Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH27 [16|01|62] P13
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH27 [16|01|62] P13  (อ่าน 75295 ครั้ง)

ออฟไลน์ Jessiebier

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 357
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
โอ้ยๆๆชอบๆๆๆ o13 o13

ออฟไลน์ masochism2018

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 428
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
 พระเอกในตำนาน :laugh:

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
คุณบอสนี่นิสัยเด็กจนน่าตบมากค่ะ เอาแต่ใจที่หนึ่งไม่สนความรู้สึกใครเลย อย่างที่ปัถย์คิดอะว่านี่มันความรู้สึกอยากเอาชนะไม่ใช่ความหลงอะไรหรอก ถ้าปัถย์ลาออกไปนะอิตาบอสคงคลั่งตายแน่ สมน้ำหน้าอะ

ปล. อ่านช่วงพาร์ทสองแล้วงงๆไม่แน่ใจว่าเป็นไทม์สกิปหรือยังไง ตกลงว่าบอสกับปัถย์นี่มีอะไรกันมาแล้วเหรอคะเพราะบางรูปประโยคก็ดูเหมือนมีกันแล้ว แต่บางประโยคเป็นเหมือนการมโนของบอสล้วนๆ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ anin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
คุณบอสนี่นิสัยเด็กจนน่าตบมากค่ะ เอาแต่ใจที่หนึ่งไม่สนความรู้สึกใครเลย อย่างที่ปัถย์คิดอะว่านี่มันความรู้สึกอยากเอาชนะไม่ใช่ความหลงอะไรหรอก ถ้าปัถย์ลาออกไปนะอิตาบอสคงคลั่งตายแน่ สมน้ำหน้าอะ

ปล. อ่านช่วงพาร์ทสองแล้วงงๆไม่แน่ใจว่าเป็นไทม์สกิปหรือยังไง ตกลงว่าบอสกับปัถย์นี่มีอะไรกันมาแล้วเหรอคะเพราะบางรูปประโยคก็ดูเหมือนมีกันแล้ว แต่บางประโยคเป็นเหมือนการมโนของบอสล้วนๆ



ขออนุญาตอธิบายค่ะ
ขอโทษที่อาจอธิบายกำกวม จริงๆ แล้วก็แค่ภายนอกอ่ะค่ะ
เกือบเตลิดไปหลายทีเพราะบอสของเรารุกตลอด
ปัถย์เองก็เผลอตัวเผลอใจไปเป็นบางครั้งบางคราว แต่ก็ไปไม่สุด ทิ้งไว้กลางทางเสียก่อน

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
เราชอบการเรียบเรียงภาษาเล่าเรื่องมากค่ะ
อ่านแล้วอินสุด


หมั่นไส้บอสมาก น้องปัตถ์มาๆๆ อย่าไปยุ่งกับมันลูก

ออฟไลน์ anin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
Chapter 6
การเผชิญหน้าที่ปวดใจ


ปัถย์มาถึงออฟฟิศตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า
   ผู้ช่วยหนุ่มจัดการเก็บของใช้ส่วนตัวไว้ในลิ้นชักส่วนตัว ใช้เวลานั่งลงนิ่งๆ สีหน้าครุ่นคิดก่อนถอนใจเฮือกใหญ่แล้วเดินไปที่ห้องทำงานของผู้เป็นเจ้านายด้วยความรู้สึกย่ำแย่ที่สลัดออกจากหัวไม่ได้ ความรู้สึกที่ว่านั่นเล่นงานเขาตลอดคืน

   ประตูบานใหญ่เปิดออก บัดนี้ห้องทำงานที่เคยเป็นระเบียบทุกตารางนิ้วดูยุ่งเหยิงกว่าเคย ข้าวของหลายอย่างอยู่ผิดที่ผิดทาง หลายสิ่งบนโต๊ะถูกกวาดรวมไปกองฝากหนึ่ง และเมื่อมองไปที่พื้นที่ทับกระดาษอันโตก็นอนแอ่งแม้งอยู่ที่พื้นราวกับถูกเหวี่ยงลงมา เจ้าตัวฝืนเดินไปเก็บสิ่งของต่างๆ เข้าที่ แม้ความรู้สึกของเขามันจะช่างย่ำแย่เพียงใดก็ตาม

   “สงครามขนาดย่อยเลยนะนี่ คนจะมันหยดกันเลยสิท่า”

   ปัถย์พึมพำกับตัวเอง รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏขึ้นตรงมุมปาก ดวงตาที่เคยสดใสหม่นแสงลงเล็กน้อย ในระหว่างที่มือก็บรรจงหยิบข้าวของต่างๆ วางไว้คืนที่ทางของมันของมันทีละชิ้น ไม่นานประตูห้องของเอรีสก็เปิดออก ฝีเท้าที่เดินเป็นจังหวะบอกได้ดีว่าคือใคร

   “สวัสดีครับบอส”

   ผู้ช่วยหนุ่มทักทายตามมารยาท ร่างโปร่งขยับห่างจากโต๊ะเพื่อเปิดทางให้ผู้เป็นเจ้านาย

   “เก็บโต๊ะเสร็จแล้วนี่”

   “บอสหาของเจอหรือยังครับ”

   “เจอแล้ว ขอบใจที่ยังนึกได้”

   น้ำเสียงของเอรีสดูประชดประชันอยู่หน่อยๆ แต่ปัถย์ก็เลือกที่จะไม่ต่อล้อต่อความอะไร ไม่มีประโยชน์ที่จะมาทะเลาะกันตั้งแต่เช้า

   “ครับ ว่าแต่... บอสจะรับกาแฟเลยหรือเปล่า” ปัถย์ถามอย่างเฉยชา

   “อืม” เอรีสแค่นยิ้ม สองมือลวงไปที่กระเป๋ากางเกงด้วยท่าทีสบายๆ

   ปัถย์เดินเลี่ยงออกจากห้อง ผ่านไปครู่หนึ่งจึงกลับเข้ามาพร้อมกาแฟกับขนมปังปิ้งสองชิ้น แยมส้มและเนยสดอย่างที่ผู้เป็นเจ้านายโปรดปราน มือเรียววางอาหารเช้าลงและออกไปเงียบกริบเหมือนตอนที่เข้ามา ใช้เวลาในช่วงเช้าเคลียงานเก่า และบอกตารางนัดหมายต่างๆ ให้กับผู้เป็นนายอย่างละเอียดยิบ บรรยากาศของทั้งคู่เต็มไปด้วยความมึนตึง เย็นชา ไม่มีคำพูดหยอกล้อ หรือถามสารทุกข์สุกดิบอย่างที่ทำมาตลอดหลายปี มีเพียงท่าทางเป็นการเป็นงานในแบบเจ้านายกับลูกน้องเพียงเท่านั้น

   ก็ดีแล้วนี่!

   แค่เจ้านายกับลูกน้อง


   “ปัถย์… คุณทำให้พวกเราเกือบไหม้ไปทั้งตัว อีรีสแทบจะเผาพวกเราทั้งเป็น”

   เอมเดินมาที่โต๊ะ และกระซิบกระซาบในขณะที่กำลังตอบอีเมลภายใน ชายหนุ่มฟังอย่างเห็นใจ เดาได้เลยว่าเอรีสคงทำให้พนักงานทุกคนขนลุกขนพองเพราะเสียงที่ก้องกังวานดุดัน อันเป็นเอกลักษณ์ของเขาขนาดไหน

   “ขอโทษนะครับ” ปัถย์แสดงสีหน้ารู้สึกผิด

   “ช่างเถอะ บอสก็เป็นแบบนี้นั่นล่ะ แต่คุณปัถย์นี่เก่งมากเลยนะที่รับมือกับบอสได้ไม่ว่าจะในสถานการณ์ไหน” เอมมีสีหน้านับถือ แล้วยังเม้าท์มอยต่อเหมือนต้องการระบายให้ใครสักคนฟัง “พอโทรศัพท์โต๊ะคุณดัง ฉันเลยรับให้ เท่านั้นล่ะเอรีสก็โวยวาย พอบอกว่าคุณลาออกไปข้างนอกเขาก็ปึงปังออกมาทำเอาทั้งชั้นหัวหดไปหมด”

   ปัถย์ยิ้มบางๆ พอนึกภาพออกว่าเอรีสแสดงสีหน้าหรือท่าทางอย่างไร เอรีสเป็นเสือยิ้มยาก ยิ่งเวลาไม่พอใจใครเขาจะตีหน้ายักษ์ไว้ก่อน ยังไม่รวมเสียงที่ทุ้มติดห้วนที่ฟังที่ไรก็ทำให้เสียวสันหลังมานักต่อนัก 

   ตอนนั้นเองที่เห็นเอมเริ่มทำหน้าแหย ความผิดปกติกับบรรยากาศเย็นยะเยือกปกคลุมรอบบริเวณ และเมื่อหันมองจึงได้รู้ว่าเอรีสกำลังเดินตรงเข้ามาใกล้วงสนทนาของทั้งคู่

   เอมเงียบสงบปากที่นินทาผู้เป็นเจ้านายลงลงจนเหลือเพียงเสียงลมหายใจที่ตื่นตระหนก รีบกุลีกุจอหันไปทักทายบอสใหญ่แบบเลี่ยงไม่ได้ ก่อนจะปลีกตัวไปทันทีที่เห็นสายตาคมกริบของเจ้านายสุดโหดไปในที่สุด

   “ปัถย์นายโทร. หาพิชิตเรื่องสัญญาของบริษัทแกรนด์ซีซันที ฉันส่งรายละเอียดต่างๆ เข้าในเมลให้แล้ว ส่วนนัดช่วงบ่ายช่วยยกเลิกไปก่อน ฉันต้องไปคุยเรื่องสัญญาที่แทรกเข้ามา เพราะอีกสองวันฉันต้องไปญี่ปุ่น”

   “ได้ครับ”

   ปัถย์ออกจากออฟฟิศพร้อมกับเอรีสตอนบ่ายโมง ยังคงรักษาระยะห่างกับผู้เป็นเจ้านายไว้ให้ได้มากที่สุด แต่ด้วยว่าต้องทำงานร่วมกันมันเป็นไปได้น้อยมากที่จะไม่สื่อสารพูดคุยกัน แต่ทุกประโยคที่เอื่อนเอ่ยมันดูแปลกประหลาดเหมือนกับว่าทั้งคู่เพิ่งได้ทำงานด้วยกันเพราะมันช่างเป็นทางการและห่างเหินจนน่าตกใจ

   “บอสไม่ไปรถบริษัทหรือครับ”

   ปัถย์ถามอย่างสงสัย เพราะเจ้านายไม่ได้เดินไปที่รถยนต์อัลพาร์ดสีดำมันปราบอย่างที่เคย แต่เจ้าตัวกลับเดินตรงไปที่รถสปอร์ตBMWi8 สีดำคันเก่งของตัวเองแทน

   “ไม่”

   น้ำเสียงของเอรีสตอบกลับมาสั้นๆ เขาเดินลิ่วไปที่ประตูฝั่งคนขับ

   “ถ้าอย่างนั้น เดี๋ยวผมขับรถตามไปนะครับ”

   ถามไปก็ทำท่าจะผละไปที่รถของตัวเองที่จอดไม่ห่างกัน ชั้นนี้เป็นที่จอดรถผู้บริหาร ซึ่งเขาเองก็ได้อภิสิทธิ์เล็กน้อยจากตำแหน่งผู้ช่วยบองบิ๊กบอส ทำให้เขามีที่จอดรถยนต์ส่วนตัว แทบทั้งชั้นล้วนมีแต่รถยนต์หรูๆ ราคาเกินสามล้านขึ้นทั้งนั้น คงมีเพียงรถเขานี่ล่ะที่ราคาแค่ไม่กี่แสน ด้วยเป็นรถญี่ปุ่นระดับกลางที่พบเห็นได้กันบนท้องถนน

   “ทำไมต้องไปหลายคัน ขึ้นรถ”

   ปัถย์ไม่ได้พูดอะไรให้มากความ เขาเปิดประตูรถสุดหรูแล้ววางกระเป๋าเอกสารไว้บนตักก่อนคาดเข็มขัดนิรภัยเงียบๆ ไม่บ่อยนักที่เขาจะได้นั่งรถคันนี้ ปกติแล้วเอรีสจะใช้รถของบริษัทเป็นส่วนใหญ่ เจ้าตัวจะขับรถเองก็ต่อเมื่อไปบรรดากิ๊กทั้งหลายเท่านั้นที่เหลือถ้าไม่ใช่เขาขับให้ก็จะมีคนขับรถของบริษัทเพียงเท่านั้น

   “อเจนด้าการประชุมมีอะไรบ้าง” เอรีสเปิดฉากการสนทนาก่อน ทั้งที่ปกติแล้วจะเป็นผู้ช่วยหนุ่มต่างหากที่เป็นฝ่ายรายงานทุกอย่างให้ผู้เป็นเจ้านายรู้

   “หลักๆ ประเด็นการชี้แจงแบบเพิ่มเติมมาจากแบบ For Bidding แล้วก็เรื่องต่อรองราคาครับ”

   “อืม”

   ภายในห้องโดยสารเงียบกว่าเคย เพราะชายหนุ่มทั้งคู่ต่างก็เลือกที่จะสงวนท่าทีระหว่างกัน

   “วันนี้นายเงียบผิดปกติ มีอะไรไม่พอใจก็พูดออกมาเลย ฉันไม่ชอบทำสงครามประสาทเท่าไร”

   “ผมควรไม่พอใจอะไรเหรอครับ”

   “เรื่องเมื่อวานไง”

   “ถ้าคุณรู้ว่าผมจะไม่พอใจ คุณก็ไม่ควรทำตั้งแต่แรก จริงไหมครับ”

   “ก็จริง แต่ฉันก็ไม่พอใจนายเหมือนกันนั่น นายล่ะ ใส่ใจความรู้สึกของฉันบ้างหรือเปล่า”

   “ผมทำอะไร”

   ปัถย์ร้องถาม สีหน้าดูสับสนแบบสุดๆ ในเมื่อตัวเขาไม่ได้ทำอะไรอีกฝ่ายเลย นอกจากเป็นฝ่ายที่ถูกกระทำอยู่เพียงฝ่ายเดียว ถ้าเขาจะไม่พอใจนั่นไม่แปลกเลย แต่ดูแล้วอีกฝ่ายกำลังสับสนอะไรอยู่แน่ๆ ถึงได้ย้อนเขากลับมาแบบนี้

   “นายก็รู้ว่าฉันรู้สึกยังไงกับนาย แต่ก็ทำเป็นเมินหนีเหมือนไม่รับรู้อะไร ทำไมกันปัถย์ ฉันสู้ธีรนัยไม่ได้ตรงไหน”

   “ผมไม่รู้ว่าคุณรู้สึกแบบไหนกับผมกันแน่ เห็นกันอยู่ว่าคุณมีใครอีกหลายคน สถานะอย่างผมเป็นแค่ผู้ช่วยของคุณก็น่าจะพอแล้วครับ”

   “ที่พูดแบบนี้เพราะอยากให้ฉันเลิกยุ่งกับคนอื่นหรือเปล่า ถ้าใช่ก็แค่บอกมาตรงๆ”

   “ผมไม่ได้อยากให้คุณเลิกกับใคร ผมแค่ไม่สบายใจที่คุณมองว่าผมเป็นหนึ่งในคนพวกนั้น คนที่คุณนึกพอใจอยากสนุกด้วยแบบฉาบฉวย”
   “มันก็แค่เซ็กซ์น่าปัถย์ อายุขนาดเราแค่ทำตามความพอใจ ไม่ได้ไปแย่งของใครมา อย่าเอามาเป็นสาระเลย”

   “กับผมไม่ใช่ครับ ผมไม่เคยมีความสัมพันธ์แบบฉาบฉวย ผมจริงจังกับคนที่คบหาด้วย เซ็กซ์ของผมไม่ได้เกิดขึ้นกับใครต่อใครก็ได้หรอกนะครับ ผมไม่ได้ง่ายกับทุกคน” 
   ถึงปัถย์จะไม่ได้คบใครมากนัก แต่ในทุกๆ ความสัมพันธ์เขาไม่เคยคิดว่ามันเป็นเรื่องเล่นสนุก เขาจริงจังและจริงใจในทุกครั้ง ซึ่งผิดกับเอรีส รายนี้อาจมองเพียงเป็นเรื่องของการปลดปล่อยอารมณ์ทางเพศ เป็นเรื่องธรรมชาติเหมือนการกินดื่ม จะกับใครล้วนเท่าเทียมเสมอกัน

   “ถ้าฉันเลิกกับทุกคน นายจะคบกับฉันไหม”

   คำถามของเอรีสดังขึ้น แต่ปัถย์กลับนึกขัน เขาอยากหัวเราะดังๆ ให้ฟังร่วง เขาอยู่กับเอรีสมากี่ปีทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเอรีสขี้เบื่อ และมองเรื่องการหลับนอนกับใครสักคนผิวเผินเพียงใด แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังรัก ความใกล้ชิดทำให้เขาเห็นเอรีสในทุกแง่มุม หากตัดเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ไป เอรีสคือชายในฝันของใครหลายคน

   “คุณไม่มีทางเลิกกับทุกคนได้หรอกครับ”

   “แล้วถ้าฉันทำได้ล่ะ นายกล้าคบกับฉันไหม”

   “…”

   ปัถย์ไม่ได้ตอบ ทำได้เพียงครุ่นคิดกับตัวเองเงียบๆ ปล่อยให้เอรีสมองเสี้ยวใบหน้าของตัวเองด้วยแววตามุ่งมั่นที่ปัถย์เองอาจไม่มีวันล่วงรู้

   การสนทนายุติลงแล้วความเงียบงันกลืนกินห้องโดยสารที่กำลังเคลื่อนที่อีกครั้ง จนเมื่อข้อความเข้ามาดึงความสนใจของปัถย์ไปที่มือถือของตัวเอง

   Chon-natee
   วันนี้กูว่าง เย็นนี้แดกชาบูกัน

   ปัถย์อ่านข้อความสายตาชำเลืองคนข้างกายเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายสนใจกับท้องถนนอันคราคร่ำอยู่จึงละสายตาก่อนตอบตกลงกับผู้เป็นเพื่อนแม้จะยังไม่แน่ใจเท่าไรว่าบอสของเขาจะมีอะไรด่วนๆ งอกออกมาหลังจากจบการประชุมหรือเปล่า

   PATT
   เอาดิ กูมีประชุมแถวสาทร
   มึงมาแถวนี้เถอะ มีหลายร้านที่มันเจ๋ง  ดูรีวิวมา
   ขากลับขอติดรถไปด้วย

   
Chon-natee
   ประชุมตึกไหน เลิกกี่โมง


PATT
คิวคอร์ต  เลิกห้าโมง มึงเลี้ยง?


   
Chon-natee
   ตีน!


PATT
คนชวนก็ต้องเลี้ยง

   
Chon-natee
   เงินเดือนเกินครึ่งแสน
   ริอ่านมารีดเลือดกับปู
   ถามด้วยว่ากูจะมีไหม

PATT
555  กูเลี้ยงมึงก็ได้
   ไอ้ขี้งกเอ้ย!



   ตลอดการพิมพ์แชตไม่ได้รอดพ้นสายตาของเอรีสแม้แต่น้อย ใบหน้าเฉยเมยเก็บอาการของปัถย์เบิกบานกว่าเก่า มิหนำซ้ำริมฝีปากบางได้รูปกลับยกยิ้มน้อยๆ พาลให้บอสหน้าเคร่งขมวดคิ้ว

   “ปีนี้งานเลี้ยงบริษัท ฉันอยากให้บรรยากาศดูรีแรคกว่าปีที่แล้วหน่อย นายว่าไง”

   “ครับ ปีที่แล้วเลี้ยงที่โรงแรมหลายคนดูเกร็งๆ ไม่กล้าสนุกกันเต็มที่เท่าไร”

   “นายลองดูหน่อยว่าปีนี้ควรเป็นแบบไหน”

   “เลี้ยงที่ผับเลยดีไหมครับ หลายคนคงชอบ”

   “เอาจริงดิ”

   “บริษัทเราคนแก่ไม่เยอะนะครับ เด็กๆ เขาชอบผัวกัน ดูอย่างที่เลี้ยงโรงแรมเมื่อปีก่อน ผมเห็นนั่งเกร็งกัน สุดท้ายก็ไปต่อที่ผับอยู่ดี”

   “ทำไมรู้”

   “ผมก็ไป จำได้ว่าเมาหนักมา”

   “แล้วไม่ชวนฉันบ้างล่ะ”

   “ก็เห็นบอสติดนัด”

   “งั้นปีนี้นายก็ลองหาที่หมาะแล้วกัน จะได้ไม่ต้องมาบ่นลับหลังว่างานคนแก่”



   

   เมื่อเสร็จสิ้นจาการประชุม เวลาก็ล่วงเลยไปเกือบห้าโมงเย็น ปัถย์เดินตามผู้เป็นเจ้านายออกมาจากห้องประชุม แล้วลงลิฟต์มาด้วยกัน
 
   อาคารสำนักงานนี้ที่ด้านล่างเปิดให้เป็นร้านค้าเช่า และมีร้านอาหารหลายสัญชาติเข้ามาเปิดกิจการ จึงไม่แปลกที่คนจะค่อนข้างพลุกพล่านเป็นพิเศษในยามเลิกงานตอนเย็นแบบนี้

   “พี่ตรินครับ”

   เสียงหนึ่งดังมาจากด้านหลัง คนร่างสูงตรงหน้าชะงักเท้าซึ่งก็ไม่ต่างกับปัถย์ที่หยุดฝีเท้าตามเช่นกัน

   ‘ตริน’ ชื่อของเอรีส แต่ชื่อนี้ไม่ได้ถูกอนุญาตให้ใช้ นอกจากว่าจะเป็นคนที่พิเศษจริงๆ
   ปัถย์หลุบสายตาลงต่ำ ความรู้สึกประหลาดๆ ที่ตกค้างจากเมื่อวานกลับมาเล่นงานเขาอีกครั้ง ไหนจะคำพูดหยั่งเชิงของเอรีสเมื่อตอนอยู่บนรถนั่นอีก

   อย่างนี้น่ะเหรอที่บอกว่าจะเลิกคบกับคนอื่น...
   พระอาทิตย์ขึ้นตอนเที่ยงคืนก่อนเถอะค่อยมาพูด


   “คิม มาทำอะไรแถวนี้”

   “คิมมาหาถ่ายแบบที่สตูดิโอข้างบนครับ เพิ่งเสร็จงานนี่ล่ะ เห็นหลังพี่ตรินไวๆ เลยเข้ามาทัก สวัสดีครับคุณปัถย์” ผู้มาใหม่เอ่ยทักเสียงรื่นหู ใบหน้าหล่อเหลาแบบฉบับนายแบบดูน่ามองเป็นพิเศษเพราะเครื่องสำอางบางๆ ที่แต่งแต้มไว้

   “สวัสดีครับคุณคิม” ปัถย์เอ่ยทักพร้อมยกมือไหว้อย่างมีมารยาท

   “พี่ตรินมาทำอะไรครับ”

   “พี่มีประชุม นี่เราจะกลับแล้วเหรอ”

   “ตอนแรกว่าจะหาอะไรกินกับเพื่อนก่อน แต่เพิ่งโดนเพื่อนเทมา พี่ตรินไปกินข้าวกับคิมหน่อยสิครับ”

   “เอาสิ คิมอยากกินอะไรล่ะ เลือกเลย”

   ปัถย์ที่ยืนคว้างกลางวงสนทนาขยับตัวออกห่างไปอีกหลายก้าว เขาหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมา แล้วอ่านข้อความเข้าที่บอกว่าเพื่อนของเขาใกล้มาถึงแล้ว เมื่อรู้ดังนั้นเจ้าตัวก็โล่งอก มองนาฬิกาที่ข้อมือเห็นว่ากำลังจะห้าโมงเย็น ถ้าวันนี้เขาขอกลับก่อนสักครึ่งชัวโมงคงไม่เป็นอะไรหรอกกระมัง ในเมื่อเจ้านายเขาเจอ ‘เพื่อน’ คนสนิทเข้าแล้ว

   แต่ยังไม่ทันที่ปัถย์จะเอ่ยอะไร คิมหันต์ที่ยืนหล่อออร่าจับอยู่ก็เปรยขึ้น

   “ทานข้าวด้วยกันนะครับคุณปัถย์”

   ปัถย์เหลือบมองไปที่คิมหันแวบหนึ่ง เห็นรอยยิ้มมีเสน่ห์ส่งมาให้แล้วยิ้มรับบางๆ จากหางตาเห็นผู้เป็นเจ้านายยืนหน้านิ่ง เลยเดาเอาว่าไม่อยากให้เขาเป็นก้างขวางคอ

   “คงต้องขอตัวครับ ตอนเย็นมีนัดกับเพื่อนพอดี ไว้โอกาสหน้านะครับ” เขาปฏิเสธ แล้วตอนที่กำลังจะขอลากลับเสียงของเอรีสก็ขัดขึ้นก่อนเสียได้

   “อยู่กินด้วยกันก่อน ฉันอยากคุยงานต่อด้วย” เสียงทรงอำนาจโพล่งขึ้นมา

   “เออ คือ...”

   “นัดกันไว้แถวนี้เหรอครับ” คิมหันต์ถาม

   “ใช่ครับ เพื่อนผ่านมาแถวนี้เลยนัดเจอกันนิดหน่อย” เจ้าตัวมองผู้เป็นเจ้านายตรงๆ เป็นครั้งแรกในรอบวัน จึงได้เห็นสีหน้าบึ้งแกมไม่สบอารมณ์ส่งมาให้จนเสียวสันหลัง

   สายตาแบบนี้ ภาษากายแบบนี้บอกได้ว่าเอรีสกำลังไม่พอใจ อยู่ด้วยกันมาเกือบสามปีทำไมเขาจะไม่รู้

   “ชวนเพื่อนมากินด้วยสิ”

   “ถ้าบอสอยากคุยเรื่องงานก็ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมให้เพื่อนรอก่อน ไว้เราคุยกันเสร็จก็ได้”

   “เรื่องงานเดี๋ยวค่อยคุยวันหลังสิครับพี่ตริน นี่กินข้าวก็จะคุยเรื่องงานอีก เครียดจนกินข้าวไม่ลงพอดี คิมอยากกินข้าวสบายๆ มากกว่า” 

   เอรีสไม่ตอบอะไร เจ้าตัวเพียงแต่พยักหน้า บอกกรายๆ ว่ายอมตามใจอีกฝ่ายแบบไม่โต้แย้ง

   น้ำเสียงกับท่าทางสนิทสนมของคิมหันต์กับเอรีสทำให้ปัถย์เสมองไปทางอื่น ดูก็รู้ว่าทั้งคู่ให้ความสำคัญต่อกันมากขนาดไหน ปกติแล้วไม่มีใครกล้าพูดแบบนี้กับเจ้านายของเขา แต่นี่คิมหันต์แสดงให้เห็นแล้วว่าบทบาทที่มีต่อเอรีสนั่น ไม่ธรรมดาจริงๆ

   โทรศัพท์ในโหมดตั้งสั่นของผมเตือนให้รู้ว่ามีสายเข้า
ชื่อชลนทีปรากฏขึ้น แต่ผมเลือกที่จะกดตั้ดสายไปก่อน จากนั้นก็ส่งข้อความไปบอกว่ารอก่อนไม่นานจะโทรกลับ

   “เพื่อนนายจะมากี่โมง” เสียงที่ถามมาค่อนข้างเย็นยะเยือกเดาไม่ถูกว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่

   “ก็... ไม่น่าเกินสิบห้านาทีครับ”

   “ชวนมากินด้วยกัน”

   “แต่ว่า...”

   “ไม่มีแต่ รอที่ร้านอาหารญี่ปุ่นตรงนั้น รีบตามมาก็แล้วกัน” พูดจบเอรีสก็เดินจากไป โดยมีร่างของนายแบบหนุ่มเดินเคียงข้างไปด้วย ทิ้งผมให้ยืนอึ้งอยู่คนเดียว






   “ปัถย์ มึงพากูมาทำไมวะ”   

   ชลนทีกระซิบเบาๆ ให้ได้ยินกันเพียงสองคน สีหน้านั้นดูงงงันและวางตัวลำบาก เมื่อตรงหน้าของทั้งคู่คือเอรีส เจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีทั้งงานโครงการก่อสร้างมูลค่าหมื่นล้านอยู่ในมือ

   “เออน่า อย่าถามเยอะ กูก็งงไม่น้อยไปกว่ามึง”

   “คุณทีจะสั่งอะไรเพิ่มไหมครับ ไม่ต้องเกรงใจเลยนะ วันนี้เจ้ามือใหญ่เราเลี้ยง สั่งได้เต็มที่เลยครับ” คิมหันต์ชวนคุยเมื่อเห็นว่าบรรยากาศบนโต๊ะอาหารไม่ชวนอภิรมย์สักเท่าไร

   “พอแล้วครับ นี่ก็ทานไม่หมดแล้วครับ”

   “คุณทีทำงานอะไรอยู่เหรอครับ”

   “ผมอยู่บริษัทคอนเซาท์ เป็นวิศวกรภาคสนามน่ะครับ”

   “สนุกไหมครับงานภาคสนาม”

   “ก็สนุกนะครับ แต่ก็ต้องไปโน่นมานี่ ไม่ได้อยู่ประจำที่ไหนนานๆ เท่าไร แถมหน้างานก็มีเรื่องตื่นเต้นให้แก้ปัญหาเฉพาะหน้าตลอด วุ่นวายเอาการเลยครับ”

   “ตอนนี้คุณทีประจำไซด์ที่ไหนเหรอครับ”

   “ผมอยู่ที่กระบี่ครับ ดูเรื่องานรีสอร์ตอยู่”

   “ที่ผมเองจบสถาปัตย์มานะ แต่ก็ไม่เคยไปทำงานในสายที่เรียนมาสักที”

   “จริงเหรอครับ” ชลนทีถามอย่างสนใจ ไม่คิดว่าคนหล่อตรงหน้าจะเป็นอคิเตค

   “ครับ ผมจบที่เดียวกับพี่ตริน เป็นรุ่นน้อง”

   “เออ ครับ”

   ทั้งปัถย์และชลนทีใหัไปมองหน้าของเอรีสแทบจะพร้อมกัน ทีนี้เลยได้คลายข้อสงสัยแล้วว่าทำไมทั้งคู่ถึงเจอกันได้

   “ตอนนั้นพี่ตรินใกล้กำลังจะจบ แต่ผมเพิ่งเข้าปีหนึ่ง อาศัยข้าวห้องพี่ตรินกินตลอดล่ะครับ”

   “แล้วคุณปัถย์กับคุณทีรู้จักกันตั้งแต่ตอนเรียนเลยเหรอครับ”

   “เรียนที่เดียวกัน อยู่หอเดียวกันด้วย เรียกได้ว่ารู้ไส้รู้พุงทุกอย่าง”

   ปัถย์กระทุ้งสีข้างเพื่อนเบาๆ เชิงว่าปรามเพื่อนไม่ให้พูดมากบนโต๊ะอาหาร

   “อย่าพูดมากน่า กินข้าวไป” ขยิบตาห้ามปรามอีกฝ่ายที่ดูจะไม่ร่วมมือเท่าไร ก่อนจะคืบปลาซาบะเข้าปากเพื่อนสนิทเร็วๆ

   “จริงๆ ทำงานภาคสนามนี่ก็เหนื่อยนะครับ ถ้ามีแฟนนี่ต้องคิดหนักๆ” คิมหันต์ชวนคุยอย่างต่อเนื่อง หลังจากอาหารมาเสริฟครบทุกจาน

   “ใช่เลยครับ”

   “นี่เลยครับ แบบพี่ตรินออกไซด์ไม่มากแต่กว่าจะเจอกันสักครั้งหาคิวแทบไม่ได้”

   “งานพี่เยอะนี่ ไม่เหมือนคิมหรอกนะ หนีเที่ยวได้ตลอด โทษพี่ไม่ได้นะ”

   ปัถย์ฟังทั้งคู่สนทนากันเงียบๆ ภายในโต๊ะอาหารคนที่พูดน้อยที่สุดคงหนีไม่พ้นเขา ก็ในเมื่อฝั่งตรงข้ามคือเอรีสกับคนพิเศษของเขาด้วยแล้วมันกระอักกระอ่วนแปลกๆ

   “เดี๋ยวคิมบอกคุณปัถย์ให้เคลียคิวให้ นะครับคุณปัถย์ จะได้มีเวลาว่างให้คิมแทรกสักหน่อย”

   แต่ปัถย์ทำแค่เพียงยิ้มอ่อนๆ และสงวนคำพูดไว้เช่นเดิม





   “ไอ้ปัถย์ เจ้านายมึงนี่... เหรอวะ”
   ชลนทีไม่รอเวลาเมื่อปลีกตัวจากคนทั้งคู่จึงรีบถามเพื่อนสนิทในทันที ผู้เป็นเพื่อนไม่กล้าพูดคำว่า เกย์ ออกมาเพราะรู้สึกกระดากปากไม่น้อย

   “อืม เขาคบๆ กัน”

   “อ้าว เคยเห็นควงผู้หญิง แล้วไหงเป็นคนนี้วะ”

   “ผู้หญิงก็ใช่ ผู้ชายก็ใช่”

   “จริงดิ ป๊าดดดดด! เปิดโลกกูมาก หล่อแมนแบบนี้ ได้หมดเลยเหรอวะ”

   “บอสกูเขาพอใจใครก็คบ ไม่แปลกหรอกมึง”

   “ว่าแต่ มึงดูแปลกไปนะวันนี้ มีอะไรหรือเปล่า เรื่องงาน?”

   “หลายเรื่อง งานก็ด้วย เรื่องส่วนตัวก็ด้วย”

   “เล่าให้กูฟังดิ กูโคตรพร้อม”

   “พร้อมอยากเสือก?”

   “พร้อมให้คำปรึกษา นี่มองเพื่อนในทางลบมากเลย เออ อย่าลีลามีปัญหาเรื่องงานอะไรวะ ใช่เรื่องที่บอกว่าอยากหางานใหม่อยู่หรือเปล่า”

   “ไอ้ที ที่กูเคยบอกมึงว่าลองคุยกับบางคนอยู่น่ะ”

   “เออ ฟังอยู่”

   เราทั้งคู่ถึงลานจอด ชลนทีเปิดล๊อคประตู และขานรับ

   “ผู้ชายนะ”

   “ว่าไงนะ” จังหวะนั้นประตูรถข้างปัถย์ปิดดังปัง ชลนทีที่นึกว่าตัวเองหูฟาดร้องเสียงหลง รีบเข้ามานั่งประจำที่คนขับแล้วมองไปที่เพื่อนรักก่อนร้องถามอีกครั้ง “ไม่ถนัดหู มึงว่าไงนะ”

   “กูจะบอกมึงว่า คนที่กูคุยๆ อยู่เป็นผู้ชาย”

   “เชี่ยยยยยย”

   “ตกใจ?”

   “ตกใจสิ โอ๊ย! มันวันอะไรเนี่ย”

   “รังเกียจ?” ปัถย์หันไปถามสีหน้าอมยิ้ม เห็นหน้าเพื่ออึ้งรับประทายก็ยิ่งขำ ที่จริงเขาไม่ได้ถือสาท่าทีของเพื่อนแม้แต่น้อย ด้วยคบหากันมานานชลนทีคือหนึ่งในคนที่เขาสนืทใจจะคุยด้วยในทุกๆ เรื่องมากที่สุด

   “กูเปล่ารังเกียจ กูแค่อึ้ง เชี่ย!”

   “แค่ลองคุยเอง ไม่ได้ลึกซึ่งอะไร ความรู้สึกบอกว่าไม่เวิร์ค”

   “เมื่อก่อนตอนพี่คิวจีบมึง ไหงมึงไม่เล่นด้วยวะ”

   “ก็กูไม่ได้ชอบเขา อีกอย่างกูก็มีแฟนอยู่แล้ว จะให้ไปชอบพี่เขาได้ยังไงล่ะ”

   “แล้วยังไง ทีนี้เสือกคบผู้ชาย แล้วแม่งเป็นใครวะ อย่าเสือกบอกนะมึงว่าไอ้ที่บอกคุยๆ นี่ มันเจ้านายสุดหล่อแต่งี่เง่าของมึงนะ แค่นี้ก็เซอร์ไพรส์พอล่ะ”

   “ไม่ใช่เอรีส” ปัถย์ตอบ แต่สีหน้าดูไม่ดีขึ้นมาในทันตาจนคนเป็นเพื่อนจับสังเกตได้

   ชลนทีสตาร์ทรถ ก่อนจะหันไปมองเพื่อนตรงๆ อึดใจใหญ่ กดดันทางสายตาให้คนเป็นต้องเล่าต่อเพราะมาขนาดนี้แล้ว ขืนไม่ได้ความจริงออกมาคงนอนไม่หลับทั้งคืนแน่

   “กูคุยกับญาติของเอรีส แต่สองคนนั้นไม่ค่อยถูกกัน”

   “มึงเลยวางตัวลำบาก?” ชลนทีถอยรถออกจากซอง ขณะถามไปด้วย

   “นั่นก็ใช่ แต่มันมีปัญหาที่ใหญ่กว่า”

   “งั้นมึงรีบพูดเลย กูอยากรู้ตัวสั่นแล้วเนี่ย”

   “กูแอบชอบเจ้านายตัวเอง”

   “เชี่ย!”

   ชลนทีร้องเสียงหลง แทบจะเหยียบเบรคจนหัวทิ่ม

   “เออ เชี่ยสุดๆ แม่งไม่น่าเลยว่ะ มีคนเป็นร้อยเป็นพันเสือกทะลึ่งมาชอบเจ้านายตัวเอง หายนะชัดๆ”

   “โอ๊ย กูงง มึงชอบเจ้านายตัวเอง แต่คุยกับญาติของเจ้านาย อะไรเนี่ยซับซ้อนโคตร”

   “ที่จริงกูก็ชอบเอรีสมาสักพักใหญ่ๆ แต่ก็มานึกได้ว่าเอรีสคงไม่ได้มองกูแบบนั้น แถมเจ้านายกูก็นอนกับคนโน้นคนนี้ไปทั่วเด็กเป็นร้อย กิ๊กเป็นแสน ไม่อยากเจ็บว่ะ เลยคิดว่าต้องตัดใจ ญาติของเอรีสเข้ามาจีบ แล้วกูก็อยากรู้ว่ากับผู้ชายหล่อๆ คนอื่น กูจะชอบเขาได้ไหม”

   “แล้วชอบไหม”

   “ก็ไม่ เขาก็ดีนะแต่ไม่ใช่”

   “มึงยังชอบบอสมึงอยู่หรือเปล่า”

   ปัถย์เงียบไป ไม่ตอบรับ แต่ก็ไม่ปฏิเสธ

   “แสดงว่ามึงยังชอบอยู่ แล้วทำไมมึงถึงอยากลาออก มึงอยากตัดใจหรือไงวะ ที่จริงงานของมึงก็ดีนะ เงินเดือนก็สูงถ้ามึงตัดใจได้อนาคตมึงไปได้อีกไกล มึงต้องชั่งใจดู”

   “กูเกือบพลาดสองครั้ง หวิดจะได้กับเจ้านายตัวเอง โคตรพลาด” เสียงอ่อยพูดขึ้น ทำเอาผู้เป็นเพื่อนหันมามองอ้าปากหวอ

   “มึงล้อเล่นใช่มั้ย”

   “หน้ากูเหมือนล้อเล่นเหรอ” เห็นสีหน้ากับรอยยิ้มเศร้าๆ ตรงมุมปากบอกให้รู้ว่าเพื่อนกำลังไม่สบายใจ

   “นรกแตกเลยมึง แบบนี้... แล้วคุณคิมหันต์นั่นล่ะ”

   “ก็คนพิเศษของเขาไง”

   “มึงต้องถอยออกมา แบบนี้แสดงว่าไอ้เจ้านายสังกะบ๊วยของมึงแม่งเลว ถ้าจ้องจะแดกมึงก็ไม่ควรเอาคนอื่นมาประจันหน้ากันแบบนี้กูพูดเลยว่าเกินไป”

   “กูก็ว่างั้นล่ะ”

   “ก็ว่าแล้วทำไมมึงดูสีหน้าแย่ๆ แบบนี้นี่เอง กูเห็นด้วยที่มึงต้องลาออก ถ้าอยู่ไปแล้วมึงไม่สบายใจก็อย่าอยู่”

   ชลนทีคือเพื่อนที่สนิทที่สุดที่ผ่านมามีอะไรก็ปรึกษาหาหรือไม่ก็ระบายให้กันฟังตลอด ครั้งนี้ก็เช่นกันปัถย์รู้สึกสบายใจขึ้นมากเมื่อได้ระบายเรื่องที่คับข้องใจออกมา อย่างน้อยการได้ปรับทุกข์ก็ทำให้เขามีแรงพอที่จะก้าวเดินไปข้างหน้าต่อไป





+++++++
ตอนนี้เนิ่บๆ หน่อยนะคะ
ฝากติดตามด้วย
ชอบอ่านเม้นท์มากๆ ค่ะ
อ่านแล้วมีแรงฮึดขึ้นมาทุกครั้ง

ออฟไลน์ masochism2018

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 428
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
ลาออกกกอย่างนี้ตองลาออก!!!!!!!!!!!! :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
เห็นด้วย ลาออกเลย  :katai1: :katai1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
พูดอย่าง ทำอย่าง เจ้านายอย่างนี้คบไม่ได้ ลาออกเถอะ  :katai1:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
เข้าใจความรู้สึกของปัถย์เลยอ่ะ

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
อื้อหืออออ เอรีสแค่หลงปัถย์มากกว่ามั้ย?ก็ดูแต่ละประโยคที่บอกมาสิ ไม่เห็นถึงความจริงใจเลยไหนจะตัวเองไปคั่วคนโน้นควงคนนั้นอีก ถ้าไม่สบายใจก็ลาออกอย่างที่ทีแนะนำนั่นแหละปัถย์ขืนทำงานกับคนที่พูดไม่รู้เรื่องแบบนี้ประสาทเสียเปล่าๆ

ออฟไลน์ คนคิ้วท์คิ้วท์

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 339
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
เข้าใจปัถย์เลยนะ ถอยห่างก็ดี ลาออกก็ได้ เงินเดือนอาจจะน้อยกว่าแต่พอใช้จ่าย เงินเก็บก็น่าจะมี แลกกับความสบายใจ ดันทุรังไปก็มีแต่ปวดหัว แต่เราก็เข้าใจนะว่าพระนายต้องคู่กันอยู่ดี ทำไมรู้สึกปัถย์เป็นฝ่ายที่เสียมากกว่าอย่างเดียว บอสเหมือนไม่จริงจัง ทำตัวเป็นเบบี้อ่ะ

ออฟไลน์ anin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
Chapter 7

Rrrrrrrr

   เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นตอนตีหนึ่งปลุกปัถย์ขึ้นมาจากเตียงนอน เจ้าตัวขยี้ตาแบบคนขี้เกียจก็ด้วยเพิ่งหงีบหลับไปเมื่อตอนห้าทุ่มแค่ไม่ถึงสองชั่วโมงก็มีอันต้องโดนปลุกกลางดึก สถานการณ์แบบนี้ถูกวนลูปกลับมาเหมือนปกติอีกครั้ง

   ‘เอรีส’

   ชื่อบนหน้าจอบอกหราว่าใครเป็นคนที่โทรหา ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไรที่บอสโทรหาเขากลางดึกกลางดื่นแบบนี้

   “ครับ” เสียงของปัถย์แหบพล่าด้วยความงัวเงียเล็กน้อย ขยับตัวลุกขึ้นนั่งแม้จะไม่อยากลุกเพียงใดก็ตาม

   “มารับหน่อยสิ” เสียงห้าวตอบกลับมาตามสาย เป็นข้อความสั่นๆ ง่ายๆ แต่ได้ใจความ

   เดาเอาว่าบอสตัวแสบของเขาคงดื่มหนักอย่างเคย...

   หลังจากการกินข้าวช่วงเย็นของวันนี้ ปัถย์บอกตัวเองให้ปรับเปลี่ยนความรู้สึกที่มีต่อเอรีสเสียใหม่ ต้องแยกแยะเรื่องงานออกจากความรู้สึกส่วนตัว ถ้าเอาทั้งสองเรื่องมาปะปนงานงานก็จะเสีย ส่วนเรื่องงานใหม่ก็จะรอดูอีกสักพักแต่ก็คงไม่ช้าไม่นานหรอก ระหว่างนี้เขาก็จะทำทุกอย่างให้เต็มที่จะได้ไม่ต้องรู้สึกเสียใจอะไรในภายหลัง ถึงตอนนั้นที่เขาลาออกไปช่วงเวลาที่เหลือก็คงเป็นอะไรที่น่าจดจำอย่างน้อยก็ในส่วนของเขา

   ปัถย์หลับตา มือข้างหนึ่งนวดขมับแล้วถอนใจเบาๆ จะเรียกว่าเบื่อก็ไม่เชิงเสียทีเดียว มันเป็นความรู้สึกห่วงปนๆ กับความหวงอยู่ในนั้นเสียมากกว่า

   “นี่บอสอยู่ไหนครับ”

   เจ้าตัวเปิดไฟตรงหัวเตียง หยิบแว่นตาขึ้นสวมพร้อมสลัดหัวแรงๆ เรียกความกระชับกระเฉงให้ตัวเอง

   “ร้านเดิม”

   “ครับ”

   ปัถย์รับคำโดยไม่คิดจะถามอะไรให้มากความ เขารีบลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องน้ำจัดการล้างหน้าล้างตาเพื่อไล่ความง่วงงุน เปลี่ยนกางเกงนอนเป็นกางเกงยีนส์สีซีดกับเสื้อยืดสีเทาพอดีตัว ก่อนจะหยิบกระเป๋าสตางค์ของตัวเองยัดใส่กระเป๋าหลังแล้วออกมาจากห้อง


   ทันทีปัถย์ที่ลงจากแท็กซี่ ก็เห็นเอรีสยืนสูบบุหรี่พิงกับกระโปรงรถสปอร์ตสุดหรู สายตาคู่คมสบตรงมายังเขาราวกับว่ารอเวลาที่เขาจะปรากฏตัวอยู่แล้ว  ดวงตาคู่นั้นหรี่ลงเล็กน้อยก่อนโยนก้นกรองลงพื้นแล้วขยี้ด้วยปลายเท้าทั้งที่ยังสูบไม่หมดมวน ความหล่อคมเข้มแบบเถื่อนๆ พุ่งกระจายจนปัถย์ตาแทบพร่า

   “มาแล้วเหรอ”

   “ครับ”

   ปัถย์เดินเข้ามาหา ก่อนจะแบมือขอกุญแจรถสปอตด้วยความเคยชิน

   เวลาที่เอรีสดื่มจะเป็นเขาที่มาขับรถให้ผู้เป็นเจ้านายทุกครั้ง แรกๆ เอรีสก็ไม่ได้โทรเรียกเขาตอนดึกดื่นขนาดนี้ แต่เพราะเขาเองที่เป็นฝ่ายอาสามาขับรถกลับให้ จากนั้นเป็นต้นมาหน้าที่รับเอรีสกลับบ้านเวลาที่บอสหนุ่มดื่มก็เป็นอีกงานที่ปัถย์ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะทำ

   ปัถย์เปิดรถอีกฝั่งให้ผู้เป็นเจ้านายก่อนที่จะย้ายไปประจำที่คนขับ สตาร์ทรถแล้วขับออกจากลานจอดด้วยความระมัดระวัง เพียงยี่สิบนาทีรถสปอร์ตสุดหรูก็มาจอดที่เพนต์เฮาส์ ปัถย์ดับเครื่องยนต์ แล้วส่งกุญแจรถให้ผู้เป็นเจ้าของโดยไม่พูดอะไร หากแต่เป็นเอรีสกลับคว้าหมับเข้าที่ข้อมือนั้นไว้

   “ตามฉันมาหน่อย มีเรื่องอยากพูดด้วย”

   “นี่ก็ดึกแล้ว ผมขอตัวกลับก่อนดีกว่า มีอะไรไว้ค่อยโทรคุยกันตอนเช้านะครับ”

   ปัถย์ปฏิเสธแล้วพยายามดึงแขนตัวเองออก แต่คนจอมเอาแต่ใจก็ลากตัวเขาออกมาจากรถแล้วรุนหลังเขาให้เดินนำหน้าเสียดื้อๆ

   ปัถย์ที่โดนเอรีสลากเข้าลิฟท์อย่างไม่แยแสเสียงประท้วง เขาทั้งขืนมือและโต้แย้งตลอดทางแต่ก็ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายไม่ได้คิดจะแคร์ เมื่อลิฟท์ปิดปัถย์ขยับถอยห่างจากร่างสูงไปสองก้าวยกมือขึ้นกอดอก เลือกที่จะไม่หัดไปสนใจใครอีกคนที่จ้องเขาตาไม่กระพริบ

   ให้มันได้อย่างนี้สิน่า เอาแต่ใจชะมัด

   คนที่ถูกค่อนขอดในใจเผยยิ้มมุมปาก นึกสนุกกับท่าทางปั้นปึงของผู้ช่วยหนุ่มแล้วกดลิฟท์ไปยังชั้นของตน เมื่อลิฟท์เปิด ปัถย์ก็ยังไม่ขยับตัว จนคนตัวสูงต้องฉวยแขนให้ตามติดออกมาด้วย

   “ดื้อเหมือนกันนะนี่” เอรีสหัวเราะฮึๆ ลงลูกคอ สายตาอ้อยอิ่งหวานเชื่อม

   “คุณเองก็ดื้อเหมือนกันนั่นล่ะ”

   “คุณเมาแล้วก็ควรนอนพักนะครับ ผมจะได้กลับไปหลับไปนอนบ้าง”

   ประตูห้องถูกเปิดออก ร่างสูงดันหลังปัถย์เข้าไปในห้อง จากนั้นก็สวมกอดอีกฝ่ายอย่างที่ยอมให้ตั้งตัว ปัถย์สะดุ้งรีบออกแรงผลักร่างสูงที่โผเข้าประชิดตัวแบบไม่มีปี่ีขลุย แต่ไม่ว่าจะออกแรงยังไงชายหนุ่มร่างสูงตรงหน้าก็ดูจะไม่มีทีท่าว่าจะสะทกสะท้าน

   "อยากจูบ" คนเอาแต่ใจบอกโต้งๆ ไม่ได้คิดจะให้อีกฝ่ายได้เตรียมตัวตั้งรับเอาเสียเลย

   ปัถย์นิ่วหน้าแล้วออกแรงผลักอกแกร่งแรงๆ

   "ไม่ครับ"

   นอกจากจะปฏิเสธเสียงแข็งแล้ว คนที่ถูกเอาเปรียบยังชักสีหน้า ริมฝีปากเม้มแน่นดวงตาคู่สวยภายใต้แว่นสีกรอบดำแข็งกร้าวขึ้นยามไม่พอใจ

   ในตอนนี้ใบหน้าหล่อคมเข้มห่างเพียงคืบ กลิ่นเหล้าเคล้าบุหรี่ปะปนกับกลิ่นกายบุรุษทำให้ปัถย์รู้สึกราวกับไม่เป็นตัวของตัวเองนัก หัวใจช่างเต้นแรงเสียจนน่ากลัวว่าอีกฝ่ายอาจจะได้ยิน

   ฝ่ามือหนาของเอรีสข้างหนึ่งรั้งต้นคอของคนตัวเล็กกว่าไว้แน่น บังคับให้แหงนหน้าไม่ยอมให้หลบเลี่ยงเขาได้อีกต่อไป ดวงตาคมกล้าเปล่งประกายยั่วเย้าที่เห็นได้ไม่บ่อยครั้งทำเอาปัถย์ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ

   "เอรีส ปล่อยเถอะครับ"

   นอกจากจะไม่ปล่อยอย่างที่ปัถย์ร้องขอ เอรีสรัดวงแขนแน่นขึ้นกว่าเก่า มือหนาไล้แก้มขาวไปมาจนคนที่ตกอยู่ในอ้อมกอดเนื้อตัวร้อนผ่าว

   “ขอดีๆ แล้วนะ หรือชอบให้บังคับ”

   เอรีสเอ่ยเสียงทุ้ม เจือหยอกเย้า ใบหน้าที่เคยเรียบเฉยบัดนี้ดูผ่อนคลายและมีแววขี้เล่นผิดเป็นคนละคน พอเหล้าเข้าปากแล้วก็เป็นแบบนี้ล่ะ จากหน้าตาบูดๆ กลายเป็นพวกเจ้าชู้ชอบหยอดไปเสียได้

   ปัถย์ทำได้เพียงปั้นหน้าเคร่งขรึมกลบเกลื่อน เบี่ยงแก้มหนีจมูกคมที่ขยับเข้ามาใกล้จนสัมผัสกันอยู่หลายครั้ง

   "เอาแต่ใจจังเลยนะครับ"

   ปัถย์ต่อว่าอีกฝ่ายเสียงเขียว แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่อาจทำให้คนช่างเอาแต่ใจสำนึกเลยสักนิด เพียรแต่จะหาเศษหาเลยกับใบหน้าของคนในวงแขนหลายครั้งหลายครา

   “นายก็ขี้งกเหมือนกัน”

   “เขาไม่ได้เรียกว่าขี้งก บอสใช้คำผิดแล้วครับ”

   เออเว้ย! ไม่ให้จูบก็มาบอกว่างก

   "นิดเดียว" เสียงแหบพร่ากระซิบ

   “ไปจูบเด็กบอสสิครับ มาจูบผมให้ได้อะไร” ปัถย์พูดทื้อๆ เขาไม่ได้อยากจะประชดอะไรหรอกนะ แค่พูดในสิ่งที่คิดเทท่านั้น

   “ไม่เคยอยากจูบใครนะ มีแค่นายที่เวลามองแล้วนึกอยากแทบทุกครั้ง”

   “เชื่อได้เหรอครับ”

   “อยากให้เชื่อนะ ไม่เคยโกหกนายอยู่แล้ว ไม่รู้เหรอ กับคนอื่นฉันไม่ชอบจูบ”

   ไม่พูดเปล่าเอรีสพยายามก้มหน้าประชิดเข้าหาเขาอีกครั้ง ในยามที่ใบหน้าห่างกันแค่ไม่กี่นิ้วทุกอย่างรอบตัวดูหยุดนิ่ง ปัถย์ไม่กล้าแม้กระทั่งหายใจด้วยซ้ำ

   แบบนี้ก็ได้เหรอ...

   พูดโต้งๆ ออกมาแบบนี้ก็ได้เหรอ?

   แถมเขาก็แพ้ทางเวลาที่เอรีสอ้อนเสียด้วยสิ ถ้าเอรีสมาในบทเจ้าอารมณ์เขาคงรับมือได้ดีกว่านี้

   "เอรีส มะ อุบ..."

   คำพูดของปัถย์ถูกกลืนกินด้วยริมฝีปากร้อน รสจูบดุดันของเอรีสครอบครองปากนุ่มของปัถย์ตามความปรารถนาของตัวเอง คนตัวเล็กทำได้แค่ดิ้นคลุกคลักต่อต้านอ้อมกอดที่รัดแน่นจนกระดิกกระเดี้ยวไม่ได้ ศีรษะทุยเบี่ยงหนีแต่ก็ถูกฝ่ามือหนาเหนี่ยวรั้งเอาไว้ด้วยนิ้วมือแกร่งแถมยังดันใบหน้าปัถย์ให้อยู่นิ่งยอมป้อนจูบหวานๆ ปรนเปรอความต้องการอันเร่าร้อนของตัวเองจนกว่าจะพอใจ

   ปัถย์เองตั้งตัวไม่ถูกไปชั่วขณะ เรียวลิ้นที่เกี่ยวกระหวัดดูดดึงสร้างความปั่นป่วนจนแทบยืนไม่อยู่ ครั้นจะถอยหนีก็ทำไม่ได้ง่ายๆ ดั่งใจ แม้จะออกแรงผลักมากเท่าไรก็ดูไม่เป็นผล ที่ร้ายไปกว่านั้นคนเจ้าเล่ห์อย่างเอรีสไม่เคยทำแค่เพียงจูบเดียวอย่างที่ปากว่า ในเมื่อลองลิ้มชิมรสแล้วแค่จูบแบบนี้คงไม่พอ ริมฝีปากหนาเกี่ยวกระหวัดลิ้นในโพรงปากหวานล้ำ เทียวหยอกเย้าลิ้นนุ่มๆ ของอีกฝ่ายด้วยความเจนจัดช่ำชอง ต่อให้ปัถย์จะไม่ใช่คนที่ไร้เดียงสา เขาไม่ใช่มือใหม่หรือเด็กน้อยอ่อนหัก แต่มีหรือจะต่อสู้กับความแพรวพราวของอีกฝ่ายได้

   จะว่าเอรีสเหนือชั้นกว่ามากก็นับว่าไม่เกินจริง

   “อยากจูบตั้งแต่เช้าแล้ว” เสียงนั้นพึมพำข้างๆ หู แล้วขบเม้มเบาๆ ที่ริมฝีปากล่างเอิ่มอิ่มของอีกฝ่ายไปด้วย

   “…”

   ปัถย์ได้ยินคำพูดนั้นก็จริง แต่เขาก็เบลอๆ ไปกับรสจูบเสียจนลำดับใจความไม่ได้ ยิ่งเมื่อเอรีสขบกัดที่ต้อนคอก่อนจะเลียเบาๆ เหมือนปลอบขวัญตบท้ายก็ถึงกับสะดุ้งเผลอส่งเสียงครางเหมือนหมดสิ้นความอดทน

   “อื้อ... อย่า...”

   เสียงครางด้วยความลืมตัวยิ่งปลุกให้เอรีสมีความปราถนาเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว เขาแพ้ทางปัถย์

   แพ้ทุกอย่างที่เป็นปัถย์...
   รอยยิ้มของปัถย์
   น้ำเสียงของปัถย์
   กลิ่นตัวของปัถย์
   เสียงครางของปัถย์
   ให้ตายสิ เขาแพ้ทุกอย่างเลย


   เอรีสรู้สึกทุรนทุรายเป็นบ้าเวลาที่ปัถย์อยู่ใกล้ๆ แต่ไม่อาจทำอะไรได้มากไปกว่าเล่นบนเจ้านายขาโหดที่ชอบเอาแต่ใจ ต่อให้เขาอยากออดอ้อนออเซาะคนตัวเล็กสักแค่ไหน เขาก็จะต้องปั้นหน้าจริงจังเคร่งขรึม ซึ่งมันบ้ามาก...

   นั่นล่ะคือสิ่งที่ทำให้เขาหงุดหงิดแล้วก็ทำตัวงี่เง่าอยู่ทุกวี่วัน

   “ชอบกลิ่นนาย” เอรีสสูดลมหายใจตรงต้นคอขาว ปัดจมูกโด่งมาจนถึงข้างกรามอีกฝ่าย “มันทำให้ฉันรู้สึกตื่นตัวทุกครั้งเลย”

   เอรีสพูดด้วยน้ำเสียงหยาบโลนไม่ต่างไปจากการกระทำ ใบหน้าที่ฝังแน่นตรงต้นคอทำให้ปัถย์ตัวแข็งทื่อ ขยับเขยื่อนแทบไม่ได้

   เมาแหงเลย! เมาแล้วหื่นฉิบ ปัถย์แอบต่อว่าเจ้านายในใจ

   “เมาเบอร์นี้เลยเหรอครับบอส”

   เอรีสลอบยิ้ม จริงๆ แล้วเขาไม่ได้เมาเหล้าเสียหน่อย จะเรียกว่าเมาดิบก็ไม่ผิดนัก แต่ในเมื่อปัถย์คิดว่าเขาเมาเขาก็จะเออออตามน้ำไป

   “เมาสิ”

   เมานายน่ะ ใช่เลย

   เอรีสนึกอย่างนึกขัน เจ้าตัวเอื้อมมือทั้งสองข้างกุมใบหน้าของปัถย์ไว้ สายตาของอีกฝ่ายจ้องกลับมาอย่างตกตะลึงเล็กน้อย ดวงตาภายใต้กรอบแว่นเบิกโตกระพริบตาปริบๆ เอรีสไม่รอให้ปัถย์พูดอะไรต่อ เขาจัดการประกบปากลงจูบอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้เป็นจูบที่ร้อนแรง ถ่ายทอดความรู้สึกทั้งหมดให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขาลุ่มหลงอีกฝ่ายเพียงใด ส่วนคนที่ถูกขโมยจูบเมื่อเจอความเร่าร้อนประเดประดังมาเช่นนี้ก็เผลอตัวไปชั่วขณะ ยินยอมรับจูบที่หื่นกระหายพร้อมกันก็ตอบรับกลับไปด้วยความร้อนรนไม่ต่างกัน

   ครู่ใหญ่ริมฝีปากร้อนปล่อยให้ปัถย์ได้หายใจเล็กน้อยด้วยการไล้ผ่านระเรื่อยไปที่กกหู ปลายลิ้นสากเปียกชื้นเล็มติ่งหูเลียเม้มเบาๆ ลมหายใจอุ้นที่เป่ารดทำเอาคนตัวเล็กสะดุ้ง มิหนำซ้ำยังต้องตกใจอีกรอบก็ต่อเมื่อแผ่นหลังตัวเองแตะลงบนโซฟานุ่มพร้อมกับร่างสูงใหญ่ที่โถมทับตามลงมาติดๆ

   ไม่รู้ว่าเมื่อไรกันที่บอสจอมหื่นพาเข้ามาถึงตรงนี้

   เออเนอะ จูบกระชากวิญญาณพาลให้สติหลุดเป็นแบบนี้สินะ

   มือหนาที่คอยวนเวียนอยู่บนร่างสร้างความรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว ปัถย์ขยับตัวหนีอุ้งมือหยาบให้ความรู้สึกแผดเผาไปทุกอณูที่ซุกผ่านเข้ามาในเสื้อยืด นิ้วมือเกี่ยวเอวสอบไว้แน่นข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างเกาะกุมต้นคอรั้งให้ปัถย์แหงนรับจูบชวนมอมเมาสติอีกระรอก ฝ่ามือหยาบทาบบนหน้าท้องแบนเรียบของคนตัวบางที่อยู่ใต้ร่าง ลูบเป็นจังหวะเย้าหยอกจนปัถย์ส่งเสียงครางแผ่วเบา เอรีสพึงพอใจอยู่ลึกๆ กับปฏิกิริยาโอนอ่อนนั้น มือหนาคู่เดิมลากไล้ไปถึงขอบกางเกงยีนสีซีด สะกิดกระดุมออกดึงแยกออกจนซิปร่นมาจนสุด เผยให้เห็นบ๊อกเซอร์ตัวในสีดำที่โผล่พ้นมามองแล้วให้ความรู้สึกปลุกเร้าไฟในกายให้ยิ่งต้องการอีกฝ่ายมากขึ้น

   “อื้อ... อย่าครับ” ปัถย์ห้ามปรามเสียงพร่า จับมืออีกฝ่ายที่ทำท่าจะล่วงล้ำสู่ขอบอันเดอร์แวร์ตัวเล็กของตน

   “ชู่ว์” เอรีสกระซิบเบาๆ ข้างหู แล้วขืนมืออกไม่สนใจคนตัวเล็กกว่าที่ปัดมือเขาเป็นการต่อต้าน

   “เอ... เอรีส”

   “ปัถย์น้อย” เจ้าตัวเย้าเสียงเซ็กซี่ นิ้วก็กอบกุมอีกฝ่ายไว้ ขยับปากโต้ตอบด้วยถ้อยคำหยาบโลน “ร้อนจังเลยนะ ตรงนี้”   
   แก่นกายภายใต้อุ้งมือตื่นตัวจากการเร่งเร้าของฝ่ายตรงข้าม แม้สามัญสำนึกผิดชอบชั่วดีของปัถย์ร้องห้ามเพียงใด แต่ความรู้สึกลึกๆ ก็บอกได้ว่าเขากำลังรู้สึกวูบวาบไปกับการเล้าโลมนี้ เอรีสถอดแว่นของปัถย์ออกแล้วโยนไปใกล้ๆ อย่างไม่ใยดี ร่างของปัถย์สั่นเทิ้มจากกระกระตุ้นเร้าที่กลางร่าง ต่อให้ใจแข็งเพียงใดร่างกายก็กลับตอบสนองไปอย่างห้ามไม่อยู่   

   “ไม่ทำแบบนี้ บอส” ปัถย์ห้ามปรามเสียงสั่น ผลักมืออีกฝ่ายเป็นพัลวัน เอวบางขืนออกจากสัมผัสที่รุกไล่แต่หาได้เป็นผลกับคนหื่นแม้แต่น้อย

   “จุ๊ๆ ไม่ดื้อนะ”

   เอรีสกระซิบหนักๆ ข้างหู รั้งร่างของปัถย์ขึ้นให้เอนซบลงบนตักตัวเอง มือโอบอีกฝ่ายไว้ให้แผ่นหลักปะทะลงบนอกกว้าง ก่อนที่ฝ่ามือและปลายนิ้วจะปัดผ่านลึกเรื่อยไปจนถึงแท่งลำหนาอุ่นร้อนที่ขยับยกสู้สัมผัสที่กระตุ้นอยู่ พร้อมกันไปริมฝีปากหนาก็ดูดดึงต้นคอขาวอย่างอดใจไม่อยู่

   “ทำแบบนี้ไม่ได้ครับ อะ...”

   ปัถย์ค้าน แต่น้ำเสียงที่เปล่งออกมามันแหบแห้งดูไม่เป็นตัวของตัวเอง ยิ่งเอรีสขยับเร็วเท่าไรลมหายใจของปัถย์ก็ติดขัดถี่ขึ้นเท่านั้น

   “เปิดใจรับฉันได้แล้ว เลิกใจแข็งสักที อย่าใจร้ายจะได้ไหม”

   “ใครกันแน่ที่ใจร้าย คุณมีคนอื่น... ฮึก” ปัถย์กัดริมฝีปากแน่นจนเกือบทำให้ตัวเองได้เลือด เมื่อเอรีสปัดหัวแม่โป้งบนปลายยอดความรู้สึก

   "คนอื่นไม่มีความหมายอะไร ไม่รู้ตัวเหรอว่าพิเศษกว่าคนอื่นฉันให้ความสำคัญกับนายขนาดไหนก็น่าจะรู้ดี”

   “ผมไม่รู้สึกแบบนั้น"

   ถึงเอรีสจะให้อภิสิทธิ์เขาในหลายๆ เรื่อง แม้จะรับรู้เรื่องส่วนตัวและความเป็นไปมากมายเท่าเราก็ตาม แต่เขากลับไม่คิดว่าเอรีสจะให้สถานะที่มากกว่าใครๆ

   “ไหนบอกทีสิ ฉันทำให้นายรู้สึกยังไง"

   "ของเล่นที่คุณนึกอยากเล่นสนุกด้วย อาจเป็นอีกคนที่คุณอยากเอาชนะ"

   "ที่อยากเอาชนะคือใจของนาย"

   ปัถย์ฟังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ด้วยเอรีสไม่ใช่คนที่ชอบพูดจาหวานหู แถมยังพูดตรงไม่ชอบประดิษฐ์คำ แต่อีกใจก็นึกกังขาว่าจะเขื่อลมปากผู้ชายที่กำลังมีอารมณ์ได้ขนาดไหน เป็นผู้ชายเหมือนกันไอ้อารมณ์ยากได้มันก็ทำได้ทุกอย่าง

   "เอาชนะใจผมมันไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่าย"

   "ก็ไม่เคยคิดว่าง่ายสักที"

   ปากพูดแต่ร่างกายก็สื่อความรู้สึกไปด้วย เอวสอบเร่งเร้า บดเบียดสะโพกให้อีกฝ่ายได้รับรู้ความแข็งขึงจากเรือนกายหนาที่ดุนดันแสดงออกว่ากำลังอยากฟัดอีกฝ่ายมากเพียงใด

   "จะลงแดงตายอยู่แล้ว ตามใจกันหน่อยไม่ได้เหรอ"

   ปัถย์ฟังสีหน้าบ่งบอกกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่าง นี่ขนาดไม่เคยตามใจก็รู้สึกว่าเปลืองตัวไปก็มาก

   “ถ้าเรา... มีเซ็กส์กัน สถานะเราจะเป็นแบบไหนครับ แค่วันไนท์สแตนตื่นเช้ามาก็ปั้นหน้าเหมือนไม่มีอะไร หรือสะดวกเซ็กส์ในที่ทำงาน"

   ปัถย์ไม่กล้าคาดหวังว่าเอรีสจะมองเขาให้สูงส่งไปกว่านั้น คำว่าคนรักหรือแฟนเลยไม่ถูกเอ่ยถึง

   "มันจะเป็นเซ็กส์ที่เราต่างคนต่างพอใจ ไม่มีคำเรียกหรอก”

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
 ปัถย์ ถีบขาคู่เลยจ้ะ หมั่นไส้อีบอสหื่นมานานละ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เตะหว่างขาเจ้านายแบบเน้น ๆ ไปทีสองทีเลย  โคตรเห็นแก่ตัวเองอย่างงี้  :m16:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ masochism2018

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 428
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
อย่ายอมมันนนนน ถ้ายอมมันก็เสียตัวฟรีแน่ๆ

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
 :z6: อื้อหือออ ขอกระโดดถีบอิบอสหน่อยเหอะ หว่านล้อมต่างๆนาๆสุดท้ายก็หวังแค่เซ็กซ์กับปัถย์สินะ นิสัยเลวร้ายเกินไปแล้ว คนเจ้าชู้เขาไม่กินคนใกล้ตัวหรอกนะคะบอสเพราะถ้ามีปัญหาอะไรขึ้นมามันจะมองหน้ากันไม่ติด ปัถย์เองก็เถอะใจแข็งๆหน่อย แล้วก็ห้ามปรามให้มันจริงจังกว่านี้เถอะ นี่เท่าที่ดูปัถย์ก็เหมือนโอนอ่อนผ่อนตามและทำให้การโดนบอสลวนลามเป็นเรื่องปกติจนชิน เฮ้ยยย มันไม่ใช่นะปัถย์นะ เพราะยอมแบบนี้ไงบอสมันถึงได้ใจ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :hao4:

อธิบายคำว่าพอใจ หน่อย

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
โอโหคุณบอส ง่ายไปไหมคะ?

หมั่นไส้อ่ะ

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
ติดตามค่ะ

ออฟไลน์ zuu_zaa

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
เพิ่งตามมาอ่าน สนุกมาจ้าาา

ปัถต์ เอาให้เค้าลืมไม่ลงเลยลูก จัดไปแรงๆ :katai1:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
ติดตามๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด