Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH27 [16|01|62] P13
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH27 [16|01|62] P13  (อ่าน 75294 ครั้ง)

ออฟไลน์ anin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
เก็บกระทู้ไว้  ------โมดุฯ

--------------------------------------------------------------------------------------------------

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   
เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


..♥♥ .•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•♥:::

ผลงาน




..♥♥ .•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•♥:::

❝ Bad Guy ❞ [ my Boss ]  ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦



- แ น ะ นํ า ตั ว ล ะ ค ร -

ปัถย์
หลงรัก เจ้านาย หนุ่มของตัวเอง

เป็นความรักอย่างหมดจิตหมดใจ ในฐานะผู้ช่วยคนสนิทเขาจำต้องเห็นภาพบาดใจระหว่างเขากับบรรดาคู่ขา ในสต๊อก วันแล้ววันเล่าที่ต้องคอยสับราง รวมถึงสรรหาวิธีกำจัดพวกคนพวกนั้นให้พ้นไปจากเส้นทางเมื่อเจ้านายหนุ่มต้องการ งานนี้เหนื่อยกว่างานหลักของบริษัทเสียด้วยซ้ำ ก็เอรีสเปลี่ยนคู่นอนเปลืองยิ่งกว่ากระดาษชำระ อย่างนี้แล้วถ้ายังไม่ยอมถอนตัวคงต้องเสียใจอย่างเลี่ยงไม่ได้


 เอรีส ตริน เบอร์ตัน
ผู้ซึ่งเลิกศัทธาในความรักไปนานแล้ว ผู้หญิงและผู้ชายคนแล้วคนเล่าผ่านเข้ามาและผ่านไป เขาไม่เคยให้ราคากับคนเหล่านั้น
สำหรับเขา ปัถย์อาจเป็นผู้ชายเรียบๆ ทว่าเขาฉลาดไหวพริบเฉียบคม ที่สำคัญรู้ใจเขาไปเสียทุกเรื่อง
ด้วยความใกล้ชิดทำให้เขาปรารถนาผู้ช่วยของตัวเอง...

และเมื่อความเร่าร้อนเล็กน้อยอย่างไม่ตั้งใจระหว่าง เอรีส กับ ปัถย์ ในคืนหนึ่ง ทำให้เขาเริ่มรู้ใจตัวเองว่าผู้ช่วยคนนี้สำคัญและมีบทบาทกับเขาขนาดไหน
ด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ผู้ช่วยของเขากำลังเปลี่ยนไป
ปัถย์กำลังสร้างกำแพงใส่เขา อาจเพราะเหตุการณ์หวาบหวามหนึ่งคืนนั่นก็ได้

แต่เอรีส ไม่ใช่คนที่ยอมรับกับคำปฏิเสธ
ปัถย์ จะได้รู้ว่า... ลีลารักของเขา ก็ร้ายกาจไม่ต่างไปจากนิสัยของเขานั่นล่ะ

ในเมื่ออยากได้ เขาก็ต้องได้!


✿*゚‘゚・✿.。.:* *.:。✿*゚’゚・✿.。.:* *.:。✿

กราบรอบทิศ
ขอเปิดเรื่องใหม่ แต่ก่อนอื่นอยากเกริ่นนำก่อนนะคะ
ก่อนหน้านี้ เรื่องนี้เป็นนิยายโรมานซ์ ซึ่งanin ได้แต่งไว้ก่อนหน้านี้ แต่ว่าจนแล้วจนรอดก็ไปไม่ถึงฝั่ง

ทีนี้เลยถือโอกาส เอามาปัดฝุ่น แล้วก็ขัดเกลาใหม่ จนเป็นเรื่อง ❝ Bad Guy ❞ [ my Boss ]  ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦
ซึ่งดูแล้วน่าจะเข้ากับบริบทของตัวละครหลักได้ดีกว่า

ดังนั้นขอฝากเรื่องใหม่นี้ไว้ด้วยค่ะ

เนื้อเรื่องและสถานที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานที่ บุคคล หรือเหตุการณ์จริงใดๆ ทั้งสิ้น
ล้วนเป็นจิตนาการบ้าๆ บอๆ ของผู้เขียนที่มโนขึ้นมาเองล้วนๆ ค่ะ
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-06-2020 15:39:36 โดย BaoBao »

ออฟไลน์ anin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2


บทนำ

{ ปั ถ ย์ }

“ทำงานวันแรกสินะ”

ผู้ชายที่หล่อเหลาคมเข้มสมบูรณ์แบบในชุดสูทสามชิ้นสีดำสนิทหรี่ตามองผมที่อยู่ตรงหน้าอย่างประเมิน ชั่วแวบก็ปรากฎรอยยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ราวกับว่าเขากำลังกำลังเยาะเย้ยผมอยู่ในในที

คุณเอรีส เจ้านายคนใหม่ของผมพินิจผมอย่างจริงจัง

ผมไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรกันแน่ถึงได้ทำสายตาแบบนั้น


สายตาสีควัญบุหรี่ที่สุดลึกล้ำยากจะอ่านความรู้สึกได้ แต่กลับสร้างความปั่นป่วนในหัวใจของผมขึ้นทีละนิดๆ ผมไม่เคยอ่อนไหวง่ายๆ แบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต ผู้ชายคนนี้คือคนแรกที่ทำให้ผมรู้สึกหวั่นไหวด้วยตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ

“ผมชื่อปัถย์ เรื่องวิทย์ เพิ่งมาทำงานวันนี้วันแรก”

ผมเอ่ยแนะนำตัวช้าๆ แต่ยังคงจับจ้องใบหน้าหล่อเหลาของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้านายหมาดๆ ไม่วางตา

ผู้ชายตรงหน้าที่แสนจะหล่อเหลา คมเข้ม เขาคือบรุษหนุ่มเลือดผสมระหว่างตะวันออกและตะวันตก เขาดูดึงดูดผู้คน มีเสน่ห์ หล่อเข้ม และ อันตราย

เอรีสคือเจ้านายคนที่สองของผม หลังจากที่ลาออกจากงานเก่าด้วยเหตุผลจำเป็นบางอย่าง และงานใหม่นี้ก็สำคัญสำหรับผมมาก มันหมายถึงอนาคตของผมจะมั่นคงและก้าวหน้าขึ้นจากเดิม


ผมผ่านงานมาหลากหลายรูปแบบ ต้องดิ้นรนต่อสู่ด้วยสองมือสองเท้ามาตลอดชีวิต ตั้งแต่เป็นพนักงานบริการระดับล่างอย่างล้างจาน เด็กเสิร์ฟ เด็กเช็ดกระจก งานที่ล้วนแล้วไม่เคยถูกให้เกียรติ แต่ผมจำต้องทำเพื่อให้ตัวเองอยู่รอดและส่งตัวเองให้เรียนจบตามที่ตั้งใจไว้


นับว่าเป็นโชคดีอยู่บ้างที่ผมมีความมานะพยายามมากพอ การเรียนก็อยู่ในระดับน่าพอใจ เมื่อเรียนจบอาจารย์ท่านหนึ่งได้แนะนำงานในบริษัทแห่งหนึ่งให้ ทำได้อยู่สองปีเพื่อหาประสบการณ์ก็ของลาออก เหตุผลหลักคืออึดอัดใจบางประการ พอได้ข่าวจากเพื่อนคนหนึ่งว่าที่นี่เปิดรับสมัครงาน ผมก็ลองมาสมัครดู


ผมสอบผ่านข้อเขียน ผ่านการสัมภาษณ์ ถูกรับเข้าทำงานด้วยความรวดเร็ว มาถึงตอนนี้เจ้าก็ยังงงๆ อยู่เชียวว่าทำไมตัวเองถึงได้รับงานนี้อย่างง่ายดาย ทั้งที่บริษัทนี้คือบริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ และมีบริษัทลูกในวงการก่อสร้างมากมายระดับนี้จะมารับโนบอดี้อย่างผมอย่างง่ายๆ


ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะตอนนั้นเจ้านายหน้าโหดคนนี้  ไม่ได้อยู่สัมภาษณ์ด้วยก็ได้

ได้ยินมาว่าเขาเดินทางบ่อยและต้องการได้ผู้ช่วยส่วนตัวเป็นการเร่งด่วน ผมอาจมาในจังหวะที่เหมาะ และโชคเข้าข้างผม


“ปัถย์” เขาเรียกเสียงเข้ม และจ้องมองผมอย่างค้นหา “คุณรู้ไหมว่าในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา มีกี่คนที่เข้ามาทำงานในตำแหน่งนี้”


“ไม่ทราบครับ”


ผมส่ายหน้าน้อยๆ  ไม่รู้ว่าคำถามของเขาเป็นหนึ่งในบททดสอบหรือเปล่า


“ห้าคน”


เอรีสชูมือข้างหนึ่งแสดงตัวเลขนั้นให้รู้ แถมท้ายด้วยรอยยิ้มมุมปากที่ดูลึกลับซับซ้อนส่งกลับมาให้ รอยยิ้มที่ทำให้หัวใจชของผมกระตุก

“คุณคือคนที่หก ผมไม่แน่ใจว่าจะมีคนที่เจ็ดตามมาหรือเปล่า” คนตรงหน้าถอนใจ และลุกขึ้นยืน

เขาสูงมาก ราวๆ ร้อยแปดสิบห้าเซ็นติเมตรเห็นจะได้ เล่นเอาข่มให้ผมดูตัวกระจ้อยร่อยไปในทันตา

“แต่ก็เอาเถอะ เดี๋ยวก็รู้ว่าคุณจะอยู่ที่นี่ได้นานขนาดไหน” 
   

นี่เขากำลังนึกสบประมาทผมใช่ไหม


ผมไม่รู้หรอกว่าคนที่ผ่านๆ มาทำอะไรให้ผู้ชายคนนี้ไม่พอใจ แต่ผมเชื่อว่าตัวเองมีความอดทน และเรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว ถ้าโชคดีผมอาจผ่านการทดลองงานไปได้ ซึ่งนั่นคือความหวังเดียวของผม


“วันนี้มีอะไรบ้าง”


“เช้านี้มีประชุมเกี่ยวกับโครงการใหม่ที่เราประมูลงานโครงสร้างหลักได้ครับ หลังจากนั้นช่วงบ่ายคุณมีนัดกับคณะรัฐมนตรีเรื่องงานปรับปรุงรัฐสภาแห่งใหม่ ช่วงค่ำมีนัดกับคุณพลอยทิวาเป็นงานงานปาร์ตี้ที่คอนโด...”


ผมบอกพิกัดที่แน่นอนแก่เขา และประหลาดใจที่สุดกับชื่อพลอยทิวา นักแสดงสาวที่ตกเป็นข่าวฉาวรายวัน หล่อนเป็นเจ้าแม่จอมเทที่ใครๆ ก็พูดกันหนาหู แต่ครั้งนี้ผมก็ไม่แน่ใจว่าระหว่างเอรีสกับพลอยทิวา ใครจะเป็นฝ่ายเทใคร


เพราะเจ้านายของผมมีชื่อเสียงเรื่องความเจ้าชู้ไม่น้อยไปกว่ากันเท่าไรหรอกครับ


“หาของขวัญให้ด้วยนะ”


“เป็นอะไรดีครับ” ผมเอ่ยถามอย่างลังเล


“คิดสิ หน้าที่ของคุณนี่ จัดหาของงี่เง่าพวกนั้น อะไรก็ได้ที่ผู้หญิงจะพอใจ”


เอรีสพูดกลับมาด้วยน้ำเสียงรำคาญ เขาดูหงุดหงิดเวลาไม่ได้อะไรอย่างใจแบบนี้ตลอดหรือเปล่านะ ถ้าใช่คงไม่แปลกที่เขาเปลี่ยนผู้ช่วยบ่อยขนาดนี้


“จำกัดงบแค่ไหนครับ”


เอรีสขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่อึดใจหนึ่ง

“…แสนนึงมั้ง ไม่รู้สิ ผมไม่เคยรู้ว่าเลขาคนก่อนๆ ใช้เงินไปเท่าไร”


ผมได้ฟังแล้วสะดุ้ง 


ไม่คิดว่าเงินจำนวนนั้นจะถูกใช้แบบไม่สะทกสะท้าน เงินจำนวนนั้นเป็นค่าใช้จ่ายของตัวเองได้เป็นปีทีเดียว


“ได้ครับ ผมจะรีบจัดการให้คุณ”

ผมจดข้อความเร็วๆ มุ่งมั่นที่จะทำเพื่อให้เขาพอใจ



ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา หน้าที่ในการจัดหาของกำนัลให้สาวๆ ก็ตกอยู่ภายใต้ความดูแลของผม รวมถึงเรื่องที่ต้องดูแลทุกอย่างในชีวิตประจำวัน เริ่มด้วยเสื้อผ้า อาหารการกิน ชีวิตรักๆ ใคร่ๆ เรียกได้ว่าทุกอย่างในชีวิตของเอรีส ล้วนผ่านการจัดการของผมแทบทั้งหมด


เมื่อผ่านการทำงานในช่วงสัปดาห์แรกไปได้ ทุกอย่างก็เริ่มเข้าที่เข้าทาง ผมได้รู้ว่าเอรีสก็แค่ผู้ชายธรรมดาๆ คนหนึ่ง เขาเหงาเป็น หิวเป็น และสนุกเป็น แต่เขาเป็นคนที่จริงจังแบบสุดๆ เวลาที่ทำงาน เขาเกลียดความผิดพลาดซึ่งผมจะไม่ยอมให้ความผิดพลาดเกิดขึ้นแน่ๆ


ในเวลาเมื่อเอรีสควงสาว เอรีสจะเป็นนักรักสายเปย์ที่ทุ่มให้พวกหล่อนอย่างไม่อั้น และเมื่อเวลาผ่านไป เขาจะได้ยินหนึ่งคำที่บอกเป็นนัยว่าให้เขี่ยพวกหล่อนไปไกลๆ คำว่า...

‘ไม่สะดวก’


โค้ดลับที่เขาใช้ให้ผม ‘กำจัด’ บรรดาคู่ขาออกจากสารระบบ


ในฐานะผู้ช่วยคนสนิท หน้าที่หลักๆ คือการเตะโด่งพวกหล่อนออกไปให้ไกลเอรีสมากที่สุด หลายครั้งที่ผู้หญิงพวกนั้นด่าทอกลับมาอย่างเกรี้ยวกราด แต่ผมก็ไม่แคร์


ถ้าเป็นสิ่งที่เอรีสพอใจ...ไม่ว่าเรื่องนั้นจะเป็นอะไร เจ้านายของผมจะได้ตามปรารถนา


ผมไม่รู้ว่าตัวเองหลงรักเอรีสตั้งแต่เมื่อไร


รู้ตัวอีกที ทุกลมหายใจเข้าออกล้วนแต่เป็นใบหน้าเขา ชื่อเขา เสียงทุ้มของเขา และกลิ่นกายเฉพาะของเขา


ทุกสิ่งที่เกี่ยวพันกับเอรีสมีผลต่อจิตใจของผมเสมอ


แต่ความรู้สึกน่าอันตรายนั้นถูกเก็บงำไว้ได้มิดชิดแนบเนียน ไม่มีทางที่ผมจะยอมให้ใครได้ล่วงรู้...


โดยเฉพาะเอรีส   


ฐานะของเราทั้งคู่นั้นชัดเจนอยู่แล้ว เอรีสก็คือเจ้านาย และผมก็เป็นแค่ลูกจ้าง


ความรักที่มีต่อเจ้านาย ไม่มีวันเป็นไปได้

ผมรู้ดี
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-11-2017 12:33:05 โดย anin »

ออฟไลน์ unicorncolour

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1001
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
“หาขอขวัญให้ด้วยนะ”  :katai4:  พิมพ์ผิดนะจ้ะ

ความรักหวานปนขม..อารมณ์คนแอบรักนี่ชอบจริง ๆ

ตามตอนต่อไป  o13

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
ติดตามค่ะ  :L2:

ออฟไลน์ magic-moon

  • magKapleVE
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
    • Freedom of meetups, no obligations
น่าสนุกเว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย คุณบอสทำตัวดีๆกะน้องหน่อย

ออฟไลน์ oumoum21

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 17
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 :sad4: :o12:  เค้าจะอ่านต่อ เค้าจะอ่านต่อ :ling1: :ling1:  รอนะคะ

ออฟไลน์ anin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
Chapter 1


บรรยากาศภายในห้องทำงานใหญ่ที่สุดหรูหราที่สุดของอาคารเบอร์ตัน พาร์ค หนึ่งในอาคารสำนักงานสุดทันสมัยตั้งบนทำเลที่ดีที่สุดของกรุงเทพฯ กำลังเรียกได้ว่าทั้งอึมครึมเหมือนพายุเมฆฝนกำลังก่อตัว ทว่าบางอณูกลับรุ่มร้อนเหมือนไฟใกล้ปะทุแฝงเร้นอยู่
   


ร่างสูงแกร่งในชุดสูทสีเข้มของ เอรีส ตริน บอร์ตัน เกร็งเครียด ฉุนเฉียวที่ถูกปฏิเสธจากคนที่เคยจัดการให้เขาได้ในสิ่งที่ปรารถนาเสมอ


ปัถย์ กำลังยืนหน้านิ่งที่บอกได้ว่ากำลังไม่พอใจอีกฝ่ายอย่างชัดเจน

ผู้ช่วยคนสนิทกำลังต่อต้านเข้าอย่างท้าทาย และผู้เป็นเจ้านายอย่างเขาไม่ชอบที่ปัถย์กำลังแสดงสีหน้าแบบนี้

เขาเกลียดมันเป็นบ้า
   

ใบหน้าหล่อแบบนุ่มนวลที่กำลังงอง้ำอยู่นั้นดึงดูดความสนใจของชายหนุ่มได้เสมอ ภายใต้ชุดสูทแบบสุภาพนั้น เขารู้ว่ามีความร้อนแรงซ่อนเร้นอยู่
   

เมื่อหลับตาก็ไม่วายนึกถึงที่เปลือยเปล่าของปัถย์ที่แสนจะให้ความรู้สึกดีเกินกว่าที่เขาเคยรู้สึกกับใครคนไหนๆ กล้ามเนื้อที่ไม่มากไม่น้อยเกินไป ผิวที่ขาวและเนียนลื่น ไม่ว่าจะนั่งหรือนอนก็ยังหลอกหลอนเขาไม่หยุด
   

ปัถย์ คือผู้ช่วยคู่ใจที่ยืนเคียงข้างเขาในทุกสถานการณ์  ไม่ว่าจะคอขาดบาดตายเพียงใด คนที่ยืนอยู่ข้างเขาก็คือเจ้าของใบหน้าใสสะอาดที่แสนจะธรรมดาคนนี้ แต่คนธรรมดาคนนี้ก็สามารถผลักดันให้คนอย่าง เอรีสมีอารมณ์รุนแรงและรุ่มร้อนได้เสมอ
   

เหมือนเช่นตอนนี้ เขาเองทั้งแข็งขึงและเกิดอารมณ์จนอยากจะกดอีกฝ่ายลงบนโต๊ะทำงานเสียให้รู้แล้วรู้รอด สั่งสอนท่าทางหยิ่งผยองที่ทำให้เขามั่นเขี้ยวทุกวี่ทุกวันให้ได้รู้เสียว่าอย่ามาอวดดีกับคนอย่างเขา
   

“ผมไปไม่ได้ครับบอส”
   

น้ำเสียงเฉื่อยชาที่แฝงด้วยความท้าทายของผู้ช่วยหนุ่มคือหัวเชื้อชั้นดีในการเกิดให้อารมณ์คุกรุ่นลุกโชน
   

ถ้าวันนั้นเขาไม่หยุด ปัถย์ก็คงไม่มีน้ำหน้ามายืนเถียงเขาอยู่ฉอดๆ แน่ ดีไม่ดีจะเปลี่ยนมาวิงวอนเรียกร้องความสนใจเวลาเห็นหน้าของเขาเลยก็ได้
   

“ไม่ไปไม่ได้” เสียงของผู้เป็นนายห้วนจัด
   

“ผมขอลาล่วงหน้าแล้วนะครับ”

   
“ไม่ให้ลา ยังไงนายก็ต้องไปกระบี่กับฉัน ปกตินายก็ไปกับฉันทุกครั้ง” เอรีสกล่าวอย่างหัวเสียหรี่ตามองอย่างเอาเรื่อง
   

“ยกเว้นครั้งนี้”
   

“หึ! อย่าบอกนะว่านายจงใจยั่วโมโห”
   

ชายหนุ่มคาดคั้น ทั้งสายตาและน้ำเสียงที่ไม่เป็นมิตร แสดงอาการเคยตัวเหมือนพวกชอบออกคำสั่ง
   

“ผมไม่ทำอะไรแบบนั้น ต่อให้ผมโกรธหรือไม่พอใจคุณยังไง ผมก็ไม่มีทางทำให้งานเสีย”
   

ปัถย์กระแทกหางเสียงเม้มปาก มองอีกฝ่ายอย่างอ่อนใจ ด้วยเบื่อจะเถียงกับคนไร้เหตุผลอย่างเอรีส
   

เอรีสที่ได้ยินน้ำเสียงแบบนั้นก็นึกโมโหไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เพราะหลังจากที่ปัถย์กับเขาผ่านเรื่องราวอันเร่าร้อนมาแล้วนั้น เขาคาดคิดว่าจะได้รับท่าทางโอนอ่อนผ่อนตามมากกว่าท่าทีอวดเก่ง แบบที่กำลังแสดงออกอยู่
   

เอรีสกับปัถย์เกิดพลังปะทุทางเพศมาระยะหนึ่ง แม้จะแสดงทีท่าเฉยเมยต่อกัน แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะย้อนกลับมาอีกแน่ๆ ถ้าใครสักคนเผลอเดินไปเฉียดใกล้เส้นบางๆ ที่ขีดแบ่งเอาไว้อยู่ เส้นที่ขีดคำว่าเจ้านายและลูกน้อง เมื่อไรที่ใครสักคนข้ามมันไป เรื่องมันจะยุ่งยากแน่ๆ
   

“นายต้องไปกับฉัน” เสียงของเขาแต่ใจ เป็นการยื่นคำขาดอย่างที่เคยชิน
   

“คุณไปคนเดียวได้อยู่แล้ว หรือไม่ก็หายใครสักคนไปด้วย นั่นคงไม่ใช่เรื่องยากนี่ครับ”
   

ปัถย์โต้กลับให้ดูปกติที่สุด ทั้งที่ใจแกว่งทุกครั้งที่เอรีส อยู่ใกล้ในระยะสองเมตร
   

เขารู้ว่าระดับเอรีสต้องมีใครอยากเสนอตัวเคียงคู่ไปด้วยแน่ ตอนนี้เขาไม่ไว้ใจทั้งผู้เป็นเจ้านายและตัวเอง มีโอกาสสูงมากที่จะสปาร์คกันเมื่อไรก็ได้อยู่เพียงลำพัง   
   

มันเสี่ยงเกินไปที่จะต่อต้านผู้เป็นเจ้านาย เพราะที่ผ่านมาเขาไม่เคยต้านทานทุกอย่างที่เกี่ยวกับเอรีสได้เลยสักครั้ง
   

ดังนั้น ถ้าเขาอยากจะอยู่รอด และรักษาหัวใจของตัวเองไม่ให้พังย่อยยับแล้วล่ะก็ ก็ต้องอยู่ให้ห่างเอรีสเข้าไว้ เพราะทั้งเนื้อทั้งตัวของเอรีสมีป้ายคำว่า ‘อันตราย’ ตัวใหญ่ที่ไม่ควรละเลย
   

“โบนัสก้อนโตรอนายอยู่ นัดของนายกับกับธีรนัยรอได้ แล้วฉันไม่อยากได้ยินคำว่าไม่ได้”
   

เขากดเสียงยามที่เปล่งชื่อลูกพี่ลูกน้องให้ต่ำ จนเกือบเป็นเสียงคำราม
   

“มันไม่ได้เกี่ยวกับเงิน อย่าได้ดูถูกผมแบบนั้น เงินอาจใช้ได้กับหลายคนที่คุณรู้จัก แต่ไม่ใช่กับผม”
   

“แล้วอะไรล่ะที่ใช้กับนายได้”
   

“ความพอใจ”
   

“งั้นก็บอกความพอใจของนายมา ฉันว่าฉันสนองให้นายได้”
   

“ตอนนี้ความพอใจของผมคือการไม่ผิดคำพูดกับคนที่ผมรับปากไว้” ปัถย์พูดอย่างอ่อนใจ “ผมสัญญากับธีร์ไว้แล้ว ผมไม่อยากผิดคำพูด”
   

“คำก็ธีร์ สองคำก็ธีร์ มันมีดีอะไรดี ติดใจลีลามันหรือไง”
   

เอรีสทำเสียงในลำคออย่างดุเดือด พร้อมพูดด้วยถ้อยคำกึ่งดูแคลน ไม่ทนข่มกลั้นความหึงหวงอีกต่อไป
   

ทุเรศชะมัด!   
   

คำพูดของเอรีสทำให้ปััถย์ใบหน้าร้อน รู้สึกว่าโกรธมากๆ ที่อีกฝ่ายเข้ามาวุ่นวายกับชีวิตส่วนตัวของเขา ดูจากพฤติกรรมฉาวโฉ่ของเขาที่ดักกระฉ่อนไปทั่วบ้านทั่วเมือง จะถือดีมามาสอดแทรกเรื่องความสัมพันธ์ทางเพศของคนอื่นได้ยังไง
   

อีกอย่างเขากับเอรีสก็ไม่ได้เป็นอะไรกัน นอกจากคำว่าเจ้านายกับลูกน้อง ดังนั้นมันไม่ใช่กงการอะไรของเขาสักนิด
   

“เรื่องของผม คุณไม่มีสิทธิ์วิพากย์วิจารณ์ ถ้าผมอยากจะทำอะไรแบบนั้นจริงๆ  ไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงตอนนั้นหรอก คืนนี้เลยก็ได้”
   

ดูอย่างรายชื่อบนโต๊ะทำงานสิ หนาเสียยิ่งกว่าบันทึกการประชุมประจำปีด้วยซ้ำ แค่เอรีสกระดิกนิ้วพวกนั้นก็วิ่งโร่มานอนแผ่ให้เขาถึงที่
   

ยิ่งคิดมันก็ยิ่งตอกย้ำความผิดพลาดอันใหญ่ เผลอใจหลงเสน่ห์ให้กับเจ้านายที่โชกโชน ผู้ชายที่ใช้เซ็กซ์เปลืองยิ่งกว่ากระดาษชำระ ซึ่งในตอนนี้เขาเองก็ไม่ต่างจากคนพวกนั้น ในสายตาเอรีสเขาก็คงเป็นแค่ไอ้หนุ่มน้อยที่โง่บัดซบอีกคน จะมีอะไรมากไปกว่านั้นล่ะ
   

“อย่ายั่วโมโหฉันนะปัถย์  ฉันไม่มีอารมณ์มานึกสนุกด้วย ฉันไม่ใช่เพื่อนเล่นของนาย”
   

เอรีสกัดฟันกรอด สายตาที่เคยนิ่งสงบแปรเปลี่ยนเป็นลุกวาว อยากจะเดินไปขย้ำคอหมอนั่น  ให้รู้แล้วรู้รอดไป
   

คันไม้คันมืออยากสั่งสอนท่าทางถือดีนั่น ให้รู้ว่าการที่มาอวดเก่งกับเขามันจะได้ผลตอบกลับไปแบบไหน

“ผมไม่ตั้งใจจะยั่วโมโห แค่จะย้ำว่าผมมีชีวิตเป็นของตัวเอง มีอิสระในการตัดสินใจว่าจะคบใคร คุณก็ควรให้เกีรยติผมด้วย”
   

เขาบอกด้วยความจริงจัง และรู้สึกว่าตัวเองช่างย่ำแย่เกินกว่าจะปั้นสีหน้าให้ดูสงบนิ่งเหมือนทุกครั้ง 
   

“เอรีส... ผมไม่อยากอยู่ในเกมที่คุณชอบเล่นสนุกนะ” 
   

ในน้ำเสียงของปัถย์มีความเจ็บปวดและความกังวลอยู่ลึกๆ
   

ฝ่ายเอรีสที่กำลังโมโห และหวงอีกฝ่ายอย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง เขาละเลยที่จะใส่ใจรายละเอียดบางอย่างที่อาจกระทบต่อความรู้สึกของอีกฝ่าย
   

‘ธีรนัย’ ลูกพี่ลูกน้องที่เป็นหนามหัวใจเขามาเนิ่นนาน อดีตที่บัดซบคอยหลอกหลอนเขาไม่เลิก
   

“ให้ตายสิปัถย์ ฉันไม่รู้หรอกว่าไอ้สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเรานายอยากเรียกมันว่าอะไร อยากจะมองไปในทางที่มันทุเรศๆ ก็ได้ ฉันอาจเป็นคนที่น่ารังเกียจที่ฉวยโอกาสกับนาย ถ้านายอยากจะคิดแบบนั้น แต่นายก็รู้ว่าฉันไม่เคยบังคับใคร”
   

ใบหน้าของปัถย์ซีดเผือด เมื่อเจ้านายหนุ่มเตือนด้วยคำพูดที่ปฏิเสธไม่ได้
   

“เราทั้งคู่ควรจะลืมมันไป” ปัถย์หลบตาขณะพูด
   

“พูดง่ายนี่ แต่จะไม่ให้รู้สึกมันก็ไม่ง่ายเหมือนปากว่าหรอกนะ เพราะธีรนัยใช่ไหมนายถึงเป็นแบบนี้ เพราะมันสนองให้นายถึงใจกว่าฉันหรือเปล่า”
   

เอรีสยิ้มเย็นเหยียบ แววตา ดุดันขัดกับริมฝีปาก
   

อะไรว่ะ นี่จะยัดเยียดให้เขาง่ายกับใครไปทั่วหรือไงกัน งี่เง่าว่ะ ปัถย์สบถอยู่ในใจ
   

“ผมก็ไม่อยากให้คุณรู้สึกเสียหน้านะบอส อย่าให้ผมพูดดีกว่า”  ปัถย์จึงตั้งใจตอกกลับแบบเจ็บๆ บ้าง ให้สมกับที่เขาดูถูกกันเกินไป
   

แต่สิ่งที่ปัถย์ทำนั้นดูโง่มาก การที่ไปกวนอารมณ์ของเอรีสให้ยิ่งเดือดจัด มันก็เหมือนเอาไม้ไปตีรังต่อนั่นล่ะ คนที่กำลังรู้สึกเหมือนถูกกระทืบซุปเปอร์อีโก้ของตัวเองกำลังจะระเบิดออกมาเป็นเสี่ยงๆ

เอรีสกระโดดข้ามาหาผู้ช่วยหนุ่มด้วยความว่องไว   โต๊ะตัวใหญ่ไม่อาจขวางทางไม่ให้เดินเข้าไปจัดการกับปากช่างจ้อของอีกฝ่ายได้
   

ปากอิ่มเอิบที่เม้มสนิทแสดงท่าทางอวดเก่งจนน่าโมโห นึกอยากจะเอาน้ำลาขัดส้มมามาล้างปากนัก ปัถย์ผู้แสนน่ารักและสุขุมของเขาหายไปไหน ตอนนี้เหลือแค่ผู้ชายที่ปากร้ายแล้วก็ทำตัวไม่น่ารัก ที่กล้าบังอาจมาท้าทายอัตตาของเขาอย่างน่าโมโห นี่จะต้องการให้เขาทะลุองศาเดือดใช่ไหมถึงจะสาแก่ใจ
   

“ถ้านายรู้จักกับวิธีการที่ฉันทำเรื่องอย่างว่ากับคู่นอนสักคน สาบานได้ว่านายจะทุกคนในโลก” เขากระซิบดุๆ ที่ข้างหูอีกฝ่ายด้วยนั้นช่างมั่นอกมั่นใจเหลือเกิน “ขึ้นอยู่ว่านายกล้าพอหรือเปล่า ลองดูน่า มันดีอยู่แล้ว”
   

ปัถย์ขนลุกเกรียว ความร้อนแรงส่งผ่านลมหายใจกระทบกับต้นคอ น้ำเสียงแหบพร่าลุ่มลึก ใบหน้าหล่อเหลาสุดเซ็กซีห่างจากใบหน้าของปัถย์ไม่ถึงคืบ
   

ผิวเนื้อหนาวเยือกเมื่อเขาบดเบียดความแข็งขึงตื่นตัวเบียดเสียดกับหน้าท้องแบนราบ
   

ปัถย์จงใจพูดจาแบบนั้นเพื่อโต้กลับแก้เผ็ดผู้ชายปากไม่มีหูรูดอย่างเอรีสเสียบ้าง อย่างน้อยก็ให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขาไม่ใช่สิ่งของใกล้มือ ไม่ใช่เครื่องบันเทิงใจที่จะชักเชิดไปทิศทางไหนก็ได้
   

ช่างน่าเจ็บปวดที่ไปหลงรักปักใจกับคนที่ไร้ขีดจำกัดในเรื่องเซ็กซ์อย่างเอรีส ที่เปลี่ยนคู่นอนเหมือนเครื่องเล่นสักชิ้น เมื่อเบื่อก็ทิ้งขว้างไร้เยื่อใย 
    

ไม่นานเอรีสก็จะก็เล็งหาสัมพันธ์กับคนใหม่ เขาทำมันแบบนั้นเป็นวัฏจักรที่ไม่มีวันจบ มันช่างเห็นแก่ตัวที่สุด
   

“ผมไม่อยากรู้ว่าคุณเก่งกาจขนาดไหน คุณจะทำมันกับใครก็ได้ตามสบาย แต่สำหรับผม ไม่”
   

“ทำไมล่ะปัถย์ นายก็ชอบสัมผัสของฉันจะตาย ซื่อสัตย์หน่อยสิ ไม่อยากรู้เหรอว่ามันจะเป็นยังไง ฉันจะทำอะไรบ้างกับคู่รักบนเตียงอุ่นบ้าง ตรงไหนที่ฉันอ่อนโยน ตรงไหนที่ฉันชอบที่จะทำมันแบบแรงๆ”
   

เขารีบแทรกคำพูดของอีกฝ่ายทันควัน ด้วยเชื่ออยู่ลึกๆ ว่า ปัถย์เองก็รู้สึกไม่ต่างกัน แต่ฝ่ายนั้นปากแข็งไม่กล้าที่จะยอมรับว่าตัวเองก็รู้สึกพิเศษกับเขาที่เป็นเจ้านาย
   

อยากรู้นักว่าความสุขุมของผู้ช่วยหนุ่มมันจะพ่ายแพ้ต่อความต้องการนี้ไหม เขาเองไม่ใช่พวกชอบบังคับ แต่เขาชอบเล่นแผลงๆ กับเซ็กซ์ในบางครั้งซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าอีกฝ่ายยอมที่จะเล่นสนุกแบบแผลงๆ ด้วยหรือเปล่า
   

“ไม่! ผมไม่อยากรู้เรื่องชีวิตเซ็กซ์คุณ อยากให้คุณเข้าใจเสียใหม่ว่าไม่คุณไม่ใช่คนเดียวในโลกที่มีดีในเรื่องใต้สะดือ ถ้าผมอยากมีเซ็กส์ ผมจะทำมันกับคนอื่น อาจจะกับธีรนัยหรือกับคนแปลกหน้า อาจกับคนที่เจอในผับ หรือแม้แต่เคยเดินสวนกันในตึกนี้ แต่มันจะไม่ใช่กับคุณ”
   

“ไม่ใช่กับฉันงั้นรึ? ว้าว เพิ่งรู้นะนี่ ฮึ! ที่พอจำได้นายยังสั่นระริกเมื่อฉันแตะต้องนาย หรือว่าไม่จริง” เขาเปล่งเสียงแห้งกรุ่นด้วยอารมณ์ร้อนแรงทั้งความโกรธและความเร่าร้อน
   
“คุณแน่ใจได้ยังไงว่าผมไม่ได้สั่นระริกกับคนอื่น”

+++++++++

ฝากติดตามด้วยค่ะ
ความงี่เง่าของบอสยังคงมีอย่างคงเส้นคงวา

ปล. อย่าเกลียดบอส

ออฟไลน์ anin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
Chapter 2



ใบหน้าเอรีสถมึงทึง มีประกายวาวโรจน์พวยพุ่งออกมาจากดวงตาสีเทาเซ็กซี่ตรึงใจคู่นั้น จากที่ทำงานให้เขามาหลายปี ปัถย์รู้ว่าผู้เป็นเจ้านายกำลังจะระเบิดจากโทสะที่กัดกินอยู่  ดูจากท่าทางที่เจ้าตัอวกัดฟันกรอดๆ นี่คงอยากบีบคอเขาให้หักคามือก็ไม่ถือว่าแปลก


   “อย่าให้ฉันหมดความอดทนนะ  นายต้องไม่ชอบกับสิ่งที่ฉันจะทำแน่ อย่าลองดีเลยปัถย์”


   “ทำไม คุณจะไล่ผมออก?” ปัถย์หลุบตาลงต่ำ “เอาสิ ผมก็เบื่อๆ กับงานนี้แล้วเหมือนกัน ผมก็คงไม่แปลกใจเท่าไร ในเมื่อคุณเกลียดคนที่ไม่ทำตามใจคุณอยู่แล้วนี่”


   “ท้าทาย?” เสียงนั้นเย็นชาสุดขั้ว


   “เปล่า แต่เชื่อมั้ยว่าผมไม่แคร์ มันเกินพอแล้วบอส หลังจากที่ต้องทำงานแบบอาบเหงื่อต่างน้ำมาสามปี เริ่มงานตอนหกโมง เลิกงานสามทุ่มทุกวัน วันเสาร์อาทิตย์ก็หอบเอากลับไปทำบ้าน หรือบางครั้งก็ต้องตื่นตั้งแต่ตีห้าเพื่อไปหากาแฟสักแก้วให้คุณกินหลังจากที่คุณเสร็จกิจกับบรรดาคู่นอนของคุณ ผมคงไม่เสียใจที่ต้องเสียงานนี้ไปสักเท่าไร”


   ผู้ช่วยหนุ่มยักไหล่ทำทีไม่แยแส แต่ลึกๆ รู้สึกเบาโหวงเหมือนบางอย่างกำลังจะหลุดลอยไป


   “ให้ตายเถอะปัถย์!...”


   เอรีสอ้าปากค้าง และตกใจกับคำพูดของคนตรงหน้า รู้สึกทั้งโมโหและประหลาดใจที่ปัถย์รู้สึกแบบนั้น


   ก็หมอนี่ไม่เคยบ่นมาก่อน ต่อให้เขาจะเหวี่ยงหรือเจ้าอารมณ์เพียงใด ปัถย์ก็ยังควบคุมสีหน้าให้ราบเรียบมีประสิทธิภาพเสมอ ทุกสิ่งที่เขาต้องการไม่ว่าสิ่งใดต่อมันจะยากเย็นหรืองี่เง่าไร้สาระเพียงใดก็ตามเขาจะได้ดั่งใจทุกครั้ง


   “คุณคาดหวังให้ลูกน้องทุ่มเทถวายชีวิตให้คุณ แต่คุณคงลืมไปว่ากำลังก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวของเขามากไป”


   ปัถย์กล่าวเสียงเรียบ ขณะมองหน้าที่แดงก่ำของอีกฝ่ายที่ดูแล้วว่าเอรีสกำลังโมโหแบบสุดเหวี่ยง


   “ผมแค่อยากมีเวลาชาร์ตแบตให้ตัวเองบ้าง ตราบใดที่ผมยังต้องทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ผมคงมีปัญหากับชีวิตส่วนตัว”


   “อ้อ! นี่คงเริ่มเสียใจที่ต้องทำเรื่องบ้าๆ บอๆ ให้ฉันสินะ ฉันคงน่าเบื่อสำหรับนายมาก ฟังจากที่นายพูดมา ฉันนี่มันงี่เง่าฉิบหายเลย!”


   ผู้เป็นเจ้านายกระแทกเสียงในตอนท้าย และสบถคำหยาบอย่างที่เจ้าตัวไม่เคยมาก่อน คำพูดแบบประชดประชันก็ด้วย ก็เพิ่งรู้ตัวว่าเขาเป็นไอ้งี่เง่าเห็นแก่ตัวก็วันนี้ล่ะ


   เอรีสรู้ว่าปัถย์ทำงานหนักด้วยความทุ่มเท เจ้าตัวทำมันได้ดีจนเขาเริ่มขาดคนแบบปัถย์ไม่ได้เสียแล้ว ยอมรับว่าบางครั้งเขาก็ทำเกินไปด้วยเรียกตัวอีกฝ่ายในตอนดึกด้วยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ไหนจะวันหยุดยาวที่น่าจะได้พักผ่อนเหมือนคนอื่นๆแต่เขาก็ยังเรียกหาผู้ช่วยส่วนตัวทุกคราไป


   ก็แค่อยากอยู่ใกล้...

   “ผมทำงานนี้ด้วยความเต็มใจ ตลอดเวลาที่ทำงานกับคุณผมไม่เคยเสียใจ” เขากลืนน้ำลาย “แต่ผมคงทำมันแบบนี้อีกต่อไปไม่ไหว คุณต้องมีพื้นที่ให้ผมบ้าง” ปัถย์ต้องการเว้นระยะห่างบ้าง เพื่อให้ได้มีโอกาสทำใจกับสถานะที่ไม่มีหวังของตัวเอง


   เอรีสล้วงกระเป๋า และแยกขาออก มองอีกฝ่ายอย่างเย็นชา ดวงตาสีเทาหรี่ลงเวลาโกรธ


   “คิดให้ดี ธีรนัยมันไม่ได้ดีอย่างที่นายคิด มันไม่ใช่คนที่วิเศษไปกว่าฉันสักเท่าไรหรอก มันจะมีเซ็กซ์กับนายแล้วผละไปในวันรุ่งขึ้น เพราะคนอย่างมันทำเสียจนเป็นสันดาน นายอาจเป็นของสนุกของมันแค่ชั่วครั้งชั่วคราว แล้วมันก็จะเบื่อนาย” น้ำเสียงกึ่งดูแคลน และมองปัถย์ด้วยประกายตากร้าวร้าว


   ใบหน้าของปัถย์ซีดเผือด


   “นั่นมันเป็นสิทธิ์ของผมครับบอส ผมจะเลือกเอง”


   คำพูดของปัถย์ทำให้หน้าเขาขึ้นสีเพราะความโมโห มือเขากำแน่นในกระเป๋า บังคับไม่ให้เอามันมาบีบคอของอีกฝ่ายเข้าให้จริงๆ


   “เลือกได้โง่มาก รู้ตัวหรือเปล่า”


   ธีรนัยเป็นไอ้คนโอหังอวดเก่ง ที่ไม่เคยทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ถึงแม้ว่าเขาจะเลิกแยแสธีรนัยมาหลายปี แต่ตอนนี้เขากาหัวมันไว้แล้วว่าชาตินี้เขาจะถือว่าธีรนัยเป็นบุคคลผู้ไม่พึงประสงค์ ตลอดไป


   เพราะปัถย์...


   “ในวันแรกที่นายเดินเข้ามาในห้องนี้ นายพูดว่ายินดีที่จะทุ่มเทตัวเองให้กับบริษัทนี้ ตอนนี้นายจะกลืนน้ำลายตัวเองงั้นเหรอ”


   เอรีสรื้อฟื้นความทรงจำให้อีกฝ่าย จริงอยู่ว่านั่นเป็นคำพูดของปัถย์ เขายอมทุกอย่างที่จะได้ทำงานในตำแหน่งที่มั่นคงทางสังคมและการเงิน แต่ทุกอย่างไม่ง่าย เขาได้พิสูจน์ตัวเองให้เอรีสเห็นและยอมรับ


   แต่ไม่ว่าจะทุ่มเทมากเพียงใด เอรีสก็มองเขาราวกับของใช้ใกล้มือ ช่างน่าสมเพสที่เขากลับทำให้เรื่องต่างๆ ยิ่งแย่ลงด้วยการหลงรักอีกฝ่าย ทั้งที่รู้ว่าเป็นเรื่องที่สิ้นคิดมาก


   “ผมไม่ลืม แต่ถ้าคุณจะเสียเวลามาสนใจสักนิด คุณก็จะเห็นว่าผมอุทิศตัวเองมากมายขนาดไหน” เสียงนั้นมีความน้อยเนื้อต่ำใจอยู่มาก “ผมอาจไม่ดีพอสำหรับบริษัทนี้ก็ได้ บางทีผมอาจต้องไปหางานอื่น”


   …เพราะเขาทำเรื่องต้องห้าม คือการรักเจ้านายตัวเอง


   รักอย่างไม่ลืมหูลืมตา แล้วยังชิงชังที่ต้องทำหน้าที่สับตารางนัดเดทกับคู่ควง ที่มีรายชื่อยาวเป็นหางว่าวนั่นอีก


   เอรีสไม่รู้หรอกว่าเขาต้องกล้ำกลืนความด้านชาลงไปวันละกี่ร้อยรอบ เวลาที่เขากับบรรดาคู่ขาทั้งหลายเดินเคียงข้างกันผ่านหน้าประตูไปครั้งแล้วครั้งเล่ามันทำให้หัวใจเขาย่อยยับสักเพียงไหน


   ตอนนี้เขาสุดจะทนแล้ว


   ดวงตาคู่คมของเอรีสเบิกกว้างเมื่อได้ยินประโยคนั้น ด้วยไม่คิดมาก่อนว่าปัถย์จะรู้สึกแบบนั้น  แถมยังพูดราวกับเหนื่อยหน่ายที่จะยืนอยู่ที่นี่ บนตึกที่เขาเป็นเจ้าของนี้  ไม่แยแสเงินเดือนระดับสูงที่เขาให้ ไม่สนใจความนับหน้าถือตายามที่ได้ยืนเคียงข้างเขา


   “เดี๋ยวฉันขึ้นเงินเดือนให้นาย ตอบแทนความทุ่มเทดีมั้ย”


   เขาพูดนิ่งๆ เย่อหยิ่งติดเป็นนิสัย


   “ผมไม่ต้องการเงินของคุณ” ปัถย์ร้องเสียงหลง


   ปัถย์มีสีหน้าตกใจที่อีกฝ่ายตีความหมายของเขาเช่นนั้น


   “แล้วต้องการอะไร บอกมาสิ ต้องการเวลาพักร้อน หรือต้องการให้ฉันอ้อนวอน นายรู้ดี... ฉลาดๆ อย่างนายรู้อยู่นี่ว่าต้องใช้วีธีไหนจัดการกับฉัน”


   เอรีสกระซิบเสียงดุ ย่างเท้าเข้าหาปัถย์ในเวลาเพียงเสี้ยววินาที รู้สึกว่าตัวเองกำลังจนแต้ม ซึ่งไม่บ่อยเลยที่ความรู้สึกแบบนี้จะเกิดขึ้นกับคนอย่างเอรีส


   ปัถย์มีความหมายกับเขามากกว่าแค่ลูกน้องคนสนิท และมีค่ามากกว่าแค่คู่นอนฉาบฉวยที่เขาเคยรู้จัก


   ทุกอย่างเกิดขึ้นช้าๆ แต่ทวีคูณอย่างไม่รู้จบ


   เขาชอบที่จะอยู่ใกล้ๆ ปัถย์ อยากได้ยินเสียงราบเรียบที่ช่างอบอุ่นของหมอนนั่นที่คอยบอกเขาว่าต้องทำอะไรในเวลาไหน สบายใจเมื่อร่างสูงเพรียวเดินไปรอบบ้าน หยิบชุดต่างๆ   ให้เขาอย่างเป็นธรรมชาติเหมือนกับว่าที่นั่นเป็นบ้านของตัวเอง


   ในวันหยุดเขาก็คิดแต่จะโทรหา บอกให้อีกฝ่ายหาโน่นนี้ให้กิน อยากเห็นผู้ช่วยหนุ่มในทุกเช้า เขาไม่รู้ว่าสิ่งนั้นเรียกว่าอะไร รู้เพียงว่าขาดปัถย์ไม่ได้


   “ผมแค่...อยากให้เราทำตัวเหมือนเจ้านายและลูกน้องปกติทั่วไป อย่าดูถูกว่าผมอยู่กับคุณเพราะเงิน” ผู้ช่วยหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ในใจกลับกลัดกลุ้มเสียจนหัวแทบระเบิด


   “ฉันไม่เคยดูถูกนาย สักนิดก็ไม่เคย สิ่งที่นายพูดเราก็รู้ดึว่ามันเป็นแบบนั้นไม่ได้ ซื่อสัตย์กับตัวเองหน่อย เราต้องการกันและกันขนาดไหน รู้ไหมการที่นายทำตัวเฟริตกับธีรนัยมันไม่ได้ทำให้ฉันต้องการนายน้อยลงเลย”


   “ผมไม่ได้จะเฟริตกับธีรนัย ผมแค่อยากลองเริ่มต้นความสัมพันธ์กับใครสักคน”


   “แต่มันไม่ใช่ฉัน ทำไมถึงไม่ใช่ฉัน”


   เสียงเอรีสเหี้ยม เย็นชาอย่างที่สุด เดาได้ว่าตอนนี้เขาอยากจะฟาดปากใครสักคน


   “คุณคือเจ้านายของผมเอรีส” ปัถย์ย้ำให้เขาและตัวเองด้วย “นั่นคือสิ่งที่เราเป็น มากกว่านั้นไม่ได้หรอก”


   ทันทีที่ชายหนุ่มพูดจบ ร่างหนาของเอรีสก็ตะครุบเขาไว้ด้วยความรวดเร็วปานกรงเล็บเหยี่ยว กักร่างที่เล็กกว่าด้วยวงแขนแกร่ง ก่อนก้มลงประทับลงสู่ริมฝีปากอิ่มอย่างหยาบกระด้าง


   ไม่มีความอ่อนโยนลุ่มหลงเหมือนคืนนั้น ทุกอย่างมาจากความโกรธและโมโห เป็นการระบายโทสะที่ตัวปัถย์เองก็รับรู้ น้ำหนักที่เขาบดเคล้า ฟันที่กระแทกเข้าหากันอาจทำให้ใครสักคนเจ็บตัว แต่เอรีสก็ไม่ใช่คนที่จะกังวลในสิ่งที่ตัวเองกำลังทำ


   ร่างเล็กกว่าส่งเสียงอู้อี้ประท้วง ดิ้นรนหาทางเอาตัวรอดจากท่าทางกระด้างของอีกฝ่ายที่กำลังระบายความโกรธเอากับเขาอย่างไร้เหตุผล เอรีสมักทำอะไรก็ตามที่เขาพอใจ และจะทำมันแบบสุดขอบไม่ไว้หน้าใคร ฝ่ามือหนาของผู้เป็นเจ้านายจับใบหน้าของคนตัวเล็กไว้ เขาบังคับให้อีกฝ่ายอยู่นิ่ง หมายให้รับรู้ว่าเขาต้องการสิ่งนี้มากเพียงใด เขาจูบปัถย์จากความต้องการทั้งหมดที่มี ความปรารถนาที่ไม่ถูกปลดปล่อยอัดแน่นเสียจนเขาอยากจะระเบิด


   ปัถย์ช่างหอมหวานและใสซื่อ ถึงจะต่อต้านในตอนแรก แต่เมื่อเอรีสรุกไล่ด้วยปลายลิ้นร้อนฉ่า ร่างเล็กก็โอนอ่อนแล้วตอบรับเขาอย่างเต็มใจในที่สุด


   หนึ่งจูบไม่เคยพอ


   ฝ่่ามือหนาเลื่อนต่ำลง กระชับสะโพกได้รูปไว้แน่นอย่างหลงใหล มือข้างหนึ่งดึงเสื้อของอีกฝ่ายออก แทรกมือรั้งเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดตาขึ้นช้าๆ ก่อนใช้นิ้วมือสำรวจผิวเนื้อที่เนียนนุ่มอย่างพอใจ เอรีสครางในลำคอด้วยอยากสัมผัสคนในอ้อมกอดให้มากกว่านั้น


   ปัถย์มีผิวกายที่เรียบไม่นุ่มนิ่มแบบผู้หญิง แต่เป็นความนุ่นเนียนในแบบที่เขาชอบ ยอดอกเล็กหดตัวตอบรับเมื่อเขาไล้ผ่านส่วนนั้นเบาๆ สะกิดน้อยๆ เพื่อทักทายก่อนจะโลมไล้อีกข้างอย่างไม่น้อยหน้ากัน มือหน้าขยับผ่านช้าๆ หน้าท้องราบเรียบเกร็งขึ้นเมื่อปัดผ่านก่อนที่จะลูบต่ำลงมาอีกนิด และอีกนิด


   “เอ... เอรีส”


   เอรีสประกบจูบอีกครั้ง เพื่อซับเสียงครางหอบกระเซ่าของอีกฝ่ายอย่างอดใจไม่ไหว แล้วถอนมืออกเปลี่ยนมาวุ่นวายกับเข็มขัดแทน นิ้วมือแกร่งสะกิดตะขอกางเกงสแลคออกอย่างง่ายดาย รูดซิบลงช้าๆ เสียงซิบกังวานแข่งกับเสียงครางของคนทั้งคู่ ใช้มือผลักมันออกเร็วๆ ก่อนพลิกตัวปัถย์ให้นั่งลงบนโต๊ะโดยฉับพลัน


   ปัถย์สะดุ้ง เสียงของบางอย่างตกลงบนพื้นทำให้เจ้าตัวได้สติ เขาผลักอกเอรีสออกแล้วมองอีกฝ่ายด้วยสายตาต่อต้าน สีหน้าไม่สบายใจ


   “เอรีส ปล่อยเถอะ”


   “อย่า! พูด” เขาสั่ง ประกบปากลงอีกครั้ง สูบเอาคำปฏิเสธแล้วความตั้งใจจะขัดขืนออกไปจากปัถย์


   “ถ้านายพูด มันจะทำให้ฉันโมโห เวลาที่ฉันโมโห ฉันก็จะควบคุมตัวเองไม่ได้” เขากระซิบ แล้วขบลงที่ใบหูคนในอ้อมกอด


   ปัถย์กระพริบตา มีท่าทีไม่เข้าใจ


    เอรีสพูดเหมือนทุกอย่างเป็นความผิดของเขา เจ้าตัวไม่เคยยอมรับว่าตัวเองเป็นชนวนต้นเหตุของการทะเลาะในหลายๆ ครั้ง โดยเฉพาะเรื่องของเขากับธีรนัย แถมยังชอบออกคำสั่งทั้งที่ไม่มีสิทธิ์ในเรื่องนั้นเลยสักนิด


   การต่อต้านขัดขืนมีขึ้นอีกครั้งเมื่อเอรีสพยายามปลุกเร้าปัถย์ด้วยปลายนิ้วหยาบกระด้าง ร่างสูงรั้งปัถย์ให้นั่งหมิ่นๆ อยู่ที่ขอบโต๊ะ ดันตัวเองเข้ามาระหว่างต้นขาทั้งสองข้างของอีกฝ่าย


   เอรีสจูบต้นคอเบาๆ ทำให้ปัถย์ขนลุกซู่ ลมหายใจร้อนๆ ของเขาทำให้คนตัวเล็กกว่าครั้นเนื้อครั้นตัว หายใจติดขัด อากาศในท้องตีขึ้นจนเกิดอาการร้อนรุ่ม ความหยาบกระด้างของหัวเข้มขัดและสิ่งอื่นที่อยู่ในกางเกงของคนตัวโตโอ้อวดและพร้อมเต็มที่จะรุกราน มันเสียดสีขาอ่อนของคนในอ้อมแขน สร้างความรู้สึกแปลกประหลาดและน่าตระหนก


   ปัถย์ถอยหนีตามธรรมชาติเพื่อปกป้องตัวเองแต่ก็ถูกกอบเอวบางไว้แล้วกดให้เขาแนบสะโพกอยู่กับที่


   “เราต้องการกันและกัน ถึงนายจะปฏิเสธมันด้วยคำพูด แต่ร่างกายนายกลับบอกอีกแบบ  ยอมรับเถอะปัถย์...”


   เอรีสกุมเอวปัถย์ไว้ด้วยมือแกร่งข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างก็ ลูบไล้ในพื้นที่อันเป็นส่วนตัวผ่านผ้าฝ้ายเนื้อบางที่ไม่อาจซุกซ่อนความสวยงามจากดวงตาเข้มจัดของเขาได้


   แก่นกายที่ถูกกระตุ้น อุ่นจัดจนเกือบร้อน


   ปัถย์สะอื้น เบาๆ และเริ่มเกิดความตระหนก เมื่อเขาไล้ปลายนิ้วที่ขอบบ๊อกเซอร์อย่างย่ามใจ ฝ่ามือหนาขยับเข้าหาร่างบางกว่าทีละเล็กละน้อย เมื่อปัถย์ขยับถอยแต่ก็ถูกฝ่ามือหน้าอีกข้างตรึงไว้อย่างแนบสนิท วินาทีต่อมาเขาก็เดินหน้าหนักขึ้นด้วยการลูบไล้ปัถย์ช้าๆ ทว่าหนักหน่วงด้วยปลายนิ้ว หยอกล้อจุดอ่อนไหวของอีกฝ่ายจนสะดุ้ง


   เอรีสรู้ดีว่าต้องทำอะไรเพื่อให้ปัถย์คล้อยตามคล้อยตาม  เขารู้อยู่แล้วว่าความต้องการของผู้ชายต้องการให้แตะตรงไหน เบาตรงไหน และแรงๆ ตรงไหน เอรีสประกบริมฝีปากหนาอีกครั้ง ครั้งนี้นุ่มนวลและหยอกล้อจนปัถย์เตลิด  ลดปราการการต่อต้านลงหลังจากถูกมอมเมาด้วยรสจูบแสนหวานสุดอันตราย เมื่อเขาไล้ปลายนิ้วรูดรั้งแก่นกายร้อนผ่าวเป็นจังหวะ


   ปัถย์ขยับสะโพกอย่างเป็นธรรมชาติเมื่อถูกกระตุ้น เป็นการเชิญชวนที่เจ้าตัวเองก็ยังไม่รู้ตัว เอรีสทำให้เขารู้สึกรวดร้าวในจุดที่อ่อนไหวที่สุด อยากอีกฝ่ายปลดปล่อยเขาจากความทรมานที่ไร้จุดสิ้นสุดนี้


   เอรีสครางในลำคออย่างพอใจ กลิ่นของปัถย์ช่างหอมหวาน กลิ่นอ่อนๆ ลอยอวลในอากาศชวนลุ่มหลง เขาห้ามตัวเองไว้อย่างสุดความสามารถที่จะไม่ฝังตัวเองสู่ร่างตรงหน้า


   เอรีสขยับตัวอีกครั้ง และเป็นฝ่ายนั่งลงบนโต๊ะแทน โดยรั้งร่างของอีกฝ่ายไว้บนตักเพื่อที่ตัวเองจะสร้างความปั่นป่วนให้อีกฝ่ายได้ง่ายและถนัดกว่าเก่า


   เอรีสกำลังทำให้ปัถย์เตลิดเปิดเปิงจนกู่ไม่กลับ นิ้วมือพริ้วไหวมีจังหวะที่เร้าใจเก่งฉกาจ จนปัถย์ไม่สามารถหลอกลวงตัวเองได้อีกว่าไม่ได้กระหายสิ่งนี้ ความทรมานที่ทำให้โหยหาในสิ่งที่มากขึ้นและมากขึ้น


   ปัถย์กลั้นสะอื้น หายใจไม่ได้เมื่อช่องท้องเกร็งเครียดขนาดนี้ กัดริมฝีปากต้นเองไว้แน่น หน้าหวานส่ายไปมา ดูไม่เป็นตัวของตัวเอง เอรีสใช้อุ้งมือกอบกุมใบหน้าร่างเล็กไว้ นิ้วมือขยับสอดเข้าสู่เรียวปากที่อ้ากว้างเพื่อรับอากาศหายใจ เขาจ้องลงไปในดวงตาฉ่ำปรือ หยอกล้อปลายลิ้นด้วยนิ้วแกร่งจนปัถย์ครางกระเส่า


   “ใจเย็นไว้ หนุ่มน้อย” เขากระซิบ รู้ได้ว่าร่างของคนที่ตัวเล็กกว่าปิดกั้นสิ่งที่เขากำลังทำอยู่


   เอรีสมองอย่างพอใจ ความป่วนปั่นของหนุ่มน้อยเกิดขึ้นจากน้ำมือของเขา สิ่งนั้นยิ่งทำให้เขารู้สึกหึกเหิมและมุ่งมั่นในสิ่งที่กำลังทำมากขึ้นไปอีก มือหนารูดรั้งอีกฝ่ายจนครางไม่ได้ศัพท์ เนื้อตัวของปัถย์ทั้งเกร็งและสั่นสะท้าน


   “ผ่อนคลายสิ อย่าเพิ่งคิดเรื่องอื่น รู้สึกแค่ว่ามือฉันกำลังทำอะไรกับร่างกายของนายที่ตอนนี้ อ่า... ที่ตรงนี้ แค่รับรู้ในสิ่งที่ฉันทำก็พอ”


   “อย่าทำอย่างนี้เลย เอรีส”


   ปัถย์ได้แต่ครางเสียงเบาอยู่ในช่วงเวลาที่ทั้งเปราะบางและอ่อนแอ เมื่อเอรีสรุกหนักข้อเข้า ต่อให้ตั้งมั่นว่าจะต่อต้านอย่างไร ก็มันจะพ่ายแพ้ต่อความต้องการส่วนลึกเสมอ


   “ดื้อน้อย”


   เอรีสเร่งจังหวะขึ้น พร้อมกับซอนไซ้ซอกคอหมอกรุ่น เม้มแรงๆ จนสร้างรอยสีกุหลาบไว้ในทุกรอยประทับ เอวสอบขยับเน้นๆ กดให้อีกฝ่ายบดเบียดสะโพกเปลือยแม้จะมีกางเกงของตัวเองกางกั้นไว้ก็ตาม


   “อาาาา เอรีส”


   “ยอดเยี่ยมใช่ไหม”


   เอรีสครางรับ ใช้โทนเสียงแหบพร่า เพราะตัวเองก็รู้สึกเร่าร้อนไม่ต่างกันเลย ยิ่งร่างของปัถย์ตอบรับเขาด้วยกายแข็งขึงตื่นตัวมากเท่าไร เอรีสก็ปวดร้าวที่แก่นกายมากขึ้นเท่านั้น  แต่เจ้าตัวจำต้องตัดความพอใจส่วนตัวไว้ก่อน ตอนนี้สิ่งเดียวที่เขาต้องการคือการอที่ปัถย์ปลดปล่อยต่อหน้าเขา


   ร่างสูงแกร่งรีดเค้นแก่นกายของคนในอ้อมกอดซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกระทั่งร่างของปัถย์หดเกร็ง เนื้อตัวสั่นสะท้าน มือข้างหนึ่งจับต้นแขนแกร่งของเอรีสไว้แน่น ก่อนที่แตกละเอียดเป็นเสี่ยงๆ ด้วยความสุขสมอย่างรุนแรง


   “โอ ใช่” เขายิ้มโหดร้าย “นั่นล่ะ ปัถย์น่าหลงใหลมาก”


   เอรีสซ้อนหลังปัถย์อยู่ยื่นอุ้งมือเพื่อรองรับการหลั่งของอีกฝ่ายอย่างรู้จังหวะ ในยามที่ปัถย์สุขสมก็ไม่ต่างเทวดาน้อยๆ ที่เปล่งแสงมะลังมะเลือง งดงามและสมบูรณ์แบบ ชายหนุ่มมองอีกฝ่ายอย่างหลงใหล เขาจุมพิตทีี่ขมับเบาๆ เป็นเชิงปลอบประโลม มือข้างที่เหลือลูบไล้กรามมนอย่างลุ่มหลงรักใคร่ แล้วถอนมือออกอย่างอ้อยอิ่งแสนเสียดายที่ทุกอย่างจบลง


   นึกอยากจะทำมันซ้ำๆ ทั้งเสียงครางและสีหน้าแดงระเรื่อบิดเบ้ของปัถย์ช่างให้ความรู้สึกดีเสียจนเขาไม่อาจละสายตาไปได้


   ปัถย์ที่เนื้อตัวสั่นสะท้าน หลังจากที่เขาปล่อยตัวเองให้หลุดจากการควบคุม จนถูกอีกปลุกเร้าจนกลายเป็นเครื่องเล่นอีกชิ้นที่ท้าทายและน่าสนุก


   ...เขาทำอะไรลงไป


   ปัถย์เบิกตากว้าง มองเอรีสที่ยืนค้ำร่างตัวเองอยู่ เขาหยิบกระดาษทิชชู่ออกมาเช็ดคราบจากความสุขสมของคนตัวเล็กอย่างช้าๆ และโยนมันลงถังขยะใต้โต๊ะ ก่อนใช้ริมฝีปากและปลายลิ้นสีเข้มแตะที่นิ้วมือของตัวเอง


   ดวงตาที่วูบไหวของปัถย์หลับลง หัวใจของปัถย์แหลกสลาย เหมือนตัวเองกำลังถูกบีบด้วยกำแพงที่มองไม่เห็น เป็นความผิดพลาดที่เกิดซ้ำอีกทั้งที่ตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่ยอมให้มีอีกเป็นครั้งที่สอง


   เอรีสคงไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่เขาทำในวันนี้มันสร้างบาดแผลให้จิตวิญญาณของเขาขนาดไหน มันเป็นความเสียหายที่อาจไม่เห็นด้วยตา แต่หัวใจของเขากำลังยับเยิน


   ปัถย์ขยับตัว ใช้ฝ่ามือดึงเสื้อและกางเกงปกปิดเรือนร่างอย่างเก้ๆ กังๆ   


   มันชัดเจนอยู่แล้วว่าเอรีสมองเขาว่ามีคุณค่ามากแค่ไหน


   เอรีสทำแบบนี้เท่ากับหยามเกรียติและมองว่าคนแบบเขาไม่ต่างไปจากคู่ขาที่ผ่านมา เอรีสสนุกในการใช้เซ็กซ์เป็นเครื่องบำบัดความเหงา แต่กับเขาแล้วมันไม่ใช่  เขามองเซ็กซ์นั้นควบคู่มากับความรัก ถ้าไม่รักเขาจะไม่ทำ


   เขาจะไม่มีวันสำส่อนไปทั่ว


   แต่เอาเถอะ จะโทษเอรีสฝ่ายเดียวไม่ได้ ถ้าเขาปฏิเสธให้จริงกว่านี้ เอรีสก็คงไม่กล้าทำ แต่นี่เป็นเขาเองที่อ่อนแอ แล้วจะโทษใคร


   “ปัถย์…” เอรีสเรียกเขา


   เสียงของอีกฝ่ายดูเซ็กซี่ด้วยอยู่ในช่วงอารมณ์พิศวาส เอรีสแสดงออกในสิ่งที่ตัวเองรู้สึกว่าเขาพึงพอใจเขาในสิ่งที่ตัวเองทำลงไปขนาดไหน


   ปัถย์ขยับออกจากอีกฝ่ายช้าๆ มือบางสั่นขณะรูดซิบและติดกระดุมกางเกงของตัวเอง นานหลายนาทีปัถย์จึงแต่งตัวเสร็จมือที่สั่นระริดลูบผมเผ้าตัวเองให้เข้าที่ก่อนจะมองหน้าเขาอย่างเย็นชา และพูดเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น


   “คุณมีประชุมตอนสิบโมง” ปัถย์มองที่นาฬิกาข้อมือ แล้วพูดต่อ “ตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้วครับ บอส”


   ปัถย์ยิ้มบางเบาแล้วเดินจากไปอย่างเงียบกริบ



++++

ฝากเรื่องนี้ด้วยนะคะ
เม้นท์โหน่ยยยยย จะได้รู้ว่าติดตาม

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
ติดตามเจ้านายเจ้าเล่ห์จ้า

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
เจ้านายปากแข็งจัง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ตามติด ๆ รอตอนหน้า  :katai2-1:

ออฟไลน์ anin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
C h a p t e r  3

   การประชุมผ่านไปแบบน่าเบื่อหน่าย เอรีสฟังทุกอย่างแบบเข้าหูซ้าทะลุหูขวา ภาพกราฟฟิคบนจอทรงคุณภาพไม่ได้ทำให้เขาสนใจแม้แต่น้อย เพราะดวงตาสีเทาลึกล้ำของเขามัวแต่จับจ้องที่ใบหน้าซีดเซียวของปัถย์อย่างไม่อาจละสายตาไปได้

   ทำไมเขาถึงได้คลั่งไคล้หมอนี่ขนาดนี้กันนะ

   เมื่อไรกันที่ปัถย์คือคนที่เขาหวง... แบบเก็บอาการไม่ได้ขนาดนี้

   รู้แต่ว่าเมื่อปัถย์อยู่ใกล้ๆ เขารู้สึกสบายใจและเป็นตัวของตัวเอง ไม่ต้องทนฝืนปั้นหน้าเป็นคนสมบูรณ์แบบอย่างที่ต้องแสร้งว่าเป็นอยู่เสมอ ทุกคนชอบมองว่าเขาคือเฟอร์เฟคชั่นนิส แต่เขาไม่ใช่

   เขามีด้านเลวร้าย แต่เลือกที่จะไม่เปิดเผยให้ใครต่อใครได้เห็น ยกเว้นกับผู้ช่วยหนุ่มคนนี้ที่เห็นเขาแล้วในทุกๆ แง่ ซึ่งเป็นเพียงคนเดียวที่เขาวางใจแสดงอารมณ์และความรู้สึกต่างๆด้วยอย่างไม่มีซ่อนเร้น

   ไม่ว่าจะกับใคร เขาก็ไม่เคยรู้สึกหวั่นไหว ‘ยกเว้นอยู่หนึ่งคน’ แต่ใครคนนั้นก็ได้ทำลายความศรัทธาของเขาไปจนไม่เหลือ

   ใครคนนั้น ทำลายหัวใจของเขาจนแหลกละเอียด ย่อยยับจนไม่มีชิ้นดี ล่วงผ่านมาจนวันนี้เขายังไม่รู้ว่าความเสียหายที่เคยเกิดขึ้นนั้นมันสมานตัวไปแล้วหรือไม่ เขารู้เพียงว่ามันได้กลายเป็นความด้านชา ที่นานวันเข้าก็พัฒนาจนกลายเป็นคำว่า ‘ไร้ความรู้สึก’

   แต่ปัถย์ต่างออกไป เขารู้ว่าคนนี้จะไม่มีวันทำลายความไว้ใจของเขาอย่างที่ใครคนนนั้นเคยทำ เขารู้ได้โดยสัญชาตญาณว่าใครคนนี้ไม่ใช่คนที่จะทำให้เขาเจ็บ

   แต่มาถึงตอนนี้แล้วเขาเริ่มไม่แน่ใจ

   เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกกลัว...

   การที่ธีรนัยเข้ามาพัวพันกับปัถย์ กระตุ้นความรู้สึกอันเลวร้ายบางอย่างออกมาจากก้นบึ้งในจิตใจ เขาเกลียดความรู้สึกที่ไม่มั่นคงแบบนี้ ความกลัวที่จะสูญเสียปัถย์ไปกำลังทำให้เขาพลุ่งพล่านและไม่เป็นตัวของตัวเอง

   เขาไม่เคยทำตัวร้ายกาจกับปัถย์มาก่อน ถึงบางครั้งเขาจะเจ้ากี้เจ้าการ หรือเอาแต่ใจเพียงใด แต่ทุกครั้งเขาก็จะสุภาพกับหมอนั่นเสมอ เขามองปัถย์เป็นคนสำคัญ เป็นลูกน้อง เป็นเพื่อน เป็นคนที่เขายิ้มและหัวเราะด้วยอย่างสนิทใจ ดังนั้นเขาจึงไม่เคยทำอะไรที่เป็นการหมิ่นอีกฝ่าย

   …ยกเว้นเมื่อตอนเช้า


.
.
.

   เมื่อการประชุมที่น่าเบื่อสิ้นสุดลง เขาก็พ่นลมหายใจออกมาในที่สุด แล้วหันไปหาปัถย์ที่กำลังเก็บเอกสารและแล็ปท็อปของตัวเอง ปัถย์ทำทุกอย่างด้วยความคล่องแคล้ว ดูไม่เหมือนคนที่มีบางอย่างรบกวนจิตใจ ซึ่งนั่นไม่เหมือนความรู้สึกทางฝั่งเขาแม้แต่น้อย

   นายควรจะรู้สึกอะไรบ้างสิ!

   อาจรู้สึกหวั่นไหวหรือสะดุ้งสะเทือนบ้างก็ดี...



   ขณะที่ทุกคนกำลังทยอยกันออกจากห้อง ปัถย์รู้ว่าตัวเองก็ต้องรีบออกไปให้เร็วที่สุด ทั้งที่ตลอดสามปีที่ผ่านมาเขาจะเป็นคนที่เดินรั้งท้ายเสมอ

   ปัถย์จะปล่อยให้เจ้านายเป็นผู้เดินออกไปก่อนอย่างให้เกียรติ และรอจนกว่าอีกฝ่ายเอื้อยเอ่ยสิ่งที่ต้องการและเขาพร้อมที่จะทำตามในทุกๆ คำพูด

   ครั้งนี้เขาก็ทำอย่างเช่นเคย ปัถย์รอให้เอรีสลุกจากโต๊ะแต่เอรีสยังคงนั่งนิ่ง จากการชำเลืองด้วยหางตาเขาเห็นว่าเขายังคงกอดอกและมองมาด้วยสายตาเย็นชาปะปนมากับความไม่พอใจอย่างปิดไม่มิด

   “คุณจะรับประทานอาหารกลางวันที่นี่หรือเปล่า ผมจะได้แจ้งให้แม่บ้านเตรียมให้”

   ปัถย์ถามออกไปเรียบ ขยับแว่นสายตาเล็กน้อย รอคำตอบอย่างใจเย็น

   “ได้ ฉันจะกินที่นี่ล่ะ”

   “ครับ”

   “เดี๋ยวสิ”

   “ครับบอส”

   ปัถย์ขานรับ แล้วหันกลับมาถามด้วยรอยยิ้มบางๆ ที่ดูปกติอย่างที่สุด ไม่บ่งบอกอาการใดๆ ทั้งที่ในใจหน่วงหนักจนอกแทบแตก


   หางตาเอรีสกระตุก ท่าทางที่แสนเยือกเย็นของปัถย์กวนอารมณ์ด้านร้ายของตัวเองขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ชอบเลยที่อีกฝ่ายเฉยเมยกับเขา ในเมื่อระหว่างทั้งคู่ไม่เคยเก็บงำความรู้สึกต่อกัน ต่างก็พูดในสิ่งที่นึกเสมอ

   เขาเกลียดที่มีบางอย่างแทรกกลางระหว่างเขากับปัถย์ แต่ถ้าปัถย์อยากจะเล่นเกมก็ได้

   เขาก็อยากเล่นเกมเหมือนกัน

   “ฉันเปลี่ยนใจล่ะ นายช่วยโทร. บอกคิมหน่อยสิว่าฉันอยากกินข้าวเที่ยงด้วย”

   พูดจบเขาลุกขึ้นเต็มความสูงร้อยแปดสิบห้าของตัวเอง แล้วยิ้มโปรยเสน่ห์ แต่ดวงตากลับดูร้ายกาจมาให้ โดยไม่คำนึงว่าคนที่ได้ยินประโยคดังกล่าวจะรู้สึกลำบากใจเพียงใด

   ชื่อของคิม หรือ ‘คิมหันต์’ ทำให้ปัถย์ชะงัก ริมฝีปากที่ฝืนยิ้มอยู่เมื่อครู่แข็งค้าง จนเมื่อตั้งสติได้เจ้าตัวจึงฝืนยกร้อยยิ้มที่มุมปากราวกับเยาะเย้ยความโง่เขลาของตัวเองอยู่ในที

   เจ็บดีไหมล่ะปัถย์

   เขาไม่ได้พิศวาสนายอย่างที่ปากเขาพูดหรอก เขาก็แค่ปั่นหัวขี้เลื่อยของนายเท่านั้นเอง ผู้ช่วยหนุ่มคิดอย่างขมขื่นใจ ความด้านชาที่ตัวเองเคยคิดว่ารับมือได้กลับแสดงฤทธิ์เดชอย่างคาดไม่ถึง

   คิมหันต์คือนายแบบหนุ่มดาวรุ่งเขาคั่วอยู่ลับๆ

   เป็นไฮโซชื่อดังดีกรีนักเรียนนอกที่ดูดีตั้งแต่หัวจรดเท้า ผิวพรรณแบบผู้ดี มีคุณตาเป็นถึงเจ้าสัวห้างดังที่มีสาขาอยู่ทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศ จบจากอังกฤษที่สำคัญเป็นหนึ่งในคนที่เอรีสให้เกรียติเอามากๆ ด้วย

   คนนี้เอรีสไม่ได้คบเล่นๆ

   เมื่อเรียกความมั่นใจกลับคืนมา ปัถย์จึงกลับมายิ้มอ่อนได้อีกครั้ง เขามองไปที่ผู้เป็นเจ้านายด้วยสายตาว่าเปล่า

   “คุณต้องการให้ผมแจ้งนัดครับ ที่ไหนดี ที่เพนต์เฮาส์ หรือว่า...”

   “ที่ห้องทำงาน อ้อ… ผมขอไวน์ดีๆ สักขวด อีกอย่างอย่าให้ใครรบกวนเวลาที่ฉันมีแขกพิเศษ

   เป็นเอรีสก็จงใจยั่วกลับเช่นกัน น้ำเสียงเขาอ่อนนุ่มรื่นหูเกินเหตุ

   เขาไม่ใช่คนที่มีเหตุผลเสมอไป บางครั้งเขาก็อยากแสดงออกแบบเด็กๆ ดูบ้าง เขาอยากประชดประชันให้อีกฝ่ายได้รู้สึกเวลาที่เขามีนัดกับคนอื่น ปัถย์จะได้รู้ว่าเขารู้สึกยังไงจะได้สมน้ำสมเนื้อกับเวลาที่รู้ว่าหมอนั่นไปไหนมาไหนกับธีรนัยว่าเขาก็หวงและห่วงเหมือนกัน

   “ผมจะดูให้แน่ใจคุณกับแขกคนพิเศษจะไม่ถูกรบกวนครับบอส”

   “เยี่ยม” เขากัดฟันขณะพูด “นายนี่ช่างเป็นลูกน้องที่รู้ใจฉันเสมอ”

   “ครับ”

   เมื่อปัถย์เดินออกจากห้องประชุมด้วยท่าทีวางเฉยยิ่งทำให้เอรีสดูวุ่นวายใจยิ่งกว่าเก่า

   ปัดโธ่เอ้ย!
   ปัถย์ไม่รู้สึกหึงหวงเขาจริงๆ อย่างนั้นเหรอ

   สักนิดก็จะทำท่าว่าหวงเขาหน่อยไม่ได้หรือไง!

   ก็แค่ลองใจนะ!

   หวงกันหน่อยสิว่ะ!




.
.
.
.

   ปัถย์ทำทุกอย่างตามที่เอรีสสั่ง เขาโทร. หา คิมหันต์ทันที และได้รับเสียงทุ้มๆ ตอบกลับมาอย่างอารมณ์ดีพร้อมตอบตกลงทั้งที่เขายังพูดออกไปไม่จบประโยคเสียด้วยซ้ำจากนั้นจัดการสั่งอาหารฝรั่งเศลจากภัตรคารชื่อดัง กับไวน์ชนิดที่เอรีสพอใจเป็นพิเศษ ไม่ถึงสี่สิบนาทีคนแขกพิเศษแบบก็ปรากฎตัวขึ้น พร้อมกับเสียงหวีดเซ็งแซ่จากสาวน้อยสาวใหญ่ เพราะคิมหันต์เป็นไฮโซคนดัง เป็นผู้ชายหล่อเหลาและน่าค้นหา มีเสน่ห์ทั้งกับเพศตรงข้ามและเพศเดียวกัน ซึ่งถือว่าเป็นผู้ชายอีกคนที่มองยังไงก็ไม่มีวันเบื่อ

   ปัถย์นิ่งอึ้งไปชั่วอึดใจ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดช้าๆ ไล่ความขุ่นมัวในอารมณ์ออกไปจากความรู้สึก ไม่ต้องเดาก็รู้ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในห้องนั้น

   เอรีสคงพอใจกับแขกคนนี้มาก... และคงลืมไปว่าได้ทำให้คนที่อยู่ใกล้ๆ ตัวทุกวี่ทุกวันอย่างเขารู้สึกแย่ขนาดไหน

   ปัถย์หยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงของตัวเองขึ้นมา ก่อนกดโทรศัพท์หาเพื่อนสนิท ด้วยกำลังรู้สึกว่าตัวเองเซ็งเกินกว่าที่จะทำงานอะไรรู้เรื่องอีกแล้ว

   ‘ว่าไงครับคุณปัถย์ มีอะไรให้เพื่อนคนนี้รับใช้หรือไงครับ’

   “มึงอยู่ไหน อยู่กรุงเทพฯ หรือเปล่า”

   ‘อยู่ เพิ่งกลับจากไซด์งานมาเมื่อวาน ได้หยุดยาวสามวันว่ะ”

   “ไปกินกาแฟกันไหม บ่ายนี้กูว่าง”

   ปัถย์ถามชลนทีเพื่อนสนิทที่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่มหาวิทยาลัย ซึ่งเพื่อนสนิทคนนี้ได้งานเป็นวิศวกรภาคสนามจึงต้องเทียวไปเทียวมาระหว่างไซด์งานและเฮดออฟฟิศในกรุงเทพฯ

   ‘เฮ้ย! แล้วมึงไม่ต้องคอยพะเน้าพะนอเจ้านายสุดเฮี๊ยบของมึงเหรอวะ’

   “ไม่ว่ะ กูว่าจะโดดช่วงบ่าย”

   ‘แปลกว่ะ มึงนี่นะโดดงาน’

   “เออ เจอกันที่ชิดลมนะ กูรอที่ร้านกาแฟร้านเดิม”

   ‘งั้นต้องรอกูนานหน่อยนะมึง ตอนนี้กูเพิ่งเอารถออกมาจากศูนย์ หาโน่นนี่ทำไปก่อนนะ”

   “แล้วเจอกัน”




   ฝ่ายบุคคลทำหน้าประหลาดใจเมื่อเขาโทร. ไปบอกว่ามีธุระสำคัญ และขอให้ส่งใครสักคนมาสแตนบายแทนที่เขาในช่วงบ่ายแน่ล่ะว่ามันเป็นเรื่องแปลก สามปีมานี้ปัถย์แทบไม่เคยลากิจหรือลาป่วย เขาทำงานเหมือนมันคือลมหายใจของตัวเอง ทุ่มเททุกวินาทีเพื่องานและงาน

   “เอมครับ ผมฝากคุณช่วยดูแลคุณเอรีสและแขกของเขาด้วยนะ บ่ายนี้ผมติดธุระนิดหน่อยแล้วคงไม่เข้ามาแล้ว”

   “ฉันไม่แน่ใจว่าเอรีสจะโอเคหรือเปล่า แหม... ไม่มีใครรู้ใจเขาเท่าคุณ”
 
   สีหน้าเอมหนึ่งในผู้ช่วยผู้บริหารดูไม่แน่ใจ ขณะพูดไปก็นึกถึงใบหน้าหล่อแต่ดุก็หวาดๆ ยังไงก็ไม่รู้

   “อย่าห่วงเลยเอม เอรีสจะวุ่นวายกับธุระของตัวเองจนไม่รู้ว่าผมหายไปด้วยซ้ำ คุณแค่คอยดูว่าเขาอยากได้อะไรเพิ่มหรือเปล่าอย่างกาแฟหรือเครื่องดื่ม”

   ปัถย์เชื่อว่าเอรีสคงยุ่งอยู่กับคิมหันต์จนมือเป็นระวิงและรู้ตัวอีกครั้งก็คือช่วงเวลาเลิกงานนั่นล่ะ

   เอมพยักหน้า รับปากว่าจะดูแลให้ ดังนั้นปัถย์จึงรีบกลับออกจากออฟฟิศด้วยความรวดเร็ว






   
   โทรศัพท์ของปัถย์ดังหลังจากนั้นประมาณยี่สิบนาที

   ชื่อเอรีสทำให้เขาชะงักเท้าที่กำลังจะก้าวเข้าสู่ร้านหนังสือ แต่ปัถย์ก็ไม่ได้รับ แถมยังจัดการปิดเสียงและเก็บมันลงกระเป๋าอีกต่างหาก

   เจ้าตัวยังคงเดินหาหนังสือที่ตัวเองสนใจ ระหว่างที่รอให้เพื่อนที่กำลังรถติดแหงกอยู่ที่แยกเพชรบุรีมากว่าครึ่งชั่วโมง มาถึง ซึ่งประมาณการเอาคร่าวๆ ก็คงไม่ต่ำกว่าสี่สิบนาที

   ปัถย์ออกจากร้านหนังสือหลังจากนั้นชั่วโมงเศษและได้หนังสือประเภทจิตวิทยามาสองเล่ม เมื่อดูนาฬิกาที่เกือบจะบ่ายสาม

   “ว่าไงมึง”

   ชลนทีทักเพื่อนที่กำลังสนอกสนใจกับหนังสือตรงหน้า เลิกคิ้วน้อยๆ อย่างล้อเลียนเพราะไม่คิดว่าคนที่บ้างานอย่างปัถย์จะโดดงานแล้วชวนเขามานั่งเล่นแบบนี้

   “ช้าว่ะ”

   “รถมันติด นี่กูโคตรรีบล่ะ ว่าแต่มึงเหอะ อารมณ์ไหนวะะ”

   “ชวนเพื่อนกินกาแฟไม่ได้หรือไง”

   “ได้อ่ะได้ แต่แค่ว่ามันแปลก”

   “เป็นไงบ้าง งานที่กระบี่” ปัถย์เปลี่ยนเรื่อง แล้วชวนเพื่อนคุยแทน

   “วุ่นวายเหมือนกัน แต่ดีหน่อยแม่งมีคนมาช่วยไม่งั้นให้กูดูคนเดียวทังโครงการกูตายพอดี”

   “ใช้มึงคุ้มเลยเน๊อะ บริษัทมึงเนี่ย” ปัถย์ยิ้มเย้ยๆ แล้วส่งแก้วกาแฟที่ซื้อมาให้อีกฝ่าย

   “ไม่สู้บริษัทยักษ์ใหญ่ของมึงหรอกมั้ง กูเห็นใช้มึงแม่งคุ้มของโคตรคุ้ม ไอ้เจ้านายขาโหดของมึงอ่ะ เป็นกูนะเงินเดือนแค่นี้กูไม่เอาหรอก”

   “เออ กูก็อยากหางานใหม่อยู่”

   “มึงพูดจริงพูดเล่น”

   ชลนทีเลิกคิ้ว แล้วถามเพื่อนรักอย่างจริงจัง ปกติแล้วปัถย์รักงานที่ทำจะตาย ไม่เคยบ่นว่าเหนื่อยหรือเบื่อเลยสักครั้ง ทั้งๆ ที่เขายุให้หางานใหม่ตั้งหลายครั้งเพราะว่าไม่ว่าจะชวนเพื่อนไปสังสรรที่ไหน มันก็บอกว่าติดงานตลอด

   “จริง มึงมีงานให้กูทำมั้ยล่ะ”

   “บริษัทกูรับอยู่ แต่ส่วนใหญ่ก็ออกภาคสนาม มึงจะทำไหม”

   “กูจบมาก็ไม่ได้ทำงานภาคสนามเลยว่ะ แต่ก็น่าสนใจ”

   เพราะถึงจะจบโยธามา แต่ปัถย์ก็ไม่ได้ทำงานภาคสนามเท่าไร นอกจากบางทีที่ต้องเดินทางไปดูตามโครงการสำคัญๆ ของเอรีส ซึ่งส่วนใหญ่งานที่เขารับผิดชอบจะเป็นเรื่องการวางแผนธุรกิจที่เกี่ยวกับงานก่อสร้างเสียมากกว่า

   “กูว่าถ้ามึงผ่านงานกับคุณเอรีสได้ ไปไหนมึงก็รอด แต่มึงจะออกจริงๆ ดิ บริษัทกูเงินเดือนไม่เยอะเหมือนที่ที่มึงทำอยู่นะ”

   “ถ้ากูอยากทำ เงินก็ไม่เกี่ยว”

   “เดี๋ยวนะ มึงมีปัญหาอะไรเรื่องงานหรือเปล่า เล่าให้กูฟังก็ได้นะ” ชลนทีเห็นหน้าเพื่อนที่ดูไม่ค่อยสบายจึงอดไม่ได้ที่จะถาม ก็เพื่อนของเขาคนนี้ไมใช่คนที่อ่อนไหวกับอะไรง่ายๆ แต่นี่มองดูแล้วมีท่าทางไม่สบายใจแปลกๆ

   “ก็แค่เบื่อความจำเจ ไม่มีอะไรหรอก ว่าแต่มึงเหอะไปอยู่ไซด์งานเป็นเดือนๆ เมียไม่เครียดเหรอวะ”

   “มันก็เครียดล่ะ แต่ก็ต้องเข้าใจ มันเป็นงาน ว่าแต่มึงเหอะเมื่อไรจะมีแฟนว่ะ ทำแต่งานไม่รู้สึกว่าเหงาหรือไง”

   “ก็มีคนที่กำลังดูๆ อยู่”

   “ใครว่ะ” คนเป็นเพื่อนทำสีหน้าอยากรู้อยากเห็น ขยับตัวมาใกล้แล้วคาดคั้น

   “เดี๋ยวแน่ใจแล้วจะพามาเปิดตัว ตอนนี้ก็แค่ลองๆ คุย ยังไม่รู้เลยว่าจะรอดหรือเปล่า”

   ระหว่างที่คุยกับชลนทีอย่างออกรส โทรศัพท์ในกระเป๋าของเขายังสั่นอยู่ตลอดเวลา

   ปัถย์ถอนใจ เมื่อหยิบออกมาดูก็พบสายที่ไม่ได้รับทั้งหมดสามสิบแปดสาย สิบแปดสายมาจากเอรีส อีกสิบสายเป็นเบอร์โทร. ประจำออฟฟิศและที่เหลือก็เป็นของเอม

   “โหย มีใครตายป่าวมึง โทรถี่ขนาดนี้”

   แม้จะปิดเสียง แต่ไอ้อาการสั่นถี่สั่นไม่หยุดก็ทำให้ผู้เป็นเพื่อนอดแขวะไม่ได้

   “ที่ออฟฟิศ”

   “เจ้านายมึงปวดขี้แล้วมั้ง ห่า สงสัยทิชชูหมดมั้งมึง”

   “ปากมึงนี่นะ ให้มันน้อยๆ หน่อยนั่นเขาเจ้านายกู ไว้หน้านิดนึง”

   “ไอ้ปัถย์ กูเคยคิดเล่นๆ นะว่าไอ้บอสมึงเนี่ยมันจ้องจะแดกมึงป่ะวะ เห็นแม่งติดมึงขนาดหนักเข้าเส้น เดี๋ยวโทรเรียกๆ มันไม่เอาเวลาไปกกหญิงมั้งหรือไงวะ”

   “ฮึ น้อยไปสิ”

   เอรีสมีสาวเยอะแยะ หนุ่มก็ด้วย เยอะจนไอ้เพื่อนตรงหน้าต้องอิจฉาเลยล่ะ

   “มึงทะเลาะกับเจ้านายมาใช่ป่ะ”

   “ไม่เชิง”

   “หน้ามึงแม่งฟ้อง เออเนอะ มึงก็ทนมันได้ เจ้านายงี่เง่าพรรณนั้น”

   “ก็จริง...”

   “ไอ้ปัถย์ กูรำคาญโทรศัพท์มึงว่ะ รับหน่อยมั้ย แม่งต้องมีใครตาย”

   ปัถย์ได้ยินดังนั้นจึงตัดสินใจโทร. กลับหาเอมและได้ยินเสียงกระวนกระวายตอบกลับมา

   “ขอบคุณสวรรค์” เอมพึมพำและรีบพูด “ปัถย์คุณอยู่ไหน”

   “ทำธุระอยู่นิดหน่อย มีอะไรเหรอ”

   “ถ้าเสร็จแล้วช่วยกลับมาทีได้ไหม”

   “มีอะไรด่วนหรือครับ” เขาถามอย่างงุนงง ที่จริงวันนี้งานด่วนๆ ก็ไม่มี แถมเอรีสก็ยังคงมีแขก เผลอๆ ตอนนี้เขาอาจออกไปข้างนอกกับคิมหันต์แล้วก็ได้

   “ยิ่งกว่าด่วน เอรีสโวยวายใหญ่แล้ว เพราะเขาหาคุณไม่เจอ”

   “แล้วคุณไม่ได้บอกว่าผมลาไปธุระเหรอ”

   “บอกแล้ว แต่ไม่ว่าจะพูดหรือทำอะไร เอรีสก็ตะคอกใส่ทุกคนไม่หยุด” เสียงของเอมเครียดมาก “กลับมาก่อนได้ไหม  ไม่มีใครรับมือกับเอรีสไหวแล้ว”

   ปัถย์รู้ดีว่าเวลาที่เอรีสเกรี้ยวกราดและไม่พอใจจะเป็นยังไง ดังนั้นทุกคนที่อยู่ในออฟฟิศคงรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังยืนอยู่ในนรก แล้วมีพญามัจุราชอย่างเอรีชที่คอยลงทัณฑ์อยู่แน่ๆ

   “ขอโทษทีนะเอม ผมจะโทร. หาเอรีสเอง”

   เมื่อวางสายปัถย์ก็ถอนหายใจ

   “ไงมึง งานเข้าเหรอ”

   “…”

   ปัถย์ไม่ตอบ แต่กลอกตาเป็นเชิงว่างานกูเข้าว่ะ

   “ถ้าไม่มีมึง บริษัทนั่นแม่งจะเจ๊งหรือไง หูยเป็นกูนะเงินเดือนหกหมื่นยังขอคิดดูก่อนเลยว่ะ มึงรับๆ ทีดิ๊รำคาญ”

   เอรีสโทร. เข้ามาอีกแล้ว ครั้งนี้เขาลังเลอยู่ชั่วครู่กว่ายอมรับสาย

   “ปัถย์!” เสียงอีกฝ่ายห้วน และดังมาก ดังเสียจนปัถย์ต้องเบี่ยงโทรศัพท์ให้ห่างจากหูเล็กน้อย

   “ครับบอส”

   “นายหายหัวไปไหน ฉันหาจนทั่ว”

   “ผมมีธุระด่วนนิดหน่อย” ปัถย์ทำเสียงเยือกเย็น เก็บความรู้สึกที่รบกวนจิตใจเอาไว้อย่างมิดชิด เพราะเพื่อรักที่นั่งอยู่ตรงข้ามกำลังนั่นเท้าคางมองจับผิดอยู่

   “โกหก” เขาดักคออย่างทันควัน “อยู่ไหน”

   “แถวๆ นี้ล่ะครับ”

   “แถวนี้น่ะ แถวไหน เดี๋ยวจะไปหา”

   “คุณต้องการอะไรครับ” ปัถย์ใช้น้ำเสียงเนือยๆ ถามขึ้น

   “มีเรื่องด่วน” เอรีสทำเสียงแข็งๆ ซึ่งออกอาการอย่างคนที่โดนขัดใจ

   “บอกผมมาได้เลยครับ เดี๋ยวผมรีบจัดการให้” ปัถย์รีบบอกเร็ว เขาเคยชินกับการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าอยู่แล้ว

   “ฉันอยากคุยต่อหน้ามากกว่า”

   “ผมไม่สะดวก”

   เพื่อนที่อยู่ตรงหน้ายิ้มแบบรู้ทัน แล้วทำหน้าล้อเลียนพร้อมพูดแบบไม่มีเสียงว่า ‘ดีมาก’

   “คิมกลับไปแล้ว”

   “ครับ” ปัถย์รับคำแบบส่งๆ

   “นี่นายยังไม่ตอบฉันเลยว่าอยู่ไหน”

   เอรีสเดาไม่ออกว่าปัถย์กำลังรู้สึกอะไร หรือคิดอะไร ที่จริงเขาอยากให้อีกฝ่ายแสดงอาการหึงหวงถึงได้ยั่วอีกฝ่ายแบบนี้ แต่ก็ไม่คิดว่าปัถยืจะได้ทีเผ่นหนีไปแบบนี้

   “ตอนนี้ผมกำลังทำธุระอยู่ครับ”

   “ฟังๆ ดูเหมือนมันไม่จริงสักเท่าไรเลยนะ” เขาทำเสียงไม่ไว้ใจและรู้ทัน “ฉันหาของบางอย่างไม่เจอ มาหาให้หน่อย”

   “อะไรครับ”

   “ไอดีการ์ด แล้วก็ใบขับขี่”

   เอรีสไม่ได้ต้องการมันจริงๆ หรอก ที่จริงแล้วมันยังอยู่ในกระเป๋าสตางค์ของตัวเองนั่นล่ะ ไม่ได้จะใช้ แล้วก็ไม่ได้หายด้วย

   มันก็แค่ข้ออ้าง

   “คุณเอาออกจากกระเป๋าสตางค์หรือเปล่าครับ” ปัถย์ร้องถามอย่างแปลกใจ ด้วยนิสัยของเอรีสไม่ใช่พวกขี้หลงขี้ลืมเสียด้วย

   “ไม่รู้สิ อย่าถามให้มากได้ไหม แค่มาจัดการก็พอ”

   เสียงนั้นตอบกลับมาแบบส่งๆ น้ำเสียงติดจะมีอารมรณ์หงุดหงิดส่งผ่านกลับมาพร้อมคำพูด

   ปัถย์รู้ทันทีว่าเอรีสกำลังหาเรื่อง เจ้าตัวถึงกับส่ายหัว คิดไปว่ารองรับอารมณ์เขาได้ยังไงอยู่ตั้งหลายปี เอาแต่ใจก็ที่หนึ่ง

   “ต้องใช้วันนี้เลยหรือครับ”

   “ใช่สิ ของแบบนี้มันต้องพกติดตัวตลอดเวลา ฉันรื้อโต๊ะออกมาจนทั่วแล้วก็ไม่เจอ”

   “คุณลืมไว้ที่บ้านหรือเปล่า กลับไปดูก่อนดีกว่าครับ อาจจะอยู่ที่ตู้ข้างเตียงก็ได้” ปัถย์ออกความเห็น

   โต๊ะข้างเตียงของเขามีของสำคัญๆ เก็บอยู่หลายอย่าง ตั้งแต่พาสปอร์ต ใบขับขี่หรือแม้กระทั่งคอนดอมของสำคัญที่เอรีสไม่เคยให้ห่างตัว...

   ที่เขารู้เพราะเมื่อเปิดเพื่อจะเอาพาสปอร์ตของอีกฝ่ายเพื่อขอวีซ่าในการเดินทางเขาก็ได้เห็นมันอยู่บ่อยๆ

   “เอาเป็นว่านายต้องรีบมา ฉันรื้อของจนเละหมดล่ะ”

   สิ่งที่เอรีสพูดทำให้เขาทั้งแปลกใจและโมโห กำลังสงสัยอยู่เชียวว่าโต๊ะทำงานที่เขาว่ามันเละเทะมาจากเซ็กส์ที่ที่ฟาดฟันกับคิมหันต์อย่างเมามัน หรือการที่เขารื้อข้าวของเพื่อหาไของกันแน่ แต่ไม่สำคัญหรอกบางทีมันอาจจะทั้งสองอย่างก็ได้

   “พรุ่งนี้ผมจะไปจัดการให้ตั้งแต่เช้าครับ ผมแน่ใจว่าคงไม่มีกล้าเขาไปวุ่นวายกับโต๊ะทำงานของคุณแน่ๆ”

   “โอเค!  งั้นมาหาฉันที่บ้านนะฉันมีเรื่องอยากคุยด้วย”

   “คงไม่ได้ครับบอสผมติดธุระจริงๆ ผมต้องวางสายแล้วเจอกันพรุ่นนี้ครับ” ปัถย์ตัดบทห้วนๆ และวางสายไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะโมโหโทโสขนาดไหน

   “ปัถย์ ปัถย์!!!” หมอนั่นวางสายใส่เขา

   พระเจ้า… เป็นครั้งแรกที่ปัถย์ปฏิเสธในสิ่งที่เขาต้องการ

   เอรีสมองสมาร์ทโฟนเหมือนอยากจะกระทืบให้แหลกคาเท้า

   เมื่อก่อนเขาสงสัยมาตลอดว่าปัถย์พูดคำว่า ‘ไม่’ เป็นหรือเปล่า เพราะทุกครั้งที่เขาต้องการอะไรปัถย์จะพูดว่า ‘ครับ’ หรือคำว่า ‘ได้แน่นอนครับ’ เสมอ


   แต่วันนี้เมื่อผู้ช่วยของเขากลับปฏิเสธความต้องการที่เหมือนบัญชาของเขา แบบนี้ถึงทำรู้สึกร้อนรนแปลกๆ

   “นี่กูเริ่มคิดแล้วนะว่ามึงเป็นลูกน้องหรือเป็นเมียเจ้านายมึงกันแน่”

ออฟไลน์ Gokusan

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-1
เจ้านายแบบเน้~~~ สมควรโดนนนน
ลองใจเหรอบอส...ได้ เจอลาออกแล้วจะหนาว

เห็นเฉยๆ แบบปัถย์...เปิดใจและจริงใจถึงจะได้ค่ะ
เห็นเขาเงียบ ไม่โต้ตอบอะไร...เขาไม่พูด แต่เขาไปเลยนะคะ
สู้ต่อไปนะบอส หึหึ

ออฟไลน์ wanirahot

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
อ่อย น่าติดตาม ต้องงี้สินายเอกของเรา เด็็ดด~

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :katai2-1:


หวงจังเลยยย บอส

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
 :เฮ้อ: หน่ายเจ้านายประเภทนี้จังเลย

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
มันต้องอย่างนี้

ออฟไลน์ แม่น้องเปา

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ติดตามค่า ชอบแนวเจ้านาย-ลูกน้อง  :o8:

ออฟไลน์ anin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
C h a p t e r  4


กันยายน สองปีที่แล้ว

{ เ อ รี ส }

   “ปัถย์ ฉันไม่มีชุดใส่ไปงานเลี้ยง นายรีบมาเลยเดี๋ยวนี้ด้วย ฉันโคตรอยากจะบ้าตาย รู้มั้ยแม่บ้านคนใหม่ที่นายหามาเสกชุดของฉันหายวับไปทั้งตู้ มันบ้ามากเลยนะ พรุ่งนี้นะนายให้แม่นี่ออกไปเลย ฉันไม่ขอทนกับคนที่หาเรื่องวุ่นวายมาใส่ฉัน นายเข้าใจไหม”


   ผมโทรศัพท์และเปิดตู้เสื้อผ้าด้วยความหงุดหงิดไปด้วย


   เป็นเพราะความฉลาดน้อยของแม่บ้านใหม่ทำให้ชุดที่ผมต้องใส่ไปอยู่ที่ร้านซักรีดจนหมด สูททางการห้าหกชุดหายไปดื้อๆ แล้วมันแย่ถึงขนาดที่เขาจะต้องแก้ผ้าไปงานเลยมั้ยแบบนี้

   บ้าฉิบ!

   สิ่งเดียวที่ผมนึกถึงก็คือปัถย์

   ตั้งแต่ปัถย์ปรากฎตัวทุกอย่างก็ดูเป็นเรื่องง่ายไปหมด แต่ที่วันนี้เกิดความผิดพลาดเล็กน้อยเพราะว่าหมอนั่นต้องไปประชุมกับคู่ค้าคนสำคัญที่บินตรงมาจากญี่ปุ่นแทนผม เป็นนัดที่ค่อนข้างด่วน และผมก็ติดธุรที่สำคัญพอๆ กันอยู่แล้วหมอนั่นเลยต้องไป

   “ทำไมเป็นแบบนั้นล่ะครับ”

   “ก็แม่บ้านของนายเอาชุดส่งซักแห้งหมดไง แล้วฉันจะไปเอาชุดที่ไหนใส่ไปงานหาปัถย์!” เสียงผมดังไต่ระดับขึ้นเรื่อยๆ พูดไปพร้อมเดินปึงปังแบบหงุดหงิดโมโห เปิดตู้โน้นตู้นี้ไปมา

   “เดี๋ยวครับเอรีส อย่าเพิ่งโมโหนะครับ เดี๋ยวผมจะไปรับชุดมาให้ คุณรอก่อนไม่เกินชั่วโมงผมจะรีบเอาชุดใส่ไปงานให้คุณ”

   ปัถย์เสนอทางแก้ ที่ทำให้ผมเบาใจขึ้นระดับหนึ่ง

   “ทำอะไรก็ได้ แต่ให้เร็วเลยนะ”

   ผ่านไปสี่สิบนาทีผมต้องเบิกตากว้างที่เห็นปัถย์เปิดประตูด้วยคีย์การ์ดเข้ามา ด้วยร่างของผู้ช่วยของเปียกตั้งแต่หัวจรดเท้า ผมก็ลู่ติดกระหม่อม แว่นตาสีดำกรอบใหญ่มีน้ำเกาะค้าง  เจ้าตัวถอดแว่นออกเช็ดลวกๆ ก่อนใส่กลับเข้าไปอีกครั้ง

   “ได้แล้วครับบอส ชุดของคุณ” ปัถย์ยื่นชุดให้ แต่เหมือนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงดึงกลับไปก่อน “เดี๋ยวนะบอส ผมไปหาผ้ามาเช็ดน้ำบนพลาสติกคลุมชุดก่อน”

   เจ้าตัวกระวีกระวาดวิ่งไปที่ห้องน้ำ ได้ผ้าเช็ดตัวมาผืนหนึ่งและเช็ดเร็วๆ ผมนิ่งค้าง หมอนี่ดีหรือบ้าถึงได้วิ่งตัวเปียกเข้าบ้านมาแบบนี้

   “ตัวนายเปียก”

   เสียงผมพูดออกไปอย่างหงุดหงิด แต่ไม่ใช่เรื่องที่ชุดเปียกแต่เป็นเพราะห่วงอีกฝ่ายจะไม่สบายมากกว่า

   “ลืมเลย ผมทำให้พรมคุณเปียก”

   ปัถย์ถอยไปหลายก้าว มองรองเท้าหนังที่เปียกโชกอย่างจนใจ  มือหนึ่งก็ยื่นชุดให้ผมโดยที่มือหนารับไว้ทั้งที่ใบหน้าบึ้งตึง

   “ผมกลัวไม่ทัน เลยนั่งวินฝ่าฝนมา แต่คุณไม่ต้องห่วงนะครับ ชุดนี้ไม่เปียกแน่ๆ” ปัถย์ให้ความมั่นใจ

   จากนั้นผมจึงคาดคั้นว่าหมอนี่มาได้ยังไง ก็ได้รับการบอกเล่าคร่าวๆ ว่า เมื่อวางสายจากเขา ปัถย์ก็รีบเลี้ยวรถ เพื่อตรงไปร้านซักแห้ง แต่ความโชคร้ายก็บังเกิดเมื่อจู่ๆ ก็มีรถเจ้ากรรมคันเก่าก็ดันมาเสียกลางทางเสียอย่างนั้น เลยต้องอาศัยวินมอเตอร์ไซด์ข้างๆ มาแทน

   “นายนี่มันบ้าบิ่นได้ใจจริงๆ แต่วันหลังไม่ต้องนะ ฝนตกๆ แบบนี้ถนนมันลื่น เกินอุบัติเหตุแล้วจะทำยังไง” 

   ผู้ช่วยของผมพยายามไม่ให้ชุดออกงานในอ้อมแขนเปียก แต่ตัวเองกลับไม่มีส่วนไหนที่แห้งเลย ถึงตอนนี้ น้ำบนกายของปัถย์ยังหยดติ๊งๆ อีกฝ่ายเริ่มสั่นน้อยๆ ผมวางชุดลงแล้วเดินเข้าห้องแล้วออกมาพร้อมกับเสื้อยืดสีดำกับผ้าเช็ดตัวอีกผืน

   “ไปเปลี่ยนชุด”

   ปัถย์ถอดแว่นออก แล้วทำท่าทางลังเลที่จะรับเสื้อจากมือผมอยู่อึดใจหนึ่ง หมอนี่เป็นพวกขี้เกรงใจแต่ด้วยคำสั่งจากผมเขาเลยไม่กล้าปฏิเสธ

   “เร็วสิ ได้เปียกทั้งบ้านกันพอดี”

   “ขอบคุณครับบอส บอสรีบแต่งตัวเถอะครับ เดี๋ยวไปงานไม่ทัน แล้วนี่จะขับไปเองหรืออยากให้ผมขับให้”

   “ฉันไปเองได้ นายรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าไป เดี๋ยวไม่สบาย”

   เมื่อไร้กรอบแว่นห่วยๆ ปัถย์ก็ช่างดูน่ามองอยู่เหมือนกัน    ในตอนนี้ปัถย์มีสภาพเหมือนหนุ่มน้อยที่เพิ่งขึ้นจากน้ำ ตัวเปียก เสื้อผ้าแนบลู่กับเนื้อตัวที่โปร่งบาง ช่างกระตุ้นอารมณ์ราคะในจิตฝ่ายต่ำของผมดีแท้ๆ ให้ตายสิ ผมทำงานกับหมอนี่มาเป็นปีๆ ทำไมจะไม่สังเกตว่าที่จริงแล้วปัถย์ก็จัดได้ว่าน่ารักมีเสน่ห์ ที่ผ่านมาก็ชอบนะเวลาที่หมอนี่ยิ้ม โลกทั้งใบมันดูสว่างไสว แล้วเวลาหมอนี่พูดด้วยน้ำเสียงที่รื่นหู รู้สึกว่าปัถย์ทำให้ผมไม่เงียบเหงาจนเกินไป

   “ผมขับไปส่งบอสนะครับ”

   ปัถย์ออกมาอีกครั้งเมื่อเปลี่ยนเสื้อเสร็จ หมอนั่นบอกด้วยความกระตือรือร้น

   ผมมองอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกที่แปลกออกไป เพราะในยามที่เสื้อของผมอยู่บนตัว ผมที่มาดชื้นไม่เป็นทรงแต่น่าดู ผมรู้สึกว่าเป็นภาพที่โคตรเซ็กส์ซี่ พาลให้นึกอยากกดร่างโปร่งลงกับโซฟา แล้วทำให้อีกฝ่ายร้องครางเรียกชื่อผมขึ้นมาติดหมัด

   ปัถย์จะเป็นคนแบบไหนเวลาที่มีเซ็กซ์ อ่อนโยน เชื่องช้า ดุดัน หรือเร่าร้อน ผมเดาเอาว่าปัถย์คงไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนเพราะอีกฝ่ายไม่เคยพูดถึง แต่ก็ไม่แน่ใจว่าคนที่ดีแสนดีแบบนั้นจะไม่มีเพื่อนร่วมเตียง...

   ผมดูไม่ออกว่าปัถย์มีความสัมพันธ์แบบไหนกันแน่ กับผู้หญิง หรือกับผู้ชาย

   แต่นั่นไม่สำคัญ...

   สิ่งสำคัญคือปัถย์คือคนที่ผมพอใจ

   “จะขับให้เหรอ”

   “ครับบอส รถมันติดบอสอย่าขับเองเลยเดี๋ยวจะหงุดหงิดเปล่าๆ”

   “…” ผมพยักหน้า เป็นการยอมรับตามที่อีกฝ่ายเสนอ

   “บอสหิวไหมครับ หาอะไรรองท้องก่อนไหมกินข้าวไม่ตรงเวลาโรคกระเพาะกำเริบอีกแย่เลยครับ”

   “ไม่เป็นไรน่า ไปกินที่งานก็ได้ แล้วนายล่ะหิวหรือเปล่า”

   “ผมทานค่อนข้างดึกน่ะครับ ตอนนี้ยังหัววันอยู่”

   “บอสครับ ขอโทษนะครับ”

   ปัถย์เดินมาหาผมแล้วขยับปกคอเสื้อที่เบี้ยวเล็กน้อยให้เข้าที่ ผมก้มขอลงโดยอัตโนมัติยอมให้คนที่ตัวเล็กกว่าจัดแจงปกคอเสื้อแต่โดยดี สัมผัสเพียงปลายนิ้วตรงต้นคอโดยบังเอิญ ผมมองคนตัวเล็กกว่าตรงหน้าอย่างเผลอๆ และยิ้มกับตัวเองที่มุมปาก ไม่เคยมีใครทำดีกับผมอย่างปัถย์มาก่อน แม้แต่แม่ของผมเองก็ยังไม่ใส่ใจรายละเอียดในชีวิตของผมขนาดนี้ ทุกคนที่ผมรู้จักมักพูดว่ารักและเป็นห่วงผม แต่ในส่วนของการกระทำล้วนตรงกันข้าม มีเพียงความเฉยเมยและเย็นชา

   ระยะเวลาสองปี ทำให้ทั้งผมกับปัถย์ใกล้ชิดกัน อาจด้วยภาระหน้าที่การทำงาน แต่มากกว่านั้นคือความผูกพัน ผมที่เคยแยกแยะทุกอย่างได้อย่างชัดเจน ระหว่างงานกับเรื่องเซ็กซ์ ตอนนี้ผมไม่แน่ใจแล้วว่าตัวเองจะทำแบบนั้นได้จริงๆ หรือเปล่าภาพของปัถย์ตั้งแต่แรกเห็นจนปัจจุบัน หวนกลับมาเป็นฉากๆ เตือนให้ผมเริ่มเข้าใจตัวเองได้ชัดแล้วว่าผมไม่อาจปล่อยปัถย์ไป แล้วผมก็ไม่ยอมให้ปัถย์เห็นใครหน้าไหนสำคัญไปกว่าผม


++++++++++++++

ฝากติดตามกันด้วยนะคะ

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ว่ากันว่า กว่าเราจะรู้ว่าใครสำคัญกับเราแค่ไหน เราก็เสียเขาไปแล้ว ถ้าไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น รีบไปตามเขากลับมาเร็ว ๆ ไอ้ประธานเฮงซวย  :angry2:

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
อืม ร้ายสมกับชื่อเรื่อง

ออฟไลน์ wanirahot

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
บอสสสสสสส เอาให้ชัดน๊าาาาาา อย่าโลเล ประชดประชัน

ออฟไลน์ anin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
Chapter 5

   “ว่าไงสโนว์”

   ปัถย์ร้องเรียกแมวน้อยสีขมุกขมัวของตัวเองเจ้าแมวเหมียวที่อ้วนท้วนและมีสีขนที่ไม่รู้ว่าจะจำกัดความว่าเป็นสีอะไรวิ่งเข้ามาหา มันเอาหัวถูไถกับข้อเท้าเปลือยและร้องเสียงเบาด้วยความยินดีที่เขากลับบ้าน เจ้าตัวที่หน้าบึ้งคลี่ยิ้มเป็นครั้งแรกในรอบวัน มันเป็นรอยยิ้มบางเบาขณะที่เขาลูบขนนุ่มๆ ของเจ้าเหมียว เพราะลึกลงไปเขายังรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะแหลกละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยทางอารมณ์ สิ่งที่บอกออกมาเป็นคำพูดไม่ได้มันจุกแน่นอยู่ในอก คล้ายกับว่ากำลังรอเวลาที่จะระเบิดทะลักทะลายออกมาในวันไหนก็ไม่รู้ ซึ่งถ้าวันนั้นมาถึงจริงมันก็อาจเป็นจุดจบของเรื่องราวบ้าๆ พวกนี้ก็ได้

   แล้วจุดจบที่ว่ามันอาจเร็วกว่าที่คิด

   ปัถย์ถอนใจเฮือกใหญ่ และสลัดเรื่องที่ก่อกวนจิตใจออกไปชั่วคราว

   “หิวมั้ย มานี่มา ไอ้หมู”

   เขาอุ้มมันและเอากระเป๋าวางไว้บนโต๊ะ ก่อนจะพาเจ้าแมวตัวเขื่องเข้าครัวแลเทอาหารเม็ดใส่ชามให้ เจ้าสโนว์ทำแค่เพียงดมๆ แล้วเมยใส่ บอกผู้เป็นเจ้าของกลายๆ ว่ามันไม่พอใจกับอาหารตรงหน้า เจ้าแมวน้อยคลอเคลียที่ขา แต่ยังไม่ยอมกินแต่อย่างใด

   “เออน่า รู้ว่ามันไม่อร่อย แต่ต้องกินไปก่อนนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะไปซื้อแซลมอนมาให้เลยดีไหม” เขาบอกเจ้าแมวที่ทำท่าดมๆ อาหารและมองมาด้วยสายตาไม่พอใจ มันร้องเหมียวๆ และผินหน้าออกจากชามอาหารเม็ดของตัวเอง

   “น่านะ กินไปก่อน วันนี้ไม่อยากไปไหนแล้ว ฉันเจอวันแย่ๆ มา โอเคนะ”

   เขาพึมพำแล้วเกาหูให้สโนว์ และปล่อยให้เจ้าตัวยุ่งและเล็มอาหารแบบขอไปที ก่อนจะเดินไปที่ระเบียงเปิดให้อากาศด้านนอกผ่านเข้ามา เสียงรถยนต์แว่วมาพร้อมกับเสียงต่างๆ จากด้านนอกทำให้ปัถย์ถอนหายใจ

   ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าตัวเองควรทำอะไรดี ด้วยไม่เคยกลับบ้านเร็วแบบนี้มาก่อน โดยส่วนใหญ่เขาจะใช้เวลาอยู่กับงาน รวมถึงวนเวียนเป็นเงาอยู่ข้างกายของเอรีสกว่าจะถึงห้องก็ปาเข้าไปสามสี่ทุ่ม แต่นี่เพิ่งหัวค่ำ   

   ปัถย์หลับตาลงกำลังครุ่นคิดอย่างหนักเรื่องการหางานใหม่...

   ซึ่งเขาเองก็ไม่อยากจะใช้อารมณ์มาตัดสิ้นเรื่องสำคัญเช่นนี้ แต่นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่าเขาจะอดทนมันได้มากขนาดไหน

   เอรีสกำลังเล่นเกม

   เกมที่มีธีรนัยเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย แม้เอรีสจะไม่ได้เอ่ยตรงไปตรงมาว่ามีปัญหาบาดหมางอะไรกับธีรนัยกันแน่ แต่เขาก็เดาออกว่ามันอาจจะเป็นหนึ่งในเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ซึ่งใครคนนั้นคงมีความสำคัญกับเอรีสอย่างมาก ถึงทำให้เขาผูกใจเจ็บกับญาติของตัวเองได้มากขนาดนี้

   ธีรนัยในสายตาเอรีสอาจไม่ใช่ใครที่น่าคบหา แต่ในสายตาเขาแล้ว ธีรนัย ไม่ใช่คนเลวร้าย จากตอนแรกที่เจอกันเพียงผ่านๆ ตามงาน ได้คุยกันบ้างประปลาย แต่ระยะหลังๆ ธีรนัยก็หาโอกาสคุยกับเขามากขึ้นจนพัฒนาเป็นอะไรที่มากกว่านั้น ยังไงก็แล้วแต่เขาก็ไม่ได้เปิดใจเต็มร้อย

   มันไม่ใช่ว่าเอรีสพอใจอะไรกับเขาจริงๆ หรอก คนอย่างเขาถึงไม่ฉลาดมากแต่ก็ไม่ได้โง่ขนาดดูไม่ออก ที่สำคัญที่สุดเอรีสก็คิมหันต์อยู่แล้วทั้งคน

   ดังนั้น มันก็แค่เกมรูปแบบหนึ่ง แค่การอยากเอาชนะ

   เมื่ออาบน้ำแต่งตัวเสร็จและเปลี่ยนเป็นชุดอยู่บ้านที่มีแค่กางเกงขาสั้นและเสื้อสีดำพอดีตัว ในขณะที่นั่งเช็ดผมลวกๆ คิดอะไรเรื่อยเปื่อย เสียงอ๊อดหน้าห้องก็ดังขึ้น ปัถย์เดินไปที่ประตู เมื่อมองผ่านช่องตาแมวเห็นผู้ที่มาเยือนแล้วต้องประหลาดใจ

   เอรีสยืนกอดอกอยู่ด้านนอก ใบหน้าหล่อเหลาที่ไม่ว่ามองเท่าไรก็ไม่เบื่อปรากฎขึ้นแบบไม่คาดฝัน

   ไม่เคยสักครั้งที่เอรีสจะมาหาเขาที่ห้อง... ไม่เคยเลย

   แล้วลมอะไรหอบเขามาที่นี่ ปัถย์เก็บความสงสัยไว้และตัดสินใจว่าจะเปิดประตูให้อีกฝ่ายดีหรือไม่ เพราะตอนนี้เขายังไม่มีอารมณ์ที่จะทะเลาะด้วย

   ฝ่ายเอรีสรอปัถย์อย่างใจจดจ่อ เขาดูนาฬิกาที่บอกว่าตอนนี้ใกล้จะทุ่มตรงแล้วรออยู่ราวสองนาทีปัถย์จึงเปิดประตู ปัถย์มองมาอย่างตั้งคำถาม

   แต่ยังไม่ทันที่อีกฝ่ายจะตั้งตัวชาย หนุ่มร่างสูงกว่าก็เดินแทรกผ่านเข้ามาในห้องอย่างไม่แยแสมารยาทใดๆ ทั้งสิ้น ไม่รอให้ผู้เป็นเจ้าของห้องเชื้อเชิญด้วยซ้ำไป

   “ปิดประตูสิ”

   เอรีสสั่ง ชี้นิ้วส่ายไปส่ายมาทำท่าทางสบายๆ ราวกับเป็นเจ้าของบ้านเสียเอง ปัถย์มองเขาแบบระแวดระวัง

   “คุณ...มีอะไรครับ” เสียงของปัตย์ราบเรียบ แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเคลือบแคลงสงสัย

   “ก็ในเมื่อนายไม่ไปหา ฉันก็ต้องมาเอง” เขาพูดนิ่งขรึม และมองไปรอบห้อง

   “มาหาผม?”

   ปัถย์ร้องถามอย่างสงสัย มองท่าทางที่เขาเดินไปตรงโน้นตรงนี้แล้วสำรวจไปทั่วอย่างไม่สบายใจนัก ด้วยไม่รู้สักนิดว่าเจ้านายตรงหน้ากำลังนึกคิดอะไรอยู่กันแน่ แต่เท่าที่รู้นิสัย เอรีสไม่ได้มีเจตนาบริสุทธิ์แน่นอน

   “ใช่ ทำไมล่ะ มีใครอยู่ด้วยหรือไง ถึงได้ทำท่าตกใจขนาดนั้น” เขาย้อนอย่างจับผิดเต็มที่ประสานสายตากับอีกฝ่าย เห็นท่าทางตื่นๆ แบบนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะแขวะอย่างคนที่ปากตรงกับใจ  เอรีสมองผู้ช่วยหนุ่มอยู่ในชุดลำลองน่าสบาย ผมหมาดชื้นอย่างคนที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ ที่มือยังมีผ้าเช็ดผมสีน้ำเงินอยู่ไม่วางตา

   “เปล่าครับ ผมอยู่คนเดียว”

   “ก็ดี”

   “บอสมีอะไรครับ”

   ปัถย์ย้ำถามอีกครั้ง รักษาระดับน้ำเสียงไว้ให้นิ่งที่สุด ทั้งที่ในใจกำลังเต้นตึกตัก แต่ก็ยังคงรักษาอาการให้ดูเรียบเฉยได้เฉกเช่นทุกครั้ง

   “ห้องน่าอยู่นะ” อีกฝ่ายไม่ตอบ มิหนำซ้ำยังเฉไฉถามเรื่องอื่นอีกต่างหาก ดวงตาคู่คมกราดมองไปรอบๆ ห้องนอนที่ถูกตกแต่งไว้ด้วย โทนสีขาวสะอาดตา เป็นระเบียบ มีเครื่องเรือนน้อยชิ้นแต่ก็ดูมีรสนิยม

   “ขอบคุณครับ”

   “ฉันหิว หาอะไรให้กินหน่อย”

   ชายหนุ่มร่างสูงพูดขึ้นมาดื้อๆ จากอาการของคนจ้องจับผิด เปลี่ยนไปแบบหน้ามือเป็นหลังมือ สีหน้าเครียดเขม็งเมื่อครู่ เปลี่ยนไปเป็นท่าทีสบายๆ

   ปัถย์ถอนใจ มองอีกฝ่ายอย่างเซ้งๆ

   “บ้านผมไม่มีอะไรให้กินหรอกครับ ถึงมีก็คงไม่ถูกกับลิ้นคุณ”

   น้ำเสียงปัถย์เฉยชา เมื่อคิดถึงอาหารหรูที่เขาสั่งตรงมาจากโรงแรมห้าดาวให้เจ้านายกับคิมหันต์เมื่อช่วงกลางวันที่ผ่านมาที่คงจะนุ่มลิ้นกว่ากันมากจนเทียบกันไม่ติด ไหนจะเพื่อนร่วมมื้ออาหารที่แสนจะถูกอกถูกใจนั่นอีก

   “ฉันไม่ได้กินมื้อเที่ยง” น้ำเสียงทุ้มลุ่มลึกกล่าวเป็นนัย เอรีสพูดเหมือนรู้ทัน

   อ้อ จริงสินะ บอสสุดหล่อของเขาคงวุ่นวายเรื่องอื่นอยู่เลยลืมกิน พอยิ่งคิดก็ยิ่งกวนอารมณ์ของปัถย์ให้ไต่ระดับไปอีกสเตป สายตาที่ไร้ซึ่งกรอบแว่นตาออกอาการเย้ยหยันตัวเองอยู่ในที

   “…”

   “นี่ก็เริ่มรู้สึกปวดท้องหน่อยๆ ล่ะ ไปหาอะไรมาให้รองท้องหน่อยสิ”

   เจ้านายหนุ่มส่งสายตาเจ้าเล่ห์มาให้ด้วย สายตาที่ไม่ว่าจะเมื่อไรปัถย์ก็ยอมสยบให้ทุกครั้ง เป็นแบบนี้เสมอมาแต่มันจะไม่เสมอไป

   “ผมมีแค่อาหารแช่แข็ง” เจ้าตัวพูดอย่างจนใจ ด้วยไม่อาจใจดำกับเอรีสได้สักครั้ง ก็ห่วงเรื่องสุขภาพเขาหรอกนะ รายนี้เป็นโรคกระเพาะเรื้อรังมาหลายปี ถ้ากินข้าวผิดเวลาเมื่อไรเป็นออกอาการเสมอ

   “ได้ แค่นั้นก็ได้ ฉันหิวมาก กินได้หมด”

   เอรีสสั่งอย่างเคย แล้วก็โบกมือไล่อีกฝ่ายแบบส่งๆ ราวกับว่าปัถย์เป็นทาสรองมือรองเท้าก็ไม่ปาน ปัถย์เดินเข้าครัวเล็กของตัวเองเร็วๆ เปิดตู้เย็นหยิบนู้นนี่อยู่ครู่หนึ่ง แล้วอุ่นอาหารให้เจ้านายทั้งที่ใจยังนึกโมโหอยู่ไม่หาย ระหว่างนั้นก็สะบัดผมลวกๆ เพราะยังไม่แห้งดี ผมเลยดูยุ่งๆ จนเจ้าตัวเองก็รู้สึกประหม่าเพราะมันคงจะดูไม่ได้เอาเสียเลย แต่ก็ช่างเถอะเขาไม่จำเป็นต้องดูดีอะไรนี่จริงไหม

   ระหว่างที่ปัถย์วุ่นวายในครัว เขาได้ยินเสียงผู้เป็นนายเปิดทีวีไปเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ ครู่หนึ่งเขาจึงจัดจานข้าวผัดปูที่เพิ่งอุ่นด้วยไมโครเวฟบนโต๊ะอาหารขนาดเล็กที่ไม่เคยได้รับแขกอะไรสักเท่าไร

   “เสร็จแล้วครับ” เขาเดินมาบอกเอรีสที่นั่งแผ่หราสบายอารมณ์อยู่ สีหน้าของเอรีสราบเรียบ ไม่บ่งบอกถึงอารมณ์ของเจ้าตัว แต่ก็ดูอันตรายในยามที่เจ้าตัวไม่แสดงออกแบบนี้

   คนตัวสูงลุกขึ้น เดินไปที่โต๊ะอาหารแล้วถาม

   “แล้วนายล่ะ”

   “ผมกินมาแล้ว เชิญคุณตามสบาย”

    เมื่อปัถย์ทำท่าจะเดินหนีไปเอรีสก็รั้งมืออีกฝ่ายไว้ในทันที ไม่ยอมให้คนตัวเล็กผละไปอีกง่ายๆ

   “เดี๋ยวสิ นั่งเป็นเพื่อนฉันก่อน”

   “คุณกินเถอะครับ ผมจะไปเอาน้ำมาให้”
 
   ปัถย์สะบัดมือออกและเดินหนีไปดื้อๆ ปล่อยให้เอรีส มองตามหลังไป อริยาบทแบบนี้ของปัถย์เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน แม้อีกฝ่ายจะทำตัวเป็นหนุ่มเนิร์ดที่สวมแว่นตากับชุดสีเข้มที่ดูเนี๊ยบและเรียบหรูทุกวัน แต่วันนี้ต่างออกไป การที่ปัถย์แต่งตัวง่ายๆ สบายๆ ก็ทำให้หมอนี่น่ามองได้เหมือนกัน

   เอรีสไม่ได้สนใจอาหารอย่างที่ปากบอก เขาทำแค่ตักอาหารรสชาติจืดชืดลงคออย่างขอไปที สายตาก็เอาแต่มองอีกฝ่ายอย่างไม่ปกปิดความรู้สึก

   ฝ่ายของคนที่ถูกจ้องมองก็ทำตัวไม่ถูก ได้แต่ลอบมองแขกผู้ไม่ได้รีบเชิญอยู่ห่างๆ โดยไม่อาจทำอะไรได้นอกจากรักษาระยะห่างไว้ให้มากที่สุด

   “วันนี้นายไปไหนมา”

   ในที่สุด เอรีสก็เปิดประเด็นที่สงสัยมาตลอดบ่าย

   “ผมมีธุระนิดหน่อย”

   “ธุระที่ว่านั่นสำคัญขนาดไหนกันเชียว”

   ปัถย์ถอนใจ “ก็คงสำคัญ”

   “ที่นายหายไปแบบนั้นเพราะเรื่องคิมหรือเปล่า”

   คำถามของเอรีสทำให้ปัถย์ชะงัก ก็มันช่างจี้ใจดำของเขาเหลือเกิน สะกิดแผลสดของเขาให้เหวอะกว้างและเจ็บเกินจะรับไหว แต่เขาก็หน้าบางเกินกว่าจะยอมรับว่าตัวเองโคตรจะเสียความรู้สึกเรื่องที่อีกฝ่ายพาหนึ่งในบรรดาคู่รักมาเย้ยกันถึงที่ แต่ก็โทษใครไม่ได้ในเมื่อเขาเองไม่มีสิทธิ์อะไร

   เขามันก็แค่ลูกน้อง!

   แค่พนักงานที่สนิทหน่อยก็เท่านั้นเอง

   “ไม่ใช่ครับ”

   “ปากแข็ง ถ้าหวงก็บอกมา” เอรีสยั่วอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงหัวเราะลงลูกคอ สายตาวาววับเปล่งประกายเจ้าชู้ไม่ปิดบัง

   “คำว่าหวงใช้กับคุณไม่ได้”

   “ทำไม”

   “เพราะเราไม่ได้มีความพิเศษต่อกัน คำว่าหวงเลยใช้ไม่ได้” ปัถย์หันหลังให้อีกฝ่าย หลบสายตาขณะพูด เพราะกลัวว่าสีหน้าของเขาจะบอกถ้อยคำต่างๆ มากมายที่พยายามซุกซ่อนไว้

   “จริงสินะ ฉันมันไม่พิเศษ แล้วอย่างธีรนัยนี่เรียกว่าพี่เศษไหม”

   “คุณ...”

   ปัถย์สะดุ้งเมื่อร่างสูงกำยำของเอรีสประชิดเข้าที่แผ่นหลังของเขาในชั่วอึดใจเดียว ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดที่ต้นคอ เจ้าตัวหันไปมองอีกฝ่ายพร้อมกับผงะออกอย่างอัตโนมัติ แต่อีกฝ่ายก็รั้งร่างเขาไว้ด้วยฝ่ามือข้างหนึ่ง ตรึงให้เขาหยุดนิ่งกับที่

   “ตอบหน่อยสิ อยากรู้”

   “ผมไม่ตอบอะไรทั้งนั้น ปล่อยผมครับ” เสียงของปัถย์ห้วนและเริ่มไม่พอใจ

   “ไม่ตอบ ก็ไม่ปล่อย”

   นอกจากจะไม่ปล่อย เอรีสยิ่งเกร็งข้อมือให้แน่นขึ้น แม้ปัถย์จะไม่ได้อ่อนแออะไร แต่เขาก็ไม่มีทางสู้แรงของอีกฝ่ายได้อยู่แล้ว ก็นั่นมันหุ่นนักกีฬากล้ามแน่นเปรี๊ยะ ส่วนเขาก็แค่ไอ้ขี้ก้างธรรมดาๆ

   “ผมไม่อยากทะเลาะกับคุณ ผมเหนื่อยครับ ขอร้องเถอะผมอยากพักแล้ว”

   “ก็ไม่ได้มาชวนทะเลาะ”

   “นี่เรียกว่าชวนทะเลาะครับ คุณอารมณ์เสียเวลาพูดถึงคุณธีร์ แต่ก็เป็นคุณที่วกไปเรื่องของเขาก่อนทุกที ไม่ชอบเขาก็อย่าไปพาดพิงถึงเขาสิครับ”

   “ก็จะไม่พูดถึงมันหรอก ถ้านายเลิกยุ่งกับมัน”

   “เถียงไปก็ไม่จบ เราเลิกพูดเรื่องนี้เถอะครับ ว่าแต่คุณมีอะไรถึงมาหาผมถึงนี่ ถ้าไม่ด่วนจริงๆ ผมขอล่ะ วันนี้ผมเหนื่อยไว้พรุ่งนี้เราค่อยคุยนะครับ”

   “ไปไหนมา ตอบคำถามนี้ก่อน ถ้าตอบดีๆ ก็จะไม่กวนใจ”

   “ผมไปหาเพื่อน อยากรู้ด้วยไหมครับว่าเพื่อนคนไหน”

   “เอาสิ จะได้ไม่ต้องถามต่อ”

   “บอส...” ปัถย์ลากเสียงยาว บ่งบอกได้ว่ากำลังอารมณ์ขึ้นเมื่ออีกฝ่ายพูดจากกวนใส่ “เราไม่ควรก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวกันนะครับ”

   “นี่ไม่เรียกว่าก้าวก่าย ก็แค่อยากรู้ว่าผู้ช่วยฉันหายไปไหนในเวลางาน ฉันมีสิทธิ์ที่จะรู้”

   “ผมไปกินกาแฟกับเพื่อน มีธุระคุยกันนิดหน่อย”

   “อืม” เอรีสรับคำง่ายๆ ตัดบทว่ารู้แล้ว “ถ้านายไม่พอใจเรื่องคิม ก็แค่พูดว่าไม่อยากให้เขามา ฉันก็จะไม่ให้เขามาเหยียบที่ทำงานอีก”

   “ผมไม่อยากคุยเรื่องนี้”

   ผมรีบตัดฉับ ไม่อยากให้เขาโยงเข้าเรื่องที่กำลังทำให้ตัวเองนอยด์จนไมเกรนขึ้น

   “โอเค งั้นคุยเรื่องอื่น เรื่องงานที่กระบี่นายต้องไปกับฉันนะ”

   “เฮ้อ! บอสผมไม่อยากเถียงกับคุณเรื่องนี้ ตอนนี้”

   “ไม่อยากเถียง หรือว่า...”

   คำพูดของเอรีสชะงัก เมื่อเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น โทรศัพท์ของปัถย์ที่อยู่ฝากหนึ่งของโซฟาโชว์หราว่าสายที่โทรเข้าคือหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้คนทั้งคู่โต้เถียงกันมาตลอดเดือน


   ธีรนัย



   สายตาของคนทั้งคู่มองไปที่หน้าจอพร้อมกัน แต่คนที่เร็วกว่าคือฝ่ายเอรีส ร่างสูงฉวยโทรศัพท์นั้นไว้ได้แล้วยกขึ้นสุดแขน มองมาที่ปัถย์อย่างท้าทาย ดวงตาของเขาคมกล้าบ่งบอกว่าพร้อมจะมีเรื่องได้ตลอดเวลา ขณะเดียวกันปัถย์ก็เอื้อมมือสุดแรงเพื่อยื้อแย่งออกจากเขาให้ได้ แต่ร่างกายที่เล็กกว่าสิบเซ็นติเมตรหรือจะสู้แรงอีกฝ่าย

   “เอรีส นั่นโทรศัพท์ของผม” ปัถย์วุ่นวายกับการยื้อแย่ง ปากก็ต่อว่าไปด้วยถลึงตาใส่ไปด้วย

   “แล้วไง”

   เอรีสพูดเสร็จก็กดตัดสาย ก่อนจะปิดเครื่องแล้วเหวี่ยงไปที่พื้นตรงหน้าอย่างไม่สนใจว่าจะทำให้อะไรเสียหาย ท่าทางอันธพาลของเขาทำให้ปัถย์ยิ่งโมโห

   “คุณไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้ นั่นมันของส่วนตัว เกินไปนะครับบอส”    ปัถย์หน้าแดงก่ำด้วยที่ทำอะไรไม่ถูก ทั้งโกรธ ทั้งอยากตอบโต้อีกบ้าง เจ้าตัวพยายามจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อดูร่องรอยความเสียหาย กดเปิดเครื่องแล้วก็มีเสียงขัดขึ้นตามมาก

   “อย่าได้กล้าโทรหามันตอนฉันยืนหัวโด่อยู่เชียวนะ”

   เอรีสฉวยข้อมือของปัถย์ไว้ และดึงเข้าหาตัว พร้อมกับลดกายลงก่อนกระซิบข้างหูจนลมหายใจรดต้นคออีกฝ่ายจนชะงักค้าง แต่ก็ไม่วายโต้กลับเพราะไม่ชอบการกระทำบ้าๆ ของเจ้านายตัวปัญหา

   “ตอนนี้ไม่โทร ผมจะโทรตอนที่คุณไม่อยู่ก็แล้วกัน” ไม่รู้ว่าเอรีสมาเจ้ากี้เจ้าการกับตัวเองทำไม

   หางคิ้วหนากระตุก ใบหน้าหล่อเหลาดั่งรูปสลักเกร็งเครียดขึ้นอีกครั้ง

   “งั้นคืนนี้ก็คงไม่มีสิทธิ์ได้โทร”

   เสียงนั้นห้วนห้าว พร้อมกับใบหน้าที่ใกล้เขามาจนเพียงแค่ลมหายใจกั้น “ฉันจะอยู่กับนายทั้งคืน แล้วจะทำให้แน่ใจว่านายจะไม่ว่างคุยกับใคร”

   สิ้นคำพูด เอรีสก็ฝังรอยจูบลงบนต้นคอขาวอย่างรวดเร็ว อีกฝ่ายถึงกับสะดุ้งโหย่งกับความดิบเถื่อนที่ตนได้รับ ปัถย์ผลักร่างสูงออก แล้วใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีดันร่างหนาให้ห่างจากตัว ซึ่งก็ใช่ว่าชายหนุ่มผู้เอาแต่ใจจะสน เขายังคงฝังใบหน้าคมหล่อเหลาปะป่ายไปทั่วแก้มที่หลบเลี่ยงไปมาด้วยอยากเอาชนะผสมกับความปรารถนาลึกล้ำที่รอวันถูกเติมเต็มมาเนิ่นนาน

   และดูเหมือนว่าคนทั้งคู่จะมีบางอย่างที่ไม่ต่างกันเลย

   เอรีสกำลังถูกเล่นงานด้วยความหึงหวงที่สั่งสมมาตลอดหลายสัปดาห์กำลังจะระเบิดอยู่รอมร่อ ด้วยความปรารถนาในตัวผู้ช่วยหนุ่มในวงแขน และความที่อยากตีตราให้ใครต่อใครได้รู้ว่าปัถย์เป็นของเขา ป่่าวประกาศว่านี่คือของหวงที่เขาไม่อาจยอมให้ใครมาซ้ำรอยได้

   จุมพิตที่เร่าร้อนปะป่ายจากพวงแก้มเรียวสู่ริมฝีปากปากอ่อนนุ่มด้วยความช่ำชองว่องไว ด้วยประสบการณ์ที่โชกโชนล่อลวงจนคนที่ด้วยประสบการณ์กว่าแถบตั้งตัวไม่ทัน

   ปัถย์ตัวแข็ง ต่อต้านวงแขนของอีกฝ่ายสุดกำลัง ไม่ยอมให้อีกฝ่ายครอบงำเหมือนเมื่อตอนเช้าแน่ๆ

   สัมผัสที่หยาบคายไร้หัวใจ ต่อให้เป็นเอรีส คนที่เขารักทั้งหัวใจ เขาก็ไม่ยอมให้มาดูถูกเขาแบบนี้ซ้ำๆ

   มันน่าสมเพสเกินไป

   “ปล่อย!” ปัถย์ใช้แรงทั้งหมดเท่าที่มีผลักร่างสูงออก “เลิกทำบ้าๆ ได้แล้ว ออกไปจากห้องผม”

   ร่างสองร่างผละออกจากกัน เสียงของปัถย์สั่นด้วยความโกรธ เขารู้สึกเหมือนตัวเองโดนดูถูกซ้ำอล้วซ้ำเล่า จากคนที่เขารักซึ่งมันทำให้เขาเจ็บปวดเกินจะทน

   “ออกไป เอรีส!”

   ใบหน้าของเอรีสนิ่งเรียบ แต่ดวงตากลับฉายแววมาดหมายเอาเรื่อง ชายร่างสูงเช็ดริมฝีปากตัวเองน้อยๆ นิ้วของเขาป้ายคราบเลือดที่ติดอยู่ออกมา

   ปัถย์กัดปากเขา

   เอรีสยิ้มมุมปาก แต่ไม่ได้พูดอะไร ทำแค่เพียงมองฝ่ายตรงข้ามนิ่งๆ

   “ออกไป!” เสียงของปัถย์กดต่ำ และเดินกลับเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง ก่อนจะปิดประตูดังโครมและปล่อยให้แขกผู้ไม่ได้รับเชิญยืนมองประตูห้องเพียงลำพัง



+++++
นิสัยไม่ดี
บุกห้องเขาแล้วยังทำตัวชั่วร้าย!!!!

แต่ปัถย์ของเราก็ไม่ทนรองมือรองเท้าไปตลอดนะพ่อคู้นนนนนน

ออฟไลน์ แม่น้องเปา

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
โง้ยยยย มันส์  o13 รอตอนต่อไปค่า

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
อย่าได้ยอม หนูปัถย์

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
กลับบ้านไปซะเจ้านายเฮงซวย  :katai1:

ออฟไลน์ hoshinokoe

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1042
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
คือเหมือนคนหึงก็ตามหึงจนหน้ามืดอ่ะ 5555

ออฟไลน์ loveview

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1912
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-10
เฮอะ เอาแต่ใจตัวชะมัด

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด