Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH27 [16|01|62] P13
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH27 [16|01|62] P13  (อ่าน 75194 ครั้ง)

ออฟไลน์ anin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
สำหรับคนที่หมั่นไส้บอสของเรา...

ใจร่มๆ นะคะ อย่าเพิ่งด่า anin ว่าหัวจิตหัวใจทำด้วยอะไรถึงให้พระเอกเป็นคนไม่น่ารับแบบนี้

ขอให้อดทนกับอสนิดหนึ่งนะคะ 

ฉันก็รักของฉันเข้าใจบ้างไหม 555
[/b]



+++++++++


Chapter 8


{ปัถย์}



เซ็กส์ที่ไม่มีคำเรียก?

ผมมองคนตรงหน้าที่รักนักรักหนาด้วยดวงตาที่เฉยชา บอกไม่ได้ว่าตัวเองรู้สึกเจ็บปวดถึงขั้นไหน มันเป็นความรู้สึกหนักอึ้งมีก้อนบางอย่างอัดแน่นที่อกซึ่งผมไม่รู้ว่าจะสลัดมันออกไปได้ยังไง แต่สิ่งที่ผมทำได้คือฝืนยิ้มออกไปโดยไม่แสดงอาการว่าตัวเองแม่งโคตรช้ำ

ผมหลับตาลงเพื่อหลบสายตาคมกริบที่มองมาอย่างหื่นกระหาย

แม้แววตาคู่นั้นจะแสดงชัดว่าอยากครอบครองผมมากเพียงใด แต่ก็ไม่ใช่สายตาที่แสดงความรักใคร่ มันก็แค่ผู้ชายอีกคนที่อยากจะเอาผม ก็เท่านั้น

ผมควรรู้สึกแบบในกันแน่ระหว่างโกรธ เสียใจ หรือสมน้ำหน้ากับความบ้าของตัวเอง

แต่บางทีผมก็รู้สึกว่าอยากทำอะไรให้มันบ้าแบบสุดขอบดูบ้าง ส่วนใหญ่ผมเป็นคนที่ทำอะไรมักจะคิดหน้าคิดหลัง ทำทุกอย่างในชีวิตอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้อง ไม่เคยทำเพราะอารมณ์เพียงชั่ววูบ ยกเว้นครั้งนี้

สิ่งที่เอรีสพูดมันกระตุ้นความรู้สึกอยากประชด อยากจะสนองตอบความมักง่ายของเขาเสียให้รู้แล้วรู้รอดไปทุกอย่างจะได้จบๆ ลงเสียที ในเมื่อตั้งใจแล้วว่าจะเป็นฝ่ายเดินออกมาจากตำแหน่งหน้าที่การงานที่รักนักรักหนา พอมาถึงตอนนี้ผมก็อยากจะลองทำอะไรที่โง่ๆ ดูสักครั้งสองครั้ง

“ปัถย์” เอรีสเรียกผมเบาๆ เมื่อตัวผมเริ่มแข็งและเงียบไปนานทีเดียว “คิดอะไรอยู่”

“เซ็กส์ที่ไม่มีคำเรียก คือรูปแบบความสัมพันธ์ที่คุณอยากได้หรือครับ”

ครั้งนี้ผมหันไปมองเขาตรงๆ สายตาของอีกฝ่ายดูเย็นชาเมื่อได้ยินคำถาม

“คุณอยากได้แค่ความพอใจแล้วก็ความสนุกแค่นั้นเหรอครับ”

ผมขยี้คำถามอีก ก็อยากรู้เหมือนกันว่าคนที่เฟอร์เฟคตรงหน้าที่มันมีด้านมืดอะไรอยู่บ้าง เผื่อว่าผมจะได้ตาสว่างและโงหัวขึ้นมาได้เสียที

“คุณชอบนอนกับคนไปทั่วแต่ไม่ชอบมีความผูกพันธ์ คุณไม่อยากให้ใครทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของในตัวคุณใช่ไหมครับ”

ผมยิ้มเยือกเย็นขณะถาม พยายามรักษาสีหน้าและแววตาให้ดูเหมือนไม่ได้แคร์อะไรจริงจัง ทั้งที่ในใจอยากจะตะโกนใส่หน้าว่าเขาแม่งโคตรเห็นแก่ตัว

“ถ้าอย่างนั้น...” ผมเผยยิ้มอย่างเปิดเผย แล้วพูดออกไปพร้อมกับรั้งต้นคอของอีกฝ่ายเข้ามาหาตัวแล้วกระซิบ “เราก็มามีเซ็กส์ที่ไม่มีคำเรียกกันเถอะ ผมเองก็ไม่อยากมีความผูกพันธ์อะไรกับคุณขนาดนั้นเหมือนกัน”

“อย่ามาพูดยั่วกันเล่นๆ นะ” เสียงเอรีสทุ้ม ด้วตามีประกายบางอย่างที่ดูแล้วน่ากลัว ผมรู้สึกได้ว่าเขาเหมือนจะดูหงุดหงิดใจอยู่มากในน้ำเสียง หรือบางทีผมอาจจะคิดมากไปเอง

“จริงจังครับ”

พูดจบผมก็เป็นฝ่ายประกบปากจูบเขาเสียเอง รีบทำเพื่อไม่ให้สมองได้มีเวลาคิดไตร่ตรอง แม้รู้ดีว่าสิ่งที่ตัวเองกำลังจะทำมันอาจเป็นเพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบ หรือความหน้ามืดของตัวเอง แต่เอาจริงๆ ผมไม่สนว่ะ

คนใต้ร่างของผมดูจะแปลกใจกับปฏิกริยาผมเช่นกัน เขาตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ แต่ไม่นานก็ตอบโต้จูบของผมอย่างดูดดื่มกลับมา มือก็รัดผมแน่นกว่าเก่า แน่นเสียจนผมแทบหายใจไม่ออก ร่างสูงยกเอวของผมขึ้นและพลิกตัวของผมให้หันกลับเข้ามาหาอกแกร่งของเขา มือหนากระชับต้นขาผมให้แยกออกและทาบทับลงบนตักให้กระชับแน่นกว่าเดิม ผมกอดต้นคอหนา สอดฝ่ามือข้างหนึ่งกับผมสีอ่อนนิ้วทั้งห้าจิกรั้งอีกฝ่ายแรงขึ้นตามอารมณ์

ในขณะที่ผมลูบไล้แผ่นหลังบึกบึนและดึงเสื้อเชิ้ตสีดำเนื้อดีออกจากขอบกางเกงของอีกฝ่าย ไม่มีเวลาให้โลกสวยอีกแล้วปัถย์ ไปให้สุด สนุกให้สุดเหวี่ยง เอรีสช่วยผมในทันทีเขาแทบจะกระชากกระดุมเสื้อออกเลยด้วยซ้ำ แผ่นอกกว้างและกล้ามเนื้อมัดสวยของอีกฝ่ายเผยให้เห็นพาลให้นึกอิจฉาหน่อยๆ แต่ยังไม่ทันคิดอะไรได้มากกว่านั้นอีกฝ่ายก็กระชากเสื้อยืดเก่าๆ ขออผมออก ขยัวตัวพรวดเดียวร่างผมก็ย้ายตำแหน่งไปอยู่เบื่องล่างแทน

ดวงตาของเราจ้องมองกันจนผมเองรู้สึกว่าหัวใจกำลังเต้นตึกตัก ยิ่งแววตาคู่นั้นมันโคตรร้อนแรงและดูดิบเถื่อนกว่าทุกครั้งที่ผมเคยเห็น เอรีสสำรวจลำตัวช่วงบนของผมและอมยิ้มอ่อนๆ ดูแล้วเจ้าเล่ห์ชะมัด

“สีชมพู”

เอรีสพูดแล้วใช้มืออีกข้างสะกิดเบาๆ บนยอดอดของผม นิ้วหัวแม่โป้งสากไล้ตุ่มไตเป็นจังหวะซึ่งมันอยากมากที่ผมจะไม่เผลอครางออกมา ถ้าคิดว่าการแตะต้องด้วยนิ้วว่าร้ายกาจแล้วผมอยากจะบอกว่าที่หนักหน่วงกว่านั้นก็คงจะเป็นลิ้นแล้วก็ฟันของอีกฝ่ายนั่นล่ะ ที่เรียกว่าของจริง

“อ่าาาา อย่ากัดครับ”

ผมร้องเสียงกระเส่าเมื่อฟันของเอรีสตั้งใจขบลงมา มันทั้งเจ็บเพียงเล็กน้อยแต่เสียวซ่านอย่างมากมาย แล้วถ้าคิดว่าการห้ามแล้วจะได้ผลก็อยากบอกว่าเปล่าเลยมันเหมือนยิ่งห้ามก็ยิ่งยุ เพราะลิ้นร้อนๆ ยังคงทำหน้าที่สลับกับฟันคมเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ผมกัดริมฝีปากแน่นข่มเสียงของตัวเองลงในลำคอ มือทั้งสองข้างจิกทึ้งหัวไหล่กับผมอีกฝ่ายตามแรงอารมณ์ที่ปะทุขึ้นในทุกขณะ

ฝ่ามือหนาฉีกกระชากกางเกงยีนซีดของผมให้พ้นจากสะโพก และเพียงไม่กี่วินาทีก็พ้นช่วงขาของผมไปแบบง่ายแสนง่าย

ให้ตายสิ! เอรีสลอกคราบคนเก่งเป็นบ้า

ตอนนี้ทั้งเนื้อทั้งตัวของผมมีเพียงบ็อกเซอร์เนื้อบางตัวเดียวที่ปิดบังร่างกายไว้ เมื่อเห็นสายตาอีกฝ่ายที่จ้องมองมาอย่างสำรวจก็ยิ่งรู้สึกอายและไม่มั่นใจ ก็ผมมันขี้ก้าง ไม่ได้มีกล้ามเนื้อสวยๆ ไหนจะตัวซีดเผือดดูไม่ใช่ผิวแทนสวยกับกล้ามเนื้อเป็นลอนชัดเจนอย่างเอรีส มองยังไงก็เทียบกันไม่ติด

จังหวะที่ผมเผลอมองอีกฝ่ายจนเพลินเอรีสก็ขยับกายขึ้น และหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาโยนไว้บนโต๊ะตามด้วยปลดกางเกงสเลคสีดำพร้อมกับชั้นในออกจากสะโพกเพรียวใรคราวเดียว แก่นกายที่ตื่นตัวเต็มที่ผงาดอยู่ตรงหน้า

ให้ตายสิ!

เอรีสนี่มันของนอกอิมพอร์ตชัดๆ อะไรต่อมิอะไรก็มาเยอะมาแยะ จนผมต้องกลืนน้ำลายเอือก

“ถอยไม่ได้แล้วนะ” เอรีสรีบบอกเมื่อเห็นสีหน้าซีดๆ ดูไม่มั่นใจของผม “ไม่ปล่อยไปเหมือนครั้งก่อนหรอกนะ”

เอรีสรำลึกถึงเหตุการณ์เมื่อเกือบสองเดือนก่อน ตอนนั้นเราก็เลยเถิดมาถึงจุดนี้ล่ะ แต่เป็นผมเองที่หยุดทุกอย่างและออกจากห้องนี้ไปด้วยความรู้สึกสับสน

“ผมก็ไม่คิดว่าคุณจะยอม”

“รู้ก็ดีแล้ว”

สิ้นคำพูดเอรีสก็ถอดบ็อกเซอร์ผมออก ใช้มือรั้งสะโพกผมให้เชิดขึ้นแนบชิดกับเรือนกายแกร่งที่ผงาดง้ำท้าทายความรู้สึกตื่นตัวของผมที่กำลังเต้นเร่าๆ ไม่ต่างกัน ริมฝีปากร้อนประกบจูบดิบเถื่อนรุนแรงลงมา ดูดกลืนเสียงร้องและสติของผมให้พร่าเลือน แก่นกายตั้งชันของเราทั้งคู่สัมผัสกันด้วยความร้อนระอุที่แทบจะมอกไหม้ เอรีสผละเรียวลิ้นจากปากมาที่ต้นคอขบแรงๆ สองทีก่อนเลียซ้ำเพื่อปลอบประโลม แล้วเปลี่ยนไปเป็นดูดเม้มแรงๆ จนผมต้องรีบห้ามปราม

“อย่าทำรอยนะครับ”

ถ้าเป็นรอยแล้วเกิดมีใครมาเห็นคงได้หมดความนับถือกันพอดี เขาเป็นถึงผู้ช่วยผู้บริหาร ไม่ใช่วัยรุ่นที่เพิ่งทดลองเล่นรักที่จะมาสร้างรอยไว้เพื่ออวดเพื่อน

เอรีสหัวเราะลงคอ แล้วเปลี่ยนเป้าหมายมาที่ตุ่มไตบนอกของผมแทน เขาดูมันแรงๆ จนผมร้องคราง ลิ้นที่ละเลงทั้งข้างซ้ายและขวาสลับกันไปไม่น้อยหน้า ส่วนมือก็ปะป่ายมาถึงหน้าท้องราบของผม เรื่อยไล้ไปจนถึงเนินต้นขา แล้วคว้าหมับเอาที่ความแกร่งร้อนเต็มไม้เต็มมือไว้

“ถ้าตรงคอทำรอยไม่ได้ ตรงนี้ล่ะ ได้ไหม”

เอรีสถามด้วยสายตาหื่นกระหายก้มลงต่ำมาที่หน้าท้อง มองผมเหมือนขออนุญาต

ผมหยุดคิดเพียงชั่วครู่แล้วพยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงตกลง ปากของเอรีสที่ทั้งร้อนและชื้นเล่นงานผมเสียจนตาลาย ยามที่ลิ้นสากแตะลงที่แอ่งสะดื้อผมแอ่นเอวรับสัมผัสอย่างอดใจไม่อยู่

“แค่นั้นพอครับ อ่า... ไม่ครับ” ผมร้องเสียงหลงเมื่อเอรีสก้มลงต่ำไปกว่านั้น ผมพออเดาได้ว่าเจ้าตัวกำลังต้องการจะทำรักให้ผมด้วยปาก

“ไม่ชอบออรัลเซ็กส์?”

“เปล่าหรอกครับ” ผมหลับตาซุกซ่อนความคาดหวังจากด้านมืดไว้ แล้วตอบเสียอ่อย

ใครๆ ก็ชอบหรือเปล่า แต่ผมก็ไม่ได้าดหวังว่าเอรีสจะยอมทำให้ผมหรอกนะ ไม่รู้สิ มันดูแปลกๆ

“ขอทำนะ” เอรีสกระซิบที่ข้างหูผมเบาๆ พร้อมกับจูบบนกระหม่อมของผมอย่างออดอ้อน

ทำที่ได้แต่มองอีกฝ่ายจนตาค้างและคอยมองดูศีรษะที่ปกคลุมไปด้วยผมสีอ่อนเลื่อนต่ำลงมาเรื่อยๆ ใจผมสั่นระรัว กลั้นหายใจรอรับสัมผัสที่แผดเผาร่าร้อน



สัมผัสแรกตรงส่วนปลายทำให้ผมสั่นสะท้าน โลกของผมเหมือนกำลังหกคะเมนตีลังกาจนแทบขาดสติ ยิ่งเอรีสปรนเปรอคด้วยเรียวลิ้นและฝ่ามือเป็นจังหวะจะโคนอย่างต่อเนื่องครั้งแล้วครั้งเล่าจะผมแทบแตกสลาย

จุดไคล์แม็กส์ของผมกำลังจะมาถึง ผมพยายามผลักร่างสูงออกเมื่อรู้ว่าตนกำลังจะปลดปล่อย แต่ปากอุ่นร้อนยังคงครอบครองแก่นกายของผมไว้อย่างแน่นเหนียว เฝ้าทรมานผมซ้ำๆ ด้วยปลายลิ้นสากและนิ้วทั้งห้าที่รูดรั้งถี่ขึ้นเป็นจังหวะหนักแน่น ฝ่ามือของผมจกลงบนโซฟา เปล่งเสียงครางแหบพร่าอย่างลืมตัว ดวงตานั้นหรี่ปรือก้วยสัมผัสที่ถูกกระตุ้นเร้าเต็มทุกโสตประสาท ความสุขสมที่ร่ำร้องหากำลังใกล้จะมาถึงอยู่ไม่กี่อึดใจ

ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากลาวาความรู้สึกของผมทะลักทะลายเข้าสู่โพลงปากของเขาในที่สุด คราบความต้องการของผมหลั่งรินออกมามากมายกว่าครั้งไหนๆ มันมาเสียจนทำให้มือของเอรีสเปื้อนเปรอะไปหมด สิ่งที่ผมทำได้คือการหอบหายใจถี่ระรัว เนื้อตัวอ่อนเปลี้ยเหมือนกับคนไม่มีกระดูก พอสบสายตากับคนตรงหน้าจึงได้เห็นกับสีหน้าพึงพอใจและหื่นกระหายมาให้ใจสั่นยิ่งกว่าเก่า

เอรีสหยิบทิชชูขึ้นมาเช็ดน้ำรักออกจากฝ่ามือช้าๆ ไม่ละสายตาไม่จากผมแม้สักวินาที

เราไม่ได้พูดอะไรกัน ต่างฝ่ายต่างเงียบและเลือกที่จะสื่อสารกันด้วยภาษากาย เอรีสขยับตัวไปหยิบกระเป๋าสตางค์ที่อยู่ใกล้ตัว เขาหยิบฟรอยสีเงินออกมาสองชิ้นแล้ววางข้างๆ ตัว ก้มลงจูบผมอย่างเร่งเร้า รั้งเอวผมให้แนบชิดหน้าท้องแกร่งฝ่ามือหยาบลูบตั้งแต่ต้นขาลามไปจนถึงสะโพกด้านหลัง

ผมผวาเฮือกเมื่อนิ้วยาวเริ่มเข้ามาป้วนเปี้ยนทางด้านหลัง ความเย็นของเจลล่อลื่นแบบซองแตะตรงปากทางสะดุ้งโหยง ขืนตัวในทันที เริ่มรู้สึกลังเลกับสัมผัสแปลกปลอมที่พยายามจะแทรกผ่านเข้ามา

“ใจเย็นๆ” เอรีสกระซิบตรงกกหูและเม้มแผ่วเบา

“ผมไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน” ผมสารภาพไปตรงๆ “ไม่เคย... กับผู้ชาย”

“ฉันรู้ ไม่รังเกียจนะที่ได้เป็นคนแรก” เอรีสพูดติดตลก แต่ผมแม่งเขินเกินกว่าจะขำ พอพูดจบเข้าก็จุ๊บหนักๆ ที่ริมฝีปากผมทีหนึ่ง ก่อนมองผมด้วยสายตาแทบจะกืนกินเล่นเอาผมต้องหลบสายตาเพราะขัดเขิน

นิ้วยาวเริ่มชำแรกผ่านช่องทางเข้ามา ความรู้สึกอึดอัดที่คุ้นเคยทำเอาเนื้อตัวผมเกร็งเป็นแท่งหินหลับตาปี๋ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ

“ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้น”

เอรีสเกลี่ยปลายนิ้วที่แก้มผม ก่อนจูบเบาๆ บนกระหม่อมแบบปลอบประโลม

ถึงเขาจะพูดยังไงผมก็ยังเกร็งอยู่ดี จนอีกฝ่ายเริ่มเล้าโลมเรือนร่างผมอีกครั้งด้วยปลายลิ้นพาเอาผมเตลิดไปอีกรอบ นิ้วมือของเขาจึงเริ่มขยับเป็นจังหวะสั้นๆ เนิบนาบเพื่อตระเตรียมความพร้อมมือใหม่ที่ริอ่านเล่นกับไฟอย่างผม

ลำคอผมเริ่มครางไม่เป็นสรรพ เอรีสเพิ่มจำนวนนิ้วมาอีกแม้จะขยับผ่านเขามาแบบนุ่มนวลเพียงใดก็ตาม เมื่อมากเข้าผมจึงยึดข้อมืออีกฝ่ายไว้แน่นเป็นเชิงห้ามปราม ทว่าเอรีสไม่ยอมอ่อนข้อให้ผมง่ายๆ เจ้าตัวขยับปลายนิ้วเข้าออก แม้ผมจะกุมมือเขาไว้อย่างแน่นหนึบแบบนี้

การกระตุ้นของเอรีสส่งผ่านเขามาครั้งแล้วครั้งเล่า ช่องทางด้านหลังของผมยืดขยายทีละน้อย จากครั้งแรกที่เป็นเพียงการสำรวจแบบตื้นๆ แบบหยอกล้อทวีความเร็วและลึกขึ้นจนผนังที่รัดนิ้วยาวไว้ตอดรัดตุบๆ เมื่อเสียดสีจุดอ่อนไหวทางความรู้สึกที่อยู่ลึกลงไปด้านใน

นานเท่านานที่เอรีสเบิกทางให้ผมอย่างใจเย็น จนผมเริ่มคุ้นชินกับสิ่งแปลกปลอมได้บ้างแล้วนิ้วทั้งสองก็ถูกถอนออก ความรู้สึกซ่านเสียวเมื่อครู่หายไป ผมพรูลมหายใจเฮือกปรือตามองอีกฝ่ายด้วยความสงสัย เห็นเอรีสเอื้อมไปหยิบฟรอยอีกซองแล้วฉีกมันด้วยปากแล้วยืดตัวขึ้นสวมเครื่องป้องกันให้ตัวเอง ผมที่เฝ้ามองฝ่ามือที่รูดยางใสครอบแก่นกายอย่างชำนาญ ลำคอเริ่มแห้งผากไปชั่วขณะมันทั้งตื่นเต้นและหวาดหวั่นพอๆ กัน

แก่นกายหนาจ่อประชิดสะโพกเพรียวขยับแนบชิด ขยับปลายป้านเข้าสู่ช่องทางด้านหลังของผมแต่ครั้งนี้มันไม่ง่ายเหมือนกับนิ้วเรียวอีกแล้ว ความใหญ่ที่ต่างกันมากทำให้ผมจุกจนแทบน้ำตาเล็ด เผลอกัดปากตัวเองแรงๆ จนได้เลือด เอรีสกดลงมาช้าๆ เหยียดขยายช่องทางด้วยความใจเย็น ใบหน้าหล่อคมซุกซบมาแล้วถูไถข้างแก้มให้ความรู้สึกสนิทชิดเชื้อจนหัวใจผมสั่นไหว

ลมหายใจฟืดฟาดกับเสียงกัดฟันของเอรีสบอกให้ว่าอีกฝ่ายรู้สึกทรมานจากผมเลย เอรีสแยกต้นขาผมให้กว้างผมเองก็ยอมเปิดรับเขาเข้ามาอย่างเต็มใจ ยกมือขึ้นรั้งต้นคออีกฝ่ายให้เข้ามาหา ครั้งนี้ผมเป็นฝ่ายเริ่มต้นการจูบที่ดุเดือดเสียเอง เอรีสครางในคออย่างพอใจ ป้อนรสจูบกระชากวิญญาณและรุกล้ำเอวสอบเข้ามาในจังหวะหนักแน่นเพียงจังหวะเดียว

“อึก อ่า” เสียงของผมดังผ่านลำคอกับริมฝีปากที่ประกบกันสนิทแนบแน่น

ตัวตนของเอรีสผลักดันเขามาแบบไม่ให้ตั้งตัวจนผมผวา

“Oh shit!!” เอรีสสบถ

ร่างกายของผมโอบรัดเขาไว้อย่างแน่นหนา เอรีสกดแช่ไว้อึดใจหนึ่งแล้วกดหน้าผากของเราชนกันพร้อมหายใจเป่ารดร้อนระอุเกินบรรยาย มือหนากุมสะโพกผมไว้แน่นและเริ่มขยับท่อนเนื้อออกมาอย่างเนิบนาบ ผมเห็นความหื่นกระหายผ่านดวงตาสีอ่อนที่พาลให้หัวใจของผมเต้นไม่เป็นจังหวะ

“So sweet”

ผมไม่ตอบอะไรทำแค่ดึงลำคอหนาลงมาและซุกใบหน้าลงหวังจะบรรเทาความทรมานจากเบื้องล่างที่กระหนำลงมาซ้ำๆ แบบไม่มีพัก เอรีสเร่งจังหวะขึ้นซึ่งเริ่มเกินขีดจำกัดที่ผมจะรับไหว เขาดันตัวเข้าออกหนักๆ แต่แทนที่ผมจะคร่ำครวญกลายเป็นเว่าเอรีสกลับเป็นคนคร่ำครวญเสียเอง

“Oh F..ck”

จังหวะเน้นๆ กับเนื้อเยื่อที่รับสัมผัสจากด้านในทำให้ผมใกล้จะแตะฝั่งฝัน เอรีสเร่งจังหวะเน้นหนักจนผมตัวสั่นตัวคลอนเป็นผมเองที่เป็นฝ่ายทนความปั่นป่วนไม่ไหวและปลดปล่อยออกมาอีกครั้ง

ผมครางแบบไร้เสียงร่างกายพลันอ่อนปวกเปียกไร้เรี่ยวแรง ส่วนเอรีสกระหน่ำเอวใส่ผมไม่ยั้งอีกสามสี่ครั้งก่อนที่เจ้าตัวจะทรุดตัวลงซบซอกคอของผมแล้วหายใจอย่างเหนื่อยหอบแข่งกับผมที่หายใจในแบบเดี่ยวกัน

ผมตื่นขึ้นมาอีกครั้งในเวลาเกือบรุ่งสาง เมื่อคนที่นอนกอดจากทางด้านหลังทั้งคืนเริ่มกวนใจผมไม่หยุด เมื่อคืนกว่าจะได้พักก็เกือบตีสาม แต่นี่พระอาทิตย์ยังไม่ทันพ้นขอบฟ้าคนบ้าเซ็กส์ที่นอนอยู่นี่ทำท่าจะอาการกำเริบอีกแล้ว

“พอแล้วครับ อ่าาาา”

ผมประท้วงเมื่ออีกฝ่ายดุนดันแก่นกายที่พร้อมรบกับร่องสะโพกที่ร้าวระบม เมื่อคืนเบาะๆ ไปสามแล้วนี้จะต่ออีกผมว่าต่อให้ผมเป็นผู้ชายแข็งแรงทั้งแท่งก็คงจะทนพละกำลังของจอมหื่นคนนี้ไม่ไหว

“again please” น้ำเสียงออดอ้อนหมายจะให้ผมใจอ่อนเป็นรอบที่สาม ซึ่งต่อให้ผมปฏิเสธยังไงเอรีสก็ยังมึนๆ ตะบี้ตะบันกระโจนใส่ผมอยู่ดี




เกือบเก้าโมงแล้วผมลุกขึ้นจากเตียงในแบบที่ทุลักทุเลมาก ความรู้สึกตอนนี้ของผมมันเรียกได้ว่าซ่านสุขผสมความรวดร้าว การที่มีเอรีสมันรู้สึกดีเสียจนผมไม่อยากเสียเขาไปให้ใคร แค่ความจริงก็คือความจริง หนึ่งคืนกับเซ็กส์ที่ไม่มีคำเรียกจบลงไปแบบที่เราทั้งคู่ต่างพอใจซึ่งกันและกัน

ก็คงไม่ต่างจากที่ผมใช้เวลาหนึ่งคืนกับใครสักคนที่แลกเปลี่ยนเรื่องเซ็กส์ระหว่างกันและกัน

ผมฝืนยืนขึ้นและเดินตัวเปล่าไปหาเสื้อผ้าที่ถูกทิ้งไว้ด้านนอก ใช้เวลาแต่งตัวไม่นานก็กลับเข้ามาในห้องเพื่อเก็บข้าวของที่กระจัดกระจายให้เป็นระเบียบเงียบก่อนที่จะกลับ

“ไปไหน? "

เรือนร่างเปลือยเปล่าที่อุดมไปด้วยมัดกล้ามที่นอนกอดมาตลอดทั่งคืนผงกหัวขึ้นจากเตียงร้องถาม ผมสีอ่อนยุ่งเหยิงสีหน้าที่ดูบึ่งตึงเคร่งเครียดอ่อนโยนกว่าเก่ามาก

ผมชะงักเท้าที่กำลังจะเดินออกจากห้องนอนไปด้วยแววตาว่างเปล่าเย็นชา เก็บซ่อนความรู้สึกที่อยากจะโผเข้าสู่อ้อมกอดอุ่นนั้นไว้

หมดเวลาเล่นสนุกแล้ว...

"กลับบ้านครับ"

เอรีสลุกขึ้นนั่ง ขมวดคิ้วด้วยสีหน้าถูกขัดใจ ฝ่ามือหนาตบข้างเตียงเป็นเชิงเรียกให้มานั่งข้างๆ

"เอรีสครับ"

"หืม"

"ผมขอทำงานจนถึงสิ้นเดือนนี้นะครับ"

เอรีสที่เลิกคิ้วอย่างไม่ค่อยเข้าใจความหมาย เมื่อขยับตัวผ้าห่มก็ร่นลงมาถึงสะโพกพาลให้เห็นไปถึงไหนต่อไหน

“ผมขอลาออก” ผมพูดไปด้วยน้ำเสียงจริงจัง ดวงตาดูมุ่งมั่นกว่าครั้งไหนๆ

“What the fu..k”

เอรีสสบถเสียงเครียด สะบัดผ้าห่มออกให้พ้นตัว แล้วขยี้ผมมือหนาก็ลูบใบหน้าแรงๆ ใบหน้าเขาเคร่งเครียด กัดฟันกรอดจนเห็นสันกราม ต้นคอเกร็งจนเส้นเลือดปูดโปนเสียจนน่ากลัว

“วันจันทร์ผมจะเขียนใบลาออกอย่างเป็นทางการนะครับ”

เมื่อพูดจบผมก็เดินออกจากมาห้องทิ้งทุกอย่างไว้เบื้องหลังไม่คิดหันกลับไปมอง แม้เสียงเรียกและเสียงโวยวายของเอรีสจะลอยผ่านมาเข้าหูดังเพียงใดก็ตาม

GAME OVER



+++++++++

เขากินตับกันนะตะเองงงงงงง

ฝากติดตามกันต่อไปนะคะ

จากนี้ไปจะยังไงดีกับความสัมพัธ์ที่เกิดจาก เซ็กส์ที่ไม่มีคำเรียก?



ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 687
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
กรี๊ดด เร่าร้อนมาก :jul1: :o8: :o8: :o8:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ปัถย์หนูทำแบบนี้ดีแล้ว หมั่นไส้อิบอสมาก

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
ขุดหลุมฝังตัวเองแล้วล่ะคุณเจ้านาย ต่อไปนี้ก็ไม่มีอะไรจะไปรั้งปัถย์ไว้แล้วแล้วสินะ

ออฟไลน์ masochism2018

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 428
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
อยากอ่านต่อ :ling1:

ออฟไลน์ sompong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
โอ้ยๆๆๆๆๆฟิน

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เชื่อเถอะ อีบอสมันไม่ยอมจบหรอก แหลออกปานนั้น  :m16:

ออฟไลน์ Jadd

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 231
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
ถอนตัวออกมาเถอะ กับคนที่เห็นเราเป็นอะไรก็ไม่รู้

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ คนคิ้วท์คิ้วท์

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 339
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
เอาเลย อย่าไปยอมบอส สู้เขา!!

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
อื้อหือ เกมนี้เพิ่งเริ่มตะหาก

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
สนุกมากกกก

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
ถึงจะไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ปัถย์เลือกทำแต่ก็อดสะใจไม่ได้จริงๆ แบบนี้เรียกว่าเอรีสโดนปัถย์ฟันแล้วทิ้งได้รึเปล่านะ ฮ่าๆๆ สตรองต่อไปนะปัถย์

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ sompong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ปัต เธอเริศมากๆๆๆ

ออฟไลน์ Tukta3039

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
จุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่แท้ทรูมันมาแล้ว หลังจากนี้รอลุ้นนะ ว่าพี่ตรินจะพิชิตใจปัถย์ยังไง

ออฟไลน์ honeymic

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0
ตายๆๆ หลงเข้ามาในห้วงของเอรีสปัถย์ จนได้ ปูเสื่อรอนอนรอเลย

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
เอรีสจะยอมปล่อยปัถย์ไปง่ายๆเหรอ

ออฟไลน์ Nick_June

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ตกลงอะไรยังไง งง กับอิบอสจริง ๆ  :ling1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ anin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
Chapter 9
   
   ปัถย์หอบเอาหัวใจที่แหลกละเอียดของตัวเองกลับมาหลบเลียแผลใจเพียงลำพัง ในตอนนี้รู้สึกว่าตัวเองเปราะบางและอ่อนไหวกว่าที่เคยเป็นมาทั้งชีวิต ความอ่อนล้าทางกายไม่อาจเทียบได้กับความอ่อนล้าทางใจ แม้เตรียมใจรับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วแต่พอเอาเข้าจริงความรู้สึกต่างๆ ก็ถาโถมเข้ามาเกิดกว่าที่จะควบคุมให้เป็นปกติ

   มันไม่ใช่ความรัก ก็แค่เซ็กส์ เป็นเรื่องสามัญของปุถุชนคนธรรมดาที่ต้องการการปลดปล่อยความต้องการทางธรรมชาติ อาจมีกับใครต่อใครก็ได้ ยิ่งถ้าเป็นผู้ชายนั่นยิ่งไม่น่าจะใช่เรื่องที่แปลก สังคมทุกวันนี้เรื่องการเปลี่ยนคู่นอนรายวันมันทำกันได้ง่ายๆ ดังนั้นเขาไม่ควรจะเอามาคิดให้ปวดสมอง... ปัถย์พยายามบอกให้ตัวเองคิดไปแบบนั้น

   เมื่อกลับมาถึงห้อง สิ่งแรกที่ปัถย์ทำคือเดินเข้าห้องน้ำแล้วเปลื้องผ้าตัวเองออกจนหมด ร่างกายที่เปลือยเปล่าเผยร่องรอยมากมายจากเซ็กส์ที่ไร้ความรัก แผ่นอกขาว หน้าท้องแบนเรียบแผ่นหลัง รวมไปถึงต้นขาที่ก็ปรากฏรอยจ้ำแดงจากการดูดและขบกัดไม่ต่างกัน ฝ่ามือหนาลูบใบหน้าที่แดงก่ำของตัวเองแรงๆ เพื่อเรียกสติ ดวงตาที่เคยสดใสกลับกลายเป็นแดงช้ำคงเป็นเพราะนอนน้อยก็ได้

   เมื่อมองตัวเองจนพอใจ ร่างสูงก็ผละออกจากกระจกบานใหญ่เดินเข้าสู่คอกสำหรับอาบน้ำ เปิดฝักบัวแรงสุดให้น้ำอุ่นสาดลงบนหัวผ่านใบหน้าและร่างกาย ความปวดร้าวในส่วนที่ถูกเติมเต็มคอยย้ำเตือนทุกครั้งที่ขยับตัว ไอน้ำร้อนๆ คลายความเหมื่อยขบจากกล้ามเนื้อและจุดอ่อนไหว เสียงน้ำที่กระทบลงบนพื้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอช่วยให้จิตใจเขาสงบลง แต่ไม่รู้ทำไมน้ำตาของเขาจู่ถึงไหลออกมาโดยที่เขาไม่รู้ตัว

   ปัถย์ใช้เวลาตลอดวันหมดไปกับการนอนแผ่หราแบบซังกะตายบนเตียง ทั้งที่ยังมีอะไรตั้งแต่เช้าแต่กลับไม่รู้สึกหิว ร่างสูงขยับตัวนอนคว่ำเอามือซุกใต้หมอนแนบหน้าลงนิ่งๆ เฝ้าฟังเสียงแอร์ไปเรื่อยๆ อย่างใจลอย

   จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นปลุกเขาให้หลุดจากภวังค์ความคิด

   ชลนที

   "ไง" ปัถย์กดรับทันทีและร้องทักสั้นๆ

   [ทำไรอยู่วะ คืนนี้แดกเหล้ากันไหม พรุ่งนี้กูต้องบินกลับกระบี่แล้ว]

   “เหนื่อยๆ ว่ะ กูขอบายนะ"

   [มึงเป็นอะไรหรือเปล่า เสียงดูไม่ค่อยดี]

   คนเป็นเพื่อนจับความรู้สึกได้ว่าเพื่อนรักดูไม่ปกติสักเท่าไร

   "เปล่าหรอก แค่เรื่องงานนิดหน่อย ว่าแต่มึงเถอะ จะไปทำงานแล้วยังจะห่วงเมาอีก” ปัถย์ถอนใจแล้วขยี้ผมอีกรอบ เฉไฉไปเรื่องอื่นเพื่อเบี่ยงประเด็น ครั้งนี้ทำเสียงให้กระตือรือร้นอีกนิด

   [งานส่วนงานพักผ่อนส่วนพักผ่อน พูดถึงเรื่องงานขึ้นมาก็ดี นี่มึงยังอยากจะเปลี่ยนอยู่หรือเปล่า คิดดีๆ นะเว้ย คนแบบมึงไปที่ไหนใครก็อยากรับ]

   "อืม ก็จะเขียนใบลาออกวันจันทร์"

   "เฮ้ย เร็วจังนึกว่าจะรอถึงสิ้นเดือน ไง... เจ็บจี๊ดที่ใจอ่ะดิ”

   “ไม่มีอะไรให้ต้องลังเลนี่ แล้วไอ้เจ็บจี๊ดที่ใจก็ฉินแล้วหรือเปล่าวะ ไม่ใช่แค่รู้ว่าไม่มีหวังแค่วันสองวันเมื่อไร สิวๆ" ปัถย์พูดเสียงเนือยแต่ไม่แสดงความเศร้าที่มีออกไปในน้ำเสียง ติดจะทำให้ดูตลกเสียด้วยซ็ำ

   ด้วยนิสัยหนึ่งของปัถย์คือคนที่มักจะเก็บความรู้สึกเอาไว้กับตัว ในยามที่อ่อนแอเขาจะไม่แสดงออกกลับใคร จนกว่าเจ้าตัวจะเคลียความรู้สึกจนเกือบเป็นปกติได้นั่นละ ถึงจะยอมเล่าอะไรให้ใครฟังบ้าง

   [นี่จะออกเลย ไม่รอให้ได้งานใหม่ก่อนเหรอ] ชลนทีถามเพื่อนรักด้วยความสงสัย

   “ว่าจะนอนเล่นอยู่บ้านสักเดือนค่อยหางานใหม่ ขอชิลก่อนหาเรื่องปวดหัว"

   “แล้วบอสโหดของมึงจะว่ายังไง นึกภาพไม่ออก”

   "มันอยู่ที่กูตัดสินใจ เอรีสจะว่าอะไรได้กูไม่สน เขามีเงินจะจ้างอีกสักสิบคนก็ได้ อาจจะได้คนที่เก่งกว่ากูมาก็ได้ใครจะรู้วะ สมัยนี้ใครๆ ก็มีความสามารถรอบด้าน"

   [แต่มึงรู้ใจไง]

   “เปล่ารู้ใจ กูรู้งาน ไม่แน่นะเขาอาจจะไม่ได้แคร์เลยด้วยซ้ำ ไม่มีพนักงานคนเดียวบริษัทเขาก็ไปรอด”

   [นี่ทะเลาะกันหรือเปล่า แบบว่าเอิ่ม... ขัดใจอะไรกัน]

   ชลนทีไม่กล้าพูดอะไรให้มาก เพราะลึกลงไปเขาแน่ใจว่าระหว่างเพื่อนรักกับเจ้านายขาโหดต้องมีบางอย่างที่ลึกซึ้ง ซึ่งคงจะรู้และเข้าใจกันเพียงแค่สองคน ที่ผ่านมาปัถย์ทำงานกับเอรีสมาหลายปีย่อมมีความผูกพันธ์บางอย่างอยู่แล้ว

   “กูบอกเขาไปแล้วนะ เรื่องที่จะออก"

   [จริงอ่ะ มึงนี่บทจะใจเด็ดก็เอาเรื่องเหมือนกันนะ ว่าแต่มึงอยากมาทำงานบริษัทกูหรือเปล่าเดี๋ยวกูดูให้]

   "อย่าเลยกูเกรงใจ"

   [เกรงใจกูหรือไม่อยากมาทำงานบริษัทกิ๊กเก่า]

   "พูดบ้าๆ กิ๊กที่ไหน"

   [ก็พี่เขาเคยจีบมึง]

   "แต่กูก็ไม่ได้คบกับเขา จะพูดว่ากิ๊กก็เกินเบอร์ไป”

   [เออๆ ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ ว่าแต่อยากมาไหม มาทำงานด้วยกันกูจะได้ไม่เหงา]

   “ยังไม่รู้วะ ขอดูก่อน ยังไม่อยากรีบตัดสินใจ”

   [เล่นตัวจัง ก็ได้ ถ้าเปลี่ยนใจก็มาทำด้วยกันนะมึง ที่นี่สบายๆ งานหนักก็จริงแต่คนแม่งไม่เรื่องเยอะ]

   “อืม เดี๋ยวกูลองคิดดูอีกที”


   RRRRR
   วางสายจากชลนทีไม่นานชื่อของ ธีรนัยปรากฏขึ้น ที่หน้าจอโทรศัพท์ ปัถย์ลังเลเล็กน้อยว่าจะรับดีหรือไม่รับดี ตอนนี้เขาไม่อยากปั้นหน้ากับใครที่ไหน ที่จริงความสัมพันธ์ของเขากับธีรนัยก็เป็นรูปแบบครึ่งๆ กลางๆ อาจจะเรียกได้ว่ามากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟนก็ไม่ผิด

   จะมีโทรคุยกันบ้าง กินข้าวด้วยกันบ้าง แต่ก็ไม่ได้เกินเลยถึงเนื้อถึงตัว ธีรนัยเองก็ไม่ขัดข้องที่ปัถย์จะแบ่งช่่องว่างทางความสัมพันธ์ไว้แค่การเป็นคนคุย ในบางครั้งปัถย์เองก็รู้สึกว่าเป็นคนเห็นแก่ตัว เพราะที่จริงแล้วเขาเหมือนหลอกใช้เอาธีรนัยมาเป็นไม้กันหมาก็ไม่ผิดนัก คิดมาถึงตรงนี้ปัถย์จึงรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมกับใครเลย ปัถย์คิดเรื่องนี้มาสักพักแล้วว่าไม่ควรดึงธีรนัยมายุ่งกับเรื่องพวกนี้ ดังนั้นบางทีการบอกจบความสัมพันธ์ที่ไม่ถูกต้องอาจเป็นเรื่องที่ถูกต้องที่สุดก็ได้

   “ว่าไงครับ กลับมาจากนิวยอร์คเมื่อไร”

   [เพิ่งลงเครื่องเมื่อคืน นี่ผมก็เพิ่งตื่นนอน คิดถึงเลยโทรหา]

   ปัถย์ฟังน้ำเสียงหยอดจากฝ่ายตรงข้ามแล้วอมยิ้ม หลังจากธีรนัยเดินทางไปนิวยอร์คเมื่อสองสัปดาห์ก่อนก็เรียกได้ว่าตัดขาดการติดต่อกันโดยสิ้นเชิง

   “ครับ”

   “ทานข้าวกันนะครับเย็นนี้ ผมไปรับที่คอนโดนะ”

   “กี่โมงครับ”

   “หกโมงเย็นนะครับ ผมรอที่ล็อบบี้นะ”

   ปัถย์มองเห็นธีรนัยที่ยืนกอดอกอยู่แต่ไกล ผู้ชายอย่างธีรนัยโดดเด่นสะดุดตาท่ามกลางผู้คนรายรอบเขาเสมอ ด้วยรอยยิ้มมีเสน่ห์ ความสุภาพแบบเชื้อสายผู้ดีทำให้ธีรนัยเป็นผู้ชายที่ไม่อาจปฏิเสธว่าน่าสนใจได้ง่ายๆ

   “คิดถึง” ธีรนัยยิ้มหวาน แล้วโอบไหล่ปัถย์หลวมๆ

   การแสดงออกอย่างเปิดเผยของธีรนัยทำให้ปัถย์รู้สึกไม่สบายใจ เขาขยับตัวออกจากวงแขนอีกฝ่ายให้ดูแนบเนียนที่สุด

   “คุณนี่ชอบหยอดนะครับ”

   “นี่พูดจริง ไม่ได้หยอดเลย อยากทานอะไรครับ อาหารญี่ปุ่นดีไหม หรือว่าเบื่อแล้วจะไปทานอย่างอื่น”

   “อาหารญี่ปุ่นก็ได้ครับ”

   เมื่อมาถึงร้านอาหารญี่ปุ่นย่านทองหล่อ ธีรนัยก็สั่งของที่เขาชอบมาให้สามสี่อย่าง ทั้งคู่ลงมือทานและพูดคุยกันเรื่องสรรพเพเหระไปเรื่อยๆ จนกระทั่งธีรนัยหยิบโทรศัพท์มาเล่นด้วยความเคยชินแล้วยิ้มเย็นออกมาเหมือนเจออะไรในโทรศัพท์สักอย่าง

   “เจ้านายคุณนี่เปลี่ยนคนควงไปเรื่อยเลยนะครับ”

   ปัถย์ได้แต่รับฟังโดยไม่พูดอะไร แถมยังแกล้งคืบเนื้อปลาใส่เข้าปากประหนึ่งทำตัวแบบทองไม่รู้ร้อนทั้งที่จริงแล้วอยากรู้ใจจะขาดว่าธีรนัยหมายความว่ายังไง

   “นี่ไง สวีตหวานกับคิมหันต์ที่ญี่ปุ่น เพิ่งลงเครื่องสดๆ ร้อนๆ มิน่าล่ะถึงปล่อยคุณให้มาทานข้าวกับผมแบบง่ายๆ ปกติก็เห็นมีงานด่วนเข้ามาตลอด”

   ปัถย์เห็นภาพนั้นแบบผ่านตา เลือกที่จะไม่โฟกัสไปตรงๆ ให้ปวดใจ

   “ธรรมดาครับ ไม่มีคนไปด้วยนี่สิแปลก”

   เพิ่งห่างกันไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมง เอรีสก็มีคนควงใหม่แล้ว เป็นแบบนี้สินะสถานะจากเซ็กส์ที่ไม่มีคำเรียก
จะมามีโมเม้นต์ติดตรึงอะไรหรือก็ไม่

   “สับรางยังไงไหว เดี๋ยวผู้หญิง เดี๋ยวผู้ชาย”

   “ก็ไม่เห็นเคยชนกันสักทีนี่ครับ”

   ถึงปากจะพูดอย่างนั้นแต่ใจใจกลับร้อนระอุเต็มไปด้วยความอิจฉา แต่ปัถย์ไม่ใช่คนช่างเรียกร้อง เมื่อก่อนไม่ได้เป็นเจ้าของเขายังไง ตอนนี้ก็ยังคงเป็นอย่างนั้น

   “เอรีสมันเจ้าชู้”

   “ใช่ครับ เจ้าชู้แบบสุดๆ” ปัถย์หัวเราะแล้วคีบทาโก๊ะเข้าปากไปด้วย

   “แต่คุณก็ยังชอบเขา?”

   คำพูดของคู่สนทนาทำเอาปัถย์ชะงัก สีหน้าเปื้อนยิ้มเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นเย็นชาในทันที เป็นอีกครั้งที่ธีรนัยมักจะจิ๊กเขาตรงๆ แบบไม่ไว้หน้า

   “ธีครับ”

   “คุณนึกว่าผมดูไม่ออกเหรอว่าคุณยังชอบเขา ผมรู้มาตลอดว่าเอรีสมีอิทธิพลกับคุณมากแค่ไหน แต่ที่ผ่านมาผมก็หวังว่าจะชนะเขาได้ ผมอยากชนะใจคุณ”

   ธีรนัยพูดเรียบๆ แต่อ่านไม่ออกว่าเขากำลังรู้สึกอย่างไรกันแน่ ถ้าเขาแสดงอาการออกมาว่าโกรธหรือไม่พอใจ มันจะดีเสียกว่ามาดนิ่งที่เขาแสดงออกเขาก็ยิ้มระบายที่มุมปากแบบไม่มีเหตุผล

   “คุณแค่ลองเปิดใจแล้วให้โอกาสผม ให้เราทั้งคู่มากเป็นมากกว่าแค่คนลองคุยๆ กัน”

   “ผมไม่ได้อยากจะเล่นตัวอะไร ตอนแรกก็อยากแค่คิดว่าอยากใช้เวลาศึกษากันอีกสักพัก แต่ผมมาคิดๆ ดูแล้ว...” ปัถย์เริ่มพูดเข้าประเด็น ไหนๆ ก็คุยกันเรื่องนี้แล้วก็เปิดใจกันไปให้รู้เรื่อง ยื้อไว้ก็ไม่ดีกับใคร

   “โอเคครับๆ  ผมเข้าใจแล้ว ผมจะไม่ได้เร่งรัด เอาไว้คุณพร้อมก่อนก็ได้”

   “ธีครับ ผมลองมาคิดมาสักพักหนึ่งแล้ว... ผมคงคบกับคุณไม่ได้จริงๆ เราเป็นเพื่อนกันเถอะครับ ผมไม่อยากเป็นคนที่เห็นแก่ตัว”

   “ผมไม่คิดว่าจะถูกปฏิเสธแบบนี้นะครับ ไม่ได้เตรียมใจมาถูกบอกเลิกความสัมพันธ์”   

   “ผมขอโทษครับ ผมไม่ได้มีเจตนาทำให้คุณรู้สึกแย่ แต่ผมก็อยากจะพูดตรงๆ ไม่อยากเป็นคนที่มาเอาเปรียบด้วยการให้คุณรอไปเรื่อยๆ”

   “ตัวผมเองก็ไม่อยากเร่งรัด ผมรอได้”

   แม้ปากธีรนัยจะพูดแบบนั้นแต่เจ้าตัวก็ยังยิ้มอยู่ในหน้า แต่รอยยิ้มนั้นปัถย์กลับรู้สึกว่าน่ากลัว

   “ผมว่าเราเป็นเพื่อนกันดีกว่าครับ เวลาที่คุณมาเสียกับผม คุณอาจได้ไปเรียนรู้ หรือได้เจอคนที่ดีกว่า”

   “ผมไม่ใช่คนที่จะยอมรับการถูกปฏิเสธง่ายๆ บางทีคุณควรจะศึกษานิสัยของผมเอาไว้บ้างก็ดีนะครับ”

   ปัถย์ฟังน้ำเสียงเรียบๆ แต่ชวนเย็นยะเยือกของธีรนัยแล้วพาลให้ชวนอึดอัด ถ้าลองพูดไปขนาดนี้แล้วยังไม่คิดจะรับฟัง บางทีการตีตัวออกห่างแบบเงียบๆ น่าจะเป็นวิธีที่ดีกว่าก็เป็นได้


   ล่วงเลยมาจนถึงวันพุธปัถย์ยังไม่ได้ยื่นจดหมายลาออกตามที่ตนได้ลั่นวาจาไว้ เหตุผลหลักคือบอสของเขาเดินทางไปธุระส่วนตัวที่ญี่ปุ่น ซึ่งกว่าจะกลับก็น่าจะเป็นพรุ่งนี้ ออฟฟิศที่ไม่มีเอรีสยังคงยุ่งเหมือนเคย ยิ่งใกล้ช่วงส่งมอบงานเขายิ่งงานยุ่ง ดูอย่างตอนนี้เขาก็เพิ่งเสร็จจากไซด์มีตติ้งและยังต้องรีบกลับบริษัทเพื่อประชุมกับฝ่ายบริหารแทนเอรีสอีก ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาไปเสียแล้วที่เขาทำตัวเป็นตัวแทนรับเรื่องสำคัญกับเอรีสเสมอๆ

   ปัถย์กลับมาถึงออฟฟิศในเวลาบ่ายโมงพอดิบพอดี เจ้าตัวรีบตรงไปยังห้องประชุมเพราะเกรงว่าจะทำให้คนอื่นรอนาน

   เมื่อเปิดประตูห้องประชุม เจ้าหน้าที่หลายฝ่ายเดินทางมาถึงเรียบร้อยแล้ว แต่ที่น่าแปลกใจเป็นที่สุดคือเอรีสเองก็นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ประธานการประชุมด้วยสีหน้าเอรีสราบเรียบ เดาอารมณ์ไม่ออกว่าคิดอะไรอยู่

   ส่วนบอสใหญ่เห็นการปรากฏตัวของผู้ช่วยคนเก่ง เขาเหลือบหางตามองปัถย์เล็กน้อยแต่ไม่ได้ทักทายอะไร เป็นปัถย์เองที่แม้จะอยากตัดใจจากเขาแทบตายแต่ก็มัวแต่นับวันรอให้เขากลับมา ไว้รอเวลาที่เขามีอันต้องจากที่นี่ไปแล้วไอ้คำว่าคิดถึงนี่มันคงเล่นงานเขาอย่างแสนสาหัสเลยสินะ แต่มนุษย์เราย่อมเรียนรู้และปรับตัวที่จะใช้ชีวิตอยู่ให้ได้ คงไม่มีใครถึงตายเพราะว่าอกหักรักคุดหรอก

   "กลับมาถึงเมื่อไรครับ" ปัถย์นั่งลงเคียงข้างและร้องถามเพื่อทำทุกอย่างให้ดูเป็นปกติ

   "เพิ่งลงเครื่อง" เอรีสตอบ หากแต่ดวงตาสีอ่อนมองตรงไปทางอื่น

   "ประชุมไหวนะครับ ทานอะไรก่อนไหมเดี๋ยวผมเลื่อนการประชุมไปก่อนสักสิบนาที"

   เอรีสคิ้วกระตุก รอยยิ้มหยัน

   "หึ นายก็เป็นซะแบบนี้”

   ปัถย์มองฟังอย่างไม่เข้าใจความหมายและน้ำเสียงที่เขาสื่ออกมา แต่ก่อนที่เขาจะอ้าปากถามอะไรเสียงของเรีสก็พูดขึ้นเสียก่อน

   “มากันครบแล้ว เริ่มประชุมกันเลยแล้วกัน”








   

   กว่าที่การประชุมจะเสร็จเกือบๆ บ่ายสามเอรีสเดินออกจะห้องประชุมโดยมีปัถย์เดินตามหลังไม่ห่าง วันนี้เอรีสดูแปลกไป นอกจากจะไม่เหวี่ยงใส่ที่ประชุมแล้วยังดูนิ่งเงียบกว่าทุกวัน เขานั่งลงแล้วซบหน้าลงบนฝ่ามือท่าทางอ่อนล้าเดาเอาว่าน่าจะเป็นเพราะเพิ่งเดินทางเลยเกิดอาการเพลีย เอรีสดูหน้าซีดเล็กน้อยแต่ก็ยังหล่อเหลาอันตรายเช่นเคย ผมที่เคยจัดทรงเรียบดูยุ่งหน่อยๆ แต่ในลุกซ์แบบนี้เขากลับดึงดูดสายตาและมีเสน่ห์ในความรู้สึกของเขา

   “หิวไหมครับ”

   “ไม่หิว มีอะไรจะให้เซ็นก็เอามา”

   ปัถย์จำต้องหยิบแฟ้มเอกสารสัญญาการก่อสร้างสองปึกใหญ่ที่เอรีสจะต้องลงนาม และรอเอรีสไล่เซ็นทีละหน้าจนเสร็จ โดยเขายืนมองอยู่เงียบๆ ไม่ห่าง เขาไม่ได้พูดอะไรมากเพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายก็ไม่มีอารมณ์ที่จะคุยด้วยสักเท่าไร ส่วนตัวเขาเองก็ต้องทำตัวให้ชินได้แล้ว...

   ชินที่จะไม่มีเอรีส

   ปัถย์ใช้เวลาเกือบสิบนาทีมองเอรีสเซ้นเอกสารสัญญาตรงหน้า จนกระทั่งผู้เป็นบอสเซ็นเสร็จและเลื่อนกระดาษปึกหน้ามาให้เป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการ

   “มีอะไรหรือเปล่า ถ้าไม่มีอะไรอีก วันนี้ฉันจะกลับก่อน”

   “ไม่มีอะไรแล้วครับ เออ... นี่ครับใบลาออกครับ”

   ปัถย์หยิบซองสีขาวที่เตรียมมาวางไว้บนโต๊ะ เอรีสตวัดสายตามมองมันเหมือนเชื้อโรคร้ายน่าขยะแขยง

   “จะเอาแบบนี้ใช่ไหม” แม้จะไม่ใช่น้ำเสียงตะคอกเจ้าอารมณ์อย่างเคย แต่มันกลับทำให้ปัถย์รู้สึกว่าตัวเองขนลุกซุ่กับความเยือกเย็นและสีหน้าของผู้พูด “อยากให้มันแบบนี้?”

   “ผมเสียใจครับ แต่ผมตัดสินใจแล้ว”

   “อยากจะได้อะไร อยากจะเอาอะไรก็พูดมา อย่ามาเล่นสงครามประสาทแบบนี้นะ ฉันไม่ชอบ”

   เอรีสดูไม่เป็นตัวของตัวเอง เขาเสยผมลวกๆ มองปัถย์นิ่งขรึม ที่ทีเหนื่อยๆ เมื่อครู่กลายเป็นโทสะร้อนแรงไปในฉับพลัน

   “ผมแค่อิ่มตัวกับงานตรงนี้แล้ว อยากลองไปหาประสบการณ์จากตรงอื่นดูบ้าง นี่ครับประวัติผู้สมัครงานตำแหน่งผู้ช่วยของคุณ ผมคัดคนที่มีประสบการณ์และมีคุณสมบัติครบถ้วนเอาไว้ให้ รอแค่คุณเรียกเพื่อนัดสัมภาษณ์”

   “ฉันไม่รับใครทั้งนั้น เพราะฉันไม่ให้นายออก”

   “ตามกฎหมายผมไม่จะเป็นต้องรอการอนุมัตินะครับ ผมสามารถออกได้ทันทีที่ส่งจดหมายลาออกอย่างเป็นทางการ”

   “หัวหมอ”

   “ผมแค่พูดถึงสิทธิของผม”

   เราจ้องตากันราวสิบวินาที เอรีสดูครุ่นคิดบางอย่างเพราะสายตาของเขาดูแน่วแน่มีประกาย แล้วเจ้าตัวก็ถอนใจออกมาในที่สุด

   “ให้ลาพักร้อนห้าวัน นี่ก็สิ้นปีแล้วนายเหนื่อยมาทั้งปีไปพักบ้างก็น่าจะดี เอาไว้นายอารมณ์ดีเราค่อยมาคุยกัน เรื่องลาออกอย่าเอามาพูดอีก ไม่อยากฟัง”

   “ไม่ฟังไม่ได้ครับ”

   “ก็ไม่ฟังไง พูดไม่รู้เรื่องเหรอ อย่าให้ย้ำหลายๆ รอบ”

   โคตรเอาแต่ใจ

   ทีเมื่อก่อนขอลากลับไม่ยอม มาทีนี้กลับยอมกันง่ายๆ คนเรานี่ก็แปลกตอนมีกันอยู่ก็ไม่เห็นอกเห็นใจพอทีนี้จะไปก็เปลี่ยนมายื่นข้อเสนอโน่นี่

   “เอรีสครับผมไม่ได้อยากพักร้อน... ผม”

   “เรื่องานที่มันโหลดเกินไป ก็จะหาคนมาช่วย นายก็ไปดูมาว่าใครที่เหมาะสมแล้วพอจะช่วยงานได้ อยากดึงใครขึ้นมาทำก็เอา หรือจะรับใหม่ก็ได้ ถ้าคนเดียวไม่พอก็สองคนไปเลย ถ้าเหมาะสมแล้วนายโอเคกับคนที่จะมาช่วยงาน เงินเดือนเท่าไรด็ไม่เกี่ยง เอาที่นายเลือกว่าดี”

   “คุณลองดูประวัติพวกนี้ก็ได้ครับ แต่ที่ผมหามาก็เอามาแทนตำแหน่งผมนี่ล่ะ คุณลองดูก่อน”

   คนที่ตั้งท่าจะเป็นอดีตผู้ช่วยดื้อดึงให้บอสจอมเอาแต่ใจอ่านรายละเอียดตรงหน้า

   “บอกว่าไม่ให้ออก ไม่ดู เอาไปไหนก็เอาไป ถ้าไม่เอาไปจะเผาทิ้งตรงนี้ล่ะ”

   “ถ้าบอสไม่ดูรายชื่อพวกนี้ หลังปีใหม่ตำแหน่งของผมก็จะว่าง แล้วบอสจะยุ่งมาก ปีหน้างานโครงการเยอะด้วยนะครับ ถ้าไม่รีบเรียนรู้งานจากผมมาจับงานทีหลังก็จะคลำทางไม่ถูก รายละเอียดงานมันเยอะนะครับ”

   “ถ้าไม่มีนายหามาอีกร้อยคนก็ไม่เอา ไม่มีใครทำงานตำแหน่งนี้ได้นอกจากนาย” ใบหน้าคมเข้มบูดบึ้ง น้ำเสียงมีความหงุดหงิดจนปัถย์ชักอ่อนใจ

   “เมื่อก่อนก็ไม่มีผม ก็เห็นมีคนทำงานได้”

   “ก่อนหน้าจะมีนายฉันเปลี่ยนผู้ช่วยเกือบสิบ มาแล้วก็ไป เสียเวลา เสียความรู้สึก กับนายก็รู้อกรู้ใจกันดีอยู่แล้วเรื่องอะไรจะต้องเอาคนใหม่มาปวดหัวอีก ไร้สาระน่า”

   “เด็กรุ่นใหม่เดี๋ยวนี้ไฟแรง จบมากก็มีความสามารถทุกคน บอสต้องลองดูก่อน อย่าเพิ่งตัดสินคนอื่นทั้งที่ยังไม่ได้ลองให้โอกาส คนที่มีประสบการณ์เก่งกว่าผมก็มี หลายคนผ่านโปรเจคระดับอินเตอร์มาแถม จบป.โทอีกต่างหาก บอสอย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจสิครับ”

   “ไม่เหมือนกัน ถ้าไม่ใช่นายฉันก็ไม่เอา ต่อให้ฉันจะเป็นคนใจกว้างเป็นมหาสมุทรให้โอกาสคนเป็นร้อยแต่ฉันก็ไม่ยอมให้นายออก เข้าใจไหม”

   ถ้าเป็นคำนี้เมื่อก่อนเขาคงตัวลอยเป็นลูกโป่งอัดก๊าซ แต่พอเป็นตอนนี้คำหวานของเขากลับเหมือนยาพิษที่กินเข้าไปก็รังแต่จะทำร้ายกันแบบฝังรากลึก

   “ทางเลือกของบอสมีแค่นี้ครับ เพราะยังไงผมก็ไม่อยู่ต่อ”

   “ถ้านายไปง่ายๆ ก็อย่ามาเรียกว่ากันว่าเอรีส”

   ดวงตาเอรีสเรืองโรจน์ น้ำเสียงเอาจริงกับคนที่ทำอะไรเด็ดขาดมุ่งมั่น แบบนี้ประมาทไม่ได้

   เอรีสอาจทำให้ปัถย์หมดอนาคตถ้าอยากทำ ในเมื่อเขาเองก็เป็นถึงขาใหญ่ในวงการก่อสร้างลองให้สัญญาณนิดเดียวบริษัทต่างๆ ก็แทบพร้อมใจกับปิดประตูใส่หน้า

   “คุณคงไม่รังแกผมแบบนั้น?”

   “ก็ลองดู ฉันยิ่งบ้าๆ ไม่เหมือนคนอื่นอยู่ นายก็รู้นิสัยดีนี่”

   “ผมรู้นิสัยคุณไงครับ ถึงรู้ว่าคุณคงไม่ทำ อย่างน้อยตลอดเวลาที่ผ่านมาผมก็ทำงานให้คุณอย่างเต็มที่ จะมาตัดอนาคตกันเพราะเรื่องที่ผมลาออก คุณคงไม่ใจร้ายกับผมขนาดนั้น”

   “ฉันใจร้ายกับคนที่ฉันอยากร้ายด้วยหมดทุกคนนั่นล่ะ”

   “คุณไม่ได้ใจร้าย”

   “แต่นายน่ะใจร้าย ฉันไม่รู้ว่านายเป็นอะไร ก่อนหน้านั้นเราก็เหมือนยังดีๆ กันอยู่ แต่พอเช้ามานายกลับทำตัวเหมือนเป็นอีกคนฉันไม่เข้าใจ” เอรีสขยับมาใกล้ แล้วนามด้วยสีหน้าสับสน “ฉันทำอะไรที่นายไม่ชอบหรือเปล่า” เอรีสเดินเข้ามาหาปัถย์แล้วก้มลงจ้องตา ถามสิ่งที่อยากรู้ออกไป

   เอรีสเริ่มเดินเข้ามาหา เอื้อมมือข้างหนึ่งจับต้นแขนของปัถย์ไว้ รั้งให้อีกฝ่ายขยับเข้ามาใกล้กว่าเก่า

   “มีอะไรที่ฉันทำพลาดไป นายบอกฉันได้ ฉันรู้ว่ามันเป็นครั้งแรกมันอาจไม่ใช่ไม่เฟอร์เฟคในความรู้สึกนาย แต่ฉันก็ไม่คิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันแย่”

   ปัถย์มองปลายเท้าตัวเอง ไม่กล้าที่จะสู้สายตาของคนตัวโตที่กำลังคาดคั้นความจริงที่ซุกซ่อนอยู่ลึกๆ

   “ครับ... มันไม่ได้แย่”

   “แล้วปัญหามันคืออะไร”

   น้ำเสียงนั้นใกล้เข้ามาทุกขณะเมื่อเอรีสก้มใบหน้าเข้ามา ปัถย์เงยหน้าก็เห็นท่าทางคนเอาแต่ใจที่งอหงิกแบบไม่สบอารมณ์ แต่ดวงตากลับดูเว้าวอนมีความสับสนสงสัย

   “คนทำงานร่วมกันไม่ควรมีเซ็กส์กัน ข้อนี้ใครๆ ก็รู้ ยิ่งเราเป็นเจ้านายกับลูกน้องยิ่งไม่ควร”

   “แต่เราก็มีไปแล้ว จะย้อนไปก็ไม่ได้นี่จริงไหม มันไม่ใช่เรื่องที่เราจะมานึกเสียใจว่าเราทำอะไรผิดพลาด ไม่ใช่เรื่องผิดพลาดเพราะฉันตั้งใจ อีกอย่างเรื่องงานส่วนเรื่องงาน หลังจากเลิกงานมันเป็นเรื่องส่วนตัว เราแยกแยะได้น่า โตๆ กันแล้ว”

   “มันจะไม่ดูแปลกไปหน่อยเหรอครับ”

   “ถ้าเราไม่ทำมันแบบเจิดประเจ้อก็ไม่น่ามีปัญหา” เอรีสก้มหน้าเขามาหา และไล้ริบฝีปากแผ่วเบาที่ขมับอีกคน

   ปัถย์หลบตาอย่างอ่อนใจ เขาไม่คิดว่าการอธิบายให้เจ้านายขาเหวี่ยงฟังมันจะยากเย็นถึงเพียงนี้ ลองว่าถ้าเจ้าตัวเกิดไม่อยากฟังต่อให้พูดกรอกหูอยู่ทุกวันก็ไม่วันทำความเข้าใจ

   “นี่ที่ทำงานครับ อย่าทำให้ผมลำบากใจ”

   ปัถย์ผลักและปัดมือของเอรีสออก คนตัวเล็กกว่าขยับถอยห่างคิ้วเริ่มขมวดด้วยความไม่พอใจกับการทำตัวรุ่มร่ามของอีก
ฝ่าย นี่ก็กำลังสาดสงครามน้ำลายกันอยู่ เอรีสกลับทำให้มันกลายเป็นสงครามพิศวาสไปเสียดื้อๆ ไม่ว่าจะต่อต้านยังไงก็มีอันได้เปลืองเนื้อเปลืองตัวเข้าไปเสียทุกที

   “ก็คิดถึง ไม่ได้เหรอ ไม่เจอกันตั้งหลายวัน” ปากก็ว่าปากและมือก็ไวไม่ต่างกันเลย เอรีสที่พยายามจะจูบเสียให้ได้

   “ใช่เหรอครับ ผมว่าคุณคงไม่มีเวลามาคิดถึงผมหรอก ผมขอตัวมีงานที่ต้องทำต่ออีกเยอะเลยครับ”

   เพราะรู้ทั้งรู้ว่าเอรีสไปญี่ปุ่นกับใคร...



+++++++++
มันจะมีความสับสน...
ปัถย์นี่ทั้งอยากอยู่ ทั้งอยากไป
แม้จะอยู่แล้วเจ็บ แต่ปัถย์ก็เจ็บแบบสุขๆ อ่ะนะ


อันนี้เปิดใจเลยนะคะ
ถามว่าในโลกนี้มีเจ้านายงี่เง่า ที่ชอบเอาแต่ในไม่ฟังเหตุผล โนสนแดดสนลมมีไหม?????
บอกเลยว่ามีบางครั้งบอกเลยว่าอยากจะเดินไปซัดสักฉาดแล้วบอกว่า
เลิกเอาแต่ใจได้แล้ว 5555

ยังไงก็ฝากติดตามกันต่อนะคะ ก็จะพยายามให้มันกระชับมากขึ้น หลานคนอาจมองว่าวนไปวนมา ตัวเอกทั้งคู่ต่างก็ปากแข็งไม่พูดกันตรงๆ เสียดี

แต่อยากให้เข้าใจว่าทั้งคู่ต่องก็มีข้อเสีย แล้วก็เหตุผลที่ค้ำคออยู่
ไอ้ตัวเจ้านายก็เย่อหยิ่ง และเอาแต่ใจ

ส่วยปัถย์ก็รู้ว่าตัวเองไม่มีดีอะไรมาให้รัก เลยไม่คิดหวังว่าจะได้ใจ
ส่วนที่พลีกายไปนั้นก็มาจากที่คิดว่าก่อนจากก็ขอให้มีอะไรไว้จดจำ จะจำแบบเจ็บๆ หรือจำแบบสุขๆ ตัวเองก็พร้อมจะรับสภาพ



 :sad11: :m15:


ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
คาราคาซัง อะไรเบอร์นี้

ออฟไลน์ masochism2018

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 428
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
 เถียงกันอยู่ได้ อิบอสนี่เวรของแท้เลย  :katai4:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
ยื่นใบลาออกไปเลย กับใครก้อตามเพราะเอรีสก้อต้องเคารพกฏหมายแรงงานนะ
ธีนี่ก้อร้ายใช่ไหม

ออฟไลน์ sompong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
เขาจะรูไหม ว่า ปัตรักเอริสจะตาย อยากให้เอริสหยุดที่ปัด แต้เอริสก็มีเศษมีเลยอยู่เรื่อย

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ Nick_June

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
มาแล้ว อิออ ชอบๆ อิบอสขาเซ็ก

ออฟไลน์ คนคิ้วท์คิ้วท์

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 339
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
เอรีสนี่ยังไง เกิดมาเพื่อเป็นกรรมเหรอ

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด