หยก 9-04-19 {{:::บทส่งท้าย:::}}
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: หยก 9-04-19 {{:::บทส่งท้าย:::}}  (อ่าน 45300 ครั้ง)

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: หยก 10-02-18 {{:::48:::}}
«ตอบ #180 เมื่อ10-02-2018 13:48:06 »

เริ่มเข้มข้นแล้วดิ มาต่อเร็วๆ น้าาา
 :katai4: :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ kungverrycool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: หยก 10-02-18 {{:::48:::}}
«ตอบ #181 เมื่อ10-02-2018 22:33:13 »

 o13รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ Amo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-1
Re: หยก 28-02-18 {{:::4ุ9:::}}
«ตอบ #182 เมื่อ28-02-2018 23:43:41 »

49

   พยัคฆ์เดินขึ้นมาพร้อมถาดข้าวต้มในมือ เมื่อคืนนี้หยกมีไข้อีกเล็กน้อย แต่โดยรวมแล้วก็การก็ดีขึ้นมากทีเดียว เมื่อวานนี้เขาโทรไปหาครูศักดิ์เพื่อลางานให้หยก ส่วนร้านคุณกันต์ เขาให้ต้นกล้าแวะไปบอกคุณแหม่มที่ร้านก่อนที่เลยไปมหา’ลัย

   “หยกจะไปไหนครับ” เขาเห็นหยกแต่งตัวเรียบร้อย เพิ่งเดินออกจากห้องน้ำมา

   “หยกต้องไปทำงาน เมื่อวานก็หยุด ไม่ได้ลางาน ทั้งพี่ศักดิ์และพี่กันต์”

   “พักอีกสักวันสองวันเถอะ พี่โทรบอกครูศักดิ์ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว” เขาวางถาดข้าวต้มไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียงก่อนเดินเข้าไปหาหยก

    “แต่...”

   “ไม่ต้องแต่ครับ ส่วนที่ร้านคุณกันต์พี่ให้ต้นกล้าแวะไปบอกคุณแหม่มให้แล้ว”

   “แต่หยกหายดีแล้วนะ”

   “พี่รู้ว่าหยกแข็งแรง หายไข้แล้ว แต่พี่ห่วงตรงอื่นมากกว่า” พยัคฆ์โอบแขนคล้องเอวหยกไว้หลวม ๆ

   “พี่เสือ!!” เขาโดนหยกทุบไหล่ไปเต็มแรง

   “ซีดส์...”

   “พี่เสือเป็นอะไร? หยกขอดูหน่อย” น้องหยกรั้งคอเสื้อเชิ้ตของเขาไปทางไหล่ข้างที่โดนทุบ

   “ก็ฝีมือเรานี่” น้องหยกดูท่าทางตกใจ หน้าที่แดงอยู่แล้วกลับยิ่งแดงเข้าไปอีก เมื่อเห็นรอยฟันที่ตัวเองเป็นคนฝากเอาไว้

   “หยกขอโทษ หยก...ไม่รู้ตัวว่า...”

   “ไม่เป็นไร พี่เข้าใจครับ” เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มเอ็นดูคนในวงแขน

   “หยก...” น้องก้มหน้าหลบสายตาของเขา

   “พี่มีความสุขจัง”

   “ที่โดนหยกกัดน่ะหรอครับ”

   “นั่นก็มีส่วนนะ ใจจริงพี่อยากให้หยกกัดพี่ทั้งตัวเลยด้วยซ้ำ”

   “เป็นแมวหว่าวแล้วจริง ๆ ด้วย” หยกว่า หน้าแดง หูแดงไปหมด

   “พี่ยอมเป็นแมวให้หยกแค่คนเดียวเท่านั้นแหละครับ”

   “พี่เสือ...”

   “มาทานข้าวต้ม แล้วทานยาดีกว่า ให้พี่ป้อนอีกนะ พี่ชอบเวลาที่หยกอ้อนพี่”

   พยัคฆ์รู้สึกอยากจะหยอกหยกแบบนี้บ่อย ๆ ได้เห็นหน้าแดง ๆ น่ารัก ๆ นั่นทุกวัน ที่สำคัญ เขาอยากได้ยินคำบอกรักจากปากเล็กสีกุหลาบนั่นอีกครั้ง

.........................................................................

   ลตาครุ่นคิดเรื่องที่เมื่อคืนคนของจุ้ยเถิงลากเมฆมาที่ลานจอดรถ รอจนเธอมาถึง ให้เธอช่วยเป็นล่ามแปลภาษาให้กับเขา คนของจุ้ยเถิงทำให้เมฆกลัวจนยอมบอกข้อมูลเกี่ยวกับหยกและโบตั๋นมาจนหมด แต่เธอเลือกบอกบางเรื่องเท่านั้น

   เรื่องที่นายเกรียงไกรไปก่อเรื่องไว้กับฝู่หยง เธอบอกกับจุ้ยเถิงไปจนหมด หวังว่าจุ้ยเถิงคงรายงานให้จุ้ยอั้ยเต๋อและเจ้าสัวเซียงรู้ แค่เธอรับมือกับจุ้ยเถิงก็ยากพออยู่แล้ว เธอไม่อยากให้เกรียงไกรเข้ามาวุ่นวายทำให้เธอเสียแผน

   ลตามาถึงห้องเสื้อของเพ็ญนภา ซึ่งเป็นลูกค้าของวรากรแต่เช้า เธอเพิ่งรู้จากเมฆว่าเจ้าของห้องเสื้อแห่งนี้มีความสัมพันธ์กับสามพี่น้องฝู่ มิน่า... เธอถึงเห็นเพ็ญนภาในงานเลี้ยงคืนนั้นด้วย เพียงแต่เธอมั่วแต่สนใจฝู่หงส์จนลืมคิดถึงเพ็ญนภาไป เธอจึงเข้ามาเพื่อสืบดูว่าเพ็ญนภา รู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับฝู่หยงแค่ไหน

   “สวัสดีค่ะ” พนักงานในร้านทักทายเธอ เมื่อเธอก้าวเข้าไป

   “ไม่ทราบว่าคุณเพ็ญนภาอยู่ไหมค่ะ?”

   “ไม่ทราบว่าได้นัดไว้รึป่าวค่ะ?”

   “ไม่ได้นัดค่ะ”

   “ถ้าอย่างนั้นสักครู่นะคะ ไม่ทราบว่าจะให้แจ้งคุณภาว่าใครต้องการพบค่ะ?”

   “ลตาค่ะ เพื่อนของคุรวรากรค่ะ”

   “กรุณารอสักครู่นะคะ”

   ลตานั่งรออยู่สักพัก พนักงานร้านก็เดินมาพาเธอเข้าไปหาเพ็ญนภาภายในห้องรับรองด้านใน เธอนั่งรออยู่ไม่นานเพ็ญนภาก็เดินตามเข้ามาในห้อง

   “สวัสดีค่ะ คุณลตา ไม่ทราบว่ามีอะไรให้ภารับใช้ค่ะ”

   “ตามีเรื่องจะสอบถามกับคุณภาค่ะ เรื่องช่างภาพที่ชื่อเมฆ”

   “คุณเมฆ?”

   “ค่ะ”

   “อันที่จริง ถ้าคุณลตาจะถามเรื่องคุณเมฆ คุณลตาควรจะต้องไปถามคุณเปิ้ลมากกว่าค่ะ เขาเป็นนายจ้างของคุณเมฆเขา”

   “แล้วคุณเปิ้ลเขาทราบเรื่องที่คุณเมฆเป็นคนจัดการให้ผู้หญิงขายบริการด้วยไหมค่ะ?”

   “คุณลตาหมายความว่ายังไงค่ะ”

   “คือ เมื่อคืนนี้เพื่อนชาวต่างชาติของตาไปเที่ยวที่บาร์แห่งหนึ่ง ตาไปเป็นล่ามให้เขา แล้วคุณเมฆก็มาเสนอขาย แล้วเพื่อนของตาดันไปถูกใจสองพี่น้องชูวนาสุวรรณเข้า”

   “อะไรนะ!!”

   “เพื่อนของตาสนใจคุณหยกและคุณโบตั๋น”

   “ขอโทษนะคะคุณลตา คงมีการเข้าใจผิดอะไรเกิดขึ้นแน่ ๆ น้องของภาทั้งสองคนเป็นเด็กดี ไม่มีทางทำอะไรแบบนั้นแน่ๆ รบกวนคุณลตาไปบอกเพื่อนของคุณด้วยนะคะ”

   “แสดงว่าคุณเมฆแอบอ้างเอารูปของคุณทั้งสองมาเสนอขายเพื่อนของลตาอย่างนั้นใช่ไหมค่ะ?”

   “ภาตอบคำถามคุณลตา เท่าที่ภาจะตอบได้ไปแล้วค่ะ นอกจากนี้ภาคงให้คำตอบอะไรคุณไม่ได้อีกแล้ว”

   “อืม...ถ้าอย่างนั้นตาขอตัวก่อนนะคะ แล้วก็ขอบคุณสำหรับข้อมูลค่ะ”

   ลตาเดินออกจากห้องรับรองมา เธอดูจากอาการของเพ็ญนภาที่โกรธจนตัวสั่นก็พอจะเดาได้ว่าเพ็ญนภาต้องรู้เรื่องนี้ไม่มากก็น้อย เธออาจจะใช้เพ็ญนภาเป็นเครื่องมือในการจัดการนายเมฆได้ เธอคงต้องเติมเชื้อให้สักหน่อย

.........................................................................

   หงส์ได้แสดงตัวและพูดคุยกับคนหลาย ๆ ฝ่ายที่อยู่ในตระกูลฝู่เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้คนในนั้นคอยส่งข่าวความเคลื่อนไหวภายในให้เธอรับรู้อยู่ตลอด ตอนนี้จุ้ยอั้ยเตอส่งเจ้าสัวเซียงไปเที่ยวกาสิโนที่มาเก๊าโดยออกทุนให้เจ้าสัวไม่น้อย

   สายข่าวรายงานว่าเจ้าสัวเซียงเข้ามาหาจุ้ยอั้ยเตอเพื่อรายงานว่าเขาพบเธอแล้ว และอยากจะให้เธอแต่งงานกับลูกชายของเขา หากจุ้ยอั๊ยเต๋อยอมรับข้อตกลงก็จะบอกที่อยู่ของเธอให้กับจุ้ยเถิงรู้ทันที

   เธอรู้ว่าสายข่าวของเธอไม่มีทางโกหก เพราะนั่นคือข้อมูลทั้งหมดที่สายข่าวรับรู้มา เจ้าสัวเซียงคงต้องการหลอกให้จุ้ยอั้ยเต๋อตายใจ และคิดว่าคนของเขาจะช่วยปกปิดความจริงจากจุ้ยเถิงได้

   “เจ็กลู่ค่ะ ตอนนี้จุ้ยเถิงเองก็ไม่รู้ว่าหงส์มาอยู่ที่นี่แล้ว ถึงแม้จะรู้ว่าหยกทำงานอยู่ที่ร้านคุณกันต์ แต่ช่วงนี้หยกก็ไม่ได้ออกไปทำงาน ที่บ้านเองก็ไม่ได้กลับ หงส์ว่าเราก็น่าจะถ่วงเวลาได้อีกสักระยะ”

   “ยังดีที่คืนนั้นหงส์สัมผัสได้ถึงจุ้ยเถิง ทำให้ไปพักที่บ้านหนูภาได้ทัน”

   “หงส์หวังว่าคุณเสือจะรั้งให้หยกอยู่แต่ในบ้านไปได้สักพัก”

   “แล้วหงส์จะเข้าไปที่บ้านฝู่เมื่อไรล่ะ”

   “หงส์ตั้งใจว่าจะให้อากรพาหงส์เข้าไปพรุ่งนี้ค่ะ ช่วงนี้เจ้าสัวเซียงไม่อยู่ด้วย”

   “ระวังตัวด้วยล่ะ”

   “หงส์ฝากเจ็กลู่บอกคนของเราให้เตรียมพร้อมไว้นะคะ”

   “วันนี้จุ้ยอั้ยเต๋อไม่อยู่ที่บริษัท หงส์จะเข้าไปที่เยี่ยนหว๋อวันนี้เลยไหม?”

   “คนของเราพร้อมไหมค่ะ ถ้าพร้อมก็จัดการได้เลยค่ะ”

   “ตกลง อั๊วจะบอกให้คนของเราที่เยี่ยนหว๋อเตรียมพร้อมภายใน 1 ชั่วโมง”

.........................................................................

    จุ้ยเถิงคุยกับคนของเขาเกี่ยวกับเรื่องของช่างภาพคนนั้น ตอนที่คุยอยู่ที่ลานจอดรถ หนึ่งในคนของเขาพอจะฟังภาษาไทยได้เข้าใจแต่อาจจะพูดได้ไม่คล่อง เขาเองที่ใจร้อนอยากรู้เรื่องของฝู่หยง จึงโทรเรียกให้ลตามาเป็นล่ามให้กับเขา

   ไม่คิดเลยว่าลตาจะปกปิดเรื่องบางเรื่องที่ช่างภาพคนนั้นเล่าออกมาบางส่วน แต่ทำไมเธอถึงต้องทำแบบนั้น แค่เรื่องที่ฝู่หงส์และเสี่ยวฝู่เดินทางไปงานแฟชั่นวีคที่ต่างประเทศ ไม่เห็นจะต้องปกปิด หรือเธอเห็นว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับฝู่หยง

   สัญชาตญาณของเขาบอกว่า ลตาต้องมีเรื่องบางอย่างปิดบังเขาแน่ ๆ แต่เขายังไม่แน่ใจจุดประสงค์ของเธอ จึงให้คนคอยตามดู และเขาได้ติดต่อไปทางลุงของเขา เพื่อถามความเคลื่อนไหวของเซียงไบ่ ทางนั้นก็ดูจะมีความสุขกับการใช้เงินที่ลุงของเขาออกทุนให้ ละลายไปกับกาสิโนที่มาเก๊า

   ฝู่หยงเป็นคนเดียวที่ยังอยู่ในไทย คนของเขาคงจะคลาดกับฝู่หงส์ในวันนั้น ทำให้วันสองวันมานี้คนของเขาที่เฝ้าอยู่หน้าบ้านฝู่หงส์จึงไม่พบใคร แม้กระทั่งฝู่หยง ที่ร้านอาหารนั่นก็ไม่ได้ไปทำงาน ช่างภาพนั่นก็ไม่รู้ที่อยู่อื่นของฝู่หยง ส่วนเกรียงไกรก็ทำให้เรื่องยากขึ้นไปอีก ด้วยการไปก่อเรื่องกับฝู่หยงไว้ เขาเข้าใจแล้วว่าเหตุใดถึงมีบอดี้การ์ดคอยติดตามฝู่หยง แล้วแบบนี้เขาจะหาฝู่หยงเจอได้ยังไง

   “คุณชายจุ้ยครับ ทำไมเราไม่ลองไปสืบจากบริษัทฯ ที่ฝู่กูเหนี่ยจ้างมาอารักษาคุณชายฝู่ล่ะครับ” คนของเขาคนหนึ่งออกความเห็น

   “อยู่ที่นี่ เรามีคนไม่มาก การจะวางกำลังคนเพื่อสืบอะไร ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ”

   “แต่ผมว่าน่าจะลองดูนะครับ ดีกว่ามารอแต่คุณลตา”

   “หึ!! ฉันรู้... ฉันเองก็ไม่ไว้ใจลตาเหมือนกัน”

   “ให้นายใหญ่ส่งคนมาช่วยเราอีกสักหน่อยดีไหมครับ เลือกคนที่คุณลตาไม่เคยเจอ...”

   “เป็นความคิดที่ดี”

   จุ้ยเถิงเห็นด้วย หากได้คนมาช่วยเพิ่มแล้วเป็นคนที่ลตาไม่เคยเจอ การสะกดรอยตามลตาก็อาจจะทำให้รู้ได้ว่า เซียงไบ่เก็บซ่อนความจริงอะไรเอาไว้

.........................................................................

    ผมไม่เคยอยู่บ้านเฉย ๆ แบบนี้มาก่อน ให้นั่ง ๆ นอน ๆ อยู่แต่ในห้องแบบนี้มันทำให้ผมอึดอัด ผมเป็นครูสอนเทควันโด ทำให้ได้ออกแรงอยู่บ่อย ๆ ร่างกายจึงหายไข้ และฟื้นตัวได้เร็ว อาจจะมีอาการเสียด ๆ บริเวณนั้นบ้างเวลาที่เดินนาน แต่ผมก็น่าจะทำงานไหว

   ผมเดินออกจากห้องนอนของตัวเอง เดินไปหยุดยืนอยู่ที่ห้อง เคาะเรียกเจ้าของห้องเล็กน้อย แต่ไม่มีเสียงตอบรับจากด้านใน ผมจึงถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไป ในห้องว่างเปล่า พี่เสือไม่อยู่ ผมจึงก้าวเดินออกมา ก่อนปิดประตูลงตามเดิม

   “คุณหยก อาการดีขึ้นแล้วหรอค่ะ?” ป้าลัยเดินขึ้นมาพร้อมกับเด็กอีก 2  คน

   “ครับ เอ่อ...ป้าลัยครับ พี่เสืออยู่ไหนหรอครับ”

   “คุณเสืออยู่ที่ห้องทำงานค่ะ ไปค่ะป้าเดินไปส่ง” ป้าลัยส่งผ้าปูที่นอนให้ก็เด็กที่เดินตามหลังมา “เธอสองคนเข้าไปเปลี่ยนผ้าปูที่ห้องคุณหยกก่อน เดี๋ยวฉันตามเข้าไป”

   “ไม่ต้องหรอกครับ ผมไปเองได้”

   “แต่ป้าเป็นห่วงนี่ค่ะ เกิดเป็นลมเป็นแล้งขึ้นมาอีกจะทำยังไงค่ะ”

   “ผมหายแล้วครับ แข็งแรงมากด้วย ป้าลัยไม่ต้องห่วงไปหรอกครับ”

   “เอาแบบนั้นหรอค่ะ ก็ได้ค่ะ” ผมพยักหน้าเป็นการยืนยัน “ถ้าอย่างนั้นป้าขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ”

   “ครับ”

   ผมเดินเลี่ยงป้าลัยและลงบันไดมายังห้องทำงานข้างล่าง ประตูเปิดแง้มไว้เล็กน้อย ทำให้ผมพอเห็นคนข้างในห้อง พี่เสือกำลังนั่งอ่านเอกสารอยู่บนโต๊ะทำงานท่าทางเคร่งเครียด ผมจึงถ่อยออกมาก่อนเดินเข้าไปในครัวเพื่อเตรียมของว่างให้พี่เสือ

   ผมรู้ว่าพี่เสือชอบกาแฟแบบไหน จึงหันไปใส่ใจกับวัตถุดิบในตู้ครัวเผื่อทำของว่างให้กับพี่เสือ ผมไม่ถนัดทำขนมไทยอย่างเจ่เจ้ แต่ถนัดที่จะพวกเบเกอรี่มากกว่า ในตู้มีแป้ง ไข่ น้ำตาล นม เนย วัดถุดิบหลัก ๆ มีครบ ผมจึงเลือกที่จะทำสปันจ์เค้ก พี่เสือไม่ชอบพวกครีม ผมจึงหยิบส้มออกมาเสริม เพื่อเพิ่มรสชาติให้เค้กเนื้อนุ่ม

   ผมใช้เวลาเตรียมเนื้อเค้ก 20 นาที ก่อนส่งเข้าไปอบอีกราว 45 นาที ระหว่างที่รอขนมเค้กสุกได้ที่ ผมก็เดินไปยังห้องทำงานของพี่เสืออีกครั้ง พี่เสือยังคงนั่งทำงานอยู่เช่นเดิม

   ตอนแรกที่ผมจะลงมาคุยกับพี่เสือ เรื่องขอไปทำงาน แต่ตอนนี้ผมเปลี่ยนใจแล้วครับ ถ้าผมออกไป พี่เสือก็ต้องตามไปด้วย งานที่คั่งค้างไว้ของพี่เสือก็คงไม่ได้ทำสักที ยิ่งอากรไม่อยู่ช่วยพี่เสือก็ยิ่งทำงานหนักเป็นสองเท่า หยุดสักวันสองวันคงจะไม่เป็นอะไร ผมยิ้มก่อนเดินกลับไปที่ครัว

.........................................................................

   โบตั๋นรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมาก ๆ ในการเดินทางมาที่เกาลูนครั้งนี้ เธอไม่จำเป็นต้องเสียแรงออกตามหาตระกูลเหมิ๋น แต่กลับเป็นว่าทางนั้นส่งคนมาหาเธอซะเอง

   ระหว่างอยู่บนรถหรูคันใหญ่ เธอนั่งโดยมีพี่คีและพี่เก่งประกบอยู่ทางด้านซ้ายและขาว ทั้งสองดูจะระแวงระวังคนของตระกูลเหมิ๋นเป็นพิเศษ ตอนแรกเธอเองก็ตกใจไม่แพ้กัน ที่อยู่ ๆ ก็มีคนของตระกูลเหมิ๋นมาตามหาเธอถึงโรงแรม ทั้งยังรู้เวลาที่เครื่องแลนดิ้งอีกต่างหาก แต่เมื่อเธอคิดไปคิดมา คนบ้านเหมิ๋นที่มีเมฆาขาวอยู่ในมือ อาจจะมีความสารถเหมือนอย่างเธอ หรืออาจจะมากกว่าก็เป็นได้ คนบ้านนั้นอาจจะมีความสามารถที่รับรู้ได้ถึงการมาของเธอ

   รถวิ่งมาถึงเยามะไต๋ ตลาดขายหยก แหล่งท่องเที่ยวมีชื่อแห่งหนึ่งในเกาลูน รถมาจอดที่หน้าตรอกเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง ชายที่นั่งด้านหน้าผายมือให้เธอเดินตามกลุ่มชายอีกชุดหนึ่งที่นั่งรถมาอีกคัน เธอจึงเดินตามคนเหล่านั้นไป

   “คุณโบตั๋นระวังตัวด้วยนะครับ” พี่เก่งกระซิบบอก และคอยระวังหลังให้เธอ ถึงเธอจะไม่สามารถสัมผัสจิตใจคนเหล่านี้ได้ก็ตาม แต่เธอรู้สึกได้ว่า คนเหล่านี้ไม่ได้เป็นอันตรายต่อเธออย่างแน่นอน

   โบตั๋นเดินตามกลุ่มคนข้างหน้าเข้ามาในร้านขายหยกที่ดูธรรมดา ๆ ร้านหนึ่ง ก่อนจะเดินทะลุเข้าไปยังด้านหลังร้าน ซึ่งมันทะลุออกไปสู่ลานกว้างแห่งหนึ่ง ที่มีบ่อปลาคราฟขนาดใหญ่ คนเหล่านั้นหยุดยืนรออยู่ที่ประตูทางเข้าบ้านหลังหนึ่งที่อยู่ตรงหน้าเธอ

   หญิงสาวคนหนึ่งที่ยืนรออยู่ทางหน้าประตูคำนับเธอเล็กน้อย ก่อนเปิดประตูนำเธอเข้าไปยังตัวบ้าน ที่ดูจากภายนอกแล้ว เธอไม่คิดว่าบ้านหลังนี้จะมีเนื้อที่กว้างขวางขนาดนี้

   “เชิญนั่งรอสักครู่ค่ะ นายท่านกำลังมา” หญิงสาวคนนั้นบอกเธอเป็นภาษาอังกฤษที่เธอพอจับใจความได้ ซึ่งพี่เก่งก็ช่วยเป็นล่ามให้เธออีกทีหนึ่ง

   “เสี่ยงมากเลยนะครับคุณโบตั๋น ที่ตัดสินใจมาตามคำเชิญของคนทางนี้” พี่คีเอ่ยกับเธอ

   “เท่าที่ผมเห็น ที่นี่น่าจะมีทางเข้าออกทางเดียว” พี่เก่งวิเคราะห์

   “พี่คี พี่เก่งไม่ต้องกังวลไปหรอกค่ะ ตั๋นเชื่อว่าคนพวกนี้ไม่อันตรายแน่นอน”

   “คุณโบตั๋นอย่างเพิ่งชะล่าใจสิครับ” พี่คีพูดกับเธอหน่าย ๆ

   “เอาน่า พี่คีเชื่อตั๋นสักครั้งสิ”

   “ที่ตามเข้ามานี่ ไม่เชื่อเลยงั้นสิ” พี่คีบ่นงุบงิบอยู่คนเดียว

   การสนทนาของพวกเราก็หยุดลงเมื่อมีชายชราคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้อง พร้อมกับสาวใช่ที่เอาเครื่องดื่มและของว่างมาให้พวกเธอ เนื่องจากเธอเด็กกว่าคนตรงหน้ามาก และจากที่เห็นการกระทำของคนที่นี่ มันทำให้เธอลุกขึ้นแล้วโค้งศีรษะชายตรงหน้าเล็กน้อย

   “ฝู่หมู่ตานสินะ” ชายตรงหน้าถามเธอเป็นภาษาอังกฤษ ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ดูเป็นผู้ใหญ่ใจดี

   “เอ่อ หนูแซ่ฝู่ก็จริง แต่หนูชื่อโบตั๋นค่ะ” เธอตอบโดยมีพี่เก่งค่อยเป็นล่าให้ตลอดการสนทนา

   “หมู่ตานก็คือดอกโบตั๋นนั่นแหละ เราคนจีนเรียกกันแบบนั้น”

   “อ่อ!” เธอพยักหน้าเข้าใจ

   “หนูมาที่เกาลูนนี่เพราะเรื่องหยกศักดิ์สิทธิ์ใช่ไหม?”

   “หนูมาเรื่องเมฆาขาวค่ะ”

   “เมฆาขาวอย่างนั้นรึ?”

   “ใช่ค่ะ หนูไม่รู้ว่าหยกศักดิ์สิทธิ์คืออะไร”

   “อืม...ถ้าอย่างนั้นก็ตามฉันมา แล้วฉันจะอธิบายให้ฟัง”

   “เอ่อ ก่อนอื่น หนูขอถามหน่อยได้ไหมค่ะ?”

   “ว่ามาสิ”

   “คุณมีความสามารถเหมือนหนูใช่ไหมค่ะ ถึงได้รู้ว่าหนูจะมาที่นี่”

   “ฉันไม่ได้รับพรจากหยกศักดิ์สิทธิ์หรอก ที่ฉันรู้ว่าหนูจะมาเพราะหลานสาวของฉันบอกน่ะ”   

To Be Continue

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
Re: หยก 28-02-18 {{:::4ุ9:::}}
«ตอบ #183 เมื่อ28-02-2018 23:57:51 »

 :katai2-1:

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: หยก 28-02-18 {{:::49:::}}
«ตอบ #184 เมื่อ01-03-2018 00:16:06 »

 o8 ตื่นเต้นทีละนิดแล้วนะ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: หยก 28-02-18 {{:::49:::}}
«ตอบ #185 เมื่อ01-03-2018 02:23:03 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Amo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-1
Re: หยก 13-03-18 {{:::50:::}}
«ตอบ #186 เมื่อ14-03-2018 00:00:31 »

50

   หงส์กำลังเผชิญหน้ากับคณะกรรมการภายในเยี่ยนหว๋อ ซึ่งเกินครึ่งในห้องนี้เป็นคนของเธอ ส่วนที่เหลือเป็นคนที่จุ้ยอั้ยเตอสับเปลี่ยนเข้ามา การประชุมด่วนครั้งนี้ อากรสั่งให้ทุกคนที่เข้าร่วมประชุมฝากเครื่องมือสื่อสารไว้ภายนอก ทั้งเธอและอากรไม่ต้องการให้จุ้ยอั้ยเตอไหวตัวทัน

   หลังจากที่เธอคุยกับคนเก่าคนแก่หลาย ๆ คนในตระกูลฝู่แล้ว ทำให้การปรากฎตัวของเธอในวันนี้ ไม่มีใครแปลกใจ จะมีก็แต่คนของจุ้ยอั้ยเตอเท่านั้นที่ไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร

   “เอ่อ...คุณผู้หญิงครับ เก้าอี้ตัวนั้น เป็นที่นั่งของประธานของเรานะครับ” ชายคนหนึ่งเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นเธอเดินไปนั่งที่หัวโต๊ะ

   “ถ้าจะกล่าวให้ถูก น่าจะเป็นรักษาการ ประธานมากกว่า” อากรที่ยืนอยู่ข้างหลังเธอเป็นคนตอบ

   “ถึงจะเป็นรักษาการ แต่ถ้าท่านยังไม่มา คุณผู้หญิงก็ไม่ควรจะนั่งตรงนั้นนะครับ”

   “ผิดแล้วค่ะหัวหน้าไป๋ เธอผู้นี้มีสิทธิ์เต็มที่ในตำแหน่งนั้น” ลูกสาวของเหล่าฝู่พูดขึ้น พร้อมลุกขึ้น คำนับเธอหาเธอเล็กน้อย “ต้องขออภัยคุณหนูฝู่ที่คนของเราเสียมารยาท”

   บรรดาคนของตระกูลฝู่ต่างลุกขึ้นและโค้งศีรษะคำนับเธอเช่นเดียวกัน พร้อมทั้งกล่าวเสียงหนักแน่น

   “ยินดีตอนรับ คุณหนูฝู่หงส์กลับสู่เยี่ยนหว๋อ”

   เธอเห็นคนของจุ้ยอั้ยเตอตกใจ กว่าจะลุกและทำตามคนอื่น ๆ ได้ ก็พอจะมีเวลาให้อากรและคุณต้นจดจำได้หมด ว่ามีใครบ้าง

   “ทุกท่านเชิญนั่งค่ะ ที่หงส์มาวันนี้เพื่อที่จะจัดการเรื่องภายในเยี่ยนหว๋อ” เธอยังไม่ทันจะพูดจบ ชายคนเดิมก็แทรกขึ้นมา

   “คุณหนูใหญ่ครับ เรื่องภายในเยี่ยนหว๋อ เท่าที่ผมทราบ คนที่จัดการได้ต้องเป็นลูกชายตระกูลฝู่” ชายคนเดิมพูดขึ้นหลังจากนั่งลงแล้ว

   “หรือทายาทที่อายุครับ 25 ปีบริบูรณ์” ลูกสาวของเหล่าฝู่แทรกขึ้นมาบ้าง

   “ตะ...แต่ ฝู่ไฉ๋”

   “หัวหน้าไป๋ จะให้ฉันเรียกทนายมายืนยันก็ได้นะ”

   “...”

   “เชิญคุณหนูใหญ่กล่าวต่อเลยค่ะ จากนี้ไปคงไม่มีใครกล้าขัดคุณหนูอีกแล้ว”

   “ในเมื่อหงส์มาอยู่ที่นี่แล้ว คงไม่จำเป็นต้องมีรักษาการ ประธานบริษัทอีกต่อไป ดังนั้นเอกสารทุกอย่าง ทุกคนคงทราบนะคะว่าต้องส่งมาให้ใคร”

   “เออ...คุณหนูใหญ่ครับ เอกสารของเราส่วนใหญ่เป็นภาษาจีน คุณหนูใหญ่จะไม่มีปัญหาอะไรหรอครับ”

   “หัวหน้าไป๋สงสัยเรื่องแค่นี้เองรึค่ะ? สังสัยอะไรไม่เหมาะกับตำแหน่งผู้บริหารเลย สงสัยดิฉันคงต้องปรับเปลี่ยนอะไรให้เข้าที่เข้าทางมากว่าที่เห็นซะแล้วสินะคะ”

   “ปะๆๆ ป่าวนะครับคุณหนูใหญ่ ผมแค่เกรงว่าคุณหนูใหญ่จะเหนื่อยเกินไป”

   “ไม่ใช่ว่าหัวหน้าไป๋กำลังคิดดูถูกดิฉันอยู่รึค่ะ?” เธอลุกและเดินตรงมายังเก้าอี้ที่หัวหน้าไป๋นั่ง

   “ไม่ใช่อย่างนั้นครับคือ ๆๆ ผม”

   “ตอนนี้หงส์ยังไม่มีเลขาส่วนตัว ไม่ทราบว่าระหว่างนี้ หัวหน้าฝู่พอจะช่วยเป็นเลขาให้หงส์หน่อยได้ไหมค่ะ” เธอหันไปทางฝู่ไฉ๋ พร้อมกับเดินไปรอบ ๆ โต๊ะประชุมอย่างช้า ๆ

   “เป็นเกียรติอย่างยิ่งค่ะคุณหนูใหญ่”

   “งานแรก ช่วยให้ฝ่ายบุคคลจ่ายค่าชดเชยให้หัวหน้าไป๋ด้วยก็แล้วกันนะคะ แล้วก็คุณไป๋ค่ะ เชิญค่ะ หงส์ว่าวันนี้คุณคงไม่จำเป็นต้องเข้าประชุมกับเราอีกแล้ว”

   “คุณหนูใหญ่ ผมๆๆ”

   “อ่อ อีกอย่างหนึ่งนะคะ หลังคุณออกจากห้องนี้ไปแล้ว หากดิฉันทราบภายหลังว่าคุณรายงานจุ้ยอั้ยเตอ เรื่องที่เราคุยกันวันนี้ คุณอาจจะไม่แค่โดนไล่ออกเพียงอย่างเดียวแน่ ๆ ค่ะ ฉันรับรอง เพราะดิฉันไม่เหมือนกับแม่ของดิฉันอย่างแน่นอน”

   ถึงเธอจะพูดกับหัวหน้าไป๋ แต่สายตาของเธอกลับกวาดตามาองไปยังคนของจุ้ยอั้ยเต๋อทุกคน เธอรู้ว่าคนพวกนี้คิดยังไง และจากการที่เฉือดไก่ให้ลิงดูไปแล้ว เธอก็สัมผัสได้ถึงความคิดที่เริ่มเปลี่ยนไปของคนกลุ่มนี้ ซึ่งมีทั้งคล้อยตามและต่อต้าน

.........................................................................

   จุ้ยอั้ยเตอได้รับข้อความขอความช่วยเหลือจากจุ้ยเถิง ซึ่งเขาก็ตกลงจัดคนส่งไปเพิ่มให้อีกเล็กน้อย และด้วยการลดเวลา เขาจึงอนุญาตให้ใช้เครื่องบินส่วนตัวของเยี่ยนหว๋อ เพื่อไปส่งคนเหล่านั้น พร้อมยังเป็นการเตรียมให้จุ้ยเถิงใช้เป็นภาหนะในการพาตัวฝู่หยงกลับมาอีกด้วย

   เขาจัดการเรื่องของจุ้ยเถิงเสร็จก็กดโทรศัพท์ไปยังกาสิโนที่เขาให้เซียงไบ่ไปพักและเล่นพนันที่นั่น

   “ครับ เหลาไป่”

   “แขกพิเศษของฉันเป็นยังไงบ้าง?”

   “ต้องนี้ทางกาสิโนยังปล่อยให้ท่านเซียงเล่นได้อยู่ครับ”

   “ดี หลังจากนี้ก็ค่อย ๆ จัดการไป”

   “ได้ครับ แล้วเหลาไป่ต้องการได้คืนจากท่านเซียงเท่าไรครับ”

   “สองเท่าจากที่เราเสียให้มันไป”

   “รับทราบครับ เหลาไป่”

   จุ๋ยอั้ยเตอวางหูจากคนปลายสาย เขาคิดแล้วว่าเซียงไบ่น่าจะคิดไม่ซื่อกับพวกเขาแน่นอน ต้องการให้ลูกชายแต่งงานกับฝู่หงส์เพื่อที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในเยี่ยนหว๋อ ปกปิดเรื่องของฝู่หยงที่ยังมีชีวิตอยู่ ทายาทโดยชอบธรรมและมีสิทธิ์ในเยี่ยนหว๋อมากที่สุด ถึงแม้ว่ายังอายุไม่ครบตามพินัยกรรมก็ตาม แต่เมื่อถึงเวลาฝู่หยงก็สามารถเป็นหุ่นเชิดให้เขาได้ และในที่สุดเยี่ยนหว๋อก็จะตกอยู่ในมือของเขาสักที

.........................................................................

   ผมจัดเค็กใส่จากเรียบร้อย พร้อมชงกาแฟ เตรียมให้กับพี่เสือ ป้าลัยก็เดินเข้ามาในครัวพอดี คงจะเตรียมทำอาหารเย็นแล้ว

   “คุณหยกทำอะไรค่ะ หอมไปถึงข้างนอกเลย”

   “ทำเค้กครับ ผมแบ่งไว้ให้ป้าลัยกับเด็ก ๆ ด้วย อยู่ทางด้านนี้นะครับ”

   “แหม๋...คุณหยกนี่ใจดีอย่างกับนางฟ้าจริง ๆ นะคะ”

   “ป้าลัยก็ล้อผมด้วยอีกคนหรอครับ”

   “ไม่ได้ล้อค่ะ ป้าแค่ชื่นชมจากใจจริง คุณหยกอย่าคิดว่าเป็นการล้อเลียนสิคะ”

   “ก็มันอดไม่ได้นี่ครับ”

   “เอ๊ะ!! นี่จะยกไปให้คุณเสือหรอค่ะ?”

   “ครับ”

   “งั้นให้ป้าช่วยยกไปไหมค่ะ?”

   “ไม่เป็นไรครับ ผมยกไปเองได้”

   “แต่ทำไม คุณหยกถึงทำแค่ชุดเดียวล่ะค่ะ คุณหยกน่าจะนั่งทานเป็นเพื่อคุณเสือด้วยนะคะ มาค่ะป้าช่วยจัดให้อีกชุดนะคะ”

   “จะดีหรอครับ ผมเห็นพี่เสืองานยุ่ง ผมไม่อยากจะไปกวนพี่เสือเขาน่ะครับ”

   “ไม่ได้ไปกวนค่ะ เขาเรียกว่าไปนั่งให้กำลังใจต่างหาก”

   “จะดีหรอครับ?”

   “เชื่อป้าเถอะค่ะ ป้าอาบน้ำร้อนมาก่อนนะคะ คุณหยกเองก็อย่าคิดมากสิค่ะ ไม่มั่นใจก็ถามคุณเสือเขาตรง ๆ อย่าเก็บไปคิดคนเดียว ป้าดูออกนะคะว่าคุณหยกเกรงใจและห่วงคุณเสือแค่ไหน”

   “ถ้าอย่างนั้นก็ได้ครับ”

   ป้าลัยช่วยผมจัดของว่าอีกชุด จากนั้นผมก็เดินยกของว่างมายังห้องทำงาน ประตูก็ยังคงเปิดแง้มอยู่อย่างเดิม ผมจึงค่อย ๆ เปิดประตูเข้าไป

   “พี่เสือ” ผมเรียกพี่เสือเสียงไม่ดังนัก แทนการเคาะประตูเพราะมือทั้งสองประคองถาดของว่างอยู่

   “อ่าว หยก” พี่เสือเห็นผมก็ลุกจากงานตรงหน้า เดินเข้ามาหาผมทันที พี่เสือช่วยรับถาดของว่างในมือผมเอาไปถือไว้เอง ก่อนเดินนำผมมายังโซฟาข้างโต๊ะทำงาน

   “หยกยกเองก็ได้”

   “ก็พี่อยากช่วย อีกอย่างจะได้ยืดเส้นยืดสายด้วยยังไงล่ะครับ”

   “พี่เสือเหมื่อยไหมครับ”

   “ก็นิดหน่อยน่ะ พีไม่ค่อยถนัดงานนั่งโต๊ะสักเท่าไร”

   “แล้วอากรจะกลับเมื่อไรครับ”

   “น่าจะราว ๆ อาทิตย์หน้าน่ะ”

   “พี่เสือพักดื่มกาแฟ กับทานเค้กก่อนเถอะครับ แล้วค่อยทำงานต่อนะ กำลังอุ่น ๆ เลย”

   “หยกทำเองหรอครับ”

   “ครับ หยกรู้ว่าพี่เสือไม่ค่อยชอบเค้กที่มีครีม เห็นตอนอยู่ที่ร้านพี่เสือทานเหลือทุกที”

   “ช่างสังเกตจัง แล้วนี่เค้กอะไร หอมเชียว”

   “สปันจ์เค้กครับ หยกใส่ส้มลงไปด้วย”

   “หยก...ถ้าพี่จะขอให้หยกอยู่ที่นี่ อยู่ข้าง ๆ พี่ ค่อยทำอาหาร ทำขนม ชงกาแฟ ให้พี่แบบนี้ตลอดไปได้ไหมครับ”

   “ก็หยกเป็นแฟนพี่เสือแล้วนี่ พี่เสือยังจะอยากได้อะไรอีกล่ะ” ผมตอบทั้ง ๆ ก้มหน้าหลบสายตาของพี่เสือ

   “พี่ถือว่าหยกตอบตกลงนะ”

   “...” ผมไม่รู้จะตอบอะไรดี ที่ควรจะพูดก็พูดไปหมดแล้ว

   “หยกครับ พรุ่งนี้พี่จะเข้าบริษัทฯ หยกไปกับพี่นะ”

   “ให้หยกไปทำไมกัน ไปก็เกะกะพี่เสือทำงานเสียเปล่า ๆ”

   “พี่ไม่ได้ไปทำงานสักหน่อย แค่อยากพาแฟนไปอวด” ผมโดนพี่เสือรวบตัวเข้าไปกอดจากด้านหลัง พี่เสือเกยคางอยู่ที่ไหล่ของผมพร้อมทั้งโยกตัวไปมา “ได้กอดแบบนี้แล้วหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง มีแรงทำงานขึ้นเป็นกอง”

   “พี่เสือ ปล่อยหยกนะ”

   “ขอกอดอีกแป๊บหนึ่งนะครับ”

   “เดี๋ยวกาแฟก็เย็นหมด”

   “งั้นหยกก็ป้อนพี่สิครับ”

   “พี่เสือกอดหยกอยู่อย่างนี้แล้วหยกจะป้อนได้ยังไงกัน”

   “น่ารักจัง” พี่เสือพูดพร้อมกับหอมแก้มผมฟอดใหญ่ ผมรู้สึกว่าช่วงนี้พี่เสือชักจะเอาใหญ่แล้ว ความอึดอัดที่เคยสัมผัสได้ดูลดลง ถึงแม้จะไม่จางหายไปก็ตามที พี่เสือคลายวงแขนออก ผมจึงยกเค้กขึ้นมาให้ พี่เสือกลับอ้าปากรอให้ผมป้อนเค้กให้ 

.........................................................................

   หลังจากที่เพ็ญนภาได้คุยกับคุณลตาแล้ว เธอก็โทรไปปรึกษาหงส์ แต่นายต้าเป็นคนรับสาย ต้าบอกว่าหงส์ประชุมผู้บริหารอยู่ที่เยี่ยนหว๋อ เธอไม่คิดว่าหงส์จะทำงานเร็วแบบนี้ เพียงแค่ไม่กี่วันเธอก็บุกเยี่ยนหว๋อซะแล้ว

   “ไม่เป็นไร ถ้าหงส์ว่างเมื่อไรให้หงส์ติดต่อหาฉันด้วยนะ”

   “คุณภามีเรื่องอะไรที่โน่นรึป่าวครับ”

   “ถ้าหงส์ถาม ก็บอกว่าฉันอยากถามความเห็นเรื่องนายเมฆ”

   “ได้ครับ เดี๋ยวประชุมเสร็จผมจะบอกคุณหงส์ให้ครับ”

   “แล้วทางนั้นเป็นยังไงบ้าง”

   “ราบรื่นดีครับ คุณหงส์เธอเก่งมาก มัดใจคนเก่าคนแก่ที่นี่ได้ในเวลาไม่นาน ผมล่ะทึ่งในความสามารถของเธอจริง ๆ”

   “อืม ยังไงฉันก็ฝากนายดูแลเพื่อนของฉันด้วยแล้วกันล่ะ”

   “ครับคุณภา”

   เพ็ญนภาวางสายแล้วจึงเดินลงจากรถ วันนี้เธอเข้ามาทำตามแผนที่วางไว้แทนหงส์ที่ไปจัดการเรื่องที่ฮ่องกง ระหว่างที่เธอเตรียมสมุดสเก็ตและตัวอย่างผ้าอยู่ที่ท้ายรถ เธอก็ได้ยินเสียงรถคันหนึ่งแล่นเข้ามา แล้วจอดเทียบที่ทางเข้าหน้าบ้าน ไม่ได้นำรถมาจอดที่โรงรถอย่างเธอ

   คนที่ลงจากรถก็คือนายเกรียงไกรนั่นเอง เธอเห็นเขาเดินขึ้นบ้านไปโดยมีเด็กในบ้านคนหนึ่งเดินนำเขาเข้าไป เมื่อเพ็ญนภาหยิบของเสร็จ เธอก็เดินเข้าตัวบ้านไป และเดินตรงไปยังสตูดิโอที่คุณสุพรรณษาจัดไว้ให้

   “คุณษาสวัสดีค่ะ”

   “คุณภามาแล้วหรอค่ะ?”

   “ขอโทษนะคะที่ภาขึ้นบ้านมาช้า พอดีภาติดสายอยู่น่ะคะ”

   “ไม่เป็นไรค่ะ ๆ เรามาทำงานของเราต่อเถอะค่ะ”

   เพ็ญนภาส่งตัวอย่างชิ้นผ้าให้กับสุพรรษาเพื่อเทียบเฉดสีกับผ้าบาติดที่หงส์เขียนเทียนแล้วก็ลงสีไปได้ส่วนหนึ่ง ส่วนที่เหลือมอบเป็นหน้าที่ให้กับคุณสุพรรณษาทำต่อ ซึ่งเธอก็ดูจะตื่นเต้นไม่น้อยที่จะได้ทำผ้าผืนนี้

   “คุณษาค่ะ คุณเกรียงไกรมาขอพบค่ะ” เด็กในบ้านคนหนึ่งเดินเข้ามารายงาน

   “เอ๊ะ ฉันนัดไว้ตอนค่ำ ๆ นี่ มาอะไรเอาตอนนี้”

   “ถ้าวันนี้คุณษาไม่สะดวก ภากลับก่อนก็ได้นะคะ”

   “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ษาแค่จะถามเรื่องไม่เป็นเรื่องกับตาเกรียงนิดหน่อยเท่านั้น ถ้าคุณภาไม่ว่าอะไรษาขอตัวสักครู่นะคะ”

   “เชิญคุณษาตามสบายค่ะ ระหว่างรอช่วยคุณษาเลือกผ้าก็แล้วกันนะคะ”

   “ถ้าอย่างนั้น ษาขอตัวสักครู่นะคะ”

   หลังจากที่คุณสุพรรณษาเดินออกไปแล้ว เพ็ญนภาก็ทำทีเดินไปถามสารทุกข์สุขดิบของคุณหญิงผ่านทางเด็กในบ้าน เลยไปจนถึงเรื่องของนายเกรียงไกร ทำให้เธอรู้ว่าข่าวที่นายคีหามานั้นไม่ผิดอย่างที่ได้รับรู้มา เกรียงไกรเข้ามาบ้านนี้ก็ถูกจำกัดให้อยู่ได้แค่ห้องรับแขกทางการ ที่อยู่ส่วนหน้าสุดของตัวบ้านและเป็นห้องที่ปิดมิดชิด และนายนั่นไม่เคยทานอาหาร หรือแม้แต่ค้างที่บ้านหลังนี้เลยสักครั้ง

.........................................................................

   เกรียงไกรเข้ามานั่งรอแม่ของเขาในห้องรับแขกห้องเดิม เขาเลือกมาเวลานี้เพราะไม่ต้องการจะเข้ามาในช่วงค่ำ เพื่อที่จะเลี่ยงไม่ต้องมานั่งทานอาหารเย็นพร้อมกับแม่และยายของเขา

   เขารู้ตัวว่ายายไม่ชอบเตี่ยและเขาขนาดไหน ทั้งที่เขาเป็นหลานชายเพียงคนเดียว มรดกของบ้านนี้ยังไงก็ต้องตกเป็นของเขาอยู่แล้ว แต่ยายก็ยังมีท่าทีจงเกลียดจงชังเขา ถึงแม้ว่าไม่พูดออกมาแต่การแสดงออกนั้นค่อนข้างชัดเจน

   “แม่นัดลูกมาช่วงค่ำไม่ใช่หรือไง” แม่ของเขาพูดขึ้นหลังจากนั่งลงบนโซฟาเนรียบร้อยแล้ว

   “พอดีผมติดธุระช่วงนั้นเลยมาก่อน แล้วแม่ตามผมมา มีเรื่องอะไรรึป่าว?”

   “เฮ้อ...” แม้ของเขาถอดหายใจ แล้วยังทำท่าทีระอาเขาอีก “แม่คุยกับทนาย เรื่องของลูก เขาว่าลูกยังไม่ได้ทำอะไรเลย”

   “ผมก็แค่รอดูว่าทางนั้นเขาจะเอาเรื่องผมหรือป่าว ถ้าทางนั้นไม่ได้เอาเรื่องอะไรผม ผมก็ไม่ควรจะไปมีเรื่องมีราวไม่ใช่หรือไง”

   “ลูกคิดได้แบบนั้นก็ดี แม่จะได้วางใจ แต่...ถ้าทางนั้นก็เกิดเอาเรื่องเอาราวอะไรขึ้นมา ลูกก็ต้องรีบติดต่อทนายทันทีนะ”

   “รู้แล้วน่า”

   “ถ้าอย่างนั้นแม่ก็หมดธุระแล้ว”

   “แม่เรียกผมมาถามแค่นี้น่ะหรือ”

   “ใช่ ลูกมีธุระอะไรกับแม่รึป่าว” เกรียงไกรรู้สึกได้ถึงความห่างเหินที่ตนได้รับ

   “แม่รีบหรอ นาน ๆ ผมจะมาสักที”

   “ตอนแรกแม่ตั้งใจว่าจะชวนลูกทานข้าวเป็นเพื่อนแม่กับคุณยาย แต่ลูกมาก่อนเวลาแบบนี้ ถึงแม่จะไม่ได้รีบอะไร แต่แม่ทิ้งแขกของแม่มาเพราะลูก แค่นี้แม่ก็เสียมารยาทจะแย่แล้ว”

   “ตอนผมเข้ามา ผมไม่เห็นรถของใคร นอกจากรถคุณเพ็ญนภาเจ้าของห้องเสื้อคนนั้น”

   “ก็ใช่น่ะสิ แม่ทิ้งให้คุณภาอยู่ในห้องเอนกประสงค์ด้านหลัง”

   “แค่เอาเสื้อผ้ามาเสนอ รอนิดรอหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรเลย กลับไปก็ได้เงินจากแม่ไปอยู่ดี ใช่ว่ากลับไปมือเปล่าสักหน่อย”

   “เสียมารยาท คุณภาเขามาทำงานกับแม่ ไม่ได้มาเสนอขายเสื้อผ้าสักหน่อย”

   “งั้นแม่ก็ไปทำงานของแม่เถอะ ผมกลับล่ะ”

   เกรียงไกรพูดจบก็เดินออกจากห้องรับแขกมา ระหว่างเดินออกมา เขาก็เหลียวหลังไปมองห้องเอนกประสงค์ที่ว่านั้นห้องที่เขาไม่เคยได้เหยียบเข้าไปสักครั้งถ้าคุณยายไม่อนุญาต แล้วคนในความคิดก็ปรากฎให้เห็นในสายตา ยายของเขาเดินเข้าไปยังห้องนั้น ซึ่งมันทำให้เขาออกจะแปลกใจที่คนเจ้ายศเจ้าอย่าง อย่างคุณหญิงพรรณีลดเกียรติลงมาพบกับเพ็ญนภาที่ห้องนั้นได้

To Be Continue

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
Re: หยก 13-03-18 {{:::50:::}}
«ตอบ #187 เมื่อ14-03-2018 00:18:11 »

 :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: หยก 13-03-18 {{:::50:::}}
«ตอบ #188 เมื่อ14-03-2018 02:11:38 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Amo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-1
Re: หยก 20-03-18 {{:::51:::}}
«ตอบ #189 เมื่อ20-03-2018 12:13:15 »

51

    เพ็ญนภากำลังจัดวางผ้าตามเฉดสีเพื่อให้เข้าคู่กับภาพสเก็ตของเธอ อยู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงเปิดประตูเข้ามา เธอจึงร้องทักออกไปโดยไม่ได้เงยหน้ามองผู้ที่เข้ามาใหม่แม้แต่น้อย

   “คุณษาคุยธุระกับคุณเกรียงไกรเสร็จเร็วจังเลยนะคะ ภายังจัดผ้าไม่เสร็จเลยค่ะ”

   “อ่อ เจ้าเกรียงมันมาอย่างนั้นหรอ?” เสียงตอบกลับทำให้เธอตกใจจนต้องละมือจากงานตรงหน้า

   “กราบสวัสดีคุณหญิงค่ะ ดิฉันไม่ทราบว่าเป็นคุณหญิง ขออภัยที่ดิฉันเสียมารยาทนะคะ”

   “ไม่เป็นไร ๆ ฉันเข้าใจว่าคนที่กำลังเพลินกับการทำงานเป็นอย่างไร”

   “ไม่ทราบว่าคุณหญิงลงมาที่ห้องนี้ มีธุระกับคุณษาหรือเปล่าค่ะ เดี๋ยวดิฉันไปเชิญเธอให้”

   “ไม่ต้องหรอก ฉันไม่มีธุระกับใครทั้งนั้นแหละ ฉันแค่ลงมายืดเส้นยืดสายสักหน่อย” คุณหญิงพูดก่อนเดินไปนั่งที่โซฟานวมนั่งเล่นทางด้านหน้าต่าง เพ็ญนภาจึงเดินเข้าไปนั่งอยู่ที่พื้นข้าง ๆ เก้าอี้ตัวนั้น “แม่เพ็ญไม่ต้องเกรงหรอก ขึ้นมานั่งข้างบนนี้เถอะ” เมื่อคุณหญิงอนุญาต เธอจึงเดินเข้าไปนั่งที่โซฟาตัวถัดไป

   “ดิฉันทราบจากหงส์ว่า คุณหญิงลงมาที่ห้องนี้บ่อย ๆ ระหว่างที่หงส์มาช่วยงานคุณษา”

   “ใช่ ฉันได้คุยกับแม่หงส์แล้วสบายใจน่ะ แล้วพอแม่หงส์อยู่ด้วยเหมือนฉันจะคุยกับยัยษาได้ลื่นไหลขึ้นกว่าแต่ก่อน”

   “คุณหญิงคงจะคิดถึงหงส์สิน่ะคะ”

   “ไอ้ฉันก็ไม่อยากยอมรับนักหรอกนะ แต่ก็ไม่คิดเหมือนกันว่าคนที่รู้จักกันเพียงไม่กี่วัน จะคุยกันได้ถูกคอ และดูเหมือนแม่หงส์จะรู้ใจฉันไปเสียทุกเรื่อง”

   “หงส์เขาเข้ากับคนง่ายน่ะคะ”

   “จริงสิ แล้วแม่หงส์นี่เขาไปเที่ยวกี่วันกันล่ะ”

   “อ่าว คุณแม่ลงมาหาหนูหงส์หรือค่ะ?” สุพรรณษาที่เพิ่งจะเดินเข้ามาในห้องทักทายผู้เป็นมาดา

   “จะว่าอย่างนั้นก็ไม่ถูก ฉันรู้ว่าแม่หงส์ไม่อยู่ เพียงแต่อยากรู้ว่าแม่หงส์จะกลับเมื่อไร เลยมาถามเอากับแม่เพ็ญเขา”

   “หนูหงส์เพิ่งไปได้ไม่กี่วันเองนะคะ เท่านี้คุณแม่ก็คิดถึงหนูหงส์ซะแล้ว”

   “ว่าไงล่ะแม่เพ็ญ” คุณหญิงหันกลับมาคาดคั้นคำตอบจากเธออีกครั้ง

   “เรียนคุณหญิงตามตรงนะคะ ดิฉันเองก็ไม่ทราบว่าหงส์จะกลับเมื่อไร?”

   “อ่าว ไหนหนูหงส์บอกษาไว้ ว่าไปประมาณ 2 อาทิตย์ไม่ใช่หรือไงค่ะ?”

   “ค่ะ หงส์เขาตั้งใจไว้อย่างนั้น แต่หงส์เองเขาก็ไม่รู้ว่าจะจัดการเรื่องครอบครัวเขาที่โน่นเสร็จเมื่อไร?”

   “ฉันได้ยินแม่ษาเล่าว่า แม่หงส์เป็นเด็กกำพร้าไม่ใช่หรือ?”

   “ใช่ค่ะ หงส์กับน้อง ๆ เสียพ่อแม่ไปตั้งแต่โบตั๋น น้องสาวคนเล็กอายุได้ประมาณ 3-4 เดือน เท่านั้น ตอนนั้นหงส์ก็อายุเพียง 5-6 ขวบเองค่ะ คุณอาของหงส์รู้จักกับพ่อแม่ของดิฉัน เลยพามาฝากให้อุปการะและอยู่ที่ไทยตั้งแต่นั้นมา”

   “อ่อ ถ้าอย่างนั้นแม่หงส์ก็ไม่ใช่คนไทยแท้ ๆ สินะ”

   “ค่ะ ทั้งพ่อและแม่เป็นคนฮ่องกง”

   “คุณแม่คงไม่ได้รังเกียจหนูหงส์ใช่ไหมค่ะ ที่เธอไม่ใช่คนไทยแท้ๆ” สุพรรษาถามออกมาอย่างเป็นกังวล แต่เพ็ญนภารู้ดีว่าคุณหญิงไม่ได้รังเกียจหงส์อย่างที่รังเกียจเจ้าสัวเซียง

   “นี่หล่อนเห็นฉันเป็นคนไม่มีเหตุผลขนาดนั้นเลยรึแม่ษา”

   “ลูกไม่ได้คิดอย่างนั้นค่ะคุณแม่ ลูกขอโทษ”

   “นี่แม่เพ็ญ ถ้าแม่หงส์ติดต่อมา ฉันฝากบอกแม่หงส์ด้วยแล้วกันนะ”

   “ได้ค่ะ ถ้าหงส์ติดต่อกลับมา ดิฉันจะแจ้งให้ว่าคุณหญิงฝากความระลึกถึง”

   “ไม่ใช่ ๆ เฮ้อ... สาว ๆ สมัยนี้คิดเร็วทำเร็ว ไม่ฟังผู้ใหญ่พูดให้จบเสียก่อน”

   “กราบขอโทษคุณหญิงค่ะ” เพ็ญนภารีบขอโทษ เพราะไม่รู้ว่าพูดอะไรไม่ถูกใจคุณหญิงเขารึป่าว ถึงได้โดนเอ็ดเข้าให้

   “อืม ฝากบอกแม่หงส์ก็แล้วกันนะว่า ถ้าญาติโกโหติกาทางนั้นเข้าไม่สนใจ ใส่ใจ ก็ไม่ต้องไปสนคนทางโน้น กลับมาอยู่ที่ไทย มาเป็นลูกบุญธรรมของฉันอีกคน ไม่สิ ต้องอีกสามคนสินะ”

   “คุณแม่!!” คุณสุพรรณษาอุทานตกใจ ซึ่งก็ไม่ต่างกับเธอที่พูดอะไรไม่ออก

   “ทำไม กลัวว่าฉันจะเอาสมบัติไปหารให้กับสามพี่น้องนั่น จนลูกชายหล่อนไม่เหลืออะไรติดตัวอย่างนั้นรึไง”

   “ไม่ใช่ค่ะ แต่เรื่องนี้มันเรื่องใหญ่ คุณแม่คิดดีแล้วหรือค่ะ”

   “ถึงฉันจะแก่ แต่ฉันก็ยังมีสติ ไม่ได้เลอะเลือนอะไร”

   “แต่น้อง ๆ ของหนูหงส์ เราก็ยังไม่เคยพบ เคยรู้จักเลยนะคะ”

   “เรื่องพบ เรื่องทำความรู้จักก็ไม่ใช่เรื่องยาก ใช่ไหมแม่เพ็ญ”

   “เอ่อ...ค่ะ”

   “ดี ถ้ายังไงแม่เพ็ญก็พาน้อง ๆ ของแม่หงส์มาพบฉันหน่อยก็แล้วกัน”

   “เห็นทีจะมาพร้อมกันไม่ได้นะคะ ดิฉันส่งโบตั๋น น้องสาวคนเล็กไปทำงานแทนดิฉันที่ต่างประเทศ อีกหลายวันกว่าจะกลับ ตอนนี้ที่อยู่ที่ไทยก็มีแต่น้องชายของหงส์”

   “อืม...มีน้องชายด้วยหรอ?”

   “ค่ะ หยกเป็นลูกคนรอง”

   “ถ้าอย่างนั้นก็พาเขามาพบฉันหน่อยก็แล้วกัน” เพ็ญนภาเหลือบมองหน้าคุณสุพรรณษาเล็กน้อย เธอเห็นสีหน้าเป็นกังวลคนที่นั่งข้าง ๆ คุณหญิงอย่างเห็นได้ชัด เธอจะทำให้แผนของหงส์เสียรึป่าวนะ?

   “รับทราบค่ะคุณหญิง แล้วดิฉันจะพาหยกเข้ามากราบคุณหญิงภายหลังนะคะ”

   “ดี พามาที่ห้องนี้เลยก็แล้วกันนะ ยัยษาจะได้รูจักมักจี่อนาคตน้องบุญธรรมด้วยอีกคน”

   “คุณแม่ค่ะ...”

   “เชื่อสายตาคนแก่อย่างฉันเถอะยัยษา ฉันดูคนไม่ผิดเหมือนอย่างหล่อนหรอกนะ”

   เพ็ญนภาได้แต่มองสีหน้าหนักใจของคุณสุพรรณษา ซึ่งในใจของเธอเองก็กังวลไม่แพ้กัน วันนี้นายเกรียงไกรโพล่เข้ามาที่บ้านนี้ เป็นไปได้ว่าในเร็ววันนี้นายนั่นคงจะยังไม่เข้ามาที่นี่แน่นอน ดังนั้นถ้าจะให้ดี ก็ควรจะรีบพาหยกมากราบคุณหญิงในวันสองวันนี้

   เธอมีเรื่องที่ต้องปรึกษาและคุยกับหงส์มากกว่าเรื่องของยัยลตานั่นแล้วสิ เหตุใดทางโน้นถึงทำงานตามแผนได้ราบรื่นนัก ผิดกับทางเธอที่ดูจะมีปัญหาที่น่าหนักใจและติดขัดไปหลายเรื่องทีเดียว

.........................................................................

   โบตั๋นเดินตามเหมิ๋ยนโหย่วเซียงเข้ามาในห้อง ๆ หนึ่งที่ดูเหมือนจะเป็นห้องทำงาน พี่เก่งกับพี่คีเดินตามหลังเธอเข้ามา ส่วนคนของชายชรากลับยืนรออยู่หน้าห้อง

   เหมิ่นโหย่วเซียงหยุดยืนอยู่หน้ากรอบรูปใหญ่กรอบหนึ่ง ซึ่งเธอเดาว่าน่าจะเป็นแผนภูมิต้นไม้ตามปลายกิ่งต่าง ๆ มีอักษรภาษาจีนเขียนกำกับอยู่ เธอจึงมองดูมันอย่างสนใจ แผนภูมิดังกล่าวดูแปลกประหลาดสำหรับเธอในความรู้สึก ทั้ง ๆ ที่มันควรจะแผ่ขยายไปไกล แต่ต้นไม่ต้นนี้กลับค่อย ๆ สูงชะลูดขึ้นข้างบนแทน

   “หนูคงจะสงสัยรูปร่างของแผนภูมินี่สินะ” เหมิ๋นโหย่วเซียงถามขึ้น

   “ค่ะ”

   “นี่คือแผนผังตระกูลเหมิ๋น และนี่คือชื่อของฉัน” ชายชราชี้ไปยังยอดบนสุดของแผนภูมิต้นไม้ ที่มีกิ่งไม้เพียงกิ่งเดียว และไม่ได้แตกกิ่งก้านออกไปอีก “ที่แผนภิมีรูปร่างแบบนี้เพราะ ตระกูลเหมิ๋นไม่ได้รับเขยแต่งเข้าอย่างฝู่ยังไงล่ะ”

   “เมื่อครู่คุณบอกว่าคุณมีหลานสาวนี่ค่ะ แล้วลูกกับหลานของคุณทำไมถึงไม่ได้อยู่บนนั้น”

   “ลูกกับหลานบุญธรรม เอามาจารึกลงในแผนภูมิไม่ได้หรอกนะ ฉันเป็นสายเลือดเหมิ๋นแท้ ๆ ...คนสุดท้าย” โบตั๋นได้ยินก็ใจหาย น้ำเสียงของชายชราถึงแม้จะดูว่าปลงได้ แต่ก็ยังเจือไว้ด้วยความเสียใจ

   “หนูเสียใจด้วยนะคะ”

   “ไม่เป็นไรหรอก อยากน้อยการที่ฉันได้พบหนู ก็ถือว่าฉันได้ทำตามคำสั่งเสียของบรรพบุรุษสำเร็จไปแล้วส่วนหนึ่ง”

   “การได้พบหนูอย่างนั้นหรอค่ะ”

   “ใช่ หนูอยากรู้เรื่องหยกศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่หรอ มาสิ ฉันจะเอาให้ดู”

   เธอเดินเข้าไปที่โต๊ะทำงาน และนั่งลงฝั่งตรงข้าม พี่เก่งและพี่คียืนอยู่ด้านหลังของเธอ ชายชราขยับกรอบรูปแผนภูมต้นไม้เล็กน้อย พอให้เห็นช่องเซฟที่ซ่อนอยู่ด้านหลัง จากนั้นกล่องไม้เก่า ๆ ลวดลายจีนโบราณก็ปรากฎอยู่หน้าเธอ โบตั๋นรับมันมาแล้วเปิดออก

   “นี่ใช่ไหมค่ะ หยกศักดิ์สิทธิ์”

   “ใช่แล้ว อันที่จริงมันมีทั้งหมด 8 ชิ้นด้วยกัน อยู่ที่เหมิ๋น 3 ชิ้น อยู่ที่ฝู่ 3 ชิ้น”

   “มันไม่เห็นเหมือนกับของหนูเลย” โบตั๋นวางกล่องตรงหน้าลงก่อนดึงเมฆาขาวของเธอออกมาจากคอเสื้อ

   “โอ้...หนูได้รับพรจากหยกศักดิ์สิทธิ์สินะ”

   “หมายความว่ายังไงค่ะ?”

   “ฉันจะเล่าตำนานของหยกศักดิ์สิทธิ์ให้ฟัง หนูให้คนของหนูนั่งก่อนเถอะ”  เธอพยักหน้าเล็กน้อย พี่เก่งกับพี่คีจึงไปยกเก้าอี้มานั่งลงข้าง ๆ เธอ “หยกศักดิ์สิทธิ์นี้ถูกสร้างขึ้นโดยกุบไลข่าน หรือง่วนสีโจ๊ฮ่องเต้ ต้นราชวงศ์หยวน ในตอนนั้นอาหนีเกอช่างประจำราชวงศ์เป็นคนสร้างหยกนี้ขึ้นเพื่อเป็นป้ายตัวแทนให้ขุนนางสมัยนั้นทำหน้าที่บวงสรวงบรรพบุรุษแทนง่วนสีโจ๊ฮ่องเต้”

   เหมิ๋นโหย่วเซียงเว้นจังหวะเพื่อให้พี่เก่งช่วยแปลให้เธออีกครั้ง เนื่องจากเป็นศัพท์เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ บางประโยคเธอจึงฟังไม่ค่อยเข้าใจนัก

   “ระหว่างที่ง่วนสีโจ๊ฮ่องเต้ครองราชย์อยู่นั้น ได้สร้างวิหารจำนวน 8 หลังเพื่อใช้ในการบวงสรวงเหล่าบรรพบุรุษ

   วิหารแรก สำหรับ เยซูไกและโฮลัน ต้นตระกูลของเขา

   วิหารที่สอง สำหรับ เจงกิสข่าน บรรพบุรุษของเขา

   วิหารที่สาม ถึง หก สำหรับรุ่นลูกของเจงกิสข่าน ได้แก่ โจชิ, ชักฮาไต, โอโกได และ โตเรแกน

   วิหารที่เจ็ด สำหรับกูยุคข่าน

   และวิหารสุดท้าย สำหรับ มองเคข่าน

   ง่วนสีโจ๊ฮ่องเต้ ได้แต่งตั้ง ตระกูลขุนนางทั้งหมด 4 ตระกูล เพื่อทำหน้าที่บวงสรวงแทนพระองค์ และมอบหยกศักดิ์สิทธิ์ไว้ให้ตระกูลละหนึ่งคู่

   ตระกูลอาหนี ถือหยกศักดิ์สิทธิ์ คู่กิเลน

   ตระกูลเหมิ๋น ถือหยกศักดิ์สิทธิ์ คู่มังกร

   ตระกูลฝู่ ถือหยกศักดิสิทธิ์ คู่เต่ามังกร

   ตระกูลอู๋ ถือหยกศักดิ์สิทธิ์ คู่หงส์”

   “แต่ในกล่องนี้มีแต่หยกรูปมังกร เต่า และหงส์เท่านั้น แล้วคู่ของมัน กับหยกกิเลนไปไหนล่ะคะ?” โบตั๋นอดถามขึ้นไม่ได้

   “ตระกูลเหมิ๋น ฝู่ และอู๋ เป็นพี่น้องร่วมสาบานกัน ทำให้พวกเราไปมาหาสู่กันตลอด ส่วนตระกูลอาหนีถึงจะเป็นตจระกูลขุนนางเหมือนกัน แต่ตระกูลนี้เป็นช่างประจำราชวงศ์ เดินทางไปสร้างวัด วิหาร ตลอดเวลา ทำให้การไปมาหาสู่กันเป็นเรื่องลำบาก เมื่อตระกูลอาหนีหายสาบสูญไป ตระกูลอื่น ๆ ก็ไม่สามารถตามหาหยกคู่กิเลนเจอ

   แล้วคู่ของมันไม่ใช่หยกที่แกะสลักเป็นลวดลายเดียวกันหรอกนะ แท้จริงแล้วสัตว์เทพในตำนานเหล่านี้คู่ของมันก็คือหยกที่หนูห้อยคออยู่ยังไงล่ะ?”

   “แล้วทำไมตระกูลฝู่ถึงได้มีแต่เมฆาขาวล่ะคะ?”

   “ในยุคสงครามฝิ่น เป็นยุคที่บ้านเมืองแปลปรวน ตระกูลอู๋ที่เป็นตระกูลน้องเล็ก อีกทั้งยังไม่ได้รับพรจากหยกศักดิ์สิทธิ์ ทำให้ตระกูลอู๋ระส่ำระส่ายอย่างมาก จนตระกูลอู๋สูญสิ้นเพราะลูกหลานติดฝิ่น ตอนนั้นอู้อี้จึงมอบหยกศักดิ์สิทธิ์คู่ที่ตระกูลตัวเองดูแลอยู่ให้กับตระกูลฝู่ ซึ่งเป็นพี่ใหญ่

   แต่ในยุคนั้น หยกศักดิ์สิทธิ์ถือเป็นสิ่งของมีค่ามหาศาล ทุกคนล้วนจ้องจะแก่งแย่งมาไว้ในครอบครอง ตระกูลฝู่กับเหมิ๋นจึงตัดสินใจแยกหยกออกจากคู่ของมัน

   ฝู่ถือครองหยกแกะสลักลวดลายก้อนเมฆเอาไว้ ส่วนเหมิ๋นถือครองหยกแกะสลักรูปสัตว์เทพ ฝู่ให้เหมิ๋น ที่ตอนนั้นเป็นเพียงตระกูลบัณฑิตอพยพย้ายมาซ่อนตัวที่เกาลูนี่ บรรพบุรุษของฉันจึงมาบุกเบิกตลาดหยกที่นี่ เผื่อซ่อนตัวจากผู้ที่ต้องการหยกศักดิ์สิทธิ์ และเพื่อความปลอดภัย พวกเราจึงไม่แต่งเขยเข้าตระกูล”

   “ที่ฝู่เกือบจะจบสิ้นเพราะพยายามจะแต่งเขยเข้าตระกูลสินะคะ”

   “ฉันเสียใจด้วยนะ เรื่องของพ่อแม่หนู ถึงฉันจะรู้เรื่องอะไรไม่มาก เพราะพวกเราขาดการติดต่อกันไปนาน”

   “หนูอาจจะเสียใจในช่วงแรก ๆ ที่รู้เรื่องราวของป๊ากับม๊า แต่ทั้งชีวิตหนูก็ได้รับความรักจากเจ่เจ้และหยก เอ่อ...เฮียหยก ทั้งสองคนทำหน้าที่เป็นตัวแทนป๊ากับม๊าให้หนูมาตลอด หนูจึงไม่รู้สึกเสียใจอีกต่อไป”

   “เก่งมาก หนูเข้มแข็งมากเลยนะ ฝู่หงส์กับหนูได้รับพรจากหยกศักดิ์สิทธิ์ แล้วฝู่หยงล่ะ?”

   “ฝู่หยง?”

   “พี่ชายของหนูน่ะ?”

   “การได้รับพรจากหยกศักดิ์สิทธิ์คืออะไรครับ” พี่เก่งคงอดไม่ได้ถามขึ้นมา ซึ่งเธอพอเข้าใจว่าเหมิ๋นโหย่วเซียงหมายถึงอะไร?

   “หนูไม่ได้บอกความจริงกับคนของหนูหรือ?”

   “อันที่จริงแล้ว พี่ ๆ เขาไม่ใช่คนของหนู หรือคนของตระกูลฝู่หรอกค่ะ แต่เป็นเพื่อน ๆ ของหนู”

   “อ่อ อย่างนั้นเองหรือ?”

   “หนูไม่รู้ว่าควรจะเล่าให้พี่ ๆ เขาฟังไหม หนูยังไม่ได้ขออนุญาตเจ่เจ้เลย”

   “หนูได้พรจากหยกศักดิ์สิทธิ์แล้ว ดังนั้นตัวหนูที่รู้ดีที่สุดว่าควรจะเล่าให้เพื่อน ๆ ของหนูฟังไหม หนูเชื่อถือสหายของหนูได้แค่ไหน?”

   จบประโยคนี้ทำให้เธอกลับมาคิดอีกครั้ง เธอสัมผัสถึงความสงสัย และอยากรู้อยากเห็นจากพี่เก่งและพี่คี เธอรู้ดีว่าทั้งสองไว้ใจได้แค่ไหน เมื่อเธอคิดดูแล้ว ถ้าเธออยากโตเป็นผู้ใหญ่ อยากให้เจ่เจ้กับหยกวางใจเธอ เธอต้องเลือกตัดสินใจด้วยตัวเธอเอง และรับผิดชอบกับผลที่จะตามมา

   “พี่เก่ง พี่คีค่ะ ตั๋นจะเล่าให้พี่ ๆ ฟัง แต่ตั๋นขอไว้ก่อนนะคะ ว่าอย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้ให้พี่ ๆ คนอื่นทราบ ไม่ว่าจะเป็นพี่เอ พี่ต้น พี่ต้า”

   “พี่รับปาก” พี่เก่งตอบแบบที่ใช้เวลาคิดน้อยมาก

   “พี่ก็เหมือนกัน” พี่คีก็เช่นกัน

   เธอรับรู้ได้ถึงความมุ่งมั่น และความหนักแน่นในคำพูดของคนทั้งสอง เธอมองหน้าเหมิ๋นโหย่วเซียงเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มต้นเล่าเรื่องราว และความลับของพวกเธอสามพี่น้อง

   “พี่เก่งช่วยแปลต่อให้ด้วยนะคะ ตั๋นอยากให้เขารู้เรื่องนี้ด้วย” เก่งพยักหน้าเล็กน้อย “กงเหมิ๋นค่ะ เรื่องทั้งหมดนี้เป็นเรื่องราวที่หนูรู้มา มันเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น หนูรู้ว่ามันคงมีอะไรมากกว่านี้ แต่หนูยังหาคำตอบไม่ได้ หนูจึงมาที่นี่ เพื่อหาความลับที่ซ่อนอยู่ในเมฆาขาว”

   โบตั๋นเริ่มต้นเล่าเรื่องความสามารถของเธอที่ได้รับจากเมฆาขาว หรือพรจากหยกศักดิ์สิทธิ์ที่เหมิ๋นโหย่วเซียงเรียก พร้อมกับสังเกตท่าทีของพี่คีกับพี่เก่งไปด้วย

To Be Continue




เรื่องราวในตอนนี้มีการอ้างอิงถึงชื่อบุคคลและประวัติศาสตร์จีนบางส่วน

โดยเนื้อหาเป็นการแต่งขึ้จากการมโนของ Amo เท่านั้นนะคะ

ไม่ได้เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์จีนน้า...


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: หยก 20-03-18 {{:::51:::}}
« ตอบ #189 เมื่อ: 20-03-2018 12:13:15 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: หยก 20-03-18 {{:::51:::}}
«ตอบ #190 เมื่อ20-03-2018 15:36:17 »

น่าสนใจมาก ถึงจะแต่งตามที่คนเขียนบอก แต่ก็ให้อารมณ์เหมือนว่าต้นตอมาจากที่นั่นจริงๆ
 o15 o15

ออฟไลน์ Amo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-1
Re: หยก 03-04-18 {{:::52:::}}
«ตอบ #191 เมื่อ03-04-2018 23:40:11 »

52

   เมื่อคืน หลังจากที่ได้คุยกับเพ็ญนภาเรียบร้อยแล้ว พยัคฆ์ก็ตัดสินใจจะพาหยกเข้าไปพบกับคุณหญิงพรรณีในวันนี้ ก่อนจะเข้าไปเคลียร์เอกสารที่ออฟฟิต เขารู้ว่าหยกสามารถเอาตัวรอดได้หากต้องเข้าไปบ้านหลังนั้น

   จากที่โบตั๋นเล่ามา หยกจำหน้านายเกรียงไกรไม่ได้ การที่พาหยกไปพบคุณหญิงน่าจะช่วยให้แผนการของหงส์ง่ายขึ้น และช่วยเพ็ญนภาได้มากขึ้น ส่วนเรื่องของลตาที่ได้ฟังจากเพ็ญนภา ทำให้เขารู้ว่าลตากับจุ้ยเถิงรู้จักกัน ส่วนทางเมฆ ก็ยังคงแอบอ้างเอาภาพของหยกและโบตั๋นไปเที่ยวเสนอขายบริการให้ใครต่อใครอยู่

   “อ๊ะ!! พี่เสือ”

   “ตื่นแล้วเหรอครับ”

   “พี่เสือแอบเข้าห้องหยกอีกแล้ว” หยกลุกขึ้นจากที่นอน ผมยุ่ง ๆ น่ายีเล่น หน้าตาตอนเพิ่งตื่นนอนก็ดูน่ารักจนเขาอดยิ้มไม่ได้

   “ไม่ได้แอบสักหน่อย เดินเข้ามาเฉย ๆ ต่างหาก พี่ทำให้หยกตกใจหรอครับ”

   “ก็ตกใจสิ อยู่ ๆ ตื่นขึ้นมา ก็มีคนมานั่งจ้องหน้าแบบนี้”

   “ถ้าอย่างนั้น หยกย้ายไปนอนห้องพี่ไหม ตื่นมาจะได้ไม่ต้องตกใจแบบนี้อีกยังไงล่ะครับ”

   “ไม่เอาหรอก หยกอายคนในบ้าน”

   “ไม่เห็นต้องอายเลย ใครๆ เขาก็รู้ว่าพี่กับหยกเป็นอะไรกัน”

   “หยกก็ยังอายอยู่ดี”

   “อืม... ถ้าอย่างนั้น เราย้ายไปอยู่คอนโดพี่ดีไหม มีแค่เราสองคน หยกจะได้ไม่ต้องอายใคร”

   “...”

   “คิดนานจัง”

   “หยกขอคิดดูก่อนได้ไหมครับ?”

   “คิดเรื่องไหน เรื่องย้ายไปนอนห้องพี่หรือย้ายไปอยู่ที่คอนโดพี่”

   “ก็...ทั้งสองเรื่องนั่นแหละ”

   “ครับ ๆ ตื่นแล้วก็ลุกไปอาบน้ำเถอะ พี่จะพาไปกราบผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง”

   “ใครเหรอครับ”

   “เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่หงส์กับคุณภารู้จักน่ะ ท่านอยากพบกับหยก”

   “อยากเจอหยก?”

   “ใช่ครับ เดี๋ยวพี่เล่าให้ฟังตอนทานอาหารเช้าก็แล้วกันนะ ไปเตรียมตัวเถอะครับ” น้องหยกของเขาทำตามอย่างว่าง่าย ที่สำคัญดูสดใสกว่าเมื่อก่อนมาก ไม่ผิดจากโบตั๋นเลย จะต่างกันก็ตรงที่หยกดูมีเสน่ห์มากกว่า

.........................................................................

   ผมไม่รู้ว่าพี่เสือจะพาผมไปพบกับใคร รู้แต่ว่าชื่อคุณหญิงพรรณี คุณหญิงท่านเอ็นดูและคุยถูกคอกับเจ่เจ้มาก พอเจ่เจ้ไม่อยู่ก็อดคิดถึงไม่ได้ จึงอยากจะรู้จักกับน้อง ๆ คนอื่นของเจ่เจ้แทน ซึ่งตอนนี้มีผมคนเดียวที่อยู่ที่นี่ ท่านเลยเรียกหาผม

   ผมเดาว่าคุณหญิงคงเป็นคนแก่ขี้เหงาคนหนึ่ง ที่ลูกหลานอาจจะไม่มีเวลามาดูแล เลยอยากหาเพื่อนคุย แต่ผมไม่รู้ว่าเจ่เจ้ไปรู้จักกับคุณหญิงท่านนี้ได้อย่างไร ทั้งที่เธอออกจะเป็นคนเก็บเนื้อเก็บตัว ไม่ค่อยได้ไปไหนมาไหนอย่างนั้น

   พี่เสือพาผมเข้ามาที่คฤหาสหลังใหญ่หลังหนึ่ง ซึ่งขั้นตอนการเข้าบ้านไม่ต่างอะไรกับบริษัทฯ ของพี่เสือเลย กว่าจะผ่านรั้วเข้าไปได้ต้องแลกบัตร จดทะเบียนรถ ดูวุ่นวายไปหมด และจากรั้วมาถึงตัวบ้านก็ไกลไม่ใช่น้อย  พี่เสือจอดรถมาเทียบไว้ที่หน้าบ้าน มีผู้ชายคนหนึ่งยืนรอพวกเราอยู่ จากนั้นเขาก็รับกุญแจรถของพี่เสือไปก่อนขับไปจอดให้ที่โรงรถ

   ผมสัมผัสได้ถึงความสงสัยของชายคนนั้น และผู้หญิงอีกคนที่ยืนรอเราอยู่ที่หน้าประตูบ้าน ผมเดินตามหลังพี่เสือไปติด ๆ

   “เชิญทางนี้ค่ะ” หญิงคนนั้นบอกและเดินนำทางพวกเราไปยังห้อง ๆ หนึ่ง “กรุณารอสักครู่นะคะ”

   ผมเดินสำรวจไปรอบ ๆ ห้อง ในนี้มีหุ่นผ้าสำหรับทำแพทเทิร์นเสื้อผ้าอยู่ 2-3 ตัว จักรเย็บผ้าที่ดูทันสมัย อีกฝั่งหนึ่งมีผ้าบาติกที่เขียนเทียนเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่เพิ่งลงสีไปได้น่าจะ 50-60% ขึงอยู่ โต๊ะตัวใหญ่ตรงกลางห้องมีสมุดเสเก็ตและชิ้นผ้าวางอยู่อย่างเป็นระเบียบ

   ระหว่างที่ผมเดินสำรวจไปรอบ ๆ ห้อง พี่เสือก็ไปนั่งรอที่โซฟา ตรงมุมหน้าต่าง ซึ่งมองออกไปเห็นวิวสวยด้านหลังบ้าน มีน้ำตกจำลองเล็ก ๆ บรรยากาศในห้องนี้เหมาะกับการทำงานมาก เหมือนห้องนี้เป็นสตูดิโอในฝันของโบตั๋น ถ้าเธอมาเห็นที่นี่เข้า เธอคงจะชอบห้องนี้เอามาก ๆ แน่

   “อ่าว หนูหงส์กลับมาตั้งแต่เมื่อไรค่ะ เมื่อวานคุณแม่ยังบ่นคิดถึงอยู่เลย” ผมหันไปตามเสียงของคนที่เข้ามาใหม่ ผมไม่แปลกใจหรอกครับถ้าใคร ๆ จะทักพวกเราผิด

   “สวัสดีครับ คุณสุพรรณษา” พี่เสือลุกขึ้นจากที่นั่ง ก่อนทักทายหญิงคนนั้น ผมจึงทำตาม

   “สวัสดีครับ”

   “เอ๊ะ!! นี่”

   “ผมชื่อหยกครับ เป็นน้องชายของพี่หงส์”

   “ตายจริง ไม่น่าเชื่อว่าน่าตาจะคล้ายกันแบบนี้ เมื่อครู่ษานึกว่าเป็นหนูหงส์ซะอีก” ผมสัมผัสได้ถึงความตื่นเต้นและแปลกใจของคนตรงหน้า

   “บ้านนี้เขาหน้าตาคล้ายกันทั้งสามพี่น้องน่ะครับ แรก ๆ ผมก็สับสนเหมือนกัน” พี่เสือเหมือนจะรู้จักผู้หญิงตรงหน้า

   “แล้วนี่คุณพยัคฆ์มาได้ยังไงค่ะ”

   “ผมมาส่งน้องหยกครับ ระหว่างที่คุณษากับคุณหญิงคุยกัน ผมไปรอที่ห้องรับแขกก็ได้นะครับ”

   “รอก่อนเถอะค่ะ คุณพยัคฆ์รอคุณแม่ท่านสักครู่นะคะ”

   “ยินดีครับ”

   คุณสุพรรณษาเดินเข้ามาใกล้ ๆ ผม มองอย่างสำเร็จ ผมเดาความรู้สึกของเธอไม่ออก ไม่รู้ว่าเธอตื่นเต้นอะไร สีหน้าขอเธอที่ดูสง่างาม น่าเกรงขามแต่ก็แฝงไว้ด้วยความเมตตา

   “รอฉันนานไหม” หญิงชราคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้อง พี่เสือลุกขึ้นเดินมาสมทบกับผม เมื่อหญิงชราคนนั้นเดินไปนั่งที่โซฟาพร้อมกับคุณสุพรรณษา พี่เสือก็พาผมไปนั่งลงกับพื้นข้าง ๆ โซฟานั่น การกระทำของพี่เสือทำให้ผมเกร็งเล็กน้อย กับพิธีรีตองที่ต้องปฏิบัติกับผู้หญิงคนนี้
   “ไม่คะคุณแม่ ลูกก็เพิ่งมาถึงไม่นาน”

   “อืม...หน้าตาเหมือนแม่หงส์ไม่มีผิด แต่ก็ดูไม่ค่อยเหมือนผู้ชายนะเรา รูปร่างเล็กไปหน่อย”

   “เมื่อสักครู่นี้ ลูกยังทักผิด คิดว่าเป็นหนูหงส์เลยค่ะ”

   “แล้วนั่น ใครกันล่ะ”

   “อ่อ นั่นคุณพยัคฆ์ คุณคุณารักษ์ค่ะ เธอเป็นเจ้าของบริษัทฯ รักษาความปลอดภัย”

   “อ่อ คุณคุณารักษ์ รุ่นหลานแล้วสินะ”

   “ครับ”

   “เสียใจเรื่องพ่อของเธอด้วยนะ ที่จากไปทั้ง ๆ ที่ยังหนุ่มยังแน่นอยู่แท้ ๆ”

   “ขอบพระคุณครับ”

   “อืม... แล้วมาด้วยกันได้ยังไงล่ะ”

   “ผมขับรถมาส่งน้องหยกครับ ระหว่างที่คุณหญิงสนทนากัน ผมจะไปรอข้างนอกครับ”

   “โอ้ย...ไม่ต้อง ๆ คุณคุณารักษ์ก็คนกันเอง”

   “ขอบคุณครับ”

   “เราน่ะ คงเป็นหยกสินะ”

   “ครับ”

   “ท่าทางจะเป็นคนเงียบ ไม่ค่อยพูดค่อยจาสิเรา”

   “ครับ” ผมไม่รู้จะตอบอะไร เพราะดูเหมือนคุณหญิงท่านจะอ่านผมได้ทะลุปรุโปรงทีเดียว ส่วนผมกลับสัมผัสได้แค่ความเอ็นดูที่เธอส่งมาให้

   “ไม่ต้องเกร็งไปหรอก ลุกขึ้นมานั่งข้าง ๆ ฉันนี่ก็ได้ จะได้คุยกันได้สะดวก ๆ”

   “ครับ”

   ผมกับพี่เสือลุกขึ้นมานั่งที่โซฟาตัวถัดไป ผมนั่งข้างคุณหญิง ส่วนพี่เสือนั่งข้างคุณสุพรรณษา เสียงเคาะประตูดังขึ้นเพร้อมกับเด็กในบ้านเดินเอาอาหารว่างกับกาแฟมาให้พวกเรา

   ของว่างของที่นี่แยกเป็นชุด ๆ ของผมกับพี่เสือเป็นกาแฟกับคุ้กกี้ชิ้นเล็ก ๆ จัดวางอยู่ในจานอย่างสวยงาม ส่วนของคุณสุพรรณษาเป็นชาร้อนกับพายอบกรอบผีเสื้อชิ้นเล็ก ๆ พอดีคำ ของคุณหญิงท่านมีเพียงน้ำขิงร้อน ๆ เพียงอย่างเดียว

   ผมได้กลิ่นกาแฟผมก็พอจะรู้ว่ามันต้องไม่ถูกปากพี่เสือแน่ ๆ ผมเหลือบมองพี่เสือเล็กน้อย พี่เสือยกกาแฟขึ้นจิบแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ผมรู้ว่าพวกเรามาเป็นแขก ดังนั้นก็ควรจะรักษามารยาทเอาไว้

   “เฮ้อ...พอแม่หงส์ไม่อยู่ น้ำขิงของฉันก็รสชาติเพี้ยนอีกแล้วสินะ”

   “คุณแม่ค่ะ ก่อนหน้านี้หนูหงส์ยังไม่มา คุณแม่ก็ดื่มแต่น้ำขิงสำเร็จรูปแบบนี้นี่ค่ะ?”

   “แม่หงส์น่ะ ทำอะไรก็ถูกปากฉันไปหมด คงต้องให้แม่หงส์มาสอนเจ้าพวกในครัวนี้ใหม่แล้วกระมัง”

   “แต่ก็จริงอย่างที่คุณแม่ว่านะคะ ขนมที่หนูหงส์ทำนี่ช่างถูกปากษาไปหมด จากที่ไม่ชอบขนมไทย ตอนนี้เริ่มจะติดซะแล้วสิค่ะ”

   “แม่หงส์น่ะ เขาทำสูตรต้นตำหรับ ไม่ได้เพี้ยนเหมือนกับสูตรสมัยใหม่แบบนี้หรอกนะ”

   “เอ่อ...คุณหญิงครับ ผมช่วยปรุงน้ำขิงให้ใหม่ไหมครับ?” ผมอาสา เพราะอย่างน้อยระหว่างที่เจ่เจ้ไม่อยู่ คุณหญิงยังจะได้ดื่มน้ำขิงที่เธอถูกใจ

   “เราทำครัวเป็นด้วยรึ”

   “นิดหน่อยครับ ถึงจะไม่เก่งเท่าเจ่เจ้ เอ้ย!! พี่หงส์ แต่ก็พอทำได้ครับ”

   “ถ้าอย่างนั้นก็ลองดู” ผมสัมผัสได้ถึงความไม่แน่ใจของหญิงทั้งสอง และตั้งแต่เข้ามาในบ้านหลังนี้ ผมก็ยังไม่รู้ถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงของคนทั้งคู่เลย

   “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวลูกพาตาหยกไปที่แพนทรีนะคะคุณแม่”

   “อืม”

   ผมเดินตามคุณสุพรรณษาออกมาที่แพนทรีเล็ก ๆ ข้าง ๆ ห้องสตูดิโอ บริเวณนี้มีเพียงอุปกรณ์สำหรับทำแต่เครื่องดื่ม ถึงจะไม่ใช่แพนทรีหลักของบ้าน แต่ก็มีอุปกรณ์ครบครันเหมือนกับเคาน์เตอร์ที่ร้านพี่กันต์ไม่มีผิด

   ผมจัดการชงน้ำขิงให้คุณหญิงใหม่โดยผสมน้ำผึ้งไปเล็กน้อยเพิ่งลดความเผ็ดร้อนของน้ำขิง จากนั้นก็ฝานมะนาวชิ้นบาง ๆ ใส่ลงไปกา ก่อนปิดฝาชุดกากระเบื้องเคลือบ

   “หยกดูคล่องจังเลยนะ”

   “ครับ ผมทำงานเป็นบาริสต้าอยู่ที่ร้านอาหารน่ะครับ เลยถนัดทำพวกเครื่องดื่ม กับเบเกอรี่เล็กน้อย”

   “บ้านนี้เก่งกันไปคนละอย่างเลยนะ หนูหงส์เก่งทำขนมไทยสินะ”

   “ที่จริงพี่หงส์ทำเป็นทุกอย่างครับ เพียงแต่ช่วงที่พี่ไม่สบาย พี่มักจะทำแต่ขนมไทยไปฝากขายตามร้านต่าง ๆ แถวบ้านน่ะครับ พี่หงส์มักจะเลือกขนมที่หาทานยาก”

   “อย่างนั้นหรอจ๊ะ”

   “ครับ เสร็จแล้วครับ”

   “ถ้างั้นเรากลับเข้าไปในห้องกันเถอะจ๊ะ”

   ผมเดินตามคุณสุพรรณษากลับเข้าไปในห้อง และวางถาดก่อนเปลี่ยนถ้วยน้ำขิงใบใหม่ให้กับคุณหญิง จากนั้นก็รินน้ำขิงร้อน ๆ จากกาลงในถ้วย ทุกขั้นตอนคุณหญิงคอยจับตามองผมอย่างไม่มีปิดบัง จนผมอดเกร็งไม่ได้ คุณหญิงยกขึ้นจิ๊บเล็กน้อย ก่อนวางแก้วนั้นลง

   “ไม่เลวเลยนะ บ้านนี้เก่งกันทั้งพี่ทั้งน้องเชียว”

   “ตาหยกทำงานเป็นบาริสต้าอยู่ที่ร้านอาหารค่ะคุณแม่ เมื่อครู่นี้ษาเห็นแกชงน้ำขิงอย่างคล่องแคล่ว เลยลองถามแกดู”

   “หืม อย่างนั้นหรอ ถ้าถึงกับยึดเป็นอาชีพได้ ก็ไม่ถือว่าทำได้แค่นิดหน่อยแล้วนะเราน่ะ”

   “ใช่ค่ะ ช่างถ่อมตัวทั้งพี่ทั้งน้อยเลยนะคะคุณแม่”

   “คุณหญิงครับ แล้วที่เรียกผมมาพบวันนี้ ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรให้ผมรับใช้รึป่าวครับ” ผมตัดสินใจถามไปในที่สุด เพราะผมสัมผัสอะไรจากทั้งสองอีกไม่ได้เลยนอกจากความตื่นเต้นและความสุขกับการพูดคุยกัน

   “ฉันก็แค่อยากทำความรู้จักกับเราก็เท่านั้นแหละ แล้วนี่มีธุระอะไรที่ไหนต้องไปทำรึป่าวล่ะ?”

   “ไม่มีครับ แต่...เหมือนพี่เสือต้องเข้าบริษัทฯ ตอนบ่าย”

   “อย่างนั้นหรอกเหรอ แล้วพอมีเวลาทานข้าวเที่ยงกับคนแก่อย่างฉันไหมล่ะพ่อ” คุณหญิงหันไปถามทางพี่เสือ

   “ยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งครับคุณหญิง”

   “เรานี่ท่าทางว่านอนสอนง่าย แล้วก็อยู่ในโอวาสพี่เขาสินะ” คุณหญิงหันมาถามผม มันทำให้ผมรู้สึกว่าหน้าร้อนขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

   “พอดีหงส์ฝากน้องหยกไว้ ระหว่างที่เธอไม่อยู่น่ะครับ หงส์เธอเป็นห่วง เพราะก่อนหน้านี้หยกมีอุบัติเหตุนิดหน่อย”

   “มิน่าล่ะ คุณพยัคฆ์ถึงต้องมาดูแลด้วยตัวเอง”

   “ครับ อากรกับอาของหงส์ ท่านทั้งสองเป็นคนรักกัน เราก็เลยเหมือนเป็นญาติห่าง ๆ กันน่ะครับ”

   “ดี ๆ เป็นญาติพี่น้องกัน รู้จักดูแลกันแบบนี้ก็ดีแล้ว” คุณหญิงเอ่ยอย่างเอ็นดู ผมก็ค่อย ๆ ลดอาการเกร็งลงไปได้มาก ผมไม่ถนัดเรื่องพิธีรีตองกับผู้ใหญ่ในลักษณะนี้เท่าไร และเกรงว่าจะพูดอะไรไม่สมควรออกไป โชคดีที่วันนี้พี่เสือมาด้วย ไม่อย่างนั้นผมคงทำตัวไม่ถูก

.........................................................................

   โบตั๋นตื่นเต้นกับสิ่งที่ได้ยินมาเกี่ยวกับเมฆาขาวหรือหยกศักดิ์สิทธิ์ เธอไม่เคยรู้เลยว่าหยกที่เธอติดตัวมาตั้งแต่เด็กจะอายุมากกว่า 700 ปี และจากที่กงเหมิ๋นออกความเห็นเกี่ยวกับการจัดการหยกศักดิ์สิทธิ์นี้ เธอค่อนข้างจะเห็นด้วย แต่ท้ายที่สุดคงต้องถามความเห็นจากเจ่เจ้อีกที

   หลังจากที่เธอเล่าเรื่องความสามารถของเธอให้พี่เก่ง พี่คีฟังแล้ว ประกอบกับการบอกกล่าวเพิ่มเติมของกงเหมิ๋น ทำให้พี่ ๆ ทั้งสองค่อนข้างเกร็งเวลาที่พบเธอ หรือพูดคุยกับเธอ จนเธออดขำไม่ได้

   “กลัวตั๋นหรอค่ะพี่เก่ง พี่คี?” เธอถามออกมาขณะที่นั่งเล่นอยู่ที่ข้าง ๆ บ่อปลาคราฟในบ้านของกงเหมิ๋น

   “ไม่ได้กลัวหรอกครับ แต่ยอมรับว่าเกร็ง ๆ นิดหน่อย” พี่เก่งบอกกับเธอ

   “ไม่ต้องเกร็งหรอกค่ะ ตั๋นมีมารยาทพอที่จะไม่ไปสำรวจจิตใจใครมั่วซั่วซะหน่อย”

   “คืนก่อนเดินทาง ผมก็สงสัยว่าทำไมคุณหงส์ถึงรู้ว่ามีคนประกบติดตามเรามาจนถึงบ้าน ที่แท้ก็เป็นเพราะหยกศักดิ์สิทธิ์นี่เอง” เธอก็จำคืนนั้นได้ ที่อยู่ ๆ พี่เก่งก็วิ่งไปขวางหน้ารถของพี่ภา

   “ใช่ค่ะ เจ่เจ้ใช้อำนาจของหยกได้คล่องและเก่งกว่าของตั๋นมาก”

   “ถ้าอย่างนั้น คุณหยกก็ต้องรู้สิครับว่าคุณพยัคฆ์เธอคิดยังไงกับคุณหยก” พี่คีถามขึ้นมาบ้าง

   “ใช่ค่ะ หยกเขารู้อยู่แล้ว”

   “พี่น้องบ้านนี้อันตรายจริง ๆ” พี่เก่งไม่วายแซว

   “ไม่รู้ป่านนี้คุณหยกกับคุณพยัคฆ์จะเป็นยังไงบ้างนะครับ จะลงเอยกันได้รึยัง” พี่เก่งดูท่าทางจะเป็นห่วงพี่เสือมาก

   “ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ คู่นั้นเขาคงแฮปปี้กันไปแล้ว หยกก็รู้ใจตัวเองแล้วด้วย”

   “ผมจำได้ว่าตอนที่อยู่ทบนเกาะ คุณพยัคฆ์ไม่กล้าเข้าใกล้คุณหยกเลย จนกระทั่งเกิดเรื่อง แถมยังถอดหยกของคุณหยก ฝากพี่ชาติไว้อีก เป็นเพราะว่าคุณหยกอ่านใจเธอได้อย่างนั้นรึป่าวครับ” พี่เก่งยังคงถามเรื่องที่คาใจอยู่

   “ไม่ใช่หรอกค่ะ จำเรื่องที่กงเหมิ๋นเล่าเกี่ยวกับคนที่จะมาชำระล้างเมฆาขาวได้ไหมค่ะ”

   “ครับ”

   “นั่นแหละค่ะ พี่เสือคือหนึ่งในนั้น พี่เสือมีจิตที่รุนแรงมาก มันมีผลกระทบกับเจ่เจ้ หยก แล้วก็ตั๋น แต่ที่พี่เสือไม่กล้าเข้าใกล้เพราะว่าหยกเขากลัวพี่เสือมากๆ เลยในตอนนั้น จิตที่มุ่งมั่น ความรู้สึกที่มีต่อหยกของพี่เสือ มันเลยรุนแรงมากจนหยกเคยเป็นลมเพราะพี่เสือมาแล้วหลายครั้ง”

   “ถ้าอย่างนั้น เราต้องหาคนอย่างคุณพยัคฆ์อีก 2 คนสินะครับ ถ้าไม่หาจากวันเดือนปีเกิดที่เข้าคู่กับหยกศักดิ์สิทธิ์แต่ละคู่ ก็ต้องใช้สัมผัสพิเศษของคุณๆ"

   “นั่นแหละค่ะภาระกิจต่อไปของพวกเรา” โบตั๋นตอบพี่คีไปอย่างมุ่งมั่น และเธอรับรู้ได้ว่าคนทั้งสองก็พร้อมที่จะช่วยเหลือเธอให้บรรลุเป้าหมายนี้

To Be Continue

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: หยก 03-04-18 {{:::52:::}}
«ตอบ #192 เมื่อ04-04-2018 00:38:05 »

 :pig4:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
Re: หยก 03-04-18 {{:::52:::}}
«ตอบ #193 เมื่อ04-04-2018 03:22:28 »

ง่าาา ตามหาอีก 2 คนเหรอออ

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: หยก 03-04-18 {{:::52:::}}
«ตอบ #194 เมื่อ04-04-2018 07:16:22 »

รอๆ จ้า คนที่จะมาช่วย
 :really2: :really2:

ออฟไลน์ A_bookworm

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
Re: หยก 03-04-18 {{:::52:::}}
«ตอบ #195 เมื่อ04-04-2018 16:41:06 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ A_bookworm

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
Re: หยก 03-04-18 {{:::52:::}}
«ตอบ #196 เมื่อ06-04-2018 16:12:45 »

รอตอนต่อไป ใจจะขาดรอนๆๆ หาอีกสองคน ใครหล่ะที่นี้  :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ Amo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-1
Re: หยก 13-04-18 {{:::53:::}}
«ตอบ #197 เมื่อ13-04-2018 22:47:47 »

53

   หงส์ออกมาจากโรงแรมพร้อมกับอากรและคุณต้น เพื่อตรงไปยังบ้านตระกูลฝู่ วันนี้พวกเขาเลือกที่จะนั่งแท็กซี่ไป โดยมีคนของเจ็กลู่ขับรถตามอยู่ห่าง ๆ จำนวนหนึ่ง เจ็กลู่ไม่วางใจที่จะให้เราเข้าไปกันเพียงแค่ 3 คน เพราะตั้งแต่เธอพาน้อง ๆ ออกจากบ้านหลังนั้นมา ก็ไม่มีคนในตระกูลฝู่สามารถเข้าไปในบ้านหลังนั้นได้อีกเลย คนเก่าคนแก่ที่เคยรับใช้พวกเธอก็โดนไล่ออกหรือไม่ก็ส่งไปอยู่ที่อื่น ดังนั้นภายในบ้านหลังนี้ จึงมีแต่คนของจุ้ยอั้ยเต๋อเท่านั้น

   พวกเด็กรับใช้ในบ้านก็เป็นคนที่จ้างมาใหม่ โดยจุ้ยอั้ยเต๋อ ดังนั้นก่อนที่จะออกจากโรงแรมเธอได้ตระเตรียมกับอากรและคุณต้นไว้แล้ว ว่าเธออาจจะสื่อสารทางจิตกับพวกเขา อากรไม่มีท่าทีตกใจเพราะรู้เรื่องความสามารถของเธออยู่แล้ว ผิดกับคุณต้นที่ยังดูเกร็ง ๆ อยู่ แต่ก็ไม่ได้มีท่าทีอะไร เธอสัมผัสได้ถึงความตกใจและตื่นกลัวของคุณต้น

   “คุณต้นค่ะ หงส์ต้องขอโทษนะคะที่ตัดสินใจบอกเรื่องเมื่อสักครู่นี้กับคุณในสถานการณ์แบบนี้”

   “ผมเข้าใจครับ แต่ผมไม่ชินกับวิธีสื่อสารของคุณหงส์เท่าไร” คุณต้นที่นั่งอยู่ข้างคนขับหันกลับมาตอบ

   “ที่หงส์เขาตัดสินใจบอกนาย ก็เพื่อที่จะตัวนายเอง เข้าไปในนั้นมันอันตราย นายจะได้ระวังตัวหากเกิดอะไรขึ้น” อากรช่วยเธออธิบาย

   “ครับบอส”

   “คุณต้นเพียงจะได้ยินเสียงหงส์ในความคิดเท่านั้นค่ะ หงส์รับรองว่าจะสื่อสารกับคุณเท่าที่จะเป็นเท่านั้น”

   “ครับ ผมจะพยายามทำใจ”

   “ขอบคุณค่ะ” เธอรู้ว่าคุณต้นยังไม่วางใจในสิ่งที่เธอกับอากรพูดเท่าไรนัก เธอเองก็โทษเขาไม่ได้ เพราะเธอรู้ดีว่าโดยธรรมชาติแล้ว คนเรามักจะกลัวในสิ่งที่มองไม่เห็นหรือสัมผัสไม่ได้เอาไว้ก่อน ไม่ว่าคน ๆ นั้นจะจิตแข็งแค่ไหนก็ตาม

   “เรามาถึงแล้ว ตั้งสติไว้นะนายต้น”

   “ครับบอส”

   รถแท็กซี่เข้ามาจอดอยู่ที่รั้วทางเข้าบ้าน เธอกับอากรลงจากรถมาก่อน ส่วนคุณต้นทำหน้าที่จ่ายเงินค่าโดยสารให้กับแท็กซี่คันที่พาพวกเธอมา อากรเดินตรงไปกดกริ่งที่ประตูบ้าน

   “มาพบใครค่ะ” เสียงตอบรับจากคนในบ้านดังขึ้น

   “ผมวรากร คนรักของหลิวลู่ ต้องการขอพบคุณจุ้ยอั้ยเต๋อ” อากรตอบพร้อมทั้งมองไปยังกล้องที่อยู่หน้ารั้วบ้าน

   พวกเธอรอกันอยู่สักพักประตูบ้านก็เปิดออกมา อากรเดินนำเข้าบ้านไปก่อน บ้านของเธอนั้นเปลี่ยนแปลงไปมาก จุ้ยอั้ยเต๋อคงต้องมีการปรับเปลี่ยนบ้านของเธอแน่นอน เมื่อเดินถึงประตูหน้าบ้าน เด็กรับใช้คนหนึ่งยืนรอพวกเธออยู่ และพาเธอเขาสู่ตัวบ้าน

   จุ้ยอั้ยเต๋อนั่งรอพวกเธออยู่ห้องรับแขก บริเวณโถงกลางบ้าน เขามองที่เธอกับคุณต้นอย่างสำรวจ ซึ่งเธอก็เตรียมพร้อมมาอยู่แล้ว เธอรู้ว่าจุ้ยเถิงมีภาพของหยกและโบตั๋น ซึ่งก็เป็นไปได้ว่าจุ้ยอั้ยเต๋อคงจะเห็นรูปนั้นแล้วเช่นกัน วันนี้เธอจึงปลอมตัวเล็กน้อยเพื่ออำพรางใบหน้าของเธอ

   “คุณหมอ ไม่ได้เจอกันหลายปี ไปยังไงมายังไงถึงมาหาผมได้ล่ะ?” จุ้ยอั้ยเต๋อทักทาย

   “อยากเรียกผมว่าคุณหมอเลย ผมไม่ได้เป็นแพทย์อาสาอีกต่อไปแล้ว”

   “ได้ๆ นั่งสิ ๆ แล้วไปยังไงมายังไงกันล่ะ?”

   “หลาน ๆ ผมมาฮันนีมูนกันที่นี่ ผมเลยพามาเยี่ยมเยียน ตามประสาคนรู้จักกัน”

   “หลาน ๆ ลูกพี่ชายคุณน่ะหรือ?” หงส์สัมผัสได้ถึงความไม่เชื่อถือ และหวาดระแวงของจุ้ยอั้ยเต๋อ

   “ใช่ นี่ไอ้เสือหลานชายผม ส่วนที่ภรรยามัน นภา” อากรแนะนำพวกเธอ ก่อนจะหันมาพูดเป็นภาษาไทยกับพวกเรา “ทักทายคุณจุ้ยสิ”

   “Nice to meet you” คุณต้นทักทาย

   “Hi” และเธอก็แสร้งทักทายบ้าง

   “สองคนนี้เขาฟังภาษาจีนไม่ออก ถนัดแต่ภาษาอังกฤษ คุณชายจุ้ยคงไม่ถือ”

   “ไม่เป็นไร ๆ ว่าแต่คุณกรคงไม่ได้มาเพียงเพราะจะมาเยี่ยมเยียนผมหรอกใช่ไหม?”

   “บอกตามตรงเลยนะ ผมอยากถามเรื่องอาหลิว หลิวลู่ คุณหาตัวเจอเขาบ้างรึป่าว?”

   “จนป่านนี้แล้วคุณยังไม่ลืมหลิวลู่อีกอย่างนั้นหรอ?”

   “ผมคงลืมคนที่ผมรักไม่ได้หรอก ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน”

   “ผมเข้าใจ” บอกจุ้ยอั้ยเต๋อบอกอากรอย่างนั้น แต่ใจกลับคิดไปในทางตรงกันข้าม

   “ผมตามหาทั่วประเทศไทยแล้วก็ไม่พบ เกรงว่าข่าวที่ได้มาตอนนั้นจะไม่ใช่เรื่องจริง”

   “เท่าที่ผมสืบรู้มา หลิวลู่หายสาบสูญไปหลายปีแล้ว เป็นไปได้สูง ว่าเขาอาจจะไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้ว”

   “อย่างนั้นหรอ?” อากรแสดงท่าทางสลด ต่อหน้าจุ้ยอั้ยเต๋อ แต่ทางนั้นไม่ได้มีท่าทีเห็นใจเลยแม้แต่น้อย กลับคิดสมเพชอากรเสียด้วยซ้ำ

   “แล้วพวกคุณมีแผนที่จะไปฮันนีมูนกันที่ไหนอย่างนั้นเหรอ” จุ้ยอั้ยเต๋อหันมาให้ความสนใจคุณต้นกับเธอแทนโดยการชวนคุยเป็นภาษาอังกฤษ

   “อากรบอกผมกับภรรยาว่า คุณเป็นเจ้าของกาสิโนในมาเก๊า”

   “อ่อ สนใจจะเข้าไปเที่ยวที่กาสิโนล่ะสินะ”

   “ครับ ผมอยากพาภรรยาไปเที่ยวที่นั่นสักหน่อย”

   “ได้ ยังไงก็คนกันเอง สหายเก่ามาเยี่ยมทั้งที ก็ต้องต้อนรับ ยังไงคืนนี้ก็ค้างกันที่นี่เลยสิ”

   “คงจะไม่ได้หรอกครับ ผมจองร้านอาหารสำหรับดินเนอร์กับภรรยาไว้แล้ว ไว้โอกาสหน้าก็แล้วกันนะครับ”

   “ถ้าอย่างนั้นก็ได้ แล้วอยากไปกาสิโน่เมื่อไรล่ะ ฉันจะให้คนไปรับ แล้วนี่รับไปสิ” จุ้ยอั้ยเต๋อยื่นการ์ดแข็งสีทองใบหนึ่งใหคุณต้น

   “อะไรหรอครับ?”

   “บัตร VIP สำหรับเข้ากาสิโนของผม คุณจะเล่นอะไร เมื่อไรก็ได้ วงเงินในบัตรนี้ถือเป็นของขวัญแต่งงานสำหรับพวกคุณก็แล้วกัน”

   “ขอบคุณมากครับ ถ้าอย่างนั้นอีก 2-3 วัน พวกผมคงต้องรบกวนด้วยนะครับ” คุณต้นตอบออกไปด้วยทีท่ายิ้มแย้ม

   “ผมหมดธุระแล้วคงต้องขอตัวก่อน” อากรพูดขึ้นมาด้วยท่าทางที่ยังคงหดหู่

   “ถ้าคุณกรไม่ได้ไปไหนกับพวกเด็กๆ ก็แวะมาดื่มน้ำชาหรือสังสรรกับผมที่นี่ได้นะ” จุ้ยอั้ยเต๋อกล่าวออกมาอย่างมีน้ำใจ แต่ภายในกลับไม่ได้คิดอย่างนั้นแม้แต่น้อย

   “ผมคงไม่มีอะไรรบกวนคุณชายจุ้ยอีกแล้วล่ะ ขอตัว” อากรพูดจบก็ลุกขึ้น พวกเธอจึงลุกตาม ก่อนพากันเดินออกจากบ้านไป

   ระหว่างทางที่เดินอยู่ภายในบ้าน เธอก็ค่อย ๆ สำรวจจิตของคนในบ้านไปเรื่อย ๆ ที่ละคน ส่วนใหญ่แล้วเด็กรับใช้ไม่รู้เรื่องเรื่องราวอะไร เพียงแต่ทำหน้าที่ของตนไปเท่านั้น จะมีก็เพียงคนบางกลุ่มที่ระแวดระวังตัวและคอยจับตาดูพวกเธออยู่ตลอดเวลา

   เธอสัมผัสได้ถึงคนเหล่านั้น มีคนราว ๆ 15-20 คน ที่คาดว่าจะเป็นคนของจุ้ยอั้ยเต๋อ นอกจากนั้นก็เป็นแม่บ้าน เด็กรับใช้ คนรถ คนสวน แล้วคนอีกคนที่หลับไม่ได้สติ จิตใจที่สงบนิ่งแต่ก็เหนื่อยล้าเต็มที ใครกันนะ?

........................................................................

     เมฆเข้ามาส่งงานที่บริษัทฯ แห่งหนึ่งซึ่งเป็นงานสุดท้ายที่เขารับไว้แล้ว เขาแปลกใจที่อยู่ๆ บริษัทฯ ต่าง ๆ ก็พากันจ่ายงานให้ช่างภาพคนอื่นหมด บ้างให้เหตุผลว่ามาจากลูกค้า บ้างเข้าใจว่าเขาติดงานไม่มีคิวให้ บ้างว่าเป็นงานด่วนและติดต่อเขาไม่ได้

   หลังจากที่เขาส่งงานเสร็จ เขาก็มาเตร็ดเตร่อยู่ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง เขาเลือกที่จะนั่งในร้านกาแฟสัญชาติอเมริกัน ระหว่างที่เขายืนรอเครื่องดื่มอยู่นั้น เขาก็เห็นพี่อ้วนช่างภาพที่เคยทำงานร่วมกันนั่งอยู่กับเพื่อนในวงการช่างภาพอีกหลายคน เมื่อได้เครื่องดื่มแล้ว เขาจึงตรงเข้าไปทักทายคนกลุ่มนั้น

   “ภาพเซ็ทนี้น่าจะเป็นผลงานที่ดีที่สุดของกูเลยก็ว่าได้” เขาได้ยินพี่อ้วนคุยกับเพื่อน ๆ

   “กูว่าเพราะมึงได้นางแบบสวยมากกว่า” เพื่อนคนหนึ่งแซวขึ้นมา

   “พี่อ้วน มาทำอะไรแถวนี้เนี่ย ประชุมช่างภาพกันรึไงพี่” เขาทักทายเมื่อเดินเข้าไปถึง

   “อ่าวเมฆ มึงมาได้ไง?” พี่อ้วนทักเขาอย่างแปลกใจ

   “บังเอิญนะพี่ ผมไปส่งงานมา ตอนนี้ก็ไม่มีงานอะไรให้ทำ เลยมาเดินเล่น ว่าแต่พวกพี่เถอะ มีแผนอะไรกันอยู่ ถึงมารวมตัวกันอยู่นี่”

   “ก็ไม่มีอะไร พวกกูนัดแดกข้าว คุยเรื่องกล้อง เรื่องเลนส์กันตามประสา”

   “โถ่ ผมนึกว่ามีโปรเจ็คอะไรใหญ่ๆ ซะอีก ถ้ามีงานฝากนึกถึงผมด้วยนะ”

   “เอ่อ ๆ ถ้ามีงาน เดี๋ยวกูติดต่อไป” พี่อ้วนเริ่มเก็บของที่วางไว้บนโต๊ะเข้ากระเป๋าแล้วลุกขึ้น เขาจึงลุกตาม “มึงนั่ง ๆ ไปเถอะ พวกกูจะกลับแล้ว ไปพวกมึง” พี่อ้วนบอกกับเขาก่อนเรียกพรรคพวก

   “อ่าว คุยกันเสร็จแล้วหรอ”

   “อืม กูจะไปซื้อของนิดหน่อยด้วย พรุ่งนี้กูต้องเดินทางไปถ่ายงานที่โอซาก้า”

   “อ้าว แล้วไหนว่านัดกินข้าวกันไม่ใช่หรอ ผมไปด้วยดิ”

   “พวกกูแดกกันเสร็จแล้ว เอาไว้คราวหน้าก็แล้วกัน”

   “ครับ ๆ ” เมฆค่อนข้างแปลกใจกับท่าทางของพี่อ้วน ที่ดูเหมือนไม่อยากจะคุยกับเขาสักเท่าไร พรรคพวกของพี่อ้วนก็เช่นกัน ทั้งที่ทุกครั้งที่เจอกัน ต้องมีการหยอกล้อถามไถ่เรื่องงานกับเขาบ้าง แต่นี่กลับไม่ทีใครทักทายเขาสักคน

.........................................................................

   หลังจากที่ทานอาหารร่วมกับคุณหญิงพรรณีและคุณสุพรรณษาเสร็จเรียบร้อยแล้ว พยัคม์และหยกก็กลับเข้ามานั่งคุยกับผู้ใหญ่ทั้งสองอีกเล็กน้อยที่ห้องเอนกประสงค์ และดูเหมือนจะคุยกันเพลินเลยทีเดียว

   เท่าที่เขาสังเกตดู หยกค่อนข้างเป็นที่ชอบพอของคนทั้งสองอยู่มาก หยกเองก็เข้ากับผู้ใหญ่ได้ดี เรียกความเอ็นดูจากผู้ใหญ่ได้ไม่น้อย เขาเห็นหยกเหลือบมองเขาอยู่หลายครั้ง ซึ่งเขาไม่ได้รีบอะไร จึงปล่อยให้ทั้งสามคุยกันไปเรื่อย ๆ

   “เห็นทีตาหยกคงจะเกรงใจคุณพยัคฆ์นะคะ” คุณสุพรรณษาคงจับสังเกตได้

   “จริงสิ พยัคฆ์ต้องเข้าบริษัทฯ ไม่ใช่หรือ ไอ้ฉันมันก็คุยกับพ่อหยกจนเพลิน ทีหลังไม่ต้องเกรงใจฉัน ต้องไปทำงานก็บอกกล่าวกัน” คุณหญิงเอ่ยขึ้นมาอย่างนึกขึ้นได้

   “ผมเห็นว่าคุยกันจนเพลิน เลยไม่อยากขัดครับ อีกอย่างงานของผมก็ไม่ได้เร่งด่วนอะไร”

   “ไม่ได้ ๆ งานก็ต้องเป็นงาน ไปเถอะพ่อ ไปทำงานทำการได้แล้ว”

   “ถ้าอย่างนั้นผมกับหยกขอตัวกลับก่อนนะครับ”

   “อืม ว่าง ๆ ก็แวะมาคุยมาทานข้าวด้วยกันอีกนะพ่อหยก”

   “ครับ ไว้คราวหน้า ผมจะทำขนมมาฝากคุณหญิงกับคุณษานะครับ”

   “เอาสิ ไว้ฉันจะรอชิมขนมของเธอก็แล้วกัน”

   พยัคฆ์จึงลาคุณหญิงและคุณสุพรรณษา โดยมีคุณสุพรรณษาเดินตามออกมาส่งพวกเขา ส่วนคุณหญิงนั้นก็เตรียมเดิมกับขึ้นไปยังชั้นบน พยัคฆ์ซึ่งเดินนำหน้าคนทั้งสอง ได้ยินคุณสุพรรณษาชวนหยกคุยตลอดทาง

   “ถ้าเป็นไปได้ หยกก็มาหาฉันกับคุณแม่บ่อย ๆ นะ”

   “ครับ ถ้ามีโอกาส ผมจะมาเยี่ยมใหม่”

   “ถ้าคราวหน้ามากันทั้งสามคน บ้านนี้คงจะครื้นเครงขึ้นเยอะเลย”

   “คุณษาอาจจะต้องปวดหัวกับโบตั๋นก็ได้นะครับ”

   “ฉันไม่กลัวเรื่องปวดหัวหรอกจ้า” พยัคฆ์ได้ยินเสียงคุณสุพรรณษาหัวเราะเล็กน้อย “เป็นอะไรไปรึป่าวจ๊ะ?” คำถามนั้นทำให้พยัคฆ์ต้องหยุดเดินแล้วหันกลับไปมอง

   หยกยืนเกร็งนิ่งอยู่หน้ากรอบรูปที่วางประดับข้าง ๆ แจกันบนคอนโซลตรงทางเดิน แววตาที่ดูตระหนกกับใบหน้าที่ซีดเซียวลง

   “อ่อ นี่รูปสามีกับลูกชายของฉันเองล่ะ” หยกมองมายังเขา ทำให้เขาเดินเข้าไปหา หยกหันกลับไปมองรูปภาพตรงหน้าอีกครั้ง

   “พี่เสือ...เขา...”

   “มีอะไรกันรึป่าวค่ะ?” พยัคฆ์ครุ่นคิดอยู่สักพัก เขาไม่คิดว่าหยกจะจำเกรียงไกรได้หลังจากได้เห็นรูปนี้

   “ผมและหยกเคยมีเรื่องกับคุณเกรียงไกรนิดหน่อยนะครับ” เขาเห็นสายตาตัดพ้อของหยกที่มองมา

   “ตายจริง แล้วเรื่องราวเป็นยังไงบ้างค่ะ มีอะไรรุนแรงกันรึป่าว?”

   “เรื่องนี้ผมขออธิบายภายหลังนะครับ ยังไงวันนี้ผมขอตัวก่อน และขอบคุณอีกครั้งสำหรับอาหารกลางวัน”

   จากนั้นเขาก็จูงมือหยกเดินออกจากตัวบ้านมาโดยไม่แคร์สายตาของคุณสุพรรณษา แรก ๆ หยกมีอาการขืนตัวจากเขาเล็กน้อย แต่หยกคงนึกได้ว่าขณะนั้นพวกเขายังอยู่ต่อหน้าคุณสุพรรณษา ตลอดทางที่ขับรถไปยังบริษัทฯ หยกนิ่งเงียบจนเขากังวล

.........................................................................

   ผมตกใจมากตอนที่เห็นภาพถ่ายของคุณษา คนที่ยืนอยู่ด้านหลังของผู้ใหญ่ทั้งสองท่านมันทำให้ผมสะดุดใจอะไรบางอย่าง ก่อนที่ความกลัวจะค่อยแผ่ซ่านเข้ามาจนผมต้องหันมองถามพี่เสือ และคำตอบที่เขาบอกกับคุณษานั้นมันทำให้ผมรู้ว่าเขารู้จักกับคน ๆ นี้ และพี่เสือยังรู้อีกด้วยว่าคนในรูปมีความเกี่ยวข้องกับคนในบ้านนี้ แต่ก็ยังจะพาผมเข้ามา

   ผมโกรธที่พี่เสือปิดบังผม จนผมขืนตัวไม่อยากให้พี่เสือแตะต้องตัวผม แต่อยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่ ผมรู้ว่าผมควรรักษามารยาท จึงเดินตามพี่เสือที่ลากผมออกมาจากบ้านหลังนั้น และตลอดทางผมเลือกที่จะนั่งเงียบจนมาถึงบริษัทฯ ของพี่เสือ บริษัทฯ ที่ผมเคยมาหาเจ็กลู่

   เมื่อลงจากรถได้ แทนที่ผมจะเดินเข้าไปยังอาคาร ผมกลับเลือกที่จะเดินออกมาแทน ผมได้ยินเสียงปิดประตูรถ และเสียงฝีเท้าที่วิ่งตามผมมาพี่เสือคว้าข้อมือผมไว้ ผมสะบัดมือหนานั่นทิ้งทันทีแบบไม่ได้คิด ตอนนี้นอกจากผมจะโกรธแล้ว ความรู้สึกที่มีมากกว่าคือ...ความน้อยใจ

   “หยกครับ...หยก” พี่เสือเรียกผม และเดินตามผมมาจนถึงหน้าป้อมยาม “หยกฟังพี่ก่อนสิครับ”

   “...” ผมได้แต่เดินหนี ผมไม่อยากเห็นหน้าพี่เสือตอนนี้ ผมสับสน ผมไม่เข้าใจ ผมรู้แค่ว่าผมโกรธ ผมน้อยใจ ให้ผมอธิบายหรือรับฟังอะไรตอนนี้ ผมทำไม่ได้

   “หยกครับ เข้าไปที่ออฟฟิตพี่ก่อนนะ” พี่เสือยังคงเดินตามผมมา

   “...”

   “ขอโอกาสให้พี่อธิบายนะครับ” พี่เสือคว้าข้อมือผมไว้อีกครั้ง และครั้งนี้ผมคว้าข้อมือพี่เสือพร้อมกับหักข้อมือหงายกลับหลังทันที พี่เสือไม่ขัดขืนอะไร ผมจึงผลักให้พี่เสือออกไปให้พ้นทางของผม “หยก...”

   “...” ผมเดินออกมาจนเกือบถึงถนนใหญ่ที่เคยมานั้งทานก๊วยเตี๋ยวกับเจ็กลู่ ผมไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าของพี่เสือแล้ว มันทำให้ผมยิ่งน้อยใจเข้าไปใหญ่ ผมไม่รู้ว่าเพราะอะไร ใจหนึ่งก็ไม่อยากเห็นหน้าพี่เสือตอนนี้ แต่พอคิดว่าพี่เสือไม้ได้ตามมาแล้ว ผมก็ยิ่งเสียใจ ผมไม่เข้าใจตัวผมเองจริง ๆ   

.........................................................................

   จุ้นเถิงได้รับรายงานจากคนของเขา ว่ารถเป้าหมายได้มายังบริษัทฯ แล้ว หลังจากที่พวกเขาใช้เวลาเฝ้าจับตาอยู่หลายวัน และฝู่หยงก็อยู่บนรถคันนั้นด้วย เขาจึงสั่งให้ลูกน้องคอยติดตามอย่าให้เป้าหมายไหวตัวได้ทัน เขาเองก็รีบไปยังจุดหมายทันที เขาไม่อยากพลาดเหมือนหลาย ๆ ครั้งที่ผ่านมา

   คนของเขาขับรถพาเขามาถึงปากซอยที่ตั้งของบริษัทฯ รักษาความปลอดภัยนั่น ระหว่างที่รถเลี้ยวเข้าซอย เขาก็เห็นร่างขาว ๆ ที่คุ้นตาเดินสวนออกมาที่ริมถนนใหญ่ จนเขาต้องเหลียวกับไปมองอีกครั้ง

   “หยุดรถก่อน” เขาบอกคนขับด้านหน้า

   “หยุดตอนนี้ไม่ได้ครับคุณจุ้ย มีรถตามหลังมา”

   “งั้นก็หาที่ที่มันจอดได้สิ”

   “ครับ ๆๆ”

   เขามั่นใจว่าคนที่เขาเห็นน่าจะเป็นฝู่หยงไม่ผิดแน่ ระหว่างที่คนของเขาขับรถเข้ามาในซอย เขาก็เห็นบอร์ดี้การ์ดคนที่ควรจะอยู่กับฝู่หยงเดินมุ่งหน้าไปในทิศทางตรงกันข้ามกับฝู่หยง และในมือก็ถือโทรศัพท์ไปด้วย

   “ไม่ต้องหาที่จอดแล้ว หาที่กลับรถ”

   “คุณจุ้ยไม่ไปที่บริษัทฯ รักษาความปลอดภัยนั่นแล้วหรอครับ”

   “ฉันเจอคนที่ฉันต้องการแล้ว และตอนนี้ก็เป็นโอกาสดีด้วย”

To Be Continue

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: หยก 13-04-18 {{:::53:::}}
«ตอบ #198 เมื่อ13-04-2018 23:34:25 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
Re: หยก 13-04-18 {{:::53:::}}
«ตอบ #199 เมื่อ24-04-2018 23:52:45 »

 :katai1: :katai1: :katai1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: หยก 13-04-18 {{:::53:::}}
« ตอบ #199 เมื่อ: 24-04-2018 23:52:45 »





ออฟไลน์ Amo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-1
Re: หยก 13-05-18 {{:::54:::}}
«ตอบ #200 เมื่อ13-05-2018 12:23:41 »

54

   พยัคฆ์รู้ดีว่าหยกทั้งโกรธและน้อยใจเขาแค่ไหน คนที่อารมณ์เย็นอย่างหยก เมื่อโกรธขึ้นมา ตัวเขาเองก็ไม่สามารถคาดเดาอารมณ์ได้ จึงได้แต่ถอยออกมาตั้งหลักก่อน โดยไม่ละทิ้งหน้าที่ในการดูแลหยก

   “ครับคุณพยัคฆ์”

   “นายอยู่ไหน?”

   “ผมอยู่ที่ออฟฟิตครับ”

   “ดี ถ้าอย่างนั้นนายกับเอไปคอยเฝ้าหยกไว้ที”

   “เอไม่อยู่ครับ มันออกไปกินข้าวที่หน้าปากซอย”

   “นายโทรบอกเอแล้วกัน ตอนนี้หยกก็น่าจะอยู่ที่ปากซอยเหมือนกัน”

   “ปากซอยออฟฟิตเรานี่นะครับ”

   “อืม รีบๆ ตามเอไปแล้วกัน ถ้าฉันขึ้นไปแล้วยังเจอนายอยู่ นายได้โดนดีแน่ๆ”

   “ครับ ๆ จะรีบไปเดี๋ยวนี้ล่ะครับบอส”

   พยัคฆ์วางสายจากต้า ก่อนเดินตรงกลับเข้าออฟฟิต เขามีเอกสารที่จะต้องเซ็นต์ พร้อมกับสรุปงานกับคุณวรรณ เพราะคุณวรรณเป็นเซ็นเตอร์ในการประสานงานข้อมูลระหว่างเขา หงส์ และ โบตั๋น อาชาติต้องการให้หยกอยู่ห่างจากเรื่องนี้ ดังนั้นจึงเลี่ยงที่จะคุยกับเขาโดยตรง

........................................................................

     เอออกมาทานข้าวอยู่ที่หน้าปากซอย กำลังจะเดินกลับเข้าออฟฟิต ก็ต้องหยุดรับโทรศัพท์ซะก่อน เมื่อคู่หูของเขาโทรเข้ามา เนื่องจากร้านข้าวแกงที่เขาเลือกทานนั้นอยู่ริมฟุตบาท ทำให้เข้าเห็นรถของคุณพยัคฆ์ขับเข้าซอยไป และลางสังหรณ์ของเขาบอกว่า เขาน่าจะได้ออกแรงเร็ว ๆ นี้

   “กูเห็นแระ”

   “มึงเจอคุณหยกแล้วใช่ไหม?”

   “ยัง แต่กูเห็นรถคุณพยัคฆ์ขับเข้าซอยไป”

   “เออ งั้นมึงก็รีบตามหาคุณหยกเลย เดี๋ยวกูตามไป”

   “ทำไมคุณพยัคฆ์ไม่ตามาเองว่ะ? กูเห็นหวงยิ่งกว่าอะไรดี”

   “กูไม่ได้ถามว่ะ”

   “กูเห็นคุณหยกแระ นั่งอยู่ตรงป้ายรถเมลล์”

   “เฮ้อ...ค่อยยังชั่วหน่อย เฝ้าอย่าให้คลาดสายตานะมึง”

   “เออ กูรู้แล้วน่า มึงรีบ ๆ มาเลย”

   เอวางสายจากต้า แล้วค่อย ๆ เดินเข้าไปหาคุณหยก เมื่อเดินเข้าไปใกล้ ๆ เขาจึงเห็นสีหน้าชัด ๆ ใบหน้าขาว ๆ ตัดกับจมูกสีแดง นั่งก้มหน้าก้มตาอยู่ และดูเหมือนว่าคุณหยกจะรู้ตัว สัญชาตญาณดีฉิบหาย ขนาดเขาไม่ได้เข้าใกล้อะไรมากมาย

   “พี่เอ?”

   “ครับ คุณหยกเป็นอะไรรึป่าวครับ” เขาเห็นดวงตากลมโตนั่นคลอไปด้วยน้ำที่มันเหมือนจะหยดลงมาได้ตลอดเวลา มันทำให้เขารู้สึกหน่วง ๆ จนไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้อีก

   “ผม...”

   เขาเลือกที่จะนั่งลงข้าง ๆ เว้นระยะไม่เข้าใกล้จนเกินไป ได้แต่นั่งเป็นเพื่อนคุณหยก จนกระทั้งต้าวิ่งกระหืดกระหอบตรงมายังพวกเขา มันผ่อนฝีเท้าลงเมื่อเข้ามาใกล้ ๆ มันเห็นเขานั่งเป็นเพื่อนคุณหยกเงียบ ๆ มันจึงทำตามโดยนั่งอยู่อีกด้านหนึ่งของคุณหยก

   “ผมขอโทษที่ทำให้พวกพี่เป็นห่วง” คุณหยกพูดขึ้นมาในที่สุด

   ต้ามันลุกขึ้น แล้วเดินไปยังร้านค้า ก่อนกลับมาพร้อมกับน้ำดื่มในมือ มันยื่นให้คุณหยก

   “ดื่มน้ำก่อนครับ จะได้สดชื่น”

   “ขอบคุณครับ” คุณหยกรับขวดน้ำนั่นไว้ ส่วนไอ้ต้ามันก็เดินกลับไม่นั่งที่เดิม พวกเรานั่งกันเงียบ ๆ รอจนกว่าคุณหยกจะสบายใจ

.........................................................................

   วรรณาเตรียมเอกสารที่พยัคฆ์จะต้องเซ็นต์ไปวางไว้ที่โต๊ะทำงานของวรากร ก่อนจะเดินไปที่ห้องประชุมเล็กที่อยู่ข้าง ๆ กัน เพราะเธอรู้ว่าคุณหยกจะมาด้วย ดังนั้นเรื่องที่เธอต้องรายงานกับคุณพยัคฆ์ จึงต้องเปลี่ยนมาใช้ห้องนี้แทน เมื่อเธอตระเตรียมความพร้อมเรียบร้อย เธอจึงเดินออกมาที่โต๊ะของเธอ ยังไม่ทันที่เธอจะได้นั่ง เจ้านายอีกคนก็เดินออกจากลิฟท์มา

   “อ้าว? คุณหยกล่ะคะ?”

   “เอกับต้าดูแลอยู่” พยัคฆ์ตอบเสียงเครียด

   “ทะเลาะกันใช่ไหมค่ะ?” เธอเห็นพยัคฆ์เลิกคิ้วเป็นเชิงถาม “ดูออกง่ายจะตาย ก็ปกติคุณเสือไม่ยอมปล่อยให้คุณหยกอยู่ห่างตัวนี่ค่ะ?”

   “หยกโกรธผมเรื่องนายเกรียงไกร”

   “คุณหยก นึกอะไรขึ้นมาได้อย่างนั้นหรอค่ะ?”

   “ใช่ เมื่อเช้าผมพาหยกไปบ้านคุณหญิงพรรณี แล้วหยกไปเจอรูปถ่ายของมันเข้า”

   “แล้วคุณเสือทำยังไงล่ะคะ ง้อคุณหยกแล้วรึยัง”

   “ดูเหมือนหยกโกรธผมมาก ผมเลย...ถอยออกมาตั้งหลักก่อน”

   “อย่างคุณเสือนี่นะคะ?”

   “เข้าเรื่องงานเถอะครับ” พยัคฆ์ตัดบท เธอจึงเลิกหยอกเจ้านาย

   “ค่ะ ๆ เอกสารที่คุณเสือต้องเซ็นต์ วรรณเตรียมไว้ให้อยู่ที่โต๊ะคุณกร ส่วนห้องประชุมเล็กที่เตรียมเอาไว้ วรรณว่าคงจะไม่ต้องใช้แล้วมั้งค่ะ?”

   “อืม แล้วทางโน้นเป็นยังไงบ้าง” คุณพยัคฆ์เดินนำเธอเข้าห้องของวรากรไป โดยมีเธอเดินตามเข้าไปติด ๆ

   พยัคฆ์นั่งแทนที่วรากรก่อนเปิดแฟ้มต่าง ๆ ขึ้นมาอ่านและเซ็นต์อย่างรวดเร็ว เธอก็รายงานความคืบหน้าทางฝั่งของคุณหงส์ และโบตั๋นให้พยัคฆ์ได้รับรู้พร้อม ๆ กันไปด้วย

   “แปลก ทางเหมิ๋นรู้ได้ยังไงว่าโบตั๋นจะเดินทางไปที่นั่น แล้วหลานสาวเหมิ๋นโย่วเซียงเป็นใคร?”

   “เรื่องนี้คุณโบตั๋นเธอก็ยังไม่ทราบค่ะ”

   “แล้วทางนั้นมีวิธีหาคนอีก 2 คนได้ยังไง?”

   “ตอนนี้คีรู้วันเดินปีเกิดของคนที่เราต้องการหาแล้ว วรรณเลยเอามาเทียบกับฐานข้อมูลที่เรามีก่อน จากนั้นอาจจะต้องใช้เส้นสายของคุณพ่อคุณหาจากฐานข้อมูลบุคคล”

   “อืม แล้วโบตั๋นจะไปสมทบกับหงส์เมื่อไร?”

   “คุณหงส์ต้องการให้คุณโบตั๋นอยู่กับบ้านเหมิ๋นไปก่อน เพื่อความปลอดภัย จนกว่าคุณหงส์จะกลับจากมาเก๊าค่ะ”

   “อืม...”

   “คุณเสือค่ะ คนของเรารายงานว่า คนของเจ้าสัวถอนกำลังจากที่ค่ายมวย และที่ร้านของเหล่าฝู่แล้ว”

   “ทางนั้นมันคงรู้ตัวแล้วสินะว่าหยกไม่ได้อยู่ที่นั่น”

   “ค่ะ คนของจุ้ยเถิงเองก็ไม่ได้ไปเฝ้าที่ร้านคุณกันต์ และบ้านของคุณหงส์แล้ว อยู่ ๆ ก็หายไปเฉย ๆ”

   “แล้วทางด้านลตาล่ะ?”

   “นอกจากเรื่องที่คุณลตาไปพบคุณเพ็ญนภาแล้ว ก็ไม่พบความเคลื่อนไหวอะไรค่ะ?”

   “ผมว่ามันแปลก ๆ ที่อยู่ ๆ คนพวกนั้นก็พากันเงียบหายไปเฉย ๆ”

   “พวกนั้นอาจจะวางแผนอะไรกันอยู่ คุณเสือกับคุณหยกคงต้องระวังตัวให้มาก ๆ ให้เอกับต้าคอยอยู่ใกล้ ๆ น่าจะดีกว่านะคะ”

   “อืม เอาตามที่คุณวรรณว่าก็แล้วกัน แต่ให้ 2 คนนั่นคอยดูอยู่ห่าง ๆ ก็พอ”

   “แหม๋ สองคนนั่นไม่ไปเป็นก้างระหว่างคุณเสือกับคุณหยกหรอกค่ะ”

   “คุณวรรณ!!”

   “รับทราบค่ะเจ้านาย”

   วรรณารับคำสั่งเรียบร้อยก็เดินออกจากห้องมา เพื่อให้คุณพยัคฆ์จัดการเอกสารที่คั่งค้างไว้ได้สะดวก ๆ

 
.........................................................................

   ลตาได้รับข้อความปริศนาเป็นครั้งที่ 2 ครั้งแรกเธอไม่รู้เจตนาของผู้ที่ส่งข่าว ถึงแม้ว่าข่าวของโบตั๋นจะช่วยเธอได้มากก็ตามที ส่วนข้อความครั้งนี้ กลับเหมือนเป็นการเตือนไม่ให้เธอเข้าไปยุ่งกับเพ็ญนภาและเมฆ

   เจ้าของข้อความปริศนานี้เป็นใครกัน แล้วคนๆ นี้รู้ความเคลื่อนไหวของเธอได้อย่างไร เธอพยายามสืบจากหมายเลขที่ส่งข้อความมาให้ ปรากฎว่าหมายเลขนั้นเป็นเบอร์ต่างประเทศ ลองโทรกลับไป ก็ไม่มีคนรับสาย เธอจึงมาถึงทานตัน ไม่สามารถสืบค้นต่อไปได้

   ตอนนี้โบตั๋นอยู่ที่เกาลูน ฝู่หยงอยู่ที่ไทย แต่ที่เธอไม่รู้คือ ฝู่หงส์ไปอยู่ที่ไหน?

   ฝู่หยงมีพยัคฆ์คอยตามเฝ้าเป็นเงาตามตัวอยู่ และจุ้ยเถิงและคนของเขาก็คลาดกับฝู่หยงตลอด มันทำให้เธอแน่ใจว่าจุ้ยอั้ยเต๋อคงต้องการแต่ฝู่หยงแน่ ๆ และเธอก็เคยเห็นว่าฝู่หยงห้อยเมฆาขาวไว้ที่คอ

   ฝู่หงส์หายไปอย่างไร้ร่องรอย ทำตัวลึกลับไม่ผิดอะไรกับหลิวลู่ และถึงแม้ความจริงที่เธอรับรู้มา จากที่ไปบ้านของวรากรวันนั้นจะให้เธอเบาใจ แต่ก็อดห่วงไม่ได้

   “คุณลตา”

   ‘ฝู่หงส์? แล้วรู้จักฉันได้ยังไง เพราะเมฆาขาวอย่างนั้นเหรอ’ เธอนึกขึ้นในใจ

   “เรื่องที่คุณสงสัย นั้นไม่ผิดไปจากที่คุณคิด”

   ‘ถ้าอย่างนั้นเธอก็รู้สินะว่าฉันต้องการอะไร’

   “แต่ก็ยังไม่ถึงเวลานั้นเช่นกัน หลังจากนี้อีกสองสัปดาห์ เรื่องราวทั้งหมดจะกระจ่างขึ้น”

   ‘เธอคิดจะทำอะไรกันแน่?’ เธอเห็นฝู่หงส์ยิ้มให้อย่างอบอุ่น
 
   “ฉันหวังว่าระหว่างนี้คุณจะอยู่ในที่ที่คุณควรอยู่ และทำในสิ่งที่คุณสมควรจะทำ”

   “ฉันเข้าใจค่ะ ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ”


   เธอรู้ว่าฝู่หงส์เป็นเด็กสาวที่เก่ง และมีความสามารถ ผิดกับฝู่หยงที่ดูจะควบคุมเมฆาขาวได้เพียงผิวเผิน

   “อยู่ในที่ที่คุณควรอยู่ และทำในสิ่งที่คุณสมควรจะทำอย่างนั้นเหรอ?”

   ลตาเปรยกับตัวเองออกมาเบา ๆ ก่อนตัดสินใจเปลี่ยนชุดที่ทะมัดทะแมงกว่าที่เคยก่อนคว้ากุญแจรถออกจากห้องไป

.........................................................................

   รถของจุ้ยเถิงออกมาจอดอยู่ที่ริมฟุตบาทถัดจากที่ฝู่หยงนั่งอยู่ไม่ไกล เขาเห็นมีคนทั้งยืนและนั่งอยู่ที่ป้ายรถเมลล์หลายคน หากเขาลงไปหาฝู่หยงอาจจะเป็นที่สังเกตได้ เขารู้ตัวดีกว่ารูปร่างหน้าตาของเขาเป็นจุดสังเกตขนาดไหนในที่แปลกถิ่นแบบนี้

   เขาจึงเลือกที่จะเฝ้ามองฝู่หยงเพื่อรอจังหวะให้คนที่ป้ายรถบางตากว่านี้ จนกระทั่งเขาเห็นชายคนหนึ่งส่งขวดน้ำให้กับฝู่หยง ทำให้เขารู้ว่าฝู่หยงไม่ได้อยู่คนเดียวอย่างที่เขาคิด

   “โทรตามคนของเราที่เฝ้าอยู่ที่หน้าบริษัทฯ นั่นมาที่นี่ ” เขาสั่งการ เขาไม่ต้องการให้เกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นมาอีก เขาไม่รู้ว่าชายคนนั้นเป็นใคร มาอยู่กับฝู่หยงได้ยังไง เขาเดาว่าน่าจะเป็นบอร์ดี้การ์ดอีกคนหนึ่งแน่ ๆ

   “คนของเราจอดรถอยู่ตรงปากซอยครับคุณจุ้ย”

   “ถามพวกมันสิว่า ที่ป้ายรถเมลล์นั่นมีคนของบริษัทฯ ที่พวกมันเฝ้าไหม”

   “สักครู่ครับ” จุ้ยเถิงเฝ้ามองฝู่หยงที่นั่งหน้าเศร้าก้มหน้ามองแต่พื้นฟุตบาทอยู่อย่างนั้น มันทำให้เขานึกถึงฝู่หงส์ตอนเด็ก ๆ “มีสองครับครับคุณจุ้ย คนนั้น แล้วก็คนนั้น”

   ลูกน้องของเขาชี้ไปยังชายที่ส่งขวดน้ำให้ฝู่หยงและอีกคนที่นั่งถัดจากฝู่หยงไป ทั้งสองนั่งขนาบอยู่ข้างๆ ฝู่หยง อีกทั้งยัวนั่งทิ้งระยะห่างไว้พอสมควร

   “หึ!! ฉลาดจริงๆ”

   “เอายังไงต่อครับคุณจุ้ย”

   “แยกพวกนั้นออกมา ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป อย่างให้พวกมันรู้ตัว”

   “ครับ”

   เขามองเห็นคนของเขาคนหนึ่งเข้าไปนั่งคั่นกลางระหว่างฝู่หยงและบอร์ดี้การ์ดคนแรก ซึ่งคนพวกนั้นก็ไม่ได้สงสัยอะไร เมื่อเวลาผ่านไปราว 10 นาทีคนของเขาอีกคนก็เดินเข้าไปนั่งข้าง ๆ บอร์ดี้การ์ดคนที่สอง

   “คุยจุ้ยครับ คนของเราส่งข้อความเข้ามาครับ แจ้งว่าคุณลตามีความเคลื่อนไหว”

   “หึ!! คงไปช๊อปปิ้งอีกละสิ ไม่รู้ว่าเซียงไบ่จ้างคนอย่างนั้นมาทำงานให้ได้ยังไง”

   “ไม่ใช่ครับ กำลังตรงมาที่นี่ครับ”

   “ว่ายังไงนะ?”

   “ครับ เธอกำลังขี่มอร์เตอร์ไซด์ตรงมาที่นี่ครับ”

   “ถ้าอย่างนั้น รีบจัดการตรงนี้ให้เรียบร้อย ก่อนลตาจะมาถึง” การที่เธอมาที่นี่ด้วยมอร์เตอร์ไซด์ อาจจะเป็นไปได้ว่าเธอต้องการมาสืบข่าวเช่นเดียวกับเขา แต่เพราะเขายังไม่ไว้ใจลตาและเจ้าสัว ดังนั้นเขาควรจะจัดการฝู่หยงด้วยตัวของเขาเอง ถ้าฝู่หยงอยู่ในเมื่อเขาเมื่อไร เซียงไบ่ก็หมดสิทธิ์ที่จะต่อรองกับลุงของเขาทันที

.........................................................................

   ผมนั่งสงบสติอารมณ์โดยมีพี่ต้ากับพี่เอนั่งเป็นเพื่อน พี่เสือก็ยังเป็นพี่เสือที่เข้าใจผม รู้ว่าผมไม่พร้อมที่จะฟังคำอธิบายอะไรในตอนนี้ พี่เสือก็ถอยให้ผม แต่ก็ไม่วายเป็นห่วง จนต้องส่งพี่ต้า พี่เอมานั่งเป็นเพื่อน ความน้อยใจก่อนหน้านี้มันหายไปจนหมด เหลือเพียงความโกรธที่เบาบางลงไปทุกขณะ

   “พี่ ๆ รู้เรื่องลูกชายของคุณษาไหมครับ?” ผมถามออกไปในที่สุด

   “ครับ พวกเราทราบ” พี่เอเป็นคนตอบ แต่ก็ไม่ได้อธิบายอะไรไปมากกว่านี้

   พี่เสือรู้ คนของอากรก็รู้ ผมเดาว่าทุกคนที่อยู่พังงาตอนนั้น คงจะรู้เรื่องกันหมด ยกเว้นผม ผมเริ่มอยากรู้แล้วว่าเรื่องเป็นมายังไงกันแน่ และพี่ ๆ คงไม่ตอบผม เพราะผมสัมผัสได้ถึงความหนักใจที่ส่งมา ผมจึงตัดสินใจลุกขึ้น

   “กลับไปหาพี่เสือกันเถอะครับ” ผมบอกพร้อมทั้งเดินนำพี่ ๆ มา ผมสัมผัสได้ถึงความโล่งใจของพี่

   นี่ผมทำให้ทุกคนคอยเป็นห่วงผมขนาดนี้เลยเหรอ? ผมเดินคิดอะไรไปเรื่อย เพราะในหัวของผมมีคำถามอยู่มากมาย จนไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี พวกเราเริ่มระวังตัวกันมากขึ้นเพราะผมไปเจอคุณลตาเข้าที่ค่ายมวย แต่ผู้หญิงคนนั้นไม่มีเจตนาจะทำร้ายผมหรือแม้จะแย่งชิงเมฆาขาว

   ผมโดนพี่เมฆและผู้ชายคนนั้นทำร้าย นั่นเพราะต้องการแค่ตัวผม ซึ่งเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเมฆาขาวเลยสักนิด ถ้าพี่เสือและพี่ ๆ เขาจะมาคอยดูแลผมเพราะเรื่องนี้ ผมว่ามันไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย

   สัมผัสของพี่ต้ากับพี่เออยู่ ๆ ก็หายไป เมื่อผมเดินเข้าซอยมาได้ระยะหนึ่ง มันอาจจะไม่แปลก เพราะพี่ทั้งสองคลายกังวลเรื่องของผม และผมอาจจะอยู่ในระยะสายตาที่พี่ ๆ เขาสามารถมองเห็นผมได้ แต่ที่แปลกก็คือ ความรู้สึกของพี่ ๆ เขากลับหายไปพร้อม ๆ กัน เหมือนกับดับวูบไปเฉย ๆ จนผมต้องหันกลับไปมอง

   ไม่มี

   ...

   ..

   .

   พี่ต้า พี่เอ ไม่ได้เดินตามผมมาอย่างนั้นเหรอ?

   สัญชาตญาณของผมบอกให้ผมระวังตัว มีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้น และแทนที่ผมจะเดินต่อไปยังออฟฟิตของพี่เสือ ผมเลือกที่จะวิ่งไปทางตรงกันข้าม ผมห่วงพี่ต้า กับพี่เอ   

To Be Continue

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: หยก 13-05-18 {{:::54:::}}
«ตอบ #201 เมื่อ13-05-2018 15:32:11 »

ขอให้หยกปลอดภัยนะ

ออฟไลน์ A_bookworm

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
Re: หยก 13-05-18 {{:::54:::}}
«ตอบ #202 เมื่อ14-05-2018 09:35:13 »

ค้างกลางอากาศอ่าาาาาา  :z3: :z3: :z3: :z3:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: หยก 13-05-18 {{:::54:::}}
«ตอบ #203 เมื่อ21-05-2018 18:54:04 »

 :katai5: :katai5:

ออฟไลน์ Amo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-1
Re: หยก 28-05-18 {{:::55:::}}
«ตอบ #204 เมื่อ28-05-2018 13:47:04 »

55

   อยู่ ๆ สุพรรณษาก็รู้สึกสังหารณ์ใจไม่ดีอย่างไรก็ไม่รู้ เรื่องที่พยัคฆ์บอกกับเธอว่าตาเกรียงเคยไปมีเรื่องมีราวกับพวกเขา หากดูจากสีหน้าของตาหยกยามที่มองรูปนั่น ไม่น่าจะใช่เรื่องเล็ก ๆ แน่นอน สีหน้าที่ยิ้มแย้มกลับซีดลงราวกับกระดาษ มันยังคงติดตาเธออยู่

   ก่อนหน้านี้ตาเกรียงมาขอให้เธอช่วย ด้วยไปมีเรื่องมีราวกับคนอื่นเพราะความเข้าใจผิด จนเธอต้องให้ทนายออกหน้า ความเป็นแม่ทำให้เธอพร้อมจะช่วยเหลือลูกชายคนเดียวของเธอ แต่ถ้าหากว่าเรื่องราวคราวนี้เกี่ยวข้องกับตาหยกล่ะ? แล้วถ้าตาเกรียงเป็นคนผิดจริง ๆ ล่ะ เธอจะทำอย่างไร

   “หล่อนเป็นอะไรของหล่อนน่ะแม่ษา เดินไปเดินมาเป็นหนูติดจั่นเชียว”   

   “อ่ะ!! คุณแม่ เข้ามาตั้งแต่เมื่อไรค่ะ ลูกไม่ทันสังเกต”

   “ฉันเข้ามานานพอที่จะเห็นหล่อนเดินไปเดินมา จนฉันชักจะเวียนหัว ถึงได้ถาม ตกลงหล่อนเป็นอะไร”

   “ลูกมีเรื่องให้คิดน่ะคะ?”

   “คราวนี้ลูก หรือผัวหล่อนล่ะ?”

   “คุณแม่ค่ะ”

   “เฮ้อ...ฉันไม่น่าให้หล่อนแต่งงานกับเจ้าสัวปางไม้นั่นเล๊ย...”

   “ไม่ใช่เรื่องเจ้าสัวหรอกค่ะ เรื่องตาหยก”

   “ตาหยกมาเกี่ยวอะไรด้วย หรือหล่อนกลัวว่าฉันจะยกสมบัติให้ตาหยกมากกว่าลูกชายหล่อน”

   “ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะคุณแม่ ลูกแค่กังวล เพราะเพิ่งจะทราบจากคุณพยัคฆ์เมื่อสักครู่นี้ว่า เธอและตาหยกเคยมีเรื่องมีราวกับตาเกรียงน่ะคะ” จากนั้นสุพรรณษาก็เล่าเรื่องราวที่เกรียงไกรมาขอความช่วยเหลือ

   “แล้วหล่อนจะตีตนไปก่อนไข้ทำไมกันล่ะ ไม่รู้ก็เรียกมาสอบถามดูสิ”

   “ลูกเกรงใจคุณพยัคฆ์ค่ะ เธอเพิ่งจะมาวันนี้”

   “ถ้าอย่างนั้นไม่ลองถามเอากับแม่เพ็ญล่ะ รายนั้นสนิทกับบ้านชูวณาสุวรรณนี่”

   “ประเดี๋ยวลูกจะโทรไปสอบถามคุณเพ็ญเธอดู”

   “ไม่ ๆๆ เรียกตัวแม่เพ็ญมา บอกว่าฉันต้องการพบ”

   “คุณแม่!!” สุพรรณษาตกใจ ที่แม่ของเธอต้องการจะรับรู้เรื่องราวนี้ด้วย

   “ฉันอยากจะรู้นักว่าลูกชายตัวดีของหล่อนจะทำอะไรงามหน้าไว้อีก ฉันไม่อยากให้ตระกูลฉันต้องด่างพร้อยไปมากกว่านี้”

   สุพรรณษาได้แต่ถอนหายใจ เมื่อแม่ของเธอเอ่ยจบ พฤติกรรมของตาเกรียงทำไมเธอจะไม่รู้ เพราะความรักลูกเธอถึงพยายามจะมองข้าม และเข้าช่วยเหลือทุกครั้งที่ลูกของเธอต้องการ เพื่อป้องกันไม่ให้เรื่องรู้ไปถึงหูแม่ของเธอ แต่ก็มีหลายครั้งที่เธอไม่สามารถปกปิดได้ ซึ่งอาจจะรวมถึงครั้งนี้ด้วย

........................................................................

     ลตาขี่มอเตอร์ไซด์ออกมาเพื่อหวังจะพรางตัวให้ลอดสายตาจากคนของวรากร แต่กลับกลายเป็นว่ายังมีคนติดตามเธออยู่ เธอพยายามจะสลัดให้หลุด แต่ก็ทำไม่ได้ รถคันที่ตามเธอยู่นี้ไม่น่าจะใช่คนของวรากร มันทำให้เธอนึกไปถึงจุ้ยเถิง เขาคงไม่ไว้ใจเธอหรือเจ้าสัวเซียงสักเท่าไร

   ระยะนี้เจ้าสัวไม่ได้สนใจจะตามหาเมฆาขาวแม้แต่น้อย เธอติดต่อไปทีไรก็วุ่นอยู่กับการเล่นพนันที่กาสิโน จนไม่เป็นอันทำอะไร จุ้ยอั้ยเต๋อเองก็รู้จักหลอกล่อเจ้าสัวได้อย่างดี และในเร็ววันนี้เจ้าสัวเซียงคงต้องพลาดท่าให้กับจุ้ยอั้ยเต๋อเป็นแน่

   ลตามองผ่านกระจกข้างก่อนจะตัดสินใจขี่รถไปเรื่อย ๆ ยังจุดหมายที่เธอต้องการไปแต่แรก โดยละความสนใจรถคันที่คอยตามเธออยู่ เธอชอบเสี่ยง ดังนั้นมาดูกันว่าหากเป็นคนของจุ้ยเถิง คนพวกนั้นจะทำอย่างไรกับเธอ

   ลตาขี่รถมาถึงร้านปากซอยทางเข้าบริษัทฯ ของวรากร สายตาของเธอเหลือบไปเห็นรถที่จุ้ยเถิงเช่าไว้ 2 คัน จอดห่างกันไม่ไกลนัก เธอจึงเลือกที่จะขี่รถเลยไป ก่อนกลับรถเพื่อไปเฝ้าสังกตการณ์อยู่ฝั่งตรงข้าม และแน่นอน รถคันนั้นก็ยังคงตามประกบเธออยู่

   จังหวะที่เธอจะกลับรถมา นอกจากจะเห็นรถของจุ้ยเถิงแล้ว เธอยังเห็นคนของเขากำลังมีเรื่องกับคนของวรากร ที่ตรงนั้นไม่มีพยัคฆ์และฝู่หยงอยู่ด้วย เธอจึงเลือกจะมาเป็นผู้ชมแทน แต่แล้ว สายตาภายใต้หมวกกันน็อคเต็มใบก็เหลือบไปเห็นฝู่หยงวิ่งออกมาจากซอย

   ‘ไม่นะ!! กลับไปหาพยัคฆ์ซะ’ เธอได้แต่ตะโกนบอกในใจ

   แต่ดูเหมือนว่าฝู่หยงจะไม่รับรู้อะไร มีเพียงชะงักเล็กน้อย ก่อนที่จะพุ่งตัวเข้าไปยังกลุ่มที่มีการต่อสู้กันอยู่ และเธอก็เห็นคนของจุ้ยเถิงลงมาจากรถอีก 2 คน

   ตอนนี้เธอเองก็ถูกจับตาดูอยู่ ฝู่หยงเองก็ไม่สามารถรับรู้สิ่งที่เธอบอกได้อย่างฝู่หงส์ มันทำให้เธอยิ่งกระวนกระวายใจ อีกทั้งคนของจุ้ยเถิงนั้นมีมากกว่า จะทำอะไรก็ต้องระวังตัวให้มาก

   ลตาเห็นฝู่หยงรับมือคนของจุ้ยเถิงได้ป็นอย่างดี เก่งสมกับเป็นหลานชายของหลิวลู่ แต่เธอก็โล่งใจได้ไม่นานเมื่อเธอเห็นอาการที่แปลกไปของฝู่หยง การเคลื่อนไหวที่ดูจะติดขัด อาการเหมือนตอนที่เธอเจอกับเขาครั้งแรกที่ค่ายมวย

   เมื่อจุ้ยเถิงลงจากรถมาจัดการด้วยตัวเอง ทำให้ฝู่หยงพลาดพลั้ง และโดนจัดการได้โดยง่ายจนเธอแปลกใจระคนเป็นห่วง เธอเห็นร่างที่เล็กกว่าของฝู่หยงถูกจุ้ยเถิงแบกพาดบ่าเดินกลับขึ้นรถไป โดยที่คนของวรากรไม่สามารถทำอะไรได้เลย

.........................................................................

    โบตั๋นได้แต่นั่ง ๆ นอน ๆ อยู่ที่บ้านกงเหมิ๋น ตามคำสั่งของเจ่เจ้ จะกลับไปหาหยกก็ไม่ได้ ไปหาเจ่เจ้ก็ไม่ยอม ถึงกงเหมิ๋นจะเอาตำราจีนโบราณเกี่ยวกับหยกศักดิ์สิทธิ์มาให้เธอศึกษาถึงวิธีการชำระล้างแล้วก็ตามที หยกของเธอประกบคู่กับหยกลายหงส์ได้อย่างพอดีกัน แต่ก็ขาดคนที่จะมาชำระล้าง

    พี่เสือสามารถชำระล้างหยกลายมังกรได้แต่เธอเองก็ไม่รู้ว่าระหว่างเมฆาขาวของเจ่เจ้ กับของหยก อันไหนถึงจะเป็นคู่มังกร

    ตามตำราบอกว่า หลังจากหยกศักดิ์สิทธิ์ได้รับการชำระล้างแล้ว หยกจะกลับคืนสู่สภาพเดิมนั่นหมายความว่า เมฆาขาวจะกลับเป็นเป็นสีเขียวมรกตดังเดิม เหมือนหยกลายสัตว์เทพชิ้นอื่น ๆ

    “คุณตั๋นเป็นอะไรไปครับ ทำหน้ายุ่งเชียว” พี่คีเดินเข้ามาทักเธอ

    “ก็ตั๋นเบื่อนี่นา วัน ๆ เอาแต่นั่ง ๆ นอน ๆ”

    “เหล่าเหมิ๋นบอกพวกผมว่าหยกคู่กิเลนน่าจะอยู่ที่สุสานของเจ่งกิสข่าน”

    “เรื่องนั้นตั๋นรู้แล้วล่ะคะ กงเหมิ๋นก็บอกตั๋นเหมือนกัน แต่สุสานนั่นมันหายไปเป็นร้อย ๆ ปีแล้วนี่ค่ะ จะไปหาเจอได้ยังไงกัน”

    “จากตำราที่เหล่าเหมิ๋นให้มา มีแผนที่พาไปสู่แท่นพิธีบวงสรวง ผมลองเอามาเทียบแผนที่ตามประวัติศาสตร์และปัจจุบันดู ผมว่าที่ทำพิธีนั่นอาจจะเป็นที่ตั้งของสุสานของเจ่งกิสข่านก็เป็นไปได้”

    “แล้วพี่คีรู้เหรอค่ะว่าเป็นที่ไหน?”

    “ซ่างตู หรือหยวนซ่างตู อยู่ในมองโกเลียครับ”

    “โหย...แล้วเราจะไปกันยังไงค่ะ ที่นั่นใช่ว่าอยู่ ๆ ใครก็จะเข้าไปได้สักหน่อย”

    “เหล่าเหมิ๋นจะเป็นคนพาพวกเราไปครับ” พี่เก่งที่เดินเข้ามาพร้อมกับกงเหมิ๋นพูดขึ้น

    “กงเหมิ๋น?” กงเหมิ๋นยิ้มให้กับเธออย่างอบอุ่น ก่อนบอกให้เธอเตรียมตัวเพื่อเดินทาง จนเธอเก็บความตื่นเต้นไว้ไม่อยู่ เธอรู้ว่าหยกทั้ง 8 ชิ้นนี้มีความหมายกับกงเหมิ๋นอย่างไร

.........................................................................

   พยัคฆ์เสร็จจากงานตรงหน้าแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นวี่แววของหยกเลย ไม่รู้ป่านนี้หยกของเขาจะอารมณ์เย็นขึ้นมาบ้างแล้วรึยัง เขาเชื่อว่าหลังจากนี้หยกคงมีคำถามมากมาย และเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะเลี่ยงตอบไปได้มากแค่ไหน

   เขาลุกจากโต๊ะทำงาน เดินออกไปหน้าห้องเห็นคุณวรรณนั่งก้มหน้าก้มตาทำงานของเธออยู่ ส่วนพักคอยหน้าห้องก็ไร้วี่แววคนที่เขาคิดถึง จนพยัคฆ์ได้แต่ถอนหายใจ

   “งานเสร็จแล้วหรอค่ะ?

   “ครับ หยกยังไม่เข้ามารึครับ?”

   “ยังเลยค่ะ วรรณโทรถามเอหรือต้าให้ไหมค่ะ?”

   “ก็ดีครับ ตอนนี้ให้ผมไปหาหยก ผมคงเข้าหน้าเขาไม่ติด”

   “ยังไม่ทันไรเลยนะคะ ออกแนวเกรงใจคุณหยกซะแล้ว” เขาเห็นคุณวรรณยิ้มแซว ก่อนกดโทรศัพท์เพื่อโทรออก

   คุณวรรณรอสายอยู่นาน เหมือนจะไม่มีคนรับสาย เธอจึงวางแล้วกดโทรศัพท์ออกไปใหม่ ผลที่ได้กลับเป็นเหมือนเดิม มันทำให้เขารู้สึกไม่ดี ลูกน้องของเขาไม่เคยที่จะไม่รับโทรศัพท์หากไม่อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่อาจจะรับได้จริง ๆ

   “คุณวรรณโทรหาใครอยู่”

   “วรรณกดหาทั้งสองคนเลยค่ะ มีสัญญาณแต่ไม่มีคนรับสาย”

   ทำไมทั้งสองคนถึงพร้อมใจไม่รับโทรศัพท์ เขาทนเก็บความสงสัยไม่ได้จึงรีบก้าวไปที่ลิฟท์ ก่อนชะงักเท้าเมื่อได้ยินคุณวรรณพูดกรอกไปในสาย

   “แหม๋...กว่าจะรับสายฉันได้นะยะ รีบ ๆ พาคุณหยกกลับเข้ามาเลย อ่ะ!! เอ่อ ขอโทษค่ะ แล้วเจ้าของโทรศัพท์อยู่ไหนค่ะ? ค่ะๆ เอ๊ะ!! มีแค่ 2 คนเท่านั้นเหรอค่ะ แล้วอีกคนล่ะคะ? ค่ะๆ เดี๋ยวดิฉันจะเข้าไปเดี๋ยวนี้ค่ะ”

   “เกิดอะไรขึ้นครับ”

   “เอกับต้ามีเรื่องทะเลาะวิวาท ตอนนี้ทั้งสองคนอยู่ที่โรงพักกับคู่กรณีค่ะ”

   “แล้วหยกล่ะครับ”

   “วรรณยังไม่ได้คุยกับทั้งสองคน เลยไม่ทราบค่ะ แต่ตำรวจบอกว่ามีแค่สองคน ส่วนคู่กรณีเป็นนักท่องเที่ยวค่ะ”

   “นักท่องเที่ยวอย่างนั้นหรอ?” ทั้งเขาและวรรณาต่างรู้ดีว่าคนในบริษัทฯ จะไม่มีเรื่องทะเลาะวิวาทถ้าไม่จำเป็น ยิ่งเป็นพวกชาวต่างชาติด้วยแล้วล่ะก็ “จุ้ยเถิง!!”

   เขาและวรรณาต่างมองหน้ากันก่อนจะรีบวิ่งกลับไปยังลิฟท์ที่เขากดค้างไว้ก่อนหน้าแล้ว วรรณานอกจากโทรศัพท์ในมือ เธอก็คว้าเอากระเป๋าใบเล็ก ๆ ที่อยู่ในลิ้นชักติดออกมาด้วย   

.........................................................................

    จุ้ยเถิงมองร่างเล็กที่นอนสลบสไลอยู่ข้าง ๆ อย่างไม่วางตา ไม่ว่าจะเป็นรูปหน้า คิ้ว ดวงตา จมูก ริมฝีปาก มันทำให้เขาพาลนึกไปถึงฝู่หงส์ น้องชายยังดูสวยขนาดนี้แล้วพี่สาวจะสวยขนาดไหน

   ตอนแรกที่เขาเฝ้าสังเกตอยู่บนรถ เขาไม่คิดว่าฝู่หยงจะมีฝีมือและชั้นเชิงในการต่อสู้ขนาดนี้ บอร์ดี้การ์ดที่มาด้วยกัน สู้กับคนของเขาตัวต่อตัวก็เต็มกลืนแล้ว แต่ฝู่หยงสามารถรับมือคนของเขาได้พร้อม ๆ กัน 2 คน แถมยังคอยหาจังหวะไปช่วยเหลือคนของตัวเองอีก

   และเป็นเพราะเขา ที่ไม่อยากให้งานในครั้งนี้พลาด จึงเสี่ยงตัดสินใจลงไปจัดการด้วยตัวเอง เพียงแค่เขาก้าวลงจากรถฝู่หยงก็หันมองมาทางเขาอย่างระแวดระวัง ราวกับรู้ถึงเจตนาของเขา ฝู่หยงมีสัญชาตญาณที่ดีมาก ๆและอาจเป็นเพราะมัวแต่ระวังเขา จึงทำให้โดนคนของเขาทำร้ายเอาได้ง่าย ๆ

   เขาเห็นแวดตาตกใจของฝู่หยง เมื่อเขาก้าวเข้าไปประชิดตัว แม้ฝู่หยงจะถอยหนี แต่ด้วยจังหวะก้าวของเขาที่ยาวกว่า ทำให้เขาจัดการฝู่หยงได้ในหมัดเดียวที่สีข้าง แม้จะเห็นว่าฝู่หยงพยายามจะฝืนทรงตัวอยู่ แต่สุดท้ายก็ไม่รอดมือเขาอยู่ดี

   เขาเห็นลตาขี่รถตามหลังเขามา และด้านหลังลตาก็เป็นรถอีกคัน ที่คนของเขาคอยติดตามลตาอยู่

   “นายหาที่ดี ๆ จอดรถสิ” จุ้ยเถิงสั่ง

   “ครับ”

   เมื่อรถจอดข้างทาง รถอีกคันก็มาจอดต่อท้ายพร้อม ๆ กันกับลตา

   “คนแถวนั้นน่าจะจำฉันกับรถคันนี้ได้ เพราะจอดอยู่นานเหมือนกัน นายทิ้งรถไว้ที่นี่ซะ ฉันจะไปกับรถคันที่ตามลตามา”

   เขาก้าวลงจากรถแล้วอุ้มร่างที่ไร้สติมายังรถอีกคัน ระหว่างที่เขายัดคนที่ร่างเล็กกว่าเข้าไปในรถ ลตาก็เดินตรงเข้ามาหาเขา

   “คุณชายจุ้ยไม่ทำอะไรหุนหันเกินไปหน่อยรึ?”

   “เมื่อมีโอกาส ผมก็ต้องคว้าเอาไว้”

   “มีคนอยู่ตรงนั้นตั้งมากมาย ทุกคนเห็นเหตุการณ์ที่คนของคุณและคุณเข้าไปจับตัวคุณชายฝู่ แบบนี้คุณคิดว่าคุณจะหนีรอดไปได้รึยังไงกัน”

   “ผมมีวิธีของผม ส่วนคุณก็อย่างมาเกะกะผมก็แล้วกัน”

   “ฉันไม่เคยขัดขวางอะไรคุณ คุณต่างหากที่ให้คนของคุณติดตามฉัน”

   “ผมก็แค่อยากรู้ ว่าคุณจะใช้วิธีไหนจัดการกับฝู่หยง”

   “คุณทำแผนฉันเสีย”

   “ผมทำแผนคุณเสีย หรือว่าผมจับฝู่หยงตัดหน้าคุณกันแน่”

   “นี่คุณ!!”

   “เอาเถอะๆ ยังไงงานของคุณกับผมก็เกือบจะเสร็จสมบูรณ์แล้ว ผมว่าเรามาร่วมมือกันดีๆ จะดีกว่า คุณแชร์ข้อมูลให้ผม ผมแชร์ข้อมูลให้คุณ ได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย”

   “แล้วคุณต้องการจะรู้อะไรอีก สิ่งที่ฉันรู้ ฉันก็บอกคุณไปหมดแล้ว”

   “ผมอยากรู้ว่าเซียงไบ่มีแผนอะไรอยู่ ถ้าคุณร่วมมือกับผม คุณอาจจะได้มากกว่าที่เซียงไบ่จ่ายให้กับคุณ”

   เขาเห็นลตามีท่าทางครุ่นคิด และลังเล แต่ท้ายที่สุดแล้ว เขารู้ดีกว่าเธอเป็นคนฉลาดและเลือกที่จะเอาตัวรอด

   “ได้ ฉันรับข้อเสนอของคุณ”

   “ดี ถ้าอย่างนั้นคุณเอารถของคุณให้คนของผมไป แล้วคุณก็มากับผม”

   จุ้ยเถิงเดินขึ้นไปนั่งข้าง ๆ กับฝู่หยงดังเดิม ลตาเข้ามานั่งด้านหน้าคู่คนขับ รถที่เขานั่งมาถูกจอดทิ้งไว้เฉยๆ ส่วนคนของเขาที่เหลืออีก 2 คนขี่มอเตอร์ไซด์ของลตาตามรถของเขามา

   เขาเห็นท่าทีของลตาดูเป็นกังวลอยู่ไม่น้อย ไม่แปลกใจเลยที่เห็นลตามีท่าทีแบบนี้ เขารู้ว่าเธอทำงานกับเซียงไบ่มาหลายปี การตัดสินหักหลังเซียงไบ่คงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเธอ

   “คุณไม่ต้องห่วงเรื่องเซียงไบ่หรอก อีกไม่นานเซียงไบ่ก็ไม่สามารถตามมารังควานคุณได้ ทำใจให้สบายเถอะ”

   “ตอนนี้ฉันอาจจะมีประโยชน์กับคุณ แต่ถ้าหมดประโยชน์เมื่อไร ฉันคงไม่ต่างอะไรกับเจ้าสัวเซียง”

   “ผมว่าคุณน่าจะทำงานให้จุ้ยได้อีกมากมายนะ อีกอย่าง ผมว่าคุณอาจจะชอบงานในกาสิโนที่มาเก๊า ผมรู้ว่าคุณเป็นคนชอบเสี่ยง”

   เขาเลิกสนใจลตา กลับมาสนใจคนข้าง ๆ แทน เพราะเขาเหลือบไปเห็นสายหนังสีน้ำตาลเข้มที่โผลออกมาจากเสื้อคอโปโลที่ฝู่หยงสวมอยู่ เขาจึงค่อย ๆ ใช้นิ้วเขี่ยมันออกมาจากใต้เสื้อ

   “นี่สินะ หยกวิเศษ”

   เขาค่อย ๆ ปลดสายหนังออกจากคอฝู่หยงอย่างเบามือ จ้องมองหยกสีขาวนวลซึ่งแทบจะเป็นสีเดียวกันกับผิวของคนข้าง ๆ ก่อนเก็บหยกชิ้นนั้นไว้ในกระเป๋าเสื้อขอตัวเอง

.........................................................................

   ผมเห็นพี่เอกับพี่ต้ากำลังโดนใครก็ไม่รู้ทำร้ายอยู่ตรงปากซอยทางเข้า ผมจึงวิ่งเข้าไปช่วย แม้พี่เอจะตะโกนไล่ให้ผมกลับไปหาพี่เสือก็ตาม

   ผมเกือบจะจัดการคนที่ทำร้ายพี่เอได้แล้ว อยู่ ๆ ผมก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่รุนแรงส่งมายังผม ความรู้สึกที่เป็นห่วงผมเอามาก ๆ แต่ผมไม่รู้ว่าเป็นความรู้สึกของใคร มันไม่ใช่ของพี่เสือ ผมไม่มีเวลาจะมามองหาเจ้าของความรู้สึกนั้น ถึงความรู้สึกนั่นจะหวังดีกับผม แต่มันกลับทำให้ผมกังวลทุกครั้งที่ความรู้สึกนั้นส่งผ่านเข้ามาในหัวของผม

   เพราะผมมัวแต่กังวลอยู่กับความรู้สึกนั่น ทำให้ผมไม่ทันระวังตัว ชายอีกสองคนจึงเข้ามาประชิดตัวผมได้โดยง่าย ยังดีที่ผมพอจะตั้งรับได้ทัน

   ผมเริ่มเปลี่ยนจากการตั้งรับเป็นรุก ทั้งๆ ที่มันไม่ใช่นิสัยของผมเลย ผมแค่ไม่อยากให้เป็นเรื่องเป็นราวยืดเยื้อ จนต้องไปจบเอาที่สถานีตำรวจ ยิ่งคนมองพวกเราที่ทะเลาะวิวาทกันมากเท่าไร ก็ยิ่งไม่เป็นผลดีกับพวกเราเท่านั้น ระหว่างที่ผมกำลังได้เปรียบอยู่นั้น อีกความรู้สึกหนึ่งที่พุ่งเข้าใส่ผม มันรุนแรง จนทำให้ผมมือไม้สั่น มันไม่ใช่ความห่วงใย แต่...ฝรั่งคนนั้น ผมคิดออกแค่คนคนนั้นคนเดียว

   ผมหันไปยังต้นตอของความรู้สึกที่พุ่งเข้ามาทันที ร่างกายของผมเริ่มขยับไม่ได้อย่างที่ผมต้องการ เมื่อเขาเดินเข้ามาใกล้ เป็นเขาจริง ๆ ความรู้สึกก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น มัน... น่ากลัว...

   “เฮือก!!” ผมสะดุ้งลืมตาขึ้น ฝัน? ผมรู้ถึงลมหายใจของตัวเองที่เหนื่อยหอบ ราวกันไปวิ่งระยะทางไกลมา จนกระทั่งผมเริ่มตั้งสติได้ และกวาดตามองไปรอบ ๆ ห้อง

   ฝ้าเพดานสีขาว เฟอร์นิเจอร์สีไม้บีช และเตียงนุ่มกว้างสีขาวที่ผมนอนอยู่ ผมค่อย ๆ พยุงตัวลุกขึ้น ความรู้สึกปวดแปล๊บแล่นเข้าสู่สีข้างของผม จนต้องเอามือกุมไว้ ก่อนค่อย ๆ มองสำรวจไปรอบ ๆ ห้องอีกครั้ง และที่หัวเตียง กรอบรูปขนาดใหญ่ รูปของผู้ชายคนเดียวกันกับที่ผมเห็นที่บ้านของคุณษา ลูกชายคุณษา ความกลัวแล่นเข้าสู่หัวใจของผมอีกครั้ง

   “ฟื้นแล้วเหรอจ้ะ”

   ผมมองหันไปยังต้นเสียง คุณลตา? คนตรงหน้าทำให้ผมตกตะลึง ผมสับสนไปหมด ฝรั่งคนนั้น ลูกชายคุณษา และคุณลตา คนทั้งหมดอยู่ที่นี่?

To Be Continue

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: หยก 28-05-18 {{:::55:::}}
«ตอบ #205 เมื่อ28-05-2018 16:05:47 »

ตื่นเต้นๆ หยกอย่าได้เป็นไรเลยน้า พี่เสือมาช่วยด่วนเลย
 :katai4:

ออฟไลน์ A_bookworm

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
Re: หยก 28-05-18 {{:::55:::}}
«ตอบ #206 เมื่อ29-05-2018 14:12:39 »

อ่านไปอ่านมาเริ่มขัดใจไม่ชอบหยก ดูเหมือนอ่อนแอเกิ๊นนนน

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
Re: หยก 28-05-18 {{:::55:::}}
«ตอบ #207 เมื่อ15-06-2018 10:07:19 »

 :katai5:

ออฟไลน์ Amo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-1
Re: หยก 16-06-18 {{:::56:::}}
«ตอบ #208 เมื่อ16-06-2018 23:51:46 »

56

   พยัคฆ์ได้แต่กระวนกระวายใจ เดินไปเดินมาอยู่ในห้องทำงานของวรากร วรรณาได้ประกันตัวเอกับต้าออกมาแล้ว ทั้งสองคนมีรอยฝกช้ำตามเนื้อตัว ซึ่งโดยรวมก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก

   ส่วนคู่กรณี นักท่องเที่ยวชาวจีนนั่นก็ไม่ยอมปริปากพูดอะไร ถึงแม้จะมีพยานให้การว่ามีพรรคพวกของมันจับตัวหยกไป เมื่อเรื่องถึงมือตำรวจดังนั้นทุกอย่างเลยต้องทำงานเป็นขั้นเป็นตอน มันจึงทำให้เขาไม่พอใจ มัน...ช้าไปสำหรับเขา

   “คุณเสือใจเย็น ๆ สิค่ะ เดี๋ยวคนของเราก็น่าจะได้เบาะแส”

   “พวกมันจอดรถที่เช่ามาทิ้งไว้ในที่แบบนั้น รถที่เช่ามา 1 ในห้องขังนั่นก็เป็นคนเช่าซะเอง กล้องวงจรปิดก็ไม่มี พวกมันมุดหัวอยู่ไหน เอาตัวหยกไปไว้ไหนก็ไม่รู้” พยัคฆ์พยายามอย่างที่สุดที่จะไม่กระชากเสียง หรือแสดงอารมณ์หงุดหงิดออกไปมากกว่านี้

   “พวกผมขอโทษครับ ที่ดูแลคุณหยกไม่ดี” เอเอ่ยปากขอโทษอีกครั้ง นับจากกลับจากโรงพักเขาได้ยินสองคนที่พูดคำนี้ไม่รู้กี่สิบครั้งแล้ว
 
   “คุณหยกเธอเก่ง ผมว่าคุณหยกต้องเอาตัวรอดจากจุ้ยเถิงได้” ต้าช่วยยืนยันเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับเขา

   ถ้าหยกไม่ได้สวมเมฆาขาวอยู่ เขาคงจะไม่ห่วงขนาดนี้ จุ้ยเถิงเป็นคนที่อารมณ์รุนแรงไม่ต่างจากเขา ความรู้สึกที่พุ่งไปหาหยกมันทำใหยกพลาดท่าเสียทีจุ้ยเถิงเอาง่าย ๆ ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งโทษตัวเองที่สะเพร่า ไม่น่าให้หยกคลาดสายตาเลย

   “ผมจะไปหาลตา” เป็นเบาะแสเดียวที่เขานึกได้ในตอนนี้

   “คุณเสือค่ะ ใจเย็น ๆ ก่อนสิค่ะ วรรณรู้ว่าคุณห่วงคุณหยก แต่ถ้าคุณไปหาคุณลตา นั่นก็ไปต่างกับคุณเดินไปบอกเธอว่าคุณสงสัยเธออยู่นะคะ”

   “แต่จะให้ผมรออยู่เฉย ๆ แบบนี้ผมก็ทำไม่ได้”

   “วรรณก็ไม่ได้จะให้คุณอยู่เฉย ๆ แต่วรรณอยากให้คุณมีสติ และค่อย ๆ คิดหาวิธีการ เราต้องวางแผนให้รอบคอบ เพื่อความปลอดภัยของคุณหยก”

   “สมเป็นเจ้วรรณจริง ๆ” ต้าเปรยออกมาเบาๆ กับเอที่อยู่ข้างๆ

   “ถ้าเจ้จะคันไม้คันมือขนาดนั้น เจ้เลิกทำงานนั่งโต๊ะกลับมาลุยภาคสนามกับพวกผมเหอะ” เอเอ่ยปากชวนไม่จริงจัง

   “ให้ฉันได้นั่งโต๊ะ แบบสวย ๆ อยู่เป็นที่เป็นทางมั่งเหอะ!!”

   พยัคฆ์หลับตาลง เขาพยายามอย่างมากเพื่อจะสงบสติอารมณ์ เขาไม่รู้ว่าตอนนี้หยกอยู่ที่ไหน และเป็นอย่างไรบ้าง เขายังไม่ได้อธิบาย หรือขอโทษที่ปิดบังเรื่องของเกรียงไกรเลย แล้วไหนจะเรื่องจุ้ยเถิงอีก ถ้าหยกรู้เรื่องนี้จากปากคนอื่น น้องหยกจะยิ่งโกรธเขาขนาดไหน

........................................................................

   หงส์กับคุณต้นเดินทางมาที่มาเก๊ากันเพียง 2 คน โดยที่อากรไม่ได้ตามมาด้วย แต่ฝู่ไฉ๋ก็ส่งคนมาคอยอารักขาติดตามเธอ

   ส่วนเจ็กลู่กำลังหาลู่ทางเพื่อเข้าไปสืบข้อมูลในบ้าน ตอนนี้หน้าตาของเจ็กลู่เปลี่ยนไปจนไม่มีใครจำได้ และด้วยความสามารถของเจ็กลู่ น่าจะลอบเข้าไปสืบข้อมูลภายในบ้านได้ไม่ยาก

   อากรเป็นคนวางแผนการทั้งหมดนี้ให้กับเธอและเจ็กลู่แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตน ส่วนอากรก็เข้าไปทำงานแทนเธอที่เยี่ยนหว๋อ

   ตอนนี้คนในเยี่ยนหว๋อปิดข่าวการมาของเธอไม่ให้จุ้ยอั้ยเต๋อรับรู้ ถ้าไม่ใช่เพราะความสามารถที่เธอได้จากเมฆาขาว เธอคงไม่มีมีอำนาจอะไรไปต่อรองกับคนของจุ้ยอั้ยเต๋อได้ ส่วนเธอกับคุณต้าก็ช่วยกันดึงความสนใจของจุ้ยอั้ยเต๋อด้วยการมาเที่ยวกาสิโนของเขา

   “ยินดีต้อนรับๆ” จุ้ยอั้ยเต๋อเดินออกมาต้อนรับพวกเธอโถงทางเข้ากาสิโน

   “เกรงใจคุณชายจุ้ย ที่อุตส่าห์ออกมาต้อนรับเด็กๆ อย่างพวกผมด้วยตัวเอง”

   “เกรงจงเกรงใจอะไรกัน คนกันเองทั้งนั้น หลานคุณหมอก็เหมือนหลานผม”

   “นภาอยากไปดูห้องพักจังเลยค่ะเสือ” เธอทำทีพูดกับคุณต้นพร้อมส่งยิ้มหวานให้

   “นภาเขาอยากไปดูห้องพักน่ะครับ คุณชายจุ้ย”

   “เอา ๆ ตามสบาย มากันเหนื่อย ๆ พาเมียขึ้นไปพักก่อนเถอะ”

   “ถ้าอย่างนั้น ผมกับนภาขอตัวขึ้นไปพักก่อนนะครับ”

   “ได้ ๆ แต่หัวค่ำ อย่าลืมลงมาทานอาหารกับผมล่ะ”

   “เป็นเกียรติอย่างยิ่งครับ”

   หงส์และคุณต้นทำทีเดินควงแขนเข้าลิฟท์มา ภายในลิฟท์มีเพียงเธอกับคุณต้นเท่านั้น

   “คุณต้นค่ะ ในห้องที่เรา มีเครื่องดักฟังซ่อนอยู่ค่ะ” เธอบอกในสิ่งที่เธอรับรู้มา

   “แต่เราคุยกันเป็นภาษาไทย พวกนั้นน่าจะไม่รู้เรื่องนะครับ”

   “หงส์ว่า อย่าประมาทพวกนั้นดีกว่าค่ะ”

   “ครับ แล้วในนี้...”

   “มีแต่กล้อง ไม่มีเครื่องดักฟังค่ะ” คุณต้นพยักหน้าให้ทั้ง ๆ ที่ใบหน้ายังคงเปื้อนยิ้มอยู่

   เมื่อออกจากลิฟท์พวกเธอก็ตรงไปยังห้องที่จุ้ยอั้ยเต๋อจัดให้ เข้าห้องไปได้ต้นก็เดินสำรวจไปรอบ ๆ ห้อง ส่วนตัวเธอเองเดินลากกระเป๋าเดินทางเข้าไปยังส่วนที่เป็นห้องนอน ก่อนค่อย ๆ ปล่อยจิตไปสำรวจโดยรอบ

   “ที่รักค่ะ เข้ามาดูห้องนอนนี่สิค่ะ วิวดี๊ดี” เธอตะโกนเรียกคุณต้น เมื่อเธอเห็นคนที่เธอเรียกเดินเข้ามา เธอก็พยักหน้าให้เล็กน้อย ‘ห้องด้านนอกมีเครื่องดักฟังแอบอยู่ค่ะ หงส์ไม่รู้ว่ามันซ่อนอยู่ตรงไหน แต่คนของจุ้ยอั้ยเต๋อที่อยู่ข้าง ๆ เขาคอยจับตามองเราอยู่’ คุณต้นพยักหน้ารับรู้

   “วิวดีจริง ๆ ตอนทานมื้อค่ำคงต้องขอบคุณ คุณชายจุ้ยสักหน่อยแล้ว”

   “ก่อนไปทานข้าว เราไปหาอะไรเล่นกันสักหน่อยไหมค่ะ?” ‘เจ้าสัวเซียงอยู่ที่นี่ค่ะ’

   “ที่รักอยากเล่นอะไรครับ”

   “อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ลูเลตค่ะ”

   “ตามใจคนสวยของผมเลยครับ ที่รัก” ต้นพยักหน้าเข้าใจ ก่อนที่ต่างคนจะแยกย้ายไปพักผ่อน โดยที่ไม่ทำให้คนที่เฝ้าจับตามองพวกเขาอยู่ผิดสังเกต   

.........................................................................

   ลตารู้ว่าฝู่หยงยังคงหวาดระแวงเธออยู่ ดูจากสีหน้าที่เห็นเธอ ตอนที่เดินเข้าห้องมา เธอเองก็ไม่มีโอกาสได้พูดอะไรมากมายนัก เพราะคนของจุ้ยเถิงคอยวนเวียนอยู่รอบ ๆ ตัวเธอ

   หลังจากเธอเล่าแผนการที่เจ้าสัววางไว้เป็นเวลาหลายปีให้จุ้ยเถิงฟัง ทั้งเรื่องที่เธอเข้าไปตีสนิทกับวรากร จุ้ยเถิงได้ฟังก็ไม่ได้มีทีท่าแปลกใจอะไร แสดงว่าเขาเองก็คงจะพอรู้อยู่แล้ว

   “แล้วคุณจะให้ฉันทำอะไรต่อไป”

   “คุณก็ทำตัวปกติ อยากจะไปช๊อปปิ้งอย่างที่คุณทำเป็นประจำก็ไป แต่เมื่อถึงเวลาที่ผมต้องการเรียกใช้คุณ คุณก็ต้องรีบมา”

   “คุณได้หยกวิเศษนั่นไปแล้ว แล้วคุณจะทำยังไงกับฝู่หยง”

   “คุณจะรู้ไปทำไม?”

   “คุณคงไม่คิดจะทำร้ายเขาเหมือนเจ้าสัวหรอกนะ?”

   “ฝู่หยงยังมีประโยชน์กับผมอยู่ ผมจะทำอย่างนั้นทำไม?”

   “ก็ใครจะไปรู้ล่ะ ว่าคุณอย่างคุณชายจุ้ยจะคิดทำอะไร”

   “ถ้าอยากทำงานด้วยกันนานๆ ก็รู้เฉพาะเรื่องที่ควรรู้ และอย่าสอดรู้เรื่องที่ไม่จำเป็นต้องรู้ก็พอ”

   “หึ!! ถ้าวันนี้ไม่มีอะไรให้คุณชายจุ้ยเรียกใช้อีก บ่าวก็ขอลา” ลตาพูดประชด ก่อนเดินสะบัดหน้าออกจากห้องไป

   เธอเดินกลับไปยังตึกของเธอ ระหว่างทางที่ขึ้นห้อง สายตาก็สอดส่องคนของวรากรไปด้วย ซึ่งคนของวรากรมักจะตามเธออยู่ในที่สาธารณะ แต่คนของจุ้ยเถิงที่ตามเธออีก 2 คน เธอไม่เคยเห็นหน้า และไม่รู้ว่าตามเธอมาได้อย่าง ตั้งแต่ตอนไหน?

   เธอเห็นแล้วว่า คนของวรากรมองเห็นเธอเดินขึ้นคอนโดมา ระหว่างทาง เธอพยายามมองหาคนของจุ้ยเถิงที่เฝ้าเธออยู่ เมื่อขึ้นลิฟท์มาจนถึงชั้นที่เธอพัก เธอก็พบพนักงานกำลังปีนบันไดซ่อมกล้องวงจรปิดหน้าลิฟท์อยู่

   “อ่าว เกิดอะไรขึ้นค่ะ เสียอีกแล้วเหรอ”

   “ครับคุณลตา ไม่รู้เป็นอะไร กล้องวงจรปิดชั้นนี้เสียบ่อยมาก นี่ผมเปลี่ยนตัวใหม่แล้วนะ”

   “เหนื่อยหน่อยนะคะ” เธอทักทายพอเป็นพิธีก่อนจะหยิบคีย์การ์ด เตรียมเปิดเข้าห้อง และแล้วมันก็ทำให้เธอฉุกคิดขึ้นมาได้ “เอ้... ถ้าเสียบ่อยแบบนี้ เปลี่ยนบริษัทฯ กล้องไปเลยไม่ดีกว่าหรอค่ะ?”

   “ชั้นอื่นไม่มีปัญหาอะไรครับคุณลตา เลยเปลี่ยนบริษัทฯ ไม่ได้ เพราะไม่ใช่ความผิดของระบบ แต่น่าจะเป็นเรื่องอุปกรณ์มากกว่าน่ะครับ”

   “อ๋อ อย่างนั้นเองเหรอค่ะ” เป็นอย่างที่เธอคิดไว้ไม่ผิด จุ้ยเถิงอาจจะส่งคนเข้ามาทำอะไรในชั้นที่เธอพักอาศัยอยู่ และเผลอ ๆ อาจจะภายในห้องของเธอด้วยก็เป็นได้

 
.........................................................................

   หลิวลู่แอบเข้ามาในบ้านตระกูลฝู่ โดยได้ข้อมูลจากหงส์ เมื่อคราวที่เข้ามาบ้านหลังนี้พร้อมต้นและเฮียกร ข้อมูลของหงส์ค่อนข้างแม่นยำ ทั้งจำนวนคนและตำแหน่งที่ตั้งของห้องต่าง ๆ นั้นไม่ผิดจากที่หงสืบอกเขาแม้แต่น้อย
ความสามารถของหงส์ในการใช้เมฆาขาวนั้นค่อนข้างน่ากลัวสำหรับคนที่เป็นศัตรูกับหงส์ เพียงเข้ามาแค่ครั้งเดียว ก็สามารถลวงข้อมูลได้มากมายขนาดนี้

   คนของจุ้ยอั้ยเต๋อส่วนใหญ่จะยืนรักษาการอยู่รอบบ้าน ในบ้านนั้นจะเพียงแต่คนรับใช้ สิ่งที่หงส์ไม่แน่ใจก็คือ บ้านหลังนี้มีห้องลับที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อซ่อนอะไรบ้างอย่าง และภายในห้องนั้น หงส์สัมผัสได้ถึงคนๆ หนึ่งซึ่งเธอไม่รู้ว่าเป็นใคร เพราะจิตของคน ๆ นั้นว่างเปล่าจนเธอเกือบจะสัมผัสอะไรไม่ได้เลย

   เป้าหมายของเขาในคืนนี้ คือพยายามเข้าไปในห้องนั้นให้ได้ เขาแอบคนในบ้านจนเข้ามาถึงห้องทำงาน ห้องที่เป็นที่สุดท้ายที่เขาได้พบเฮีย พี่ชายคนเดียวของเขา ห้องนี้ถูกปรับเปลี่ยนไปมากจนน่าใจหาย แต่เข้าไม่มีเวลาที่จะมามัวเสียใจ

     หลิวลู่ค่อย ๆ ย่องสำรวจไปตามมุมต่าง ที่คาดว่าจะเป็นทางเข้าสู่ห้องลับนั่น ระหว่างที่เขากำลังค้นหาอยู่ เขาก็ได้ยินเสียงดังมาจากหน้าประตูห้อง ทำให้เขาต้องหาที่หลบ

   เขาเห็นหญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้อง เปิดไฟภายใน ก่อนเดินไปหน้าตู้เย็นขนาดใหญ่ เขาเห็นเธอหยิบถุงอะไรสักอย่าง 2-3 ถุงออกมา ก่อนเดินไปยังผนังห้องด้านหนึ่ง เธอลูบเบา ๆ ไปที่กระจกประดับ กระจกนั้นปรากฎเป็นแผงรหัส

   หญิงสาวกดรหัส ตู้หนังสือทั้งใบเลื่อนสไลด์ไปด้านข้าง เธอจึงเดินเข้าไปข้างใน เขารออยู่กว่าครึ่งชั่วโมง เธอก็ออกมา เมื่อเธอออกจากห้องไปแล้ว หลิวลู่ประเมินดูแล้วว่าไม่น่าจะมีใครเข้ามาแล้ว สิ่งแรกที่เขาอยากรู้คือในตู้เย็นนั้นมีอะไร

   เขาเปิดตู้เย็นออกมา ภายในมีถุงบรรจุของเหลวสีครีมวางเรียงรายอยู่จำนวนมาก ซึ่งเขาคาดว่าน่าจะเป็นอาหารเหลว และที่ข้างบานประตูก็มีขวดน้ำเกลือและยาอีกจำนวนหนึ่ง ของพวกนี้มีไว้ให้ใคร รางสังหรณ์ของเขาบอกว่าคนที่นอนไม่ได้สติอยู่ในห้องลับ คนที่หงส์ไม่สามารถสัมผัสจิตได้ อาจจะเป็นคนที่เขาพยายามตามหาเท่าไร ก็หาไม่พบ

.........................................................................

   เพ็ญนภานัดทานอาหารค่ำกับคุณเปิ้ลในร้านอาหารญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง พวกเธอเลือกนั่งโต๊ะทางด้านนอกแทนที่จะเข้าไปนั่งทานในห้อง VIP ถึงเรื่องที่คุยกันจะเป็นเรื่องที่คุยรู้น้อยที่สุดก็ยิ่งเป็นการดี แต่เพื่อไม่ให้เป็นทีสังเกต พวกเธอจึงเลือกที่จะทำตัวให้เป็นปกติมากกว่า

   “เสียดายจังเลยนะคะที่วันนี้คุณโอ๋มาทานด้วยกันกับเราไม่ได้” เธอเปรย ๆ ขึ้นระหว่างนั่งทานอาหาร

   “ช่วงนี้ยัยโอ๋ต้องคอยรับหน้าไอ้คุณแมงนั่นน่ะคะ เลยไปไหนมาไหนไม่ค่อยสะดวก”

   “แล้วแบบนี้มันจะกระทบกับงานของคุณโอ๋ไหมค่ะเนี่ย?”

   “เห็นว่าไม่นะคะ เวลางานก็ต่างคนต่างอยู่ แต่ช่วงนี้ที่ยัยโอ๋กระดิกตัวไปไหนไม่ค่อยได้เพราะว่า ไอ้คุยแมงนั่น ไม่ค่อยมีงานเลยมมีเวลาไปเกาะแกะยัยโอ๋ของเราได้”

   “แล้วทางนั้นเขารู้ตัวรึยังค่ะ ว่าเขาโดนแบล็คลิตจากคนในวงการน่ะคะ”

   “ท่าทางยังไม่สงสัยอะไร แต่อาจจะมีแปลกใจบ้าง วันก่อนคุณอ้วนมารับปรีฟงานกับเปิ้ล ยังเล่าให้ฟังว่าเจอนายนั่นถามหางานกับคุณอ้วนอยู่เลย”

   “ตอนนี้เราก็บีบทางนั้นแล้วทุกทาง เหลือแค่รอเวลา คงต้องลำบากคุณโอ๋ไปอีกสักพัก”

   “ว่าแต่คุณภาค่ะ แล้วทางคุณหญิงละคะ หลานเขาทั้งคน เขาจะยอมช่วยเราเหรอค่ะ?”

   “ดูจากแนวโน้มก็มีความเป็นไปได้อยู่นะคะ”

   “ถ้ายังไงคุณภาก็อัพเดทให้เปิ้ลทราบด้วยนะคะ”

   เพ็ญนภายังไม่ได้ตอบอะไร เสียงโทรศัพท์ที่วางอยู่บโต๊ะก็ดังขึ้น หน้าจอปรากฎชื่อของคุณสุพรรณษา เธอและคุณเปิ้ลต่างมองหน้ากัน

   “คนบ้านนี้ตายยากจังเลยนะคะ นึกถึงแม่ แต่ลูกกลับโทรเข้ามา”

   “คุณภารับสายเถอะค่ะ เปิ้ลอยากจะรู้จะแย่แล้วเนี่ย ว่าคุณสุพรรณษาโทรมาเรื่องอะไร” เพ็ญนภาพยักหน้าให้เล็กน้อยก่อนกดรับสาย

   “สวัสดีค่ะ คุณษา มีอะไรให้ภารับใช้ค่ะ”

   ‘คุณแม่ต้องการพบคุณภาค่ะ’

   “ได้ค่ะ ไม่ทราบว่าคุณหญิงให้ภาเข้าไปพบวันไหนค่ะ?”

   ‘วันนี้ และตอนนี้เลยค่ะ คุณภาสะดวกไหมค่ะ?’

   “ตอนนี้” เพ็ญนภาทวนคำ พร้อมสบตาคุณเปิ้ลเล็กน้อย ซึ่งคุณเปิ้ลก็พยักหน้าให้ “ได้ค่ะ แต่ขอเวลาภาเดินทางหน่อยนะคะ พอดีภาออกมาทานข้าวกับเพื่อนน่ะคะ ว่าแต่ไม่ทราบว่าคุณหญิงมีเรื่องด่วนอะไรค่ะ?”

   ‘เรื่องที่คุณพยัคฆ์ หยก และตาเกรียง มีปัญหากันน่ะคะ’

   “อ่อ เรื่องนั้นนั่นเอง ได้ค่ะ เดี๋ยวพบกันนะคะ” เพ็ญนภาวางสายก่อส่งยิ้มให้คุณเปิ้ลที่นั่งลุ้นอยู่ฝั่งตรงข้าม

   “เรื่องอะไรกันคะคุณภา อย่ามัวแต่ยิ้มอย่างนี้สิ เปิ้ลอยากรู้จะแย่อยู่แล้ว”

   “คุณหญิงอยากทราบเรื่องที่พังงาค่ะ”

   “ฮืม...คุณหญิงข่าวไวไม่เบาเลยนะคะ”

   “นั่นสิค่ะ ภาหวังว่า เมื่อคุณหญิงทราบเรื่องทั้งหมดแล้ว เรื่องมันจะจบได้โดยเร็วนะคะ”

   “คุณภารีบไปพบคุณหญิงเถอะค่ะ” เปิ้ลบอกก่อนเรียกพนักงานมาเก็บเงิน “เดี๋ยวมื้อนี้เปิ้ลเลี้ยงเอง”

   “ได้ที่ไหนกันละคะคุณเปิ้ล ภาต้องเป็นคนเลี้ยงสิถึงจะถูก ในเมื่อภาเป็นคนขอความช่วยเหลือจากคุณเปิ้ล”

   “คุณลูกค้าคะ ค่าอาหารมีลูกค้าในห้องวีไอพีชำระให้เรียบร้อยแล้วค่ะ” พนักงานที่ดูเหมือนจะเป็นผู้จัดการร้านเอ่ยขึ้นเมื่อเดินเข้ามาถึงโต๊ะ ทำให้ทั้งเธอและคุณเปิ้ลต่างแปลกใจ

   “ใครกันค่ะ? แล้วเขายังอยู่ไหม?” คุณเปิ้ลเป็นคนถามขึ้น

   “เธอเป็นลูกค้าประจำของทางร้านค่ะ แต่ตอนนี้เธอกลับไปแล้ว และเธอฝากโน๊ตนี่ให้กับคุณลูกค้าค่ะ” พนักงานยื่นซองจดหมายเล็ก ๆ ไปตรงหน้า เพ็ญนภาที่เห็นชื่อเธอบนหน้าซองจึงเป็นผู้รับโน๊ตนั่นมา

   “ขอบคุณค่ะ” เพ็ญนภากล่าวขอบคุณ พนักงานจึงเดินกลับไปทำงานของตนเอง ส่วนเธอกับคุณเปิ้ลก็ได้แต่มองหน้ากันอย่างสงสัย

   “คงไม่มีเสี่ยใหญ่ที่ไหนถูกใจคุณภาหรอกนะคะ” คุณเปิ้ลพูดแซว แต่สายตากลับจ้องไปยังซองจดหมายในมือ

   เพ็ญนภาเปิดซองที่ไม่ได้ปิดผนึก หยิบกระดาษแผ่นเล็กที่พับครึ่งขึ้นมาเปิดอ่าน

         
หยกถูกจับอยู่ที่คอนโด ABC Place อาคาร E ห้อง 1804
         บอกพยัคฆ์ด่วน คนพวกนั้นอันตราย ระวังตัวด้วย
   
To Be Continue

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: หยก 16-06-18 {{:::56:::}}
«ตอบ #209 เมื่อ17-06-2018 01:06:34 »

 :pig4: :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด