Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH27 [16|01|62] P13
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH27 [16|01|62] P13  (อ่าน 75459 ครั้ง)

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
ปัญหาจะหนักแค่ไหนก็ชั่งแค่2คนรักเข้าใจสู้ไปด้วยกันก็พอ ขอปัญหาจากคนรอบช้างดีกว่าปัญหาที่เกิดจากเค้า2คน

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
เหม็นความรักมากค่ะ

ว่าแต่...ตุนไว้นี่คือเราไม่ต้องเตรียมหม้อมาม่าอะไรแบบนี้ใช่ไหมคะ? ไปบู๊กับคนอื่นต่ออะไรงี้เนอะ

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
งานนี้มีคลื่นใต้น้ำแน่ๆ

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
เอรีสนี่ปรับเลเวลการอ้อนถึงขั้นสุดเลยนะนี่

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ matame

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 706
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-1
อยู่เหอะ แล้วค่อยหางานไป พร้อมกับเปิดใจกับคนใหม่ ส่วนบอส เทมันเหอะ

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ joborcusier

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 194
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เอาจนได้ สุดท้ายก็ไปไหนไม่รอดนะคะ :hao7: :mew3:

ออฟไลน์ anin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
Chapter 21

เสียงข้อความแจ้งเตือนจากโทรศัพท์มือถือในเวลาเจ็ดโมงห้านาที ปัถย์ที่กำลังสะลึมสะลือเผลออมยิ้ม เมื่อเห็นชื่อของผู้ที่ส่งมาแบบชัดๆ

เอรีส

‘แดงหรือน้ำเงิน’

ข้อความพร้อมกับรูปรูปเนคไทสองสีส่งมาเปรียบเทียบ

เมื่อวานเขาไม่ได้ไปส่งเอรีสที่สนามบิน ด้วยว่าตัวเองมีนัดกับชลนทีและรุ่นพี่อย่างครรชิตไว้แล้วในช่วงบ่าย เป็นนัดที่ปฏิเสธไปก็คงจะน่าเกลียดเพราะได้ตกลงกันไว้ล่วงหน้าแล้ว ซึ่งเอรีสก็ดูหงุดหงิดอยู่นิดหน่อย แต่เพราะข้อแลกเปลี่ยนที่ปัถย์เป็นฝ่ายขาดทุนย่อยยับ เรื่องราวต่างๆ เลยจบลงแบบเหงื่อที่มีความวาบหวามปะปนอยู่ด้วย

ปัถย์ลุกจากเตียงโดยไม่ลืมหยิบโทรศัพท์ติดมือมาด้วย เขาเปิดตู้เย็น หยิบกาแฟกระป๋องราคาถูกที่หาซื้อได้จากร้านสะดวกซื้อขึ้นมาเปิดฝาแล้วยกกระดกแบบง่ายๆ ระหว่างนั้นก็นึกสองจิตสองกับตัวเลือกที่เอรีสส่งมา

‘น้ำเงิน’

ปัถย์พิมพ์ข้อความหลังจากใช้ความคิดอยู่เล็กน้อย

เอรีสดูดีไม่ว่าจะผูกเนคไทสีไหน หรือกระทั่งใส่ชุดอะไร แต่เนคไทสีนี้เป็นหนึ่งในสีโปรดที่ปัถย์ชอบเป็นการส่วนตัว

เมื่อส่งข้อความกลับไปไม่นาน เอรีสก็ส่งข้อความกลับมาในประโยคคำถาม

‘นี่ล่ะ’

ตามมาด้วยรูปนาฬิกาสามเรือนโปรดที่ส่งมาอีกรอบ

ครั้งนี้ปัถย์เผลอกรอกตา กับวิธีการที่เอรีสงัดเอามาใช้มาเรียกร้องความสนใจ คนดุที่ติดจะอีโก้หน่อยๆ ก็มีมุมงอแงเป็นเด็กเหมือนกัน

แบบนี้ ก็น่ารักดี...

‘สายหนังครับ’

ปัถย์ตอบข้อความแล้วยิ้มอ่อน พลางเดินไปที่ระเบียงห้องพัก เพื่อสูดอากาศยามเช้าของท้องทะเล ปัถย์ทอดสายตาออกไปด้านนอกในมือที่ถือโทรศัพท์พร้อมๆ กับรอยยิ้มที่กว้างกว่าเก่า กับข้อความเข้ามาใหม่

‘วันนี้จันทร์’

‘แล้ว?’

‘เบื่อขับรถ’

เอรีสแคปหน้าจอเส้นทางจราจรที่แดงเถือกส่งมาให้ เป็นการยืนยันว่าเขากำลังเผชิญกับวิกฤติอันใหญ่หลวง ปัถย์พอจะนึกสีหน้าของเอรีสออกว่าจะเป็นแบบไหนยามที่ต้องติดแหงกตรงสี่แยกก่อนถึงตึกเบอร์ตันกรุ๊ป คงจะมีคำสบถอยู่หลายคำ หรือบางทีอาจมีการทุบพวงมาลัยตอนที่เอรีสพลาดไฟเขียวไปแบบเส้นยาแดงผ่าแปด

‘ทำไมไม่ให้คุณฐิติขับให้ครับ’

ปัถย์แกล้งพิมพ์กลับไปแล้วดื่มกาแฟกระป๋องจนหมด ก่อนจะทิ้งลงถังขยะตรงระเบียง

ข้อความขึ้นว่าอ่านแล้วในทันที...แต่อีกฝ่ายก็ไม่ตอบ

ที่ผ่านมาในทุกๆ เช้าวันจันทร์ ปัถย์จะเป็นคนไปรับเอรีสที่เพนต์เฮาส์เสมอ เขาทั้งคู่จะคุยกันระหว่างทาง เรื่องงานส่วนใหญ่ก็สำเร็จตอนรถติดนี่ล่ะ งานมูลค่านับร้อยล้านก็ถูกจัดการ

“ครับ?”

“ตื่นนานหรือยัง”

“ก็สักพักครับ หาอะไรทานด้วยนะครับ เดี๋ยวปวดท้อง”

“ตอนนี้อยากกาแฟสักมากกว่า เอาแบบเข้มๆ”

“พอถึงออฟฟิศรีบให้คุณฐิติชงเลยครับ”

“ไม่อร่อย สู้ฝีมือนายไม่ได้”

“ผมเคยบอกสูตรไปแล้ว คุณคิดไปเองว่าไม่อร่อย”

“คนละคนชง จะเหมือนได้ยังไงครับ”

“งั้นคุณอาจต้องลองชงเองดูครับ จะได้ถูกใจ”

“ทุกวันนี้ก็ชงเองอยู่นะ แต่พอกินเข้านึกถึงรสชาติที่นายชงให้ทุกที ทำไงดีล่ะ” คนที่ช่างเอาแต่ใจกลายเป็นหนุ่มขี้อ้อนไปในทันตา

“นั่นสิครับ ทำยังไงดี” ปัตย์หลุดยิ้ม แต่แกล้งตอบกลับไปแบบไม่รู้ไม่ชี้

“กลับมาชงให้หน่อย นะ” เสียงนั้นหวานและอ้อนกว่าเก่า เล่นเอาหัวใจคนฟังใจอ่อนยวบไปเลยทีเดียว “บินกลับมาไฟลท์บ่ายเลย รอนานกว่านี้ไม่ไหวแล้ว”

“วันพฤหัสเช้าครับ” ปัถย์ยังยืนยันคำเดิม จะมัวแต่สนใจการรบเร้าของเอรีสไม่ได้

“นานไป รอไม่ไหว” เอรีสที่กำลังเดินลงลิฟต์ยังคงบ่นไม่หยุด เพิ่งรู้ตัวว่ากลายเป็นหายใจเข้าออกก็มีแต่หน้าปัถย์ไปเสียแล้ว

“คุณนี่นะ...”

“ฉันทำไมเหรอ?”

“เอรีสครับ ถ้าไม่รีบออกจากบ้านตอนนี้ คุณจะไปไม่ทันประชุมเช้า”

“อือ...ก็ว่าอยู่ แต่ช่างเถอะไม่ทันก็ไม่ทัน ถึงจะอยากขับเร็วขนาดไหนไฟแดงก็เป็นอุปสรรคในการทำความเร็วอยู่ดี...”

ปัถย์ได้ยินเสียงปลดล็อครถผ่านโทรศัพท์ จึงรีบบอกกับปลายสายเพื่อเตือน

“ไปทำงานได้แล้วครับ ขับรถดีๆ ด้วย คุณขับเข้าซอยทางลัดนะครับอย่าออกถนนใหญ่ รถมันติด”

“อืม”

“จำทางได้ใช่ไหมครับ”

“จำได้ เอาไว้เที่ยงๆ จะโทรหา รับด้วยนะ แล้วก็เที่ยวให้สนุก กลับมาเมื่อไรจะใช้งานให้หนักไม่ให้เห็นเดือนเห็นจะวันเลย”

“ครับ”









••••••



เมื่อเอรีสมาถึงออฟฟิศ ฐิติก็รีบกุลีกุจอนำเอกสารต่างๆ เข้ามาให้ผู้เป็นเจ้านาย

“วันนี้มีอะไรด่วนไหม” เอรีสวางของลงแล้วเริ่มถามทันที

“มีครับ นี่เป็นเอกสารเบิกงวดงานงวดที่สองของโรงแรมตรงสาทร ยอดโดยรวมคือยี่สิบเปอร์เซ็นของมูลค่างานทั้งหมด” ฐิติเอาเอกสารวางลงตรงหน้าผู้เป็นเจ้านาย จำนวนเงินที่ตั้งเบิกร่วมๆ ร้อยล้าน แต่ก่อนที่จะส่งเอกสารออกไปได้ต้องให้ผู้เป็นเจ้านายตรวจ

“ทำไมถึงแค่ยี่สิบเปอร์เซ็น งานมันคืบหน้ามากกว่านั้นเยอะนี่ ทำไมไม่เบิกตามโปรเกรส เท่าที่ผมจำได้มันต้องสามสิบเปอร์เซ็นของมูลค่างานไม่ใช่เหรอ”

เอรีสมองปราดเดียวก็เห็นความบกพร่องในเอกสาร ถ้าเป็นผู้บริหารคนอื่นอาจไม่ลงลึกเรื่องรายละเอียดอย่างเขา เมื่อก่อนตอนที่ปัถย์อยู่เขาก็เคยตัวไม่สนในเหมือนกัน เพราะผ่านตาปัถย์ก็เหมือนกับผ่านตาเขา แต่ตอนนี้เมื่อไม่มีปัถย์ที่คอยกลั่นกรองให้ เรื่องราวทั้งหมดเขาเลยต้องลงดีเทลเอง เพื่อไม่ให้เกิดช่องโหว่งในการทำงาน

เขาไม่เคยไว้ใจใครนอกจากปัถย์... และก็ตัวเขาเอง

“งานของเราล่าช้าไปมากครับ ผู้รับเหมาที่ทำเรื่องงานโครงสร้างทำงานไม่ตรงตามสเป็ค บริษัทคอนเซาท์ต้องสั่งรื้อออกแล้วแก้ไขงานใหม่ ทำให้ไม่สามารถเบิกตามแผนงานที่ตั้งไว้”

ฐิติแจ้งตามที่ได้รับรายงานมา ซึ่งก็คงแก้ไขอะไรตอนนี้ไม่ได้แล้ว แต่เขาต้องการรู้ว่าต้นเหตุเกิดจากอะไร หากเป็นการผิดพลาดในครั้งแรกย่อมให้อภัยได้ ทว่ามันต้องไม่มีครั้งที่สองอีกเด็ดขาด

“ปัญหาแบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้นนะ คุณรู้ไหมว่าการที่ทำงานผิดสเปคผิดแบบมันทำให้เกิดความเสียหายขนาดไหน เรื่องแบบนี้ทำไมไม่มีใครรายงานผม คุณไปตามกรวิทย์มาคุยกับผมเดี๋ยวนี้ ผมอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น”

เอรีสรู้สึกไม่พอใจมากที่เรื่องสำคัญขนาดนี้แต่ไม่มีใครรายงาน

การทำงานที่ไม่เป็นไปตามแผนแม้งานนั้นจะเป็นส่วนย่อยๆ แต่จะส่งผลกระทบให้ลามไปส่วนต่างๆ แค่เบิกเงินไม่ได้ไม่เท่าไร แต่ถ้างานส่งช้าไม่ทันกำหนดนั่นหมายถึงค่าปรับที่อาจตามมา มันเป็นเรื่องของความเป็นมืออาชีพที่บริษัทต้องรักษาไว้

“ครับ เดี๋ยวผมตามให้” ฐิติบอกคล้ายกับไม่เดือดเนื้อร้อนใจเท่าไร ทำท่าจะหยิบเอกสารอย่างอื่นให้เอรีสต่อ ถ้าเสียงทรงอำนาจไม่ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน

“เดี๋ยวนี้!” เอรีสเน้นคำ สีหน้าเขาบึ้งและเอาจริง

ฐิติชะงัก สีหน้าออกอาการตกอกตกใจนิดหน่อยเพราะไม่คิดว่าเอรีสจะเสียงดังใส่ตน

“ได้ครับ”

เพียงไม่กี่นาที กรวิทย์เจ้าหน้าที่ประสานงานฝ่ายโครงการก็ได้ยืนอยู่ตรงหน้าของเอรีส

สีหน้ากรวิทย์ไม่สู้ดีเมื่อรู้แล้วว่าคราวนี้เขาอาจโดนเล่นงานหนัก น้อยครั้งมากที่บรรดาลูกน้องจะได้เผชิญหน้ากับMDโดยตรงซึ่งนับว่าไม่ใช่เรื่องดีเลย หากเป็นเมื่อก่อนตอนที่มีคุณปัถย์อยู่ เมื่อเรื่องร้อนๆ เกิดขึ้นก็จะต้องผ่านผู้ช่วยคนสำคัญก่อน

ปัถย์ที่จะเป็นตัวลดแรงปะทะระหว่างพนักงานกับเอรีสได้ แต่ตอนนี้ไม่มีคุณปัถย์อยู่แล้วเหล่าบรรดาลูกน้องก็ได้แต่เสียวสันหลังไปตามๆ กัน สิ่งที่คนเป็นลูกน้องทำได้คือการรายงานทุกอย่างตามความจริง หากจะต้องเจอกับอะไรก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามยะถากรรม เอรีสเป็นคนตรงและแรงซึ่งก็หวังแต่ว่าเขาจะไม่โดนเชิญออก

“สวัสดีครับคุณเอรีส”

กรวิทย์เจ้าหน้าที่อาวุโสฝ่ายประสานงานโครงการมีสีหน้าซีดสลด

“เกิดอะไรขึ้นคุณกร ทำไมงานถึงไม่เสร็จตามแผนงานที่กำหนด แล้วทำไมถึงมีปัญหาเรื่องงานผิดสเปค” เอรีสนั่งหน้านิ่ง กอดอกรอคำตอบ

น้ำเสียงที่นิ่ง กับใบหน้าเคร่งขรึมกำลังทำให้เจ้าหน้าที่อาวุโสฝ่ายโครงการถึงกับขาสั่นผับๆ

“เออ...” กรวิทย์อึกอัก ไม่รู้จะเริ่มพูดจากตรงไหนก่อน

“พูดมาสิ อ่ำอึ้งทำไม”

เสียงเอรีสดังกังวานลั่นห้องทำงาน จนกรวิทย์ตัวลีบเล็กและใจตกไปที่ตาตุ่ม

“เออ... ผู้รับเหมาทำงานส่วนห้องประชุมของโรงแรมผิดแบบครับ คอนเซาท์ตรวจงานแล้วไม่ให้ผ่าน ให้รื้อทำใหม่ หน้างานเลยส่งพื้นที่ให้ไม่ทันตามกำหนดครับ”

“ผมรู้แล้วว่าไม่ทัน ที่ผมอยากรู้คือทำไมปล่อยให้ผู้รับเหมาพลาด พวกคุณไม่มีคนคุมงานเหรอ วิศวกรโครงการกับโฟร์แมนหายหัวไปไหน ไม่เช็คแบบหรือไง ปล่อยให้เขาทำงานเรื่อยเปื่อยไม่ตรวจสอบแบบนี้ นี่ไม่ใช่โครงการสร้างเล็กๆ นะ ไหนบอกผมสิว่าผมจะถามหาความรับผิดชอบได้จากใคร”

เอรีสพูดช้าๆ แต่ชัดถ้อยชัดคำ ความเด็กขาดในน้ำเสียงบอกได้ดีว่าเขาซีเรียสมากขนาดไหน

“เออ... น่าจะเป็นความผิดพลาดของคนคุมงานทางฝั่งเราด้วยครับ แบบที่ใช้ผู้รับเหมาไปมันไม่ใช่แบบล่าสุดที่ทางสถาปนิกของโรงแรมอนุมัติ มันเป็นแบบชุดเก่าที่ใช้ประมูลไม่ใช่แบบที่ใช้ในการก่อสร้างครับขนาดต่างๆ เลยคลาดเคลื่อนไปมาก”

“อะไรนะ! ทำงานแบบนี้ได้ยังไง แบบในมือยังผิด แบบนี้ไม่ใช่ผิดที่ผู้รับเหมา มันผิดจากฝ่ายคุมงาน ผิดจากฝ่ายแบบ ผิดตั้งแต่ต้น ไม่มีความเป็นมืออาชีพเลย”

“...”

“บ่ายนี้เรียกประชุมทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โปรเจคเมเนเจอร์ หัวหน้าฝ่ายแบบ หัวหน้าฝ่ายคุมงาน ผมว่าเราต้องคุยกันยาว เตรียมหาคำแก้ตัวกันมาดีๆ ด้วย เพราะถ้าผมฟังแล้วมันไม่เข้าหู จะไม่มีใครได้ออกจากที่ประชุม เข้าใจนะ”

“ครับคุณเอรีส”

กรวิทย์ออกจากห้องของผู้เป็นเจ้านายด้วยปัญหาที่หนักอึ้ง เขาไม่แน่ใจว่างานนี้ใครกันที่จะเป็นฝ่ายถูกเชือด

แต่ที่แน่ๆ คนที่โดนเชือดอาจไม่ได้มีแค่คนเดียว



••••

ปัถย์ออกจากที่ห้องพักราวแปดโมงครึ่ง

ทริปที่เขาซื้อไว้เป็นบริการของรีสอร์ทที่เสริมมานอกเหนือจากห้องพัก โดยทริปนี้ถูกจัดเป็นแบบกลุ่มเล็กๆ มีจำนวนแค่ห้าคน ทั้งหมดเป็นผู้ที่พักกับทางรีสอร์ททั้งสิ้น ล้วนแต่เป็นมือใหม่ที่ไม่ได้ต้องการความตื่นเต้นหรือผาดโผน แค่ต้องการมาซึมซับบรรยากาศท้องทะเลอันดามันที่เลื่องชื่อก็เท่านั้น

เพียงยี่สิบนาทีก็มาถึงที่หมาย ซึ่งเกาะแห่งนี้ถือได้ว่าเป็นสถานที่ยอดฮิตของเหล่านักท่องเที่ยวมือใหม่ที่เริ่มฝึกดำน้ำตื่น ประมาณด้วยสายตานักท่องเที่ยวที่มารวมตัวกันราวสามสิบถึงสี่สิบเห็นจะได้

ผู้ดูแลเริ่มสอนแนะนำขั้นตอนต่างๆ อย่างละเอียด มีบางครั้งที่ปัถย์ต้องเผลออมยิ้มกับคู่รักที่คอยหยอกล้อกันอย่างหวานชื่น ก็คงมีแต่เขาที่มาตัวคนเดียวโดด ซึ่งก็ดูจะประหลาดอยู่ไม่น้อยเพราะปกติแล้วคงไม่ค่อยมีใครมาเที่ยวเพียงลำพัง

ผ่านไปหลายชั่วโมงกิจกรรมจึงสิ้นสุดลง เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลเริ่มเช็คจำนวนผู้ร่วมทริป และเริ่มให้เก็บสัมภาระอุปกรณ์ต่างๆ ขึ้นเรือ เพื่อเตรียมเดินทางไปยังอีกเกาะ แต่การไปคราวนี้ไม่ใช่เพื่อดำน้ำ แต่เป็นเพื่อการชมวิวเพื่อเอาใจลูกทริปเป็นประการหลัก

“ทุกคนครับ เรามีเวลาหนึ่งชั่วโมงเต็มนะครับ พอถึงเวลาบ่ายสามโมงตรง เรามาเจอกันตรงจุดนี้ จะเดินเล่น เก็บภาพทำได้ตามสบาย”

ผู้ดูแลกล่าวแล้วพวกเราก็ทยอยลงจากเรือ คู่รักสองคนที่มาด้วยกันต่างก็เดินจับมือกระหนุงกระหนิงกันไปถ่ายภาพในมุมส่วนตัวที่ต้องการ

ปัถย์ที่มาเพียงคนเดียวเดินแยกจากคู่รักแสนหวานสองคู่นั้น แล้วเดินเลียบชายหาดไปหามุมหนึ่งที่สงบหวังจะนั่งพักชมวิวทะเลสวยๆ ใจก็คิดว่าอาจจะถ่ายรูปไว้อวดเอรีสให้ฝ่ายนั้นหงุดหงิดเล่นก็น่าจะเป็นความคิดที่ดี

คิดดังนั้นปัถย์จึงเดินไปยังมุมที่มีชิงช้าผูกไว้กับโคนต้นไม้แบบง่ายๆ หยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมา เปิดโหมดถ่ายภาพโดยโฟกัสที่ชิงช้ากับท้องทะเลสีเขียวมรกตที่อยู่เบื้องหน้าก่อนกดชัตเตอร์

“คุณปัถย์”

เสียงหนึ่งเอ่ยจากด้านหลัง รอยยิ้มพรายปรากฎขึ้นขณะเอ่ยทัก ปัถย์ที่ถือกล้องอยู่ชะงักมือค้าง ขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ

เฟยหลง ลอด์จ?

ถึงเจอกันแค่เพียงครั้งเดียวปัถย์ก็จำเขาได้แม่นยำ เพราะเขาคนนี้โดดเด่นแล้วไม่ใช่ใครที่จะลืมได้ง่ายๆ เฟยหลองในชุดลำลองสีสด หล่อเหลาน่ามองในแบบแบบตี๋อินเตอร์ถูกอำพรางด้วยแว่นตากันแดดแฟชั่น ดูรีแรคสบายๆ ทิ้งคราบมาเฟียในคราบนักธุรกิจไปถนัดตา

“สวัสดีครับ” ปัถย์เอ่ยทักทายและยื่นมือไปจับอีกฝ่ายตามมารยาท “มาเที่ยวที่นี่เหมือนกันเหรอครับ”

“ใช่ครับ เคยได้ยินมานานว่าที่นี่สวยติดอันดับต้นๆ ของทะเลแถบนี้ก็เลยอยากลองมาสัมผัสและเห็นกับตาสักครั้ง แล้วนี่คุณปัถย์มาคนเดียวหรือครับ”

ฝ่ายนั้นเอ่ยถามอีกครั้ง เมื่อสอดส่ายสายตาไปรอบ แล้วไม่เห็นใคร

“ผมมากับที่รีสอร์ท ซื้อทัวร์ไว้นะครับ”

“ตอนแรกยังไม่แน่ใจว่าใช่คุณหรือเปล่า เห็นตั้งแต่ตอนที่คุณลงจากเรือ”

“แล้ว...นี่คุณเฟยหลงมากับใครครับ”

“กับเพื่อนน่ะ ตอนนี้พากันไปดำน้ำดูประการัง ผมเลยโดนทิ้งให้รออยู่นี่” เฟยหลงเพ่งพินิจผู้ชายที่ดูสุขุมเยือกเย็นตรงหน้าอย่างครุ่นคิด เขารู้สึกว่าปัถย์ตรงหน้านี้ช่างน่าสนใจ ยิ่งได้รู้ว่าเอรีสอาจไม่ได้รู้สึกกับปัถย์อย่างลูกจ้างธรรมดาด้วย... เขายิ่งอยากทำความรู้จักกับปัถย์

“ขอถามอะไรหน่อยได้ไหมครับ”

” ถ้าตอบได้นะครับ” ปัถย์ตอบแบบกลางๆ

“ได้ยินมาว่าคุณทำงานกับเอรีส แล้ว...คุณก็ลาออกแล้ว”

“ก็ประมาณนั้นล่ะครับ”

ปัถย์ไม่บอกความจริงไปทั้งหมด เพราะต้องการรอดูท่าทีของอีกฝ่าย ว่าเข้ามาตีสนิทด้วยจุดประสงค์ใดกันแน่

“คุณปัถย์สนใจอยากทำงานกับลอด์จ อินดัสทรีไหมครับ ผมได้ยินหลายคนพูดถึงอดีตเลขาคนเก่งของเอรีสมาก็มากเลยอยากได้คุณมาร่วมงานด้วย ถ้าไม่รังเกียจสะดวกหาวันเข้ามาคุยที่ออฟฟิศผมไหม ผมมีข้อเสนอดีๆ ที่คุณจะต้องพอใจรออยู่ นี่ครับนามบัตรผม”

เฟยหลงพูดแบบตรงประเด็นไม่อ้อมค้อม สีหน้าท่าทางดูจริงจังและมั่นอกมั่นใจในตัวเอง เจ้าตัวเชื่อว่าข้อเสนอของเขาดีเยี่ยมเสียจนปัถย์ไม่กล้าปฏิเสธ

ตามจริงแล้วสิ่งที่ได้ยินมาคงไม่ดึงดูดความสนใจของเขาเท่าที่เอรีสแสดงออก... ก็ในเมื่อหมอนั่นแสดงทีท่าหวงผู้ช่วยหนุ่มมาดดีแบบออกหน้าออกตา แสดงว่าคนตรงหน้าที่มีดี

แต่จะดีขนาดไหนเขาก็อยากจะรู้เหมือนกัน ของแบบนี้มันต้องพิสูจน์ด้วยตัวเอง

“ผมไม่ได้เก่งกาจอะไรขนาดนั้นหรอกครับ”

ปัถย์ไม่รู้ว่าคนตรงหน้าได้ยินอะไรมา แต่เขาไม่ได้ดีเด่อะไรเลย สิ่งเดียวที่ปัถย์ระลึอยู่เสมอคือเขาต้องทำงานที่เอรีสวางใจมอบหมายให้ดีที่สุด เขาไม่ต้องการให้เอรีสผิดหวังในทุกสิ่งที่เขาทำ

“คุณปัถย์อย่าถ่อมตัวเลยครับ ขนาดธีรนัยยังพูดถึงคุณให้ผมฟังอยู่บ่อยๆ จนผมอยากเจอตัวจริงของคุณจะแย่”

น้ำเสียงกับสีหน้าของเฟยหลงทำให้ปัถย์ไม่รู้สึกกระอักกระอ่วนใจ

“คุณธีร์พูดถึงผมว่าไงบ้างครับ” ชื่อของธีรนัยทำให้ปัถย์ชักสนอกสนใจ ข่าวการร่วมมือกันของคนทั้งคู่คือขวากหนามคมๆ ที่กำลังเป็นภัยกับเอรีส ดังนั้นเขาต้องรู้อะไรให้เยอะอีกสักหน่อย

ปัถย์กอดอกเริ่มครุ่นคิดและคาดการณ์สิ่งต่างๆ

“บอกว่าคุณเก่ง ทุ่มเท มีไฟ ที่สำคัญ...มีเซ้นต์ที่ดีในเรื่องการบริหารงานและบริหารคน ส่วนหนึ่งที่เบอร์ตันกรุ๊ป ประสบความสำเร็จแบบก้าวกระโดดในช่วงสองสามปีหลัง เพราะเอรีสมีผู้ช่วยที่เก่งอย่างคุณ”

“ผมไม่ได้เลิศเลอขนาดนั้นครับ แค่ทำตามที่เอรีสสั่ง การที่เบอร์ตันกรุ๊ปเติบโตมาได้เป็นเพราะเอรีสนั่งตำแหน่งงานบริหาร ผมก็แค่ทำตามนโยบายกับวิสัยทัศน์ของเจ้านายครับ สิ่งที่ผมทำไม่ได้เศษเสี้ยวที่เอรีสทำเลย”

ดวงตาของเฟยหลงหรี่ลง พลันเกิดความหงุดหงิดรำคาญใจในคำพูดเยินยอนั้น ทุกคำพูดบวกกับภาษากายบอกชัดว่าปัถย์คือคนที่ภักดีต่อเจ้านายอย่างไม่เสแสร้ง คนแบบนี้หาไม่ได้ง่ายๆ จนนึกอยากแย่งมาอยู่ใกล้ๆ ตัว จะพรากมาให้เอรีสแค้นใจจนอกแตกตายไปเลยยิ่งดี

คนที่ไม่เคยยอมใครอย่างเฟยหลงกระหายจะเอาชนะ แม้ริมฝีปากจะยิ้ม แต่เฟยหลงกลับดูมีแววตาที่ดุดันเย็นชาจนน่ากลัว

“จะรังเกียจไหมถ้าผมจะขอถาม” เสียงนิ่งๆ กล่าว

“ครับ”

“ฟังที่คุณพูดคุณดูพอใจในงานที่ทำดี ทำไมถึงลาออกล่ะครับ”

ปัถย์ตอบไม่ถูกแต่ก็แกล้งฝืนยิ้มไปก่อน

“ก็เป็นปัญหาของคนทำงานทั่วไปน่ะครับ ความคิดเห็นไม่ตรงกันในบางเรื่อง บางอย่างคุยกันไม่เข้าใจ ก็เลยขอลาออก”

“ถ้าคุณปัถย์อยากได้ความก้าวหน้ากับอนาคตที่ดี ลอด์จให้คุณได้ ผมจะรอการติดต่อจากคุณนะครับ”

“ครับ แล้วผมจะคิดดู ผมคงต้องขอตัวก่อน ได้เวลาที่นัดไว้กับเรือแล้ว”

ปัถย์ตัดบท และรีบเดินออกจากการสนทนา และรีบเดินไปสมทบกับกลุ่มของตนแม้ตอนแรกจะตั้งใจแยกตัวออกมาก็ตาม ปัถย์มองหันหลังกลับไปมองเหยหลงแวบหนึ่ง จึงเห็นว่าฝ่ายนั้นก็มีเพื่อนเดินมาสมทบเช่นกัน ปัถย์รีบสะบัดเรื่องเฟยหลงออกจากหัวเพราะว่าตอนนี้มีสายสำคัญกำลังรอการรับสายจากเขา

เฟยหลงมองร่างปัถย์ที่เดินห่างออกไป มองแวบเดียวก็พอจะรู้ว่าปัถย์ไม่อยากข้องแวะกับเขาสักเท่าไร ผิดกับคนทั่วไปที่รู้ว่าเขาเป็นใครก็มักจะตีสนิท หรือไม่ก็จงใจจะก้าวเข้ามาในความสนใจของเขา ด้วยเงิน อำนาจทำให้คนในตระกูลลอด์จคือกลุ่มคนที่ถูกให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ เสมอ ผิดกับคนที่เพิ่งเดินจากไปเมื่อครู่นี้

“คุยกัยใครน่ะ”

เสียงของใครคนหนึ่งเปล่งด้วยความไม่พอใจออกมา ต่อให้เฟยหลงไม่ได้หันไปดูเขาก็พอจะเดาสีหน้าออกว่าคนที่เอ่ยกำลังมีสีหน้าแบบไหน

เย็นชา และตำหนิ

ไม่มีรอยยิ้มจากใครคนนี้มานานแล้ว ซึ่งเขาก็ไม่แคร์ ไม่แคร์มาหลายปีแล้ว

“คุณคงไม่อยากรู้จักหรอก เพราะถ้าคุณรู้ คุณอาจจะนอนไม่หลับนะรัน”



.........

ฝากติดตามกันต่อค่ะ

มีใครเอียน หรือเลี่ยนความหวานกันบ้างหรือเปล่าคะ
ถ้ามีจะเปลี่ยนเมนูให้ อยากกินเผ็ช อยากกินมามาแจ้งได้
เดี๋ยวอนินจะเสิร์ฟให้ถึงที


ขอบคุณที่ติดตามค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ nut2557

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ทีมปัถสู้ๆ  :L1:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
ศัตรูของเอรีสนี่เยอะจัง

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
หือออออ รัน หือออออออ เหมือนเห็นเค้าความวุ่นวายกำลังมา เหอะๆๆๆ

ออฟไลน์ Pankwun

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 63
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
มันส์สุดๆอู้วว ชอบพระเอกแบบนี้

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
หายนะ จะมาเยือน :katai1:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
รอบนี้เลขาแคระจะโดนด้วยไหม หรือว่ารอดตัว  :m16:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

รันโผล่มาแล้ว   จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป?

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
แซ่บดี ชอบ

ออฟไลน์ Pankwun

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 63
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ไม่เลี่ยนเลยค่ะ สนุกมากกๆ ยิ่งอ่านยิ่งน่าติดตามมม  :mew1:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
กลัวดราม่าจังเลย

ออฟไลน์ m_ilk_y

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เฟยหลง..! แกจะเอารันมายุ่งกับบอสและนุ้งปัถต์ของช้านทำไมมมม :fire:

ยิ่งไหวชิงพริบกันตลอดเวลาเลย สนุกมากค่ะ
แล้วก็รออ่านฉากหวานๆในออฟฟิตที่บอสจะเคลมเลขาอยู่นะคะ กิกิ

ออฟไลน์ joborcusier

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 194
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
นี่มันสงครามย่อมๆเลย :a5:

ออฟไลน์ anin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
Chapter 22

   เอรีสที่ยังไม่ทันจะก้าวออกจากห้องประชุมดี รีบหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋า กดโทรหาคนที่เขากำลังคิดถึง สลัดความเครียดและความไม่พอใจจากสาเหตุที่บรรดาลูกน้องต่างก็พร้อมใจกันทำงานบกพร่องจนเป็นเรื่อง

   “เป็นยังไงบ้าง สนุกไหม” เอรีสเอ่ยถามทันทีที่อีกฝ่ายรับสาย เขาปรับโทนน้ำเสียงให้อ่อนลง เสียงห้วนดุดันตอนที่อยู่ในที่ประชุมถูกโยนทิ้งไปราวกับสับสวิตช์

   “ก็สนุกดีครับ แต่แดดแรงไปหน่อย”

   “ทาครีมด้วยนะ ระวังผิวจะไหม้ แล้วนี่กินข้าวหรือยัง“

   “กินแล้วครับ คุณล่ะ”

   “ยัง เพิ่งออกมาจากห้องประชุม กำลังจะไปกินเดี๋ยวนี้ล่ะ”

   “จะบ่ายสามแล้วนี่นะครับ”

   “อืม วันนี้ยุ่งๆ นิดหน่อย ไม่ค่อยมีเวลา” เอรีสบอกขณะที่เปิดประตูห้องทำงานของตัวเอง เขานั่งลงบนเก้าอี้หมุนคอน้อยๆ

   เอรีสหลับตาใช้ปลายนิ้วนวดคลึงกระบอกตาเพื่อคลายความเครียด จนเท้าของเขาเหยียบเข้าให้กับบางสิ่งบางอย่าง เจ้าตัวจึงเอื้อมไปหยิบปากกาด้ามหนึ่งที่ตกอยู่ใต้โต๊ะ เอรีสขมวดคิ้ว กับปากกาสีเงินที่ดูมีราคาขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะ จงใจวางให้มันตรงหน้าระหว่างใช้ความคิด

   “มีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่าครับ แล้วจัดการเสร็จหรือยัง”

   “จัดการแล้ว ขอบใจที่ห่วง” เอรีสใช้มือท้าคางอย่างใช้ความคิด แม้ปากจะคุยกับปัถย์เป็นฉากๆ แต่สมองของเขากำลังประมวลผลขณะที่ดวงตาคมก็จับจ้องไปที่ปากกาสีเงินด้ามหรูเย็นชาว่างเปล่า

   “เสียงของคุณฟังดูเครียดๆ”

   “เครียดเรื่องงาน ไม่เท่าเครียดเรื่องนายหรอก”

   แล้วเอรีสหยิบแท่งปากกาวางลงบนพื้น ตรงตำแหน่งเดิมที่เคยเจอมันหล่นอยู่ เขาจะทำเป็นว่าไม่เคยเห็นปากกาแท่งนี้มาก่อน ใครก็ตามที่พยายามควานหาข้อมูลอะไรก็แล้วแต่ในห้องเขาใครคนนั้นก็คงเป็นคนที่ใกล้ตัวเขามากๆ คนที่เข้านอกออกในห้องเขาได้

   เขารู้ว่าเป็นใคร...

   แต่การกระชากหน้ากากคนทรยศ มันจะต้องทำให้ได้คาหนังคาเขา ก็สนุกดีที่จะปั่นหัวไอ้มือสมัครเล่นที่ไม่มีกึ๋นให้รู้เสียบ้างว่า คนอย่างเอรีสไม่ได้เป็นไอ้หน้าโง่ ที่วันๆ ตะบี้ตะบันทำแต่งานโดยไม่รู้เลยว่าคนที่อยู่ข้างๆ ตัว มันคืองูพิษที่จ้องจะแว้งกัด

   งูพิษนั่นคงไม่รู้หรอกว่า เขาน่ะรู้กำพืดรวมถึงความสัมพันธ์ที่แนบชิดกับศัตรูถึงขั้นนอนคุยกันมาแรมปี คนเราถ้าจะทำให้เนียนก็น่าจะระวังเวลานัดเจอกันสักหน่อย จะทะเล่อทะล่าเดินเข้าห้องกันก็อย่างให้ใครต่อใครเห็นถึงจะถูก

   ก็บอกแล้วว่าเป็นพวกงูพิษชั้นต่ำไม่มีสมอง

   ชายหนุ่มขยับร่างบนเก้าอี้ให้อยู่ที่ท่วงท่าสบายๆ แล้วกลับไปจดจ่อกับการสนทนากับคนที่เขาหลงแบบหัวปักหัวปำอีกครั้ง

   “มีอะไรต้องเครียดเรื่องผมหรือครับ” เสียงจากปลายสายกล่าวแบบงงๆ

   “เครียดสิ ถ้าถึงวันพฤหัสแล้วนายไม่กลับมาหาจะต้องทำยังไง”

   “รับปากว่ากลับ ก็กลับสิครับบอส” ปัถย์ลากเสียง จนเอรีสอมยิ้มนิดๆ กับคำลงที่เขาไม่ได้ยินมาสักพักแล้ว

   “กลับมาจากกระบี่ก็คงมีผิวสีแทน เป็นคุณปัถย์มาดใหม่ หล่อเข้มจนต้องหันมองแบบเหลียวหลัง กำลังห่วงอยู่เชียวว่าจะมีสาวๆ เข้ามาวอแวกับนายหรือเปล่า ถ้าถึงตอนนั้นคงได้กลายเป็นโรคประสาทไปจริงๆ เพราะมัวแต่มานั่งหึงเวลาที่มีใครจ้องจะอ่อยนาย”

   เอรีสพูดแบบไม่รักษาภาพชายหนุ่มที่เคยเป็นคนถนัดนักในเรื่องโปรยเสน่ห์ ตอนนี้จะหึงหรือหวงเขาก็จะทำมันแบบออกหน้าออกตา จะเลิกประชดประชันแบบเมื่อก่อน เพราะยิ่งแสดงออกไม่ชัด ความสัมพันธ์มันก็ยิ่งวุ่น คิดแล้วว่าจะตรงแด่วเป็นไม้บรรทัดไปเลย

   “ถ้าผมเดินกับคุณ ใครที่ไหนจะมามองผมครับ ร้อยทั้งร้อยคุณเอรีสฟาดเรียบหมด”

   “แต่คุณเอรีสอยากฟาดคุณปัถย์แค่คนเดียว คนอื่นไม่ขอรับ”

   “พูดจาระวังหน่อยครับ เดี๋ยวใครเข้ามาได้ยิน จะดูไม่ดี”

   “ได้ยินก็ช่าง ไม่แคร์ เรื่องส่วนตัวใครหน้าไหนจะกล้า”

   เอรีสบอกปัดแบบไม่ใส่ใจ ถ้าในบริษัทนี้คนที่มีอำนาจสูงสุดคือเขา ใครกล้านินทาให้ได้ยิน อนาคตก็คงไปได้ไม่ไกล คนฉลาดเขาไม่มีใครทำกัน

   “แต่ผมแคร์ครับ ผมไม่อยากเป็นท็อปปิคดังที่พอเหลียวหลังเสียงนินทาก็ดังไล่ก้นตามมา ขอเลยนะครับ เรื่องของเราก็ให้มันอยู่แค่เรา... ผมไม่อยากให้มันกลายเป็นเรื่องสาธารณะ ที่ใครต่อใครเอาไปคุยเล่นกันสนุกปาก”

   ปัถย์บอกแบบจริงจัง น้ำเสียงค่อนข้างเครียดจนเอรีสจับอารมณ์ได้

   “โอเคครับ สัญญาว่าระวังการกระทำแล้วก็คำพูด จะไม่ทำให้นายถูกนินทาหรือพูดไปนทางเสียๆ หายๆ อย่าทำเสียงเข้มใส่สิ ฟังแล้วรู้สึกไม่ดี แบบนี้พอใจไหมครับ”

   “…ครับ”

   เสียงตอบรับเบาๆ ทำให้เอรีสเบาใจ ด้วยไม่อยากให้ปัถย์ลำบากใจจากอะไรก็ตามที่มีต้นเหตุมาจากเขา ในตอนนี้คนที่เอรีสแคร์และห่วงใยมากที่สุดก็คือปัถย์

   “นี่กลับถึงที่พักหรือยัง”

   “กำลังขึ้นเรือกลับครับ”

   ระหว่างนั้นที่เอรีสกำลังเพลิดเพลินกับการคุยโทรศัพท์ เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นเบาๆ เมื่อประตูเปิด ฐิติก็เข้ามาในห้องพร้อมกับกองเอกสารที่เขาเรียกหาก่อนหน้านี้ มีอะไรต่อมิอะไรที่เอรีสจะต้องพิจารณาและลงนามให้เสร็จ มีทั้งเรื่องด่วนกับไม่ด่วนปะปนอยู่กับเอกสารกองนี้

   “งั้นก็เอาไว้คุยกันตอนเย็นนะ ตอนนี้ขอทำงานก่อน เป็นห่วงนะครับ ขึ้นเรือลงเรือต้องระวังให้มากๆ  แล้วก็...คิดถึงนะ บอกเอาไว้เผื่อไม่รู้”

   “ครับ อย่าลืมทานข้าวนะครับ”

   “ครับ”

   เอรีสวางสาย เขาเหลือบมองไปที่ฐิติ อารมณ์ดีๆ เมื่อครู่เปลี่ยนเป็นการเป็นงาน หัวโขนเจ้านายสายโหดกลับคืนร่างอีกครั้ง
   “เอาเอกสารวางไว้ที่โต๊ะโน้นเลย ผมจะไปนั่งอ่านเอกสารที่โซฟา”

   เอรีสลุกขึ้นแล้วก้าวช้าๆ โซฟาตัวยาวกลางห้องคือมุมโปรดที่เขามักนั่งอ่านเอกสารต่างๆ ในตอนที่มีปัถย์อยู่เขา ทั้งคู่มักจะยึดพื้นที่ตรงนี้เป็นที่ประจำ ปัถย์ที่แม้จะมีโต๊ะทำงานส่วนตัวอยู่ด้านหน้าห้องของเขา แต่ชั่วโมงทำงานโดยส่วนใหญ่ก็คือโซฟาชุดนี้นี่ล่ะ

   เอรีสนั่งลง เขาหยิบแฟ้มค่าใช้จ่ายภายในขึ้นมาเปิดอ่านเป็นดันดับแรก ซึ่งฐิติก็ยืนอยู่ไม่ห่าง รอคอยว่าเจ้านายที่อาจมีงานที่จะสั่งเพิ่มเติม

   “คุณช่วยหยิบโน๊ตบุ๊คบนโต๊ะให้ผมหน่อยสิ แล้วก็สายชาร์ตด้วย อยู่ในลิ้นชักล่างสุด”

   วงตาคมชำเลืองมอง มือเปิดแฟ้มบนสุดทีละหน้าๆ

   ใบหน้าหล่อเหลาราบเรียบไม่ได้มีอาการใดที่ผิดปกติ ฐิติไม่เคยจับอารมณ์ความรู้สึกของเอรีสได้เลย  ก่อนหน้านี้ในห้องประชุมเอรีสยังออกงิ้วออกโขนจนไม่มีใครเข้าหน้าติด เมื่อครู่ตอนเดินเข้ามาก็กลับดูอารมณ์ดี พอมาตอนนี้ก็เย็นชาจนน่ากลัว

   “ครับ” ฐิติเดินไปหยิบให้ตามคำสั่ง ก่อนที่จะกลับมาพร้อมกับโน๊ตบุ๊คคู่ใจของผู้เป็นเจ้านาย อย่างรวดเร็วทันใจ

   “คุณไปทำงานที่ค้างอยู่เถอะ ตรงนี้ผมจัดการต่อเอง ไว้มีอะไรแล้วผมจะเรียก”

   “ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”

   “เชิญ”

   เขาแน่ใจว่าได้เห็นสีหน้าโล่งอกจากอีกฝ่าย ซึ่งถ้าเดาไม่ผิดฝ่ายนั้นคงคิดว่าอะไรๆ ที่ทำพลาด ได้ถูกแก้ไขไปหมดแล้ว... ซึ่งในความเป็นจริงแล้วก็อาจจะไม่

   ครู่หนึ่งเมื่อประตูถูกปิด เอรีสเดินกลับไปที่โต๊ะทำงาน สายตาคมกริบก้มลงมองที่ใต้โต๊ะทันที

   เป็นอย่างที่คิด...

   ปากกาด้ามนั้นหายไปแล้ว

   รอยยิ้มผุดพรายบนริมฝีปาก แล้วเอรีสก็หันกลับไปที่โซฟาชุดกลางห้องเพื่อไล่อ่าเอกสารต่างๆ ที่อยู่บนโต๊ะอย่างตั้งใจอีกครั้ง





   รัน หรือ วรัญธร อิทธิวรเดช ชายหนุ่มลูกเสี้ยวไทย-ญี่ปุ่น  นั่งหน้าตึงตั้งแต่ออกจากเกาะแม้มาถึงโรงแรมแล้วแต่ความไม่พอใจก็ยังสลัดไม่หลุด

   ความอึดอัดสะสมมาตลอดหลายปีทำให้เขากลายเป็นคนอารมณ์ร้าย ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ไม่ชอบใจ เจ้าตัวก็พร้อมที่จะแสดงอาการในด้านร้ายๆ ของตัวเองออกมาตลอดเวลา

   ผู้ชายคนนั้นกำลังทำให้เขาหึง เป็นครั้งที่เท่าไรแล้วที่เฟยหลงมีผู้หญิงสวย หรือผู้ชายหน้าตาดีที่พร้อมจะกระโจนเข้าหา บางครั้งเฟยหลงอาจเมยเฉย และบางครั้งเฟยหลงก็พาคนเหล่านั้นมาเล่นสนุกกับความสัมพันธ์ที่มีแต่คำว่าเซ็กซ์ แต่รันก็ไม่เคยเรียกร้องอะไรให้ตัวเองได้

   บรรดาลูกน้องรวมและคนใกล้ตัวจะมองว่าคนโปรด เป็นผู้ชายที่เฟยหลงให้ความสำคัญถึงขนาดเก็บไว้ข้างกายนับสิบปี แต่ใครล่ะจะรู้ความจริงว่าการเก็บไว้ก็ไม่ใช่ในฐานะคนรักหรือคู่ชีวิต

   คุณรันที่ใครๆ รู้จัก ถูกวางสถานะที่ไว้แค่เครื่องบัดบัดความใคร่...

   มันคือความจริงที่ทิ่มแทงใจรันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ทุกครั้งที่รันรู้สึกโกรธ หวง หรือแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ เฟยหลงก็มักจะมองว่าเป็นเรื่องไร้สาระ และทำตัวน่าเบื่อ เขาจะแสดงอาการเอื่อมระอา บางทีก็หนีหายไปเป็นเดือนๆ ถึงกลับมาพร้อมด้วยเซ็กส์ดิบเถื่อนและเอาแต่ใจ

   “เป็นอะไร ใครทำอะไรให้ไม่พอใจอีก”

   เฟยหลงเอ่ยถามเสียงเหนื่อยหน่าย เมื่อรันโยนแว่นตากันแดดลงบนโต๊ะ ด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์

   “นายรู้ด้วยเหรอว่าฉันไม่พอใจ”

   รันประชดประชัน สีหน้าบึ้งตึงที่พร้อมจะระเบิดอารมณ์โดยไม่สนใจคนรอบข้าง ด้วยเจ้าตัวไม่ได้แคร์เลยว่าเฟยหลง ลอด์จคือใคร สามารถทำอะไรได้บ้าง

   “…”

   เฟยหลงได้แต่ชำเลืองตามอง และยังใจเย็นเพื่อให้อีกฝ่ายแสดงความโกรธต่อไป

   “เคยสนใจด้วยหรือว่าฉันรู้สึกยังไง ทุกวันนี้ฉันไม่เคยรู้เลยด้วยซ้ำว่านายเห็นฉันอยู่ในฐานะอะไร”

   “อย่าเริ่มหาเรื่องทะเลาะได้ไหม” เฟยหลงกล่าวด้วยน้ำเสียงติดรำคาญ สีหน้ามีความเหนื่อยหน่ายใจ เขาไม่อยากทะเลาะกับรันเลย อยู่ด้วยกันมาเป็นสิบปี มีวันไหนที่ไม่ทะเลาะกันบ้าง

   “อย่าทำสีหน้าแบบนี้ใส่ฉันนะ”

   รันตวาดลั่นร่างโปร่งบางของรันเดินปรี่เข้าหาร่างสูงที่ยืนอยู่กลางห้อง ใช้มือผลักอกเฟยหลงสองครั้งติดด้วยแรงอารมณ์ที่กรุ่นอยู่ในใจ ดวงตากลมโตตัดพ้อต่อว่า มีร่องรอยของความเสียใจที่ปิดไม่มิด

   “…”

   เฟยหลงที่ถูกผลักเต็มแรงเซไปก้าวหนึ่ง เขานิ่งเงียบ ไม่ตอบโต้ในชีวิตนี้มีแค่คนเดียวที่เฟยหลงจะยอมให้แผลงฤทธิ์หรืออาละวาดได้ก็คือรัน

   คนเดียวที่เขายอม... แต่รันคงไม่เคยรู้ว่าตัวเองพิเศษยังไง

   ผ่านมาหลายปีรันก็ดูจะเจ้าอารมณ์หนักขึ้น กับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็หยิบยกมาเป็นประเด็นทะเลาะกันได้ไม่เว้นแต่ละวัน หลายครั้งที่เฟยหลงทำได้แค่เป็นฝ่ายเดินหนี ให้ตัวเองได้เป็นฝ่ายสงบสติอารมณ์ ข่มใจไม่ให้พลั้งมือทำร้ายคนตรงหน้าให้เจ็บตัว แม้ในหลายๆ ครั้งเฟยหลงก็แทบจะระงับอารมณ์ไม่ไหวจนแทบจะปรี่เข้าไปบีบคอคนเอาแต่ใจ ชอบสร้างปัญหา

   “รัน เมื่อไรนายจะเลิกเป็นแบบนี้สักที” เฟยหลงน้ำเสียงติติงเย็นชา เขาส่ายหน้าอย่างระอาใจ

   “ทำไม! ฉันก็เป็นของฉันแบบนี้แหละ ถ้านายไม่พอใจก็เลิกๆ ไปเลย”

   “ไปอะไรหนักหนารัน? เอะอะก็ท้าเลิก นายชอบพูดจนติดปาก หรือว่านายอยากเลิกจริงๆ กันแน่ เอาให้ชัดนะ”

   พอรันพูดประโยคคำว่าเลิกออกมา เฟยหลงก็เริ่มมีน้ำโหขึ้นมาบ้าง

   เฟยหลงเกลียดเวลาที่รันใช้คำว่าเลิกมาต่อรองกับเขาที่สุด แม้จะรู้ดีว่ารันไม่ได้อยากจะทำอย่างที่พูด แต่เขาก็อดรนทนไม่ได้ทุกทีไป

   “ถ้าทนไม่ไหวก็เลิกไปเลย” รันกัดฟัน ใช้แรงที่มีทั้งหมดผลักอกเฟยหลงแล้วชี้หน้า “ฉันก็จะไม่ทนกับคนเย็นชาที่เอาแต่ทิ้งขว้างฉันเหมือนกันนั่นล่ะ ทุกวันนี้นายก็ไม่เคยเห็นหัวฉันอยู่แล้วนี่ ฉันมันก็แค่ผู้ชายที่นายนึกอยากเอาสนุกๆ เป็นแค่คนที่นายเอาไว้สนองความพิเรนท์เรื่องเซ็กส์บนเตียง ทดแทนที่นายไปทำกับคนอื่นไม่ได้”

   เสียงของรันเจ็บปวด ยิ่งมองผู้ชายที่มีสัมพันธ์รักๆ เลิกๆ กันมากว่าสิบปีก็ยิ่งรู้สึกทรมานจิตใจ

   เฟยหลงไม่เคยแสดงออกว่ารัก...

   มีเพียงการแสดงตัวเป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงสักตัว ซึ่งเขาก็คือสัตว์เลี้ยวตัวนั้น

   “รู้ไหมรัน ความพิเรนท์บนเตียงของฉันน่ะ มีคนเยอะแยะสนองตอบได้ มากกว่าที่นายให้เสียด้วยซ้ำ ทางที่ดีนายหุบปากตัวเองซะ ก่อนที่ฉันจะโกรธจริงๆ”

    เฟยหลงกล่าวเตือน จากที่คิดว่าจะไม่ถือสา ก็เริ่มเป็นฝ่ายทนไม่ได้ 

   รันที่น่ารักขี้อ่อนนั้นหายไปไหนกันนะ ทำไมรันที่แสนดีคนเดิมกลายเป็นมารร้าย คอยแต่จะหาคำพูดมาจิกกัดเขาไม่เว้นแต่ละวัน

   “กี่ครั้งแล้วที่นายไปนอนกับคนอื่น อ้อ... ลืมไปว่าคนอย่างเฟยหลง ลอด์จ จะหิ้วใครไปเอาก็ได้ มีเงินมีอำนาจเสียอย่างนี่” รันเยาะเสียงขื่น

   “…”

   เฟยหลงที่ได้แต่เงียบ เวลาที่รันโกรธก็มันจะทำเรื่องโง่ๆ ได้เสมอ เขาก็แค่รอเวลาให้อีกฝ่ายสงบลงไปเอง เพราะถึงพูดอะไรไป รันก็ไม่ยอมฟังหรอก

   แต่ในฝั่งความรู้สึกของรัน ยิ่งเฟยหลงนิ่ง มันยิ่งเหมือนว่าอีกฝ่ายยอมรับว่าสิ่งที่เขาคิดมันเป็นเรื่องจริง

   ทุกวันนี้เขาก็รู้สึกสมเพชตัวเองจะแย่... ต้องทนอยู่ไปแบบแกนๆ สถานะที่มีก็แค่คู่นอนระยะยาว อยากมาก็มา อยากไปก็ไป

   “แล้วยังจะให้อยู่ด้วยกันทำไมว่ะ ทำไมฉันถึงโง่เลือกนาย ทำไมฉันถึงงี่เง่าง้อนาย” รันดันร่างหนาออกห่างตัว ตามด้วยผลักอกซ้ำๆ ระหว่างที่ระเบิดเสียงด่าทอไปด้วย “ทำไมฉันถึงไม่ฉลาดเลือกคนที่รักฉัน ดีกับฉัน ทำไมตอนนั้นฉันมาเอาคนแบบนาย ทั้งที่เอรีส...”

   “หุบปาก!” เฟยหลงอกร้อยอย่างกับไฟ ฝ่ามือหนายกขึ้นบีบปากรันทันทีที่ชื่อของเอรีสหลุดออกมาจากปาก “อยากตายใช่ไหม ฮ่ะ! เคยบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าได้พูดชื่อมันอีก”

   ดวงตาอาฆาตเพ่งมองรัน อีกนิดเดียวเขาก็จะหมดความอดทน...

   ถึงตอนนั้นอาจมีใครสักคนที่ต้องตายจริงๆ จะได้จบเรื่องบ้าๆ ไปเสียที เฟยหลงกัดฟันกรอด

   “ทำไมวะ ทำไมจะพูดชื่อเอรีสไม่ได้”

   “ถ้าไม่อยากให้มันตาย ก็อย่าพูด!” ฝ่ามือแกร่งบีบแน่น ตอนนี้สันกรามและแก้มของรันปวดจากแรงกดที่ส่งมาไม่ยั้ง

   ดวงตาสองคู่ประสาน ส่งแรงอารมณ์คุกรุ่นที่ต่างก็ไม่ยอมกัน

   รันสะบัดหน้าออกจากการเกาะกุม แต่ก็สู้แรงของเฟยหลงไม่ได้ แววตาคมกริบเอาจริง บอกกับรันว่าเขาอาจเจ็บตัวได้มากกว่านี้ถ้าเกิดยั่วให้อีกฝ่ายโกรธ

   เฟยหลงไม่เคยขู่...

   ผู้ชายคนนี้สั่งฆ่าใครก็ได้ แค่เขาโทรศัพท์กริ๊งเดียว ก็จบลมหายใจคนนั้นได้แล้ว

   “ปล่อย!” ผลักอีกฝ่ายที่รัดร่างไว้แน่น

   “ครั้งนี้ฉันจะฆ่ามันจริงๆ นายจะได้เลิกซ่า เลิกงี่เง่าปากดี” เฟยหลงกระซิบเสียงพร่าข้างหู ใช้นิ้วเกลี่ยรอยนิ้วมือบนแก้มแผ่วๆ พร้อมกับรอยยิ้มอวดดี “รู้ไหมรัน ถ้านายยังหวังจะซมซานกลับไปหาชู้รักเก่า ฉันว่ามันคงสายเกินไปแล้ว นายก็เป็นแค่ของเหลือจากฉัน คิดหรือว่ามันยังอยากได้... เห็นผู้ชายวันนี้ไหม นั่นล่ะคนพิเศษของมัน ตอนนี้นายก็คงเป็นแค่ของค้างสต๊อค ที่ถึงจะแจกฟรีก็ยังไม่นึกอยากเอา”

   รันจ้องกลับด้วยดวงตาสั่นระริก

   ไม่ได้นึกเสียใจเรื่องที่เอรีสมีคนอื่น

   แต่เจ็บปวด คือในสายตาของเฟยหลงเขาโคตรไร้ค่า เป็นของเก่าค้างสต๊อคที่รอวันโล๊ะทิ้ง เพราะถ้าไม่คิดแบบนั้น เฟยหลงคงไม่พูด

   “งั้นของเก่าค้างสต๊อคอย่างฉันยังจะทนอยู่ตรงนี้ต่อไปอีกทำไม...”

   “อยู่เพื่อยื้อชีวิตของพี่ชายของนายไว้ให้ยังหายใจต่อไปไงล่ะ แต่ถ้าอยากให้มันตาย... ก็เชิญเดินออกไปจากห้องนี้เลย ทุกอย่างจะได้จบๆ”

   “ขู่ฉันเหรอ”

   “เปล่า  คนอย่างฉันต้องขู่เหรอ ไม่ต้องมั้ง”

   “ทำไมนายไม่ปล่อยฉัน ปล่อยพี่ชายฉันไปสักที ในเมื่อหมดประโยชน์แล้ว จะยื้อกันไว้ทำไม”

   “คงเพราะฉันยังนึกสนุกกับการมีเซ็กส์แบบวิตถารกับนายละมั้ง ถ้าวันไหนฉันเบื่อ ก็วันนั้นล่ะ”

   รันรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจมอยู่ในน้ำทะเลอันเย็นยะเยือก หายใจก็ไม่ออก สิบปีที่เขาเสียไปมันคือแค่ความสนุกของการมีเซ็กส์ที่สุดเหวี่ยง ไม่มีความรักหรือกระทั่งความผูกพัน

   แล้วเขาจะยังทนรักผู้ชายที่เห็นเขาไว้เพื่อบำบัดตัญหาอยู่ทำไม...







ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
ขอบคุณค่ะ
ติดตามจ้า

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

อ่อ...นี่สินะ  เหตุผลที่รันเลือกเฟยหลง

นางก็รักของนางนะ  แต่มันมีเงื่อนงำของฝั่งครอบครัวเข้ามาเกี่ยวด้วยนั่นเอง

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
รัน นายน่าสงสารจังนะ  :a5:

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
ปากแข็งไม่ต่างกัน ต้องรอให้สูญเสียก่อนถึงจะรู้สำนึกเหมือนเอรีสซินะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด