หยก 9-04-19 {{:::บทส่งท้าย:::}}
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: หยก 9-04-19 {{:::บทส่งท้าย:::}}  (อ่าน 45259 ครั้ง)

ออฟไลน์ →Yakuza★

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1829
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-0
Re: หยก 28-10-17 {{:::23:::}}
«ตอบ #90 เมื่อ29-10-2017 12:21:20 »

เรื่องสนุกมาก มาให้กำลังใจคะนานๆเม้นที สู้ๆนะคะ พี่น้องหยกน่ารักมาก
จะรออ่านทุกวันเลยนะจ๊ะ

ออฟไลน์ tempo_oil

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-1
Re: หยก 28-10-17 {{:::23:::}}
«ตอบ #91 เมื่อ31-10-2017 00:20:46 »

สนุกมากกกกกกกค่ะ ลุ้นตามเลย

รอวันที่พี่เสือเข้าใกล้หยกได้เร็วๆ

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: หยก 28-10-17 {{:::23:::}}
«ตอบ #92 เมื่อ31-10-2017 16:04:55 »

 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ Amo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-1
Re: หยก 2-11-17 {{:::24:::}}
«ตอบ #93 เมื่อ02-11-2017 08:32:38 »

24
    พยัคฆ์อาบน้ำเสร็จเรียบร้อย เปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมจะพักผ่อน พรุ่งนี้เขาต้องตื่นแต่เช้า เพื่อเดินทางล่วงหน้าไปยังหมู่เกาะสิมิลัน เพราะน้องหยกของเขามีคิวถ่ายที่หาดเจ้าหญิง

   เขาตามน้องหยกมาเกือบเดือน ได้เห็นหน้าทุกวัน ถึงจะไม่ค่อยได้พูดคุยกันก็เถอะ อย่างมากที่สุดก็คุยกันทางโทรศัพท์ ซึ่งเวลาคุยกันนั้นน้องหยกจะนิ่งมาก น้องพูดน้อยเหมือนไม่กล้าคุยกับเขา แต่ถ้าเป็นคุยผ่านตัวอักษร เขารู้สึกว่าน้องหยกจะคุยได้มากกว่า บางครั้งไม่มีตัวอักษรก็มีเจ้ากระต่ายโคนี่ส่งมาแทน

   วันนี้เขานึกว่าจะไม่ได้เห็นหน้าหวาน ๆ ดวงตาซึ้ง ๆ นั่นซะแล้ว ยังดีที่เรือยอร์ชตามมาสมทบเร็วกว่ากำหนดการที่นายเคบอกเขาไว้ ทำให้ช่วงเย็นยังพอได้เห็นหน้าเห็นตาน้องหยกให้หายคิดถึงบ้าง ใช่เขาคิดถึงน้องหยกมาก ไม่ได้เจอเพียงค่อนวันมันทำให้เขาหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก

   พยัคฆ์เดินออกมาบริเวณโถงกลาง ก็เห็นอาชาติเพิ่งเดินกลับเข้ามาในบ้านพัก บ้านหลังนี้เขาอยู่กับอาชาติเพียงแค่ 2 คน เลยได้พักกันคนละห้อง อีกหลังที่กั้นระหว่างบ้านพักของเขาและน้องหยกจะเป็นบ้านพักของลูกน้องทั้ง 4 คน ส่วนนายเค เขาให้พักบนตึกใหญ่ของโรงแรมโซนเดียวกับพวกทีมงาน

   “อาชาติไปหาหงส์ไม่ใช่หรอครับ ทำไมกลับมาเร็วจัง”

   “พอดีอาคุยไม่สะดวกน่ะ คุณเพ็ญเธออยู่ด้วย”

   “อ่าว ไหนได้ยินว่าจะไปนวดอโรม่าไม่ใช่หรอครับ”

   “ก็เธอเกิดเปลี่ยนใจนะสิ เห็นว่าเหนื่อยมาก เลยจะพักเอาแรงก่อนพรุ่งนี้ค่อยไปนวด”

   “ก็น่าจะเหนื่อยอยู่แหละครับ มาเที่ยวแท้ ๆ กลับไปวุ่นวายอยู่กับทีมงาน อย่างกับเป็นงานของห้องเสื้อตัวเอง” อยู่ ๆ ตาขวาของเขาก็กระตุก ทำให้ต้องยกมือขึ้นขยี้

   “ยังดีที่พรุ่งนี้คุณภาเธอไม่ตามไปที่กองแล้ว อาจะได้เปลี่ยนไปดูตั๋นบนเรือยอร์ชแทน ให้เอกับเก่งขึ้นเรือยอร์ชก็คงไม่ได้”

   “ดีเลยครับ พวกผมจะได้ไม่ต้องหลบคุณภาเหมือนอย่างวันนี้อีก”

   “คุณเป็นอะไรรึป่าว อาเห็นคุณขยี้ตามาสักพักแล้ว”

   “ไม่รู้สิครับ อยู่ ๆ ตาขวาผมก็กระตุกขึ้นมาเฉย ๆ” เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับเสียงนายคี

   “คุณพยัคฆ์ พี่ชาติ ผมคีครับ” อาชาติที่อยู่ใกล้กว่าเขาเดินไปเปิดประตูให้นายคี

   “นายมาช้านะ มีปัญหาอะไรรึป่าว” พยัคฆ์ถามเพราะลูกน้องของเขามาผิดเวลาไปเกือบครึ่งชั่วโมง

   “ไม่มีปัญหาอะไรเกี่ยวกับทีมงานครับ ทางทีมส่วนใหญ่จะพักผ่อนกันอยู่ในห้อง มีบางส่วนที่ตั้งวงเล่นไพ่กันอยู่ ไม่ก็ตั้งวงดื่มเหล้าดื่มเบียร์กัน แต่ที่ผมมาช้าเพราะผมเจอคุณเกรียงไกร”

   “นายเกรียงไกร ลูกเจ้าสัวเซียงอ่ะนะ” พยัคฆ์ย้อนถามก่อนหันไปมองหน้าอาชาติ

   “แล้วคุณเกรียงไกรเขามากับใคร มากับเจ้าสัวอย่างนั้นหรอ?” อาชาติตั้งคำ

   “ผมเดินตามคุณไกรไปจนถึงบ้านพักส่วนในสุด ผมเห็นแค่คุณเกรียง แต่ไม่เห็นเจ้าสัว รออยู่แถว ๆ บ้านพักสัก 15 นาทีเห็นจะได้ ผมไม่เห็นคนข้างในเคลื่อนไหวอะไร เลยมารายงานคุณพยัคฆ์ก่อน”

   “อืม ถ้าอย่างนั้น นายไปสืบมาว่านายเกรียงไกรมากับใคร มาทำอะไร ฉันคิดว่ามันไม่น่าจะเป็นเรื่องบังเอิญ ที่อยู่ ๆ นายเกรียงไกรจะมาเที่ยวที่นี่ แถมพักที่เดียวกับเราอีก”

   “ครับ เดี๋ยวผมจะไปสืบให้ แล้วพรุ่งนี้จะรีบมารายงานก่อนคุณเดินทาง”

   “เดี๋ยวก่อนคี” อาชาติเรียกไว้ “ลองสืบดูด้วยว่าที่บนตึกโรงแรม มีรายชื่อคุณลตามาพักด้วยรึป่าว? หรือนายอาจจะต้องเหนื่อยหน่อย สืบดูโรงแรมใกล้เคียงระแวกนี้ด้วย”

   “ครับ” นายคีรับคำก่อนเดินออกจากบ้านพักไป

   “อาชาติว่า พวกนั้นจะตามหยกมารึป่าวครับ?”

   “อาเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่คิดว่าเจ้าสัวเซียงไม่น่าจะทำอะไรบุ่มบ่ามขนาดนั้น”

   “ผมสังหรณ์ใจแปลก ๆ หวังว่าคงจะไม่เกิดอะไรขึ้น”

.........................................................................

   โบตั๋นกระตุกข้อมือผมเล็กน้อย ระหว่างที่พวกเราเดินสวนกับคนเมากลุ่มนั้น ผมพยักหน้ารับรู้ เพราะความรู้สึกของคนพวกนั้นที่พวกเราสัมผัสได้มันอันตรายและไม่น่าไว้ใจ และชายคนสุดท้ายที่เดินผ่านผมเหมือนจะจงใจเดินกระแทกไหล่ผม

   “เฮ้ย!! ไอ้น้อง มึงเดินยังไงของมึงแว๊...”

   “...”

   ผมไม่ตอบ โบตั๋นก็เช่นกัน พวกเราไม่อยากมีเรื่อง จึงค่อย ๆ เดินเลี่ยงออกมา ผมดันให้โบตั๋นเดินนำผมออกไปก่อน ส่วนผมเดินตามหลังเธอไป ยังก้าวได้ไม่ถึงก้าว ผมก็โดนกระชากไหล่อย่างแรง และปฏิกิริยาของร่างกายก็เป็นไปเองโดยอัตโนมัติ
ผมคว้าข้อมือหนานั่นออกจากไหล่ผมพร้อมกับหักข้อมือหงายกลับหลังร่างใหญ่นั่นทันที พอร่างนั้นอยู่ในท่าทางที่ฝืนสรีระของร่างกาย ก็ร้องโอดโอย ทำให้พรรคพวกที่มาด้วยอีก 3 คนกระโจนเข้าใส่ผม

   คนแรกที่มาถึงตัวผม แต่ยังไม่ทันคว้าตัวผมได้ก็โดนเท้าเล็ก ๆ ของโบตั๋นยันเข้าให้กลางลำตัว ด้วยแรงที่ร่างนั่นพุงเข้ามาหมายจะคว้าตัวผมกลับโดนฝ่าเท้าของโบตั๋นยันเข้าให้ ทำให้ถึงกับจุกลงไปนั่งกองกับพื้น อีกสองคนที่เหลือกำลังจะเข้ามา จึงชะงักค้างและระวังตัวมากขึ้นทันที ผมบิดหัวไหล่คนที่อยู่ในมือก่อนดันร่างนั้นลงไปนอนกองกับเพื่อนที่นั่งจุกอยู่กับพื้น

   ผมเห็นสองคนที่เหลือบมองหน้ากันเล็กน้อย ก่อนที่จะพุ่งเข้ามาหาผมและโบตั๋นพร้อมกัน ผมตั้งรับคนที่ตัวโตกว่า ส่วนโบตั๋น เธอสูงเกินมาตรฐานหญิงไทยอยู่แล้วแถมความมั่นใจที่มีเกินร้อย เธอจึงเป็นฝ่ายบุกเข้าหาชายคนนั้นแทนที่จะตั้งรับเหมือนอย่างผม

   ระหว่างที่พวกเราชุลมุนกันอยู่ สองคนที่นั่งจุกกับพื้นเริ่มฟื้นตัว เขาทั้งสองคนพากันพุ่งเขามาหาผม 3 รุม 1 โบตั๋นพยายามจะสลัดเจ้าคนตรงหน้าให้หลุด เพื่อที่จะมาช่วยผม จังหวะที่ผมกำลังจะพลาดท่าให้คนพวกนั้น ก็มีกระป๋องเบียร์ขว้างเข้ามาที่ใบหน้า 1 ใน 3 ของพวกนั้น ผมได้ยินฝีเท้าที่กำลังวิ่งเข้ามาใกล้

   พี่คนหนึ่งเข้าไปช่วยโบตั๋น ส่วนอีกคนก็ช่วยผม หลังจากที่ชุลมุนกันสักพัก ด้วยพี่ ๆ เขาเป็นมืออาชีพ ไม่นานก็จัดการพวกนั้นได้อยู่หมัด ทั้ง 4 คนลงไปนอนกองกับพื้น หมดสภาพกันไปเป็นแถว

   “คุณหยก คุณโบตั๋นบาดเจ็บตรงไหนไหมครับ” พี่คนหนึ่งถามพวกเรา

   “ไม่เป็นไรครับ ผมกับโบตั๋นปลอดภัยดี ขอบคุณพี่ ๆ ที่เข้ามาช่วยไว้ทัน”

   “พวกผมเองก็ต้องขอโทษ ที่ชะล่าใจไปหน่อย”

   “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ นาน ๆ ได้ยืดเส้นยืดสายสักทีก็ดีเหมือนกัน” โบตั๋นพูดหน้าตาย “แต่ตั๋นสงสัย ว่าทำไมพวกมันถึงรุมเล่นงานเอาแต่หยกคนเดียว ทั้งๆ ที่ปกติคนที่เล่นงานได้ง่ายที่สุดน่าจะเป็นผู้หญิงอย่างตั๋น”

   “ผมก็ว่าแปลก ต้น มึงไปส่งคุณหยกกับคุณโบตั๋นที่โรงแรม พวกนี้กูว่าแมร่งแกล้งเมา เดี๋ยวพ่อจับส่งตำรวจ รีดเอาความจริงมันออกมาให้หมดไส้หมดพุงเลย” ผมมองดูทั้ง 4 ถูกสายรัดพลาสติกมัดเอามือไพล่หลัง นั่งกองรวมกันอยู่อย่างไม่ค่อยจะไว้ใจ

   “ผมกับตั๋นเดินกลับเองก็ได้ครับ พี่ ๆ สองคนช่วยกับดูคนพวกนี้ดีกว่า”

   “ถ้าอย่างนั้นคุณหยกรอเดี๋ยวนะครับ ผมเองก็ไม่ไว้ใจให้คุณ ๆ เดินกลับไปกันเอง” พูดจบพี่ที่ชื่อต้นก็หยิบโทรศัทพ์ขึ้นมาโทรตามพี่ ๆ เมื่อกลางวันให้เดินมารับพวกผม

   รออยู่ไม่นาน พี่ ๆ เมื่อกลางวันก็เดินมาสมทบกับพวกเรา พี่ที่ชื่อต้นกับพี่อีกคนก็ลากคนทั้ง 4 ไปส่งตำรวจ และคราวนี้ พี่ ๆ ชุดเมื่อกลางวันไม่เดินเว้นระยะจากพวกเราอีกแล้วครับ เดินตามประกบไปส่งจนถึงบ้านพักเลย

.........................................................................

   ในมุมมืดข้างร้านค้าที่ปิดบริการลงไปแล้ว เมฆยืนสังเกตการณ์อยู่ ตอนแรกที่คุณเกรียงไกรจะส่งคนทั้ง 4 มา เขาคิดว่ามันออกจะเอิกเกริกไปหน่อยสำหรับการจับตัวน้องหยกเพียงแค่คนเดียว และยิ่งน้องหยกเป็นลมง่ายด้วย อีกทั้งโบตั๋นก็เป็นผู้หญิง ซึ่งจัดการได้ง่าย ๆ อยู่แล้ว

   เขาเห็นว่าน้องโบตั๋นเมาเรือตั้งแต่ก่อนถ่ายงานเซตแรก ตอนเย็นหลังจากกลับจากสิมิลัน น้อง ๆ ทั้งสองก็ไม่ไปทานข้าวกับทีมงาน เพราะน้องโบตั๋นเมาเรืออีก เขาเดาได้ว่าน้องโบตั๋นต้องออกมาหาซื้อยาไว้สำหรับพรุ่งนี้แน่นอน และร้านขายยาใกล้โรงแรมก็มีแค่ร้านเดียว เขาลงทุนจ้างให้เด็กในร้านให้ปิดเกินเวลาเพื่อรอน้องโบตั๋น แล้วทุกอย่างก็เป็นไปตามแผน

   ยกเว้นเสียแต่ว่า เขาไม่คิดว่าน้องทั้ง 2 คน จะเป็นศิลปะการป้องกันตัวกัน ที่สำคัญน้องหยกสามารถรับมือผู้ชายตัวโต ๆ 3 คนพร้อมกันได้ ถึงแม้ว่าบางจังหวะน้องโบตั๋นจะยืนมือเข้ามาช่วยบ้าง เขาเหมือนยืนดูหนังแอคชั่นอยู่ก็ไม่ปาน ทั้งระทึกทั้งลุ้น จนกระทั่งมีพลเมืองดี 2 คนสอดมือเข้ามาช่วยทั้ง 2 เมื่อเห็นว่าคนของเกรียงไกรพลาด เขาก็รีบเดินหลบ ย้อนกลับไปยังถนนด้านหน้าโรงแรม

   เขาเดินไปยังส่วนบ้านพักโซนไพรเวท เดินตรงไปยังบ้านพักของเกรียงไกร เมื่อไปถึงเกรียงไกรก็รออยู่แล้ว

   “อ่าว ทำไมลื้อกลับมาคนเดียว แล้วน้องหยกของอั๊วล่ะ?”

   “คนของคุณเกรียทำงานพลาด โดนซิวไปหมดแล้ว”

   “เฮ้ย!! ได้ยังไงว่ะ พวกมันไปกันต้อง 4 คน กับแค่จับเด็กหนุ่มคนเดียว ทำไมถึงพลาดได้” เกรียงไกรบ่นอย่างหัวเสีย

   “ก็น้องหยกกับโบตั๋นดันบู้กันซะเก่ง แล้วยังมีไอ้พลเมืองดีที่ไหนสอดมือมาช่วยอีก ผมเห็นท่าไม่ดี เลยเพ่นมาก่อน”

   “โถ่เว้ย!! ไหนลื้อบอกว่า 4 คนมันเยอะไป แถมน้องหยกของอั๊วยังอ่อนแออย่างกับผู้หญิง เดี๋ยวก็เป็นลม แล้วทีนี้จะทำไง”

   “แล้วคุณเกรียงจะเอายังไง ยังจะอยากได้น้องหยกอยู่ไหม หรือว่าจะถอย”

   “คนอย่างอั๊วไม่มีถอยโว้ย อยากได้อะไรอั๊วก็ต้องได้ คนของอั๊ว อั๊วไม่ห่วง พวกมันปากหนักกันอยู่แล้ว แต่น้องหยกน่ะสิ ถ้าลื้อว่าน้องหยกเก่งขนาดนี้ แล้วน้องเขาจะมาเป็นของอั๊วได้ยังไง”

   “ถ้าคุณเกรียงยืนยันว่าอยากได้ตัวน้องหยก ผมก็มีวิธี”

   “วิธีอะไรของลื้อ”

   “พรุ่งนี้คุณเกรียงเตรียมมีความสุขกับน้องหยกได้เลย”

   “อั๊วจะเชื่อลื้อได้แค่ไหนกัน นี่ก็พลาดมาแล้วตั้ง 2 ครั้ง”

   “พรุ่งนี้ไม่มีพลาดแน่นอน ผมรับรอง”

.........................................................................

   ขณะนี้ในโถงกลางภายในบ้านพักของพยัคฆ์คับแคบไปถนัดตา เมื่อชายหนุ่ม 6 คนมารวมตัวกัน นายต้นและนายเอนั่งขัดตะหมาดอยู่กับพื้น อาชาตินั่งอยู่บนเก้าอี้หวายตัวหนึ่ง เต้กับเก่งนั่งบนโซฟายาว ส่วนพยัคฆ์ยืนพิงกรอบประตูห้องของตัวเองทำหน้าเครียดอยู่

   “แล้วพวกมันว่ายังไงอีก” พยัคฆ์ถามหลังจากได้ฟังนายต้นกับเต้เล่าเหตุการณ์ในซอยร้านขายยาให้ฟัง เขาตั้งใจว่าจะนอนแต่หัวค่ำ แต่พอมีเรื่องเกิดขึ้นกับน้องหยกและโบตั๋น มันทำให้เขาหลับไม่ลงจนต้องเรียกลูกน้องมานั่งคุยกันอยู่อย่างนี้

   “มันยืนยันว่าพวกมันเมาครับคุณพยัคฆ์” นายเต้เป็นคนตอบ “พวกมันเป็นนักท่องเที่ยว มันว่ามันดื่มหนักไปหน่อย แล้วอ้างว่าคุณหยกไปเดินชนมันก่อน”

   “แล้วจริงอย่างที่มันว่ารึป่าว?” อาชาติถามนายเต้

   “ตอนนั้นพวกผมอยู่ห่างจากคุณ ๆ มากครับ ผมไม่เห็น อีกอย่างในซอยก็ไม่มีกล้องวงจรปิดด้วย” นายเต้ตอบ

   “หลังจากที่ผมช่วยเต้พาพวกมันไปที่โรงพัก ผมก็กลับไปที่ร้านขายยาอีกครั้งเพราะจ่าที่โรงพักบอกพวกเราว่า ปกติร้านขายยาตรงนี้จะปิดตั้งแต่ทุ่มนึ่ง ตอนคุณโบตั๋นเดินเข้าไปซื้อยา นั่นมันก็สี่ทุ่มกว่าแล้วครับ เกินเวลาไปมาก พอผมไปถึงร้านขายยา มันก็ปิดไปแล้ว”

   “พวกนายก็คอยระวังกันหน่อยแล้วกัน นายคีมันเจอนายเกรียงไกรพักอยู่ที่นี่ ฉันยังไม่รู้ว่ามันมาเกี่ยวกับเรื่องนี้ไหม หรือเป็นพวกขี้เหล้าธรรมดา ยังไงก็อย่าประมาทเป็นอันขาด” พยัคฆ์เอ่ยเสียงเครียด

   “เอ พรุ่งนี้นายไม่ต้องข้ามไปที่เกาะ อยู่ช่วยนายคีสืบหาข้อมูลที่นี่” อาชาติสั่ง นายเอพยักหน้ารับคำ “ส่วนที่เหลือ ทำหน้าที่ปกติ”

   “เฮ้อ...ผมน่ะใจหายใจคว่ำหมดตอนที่เห็นคุณหยกโดนกระชากไหล่ คิดว่ายังไงพวกผมสองคนคงวิ่งไปช่วยไม่ทัน ที่ไหนได้...” นายเต้เปรยขึ้นพร้อมส่ายหน้า

   “หลานพี่ชาตินะโว้ยมึง มันก็ต้องมีดีกันบ้างสิว่ะ แล้วคุณหยกเขาก็เป็นครูสอนเทควันโด้อีกต่างหาก” เอสำทับ

   “มึงต้องเห็นตอนที่คุณโบตั๋นกระโดดถีบไอ้พวกนั้นก่อน แล้วไหนจะตอนที่คุณหยกโดนรุมอีก 3 รุม 1 เลยนะมึง” นายต้นว่าบ้าง “พี่ชาติสอนยังไง คุณ ๆ เขาถึงได้เก่งกันขนาดนี้ ถ้าผมเจอรุมแบบนี้ คงมีเจ็บตัวกันบ้าง แต่คุณหยกแกรับได้หมด”

   “หยกน่ะ เขาถนัดตั้งรับมากกว่าบุก ผิดกับยัยตั๋นคนนั้นเขาชอบลุย” อาชาติอธิบาย

   “แต่ที่คุณโบตั๋นพูดก็มีเหตุผล จนตอนนี้ผมก็ยังคิดไม่ตก” นายต้นเล่าต่อ

   “อะไรของแกว่ะ เล่าทีก็เล่ามาให้หมด ๆ สิว่ะ” เก่งเริ่มโวย

   “คุณโบตั๋นเธอสงสัยว่า ทำไมพวกนั้นถึงจ้องทำร้ายแต่คุณหยก ทั้งที่เธอน่าจะโดนจัดการได้ง่ายกว่าเพราะเธอเป็นผู้หญิง”

   “เอ่อ จริงว่ะ คนเมาแมร่งก็ต้องฉุดผู้หญิงสิว่ะ ใครแมร่งจะสนใจตัวผู้ด้วยกัน” นายเอคิดตาม

   “อ่ะแฮ่ม!” พยัคฆ์กระแอมออกมาทีหนึ่ง นายเอหุบปากแทบไม่ทัน

   “มันก็ยังไม่แน่หรอกว่าเป้าหมายมันจะอยู่ที่ใคร หรือว่าอยู่ที่ทั้งสองคน คงต้องให้คีช่วยสืบเพิ่ม เอาเป็นว่าพวกนายก็อย่าประมาท ตอนที่หยกกับโบตั๋นถ่ายงานกันมันก็ไม่น่าเป็นห่วงเท่าไร เพราะอยู่กับคนเยอะ แต่ตอนกลับมาถึงที่เขาหลักนี่ ก็ระวังกันให้มากหน่อย ยิ่งพรุ่งนี้โบตั๋นอาจจะไม่ช่วยตัวเองได้แบบนี้แล้วด้วย” อาชาติเตือนทุกคนก่อนจะไล่ให้แยกย้ายกัไปพักผ่อน

   “อาชาติว่า เรื่องนี้จะเกี่ยวกับเมฆาขาว หรือนายเกรียงไกรรึป่าวครับ” พยัคฆ์ถามหลังจากทึ่ทุกคนออกไปจากห้องกันหมดแล้ว

   “อาเองก็ยังตอบไม่ได้ เท่าที่อาเช็คไปทางกรุงเทพฯ เจ้าสัวเซียงมันเดินทางไปต่างประเทศ ถ้าเดาไม่ผิด คงจะเข้าบ่อนอีกตามเคย”

   “เป็นไปได้ไหมครับที่เกรียงไกรจะทำงานกับคุณลตา?”

   “ก็อาจะเป็นไปได้ อาก็ให้อากรลองเช็คดูอยู่ ว่าลตามาที่นี่ด้วยไหม? เพราะอาว่าคนอย่างนายเกรียงไกร ไม่น่าจะทำงานคนเดียวได้”

.........................................................................

   เรื่องที่พวกเราโดนพวกที่เมามาหาเรื่องเมื่อคืนนี้รู้ถึงหูเจ่เจ้จนได้ พี่ ๆ คนของอากรไม่ได้บอกเจ่เจ้หรอกครับ แต่เป็นเจ็กลู่ต่างหาก เจ็กให้เหตุผลว่า เจ่เจ้รู้จะได้เป็นการระวังและคอยดูตัวเอง ไม่ประมาท เจเจ้ไม่ได้ตำหนิพวกเราที่ปิดบังไม่ได้บอกเจ่เจ้ตั้งแต่เมื่อคืน มันยิ่งทำให้ทั้งผมและโบตั๋นจ๋อยสนิท

   ผมไปส่งโบตั๋นขึ้นเรือยอร์ช แค่เธอเห็นเรือก็หน้าซีดแล้วครับ ผมสัมผัสได้ว่าเธอกลัวแค่ไหน ทีเมื่อคืนฟัดกับคนที่ตัวโตกว่ายังไม่เห็นกลัวแบบนี้เลย ผมไม่รู้ว่าจะสงสารหรือสมน้ำหน้าดี ผมเห็นโบตั๋นเกาะแขนเจ็กลู่เป็นลูกลิงเลยครับ

   หลังจากส่งโบตั๋นขึ้นเรือแล้วผมก็มาสมทบกับทีมงานอีกทีมเพื่อเดินทางไปยังเกาะสิมิลัน วันนี้ผมมีคิวถ่ายที่หาดเจ้าหญิง ซึ่งเป็นคนละที่กับเมื่อวานที่โบตั๋นถ่ายกันที่อ่าวงวงช้าง พี่โอ๋ยังคงเกาะติดผมเหมือนเมื่อวาน แต่ช่างภาพสลับมาเป็นพี่เมฆแทน ดูแกดีใจมากที่จะได้ถ่ายภาพผมวันนี้ ระหว่างอยู่บนเรือมาชวนผมคุยตลอด จนพี่โอ๋เริ่มแซว บรรยากาศบนเรือสนุกสนานกว่าเมื่อวาน ที่เอาแต่ทำงานอย่างเดียว

   เมื่อมาถึงที่ชายหาด ผมเห็นพี่เสือกับพี่อีกคนนอนเล่นบนเตียงผ้าใบอยู่ก่อนแล้ว พี่เสือมารอผมแสดงว่าเขาต้องออกมากับเรือเที่ยวแปดโมงแน่ ๆ

   “น้องหยกร้อนหรอค่ะ แก้มแดงเชียว” พี่โอ๋ทักผมระหว่างที่แต่งหน้าให้ผม

   “ก็นิดหน่อยครับ” ที่จริงผมไม่ได้รู้สึกร้อนอะไร แต่ผมไม่รู้ว่าจะตอบพี่โอ๋เขายังไง ผมไม่รู้ว่าทำไมอยู่ ๆ ผมถึงหน้าแดงทั้งที่ไม่ได้ออกแรงหรือออกกำลังกายอะไร

   “ถ้ารู้สึกไม่สบายต้องรีบบอกพี่รู้ไหมค่ะ พี่จะได้หาหยูกหายาให้ทาน วันนี้คุณอาน้องหยกไม่ได้มาเฝ้า ก็ต้องเป็นหน้าที่ของพี่ที่ต้องดูแลน้องหยกแทน” พี่โอ๋ปวารณาตัวเป็นผู้ปกครองผมแทนเจ็กลู่ครับ

   “ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอกครับ ผมดูแลตัวเองได้”

   “ไม่ค่ะ ไม่ต้องปฏิเสธความหวังดีของพี่นะคะ แล้วถ้าอีเมฆมาเกาะแกะน้องหยกให้รำคาญใจก็บอกพี่ได้นะคะ เดี๋ยวพี่โอ๋คนนี้จะช่วยจัดการให้เองค่ะ” พี่โอ๋กับพี่เมฆเถียงกันมาตั้งแต่บนเรือจนกระทั่งเริ่มงานเลยครับ ผมพอรู้สึกได้ว่าพี่ ๆ เขาแค่หยอกกันเล่นตามประสาคนทำงานด้วยกันเท่านั้น เหมือนเป็นสร้างสีสันในการทำงาน ถึงแม้ผมจะรู้สึกว่าพี่เมฆเขาจะตีสนิทผมมากไปหน่อย เหมือนใช้ผมเป็นเครื่องมือสร้างความเฮฮาให้กับกองถ่ายยังไงก็ไม่รู้

   ยิ่งพอ ๆ ทำงานไปผมเริ่มรับรู้ถึงความไม่พอใจของพี่เสือทื่ส่งผ่านมา เพราะบรรดานายแบบคนอื่นเริ่มเล่นตีสนิทกับผมแบบเดียวกันกับพี่เมฆ ทำเอาพี่โอ๋หัวหมุน สร้างความเฮฮาให้กับกองถ่ายไม่น้อย

   แต่ผมว่ามันคงเป็นสไตล์การถ่ายภาพของพี่เมฆนะ พอพวกนายแบบเล่นกับผม พี่เมฆก็หยุดกำกับว่าเราต้องทำอะไรบ้าง ได้แต่กดชัตเตอร์ไม่ยั้งเหมือนคราวที่ผมถ่ายงานกับโบตั๋นไม่มีผิด

To Be Continue

ช่วงนี้อัพช้าหน่อยน้า.....

หนีเที่ยวต่างจังหวัดบ่อยไปหน่อยจร้า....

อาทิตย์หน้าทริปสุดท้ายแว๊ว (หายไปอีกหนึ่งอาทิตย์นะคะ)

หลังจากนี้น่าจะเข้ามาอัพได้บ่อยขึ้นคร้า

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: หยก 2-11-17 {{:::24:::}}
«ตอบ #94 เมื่อ02-11-2017 09:13:38 »

เมื่อไหร่พี่เสือจะได้ใกล้ชิดน้องหยกซะทีหนอ สงสารคนขี้หวงที่ทำได้แค่คอยหึงอยู่ห่างๆ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ cho_co_late

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
Re: หยก 2-11-17 {{:::24:::}}
«ตอบ #95 เมื่อ05-11-2017 15:09:23 »

อยากรู้แล้วว่าจะจัดการกับพวกเมฆกับเกรียงไกรยังไง
นี้หวังอย่างเดียวอย่าให้น้องอยู่กับเมฆแบบไม่ใส่เมฆาขาวนะ ไม่งั้นน้องจะไม่รู้ตัวเลยว่าเมฆมันมุ่งร้าย

ออฟไลน์ Amo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-1
Re: หยก 13-11-17 {{:::25:::}}
«ตอบ #96 เมื่อ13-11-2017 11:42:39 »

25

    พยัคฆ์พยายามข่มความหงุดหงิดไว้ให้ได้มากที่สุด เขารู้ว่าอารมณ์ของเขาแบบนี้อาจจะทำให้น้องหยกยิ่งหวาดกลัวเขา น้องหยกกับเขากว่าจะเข้ามาใกล้กันได้ขนาดนี้ หยกต้องใช้เวลาฝึกไม่ใช่น้อย เพราะฉะนั้นเขาต้องข่มอารมณ์หึงหวงของตัวเองลงให้ได้ แม้ว่ามันจะทรมานสักแค่ไหน

   “คุณพยัคฆ์เป็นอะไรรึป่าวครับ ดูคุณสีหน้าไม่ค่อยดี” นายเก่งถามขึ้น

   “ป่าว” พยัคฆ์พยายามควบคุมน้ำเสียงตัวเองไม่ให้ห้วนจนเกินไป

   “หึงคุณหยกหรอครับ?”

   “ฉันดูง่ายขนาดนั้นเลยหรอ?”

   “ไม่หรอกครับ แต่ผมพอจะเดาได้ และสงสัยมากกว่า ว่าคุณพยายามเก็บอาการไว้ทำไม ถ้าหึงก็แสดงออกไปสิครับว่าหึง คุณหยกเขาจะได้รู้ว่าคุณพยัคฆ์หวง และห่วงเขาแค่ไหน”

   “นายไม่เข้าใจหรอก”

   “สังคมสมัยนี้เขาเปิดกว้างแล้วนะครับ คุณพยัคฆ์จะกังวลไปทำไม หรือว่าคุณหยกยังไม่รู้ตัว ว่าคุณพยัคฆ์ชอบเขาอยู่”

   “ฉันก็ไม่แน่ใจหรอกว่าหยกรู้รึป่าว”

   “อ่าว แล้วที่ไปเฝ้าคุณหยกทุกวันล่ะครับ คุณพยัคฆ์ไม่เคยแสดงออกเลยหรอครับ”

   “จะว่าอย่างนั้นก็ได้”

   “เฮ้ย!! จริงสิครับ”

   “...”

   “งั้นก็เอาอย่างนี้สิครับ ไหน ๆ เดี๋ยวจบงานนี้ คุณๆ เขาก็อยู่เที่ยวกันต่อ คุณพยัคฆ์ก็ชวนคุณหยกเที่ยวสิครับ จะเลือกไปเที่ยวอ่าว เที่ยวเกาะไหนสักเกาะ หรือไปดำน้ำดูปะการังก็ได้นี่ครับ แล้วหาโอกาสเหมาะ ๆ บอกเขาก็ได้”

   “นายนี่ก็พูดง่ายนะ”

   “ผมว่ามันก็ไม่ได้ยาก โอกาสมันมีอยู่ตลอดเวลานั่นแหละครับ เพียงแต่คุณจะฉวยโอกาสนั้นไว้ไหม?"

   "..."

   "ผมเข้าใจว่าคุณพยัคฆ์ไม่กล้ามากกว่า เพราะคุณหยกก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน”

   “นั่นมันก็ส่วนหนึ่ง”

   “หรือว่าเพราะคุณโบตั๋น”

   “โบตั๋นทำไม”

   “อ่าว ก็ที่คุณเคยบอกว่าโบตั๋นไม่ค่อยชอบหน้าคุณเพราะไปจีบพี่ชายเขา”

   “ฉันไม่สนใจโบตั๋นหรอก ไม่สนใจใครทั้งนั้น ฉันก็แค่...แคร์ความรู้สึกของหยกเท่านั้น”

   “ผมไม่เคยเห็นคุณพยัคฆ์เป็นแบบนี้มาก่อนเลย แม้แต่กับผู้หญิงที่คุณเคยคบด้วย”

   “ฉันก็พอรู้ตัวอยู่ จนบางทีฉันเองก็คิดว่าฉันคงบ้าไปแล้ว”

   “ไม่หรอกครับ ที่คุณเป็นแบบนี้เพราะคุณอาจจะรักคุณหยกมากจริง ๆ มากกว่าใคร ๆ ที่คุณเคยคบมา”

.........................................................................

    เราถ่ายงานกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ทีมของสาวๆ ที่อยู่บนเรือยอร์ชยังไม่มาสมทบที่หาดเลย ผมนึกเป็นห่วงโบตั๋น จนต้องโทรไปหาเจ็กลู่ ยังดีที่พอมีสัญญาณโทรศัพท์ทำให้ติดต่อกันได้ และโบตั๋นก็เมาเรือจริง ๆ ถ่ายงานไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จนทีมงานบนเรือตัดสินใจเปลี่ยนคอนเซ็ปในตอนท้าย

   เรื่องคอนเซ็ปการถ่ายที่ผมทราบอย่างไม่เป็นทางการ เพราะเห็นว่าพี่อ้วนต้องปรึกษากับเจ้เปิ้ลและพี่เมฆก่อน ตอนที่ผมโทรไป พี่อ้วนถ่ายสาว ๆ คนอื่นก่อน ส่วนโบตั๋นนอนพักอยู่ในห้องนอนห้องหนึ่ง

   แล้วพี่โอ๋ก็เดินมาแจ้งข่าวผม ว่าทีมที่อยู่บนเรื่อยอร์ชจะไม่มาสมบทกับพวกเราที่นี่แล้ว ให้พวกเราเตรียมเก็บของกลับกันเลย ระหว่างที่ผมนั่งรอทีมงานเก็บของกลับกัน ผมก็ส่งข้อความไปบอกพี่เสือ

   Yok : หยกกับทีมงานกำลังจะกลับเขาหลักแล้วนะครับ

   Payak : ไม่รอโบตั๋นแล้วหรอ?

   Yok : หยกว่าโบตั๋นคงเมาเรือหนัก

   Yok : ถ่ายงานต่อไม่ได้


   Yok : ทีมโน้นเขาเลยกลับไปที่เขาหลักกันไปแล้ว

   Payak : พี่นัดเรือมารับตอน 15.00 น.

   Payak : พี่คงต้องตามหยกไปทีหลัง

   Yok : ครับ


   ผมคุยกับพี่เสือได้อีกสักพัก พวกทีมงานก็มาตามผมกับนายแบบคนอื่นให้ไปขึ้นเรือพร้อมออกเดินทางกลับกัน

   เมื่อผมมาถึงที่บ้านพักก็เห็นโบตั๋นนอนหมดสภาพอยู่ในห้องพักโดยมีเจ็กลู่คอยดูแลอยู่ไม่ห่าง ส่วนพี่ภาพาเจ่เจ้ไปเที่ยวไหนก็ไม่รู้ครับ เย็นนื้ทางทีมงานจะจัดปาร์ตี้กันตามแผนเดิม พรุ่งนี้เช้าทีมงานเช็คเอ้าท์เรียบร้อย ก็จะไปถ่ายเก็บงานที่เหลือกันต่อ

   ส่วนใหญ่จะซ่อมงานเซตของสาว ๆ ที่ขาดโบตั๋นไป ตอนอยู่บนเรื่อ กับเพิ่มงานเซตรวมที่เพิ่งถ่ายไปได้ครึ่งเซตเมื่อวานนี้ เนื่องจากวันนี้โบตั๋นไม่สามารถถ่ายงานต่อได้เพราะเมาเรือ

   เจ้เปิ้ลกับพี่โอ๋แวะมาหาโบตั๋นที่ห้องพัก โบตั๋นยังคงเพลียจากอาการเมาเรืออยู่ และระหว่างวันก็ทานอะไรไม่ได้เลย จนตอนนี้ก็แทบจะไม่มีแรงขึ้นมาพูดคุยกับพี่ ๆ เขา

   “ถ้างั้นเราไปกันเถอะ ให้น้องโบตั๋นได้พักผ่อน” เจ้เปิ้ลชวนพี่โอ๋กลับ

   “น้องโบตั๋นพักผ่อนมาก ๆ นะ ค่ำนี้ถ้าไปปาร์ตี้กับพวกพี่ไม่ไหวก็ไม่เป็นไร พักเยอะ ๆ นะจ๊ะ”

   “ตั๋นต้องขอโทษพี่ ๆ ด้วยนะคะ ที่ทำให้เสียงานเสียการ”

   “ไม่เป็นไรหรอกน่า งานพรุ่งนี้ค่อยทำต่อก็ได้ น้องโบตั๋นก็พักเอาแรงไว้ลุยงานพรุ่งนี้ก็แล้วกัน” เจ้เปิ้ลปลอบใจ

   “น้องหยกจะไปพร้อมพี่เลยไหมค่ะ นี่งานก็จะเริ่มแล้ว” พี่โอ๋ชวน ผมมองหน้าเจ็กลู่กับโบตั๋น ลังเลเล็กน้อย “ไม่ต้องห่วงนะคะคุณอา เดี๋ยวโอ๋ดูแลน้องหยกเอง ชนิดที่ว่ายุงไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอมเลยทีเดียว” พี่โอ๋รีบบอก

   “ลื้อไปเถอะ อาตั๋นเดี๋ยวอั๊วดูแลเอง” เมื่อเจ็กลู่พูดแบบนี้ สองสาวใหญ่ก็ไม่รอช้า เข้าคล้องแขนผมคนละข้างก่อนค่อยพาผมออกจากห้องไปยังปาร์ตี้เล็ก ๆ ที่ทีมงานจัดขึ้น

.........................................................................

   พยัคฆ์นั่งอยู่บนเรือมาราวชั่วโมง ยังอีกตั้งครึ่งชั่วโมงกว่าจะถึงเขาหลัก ทุกอย่างผิดแผนจากที่วางไว้ เพราะเรือยอร์ชกลับเข้าเขาหลักไปก่อน ไม่แวะมาสมทบกับอีกทีมที่หาดเจ้าหญิง ทำให้แทนที่เขาจะล่วงหน้าไปก่อน กลับเป็นฝ่ายต้องไล่ตามหยกแทน ยิ่งเมื่อคืนเกิดเรื่องกับน้องหยก เขาก็ยิ่งเป็นห่วง

   ยังดีที่วันนี้นายเอไม่ได้มาด้วย อยู่ช่วยงานคีสืบข้อมูลอยู่ที่เขาหลัก ทำให้เขาส่งข้อความไปบอกให้เอมาคอยดูแลแทนเขากับเก่งได้ ต้นกับเต้ตามหงส์ไปที่น้ำตกโตนช่องฟ้า คงจะไปเที่ยวกับเพ็ญนภา ส่วนโบตั๋นมีอาชาติคอยดูแลอยู่แล้ว

   “ไม่รู้ป่านนี้ไอ้เอมันจะเจอกับคุณหยกรึยังนะครับ”

   “อืม ฉันก็เป็นห่วงอยู่”

   “ถ้าไงให้ผมส่งข้อความไปบอกคีมันไหมครับ ยังไงมันก็สแตนบายอยู่แถวโรงแรมอยู่แล้ว ไม่ได้ขับรถตะเวนสืบอย่างไอ้เอมัน”

   “ก็ดีเหมือนกัน ยังไงก็บอกให้คีมันระวังตัวด้วยแล้วกัน”

   “ครับ”

.........................................................................

   หลังจากพยายามสร้างความสนิทสนมกับน้องหยกระหว่างการถ่ายงาน ทำให้น้องหยกสนิทใจและพูดคุยกับเขามากขึ้น กับนายแบบคนอื่น ๆ ก็คุยกันอย่างถูกคอ ตอนนี้เมฆก็แค่หาจังหวะและโอกาสที่จะทำตามแผนเท่านั้น ยิ่งโบตั๋นนอนพักอยู่ที่บ้านพักไม่มีคนมาคอยขัดจังหวะแบบนี้มันก็ยิ่งง่าย

   ถึงแม้ว่าจะมีเจ้เปิ้ลกับยัยโอ๋คอยป้วนเปี้ยนแต่ 2 คนนี้เขารู้นิสัยดีเพราะทำงานมาด้วยกันนาน จัดการได้ไม่ยาก ตอนนี้เขาก็เฮฮาไปตามเรื่องตามราว สนุกกับทีมงานคนอื่นไปเรื่อย ๆ

   ทีมงานจัดปาร์ตี้บาบีคิวขึ้น โดยใช้สถานที่ริมหาดของทางโรงแรมจัด แต่ละคนปิ้งย่าง คุยเฮาฮากันอย่างสนุกสนาน เจ้เปิ้ลกับยัยโอ๋แทบจะไม่ให้น้องหยกเข้าใกล้เตาปิ้งเลย คอยเอาอกเอาใจเทคแคร์เป็นการใหญ่ แล้วยังมีนายแบบหลายคนอาสา คอยปิ้งย่างให้อีก เขาแวะเวียนเข้าไปแซวเล่นบ้าง พอเป็นสีสันแต่ไม่ให้ผิดสังเกต

   เขาสังเกตเห็นว่าน้องหยกมีความสามารถในการชงเครื่องดื่ม คงเป็นเพราะน้องเขาเป็นบาริสต้าที่ร้านอาหารแน่นอน ทำให้เขาพอจะนึกแผนการอะไรบ้างอย่างออกมาได้

.........................................................................

   นายเอตามมาสมทบกับคีที่ริมชายหาด คอยเฝ้ามองทีมงานเฮฮาปาร์ตี้กัน โดยมากจะจับกลุ่มเล่นเกมส์กัน แต่ก็จะมีกลุ่มย่อยที่แยกออกไปอย่างกลุ่มของคุณหยก ที่มีสาว ๆ คอยรุมล้อมอยู่ นาน ๆ จะมีหนุ่ม ๆ นายแบบแวะเวียนมาหยอกเย้าบ้าง

   “คุณหยกนี่เสน่ห์แรงน่าดูว่ะ ทั้งสาว ๆ หนุ่ม ๆ แวะเวียนกันเข้าหาไม่ขาด” เอที่ตามมาสมทบเอ่ยขึ้น

   “คุณโบตั๋นกับพี่ชาติเค้าถึงได้หวงไง”

   “ใครว่าแค่นั้นล่ะ คุณพยัคฆ์ด้วยอีกคน ไม่งั้นคงไม่ให้มึงกับกูมาเฝ้าด้วยกันทั้งคู่แบบนี้หรอก”

   “กูได้ยินว่าเมื่อคืนคุณหยกโดนรุม แต่ยังรับมือได้ เก่งขนาดนั้นเลยหรอว่ะ” คีสงสัย

   “กูก็ไม่เห็นกับตาหรอก ต้องถามไอ้เต้กับไอ้ต้นมัน กูตามไปรับคุณ ๆ เข้ามาส่งที่บ้านพักเท่านั้น”

   “ไม่รู้ว่าคุณ ๆ บ้านนี้เขาไปทำอะไรใครไว้นะ ถึงมีคนจ้องจะทำร้าย”

   “คุณพยัคฆ์กับพี่ชาติก็ไม่ได้ให้รายละเอียดอะไรกับกูเท่าไร เขาให้กูมาอารักขาคุณ ๆ เขา กูก็มา”

   “แล้วมึงสืบเรื่องคุณลตาไปถึงไหนแล้ว” คีถามเรื่องงานที่แยกย้ายกันไปทำ

   “กูสืบตั้งแต่โรงแรมยันโฮมสเตย์ ไม่มีแขกชื่อคุณลตาหรือคนที่หน้าตาเหมือนคุณละตามาพักนะ แล้วทางมึงอ่ะคุณเกรียงไกรเป็นยังไงบ้าง”

   “รายนั้นก็เอาแต่เที่ยวไปเรื่อย ๆ แล้วดูเหมือนจะมาคนเดียวนะ เจ้าสัวไม่ได้มาด้วย”

   “มาคนเดียวทำไมเช่าบ้านหลังใหญ่ขนาดนั้นว่ะ แทนที่จะพักบนห้องสูทของโรงแรม”

   “คนรวยอยากพักตรงไหนก็พัก มีเงินซะอย่าง”

   “หรือว่ามันจะเป็นเรื่องบังเอิญว่ะ ที่คุณเกรียงไกรมาเที่ยวที่นี่”

   “กูก็ยังไม่แน่ใจ คุณเพ็ญนภาเองก็รู้จักคุณเกรียงไกรไม่ใช่หรอว่ะ บางทีการที่คุณพยัคฆ์ให้พวกเราระวังคุณเพ็ญนภาไว้มันอาจจะมีเหตุผลก็ได้”

   “มึงลองสืบเรื่องคุณเพ็ญนภารึยัง?” เอออกความเห็น

   “คุณพยัคฆ์ไม่ได้สั่ง กูจะไปสืบได้ยังไง อีกอย่างคุณเพ็ญเธอก็เป็นเพื่อนกับคุณหงส์”

   “กูว่า น่าจะลองถามคุณพยัคฆ์ดู เพื่อนเราเผาเรือนแมร่งก็มีออกจะเยอะแยะไป ครั้งแรกอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญ แต่ถ้ามีครั้งที่ 2 ครั้งที่ 3 ขึ้นมา ก็ว่าไม่น่าจะบังเอิญแล้วว่ะ ”

.........................................................................

   ผมมัวแต่สนุกกับการผสมค็อกเทลต่างๆ ให้พี่ ๆ ทีมงาน จนลืมเวลาเลยครับ ว่ามันดึกแค่ไหนแล้ว ผมเริ่มมาผสมค็อกเทลเพราะว่าพี่ ๆ แต่ละคนคอยเอาอาหาร เครื่องดื่ม ขนมมาให้ผมที่โต๊ะ จนผมแทบจะไปได้ลุกไปไหนเลยนอกจากจะไปห้องน้ำเท่านั้น พอสบโอกาสได้มาชงเครื่องดื่มสีสันสดสวย ก็ยังมีเจ้เปิ้ลมาเป็นลูกมือครับ

   ผมมองไปรอบ ๆ เห็นพี่คนที่มารับผมกลับห้องพักเมื่อวานนี้ยืนมองผมอยู่ไกล ๆ กับผู้ชายอีกคน คนนี้ผมไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน สักพักผมก็เห็นพี่เสือกับพี่ที่ตามผมไปที่หาดวันนี้เข้ามาคุยกับพี่สองคนนั่น

   “น้องหยกชงน้ำพั้นซ์อร่อยมาก ไปเรียนมาจากไหนจ๊ะ” เจ้เปิ้ลเดินเข้ามาหาผม ทำให้ผมละสายตามามองที่เจ้เขา เสียงเริ่มอ้อแอ้แล้วครับ

   “ไม่ได้เรียนจากที่ไหนหรอกครับ ลองผิดลองถูกเอาเองมากกว่า”

   “เก่งนะเรา ไหนพี่ขอถ่ายรูปคู่กับบาร์เทนเดอร์กิตติมศักดิ์หน่อยสิ” พี่เมฆเดินเข้ามาขอถ่ายรูปกับผม “พี่เอารูปหยกลงไอจีได้ไหม ต้องขออนุญาตก่อน อีกหน่อยเราดังขึ้นมาเดี๋ยวจะมาเก็บค่ารูปตามหลังพี่ไม่ได้นะ”

   “ได้สิครับ ส่วนเรื่องค่ารงค่ารูปน่ะ ไม่มีหรอกครับ”

   “ว๊าย...น้องหยกพี่ถ่ายด้วยสิ” พี่โอ๋ที่ยืนเฝ้าผมไม่ไปไหนพูดขึ้น แล้วเราสามคนก็ถ่ายรูปด้วยกัน

   “หยก ๆ เราอยากได้เครื่องดื่มแบบพี่อ้วนนะ ทำให้เราแก้วนึงสิ” นายแบบคนหนึ่งเดินมาถามผม ผมจึงมองไปทางพี่อ้วนช่างภาพ ว่าเขาดื่มอะไรอยู่

   “ได้ครับ ดีนะที่ยังพอมีเหลือคาแก้วอยู่ ไม่งั้นผมคงจำไม่ได้แน่ว่าชงอะไรให้ใครบ้าง” คนรอบข้างพากันหัวเราะคำพูดของผม แต่ผมไม่อายหรอกครับ ก็ผมจำไม่ได้จริง ๆ นี่ครับ

   “พี่เห็นหยกชงนู่นผสมนี่ให้แต่คนอื่นดื่ม แล้วหยกล่ะ ได้ทานอะไรบ้างรึยัง?” พี่เมฆถามผม

   “โอ๊ย...เรื่องนั้นแกไม่ต้องห่วงหรอกย่ะ ฉันดูแลน้องหยกของฉันเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะอาหารการกิน เครื่องดงเครื่องดื่ม”

   “นี่กะว่าจบงานนี้จะเลิกเป็นช่างแต่งหน้ามาเป็นผู้จัดการให้น้องหยกเลยว่างั้น”

   “ก็ถ้าน้องหยกอยากให้พี่โอ๋คนนี้ช่วยเป็นผู้จัดการให้ พี่โอ๋ก็ยินดีนะคะ”

   “แหวะ หมั่นไส้” พี่เมฆทำหน้าเหม็นเบื่อใส่พี่โอ๋ ก่อนเดินไปยังกลุ่มที่เขาเล่นเกมส์กัน

   ผมส่งเครื่องดื่มให้กับนายแบบเรียบร้อย ข้าง ๆ ผมก็ยังมีพี่โอ๋นั่งเฝ้าอยู่เหมือนเดิม ส่วนเจ้เปิ้ลที่เมาได้ที่เริ่มเดินไปกลุ่มนั้นที กลุ่มนี้ที โดยเฉพาะกลุ่มนายแบบเจ้แกจะอยู่นานเป็นพิเศษ ผมละสายตาจากกลุ่มคนในงานปาร์ตี้มองขึ้นไปตรงที่พี่เสือยืนอยู่ แต่กลับเป็นว่า ผมเห็นแต่พี่ 2 คนก่อนหน้านี้แทน พี่เสือหายไปแล้ว

   “น้องหยกเป็นอะไรไปค่ะ ทำหน้าเซ็งเชียว หรือว่างานไม่สนุก” พี่โอ๋ที่ยังคอยอยู่เป็นเพื่อนผมถามขึ้น

   “ไม่ได้เป็นอะไรหรอกครับ ว่าแต่พี่โอ๋คอแข็งจังนะครับ ผมเห็นดื่มไปตั้งเยอะ”

   “พี่น่ะ นักดื่มตัวแม่นะขอบอก ไม่เมาง่าย ๆ หรอกจ๊ะ ว่าแต่หยกเถอะ อย่าดื่มเยอะนะ พรุ่งนี้ยังมีงานรออยู่ เดี๋ยวผิวจะเสียหมด”

   “ผมก็ไม่ค่อยชอบดื่มหรอกครับ ดื่มแค่นิดหน่อย ๆ เป็นเพื่อนเจ้เปิ้ลแค่นั้น นอกนั้นผมก็ไม่ได้แตะแล้วล่ะครับ”

   “ตรงนี้ก็มีแต่พวกเบียร์กับเหล้า น้องหยกเอาน้ำอะไรไหม เดี๋ยวพี่ไปเอาให้ ชงให้คนอื่นดื่ม แต่ตัวเองมายืนคอแห้งอยู่ตรงนี้”

   “ไม่ต้องหรอกครับพี่โอ๋ น้ำพั้นซ์ของผมยังไม่หมดเลย ดื่มนี่เอาก็ได้ครับ”

   “ต๊าย...ป่านนี้ไม่จืดซะหมดหรอ?”

   “ผมปรุงเพิ่มนิดหน่อยรับรองว่าอร่อยเหมือนเดิมครับ”

   “จ้า...เรานี่ขี้เกรงใจจังเลยนะ”

   ผมจัดการปรุงน้ำพั้นซ์ของผมใหม่ ใส่เพิ่มเฉพาะน้ำผลไม้ ไม่ใส่พวกเหล้าเพิ่ม ก่อนเติมน้ำแข็ง จากนั้นก็ยกขึ้นมาจิบเล็กน้อยให้พอชื่นใจ

   “หืม...สีน่าทานจัง ทำให้พี่สักแก้วได้ไหม?” พี่โอ๋เห็นผมผสมสูตรใหม่ สีเปลี่ยนจากเดิมเลยอยากจะชิมบ้าง ผมก็ทำให้เธอแก้วนึง “โอ้ย...น้องหยก อร่อยมาก นี่น้องหยกไปเปิดร้านได้เลยนะเนี๊ยะ” พี่โอ๋ชม ผมก็ได้แต่ยิ้มๆ แถมโฆษณาให้อีก คนที่อยู่ใกล้ ๆ จึงเข้ามาให้ผมชงน้ำพั้นซ์สูตรนี้ให้ดื่มบ้าง ผมชงไปได้ 2-3 แก้วแล้วรู้สึกมึน ๆ มือไม้อ่อนขึ้นมาเสียดื้อ ๆ จึงขอตัวพี่ ๆ เขาไปเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตาสักหน่อย

To Be Continue

กลับมาแล้วคร้า......

หนีเที่ยวไปซะหลายวัน

กระเป๋าแฟบกลับมาแบบนี้ คงได้อยู่บ้านเขียนนิยายต่อแบบยาว ๆ กันไป

ขอบคุณทุกกำลังใจและทุกคนที่ติดตามนะคะ


ออฟไลน์ Fahsaizzz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: หยก 13-11-17 {{:::25:::}}
«ตอบ #97 เมื่อ13-11-2017 16:57:28 »

นายเมฆนี่น่าโดนจริงๆ  ระวังน้องหยกก้านคอเข้าให้

ออฟไลน์ Amo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-1
Re: หยก 20-11-17 {{:::26:::}}
«ตอบ #98 เมื่อ20-11-2017 12:13:22 »

26

    พยัคฆ์เดินกลับมาหาพวกเอและคีอีกครั้ง หลังจากไปอาบน้ำล้างเนื้อล้างตัวให้สดชื่น ที่จริงสองคนนั่นไล่เขาให้ไปทานข้าวก่อนด้วยซ้ำ แต่เขายังไม่หิว ที่สำคัญความรู้สึกที่เป็นห่วงน้องหยก ลางสังหรณ์แปลกๆ อย่างที่ตาข้างขวาที่กระตุกมาตั้งแต่เมื่อคืนวาน มันทำให้เขาไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก

   “เป็นยังไงบ้าง” พยัคฆ์ทักนายเอ “แล้วคีมันไปไหนของมัน”

   “คีมันตามคุณหยกไปน่ะครับ”

   “แล้วหยกไปไหน?” ทำไมเขาถึงได้รู้สึกระส่ำระส่ายอย่างนี้

   “ผมเห็นคุณหยกเดินไปทางห้องน้ำ หายไปได้สักพักผมเลยให้คีตามไปดู”

   “ปกติห้องน้ำของโรงแรม คนไม่น่าจะเยอะ ทำไมถึงได้ไปนานกันนะ” พยัคฆ์พูดอย่างเป็นกังวล

   “ถ้าผมเป็นคุณหยก ผมคงอยากจะหายไปนานๆ เหมือนกันครับ อยู่ในงานมีแต่คนล้อมหน้าล้อมหลัง ผมเห็นแล้วก็อึดอัดแทน คุณหยกแกเป็นคนใจเย็นนะครับ ไม่บ่นไม่แสดงท่าทีรำคาญออกมาให้เห็นเลย”

   “อืม...งั้นเดี๋ยวฉันเดินไปดูหยกกับนายคีมันหน่อย” เขาไม่สามารถทนยืนรอเฉย ๆ ไม่ได้

   “ครับ ถ้าเจอคุณหยกแล้ว ผมว่าให้แกกลับไปพักเถอะครับ งานที่นี่ก็ใกล้จะเลิกแล้ว”

   “ก็ดีเหมือนกัน”

.........................................................................

   เมฆคอยสังเกตน้องหยกอยู่ห่าง ๆ หลังจากที่เขาเข้าไปคุยกับหยกครั้งล่าสุด ระหว่างที่เซลฟี่กัน 3 คนเขาแอบหย่อนยาชนิดละลายทันทีลงในแก้วน้ำพั้นซ์ของน้องหยก บ่อยครั้งที่เขาเดินวนไปเวียนมาใกล้ๆ จนรู้ว่าต้องจัดการกับแก้วใบไหน และเท่าที่ดูน้องหยกดื่มน้อยมาก ถ้าเขาจะใส่ยาอะไรลงไป กว่าน้องหยกจะยกขึ้นดื่มอีกครั้งยาคงละลายไปหมดแล้ว แต่ก็เสี่ยงอีกเช่นกันหากน้องหยกจะไม่ดื่มน้ำแก้วอีกเลย

   และดูเหมือนโชคเหมือนจะเข้าข้างเขาอยู่ เพราะแทนที่น้องหยกจะยกดื่มทันที กลับกลายเป็นว่าน้องหยกผสมเครื่องดื่มเพิ่ม ยิ่งน้องหยกคนน้ำในแก้วมากเท่าไร ตัวยาที่กระจายอยู่ในเครื่องดื่มนั่นก็ยิ่งออกฤทธิ์เร็วเท่านั้น

   เขาเห็นน้องหยกเดินออกจากซุ้มเครื่องดื่ม ตรงไปยังห้องน้ำของโรงแรม ถ้าเขาเดาไม่ผิดยาที่เขาใส่ไว้น่าจะเริ่มออกฤทธิ์แล้ว เขาจึงรีบโทรไปหาเกรียงไกรที่ดักรออยู่ภายในโรงแรมทันที

   “น้องหยกของคุณกำลังเดินไปห้องน้ำ ใกล้ที่สุดน่าจะเป็นส่วนของสระว่ายน้ำ คุณเดินไปรอได้เลย”

   “ลื้อแน่ใจนะว่าคราวนี้จะไม่มีอะไรผิดพลาดอีก”

   “ผมรับรอง เดี๋ยวผมเดินประกบหลังตามไปส่งให้ถึงห้องหอรอรักเลยแล้วกัน” พูดจบเขาก็วางสายก่อนเดินตามน้องหยกไปยังห้องน้ำ

   และก็เป็นไปตามที่เขาคาดไว้ไม่มีผิด น้องหยกค่อยๆ ก้าวไปห้องน้ำอย่างช้า ๆ พยายามทรงตัวให้อยู่ แต่จะฝืนไปได้สักเท่าไรกันเชียว เขายิ้มกริ่มอยู่ในใจ พร้อมกวาดตามมองไปรอบ ๆ ไม่เห็นใครในระแวกนี้เลย นอกจากเกรียงไกรที่กำลังเดินออกมาจากตัวโรงแรม เดินตรงเขามาหาเป้าหมายอย่างน้องหยก

   น้องหยกกับเกรียงไกรเดินมาเจอกันบริเวณหน้าทางเข้าห้องน้ำพอดี ซึ่งตอนนั้นเขาเห็นว่าน้องหยกเริ่มหมดแรงแล้ว หน้าแดงตัวแดงไปหมด ดูมีเสน่ห์ น่าหลงใหลไม่เบา หลังจากนี้เขาอาจจะลองบ้างก็ได้

   “คุณเป็นอะไรรึป่าวครับ” เกรียงไกรถามพร้อมกับสอดแขนเข้าไปใต้รักแร้ของน้องหยก แถมรั้งกระชับเข้าหาตัวอีกต่างหาก เขาเดินเข้าไปอย่างช้า ๆ ให้เกรียงไกรเป็นคนจัดการต่อเอาเอง

   “มะ...ไม่เป็นไรครับ” น้องหยกตอบ พยายามจะดันร่างของตัวเองออกจากเกรียงไกร ทั้ง ๆ ที่ตัวเองไม่มีแรงแม้กระทั่งจะทรงตัวอยู่แล้ว

   “ดูท่าทางคุณจะเมามาก ผมช่วยพาไปส่งที่ห้องดีกว่าครับ”

   “มะ...ไม่...เมา” น้องหยกเริ่มพูดไม่เป็นคำ
   “คุณอยู่ห้องไหน ผมไปส่งดีกว่า” เกรียงไกรไม่พูดเปล่า เขาพยุงร่างอ่อนปวกเปียกนั่นเดินมุ่งตรงไปยังบ้านพักของเขาทันที

   “คุณหยก!! เป็นอะไรไปครับ” เมฆเห็นผู้ชายหน้าตี๋ใส่แว่นเดินมาจากทางไหนก็ไม่รู้ เข้ามาขัดจังหวะและดูท่าทางเหมือนจะรู้จักน้องหยกมันเสียด้วย

   “คุณรู้จักกับคุณคนนี้ด้วยหรอครับ” เกรียงไกรถามหนุ่มตี๋นั่น

   “ครับ เดี๋ยวผมพาคุณหยกกลับไปพักเองนะครับ” เมฆเห็นน้องหยกเองก็เหมือนจะรู้จักหนุ่มหน้าตี๋คนนี้ จากอาการที่น้องหยกเอื้อมมือเข้าไปหามัน หมายจะให้หนุ่มหน้าตี๋นั่นพยุงแทนเกรียงไกร

   เท่าที่ความคิดตอนนี้เของเขาจะคิดออกมาได้ เมฆไม่รอช้า รีบเดินเข้าไปหากลุ่มคนตรงหน้า ระหว่างที่หนุ่มตี๋กำลังจะเข้าไปพยุงน้องหยกจากเกรียงไกร ทำให้ไม่ทันระวังตัว เมฆใช้ขวดเบียร์ที่ถือติดมาด้วยฟาดเข้าที่ศีรษะไอ้ตี๋นั่นเต็มแรง เป็นผลให้หนุ่มตี๋ลงไปนอนกองกับพื้นทันที และก่อนที่น้องหยกจะไหวตัวทันหันมาเห็นเขาเข้า จึงจัดการชกไปที่ท้องหนึ่งทีและด้วยฤทธิ์ยาทำให้น้องหยกไม่สามารถขัดขืนได้อีก

   ทั้งเขาและเกรียงไกรจึงรีบพยุงน้องหยกไปยังบ้านพักของเกรียงไกร โดยอาศัยเส้นทางเดินเลียบชายหาดของโรงแรม ที่เวลานี้แทบจะไม่มีใครเดินผ่านแล้ว

.........................................................................

   พยัคฆ์เดินตามคีมาจนถึงริมสระว่ายน้ำ ที่ตอนนี้ร้างผู้คนแล้ว เขาเดินเลียบขอบสระไปทางห้องน้ำก็เห็นร่าง ๆ หนึ่งนอนฟุบอยู่ตรงทางเดินก่อนถึงห้องน้ำเล็กน้อยจึงรีบวิ่งเข้าไปดู

   “เฮ้ย!! คีๆ”

   เขาเขย่าร่างนั้น เพื่อพยายามจะเรียกสติคนที่นอนสลบอยู่ สำรวจจากภายนอกไม่พบแผลอะไร แต่รอบ ๆ กลับมีเศษขวดเบียร์แตกกระจายอยู่ เขารีบกดโทรศัพท์หานายเอที่อยู่ใกล้ ๆ ทันที “เอ มาที่ห้องน้ำด่วน ไอ้คีโดนทำร้าย” เขาพูดจบก็ว่างร่างที่ไม่ได้สติลงก่อนวิ่งเข้าไปดูในห้องน้ำ

   ภายในห้องน้ำว่างเปล่า ไม่พบคนที่ควรจะพบ ความรู้สึกเย็นเฉียบแล่นเข้าสู่หัวใจเขาทันที หยก เข้าวิ่งออกมาหน้าห้องน้ำอีกครั้ง นายเอก็มาถึงแล้ว เขาเห็นนายเอเขย่าเรียกสตินายคีอีกครั้ง และดูเหมือนครั้งนี้จะได้ผล

   “คี มึงเป็นไรมากป่าวว่ะ” นายเอยังคงเรียกคีไปเรื่อย ๆ

   “คุ...คุณหยก” นายคีเอามือกุมที่ท้ายทอยของตัวเอง ทำให้นายเอกดหัวนายคีลงเพื่อสำรวจหาบาดแผล

   “หัวไม่แตก ค่อยยังชั่วหน่อย” นายเอเอ่ยอย่างโล่งใจ

   “คี หยกล่ะ” นายคีเริ่มได้สติ สั่นศีรษะอีกทีก่อนตอบคำถามพยัคฆ์

   “ผมเห็น...นายเกรียงไกร มัน...พยุงคุณหยก พอผม...จะพาคุณหยก...ออกมา ผมก็โดน...ตีหัว” นายคีเล่ากระท่อนกระแท่นแต่คนฟังก็ยังจับใจความได้

   “แล้วหยกเป็นอะไร ทำไมไอ้เกรียงไกรต้องพยุง”

   “คุณหยก...โดน...วางยา” นายคีพยายามตอบ ทั้งที่มือข้างหนึ่งยังคงกุมที่ท้ายทอย

   “เป็นไปไม่ได้” นายเอเปรยออกมาเหมือนคนละเมอ เขาพลาด...

   “บ้านพักไอ้เกรียงไกรอยู่ไหน” พยัคฆ์พยายามข่มความโกรธที่ประทุขึ้นมา มือกำหมัดแน่น

   “โซนไพรเวท...P19”

   “เอดูแลคีด้วย พาไปหาหมอซะ” เขาพูดจบก็วิ่งไปยังบ้านพักของนายเกรียงไกรทันที

.........................................................................

   ผมโดนใครชกเข้าที่ท้องก็ไม่รู้ มันทำให้ผมจุกจนแทบทำอะไรไม่ได้ แล้วไอ้อาการตัวหนัก ๆ หมดเรี่ยวหมดแรงนี่อีก ที่สำคัญ ความรู้สึกพลุ่งพล่านภายในร่างกายของผม มันคืออะไร? ผมพยายามจะเปิดเปลือกตาขึ้นมามองคนนข้าง ๆ ที่พยุงผมอยู่ พวกเขาจะพาผมไปไหน แล้วพี่คนนั้น คนของอากรที่โดนทำร้ายล่ะ จะเป็นยังไงบ้าง

   ตอนนี้ผมไม่สามารถควบคุมร่างกายตัวเองได้เลย มันทั้งอึดอัด ทั้งร้อนไปหมด แล้วผมก็รับได้ถึงความรู้สึกที่พวยพุ่งเข้ามาหาผม สองความรู้สึกที่ผมสัมผัสได้ ถึงมันจะแตกต่างกัน แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือเขาไม่ปรารถนาดีกับผมแน่ ๆ

   คนแรก ผมสัมผัสได้ถึงความรู้สึก...สะใจ พอใจ... เขา...ดูจะดีใจและมีความสุขกับการที่เห็นผมตกอยู่ในสภาพนี้ และอีกคน... ผมสัมผัสได้ถึง...ตันหา....ความอยากได้...ความต้องการทางเพศที่รุนแรงมาก ทั้งสองความรู้สึกนี้ทำให้ผมกลัว มันน่ากลัวกว่าตอนที่เจอกับพี่เสือครั้งแรกซะอีก

   “พี่...สะ...เสือ” ผมเอ่ยชื่อพี่เสือ มันทำให้ผมตกใจ เพราะเสียงที่ออกมานั้นมันแผ่วเบาจนน่าใจหาย ผมคิดถึงพี่เขาขึ้นมา ภาพต่าง ๆ ในหัวของผมมีแต่พี่เสือที่คอยตามผมอยู่ตลอดเวลา แม้จะไม่ได้เข้าใกล้ แต่ก็อยู่ในสายตาของผม ผมอยากเห็นหน้าพี่เขา ผมกำลังกลัว!!

   “มันพูดว่าอะไรนะ” ผมได้ยินเสียงผู้ชายคนหนึ่งถามขึ้น ส่วนอีกคนผมไม่รู้ว่าเขาตอบรึป่าว เพราะผมไม้ได้ยินเสียงของเขาเลย

   “...” เมฆส่ายหน้า เพื่อเป็นคำตอบให้เกรียงไกร

   ผมถูกสองคนนี้ลากมาไกลแค่ไหน... ผมรู้สึกว่ามันนานมาก ยิ่งอาการที่เกิดกับผม มันทำให้ร่างกายผมทรมาน ผมรู้สึกได้ว่าพวกเข้าทิ้งร่างของผมไว้บนพื้นเย็นๆ นุ่ม ๆ สัมผัสเย็นๆ นั้นทำให้ร่างผมสะท้านขนลุกทันที

   “นายไปได้แล้ว พรุ่งนี้นายเตรียมมารับรางวัลให้สมกับค่าเหนื่อยได้เลย” ผมได้ยินแต่เสียงของผู้ชายคนนี้ เขาเป็นใครกัน ผมรู้ว่าเขาต้องการอะไรจากผม แต่ทำไม และเพื่ออะไร ผมรู้สึกถึงน้ำหนักที่กดทับลงข้าง ๆ ตัวผม ทำให้พื้นที่ผมนอนอยู่ยวบลงไป

   ผม...อยู่บนเตียง พอคิดได้ถึงตรงนี้ ความกลัวก็เข้าเกาะกุมหัวใจของผมยิ่งกว่าเดิม ผมพยายามจะขยับตัวหนีคนที่คืบคลานเข้ามาใกล้ แต่ร่างกายของผมมันไม่ยอมทำตามคำสั่งเลย แค่จะพลิกตัว ผมก็ยังทำไม่ได้...พี่เสือ

   “ใจเย็น ๆ ครับ ไม่ต้องกลัวนะคนดี” ชายคนนั้นกระซิบข้างหูผม ก่อนที่ลิ้นสาก ๆ จะเลียบริเวณหางตาของผม “ไม่ร้องไห้นะครับ เฮียกำลังจะพาน้องหยกขึ้นสวรรค์ เรามามีความสุขด้วยกันนะครับ”

   ผมรังเกียจลิ้นนั่น แต่สัมผัสนั่นกลับทำให้ร่างกายของผมตื่นตัวขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ ชายคนนั้นไล้ลิ้นไปตามใบหน้า ซอกคอ ก่อนเขาจะจัดการถอดเสื้อยืดที่ผมใส่อยู่ออกไป ร่างกายที่ปราศจากสิ่งปกปิดทำให้ผมหนาวสะท้าน แต่กลับกัน ไม่ว่ามือหรือลิ้นของชายคนนนั้นสัมผัสส่วนไหนของร่างกายผม ผิวส่วนที่โดนสัมผัสเหมือนกับจะไหม้เป็นจุณ

   “พะ...พี่” ผมพยายามจะตะโกนเรียกให้คนช่วย หรือที่จริงผมหวังให้พี่เสือมาช่วยผม “....อาห์...” ผมกลั้นเสียงร้องไม่อยู่เมื่อชายคนนั้นสัมผัสเข้าที่ยอดอกของผม

   “มะ...ไม่” ผมพยายามตะโกน แต่เหมือนกับไร้ผล ผมแทบไม่ได้ยินเสียงตัวผมเองเลย “พะ..สะ...”

   “จุ๊ๆ...ไม่เอานะครับเด็กดี” ชายคนนั้นพูดก่อนประกบริมฝีปากลงบนริมฝีปากของผม ผมพยายามยามสะบัดหน้าหนี เม้มปากตัวเองแน่น แต่เขาล็อกศีรษะของผมไว้ ผมเริ่มรู้สึกหมดหวัง พี่เสือ สติผมเริ่มเลือนลางลงทีละน้อย ขณะที่ผมสิ้นหวังอยู่นั้น ผมก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกโกรธที่รุนแรงมาก มันไม่ได้ส่งมาที่ผม แต่เป็นคนที่คร่อมร่างผมอยู่ ความรู้สึกที่คุ้นเคยนี้

   “อื้มม....” ริมฝีปากของผมหลุดจากคนที่คร่อมร่างผมได้ ผมรู้ว่าพี่เสืออยู่แถวนี้ แต่พี่เสือละจะรู้ไหมว่าผมอยู่ที่นี่ “พี่...สะ...”ผมพยายามที่จะตะโกนอีกครั้ง และหวังจริง ๆ ว่าพี่เสือจะได้ยินผม

   “เพล้งงงงง....” เสียงอะไรสักอย่างแตก ทำให้คนที่คร่อมร่างผมอยู่หยุดชะงัก พี่เสือ...ผมรู้ว่าเป็นเขา

.........................................................................

   พยัคฆ์วิ่งมาถึงบ้านพัก P19 ตามที่นายคีบอก เขาพุ่งตรงไปที่ประตูหน้าบ้านพักทันที บ้านหลังนี้เป็นประตูกระจกบานเลื่อน

   เขาเดินย้อนกลับมายังทางเดินเข้าบ้าน งัดเอาก้อนอิฐที่ปูทางเดินออกมาก้อนหนึ่ง ก่อนขว้างเข้าใส่บานประตูนั้น กระจกแตกเป็นช่องกว้างพอให้เขาล้วงมือไปปลดล็อกประตูได้ ทันทีที่เขาสอดมือเพื่อเข้าไปคลายกลอนประตูของบ้านหลังนั้น

   พี่เสือ เสียงน้องหยก ทำให้เขาสะดุ้ง ตกใจในน้ำเสียงนั่น

   เสียงของน้องหยก มันก้องอยู่ในหัวของเขา ทั้งที่รอบข้างไม่มีเสียงอะไรนอกจากเสียงคลื่นในทะเลเท่านั้น และเขายังรับรู้ได้ว่า น้องหยกหวาดกลัวมากขนาดไหน

   เขาเดินเขามายังโถงกลางของบ้านพักแล้วเปิดประตูห้องไล่ไปทีละห้องอย่างกับคนบ้า จนมาถึงห้องสุดท้ายพบว่ามันล็อกอยู่

   “ใครมาเล่นอะไรแถวนี้ว่ะ แมร่งขัดจังหวะหว่ะ กูไม่ว่าง ไปเล่นกันที่อื่นไป๊” เขาได้ยินเสียงเกรียงไกรตะโกนออกมาอย่างเกรี้ยวกราด

   ไม่ผิดแน่ มันอยู่ในห้องนี้จริง ๆ เขาไม่ตอบอะไรคนในห้องทั้งสิ้น เขาถอยออกไปก้าวสองก้าว เพื่อตั้งหลักก่อนใช้ไหล่หนา ๆ ของตัวเองกระแทกประตู เขากระแทกอยู่ 2-3 ครั้ง ก็เข้าไปในห้องได้

   ภาพที่พยัคฆ์เห็นตรงหน้าแทบทำให้เขาสติแตกขึ้นมาทีเดียว ไอ้เกรียงไกรมันนอนคร่อมร่างของน้องหยกอยู่ มันหันมามองเขาที่พังประตูเข้ามา แววตาสงสัยของมันที่มองมายิ่งเรียกอารมณ์คุกรุ่นให้เขาได้เป็นเท่าทวีคูณ

   พยัคฆ์ตรงเข้าไปกระชากร่างไอ้เกรียงไกรออกมาจากคนที่นอนกึ่งเปลือยอยู่บนเตียง แล้วส่งกำปั้นหนัก ๆ เข้าไปกระแทกตามใบหน้าและลำตัวของมันไม่ยั้ง จนคนที่หมอบอยู่ใต้ร่างของเขาไม่มีทางจะขัดขืนได้แม้แต่น้อย เขารัวกำปั้นใส่ไอ้เกรียงไกรจนมันหมดสภาพ สลบเหมือดอยู่บนพื้นไม่ขยับ เขาจึงลุกไปดูคนบนเตียง

   สภาพน้องหยกที่เปลือยท่อนบน ตามซอกคอและหน้าอกโดนไอ้ชาติชั่วนั่น ทำรอยคิสมาร์กเอาไว้ มันทำให้เขาต้องหันไปเตะร่างไร้สติอีกครั้งเป็นการระบายอารมณ์ครุกรุ่นที่ไม่อาจจะดับลงง่าย ๆ บังอาจมาทำน้องหยกของเขา เขาเดินเข้าไปใกล้น้องหยกจัดการสวมกางเกงที่ถูกถอดออกมากองอยู่ตรงบริเวณข้อเท้าให้เข้าที่ น้องหยกสะดุ้งทุกครั้งที่นิ้วมือของเขาสัมผัสถูกเนื้อนวลสีน้ำนมนั่น ยังไม่ทันจะคว้าเสื้อของน้องหยกกลับมาสวมให้

   “พะ...สะ...พี่...” เสียงของน้องหยกสั่นจนน่าตกใจ พูดราวกับคนเพ้อด้วยพิษไข้

   “น้องหยกครับ พี่เสืออยู่นี่แล้ว ไม่ต้องกลัวนะ” พยัคฆ์ประคองร่างโปร่งให้ลุกจากเตียงขึ้นมากอดปลอบ ร่างของน้องหยกสั่นมาก เขาไม่รู้ว่าเป็นเพราะกลัวเขา กลัวไอ้เกรียงไกร หรือเป็นเพราะยานั่น

   เขาจัดการถอดเมฆาขาวออกจากคอของน้องหยก อย่างน้อยช่วงเวลาแบบนี้ อย่าให้น้องหยกต้องมากลัวเขาเลย พยัคฆ์เก็บเมฆาขาวเรียบร้อยก็ถอดเสื้อเชิ้ตคลุมร่างท่อนบนของน้องหยก ก่อนจะอุ้มพาเดินออกจากบ้านพักมา

   “พี่...เสือ”

   “พี่อยู่นี่แล้วครับ”

   “ชะ...ช่วย...”

   “ไม่เป็นไรนะครับ พี่อยู่ตรงนี้แล้ว”

   “ยะ..หยก...ระ...ร้อน...”

   “...” เขาสงสารน้องหยกจับใจ ใบหน้าแดงกล่ำ ดวงตาปรือ คราบน้ำตาที่เกาะพราวอยู่ที่แพขนตานั่นอีก

   “ทะ...ทรมะ...มาน”

   “เดี๋ยวพี่ช่วยหยกเองนะครับ ทนอีกนิดนะครับคนดี จะถึงแล้ว” พยัคฆ์เร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น ระหว่างทางนายเก่งกับเต้ก็วิ่งมาสมทบ

   “คุณหยก!!” นายเต้กับเก่ง อุทานพร้อมกัน ตกใจกับภาพที่เห็นตรงหน้า

   “ไปเปิดน้ำลงอ่าง” พยัคฆ์สั่งเสียงห้วน เป็นนายเก่งที่ได้สติก่อนเพื่อน วิ่งล่วงหน้าเพื่อกลับไปยังบ้านพัก

   “ฝีมือนายเกรียงไกร?” นายเต้ถามเมื่อเริ่มตั้งสติได้

   “อืม”

   “งั้นผมไปจัดการเก็บกวาดให้”

   “ไม่ต้อง มันเห็นหน้าฉัน ยังไงก็รู้ว่าเป็นฉัน ปล่อยมันไปอย่างนั้นแหละ คนอย่างมันไม่กล้าทำอะไรหรอก”

   “ครับ” เต้พยายามจะช่วยประคองคุณหยก แต่ดูจากท่าทางที่หวงคุณหยกของพยัคฆ์แล้ว ก็ได้แต่เดินตามเท่านั้น

   พวกเขาเข้าไปที่บ้านพักก็พบกับความวุ่นวายทันที นายเก่งที่มาถึงก่อนแล้วเปิดน้ำลงอ่างอาบน้ำให้ได้ยังไม่ถึงครึ่ง พยัคฆ์ก็อุ้มน้องหยกตรงไปยังห้องน้ำ แล้วค่อย ๆ หย่อนร่างโปร่งลงไปอย่างช้าๆ  เมื่อร่างหยกสัมผัสกับน้ำก็ถึงกระสะดุ้งเฮือกขึ้นมา และเริ่มดิ้นทุรนทุราย

   “ใครหยิบผ้าขนหนูมาที” พยัคฆ์ตะโกนลั่น เป็นนายเต้ที่อยู่ใกล้ที่สุดหยิบผ้าขนหนูมา พยัคฆ์ที่มือข้างหนึ่งประคองร่างน้องหยกอยู่ อีกข้างหนึ่งรวบมือน้อยทั้งสองข้างยื่นให้เต้ เต้พอรับรู้ได้จึงใช้ผ้าขนหนูมัดข้อมือทั้งสองไว้ทันที

   “ไอ้เกรียงไกรทำไมมันเลวได้ขนาดนี้ว่ะ?” นายเอที่ยืนอยู่กับคีที่หน้าห้องน้ำเอ่ยขึ้น

   “คุณหยกต้องทรมานอย่างนี้ไปถึงเมื่อไรกัน” คีเปรยออกมาอย่างสงสาร ใช่ น้องหยกของเขาต้องทรมานอีกนานแค่ไหน เขาเองก็ทนไม่ไหวที่ต้องเห็นน้องหยกทรมานแบบนี้

   “พวกนายไปหาน้ำแข็งมา”

   “คุณพยัคฆ์ มันมากไปนะครับ เดี๋ยวคุณหยกแกจะช็อคเอา”

   “ฉันสั่งให้ไปหา ก็ไปหามา”

To Be Continue

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: หยก 20-11-17 {{:::26:::}}
«ตอบ #99 เมื่อ20-11-2017 12:41:46 »

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: หยก 20-11-17 {{:::26:::}}
« ตอบ #99 เมื่อ: 20-11-2017 12:41:46 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: หยก 20-11-17 {{:::26:::}}
«ตอบ #100 เมื่อ20-11-2017 15:31:35 »

 :katai1:

ออฟไลน์ Amo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-1
Re: หยก 22-11-17 {{:::27:::}}
«ตอบ #101 เมื่อ22-11-2017 14:46:15 »

27

    โบตั๋นตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงวุ่นวายข้างนอก เมื่อมองไปยังเตียงข้าง ๆ ก็ไม่พบร่องรอยของเจ้าของเตียงกลับเข้ามานอน แสดงว่าหยกคงยังไม่กลับจากปาร์ตี้ของทีมงาน เธอพอจะรู้มาบ้างว่า มีทีมงานบางทีมเวลามีการจัดปาร์ตี้กัน ก็มักจะสนุกกันยันเช้า หรือว่าทีมนี้ก็จะเป็นแบบนั้น

   เธอลุกจากเตียงออกมาที่โถงของบ้านพัก เกือบจะตี 2  แล้ว แต่เจ่เจ้ยังคงนั่งอยู่ ส่วนเจ็กลู่เพิ่งเดินออกไปจากบ้านพัก ตามพี่คนหนึ่งของอากรไป ทันทำให้เธอสังหรณ์ใจไม่ดีเอาเสียเลย

   “เจ่เจ้ ยังไม่นอนอีกหรอ?”

   “ตั๋นล่ะ เป็นยังไงบ้าง อาการดีขึ้นแล้วรึยัง?”

   “ดีขึ้นแล้วค่ะ พอดีตั๋นได้ยินเสียงเหมือนมีคนเข้า ๆ ออก ๆ กันเลยเดินออกมาดู”

   “อืม...คงจะเสียงดังไปหน่อย เลยทำให้ตั๋นตื่น” เธอส่ายหน้าเพื่อบอกว่าไม่เป็นไร

   “แล้วพี่ภาล่ะคะ”

   “รายนั้นไปคลุกอยู่กับคุณเปิ้ลที่ห้องน่ะ”

   “เจ่เจ้กังวลเรื่องอะไรค่ะ?” โบตั๋นสัมผัสได้ แม้จะบางเบา แต่ก็พอรับรู้และเดาจากสีหน้าเจ่เจ้ได้

   “หยกมีเรื่องนิดหน่อยน่ะ”

   “หยกเป็นอะไรไปค่ะ แล้วนี่หยกไม่ได้อยู่ในงานปาร์ตี้ของทีมงานหรอค่ะ?”

   “งานจบไปตั้งแต่ 5 ทุ่มแล้วจ๊ะ ตอนนี้...อยู่บ้านโน้นน่ะ เจ็กลู่กำลังไปดู”

   “บ้านโน้น บ้านไหน... หรือว่าไอ้แมวหง่าวมันฉวยโอกาส ทำอะไรกับหยก” โบตั๋นพูดได้แค่นั้นก็ไม่สนใจที่จะฟังหงส์ตอบคำถาม เธอรีบเดินออกจากบ้านพัก ไปยังบ้านหลังที่นายแมวหง่าวพักอยู่ทันที่

    เธอเดินมาถึงเฉลียงเล็ก ๆ ก่อนเข้าบ้าน ก็เห็นพี่คนหนึ่งยืนอยู่

   “คุณโบตั๋นมาดูคุณหยกหรอครับ?”

   “ค่ะ...พี่?”

   “ผมต้นครับ”

   “พี่ต้น มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ค่ะ แล้วทำไม...ทุกคนถึงมารวมกันอยู่ที่นี่กันหมด” เธอมองเข้าไปที่โถงของบ้านพัก เห็นทุกคนมารวมกันอยู่ที่นี่ไม่หลับไม่นอน เดินวนไปเวียนมากันอยู่

   “เอ่อ...คือ” ต้นไม่รู้ว่าควรจะบอกโบตั๋นถึงเรื่องที่เกิดขึ้นไหม เขารู้ว่ายังไงโบตั๋นก็ต้องรู้อยู่ดี แต่มันไม่ควรจะรู้จากเขารึป่าว?

   “บอกตั๋นมาเถอะ ไม่ว่าใครจะบอกมันก็เหมือนๆ กันหมดแหละ หรือว่านายแมวหง่าวนั้นไม่ให้พี่ต้นบอกตั๋น”

   “ห๊า!! นะ...นายแมวหง่าว?” ต้นกำลังงง ว่าโบตั๋นพูดถึงใคร นายเอก็เดินออกมา

   “อ่าว!! คุณโบตั๋น มายืนตากยุงอยู่ตรงนี้ทำไมครับ เข้าไปข้างในเถอะครับ”

   “หยกล่ะ?” โบตั๋นถามอีกคนที่มาใหม่

   “คุณหยกปลอดภัยแล้วครับ พี่ชาติกำลังเกลี่ยกล่อม ให้คุณพยัคฆ์พาคุณหยกขึ้นมาจากน้ำ”

   “ขึ้นจากน้ำ?”

   “ไม่ต้องตกใจครับคุณโบตั๋น ไม่ใช่น้ำทะเลข้างนอกนั่น แต่เป็นน้ำในอ่างครับ”

   โบตั๋นฟังดังนั้นจึงรีบเดินเข้าไปในตัวบ้านพัก หันซ้ายหันขวาไม่รู้จะไปทางไหน พี่ ๆ ในห้องต่างพร้อมใจชี้ไปทางห้อง ๆ หนึ่งให้เธอ เมื่อเข้าไปในห้องก็เห็นเจ็กลู่กับพี่คนที่ไปตามยืนอออยู่หน้าห้องน้ำ

   “เจ็ก”

   “อ่าว อาตั๋น ลื้อตามมาทำไม?”

   “เกิดอะไรขึ้นกับหยกคะ?” พี่คนที่เดินมาตามเจ็กลู่เบี่ยงตัวออกจากกรอบประตู ให้เธอเป็นฝ่ายเดินเข้าไปแทนที่

   โบตั๋นมองเข้าไปในห้องน้ำ เห็นหยกนอนตะแคงซ้อนทับอยู่บนตักนายแมวหง่าว ศีรษะซบลงบนไหล่ของหมอนั่น มือทั้งสองข้างถูกมัดไว้ด้วยผ้าขนหนู ใบหน้าแดงระเรื่อ นอนหายใจสม่ำเสมอแต่ก็ดูผ่อนคลาย เหมือนคนกำลังหลับ ส่วนนายแมวหง่าวที่โอบร่างหยกไว้กลับสั่นเทิ้ม ริมฝีปากติดจะเป็นสีม่วง ทั้งที่ทั้งสองอยู่ในอ่างน้ำเหมือนกัน แต่อาการกลับต่างกันลิบลับ

   “คุณหยกโดยวางยาครับ” คนที่ถอยออกจากประตูเป็นคนบอก

   “โดนวางยา?”

   “ครับ ที่ผมไปตามพี่ชาติเพราะคุณพยัคฆ์ไม่ยอมขึ้นจากอ่างน้ำ ทั้ง ๆ ที่คุณหยกอากรดีขึ้นแล้ว”

   “แล้วนาย...พยัคฆ์เป็นอะไร ทำไมถึงตัวสั่นอย่างนั้น”

   “คุณพยัคฆ์ให้พวกผมใส่น้ำแข็งลงในอ่างน้ำ เพื่อช่วยบรรเทาเอ่อ...อาการของคุณหยก แต่พวกเรากลัวว่าคุณหยกจะช็อก คุณพยัคฆ์ก็เลย...ลงไปในอ่าง...แล้วก็อย่างที่คุณโบตั๋นเห็น”

   นายแมวหง่าว...ทำเพื่อพี่ชายของเธอ...ขนาดนี้เลยหรอ...ถ้าเป็นคนอื่นล่ะ...ใช่...คนอื่นมักจะฉวยโอกาส...ในขณะที่พี่ชายของเธออยู่ในสภาวะอ่อนแอไม่ใช่หรอ? โบตั๋นค่อย ๆ ก้าวเข้าไปในห้องน้ำ

   “อาตั๋น” เจ็กลู่รั้งเธอไว้ แต่เธอกลับส่ายหน้า แล้วเดินตรงไปยังอ่างน้ำ ย่อตัวลงไปอยู่ข้าง ๆ หยก

   “มะ...เมฆา...ขะ...ขาว...” พยัคห์เว้นช่วงหายใจเล็กน้อย “ยะ...อยู่...” พยัคฆ์พูดเสียงสั่นเพราะแช่อยู่ในน้ำเย็นจัดเป็นเวลานาน

   “พี่เสือไม่ต้องพูดแล้ว พอเถอะนะคะ ขึ้นมาเถอะ หยกไม่เป็นอะไรแล้ว ตั๋นรู้สึกได้ เชื่อตั๋นนะคะ”

   พยัคห์ต้องแปลกใจกับท่าทีอ่อนโยนที่เธอมีให้กับเขา ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังคอยแยกเขี้ยวใส่เขาอยู่เลย เขายิ้มเล็กน้อยก่อนพยักหน้า เตรียมจะลุกจากอ่าง แต่ร่างกายเขากลับชาไปหมด เจ็กลู่กับเก่งที่อยู่ใกล้ ๆ จึงเข้ามาช่วยเขาขึ้นจากอ่าง เจ็กลู่กับโบตั๋นช่วยกันประคองร่างของน้องหยกขึ้นไปก่อน

   “เฮ้ยพวกมึง ใครก็ได้ไปเอาผ้าขนหนูผืนใหญ่ ๆ มาหลายๆ ผืนเร็ว” นายเก่งตะโกนบอกพวกที่อยู่ข้างนอก ขณะที่ช่วยพยุงพยัคฆ์ขึ้นจากอ่าง นายเต้ที่เข้ามาพร้อมผ้าเช็ดตัวผืนหนึ่ง ส่งผ้าให้เจ็กลู่ก่อนจะเข้ามาช่วยพยุงพยัคฆ์อีกแรง

   “พี่ต้น ช่วยพยุงหยกก่อน เดี๋ยวตั๋นจะกลับไปเอาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนให้หยก แล้วเสื้อผ้าของพี่เสือล่ะคะ ใครช่วยไปเอาให้พี่เสือที”

   “เดี๋ยวผมจัดการให้ครับ หนุ่มหน้าตี๋ที่มีผ้าพันแผลรอบศีรษะอาสา เธอไม่เคยเห็นชายคนนี้มาก่อน ได้แต่พยักหน้าก่อนวิ่งกลับไปยังบ้านพักของตัวเอง

.........................................................................

   ผมตื่นขึ้นมาบนเตียง พร้อมกับอาการปวดหัว ผมมองไปรอบ ๆ ห้อง นี่มันไม่ใช่ห้องที่ผมพักกับโบตั๋น ความทรงจำของผมค่อย ๆ กลับมา พี่เสือเข้าไปช่วยผมออกมาจากชายคนนั้น แล้วตอนอยู่ในอ่างน้ำนั่น น้ำแข็ง!!

   “พี่เสือ” ผมลุกพรวดขึ้นมาทันที มันทำให้ผมหน้ามืด จนต้องเอามือข้างหนึ่งยันกับผืนเตียงไว้ไม่ให้หน้าคว่ำลงไป

   “คุณหยกฟื้นแล้วหรอครับ” พี่คนที่คอยตามพี่เมื่อวานนี้เดินเข้ามาพร้อมถาดอาหารในมือ

   “เอ่อ...ครับ”

   “เรียกผมว่าเก่งก็ได้ครับ คุณหยกทานยาลดไข้สักหน่อยนะครับ” พี่เก่งยื่นถาดมาให้ผม

   “ครับ” ผมทานยาเรียบร้อยก็ส่งแก้วน้ำคืนให้พี่เขา “แล้ว...พี่เสือละครับ”

   “คุณพยัคฆ์นอนพักอยู่ห้องโน้นครับ ส่วนคุณโบตั๋นก็เพิ่งกลับไปพักผ่อนเมื่อสักครู่นี้เอง”

   “แล้ว...เอ่อ...คนที่โดนตีหัว เขาเป็นยังไงบ้างครับ”

   “อ่อ...ไอ้คีมันไม่เป็นอะไรมากแล้วครับ มันนอนอยู่ข้างนอกนี่เอง ไม่ต้องห่วงนะครับ”

   “ผม...ขอออกไปดูพี่เสือกับพี่คีหน่อยได้ไหมครับ”

   “อย่าเพิ่งดีกว่าครับ คุณหยกมีเวลานอนอีกแค่ 2-3 ชั่วโมงก่อนเริ่มงานนะครับ พักรักษาตัวให้หายก่อนจะดีกว่าครับ”

   พี่เก่งพูดมาก็ถูกครับ ผมยังมีงานที่ต้องรับผิดชอบ จะมาเอาแต่ใจตอนนี้คงไม่ดีแม่ ผมจึงได้แต่พยักหน้า ก่อนล้มตัวลงนอนอีกครั้ง พี่เก่งเห็นผมกำลังจะนอนก็เดินออกจากห้องไป

.........................................................................

   เมฆอาศัยจังหวะที่ทุกกำลังทานอาหารเช้ากันอยู่ เดินมายังบ้านพักของเกรียงไกร เพื่อรับค่าจ้างตามที่ตกลงกันไว้ แล้วเขาก็อยากไปแอบดูน้องหยก ไม่รู้ว่าวันนี้น้องจะมีแรงทำงานให้เขาไหม

   เขาเดินมาถึงทางเดินเข้าบ้านก็ต้องแปลกใจ เมื่อเห็นกระจกประตูแตกเป็นรูกว้าง ตอนที่เขาออกมายังดี ๆ อยู่เลย หรือน้องหยกเกิดมีแรงฮึดสู้คุณเกรียงไกรขึ้นมา คิดได้ดังนั้นเขาจึงรีบวิ่งเข้าไปในบ้าน แล้วตรงไปที่ห้องนอนของเกรียงไกร

   เมื่อเข้าไปถึงห้องนอน เห็นเกรียงไกรก้ม ๆ เงยๆ กำลังเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋าเดินทางอยู่ เขาจึงเดินเข้าไปในห้อง และนั่งลงบนเก้าอี้หน้าโต๊ะแต่งตัว

   “ทำไมรีบกลับจังครับคุณเกรียงไกร ไหนว่าจะอยู่สักอาทิตย์ไม่ใช่หรอครับ” เขาพูดแซว แต่พอเกรียงไกรหันหน้ามาเท่านั้นแหละเขาถึงกับผงะทันที “เฮ้ย คุณเกรียง เกิดอะไรขึ้น หน้าคุณไปโดนอะไรมา”

   “หึ!! อ้อโอนอ๊อมอะอิ (ก็โดนซ้อมน่ะสิ)”

   “เฮ้ย ใครครับ น้องหยกน่ะหรอ?”

   “ใอ้อี้ไอ๋ (ใช่ที่ไหน) ไอ้อะอักอะอาก (ไอ้พยัคฆ์ตะหาก)” พูดก็ไม่ถนัด ระหว่างพูดก็ซี๊ดปากไป

   “ใครนะครับ?”

   “เออ อึงไอ้อู้อักออก (เออ มึงไม่รู้จักหรอก) แอ่อี้แอ้ๆ อั๊วอู่ไอ้อ้ายแอ้ว (แต่ที่แน่ ๆ อั๊วอยู่ไม่ได้แล้ว)” เกรียงไกรทั้งหงุดหงิดทั้งโมโห

   “แล้วเรื่องค่าจ้างผมล่ะครับ ก่อนไปคุณเกรียงก็น่าจะจ่ายให้ผมก่อน”

   “อ่ายอ่ออึงอ่ะอิ (จ่ายพ่อมึงน่ะสิ) อั๊วอังไอ่อ้ายอำอะไอเอย (อั๊วยังไม่ได้ทำอะไรเลย)” ยิ่งพูดเขาก็ยิ่งเจ็บใจไอ้พยัคฆ์

   “เพราะไอ้อะอัก อะไรของคุณเกรียงนะหรอ”

   “อึง อ้อเอียนอูออ (มึงล้อเลียนกูหรอ?)”

   “เฮ้ย ป่าว ก็ผมฟังไม่ออกนี่ครับ ว่าคนที่เข้ามาสอดมันเป็นใคร” เกรียงไกรเก็บของเสร็จก็เตรียมเดินออกไปจากห้อง แต่โดนเมฆดักไว้ก่อน “เฮ้ย คุณเกรียง คิดจะเบี้ยวผมหรอ”

   “อูไอ้อ่าย (กูไม่จ่าย) อึงอำอานไอ้อ๋ำเอ็ด (มึงทำงานไม่สำเร็จ) อำใอ้อูเอียอนไออี่อน (ทำให้กูเสียคนไปสี่คน) แอ้วอังอาเอ็บอัวอีก (แล้วยังมาเจ็บตัวอีก) แอ้วอึงอ่า อั๊วอวนอะเอียเอินใอ้อึงอั้ย (แล้วมึงว่า อั๊วควรจะเสียเงินให้มึงไหม?)” เกรียงไกรพูดจบก็สะบัดแขน เดินออกจากบ้านพักไป เขาต้องรีบกลับไปตั้งหลักที่กรุงเทพก่อน ถ้าพยัคฆ์รู้จักนายแบบหน้าหวาน แล้วเกิดถูกเอาเรื่องขึ้นมา เขาตัวคนเดียวอยู่ที่นี่ ต้องโดนพวกมันจับส่งตำรวจแน่ ๆ

   เมฆได้แต่ยืนงงอยู่ในห้อง ใครกันที่มาขัดคุณเกรียงจนทำให้เขาต้องเสียงแรงป่าว แล้วป่านนี้น้องหยกจะเป็นยังไงมั่ง จะสงสัยเขารึป่าว ส่วนคนที่เขาฟาดหัวมันไปเมื่อคืน เขาแน่ใจว่ามันไม่เห็นหน้าเขาแน่ ๆ

.........................................................................

   เมื่อคืนนี้โบตั๋นนอนไม่ค่อยหลับ เพราะเป็นกังวลกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับหยก ทั้ง ๆ ที่หยกสวมเมฆาขาวอยู่แท้ ๆ แต่กลับโดนคนวางยาลงในเครื่องดื่มได้ หรือจะเป็นเพราะหยกปิดกั้นที่จะสัมผัสจิตของคนอื่นมากเกินไปจนขาดความระวังตัว

   วันนี้เธอกับพี่คีและพี่ต้นมาที่กองถ่ายแต่เช้า หลังจากที่เมื่อคืนต่างแยกย้ายกันช่วยจัดการหยกกับพี่เสือเรียบร้อยแล้ว เจ็กลู่แนะนำให้พี่คีสวมรอยเป็นรุ่นพี่ของเธอที่มหาวิทยาลัยที่บังเอิญมาเจอเธอที่โรงแรมแห่งนี้ พร้อมเพื่อนอีกคน

   เจ็กลู่สั่งให้พี่คีกับพี่ต้นดูท่าทีของทีมงานเมื่อเจอคีที่โพกผ้าพันแผลที่ศีรษะ ซึ่งพี่ต้นออกจะทำแผลให้ดูร้ายแรงเกินจริงไปหน่อย และให้เธอค่อยจับความรู้สึกของคนในกองถ่ายทั้งหมด ถึงจะเป็นงานที่ยาก เพราะเธอเองไม่เคยเข้าไปสัมผัสจิตของใครมาก่อน แต่เพื่อหยก ยากแค่ไหนเธอก็จะทำ

   “คุณโบตั๋นไม่ต้องเครียดไปหรอกครับ ผมกับคีคอยสังเกตอยู่ตรงนี้กับคุณด้วย อีกอย่าง จากห้องพักนายคี เอมันก็ส่องกล้องดูคอยระวังให้เราอีกทีหนึ่ง” พี่ต้นคงจะเห็นท่าทางตึงเครียดของเธอตั้งแต่ก้าวเข้ามาที่กองถ่าย

   “ทำตัวให้เป็นปกติเหมือนทุกครั้งแหละครับ ส่วนเรื่องจับพิรุธ เดี๋ยวพวกผมจัดการเอง” พี่คีเอ่อออกมาอีกคน ทำให้เธอพยักหน้ารับ

   “น้องโบตั๋นค่ะ...เป็นยังไงบ้างค่ะ? ดีขึ้นบ้างรึยัง?” พี่โอ๋ที่เห็นเธอเดินปรี่เข้ามาหาทันที

   “หายดีแล้วค่ะ”

   “แล้วทำไมยังทำหน้าเครียดอีกละค่ะ? ถ้าเรื่องงานน่ะ ไม่ต้องห่วงหรอกนะคะ เจ้เปิ้ลแกเอาอยู่ค่ะ”

   “เรื่องนั้นก็ส่วนนึงค่ะ แต่อีกเรื่องเห็นจะเป็น...” โบตั๋นไม่ตอบ แต่เสสายตามองไปยังพี่คี

   “อุ๊ยต๊าย!...นี่ใครกันค่ะ แล้วที่หัวไปโดนอะไรมา”

   “รุ่นพี่ของตั๋นที่มหาลัยค่ะ บังเอิญเจอกันที่โรงแรม เมื่อคืนพี่เขาไปช่วยหยกที่โดนดักทำร้าย พี่คีเลยเจ็บตัวไปด้วย” เธอ
ตอบตามที่เจ็กลู่แนะนำ

   “อะไรนะคะ น้องหยกโดนทำร้าย!! แล้วเป็นอะไรไหมค่ะ? ไหน ๆๆ น้องหยกอยู่ไหนค่ะ” เธอสัมผัสได้ถึงความเป็นห่วงเป็นใยที่พี่โอ๋มีต่อหยก จนเลยไปกระทั่งโทษตัวของเธอเอง

   “หยกตกใจนิดหน่อยค่ะ เมื่อคืนเลยเป็นไข้ เจ็กลู่ดูแลอยู่ เดี๋ยวสาย ๆ คงจะตามมา”

   “เมื่อวานพี่ว่าพี่ดูแลไม่ให้คาดสายตาแล้วนะ จะมีก็ตอนที่หยกไปเข้าห้องน้ำนั่นแหละ พี่เห็นน้องหยกหายไปนาน...เลยนึกว่า...กลับไปพักที่บ้านพักแล้ว” พี่โอ๋เอ่ยเสียงแผ่วในตอนท้าย

   “ไม่เป็นอะไรหรอกครับ ผมเองก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก อีกอย่างคนในกองคงจะเริ่มเมากันแล้ว ต่างคนก็ต่างแยกกันไปพักผ่อน มันเป็นเหตุสุดวิสัยน่ะครับ” พี่คีออกตัว

   “สุดวิสัยยังไงคุณ แบบนี้มันจ้องจะทำร้ายกันชัด ๆ อีกอย่างเมื่อคืนนี้มีคนที่เมาไม่กี่คนหรอกนะ วันนี้ต้องทำงานกัน ไม่มีใครเขาคิดจะเมากันหัวราน้ำหรอกคุณ” พี่โอ๋อารมณ์ขึ้นเมื่อได้ยินพี่คีพูดออกมาแบบนั้น

   “ขอโทษครับ ผมไม่มีเจตนาจะว่าทางทีมงานอย่างนั้น เมื่อคืนตอนเจอหยก ก็เห็นน้องเขามึน ๆ แล้วนะครับ”

   “หยกน่ะหรอ? ไม่มีทาง หยกแทบไม่ได้ดื่มเลย มีดื่มน้ำพั้นซ์ที่ผสมเองไปแก้ว 2 แก้วเท่านั้น”

   ความจริงที่พี่โอ๋พูดออกมา ทำให้เธอและพี่คี พี่ต้นต่างมองหน้ากัน คนที่ไม่เมาทุกคนมีโอกาสวางยาหยกได้ทั้งหมด และที่สำคัญ โอกาสของคนที่วางยามีเพียงแค่ แก้ว 2 แก้วเท่านั้น

.........................................................................

   ผมตื่นขึ้นมาอีกทีก็สายมากแล้ว เจ่เจ้กับพี่ภามานั่งรออยู่ที่ห้องโถงด้านนอก วันนี้พี่ ๆ จะไปที่กองกับผมด้วย ผมทานข้าวต้มที่ทางโรงแรมจัดไว้ให้เล็กน้อย ก่อนพากันดินออกไปยังหาดของโรงแรมเพื่อทำงานกันต่อ

   ผมสัมผัสไม่ได้ถึงความรู้สึกของพี่เสือเลย ผมมองไปรอบ ๆ ก็ไม่เห็น ก่อนออกมาผมก็สวมเมเฆาขาวไว้แล้ว หรือว่าพี่เสือจะไม่อยู่ระแวกนี้

   “น้องหยกเป็นอะไรไปค่ะ? หรือว่ายังมึนหัวอยู่” พี่ภาถามผม

   “ไม่แล้วครับ” พี่เก่งบอกให้ผมระวังตัวกับพี่ภาไว้สักหน่อย ผมที่ไม่ได้สติตั้งแต่เมื่อคืนเลยไม่รู้ว่าระหว่างนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง และตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ผมก็เจอแต่พี่เก่ง ที่คอยดูแลอยู่ใกล้ ๆ จะมีอีกทีก็สองสาวที่เดินนำหน้าผมอยู่นี่

   “หยกคงมองหาเพื่อนรุ่นพี่ของโบตั๋นน่ะ?” เจ่เจ้บอก ทำให้ผมรู้ว่าไม่ควรพูดอะไรมากนอกจากเออออไปกับเจ่เจ้ก่อน

   “เอ๊ะ น้องหยกเจอคนรู้จักด้วยหรอจ๊ะ?”

   “ครับ”

   “บังเอิญจังเลยนะ แต่ที่นี่เขาดังจะตาย ใคร ๆ ก็แห่กันมาเที่ยว เมื่อเช้านะหงส์ ภายังบังเอิญเจอคุณเกรียงไกร ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของคุณสุพรรณษาเลย"

   “คนที่ว่าเป็นลูกค้ารายใหญ่ของห้องเสื้อตัวอ่ะนะ”

   “ใช่ๆ คนนั้นแหละ แต่ไม่ได้ทักทายกันหรอกนะ เห็นเขารีบๆ ก้มหน้าก้มตาเดิน มีพิรุธยังไงชอบกล”

   “มีพิรุธ?”

   “ถ้าภาเดาไม่ผิดนะ น่าจะเจอเจ้าหนี้ของพ่อเขานั่นแหละ ถึงได้ใส่แว่นดำ สวมหน้ากากปิดหน้าปิดตา ตั้งแต่ไก่โห่ซะขนาดนั้น”

   “เจ้าหนี้อย่างนั้นหรอ ถ้าเขามีหนี้มีสิน แล้วเขาจะมาเป็นลูกค้าคนสำคัญของตัวได้ยังไงล่ะ?”

   “แหม๋...หงส์ ตัวไม่รู้อะไร บ้านนี้เขาแยกกระเป๋าเงินกันจ๊ะ คุณหญิงคุณนายเขาเม้าท์กันให้แซดเลยนะว่า งานโชว์เพรชคราวที่แล้วน่ะ คุณสุพรรณษาไม่มีเพรชมาแสดง เพราะเจ้าสัวแอบเอาเพรชของเธอไปปล่อยตลาดมืด”

   “พี่ภาครับ เดี๋ยวไว้ค่อยคุยดีไหมครับ ถึงกองถ่ายแล้ว” ผมรีบเตือน เพราะเราเดินใกล้กองถ่ายกันมาก แล้วคนอย่างพี่ภา ยิ่งได้เม้าท์เสียงแกยิ่งดังครับ

   “อุ๊ย...ไว้ค่อยเม้าท์กันใหม่นะตัว” พี่ภายิ้มให้ผมก่อนบอกเจ่เจ้ แล้วเดินเลี่ยงไปหาเจ้เปิ้ล

To Be Continue

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: หยก 22-11-17 {{:::27:::}}
«ตอบ #102 เมื่อ22-11-2017 16:26:26 »

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: หยก 22-11-17 {{:::27:::}}
«ตอบ #103 เมื่อ22-11-2017 20:18:22 »

 :pig4: :L2:

ออฟไลน์ Amo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-1
Re: หยก 25-11-17 {{:::28:::}}
«ตอบ #104 เมื่อ25-11-2017 12:30:57 »

28

    โบตั๋นเดินเข้าไปหาหยกที่เดินตามหลังเจ่เจ้และพี่ภามายังกองถ่าย พร้อมกับเจ้เปิ้ลและพี่โอ๋ พี่ภาเดินมายังเจ้เปิ้ล แต่เจ้เปิ้ลกลับเดินมาสมทบเธอกับหยก

   “น้องหยก พี่ได้ยินว่า...”

   “เบา ๆ ค่ะเจ๊...จำที่เราคุยกันเมื่อกี้ไม่ได้หรือไง” พี่โอ๋ตามมาทีหลังรีบสะกิด

   “อ่อๆ ก็เจ้เป็นห่วงน้องหยกนี่”

   “อะไรกัน ๆ แหม๋...แค่น้องหยกเมาแฮงค์แค่นี้ ทำมาห่วงกันออกนอกหน้า” พี่ภาเดินมาเหน็บแก้เก้อที่เมื่อครู่เจ้เปิ้ลไม่สนใจเธอ เจ้เปิ้ลกับพี่โอ๋มองหน้ากันเล็กน้อย

   “แหม๋คุณภาขา ก็ต้องประคบประหงมกันหน่อยสิค่ะ อีกหน่อยน้องหยกเขาดังขึ้นมา ไม่รับงานเจ้จะว่ายังไง”

   “ใช่ค่ะ รู้ไหมค่ะคุณภา เวลามีน้องหยกอยู่ในกองถ่ายเนี๊ยะ โลกของโอ๋มันช่าง....สดใส...มีกำลังใจทำงานขึ้นเป็นกอง” พี่โอ๋ผสมโรงด้วยอีกคน ออกแอคติ้งกวาดมือไม้ชนิดที่ว่าอินเนอร์มาเต็ม

   “จ้า ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง ซ่อมเซ็ทของสาว ๆ กันไปถึงไหนล่ะ?

   “อีกช็อต 2 ช็อต ก็เสร็จแล้วค่ะ จากนั้นก็ถ่ายรวม ไม่เกินชั่วโมงก็แยกย้ายกลับบ้านได้แล้วจ้า” เจ้เปิ้ลบอกพี่ภา

   “พี่โอ๋ เราพาหยกไปแต่งหน้ากันเถอะค่ะ” โบตั๋นหันไปบอกพี่โอ๋ก่อนจูงมือหยกไปที่เต้นท์ ภายในเต้นท์มีพี่คีและพี่ต้นยืนคุยกันอยู่ข้าง ๆ

   “น้องหยกดีขึ้นแล้วใช่ไหมครับ” พี่คีเปลี่ยนสรรพนายเรียกหยกใหม่ให้สมบทบาทที่ได้รับ

   “ครับ”

   “พี่รู้เรื่องจากน้องโบตั๋นกับคุณคี คุณต้นแล้วนะ ว่าแต่น้องหยกสงสัยใครบ้างค่ะ?”

   “...” หยกส่ายหน้า

   “ไม่เป็นไร ค่อยๆ คิดไปก็ได้ครับ ว่าช่วงที่น้องหยกชงค็อกเทลอยู่มีใครเข้ามายืนข้าง ๆ น้องหยกได้บ้าง”

   “ทำไมถึงให้ดูแต่คนข้าง ๆ ล่ะคะคุณคี พี่ก็บอกแล้วนะคะว่าพี่ไม่ได้ทำ”

   “ป่าว ๆ ผมไม่ได้ว่าพี่โอ๋ครับ เพียงแต่ช่วงนั้นผมผ่านมาบังเอิญเห็นน้องหยกกำลังชงค็อกเทลอยู่ ตอนแรกยังคุยกับไอ้ต้นอยู่เลยว่าใช่น้องหยกรึป่าว?”

   “ใช่ครับ ตอนนั้นคนที่มาให้น้องหยกชงค็อกเทลให้มักจะยืนอยู่หน้าโต๊ะ ตรงข้ามกับน้องหยกเขา จะมีก็แต่พี่โอ๋กับคุณเปิ้ลเท่านั้นแหละครับที่ยืนกับน้องหยกข้างหลังโต๊ะ” พี่ต้นนี่ก็ตีบทแตกเสียจริง โบตั๋นได้ยินมาว่าคนที่อยู่แถว ๆ งานมีแต่พี่เก่ง พี่คี แล้วก็พี่เสือนี่

   “จะว่าไป ก็มีอีกคนนะคะ” พี่โอ๋เหมือนจะนึกขึ้นมาได้

   “ใคร/ใครครับ/ใครค่ะ” พี่คี /พี่ต้น/ และเธอถามออกมาแทบจะเป็นเสียงเดียวกัน

   “พี่เมฆ” หยกตอบพร้อมมองไปที่ช่างภาพที่กำลังทำงานอยู่หลังกล้อง

   “ใช่ค่ะ เมฆมันมาขอเซลฟี่กับพี่และน้องหยก”

   “พี่โอ๋อย่างเพิ่งกระโตกกระตากไปนะคะ เรายังไม่มีหลักฐาน” โบตั๋นรีบเตือน

   “ค่ะ แต่...พี่เคยได้ยินข่าวลือมานะคะ” พี่โอ๋กระซิบ ก่อนทำทีเป็นเริ่มแต่งหน้าให้หยก

   “ข่าวลืออะไรค่ะ?”

   “เขาว่ากันว่า นายเมฆเป็นเอเจ้นท์ส่งเด็กให้เสี่ยค่ะ แต่พี่ก็ไม่มีหลักฐานนะคะ ได้ยินเขาลือ ๆ กันมา”

   “แค่นี้พวกผมก็จำกัดวงให้แคบลงได้แล้วล่ะครับ เอ่อ...ผมรู้สึกมึน ๆ หัว ยังไงฝากต้นอยู่เป็นเพื่อนน้องหยก น้องโบตั๋นหน่อยนะ กูขอขึ้นไปพักสักหน่อย” พี่คีพูดเนียนๆ คงจะเพื่อปลีกตัวไปสืบเรื่องราวต่อ

   “อืม นายไปพักเถอะ นี่พี่หงส์ คุณภาก็อยู่ คงไม่มีอะไรหรอก”

   “พี่กับเจ้เปิ้ลก็อยู่ค่ะ พี่จะไม่ยอมให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยแน่ ๆ ค่ะ เอาเกียรติของช่างต่างหน้าเป็นประกันเลยค่ะ” พี่คียิ้มก่อนเดินออกจากเต้นท์ไป

   “พี่ไปเดินดูรอบ ๆ นะ จะได้ไม่กวนเราสองคนทำงาน” แล้วพี่ต้นก็เดินออกจากเต้นท์ไปอีกคน

   “ตั๋นเหนื่อยไหม? ออกมาแต่เช้า”

   “ไม่เหนื่อยหรอก ไม่ได้ถ่ายอะไรเยอะสักหน่อย ว่าแต่หยกเถอะหายดีแล้วใช่ไหม?”

   “อืม”

   “ไม่จริงค่ะ น้องโบตั๋นนะ ค่อยดูคนนั้นที คนนี้ที จับพิรุธคนอื่นเขาไปทั่ว จนตัวเองมีพิรุธซะเอง ให้พี่กับเจ้เปิ้ลจับได้”

   “โหย...พอหยกมา ตั๋นก็กลายเป็นหมาหัวเน่า ฟ้องได้ฟ้องเอาเลยนะ”

   “พี่ฟ้องเพราะเป็นห่วงหรอกค่ะ เห็นพี่น้องรักกันดีแบบนี้พี่ก็ชื่นใจ”

   “แต่เมี่อกี้พี่โอ๋กับเจ้เปิ้ลตีบทแตกมาเลยนะคะ ตอนอยู่ต่อหน้าพี่ภาน่ะ”

   “ไม่ได้หรอกค่ะ รู้หน้าไม่รู้ใจพี่ก็ต้องระวังกันไว้ก่อน ตอนแรกพี่นึกว่าคุณภารู้เรื่อง แต่พอนางบอกว่าน้องหยกเมา ก็พอจะเดาได้ค่ะ ว่านางน่ะ คนนอก ไม่ใช่คนในชิดติดตัวอย่างพี่กับเจ้เปิ้ล”

   ทั้งคำพูดและการกระทำของพี่โอ๋และเจ้เปิ้ลตลอดช่วงเช้า ล้วนแสดงออกถึงความเป็นห่วงและอยากจะชดเชยความผิดพลาดของตัวเอง ทั้งที่จริง ๆ แล้วพี่ ๆ เขาไม่ได้ผิดอะไรเลย โบตั๋นสัมผัสถึงมันได้ ในขณะที่แต่งหน้าให้หยกตอนนี้ ยังพยายามสร้างบรรกาศให้เธอและหยกผ่อนคลายอีก

.........................................................................

   จากที่ฟัง ๆ พี่ ๆ ในกองคุยกัน ผมก็พอเดาได้ว่าเรื่องเมื่อคืนนี้มีคนรู้กันเพียงวงแคบ ๆ เท่านั้น แต่ผมก็อดตกใจไม่ได้ ว่าคนคิดวางยาผมคือพี่เมฆ ระหว่างแต่งหน้าผมก็พยายามนึกกลับไปถึงเมื่อคืนนี้ ความรู้สึกที่พี่เมฆมีให้กับผมมันเป็นความรู้สึกยังไงบ้าง

   “ไม่เอาค่ะ ไม่คิดมากนะคะ” พี่โอ๋เรียกสติผม

   “ใช่ อีกนิดเดียวงานก็เสร็จแล้ว หยกอดทนหน่อยนะ”

   “เฮียไม่ได้เป็นอะไรแล้วล่ะ แค่ไม่คิดว่า...”

   “ก็อย่างที่พี่ว่า คนเราน่ะ รู้หน้าไม่รู้ใจ เดี๋ยวกรรมก็ตามสนองเองแหละค่ะ”

   “ใช่ ตั๋นเห็นด้วย อีกอย่างคนมันจะเลว ก็เลวที่ตัวเขาเอง ไม่ได้มีใครบังคับให้เขาเลวสักหน่อย”

   “อุ๊ย...น้องโบตั๋นพูดถูกใจพี่มากค่ะ”

   “แล้วเรื่อง...ผู้ชายคนนั้นล่ะ” ผมไม่รู้ว่าควรถามต่อหน้าพี่โอ๋ได้ไหม เพราะไม่เห็นมีใครพูดถึง

   “เรื่องนั้นพี่เสือเขาจะเป็นคนจัดการเอง หยกสบายใจได้”

   “พี่เสือหรอ?” ผมแปลกใจที่โบตั๋นเรียกแบบนี้ ทั้งที่ทุกครั้งจะเรียกพี่เสือว่านายแมวหง่าวบ้างล่ะ ไอ้แมวนั่นบ้างล่ะ

   “ไม่ต้องคิดมากหรอก หยกก็รู้ว่าตั๋นมีเหตุผล ใช่ไหม?”

   “อืม”

   “ถ้าอย่างนั้น สองพี่น้องก็ตั้งใจทำงานกันนะคะ ไม่ต้องคิดมาก จะได้ไม่ต้องปลอบกันไปปลอบกันมาอยู่แบบนี้ มาค่ะ สู้ๆ นะคะ” พี่โอ๋ช่วยเรียกกำลังใจจากพวกเราครับ มันทำให้ทั้งผมและโบตั๋นยิ้มกันขึ้นมาได้     

.........................................................................

    หลิวลู่เดินมาพร้อมกับเก่ง มายังหน้าห้องพักของคี ที่นายเอใช้สังเกตการณ์อยู่ เขาเคาะประตูครู่หนึ่งนายเอก็เดินมาเปิดประตูให้

   “พี่ชาติ มาแล้วหรอครับ แล้วคุณพยัคฆ์เป็นยังไงบ้างครับ”

   “ก็ดีขึ้นมากแล้วนะ” หลิ่วลู่เดินเข้าไปเข้าไปในห้องโดยมีนายเก่งเดินตามเข้ามา

   “แล้วที่โรงพักเป็นยังไงบ้างครับ” นายเอถามต่อหลังจากปิดประตูเดินตามหลังเข้ามา

   “พี่ชาติแมร่งโคตรเจ๋ง คุยกับไอ้พวกนั้นไม่กี่ที แม่งบอกมาหมดไส้หมดพพุงเลยว่ะ”

   “เฮ้ย...”

   “จริง!!” เก่งตอบจริงจัง พร้อมพยักหน้าสำทับให้อีก

   “แล้วเรื่องเป็นมายังไงครับ”

   “พวกนั้นเป็นคนของนายเกรียงไกร เขาให้มันดักรอเพื่อจับหยกที่ซอยร้านขายยา” หลิ่วลู่บอกเสียงเรียบ

   “แสดงว่าเป็นพวกมันที่จ้างให้เด็กในร้าน เปิดร้านรอคุณ ๆ เข้ามาในซอยก่อนลงมือ” เอเอ่ยขณะวิเคราะห์ตามเหตุความน่าจะเป็น

   “กูว่าต้องมีคนในส่งข่าวบอกพวกมันแน่ ๆ ว่าคุณโบตั๋นต้องการซื้อยาแก้เมาเรือ แล้วไอ้นี่มันน่าจะเป็นคนที่วางยาคุณหยกเมื่อคืนด้วย”

   เสียงเปิดปราะตูทำให้ทุกคนในห้องชะงัก แต่เตรียมพร้อมตั้งรับคนที่กำลังเดินเข้ามา เมื่อเห็นว่าเป็นคี ทุกคนจึงผ่อนคลายท่าทีลง

   “ขึ้นมานี่ แสดงว่าได้ข้อมูลเพิ่มมาแล้วสิ” หลิ่วลู่ถาม

   “ครับพี่ชาติ เพื่อน ๆ คุณหยกและโบตั๋นช่วยได้เยอะเลยครับ”

   “แล้วเป็นไงบ้างว่ะมึง ในกองนั้นมีใครน่าสงสัยบ้าง” เก่งถามขึ้น

   “ยิ่งกว่าน่าสงสัยอีก คุณโอ๋บอกว่าช่างกล้องคนนึงเป็นเอเจ้นท์ส่งเด็กให้กับเสี่ย”

   “ช่างกล้องคนไหนว่ะ”

   “นายเมฆ”

   “เก่ง นายไปคอยประกบหยก แล้วจับตาดูนายเมฆไว้ คี แกไปหาข้อมูลนายเมฆคนนี้มา เออยู่ที่นี่เหมือนเดิม ส่วนฉันจะไปดูคุณเสือสักหน่อย”   

   “พี่ชาติ แล้วเราไม่ต้องสืบเรื่องคุณภาหรอครับ” นายเอถามหลังจากเงียบมาสักพัก

   “ไม่ต้องหรอก”

   “ทำไมล่ะครับ”

   “เพราะว่าพ่อแม่ของเพ็ญนภาเป็นครอบครัวอุปถัมภ์ของคุณ ๆ ทั้งสามน่ะสิ คุณภากับหงส์นอกจากจะเป็นเพื่อนสนิทกันแล้ว ยังรักกันเสมือนเป็นพี่น้องกันอีก ฉะนั้นไม่ต้องห่วงเรื่องเพ็ญนภาหรอก”

.........................................................................

   ทำไมผมไม่เจอ สัมผัสไม่ได้ถึงความรู้สึกของพี่เสือเลย จนผมกระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก ผมอยากจะถามพี่ ๆ ที่คอยตามผม แต่ก็ไม่มีจังหวะเลยแม้แต่น้อย กับโบตั๋นเองผมก็ไม่มีโอกาสได้ถาม เพราะพี่โอ๋เล่นตามประกบผมเป็นเงาตามตัว เวลาที่พี่เมฆจะเข้ามาใกล้ผม พี่โอ๋ก็จะตีเนียนพาผมออกมาห่าง ๆ ตลอด จนกระทั่งนายแบบนางแบบแซวกันว่าผมเป็นลูกรักพี่โอ๋ พี่โอ๋เองก็รับสมอ้างเรียกตัวเองว่า ขุ่นแม่ ไปซะแล้ว

   ช่วงเตรียมถ่ายช็อตสุดท้ายของวัน ผมถึงมีโอกาสได้ถามโบตั๋นครับ ผมสงสัยว่าที่เธอบอกว่าพี่เสือจะจัดการกับผู้ชายคนนั้นเอง คือจัดการยังไง แล้วพี่สืออยู่ไหน กลับกรุงเทพฯ ไปแล้วหรือยัง?

   “คิดถึง?” พอผมถามกลับได้คำถามอีกคำจากโบตั๋น

   “ป่าว..ว...เฮียแค่สงสัย”

   “ตั๋นถามหยกหน่อยสิ หยกคิดยังไงกับพี่เสือเขาหรอ?”

   “...” นั่นสิ ผมคิดยังไงกับพี่เสือ

   “เดี๋ยวถ่ายช็อตสุดท้ายเสร็จ เราไปหาพี่เสือกัน”  โบตั๋นบอกผมแค่นี้แล้วก็เดินนำผมไปเตรียมถ่ายงาน

.........................................................................

   หงส์มองสังเกตดูรอบ ๆ กองถ่ายมาตั้งแต่ช่วงสาย ๆ จนกระทั่งพักเบรคกอง ทำให้พอรู้ได้ว่าใครคิดอย่างไรกับน้อง ๆ ของเธอบ้าง หลาย ๆ ความรู้สึกล้วนชื่นชมทั้งสอง แม้ว่าจะเป็นคนละความรู้สึกกันก็ตาม ส่วนมากจะนิยมไปทางโบตั๋นมากกว่า เพราะเธอนั้นเข้ากับคนง่าย ผิดกับหยกที่ได้รับความชื่นชมเพราะรูปลักษณ์ แต่นิสัยพูดน้อยจนแลดูจะเย็นชา ทำให้หลาย ๆ คนคิดว่าหยกเข้ากับคนยาก

   และเธอเองก็สังเกตถึงควมผิดปกติของคน ๆ หนึ่ง พอค่อย ๆ เข้าไปสัมผัสจิตของคน ๆ นั้นดูก็ทำให้รู้ว่าคนนี้เป็นคนที่วางยาหยกแน่นอน เมื่อเธอมองไปยังต้น คนที่อากรส่งมา ก็ดูเหมือนว่าต้นจะรู้ตัวแล้วว่าเป้าหมายในวันนี้ที่เขาควรจะต้องจับตามองคือใคร

   ช่างแต่งหน้ากับคุณเปิ้ลก็คอยระแวดระวังกันท่าไม่ให้นายเมฆเข้าใกล้ได้อีก ที่สำคัญขุ่นแม่โอ๋ไม่ยอมให้หยกกับโบตั๋นดื่มน้ำจากแก้วไหนเลย นอกจากขวดน้ำที่เธอพกไว้ติดตัวไว้ตลอดเวลา ตอนพักทานอาหารก็ยังมีแก่ใจส่งน้อง ๆ ของเธอมาทานอาหารกับเธอและยัยภาที่เต้นท์นี่อีก ทำให้เธอเบาใจไปได้มาก

   เมื่อถ่ายทำกันเสร็จ เธอเห็นนายเมฆพยายามจะเข้ามาขอเบอร์โบตั๋น ขุ่นแม่โอ๋ก็จัดการซะอยู่หมัด บอกให้นายเมฆติดต่อผ่านขุ่นแม่อย่างเธอ โบตั๋นก็เออออไปกับคุณโอ๋ด้วย เพ็ญนภาที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ได้แต่หัวเราะตลอดเวลา

   “สงสัยคุณโอ๋จะเอาดีทางการเป็นผู้จัดการส่วนตัวของน้องหยกและน้องโบตั๋นซะแล้ว”

   “ดูเขาเอ็นดูสองคนนี้มากเลยนะ”

   “ตัวไม่รู้อะไร น้องตัวน่ะน่ารักจะตาย ใครได้อยู่ใกล้ก็รัก ก็เอ็นดูทั้งนั้น”

   “หงส์ดีใจนะ ที่น้อง ๆ มีคนเอ็นดูแบบนี้ ค่อยหมดห่วงหน่อย”

   “ตัวอย่างมาดราม่าเอาตอนมาเที่ยวพักผ่อนแบบนี้นะ ช่วงเวลาร้าย ๆ ของตัวมันก็ผ่านมาแล้วนะ ต่อไปนี้ตัวก็จะได้มีความสุขกับน้อง ๆ ได้แล้ว”


   “มันไม่ง่ายอย่างนั้นน่ะสิ”

   “ตัวยังเป็นห่วงเรื่องญาติทางแม่อยู่หรอ?”

   “อืม...ถ้าหงส์ไม่อยู่สักระยะ หงส์ฝากน้อง ๆ กับตัวไว้ได้ไหม?”

   “ภาไม่รับฝากหรอก นอกจากตัวจะบอกมาก่อนว่าตัวจะไปทำอะไร ที่ไหน กับใคร”

   “...”

   “หงส์...ภาก็พอจะรู้นะว่าตัวกับน้อง ๆ มีความสามารถพิเศษอะไรบางอย่าง ถึงแม้ตัวจะไม่บอกภาเรื่องนี้ก็ไม่เป็นไร แต่ภาก็อยากจะรู้ว่าตัวจะไปทำอะไรที่มันอันตรายรึป่าว เราก็เหมือนเป็นพี่น้องกันไม่ใช่หรอ?”

   “หงส์จะไปฮ่องกงกับเจ็กลู่นะ”

   “ไปจัดการเรื่องญาติทางแม่ใช่ไหม?”

   “อืม...แต่หงส์รู้ว่ามันไม่ง่าย”

   “มันอันตรายรึป่าว?”

   “ไม่หรอก แต่มันยากตรงที่เขาจะยอมปล่อยหยกไหม” เธอมองไปที่น้องชายที่กำลังหยอกล้อ และล่ำลาทีมงานกันอยู่

   “ลูกชายคนเดียวของตระกูลก็อย่างนี้แหละ เอาเป็นว่าภารับปาก จะดูแลน้อง ๆ ของตัวให้ดีที่สุด โอเคไหม”

   “ขอบใจนะ”

   “จะให้ดีช่วงที่อยู่ที่นี่ก็เที่ยวให้สนุก ถือว่าเป็นการตอบแทนภาก็แล้วกัน”      

.........................................................................

   ผมตามโบตั๋นเข้ามาในบ้านพักของเจ็กลู่และพี่เสือ บ้านหลังที่เมื่อคืนนี้ผมมานอนกับโบตั๋น เจ็กลู่เพิ่งเดินมาจากอีกห้องหนึ่งที่ผมคาดว่าน่าจะเป็นห้องของพี่เสือ

   “เสร็จงานกันแล้วหรอ?”

   “เสร็จแล้วค่ะเจ็ก”

   “อืม”

   “หยกเข้าไปสิ พี่เสือพักอยู่ข้างในน่ะ เมื่อคืนพี่เสือเป็นไข้...เพราะช่วยหยก ที่ตั๋นไม่ได้บอกเพราะกลัวว่าหยกจะไม่มีสมาธิทำงานน่ะ”

   “อือ ไม่เป็นไร เฮียไม่โกรธหรอก เฮียเข้าใจความหวังดีของทุกคนดี”

   ผมบอกโบตั๋นให้เธอสบายใจก่อนค่อย ๆ เดินไปยังห้องของพี่เสือ ผมรู้ว่าพี่เสือตื่นแล้ว และเขาเองก็ได้ยินเสียผมด้วย ผมสัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาของพี่เสือ แปลก!!...ครั้งนี้ผมกลับไม่กล้วเหมือนที่แล้ว ๆ มา แรงกดดันต่าง ๆ ถึงแม้ว่ามันจะยังมีอยู่ แต่มันไม่ได้น่ากลัวอีกต่อไปแล้ว

   ผมเปิดประตูห้องเข้าไป เห็นพี่เสือนั่งพิงหัวเตียงอยู่ ผมเดาว่าพี่เสือน่าจะเพิ่งทานข้าวและทานยาเสร็จ สังเกตจากถาดอาหารที่วางอยู่ข้าง ๆ โต๊ะตรงหัวเตียง

   พี่เสือทำทีโบกโทรศัพท์มือถือในมือ เหมือนจะบอกว่าผมกับเขาคุยกันผ่ายแอพพลิเคชั่นเหมือนเดิมก็ได้ แต่ผมกลับส่ายหน้าปฏิเสธก่อนเดินไปนั่งบนเตียง ข้าง ๆ พี่เสือ

To Be Continue

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: หยก 25-11-17 {{:::28:::}}
«ตอบ #105 เมื่อ25-11-2017 13:06:47 »

อยากได้พี่เสือ :-[

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: หยก 25-11-17 {{:::28:::}}
«ตอบ #106 เมื่อ25-11-2017 14:49:21 »

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: หยก 25-11-17 {{:::28:::}}
«ตอบ #107 เมื่อ25-11-2017 21:37:49 »

เพิ่งได้มาอ่าน ไม่ทำการทำงานหลายชั่วโมงกว่าจะจบ
ตื่นเต้นมาก  :เฮ้อ: แอบสงสารพี่เสือ รีบมาต่อเร็วๆ น้าา
 :z2:

ออฟไลน์ Amo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-1
Re: หยก 27-11-17 {{:::29:::}}
«ตอบ #108 เมื่อ27-11-2017 22:58:07 »

29

   พยัคฆ์แปลกใจที่เห็นน้องหยกเดินเข้ามาหาเขาในห้องนอน เขาย้ำทุกคนแม้กระทั่งหงส์และโบตั๋น ไม่ให้บอกเรื่องที่เขาป่วยกับหยก เขาไม่แน่ใจว่าเมื่อคืนนี้หยกมีสติและจดจำเรื่องราวได้มากแค่ไหน แต่ถ้าเป็นไปได้ เขาไม่อยากให้หยกจำอะไรได้เลย

   เขาเอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้าง ๆ ถาดอาหารที่เขาเพิ่งทานเสร็จเรียบร้อย  ก่อนจะโบกมันไปมาเบา ๆ เพื่อบอกหยก ว่าเราสื่อสารกันเหมือนเดิมก็ได้ แต่น้องหยกกลับส่ายหน้าปฏิเสธแล้วเดินมานั่งข้าง ๆ เขา

   น้องหยกแตะเบา ๆ ลงที่ผ้าพันแผลบนแขนของเขา ที่โดนกระจกประตูบาดเมื่อวาน เขาไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าโดนบาดเอาตอนไหน ยังดีที่แผลไม่ลึกมาก ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ต่างอะไรจากคนที่คิดฆ่าตัวตายโดยการไปนอนแช่ในอ่างอย่างนั้น

   “น้องหยกยังไม่ได้รับเมฆาขาวคืนจากโบตั๋นหรอครับ” พยัคฆ์ถามในสิ่งที่สงสัย

   “...” น้องหยกที่ยังคงก้มหน้ามองแขนของเขาอยู่ ส่ายหน้าน้อย ๆ

   “เป็นอะไรรึป่าวครับ” น้องหยกเงียบเหมือนตอนที่เขาโทรไปคุยด้วยไม่มีผิด

   น้องหยกเงยหน้าขึ้นมาสบตาเขา น้ำตาหยดลงมาที่แก้มข้างหนึ่ง ทำให้ตัวน้องเองตกใจไม่น้อย จนต้องเบือนหน้าหนีเขา มันเป็นภาพที่ทำให้หัวใจของพยัคฆ์กระตุกอย่างแรง เขาไม่อยากเห็นน้องหยกเป็นแบบนี้ น้องหยกกลัวเขาแต่ยังคงพยายามฝืนมันไว้เพื่อที่จะเข้ามาเยี่ยมเขา...

   “ถ้าหยกยังกลัวพี่อยู่ ก็ออกไปพักก่อนเถอะครับ พี่ไม่เป็นอะไรแล้ว” พยัคฆ์กัดฟันพูดออกมาในที่สุด เมื่อน้องหยกเช็ดน้ำตาเสร็จก็หันมาสบตาเขาอีกครั้ง สายตานั้นถ่ายถอดออกมาถึงความมุ่งมั่น

   “หยก...ไม่กลัวพี่เสือแล้ว”

   “โกหกไม่ดีนะครับ ผิดศีล แล้วก็บาปนะ” เขาหยอกเล็กน้อย หวังว่าน้องจะอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง

   “หยกไม่ได้โกหกนะ หยกไม่กลัวพี่เสือแล้วจริง ๆ”

   “แล้วน้องหยกร้องไห้ทำไมครับ...ถ้าไม่ได้กลัวพี่”

   “หยก...สงสารพี่เสือ แล้วก็...โล่งใจ...ที่พี่เสือไม่ได้เป็นอะไรมาก” คำพูดที่เหมือนจะเขินๆ ของน้องหยก ทำให้เขายิ้มออกมา

   “พี่ดีใจ ที่หยกเป็นห่วงพี่”

   “...” เขาเห็นน้องหยกแก้มแดงจมูกแดงแบบนี้ มันยิ่ง...เฮ้อ...น้องหยกคงรู้แล้วว่าเขาคิดอะไรอยู่ เผลอตัวอีกแล้ว

   “พี่ขอโทษ ที่คิดลามกกับน้องหยก”

   “พี่เสือไม่ต้องพูดออกมาก็ได้” น้องหลบตาเขาตอนนี้แดงถึงหูไปแล้ว เขารู้สึกว่าน้องหยกน่ารักมาก ๆ เวลาที่เขินแบบนี้

   “พี่ไม่พูดแล้วครับ แล้วน้องหยกไม่เหนื่อยหรอครับ ไปพักผ่อนก่อนก็ได้นะ พี่ไม่เป็นอะไรแล้ว” พยัคฆ์พยายามเปลี่ยนเรื่อง เพื่อลดความขัดเขินของน้องหยก

   “หยกไม่เหนื่อยหรอกครับ งานไม่ได้หนักอะไร สอนเทควันโดยังเหนื่อยกว่าอีก”

   “พี่ถามหยกหน่อยได้ไหมครับ” น้องหยกจ้องเขาตาแป๋ว นี่เป็นการคุยกันตัวต่อตัวที่เขาต้องข่มความรู้สึกตัวเองมากที่สุดตั้งแต่รู้จักกับน้องหยกมา เขาคงต้องยอมรับว่าเขาคงจะอันตรายสำหรับน้องหยกจริง ๆ อย่างที่โบตั๋นว่า

   “อะไรครับ” น้องหยกถามเรียกสติเขา

   “นอกจากเทควันโด มวยไทย น้องหยกยังเป็นศิลปะป้องกันตัวอย่างอื่นอีกไหมครับ” เขาแค่อยากรู้ว่าหยกมีความสามารถมากขนาดไหน แล้วเขาคู่ควรกับน้องหยกรึป่าว?

   “ก็เป็นทุกอย่าง ที่สถาบันของพี่ศักดิ์มีสอนน่ะครับ พี่เสือถามทำไมหรอครับ”

   “ไม่มีอะไรหรอก แล้วก็ไม่ต้องสุภาพกับพี่ขนาดนี้ก็ได้ครับ”

   “ทีพี่เสือยังสุภาพกับหยกเลยนี่” ดูปากกระจุ๋มกระจิ๋มนั่นเฉิดนิด ๆ ราวกับน้องหยกกำลังงอนเขาอยู่ จะน่ารักไปไหนนะ

   “งั้นถ้าพี่ลดความสุภาพลง...ก็ได้ใช่ไหม?” พยัคฆ์พูดพร้อมทั้งเอื้อมมืออีกข้าง ที่ไม่มีผ้าพันแผลไปกุมมือน้องหยกไว้ มือเล็กนิดเดียวแต่รับมือผู้ชายตัวโต ๆ ได้พร้อมกัน 3 คนเลยหรอ

   “พี่เสือ...” น้องหยกไม่ได้สลัดมือจากเขา แต่กลับใช้สองมือสอดประคองมือของเขาไว้ “ยังมีไข้อยู่เลย” น้องหยกพูดพร้อมมองไปยังถาดอาหารข้าง ๆ หัวเตียง “นอนพักก่อนนะครับ จะได้หายไวไว”

   “พี่เพิ่งจะได้เห็นหน้าน้องหยกใกล้ ๆ เพิ่งจะได้คุยกันยาว ๆ แบบนี้ พี่ยังไม่อยากนอนเลย”

   “นอนพักเถอะครับ หยกจะเฝ้าจนกว่าพี่เสือจะหลับแล้วกันนะครับ”

   “อืม  ก็ได้ครับ” พยักฆ์ตกลงอย่างว่าง่ายก่อนจะค่อย ๆ ขยับตัวลงนอน โดยมีน้องหยกกุลีกุจอเข้ามาช่วยเขาขยับหมอนให้ จังหวะที่น้องปรับวางหมอนให้เข้าที่นั้น เขายันข้อศอกค้างไว้ ก่อนยื่นหน้าไปหอมแก้มคนที่ไม้ทันระวังตัว น้องหยกมองเขาตาโต หน้าแดงก่ำ “ก็หยกอยากให้พี่ลดความสุภาพลงไม่ใช่หรอ?”

   “พี่เสือ!!...” พยัคฆ์ลดตัวลงนอน เขาหลับตาลงพร้อมกับคว้ามือบางมากุมไว้    

.........................................................................

   ขณะนี้ทุกคนอยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตากันภายในบ้านพักของหงส์ เจ็กลู่นั่งอยู่บนเก้าอี้หวายเดี่ยว แบบเดียวกันกับที่บ้านพักของเขา หงส์ โบตั๋น เพ็ญนภา นั่งรวมกันอยู่ที่โซฟายาว คีนั่งเก้าอี้หวายอีกตัวโดยมีเก่งนั่งอยู่บนท้าวแขนข้างหนึ่ง เต้และต้น ยกเก้าอี้แต่งตัวในห้องนอนออกมานั่ง ส่วนเอยืนพิงผนังอยู่ด้านหนึ่ง

   “โหย...พี่ชาติจะแกล้งบอสกับคุณพยัคฆ์ก็น่าจะกระซิบบอกพวกเราหน่อยสิครับ ผมนี่คอยหลบคุณภาเธอแทบแย่” ต้นร้องโอดครวญ

   “นี่พวกเธอแอบสงสัยฉันอย่างนั้นเร๊อะ” เพ็ญนภาแว๊ดใส่อย่างไม่จริงจังนัก

   “ขอโทษครับคุณภา คุณพยัคฆ์สั่งมา พวกผมก็ต้องคอยระวัง” เก่งรีบขอโทษ

   “แล้วเรื่องนี้คุณพยัคฆ์รู้รึยังครับ” เอถามขึ้นมาบ้าง

   “จะรู้ได้ไง คุณพยัคฆ์ยังนอนอยู่บ้านโน้นเลย แต่ป่านนี้คงฝันดีเพราะมีคุณหยกดูแลอยู่” เต้พูดแซวขึ้นบ้าง

   “โบตั๋นไม่รังเกียจรังงอนคุณเสือเขาแล้วใช่ไหม?” หงส์หันมาถามโบตั๋นที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กัน

   “พี่เสือเขาพิสูจน์ตัวเขาเองแล้วค่ะเจ่เจ้ ตั๋นเชื่อว่าเขาจริงใจกับหยกจริง ๆ”

   “หมายความว่ายังไงค่ะ” เพ็ญนภาร้องถามเสียงหลง มองหน้าหงส์กับโบตั๋น ก่อนกวาดตามองไปรอบ ๆ ห้อง เหมือนทุกคนจะรู้เรื่องระหว่างพยัคฆ์กับหยก ยกเว้นเธอ “ต๊าย...ฉันตกข่าวอยู่คนเดียวหรอเนี๊ยะ!”

   “ไม่เป็นไรหรอกน่ายัยภา ตัวแค่เข้าใจผิดเท่านั้นเอง” หงส์ปลอบใจ เพ็ญนภาได้แต่พยักหน้ารับอย่างเหว๋อๆ

   “ถ้าอย่างงั้นเรามาเข้าเรื่องกันต่อ” หลิ่วลู่เปรยขึ้น

   “พี่ภาได้ฟังแล้วอย่างเพิ่งเป็นลมนะคะ” โบตั๋นรีบบอกให้เพ็ญนภาทำใจ เธอก็ได้แต่พยักหน้ารับ

   “นายเกรียงไกรเช็คเอ้าท์ออกไปเมื่อเช้านี้ครับ ทั้งที่จริงแล้วจองบ้านพักไว้ 5 วัน แต่พักได้แค่ 2 คืนเท่านั้น ส่วนนายเมฆกลับออกไปพร้อมกับทีมงานทางรถบัสเมื่อตอน 4 โมงเย็นวันนี้” คีรายงาน

   “ส่วนไอ้ 4 คนที่โรงพักถูกปล่อยตัวไปเมื่อตอนเที่ยงแล้วครับ มันพักอยู่โรงแรม 3 ดาวแระแวกนี้ พอผมตามมันไป มันก็เช็คเอ้าท์หนีไปเรียบร้อยแล้ว” เอรายงาน

   “ อืม...ตอนนี้เรายังหาความเชื่อมโยงระหว่างนายเกรียงไกรกับนายเมฆไม่ได้ ก็เท่ากับไม่มีหลักฐาน”

   “คุณเกรียงไกร กับคุณเมฆทำไมหรอค่ะ?” เพ็ญนภาถามขึ้นทั้ง ๆ ที่ยังจับใจความอะไรไม่ค่อยจะได้”

   “เมื่อคืนก่อน ตั๋นกับหยกโดนดักทำร้านแถว ๆ ร้านอาหารค่ะ คนที่ทำร้ายก็คือ 4  คนที่พี่เอตามไปที่โรงพักกับโรงแรม คนพวกนั้นเป็นคนของนายเกรียงไกร แล้วเมื่อคืนนี้หยกถูกพี่เมฆวางยา พี่คีเห็นเข้าตอนที่นายเกรียงไกรกำลังจะลากหยกไปที่ห้องของตัวเอง ก็โดนใครไม่รู้ตีหัวสลบไปซะก่อน ยังดีที่พี่เสือไปช่วยหยกไว้ทัน”

   “คุณพระ!!” เพ็ญนภาตกใจจนหน้าซีด

   “ครับ ที่เหลือคงต้องไปสืบเรื่องของนายเมฆต่อที่กรุงเทพ ที่นี่มีข้อมูลไม่มาก แหล่งข้อมูลที่มีก็เดินทางกลับไปกันหมดแล้ว” คีสารภาพออกมา

   “ใครว่า ฉันนี่แหละแหล่งข้อมูลชั้นดีที่พวกเธอมองข้าม” เพ็ญนภาว่าพร้อมชี้หน้ารายตัว

   “พี่ภามีข้อมูลอะไรหรอค่ะ?” โบตั๋นถามขึ้นมาอย่างตื่นเต้น

   “ฉันขอถามพวกเธอคำนึง นายเกรียงไกรมันต้องการอะไรจากน้องชายของฉัน” เพ็ญนภาพูดเสียงเย็น แววตาแข็งกร้าวอย่างที่โบตั๋น หรือคนของวรากรไม่เคยเห็นมาก่อน

   “ยัยภา ตัวใจเย็น ๆ ยังไงๆ หยกก็ปลอดภัยแล้ว” หงส์พูดพร้อมเอามือลูบต้นแขนเพื่อนเบา ๆ

   “งั้นตัวก็ตอบภามา นายนั่นมันจะทำอะไรหยก” หงส์มีสีหน้าหนักใจก่อนจะตอบ

   “ข่มขืน...” พอสิ้นคำพูดของหงส์เพ็ญนภาก็ลุกพรวดขึ้น เดินเข้าห้องไปก่อนเดินออกมาพร้อมโทรศัพท์มือถือของตนที่ยังคงแนบหูอยู่

   “ยัยจิ๊ก ฉันจะไปทนกันไอ้แมงดานั่นแล้ว ถ้าเธอพร้อม คนอื่น ๆ พร้อม ฉันจะจัดการมันขั้นเด็ดขาด” เพ็ญนภาเงียบเพื่อฟังบทสนทนาของปลายสายสักครู่ “ดี ถ้าอย่างนั้น เธอรวบรวมข้อมูลไว้ แล้วส่งเมลมาให้ฉันเร็วที่สุด ฉันถึงกรุงเทพเมื่อไร ฉันจะลงมือทันที”

   “พี่ภา” โบตั๋นเรียกเพ็ญนภาเสียงอ่อย เธอไม่เคยเห็นเพ็ญนภาโกรธจนตัวสั่นขนาดนี้

   “นายเกรียงไกร...” เพ็ญนภาพยายามระงับอารมณ์โกรธของเธอ ก่อนจะเล่าต่อ “เป็นหนี่งในลูกค้าของนายเมฆ และนายเมฆมันจะใช้ความที่มันเป็นช่างกล้องมืออาชีพ หลอกเด็กหน้าใหม่ ๆ ที่เพิ่งเข้าวงการไปปู้ยี่ปู้ยำก่อนที่จะเอามาแบล็คเมล์ ให้เด็กรับแขกให้มัน”

   “คุณภาทราบเรื่องนี้ได้ยังไงครับ” คีถามอย่างสงสัย

   “ฉันทำห้องเสื้อ นางแบบหลายคนที่ฉันจ้างมา เป็นเด็กในสังกัดนายเมฆหลายคน ทั้งที่สมัครใจและไม่สมัครใจ อย่างยัยจิ๊กก็เป็นหนึ่งในหลาย ๆ คนที่ไม่สมัครใจ แต่ทำอะไรไม่ได้ คนที่ยอมทน ก็จะอยู่ในวงการได้ คนที่รับไม่ไว้ก็ต้องออกจากวงการไปอย่างยัยจิ๊ก แต่มันไม่จบเท่านั้น มันยังตามไปรีดไถ่เงินยัยจิ๊กอยู่เป็นประจำ”

   “ถ้าอย่างนั้นเราก็จัดการนายเมฆได้ไม่ยาก ถ้ามีพยานยืนยัน” ต้าเอ่ยขึ้น “แล้วเรื่องนายเกรียงไกรล่ะครับ พี่ชาติ จะจัดการไปพร้อมกันเลยไหม?”

   “ไม่ รอไปก่อน คนไม่เป็นโล้เป็นพายอย่างนายเกรียงไกรจัดการง่าย แต่เส้นสายของคุณสุพรรณษาก็ใช่ว่าจะน้อย เรื่องนายเกรียงไกรค่อยคุยกันทีหลัง พวกนายไปพักเถอะ”

   “ครับพี่ชาติ” ทุกคนค่อย ๆ ทยอยออกไปกันจนหมด

   “ที่เจ็กยังไม่จัดการเกรียงไกรเพราะเจ้าสัวเซียงใช่ไหมค่ะ?” หงส์หันมาถามเมื่อทุกคนออกไปกันหมดแล้ว

   “อืม”

   “เจ้าสัวเซียง ผีพนันนั่นน่ะหรอ?” เพ้ญนภาถามขึ้น “เขามาเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ด้วย”

   “ตระกูลเจ้าสัวมาจากฮ่องกงน่ะ” หงส์ตอบ

   “ตัวอย่างบอกนะว่า...”หงส์พยักหน้า “โอเค ถ้าตัวจะให้ภาช่วยอะไรก็บอกนะ ตัวก็รู้ว่าห้องเสื้อน่ะ เป็นแหล่งรวมผู้หญิงขาเม้าท์ชั้นดีเชียวล่ะ”

   “อืม หงส์จะบอกนะถ้าจะให้ตัวช่วยน่ะ แต่ตอนนี้หงส์ยังคิดไม่ออกว่าจะให้ตัวช่วยอะไร”

   “ภาว่าภารู้ ภาจะช่วยสืบเรื่องเส้นสายของคุณสุพรรณษาให้”

   “อืม ก็ดี แต่ผมมีเรื่องจะขอคุณภาสักเรื่อง” หลิ่วลู่พูดขึ้น

   “อะไรค่ะเจ็ก”

   “เรื่องนายเมฆ ผมอยากให้คุณภาชะลอไว้ก่อน ผมไม่ได้จะปล่อยมันไป แต่ผมอยากจะจัดการถอนรากถอนโคนมัน ซึ่งเรื่องพวกนี้ต้องวางแผนให้รัดกุม ให้มันดิ้นไม่หลุด”

   “เจ็กมีแผนอะไรหรอค่ะ?” เพ็ญนภาถาม

   “เอาไว้ถ้าคุณภาได้ข้อมูลมา ผมรบกวนขอดูหน่อยแล้วกันครับ จะได้ดูว่าแผนการของผมใช้ได้ไหม?”

   “เจ็กยังเจ้าแผนการเหมือนเดิมเลยนะคะ” หงส์เย้า เจ็กลู่ได้แต่ยิ้ม

   “ฉันไม่เคยเห็นเจ็กคนนี้ของตัวเลย เจ็กเขาไปอยู่ไหนมาหรอ?” เพ็ญนภากระซิบถาม
   “ถ้าหน้าตาตัวอาจจะไม่เคยเห็น แต่ถ้าจิตใจน่ะ ตัวน่าจะคุ้นเคยดีนะ”

   “ถ้าใจ ภาน่าจะคุ้นเคยดี” เพ็ญนภาทวนคำ พร้อมกับนึกภาพอากัปกิริยาที่ผ่านมาของคนตรงหน้า ถึงแม้จะคุ้น แต่เธอก็นึกไม่ออก

   “ไม่แปลกหรอกที่หนูภาจะนึกไม่ออก”

   หลิวลู่เปรยยิ้ม ๆ แต่ก็เป็นเหมือนกุญแจปลดล็อคความทรงจำของเธอได้อย่างดี เพ็ญนภาลุกจากที่นั่งเดินเข้าไปใกล้ ๆ หลิวลู่ ก่อนก้มลงกราบบนตัก เป็นภาพที่โบตั๋นต้องตกตะลึงเป็นครั้งที่ 2 จากการกระทำของเพ็ญนภาในวันนี้

   “ลุงหลิวของหนูภา มีลุงหลิวคนเดียวเท่านั้นที่เรียกภาแบบนี้” เพ็ญนภาพูดไปก็ร้องไห้ไป

   “ไม่เอา หนูภาของลุงโตเป็นสาวแล้ว ไม่ร้องไห้นะ”

   “ภาคิดว่าชาตินี้จะไม่ได้เจอลุงหลิวแล้ว ภายังไม่ได้ตอบแทนบุญคุณลุงหลิวเลย”

   “ไม่เอา ไม่ร้องนะ แล้วตอนนี้ไม่มีลุงหลิวแล้วนะ มีแต่เจ็กลู่” หลิวลู่พูดพร้อมบีบไหล่เพ็ญนภาเบา ๆ ปลอบใจ

   “ค่ะ ภาเข้าใจ ภาจะช่วยหงส์ จะช่วยเจ็กลู่เอง เจ็กลู่ยอมให้ภาช่วยนะคะ”

   “อืม เจ็กยอมก็ได้ ถ้าหนูภาหยุดร้องไห้”

   “ตั๋นงงไปหมดแล้ว เจ็กลู่กับพี่ภารู้จักกันมาก่อนหรอค่ะ?” เพ็ญนภาเช็คน้ำตาก่อนเล่าสั้นๆ

   “เจ็กลู่เคยช่วยชีวิตพี่ไว้ ตอนพี่ยังเป็นเด็กน่ะ ตอนนั้นพี่เลยติดเจ็กลู่มาก”

   “โบตั๋นยังเด็กมากน่ะตอนนั้น คงจำไม่ได้ว่ายัยภาเคยช่วยเจ็กเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ด้วยเรานะ” หงส์ตอบยิ้ม ๆ เมื่อนึกถึงเรื่องราวในอดีต

.........................................................................

   พยัคฆ์หายไข้กลับมาเป็นปกติแล้ว เหลือเพียงบาดแผลที่แขนที่ยังต้องคอยล้างและเปลี่ยนผ้าพันแผลอีกหลายวัน เรื่องเพ็ญนภา เก่งมาเล่าให้ฟังแล้ว ทำให้พวกเขาไม่จำเป็นต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ อีกต่อไป จนตอนนี้พวกเขาเองเหมือนจะเป็นกรุ๊ปทัวร์ขนาดย่อม ๆ เวลาจะไปเที่ยวไหนกันแต่ละที

   จะมีที่ผิดสังเกตไปบ้างก็ตรงที่ เพ็ญนภาดูเหมือนจะเกาะติดอาชาติ คอยตามเทคแคร์จนเขานึกห่วงว่าอากรของเขาจะมีคู่แข่งที่เป็นผู้หญิงซะแล้ว

   “พี่เสือเป็นอะไรไปค่ะ?” โบตั๋นเข้ามาชวนคุย ขณะที่ทุกคนกำลังเล่นน้ำทะเลกันอยู่ มีเพียงเขา โบตั๋น หงส์ เจ็กลู่ และเพ็ญนภาที่นั่งเล่นอยู่ริมหาด

   “ไม่มีอะไรครับ พี่ว่าจะถามตั๋นสักหน่อย”

   “เรื่องที่ตั๋นยอมรับพี่เสือนะหรอค่ะ” เขาไม่เคยชินกับโบตั๋นสักที ทั้งที่รู้ว่ามันเป็นเพราะเมฆาขาว เธอคงถนัดเป็นฝ่ายเริ่มก่อนจริง ๆ

   “ครับ”

   “เฮ้อ...ตั๋นน่ะ ห่วงหยกเพราะเราโตมาด้วยวัยใกล้เคียงกัน เป็นทั้งพี่น้อง เป็นทั้งเพื่อน ตั๋นเคยวาดฝันไว้ว่าอาซ้อของตั๋นจะเป็นคนยังไง จะทำให้หยกมีความสุขได้ไหม พอพี่เสือเข้าหาหยก ตั๋นรู้ว่าตอนนั้นพี่เสือเข้าใจผิด คิดว่าหยกเป็นผู้หญิง ตั๋นพยายามจะไล่พี่ไปแต่โดนเจ่เจ้ห้ามไว้ซะก่อน ตั๋นไม่เคยเชื่อมั่นในตัวพี่เสือเลย...จนกระทั้งคืนนั้น”

   “ตั๋นกังวล เพราะทั้งพี่กับหยก ต่างก็เป็นผู้ชาย”

   “อืม...ตอนนั้น ความรู้สึกพี่เสือที่มีต่อหยกมันรุ่นแรงมากเลย จนขนาดตั๋นเองก็ยังรับรู้ถึงมันได้เลยนะ”

   “ทำไม ปกติตั๋นควรจะรับความรู้สึกพี่ไม่ได้อย่างนั้นหรอ?”

   “ใช่ ก็พี่เสือคิดถึงหยก หยกก็จะรับรู้ได้คนเดียว ตั๋นกับพี่หงส์ไม่รู้หรอก แต่ตอนนั้นพวกเรารับรู้ได้หมดเลย”

   “แล้วตอนนี้ล่ะ”

   “ตอนนี้ไม่เป็นแบบนั้นแล้ว มันเลยทำให้ตั๋นยิ่งระแวง”

   “พี่ไม่รู้ตัวเลย”

   “ความรู้สึกของพี่เสือที่มีต่อหยกมันเปลี่ยนไปน่ะ”

   “เปลี่ยนไป เปลี่ยนยังไง พี่รู้สึกกับหยกเหมือนเดิมนะ”

   “ไม่ใช่อย่างนั้น ตั๋นไม่ได้ว่าพี่เสือ เออ...จะอธิบายยังไงดีล่ะ”

   “หืม...มันอธิบายยากขนาดนั้นเลยหรอ ไม่สมกับเป็นโบตั๋นเลย ถ้าเป็นหยกก็ว่าไปอย่าง”

   “งั้นตั๋นพูดตรง ๆ แล้วกันนะ ตอนแรกความรู้สึกพี่เสือมันมีแต่ความอยากได้ อยากเป็นเจ้าของ ต้องได้อะไรแบบนั้นจนตั๋นเรียกพี่เสือลับหลังว่าแมวหง่าว เหมือนแมวตัวผู้ที่ติดสัสร้องหาตัวเมียอยู่ตลอดเวลาน่ะ”

   “ฮ่า ๆๆๆ พี่เป็นอย่างนั้นหรอ”

   “ใช่ แต่ตอนนี้ที่ตั๋นว่ามันเปลี่ยนไปก็คือ มันมีแต่ความเสียสละ ความปรารถนาดี อยากปกป้อง ไม่ได้เรียกร้องเอาแต่ได้อย่างแต่ก่อน”

     “...” ใช่ เขาไม่อยากเห็นสายตาหวาดกลัว หรือแม้กระทั่งน้ำตาของหยก เขาไม่อยากให้หยกเสียใจ เขายอมทำทุกอย่างถ้าจะได้เห็นแต่รอยยิ้มของหยก

   “พี่เสือรู้ไหม ว่าความรู้สึกแบบนี้นั่นแหละ ที่ทำให้หยกสามารถเข้าใกล้พี่เสือได้ เพราะมันไม่ได้น่ากลัวไง”

   “แล้วตอนนี้ พี่ได้ได้นึกถึงตั๋น แล้วตั๋นรู้ได้ยังไงว่าพี่กำลังนึกคิดอะไรอยู่”

   “ตั๋นก็แอบสัมผัสจิตพี่เสือไง ตั๋นก็แค่อยากรู้ว่าพี่เสือคิดยังไงกับหยก”

   “หืม...อันตรายเหมือนกันนะเรา”

   “ตั๋นพอจะรู้ว่าพี่เสือกังวลเรื่องความรู้สึกหยก หยกแสดงออกไม่เก่งกับคนอื่น เพราะชินกับการสื่อสารผ่านเมฆาขาวกับตั๋นและเจ่เจ้ ถ้าสักวันหนึ่งหยกเปิดใจกับพี่เสือแล้ว หยกเขาก็จะแสดงออกมาให้พี่เสือเห็นเองแหละ”

   “ตั๋นไม่รังเกียจพี่หรอ ที่พี่ชอบพี่ชายตั๋น”

   “เรื่องความรัก ไม่มีคำว่าน่ารังเกีบจหรอกค่ะ และตั๋นก็เชื่อแล้ว ว่าพี่เสือจริงใจกับหยกแค่ไหน ตั๋นพอจะรู้นะ ว่าพี่เสือไม่ได้แค่ชอบหยก”

   “...” เขายังไม่กล้ายอมรับความรู้สึกของตัวเอง เพราะเขากลัวว่า หากหยกคิดกับเขาแค่พี่ชายคนนึง ถึงตอนนั้น เขาจะสามารถดึงหัวใจตัวเองกลับมาได้ไหม ในเมื่อเขารักหยกไปแล้วหมดหัวใจ

   “หยกรู้จักความรัก รักพี่ รักน้อง รักเพื่อนๆ แต่หยกไม่เคยมีแฟนที่เป็นผู้หญิง หรือแม้แต่ผู้ชาย พี่เสือต้องให้เวลาหยกเขาหน่อย เห็นหยกเป็นแบบนี้ แต่จริง ๆ หยกเขาขี้อายมากเลยนะ พี่เสือรู้ไหม?”

   “ขี้อายหรอ?”

   “ใช่ค่ะ สังเกตง่ายจะตาย ถ้าหน้าแดงถึงจมูกถึงหูนั่นแหละ”

   พยัคฆ์ยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงแก้มนุ่มๆ ที่เขาได้หอมไปเมื่อวาน    

To Be Continue
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-11-2017 22:49:16 โดย Amo »

ออฟไลน์ Amo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-1
Re: หยก 3-12-17 {{:::30:::}}
«ตอบ #109 เมื่อ03-12-2017 16:46:42 »

30

   โบตั๋นเดินมาสมทบกับหงส์และเพ็ญนภาที่ใต้ร่มไม้ หลังจากที่คุยกับพยัคฆ์เรียบร้อย เธอรู้ว่าหยกเริ่มคิดยังไงกับพี่เสือ เพียงแต่มันเป็นเรื่องของคนสองคนที่ต้องเรียนรู้กันและกัน เธอเป็นเพียงคนนอก ไม่ควรเขาไปยุ่งเกี่ยวด้วย เรื่องที่พอจะแนะนำได้ก็แนะนำไปแล้ว

   “ไปคุยอะไรกับคุณเสือเขาน่ะ คงไม่ได้คิดจะแกล้งอะไรพี่เขานะ” หงส์ถามเธอเมือเธอนั่งลงข้าง ๆ

   “ไม่ได้แกล้งสักหน่อย แค่ไปแนะแนวเรื่องของหยกให้กับพี่เสือเท่านั้นเอง”

   “พี่รู้จักคุณพยัคฆ์มานาน พี่ไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อน ตอนแรกพี่นึกว่าเขาจะจีบน้องโบตั๋นซะอีก”

   “ในตอนนั้น พี่เสือเขาเข้าใจผิดคิดว่าตั๋นเป็นหยกน่ะคะ”

   “จริงสินะ พวกตัวสามพี่น้องหน้าตาเหมือนกันหมด ภาว่าถ้าตัวแข็งแรงกว่านี้ มีน้ำมีนวลขึ้นกว่านี้ ตัวคงเป็นแฝดน้องโบตั๋นได้อีกคนเลยล่ะ”

   “ถ้าอย่างนั้น หงส์ก็ต้องรีบแข็งแรงขึ้นไวไวใช่ไหม จะได้เป็นแฝด 3 ไปเลย” หงส์พูดเรียกเสียงหัวเราะให้สาว ๆ ที่เหลือได้เป็นอย่างดี

   “ตัวดูคุณพยัคฆ์สิ” เพ็ญนภาชี้ชวนให้เจ่เจ้และเธอดูพี่เสือที่รีบเอาผ้าขนหนูผืนใหญ่ไปยืนรับหยกที่ขึ้นจากทะเลมา โดยมี 2 หนุ่มอย่างต้ากับเก่งที่โดนกำชับให้ค่อยดูแลหยก ตามขึ้นจากน้ำมาไม่ห่าง

   “นี่ถ้าพี่เสือไม่ต้องระวังเรื่องแผลที่แขน พี่เสือคงลงไปประกบหยกเองแล้วมั้ง”

   “แล้วน้องหยกล่ะ มีท่าทียังไงกับคุณพยัคฆ์บ้าง”

   “...” หงส์ยิ้มให้เพ็ญนภาเล็กน้อย

   “ภาว่าเรื่องที่ตัวต้องไปจัดการ คงยิ่งยากขึ้นแล้วล่ะ”

   “ไม่หรอกภา เพื่อความสุขของน้อง ๆ หงส์จะพยายามจนถึงที่สุด”

   “เจ่เจ้กังวลเรื่องคนที่ฮ่องกงหรอ?”

   “ก็นิดหน่อย”

   “เราไม่เกี่ยวกับเขามาตั้งนานแล้ว หยกเองถึงจะเป็นทายาทคนเดียว แต่ตอนนี้พวกนั้นเข้าก็อยู่กันได้โดยไม่มีหยกนี่”

   “ใช่ ภาเห็นด้วยกับน้องโบตั๋นนะ ถึงภาจะไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับทางโน้นมากนัก แต่ภาพร้อมจะช่วยเหลือตัวและน้อง ๆ นะ”

   “ตั๋นก็จะช่วยด้วยอีกคน เจ่เจ้ไม่ต้องกังวลนะ ตั๋นอยากเห็นหยกมีความสุข” โบตั๋นพูดพร้อมมองไปยังพยัคฆ์ที่ยืนเช็ดผมให้หยกอยู่ บนร่างของหยกก็มีเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งของเขาคลุมทับไว้เพื่อกันแดดกันลม

   “ดูน้องหยกมีความสุขขึ้นนะ” เพ็ญนภาเปรยขึ้นเมื่อมองตามไปในทิศทางเดียวกัน

   “เมื่อไรหยกถึงจะรู้ ความรู้สึกตัวเองนะ?”

   “นี่น้องตั๋นหมายความว่า น้องหยกก็ชอบคุณพยัคฆ์หรอค่ะ?”

   “ตั๋นคิดว่าใช่นะคะพี่ภา แต่ก็แปลกที่สองคนนี้เขารักกันได้รวดเร็ว ขนาดไม่ค่อยได้เจอกันะคะ”

   “มันไม่เกี่ยวกับเรื่องระยะเวลาหรอกค่ะ”

   “คนนึงก็ไม่รู้ความรู้สึกตัวเอง คนนึงก็กังวลว่าเขาจะรังเกียจ”

   “คุณพยัคฆ์นี่น่ะ กังวลเรื่องน้องหยก”

   “ค่ะพี่ภา พี่เสือเขาระวังตัวมาก เขากลัวว่าจะทำให้หยกกลัวเขาถ้าเขารุกมากเกินไป”

   “ต๊ายๆๆๆ แล้วเมื่อไรจะลงเอ่ยกันสักทีล่ะคะ”

   “ตั๋นถึงต้องไปแนะแนวพี่เสือไงค่ะ”

   “พรุ่งนี้พี่จัดโปรแกรมเที่ยวใหม่ดีกว่า ให้สองคนนี้เขาอยู่ด้วยกันมาก ๆ หน่อย” เพ็ญนภาคว้าแท็บเลตขึ้นมาดูสถานที่ท่องเที่ยว สีหน้าท่าทางจริงจังจนหงส์และโบตั๋นอดหัวเราะออกมาไม่ได้   

.........................................................................

    ผมไม่ชินกับการที่พี่ต้ากับพี่เก่งคอยระวังโน่นนี่ให้ผมตลอดเวลาที่อยู่ในน้ำ ผมไม่ใช่คนที่ดูแลตัวเองไม่ได้สักหน่อย ยังดีที่พี่ ๆ เขาเข้าใจเมื่อผมบอกว่าผมดูแลตัวเองได้ แต่ก็เฝ้าระวังให้ในระยะสายตามองเห็น จนผมขึ้นจากน้ำพี่เขาก็ตามมาส่งที่ชายหาดด้วย พี่เสือมายืนรอรับผมอยู่อยู่ก่อนแล้ว พร้อมกับผ้าขนหนูผืนใหญ่ในมือ พี่เสือเอามันมาห่มคลุมตัวผมไว้

   “หนาวไหมครับ ปากซีดเชียว”

   “ไม่ครับ แค่เย็นๆ” พี่เสือถอดเสือเชิ้ตที่สวมอยู่ออกเหลือเพียงเสื้อกล้ามตัวเดียว จากนั้นก็เอามันมาคลุมไหล่ให้ผมแทนผ้าขนหนู ก่อนที่จะช่วยเช็ดผมให้ “หยกทำเองได้ครับ” ผมพยายามยื้อผ้าขนหนูจากมือพี่เสือ

   “ก็พี่อยากเช็ดให้นี่ครับ น้องหยกจะลงไปอีกไหม?” พี่เสือเช็ดผมให้ผมอย่างเบามือมาก

   “ไม่แล้วครับ หยกเลิกแล้ว”

   “ถ้าอย่างนั้นพี่พาเรากลับไปล้างตัวก่อนดีกว่า แล้วค่อยออกมานั่งทานอะไรกับคุณภาและหงส์นะ อยู่แบบนี้เหนียวตัวแย่” ผมมองระยะทางจากหาดไปถึงบ้านพัก ระยะทางไม่ได้ไกลและใช้เวลาเดินไม่นานจึงพยักหน้าตกลง พี่เสือเอาผ้าขนหนูคลุมตัวผมอีกชั้นก่อนจูงมือเดินนำผมไป

   “พี่เสือ”

   “ครับ” พี่เสือหันมามองผมแต่ก็ไม่ได้หยุดเดิน

   “ปล่อยมือหยกได้ไหมครับ” ผมสบตากับพี่เสือแป๊บนึงก็ต้องเสสายตาไปมองทางอื่น พี่เสือปล่อยมืออย่างที่ผมขอแล้วเดินนำไปที่บ้านพัก

   “พี่รอเราอยู่ตรงนี้นะครับ”

   “เสื้อพี่เสือเปียกแล้ว” ผมดึงเสื้อของพี่เสือออกจากไหล่

   “ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวพี่แวะไปเอาตัวใหม่ที่ห้องได้”

   “ครับ งั้นหยกไปอาบน้ำก่อนนะครับ”

   ผมอาบน้ำล้างตัวเรียบร้อยก็เป่าผมให้แห้งก่อนเดินออกไปนอกห้อง เห็นพี่เสือนั่งรอผมอยู่ที่โซฟายาว พี่เสือหันมาเมื่อได้ยินเสียงผมเปิดประตูห้อง อยู่ๆ พี่เขาก็ขมวดคิ้ว ผมสัมผัสได้ถึงความไม่สบายใจที่ส่งมาถึงผม

   “พี่เสือไม่สบายใจเรื่องอะไรครับ”

   “...” พี่เสือไม่ตอบแต่กลับลุกเดินมาหาผม “ถ้าพี่ขอให้หยกเปลี่ยนเสื้อเป็นตัวอื่นได้ไหม?” ผมก้มมองดูเสื้อยืดสีฟ้าซีด ๆ ที่ใส่อยู่

   “มันไม่ดีตรงไหนหรอครับ?”

   “สีมันอ่อนไปหน่อยน่ะ”

   “ก็หยกชอบสีนี้” พี่เสือที่ยืนมองเสื้อผมตั้งแต่ลุกมาจากโซฟา เอื้อมมือมาจะแตะที่หน้าอกผม บริเวณเหนือยอดอกขึ้นไป สัญชาตญาณของผมมันทำให้ผมถอยหนีมือของพี่เสือ

   “พี่ขอโทษ” พี่เสือชะงักค้างเล็กน้อยก่อนที่จะค่อย ๆ ยื่นมือมาแตะอีกครั้ง พี่เสือไม่ได้ลวนลามผม เขาแตะตรงรอยจ้ำสีคล้ำที่เห็นรางๆ ผ่านเนื้อผ้า “พี่ขอโทษ” พี่เสือพูดเหมือนคนละเมอ

   “พี่เสือ...หยกไม่เป็นไร หยกปลอดภัยแล้วนะ เพราะพี่เสือมาช่วยหยกไว้” ผมยกมือไปกุมมือพี่เสือที่แตะค้างอยู่ที่หน้าอกของผมไว้ พี่เสือเงยหน้ามาสบตาผม

   “แต่ก็ยังช้าอยู่ดี พี่ขอโทษ”

   “พี่เสืออย่าพูดคำนี้อีกนะ พี่เสือไม่ผิดสักหน่อย นายนั่นมันเลวเอง พี่เสือไม่ได้ไปสั่งให้มันเลวสักหน่อย” ผมนึกคำพูดของโบตั๋นขึ้นมาได้ พี่เสือดึงผมเข้าไปกอดไว้

   “พี่ขออยู่แบบนี้สักพักนะ”

   พี่เสือซบหน้าผากซบลงบนไหล่ของผม ผมโอบเอวของพี่เสือไว้หลวม ๆ เราอยู่กันอย่างนี้สักนาทีได้ พี่เสือก็ผละออกแต่มือที่สองข้างของพี่เสือยังคงโอบเอวผมอยู่ แล้วย้ายหน้าผากเขามาแตะหน้าผากผม หน้าผากและปลายจมูกของเราชนกัน ผมหลับตาลง ได้กลิ่นลมหายใจของพี่เสือ มันทำให้ผมใจสั่น แต่ก็ไม่ได้กลัวอะไร

   “พี่อยากจะถามหยก ว่ามันทำอะไรหยกบ้าง แต่พี่ก็กลัวคำตอบที่จะได้ยิน แค่เห็นรอยนั่น...ใจพี่ก็แทบจะขาดแล้ว” พี่เสือพูดทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ขยับใบหน้าไปไหน

   “ถ้าอย่างนั้นพี่เสือก็ไม่ต้องถามหรอกครับ แค่รู้ว่าหยกปลอดภัยก็พอ”

   ผมตอบทั้ง ๆ ยังหลับตาอยู่ เราอยู่ในสภาพนี้อีกสักพัก ผมรู้สึกตัวอีกทีก็ตอนริมฝีปากอุ่น ๆ ของพี่เสือประกบลงบนปลายจมูกของผม ก่อนจะไล้ลงมาที่ริมฝีปาก ผมเงยหน้ารับจูบของพี่เสืออย่างไม่รู้ตัว ผม...โหยหาสัมผัสนี้...ของคนๆ นี้... มันไม่ได้น่ารังเกียจเหมือนไอ้หมอนั่น พี่เสือกระชับวงแขนเข้าหาตัว พี่เสือจูบจนผมแทบหายใจไม่ทัน พี่เสือเว้นจังหวะให้ผมพักหายใจบ้าง ริมฝีปากพี่เสือขบเม้นริมฝีปากผมเบา ก่อนจะดึงผมเข้าไปกอดแนบอก ผมได้ยินเสียงหัวใจของพี่เสือ มันเต้นเสียงดังพอๆ กับหัวใจของผม

   “พี่ขอโทษ ที่ฉวยโอกาสกับหยก” พี่เสือพูดเสียงเบาขณะกอดผมอยู่ ผมได้แต่ส่ายหน้าน้อย ๆ “พี่แค่คิดว่ามันคง...” พี่เสือดันร่างผมออกห่างเล็กน้อยก่อนยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาแนบแก้มของผม หัวแม่โป้งก็ไล้ไปตามริมฝีปากชื้นเพราะพี่เสือ “พี่ทนไม่ได้” ผมสบตาพี่เสือก่อนจะเป็นคนเข้าไปสวมกอดพี่เสือไว้ซะเอง

   เราสองคนไม่ได้พูดอะไรกันหลังจากนั้น ผมเข้าไปเปลี่ยนเป็นเสื้อสีเข้มขึ้นเพื่อความสบายใจของพี่เสือ ผมยอมให้พี่เสือจูงมือ เดินนำออกไปยังชายหาดเพื่อสมทบกับคนอื่น ๆ เมื่อมาถึงกลุ่มของพี่ที่นั่งกันอยู่ใต้ร่มไม้ริมหาด ทุกคนที่กำลังนั่งทานของว่างกัน ต่างหันมามองพวกเรา ผมอายสายตาของพวกเขาที่มองมาที่มือของผม มือของพวกเรา... แต่มันกลับทำให้พี่เสือกระชับมือของผมแน่นขึ้น พี่เสือมาส่งผมให้นั่งข้าง ๆ โบตั๋นกับเจ็กลู่ ส่วนพี่เสือเองก็แยกไปนั่งรวมกลุ่มกับคนของเขา

   “พรุ่งนี้เราไปเที่ยวที่เกาะเมี่ยงกันนะคะน้องหยก แล้วค้างที่นั่นสักคืน” พี่ภาบอกเมื่อผมนั่งเรียบร้อยดีแล้ว

   “ตั๋นไม่ไปเกาะด้วยนะคะ ไม่อยากเมาเรือแล้ว”

   “ถ้าอย่างนั้น พี่จัดให้คนอยู่เป็นเพื่อนตั๋นที่นี่ก็แล้วกันนะ” พี่เสือว่า โบตั๋นก็พยักหน้ารับยิ้ม ๆ

   “ทำไมพี่ภาถึงเปลี่ยนเป็นไปเที่ยวเกาะพรุ่งนี้ล่ะครับ” ผมถามขึ้น เพราะผมจำได้ว่าพี่ภาว่าจะไปล่องแก่ง

   “พี่คิดไปคิดมา มันไม่น่าจะเหมาะกับหงส์ที่เพิ่งผ่าตัดเสร็จ ก็เลยเปลี่ยนน่ะ” ก็จริงของพี่ภาครับ เผลอ ๆ พี่เสือก็อาจจะไม่ได้เล่นเพราะแผลยังไม่แห้งดี

   “ถ้าอย่างนั้นก็เอาตามนี้นะ” โบตั๋นสรุปหน้าระรื่น เหมือนเด็กได้หนีผู้ปกครองเที่ยวยังไงอย่างนั้น

.........................................................................

   เมื่อวานนี้พยัคฆ์เผลอตัวจูบน้องหยกไป เขาทนไม่ได้จริง ๆ เมื่อนึกขึ้นมาว่าไอ้เกรียงไกรมันสัมผัสส่วนไหนบนร่างกายของน้องหยกบ้าง เขาอยากจะลบรอยพวกนั้นออกไปจากใจน้องหยก แต่เขาก็รู้ว่ามันยังไม่ถึงเวลา เขากับน้องหยกเริ่มต้นด้วยกันไม่ค่อยดีเท่าไร กว่าน้องหยกจะเข้าใกล้เขาได้ก็ใช้เวลาเป็นเดือน ดังนั้นถึงแม้เขาอยากจะลบรอยต่าง ๆ บนร่างน้องหยกแค่ไหน เขาก็ต้องอดทนและค่อยเป็นค่อยไป เขาจะรอ...จนกว่าน้องหยกจะเปิดใจให้กับเขาได้มากกว่านี้

   “เอาของไปแค่นี้เองหรอ” อาชาติเดินตามมาสมทบเขาที่ยืนอยู่ที่หน้าบ้านของน้องหยก

   “ครับ ก็ค้างแค่คืนเดียวเอง เลยเอาของไปไม่มาก”

   “อืม งั้นอาไปหาหงส์กับคุณภาก่อนนะ ป่านนี้คงไปรอที่รถแล้ว”

   “ครับ เดี๋ยวผมรอไปพร้อมน้องหยก” อาชาติพยักหน้ารับก่อนเดินไปยังบ้านหลังถัดไป

   เขายืนรออยู่สักพักก็เห็นน้องหยกออกมาจากบ้านโดยมีโบตั๋นเดินออกมาส่ง น้องหยกใส่เสื้อสีฟ้าซีดตัวเมื่อวาน แต่วันนี้มีเสื้อเชิ้ตสีเข้มสวมทับไว้ ทำให้ไม่เห็นรอยคิสมาร์คนั่น   

   “พี่เสือรอนานไหมค่ะ?” โบตั๋นทัก เขาส่ายหน้าเล็กน้อย “หยกมัวแต่เลือกเสื้อผ้าอยู่นั่นแหละ”

   “ตั๋น!!”

   “อ่าว!!... ก็จริงนี่นา ตั๋นเห็นหยกหยิบแต่เสื้อสีเดิม ๆ เอาเข้าๆ ออกๆ จากกระเป๋าอยู่นั่นแหละ”

   “ก็เฮียเพิ่งรู้ตัวนี่ ว่าหยิบมาแต่สีนี้”

   “ทำไมอยู่ๆ ถึงอยากใส่สีอื่นล่ะ หยกชอบสีนี้ไม่ใช่หรอ?” เขาเห็นน้องหยกหน้าแดง คงจะอายรอยคิสมาร์คนั่นสินะ

   “ไว้ค่อยไปซื้อเพิ่มในเมืองพรุ่งนี้ก็ไหมครับ เดี๋ยวพี่พาไปซื้อ” เขาพูดพร้อมทั้งเอื้อมมือปคว้ากระเป๋าใบเล็กของน้องหยกมาถือไว้ “ไปกันเถอะครับ คนอื่นน่าจะไปรอเราที่รถแล้ว”

   “ครับ”

   “เที่ยวให้สนุกนะหยก พี่เสือ” โบตั๋นตะโกนบอกไล่หลัง เขาหันไปมองเล็กน้อยจึงเห็นว่าน้องหยกเดินก้มซ่อนใบหน้าที่แดงจนถึงใบหูอยู่

   “หยก”

   “ครับ”

   “อยากไปซื้อเสื้อก่อนไหม?”

   “มะ...ไม่เป็นไรครับ หยกแค่...พี่เสือไม่สบายใจ” น้องหยกพูดเสียงเบา เขาจึงชะลอฝีเท้าลง จนมาเดินอยู่ข้าง ๆ น้องหยก เขากุมมือน้องหยกไว้

   “พี่ดีใจจัง ที่น้องหยกเป็นห่วง” น้องหยกยิ่งหน้าแดงเข้าไปใหญ่ เขาจะขอคิดเข้าข้างตัวเองได้ไหมว่าน้องหยกเขินเขาแทนที่จะเขินรอยคิสมาร์คนั่น

.........................................................................

   นายเอที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยรถยนต์ มองผ่านกระจกมองหลัง พร้อมกับฟังแผนการของเพ็ญนภาไปด้วย เขาสังเกตสีหน้าของพี่ชาติและคุณหงส์ ทั้งสองกลับไม่มีที่ท่าประหลาดใจอะไรเลย ผิดกับเขาและเก่ง ที่หน้าเหว๋อไปตาม ๆ กัน

   “คุณภาเอาจริงหรอครับ?” เก่งถามออกมาด้วยท่าทีที่เหมือนจะกลืนน้ำลายลงคอได้ยากเย็นนัก

   “จริงสิ พวกเธอจะกลัวอะไร ในเมื่อผู้ปกครองเขาอนุญาตแล้ว” เพ็ญนภาตอบสีหน้ามั่นใจ

   “ถ้าคุณพยัคฆ์รู้เข้า จะไม่จัดการพวกผมแย่หรอครับ” เอหันมาถามพร้อมมองไปยังพี่ชาติเพื่อขอความช่วยเหลือ

   “นายก็รู้ว่าคุณเสือเขาคิดยังไงกับหยก” พี่ชาติย้อนถามเขา

   “เอาก็เอาครับ” เก่งยอมจำนนเป็นคนแรก ทำให้เขาต้องพยักหน้าตาม

.........................................................................

   เมื่อพวกเราเดินทางมาถึงท่าเรือ พี่เอก็ขอขับรถกลับ เปลี่ยนใจไม่ไปเกาะเมี่ยง ปล่อยให้พี่เก่งตามพวกเราไป เจ็กลู่ก็ตามใจพี่เอเพราะเห็นว่าทางนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง การเดินทางที่มีผู้หญิง 2 ชาย 4 น่าห่วงน้อยกว่าทางด้านโบตั๋นมาก เจ็กลู่ว่า พี่ๆ เขาคงจะเอาโบตั๋นไม่อยู่ ผมเองก็เห็นด้วยอย่างที่เจ็กว่าครับ บทโบตั๋นจะดื้อขึ้นมาก็มีเจ่เจ้คนเดียวเท่านั้นแหละครับที่เอาอยู่

   พวกเราจ้างสปีดโบ๊ทมาส่งที่เกาะเมี่ยง และให้เขามารับกลับในวันพรุ่งนี้ พี่ภาเช่นเคยครับที่เป็นคนจัดการทุกอย่าง รวมถึงเรื่องที่พักด้วย ดูแกจะคล่องไปหมด เจ่เจ้กับพี่ภาแกขอเข้าไปเช็คอินและพักในบ้านพักก่อน ส่วนผมกับคนอื่น ๆ เดินสำรวจรอบ ๆ ว่ามีกิจกรรมอะไรให้ทำบ้างนอกจากเล่นน้ำทะเล

   ที่นี่กิจกรรมส่วนใหญ่จะเป็นกิจกรรมเชิงอนุรักษ์ เช่นการเดินชมธรรมชาติบนเกาะ ขึ้นไปยังจุดชมวิว การดำน้ำดูปะการัง ซึ่งดูๆ แล้วพวกเราคงได้แต่อยู่บนเกาะ ไม่ได้ไปดำน้ำแน่ ๆ เพราะเจ่เจ้กับพี่เสือไม่น่าจะลงน้ำได้

   “หยกอยากไปดูปะการังไหม?” พี่เสือถามผมเมือเราสำรวจรอบๆ เรียบร้อยแล้ว กำลังจะเดินกลับไปยังบ้านพัก

   “ตอนแรกก็อยากอยู่ครับ แต่ไปได้ไม่กี่คนเอง หยกเลยคิดว่าไม่ไปจะดีกว่า”

   “ไม่เห็นเป็นไรเลย เวลาลงน้ำก็ต่างคนต่างดำดูปะการัง ไม่ได้ดูด้วยกันสักหน่อย หรือว่าเป็นห่วงแผลพี่”

   “นั่นก็ด้วยครับ” ผมไม่อยากยอมรับเท่าไร แต่ผมก็คิดถึงแผลพี่เสือจริง ๆ

   “งั้นเอาแค่ดำน้ำสน็อกเกิ้ลก็ได้นี่ พี่จะได้ลงด้วย”

   “แต่แผลพี่เสือ”

   “ไปเถอะ นานๆ ลื้อจะได้เที่ยวทั้งที จะมามัวรีรออะไร” เจ็กลู่คะยั้ยคะยอ

   “พวกพี่ชาติไปดูเรื่องดำน้ำกันก่อนก็ได้ครับ เดี๋ยวผมเอาสัมภาระไปเก็บให้” พี่เก่งอาสา ก่อนเอากระเป๋าของพวกเราแล้วเดินไปยังบ้านพัก

   ผมเดินผ่านจุดขายของที่ระลึกเห็นมีร้านขายเสื้ออยู่บ้าง เลยเดินเข้าไปดู เสื้อของผมมีแต่สีอ่อน ๆ ยิ่งรอยนั่นตอนนี้เข้มขึ้นจนจะเป็นสีม่วงๆ แล้วมันยิ่งเห็นชัดขึ้น พี่เสือเดินตามผมมา ส่วนเจ็กลู่เดินต่อไปเพื่อติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อถามเรื่องดำน้ำ

   “กังวลเรื่องจะลงดำน้ำสน็อกเกิ้ลรึป่าว” ผมพยักหน้าเล็กน้อยครับ ผมหยิบเสื้อสีน้ำทะเลออกมาตัวหนึ่ง คิดว่าน่าจะเข็มพอแล้ว ก่อนเดินเอาไปจ่ายเงิน

   “ราคาเท่าไรครับ”

   “190 บาทค่ะ”

   “ตัวนี้ด้วยครับ” พี่เสือหยิบเสื้อมาอีกตัวว่างทับเสื้อของผม สีและลายที่พี่เสือหยิบมา มันเหมือนกันกับของผมไม่มีผิด ผมมองหน้าด้านข้างของพี่เสือ เห็นเขายิ้มอยู่

   “จ่ายรวมหรือแยกกันค่ะ”

   “รวมกันไปเลยครับ” พี่เสือบอกพร้อมกับยื่นแบงค์ 500 ร้อยให้พนักงาน

   “จ้องหน้าพี่แบบนี้พี่ก็เขินแย่สิครับ” คำพูดพี่เสือทำให้ผมรีบหันไปมองพนักงานของร้าน ที่ก้มหน้าก้มตาพับเสื้อใส่ถุงให้พวกเรา แต่ก็ไม่วายยิ้มออกมา ผมอายจนต้องเดินหนีออกมาจากร้านก่อน

   “อายพี่หรอครับ หน้าแดงเชียว” พี่เสือที่เดินตามมาทันถามผม

   “ป่าวสักหน่อย”

   “แล้วทำไมหน้าแดงแบบนี้ ไม่สบายรึป่าว?”

   “ป่าว หยกก็แค่...อายพนักงานในร้าน”

   “อายเรื่องอะไร พี่ไม่เห็นว่าหยกจะทำเรื่องน่าอายอะไรสักหน่อย”

   “หยกไม่ได้ทำ แต่เป็นพี่เสือต่างหาก”

   “พี่?”

   “ก็...เรื่องเสื้อ...แล้วยัง...”

   “แล้วอะไรครับ”

   “ที่พี่เสือพูด...”

   “พี่พูดจริงนี่นา ก็น้องหยกเล่นจ้องพี่แบบนั้น”

   “พนักงานเขาจะไม่คิดว่าเราเป็นแฟนกันหรอครับ”

   “แล้วถ้าพี่อยากให้เป็นแบบนั้นล่ะ?” ผมชะงักกับคำพูดของพี่เสือ จนหยุดเดิน พี่เสือก็หยุดมองหน้าผม

   ตั้งแต่ผมจำความได้ ผู้ชายที่รักผมก็มีแต่เจ็กลู่ ที่มีศักดิ์เป็นอา ผมรู้ว่าพี่เสือมีความปรารถนาดีกับผม ห่วงใย คอยเอาใจใส่ผมตลอดเวลา บางการกระทำก็เหมือนกับเจ่เจ้หรือโบตั๋นที่ค่อยดูแลผม เหมือนที่เราดูแลซึ่งกันและกันพี่น้อง แต่บางครั้งที่มากกว่านั้น...

   ผมไม่ได้รังเกียจ แต่มันใช่ความรักแบบคู่รักหรอ? ผมเข้าใจความรู้สึกของพี่เสือดี แต่ผมไม่รู้ว่าผมรู้สึกแบบเดียวกันกับพี่เสือด้วยรึป่าว เขากับผม เราต่างก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน

   “ไม่ต้องคิดมากหรอกครับ พี่จะไม่คาดคั้นอะไรเรา พี่อยากจะแสดงออกถึงความรู้สึกที่พี่มีต่อหยกเท่านั้น”

   “หยก...”

   “ไม่เป็นไรครับ พี่รอได้” พี่เสือคว้ามือผมไปกุมไว้ เดินจูงผมเหมือนที่เคยทำมาแล้วหลายครั้ง จนผมเริ่มจะชินกับฝ่ามือหนาคู่นี้ มันให้ความรู้สึก...อบอุ่น   

To Be Continue

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: หยก 3-12-17 {{:::30:::}}
« ตอบ #109 เมื่อ: 03-12-2017 16:46:42 »





ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: หยก 3-12-17 {{:::30:::}}
«ตอบ #110 เมื่อ03-12-2017 17:41:44 »

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ fahsai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 815
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
Re: หยก 3-12-17 {{:::30:::}}
«ตอบ #111 เมื่อ03-12-2017 20:39:33 »

พี่เสื่อแฮปปี้เลยยยยย

ออฟไลน์ Amo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-1
Re: หยก 5-12-17 {{:::31:::}}
«ตอบ #112 เมื่อ05-12-2017 14:24:14 »

31

   พยัคฆ์รู้สึกว่าน้องหยกเริ่มคุ้นเคยกับการโดนเขาจูงแบบนี้แล้ว สังเกตจากที่มือของน้องหยกเริ่มเกาะเกี่ยวกับฝ่ามือของเขา ถึงแม้จะเป็นเพียงเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เขาก็ยังดีใจ

   เขาไม่คิดว่าตัวเองจะเปลี่ยนไปเพื่อน้องหยกได้ขนาดนี้ จากที่เคยใจร้อน อยากใกล้ชิด กลับกลายเป็นคนใจเย็น ยินดีที่จะรอคอย แม้ว่าอนาคตเขาอาจจะเป็นได้เพียงพี่ชายของน้องหยกก็ตาม เขารู้ว่าการที่จะเปลี่ยนใจผู้ชายคนนึงให้มารักมาชอบผู้ชายด้วยกันนั้นมันเป็นเรื่องยาก ตอนเขารู้ว่าน้องเป็นผู้ชายเขายังเขวไปพักหนึ่งทีเดียว

   “อั๊วจองรอบดำน้ำไว้ให้แล้วนะ ทันรอบสุดท้ายพอดี” อาชาติเดินเข้ามาเมื่อเห็นเราสองคน

   “ครับ แล้วเจ็กลู่จะไปไหนครับ ไม่ไปกับพวกเราหรอ?”

   “อั๊วจะกลับไปเอาของนิดหน่อย เพราะอั๊วก็ไม่ได้ดำสน็อกเกิ้ลเหมือนอย่างพวกลื้อหรอก”

   “อาชาติคงคิดถึงการดำน้ำลึกสินะครับ”

   “อืม” อาชาติตอบก่อนเดินไปยังบ้านพัก

   “พี่เสือรู้ได้ยังไงว่าเจ็กลู่ดำน้ำเป็น”

   “อากรบอกว่าอาชาติเคยเป็นหัวหน้าหน่วยซีล”

   “หยกไม่เห็นเคยรู้เลย” น้องหยกทำสีหน้าแปลกใจได้น่ารักมาก เขาจะอดทนกับความน่ารักแบบนี้ไปได้นานแค่ไหนกันนะ

   พยัคฆ์ยืนรออาชาติอยู่สักพักหนึ่ง อาชาติก็มาพร้อมนายเก่งที่หิ้วกระเป๋าใบเล็กเดินตามมา อาชาติแยกไปเปลี่ยนชุดประดำน้ำ ส่วนเก่งเอากระเป๋าของใช้จำเป็นมาให้พวกเขา แล้วก็กลับไปยังบ้านพัก

   พวกเขาขึ้นเรือกันมาได้สักพัก เพื่อเดินทางไปยังหัวเกาะ ซึ่งเป็นแหล่งดำน้ำลึก แต่ก็สามารถดำน้ำสน็อกเกิ้ลได้ นอกจากบริเวณนี้จะมีปะการังให้ดูแล้ว ยังมีปลาหลายสายพันธุ์ได้ชมอีกด้วย พยัคฆ์เห็นอาชาติไปคุยอะไรสักอย่างกับเจ้าหน้าที่บนเรือ ก่อนจะถึงจุดที่พวกเขาจะลงน้ำ 

   “เจ็กไปคุยอะไรกับเขาหรอครับ” หยกถามเมื่ออาชาติเดินมาสมทบกับพวกเขา

   “ก็แค่ไปถามว่าตรงหัวเกาะ ห่างจากจุดที่เราออกเรือกันแค่ไหน”

   “อ๋อ...”

   “คุณเสือ ผมฝากดูแลหยกหน่อยแล้วกันนะ ช่วงที่ผมลงน้ำ”

   “ครับ”

   “หยก ลื้อก็ดูแลคุณเสือดี ๆ ล่ะ”

   “ดำสน็อกเกิ้ลไม่เห็นจะมีอะไรเลย ไม่เหมือนดำน้ำลึกอย่างเจ็กสักหน่อย ไม่มีบัดดี้แบบนี้จะดีหรอครับ”

   “เจ็กดำคนเดียวได้ ระยะทางแค่นี้ก็สบาย ๆ”

.........................................................................

    ผมไม่เคยรู้เลยจริง ๆ ครับเรื่องที่เจ็กลู่เคยเป็นหัวหน้าหน่วยซีลมาก่อน เจ็กลู่ทำให้ผมแปลกใจหลายอย่าง เมื่อตอนเด็ก ๆ ผมไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะเจ็กมักจะชอบเปลี่ยนงานบ่อย ๆ จนผมคิดว่าความสามารถที่เจ็กมีนั้นอาจจะเรียนรู้มาจากงานใหม่ๆ ที่เจ็กได้ทำ

   สมัยเป็นเด็ก เจ็กจะเป็นคนสอนศิลปะการป้องกันตัวให้พวกเราทุกคน สอนกันตั้งแต่พื้นฐาน แล้วให้พวกเราไปต่อยอดกันเองตามที่แต่ละคนถนัด ถึงแม้เจ็กลู่จะมีเวลาให้พวกเราน้อยมาก แต่ก็สอนพวกเราหลายอย่าง ตั้งแต่สอนขี่จักรยาน ขับรถ ขับสปีดโบ๊ท ขี่ม้า ว่ายน้ำ ดำน้ำ และอะไรต่อมิอะไรอีก ผมก็จำไม่ได้

   เจ็กลู่เปรียบเสมือนเป็นพ่อของผม ถึงผมจะเพิ่งรับรู้เรื่องราวของพ่อแม่เมื่อไม่นานมานี้ ผมก็ยังรู้สึกว่า พ่อแม่จริง ๆ ของผมแทนที่พ่อคนนี้ไม่ได้เลย

   “คิดอะไรอยู่ครับ”

   “คิดเรื่องเจ็กลู่ แล้วก็เรื่องของพ่อกับแม่”

   “ไม่สบายใจอะไรรึป่าวครับ?”

   “หยกแค่...ไม่แน่ใจ”

   “ไม่แน่ใจ เรื่องอะไรครับ?”

   “ถ้าป๊าของหยกยังมีชีวิตอยู่ หยกจะเรียกเขาได้เต็มปากเต็มคำไหม?”

   “คนเป็นพ่อ ยังไงก็เป็นพ่อ อีกอย่างพ่อทุกคนเขาก็รักลูกของเขานะครับ ไม่อย่างนั้นป๊าของหยกจะให้อาชาติพาหยกหนีมาทำไม”

   “หยกมีเจ็กลู่เป็นเหมือนพ่อมาตลอดชีวิต หยกเลย...”

   “ไม่ต้องคิดมากหรอกครับ เมื่อถึงเวลานั้นจริง ๆ หยกก็จะได้คำตอบเอง เพราะฉะนั้น ไม่ต้องคิดไปก่อนหรอกนะครับ”

   ผมเพิ่งจะได้พิจารณาพี่เสือใกล้ๆ เอาก็ตอนนี้ ก่อนหน้านั้นผมมักจะแคร์สายตาและความรู้สึกคนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นเจ่เจ้ โบตั๋น เจ็กลู่ พี่ภา หรือแม้แต่กับพวกพี่ ๆ คนของอากรเองก็ตาม ว่าเขาจะคิดเรื่องผมกับพี่เสือยังไง แต่ตอนนี้ รอบ ๆ ตัวเรามีแต่คนที่ผมไม่รู้จัก เจ็กลู่ก็ไปเตรียมตรวจเช็คอุปกรณ์ดำนำรอบสุดท้ายก่อนจะลงน้ำ มันเหมือนตอนนี้มีแค่ผมกับพี่เสือ มีเราอยู่กันแค่สองคน

   พี่เสือเป็นคนที่หน้าตาดี ถ้าสำหรับผู้หญิงเขาคงจะเป็นผู้ชายที่หล่อเหลาทีเดียวครับ ไหล่กว้างและหนากว่าผมเกือบเท่าตัว แผงกล้ามหน้าอกที่ฟิตไปกับเสื้อยืด เหมือนคนที่คอยดูแลร่างกายสม่ำเสมอ พี่เสือสูงกว่าผมไม่น่าจะเกินคืบ ผมที่ไม่ได้จัดทรงแต่ปล่อยตามธรรมชาติมันทำให้พี่เสือดูอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก ผมว่าผมชอบพี่เสือในแบบนี้มากกว่าพี่เสือที่ใส่เชิ๊ตจัดทรงผมแข็งโป๊กอย่างที่เห็นเป็นประจำ

   “หน้าพี่มีอะไรติดอยู่รึป่าวครับ” พี่เสือถามพร้อมลูบหน้าตัวเอง

   “ป่าวครับ หยก...”ผมควรจะตอบพี่เสือยังไงดี พี่เสือยิ้มให้ผมเล็กน้อย

   “ท่าทางจะจริงอย่างที่ตั๋นบอกพี่”

   “ตั๋น?... ตั๋นบอกอะไรพี่เสือ”

   “ก็แค่บอกว่าหยกพูดน้อย ติดจะเงียบ”

   “...” ผมต้องปรับตัวเพื่อพี่เสือไหม? คนรอบข้างผมส่วนมากจะเข้าใจผมได้แม้ว่าผมจะไม่พูดอะไร แล้วพี่เสือล่ะ?

   “ไม่ต้องคิดมานะครับ ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป”

   “หยก...” ทำไมเหมือนพี่เสือจะเข้าใจผม เขาเข้าใจจริง ๆ ใช่ไหม?

   “เราเตรียมลงน้ำดีกว่าครับ เที่ยวให้สนุกนะครับ” ผมพยักหน้าให้พี่เสือ

   เมื่อถึงจุดที่ลงน้ำ นักท่องเที่ยวต่างทยอยลงน้ำกันจากทางท้ายเรือ ที่มีบันไดให้ไต่ลงไป ผมกับพี่เสือก็ไปรอคิวเพื่อลงน้ำกัน ส่วนเจ็กลู่น่าจะลงเป็นคนสุดท้าย

   เมื่อเท้าผมสัมผัสกับน้ำทะเล ถึงแม้จะเป็นช่วงบ่ายแก่ ๆ แบบนี้ก็ตาม แดดยังคงแรงอยู่ แต่น้ำทะเลกลับเย็นเฉียบ กว่าผมจะปรับสภาพได้ก็ใช้เวลานานพอสมควรเลยครับ

   “หนาวมากไหมครับ ปากสั่นเชียว” พี่เสือที่ว่ายน้ำเข้ามาใกล้ผม ถามขึ้น เพราะผมยังคงสั่นอยู่

   “ไม่แล้วครับ” ผมลอยตัวอยู่ด้วยเสื้อชูชีพสีส้มไม่ต่างจากของคนอื่น ๆ

   “ไว้หยกพร้อมแล้วเราค่อยไปดูปะการังกัน หรือหยกอยากจะไปเกาะโฟมกับกลุ่มนักท่องเที่ยว”

   “ไม่ดีกว่าครับ เราดูของเราเองดีกว่า”

   ถึงแม้ว่าการไปรวมกลุ่มกับนักท่องเที่ยวที่มีเจ้าหน้าที่นำ จะช่วยให้เราได้ความรู้เกี่ยวกับชื่อปลาหรือปะการังก็ตาม แต่เขาจะย้ายไปนั่น ไปนี่กันเร็ว ผมไม่อยากจะเร่งรีบแบบนั้น

   ผมเห็นเจ็กลู่ลงจากเรือแล้วดำลงไปในน้ำทันที ไม่ได้แวะมาหาพวกผมตรงนี้ พี่เสือก็เห็นเช่นกัน ผมมองหน้าพี่เสือ สายตาของเขายังคงมองไปยังเจ็กลู่อย่างทึ่ง ๆ  มันทำให้ผมภูมิใจในตัวเจ็กลู่มากขึ้น

   “พ่อของพี่เคยเป็นอดีตนายตำรวจ ก่อนที่จะมาเปิดบริษัทรักษาความปลอดภัย” อยู่ๆ พี่เสือก็เปรยขึ้นมา “พี่เห็นอาชาติห่วงใยเราแบบนี้ มันทำให้พี่คิดถึงพ่อขึ้นมาน่ะ ไม่มีอะไรหรอก”

   “...” ผมทราบจากอากร ว่าพ่อของพี่เสือ เสียไปหลายปีแล้ว ผมเอื้อมมือไปกุมมือพี่เสือไว้ ผมอยากให้กำลังใจพี่เขา

.........................................................................

   พยัคฆ์รู้ว่าน้องหยกเป็นคนขี้อาย พูดน้อย เพราะโบตั๋นบอกเขาแบบนั้น แต่สิ่งหนึ่งที่เขาเรียนรู้เองเมื่อได้มาอยู่ใกล้ ๆ น้องหยกแบบนี้ น้องมักจะแสดงออกด้วยการสัมผัส การปฏิบัติมากกว่าคำพูด อย่างตอนที่เขารู้สึกเสียใจที่ปกป้องน้องไม่ได้จนทำให้โดนไอ้เกรียงไกรมันลวนลาม น้องเขาก็เข้ามากอดปลอบแทนคำพูด หรืออย่างตอนนี้ที่เขาคิดถึงพ่อขึ้นมา มือน้อย ๆ นั้นก็จะมาเกาะเกี่ยวเขาเอาไว้เอง

   เท่าที่เขาสังเกตน้องหยกไม่ค่อยได้แสดงออกทางภาษากายกับชายคนไหนนอกจากเขา นั่นทำให้เขาดีใจมาก และอยากรู้ว่าน้องออกจะแสดงออกมาด้วยวิธีการอย่างไรอีก

   พวกเขาเพลินกับการดูปะการังและปลาเล็กปลาน้อยที่แหวกว่ายไม่กลัวนักท่องเที่ยวเช่นเขาเลย น้องหยกของเขาเองก็ดูจะลืมเวลาไปเลยเมื่อได้มาเห็นในโลกใต้น้ำแบบนี้ แววตาที่ฉายแววสุขุมที่มักจะเห็นอยู่บ่อยครั้งบัดนี้กลับเป็นแววตาที่ดูซุกซนคล้าย ๆ กับแววตาของโบตั๋น มันช่างน่ารักในสายตาของเขา แล้วยังใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มนั่นอีก เขาอยากจะเห็นรอยยิ้มแบบนี้ของน้องหยกไปนาน ๆ

   เวลาแห่งความสุขของเขาหมดลงเมื่อเจ้าหน้าที่ให้สัญญาณว่าต้องกลับเข้าฝั่งแล้ว พยัคฆ์ช่วยส่งให้น้องหยกขึ้นไปก่อน ส่วนเขาค่อยตามขึ้นไป พวกเขารอกันเกือบ 10 นาทีกว่านักท่องเที่ยวจะขึ้นมาบนเรือจนครบ ระหว่างรอพวกเขาก็ไปล้างตัวด้านท้ายเรือด้วยน้ำจืด แต่น้ำมีจำนวนจำกัด จึงได้แค่ล้างแบบผ่าน ๆ พอให้ไม่เหนียวตัวเท่านั้น

   “หยกยังไม่เห็นเจ็กลู่เลย” น้องหยกที่ล้างตัวเสร็จก่อนเขา ยังคงมองไปรอบ ๆ เรือเมื่อเขาเข้าเดินเข้าไปหา

   “เรือก็จะออกอยู่แล้ว เดี๋ยวพี่ไปเช็คเจ้าหน้าที่ให้”

   “หยกไปด้วย” เขาพยักหน้าให้ก่อนเดินไปหาเจ้าหน้าที่ที่ด้านหน้าลำเรือ แล้วก็ได้คำตอบที่ทำให้พวกผมถึงกับทึ่ง

   “อ่อ คุณคนนั้นเขาบอกว่าจะว่ายน้ำขึ้นฝั่งเอง มาถามผมเรื่องระยะทาง พอคำนวณอากาศในแท้งค์แล้ว สามารถดำได้ 3 ใน 4 ส่วนของระยะทางจากที่นี่ถึงตัวเกาะ ส่วนระยะทางที่เหลือเขาว่าเข้าว่ายขึ้นฝั่งได้สบายมาก ไอ้ผมก็ท้วงไปแล้วนะว่ามันไม่ปลอดภัย เขาว่าไม่เป็นไร เขาจะล่วงหน้ากลับฝั่งไปก่อน นี่ผมก็เช็คข่าวทางฝั่งอยู่ตลอดว่าลูกค้าเข้าฝั่งไปรึยัง”

   “แล้วเป็นยังไงบ้างครับ เจ็กลู่ขึ้นฝั่งไปรึยัง” น้องหยกถามอย่างกังวล

   “ผมยังไม่ได้รับรายงานจากทางฝั่งเลย เดี๋ยวผมแจ้งพวกคุณอีกทีแล้วกันนะครับ ถ้ามีคนวิทยุมาบอก”

   พวกเขานั่งพักกันอยู่ที่ชั้นล่างข้างห้องควบคุมเรือ รอจนกระทั่งมีวิทยุเข้ามาว่าอาชาติถึงฝั่งแล้ว แสดงว่าตั้งแต่ลงน้ำได้ อาชาติก็ดำน้ำตรงกลับไปยังเกาะเลย พอรู้ว่าอาชาติปลอดภัยแล้วพวกเขาพากันจึงย้ายขึ้นมาที่ชั้น 2 ซึ่งเป็นพื้นที่จัดให้สำหรับนักท่องเที่ยวนั่งชมวิวโดยรอบ พวกเขาเลือกนั่งที่เก้าอีกยาวมุมหนึ่งด้านกลางลำเรือ ที่ไม่มีคนมาวนเวียนมากนัก เพราะด้านหัวเรือและท้ายเรือมีคนสลับสับเปลี่ยนกันไปถ่ายรูปตลอดเวลา

   “หนาวหรอครับ” พยัคฆ์เห็นน้องหยกนั่งตัวสั่นน้อย ๆ เนื่องจากตัวที่ยังชื้น ทั้งยังโดนลมทะเลพัดเข้าใส่แบบนี้

   “ครับ” พยัคฆ์จึงขยับกายเข้าไปนั่งเบียดก่อนโอบแขนข้างหนึ่งพร้อมผ้าขนหนูผืนใหญ่คลุมตัวน้องหยกทับอีกที น้องเงยหน้าขึ้นมาสบตาเขา

   “จะได้อุ่นขึ้นไงครับ” น้องหยกยิ้มหน้าแดง หูแดงไปหมด

   “ครับ” เขากระชับวงแขนมากขึ้น จนศีรษะน้องหยกมาอิงแนบที่ไหล่ของเขา

   “หลับไปก่อนก็ได้นะครับ อีกตั้งชัวโมงกว่าเราจะถึงฝั่ง” เขามองดูน้องหยกฝืนสายตาอยู่สักพัก ก่อนจะหลับลงในที่สุด เข้าจึงขยับเพื่อจัดท่าทางให้น้องหยกหลับให้สบายที่สุด

   เขาขยับผ้าขนหนูของน้องหยกขึ้นมาพาดศีรษะน้องไว้ก่อนจับศีรษะน้อย ๆ นั่นหนุนบนไหล่ของเขา พร้อมทั้งสวบกอดน้องไว้หลวมๆ แล้วคลุมทับด้วยผ้าขนหนูของเขาเพื่อสร้างความอบอุ่น และเพื่อที่จะได้ไม่ต้องไปคอยปรามสายตานักท่องเที่ยวคนอื่นที่คอยจ้องมองแต่น้องหยกของเขา

   “อุ๊ย!! เธอดูสิ น่ารักจัง เห็นแล้วอิจฉาเลย”

   “ว๊าย...น่ารักอ่ะ ผู้ชายก็หล่อ ผู้หญิง...เห็นแค่ด้านข้างยังน่ารักขนาดนี้ ว๊าย!!  ฉันอยากมีแฟนที่ดูแลฉันดี ๆ แบบนี้จัง”

   “นั่นสิ น่าอิจฉาเน๊อะ”

   พยัคฆ์ได้ยินนักท่องเที่ยวคุยกันอยู่ด้านท้ายเรือ เขาเองก็อยากจะเปลี่ยนสถานะเป็นแฟนน้องหยกเร็วๆ เหมือนกัน เขาก้มลงมองเสี้ยวหน้าที่โผล่พ้นผ้าขนหนูออกมา ก่อนก้มลงไปจูบที่หน้าผากชื้นนั่นอย่างทะนุถนอม

.........................................................................
   

   ลุงหลิวกลับมาถึงที่พักเรียบร้อย เพ็ญนภา หงส์ และเก่งก็เตรียมพร้อมกันเรียบร้อยแล้ว พวกเขาต่างรีบพากันเดินไปยังท่าเรือตามแผนที่วางไว้

   “คุณภาว่ามันจะได้ผลหรอครับ” เก่งถามขึ้น

   “ได้สิ ยิ่งถ้ามีคนอยู่เยอะแบบนี้ น้องหยกเขาก็มั่วแต่จะมาดูแลหงส์ แล้วจะเอาเวลาไหนไปทำความรู้จักกับคุณพยัคฆ์ล่ะค่ะ?”

   “แบบนี้คุณหยกกับคุณพยัคฆ์จะไม่โกรธเราจริง ๆ หรอครับ”

   “ไม่หรอกค่ะ ภาว่าคุณพยัคฆ์น่ะ จะขอบคุณเราด้วยซ้ำไป”

   “เออ...แล้วพี่ชาติกับคุณหงส์ ไม่ว่าอะไร...หรอครับ”

   “ขอเพียงแค่หยกมีความสุข หงส์ก็ดีใจแล้วค่ะ”

   “นายนี่ทำเป็นขี้กังวลไปได้ เอาเป็นว่าถ้าไม่คิดจะช่วยกันก็เงียบ ๆ ไว้นะคะ อย่าก่อกวน” เพ็ญนภาเอ็ดอย่างรำคาญ

   “ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับคุณภา ผมก็แค่...ไม่รู้ว่าพี่ชาติกับคุณหงส์คิดยังไง ก็เล่นเอาแต่เงียบกันหมด”

   “บ้านนี้เขาก็เป็นแบบนี้แหละคุณ อยู่ด้วยกันไปนานเดี๋ยวก็ชินไปเอง ลุงหลิว..ไปกันเถอะค่ะ” เพ็ญนภาพูดเสร็จก็เดินไปคล้องแขนลุงหลิวของเธอไว้ แล้วเดินนำไปขึ้นเรือ โดยมีหงส์เดินตาม เก่งได้แต่ส่ายหน้าเดินรั้งท้าย

.........................................................................

   ผมเล่นน้ำจนเหนื่อย พยายามจะฝืนไม่ให้หลับแล้ว แต่ก็ไม่วายหลับไปจนได้ครับ ที่สำคัญตอนที่ตื่นขึ้นมาพี่เสืออุ้มผมลงจากเรือแล้ว อุ้มมาได้ยังไงก็ไม่รู้ เขาเดินพาผมมาจนเกือบถึงบ้านพักอยู่แล้วเชียว ตัวผมก็ไม่ใช่เบา ๆ

   พี่เสือยอมปล่อยให้ผมเดินเอง แต่จากที่เย็น ๆ เพราะชื้นไปด้วยน้ำอยู่กลายเป็นว่าผมหน้าร้อนขึ้นมาเหมือนจะเป็นไข้ เพราะสายตาของพี่เสือที่มองมานั่นแหละครับ ไหนจะสายตาของนักท่องเที่ยวคนอื่นที่มองมาที่ผมอีก

   “ไปครับ รีบกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีกว่า เดี๋ยวจะเป็นหวัดจนเที่ยวไม่สนุกนะครับ” พี่เสือคว้ามือผมไปจูงไว้เหมือนเคย ผมเห็นผ้าพันแผลพี่เขาชื้น มีเลือดซึมออกมาเล็กน้อย

   “พี่เสือ”

   “ครับ” ผมเอื้อมมืออีกข้างที่ไม่ได้โดนมือใหญ่นั้นเกาะกุมอยู่ แตะลงที่ผ้าพันแผลอย่างแผวเบา “พี่ไม่เป็นไรครับ แค่คัน ๆ เพราะชื้นนิดหน่อย”

   “ให้หยกทำแผลให้นะครับ”

   “ได้ครับ แต่หยกต้องอาบน้ำเช็ดผมให้แห้งก่อนนะครับ” ผมพยักหน้า แต่สายตายังคงมองไปยังแผลที่โดนกระจกบาดนั่น เกือบ 3 ชั่วโมงเห็นจะได้ที่แผลของพี่เสือชื้นอยู่กับทั้งน้ำทะเลและน้ำจืด อย่างนี้เมื่อไรแผลพี่เสือจะหายสักที

   เมื่อพวกเราเดินถึงบ้านพัก ก็เข้าไปเอากุญแจห้องที่เคาน์เตอร์ ที่นี่เป็นบ้านพักของอุทยาน มี 2 ส่วน ส่วนที่เป็นบ้านแถวติด ๆ กันใกล้กับโรงอาหาร กับบ้านพักเป็นหลัง ๆ หลังละ 1 ห้องปลูกหลบ ๆ ให้กลมกลืนไปกับธรรมชาติไม่กี่หลัง

   พี่ภาจัดให้พวกเราพักที่บ้านพัก เจ้าหน้าที่ให้กุญแจเราแค่พวงเดียว คงจะเป็นห้องของพี่เสือกับพี่เก่ง ผมน่าจะได้นอนกับเจ็กลู่ พี่เสือเดินนำผมไปยังบ้านพักที่เดินลึกเข้าไปในร่มไม้ ผมพยายามมองหาเจ่เจ้ กับคนอื่น ๆ จนพี่เสือเปิดประตูเขาไปยังบ้านพักหลังหนึ่ง ผมซึ่งยังอยู่ที่หน้าประตูก็คาดเดาเอาว่าเจ็กลู่ กับเจ่เจ้จะพักหลังไหน

   “น้องหยกครับ” พี่เสือเรียกผมจากในห้อง ผมจึงเดินเข้าไป

   “ครับ”

   “นี่กระเป๋าของน้องหยกรึป่าวครับ” พี่เสือถามผมยิ้ม ๆ กระเป๋าของผมวางอยู่บริเวณปลายเตียงจริง ๆ

   “ครับ แล้วกระเป๋าหยกมาอยู่นี่ได้ยังไง ไม่ได้อยู่ห้องเจ็กลู่หรอครับ”

   “หยกคงต้องอ่านโน๊ตนี่เอาเองแล้วละ” พี่เสือตอบพร้อมยื่นกระดาษโน๊ตแผ่นเล็ก ๆ ให้ผมแผ่นหนึ่ง



                  พื่ๆ กลับกันก่อนนะคะ เป็นห่วงว่าโบตั๋นจะไปซนที่ไหนจนเกิดเรื่อง

               วันมะรืนนี้พี่ให้เรือมารับน้องหยกกับคุณพยัคฆ์เข้าฝั่งช่วง 10 โมงเช้านะคะ

               เวลานี้ก็ค่อยทำความรู้จักและเรียนรู้กันไปนะคะ

                                    พี่สาวที่แสนดี....พี่ภา


To Be Continue


ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: หยก 5-12-17 {{:::31:::}}
«ตอบ #113 เมื่อ05-12-2017 18:31:42 »

พี่ภาทำดีมากค่ะ :pig4: :L2:

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: หยก 5-12-17 {{:::31:::}}
«ตอบ #114 เมื่อ05-12-2017 18:45:11 »

ซีนนี้ ยกให้พี่ภาไปเลย 10 10 10 ดีมากจ๊ะ พี่ภา  :hao6:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: หยก 5-12-17 {{:::31:::}}
«ตอบ #115 เมื่อ06-12-2017 10:56:26 »

 o13 o13 o13 o13

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Amo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-1
Re: หยก 6-12-17 {{:::32:::}}
«ตอบ #116 เมื่อ06-12-2017 23:28:27 »

32

   หลังจากที่เพ็ญนภากลับจากเกาะเมี่ยงมาแล้ว เธอก็ปรึกษากับลุงหลิวและหงส์ เรื่องนายเกรียงไกร ทั้งสามวางแผนเพื่อเตรียมจัดการเกรียงไกรและกันไม่ให้ครอบครัวของสุพรรณษาเข้ามายุ่ง

   “แบบนี้ค่อยยังชั่วหน่อย” เพ็ญนภาเป่าปากโล่งอก

   “ค่อยยังชั่วยังไง ภาระหนักอยู่ที่ตัวเลยนะ”

   “แหม๋...แค่คอยสืบกับกันคุณสุพรรณษาออกไปไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย ตัวไม่รู้อะไร บ้านนั้นน่ะ หน้าบางจะตาย”

   “อย่างเพิ่งวางใจไป ยังไง นายเกรียงไกรก็เป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวน ทายาทคนเดียวของคุณสุพรรณษา”

   “ลุงหลิวไม่ต้องกังวลหรอค่ะ หนูภารู้จักกับคุณหญิงพรรณีเธอดี ว่าเธอหน้าบางขนาดไหน รับรองว่าหนูจัดการบ้านนี้ได้อยู่หมัดแน่ๆ”

   “ถ้าคุณหญิงพรรณีเข้ามาเกี่ยวข้อง เราจะไม่สามารถเอาผิดกับนายเกรียงไกรเรื่องหยกได้เลยนะ”

   “หนูรู้ค่ะลุงหลิว ว่าคุณหญิงท่านมีอิทธิพลขนาดไหน เธอน่ากลัวกว่าตำรวจอีกนะคะ เพราะคนพวกนั้นล้วนเกรงใจคุณหญิงท่าน”

   “ตัวยอมได้หรอ ถ้านายเกรียงไกรรอดจากเรื่องนี้ไปได้”

   “ถ้าคุณหญิงจัดการให้ ภายอมนะ ว่าแต่ตัวเถอะ ตัวเป็นพี่ ตัวยอมได้ไหมล่ะ?”

   “หงส์บอกตรง ๆ นะ หงส์ไม่เคยรู้จักคุณหญิงท่าน ไม่รู้ว่านิสัยใจคอท่านเป็นยังไง ถ้าเป็นตอนนี้ หงส์อยากให้ตำรวจจัดการมากกว่า”

   “ถ้าอย่างนั้น ไว้กลับกรุงเทพฯ เมื่อไร ภาจะพาตัวไปแนะนำกับคุณหญิงเอง รับรองว่าคุณหญิงต้องเอ็นดูตัวแน่นอน เพราะคุณหญิงเธอรักการทำขนมเหมือนตัวไง แล้วที่สำคัญภานึกแผนจัดการคนบ้านนี้ได้แล้วด้วย”

.........................................................................

    บรรยากาศบนเกาะมันเงียบจนน่าใจหาย ผมไม่คุ้นชินกับความเงียบแบบนี้เลย ผมนั่งอยู่ตรงเฉลียงเล็กๆ หน้าบ้านพัก ขณะนี้ท้องฟ้ามืดแล้ว แต่ก็มีดาวอยู่เต็มท้องฟ้า ผมมองไปข้างหน้าไม่เห็นทะเลเลย ทุกอย่าง...มืดสนิทไปหมด ได้ยินเพียงเสียงคลื่นที่ซัดเข้าฝั่ง

   รอบ ๆ ตัวผมได้ยินเสียงแมลงร้องเป็นพัก ๆ บ้านพักหลังที่อยู่ใกล้ ๆ กัน ที่สามารถมองเห็นได้เมื่อช่วงเย็น แต่ตอนนี้ผมแทบไม่เห็นมันเลย ถ้า...ผมไม่ได้สัมผัสกับความรู้สึกของพี่เสือ ผมคงคิดว่า ผมอยู่ที่นี่คนเดียวแน่ ๆ

   “ผมยังไม่แห้งเลย ออกมาตากลมทะเลแบบนี้ เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอกครับ” พี่เสือมาพร้อมผ้าขนหนูผืนเล็กที่ตอนนี้วางพาดอยู่บนศีรษะผม พี่เสือเช็ดผมให้เบา ๆ จากทางด้านหลัง

   “...”

   “เป็นอะไรไปครับ” พี่เสือวางมือบนไหล่ผม จับให้หันไปเผชิญหน้ากับเขา “เหงา?”

   “หน้าหยกฟ้องขนาดนั้นเลยหรอครับ”

   “น้อยใจที่หงส์ กับอาชาติทิ้งเราไว้กับพี่หรอ?”

   “ป่าวครับ ไม่ใช่อย่างนั้น หยกแค่...ไม่ชิน”

   “ยังเห็นพี่เป็นคนอื่นอยู่สินะ”

   “ไม่ใช่สักหน่อย หยก...ไม่เคยอยู่ในที่เงียบ ๆ แบบนี้...ก็เท่านั้นเอง”

   “หยกจะได้พักผ่อนให้เต็มที่ไงครับ” ฝ่ามือทั้งสองข้างของพี่เสือที่ประคองใบหน้าผม สัมผัสของฝ่ามือที่แม้จะสัมผัสผ่านผ้าขนหนูที่ยังคงพาดอยู่บนศีรษะของผมก็ตาม มันทำให้ผมใจสั่นจนไปกล้าจะสบตาพี่เสือ ผมเสไปมองที่แขน...

   “หยกทำแผลให้พี่เสือนะ” พี่เสือมองตามสายตาของผม

   “เฮ้อ...ทำตัวน่ารักจัง” พี่เสือก้มลงมาจูบที่ปลายจมูกผมเบา ๆ ทีหนึ่ง “พี่ชอบจมูกเราจังเลย” พี่เสือพูดจบก็เดินเข้าบ้านพักไปก่อนผม ปล่อยให้ผมยืนใจเต้นแรงอยู่คนเดียว   

.........................................................................

   พยัคฆ์หักห้ามใจตัวเองไม่ให้ล่วงเกินน้องหยกของเขาไปมากกว่านี้ จากที่ตั้งใจว่าจะเช็ดผมให้น้องหยกเท่านั้น แต่เพราะสายตาของหยก ที่มันระยิบระยับยิ่งกว่าดาวบนท้องฟ้าด้านบนนั่น แล้วยังใบหน้าที่ขึ้นสีนิด ๆ หลังจากที่เขาประคองใบหน้านั้นให้หันมาสบตาเขา ทั้งที่เขาพยายามไม่แตะตัวน้องหยกแล้วเชียว สุดท้ายเขาก็ทนไม่ได้ ยังดีทีเป็นแค่ปลายจมูกเท่านั้น

   เขาเห็นน้องหยกเดินก้าวกลับเข้ามาในห้อง แต่เลี่ยงที่จะไม่สบตาเขา ใบหน้าน้องยังคงแดงไปถึงหู ใบหน้าแบบนั้นมันช่างมีเสน่ห์ดึงดูดอย่างประหลาด แล้วคืนนี้เขาจะนอนร่วมห้องกับน้องหยกได้ยังไง คุณเพ็ญนภาจงใจจะแกล้งเขาเล่นรึป่าว

   หยกเดินเข้ามานั่งข้าง ๆ เขาพร้อมกับอุปกรณ์ที่เพิ่งซื้อมา น้องค่อย ๆ แกะผ้าพันแผลเดิมของเขาออก เช็ดทำความสะอาดปากแผล ใส่ยา และบรรจงพันแผลให้เขาอย่างเบามือ

   “หยกโกรธพี่ไหมครับ” น้องหยกเงยหน้าขึ้นสบตาเขาเล็กน้อย ก่อนส่ายหน้า “พี่รู้ตัว ว่าพี่ฉวยโอกาสกับหยกหลายครั้ง”

   “...”

   “พี่ขอโทษนะครับ แต่พี่พูดไม่ได้หรอกนะ ว่าพี่ไม่ได้ตั้งใจ เพราะพี่...ตั้งใจทุกครั้ง” เขาหยุดเพื่อดูสีหน้าน้องหยก น้องยังคงก้มหน้าก้มตาพันแผลให้เขาอยู่อย่างนั้น “บางที พี่ก็เก็บความรู้สึกของพี่...เอาไว้ไม่อยู่”

   “หยก...เข้าใจ หยกรู้...ว่ามันยาก”

   “น้องหยกครับ” เขาเอื้อมมือข้างที่ว่างจากการพันแผลขึ้นมาเชยคางน้องหยกไว้ เขาและน้องหยกสบตากัน “พี่รักน้องหยกนะครับ” เขาเห็นความวูบไหวในดวงตาคู่นั้น “พี่อาจจะเห็นแก่ตัว ที่อยู่ ๆ ก็สารภาพรักกับน้องหยกแบบนี้ เพียงเพื่อความสบายใจของตัวเอง พี่รู้ว่าน้องหยกยังไม่พร้อม แต่พี่เสือคนนี้รอน้องหยกได้เสมอนะ”

   “พี่เสือ” น้องหยกเรียกเขาเสียงแผ่ว

   “ครับ”

   “...” เขาดึงตัวน้องหยกเข้ามากอดไว้

   “ไม่เป็นไรนะครับ ไม่ต้องกดดันตัวเองนะ” เขาคงสารภาพกับน้องหยกเร็วเกินไป

   น้องหยกไม่ได้ผลักไสเขา แต่กอดกระชับเอวเขาแน่นขึ้น ใบหน้าซุกอยู่บนแผงอกของเขา มันทำให้เข้าไม่สามารถห้ามใจตัวเองได้ เขากดจมูกหนัก ๆ ลงบนเรือนผมนุ่มของน้องหยกไปหนึ่งที เขาและน้องหยกกอดกันอยู่อย่างนั้นเป็นเวลานานกว่าน้องหยกจะผละออกไปเก็บอุปกรณ์พันแผล

.........................................................................

    ผมตื่นเช้ากว่าปกติ คงเป็นเพราะเมื่อคืนนี้ผมพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ ผมเดินอยู่บริเวณชายหาดขาวสะอาด ตอนนี้น้ำลงไปมากแล้ว ผมพบเปลือกหอยสวย ๆ ที่ไม่ค่อยได้พบเห็นมากนักอยู่ตามชายหาด ผมได้แต่หยิบขึ้นมาดูเล็กน้อยก่อนวางลงที่เดิม เปลือกหอยพวกนี้มันสวยที่สุดก็ตอนอยู่บนหากทรายนี่แหละครับ

   ผมเดินเล่นไปเรื่อย ๆ สูดอากาศบริสุทธิ์เข้าปอด ผมไม่ได้รู้สึกสดชื่น สุขใจแบบนี้มานานแล้วครับ ผมว่าส่วนหนึ่งน่าจะมาจากพี่เสือ ถึงแม้ว่าผมกับเขาจะเจอกันไม่นาน และเพิ่งเริ่มทำความรู้จักกันได้จริง ๆ จัง ๆ เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่พอมาอยู่ใกล้ชิดกัน...พี่เสือดูจะเข้าใจผม เราดูเหมือนจะเข้าใจกันในหลาย ๆ เรื่อง

   ที่ผมเข้าใจพี่เสือ คงเป็นเพราะเมฆาขาวที่ผมสวมอยู่ แล้วถ้าผมไม่มีมันล่ะ ผมจะเข้าใจความรู้สึกพี่เสือเหมือนกับที่พี่เขาเข้าใจผมไหม ผมชอบพี่เสือนะ ผมยอมรับในข้อนี้ แต่ถึงกับรัก...อย่างที่พี่เสือบอกรักผมเมื่อคืนรึป่าว... ผมก็ไม่แน่ใจ ตอนนี้ผมรู้สึกแค่ว่า ผมจะตอบแทนความรู้สึกพี่เสืออย่างไรได้บ้าง

   “หยก...ก...ก...” ผมได้ยินเสียงของพี่เสือแว่ว ๆ มาแต่ไกล แต่ผมยังไม่เห็นพี่เสือเลย หรือว่าผมหูแว่ว ผมจึงเดินของผมต่อไปเรื่อย ๆ “หยกครับ” ผมได้ยินเสียงพี่เสือชัดขึ้น จึงพยายามมองไปรอบ ๆ แล้วก็เห็นพี่เสืออยู่ไกล ๆ เขาเห็นผมแล้ว และกำลังวิ่งตรงมาหาผม

   สีหน้าพี่เสือดูตระหนกตกใจมาก ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพี่เสือ ความรู้สึกที่สัมผัสได้มีแต่ความตกใจและเป็นห่วง ผมจึงสาวเท้าเดินย้อยไปหาพี่เสือ เมื่อถึงตัวผม พี่เสือก็คว้าผมเข้าไปกอดไว้ซะแน่น ก่อนที่ผมจะได้ยินเสียงถอนหายใจ แต่เสียงหัวใจที่ผมได้ยิน มันเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาจากตัว

   “พี่เสือเป็นอะไรไปครับ”

   “พี่แค่ห่วงเรามากไปหน่อย” พี่เสือบอกเมื่อคลายอ้อมกอดลง “ตื่นมาก็ไม่เห็นหยกแล้ว เดินไปตามที่โรงอาหารก็ไม่มี พี่ตกใจแทบแย่”

   “หยกแค่มาเดินเล่น”

   “เดินเพลินล่ะสิ มาไกลจนเกือบถึงท้ายเกาะเลยรู้ตัวไหม?” พี่เสือเอามือหนาๆ ของเขามาโคลงศีรษะผมเล่น ผมทำให้พี่เสือตกใจแต่เขากลับไม่โกรธผมเลย

   “พี่เสือไม่โกรธหยกหรอครับ ที่ออกมาแบบไม่ได้บอกแบบนี้”

   “หยกโตแล้ว ดูแลตัวเองได้ ขนาดโดนคนตัว ๆ รุมตั้ง 3 คน ยังรับมือได้เลย จริงไหม?...พี่อาจจะกังวลเกินเหตุไปเอง”

   “พี่เสือ”

   “ครับ”

   “ขอบคุณนะครับ” พี่เสือยิ้มให้ผม พี่เสือมักจะมีรอยยิ้มให้ผมตลอดเวลา ผมสอดมือเข้ากับมือพี่เสือ แล้วก็จูง ไม่สิคนตัวโตอย่างพี่เสือคงต้องลากมากกว่า “ไปกินข้าวเช้ากันดีกว่าครับ หยกหิวแล้ว”

   พวกเรานั่งทานข้าวเช้ากันเสร็จ ก็เดินขึ้นไปยังจุดชมวิวบนเกาะกัน สาย ๆ แบบนี้นักท่องเที่ยวยังมากันไม่มากนัก พวกเราเลยนั่งเล่นกันได้นานหน่อย

   “หยกอยากกลับเขาหลักไหม?” พี่เสือถามผม “ถ้าอยากกลับไปหาหงส์กับโบตั๋น เดี๋ยวพี่ลองติดต่อหาเรือให้”

   “ไม่ครับ หยกยังอยากอยู่ที่นี่...อยู่กับพี่เสือ” ผมเห็นพี่เสือตกใจกับคำพูดของผม “หยก...อยากรู้จักพี่เสือให้มากกว่านี้ อยาก...ทำอะไรเพื่อพี่เสือบ้าง”

   “พี่ไม่อยากให้หยกฝืนตัวเอง พี่ไม่รู้หรอกว่าพี่ปล่อยความรู้สึกออกไปมากแค่ไหน ถ้าเพียงแค่ความรู้สึกของพี่ ไม่ทำร้ายหยก ไม่ทำให้หยกกลัว แค่นี้พี่ก็พอใจแล้ว”

   “หยกว่า...หยกไม่ได้กลัวพี่เสือมานานแล้ว เพียงแต่ตอนนั้น หยกไม่รู้ว่ามัน...ไม่ใช่ความกลัว”

   “ทำไมครับ?”

   “แรก ๆ หยกอาจจะกลัวจนมือไม้สั่น แต่หลังๆ มันกลายเป็น...อย่างอื่นแทน” เสียงผมแทบหายไปในลำคอ อยู่ๆ ผมก็ไม่กล้าจะบอกว่าผมเริ่มใจสั่นเมื่ออยู่ใกล้พี่เสือ

   “เป็นอะไร บอกพี่ได้ไหมครับ และตั้งแต่เมื่อไร”

   “หยกก็ไม่รู้ แต่หยกพยายามจะเข้าใกล้พี่เสือ เพื่อหาคำตอบให้กับตัวเอง แต่...พี่เสือก็...หนีหยกไปก่อนทุกที จนวันนั้น วันที่หยกเข้าไปเยี่ยมพี่เสือที่ห้อง หยกถึงได้รู้ว่ามันไม่ใช่ความกลัว”

   “หยกรู้ไหม ว่าหยกพูดแบบนี้ มันทำให้พี่ดีใจแค่ไหน”

   “หยก...”

   “ไม่เป็นไรครับ เอาเป็นว่า พี่เข้าใจหยกนะครับ แดดเริ่มแรงแล้ว เราลงไปข้างล่างกันดีกว่า”

   “ครับ”

   “วันนี้หยกอยากไปเที่ยวไหนครับ เดี๋ยวพี่พาไป”

   “วันนี้เรานั่งเล่นกันที่หาดหน้าไหมครับ หยกลงน้ำมาหลายวันแล้ว อยู่บนหาดมั่งดีกว่า”

   พวกเราอยู่กันที่เกาะหน้า นั่งเล่นนั่งคุยกันไปเรื่อย สั่งอาหารทะเลมาทานกันช่วงเที่ยง ไม่ได้ไปไหนเลยตลอดทั้งวัน ผมได้รู้เรื่องพี่เสือมากมาย ผมก็เล่าเรื่องของผมบ้าง อันที่จริงพี่เสือเป็นคนตั้งคำถามผมมากว่าครับ เราคุยกันเพลินจนเกือบค่ำ พี่เสือก็พาผมไปยังจุดชมพระอาทิตย์ตกดิน ซึ่งตอนนี้มีนักท่องเที่ยวมารอดูพระอาทิตย์ตกกันเป็นจำนวนมาก

   พี่เสือพาผมไปยืนอยู่จุดหนึ่ง ถึงแม้จะเป็นมุมที่ไม่ดีนัก แต่ก็ไม่ไปเบียดเสียดกับคนอื่น อากาศที่นี่ดีมากครับ ลมทะเลพัดเข้ามาเย็นสบาย พระอาทิตย์กำลังจะตกลงไปในทะเลแล้ว ท้องฟ้าตรงหน้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีอมส้ม สวยมากเลยครับ

   พี่เสือยืนซ้อนหลังผมอยู่ พี่เขากอดผมไว้หลวม ๆ มือของเราประสานกันอยู่ข้างหน้าผม พี่เสือกดจมูกลงบนศีรษะผม ทำให้ผมต้องเหลียวไปมอง แต่พี่พูดไม่ได้หรอกนะ ว่าพี่ไม่ได้ตั้งใจ เพราะพี่...ตั้งใจทุกครั้ง คำพูดของพี่เสือที่พูดเมือคืนนี้ ความรู้สึกที่แสดงออกมาด้วยการกระทำ ผมเขย่าปลายเท้าเล็กน้อยเพื่อจะได้หอมแก้มพี่เสือได้ถนัด พี่เสือมองผมด้วยความแปลกใจ

   “หยกแค่...ทำตามที่ใจคิด” พี่เสือยิ้มให้ผม ไม่มีคำพูดอะไร  พี่เสือกอดผมไว้ วางคางเกยไว้บนไหล่ของผม มีคนอื่นมองมาทางพวกเราบ้าง แต่ผมกลับไม่แคร์สายตาใคร ตอนนี้ผมแคร์แค่คนที่กอดผมอยู่ตอนนี้ คนเดียวเท่านั้น

.........................................................................

    หลังจากเกรียงไกรกลับมาจากพังงา เขาก็พักรักษาตัวอยู่ที่บ้านจนหน้าตาหายบวม แต่บาดแผลยังคงมีสีคล้ำอยู่บ้าง เขาบินไปพังงาหลังจากที่เตี่ยของเขาบินไปมาเก๊าพร้อมกับยัยลตา จนกระทั่งวันนี้ ทั้งสองก็ยังไม่กลับมา

   เขาไม่แปลกใจเลยที่รู้ว่าเตี่ยเขาพายัยลตาไปด้วย เพราะการเจอกันครั้งแรกระหว่างพวกเขานั้น ก็ไม่พ้นกาสิโน ครั้งนั้นลตามือขึ้นกับการเล่นไพ่แบล็คแจ็ค จนถึงขั้นดึงดูดความสนใจให้เตี่ยเข้าไปร่วมชม ด้วยความที่เธอเป็นคนสวย น่าตาดี คารมดี ยิ่งเธอชอบเสี่ยงโชคเหมือนกัน ก็ยิ่งคุยกับเตี่ยง่ายขึ้น

   เตี่ยชวนเธอมาอยู่ที่ไทย แถมยังซื้อคอนโดในโครงการเดียวกับเขาให้เธออีกด้วย ถึงลตาจะช่วยทำเงินและทำประโยชน์ให้เตี่ยของเขาได้ แต่เพราะนิสัยเอาแต่ใจของลตา ระยะหลัง ๆ มานี้เขาถึงเห็นความไม่ลงรอยกันระหว่างคนทั้งสอง

    เกรียงไกรจอดรถไว้ที่หน้าบ้านของญาติทางฝ่ายแม่ เด็กในบ้านก็มาเอารถไปจอดให้ในโรงรถด้านหลัง เขาก้าวเข้าบ้านไป พบเด็กในบ้านมากมาย บ้านหลังนี้มีคนรับใช้มากกว่าบ้านเขาถึง 3 เท่าตัว เพราะยายของเขาเป็นคนเจ้าระเบียบ ทุกอย่างต้องอยู่ในกรอบ ถ้าไม่จำเป็นเขาก็ไม่อยากจะมาเหยียบที่นี่สักเท่าไร

   “คุณเกรียงนั่งรอที่ห้องรับแขกสักครู่นะคะ คุณษากำลังลงมาค่ะ”

   เด็กรับใช้ในบ้านคนหนึ่งบอกเขา ทั้งๆ ที่เขาเป็นหลานแท้ ๆ แต่คนที่นี่ก็ยังเห็นเขาเป็นคนนอก ให้เขาไปรอที่ห้องรับแขก แทนที่เขาจะขึ้นไปหาแม่ หายายของตัวเอง เหมือนคนในครอบครัวทั่ว ๆ ไปก็ยังทำไม่ได้

   เขาเดินตามเด็กรับใช้เข้ามานั่งรออยู่ที่โซฟารับแขก ภายในห้องรับแขกทางการ ยิ่งได้เข้ามานั่งในห้องนี้ เขาก็ยิ่งไม่เข้าใจความคิดของผู้เป็นยาย ที่ทำกับเขาเหมือนไม่ใช่หลาน

   “คิดยังไงถึงมาหาแม่ที่นี่ได้ล่ะลูก” ผู้เป็นแม่ทักทายมือนั่งลงที่โซฟาเรียบร้อยแล้ว

   “เตี่ยไม่อยู่บ้าน” เขาตอบเสียงห้วน

   “อ่อ เลยมาหาแม่ได้ แล้วหน้าตาไปโดนอะไรมา” น้ำเสียงแม่ของเขาเจือไปด้วยความน้อยใจ แต่ก็แฝงไปด้วยความเป็นห่วง

   “...โดนลูกหลง ตอนที่ไปเที่ยวน่ะแม่” เกรียงไกรเลี่ยงที่จะพูดความจริง “ผมเห็นเอกสารของทนาย”

   “เรื่องนี้เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ลูกไม่ต้องเขามามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้”

   “ไม่เกี่ยวได้ยังไง ผมเป็นลูกของแม่และเตี่ยนะ” เขารู้สึกไม่พอใจที่แม่ไม่ยอมคุยกับเขาเรื่องหย่า

   “ใช่ แต่ลูกโตแล้ว ลูกแค่เลือก ว่าจะอยู่กับแม่หรือกับเตี่ย แม่เชื่อว่าลูกสามารถตัดสินใจเองได้ เพราะหลังจากทุกอย่างจบลง ลูกก็ยังคงไปมาหาสู่กับเตี่ยของลูกได้อยู่นะ ถ้าลูกเลือกจะอยู่กับแม่”

   “ผมขอคิดดูก่อน” เขาไม่มีทางที่จะเข้ามาอยู่ในบ้านนี้แน่นอน แต่ก็เลี่ยงที่จะไม่ตอบอะไรออกไป

   “เฮ้อ...ว่าแต่ลูกเถอะ เข้ามาหาแม่ถึงที่นี่ คงไม่ใช่จะมาคุยเรื่องเตี่ยกับแม่ แค่เรื่องนี้เรื่องเดียวใช่ไหม?”

   “ผมมาขอให้แม่ช่วย”

   “อืม มีอะไรก็ว่ามาเถอะ” แม่มักจะให้ความช่วยเหลือเขาทุกครั้ง โดยไม่ถามถึงสาเหตุเลยสักครั้ง

   “ที่ผมโดนลูกหลง มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด ผมกลัวว่าเรื่องมันจะยังไม่จบแค่นี้”

   “เดี๋ยวแม่ให้ทนายไปช่วยเคลียร์กับคู่กรณีให้แล้วกัน”

To Be Continue
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-12-2017 07:49:34 โดย Amo »

ออฟไลน์ wanirahot

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
Re: หยก 6-12-17 {{:::32:::}}
«ตอบ #117 เมื่อ07-12-2017 06:49:52 »

หยกมีพี่ดีนี้นา อิออ

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: หยก 6-12-17 {{:::32:::}}
«ตอบ #118 เมื่อ07-12-2017 08:07:51 »

หยกไม่กลัวแล้วหรือครับ เสือนะนั้น ขย้ำแล้วช้ำนะหยก อิอิอิ
เริ่มเข้าเรื่องเข้มข้นแล้วสินะ นายเกรียงไกร จะรอดูนะ

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: หยก 6-12-17 {{:::32:::}}
«ตอบ #119 เมื่อ07-12-2017 08:56:31 »

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด