราะมีที่ที่อยากชวนไปด้วยกัน” เอรีสเอ่ยด้วยน้ำเสียงกรุ่มกริ่ม ดวงตากก็วาววับติดเจ้าชู้เล็กน้อยพอให้มีเสน่ห์ จนคนที่ถูกกระทำทารุณด้วยสายตาหลบวูบ เสเมยไปตรงโน้นทีตรงนี้ทีด้วยไม่อยากตกหลุมกับแววตาหื่นที่ส่งมาให้แบบไม่เกรงใจคนรอบข้าง

   “อย่าเลยครับ ผมว่าเราเดินแค่ใกล้ๆ นี่ล่ะ อีกอย่างนี่ก็ค่ำไปไหยสุ่มสี่สุ่มห้ามันไม่ปลอดภัย”

   “แล้วไงล่ะ ไปกับฉันจะต้องกลัวอะไร”

   ที่น่ากลัวก็คุณนี่ล่ะบอส ปัถย์คิดในใจและกรอกตา ส่ายศีรษะให้อีกฝ่ายได้รู้

   “ไม่ไกลหรอก แค่ไปในที่เงียบๆ จะได้คุยกัน”

   “แถวนี้ก็คุยได้” ปัถย์ชำเลืองหางตา แสร้งบอกด้วยเสียงเฉยเมย

   “อยากให้ใครต่อใครได้ยินเรื่องที่ฉันจะพูดไหมล่ะ ถ้านายไม่ติด ฉันก็ไม่...” น้ำเสียงลับคมคมในของเอรีสฟังแล้วสองสองง่าม มือไม้พาลจะลูบที่แขนบ้างที่เอวบ้าง ชวนให้วูบวาบคล้อยไปกับลมหายใจอุ่นๆ และน้ำเสียงกระเส่า

   “อย่ามาใช้ไม้นี้นะครับ แล้วก็ออกไปห่างๆ ผมด้วย คนอื่นมองอยู่” ปัถย์ยกมือห้าม และเบี่ยงตัวออก อีกมือก็ผลักอกอีกฝ่ายไว้ต้านไม่ให้เผด็จการอย่างเอรีสรุกไล่เขาไปมากกว่าคำพูด

   “สนใจคนอื่นทำ...” เอรีสยักไหล่ “แต่ฉันว่า ถ้าได้ที่เงียบๆ เราจะคุยกันรู้เรื่องกว่า แล้วก็... เข้าอกเข้าใจกันได้ดีกว่านะ” เจ้าตัวก้มลงกระซิบเสียงพร่า จงใจพ่นลมหายใจอุ่นบนต้นคอขาวที่ย่นคอหนีเพราะอาการขนลุกขนชัน มือก็ปะป่ายที่แผ่นหลังอย่างจงใจจนคนที่ถูกชวนจิตใจเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

   “พอเลยครับ พอก่อน...ขอเว้นช่องไว้หายใจบ้างได้ไหม”

   “เปล่าสักหน่อย”

   “ผมรู้หรอกนะว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่ สีหน้าคุณชัดมาก เก็บอาการบ้างก็ดีนะครับ”

   ปัถย์ดักคอ สีหน้ารู้ทันทุกประโยค ทุกอากับกริยา ดูก็รู้ว่าเอรีสจ้องจะพาตัวเขาออกไปจากตรงนี้ นี่ก็คงเรื่องไม่ดี เรื่องคิดเอาเปรียบกันอยู่ทั้งนั้น นี่รุกหนักจนตั้งหลักแทบไม่ทัน

   “ใส่ความ ใช่ที่ไหน” เอรีสปฏิเสธแบบไม่จริงจังนัก แล้วหัวเราะลงลูกคอ

   ดวงตาสีอ่อนหวานเชื่อมมองริมฝีปากบางที่เถียงเขาคอเป็นเอ็นใจก็นึกว่าดูน่าเอ็นดูมีเสน่ห์ไปอีกแบบ ปัถย์ในท่าทีสบายๆ ไม่เคร่งเครียดจริงจังเรื่องงาน สีหน้าที่ราบเรียบแต่ก็อ่อนโยนทำให้จิตใจของเขาสงบลงได้ แม้ในตอนนี้เบื้องลึกยังมีเรื่องให้คิดและตัดสิ้นใจที่บอกใครไม่ได้อยู่ก็ตาม

   คนอะไร... ยิ่งมอง ก็ยิ่งถอนสายตาไม่ได้ ยิ่งเวลาที่ปัถย์ไม่สวมแว่นด้วยแล้วเขาก็ยิ่งดูเด็ก และในเวลาเดียวกันอยากจะน่าฟัดให้จมเขี้ยว ยิ่งใบหน้าที่แดงระเรื่อ ดวงตาปรือฉ่ำด้วยแล้วบอกได้คำเดียวว่าขอกัดสักคำให้สาแก่ใจ...

   แต่ความรู้สึกอย่างอารมณ์ดีๆ ขอเอรีสมีอันต้องสลายหายวับไปสิ้นเมื่อเหลือบสายตาไปเห็นใครบางคนที่ส่งรอยยิ้มโอหังมาให้ที่ตน ร่างของผู้ชายคนนั้นเดินใกล้เข้ามา ด้วยมาดจิ้งจอกน่ารังเกียจ วินาทีนั้นรอยยิ้มหยันเย็นชาชาประกฎขึ้นที่มุมปาก เป็นรอยกึ่งดูถูกกึ่งสมเพช

   “ดูสิว่าใคร...เอรีส เบอร์ตัน เพื่อนรักสมัยเด็กนี่เอง” อีกฝ่ายทักทายด้วยภาษาไทยที่แปร่งปร่า แต่สายตากลับกวาดไปทั่วและจงใจหยุดอยู่ที่ปัถย์นานเกินจำเป็น

   เหตุที่เป็นเช่นนั้นคงมาจากท่าเอรีสที่แสดงออกต่อผู้ชายที่อยู่ไม่ห่าง สายตาที่มีความหมายบอกว่าผู้ชายข้างตัวคนนั้นมีความพิเศษ...ใบหน้าหล่อเหลาแบบลูกครึ่งประดับยิ้มปรายตามองไปที่เอรีส และลามไปถึงอีกคนที่ยืนอยู่ไม่ห่างกันอีกครา ดวงตาสีอ่อนรีเล็กคู่นั้นหรี่ลงนิดหน่อย แล้วพยักหน้าครั้งสองครั้งเหมือนเจ้าตกผลึกความคิดเพียงลำพังได้

   ฝ่ายเอรีสเปลี่ยนสีหน้าจากหน้ามือเป็นหลังมือ ความหรรษาอารมณ์ดีเมื่อครู่แปรเปลี่ยนไปเป็นความแข็งกร้าวเย็นชา ดวงตาหยอกเย้ากลายสภาพเป็นลุกเรืองเหมือนกำลังมองศัตรูคู่อาฆาตมากกว่าเพื่อนเก่าสมัยเด็กดั่งที่อีกฝ่ายว่า

   “ระหว่างฉันกับนายคำว่าเพื่อน ฟังดูน่ากระดากหูไปหน่อย” ร่างสูงยกริมฝีปากหยันเสียงเข้ม

   “ฮ่า ฮ่า ผ่านมาเป็นสิบปี นายก็ยังเจ้าคิดเจ้าแค้นไม่เลิก ไม่เอาน่า คนอื่นยังไงก็ยังเป็นคนอื่น ไม่เหมือนเพื่อนที่โตมาด้วยกัน ต้องหัดลำดับความสัมพันธ์บ้าง”

   “งั้นฉันขอมีศัตรูเลวๆ สักร้อยสักพันคน แทนการมีเพื่อนอย่างนายดีกว่า”

   ยิ่งฝ่ายตรงข้ามเอ่ยคำมากเท่าใด บรรยากาศตึงเครียดก็แผ่กระจายเป็นวงกว้างมากเท่านั้น ชายหนุ่มเลือดผสมที่ดูหล่อเหลาสองคน กำลังประหัตประหารกันด้วยสายตา ภาษากายบอกได้ว่าคนทั้งคู่เป็นอริต่อกันนั้นชัดเจน ไม่ใช่เพื่อนเก่าอะไรที่ว่าเลย

   ปัถย์ยืนฟังอยู่เงียบๆ ขยับตัวออกห่างเอรีสกว่าเก่าอีกหน่อยพอทิ้งระยะ เพื่อจะได้ลอบมองคู่ตรงข้ามของเอรีสชัดๆ เอรีสก็เหมือนจะเป็นใจ ร่างสูงบึกบึนขยับตัวไปข้างหน้าสองเก้า ประหนึ่งตั้งรับอีกฝ่ายที่ดูจะไม่เป็นมิตรอย่างเต็มที่

   ใครก็ตามที่เอรีสมองว่าเป็นอริ ปัถย์ก็ไม่ถือว่าบุคคลนั้นคืออริของปัถย์เช่นกัน

   ปัถย์เพ่งมอง คลับคล้ายคลับคลาเหมือนเคยเห็นผู้ชายคนนี้ที่ไหน...

   ผู้ชายคนนี้น่าจะเป็น เฟยหลง ลอด์จ ประธานบริหารลอด์จ อินทัสทรี

   ใช่เลยล่ะ ตัวจริงดูหนุ่มกว่าในรูป แต่ก็ดูอันตรายกว่าเช่นกัน ว่ากันวาเฟยหลง ลอด์จเป็นนักธุรกิจที่มีความเป็นมาเฟียอยู่ในดีเอ็นเอ มองเผินๆ เขาก็ดูเป็นคนหล่อและรวยมากในแบบอุดมคติ แต่ทำไมปัถย์ถึงรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนที่ควรจะสุงสิงด้วยมองปราดเดียวก็รู้ว่าดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่นั้นมีแววเจ้าเล่ห์แค่ไหน แม้ปากจะแย้มยิ้มจนแทบจะเห็นฟัน แต่ก็พร้อมจะเอามีดที่ซุกไว้จ้วงแทงในยามเผลอได้ทุกเมื่อ

   พอคิดมาถึงตรงนี้ความรู้สึกรับรู้ของปัถย์เริ่มกลับมาทำงานอีกครั้ง ทุกอริยาบทของเฟยหลง ลอดจ์ ถูกสังเกตด้วยคนช่างห่วงอย่างปัถย์

   “นายนี่แปลก ไม่ชอบมีมิตร แต่ชอบที่จะมีศัตรู”

   เสียงนั้นเหมือนคำขู่ เอรีสที่ยังดูสงบและไม่สะทกสะท้าน ผิดกับปัถย์ที่ฟังแล้วไม่เข้าหูสักเท่าไร

   “ศัตรูมันไม่น่ากลัว แต่มิตรจอมปลอมมันอันตราย” เอรีสกล่าวด้วยน้ำเสียงนิ่ง “ถ้าให้เลือก ฉันขอเลือกศัตรู”

   “โอเค... ก็แล้วแต่นาย แต่จะบอกไว้อย่าง เป็นศัตรูกับฉันมันไม่สนุก นายก็รู้ว่าฉันชอบทำลายคนอยู่ตรงข้าม บางทีนะการที่นายยอมลดความทะนงตัวลงบ้างอะไรๆ ก็จะง่ายขึ้น”

   “ฮึ!” เอรีสแสยะยิ้ม เ“ฉันก็เป็นของฉันแบบนี้ ส่วนนายล่ะ ยังเลวเหมือนเดิมอยู่หรือเปล่า”

   “แบบไหนที่ว่าเลว ใช่แบบที่ทำให้นายเสียสูญไปเป็นปีหรือเปล่า ถ้าเป็นในแบบที่ว่า...ก็ยังอาจจะยังใช่อยู่” เฟยหลงขยับกายเข้ามาใกล้ และกระซิบที่ข้างหูเอรีส “นี่รู้ไหมเอรีส ฉันยังนึกถึงตอนที่เคยสนุกกับรันอยู่เลย เวลาที่รันคราง... มันสุดยอด ตอนที่รันดิ้นพล่านใต้ร่าง นายก็คงรู้นะว่ามันดียังไง”

   เอรีสหน้าแดงก่ำ เขากำข้อมือแน่นควบคุมอารมณ์โกรธถึงขีดสุดไว้อย่างหมิ่นเหม่เต็มทน สันกรามแข็งเกร็งขึ้นในทันตา ฝ่ามือหนากำแน่นจนเส้นเลือกดปูดโปน

   อดีตที่ผ่านมากว่าสิบปีถูกขุดคุ้ยโดยไอ้ชั่วอีกคนที่ไม่คิดว่าในชาตินี้จะมีวันญาติดดีกันได้ ถึงจะเลิกใส่ใจไปนานแล้วแต่ความแค้นที่ฝังรากลึกที่ไม่มีวันสลัดออกจากใจได้ง่ายๆ อย่างที่ใจอยากให้เป็น

   “เอ่อ... ขอโทษนะครับที่ต้องขัดจังหวะ มันคงดูเสียมารยาททีเดียวแต่จำเป็นจริงๆ ที่ต้องขอตัวคุณเอรีสสักครู่ มีธุระที่คุยค้างกันไว้อยู่น่ะครับ ถ้าคุณ... ไม่ว่าอะไร” ปัถย์ขัดจังวะเมื่อเห็นท่าว่าน่าจะไม่ดีแน่ และประโยคในตอนท้ายจงจหันไปพูดกับเอรีสคล้ายส่งสัญญาณบางอย่าง ขืนปล่อยให้สองคนนี้อยู่ใกล้กันนานๆ มีหวังเอรีสปรอทแตกจนรั้งไม่อยู่

   “ผมเฟยหลง ลอดจ์ครับ ขอโทษที่ไม่ได้แนะนำตัว”

   “สวัสดีครับ ยินดีที่ได้รู้จัก ผมปัถย์ครับ”

   ปัถย์ตอบรับการทักทายสั้นๆ แต่ตอนที่กำลังยื่นมือไปจับโดยมารยาทสากล เอรีสกลับฉวยข้อมือของเขาไว้ แล้วรั้งร่างให้ห่างจากเฟยหลงแบบไม่แคร์ว่ามันจะเสียมารยาทมากเพียงใด

   ไม่เพียงเท่านั้น เอรีสยังปัดมือเฟยหลงออกแรงๆ  อีกฝ่ายถึงขึ้นนิ่วหน้าแต่ก็ยกยิ้มมุมปากในวินาทีต่อมา

   “นายไปรอฉันตรงหาดก่อน เดี๋ยวฉันตามไป” เสียงเอรีสอ่อนลง ขณะหันไปพูดกับปัถย์

   “ผมขอรอคุณตรงนี้นะครับ” สายตาของปัถย์สื่อความหมายหลายประการ ทั้งห่วงและไม่ยอมผละจากไป

   ความหมายที่ว่าคือการพาเอรีสปลีกตัวออกมาจากการพูดคุย ที่อาจเปลี่ยนเป็นการทะเลาะวิวาทในเวลาอันใกล้ แม้เอรีสจะหัวร้อนอยู่เป็นนิจ ก็ใช่ว่าจะเป็นพวกชอบใช้กำลัง ก็คงเป็นปัถย์เองนั่นล่ะที่ไม่อยากให้เอรีสเสียเวลาไปกับเรื่องที่ทำให้เขาไม่สบอารมณ์ อะไรที่ทำให้เอรีสวุ่นวายใจ ปัถยืก็อดไม่ได้ที่จะเอาตัวเข้าไปสอด

   “งั้นรอแป๊บ” เอรีสแตะแผ่นหลังปัถย์ แล้วพยักหน้าเป็นเชิงว่าเข้าใจ ยอมตามใจอีกฝ่ายแบบไม่มีข้อโต้แย้ง

   “คุณปัถย์... เพื่อนายเหรอเอรีส”   

   “ผมเคยทำงานกับเอรีสน่ะครับ เคยเป็นผู้ช่วย” ปัถย์เป็นฝ่ายกล่าวเอง ด้วยตัดปัญหาจะได้รีบแยกย้าย

   “เคยหรือครับ แสดงว่าตอนนี้่ก็ไม่ได้เป็นแล้ว ผมเข้าใจถูกหรือเปล่า”

    เฟยหลงถามเสียงพร่า แต่สีหน้าอ่านไม่ออกว่าเจ้าตัวคิดอะไรอยู่ แถมสิ่งที่น่ากังวลในสายตาของเอรีสก็คือรอยยิ้มชั่วร้ายที่

   “ไม่เกี่ยวกับแก” เอรีสเสียงห้วน ใบหน้าถมึงทึงอย่างคนโกรธจัด

   “ก็แค่ถามตามมารยาท อย่าหัวเสียไปหน่อยเลย เดี๋ยวที่ไม่รู้อิโหน่อิเน่จะลำบากใจ ดูสีหน้าคุณปัถย์ตอนนี้สิ อย่ากังวลไปเลยครับ ผมกับเอรีสเถียงกันตลอดนั่นล่ะ นี่ครับ นามบัตรผม”

   เฟยหลงยื่นแผ่นกระดาษเล็กๆ ส่งให้ แต่ยังไม่ทันที่ปัถย์จะยื่นมือไปรับ เอรีสก็เอ่ยเสียงแข็ง ขัดจังหวะเข้าเสียก่อน


   “ไปเถอะ” เอรีสตัดบท แล้วลากปัถย์ออกมาจากการสนทนา

   จับบ่าปัถย์ให้หมุนตัวและโอบรอบบ่าเพื่อรุนให้อีกฝ่ายเดินตามตนไปด้วย

   และโดยที่เจ้าตัวไม่ยอมหันหลังกลับไปมองคู่อริตลอดกาลอีกเลย


   
มีต่อด้านล่างค่ะ
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH17 04/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: anin ที่ 04-06-2018 12:40:38
ต่อค่ะ

ปัถย์เดินเคียงข้างเอรีสที่เดินจ้ำอ้าวอย่างคนที่มีอารมณ์ขุ่นเคืองอย่างเต็มเปี่ยม

   เดินไปก็ลอบมองเสี้ยวหน้าบูดบึ้งที่พายุอารมณ์ยังไม่ยอมสงบลงง่ายๆ แม้จะไม่ปริปากแม้สักคำก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่รู้สึกอะไร

   ความไม่พอใจของเอรีสเกิดจากเฟยหลงลอดจ์ นั่นเป็นเรื่องที่เขาพอจะรู้ แต่เรื่องอะไรกันล่ะที่ทำให้คนทั้งคู่จ้องมองกันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อขนาดนั้น ความสงสัยใคร่รู้ของปัถย์ยังคงอยู่ในใจ แต่เพราะไม่มีสิทธิ์อะไรจะไปซักถามในเมื่อเขาก็แค่เป็นเพียงอดีตลูกจ้างที่กำลังอยู่ในสถานะที่ไม่ชัดเจน

   รัน ชื่อนั้นที่เฟยหลงเอ่ย

   ชื่อนั้น... ที่ทำให้สีหน้าของเอรีสเครียด ดวงตาวาววับโชนแสงด้วยความโกรธ

   ชื่อนั้น... คงมีความหมายและสำคัญไม่มากก็น้อย

   ซึ่งต่อให้สำคัญหรือไม่ เขาก็ไม่มีสิทธิ์ไปตั้งคำถาม อดีตของเอรีสอาจทิ่มตำใจเขาได้เจ็บพอๆ กับปัจจุบันที่คลุมเครือกันอยู่ก็

   รู้มาก เจ็บมาก

   เอรีสเดินนำหน้าปัถย์ไปเรื่อยๆ เท้าของเขาก้าวเร็วขึ้น มีปัถย์ที่ยังจมจ่อมอยู่กับห้องอารมณ์ส่วนตัวก็ยังเดินทอดน่องตามหลังไปช้าๆ  กว่าสิบนาทีที่ทั้งคู่เดินไปเรื่อยๆ เรียบกับชายหาด แต่เป็นการเดินที่เงียบกริบ มีเพียงเสียงคลื่นกระทบฝั่งในยามดึกสงัด ยิ่งนานเข้าเสียงเพลงจากงานรื่นเริงเริ่มห่างออกไปทุกที

   ไม่มีคำพูด

   ไม่มีการสัมผัสร่างกาย

   ไม่มีแม้กระทั่งสายตาที่ส่งผ่านสื่อภาษาระหว่างกัน

   ทุกอย่าง ปัถย์ที่มองแผ่นหลังกว้าง เส้นผมสีอ่อนปลิวไปตามแรงลม พอใจที่จะมองจากทางด้านหลังอย่างเช่นที่เคยทำเสมอมา



   สุดท้าย ต่อให้หนีเอรีสมาไกลเท่าใด ก็เหมือนกับว่ามีปัจจัยบางอย่างเหวี่ยงเอรีสกลับเข้ามาสู่วงโคจรของเขาเช่นเดิม แม้จะเป็นรูปแบบที่ต่างไป แต่เอรีสก็ยังคงมีแรงดึงดูดให้เขาหาครั้งแล้วครั้งเล่า

   ปัถย์คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย จนเมื่อเอรีสพามาหยุดที่สะพานไม้ที่ทอดยาวพาดจากตัวชายหาดยื่นสู่ทะเลสีคราม

   จากจุดนี้สามารถมองเห็นบ้านพักขนาดกลางเหนือผิวน้ำโดดเด่นสะดุดตา แสงตะเกียงสว่างรำไร ส่องนำทางตั้งแต่หัวบันไดเรียบชายหาดพาดยาวขึ้นสู่ตัวระเบียงบ้านพักเหนือชายหาด ปัถย์นิ่วหน้ามองไปที่บ้านพักที่อยุ่ไม่ใกล้ไม่ไกล

   “ที่นี่หรือครับ” ปัถย์หลุดปากถามด้วยความอยากรู้

   ก็ในเมื่อเอรีสไม่พูดอะไร แถมไม่ขยับไปไหนจนนานเข้าก็ชักจะอึดอัด

   “อืม มาเถอะ” เอรีสตอบ ท่าทางกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง ริมฝีปากหนายิ้มอ่อนโยน ครั้งนี้เจ้าตัวจับมือปัถย์ให้เดินใกล้ๆ กัน ผ่านไปได้ครึ่งทางก็โอบใหล่อีกฝ่ายอย่างถือสิทธิ์

   ทั้งคู่เดินผ่านบันไดไม้ จนได้เห็นโต๊ะอาหารภายใต้แสงเทียน บนนั้นมีขวดไวน์ แก้วทรงสูงวางอยู่สองใบ ปัถย์อมเผลอยิ้มเล็กน้อยเมื่อพบว่าเอรีสกำลังทำโรแมนติกใส่ตนอยู่ จะว่าแปลกก็ใช่ เอรีสอาจทำโรแมนติกกับคนอื่นบ้างเป็นบางครั้ง แต่กับเขาแล้วเรียกได้ว่าไม่เคยเลย

   “พามาดื่มไวน์เหรอครับ” ปัถย์ถามแก้เก้อ แต่ก็ยอมนั่งลงเมื่อเอรีสเลื่อนเก้าอี้ให้ “ที่งานก็มีนะครับ ไม่เห็นต้องยุ่งยากแบบนี้เลย”

   “ก็อยากพามาเปลี่ยนบรรยากาศ ทำไมล่ะ ไม่ชอบเหรอ” เขายักคิ้วให้ ไม่ยิ้ม แต่ก็ไม่บึ้ง

   “ก็... ไม่เชิงครับ แค่ประหลาดใจนิดหน่อย”

   “ลองดู นุ่มนะ”

   เอรีสเชิญชวน เมื่อรินไวน์แดงเย็นเฉียบสีสวย จากนั้นก็ถือแก้วมาแตะที่แก้มปัถย์เบาๆ ความเย็นทำให้ปัถย์เผลอสะดุ้ง แต่ก็ยอมรับแก้นั้นไว้แต่โดยดี เอรีสจงใจแตะนิ้วอุ่นบนหลังมืออีกแผ่วเบาจนปัถย์สะดุ้งแล้วสะดุ้งอีก

   “นี่คิดจะมอมเหล้าผมหรือเปล่าครับ” ปัถย์แก้เขิน

   “อาจจะ...” เอรีสส่งเสียงแหบพร่า “ฉันไม่เคยเห็นนายเมามากก่อน เลยอยากรู้ว่าเวลาที่เมานายจะเป็นอย่างที่ฉันจินตนาการไว้หรือเปล่า”

   “เมื่อกี้คุณยังห้ามไม่ให้ผมดื่มอยู่เลย”

   “ก็ไม่อยากให้เมาต่อหน้าคนอื่นไง หวง... แต่ถ้าตอนนี้นายอยากดื่ม หรือว่าอยากเมาแค่ไหนก็ตามสบาย ถ้าไวน์มันไม่แรงพอ ข้างในก็ยังมีอะไรแรงๆ ไว้บริการ” เอรีสขยิบตาให้ ก่อนจะรินไวน์เพิ่มเมื่อปัถย์จิบจนเกือบหมด “เป็นไง รสชาติถูกลิ้นหรือเปล่า”

   “ก็...ดีครับ”

   “จริง?”

   ร่างสูงถาม มือข้างที่ถือแก้วของตัวเองอยู่กลับยกค้างไว้ แต่ใบหน้าคมก้มลงต่ำ เอียงหน้าให้สายตาสองคู่สบตากันพอดิบพอดี จมูกโด่งได้รูปห่างจากแก้มคนที่นั่งอยู่ไม่ถึงคืบ

   “ลองชิมดูสิครับ”

   “ปัถย์...”

   “…ครับ”

   “ขอบคุณที่มาเป็นเพื่อน การที่มีนายอยู่ใกล้ๆ มันทำให้ฉันอุ่นใจ เวลาที่ฉันขาดสติก็มีนายที่ช่วยเรียกมันกลับมา” เอรีสยอมรับตรงๆ

   การพบเฟยหลงกวนอารมณ์เบื้องลึกของเขาเป็นอย่างมาก ถ้าไม่มีปัถย์อยู่ตรงนั้น เขาอาจจะทำอะไรโดยไม่คิดด้วยการสาวหมัดใส่มันไปแล้ว ถ้าเป็นแบบนั้นจริง คงได้เป็นข่าวหน้าหนึ่งดังไปทั่วว่านักธุรกิจสองคนต่อยตีหกันเป็นเด็กๆ ไม่รู้เป็นวันซวยอะไรที่เขาจะต้องมาเจอทั้งธีรนัยกับเฟยหลงในวันเดียวกัน

   ความทรงจำเก่าๆ ผุดขึ้นเป็นฉากสีเทาอันเลือนลาง... ซึ่งความทรงจำนั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่เขานึกอยากจดจำ

   ตอนนี้เขาไม่ได้เจ็บเจียนตายเพราะความรู้สึกนั้นอีกแล้ว แต่ความรู้สึกถูกทรยศก็ยังฝังรากลึกที่ไม่ว่ายังไงก็คือแผลเป็นที่ลบให้เหมือนเก่าไม่ได้

   “คุณ... มีอะไรอยากให้ผมช่วยไหม” ปัถย์ทนไม่ได้อีกเช่นเคย เพราะแววตาของเอรีสบ่งบอกว่าเจ้าตัวกำลังมีอะไรบางอย่างรบกวนในจิตใจ “ถ้ามีอะไรที่ผม...”

   “ไม่มีอะไรหรอก แค่เรื่องที่นึกแล้วทำให้หงุดหงิดน่ะ นายก็รู้ว่าฉันไม่ชอบขี้หน้าธีรนัย แล้วต้องมาเจอมันในงานเดียวกับเฟยหลงมันทำให้ฉันอยากจะเตะปากใครสักคน ก็แค่ความงี่เง่าที่แก้ไม่หาย อย่าเก็บมาคิดเลย”

   “คุณไม่เคยบอกว่าเพราะอะไรที่ทำให้คุณเกลียดเขา”

   “ฉันรู้ว่านายเดาได้ ใช่ไหม”

   คนฉลาดๆ อย่างปัถย์แะติดปะต่อเรื่องได้อยู่แล้ว คนเราที่จะเกลียดกันจนไม่ยอมเผาผีมีเพียงสองเรื่อง ไม่เรื่องเงิน ก็เรื่องผู้หญิง... หรืออาจเป็นผู้ชาย

   “…”

   “สองคนนั้นรวมหัวกันทำเรื่องบางเรื่องที่ฉันให้อภัยไม่ได้ แต่ที่จริงแล้วก็ไม่ใช่แค่สองคนนี้... แล่ะนั่นมันทำให้ฉันไม่ศัทธาความรัก นั่นคือสิ่งที่ฉันอยากบอก”

   คุณคงรัก... ใครคนนั้นมาก

   คำถามที่ปัถย์อยากเอ่ยใจจะขาด แต่เจ้าตัวก็ไม่กล้า ถ้าเอรีสตอบว่าใช่ เขาคงเจ็บ

   “เฟยหลงคนนั้นไม่เป็นมิตรกับคุณ เอรีสครับ คุณต้องระวัง”

   “ขอบใจนะที่เป็นห่วง ฉันรู้ลูกไม้มันดี ฉันไม่ยอมให้มันมาเล่นงานกันได้ง่ายๆ หรอก ต่อให้มันจะรวมหัวกันฉันก็มีทางรับมือ”

   “ผมได้ยินเรื่องที่เขาเป็นมาเฟีย มันจริงหรือเปล่าครับ”

   “ใช่ เฟยหลงมีอิทธิพล แต่อิทธิพลของมันไม่ได้ทำให้ฉันกังวลอะไร”

   “เอรีส... ผมไม่อยากให้คุณมีปัญหากับคนแบบนั้น ถ้าเป็นเรื่องธุรกิจผมไม่ห่วงคุณ แต่ถ้าเป็นเรื่องไม่ดีๆ เรื่องลอบกัด คุณเองก็ห้ามประมาทนะครับ”

   ชื่อเสียงเฟยหลงในด้านมืดไม่ควรมองข้ามอย่างเด็ดขาด ถึงที่นี่จะเป็นเมืองไทยแต่อำนาจเงินและอำนาจมืดอาจคุกคามคนมือสะอาดได้อย่างไม่กลัวบาปกลัวกรรม

   “ดีใจที่นายห่วง”

   “ครับ ผมห่วง” ปัถย์ยอมรับตรงๆ

   “เอาน่า ฉันจะระวังตัว เลิกหน้านิ่วได้แล้ว ดื่มสิ”

   เอรีสคะยั้นคะยอ และพยายามเปลี่ยนเรื่องด้วยไม่ต้องการให้ปัถย์เกิดความไม่สบายใจ

   ร่างสูงขยับเข้ามาใกล้ปัถย์ หยิบขวดไวน์ค่อยๆ รินให้อีกฝ่าย มือทำหน้าที่ไป ใบหน้าก็เลื่อนเข้ามาจนจมูกโด่งเป็นสันห่างจากสันกรามคนตัวบางไม่ถึงคืบ

   ร่างกายที่ใกล้ชิดกันส่งผลให้คนทั้งคู่ต่างสะบัดร้อนสะบัดหนาว ทั้งปัถย์และเอรีสต่างใช้ความอดทนในรูปแบบที่ต่างกัน ซึ่งไม่อาจเทียบได้เลยว่าใครที่ต้องใช้ความอดทนมากกว่า

   หลังจากที่ห่างเหินกันไปนาน ความโหยหาที่แสนทรมานกำลังกัดกินคนทั้งคู่
 
   ในฝั่งของปัถย์เองก็จำต้องบอกให้ตัวเองใจแข็งเข้าไว้ อย่ายอมความรู้สึกโหยหาฉุดกระชากตัวเองให้ตกลงสู่บ่วงความสัมพันธ์ที่ยังไม่แน่ชัด... ต่อให้เอรีสอยากจริงจัง เขาก็ไม่กล้าจะฝันไปไกล เอรีสเป็นตัวอันตราย แต่ความอันตรายก็กวักมือเรียกเขาอยู่ไหวๆ ให้เดินเข้าไปหา

   ในฝั่งของเอรีสก็ข่มกลั้นที่จะไม่ก้มลงไปจูบคนตรงหน้าให้หายอยาก คำว่าห่วงมันมีผลต่อจิตใจของเขา ไหนจะสีหน้าและแววตาเปิดเผยไร้การเสแสร้งนั้นอีก จะไม่ให้เขาหลงปัถย์อย่างหัวปักหัวปำได้ยังไง

   ดวงตาคู่คมจับจ้องใบหน้าของปัถย์ที่แดงระเรื่อ มองไปพลางนึกอยากจะกัดปากแดงๆ นั่นอยู่ไม่หยอก จินตนาการถึงความรู้สึกไล้เล็มลิ้นหวานฉ่ำ ที่เคยได้ลิ้มรสหอมหวานซ่านทรวงเสียจนแทบทนไม่ไหว ยิ่งในยามที่มีกลิ่นแอลกอฮอล์ที่ปะปนมากับลมหายใจด้วยแล้วก็เหมือนจะเร่งเร้าให้ ‘อยาก’ แนบชิดคนตรงหน้ามากเป็นทบทวีคูณ

   ร่างสูงหลุบมองปัถย์อย่างเผลอไผล เลือดในกายพลันร้อนระอุเจียนเดือดพล่าน ความปรารถนาจากก้นบึ้งของหัวใจประกาศชัดว่าอยากครอบครองคนตรงหน้า ที่สุดของที่สุด

   ปัถย์ของเขา

   คนนี้... ของเขา


   หัวใจของเขาร่ำร้องแค่ประโยคนี้ซ้ำๆ ตอกย้ำว่าเขาเสียปัถย์ไปไม่ได้ เขาจะยอมเห็นแก่ตัว จะยอมเป็นคนฉวยโอกาสไม่ว่าอย่างไรก็ตามผู้ชายคนนี้จะต้องอยู่เคียงข้างเขาไม่ว่าจะรูปแบบใดเขาก็จะขอคว้าเอาไว้ก่อน

   “อะ...อะไรครับ” ปัถย์เอ่ยถามเสียงตะกุกตะกัก

   ก็เอรีสเล่นจ้องตาไม่กะพริบ จะพูดอะไรก็ไม่พูดเอาแต่จ้อง จ้อง แล้วก็จ้องอย่างเอาเป็นเอาตาย

   คนที่ถูกเพ่งมองกลืนน้ำลายเอื๊อกใหญ่ เพราะดวงตาของอดีตบอสเล่นโลมเลียมเขาอย่างโจ่งครึ่ม ไม่มีทีท่าว่าจะปกปิดอารมณ์หื่นกระหายของตัวเองเลยสักนิด

   แบบนี้เขาก็จะทำหน้าอย่างไร จะเอาความเงียบเข้าสู้ หรือจะโวยวายกันดีล่ะ

   “…”

   เอรีสขยับใบหน้าเข้ามาใกล้ช้าๆ เมื่อปัถย์ขยับออกห่างหนึ่งก้าว เขาก็ขยับตัวเข้าหาอีกหนึ่งก้าว

   “นี่ก็ดึก...”

   ปัถย์พูดยังไม่ทันจบประโยคดีเอรีสก็ฉกริมฝีปากแดงระเรื่อด้วยความรวดเร็ว

   ริมฝีปากที่กำลังเอื้อนเอ่ยเท่ากับสบโอกาสให้เอรีสรุกล้ำเข้าไปเพื่อลิ้มรสความหวานได้ง่ายขึ้น เรียวลิ้นสากกวาดไล้โพรงปากอุ่นจนรสชาติแอลกอฮอล์ที่ติดอยู่ปลายลิ้นแผ่ซ่านกลับมา เพิ่งรู้ว่าการที่เราดูดดึงเอารสชาติของแอลกอฮอล์ผ่านลิ้นคนอื่นนี่ให้ความรู้สึกมอมเมาได้รวดเร็วกว่าดื่มกินเองเป็นไหนๆ เอรีสครางฮึมฮัมในลำคออย่างพอใจ ตอนนี้มืออีกข้างขยับมารั้งต้นคอปัถย์แหงนเงยรับรสจูบในรูปแบบที่ตนต้องการ

   ปัถย์สะดุ้งในคราแรก แต่เมื่อโดนรุกหนักเข้า ก็ยินรอมรับรสจูบอย่างเต็มใจในนาทีต่อมา ด้วยความคิดถึง โหยหาถ่ายทอดออกมาเป็นจุมพิตสุดลึกล้ำ จังหวะการตวัดเรียวลิ้นหยอกเอิญเชื่องช้าสลับเรียกร้องให้อีกฝ่ายโต้ตอบอยู่ในที

   อ่า... จูบที่ชวนให้ใจอ่อนอย่างแท้จริง

   ปัถย์ที่กำลังปั่นป่วนในช่องท้องนึกได้อย่างไม่ปะติดปะต่อดีเท่าไร ทำได้แค่เพียงยืนนิ่งเป็นหุ่น ฝ่ามือที่ถูกเกาะกุมไว้กำแน่น สมองพลันอื้ออึงไร้สติโดยสิ้นเชิง ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเนิ่นนานแค่ไหนที่เอรีสดูดดึงเอากลิ่นแอลกอฮอล์จากโพลงปากของเขาสู่ปอดของตัวเอง

   เมื่อทั้งคู่ผละออกจากกันปัถย์ก็ผินหน้าหนี และหลบตาร่างสูงพร้อมเอ่ยเสียงพร่า การจ้องตาโต้ตอบกับคนตรงหน้าเริ่มเป็นเรื่องยากเข้าไปทุกทีๆ ไม่ใช่อารมณ์ในแบบของการขวยเขิน แต่เป็นความรู้สึกที่ว่าหากเผลอจ้องตากลับไป บางทีอะไรๆ ก็คงจะยากขึ้นไปกว่าเก่า

   ยิ่งอารมณ์ที่คุกรุ่นข้างในมันก่อตัวด้วยแล้วก็พาให้เรื่องที่ยากกลายเป็นเรื่องหนักหนาสาหัสไปยิ่งกว่าเก่า

   “เราจะค้างที่นี่”
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH17 04/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: sompong ที่ 04-06-2018 14:38:27
เอริสมาเดือนละครั่งเอง. เป็นกำลังใจให้เอริสนะๆๆ มาเดือนล่ะสองครั่งได้ไหม คิดถึง
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH17 04/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 04-06-2018 15:47:07
ค้างแล้วนอนห้องเดียวกันหรือเปล่านะ  :hao6:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH17 04/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 04-06-2018 15:57:02
เฟยหลงกับธีรนัย ต้องเล่นไม่ซื่อแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH17 04/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: SM_day ที่ 04-06-2018 16:46:56
ไม่ชอบดราม่าพระเอกกะคู่แค้น ไปดราม่าพระเอกนายเอกเลยได้ม้ายยย
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH17 04/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 04-06-2018 17:08:33
สองคนนั้นคือไม่น่าไว้ใจสุดๆ เฮ้ออออ
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH17 04/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 04-06-2018 23:52:38
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH17 04/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 04-06-2018 23:59:45
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH17 04/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 05-06-2018 00:13:36
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH17 04/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 05-06-2018 00:25:40
 :laugh:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH17 04/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 05-06-2018 01:58:53
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH17 04/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: alt1991 ที่ 05-06-2018 06:08:51
 :katai1: :katai1: :katai1: ปวดหัวกับคู่แค้นทางธุรกิจ อยากอ่านแต่พ่อแง่แม่งอน ขี้เกียจลุ้น :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH17 04/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: ous_p ที่ 05-06-2018 07:43:20
ปัตถ์ยังคงคิดมากเหมือนเคย เอรีสไม่ขยายความอ่ะ
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH17 04/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 05-06-2018 09:15:52
รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH18 11/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: anin ที่ 11-06-2018 17:07:56
Chapter 18





{เอรีส}



“เราจะค้างที่นี่”

ผมกระซิบเสียงพร่าข้างหูปัถย์ คำพูดของผมที่ก่ำกึ่งระหว่างเรียกร้อง กับอ้อนวอนให้ปัถย์ยอมคล้อยตาม


ตอนนี้คนเก่งของผมดูไม่เป็นตัวของตัวเองนัก


เห็นได้จากดวงตาคู่นั้นฉ่ำปรืออย่างคนที่ดื่มหนัก ผมไล่สายตาลงมาที่แก้มของปัถย์แดงก่ำไม่ต่างไปจากริมฝีปากเบ่งบวมจากรสจูบเมื่อสักครู่


มองจากมุมของผมให้ความรู้สึกเชิญชวนจนอยากจะห้ามใจ ผมจงใจขยับใบหน้าเข้าไปใกล้ ปล่อยให้ลมหายใจของตัวเองเป่ารดที่กระหม่อมของอีกฝ่ายเพื่อส่งสัญญาณให้รู้ว่าครั้งนี้ผมจะรุกจนกว่าปัถย์จะยอม...


เสียงลมหายใจของปัถย์หนักขึ้นตามลำดับ


เขาแหงนหน้องจ้องมองผม แต่ไม่มีท่าทีที่จะเบี่ยงหลบ ซึ่งผมเดาว่าประสาทสัมผัสของเขาคงช้าลง จะปัดป้องผมที่คอยเอาเปรียบก็เลยเสื่อมถอยไปด้วย นั่นถือว่าเป็นเรื่องดี


ผมเพิ่งรู้ว่าการหลงใครสักคนแบบหัวปักหัวปำมันเป็นแบบนี้นี่เอง ทุกหายใจเข้าออกล้วนมีแต่ใบหน้าของปัถย์กับสิ่งต่างๆ ที่ทำให้ผมตลอดระยะเวลาที่ทำงานด้วยกัน เมื่อไม่เจอหน้ากันก็มีแต่คำว่าคิดถึง ขนาดหลับตาลงมโนภาพของปัถย์ก็ผุดขึ้นเป็นฉากๆ ซ้ำไปซ้ำมาจนผมแทบคลั่ง


เอาเป็นว่าถ้าปัถย์หายหน้าแบบติดต่อไปได้ไปอีก ผมอาจกลายเป็นคนใกล้บ้าไปเลยก็ได้


ฝ่ามือผมไล้แก้มแดงแผ่วๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า ผมภาวนาให้ปัถย์ใจตรงกับผม


“คุณตั้งใจพาผมมา ทำให้ผมเมาด้วยไวน์ แล้วก็จะลากผมขึ้นเตียงที่หลังหรือเปล่าครับ”


ปัถย์ไม่ได้พูดด้วยอารมณ์โกรธ ซึ่งนั้นก็ถือว่าเป็นเรื่องดี


“อยากได้ยินคำตอบแบบไหนล่ะ”


“ผมอยากรู้ความคิดแวบแรกที่อยู่ในสมองคุณ” ดวงตาปรือดูจริงจังเกินกว่าที่ผมจะบ่ายเบี่ยงไม่ตอบ


“ถ้าความคิดแวบแรก?” ผมลังเลคิดอยู่ว่าควรพูดดีหรือไม่พูดดี “ความคิดแวบแรกก็คงเป็นแบบว่า... ฉันไม่สน ไม่สนว่านายจะเมา หรือไม่เมา สุดท้ายฉันก็อยากจูบนาย อยากนอนกอดนาย แล้วก็ทำให้นายครางเบาๆ อยู่ใต้ร่างฉัน”


“ถ้าอย่างนั้นของพวกนี้...”


“แค่สร้างบรรยากาศ แล้วฉันก็อยากให้มันได้ผล”


จบคำผมก็ประกบจูบลงอีกครั้งแบบไม่ให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัว ริมฝีปากผมกดลงอย่างแนบแน่น เอียงคอเล็กน้อยเพื่อปรับองศาให้เหมาะเจาะกับการตักตวงความหวานที่ชวนมึนเมานั้น จงใจรุกไล่ปลายลิ้นบนกลีบปากได้รูปอย่างเชื่องช้า ฝ่ามือรั้งต้นคอขาวให้แหงนรับอย่างถนัดถนี่ ปัถย์แย้มริมฝีปากเมื่อถูกผมโจมตีหนักหน่วงขึ้น เสียงครางน้อยๆ ที่เหมือนจะประท้วงปนเปกับความเคลิบเคลิ้มพอใจ


ที่จริงการจูบไม่ใช่อะไรที่ผมชอบทำ กับคนอื่นจูบอาจเป็นเพียงกระบวนการเริ่มต้นที่มุ่งไปสู่เซ็กส์ฉาบฉวย ที่จะจบลงในเวลาไม่กี่สิบนาที ผมจะให้เวลากับการจูบน้อยมาก สิ่งที่ผมถนัดคือการขวบขับเหนือร่างของคู่นอน ตักตวงจากการสอดใส่ หรือไม่ให้อีกฝ่ายปรนเปรอผมด้วยออรัลเซ็กส์ ที่จะจบลงด้วยการสอดใส่แบบดิบเถื่อนซึ่งให้ความรู้สึกวูบวาบชั่วครั้งชั่วคราวไม่มีอะไรพิเศษให้ต้องจดจำ


แต่กับปัถย์มันต่างกันโดยสิ้นเชิง การที่เราประกบปากเข้าหากันมันช่างให้ความรู้สึกเกินคำบรรยาย ความอุ่นซ่านจากปลายลิ้นแทรกซึมเข้าสู่ทุกอณูความรู้สึก มันมีความจริงใจที่แฝงไปด้วยความเรียกร้อง มีความอ่อนหวานที่สอดสลับกับความเร่าร้อนหื่นกระหาย และบางครั้งความรู้สึกอยากเป็นเจ้าข้าวเจ้าของก็แสดงตัวขึ้นมาเสียจนผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังเสียศูนย์


บางครั้งผมก็งงใจว่าผมเป็นถึงขั้นนี้ไปแล้วหรือ การที่ผมหมดการควบคุมร่างกายและหัวใจไปโดยสิ้นเชิง แต่ผมก็ตระหนักได้ว่าไม่แคร์ ตราบใดที่ผมมีปัถย์อยู่ข้างๆ ผมไม่จำเป็นต้องความคุมอะไร ทุกอย่างผมจะขอให้มันเป็นเรื่องของธรรมชาติและความรู้สึก


“เรา... จะจูบกันตรงนี้ไปเรื่อยๆ หรือว่าไปต่อข้างใน” นั่นคือสิ่งที่ผมไม่คิดว่าจะหลุดออกจากปากของคนตรงหน้า


“ข้างในสิ”


จบคำผมก็รั้งปัถย์เข้าสู้วงแขน กึ่งดึงกึ่งผลักร่างโปร่งให้ผ่านประตูสีขาวบานใหญ่เข้าไป แสงสว่างรำไรจากแสงเทียนข้างนอกผ่านเข้ามาเพียงน้อยนิด แต่ผมก็ยังเห็นสีหน้ายอมจำนนของอีกฝ่ายที่ทำให้ใจของผมตื่นเต้นและดีใจจนคับอก

ผมจับแก้มของปัถย์ไว้ทั้งสองข้าง บรรจงมอบจูบอันเรียกร้อง ถ่ายเทความอัดอั้นจากส่วนลึกให้อีกฝ่ายได้สัมผัส และครั้งนี้มันเป็นโชคของผม เพราะว่าปัถย์จูบตอบผมกลับมาบ้าง ครานี้ผมปล่อยให้ปัถย์เป็นฝ่ายรุกไล่บ้าง และผมก็ถึงกับขาสั่นเมื่อมือข้างหนึ่งปัถย์ล้วงเข้าไปในเสื้อของผม และเริ่มสำรวจผมตั้งแต่หน้าท้องจนถึงแผ่นหลัง

“อืม”

นั้นคือเสียงครางหลังจากที่ตอนนี้ลิ้นอุ่นๆ ของปัถย์แทรกผ่านเข้าสู่โพลงปากของผม

เลือดร้อนๆ ฉีดขึ้นหน้า และไล่ผ่านไปทั้งตัวกระทั่งไปกระจุกตัวที่แก่นกาย แค่ปลายลิ้นเล็กๆ ที่ตวัดโต้ตอบได้ปลุกสัญชาตญาณแห่งเพศชายให้ลุกฮือ ให้ความรู้สึกที่แข็งขืนขึ้นจนรู้สึกได้ถึงความอึดอัดและเจ็บปวด...

พระเจ้า พระเจ้า!

การควบคุมของผมขาดสะบั้นลงก็ตอนนี้เอง จากที่คิดว่าจะค่อยเป็นค่อยไปกลายเป็นรีบเร่ง เกิดอาการกระวนกระวายอยากเดินหน้าไปให้สุด

ทั้งที่อยากอ่อนโยนและถนุถนอมคนๆ นี้ใจแทบขาด

อย่างน้อยก็ทำให้ปัถย์พึงพอใจ ไม่นึกหวาดระแวความสัมพันธ์ว่าเป็นเพียงแค่เรื่องเซ็กส์ไร้ใจ

แต่ให้ตายเถอะ! ปัถย์ยั่วขนาดนี้ผมจะทนได้สักกี่น้ำ ปกติก็ไม่ใช่พวกที่ยอมขัดใจตัวเองมาแต่ไหนแต่ไร ก็มีแต่ปัถย์คนเดียวนั่นล่ะที่ผมยอม

ผมพาปัถย์เดินไปสู่เตียงโดยไม่ยอมถอนริมฝีปากออก เสียงจ๊วบจ๊าบดังขึ้นเข้าโสตประสาท แต่เราทั้งคู่ต่างก็พอใจ ยังคงจูบยั่วเย้ากันต่อไปเรื่อยๆ ท่ามกลางความมืดผมไม่ยอมให้ปัถย์แตะต้องเพียงฝ่ายเดียว เลยใช้มือข้างหนึ่งดึงเสื้อเชิ้ตของอีกฝ่ายออกจากกางเกง ลงมือปลดกระดุมออกทีละเม็ดแบบไม่ยากเย็นอะไร

เสื้อถูกที่ถูกสลัดออกทำให้ผมลูบไล้แผ่นอกได้ถนัดถนี่ ผมจงใจร่ายนิ้วเพียงแผ่วๆ แต่ทำมันแบบทุกตารางนิ้ว

ผิวเนื้อของปัถย์ให้ความรู้สึกอุ่น เนียนลื่น กลิ่นน่าลุ่มหลงเฉพาะตัวที่ลอบสูดตลอดช่วงหัวค่ำติดอยู่ที่ปลายจมูกผม น้ำหอมกลิ่นนี้เป็นที่นิยมมากในหมู่ผู้ชาย แต่ยามติดอยู่บนร่างปัถย์กลับให้ความรู้สึกเซ็กซี่ชวนกระหาย ส่งผลให้ผมปวดร้าวไปทั้งแก่นกายจนแทบปริแตกเป็นเสี่ยง

ในตอนนี้ผมจงใจสัมผัสคนเก่งอย่างช้าๆ ใช้มือหยาบลูบไล้ผิวเนื้อแดงระเรื่อตั้งแต่ช่วงเอวสอบ ไล่ไปตามสีข้างด้านซ้ายปัดผ่านแอ่งสะดือเล็กไปจนถึงด้านขวา ไต่ปลายนิ้วสูงขึ้นจนไปหยุดตรงแผ่นอกที่มีเมล็ดแสนสวยกำลังสุกงอม ส่งสัญญาณให้คนละโมบอย่างผมดูดกลืนเข้าปากซึ่งมันจะเป็นเป้าหมายต่อไป

นิ้วของผมสะกิดมันแรงพอให้รู้สึก ตั้งอกตั้งใจปลุกอารมณ์อีกฝ่ายให้ทุกข์ทรมานปนเสียวซ่าน ร่างกายของปัถย์เริ่มขานรับและตอบสนอง ด้วยการบิดกาย ส่งเสียงครางในลำคอให้พอได้ยิน

...เสียงนี้เซ็กซี่ที่สุด

ผมจะบ้าเพราะเสียงครางทุ้มๆ นี้

เราผละริมฝีปากออกจากกัน ต่างฝ่ายก็หอบหายใจหนักๆ จนไม่รู้ว่าเสียงใครเป็นเสียงใคร สีหน้าของปัถย์ทำให้ผมอยากจะอ้อยอิ่งต่ออีกสักชัวโมงสองชั่วโมง แต่ถ้าเรามัวแต่จูบ... อะไรต่างๆ ก็คงไม่คืบหน้าไปไหน จริงไหม?

คิดดังนั้น ผมดันร่างปัถย์ให้นั่งหมิ่นๆ บนเตียง ใช้ขาข้างหนึ่งของตัวเองแทรกไว้ระหว่างเข่าทั้งสอง แล้วเอื้อมมือไปยังข้างเตียงเปิดโคมไฟ ระหว่างนั้นปลายจมูกของปัถย์แตะโดนลำคอของผม ซึ่งจะด้วยความบังเอิญหรือไม่ก็แล้วแต่ ผมกลับรู้สึกซาบซ่านมวนท้องอย่างปุบปับ

แสงสว่างภายในห้องทำให้ผมเห็นเรือนร่างของปัถย์ชัดขึ้น ทั้งเนื้อทั้งตัวของปัถย์อวดโฉมให้เห็น ผมขยับกายเข้าหาจนเราห่างกันไม่กี่คืบ ผมเท้าแขนคร่อมปัถย์ที่เอียงกายทำองศากับที่นอนและขยับหัวเข่าให้สอดผ่านระหว่างขาทั้งสองของเจ้าตัว

ลำคอของผมอุ่นซ่านอีกครั้งเมื่อปัถย์จงใจฝังใบหน้าลงที่ตรงซอกคอ เป่ารดไออุ่นร้อนเฮือก

“ผมคงเมามาก... คุณรู้ไหมว่าตอนนี้ผมร้อนไปทั้งตัว” เจ้าตัวพึมพำ จากนั้นก็ขยับใบหน้าออกมาแล้วเอียงคอมองผมบ้าง

ผมยิ้ม ขยับปลายนิ้วปัดริมฝีปากแดง ไปจนถึงแก้มนิ่มๆ ของอีกฝ่ายอย่างสุขใจ

“นายดื่มหลายแก้ว ก็เป็นธรรมดาที่จะเมา”

“ผมเกลียดคุณ...”

วาจาที่ปัถย์เอ่ยออกมาทำให้ผมชะงัก ตัวแข็งทื่อ

“...”

ใจผมปวดแปลบ แม้จะเข้มแข็งเป็นนิสัย คำพูดสั้นๆ ไม่กี่คำก็ทำให้แกว่งได้เหมือนกัน

“เกลียด... ที่คุณหล่อกว่าผม ยิ่งเกลียดที่สุดตอนตัวเองชอบมองตอนคุณเผลอสงสัยก็หลายครั้งว่าทำไมคุณดูดีแม้แต่เวลานอนไม่พอ เคยมีสักวินาทีไหมที่คุณขี่เหร่ จะมีสักวันไหมที่สาวๆ ไม่อยากกระโจนใส่คุณ”

ผมถึงกับหุบยิ้มแทบไม่ทันกับประโยคถัดมา ใจพองมันคือแบบนี้สินะ

ขออีก... มันดีจริงๆ นะ

“นายอิจฉา หรือว่าหวง... เอาจริงๆ นายไม่เห็นต้องแอบเลย ฉันอยากให้นายมอง ถ้าตอนนั้นรู้ก็จะเรียกเข้ามานั่งมองทั้งวี่ทั่งวันไปเลยดีไหม”

“ผมไม่เคยมีสิทธิ์ในตัวคุณ แค่แอบมองก็รู้สึกผิดอยู่ในใจ คนแบบคุณไม่เหมาะกับผมหรอก ผมธรรมดา น่าเบื่อ เป็นไอ้เนิร์ดในสายตาใครต่อใคร”

ปัถย์เอ่ยช้าๆ ไม่มีรอยยิ้ม มีเพียงสายตาเศร้าจนผมรู้สึกแย่ไปด้วย

“ไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิด ไม่จำเป็นต้องแอบมองด้วย ต่อไปนี้ฉันจะเป็นของนายอยากมองหรืออย่างทำอะไรก็ทำได้เลย อีกอย่างนายไม่ใช่ไอ้เนิร์ดนะ... นายเป็นคนที่น่ามองแล้วก็ทำให้ฉันมีอารมณ์ออกบ่อยๆ”

พูดจบผมก็จับมือของอีกฝ่ายมาวางไว้ที่อก

ปัถย์ยอมแต่โดยดี และยิ้มอ่อนโยนมาให้ผม

ผมบอกหรือยังว่าผมแพ้รอยยิ้มแบบนี้ของปัถย์...

ถ้ายัง ก็ของบอกเลยว่าเวลาเหนื่อยสายตัวแทนขาด แล้วได้เห็นยิ้มแบบตอนนี้ ผมก็แทบลืมความเหนื่อยไปจนหมด

“เรื่องของเราเป็นไปได้จริงหรือครับ”

“ได้สิ” ผมพูดอย่างหนักแน่น “ฉันอาจเลอะเทอะกับใครไปทั่ว แต่กับนายฉันไม่ได้คิดว่าเป็นเรื่องเล่น”

“เอรีสครับ...”

“ฉันสุขใจที่มีนาย นายเป็นคนพิเศษ เป็นคนที่ฉันจะไม่ยอมให้ใครมาแตะต้อง”

“...”

“ฉันจะรั้งนายไว้ด้วยทุกอย่างที่ฉันมี ฉันอยากให้เรายังอยู่ใกล้ๆ กัน”

“ผมกลัวใจคุณ”

“อย่ากลัว ได้โปรด” ผมพึมพำข้างๆ แก้ม และกดใบหน้าลงที่ซอกคออีกฝ่าย สวมวิณญาณแมวคลอเคลียอีกฝ่ายไม่ห่าง

“มันจะนานแค่ไหน”

“ใครจะรู้ล่ะปัถย์ เราแค่ลองดู”

จบคำผมก็ประกบริมฝีปากกับปัถย์ลงอีกครั้ง

รสจูบนี้ไม่ได้หยอกล้ออ้อยอิ่งอีกแล้ว ผมจงใจถ่ายถอดอารมณ์ความรู้สึกทั้งหมดที่มีไปกับจุมพิตที่ไร้การประดิษฐ์ประดอย

ฝ่ามือผมขยับไปปลดเข็มขัดอีกฝ่าย ตามด้วยตะขอกางเกงที่หลุดได้ง่ายๆ ผมรั้งสะโพกปัถย์ให้ยกขึ้น เพื่อรูดกางเกงผ้าเนื้อดีออกไปให้พ้นทาง

เราต่างให้เวลากับการเปลื้องผ้าเพียงไม่กี่วินาที

เอาจริงๆ นะ ขอบคุณที่ปัถย์เมา...

ผมผละออก เมื่อทั้งเนื้อทั้งตัวของปัถย์เหลือเพียงกางเกงบอกเซอร์สีขาว ขยับร่างตัวเองออก และบรรจงเปลื้องผ้าตัวเองออกบ้าง จะต่างก็ตรงที่ผมสลัดทุกอย่างออกจากตัวจนหมด ปล่อยให้ความต้องการที่ผงาดง้ำ อวดโฉมให้ปัถย์มองแบบตลึงหน่อยๆ

“ถ้าฉันใจร้อนไปก็อย่าถือสากันนะ” ผมบอกติดตลก แต่ไม่รู้ว่าคนที่นอนตาโตอยู่บนเตียงจะขำด้วยไหม

“เลิกพูดให้ผมเขินได้แล้วครับ”

ผมมองตามสายตาปัถย์ที่จับจ้องบนลูกชายผม จะด้วยปัถย์เผลอตัวหรืออะไรก็เหอะ

หมอนั้นเลียริมฝีปาก ลิ้นแดงๆ นั่นเริ่มปัดผ่านริมฝีปากล่าง และให้ฟ้าผ่าสิ! ผมอดใจไม่ไหวคิดไปว่า ถ้าปัถย์...ใช้ลิ้นเล็กสุดยั่วยวนและเล็มที่ปลายยอด ดูดดุนมันผ่านริมฝีปากที่ห่อเป็นตัวโอ ขยับจากส่วนหัวช้าๆ ไปจนตลอดความยาว

อ่า...

ผมซีดปาก ขนที่แขนตั้งชันแข่งกับลูกชายตรงสะโพก

อูย...

ออรัลเซ็กซ์จากปัถย์คงทำให้ผมหลั่งภายในชั่วไม่กี่วินาที...

“คุณคิดลามกกับผมอยู่สินะครับ” ปัถย์จ้องตาผม สลับกับแก่นกายที่ตั้งฉากขนานกับพื้นโลก ยิ่งเวลาที่ปัถย์มองผมก็ยิ่งแข็งขึงขึ้นจนแทบปริแตก

“อ่า... โดนจับได้เสียแล้ว”

ถึงผมจะพูดแบบนั้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะอาย แต่ผมก็แกล้งทำหน้านิ่งเดินที่ละก้าวเข้าหาร่างเกือบเปลือยที่อยู่บนเตียง

“ถ้าไม่อยากโดนจับได้ ก็อย่าทำสายตาแบบนี้สิครับ เอาเป็นว่าผมรู้เลยว่าคุณอยากให้ผมทำอะไร... หน้าคุณอธิบายหมดว่าอยากให้ผมเริ่มอะไรตรงไหนก่อน”

ผมเผลอหัวเราะ แต่ก็ลูบผมอีกฝ่ายอย่างปลอบใจ

“ถึงอยากให้ทำ แต่ก็ไม่คิดอยากฝืดใจนายหรอก สบายใจได้นะ เราจะทำเฉพาะที่นายโอเค”

ถ้าเจ้าตัวไม่พอใจอยากที่จะทำ ผมคงไม่บังคับให้ปัถย์ใช้ปากให้ผมแน่ ต่อให้เป็นคู่รักที่เอาแต่ใจเพียงใดก็เหอะ ของแบบนี้ต้องอยากทำด้วยตัวเองฝืนใจกันไม่ได้

แล้วผมก็ต้องเลิกคิ้วน้อยๆ เมื่อปัถย์ดึงข้อมือผมให้เข้ามาใกล้ จนหน้าขาของผมชนกับของเตียง มีปัถย์ที่กางขาออกกว้างและรั้งเอวผมให้เข้าไปใกล้กว่าเก่า

“หืม?”

ปัถย์ออกแรงอีกหน่อยดันบั้นเอวด้านหลังของผมเข้าไปใกล้

ในระยะที่ลูกชายผู้ดุดันของผมชี้หน้าปัถย์อยู่มันใกล้มาก... อันตรายต่อความคาดหวังของผมมาก

โอย...

ยิ่งปัถย์ที่เหลือบตาขึ้นมองด้วยแล้ว โครตยั่วยวน ท่าทางกัดปากน้อยๆ นั่นด้วยแล้ว...

ฆ่าผมเถอะ...

ได้โปรด.... ถ้าปัถย์ไม่ทำต่อ ก็ฆ่าผมให้ตาย อย่าปล่อยให้ผมทรมานไปมากกว่านี้เลย

“...ทำไมครับ ไม่ชอบออรัลเซ็กส์เหรอ”

แม่เจ้าโว้ย!

ปัถย์เอาคำพูดของผมมายัดใส่หน้าผม

คำถามนี้เคยออกจากปากผมมาก่อน แล้วตอนนั้นมันก็ลงท้ายด้วยการที่ผมทำรักด้วยปากให้ปัถย์อย่างถึงอกถึงใจ รสสัมผัสของปัถย์ดีเกินกว่าที่ผมจะบรรยาย แต่เพราะผมไม่เคยใช้ปากให้ใครผมจึงขออนุมานเอาว่าปัถย์น้อยรสชาติดีที่สุดและหวานน่ากินที่สุดก็แล้วกัน

“ชอบเสียยิ่งกว่าชอบ แต่ถ้าไม่อยากทำ ก็ไม่ต้องฝืน”

พูดจบก็อยากเตะปากตัวเองที่ทำเป็นพูดแบบพระเอก บอกไปเลยไอ้เอรีสว่าแกอยากได้ปากของปัถย์ขนาดไหน จะมาวางมาดสุภาพบุรุษแล้วขัดกับกิเลสของตัวเองทำไม

ตอนนี้แม้ปากจะพูดให้ดูดี แต่เอวนี้แทบกระดกรัวๆ กระแทกหน้าอีกฝ่าย ย้อนแย้งไปหมดแล้วความคิดผม

“เงียบครับ” ปัถย์ตัดบท

แต่สิ่งที่ผมเรียกได้ว่าเกือบตกใจคือการคว้าแก่นกายของผมไว้แน่นในฝ่ามือ ฝ่ามือหนากอบกุมผมไว้อย่างถนัดถนี่ ขยับครั้งแรกในจังหวะสั้นๆ ถึงอย่างนั้นผมก็กัดฟันจนสันกรามปูดโปน

ผมมองเสี้ยวหน้าปัถย์จากมุมสูง มองจากมุมนี้ผมไม่อาจเห็นดวงตาของปัถย์ได้ ผมจึงเอื้อมมือไปรั้งต้นคออีกฝ่ายให้แหงนเพื่อสบตากัน ปัถย์ไม่ยิ้มสีหน้าที่เคยนิ่ง แสดงความรู้สึกต้องการไม่ต่างไปจากผม อารมณ์ร้อนๆ ของปัถย์ถูกเผยผ่านดวงตา ซึ่งชาตินี้ผมคงมองได้ไม่มีวันเบื่อ

ปัถย์ขยับมือเป็นจังหวะเร็วขึ้น ผมข่มใจที่จะผลักคนที่อยู่ตรงหน้าขาให้ล้มลงกับเตียง ยอมให้อีกฝ่ายเล่นสนุกกับแก่นกายแข็งๆ ของผมไปตามแต่ปรารถนา ผมกลั้นใจรอ...

และการรอคอยของผมก็สิ้นสุดลง

ปัถย์ก้มลง และแตะส่วนปลายของผมด้วยปลายลิ้น...

Fu.k ผมสบถในลำคอ

มันโคตรดี... แต่มันยังไม่พอ

ลิ้นของปัถย์สาก แต่ผมรักความสากที่อุ่นและชื้นนั้น

ปลายลิ้นลากผ่านส่วนปลายที่เบ่งบวม ปาดไล้อย่างลองเชิงครั้งสองครั้ง แล้วปากร้อน ก็เม้มเอาส่วนปลายยอดเข้าโพลงปากเพียงเล็กน้อย ก่อนถอยออก ผมนิ่วหน้าอย่างเสียดาย...

ผมอยากได้มากกว่านั้น...

แต่แต้มบุญผมคงสูง เพราะอึดใจต่อมาเรียวลิ้นของปัถย์ก็ลากไล้ไปตามความยาว ลากผ่านไปอย่างเชื่องช้าจนสุดโคน สลับกับลากผ่านจากส่วนโคนจนถึงส่วนปลาย

“ปัถย์...” ผมครางเรียก หูอื้อตาลายไปหมด

“อืม...” แล้วก็ได้เสียงงึมงำในลำคอตอบกลับมาจังหวะเดียวกับที่อีกฝ่ายครอบครองแก่นกายแข็งขึงของผมไปจนเกือบสุด

ขาผมสั่น เอวผมขยับตามด้วยปฏิกริยาตามธรรมชาติ ฝ่ามือวางลงบนผมของอีกฝ่ายแต่ไม่ใช่การกดผมแค่วางไว้นิ่งๆ อย่างไม่รู้จะช่วยตัวเองยังไงดี

ทุกจังหวะที่ปัถย์ขยับมือและลิ้น ผมแทบกระอักเลือด มันทั้งทรมานและสุขสม จังหวะที่ปัถย์ห่อปากช่างให้ความรู้สึกที่หวานล้ำ ถ้าผมปล่อยให้ปัถย์ทำต่อไปมีหวังผมคงหลั่งคาปากอีกฝ่ายเป็นแน่

ผมหลับตาบังคับให้อีกฝ่ายขยับออกห่างหน้าขาอย่างหักห้ามใจ

“พอก่อนคนเก่ง ผมจะไม่ไหวเอา”

ปัถย์ยอมคายผมออกอย่างว่าง่าย แต่สีหน้าเขามีความเสียดายไม่ต่างจากผมเลย

“ผมทำไม่ถูกใจคุณ?”

“เปล่า... เปล่าเลย มันดีที่สุด ดีจนฉันจะหัวใจวาย ฉันกลัวจะทำเลอะเทอะใส่ปากนายต่างหากล่ะ”

ผมกลัวอีกฝ่ายจะเข้าใจผิดจึงรีบไขข้องข้องใจ

“ผมก็เคยเลอะเทอะใส่คุณ”

“ฉันอยากทำเลอะเทอะตรงอื่นมากกว่า...”

พูดจบผมก็ดันร่างเพรียวให้ล้มลงบนเตียง และเปลี่ยนสถานะจากผู้ถูกปรนเปรอกลายเป็นผู้ปรนเปรอแทนอีกฝ่าย

นาทีต่อมา ปัถย์เองเสียอีกที่ถูกผมกระทำทรมานด้วยปากและลิ้น เสียงของปัถย์ที่ครางเสียงพร่าทำให้ผมยิ่งฮึกเหิม

“นายหวานไปทั้งตัว... โดยเฉพาะตรงนี้”

“...อ่า เอรีส ตรงนั้น อือ...” ปัถย์ครวญเมื่อผมแตะปลายลิ้นต่ำลงไป หยอกเย้ากับเนื้อนิ่มๆ สองลูกที่ท้าทายสายตา

“ตรงนี้ก็...” ผมเม้มเบาๆ และขยับนิ้วมือให้ผ่านรอยจีบสีสดแบบหยั่งเชิง

ปัยถ์แอ่นเอวเมื่อผมรุกไล่ริมฝีปากกับลูกบอล และนิ้วมือกับร่องหลืบสุดหวงด้วยความถนุถนอม นิ้วชี้ของผมขยับช้าๆ เบิกทางด้วยความใจเย็น เมื่อพบว่ามันช่างแน่นและฝืดผมจึงหันไปหากางเกง หยิบกระเป๋าสตางค์ที่ซ่อนเครื่องมือประกอบกิจเอาไว้ด้วยความเคยชิน

ซองสีเงินถูกฉีกออก เจลหล่อลื่นแบบพกพาถูกปาดไล้จนชุ่มทั้งนิ้วของผมและช่องทางยั่วยวน ผมกดลงเบาๆ ในคราแรก จนผ่านได้ครึ่งนิ้ว และเต็มนิ้วในที่สุด ผมจงใจขยับขยายปัถย์อย่างค่อยเป็นค่อย ไปดู ปากและลิ้นก็ยังคงโอ้โลมแก่นกายสลับกับเนื้อนิ่มทั้งสองเพื่ออย่างไม่เสียจังหวะ

“เอรีส... ครับ อ่า...”

ยิ่งปัถย์ส่งเสียง ผมก็เร่งความเร็วทีละนิด จากหนึ่งนิ้ว เพิ่มเป็นสอง และกลายเป็นสามในที่สุด จากจังหวะเนิบนาบให้ไว้ใจเปลี่ยนเป็นเร็วและเรียกร้องขึ้นจนปัถย์ครางลึกเมื่อการแตะต้องจากนิ้วของผมแตะโดนจุดกระสันด้านใน และเมื่อผมรู้ว่าตรงนี้... คือจุดอ่อนของปัถย์ผมก็ใจร้ายติดๆ ด้วยการบดขยี้ตรงนั้นซ้ำๆ จนอีกฝ่ายขยับเอวตามด้วยความซ่านสยิว...

ไม่กี่นาทีต่อมา... ลาวาร้อนสีหิมะก็รดรินเข้าโพลงปากของผม

กลิ่นคาวเฉพาะตัวผ่านลำคอของผมทุกหยาดหยด แก่นกายของปัถย์กระตุกในปาก ฝ่ามือก็กดหัวผมไว้แน่น

...ผมรักวินาทีนี้เป็นบ้าเลย
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH18 11/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 11-06-2018 17:19:38
 :m25: :m25:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH18 11/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: graciej ที่ 11-06-2018 17:24:27
 :pighaun: :m25: :pighaun: :m25:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH18 11/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 11-06-2018 19:16:37
 :m25: :m25:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH18 11/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 11-06-2018 19:48:08
ฮอลล หวานกันให้ตายไปข้างเลย
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH18 11/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 11-06-2018 19:53:54
 :-[ตายๆ มาแบบนี้ตายเลยเรา
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH18 11/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 11-06-2018 21:12:53
เข้ามาจิ้มไว้ก่อนค่ะ  :z13:  :mew1:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH18 11/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: alt1991 ที่ 11-06-2018 22:14:22
 :pighaun: :jul1: :pighaun: ราตรีนี้อีกยาวนาน  :hao6: :jul1:  :hao6: เลือดท่วมแน่ ๆ  :pighaun: :jul1: :pighaun:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH18 11/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 11-06-2018 23:17:59
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH18 11/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 12-06-2018 00:44:29
 :jul1: ขอเลือดด่วน
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH18 11/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 12-06-2018 02:52:42
 :hao6:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH18 11/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 12-06-2018 10:13:29
 :pig4: :pig4: :pig4:

เพราะเมาจริงเหรอ?
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH18 11/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: memozy ที่ 12-06-2018 13:12:15
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH18 11/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 12-06-2018 22:17:28
แซ่บมากพริก 10 เม็ด
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH18 11/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: m_ilk_y ที่ 14-06-2018 14:24:14
 :o8:
โอ๊ยย อ่าน 18 ตอนรวด ไม่ไหวแล้ววว
นุ้งปัถย์ทำไมร้อนแรงหลบในแบบนี้ค่ะลูกกกกกก
เอรีสก็อะไรเนี่ย จะหื่นใส่น้องไปถึงไหนนน
อยากให้เข้าใจกันเร็วๆ

อ่านๆแล้วปมเรื่องงาน ความรักเยอะแยะไปหมด
มีให้ตามต่อเรื่อยๆใช่มั้ยคะ รอตอนหน้าอยู่ค่ะ ขอบคุณมาก

ปล.เหมือนเจอคำผิดหลายๆทีนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH19 [14/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: anin ที่ 14-06-2018 21:06:25
Chapter 19

{ปัถย์}

สมองและความรู้สึกของผมพร่าเลือน จากจุดสุดยอดรุนแรงที่เพิ่งพ้นผ่านไป หัวใจของผมเต้นเร็ว ร่างกายกลับอ่อนเปลี้ยไร้แรงขยับเขยื่อน

เมื่อหลุบมตาลง ผมก็ได้เห็นแววอิ่มเอมจากเอรีสที่ส่งมาพร้อมกับรอยยิ้ม

ฝ่ามือของเอรีสยังยึดอยู่ที่สะโพก ลูบไล้ปลอบประโลมเบาๆ เมื่อเวลาผ่านไป ลมหายใจผมเริ่มเป็นปกติขึ้น สัมผัสที่เคยอ้อยอิ่งเชื่องช้าเริ่มลงน้ำหนักกว่าเก่า ภายหลังการปลดปล่อยหลุดโลกถูกแทนที่ด้วยการะกระตุ้นระรอกที่สอง ซึ่งตัวผมเองก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธอะไรได้

ทุกการแตะต้อง และการขยับปลายนิ้ว เอรีสทำราวกับว่าศึกษาและฝึกหัดมาเป็นอย่างดี ชัดเสียยิ่งกว่าชัดว่าเอรีสคือเจ้าพ่อแห่งวงการเซ็กส์ตัวจริง ผมนึกเล่นๆ จะจะหัวเราะก็ทำไม่ได้ในเมื่อคนที่ถูกเล่นงานอยู่คือผมเอง...

“นี่ละ ความเลอะเทอะในแบบที่ฉันชอบ” เอรีสตบสะโพกผมเบาๆ และหันไปสนใจกับซองสีเงินเล็กๆ อีกอันที่ถูกทิ้งไว้บนเตียงเมื่อหลายนาทีก่อน “แบบนี้ดีกว่าเยอะ”

ผมมองลอนหน้าท้องและส่วนที่ต่ำลงไปกว่านั้น

ความวูบวาบกำลังผลักผมให้ตกขอบ สิ่งที่เรากำลังทำคือหุบเหวทางอารมณ์อีกแห่งหนึ่ง เมื่อเรากระโดดลงไปความรู้สึกตื่นเต้นสุดบรรยาย ความหวาดกลัวที่ถาโถมมาพร้อมกับความหฤหรรรษ์จะทำให้เราทั้งคู่ต่างเรียกร้องหาหุบเหวถัดไป

หุบเหวที่ลึกกว่า...

อันตรายกว่า...

และเติมเต็มความกระหายได้มากกว่า

“เอรีสครับ...”

เสียงของผมแหบแห้ง ไม่ได้คิดจะค้านหรือเล่นตัวอะไร

ก็แค่... อยากพักหายใจสักนาทีสองนาที ก่อนจะต้องขึ้นเครื่องเล่นสุดท้าทายและอันตรายต่อลมหายใจอีกครั้ง

ผมเริ่มกลับมาหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อเห็นเอรีสจัดการให้ยางใสครอบลงบนแก่นกายช้าๆ จนสุดความยาว

วิธีการที่เขาสวมลงไปช่างให้ความรู้สึกเหมือนกับลังถูกยั่วและกระตุ้นอารมณื

เจ้าตัวจ้องตาผม ท้าทายกึ่งสาธิตให้ดูว่าเขากำลังลงมือทำอะไรอยู่ ถ้ามองไม่ผิดรอยยิ้มตรงมุมปากกำลังบอกว่าเขาจะใส่มันแบบเร็วก็ได้ แต่เขาจงใจทำให้ดูเหมือนสโลว์โมชั่น เพื่อให้ผมละเลียดวิธีการที่เขาปฏิบัติกับตัวเอง

ในแต่ละนิ้วที่แผ่นยางใสเลื่อนผ่านช่างให้ความรู้สึกทรมานและคาดหวัง ยิ่งตอนที่เอรีสเลียริมฝีปากผมรู้ได้ในทันทีว่าเขากำลังเอาคืน...

ผมกลืนน้ำลายหนืดเหนียวลงคอกับภาพชวนสยิวนั้น

“อย่างใช้สายตาแบบนั้นมองฉัน” เอรีสขยับหน้าขาเข้ามาใกล้อีกนิด และบอกเสียงพร่า

“ครับ?”

“สายตาแบบนั้นทำให้ฉันอยากกระโจนใส่นาย ทั้งที่ใจฉันอยากทำทุกอย่างแบบช้าๆ รู้ไหมว่ามันยาก”

เอวผมถูกยกขึ้นอีกนิด และเอรีสจงใจรั้งสะโพกผมให้สัมผัสเบาๆ กับแก่นกายที่กำลังกร้าวร้าว ประหนึ่งอาชานัยที่พร้อมจะพาแม่ทัพบุตะลุยไปข้างหน้าเพื่อเผด็จศึกให้ราบคาบ

เขาก้มลงขบเม้มลำคอผมหลายที ซึ่งจากการลงน้ำหนักผมเดาได้เลยว่าเอรีสคงจงใจทิ้งรอยไว้ จงใจตีตราประกาศความเป็นเจ้าของในร่างกายและจิตวิญญาญของผม

“คุณเองก็เลิกใช้สายตาแบบนั้นมองผมด้วยสิครับ จะได้ยุติธรรม”

ผมหมายถึงสายตาหื่นๆ นั่นล่ะ

“ก็นายมันน่ามอง”

“งั้นคุณก็ไม่ควรห้ามเรื่องที่ผมมองคุณ”

เขายังใช้สายตาหื่นใส่ผมได้ ถ้าวันนี้ความเมาจะทำให้ผมมองเขาแบบหื่นๆ บ้างก็ไม่น่าจะเสียหายนี่จริงไหม

“ก็ได้...”

ปากเขาพูด และร่างกายของเขาก็ทำ

เอรีสกดสะโพกผมให้แนบชิดกับตัวตนที่ทั้งแข็งและร้อน จงใจจรดตัวเองกับช่องทางที่เขาเคยตระเตรียมไว้ เกร็งข้อมือดึงสะโพกผมให้เข้าหาแต่สะโพกสอบกับกับกล้ามหน้าท้องแน่นเปรี๊ยะ ที่ทำแค่เพียงตั้งรับรอท่า

“แต่นายต้องรับผลที่จะตามมา... เพราะมันอาจจะโหดไปสักหน่อยกับมือใหม่ แล้วมันอาจจะ...ทำให้นายต้องร้องขอความปราณีครั้งแล้วครั้งเล่า”

ผมคิดว่าเขาคงแกล้งขู่ เพราะน้ำเสียงนุ่มๆ กับดวงตาอารมณ์ดีทำให้ผมไม่นึกกังวล แต่ถึงเอรีสจะทำตัวดุดันมูมมาม ผมก็คิดว่าคงรับได้ เพราะอะไรที่เกี่ยวกับเอรีสผมรับได้เสมอ

“อะ...”

ผมเผลอคราง เมื่อส่วนแรกแทรกผ่านเข้ามา

ความแข็งและร้อนยืดขยายช่องทางให้ต้อนรับเขาอย่างไม่อาจบิดพลิ้ว

เอวและหน้าขาของเอรีสเริ่มขยับในจังหวะสั้นๆ แต่หนักแน่น

การรุกคืบที่แสนจะเนิบช้าคือความทรามาที่เปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง ซึ่งแค่ชั่วอึดใจเดียว ผมก็รู้เลยความที่สุดของความทรมานคือสิ่งที่เขาจงใจทำให้ผมสำนึก

ผมกัดปาก กลั้นเสียงร้องของตัวเองไว้ ทุกการขยับผมรู้สึกได้ถึงตัวตนเอรีสที่เติมเต็มความโหยหาสุดหัวใจของผม

ผมเข้าข้างตัวเองว่ามันไม่ใช่แค่เซ็กส์

ภาวนาให้สิ่งที่เอรีสคิดไม่ต่างไปจากฟากของผม

“ว่าแล้ว... อ่า ว่ามันต้องดี” เอรีสหอบน้อยๆ ขณะกัดฟันพูด “ลืมตาสิคนเก่ง มองฉัน”

เขาแตะแก้มผม บังคับกึ่งก้อนวอนจนผมขัดไม่ได้

ยิ่งมองตาสีสนิมทุกอย่างในสมองของผมก็ยิ่งตีรวน หัวใจบังเกิดความสั่นไหว... ความอ่อนโยนที่เขาส่งผ่านมาช่างชัดเจน เป็นเวลาของความซื่อสัตย์ในความรู้สึกของเราทั้งคู่

ผมต้องการเขา...

เขาต้องการผม...

แค่นั้นก็น่าจะพอแล้ว

จะไม่ขอคิดเรื่องอื่น จะไม่เอาอดีตมาขัดขวางการเริ่มต้นของเรา จะลองเสี่ยงที่จะข้ามผ่านคำว่าเหมาะควร และความรู้สึกกลัวออกไปก่อน

“ปัถย์ ตา...” เขาเรียกอีกครั้ง เมื่อผมเริ่มใจลอยและทำท่าจะหลับตาอีกรอบ

ผมปรือตาเหมือนคนเมามาย รสรักที่เอรีสเทียวมอบให้ทำให้ทำให้ผมล่องลอยไปจากความเป็นจริง

“อึก...”

“แบบนี้ ได้ไหม นายรู้สึกดีเหมือนฉันใช่ไหม” เอรีสกระซิบแผ่วๆ ข้างขมับ คลอเคลียริมฝีปากและปลายลิ้น เมื่อบดเบียดตัวตนไปจนสุด ตามมาด้วยการดึงเอวออกช่วงสั้นๆ และดันกลับเข้ามาใหม่ ความแกร่งร้อนของเขาเรียกร้องและปรนเปรอในความหมายเดียวกัน

“...”

“บอกหน่อยว่านายโอเคกับมัน...”

เอรีสบดเอว และเกร็งข้อมือดึงผมเข้าหาในจังหวะเดียวกับที่พูด เมื่อผมเอาแต่กัดปากตัวเองเพื่อห้ามเสียงและอารมณ์ไว้

เขาเกลี่ยลูกผมที่กระเซอะกระเซิงให้เข้ารูปเข้ารอย ก่อนแนบหน้าผากเราเข้าหากัน เรียวลิ้นบรรจงลากผ่านริมฝีปากล่าง

“อ่า... ครับ ผมโอเค” ผมขานรับเสียงเบาจนเกือบไม่ได้ยิน

“ฉันไม่ได้รุนแรงกับนายใช่ไหม...” ผมผวาเฮือกเมื่อเอรีสผละออกจนเกือบสุด ก่อนจะดันกายช้าๆ เข้ามาอย่างน่าขัดใจ

“ไม่ครับ”

ทุกท่วงทำนองจะสลักลึกในใจผม ต่อให้อีกนานแสนนานผมก็ยังคงจดจำว่าเอรีสนั้นอ่อนโยนกับผมมากแค่ไหน

“ที่จริงแล้ว...” ผมคว้าคอเอรีสไว้แล้วกระซิบ “คุณไม่ต้องอ่อนโยนกับผมก็ได้”

เอรีสลูบแก้มและเสยผมให้

“ต้องสิ ฉันไม่ได้มาอยู่ตรงนี้เพื่อกอบโกย แต่ฉันต้องการให้เราเติมเต็มซึ่งกันและกัน คิดเสมอว่าอยากให้นายรักการเมคเลิฟของเรา อยากให้นายขาดมันไม่ได้ ฉันต้องการให้นายรู้สึกดี...จนต้องร้องขอให้ฉันทำมันซ้ำๆ”

เมคเลิฟ?

ของเรา?

ผมไม่คิดว่าเอรีสจะใช้คำนี้

หัวใจของผมพองโต ฟูฟ่องเหมือนฟองนมปั่นที่ราดอยู่บนแก้ลาเต้ร้อน บางทีคำหวานๆ ก็เหมือนกับน้ำที่ราดรดบนหัวใจเหี่ยวแห้งให้มีชีวิตชีวาขึ้น

“แค่นี้ผมก็ไปไม่เป็นแล้วครับ” ผมพึมพำแบบที่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

“จริงหรือ” เอรีสเลิกคิ้ว และล้อเลียนผมด้วยการหมุนเอวช้าๆ เป็นวงกลม จงใจกอบเอวผมไว้กับที่เพื่อให้เราสัมผัสกันได้แนบชิดขึ้น

“อ่า จะ...จริงครับ” ผมกลั้นลมหายใจ สุดจะทานทนเมื่อความแกร่งแตะโดนจุดอ่อนไหวจากด้านใน แต่เพียงไม่กี่วินาทีเอรีสก็ผละออก ทิ้งความต้องการครึ่งๆ กลางๆ ไว้ให้อึดอัดขัดใจ

แต่ดูจากสถานะการณ์แล้ว คนที่ทนทุกข์ทรมานคงไม่ใช่เพียงแค่ผม

“ยากชะมัด!” คงหมายถึงบังคับให้ตัวเองทำแบบทะนุถนอมเกินเหตุนั่นล่ะ “ปัถย์ครับ...”

เอวสอบก็ร่ายมนต์คลังไม่หยุดหย่อน ปากก็งึมงำและสบถหนึ่งคำเปล่งคำหวานหนึ่งคำสลับสับสนกันไปหมด

ผมเริ่มลอยคว้างบนอากาศ อึดอัดเรียกร้องหาการปลดปล่อยในครั้งที่สอง แต่มันคงไกลเกินเอื้อมถ้าเอรีสยังใช้ความเร็วแบบเต่าคลาน

“เร็วกว่านี้ครับ ได้โปรดเร็วกว่านี้”

เมื่อหมดคำร้องขอ เอรีสก็พร้อมที่จะสนองตามที่ผมเสนอ

โดยการที่เอวสอบโจนจ้วงใส่ผมอย่างหิวกระหาย

ในแต่ละจังหวะของการควบขับทั้งหนักแน่นและดุดัน ไม่มีการหยอกล้อ ไม่ใช่อารมณ์ที่จะเล่นบทคู่รักผู้อ่อนโยนอีกต่อไป ทุกการเคลื่อนไหวมีเพียงความเร่าร้อน ตักตวงให้กับห้วงอารมณ์โหยกระหาย

ผมครางแบบไร้เสียงยามเอวสอบบดอัดสะโพกในจุดที่ทำให้ผมสะท้าน ฝ่ามือผมเลื่อนลงมาที่แก่นกายตัวเอง อย่างน้อยก็ต้องการปลดปล่อยตัวเองให้หลุดพ้นจากความทรมานนี้

แต่เอรีสดูจะไวกว่า เจ้าตัวคว้าตัวตนของผมไว้ และกอบกุมความร้อนผ่าวไว้ในมือ เขารูดเค้นเป็นจังหวะไม่เร็วไม่ช้า ทั้งห้าที่คอยกำหนดจังหวะจะโคนร้อนแรง ทุกจังหวะที่เอรีสรูดมือมันกลับสอดประสานกับตำแหน่งที่เชื่อมต่อของเราได้ไม่มีติดขัด

ความอดทนเฮือกสุดท้ายของผมสิ้นสุดลง หยาดอารมณ์ของผมทะลักทะลายออกมาในที่สุด เอรีสบรรจงลดความเร็วลงจนเหลือเพียงความเนิบช้า เขาคงรู้ว่าเวลาแบบนี้ควรผ่อนทุกอย่างให้ช้า ให้เวลาผมได้อิ่มเอมกับการปลดปล่อยที่เพิ่งมาถึง

เอรีสกระชับสะโพกผมแน่นขึ้น หมุนร่างผมให้เปลี่ยนเป็นคุกเข่ากับเตียง และรั้งสะโพกผมให้ลอยสูงขึ้น ในตำแหน่งนี้เอื้อให้ทุกการโจนจ้วงทำได้ง่ายและลึก เมื่อเอรีสเจอท่วงท่าที่พอใจก็บรรจงสานต่อในสิ่งที่ตัวเองทำค้างไว้

ไม่มีความปราณี

มีเพียงความปรารถนาที่สุดจะทานไหว

เอรีสแสดงให้ผมรู้แล้วว่าในด้านที่โอนโยนเอรีสนั้นทำได้รด แต่ในความเร่าร้อนและดุดันเอรีสนั้นทำได้ดีกว่า

...

เราทั้งคู่ต่างเหนื่อยหอบ แทบหมดเรี่ยวแรงและทิ้งกายลงกับเตียง โดยมีร่างกำยำของอีกคนซวนซบใบหน้ากับแผ่นหลังไม่ห่างไปไหน

ฝ่ามือหนาลูบหน้าท้องและกอดผมไว้ในอ้อมอก ปากครางไม่รู้คำอยู่ข้างกกหูผมเองที่เหนื่อยและหมดแรงทำได้เพียงปล่อยให้เขาจัดแจงท่าทางอย่างที่เขาพอใจ

“คนเก่งของผม...”

เสียงนั้นแหบโหยแต่น่าฟัง

“ปัถย์ครับ...” เขาเรียกอย่างออดอ้อน และแตะริมฝีปากกับแก้มที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อของผม

พอผมหันไปริมฝีปากได้รูปก็ฉกวูบลงมา ผมโอนอ่อนผ่อนตามแต่โดยดี เราจูบกันดูดดื่มแม้จะผ่านช่วงไคลแมกซ์มาหลายนาที แต่ความซาบซ่านก็ยังวนเวียนอยู่ที่ช่องท้อง

“ไปเถอะ อาบน้ำกัน”







ผมมองร่างเปล่าเปลือยของเอรีสที่เดินผ่านหน้าไปเพื่อหยิบน้ำในตู้เย็นมาดื่ม ท่วงท่ายามเอรีสเปิดขวดน้ำแล้วยกขึ้นกระดกมันเหมือนภาพในโฆษณามากกว่าคนจริงๆ ก็เขาหล่อแล้วก็มีกล้ามเนื้อที่สวยมาก

เอาตรงๆ ผมนึกชื่นชมเรือนร่างของเขานะ หุ่นเขาเหมือนนายแบบบนรันเวย์ เพรียวแต่มีกล้ามเนื้อที่ดูแล้วน่าอิจฉา ผมเองก็ออกกำลังกายนะ แต่ไม่รู้ทำไมถึงไม่มีกล้ามเนื้ออย่างเขาบ้างเลย

เมื่ออารมณ์วูววาบหมดไป ความอยากรู้อยากเห็นของผมก็เริ่มทำงาน

สีหน้าบูดบึ้งของเอรีสยังติดตาผมอยู่

และสีหน้าของเฟยหลง ลอจ์ดก็ติดตาผมเช่นกัน

“อยากรู้อะไรก็ถามมา”

เอรีสคงสังเกตเห็นว่าผมเอาแต่จ้องเขามาสักพัก เขาเดินมาหาและส่งขวดน้ำอีกขวดที่ยังไม่ได้ดื่มมาให้

“หลายเรื่อง ผมกำลังคิดอยู่ว่าจะเริ่มเรื่องไหนก่อน”

ผมถามแบบอมยิ้ม ซึ่งเอรีสก็อมยิ้มเช่นกัน

ร่างสูงทรุดตัวลงข้างๆ ใช้มือตัวเองปัดปอยผมที่ปรกหน้าผมออก

“งั้นก็เรื่องที่อยากรู้ที่สุดก็ได้”

“คุณจะยอมเล่าให้ผมฟัง?”

“แน่นอน”

“ทุกเรื่องหรือครับ”

“ใช่ครับ...” เอรีสขยับมานอนตัก แล้วหลับตาลงสองสามวินาที แล้วพูดต่อ “ทุกอย่างที่ปัถย์อยากรู้ ทุกเรื่องที่ปัถย์ถาม”

ผมถอนใจแล้วตัดสินใจถามแบบตรงประเด็น

“เฟยหลง เขาเป็นใครครับ”

“เคยเป็นเพื่อน แต่ทุกอย่างมันก็แย่ลงเพราะเรื่องบางอย่าง” เอรีสพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบ แต่สีหน้าของเขามีร่องรอยของบางอย่างที่ผมเองก็ไม่เข้าใจ มันคล้าย กับความเศร้า และความโกรธ

“...ตอนฉันเรียนไฮสคูลเราเป็นเพื่อนสนิทกัน... มีฉันลอจ์ดแล้วก็รัน เราเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน ไปไหนก็ไปด้วยกัน วันหนึ่งฉันก็รู้ตัวว่ามีความชอบในตัวรันมากกว่าเพื่อนธรรมดา แรกๆ มันคือความสับสน”

รัน... เวลาที่เอรีสเอ่ยชื่อนี้ฟังแล้วดูพิเศษจนผมหงุดหงิดใจ แต่ผมก็ตัดสินใจสลัดความหึงหวงและทำใจเย็นฟังเอรีสเล่าต่อ

“ฉันกับรันต่างก็เป็นผู้ชาย ดังนั้นเรื่องต่างๆ มันเลยไม่ง่าย เราก็เดินหน้าความสัมพันธ์กันแบบลับๆ เพราะเราต่างก็ไม่แน่ใจในสิ่งที่เราเป็น แล้ววันหนึ่งฉันก็ได้รู้ว่ารันไม่ได้มีแค่ฉัน...” เอรีสพูดเนิบๆ แต่เสียงของเขาดูเจ็บปวด ซึ่งผมเองก็พลอบเจ็บปวด

“ลอด์จเองก็หวั่นไหวกับรัน แต่ถ้าทั้งคู่บอกกับฉันตรงๆ ฉันก็จะถอยให้ แต่ไม่เลย สองคนนั้นปั่นหัวฉัน ถ้าหัวค่ำรันควงกับฉัน กลางคืนรันก็จะควงกับลอด์จ มันบ้ามากที่ฉันเป็นคนโง่อยู่ฝ่ายเดียว”

ผมพูดไม่ออก ผมไม่รู้ว่าเอรีสจะมีมุมของคนอกหักผ่านมาในชีวิตด้วย ก็ปกติแล้วเขาก็มักจะเป็นฝ่ายบอกเลิก หรือเป็นฝ่ายสลัดทิ้ง...

“ฉันเป็นไอ้โง่อยู่เกือบปี โดยที่ไม่รู้เลยว่าคนที่ฉันรัก คนที่ขอร้องให้ฉันปิดเรื่องของเราไว้เป็นความลับ มันไม่ใช่เพราะว่าเขาอาย ไม่ใช่เพราะว่าเขาสับสน แต่มันเป็นเพราะว่าเขามีใครอีกคนไว้ทดสอบอัตตาของตัวเอง”

เอรีสยกมือปิดหน้า แต่ปากก็พูดต่อไป

“วันนึง ฉันกลับไปหาเขาที่อพาร์ทเม้นต์ ฉันก็ได้เห็นว่ามีหลายอย่างที่ฉันโง่จนไม่น่าให้อภัย รันไม่เคยรักฉัน เขาใช้ฉันเพื่อเรียกร้องความสนใจจากผู้ชายอย่างลอด์จ ฉันกลายเป็นมือที่สามของเรื่องนี้ ลอด์จไม่ได้แย่งรันไป ฉันนี่สิ! ฉันต่างหากที่เป็นชู้ของคนอื่น ทั้งหมดที่ผ่านมาเกือบปีมันก็แค่เกมที่รันเริ่มขึ้น แล้วลอด์จคือรางวัลอันทรงเกรียติ แล้วฉันก็เป็นแค่ม้าใช้ที่พาไปส่งยังปลายทาง”

“คุณยังรักเขาอยู่ไหมครับ” ผมฟังอย่างหดหู่ใจ

การที่ได้รู้ว่าเอรีสเคยรักใครบางคนทำให้ผมใจบางและรู้สึกเจ็บ

รัน คนนั้นเป็นคนแบบไหนกันหนอ...

เขาเป็นคนยังไง ทำไมเอรีสถึงได้รัก

จากท่าทางและสายตาเอรีสคงยังมีใครคนนั้นอยู่ในส่วนลึกของหัวใจ ถึงจะน้อยนิดแต่รันคนนั้นก็คือคนที่เอรีสไม่มีวันสลัดทิ้งได้

“ฉันเคยสับสนนะ ว่ายังรู้สึกแบบนั้นกับรันอยู่หรือเปล่า บางครั้งฉันก็นึกถึงหน้าเขา เสียงหัวเราะของเขา แล้วก็รอยยิ้มของเขา... แต่สุดท้ายถ้าฉันต้องกลับไปฉันก็คงอยู่ภายใต้ความหวาดระแวง”

“ไม่ใช่ทุกคนที่จะทรยศต่อความเชื่อใจของคุณ การที่ใครสักคนทำให้คุณผิดหวังมันไม่ได้แปลว่าคนทุกคนจะทำแบบนั้น ยังมีคนที่พร้อมจะรักคุณ เคียงข้างคุณ”

เอรีสลืมตาแล้วจ้องเป๋งมาที่ผม

“ฉันกำลังรอใครคนนั้นที่นายว่า บอกฉันหน่อยได้ไหม ว่าใครคนนั้นใช่คนที่ฉันคิดไหม ใครคนนั้นใช่คนที่อยู่ตรงหน้าฉันหรือเปล่า”

ดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยความคาดหวังของเอรีสกำลังทำให้ผมใจอ่อนยวบ

ถ้าไม่ใช่ผมแล้วจะเป็นใคร?

เราต่างจ้องตากัน ถ่ายทอดความรู้สึกในส่วนลึกผ่านสายตาและการสัมผัสจากปลายนิ้ว เอรีสจับมือผมแล้วสอดประสานนิ้วมือทั้งห้ากระชับให้เราแนบแน่น รอยยิ้มที่แสนโหยหาของเขาทำให้ผมใจสั่น

เอรีสไม่ใช่คนน่าสงสาร โดนเนื้อแท้แล้วเอรีสคือหนึ่งในนักสู้ เขาไม่ยอมให้ตัวเองอ่อนแอแม้ว่าตัวเองจะเจ็บปางตายก็ตาม แต่วันนี้ในขณะที่เอรีสเล่า ดวงตาเขามีความอ้างว้างและเดียวดาย ความผิดหวังในรักแรกส่งผลระยะยาวต่อความรักครั้งต่อมา จนกลายเป็นว่าเอรีสไม่เคยคิดจะรัก

“ถ้าฉันจะมอบความไว้ใจให้ใครอีกสักครั้ง ใครคนนั้นจะดูแลความรักและความไว้ใจของฉันไหม”

ผมกะพริบตา และใช้มืออีกข้างลูบสันกรามสากเพราะหนวดที่กำลังเริ่มขึ้น

“ใครคนนั้นจะอยู่ข้างๆ ฉันไหม”

ผมจงใจก้มลงและแตะริมฝีปากบนโหนกแก้มเขาเบาๆ

วินาทีนั้นโลกทั้งโลกหยุดนิ่ง ผมเป็นคนพูดไม่เก่ง ไม่รู้ว่าจะเอาคำพุดอะไรมาปลอบใจให้เอรีสคลายความทุกข์ สิ่งเดียวที่ผมอาจจะทำได้คือการที่ยืนอยู่เคียงข้างเขา... ของซับพอร์ตในทุก ความต้องการของเขา

ผมซบหน้าแนบชิดกับแก้มสากๆ และบรรจงจูบลงบนหางคิ้วเพื่อบอกด้วยภาษากายว่าผมยังอยู่ตรงนี้...

“ในโลกนี้ขอแค่คนเดียว ปัถย์... แค่คนเดียวก็พอ อย่าทิ้งฉันไปนะ”

พูดจบเอรีสก็รั้งต้นคอผมแล้วมอบจุมพิตอ่อนโยนมาให้ เหมือนกับว่าเขากำลังวิงวอนให้ผมตอบรับ...

ละผมก็ทำได้เพียงแค่โอบเขาไว้และสัญญาอยู่ในใจว่าจะไม่มีวันทรยศต่อผู้ชายคนนี้   







+++++

ปัถย์ก็ยังหลงเอรีสอยู่ดีนั่นล่ะ

แง๊งงง!

อ่านแล้วฟีดแบคหน่อยนะคะ...

ยังไงก็ขอขอบคุณทุกการติดตาม

ขอบคุณทุกกำลังใจและคอมเม้นท์ค่ะ
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH19 [14|06|61]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 14-06-2018 22:59:15
โอยยยย รีบๆ เคลียร์กันให้ชัดเจนทุกเรื่องเลยเถอะนะ ทั้งคู่เลย
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH19 [14|06|61]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 14-06-2018 23:43:11
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH19 [14|06|61]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 14-06-2018 23:44:00
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH19 [14|06|61]
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 15-06-2018 00:54:55
 :z2: :z2: ดีจัง
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH19 [14|06|61]
เริ่มหัวข้อโดย: SM_day ที่ 15-06-2018 01:07:15
ทำไมเห็นแก่ตัวล่ะ ทั้งๆที่ยังฝั่งใจกับอดีตขนาดนี้ก็ยังขอให้ปัตยอยู่เคียงข้างเนอะ ไปจ่ะปัตย รักสไตลปัตย์ๆต่อไป
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH19 [14|06|61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 15-06-2018 01:20:14
ไหน ๆ ก็คยกันแล้ว ก็คุยกันให้หมดทุกเรื่องเลยแล้วกัน  :katai3:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH19 [14|06|61]
เริ่มหัวข้อโดย: m_ilk_y ที่ 15-06-2018 08:42:05
โอ๊ยยย เลือดกำเดาจิหมดตัวแล้ว
ร้อนแรงทั้งนุ้งปัถย์และบอสเลย
แต่ถ้าจะให้ดี เปิดอกคุยทุกประเด็นนะนุ้งปัถย์
คุณบอสเค้าอุตส่าห์ยอมให้หึงให้หวงได้แล้ววว อร๊ายย :o8:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH19 [14|06|61]
เริ่มหัวข้อโดย: joborcusier ที่ 15-06-2018 09:48:00
อุปสรรคเยอะแต่ก็ผ่านมาได้บ้างแล้ว ไหนๆก็เคลียกันแล้วปัตก็กลับไปช่วยเอรีสเถอะนะ
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH19 [14|06|61]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 15-06-2018 13:01:24
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH19 [14|06|61]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 15-06-2018 19:05:22
 :pig4: :pig4: :pig4:

ปูมหลังที่น่าสงสาร
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH19 [14|06|61]
เริ่มหัวข้อโดย: กฟหวดสาหฟยดนำาด ที่ 16-06-2018 00:17:12
สนุกมากเลยค่ะ ชอบปัตย์มากชอบๆๆ และแพ้ความพูดตรงอย่างขี้อ้อนของเอรีสมาก
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH19 [14|06|61]
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 16-06-2018 19:38:59
……


โอ้ยยย.  ต้องบอกก่อนว่า อ่านตอนนี้แล้วเลือดทะลัก. 

บท nc ที่ค่อยๆดำเนินเรื่อง เต็มไปด้วยความทะนุถนอมและเสน่หา

ขอเช็ดเลือดแป๊ปปปปป

 :jul1:  :jul1:  :jul1:   :jul1:   :jul1:  :jul1:   :oo1:


ปมในอดีตของเอรีส  ปัตถ์ก้อรู้ละ

พระเอกอย่างเอรีสก้อมีบทเป็นมือที่สามเหมือนกัน

แต่เชื่อว่า หนทางรักของทั้งคู่ยังต้องฝ่าด่านอรหันต์ จากทั้งมิตรและศัตรูอีกหลายด่านทีเดียว


 :katai3:  :katai3:  :katai3:  :katai3:  :katai3:  :katai3:  :katai3:












หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH19 [14|06|61]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 16-06-2018 23:51:33
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH19 [14|06|61]
เริ่มหัวข้อโดย: rodoubles ที่ 21-06-2018 02:47:02
หลงรักคนเอาแต่ใจแต่ยอมทำทุกอย่างเพื่อปัตย์แบบเอรีสมากเลยค่ะ
จริงๆ ชอบตอนเอรีสเป็นเพอร์เฟคชั่นนิสซึ่มนะคะ แต่ชอบตอนที่น็อตหลุดแล้วแอบทะเล้นกับปัตย์เหมือนกัน
ชอบความที่แค่การกระทำของเค้าก็ทำให้เรารู้แล้วว่าใครพิเศษ
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH20 [23|06|61]
เริ่มหัวข้อโดย: anin ที่ 23-06-2018 17:36:48
Chapter 20





กระทั่งล่วงเข้าสู่รุ่งอรุณของวันใหม่ เรือนร่างเปลือยเปล่าของทั้งสองคนยังคงเกยกอดกันอย่างแนบชิด มีเสียงจูบเบาๆ สลับกับเสียงสนทนาที่ทั้งคู่พลัดกันถามและตอบ

“กลับกรุงเทพวันไหนครับ” ปัถย์ร้องถามทั้งที่ตัวเองกำลังตาเริ่มปรือเต็มที

“วันนี้”เอรีสจุมพิตเบาๆ ที่ต้นคอก่อนปัดปลายจมูกโด่งให้ต่ำลงมาจนถึงลาดไหล่

“เก็บของหรือยังครับ” ปัถย์ถามทั้งที่ตัวเองกำลังหลับแหล่ไม่หลับแหล่ ผิดกับอีกคนที่ดูยังมีพลังงานอย่างล้น แม้มีเรื่องให้ต้องเสียเหงื่อเสียแรงงานไปหลายต่อหลายครั้งก็ตาม

“ยังครับ” เอรีสถูเครากับต้นคอขาว เพราะตอหนวดที่เพิ่งขึ้นทำให้ปัถย์ต้องย่นคอเพราะจั๊กจี้ ไอ้ที่ทำถ้าจะเคลิ้มก็กลับทำให้สะดุ้งก็หลายครั้ง

“เอาไว้ตื่นแล้ว จะไปช่วยเก็บกระเป๋านะครับ”

“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวสั่งให้ฐิติจัดการ”

“อา... ครับ” ปัถย์อือออ ทำท่าจะหลับอีก

“เดี๋ยวเราไปเก็บของที่ห้องนายดีกว่า กลับพร้อมกันเลยเนอะ”

“ผมว่าจะอยู่อีกสองสามวัน” ปัถย์งึมงำ แล้วยกมือขึ้นปิดปากหาวที่รอบ

ปัถย์มีแผนจะไปดำน้ำดูประการังอีกสักหน่อย อีกอย่างห้องพักก็จองไว้แล้วตลอดทั้งสัปดาห์ จะทิ้งแผนการท่องเที่ยวส่วนตัวเพราะลูกอ้อนของเอรีสมันก็คงไม่เข้าท่าเท่าไร ไหนๆ ก็ได้มาเที่ยวทั้งทีก็ต้องจัดให้คุ้ม

“กลับพร้อมกันเถอะ นะ... นะครับ” มือหนารั้งเอวสอบให้เขามาหาแผ่นอกและสะโพก ไล้หน้าขาที่เพิ่งสงบลงของตัวเองกับบั้นท้ายแน่นหนันอย่างอดไม่ไว้ “เที่ยวคนเดียวไม่สนุกหรอก”

“แต่ผมจองทริปดำน้ำไว้แล้ว” เสียงของปัถย์เอื่อยเฉื่อย ใกล้เข้าสู่ห้วงนิทราเข้าไปทุกทีๆ

“แค่ทริปดำน้ำ เดี๋ยวพามาใหม่คราวหลังก็ได้ นะคนดี... กลับด้วยกัน ถ้าไม่เจอกันอีกหลายๆ วัน คงไม่มีกะจิตกะใจทำงาน”

เอรีสคลอเคลียใบหน้าตัวเองด้วยการพรมจูบไปทั่วสันกรามของคนในอ้อมแขน ทั้งออดอ้อน ทั้งออเซาะ การโอบกอดจากทางด้านหลังทำให้เขาไม่เห็นหน้าปัถย์ได้ถนัดนัก แต่เขารู้ว่าถ้าเขาพยายามเว้าวอนให้หนักอีกสักหน่อย เป็นไปได้สูงว่าจะได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ

“สามวันเองครับ” ปัถย์ยังอิดออด

“วันเดียวก็ขาดใจตายแล้วครับ”

เมื่อได้ยินน้ำเสียงกระเง้ากระงอดกับอ้อมกอดที่รัดแน่นกว่าเก่า ปัถย์จึงปรือตาข้างหนึ่ง เอี้ยวตัวหันมามอง

เอรีสที่ไม่ได้หน้าบึ้ง มิหนำซ้ำเจ้าตัวกำลังทำตาหวานเชื่อม กะพริบตาปริบๆ เหมือนเด็กที่พยายามงอแงเสียงอ่อนเพื่อให้ได้ของเล่นที่ตัวเองอยากได้

“ก็ไหนว่าให้พักร้อน” ปัถย์แกล้งพูด แล้วหลับตาลง จงใจซุกใบหน้าลงบนต้นแขนข้างหนึ่งที่รองต้นคอตัวเองไว้แทนหมอน ปล่อยให้ความแนบชิดและกลิ่นหอมเข้มแบบเฉพาะตัวของเอรีสผ่านเข้ามาในโสตประสาท

เอรีสได้ฟังแล้วนิ่งเงียบไปชั่วอึดใจ ดวงตาคมกริบสีสนิมแวววาว

สิ่งที่ปัถย์พูดก็รู้เลยว่าอีกฝ่ายยอมใจอ่อนแล้ว เอรีสยิ้มกริ่มดวงตามีประกายพอใจเต็มเปี่ยม

“ก็พักมาหายวันแล้วไง ต้องกลับมาช่วยงานได้แล้วนะครับ ทิ้งงาน ทิ้งบอสแบบนี้ ไม่สมเป็นคุณปัถย์เลย”

ลูกอ้อนของเอรีสยังคงดำเนินไป มือไม้ก็คอยลูบไล้แผ่นหลังของปัถย์ เพื่อกล่อมให้อีกฝ่ายเคลิบเคลิ้ม

คนอยากหลับเต็มแก่หาวน้อยๆ ก่อนกล่าวงึมงำแทบไม่เป็นคำ

“คุณปัถย์ต้องการทะเล”

ยิ่งปัถย์ทำตัวเหมือนลูกแมวง่วงนอนมากเท่าไร เอรีสก็ยิ่งมันเขี้ยวอยากฟัดให้เต็มรักมากเท่านั้น

เอรีสเกยคางแล้วหอมแก้มตอบของคนขี้ง่วงฟอดใหญ่

“แต่เอรีสต้องการคุณปัถย์”

คนร่างสูงว่าไป ลูบผมนุ่มๆ ของคนในอ้อมกอดไป

จะว่ากล่อมก็ใช่ จะว่ากวนใจก็ไม่ผิด ถึงจะสงสารคนที่อดนอนเพราะถูกรังแกมาทั้งคืน

“นะครับ กลับเถอะ”

ปัถย์ที่กำลังกึ่งตื่นกึ่งหลับสั่นหัวเล็กน้อย ซบแขนแกร่งแล้วแกล้งกัดไปหนึ่งคำเพื่อลงโทษคนที่ขัดจังหวะการนอน

“ตื่นมาค่อยคุยได้ไหมครับ ง่วงแล้ว”

“ไม่เอาสิ รับปากก่อน ถ้าไม่รับปากก็ห้ามนอนครับ”

เอรีสเลียนแบบโดยการงับที่คอบ้าง แถมมือปลาหมึกก็เคลื่อนลงต่ำ ผ่านแอ่งสะดือจนเข้าใกล้จุดยุทศาสตร์อย่างน่าหวาดเสียว จนคนที่กำลังสะลึมสะลือต้องรีบตะครุบมือไว้แน่น

ลืมตายังไม่ค่อยไหวจะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนไปสู้

“พอแล้วครับ เหนื่อยแล้ว”

ปัถย์โอดครวญ ร่างกายเขาเรียกได้ว่าสะบักสะบอม ถ้าเอรีสจะพิสูจน์ความฟิตก็ควรมีขอบเขตบ้าง เขาไม่ใช่พวกอึดแบบเอรีสเสียหน่อย แค่นี้ก็ทำเอาระบมไปทั้งตัว

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวถามใหม่ก็ได้ แต่ตอนนี้...” artฝ่ามือหนาทำงานควบคู่ไปกับจมูกโด่งที่ก่อกวน ถึงปัถย์จะรั้งข้อมือเขาไว้ก็ใช้ว่าแรงจะพอสู้คนอึดอย่างเขา

“อืม” ปัถย์ครางประท้วง “พอครับ อย่า... อย่าเอาแต่ใจสิครับ”

เอรีสขยับหน้าขากับสะโพกเปลือยเป็นจังหวะ ถูไถใจกลางความเป็นชายเหนือแก้มก้นทั้งสองข้าง ริมฝีปากขบเม้มที่หัวไหล่อีกฝ่ายจนขึ้นรอยสีกุหลาบ

“จะโกรธแล้วนะครับ ขอนอนก่อน” ปัถย์เริ่มเสียงดุ

แต่เอรีสหรือจะกลัว

“ปัถย์ครับ...”

“ครับ”

“ตามใจหน่อย” เอรีสหมุนปัถย์ให้หันมาหา ใช้มือทั้งสองข้างกอบกุมแก้มอีกฝ่ายไว้ “นะ...”

ทั้งคืน...คือไม่ตามใจเลยสินะ

“ไว้ผมจะตอบตอนตื่น ตอนนี้ปล่อยให้ผมนอนได้แล้วครับ” ปัถย์กอบกุมแก้มสากเช่นกัน ก่อนตัดบทเสียงเอาจริง “แต่ถ้าคุณยังกวนผมแบบนี้ ผมจะอยู่ต่ออีกสองอาทิตย์”

“โอเค งั้นนอนเลย นอนให้อิ่ม” เอรีสกัดปลายจมูกคนใจแข็งอย่างมันเขี้ยว “ตื่นมาค่อยว่ากัน”

สุดท้ายเอรีสก็ทำได้แค่พยักหน้าแล้วยอมให้ปัถย์หลับอย่างจริงๆ จังๆ แม้ว่าตอนนี้จะเป็นเวลาหกโมงเช้าแล้วก็ตาม









ปัถย์ที่ยืนอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ภายในห้องอาบน้ำ พอสำรวจต้นคอและแผ่นอกของตัวเองก็ถึงกับย่นคิ้วแล้วส่ายหน้าไปมา ตั้งแต่ลาดไหล่ไปจนถึงหน้าท้อง บัดนี้เต็มไปด้วยร่องรอยแดงจากการครูดเป็นรอย ในบางจุดมีจ้ำสีแดงเข้มเป็นดวงจ้ำ

เจ้าตัวถอนหายใจพร้อมกับอมยิ้มน้อยๆ จากความทรงจำอันเด่นชัดตลอดคืน แล้วเริ่มล้างหน้าแปรงฟัน พร้อมกับครุ่นคิดเรื่องต่างๆ อย่างอดไม่ได้

รัน ชื่อนี้ยังติดอยู่ในใจของเขา

ไม่รู้ทำไมสีหน้าเจ็บปวดของเอรีสตอนที่เฟยหลง ลอด์จเปล่งชื่อของอดีตคนรักออกมายังคงหลอนประสาทเขาอยู่

ปัถย์กำลังคิดว่าบางที ตัวเองกำลังเป็นคนที่ขี้ระแวงเกินไป

มันแย่ตรงที่ต้องยอมรับว่า เขากำลังกลัว...

กลัวอนาคตที่อาจจะไม่แน่นอน

แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุด... คงเป็นการที่อาจสูญเสียเอรีสไป

ปัถย์ที่กำลังแปรงฟันอยู่ชะงัก ภาพสะท้อนในกระจกปรากฎร่างของเอรีสที่มีเพียงผ้าเช็ดตัวผืดเดียวพันอยู่หมิ่นเหม่เดินอวดร่างสูงที่อุดมไปด้วยกล้ามเนื้อและลอนหน้าท้องหกแพคมาซ้อนอยู่ทางด้านหลัง ร่างล่ำๆ ยกมือขึ้นเท้าขอบเคาท์เตอร์อ่างล้างหน้า แบบไม่ให้ส่วนหนึ่งส่วนใดแตะต้องโดนกัน ยกเว้แต่ว่าจุมพิตเร็วๆ ที่ข้างขมับทีหนึ่ง

ทั้งสองคนจ้องตากันโดยไร้คำพูด มีเพียงสายตาอันลึกซึ้งอ่อนโยน เปี่ยมไปด้วยความปรารถนาที่กำลังเพิ่มพูนในทุกขณะ

ปัถย์ก้มลงบ้วนปาก ในจังหวะนั้นสะโพกก็เหมือนจะบังเอิญได้สัมผัสกับบางอย่าง...

บางอย่างที่กำลังตื่นตัว และดุนดันจากทางด้านหลัง

ปัถย์จิ๊ปาก เมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังถูกแกล้ง

เอรีสหัวเราะ มือข้างหนึ่งเลื่อนมาโอบเอวบางไว้หลวมๆ ไม่ยอมให้ปัถย์หลบเลี่ยงไปไหน

“ตื่นแล้วเหรอครับ” ปัถย์มองผ่านกระจก ใบหน้าแดงน้อยๆ เมื่อถูกเอรีสยั่วยวนทุกครั้งเมื่อมีโอกาส

“อืม ทำไมไม่ปลุกครับ” ดวงตาสีสนิมวาบวับ ดูมีความสุขและอารมณ์ดี

น้ำเสียงจะแหบทุ้มอย่างคนเพิ่งตื่น แต่ฟังแล้วกลับรู้สึกเซ็กซี่วาบหวาม

“ผมเห็นคุณหลับสบายอยู่ เลยไม่อยากปลุก อาบน้ำเถอะครับ จะได้ออกไปกินข้าว ผมโทรสั่งอาหารไว้ให้แล้ว”

เอรีสหอมแก้มฟอดใหญ่เมื่อปัถย์พูดจบ

“กี่โมงแล้ว”

“สิบโมงแล้วครับ”

ปัถย์ตื่นตอนเก้าโมงครึ่ง จัดการโทรสั่งอาหารเช้าไว้ให้คนบนเตียง จากนั้นก็โทรหาฐิติเพื่อถามถึงตารางเดินทางของคนที่หลับอยู่ พอได้ยินว่าไฟล์ตบินของเอรีสเป็นเวลาบ่ายสอง เลยตัดสินใจให้เขานอนต่ออีกหน่อยสักชั่วโมงสองชั่วโมง

“อืม... ง่วงจังเลย”

คนเพิ่งตื่นทำเสียงงอแง ซบแก้มกับบ่าเปลือย

“นอนต่อไหมครับ เดี๋ยวผมปลุกก่อนเที่ยง” ปัถย์วางมือทับลงบนมือหนาที่วางพาดอยู่ตรงหน้าท้อง ไม่ยอมให้ป่วนเปี้ยนในส่วนที่ไม่ควร “คุณต้องบินตอนบ่ายสอง ผมให้คุณฐิติจัดการเรื่องกระเป๋าให้แล้วนะครับ ตอนบ่ายรถของโรงแรมจะมารับคุณไปส่งที่สนามบินทีเดียว”

“ขอบคุณครับ แล้วเรื่องที่เราค้างกันไว้ล่ะ ว่าไงครับ...” เอรีสทวงคำตอบ

“ขออยู่ต่อนะครับ” ปัถย์ทำเสียงอ่อน หันไปมองคนที่เกยคางอยู่ที่บ่าด้วยสายตาอ้อน “สามวันเองครับ สัญญาว่าเช้าวันพฤหัส คุณจะเจอหน้าผมที่ออฟฟิศ”

“จะไม่ยอมจริงๆ ใช่ไหมเนี่ย”

แม้จะได้รับคำตอบที่ไม่เป็นไปตามต้องการ แต่เอรีสก็ยังใจเย็น เก็บความเอาแต่ใจไว้ ไม่เหวี่ยงวีนเหมือนทุกครั้ง ยิ่งเห็นสายตาแบบนั้นด้วยแล้ว จะไม่ใจอ่อนก็คงไม่ได้

“สามวันเองครับ”

“เปลี่ยนคำพูดใหม่เลย ตั้งสามวันต่างหาก” เอรีสพูดด้วยน้ำเสียงอู้อี้ เพราะเจ้าตัวกำลังปาดไล้ริมฝีปากกับรอยต่อระหว่างแผ่นหลังและคอขาว ฝ่ามือหนาตรงหน้าท้องเปลี่ยนมาเป็นสอดประสานกันไว้แน่นสนิท

“ยอมผมสักครั้งไม่ได้เหรอครับ”

เอรีสขยับตัว เปลี่ยนตำแหน่งให้ตัวเองนั่งลงบนขอบเคาท์เตอร์ โดยมีปัถย์ยืนเปลือยอกอยู่ตรงกลางระหว่างต้นขา

ฝ่ามือหนาบรรจงลูบผมยุ่งๆ ของปัถย์ให้เข้าที่ เกลี่ยแก้มที่เกลี้ยงเกลาอย่างเบามือ

“เฮ้อ! ยอมก็ได้ มานี่มา” เอรีสดึงมือปัถย์เข้ามาหาตัว แล้วสวมกอดไว้หลวมๆ ก่อนกระซิบ “ถ้าโทรหา ก็ต้องรับนะ แล้วก็อย่าแอบไปเที่ยวกับคนอื่น... ไม่ไว้ใจให้อยู่ใกล้ใคร”

“ไม่มีใครมาสนใจผมหรอกครับ ไม่ได้เสน่ห์แรงเหมือนคุณสักหน่อย ห่วงแต่ตัวคุณเถอะ คุณฐิติยิ่งบอกอยู่ว่าสับรางให้คุณแทบไม่ทัน”

“เชื่อ?” เอรีสเลิกคิ้ว ยกมือข้างหนึ่งขึ้นพาดที่ไหล่ส่วนอีกมือก็กอบสะโพกสอบไว้ เอียงคอเล็กน้อยเพื่อเฝ้าสังเกตอารมณ์ของปัถย์ว่าจริงจังในคำพูดหรือเปล่า “บอกตั้งแต่แรกแล้วว่าจะมีแค่นาย เชื่อใจกันนะ”

“...”

ปัถย์นิ่งฟัง เขาไม่แน่ใจหรอกว่าเอรีสจะทำอย่างที่พูดได้ไหม แต่บางทีความไว้เนื้อเชื่อใจก็ควรมาเป็นอันดับหนึ่ง

ปัถย์ก็พยักหน้าแล้วยิ้มอ่อนๆ

“คุณเองก็ด้วย”

“เฮ้อ! ทำหน้าแบบนี้อีกแล้ว” เอรีสทำเสียงฮึดฮัดเมื่อปัถย์ทำสีหน้านิ่ง แต่ดวงตากลับราวกับรู้ดีทุกอย่าง

“ยังไงครับ?”

“ก็แบบว่าผมรู้ทันคุณอะไรทำนองนี้น่ะ”

“แล้วคุณว่าผมรู้ไหม”

“คนฉลาดแบบปัถย์ ต้องรู้อยู่แล้วล่ะ”

ปัถย์ยิ้มกว้าง “ไปอาบน้ำเถอะครับ”

“เดี๋ยวก่อน อยากอยู่แบบนี้สักพัก กำลังสบายเลย”

เอรีสดึงปัถย์เข้ามากอด แถมยกขาทั้งสองเหนี่ยวคนในอ้อมแขนให้ใกล้ไปกว่าเก่า หน้าแข้งทั้งสองเกี่ยวเข้าหากัน กลางลำตัวแนบสนิทกับหน้าท้องของปัถย์ ใบหน้าที่ห่างกันแค่คืบแต้มยิ้ม

“กลับไปคราวนี้มีแต่เรื่องวุ่นๆ ให้เราสองคนกลับไปสะสาง เตรียมรับมือไว้เลย”

“คุณพูดเหมือนว่าที่ผ่านๆ มาผมยังยุ่งไม่พอ” ปัถย์เย้ากลับ ยกมือข้างหนึ่งแตะเบาๆ บนแผ่นหลังบึกบึน จากนั้นก็ออกแรงโอบกอดคนตัวโตไว้อย่างไม่สงวนท่าที ทั้งที่ปกติปัถย์จะวางตัวและไม่เป็นฝ่ายแสดงท่าทีสนิทสนมลึกซึ้งสักเท่าไร

“ก็มันจะต้องป่วนมากกว่าเก่าน่ะสิ ทั้งเรื่องงาน เรื่องคน มีหลายอย่างที่นายยังไม่รู้ แต่เอาไว้นายกลับไปก่อน แล้วเราค่อยคุยรายละเอียดกัน”

ปัถย์ขืนตัวออกเล็กน้อยเพื่อมองหน้าเอรีสให้ถนัดขึ้น

“ถ้าสำคัญมาก ก็คุยเลยเถอะครับ ปล่อยไว้อาจทำให้ยิ่งเกิดความเสียหาย ถ้าอะไรที่ผมทำได้ ผมก็จะรีบจัดการให้ก่อน ไม่ต้องรอให้เข้าออฟฟิศหรอกครับ”

ปัถย์ยังคงเป็นผู้ช่วยที่กระตือรือร้นอย่างเต็มเปี่ยม

เอรีสมองเห็นความทุ่มเทกายและใจจนเขาไม่รู้ว่าในชาตินี้จะมีใครที่ปฏิบัติแบบนี้ต่อเขาได้อีกหรือเปล่า...

ในเมื่อปัถย์คือบรรทัดฐานที่สูงลิ่ว สูงเกินกว่าที่คนธรรมดาจะตะกายขึ้นไปถึง

“เอาไว้ไปคุยที่โน่น ตอนนี้นายพักร้อนอยู่ ไม่ต้องเอาเรื่องร้อนๆ ไปใส่สมองให้รกหรอก” เอรีสถอนหายใจ ลูบผมคนตรงหน้าด้วยอารมณ์รักใคร่ “ไว้เรามีเวลาจะได้มาคุยเรื่องนี้กันจริงจังอีกที สามวันนี้ก็เที่ยวให้สนุก แต่ย้ำไว้อย่าง... ไอ้พวกที่มาก้อร้อก้อติกนี่ห้ามเลยนะ อย่าให้รู้”

“เอรีสครับ” ปัถย์ฟังแล้วรู้สึกไม่สบายใจ สีหน้าเริ่มครุ่นคิดเป็นกังวล

“หืม ว่า...”

“กับเฟยหลง ลอด์จไม่เป็นไรแน่ใช่ไหมครับ ผมเป็นห่วง”

“ไม่มีอะไรต้องห่วงครับ เชื่อใจฉันนะ ฉันคุมเกมนี้ได้... แค่วันนี้ ฉันมีนายอยู่ ต่อให้เรื่องมันแย่แค่ไหน เราก็จะเดินผ่านไปด้วยกัน”

เอรีสพูดจบก็ก้มลงประทับจุมพิตลงบนกลีบปากสีสด ใช้ลิ้นอุ่นๆ แทรกผ่านไรฟันกระหวัดปลายลิ้นอีกฝ่ายด้วยอารมณ์อ่อนหวานเรียกร้อง จงใจดึงความสนใจของปัถย์ให้หลุดออกจากเรื่องปวดหัวที่คุยกันก่อนหน้า

หลังจากที่จูบกันอย่างดื่มด่ำเป็นที่พอใจแล้ว เอรีสจึงผละริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่ง ดวงตาหวานเชื่อมมีอาการเสียดายอยู่หน่อยๆ

ปัถย์กะพริบตาเมื่อเอรีสเป็นฝ่ายถอนจูบออก ดวงตาเรียวจ้องมองสันกรามที่เริ่มขรึ้มด้วยไรหนวด ก่อนที่ตัวเองจะยกฝ่ามือขึ้นถูแก้มเบาๆ

“คุณต้องโกนหนวดแล้วละครับ”

เอรีสยกมือขึ้นลูบเคราและหนวดของตัวเองบ้าง เมื่อสำรวจไปที่ปัถย์จึงได้เห็นทั้งเนื้อทั้งตัวอีกฝ่ายนั้นมีร่องรอยที่เกิดจากหนวนเคราของเขาอยู่เต็มไปหมด แก้ม ลำคอ และหน้าท้อง...

ทั้งตัวมีแต่รอยที่เขาทำไว้

“มีเคราแล้วหล่อนะ” เอรีสหันไปส่องกระจก มือลูบคลำที่คางตัวเอง เอียงซ้าย เอียงขวา ก่อนจะหันมาขอความคิดเห็น “ไม่ชอบเหรอ หล่อเข้ม ลองดูไหม เอาตรงนี้ออกหน่อยนึงก็น่าจะหล่อมากๆ” เอรีสลูบตรงข้างแก้มเป็นเชิงปรึกษา แต่ปัถย์ก็เสมองไปทางอื่น

“ตามใจคุณครับ”

“ตามใจ? แต่ไหงทำหน้างั้นล่ะ หวงคนหล่อหรือครับ”

“ไม่ได้หวงครับ แต่ผมเนี่ย แสบไปทั้งตัว” ปัถย์พูดเบาๆ ก่อนจะดันหน้าเอรีสให้ออกห่าง แกล้งบีบสันกรามแกร่งสองสามทีแล้วดันออกเหมือนไม่ใครแยแส

เอรีสอมยิ้ม เอียงซ้ายเอียงขวาตามแรงของคนหน้านิ่ง นึกพอใจในสัมผัสจากฝ่ามือนิ่มๆ จนแทบไม่อยากให้ปล่อย

“งั้น... โกนออกดีกว่า เดี๋ยวคนแถวนี่จะไม่ยอมให้จูบ” ว่าไปมือหนาก็บีบจมูกคนตรงหน้าไป เอรีสผู้คร่ำเคร่งตลอดเวลากลายเป็นบุรุษหนุ่มสุดอ่อนโยนเพียงเพราะคนตรงหน้าคนนี้เพียงคนเดียว

“รีบอาบน้ำเถอะครับ อาหารชืดหมดแล้ว ผมไปรอข้างนอก”

“ก็อาบพร้อมกันนี่ล่ะ”

“แน่ใจว่าแค่อาบ” เพราะเสียงพร่ากับสีหน้าเจ้าเล่ห์ทำให้ปัถย์รู้ทัน จึงแกล้งดักคอสีหน้าดุ

“ก็... ไม่แน่ใจเหมือนกัน”

จบคำ เอรีสก็ยืนขึ้น พร้อมกับรั้งต้นคอปัถย์สู่วงแขนกึงลากกึ่งจูงสู่ชาวด์เวอร์เรน มือก็กระตุกผ้าเช็ดตัวออกจากร่างของคนทั้งคู่ แล้วตั้งหน้าตั้งตาช่วยปัถย์อาบน้ำจนแทบทุกซอกทุกมุม







^^^^^^^^

เอียนความหวานกันไหมคะ

ขอความหวานอีกนิด...

ตุนไว้ค่ะ
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH20 [23|06|61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 23-06-2018 17:48:26
กลับไปแล้ว รอพบกับปัญหาที่จะตามมาได้เลย  :katai1:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH20 [23|06|61]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 23-06-2018 19:20:55
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH20 [23|06|61]
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 23-06-2018 19:23:43
หวานมากกกกก
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH20 [23|06|61]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 23-06-2018 19:28:03
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH20 [23|06|61]
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 23-06-2018 19:28:41
ปัญหาจะหนักแค่ไหนก็ชั่งแค่2คนรักเข้าใจสู้ไปด้วยกันก็พอ ขอปัญหาจากคนรอบช้างดีกว่าปัญหาที่เกิดจากเค้า2คน
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH20 [23|06|61]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 23-06-2018 20:44:07
เหม็นความรักมากค่ะ

ว่าแต่...ตุนไว้นี่คือเราไม่ต้องเตรียมหม้อมาม่าอะไรแบบนี้ใช่ไหมคะ? ไปบู๊กับคนอื่นต่ออะไรงี้เนอะ
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH20 [23|06|61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 23-06-2018 21:32:16
งานนี้มีคลื่นใต้น้ำแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH20 [23|06|61]
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 23-06-2018 22:03:15
เอรีสนี่ปรับเลเวลการอ้อนถึงขั้นสุดเลยนะนี่
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH20 [23|06|61]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 24-06-2018 02:02:33
 :impress2:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH20 [23|06|61]
เริ่มหัวข้อโดย: matame ที่ 24-06-2018 18:34:37
อยู่เหอะ แล้วค่อยหางานไป พร้อมกับเปิดใจกับคนใหม่ ส่วนบอส เทมันเหอะ
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH20 [23|06|61]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 24-06-2018 23:48:49
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH20 [23|06|61]
เริ่มหัวข้อโดย: joborcusier ที่ 25-06-2018 12:31:51
เอาจนได้ สุดท้ายก็ไปไหนไม่รอดนะคะ :hao7: :mew3:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH21 [28|06|61]
เริ่มหัวข้อโดย: anin ที่ 28-06-2018 16:56:59
Chapter 21

เสียงข้อความแจ้งเตือนจากโทรศัพท์มือถือในเวลาเจ็ดโมงห้านาที ปัถย์ที่กำลังสะลึมสะลือเผลออมยิ้ม เมื่อเห็นชื่อของผู้ที่ส่งมาแบบชัดๆ

เอรีส

‘แดงหรือน้ำเงิน’

ข้อความพร้อมกับรูปรูปเนคไทสองสีส่งมาเปรียบเทียบ

เมื่อวานเขาไม่ได้ไปส่งเอรีสที่สนามบิน ด้วยว่าตัวเองมีนัดกับชลนทีและรุ่นพี่อย่างครรชิตไว้แล้วในช่วงบ่าย เป็นนัดที่ปฏิเสธไปก็คงจะน่าเกลียดเพราะได้ตกลงกันไว้ล่วงหน้าแล้ว ซึ่งเอรีสก็ดูหงุดหงิดอยู่นิดหน่อย แต่เพราะข้อแลกเปลี่ยนที่ปัถย์เป็นฝ่ายขาดทุนย่อยยับ เรื่องราวต่างๆ เลยจบลงแบบเหงื่อที่มีความวาบหวามปะปนอยู่ด้วย

ปัถย์ลุกจากเตียงโดยไม่ลืมหยิบโทรศัพท์ติดมือมาด้วย เขาเปิดตู้เย็น หยิบกาแฟกระป๋องราคาถูกที่หาซื้อได้จากร้านสะดวกซื้อขึ้นมาเปิดฝาแล้วยกกระดกแบบง่ายๆ ระหว่างนั้นก็นึกสองจิตสองกับตัวเลือกที่เอรีสส่งมา

‘น้ำเงิน’

ปัถย์พิมพ์ข้อความหลังจากใช้ความคิดอยู่เล็กน้อย

เอรีสดูดีไม่ว่าจะผูกเนคไทสีไหน หรือกระทั่งใส่ชุดอะไร แต่เนคไทสีนี้เป็นหนึ่งในสีโปรดที่ปัถย์ชอบเป็นการส่วนตัว

เมื่อส่งข้อความกลับไปไม่นาน เอรีสก็ส่งข้อความกลับมาในประโยคคำถาม

‘นี่ล่ะ’

ตามมาด้วยรูปนาฬิกาสามเรือนโปรดที่ส่งมาอีกรอบ

ครั้งนี้ปัถย์เผลอกรอกตา กับวิธีการที่เอรีสงัดเอามาใช้มาเรียกร้องความสนใจ คนดุที่ติดจะอีโก้หน่อยๆ ก็มีมุมงอแงเป็นเด็กเหมือนกัน

แบบนี้ ก็น่ารักดี...

‘สายหนังครับ’

ปัถย์ตอบข้อความแล้วยิ้มอ่อน พลางเดินไปที่ระเบียงห้องพัก เพื่อสูดอากาศยามเช้าของท้องทะเล ปัถย์ทอดสายตาออกไปด้านนอกในมือที่ถือโทรศัพท์พร้อมๆ กับรอยยิ้มที่กว้างกว่าเก่า กับข้อความเข้ามาใหม่

‘วันนี้จันทร์’

‘แล้ว?’

‘เบื่อขับรถ’

เอรีสแคปหน้าจอเส้นทางจราจรที่แดงเถือกส่งมาให้ เป็นการยืนยันว่าเขากำลังเผชิญกับวิกฤติอันใหญ่หลวง ปัถย์พอจะนึกสีหน้าของเอรีสออกว่าจะเป็นแบบไหนยามที่ต้องติดแหงกตรงสี่แยกก่อนถึงตึกเบอร์ตันกรุ๊ป คงจะมีคำสบถอยู่หลายคำ หรือบางทีอาจมีการทุบพวงมาลัยตอนที่เอรีสพลาดไฟเขียวไปแบบเส้นยาแดงผ่าแปด

‘ทำไมไม่ให้คุณฐิติขับให้ครับ’

ปัถย์แกล้งพิมพ์กลับไปแล้วดื่มกาแฟกระป๋องจนหมด ก่อนจะทิ้งลงถังขยะตรงระเบียง

ข้อความขึ้นว่าอ่านแล้วในทันที...แต่อีกฝ่ายก็ไม่ตอบ

ที่ผ่านมาในทุกๆ เช้าวันจันทร์ ปัถย์จะเป็นคนไปรับเอรีสที่เพนต์เฮาส์เสมอ เขาทั้งคู่จะคุยกันระหว่างทาง เรื่องงานส่วนใหญ่ก็สำเร็จตอนรถติดนี่ล่ะ งานมูลค่านับร้อยล้านก็ถูกจัดการ

“ครับ?”

“ตื่นนานหรือยัง”

“ก็สักพักครับ หาอะไรทานด้วยนะครับ เดี๋ยวปวดท้อง”

“ตอนนี้อยากกาแฟสักมากกว่า เอาแบบเข้มๆ”

“พอถึงออฟฟิศรีบให้คุณฐิติชงเลยครับ”

“ไม่อร่อย สู้ฝีมือนายไม่ได้”

“ผมเคยบอกสูตรไปแล้ว คุณคิดไปเองว่าไม่อร่อย”

“คนละคนชง จะเหมือนได้ยังไงครับ”

“งั้นคุณอาจต้องลองชงเองดูครับ จะได้ถูกใจ”

“ทุกวันนี้ก็ชงเองอยู่นะ แต่พอกินเข้านึกถึงรสชาติที่นายชงให้ทุกที ทำไงดีล่ะ” คนที่ช่างเอาแต่ใจกลายเป็นหนุ่มขี้อ้อนไปในทันตา

“นั่นสิครับ ทำยังไงดี” ปัตย์หลุดยิ้ม แต่แกล้งตอบกลับไปแบบไม่รู้ไม่ชี้

“กลับมาชงให้หน่อย นะ” เสียงนั้นหวานและอ้อนกว่าเก่า เล่นเอาหัวใจคนฟังใจอ่อนยวบไปเลยทีเดียว “บินกลับมาไฟลท์บ่ายเลย รอนานกว่านี้ไม่ไหวแล้ว”

“วันพฤหัสเช้าครับ” ปัถย์ยังยืนยันคำเดิม จะมัวแต่สนใจการรบเร้าของเอรีสไม่ได้

“นานไป รอไม่ไหว” เอรีสที่กำลังเดินลงลิฟต์ยังคงบ่นไม่หยุด เพิ่งรู้ตัวว่ากลายเป็นหายใจเข้าออกก็มีแต่หน้าปัถย์ไปเสียแล้ว

“คุณนี่นะ...”

“ฉันทำไมเหรอ?”

“เอรีสครับ ถ้าไม่รีบออกจากบ้านตอนนี้ คุณจะไปไม่ทันประชุมเช้า”

“อือ...ก็ว่าอยู่ แต่ช่างเถอะไม่ทันก็ไม่ทัน ถึงจะอยากขับเร็วขนาดไหนไฟแดงก็เป็นอุปสรรคในการทำความเร็วอยู่ดี...”

ปัถย์ได้ยินเสียงปลดล็อครถผ่านโทรศัพท์ จึงรีบบอกกับปลายสายเพื่อเตือน

“ไปทำงานได้แล้วครับ ขับรถดีๆ ด้วย คุณขับเข้าซอยทางลัดนะครับอย่าออกถนนใหญ่ รถมันติด”

“อืม”

“จำทางได้ใช่ไหมครับ”

“จำได้ เอาไว้เที่ยงๆ จะโทรหา รับด้วยนะ แล้วก็เที่ยวให้สนุก กลับมาเมื่อไรจะใช้งานให้หนักไม่ให้เห็นเดือนเห็นจะวันเลย”

“ครับ”









••••••



เมื่อเอรีสมาถึงออฟฟิศ ฐิติก็รีบกุลีกุจอนำเอกสารต่างๆ เข้ามาให้ผู้เป็นเจ้านาย

“วันนี้มีอะไรด่วนไหม” เอรีสวางของลงแล้วเริ่มถามทันที

“มีครับ นี่เป็นเอกสารเบิกงวดงานงวดที่สองของโรงแรมตรงสาทร ยอดโดยรวมคือยี่สิบเปอร์เซ็นของมูลค่างานทั้งหมด” ฐิติเอาเอกสารวางลงตรงหน้าผู้เป็นเจ้านาย จำนวนเงินที่ตั้งเบิกร่วมๆ ร้อยล้าน แต่ก่อนที่จะส่งเอกสารออกไปได้ต้องให้ผู้เป็นเจ้านายตรวจ

“ทำไมถึงแค่ยี่สิบเปอร์เซ็น งานมันคืบหน้ามากกว่านั้นเยอะนี่ ทำไมไม่เบิกตามโปรเกรส เท่าที่ผมจำได้มันต้องสามสิบเปอร์เซ็นของมูลค่างานไม่ใช่เหรอ”

เอรีสมองปราดเดียวก็เห็นความบกพร่องในเอกสาร ถ้าเป็นผู้บริหารคนอื่นอาจไม่ลงลึกเรื่องรายละเอียดอย่างเขา เมื่อก่อนตอนที่ปัถย์อยู่เขาก็เคยตัวไม่สนในเหมือนกัน เพราะผ่านตาปัถย์ก็เหมือนกับผ่านตาเขา แต่ตอนนี้เมื่อไม่มีปัถย์ที่คอยกลั่นกรองให้ เรื่องราวทั้งหมดเขาเลยต้องลงดีเทลเอง เพื่อไม่ให้เกิดช่องโหว่งในการทำงาน

เขาไม่เคยไว้ใจใครนอกจากปัถย์... และก็ตัวเขาเอง

“งานของเราล่าช้าไปมากครับ ผู้รับเหมาที่ทำเรื่องงานโครงสร้างทำงานไม่ตรงตามสเป็ค บริษัทคอนเซาท์ต้องสั่งรื้อออกแล้วแก้ไขงานใหม่ ทำให้ไม่สามารถเบิกตามแผนงานที่ตั้งไว้”

ฐิติแจ้งตามที่ได้รับรายงานมา ซึ่งก็คงแก้ไขอะไรตอนนี้ไม่ได้แล้ว แต่เขาต้องการรู้ว่าต้นเหตุเกิดจากอะไร หากเป็นการผิดพลาดในครั้งแรกย่อมให้อภัยได้ ทว่ามันต้องไม่มีครั้งที่สองอีกเด็ดขาด

“ปัญหาแบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้นนะ คุณรู้ไหมว่าการที่ทำงานผิดสเปคผิดแบบมันทำให้เกิดความเสียหายขนาดไหน เรื่องแบบนี้ทำไมไม่มีใครรายงานผม คุณไปตามกรวิทย์มาคุยกับผมเดี๋ยวนี้ ผมอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น”

เอรีสรู้สึกไม่พอใจมากที่เรื่องสำคัญขนาดนี้แต่ไม่มีใครรายงาน

การทำงานที่ไม่เป็นไปตามแผนแม้งานนั้นจะเป็นส่วนย่อยๆ แต่จะส่งผลกระทบให้ลามไปส่วนต่างๆ แค่เบิกเงินไม่ได้ไม่เท่าไร แต่ถ้างานส่งช้าไม่ทันกำหนดนั่นหมายถึงค่าปรับที่อาจตามมา มันเป็นเรื่องของความเป็นมืออาชีพที่บริษัทต้องรักษาไว้

“ครับ เดี๋ยวผมตามให้” ฐิติบอกคล้ายกับไม่เดือดเนื้อร้อนใจเท่าไร ทำท่าจะหยิบเอกสารอย่างอื่นให้เอรีสต่อ ถ้าเสียงทรงอำนาจไม่ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน

“เดี๋ยวนี้!” เอรีสเน้นคำ สีหน้าเขาบึ้งและเอาจริง

ฐิติชะงัก สีหน้าออกอาการตกอกตกใจนิดหน่อยเพราะไม่คิดว่าเอรีสจะเสียงดังใส่ตน

“ได้ครับ”

เพียงไม่กี่นาที กรวิทย์เจ้าหน้าที่ประสานงานฝ่ายโครงการก็ได้ยืนอยู่ตรงหน้าของเอรีส

สีหน้ากรวิทย์ไม่สู้ดีเมื่อรู้แล้วว่าคราวนี้เขาอาจโดนเล่นงานหนัก น้อยครั้งมากที่บรรดาลูกน้องจะได้เผชิญหน้ากับMDโดยตรงซึ่งนับว่าไม่ใช่เรื่องดีเลย หากเป็นเมื่อก่อนตอนที่มีคุณปัถย์อยู่ เมื่อเรื่องร้อนๆ เกิดขึ้นก็จะต้องผ่านผู้ช่วยคนสำคัญก่อน

ปัถย์ที่จะเป็นตัวลดแรงปะทะระหว่างพนักงานกับเอรีสได้ แต่ตอนนี้ไม่มีคุณปัถย์อยู่แล้วเหล่าบรรดาลูกน้องก็ได้แต่เสียวสันหลังไปตามๆ กัน สิ่งที่คนเป็นลูกน้องทำได้คือการรายงานทุกอย่างตามความจริง หากจะต้องเจอกับอะไรก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามยะถากรรม เอรีสเป็นคนตรงและแรงซึ่งก็หวังแต่ว่าเขาจะไม่โดนเชิญออก

“สวัสดีครับคุณเอรีส”

กรวิทย์เจ้าหน้าที่อาวุโสฝ่ายประสานงานโครงการมีสีหน้าซีดสลด

“เกิดอะไรขึ้นคุณกร ทำไมงานถึงไม่เสร็จตามแผนงานที่กำหนด แล้วทำไมถึงมีปัญหาเรื่องงานผิดสเปค” เอรีสนั่งหน้านิ่ง กอดอกรอคำตอบ

น้ำเสียงที่นิ่ง กับใบหน้าเคร่งขรึมกำลังทำให้เจ้าหน้าที่อาวุโสฝ่ายโครงการถึงกับขาสั่นผับๆ

“เออ...” กรวิทย์อึกอัก ไม่รู้จะเริ่มพูดจากตรงไหนก่อน

“พูดมาสิ อ่ำอึ้งทำไม”

เสียงเอรีสดังกังวานลั่นห้องทำงาน จนกรวิทย์ตัวลีบเล็กและใจตกไปที่ตาตุ่ม

“เออ... ผู้รับเหมาทำงานส่วนห้องประชุมของโรงแรมผิดแบบครับ คอนเซาท์ตรวจงานแล้วไม่ให้ผ่าน ให้รื้อทำใหม่ หน้างานเลยส่งพื้นที่ให้ไม่ทันตามกำหนดครับ”

“ผมรู้แล้วว่าไม่ทัน ที่ผมอยากรู้คือทำไมปล่อยให้ผู้รับเหมาพลาด พวกคุณไม่มีคนคุมงานเหรอ วิศวกรโครงการกับโฟร์แมนหายหัวไปไหน ไม่เช็คแบบหรือไง ปล่อยให้เขาทำงานเรื่อยเปื่อยไม่ตรวจสอบแบบนี้ นี่ไม่ใช่โครงการสร้างเล็กๆ นะ ไหนบอกผมสิว่าผมจะถามหาความรับผิดชอบได้จากใคร”

เอรีสพูดช้าๆ แต่ชัดถ้อยชัดคำ ความเด็กขาดในน้ำเสียงบอกได้ดีว่าเขาซีเรียสมากขนาดไหน

“เออ... น่าจะเป็นความผิดพลาดของคนคุมงานทางฝั่งเราด้วยครับ แบบที่ใช้ผู้รับเหมาไปมันไม่ใช่แบบล่าสุดที่ทางสถาปนิกของโรงแรมอนุมัติ มันเป็นแบบชุดเก่าที่ใช้ประมูลไม่ใช่แบบที่ใช้ในการก่อสร้างครับขนาดต่างๆ เลยคลาดเคลื่อนไปมาก”

“อะไรนะ! ทำงานแบบนี้ได้ยังไง แบบในมือยังผิด แบบนี้ไม่ใช่ผิดที่ผู้รับเหมา มันผิดจากฝ่ายคุมงาน ผิดจากฝ่ายแบบ ผิดตั้งแต่ต้น ไม่มีความเป็นมืออาชีพเลย”

“...”

“บ่ายนี้เรียกประชุมทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โปรเจคเมเนเจอร์ หัวหน้าฝ่ายแบบ หัวหน้าฝ่ายคุมงาน ผมว่าเราต้องคุยกันยาว เตรียมหาคำแก้ตัวกันมาดีๆ ด้วย เพราะถ้าผมฟังแล้วมันไม่เข้าหู จะไม่มีใครได้ออกจากที่ประชุม เข้าใจนะ”

“ครับคุณเอรีส”

กรวิทย์ออกจากห้องของผู้เป็นเจ้านายด้วยปัญหาที่หนักอึ้ง เขาไม่แน่ใจว่างานนี้ใครกันที่จะเป็นฝ่ายถูกเชือด

แต่ที่แน่ๆ คนที่โดนเชือดอาจไม่ได้มีแค่คนเดียว



••••

ปัถย์ออกจากที่ห้องพักราวแปดโมงครึ่ง

ทริปที่เขาซื้อไว้เป็นบริการของรีสอร์ทที่เสริมมานอกเหนือจากห้องพัก โดยทริปนี้ถูกจัดเป็นแบบกลุ่มเล็กๆ มีจำนวนแค่ห้าคน ทั้งหมดเป็นผู้ที่พักกับทางรีสอร์ททั้งสิ้น ล้วนแต่เป็นมือใหม่ที่ไม่ได้ต้องการความตื่นเต้นหรือผาดโผน แค่ต้องการมาซึมซับบรรยากาศท้องทะเลอันดามันที่เลื่องชื่อก็เท่านั้น

เพียงยี่สิบนาทีก็มาถึงที่หมาย ซึ่งเกาะแห่งนี้ถือได้ว่าเป็นสถานที่ยอดฮิตของเหล่านักท่องเที่ยวมือใหม่ที่เริ่มฝึกดำน้ำตื่น ประมาณด้วยสายตานักท่องเที่ยวที่มารวมตัวกันราวสามสิบถึงสี่สิบเห็นจะได้

ผู้ดูแลเริ่มสอนแนะนำขั้นตอนต่างๆ อย่างละเอียด มีบางครั้งที่ปัถย์ต้องเผลออมยิ้มกับคู่รักที่คอยหยอกล้อกันอย่างหวานชื่น ก็คงมีแต่เขาที่มาตัวคนเดียวโดด ซึ่งก็ดูจะประหลาดอยู่ไม่น้อยเพราะปกติแล้วคงไม่ค่อยมีใครมาเที่ยวเพียงลำพัง

ผ่านไปหลายชั่วโมงกิจกรรมจึงสิ้นสุดลง เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลเริ่มเช็คจำนวนผู้ร่วมทริป และเริ่มให้เก็บสัมภาระอุปกรณ์ต่างๆ ขึ้นเรือ เพื่อเตรียมเดินทางไปยังอีกเกาะ แต่การไปคราวนี้ไม่ใช่เพื่อดำน้ำ แต่เป็นเพื่อการชมวิวเพื่อเอาใจลูกทริปเป็นประการหลัก

“ทุกคนครับ เรามีเวลาหนึ่งชั่วโมงเต็มนะครับ พอถึงเวลาบ่ายสามโมงตรง เรามาเจอกันตรงจุดนี้ จะเดินเล่น เก็บภาพทำได้ตามสบาย”

ผู้ดูแลกล่าวแล้วพวกเราก็ทยอยลงจากเรือ คู่รักสองคนที่มาด้วยกันต่างก็เดินจับมือกระหนุงกระหนิงกันไปถ่ายภาพในมุมส่วนตัวที่ต้องการ

ปัถย์ที่มาเพียงคนเดียวเดินแยกจากคู่รักแสนหวานสองคู่นั้น แล้วเดินเลียบชายหาดไปหามุมหนึ่งที่สงบหวังจะนั่งพักชมวิวทะเลสวยๆ ใจก็คิดว่าอาจจะถ่ายรูปไว้อวดเอรีสให้ฝ่ายนั้นหงุดหงิดเล่นก็น่าจะเป็นความคิดที่ดี

คิดดังนั้นปัถย์จึงเดินไปยังมุมที่มีชิงช้าผูกไว้กับโคนต้นไม้แบบง่ายๆ หยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมา เปิดโหมดถ่ายภาพโดยโฟกัสที่ชิงช้ากับท้องทะเลสีเขียวมรกตที่อยู่เบื้องหน้าก่อนกดชัตเตอร์

“คุณปัถย์”

เสียงหนึ่งเอ่ยจากด้านหลัง รอยยิ้มพรายปรากฎขึ้นขณะเอ่ยทัก ปัถย์ที่ถือกล้องอยู่ชะงักมือค้าง ขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ

เฟยหลง ลอด์จ?

ถึงเจอกันแค่เพียงครั้งเดียวปัถย์ก็จำเขาได้แม่นยำ เพราะเขาคนนี้โดดเด่นแล้วไม่ใช่ใครที่จะลืมได้ง่ายๆ เฟยหลองในชุดลำลองสีสด หล่อเหลาน่ามองในแบบแบบตี๋อินเตอร์ถูกอำพรางด้วยแว่นตากันแดดแฟชั่น ดูรีแรคสบายๆ ทิ้งคราบมาเฟียในคราบนักธุรกิจไปถนัดตา

“สวัสดีครับ” ปัถย์เอ่ยทักทายและยื่นมือไปจับอีกฝ่ายตามมารยาท “มาเที่ยวที่นี่เหมือนกันเหรอครับ”

“ใช่ครับ เคยได้ยินมานานว่าที่นี่สวยติดอันดับต้นๆ ของทะเลแถบนี้ก็เลยอยากลองมาสัมผัสและเห็นกับตาสักครั้ง แล้วนี่คุณปัถย์มาคนเดียวหรือครับ”

ฝ่ายนั้นเอ่ยถามอีกครั้ง เมื่อสอดส่ายสายตาไปรอบ แล้วไม่เห็นใคร

“ผมมากับที่รีสอร์ท ซื้อทัวร์ไว้นะครับ”

“ตอนแรกยังไม่แน่ใจว่าใช่คุณหรือเปล่า เห็นตั้งแต่ตอนที่คุณลงจากเรือ”

“แล้ว...นี่คุณเฟยหลงมากับใครครับ”

“กับเพื่อนน่ะ ตอนนี้พากันไปดำน้ำดูประการัง ผมเลยโดนทิ้งให้รออยู่นี่” เฟยหลงเพ่งพินิจผู้ชายที่ดูสุขุมเยือกเย็นตรงหน้าอย่างครุ่นคิด เขารู้สึกว่าปัถย์ตรงหน้านี้ช่างน่าสนใจ ยิ่งได้รู้ว่าเอรีสอาจไม่ได้รู้สึกกับปัถย์อย่างลูกจ้างธรรมดาด้วย... เขายิ่งอยากทำความรู้จักกับปัถย์

“ขอถามอะไรหน่อยได้ไหมครับ”

” ถ้าตอบได้นะครับ” ปัถย์ตอบแบบกลางๆ

“ได้ยินมาว่าคุณทำงานกับเอรีส แล้ว...คุณก็ลาออกแล้ว”

“ก็ประมาณนั้นล่ะครับ”

ปัถย์ไม่บอกความจริงไปทั้งหมด เพราะต้องการรอดูท่าทีของอีกฝ่าย ว่าเข้ามาตีสนิทด้วยจุดประสงค์ใดกันแน่

“คุณปัถย์สนใจอยากทำงานกับลอด์จ อินดัสทรีไหมครับ ผมได้ยินหลายคนพูดถึงอดีตเลขาคนเก่งของเอรีสมาก็มากเลยอยากได้คุณมาร่วมงานด้วย ถ้าไม่รังเกียจสะดวกหาวันเข้ามาคุยที่ออฟฟิศผมไหม ผมมีข้อเสนอดีๆ ที่คุณจะต้องพอใจรออยู่ นี่ครับนามบัตรผม”

เฟยหลงพูดแบบตรงประเด็นไม่อ้อมค้อม สีหน้าท่าทางดูจริงจังและมั่นอกมั่นใจในตัวเอง เจ้าตัวเชื่อว่าข้อเสนอของเขาดีเยี่ยมเสียจนปัถย์ไม่กล้าปฏิเสธ

ตามจริงแล้วสิ่งที่ได้ยินมาคงไม่ดึงดูดความสนใจของเขาเท่าที่เอรีสแสดงออก... ก็ในเมื่อหมอนั่นแสดงทีท่าหวงผู้ช่วยหนุ่มมาดดีแบบออกหน้าออกตา แสดงว่าคนตรงหน้าที่มีดี

แต่จะดีขนาดไหนเขาก็อยากจะรู้เหมือนกัน ของแบบนี้มันต้องพิสูจน์ด้วยตัวเอง

“ผมไม่ได้เก่งกาจอะไรขนาดนั้นหรอกครับ”

ปัถย์ไม่รู้ว่าคนตรงหน้าได้ยินอะไรมา แต่เขาไม่ได้ดีเด่อะไรเลย สิ่งเดียวที่ปัถย์ระลึอยู่เสมอคือเขาต้องทำงานที่เอรีสวางใจมอบหมายให้ดีที่สุด เขาไม่ต้องการให้เอรีสผิดหวังในทุกสิ่งที่เขาทำ

“คุณปัถย์อย่าถ่อมตัวเลยครับ ขนาดธีรนัยยังพูดถึงคุณให้ผมฟังอยู่บ่อยๆ จนผมอยากเจอตัวจริงของคุณจะแย่”

น้ำเสียงกับสีหน้าของเฟยหลงทำให้ปัถย์ไม่รู้สึกกระอักกระอ่วนใจ

“คุณธีร์พูดถึงผมว่าไงบ้างครับ” ชื่อของธีรนัยทำให้ปัถย์ชักสนอกสนใจ ข่าวการร่วมมือกันของคนทั้งคู่คือขวากหนามคมๆ ที่กำลังเป็นภัยกับเอรีส ดังนั้นเขาต้องรู้อะไรให้เยอะอีกสักหน่อย

ปัถย์กอดอกเริ่มครุ่นคิดและคาดการณ์สิ่งต่างๆ

“บอกว่าคุณเก่ง ทุ่มเท มีไฟ ที่สำคัญ...มีเซ้นต์ที่ดีในเรื่องการบริหารงานและบริหารคน ส่วนหนึ่งที่เบอร์ตันกรุ๊ป ประสบความสำเร็จแบบก้าวกระโดดในช่วงสองสามปีหลัง เพราะเอรีสมีผู้ช่วยที่เก่งอย่างคุณ”

“ผมไม่ได้เลิศเลอขนาดนั้นครับ แค่ทำตามที่เอรีสสั่ง การที่เบอร์ตันกรุ๊ปเติบโตมาได้เป็นเพราะเอรีสนั่งตำแหน่งงานบริหาร ผมก็แค่ทำตามนโยบายกับวิสัยทัศน์ของเจ้านายครับ สิ่งที่ผมทำไม่ได้เศษเสี้ยวที่เอรีสทำเลย”

ดวงตาของเฟยหลงหรี่ลง พลันเกิดความหงุดหงิดรำคาญใจในคำพูดเยินยอนั้น ทุกคำพูดบวกกับภาษากายบอกชัดว่าปัถย์คือคนที่ภักดีต่อเจ้านายอย่างไม่เสแสร้ง คนแบบนี้หาไม่ได้ง่ายๆ จนนึกอยากแย่งมาอยู่ใกล้ๆ ตัว จะพรากมาให้เอรีสแค้นใจจนอกแตกตายไปเลยยิ่งดี

คนที่ไม่เคยยอมใครอย่างเฟยหลงกระหายจะเอาชนะ แม้ริมฝีปากจะยิ้ม แต่เฟยหลงกลับดูมีแววตาที่ดุดันเย็นชาจนน่ากลัว

“จะรังเกียจไหมถ้าผมจะขอถาม” เสียงนิ่งๆ กล่าว

“ครับ”

“ฟังที่คุณพูดคุณดูพอใจในงานที่ทำดี ทำไมถึงลาออกล่ะครับ”

ปัถย์ตอบไม่ถูกแต่ก็แกล้งฝืนยิ้มไปก่อน

“ก็เป็นปัญหาของคนทำงานทั่วไปน่ะครับ ความคิดเห็นไม่ตรงกันในบางเรื่อง บางอย่างคุยกันไม่เข้าใจ ก็เลยขอลาออก”

“ถ้าคุณปัถย์อยากได้ความก้าวหน้ากับอนาคตที่ดี ลอด์จให้คุณได้ ผมจะรอการติดต่อจากคุณนะครับ”

“ครับ แล้วผมจะคิดดู ผมคงต้องขอตัวก่อน ได้เวลาที่นัดไว้กับเรือแล้ว”

ปัถย์ตัดบท และรีบเดินออกจากการสนทนา และรีบเดินไปสมทบกับกลุ่มของตนแม้ตอนแรกจะตั้งใจแยกตัวออกมาก็ตาม ปัถย์มองหันหลังกลับไปมองเหยหลงแวบหนึ่ง จึงเห็นว่าฝ่ายนั้นก็มีเพื่อนเดินมาสมทบเช่นกัน ปัถย์รีบสะบัดเรื่องเฟยหลงออกจากหัวเพราะว่าตอนนี้มีสายสำคัญกำลังรอการรับสายจากเขา

เฟยหลงมองร่างปัถย์ที่เดินห่างออกไป มองแวบเดียวก็พอจะรู้ว่าปัถย์ไม่อยากข้องแวะกับเขาสักเท่าไร ผิดกับคนทั่วไปที่รู้ว่าเขาเป็นใครก็มักจะตีสนิท หรือไม่ก็จงใจจะก้าวเข้ามาในความสนใจของเขา ด้วยเงิน อำนาจทำให้คนในตระกูลลอด์จคือกลุ่มคนที่ถูกให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ เสมอ ผิดกับคนที่เพิ่งเดินจากไปเมื่อครู่นี้

“คุยกัยใครน่ะ”

เสียงของใครคนหนึ่งเปล่งด้วยความไม่พอใจออกมา ต่อให้เฟยหลงไม่ได้หันไปดูเขาก็พอจะเดาสีหน้าออกว่าคนที่เอ่ยกำลังมีสีหน้าแบบไหน

เย็นชา และตำหนิ

ไม่มีรอยยิ้มจากใครคนนี้มานานแล้ว ซึ่งเขาก็ไม่แคร์ ไม่แคร์มาหลายปีแล้ว

“คุณคงไม่อยากรู้จักหรอก เพราะถ้าคุณรู้ คุณอาจจะนอนไม่หลับนะรัน”



.........

ฝากติดตามกันต่อค่ะ

มีใครเอียน หรือเลี่ยนความหวานกันบ้างหรือเปล่าคะ
ถ้ามีจะเปลี่ยนเมนูให้ อยากกินเผ็ช อยากกินมามาแจ้งได้
เดี๋ยวอนินจะเสิร์ฟให้ถึงที


ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH21 [28|06|61] P10
เริ่มหัวข้อโดย: nut2557 ที่ 28-06-2018 17:28:54
ทีมปัถสู้ๆ  :L1:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH21 [28|06|61] P10
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 28-06-2018 19:39:40
ศัตรูของเอรีสนี่เยอะจัง
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH21 [28|06|61] P10
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 28-06-2018 20:39:48
หือออออ รัน หือออออออ เหมือนเห็นเค้าความวุ่นวายกำลังมา เหอะๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH21 [28|06|61] P10
เริ่มหัวข้อโดย: Pankwun ที่ 28-06-2018 22:48:09
มันส์สุดๆอู้วว ชอบพระเอกแบบนี้
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH21 [28|06|61] P10
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 28-06-2018 23:13:46
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH21 [28|06|61] P10
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 28-06-2018 23:19:56
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH21 [28|06|61] P10
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 28-06-2018 23:43:43
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH21 [28|06|61] P10
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 29-06-2018 00:46:23
หายนะ จะมาเยือน :katai1:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH21 [28|06|61] P10
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 29-06-2018 01:33:20
รอบนี้เลขาแคระจะโดนด้วยไหม หรือว่ารอดตัว  :m16:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH21 [28|06|61] P10
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 29-06-2018 02:25:25
 :pig4: :pig4: :pig4:

รันโผล่มาแล้ว   จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป?
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH21 [28|06|61] P10
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 29-06-2018 10:10:51
แซ่บดี ชอบ
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH21 [28|06|61] P10
เริ่มหัวข้อโดย: Pankwun ที่ 29-06-2018 17:55:51
ไม่เลี่ยนเลยค่ะ สนุกมากกๆ ยิ่งอ่านยิ่งน่าติดตามมม  :mew1:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH21 [28|06|61] P10
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 03-07-2018 15:32:37
กลัวดราม่าจังเลย
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH21 [28|06|61] P10
เริ่มหัวข้อโดย: m_ilk_y ที่ 03-07-2018 17:35:12
เฟยหลง..! แกจะเอารันมายุ่งกับบอสและนุ้งปัถต์ของช้านทำไมมมม :fire:

ยิ่งไหวชิงพริบกันตลอดเวลาเลย สนุกมากค่ะ
แล้วก็รออ่านฉากหวานๆในออฟฟิตที่บอสจะเคลมเลขาอยู่นะคะ กิกิ
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH21 [28|06|61] P10
เริ่มหัวข้อโดย: joborcusier ที่ 08-07-2018 01:02:24
นี่มันสงครามย่อมๆเลย :a5:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH22 [27|07|61] P10
เริ่มหัวข้อโดย: anin ที่ 27-07-2018 16:16:22
Chapter 22

   เอรีสที่ยังไม่ทันจะก้าวออกจากห้องประชุมดี รีบหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋า กดโทรหาคนที่เขากำลังคิดถึง สลัดความเครียดและความไม่พอใจจากสาเหตุที่บรรดาลูกน้องต่างก็พร้อมใจกันทำงานบกพร่องจนเป็นเรื่อง

   “เป็นยังไงบ้าง สนุกไหม” เอรีสเอ่ยถามทันทีที่อีกฝ่ายรับสาย เขาปรับโทนน้ำเสียงให้อ่อนลง เสียงห้วนดุดันตอนที่อยู่ในที่ประชุมถูกโยนทิ้งไปราวกับสับสวิตช์

   “ก็สนุกดีครับ แต่แดดแรงไปหน่อย”

   “ทาครีมด้วยนะ ระวังผิวจะไหม้ แล้วนี่กินข้าวหรือยัง“

   “กินแล้วครับ คุณล่ะ”

   “ยัง เพิ่งออกมาจากห้องประชุม กำลังจะไปกินเดี๋ยวนี้ล่ะ”

   “จะบ่ายสามแล้วนี่นะครับ”

   “อืม วันนี้ยุ่งๆ นิดหน่อย ไม่ค่อยมีเวลา” เอรีสบอกขณะที่เปิดประตูห้องทำงานของตัวเอง เขานั่งลงบนเก้าอี้หมุนคอน้อยๆ

   เอรีสหลับตาใช้ปลายนิ้วนวดคลึงกระบอกตาเพื่อคลายความเครียด จนเท้าของเขาเหยียบเข้าให้กับบางสิ่งบางอย่าง เจ้าตัวจึงเอื้อมไปหยิบปากกาด้ามหนึ่งที่ตกอยู่ใต้โต๊ะ เอรีสขมวดคิ้ว กับปากกาสีเงินที่ดูมีราคาขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะ จงใจวางให้มันตรงหน้าระหว่างใช้ความคิด

   “มีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่าครับ แล้วจัดการเสร็จหรือยัง”

   “จัดการแล้ว ขอบใจที่ห่วง” เอรีสใช้มือท้าคางอย่างใช้ความคิด แม้ปากจะคุยกับปัถย์เป็นฉากๆ แต่สมองของเขากำลังประมวลผลขณะที่ดวงตาคมก็จับจ้องไปที่ปากกาสีเงินด้ามหรูเย็นชาว่างเปล่า

   “เสียงของคุณฟังดูเครียดๆ”

   “เครียดเรื่องงาน ไม่เท่าเครียดเรื่องนายหรอก”

   แล้วเอรีสหยิบแท่งปากกาวางลงบนพื้น ตรงตำแหน่งเดิมที่เคยเจอมันหล่นอยู่ เขาจะทำเป็นว่าไม่เคยเห็นปากกาแท่งนี้มาก่อน ใครก็ตามที่พยายามควานหาข้อมูลอะไรก็แล้วแต่ในห้องเขาใครคนนั้นก็คงเป็นคนที่ใกล้ตัวเขามากๆ คนที่เข้านอกออกในห้องเขาได้

   เขารู้ว่าเป็นใคร...

   แต่การกระชากหน้ากากคนทรยศ มันจะต้องทำให้ได้คาหนังคาเขา ก็สนุกดีที่จะปั่นหัวไอ้มือสมัครเล่นที่ไม่มีกึ๋นให้รู้เสียบ้างว่า คนอย่างเอรีสไม่ได้เป็นไอ้หน้าโง่ ที่วันๆ ตะบี้ตะบันทำแต่งานโดยไม่รู้เลยว่าคนที่อยู่ข้างๆ ตัว มันคืองูพิษที่จ้องจะแว้งกัด

   งูพิษนั่นคงไม่รู้หรอกว่า เขาน่ะรู้กำพืดรวมถึงความสัมพันธ์ที่แนบชิดกับศัตรูถึงขั้นนอนคุยกันมาแรมปี คนเราถ้าจะทำให้เนียนก็น่าจะระวังเวลานัดเจอกันสักหน่อย จะทะเล่อทะล่าเดินเข้าห้องกันก็อย่างให้ใครต่อใครเห็นถึงจะถูก

   ก็บอกแล้วว่าเป็นพวกงูพิษชั้นต่ำไม่มีสมอง

   ชายหนุ่มขยับร่างบนเก้าอี้ให้อยู่ที่ท่วงท่าสบายๆ แล้วกลับไปจดจ่อกับการสนทนากับคนที่เขาหลงแบบหัวปักหัวปำอีกครั้ง

   “มีอะไรต้องเครียดเรื่องผมหรือครับ” เสียงจากปลายสายกล่าวแบบงงๆ

   “เครียดสิ ถ้าถึงวันพฤหัสแล้วนายไม่กลับมาหาจะต้องทำยังไง”

   “รับปากว่ากลับ ก็กลับสิครับบอส” ปัถย์ลากเสียง จนเอรีสอมยิ้มนิดๆ กับคำลงที่เขาไม่ได้ยินมาสักพักแล้ว

   “กลับมาจากกระบี่ก็คงมีผิวสีแทน เป็นคุณปัถย์มาดใหม่ หล่อเข้มจนต้องหันมองแบบเหลียวหลัง กำลังห่วงอยู่เชียวว่าจะมีสาวๆ เข้ามาวอแวกับนายหรือเปล่า ถ้าถึงตอนนั้นคงได้กลายเป็นโรคประสาทไปจริงๆ เพราะมัวแต่มานั่งหึงเวลาที่มีใครจ้องจะอ่อยนาย”

   เอรีสพูดแบบไม่รักษาภาพชายหนุ่มที่เคยเป็นคนถนัดนักในเรื่องโปรยเสน่ห์ ตอนนี้จะหึงหรือหวงเขาก็จะทำมันแบบออกหน้าออกตา จะเลิกประชดประชันแบบเมื่อก่อน เพราะยิ่งแสดงออกไม่ชัด ความสัมพันธ์มันก็ยิ่งวุ่น คิดแล้วว่าจะตรงแด่วเป็นไม้บรรทัดไปเลย

   “ถ้าผมเดินกับคุณ ใครที่ไหนจะมามองผมครับ ร้อยทั้งร้อยคุณเอรีสฟาดเรียบหมด”

   “แต่คุณเอรีสอยากฟาดคุณปัถย์แค่คนเดียว คนอื่นไม่ขอรับ”

   “พูดจาระวังหน่อยครับ เดี๋ยวใครเข้ามาได้ยิน จะดูไม่ดี”

   “ได้ยินก็ช่าง ไม่แคร์ เรื่องส่วนตัวใครหน้าไหนจะกล้า”

   เอรีสบอกปัดแบบไม่ใส่ใจ ถ้าในบริษัทนี้คนที่มีอำนาจสูงสุดคือเขา ใครกล้านินทาให้ได้ยิน อนาคตก็คงไปได้ไม่ไกล คนฉลาดเขาไม่มีใครทำกัน

   “แต่ผมแคร์ครับ ผมไม่อยากเป็นท็อปปิคดังที่พอเหลียวหลังเสียงนินทาก็ดังไล่ก้นตามมา ขอเลยนะครับ เรื่องของเราก็ให้มันอยู่แค่เรา... ผมไม่อยากให้มันกลายเป็นเรื่องสาธารณะ ที่ใครต่อใครเอาไปคุยเล่นกันสนุกปาก”

   ปัถย์บอกแบบจริงจัง น้ำเสียงค่อนข้างเครียดจนเอรีสจับอารมณ์ได้

   “โอเคครับ สัญญาว่าระวังการกระทำแล้วก็คำพูด จะไม่ทำให้นายถูกนินทาหรือพูดไปนทางเสียๆ หายๆ อย่าทำเสียงเข้มใส่สิ ฟังแล้วรู้สึกไม่ดี แบบนี้พอใจไหมครับ”

   “…ครับ”

   เสียงตอบรับเบาๆ ทำให้เอรีสเบาใจ ด้วยไม่อยากให้ปัถย์ลำบากใจจากอะไรก็ตามที่มีต้นเหตุมาจากเขา ในตอนนี้คนที่เอรีสแคร์และห่วงใยมากที่สุดก็คือปัถย์

   “นี่กลับถึงที่พักหรือยัง”

   “กำลังขึ้นเรือกลับครับ”

   ระหว่างนั้นที่เอรีสกำลังเพลิดเพลินกับการคุยโทรศัพท์ เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นเบาๆ เมื่อประตูเปิด ฐิติก็เข้ามาในห้องพร้อมกับกองเอกสารที่เขาเรียกหาก่อนหน้านี้ มีอะไรต่อมิอะไรที่เอรีสจะต้องพิจารณาและลงนามให้เสร็จ มีทั้งเรื่องด่วนกับไม่ด่วนปะปนอยู่กับเอกสารกองนี้

   “งั้นก็เอาไว้คุยกันตอนเย็นนะ ตอนนี้ขอทำงานก่อน เป็นห่วงนะครับ ขึ้นเรือลงเรือต้องระวังให้มากๆ  แล้วก็...คิดถึงนะ บอกเอาไว้เผื่อไม่รู้”

   “ครับ อย่าลืมทานข้าวนะครับ”

   “ครับ”

   เอรีสวางสาย เขาเหลือบมองไปที่ฐิติ อารมณ์ดีๆ เมื่อครู่เปลี่ยนเป็นการเป็นงาน หัวโขนเจ้านายสายโหดกลับคืนร่างอีกครั้ง
   “เอาเอกสารวางไว้ที่โต๊ะโน้นเลย ผมจะไปนั่งอ่านเอกสารที่โซฟา”

   เอรีสลุกขึ้นแล้วก้าวช้าๆ โซฟาตัวยาวกลางห้องคือมุมโปรดที่เขามักนั่งอ่านเอกสารต่างๆ ในตอนที่มีปัถย์อยู่เขา ทั้งคู่มักจะยึดพื้นที่ตรงนี้เป็นที่ประจำ ปัถย์ที่แม้จะมีโต๊ะทำงานส่วนตัวอยู่ด้านหน้าห้องของเขา แต่ชั่วโมงทำงานโดยส่วนใหญ่ก็คือโซฟาชุดนี้นี่ล่ะ

   เอรีสนั่งลง เขาหยิบแฟ้มค่าใช้จ่ายภายในขึ้นมาเปิดอ่านเป็นดันดับแรก ซึ่งฐิติก็ยืนอยู่ไม่ห่าง รอคอยว่าเจ้านายที่อาจมีงานที่จะสั่งเพิ่มเติม

   “คุณช่วยหยิบโน๊ตบุ๊คบนโต๊ะให้ผมหน่อยสิ แล้วก็สายชาร์ตด้วย อยู่ในลิ้นชักล่างสุด”

   วงตาคมชำเลืองมอง มือเปิดแฟ้มบนสุดทีละหน้าๆ

   ใบหน้าหล่อเหลาราบเรียบไม่ได้มีอาการใดที่ผิดปกติ ฐิติไม่เคยจับอารมณ์ความรู้สึกของเอรีสได้เลย  ก่อนหน้านี้ในห้องประชุมเอรีสยังออกงิ้วออกโขนจนไม่มีใครเข้าหน้าติด เมื่อครู่ตอนเดินเข้ามาก็กลับดูอารมณ์ดี พอมาตอนนี้ก็เย็นชาจนน่ากลัว

   “ครับ” ฐิติเดินไปหยิบให้ตามคำสั่ง ก่อนที่จะกลับมาพร้อมกับโน๊ตบุ๊คคู่ใจของผู้เป็นเจ้านาย อย่างรวดเร็วทันใจ

   “คุณไปทำงานที่ค้างอยู่เถอะ ตรงนี้ผมจัดการต่อเอง ไว้มีอะไรแล้วผมจะเรียก”

   “ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”

   “เชิญ”

   เขาแน่ใจว่าได้เห็นสีหน้าโล่งอกจากอีกฝ่าย ซึ่งถ้าเดาไม่ผิดฝ่ายนั้นคงคิดว่าอะไรๆ ที่ทำพลาด ได้ถูกแก้ไขไปหมดแล้ว... ซึ่งในความเป็นจริงแล้วก็อาจจะไม่

   ครู่หนึ่งเมื่อประตูถูกปิด เอรีสเดินกลับไปที่โต๊ะทำงาน สายตาคมกริบก้มลงมองที่ใต้โต๊ะทันที

   เป็นอย่างที่คิด...

   ปากกาด้ามนั้นหายไปแล้ว

   รอยยิ้มผุดพรายบนริมฝีปาก แล้วเอรีสก็หันกลับไปที่โซฟาชุดกลางห้องเพื่อไล่อ่าเอกสารต่างๆ ที่อยู่บนโต๊ะอย่างตั้งใจอีกครั้ง





   รัน หรือ วรัญธร อิทธิวรเดช ชายหนุ่มลูกเสี้ยวไทย-ญี่ปุ่น  นั่งหน้าตึงตั้งแต่ออกจากเกาะแม้มาถึงโรงแรมแล้วแต่ความไม่พอใจก็ยังสลัดไม่หลุด

   ความอึดอัดสะสมมาตลอดหลายปีทำให้เขากลายเป็นคนอารมณ์ร้าย ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ไม่ชอบใจ เจ้าตัวก็พร้อมที่จะแสดงอาการในด้านร้ายๆ ของตัวเองออกมาตลอดเวลา

   ผู้ชายคนนั้นกำลังทำให้เขาหึง เป็นครั้งที่เท่าไรแล้วที่เฟยหลงมีผู้หญิงสวย หรือผู้ชายหน้าตาดีที่พร้อมจะกระโจนเข้าหา บางครั้งเฟยหลงอาจเมยเฉย และบางครั้งเฟยหลงก็พาคนเหล่านั้นมาเล่นสนุกกับความสัมพันธ์ที่มีแต่คำว่าเซ็กซ์ แต่รันก็ไม่เคยเรียกร้องอะไรให้ตัวเองได้

   บรรดาลูกน้องรวมและคนใกล้ตัวจะมองว่าคนโปรด เป็นผู้ชายที่เฟยหลงให้ความสำคัญถึงขนาดเก็บไว้ข้างกายนับสิบปี แต่ใครล่ะจะรู้ความจริงว่าการเก็บไว้ก็ไม่ใช่ในฐานะคนรักหรือคู่ชีวิต

   คุณรันที่ใครๆ รู้จัก ถูกวางสถานะที่ไว้แค่เครื่องบัดบัดความใคร่...

   มันคือความจริงที่ทิ่มแทงใจรันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ทุกครั้งที่รันรู้สึกโกรธ หวง หรือแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ เฟยหลงก็มักจะมองว่าเป็นเรื่องไร้สาระ และทำตัวน่าเบื่อ เขาจะแสดงอาการเอื่อมระอา บางทีก็หนีหายไปเป็นเดือนๆ ถึงกลับมาพร้อมด้วยเซ็กส์ดิบเถื่อนและเอาแต่ใจ

   “เป็นอะไร ใครทำอะไรให้ไม่พอใจอีก”

   เฟยหลงเอ่ยถามเสียงเหนื่อยหน่าย เมื่อรันโยนแว่นตากันแดดลงบนโต๊ะ ด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์

   “นายรู้ด้วยเหรอว่าฉันไม่พอใจ”

   รันประชดประชัน สีหน้าบึ้งตึงที่พร้อมจะระเบิดอารมณ์โดยไม่สนใจคนรอบข้าง ด้วยเจ้าตัวไม่ได้แคร์เลยว่าเฟยหลง ลอด์จคือใคร สามารถทำอะไรได้บ้าง

   “…”

   เฟยหลงได้แต่ชำเลืองตามอง และยังใจเย็นเพื่อให้อีกฝ่ายแสดงความโกรธต่อไป

   “เคยสนใจด้วยหรือว่าฉันรู้สึกยังไง ทุกวันนี้ฉันไม่เคยรู้เลยด้วยซ้ำว่านายเห็นฉันอยู่ในฐานะอะไร”

   “อย่าเริ่มหาเรื่องทะเลาะได้ไหม” เฟยหลงกล่าวด้วยน้ำเสียงติดรำคาญ สีหน้ามีความเหนื่อยหน่ายใจ เขาไม่อยากทะเลาะกับรันเลย อยู่ด้วยกันมาเป็นสิบปี มีวันไหนที่ไม่ทะเลาะกันบ้าง

   “อย่าทำสีหน้าแบบนี้ใส่ฉันนะ”

   รันตวาดลั่นร่างโปร่งบางของรันเดินปรี่เข้าหาร่างสูงที่ยืนอยู่กลางห้อง ใช้มือผลักอกเฟยหลงสองครั้งติดด้วยแรงอารมณ์ที่กรุ่นอยู่ในใจ ดวงตากลมโตตัดพ้อต่อว่า มีร่องรอยของความเสียใจที่ปิดไม่มิด

   “…”

   เฟยหลงที่ถูกผลักเต็มแรงเซไปก้าวหนึ่ง เขานิ่งเงียบ ไม่ตอบโต้ในชีวิตนี้มีแค่คนเดียวที่เฟยหลงจะยอมให้แผลงฤทธิ์หรืออาละวาดได้ก็คือรัน

   คนเดียวที่เขายอม... แต่รันคงไม่เคยรู้ว่าตัวเองพิเศษยังไง

   ผ่านมาหลายปีรันก็ดูจะเจ้าอารมณ์หนักขึ้น กับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็หยิบยกมาเป็นประเด็นทะเลาะกันได้ไม่เว้นแต่ละวัน หลายครั้งที่เฟยหลงทำได้แค่เป็นฝ่ายเดินหนี ให้ตัวเองได้เป็นฝ่ายสงบสติอารมณ์ ข่มใจไม่ให้พลั้งมือทำร้ายคนตรงหน้าให้เจ็บตัว แม้ในหลายๆ ครั้งเฟยหลงก็แทบจะระงับอารมณ์ไม่ไหวจนแทบจะปรี่เข้าไปบีบคอคนเอาแต่ใจ ชอบสร้างปัญหา

   “รัน เมื่อไรนายจะเลิกเป็นแบบนี้สักที” เฟยหลงน้ำเสียงติติงเย็นชา เขาส่ายหน้าอย่างระอาใจ

   “ทำไม! ฉันก็เป็นของฉันแบบนี้แหละ ถ้านายไม่พอใจก็เลิกๆ ไปเลย”

   “ไปอะไรหนักหนารัน? เอะอะก็ท้าเลิก นายชอบพูดจนติดปาก หรือว่านายอยากเลิกจริงๆ กันแน่ เอาให้ชัดนะ”

   พอรันพูดประโยคคำว่าเลิกออกมา เฟยหลงก็เริ่มมีน้ำโหขึ้นมาบ้าง

   เฟยหลงเกลียดเวลาที่รันใช้คำว่าเลิกมาต่อรองกับเขาที่สุด แม้จะรู้ดีว่ารันไม่ได้อยากจะทำอย่างที่พูด แต่เขาก็อดรนทนไม่ได้ทุกทีไป

   “ถ้าทนไม่ไหวก็เลิกไปเลย” รันกัดฟัน ใช้แรงที่มีทั้งหมดผลักอกเฟยหลงแล้วชี้หน้า “ฉันก็จะไม่ทนกับคนเย็นชาที่เอาแต่ทิ้งขว้างฉันเหมือนกันนั่นล่ะ ทุกวันนี้นายก็ไม่เคยเห็นหัวฉันอยู่แล้วนี่ ฉันมันก็แค่ผู้ชายที่นายนึกอยากเอาสนุกๆ เป็นแค่คนที่นายเอาไว้สนองความพิเรนท์เรื่องเซ็กส์บนเตียง ทดแทนที่นายไปทำกับคนอื่นไม่ได้”

   เสียงของรันเจ็บปวด ยิ่งมองผู้ชายที่มีสัมพันธ์รักๆ เลิกๆ กันมากว่าสิบปีก็ยิ่งรู้สึกทรมานจิตใจ

   เฟยหลงไม่เคยแสดงออกว่ารัก...

   มีเพียงการแสดงตัวเป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงสักตัว ซึ่งเขาก็คือสัตว์เลี้ยวตัวนั้น

   “รู้ไหมรัน ความพิเรนท์บนเตียงของฉันน่ะ มีคนเยอะแยะสนองตอบได้ มากกว่าที่นายให้เสียด้วยซ้ำ ทางที่ดีนายหุบปากตัวเองซะ ก่อนที่ฉันจะโกรธจริงๆ”

    เฟยหลงกล่าวเตือน จากที่คิดว่าจะไม่ถือสา ก็เริ่มเป็นฝ่ายทนไม่ได้ 

   รันที่น่ารักขี้อ่อนนั้นหายไปไหนกันนะ ทำไมรันที่แสนดีคนเดิมกลายเป็นมารร้าย คอยแต่จะหาคำพูดมาจิกกัดเขาไม่เว้นแต่ละวัน

   “กี่ครั้งแล้วที่นายไปนอนกับคนอื่น อ้อ... ลืมไปว่าคนอย่างเฟยหลง ลอด์จ จะหิ้วใครไปเอาก็ได้ มีเงินมีอำนาจเสียอย่างนี่” รันเยาะเสียงขื่น

   “…”

   เฟยหลงที่ได้แต่เงียบ เวลาที่รันโกรธก็มันจะทำเรื่องโง่ๆ ได้เสมอ เขาก็แค่รอเวลาให้อีกฝ่ายสงบลงไปเอง เพราะถึงพูดอะไรไป รันก็ไม่ยอมฟังหรอก

   แต่ในฝั่งความรู้สึกของรัน ยิ่งเฟยหลงนิ่ง มันยิ่งเหมือนว่าอีกฝ่ายยอมรับว่าสิ่งที่เขาคิดมันเป็นเรื่องจริง

   ทุกวันนี้เขาก็รู้สึกสมเพชตัวเองจะแย่... ต้องทนอยู่ไปแบบแกนๆ สถานะที่มีก็แค่คู่นอนระยะยาว อยากมาก็มา อยากไปก็ไป

   “แล้วยังจะให้อยู่ด้วยกันทำไมว่ะ ทำไมฉันถึงโง่เลือกนาย ทำไมฉันถึงงี่เง่าง้อนาย” รันดันร่างหนาออกห่างตัว ตามด้วยผลักอกซ้ำๆ ระหว่างที่ระเบิดเสียงด่าทอไปด้วย “ทำไมฉันถึงไม่ฉลาดเลือกคนที่รักฉัน ดีกับฉัน ทำไมตอนนั้นฉันมาเอาคนแบบนาย ทั้งที่เอรีส...”

   “หุบปาก!” เฟยหลงอกร้อยอย่างกับไฟ ฝ่ามือหนายกขึ้นบีบปากรันทันทีที่ชื่อของเอรีสหลุดออกมาจากปาก “อยากตายใช่ไหม ฮ่ะ! เคยบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าได้พูดชื่อมันอีก”

   ดวงตาอาฆาตเพ่งมองรัน อีกนิดเดียวเขาก็จะหมดความอดทน...

   ถึงตอนนั้นอาจมีใครสักคนที่ต้องตายจริงๆ จะได้จบเรื่องบ้าๆ ไปเสียที เฟยหลงกัดฟันกรอด

   “ทำไมวะ ทำไมจะพูดชื่อเอรีสไม่ได้”

   “ถ้าไม่อยากให้มันตาย ก็อย่าพูด!” ฝ่ามือแกร่งบีบแน่น ตอนนี้สันกรามและแก้มของรันปวดจากแรงกดที่ส่งมาไม่ยั้ง

   ดวงตาสองคู่ประสาน ส่งแรงอารมณ์คุกรุ่นที่ต่างก็ไม่ยอมกัน

   รันสะบัดหน้าออกจากการเกาะกุม แต่ก็สู้แรงของเฟยหลงไม่ได้ แววตาคมกริบเอาจริง บอกกับรันว่าเขาอาจเจ็บตัวได้มากกว่านี้ถ้าเกิดยั่วให้อีกฝ่ายโกรธ

   เฟยหลงไม่เคยขู่...

   ผู้ชายคนนี้สั่งฆ่าใครก็ได้ แค่เขาโทรศัพท์กริ๊งเดียว ก็จบลมหายใจคนนั้นได้แล้ว

   “ปล่อย!” ผลักอีกฝ่ายที่รัดร่างไว้แน่น

   “ครั้งนี้ฉันจะฆ่ามันจริงๆ นายจะได้เลิกซ่า เลิกงี่เง่าปากดี” เฟยหลงกระซิบเสียงพร่าข้างหู ใช้นิ้วเกลี่ยรอยนิ้วมือบนแก้มแผ่วๆ พร้อมกับรอยยิ้มอวดดี “รู้ไหมรัน ถ้านายยังหวังจะซมซานกลับไปหาชู้รักเก่า ฉันว่ามันคงสายเกินไปแล้ว นายก็เป็นแค่ของเหลือจากฉัน คิดหรือว่ามันยังอยากได้... เห็นผู้ชายวันนี้ไหม นั่นล่ะคนพิเศษของมัน ตอนนี้นายก็คงเป็นแค่ของค้างสต๊อค ที่ถึงจะแจกฟรีก็ยังไม่นึกอยากเอา”

   รันจ้องกลับด้วยดวงตาสั่นระริก

   ไม่ได้นึกเสียใจเรื่องที่เอรีสมีคนอื่น

   แต่เจ็บปวด คือในสายตาของเฟยหลงเขาโคตรไร้ค่า เป็นของเก่าค้างสต๊อคที่รอวันโล๊ะทิ้ง เพราะถ้าไม่คิดแบบนั้น เฟยหลงคงไม่พูด

   “งั้นของเก่าค้างสต๊อคอย่างฉันยังจะทนอยู่ตรงนี้ต่อไปอีกทำไม...”

   “อยู่เพื่อยื้อชีวิตของพี่ชายของนายไว้ให้ยังหายใจต่อไปไงล่ะ แต่ถ้าอยากให้มันตาย... ก็เชิญเดินออกไปจากห้องนี้เลย ทุกอย่างจะได้จบๆ”

   “ขู่ฉันเหรอ”

   “เปล่า  คนอย่างฉันต้องขู่เหรอ ไม่ต้องมั้ง”

   “ทำไมนายไม่ปล่อยฉัน ปล่อยพี่ชายฉันไปสักที ในเมื่อหมดประโยชน์แล้ว จะยื้อกันไว้ทำไม”

   “คงเพราะฉันยังนึกสนุกกับการมีเซ็กส์แบบวิตถารกับนายละมั้ง ถ้าวันไหนฉันเบื่อ ก็วันนั้นล่ะ”

   รันรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจมอยู่ในน้ำทะเลอันเย็นยะเยือก หายใจก็ไม่ออก สิบปีที่เขาเสียไปมันคือแค่ความสนุกของการมีเซ็กส์ที่สุดเหวี่ยง ไม่มีความรักหรือกระทั่งความผูกพัน

   แล้วเขาจะยังทนรักผู้ชายที่เห็นเขาไว้เพื่อบำบัดตัญหาอยู่ทำไม...






หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH22 [27|07|61] P10
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 27-07-2018 17:10:55
ขอบคุณค่ะ
ติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH22 [27|07|61] P10
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 27-07-2018 19:15:09
 :pig4: :pig4: :pig4:

อ่อ...นี่สินะ  เหตุผลที่รันเลือกเฟยหลง

นางก็รักของนางนะ  แต่มันมีเงื่อนงำของฝั่งครอบครัวเข้ามาเกี่ยวด้วยนั่นเอง
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH22 [27|07|61] P10
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 27-07-2018 20:25:48
รัน นายน่าสงสารจังนะ  :a5:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH22 [27|07|61] P10
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 27-07-2018 21:02:38
ปากแข็งไม่ต่างกัน ต้องรอให้สูญเสียก่อนถึงจะรู้สำนึกเหมือนเอรีสซินะ
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH22 [27|07|61] P10
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 27-07-2018 22:45:54
เฮ้อออ คู่นี้ก็ปากแข็งปากหนัก
หรือว่าต้องแยกกันจริงๆ เสียก่อนจะเลิกปากหนักใส่กันได้เนี่ย?
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH22 [27|07|61] P10
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 27-07-2018 23:00:50
 :mew1: :mew1: o13 o13
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH22 [27|07|61] P10
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 27-07-2018 23:05:26
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH22 [27|07|61] P10
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 28-07-2018 09:42:38
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH22 [27|07|61] P10
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 28-07-2018 10:42:53
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH22 [27|07|61] P10
เริ่มหัวข้อโดย: joborcusier ที่ 28-07-2018 21:21:55
ตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ :serius2:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH22 [27|07|61] P10
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 29-07-2018 12:32:36
ซับซ้อนมาก
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH22 [27|07|61] P10
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 01-08-2018 23:30:06
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH23 [02|08|61] P11
เริ่มหัวข้อโดย: anin ที่ 02-08-2018 15:52:22
Chapter 23

เป็นอีกหนึ่งวันที่เอรีสยุ่งวุ่นวายกับการประชุมเพื่อเตรียมตัวในการยื่นประมูลงานก่อสร้างของอาคารหรูใจกลางเมืองที่มีเจซีเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เอรีสที่คาดหวังโครงการนี้ไว้สูงมาก ดังนั้นจึงต้องลงมาดูงานเองไม่ว่ารายละเอียดเล็กน้อยก็ปล่อยทิ้งไปไม่ได้ ยิ่งเป็นยามที่ไม่มีคนรู้ใจอย่างปัถย์อยู่เป็นหูเป็นตา งานที่เคยราบรื่นก็เหมือนจะคืบหน้าไปไม่รวดเร็วอย่างใจ เมื่อครู่ก็จงปล่อยระเบิดลูกใหญ่ไว้ให้บรรดาหัวหน้าฝ่ายต่างๆ ได้เอาไปแก้ไขต่อ

กว่าที่เอรีสจะออกจากห้องประชุมลงลิฟต์กลับลงมาที่ชั้นของตัวเองก็เป็นเวลาใกล้เที่ยงแล้ว ตอนนี้พนักงานของฝ่ายบริหารเริ่มทยอยกันไปพักกลางวัน หลายคนที่เดินสวนไปเอ่ยทักเขาอย่างนอบน้อมเป็นพิธีการ

ชายหนุ่มแค่พยักหน้าเป็นเชิงรับรู้แล้วเดินล้วงกระเป๋าผ่านขบวนลูกน้องที่หลบทางให้ ตลอดทางเขาก็ได้ยินเสียงกระซิบกระซาบที่จับใจความไม่ได้ พอหันไปมองบรรดาเหล่าพนักงานก็รีบเดินจ้ำอ้าวหลบไปเสียดื้อๆ บอกได้ว่าเกรงเจ้านายอย่างเขาขนาดไหน

ไม่แปลกที่พนักงานเห็นเอรีสจะตัวลีบขาสั่น ก็ถนัดนักเรื่องทำหน้าดุเป็นนิจ พูดก็น้อยคำแทบนับประโยคได้ รั้งตำแหน่งเป็นเสื้อยิ้มยาก ถ้าลองว่าได้ไล่บี้งานใครละก็ มีอันให้น้ำตารื่นหรือปล่อยโฮกันเป็นแถบๆ

แม้จะเป็นแบบนั้น แต่ทุกคนก็ยังพอใจที่จะทำงานอยู่กับเบอร์ตันกรุ๊ป สวัสดิการและเงินเดือนที่เทียบกับหลายๆ บริษัทแล้ว ที่นี่ให้ผลประโยชน์และค่าตอบแทนกับพนักงานที่มีความสามารถในแบบจุใจ โบนัสขั้นต่ำก็ห้าถึงเจ็ดเดือน ยังไม่รวมสวัสดิการต่างๆ ที่บริษัทจัดให้อีก เพราะฉะนั้น ถ้าเจ้านายจะโหดหรือใช้งานหนักเยี่ยงทาสปานใด แต่ถ้าเงินเป็นฟ่อนๆ ใครๆ ก็พร้อมจะอยู่

เอรีสที่เดินมาถึงหน้าห้องจึงได้ยินเสียงของบางอย่างหล่นกระทบพื้น มือที่กำลูกบิดประตูอยู่ชะงักค้างนิดหนึ่ง คิ้วเข้มขมวดกันแน่น เสียงแบบนี้แสดงว่ามีคนอยู่ในห้อง เอรีสเปิดประตูเข้าไปในทันที ไม่ได้ลองเชิงอย่างครั้งก่อน ก็อยากรู้เหมือนกันว่าใครที่ช่างอาจหาญเข้ามารื้อข้าวของในห้องของเขา แล้วเมื่อเจ้าของห้องโผล่มาแบบไม่ให้สุ่มเสียง แขกไม่ได้รับเชิญจะทำหน้ายังไง จะยังตีหน้าซื่อไม่รู้ไม่ชี้อยู่อีกได้ไหม

เอรีสย่างเท้าบนพื้นที่เป็นพรมอย่างเงียบกริบ กวาดสายตารอบห้องแต่ก็ไม่เห็นใคร กระทั่งร่างสูงเดินเงียบเชียบมาถึงโต๊ะทำงานตัวใหญ่กลางห้อง จึงได้เห็นร่างของใครคนหนึ่งกำลังนั่งยองๆ อยู่หลังโต๊ะทำงาน กำลังวุ่นวายกับบางสิ่งบางอย่างอยู่ตรงนั้น ไม่รับรู้ถึงการกลับมาของเจ้าของห้องอย่างเขาเลย

“ทำอะไรน่ะ ย่องเข้ามาในห้องคนอื่นเงียบๆ แบบนี้ อยากเจอดีหรือยังไง”

น้ำเสียงห้าวกระซิบดุๆ แต่ใบหน้ากลับเปื้อนยิ้ม ดวงตาสีสนิมเปล่งประกายแวววาวด้วยความพอใจ เขาล้วงกระเป๋ากางเกง ใช้ความสูงข่มให้คนด้านล่างเป็นรองด้วยตำแหน่งที่ปักหลักอยู่

คนที่คุกเข่าสะดุ้งน้อยๆ เขาไม่ได้ยินเสียงอีกฝ่ายเลย ก็มัวแต่จดจ่อกับสิ่งที่ทำตรงหน้าจนไม่รู้ตัว

“ชาร์ตโน๊ตบุ๊คให้ไงครับ เนี่ยแบตเหลือยี่สิบเปอร์เซ็น”

ผู้บุกรุกลุกขึ้นแล้วหันมาโต้ตอบด้วยสีหน้าวางเฉย ชี้หน้าจอที่ปรากฏสถานะแบตเตอร์รีโน๊ตบุคเครื่องบางให้ดู เอรีสก้าวยาวๆ จนถึงตัว คว้าร่างผู้บุกรุกให้เข้ามาใกล้ ก่อนก้มลงเพื่อมองหน้าอีกฝ่ายชัดๆ

“มาตอนไหน ทำไมไม่ให้ไปรับ”

เสียงนั้นแหบพร่า สีหน้าดูโล่งใจ เมื่อคนที่คิดถึงมาปรากฎตัวเป็นๆ ก่อนเวลาที่นัดไว้วันนึงเต็ม เรื่องแค่นี้ก็พาให้ใจเต้นเร็ว ปากก็แทบหุบยิ้มไม่ได้แล้ว

“ลงเครื่องเสร็จก็เข้าออฟฟิศนี่ล่ะครับ”

อีกฝ่ายตอบนิ่งๆ เก็บความตื่นเต้นไว้อย่างแนบเนียนเช่นกัน ใจก็ขัดเขินอยู่นิดหน่อยที่ตัวเองกลับมายืนตรงหน้าเจ้านายผู้ที่ไม่ว่าจะอยู่ในมาดไหนก็มัดใจเขาได้อยู่หมัดเสมอ

เอรีสยิ้มกว้างเมื่อได้ยิน พอมองไปที่พื้นยังเห็นกระเป๋าเดินทางสองใบที่วางอยู่

“แต่งตัวเตรียมพร้อมแบบนี้ จะไปไหน?”

เมื่อเห็นว่าปัถย์อยู่ในชุดทะมัดทะแมง ด้วยกางเกงยีนสีเข้มกระชับตัว เสื้อเชิ้ตยีนสีอ่อนไหนจะรองเท้าบูทหุ้มข้ออีก ทำให้ตอนนี้ปัถย์มีมาดนายช่างผู้คุมงานมากกว่าผู้ช่วยประธานบริหาร ก็อดถามไม่ได้ ลุ๊คนี้ก็ดูเท่น่ามองไม่หยอก ก็คงต้องมีคนหันมองจนเหลียวหลัง คิดไปก็มีไอ้ความรู้สึกที่เรียกว่าหวงผุดขึ้นมาดื้อๆ

“ว่าจะเข้าไปที่ไซด์ที่สาทรครับ แต่ผมต้องใช้เอกสารกับแบบ เลยแวะเข้ามาก่อน” ปัถย์อธิบายตามที่คิด แล้วก็ได้น้ำเสียงแข็งๆ สวนกลับมา

“จะไปตอนไหน แล้วทำไมต้องรีบเข้าไปที่ไซด์ขนาดนั้น”

เอรีสนึกหงุดหงิดนิดหน่อยที่พอปัถย์มาถึง ก็จะไปตรงอื่นก่อนที่จะเจอเขาเสียอีก ถ้าเขาไม่บังเอิญมาเจอ คงไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกลับมาแล้ว ใจคอจะโทรบอกกันก่อนก็ไม่ได้ มันน่านักเชียว

เอรีสนึกไปก็ดึงแขนคนตรงหาเข้ามาหาตัว โอบไว้อย่างคนช่างหวง

“ปัญหาด่วนเรื่องงานไม่ตรงสเปคนี่ครับ ผมว่าจะเข้าไปดูสักหน่อย” ปัถย์อธิบาย ยอมให้เอรีสดึงตัวเองเข้าหาตัวโดยไม่โต้แย้ง

“รู้เรื่องแล้วเหรอ?”

เอรีสจ้องลงไปในดวงตาคู่เดิมที่เขาหลงใหล แม้ตอนนี้ปัถย์จะกลับมาสวมแว่นสีดำทรงเดิม ก็ยังดูน่ารักน่าจูบอยู่ดี ทำไหมนะ ผู้ชายเฉยๆ คนนี้ถึงได้ทำให้เขารู้สึกอุ่นใจได้แค่เห็นหน้าก็ไม่รู้ จากเมื่อกี้ที่กำลังหัวเสียหัวร้อนเรื่องสั่งอะไรไปไม่ได้ดั่งใจ พอได้เห็นหน้าปัถย์เขาก็ลืมทุกสิ่งทุกอย่างไปจนหมด ฝ่ามือหนาเอื้อมไปกุมหลังคออีกฝ่ายไว้แล้วดันศีรษะทุยให้เงยหน้าขึ้นเพื่อมองให้หายคิดถึง

“รู้แล้วครับ” ปัถย์เงยหน้าขึ้นมองสบตา แล้วยิ้มอ่อนๆ “เมื่อวานผมเช็คเมล์ถึงได้เห็นเมมโมภายในของฝ่ายโครงการ เลยคิดว่า...ต้องรีบกลับมาดูสักหน่อย”

การตัดสินใจของปัถย์เป็นไปแบบปุบปับ คิดได้ก็จองตัวออนไลน์ เช้ามาก็ขึ้นเครื่องเที่ยวแรกกลับกรุงเทพฯ ในทันที

“หลงดีใจนึกว่ารีบกลับมาหาเรา”

เอรีสแกล้งทำหน้างอนิดพร้อมกับเสียงกระเง้ากระงอด หลงดีใจเก้อ ทีเราตื้อแทบตายไม่ยอมกลับ กับแค่เมมโมภายในฉบับเดียวลากเอาปัถย์กลับมาได้ เขาควรจะดีใจหรือเสียใจกันดีนะ ที่ปัถย์ให้ความสำคัญกับงานมากขนาดนี้

“หรือจะให้ผมกลับบ้านก่อน แล้วค่อยมาอีกทีพรุ่งนี้เช้า เอาแบบนั้นไหมล่ะครับ”

“…”

พอปัถย์ย้อนให้บ้างเอรีสก็ถึงกับเงียบกริบ ดึงปัถย์จนเข้ามาอยู่ในวงแขนแล้วกระชับไว้แน่น ก้มลงหอมแรงๆ ฟอดใหญ่ โดยไม่พูดอะไร เพราะเขาถนัดใช้การกระทำเพื่อพิสูจน์ความรู้สึกมากกว่า

“ปล่อยก่อนครับ”

วงแขนแกร่งรั้งเอวปัถย์ให้ใกล้เข้ามาอีก จงใจแตะริมฝีปากกับแก้มขาวซ้ายที ขวาทีจนปัถย์ต้องใช้มือดันหน้าหล่อออกจากตนเมื่อถูกรุกหนักไม่ให้ตั้งตัว

“ผมนัดพีเอ็มโครงการไว้ตอนเที่ยงครึ่งที่หน้าตึก จะเข้าไปคุยกันให้เข้าใจกับทางฝ่ายคุมงานจะได้ไม่เกิดปัญหาแบบนี้อีก” ปัถย์อธิบายเหตุผลอย่างพยายามให้เป็นการเป็นงาน ใจเต้นตึกตักแต่ก็ฝืนหน้าเคร่ง พูดเป็นการเป็นงาน

“ไม่ต้องไปหรอก ฉันจัดการไปแล้ว นายเพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ ฉันว่าเราไปกินข้าวกันดีกว่า” เอรีสยื่นข้อเสนอ แถมยังคลอเคลียนัวเนียไม่ห่าง

“ถ้าอย่างนั้นผมกินข้าวเป็นเพื่อนคุณก่อนแล้วค่อยไป ขอโทรเลื่อนนัดก่อนนะครับ”

ปัถย์ควานหาโทรศัพท์ตั้งใจโทรเลื่อนนัดไปอีกสักชั่วโมง ซึ่งก็ไม่น่าจะกระทบกับแผนที่วางไว้เท่าไร

“ขับรถไปด้วยกันเลยไหม กินข้าวเสร็จแล้วแวะไป”

“ไม่ได้ครับ คุณมีนัดตอนบ่ายสองกับลูกค้าสำคัญ ห้ามเบี้ยวเด็ดขาด เงินมากองอยู่ตรงหน้าแล้ว เซ็นแกร๊กเดียวเงินล้านก็เข้ากระเป๋า เพราะฉะนั้นอยู่ออฟฟิศนะครับ เดี๋ยวผมไปเอง”

ทันทีที่ตัดสินใจจะกลับมาทำงาน ปัถย์ก็เข้าถึงตารางนัดต่างๆ ของเอรีส อย่างที่จัดการมาตลอดหลายปี ถึงได้รู้ว่าตอนบ่ายเอรีสมีนัดสำคัญเพื่อเซ็นสัญญากับบริษัทท่าเรือที่ต้องการขยายอาคารขนส่งสินค้า สงสัยเอรีสจะลืมสนิทแน่ๆ เลย

เอรีสย่นจมูก บีบแก้มปัถย์เบาๆ สองสามทีเหมือนหยอกเย้า

“นายก็ชอบทำให้ฉันเคยตัว รู้ไหมพอไม่มีนายฉันก็เหมือนคนไร้แขนไร้ขา ทำอะไรก็ติดขัดไปหมด หันซ้ายก็ปัญหา หันขวาก็มีประเด็น เฮ้อ! แค่ไม่ถึงเดือนฉันแทบจะเส้นสมองแตก มองอะไรก็ขัดหูขัดตาไปหมด”

“ก็กลับมาแล้วนี่ไงครับ” ปัถย์จับมือที่ลูบแก้มตนไว้ “คุณน่าจะบอกผม ทนปวดหัวคนเดียวอยู่ทำไม งานอื่นก็เยอะพอแล้ว เรื่องแบบนี้ให้ผมจัดการให้จะง่ายกว่า”

คนช่างห่วงบ่น ถึงจะรู้ว่าเอรีสแก้ปัญหาได้ แต่คนที่คอยเจ้ากี้เจ้าการเรื่องต่างๆ อย่างเขา จะทำใจไม่สนเลยก็คงไม่ไหว

“ห่วงฉันเหรอ?”

เอรีสส่งสายตาเจ้าเล่ห์ออกมาทันที ดันปัถย์จนสะโพกอีกฝ่ายติดกับโต๊ะทำงาน กักร่างเพรียวไว้ในวงแขน ยื่นหน้าไปใกล้จนจมูกชนกัน พอเอรีสรุกก็จงใจรุกให้หนัก ไม่ว่าจะที่ไหนเมื่อไรเขาก็พร้อมปฏิบัติการหื่นได้เสมอ

“ผมห่วงคนที่ต้องอยู่รับอารมณ์จากคุณมากกว่า” ปัถย์เบี่ยงหน้าหนี หลบริมฝีปากของอีกฝ่ายเป็นพัลวัล น้ำเสียงก็กดต่ำเพื่อปรามคนชอบเอาเปรียบ

เอรีสยิ้มกว้างให้กับคนที่ปากไม่ตรงกับใจ แต่พอให้สีหน้าบึ้งๆ ก็เลยไม่แกล้งต่อ

“ฉันเกือบไล่ออกไปหลายคน ดีนะนึกคำพูดที่นายเคยพูดขึ้นมาได้”

คำพูดที่บอกว่าคนทำงานมันต้องมีผิดพลาด ยิ่งทำงานเยอะความผิดพลาดมันก็เยอะ เราในฐานะหัวหน้าก็แค่คอยแก้ปัญหาไป อย่าไล่บี้หาความผิดจากลูกน้องเพราะเราทำงานกันเป็นทีม ถ้าจะผิดก็ผิดทั้งทีม คนที่อยู่บนสุดนั่นล่ะผิดมากที่สุด

“ไปกินข้าวกันเถอะครับ เดี๋ยวผมต้องไปไซด์ต่ออีก”

“โอเค แต่ขอจูบให้หายคิดถึงก่อนนะ แล้วค่อยไป”



.......



ปัถย์เดินตรวจงานพร้อมวิศวกรภาคสนามกับทีมหัวหน้าโฟร์แมนที่ควบคุมงานก่อสร้างทั้งหมด ใช้เวลาราวสองชั่วโมงภารกิจจึงเสร็จสิ้น ภาพรวมของงานไม่มีปัญญหาอะไรน่าห่วง แต่ก็ยังกำชับกับทุกฝ่ายห้ามเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก ทุกฝ่ายก็รับคำเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะระวังการทำงานในส่วนของตัวเองเพื่อที่จะลดข้อผิดพลาดที่ไม่ควรเกิด

“ยังไงผมต้องฝากพวกคุณเร่งงานในส่วนของห้องบอลลูมให้ทันตามกำหนดส่งมอบด้วยนะครับ ส่วนเรื่องที่เป็นปัญหาอยู่เดี๋ยวผมจะช่วยคุยกับคุณเอรีสให้เอง”

“ได้ครับคุณปัถย์ ผมรับปากครับว่าจะไม่ให้ล่าช้าหรือผิดพลาดอีกแน่ๆ”

“ถ้าอย่างนั้นผมคงต้องขอตัวก่อน เรื่องแผนงานที่ผมขอให้ปรับ ยังไงช่วยอัพเดตให้ผมพรุ่งนี้ก่อนสิบเอ็ดโมงนะครับ”

“ผมส่งเมล์โดยตรงได้ที่คุณเลยใช่ไหมครับ”

“ส่งถึงผมครับ แล้วก็ซีซีถึงทุกฝ่ายด้วยจะได้รับทราบพร้อมกัน”

“ครับ”

“ผมมีเรื่องรบกวนแค่นี้ พวกคุณไปทำงานต่อเถอะครับ”

เจ้าหน้าที่ฝ่ายโครงการกับโฟร์แมนอีกสองคนกลับยกมือไหว้ตามมารยาทและขอตัวไปทำงานของต่อ เหลือเพียงแค่ศรันย์วิศวกรประจำโครงการที่อาสาเดินมาส่งปัถย์ถึงไซท์ออฟฟิศ

“ดีใจนะครับที่คุณปัถย์กลับมา ตอนคุณปัถย์ไม่อยู่พวกเราทำงานกันยากมาก ขออนุมัติอะไรไปก็ไม่คืบหน้าสักอย่าง พูดไปก็เหมือนขี้ฟ้อง” ศรันย์พูดระหว่างที่เดินคู่กัน

ด้วยที่ศรันย์จบมาจากสถาบันเดียวกัน ความเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องทำให้คุยกันง่าย ไม่ต้องอรัมภบทให้มากความ

“มีอะไรที่ค้างอยู่เดี๋ยวผมจะไปจัดการต่อให้ แต่ผมขอลำดับความสำคัญก่อนนะครับ”

“ครับ แล้วนี่ปัถย์กลับยังไงครับ”

ศรันย์เอ่ยถามเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมากับโปรเจคเมเนเจอร์ประจำโครงการ แต่ตอนนี้ฝ่ายนั้นต้องปลีกตัวไปประชุมกับทางเจ้าหน้าที่ของโรงแรม

“คงรถไฟฟ้าครับ”

“เข้าไปตรวจงานในออฟฟิศหน่อยไหมครับ” ศรันย์เชื้อเชิญ เวลาที่ฝ่ายบริหารมาดูงานบ่อยๆ เจ้าหน้าที่ตัวเล็กตัวน้อยจะได้กระตือรือร้น เร่งสร้างผลงานให้ปรากฎ

“โอเคครับ เดี๋ยวเข้าไปดูก่อนก็ได้ เผื่อฝ่ายไหนมีอะไรด่วน”

หว่างนั้นทั้งคู่ก็พูดคุยประเด็นปลีกย่อยอีกหลายเรื่อง ข้อมูลที่ปัถย์อยากรู้ได้ถูกถ่ายทอดทีละเด็น พอมาถึงออฟฟิศสนามหัวหน้าที่อาวุโสผู้ที่คอยประสานงานรีบปรี่มาบอกชายหนุ่มทันทีที่เห็นหน้า

“คุณปัถย์คะ คุณเอรีสมารอคุณอยู่ที่ห้องประชุมด้านในค่ะ” ใบหน้าสวยที่ดูแตกตื่นเหมือนกับว่ากำลังเผชิญกับเรื่องใหญ่เรื่องโต

“คุณเอรีสมาเหรอ?”

ศรันย์ที่กำลังถอดหมวกนิรภัยสีขาวออกถามอย่างสนอกสนใจ ทั้งประหลาดใจและกังวลอยู่ลึกๆ ตามประสาพนักงานชั้นผู้น้อยที่เมื่อนายมาก็กังวลโน่นกังวลนี่เป็นธรรมดา

ไม่บ่อยครั้งนักที่เจ้านายใหญ่จะปรากฎกายที่ไซด์งานแบบปัจจุบันทันด่วน ทุกทีก็จะมีตารางตรวจงานที่แน่นอนว่าวันไหน และเจ้าหน้าที่อาวุโสฝ่ายต่างๆ จะเตรียมข้อมูลความพร้อมกันล่วงหน้ากันเป็นสัปดาห์ ให้พร้อมหากผู้เป็นเจ้านายต้องการทราบอะไร แต่การที่จะมาแบบไม่บอกนั้นไม่เคยมีเลย

“มานานหรือยังครับ”

“สักสิบนาทีได้ค่ะ เชิญคุณปัถย์ด้านในเลยดีกว่า เชิญค่ะ เชิญ”

ปัถย์ผ่านพนักงานฝ่ายต่างๆ ที่ถึงแม้จะจดจ่อกับงานที่เร่งมืออยู่เพียงใด ก็ยังแบ่งความสนใจลอบมองเขาไปตลอดทาง

ปัถย์เปิดประตูห้องรับรองจึงได้พบกับเอรีสที่จงใจเปลี่ยนห้องนี้เป็นออฟฟิศเคลื่อนที่ เขาเหลือบตามองเขาที่ผ่านประตูเข้ามาเล็กน้อย ก่อนกดแป้นคีย์บอร์ดแลปท็อปเครื่องบางตรงหน้ารัวๆ ก่อนกล่าวเสียงเรียบ

“รอแป๊บนะ ขอตอบเมล์นี่ก่อน”

ปัถย์เดินยืนอยุ่ฝั่งตรงข้าม เขาวางหมวกนิรภัยสีขาวช้าๆ แล้วเลื่อนเก้าอี้มานั่งมองเจ้านายที่โผล่มาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ผ่านไปครู่หนึ่งเอรีสจึงเงยหน้าจากหน้าจอ แล้วเลิกคิ้วข้างหนึ่งแล้วมองปัถย์ด้วยหางตา

“คุณมาทำอะไรที่นี่ครับ”

“ก็มารับกลับไง” เอรีสขยับแก้วน้ำเย็นของตัวเองให้ปัถย์ อีกฝ่ายรับมาอย่างไม่อิดออด แล้วกระดกอึกใหญ่จนหมด

“คุณขับรถมาเองหรือครับ” ปัถย์ถามหลังจากนั้น

“อืม...” เอรีสพยักหน้า “นายเสร็จแล้วใช่ไหม จะได้กลับ”

“เรียบร้อยแล้วครับ”

“กลับเลยไหม นี่ก็จะห้าโมงแล้ว”

“ขอสักสิบนาทีได้ไหมครับ ผมอยากเดินไปคุยกับวิศวกรงานระบบ กับฝ่ายโครงการอีกสักหน่อย”

“โอเค เดี๋ยวนั่งทำงานรออยู่ในนี้แล้วกัน

หลังจากนั้นสามสิบนาที เอรีสก็นั่งหน้าบึ้งอยู่บนรถคันโปรด มีปัถย์รั้งตำแหน่งสารถีเช่นเคยเพราะรู้ว่าเอรีสคงไม่อยู่ในโหมดที่จะพาเขาทั้งคู่กลับบ้านได้อย่างปลอดภัย ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกเสียวสันหลังวาบ รังสีอำหิตกระจายไปทั่วระยะสิบเมตร

“ต่อไปไม่ต้องมาคนเดียวแล้วนะ คิดแล้วน่าโมโห” เอรีสกระแทกเสียง แต่จะอาละวาดแรงๆ ก็ไม่กล้า

“...” ปัถย์นิ่งฟัง รออยู่ว่าอีกฝ่ายจะโวยวายอะไรต่อ

“เพิ่งรู้นะว่าไซด์นี่มีพวกลิ้นไรมันเยอะขนาดนี้”

“ครับ?”

“ก็ไอ้พวกที่มองนายน้ำลายยืดนั่นไงล่ะ เห็นแล้วรำคาญชะมัด”

“คุณก็พูดไปเรื่อย ที่นั่งหน้าบึ้งหน้าตึงเพราะเรื่องนี้เหรอครับ” ปัถย์เอียงคอถาม แล้วหันกลับไปสนใจถนนเมื่อไฟเขียวปรากฎ “เขาแค่อัธยาศัยดี”

“อัธยาศัยดีกับผีน่ะสิ แลกไลน์เหรอ? ฮึ! นึกว่ารู้ไม่ทันหรือไง จะมาอ่อยคนของฉันเหรอ ห่างชั้นไปสิบปี”

ปัถย์เผลอหัวเราะกับคำว่าอ่อยที่เอรีสพูด นี่คิดจริงคิดจังไปถึงไหน บทจะเป็นคนขี้หึง ก็หึงเก่งหึงถี่เสียเหลือเกิน

“เขาไม่ได้อ่อยผมหรอกครับ แต่ถึงอ่อยจริงผมก็ไม่ได้ชอบ แบบนั้นไม่ใช่สเปคผม”

วิศวกรผิวเข้มคนนั้นเหมาะจะเป็นเพื่อนกินเหล้ามากกว่าจะเป็นแฟน... อีกอย่างถ้าไม่ใช่เอรีสปัถย์ก็ไม่คิดว่าตัวเองจะพัฒนาความสำพันธ์อะไรกับใครอีกได้ ดูอย่างธีรนัยเป็นตัวอย่าง สุดท้ายเขาก็รู้สึกว่าไปไม่รอด ไม่มีความรู้สึกว่าใจพองโตฟูฟ่องเหมือนเวลาที่อยู่กับคนข้างๆ ที่นั่งหน้าบูดตอนนี้

“ก็ไม่พอใจไง ถึงนายไม่สนใจแต่ฉันก็ขวางหูขวางตาอยู่ดี ไม่ติดว่าทำงานดีนะ ไล่ไปอยู่ไซด์ไกลๆ แล้ว”

พูดไปบ่นไป แต่ปัถย์ก็ไม่ได้เก็บมาเป็นสาระจริงจัง เอรีสก็แค่พูดแต่เขาเป็นคนมีเหตุผล แยกแยะได้ คงไม่ทำแบบนั้นจริงๆ หรอก

“คุณไม่ใช่คนไม่มีเหตุผลแบบนั้นสักหน่อย อีกอย่างถ้าเขาอ่อยผมจริงก็ไม่น่าจะเป็นไรนะครับ ผมยังโสดทั้งแท่ง” ปัถย์แกล้งพูดให้เอรีสโมโหเล่น ซึ่งคนถูกหยอกก็ค้อนขวับและโวยวายทันที

“เดี๋ยวเถอะ พูดแบบนี้ระวังจะโดนนะ”

เสียงแข็งดวงตาคมกริบเอาเรื่อง แม้จะรู้ว่าปัถย์แกล้งพูด แต่ใจก็พาลรู้สึกหงุดหงิดจนแทบลมออกหู

“ดุจังนะครับ”

” ดุสิ ถ้าใครมาวอแว ฉันรู้เมื่อไร เอาตาย”

ปัถย์หัวเราะในคอ ใช้มือข้างซ้ายไปลูบหัวเข่าของคนหัวร้อน

“ใจเย็นครับ ใจเย็น นี่คุณโมโหหิวหรือเปล่า”

“ไม่ใช่” เอรีสบอกเย็นไม่ได้โกรธเป็นจริงเป็นจัง พอใจที่ปัถย์ยอมง้อเขาบ้างเสียด้วยซ้ำ “ว่าแต่สเปคนายเป็นยังไง แบบฉันนี่เรียกว่าใกล้เคียงไหม”

“คุณเหรอครับ...” ปัถย์กลั้นยิ้ม ยิ่งเห็นเอรีสกระตือรือร้นก็ยิ่งนึกสนุก “ก็ไม่ใกล้เหมือนกัน ผมชอบผมยาว ตัวเล็ก ตาโต ยิ่งพูดอ้อนๆ คะๆ ขาๆ นี่แพ้ทางเลย”

เอรีสอ้าปากค้าง สีหน้าตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด

“...”

“ถ้าได้คนที่ทำกับข้าวเก่งๆ นี่ยอมเลยครับ”

เอรีสที่กำลังจะโวย พอเห็นท่าทางกลั้นหัวเราะก็เลยรู้ว่าตัวเองกำลังถูกปั่นหัว ปัถย์ที่กำลังอารมณ์ดี ต่อปากต่อคำอย่างที่ทำมาตลอดหลายปี มันทำให้เอรีสยิ้มออกและพอใจกับสถานะอันคุ้นเคยที่กำลังกลับมา

“แกล้งใช่ไหมเนี่ย”

“คุยกันมาตั้งนานสองนาน เพิ่งรู้หรือครับ ความรู้สึกช้าไปเยอะเลยนะครับ”

“นายนี่นะ... ร้ายมาก เดี๋ยวเถอะอย่าให้ฉันได้โอกาส จะเอาคืนให้หนักเลย คอยดู”

“ก็อย่าเป็นคนขี้โมโหสิครับ” พูดจบปัถย์ก็จอดรถที่คอนโดหรูของเอรีสพอดิบพอดี

“ขึ้นไปข้างบนก่อน เดี๋ยวมีอะไรให้ดู” เห็นปัถย์นิ่งค้าง เอรีสจึงรีบพูดต่อ “เรื่องงาน ทำหน้าแบบนั้น คิดอะไรอยู่เหรอ...อ่ะๆ” เอรีสแกล้งชี้หน้าแล้วจุ๊ปาก จนปัถย์ได้แต่ส่ายหัวกับท่าทางทะเล้นๆ ของเขา

ชายหนุ่มทั้งคู่ขึ้นลิฟต์ โดยหยอกเย้ากันมาตลอดเวลา แต่เมื่อมาถึงห้องชุดสุดหรู ปัถย์ก็เข้าเรื่องงานทันที

“เอรีสครับ เรื่องการประมูลของคุณเจซี คุณได้ข้อมูลประกอบครบหรือยัง”

ปัถย์เดินไปเปิดตู้เย็น รินน้ำใส่แก้วให้ทั้งตัวเองกับเจ้านาย ความคุ้นเคยในทุกตารางนิ้วกลับมาในทันที ไม่ว่าจะตรงในในห้องชุดสุดหรูแห่งนี้อยู่ในความทรงจำของเขา

“อืม ครบ ฉันว่าจะคุยเรื่องนี้อยู่พอดี” เอรีสปลดเนคไทออกช้าๆ แล้วนั่งแผ่ลงบนโซฟา เขาหมุนคอสองรอบก่อนหยิบไอแพทส่วนตัวขึ้นมาเปิด

“ว่าไงครับ”

“นายช่วยลงดีเทลเรื่องนี้ให้หน่อยสิ ฉันไม่อยากให้คนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องกับงานนี้ พูดตรงๆ ไม่ไว้ใจใครจริงๆ”

“ผมจัดการให้ครับ พรุ่งนี้ผมจะไปเอาข้อมูลที่คุณฐิติมาต่องานให้เอง”

“อีกอย่าง...อย่าให้ฐิติยุ่งกับงานนี้ รวมถึงโครงการใหม่ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้น” เอรีสกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง ดวงตาของเขาบอกเล่าความคิดได้ว่าเจ้าตัวกำลังระแวงแคลงใจ

“มีอะไรหรือเปล่าครับ”

“...” เอรีสเงียบ

“อย่าเงียบสิครับ”

“ฉันกลัวว่าถ้าเล่าความจริงให้นายฟัง แล้วนายจะช็อคน่ะสิ”

เอรีสพูดติดตลก ทั้งที่เรื่องนี้ซีเรียสแบบละเลยไม่ได้ ถ้าเขารู้ช้ากว่านิดสิ่งที่ตั้งเป้าไว้ก็คงจะพังครืน ความสูญเสียที่เกิดขึ้นมูลค่าสูงมาก

“ขนาดนั้นเลยเหรอครับ” ปัถย์ถาม ทั้งที่สงสัยแต่ก็ไม่กล้าเดาไปในทางร้าย ถ้ามันเป็นอย่างที่เขาสังหรณ์ ความผิดส่วนหนึ่งก็คงมาจากที่เขารับคนที่ไม่น่าไว้ใจเข้ามาข้างกายเอรีส

เอรีสถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนส่งไอแพทในมือให้คนที่ยืนอยู่ไม่ห่าง ปัถย์เห็นดังนั้นเลยวางแก้วน้ำลง แล้วรับหน้าจอที่เปิดค้างไว้ แค่แวบแรกที่เห็นปัถย์ก็กะพริบตาอยู่หลายครั้ง คล้ายไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น

“นี่มัน... คุณได้รูปพวกนี้มายังไงครับ”

ไม่ใช่รูปตัดต่อ ไม่ใช่รูปคนหน้าเหมือน นี่มัน...ฐิติกับธีรนัยที่กำลังบดบดจูบกันอย่างถึงพริกถึงขิง เมื่อเลื่อนแหเรื่อยๆ ภาพลับสิบแปดบวกก็ยิ่งตอกย้ำความจริงว่าผู้ช่วยที่เขาหามาเพื่อแทนตัวเอง กับอดีตคนเคยคุยช่างลึกซึ้งกันแบบถึงเนื้อถึงตัวยังไง

“นักสืบเอกชน”

“ผมอยากจะบ้า ไม่คิดว่าเรื่องมันจะเป็นแบบนี้ ขอโทษนะครับเอรีส ผม... ผมผิดเอง”

ปัถย์ยกมือกุมขมับ ให้ตายสิ! บ้าที่สุด บ้ามากๆ

” โทษตัวเองทำไม ไม่เกี่ยวกับนายเสียหน่อย”

“ก็ผมรับคุณฐิติเข้ามา ผม...”

เอรีสดึงมือปัถย์ให้ลงมานั่งข้างๆ ฉวยเอาไอแพทในมือโยนทิ้งไปอย่างไม่สน ตอนนี้เขาห่วงความรู้สึกของคนตรงหน้ามากกว่า

“ก่อนหน้านี้ธีรนัยเข้าหานายก็เพราะจุดประสงค์แบบนี้ไง แต่เพราะนายไม่ใช่คนที่จะโน้มน้าวให้ทำเรื่องพวกนี้ง่ายๆ ฉันก็เลยไม่เสียนายไป มันคอยทำทุกอย่างให้ฉันล่มจม แต่ฉันก็รู้เหลี่ยมของมัน”

“ที่คุณธีรนัยเข้ามาตีสนิทกับผมเพราะว่าอยากหลอกใช้ผมหรือครับ ทุเรศมาก”

ปัถย์รู้สึกโกรธมาก มันช่างเป็นวิธีการที่โคตรจะสกปรก ต่ำและไร้ศักดิ์ศรีมากๆ ไม่น่าเชื่อว่าคนที่ดูดีจะมีความคิดในด้านมืดเลวร้ายถึงขั้นนี้

“ธีรนัยทำได้ทุกอย่าง จะเลวหรือชั่วกว่านี้ก็ทำมาแล้ว”

“ผมนี่โง่จริงๆ เลย” ปัถย์ต่อว่าตัวเอง กำลังคิดอยู่ว่าถ้าเจอธีรนัยตอนนี้ เขาอาจปล่อยหมัดใส่หน้าหล่อๆ สักหมัด

“สองคนนี้คบกันมาเงียบๆ หลายปีแล้ว แต่เพราะฐิติทำงานอยู่สิงคโปร์เลยไม่มีใครรู้กันมากนัก แต่นายไม่ต้องไปคิดมากหรอก คนมันจะเลวมันก็หาวิธีทุกรูปแบบที่จะมาเล่นงานฉันนั่นล่ะ ต่ำช้ายังไงมันก็ทำ” เอรีสลูบหลังคนข้างกาย โอบบ่ารั้งร่างเพรียวเข้าหาตัวแล้วลูบหัวเบาๆ เพื่อปลอดใจ “นายแค่มองไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมคนเลว เพราะนายเป็นคนดีไง”

“ผมโง่งี่เง่าต่างหากครับ” ปัถย์ยังต่อว่าตัวเอง “ดูสิ แถมเอาศัตรูมาไว้ข้างตัวคุณ ถ้ารู้ไม่ทันแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ผมผิดเต็มๆ”

แน่นอนว่าปัถย์กำลังนึกโทษตัวเอง คนที่ทำอะไรรอบคอบเสมอแบบปัถย์ต้องมาเจอกลลวงของคนเลวก็มีอาการเสียเซลฟ์เป็นธรรมดา

“ไม่เอานะ ไม่ทำหน้างอด้วย เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป แค่นายกลับมากำลังใจก็มาเป็นกอง ร้อยธีรนัย ร้อยเฟยหลงฉันก็ไม่แคร์”

“ศัตรูคุณเยอะจัง” ปัถย์พึมพำพลางย่นจมูก ไซ้หัวกับฝ่ามือหนาที่วางนิ่งอยู่บนหัว

“... แล้วจะทิ้งกันไปไหมล่ะ” เอรีสแกล้งถามคนที่นั่งคอตกอยู่ข้างๆ ดูสิ หน้าเหี่ยวเศร้าสร้อยจนน่าสงสาร “อยู่ด้วยกันก่อนะครับ” เอรีสอ้อนใส่เพื่องเบนความสนใจ ไม่อยากให้คนสำคัญคนนี้รู้สึกเฟลล์กับคนเลวๆ พันธุ์นั้น มันไม่มีค่าพอให้นึกถึงเสียด้วยซ้ำ

“บอสรู้เรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อไรครับ”

“สงสัยตั้งแต่ก่อนไปกระบี่ ฐิติทำตัวแปลกๆ เคยเห็นครั้งหนึ่งว่าเดินมาค้นเอกสารในลิ้นชักของฉัน แล้วที่ชัดๆ ก็คงเป็นตอนไปกระบี่ เขาก็แอบไปที่ล๊อบบีขอคีย์การ์ดสำรองตอนฉันไปหานาย เดาว่าคงไปหาอยากไปหาข้อมูลคาบไปบอกผัว ฉันเลยแกล้งจดอะไรขยุกขยิกลงไปมั่วๆ ซั่วๆ แกล้งคน” เอรีสยักไหล่ สีหน้ากวนๆ พาให้บรรยากาศเครียดๆ เมื่อครู่คลายตัวลงไปกว่าครึ่ง

ปัถย์แทบปล่อยก๊ากกับคำว่าผัวที่เอรีสว่า... ปากร้ายชะมัด

บทจะพูดจาก็

“จะปล่อยเขาไว้แบบนี้เหรอ ไม่เสี่ยงไปหน่อยหรือครับ”

“อีกไม่นานหรอก ฉันแค่รอเวลาเหมาะๆ ระหว่างนี้นายก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ คิดเสียว่าดูละครลิงขำๆ แก้เบื่อไปก่อนนะ ทำใจให้สบาย” เอรีสไม่พูดเปล่า ฝ่ามือทั้งสองข้างลูบแก้มบึ้งๆ ของปัถย์ให้คลายความเครียดลง

ปัถย์เอนตัวซบเอรีส ปล่อยให้อ้อมกอดแกร่งโอบล้อมตัวเองไว้ แล้วครู่หนึ่งก็นึกได้ว่าตัวเองเดินดูงานเสียจนเหงื่อชุ่ม เนื้อตัวก็มีแต่ฝุ่น คิดดังนั้นก็ดันตัวออกห่าง

“หืม...” เอรีสส่งเสียงในคอด้วยความงุนงง ยิ่งเห็นปัถย์ขืนตัวอาการเปลี่ยนไปเร็วก็เลยงง

“ตัวเหม็นครับ”

“ไหนดูสิ เหม็นยังไง อือ... ไม่นะ” เอรีสแย้ง สองมือก็ดึงปัถย์เข้าหาตัว ยังใช้จมูกสูดกลิ่นตัวที่ดมยังไงก็ไม่เบื่อไปอีกหลายต่อหลายครั้ง “ดมอยู่เนี่ย... ก็หอมดีนะ ตรงนี้ก็หอม ตรงนี้ก็หอม”

เอรีสผละจากแก้มไปที่ซอกคอ จากซอกคอก็เป็นหัวไหล่และแผ่นหลัง ไล่ไปเรื่อยเพื่อพิสูจน์คำพูดตัวเอง กลิ่นของปัถย์ผสมระหว่างความเป็นบุรุษเพศกับกลิ่นหอมอ่อนๆ ชวนให้สบายใจ กลิ่นเหงื่อที่ปัถย์กังวลว่าเหม็น กลับเป็นกลิ่นที่เมื่อสูดเข้าไปแล้วปลุกอารมณ์ดิบให้โชนพลังขึ้น ความวาบหวามเร้นลับแล่นพล่านไปทั้งร่าง จะบอกว่าใกล้เคียงกับคำว่ากลัดมันก็คงได้

ที่คิดว่าจะแกล้งอีกฝ่ายเล่นๆ กลายเป็นว่าความทรมานนั้นกลับมาตกอยู่ที่เขาเสียเอง จะเร่งรัดไปก็จะดูวู่วามเอาเปรียบ แต่จะใจเย็นนั่งมองเป็นฤาษีก็คงไม่ใช่วิถีของเขา

“อือ... เดี๋ยวครับ”

ปัถย์สะท้านเพราะปากของเอรีสที่ปะปายที่ต้นคอ ซ้ายบ้างขวาบ้าง ทั้งขบทั้งเม้มจมูกก็ดม ปากก็งับ นี่ไม่น่าใช่สัญญาณที่ดี เสี่ยงมากที่จะโดนเอารัดเอาเปรียบถูกจับกินจนเหลือแต่กระดูก


^^^^
งือออ
จะรอดไหมหนอ...
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH23 [02|08|61] P11
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 02-08-2018 15:58:03
ร้อนแรงตลอดๆ
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH23 [02|08|61] P11
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 02-08-2018 19:38:59
ขอบคุณค่ะ  สนุกมาก
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH23 [02|08|61] P11
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 02-08-2018 19:43:56
อ้อยเข้าปากเอรีสแล้วไม่น่ารอดนะ เหอะๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH23 [02|08|61] P11
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 02-08-2018 19:58:26
 o13 o13
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH23 [02|08|61] P11
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 02-08-2018 20:16:06
 :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH23 [02|08|61] P11
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 02-08-2018 20:19:28
รอดูความแซ่บ ตอนจับฐิติได้  :hao3:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH23 [02|08|61] P11
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 02-08-2018 21:35:42
 :katai2-1:

ไกล้ถึงเวลาตีงูแล้ว
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH23 [02|08|61] P11
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 02-08-2018 23:10:12
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH23 [02|08|61] P11
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 03-08-2018 00:25:37
ปัถย์กลับมาแล้ว~
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH23 [02|08|61] P11
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 03-08-2018 18:42:19
เพิ่งเข้ามาอ่าน รอติดตามค่า
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH23 [02|08|61] P11
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 05-08-2018 23:50:19
เอรีสปรับอารมณ์ได้เร็วมาก555
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH23 [02|08|61] P11
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 06-08-2018 16:46:45
เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ สนุกมาก
เหม็นความรักจริงๆช่วงนี้
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH23 [02|08|61] P11
เริ่มหัวข้อโดย: joborcusier ที่ 06-08-2018 22:03:52
บอสสสส :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH23 [02|08|61] P11
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 23-08-2018 08:14:39
แหมบอสเรานี่แสนรู้จัง เฮ้ย!! ผิด ๆ ต้องฉลาดสินะ

แต่เรื่องหวานเนี่ยยกให้บอสเขาเลย
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH23 [02|08|61] P11
เริ่มหัวข้อโดย: anin ที่ 29-08-2018 15:21:19
Chapter 24


   เสียงสายน้ำที่ไหลผ่านฝักบัวและละอองน้ำแรงๆ ทำให้เกิดเสียงสะท้อนก้องไปทั่วทั้งห้องน้ำสุดหรู

   ปัถย์เบ้หน้า พยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อกลั้นเสียงครางมิให้ลอดผ่านริมฝีปากออกมา

   นี่เป็นประสบการณ์การอาบน้ำที่สุดแสนจะวาบหวามที่สุดที่ปัถย์เคยมีมาตลอดทั้งชีวิต การอาบน้ำพร้อมผู้ชายที่แสนจะหล่อและมีเสน่ห์นี่ช่างอันตรายเกินกว่าที่คนธรรมดาๆ จะรับไหวจริงๆ

   สายน้ำไหลผ่านเรือนร่างแกร่งของตัวเองจากศีรษะ ผ่านบ่าและแผ่นหลังที่มีร่างบึกบึนสวมกอดอยู่ ใบหน้าหล่อเหลาของคนที่อยู่ด้านหลังซุกไซ้ต้นคอ ปากก็ขบเม้มกระตุ้นเลือดในกายให้เดือดพล่าน สายน้ำที่เย็นเฉียบไม่อาจลดระดับความร้อนแรงที่เอรีสเทียวปรนเปรอให้ด้วยความตั้งอกตั้งใจ

   ฝ่ามือหนาของเอรีสข้างหนึ่งถูไถหน้าท้องแบนราบ บรรจงสร้างความรู้สึกชวนซ่านเสียวแก่ปัถย์ในทุกๆ ตารางนิ้วที่พาดผ่านไป ปัถย์กระสับกระส่าย คอยแต่จะใช้มืออันปวกเปียกของตัวเองปัดมือของเอรีสที่ป้วนเปี้ยนอย่างล่อแหลมอยู่ออก

   “เอามือวางไว้บนผนังสิครับ แล้วอย่าขยับจนกว่าฉันจะบอก”

   เอรีสสั่ง มือข้างที่เหลือดึงฝ่ามือของปัถย์ให้ทาบบนผิวกระเบื้องลายสวย บังคับกลายๆ ให้ปัถย์ต้องยอมจำนนต่อทุกสิ่งทุกอย่างที่เขากำลังจะทำต่อไปนับจากวินาทีนี้

   ปัถย์สะดุ้ง เมื่อเอวถูกกอบกุมไว้ด้วยมือสากทั้งสองข้าง เอรีสที่ยืนซ้อนอยู่เบื้องหลังใช้ขาค่อยๆ แยกเข่าของปัถย์ออกจนได้องศาที่ตนพอใจ มือคู่เดิมดันปัถย์ให้แนบชิดสะโพกแกร่งร้อนที่ดุนดันตอบโต้จากทางด้านหลัง

   ปัถย์โอนอ่อนผ่อนตาม ยินยอมให้เอรีสชักเชิดตัวเองไปตามเกมที่เขาเป็นคนร่างกฎ แม้ไม่แน่ใจว่าความตื่นเต้นที่เกิดขึ้นจะทำให้เขาหัวใจวายตายไปก่อนจะถึงจุดสุดยอดหรือเปล่า

   เอรีสเอื้อมมือเทสบู่เหลวลงบนฝ่ามือ ก่อนละเลงไปทั่วหน้าอกของคนที่สั่นสะท้านอยู่เบื้องหน้า ฟองนุ่มนวลอาบไล้ไปทั่วร่าง

   เอรีสบรรจงถูฟองหอมกรุ่นไปทั่วทั้งเนื้อทั้งตัว ทุกๆ ตารางนิ้ว ตั้งแต่ต้นคอจดปลายเท้า

   “ทีนี้ก็จะได้ไม่ต้องเถียงกันว่าเหม็นหรือหอม สกปรกหรือว่าสะอาด”

   เอรีสกระซิบเสียงทุ้ม มือก็ทำหน้าที่ถูบนอกและแผ่นหลังให้สะอาดหมดจด กระทั่งเป้าหมายของตัวเองเริ่มลดระดับต่ำลงๆ

   บั้นท้ายเปลือยคือเป้าหมายใหม่ที่เอรีสคิดว่าควรจะให้ความสำคัญมากกว่าทุกที่เสียหน่อย เพราะมันช่างน่ารักและยั่วยวนชวนให้แตะต้อง ครั้นจะให้ลูบผ่านๆ แบบขอไปทีก็คงจะเสียชื่อเสียประวัติคนที่ละเอียดรอบคอบในทุกเรื่องอย่างเอรีส ิไปสักหน่อย

   เป็นอีกครั้งที่ปัถย์สะดุ้งเฮือก ฝ่ามือที่วางทางไปกับผืนกระเบื้องเปียกๆ กำเข้าหากันแน่น ยามที่เอรีสทาบมือลงบนแก้มก้น และลูบวนไปมาอยู่หลายครั้ง เอรีสเอื้อมไปลดความแรงของน้ำจากฝักบัวให้เหลือเพียงแค่สายเล็กๆ ฟองสบู่ลื่นๆ ทำให้สัมผัสนั้นซ่านสยิวและปั่นป่วนในช่องท้อง หลายหนที่ผ่านมาปัถย์เคยคิดว่าการเล้าโลมด้วยปลายนิ้วของเอรีสช่างปลุกปั่นอารมณ์ให้เตลิดไปไกลแล้ว แต่การมีฟองสบู่เข้ามาเป็นตัวเสริมกลับเพิ่มดีกรีความหฤหรรษ์ได้มากกว่าหลายเท่า

   “สะ...สะอาดแล้วมั้งครับ” ปัถย์พูดแทบไม่เป็นคำ

   ครั้นพยายามเบี่ยงสะโพกหนี เอรีสก็ยึดเอาไว้แน่น แถมยังตีเพียะหนึ่งเพื่อปรามไม่ให้ดิ้นหนี เอรีสกดปลายนิ้วชำแรกผ่านเข้าไปเบาๆ ช้าแต่มั่นใจ

   แย่แล้ว แย่แล้ว ตลอดทั้งชีวิตนี้ ปัถย์ไม่เคยแตะต้องตัวเองในส่วนนี้มาก่อน แต่ตอนนี้เอรีสกำลังดำดิ่งเข้าไปลึก เพื่อทำความสะอาดอย่างหมดจดถ้วนถี่ ปัถย์หน้าแดงก่ำ ทั้งเขินและวูบวาบไปทั้งตัว

   “ยัง ตรงนี้ยังมอมแมมอยู่เลย เดี๋ยวนะ ขอใช้เวลาตรงนี้นานๆ หน่อย จะได้แน่ใจ”

   เอรีสเย้าปัถย์เสียงแผ่วหวาน
 
   ถ้าปัถย์ได้เห็นหน้าเอรีสตอนนี้คงเขินกว่าเก่าเพราะสายตาคู่นั้นดูเจ้าเล่ห์แสนกล เต็มเปี่ยมไปด้วยคำว่า ‘หื่น’ อย่างเต็มพิกัด

   “กางขากว้างๆ หน่อย” เอรีสใช้มือดันขาอีกฝ่าย และเริ่มสำรวจทุกซอกทุกมุมอย่างคนช่างใส่ใจ

   “อื้อ...เอรีส” ปัถย์ประท้วง

   ยามที่เอรีสปาดฟองสบู่ลงไปในส่วนที่อ่อนไหวด้านหน้า ถ้ามันคือการทำความสะอาด นี่ก็คงเป็นวิธีทำความสะอาดสุดล่อแหลม สุดหยาบโลน ในความทรมานนั้นแฝงไปด้วยความคาดหวังที่ปัถย์เองก็ตั้งเป้ารอคอย

    ฝ่ามือหนากอบกุมในส่วนที่ตื่นตัวอยู่มั่นแต่ไม่ยอมขยับ

   “เดี๋ยวนะ ขอเพิ่มฟองตรงนี้ก่อน” เอรีสถอนมือข้างที่อยู่ด้านหลังออกแบบไม่ให้ตั้งตัว จงใจเทสบู่เหลวลงบนแก่นกายของปัถย์ที่กำอยู่ในมือ
 
   ปัถย์จับจ้องของเหลวใสๆ ที่ราดรดลงบนเนื้อตัวจนเป็นสาย ตามมาด้วยฝ่ามือข้างนั้นที่รูดรั้งจนเกิดฟองนุ่มลื่นจนเป็นที่พอใจ นิ้วทั้งห้ากำหนดจังหวะเนิบช้า ปลุกราคะให้ลุกโชนจนเก็บเสียงครางไม่ได้อีกต่อไป

   “เร็วหน่อยครับ” ปัถย์กัดฟัน จังหวะที่เอรีสควบคุมมันช้าเกินไป หากต้องการจะแตะฝั่งเพื่อปลดเปลื้องความทรมานเอรีสจะต้องขยับให้เร็วกว่านี้
 
   “แบบนี้เหรอครับ แค่นี้พอไหม” เอรีสยอมตามใจแต่โดยดี ทุกจังหวะ และทุกความรู้สึกส่งผ่านสัมผัสจากฝ่ามือหยาบที่กระทำการด้วยความทะนุถนอมอ่อนโยน

   “อย่าหยุดนะครับ อีก...นิดเดียว” ปัถย์ร้องขอควาเมตตา หากเอรีสหยุดทุกการกระทำ เขาต้องตายแน่ๆ

   ตายแบบไม่สงบด้วย

   หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจ การปลดปล่อยอันรุนแรงของปัถย์จึงมาถึง ร่างนั้นอ่อนปวกเปียก ไม่มีแม้เรี่ยวแรงที่จะขยับแขนขา แต่ที่ยังยืนทรงตัวอยู่ได้ก็เพราะเอรีสโอบกอดไว้ ปัถย์หอบจนตัวโยน

   เอรีสหอมกระหม่อมแรงๆ ด้วยอดใจไม่ไหว หยาดลาวาร้อนราดรดบนฝ่ามืออหนาซึ่งรองรับไว้ เขาเอื้อมมือมาด้านหลัง แล้วใช้ความข้นหนืดนั้นเบิกทางด้วยความจัดเจน นิ้วมือยาวสอดผ่านด้วยความนุ่มนวลผสมความเอาแต่ใจ

   “ไม่มีคอนดอม...แต่ฉันปลอดภัย”

   ก่อนหน้านี้ทั้งคู่ได้ตรวจสุขภาพประจำปี และผลตรวจก็ออกมาว่าคนทั้งคู่ปราศจากโรคร้าย และทุกครั้งเอรีสก็ป้องกันเสมอ ส่วนปัถย์ก็ไม่ได้นอนกับใครนอกจากเอรีสมาเกือบปีแล้ว

   “ฉันขอ...ได้โปรด อนุญาตให้ฉันทำ”

ปัถย์พยักหน้าเบาๆ เป็นคำตอบ

   เมื่อได้รับอนุญาต เอรีสก็เกิดความลำพองใจ เขาถอนนิ้วออก และใช้มือข้างถนัดจดจ่อแก่นกายกับส่วนอันปิดสนิทและอ่อนไหว ก่อนชำแรกผ่านเข้าไปในจังหวะเดียว ปัถย์เกร็งกายสะท้าน ครั้งนี้ต่างจากครั้งก่อนๆ เพราะเอรีสไม่ได้ออมแรงเลย

   เอรีสใช้เรี่ยวแรงที่มีผลักดันตัวตนเข้าไปจนสุดความยาว ไม่ยอมปล่อยเวลาให้เนิ่นนานก็ดึงตัวออกมาจนเกือบสุดขอบ
ปัถย์ครางเสียงต่ำ ยอมจำนนกับเอรีสที่สวมบทนักรักตัวร้ายที่กำลังเอาแต่ใจตัวเอง

   “บอสครับ ช้าๆ ครับ...ช้าลงหน่อย”

   “อีกนิดครับ อีกนิดเดียว”

   เอรีสบดเบียดสะโพกหนักๆ นอกจากจะไม่ผ่อนแรง เขากลับเร่งจังหวะตามอารมณ์และความปรารถนา  แรงเร็ว และหนักหน่วง ในตอนนี้เอรีสไม่ได้กำลังมีเซ็กซ์ แต่กำลังทำรัก...
 
   มันจะเป็นการทำรักที่เขาอยากจะทำมันอีกซ้ำๆ



.
.
.


   ปัถย์ที่กำลังอยู่ในระหว่างครึ่งหลับครึ่งตื่นลุกขึ้นนั่งเมื่อได้ยินเสียงเอรีสคุยโทรศัพท์

   จากประตูห้องที่แง้มอยู่จึงได้ยินเสียงเพียงแว่วๆ จับใจความสำคัญแทบไม่ได้ แต่ไม่รู้ทำไม ปัถย์ถึงสังหรณ์ใจว่าคนที่อยู่ปลายสายอาจเป็นใครสักคนที่สำคัญ เพราะในเวลานี้เป็นเวลาตีหนึ่งกว่าคงไม่มีใครคนไหนกล้าโทร. หาเอรีสหรอก

   น้ำเสียงของเอรีสทุ้มต่ำ ปัถย์ก้าวลงจากเตียง จังหวะที่จะผลักประตูออกไป เขาก็ได้ยินเสียงพูดที่ทำให้าชะงักการเคลื่อนไหว และยอมเป็นคนไร้มารยาทที่แอบฟังคนอื่นสนทนาจากหลังประตู

   “กลับบ้านซะ คุณเมามากแล้ว”

   เอรีสเดินไปเดินมา ท่าทางเขาดูไม่เป็นตัวของตัวเองนัก สีหน้าและน้ำเสียงเคร่งขรึมจริงจัง มีความห่วงและกังวลที่ปัถย์เองก็จับความรู้สึกนั้นได้

   “ถ้าผมไป คุณจะมีปัญหา” เอรีสเสยผม “เปล่าเลย ผมห่วงคุณ ห่วงเหมือนที่ผ่านมานั่นละ แต่ผมจะไม่ไป” เอรีสกดเสียงให้ต่ำลง “คุณอยู่ไหน ไม่...ผมไปไม่ได้ พอเถอะรัน ผมพอแล้ว คุณโทร. หาคนของคุณเถอะ ไม่น่า คุณก็รู้ว่าผมทำแบบนั้นไม่ได้ แค่นี้นะครับ”

   ปัถย์ยืนนิ่งเหมือนถูกสาป ชื่อที่หลุดออกมาจากปากของเอรีสเป็นเหมือนฝันร้ายที่เขาไม่อยากเจอ


   “พอใจหรือยัง”

   “...”

   “ฉันถามว่าพอใจหรือยัง ถ้าพอใจแล้วก็หันหลังมาตอบคำถามฉันซะดีๆ นายจะเดินหนีเพื่อเลี่ยงการตอบคำถามทุกครั้งไม่ได้นะ”

   รันพูดเสียงแหบแห้ง ร่างเปลือยหอบสะท้าน ดวงตาที่ว่างเปล่ากำลังซุกซ่อนความรู้สึกที่แสนจะซับซ้อนไว้ เขารับรู้ได้ว่าความโกรธของเฟยหลงบรรเทาลงแล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่ยอมปล่อยเขาให้เป็นอิสระแบบตอนนี้หรอก ถ้าพายุอารมณ์ของผู้ชายคนนี้ยังไม่สงบลง ก็มักเอามาลงกับเซ็กซ์ที่เอาแต่ใจเสมอ

   แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น...รันก็ไม่เคยรังเกียจสิ่งที่เฟยหลงปฏิบัติกับตนบนเตียง มันคือการยินยอมพร้อมใจของคนสองคน ไม่มีการบังคับแบบจริงจัง อย่างดีก็แค่การเอาแต่ใจให้อีกฝ่ายยอมจำนนและไร้การต่อต้าน

   เมื่อวานเขาก็ยอมรับว่าตัวเองทำตัวให้เกิดปัญหา เลยถูกทำโทษในแบบที่เฟยหลงถนัด แต่อีกฝ่ายก็ทำเรื่องที่ให้อภัยไม่ได้เช่นกัน เรื่องที่จงใจทำเรื่องแย่ๆ กับเอรีส มันเป็นสิ่งที่ทำให้รันรู้สึกหนักใจ รวมทั้งรู้สึกผิด

   เฟยหลงจงใจหันหลังหนี ไม่ยอมสบตา เขาเกลียดสิ่งที่หัวใจของเขารู้สึก

   เกลียดที่ต่อให้ใจแข็งเพียงใด แต่กับคนที่นั่งหน้าเซียวบนเตียงก็ยังเป็นคนเดียวที่เขาไม่เคยใจแข็งได้มากพอ    

   รันคือหนึ่งเดียวในโลกที่ทำให้เขาใจสั่น

   เป็นคนเดียวที่แค่ยิ้มก็ทำให้ยามค่ำคืนอันไร้ดาวกลับมาสว่างไสว  คนเดียวที่เป็นเหมือนลมหายใจ เขายอมได้ทุกอย่างเพื่อแลกกับการมีรันอยู่เคียงข้าง ทว่าตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับรันมันเรียกได้ว่าวิกฤติ รอวันแตกหักแยกทาง ซึ่งเขาก็ทำได้เพียงพยายามยืดระยะเวลาออกไปให้นานที่สุด

   เมื่อก่อนเขาอาจไม่กลัว. แต่เมื่อเอรีสอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลก็อาจเป็นตัวแปรสำคัญที่จะทำความสัมพันธ์ที่เขายื้อไว้ขาดสะบั้นลง

   “พูดไม่ออก? ทำไมล่ะ พอฉันพูดถึงความเลวที่นายทำ มันจี้ใจดำหรือไง” รันแค่นถาม หอบหายใจอย่างไม่เป็นตัวของตัวเอง

   “ยิ่งกว่านี้ฉันก็ทำมาเยอะนะ แค่นี้ไม่สะเทือนสามัญสำนึกของคนเลวๆ อย่างฉันหรอก...ที่รัก”

   ทุกครั้งที่รันด่าทอเพียงเพราะต้องการปกป้องอดีตชู้รักเก่า ทำให้คนที่คิดว่าตัวเองไม่เคยรู้สึกรู้สาอะไรอย่างเฟยหลงเจ็บปวดลึกๆ เขาแสยะยิ้ม...เป็นรอยยิ้มที่เย้ยหยันตัวเอง พร้อมกับเสียงหัวเราะในลำคอที่รีดเค้นมาเพื่อปิดบังความรู้สึกอันแท้จริงไว้

   “เลิกยุ่งกับเอรีสซะ”

   “สั่ง?” เฟยหลงเลิกคิ้ว “ลืมหรืเปล่าว่านายไม่อยู่ในฐานะที่จะเรียกร้องอะไร สิ่งที่นายต้องทำคือวิงวอนขอความเมตตา  บางทีฉันอาจเวทนาเห็นใจก็ได้ ไหนลองพูดจาดีๆ ให้ฟังหน่อยสิคนดี ไม่เหรอ? โอเค”

   “ทำไมต้องทำแบบนี้”

   “ความสะใจไง ทีพวกนายยังแอบเจอกันลับหลังฉัน จะเพื่อความสะใจที่นายเคยบอก” นเฟยหลงย้อนความจำเมื่อไม่นานให้อีกคนฟังช้าๆ “หรือเพราะที่นายยังรักยังหลงมันอยู่ก็สุดแล้วแต่นายเลย แต่ในส่วนของฉัน เอรีสเป็นคนที่ฉันอยากให้มันย่อยยับป่นปี้ที่สุด ชัดเจนนะที่รัก”

   เขาพูดเสียงอ่อนเสียงหวาน ทว่าดวงตานั้นมีแววเยือกเย็นอำมหิต ในใจบังเกิดความริษยาอันยากจะสลัดทิ้ง สาบานเลยว่าเขาจะทำทุกอย่างให้เอรีสล่มจม ให้สาสมกับที่มันได้สิ่งที่ควรเป็นของเขาไป

   มันพรากความรักความซื่อสัตย์จากคนสำคัญไปจากเขา

   “ถึงไม่มีเอรีส ฉันกับนายก็แย่อยู่แล้ว อย่าเอาเอรีสมาเป็นข้ออ้างจะดีกว่า นายไม่เคยหว...หรือว่าแคร์ฉันหรอก เพราะฉะนั้นอย่าเอามาอ้าง”
 
   “นายควรรู้ว่าอะไรควรทำหรือไม่ควรทำ ตราบใดที่นายยังอยู่กับฉัน ใช้เงินฉัน แม้แต่ใช้บารมีของฉันคุ้มเงาหัวให้พี่ชายของนายที่นอนเล่นอยู่ในคุก นายก็ต้องทำตามที่ฉันบอก และสิ่งที่ฉันบอกมาตลอดคือห้ามเล่นชู้กับใครหน้าไหนทั้งนั้น มันยากตรงไหน”

   “ฉันก็ไม่ได้ทำอะไร” รันตะคอกจนแทบไม่มีเสียง เนื่องจากสภาพร่างกายที่ไม่ค่อยดีสักเท่าไร นี่ก็เนื้อตัวรุมๆ คล้ายจะเป็นไข้ “ฟังฉันบ้างสิ ถ้านายไม่อคติเกินไปก็น่าจะเห็นความจริงบ้าง”

   เฟยหลง ลอดจ์ มองหน้าซีดๆ กับท่าทางคล้ายคนอมโรคของรันแล้วถอนใจ

   “นอนพักซะ นายเป็นไข้แล้ว เดี๋ยวฉันจะให้คนเอายามาให้” น้ำเสียงอ่อนลง ไม่บอกก็รู้ว่ากำลังเป็นห่วง แต่เพราะเป็นคนที่กระด้าง จึงไม่ถนัดในการแสดงความรู้สึก

   “ฉันไม่เป็นไร นายไม่ต้องทำให้วุ่นวาย”

   “ตัวนายร้อน แผลที่หน้าก็เริ่มบวม มันกำลังจะอักเสบ ไม่ต้องลุก ท้องนายน่ะ” เฟยหลงสั่งห้าม แล้วชี้นิ้วมาที่หน้าท้อง “เจ็บไหม มันช้ำไปหมด”

   เมื่อคืนนี้เขาไม่เห็นชัดๆ เพิ่งมาเห็นก็เมื่อตอนรุ่งสาง ถ้าเขารู้ก็คงไม่เอาแต่ใจกับรันบนเตียงขนาดนั้น

   “ทนได้...แค่นี้เอง ไม่ตายง่ายๆ หรอก อูย...” รันคนดื้อขยับแขนขาขณะพูด แล้วซี้ดปากทำหน้ายู่

   อีกฝ่ายบังคับขาตัวเองไม่ให้เดินเข้าไปกอดคนดื้อที่ชอบอวดเก่งไว้ ก็ตลอดคืนเขาค่อนข้างเอาแต่ใจไปสักหน่อย ถ้ารวมกับวีรกรรมที่รันออกไปมีเรื่องชกต่อยกับนักท่องราตรีเมื่อคืน ก็ไม่แปลกนักที่รันจะระบมไปทั้งตัว

   เขาโกรธแทบตายตอนที่ลูกน้องคนสนิทรายงานว่ารันออกไปดื่มแล้วไปมีเรื่องกับวัยรุ่นเจ้าถิ่น ไม่รู้ไปทำอีท่าไหนถึงโดนพวกนั้นรุมยำสหบาทา พอเขาไปถึงคนรักก็อยู่ในสภาพตาปูดหน้าบวม เห็นแล้วแทบอยากจะตัดมือแล้วฆ่าไอ้ระยำพวกนั้นทิ้ง ถ้าไม่ติดว่าที่นี่เป็นเมืองไทยพวกมันคงโดนไปแล้ว

   “มีบ้างไหมที่จะฟังฉันบ้างแล้วไม่ต่อปากต่อคำ”

   เฟยหลงหงุดหงิด รันปฏิเสธทุกความหวังดี ทั้งยังเพิกเฉยและต่อต้าน สิ่งนี้คือความน้อยใจที่เขาไม่กล้ายอมรับว่าตัวเองนั้นรู้สึกกับรันมาตลอด

   “ก็คงเมื่อวันที่ฉันตายนั้นละ” รันกัดฟัน เมื่อตัวเองขยับท้องก็ร้าวระบมไปหมด

   “วันนี้ไม่ต้องไปไหน กินข้าวกินยาแล้วนอนพัก ฉันต้องไปทำงาน กว่าจะกลับก็คงดึก”

   “หรือไม่ ก็ไม่กลับ...”

   รันดักคอ กลัวว่าอีกฝ่ายจะทิ้งเขาไว้ให้นอนอ้างว้างอย่างเคย

   “กลับสิ แต่นายห้ามไปไหน ถ้าฉันรู้ว่านายสร้างปัญหา ฉันเอานายตาย!”



+++
กลับมาแล้วค่ะ
ฝากติดตามต่อนะคะ...
ขอบคุณทุกท่านค่ะ
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH24 [29|08|61] P11
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 29-08-2018 15:32:20
เฮ้อ ดราม่ามาแล้วค่ะ
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH24 [29|08|61] P11
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 29-08-2018 16:40:23
 :pig4: :pig4: :pig4:

อิเฟยหลง  มึงแม่งโง่หว่ะ

หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH24 [29|08|61] P11
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 29-08-2018 18:26:08
คู่นั้นบ้าบอมาก.   ชาวบ้านเค้าจะเดือดร้อนไปด้วยนะ
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH24 [29|08|61] P11
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 29-08-2018 19:43:01
 :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH24 [29|08|61] P11
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 29-08-2018 19:46:53
มีมาม่ามาเสิร์ฟอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH24 [29|08|61] P11
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 29-08-2018 22:12:47
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH24 [29|08|61] P11
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 29-08-2018 22:14:07
เอิ่มม อีกคู่นี่เขามีปัญหาเรื่องการแสดงความรักกันชิมิ
คือน่าจะเคลียร์กันนะ จะได้ไม่ลามมาหาเอรีสแบบนี้
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH24 [29|08|61] P11
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 30-08-2018 00:15:44
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH24 [29|08|61] P11
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 30-08-2018 01:17:51
เรื่องมันเกิดเพราะแกคนเดียว นังเฟยหลง  :katai1:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH24 [29|08|61] P11
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 01-09-2018 00:13:36
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH24 [29|08|61] P11
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 01-09-2018 00:14:34
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH24 [29|08|61] P11
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 10-09-2018 07:41:47
อีกคู่กำลังหวาน อีกคู่กำลังดราม่า
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH24 [29|08|61] P11
เริ่มหัวข้อโดย: tkung ที่ 17-11-2018 22:35:55
ไม่มาต่อแล้วเหรอ  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH24 [29|08|61] P11
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 19-11-2018 01:15:24
หายไปนานจังเลย
หัวข้อ: Re: ❝ Bad Guy ❞ [ m y B o s s ] ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH24 [29|08|61] P11
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 19-11-2018 02:32:41
 :katai4: :katai4: :katai4: :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: Bad Guy m y B o s s เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH25 [19|11|61] P12
เริ่มหัวข้อโดย: anin ที่ 19-11-2018 08:52:56
Chapter 25

   {  ปั ถ ย์ }

   แม้จะผ่านไปนับชั่วโมง ความรู้สึกจากการสัมผัสอบอุ่น ชิดเชื้อ ยังคงอบอวลอยู่ในบรรยากาศ
    ผมอยากรักษาความสุขนั้นไว้ให้เนิ่นนานเท่าที่จะทำได้ แต่มันจะนานแค่ไหน ก็สุดปัญญาที่ผมจะหาคำตอบ
   การบังเอิญได้ยินเอรีสคุยโทรศัพท์กับอดีตคนรักเก่า ทำให้ผมเหมือนถูกก้อนหินก้อนมหึมาทับลงมาใจกลางหัวใจ
   ทั้งที่โดยนิสัยผมไม่ใช่คนประเภทขี้หึงขี้ระแวง แต่ในตอนนี้ผมกลับรู้สึกหวงเขาจนแทบบ้า ถึงขั้นอยากเดินไปกระชากโทรศัพท์จากมือเขา ปาทิ้งลงพื้นเสียให้รู้แล้วรู้รอด
   ความรักกำลังทำให้ผมเป็นคนไร้สติใช่ไหม...
   ความรักกำลังทำให้ผมกลายเป็นคนเห็นแก่ตัว และไม่ประมาณขีดความสามารถของตังเอง
   ผมนั่งมองฝ่ามือตัวเอง หายใจเข้าออกช้าๆ เพื่อให้รู้สึกใจเย็นลง คิดไปคิดมาก็อยากรู้ว่าในใจเอรีสตอนนี้ รัน... ยังเป็นที่หนึ่งอยู่หรือเปล่า หัวใจทั้งสี่ห้องของเขาจะพอมีซอกเล็กๆ ให้ผมขยับเข้าไปได้หรือไม่ หรือผมจะเป็นได้แค่แขกแปลกหน้า มีสิทธิ์แค่ขอบประตู ที่ไม่มีทางย่างกลายเข้าไป
    ทำได้แต่ถอนใจ ประเมินสถานะที่มีตอนนี้ของตัวเอง  ว่ามีค่าสูงพอที่จะแสดงความหึงหวงออกมาหรือเปล่า
   ผมนั่งอยู่ท่ามกลางความมืดสลัวอยู่ครู่ใหญ่ จนประตูห้องถูกเปิด และเอรีสก็เดินเข้ามา
   เขาดูตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าผมยังตื่น  ผมจ้องไปที่ดวงตาสีอ่อนคู่นั้นผ่านความมืด อยากรู้สิ่งซุกซ่อนอยู่ในใจของผู้ชายคนนี้ ความสงสัยกัดกินผมจนแทบสติเสีย
   “ฉันทำนายตื่นเหรอ”
   เอรีสที่สวมเพียงกางเกงบ๊อกเซอร์เดินผมยุ่งแต่ก็ยังหล่อยั่วใจ ลอนหน้าท้องหกแพคขยับน้อยๆ ยามก้มลงเก็บหมอนที่ตกเกลื่อนอยู่บนพื้น แล้วเดินส่งยิ้มเล็กน้อยขณะกลับมาที่เตียง
   “ไปไหนมาครับ”
   ผมถามไปทั้งๆ ที่รู้คำตอบอันแท้จริงอยู่แล้ว
   “หิวน้ำน่ะ” เอรีสหลบตาตอนที่ตอบคำถาม ซึ่งไม่เคยทำมาก่อน
   เขากำลังโกหก... คำโกหกง่ายๆ แต่ก็สามารถสร้างรอยแตกขนาดใหญ่ให้กับหัวใจเล็กๆ ของผม การต้องสานความสัมพันธ์กับผู้ชายที่เต็มไปด้วยภาพจำจากคนในอดีต มันช่างเจ็บปวดอย่างคาดไม่ถึง ต่อให้ผมจะแข็งแกร่งและมั่นคงในความรู้สึกเพียงใด แต่การต้องเจอกับเรื่องแบบนี้ก็ทำให้ผมถึงกับใจบาง
   ในชีวิตผม ไม่เคยร้องไห้ให้กับความรัก
   ถ้าจะมีครั้งแรก มันก็อาจจะเป็นครั้งนี้ ถึงน้ำตาของผมจะไม่ได้ไหลผ่านสองตา แต่ผมพูดได้อย่างเต็มปากว่า หัวใจดวงเล็กๆ นี้กำลังร่ำไห้

   ผมตื่นมาในตอนเช้าด้วยความรู้สึกของคนที่กำเดินเข้าสู่หายนะทางอารมณ์ ใจก็ขุ่นมัว แม้แต่เสียงนาฬิกาก็ยังทำให้ผมรำคาญจนแทบอยากปาโทรศัพท์มือถือทิ้ง ใช้เวลาครู่หนึ่งจึงตั้งสติได้แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาปิดเสียง
   เมื่อหันไปข้างตัว ก็พบเพียงความว่างเปล่า ไม่มีอ้อมกอดอบอุ่นแนบชิดที่โอบกอดไว้ตลอดคืน ไม่มีถ้อยคำอรุณสวัสดิ์ยามเช้า นั่นยิ่งทำให้ผมจิตใจวูบโหวงห่อเหี่ยว
   เมื่อคืนผมนอนหันหลังเอรีส เพราะมัวจมอยู่กับความคิดฟุ้งซ่านของตัวเอง แต่เขากลับขยับเข้าหาโอบผมไว้จากด้านหลัง เนื้อแนบเนื้อ ลมหายใจเป่ารดลมหายใจ แต่ความใกล้ชิดนั้นกลับทำให้หลับไม่ลง สมองพาลแต่จะคิดเตลิดไปในทางร้ายกาจ จนกระทั่งเกือบรุ่งสางถึงเคลิ้มหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย
   ผมสลัดอาการสลึมสะลือออกไป ลุกขึ้นนั่งห้อยขากับเตียงอย่างคนหมดอาลัยตายอยาก ก่อนจะกดเช็คข้อมูลแจ้งเตือนแต่แอพลิเคชันต่างๆ อีกเล็กน้อย
   เมื่อเดินไปที่ยังห้องน้ำ ด้านในว่างเปล่า ผมเลยเดินเข้าไปจัดการกับกิจวัตรประจำวันของตัวเอง ผ่านไปราวสิบห้านาทีจึงออกมายังด้านนอก
   ในตอนนี้เอรีสที่แต่งตัวเรียบร้อย ผมของเขาเรียบแปร่ จะเหลือก็แค่ยังไม่ได้ผูกเนคไท ซึ่งเขาก็วางพาดไว้กับเก้าอี้ใกล้ๆตัว เท้าผมชะงักเมื่อตอนที่เขาหันมายิ้มให้ ชูกาแฟแก้วนั้นให้ดู
   “กาแฟของนาย”
   เอรีสเดินมาหา ยื่นแก้วกาแฟหอมกรุ่น ส่งรอยยิ้มอันเป็นแบบฉบับเฉพาะตัว ที่มองยังไงก็ไม่มีวันเบื่อ
   ผมรับกาแฟแก้วมาโดยไม่อิดออด พึมพำขอบคุณเบาๆ แต่ความรู้สึกก็ยังเฉื่อยชาซึมเซา
   “นอนไม่หลับเหรอ ตานายคล้ำๆ อยากหยุดพักอีกวันไหม”
   เอรีสเดินมาจับหน้าผม ใช้นิ้วก้อยเกลี่ยใต้ตาอย่างอ่อนโยน ก่อนไล่ปลายนิวมาลูบสันจมูกผมอย่างเพลินมือ ใบหน้าหล่อบาดใจก้มลงมาและแตะริมฝีปากที่แก้มผมทีหนึ่ง ถ้าเป็นในเวลาปกติผมคงแก้เขินด้วยการหัวเราะ แต่ตอนนี้สมองของผมมีแต่การตั้งคำถาม
   นี่ใช่การกลบเกลื่อนตอนที่เขาทำอะไรผิดไว้หรือเปล่า?
   “ไม่เป็นไรครับ ผมสบายดี”
   “ดื่มกาแฟก่อน แล้วบอกทีนะ ว่ารสชาติผ่านไหม ตั้งใจชงให้นายชิมเลยนะเนี่ย พอนายบอกให้หัดชงเองฉันเลยลองดู จะได้ไว้ชงให้นายด้วยไง”
   ผมจิบตามคำขอ แต่ลิ้นกลับฝือเฝื่อนไม่รับรู้รสชาติ ต่อให้กาแฟแก้วนี้ขมเหมือนบรเพ็ช ปลายลิ้นก็ไม่รับรสไปแล้ว
   “รสชาติดีครับ”
   ตอบไปแกนๆ เบี่ยงตัวออกห่างเพราะความใกล้ชิดนี้ยิ่งทำให้ผมอยากร้องถามสิ่งที่ค้างคาในใจ
   “เป็นอะไรหรือเปล่า เมื่อคืน ฉันรังแกนายหนักไปเหรอ?”
   “...”
   “ก็นายน่ารัก ฉันเลยอดใจไม่ไหว”
   “...”
   ผมไม่โต้ตอบ จนเอรีสรับรู้ได้ว่าผมไม่อยู่ในอารมณ์จะเล่นด้วย เขาเลยยักไหล่น้อยๆ แล้วทำหน้าขออภัย
   “วันนี้ฉันขับรถให้นะ นายดูเหนื่อยไม่ต้องขับหรอก จะงีบหลับก็ได้ พอถึงแล้วจะปลุก”
   เอรีสเอาใจ สีหน้าที่แสดงออกถึงความตั้งใจทำให้ผมไม่กล้าปฏิเสธ
   “ก็ได้ครับ”
   ผมพยักหน้า ไม่อยากต่อปากต่อคำให้มากเรื่องมากความ ก่อนจะกระดกกาแฟรวดเดียวหมดแก้ว แล้วเดินไปที่ซิงค์เพื่อล้างแก้วกาแฟของตัวเอง ระหว่างนั้นผมมองผ่านกระจกใสบานใหญ่ออกไปยังด้านนอก รถราเริ่มจอแจแล้ว แต่ถ้าโชคดีวันนี้อาจจะรถไม่ติดก็ได้...
   “ผูกให้หน่อย”
   เอรีสยื่นเนคไทผ้าไหมสีน้ำเงินมาให้
   ผมลังเล ด้วยเพิ่งล้างแก้วเสร็จ มือทั้งสองข้างก็ยังเปียกซกอยู่ สายตาพลันเห็นผ้าเช็ดมือใกล้พับไว้อยู่ เลยจงใจเช็ดมือช้าๆ รอดูท่าทีว่าเอรีสจะยังรออยู่หรือเปล่า
   ซึ่งเอรีสก็แสดงสีหน้ารอคอยอย่างมีความหวัง เมื่อทนการรบเร้าจากสายตาคมไม่ไหว ผมจำใจรับมาตวัดรอบคอ เขาก้มลงเล็กน้อยเพื่อให้ผมทำงานได้สะดวก คางของเอรีสอยู่ในระดับสายตาของผม ซึ่งผมก็ตัดใจไม่เงยขึ้นไปมองเพราะไม่อยากจะให้ตัวเองใจสั่น... ต่อให้ใกล้ชิดกันมาหลายครั้งเพียงใด ผมก็ยังหวั่นไหวกับอะไรพวกนี้อยู่ดี
   มันอยากที่จะรักเอรีสโดยไม่เจ็บ แต่คนส่วนใหญ่มักชอบทำในสิ่งที่รู้ว่าอันตราย ต่อให้รู้ว่าเล่นกับไฟก็พร้อมกระโจนลงไป ไม่คำนึงถึงผลลัพท์ที่จะเกิด
   “เสร็จแล้วครับ”
   เอรีสจับมือผมที่ขยับเนคไทให้ค้างไว้ ก่อนจูบกลางหลังมือเบาๆ ริมฝีปากอุ่นทำให้ผมขนลุกซู่
   ผมได้แต่กะพริบตาปริบๆ เอรีสกลายเป็นคนขี้อ้อนที่อันตรายต่อหัวใจสุดๆ จากคนที่ดูเฉยชาไม่แสดงออกปากร้าย พอได้เข้าโหมดหว่านเสน่ห์ ก็เรียกอาการเขินจากผมได้ตลอด
   ผมชะงัก จะพูดก็พูดไม่ออก ต้องแก้เก้อด้วยการใช้มือข้างที่เหลือขยับปกคอเสื้อของเขาอีกครั้ง และถอนใจ
   “เรารีบออกเถอะครับ เดี๋ยวรถติด”
   เอรีสก้มลงอีกนิด กดริมฝีปากอุ่นหนาประทับบนปากเย็นชืดของผมช้าๆ หัวใจผมเต้นเร็ว ลมหายใจติดขัดจากความคาดหวังรอคอย ถ้าได้รอยจูบปลอบประโลมอาการของผมคงดีขึ้น...
   ถ้าเอรีสแสดงออกซ้ำๆ ว่าเขายังต้องการผม ผมอาจมีความมั่นใจ
   จูบของเอรีสอบอุ่น เรียกร้อง ลิ้นเกี้ยวกระหวัดกระตุ้นการสนองตอบ ผ่านไปครู่ใหญ่ที่ผมเป็นฝ่ายผลักเอรีสออก หากไม่รีบหยุดเราทั้งคู่คงได้ไปทำงานสายกันแน่ๆ เอรีสผละออกอย่างเชื่องช้า คล้ายเสียดาย เราต่างจ้องตากัน และเอรีสใช้ปลายนิ้วเกลี่ยริมฝีปากล่าง และมุมปากของผม เขายิ้มให้อย่างอ่อนโยน ดวงตาเปล่งประกายวาววับ
   “...”
   “งั้น...ไปกันเลยนะ ก่อนที่เราจะต้องลางานกันทั้งคู่”

   เอรีสเป็นคนอาสาขับรถโดยผมไม่มีทางปฏิเสธความต้องการอะไรของเขาได้
   ระหว่างทางเขาคอยกุมมือผมไว้ ยิ่งเวลารถติดเอรีสหันมาจ้องมองผมตรงๆ ก่อนจะสรรหาเรื่องร้อยแปดมาชวนพูดชวนคุยสารพัด ราวกับว่าเราไม่ได้คุยกันมาทั้งปี
   อารมณ์ของผมดีขึ้นตามลำดับ ผมเช็คอีเมล์ ดูตารางการทำงานของเอรีสของสัปดาห์หน้าด้วยความเคยชิน ผมรู้สึกว่าตัวเองมีความสุขที่ได้จัดการธุระต่างๆ จะเรื่องเล็กน้อยหรือเรื่องใหญ่ผมจัดการให้หมด ผมบอกตารางนัดหมายตลอดช่วงเช้าให้เอรีสฟังอย่างคร่าวๆ แล้วคุยเรื่องหน้างานอีกหลายเรื่องที่ผมคิดแผนงานไว้
   เอรีสงึมงำรับคำ แล้วจุ๊บลงเบาๆ ที่สันกรามผมทีหนึ่ง เขาก็เหมือนเดิม อะไรที่เป็นเรื่องงานเขาจะค่อนข้างเชื่อในเซ็นซ์ของผม
   “เย็นนี้คุณจะให้มานพขับรถไปส่งบ้าน หรือว่าจะขับกลับเองครับ”
   “กลับเอง เย็นนี้อยากกินอะไร เดี๋ยวจะพาไปเลี้ยงต้อนรับ” เขาบอกอย่างอารมณ์ดี
   “เย็นนี้ผมต้องไปรับแมวที่คลินิค คงไม่ไปครับ”
   “ไปรับแมวนก่อนก็ได้ แล้วเราค่อยไปกันต่อ” เขาเสนอความคิด ผมคิดเล็กน้อยก่อนตอบรับ
   “ครับ”
   ผ่านไปราวสามสิบนาที เราทั้งคู่ก็เดินทางมาถึงออฟฟิศ เมื่อผมเดินคู่มากับเอรีส เหล่าขาเมาท์ประจำแผนก ต่างก็อ้าปากค้าง เงียบกริบ บ้างก็แอบเมียงมองมาด้วยความสงสัย จากนั้นต่างก็ล่าถอยกลับโต๊ะตัวเองไป ไม่มีใครกล้าแหยมกับบอสใหญ่
   “ไปนั่งในห้องด้วยกัน”    
   “ครับ”
   เพราะตำแหน่งและโต๊ะทำงานถูกฐิติครอบครองไปแล้ว เลยต้องตกอยู่ในสภาพเหมือนเจ้าไม่มีศาล เอรีสเลยถือโอกาสให้ผมไปนั่งในห้องเป็นการชั่วคราว ใช้เวลาในช่วงเช้าดึงข้อมูลต่างๆ กลับมาจากฐิติ การที่ผมทำแบบนี้ เท่ากับเป็นการแย่งหน้าที่ แสดงตัวว่ามีอำนาจเหนืออีกฝ่าย
   ซึ่งแน่นอนอยู่แล้วว่าฝ่ายนั้นจะเกิดอาการไม่พอใจ แต่ผมไม่แคร์ งานย่อมสำคัญกว่าความรู้สึกของคนไม่ซื่ออยู่แล้ว ถ้าไม่ติดว่าเอรีสขอไว้ ผมคงเดินไปบอกเขาให้เก็บของ จะไม่ปล่อยให้มีโอกาสมาเดินลอยหน้าอยู่แบบนี้แน่
   เราทั้งคู่ต่างหมดเวลาไปกับตัวเลขและเอกสารกองพะเนิน เอรีสเลิกวอแวผมได้ร่วมชั่วโมงกว่า ตอนนี้เขากำลังขมักเขม้นกับงานที่กำลังสุมหัวอยู่
   ก่อนหน้านี้ เอรีสเทียวเดินมาถามว่า หิวไหม เหนื่อยหรือเปล่า ทุกๆ สิบนาที ผมก็ปฏิเสธไปในทุกครั้ง และพยายามเรียกสมาธิให้จดจ่อกับงาน ไม่วอกแวกไปกับลูกงอแง ทั้งที่หลายครั้ง เกือบจะใจอ่อนไปกับเขาเสียให้ได้
   “คุณเอรีสครับ มีแขกมาขอพบครับ”
   ฐิติรายงานด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แต่ในหน้ากลับให้ความรู้สึกเหมือนว่าสาแก่ใจกับอะไรสักอย่าง
   “มีนัดเหรอ” เอรีสหันมาส่งเสียงถามผม ซึ่งผมก็ไม่เห็นตารางนัดหมายนั้นมาก่อน
   “ไม่มีครับ” ผมตอบเอรีส ก่อนมองฐิติอย่างสงสัย
   “เขาแจ้งว่าชื่อคุณรัน”
   ไส้ดินสอกดผมหักคากระดาษ ห้องทั้งห้องพลันเงียบกริบ ความรู้สึกที่ว่าแย่เมื่อคืนกลับมากระหน่ำซ้ำเหมือนพายุเข้าอีกระรอก
   เป็นเรื่องบังเอิญ หรือความจงใจ...
   “เขาอยู่ไหน”
   เอรีสหันมามองผมแวบหนึ่ง สีหน้านิ่งก็จริง แต่ดวงตามีความหวั่นไหว
   “รออยู่ด้านนอกครับ คุณเอรีสจะให้เตรียมห้องรับรอง หรือว่าเชิญที่ห้องนี้ดีครับ”
   ยังไม่ทันสิ้นเสียงของฐิติดี ผมก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ และเดินออกจากห้องไปเงียบๆ หาเหตุผลให้ตัวเองว่าจะไปหากาแฟดื่ม ไม่ต้องอยากได้ยินสิ่งที่เอรีสจะตอบกลับไปแบบไหน
   จะพบที่ไหน ยังไงก็พบกันอยู่ดี... ถูกไหม
   “ปัถย์ เดี่ยวสิ ปัถย์ เฮ้!”
   เอรีสเดินตามผมที่เดินออกจากห้องมาติดๆ เขาจับข้อมือผมไว้แน่น ก่อนที่ผมจะเดินหายไปจากมุมของผู้บริหารนั้น
   “ผมขอไปหากาแฟดื่ม คุณอยากได้อะไรเหรอครับ”
   ผมถามกลับ แต่ไม่ยอมมองหน้าเขาตรงๆ จงใจเดินให้เร็วขึ้นเพื่อหนี แต่เขาก็เดินตาม
   “ปัถย์...”
   “ว่าไงครับ คุณมีอะไร”
   “เดี๋ยวก่อนสิ หันมาคุยกันก่อน” เสียงของเอรีสดูลำบากใจ “ฉัน...”
   เขาดูลังเล ท่าทางกระวนกระวายเหมือนอยากจะพูดแต่ก็ไม่กล้า
   “ถ้าคุณมีแขก ก็รีบไปเถอะครับ”
   “นายอย่าเข้าใจฉันผิดนะ ฟังฉัน...”
   “ตริน”
   เสียงของใครสักคนดังขึ้น เราทั้งคู่หันไปมองยังต้นเสียงพร้อมกัน
   ตรงโถงทางเดินปรากฎร่างของผู้ชายร่างสูงเพรียวคนหนึ่ง กำลังเดินตรงแหน่วเข้ามาหา เอรีสขยับเข้ามาหาผมในทันที เขากุมมือของผมไว้แน่น ซึ่งมันทำให้ผมไม่สติแตก
   “ตริน ฉันขอคุยกับนายหน่อย”
   “คุณมีอะไรหรือเปล่า ทำไม...”
   บนใบหน้าของผู้ชายคนนั้นมีรอยฟกช้ำ ทั้งที่ดวงตาและโหนกแก้มคล้ายมีร่องรอยของการต่อสู้
   แต่ร่องรอยพวกนั้นไม่ได้ทำให้ผู้ชายคนนั้นหล่อเหลาน้อยลงเลย ดูรวมๆ ก็มีส่วนคล้ายคิมหันต์อยู่เหมือนกัน ขาว สูง และมีรูปเป็นทรัพย์ เอาเป็นว่ารสนิยมของเอรีสเลอเลิศเสมอ
   “ฉันจะรบกวนเวลานายไม่นานหรอก”
   ผู้ชายคนนั้นมองมาที่ผม ก่อนจะก้มลงมองมือของเอรีสที่จับมือผมเอาไว้มั่น เอรีสขยับตัวเข้าใกล้ผมพยายามแสดงให้รู้ว่าผมยังสำคัญอยู่...
   “ฉันจะรีบพูด รีบไป”
   ใช้เวลาอยู่ครึ่งนาทีกว่าที่ผมจะรู้ตัว ผมค่อยๆ ดึงมือออกจากมือเขาช้าๆ เอรีสหันมามองหน้าผม โดยไม่สนใจแขกของตัวเอง
   “แล้วแต่นาย นายตัดสินใจ” พูดเสียงนุ่มที่ฝ่ายนั้นก็คงได้ยินเช่นกัน
   เอรีสให้สิทธิ์ขาดกับผม สิ่งที่เคยกลัวไปต่างๆ นาๆ ลดไปกว่าครึ่ง
   “ผมให้เด็กเตรียมห้องรับรองนะครับ หรือคุณอยากคุยในห้องทำงาน”
   ถามไปด้วยความเคยชิน แม้จะนิ่งตะลึงกับสถานการณ์อันกระอักกระอ่วนอยู่ก็ยังเรียกสติกลับคืนมาได้ เอรีสก้มลงพูดกับผมเบาๆ ให้พอได้ยินกันสองคน
   “ห้องรับรองก็แล้วกันครับ รบกวนหน่อยนะ ไม่นานหรอก... โอเคไหม” เอรีสพูดจาค่อนข้างติดเกรงใจ ซึ่งผมก็พยักหน้าให้ครั้งหนึ่ง ก่อนจะเดินผละออกมา
   “เข้ามาคุยก่อนก็ได้ แต่ผมมีเวลาไม่นาน”
   พอจบคำพูดของผม เอรีสจึงหันไปบอกอดีตคนรักด้วยสีหน้าเรียบเฉย

   { เ อ รี ส }

   ผมเกรงใจปัถย์มาก
   ทั้งเกรงใจ และกลัวใจ ที่โกหกไปเมื่อคืนก็รู้สึกผิดมากพอแล้ว พอเช้าของอีกวันรันบุกมาถึงออฟฟิศ ยิ่งทำให้รู้สึกเสียวสันหลังวาบๆ ความรู้สึกไม่ต่างจากถูกเมียเข้าใจผิด ว่ากำลังมีจะเมียน้อย แต่ด้วยสภาพของรันที่ฟกช้ำไปทั้งหน้า ทำให้ผมไม่กล้าบอกปัดไปตรงๆ บางทีรันอาจมีเรื่องลำบากที่ต้องการความช่วยเหลือ แต่ผมก็ต้องถามความยินยอมของปัถย์ก่อน
   ความรู้สึกของปัถย์เป็นสิ่งที่ผมโคตรแคร์ เรากำลังไปได้ด้วยดี ผมไม่อยากให้ใครก็ตามเป็นต้นเหตุให้คนสำคัญของผมรู้สึกไม่มั่นใจตัวผม
   “คุณมีอะไร” ผมรีบเข้าเรื่อง
   “ฉันมาเตือนเรื่องลอด์จ... อยากให้นายระวังเพราะเขามีบางอย่างที่เป็นอันตรายต่อธุรกิจของนาย”
   “เขาเป็นแฟนคุณ คุณควรเข้าข้างเขาสิ” ผมไม่ได้รู้สึกยินดีสักนิดในสิ่งที่ได้ยิน สุดท้ายแล้วรันเคยรักใครจริงบ้างไหม...
   “แต่นายเป็นเพื่อนฉัน อย่างน้อยเราก็เคย...”
   “ขอบใจ แต่คุณไม่ต้องสนเรื่องของผมหรอก ว่าแต่...หน้าของคุณใช่ฝีมือลอด์จหรือเปล่า” ผมถามออกไปเพื่อเบี่ยงประเด็น ไม่ต้องการให้รับรื้อฟื้นความสัมพันธ์เก่าๆ ให้มากความ
   ผมไม่รู้หรอกว่าความสัมพันธ์ระหว่างสองคนเป็นยังไง แต่ลอด์จไม่ใช่คนใจเย็นนัก
   “ไม่ใช่หรอก ฉันมีเรื่องกับวัยรุ่นแถวร้านเหล้านิดหน่อย เลยได้แผลมา” รันยิ้มน้อยๆ เป็นครั้งแรก ในรอบหลายปีที่มีโอกาสได้เห็นรอยยิ้มของคนที่ผมเคยรัก รอยยิ้มนี้เคยเป็นสิ่งที่ผมหลงใหล แต่นั่นก็เป็นนอดีตไปแล้ว
   “…”
   “มีคนของลอด์จแฝงตัวอยู่ในบริษัทนาย” จู่ๆ รันก็โพล่งขึ้น “ฉันเพิ่งรู้ก่อนหน้านี้ไม่นาน ได้ยินมาว่าเป็นคนที่ใกล้ตัวนายมาก ต้องระวังนะตริน”
   “คุณรู้ได้ยังไง เขาบอกคุณหรอ”
   “เปล่า ฉันได้ยินลอด์จคุยกับลูกพี่ลูกน้องนายน่ะ คนที่ถูกส่งมาเป็นคู่นอนของมัน ชื่อฐิติ...”
   ผมวางสีหน้าเรียบเฉย ไม่ได้แสดงออกว่าตัวเองรู้เรื่องนี้แล้ว บางทีรันอาจเป็นอีกคนที่ลอด์จส่งมาป่วนผมอีกคนก็ได้ คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ แม้จะเคยนอนร่วมเตียงกันก็ใช่ว่าจะดีต่อกันเสมอไป
   “คุณไม่ควรทรยศแฟนตัวเอง ถึงยังไงผมก็เป็นคนอื่น คุณเอาเรื่องนี้มาบอกผม มันจะเสียผลประโยชน์ของแฟนคุณนะ”
   “ฉันไม่เคยมองว่านายเป็นคนอื่น... แล้วฉันก็แยกแยะได้ว่าอะไรควร อะไรไม่ควร ฉันไม่ได้ทรยศลอด์จ แต่แค่ทำในสิ่งที่ถูกต้อง เพราะฉันรู้ว่าทั้งหมดที่เขาทำ มันมาจากความโกรธ เรื่องที่เราสองคนเจอกันที่โตเกียวครั้งก่อน...”
   ผมไม่ได้สนใจคำพูดของรันมากนัก เพราะตอนนี้ผมเห็นปัถย์อยู่แวบๆ ตรงหน้าประตู ผมไม่แน่ใจว่าปัถย์ได้ยินอะไรบ้าง รู้แค่ว่ามันเป็นสถานการณ์ที่ไม่ดีเอาเสียเลย
   “เราเลิกพูดเรื่องนี้กันเถอะนะ เรื่องมันจบไปแล้ว ที่คุณมาบอกวันนี้ผมซาบซึ้งใจมาก”
   ผมคุยแบบเหินห่างกับรันอีกไม่ถึงสิบนาที
   รันเตือนผมหลายอย่างเกี่ยวกับสิ่งที่เฟยหลงจะทำ แต่ผมไม่ได้สนใจ คนอย่างเอรีส ตริน เบอร์ตันไม่ได้ต้องการเศษเสี้ยวความห่วงใยจากใคร เขามันเป็นไอ้คนโลภ ถ้าจะเอาก็ต้องเอาให้หมด



   {รัน}

   ทันทีที่ผมก้าวเท้าพ้นประตูของเพนต์เฮาส์สุดหรูใจกลางกรุงเทพฯ เสียงเหน็บแนมก็ทะลุผ่านหูเข้ามาโดยไม่มีคำเกริ่นนำ
   “บอกแล้วใช่มั้ยว่าไม่ให้ไปไหน คำพูดของฉันนี่มันไม่มีความหมายอะไรเลยใช่ไหมรัน”
   “...”
   “ถึงใจไหม ทักทายกันไปกี่น้ำ?”
   ผมเกลียดน้ำเสียงนี้ของเขา
   เกลียดคำพูดเย็นชาที่กัดเจ็บเข้าไปถึงกระดูก คำค่อนแคะที่คอยแต่จะพ่นใส่หน้าของผมทุกครั้งที่เขานึกได้...
   มีสักวันไหมที่ลอด์จจะไม่รื้อฟื้นความผิดพลาดเพียงครั้งเดียวในชีวิต แล้วเอากลับมาทิ่มแทงผมให้รู้สึกผิดและละอาย
   “…” ผมไม่เลี่ยงที่จะไม่พูดอะไร
   วันหนีผมเหนื่อยมาก กำลังรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังจะไข้ขึ้น ความรู้สึกร้อนผะผ่าวเริ่มลามไปทั้งตัว
   ผมจงใจเดินผ่านหน้าโดยแลตามอง เพราะรู้สายตาคู่นั้นมีเพียงความว่างเปล่าที่ไม่อาจเข้าถึง
   ทุกครั้งที่ผมมองดวงตาสีอ่อน มันมักจะทำให้ผมรู้สึกด้อยค่า และไร้ราคาลงไปทุกทีๆ ความรู้สึกเป็นที่รักควรค่าให้ปกป้องดูแลคือความรู้สึกแบบไหน... ผมจำมันไม่ได้แล้ว
   คำพูดดีๆ ฟังรื่นหูก็น้อยเสียยิ่งกว่าน้อย
   “ไม่ตอบ? แปลกนะ ปกติเห็นพูดไม่หยุด แล้ววันนี้เป็นอะไร เหนื่อยเพราะใช้แรงไปเยอะ หรือว่าปากนายไปทำงานหนักอะไรมา”
   “…”
   “พูดสิ ฉันบอกให้พูด!” เขากำลังโกรธ มากด้วย
   ลอด์จกระชากแขนจนผมเซ กริยาแบบนี้คือแสดงว่าเขากำลังอยากอาละวาด
   ในเวลาปกติ เฟยหลงจะโดนตัวผมน้อยมาก ถ้าไม่ใช่ตอนที่เขามีอารมณ์หรือต้องการเรื่องอย่างว่า เขาไม่เคยแตะต้องตัวผมเลย ผมเคยคิดว่าเขาขยะแขยง เกลียดสัมผัสของผม แต่ผมโหยหาการกอดจากเขาจนใจแทบขาด ทว่ายิ่งเรียกร้อง ผู้ชายตรงหน้าก็ยิ่งถอยห่างออกไป
   ผมพอใจที่เขาแสดงอารมณ์บางอย่างกับผมบ้าง ไม่ใช่แค่เพียงการอยู่ด้วยกันไปวันๆ แบบเย็นชา ไม่มีการสัมผัสตัวที่นอกเหนือไปจากเวลาที่มีเซ็กส์
   เฟยหลงบีบปากผมเสียจนเจ็บ บังคับให้ผมมองสบตาตรงๆ ทุกครั้งมันคือความทรมานที่ผมมองไปยังดวงตาคู่นี้ แบะได้รู้ว่าเขาได้หมดรักผมไปแล้ว ผมสูญเสียคนที่รักไป และได้ผู้ชายแข็งกระด้างที่มองผมเหมือนวัตถุทางเพศมาแทน
   “ที่อยากมาเมืองไทยนักหนา เพราะอยากตามมาเพื่อหาจังหวะไปเจอกับมันไม่ใช่เหรอ ห่วงมันนักนี่! คงคาบข่าวไปบอกมันแล้วสิ ว่าฉันกำลังจะทำอะไรกับบริษัทระยำของมัน ได้บอกมันหรือเปล่าว่าฉันจะทำให้มันพินาศ”
   “…” ผมได้แต่ถอนใจ คำข่มขู่และเสียงตะคอกของลอด์จกำลังทำให้ผมปวดหัว
   ตอนนี้ผมไม่อยากต่อปากต่อคำ ผมอยากอาบน้ำ แล้วก็นอนหลับยาวๆ ตื่นมาผมอาจมีแรงพอให้คิดเรื่องยากๆ พวกนี้ก็ได้ แต่ตอนนี้ผมขอยกธงขาว
   “ถ้ามันเหลือแต่ตัว นายจะยังสนใจใยดีมันอยู่หรือเปล่า”
   “ฉันปวดหัว วันนี้ไม่อยากทะเลาะกับนาย”
   ผมสะบัดหน้าหนีฝ่ามือหนาที่บีบแก้มไม่ปล่อย ความเจ็บที่แทบจะร้าวไปทั้งสันกราม
   เวลาที่ลอด์จโกรธ เขาไม่เคยปราณีใคร ผมยังสงสัยจนทุกวันนี้ว่าทำไมเขาถึงไม่ฆ่าผมไปตั้งแต่ตอนนั้น คำถามนี้วนเวียนอยู่ในสมองของผมตลอด จนกระทั่งผมได้คำตอบว่าลอด์จต้องการให้ผมจนตรอก ไร้ทางไป เขาบีบผมในทุกๆ ทางเพื่อให้ตกอยู่ภายใต้อำนาจบารมี และอำนาจเงินของเขา จนทุกวันนี้แม้แต่ลมหายใจของผมเขาก็เป็นเจ้าของ
   ถ้าเขาสั่งให้ผมไปตาย ผผมก็คงต้องตาย
   “ฉันจะทำยังไงกับนายดี... จะทำยังไงให้คนแบบนายรู้จักคำว่าซื่อสัตย์ การที่ทำตัวร่านไปทั่วมันทำให้ฉันสะอิดสะเอียด”
   เขาผลักหน้าผมเสียจนกระเด็น ความเจ็บปวดจากร่างกายเทียบไม่ได้กับความเจ็บปวดทางจิตใจ
   ผมไม่ไหวกับตัวตนของผมในตอนนี้แล้ว...
   ผมคิดว่าผมควรจะพอ
   “ถ้าอย่างนั้นเราก็พอเถอะ ฉันเองก็ไม่อยากอยู่แบบนี้อีกต่อไปแล้ว เหนื่อยว่ะ” ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่  ยกมือที่สั่นเทาของตัวเองลูบหน้าแรง “เหนื่อยที่ต้องโดนนายแดกดันอยู่ทุกวันเรื่อเอรีส เรื่องที่ฉันนอกใจ ใช่ ฉันมันเลวเองตั้งแต่ตอนนั้น แต่ฉันก็บอกนายแล้วว่าจะไม่ทำอีก ฉันทั้งสัญญา ทั้งสาบาญว่ามันจะไม่มีทางเกิดขึ้น แต่นายก็ไม่เคยรับรู้ในสิ่งที่ฉันทำมาตลอดเกือบสิบปี ไม่เคยสนใจว่าฉันกำลังไถ่โทษในสิ่งที่ฉันทำพลาดไป”
   “เพราะฉันไม่เชื่อไง สุนัขชอบกินอาจม... เหมือนนายไง”
   เป็นอีกครั้งที่ผมรู้สึกหน้าชา ผมจะต้องทนให้เขาดูถูกผมไปทำไม...
   “ฉันไม่อยากอยู่ตรงนี้แล้ว”
   “งั้นก็รอรับศพพี่นายที่อยู่ในคุกได้เลย การตายของไอ้เดนคุกสักคน มันไม่ใช่เรื่องที่ทำยาก ไม่ต้องตอบคำถามสังคม ว่ามันจะตายยังไง อาจจะสะดุดเท้าขาใหญ่แล้วโดนซ่อมในคุกจนตาย... หรืออาจตายเงียบๆ ด้วยโรคประจำตัว”
   ใจผมเริ่มสั่นทุกครั้งที่ลอด์จขู่ทำนองนี้ สามปีแล้วสินะที่พี่เรนติดคุกด้วยข้อหายักยอกทรัพย์ที่ฮ่องกง แล้วบริษัทที่พี่ชายของผมยักยอกไปก็เป็นหนึ่งในบริษัทลูกของลอด์จ
   ถึงผมจะอยากเห็นแก่ตัวขนาดไหน ผมก็ไม่ทางทำให้พี่ชายของผมต้องมาเจอเรื่องแย่ๆ ถึงพี่เรนจะทำผิดจนต้องได้รับโทษ แต่การที่เขาติดคุก ก็เหมือนเป็นการชดใช้ในความผิดของตัวเองไปแล้ว พี่เรนไม่ควรถูกเป็นเครื่องต่อรองที่ลอด์จงัดเอามาใช้ทุกครั้งที่ผมทำให้เขาไม่พอใจ
   “นายจะเอาเรื่องนี้มาขู่ฉันทุกครั้งไม่ได้หรอกนะ ถ้าถึงจุดหนึ่งฉันอาจจะยอมเห็นแก่ตัว”
   “ลองดู” น้ำเสียงเหี้ยมเกรียมที่เขาชอบใช้กับลูกน้อง หรือใครก็ตามที่อยู่ฝ่ายตรงข้าม “ฉันก็กำลังว่างๆ อยู่พอดี” พูดจบ เขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อต่อสาย
   หน้าผมเริ่มเปลี่ยนสี มือของผมเย็นเฉียบ ตัวแข็งจนแทบขยับไม่ได้
   “เฟย!”
   ดวงตาคู่นั้นเย้ยหยัน รอยยิ้มมุมปากแสยะจนน่าขนลุก
   “ไอ้หยุ่นนั่น... ฉันอยากให้แกจัดการมันให้ฉันหน่อย ใช่ ขอแบบเละเทะก็ได้”
   ผมรีบปรี่ไปดึงข้อมือเขาไว้ ไม่รอให้เขาออกคำสั่งลูกน้องจนจบ
   “นายจะเอายังไง”
   “… เราก็รู้ๆ กันดี ว่าฉัน...ต้องการอะไร”


สวัสดีค่ะ
หลังจากหายไปนานก็กลับมา UP อีกครั้งนะคะ
มาพร้อมกับข่าวการตีพิมพ์รวมเล่มกับ สนพ. DEEP ด้วยค่ะ
ยังไงก็ฝากติดตามกันต่อด้วย

แล้วก็ฝากเพจด้วยนะคะ


https://www.facebook.com/anin19story/
หัวข้อ: Re: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH25 [19|11|61] P12
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 19-11-2018 09:11:06
ดาร์คสุดอ่า แงงงง
หัวข้อ: Re: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH25 [19|11|61] P12
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 19-11-2018 09:44:10
 :fire: :fire:
หัวข้อ: Re: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH25 [19|11|61] P12
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 19-11-2018 10:19:10
 :pig4: :pig4: :pig4:

อิเฟยหลงนี่ก็แปลก  รักเขาแต่ปฏิบัติกับเขาเยี่ยงนางบำเรอ
หัวข้อ: Re: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH25 [19|11|61] P12
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 19-11-2018 10:47:24
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH25 [19|11|61] P12
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 19-11-2018 15:24:33
อือหือ อึมครึมสุด
หัวข้อ: Re: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH25 [19|11|61] P12
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 19-11-2018 18:03:37
 :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH25 [19|11|61] P12
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 20-11-2018 01:52:39
มีเงาดำๆบนหัวเลยจ้ะ มาคุสุดๆ
หัวข้อ: Re: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH25 [19|11|61] P12
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 20-11-2018 02:47:35
สถานการณ์อึมครึมสุด
หัวข้อ: Re: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH25 [19|11|61] P12
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 20-11-2018 03:57:48
เหอะๆๆๆ เรื่องมันจะยิ่งยุ่งไปกันใหญ่นะเนี่ย
หัวข้อ: Re: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH25 [19|11|61] P12
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 20-11-2018 09:49:04
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH25 [19|11|61] P12
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 20-11-2018 22:34:30
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH25 [19|11|61] P12
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 22-11-2018 01:29:46
ความหวาดระแวงเป็นบ่อเกิดการทำลาย

สงสารปัถย์นะ อย่าคิดมากเลย เชื่อใจกันไว้
เอรีสก็เชื่อมั่นตัวเองมาก และซื่อตรงดี
คุยกันเยอะๆ นะ อย่าปล่อยทิ้งให้ลุกลาม
มันเป็นแผลใจที่จะช้ำอยู่ตลอดเวลา

อื้อหือ ฐิติกับธีรนัย คือตัวร้ายที่แท้จริง
สงสารฐิติที่ถูกหลอกนะ หวังว่าจะไม่ถูกทิ้ง

รันน่าสงสารนะ พลาดครั้งเดียว จบทุกสิ่ง
แต่ก็สมควรกับสิ่งที่ทำ ทุกคนเสียใจหมด
แต่อย่างน้อย รันก็แยกแยะได้


หัวข้อ: Re: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH25 [19|11|61] P12
เริ่มหัวข้อโดย: tae1234 ที่ 22-11-2018 01:38:51
สนุกมากครับ
หัวข้อ: Re: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH25 [19|11|61] P12
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 22-11-2018 13:36:41
โอ๊ยยยเคลียร์กันเห๊อะ ชาวบ้านชาวช่องเดือดร้อนไปหมดละเนี่ย
หัวข้อ: Re: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH25 [19|11|61] P12
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 22-11-2018 22:52:59
หวานแป้บๆอึมครึมมาคุกันแล้ว คู่นี้จะตีกีนตาย อีกคู่นี่ทะเลาะกันแน่ๆ บอสจะแก้ตัวยังไง
หัวข้อ: Re: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH25 [19|11|61] P12
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 23-11-2018 14:17:16
แจ้งเตือนครั้งที่ 1

ให้เจ้าของกระทู้ เปิดอ่าน PM ทันทีที่เห็นข้อความนี้

ผู้ดูแลห้อง Boy's love story
หัวข้อ: Re: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH 26 [12|12|61] P12
เริ่มหัวข้อโดย: anin ที่ 12-12-2018 12:46:15
Chapter 26
   
   ผ่านไปไม่ถึงสิบห้านาทีเอรีสก็กลับมาที่ห้องทำงาน แต่ปัถย์กลับไม่ยอมเงยหน้ามองเขาเลย ผู้ช่วยหนุ่มจงใจใช้เอกสารและตัวเลขอันสับสนวุ่นวายเบนความสนใจจากเรื่องส่วนตัวที่ยังคิดไม่ตก

   จะว่าไม่สนใจ ไม่หวง ก็คงโกหก แต่หน้าที่การงานมันค้ำคอ จะให้หลุดมาดคนขรึม หรือแสดงอาการอะไรออกนอกหน้าก็คงไม่เหมาะนัก

   เอรีสจ้างมาทำงาน ไม่ได้จ้างให้มาหึง   

   เสียงฝีเท้าหนักๆ ของใครบางคนเดินมาหยุดข้างโต๊ะ ร่างสูงมาหยุดยืนซ้อนหลัง เท้าแขนทั้งสองข้างกับพนักเก้าอี้ แล้วโน้มตัวมาใกล้จนแก้มของทั้งคู่สัมผัสกัน

   “ทำอะไรอยู่”

   “ตรวจเอกสารเบิกงวดงานของผู้รับเหมาครับ”

   เอรีสชำเลืองมองเอกสารเล็กน้อย ก่อนกลับมาจ้องหน้าปัถย์อยู่ร่วมสองนาที แต่ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมพูดอะไร

   ปัถย์ก็เอาแต่กวาดสายตาดูตัวเลขในเอกสารอยู่อย่างนั้น มีบ้างที่ใช้ดินสอเขียนตัวเลขและข้อความลงไปด้วย ลายมือของปัถย์อ่านง่าย ไม่มีทีท่าจะแยแสคนตัวโตที่กำลังจ้องมองอยู่เลยสักนิด นานเข้าคนที่ชอบเอาแต่ใจก็เริ่มออกอาการฮึดฮัด

   “สนใจฉันหน่อยสิ เอกสารพวกนั้นมันสำคัญขนาดไหนกันเชียว”

   เอรีสพึมพำข้างขมับ แถมยังทำเสียงเล็กเสียงน้อย ลืมภาพเจ้านายขาโหดในตำนานไปได้เลย

   “...”

   “ปัถย์” เอรีสลากเสียงยาว ถูจมูกกับหัวใหล่คนในวงแขน

   “มีอะไรครับ”

   ปัถย์แค่ชำเลืองมองด้วยหางตาแล้วขานรับเบาๆ แต่คราวนี้คนตัวสูงกลับเงียบกริบ มีก็แต่เสียงหายใจฟืดฟาดอย่างคนถูกขัดใจ

   “นี่มันเอกสารด่วน ถ้าช้าฝ่ายบัญชีจะตีเช็คไม่ทันรอบดีล”

   ปัถย์วางมาดขรึมบอกอย่างเป็นการเป็นงาน แม้ใจจะแกว่งแต่ก็รู้ตัวว่าออกอาการมากไม่ได้

   “แล้ว?” คนเป็นเจ้านายเลิกคิ้วน้อยๆ

   “ก็ต้องรีบไงครับ”

   ”...”

   จากนั้นคนทั้งคู่ต่างก็รอดูท่าทีว่าใครจะเป็นคนเปิดฉากเข้าประเด็นก่อน งานนี้คนที่นิ่งกว่าย่อมได้เปรียบ

   แต่คนที่ร้อนรนก็คงหนีไม่พ้นคนที่ชื่อเอรีส เพราะใจก็ภาวนาอยากให้ปัถย์ถามซักไซ้มากกว่าตีบทคนไร้ปากที่ทำให้เขาเดาทางไม่ถูก จะสุ่มสี่สุ่มห้าโพล่งออกไปก็กลัวคนเก่งคนนี้จะไม่พอใจ   

   “ปัถย์ครับ” ในที่สุดเอรีสก็ทนไม่ไหว

   “ครับ” ปัถย์ขานรับอย่างเสียไม่ได้

   ยามเมื่อคนหน้าหล่อส่งสายตารู้สึกผิดมาให้ ใจก็พานอ่อนยวบลงไปกว่าครึ่ง กับเอรีสนี่คำพูดไม่กี่คำก็มีอันทำให้เขาต้องใจอ่อน ยิ่งพูดอ้อนพูดหวานแบบนี้...ยังไงก็แพ้

   “เรื่องที่รันมาหาเมื่อกี้ ฉันอยาก...อธิบาย”

   เอรีสพูดเสียงดังฟังชัด กลั้นใจรอดูรีแอ็กของปัถย์ด้วยใจเต้นระทึก ตอนที่ชื่อรันออกมาจากปากเขาเห็นปัถย์ชะงักไปนิด ร้อนรนจนต้องดึงมือปัถย์มาบีบเบาๆ

   “รันน่ะ มาเพราะเรื่องลอดจ์ ก็แค่มาเตือน ก็เรื่องที่มันส่งคนเขามาป่วนในออฟฟิศเราไง...นี่ก็รีบคุยแล้วก็ให้เขารีบกลับเลยนะ”

   “เหรอครับ” ปัถย์กล่าวเสียงเรียบ ความไม่พอใจถูกซ่อนไว้ภายใต้ท่าทีสุขุมอย่างแนบเนียน

   ‘นี่เราทำตัวคล้ายสาวน้อยหึงแฟนเข้าไปทุกทีๆ เฮ้อ...อนาจตัวเองชะมัด’

   “ไม่มีอะไรจริงๆ นะ ไม่มากไปกว่าคนเคยรู้จักแล้ว...”
   
“ถ้าไม่มีอะไรจริง ทำไมคุณต้องโกหก”  เอรีสเริ่มหน้าซีดลง “เมื่อคืน...ตอนที่เขาโทร. มา คุณก็โกหก แล้วจะมีอะไรที่ผมเชื่อคุณได้บ้าง” คำพูดของเอรีสถูกขัดด้วยเสียงเรียบๆ ทว่าเย็นเฉียบเหมือนน้ำแข็งขั้วโลก

   “นายเข้าใจผิดไปใหญ่โตแล้ว” คนตัวสูงรีบปฏิเสธทันควัน พอปัถย์สะบัดมือออกเขาก็ยิ่งยึดไว้แน่น

   “ผมว่าไม่ผิดมั้งครับ เอาตรงๆ นะบอส ไม่มีความจำเป็นเลยที่จะต้องมาโกหกผม เรื่องแฟนเก่าก็เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณ ผมรู้บทบาทของตัวเองดี รับรองได้ ผมจะไม่ล้ำเส้น”

   “โอ๊ย! ล้ำเส้นอะไรเล่า ไม่เอาๆ ไม่พูดแบบนั้น โธ่...ฉันขอโทษ ขอโทษที่พูดออกไปแบบนั้น ฉันแค่กลัวนายคิดมาก ไม่อยากให้นายรู้สึกไม่ดีที่รันติดต่อมา ไม่ได้ตั้งใจโกหกเลยสักนิด แต่ถ้านายถือเป็นเรื่องสำคัญต่อไปฉันก็จะไม่ทำอีก ฉันก็แค่...ทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะทำยังไงให้นายไม่รู้สึกแย่”

   เอรีสบ่นพึมพำ น้ำเสียงของเขาฟังดูเว้าวอน และเสียใจ

   คนตัวสูงย่อตัวลงนั่งบนปลายเท้า หมุนเก้าอี้ให้ปัถย์หันมาเผชิญหน้า โน้มคอให้ก้มลงมาใกล้ ความที่ปัถย์ยังอารมณ์ไม่อยู่กับร่องกับรอยเลยขืนตัวห่าง แถมเมินใส่เสียด้วย เอรีสจึงต้องใช้อีกมือหนึ่งกุมแก้มตอบไว้แล้วเป็นฝ่ายขยับเข้าหาแทน

   “ขอโทษครับ ผิดไปแล้ว อย่าเมินฉันเลย ถ้าโกรธก็ด่ามา แต่ห้ามหนีหน้า”

   “ไม่รู้ว่าผมมีสิทธิ์รู้สึกอะไรไหม” ปัถย์ตัดพ้อเสียงเอื่อย “ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอะไรที่ผมทำได้ หรือทำไม่ได้ ถ้าอะไรที่มันล้ำเส้น ผมก็พร้อมถอย ไม่อยากให้คุณอึดอัด”

   “พูดแบบนี้อีกแล้ว”

   เอรีสทำเสียงหนักใจ คนหล่อทำหน้ายู่พลางเขย่าหัวทุยเบาๆ ทั้งเอ็นดูทั้งมันเขี้ยวที่อีกฝ่ายชอบลดคุณค่าตัวเอง ก็แหมเขาออฟเฟอร์ปัถย์จะตาย ให้ปัถย์ชี้นกก็เป็นนก ชี้ไม้ก็เป็นไม้ หรืออยากได้ดาวอยากได้เดือนเอรีสคนนี้ก็พร้อมจะสอยมาให้

   “ฉันไม่ได้อึดอัดใจ แล้วนายก็ไม่ต้องถอยไปไหนทั้งนั้นละ นายฉลาด นายต้องรู้สิว่าฉันเป็นคนยังไง ถ้าฉันไม่พอใจคงเตะโด่งนายไปนานแล้ว แต่นี่ฉันติดนายงอมแงม หายใจเข้าออกก็มีแต่เรื่องนาย โยนความคิดพังๆ นั้นทิ้งไปนะ เข้าใจไหม”

   ปัถย์หลบตา “ก็คุณทำให้คิดเองนี่ครับ”

   “เลิกคิด ความคิดแบบนั้นไม่ควรอยู่ในความสัมพันธ์ระหว่างเรา ฉันหลงนายขนาดนี้ ต่อให้นายออกปากไล่รันกลับไป ฉันก็เข้าข้างนาย ไม่มีใครสำคัญเท่านายอีกแล้ว”

   ปัถย์เกือบจะยิ้มอยู่แล้วเชียวแต่นึกอะไรขึ้นมาได้เสียก่อน

   “ถ้าผมทำจริง คุณอาจจะไล่ตะเพิดผมก็ได้ ใครจะรู้ เอาใจคนอย่างคุณมันยากจะตาย”

   “บ้าสิ ใครจะกล้าไล่มะ...นายเล่า”

   เอรีสเปลี่ยนคำว่า ‘เมีย’ ที่เกือบพลั้งปากพูดออกไปได้ในวินาทีสุดท้าย มันก็จะเขินๆ หน่อย กับความรู้สึกแบบเนี้ย

   ความรู้สึกพิเศษสุดๆ กับใครสักคน

   ความรู้สึกหวง ห่วง และเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ในเมื่อรู้สึกแบบนี้กับปัถย์แล้ว เอรีสก็อยากให้ปัถย์รู้สึกแบบเดียวกันกับเขาบ้าง

   “...”

   “ว่าแต่ไม่อยากรู้หน่อยเหรอว่าเมื่อกี้คุยอะไรกับเขาบ้าง” เอรีสหยั่งเชิง

   “...”

   “หรือที่จริงอยากรู้ แต่ต้องวางมาดคุณปัถย์ผู้เคร่งขรึม เอาน่า ถามมาเลย” เอรีสใช้มือตบปุๆ ที่อก เตรียมพร้อมสำหรับคำถาม

   “ไม่ถามครับ แล้วก็ไม่จำเป็นต้องอยากรู้”

   “จริงดิ”

   “จะรู้ได้ไงว่าไม่โกหก ผมว่าปล่อยให้มันเป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างคุณสองคนดีกว่า”

   เอรีสถึงกับทำหน้าไม่ถูก เมื่อเจอปัถย์ในโหมดคนเหวี่ยง 2018

    เขาดึงอีกฝ่ายเข้ามาประชิดตัว ครั้งนี้เขาออกแรงเต็มที่ จนปัถย์เสียหลักกางขาออกน้อยๆ เพื่อทรงตัว จนตอนนี้เอรีสแทรกเข้ามาระหว่างขาอย่างสนิทชิดเชื้อ

   “งอนเหรอ” เอรีสถามเสียงอ่อนเสียงหวาน

   สายตาเจ้าเล่ห์เฝ้าประเมินอารมณ์ของปัถย์ว่าจะไปในทิศทางไหน มั่นใจพอสมควรว่าปัถย์คงไม่ได้โกรธจริงจัง เพราะถ้าเป็นแบบนั้นตอนนี้เขาคงถูกผลักกระเด็นออกไปแล้ว ไม่ยืนทำหน้าง้ำ รอให้เขาง้ออยู่แบบนี้หรอก

   “ไม่ได้งอนครับ”

   “จริง?...”

   “...” ปัถย์นิ่ง วางท่าอย่างคนที่มีอำนาจเหนือกว่า

   “อย่างอนเลยนะ ฉันน่ะ จะไม่มีวันกลับไปเดินทางนั้นหรอก ถ้ามันจะเหลืออยู่บ้าง ก็คงเหลือแค่สถานะคนเคยเป็นเพื่อน และฉันให้ความสำคัญกับเพื่อนน้อยกว่าแฟน” เขาอ้อน แต่มีความหนักแน่นอยู่ในทุกคำพูด

   เอรีสกดจมูกโด่งลงที่แก้มฟอดใหญ่จนปัถย์ต้องเอี้ยวหน้าหนี แต่เอรีสก็ผละออกก่อนขยับใบหน้าลงต่ำจนไรหนวดแข็งๆ ของเขาเริ่มมาป้วนเปี้ยนที่ต้นคอแทน

   “…”

   “แถมแฟนของฉัน...ก็เก่งขนาดนี้ แสนดีขนาดนี้ ใครกลับไปก็เรียกว่าโง่บรม” ปัถย์เริ่มหน้าแดง การหยอดคำหวานของเอรีสได้ผลชะงัดนัก “ฉันน่ะกลับไปไม่ได้แล้ว...ที่ๆ ฉันยืนอยู่ตรงนี้อบอุ่นพอแล้ว ฉันจะไม่กลับไปสู่ความมืด แล้วนอนกอดความหนาวเหน็บจอมปลอมแบบนั้นหรอก ฉันจะอยู่กับปัจจุบัน อยู่กับนาย ถ้าเรื่องงี่เง่าที่ฉันทำเมื่อคืน ทำให้นายรู้สึกแย่ ฉันก็ขอโทษ”

   “ผมรู้สึกแย่จริงๆ นั่นละครับ” ปัถย์ยอมรับ สีหน้าเรียบเฉยเมื่อครู่เริ่มแสดงอาการโอนอ่อนมากขึ้น
ยามเมื่อเห็นแววตาวูบไหวของปัถย์ เอรีสก็ยิ่งร้อนใจ

   “มันจะไม่มีอีกแล้ว ต่อไปจะบอกทุกอย่าง สัญญา”

   ปัถย์พยักหน้า  ยอมให้เอรีสกอดเอวไว้แน่น หน้าคมเข้มถูกับช่วงอกจนเจ้าตัวเริ่มจะระทวยจนต้องรีบเปลี่ยนเรื่อง

   “ผมว่าคุณลุกขึ้นเถอะครับ มีเอกสารต้องเซ็นรออยู่บนโต๊ะและต้องส่งออกก่อนเที่ยง”

   “กำลังสบายเลย ขออีกนิดน่า”

   “ทำงานก่อนครับ อ้อ เอรีสครับ ผมจะไปไซต์ช่วงบ่าย แล้วตอนเย็นค่อยเจอกันนะครับ”

   “ไปทำไมอีก”

   “ซีอีโอของโรงแรมเข้าตรวจงานครับ แต่คุณมีนัด ผมเลยจะไปแทน”

   ปัถย์ได้รับแจ้งจากโพรเจกต์แมเนเจอร์ว่าทางคณะบริหารของโรงแรมจะเข้ามาหน้างานในวันนี้ เป็นการเข้าตรวจงานแบบไม่เป็นทางการ เนื่องจากซีอีโอใหญ่ที่มาดูงานเดินทางมาจากต่างประเทศและจังหวะเหมาะพอดี

   หากเป็นยามปกติในกรณีแบบนี้ทั้งคู่จะไปด้วยกันเสมอ แต่ถ้าผู้เป็นเจ้านายติดนัด ปัถย์ก็จะทำหน้าที่แทนจึงไม่ถือว่าเป็นเรื่องผิดแผกอะไร ครั้งนี้ปัถย์จึงทำเหมือนเคยโดยการไปตรวจหน้างานหน้าไซต์เพียงลำพัง

   “โอเค เสร็จแล้วจะรีบไปรับ รอนะครับ”


   คนที่ยืนอยู่หน้าห้องทำงานอย่างฐิติกำลังคิดบางอย่างอยู่ในใจ

   เมื่อคืนเขาคุยกับธีรนัยอีกครั้งเรื่องปัถย์ แล้วลงความเห็นกันว่า การที่อดีตผู้ช่วยคนสำคัญกลับเข้ามา ทำให้ดำเนินการตามแผนการต่างๆ ำได้ยากขึ้น

   ไม่อยากจะเชื่อว่าปัถย์จะกลับมาในตอนสำคัญ อาทิตย์หน้าก็จะถึงเวลายื่นซองประมูลโครงการสำคัญอยู่แล้ว การจะเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกก็ไม่ง่ายอีก เอรีสคงจะมอบหมายทุกอย่างให้หมอนั่นจัดการ ตัวเลขที่อยากได้ก็คงไม่กระเด็นผ่านตาเขาแน่

   ‘ถ้าไม่มีแกก็คงดี...’

   ฐิติคิดอยู่ในใจ ทั้งที่ตอนนี้เอรีสเริ่มจะไว้ใจเขาแล้ว เอกสารสำคัญก็ล้วนผ่านทางตัวเองหมด แต่เมื่อเช้า ปัถย์กลับมาเรียกเอกสารทั้งหมดคืนกลับไป นี่เท่ากับจงใจหยามหน้าเขา ข่มว่าตัวเหนือกว่า ซึ่งมันทำให้เขาทนไม่ได้

   ออกไปแล้วยังจะหน้าด้านกลับมาทำไมวะ

   ศักดิ์ศรีไม่มีหรือไง...

   บ้าเอ้ย!

   “คุณปัถย์ครับ คุณจะออกไปไซต์กับคุณเอรีสเหรอครับ” ฐิติรีบถามเมื่อปัถย์เดินเอาแฟ้มที่รอลายเซ็นของเอรีสมาให้ที่โต๊ะ

   “เปล่า ผมจะไปคนเดียว เอรีสมีนัดกับเจ้าสัวบุรินทร์ช่วงบ่าย คุณฐิติมีอะไรเหรอครับ”

   “ที่จริงผมไปแทนให้ก็ได้นะครับ คุณปัถย์จะได้อยู่เคลียร์เอกสารสำคัญให้เสร็จ”

   “ไม่เป็นไร ผมไปเองจะเหมาะกว่า อีกอย่างลูกค้าคงอยากเจอกับคนที่ตัดสินใจได้ด้วย ถึงคุณไปก็คงได้แค่รับเรื่อง ผมไปเองน่ะดีแล้ว”

   คำพูดของอีกฝ่ายยิ่งทำให้ฐิติอารมณ์ขุ่นมัว คำพูดว่าเขาเป็นได้แค่พนักงานรับเรื่อง เป็นการข่มให้เขายิ่งดูต้อยต่ำลงไปด้วย

   ทำไมกัน...ในเมื่อตำแหน่งก็เทียบเท่ากัน หมอนี่มีสิทธิ์อะไรมาพูดแบบนี้ มันเกินไปหน่อย

   “ผมเป็นผู้ช่วยเอรีสนะครับ โดยตำแหน่งแล้วผมก็เทียบเท่ากับอดีตตำแหน่งของคุณ หรือว่า...ยังไงครับ”

   “ก็ถ้าโดยตำแหน่ง ก็ได้ละครับ แต่ถ้าตามอาวุโสแล้ว ผมว่าผมไปเองคงจะง่ายกว่า”

   “โดยอาวุโส หรือว่าโดยความสัมพันธ์กันแน่ครับ ผมก็ประหลาดใจนะที่อยู่ดีๆ คุณก็กลับมา รู้ไหมคนทั้งบริษัทซุบซิบกันใหญ่ว่าคุณกลับมาในตำแหน่งอะไร ก็ในเมื่อผมเองก็ยังทำหน้าที่ได้อย่างดีอยู่”

   ปัถย์วางสีหน้าเรียบเฉย ไม่ตอบโต้ เพราะอยากรู้ว่าคนคนนี้คิดเห็นอย่างไรต่อการกลับมาของเขา

   “...”

   “จู่ๆ คุณก็ไป แล้วจู่ๆ คุณก็กลับมา แต่การกลับมาของคุณ คงไม่ได้จะกลับมายึดตำแหน่งที่เป็นของผมกลับไปหรอกใช่ไหมครับ หรือว่าคุณมาในตำแหน่งพิเศษ ตำแหน่งลับที่ไม่มีอยู่ในระบบองค์กร”

   “ตำแหน่งลับ?” ปัถย์ย่นคิ้ว

   “ใช่ครับ มันก็เป็นอะไรที่คนเขาสงสัยกัน บางทีการทำงานในออฟฟิศอย่างเดียวคงไม่พอ มันอาจก้าวหน้าได้ไม่เร็วแบบติดจรวด แต่ถ้าทำงานบางประเภทได้ถูกอกถูกใจ คนที่ตั้งใจทำงานอย่างเดียวก็คงจะสู้ไม่ได้”

   “คุณอยากพูดอะไรกันแน่ครับ”

   “นี่คุณปัถย์ เราก็รู้ๆ กันนะว่าเอรีสเป็นยังไง และผมก็พอจะดูออกว่าคุณสองคน...ยังไง แต่ขอเถอะครับ ผมทำงานด้วยสมอง ผมคงสู้คุณที่ทุ่มเททั้งตัวไม่ได้”

   “ถ้าคุณซื่อสัตย์ ตั้งใจ และมีความสามารถ ก็ไม่มีอะไรต้องกลัว เอรีสเป็นคนฉลาด เป็นคนตรงๆ ถ้าคุณดีจริงเขาจะเก็บคุณไว้ ต่อให้ผมกลับมาหรือไม่ ก็ไม่มีทางทำให้เก้าอี้คุณสั่นได้หรอก”

   “งั้นที่เขาว่ากันว่าคุณกับเอรีสไม่ใช่เจ้านายลูกน้องธรรมดา...”

   “ทำไมครับ” ปัถย์ยักคิ้วให้อย่างท้าทาย “คุณสงสัยว่าผมกับเอรีสมีความสัมพันธ์กันเหรอ”

   “ก็อาจจะ” ฐิติยอมรับ ท้าทายกลับไปเช่นกัน “ข่าวลือเสียๆ หายๆ มันไปเร็วนะครับ ยิ่งเป็นผู้บริหารระดับสูงด้วย คงไม่ดีที่ข่าวลือจะกระฉ่อนออกไป เจ้านายกับลูกน้อง สมภารกินไก่วัด อะไรทำนองนี้”

   “ขอบคุณที่เป็นห่วง คุณฐิตินี่เป็นเดือดเป็นร้อนแทนบริษัทได้น่าภูมิใจมาก เอาไว้ผมจะบอกกับเอรีสให้นะครับว่าผู้ช่วยอย่างคุณกำลังกังวลเรื่องอะไร แต่ว่าตอนนี้ผมคงต้องขอตัวก่อน ไว้เรามาปรึกษากันอีกทีนะครับ”

   ปัถย์ทิ้งท้ายแล้วเดินล้วงกระเป๋าจากไป ไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้านที่ถูกฐิติพูดจากวนประสาท ก็ดี ในเมื่อจะหงายไพ่ให้เห็นว่าเป็นศัตรู ก็ทำกันให้เห็นซึ่งหน้าเลย

   ส่วนคนที่ยืนมองตามแผ่นหลังของร่างสูงโปร่งที่เดินผละไปด้วยแววตาอาฆาตโมโหจนแทบระงับอารมณ์ไม่ไหว
   “คอยดูเถอะ กูจะแก้เผ็ดทั้งมึงทั้งผัวมึงให้สะใจ พลาดโครงการหมื่นล้านเมื่อไหร่ อย่ามาเล่นบทโศกก็แล้วกัน!”


...

   
   ปัถย์ขับรถมาถึงไซต์ในหนึ่งชั่วโมงถัดมา เขาเดินตรวจนอกรอบกับทีมงาน เพื่อให้มั่นใจว่าซีอีโอของโรงแรมจะพอใจในความคืบหน้าของงาน จนกระทั่งเหล่าคณะผู้บริหารจากโรงแรมเดินทางมาถึง

   ชายหนุ่มเข้าไปต้อนรับและเป็นคนพาเดินตรวจด้วยตัวเอง มีข้อบกพร่องเล็กๆ น้อยๆ อยู่บ้างๆ แต่เขาก็รับปากว่าจะแก้ไขให้ในทันที ซึ่งฝ่ายนั้นก็ดูจะพอใจ ถึงขั้นออกปากชมในหลายๆ เรื่อง โดยที่ปัถย์ก็ได้ให้เครดิตแก่ฝ่ายโครงการที่ดำเนินงานได้ตามแผน ทั้งโพรเจกต์แมเนเจอร์และวิศวกรต่างก็หน้าบานเพราะได้รับคำชมไปตามๆ กัน

   “เสียดายนะครับที่วันนี้คุณเอรีสไม่มาด้วย“

   “ต้องขอโทษแทนคุณเอรีสอีกครั้งนะครับ คราวหน้าคุณเอรีสไม่พลาดแน่ หรือถ้ามีอะไรด่วน สามารถสายตรงถึงผมได้เลยครับ”

   “คุณปัถย์นี่อายุยังน้อยอยู่เลย แต่ทำงานเป็นระบบมาก นี่ถ้าเบื่อทำงานกับเบอร์ตันแล้วรีบโทร. มาหาผมเลยนะครับ ผมชอบคนทำงานเร็วและรอบคอบอย่างคุณปัถย์”

   “ขอบคุณครับ แต่ที่จริงระบบของเบอร์ตันดีต่างหากครับ ระบบดีการทำงานก็สะดวก”

   “เดี๋ยวจะมีโครงการที่ภูเก็ตอีก ตอนนี้กำลังให้ฝ่ายออกแบบร่างคร่าวๆ ไว้อยู่ รอใกล้ๆ แล้วจะโทร. หา ผมจะเชิญเบอร์ตันไปร่วมประมูล”

   “ขอบคุณครับที่ไว้ใจเรา”

   “วันนี้ก็ประมาณนี้แล้วกันนะ ไว้ผมจะให้ลูกน้องดูอีกทีว่าจะเข้ามาวันไหน ยังไงก็ต้องเจอคุณเอรีสสักครั้ง”

   “ครับ”

   เมื่อคณะผู้บริหารใหญ่ของโรงแรมกลับไป ปัถย์ก็อยู่ต่ออีกพักใหญ่ แต่ทว่าตอนที่กำลังเดินตรวจงานอยู่กับวิศวกรโครงสร้าง ปัถย์ก็เดินเข้าไปเห็นสิ่งที่ขัดตาเข้าเสียก่อน

   “คุณวิทย์ครับ ทำไมผู้รับเหมาถึงไม่เก็บรายละเอียดตรงผนังให้เรียบร้อยก่อนล่ะครับ นั่นน่ะครับ”

   “อ๋อ ครับ นิค คุณมานี่หน่อย” กรวิทย์หันไปเรียกโฟร์แมนที่รับหน้าที่คุมคนงาน

   “สวัสดีครับ”

   “คุณนิคใช่ไหมครับ ผมรบกวนคุณนิคช่วยดูตรงนี้หน่อย”

   ปัถย์อธิบายอย่างใจเย็นอยู่ครู่ใหญ่ ก็เดินไปใกล้ผนังสูงที่ตั้งนั่งร้านไว้จนสุดเพดาน

   “อย่างอื่นก็ไม่มีอะไรครับ แต่ตรงนี้ผมอยากให้แก้ แล้วก็...”

ไม่ทันที่ปัถย์จะพูดจบ คนงานที่ยืนอยู่บนนั่งร้านสองสามคนก็ร้องโวยวาย ก่อนที่ท่อนเหล็กของนั่งร้านชั้นที่สามจะโค่นลงมา

   “เฮ้ย! ระวังโว้ย หลบเร็ว!”

   ตามมาด้วยเสียงโครมครามของท่อนเหล็กที่ร่วงหล่นกระทบพื้น

   “โอ๊ย!”

   “เฮ้ย ฉิบหายละ เรียกรถพยาบาลเร็ว คุณปัถย์ครับ คุณปัถย์”

   เกิดความชุลมุนขึ้นทันทีเมื่อนั่งร้านหล่นลงมาน กรวิทย์ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ เพียงถูกท่อนเหล็กเฉียดใบหู ในขณะที่ปัถย์นั้นอยู่ตรงวิถีพอดี เลยโดนท่อนเหล็กหล่นทับเข้าอย่างจัง

   “พวกมึงไปตามเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยมา”

   “ห่าเอ้ย! นี่ผู้ช่วยนายใหญ่นะมึง ซวยกันหมดแน่ ตกงานกันก็คราวนี้ละ”

   “เรียกรถพยาบาลหรือยัง เร็วสิโว้ย!”




++++
หัวข้อ: Re: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH26 [12|12|61] P12
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 12-12-2018 15:21:52
 :pig4: :pig4: :pig4:

อุบัติเหตุครั้งนี้  บังเอิญหรือตั้งใจ (โดยตัวร้ายนายฐิติ) ?
หัวข้อ: Re: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH26 [12|12|61] P12
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 12-12-2018 18:28:39
เหมือนเป็นแผนการมากกว่า
หัวข้อ: Re: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH26 [12|12|61] P12
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 12-12-2018 18:37:31
เหมือนได้กลิ่นตุๆจากเหตุการณ์นี้
หัวข้อ: Re: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH26 [12|12|61] P12
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 12-12-2018 19:16:08
อ่านตอนนี้แล้ว อยาก....  :z6:
หัวข้อ: Re: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH26 [12|12|61] P12
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 12-12-2018 21:23:22
อุบัติเหตุหรือจงใจ?
หัวข้อ: Re: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH26 [12|12|61] P12
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 12-12-2018 21:39:51
ปัตย์อย่าเป็นอะไรไปนะ
หัวข้อ: Re: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH26 [12|12|61] P12
เริ่มหัวข้อโดย: tae1234 ที่ 12-12-2018 22:58:43
ใครบงการแน่
หัวข้อ: Re: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH26 [12|12|61] P12
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 13-12-2018 00:03:30
 :hao7: :hao7: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH26 [12|12|61] P12
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 13-12-2018 15:04:41
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH26 [12|12|61] P12
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 13-12-2018 21:32:13
……


ชักร้ายกันไปใหญ่ละ อุบัติเหตุเล่นกันถึงตายเลยนะ

แบบนี้จะเก็บฐิติไว้ใกล้ตัวทำไมนะ

 :beat:  :beat:  :beat:  :beat:  :beat:  :beat:  :beat:  :beat:

เอรีสแสดงแจ้งสถานะของปัถย์ให้ชัดเจนสักทีเถอะะะะ

  :z10:  :z13:  :z10:  :z13:  :z10:  :z13:  :z10:  :z13:


……
หัวข้อ: Re: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH26 [12|12|61] P12
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 14-12-2018 01:19:22
โอ๊ะโอ นี่ใช่อุบัติเหตุจริงไหมเนี่ย?

ปล. หมั่นไส้คุณเอรีสโหมดออดอ้อนมากเลยค่ะ ลบภาพคนร้ายๆก่อนหน้าหมดเลย 5555
หัวข้อ: Re: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH26 [12|12|61] P12
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 15-12-2018 22:15:06
ซวยจริงหรือโดนแกล้งเนี่ยะ
หัวข้อ: Re: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH26 [12|12|61] P12
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 15-12-2018 22:39:46
รอๆ
หัวข้อ: Re: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH26 [12|12|61] P12
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 19-12-2018 23:49:45
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH26 [12|12|61] P12
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 20-12-2018 23:34:03
เพิ่งมาตามอ่าน
สนุกมากเลยค่าาาาาา :mew1:

ตอนนี้แอบสงสารรันมากๆ ไม่รู้ความรักของรันจะจบลงรูปแบบไหน
หัวข้อ: Re: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH26 [12|12|61] P12
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 22-12-2018 14:59:34
อ่านเพลินหมดไม่รู้ตัว สนุกค่ะอย่าลืมมาต่อนะคะ :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH26 [12|12|61] P12
เริ่มหัวข้อโดย: Cyclopbee ที่ 22-12-2018 19:40:27
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH26 [12|12|61] P12
เริ่มหัวข้อโดย: junlifelove ที่ 22-12-2018 21:55:45
สงสารรัน ทำไมตาเฟยถึงได้เย็นชาใจร้ายแบบนี้ ฮึ่ยยยย!!!
ปัถย์อย่าเป็นอะไรนะลูกกก ฮืออออ สถานะการตึงเครียดมากค่ะ คุณณณณณ
ฐิติหรือธีรนัยเป็นคนทำ เอ๊ะ หรือว่าเฟย เอ๊ะ หรือเป็นอุบัติเหตุจริงๆ

ฮือออ สนุกมากค่ะ :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH26 [12|12|61] P12
เริ่มหัวข้อโดย: moonoi1000 ที่ 13-01-2019 02:20:32
เฝ้ารอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH27 [16|01|62] P13
เริ่มหัวข้อโดย: anin ที่ 16-01-2019 16:54:22
Chapter 27

“ขับให้มันเร็วๆ หน่อยได้ไหม ฮะ!?”

เอรีสตวาดเสียงดังลั่นรถ

   มานพ คนขับรถที่ทำงานด้วยกันมานานนสะดุ้งลนลาน ใจก็คิดว่าคงถึงคราวดวงกุดถึงถูกผู้เป็นเจ้านายขึ้นเสียงใส่ ชายวัยกลางคนมองผ่านกระจกมองหลังแล้วเห็นใบหน้าถมึงทึงเหมือนอารมณ์เสียมาร้อยปี ก็ยิ่งชวนให้สยดสยองเข้าไปใหญ่

   “เอ่อ  ได้ครับ”

   มานพรับคำ แล้วกระแทกเท้าเหยียบคันเร่งเพิ่มความเร็วตามที่ผู้เป็นเจ้านายสั่ง อันตรายอะไรไม่สน ทั้งปาดซ้ายแซงขวา หนักเข้าก็ฝ่าไปแดงไปหลายแยกแต่ก็ยังโดนเร่งจากคนที่อยู่ด้านหลังอยู่ดี

   ระหว่างนั้นเอรีสก็ต่อสายหาคนโน้นคนนี้อยู่หลายรอบ จนได้รับการบอกเล่าว่าปัถย์ยังพอมีสติ แต่มีอาการเบลอๆ อยู่บ้างเล็กน้อย เอรีสฟังแล้วก็ยังรู้สึกไม่สบายใจเท่าไร  คงต้องรอผลการตรวจอาการโดยละเอียดเสียก่อน

   “คุณกรวิทย์ ถ้ามีอะไรรีบโทร.หาผมเลย อีกไม่เกินสิบนาทีผมจะไปถึง” เอรีสสั่งความ ก่อนหันมาเร่งมานพอีกครั้ง “มานพ ขับให้มันเร็วกว่านี้”
   “นี่ก็เร็วที่สุดแล้วครับคุณเอรีส ผ่านแยกหน้าไปก็ถึงโรง’บาลแล้วครับ”
   “นั่นละ ให้ไวเลย”
   ตั้งแต่ได้รับโทรศัพท์ สมองของเขาก็เบลอไปหมด คิดอะไรก็ไม่ปะติดปะต่อ ใจก็ร้อนเป็นไฟ ทั้งโกรธทั้งเป็นห่วงไปสารพัด  ยิ่งไม่ได้ข้อมูลอะไรที่แน่นอนมันยิ่งทรมาน
   “จอดตรงนี้ ฉันเดินไปเอง”
     เอรีสเปิดประตูแล้วกระโจนออกจากรถ สองเท้ายาวๆ กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปจนถึงหน้าห้องฉุกเฉินนจนกระทั่งเห็นพนักงานของบริษัทอยู่สองคนกำลังนั่งหน้าเครียด รอคอยข่าวจากด้านใน ส่วนกรวิทย์ที่พอเงยหน้าตามเสียงมาเห็นเอรีสก็หน้าซีด ตาโต ยกมือไหว้แบบเก้ๆ กังๆ แต่ผู้เป็นเจ้านายแค่เพียงพยักหน้าส่งๆ กลับไป
   “ปัถย์ล่ะ ปัถย์อยู่ไหน!” เอรีสร้องถามด้วยอารามร้อนใจ พร้อมกับที่ขายาวๆ ก็ก้าวเข้าไปหา “หมอบอกว่าปัถย์เป็นยังไงบ้าง”
   สีหน้าเอรีสดูไม่ดีเท่าไร เต็มไปด้วยความตึงเครียดและความกังวล
   “อยู่ข้างในครับ ตอนนี้ยังไม่ได้ข่าวอะไรเลย”
   เอรีสทำเสียงจิ๊อย่างขัดใจ แกว่งมือแก่วงไม้อย่างคนที่ทำอะไรไม่ได้
   “เกิดเรื่องแบบนี้ได้ยังไง ผมขอคำอธิบาย เอาแบบที่ชัดเจน”
   เขาข่มใจให้เย็นลง ลดน้ำเสียงให้ใกล้เคียงปกติที่สุด เมื่อคิดแล้วว่าโวยวายไปก็คงจะไม่รู้เรื่อง รังแต่จะทำให้สถานการณ์ยิ่งตึงเครียดไปเปล่าๆ
   “เอ่อ...ผมก็ยังงงๆ อยู่ครับ ระหว่างที่เราดูงานกันอยู่ จู่ๆ นั่งร้านที่กำลังเก็บงานสีก็โค่นลงมา คุณปัถย์ยืนคุยงานตรงนั้นพอดีเลยโดนลูกหลง แต่เหตุการณ์แบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลยนะครับ แต่ผมสั่งให้เจ้าหน้าที่เช็กดูอุปกรณ์แล้วว่าชำรุดหรือว่าเป็นความประมาทกันแน่”
   กรวิทย์อธิบายอย่างร้อนๆ หนาวๆ ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรก ทำงานมาก็นานแต่ไอ้ที่ซวยติดๆ กันแบบนี้ยังไม่เคยเกิด
   การเกิดอุบัติเหตุในไซต์งานก่อสร้างเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะหมายถึงประวัติความปลอดภัยในการทำงาน ซึ่งจะนำมาประเมิณคุณภาพของบริษัทและใช้เป็นข้อมูลในการทำงานกับหน่วยงานต่างๆ ต่อไป ดังนั้นเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยจะต้องกำกับดูแลด้วยความเข้มงวด ไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ แต่ครั้งนี้ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงได้เกิดเรื่องรุนแรงเช่นนี้ขึ้นได้
   ผู้เป็นเจ้านายถอนใจ ยกมือขึ้นนวดขมับ สันกรามแกร่งเกร็งเครียดคลายออกหลังจากนั้นอีกหลายนาที
   ดวงตาคมเลื่อนไปมองหน้าประตูห้องฉุกเฉินที่ปิดสนิทอีกครั้ง ก่อนหันมาถามลูกน้องที่ยืนสงบนิ่งอยู่ข้างๆ
    “นอกจากปัถย์แล้ว มีคนอื่นบาดเจ็บอีกหรือเปล่า”
   “มีช่างอีกสองคนครับ แต่ไม่ได้รับเจ็บหนักอะไร ก็แค่รอยถลอกทั่วไป เคล็ดขัดยอกตามแขนขา หมอทำแผลให้แล้วผมเลยให้กลับไปพัก เรื่องค่าใช้จ่ายทางประกันจัดการเรียบร้อยแล้วครับ”
   “เรื่องเกิดตอนไหน”
   ”บ่ายสองโมงครึ่งครับ”
   “เรื่องด่วนขนาดนี้ ผมควรรู้เป็นคนแรก”
   ถ้าเกิดกับคนอื่นเอรีสอาจไม่จำเป็นต้องรู้ก่อน แต่นี่คือปัถย์คนที่ใกล้ชิดที่สุดของเขา เขาจะรู้ช้าไม่ได้
   “เอ่อ...ผมฝากเรื่องไว้กับคุณฐิติครับ เห็นว่าคุณเอรีสมีแขกสำคัญ ผมเลยไม่กล้า...”
   “โอเค ช่างเถอะ” เอรีสกล่าวตัดความรำคาญ
   ต่อให้อยากจะอาละวาดหรือแผดเสียงเพียงใด แต่ด้วยวุฒิภาวะและความเป็นผู้นำ เขารู้ว่าไม่อาจใช้อารมณ์ได้ ถ้าคนที่อยู่ในตำแหน่งสูงสุดทำแบบนั้น ใครจะกล้าอยู่ร่วมงานกับเขา
   จริงอยู่ที่เขาสมควรโมโห แต่เอาไว้ให้คนเจ็บหายดี ค่อยชำระความเรื่องของความสะเพร่า กับความไม่รอบคอบในความปลอดภัยของการทำงานก็ยังไม่สาย
   ปัถย์ต้องไม่เจ็บตัวฟรี
   “อืม ฝากดูแลเรื่องคนเจ็บด้วย ค่าใช้จ่ายต่างๆ บริษัทจะดูแลให้เอง แล้วพรุ่งนี้ให้คนที่อยู่หน้างานเข้ามาคุยกันที่ออฟฟิศด้วย ฉันไม่ต้องการให้เกิดเรื่องแบบนี้อีก”
   “ครับคุณเอรีส”

   เอรีสไล่ลูกน้องให้ไปหาข้าวกิน เพราะนี่ก็ใกล้ค่ำแล้ว ส่วนเขายืนนิ่งอยู่เช่นนั้น แม้จะผ่านไปนับชั่วโมแล้ว สายตาของเขาไม่ละไปจากประตูกระจกสองบานที่เปิดไปสู่ห้องที่ปัถย์รักษาตัวอยู่
   จนเมื่อกรวิทย์กลับมาอีกครั้งแต่ยังรักษาระยะห่างเพราะเข้าหน้าผู้เป็นเจ้านายไม่ติด แต่ยังไม่ทันที่เอรีสจะพูดอะไรต่อ แพทย์ก็เดินออกจากห้องฉุกเฉินมาหาเพื่อแจ้งอาการ
   “ญาติคุณปัถย์ เรืองวิทย์ หรือเปล่าครับ”
   เอรีสเดินเข้าไปหาในทันทีด้วยความร้อนใจ
   “ใช่ครับ ผมเอง อาการของปัถย์เป็นยังไงบ้างครับคุณหมอ”
   “ตอนนี้คนไข้ปลอดภัยแล้วนะครับ อาการต่างๆ โดยรวมไม่ได้บาดเจ็บร้ายแรงอะไร ผลเอกซ์เรย์ก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง สมองไม่ได้รับการกระทบกระเทือนอะไร” คนเป็นหมอเปิดชาร์ตผ่านๆ
“ที่หนักที่สุด...ก็คงจะเป็นแขนขวาที่กระดูกร้าว แต่ก็โชคดีที่ไม่ถึงกับหัก หมอใส่เฝือกให้ ระหว่างนี้คนไข้จะลำบากในการใช้ชีวิตประจำวันนิดหน่อย แต่อีกเดือนสองเดือนก็น่าจะถอดออกได้ ก็ต้องดูการสมานตัวของกระดูกอีกที ส่วนรอยฟกช้ำตามร่างกายจากการถูกของหนักกระแทก ก็จะมีตรงแผ่นหลังกับหน้าอกซึ่งหมอดูแล้วสักสัปดาห์รอยฟกช้ำก็คงจะหาย อาการอย่างอื่นก็ปกติดีครับ” แพทย์ประจำห้องฉุกเฉินอธิบาย อาการของคนเจ็บอย่างละเอียดทำให้เอรีสหายใจได้ทั่วท้องมากขึ้น
   “ไม่มีอาการกระทบกระเทือนหนักใช่ไหมครับ”
   “เบาใจได้ครับ คนไข้ไม่ได้มีอาการบาดเจ็บร้ายแรง แต่ในช่วงสองสามวันนี้อาการปวดที่แขนกับแผลฟกช้ำอาจทำให้มีไข้จากการอักเสบของกล้ามเนื้อ แต่ก็เป็นอาการข้างเคียงธรรมดา เดี๋ยวหมอจัดยาปฏิชีวนะลดการอักเสบกับยาระงับปวดไปให้ หมอขอให้คนไข้นอนพักดูการการสักคืนก่อนนะครับจะได้มั่นใจว่าไม่มีอาการอื่นแทรกซ้อน”
   เมื่อหมอพูดแบบนี้ เอรีสก็มีสีหน้าสบายใจขึ้น รู้สึกหายใจได้โล่งปอด
   “ครับ”
   “หมอขอตัวก่อนนะครับ เดี๋ยวพยาบาลคงจะพาคนไข้ไปที่ห้อง น่าจะอีกสักยี่สิบนาที”
   “ขอบคุณครับคุณหมอ”

   หนึ่งชั่วโมงให้หลัง เอรีสจึงสามารถเข้าเยี่ยมปัถย์ได้ คนที่ร้อนรนอยู่นับชั่วโมงคลายความเครียดลงกว่าครึ่งเมื่อเปิดประตูเข้ามาแล้วได้เห็นหน้าของคนที่ห่วงแสนห่วง
   “เป็นยังไงบ้าง”

   เขาเอ่ยถามทันทีเมื่อสบตากับคนเจ็บที่นอนเอนหลังหน้าเซียวอยู่บนเตียงสำหรับผู้ป่วย
   ปัถย์ทำแค่เพียงยิ้มแหยกลับมา เพราะความเจ็บที่แขนกับซี่โครงทำให้เจ้าตัวหมดพลังไปมาก หายใจแรงหน่อยก็รู้สึกเจ็บจี๊ดๆ พอขยับตัวลุกนั่งก็ต้องนิ่วหน้า แต่ฝืนกลั้นเสียงครางไว้
   เอรีสรีบเดินเข้ามาประคองคนเจ็บที่ทำท่าจะลุกด้วยความทุลักทุเล
   “ค่อยๆ”
   “ขอบคุณครับ”
   สายตาคมไม่ละไปจากแขนที่มีเฝือกอ่อน มองไปก็ถอนใจไป ทั้งสงสาร ทั้งปวดใจ
   ตอนแรกที่รู้ว่าปัถย์เกิดอุบัติเหตุก็บังเกิดเกิดความกลัวจับขั้วหัวใจ แต่ที่เลวร้ายที่สุดคงเป็นวินาทีที่รออยู่หน้าห้องฉุกเฉิน แม้จะแค่ไม่กี่นาทีแต่ก็เหมือนกับนานชั่วกัปชั่วกัลป์ เพิ่งรับรู้ความรู้สึกของคนที่กลัวจนตัวสั่น เหงื่อออกตามมือจนเปียกมันเป็นยังไง
   จะว่าไปเขาไม่กล้าแม้แต่จะเดินไปเข้าห้องน้ำด้วยซ้ำ เพราะกลัวว่าถ้าหมอเดินออกมาจะคลาดกัน หรือหากเกิดเรื่องฉุกเฉินร้ายแรงอะไร
   นี่ก็โชคดีแค่ไหนที่ไม่ถึงขั้นสาหัส ถ้าปัถย์เป็นอะไรไป...เขาคงขาดใจตายไปตรงนั้น
   เอรีสยกมือหนาสัมผัสเบาๆ ที่แก้ม ดันใบหน้าซีดของปัถย์ให้เงยขึ้นสบตา ดวงตาสีเทาควันบุหรี่ฉายแววอ่อนโยนเป็นห่วง
   “ปวดไหม?”
   ปัถย์พยักหน้าน้อยๆ ไม่โกหกว่าไม่เจ็บ
   ตอนแรกมันก็ยังชาๆ มึนๆ อยู่หรอก แต่พอผ่านไปหลายชั่วโมงอาการเจ็บก็เริ่มมากขึ้นทุกที   พอเอียงตัวเร็วเกินไปก็สะเทือนไปถึงแขนจนต้องทำ่หน้ายู่ ซี้ดปาก รีบใช้มืออีกข้างประคองแขนข้างที่เจ็บไว้
   “ระวัง ค่อยๆ นะ ต้องระวังหน่อยนะช่วงนี้”
   มือของเขาก็กุมมือข้างที่ไม่เจ็บของปัถย์ไว้ ลูบเบาๆ อย่างปลอบประโลม ท่าทางราวกับโอ๋เอาใจเด็กเล็กๆ ตอนขวัญเสีย หรือไปเล่นซนมาจนต้องเจ็บตัว
   เอรีสลูบหัวคนเจ็บเบาๆ อีกครั้ง แล้วยกนาฬิกาขึ้นดู เมื่อเห็นว่าเป็นเวลาทุ่มกว่าแล้วจึงร้องถาม
   “หิวหรือเปล่า”
   ปัถย์สั่นหน้า “ตื้อๆ ครับ ไม่น่าจะกินอะไรลง”
   “ยังไงก็ต้องกิน แล้วจะได้รีบกินยาแก้ปวด ไม่อย่างนั้นคืนนี้นายนอนไม่ได้แน่ แต่ยาพวกนี้มันแรง ถ้าไม่กินข้าวรองท้อง มันจะกัดกระเพาะ”
   เอรีสบอกอย่างเป็นห่วง ก่อนช่วยให้ปัถย์นั่งในท่าสบายด้วยการเอาหมอนอีกใบมารองหลัง การขยับแต่ละครั้งก็ทำได้อย่างเชื่องช้าและต้องระมัดระวังไม่ให้สะเทือนแผล ทุกขั้นตอนอยู่ภายใต้การดูแลเอาใจใส่ของเอรีสที่ประกบติดไม่ห่าง
   จากนั้นร่างสูงก็กุลีกุจอำเลื่อนโต๊ะปรับระดับสำหรับผู้ป่วยที่มีชามข้าวต้มที่พยาบาลเตรียมไว้ให้มาตรงหน้า และหยิบช้อนมาวางเตรียมไว้ ก่อนหันไปรินน้ำใส่แก้ว
   ปัถย์ยื่นมือข้างที่ไม่เจ็บหยิบช้อน แต่อีกฝ่ายกลับขัดเสียก่อน
   “ไม่ต้อง นั่งเฉยๆ ครับ เดี๋ยวป้อน” มือหนาตักข้าวต้มหอมกรุ่นขึ้นมาเป่าให้หายร้อน ก่อนยื่นไปจ่อปากของคนที่นั่งอยู่บนเตียง
   ปัถย์จำต้องอ้าปากอย่างขัดไม่ได้ การที่มีเอรีสคอยป้อนข้าวป้อนน้ำเป็นอะไรที่แปลกใหม่ แต่ก็ชวนให้หัวใจพองโตไม่หยอก
   “คุณทานข้าวหรือยังครับ” คนเจ็บอยู่ไม่วายถามอย่างเป็นห่วงคนข้างตัว
   “ยัง ไว้ให้นายกินเสร็จก่อน” 
   เอรีสตอบก่อนหยิบทิชชู่มาซับปากให้อย่างเอาใจใส่ เล่นเอาคนเจ็บหน้าแดงด้วยความเขิน
   ปัถย์หลบตา แล้วแก้เก้อด้วยการบ่นพยาบาลสุดหล่อ “ป่านนี้แล้ว คุณไปหาข้าวทานก่อนเถอะครับ ไม่ต้องห่วง ผมกินเองได้ครับ ส่งช้อนมาให้ผมกินเองดีกว่าครับ”
   “ไม่ห่วงได้ยังไง นายนอนแบ็บอย่างนี้ ใครจะไปกินอะไรลง เอ้า อ้าปากเร็วครับ” เอรีสกระตุ้น และตักข้าวต้มป้อนอย่างไม่เสียจังหวะเลย “อร่อยหรือเปล่า หรืออยากกินอย่างอื่น เดี๋ยวฉันไปซื้อให้ อยากกินอะไร หืม”
   อาหารโรงพยาบาลจืดจะตาย ไม่มีความอร่อยเลยสักนิด แต่ปัถย์ก็พยักหน้าเบาๆ เพราะไม่อยากให้เอรีสวุ่นวายไปมากกว่านี้
   “กินได้ครับ ว่าแต่มีคนอื่นบาดเจ็บไหมครับ”
   “สองคน แต่อาการไม่น่าห่วง แค่แผลถลอกธรรมดา หมอให้กลับบ้านไปแล้ว เหลือก็แต่นายนี่ละที่ต้องนอนเล่นที่นี่คืนนึง แต่ไม่ต้องห่วงนะ พรุ่งนี้ก็ได้กลับแล้วละ”
   เอรีสหันไปหยิบแก้วน้ำดื่มจ่อปากให้คนเจ็บโดยที่ยังช่วยประคองหลังไว้ไม่ห่าง จนคนป่วยดื่มไปอึกใหญ่ถึงหันไปลากเก้าอี้มานั่งใกล้ๆ เพื่อตั้งท่าป้อนข้าวต่อ
   “เฮ้อ!”
   “ถอนหายใจทำไม เจ็บแขนเหรอ” ถามอย่างเป็นห่วง
   ปัถย์ส่ายหน้า
   “แล้วเป็นอะไรครับ”
   “เซ็งที่มาเดี้ยงตอนที่งานพีกขนาดนี้” ปัถย์หลุบตามองที่แขน เบ้หน้าอย่างขัดอกขัดใจ
   “ไม่เอาน่า แค่นายไม่เป็นอะไรมากฉันก็โล่งใจแล้ว ไม่ต้องคิดเรื่องงานให้มันเยอะนัก พักให้หายก่อนเถอะนะคนเก่ง เรื่องงานไว้ให้เอรีสคนนี้จัดการเอง”
   “จะต้องส่งราคาประมูลแล้ว ผมยังทำไปไม่ถึงไหน”
   “อีกคำครับ ช่างมัน สุขภาพนายสำคัญกว่า นายกับงาน มันเทียบค่ากันไม่ได้หรอก เสียงานไปฉันก็หาโครงการใหม่มาแทนได้ แต่ถ้าเสียนายไป จะมีใครมาแทน”
   ดวงตาเอรีสฉายแววจริงจังขณะพูด  มาถึงตอนนี้เขารู้แล้วว่าของสำคัญที่ไม่อาจปล่อยให้หลุดมือไปได้คือคนที่กำลังอยู่ตรงหน้าตอนนี้
   ช่วงเวลาไม่กี่ชั่วโมงที่เขาเฝ้ารออยู่หน้าห้องฉุกเฉินช่วยเตือนสติเขาได้ว่าใครคือคนที่สำคัญ ใครที่เขาควรปกป้องดูแล
   แค่ไม่กี่ชั่วโมงกลับทำให้เขารู้ใจตัวเองว่าปัถย์คือคนที่เขารัก...รักอย่างไม่ต้องสงสัย
   ที่ผ่านมาคำว่ารักคือวลีต้องห้าม และเป็นสิ่งที่เขาเลี่ยงที่จะข้องแวะด้วยมาตลอด อดีตอาจทำให้คนอย่างเขาช้ำหนักจนขยาดไม่กล้าเฉียดใกล้ แต่ถึงตอนนี้เขาไม่อาจหลีกเลี่ยงสิ่งนั้นได้อีกแล้ว เพราะความรักมันกำลังเดินมาเคาะประตูอยู่ตรงนี้ รอแค่เขากล้าพอที่จะเปิดรับสิ่งนั้นให้เข้ามาเติมเต็มความมืดมิดให้มีพลังแห่งแสงสว่างขึ้นอีกครั้ง
   แค่ปัถย์ยังอยู่ด้วยกันในทุกๆ วันนั่นเพียงพอแล้ว ขอแค่ปัถย์ปลอดภัย ต่อให้ต้องแลกกับอะไรเขาก็ยอม
   “เลิกคิดเรื่องงานได้แล้ว กินข้าวเร็ว” เอรีสเอ็ดเบาๆ เมื่อเห็นว่าคนเจ็บเอาแต่จ้องหน้าเขาแล้วน้ำตาคลอ
   “อิ่มแล้วครับ”
   “ไม่ได้ อย่างอแงสิ ต้องกินให้หมดครับ อีกแค่สองคำเอง” พยาบาลหน้าหล่อตักข้าวต้มใส่ปากคนเจ็บจนกระทั่งคำสุดท้าย “อิ่มไหม อยากกินผลไม้หรือเปล่า ส้มมั้ย หรืออยากกินองุ่น”
   “พอแล้วครับ แค่นี้ก็อิ่มจะแย่แล้ว คุณน่ะ ไปทานข้าวเถอะครับ เดี๋ยวปวดท้อง”
   “ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันกินส้มกับองุ่นของนายนี่ละ”
   “จะอิ่มเหรอครับ”
   “ตอนเย็นแค่นี้ก็พอ” เอรีสบอกก่อนปอกเปลือกส้มสายน้ำผึ้งแล้วส่งเข้าปากให้คนเจ็บสบายใจ
   “ขอโทษนะครับที่ทำให้วุ่นวาย”
   “ขอโทษทำไม ฉันสิที่ต้องขอโทษ ถ้าฉันไปเอง นายก็ไม่ต้องเจ็บตัวแบบนี้”
   “อุบัติเหตุน่ะครับ ไม่เกี่ยวกับคุณหรอก ก็ถือว่าโชคดีที่ช่างคนอื่นไม่เป็นอะไร”
   “ต่อไปหน้างาน นายไม่ต้องไปแล้วนะ” เอรีสใช้น้ำเสียงเฉียบขาด จนคนถูกสั่งได้แต่ทำหน้าอ่อนใจ
   “จะเป็นแบบนั้นได้ยังไงครับ” คนมีเหตุผลแย้ง
   “ได้สิ ก็ฉันสั่ง” เอรีสเสียงขรึม ดวงตาหม่นลงจนปัถย์ใจหาย “รู้หรือเปล่าว่าฉันจะเป็นจะตายเพราะนาย การที่นายได้เลือดมันทำให้ฉันแทบเป็นบ้า”
   “ผมปลอดภัยดี“
   พอเห็นตาแดงๆ อย่างคนที่กำลังสะกดอารมณ์คนเจ็บจึงต้องรีบพูดปลอบ ไม่อย่างนั้นเอรีสจะหัวร้อนจนใครต่อใครอาจเข้าหน้าติด
   “ก็ใช่ไง ถ้านายเป็นอะไรไป ไม่มีใครรับผิดชอบไหวแน่ เล่าหน่อยว่ามันเกิดเรื่องได้ยังไง”
   “ก็คงเป็นปัญหากับการติดตั้งอุปกรณ์น่ะครับ ที่จริงพื้นที่ตรงนั้นก็ไม่ได้อันตรายอะไร ผมว่าคงตั้งนั่งร้านไม่ดี”
   “ฉันจะกำชับทุกคนพรุ่งนี้เอง”
   “อย่าใช้อารมณ์นะครับ มันแค่อุบัติเหตุ”
   ปัถย์รู้ทันว่าบอสของเขาคงเล่นใหญ่กับเรื่องที่เกิด เอรีสเป็นคนจริงจัง และคอยกำชับอยู่เสมอเรื่องสวัสดิภาพในการทำงาน คอยดูเถอะงานนี้ต้องมีคนโดนลงดาบกับความเลินเล่อกันถ้วนหน้า
   “ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันเถอะ ต่อให้เป็นแค่อุบัติเหตุ ฉันก็จะต้องถามหาความรับผิดชอบ”
   “ไม่มีใครอยากให้ใครเจ็บตัวหรอกครับ จะทำอะไรก็คิดถึงอนาคตพวกเขาบ้าง อย่าถึงกับให้ออก ผมขอร้องนะครับ”
   เอรีสพยักหน้าเข้าใจ ดวงตาเขาจับจ้องที่ปัถย์ เป็นดวงตาที่วูบไหวเกินบรรยาย
   “เลิกเครียดได้แล้วครับ ผมแค่แขนเจ็บ อีกไม่กี่วันก็หาย”
   “ปัถย์”
   “ครับ”
   เอรีสแนบหน้าผากกับขมับของคนบนเตียง ก่อนครางงึมงำหลายคำที่ปัถย์ฟังรู้ความบ้าง ไม่รู้ความบ้าง แต่ก็สามารถรับรู้ได้ว่าคนตรงหน้าเป็นห่วงเขามากเพียงใด และเขามีสถานะก้าวหน้าไปมากเพียงใด
   “ขอบคุณที่ปลอดภัย แล้วก็ขอโทษที่ดูแลนายไม่ดี”
   เสียงที่พูดติดจะสั่น แต่ปัถย์ไม่มีโอกาสได้เห็นสีหน้าเอรีสตอนนี้เป็นยังไง เพราะเอรีสฝังหน้าอยู่ระหว่างศีรษะกับหลังคอ ก่อนจะเลื่อนใบหน้ามาที่ข้างแก้ม จากความรู้สึกอันเต็มตื้นปัถย์รับรู้ได้ถึงความเปียกชื้นนิดๆ ระหว่างขมับและโหนกแก้ม
   “บอกแล้วไงครับ ไม่ใช่ความผิดคุณ”
   คงไม่ใช่ว่า...เอรีสกำลังร้องไห้หรอกนะ
   “อย่าทำให้ตกใจแบบนี้อีกนะ ได้โปรดเถอะปัถย์ อย่าให้ฉันมายืนรอฟังอาการจากหมอว่านายปลอดภัย อย่าให้ฉันกลัวจนตัวสั่นอย่างวันนี้อีกเลย”
   น้ำเสียงแหบ สั่นเครือ ทั้งเว้าวอนและตัดพ้อไปพร้อมกัน
   “...”
   “ได้โปรดหายเร็วๆ นะครับ”
หัวข้อ: Re: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH27 [16|01|62] P13
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 16-01-2019 17:52:55
งานนี้ต้องมีคนเจ็บกว่าแขนเดาะ  :angry2:
หัวข้อ: Re: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH27 [16|01|62] P13
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 16-01-2019 19:50:55
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH27 [16|01|62] P13
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 16-01-2019 20:28:41
โอยยยย ขอให้หมดเคราะห์สักทีนะปัถย์ ใจหายใจคว่ำกันหมดแล้ว

หัวข้อ: Re: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH27 [16|01|62] P13
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 16-01-2019 21:17:23
ต้องจับได้จะจะใช่ไหม
หัวข้อ: Re: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH27 [16|01|62] P13
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 16-01-2019 21:54:50
มีเงื่อนงำมั้ยเนี่ย ดูน่าสงสัย
หัวข้อ: Re: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH27 [16|01|62] P13
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 16-01-2019 22:15:29
 :hao3:


เรื่องนี้ต้องมีคนรับผิดชอบ จะต้องไม่เจ็บฟรี !!
หัวข้อ: Re: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH27 [16|01|62] P13
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 16-01-2019 22:42:12
เจ้านายจะร้ายแล้วนะเตรียมตัวซวยกันได้เลย
หัวข้อ: Re: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH27 [16|01|62] P13
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 16-01-2019 23:22:21
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH27 [16|01|62] P13
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 17-01-2019 00:09:17
 :pig4: :pig4: :pig4:

อีฐิติโดนแน่  โทษฐานรู้เรื่องแล้วไม่รีบรายงาน

ส่วนอุบัติเหตุครั้งนี้  จะอุบัติเหตุโดยแท้  หรือมี "ใคร" วางแผนให้เกิด

ก็ต้องรออ่านเอพิโสดถัดไปนาจา
หัวข้อ: Re: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH27 [16|01|62] P13
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 17-01-2019 02:07:28
งานนี้หนอนบ่อนไส้ชะตาขาดจริงๆ
หัวข้อ: Re: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH27 [16|01|62] P13
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 17-01-2019 13:55:42
เอรีสต้องจัดหนักเลยนะ
หัวข้อ: Re: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH27 [16|01|62] P13
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 17-01-2019 19:50:42
น่าสงสัยๆจับตาดูฐิติต่อไป :hao4:
หัวข้อ: Re: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH27 [16|01|62] P13
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 18-01-2019 19:03:59
 o13


 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH27 [16|01|62] P13
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 18-01-2019 23:23:18
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH27 [16|01|62] P13
เริ่มหัวข้อโดย: IaminLove ที่ 21-01-2019 15:49:58
สนุกจนวางไม่ลง นอนตี 4 ไปเลยจ้า
หัวข้อ: Re: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH27 [16|01|62] P13
เริ่มหัวข้อโดย: Wwavez ที่ 23-01-2019 00:07:46
แต่ที่แน่ๆคือเอานังฐิติออกซักที ไม่ควรจะเก็บไว้ให้มันแทงภายหลังจัดการๆ ชั้นว่ามันไม่ใช่อุบัติเหตุป่ะอิฐิติรู้ละก็ทำเฉยต้องสมรู้รวมคิดแน่ :angry2:
หัวข้อ: Re: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH27 [16|01|62] P13
เริ่มหัวข้อโดย: Zalalalanla ที่ 02-02-2019 21:29:59
ค้างๆๆ ต้องไปหาเล่มมาอ่านแล้ววววว :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH27 [16|01|62] P13
เริ่มหัวข้อโดย: pradoza ที่ 17-02-2019 20:00:32
 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH27 [16|01|62] P13
เริ่มหัวข้อโดย: imvodka ที่ 18-02-2019 05:56:08
 :katai1:
หัวข้อ: Re: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH27 [16|01|62] P13
เริ่มหัวข้อโดย: NamiTaek ที่ 19-02-2019 14:58:47
รอนะคะ ฮืออออออออ :sad4:
หัวข้อ: Re: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH27 [16|01|62] P13
เริ่มหัวข้อโดย: Keane ที่ 21-02-2019 09:17:43
 :hao7:
หัวข้อ: Re: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH27 [16|01|62] P13
เริ่มหัวข้อโดย: New_atcha ที่ 21-02-2019 21:05:40
รอๆนะคะ :hao7:
หัวข้อ: Re: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH27 [16|01|62] P13
เริ่มหัวข้อโดย: miwmiwzaa ที่ 23-02-2019 15:55:19
รอนะคะ
หัวข้อ: Re: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH27 [16|01|62] P13
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 24-02-2019 11:06:55
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH27 [16|01|62] P13
เริ่มหัวข้อโดย: memozy ที่ 24-02-2019 23:13:46
รอติดตามอยุ่นะ
 o13
หัวข้อ: Re: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH27 [16|01|62] P13
เริ่มหัวข้อโดย: miwmiwzaa ที่ 27-02-2019 23:47:36
รอนะคะ
หัวข้อ: Re: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH27 [16|01|62] P13
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaWikit ที่ 06-04-2019 12:44:01
เรื่องแรก ที่ได้อ่านของนักเขียน anin
รวดเดียว 27 ตอน สนุกมาก
เพลิดเพลินไปกับสำนวนการเขียน บอกกล่าวความนึกคิดของแต่ละตัวตน ในนิยาย
เข้าใจง่าย สละสลวย (แอบเขียนผิดเยอะไปหน่อย)
มารอตอนที่ 28 ด้วยใจจดจ่อ
ตอนนี้ ขอแว๊บไปอ่านเรื่องอื่นของ anin ก่อนนะคะ :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH27 [16|01|62] P13
เริ่มหัวข้อโดย: junlifelove ที่ 06-04-2019 21:07:14
อุบัติเหตุจริงๆ หรือว่ามีใครจงใจให้น้องเจ็บตัวรึป่าวเนี่ยย
เอรีสร้องไห้เลยอะ ฮือออออออ
หัวข้อ: Re: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH27 [16|01|62] P13
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 07-04-2019 08:52:17
แงงงคิดถึงแล้วค่ะ
หัวข้อ: Re: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH27 [16|01|62] P13
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 08-04-2019 00:28:09
รอนะคะ.. :katai4:
หัวข้อ: Re: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH27 [16|01|62] P13
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 11-04-2019 16:32:23
+1 o13 ขอบคุณมากครับ :pig4: :katai5:
หัวข้อ: Re: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH27 [16|01|62] P13
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 20-04-2019 22:10:29
สนุกมากกก รอตอน 28 นะคะ
หัวข้อ: Re: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH27 [16|01|62] P13
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 22-04-2019 22:59:11
สนุก​มากๆค่ะ​ อ่าน​ยาวๆ​  รวดเดียว​ถึงตอนนี้​เลยรอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH27 [16|01|62] P13
เริ่มหัวข้อโดย: tkung ที่ 02-06-2019 17:21:20
 :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH27 [16|01|62] P13
เริ่มหัวข้อโดย: Keane ที่ 14-06-2019 12:39:17
 :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH27 [16|01|62] P13
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 26-08-2019 22:10:45
 :call: :call: :call: