หยก 9-04-19 {{:::บทส่งท้าย:::}}
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: หยก 9-04-19 {{:::บทส่งท้าย:::}}  (อ่าน 45289 ครั้ง)

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: หยก 16-06-18 {{:::56:::}}
«ตอบ #210 เมื่อ17-06-2018 09:22:37 »

ลุ้น ๆ ขอให้หยกปลอดภัย

ออฟไลน์ WaterProof

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: หยก 16-06-18 {{:::56:::}}
«ตอบ #211 เมื่อ18-06-2018 09:59:10 »

ชอบค่ะ  :hao3:

ออฟไลน์ Amo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-1
Re: หยก 02-07-18 {{:::57:::}}
«ตอบ #212 เมื่อ02-07-2018 11:30:18 »

57
   พยัคฆ์กำลังจะออกจากออฟฟิต ระหว่างที่เขารอให้คนของเขาเอารถที่จอดไว้มาให้นั้น เขาก็เห็นรถอีโกคาร์คันหนึ่งขับผ่านประตูเข้ามา เพราะเขายังคงกังวลเรื่องของหยกอยู่จึงไม่ทันได้ตั้งข้อสังเกต ยังดีที่คุณวรรณเดินมารอเป็นเพื่อนเขา

   “ป่านนี้แล้วไม่น่าจะมีลูกค้าเข้ามาที่บริษัทฯ เราได้นะคะ”

   “อืม” พยัคฆ์ตอบอย่างไม่ใส่ใจ ซึ่งขณะนั้น โทรศัพท์เข้าก็ดังขึ้น เขากดรับทั้ง ๆ ที่ไม่ได้มองว่าเป็นเบอร์ของใคร “สวัสดีครับ”

   ‘คุณพยัคฆ์ใช่ไหมค่ะ ยังอยู่ที่บริษัทฯไหมค่ะ หรือว่ากลับไปแล้ว ดิฉันจะไปเจอคุณได้ที่ไหนค่ะ?’ คนปลายสายพูดรัว จนเขาไม่มีโอกาสแทรกได้เลย

   “ผมกำลังคุยอยู่กับใครครับ” จังหวะที่ถาม คนของเขาก็เอารถมาจอดให้พอดี

   ‘คุณภาให้เปิ้ลมาหาคุณค่ะ ไม่ทราบว่าคุณอยู่ที่ไหนค่ะ เปิ้ลมีเรื่องด่วนมากเลยค่ะ?’

   “ถ้าเรื่องงาน ผมรบกวนคุณติดต่อทางเลขาของผมก็แล้วกันนะครับ เบอร์...” เขาคุยพร้อมกับก้าวขึ้นรถ เตรียมจะขับออกไป ก็โดนคนที่ปลายสายแทรกขึ้นมา

   ‘ไม่ใช่คะ ไม่ใช่เรื่องงานค่ะ คุณภาฝากเปิ้ลให้เอาจดหมายมาให้คุณ เรื่องด่วนจริง ๆ นะคะ’ เขาได้แต่ส่ายหน้าระอากับคนปลายสาย ที่ดูท่าทางจะคุยไม่รู้เรื่อง เขาเองก็มีเรื่องที่ร้อนใจและหงุดหงิดจนไม่มีสมาธิจะคุยอะไรทั้งนั้น

   “เอาเป็นว่าคุณอยู่ไหนครับ แล้วจดหมายของคุณภานี่เป็นจดหมายอะไร?” เขาขับรถผ่านป้อมหน้าประตูทางเข้า ออกสู่ถนนซอยแล้วขณะที่คุยกับคนปลายสาย

   ‘เปิ้ลก็ไม่รู้ที่มาที่ไป รู้แต่ว่ามีเรื่องมีไม่ดีเกิดขึ้นกับน้องหยก’ พยัคฆ์ได้ยินแค่ชื่อคนที่ปลายสายอ้างถึง เขาก็เหยียบเบรคแทบจะทันที

   “ตอนนี้คุณอยู่ไหน”

   ‘เปิ้ลเพิ่งขับรถเข้ามาที่บริษัทฯ ของคุณ แต่ที่นี่เหมือนจะปิดแล้ว เปิ้ลเห็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ที่หน้าออฟฟิตคุณเท่านั้นค่ะ’

   “คุณรอผมแป๊บนึง ผมกำลังจะกลับเข้าไป” พยัคฆ์รีบกลับรถไปยังบริษัทฯ ทันที   

........................................................................

   จุ้ยเถิงนั่งมองดูหยกวิเศษในมือ หยกสีขาวน้ำนมลวยลายก้อนเมฆ หยกที่คนต่างเล่าขานถึงความวิเศษของมัน หยกชิ้นนี้มันสามารถดลบันดาลให้คนที่ครอบครองมันสมความปรารถนาได้จริง ๆ อย่างนั้นเหรอ

   สิ่งที่เขาอยากได้และปราถนามันจะเป็นจริงขึ้นมาได้จริงหรือไม่ เขาคงต้องหาโอกาสพิสูจน์ ความปราถนาเพียงข้อเดียว ก่อนจะส่งมอบหยกชิ้นนี้ให้กับลุงของเขา

   “กู๋ครับ ผมได้หยกวิเศษนั่นมาแล้ว และมันไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิด หยกไม่ได้อยู่กับฝู่หงส์แต่อยู่กับฝู่หยงครับ”

   “ลื้อได้ของมา แล้วคนล่ะ”

   “ได้ตัวมาแล้วเหมือนกันครับ”

   “ดี ดีมาก แล้วคนของเซียงไบ๋ล่ะ?”

   “ลตาเธอยอมหักหลังกู๋เซียงมาอยู่กับพวกเรา แล้วเธอยังบอกอีกว่า กู๋เซียงให้เธอปลอมตัวไปสืบเรื่องของหลิวลู่กับคนรักของเขา”

   “อีรู้จักกับคุณหมอด้วยอย่างนั้นหรอ?”

   “เขาไม่ใช่หมอครับ เขาเป็นเจ้าของบริษัทฯ รักษาความปลอดภัยชื่อดังของที่นี่”

   “ไม่ ๆ อีเคยเป็นหมอ บริษัทฯ นั่นน่าจะเป็นของพี่ชายอี”

   “ลตาบอกว่า ผู้ชายคนนั้นก็พยายามตามหาหลิวลู่อยู่ และดูเหมือนเขาจะรู้ว่าฝู่หยงเป็นใคร เพราะเขาส่งให้บอรืดี้การ์ดคอยตามฝู่หยงอยู่ตลอดเวลา”

   “ตอนนี้คุณหมออยู่ที่นี่ อีมากับหลานชายและหลานสะใภ้”

   “เขาไปทำอะไรที่นั่น?”

   “อีมาถามหาหลิวลู่กับอั๊ว ท่าทางหงิ๋ม ๆ แบบนั้นไม่คิดว่าจะบริหารงานบริษัทฯ รักษาความปลอดภัยได้ เห็นทีอั๊วจะประมาทอีไม่ได้ซะแล้ว”

   “กู๋จะให้ผมทำยังไงต่อไปครับ แล้วฝู่หงส์กับเสี่ยวฝู่ล่ะครับ ต้องพาตัวกลับไปพร้อมฝู่หยงไหม”

   “ท่าทางฝู่หยงเป็นยังไงบ้าง”

   “ฝู่หยงสัญชาตญาณดีมาก เก่งในเรื่องศิลปะป้องกันตัว”

   “แล้วลื้อว่า อีจะยอมให้พวกเราใช้อีเป็นหุ่นเชิดไหม?”

   “ผมว่าเขาไม่น่าจะยอมง่าย ๆ นี่กว่าจะจับตัวมาได้ผมต้องเป็นคนลงมือเอง แล้วที่ฝู่หยงพลาดท่าให้ผมคงเป็นเพราะ เขาห่วงบอร์ดี้การ์ดที่ติดตามเขา”

   “อืม... นี่คงเป็นจุดอ่อนของอีสินะ”

   “ผมก็ว่าอย่างนั้น”

   “เรื่องฝู่หงส์กับเสี่ยวฝู่ ลื้อไม่ต้องสนใจ อั๊วมีไพ่ที่ดีกว่า ที่ฝู่หยงจะไม่สามารถปฏิเสธพวกเราได้”

   “กู๋หมายถึงคนที่อยู่ในห้องนั้น”

   “หึ!! ลื้อเตรียมตัวกลับมาให้เร็วที่สุดก็แล้วกัน พาฝู่หยงขึ้นเครื่องบินของเยี่ยนหว๋อกลับมาคงไม่มีปัญหาอะไร รีบ ๆ ไปจัดการให้เรียบร้อย”

   “ครับกู๋”

   จุ้ยเถิงวางสายไปพร้อมกับโอกาสที่หมดลง โอกาสที่จะได้ขอให้หยกวิเศษช่วยให้ความปรารถนาของเขาเป็นจริง หรือเขาควรจะขอตอนนี้เลย ขอให้เขาได้มีโอกาสได้พบกับฝู่หงส์ก่อนที่เขาจะกลับไปฮ่องกง

.........................................................................

   ตั้งแต่คุณลตาออกจากห้องไป ผมก็ถูกขังให้อยู่แต่ในห้องนอน ช่วงหัวค่ำมีชายคนหนึ่งเอาอาหารค่ำกับเสื้อผ้ามาให้ผม ชายคนนั้นไม่น่าจะใช่คนไทย และผมได้ยินฝรั่งคนนั้นสั่งงานผู้ชายคนอื่น ๆ เป็นภาษาจีน เขาคงเป็นหัวหน้าของคนพวกนั้น
ตอนนี้ผมสับสนมาก ความคิดของผมยุ่งเหยิงไปหมด ผมไม่รู้ว่าคนทั้งหมดเกี่ยวข้องกันยังไง ยิ่งตอนนี้ผมไม่สามารถสัมผัสอะไรได้เลย เพราะเมฆาขาวน่าจะตกอยู่ในมือของคนใดคนหนึ่งระหว่างคุณลตา และฝรั่งคนนั้น พร้อม ๆ กับโทรศัพท์มือถือของผม

   มาถึงตอนนี้ผมเริ่มยอมรับความจริงได้ว่าสัมผัสหรือเซ้นส์ของผม มันไม่ได้เป็นอย่างที่ผมคิด ทั้งที่ผมรู้สึกว่าคุณลตาไม่คิดจะทำอันตรายหรือทำร้ายผม แต่สุดท้ายเธอก็เป็นหนึ่งในพวกนั้น ฝรั่งนั่น กับเจ้าของห้องนี้

   ผมได้แต่นั่งรอเวลาให้ดึกกว่านี้ เพื่อที่จะหาทางออกไปจากที่นี่ การที่ผมไม่ได้สวมเมฆาขาวอาจจะเป็นข้อดีตรงที่ มันทำให้ผมไม่สามารถรับรู้ความรู้สึกที่น่ากลัวของฝรั่งคนนั้นได้ มันทำให้ผมมีสติค่อนข้างสมบูรณ์ ตอนนี้ผมมีแต่ต้องอาศัยสัญชาตญาณและความสามารถของตัวเองล้วน ๆ

   ไฟในห้องนอนถูกผมดับลงตั้งแต่ช่วง 3 ทุ่มกว่า ๆ และผมก็ใช้ความคิดอยู่เงียบ ๆ คนเดียว จนกระทั่งนาฬิกาดิจิตัลราคาแพง ขึ้นตัวเลขที่บ่งบอกว่าข้ามวันใหม่ไปแล้ว ภายนอกห้องก็ดูเงียบเฉียบ ผมจึงค่อย ๆ เปิดประตูแง้มออกไปช้า ๆ อย่างเบามือ

   ผมเห็นชายคนหนึ่งนั่งเฝ้าอยู่ โชคดีที่ชายคนนั้นหลับสนิท ผมจึงค่อย ๆ ผลักประตูออกไปช้า ๆ ผมไม่รู้ว่าในห้องนี้มีคนอยู่กี่คน แต่ผมก็พร้อมที่จะเสี่ยง เพื่อจะออกไปจากที่นี่ ผมเบียดตัวออกจากบานประตูพอให้เสียงบานพับไม่ลั่น ก่อนจัดการให้คนที่นั่งเฝ้าหมดหมดสติโดยการฟาดสันมือลงไปที่ท้ายทอย แล้วค่อยย่องออกมาที่โถงกลาง

   ผมก้าวไปจนถึงประตูทางเข้าห้อง แต่แล้วผมก็ต้องชะงักเมื่อเห็นว่าประตูเปิดด้วยระบบคีย์แพด ถึงแม้ว่าผมจะสามารถเปิดจากภายในได้โดยไม่ต้องใช้รหัส แต่เสียงดนตรีของเจ้าเครื่องนี่สิ ผมจะทำยังไงไม่ให้มันดังออกมา

.........................................................................

   ลตาเฝ้ารออยู่ที่ชั้นล่างคอนโดของเกรียงไกร จนป่านนี้แล้วพยัคฆ์ก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร หรือว่าพยัคฆ์ยังไม่ได้รับข้อความจากเธอ แต่คนของเขาที่เฝ้าดูเธออยู่ กลับแยกย้ายกัน มาสุ่มอยู่ที่นี่แทน และยังดีที่คนพวกนั้นไม่เห็นเธอ

   ครั้นเธอจะขึ้นไปห้องของเกรียงไกรตอนนี้ก็ไม่ได้ เวลาดึกดื่นขนาดนี้หากขึ้นไป จุ้ยเถิงต้องสงสัยเธอแน่ ๆ จะให้เธอไปหาพยัคฆ์ตอนนี้ก็ไม่ได้ เพราะอาจจะยังมีคนของจุ้ยเถิงตามเธออยู่

   ระหว่างที่ลตากำลังจะเดินกลับไปยังคอนโดของตัวเองผ่านลานจอดรถใต้อาคารนี้ เธอก็เห็นร่างคุ้นตาค่อยๆ เดินออกจากประตูบันไดทางหนีไฟ ฝู่หยง มันทำให้เธอเหลียวกลับไปมองที่โถงทางเข้าคอนโดโดยอัตโนมัติลิฟท์กำลังลงมา ฝู่หยงที่กำลังจะวิ่งหนีไปทางหน้าโครงการ คงไม่รอดพ้นสายตาคนของจุ้ยเถิงเป็นแน่

   ลตากึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าไปหาฝู่หยง เธออาศัยมุมมืดของลานจอดรถแห่งนี้ ค่อยๆก้าวไปหาคนตรงหน้า ทำให้ฝู่หยงไม่ทันเห็นตัว ก่อนที่จะรู้ตัวเธอก็พุ่งเข้าไปจับตัวฝู่หยงไว้แล้ว แต่คนอย่างฝู่หยงมีหรือจะยอม ทำให้เกิดการต่อสู่กันเล็กน้อย จนกระทั่งเขาเห็นว่าเป็นเธอ

   “คุณลตา ผมไม่อยากทำร้ายผู้หญิง คุณหลีกไปดีกว่า” ฝู่หยงบอกแต่ก็ยังคงตั้งท่าเตรียมพร้อม

   “เธอจะออกไปทางด้านหน้าไม่ได้ คนของจุ้ยเถิงกำลังลงมา” เธอเห็นแววตาสงสัยในดวงตาคู่นั้น “ฉันขอให้เธอไว้ใจ แล้วตามมาทางนี้” เธอเลือกที่จะไม่บังคับ กลับค่อย ๆ ขอร้องเขาดี ๆ แต่เขาก็ยังไม่มีวี่แววจะเดินตามเธอมา จนเธอต้องกระตุ้นอีกครั้ง “หยก เร็วๆ”

   ฝู่หยงลังเลที่จะเดินตามเธอมา แล้วจากเดินก็กลายเป็นกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามเธอมา

   “คุณจะพาผมไปไหน? แล้วคุณไม่ได้เป็นพวกเดียวกับคนพวกนั้นเหรอ?”

   “ตอนนี้ฉันขอให้เธอเงียบก่อน ไว้ปลอดภัยแล้วฉันจะเล่าเรื่องทุกอย่างที่เธออยากรู้ให้ฟัง”

   ลตาเดินพาฝู่หยงลัดเลาะมายังคอนโดอีกตึกหนึ่ง ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าห้องบนอาคารนี้เป็นห้องของครอบครัวเธอเอง ไม่ใช่ห้องที่เจ้าสัวเซียงซื้อให้กับเธอ เธอจะเสี่ยงพาฝู่หยงไปห้องนั่นไม่ได้ เพราะตามทางเดินก่อนเข้าห้องเธอ จุ้ยเถิงได้ให้คนแอบขึ้นไปทั้งติดเครื่องดักฟังและกล้องสอดแนมเอาไว้

   เธอพาฝู่หยงเข้ามาในห้อง เธอเห็นเขามองไปรอบ ๆ อย่างระวังตัว และยังคงยืนอยู่ที่โถงทางเข้าห้องราวกับว่า หากมีอันตรายอะไรเกิดขึ้น เขาก็พร้อมที่จะพุ่งออกไปได้ทุกเมื่อ

   “หยกดื่มอะไรหน่อยไหม ห้องนี้มีแต่น้ำเปล่ากับชาสมุนไพรเท่านั้นนะ”

   “เอ่อ...ไม่ดีกว่าครับ”

   “ไม่ต้องระแวงฉันหรอก อยากรู้ หรืออยากถามอะไรก็ว่ามาเถอะ ห้องนี้ปลอดภัย”

   “คุณลตาต้องการอะไรจากผมกันแน่”

   “ฉันไม่ต้องการอะไรจากเธอเลย ฉันแค่ทำไปตามหน้าที่”

   “แล้วหน้าที่ของคุณคืออะไร?”

   “หน้าที่ของฉันก็คือ ตามหาทายาทตระกูลฝู่ และนำหยกศักดิ์สิทธิ์กลับไปยังที่ที่ควรอยู่”

   “ตามหาพวกผม แล้วก็...หยกศักดิ์สิทธิ์?”

   “ก็เมฆาขาวที่เธอเคยห้อยติดตัวอยู่ยังไงล่ะ?” เธอเห็นฝู่หยงมีสีหน้ากังวล มือก็แตะตรงตำแหน่งที่เคยมีหยกชิ้นนั้นห้อยคออยู่

   “คุณเป็นใครกันแน่ มาดีหรือว่ามาร้าย” ฝู่หยงถามเสียงแผ่ว

   “มีเธอเท่านั้นที่จะเป็นคนตัดสินได้ ชื่อจริงของฉันคือ เหมิ๋นหลีต๋า”

.........................................................................

   เพ็ญนภารีบขับรถมายังบ้านของพยัคฆ์หลังจากคุยกับคุณหญิงพรรณีและคุณสุพรรณษาเสร็จเรียบร้อย เธอไม่ค่อยเข้าใจ ข้อความในจดหมายปริศนานั่น รู้เพียงแต่ว่ามันต้องเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับหยก ทางด้านคุณหญิงก็เลี่ยงไม่ได้ ข้อความที่ต้องบ่งบอกว่าหยกออาจจะอยู่ในอันตราย มันทำให้เธอร้อนใจจนแทบทำอะไรไม่ถูก

   คุณเปิ้ลเปรียบเหมือนนางฟ้าที่มาช่วยเธอไว้ในระหว่างที่สมองเธอหยุดการประมาลผลไปชั่วคราวเมื่อเห็นข้อความในกระดาษแผ่นนั้น และถือเป็นโชคดีอีกอย่างที่คุณวรรณาอยู่กับคุณพยัคฆ์ในตอนนั้นด้วย ไม่อย่างนั้นเธอก็ไม่รู้ว่าคุณพยัคฆ์จะบุกเข้าไปที่นั่นคนเดียวไหม

   “คุณภาไปนอนพักเถอะค่ะ นี่ก็จวนจะสว่างแล้ว” คุณวรรณเปรยขึ้นมา

   “ภานอนไม่หลับหรอกค่ะคุณวรรณ ห่วงหยกมากกว่า”

   “อย่าเพิ่งเป็นกังวลไปเลยค่ะ ตอนนี้คนของเราก็เฝ้าอยู่ที่นั่น”

   “ภายังวางใจไม่ได้จริง ๆ ค่ะ ยิ่งรู้ว่าห้อง ห้องนั้นเป็นของของนายเกรียงไกรด้วยแล้ว”

   “แต่เท่าที่คุณภาเล่า คุณหญิงเองก็ยินดีช่วยเราไม่ใช่เหรอค่ะ?”

   “จริงสิค่ะ ถ้าเกิดคุณหญิงหรือคุณสถพรรณษาเขาทำทีเข้าไปหานายเกรียงไกรที่คอนโดละค่ะ?”

   “นั่นอาจจะช่วยให้เรารู้ได้นะครับว่า พวกนั้นมีกันกี่คนกันแน่” เอที่นั่งหน้าเครียดไม่ต่างกับคนอื่น พูดออกมาอย่างมีความหวัง

   “แล้วคุณพยัฆค์ว่ายังไงค่ะ” เพ็ญนภาถามความเห็น จากคนที่เอาแต่ยืนนิ่ง ไม่พูดไม่จามาได้สักพักใหญ่ ๆ

   “คุณเสือค่ะ?” คุณวรรณาเรียกอีกครั้ง

   “ครับ?”

   “คุณเสือเป็นอะไรรึเปล่าค่ะ?”

   “ข้อความในกระดาษนั่น ลายมือมันคุ้น ๆ แต่ผมนึกยังไงก็นึกไม่ออก ว่าเป็นลายมือใคร?”

   “ผมกลับสงสัยว่า ใครเป็นคนส่ง และคนที่ส่งมามีเจตนาอะไรกันแน่” ต้าพูดเสริมขึ้นมา

   “วรรณก็ลืมถาม คุณภาไปได้จดหมายฉบับนี้มาจากใครกันค่ะ?”

   “มีลูกค้าที่ร้านอาหารญี่ปุ่นคนนึงฝากไว้ให้ แถมยังจ่ายเงินเลี้ยงภากับคุณเปิ้ลด้วยนะคะ”

   “ร้านอาหารญี่ปุ่นแถวไหนครับ” เอถามขึ้นพร้อมกับมองไปยังต้าและคุณพยัคฆ์

   “ร้านดังแถว ๆ ทองหล่อค่ะ”

   “ข้อความนี้มาจาก...” ต้ายังพูดไม่จบประโยค คุณพยัคฆ์ คุณวรรณ และเอ ต่างเอยชื่อหนึ่งออกมาพร้อมกัน “คุณลตา!!”

.........................................................................

   ผู้หญิงตรงหน้าผม เป็นคนตระกูลเหมิ๋น คนที่เจ็กลู่และกงฝู่พยายามจะตามหามาตลอดหลายปี กลายเป็นว่าเธออยู่ข้าง ๆ อากรมานาน และที่ยอมทำงานให้กับเจ้าสัวเซียงเพราะว่าต้องการจะตามหาเจ็กลู่ กับพวกเรา เธอไม่รู้ว่าเจ็กลู่เป็นคนรักของอากร

   “คุณลตา...ไม่ได้รักอากรจริง ๆ เหรอครับ?”

   “ก็อย่างที่ฉันเล่ามานั่นแหละ ฉันเพิ่งมารู้หลังจากทำงานกับเจ้าสัวได้ไม่นาน”

   “ถ้ารู้อย่างนั้นแล้วทำไมคุณลตาไม่บอกอากรล่ะครับ ว่าคุณเป็นใคร?”

   “ฉันรู้ว่าคุณกรเธอเป็นคนยังไง และไว้ใจได้แค่ไหน แต่ที่ฉันไม่รู้คือเซียงไบ่ ต้องการอะไร?”

   “เขาเคยเป็นคู่หมายของม่าม๊า”

   “งั้นก็ไม่น่าแปลกใจที่เขาจะเคยเห็นเมฆาขาว”

   “แล้วเราจะทำยังไงกับเมฆาขาวที่จอยู่กับจุ้ยเถิงดีล่ะครับ?”

   “หยกขับรถเป็นไหม?”

   “เป็นครับ”

   “ฉันมีรถอีกคันที่ไม่ค่อยได้ใช้ พวกของจุ้ยเถิงน่าจะจำไม่ได้ เอาไว้ตอนเช้า หยกค่อยขับออกไป”

   “แล้วคุณลตาล่ะครับ”

   “ฉันจะเข้าไปหาจุ้ยเถิง แล้วหาโอกาสเอาเมฆาขาวกลับมาให้ได้”

   “ไม่ได้นะครับ มันอันตราย คนพวกนั้นก็มีมากกว่าด้วย”

   “ถึงจุ้ยเถิงจะสงสัยฉัน แต่ก็คงทำอะไรไม่ได้”

   “ผมจะไปกับคุณลตาด้วย ทำทีเหมือนคุณเป็นคนเจอผม”

   “ไม่ได้เด็ดขาด ยิ่งจุ้ยเถิงต้องการตัวเธออยู่ ยิ่งถ้าได้เมฆาขาวกลับมา เธอจะรับมือจุ้ยเถิงไม่ได้”

   “สองคนก็ยังดีกว่าคนเดียว แล้วอีกอย่างถ้าได้เมฆาขาวกลับมา ผมก็ฝากไว้กับคุณลตาก่อน นะครับ ให้ผมช่วยนะครับ”

   “ฉันยังไม่รู้จุดประสงค์ที่แท้จริงของจุ้ยเถิง และจุ้ยอั้ยเต๋อ ดังนั้นฉันจะเอาเธอมาเสี่ยงไม่ได้”

   “ถ้าคนพวกนั้นต้องการตัวผม ยังไงเขาก็ต้องส่งคนมาจับผมกลับไปอีกอยู่ดี”

   “แต่ฉันส่งข้อความไปบอกคุณเสือแล้ว ว่าเราถูกจับตัวอยู่ทื่นี่ คนของคุณกรก็เฝ้าอยู่ข้างล่าง ถ้าคุณเสือส่งคนเข้ามาที่นี่ ฉันว่ามันจะไม่เป็นผลดีนะ”

   “เรามีทางไหนที่พอจะส่งข้อความให้พี่เสือทราบไหมครับ”

   “ก็ถ้าคุณเสือยังให้คนคอยตามฉันอยู่อ่ะนะ”

   “คุณลตามีเบอร์พี่เสือไหมครับ?”

   “ถึงฉันจะมี คุณเสือก็คงไม่รับสายของฉันหรอกนะ”

   “ผมขอยืมโทรศัพท์ของคุณลตาหน่อยได้ไหมครับ?”

   “หยกจะทำอะไร”

   “หยกจะติดต่อพี่เสือครับ”

   คุณลตายื่นโทรศัพท์ให้ผม ก่อนผมจะพิมพ์ข้อความส่งไปให้ยังเบอร์ของพี่เสือ รอไม่นานพี่เสือก็โทรกลับมาหาผมโดยที่ผมไม่ต้องเป็นฝ่ายโทรไปอย่างที่ตั้งใจไว้ตอนแรก

To Be Continue

ออฟไลน์ hewlett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 560
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-3
Re: หยก 02-07-18 {{:::57:::}}
«ตอบ #213 เมื่อ27-07-2018 08:31:37 »

ดัน จุ้ยเถิงจะเป็นคนที่ล้างหยกของหงส์หรือเปล่า ถึงได้อยากเจอหงส์นัก

ออฟไลน์ Amo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-1
Re: หยก 19-08-18 {{:::58:::}}
«ตอบ #214 เมื่อ19-08-2018 18:34:43 »

58

   โบตั๋นเดินทางมาถึงหยวนซางตูในเขตมองโกเลียด้วยความช่วยเหลือของกงเหมิ๋น และที่สำคัญเธอเพิ่งรู้ว่าลูกสาวบุญธรรมของเขาเป็นคนไทย และเป็นนักโบราณคดีซึ่งมีทีมขุดค้นที่ขออนุญาตอย่างถูกกฎหมายโดยมีกงเหมิ๋นเป็นนายทุนรายใหญ่

   “เดินทางเหนื่อยไหมจ๊ะเสี่ยวฝู่” คุณลลินทร์ลูกสาวของกงเหมิ๋นถามเธอ หลังจากทักทายกงเหมิ๋นเรียบร้อยแล้ว

   “เรียกโบตั๋นดีกว่าค่ะ คุณลินทร์ ตั๋นไม่ค่อยคุ้นเลยเวลาก๋งเหมิ๋นเรียกตั๋นน่ะ”

   “จ้า ๆ ว่าแต่ขอฉันขอดูหยกศักดิ์สิทธิ์ของหนูหน่อยได้ไหมจ้า” เธอถอดเมฆาขาวออกจากคอส่งให้คุณลลินทร์ “คู่หงส์...นี่ถ้าลูกสาวของฉันอยู่ที่นี่ด้วยกัน ฉันคงจะจับให้ลูกสาวฉันทดลองชำระล้างหยกศักดิ์สิทธิ์นี่แล้ว”

   “แล้วลูกสาวคุณลินทร์อยู่ที่ไหนค่ะ ใช่คนที่บอกกงเหมิ๋นว่าตั๋นเดินทางมาที่นี่รึเปล่าค่ะ?”

   “ก็น่าจะใช่นะ อาหลี่อยู่ที่ไทย แล้วก็คอยตามหาพวกหนูอยู่”

   “หนูไม่เห็นเคยได้ยินชื่ออาหลี่เลย”

   “อ่าว อย่างนั้นหรอกเหรอจ๊ะ อาหลี่ก็ใช้หลายชื่อเสียด้วยสิ”

   “คุณลินทร์ค่ะ แล้วถ้าเราชำระล้างเมฆาขาวเสร็จแล้ว มันจะเป็นยังไงค่ะ?”

   “หยกของพวกหนูจะเปลี่ยนกลับมาเป็นสีเขียวมรกตดังเดิม แล้วหนูจะไม่สามารถใช้หยกศักดิ์สิทธิ์ได้อีกเลย”

   “ถ้าอย่างนั้นการที่ก๋งเหมิ๋นตามหาหยกทั้งแปดชิ้น แล้วจะมอบให้กับพิพิธภัณฑ์ ก็เป็นการป้องกันให้คนอื่นที่มีเลือดแบบเดียวกับพวกหนู เอามันไปใช้ประโยชน์ได้ใช่ไหมค่ะ?”

   “ถูกแล้วจ๊ะ หยกศักดิ์สิทธิ์มีทั้งคุณและโทษ แต่สมัยนี้แล้ว มนุษย์เราสามารถเอาตัวรอดได้ด้วยความสามารถของตนเอง ดังนั้นของวิเศษพวกนี้ให้คนรุ่นหลังรู้จักเพียงแค่ตำนานก็พอแล้วล่ะ”

   “โห...ความคิดของคุณลินทร์นี่ยิ่งใหญ่จังเลยค่ะ”

   “ไม่ใช่ความคิดของฉันหรอกจะ ของคุณพ่อต่างหาก คุณพ่อเองก็สูญเสียมาเยอะ ทั้งที่บรรพบุรุษของท่านเองก็ไม่ได้รับพรจากหยกศักดิ์สิทธิ์มาหลายชั่วอายุคนแล้ว”

   โบตั๋นมองร่างก๋งเหมิ๋นที่เฝ้ามองออกไปนอกกระโจมกันลม ดูผู้คนทำงานขุดซากโบราณสถานแห่งนี้ ความหวังของก๋งเหมิ๋น เธอก็อยากจะช่วยให้มันเป็นจริง   

........................................................................

   เนื่องจากหงส์ถูกจับตามองโดยคนของจุ้ยอั้ยเต๋ออยู่ตลอดเวลา ในห้องพักของเธอ คุณต้นเองก็พบเครื่องดักฟังอยู่ตามมุมต่าง ๆ ทำให้เธอหาโอกาสติดต่อกับคนอื่นๆ ได้ค่อนข้างลำบาก หงส์ได้โทรศัพท์คุยกับโบตั๋นขณะที่แกล้งออกมาช๊อปปิ้งข้างนอกกับคุณต้น โบตั๋นขออนุญาตเธอ เพื่อเดินทางไปมองโกเลียกับเหมิ๋นโหย่วเซียง และยังตั้งใจจะตามหาคนที่สามารถชำระล้างเมฆาขาวอีก 2 คนให้ได้

   ความคิดของเหมิ๋นโย่วเซียงที่จะมอบหยกทั้งหมดให้กับพิพิธภัณฑ์ นั้นถือว่าเป็นความคิดที่ไม่เลว และเธอก็เห็นด้วยกับความคิดนี้ตั้งแต่แรกที่โบตั๋นเล่าให้เธอฟัง เพราะยังดีกว่าให้พยัคฆ์เป็นผู้ดูแลหยกทั้ง 3 ชิ้นเพียงคนเดียวอย่างที่เธอตั้งใจไว้ตอนแรก มันคงจะอันตรายเกินไปกับทั้งพยัคฆ์และหยก

    และเมื่อเธอกลับเข้าโรงแรมมาพร้อมคุณต้นอีกครั้ง ก็พากันไปเล่นที่กาสิโนกันต่อ ซึ่งแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ คุณต้นก็เล่นได้เงินมาเป็นล้าน นั่นอาจจะพอทำให้จุ้ยอั้ยเต๋อตื่นตัวขึ้นมาได้

   วันนี้หงส์เดินควงแขนกับคุณต้นเข้ามาในกาสิโน โดยใช้เหรียญชิพที่ได้มาเมื่อวานเป็นเงินทุน โซนแรกที่พวกเขาเดินเข้าไปคือโต๊ะดัมมี่ และคุณต้นก็เป็นผู้เล่นดังเดิม

   คุณต้นเล่นดัมมี่อยู่ราวชั่วโมงเศษ โดยเน้นให้เสียมากกว่าได้ จากนั้นก็ย้ายไปเล่นโป๊กเกอร์ คุณต้นเล่นไปได้ไม่นานก็เรียกให้คนมามุงดูอยู่รอบโต๊ะไม่น้อย ถึงแม้จะมีการหมอบไพ่ในบางเกมส์ก็ตาม แต่เมื่อไรที่ showdown คุณต้นก็มักจะได้ หน้าไพ่ดี ๆ อย่าง One pair บ้าง Two pair บ้าง และหากได้ Straight ก็จะเรียกเสียงฮือฮาจากคนที่มุงดูได้ใช่น้อย

   “อ่าว ไม่มีใครจะเล่นกับผมแล้วเหรอครับ” คุณต้นเอ่ยขึ้นมา เมื่อคนเล่นคนสุดท้ายลุกออกไปจากโต๊ะ พร้อมกับมองไปรอบ ๆ

   “นี่เงินของคุณครับมิสเตอร์คุณ” คนแจกไพ่เอ่ย

   “ได้เท่าไรค่ะเนี่ย ดิฉันก็นับชิพพวกนี้ไม่เป็นซะด้วยสิ” หงส์ทำทีเดินเข้าไปหยิบเหรียญชิพขึ้นมา พลิกดูทั้งสองด้าน

   “อันที่อยู่ในมือคุณ มีค่าหนึ่งหมื่นดอลล่าจ๊ะที่รัก” คุณต้นบอกเธอ

   “หืม...เหรียญเยอะขนาดนี้ นภาไม่ช่วยหิ้วนะ หนักแย่เลย”

   “คุณช่วยแลกเป็นเหรียญที่ใหญ่กว่านี้ให้ผมทีแล้วกัน แล้วนี่ ทิปสำหรับคุณ” คุณต้นเลื่อนชิพทั้งหมดไว้กลางโต๊ะ พร้อมกับแยกชิพส่วนหนึ่งให้เป็นรางวัลกับคนที่ทำหน้าที่แจกไพ่ ชายคนนั้นถึงกับตาโต

   “ไม่มีใครเล่นกับคุณแล้ว งั้นเราจะไปไหนกันต่อดีค่ะ”

   “ตามใจคุณเลยจ๊ะที่รัก”

   “ถ้าอย่างนั้นเอาชิพนั่นไปแลกเป็นเงินสด แล้วเราไปช๊อปปิ้งกันอีกดีกว่าค่ะ”

   “ได้จ๊ะที่รัก” คุณต้นรับคำ ก่อนจะหันไปหาพนักงานแจกไพ่ ที่กำลังโกยเหรียญชิพทั้งหมดใส่ถาด แต่คุณต้นยังไม่ทันพูดอะไร ก็มีคนเดินเข้ามาทักเสียก่อน

   “จะรีบไปไหนล่ะหลานชาย ตามใจเมียมาก ๆ ไม่ดีนะ” จุ้ยอั้ยเต๋อแทรกเข้ามา นั่นทำให้เธอและคุณต้นมั่นใจ ว่าต้องมีคนคอยเป็นล่ามภาษาไทยให้เขาแน่นอน เพราะตลอดเวลาที่เธอกับคุณต้นคุยกันเอง พวกเธอก็คุยกันเป็นภาษาไทย

   “คุณชายจุ้ย รู้ได้ยังไงครับว่าผมเอาใจภรรยา”

   “เดาไม่ยากหรอก ก็ข้าวใหม่ปลามันที่นะ”

   “ถ้าอย่างนั้น ผมขอตัวพานภาไปช๊อปปิ้งก่อนก็แล้วกัน วันนี้เธออยู่เป็นเพื่อนผมเล่นมาค่อนวันแล้ว”

   “ถ้าอยู่เล่นโปกเกอร์กับฉันอีกสัก 2-3 ตา คงไม่เป็นอะไรมั้ง”

   “คุณชายจุ้ยจะให้เกียรติเล่นกับมือสมัครเล่นอย่างผม อย่างนั้นเหรอครับ”

   “ถ่อมตัวน่า หลายชายเล่นมา 2 วัน กวาดเงินฉันไปเกือบ 30 ล้าน เลยนะ”

   “หืม มากขนาดนั้นเลยเหรอครับ ผมจำได้แค่เมื่อวานนี้ ผมมีชิพอยู่แค่ 7-8 ล้านเท่านั้นเอง”

   “ก็ดูบนถาดนั่นสิ” จุ้ยอั้ยเต๋อมองไปที่ถาดกำมะหยี่สีดำที่พนักงานแจกไพ่เพิ่งไปแลกเหรียญที่มีมูลค่ามากขึ้นมาให้ เหรียญละหนึ่งแสนเรียงตัวกันเป็นแถว เกือบเต็มถาด

   “ในถาดนั่นมีเท่าไรครับ” คุณต้นถามพนักงานคนนั้น

   “มีราว 27.6 ล้านครับมิสเตอร์คุณ”

   “โอ้...ผมไม่คิดว่าจะเล่นได้มากขนาดนี้เลยนะ”

   “นี่ถ้าเอาไปขึ้นเงิน นภาคงซื้อเฟอรารี่ได้เลยนะคะที่รัก” หงส์พูดแทรกขึ้นอย่างตื่นเต้นและดีใจ

   “ที่รักรอให้ผมเล่นเป็นเพื่อนคุณชายจุ้ยสัก 2-3 ตาได้ไหมครับ”

   “ก็ได้ค่ะ แต่ห้ามเกินจากนี้นะคะ นภาอยากช๊อปปิ้งจะแย่แล้ว”

   “เป็นอันตกลงครับคุณชายจุ้ย”

   “ดี แล้วคุณอยากจะเดิมพันเท่าไรล่ะ”

   “ก็แล้วแต่คุณชายจุ้ยเลยครับ”

   “ถ้าอย่างนั้น ก็เล่นกัน 3 ตา วางเงินขั้นต่ำครั้งละ 5 ล้านเป็นยังไง”

   “หืม 5 ล้านเลยหรอครับ สงสัยคุณชายจุ้ยคงต้องการจะเอาเงินคืนจากผมแน่ ๆ”

   คุณต้นนั่งลงที่โต๊ะแทนคำตอบตกลง ก่อนที่จุ้ยอั้ยเต๋อจะนั่งลงในฝั่งตรงข้าม โดยมีพนักงานแจกไพ่ยืนอยู่ตรงกลาง ตาแรก จุ้ยอั้ยเต๋อชนะไปด้วยไพ่สองคู่ ซึ่งคุณต้นมีไพ่เพียงคู่เดียวเท่านั้น

   “ผมเริ่มสงสัยแล้วสิว่า ผมจะเล่นจนครบ 3 ตาไหม” คุณต้นเปรยขึ้นเมื่อจุ้ยอั้ยเต๋อโกยเหรียญชิพที่อยู่ตรงหน้าไปยังฝั่งของตนเอง

   “หลานชายอยากลดเงินเดิมพันลงไหมล่ะ”

   “ไม่ดีกว่าครับ แบบนี้ก็ได้ลุ้น ตื่นเต้นดีครับ”

   “ดี ใจถึงมาก งั้นมาเล่นตาถัดไปกันต่อเลยดีกว่า”

   ตาที่สอง บนโต๊ะมีไพ่ เจ็ดโพดำ คิงดอกจิก เจ็ดดอกจิก สองข้าวหลามตัด และ แปดขาวหลามตัด

   ไพ่ในมือจุ้ยอั้ยเต๋อมี คิงโพแดง และ แปดดอกจิก   

   “ครั้งนี้ผมได้สองคู่อีกแล้วนะ แล้วหลานชายละ มีคู่ไหมตานี้?”

   “เสียดายที่แปดดอกจิกดันไปอยู่กับคุณชายจุ้ย ผมเลยมีแค่ตองแปดแทนที่จะเป็นโฟร์การ์ด” คุณต้นหงายไพ่แปดโพดำและแปดโพแดงในมือ เรียกเสียงฮือฮารอบโต๊ะได้ไม่น้อย

   “หลายชายนี่ดวงดีจริง ๆ ทีนี้เราก็เสมอกันแล้วสินะ”

   “ตาสุดท้ายแล้วนะที่รัก รอผมอีกนิดนะคนดี” คุณต้นหันมาบอกกับเธอ

   “สู้ ๆ เขานะคะที่รัก”

.........................................................................

    วรากร หลิวลู่ และฝู่ไฉ๋ กำลังคุยปรึกษาแผนงานกันภายในโรงแรมที่วรากรพักอยู่ วรากรเห็นความกังวลในสีหน้าของอาหลิวได้อย่างชัดเจน ต่อให้คนเราจะเข้มแข็งสักแค่ไหนก็มักมีจุดอ่อนเสมอ

   ครั้งหนึ่งเขาเคยคิดว่า ตัวเขาเองอาจจะเป็นจุดอ่อนของอาหลิว เพราะเขาเป็นแค่หมอคนหนึ่งที่แม้แต่จะตามหาหรือปกป้องคนที่เขารัก ก็ยังทำไม่ได้ จนกระทั่งคำพูดสุดท้ายของพี่ชายเขาก่อนสิ้นใจ มันกระตุ้นให้เขาเปลี่ยนแปลงตัวเอง จนเป็นวรากรคนใหม่ในที่สุด

   แต่นี่ คนที่เป็นจุดอ่อน ที่ทำให้อาหลิวถึงกับนั่งไม่ติดในตอนนี้ ไม่ใช่สามพี่น้องชูวณาสุวรรณ ถึงแม้หงส์กำลังเสี่ยงอยู่ในกาสิโน หรือแม้กระทั่ง หยกที่ตกอยู่ในมือของจุ้ยเถิง ก็ไม่น่ากังวลหรือน่าเป็นห่วงเท่าคนที่นอนเป็นผักอยู่ในห้องลับนั่น หลิวเก๋อหมิง หรือจะเรียกให้ถูกคือฝู่เก๋อหมิง

   “อาหลิว...” วรากรเรียกคนที่เดินไปเดินมาอยู่ในห้องของเขา

   “คุณชายหลิวใจเย็น ๆ ก่อน อย่างน้อยตอนนี้เราก็รู้แล้วว่าจุ้ยอั้ยเต๋อมีไพ่อะไรอยู่ในมือ”

   “ใช่ อาหลิวใจเย็น ๆ ก่อน ตอนนี้หงส์ก็เร่งแผนการอยู่ อีกไม่กี่วันจุ้ยอั้ยเต๋อ ต้องท้าเล่นกับต้าอีกแน่ ๆ”

   “ใช่ค่ะ ถ้าเราเพียงแต่ตัดแหล่งสร้างเงินหมุนเวียนของจุ้ยอั้ยเต๋อได้ เราก็มีโอกาสจัดการมันได้ง่ายขึ้นนะคะ”

   “แต่ตอนนี้พวกมันมีเก๋อหมิงเป็นตัวประกัน อั๊วไม่รู้ว่ามันจะเอามาต่อรองกับพวกเราเมื่อไร แล้วถ้าพวกเด็ก ๆ รู้จะทำยังไง”

   “อาหลิวไว้ใจเฮียนะ หลังจากที่หงส์กับต้าทำตามแผนสำเร็จ เฮียจะช่วยเก๋อหมิงออกมาให้ได้ก่อนที่มันจะได้ทันทำอะไร”

   “ใช่ค่ะคุณชายหลิว แผนของคุณกรนั้นรัดกุมและไม่มีช่องโหว่เลย คุณชายหลิวใจเย็นแล้วทำตามแผนต่อไป พวกเราก็จะทำหน้าที่ของเราให้เต็มที่”

   “ครั้งต่อไป ใครจะลงเล่นแทนจุ้ยอั้ยเต๋อ” วรากรหันไปถามฝู่ไฉ๋ ในสมองก็คิดแผนการออกมาด้วย

   “คนที่พอจะมีฝีมืออยู่ก็น่าจะเป็นจุ้ยเถิงค่ะ เป็นไปได้ว่าทางนั้นอาจจะเรียกตัวจุ้ยเถิงกลับมา”

   “จะมาพร้อมกับหยกรึเปล่า คงต้องรอดูผลงานของไอ้เสือสินะ”

   “ค่ะ จุ้ยเถิงต้องกลับไปที่มาเก๊าเร็ว ๆ นี้แน่”

   “เท่ากับว่า ทั้งจุ้ยอั้ยเต๋อ เซียงไบ่ และจุ้ยเถิง มีแนวโน้มที่จะไปรวมตัวกันอยู่ที่มาเก๊า ถ้าเป็นเวลานั้น อาจจะเป็นโอกาสที่เราจะบุกเข้าไปชิงตัวเก๋อหมิงกลับมา”

   “เฮีย...” อาหลิวฟังแผนการคร่าว ๆ ของเขา “ถ้าคนของเราไปช่วยเก๋อหมิงกันหมด แล้วทางหงส์ล่ะ? ความปลอดภัยของหงส์ก็สำคัญนะ”

   “ไม่ต้องห่วงไปอาหลิว เฮียจะไม่ทำให้หลิวผิดหวัง ไว้ใจเฮียนะ”

   วรากรรู้ว่าคนของเยี่ยนหวอที่สามารถรับมือคนของจุ้ยอั้ยเต๋อได้นั้นมีไม่มากนัก แต่หากดูจากรูปการณ์ตอนนี้ มันก็ไม่ยากที่เขาจะเรียกคนของเขามาช่วยงานที่นี่ สงครามมาเฟียขนาดย่อม ๆ คงจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า

.........................................................................

   ผมกลับมาอยู่ห้องของคนที่ชื่อเกรียงไกรดังเดิม โดยคุณลตาเป็นคนพากลับมา ผมฟังภาษาจีนที่พวกนั้นคุยกันไม่ออกสักนิด และพี่เสือก็ไม่สามารถอธิบายอะไรให้ผมฟังได้มากนัก เพราะพวกเรามีเวลากันจำกัด ผมแค่เล่าแผนการที่ผมกับกับคุณลตาจะกลับเข้ามาขโมยเมฆาขาวคืนให้เท่านั้น

   ตอนแรกที่พี่เสือได้ยิน ดูเหมือนพี่เสือจะไม่ยอม จนคุณลตาต้องเข้ามาช่วยพูด พี่เสือจึงยอมทำตามแผนของพวกเรา คุณลตาขอร้องให้พี่เสือช่วยพวกเรา 2-3 เรื่อง จากนั้นก็วางสายไปก่อนคุณลตาลบเบอร์โทรออกล่าสุดทิ้งเพื่อป้องกันไม่ให้คนของจุ้ยเถิงรู้ว่าเธอโทรหาใคร

   “ท่าทางผมจะประมาทคุณไม่ได้เลยนะฝู่หยง” จุ้ยเถิงพูดขณะเดินเข้ามาในห้อง พวกนั้นเปิดประตูห้องค้างไว้ ไม่ยอมให้ผมมีความเป็นส่วนตัวอีกต่อไป

   “คุณต้องการอะไรจากผมกันแน่ แล้วพวกคุณเป็นใครกัน” ผมถามกลับเป็นภาษาอังกฤษ และทำทีไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรตามที่คุณลตาบอก

   “ผมขอถามคุณหน่อย ว่าฝู่หงส์อยู่ที่ไหน?”

   “ฝู่หง? ใครกันผมไม่เห็นจะรู้จัก”

   “ก็พี่สาวของคุณยังไงล่ะ?”

   “เจ่เจ้มาเกี่ยวอะไรด้วย แล้วคุณรู้จักเจ่เจ้ได้ยังไง ต้องการอะไรจากพวกเรากันแน่”

   “ดูเหมือนว่าฝู่หงส์คงไม่ได้เล่าอะไรให้คุณฟังเลยสินะ?”

   “คุณหมายความว่ายังไง?”

   “ผมถามใหม่ก็แล้วกัน ว่าไอ้สิ่งนี้มันใช้งานยังไง” จุ้ยเถิงชูเมฆาขาวขึ้นมา เมฆาขาวของผม ผมจึงกระโจนเข้าไปเพื่อจะแย่งมันกลับมา

   “เอาของ ของผมคืนมานะ” ผมเอื้อมขึ้นไปสุดความสูงแต่ก็ยังคว้าไม่ถึง แม้นิ้วมือจะสัมผัสเมฆาขาวเพียงเล็กน้อย ความรู้สึกที่รุนแรงของคนตรงหน้าก็พุ่งเข้าใส่ผม จนผมต้องผงะถอยหลังออกมา

   “มันไม่ใช่ของคุณอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้มันเป็นของผม และหากคุณอยากจะได้มันคืน คุณต้องทำตามคำสั่งผมเท่านั้น”

   “คำสั่งอะไร?”

   “ฝู่หงส์อยู่ไหน?”

   “เจ่เจ้ไปเที่ยวญี่ปุ่น ถึงถามผม ผมก็ไม่รู้ว่าเจ่จเอยู่ที่ไหน?”

   “แล้วของสิ่งนี้ใช้งานยังไง”

   “ผมไม่เข้าใจ หยกนั่นก็แค่เครื่องประดับชิ้นหนึ่งที่ผมห้อยไว้เพื่อระลึกถึงพ่อกับแม่เท่านั้น มันจะเอาไปใช้งานยังไงได้”

   “นี่คุณไม่รู้จริง ๆ เหรอว่ามันมีอำนาจอะไรซ่อนอยู่”

   “มันไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ”

   “จะไม่มีอะไรได้ยังไง ในเมื่อผมเห็นคุณเคยใช้มันเรียกลูกค้าเข้าร้านอาหารนั่น เวลาที่คุณทำงานอยู่”

   “ใช้มันเรียกลูกค้าอย่างนั้นเหรอ?” ผมถึงกับงงเมื่อไอ้ฝรั่งนั่นพูดมาได้ว่าผมใช้เมฆาขาวเรียกลูกค้า คงเพราะข่าวลือเรื่องเมฆาขาวที่เจ็กลู่เคยเล่าให้ฟังสินะ มันถึงได้คิดเองเออเองเอาแบบนี้

   “ว่ายังไงล่ะ คิดไม่ถึงใช่ไหมที่ผมรู้ทันเรื่องที่คุณปกปิดเอาไว้”

   “ใช่ที่ไหนล่ะ ที่คนเข้าร้านเยอะตอนที่ผมทำงานก็เพราะเขาตามผมมาจากไอจีต่างหาก ผมดังขึ้นเพราะถ่ายโฆษณา เลยมีแฟนคลับตามมาต่างหาก”

   “ถ้าอย่างนั้นทำไม คุณต้องมีบอร์ดีการ์ดคอยตามอารักขาอยู่ตลอด ถ้าไม่ใช่เพราะมีคนตั้งใจจะแย่งชิงหยกวิเศษนี้”

   “ถ้าจะมีใครขโมยมันก็มีแต่คุณนั่นแหละ มันก็แค่หยกธรรมดา ๆ ชิ้นหนึ่งเท่านั้น แล้วผมจะบอกให้คุณรู้ไว้นะ ที่ผมมีบอร์ดีการ์ดคอยดูแลตามรับตามส่งก็เพราะต้นสังกัดจ้างเขามาดูแลความปลอดภัยให้กับผม ป้องกันพวกแฟนคลับโรคจิตที่คิดจะฉุดผมเหมือนอย่างคนในรูปนี้ต่างหาก” ผมพูดพร้อมทั้งชี้ไปยังรูปนายเกรียงไกรที่แขวนไว้เหนือหัวเตียง

   ผมเห็นจุ้ยเถิงมึนงง เหมือนทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะสะบัดหน้าแล้วเดินหนีออกจากห้องไป ส่วนผมเองก็ใจเต้นระส่ำ เพราะผมไม่เคยที่จะโวยวายเกรียวกราดขนาดนี้มาก่อน นั่นเพราะคุณลตาบอกว่าจุ้ยเถิงรับมือกับคนขี้วีนได้ไม่นาน แต่จะรับมือกับคนที่ใจเย็นอย่างผมได้เป็นอย่างดี

   การที่ทำอะไรที่ไม่เป็นตัวของตัวเองนี่เหนื่อยเอาการ ผมนับถือคนอย่างเจ็กลู่แล้วก็คุณลตาจริง ๆ ที่ต้องอยู่ในสภาพที่ไม่ใช่ตัวตนของตัวเองนาน ๆ เป็นเวลาหลาย ๆ ปี

To Be Continue




ช่วงนี้ใช่เวลาศึกษาวีธีเล่นโปกเกอร์อยู่ ถ้าข้อมูลผิดพลาดตรงไหน

ติชม แนะนำ ด้วยนะคะ Amo เล่นไพ่ไม่เป็นจ้า


ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: หยก 19-08-18 {{:::58:::}}
«ตอบ #215 เมื่อ19-08-2018 20:07:08 »

ตื่นเต้นไปด้วย แต่ละฝ่ายก็มีแผนของตัวเอง อย่าให้ใครเป็นอะไรจากเหตุการครั้งนี้น้าาาา

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: หยก 19-08-18 {{:::58:::}}
«ตอบ #216 เมื่อ19-08-2018 23:28:22 »

 :pig4:

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
Re: หยก 19-08-18 {{:::58:::}}
«ตอบ #217 เมื่อ22-08-2018 06:12:16 »

ขอบคุณครับ กด +1 ให้นะครับ :a9:

ออฟไลน์ Amo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-1
Re: หยก 29-09-18 {{:::59:::}}
«ตอบ #218 เมื่อ29-09-2018 12:11:33 »

59





   พยัคฆ์ วรรณา เอ ต้า นั่งรอเวลาอยู่ในห้องประชุมเล็กข้างห้องของวรากร ซึ่งใกล้เวลานัดหมายเข้ามาทุกที นั่นยิ่งทำให้พยัคฆ์เริ่มนั่งไม่ติด เขารู้สึกร้อนรนเหมือนไม่สามารถทนต่อไปได้อีกสักแม้นาทีเดียว ตอนนี้หยกกำลังเสี่ยงอยู่

   ในบรรดาสามพี่น้อง หยกที่เป็นทายาทโดยชอบธรรม ผู้ที่มีสิทธิ์ในเยี่ยนหว๋อมากที่สุด ตอนนี้กลับตกอยู่ในมือของจุ้ยเถิง แล้วไหนจะความดื้อรั้นไม่ยอมฟังเขาอีก ถ้ากลับมาคราวนี้คงต้องลงโทษที่ดื้อดึง แถมยังเห็นคนอย่างลตาดีกว่าเขาอีก

   สัญญาณภาพบนจอทีวีขนาดใหญ่ปรากฎภาพขึ้นมา อากรอยู่ในจอพร้อมกับอาชาติ ทางด้านหลังมีผู้หญิงคนหนึ่งยืนสำรวมอยู่

   ‘เก่งกับคียังไม่ตอบกลับมาอีกเหรอ?’ อากรถามออกมา

   “วรรณเรียกสัญญาณไปแล้วค่ะ สักครู่นะคะ ที่นั่นอาจจะสัญญาณไม่ค่อยดีเท่าไร”

   ‘เฮ้ย!! ไอ้เก่ง ๆ ได้แล้วเว้ย ๆ ติดแล้ว ๆ’ คีที่อยู่บนหน้าจอ หันไปบอกเก่งที่น่าจะอยู่ใกล้ ๆ กัน

   “มาครบแล้วค่ะเจ้านาย”

    ‘ดี เข้าเรื่องเลยนะ ที่ฉันต้องเรียกพวกนายประชุมรวมด่วน เพราะอาหลิวไปพบกับคนสำคัญของพี่น้องชูวณาสุวรรณเข้า’

   “ใครกันครับ” พยัคฆ์ถามอย่างสงสัย

   ‘ฝู่เก๋อหมิง พ่อของทั้งสามคน ตอนนี้ถูกจับอยู่ในห้องลับ ที่บ้านตระกูลฝู่ แต่จะบอกว่าขังคงไม่ใช่สักทีเดียว เพราะตอนนี้เก๋อหมิงนอนเป็นเจ้าชายนิทราอยู่’

   “ถ้าอย่างนั้นก็เท่ากับว่าจุ้ยอั้ยเต๋อมีฝู่เก๋อหมิงเป็นตัวประกัน” เอออกความเห็น

   ‘แล้วบอสมีแผนอะไรใช่ไหมครับ ถึงให้เราประชุมรวมกันแบบนี้’ เก่งที่อยู่ปลายสายอีกด้านถามออกมา

   ‘ทางด้านเยี่ยนหว๋อที่ฮ่องกง ฉัน อาหลิว และฝู่ไฉ๋ จัดการได้ ส่วนทางด้านต้นกับหงส์ที่อยู่ที่มาเก๊า ตอนนี้ค่อนข้างเสี่ยง เพราะต้นโกยเงินพวกมมันมาได้หลายสิบล้านแล้ว อีกไม่นานจุ้ยอั้ยเต๋อน่าจะตามจุ้ยเถิงกลับไป เพื่อท้าพนันกับต้นอีกครั้ง’

   “เป็นไปได้ว่าจุ้ยเถิงอาจจะพาหยกกลับไปตอนนั้นเลย เพราะหยกยังอยู่ในมือพวกมัน” พยัคฆ์เริ่มเครียดกับความคิดของตนเอง

   ‘ใช่ และฉันปรึกษากับอาหลิวแล้วว่า ปล่อยให้จุ้ยเถิงพาหยกไปมาเก๊า อาเชื่อว่าลตาต้องตามมาด้วยแน่ ๆ’

   ‘คุณลตาเป็นคนของจุ้ยเถิง ไม่ใช่คนของเจ้าสัวเหรอครับ โหย...พลิกล็อคว่ะมึง สาวสวยหักหลังเจ้าสัวซะแล้ว’ เก่งวิจารณ์กับคีอย่างสนุกปากอยู่อีกด้านหนึ่ง

   “ใช่ที่ไหนล่ะมึง คุณลตาน่ะ พวกเราโว้ย” ต้าได้ทีรีบสำทับกลับ

   ‘เป็นไปได้ไงว่ะ บอสจ้างคุณลตาเท่าไร เธอถึงยอมหักหลังทั้งเจ้าสัว ทั้งจุ้ยเถิง มาเป็นพวกกับเรา’

   “คุณกรไม่ได้เสียเงินจ้างยัยนั่นแม้สักแดงเดียวย่ะ ยัยนั่นดันเป็นทายาทเหมิ๋นน่ะสิ” คุณวรรณที่ไม่ชอบคุณลตาอยู่แล้วได้แต่พูดออกมาอย่างหมั่นไส้

   ‘ใช่ คุณลตา หรือเหมิ๋นหลี่ต๋า เธอมาตีสนิทฉันเพื่อตาหาพี่น้องชูวณาสุววรณ’

   ‘ถ้าอย่างนั้น ก็เป็นคุณลตานี่เอง ที่ส่งข่าวให้ก๋งเหมิ๋นไปรับคุณโบตั๋นที่โรงแรม’ คีเริ่มจับต้นชนปลายได้สรุปออกมา

   “ใช่แล้ว และตอนนี้คุณลตากำลังทำหน้าที่ดูแลคุณหยกแทนพวกกูอยู่” เอพูดขึ้นมาสีหน้าสลดกับความผิดพลาดของตัวเอง

   ‘ดังนั้นตอนนี้เราต้องพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส โดยให้หยก ลตาเดินทางไปมาเก๊า’ วรากรสรุปออกมา ถึงพยัคฆ์ไม่ยอมรับก็ทำอะไรไม่ได้

   ‘เท่าที่ฉันฟังสถานการณ์ต่าง ๆ ที่คุณวรรณเล่ามา เป็นไปได้ว่าจุ้ยเถิงจำหน้าคุณเสือ เอ และต้าได้ ดังนั้น ทั้งสามคนเตรียมเดินทางมายังฮ่องกงให้เร็วที่สุด’ อาชาติสั่งงานบ้าง

   “ผมจะไปมาเก๊า” มีหรือเขาจะยอมให้หยกคลาดสายตาอีก

   ‘ไม่ได้ ไอ้เสือ แกอย่าเอาอารมณ์เป็นใหญ่ ทำตามที่อาหลิวบอก และไม่ต้องเป็นห่วงที่มาเก๊า’

   “ผมจะไม่ห่วงเลย ถ้าความรู้สึกของจุ้ยเถิงไม่มีผลกระทบกับหยก”

   ‘คุณเสือว่ายังไงนะครับ เฮ้ย!! คี มึงคิดอย่างที่กูคิดป่าวว่ะ?’ เก่งหันไปถามคีที่นั่งข้าง ๆ กัน

   ‘เรื่องนั้น คุณเสือไม่ต้องเป็นห่วง เมฆาขาวยังอยู่ในมือจุ้ยเถิง ดังนั้นหยกจะไม่เป็นอะไร เก่งกับคีไปสมทบต้ากับคุณหงส์ให้เร็วที่สุด’ อาชาติยังคงสั่งงานต่อ

    ‘จำไว้ว่า ตอนนี้ต้นปลอมตัวเป็นคุณเสือ ส่วนหงส์เปลี่ยนชื่อเป็นนภา ภรรยากำมะลอของต้น และในห้องพักของทั้งสองคนก็มีเครื่องดักฟังซ่อนเอาไว้’ อากรกำชับทั้งสองคนอีกครั้ง

   “แล้ววรรณละคะคุณกร”

   ‘ผมเห็นคุณอยากทำงานนั่งโต๊ะ ผมเลยไม่ได้แบ่งหน้าที่ให้คุณ’

   “คุณกรล้อวรรณเล่นใช่ไหมค่ะ?”

   ‘ถ้าจุ้ยเถิงให้คนมาเฝ้าที่บริษัทฯ เป็นไปได้ว่าพวกมันน่าจะจำคุณได้ ถ้าอย่างนั้นคุณมาช่วยผมที่นี่ก็แล้วกัน อาหลิวจะได้ไปช่วยหงส์กับหยกที่มาเก๊า’

   ‘เฮ้ย เจ้ได้ออกโรงแล้ว เสียดายที่พวกผมต้องไปมาเก๊า ไม่อย่างนั้นผมคงได้เห็นเจ๊แสดงฝีมือ’ เก่งพูดออกมาอย่างตื่นเต้น

   ‘เจ้านายครับ ผมขอกลับมาเรื่องของจุ้ยเถิงอีกทีนะครับ’

   ‘ว่าไงคี?’

   ‘ผมสงสัยว่า จุ้ยเถิงอาจจะเป็นคนสุดท้ายที่เราตามหาอยู่ คนที่สามารถชำระล้างเมฆาขาวได้’ ทุกคนที่ได้ยินต่างตกตะลึง และนิ่งเงียบกันไปพักใหญ่

   ‘นายหมายความว่ายังไง คนสุดท้าย เราต้องตามหาอีก 2 คนไม่ใช่เหรอ’ อาชาติที่ดูเหมือนจะตั้งสติได้ก่อนถามขึ้น

   ‘คนแรกเรารู้กันดีว่าคนคนนั้นคือคุณพยัคฆ์ ที่สามารถชำระล้างหยกศักดิ์สิทธิ์คู่มังกรได้ และหลานสาวของก๋งเหมิ๋น หรือก็คือคุณลตา สามารถชำระล้างหยกศักดิ์สิทธิ์คู่หงส์ได้ เหลือก็แต่คู่เต่ามังกร’

   ‘ฝู่ไฉ๋ เธอพอจะหาวันเดินปีเกิดของจุ้ยเถิงได้ไหม’ อาชาติหันไปคุยกับผู้หญิงที่ยืนอยู่ทางด้านหลัง

   ‘ได้ค่ะ คุณชายหลิว’ หญิงคนนั้นตอบรับ ก่อนเดินหายออกไปจากหน้าจอ

   “หมายความว่ายังไงกันครับ แล้วมึง ไอ้เก่ง ไอ้คี พวกมึงรู้ได้ยังไงว่ะ ว่าไอ้หมอนั่นมันทำอย่างคุณเสือได้” ต้าถามคนให้จอทั้งสองจอสลับกันไปมา

   ‘ก็ถ้าคุณหยกสามารถสัมผัสอารมณ์ที่รุนแรงของมันได้ ก็แสดงว่ามันคือคน ๆ นั้น เหมือนคราวที่คุณหยกสัมผัสความรู้สึกของคุณพยัคฆ์ได้ยังไงล่ะว่ะ’ เก่งอธิบายออกมา
   “กูไม่เข้าใจ สัมผัสอะไร” เอก็งงไม่ต่างอะไรกับต้า

   “เรื่องนี้เดี๋ยวเจ๊อธิบายให้พวกแกฟังทีหลัง แต่นายสองคนรู้ได้ยังไงว่ายัยลตาเป็นผู้ที่ชำระล้างเมฆาขาวได้เหมือนกันในเมื่อคุณหยกไม่เคยจับความรู้สึกอะไรในตอนที่เจอหล่อนเลย” คุณวรรณแทรกขึ้นมาในเรื่องที่เธออยากรู้ หรือไม่ก็อาจจะอยากหาเรื่องคุณลตามากกว่า

   ‘เท่าที่ผมรู้มา คนที่บ้านเหมิ๋นทุกคน หรือแม้แต่ลูกจ้าง ก่อนที่จะเข้าทำงานที่บ้านเหมิ๋นได้ ต้องได้รับการฝึกฝนในการปิดกั้นความรู้สึกของตนเอง ตอนที่คุณโบตั๋นเจอคนของก๋งเหมิ๋นแรก ๆ เธอก็ไม่สามารถสัมผัสจิตของคนพวกนั้นได้เลย’ คีอธิบาย

   ‘ฉันก็เคยได้ยินเหล่าฝู่เล่าให้ฟังเหมือนกัน ว่ามันมีวิธีการฝึกแบบนั้นอยู่’ อาชาติช่วยเสริมข้อมูลของคี

   “กูว่าเรื่องนี้มันชักจะยังไง ๆ แล้วว่ะมึง” เอหันไปกรซิบกระซาบกับต้า เหมือนพอจะเดาอะไรๆ ได้จากการสนทนารวมครั้งนี้

   ‘เอาล่ะ สรุปตามแผนการนี้ไปก่อน ส่วนเรื่องจุ้ยเถิงนั้นจะเอายังไงค่อยว่ากันทีหลัง ส่วนไอ้เสือ เรื่องหยกไม่ต้องห่วง อาหลิวดูแลหยกได้ แกมาช่วยฉันกับคุณวรรณพาตัวเก๋อหมิงออกมาจากที่นั่นให้ได้ เข้าใจไหม’

   “ครับ” พยัคฆ์รับคำอย่างอดไม่ที่จะยังเป็นห่วงหยก

   ‘เรื่องนี้จะให้ผมบอกคุณโบตั๋นว่ายังไงดีครับ’ เก่งเอ่ยถามก่อนจะวางสาย

   ‘บอกไปตามความจริง นายก็รู้ว่านายโกหกโบตั๋นไม่ได้หรอก’ อาชาติสรุปก่อนตัดสายไป ทางด้านเก่งเองก็เช่นกัน ในห้องประชุมนี่จึงเหลือแต่ความเงียบ

   “เจ๊ อยากบอกนะว่าคุณ ๆ เขามีญาณทิพย์กันน่ะ?” เอเอ่ยถามในที่สุด

   “ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง เดี๋ยวฉันจะเล่าให้พวกแกฟังเองก็แล้วกัน” คุณวรรณพูดพร้อมเดินไปปิดทีวีจอใหญ่ที่พวกเขาใช้คุยกันเมื่อครู่นี้ ก่อนกวักมือเรียกคนทั้งสองออกไปคุยกันข้างนอก ปล่อยให้พยัคฆ์นั่งอยู่คนเดียวในห้อง

   เขา ลตา จุ้ยเถิง กลายเป็นคนที่จะมาชำระเมฆาขาวได้อย่างนั้นเหรอ ทำไมเรื่องมันถึงได้กลัยตาลปัตรไปได้ขนาดนี้

........................................................................

    เพ็ญนภาเข้าไปที่บ้านคุณหญิงตามปกติ ซึ่งวันนี้นอกจากจะเข้าไปทำงานที่หงส์ทำค้างไว้แล้ว เธอยังต้องไปเป็นพยานยืนยันเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเกรียงไกรกับหยกอีกด้วย

   ระหว่างที่เธอนั่งทำงานอยู่นั้น เธอสังเกตได้ถึงความกระสับกระส่ายที่เกิดขึ้นกับคุณษา คนเป็นแม่อย่างเธอก็คงเป็นห่วงลูกเป็นธรรมดา เพียงแต่วิธีเลี้ยงลูกของเธอมันเป็นการเลี้ยงดูที่ไม่ถูกวิธีเท่านั้นเอง และในตอนนี้คุณหญิงถึงกับออกปากจะจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเองแล้ว เกรียงไกรคงจะไม่รอดพ้นความผิดที่ก่อไปได้แน่

   ตอนที่คุณสุพรรณษาและคุณหญิงพรรณีได้ฟังเรื่องนี้จากปากของเธอ ทั้งสองแทบจะเป็นลมแล้วเป็นลมอีก ไหนจะเรื่องที่คุณเกรียงไกรไปฉุดน้องของหงส์ แล้วที่สำคัญคนที่ฉุดมานั้นกลับเป็นผู้ชายเสียด้วย คนหัวโบราณอย่างคุณหญิงมีหรือจะรับเรื่องราวแบบนี้ได้

   “คุณผู้หญิงค่ะ คุณหญิงให้มาเรียนเชิญ คุณผู้หญิงกับคุณเพ็ญไปพบที่ห้องรับรองแขกค่ะ” เด็กในบ้านคนหนึ่งเดินเข้ามาบอกในห้อง

   “ฉันจะไปเดี๋ยวนี้แหละ”

   เธอและคุณษาต่างพากันเดินมายังห้องรับแขก โดยเธอเดินตามหลังคุณษามาติด ๆ เมื่อก้าวเข้าห้องไป เธอก็เห็นนายเกรียงไกรนั่งอยู่ที่โซฟาตัวหนึ่ง คุณหญิงนั่งอยู่ที่โซฟายาวตัวหนึ่ง ข้าง ๆ กันมีนายตำรวจซึ่งดูจากดาวประดับบนบ่าแล้ว น่าจะยศสูงไม่เบา นั่งอยู่ที่โซฟาเดี่ยวข้าง ๆ คุณหญิง

   คุณสุพรรณษาเดินเข้าไปนั่งโซฟาเดี่ยวตัวข้าง ๆ นายตำรวจผู้นั้น เธอจึงเลือกนั่งโซฟาเดี่ยวตรงฝั่งข้ามแทน เมื่อเธอนั่งลง คุณหญิงจึงเริ่มพูดขึ้น

   “ที่ฉันตามเธอมาที่นี่ เพราะฉันรู้เรื่องที่เธอไม่ดีไม่งามเอาไว้” คุณหญิงเอ่ยขึ้นกับเกรียงไกร “แต่ก่อนที่ฉันจะตัดสินอะไรลงไป ฉันก็จะให้โอกาสเธอได้พูดแก้ต่าง เพื่อความยุติธรรม”

   “คุณหญิงยายจะให้ผมพูดแก้ต่างในเรื่องอะไรกันครับ ในเมื่อผมไม่ได้ทำความผิดอะไร”

   “แน่ใจนะพ่อ แต่เรื่องที่ฉันได้ยินมาเกี่ยวกับเธอมันก็ไม่ใช่น้อย ๆ หรือเรื่องที่เธอทำ เธอคิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่ได้ผิดอะไร?”

   “ถ้าการเที่ยวเตร่ ไม่ทำงานทำการ เป็นเรื่องที่มีความผิดในสายตาคุณหญิงยาย ผมก็ยอมรับว่าผมทำความผิดครับ แต่เรื่องนี้ไม่เห็นจะต้องเชิญคุณลุงวิทย์มาเลยนี่ครับ”

   “อืม...ถ้าอย่างนั้นฉันคงต้องให้แม่เพ็ญช่วยเล่าแล้วล่ะ พ่อวิทย์ได้ฟังแล้วก็ช่วยฉันตัดสินด้วยก็แล้วกัน”

   “ครับคุณหญิง”

   เพ็ญนภาเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่พังงาให้คุณหญิง คุณษา ฟังอีกครั้ง โดยครั้งนี้มีนายตำรวจยศสูงและคนก่อเรื่องร่วมรับฟังด้วย เมื่อเธอเล่าจบ เกรียงไกรก็ได้แต่หน้าซีด แต่ก็ยังยืนยันว่าตนเองไม่ได้ทำอะไรผิด

   “ผมไม่เคยทำความเดือดร้อนให้คุณเพ็ญนภา แล้วคุณมากล่าวหาผมแบบนี้ได้ยังไงกัน” เกรียงไกรหันมาต่อว่าเธอ

   “พ่อวิทย์ เธอมีอะไรมาบอกฉันไหมวันนี้”

   “ครับคุณหญิง จากที่ผมสอบถามรุ่นน้องที่สถานีต้นเรื่อง ในวันนั้นมีนักท่องเที่ยวเมาแล้วทำร้ายคุณหยกและคุณโบตั๋นจริง ๆ อย่างที่คุณเพ็ญนภาเธอเล่าครับ และจากที่สืบได้ คนที่เข้ามาทำร้ายคุณ ๆ เป็นคนงานในปางไม้ของเจ้าสัวเซียงครับ ตอนนี้ผมประสานงานกับเจ้าหน้าที่ในท้องที่ตามจับคนพวกนั้นอยู่”

   “นะ...นั่น นั่นมันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผมสักหน่อย ไอ้พวกนั้นมันไปเที่ยวแล้วไปมีเรื่องกันเอง” นายเกรียงไกรยังคงเถียงไม่ยอมรับ

   “แต่ภาเห็นคุณเช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรมที่พวกทีมงานพักกันอยู่นะคะ”

   “ถึงผมจะไปเที่ยวที่นั่น ก็ใช่ว่าผมจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้นี่”

   “แม่เพ็ญ...”

   “ค่ะคุณหญิง”

   “ให้เพื่อนหล่อนเข้ามาได้แล้วละมั้ง”

   “ถ้าอย่างนั้นภาขอตัวสักครู่นะคะ” เธอบอกกับคุนในห้อง ก่อนจะเดินไปยังเรือนรับรองหลังเล็กที่อยู่ติดกับตัวบ้าน เกรียงไกรคงจะไม่รู้ว่าเธอเข้ามาที่บ้านหลังนี้พร้อมกับคุณโอ๋และนายเมฆ

   “อ่าว คุณภา คุณหญิงท่านพร้อมแล้วใช่ไหมค่ะ?” โอ๋ถามทันทีที่เธอเปิดประตูเข้าไป

   “ใช่ค่ะคุณโอ๋ เชิญคุณเมฆด้วยเลยนะคะ”

   “ให้ยัยโอ๋แต่งหน้าทำผมคุณหญิงให้เสร็จก่อนก็ได้ครับ แค่บอกผมว่าคุณหญิงท่านจะถ่ายรูปมุมไหน ผมจะได้เอาไฟไปจัดรอ”

   “ท่านจะถ่ายในห้องรับแขกค่ะ ตอนนี้คุณสุพรรณษาและคุณเกรียงไกรก็รออยู่ เชิญคุณเมฆเลยดีกว่า อย่าให้ผู้ใหญ่ท่านต้องรอนาน ส่วนเรื่องอุปกรณ์ เดี๋ยวให้เด็กในบ้านมาช่วยยกตามหลังไปก็ได้ค่ะ”

   “ใช่แล้วแก มาถึงบ้านคุณหญิงก็ต้องไปแนะนำตัวฝากเนื้อฝากตัวกับเขาก่อนสิแก” คุณโอ๋ช่วยพูดอีกแรงคุณเมฆจึงยอมเดินตามมาแต่โดยดี

   เมื่อมาถึงห้องสอบสวนชั่วคราว คุณโอ๋ก็นั่งลงข้าง ๆ กันกับเธอ ส่วนเมฆไปนั่งข้างนายเกรียงไกรอย่าเสียมิได้ เมฆมีท่าทีผงะเล็กน้อยเมื่อเห็นตำรวจนั่งอยู่ในห้องนี้ด้วย

   “กราบสวัสดีค่ะคุณหญิง ดิฉันอมรรัตน์ เป็นช่างแต่งหน้าที่ทำงานร่วมกับคุณเพ็ญนภาเธอบ่อยๆ ค่ะ” คุณโอ๋แนะนำตัว เมฆจึงทำตาม

   “สวัสดีครับคุณหญิง ผมธนรัตน์ เป็นช่างภาพครับ”

   “อืม...คนนี้สินะที่ถ่ายภาพตาหยกออกมาได้สวยราวกับผู้หญิงจนตาเกรียงพออกพอใจ” คุณหญิงเปรยขึ้นมา

   “ใช่ค่ะคุณหญิง เมฆถ่ายรูปให้น้องหยกงานนั้น น้องก็ดังขึ้นมาจนมีอีกหลายบริษัทฯ สนใจจะจ้างน้องไปเป็นพรีเซ็นเตอร์” คุณโอ๋อธิบายเพิ่ม

   “งานที่พังงาใช่ไหม คุณอมรรัตน์”

   “คะคุณหญิง”

   เธอเห็นสีหน้าของเกรียงไกรและเมฆค่อย ๆ เผือดลง เมฆที่ยังนิ่งเพราะไม่รู้เรื่องราวในห้องก่อนหน้านี้ แต่คนที่มีขนักติดหลัง ไม่แคล้วก็ต้องเผยพิรุจออกมา

   “ถ้าอย่างนั้นทั้งคุณอมรรัตน์ คุณธนรัตน์ ตาเกรียง และตาหยกก็ต่างอยู่ที่พังงาพร้อม ๆ กันเลยอย่างนั้นสินะ”

   “คะคุณหญิง ก็พวกเราไปทำงานกันนี่ค่ะ คุณภาเธอก็ไปด้วยนะคะ รวมถึงครอบครัวน้องหยกและครอบครัวของคุณพยัคฆ์”

   “ไปทำงานแล้วยังได้ไปเที่ยวพักผ่อน ดีจริง ๆ เลยนะ ว่าไหมคุณธนรัตน์”

   “คะ...ครับ”

   “คุณทราบไหมว่าเขาไปกันเป็นครอบครัวใหญ่”

   “ผมทราบแค่ครอบครอบน้องหยกเดินทางไปด้วยกันกับคุณภา แต่ไม่ทราบว่ามีอีกครอบครัวหนึ่ง”

   “คราวนั้น คุณพยัคฆ์เกิดไปมีเรื่องวิวาทกับตาเกรียงเข้า เห็นทนายบอกว่าตาเกรียงมีคุณเป็นพยานว่าเขาถูกคุณพยัคฆ์ทำร้ายนี่นะ”

   “เออ...คือผม...”

   “คุณธนรัตน์กับคุณเกรียงไกรรู้จักกันมาก่อนอย่างนั้นรึ?” คุณหญิงไล่ต้อนจนนายเมฆจนมุมพูดอะไรไม่ออกได้แต่มองหน้าเกรียงไกรเลิกลัก

   “คะ...คุณหญิงยาย คือผมกับเมฆเราเจอกันที่ผับบ่อย ๆ ละ...แล้วที่พังงาก็บังเอิญเจอกันเท่านั้น”

   “แล้วคุณธนรัตน์...คุณเห็นกับตาใช่ไหม ว่าตาเกรียงโดนคุณพยัคฆ์ซ้อม?”

   “ผะ...ผม...”

   “หะ...เห็นสิ เช้าวันนั้นฉันยังเจอแกอยู่เลย?”

   “เช้า?” คุณหญิงทวน “แม่เพ็ญ คุณอมรรัตน์ ไหนว่าเขาชกต่อยกันตอนดึกไม่ใช่หรือ?”

   “ใช่ค่ะคุณหญิง น้องหยกโดนทำร้ายหลังจบจากงานเลี้ยงที่กองถ่ายจัดฉลองเสร็จงาน ดีที่คุณพยัคฆ์ไปช่วยได้ทัน” คุณโอ๋ยืนยัน

   “เธอรู้ได้ยังไง ในเมื่อเธอไม่อยู่ในเหตุการณ์ด้วยสักหน่อย” เกรียงไกรขึ้นเสียงใส่คุณโอ๋

   “ตาเกรียง เสียมารยามกับแขกของฉันได้ยังไง” คุณหญิงเอ็ดเข้าให้ “เอาล่ะ พ่อวิทย์ ฟังเรื่องราวแล้ว เธอพอจะช่วยฉันตัดสินได้ไหม?”

   “คุณหญิงยาย!!”

   “ตาเกรียง พอเถอะ พยานหลักฐานมีพร้อม ลูกดิ้นไม่หลุดหรอกนะ ยอมรับความผิด โทษหนักจะได้เป็นเบา” คุณสุพรรณษาพูดน้ำตาคลอ

   “แม่ พยานอะไร หลักฐานอะไร ผมไม่ได้ทำอะไรผิดทั้งนั้น”

   “เรื่องที่คุณเกรียงไกรกับเพื่อนได้ก่อเหตุเอาไว้ มีหลายมุมที่กล้องวงจรปิดของทางโรงแรมกับภาพไว้ได้ พยานคนหนึ่งก็โดนพวกคุณตีจนสลบแถว ๆ สระว่ายน้ำ คุณดิ้นไม่หลุดหรอกครับ ยอมรับผิดเรื่องนี้เพียงเรื่องเดียว ดีกว่าจะถูกข้อหาสมรู้ร่วมคิดกับนายธนรัตน์นะครับ”

   “ลุงวิทย์หมายความว่ายังไง?”

   “ผมว่าคุณน่าจะรู้ ว่าเพื่อนของคุณมีอาชีพเสริมอะไร”

   เพ็ญนภามองหน้านายเกรียงไกรและนายเมฆที่ซีดลง คงไม่คิดว่าคุณหญิงจะให้ความยุติธรรมกับหยกได้ เธอเองก็ดีใจที่ต่อไปนี้ จี๊ดรวมทั้งเด็กคนอื่น ๆ จะหลุดพ้นจากนายเมฆสักที   
 
To Be Continue

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: หยก 29-09-18 {{:::59:::}}
«ตอบ #219 เมื่อ29-09-2018 14:00:40 »

อ่านทีไร ก็ตื่นเต้นเหมือนเดิม ไม่อยากรอนานๆ แล้วน้าาา
 :katai4: :katai4: :katai4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: หยก 29-09-18 {{:::59:::}}
« ตอบ #219 เมื่อ: 29-09-2018 14:00:40 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ hewlett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 560
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-3
Re: หยก 29-09-18 {{:::59:::}}
«ตอบ #220 เมื่อ06-10-2018 19:18:08 »

ดัน

ออฟไลน์ Amo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-1
Re: หยก 1-11-18 {{:::60:::}}
«ตอบ #221 เมื่อ01-11-2018 12:41:46 »

60





   โบตั๋นรู้เรื่องที่หยกถูกจุ้ยเถิงจับตัวไปจากพี่เก่ง และยังรู้อีกว่าคุณลตาที่ทุกคนต่างหวาดระแวงกลับกลายเป็นพวกเดียวกับเธอไปซะได้ ที่สำคัญคุณลตายังเป็นหลานบุญธรรมของกงเหมิ๋นอีกต่างหาก

   “คุณโบตั๋นไม่ต้องห่วงคุณหยกนะครับ ผมเชื่อว่าคุณหยกเอาตัวรอดได้” พี่คีพูดปลอบใจเธอ เธอไว้ใจหยก เธอรู้หยกจะปลอดภัย แต่สิ่งที่เธอกังวลไม่ใช่เรื่องจุ้ยเถิง

   “ผมมีเรื่องสงสัย ถ้าจุ้ยเถิงมีความรู้สึกที่รุนแรง วันนั้นที่เขาสะกดรอยตามรถคุณภา ทำไมคุณหงส์และคุณโบตั๋นถึงไม่รู้สึกอะไร” พี่เก่งถามสิ่งที่เธอคาใจอยู่

   “ตั๋นเองก็ไม่แน่ใจค่ะ อันที่จริงแล้วตั๋นยังไม่เก่งถึงขนาดที่จะรับรู้ความรู้สึกของใครได้ในระยะไกล ถ้ากับเจ่เจ้ ตั๋นไม่รู้เลยว่าเจ่เจ้รู้เรื่องนี้รึเปล่า?”

   “วันนั้น จุ้ยเถิงอาจจะไม่ได้อยู่บนรถนั่นก็ได้นะ” พี่คีตั้งข้อสังเกต

   “อืม ก็อาจจะจริง สุดท้ายคงต้องรอคำยืนยันจากทางบอสแล้วล่ะ”

   “ระหว่างนี้ คุณโบตั๋นอยู่กับคุณลลินทร์และเหล่าเหมิ๋นได้ใช่ไหมครับ” พี่คีหันมาถามเธอ

   “ใจจริงตั๋นอยากตามไปด้วย ถ้าไม่ติดว่าต้องตามหาหยกคู่กิเลน”

   “การที่คุณโบตั๋นอยู่ที่นี่ช่วยคุณลลินทร์ น่าจะได้ผลเร็วกว่าให้พวกเขาตามหากันเองนะครับ” พี่คีพูดพร้อมทั้งส่งแทบเล็ตให้เธอ ในนั้นมีข้อมูลที่พี่คีรวบรวมไว้

   “ค่ะ ตั๋นเข้าใจ ตั๋นฝากพี่ ๆ ดูแลเจ่เจ้ด้วยนะคะ”

   “อีกไม่นาน เรื่องทางโน้นก็น่าจะเรียบร้อยดี ทางคุณภาก็จัดการนายเมฆกับนายเกรียงแล้ว ที่เหลือคงต้องพึ่งคุณโบตั๋นแล้วนะครับ” พี่เก่งพูดเหมือนกับจะให้กำลังใจ ทั้งที่ฟังดูกดดันไม่ใช้น้อย

   “ขอบคุณพวกพี่ๆ มากนะคะ ที่ช่วยดูแลตั๋นมาตลอดตั้งแต่ที่ไทย จนมาถึงที่นี่”

   “ไม่ต้องเกรงใจไปหรอกครับ มันเป็นหน้าที่ อีกอย่างเพราะคุณๆ เป็นกันเองและมีน้ำใจกับพวกเรามา”

   “ใช่ครับ ถ้าไม่ติดว่าคุณๆ เป็นญาติกับบอสนะ ผมคงเรียกทั้งคุณหยก คุณโบตั๋นเป็นน้องแล้วล่ะครับ”

   “พูดถึงก็ทำให้นึกถึงขนมฝีมือคุณหงส์กับคุณหยกนะ” พี่เก่งหันไปพูดกับพี่คี

   “เสียดายที่ตั๋นทำอาหารไม่เป็น ไม่งั้นตั๋นจะทำให้ทาน”

   ทั้งพี่เก่งและพี่คีทำท่าทางขนลุกจนเธอหมั่นไส้ ไม่ต้องแสดงออกกันขนาดนั้น เธอก็สัมผัสได้ถึงความไม่มั่นใจในฝีมือการรทำอาหารของเธอจากคนทั้งสองตรงหน้า จากนี้ไปเธอต้องอยู่ที่นี่คนเดียวแล้วสินะ

........................................................................

     ผมกับคุณลตาคุยอะไรกันไม่ได้มากระหว่างที่ผมอยู่ที่คอนโดของนายเกรียงไกร แต่ผมก็อยู่ในสายตาของคุณลตาตลอด ที่จริงแล้วผมควรจะเป็นห่วงเธอมากกว่า แทนที่เธอจะมาคอยเป็นห่วงผมแบบนี้

   จุ้ยเถิงมักจะคุยกับคนของเขาเป็นภาษาจีน ทำให้ผมไม่รู้ว่าพวกนั้นวางแผนที่จะทำอะไรกันต่อไป ผมทราบจากคุณลตาว่า เจ้าสัวเซียงอยู่ที่มาเก๊า ผมจึงเริ่มประติดประต่อเรื่องราวต่าง ๆ ได้บ้างแล้ว แต่ที่ผมไม่รู้คือ เจ่เจ้วางแผนอะไรไว้

   ผมสังเกตเห็นว่าคนของจุ้ยเถิงกำลังเก็บของกันอยู่ เหมือนกับจะย้ายออกจากที่นี่ จุ้ยเถิงคุยอะไรกับคุณลตาสองสามประโยค คุณลตาก็เดินออกจากห้องไป ตอนนี้เท่าที่ผมจะทำได้ ก็เพียงแต่จับสังเกตว่าจุ้ยเถิงเก็บเมฆาขาวของผมเอาไว้ที่ไหน

   พอถึงเวลาค่ำคนของจุ้ยเถิงก็เดินเข้ามาพาผมออกไป ทั้งสองประกบผมทั้งซ้ายขวา คงจะกลัวว่าผมจะขัดขืนหรือหนีไปอีก พวกเขาพาผมมาที่ลานจอดรถ และพาผมขึ้นไปบนรถตู้คันหนึ่ง ในรถคันนั้น คุณลตานั่งรออยู่ข้างในพร้อมกับจุ้ยเถิงก่อนแล้ว

   ระหว่างการเดินทางบนรถตู้ ผมโดนชายสองคนประกบอยู่ตลอด จุ้ยเถิงกับคุณลตาเองก็ไม่ได้พูดหรือคุยอะไร ทำให้ภายในรถมีแต่ความเงียบ ผมมองออกไปนอกหน้าต่าง มองดูเส้นทางที่คนขับจะพาพวกเราไป มันมุ่งตรงไปยังสนามบิน ทำให้ผมตกใจไม่น้อย พวกนั้นจะพาผมออกนอกประเทศ โดยที่ผมไม่มีเอกสารอะไรติดตัวมาเลยได้ยังไง

........................................................................

   พยัคฆ์เดินทางมาถึงฮ่องกง โดยมีฝู่ไฉ๋มาคอยต้อนรับ ลูกสาวของเหล่าฝู่ เธอดูเหมือนจะอายุพอ ๆ กับอากรของเขา เอกับต้าไปรับรอกระเป๋าของพวกเขา ส่วนคุณวรรณดูจะพูดคุยกับฝู่ไฉ๋อย่างถูกคอ

   เขาไม่ได้ข่าวจากคุณลตาเลยแม้แต่น้อย หลังจากครั้งสุดท้ายที่ได้คุยกัน เขาไม่เคยกระวนกระวายอยากจะติดต่อคุณลตามากมายขนาดนี้มาก่อน

   “มิสเตอร์คุณ ไม่ต้องกังวลเรื่องเหลาไป่หรอกค่ะ ฉันเชื่อว่าด้วยความสารมารถของเหลาไป่ เขาต้องเอาตัวรอดได้แน่ ๆ”

   “...” ฝู่ไฉ๋และคนอื่น ๆ ในเยี่ยนหว่อ คงจะเห็นว่าหยกเป็นเจ้านายหรือเป็นผู้นำของเยี่ยนหว่อกันไปแล้ว ถึงได้พูดจาเคารพและให้เกียรติหยกของเขาทั้ง ๆ ที่ยังไม่รู้จักนิสัยใจคอ หรือแม้แต่พบหน้ากันมาก่อน

   “คุณเสือค่ะ”

   “ผมรู้ครับคุณวรรณ ผมรู้ว่าผมต้องทำอะไร”

   “วรรณรู้ว่าก่อนที่คุณหยกจะถูกจับตัวไป คุณเสือกับคุณหยกมีปัญหากันอยู่ แต่ถ้าคุณเสือช่วยคนสำคัญของคุณหยกออกจากที่นั่นมาได้ คุณหยกอาจจะหายโกรธก็เป็นได้นะคะ”

   “ผมไม่คิดจะเอาความดีตรงนั้นมาลบล้างความผิดหรอกนะครับ”

   “เมื่อเรื่องราวทั้งหมดจบลง คุณหยกจะเข้าใจคุณค่ะ วรรณเชื่ออย่างนั้น”

   “ได้กระเป๋ามาครบแล้วครับ” เอเดินมาพร้อมกับรถเข็นกระเป๋าของพวกเรา

   “ถ้าอย่างนั้น เชิญพวกคุณทางนี้ค่ะ”

   ฝู่ไฉ่นำพวกพยัคฆ์ออกมายังลานจอดรถ มีรถตู้จอดรออยู่ 2 คัน คนขับรถคนหนึ่งเดินตรงมาทางเอ พร้อมทั้งช่วยยกกระเป๋าขึ้นรถคันที่สอง คนขับรถอีกคนเปิดประตูรถคันแรกออก อาชาติรอพวกเขาอยู่ในรถแล้ว

   “เดินทางเป็นยังไงบ้างครับคุณเสือ”

   “ก็ดีครับ ว่าแต่อาชาติมารับพวกเราแบบนี้ ไม่กลัวว่าคนของจุ้ยอั้ยเต๋อจะมาเจอเข้าอย่างนั้นหรอครับ” เขาทักเมื่อก้าวขึ้นไปนั่งข้าง ๆ อาชาติ

   “ที่นี่คนของจุ้ยอั้ยเต๋อมีไม่มากนัก ส่วนใหญ่ก็จะอยู่แต่ในบ้านฝู่ ผมเลยไม่ค่อยห่วง อีกอย่างพวกนั้นก็ตามแต่เฮียกร”

   “ถ้าเป็นแบบนี้ แล้วพวกเราจะไปพบคุณกรได้ยังไงละคะคุณหลิว” คุณวรรณถามขึ้นมา

   “ถ้าข้างนอกนี่คงไม่ได้ แต่ถ้าเป็นในเยี่ยนหว่อ ก็ปลอดภัยครับ”

   “คุณหลิวพูดเหมือนกับว่า เรายึดเยี่ยนหว่อได้แล้ว”

   “ครับ ด้วยความสามารถของหงส์ และความช่วยเหลือของฝู่ไฉ๋กับเฮียกร ตอนนี้อำนาจในเยี่ยนหว่อกลับมาเป็นของหงส์โดยสมบูรณ์แล้วครับ”

   “แล้วอากรทำยังไงกับคนของจุ้ยอั้ยเต๋อ ที่เคยอยู่ในเยี่ยนหว่อ”

   “ทุกคนล้วนมีจุดอ่อนครับคุณเสือ แล้วหงส์ก็สามารถหาจุดอ่อนของคนพวกนั้นเจอ”

   “แสดงว่าตอนนี้จุ้ยอั้ยเต๋อยังไม่รู้ตัวเรื่องที่เยี่ยนหว่อกลับมาอยู่ในมือของหงส์แล้ว”

   “ใช่ครับ ตอนนี้มันมัวแต่กังวลเรื่องที่กาสิโนอยู่”

   “ที่ต้นมันเล่นได้มาขนาดนั้น คงเป็นเพราะหงส์สินะครับ”

   อาชาติไม่ตอบอะไรเขา เพียงแต่ยกยิ้มเล็กน้อย ในรถกลับมาเงียลลงอีกครั้งเมื่อเอและต้าก้าวขึ้นรถมา จากนั้นรถก็แล่นไปยังจุดหมายปลายทาง อาชาติพาพวกเขากลับไปที่บ้านเดิมของคนตระกูลหลิว และเมื่อไปถึงพยัคฆ์ก็ถึงกลับแปลกใจ เมื่อมาเจอเจอกับคนที่ไม่คาดคิดรอเขาอยู่

........................................................................

   เป็นเพราะความโลภและความประมาทของตาเฒ่าจุ้ยแท้ ๆ ทำให้เขาเสียเงินอีกไม่น้อยให้กับคุณต้น คงจะเห็นว่าอีกฝ่ายเพิ่งหัดเล่นไม่นาน อีกทั้งความต้องการที่จะเอาเงินคืนจากพวกเธอ

   แม้ว่าจุ้ยอั้ยเต๋อจะซ่อนหน้าได้อย่างเรียบเฉยแต่ก็ไม่อาจจะซ่อนความคิดจากเธอได้ หงส์จึงสามารถดักทางและบอกกับคุณต้นได้ เธอกับคุณต้นถือว่าเป็นคู่หูที่ดีทีเดียวในการทำงานนี้

   “ที่รักค่ะวันนี้เราอย่าเข้ากาสิโนกันเลยนะคะ ไปช้อปปิ้งกันดีกว่า”

   “ก็ดีเหมือนกันครับ ผมก็ชักจะเบื่อ ๆ แล้ว ว่าแต่คุณเถอะ อยากกลับไปหาอากร อยากกลับไทยรึยังครับ”

   “ก่อนกลับเราไปเที่ยวดิสนี่แลนด์กันก่อนนะคะ”

   “ได้สิครับคนดี วันนี้ผมตามใจคุณได้ทั้งวันเลย” คุณต้นตอบเธอก่อนพากันเดินควงแขนออกจากห้องพัก

   หงส์กับต้นเดินมาถึงล๊อบบี้ของโรงแรมก็ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหาและเชิญพวกเธอไปหาจุ้ยอั้ยเต๋อ คุณต้นทำทีเล่นตัวเล็กน้อยและปฏิเสธคำเชื้อเชิญของอีกฝ่าย และปล่อยให้ตาเฒ่าจุ้ยรอไปอย่างกระวนกระวายใจ

   เธอกับคุณต้นเดินทางมาที่ ซิตี้ออฟดรีม ซึ่งเป็นทั้งโรงแรมและกาสิโนขนาดใหญ่อีกแห่งหนึ่งในมาเก๊า เธอกับคุณต้นเข้าไปเล่นอะไรกันนิดหน่อยและเลือกที่จะเสียซะเป็นส่วนใหญ่ ก่อนที่จะออกมาหาอะไรทานแล้วกลับเข้าโรงแรมที่พัก และเมื่อก้าวเข้าไปก็พบว่าจุ้ยอั้ยเต๋อดักรอพวกเธออยู่

   “ผมนึกว่าวันนี้หลานชายจะไม่เข้ากาสิโนซะแล้ว” จุ้ยอั้ยเต๋อทักทายขึ้นมา ทำให้คุณต้นชะงักเล็กน้อย

   “ก็คงไม่เล่นแล้วล่ะครับ รู้สึกเบื่อ ๆ มันไม่ค่อยตื่นเต้นเหมือนช่วงแรก ๆ”

   “นี่ขนาดว่าจะไม่เล่นนะคะ คุณยังเข้าไปเล่นที่ดรีมอยู่เลย” หงส์แกล้งพูดขึ้นมาทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าจุ้ยอั้ยเต๋อให้คนตามพวกเธออยู่

   “ผมก็แค่อยากรู้ว่าที่อื่น ๆ จะเหมือนกันกับที่นี่ไหม นี่ครับที่รัก”

   “กาสิโนก็เหมือนกันหมดแหละค่ะ” เธอแกล้งทำเป็นงอนเล็กน้อย

   “ผมขอโทษนะครับที่รัก ทั้งที่ผมตั้งใจแล้วว่าจะไม่ขัดใจคุณ เอาอย่างนี้ดีไหมครับ เดี๋ยวเราไปค้างที่ดิสนี่แลนด์กันคืนนี้เลย”

   “ท่าทางหลานชายจะไม่เห็นหัวคนแก่เลยสินะ”

   “ขอโทษด้วยครับคุณชายจุ้ย นภางอนผมที่ขัดใจเขาน่ะครับ”

   “เป็นผู้ชายนะ ก็เหมือนกับช้างเท้าหน้า จะมากลัวเมียอยู่ได้ยังไง อีกหน่อยจะอยู่ลำบากนะ”

   “แต่ผู้หญิงอย่างนภาก็ใช่ว่าหากันกได้ง่าย ๆ นะครับ” คุณต้นพูดเป็นนัย ๆ

   “เอาเถอะๆ ข้าวใหม่ปลามันนี่นะ ว่าแต่หลานชายจะไม่เล่นหน่อยหรอ?”

   “คงไม่แล้วครับ ผมเพิ่งบอกนภาไปว่า ผมจะพาเธอไปพักที่ดิสนีแลนด์คืนนี้”

   “อะไรกัน เพิ่งจะพักที่นี่ไม่กี่วัน จะไปกันแล้วหรอ?”

   “ครับ แล้วผมว่าที่นี่ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นสำหรับผมกับนภาอีกแล้ว”

   “บางทีความตื่นเต้นอาจจะไม่ได้อยู่ที่เกมส์ก็เป็นได้นะ แต่มันอยู่ที่ว่าเราวางเดิมพันด้วยอะไร?”

   “ที่นี่นอกจากเงินแล้ว ยังรับเดิมพันอย่างอื่นด้วยเหรอค่ะ?”

   “ก็ถ้าเป็นแขกระดับ VIP อย่างหลานชาย...ก็ได้ล่ะนะ”

   “นอกจากเงินแล้ว ผมก็ไม่รู้จะเอาอะไรมาวางเดิมพันดี ที่รักว่ายังไงครับ”

   “นั่นสิค่ะ นภาก็คิดไม่ออกเหมือนกัน”

   “เอาไว้คราวหน้า ถ้าผมมีโอกาสมาเที่ยวใหม่ ผมค่อยมาเล่นที่กาซิโนของคุณชายจุ้ยก็แล้วกันครับ ครั้งนี้ผมไม่อยากเล่นแล้วจริง ๆ”

   คุณต้นพูดจบก็พาเธอเดินกลับขึ้นห้องพักมา เธอรับรู้ได้ถึงความไม่พอใจของจุ้ยอั้ยเต๋อ ยิ่งทางนั้นกระวนกระวายมากเท่าไรก็ยิ่งเป็นผลดีกับพวกเธอมากเท่านั้น

........................................................................

   จุ้ยอั้ยเต๋อหงุดหงิดตั้งแต่รู้ว่าหลานของไอ้หมอวรากรมันไปเล่นเสียที่ซิตี้ เงินที่เสียไปนั่นมันเงินของเขาชัด ๆ เมื่อมันกลับมาเขาก็ไปดักรอเพื่อหาทางชวนมันเล่น แต่กลับกลายเป็นว่ามันจะเช็คเอาท์จากที่นี่คืนนี้เพื่อไปต่อที่ดิสนี่แลนด์ ไม่รู้ว่ามันจะตามใจเมียไปถึงไหน

   ดูท่าแล้วคงต้องหาวิธีเข้าทางผู้หญิงที่ชื่อนภา ระหว่างที่สองผัวเมียมาพักที่นี่ เขาก็คอยให้คนจับตาดูตลอด พอจะรู้ว่า ผู้หญิงคนนั้นน่าจะบ้าเครื่องเพรช และกระเป๋าแบรนด์ดังๆ แต่ของพวกนั้นน่าจะมีมูลค่าไม่เท่าไร อะไรที่พอจะเป็นแรงจูงใจให้ผู้หญิงคนนั้นยอมพนันกับเขาได้

   “เหล่าไป่ นายน้อยส่งข่าวมา ว่ากำลังจะเดินทางมาที่นี่ พร้อมกับคนคนนั้นครับ” ลูกน้องของเขาคนหนึ่งเดินเข้ามา

   “ผู้หญิงคนนั้น คนของเซียงไบ่มาด้วยรึป่าว?”

   “มาด้วยครับ”

   “อืม...” จุ้ยอั้ยเต๋อพยักหน้ารับรู้ และเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ “ถ้าอาเถิงมาถึงแล้ว ให้พาผู้หญิงคนนั้นมาหาฉัน”

   “ครับ เหลาไป่”

........................................................................

   สองสามวันมานี้เจ้าสัวเล่นเสียมากกว่าได้ จนเงินที่ได้มาจากการเล่นเริ่มร่อยหรอ และถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เขาคงต้องไปขอเครดิตกับจั้ยอั้ยเต๋อแน่ ๆ

   ทุนที่จุ้ยอั้ยเต๋อให้เขามาในคราวนี้ก็ใช่ว่าจะให้กันฟรีๆ เขาต้องเอากิจการปางไม้ของเขาค้ำไว้ ถ้าปางไม้ถูกยึดไป เขาคงไม่มีอะไรเหลือแน่ ๆ ใช่ว่ากิจการปางไม้จะดีเลิศอะไร เพียงแต่รายได้หลักของเขา คือค่าผ่านทางต่างหาก

   “อาเกรียง ลื้อส่งเงินมาให้อั๊วหน่อยสิ” เขาพูดขึ้นเมื่อปลายสายรับโทรศัพท์

   “เตี่ย ช่วยอั๊วด้วย”

   “เกิดอะไรขึ้น?” เจ้าสัวเซียงถามขึ้นอย่างร้อนรน เมื่อลูกชายคนเดียวของเขาเอ่ยปากขอความช่วยเหลือ ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยเอ่ยปากกับเขาสักครั้ง

   “แม่จะส่งอั๊วให้ตำรวจ”

   “แม่ลื้อ? เรื่องอะไร...หรือว่าเรื่องที่ลื้อไปฉุดฝู่หยง?”

   “ไอ้ที่ฉุดนะใช่ แต่ไม่ใช่ฝู่หยงอะไรนั่นสักหน่อย น้องหยกต่างหาก”

   “ก็นั่นแหละ ลื้อนี่หาเรื่องใส่ตัว แล้วยังทำให้คนของอั๊วทำงานยากเข้าไปอีก”

   “เตี่ย ช่วยอั๊วก่อน อั๊วไม่อยากเข้าคุก”

   “แม่ลื้อไม่ยอมให้ลื้อเข้าคุกหรอกน่า ยายลื้อก็หน้าบางจะตาย ยังไงอีก็กลัวเป็นข่าว”

   “ใครบอกล่ะ คุณหญิงยายให้ลุงวิทย์มาจัดการกับอั๊ว ทำให้เรื่องเงียบเร็วที่สุด เตี่ย...ช่วยอั๊วด้วย”

   “ไอ้หยา...อั๊วขอคิดดูก่อน ว่าจะทำยังไงได้บ้าง?”

   “เตี่ยก็รีบ ๆ คิดเข้าสิ”

   “ลื้อไปหาอาเถิง อีอาจจะมีวิธีพาลื้อมาหาอั๊วที่นี่ได้”

   “ไอ้ฝรั่งนั่นอ่ะนะ มันจะยอมช่วยอั๊วเหรอ ในเมื่ออั๊วกับมันต้องการน้องหยกเหมือนกัน”

   “อั๊วจะคุยกับอีให้ ส่วนเรื่องฝู่หยง อาน้องหยกของลื้อ อั๊วขอสั่งให้ลื้อวางมือซะ อย่าไปยุ่งกับอี เลือกเอาระหว่างน้องหยกกับติดคุก ลื้อจะเลือกอะไร”

   “เตี่ย!!”

   “คิดดูเอาเอง แล้วอั๊วจะให้อาลตาติดต่อไป” เจ้าสัวเซียงพูดจบก็วางสาย ระหว่างปางไม้กับเกรียงไกร เขาใช้เวลาคิดไม่นานเลย ในการตัดสินใจเลือก

To Be Continue


   ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่เข้ามาคอมเม้นต์ให้กำลังใจนะคะ เราต้องขอโทษที่ระยะหลัง ๆ นี่ลงตอนต่อไปช้ามากๆ
(แอบคิดว่าเข้ามาแล้วจะยังหานิยายตัวเองเจอไหม?) พอดีช่วงต้นปีนี้เราเดินทางบ่อย ทำให้หาเวลานั่งเขียนได้น้อยมาก

   หยก ดำเนินเรื่องมาจนถึงช่วงปลายแล้ว ปมต่าง ๆ กำลังคลี่คลาย (ไม่สปอยน้า) ยังไงเราก็ฝาก น้องหยกกับพี่เสือไว้ด้วยนะคะ อย่าเพิ่งเบื่อเลิกอ่านไปก่อนน้า


 :katai4: :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: หยก 1-11-18 {{:::60:::}}
«ตอบ #222 เมื่อ01-11-2018 17:25:55 »

ยังติดตามอยู่เสมอจ้าาา
 :L2: :L2:

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
Re: หยก 1-11-18 {{:::60:::}}
«ตอบ #223 เมื่อ02-11-2018 08:39:00 »

ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :katai3:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: หยก 1-11-18 {{:::60:::}}
«ตอบ #224 เมื่อ03-11-2018 00:16:14 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Amo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-1
Re: หยก 11-11-18 {{:::61:::}}
«ตอบ #225 เมื่อ11-11-2018 18:09:53 »

61


   จุ้ยเถิงรอเกรียงไกรอยู่ที่โรงเก็บเครื่องบิน แทนที่เขาจะได้เดินทางเลย กลับกลายเป็นว่าต้องมารอคนไม่เอาไหนอย่างเกรียงไกร กู๋เซียงต้องการให้มันไปกับเขาด้วย ลุงของเขาก็ไม่ได้ว่าอะไรบอกเพียงแต่ให้เขาตามใจกู๋เซียง แล้วให้รีบพาลตาไปหาเขาให้เร็วที่สุด

   ก่อนที่เขาจะออกจากคอนโด เขาได้ให้คนรายงานกับลุงของเขาแล้วว่าจะไปกลับไปที่เยี่ยนหว๋อ แต่ลุงของเขากลับสั่งให้เขาพาฝู่หยงไปที่มาเก๊าพร้อมลตา เพราะต้องการใช้งานลตาด่วน และที่สำคัญลุงต้องการให้เขาเล่นกับใครบางคนที่เป็นเพียงมือสมัครเล่น แต่ก็สามารถโกยเงินจากกาสิโนไปได้หลายสิบล้าน

   “คุณชายจุ้ย คุณเกรียงกำลังเดินทางมา น่าจะถึงที่นี่ภายในครึ่งชั่วโมง” ลตาบอกกับเขาหลังจากวางหูสาย

   “อืม พอมันมาถึงคุณก็คอยดูมัน อย่าให้มันมายุ่มย่ามกับฝู่หยงล่ะ?”

   “คนของคุณอยู่ที่นี่เต็มไปหมด เขาคงไม่กล้าทำอะไรรุ่มร่ามหรอกมั้ง”

   “หึ ขนาดฝู่หยงเป็นผู้ชาย มันยังฉุดได้เลย แล้วจะให้ผมไว้ใจมันได้ยังไง?” เขาเห็นลตาส่ายหน้า ก่อนเดินไปหาฝู่หยง ที่นั่งนิ่งไม่พูดไม่จาอะไรตั้งแต่ออกจากคอนโดมา

   ฝู่หยงนิ่งมาก ไม่ถาม ไม่เอะอะโวยวาย แต่เขาก็เห็นแววตาที่ลอบสังเกตรอบ ๆ ตัวอย่างเงียบ ๆ คงจะหาจังหวะหนีจากเขาอีกแน่ ระหว่างที่การหนีเอาตัวรอดกับหยกวิเศษ ฝู่หยงจะตัดสินใจเลือกอย่างไหน ในเมื่อปากก็บอกว่าหยกนั่นมีความสำคัญต่อเขามาก

   เขาเดินขึ้นไปบนเครื่องก่อนหยิบเอาหยกวิเศษออกมาดูอีกครั้ง หยกนี่อยู่ในมือของเขามาหลายวัน ลองใช้มันกับคนของเขา แต่ก็ไม่ได้ผลอะไร ลองเอาหยกไปประทับตราบนกระดาษ ถึงจะเกิดรอยคล้ายกับเอกสารในพินัยกรรม แต่สีของหมึกนั่น มันเป็นหมึกแบบไหนกันแน่

   ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งไม่เข้าใจ ว่าหยกนี่มันจะดลบันดาลให้ได้ดั่งใจผู้ถือครองมันได้ยังไง แต่เขาเชื่อว่าหยกนี่ต้องมีความสำคัญหรือมีความลับอะไรบางอย่างต่อตระกูลฝู่แน่นอน ไม่อย่างนั้นคงไม่ตกทอดต่อกันมาหลายชั่วอายุคน อีกทั้งยังมีการแต่งเขยเข้าตระกูลอีกต่างหาก

   จุ้ยเถิงนั่งพิจารณาหยกในมือจนลืมเวลา เขามารู้ตัวอีกที เมื่อได้ยินเสียงเอะอะจากด้านนอก เขาจึงเดินออกไปดู แล้วเขาก็เห็นฝู่หยงกับเกรียงไกรมีปัญหากันอยู่ โดยมีลตากับคนของเขาห้ามปรามแยกทั้งคู่ออกจากกัน

........................................................................

   ผมเห็นรถคันหนึ่งวิ่งเข้ามาในโกดังจอดเครื่องบิน เมื่อผมเห็นคนที่ลงจากรถมาผมก็มีความคิดดี ๆ เกิดขึ้น หวังว่าผมพอจะใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์มากที่สุด

   ครั้งก่อนที่ผมเห็นรูปไอ้หมอนี่ที่บ้านคุณษา ผมอาจจะกลัวเขา นั่นเป็นเพราะความทรงจำของผม จำเขาไม่ได้ แต่ร่างกายผมกลับจำได้ดี ในตอนนี้ผมไม่กลัวเขาอีกต่อไป เมื่อเขาลงมา ผมจึงสลัดตัวออกจากคนของจุ้ยเถิง พุ่งไปชกหน้ามันทันที

   คุณลตาดูจะตกใจไม่น้อยที่เห็นผมพุ่งเข้าใส่นายเกรียงไกรแบบนั้น เธอตรงเข้ามารั้งผมไว้ ก่อนที่คนของจุ้ยเถิงจะถึงตัวผม ส่วนไอ้หมอนั่นลงไปนั่งกองกับพื้น เอาแขนป้องหน้าตัวเองไว้ เหมือนคนหมดทางสู้

   “หยก ใจเย็น”

   “ผมไม่ทำอะไรคนที่ไม่มีทางสู้เหมือนอย่างมันหรอกน่า” ผมโวยวายออกมา ซึ่งดูเหมือนคุณลตาจะรู้ว่าผมแกล้งทำเป็นเอะอะเพราะมีจุดประสงค์บางอย่าง

   “นะ...น้องหยก มะ...มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” คนที่นั่งอยู่ที่พื้นเอ่ยถามเมื่อแน่ใจว่าผมจะไม่เข้าไปทำร้ายเขาอีก ไม่มีใครตอบคำถามไอ้หมอนั่น

   คนของจุ้ยเถิงเดินมาลากตัวผมออกไป แต่ผมทำสะบัดตัวหนีพวกเขา และพุ่งเข้าใส่คนถามอีกครั้ง จนเป็นคุณลตาที่ทำทีเดินเข้ามาเกลี้ยกล่อมผม รั้งผมเอาไว้ มันทำให้ผมมีโอกาสได้ปลีกตัวออกมาอยู่กับคุณลตาเพียงสองคน จุ้ยเถิงเองก็เดินลงมาจนถึงกลุ่มที่กำลังมีเรื่องมีราวกันอยู่ ในมือของเขากำเมฆาขาวเอาไว้ คงเป็นเพราะผมทำเสียงเอะอะ ทำให้เขาไม่ทันได้เก็บให้เรียบร้อยก่อนจะรีบลงมาข้างล่างนี่แทน

   จุ้ยเถิงพูดอะไรกับไอ้หมอนั่นเป็นภาษาจีน ซึ่งผมไม่เข้าใจ คุณลตาก็พูดคุณกับพวกนั้นด้วย และยังรั้งผมให้เข้าไปหาเธอ ผมจึงแกล้งสะบัดข้อมือหนีเธอเล็กน้อย

   “หยก นายมากับฉัน” คุณลตาพูดขึ้นก่อนนำผมขึ้นไปบนเครื่องบิน ผมยังคงทำเป็นยึกยักก่อนเดินตามเธอไป

   “เห็นเมฆาขาวไหมครับ” ผมกระซิบถามเมื่อเราเดินออกมาจากระยะการได้ยินของคนพวกนั้น

   “อืม” คุณลตาตอบและเราก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีก จนะกระทั่งถึงบนเครื่อง

   “เราจะเอาเมฆาขาวกลับมาได้ยังไงกันครับ ผมยังหาโอกาสไม่ได้เลย”

   “เราคงจะเอามันคืนมาตอนนี้ไม่ได้แล้วล่ะ คงต้องรอให้ถึงมาเก๊าก่อน”

   “มาเก๊า? แล้วผมจะไปได้ยังไง ผมไม่มีเอกสารอะไรเลยนะ เขาจะพาผมข้ามประเทศกันง่าย ๆ อย่างนี้เลยเหรอ”

   “เรื่องแค่นั้น จุ้ยเถิงปลอมเอกสารให้เธอเรียบร้อยแล้วล่ะ เขาวางแผนไว้ตั้งแต่ต้น ถึงได้เตรียมเอาไว้ แล้วไหนจะเครื่องบินของเยี่ยนหว๋อลำนี้อีก”

   “คุณลตารู้เรื่องเยี่ยนหว๋อด้วยเหรอครับ”

   “ฉันรู้อะไรไม่มากหรอก และก็ไม่มีเวลาจะอธิบายให้เธอฟังด้วย” คุณลตาพูดพร้อมทั้งมองไปนอกหน้าต่างเพื่อดูเหตุการณ์ด้านล่าง

   “ไอ้หมอนั่นมันมาที่นี่ทำไม แล้วมันเกี่ยวข้องยังไงกับเรื่องนี้?”

   “เท่าที่ฉันรู้ เจ้าสัวเซียงต้องการให้เกรียงไกรแต่งงานกับหงส์ เพื่อจะได้เข้ามามีบทบาทในเยี่ยนหว๋อ และโกหกพวกนั้นกับว่าตามหาตัวเธอไม่พบ”

   “ถ้าอย่างนั้น จุ้ยเถิงก็รู้สิครับว่าโดนหลอกอยู่”

   “ใช่”

   “แล้วยังมีหน้ามาที่นี่อีกน่ะเหรอ?”

   “เขายังไม่รู้ตัวนะสิ ว่าทางนี้รู้เรื่องหมดแล้ว อีกอย่าง ที่เขาต้องมาที่นี่เป็นเพราะเรื่องที่เกรียงไกรฉุดเธอ มันเกิดเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาโดยมีคุณเพ็ญนภาเป็นคนจัดการ หมอนั่นไม่อยากถูกส่งตัวเข้าคุกเลยมาขอความช่วยเหลือจากจุ้ยเถิง”

   “พี่ภาก็รู้เรื่องนี้ด้วยเหรอครับ”

   “ฉันไม่รู้หรอกนะว่า คุณเพ็ญนภารู้เรื่องเกี่ยวกับเมฆาขาว หรือเยี่ยนหว่อมากน้อยแค่ไหน แต่เรื่องนายเกรียงไกร เธอน่าจะรู้ดีทีเดียว”

   “ขนาดคุณลตายังรู้เรื่องนายเกรียงไกรอะไรนั่น คงมีแต่ผมสินะครับ ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย?”

   “ที่ฉันรู้เรื่องก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะยังไงฉันก็ต้องสืบเรื่องราวของพวกเธอ รวมไม่ถึงคนที่เกี่ยวข้อง การที่เธอไม่รู้เรื่องอะไร นั่นก็เพราะเธอใช้ชีวิตในแบบของเธอไม่ใช่เหรอ?”

   “มันทำให้ผม...รู้สึก...เหมือนผมเป็นตัวถ่วง หรือดูแลตัวเองไม่ได้ จนต้องให้ใครต่อใครคอยมาปกป้องผม”

   “ไม่ใช่หรอก เรื่องของฝู่ มันอันตรายกว่าที่เธอคิดนะ ไม่เชื่อเธอก็ลองดูนั่นสิ” คุณลตาให้ผมมองออกไปดูเหตุการณ์ด้านล่าง ผมเห็นคนของจุ้ยเถิงกำลังซ้อมเกรียงไกรอยู่ “นี่แค่เบาะ ๆ นะ ถ้าไปถึงมาเก๊าเมื่อไร สองพ่อลูกคู่นี้คงจะรอดได้ยาก”

   “แล้วที่เยี่ยนหว๋อ...”

   “ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทางนั้นเป็นยังไงบ้าง รู้เพียงแต่ว่า จุ้ยอั้ยเต๋อสั่งให้จุ้ยเถิงและฉันไปรับมือคุณเสือและภรรยา”

   “พี่เสือเหรอครับ แต่...”

   “ใช่ นั่นคงจะเป็นคนของคุณกรมากกว่า”

   เรื่องราวที่ผมรับรู้ยังไม่กระจ่างดี ผมยังมีคำถามอีกมากมายที่อยากจะถาม แต่ดูจากจังหวะและโอกาสที่มีน้อยนิด มันคงไม่เหมาะเท่าไร อย่างน้อยตอนนี้ผมก็พอรู้เรื่องราวของคนข้างล่างบ้างแล้ว ผมเห็นคนของจุ้ยเถิงหิ้วปีกนายเกรียงไกรไปยังรถตู้ที่เรานั่งมา ก่อนเขาจะเดินมาทางพวกผม

   “ถ้าทางจุ้ยเถิงจะไม่ยอมช่วยเกรียงไกรซะแล้ว” คุณลตาเปรยขึ้นก่อนหันมาสบตาผม จนผมสังหรณ์ใจไม่ดียังไงชอบกล

........................................................................

   หงส์กับคุณต้นเดินลงจากห้องพักมาพร้อมกับกระเป๋าเดินทาง ซึ่งพวกเธอกำลังเตรียมจะไปเช็คเอ้าท์ที่ล้อบบี้ เธอกับคุณต้นตรวจดูสัมภาระเป็นครั้งสุดท้ายก่อนเดินไปยังเคาน์เตอร์เพื่อรอคิว

   “เฮ้ย!! ไอ้เสือ ไม่ได้เจอกันนาน สบายดีไหมว่ะ” ชายคนที่ยืนอยู่ที่เคานเตอร์หันมาแล้วทักกับคุณต้น

   “อืม สบายดี แล้วนายล่ะ ไปยังไงมายังไง ถึงได้มาอยู่ที่นี่ได้” คุณต้นตอบอย่างแปลกใจ แต่ก็เล่นไปตามบทที่ได้รับอย่างแนบเนียน

   “นี่คงเป็นเมียมึงล่ะสิ” ชายคนนั้นกล่าวก่อนหันมาทักทายเธอ “ยินดีด้วยนะครับคุณนภา แล้วต้องขอโทษด้วยที่ไม่ได้ไปร่วมงานแต่งงาน”

   “ไม่เป็นไรค่ะ เอ่อ...คุณ...”

   “อ่อ ขอโทษครับผมลืมแนะนำตัว ผมชื่อศักดิ์ครับ เป็นเพื่อนสมัยเรียนของไอ้เสือมัน”

   “ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”

   “พอ ๆ เมียกู กูหวงไม่ต้องมองนาน แล้วมึงจะตอบกูได้ยัง ว่ามาทำอะไรที่นี่”

   “กูมาทำงานสิครับ ไม่ได้เป็นเจ้าของบริษัทฯ เหมือนอย่างมึงนี่ ว่าแต่มึงจะอยู่ที่นี่อีกนานไหมว่ะ?”

   “กูกำลังจะพานภาไปดิสนี่แลนด์ว่ะ”

   “เฮ้ย...อยู่คุยกันก่อนสิวะ” ศักดิ์พูดกับคุณต้นก่อนหันมาทางเธอ “นะครับคุณนภา อย่าเพิ่งไปเลยครับ”

   “ก็ได้ค่ะ เห็นว่าคุณศักดิ์กับคุณเสือไม่ค่อยได้เจอกันนะคะ ไม่งั้นนภาไม่ยอมจริง ๆ”

   “ขอบคุณครับ งั้นคืนนี้เราทานข้าวด้วยกันนะครับ ไอ้เสือคืนนี้แดกข้าวกัน ห้ามเบี้ยวกูนะโว้ย กูขอเอาของขึ้นไปเก็บบนห้องก่อน”

   หงส์เห็นคุณต้นมองไปยังคุณศักดิ์ที่เดินนำหน้าเจ็กลู่ที่คอยลากกระเป๋าเดินตามหลังไปให้ ด้วยท่าทางที่ยังแปลกใจไม่หาย

   ‘คุณหงส์ครับ ได้ยินที่ผมคิดใช่ไหมครับ’ เธอยิ้มให้คุณต้น ‘ครูศักดิ์มาได้ยังไงครับ? ’

   “ไปกันเถอะค่ะที่รัก นภาว่าเราคงต้องอยู่ที่นี่จนกว่าเพื่อนคุณจะกลับแน่ ๆ เลยค่ะ”

   “ขอบคุณครับ” ดูท่าทางคุณต้นยังงงไม่หาย จึงตอบกลับเธอมาได้เท่านี้ จากนั้นทั้งสองก็พากันลากกระเป๋ากลับขึ้นห้องมาดังเดิม และที่คนทั้งสามคุยกันก็ไม่อาจจะรอดพ้นสายตาของจุ้ยอั้ยเต๋อไปได้

........................................................................

   อากรเดินทางมาถึงบ้านของอาชาติก็ดึกมากแล้ว เนื่องจากมีคนของจุ้ยอั้ยเต๋อคอยตามอากรอยู่ เขาจึงเลือกที่จะออกจากโรงแรมในช่วงดึก เพื่อใช้ความมืดในเวลากลางคืนคอยอำพรางตัว

   พยัคฆ์เพิ่งรู้ว่าอากรย้ายออกจากโรงแรมเดิมมาอยู่ที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งซึ่งเป็นที่พักเมื่อสมัยที่มาเป็นแพทย์อาสา อากรใช้เวลาระหว่างวันไปเยี่ยมเพื่อนหมอที่รู้จักกันบ้าง เหมือนเป็นการหาอะไรทำฆ่าเวลารอหงส์กับต้น

   “อาทราบเรื่องครูศักดิ์ไหมครับ” พยัคฆ์ถามในสิ่งที่คาใจออกมา ตอนมาถึงอาชาติเพียงแต่คุยอะไรกันฝู่ไฉ๋เล็กน้อย เขาเองก็ได้แต่ทักทายครูศักดิ์ตามมารยาท แต่ยังไม่ได้ถามไถ่อะไร อาชาติกับครูศักดิ์ก็รีบออกไป

   “ครูศักดิ์?”

   “แสดงว่าอากรเองก็ไม่รู้”

   “อารู้แค่ว่า อาหลิวขอให้เพื่อนมาช่วย แต่ไม่รู้ว่าใคร”

   “ครูศักดิ์นี่มันรุ่น ๆ ผม จะเป็นเพื่อนกับอาชาติได้ยังไงกัน”

   “...”

   “ผมไม่ได้ตั้งใจพูดให้อากรระแวงอาชาตินะครับ ผมแค่แปลกใจ”

   “อืม อารู้ แต่อาไว้ใจอาหลิว ไม่ต้องกังวลไป”

   “แล้วเรื่องทางนี้ จะเริ่มเมื่อไรครับ?”

   “คนอย่างจุ้ยอั้ยเต๋อ มันไม่เล่นในเกมอย่างเดียวแน่ วันที่จุ้ยเถิงเล่นกับต้น มันคงจะเกณฑ์คนของมันที่นี่ไปมาเก๊า และวันนั้นเราจะมีโอกาสลงมือ”

   “สถานการณ์ทางหงส์ค่อนข้างน่าเป็นห่วง ถ้ามันคิดเล่นนอกเกม”

   “อาวางแผนตัดกำลังเสริมพวกมันไว้แล้ว เรื่องนี้คงต้องให้คุณวรรณช่วยจัดการ”

   “ได้เลยค่ะเจ้านาย”

   “คุณวรรณคนเดียว ไหวเหรอครับ?”

   “วรรณคนเดียวที่ไหนคะ ฝู่ไฉ๋กับคนของเธอด้วยต่างหาก”

   “ส่วนแก เอ ต้า พวกแกสามคนเตรียมตัวให้พร้อม ถ้าช่วยเก๋อหมิงออกมาได้แล้ว จะมีเพื่อนหมอของอามาดักรอรับระหว่างทาง”

   “ที่อาตระเวนไปเยี่ยมเพื่อน เพราะแบบนี้นี่เองสินะครับ”

   “จะให้เก๋อหมิงมาเสี่ยงไม่ได้ เนื่องจากเราไม่รู้อาการของเก๋อหมิง ดังนั้นอาจะต้องเตรียมทุกอย่างให้พร้อม”

   “ครับ ผมเข้าใจ”

   “เอาล่ะ ไปพักกันได้แล้ว ฉันเองก็ต้องกลับแล้ว ก่อนคนพวกนั้นจะสงสัย”

   “เจ้านายค่ะ ตอนนี้คุณหลิวก็ไม่อยู่ ให้ใครไปคอยอารักขาไหมคะ ยังไงวรรณก็เป็นห่วง”

   “นั่นสิครับบอส ให้ผมหรือเอตามไปคอยดูแล ไม่ดีกว่าเหรอครับ?”

   “ตอนนี้พวกมันไม่สนใจฉันหรอก ไม่ต้องเป็นห่วงไป อย่าทำอะไรให้พวกมันจับพิรุจได้เป็นดีที่สุด”

   อากรกำลังเสี่ยงอยู่ ถึงพยัคฆ์จะรับรู้อย่างนั้นก็ตามที แต่เขาก็อดเป็นห่วงอาของเขาไม่ได้ เขาได้แต่หวังว่าคนของฝู่ไฉ๋จะดูแลอาของเขาได้

........................................................................

   เช้านี้เพ็ญนภาได้รับโทรศัพท์จากทั้งคุณโอ๋ และคุณเปิ้ล ทั้งสองต่างวิตกกับเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น ส่วนเธอที่ไม่ทันได้ดูข่าวรอบเช้าจึงต้องไปหาอ่านตามเว็บข่าวต่าง ๆ ข่าวของเกรียงไกร

   เธอเปิดลิงค์เข้าไปอ่านด้วยความสงสัย ว่าเรื่องราวมันเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร เมื่อคืนเธอคุยกับคุณษาอยู่เลย ว่าเกรียงไกรอาจจะหนีไปซ่อนตัวอยู่ที่ปางไม้ แต่ข่าวที่ออกมาตามสื่อต่าง ๆ กลายเป็นว่า



‘ไฮโซก่อศึกชิงนาง ถูกโจ๋เจ้าถิ่นแทงดับ คาผับดัง’



‘วิวาทเดือด ไฮโซดับ เหตุแย่งนางแบบสาว’



‘โจ๋เดือดรุมกระทืบไฮโซหนุ่ม ก่อนพลั้งมือแทงคู่อริดับ’



   พาดหัวข่าวที่เธอพบ ล้วนไปในทิศทางเดียวกัน เธอไล่อ่านแต่ละข่าว คนไม่เอาไหนอย่างเกรียงไกร ไม่น่าจะไปทะเลาะวิวาทอะไรกับใครได้ ยิ่งตัวเองมีเรื่องอยู่แบบนี้แล้ว น่าจะหาทางหนีมากกว่าหาเรื่องใส่ตัวเอง

   ในข่าวไม่ได้บอกรายละเอียดอะไรมาก นอกจากการเสียชีวิตของเกรียงไกร เรื่องราวที่เกิดขึ้นต้องรอการขยายผลจากทางตำรวจ เธอรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะเป็นเหตุบังเอิญ เธอต้องรีบส่งข่าวให้กับคนที่อยู่ทางโน้นรับรู้ และระวังตัวเอาไว้

........................................................................

   พี่เก่งกับพี่คีเก็บของเตรียมจะไปมาเก๊าเสร็จตั้งแต่เช้า แต่เพราะมีเหตุบังเอิญ คนงานขุดโบราณสถานเกิดอุบัติเหตุขึ้นซะก่อน พี่ ๆ เขาเลยออกไปช่วยพาคนเจ็บเข้ามาในกระโจม

   เป็นความโชคร้ายของชายคนนั้นที่ไปเหยียบเขากับวัตถุบางอย่างที่เหมือนเป็นกลไก ทำให้คานด้านบนหล่นลงมาทับ คงจะเป็นเพราะเวลาผ่านมายาวนาน กลไกเสียหายและใช้การไม่ได้ แต่ก็ถือเป็นความโชคดีของพวกเธอ ที่พี่คีจำข้อมูลเกี่ยวกับทางเข้าแท่นพิธีได้

   หลังจากกงเหมิ๋นให้คนพาคนเจ็บส่งโรงพยาบาลแล้ว พี่คีจึงลงมายังที่เกิดเหตุอีกครั้ง พร้อมแทบเล็ตที่เคยให้ไว้กับเธอ

   “แท่นพิธีน่าจะอยู่หลังผนังนี่” พี่คีเอ่ยออกมาหลังจากสำรวจไปรอบ ๆ ห้องสลับกับมองแผนที่โบราณในแทบเล็ต

   “แสดงว่านี่อาจจะเป็นหนึ่งในสุสานที่กุบไลข่านสร้างไว้จริง ๆ สินะ” พี่เก่งถาม

   “มันก็ยังไม่แน่หรอกว่ะ สุสานมันก็คงคล้าย ๆ กับวัดบ้านเราแหละ ที่มีแบบแผนการสร้างเหมือน ๆ กัน” พี่คีตอบ

   “เราต้องเห็นตัวแท่นพิธีก่อน เราถึงจะบอกได้ค่ะ ว่าสุสานนี้เป็นของใคร” คุณลลินทร์อธิบาย

   “เอายังไงกันดีว่ะ จะช่วยคุณโบตั๋นก่อน หรือว่าจะเดินทางเลยดีว่ะ” พี่เก่งพูดขึ้นกับพี่คี

   “คุณเก่งกับคุณคีเดินทางไปช่วยทางโน้นเถอะค่ะ ทางนี้ลินทร์จัดการได้ อีกอย่าง เราก็ยังไม่รู้เลยว่าทางเข้าอยู่ตรงไหน?”

   “ตั๋นว่าน่าจะเป็นตรงนี้นะคะ” ทุกคนที่กำลังปรึกษากันอยู่ ต่างหันมามองเธอ ที่กำลังจ้องมองตรงผนังมุมหนึ่งของห้อง จากนั้นคนทั้งหมดก็เดินเข้ามาหาเธอ พร้อมทั้งส่องไฟฉายไปยังจุดที่เธอชี้

   กำแพงตรงหน้าเธอเป็นลายแกะสลักกิเลน มังกร เตามังกร และหงส์ สัตว์ทั้งสี่ยืนอยู่บนก้อนเมฆที่เหมือนเมฆาขาว

   “ที่นี่น่าจะเป็นหนึ่งในสุสานที่อาหนีเกอสร้างแน่ ๆ” คุณลลินทร์ออกมาแต่ไม่ได้ให้ความหวังเธอมากนัก

   “แล้วเราจะเข้าไปได้ยังไงกัน” พี่เก่งเอามือลูบผนังตรงที่เป็นลายแกะสลักก้อนเมฆ มันขยับเล็กน้อย “เฮ้ย!! ” พี่เก่งชักมือกลับทันที

   “มันขยับได้” โบตั๋นอุทาน

   “มันอาจจะเป็นกลไกในการเปิดประตูก็ได้นะ” คุณลลินทร์ว่าก่อนลงมือทั้งขยับและดันส่วนต่าง ๆ ของลายแกะสลัก โดยมีพวกเราสามคนยืนดูอยู่

   พี่คีค่อย ๆ เดินถอยหลังออกจากกลุ่มพวกเธอ ทำให้เธอกับพี่เก่งให้ไปมองอย่างแปลกใจ พี่คีปรับแสงไฟฉายของเขาให้ขยายแสงในวงกว้างขึ้น สายตายังจับจ้องไปบนผนังอย่างไม่วางตา

   “เฮ้ย!! คี มีอะไรวะ”

   “...”

   “พี่คี”

   “คุณคี” เราเรียกชื่อพี่คีกันจนคุณลลินทร์หันมามอง ก่อนเดินไปสมทบกับพี่คี “อย่างนี้นี่เอง คุณคีมองออกตั้งแต่แรกเลยสินะคะ”

   “ไม่ถึงกับอย่างนั้นหรอกครับ” คุณลินทร์กับพี่คียืนมองผนังนั้นอยู่นาน จนเธอและพี่เก่งต้องเดินไปสมทบ แต่เขาและเธอกลับไม่เข้าใจในสิ่งที่อีกสองคนเห็นเลยสักนิด จนโบตั๋นทนความเงียบของพี่คีไม่ไหว จึงเข้าไปสัมผัสความคิดของพี่คี

   “อ๋อ...อย่างนี้นี่เอง”

   “อะไรครับคุณโบตั๋น” พี่เก่งหันมากระซิบกับเธอ

   “มันเหมือนเกมอะไรสักอย่างค่ะพี่เก่ง พี่คีกับคุณลลินทร์กำลังหาทางเลื่อนหินสลักลายก้อนเมฆนั่นอยู่ พี่เก่งดูสิคะ ด้านบนสุดของประตู มีรอยบุ๋มอยู่ 4 รอย เราต้องพาเอาก้อนเมฆนั่นไปข้างบนนั้นค่ะ” เธอชี้ให้พี่เก่งดู

   “อ๋อ... เข้าใจแล้วครับ”

   เราทั้งสี่คนมองดูลวดลายบนผนัง เพื่อดูเส้นทางที่จะพาก้อนเมฆทั้งสี่ก้อนขึ้นไปบนฟ้า จนในที่สุดพี่คีก็มองออก จึงเดินเข้าไปขยับก้อนเมฆ แต่พอขยับก้อนหนึ่ง ก้อนที่เหลือก็เหมือนจะขยับตามไปให้ทิศทางที่พี่คีไม่ต้องการ

   “สงสัยเราคงต้องขยับพร้อม ๆ กันแล้วล่ะค่ะ” คุณลลินทร์บอกกับพี่คี

   “ถ้าอย่างนั้นคุณลลินทร์ขยับแบบนี้ ไปทางนี้แล้วก็นี่ ก่อนค่อยขึ้นไปนั่นนะครับ” พี่คีชี้บอกคุณลลินทร์ จากนั้นก็มากำกับเธอกับพี่เก่ง ให้ไปในทิศทางที่พี่คีกำหนด “เอาล่ะ เราขยับมันพร้อม ๆ กันนะครับ” พี่คีให้สัญญาณแล้วเราก็เริ่มขยับ เลื่อนก้อนเมฆตามที่พี่คีบอก

   “เปิดได้แล้ว ไชโย” เธอดีใจกระโดดจนตัวลอย

   พี่เก่งค่อย ๆ ก้าวเข้าไปก่อน ส่วนคุณลลินทร์ก็เดินกลับขึ้นไปตามคนของเธอ ข้างในมืดกว่าข้างนอกนี้มาก อีกทั้งกลิ่นอับชื้น ที่ลอยออกมาทำให้เธอต้องกลั้นหายใจไปชั่วระยะหนึ่ง บันไดที่ทอดตัวลงไปข้างล่างนั่น มันทำให้เธอขนลุก แต่ก็เดินตามหลังพี่เก่งไป โดยมีพี่คีเดินรั้งท้าย และเมื่อสุดทางเดิน พวกเราก็เจอกับห้องโถงขนาดใหญ่ ตรงกลางมีแท่นสำหรับทำพิธีอยู่

   แท่นทั้งแท่นเป็นหยกขนาดใหญ่ ริมสุดของแท่นมีหยกสองชิ้นฝังตัวอยู่จนแทบจะเป็นเนื้อเดียวกับแท่นพิธีนี้ หยกคู่กิเลน

   “เจอแล้ว...” โบตั๋นอุทานออกมาเสียงแผ่ว มองหยกสีมรกตนั่นไม่วางตา

To Be Continue

ออฟไลน์ Amo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-1
Re: หยก 17-11-18 {{:::62:::}}
«ตอบ #226 เมื่อ17-11-2018 23:42:37 »

62

    ผมมาถึงมาเก๊าแล้วก็ถูกแยกออกมาให้อยู่ในห้องพักของโรงแรมคนเดียว โดยมีคนของจุ้ยเถิงเฝ้าอยู่สองคน ส่วนคุณลตากับจุ้ยเถิง ผมไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่ไหน และทำอะไรกันอยู่

    ผมถูกขังอยู่ในห้อง แต่ก็มีอิสระพอที่จะเดินไปไหนมาไหนภายในห้องสี่เหลี่ยมนี้ได้ ผมออกไปสูดอากาศที่ระเบียง ที่นี่อากาศค่อนข้างเย็น จากมุมมองของห้องที่ผมถูกขังอยู่ มองลงไปเห็นสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ของโรงแรม ด้วยความสูงของห้องที่ผมอยู่สามารถมองออกไปยังทะเลกว้างสุดลูกหูลูกตา

    ผมประเมินดูแล้ว ผมสามารถหนีออกจากที่นี่ไปได้ไม่ยากนัก แต่ติดอยู่เรื่องเดียว เมฆาขาว ป่านนี้แล้ว ไม่รู้ว่าเมฆาขาวจะตกไปอยู่ในมือของจุ้ยอั้ยเต๋อรึยัง และคุณลตาจะเอามันกลับคืนมาได้ไหม?

    ‘หยก’

    ผมตกใจเสียงในความคิดของผม ไม่ใช่ว่าไม่เคยได้ยินเสียงในหัวแบบนี้ เพียงแต่

    ‘เจ่เจ้มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง’

    ‘ปลอดภัยใช่ไหมเรา’

    ‘ครับ หยกคิดถึงเจ่เจ้’

    ‘หยกเชื่อใจเจ่เจ้นะ อย่าเพิ่งทำอะไรวู่วาม ส่วนเรื่องเมฆาขาวของหยกไม่ต้องเป็นห่วง เหมิ๋นหลี่ต๋าเอามันกลับมาได้แน่นอน’

    ‘เจ่เจ้รู้เรื่องคุณลตา? ’

    ‘จ้า เจ่เจ้อยู่ใกล้ ๆ หยกนี่แหละ ไว้พร้อมเมื่อไร เจ่เจ้จะบอกอีกทีว่าหยกต้องทำยังไง’

    ‘เจ่เจ้ โบตั๋น’

    ‘ตั๋นไม่ได้อยู่ที่นี่ ไม่ต้องเป็นห่วง’

    ‘แล้วพี่เสือ...’

    ‘นั่นก็ไม่ต้องเป็นห่วง อีกไม่กี่วันหยกก็จะได้เจอคุณเสือแล้ว’

    เสียงของเจ่เจ้หายไปจากความคิดของผม ผมเคยคิดน้อยใจเจ่เจ้ที่ทำอะไรไม่บอกผม ปิดบังผม แต่พอเอาเข้าจริง แค่ผมได้ยินเสียงเจ่เจ้ในความคิด ผมก็ลืมความน้อยใจไปจนหมด ผมคิดถึงเธอเอามาก ๆ มันทำให้ผมรู้ว่าผมรักเธอและเธอก็รักผมมากแค่ไหน

........................................................................

    หงส์กลับมาจดจ่อกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าดังเดิม หลี่ต๋า เธอยืนอยู่ข้าง ๆ จุ้ยอั้ยเต๋อ เขาแนะนำหลี่ต๋าให้เธอรู้จักและบอกกับเธอว่า ระหว่างที่สามีกำมะลอของเธออยู่แต่กับเพื่อน หลี่ต๋าหรือลิลลี่ จะเป็นคนคอยดูแลเธอเอง

    “นภาเกรงใจคุณชายจุ้ยจังเลยค่ะ และขอบคุณมากนะคะคุณลิลลี่”

    “ผู้ชายก็แบบนี้แหละ ติดเพื่อนฝูง ยิ่งถ้าไม่ได้เจอกันนาน ๆ แล้วด้วย ส่วนลิลลี่ก็ว่างอยู่ ใช่ไหม?” ประโยคสุดท้ายเขาหันไปพูดกับหลี่ต๋า

    “ค่ะ ลิลลี่ก็ว่าง ๆ อยู่ นี่ถ้ามีคุณนภาเป็นเพื่อนไปช้อปปิ้ง ทำผม ทำสปา ลิลลี่คงหายเบื่อ”

    “ดีจังค่ะ ไปช้อปปิ้งกับเสือทีไร พออยากทำสปา ทำเล็บ ก็เกรงใจเสือเขานะคะ ที่ต้องมานั่นรอนานๆ”

    “เห็นทั้งสองคนคุยกันถูกคอแบบนี้ ผมก็ปลื้มใจ ถ้าอย่างนั้นผมปล่อยให้สาว ๆ คุยกันไปดีกว่า ผมขอตัว”

    “ขอบคุณมากนะคะ คุณชายจุ้ย”

    “ยินดีครับ” หงส์รับรู้ได้ถึงแผนการในความคิดของจุ้ยอั้ยเต๋อเป็นอย่างดี จึงปล่อยไหลไปตามน้ำ

    “คุณนภาสนใจจะนวดอโรม่าไหมคะ ลิลลี่มีที่ดี ๆ แนะนำคะ”

    “เอาสิคะ ตั้งแต่มาที่นี่ นภายังไม่ได้มีโอกาสไปนวดเลย แต่นภาขอแบบ VVIP เลยนะคะ”

    และร้านนวดอโรม่าที่หลี่ต๋าเลือกก็ VVIP สมใจเธอ เนื่องจากค่อนข้างเป็นส่วนตัวมาก ๆ หากไม่มีบัตรสมาชิกก็ไม่สามารถขึ้นมาโซนด้านบนได้เลย ทำให้พวกเธอรอดพ้นสายตาจากคนของจุ้ยอั้ยเต๋อไปได้ชั่วคราว

    เมื่อมาถึงห้องนวด เธอทั้งสองก็ต่างสำรวจเสื้อผ้า กระเป๋าของตนเองว่ามีเครื่องดักฟังติดมาด้วยหรือไม่ เมื่อเห็นว่าปลอดภัยแล้วเธอทั้งสองจึงได้คุยกันอย่างปกติ

    “ตาแทบจำคุณไม่ได้เลยนะคะคุณหงส์ ปลอมตัวจนไม่เห็นเค้าเดิมเลย”

    “ขึ้นชื่อว่าพวกจุ้ย ต้องระวังเป็นพิเศษค่ะ คนพวกนี้อิทธิพลเยอะ เส้นสายก็ไม่ใช่น้อย”

    “แล้วคุณหงส์จะทำยังไงต่อไปค่ะ ตอนนี้หยกถูกจุ้ยเถิงจับตัวไว้ รวมทั้งเมฆาขาวก็อยู่ในมือคนพวกนั้นด้วย”

    “คงต้องพลิกแพลงแผนตามสถานการณ์ค่ะ ตอนนี้หงส์กับคุณต้นติดต่ออากรค่อนข้างยาก เพราะถูกประกบทุกฝีก้าวเลย ไม่รู้ทางนั้นเป็นยังไงบ้าง”

    “ล่าสุดที่ตาได้คุยกับคุณเสือและคุณวรรณ รู้เพียงว่า คุณเสือจะตามมาที่นี่ แต่แผนเป็นยังไง ตาเองก็ไม่ทราบเหมือนกัน”

    “เมื่อวานหงส์เจอครูศักดิ์กับเจ็กลู่ ปลอมตัวเข้ามาหาหงส์กับคุณต้น เจ็กลู่น่าจะหาทางเข้าใกล้เพื่อคอยระวังหลังให้หงส์”

    “คุณหงส์มีแผนจะทำอะไรต่อไปค่ะ ตาพอช่วยได้ไหม”

    “หงส์จะวานให้คุณช่วยอยู่พอดีเลยค่ะ หงส์พอทราบว่าคุณชอบพนัน”

    “จุ้ยเถิงก็ต้องการให้ตามาอยู่ที่กาสิโนนี่เหมือนกัน”

    “ดีเลยค่ะ เราคงจะได้เล่นด้วยกันสักตาสองตา”

    “คุณหงส์เล่นเป็นด้วยเหรอคะ”

    “นิดหน่อยค่ะ”

    “ตาทราบมาว่าคุณเสือกำมะลอเล่นได้เกือบร้อยล้านเหรียญ นี่แผนคุณหงส์ใช่ไหมคะ?”

    “ค่ะ แต่นั่นเป็นเพียงแค่เริ่มต้นเท่านั้น ต่อจากนี้ไปจะเป็นสิ่งที่หงส์หวังเอาไว้”

    “คุณหงส์ ให้หลิวลู่เข้ามาใช้ที่นี่สำหรับส่งข่าวได้นะคะ ฉันรู้ว่าคุณมีวิธีบอกคุณหลิว”

    “ที่นี่?”

    “ใช่ค่ะ ที่นี่ เฉพาะโซน VIP เป็นคนของเหมิ๋น”

    “คนของเหมิ๋น?”

    “คุณหงส์คงไม่คิดว่าผู้หญิงอย่างตาจะทำงานเพียงคนเดียวหรอกนะคะ”

    หลี่ต๋ายิ้มให้กับเธอ คนของเหมิ๋นก็คงจะมีอิทธิพลไม่น้อย เพียงไม่แสดงตัวตน หรือกร่างบ้าอำนาจอย่างจุ้ย เหมือนฟ้าขีดเส้นเอาไว้ให้พยัคฆ์เดินมาพบหยก เพียงเพราะหยกเจอคุณพยัคฆ์เพียงคนเดียว ทำให้ผู้คนต่างหลั่งไหลมาช่วยครอบครัวของเธอ อากรรวมทั้งคนของเขา ไม่เว้นแม้แต่คนตรงหน้า และคงเป็นเพราะคุณเสืออีกนั่นแหละที่ทำให้เจ็กลู่ยอมที่จะเข้าไปหาคนที่เขารัก...อีกครั้ง

    “ขอบคุณมากนะคะ คุณลตา ขอบคุณจริง ๆ หงส์ไม่รู้ว่าจะตอบแทนตระกูลเหมิ๋นได้ยังไง”

    “คุณหงส์ก็รู้ ว่าสิ่งที่เหมิ๋นจะขอกับฝู่ มันก็มากมายเสียจน เหมิ๋นเองยังเกรงใจ”

    “สิ่งที่เหมิ๋นอยากได้ มันไม่มีค่าอะไรในสายตาของพวกเราเลยค่ะ สำหรับพวกเราแล้ว ครอบครัวและคนที่เรารัก สำคัญจนสิ่งวิเศษอะไรก็ทดแทนมันไม่ได้”

    “ตาเข้าใจค่ะ เพื่อเป็นการตอบแทน ตาจะดูแลหยกให้ดีที่สุด”

    “ขอบคุณค่ะ ขอบคุณจริงๆ”

    “ถ้าอย่างนั้น ทางฝู่มีแผนอะไร บอกตามาได้เลยค่ะ เหมิ๋นยินดีช่วยพวกคุณเต็มที่”

    เธอและลตามีเวลาราว 2 ชั่วโมงในการนวด ซึ่งที่จริงแล้วน่าจะเป็นการเล่าแผนต่าง ๆ ให้คุณลตารับรู้มากกว่า ซึ่งคุณลตาเองก็ช่วยเสริมในจุดที่คิดว่าทางเธอคนไม่พอ จนได้บทสรุปในที่สุด

    “ต่อจากนี้คงต้องฝากคุณลตาช่วยประสานงานระหว่างหงส์กับเจ็กลู่แล้วล่ะค่ะ”

    “ได้ค่ะ ตอนนี้ได้เวลาที่เราต้องลงไปกันแล้ว เราจะไปไหนกันต่อดีค่ะ?”

    “ไปช้อปปิ้งอีกสักหน่อย ให้สมกับที่ตาเฒ่าจุ้ยเรียกหงส์ว่าสาวบ้าช้อปฯ กันดีกว่าค่ะ”

    “ตามนั้นเลยค่ะ”

    พวกเธอเดินลงมาถึงด้านล่างที่เป็นโซนลูกค้าปกติ ด้านหน้าร้าน หงส์ก็รับรู้ได้ถึงคนที่จับตามองพวกเธออยู่ เธอกับคุณลตาจึงพากันไปเดินช้อปปิ้งกันต่อ

........................................................................

    พยัคฆ์ได้รับข่าวจากเก่งว่าพวกนั้นจะเดินทางไปที่มาเก๊าล่าช้ากว่ากำหนดการ 1 วัน เพราะบังเอิญไปเจอแท่นทำพิธีเข้า และที่เหลือเชื่อยิ่งกว่านั้น โบตั๋นเจอคู่หยกกิเลนแล้ว

    ทางด้านอากร ที่ให้ฝู่ไฉ๋ตรวจสอบวันเดือนปีเกิดของจุ้ยเถิงในฐานข้อมูลของเยี่ยนหว๋อ ก็ปรากฏว่า จุ้ยเถิงเป็นหนึ่งในผู้ที่สามารถชำระล้างเมฆาขาวได้จริงๆ แต่มันจะยอมทำในสิ่งพวกเราต้องการได้ยังไง

    ตอนนี้หงส์แต่งตั้งอากรเป็นผู้แลเยี่ยนหว๋ออย่างเป็นทางการ โดยฝู่ไฉ๋กำลังเตรียมงานแถลงข่าวอยู่อย่างเงียบ ๆ ซึ่งงานนั้นจะจัดขึ้นในเวลาพร้อมๆ กันกับที่ต้นสามารถยึดกาสิโนของจุ้ยอั้ยเต๋อได้ และจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่เขาบุกเข้าไปช่วยเก๋อหมิง

    เขาต้องยอมรับว่า การมีคุณลตาเข้ามาช่วยแบบนี้แล้ว มันทำให้พวกเขาทำงานง่ายขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการสื่อสารกับหงส์ ที่ก่อนหน้านี้ต้องระวังตัวมากจนบางครั้งก็แทบจะไม่รู้ข่าวเลย แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าอาชาติจะค่อนข้างโล่งใจ

    “คุณเสือค่ะ ข่าวจากคุณภาค่ะ” คุณวรรณเดินเข้ามาหาเขา ที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นของบ้านพัก

    “เรื่องทางโน้นเรียบร้อยแล้วนี่ครับ หรือว่าเกรียงไกรกับนายเมฆหลุดไปได้”

    “นายเมฆดิ้นไม่หลุดหรอกค่ะ เจอทั้งหลักฐานกับพยานที่คุณภารวบรวมไว้ขนาดนั้น แต่นายเกรียงไกรนี่สิ” พยัคฆ์ลุกพรวดขึ้นมาทันที ทั้งที่คุณวรรณยังพูดไม่ทันจบ

    “คุณหญิงกับคุณสุพรรณษาคงหาทางช่วยมันจนได้”

    “ไม่มีใครช่วยคุณเกรียงไกรจากยมทูตได้หรอกค่ะ”

    “หมายความว่ายังไง มัน...”

    “ค่ะ คุณเสือดูนี่สิคะ” คุณวรรณยื่นแทบเล็ทให้กับเขา พาดหัวข่าวที่บ่งบอกว่านายเกรียงไกรถูกแทงเสียชีวิตในผับ

    “คนอย่างมันไม่น่าจะกล้าไปทะเลาะกับใคร”

    “วรรณก็คิดแบบนั้นค่ะ วรรณว่าเรื่องนี้อาจจะมีเบื้องหลัง”

    “...”

    “เดี๋ยววรรณจะให้คนของเราทางนั้นลองสืบดู”

    “ไม่ต้อง มันไม่ใช่เรื่องของเรา เรื่องนี้คุณหญิงคงจะจัดการเองได้”

    “ค่ะ? ...รับทราบค่ะเจ้านาย”

    พยัคฆ์คิดไม่ต่างไปจากคุณวรรณ เพียงแต่เขาไม่อยากเข้าไปวุ่นวาย เขาหวังเพียงแต่ว่า เรื่องนี้คงไม่ใช่ฝีมือของจุ้ยเถิง เพราะถ้าเป็นแบบนั้น หยกก็อันตรายมากที่อยู่กับคนอย่างมัน

........................................................................

    ตั้งแต่วันนั้นที่เจ่เจ้ติดต่อผมผ่านทางความคิด ผมก็ไม่ได้เจอหรือคุยกับเจ่เจ้อีกเลย แม้แต่คุณลตาก็หายไปด้วย ผมเริ่มนั่งไม่ติด รู้สึกกระวนกระวายใจไปหมด ในหัวผมคิดเพียงแต่ว่า คนอื่น ๆ เขาทำอะไรกันอยู่บ้าง ในระหว่างที่ผมเอาแต่นั่งๆ นอนๆ เดินไปเดินมาอยู่แบบนี้

    เจ่เจ้บอกว่าผมจะได้เจอพี่เสือเร็ว ๆ นี้ นั่นเพราะทุกอย่างกำลังจะจบลง หรือเพราะพี่เสือจะตามผมมาที่นี่ ผมอยากเจอพี่เสือ อยากขอโทษที่ทำตัวงี่เง่า แต่ก็ไม่อยากให้เขามาเสี่ยงที่นี่ ผมยังจำภาพที่นายเกรียงไกรโดนคนของจุ้ยถิงซ้อมได้ติดตา ผมไม่อยากให้พี่เสือต้องมาเจ็บตัวแบบนั้น

    เวลาเพียงไม่นานที่เจอพี่เสือ มีเรื่องราวต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย ถ้าไม่เพราะเมฆาขาว และเรื่องเยี่ยนหว่อ ผมกับพี่เสือคงจะได้ใกล้ชิดกันมากกว่านี้

    “อาหยง” ผมหันไปตามเสียงเรียก คนที่ผมไม่อยากจะเจอเลย แต่ดันต้องมาติดแหง็กอยู่กับไอ้ฝรั่งนี่

    “...” ผมหันกลับไปมองวิวนอกระเบียงเหมือนเดิม ผมได้ยินหมอนั่นถอนหายใจ

    “ฉันรู้ว่านายเกลียดฉัน แต่ถ้านายไม่บอกวิธีใช้หยกวิเศษนั่น นายก็ต้องทนเห็นหน้าฉันแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ”

    “...” เขาเข้ามาถามคำถามเดิม ๆ ได้ทุกวัน ไม่เบื่อบ้างรึไงน่ะ

    “อาหยง...”

    “...”

    “ถ้านายไม่บอกเรื่องวิธีใช้ อย่างนั้นบอกเรื่องน้ำหมึกสีครามนั่นก็ได้”

    “...” นั่นก็เป็นอีกคำถามที่เขามักจะถาม ซึ่งข้อนี้ผมไม่รู้จริง ๆ

    “อาหยง”

    “อย่ามาเรียกผมแบบนั้นนะ แล้วก็ผมบอกคุณไปตั้งกี่ครั้งกี่หนแล้ว ว่าผมไม่รู้”

    “นายนี่ไม่เห็นเหมือนอาหงส์สักนิด นี่ถ้าหน้าตาไม่เหมือนกันขนาดนี้ ฉันไม่มีทางเชื่อแน่ ๆ ว่านายเป็นน้องชายอาหงส์”

    “นายรู้จักเจ่เจ้ได้ยังไง นายคงไม่...” ผมตกใจ เมื่อไอ้ฝรั่งนี่ อยู่ ๆ ก็เอ่ยถึงเจ่เจ้ ราวกับรู้จักเจ่เจ้เป็นอย่างดี

    “ใจเย็น ๆ ฉันไม่รู้หรอกนะว่าฝู่หงส์อยู่ที่ไหน ฉันก็แค่มีความทรงจำของอาหงส์อยู่ อาหงส์ที่สุขุมเยือกเย็น ไม่ได้ขี้โวยวายเหมือนอย่างนาย” สิ่งที่จุ้ยเถิงพูดทำให้ผมโล่งใจ

    “หึ!! ผมก็ส่วนผม เจ่เจ้ก็ส่วนเจ่เจ้ คนละคนกัน อีกอย่างคุณไม่มีสิทธิ์ที่จะมาพูดเปรียบเทียบผมกับเจ่เจ้แบบนี้”

    “ฉันว่าฉันอาจจะดูนายผิดไปนะ” จุ้ยเถิงขยับเข้ามาใกล้ผมด้วยท่าทีคุกคาม

    “จะดูถูก หรือดูผิดมันก็เรื่องของคุณ ไม่เกี่ยวกับผมสักหน่อย” ผมขยับถอยหลังเล็กน้อยเมื่อเขาก้าวเข้ามา

    “จริง ๆ แล้วนายนิสัยเหมือนอาหงส์สินะ แต่แกล้งโวยวายให้ฉันรำคาญ ฉันจะได้ไม่ยุ่งกับนาย” เขาขยับเข้ามาใกล้ผมมากขึ้นจนผมต้องถอยหลังไปจนชิดประตูระเบียง “ฉลาดดีนี่ ดูฉันออกแต่แรกเลยสินะ”

    “คุณจะทำอะไร”

    “บอกฉันมาดีๆ จะดีกว่า ว่าหยกนั่นใช้งานยังไง”

    ผมเริ่มทนท่าทีคุกคามของหมอนั่นไม่ไหว จึงหงายมือขึ้นหวังจะกระแทกปลายคางของคนที่คุกคามผม แต่จุ้ยเถิงก็คว้าข้อมือผมไว้ได้ แถมยังจับผมดัดหลังเพื่อจะกดผมลงกับโซฟา มีหรือผมจะยอม ผมพลิกตัวกลับอย่างรวดเร็วพอๆ กัน ทั้งที่ข้อมือยังคงอยู่ในมือหมอนั่น และเป็นฝ่ายคว้ามือหนานั่นไว้แทน ก่อนจับเขาดัดหลังและกดลงบนโซฟาแทนที่ผม

    “เก่งไม่เบานี่” จุ้ยเถิงว่าก่อนพลิกตัวกลับ ผมก้าวถอดออกมาในระยะที่ผมคิดว่าปลอดภัย

    “...” ผมได้แต่จ้องมองไม่พูดอะไร

    “ฝีมืออย่างนาย คิดจะหนีก็หนีฉันได้ แต่ไม่หนีเพราะเจ้าสิ่งนี้ใช่ไหม” จุ้ยเถิงล้วงเอาห่อกำมะหยี่สีแดงขึ้นมา ไม่ต้องเดาผมก็พอจะรู้ว่ามันคือเมฆาขาว

    “คุณคืนของของผมมาดีกว่า” ถ้าไม่ได้สัมผัสเมฆาขาวโดยตรง ๆ ผมก็มีสิทธิ์ที่จะแย่งมันกลับมาได้

    ‘หยกเชื่อใจเจ่เจ้นะ อย่าเพิ่งทำอะไรวู่วาม ส่วนเรื่องเมฆาขาวของหยกไม่ต้องเป็นห่วง เหมิ๋นหลี่ต๋าเอามันกลับมาได้แน่นอน’

    คำพูดในความคิดของเจ่เจ้...

    แต่นี่มันเป็นโอกาส ที่ผมจะเอาเมฆาขาวกลับมาได้...



To Be Continue

ออฟไลน์ hewlett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 560
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-3
Re: หยก 17-11-18 {{:::62:::}}
«ตอบ #227 เมื่อ18-11-2018 15:36:57 »

แผนร้ายกาจมากวันฮุบตืนมาทุกอย่าง

ออฟไลน์ Amo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-1
Re: หยก 26-11-18 {{:::63:::}}
«ตอบ #228 เมื่อ26-11-2018 12:43:11 »

63



   จุ้ยเถิงอ่อนใจกับคนตรงหน้า เขาสังเกตเห็นฝู่หยงที่ระยะเริ่มทำท่าทีนิ่งเฉยแทนที่จะโวยวายเหมือนทุกครั้ง คงจะหมดมุกที่จะทำทีโวยวายแล้วสิท่า ตอนนั้นเขาเองก็ไม่ทันเฉลียวใจ เพราะลตาเพิ่งพาตัวฝู่หยงกลับมาหลังจากที่แผนการยงหนีออกไปได้

   ตอนที่เขาเฝ้าดูฝู่หยงที่ร้านอาหาร ก็พอมองออกว่าคนตรงหน้าติดจะเป็นคนใจเย็นแค่ไหน พอไล่ต้อนซะจนมุมฝู่หยงถึงขึ้นลงไม้ลงมือ และฝีมืออย่างเขา คนที่เฝ้าที่นี่เพียงสองคน เอาคนตรงหน้าไม่อยู่แน่ ๆ ถ้าหมอนี่ไม่ยอมอยู่

   “ฉันเคยบอกนายแล้วใช่ไหม ว่ามันไม่ใช่ของนายอีกต่อไปแล้ว”

   “...” ฝู่หยงได้แต่เงียบ ไม่ได้ตอบอะไร แต่ยังคงระวังตัว ไม่ให้เขาเข้าใกล้ และยังไม่มีทีท่าจะเข้ามาแย่งถุงในมือ ถุงใส่หยกแต่ไม่ใช่เมฆาขาวแน่นอน

   “ว่ายังไง นายต้องการสิ่งที่อยู่ในมือฉันมากไม่ใช่รึไง ทำไมไม่เข้ามาเอาไปล่ะ”

   “หึ!! ” ฝู่หยงหันหลังกำลังจะเดินกลับเข้าห้องของตัวเองไป ไม่หลงกลเขาง่าย ๆ เขาจึงพุ่งตรงไปคว้าไหล่ของฝู่หยงไว้ ฝู่หยงสะบัดไหล่แต่มันไม่หลุดไปจากมือของเขา แต่เมื่อโดนโต้กลับ เป็นเขาเสียเองที่เป็นฝ่ายถอยออกมา

   ฝีมือของฝู่หยงไม่ใช่ย่อย ๆ เลย นี่ขนาดตัวเล็กว่าเขามาก ให้สู้กันจริง ๆ ตัวต่อตัว เขายังไม่แน่ใจว่าจะสามารถเอาชนะฝู่หยงได้รึเปล่า แล้วทำไมวันนั้น ฝู่หยงถึงได้พลาดท่าให้กับเขาง่าย ๆ กันนะ?

   ฝู่หยงตัวเล็กกว่า แรงน้อยกว่า แต่ก็ป้องกันจนไม่มีช่องว่างให้เขาได้โจมตีแม้แต่น้อย จนเขาส่งสัญญาณให้คนของเขาเข้ามาช่วยฝู่หยงก็รับมือได้ดีทีเดียว พวกเขาสามคนรุมอยู่นานฝู่หยงก็ไม่มีทีท่าว่าจะแรงตกลงไปเลย แล้วเพราะอะไรกัน?

   “พอแล้ว” เขาตะโกนบอกคนของเขา ฝู่หยงก็ได้แต่ระวัง แต่ไม่ได้บุกเข้ามา เขาเห็นท่าทางที่ดูเหนื่อยเล็กน้อยเท่านั้น “นายตั้งใจให้ฉันจับตัวมาใช่ไหม?” เขาเลือกที่จะถามฝู่หยงตรง ๆ

   “...”

   “นี่นาย!! ” เขาโมโหกับอาการเงียบของฝู่หยงมาก แต่ก็ต้องใจกระตุกเมื่อใบหน้าที่ค่อย ๆ ขึ้นสีชมพูอ่อน ๆ ของอีกฝ่าย คงเพราะได้ออกกำลัง “อาหยง...”

   ฝู่หยงไม่ตอบอะไร ได้แต่หันหลังเดินเข้าห้องไป ทิ้งให้เขาไม่เข้าใจตัวเองอยู่กับคนของเขา ภาพของคนตรงหน้าเมื่อกี้มีผลกับเขาอย่างแรง ก่อนจะมีภาพฝู่หงส์ซ้อนทับขึ้นมา

   “นายน้อย เหล่าไป่ให้เตรียมตัวได้แล้วครับ”

   เขาไม่รู้ว่านิ่งค้างอยู่ตรงนั้นนานเท่าไร และคนของลุงเข้ามาที่นี่ตั้งแต่ตอนไหน นี่เขาคิดผิดหรือคิดถูกที่เข้ามาหาอาหยงก่อนทำงานสำคัญ ทั้งที่คิดว่าจะได้ข้อมูลอะไรแท้ ๆ

........................................................................

   หงส์ คุณต้น คุณศักดิ์ นั่งรวมกันอยู่ในห้องรับรองของจุ้ยอั้ยเต๋อ โดยที่เจ็กลู่ยื่นอยู่ด้านหลังของคุณศักดิ์ คุณลตานั่งอยู่ฝั่งจุ้ยอั้ยเต๋อ ระหว่างที่พวกเธอนั่งรอใครบางคนอยู่ซึ่งหงส์รู้ดีว่าใครกำลังมา

   “หลานชาย จะไม่แนะนำเพื่อนให้รู้จักหน่อยเหรอ ท่าทางจะสนิทกันมากนะถึงพาเข้ามาในนี้ด้วย”

   “ผมขอโทษคุณชายจุ้ยที่เสียมารยาท ผมลืมแนะนำเพื่อนของผมไป นี่มิสเตอร์คิม วุก เจ เพื่อนสนิทขอผมเอง เราไม่ได้เจอกันหลายปีแล้วครับ”

   “หืม...หลานชายนี่กว้างขวางนะ มีเพื่อนชาวเกาหลีด้วย”

   “อันที่จริงผมถือสัญชาติไทยครับ แต่เวลาไปต่างประเทศก็มักจะใช้ชื่อนี้” คุณศักดิ์อธิบาย

   “อ่อ อย่างนั้นเองเหรอ แล้ววันนี้มิสเตอร์คิมจะเล่นกับพวกเราด้วยไหมล่ะ?”

   “คงไม่ละครับ ผมไม่ถนัด ขอเป็นกองเชียร์ดีกว่า”

   “อย่างนั้นก็ตามใจ ว่าแต่ข้างหลังคุณนั่น?”

   “อ่อ นี่หลิวลู่ ผู้ช่วยและบอร์ดี้การ์ดของผมเองครับ” เจ็กลู่ค้อมศีรษะเล็กน้อยอย่างมีมารยาทแต่ไม่ได้แสดงสีหน้าหรือท่าทางใดๆ ออกมา

   ทุกคนที่นั่งหันไปเผชิญหน้ากับจุ้ยอั้ยเต๋อ ต่างเห็นกันทั้งนั้นว่าจุ้ยอั้ยเต๋อมีท่าทางตกใจแค่ไหน เพียงเพราะได้ยินชื่อเจ็กลู่

   “มิสเตอร์จุ้ยเป็นอะไรรึเปล่าครับ” คุณศักดิ์ถาม

   “อ่อ ไม่มีอะไรๆ เพียงแต่ผมมีเพื่อนชื่อแซ่เดียวกันกับผู้ช่วยของคุณ ทำให้ผมคิดถึงเขาขึ้นมา”

   “เพื่อน? หลิว นายรู้จักมิสเตอร์จุ้ยมาก่อนรึเปล่า” เจ็กลู่ส่ายหน้าให้กับคุณศักดิ์

   “หลิวลู่คนนี้ไม่ใช่เพื่อนผมหรอกครับมิสเตอร์คิม ผมได้ข่าวว่าเพื่อนผมน่ะเสียชีวิตไปนานแล้ว”

   “ผมเสียใจด้วยนะครับ” คุณศักดิ์ว่าก่อนหันไปคุยกับคุณต้น “เฮ้ยเสือ วันนี้แกเล่นกับใครวะ”

   “หลานคุณชายจุ้ยน่ะ เห็นว่าฝีมือดี”

   “แล้วเดิมพันเท่าไรว่ะ?”

   “ยังไม่ได้คิดว่ะ ทุกทีกูก็แล้วแต่คุณจุ้ย”

   “แบบนั้นจะไปมันอะไรว้า...”

   “แล้วแบบไหนถึงจะมันล่ะ?”

   “มิสเตอร์จุ้ย ผมขอเสนอเรื่องเดิมพันหน่อยได้ไหมครับ?”

   “มิสเตอร์คิมมีอะไรจะชี้แนะ ว่ามาเลย”

   “คุณมีโรงแรม กับกาสิโน ไอ้เสือมีบริษัทฯ รักษาความปลอดภัยระดับประเทศ คุณเห็นว่ายังไงครับ”

   “มันออกจะดูไม่แฟร์เท่าไรสำหรับผมน่ะสิ”

   “แล้วเงินที่ผมเล่นได้จากกาสิโนล่ะ” คุณต้นถามออกมาบ้าง

   “หลานชาย เงินนั่นมีมูลค่าเพียง 10 เปอร์เซ็นต์ของโรงแรมผมเองนะ”

   “เอาอย่างนี้ไอ้เสือ กูให้มึงยืมสถาบันกู 8 แห่งทั้งในไทยและเกาหลี” คุณศักดิ์พูดกับคุณต้น ก่อนหันไปหาจุ้ยอั้ยเต๋อ “แบบนี้พอไหวไหมครับ”

   “อืม...น่าสนใจ”

   “เฮ้ย!! ไม่ได้ดิ ของๆ มึงจะเอามาให้กูได้ยังไง”

   “แบบนี้สิตื่นเต้นดี มึงชอบเรื่องท้าทายไม่ใช่รึไงล่ะ”

   “มันก็จริง แต่...”

   “ถ้ามึงเสีย มึงก็แค่เป็นหนี้กู”

   “แม่งพูดเป็นลางนะมึง”

   “จะเอาหรือไม่เอา?”

   “นภาว่ายังไงครับ” คุณต้นหันมาถามเธอ

   “นภาว่า...”

   “คุณนภาปล่อยให้ผู้ชายเขาเล่นกันไปสนุก ๆ เถอะค่ะ ยังไงคุณก็แยกกระเป๋ากับคุณเสืออยู่แล้ว เสร็จจากที่หนุ่ม ๆ เขาเล่นกัน คุณกับลิลลี่ก็ยังไปช้อปปี้กันต่อได้ ไม่ว่าผลมันจะออกมาเป็นยังไงไม่ใช่เหรอคะ” คุณลตาช่วยเธอกระตุ้นการตัดสินใจ จุ้ยอั้ยเต๋อก็ดูจะลุ้นอยู่ไม่น้อย

   “ตามใจเสือสิคะ นภายังไงก็ได้”

   “ไม่งอนผมนะครับที่รัก”

   “ทีกับเมียล่ะเสียงอ่อนเสียงหวาน” คุณศักดิ์ถึงกับแซว

   “ข้าวใหม่ปลามันก็แบบนี้แหละครับ มิสเตอร์คิม”

   เสียงประตูเปิดออก คนที่พวกเธอรออยู่ก็เดินเข้ามา จุ้ยเถิงมองที่เธอเล็กน้อย ก่อนเดินไปนั่งข้าง ๆ จุ้ยอั้ยเต๋อ

   “ผมขอแนะนำ หลานชายของผม จุ้ยเถิง วันนี้เขาจะเป็นคนเล่นแก้มือให้กับผม”

   “ลิลลี่จะอธิบายเพิ่มเกี่ยวกับกติกาเล็กน้อยนะคะ เราจะเล่นกัน 3 ตา คนที่ชนะ 2 ใน 3 จะได้สิ่งเดิมพันไปทั้งหมด” คุณลตาเว้นจังหวะพูดก่อนหันมาสบตาคุณต้นเล็กน้อย “แบบนี้ตื่นเต้นพอไหมคะคุณเสือ”

   ‘หยก เจ่เจ้ต้องการให้หยกทำตามที่เจ่เจ้บอก ตอนนี้หยกต้อง...’

   การเล่นโป๊กเกอร์ตาแรกเริ่มขึ้นโดยที่หงส์ไม่ได้ช่วยเหลือคุณต้นสักนิด เธอปล่อยให้คุณต้นเล่นของเขาเอง โดยที่เธอจดจ่อกับสิ่งที่หยกต้องทำ

........................................................................

   คีกำลังจดจ่ออยู่หน้าจอเพิ่งแฮ๊กค์ระบบรักษาความปลอดภัยของโรงแรมและกาสิโนของจุ้ยอั้ยเต๋อได้ โดยมีคนของฝู่ไฉ๋คอยเป็นลูกมืออยู่ เขาไม่สามารถเฝ้ามองกล้องทั้งหมดเพียงคนเดียวได้

   เขามาถึงมาเก๊าตั้งแต่เมื่อวาน หลังจากที่คุยเรื่องแผนการกับเจ๊วรรณแล้ว เขาก็ลงมือทำงานทันที เครื่องมือต่าง ๆ คนของเหมิ๋นก็เป็นคนเตรียมเอาไว้ให้

   สิ่งที่เขาต้องทำตอนนี้คือ ทำอย่างไรก็ได้ให้กล้องวงจรปิดไม่สามารถจับภาพคุณหยกที่กำลังทำตามแผนของคุณหงส์

   คีเฝ้ามองหน้าจอราวกับกำลังดูหนังแอคชั่นอยู่ก็ไม่ปาน คุณหยกเก่งมาก ใช้มือเปล่ารับมือคุณของจุ้ยได้ ปกติ คุณหยกที่เป็นฝ่ายรับ พอต้องรุกขึ้นมา ทั้งรวดเร็วและแม่นยำ เขาถึงกับกลัวแทนคุณพยัคฆ์เลยทีเดียว หากทำให้คุณหยกโกรธขึ้นมาจะเป็นอย่างไร

   “เก่ง คุณหยกเข้าไปที่ห้องเซฟแล้วนะโว้ย มึงเตรียมพร้อมไว้ด้วย” เขาสื่อสารกับเก่งผ่าน ว. จนเห็นคุณหยกได้เมฆาขาวคืนมาแล้ว “คุณหยกกำลังลงลิฟต์ไปที่ล๊อบบี้ ที่เหลือมึงจัดการด้วย กูต้องไปจัดการอีกห้องหนึ่งก่อน ระวังตัวด้วยนะมึง

........................................................................

   วรรณามาดักรอคนของจุ้ยระหว่างทางที่จะไปท่าเรือสำหรับข้ามไปมาเก๊า เธอซุ่มอยู่บนอาคารหนึ่ง คนของเยี่ยนหว่อที่มาร่วมทีมครั้งนี้ ก็เตรียมพร้อมอยู่บนถนนเบื้องล่าง ถึงแม้เธอจะห่างหายจากงานลักษณะนี้ไปนาน แต่งานง่าย ๆ แค่การสกัดรถของเป้าหมาย ก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรสำหรับเธอ

   และแล้วเวลาที่เธอรอคอยก็มาถึง ขบวนรถเป้าหมายขับตามกันมา 4 คัน คนของเยี่ยนหว๋อที่เตรียมพร้อมอยู่ที่ด้านล่างถอยรถออกมาอย่างคนที่ไม่ระวังทำให้รถคันแรกที่ขับมาด้วยความเร็ว หักพวงมาลัยหลบจนเกิดเสียงล้อที่บดกับถนน เสียงที่ดังเรียกความสนใจจากรถรอบข้าง

   รถอีกคันของเยี่ยนหว๋อที่ตามประกบมาระหว่างทางก็ทำทีเหมือนหลบไม่ทัน จนเกิดการเฉี่ยวกันเล็กน้อย ปืนสไนเปอร์ของเธอที่ตั้งรอท่าอยู่แล้วอาศัยจังหวะรถชะลอตัว เธอลั่นไกยิงเข้าที่ยางรถคันแรก จากที่แค่เฉี่ยวเลยกลายเป็นชนเข้าเต็ม ๆ

   ความโกลาหลของอุบัติเหตุที่ถนนด้านล่าง ทำให้การจราจรติดขัดทันที ถนนสามเลนส์มีอุบัติเหตุขวางอยู่ ขบวนรถที่เหลือตามมา ก็หาทางแทรกออกจากพื้นที่นั้นได้ยาก กว่าจะหลุดจากตรงนั้นมาได้ ก็คงจะไม่ทันเรือข้ามฟากเที่ยวนี้แล้ว

   
........................................................................

   พยัคฆ์ที่ดักรออยู่ที่หน้าบ้านตระกูลฝู่พร้อมกับเอและต้า เพื่อรอสัญญาณจากคีและคุณวรรณ เพื่อนของอากรนำรถพยาบาลมาจอดรอที่จุดนัดพบ ไม่ไกลจากที่นี่มากนัก ตอนนี้ทุ่มกว่า ๆ ทางหงส์น่าจะเริ่มแผนการแล้ว และอีกไม่นานทางอากรและฝู่ไฉ๋คงจะแถลงข่าวเกี่ยวกับเยี่ยนหว๋อ

   ‘เก่งได้ตัวคุณหยกแล้วครับ’ เสียงคีดังมาจาก ว.

   “หยกเป็นยังไงบ้าง ปลอดภัยไหม?” เขาถามด้วยความเป็นห่วง

   ‘ปลอดภัยดีครับ เก่งกำลังพามาหาผม’

   ‘ทางวรรณเรียบร้อยแล้วนะคะ คุณเสือจัดการต่อได้เลยค่ะ’ คุณวรรณที่อยู่อีกด้านหนึ่ง ว. ส่งสัญญาณเข้ามา

   “เข้าใจแล้ว เลิกการติดต่อชั่วคราว”

   ‘ครับ/ค่ะ’

   “ถึงตาพวกเราออกโรงกันบ้างแล้ว” เอพูดขึ้นอย่างนึกสนุก

   “อย่างประมาทไป นั่นมันชีวิตคนทั้งคนเลยนะ” เขาพูดปรามเอที่นั่งอยู่เบาะคู่หน้าคนขับ

   “ขอโทษครับบอส”

   “แยกย้ายกันไปทำงานตามแผน” พยัคฆ์พูดขึ้นก่อนทั้งเขา เอ และ ต้าจะทยอยลงจากรถ โดยมีคนของฝู่ไฉ๋ขับรถไปจอดรอที่จุดนัดหมาย

   พยัคฆ์เดินลัดเลาะไปยังริมกำแพงด้านหนึ่ง จนมาถึงจุดที่ใกล้ห้องทำงานที่สุด เขายืนรอสัญญาณจากคีอีกครั้ง

   “ฉันถึงจุดสตาร์ทแล้ว” เขาพูดผ่าน ว.

   ‘ผมถึงจุดสตาร์ทแล้วครับ’ ต้าที่อยู่อีกจุดรายงานเข้ามา

   ‘อีก 30 วิครับ’ เอรายงาน

   ‘ระบบในบ้านจะถูกตัดภายใน 90 วินาที’ คีแจ้งเข้ามา ทำให้พวกเขาจับเวลาเพื่อนับถอยหลัง ‘ระบบจะถูกตัดเป็นเวลา 3 นาที ทุกคนระวังตัวด้วยนะครับ จำไว้ว่ามีเวลาแค่ 30 นาทีระหว่างที่ทางเยี่ยนหว่อ ถ่ายทอดสดการแถลงข่าวผ่านทางช่องเฮดเคเอทีวี’

   ‘รับทราบ’ พวกเขาทั้งสามพูดออกมาพร้อมเพรียงกัน

   ‘ระบบจะตัดภายใน 5 4 3 2 1’ เมื่อสิ้นเสียงของคี พยัคฆ์ก็ปีนข้ามกำแพงเข้าไปภายในตัวบ้าน ก่อนลัดเลาะตามแนวพุ่มไม้ไปยังจุดหมาย

........................................................................

   ฝู่ไฉ๋กับคณะกรรมการอีก 4 คนของเยี่ยนหว่อรวมถึงทนายเหอ ซึ่งเป็นของจุ้ยอั้ยเต๋อ นั่งอยู่บนเวทีที่กำลังจะมีการแถลงข่าวในไม่ช้า เก้าอี้ข้างเธอถูกเว้นไว้ สำหรับเหลาไป่เหนียง

   นักข่าวจากสำนักต่าง ๆ พากันทยอยนั่งตามโต๊ะ เพื่อเตรียมความพร้อม ทุกสำนักค่อนข้างให้ความสนใจกับการแถลงข่าวของเยี่ยนหว๋อในครั้งนี้มาก และทุกคนต่างพากันสงสัยว่าเหตุใดถึงไม่มีคนของจุ้ยอั้ยเต๋อเข้าร่วมงานครั้งนี้ นอกจากทนายความประจำบริษัทฯ เท่านั้น

   “สวัสดีเพื่อนนักข่าวและพี่น้องสื่อมวลชนทุกท่าน สำหรับค่ำคืนนี้ ดิฉันฝู่ไฉ๋ ได้รับมอบหมายจากเหลาไป่เหนี่ยง เป็นตัวแทนของเยี่ยนหว๋อขอกล่าวต้อนรับทุกท่าน ที่เข้ามาร่วมงานแถลงข่าวของเราในวันนี้ ต่อจากนี้ไปจะมีเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ เดินแจกเอกสารเกี่ยวกับงานแถลงข่าวที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้าค่ะ”

   เมื่อเธอกล่าวจบ พนักงานที่ได้รับมอบหมายก็เดินแจกจ่ายเอกสารให้กับนักข่าวทุกคน และทุกสำนัก ซึ่งเป็นไปตามที่คาดการณ์เอาไว้ ทุกคนต่างฮือฮากับเนื้อหาในเอกสารที่ได้รับ จนผู้ประกาศข่าวของสถานีเฮดเคเอทีวีเองต้องลุกจากโต๊ะที่ตัวเองนั่งไปรายงานสดหน้ากล้องทันที

   ‘ระบบจะตัดภายใน 5 4 3 2 1’ เสียงจากหูฟังที่เธอสวมอยู่ ทำให้เธอรู้ว่าคนของหลิวลู่กำลังทำตามแผนที่วางไว้แล้ว

   “เมื่อทุกท่านได้รับเอกสารจากทางบริษัทฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นคงจะถึงเวลาอันสมควร ที่ดิฉันจะแนะนำเหลาไป่เหนียงของเราชาวเยี่ยนหว๋อ ให้ทุกท่านได้รู้จักอย่างเป็นทางการเสียที เรียนเชิญ คุณฝู่หงส์ ทายาทคนโตของสกุลฝู่ ผู้ที่บุกเบิกกิจการของเยี่ยนหว๋อมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1690”

   เมื่อเธอพูดจบ ฝู่หงส์ ก็เดินออกมาจากฉากด้านหลังช่างภาพของสำนักข่าวต่าง ๆ พากันอื้ออึง ต้องการจะถามคำถามกันมากมาย อีกทั้งช่างภาพแต่ละคนก็กดชัตเตอร์กันอย่างเอาเป็นเอาตาย

   ฝู่หงส์ก้าวขึ้นมาบนเวที ทั้งเธอและเหล่ากรรมการต่างก็พากันยืนขึ้น พร้อมทั้งโค้งคำนับให้กับเหลาไป่เหนียง ไม่เว้นแม้กระทั่งทนายเหอ ฝู่หงส์พยักหน้าเล็กน้อยก่อนเดินไปนั่งยังเก้าอี้ที่เธอเว้นไว้ ในตำแหน่งประธานของงานแถลงข่าวนี้

   “สวัสดีพี่ ๆ สื่อมวลชนทุกท่าน ดิฉันฝู่หงส์ ทายาทคนโตแห่งสกุลฝู่ ยินดีที่ได้รู้จักทุกท่านค่ะ”

ด้านล่างเวที สำนักข่าวต่าง ๆ พากันแย่งจะถามคำถามฝู่หงส์ จนไม่สามารถจับใจความในคำพูดของแต่ละคนได้

   “ทุกท่านค่ะ ทุกท่าน โปรดฟังดิฉันก่อนนะคะ” ฝู่หงส์พูดขึ้นด้วยท่าทางสงบเยือกเย็น “ดิฉันทราบว่า ทุกท่านคงจะมีคำถามมากมายอยากจะถามดิฉัน แต่โปรดอยู่ในความสงบ และถามคำถามทีละคนนะคะ ฝู่ไฉ๋จะเป็นช่วยดิฉันในการเลือกจากคนที่ยกมือเท่านั้นคะ”

   ฝู่หงส์พูดอย่างฉะฉาน เด็ดขาด มันแสดงออกมาทั้งน้ำเสียง คำพูด และแววตา จนคนในห้องนี้ถึงกลับเงียบกริบ เธอสะกดคนทั้งหลายได้ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่ประโยคเท่านั้น

To Be Continue

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: หยก 26-11-18 {{:::63:::}}
«ตอบ #229 เมื่อ26-11-2018 18:40:19 »

ตื่นเต้นมากกับตอนนี้ อ่านไปลุ้นไป เหมือนเป็นส่วนหนึ่งในเหตุการณ์ ขอให้ทุกคนประสบผลสำเร็จดังที่ได้วางแผนไว้นะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: หยก 26-11-18 {{:::63:::}}
« ตอบ #229 เมื่อ: 26-11-2018 18:40:19 »





ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: หยก 26-11-18 {{:::63:::}}
«ตอบ #230 เมื่อ26-11-2018 19:19:59 »

 :pig4:

ออฟไลน์ hewlett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 560
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-3
Re: หยก 26-11-18 {{:::63:::}}
«ตอบ #231 เมื่อ27-11-2018 09:21:28 »

หงส์มาได้ไง น่าจะเป็นหยกหรือเปล่าที่ทำตามแผนของหงส์
จุ้ยเถิงต้องเคยพบหงส์มาก่อนแน่ๆ รักหงส์แน่เลย

ออฟไลน์ Amo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-1
Re: หยก 3-12-18 {{:::64:::}}
«ตอบ #232 เมื่อ03-12-2018 23:19:24 »

64

   คุณต้นเสียเกมแรกให้กับจุ้ยเถิงไปด้วยเวลาอันสั้น กว่าหงส์จะดึงสมาธิกลับมายังเกมตรงหน้าได้คุณต้นก็ได้ไพ่ในมือมาครบ 2 ใบแล้ว เธอไม่ต้องไปสัมผัสจิตของจุ้ยเถิงมากนักก็รู้ว่าเขาถือไพ่อะไรอยู่ในมือ ความรู้สึกของจุ้ยเถิงรุนแรงไม่เคยเปลี่ยนไปเลย

   ‘คุณต้นได้ไพ่อะไรบ้างคะ’ เธอถามคุณต้นผ่านความคิดของเขา

   ‘ผมมี สิบดอกจิกกับแปดโพดำครับ’

   ‘จุ้ยเถิงมีคู่แปด เกมนี้เหนื่อยหน่อยนะคะ’

   “เฮ้อ...” คุณต้นถอนหายใจออกมาอย่างไม่มีปิดบัง

   “มิสเตอร์คุณท่าทางจะได้ไพ่ไม่ดีสินะครับ” จุ้ยเถิงที่เฝ้ามองคุณต้นอยู่ตลอดเวลาถึงกับออกปาก “คุณเคยได้ยินคำว่าโป๊กเกอร์เฟสไหมครับ”

   “ก็เคยได้ยินมาบ้างครับ แต่ผมมันมือสมัครเล่น คงจะซ่อนหน้า ซ่อนความรู้สึกอย่างมืออาชีพเขาไม่ไหวหรอกครับ”

   “แต่การที่อ่านง่ายไปก็ไม่ดีนะครับ”

   “มาต่อกันเลยดีกว่าครับ ผมเองก็อยากรู้ว่าจะยังมีเกมที่ 3 ให้ผมได้เล่นต่อจากนี้ไหม?”

   เจ้ามือค่อย ๆ หยิบไพ่ออกมาจากเครื่องทีละใบ

   ใบที่ 1 แปดข้าวหลามตัด

   ใบที่ 2 เก้าดอกจิก

   ใบที่ 3 ห้าดอกจิก

   “เช็ก” จุ้ยเถิงเรียก

   “ผมตาม”

   ใบที่ 4 เจ็ดดอกจิก

   “เช็ก”

   “เบท” คุณต้นว่าก่อนหยิบชีพวางลงไปตรงกลางเพิ่ม การที่เขารู้ว่าในมือของจุ้ยเถิงถือไพ่อะไรอยู่ มันทำให้เขากล้าที่จะเสี่ยง

   “หืม.. ดูจากไพ่บนโต๊ะ มิสเตอร์คุณคงไม่ได้หวังสเตรทฟลัชอยู่หรอกนะครับ”

   “คงต้องลุ้นไพ่ใบสุดท้ายเอาแล้วล่ะครับ”

   “งั้นผมตาม”

   ใบสุดท้าย หกดอกจิก

   จุ้ยเถิงเปิดไพ่ของเขาก่อนหนึ่งใบเป็นแปดโพแดง

   “ดูเหมือนว่าตอนนี้ผมจะมีคู่แปดนะ”

   คุณต้นเปิดไพ่ในมือตามเป็นสิบดอกจิก

   “ผมยอมรับนะครับว่า ตอนที่เห็นไพ่แล้วก็หวังอยู่นะว่าจะได้สเตรทฟลัช”

   “คุณคงต้องผิดหวังแล้วล่ะครับ มิสเตอร์คุณ เพราะแปดดอกจิกอยู่กับผม” จุ้ยเถิงพูดพร้อมเปิดไพ่ใบสุดท้าย

   “ด้านมิสเตอร์จุ้ยได้ตองแปด” เจ้ามือพูดขึ้น

   “ถึงจะเฉียดฉิวไปหน่อย ก็ถือว่าตื่นเต้นดีนะครับ” คุณต้นพูดแต่ยังไม่ได้เปิดไพ่ในมือ

   “คุณคงต้องไปขอโทษมิสเตอร์คิมแล้วละครับ ที่เสียกิจการให้กับผม” จุ้ยเถิงพูดขึ้นพร้อมทำทีจะลุกจากเก้าอี้

   “ผมว่ามิสเตอร์จุ้ยมาเล่นเกมที่ 3 กับผมก่อนจะดีกว่าครับ แล้วค่อยมาตัดสินว่าผม จะได้หรือเสียกิจการในมือกันแน่” คุณต้นพูดพร้อมทั้งเปิดไพ่ใบสุดท้าย

   “มิสเตอร์คุณมีแปดโพดำ สเตรท เกมนี้เป็นของมิสเตอร์คุณ” เจ้ามือพูดพร้อมตัดสิน จุ้ยเถิงเองก็มีท่าทีขัดใจไม่ใช่น้อย ส่วนจุ้ยอั้ยเต๋อเองก็ดูท่าจะเสียดายเกมนี้อยู่

   เมื่อเครื่องสับไพ่ทำงาน ทั้งจุ้ยเถิงและคุณต้นก็เตรียมพร้อมสำหรับเกมต่อไป หงส์รับความรู้สึกจากหยกที่ตอนนี้ปลอดภัยอยู่กับคุณคี และในขณะนี้ทางเฮดเคเอทีวีกำลงถ่ายทอดสดการแถลงข่าวเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนผู้บริหารอย่างเป็นทางการของเยี่ยนหว๋อกรุ๊ป

   ‘คุณต้นคะ ตอนนี้เยี่ยนหว๋อกำลังแถลงข่าวแล้วนะคะ’

   ‘ครับ ผมได้ไพ่มาครบ 2 ใบ เป็น...คู่หก”

   ‘รอสักครู่นะคะ ของจุ้ยเถิง...โพแดง...หกโพแดง กับ...ดอกจิก...จุ้ยเถิงยังไม่ยอมดูไพ่ใบสุดท้าย’

   ‘ไม่เป็นไรครับ อย่างน้อยผมก็มี 1 คู่ คุณหงส์ทำตามแผนเถอะครับ ผมน่าจะเอาตัวรอดได้’

   ที่คุณต้นกล้าที่จะบอกเธอแบบนั้นเป็นเพราะว่า ไพ่ที่เจ้ามือเปิดหงายบนโต๊ะ 3 ใบแรก มีคู่ 2 วางอยู่ด้วย โอกาสที่จุ้ยเถิงจะได้สเตรทพลัช, โฟการ์ด, พลัช, ตอง ไม่น่าจะมี ถ้าคุณต้นได้ 2 คู่ หนทางเดียวที่จุ้ยเถิงจะชนะคือ สเตรท

   ระหว่างนี้หงส์จึงทำตามแผนโดยลุกจากเก้าอี้ แล้วเดินเข้ามาใกล้โต๊ะที่ทั้งสองนั่งเล่นกันอยู่ จุ้ยอั้ยเต๋อและจุ้ยเถิงเหลือบมองเธอเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร เธอจึงหันไปที่คุณลตา

   “คุณนภาเบื่อแล้วเหรอคะ?” ลตาที่เห็นเธอมองอยู่ก็ลงมือทันที

   “อีกนานไหมคะคุณลิลลี่ กว่าเกมจะจบ นภาเริ่มเบื่อแล้วค่ะ”

   “น่าจะสักพักค่ะ”

   “นภาเปิดทีวีดูได้ไหมคะ”

   “เอ่อ...เดี๋ยวลิลลี่ถามคุณชายจุ้ยให้นะคะ” ลตาทำหน้าที่เป็นล่ามให้เธอ ซึ่งจุ้ยอั้ยเต๋อก็พยักหน้าไม่ใส่ใจ

   หงส์เดินไปยังชุดโซฟา หน้าทีวีจอใหญ่ ก่อนที่ลตาจะทำหน้าที่เจ้าบ้านช่วยเธอเปิดทีวี พร้อมกับยื่นรีโมทให้เธอ จากนั้นลตาก็ทำทีเดินไปหยิบขวดแชมเปนบริเวณโต๊ะข้าง ๆ โซฟามารินให้กับเธอ

   “หืม...นั่นมันบริษัทของคุณชายจุ้ยนี่ค่ะ”

   ลตาแกล้งพูดพร้อมทั้งส่งแก้วแชมเปนให้กับเธอ และยังหันไปบอกจุ้ยอั้ยเต๋ออีกต่างหาก ซึ่งขณะที่จุ้ยอั้ยเต๋อมองมายังทีวีจอยักษ์ ภาพบนหน้าจอปรากฏแค่ใบหน้าของคณะผู้บริหาร กับทนายเหอ ทนายประจำบริษัทฯ เพียงสองคน

   หงส์ไม่ได้เปิดเสียงดัง ลตาก็มานั่งข้าง ๆ เธอทำทีคอยคุยเป็นเพื่อน แต่หงส์กลับเพ่งสมาธิไปอยู่ที่เกมบนโต๊ะ จุ้ยเถิงกับจุ้ยอั้ยเต๋อเองก็ไม่ต่างกัน

   ไพ่ใบที่ 4 ถูกเปิดออก หงส์กับคุณต้นเพียงแค่รอเวลาเท่านั้น เพราะบนโต๊ะมีตอง 2 คุณต้นได้ฟูลเฮ้าส์ไปโดยปริยาย จุ้ยเถิงเองก็หมดสิทธิ์ที่จะได้เสตรท เธอจึงส่งสัญญาณให้กับลตา

   “คุณชายจุ้ย มาดูข่าวนี่ก่อนดีกว่าไหมคะ” ลตาบอกกับจุ้ยอั้ยเต๋อเป็นภาษาจีน อีกทั้งยังทำสีหน้าเคร่งเครียด

   “เกิดอะไรขึ้นรึเปล่าค่ะ?” หงส์แกล้งทำทีสงสัย ถามกลับไปเป็นภาษาอังกฤษ เมื่อเห็นจุ้ยอั้ยเต๋อหน้าถอดสีเดินมายังโซนที่พวกเธอนั่งอยู่

   “เป็นไปไม่ได้” จุ้ยอั้ยเต๋อพึมพำออกมา

   จุ้ยเถิงที่เกือบจะปิดเกม มองมายังทีวีจอยักษ์ เมื่อได้ยินเสียงพึมพำของจุ้ยอั้ยเต๋อ ที่หน้าจอ เจ้าของคนใหม่ของเยี่ยนหว๋อกำลังกล่าวขอบคุณสื่อมวลชนที่ให้เกียรติมางานในวันนี้อยู่

   “ฝู่หงส์” จุ้ยเถิงหลุดปากเรียกชื่อคนในจอภาพออกมา และทำทีจะลุกจากโต๊ะ

   “อ๊ะๆ ๆ มิสเตอร์จุ้ย ถ้าจะลุกก็ควรจะเปิดไพ่ในมือก่อนนะครับ ผมจะได้รู้ว่าต้องเสียกิจการของผมให้ไอ้เสือมันรึเปล่า” คุณศักดิ์เป็นคนพูดรั้งจุ้ยเถิงเอาไว้ พร้อมก้าวเข้าไปใกล้เพื่อดูผลสรุป

   “ผมชนะ” จุ้ยเถิงหงายไพ่ในมือพร้อมกันทั้งสองใบทันที

   “มิสเตอร์จุ้ยมีหกโพแดง กับหกดอกจิก ได้ฟูลเฮาส์” เจ้ามือพูดก่อนหันไปหาคุณต้น “มิสเตอร์คุณ จะเปิดไพ่ในมือไหม?”

   “ผมว่าคุณชายจุ้ยคงจะเข้าใจอะไรผิดแล้วละครับ เพราะผมเข้าใจว่าคู่หกของผมใหญ่กว่าของคุณ”

   “มิสเตอร์คุณมีหกข้าวหลามตัด และหกโพดำ ได้ฟูลเฮ้าส์ หกโพดำใหญ่กว่าเป็นฝ่ายชนะ”

   สิ่งที่เจ้ามือประกาศทำให้จุ้ยอั้ยเต๋อรีบเดินกลับมาดูผมของไพ่บนโต๊ะอย่างไม่เชื่อสายตา แล้วไหนจะเรื่องที่ฝู่หงส์ไปอยู่ที่เยี่ยนหว๋อนั่นอีก

   “ผมหวังว่าคุณชายจุ้ยจะรักษาสัญญานะครับ ผลแพ้ชนะก็ออกมาแล้ว” คุณศักดิ์เดินเข้ามายืนเคียงข้างคุณต้น ตามด้วยเจ็กลู่

   “คุณลิลลี่ เสือชนะเหรอคะ?” หงส์ถามลตาพร้อมกับทำท่าลุ้น ลตาเองก็พยักหน้าให้ หงส์จึงวิ่งรี่เข้าไปหาคุณต้นทันที ลตาก็เดินมาสมทบ แต่เธอเดินไปยืนอยู่ด้านหลังของจุ้ยเถิง

   ขณะนี้ทั้งสองฝ่ายกำลังเผชิญหน้ากัน ต่างฝ่ายต่างดูท่าทีของกันและกัน หงส์จับความคิดของคนทั้งคู่ได้ จุ้ยอั้ยเต๋อกำลังกระวนกระวายใจ เพราะจนถึงเวลานี้คนของเขาก็ยังไม่มารายงานความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนที่เขาเรียกมาเพื่อข่มขู่กลุ่มคนตรงหน้า

   ส่วนจุ้ยเถิงมีเพียงความโหยหาอย่างรุนแรงกับคนที่เคยปรากฏบนหน้าจอ ซึ่งตอนนี้การแถลงข่าวของเยี่ยหว๋อได้จบลงด้วยดีไปแล้ว

   “ว่ายังไงครับ คุณชายจุ้ย คุณจุ้ยจูเนียร์” คุณศักดิ์ยังคงคาดคั้นไม่ยอมปล่อยให้จุ้ยอั้ยเต๋อได้มีเวลาคิดไตร่ตรองมากนัก

   “เสือค่ะ คุณชนะจริง ๆ เหรอคะ?”

   “ใช่ครับที่รัก มาฮันนี่มูนครั้งนี้ รู้สึกว่าคุณจะได้ของขวัญชิ้นใหญ่จากผมเลยนะที่รัก”

   “คุณชายจุ้ยค่ะ ถ้าอย่างนั้นนภาจะขอเปิดสปาที่โรงแรมเลยนะคะ เอาบรรยากาศเหมือนกับที่คุณลิลลี่พานภาไปเมื่อคราวก่อน” หงส์เองก่อนเร่งกดดันในแบบของเธอ

   จุ้ยอั้ยเต๋อได้แต่กัดฟันกรอด ฝ่ามือถูกกำไว้แน่น ทั้งยังเงียบเพื่อประวิงเวลา

   “คุณชายจุ้ยคงไม่คิดจะผิดสัญญาหรอกนะครับ ถ้าเรื่องนี้หลุดออกไปคงไม่มีผมดีกับชื่อเสียงของคุณแน่ ๆ และผมก็มีพยานที่เชื่อถือได้อย่างมิสเตอร์คิมอีกต่างหาก” คุณต้นลุกขึ้นจากเก้าอี้พลางพูดกดดันอีกทาง

   “อาเถิง ตามคนของเราสิ ป่านนี้ไม่รู้ไปมุดหัวอยู่ไหน” จุ้ยอั้ยเต๋อหันไปพูดกับจุ้ยเถิง ซึ่งทันทีที่รับคำสั่ง เขาก็กดโทรศัพท์ตามอย่างเร่งรีบ

   “คนของเรายังไม่ได้ข้ามฟากมาเลยครับ มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น” จุ้ยเถิงก้าวเข้าไปกระซิบด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

   “อะไรนะ? ทั้งหมดเลยรึไง” จุ้ยเถิงได้แต่ก้มหน้าไม่ตอบ จุ้ยอั้ยเต๋อเริ่มระแคะระคายความบังเอิญที่ไม่น่าจะบังเอิญในหลาย ๆ เรื่อง “อาเถิง รีบกลับบ้าน”

   “ครับ” จุ้ยเถิงเองก็เหมือนจะเริ่มเข้าใจจึงรีบสาวเท้าออกจากห้องอย่างเร่งรีบทันที

   “ผมเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น ส่วนเรื่องโรงแรมพร้อมกาสิโนแห่งนี้ผมจะจัดการให้”

   “ถ้าเป็นการไม่รบกวนจนเกินไป ผมของให้คุณชายจุ้ยช่วยใส่ชื่อของนภา ภรรยาผมเป็นผู้ถือครอง เรื่องนี้ผมหวังว่าคุณลิลลี่จะช่วยประสานงานให้กับนภาได้”

   “ยินดีค่ะ แค่เรื่องประสานงาน ลิลลี่ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”

   หงส์จับความรู้สึกของจุ้ยอั้ยเต๋อได้ ว่าเขาต้องการจะเล่นไม่ซื่อกับสัญญา เพราะเห็นว่าคุณต้นกับเธอค่อนข้างไว้ใจคุณลตา จึงพยักหน้ารับ ซ่อนรอยยิ้มร้ายไว้ได้อย่างมิดชิด

   “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อน ผมมีเรื่องต้องไปจัดการ”

   “อ่อ ไหน ๆ นภาว่า นภาคงไม่ได้ใช้ของขวัญที่คุณจุ้ยมอบให้เราแล้ว นภาขอคืนให้คุณจุ้ยแล้วกันค่ะ ถ้าไม่รังเกียจ ว่าง ๆ แวะมาพักผ่อนที่นี่ได้นะคะ” หงส์รั้งคนที่กำลังจะก้าวเดินออกจากห้องไป พร้อมทั้งยื่นการ์ดสีทองคืนให้กับจุ้ยอั้ยเต๋อ

   เธอเห็นแววตา และรู้สึกได้ถึงความไม่พอใจของเขาเป็นอย่างดี แต่ที่เธอทำแบบนี้ก็เพื่อจะบอกเขากลายๆ ว่าเขาไม่สามารถเล่นตุกติกอะไรกับพวกเธอได้แน่นอน

   จุ้ยอั้ยเต๋อได้แต่สะบัดหน้าหนีก่อนเดินนำลูกน้องที่เหลือออกจากห้องไป โดยมีคุณลตาเดินรั้งท้ายตามออกไปจากห้องด้วย

   และเมื่อทุกอย่างในห้องนี้จบลง เธอกับคุณต้นก็แยกกับคุณศักดิ์และเจ็กลู่ เพื่อไปต่างคนต่างไปพัก โดยต่างคนก็ต่างไม่พูดอะไรกันเลย

........................................................................

   โบตั๋นเดินนำคณะกรรมการของเยี่ยนหว๋อมาจนถึงห้องพักรับรองที่ทางสถานีจัดเตรียมไว้ให้ เธอไม่รู้ว่าคนเหล่านั้นเป็นใครกันบ้าง ต่างคนต่างเข้ามาจับไม้จับเมื่อแสดงความยินดีกับเธอ แล้วยังชายแก่คนหนึ่งที่ถึงกลับน้ำตาไหลออกมาด้วยความยินดี เธอเองก็ได้แต่ยิ้มปลอบใจ

   ใช่ว่าเธอจะฟัง พูดภาษาจีนได้ที่ไหน ถ้าไม่เพราะอากรช่วยเตรียมการไว้ให้ล่วงหน้า เธอคงไม่สามารถสวมรอยเป็นเจ่เจ้ได้แนบเนียนขนาดนี้

   เธอเห็นฝู่ไฉ๋เข้าไปพูดอะไรกับเหล่ากรรมการ ก่อนจะพยักหน้าให้กับเธอ โบตั๋นจึงเดินตามฝู่ไฉ๋ออกไปอย่างว่าง่าย เมื่อขึ้นมานั่งรถได้ เธอถึงได้ผ่อนคลายลง

   “คุณหนูเล็กนี่ก็เก่งนะคะ พูดตามที่ดิฉันคิดได้ไม่ขาดตกสักประโยค” ฝู่ไฉ๋กล่าวชื่นชมเธอเป็นภาษาอังกฤษ

   “เจ๊ไฉ๋ไม่ตกใจเหรอคะ?”

   “ดิฉันทราบดีค่ะ ว่าตระกูลฝู่มีความลับอะไร ตอนที่พบเหล่าป่านเหนียงครั้งแรก ยอมรับว่าดิฉันตกใจอยู่เหมือนกัน แต่ตอนนี้ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ ชินแล้ว”

   “แล้วนี่เราจะไปไหนกันต่อค่ะ?”

   “ดิฉันจะพาคุณหนูเล็กไปรอคนอื่นๆ ที่โรงแรมค่ะ”

   “ตั๋นอยากรู้เรื่องที่มาเก๊า”

   “คุณวรรณเธอน่าจะมีความคืบหน้ามารายงานคุณหนูเล็ก”

   โบตั๋นได้แต่พยักหน้ารับ เธอรู้ว่าอากรวางแผนไว้ทุกอย่างแล้ว แม้กระทั่งตัวป่วนอย่างเธอที่โผล่มาเอาวินาทีสุดท้าย อากรก็ยังหาประโยชน์จากเธอได้เช่นกัน

   เธอว่าพี่ภาเจ้าแผนการแล้ว พอมาฟังแผนการต่าง ๆ ของอากรแล้ว พี่ภาแทบจะเทียบไม่ได้เลย ถ้าให้เปรียบเทียบ ระหว่างอากรกับเจ่เจ้ เธอว่าความร้ายกาจของทั้งสองคนคงจะสูสีกันทีเดียว

   “คุณหนูเล็กค่ะ ใกล้จะถึงแล้ว คุณหนูเล็กควรจัดการเรื่องเสื้อผ้าได้แล้วนะคะ”

   “อ่อ ค่ะ”

   เมื่อฝู่ไฉ๋เตือน เธอจึงปลดมวยผมปลอมออก เปลี่ยนสูทเป็นเสื้อเชิ้ตธรรมดากับกางเกงยีน สลัดคราบสาวมั่นมาดนักธุรกิจกลับมาเป็นสาวน้อยโบตั๋นดังเดิม แล้วก้าวข้ามไปนั่งข้างคนขับก่อนสวมแว่นโวเวอร์ไซด์อำพรางใบหน้า

   เมื่อรถจอดหน้าโรงแรม นักข่าวที่มารออยู่ก่อนต่างมารุมล้อมรถของเธอ ด้านล่างมีการ์ดคอยกันทางเดินให้ ฝู่ไฉ๋ก้าวลงจากรถไปก่อนตามด้วยหญิงสาวอีกคนที่รูปร่างพอ ๆ กับเธอก้าวตามออกไปโดยใส่แว่นกันแดด ในมือมีกระเป๋าครัชใบย่อมที่เอาไว้ยกพลางใบหน้าจากแสงแฟลช

   เสียงความวุ่นวายเงียบลงเมื่อประตูรถด้านนั้นไปปิดลง คนขับรถไม่รอช้า ออกตัววิ่งไปทางด้านหลังโรงแรม เขาจอดส่งเธอที่ประตูทางเข้า โดยคุณวรรณมายืนรอเธออยู่แล้ว

   “คุณตั๋นเป็นยังไงบ้างคะ?”

   “กว่าจะรอดมาได้ เก๊กซะเมื่อยเลยค่ะ”

   “เหนื่อยไหมคะ?”

   “หิวมากกว่าค่ะ นี่ตั๋นเพิ่งทราบนะคะ ว่าเครียดมาก ๆ นี่มันจะทำให้เราหิวง่าย”

   “แต่คุณตั๋นก็เก่งนะคะ ถ้าวรรณไม่ทราบมาก่อน วรรณยังคิดว่าคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นคือคุณหงส์ซะอีก”

   “ตั๋นดีใจที่มีส่วนช่วย แถมยังสนุกอีกต่างหาก”

   “ไปค่ะ ขึ้นไปพักข้างบนก่อน เดี๋ยวค่อยสั่งอาหารขึ้นไปทานข้างบน ทานข้างล่างคงจะไม่เหมาะ” คุณวรรณพูดก่อนเดินนำเธอไป

   “นั่นนะสิค่ะ ไม่รู้ป่านนี้เจ๊ไฉ๋จะเป็นยังไงบ้าง ดีนะเนี่ยที่อากรรอบคอบ”

   “คุณตั๋นไม่ต้องห่วงฝู่ไฉ๋หรอกค่ะ เธอเอาตัวรอดได้”

   “คุณวรรณพอจะทราบเรื่องทางมาเก๊าไหมคะ?”

   “ทางนั้นเรียบร้อยดีค่ะ ทุกอย่างเป็นไปตามแผน รอแค่ฝั่งทางคุณเสือ”

   “ตั๋นว่าจะถามเหมือนกัน ว่าทำไมต้องส่งพี่เสือไปที่บ้านตระกูลฝู่ด้วยละคะ ที่นั่นไม่น่าจะมีอะไร”

   “จะว่าไม่มีก็ไม่ได้ ที่คุณเสือต้องไปที่นั่น เพื่อไปขโมยเอาข้อต่อรองสุดท้ายที่ทางจุ้ยอาจจะเอามาต่อรองกับเรา คุณกรไม่อยากให้เกิดความผิดพลาดขึ้น”

   “ตั๋นเข้าใจแล้วค่ะ”

   โบตั๋นกับคุณวรรณเข้ามาในห้อง ๆ ห้องหนึ่ง ที่มีเครื่องไม้เครื่องมือต่าง ๆ อย่างกับหนังสายลับ เธอทั้งแปลกใจ ทั้งตื่นตา จนแทบจะลืมความหิวไปเลย

   “คุณวรรณครับ” ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหาพวกเธอทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้อง “คุณกรตามไปช่วยคุณเสือ เพิ่งออกไปเมื่อครู่นี้ครับ”

   “ไปทำไม”

   “จุ้ยเถิงกำลังไปที่บ้านตระกูลฝู่ครับ คุณกรจะไปช่วยถ่วงเวลา”

   “อันตรายเกินไป ทางนั้นถึงจะมีคนไม่มากก็เถอะ” คุณวรรณพูดอย่างเป็นกังวล “แล้วคีรู้เรื่องนี้รึยัง?”

   “ผมแจ้งไปแล้วครับ”

   “ถ้าอย่างนั้นบอกคี ฉันจะตามไปช่วย”

   “ตั๋นไปด้วยค่ะ”

   “ไม่ได้ค่ะ มันอันตราย อีกอย่างมันไม่ได้อยู่ในแผน”

   “ตั๋นรู้ค่ะ แต่นอกจากตั๋นจะช่วยเรื่องบู้แล้ว ตั๋นยังช่วยเรื่องความคิดด้วยนะคะ”

   วรรณาทำท่าทางลังเลก่อนตัดสินใจพยักหน้า ทั้งสองรอจนฝู่ไฉ๋กลับเข้ามาในห้อง จากนั้นก็ตามวรากรไปโดยมีฝู่ไฉ๋อาสาขับรถให้

To Be Continue


แปะเผื่อไว้ให้สำหรับคนที่นึกภาพเกมไม่ออกคะ ^^

ออฟไลน์ Amo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-1
Re: หยก 8-12-18 {{:::65:::}}
«ตอบ #233 เมื่อ08-12-2018 17:13:57 »

65

   หลังจากที่ผมแอบเข้าไปขโมยเมฆาขาวของตัวเองคืนมาได้แล้ว ความรู้สึกของผมก็รับรู้ได้ถึงสิ่งรอบข้าง ทั้งความรู้สึกของไอ้ฝรั่งนั่นก็ยังคงรุนแรงมากจนผมที่อยู่ไกลออกมาในส่วนของโรงแรมยังรู้สึกได้

   ระหว่างทางผมได้ยินเสียเจ่เจ้ชัดเจนขึ้นภายในหัวของผม ถึงแม้จะเจอคนของจุ้ย 3-4 คน แต่ผมก็รับมือได้สบาย จนเมื่อมาถึงตรงประตูทางออกโรงแรม พี่เก่งก็เดินเข้ามารับผม ทำทีว่าเรานัดกันไว้ด้วยการเอามือมาคล้องคอแล้วสวมหมวกแก๊ปให้ผม จนกระทั่งพี่เก่งพาผมมายังรถตู้คันหนึ่ง

   “พี่คี?”

   “ปลอดภัยนะครับคุณหยก”

   “ครับ”

   ผมมองไปในจอมอนิเตอร์ต่าง ๆ 3-4 จอ ที่พี่คีกับชายอีก 2 คนนั่งดูกันอยู่ ในจอภาพหนึ่งผมเห็นพี่ต้นนั่งเล่นไพ่กับจุ้ยเถิง เจ่เจ้นั่งอยู่ข้าง ๆ คุณลตา แล้วนั่น

   “พี่ศักดิ์!! ” เจ็กลู่ยืนอยู่ด้านหลังของพี่ศักดิ์?

   “ครับ พี่ชาติให้คุณศักดิ์มาช่วย” พี่คีตอบผม แต่ไม่ได้ละสายตาไปจากจอ

   “เจ็กลู่กับพี่ศักดิ์รู้จักกันได้ยังไง”

   “พวกผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ คงต้องรอถามพี่ชาติกับคุณศักดิ์ทีหลัง” พี่เก่งตอบก่อนจะไปหามุมนั่ง

   ผมได้แต่มองไปที่จอภาพ เหมือนเขาจะเล่นไพ่กันจบไปแล้ว แต่ผมดูไม่เป็นว่าใครแพ้ใครชนะ แล้วที่ผมไม่รู้ก็คือเขาเล่นกันไปเพื่ออะไร เพราะมันไม่น่าเป็นไปได้ หากจะเล่นเพียงเพื่อล่อให้ผมได้มีโอกาสไปขโมยเมฆาขาวและหนีออกมาเท่านั้น

   “พี่เก่ง ใครชนะครับ”

   “รอบนี้ต้นมันชนะครับ แต่รู้สึกว่ารอบที่แล้วต้นมันจะเสียให้จุ้ยเถิง รอบสุดท้ายจะเป็นรอบตัดสิน”

   “ระบบในบ้านจะถูกตัดภายใน 90 วินาที” ผมได้ยินพี่คีพูดใส่หูฟังเป็นภาษาอังกฤษพร้อมทั้งมองไปยังอีกจอภาพ มันเป็นภาพบ้านขนาดใหญ่ ในจอภาพถูกแบ่งเป็นช่องเล็ก ๆ อีก 9 ช่อง

   “นั่นมัน พี่ต้า” ผมชี้ไปที่จอภาพเล็ก ๆ มุมซ้าย พี่เก่งพยักหน้าให้ยิ้ม ๆ

   “ระบบจะถูกตัดเป็นเวลา 3 นาที ทุกคนระวังตัวด้วยนะครับ จำไว้ว่ามีเวลาแค่ 30 นาทีระหว่างที่ทางเยี่ยนหว๋อ ถ่ายทอดสดการแถลงข่าวผ่านทางช่องเฮดเคเอทีวี”

   ผมเห็นชายอีกคนที่อยู่บนรถคันนี้ด้วย กำลังเครียจอภาพจอหนึ่ง ซึ่งตอนนี้หน้าจอมีแต่สีฟ้า ไร้สัญญาณภาพใดใด ผมหันกลับไปมองที่จอภาพที่เห็นพี่ต้า แล้วก็เห็นพี่เอกับพี่เสืออยู่ในนั้นด้วย

   “พี่เก่ง ที่นั่นที่ไหน?”

   “บ้านตระกูลฝู่ คุณพยัคฆ์ไปช่วยคนที่ชื่อเก๋อหมิงครับ”

   “ใครเหรอครับ เก๋อหมิง?” พี่เก่งสายหน้าเป็นคำตอบ

   “ระบบจะตัดภายใน 5 4 3 2 1”

   เมื่อพี่คีพูดจบ หน้าจอนั้นก็กระตุกไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะกลับมามีความเคลื่อนไหวดังเดิม และอีกหนึ่งใกล้ ๆ กัน ปรากฏภาพเหมือนกันทั้ง 9 ช่อง แต่กลับไม่เห็นพี่เอ พี่ต้า และพี่เสืออยู่ในนั้นเลย

   “เมื่อครู่ตอนที่คุณหยกออกมา คีมันก็ทำแบบนี้เหมือนกัน พวกนั้นจะไม่รู้ว่าคุณออกมาได้ยังไง มันจะเห็นเฉพาะตอนที่คุณเอาเมฆาขาวออกมาเท่านั้น” พี่เก่งอธิบาย

   “มีแผนอะไรที่มากกว่านี้ใช่ไหมครับ เจ่เจ้ถึงไม่ให้ผมปิดตู้เซฟไว้เหมือนเดิม”

   “เรื่องนั้นผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ” เมื่อไม่ได้คำตอบอะไรจากพี่เก่ง ผมก็กลับไปสนใจที่หน้าจอสี่เหลี่ยมอีกครั้ง

   ผมสะดุดตากับจอที่เคยเป็นสีฟ้า ซึ่งตอนฉายภาพเหมือนงานแถลงข่าวอะไรสักอย่าง เรียกความสนใจให้ผมหันไปดู ป้ายด้านหลังติดตัวหนังสือภาษาจีน 2-3 ประโยค และผมเห็นภาษาอังกฤษคำว่า เยี่ยนหว๋อ กรุ๊ป เจ่เจ้กำลังทำอะไรสักอย่างเป็นแน่ ผมรู้สึกอย่างนั้น

   ในภาพ ผมเห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังพูดอะไรสักอย่าง ซึ่งผมฟังไม่ออก ผมละความสนใจหันไปทางจอที่มีเจ่เจ้อยู่ในนั้น ซึ่งผมเห็นเจ่เจ้กับคุณลตาลุกออกไปจากที่นั่ง ย้ายไปนั่งอีกมุมหนึ่ง ผมมองสองจอสลับกันไปมา

   ผมอึ้งตาค้างกับภาพที่เห็น จอที่มีงานแถลงข่าวของเยี่ยนหว๋อ คนที่กำลังพูดอยู่ตอนนี้คือ โบตั๋น เธอพูดภาษาจีนได้ตั้งแต่เมื่อไรกัน แล้วการแต่งกายที่ดูจะเป็นผู้ใหญ่เกินวัยนั่นอีก เหมือนเจ่เจ้ไม่มีผิด สวมรอย คำนี้ผุดขึ้นมาในหัวของผม

   ทั้งหมดนี่คือการวางแผนเอาไว้ล่วงหน้า ทุกอย่างถูกเตรียมการมาเป็นอย่างดี ผมพอจะปะติดปะต่อได้บ้าง เพียงแต่ไม่ทั้งหมด ตอนนี้ใจผมเต้นแรง ทั้งตื่นเต้น ทั้งลุ้น

   ผมมองดูทั้งสองจอสลับกันไปมา ทางด้านของโบตั๋นเหมือนจะจบลงไปก่อนแล้ว หน้าจอนั้นก็กลับมาเป็นสีฟ้าดังเดิม ส่วนทางด้านของเจ่เจ้ เหมือนคนในห้องนั้นจะมีปากเสียงกัน แต่สุดท้ายก็จบลงด้วยดี

   “ผมเข้าไปหาเจ่เจ้ได้ไหมครับ”

   “ยังไม่ได้ครับคุณหยก เดี๋ยวคุณต้องไปกับพวกผม ส่วนคุณหงส์กับอาชาติจะตามออกมาในวันพรุ่งนี้” ผมพยักหน้าเข้าใจ ป่านนี้จุ้ยอั้ยเต๋อคงจะรู้ตัวแล้วว่าผมหนีออกมา

   “คุณพยัคฆ์ เอ ต้า จุ้ยเถิงกำลังไปบ้านตระกูลฝู่” พี่คีพูดใส่หูฟังอีกครั้ง เรียกความสนใจจากผมให้หันกลับไปมองดูหน้าจอที่เหลืออยู่

   “ที่นั่นไกลจากนี่ไหมครับ”

   “ก็ไกลพอควร ขับรถไปก็ราว ๆ ชั่วโมงได้” พี่เก่งบอกผม “คุณหยกไม่ต้องเป็นห่วงทางนั้นไปหรอกครับ บ้านนั้นเหลือคนไม่เท่าไรแล้ว การรักษาความปลอดภัยก็หละหลวม”

   “ครับ เอ่อ...แล้วโบตั๋นละครับ วันนี้ผมจะได้เจอเธอไหม?”

   “คุณตั๋นน่าจะตามมาสมทบเราพรุ่งนี้เหมือนกันครับ”

   “วันนี้ผมต้องอยู่กับพี่ ๆ สินะครับ”

   “เดี๋ยวเสร็จจากที่นี่ เราจะไปเจอคุณพยัคฆ์ที่บ้านพี่ชาติครับ”

   “บ้านเจ็กลู่?”

   “ใช่ครับ พี่ชาติมีบ้านที่นี่ บ้านเดิมของคุณพ่อคุณ ก่อนที่จะแต่งเข้าตระกูลฝู่”

   “พี่เก่งดูจะรู้อะไรเยอะจังเลยนะครับ”

   “ผมก็เพิ่งจะรู้ก่อนคุณหยกเมื่อวานนี้เองครับ เรื่องราวทั้งหมดไว้คุณหยกเจอคุณพยัคฆ์แล้วค่อยถามกันอีกทีนะครับ แล้วก็...ไม่ต้องน้อยใจไปนะครับ”

   “ผมยังไม่ได้พูดอะไรเลย”

   “ใครจะไปรู้ล่ะครับ ผมไม่ได้สวมเมฆาขาวอย่างคุณหยกนี่ครับ เลยต้องพูดดักไว้ก่อน”

   “พูดแบบนี้แสดงว่า พี่เก่งรู้เรื่องหมดแล้ว และเรื่องก่อนที่ผมจะโดนจับตัวมาที่นี่สินะครับ” พี่เก่งไม่ตอบได้แต่ส่งยิ้มกวน ๆ มาให้ผม ถ้าพี่เก่งรู้ คนอื่น ๆ ก็ต้องรู้หมดไม่ว่าจะเป็นเจ่เจ้หรือโบตั๋น

........................................................................

   พยัคฆ์กับต้าอยู่ภายในห้องลับของบ้านตระกูลฝู่เรียบร้อย ทั้งสองกำลังสำรวจคนที่นอนอยู่ตรงหน้า ดูจากลักษณะแล้วการพาตัวออกไปไม่ใช่เรื่องยาก เพราะคนที่นอนอยู่ที่นี่สามารถหายใจได้ด้วยตัวเอง เพียงแต่ถุงน้ำเกลือกับถุงที่ปล่อยของขับถ่ายระโยงระยางอยู่เท่านั้น

   “ห้องนี้...รู้สึกจะอับสัญญาณ” ต้าพูดเปรย ๆ ขึ้นมา พร้อมกับหันไปมองดูรอบ ๆ

   “ถ้าอย่างนั้นเราก็ต้องรีบ ไม่รู้ป่านนี้เหตุการณ์ข้างนอกจะเป็นยังไงบ้าง”

   “ครับ”

   ทั้งสองช่วยกันพยุงคนที่ไม่ได้สติขึ้นจากเตียง โดยถอดสายต่าง ๆ ออกจากตัวแล้วเริ่มจับเวลา อากรให้เวลาพวกเขาเพียง 10 นาทีในการพาผู้ป่วยคนนี้ไปส่งให้ถึงมือหมอ เพราะไม่อยากเสี่ยงให้อยู่สภาวะที่ต่างจากปกตินานนัก เกรงจะเกิดอันตรายขึ้น

   เมื่อพวกเขาพยุงเก๋อหมิงมาจนถึงส่วนของห้องทำงาน สัญญาณการสื่อสารต่าง ๆ ก็กลับมาสู่ภาวะปกติ แต่อาจจะออกมาในช่วงจังหวะที่ไม่ดีเท่าที่ควร ทำให้ฟังข้อความจากคีไม่ถนัดนัก

   ‘...ลังไปบ้านตระกูลฝู่’

   ‘รับทราบ’ เสียงเอตอบรับ

   ‘ไอ้เสือ เก๋อหมิงล่ะ’ เสียงของอากรแทรกเข้ามา

   “กำลังจะพาออกจากห้องทำงาน”

   ‘ปรับแผนนิดหน่อย แกพาไปซุ่มอยู่ที่โรงรถ ฉันจะเข้าไป เราต้องรีบออกมาก่อนจุ้ยเถิงจะมาถึงที่นี่’

   “เฮ้ย...มันอันตรายนะอา ถ้าอาเข้ามามันจะสงสัยอาทันทีที่มันรู้ว่าเก๋อหมิงหายไป”

   ‘ไม่ต้องห่วง อาไม่ได้ออกหน้าเอง เจอกันภายใน 2 นาที’

   “ครับ”

   เขากับต้าเปลี่ยนเส้นทาง แอบย่องมาแถวโรงจอดรถ มาถึงเอก็มารออยู่ก่อนแล้ว พวกเขาเห็นรถตู้ของเยี่ยนหว๋อขับเข้ามาจอดอยู่ตรงทางเข้าบ้าน ชายคนหนึ่งที่สวมชุดสูทเดินลงมา ก่อนที่รถคันนั้นจะแล่นมาหาพวกเขา

   เมื่อรถจอดสนิท คนขับรถก็เดินออกไปสูบบุหรี่โดยเปิดประตูรถทิ้งไว้ อากรค่อยๆ โผล่หน้าออกมา พวกเขาจึงแอบขึ้นรถไป รอไม่ถึงนาที ชายที่สูบบุหรี่ก็กลับมาขึ้นรถ เพื่อไปรับคนที่เพิ่งออกจากบ้านหลังนั้นมา

   พวกเขาออกจากตัวบ้านไปยังจุดนัดพบ ระหว่างทางคนที่สวมชุดสูทก็หันมาบอกให้พวกเราออกจากที่ซ่อน

   “คุณกร ออกมาได้แล้วครับ เราออกมาพ้นตัวบ้านแล้ว”

   “พวกนั้นสงสัยอะไรคุณไหม?”

   “ไม่ครับ ผมบอกกับคนในบ้านว่าเอา เอกสารด่วนมาให้คุณจุ้ย คนดูแลบ้านก็รับไป ผมก็ออกมาเลย”

   “ขอบใจมาก”

   “ยินดีครับ ในที่สุดเยี่ยนหว๋อก็กลับมาสู่มือของคนตระกูลฝู่จริง ๆ สักที”

   “อากร เขาคนนี้คือ?”

   “ก็ลูกหลานของคนที่ภักดีกับตระกูลฝู่นั่นแหละ และเขายังเป็นเขาเป็นผู้ช่วยทนายเหอ”

   “เหมือนอาจะเตรียมการล่วงหน้าไว้แล้ว”

   “แค่คิดเผื่อไว้เท่านั้นแหละ”

   พวกเขาตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง จนกระทั่งถึงจุดเปลี่ยนรถ พวกเขาทั้งหมด ยกเว้นคนของเยี่ยนหว๋อ ย้ายมาอยู่บนรถพยาบาล กำลังจะแยกย้าย ชายคนเดิมก็เรียกอากรไว้

   “เดี๋ยวครับคุณกร เจ้ไฉ๋กำลังมา”

   “มาทำไม?”

   “เธอได้ยินว่าจุ้ยเถิงกำลังจะมา เธอเลยพาคุณหนูเล็กกับเลขาฯ ของคุณมา”

   “บอกฝู่ไฉ๋ ให้ไปรอที่บ้านคุณหลิว ไม่ต้องมาที่นี่”

   “ครับ”

   “ถ้างั้น แยกย้ายได้”

   “เกิดอะไรขึ้นครับอากร” เขาหันไปถามหลังจากอาของเขากลับขึ้นรถมาแล้ว

   “โบตั๋นกับคุณวรรณคงกังวลเรื่องที่จุ้ยเถิงจะมาที่นี่ เลยจะตามมาสมทบ”

   “จุ้ยเถิงจะมาที่นี่ แล้วที่กาสิโนล่ะครับ”

   “แกไม่ได้ยิน?” อากรถามสั้น ๆ

   “สงสัยจะเป็นตอนที่เขาไปพาตัวคุณเก๋อหมิงออกมา ห้องนั้นอับสัญญาณน่ะครับบอส” ต้าเป็นคนตอบแทน

   “อืม ทางนั้นเรียบร้อยดี พรุ่งนี้ทุกคนจะตามมาสมทบที่บ้านอาหลิว” อากรตอบทำให้เขาคลายใจ อีกไม่นานเขาจะได้เจอหยกแล้ว

   เขามองดูเพื่อนหมอของอากรตรวจร่างกายเก๋อหมิง และพูดคุยอะไรกับอีกพักใหญ่ อาของเขามีสีหน้าหนักใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก ได้แต่มองหน้าคนที่นอนไม่ได้สติอยู่อย่างนั้น

   เก๋อหมิงหน้าตาคล้ายกับอาชาติมาก แต่เป็นอาชาติในรูปที่เขาตามหาอยู่เกือบ 10 ปี ถ้าเก๋อหมิงตื่นมาแล้วเห็นว่าน้องชายของตนเองเปลี่ยนไปขนาดนี้ เพียงเพื่อจะปกป้องหลาน ๆ เก๋อหมิงจะรู้สึกอย่างไรกัน หากเป็นเขา เขาคงเสียใจ ที่คำสั่งสุดท้ายของเขา กลับทำให้น้องชายของตัวเองต้องอยู่อย่างไร้ตัวตนมาเป็นเวลานานกว่า 20 ปี

........................................................................

   โบตั๋น เลยค่ะ และฝู่ไฉ๋ เปลี่ยนเส้นทางกะทันหัน หลังจากที่ฝู่ไฉ๋ได้รับคำสั่งจากอากร ให้ไปเจอกันที่บ้านของเจ็กลู่เลย เธอดีใจมากที่จะได้เจอหยกสักที แต่แล้วจู่ ๆ เธอก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่รุนแรงของใครคนหนึ่ง

   “คุณวรรณ เจ๊ไฉ๋” เรียกคนทั้งสอง ก่อนสอดสายสายตาไปยังท้องถนน

   “คะ คุณหนูเล็ก?” เธอมองหน้าคุณวรรณซึ่งนั่งข้างเจ้ไฉ๋ที่เป็นคนขับรถ คุณวรรณพยักหน้า เธอจึงพูดคุยเป็นภาษาอังกฤษ

   “ตั๋นรู้สึกว่าจุ้ยเถิงอยู่ใกล้ ๆ เรา ความรู้สึกมันรุนแรงมาก”

   “คุณตั๋นรับรู้ได้ไกลแค่ไหนคะ?” คุณวรรณถามเธอ

   “ไม่เก่งเท่าเจ่เจ้ แต่ก็พัฒนาไปมากกว่าเมื่อก่อน”

   “อาไฉ๋ รู้ไหมว่าจุ๋ยเถิงขับรถแบบไหน?”

   “ไม่ต้องมองหาแล้ว รู้สึกว่าอาเถิงกำลังตามเราอยู่ คงจะจำรถฉันได้” คุณวรรณหันกลับมามองด้านหลัง เธอจึงเหลียวมองตาม จึงเห็นว่ามีรถตามพวกเธอมาจริง ๆ

   “คุณตั๋นค่ะ ช่วยวรรณหน่อยค่ะ”

   “ได้เลยค่ะ” เธอไม่รอช้า หลับตาแล้วส่งจิตเข้าไปสำรวจรถที่ตามหลังมาทันที

   เธอเข้าใจในทันทีว่าทำไมหยกถึงได้พลาดท่าให้จุ้ยเถิงง่าย ๆ จิตของจุ้ยเถิงมีความปรารถนาที่รุนแรงมาก ถึงไม่ได้เป็นความปรารถนาที่เกี่ยวกับหยก แต่แรงจูงใจอะไรสักอย่างนั้น มันสำคัญกับเขามากจนเป็นแรงขับให้ความรู้สึกที่ออกมานั้นรุนแรงจนน่าตกใจ

   จากที่เธอรับรู้ บนรถมีเพียงจุ้ยเถิงคนเดียว จิตใจของเขากำลังสับสนกับคำสั่ง จะเข้าบ้านตระกูลฝู่หรือตามเธอ ตามเธออย่างนั้นเหรอ?

   “คุณวรรณ เจ๊ไฉ๋ จุ้ยเถิงกำลังตามตั๋นค่ะ”

   “เขาต้องการตัวคุณตั๋นอย่างนั้นเหรอคะ?”

   “ตั๋นเองก็แปลกใจ เอายังไงกันดีค่ะ?” เธอเห็นคุณวรรณครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ ก่อนตัดสินใจ

   “จุ้ยเถิงมีอาวุธอะไรติดตัวไหมคะ?”

   เธอหลับตามลงอีกครั้งก่อนส่งจิตเข้าไปสำรวจจุ้ยเถิงให้มากขึ้น โดยไม่ทำให้เจ้าของจิตรู้ตัว ก่อนที่เธอจะเอ่ยลักษณะปืนในความคิดของจุ้ยเถิงให้คุณวรรณ

   “คุณตั๋นพอจะไหวไหมคะ ถ้าวรรณจะให้คุณตั๋นตรวจดูรถรอบ ๆ ข้าง อาจจะต้องไปไกลอีกหน่อย วรรณอยากให้แน่ใจว่าจุ้ยเถิงไม่มีคนตามมาจริง ๆ”

   โบตั๋นไม่อิดออดหรือถามอะไรให้มากความ เธอรีบหลับตาลงแล้วทำตามที่คุณวรรณบอกเธอทันที

   “วรรณ เธอตั้งใจจะทำอะไร” เธอได้ยินเจ้ไฉ๋ถามคุณวรรณ แต่เธอไม่ได้ใส่ใจฟังอีกต่อไปแล้ว เธอต้องพยายามทำหน้าที่ของเธอให้ดีที่สุด

........................................................................

   ขณะที่จุ้ยเถิงกำลังขับรถไปยังบ้านพักปัจจุบันของจุ้ยอั้ยเต๋อนั้น พลันสายตาเขาก็พบเข้ากับรถของฝู่ไฉ๋ที่เขาเดาว่า คงจะมีจุดมุ่งหมายเดียวกับเขาอย่างแน่นอน เขาเห็นว่าภายในรถมีเงาคนอีกสองคนอยู่ในนั้นด้วย ซึ่งดูจากลักษณะแล้วคงจะเป็นผู้หญิงทั้งคู่

   ก่อนจะออกมาจากโรงแรม คนของเขาก็รายงานแล้วว่า ฝู่หยงได้หนีออกจากห้องพัก ในระหว่างที่เขากำลังเล่นโป๊กเกอร์กับมิสเตอร์คุณ เขาไม่คิดว่าฝู่หยงจะใช้โอกาสนี้ในการหลบหนี แล้วก็ยิ่งหัวเสียเขาไปใหญ่เมื่อลุงของเขาโทรมาโวยวายว่า ฝู่หยงไม่ได้ไปแต่ตัว แต่ลอบไปเอาหยกวิเศษไปอีกด้วย

   ตอนนี้เขาเดาได้ทันทีว่า คนที่อยู่บนรถของฝู่ไฉ๋ หนึ่งในนั้นคงต้องเป็น ฝู่หงส์ที่เพิ่งจะเสร็จจากงานแถลงข่าวเมื่อตอนหัวค่ำเป็นแน่ และแทนที่เขาจะเลือกไปตรวจดูห้องลับภายในบ้าน เขาว่าการจับฝู่หงส์กลับไปน่าจะทำให้ลุงของเขาพอใจมากกว่า ที่สำคัญไปกว่านั้น เขาคิดถึงฝู่หงส์

   อยู่ ๆ ฝู่ไฉ๋ก็เปลี่ยนเส้นทาง และขับต่อไปได้สักราว 20 นาที เธอก็เข้าไปยังลานจอดรถแห่งหนึ่ง ก่อนถึงถนนที่จะมุ่งหน้าไปยังชานเมือง ถึงเขาจะแปลกใจ แต่ก็เลือกที่จะขับตามเข้าไป จนกระทั่งเห็นฝู่ไฉ๋จอดรถ เขาจึงจงใจขับเลยไป ทำให้เขาได้เห็นคนที่นั่งข้างฝู่ไฉ๋ เลขาฯ ของมิสเตอร์คุณ

   เขาขึ้นมาจอดที่ลานชั้นถัดขึ้นไป ก่อนจะค่อย ๆ เดินลงบันไดมา เขาลอบมองหญิงสาวทั้ง 3 และเห็นฝู่หงส์อยู่ในนั้นจริง ๆ ทั้งสามเหมือนกำลังรอใครอยู่ ทำให้เขาต้องรีบหาแผนจัดการหญิงสาวทั้งสามโดยเร็วที่สุด

   เขาเดินตรงเข้าไปหาหญิงสาวทั้ง 3 และเมื่อฝู่ไฉ๋หันมาเห็นเขา เธอก็เดินขึ้นมากันบุคคลทั้งสองทันที

   “อาเถิง นายมาทำอะไรที่นี่”

   “ก็แค่อยากจะมาเชิญ เหลาป่านเหนี่ยงไปคุยกันสักหน่อย คุณอย่างมาจุ้นจ้านกับเรื่องนี้เลยดีกว่า”

   “ถ้ารู้อยู่แล้วว่าคุณหนูใหญ่กลับเข้ามาคุมกิจการของเยี่ยนหว๋อ นายกับจุ้ยอั้ยเต๋อก็หยุดใช้วิธีสกปรก ลอบกัดสักที ถึงพวกนายจะพยายามแค่ไหน ก็ไม่มีประโยชน์”

   “ฝู่หงส์ ไม่รู้ว่าเธอรู้ไหมนะ ว่าน้องชายเธออยู่กับฉัน” เขาเลือกที่จะหลอกเรื่องของฝู่หยง ซึ่งมันก็ได้ผล ฝู่หงส์ขยับออกมาจากด้านหลังของเลขาฯ สาวใหญ่นั่นทันที

   “ว่ายังไงนะ หยกอยู่ที่ไหน?”

   “ถ้าเธออยากรู้ก็ตามฉันมาดีๆ”

   “ไม่ได้นะคะคุณหนูใหญ่” ฝู่ไฉ๋รีบหันกลับไปทัดทานทันที

   “คุณหงส์ใจเย็น ๆ ก่อนนะคะ” เลขาฯ ของมิสเตอร์คุณก็พยายามห้ามฝู่หงส์ออกมาเป็นภาษาไทย

   “ไม่เป็นไรค่ะ หงส์จะไป”

   เธอว่าแล้วเธอก็เดินออกมาเผชิญหน้ากับเขา สีหน้ามุ่งมั่นไม่ต่างจากตอนเด็กที่เขาเคยเจอ ผิดตรงที่แววตา มันดู สดใสและซุกซน กว่ามาก เพราะเขาไม่ทันระวังตัวจึงโดนหญิงสาวตรงหน้าจู่โจมเข้าให้อย่างกะทันหัน ถึงแม้จะตั้งรับและป้องกันได้ก็ตาม เขาก็ยังดูจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบให้กับความว่องไวของคู่ต่อสู้อยู่ดี จึงพยายามหาตัวช่วยโดยควักปืนขึ้นมาขู่ แต่ก็ถูกหญิงสาวตรงหน้าเตะจนมันกระเด็นไปไกล เขาที่ยังไม่ทันจะตั้งหลักหรือจู่โจมกลับ ปลายวัตถุสีดำของปืนในมือเลขาฯ สาวใหญ่ก็มาจอที่กลางหลังเขา

   เขาได้แต่ยกมือขึ้น ทำทียอมจำนนก่อนที่จะจู่โจมกลับไปทางสาวใหญ่ แต่เขาคิดผิด เพราะเธอไม่ใช่แค่ผู้หญิงที่ถือปืนได้เท่านั้น ศิลปะการป้องกันตัวก็ไม่น้อยหน้าคนของเขาเลย เขาโดนคนที่คิดว่าเป็นฝู่หงส์เตะที่ข้อพับขา จนกระทั่งทรุดลงไป คราวนี้ปลายกระบอกปืนไม่ได้ไปหยุดที่กลางหลังของเขาอีกต่อไป มันกำลังจ่อที่ศีรษะของเขาแทน แล้วยังขึ้นไกรอท่า พร้อมยิงได้ทุกเมื่อ

   “ยอมแพ้ซะเถอะอาเถิง” ฝู่ไฉ๋เดินเข้ามาใกล้ ๆ พร้อมกับเชือกที่เตรียมจะมัดเขา

   “เธอไม่ใช่อาหงส์” เขาไม่สนใจคำพูดของฝู่ไฉ๋ ได้แต่หันไปมองหน้าคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขาตอนนี้ ที่รับเชือกจากฝู่ไฉ๋ และเข้ามามัดเขาไว้อย่างแน่นหนา ก่อนลุกออกไปนั้น

   “ฉันชื่อ โบตั๋น จำไว้นะว่าตระกูลฝู่ไม่ได้มีแค่ฝู่หงส์ ฝู่หยง แต่ยังมี ฝู่มู่ตาน อีกคน”

To Be Continue

ออฟไลน์ YounIn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-8
Re: หยก 8-12-18 {{:::65:::}}
«ตอบ #234 เมื่อ12-12-2018 18:54:06 »

คือแบบ โคตรสนุก โคตรมันส์ โคตรลุ้นอ่ะ
ติดตามๆๆๆๆ


ปล. มี คะ ค่ะ ผิดเยอะเลย ค่ะที่ใช่ค่ะอ่ะถูก แต่มีที่ต้องใช้คะแต่ไปใช่ค่ะเยอะมาก

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: หยก 8-12-18 {{:::65:::}}
«ตอบ #235 เมื่อ12-12-2018 20:04:29 »

เข้มข้นมาก อยากให้มาต่อเร็วๆ จัง

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: หยก 8-12-18 {{:::65:::}}
«ตอบ #236 เมื่อ12-12-2018 20:08:59 »

 :katai5:  :katai5:

ออฟไลน์ Amo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-1
Re: หยก 14-12-18 {{:::66:::}}
«ตอบ #237 เมื่อ14-12-2018 14:07:30 »

66



    พี่เก่งกับพี่คีพาผมมายังรถอีกคัน ที่จอดไว้ในตึกแถวแหล่งการค้าและท่องเที่ยว ไม่ห่างจากโรงแรมที่ผมถูกจับตัวเท่าไรนัก ผมมารู้ภายหลังเมื่อเราออกจากเขตตัวเมืองมาได้สักระยะหนึ่งว่า คนขับรถและรถที่กำลังจะพาพวกเราไปส่งที่บ้านเจ็กลู่เป็นคนของคุณลตา

    “คุณหยกหิวไหมครับ?” อยู่ ๆ พี่เก่งก็ถามขึ้นมา

    “ถ้าบอกว่าไม่หิวก็คงจะโกหกครับ”

    “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมลงไปซื้ออะไรให้คุณหยกรองท้องสักหน่อย อีกไม่เกิน 10 นาที เราจะเจอจุดซื้อของฝาก” พี่คีที่นั่งข้างคนขับหันกลับมาบอกผม

    “ผมขอลงไปได้ไหมครับ ถูกขังแต่ในห้อง เบื่อจะแย่”

    “ตอนนี้เรายังเสี่ยงไม่ได้ครับ เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยให้คุณพยัคฆ์พาไปเดทในเมืองก็แล้วกันครับ” พี่เก่งตอบกวน ๆ กลับมาอีกแล้ว สงสัยจะอยู่กับโบตั๋นจนชิน พี่คีก็ยังแอบยิ้มอีก จากนั้นพี่คีก็บอกคนขับรถให้แวะจุดซื้อของฝาก

    พวกเรามาถึงบ้านของเจ็กลู่ก็ดึกมากแล้ว รั้วโดยรอบสูงกว่าบ้านใกล้เคียง ประตูอัตโนมัติค่อย ๆ เปิดออกให้รถแล่นเข้าไป ก็จะเป็นส่วนของที่จอดรถเลย พวกเราลงจากรถเรียบร้อย คนขับก็ถอยรถกลับไปทันที

    ผมเดินตามพี่คีกับพี่เก่งเขาไปที่ตัวบ้าน มองไปรอบ ๆ เป็นส่วนหย่อมเล็ก ๆ บ้านเจ็กลู่ไม่ใหญ่นัก เดินไปกี่ก้าวก็ถึงประตูทางเข้าบ้าน ผมจับความรู้สึกของคนในบ้านได้ หนึ่งในนั้นคือพี่เสือ แต่ความรู้สึกที่รุนแรงอีกคนหนึ่งนั่นคือใครกัน?

    “พี่เก่ง”

    “ครับ?”

    “มีใครอยู่ที่นี่บ้าง นอกจากพี่เสือ กับอากร”

    “ก็ยังมีต้า กับเอ ยังไงล่ะครับ”

    “แต่...”

    “หยก!! ” ผมตกใจที่เห็นโบตั๋นพุ่งเข้ามากอดผม “หยกจริง ๆ ด้วย ตั๋นทั้งเป็นห่วง ทั้งคิดถึง” เธอยังพูดทั้ง ๆ ที่กอดผมอยู่

    “ตั๋น? ไหนพี่เก่งกับพี่คีบอกว่าตั๋นจะมาพรุ่งนี้”

    “ตั๋นเอาของขวัญมาให้อากรน่ะ” โบตั๋นผละออกจากตัวผมก่อนจะส่งยิ้มทะเล้นให้

    “เฮียดีใจที่ได้เจอตั๋นนะ แล้วก็ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วง”

    “อืม ตั๋นรู้ ตั๋นเองก็ขอโทษที่ ที่มีเรื่องปิดบังหยกน่ะ” ผมพยักหน้าพร้อมส่งยิ้มให้เธอ “รีบเข้าไปข้างในเถอะ มีคนรอหยกอยู่เยอะเลย” ตั๋นว่าแล้วก็จูงมือผมเข้าไป

    ตอนนี้ทุกคนนั่งอยู่กันที่ห้องรับแขกของบ้าน แต่จะบอกว่านั่งทั้งหมดคงไม่ใช่ เพราะมีคนรออยู่มากจริง ๆ อากรนั่งอยู่ที่โซฟากับคุณวรรณ โดยมีพี่ต้ากับพี่เอยืนอยู่ด้านหลัง

    “ปลอดภัยดีนะเรา” อากรทักผม

    “ครับ” ส่วนคุณวรรณนั้น เธอลุกขึ้นมาหาผม พี่ต้ากับพี่เอเดินตามหลังเธอมาด้วย คุณวรรณเข้ามากอดผม

    “ขวัญเอ๊ย ขวัญมานะคะ คุณหยก” เธอทั้งกอดทั้งลูบหลังผม โบตั๋นที่ยืนข้าง ๆ แอบหัวเราะคิกคัก จนคุณวรรณเขินแล้วผละออกไป

    “พวกเราขอโทษนะครับคุณหยก” พี่เอว่า ทำให้ผมสงสัยเล็กน้อย

    “เรื่องที่พวกเราดูแลคุณหยกไม่ดี ทำให้คุณหยกถูกจับมาที่นี่” พี่ต้าเป็นคนเฉลยข้อสงสัยของผม

    “ไม่เป็นไรหรอกครับ มันเป็นเรื่องสุดวิสัย ไม่ใช่ความผิดของใครทั้งนั้น”

    “ไม่เอาๆ พวกแก 2 คนเลิกดราม่าได้แล้ว พรุ่งนี้ยังมีเรื่องน่ายินดีรออยู่อีกนะ” คุณวรรณว่าพี่สองคนเข้าให้ ผมได้ยินแก๊งของโบตั๋นและลูกสมุนอย่างพี่เก่งกับพี่คีหัวเราะอยู่ด้านหลัง

    ผมเห็นหญิงสาวคนที่อยู่ในงานแถลงข่าวลุกจากเก้าอี้ที่เธอนั่ง เธอเดินตรงมาหาผมก่อนโค้งคำนับ พอเธอเงยหน้าขึ้นมาผมก็เห็นเธอร้องไห้ เล่นเอาผมตกใจ ทำอะไรไม่ถูก แต่ผมสัมผัสได้ว่ามันเป็นน้ำตาแห่งความปีติยินดี

    “ดิฉัน ฝู่ไฉ๋ค่ะ ขอดิฉันกอด” เธอพูดด้วยน้ำเสียงสะดุดเล็กน้อย เธอแซ่ฝู่แสดงว่าเธอคงเป็นคนใครครอบครัวของผม ผมไม่รอให้เธอพูดจบก็เป็นฝ่ายเข้าไปกอดเธอไว้เอง เธอตกใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้มีท่าทีขัดขืนอะไร

    “อาไฉ๋ เธอเห็นแล้วใช่ไหม ว่าคุณชายของเธอน่ะ จิตใจโอบอ้อมอารีขนาดไหน” คุณวรรณพูดกับคนที่อยู่ในอ้อมกอดของผม ซึ่งเธอเองก็เงยหน้าขึ้นมามองหน้าผมอีกครั้ง ผมได้แต่ยิ้มให้เธอ

    “อืม” เธอตอบก่อนจะผละออกไปยืนข้าง ๆ คุณวรรณ

    คนที่ผมตื่นเต้น และอยากเจอที่สุด ได้แต่ยืนมองคนอื่นต้อนรับผมอยู่เงียบ ๆ แต่ผมรู้ดีว่าพี่เสือห่วงผมขนาดไหน ความรู้สึกที่กลับมารุนแรงอีกครั้ง แต่มันไม่ได้น่ากลัวแล้วสำหรับผม พี่เสือส่งยิ้มมาให้

    “พี่เสือ หยกขอโทษนะ” คำพูดมากมายที่อยากจะบอก อยากจะถาม ทั้งที่เฝ้ารอวันนี้มานานหลายวัน แต่พอมาถึงเวลานี้ ผมกับพูดออกมาได้เพียงเท่านี้

    โบตั๋นรุนหลังผมให้เดินไปหาพี่เสือ ผมจึงออกเดินไปจนหยุดตรงหน้า ได้แต่มองใบหน้าที่ไม่ได้เห็นหลายวัน ผมไม่คิดว่าผมจะคิดถึงคนตรงหน้ามากมายขนาดนี้

    “ยินดีต้อนรับครับ ถึงยังจะไม่ได้กลับบ้าน แต่ก็กลับมาหาคนที่รักหยกนะ” พี่เสือพูดนิ่ง ๆ

    “โอ๊ย อยากกอดก็กอดสิ ที่เมื่อก่อนทำตัวเป็นแมวหง่าวคอยคิดแต่จะลวนลามหยก” โบตั๋นบ่นอย่างขัดใจ แถมยังมีลูกสมุนโห่รับเป็นลูกคู่เข้าให้อีก

    มีหรือพี่เสือจะรอช้า ดึงผมเข้าไปกอด ผมก็ไม่น้อยหน้ากอดตอบไปแบบไม่อายหลายชีวิตที่อยู่ในห้องนี้ คำพูดของพี่เสือเมื่อครู่ไม่เท่ากับความรู้สึกของอ้อมกอดนี้เลย

    แต่...ความรู้สึกที่ผมสัมผัสได้ตอนอยู่ที่หน้าบ้าน มันไม่ใช่ความรู้สึกของคนในห้องนี้ ผมมองไปยังจุดที่ผมรับรู้ความรู้สึกได้ พี่เสือมองตามไปยังประตูบานนั้น

    “จุ้ยเถิงน่ะ ฝีมือโบตั๋น”

    “ของขวัญ ของอากร?”

    “ฝู่มู่ตานซะอย่าง” โบตั๋นพูดออกมาอย่างได้ใจ

    “นี่คุณตั๋นไปซนอะไรเข้าอีกแล้วเหรอครับ” พี่เก่งโวยออกมาทันที

    “ให้ห่างสายตาไม่ได้จริง ๆ เลยนะครับคุณตั๋น” พี่คีบ่นออกมาอีกคน

    “อ๊ะๆ ๆ พี่เสือ คืนนี้หยกต้องนอนกับตั๋น”

    “พี่ยังไม่ได้พูดอะไรสักคำ”

    “แต่พี่เสือคิด” โบตั๋นพูดออกมาเสียงไม่เบาเลย ผมทั้งเขินพี่เสือ ทั้งอายคนที่อยู่ในห้องนี้ ตอนนี้ในบ้านอบอวลไปด้วยความสุข ทุกคนต่างยินดี ยิ้มแย้มให้กัน จากนั้นทุกคนก็ต่างแยกย้าย เพราะห้องที่นี่ไม่พอ

    คุณอากร คุณวรรณไปกับฝู่ไฉ๋ พี่ๆ บอร์ดี้การ์ดไปพักอีกที่ละแวกนี้ บ้านหลังนี้จึงมีเพียงผม โบตั๋น พี่เสือ และจุ้ยเถิงที่ถูกขังอยู่ในห้อง

........................................................................

    พยัคฆ์เดินออกมาสูดอากาศที่ด้านนอกตัวบ้าน สวนหย่อมที่บ้านอาชาติถึงแม้จะเล็กแต่ก็ให้บรรยากาศร่มรื่นย์ อีกทั้งอากาศที่นี่เย็นกว่าที่ไทยพอสมควร ทำให้เขาเหมือนรู้สึกได้พักผ่อนมากกว่ามาทำงาน

    การที่เขาได้เห็นหน้าน้องหยกอีกครั้ง มันทำให้ความรู้สึกหนักอึ้งที่เป็นอยู่หลายวันนี้หายไปทันที ถึงแม้ว่าคืนนี้จะไม่มีโอกาสได้นอนกอดให้สมกับที่คิดถึงก็ตาม

    “พี่เสือ” พยัคฆ์หันไปตามเสียงเรียก “นอนไม่หลับเหรอครับ หรือยังมีเรื่องอะไรไม่สบายใจอยู่อีก” หยกเดินตรงเข้ามาหาเขา

    “แล้วหยกล่ะ ทำไมยังไม่นอนอีก?”

    “หยกถามพี่เสือก่อนนะ” เขาเห็นคนตรงหน้างอนแล้วอยากจะเอื้อมมือไปบีบจมูกเล็ก ๆ นั่นสียจริง

    “พี่เห็นว่าอากาศดีเลยออกมาเดินเล่นน่ะ ไม่มีอะไรหรอก”

    “หยกก็เหมือนกัน อุดอู้อยู่แต่ในห้องสี่เหลี่ยมหลายวัน”

    “ลำบากมากไหม ตอนที่หยกโดนจับตัวไป”

    “ไม่ครับ แต่อึดอัดมากกว่า”

    “แล้วมันไม่ได้ทำอะไรหยกใช่ไหม?”
   
    “ก็มีเรื่องให้ได้ออกกำลังอยู่ 2-3 หน แต่ก็ไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรงอะไร”

    “เก่งจริง ๆ นะตัวแค่นี้”

    “ความรู้สึกของจุ้ยเถิง...” อยู่ ๆ หยกก็พูดถึงคนที่ถูกขังขึ้นมา

    “ความรู้สึกนั้นมันทำให้หยกกลัวอย่างนั้นเหรอ?”

    “ครั้งแรก ๆ ก็ใช่ครับ แต่ตอนนี้มันไม่ได้เป็นอย่างนั้น หยกแค่รู้สึกว่าเขาน่าสงสาร ความรู้สึกของเขามันดูสับสน มันไม่ได้พุ่งตรงมาที่หยก หรือที่ตั๋น แต่ก็ยังคงความรุนแรงอยู่ดี”

    “ถ้าสักวันหนึ่ง หยกไม่มีเมฆาขาวแล้ว หยกจะรับได้ไหม?”

    “พี่เสือหมายถึงเรื่องที่เหมิ๋นขอกับเจ่เจ้ไว้ใช่ไหมครับ” เขาพยักหน้ารับ “หยกคิดแค่ว่ามันเป็นของดูต่างหน้าป๊ากับม๊าเท่านั้น ไม่เคยคิดเสียดายความวิเศษของมัน ถ้ามอบให้เหมิ๋นก็คงมีแต่เสียดายของที่พกติดตัวมาตั้งแต่เด็ก”

    พยัคฆ์เห็นหยกห่อไหล่เล็กน้อย คงเป็นเพราะอากาศยิ่งดึกก็ยิ่งหนาวเย็นขึ้น เขาจึงถอดเสื้อคลุมตัวนอกออกแต่มือเล็กกลับยื้อมันไว้ หยกขยับเข้ามาใกล้ ก่อนหันหลังพิงตัวเองเข้ากับตัวเขาไว้ สองมือบางคว้าแขนเขาให้โอบกอดรอบตัว

    “แบบนี้จะได้อุ่นกันทั้งคู่” หยกที่ดูจะเหมือนพูดแก้ตัวด้วยความเขินอาย เขาจ้องมองไปที่ซีกหน้าด้านหนึ่ง ก่อนจะเอาคางเกยไว้ที่ไหล่มนเบาๆ

    “คิดถึงนะครับ” เขากระซิบเบาๆ ข้าง ๆ หูยิ่งทำให้คนในอ้อมกอดหน้าแดงยิ่งกว่าเดิม

    “หยกก็คิดถึงพี่เสือ” หยกพูดพร้อมหันหน้ามาสบตากับเขา คงต้องโทษความคิดถึงที่เขามีต่อหยก ทำให้เขาโน้มหน้าเข้าไปจูบคนในอ้อมกอด ในเมื่อหยกกล้าที่จะเดินเข้ามาในอ้อมกอดนี้ แล้วมีหรือที่เขาจะปฏิเสธ มันต้องให้รางวัลเป็นจูบรับขวัญ แทนที่จะเป็นอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นอย่างคนอื่น ๆ

.......................................................................
.

    จุ้ยอั้ยเต๋อกลับไปถึงบ้านตระกูลฝู่ หลังจากพยายามหาทางออกเรื่องโรงแรมและกาสิโนที่เพิ่งเสียให้กับเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมคนหนึ่ง มารู้ตัวอีกทีว่าเสียรู้คนพวกนี้ก็สายไปแล้ว ไหนจะเพื่อนของมันชาวเกาหลีนั่นอีก

    เขานั่งรอหลานชายที่เปรียบเสมือนเป็นมือขวาในห้องรับแขก จนป่านนี้ก็ยังไม่เห็นหัว ทั้งที่สั่งให้รีบกลับมาตรวจสอบห้องลับก่อนแท้ ๆ มันน่าจะมีหนทางทำอะไรได้บ้าง ไม่ใช่ต้องสูญเสียไปซะทุกสิ่งอย่าง แม้กระทั่งเก๋อหมิง

    ฝู่หงส์ถึงจะเป็นทายาทโดยชอบทำแต่ก็เป็นหญิง ฝู่หยงก็ยังอายุไม่ถึงกำหนดตามพินัยกรรมก็ไม่สามารถเข้ามาบริหารเยี่ยนหว๋อได้อย่างสมบูรณ์ ยังไงเขาก็ยังมีสิทธิ์เป็นผู้รักษาการบริหารบริษัทฯ

    “เหล่าไป่ ติดต่อคุณชายไม่ได้เลยครับ” คนของเขาเดินเข้ามารายงาน

    “ไปๆ ไปไหนก็ไป”

    “เออ...มีคนจากบริษัทฯ เอาเอกสารจากทนายเหอมาส่งที่บ้านเมื่อช่วงหัวค่ำครับ”

    “ว่ายังไงนะ ไหนเอามาให้ฉันดูสิ”

    เขารับเอกสารมาจากลูกน้อง พิจารณาจากซองสีน้ำตาลตรงหน้า ไอ้ทนายนั่นมันหักหลังเขาแล้วยังส่งเอกสารอะไรมาให้เขาอีก เมื่อเปิดดูรายละเอียดภายใน กลับทำให้เขาเบิกตากว้างอย่างตกตะลึง

    “ระยำเอ๊ย”

    ความโกรธแค้นเพิ่มขึ้นเป็นทบทวีคูณ ได้แต่ฉีกเอกสารนั้นเป็นชิ้น ๆ เพื่อระบายความโกรธ พวกมันทั้งหมดวางแผนกันมาอย่างดี

    “ไอ้วรากร!! ” เขาได้กัดฟันอย่างแค้นเคือง คำรามชื่อผู้รักษาการบริหารบริษัทฯ คนใหม่

........................................................................

    หลังจากที่ทุกคนแยกย้ายกันกลับไปพักผ่อน รวมถึงจุ้ยอั้ยเต๋อที่รีบร้อนกลับไปยังบ้านตระกูลฝู่ เมื่อเห็นว่าภายในโรงแรมปราศจากคนของจุ้ย เหลือเพียงพนักงานระดับธรรมดาเท่านั้น ลตาที่นั่งอยู่ที่เลานจ์ของโรงแรมจึงเดินออกไปยังโถงลิฟต์

    ‘ตากำลังไปยังจุดนัดพบค่ะ’ เธอได้เพียงแต่นึกขึ้นในใจ และเมื่อลิฟต์ตัวหนึ่งเปิดออกเผยให้เห็นผู้ช่วยของเธอในคืนนี้ เธอจึงก้าวเท้าเข้าไปทันที

........................................................................

    ถึงจะแปลกที่แปลกทางสำหรับผมไปสักหน่อย แต่เครื่องใช้และวัตถุดิบภายในครัวนี้ก็มีครบตามที่ผมต้องการ เช้านี้ผมเลยได้ทำข้าวต้มหมูสับ French Toast เบคอน ไข่ดาว ทุกอย่างถูกผมจัดเตรียมไว้เรียบร้อย และหวังว่าจะเพียงพอสำหรับทุกคน

    ผมเดินจากห้องครัวมายังห้องรับแขก ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะมีใครตื่นออกมาทานอาหารเช้ากันสักคน ทุกคนคงจะเหนื่อยกันมาก ผมมองไปยังห้องที่จุ้ยเถิงถูกขังอยู่ก่อนตัดสินใจยกข้าวต้มและไปยืนหยุดอยู่ที่หน้าห้อง

    ผมที่กลับมาสวมเมฆาขาวไว้ดังเดิม ทำให้สัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่รุนแรงของหมอนั่น ความรู้สึกที่รุนแรงแต่ก็แปลเปลี่ยนไป ถึงผมจะยังกลัวอยู่บ้างแต่เมื่อผมนึกถึงคำสอนของเจ่เจ้ ทำให้มีความกล้าที่จะเข้าไปเผชิญหน้ากับคนในห้อง

    เมื่อประตูถูกเปิดออก ผมเห็นหมอนั่นนั่งอยู่บนเตียง มองเหม่อออกไปที่หน้าต่าง มือทั้งสองข้างถูกมัดไข้วหลังไว้ ปากก็ยังถูกปิดไว้ด้วยเทปกาว ยังดีที่เท้าทั้ง 2 ข้างเป็นอิสระ

    “จุ้ยเถิง” ผมเรียกคนที่นั่งเหม่ออยู่ เห็นอาการสะดุ้งเล็กน้อย หากเป็นคนอื่นคงไม่ทันสังเกตเห็น “ผมรู้ว่าคุณยังไม่ได้ทานอะไรมาตั้งแต่เมื่อคืน” ผมพูดแค่นั้น จากนั้นก็วางถาดใส่ถ้วยข้าวต้มลง แล้วเดินไปเพื่อจะดึงเทปกาวให้

    “อาหยง นายกลัวฉันอย่างนั้นเหรอ?” จุ้ยเถิงถามขึ้นหลังจากที่ผมเอาเทปกาวออกแล้ว

    “อือ”

    “ทำไม นายเป็นคนยังไงกันแน่?”

    “ผมก็เป็นของผมแบบนี้แหละ หันหลังสิ จะแก้มัดให้”

    “นายไม่กลัวว่าฉันจะหนี หรือทำร้ายนายหรือไง”

    “ผมว่าคุณน่าจะรู้ดีว่า ที่คุณพูดมาทั้งหมดคุณไม่สามารถทำได้”

    “แล้วทำไมนายถึงกลัวฉัน”

    “คุณจะสนใจเรื่องนี้ทำไม แทนที่จะสนใจว่าพวกเราจับคุณมาทำไมมากกว่า ถึงจะถูก”

    “ฉันแค่ไม่อยากให้นาย หรือเสี่ยวฝู่... เกลียดฉัน”

    “แล้วทำไมผมต้องเกลียดคุณละ?”

    “ก็...คงทุกอย่างที่ฉันทำ?”

    “ผมเข้าใจว่าคุณทำไปเพราะคุณมีเหตุผลของคุณ และผมยังไม่ตัดสินคุณในตอนนี้หรอกนะ ไว้ถ้าเหตุผลของคุณฟังขึ้นสำหรับทุกคน ผมก็เชื่อว่าทุกคนก็คงพร้อมจะเข้าใจคุณ”

    “นายเป็นคนแบบนี้เองสินะ”

    “ไปกินข้าวต้มได้แล้ว” ผมพูดหลังจากแก้เชือกมัดข้อมือของจุ้ยเถิง

    “ขอบใจ”

    “อืม” ผมพูดแล้วก็เดินออกจากห้องมา แล้วก็พบพี่เสือที่ยืนรออยู่ที่หน้าประตู

    “ทำแบบนี้พี่หึงนะ”

    “อ่าว นึกว่าจะเป็นห่วงหยก”

    “ห่วงสิ ไม่ห่วงจะมายืนเฝ้าอย่างนี้เหรอ?”

    “หยกไปชงกาแฟให้พี่เสือดีกว่า วันนี้หยกทำ French Toast นะ ไม่มีแซนด์วิช” ผมเขินจนต้องรีบเดินเลี่ยงออกมา ทำให้เห็นโบตั๋นกับพี่เก่งนั่งคุยกันอยู่ตรงโซฟา

    “มากันแล้วครับ” พี่เก่งบอกโบตั๋นที่นั่งหันหลังให้ผม

    “หยก ตั๋นอยากได้นมอุ่นมาทานกับ French Toast ส่วนของพี่เก่งขอกาแฟนะ”

    “อ่าว แล้วตั๋นไม่ทานข้าวต้มหมูเหรอ เฮียอุตส่าห์ทำไว้ให้”

    “ไม่เอาล่ะ พี่เสือก็ไปช่วยหยกในครัวแล้วกันนะ ตั๋นขอเม้าท์เรื่องเด็ด ที่เจอเมื่อคืนกับพี่เก่งอีกสักหน่อย”

    “พี่เพิ่งรู้นะ ว่าลูกน้องพี่กลายเป็นลูกสมุนของตั๋นไปซะแล้ว”

    “พี่เสือไม่ต้องหวงไปหรอก เอาเวลาไปหวงคนข้าง ๆ เถอะ เนอะพี่เก่ง”

    ผมที่ได้ยินยังไม่จบประโยคดีก็เร่งฝีเท้าเข้าครัวทันที อยู่ ๆ ก็เป็นเป้าให้ทุกคนแซว ดูพี่เสือจะถูกอกถูกใจจนยิ้มไม่หุบเลย

To Be Continue

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: หยก 14-12-18 {{:::66:::}}
«ตอบ #238 เมื่อ14-12-2018 14:09:55 »

  :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: หยก 14-12-18 {{:::66:::}}
«ตอบ #239 เมื่อ14-12-2018 18:37:29 »

มาตอนนี้ ค่อยคลายความตืนเต้นลงไปหมด มีบทกุ๊กกิ๊กเล็กน้อย ทำให้ไม่ตึงมากเกินไป

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด