หยก 9-04-19 {{:::บทส่งท้าย:::}}
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: หยก 9-04-19 {{:::บทส่งท้าย:::}}  (อ่าน 45198 ครั้ง)

ออฟไลน์ Amo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-1
Re: หยก 19-12-18 {{:::67:::}}
«ตอบ #240 เมื่อ19-12-2018 14:17:42 »

67



   หลังจากทานอาหารเช้าฝีมือหยกเสร็จเรียบร้อย พวกเราก็เตรียมตัวเดินทางไปที่เยี่ยนหว๋อ โดยมีเจ้ไฉ๋กับคุณวรรณมารับ เราแบ่งกันเป็น 2 กลุ่ม

   กลุ่มแรกมีคุณวรรณ พี่เก่ง กับพี่เสือ นั่งประกบจุ้ยเถิง กลุ่มที่สองมีเจ้ไฉ๋ หยก และโบตั๋นซึ่งยังคงต้องสวมรอยเป็นเจ่เจ้ และก่อนออกจากบ้านเธอได้แปลงโฉมเป็นเจ่เจ้เรียบร้อยแล้ว

   รถคันที่เธอนั่ง ขับตามหลังรถของคุณวรรณ และปิดท้ายด้วยรถอีกคัน จนเมื่อไปถึงเยี่ยนหว๋อ รถของเธอก็ถูกรุมด้วยบรรดานักข่าวที่จะมาขอสัมภาษณ์ แต่เมื่อพวกนั้นเห็นหยก ลูกชายคนเดียวของตระกูลฝู่ ประเด็นที่อยากจะถามก็ถูกเปลี่ยนไปทันที พวกเราหยุดให้นักข่าวถ่ายรูปกันสักพักหนึ่ง ก่อนที่เจ้ไฉ๋จะช่วยกันพวกนักข่าวเพื่อให้เราเข้ามาในตึกได้อย่างปลอกภัย ร่างกายไปพรุนเพราะโดนยิงคำถามมากมาย เมื่อเดินเข้ามาด้านใน พี่เอและพี่ต้าก็รอรับพวกเราอยู่ก่อนแล้ว

   “เหนื่อยไหมครับ” พี่เอทักขึ้นมา

   “แค่นั่งรถมาที่นี่ ไม่เหนื่อยหรอกครับ” หยกพูดพร้อมมองไปรอบ โถงทางเข้าที่ดูโอ่อ่าไม่ต่างอะไรกับโรงแรมระดับห้าดาว คงตกตะลึงไม่ต่างอะไรจากเธอเมื่อเข้ามาที่นี่ครั้งแรก

   “แต่ตั๋นนี่สิเหนื่อย ต้องปั้นหน้าขรึมตลอดเลย เมื่อไรเจ่เจ้ถึงจะจัดการทางนั้นเสร็จสักทีนะ” เธอว่าพร้อมออกเดินไปที่โถงลิฟต์

   “ทนายเหอได้ทำเอกสารให้คุณลตาตรวจสอบแล้ว ถ้าจุ้ยอั้ยเต๋อเซ็นต์เมื่อไร ทุกอย่างก็จบ” พี่ต้ารายงานหลังจากที่พวกเราเข้ามาในลิฟต์ส่วนตัว

   “แล้วเขาจะยอมเซ็นต์ง่าย ๆ อย่างนั้นเหรอครับ” หยกหันถามพี่ต้าบ้าง

   “คงจะไม่ยอม ไม่ได้แล้วละครับ เพราะคุณลตาไปปล่อยข่าวเอาไว้ว่าจุ้ยอั้ยเต๋อได้นัดเจรจากับหุ้นส่วนรายใหม่ แถมเป็นรายใหญ่มาจากเกาหลีเสียด้วย คนดังอย่าง มิสเตอร์ คิม วุก แจ จะเข้ามาร่วมหุ้นในส่วนของโรงแรมและกาสิโน ทีมข่าวหลายสำนักเลยพากันจับตามอง”

   “คิม วุก แจ... นั่นมัน!! ” หยกยังไม่ทันได้ตั้งคำถามต่อ พี่เอก็พยักหน้ารับเป็นที่เรียบร้อย

   “เราคงต้องรอถามเจ็กลู่แล้วล่ะ เรื่องนี้ตั๋นเองก็สงสัย แต่ถามใครก็ไม่มีคำตอบให้ตั๋นเลย แม้แต่อากรก็ยังไม่รู้ว่าเจ็กลู่ไปรู้จักกับครูศักดิ์ตอนไหน?”

   “อืม ผมเพิ่งจะรู้นะเนี่ย ว่าพี่ศักดิ์ก็เป็นคนดังกับเขาด้วย”

   จังหวะที่ลิฟต์เปิดขึ้นมา พวกเราทั้ง 4 คนก็เดินตรงไปยังห้อง ๆ หนึ่ง ที่คุณวรรณ พี่เสือ พี่เก่ง และจุ้ยเถิงรออยู่ก่อนแล้ว

   “ถ้าเป็นที่เมืองไทยคนอาจจะไม่ค่อยรู้จักเท่าไร แต่ที่เกาหลี สถาบันของคุณศักดิ์ถือว่ามีชื่อเสียงติดอันดับต้น ๆ เลยล่ะครับ มีครูหลายคนที่เป็นถึงโค้ชในทีมชาติเกาหลี” พี่เอช่วยเสริมข้อมูลให้พวกเรา

   “ว่าแต่ คนหาข้อมูลพวกนี้ไปไหนซะละคะ? ตั๋นไม่เห็นพี่คีเลย”

   “เจ้านายให้ไปทำงานบางอย่างค่ะ” คุณวรรณเป็นคนตอบเธอ

   และไม่นานนักอากรก็ตามเข้ามาสมทบพร้อมด้วยฝู่ไฉ๋และเหอจง จากนั้นการประชุมเกี่ยวกับการจัดทำพินัยกรรมฉบับใหม่ พร้อมทั้งเรื่องการเตรียมตัวไปยังซางตูก็ดำเนินขึ้น

........................................................................

   ผมตกใจมากเมื่อลงจากรถตู้แล้วต้องมาเจอกองทัพนักข่าว ที่ต่างพากันแย่งพูด แถมยังกดชัตเตอร์กันรัว ๆ ราวกับปืนกล จนผมมึนหัว ยังดีที่เจ้ไฉ๋ให้เราถ่ายรูปกันแค่แป๊บเดียว แล้วรีบให้พวกเราเข้าตึกมากันก่อน ส่วนเธอก็อยู่รับหน้าพวกนักข่าวไป

   หลังจากที่ทุกคนในห้องตกลงเห็นพ้องกันเรื่องพินัยกรรมฉบับใหม่ของเยี่ยนหว๋อ และเรื่องที่จะเดินทางไปยังซางตูแล้ว ประเด็นสุดท้ายคงจะไม่พ้น แขกไม่ได้รับเชิญที่นั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออยู่มุมหนึ่งของห้อง โดยมีพี่เอกับพี่เก่งนั่งคุมเชิงอยู่ข้าง ๆ

   “เหอจง คุณไปร่างพินัยกรรมมาให้เหลาปายเหนียนพิจารณาให้ไวที่สุด” ฝู่ไฉ๋พูดเป็นเชิงไล่ให้ทนายออกไปจากห้อง

   “ผมให้เวลาคุณ 3 วัน จัดการเดินเรื่องนี้ให้เสร็จ ซึ่งคุณรู้อยู่แล้วว่าเหลาปายเหนียนจะต้องเดินทางต่อ เร็วๆ นี้” อากรกำชับอีกครั้ง

   “ครับ ผมจะรีบไปจัดการ”

   เมื่อทนายเหอจงเดินออกไปจากห้องแล้ว เป้าหมายต่อไปคงไม่พ้น จุ้ยเถิง พวกเราต่างพากันเงียบ เพราะไม่รู้จะเริ่มยังไง ผมเหลือบมองไปทางโบตั๋น

   “โอ้ย...เก๊กจนเมื่อย” เธอบ่นออกมา เนื่องจากต่อหน้าคนอื่นที่ยังไม่ไว้ใจ โบตั๋นยังคงต้องสวมรอยเป็นเจ่เจ้ไปก่อน

   “ทน ๆ เอาหน่อย แค่วันนี้เท่านั้นแหละ เดี๋ยวหงส์ก็มาแล้ว”

   พี่เสือพูดเหมือนพยายามจะปลอบโบตั๋น แต่เมื่อพี่เสือเอ่ยชื่อเจ่เจ้ อารมณ์ของจุ้ยเถิงก็ดูจะโหมรุนแรงขึ้นมาอีกครั้งจนผมกับโบตั๋นที่รับรู้ได้ ได้แต่มองหน้ากัน

   “นายจะอะไร ๆ กับเจ่เจ้นักหนา เจ่เจ้ไปทำอะไรให้ นายถึงได้ตามติดขนาดนี้” โบตั๋นพูดขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

   “ตั๋นใจเย็น ๆ สิ” อากรเป็นคนปรามไว้ “ตั๋นกับหยกจับความรู้สึกอะไรได้ใช่ไหม?” อากรถามโบตั๋นก่อนจะหันมาทางผม

   “ครับ มันเริ่มรุนแรงขึ้นตอนพี่เสือเอ่ยชื่อเจ่เจ้”

   “จุ้ยเถิง คุณก็ได้ยินเรื่องที่พวกเราจะเดินทางไปซางตูแล้วใช่ไหม รู้ไหมว่าทำไมผมถึงให้คุณที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มานั่งฟังด้วย”

   “คุณคงคิดว่าผมจะหนีจากพวกคุณไปไม่ได้ พวกคุณประมาทผมเกินไปแล้ว”

   “ไม่ใช่เลย ที่ผมให้คุณมานั่งฟังเรื่องพวกนี้ด้วย เพราะคุณต้องเดินทางไปซางตูกับพวกเรา”

   “ไปทำไม ในเมื่อเยี่ยนหว๋อก็เป็นของพวกคุณแล้ว ผมยังมีประโยชน์อะไรอีก ถึงต้องขังผมไว้”

   “ถ้าคุณไม่ทันสังเกต ผมก็จะบอกให้นะ ว่าพวกเราปล่อยคุณตั้งแต่หยกเอาอาหารเช้าไปให้แล้ว ไม่มีการขัง ไม่มีการมัด”

   “แต่ก็ยังมีคนคอยคุมอยู่” จุ้ยเถิงมองไปยังพี่เก่ง พี่เอที่นั่งอยู่ข้าง ๆ แถมยังมองเลยมาที่คุณวรรณอีกต่างหาก

   “เอาเป็นว่าแล้วแต่คุณจะคิดก็แล้วกัน เพราะถึงคุณจะออกจากที่นี่ไปตอนนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยเป็นของจุ้ยอั้ยเต๋อ คงตกมาอยู่ในมือของฝู่เรียบร้อยแล้ว”

   “คุณหมายความว่ายังไง” อากรไม่ตอบอะไรอีก “นี่คุณ ผมถามคุณอยู่นะ” จุ้ยเถิงเองก็เริ่มโวยวายขึ้นมาอีก

   “นายจะโวยวายให้ได้อะไรขึ้นมา เสียงดัง น่ารำคาญ” โบตั๋นบ่นเสียงดังเพื่อให้อีกฝ่ายได้ยิน

   “ตั๋นบ่นแบบนั้นไป เขาก็ไม่เข้าใจหรอก”

   “ก็มันน่าหงุดหงิดนี่นา ขี้โวยวายชะมัด”

   “จุ้ยเถิง พวกเราอยากรู้เหตุผลที่คุณจับตัวผมมาที่มาเก๊า” ผมเริ่มตั้งคำถามบ้าง จุ้ยเถิงมองมาทางผม จ้องกันสักพักจนพี่เสือต้องมายืนอยู่หลังเก้าอี้ตัวที่ผมนั่งอยู่

   “พวกนายก็น่าจะเดาได้นี่”

   “แต่หยกยังอายุไม่ถึง 25 พวกนายจับหยกมาก็ไม่มีประโยชน์อะไร ทำไมต้องเป็นหยก” พี่เสือถามโดยพยายามกดอารมณ์หงุดหงิดไว้

   “อาหยงมีหยกวิเศษ”

   “นี่แสดงว่านายไม่รู้...” โบตั๋นเหมือนกำลังจะพูดอะไรขึ้นมาบ้าง แต่ก็ชะงักไว้ ก่อนจะถอดเมฆาขาวของเธอมาวางไว้บนโต๊ะตรงหน้า “ฉันก็มี” โบตั๋นมองหน้าผม ผมจึงถอดเมฆาขาวออกมาวางไว้บนโต๊ะเหมือนกัน

   “หยกวิเศษ?”

   “ใช่แล้ว มันมีมากกว่า 1 ชิ้น” อากรเป็นคนตอบข้อสงสัยให้คนที่ยังตะลึงตรงหน้า

   “แล้วอาหงส์ล่ะ?”

   “นายอยากเจอเจ่เจ้มากนัก ก็รออยู่ถามเจ่เจ้เอาเองก็แล้วกัน” โบตั๋นยังไม่วายจิกกัด

   “ทำไมนายถึงได้อยากเจอเจ่เจ้นักล่ะ?” ผมเชื่อว่าทุกคนคงคิดเหมือนผม โบตั๋นสวมเมฆาขาวไว้ดังเดิม ผมจึงเอื้อมมือไปจะหยิบกลับมาสวมบ้าง แต่ยังช้ากว่าคนที่ยืนอยู่ด้านหลังผม

   “พี่สวมให้นะ” พี่เสื้อพูดอยู่ข้าง ๆ หู ผมได้แต่พยักหน้าให้น้อย ๆ

   “นี่หยก เปลี่ยนเมฆาขาวกันไหม?” โบตั๋นทักขึ้น ลูกสมุนอย่างพี่เก่งก็ตอบรับทันที

   “ทำไมละครับคุณตั๋น”

   “ก็ตอนนี้อะไร ๆ มันก็เป็นสีชมพูนี่คะ ยกเว้นเมฆาขาวของหยก”

   “อีกไม่นานมันคงเปลี่ยนเป็นสีเดียวกับของคุณตั๋นเองล่ะค่ะ หรือวรรณว่า มันอาจจะสีสดกว่าด้วยก็ได้นะคะ”

   “อะแฮ่ม” อากรที่ฟังแล้ว คงคิดว่าพวกเราเริ่มออกอ่าววิคตอเรียกันแล้ว จึงรีบขัดขึ้น จุ้ยเถิงที่ฟังพวกเราไม่ออกก็ยังคงนิ่งไม่ตอบคำถามผม

   “ฉันเข้าใจว่าคุณอาจจะมีเหตุผลที่ไม่สามารถตอบพวกเราได้ แต่เรื่องนี้หวังว่าคุณจะอธิบายได้นะคะ” คุณวรรณพูดพร้อมทั้งยื่นแทบเล็ทไปบนโต๊ะ หน้าจุ้ยเถิง ฝู่ไฉ๋เดินไปยืนข้าง ๆ และเล่าข่าวตรงหน้าให้จุ้ยเถิงรับรู้

   “แล้วมันเกี่ยวกับฉันยังไง”

   “ครั้งสุดท้ายที่ผมเห็นเขา คุณให้ลูกน้องซ้อมเขาแล้วพาลากขึ้นรถตู้ไป” ผมตอบข้อสงสัยแทนคุณวรรณ

   “ฉันให้แค่ซ้อม ไม่ได้ฆ่า มันไปรนหาที่ตายเอง ฉันเองก็ช่วยไม่ได้”

   “นายจะบอกพวกเราว่า นายไม่ได้สั่งฆ่าเกรียงไกรอย่างนั้นสิ” พี่เสือดูไม่ค่อยจะเชื่อคำพูดของจุ้ยเถิงเท่าไร อันที่จริงแล้ว ผมก็สัมผัสได้ถึงความไม่เชื่อถือของใครหลาย ๆ คนในห้องนี้

   “นายไม่ได้สั่ง แต่ลูกน้องนายอาจจะทำกันเอง” พี่เก่งตั้งข้อสันนิษฐาน

   “เป็นไปไม่ได้หรอก วันนั้นหลังจากที่พวกมันพาเกรียงไกรไปส่งที่คอนโดแล้ว พวกมันก็ไปประกันตัวไอ้พวกที่ถูกจับอยู่ในสถานีตำรวจ ก่อนจะหนีกลับมาฮ่องกง คนอย่างฉันไม่ทิ้งลูกน้องไว้ข้างหลังแน่นอนและฉันก็เป็นคนจัดการเรื่องที่พวกมันหนีออกจากประเทศไทยด้วยตัวเอง พวกมันไม่มีเวลากลับไปฆ่าเกรียงไกรหรอก”

   “เรื่องนี้ผมจะลองเช็กข่าวที่ประเทศไทยอีกที ตอนนี้พวกเราไปหาอะไรทานกันเถอะ” อากรพูดตัดบทเอาดื้อ ๆ “อ่อ ส่วนคุณนะจุ้ยเถิง จะอยู่ที่นี่หรือจะกลับไปหาลุงของคุณก็แล้วแต่คุณจะเลือกเลย”

   “อากรค่ะ” โบตั๋นเหมือนจะไม่เห็นด้วยกับอากรสักเท่าไร ซึ่งอากรก็ได้แต่ส่งยิ้มให้เล็กน้อย

   “วันนี้เราหาอะไรทานกันแถว ๆ นี้ก่อนนะครับ ไว้พรุ่งนี้พี่ค่อยพาหยกเที่ยวนะ” พี่เสือที่ดูเหมือนจะเข้าใจความคิดของอากรกว่าใคร ชวนผมไปทานข้าวตามคำแนะนำของอากร

   “เอ่อคุณเสือค่ะ จะไปหาอะไรทานกันสองคนเหรอคะ ดิฉันว่าให้เป็นหน้าที่ของดิฉันจัดการเรื่องร้านอาหารให้ดีกว่า นี่คะ สาเหตุที่ต้องระวัง” เจ้ไฉ๋ส่งมือถือให้อาการดู ก่อนอากรจะยื่นมันให้พี่เสือกับผม มันเป็นภาพผมที่ยืนถ่ายรูปอยู่ที่หน้าบริษัทฯ กับโบตั๋น

   “หยกของพี่ดังใหญ่แล้ว”

   “หลังจากจบเรื่องพินัยกรรม อาไฉ๋เตรียมเรื่องแถลงข่าวเปิดตัว 3 พี่น้องตระกูลฝู่เลยแล้วกัน ตีเหล็กคงต้องตีตอนร้อน กระแสของฝู่กำลังมา จะได้จัดการจัดแบ่งกิจการให้ดูแลกันไปเลยทีเดียว” อากรสั่งงานเจ้ไฉ๋ก่อนจะเดินนำออกจากห้องไป

........................................................................

   หงส์และต้นเก็บของภายในห้องเรียบร้อยก็ลงมาสมทบกับคุณศักดิ์ เจ็กลู่ และคุณลตาที่ห้องอาหารของโรงแรม คนของจุ้ยอั้ยเต๋อพากันหายไปกันหมด หลังจากที่เมื่อคืน จุ้ยอั้ยเต๋อเข้ามาเปิดเซฟอีกครั้ง เพื่อจะนำเงินสดหมุนเวียนในกาสิโนกว่าสี่ร้อยล้านออกไป ดีที่เจ็กลู่รอบคอบ จึงป้องกันเอาไว้ก่อนได้

   “หงส์เอาจะเอากระเป๋าไปเก็บบนรถเลยไหม?” เจ็กลู่ถามขึ้นเมื่อเธอซึ่งยังอยู่ในคราบของนภานั่งลงที่โต๊ะอาหารเรียบแล้ว

   “คุณต้นเอาไปฝากไว้ที่เบลบอยแล้วค่ะ”

   “ตาจัดรถไว้ให้หงส์อีกคันค่ะ คุณหลิว จะแวะไปที่สปากันก่อนกลับเยี่ยนหว๋อ”

   “เรื่องเมื่อคืนนี้เป็นยังไงบ้างคะ หงส์เพลีย ๆ เลยเผลอหลับไป ราว ๆ เที่ยงคืนกว่าเห็นจะได้”

   “ไม่แปลกหรอกค่ะที่หงส์จะเหนื่อย ถึงจะไม่ได้ออกแรงอะไร แต่คนที่ใช้อำนาจของหยกศักดิ์สิทธิ์มาก ๆ มันจะส่งผลกับร่างกายคนที่ใช้”

   “แสดงว่า ถ้ายิ่งใช้มันมาก ๆ ก็จะไม่ดีกับร่างกายอย่างนั้นรึเปล่าครับ” ครูศักดิ์ถามบ้าง

   “เท่าที่ตารู้มา บรรพบุรุษของเหมิ๋น หลังจากมาตั้งรกรากที่เยามะไต๋ อะไรๆ มันไม่ได้ง่ายเลย ทำให้คนรุ่นก่อนๆ ใช้อำนาจของหยกศักดิ์สิทธิ์ช่วยสร้างฐานะและชื่อเสียง แต่สิ่งเหล่านั้นมันก็แลกมาด้วยชีวิตผู้ที่ใช้มัน”

   “ถึงตายเลยเหรอครับคุณลตา?” คุณต้นถามอย่างตกใจ

   “ไม่ได้ตายทันทีหรอกค่ะ แต่อายุสั้นลงกว่าที่ควรจะเป็น อย่างยายทวดของทวดมีอายุได้เพียง 40 กว่าเท่านั้นก็สิ้น ทั้งที่ไม่ได้มีโรคประจำตัวอะไร”

   “แต่บรรพบุรุษของฝู่ไม่ได้อายุสั้นขนาดนั้น เฉลี่ยน่าจะอยู่ที่ 60-70 ปี” เจ็กลู่พูดเหมือนเล่าสู่กันฟัง

   “คงเป็นเพราะฝู่มีพื้นฐานมาจากขุนนาง มีฐานะที่มั่งคงมาตั้งแต่ต้น เลยไม่จำเป็นต้องใช้อำนาจของหยกมากนัก” ลตาออกความเห็น

   “ฝู่เป็นหนี้เหมิ๋นมากเหลือเกินคะคุณลตา หลังจากจัดการทางนี้เสร็จ หงส์รับปากว่าจะตอบแทนเหมิ๋นอย่างดีที่สุดเท่าที่ฝู่จะทำได้”

   “ทำไมฝู่กับเหมิ๋นไม่กลับมาเป็นพี่น้องกันเหมือนก่อนละครับ” ครูศักดิ์ออกความคิดเห็น “นี่ถ้าผมไม่ต้องปิดบังเรื่องที่พ่อขอไว้ ผมคงทำเหมือนกับหยกก็เป็นพี่น้องกัน”

   “ตาตัดสินใจเรื่องนี้ไม่ได้หรอกค่ะ อย่าลืมสิคะว่าตาไม่ใช่สายเลือดเหมิ๋นแท้ ๆ นะคะ”

   “แล้วเรื่องเมื่อคืนเป็นยังไงบ้างครับครูศักดิ์ ผมเองก็อยากรู้” คุณต้นถามเพื่อพากลับเข้าเรื่องที่เธอถามไว้แต่แรก

   “เป็นไปตามที่เจ็กคาดครับ แต่กว่าพวกนั้นจะกลับเข้ามาก็ราว ๆ ตีสามเห็นจะได้ จุ้ยอั้ยเต๋อมาพร้อมกับคนของมันจำนวนหนึ่ง มาถึงก็เข้าไปเปิดเซฟจะเอาเงิน โชคดีที่ผมกับคุณลตาเข้าไปเปลี่ยนรหัสกันเอาไว้ก่อนแล้ว”

   “เจ็กเฝ้าอยู่กับอาศักดิ์จนกระทั่งมันโทรหาคุณลตาเรื่องรหัส”

   “ตาก็ลงมาหาพวกมันที่ห้อง แล้วก็ทำเป็นไม่รู้เรื่อง มันโวยวายใหญ่ ตอนแรกจุ้ยอั้ยเต๋อจะบุกไปหาหงส์ที่ห้องแล้ว แต่ตาบอกไปว่า คุณทั้งสองจะมารู้รหัสได้ยังไง คนที่เปลี่ยนรหัสน่าจะเป็นคนที่มาขโมยหยกวิเศษออกไปมากกว่า”

   “มันให้คนของมันไปย้อนดูกล้องวงจรปิด ภาพที่มีก็เป็นภาพตอนที่หยกเข้าไปเอาหยกที่ห้องนั้น แล้วเปิดตู้ค้างเอาไว้ อั้ยเต๋อก็เป็นคนมาปิดด้วยตัวเอง ภาพที่ผมกับคุณลตาเข้าไป คุณคีจัดการให้เรียบร้อย”

   “ตอนนี้จุ้ยอั้ยเต๋อต้องพุ่งเป้าไปที่อากรแน่ ๆ”

   “ทางนั้นไม่ต้องเป็นห่วง เฮียน่าจะปลอดภัย มีทั้งคนของเราและเยี่ยนหว๋ออยู่เต็มไปหมด ยิ่งหยกกับตั๋นที่นั่นด้วยแล้ว เจ็กยิ่งวางใจ”

   “เรื่องสัญญา เมื่อเช้าเหอจงส่งมาให้ลตาแล้ว หงส์จะดูเลยไหม?”

   “เจ็กลู่เห็นรึยังค่ะ”

   “เจ็กอ่านแล้ว หงส์แน่ใจเหรอว่าจะลงนามในชื่อ หงส์ ชูวนาสุวรรณ

   “ค่ะ จุ้ยอั้ยเต๋ออ่านภาษาไทยไม่ออกนี่คะ อีกอย่างสัญญาทั้งหมดเป็นภาษาจีน คงไม่คิดระแวงอะไร”

   “ถ้าอย่างนั้นก็แค่รอเวลา งานแถลงข่าวเซ็นต์สัญญาจบลงเมื่อไร เราก็จะออกจากที่นี่ตรงไปเยี่ยนหว๋อทันที” คุณต้นสรุป จากนั้นพวกเราก็นั่งทานอาหารเช้าต่อ จนคุณลตาเตรียมห้องรับรองไว้ให้เพื่อรอเวลา สำหรับแผนการสุดท้าย

   คุณลตาให้คนของเหมิ๋นปล่อยข่าว อีกทั้งจัดงานเซ็นต์สัญญาต่อหน้านักข่าวหลายสำนักในบ่ายวันนี้ เป็นการกันไม่ให้จุ้ยอั้ยเต๋อเล่นตุกติกอะไร อีกทั้งครูศักดิ์ยังออกมาให้สัมภาษณ์กับนักข่าวบางสำนักไปแล้วด้วยว่าได้ร่วมหุ้นด้วยจริง แต่คุณศักดิ์พูดไม่หมดตรงที่ เขาไม่ร่วมหุ้นกับจุ้ยอั้ยเต๋อ แต่ร่วมหุ้นกับเธอต่างหาก
   
To Be Continue
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-12-2018 22:03:09 โดย Amo »

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: หยก 19-12-18 {{:::67:::}}
«ตอบ #241 เมื่อ19-12-2018 18:43:57 »

แต่ละตอนรายละเอียดเยอะ แต่ก็ไม่ลดความสนุกลงไปได้เลย
 o13 o13

ออฟไลน์ Amo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-1
Re: หยก 27-12-18 {{:::68:::}}
«ตอบ #242 เมื่อ27-12-2018 22:54:55 »

68




   พวกเรากลับจากทานอาหารเที่ยง เข้ามายังเยี่ยนหวอ อากร คุณวรรณ กับเจ้ไฉ๋แยกออกไปทำงาน โบตั๋น พี่เก่ง สองคนนั่นก็ไปสำรวจส่วนต่าง ๆ ของเยี่ยนหวอ พี่เอกับพี่ต้า อยู่ด้วยกันผมและพี่เสือ คอยดูแลอยู่ไม่ห่าง

   ผมที่อยู่ในห้องรับรองห้องหนึ่ง ที่เจ้ไฉ๋จัดเตรียมไว้ให้ เดินไปรอบ ๆ ห้องเพื่อสำรวจสิ่งของต่าง ๆ ที่ตกแต่งแปลกตา อันที่จริงมันก็คงเหมือนห้องทำงานทั่ว ๆ ไปเพียงแต่ใหญ่มากไปหน่อย โล่ง ๆ จนรู้สึกว่า หากนั่งทำงานที่นี่คนเดียวคงจะเหงาน่าดู

   “คิดอะไรอยู่ครับ” พี่เสือนั่งอยู่ที่โซฟาตัวหนึ่งถามขึ้น ระหว่างที่ผมมองออกไปนอกผนังกระจก เห็นอ่าววิคตอเรียอยู่ไกล ๆ

   “หยกแค่คิดว่าห้องนี้มันกว้างจัง นั่งทำงานคนเดียวคงเหงา”

   “ห้องทำงานพี่ก็เป็นแบบนี้นะ แต่อาจจะเล็กกว่านี้หน่อย”

   “ที่บริษัทฯ เหรอครับ”

   “ใช่ ไว้พี่จะพาหยกทัวร์นะ แก้ตัวจากคราวที่แล้ว”

   “อืม” ผมมองดูวิวด้านนอกหน้าต่างได้สักพัก พี่เสือก็ลุกมายืนซ้อนหลังผม แขนทั้งสองโอบเอวของผมไว้หลวมๆ

   “พี่สัญญา ว่าต่อไปนี้ พี่จะไม่ปิดบังอะไรหยกอีก จะดูแล และปกป้องหยก จะไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นซ้ำอีกเป็นครั้งที่ 2”

   “ไม่” ผมหันกลับไปหาพี่เสือ เห็นสีหน้าตกใจ “หยกแค่จะบอกว่า เราจะดูแลกันและกัน จะปกป้องซึ่งกันและกัน ไม่ใช่พี่เสือจะทำเพื่อหยกแต่ฝ่ายเดียว และหยกก็สัญญาไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หยกก็จะไม่ปิดบังพี่เสือไม่ว่าจะเรื่องเล็กน้อยสักแค่ไหน”

   “ขอบคุณนะครับ” พี่เสือยิ้มให้ผม ก่อนดึงผมเข้าไปกอด “ต่อไปนี้หยกเป็นเจ้าของเยี่ยนหวอแล้ว จะมีเวลามาดูแลพี่เหรอครับ”

   “หยกไม่อยู่ที่นี่หรอก หยกคิดถึงบ้านจะแย่แล้ว คิดถึงร้าน คิดถึงเด็ก ๆ ที่สถาบัน”

   “พี่ดีใจ ที่ได้ยินแบบนี้ ถ้าหยกตัดสินใจอยู่ที่นี่ พี่คงต้องหอบผ้าหอบผ่อนหนี้ตามหยกมาแน่ ๆ เลย”

   “ไม่ต้องหนีหรอก เดี๋ยวหยกให้เจ่เจ้ไปสู่ขอพี่เสือจากอากรเอง” พี่เสือดันผมออก มองหน้าผม ก่อนจะเอามือมาบีบปลายจมูกของผม

   “เดี๋ยวนี้ทะเล้นใหญ่แล้ว นี่ใช่หยกของพี่รึเปล่า หรือว่าเป็นโบตั๋นปลอมตัวมา ไหนขอพี่พิสูจน์หน่อยสิ” พูดจบพี่เสือก็ก้มหน้าเข้ามาหาผม ผมรีบเบือนหน้าหนี ก่อนที่พี่เสือจะทำอะไรรุ่มร่ามแถวนี้ ยังดีที่มีเสียงเคาะประตูมาขัดจังหวะ ช่วยผมไว้ได้อย่างเฉียดฉิว

   “บอสครับ เจ้านายเชิญบอสแล้วก็คุณหยกไปห้องโน้นครับ” พี่เอเดินเข้ามาหลังจากเคาะประตู

   “อืม ทางนั้นเริ่มกันแล้วสินะ”

   “ครับ แล้วก็...จุ้ยเถิง มันไม่ได้ไปไหน นั่งเงียบอยู่ในห้องทำงานของมัน”

   พี่เสือพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ ก่อนจูงมือผมแล้วพากันเดินออกจากห้องไป โดยมีพี่เอกับพี่ต้าเดินตามหลังอยู่ไม่ห่างเหมือนหนังมาเฟีย ต้องบอกว่าเหมือนจริง ๆ เพราะตั้งแต่เช้าที่เราออกมาจากบ้าน พี่ ๆ ทุกคนใส่สูทสีดำกันหมดไม่เว้นแม้กระทั่งคุณวรรณหรือเจ้ไฉ๋ จะมีก็แต่ผมกับพี่เสือที่แต่งกายด้วยชุดลำลองกันอยู่

........................................................................

   เมื่อพี่เอกลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมกับพี่เสือและหยก เจ๊ไฉ๋ก็เปิดฉากกั้นหน้าทีวีขนาดใหญ่ ที่ฝังอยู่บนผนังด้านหนึ่งของห้องให้เลื่อนออก และเปิดทีวีหาช่องที่ต้องการจนพบก็กลับมานั่งข้างคุณวรรณ

   โบตั๋นขยับเล็กน้อยให้หยกนั่งได้ถนัดขึ้น เพราะพี่เสือมานั่งเบียดอยู่ข้าง ๆ จนเธอต้องเบะปากอย่างหมั่นไส้ ตั้งแต่หยกปลอดภัยกลับมาพี่เสือก็ตามติดไม่ห่าง

   “เฮียนั่งได้” หยกหันมากระซิบกับเธอ

   โบตั๋นหันกลับมาสนใจที่หน้าเจอทีวีดังเดิม เจ้ไฉ๋บอกเธอว่า งานแถลงข่าวของโรงแรมแกรนด์จูสด์แอนด์กาสิโนจะไม่มีการถ่ายทอดสดเหมือนอย่างข่าวของเยี่ยนหวอ ดังนั้นพวกเราจึงมารอดูข่าวในช่องเฮสเคไอบีซี เมื่อรอได้สักพักผู้ประกาศข่าวก็เริ่มเกริ่นถึงการร่วมหุ้นทายาทสถาบันสอนศิลปะป้องกันตัว และมีภาพการสัมภาษณ์สั้น ๆ ของครูศักดิ์

   “ผมไม่รู้มาก่อนเลยว่าพี่ศักดิ์มีสาขาที่ฮ่องกงด้วย” หยกเปรยขึ้นเมื่อเห็นข่าว

   “ครูศักดิ์เพิ่งมาทำสัญญาเช่าพื้นที่ได้ไม่ถึงสัปดาห์ครับ ยังไม่ได้เปิดเป็นสาขาอย่างเป็นทางการ” พี่เอพูดขึ้นมา

   “นี่คงเป็นแผนของพี่ชาติ ที่ต้องการปูพื้นให้ครูศักดิ์ย้ายจากพื้นที่เช่าเดิมมาเป็นที่โรงแรมแทน” พี่เก่งวิเคราะห์

   “เรื่องเกี่ยวกับครูศักดิ์พวกเรารู้เรื่องกันน้อยมาก เหมือนพี่ชาติจะเป็นคนจัดการเองทั้งหมด” พี่เสือพูดพร้อมทั้งมองยังอากร

   “การที่อาหลิวไม่ได้บอกอา แสดงว่าคงเป็นแผนสำรองมากกว่า อาไม่คิดมากหรอก” เหมือนอากรจะรู้ว่าพวกลูกน้องห่วงอะไรกันอยู่

   “ตั๋นว่า บางทีแผนพวกนี้อาจจะเป็นแผนที่เจ่เจ้ กับเจ็กลู่วางกันไว้ตั้งแต่ต้นมากกว่าค่ะ บางที...ถ้าตั๋นเดาความคิดเจ่เจ้ไม่ผิด”

   “เจ่เจ้กับเจ็กลู่น่าจะหาวิธีค่อย ๆ แทรกซึมเข้าไปที่โรงแรมมากกว่า” หยกช่วยเสริมเธอ

   “ใช่ค่ะ ตั๋นก็ว่าน่าจะเป็นแบบนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะได้อาการกับพี่เสือมาช่วย ตั๋นว่าเจ่เจ๋กับเจ็กลู่ คงหายกันไปเป็นปีๆ เหมือนช่วงที่เจ็กลู่หายไปนาน ๆ”

   “ที่อาหลิวหายไป ไม่ใช่หลบไปทำศัลยกรรมหรอกเหรอ?” อากรถามขึ้น

   “ผมว่าไม่ใช่เรื่องนั้นเพียงอย่างเดียวแน่ ๆ ครับ เจ็กน่าจะไปเตรียมการอะไรบางอย่างเพื่อรอเจ่เจ้มากกว่า”

   “ผมว่าก็มีความเป็นไปได้ครับอากร ไหนจะเรื่องร้านยาของเหล่าฝู่ เรื่องครูศักดิ์ ยังมีร้านคุณกันต์อีก”

   “ร้านพี่กันต์เกี่ยวอะไรด้วยครับพี่เสือ”

   “คุณกันต์เคยถามพี่ว่า เจ็กลู่ส่งพี่มาดูแลหยกรึเปล่า”

   “ฝู่ไฉ๋รู้เรื่องพวกนี้ไหม?” อากรหันไปถามเจ้ไฉ๋

   “อาปาไม่ได้บอกอะไรกับดิฉัน เกี่ยวกับเรื่องที่ไทยเลยคะคุณกร”

   “ไม่เป็นไร ไว้อาถามอาหลิวทีหลัง”

   จากที่คุยเรื่องเจ็กลู่นอกแผนกันได้สักระยะ เจ้ไฉ๋ก็เปลี่ยนไปที่ช่องข่าวช่องอื่น ๆ ภาพส่วนใหญ่ก็จะเป็นการให้สัมภาษณ์ของครูศักดิ์ ดูเหมือนจุ้ยอั้ยเต๋อจะปฏิเสธการให้สัมภาษณ์ เพราะนักข่าวมักจะถามประเด็นที่เขาถูกถอดออกจากการเป็นรักษาการผู้บริหารเยี่ยนหวอด้วย

   ภาพการเซ็นต์สัญญาที่มีจุ้ยอั้ยเต๋อ เจ่เจ้ และครูศักดิ์ ที่ทั้งสามคนร่วมกันลงนามในเอกสาร แต่ไม่มีการเอ่ยถึงเจ่เจ้เลย

   “เท่านี้ก็จบ พวกเราก็รอหงส์กันที่นี่ อาว่าอีกสักชั่วโมงหงส์คงจะมาถึง”

   “ตอนนี้นักข่าวคงจะเล่นข่าวเยี่ยนหวอ กับข่าวจุ้ยอั้ยเต๋อไปอีกสักพัก คุณกรจะให้ดิฉันจัดงานแถลงข่าวเรื่องผู้บริหารใหม่เลยไหมคะ?” เจ้ไฉ๋ถามอากรขณะที่เขาลุกขึ้นจากที่นั่ง

   “ตั๋นว่ายังไม่ต้องดีกว่าคะอากร ตั๋นมีความคิดดีๆ อีกอย่าง” ทุกคนต่างหันมามองที่เธอ

   “ตั๋นคงไม่ได้จะเล่นซนอะไรอีกนะ” หยกหันมาพูดกับเธอ เหมือนเธอเป็นเด็ก ๆ

   “ไม่ใช่สักหน่อย ตั๋นคิดว่าเราน่าจะ...”

........................................................................

   ภายในลานจอดรถชั้นใต้ดินในโรงแรม จุ้ยอั้ยเต๋อพยายามหลบเลี่ยงนักข่าวสำนักต่าง ๆ ที่ไม่รู้ว่าแห่กันมาจากไหน และใครเป็นคนจัดฉากนี้ขึ้น กว่าเขาจะหลบออกมาได้ก็ยิ่งทำให้อารมณ์ที่คุกรุ่นอยู่แล้วเหมือนถูกเติมเชื้อไฟ ความอัดอั้นทั้งหมดยังหาที่ระบายมันออกมาไม่ได้ จึงได้แต่กระชากคอเสื้อลูกน้องที่อยู่ใกล้มือที่สุด จับทุ่มแล้วก็ส่งหมัดหนัก ๆ ลงไป คนใต้ร่างพยายามตะเกียกตะกายหนี ไม่มีใครกล้าห้ามเขา

   จุ้ยอั้ยเต๋อยืนเหนื่อยหอบจากการออกแรง กวาดตามองไปที่ลูกน้องคนอื่น ๆ ที่ยืนอยู่รอบ ๆ ตัว ลูกน้องสองคนขยับเข้ามาดึงเพื่อนร่วมงานที่สะบักสะบอมให้ลุกขึ้น ก่อนพาตัวออกไปจากตรงนี้ เขาปราดตามองพวกมันเล็กน้อย

   “ติดต่ออาเถิงได้รึยัง?” เขาพูดปนหอบ

   “ยังครับ เหมือนจู่ ๆ คุณชายก็หายไป ผมเกรงว่า...”

   “คนอย่างมันไม่ตายง่าย ๆ หรอก”

   “หรือว่าจะโดนพวกของมิสเตอร์คุณจับตัวไว้”

   “มันเดินเกมผิดแล้ว ถ้าคิดจะจับอาเถิงมาเป็นข้อต่อรอง อาเถิงมันไม่ได้มีค่าอะไรมากขนาดที่จะเอามาต่อรองกับฉันได้”

   “เหล่าไป่!! ”

   “ทำไม?” จุ้ยอั้ยเต๋อตวาดไม่พอใจ

   “ไม่มีอะไรครับ”

   “กลับ!! ”

   “เราจะไปที่ไหนครับ?”

   “กลับชุง ฮอม กอก”

   ตอนนี้เหลือเพียงที่เดียว ที่เขาจะสามารถกลับไปได้และเป็นสถานที่เดียวที่สามารถหลบพวกนักข่าวได้สักพักหนี่ง เขาสูญเสียทุกอย่างภายในไม่กี่วันเพราะไอ้วรากรเพียงคนเดียว มันเข้ามาหลอกล่ออ้างว่าจะมาตามหาคนรักของมัน แต่ที่ไหนได้ กลับส่งหลานของมันมาพนันกับเขา ไอ้คนเกาหลีนั่นก็อีกคน

   “ช่วงที่อยู่ไทย อาเถิงได้คุยกับใครที่ไม่น่าไว้ใจรึเปล่า” เขาถามขึ้นมาเข้ามานั่งในรถแล้ว”

   “ไม่มีครับ ส่วนใหญ่ก็คนของเรา คุณลตา แล้วก็ฝู่หยง”

   หรือจะเป็นเพราะฝู่หยงใช้อำนาจของหยกวิเศษทำให้จุ้ยเถิงหักหลังเขา ไม่มีใครรู้ว่าเก๋อหมิงอยู่ที่ไหนนอกจากเขา อาเถิง แล้วก็หมอกับพยาบาลที่เขาจ้างมาดูแลอีก 2 คนเท่านั้น รหัสเซฟก็มีเพียงเขาและอาเถิงเท่านั้นที่รู้

   “ทางไอ้วรากรละ”

   “มิสเตอร์คุณไปไหนมาไหนเพียงไม่กี่ที่ ถ้าไม่อยู่ที่โรงแรมที่เขาพักมาตั้งแต่มา ก็จะเป็นที่เยี่ยนหวอ”

   “แล้วเรื่องฝู่หงส์ที่ให้ไปสืบล่ะ ได้ความว่ายังไง”

   “ฝู่หงส์เพิ่งเดินทางมาที่ฮ่องกงเมื่อสองวันก่อน เท่าที่รู้ตอนนี้ ฝู่ไฉ๋เป็นคนจัดการทั้งหมด รวมถึงเรื่องงานแถลงข่าวด้วยครับ”

   “แล้วเหอจงล่ะ”

   “ลูกเมียของทนายเหอ ไปเที่ยวต่างประเทศเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว ที่เพนเฮ้าส์ของทนายเหอเลยไม่มีคนอยู่ ส่วนตัวเขาตอนนี้อยู่ที่เยี่ยนหวอชั่วคราว”

   “ติดต่อมันได้ไหม?”

   “ได้ครับ แต่มันอ้างว่างานยุ่ง เพราะฝู่หงส์มีงานด่วนให้ทำหลายเรื่อง ทำให้ออกมาพบเหล่าไป่ไม่ได้ มันว่ามันถูกจับตามองอยู่”

   “ต่อสายให้มันคุยกับอั้ว”

   “ครับ” จุ้ยอั้ยเต๋อรออยู่ไม่นาน ลูกน้องก็ส่งโทรศัพท์มาให้

   ‘ครับคุณจุ้ย’

   “นายเป็นคนจัดการเรื่องปลดฉันออกจากตำแหน่งใช่ไหม?”

   ‘ขอโทษด้วยครับคุณจุ้ย มันเป็นคำสั่งของเหล่าป่ายเหนียง’

   “แล้วตอนนี้ฝู่หงส์มีแผนการจะทำอะไรอีก บอกอั้วมาให้หมด”

   ‘แผนการ? แผนการอะไรครับ ไม่มีนี่ครับ’

   “อย่ามาไขสือ บอกมาว่าตอนนี้ฝู่หงส์กำลังจะทำอะไร”

   ‘ผมไม่รู้อะไรมากหรอกครับ ผมมีหน้าที่ทำเอกสารเกี่ยวกับกฎหมาย แล้วก็สัญญาต่าง ๆ ให้เหล่าป่ายเหนี่ยงเท่านั้น’

   “กฎหมายอะไร สัญญาอะไร?”

   ‘ในฐานะของทนาย ผมคงบอกอะไรไม่ได้ ในเมื่อคุณไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง’

   “เหอจง!! ”

   ‘เรื่องที่คุณอยากรู้ ผมว่าคุณลองถามคุณชายหรือไม่ก็คุณลตาเอาเองเถอะครับ’

   “หมายความว่ายังไง จุ้ยเถิงรู้อะไร ลตาทำอะไร”

   ‘ผมเองก็ไม่รู้หรอกนะครับ ว่าคุณชายรู้เรื่องอะไร มากน้อยแค่ไหน ผมเห็นเขาประชุมร่วมกันกับเหล่าป่ายเหนียงเมื่อเช้านี้ ส่วนคุณลตาก็เป็นคนที่คุณให้ประสานงานเรื่องสัญญาเองนี่ครับ เฮ้อ...คุณจุ้ยครับ ถึงคุณจะถอดใจเพียงเพราะเหล่าป่ายเหนียงกลับเข้ามาบริหารเยี่ยนหวอ แต่ผมว่า คุณไม่เห็นจำเป็นถึงกับจะต้องยกโรงแรมให้เหล่าป่ายเนียงไปนี่ครับ’

   “เดี๋ยว แกว่ายังไงนะ ใครยกโรงแรมให้ฝู่หงส์?”

   ‘อ่าว ก็ใครซะอีกละครับ ก็คุณจุ้ยเองนั่นแหละ’

   “ไม่ ฉันไม่ได้ยกให้มัน ฉันสั่งให้ลตาแบ่งหุ้นให้เมียของไอ้เสือนั่นแค่นิดหน่อยเท่านั้น”

   ‘อะไรกันครับ คุณเพิ่งเซ็นต์เอกสารยกโรงแรมแกรนด์จูสด์แอนด์กาสิโนให้กับเหล่าป่ายเหนี่ยง แถมยังใจดีแบ่งหุ้นให้กับมิสเตอร์คิม วุก แจ อีก 15 เปอร์เซ็นต์ด้วยนะครับ นี่ผมเพิ่งได้สำเนาสัญญาที่มีตราประทับประจำตระกูลฝู่อยู่เลย ถ้าเอกสารตัวจริงมาและพิสูจน์สีของน้ำหมึกแล้ว ...’

   จุ้ยอั้ยเต๋อไม่ได้ฟังอะไรต่อจากนั้นอีก เขารู้ว่าสัญญาที่เซ็นต์ไปคืออะไร แต่ไม่คิดว่าคนที่รับผลประโยชน์จะเป็นฝู่หงส์ ลิลลี่คงมีส่วนรู้เห็นด้วยแน่ ๆ จุ้ยเถิงเข้าไปเกี่ยวข้องอะไรด้วย แล้วผู้หญิงคนที่ชื่อนภาเป็นใครกันแน่ ฝู่หงส์ก็ยังอยู่ที่เยี่ยนหวอ ฝู่หยงเพิ่งจะหนีไปได้เมื่อวานพร้อมหยกวิเศษ เขาได้แต่คิดวกไปวนมาคิดยังไงก็ไม่เข้าใจเรื่องราวทั้งหมด

........................................................................

   จุ้ยเถิงนั่งอยู่ในห้องทำงานของตัวเอง โดยไม่มีใครมาเฝ้าอย่างที่วรากรได้บอกเอาไว้ มีเพียงเลขาของเขาที่เข้ามาดูแลเรื่องอาหารการกินให้ ส่วนเรื่องงานที่ต้องรับผิดชอบที่นี่ เดิมทีเขาก็ไม่มีหน้าที่อะไรอยู่แล้ว มีเพียงตำแหน่งลอยๆ ที่ลุงของเขามอบให้เท่านั้น

   เขามีความคิดที่จะติดต่อไปหาจุ้ยอั้ยเต๋อ แต่โทรศัพท์มือถือของเขาดันลืมไว้ที่รถ ไม่ได้เอาติดตัวมาด้วย พอได้จังหวะปลอดคน เขาก็ใช้โทรศัพท์ที่โต๊ะทำงานโทรไปหลายครั้ง แต่ลุงของเขาก็ไม่รับสายสักที จนกระทั่งเขาเห็นข่าวเรื่องที่ลุงเซ็นต์สัญญาร่วมหุ้นกับภรรยาของมิสเตอร์คุณ และคิม วุก แจ เขาก็พยายามโทรไปอีกครั้ง แต่สายก็ไม่ว่าง

   คนพวกนี้ต้องการมัดมือชกลุงของเขาให้ยอมเซ็นต์สัญญาต่อหน้าสื่อ ทำให้ดิ้นไม่หลุด เขาเชื่อว่าสัญญาฉบับนั้น ลุงของเขาคงมีวิธีบิดเบือนมันได้ไม่มากก็น้อย และอีกคนที่จะให้คำตอบเขาได้ในตอนนี้คงไม่พ้น ลตา เขาจึงกดโทรศัพท์ไปหาเธอ

   ‘ว่ายังไงคะคุณชายจุ้ย’

   “ผมขอคุยกับกู๋หน่อย”

   ‘ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ นะคะคุณจุ้ย ตาไม่ได้อยู่กับเหล่าไป่หรอกค่ะ ไม่ทราบว่าเขาหายไปไหน สงสัยคงจะหลบหน้ากองทัพนักข่าวอยู่แน่ ๆ ตาไม่เห็นตั้งแต่เซ็นต์สัญญาเสร็จ’

   “แล้วเรื่องสัญญาเป็นยังไงบ้าง เรียบร้อยดีไหม?”

   ‘เรียบร้อยดีคะ ราบรื่นดี ไม่มีใครสงสัยอะไร ทุกคนก็เซ็นต์ลงนามกับปกติไม่มีข้อโต้แย้งอะไร’

   “ลุงให้คุณแบ่งหุ้นให้พวกนั้นไปเท่าไร”

   ‘15 เปอร์เซ็นต์สำหรับมิสเตอ์คิม วุก แจ ค่ะ’

   “ไม่มากไปหน่อยเหรอ ทำไมลุงถึงใจดีขนาดนั้น”

   “ไม่ใช่จุ้ยอั้ยเต๋อหรอกค่ะที่ใจดี แต่เป็นคุณหงส์ ชูวนาสุวรรณต่างหากที่เป็นคนแบ่งให้” ลตาพูดหลังจากผลักประตูเข้ามาในห้องทำงานของเขา

   “เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”

   “ฉันก็มาพร้อมกับเหลาป่ายเหนียงแห่งเยี่ยนหวอยังไงละ” ลตาพูดจบก็เบี่ยงตัวหลบให้กับคนข้างหลังได้ก้าวเข้ามา

   “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ อาเถิง”

   “อาหงส์...”

To Be Continue

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: หยก 27-12-18 {{:::68:::}}
«ตอบ #243 เมื่อ28-12-2018 20:39:35 »

 :3123: :3123:
สนุกจ๊ะ เข้มข้นทุกตอน

ออฟไลน์ numay

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1
Re: หยก 27-12-18 {{:::68:::}}
«ตอบ #244 เมื่อ01-01-2019 21:29:35 »

สนุกมาก รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ Amo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-1
Re: หยก 02-01-19 {{:::69:::}}
«ตอบ #245 เมื่อ02-01-2019 22:45:29 »

69



   ภายในห้องทำงานที่เงียบสนิท คนที่อยู่ภายในห้องต่างคนต่างไม่เอ่ยอะไร หลังจากที่คุณลตาออกจากห้องไปแล้ว เธอก็เดินเข้ามานั่งอยู่ต่อหน้าจุ้ยเถิง อารมณ์ของคนตรงหน้ายังคงรุนแรงไม่เปลี่ยนไปจากเดิม และเหมือนกับว่าพออายุมากคืนอารมณ์ก็ยิ่งรุนแรงตาม

   จุ้ยเถิงได้แต่มองหน้าเธออยู่อย่างนั้น เธอรู้ว่าเขาคงยังไม่พร้อมที่จะพูดอะไรกับเธอ และยังสัมผัสได้ว่าเขาสับสนมากแค่ไหน เธอปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปกว่า 30 นาที คนที่จ้องเธออยู่ก็ดูจะไม่พร้อมที่จะพูดคุย เธอจึงตัดสินใจลุกขึ้น แล้วเดินออกมา

   หน้าห้องทำงานของจุ้ยเถิง คุณลตาและคุณต้นยังคงยืนรออยู่ไม่ไปไหน เธอจึงยิ้มให้อย่างขอบคุณที่ทั้งสองเป็นห่วงเธอ ขณะประตูกำลังจะปิดลง คนในห้องก็รั้งมันไว้

   “อาหงส์ เธอคืออาหงส์” เธอหันไปมองตามเสียงเรียก แล้วก็ยิ้มให้คนที่รั้งเธอไว้ เขามองเธอสลับกับคุณต้น “เธอ คือคุณนภา”

   “ไม่ หงส์ก็คือหงส์ นภาไม่มีตัวตน”

   “...เธอ...แต่งงานแล้ว?...”

   “ไว้ให้คุณพร้อมที่จะคุยเมื่อไร หงส์จะมาพบคุณอีกครั้ง”

   เธอพูดจบก็เดินตามคุณลตาไปโดยมีคุณต้นเดินตามหลัง เธอเดินมาจนถึงห้องที่ทุกคนรวมตัวกันอยู่ เมื่อเปิดประตูเข้าไป ก็พบรอยยิ้มต้อนรับที่ส่งให้กับเธอยกเว้นเด็กซนคนหนึ่งที่พุ่งเข้ามากอดเธอไว้

   “เจ่เจ้ คิดถึงจัง ตั๋นเป็นห่วงแทบแย่” โบตั๋นคลายอ้อมกอดออกจากเธอ หยกก็เข้ามากอดเธอบ้าง

   “เข้าใจเจ่เจ้ให้ไหม” เธอถามน้องชายที่ยังคงท่าทางสงบนิ่งไม่เปลี่ยน

   “ครับ เจ่เจ้”

   เธอเดินทางมาถึงเยี่ยนหวอ พร้อมกับคนอื่น ๆ แต่ก่อนที่จะเข้ามาในห้องนี้ จุ้ยเถิงก็โทรหาคุณลตา ทำให้ทั้งเธอ คุณต้น และคุณลตาแยกตัวไปพบจุ้ยเถิงก่อน

   “หงส์ไปคุยอะไรกับจุ้ยเถิงอย่างนั้นเหรอ” เจ็กลู่ที่เข้ามายังห้องนี้พร้อมครูศักดิ์ถามขึ้น

   “ยังไม่ได้คุยอะไรกันคะเจ็ก อาเถิงยังดูสับสนอยู่”

   “นายนั่น เขาก็ดูสับสนอยู่ตลอดเวลาแหละเจ่เจ้” โบตั๋นพูดอย่างหมั่นไส้

   “เจ่เจ้รู้จักจุ้ยเถิงมาก่อนเหรอครับ” คำถามของหยกทำให้ทุกคนในห้องต่างหันมามองที่เธอ ยกเว้นเจ็กลู่

   “อืม อาเถิงเป็นเพื่อนเล่นกับเจ่เจ้มาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วละ ตอนนั้นอาเถิงไม่ค่อยมีเพื่อนเท่าไร เพราะตัวที่โตกว่าเด็กทั่วไป แล้วยังเป็นคนเชื้อสายตะวันตกด้วย”

   “เขาพยายามตามหาเจ่เจ้ก็เพราะแบบนี้สินะ เจ่เจ้คงเหมือนกันเป็นเพื่อนคนเดียวของเขา แต่ก็ไม่น่าทำตัวแบบนี้ ทำร้ายหยก แล้วก็หวังจะจับเจ่เจ้อีก”

   “ผมพยายามถามเหตุผลที่เขาทำแบบนี้ แต่เขาไม่ตอบ ผมเข้าใจว่าเขาคงอยากจะเป็นคนบอกกับเจ่เจ้เอง”

   “อืม เจ่เจ้พอจะรู้อยู่บ้าง แต่เมื่อครู่ที่เข้าไปหาเขา เรายังไม่ได้คุยอะไรกัน”

   “มากันเหนื่อย ๆ ไปพักกันก่อนไหมครับ” คุณพยัคฆ์พูดขึ้นพร้อมเดินเข้ามาประชิดตัวหยก

   “ไม่เหนื่อยหรอกค่ะ คุณเสือไม่ต้องเกรงใจ” คุณลตาเป็นคนตอบ เธอเองก็คิดว่า ควรจะจัดการอะไร ให้จบโดยเร็ว

   “อากรค่ะ เรื่องพินัยกรรม?” เธอถามเรื่องแรกที่เธอต้องจัดการโดยด่วน

   “พรุ่งนี้ทนายเหอจะเอาเอกสารมาให้อาตรวจสอบ หงส์จะดูพร้อมกับอาเลยไหม?”

   “ดีคะ”

   “แล้วคุณหงส์จะจัดการยังไงกับโรงแรม” ครูศักดิ์ถามขึ้น

   “หงส์จะเปลี่ยนชื่อเป็น แกรนด์ฝู่โฮเต็ลแอนด์กาสิโน แล้วเอาเข้ามารวมกับที่เยี่ยนหวอ”

   “ต้องให้ทนายเหอรวมเรื่องโรงแรมไว้ในพินัยกรรมด้วยไหม”

   “ยังไม่ต้องก็ได้ค่ะ แต่หงส์รบกวนอากรจัดการเรื่องเปลี่ยนชื่อหน่อยนะคะ เอกสารทุกอย่างที่จะต้องให้หงส์เซ็นต์ หงส์อยากจัดการให้เสร็จก่อนไปหยวนซางตู”

   “ได้ เดี๋ยวอาจัดการให้ และมีเรื่องหนึ่งที่หงส์กับน้อง ๆ ต้องรู้”

   “ใช่ ถ้าเป็นไปได้ เจ็กก็อยากจะให้พวกเราไปที่ที่หนึ่งกับเจ็กตอนนี้”

   “ไปไหนคะเจ็ก” โบตั๋นทำเสียงตื่นเต้น ราวกับว่าจะได้ไปเที่ยวเล่นที่ไหน เธอหันไม่มองหยก

   “ไปกันเลยก็ได้ครับ”

   จากนั้นพวกเราก็ออกจากห้อง โดยที่มีเจ็กลู่ อากร คุณพยัคฆ์เป็นผู้ติดตามเท่านั้น

........................................................................

   เซียงไบ่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับจุ้ยอั้ยเต๋อ แต่คาดว่าจะมีต้องมีปัญหาเรื่องเงินทุนหมุนเวียนในกาสิโนแน่ ๆ ถึงยอมให้คนอื่นมาร่วมหุ้นอย่างนี้ เขาพยายามติดต่อทั้งจุ้ยอั้ยเต๋อ และจุ้ยเถิงอยู่หลายวันก็ไม่เป็นผล คนของจุ้ยอั้ยเต๋อที่คอยดูแลเขาตั้งแต่เข้ามาพักที่นี่ อยู่ๆ ก็หายหน้าไปอีก

   ตอนนี้เขาได้แต่นั่ง ๆ นอน ๆ ในห้อง จะลงไปเล่นที่กาสิโนก็ไม่มีเงิน อีกสองอาทิตย์วีซ่าของเขาก็จะหมด ตั้งใจว่าจะให้จุ้ยอั้ยเต๋อช่วยจัดการเรื่องตั๋วให้เขากลับไทย พอนึกถึงเกรียงไกรแล้วก็ยังเคืองไม่หาย ติดต่อก็ไม่ได้รู้ทำไมถึงไม่รับสายเขา อุตส่าห์ขอร้องให้อั้ยเต๋อพาเกรียงไกรมาหลบที่นี่ เจ้าลูกชายตัวดีดันไปทะเลาะกับจุ้ยเถิง จนเขาไม่ยอมพามา

   เขากดโทรศัพท์ภายในห้อง ไปหาจุ้ยอั้ยเต๋ออีกครั้ง ปลายสายยังคงเป็นเลขารับดังเดิม เขาจึงได้แต่ฝากข้อความไว้

   “ถ้าอั้ยเต๋อกลับเข้ามาเมื่อไร บอกเขาด้วยว่าฉันต้องการคุยด้วย”

   “คุณเซียงมีอะไรฝากไว้ไหมคะ เพราะดิฉันไม่เองก็ไม่แน่ใจว่าคุณจุ้ยจะเข้ามาเมื่อไร ตอนนี้อะไรๆ ภายในโรงแรมเปลี่ยนไปพอสมควร”

   “บอกเขาให้ช่วยจัดการตั๋วกลับไทยให้ฉันก็แล้วกัน”

   “ได้ค่ะ ดิฉันจะรีบแจ้งทันทีที่ติดต่อคุณจุ้ยได้”

   อันที่จริงเขาอยากจะได้เงินอีกสักหน่อย เพื่อลงไปเล่นที่กาสิโนข้างล่าง แต่ใจให้บอกผ่านเลขา ที่เป็นคนอื่น เขาคิดว่าไม่ควรจะพูดออกไป เมื่อวางสายจากเลขาของจุ้ยอั้ยเต๋อแล้ว เขาก็โทรศัพท์กลับไปที่บ้านของเขา ซึ่งวันนี้ก็ยังไม่มีคนรับสาย ทั้งเกรียงไกร และเด็กในบ้าน พากันหายไปไหนหมด

   เมื่อติดต่อไม่ได้แบบนี้หลายวัน เขาจึงตัดสินใจโทรไปหาภรรยาของเขา ถึงแม้ว่าจะหย่าขาดกันไป แต่หากโทรไปถามถึงสารทุกข์สุกดิบกัน ฝ่ายนั้นคงจะไม่รังเกียจถึงขนาดไม่รับสายของเขาหรอกนะ

   ‘เฮีย อยู่ไหน’ ปลายสายกดรับอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเสียงที่พยายามควบคุมไม่ให้สั่นเครือ

   “อั้วอยู่มาเก๊า เรื่องลูก อั้วรู้แล้ว ลื้อทำใจดี ๆ แล้วตอนนี้อีเป็นยังไงบ้าง”

   ‘ถ้าเฮียรู้ แล้วทำไมเฮียยังไม่รีบกลับมา จะมาถามถึงลูกให้มันได้อะไรขึ้นมา’

   “ตอนนี้ถึงอยากกลับ อั๊วก็กลับไม่ได้ แต่รอไม่นานหรอก ไม่เกินอาทิตย์นี้อั้วคงจะได้กลับ”

   ‘อะไรมันจะสำคัญไปกว่างานศพลูกอย่างนั้นเหรอ งานสวดก็ไม่มา งานเผาก็ไม่คิดจะมาอีกอย่างนั้นเหรอ”

   “เดี๋ยวๆ อาษา งานสวดอะไร งานเผาอะไร”

   ‘ไหนว่าเฮียรู้เรื่องลูก ก็น่าจะรู้สิว่าลูกรุมทำร้ายจนตาย’

   “ลื้อว่าอะไรนะ อาเกรียงตายแล้วอย่างนั้นเหรอ”

   ‘คนอย่างเฮียไม่เคยสนใจอะไรนอกจากตัวเอง เอาเถอะลูกของษา ษาก็จัดการเอง ส่วนเฮียอยากจะไปทำอะไรที่ไหนก็เชิญ’

   เซียงไบ่ได้แต่ถือโทรศัพท์ค้างไว้อยู่อย่างนั้น ทั้งที่ปลายสายวางไปนานแล้ว เขาได้แต่คิดว่าเกรียงไกรตายได้อย่างไร หรือจุ้ยเถิงจะเป็นคนฆ่า ถ้าเป็นนั้น ไม่ใช่ว่าเป็นเขาเองหรอกเหรอ ที่ส่งลูกไปตาย เขาต้องไปคุยกับสองลุงหลานนั่นให้รู้เรื่อง และแหล่งกบดานเดียวที่พวกมันจะไปหลบได้ก็มีแต่บ้านเดิมของพวกมันที่ ชุง ฮอม กอก

........................................................................

   ผมนั่งอยู่บนรถตู้คันหนึ่งที่เจ้ไฉ๋จัดไว้ให้อากรใช้ ผมยังไม่รู้ว่าเจ็กลู่กับอากรจะพาพวกเราไปที่ไหนกัน แต่เท่าที่ดูแล้ว มันน่าจะสำคัญมาก ๆ แต่คงไม่อันตรายอะไร ดูจากที่ตอนนี้มีเพียงพี่เสือที่ตามเรามาเท่านั้น

   ระหว่างที่เจ่เจ้ไปคุยกับจุ้ยเถิง ผมเลยได้มีโอกาสถามพี่ศักดิ์ ถึงความเป็นมาทั้งหมดของพี่ศักดิ์ ว่ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง จึงได้รู้ว่าที่แท้แล้วพ่อของพี่ศักดิ์กับเจ็กลู่เคยร่วมงานกันมาก่อนที่เกาหลีเหนือ ทั้งสองนับถือกันเป็นพี่เป็นน้อง งานครั้งนี้พ่อของพี่ศักดิ์ก็ส่งเขามา ซึ่งพี่ศักดิ์รู้จักผมมาก่อนที่ผมจะเข้ามาทำงานกับพี่ศักดิ์ซะอีก

   พี่ศักดิ์บอกกับผมว่า ที่รับผมเข้าทำงานที่สถาบัน ไม่ใช่เพราะผมเป็นเด็กเส้นอย่างที่ผมกังวล แต่เพราะความสามารถของผมเอง อีกทั้งผมยังใจเย็น สามารถหลอกล่อเด็กได้ดี ทำให้เด็กส่วนใหญ่ติดผม จนลงคอร์สเพิ่ม สร้างรายได้ให้กับสถาบันเป็นกอบเป็นกำ แล้วที่สำคัญ สถาบันในประเทศไทย พวกเราสามพี่น้องมีหุ้นอยู่รวมกัน 20% โดยเงินปันผลที่ได้มา เจ่เจ้ก็เอามาซื้อบ้านส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งซื้อตึกที่เป็นร้านขายยาของเหล่าฝู่

   ไม่เพียงเท่านี้ เจ็กลู่กับเจ่เจ้ได้วางรากฐานไว้ให้เราอย่างดี หากเราไม่สามารถเอาเยียนหวอกลับมาได้ พวกเราก็อยู่กันได้อย่างสบาย ๆ เพราะนอกจากสถาบันของพี่ศักดิ์ ร้านยาของเหล่าฝู่ ก็ยังมีห้องเสื้อที่พี่ภาเป็นเจ้าของ และร้านอาหารของพี่กันต์อีก

   ห้องเสื้อของพี่ภา พี่ภาเห็นว่าโบตั๋นชอบงานแบบเดียวกับเธอ เลยยกหุ้นให้ฟรี ๆ กับโบตั๋นครึ่งหนึ่ง ซึ่งพี่ภาตั้งใจว่า จะบอกโบตั๋นก็ต่อเมื่องานดีไซด์ของเธอได้ขึ้นโชว์เป็นครั้งแรก

   ส่วนเรื่องร้านพี่กันต์นั้น อาจจะเป็นเพราะความรักที่มีต่ออากรของเจ็กลู่ ทำให้เขาแอบมองคนรักอยู่ห่าง ๆ และมักจะแวะมาร้านของพี่กันต์เสมอ จนกระทั่งวันหนึ่ง ร้านพี่กันต์มีปัญหา ลดพนักงานลง และติดประกาศขายกิจการ ซึ่งเจ็กลู่ในช่วงนั้น เห็นว่าสามพี่น้องน่าจะมีกิจการเป็นของตัวเองคนละอย่าง จึงตัดสินใจซื้อเอาไว้โดยให้พี่กันต์เป็นผู้บริหารร้านต่อ แลกเปลี่ยนกับปิดเรื่องนี้เป็นความลับ เมื่อผมบังเอิญเข้ามาสมัครงานพาร์ทไทม์ที่นั่น

   “คิดอะไรอยู่ครับ พี่เห็นเรายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ มาสักพักแล้ว คงไม่ได้คิดถึงใครอยู่หรอกนะ”

   “หยกคิดถึงตั้งหลายคน”

   “โห นี่หยกมีกิ๊กซุกเอาไว้เยอะขนาดนั้นเลยเหรอ แล้วพี่จะเริ่มหึงจากใครก่อนดี”

   “ไล่ตั้งแต่อายุเลยนะ ก็มีเหล่าฝู่ พี่กันต์ พี่แก้ว พี่ภา”

   “พอแล้ว ๆ ไล่จนครบพี่คงตามหึงจนเหนื่อย”

   “อ่าว ก็หยกเห็นว่าพี่เสืออยากรู้”

   “เปลี่ยนใจไม่อยากรู้แล้ว ว่าแต่หยกเถอะ ถ้าเลือกได้ระหว่างร้านคุณกันต์กับสถาบันครูศักดิ์ หยกจะเลือกอย่างไหน”

   “ทำไมต้องเลือกละครับ”

   “ก็เพราะพี่อยากให้หยกทำงานแค่ที่เดียว ไม่อยากเห็นหยกเหนื่อย”

   “ทำงานทั้งสองที่แบบนี้ยกก็ไม่เห็นจะเหนื่อยเลย”

   “ถ้าอยากทำงานสองที่ งั้นหยกต้องลดคลาสสอนที่สถาบันลงบ้าง ได้ไหมครับ”

   “หยกขอคิดดูก่อนได้ไหมครับ”

   “ยังไม่ต้องรีบคิดอะไรหรอกนะหยก เพราะอีกไม่นานทั้งหยกกับโบตั๋นคงต้องมาช่วยงานหงส์อีกเยอะเลย”

   อากรที่นั่งอยู่ที่แถวหน้า หันมาบอกผมและโบตั๋น ซึ่งมันก็จริงอย่างที่อาการว่า กิจการที่เจ็กลู่เตรียมไว้ให้พวกเราดูเล็กน้อยไปเลยเมื่อเทียบกับเยี่ยนหวอและแกรนด์ฝู่

   คนขับพาเรามาถึงโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ใกล้ ๆ กันกับบ้านของเจ็กลู่ พวกเราสามคนเดินตามอากรกับเจ็กลู่ไป โดยมีพี่เสือเดินรั้งทั้งท้าย จนมาถึงห้องพักห้องหนึ่ง ภายในห้องมีชายคนหนึ่งนอนอยู่บนเตียง มีสายระโยงระยางเต็มไปหมด เครื่องตรวจวัดชีพจรแสดงกราฟการเต้นของจังหวะหัวใจที่สม่ำเสมอ

   ผมเห็นเจ่เจ้เดินเข้าไปใกล้เตียงของชายคนนั้น หยาดน้ำตาที่ผมแทบจะไม่เคยได้เห็นจากเจ่เจ้หยดลงมาที่แก้ม ไร้เสียงสะอื้นใดใด ผมและโบตั๋นรีบเดินเข้าไปหาเจ่เจ้ทันที พวกเรากุมมือเจ่เจ้กันคนละข้างเพื่อเป็นการปลอบใจ

   “หยก ตั๋น นี่ป๊าของพวกเรา” เจ่เจ้พูดออกมาในที่สุด ผมและโบตั๋นตกใจไม่แพ้กัน ผมมองหน้าเจ่เจ้ที่จ้องใบหน้าของคนที่ได้ให้กำเนิดพวกเรามา ก่อนหันไปมอง ป๊า ที่เป็นคนสั่งให้เจ็กลู่พาพวกเราหนีจากน้ำมือของจุ้ยอั้ยเต๋อ

   “อากรพบป๊าได้ยังไงคะ?” โบตั๋นถามขึ้น มือทั้งสองข้างเปลี่ยนไปกุมมือของป๊าเอาไว้

   “อาไม่ได้เป็นคนเจอหรอก หงส์จำได้ไหม ที่หงส์สงสัยว่ามีใครคนหนึ่งหลบอยู่ในบ้านฝู่”

   “ค่ะ หงส์จำได้”

   “เจ็กเลยหาโอกาสแอบเข้าไป จนพบห้องลับห้องหนึ่ง ที่ขังเก๋อหมิงไว้”

   “เก๋อหมิง? คนที่พี่เสือไปช่วย” ผมจำได้ว่าตอนอยู่บนรถตู้สายลับนั่น พี่เก่งบอกผมว่าพี่เสือไปช่วยคนที่ชื่อเก๋อหมิง”

   “ใช่ พี่เป็นคนไปพาป๊าของเราออกมา”

   “แสดงว่าตั้งแต่ตอนที่พวกเราหนีออกมา ป๊าก็ถูกจุ้ยอั้ยเต๋อจับตัวไว้ตลอด” เจ่เจ้พยายามบังคับเสียงตัวเองไม่ให้สั่น

   “เรื่องนี้ไม่มีใครตอบได้นอกจากเก๋อหมิง”

   “แล้วตอนนี้ป๊าเป็นยังไงบ้างคะ” โบตั๋นที่ฟังพวกเราคุยกัน เงยหน้าขึ้นมาถาม

   “อาให้เพื่อนตรวจร่างกายของเก๋อหมิงอย่างละเอียดแล้ว ตามร่างกายมีร่องรอยการถูกทำร้ายบ้าง แต่แผลมันเก่ามาก แต่ที่น่าเป็นห่วงคือยากล่อมประสาทที่ได้รับมาเป็นเวลานาน ยาตัวนี้ทำให้คนที่ได้รับมึนงง ไร้สติ ไปจนถึงหลับอยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่พาเก๋อหมิงเข้ามาที่เขาก็ไม่ได้รับยาตัวนั้นแล้วล่ะ”

   “แล้วมีโอกาสฟื้นไหมครับ” ผมถามอย่างมีหวัง

   “อาอยากให้พวกเราทำใจ สมองเก๋อหมิงเสียหายหนักมาก พอหยุดให้ยานั่น อาการเขาก็ทรุดลง จนต้องใช้เครื่องช่วยหายใจอย่างที่เห็น”

   “ตอนนี้ป๊าอยู่ได้ด้วยเครื่องช่วยหายใจใช่ไหมคะ?” เจ่เจ้จับมือผมให้กุมมือข้างหนึ่งของป๊า ส่วนอีกข้างกุมมือผมไว้

   “ใช่แล้วละ อาเสียใจด้วยนะ” เจ่เจ้ไม่ตอบอะไร แต่เอื้อมมืออีกข้างไปจับมือโบตั๋นไว้ เราทั้งสี่จับมือกับเป็นวงกลม เจ่เจ้หลับตาลง ผมเห็นโบตั๋นทำตามผมจึงหลับตาลงบ้าง

   ‘หยก ตั๋น ทำใจให้สบาย ปล่อยจิตให้ว่างปล่อย แล้วตามเสียงของเจ่เจ้มา’ ผมที่ได้ยินเสียงเจ่เจ้ในหัว ก็พยายามทำตามที่เจ่เจ้แนะนำ

   ...

   ..

   .

   จนกระทั่ง ความมืดมิดที่ผมเห็นตรงหน้า ค่อยกลับกลายเป็นหมอกขาว

   ...

   ..

   .

   ‘หยก’ เสียงของเจ่เจ้ ผมเดินตามเสียงนั้นไป

   ...

   ..

   .

   ‘หยก’ เสียงที่ดังขึ้นเรื่อย ๆ ‘หยก’ ไม่ได้มีเสียงเดียว เสียของโบตั๋นที่ช่วยเรียกผม

   ...

   ..

   .

   และในที่สุด ภาพตรงหน้าก็ชัดเจนขึ้น ผมที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เจ่เจ้ ถัดไปเป็นโบตั๋น พวกเราสามคนยังคงจับมือกันไว้ รอบกายมีแต่หมอกขาวๆ

   ‘พวกเราค่อย ๆ เดินไปพร้อมกันนะ’ เจ่เจ้หันมองผม ทั้งที่เธอไม่ได้ขยับริมฝีปาก เสียงที่ได้ยินเกิดขึ้นในหัวผม พวกเราเดินลึกเข้าไปเรื่อย ๆ

   ‘เจ่เจ้ ที่นี่ที่ไหนกันคะ’ โบตั๋นก็ทำอย่างเจ่เจ้ได้ เสียงโบตั๋นในหัวของผม

   ‘ดวงจิตของป๊า’

   นั่นคือคำตอบของเจ่เจ้ จากนั้นก็ไม่มีใครสื่อสารผ่านจิตกันอีก ผมไม่รู้ว่าพวกเราเดินกันมานานแค่ไหน มันทำให้ผมนึกถึงตอนที่เจอพี่เสือแรก ๆ มันเหมือนกับฝันไป

   โบตั๋นที่เหมือนจะเห็นอะไรบางอย่าง เธอชี้ไปตรงหน้า จากนั้นพวกเราก็เดินตรงไป จนเห็นชายคนหนึ่ง หน้าตาคล้ายกับป๊าไม่มีผิด เพียงแต่หนุ่มกว่านั้นมาก

   เขาดูสับสน มองไปมารอบ ๆ จากนั้นก็เดินไปทางนั้นที ทางนี้ที จนสายตามองมาเห็นเรา เขาจึงเดินตรงเขามาหา

   ‘พวกเธอรู้ไหมว่าที่นี่คือที่ไหน’ ป๊าถามพวกเรา

   ‘ป๊าค่ะ หงส์เองค่ะป๊า’

   ป๊าดูไม่เชื่อในสิ่งที่เจ่เจ้พูด ได้แต่จ้องหน้าเจ่เจ้อยู่อย่างนั้น จนหมอกขาวเข้ามาล้อมร่างเจ่เจ้ไว้ ผมจับมือเจ่เจ้ไว้แน่น กลัวว่าเธอจะหายไปจากตรงนี้ แรงบีบจากมือเจ่เจ้ยังคงอยู่ แต่ทว่า มือนั้นกลับเล็กลงราวกับมือเด็ก และเมื่อหมอกขาวจางหายไป เจ่เจ้กลายเป็นเพียงเด็กคนหนึ่ง

   ‘หงส์จริง ๆ ด้วย’ ป๊าเข้ามากอดเจ่เจ้ไว้ เขาคุกเข่าลงเพื่อจะกอดเจ่เจ้ได้ถนัด ส่วนเจ้เจ้เองก็ปล่อยมือจากพวกเรา แล้วกอดตอบป๊าไว้

   ‘หงส์พาน้องมาหาป๊า’ เจ่เจ้หันมาจับมือผม ‘นี่อาหยงค่ะ ตอนนี้น้องอายุ 24 แล้ว’ ป๊าเงยหน้ามองผม ผมรู้ว่าเขาคงเห็นผมเป็นคนแปลกหน้า ก็ในเมื่อผมกลายร่างเป็นเด็ก 4 ขวบอย่างเจ่เจ้ไม่ได้

   ‘โตขนาดนี้แล้วเหรอ’ ป๊าดึงผมเข้าไปกอด จากนั้นก็มองไปยังโบตั๋น ‘นี่คงเป็นเสี่ยวฝู่สินะ’

   ‘เจ่เจ้ตั้งชื่อให้หนูว่าโบตั๋น หรือมู่ตานฮวา’

   ‘สดใสน่ารักสมชื่อ ปีนี้อายุ 23 แล้วสินะ นี่ป๊าติดอยู่ในนี้ 20 กว่าปีเลยเหรอ’

   ‘ป๊าตามพวกเราออกไปกันเถอะค่ะ เจ็กลู่รอเจอป๊าอยู่’ โบตั๋นรีบชวน

   ‘พวกเราเข้ามาที่นี่ได้ยังไงกัน’ ป๊าก้มลงไปถามเจ่เจ้ในร่างเด็กสี่ขวบ

   ‘เพราะอำนาจของเมฆาขาวที่พวกเราสวมอยู่ค่ะป๊า’

   ‘เป็นแบบนี้เองสินะ ถ้าม๊ายังอยู่ คงภูมิใจในตัวพวกลูก ๆ มาก’

   ‘ไปกันเถอะนะคะป๊า ให้พวกเราพาป๊ากลับไปนะคะ’ โบตั๋นคะยั้นคะยออีกครั้ง ผมเห็นป๊ามองยิ้มให้พวกเราก่อนก้มมองเจ่เจ้

   ‘ป๊าไปไม่ได้หรอกใช่ไหม อาหงส์’ เจ่เจ้พยักหน้า ‘แต่พวกลูกต้องรีบออกไปจากที่นี่ การที่ลูกใช้อำนาจเมฆาขาวมาก ๆ มันจะส่งผมเสียกับตัวลูกเอง แล้วก็ถ้าอยากช่วยให้ป๊าออกจากที่นี่ ลูกๆ ก็ต้องปล่อยป๊าไป และฝากขอบใจเสี่ยวลู่แทนป๊าด้วยนะ ที่ช่วยดูแลพวกเราอย่างดี’

To Be Continue

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: หยก 02-01-19 {{:::69:::}}
«ตอบ #246 เมื่อ02-01-2019 23:07:20 »

  :pig4:

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: หยก 02-01-19 {{:::69:::}}
«ตอบ #247 เมื่อ02-01-2019 23:12:48 »

เม้นไม่ถูกเลยจริงๆ ตอนนี้หน่วงๆ ยังไงไม่รู้สงสารลูกๆ ที่เจอพ่อเพียงในนิมิต

ออฟไลน์ Caramel Syrup

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 465
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-2
Re: หยก 02-01-19 {{:::69:::}}
«ตอบ #248 เมื่อ03-01-2019 00:10:55 »

เอาใจช่วยสามพี่น้องค่ะ หงส์แข็งแกร่งมาก เข้มแข็งจริง จริง สู้ สู้นะคะ

ออฟไลน์ Amo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-1
Re: หยก 16-01-19 {{:::70:::}}
«ตอบ #249 เมื่อ16-01-2019 21:38:42 »

70



   พยัคฆ์มองดูสามพี่น้องยืนจับมือกัน ล้อมอยู่รอบตัวของฝู่เก๋อหมิง เป็นครั้งแรกที่เห็นหงส์ร้องไห้ออกมา ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ตอนที่เธอป่วยหนักจนต้องผ่าตัดหัวใจ หงส์ก็ยังไม่เคยแสดงความอ่อนแอออกมาให้เห็นเลยสักครั้ง

   “อากรครับ ที่อาบอกกับหยกว่าให้ทำใจไว้นี่หมายความว่า ป๊าของหยกไม่มีทางรอดอย่างนั้นเหรอครับ”

   “อืม”

   “เรื่องนี้อาชาติเอง...ก็รู้แล้วอย่างนั้นเหรอครับ”

   “ใช่แล้วล่ะ เฮียกรคอยบอกอาตลอด ตั้งแต่พาเก๋อหมิงออกมา อาการก็ทรุดลง เพราะไม่ได้รับยากล่อมประสาทตัวนั้น” อาชาติมีน้ำเสียงที่อ่อนลง

   “ที่เก๋อหมิงอยู่มาได้จนวันนี้ เพราะยาที่จุ้ยอั้ยเต๋อให้ นอกจากจะเป็นยากล่อมประสาทแล้ว ยังกระตุ้นสมองด้วย”

   “ยังไงครับ ผมไม่เข้าใจ”

   “ยาตัวนั้นกล่อมประสาทให้มึนงง ขณะเดียวกันก็กระตุ้นสมองระหว่างที่หลับไปด้วย ถ้าจะให้เปรียบก็เหมือนกับแกเหยียบเบรกพร้อมกับคันเร่งไปพร้อมๆ กันยังไงละ”

   “พอเก๋อหมิงไม่ได้รับยา ก็เหมือนกับคลายเบรก”

   “ใช่ เมื่อไม่เหยียบเบรก รถก็วิ่งด้วยความเร็วสูง ซึ่งก็คือสมองของเก๋อหมิง ที่มันทำงานหนักจนกระทั่งล้มเหลวในที่สุด”

   เขาได้ฟังอาทั้งสองคนอธิบายก็เข้าใจ จุ้ยอั้ยเต๋อคงต้องการทรมานพร้อมทั้งเก็บเก๋อหมิงไว้ในเวลาเดียวกัน เพื่อเป็นข้อต่อรองกับหงส์ เรื่องที่เกิดขึ้นมาทั้งหมดนี้มีสาเหตุมาจากเมฆาขาวทั้งสามชิ้น ดีที่สุดแล้วที่หงส์ตัดสินใจชำระล้างของสิ่งนั้นแล้วมอบให้เหล่าเหมิ๋นไปจัดการต่อ

   พยัคฆ์มองยังทั้งสาม ที่ยังคงยืนรอบเตียงของเก๋อหมิงอยู่ เขาเห็นถึงความผิดปกติบางอย่างเกิดขึ้นกับหงส์ เลือดกำเดาที่ไหลออกมาทางจมูกของเธอ

   “อากร อาชาติ”

   และยังไม่ทันที่อาทั้งสองจะได้ถามอะไร ร่างกายของทั้งสามคนก็เริ่มโงนเงนอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาไม่รอช้ารีบพุ่งตัวเข้าไปรับคนที่ยืนอยู่รอบเตียงก่อนที่จะล้มกระแทกพื้น เขารับหยกไว้ได้ทัน อากรเข้าไปรับหงส์ ส่วนอาชาติว่องไวที่สุด เข้าไปรับคนที่ยืนอีกด้านของเตียงอย่างโบตั๋น

   “เกิดอะไรขึ้น ทำไมอยู่ ๆ ทั้งสามคนถึงเป็นลมไปพร้อม ๆ กันแบบนี้” อากรตระหนกตกใจไม่ต่างจากเขา

   “พวกเด็ก ๆ คงใช้อำนาจของเมฆาขาวมากไป คุณลตาเคยเตือนหงส์มาครั้งหนึ่งแล้ว”

   “แล้วนี่ พวกหยกทำอะไรกัน ถึงได้พากันใช้กำลังเกินตัวขนาดนี้” เขาทั้งเป็นห่วงและโมโห

   “อาจะไปติดต่อเรื่องห้องเพิ่ม ให้ทั้งสามคนพักดูอาการที่นี่ก่อน”

   อากรอุ้มหงส์ไปนอนพักที่โซฟายาว แต่ยังไม่ทันได้ก้าวออกไปไหน เสียงสัญญาณชีพก็ดังขึ้น หมอพยาบาลต่างวิ่งเข้ามาที่เตียงเก๋อหมิงให้วุ่นวาย พร้อมกับเครื่องปั๊มหัวใจ ระหว่างนี้อากรจะขอความช่วยเหลือ คุณหมอและพยาบาลก็งานตึงมือ อากรจึงเดินออกจากห้องไป

   อาชาติวางโบตั๋นไปที่โซฟาตัวหนึ่งก่อนจะเดินเข้าไปใกล้เตียงของเก๋อหมิง แต่ก็โดนพยาบาลกักตัวเอาไว้ไม่ให้เข้าใกล้ จนกระทั่งบุรุษพยาบาลที่มาพร้อมกับอากรเข็นเตียงเข้ามา เขาจึงวางหยกลงบนเตียงหนี่ง

   เมื่อผ่านความชุลมุนวุ่นวายจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาก็โทรไปแจ้งกับคุณวรรณ เพื่อให้เธอประสานงานกับฝู่ไฉ๋เรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเยี่ยนหวอ พอช่วงหัวค่ำ หลาย ๆ คนก็ทยอยมาเยี่ยมสามพี่น้อง

   
........................................................................

   ผมฟื้นขึ้นมาภายในห้องสีขาว มองไปรอบ ๆ ตัวเห็นโบตั๋นนอนอยู่เตียงข้าง ๆ กัน ผมจำเรื่องราวก่อนหน้านี้ได้ดี ผมได้เจอป๊า ถึงแม้จะเป็นเพียงดวงจิตที่อยู่ลึกลงไปในร่างกายก็เถอะ

   ผมพยายามลุกขึ้นนั่ง คงเป็นเพราะอาการเวียนหัว ทำให้ผมหน้ามืดเล็กน้อย แต่พอสักพักก็หาย ผมมองไปยังเตียงของโบตั๋น เธอยังคงหลับอยู่ ฝั่งตรงข้ามผมเป็นเตียงของเจ่เจ้ เธอก็ยังคงไม่ได้สติเช่นกัน ที่ผมไม่รู้ก็คือ ผมกับทุกคนมานอนอยู่ที่นี่ได้ยังไง

   เสียงประตูห้องเปิดขึ้น พร้อมกับคุณลตาและพี่ศักดิ์ที่เดินเข้ามา ทั้งสองยิ้มให้ผม เป็นคุณลตาที่รีบเดินเข้ามาหาผมก่อนพี่ศักดิ์เสียอีก

   “ฟื้นแล้วเหรอหยก อาการเป็นยังไงบ้าง”

   “ครับ เวียนหัวนิดหน่อย แต่ไม่ได้เป็นอะไรมากแล้วครับ”

   “ดีแล้วละ นี่ทุกคนต่างก็เป็นห่วงเรามากนะ ยกขบวนมาเยี่ยมกันจนล้นห้องเลยละ” พี่ศักดิ์พูดขึ้นหลังจากลากเก้าอี้มานั่งข้างเตียงของผม

   “พี่รู้ไหมว่าพวกผม มาอยู่ที่นี่กันได้ยังไง”

   “ฉันเดาว่า ที่พวกเธอเป็นแบบนี้ เพราะฝืนใช้อำนาจของหยกศักดิ์สิทธิ์มากเกินไป”

   “ผมไม่รู้ตัวเลยว่าผมเข้าไปในดวงจิตของป๊าด้วยอำนาจของเมฆาขาว”

   “นี่แหละที่ฉันเป็นห่วง หงส์เป็นคนชักนำพวกเธอเข้าไป รู้ไหมว่าเธอฟื้นขึ้นมาเป็นคนแรกเลยนะ หลังจากหลับไปหนึ่งวันเต็มๆ”

   “ผมหลับไปหนึ่งวัน!! ”

   “ก็ใช่นะสิ นี่พี่ถึงขั้นต้องจับฉลากกับเหล่าบอดี้การ์ดของคุณกรเลยนะ กว่าจะได้คิวมาเฝ้าเราเนี่ยลุ้นยิ่งกว่าเล่นหวยอีก”

   “แล้วคนอื่น ๆ เป็นยังไงกันบ้างครับ”

   “เราจะถามถึงคนอื่นนี่ใคร คงไม่ใช่คุณเสือหรอกใช่ไหม”

   “คุณศักดิ์ก็ไปล้อหยกเขา หยกไม่ต้องห่วง คุณเสือเขาไม่ยอมจับฉลากอะไรนั่น ที่คุณศักดิ์เขาว่าหรอกนะ นี่ก็มาเฝ้าหยกทุกวัน ตอนนี้น่าจะอยู่ห้องของฝู่เก๋อหมิง”

   “ตอนนี้ป๊าเป็นยังไงบ้างครับ”

   “อาการไม่ค่อยดีเลย วันที่พวกเธอเป็นลม หัวใจเก๋อหมิงก็หยุดเต้นไปเกือบ 2 นาที”

   “ตอนที่ได้เจอป๊า ป๊าบอกว่าถ้าอยากช่วยก็ให้ปล่อยป๊าไป”

   “แล้วเราละ คิดยังไงกับคำที่พ่อขอไว้”

   “ผม ก็ปล่อยป๊าไป ไม่ได้พาดวงจิตป๊าออกมาด้วยแล้วนี่ครับ”

   “ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกนะหยก ที่หยกและทุกคนเข้าไปในด้วยจิตของเก๋อหมิงได้เพราะอำนาจของหยกศักดิ์สิทธิ์ก็จริง แต่การที่จะพาดวงจิตของเก๋อหมิงออกมานั้น ต่อให้ควบคุมอำนาจของหยกศักดิ์สิทธิ์ได้เก่งแค่ไหนก็ไม่สามารถทำได้หรอก และที่หงส์ชักนำหยกเข้าได้เพราะหยกและโบตั๋นเองก็สามารถใช้อำนาจของหยกศักดิ์สิทธิ์ได้”

   “ถ้าอย่างนั้น ที่ป๊าบอก”

   “พี่เข้าใจว่า พ่อของเราต้องการให้เราปลดปล่อยกายเนื้อของเขา ถ้าพี่เข้าใจไม่ผิด ดวงจิตของพ่อหยกคงติดอยู่กับร่างกายนี้มานานแล้ว”

   “ตอนที่ผมเจอป๊าในนั้น ป๊าเหมือนคนหลงทาง”

   “เก๋อหมิงที่ต้องทนทรมานทั้งร่างกายและดวงจิตมาตลอด 20 กว่าปี ฉันว่า หยกควรจะปล่อยเขาไปได้แล้วนะ”

   ผมเข้าใจสิ่งที่คุณลตาและพี่ศักดิ์บอก แต่ผมไม่มีความกล้าพอที่จะทำอย่างนั้น อย่างน้อยก็รอให้เจ่เจ้ หรือโบตั๋น ใครสักคนฟื้นขึ้นมาช่วยผมตัดสินใจอีกคนก็ยังดี

   “ผมขอเวลาหน่อยได้ไหมครับ”

   “ตามใจเราเถอะ เอาเป็นว่าพักผ่อนให้มาก ๆ แล้วค่อยคุยเรื่องนี้กันทีหลังก็แล้วกัน”

   “ครับ”

   คุณลตาเดินจากข้างเตียงผม ไปนั่งเก้าอี้ข้างเตียงเจ่เจ้ ส่วนผมที่นอนมาจนเต็มอิ่ม ไม่มีความรู้สึกง่วงนอนเลย พี่ศักดิ์คงเข้าใจ เลยหาอะไรมาให้ผมอ่าน ยังดีที่พี่ศักดิ์ซื้อแมกาซีนหัวนอกมาให้ ถ้าเป็นแมกาซีนท้องถิ่นคงไม่พ้นภาษาจีนแน่ๆ

........................................................................

   จุ้ยเถิงแอบได้ยินฝู่ฉ๋คุยกับเลขาของวรากรว่า หงส์เข้าโรงพยาบาล หลังจากได้พบเก๋อหมิงแล้ว กลุ่มคนที่มาจากประเทศไทย รวมไปถึงยัยลตานั่น ก็ทยอยกันไปเฝ้าและเยี่ยม

   ถึงแม้หงส์จะพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล แต่งานของเยี่ยนหวอก็ไม่ได้สะดุดเลย เพราะวรากรเป็นผู้ดูแลผลประโยชน์ทั้งหมดให้กับหงส์ เขาทำงานเข้าขากับฝู่ไฉ๋มาก ส่วนเลขานั่นก็ไม่น้อยหน้า ดูแลงานที่โรงแรมแกรนด์จูสด์ได้อย่างดี ซึ่งตอนนี้โรงแรมก็ได้เปลี่ยนชื่อไปเรียบร้อยแล้ว

   แผนการของวรากรและหงส์ทำให้ของที่ควรจะเป็นของเยี่ยนหวอ กลับมาสู่มือของเจ้าของที่แท้จริง อีกทั้งยังตัดรากถอนโคนแหล่งเงินทุนของกู๋เขา อย่างโรงแรมและกาสิโนในคราวเดียว เท่ากับว่าตอนนี้หงส์ยึดทุกสิ่งทุกอย่างคืนไปได้หมด จะเหลือก็เพียงบ้านเดิมของกู๋เขาเท่านั้น

   ตัวเขาเองที่ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับงานของกู๋ จึงไม่ได้เสียใจกับการสูญเสียเหล่านั้น จะมีแปลกใจก็แต่แผนผังผู้บริการของเยี่ยนหวอและโรงแรมแกรนด์ฝู่ ที่ยังคงมีชื่อเขาอยู่ในผัง เขาตั้งใจจะไปถามวรากรให้รู้เรื่อง แต่ก็ยังไม่มีโอกาสได้เจอตัวสักที

   จนตอนนี้เขาไม่รู้ว่าควรจะตัดสินใจอย่างไรดี ที่เขาทำงานกับกู๋ไม่ใช่เพราะเงินทองหรือตำแหน่งอะไร แต่เป็นเพราะกู๋สัญญากับเขาไว้ ว่าจะไม่ทำอันตรายกับหงส์หากเจอตัวเธอแล้ว และจะยอมให้หงส์แต่งงานกับเขา ซึ่งเมื่อทุกอย่างเปลี่ยนไป อย่าว่าแต่เรื่องแต่งงานที่ไม่มีทางเกิดขึ้น แค่จะให้หงส์มองหน้าเขายังยากเลย ในเมื่อเขามีส่วนร่วมในการทำกับฝู่เก๋อหมิงเป็นแบบนั้น

   เสียงเคาะประตูทำลายความเงียบภายในห้อง อีกทั้งยังขัดจังหวะความคิดที่ฟุ้งซ่านของเขาอีกด้วย

   “เข้ามา”

   “คุณจุ้ยค่ะ ดิฉันเฉิ่งอี เป็นเลขาคนใหม่ที่คุณหลิวส่งมาช่วยงานคุณคะ”

   “คุณหลิว?”

   “ค่ะ คุณหลิว เป็นผู้ช่วยคุณวรากรค่ะ”

   “แล้วเลขาเก่าของผมไปไหนละ”

   “ดิฉันก็ไม่ทราบค่ะ”

   “เอาเถอะ เธอมีอะไรก็ไปทำเถอะ”

   “นี่เป็นคีการ์ดห้องพักที่คอนโดแถบจูไห่ ที่คุณหลิวต้องการมอบให้กับคุณ”

   “ให้ผม ให้ทำไม?”

   “ตอนนี้หน้าที่ของคุณคือดูแลธุรกิจนำเข้าส่งออกของเยี่ยนหวอทั้งหมด รวมทั้งดูแลโกดังแถบจูไห่ด้วย คุณหลิวเลยมอบให้เพื่อที่คุณจะได้เดินทางไปทำงานได้อย่างสะดวก”

   “ฉันต้องการพบคุณหลิว”

   “รับทราบค่ะ ดิฉันจะนัดท่านให้ แต่ตอนนี้ ดิฉันว่า คุณควรจะกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดก่อนดีไหมคะ ดิฉันจะโทรลงไปแจ้งให้คนจัดรถไว้ให้”

   “รถของผมอยู่ที่นี่อย่างนั้นเหรอ”

   “คุณฝู่ไฉ๋จัดการเรื่องรถให้คุณเรียบร้อยแล้วค่ะ พร้อมกับคนขับ”

   “พวกเขาทำแบบนี้ทำไม”

   “อะไรนะคะ”

   “ไม่มีอะไร จัดการเรื่องรถให้ผมด้วยแล้วกัน”

   หญิงสาวพยักหน้ารับคำสั่งก่อนจะค่อย ๆ ถอยหลังแล้วเดินออกจากห้องทำงานไป เขาจำได้ว่าคุณหลิวนั่นเป็นบอร์ดีเการ์ดของมิสเตอร์แถมยัง อย่างน้อยคนคนนี้ก็น่าจะมีคำตอบให้เขาได้ ว่าทำไมเขาถึงยังคงมีตำแหน่งอยู่ในเยี่ยนหวอ

........................................................................

   โบตั๋นฟื้นขึ้นมาก็พบกับหยกที่นั่งเฝ้าเธออยู่ โดยมีพยัคฆ์คอยดูแลอยู่ไม่ห่าง หยกค่อนข้างเป็นห่วงเจ่เจ้ เพราะสองวันแล้วที่เธอยังไม่ฟื้น

   “เฮียฟื้นขึ้นมาเมื่อวานตอนเย็น”

   “เจ่เจ้จะเป็นอะไรมากรึเปล่า?”

   “หมอบอกว่าเจ่เจ้แค่นอนหลับไป”

   “หยกฟื้นเมื่อวาน ตั๋นฟื้นวันนี้ ทำไมมันถึงทิ้งช่วงละ มันควรจะฟื้นไล่ ๆ กันหรือพร้อม ๆ กัน ไม่ใช่เหรอ?”

   “คุณลตาบอกว่า เป็นเพราะตั๋นกับเจ่เจ้ฝืนใช้อำนาจของเมฆาขาวมากเกินไป ตอนที่พวกเราเข้าไปในดวงจิตของป๊า”

   “คงเป็นเพราะตั๋นพยายามที่จะสื่อสารผ่านจิตในตอนนั้นสินะ”

   “ใช่ ส่วนของเจ่เจ้คงฝืนหนักกว่าพวกเรา”

   “เรื่องป๊าหยกจัดการยังไง?”

   “ตั๋นเข้าใจคำพูดสุดท้ายของป๊าใช่ไหม?”

   “อืม เข้าใจสิ แล้วตอนนี้ป๊าละ?”

   “ป๊าอยู่ห้องไอซียูตั้งแต่วันที่พวกเราเป็นลม”

   “ป๊าคงเหนื่อยมานาน เราไปหาป๊ากันเถอะ”

   “ตั๋นไหวเหรอ พักอีกสักหน่อยไหม?”

   “แค่เวียนหัวนิดหน่อย แต่ไม่เป็นอะไรมาก”

   “พักอีกสักนิดเถอะ แล้วเราค่อยไปหาป๊ากัน”

   “อืม ตามใจหยกแล้วกัน”

   “แล้วก็...เฮียตั้งใจว่า ตอนที่เราไปหาป๊า เฮียจะปล่อยป๊าไปอย่างที่ป๊าขอไว้”

   “อืม อันที่จริง ตั๋นอยากไปซะเดียวนี้เลยด้วยซ้ำ ตั๋นสงสารป๊า”

   “เฮียดีใจที่ตั๋นเห็นด้วยกับเฮียนะ และหวังว่าเจ่เจ้จะเข้าใจพวกเรา”

   “ตั๋นคิดว่า เจ่เจ้คงรู้แล้วละว่าป๊าไม่มีโอกาสฟื้นขึ้นมา เจ่เจ้ถึงพาเราไปหาป๊า”

   “เฮียว่าเฮียพอจะเข้าใจแล้วละ ทำไมเจ่เจ้ถึงต้องรักษาตัวให้หายก่อนค่อยกลับมาจัดการเรื่องที่เยี่ยนหว๋อ บางทีแถมยังอาจจะรู้อยู่แล้วว่าการใช้เมฆาขาวมากๆ จะส่งผลต่อร่างกาย”

   “ตั๋นมาคิด ๆ ดูแล้วก็น่าจะจริงอย่างที่หยกว่า เพราะตลอดเวลาเจ่เจ้ไม่เคยสอนพวกเราใช้เมฆาขาวเลย ตั๋นยังเคยคิดเลยว่าบ้านเราต้องเป็นซูเปอร์ฮีโร่ มีพลังพิเศษแน่ๆ”

   “เจ่เจ้แบกรับเรื่องราวของตระกูลเราไว้มากเกินไป ถ้ามีอะไรที่เฮียพอจะช่วยได้ เฮียก็อยากจะช่วย”

   “หยกพูดแบบนี้แสดงว่า หากจะต้องมาช่วยงานเจ่เจ้ที่นี่ หยกก็จะยอมมาใช่ไหม?”

   “อืม”

   “ตอบไม่ปรึกษาคนที่นั่งเฝ้าอยู่ข้างหลังเลยนะ” เธอมองผ่านหยกไปทางพี่เสือ

   “พี่เสือเข้าใจเฮียดี”

   “ใช่ ถ้าหยกไม่กลับไทย พี่ก็จะขนของหนีตามหยกมาอยู่ที่นี่”

   “โอ๊ย ไปหวานกันไกลๆ เลย แหมไม่เกรงใจคนป่วยเลยนะ” เธอบ่นไม่จริงจัง ก่อนจะพลิกตัวนอนหันหลังให้ทั้งสอง แถมยังเอาผ้าห่มมาคลุมโปงไว้อีก

To Be Continue

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: หยก 16-01-19 {{:::70:::}}
« ตอบ #249 เมื่อ: 16-01-2019 21:38:42 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: หยก 16-01-19 {{:::70:::}}
«ตอบ #250 เมื่อ16-01-2019 22:32:23 »

สถานการณ์เริ่มคลี่คลายลงแล้วนะ ขอให้ผ่านไปด้วยดี เอาใจช่วยทั้งหมดเลย
 :3123: :3123:

ออฟไลน์ hewlett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 560
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-3
Re: หยก 16-01-19 {{:::70:::}}
«ตอบ #251 เมื่อ17-01-2019 10:43:14 »

ลูกๆตระกูลนี้เข้มแข็งมาก ดีแล้วปล่อยป๊าไปน่ะถูกแล้วล่ะ

เครียดเรื่องพ่อป่วยมาทั้งตอน หยอดหวานตอนท้ายนะพี่เสือ

ออฟไลน์ Amo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-1
Re: หยก 26-01-19 {{:::71:::}}
«ตอบ #252 เมื่อ26-01-2019 16:03:19 »

71




   ห้าวันมาแล้วที่หงส์นอนเป็นเจ้าหญิงนิทราแบบนี้ หยกและโบตั๋นก็ดูจะเป็นห่วงหงส์เอามาก ๆ และเมื่อหงส์ต้องยังคงหลับอยู่แบบนี้ ทำให้งานอะไรที่ต้องออกสื่อ โบตั๋นต้องสวมรอยทำงานแทนเธอไปก่อน อย่างเช่นงานประกาศการเสียชีวิตของฝู่เก๋อหมิง และการให้ข่าวว่าครอบครัวฝู่พาฝู่เก๋อหมิงไปรักษาตัวที่ประเทศไทย จึงให้จุ้ยอั้ยเต๋อดูแลงานทั้งหมดแทนในระหว่างนั้น

   หยกนั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียงตลอดช่วงเช้า จนคุณลตาเข้ามาเยี่ยม พยัคฆ์ถึงได้พาหยกมาหาอะไรทานที่ร้านอาหารแถวๆ โรงพยาบาล หยกดูไม่สดชื่น อาหารตรงหน้าแม้จะเป็นของโปรดแต่กลับเขี่ยไปมา เหมือนคนไม่อยากอาหาร

   “หยกมีอะไรในใจรึเปล่า”

   “หยกคิดว่า... พี่เสืออาจจะไม่เชื่อหยกก็ได้”

   “หยกยังไม่ได้พูดออกมาก็ตัดสินพี่แล้วเหรอครับ”

   “คือหยกคิดว่า เจ่เจ้จะไม่ฟื้นขึ้นมาเหมือนป๊า”

   “หยกอย่าคิดไปในทางที่ไม่ดีแบบนั้นสิ หยกต้องเชื่อมั่นในตัวหงส์นะ”

   “ไม่ใช่แบบนั้น หยกเชื่อใจเจ่เจ้ แต่ที่หยกบอกแบบนั้นเพราะหยกคิดว่า เจ่เจ้อาจจะติดอยู่ในจิตตัวเอง”

   “หยกหมายความว่ายังไง”

   “ก็ที่คุณลตาอธิบายว่า ที่พวกเราหมดสติไปเพราะฝืนใช้อำนาจของเมฆาขาวมากเกินไป แต่หยกเข้าไปได้เพราะการชักนำของเจ่เจ้เลยฟื้นขึ้นมาเร็วกว่าคนอื่น ๆ”

   “อาจจะเป็นเพราะว่าหยกเป็นผู้ชาย ร่างกายแข็งแรงกว่าโบตั๋นและหงส์ก็เป็นได้นะ”

   “หยกว่าไม่ใช่ เพราะหมอก็บอกเองว่า เจ่เจ้แข็งแรงดี แค่หลับไปเฉย ๆ หมอเองหาสาเหตุไม่ได้ แต่พวกเราก็รู้ดีว่าเพราะอะไร”

   “แล้วอะไรที่ทำให้หยกคิดว่าหงส์ติดอยู่ในจิตของตัวเองละ”

   “ตอนนั้น หยกอยากคุยกับป๊า มีคำถามอยากจะถามป๊าตั้งมากมาย แล้วก็อยากชวนป๊าออกมาเพื่อให้หลุดออกจากจิตของตัวเอง แต่หยกทำไม่ได้ พูดอะไรออกมาไม่ได้เลย ได้แต่ยืนมองเจ่เจ้กับโบตั๋นคุยกับป๊าเท่านั้น เพราะแบบนี้โบตั๋นถึงฟื้นขึ้นมาหลังจากหยก”

   “โบตั๋นพยายามเลียนแบบความสามารถของหงส์สินะ”

   “หยกก็คิดแบบนั้น ที่หยกคิดว่าเจ่เจ้ติดอยู่ในจิตตัวเองเพราะเจ่เจ้เปลี่ยนรูปร่างตัวเองให้กลับเป็นเด็ก เพื่อให้ป๊าจำเจ่เจ้ได้”

   “อืม หงส์นี่เก่งจริง ๆ เก่งจนน่ากลัว”

   “ภาพสุดท้ายที่หยกเห็น ก็คือเจ่เจ้กำลังจะพูดอะไรกับป๊า หยกไม่ได้ยินอะไรในหัว แล้วทุกอย่างก็มืดสนิท ฟื้นอีกทีก็มานอนอยู่บนเตียง”

   “หยกกำลังจะบอกพี่ว่า อยู่ ๆ ก็หลุดออกมาอย่านั้นเหรอ”

   “หยกรู้สึกอย่างนั้น แต่หยกยังไม่ได้ถามตั๋น หยกไม่รู้จะพูดกับโบตั๋นยังไงดี”

   “นี่ใช่ไหม เรื่องที่หยกติดใจอยู่”

   “ไม่ใช่ แต่หยกห่วงเรื่องที่จะช่วยเจ่เจ้ออกมามากกว่า ถ้าบอกตั๋น ตั๋นก็จะพยายามเข้าไป หยกถึงยังไม่อยากคุยกับเธอเรื่องนี้”

   “ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ๆ พี่ก็จะช่วยหาวิธีช่วยหงส์ให้ได้”

   “อันที่จริง... หยกก็พอจะมีวิธีอยู่และเรื่องนี้แหละ ที่หยกติดใจ ไม่รู้ว่าจะพิสูจน์ยังไงดี”

   “พิสูจน์?”

   “อืม ก็หยกใช้เมฆาขาวได้ไม่เก่งเท่ากับตั๋น หรือเจ่เจ้ หยกเลยไม่ค่อยมั่นใจกับความรู้สึกของคนอื่น”

   “แล้วหยกมั่นใจในความรู้สึกของพี่ไหม”

   “มั่นใจสิ แต่กับคนอื่น...”

   “หยกเคยพลาดเหรอ ถึงไม่มั่นใจในความสามารถในการใช้เมฆาขาว แต่สัญชาตญาณของตัวเองละ อย่างคราวคุณลตา ถึงคนอื่นจะไม่เชื่อ แต่หยกก็เชื่อว่าคุณลตาไม่ได้คิดร้ายกับหยกไม่ใช่เหรอ?”

   “มันก็จริง”

   “ถ้าอย่างนั้นก็มั่นใจในตัวเองหน่อย หยกเป็นน้องสาวหงส์นะ อันที่จริงหยกไม่ต้องพึ่งพาเมฆาขาว สัญชาตญาณของหยกก็ดีอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นหยกคงจะช่วยแมวที่ตกจากมอเตอร์ไซด์คันนั้นไม่ได้หรอกนะ”

   “พี่เสือยังจำได้อีกเหรอ”

   “เรื่องเกี่ยวกับหยกพี่จำได้หมดแหละ”

   “ถ้าอย่างนั้น เรารีบ ๆ ทานแล้วไปหาคนที่ช่วยเจ่เจ้กัน”

   “หยกรู้แล้วเหรอว่าใครที่จะช่วยหงส์ได้”

   “อืม”

   “ใคร?”

   “จุ้ยเถิง”

   “หา!!”

   พยัคฆ์แปลกใจกับชื่อคนที่เขาได้ยินออกจากปากหยก และเห็นท่าทางรีบทานออาหารขนาดนั้นจึงไม่กล้าจะถามอะไรมากไปกว่านี้ เขาเห็นหยกเจริญอาหารขึ้นกว่าเมื่อครู่เขาก็ดีใจ และอยากให้หยกทานให้มาก ๆ จึงช่วยตักกับข้าวใส่จานให้

   หยกในตอนนี้นอกจากเปิดใจให้เขาแล้ว ยังพูดคุยกับเขามากขึ้น คุยได้ทุกเรื่อง เขารู้ว่าถึงเวลา หยกจะอธิบายเรื่องจุ้ยเถิงให้เขาได้รับรู้เอง

........................................................................

   ใช่แล้ว ผมควรจะเชื่อในสัญชาตญาณของตัวเอง เพราะผมไม่ได้อ่านใจใคร ๆ ได้ ผมรับรู้ได้ถึงความรู้สึกเศร้า เสียใจ ไม่ชอบใจ หรืออะไรหลาย ๆ อย่างจากอำนาจของเมฆาขาว นอกจากนั้นผมวิเคราะห์และคาดเดาเอาว่าคนเหล่านั้นต้องการอะไร

   ถึงผมจะเข้าไปถึงจิตใจใครต่อใครไม่ได้อย่างเจ่เจ หรือโบตั๋น แต่ตลอดเวลาสัญชาตญาณของผมก็ไม่เคยผิดพลาด พี่เสือช่วยให้ผมมีความมั่นใจขึ้น ผมจึงไม่รีรอถ้าสิ่งที่ผมคิดมันจะสามารถช่วยให้เจ่เจ้ตื่นขึ้นมาได้

   ตอนนี้พวกเรามาถึงสำนักงานใหญ่ของเยี่ยนหวอ ตลอดทางที่ผมเดินเคียงข้างกับพี่เสือ คนที่พอจะจำผมได้ต่างพากันหยุด คำนับให้เมื่อผมเดินผ่าน หากเปลี่ยนสถานะกันระหว่างผมกับพี่เสือ คนที่พวกเขาคำนับไม่ใช่ผมแต่เป็นพี่เสือ ผมคงไม่กล้าที่จะเดินเคียงข้างอย่างที่พี่เสือเดินคู่ไปกับผมอย่างในตอนนี้ ผมอยากให้มันเป็นแบบนี้ตลอดไป ดังนั้นผมจึงสอดมือเข้าไปในฝ่ามือของพี่เสือ เรามองหน้าแล้วยิ้มให้กันเล็กน้อย ไม่ต้องมีอำนาจของเมฆาขาว เราก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกของกันและกัน

   “จุ้ยเถิงอยู่ไหมครับ” ผมถามเลขาที่นั่งอยู่หน้าห้องเป็นภาษาอังกฤษ เธอตกใจเล็กน้อย ก่อนจะโค้งคำนับให้ผม

   “ดิฉันไม่ทราบว่าคุณฝู่จะมา ขอโทษด้วยนะคะที่ไม่ได้เตรียมต้อนรับ”

   “ไม่ต้องเป็นทางการขนาดนั้นหรอกครับ”

   “โปรดรอสักครู่นะคะ เดี๋ยวดิฉันขอไปรายงานคุณจุ้ยก่อน” ผมพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนเดินไปนั่งที่โซฟาพักคอยหน้าห้อง

   “หยกไม่กลัวคนนินทาเหรอ ถึงจูงมือพี่เดินไปทั่วเยี่ยนหว๋อ”

   “หยกก็อยากอวดแฟนของหยกบ้างนี่นา”

   “หือ เอาคืนพี่อย่างนั้นเหรอ” ผมยิ้มให้กับพี่เสือ ยังไม่ได้ทันได้ตอบอะไร เลขาหน้าห้องก็เดินออกมาพร้อมจุ้ยเถิง

   “อาหงส์” จุ้ยเถิงยังไม่ทันเห็นหน้าว่าฝู่คนไหนมาหาก็เอ่ยชื่อเจ่เจ้ออกมา

   “ผมเอง ไม่ใช่เจ่เจ้”

   “อ่าว อาหยงเองเหรอ?”

   “ผมขอเวลาคุยกับคุณหน่อยได้ไหม?”

   “ได้สิ ฉันก็มีเรื่องที่จะถามนายเหมือนกัน”

   จุ้ยเถิงนำเราเข้าไปในห้องทำงานของเขา ซึ่งดูเหมือนเขาจะยุ่งเอามากๆ ดูได้จากกองเอกสารบนโต๊ะ ที่วางอยู่รกไปหมด

   “ผมมากวนเวลาคุณทำงานรึเปล่า”

   “ถือว่านายช่วยให้ฉันได้พักก็แล้วกัน”

   “คุณบอกว่าคุณมีเรื่องจะคุยกับผม?”

   “ใช่ ฉันอยากรู้ว่าทำไมพวกนายถึงยังให้ฉันทำงานอยู่ที่นี่ แล้วยังที่โรงแรมนั่นอีก”

   “เรื่องนี้ผมคงให้คำตอบอะไรคุณไม่ได้ เพราะผมไม่รู้เรื่องงานอะไรที่นี่เลย”

   “แล้วนายละ มีเรื่องอะไรจะคุยกับฉัน”

   “ผมมีเรื่องอยากให้คุณช่วย”

   “ฝู่อยากให้จุ้ยช่วยเนี่ยนะ”

   “ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณดี แต่เชื่อผมเถอะว่าเจ่เจ้มีเหตุผลที่ยังให้คุณทำงานที่นี่”

   “หงส์อยากให้ฉันทำงานที่นี่อย่างนั้นเหรอ? เธอไม่ได้เกลียดฉันอย่างนั้นเหรอ?”

   “ผมตอบแทนเจ่เจ้ไม่ได้ และถ้าคุณอยากรู้ คุณต้องไปถามเจ่เจ้เอาเอง”

   “ถามหงส์อย่างนั้นเหรอ หึ!! ขนาดฉันจะขอพบแค่บอร์ดี้การ์ดของมิสเตอร์คิม อย่างคุณหลิว ฉันยังเข้าพบไม่ได้เลย นับประสาอะไรกับเจอหงส์”

   “หลิวลู่บอร์การ์ดของมิสเตอร์คิมที่นายว่า นั่นก็คือหลิวลู่ที่พวกนายตามหายังไงละ” พี่เสือช่วยแก้ไขความเข้าใจผิด

   “นายว่ายังไงนะ”

   “ฉันจะบอกอะไรให้ หลิวลู่คนนั้น ก็คือน้องชายแท้ ๆ ของเก๋อหมิง หรือก็คือหลิวลู่คนเดียวกับที่พวกนายและเซียงไบ่ตามหามาตลอด 20 กว่าปี”

   “เจ็กลู่ไปศัลยกรรมปรับใบหน้ามา แล้วที่นายยังไม่เจอกับเจ็กลู่ เพราะตอนนี้งานทุกอย่างมันล้นมือ”

   “นี่เลยเป็นสาเหตุที่ทำให้มู่ตานยังคงสวมรอยเป็นหงส์สินะ”

   “ใช่ แต่ที่งานล้นมือกันขนาดนี้เป็นเพราะเจ่เจ้ยังไม่ฟื้น” ผมเห็นสีหน้าตกใจของจุ้ยเถิง

   “หงส์เป็นอะไร ฉันได้ข่าวว่าเธอเข้าโรงพยาบาล เธอเป็นอะไรมากรึเปล่า”

   “เธอไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่ก็ยังไม่ตื่น ฉันกับหยกถึงมาให้นายช่วยถึงฉันจะไม่รู้ ว่านายจะช่วยหงส์ได้ยังไง”

   “ช่วยได้สิ เพราะจุ้ยเถิง รักและต้องการ เจ่เจ้ เหมือนที่พี่เสือรักและต้องการหยก อย่างตอนนั้น ที่เราฝันถึงกันบ่อย ๆ”

   “พี่เข้าใจแล้ว ว่าแต่หยกมั่นใจได้ยังไงว่าจุ้ยเถิงรักหงส์” ผมหันไปตอบคำถามนี้กับจุ้ยเถิงแทน

   “ที่คุณต้องการจับตัวผม ในตอนที่อยู่ไทย เพราะคุณอยากให้ผมพาไปหาเจ่เจ้ใช่ไหม และที่คุณพลาดท่าเสียทีโบตั๋น ก็เพราะคุณเข้าใจว่าเธอคือเจ่เจ้”

   “ความรู้สึกของจุ้ยเถิงสินะ”

   “ครับพี่เสือ แล้วเมื่อมารู้ว่าจุ้ยเถิงเป็นเพื่อนเล่นในสมัยเด็กของเจ่เจ้ มันเลยทำให้หยกเดาได้ว่า เขารักเจ่เจ้”

   “นายพูดไม่ผิดหรอกนะ แต่ฉันไม่ใช่หมอ ฉันจะไปช่วยอะไรหงส์ได้”

   “อย่างน้อยก็ไปเยี่ยม ไปให้กำลังใจ”

   “คนอื่นๆ คงไม่ยอมให้ฉันเข้าใกล้หงส์หรอก”

   “ถ้าคุณยอมช่วยผม ผมก็จะพาคุณไปหาเจ่เจ้”

   ผมเห็นแววตาเป็นประกาย และความรู้สึกที่มีความหวังของจุ้ยเถิง ผมรู้ว่าเขาจะต้องตอบตกลงแน่นอน ผมจึงรอโดยไม่กดดันอะไรเขาอีก ส่วนเรื่องอื่น ๆ นั้น รอให้เจ่เจ้ฟื้นขึ้นมาแล้วค่อยคุยกับเขาเองก็แล้วกัน

........................................................................

   โบตั๋นรีบเดินทางไปยังโรงพยาบาลที่หงส์พักรักษาตัวอยู่ทันทีที่เสร็จงาน โดยมีเจ้ไฉ๋เป็นคนขับรถไปส่ง พร้อมด้วยพี่เก่งกับพี่ต้นที่คอยเป็นบอร์ดี้การ์ดให้กับเธอ

   เฉิ่งอีมารายงานกับฝู่ไฉ่ว่า จุ้ยเถิงโดดงานออกไปข้างนอกกับหยกและพี่เสือ เธอไม่รู้ว่าหยกคิดอะไรอยู่ ถึงได้พาจุ้ยเถิงไปหาเจ่เจ้ในตอนนี้ มันทำให้เธอเป็นกังวล จนต้องรีบตามมาที่โรงพยาบาล

   เมื่อมาถึง เธอกลับเห็นหยกและพี่เสือนั่งอยู่หน้าห้องพักของเจ่เจ้ แต่ไม่เห็นจุ้ยเถิง เธอกับคนอื่น ๆ จึงรีบเดินเข้าไปหา

   “มีเรื่องอะไรกันรึเปล่า” พี่เสือลุกจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ เดินตรงเข้ามาถามพวกเธอ “เกิดเรื่องอะไรกันขึ้นถึงได้ดูรีบร้อนกันขนาดนี้”

   “จุ้ยเถิงละ?”

   “อยู่ในห้องกับเจ่เจ้น่ะ” เมื่อเธอได้ยินดังนั้นจึงรีบเข้าไปหาเจ่เจ้ แต่โดนหยกรั้งไว้ “เดี๋ยวตั๋น เฮียรู้ว่าตั๋นไม่ไว้ใจจุ้ยเถิง แต่ฟังเฮียก่อนได้ไหม?”

   “หยกไว้ใจตานั่นได้ยังไง ตานั่นอาจจะสั่งฆ่านายเกรียงไกรก็ได้นะ แล้วปล่อยให้ตานั่น”  เธอพูดออกมาด้วยความร้อนใจ แต่ก็ถูกพี่เสือขัดขึ้นมาอีกคน

   “โบตั๋น ฟังหยกก่อนสิ ไม่ไว้ใจหยกเหรอ”

   “ไม่ใช่อย่างนั้นนะพี่เสือ ตั๋นไม่ไว้ใจไอ้ฝรั่งนั่นต่างหาก”

   “ตั๋นใจเย็น ๆ แล้วมาดูนี่”

   หยกจูงมือเธอเดินไปยังหน้าห้องของเจ่เจ้ ก่อนชี้ให้มองผ่านช่องกระจกเล็ก ตรงบานประตู เธอเห็นจุ้ยเถิงนั่งหันหลังให้ เขากำลังนั่งเฝ้าเจ่เจ้อย่างใกล้ชิด ไม่แม้แต่จะสัมผัสถูกตัว แค่นั่งเฝ้าเฉย ๆ ไม่ได้ทำอะไรมากกว่านั้น

   “เขาทำอะไร”

   “ตั๋นเก่งกว่าเฮียเรื่องการใช้เมฆาขาว ตั๋นก็ลองสำรวจจิตของเขาดูสิ”

   เธอทำตามคำแนะนำของหยกทันที สิ่งที่เธอเห็นมันมีเพียงความทรงจำของจุ้ยเถิงที่มีต่อหงส์ในวัยเด็ก มันหลั่งไหลออกมามากมายจนเธอต้องถอยออกมา

   “เห็นไหม ว่าเขาไม่ได้คิดร้ายกับเจ่เจ้”

   “แล้วหยกพาเขามาหาเจ่เจ้ทำไม”

   “เฮียคิดว่า เขาเป็นคนเดียวที่จะทำให้เจ่เจ้ฟื้นขึ้นมาได้”

   “ทำไม”

   “ก็ความรู้สึกรุนแรงที่เขามีต่อหงส์ มันเหมือนกับที่พี่มีให้กับหยกยังไงละ”

   “อย่าบอกนะว่าหยกกับพี่เสือบอกเรื่องเมฆาขาวกับไอ้ฝรั่งนั่น”

   “เฮียไม่ได้บอก แค่บอกว่า เจ่เจ้อยากได้กำลังใจ เลยขอให้เขามาเยี่ยม”

   “แล้วเขายอมมาง่าย ๆ ได้ยังไง”

   “ตั๋นน่าจะตอบคำถามนี้ได้ดีกว่าเฮียนะ ในเมื่อตั๋นเข้าไปสำรวจจิตของจุ้ยเถิงมาแล้ว”

   “ตานั่นเอาแต่คิดถึงเจ่เจ้”

   “อืม ความรู้สึกของจุ้ยเถิงก็เหมือนกับพี่ ที่มีต่อหยก”

   “ไม่เหมือนสักหน่อย พี่เสือรักหยกแต่... เฮ้ย!! อย่าบอกนะว่าจุ้ยเถิงรักเจ่เจ้”

   “เรื่องบางเรื่องเมฆาขาวก็ไม่สามารถบอกเราได้หรอกนะ เฮียจึงเชื่อในสัญชาตญาณของตัวเอง”

   “หยกรู้เรื่องนี้เมื่อไร?”

   “วันที่ตั๋นจับจุ้ยเถิงมาไว้ที่บ้านเจ็กลู่”

   “ยังไง”

   “ความรู้สึกรุนแรงของเขามันบอกเฮีย ความรู้สึกนั่นมันเปลี่ยนไป ตั๋นน่าจะรับรู้ได้ในตอนที่จะจับจุ้ยเถิง”

   “เพราะตานั่นคิดว่าตั๋นเป็นเจ่เจ้ อยากจับให้ได้ ความรู้สึกมันรุนแรงจนตั๋นอยู่เฉยไม่ได้ต้องลงมือก่อน”

   “ตอนนี้เขาก็เจอเจ่เจ้แล้ว ความรู้สึกทั้งหมดก็ยังเหมือนเดิมไหม?”

   “ไม่ นี่มันเหมือนกับตอนที่พี่เสือพยายามเพื่อหยก...” พอนึกถึงตรงนี้ มันทำให้เธอคิดได้ว่า ความรู้สึกของตานั่นเปลี่ยนไปจริงๆ

   “ตั๋นเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว กลับไปพักเถอะ เฮียกับพี่เสือจะอยู่ที่นี่ดูแลเจ่เจ้เอง”

   “ก็ได้ แต่ถ้าเจ่เจ้ฟื้นขึ้นมาเมื่อไร ต้องรีบโทรบอกตั๋นนะ”

   เธอยอมกลับไปพักตามที่หยกบอก และหวังว่าจุ้ยเถิงจะช่วยให้เจ่เจ้ฟื้นขึ้นมาได้จริง ๆ ส่วนเรื่องที่นายนั่นรักเจ่เจ้ เธอคงไม่ยอมง่าย ๆ หรอก ยังไงๆ ตานั่นต้องผ่านเธอไปให้ได้ซะก่อน

To Be Continue

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: หยก 26-01-19 {{:::71:::}}
«ตอบ #253 เมื่อ26-01-2019 21:34:51 »

หงส์ฟื้นเร็วๆนะ แหมมีความรักในวัยเด็กมาเป็นกำลังใจด้วย น่ารักจริงๆ
 :man1: :man1: :man1:

ออฟไลน์ numay

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1
Re: หยก 26-01-19 {{:::71:::}}
«ตอบ #254 เมื่อ27-01-2019 10:47:37 »

รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ imac

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 931
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
Re: หยก 26-01-19 {{:::71:::}}
«ตอบ #255 เมื่อ27-01-2019 20:06:26 »

รอตอนต่อไปครับ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: หยก 26-01-19 {{:::71:::}}
«ตอบ #256 เมื่อ27-01-2019 21:02:40 »

 :pig4:

ออฟไลน์ Amo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-1
Re: หยก 07-02-19 {{:::72:::}}
«ตอบ #257 เมื่อ07-02-2019 20:45:30 »

72




   หงส์กลับมาแข็งแรงดังเดิม คงเป็นเพราะได้หลับพักผ่อนอย่างเต็มที่ เธอมารู้จากหยกว่า เธอหลับไปหนึ่งสัปดาห์เต็ม ๆ ส่วนเรื่องของป๊า หยกกับโบตั๋นจัดการเรียบร้อยไปแล้ว

   เธอกำลังจะเก็บของเตรียมกลับไปที่บ้านตระกูลฝู่ ที่ตอนนี้เจ็กลู่จัดการปรับเปลี่ยนให้มันกลับมาเป็นเหมือนเดิม เหมือนที่เธอเคยอาศัยอยู่เมื่อ 20 กว่าปีก่อน

   ระหว่างที่เธอหลับ เธอฝันอะไรต่อมิอะไรมากมาย จนเธอไม่อยากจะตื่นขึ้นมาในโลกแห่งความเป็นจริง จนกระทั่งมีใครคนหนึ่งเข้าไปตามเธอออกมา และต้องขอบคุณหยกที่เป็นเจ้าของความคิดนี้

   “เก็บของเสร็จแล้วเหรอหงส์”

   “ค่ะ อากร”

   “อาดีใจนะที่เราฟื้นขึ้นมาแล้ว พวกเราเป็นห่วงแทบแย่”

   “ขอโทษค่ะ ต่อไปนี้หงส์จะไม่ทำอะไรเกินตัวอีกแล้ว”

   “ตอนนี้อะไรหลาย ๆ อย่างก็เข้าที่เข้าทางหมดแล้ว เหลือก็แต่เรื่องพินัยกรรมเท่านั้น อ่อ แล้วหงส์ก็มีเรื่องติดค้างที่ต้องอธิบายกับอีกหลายคนเลยนะ”

   “ค่ะ หงส์รู้”

   “อืม อีกสองวันเราก็จะเดินทางไปซางตูกันแล้ว รีบไปคุยกับจุ้ยเถิงเขาด้วยละ”

   “อาเถิงคงไม่น่าเป็นห่วงเท่าโบตั๋นหรอกค่ะ”

   “อืม อาจำได้คราวไอ้เสือกับหยกก็เอาเรื่องอยู่”

   “แต่ครั้งนี้ หยกเก่งขึ้นมาก ที่แยกแยะระหว่างอำนาจของเมฆาขาวกับสัญชาตญาณของตัวเองได้”

   “หลังจากที่ชำระล้างเมฆาขาวแล้ว หยกคงใช้ชีวิตปกติได้ดีกว่าคนอื่น ๆ”

   “ส่วนตั๋นคงจะลำบากหน่อย”

   “นั่นสินะ” ทั้งเธอทั้งวรากร ต่างหัวเราะกันจนคนที่เข้ามาใหม่นึกสงสัย

   “ร่าเริงกันจังเลยนะ สองอาหลาน”

   “กำลังคุยเรื่องโบตั๋นกันอยู่ค่ะเจ็กลู่”

   “ตอนนี้โบตั๋นก็คอยจะหาเรื่องทะเลาะกับจุ้ยเถิงอยู่ทุกวัน ทางนั้นเองก็ได้แต่นิ่งไม่โต้ตอบ”

   “ก็สมกับที่เป็นเขาแล้วละคะ”

   “นิสัยก็เหมือนกับตอนเด็ก ๆ แต่ทำไมถึงไปหลงเชื่อจุ้ยอั้ยเต๋อได้”

   “ไว้ให้หลาน ๆ เขาทำปรับความเข้าใจกันเองเถอะ” อากรพูดกับเจ็กลู่ก่อนจะช่วยเธอหิ้วกระเป๋า

   “หงส์ละ ไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหม?”

   “หงส์นอนมาเยอะแล้วค่ะ รีบจัดการอะไรๆ ให้เสร็จดีกว่า ว่าแต่อากรกับเจ็กยังตัดสินใจเหมือนเดิมเหรอคะ”

   “พูดยังไง พวกอาก็ไม่เปลี่ยนใจหรอกนะ”

   “ขอบคุณอากรกับเจ็กลู่มาก ๆ นะค่ะ โดยเฉพาะอากร”

   “ไปกันเถอะ ทุกคนรออยู่ที่บ้านแล้ว”

   เธอเดินตามอาทั้งสองออกจากห้องพัก เมื่อมาถึงหน้าห้องก็มีบอร์ดี้การ์ดของเยี่ยนหวอรอรับอยู่ มองดูเอิกเกริกแต่ในเมื่อเธอตัดสินใจแล้ว เธอคงต้องทำตัวให้ชินกับภาพเหล่านี้

........................................................................

   พยัคฆ์นั่งอยู่ข้าง ๆ หยก ภายในห้องรับแขกของบ้านตระกูลฝู่ ซึ่งทุกคนต่างตั้งหน้าตั้งตารอหงส์กันอยู่ที่บ้าน การที่หยกและโบตั๋นไม่ได้ไปรับหงส์ที่โรงพยาบาลเพราะตอนนี้ สองพี่น้องเริ่มเป็นที่รู้จักทั้งในจีนแผ่นใหญ่ ฮ่องกง และมาเก๊า นอกจากจะเป็นทายาทตระกูลฝู่แล้ว สื่อที่ทั้งสองถ่ายแบบตอนนี้ได้ดังมาถึงที่นี่แล้วเช่นกัน

   ดังนั้น เมื่อไรที่สองพี่น้องคู่นี้อยู่ด้วยกัน ก็มักจะเป็นจุดสนใจของสื่อตามสำนักต่าง ๆ เลยทำให้หน้าที่การไปรับหงส์ตกเป็นของอากรกับอาชาติ

   “ตั๋น เดินไปเดินมาไม่เหนื่อยเหรอ?”

   “แหม๋ พี่เสือ ก็ตั๋นอยากเจอเจ่เจ้เร็ว ๆ นี่คะ”

   “เมื่อวานคุณตั๋นเพิ่งจะไปเยี่ยมคุณหงส์มาเองนะครับ” เอแซวโบตั๋นถึงกับหน้าตูม

   “ก็ตั๋นห่วงนี่ ขนาดตั๋นกับหยกยังกระดิกตัวไปไหนมาไหนไม่ค่อยจะได้ แล้วเจ่เจ้ละ นักข่าวไม่ยิ่งรุมเหรอ”

   “ตั๋นเองก็เป็นเจ่เจ้มาตั้งหลายครั้งแล้ว ก็น่าจะรู้ว่าเจ้ไฉ๋จัดการได้ดีขนาดไหน”

   “รู้แล้ว ๆ ยังไงตั๋นก็ห่วงนี่”

   “โวยวายดังลั่นเลยนะตั๋น” หงส์ที่เพิ่งเดินเข้ามาพูดแซวโบตั๋น แต่ดูท่าเจ้าตัวไม่ได้สำนึกเลย กลับวิ่งเข้าไปกอดเจ้าของเสียงนั้น

   “คิดถึงเจ่เจ้จังเลย”

   “เห็นหน้าก็เข้ามาอ้อนเลยนะ” อากรที่เดินตามหลังมาพร้อมอาชาติแซวก่อนส่งกระเป๋าให้เด็กรับใช้ที่ยืนรออยู่

   “ที่หงส์ให้ทุกคนมารวมกันที่บ้านนี้ เพราะมีเรื่องจะคุยกับพวกเราอย่างนั้นเหรอ?” พยัคฆ์เป็นคนเริ่มประเด็นก่อนที่โบตั๋นจะนอกเรื่องไปมากกว่านี้

   “พี่เสือให้เจ่เจ้นั่งพักสักหน่อยก็ไม่ได้ จะรีบไปไหนเหรอคะ”

   “ไม่ต้องไปเหน็บคุณเสือเขาเลย ยัยตั๋น เราน่ะแหละที่จะนอกเรื่องจนกวนเวลาคนอื่นเขาทำงาน”

   โบตั๋นทำหน้าขัดใจตามประสา แต่ก็ยอมตามหงส์ไปนั่งที่โซฟาตัวหนึ่ง ตอนนี้ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มาอยู่กันครบ หงส์หน้าทุกคนก่อนเอ่ยออกมา

   “หงส์ต้องขอขอบคุณทุกคนมาก ๆ ที่ช่วยเหลือหงส์กับน้อง ๆ จนทำให้เราสามารถเรียกร้องในสิ่งที่เป็นของเรากลับคืนมาได้ แถบเรายังได้โรงแรมพร้อมกาสิโนของจุ้ยอั้ยเต๋อมาอีกด้วย แต่นี่เป็นแค่การเริ่มต้นเท่านั้น เพราะหงส์ยังมีสิ่งที่ต้องสะสางอีกมาก”

   “เจ่เจ้ให้หยกช่วยอะไร หยกจะช่วยเต็มที่เท่าที่หยกจะทำได้”

   “ตั๋นเองก็เหมือนกัน”

   “ขอบใจน้องทั้งสองมากนะ เรื่องที่ต้องสะสางหลังจากนี้คงต้องใช้เวลามากทีเดียว”

   “หงส์คงจะหมายถึงเรื่องชื่อเสียงที่เสียไปของเยียนหวอ” เขาเอ่ยขึ้นมาเพราะเคยได้ยินเรื่องนี้มาบ้าง

   “ใช่ค่ะคุณเสือ เรื่องนี้บางคนในห้องนี้อาจจะรู้อยู่แล้วแต่บางคนยังไม่รู้”

   “ในส่วนนี้อาจะเป็นคนอธิบายเพิ่มเติมเอง” อากรเขามาทำหน้าที่เล่าทั้งหมดอีกครั้ง

   เดิมทีเยียนหวอทำธุรกิจส่งออกรังนก มีเกาะเป็นของตัวเอง แต่เมื่อจุ้ยอั้ยเต๋อเข้ามาบริหารงานก็เปิดธุรกิจนำเข้า-ส่งออก ให้เช่าโกงสินค้า ซึ่งเป็นธุรกิจบังหน้าการลักลอบค้าอาวุธสงคราม และที่ไทยมันก็อาศัยขนของผ่านปางไม้ของเซียงไบ่

   จากที่อากรเข้ามาดูบริษัทฯ เพียงไม่กี่สัปดาห์ ก็ได้เจอบัญชีลับและรายชื่อลูกค้ามากมาย มีหลายครั้งที่คนของจุ้ยอั้ยเต๋อโดนจับ มันก็จะใช้เยียนหวอออกหน้า ติดสินบน จนคนของมันพ้นผิด

   “ที่หงส์ขอให้ทุกคนเข้ามาที่บ้านวันนี้ เพราะหงส์ต้องการความช่วยเหลือเป็นเรื่องสุดท้ายจากทุกคน”

   “หงส์ว่ามาเถอะ พวกเรายินดีช่วย” พยัคฆ์ตอบแทนคนของเขาที่นั่งอยู่ในห้องนี้ด้วย

   “ตาก็ยินดีช่วยค่ะ ถึงแม้มันจะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับหยกศักดิ์สิทธิ์แล้วก็ตาม”

   “ขอบคุณค่ะ คุณเสือ คุณลตา”

   “ก่อนที่หงส์จะพูด อาก็ขอแทรกเรื่องนี้ก่อน เจ้าเสือ”

   “ครับ อากร”

   “บริษัทฯ ฉันขอคืนให้แกดูแลเองตั้งแต่นี้เป็นต้นไป และมันจะมีผลทันทีที่แกกลับถึงไทยแล้ว เรื่องนี้ฉันให้คุณวรรณจัดการแล้ว”

   “ครับ ผมเข้าใจ” เขามองตาก็รู้ว่าใจของอากรคิดอะไร อากรคงจะไม่ทิ้งให้อาชาติห่างสายตาอีกเป็นแน่

   “ถ้าอย่างนั้น หงส์เริ่มเลยนะคะ ข้อแรก...”

   พวกเราทุกคนฟังคำขอร้องของหงส์ ซึ่งเป็นเรื่องที่หนักเอาการ มีทั้งเรื่องที่รับได้และรับไม่ได้ แต่สุดท้ายด้วยเหตุผลที่หงส์ให้กับพวกเรา และอากรยังช่วยสนับสนุน มันทำให้ท้ายที่สุด ทุกคนก็ตอบตกลงแต่โดยดี

........................................................................

   หลังจากวันที่เจ่เจ้ขอร้องพี่เสือและทุกคน พวกเราก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง ผมเข้าใจเจ่เจ้ดีว่านี่เป็นทางออกที่ดีที่สุด และผมก็เห็นด้วยกับเธอ ผมพูดได้เลยว่า ทุกคนที่ร่วมทาง ร่วมงานกันมาจนถึงวันนี้ ถือเป็นผู้มีพระคุณต่อพวกเราสามพี่น้อง

   ผมมองเมฆาขาวของเจ่เจ้ในมือ ผิวสัมผัสเย็น ๆ ของเนื้อหยกสีขาวอมฟ้า มันทำให้ผมนึกถึงก้อนน้ำแข็ง ทั้งที่หยกชิ้นนี้เคยอุ่นกว่านี้แท้ ๆ

   “คิดถึงหงส์อยู่เหรอครับ”

   “อืม หยกกำลังคิดว่า ตอนนี้เจ่เจ้กำลังทำอะไรอยู่”

   “งานที่เยี่ยนหวอคงหนักน่าดูเลย แต่มีอากรกับอาชาติช่วยอยู่ หยกวางใจเถอะ”

   “พี่เสือไม่เสียใจเหรอครับที่อากรจะไม่กลับไปช่วยงานที่บริษัทฯ อีกแล้ว”

   “พี่จะเสียใจมากกว่าถ้าอากรกลับไปช่วย แล้วทิ้งอาชาติให้อยู่กลับหงส์”

   ผมเก็บเมฆาขาวของเจ่เจ้กลับเข้าถุงกำมะหยี่ดังเดิม ก่อนมองออกไปนอกตัวรถที่ตอนนี้เราเดินทางมาได้ครึ่งทางแล้ว รถโฟร์วิลล์ที่เหล่าเหมิ๋นส่งไปรับพวกเรากำลังวิ่งไต่ขึ้นเขาไปด้วยความเร็วคงที่ รถคันที่ผมนั่งขับตามรถของคุณลตา ทิ้งระยะห่างพอไม่ให้ฝุ่นทรายบังวิสัยทัศน์ของคนขับ รถกำลังจะถึงสุสานในอีกไม่นาน

   “หยก พี่เสือ” โบตั๋นที่นั่งอยู่เบาะหน้าคู่คนขับ หันกลับมาเรียกพวกเรา

   “ทำไมทำหน้าอย่างนั้นละ หรืออยากเข้าห้องน้ำ?” พี่เสือถามแบบนี้ เพราะก่อนขึ้นเขา พวกเราบอกให้เธอแวะเข้าห้องน้ำก่อนแล้ว แต่โบตั๋นปฏิเสธ

   “ไม่ใช่อย่างนั้น ตั๋นรู้สึกว่ามีคนตามพวกเรามา” โบตั๋นที่หันหลังมา มองเลยไปยังกระจกท้ายรถ พวกเราก็เช่นกัน แต่ก็ไม่เห็นอะไร นอกจากฝุ่นทรายที่ลอยฟุ้งเพราะความเร็วของรถที่แล่น

   “ตั๋นจับความรู้สึกของใครได้อย่างนั้นเหรอ”

   “อืม แต่มันไกลมาก ความรู้สึกมันเลยไม่ชัดนัก แต่พวกนั้นต้องตามเรามาแน่ ๆ”

   “เป็นคนของเหลาเหมิ๋นรึเปล่า” พี่เสือถามบ้าง

   “ถ้าเป็นคนของกงเหมิ๋น ตั๋นคงจะจับความรู้สึกไม่ได้หรอก”

   “คนที่รู้ว่าเราจะมาที่นี่ก็มีแต่คนกันเองเท่านั้น”

   “ใช่ที่ไหน ไอ้ฝรั่งนั่นมันคนนอก” โบตั๋นมองไปยังรถคันหน้า

   “ตั๋นยังไม่ไว้ใจจุ้ยเถิงอีกเหรอ?” พี่เสือถามกับโบตั๋น

   “ใครจะเหมือนกับหยกกันละ ใจอ่อน ใครพูดอะไรก็เชื่อไปหมด” โบตั๋นพูดประชดผมเข้าให้

   “เฮียไม่ได้ใจอ่อนนะ เฮียเชื่อใจเจ่เจ้ ว่าเจ่เจ้มองคนไม่ผิด และเฮียเชื่อสัญชาตญาณของเฮียเอง”

   “ช่างมันเถอะ เดี๋ยวดีแตกเมื่อไร จะได้เห็นดีกัน”

   พวกเราไม่ได้พูดคุยอะไรกันอีก นอกจากได้แต่ระวังตัวได้เท่านั้น เพราะในครั้งนี้มีเพียงแค่ผม โบตั๋น พี่เสือ คุณลตา และจุ้ยเถิงเท่านั้น ที่เดินทางมาหยวนซางตู เนื่องจากเมื่อถึงแคมป์ ก็จะมีคนของเหล่าเหมิ๋นคอยดูแล

........................................................................

   วรรณาและสมศักดิ์เดินทางกลับมาถึงประเทศไทย ต่างคนก็ต่างแยกย้าย โดยคุณศักดิ์กลับไปทำงานของตนเองดังเดิม เนื่องจากไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องของสามพี่น้องมากนัก ส่วนเธอที่เป็นลูกจ้างของวรากร ก็ต้องทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากเจ้านาย

   เรื่องแรกที่เธอต้องทำก็คือเอกสารการโอนหุ้นของวรากร ซึ่งหุ้นทั้งหมดในบริษัทฯ วรากรให้เธอดำเนินการโอนให้พยัคฆ์ทั้งหมด

   เรื่องที่สอง ซึ่งเธอเลือกที่จะแวะมาดำเนินการก่อนจัดการเรื่องเอกสารยุ่งยากเหล่านั้น นั่นคือการมาหาเพ็ญนภาที่ห้องเสื้อ

   “คุณวรรณ เป็นยังไงบ้างคะ กลับมาเมื่อไร” เพ็ญนภาเข้ามาทักทายเธอทันทีที่เห็น

   “เพิ่งลงเครื่องมาเมื่อบ่ายนี้เองค่ะ มาถึงก็แวะมาหาคุณภาเลย”

   “แล้วคนอื่น ๆ ละคะ” เธอเห็นเพ็ญนภามองไปด้านหลังของเธอ

   “คนอื่น ๆ ยังอยู่ที่โน่นกันค่ะ มีเรื่องที่ต้องจัดการกันอีกเล็กน้อย วรรณเลยล่วงหน้ามาก่อน”

   “ทุกคนปลอดภัยดีใช่ไหมคะ?”

   “ทุกคนปลอดภัยดีคะ”

   “ที่คุณวรรณมาหาภานี่ไม่ได้แวะมาทักทายเฉยๆ หรอกใช่ไหมคะ?”

   “ค่ะ วรรณมีเรื่องให้คุณภาช่วย”

   “เรื่องอะไรคะ”

   “เรื่องบ้านของเจ้าสัวเซียง”

   “เจ้าสัวผีพนันนั่นเหรอคะ เฮ้อ บ้าการพนันจนกระทั่งงานศพลูกยังมาไม่เลย”

   “ค่ะ เจ้าสัวเซียง หรือเซียงไบ่”

   “คุณวรรณจะให้ภาช่วยอะไรคะ?”

   “เจ้าสัวเซียงเอาบ้านและปางไม้ไปค้ำเพื่อแลกเงินมาเล่นการพนัน ซึ่งทรัพย์สินในส่วนนี้ตกมาอยู่ในมือของคุณหงส์แล้ว หงส์อยากคืนบ้านให้กับคุณสุพรรณษา”

   “ภาเข้าใจแล้วค่ะ เรื่องนี้ภาจะช่วยเอง แล้วเรื่องปางไม้ละคะ”

   “ปางไม้นั่น เป็นทางผ่านของพวกค้าอาวุธ คุณหงส์อยากจะจัดการเรื่องพวกนี้ให้จบก่อน เพราะหากคืนไปตอนนี้เกรงว่าเรื่องจะพัวพันไปถึงคุณสุพรรณษาค่ะ”

   “เรื่องใหญ่เหมือนกันนะคะ แล้วหงส์จะให้ภาช่วยเรื่องนี้ยังไงคะ”

   “นายตำรวจที่เป็นคนดูแลคดีของเกรียงไกร อาจจะต้องให้คนๆ นั้นเข้ามาช่วยค่ะ”

   “เข้าใจแล้วค่ะ ถ้าอย่างนั้นทั้งเรื่องบ้าน และเรื่องปางไม้ ภาจะช่วยคุณวรรณเองค่ะ”

   “ส่วนเรื่องเกรียงไกร คุณกรอยากได้ข้อสรุปของคดีเพื่อช่วยจุ้ยเถิงค่ะ”

   “ช่วยเขาทำไม เขาเป็นคนจับหยกไปนะ”

   “เรื่องความรักไม่เข้าใครออกใคร สาวโสดสนิทอย่างพวกเราคงไม่เข้าใจคนมีความรักอย่างพวกเขาหรอกค่ะ”

   “อย่าบอกนะว่าจุ้ยเถิงอะไรนั่นมาหลงรักหยกอีกคน”

   “ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกค่ะ เรื่องนี้วรรณพูดมากไม่ได้ เอาไว้รอถามเจ้าตัวเองนะคะ”

   “นี่ขนาดไม่พูดมากนะคะ ภานี่สิคันยุบยิมไปหมด อยากรู้จะแย่แล้ว”

   “อีกไม่นาน คุณภาก็ได้รู้ค่ะ อ่อเรื่องสุดท้ายที่ต้องให้คุณภาช่วย”

   “เรื่องอะไรคะ?”

   วรรณายิ้มจนแก้มปริก็กระซิบกระซาบกับเพ็ญนภาราวกับไม่ต้องการให้ใครได้ยิน ทั้ง ๆ ที่ภายในห้องเสื้อไม่มีลูกค้าเลยสักคน เพ็ญนภาที่ได้ยินถึงกับเบิกตากว้าง กรี๊ดกร๊าดออกมาอย่างดีใจจนเด็กในร้านเงยหน้าขึ้นมามองเจ้านายตัวเอง

To Be Continue

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: หยก 07-02-19 {{:::72:::}}
«ตอบ #258 เมื่อ07-02-2019 21:38:06 »

งุ้ยยยย ค้างงงงงงงงงงงง
มาต่อเร็วๆ น้าาา
ทุกอย่างเริ่มลงตัวแล้ว
ทุกคนจะได้มีความสุขเสียที
 :really2: :really2:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: หยก 07-02-19 {{:::72:::}}
«ตอบ #259 เมื่อ07-02-2019 23:02:41 »

 :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: หยก 07-02-19 {{:::72:::}}
« ตอบ #259 เมื่อ: 07-02-2019 23:02:41 »





ออฟไลน์ hewlett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 560
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-3
Re: หยก 07-02-19 {{:::72:::}}
«ตอบ #260 เมื่อ13-02-2019 13:07:53 »

งานแต่งหยกกับพี่เสือแน่ๆ

ออฟไลน์ Amo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-1
Re: หยก 17-02-19 {{:::73:::}}
«ตอบ #261 เมื่อ17-02-2019 13:31:28 »

73


   ตั้งแต่มาถึงแคมป์หน้าทางเข้าสุสาน โบตั๋นยังคงรับความรู้สึกได้ว่ามีใคร ไม่สิต้องบอกว่ามีคนกลุ่มหนึ่งตามพวกเธอมาแน่ๆ ถึงความรู้สึกที่รับได้จะเบาบางก็ตามที เธอไม่มีความสามารถอย่างเจ่เจ้ที่จะรับรู้ความรู้สึกของใครๆ ได้ในระยะที่ไกลขนาดนี้

   “เสี่ยวฝู่เป็นอะไรไป ไม่สบายรึเปล่า”

   “นายทำหน้าที่ของนายไปเถอะ ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน” ตั้งแต่ที่จุ้ยเถิงได้รับการยอมรับจากเจ่เจ้ อากร และหยก ตาฝรั่งนั่นก็พยายามผูกมิตรกับเธอ ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอไม่ค่อยชอบใจนัก

   “ตั๋น เฮียเถิงเขาก็แค่ถาม เขาคงเป็นห่วง” หยกเดินมาห้ามปรามเธอ

   “ตั๋นไม่ชวนเขาทะเลาะหรอกน่า ไม่ต้องห่วง” เธอว่าแล้วก็ดึงตัวหยกออกห่างจากจุ้ยเถิงมา “ตั๋นยังรู้สึกได้ถึงคนพวกนั้น” เธอกระซิบให้ได้ยินกันเพียงสองคน

   “พวกนั้น”

   “ใช่ ความรู้สึกมันหลากหลาย น่าจะมีกันหลายคนแน่ ๆ”
   
   “แต่เราก็ไม่เห็นใครตามเรามานะ”

   “นั่นแหละที่ตั๋นกังวล”

   “มีอะไรกันรึเปล่า” คุณลตาเดินเข้ามาหาพวกเราสองคน หลังจากเข้าไปหาคุณลลินทร์
   
   “ตั๋นเขารู้สึกได้ว่ามีคนตามพวกเรามาครับพี่ตา”

   “พี่ตาพอให้คนไปสำรวจรอบ ๆ ได้ไหมคะ ตั๋นไม่ไว้ใจเลย”

   “เอาสิ กันไว้ดีกว่าแก้ พี่ก็อยากจะให้การชำระล้างหยกศักดิ์สิทธิ์ดำเนินไปอย่างปลอดภัยที่สุด” คุณลตาเดินไปคุยกับคุณลลินทร์สักพักก็เดินกลับมาหาพวกเรา จากนั้นก็พาพวกเราไปพักที่กระโจมหลังหนึ่ง

   “เราจะชำระเมฆาขาวกันด้วยวิธีไหน?” พี่เสือถามขึ้นหลังจากนั่งลงที่เก้าอี้ซึ่งล้อมโต๊ะกลมอยู่ พวกเรานั่งหันหน้าเข้าหากัน

   “เป็นที่รู้อยู่แล้วว่าตาสามารถชำระล้างหยกคู่หงส์ได้ ซึ่งคู่ของมันคือเมฆาขาวของโบตั๋น ส่วนหยกชิ้นอื่น ๆ คงต้องรอให้แม่นำหยกลวดลายสัตว์ในตำนานมาลองประกบกันดูก่อน”

   “แล้วเธอรู้ได้ยังไงว่าเธอสามารถชำระล้างหยกคู่หงส์ได้”

   “ก็เพราะวันเดือนปีเกิดของฉันยังไงละอาเถิง”

   “ของพี่เสือ พี่ตาเคยบอกแล้วว่าสามารถชำระล้างหยกคู่ มังกรได้ ดังนั้นที่เหลือก็น่าจะเป็นคู่เต่ามังกร”

   “ถ้าอย่างนั้นของเฮียก็ต้องเป็นหยกคู่เต่ามังกรสินะ”

   โบตั๋นได้ฟังหยกกับจุ้ยเถิงคุยกันก็หมั่นไส้ กรณีของคุณลตานั่นเป็นเพราะคำแนะนำของครูศักดิ์ และเธอเองก็นับถือคุณลตาที่ความสามารถ เมื่อฝู่และเหมิ๋นกลับมาเป็นพี่น้องกันอีกครั้ง เธอจึงเรียกพี่ได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ แต่กับจุ้ยเถิง แค่รักเจ่เจ้ของเธอ มันยังไม่พอ ใช่ว่าคนรักกันจะไม่หักหลังกันนี่

   “พี่ตาค่ะ แล้วการชำระล้างเมฆาขาว ต้องทำยังไงคะ ตั๋นเคยอ่านข้อมูลที่เหล่าเหมิ๋นเอามาให้ แต่ไม่ค่อยเข้าใจ”

   “เรื่องการชำระล้าง พี่เองก็ไม่รู้ คงต้องรอถามแม่อีกที” ทันทีที่ลตาเอ่ยจบ คนที่พูดถึงก็เดินเข้ามาในกระโจม

   “ขอโทษที่ให้รอกันนะ” คุณลลินทร์เข้ามาพร้อมกับกล่องใส่หยกศักดิ์สิทธิ์ในมือ

   “คุณลินทร์ค่ะ เรื่องที่ตั๋นขอพี่ตา”

   “เรียบร้อยจ้า เดี๋ยวอีกสักพักคนของฉันคงเข้ามารายงาน”

   เธอพูดพร้อมเปิดกล่อง ทำให้เห็นหยกศักดิ์สิทธิ์ที่วางอยู่ด้านใน หยกจึงหยิบถุงกำมะหยี่ออกมาแล้วยื่นให้กับคุณลลินทร์ เธอรับมาแล้วลองประกบเข้ากับหยกในกล่อง จนกระทั่งเจอหยกที่เข้าคู่กัน

   “หยกของเจ่เจ้ คู่มังกร” หยกมองไปยังคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ พี่เสือก็ยิ้มให้

   “ของหยกคงเข้าคู่กับ หยกเต่ามังกร” พี่เสือพูด ทำให้หยกถอดเมฆาขาวของตัวเองส่งให้คุณลลินทร์ ซึ่งก็ประกบกันได้พอดีกับหยกคู่เต่ามังกร

   “แล้วพวกเราต้องทำยังไงกันบ้างครับ” พี่เสือถามในขณะที่คุณลลินทร์ส่งเมฆาขาวคืนให้กับหยก

   “จากที่ลินทร์ค้นคว้ามา อาหนีเกอได้แสวงหาคนมาชำระล้างหยกศักดิ์สิทธิ์ทุก ๆ สามปี โดยจะทำการชำระล้างในวันที่เขาเดินทางมาบวงสรวงบรรพบุรุษแทนง่วนสีโจ๊ฮ่องเต้ โดยที่ตระกูลของเขารับผิดชอบการบวงสรวงวิหารแรกกับวิหารที่ห้า ซึ่งที่ที่เราอยู่นี่คือสุสานของวิหารที่ห้า วิหารโอโกโด

   ตระกูลอาหนีชำระล้างหยกศักดิ์สิทธิ์ไม่เป็นที่และไม่กำหนดแน่นอน ว่าจะเป็นวิหารไหน เท่าที่ฉันสำรวจแท่นพิธี ก็ทำให้รู้ว่า ที่นี่เคยเป็นที่ชำระล้างหยก 2-3 ครั้ง เพราะทุกครั้งตระกูลอาหนีจะทำป้ายบูชาให้กับคนที่ชำระล้าง”

   “หมายความว่ายังไงครับ ป้ายบูชา” หยกที่ดูตกใจกับคำบอกเล่าของคุณลลินทร์ถึงกับหน้าถอดสี

   “หยกเข้าใจไม่ผิดหรอก เพราะคนที่มาชำระล้างหยกศักดิ์สิทธิ์ ล้วนเสียชีวิตลงหลังจากนั้น”

   “พี่เสือ” หยกหันไปมองพี่เสือ ส่วนเธอเองก็หันไปมองปฏิกิริยาของจุ้ยเถิง

   “แต่ไม่ต้องตกใจ เพราะฉันเข้าใจวิธีชำระล้างหยกศักดิ์สิทธิ์นั่นแล้ว ฉันเองก็ไม่อยากจะเสียลูกสาวของฉันไปเหมือนกันนะ” คุณลลินทร์ยิ้มให้ลตาก่อนจะเล่าต่อ “ตระกูลอาหนี นอกจากจะหาคนที่สามารถชำระล้างหยกแล้ว เขายังเลี้ยงดูคนเหล่านั้นอย่างดี ถึงขั้นสุภาพแข็งแรงเกินคนปกติเลยละ แต่ที่คนพวกนั้นเสียชีวิตลงก็เพราะการอดข้าวอดน้ำตลอดเจ็ดวัน”

   “ต้องอดอาหารด้วยเหรอคะ?” โบตั๋นถามอย่างสงสัย เพราะเธอไม่เห็นว่ามันจะเกี่ยวอะไร

   “โบตั๋นเคยสงสัยไหม ว่าในตำราที่อ่าน อาหนีเก๋อถึงต้องใช้เวลาบวงสรวงถึง 7 วัน 7 คืน”

   “หรือเพราะว่า เวลานั้นเขาให้คนชำระล้างหยกศักดิ์สิทธิ์อยู่”

   “ใช่แล้วจ้า ด้านคนทำพิธีบวงสรวงก็ทำไป คนที่ต้องชำระล้างหยกศักดิ์สิทธิ์ก็ทำหน้าที่ของเขาไป จำได้ใช่ไหมว่าทางเข้าแท่นพิธีนี้เป็นห้องปิด และการระบายอากาศก็น้อยมาก นั่นเป็นเพราะคนที่ชำระล้างต้องอยู่ที่นั่นเป็นเวลา 7 วัน 7 คืน คนของฉันยังพบตะเกียงน้ำมันขนาดใหญ่ตั้งอยู่ทั้ง 4 มุมของห้อง จากการทดสอบ หากบรรจุนำมันตะเกียงจนเต็มมันจะให้แสงสว่างไปจนกระทั่งเสร็จพิธีกรรมเลยละ หรือสรุปง่าย ๆ คนพวกนั้นถูกรมควันให้อยู่ภายในกับหยกศักดิ์สิทธิ์”

   คุณลลินทร์หยิบรูปถ่ายใบใหญ่มาวางไว้บนโต๊ะ 3-4 ใบ ซึ่งเป็นรูปถ่ายแท่นที่อยู่ภายในสุสาน

   “พวกเธอมองดูที่แท่นพิธี” เธอชี้ให้เราดูลวดลายบนแท่น “ลวดลายเหล่านี้ไม่ได้มีไว้เพื่อความสวยงามเท่านั้น แต่ลายที่แกะสลักนั่น เส้นสายของลวดลายสุดท้ายแล้วมันมารวมยังจุด ๆ เดียวกัน คือตรงนี้” เธอชี้ไปยังปลายแท่น “ถ้าไม่สังเกตดี ๆ แทบจะไปเห็นเลยว่าแท่นนี้เอียงไปทางนี้ ตำแหน่งที่วางหยกศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นคนที่ทำหน้าที่ชำระล้าง เมื่อนอนลองบนแท่น ในห้องที่ทั้งอบและร้อน เหงื่อที่ซึมออกมาจะไหลมารวมกันอยู่ตรงนี้”

   “ถ้าอย่างนั้น การชำระล้างก็คือการใช้เหงื่อของคนนั้นเหรอครับ” หยกพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูดีขึ้นกว่าเมื่อครู่นี้

   “ใช่แล้วละ ฉันคาดการณ์ไว้อย่างนั้น และที่คนพวกนั้นเสียชีวิตลง เพราะถูกขังอยู่อย่างนั้น การที่จะเปิดประตูเข้าไปก็จะเป็นการระบายความร้อนออกมา ทำให้ไม่มีการส่งน้ำหรืออาหารเขาไป และคนพวกนั้นต้องนอนบนแท่นตลอดเวลา ดังนั้นจึงไม่มีการพกอาหารแห้ง มีเพียงน้ำเล็กน้อย แต่มันก็หมดลงในเวลาไม่นาน”

   “ถ้าอย่างนั้น พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องชำระล้างหยกศักดิ์สิทธิ์กันที่นี่ก็ได้นี่คะ แค่เข้าไปซาวน์น่าที่ไหนสักแห่งก็น่าจะทำได้” คุณลตาถามคุณลลินทร์ ซึ่งเธอเองก็คิดแบบนั้น

   “ที่แม่อยากให้ชำระล้างที่แท่นพิธีนี่ เพราะแม่ค้นพบบางอย่าง ซึ่งหากไม่ทำที่นี่ แม่ก็จะไม่มีโอกาสได้พิสูจน์อีกต่อไป”

   “อะไรเหรอคะคุณลินทร์” เมื่อได้ยินดังนั้น เธอจึงอดตื่นเต้นและแทรกขึ้นมาไม่ได้

   “ดูที่รูปนี้สิ” คุณลินทร์ชี้ไปยังตำแหน่งวางหยก ซึ่งนอกจากจะเป็นแอ่ง ขนาดและรูปร่างเท่ากับหยกแล้ว ภายในแอ่งยังมีรูเล็ก 2-3 รู “รูพวกนี้เป็นรูที่รองรับเหงื่อที่ชำระล้างหยกแล้ว คนของฉันช่วยกันยกแท่นขึ้น ด้านในพบขวดสำริดวางอยู่ตรงปลายรูพอดี”

   “เหมือนอาหนีเก๋อต้องการเก็บเหงื่อของคนที่ชำระล้างไว้” พี่เสือตั้งข้อสันนิษฐาน

   “มันถูกเรียกว่าน้ำตาหยก มีคุณสมบัติในการรักษาบาดแผล” พวกเราฟังแล้วก็ได้แต่ตะลึงในความอัศจรรย์ “ฉันจึงอยากพิสูจน์ว่ามันเป็นจริงดังที่ถูกจารึกไว้ใต้แท่นพิธีนั่นไหม ดังนั้นแม่ถึงไม่อยากจะเปลี่ยนตัวแปรที่อาจจะทำให้ต้องเสียน้ำตาหยกไป”

   “ผมเคยเห็นตอนที่เจ่เจ้เอาเมฆาขาวจุ่มลงไปในน้ำผึ้งอุ่น ๆ แล้วประทับลงบนกระดาษ มันทำให้เกิดรอยประทับสีฟ้าครามขึ้น แต่มีเจ่เจ้เท่านั้นที่สามารถทำได้คนเดียว เพราะอายุเกิน 25 แล้ว สีฟ้าครามนั่นคือน้ำตาหยกรึเปล่าครับ”

   “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ต้องนำกระดาษที่มีรอยประทับตรานั่นมาตรวจสอบดูถึงจะรู้ อีกอย่าง การเกิดขึ้นของน้ำตาหยกนั่น ฉันไม่แน่ใจว่ามันต้องไหลผ่านหยกพันปีอย่างแท่นพิธีนี่ไหม? หรือเวลามีส่วนเกี่ยวข้องรึเปล่า”
   
   “อืม ผมเข้าใจครับ แล้วคุณลลินทร์จะทำยังไง ในตอนที่พวกเราชำระล้างเมฆาขาว”

   “ฉันให้คนทำซุ้มครอบแท่น แล้วติดตั้งฮีทเตอร์เข้าไป วิธีนี้น่าจะใช้เวลาไม่นาน แต่การชำระล้างนั้นคงทำได้ทีละคน”

   “แล้วเราจะเริ่มชำระล้างกันเมื่อไร” จุ้ยเถิงที่เอาแต่ฟังมานาน ถามขึ้นมา

   “พรุ่งนี้ วันนี้พวกคุณเดินทางมาเหนื่อย ๆ พักผ่อนกันก่อนเถอะ”

   เมื่อทุกคนตกลงกันเรียบร้อย คุณลลินทร์ก็เก็บรูปภาพพร้อมกับกล่องใส่หยกศักดิ์สิทธิ์กลับไปยังกระโจมของเธอ ส่วนคนที่เหลือก็แยกย้ายกันไป เธอนอนกับหยกในกระโจมนี้ พี่เสือกับจุ้ยเถิงในกระโจมถัดไป ส่วนคุณลตานั้นไปนอนที่กระโจมคุณลลินทร์

........................................................................

   พยัคฆ์กลับเข้ามาในกระโจม ก็พบจุ้ยเถิงนั่งอ่านอะไรบางอย่างอยู่ จุ้ยเถิงมองเงยหน้ามองเขาเล็กน้อยก่อนก้มลงอ่านเอกสารชุดนั้นต่อไป เขาเห็นอีกฝ่ายตั้งใจอ่านเอกสารตรงหน้าจึงไม่อยากรบกวน

   เขาเดินไปนั่งลงบนเตียงผ้าใบก่อนรื้อค้นแทบเล็ตในกระเป๋า ออกมาเช็กข้อความและอีเมลต่าง ๆ ที่คั่งค้างอยู่ ซึ่งหนึ่งในนั้นคืออีเมลของคุณวรรณ

   “คุณไปที่กระโจมอาหยงมาอย่างนั้นเหรอ” เขาเงยหน้าขึ้นจากจอแทบเล็ต แล้วพยักหน้าให้กับคนที่ถาม “แล้วเสี่ยวฝู่ละ”

   “ผมรู้ว่าคุณกังวลเรื่องโบตั๋น แต่ไม่ต้องห่วง เธอไม่ได้มีพิษมีภัยอะไร”

   “ถ้าคุณมาเจอฤทธิ์ของเสี่ยวฝู่อย่างที่ผมเจอ คุณจะไม่พูดแบบนั้น”

   “กว่าเธอจะยอมรับผมมันก็ไม่ง่ายหรอกนะจุ้ยเถิง”

   “ทำไม คุณเคยทำอะไรไม่ดีไว้กับตระกูลฝู่รึยังไง”

   “ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก ผมก็แค่เป็นผู้ชายที่รักกับพี่ชายของเธอ”

   “มันก็ไม่เห็นจะแปลกอะไรนี่ หรือว่าเสี่ยวฝู่เธอไม่ยอมรับในเรื่องแบบนี้”

   “ก็ตอนแรก”

   “แล้วคุณพิสูจน์ให้เธอเห็นยังไง เรื่องอาหยง”

   “ความจริงใจ”

   “ผมก็จริงใจกับเธอ”

   “เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ คุณก็อดทนหน่อยแล้วกัน”

   “แล้วคุณไม่โกรธผมเรื่องอาหยงรึไง”

   “คุณไม่ได้ทำร้ายหยกนี่ อีกอย่างหยกเชื่อในตัวคุณ ผมไว้ใจในตัวหยก”

   “คุณคงรักอาหยงมากนะ”

   “มันก็เหมือนกับที่คุณรักหงส์นั่นแหละ”

   “แต่วิธีการมันต่างกัน”

   “หยกพูดเสมอว่าคุณมีเหตุผลของคุณ และผมก็เชื่อว่าเหตุผลที่คุณให้กับหงส์มันคงเพียงพอที่จะทำให้หยกไว้ใจคุณ”

   “ทั้ง ๆ อาหยงไม่เคยฟังเหตุผลจากผมเลยเนี่ยนะ หรือเพราะอาหยงรับรู้ได้จากหยกศักดิ์สิทธิ์”

   “ไม่ใช่หรอก เพราะหยกเชื่อในการตัดสินใจของหงส์ต่างหาก”

   “สมกับเป็นอาหยง”

   “โบตั๋นมีหงส์และหยก ที่เป็นทั้งพี่ ทั้งเพื่อน บางครั้งก็เป็นพ่อแม่ ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจถ้าเธอจะหวงหงส์ และห่วงความปลอดภัยของหยก”

   “ผมเข้าใจ ผมถึงพยายามไม่ตอบโต้เธอ ถึงแม้บางครั้งเธอจะทำตัวเป็นเด็กจนน่าจับตีก้นก็ตาม”

   “เดี๋ยวก็ชิน”

   ทั้งสองพูดคุยกันอีกพักหนึ่ง ก่อนที่จะเข้านอน การที่ได้พูดคุยกับจุ้ยเถิงทำให้พยัคฆ์รู้ว่า จุ้ยเถิงก็ไม่ได้เป็นคนที่เลวร้ายอะไร ค่อนข้างจะแคร์ครอบครัวนี้ซะด้วยซ้ำ ถึงเขาจะไม่รู้ว่าเพราะอะไร จุ้ยเถิงถึงต้องร่วมมือกับจุ้ยอั้ยเต๋อก็ตาม ในเมื่อหยกนับถือจุ้ยเถิงเป็นพี่ชาย ดังนั้นเขาก็ไม่มีอะไรที่ต้องเป็นห่วง

........................................................................

   เพ็ญนภาเข้ามาพบกับสุพรรณษาและคุณหญิงพรรณีที่บ้าน พร้อมกับวรรณาเพื่อส่งคืนบ้านของเจ้าสัวเซียงให้กับคุณสุพรรณษา พวกเธอรอในห้องรับแขกไม่นานผู้ใหญ่ทั้งสองก็เดินเข้ามา คุณสุพรรณษาประคองคุณหญิงพรรณีให้นั่งลงที่โซฟาตัวหนึ่ง ก่อนเธอจะนั่งเก้าอี้ตัวถัดไป

   “สวัสดีคุณ คุณหญิง คุณษา”

   “ไหว้พระเถอะแม่คุณ เพื่อนของแม่เพ็ญรึ” คุณหญิงพรรณีรับไหว้คุณวรรณ พร้อมกับหันมาถามเธอ

   “คุณวรรณา เธอเป็นเลขาของคุณพยัคฆ์ค่ะ”

   “พยัคฆ์?”

   “พยัคฆ์ คุณคุณารักษ์ ยังไงละคะคุณแม่”

   “อ่อ ฉันนึกออกแล้ว ว่าแต่หล่อนมีธุระอะไรละ นายคงสั่งงานมาสินะ”

   “ค่ะคุณหญิง ดิฉันมาเรื่องบ้านแถวศรีนครินทร์ของเจ้าสัวเซียงค่ะ”

   “เมื่อคืนยัยษาบอกฉันว่า บ้านหลังนั้นถูกเจ้าหนี้ยึดไปแล้วไม่ใช่หรือยังไง”

   “ใช่ค่ะ บ้านหลังนี้ถูกญาติทางแม่ของคุณหงส์ยึดเอาไว้ เมื่อคุณหงส์ทราบจึงให้คุณพยัคฆ์ช่วยส่งบ้านคืนให้ทายาท แต่พอทราบว่าคุณเกรียงไกรเสียแล้ว บ้านหลังนี้จึงคืนให้กับคุณสุพรรณษาค่ะ”

   “ฉันไม่ต้องการบ้านหลังนั้นหรอกนะคะ มันไม่มีอะไรน่าจดจำเท่าไร ยังไงช่วยคืนบ้านหลังนั้นให้เจ้าสัวเซียงไปก็แล้วกัน”

   “แล้วที่ดินและปางไม้ของเจ้าสัว”

   “ที่นั่นฉันก็ไม่ต้องการแล้วเช่นกัน”

   “ที่ดินตรงนั้น คุณพยัคฆ์จะขอซื้อไว้ ไม่ทราบว่าคุณสุพรรณษาเห็นว่าอย่างไรคะ?”

   “ฉันไม่มีความเห็นค่ะ ถ้าคุณพยัคฆ์จะซื้อต่อจากญาติของหงส์ ฉันก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร”

   “คุณคงเกรงว่า ถ้าคุณพยัคฆ์ซื้อที่ดินและปางไม้ไปแล้ว เงินที่เจ้าสัวเซียงจะได้ คงไปลงกับบ่อนอีกสินะ”

   “ค่ะ คุณหญิง”

   “เรื่องนั้นก็ปล่อยไปตามกรรมของเจ้าสัวเขาเถอะ ทางเราไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวอีกแล้ว และขอบใจมากนะที่มาแจ้งให้พวกเราทราบ”

   “ค่ะคุณหญิง ดิฉันจะนำความไปแจ้งกับคุณพยัคฆ์” คุณวรรณตอบรับ และเป็นอันเสร็จหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมา

   “แล้วนี่ หงส์คงจะตกลงกับญาติทางแม่เรียบร้อยแล้วสินะ”

   “ค่ะ ประมาณสัปดาห์หน้า หงส์คงได้กลับมาเยี่ยมที่นี่” เพ็ญนภาได้แต่ตอบไป ทั้ง ๆ ที่เธอเองก็ใจหายเช่นกัน

   “กลับมาเยี่ยมอย่างนั้นเหรอ?” คุณสุพรรณษาอุทานแปลกใจ

   “ค่ะคุณษา หงส์ตัดสินใจดูแลกิจการที่นั่น จึงจะย้ายไปอยู่เลย”

   “ไปกันทั้งครอบครัวเลยเหรอ”

   “เฉพาะหงส์ค่ะ หยกต้องดูแลงานที่ไทย ส่วนโบตั๋นก็อาจจะไปๆ มาๆ เพราะเธอตัดสินใจไม่ได้ว่าจะอยู่กับพี่คนไหน”

   “ยังดีที่ตาหยกอยู่ที่นี่นะ”

   “หยกน่าจะกลับมาภายในวันสองวันนี้พร้อมกับโบตั๋น”

   “ถ้าตาหยกกลับมาแล้วก็พามาเยี่ยมคนแก่อย่างฉันหน่อยก็แล้วกัน”

   “ค่ะคุณหญิง”

   เพ็ญนภาคุยเป็นเพื่อนคุณหญิงพรรณีกับคุณสุพรรณษาอีกสักพักหนึ่งจึงขอตัวกลับมาก่อน ส่วนเรื่องที่จะขอความช่วยเหลือที่ปางไม้ คุณวรรณให้เหตุผลว่า ในเมื่อทั้งสองไม่อยากมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แล้ว ก็ไม่อยากขอร้องให้ผู้ใหญ่ทั้งสองต้องลำบากใจ

   
To Be Continue

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: หยก 17-02-19 {{:::73:::}}
«ตอบ #262 เมื่อ17-02-2019 15:38:36 »

ขำตั๋น หวงพี่สาวขนาดหนัก แต่ก็นะคุณจุ้ยเขาประวัติไม่ค่อยดีนี่นา
ขอให้การชำระล้างหยกศักดิ์สิทธิผ่านไปด้วยดีนะจ๊ะ
 :L2: :L2:

ออฟไลน์ Amo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-1
Re: หยก 2-03-19 {{:::74:::}}
«ตอบ #263 เมื่อ02-03-2019 12:10:34 »

74






   หงส์เดินก้าวเข้ามาในห้องทำงานของตนเอง หลังจากที่วรากรคืนอำนาจภายในบริษัทฯ ให้กับเธอ โดยมีฝู่ไฉ๋เป็นเลขา ช่วยเธอดูแลตารางงานต่าง ๆ ส่วนวรากรนั้น เธอแต่งตั้งให้เป็นผู้ช่วยและเลขาของรองประธานบริษัทฯ หรือก็คือหลิวลู่นั่นเอง

   เหล่าบอร์ดี้การ์ดที่คอยดูแลพวกเธอมาโดยตลอด หงส์ก็ตอบแทนพวกเขาเป็นอย่างดี เริ่มจากคุณคี ได้ทำงานหัวหน้าฝ่ายไอที ดูแลเซิฟเว่อร์ใหญ่ของเยี่ยนหวอทั้งหมด ซึ่งคุณคีก็ยินดีที่จะร่วมงานกับเยี่ยนหวอ เนื่องจากหน้าที่นี้ไม่จำเป็นต้องอยู่ประจำที่สำนักงาน ดังนั้นคุณคีจึงค่อนข้างเป็นอิสระ

   ส่วนคุณเก่งและคุณต้า ทั้งสองคนเลือกที่เดินทางกลับไทย เนื่องจากต่างคนต่างมีแฟน มีครอบครัวรออยู่ที่นั่น เธอจึงเสนอให้ทั้งสองเป็นบอร์ดี้การ์ดส่วนตัวของหยกและโบตั๋น ซึ่งไม่ต้องเดาเลยว่าใครจะดูแลใคร เพราะทั้งสองคนต่างเลือกดูแลคนที่พวกเขาสนิท รู้จักนิสัยกันเป็นอย่างดี

   คุณเอและคุณต้น เลือกที่จะติดตามวรากร ดังนั้นในส่วนของทั้งสองคน เธอจึงยกให้เจ็กลู่และอากรเป็นคนตัดสินใจ ว่าจะให้รางวัลพวกเขาอย่างไร โดยเธอจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้เอง

   หงส์มองออกไปนอกหน้าต่างบานใหญ่ที่อยู่ที่ชั้นบนสุดของอาคาร มองไกลออกไปยังอ่าววิกตอเรีย เธอไม่คิดว่าจะสามารถมายืนตรงจุดนี้ได้ภายในเวลาไม่ถึงปี มันคงเป็นโชคชะตาที่ทำให้พยัคฆ์ได้มาเจอหยก ไม่รู้ว่าเธอควรจะขอบคุณใครกันดี ระหว่างน้องชายหรืออนาคตน้องเขยของเธอ เสียงเคาะประตูทำให้เธอต้องหยุดความคิดลง

   “คุณหงส์ค่ะ คุณหลิวให้มาเชิญไปร่วมทานอาหารกลางวันค่ะ”

   “ไปสิคะ เจ้ไฉ๋ก็อยู่ทานด้วยกันเลยนะคะ วันนี้หงส์ไม่ให้เจ้หนีไปทานที่ห้องแคนทีนอีกแล้วนะ”

   “ก็ได้ค่ะ แต่แค่วันนี้วันเดียวนะคะ ใครมาเห็นเข้า มันจะไม่เหมาะ”

   “ไม่เหมาะตรงไหนคะ เจ็กลู่ยังทานร่วมกับอากรได้เลย”

   “ก็ท่านทั้งสองเป็นคู่รักกันนี่คะ”

   “เราก็เป็นพี่น้องกัน”

   “ดิฉันไม่กล้ารับหรอกค่ะ”

   “ถ้าเจ้ไฉ๋ยังดื้อ หงส์ก็จะไม่ให้คนไปรับเหล่าฝู่กลับมาที่นี่นะคะ”

   “คุณหงส์...”

   “ไปค่ะ ไปทานข้าวกัน เดี๋ยวเจ็กลู่จะรอนาน” เธอเดินนำออกไปก่อนที่ฝู่ไฉ๋จะได้พูดอะไร”

   ส่วนฝู่ไฉ๋ ถึงแม้จะเป็นของลูกสาวอดีตพ่อบ้านตระกูลฝู่ แต่ก็ใช้แซ่ฝู่ ดังนั้นก็เปรียบเสมือนพี่สาวของพวกเธอ นอกจากฝู่ไฉ๋จะเป็นผู้ช่วยแล้ว หงส์ยังแบ่งหุ้นให้เหล่าฝู่และฝู่ไฉ๋คนละ 3 เปอร์เซ็นต์ ปลูกบ้านหลังใหม่ให้บนที่ดินข้างบ้านตระกูลฝู่ ซึ่งคาดว่าจะเสร็จทันงานใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในอีกนาน

   “มากันแล้วเหรอ วันนี้หงส์โน้มน้าวอาไฉ๋ยังไงล่ะ เธอถึงยอมมาทานข้าวด้วยกันได้”

   “หงส์ไม่ได้โน้มน้าวค่ะเจ็ก แค่ขู่ว่าจะไม่ส่งคนไปรับเหล่าฝู่”

   “หงส์ไม่มีเมฆาขาวแล้ว อาไฉ๋ยังจะกลัวคำขู่ของเธออีกเหรอ?”

   “ถึงจะไม่มีเมฆาขาว คุณหงส์เธอก็น่ากลัวตรงที่พูดจริงทำจริงนี่แหละค่ะคุณกร”

   “อาไฉ๋ ลื้อก็ไม่ต้องเกรงอกเกรงใจไป พวกเราก็ครอบครัวเดียวกัน”

   “คุณหลิวให้เกียรติฝู่ไฉ๋เกินไปแล้ว”

   “มาเถอะ ๆ ไม่ต้องเกรงใจกันไปเกรงใจกันมาแบบนี้ ทานข้าวกันได้แล้ว” อากรห้ามก่อนที่ยืดเยื้อไปมากกว่านี้ มันทำให้ทั้งเธอและเจ็กลู่หันมายิ้มให้กัน
   
   “อ่อ จริงสิ ต้ารายงานมาแล้วนะ ว่าเรื่องที่หงส์ให้ไปจัดการ ตอนนี้เรียบร้อยแล้ว” เจ็กลู่พูดเหมือนนึกขึ้นได้

   “ยัยภาก็โทรมาบอกว่า เธอและคุณวรรณก็จัดการเรื่องบ้านเรียบร้อยแล้วค่ะ”

   “ถ้าอย่างนั้น ดิฉันจะรีบไปเตรียมงานที่เหลือนะคะ” เจ้ไฉ๋ทำท่าจะลุกออกจากโต๊ะ

   “ฝู่ไฉ๋ เรื่องงานเอาไว้ที่หลังก็ได้ ทานข้าวกันก่อน” อากรพูดเสียงเข้ม ทำให้เจ้ไฉ๋ต้องนั่งลงดังเดิม

........................................................................

   ผมตื่นขึ้นมาเพราะความอึดอัด และเมื่อลืมตาขึ้นมาก็พบกับโบตั๋นซึ่งเข้ามานอนขดซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันกับผม คงเป็นเพราะที่นี่เข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว กลางวันอากาศกำลังสบาย แต่พอตกกลางคืน อากาศจะค่อนข้างหนาว ถ้าอยู่ที่นี่ไปอีกสักเดือน คงได้เห็นหิมะตกเป็นครั้งแรกแน่ ๆ

   “อืม...”

   “เฮียทำให้ตั๋นตื่นเหรอ”

   “หยก...ตั๋นยังไม่อยากลุกเลย”

   “ยังอยากจะนอนต่อก็นอนเถอะ เฮียจะไปหาน้ำอุ่นมาล้างหน้าล้างตาสักหน่อย”

   “ไม่เอา ไม่ให้ลุก”

   “โบตั๋น”

   “ก็มันหนาวนี่ นะ... หยกก็อย่างเพิ่งลุกเลยนะ”

   “เฮียไปปรับฮีทเตอร์ให้ไหม?”

   “ไม่เอา อยากนอนกอดหยก” ผมยกมือขึ้นยีหัวยุ่ง ๆ ที่ยังคงซุกอยู่ที่หมอนอย่างมันเขี้ยว โบตั๋นจึงคลายมือออกจากเอวของผมแล้วพยายามปัดมือที่ยุ่งอยู่บนหัวของเธอ

   “เฮียไปหาช็อกโกแลตร้อน ๆ มาให้เอาไหม แถมน้ำอุ่นมาให้แช่เท้าด้วย”

   “ก็ได้ แต่ก่อนไปปรับฮีทเตอร์ให้ตั๋นก่อนนะ แล้วก็ปิดกระโจมให้สนิทด้วย”

   “รู้แล้วน่า” ผมพูดพร้อมกับลุกขึ้นจากเตียงผ้าใบ

   หลังจากที่หาช็อกโกแลตมาให้โบตั๋นตามสัญญาแล้ว กว่าจะงัดเด็กไม่รู้จักโตออกมาจากกระโจมได้ ทุกคนก็มารอกันอยู่ภายในสุสานเรียบร้อยแล้ว

   “ตื่นสายเหรอเรา” พี่เสือทักทายคนที่เดินเข้ามาภายในสุสานเป็นคนสุดท้าย

   “เปล่าสักหน่อย ตั๋นตื่นก่อนหยกอีก แต่...มันหนาวนี่”

   “ช่วงนี้เริ่มเข้าฤดูหนาวแล้ว อากาศก็จะเป็นแบบนี้แหละ ทนเอาสักสองสามวันนะโบตั๋น” พี่ตาพูดปลอบใจ โบตั๋นก็ได้แต่พยักหน้าให้เธอน้อย ๆ

   “ถ้าพวกเราชำระล้างเมฆาขาวเสร็จได้ภายในวันนี้ อีกวันสองวันเราก็ได้กลับบ้านกันแล้ว” พี่เสือช่วยพูดอีกแรง

   “โบตั๋น คงไม่ค่อยชินกับอากาศแบบนี้ ผมว่า เธอคงกลัวว่าจะไม่สบายเอา จนเป็นภาระคนอื่น”

   “นี่หยกยังสวมเมฆาขาวอยู่เหรอ” โบตั๋นหันมาถามผม

   “หยกศักดิ์ของอาหยงอยู่ที่เฮียนี่” เฮียเถิงหยิบเมฆาขาวที่ประกบเข้ากับหยกศักดิ์สิทธิ์อีกชิ้นเรียบร้อยแล้ว ออกมาจากกระเป๋าเสื้อกันหนาว

   “หยกเอาไปให้เขาตั้งแต่เมื่อไร ถ้าเขาเอาเมฆาขาวหนีไปจะทำยังไง” โบตั๋นทำตาโตก่อนจะขยับมากระซิบให้ผมได้ยินเพียงคนเดียว

   “เฮียไม่ต้องใช้อำนาจของเมฆาขาว เฮียว่าเฮียก็เดานิสัยตั๋นไม่ผิดหรอกนะ” ผมเปลี่ยนเรื่อง เพราะไม่อยากให้บรรยากาศมันอึดอัดอึมครึมกันแต่เช้า

   “ถ้าอย่างนั้น พี่เริ่มก่อนคนแรกก็แล้วกัน ส่วนคุณเสือกับอาเถิงก็ไปตกลงกันเอาเอง ว่าใครจะชำระล้างเมฆาขาวต่อจากฉัน”

   พี่ตาเดินเข้าไปในห้องลับภายในสุสาน พวกเราก็ตามกันเข้าไป ภายในห้องมีสปอร์ทไลน์หลายดวงติดตั้งอยู่ ทำให้ห้องนี้สว่างจ้า ผมสามารถมองเห็นแม้กระทั่งลวดลายแกะสลักบนเพดานห้องที่อยู่สูงขึ้นไป

   ตรงกลางห้องมีซุ้มสี่เหลี่ยมคลุมด้วยผ้าใบผืนหนา ผมเข้าใจว่านั่นน่าจะเป็นแท่นพิธีที่คุณลลินทร์เอารูปให้พวกเราดูกันเมื่อวาน

   “ในนี้ร้อนจังเลย” โบตั๋นบ่นพร้อมทั้งเริ่มถอดเสื้อกันหนาวออก

   “ตั๋นอย่าเพิ่งถอดเสื้อออกสิ ค่อย ๆ ปลดกระดุมก่อน เดี๋ยวร่างกายปรับไม่ทัน คราวนี้คงได้เป็นหวัดกันจริง ๆ “ผมรีบเตือนเธอ

   “อืม” เธอพยักหน้าแล้วทำตามที่ผมบอก

   พวกเรามองดูพี่ตาที่ค่อย ๆ ปรับสภาพร่างกายให้ชินกับอากาศที่อุ่นขึ้นภายในห้องนี้ ก่อนจะเข้าไปในซุ้มนั่นด้วยร่างที่มีเพียงเสื้อกล้ามและกางเกงผ้าเนื้อบางเท่านั้น เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย คุณลลินทร์ก็เดินเข้ามาสมทบกับพวกเรา

   “พี่ตาต้องอยู่ในนั้นนานไหมครับ”

   “ฉันก็ไม่รู้หรอกจ้า แต่เราคุยกันว่า จะรอจนกว่าหยกศักดิ์สิทธิ์จะเปลี่ยนสีกลับมาเป็นสีเขียวมรกตดังเดิม”

   “พี่ตาจะเป็นอะไรไหมคะ?”

   “ไม่เป็นอะไรหรอก โบตั๋นไม่ต้องห่วงไปนะ ดูจากขนาดซุ้มเทียบกับขนาดห้องนี้สิ ในซุ้มยังปลอดภัยกว่ากันเยอะเลย”

   “ห้องนี้อุ่นกว่าข้างนอกมาก แต่ก็ไม่ถึงขนาดทำให้คนเราเหงื่อออกมาได้ กว่าจะชำระล้างหยกศักดิ์สิทธิ์ให้กลับมาเหมือนเดิม บางที 7 วัน 7 คืนก็อาจจะไม่พอ” เฮียเถิงพูดขึ้นขณะมองสำรวจไปตามลวดลายต่าง ๆ บนผนัง

   “ที่ห้องอุ่นเพราะสปอร์ตไลน์นะ ถ้าอาศัยน้ำมันจากตะเกียงใหญ่ภายในห้อง ก็เป็นอย่างที่จุ้ยเถิงว่านั่นแหละ คนสมัยนั้นถึงอยู่กันหลายวัน หรือไม่ก็เสียชีวิตไปซะก่อน”

   “คุณลินทร์ครับ ผมมีเรื่องสงสัย”

   “ถามมาได้เลยค่ะ คุณเสือ ถ้าฉันตอบได้”

   “จากที่ผมอ่านข้อมูลของสุสานนี้ คือเมื่อคืนผมเอาเอกสารที่อาเถิงยืมไปมาอ่านนะครับ” พี่เสือหยุดอธิบายเล็กน้อย “ผมเห็นว่า อาหนีเกอต้องบวงสรวงที่นี่ทุกปีอยู่แล้ว แต่ทำไมถึงเลือกจะชำระเมฆาขาวทุก ๆ สามปี เขามีเหตุผลอะไร ในเมื่อเขาหาคนที่ชำระล้างมาเลี้ยงไว้ที่จวนขุนนางอยู่แล้ว”

   “อาจจะเป็นเพราะตระกูลอาหนีไม่สามารถใช้อำนาจของเมฆาขาวได้ ก็เป็นได้นะคะพี่เสือ”

   “เรื่องนี้ฉันก็สงสัยอยู่ และอาจจะเป็นไปได้ว่าตระกูลอาหนีอาจจะไม่ได้รับพรจากหยกศักดิ์สิทธิ์ แต่อาหนีเกอมีลูกชายสองคน และทั้งสองล้วนแต่เป็นช่างหลวงสืบต่อจากเขา พระเจ้าหยวนเฉิงจงได้ปูนบำเหน็จครอบครัวของเขาเป็นเงินจำนวนมากหลังจากอาหนีเกอเสียชีวิตลง”

   “พระเจ้าหยวนเฉิงจงเหรอคะ”

   “ความจำดีจริงนะโบตั๋น ใช่แล้วจ้า พระเจ้าหยวนเฉิงจงเป็นรัชสมัยถัดจากปฐมกษัตริย์”

   “นั่นทำให้คุณลินทร์ค้นพบน้ำตาหยกใช่ไหมครับ” ผมถามและเริ่มรู้แล้วว่าพี่เสือกังวลเรื่องอะไร

   “ใช่ นอกจากรอบ ๆ แท่นและด้านบนแล้ว ด้านในของแท่นทั้งหกด้าน ยังมีการสลักเรื่องราวต่าง ๆ ไว้อีกมาก และที่ด้านหนึ่งมีสลักภาพวาดเรื่องราวการชำระล้างหยกศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ทิ้งช่วงการชำระล้างไปราว 21 ปี”

   “ตระกูลอาหนีอาจจะไปชำระล้างที่สุสานอื่นก็ได้นะคะ ในเมื่อเขาได้รับมอบหมายให้ดูแล 2 สุสาน”

   “เรื่องนี้เราคงจะหาคำตอบกันได้ยาก อย่างที่รู้กันว่า เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าสุสานที่เหลืออยู่ที่ไหน”

   “แล้วขวดสำริดที่อยู่ใต้แท่น เป็นขวดที่เตรียมไว้สำหรับพิธีนี้ แล้วขวดที่ใช้เสร็จแล้วละครับ”

   “ฉันคาดว่า ตระกูลอาหนีคงจะนำมันกลับไปด้วย”

   “ถ้าเราได้น้ำตาหยกออกมาแล้ว คุณลินทร์จะเอาไปทำอะไรคะ ของวิเศษขนาดนั้น”

   “นี่จะเป็นการชำระล้างหยกศักดิ์สิทธิ์ครั้งสุดท้าย หากน้ำตาหยกมีจริง ฉันก็อยากเอามันไปศึกษา เผื่อจะช่วยในเรื่องวิทยาการทางการแพทย์ในอนาคต”

   “ระหว่างนี้ผมไปรอด้านนอกดีกว่า ผมอยากดูรอบ ๆ สุสานนี้ด้วย” เฮียเถิงบอกก่อนเดินออกจากห้องลับไป

   “หยก เราตามเขาไปกันเถอะ ตั๋นไม่ค่อยไว้ใจอีตานั่นเลย”

   “ตั๋นก็คิดมากไป จุ้ยเถิงเขาไม่มีอะไรหรอก”

   “พี่เสือก็เป็นไปอีกคน”

   “เอาน่า ตั๋นอยากไป เฮียก็จะไปเป็นเพื่อน เฮียเองก็อยากเดินดูรอบ ๆ เหมือนกัน”

   “ถ้าจะไปเดินดูกัน ฉันขอแนะนำให้เดินเฉพาะทางที่คนของฉันติดดวงไฟไว้นะ ทางอื่น ๆ ในนี้มันไม่มีอะไรน่าสนใจหรอก ที่สำคัญที่เหล่านั้นอาจจะมีสัตว์มีพิษอยู่ก็เป็นได้ อย่างลืมว่าเราอยู่กันใต้ทะเลทรายโกบี”

   “ค่ะ/ครับ”

........................................................................
   
   โบตั๋นเดินตามจุ้ยเถิงออกมาจากห้องลับ โดยทิ้งระยะห่างพอประมาณ เธอไม่ได้สวมเมฆาขาวแล้วเพราะตอนนี้มันถูกชำระล้างโดยพี่ลตา เธอรู้ว่าเมฆาขาวของหยกอยู่กับจุ้ยเถิงดังนั้นตอนนี้ ทั้งเธอและหยกไม่สามารถรับรู้ความรู้สึกของคนที่เดินตามได้เลย

   “ตรงนี้ก็มีลวดลายแกะสลัก” หยกชี้ชวนให้พี่เสือดูภาพสลักตรงทางเดิน ราวกับมาเดินเที่ยวกันอย่างไรอย่างนั้น

   “หยกกับพี่เสือเดินไปด้วยกันนะ ตั๋นจะตามจุ้ยเถิงไป” เธอเห็นพี่เสือส่ายหน้าระอาเล็กน้อย แต่เธอเลือกที่จะไม่สนใจ เธอเร่งฝีเท้าเดินตามจุ้ยเถิงไป

   ตลอดทางเดินที่จะกลับขึ้นไปด้านบน จุ้ยเถิงแวะตรงนั้นที ตรงโน้นที บางที่ก็แวะดูลายแกะสลักเป็นเวลานาน จนบางช่วงหยกกับพี่เสือเดินตามมาจนทัน จุ้ยเถิงเกือบออกนอกเส้นทาง แต่พี่เสือรั้งไว้ จนกระทั่งถึงปากทาง จุ้ยเถิงก็กระชับเสื้อกันหนาวก่อนเดินออกไป

   “ฮัดชิ้ว!! ”

   “เฮียไปหาอะไรอุ่น ๆ ให้ดื่มไหม นี่ท่าทางเราน่าจะเป็นหวัดซะแล้ว”

   “เอาชาอุ่น ๆ ก็คงดี ถ้าตั๋นดื่มช็อกโกแลตอีกแก้ว คงได้น้ำหนักขึ้นแน่ ๆ เลย”

   “ตั๋นกลับไปรอที่กระโจมก่อนก็ได้ เดี๋ยวเฮียตามเอาไปให้”

   “พี่ไปช่วยแล้วกัน เผื่อชวนอาเถิงไปคุยที่กระโจมหยกด้วย เขาน่าจะพบเจออะไรบางอย่างตอนที่ดูภาพแกะสลักนั่น”

   “ได้ครับ พี่เสือไปช่วยหยกก่อนค่อยไปตามเฮียเถิงแล้วกัน ขืนปล่อยให้เขาอยู่กับตั๋นสองคน คงได้ทะเลาะกันก่อนจะได้คุยอะไรกันแน่ ๆ” พี่เสือยิ้มให้หยกอย่างเห็นด้วย ทั้งสองดูเข้ากันจนเธอหมั่นไส้ นี่ขนาดหยกไม่ได้สวมเมฆาขาวนะ ทั้งสองยังดูรู้ใจกันขนาดนี้

   “หึ หมั่นไส้” เธออดไม่ได้ที่จะพูดเสียงดังออกมาให้ทั้งสองได้ยิน ก่อนจะเดินออกจากสุสาน เพื่อเดินกลับไปยังกระโจมของเธอ

   ระหว่างทางเธอเร่งฝีเท้าเพราะอากาศหนาวภายนอก ที่ทำให้เธอหนาวจนมือแทบชา ถ้ารู้ว่าอากาศหนาวขนาดนี้ เธอคงเตรียมเสื้อที่หนากว่านี้มา ครั้งที่แล้วที่มายัง แค่เย็นสบายเท่านั้น จังหวะที่เธอยกฝ่ามือขึ้นมาอังที่ริมฝีปากเพื่อเป่าลมอุ่น ๆ จากร่างกายออกมาเพื่อทำให้ฝ่ามือเธออุ่นขึ้น สายตาก็พลันเห็นด้านหลังของจุ้ยเถิง เดินออกไปยังนอกแนวเขตที่พวกเราตั้งแคมป์กันอยู่ เธอจึงเลือกที่จะเดินตามไปทันที

........................................................................

   วรรณาใช้เส้นสายซึ่งเดิมทีเป็นคนที่สนิทสนมกับพ่อของพยัคฆ์ เพื่อส่งข่าวให้กับตำรวจเรื่องปางไม้ของเจ้าสัวเซียง ซึ่งทางตำรวจก็ได้ลอบส่งคนเข้าไปสืบภายใน และได้พบว่า ละแวกบ้านพักคนงานซึ่งถูกปล่อยให้ทิ้งร้างไว้เป็นเวลานาน มีร่องรอยของคนเข้ามาเมื่อไม่นานมานี้

   ทางตำรวจยังพบอีกว่า เครื่องแปรรูปไม้ภายในโรงไม้ไม่ได้เปิดใช้งานและขาดคนดูแลมาเป็นเวลานาน ช้างที่เลี้ยงไว้ใช้งานก็ถูกปล่อยปละละเลยทำให้เป็นโรคขาดสารอาหาร ปางไม้นี้เหมือนกับไม่ได้มีกิจกรรมอะไรมาหลายปี คนงานภายในเหลือเพียงคนเลี้ยงช้างไม่กี่คนเท่านั้น บ้านพักก็ทรุดโทรม

   “เป็นไปตามที่คุณวรรณแจ้งมา ที่นี่ไม่ได้มีการใช้งานมานาน ผมคะเนคร่าว ๆ น่าจะราว ๆ 3-4 ปีได้”

   “ตอนนี้ปางไม้นี้อยู่ในความดูแลของตระกูลชูวนาสุวรรณแล้ว ทางคุณหงส์ยินดีให้ทางตำรวจเข้าตรวจค้นได้ทุกซอกทุกมุมค่ะ”

   “แล้วทำไม คราวที่แล้วคุณถึงส่งข่าวให้พวกเราลอบเข้ามา”

   “วรรณเกรงว่าที่นี่จะเป็นแหล่งซ่องสุมของพวกค้ายา ค้าอาวุธ หรืออะไรที่เป็นอันตรายอื่นๆ ผู้หมวดก็รู้ว่าชื่อเสียงของเจ้าของเดิมมันไม่ค่อยดีเท่าไร”

   “ผมเข้าใจ เดี๋ยวยังไงผมจะเร่งให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ”

   “ถ้าเรียบร้อยเมื่อไร คุณหงส์จะได้จัดทีมเข้ามาปรับปรุง โดยเฉพาะสุขภาพของช้างหลายเชือกที่นี่ คุณหงส์อยากให้พวกมันได้รับการรักษาโดยเร็วที่สุด”

   “เรื่องนั้น เดี๋ยวผมกันพื้นที่ไว้ ให้ช้างและคนเลี้ยงช้างอยู่ คุณก็จัดคนเข้าไปที่นั่นก่อน ส่วนพื้นที่อื่น ๆ ที่เหลือ ผมคงต้องขอความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ป่าไม้มาช่วย”

   “ฉันเข้าใจค่ะ แล้วนี่ สำเนาโฉนดที่ดิน เผื่อพวกคุณจะได้เอาไปเทียบกับแผนที่”

   “งานใหญ่เลยนะครับนี่ กว่าจะตรวจสอบครบ 3,000 ไร่”

   “อย่างไรก็ช่วยหน่อยแล้วกันนะคะ”

   “ผมขอถามอะไรสักหน่อยได้ไหมครับ คืออย่าว่าผมสอดรู้สอดเห็นเลยนะ ตระกูลชูวนาสุวรรณนี่รวยมากเลยเหรอครับ ทำไมผมไม่เคยได้ยิน”

   “อีกไม่นาน คุณจะได้รู้ค่ะ ตอนนี้ฉันพูดอะไรมากไม่ได้”

To Be Continue

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: หยก 2-03-19 {{:::74:::}}
«ตอบ #264 เมื่อ04-03-2019 10:18:10 »

น่าติดตาม ว่าแต่อย่ามีอะไรหมกเม็ดนะ พอแล้วอย่าดราม่าเพิ่มนะจ๊ะ

ออฟไลน์ Amo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-1
Re: หยก 8-03-19 {{:::75:::}}
«ตอบ #265 เมื่อ08-03-2019 20:50:42 »

75




     จุ้ยเถิงเหมือนจะเห็นคนกลุ่มหนึ่งที่เดินวนเวียนอยู่รอบ ๆ แคมป์ของทีมสำรวจ ทำให้นึกถึงคำพูดของเสี่ยวฝู่ที่พร่ำพูดว่ามีคนติดตามพวกเขามาตั้งแต่เมื่อวาน ซึ่งเขารู้ว่าเธอสามารถจับความรู้สึกของคนอื่นได้ในระยะไกลเมื่อสวมเมฆาขาว

      เขาสบโอกาสจึงปลีกตัวออกมาเพื่อตรวจสอบดูว่าคนกลุ่มนั้นเป็นใคร ต้องการอะไรกันแน่ จึงเดินเลี่ยงออกจากแคมป์มา และดูจากร่องรอยที่คนกลุ่มนี้ทิ้งเอาไว้ ถึงจะมีเพียงน้อยนิดแต่เขากก็สามารถตามแกะรอยเหล่านั้นไปได้ จนกระทั่งมาเจอกลุ่มคนที่ยืนรวมกลุ่มกันข้างรถจี๊ปที่จอดเรียงกันอยู่ 2 คัน หนึ่งในนั้นที่เขาเห็นคือกู๋ของเขาเอง

     “หยุดอยู่แค่นั้นแหละอาเถิง” เขาซึ่งพยายามตั้งใจฟังการสนทนาของกลุ่มคนตรงหน้าจึงไม่ทันระวังว่าด้านหลังมีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาในระยะประชิด อีกทั้งยังเอาปืนมาจี้หลังเขาเรียบร้อยแล้ว

     “กู๋เซียง?”

     “นายคงแปลกใจละสิ ที่มาเจอฉันที่นี่”

     “กู๋มากับกู๋อั้ยเต๋ออย่างนั้นเหรอ?”

     “ใช่ ฉันมาเพื่อคิดบัญชีกับนาย”

     “กับผม?”

     “ไม่ต้องพูดมาก เดินออกไป อั้ยเต๋อคงดีใจที่ได้เจอนาย”

     เขาออกเดินตามแรงรุนหลังของกู๋เซียง ระหว่างที่เขาเหลียวหลังไปมองคนที่จ่อปืนมาที่เขา หางตาก็เหลือบไปเห็นเสี่ยวฝู่ยืนหลบอยู่ข้างเนินทรายอีกเนิน ไม่ห่างจากเขาเท่าไร

     “ฉันนึกว่าต้องเสียแรงเข้าไปลากแกออกมาจากไอ้ซากปรักหักพังนั่นเสียอีก” จุ้ยอั้ยเต๋อพูดขึ้นทันทีที่เห็นเขา ทั้งที่เขายังเดินไม่ถึงกลุ่มคนตรงหน้าเลยด้วยซ้ำ

     “กู๋มาทำอะไรที่นี่ครับ”

     “แกยังเห็นฉันเป็นลุงอีกเหรอ ไหนจะเรื่องร่วมมือกับนั่งลิลลี่ เรื่องที่หักหลังฉัน แล้วก็ยังเรื่องที่สั่งเก็บลูกชายของอาไบ่อีก”

     “ผมไม่ได้ทำ”

     “แกไม่ต้องมาแก้ตัว ถ้าแกไม่ทำ แล้วใครจะทำ ในเมื่อแกเป็นคนสุดท้ายที่อยู่กับอาเกรียง” กู๋เซียงแทรกขึ้นมาระหว่างที่เขากำลังคุยกับกู๋อั้ยเต๋อ

     “นั่นเป็นเพราะนิสัยของลูกชายกู๋เองต่างหาก ที่ไม่เอาไหน คงจะไปมีเรื่องมีราวกับใคร จนเขาเอากันถึงตายมากกว่า” เขาหันกลับไปพูดกับเซียงไบ่ที่กล่าวหาเขา ก่อนหันมาสบตากับกู๋ของเขาเอง “ผมไม่ได้ทำอะไรอย่างที่กู๋กล่าวหาสักเรื่อง”

     “พูดไปใครจะเชื่อ ทนายเหอก็เห็นแกเข้าประชุมอยู่กับไอ้พวกฝู่ แล้วไหนยังจะตำแหน่งที่แกได้ในเยี่ยนหวออีกละ พอเลขาของแกเอาเรื่องมารายงานฉันหน่อยแกก็ให้เธอออกสินะ ตั้งใจจะตัดฉันออกจากชีวิตเลยไม่ใช่หรือไง”

     “ผมเปล่า” เพราะแบบนี้นี่เองคุณหลิวถึงเปลี่ยนเลขาของเขา

     “แกอย่างคิดว่าการที่แกมีสายเลือดของฉันอยู่นิดหน่อย แล้วแกจะรอดจากเรื่องนี้ไปได้หรอกนะ เว้นเสียแต่แกจะบอกมาว่าหยกศักดิ์สิทธิ์เก็บอยู่ที่ไหน แล้วแกไม่ต้องพยายามจะโกหก เพราะฉันสืบมาหมดแล้วว่าพวกมันเอาหยกมาที่นี่”

     “บ้านตระกูลเหมิ๋น” เขาตอบแค่เพียงสั้นๆ

     “บ้านตระกูลเหมิ๋น พวกเหมิ๋นมันยังอยู่อย่างนั้นเหรอ” กู๋เซียงถามออกมาอย่างแปลกใจ

     “ผมไม่รู้ ผมก็แค่ตามลิลลี่มาที่นี่เท่านั้น พี่น้องฝู่สนใจจะมาเที่ยวที่สุสานโบราณก็เท่านั้น”

     “ฉันไม่เชื่อแกหรอกนะ ไม่อย่างนั้นพวกฝู่จะแห่กันมาที่นี่ได้ยังไง”

     “กู๋คงเข้าใจผิด ที่นี่มีแต่ฝู่หยงกับเสี่ยวฝู่เท่านั้น กู๋ได้ข่าวมาผิด ๆ แล้ว อาหงhส์ก็ยังอยู่ที่เยี่ยนหวอ”

     “ฝู่หงส์ไม่ได้มาด้วยอย่างนั้นเหรอ” กู๋พูดขึ้นอย่างเสียดาย

     “ใช่ ป่านนี้อาหงส์คงไปส่งหยกศักดิ์ให้กับตระกูลเหมิ๋นด้วยตัวเองเรียบร้อยแล้ว” เขาเห็นกู๋อั้ยเต๋อมีแววตาลังเล

     “อั้ยเต๋อ อย่าไปเชื่อมัน มันคงจงใจหลอกพวกเราอีก อย่างที่มันโกหกเรื่องที่มันทำกับลูกชายอั๊ว”

     “ใจเย็น ๆ อาไบ่ อั๊วรู้ อั้วก็ไม่เชื่อมันหรอก”

     “กู๋น่าจะรู้จักนิสัยของผมดี ว่าผมเป็นคนยังไง และตอนนี้ผมก็ได้ในสิ่งที่ผมต้องการแล้ว”

     “หึ แกอาจจะโดนพวกฝู่หรอกใช้เอาก็ได้”

     “ไม่มีใครนิสัยเหมือนอย่างกู๋หรอกนะครับ ถ้ากู๋ไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อน”

     “ยังไปไม่ได้ และก็จะไม่ได้ไปไหนทั้งนั้นแหละ” กู๋เซียงใช้ด้ามปืนตีที่หลังเขาอย่างแรง จนเขาทรุดลงไปกับพื้นทราย “อั้ยเต๋อยกแกให้ฉันจัดการแล้ว ดังนั้นแกต้องชดใช้ชีวิตของลูกชายอั๊วด้วยชีวิตของแก”

     “อาไบ่ อั๊วจะไม่ห้ามลื้อหรอกนะ แต่ถ้าลื้อฆ่ามันตรงนี้ พวกที่ตั้งแคมป์มันจะแห่กันมา”

     “หึ้ย!! จับมันขึ้นรถ ไว้เสร็จงานที่นี่เมื่อไร แกไม่รอดแน่อาเถิง” กู๋เซียงสั่งคนที่ตามมาด้วยให้ลากเขาขึ้นไปบนรถ โดยไม่ลืมที่จะมัดมือของเขาไว้ไพล่หลังเอาไว้

     “พวกลื้อ ไปดูรอบๆ ไอ้สุสานบ้านั่น ดูว่าพวกฝู่อยู่ตรงไหน ถ้าเห็นสองพี่น้องฝู่ก็จัดการจับมันมาให้ฉัน ระวังคนอื่น ๆ ด้วย”

     กู๋ของเขาสั่งคนให้ออกไปตามหาอาหยงกับเสี่ยวฝู่ เหลือคนที่เฝ้าเขาแค่ 2 คน กับกู๋อั้ยเต๋อ กู๋เซียง เขาที่ถูกขังอยู่ในรถจี๊บพยายามจะแก้มัด ที่นี่มีคนไม่มากนัก เขาต้องรีบหนีออกไปก่อนที่คนพวกนั้นจะเจอเสี่ยวฝู่ที่อยู่ใกล้ ๆ ที่นี่

........................................................................

     โบตั๋นเห็นจุ้ยเถิงโดนคนกลุ่มหนึ่งจี้จับตัวไป ชายแก่กับพรรคพวกอีก 2 คนใช้ปืนจี้และพาเดินห่างออกจากแคมป์ไปยังทะเลทราย เธอไม่สนใจคนอย่างจุ้ยเถิง เธอห่วงเมฆาขาวที่อยู่กับหมอนั่นมากกว่า เธอจึงเลือกที่จะตามไปห่างๆ และถ้าเธอมองไม่ผิด จุ้ยเถิงเห็นเธอตามมาแน่ ๆ

     เมื่อเดินตามมาได้สักระยะหนึ่ง เธอก็พบคนอีกกลุ่มรออยู่ หนึ่งในนั้นคือจุ้ยอั้ยเต๋อ ถึงแม้เธอจะไม่เคยเห็นตัวจริงของเขาแต่เธอก็จำเขาได้จากข่าวต่าง ๆ ที่ระยะนี้ประโคมปาวๆ เรื่องที่ตาแก่นั่นถูกปลดจากเยี่ยนหวอ โบตั๋นอยู่ในระยะที่ไม่สามารถได้ยินการสนทนาระหว่างคนกลุ่มนั้นกับจุ้ยเถิง หรือถึงเธอเข้าไปใกล้พอ เธอก็คงจะฟังรู้เรื่องว่าคนเหล่านั้นคุยอะไรกันอยู่ดี สงสัยต้องให้เจ๊ไฉ๋สอนภาษาจีนกับเธอซะแล้ว

     เธอสังเกตเห็นว่าคนเหล่านั้นดูจะไม่พอใจจุ้ยเถิง ส่วนตานั่นก็ได้แต่มองอีกฝ่ายหน้านิ่ง ราวกับไม่สนใจว่าคนเหล่านั้นจะพูดอะไร จนกระทั่งชายคนหนึ่งคว้าเชือกมามัดมือจุ้ยเถิงไว้ก่อนยัดเขาเข้ารถจี๊ป ไม่นานคนที่เหลือก็มุ่งหน้ามาทางที่เธอหลบอยู่ ปล่อยให้จุ้ยอั้ยเต๋ออยู่กับคนไม่มากนัก เธอจึงเดินอ้อมไปอีกด้านเพื่อหลบคนกลุ่มใหญ่

     “หยก ฟังตั๋นก่อนนะ เรื่องด่วน” โบตั๋นกระซิบขึ้นทันทีหลังจากที่อีกคนรับสาย “ตอนนี้มีพวกของจุ้ยอั้ยเต๋อกำลังตรงไปที่สุสาน คนพวกนี้มีปืนด้วย หยกระวังตัวนะ พวกมันมากันราว ๆ 10-15 คนน่าจะได้”

     ‘แล้วตั๋นอยู่ไหน’

     “อยู่นอกแคมป์ เฝ้าจุ้ยอั้ยเต๋ออยู่ที่นี่ ตั๋นไม่ทำอะไรบุ่มบ่ามหรอกนะ หยกเองก็ระวังตัว แค่นี้นะ” เธอพูดจบก็รีบตัดสายโทรศัพท์ก่อนเฝ้ามองไปยังรถจี๊ปตรงหน้า

     โบตั๋นนอนหมอบอยู่บนผืนทราย เพื่อไม่ให้คนที่เธอเฝ้ามองสังเกตเห็น เธอค่อย ๆ คลานอ้อมมาอีกด้านหนึ่งของตัวรถ ซึ่งอยู่คนละฝั่งกับแค้มป์ของคุณลลินทร์ ถ้าเจ้เปิ้ลกับพี่โอ๋มาเห็นเธอตอนนี้คงโดนบ่นเป็นแน่ที่เสี่ยงทำอะไรให้ผิวเป็นรอย ชายสองคนยืนเฝ้ารถอยู่โดยหันหน้าไปทางแคมป์ ถัดไปเป็นจุ้ยอั้ยเต๋อและชายคนที่จี้จุ้ยเถิงมา กำลังนั่งกันอย่างสบายอารมณ์บนเก้าอี้สนาม

     จุ้ยเถิงที่นั่งอยู่บนเบาะหลังรถเหลียวมาเห็นเธอพอดี โบตั๋นนึกว่าตานั่นจะตะโกนบอกคนที่อยู่อีกด้าน แต่เปล่าเลย เขากับนิ่งเงียบ ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

     “ทำไมนายมาอยู่ที่นี่ คงไม่ได้คิดจะทำให้เจ่เจ้เสียใจหรอกนะ”

     “เสี่ยวฝู่ รีบไปบอกอาหยงกับคุณพยัคฆ์ พวกนั้นกำลังจะไปเอาหยกศักดิ์สิทธิ์” จุ้ยเถิงกระซิบกลับมาเพื่อให้ได้ยินกันแค่สองคน โดยไม่ได้เหลียวมองมาทางเธอแม้แต่น้อย

     “หึ หยกก็อยู่ที่นาย”

     “พวกกู๋ยังไม่รู้ เธอรีบไป ฉันเอาตัวรอดได้”

     “ฉันไม่เชื่อนายหรอก ฉันมาเอาเมฆาขาวของหยก” เธอพูดพร้อมทั้งเอื้อมมือเข้าไปในรถ แต่เนื่องจากหน้าต่างรถเปิดไว้แค่ครึ่งเดียวทำให้เธอเอื้อมไปไม่ถึงกระเป๋าเสื้อของจุ้ยเถิง

     “เสี่ยวฝู่ ฉันรู้ว่าเธอยังไม่ไว้ใจฉัน แต่ตอนนี้ฉันขอให้เธอหลบออกไปจากที่นี่ก่อน มันอันตราย”

     “มีแค่คนแก่สองคน ส่วนสองคนนั่น ถ้าฉันเอาจริง ก็จัดการได้ไม่ยากหรอก”

     “คนพวกนี้เป็นทหารรับจ้าง ที่ผ่านการฝึกมาอย่างดี 2 คนนี้เธออาจจะรับมือไหว แต่เธอไม่ห่วงคนที่แคมป์เหรอ”

     สิ่งที่จุ้ยเถิงพูดนั้นก็มีเหตุผล พี่เสือนั้นเธอไม่ห่วง ที่น่าเป็นห่วงคือหยก นั่นทำให้เธอต้องรีบและตัดสินใจอะไรบางอย่าง ซึ่งเล่นพิเรนทร์เถิงก็ห้ามอะไรเธอไม่ทันแล้ว

     โบตั๋นย่องมาที่ท้ายรถก่อนพุ่งตัวเข้าใส่ทหารรับจ้างคนหนึ่ง ชายคนนั้นไหวตัวทันชักปืนขึ้นมา แต่เธอที่เตรียมพร้อมอยู่แล้ว และถนัดรุกมากกว่ารับ จึงคาดเดาเอาไว้ได้ว่าอาจจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เธอจึงเตะไปที่มือของขายคนนั้น ทำให้ปืนกระเด็นออกไม่ไกลนัก ส่วนชายอีกคนเมื่อเห็นเพื่อนเสียท่าก็ยิงปืนใส่เธอทันที

     เธอกลิ้งตัวหลบลงไปกับผืนทราย ในทิศทางที่ปืนอีกกระบอกกระเด็นไป เมื่อคว้าไว้ได้เธอก็ยิงใส่คนที่ถือปืนอยู่ทันที ปืนในมือของชายคนนนั้นหล่นไปด้านหลังตามแรงสะบัดของมือที่ถูกเธอยิง เธอลุกขึ้นจากผืนทรายพร้อมกับตวัดทรายส่วนหนึ่งเข้าใส่หน้าชายเจ้าของปืนที่เธอถืออยู่

     โบตั๋นอาศัยจังหวะที่ทหารรับจ้างเสียทีเธอพุ่งไปยังจุ้ยอั้ยเต๋อ พร้อมทั้งจับเขาเป็นตัวประกัน ซึ่งทั้งหมดนี้เธอให้เวลาจัดการอย่างรวดเร็ว จนคนที่ถูกเธอจี้ถึงแม้จะลุกจากเก้าอี้สนามได้ แต่ก็ช้าเกินกว่าจะชักปืนขึ้นมา

     “ฝู่หงส์!! ” ชายคนที่จี้จุ้ยเถิงมาเรียกเธอเป็นเจ่เจ้

     “วางปืนในมือลงไปซะ ไม่อย่างนั้นฉันไม่รับรองความปลอดภัยของจุ้ยอั้ยเต๋อ” เธอเลือกที่จะไม่ตอบคำถาม แต่บอกในสิ่งที่เธอต้องการ

     “ไหนอาเถิงบอกว่าเธออยู่ที่เยี่ยนหวอยังไงละ?” ชายคนนั้นถามเธอเป็นภาษาไทย นั่นทำให้เธอเดาได้ว่า คนตรงหน้าคงเป็นเซียงไบ่

     “อ๊ะ ๆ อย่าเข้ามา แล้วก็อย่าคิดทำอะไรตุกติก” เธอบอกกับทหารรับจ้างที่พยายามจะขยับเข้ามาหาเธอ “ไปเอาตัวจุ้ยเถิงออกมา” เธอสั่งชายสองคนนั่น ซึ่งพวกนั้นก็ได้แต่ยืนนิ่ง จนจุ้ยอั้ยเต๋อพยักหน้า พวกนั้นจึงไปลากจุ้ยเถิงลงมา

     จุ้ยเถิงลงจากรถแล้วก็เดินมาหาเธอทันทีหลังจากชายคนหนึ่งแก้มัดให้เขาแล้ว ตานั่นพยายามจะพูดอะไรออกมา เธอไม่คิดที่จะฟังจึงสั่งให้เขามัดทหารรับจ้างนั่นซะ

     “นายเอาเชือกไปมัดสองคนนั้นสิ จะยืนบ่นอะไร” จุ้ยเถิงที่ได้ยินจึงทำตามที่เธอบอก ส่วนเธอก็ค้นเอาปืนในตัวจุ้ยอั้ยเต๋อออกมา “ลุงไม่ต้องได้ใจไป มุขนี้มันเชยแล้ว” เธอบอกกับจุ้ยอั้ยเต๋อในขณะที่เธอคลำไปยังข้อเท้า ซึ่งข้างหนึ่งเหน็บมีดพกไว้ อีกข้างก็ปืนลูกโม่ขนาดเล็ก

     เธอจับคนทั้งสี่มัดติดกับรถจี๊ป ทั้งสี่ด้าน ด้านละคนโดยรอบ จากนั้นก็ใช้มีดพกกรีดยางรถทั้งเส้น ซึ่งเธออาจจะมีแรงไม่พอ จุ้ยเถิงจึงเข้ามาช่วยเธอแทน

      “ซนพอรึยังเสี่ยวฝู่” จุ้ยเถิงพูดหลังจากจัดการล้อรถทั้งสี่เรียบร้อยแล้ว

     “หึ” เธอไม่ตอบแต่เดินดูรอบ ๆ รถที่มัดคนพวกนั้นไว้ ตรวจสอบความแน่นหนา และดูว่ามีใครที่ซ่อนอะไรที่ช่วยแก้มัดได้รึเปล่าอีกครั้ง จนมาหยุดตรงหน้าจุ้ยอั้ยเต๋อ “ลุง ตามพวกเรามาทำไม”

     “เสี่ยวฝู่สินะ ฝีมือดีกว่าพี่ชาย หรืออันที่จริงแล้ว ชอบหาเรื่องใส่ตัว”

     “ก็แล้วแต่ลุงจะคิด ถ้าลุงไม่ตอบ ฉันก็ไม่สน เดี๋ยวฉันก็หาคำตอบได้เองนั่นแหละ” เธอพูดจบก็เดินไปเปิดประตูรถด้านคนขับ แล้วก็สตาร์ทรถ “ลุงทนเอาหน่อยแล้วกันนะ อย่าเพิ่งสุกไปก่อนที่ฉันจะกลับมาก็แล้วกัน แล้วก็นาย เล่ามาให้หมดว่าเมื่อกี้คุยอะไรกัน”

     โบตั้นหันมาสั่งจุ้ยเถิง ก่อนจะเดินกลับเข้าไปทางแคมป์ โดยไม่สนใจคำบ่นของจุ้ยเถิงที่ว่าเธอบุ่มบ่ามบ้างละ ซนบ้างละ เล่นพิเรนทร์บ้างละ ตานี่คงทำให้เจ่เจ้เบื่อเข้าสักวัน ผู้ชายอะไรยังไม่ทันแก่ก็ขี้บ่นซะแล้ว

........................................................................

     เสียงปืนที่ได้ยินหลังจากที่โบตั๋นตัดสายไปได้ไม่นาน ทำให้ผมเริ่มเป็นกังวล พี่เสือรีบเดินไปแจ้งคุณลินทร์ เพื่อที่จะวางคนเข้าปากทางสุสาน ที่สำคัญ เมฆาขาวของเจ่เจ้ที่พี่เสือพกติดตัวเอาไว้ตั้งแต่เดินทางมาที่นี่ พี่เสือต้องการเอาไปไว้ในที่ปลอดภัย

     ผมไม่รู้ว่าคนพวกนั้นจะเข้ามาทางไหน คนของคุณลินทร์ที่จ้างมารักษาความปลอดภัย ส่วนหนึ่งได้ออกไปสำรวจด้านนอกตามคำขอของโบตั๋น ซึ่งกว่าคุณลินทร์จะตามกลับมา ก็ไม่รู้จะทันการณ์ไหม อีกส่วนหนึ่งพี่เสือให้ไปเฝ้าทางเข้าสุสาน

     “คุณหยกครับ ผมว่าคุณหลบไปอยู่ในกระโจมก่อนดีกว่า”

     “ไม่เป็นไรครับ ผมจะอยู่ช่วยข้างนอกนี่”

     “ถ้าอย่างนั้นก็ได้ครับ นี่ครับ ผมว่าคุณหยกควรจะพกติดตัวไว้”

     “ไม่เป็นไรครับ ผมคงไม่ต้องใช้”

     ผมมองปืนในมือเลขาของคุณลินทร์อย่างขอบคุณ แต่ระหว่างผมที่เป็นศิลปะป้องกันตัวหลายรูปแบบกับเลขาจอมลุยตรงหน้า ผมว่าเขาจำเป็นตกพกปืนมากกว่าผม

     “หยก ไม่เป็นไรใช่ไหม?”

     “พี่เสือ เสียงปืนมาจากด้านนอก”

     “โบตั๋นคงไปเห็นโอกาสที่จะจัดการสินะ”

     “หยกก็คิดแบบนั้น แต่ก็ยังรู้สึกเป็นห่วงอยู่ดี”

     “อาเถิงอยู่ด้วย คงไม่เป็นไรหรอก”

     “ถ้าสองคนนั้นเขาไม่ทะเลาะกันซะก่อนครับ”

     “อาเถิงเขาคงไม่ทะเลาะด้วยหรอก แล้วก็คงจะเอาโบตั๋นไม่อยู่”

     จริงที่พี่เสือพูดทุกอย่าง ไม่มีใครเอาโบตั๋นอยู่นอกจากเจ่เจ้ ส่วนเฮียเถิงดูๆ แล้วก็ออกจะตามใจโบตั๋นเสียด้วยซ้ำ ผมรู้ว่าคนอย่างเฮียเถิงนะ คำไหนคำนั้น ถ้าไม่ติดว่าเอ็นดูโบตั๋น คงโดนดีไปนานแล้ว

     พี่เสือให้เลขาของคุณลินทร์ไปอยู่เฝ้าที่กระโจม ส่วนผมตามพี่เสือเดินดูรอบ ๆ แคมป์ ตั้งแต่รู้จักกับพี่เสือมา ผมยังไม่เคยเห็นพี่เสือทำงานสักที ในใจผมตอนนี้ทั้งเป็นห่วงทั้งตื่นเต้น ผมเดินตามพี่เสือไป สายตาก็สอดส่องรอบๆ มองดูว่ามีอะไรผิดสังเกตไหม แต่สุดท้าย สายตามผมก็มาหยุดอยู่ที่แผ่นหลังกว้างของพี่เสือทุกที

........................................................................

     จุ้ยเถิงเดินตามเสี่ยวฝู่กลับมายังทางเข้าแคมป์ ระหว่างนั้น มีคนกลุ่มหนึ่ง เดินย้อนกลับมาทางที่พวกเขา คงเป็นเพราะได้ยินเสียงปืนที่เสี่ยวฝู่ยิง พวกเขาพากันหลบไปด้านข้าง โดยที่โบตั๋นให้สัญญาณมือ สั่งให้เขาไปอีกด้านหนึ่ง เขาก็พยักหน้าก่อนแยกตัวออกมา

     สิ่งที่เสี่ยวฝู่ทำตั้งแต่จัดการทหารรับจ้าง 2 คน จับกู๋อั้ยเต๋อ จนไปถึงสัญญาณมือที่สั่ง เขาเริ่มไม่แน่ใจว่า เสี่ยวฝู่เรียนจบด้านศิลปกรรมศาสตร์ สาขามัณฑนศิลป์อย่างที่อาหงส์บอกไว้จริง ๆ รึเปล่า ถ้าไม่รู้มาก่อน เขาคงคิดว่าเธอเป็นเจ้าหน้าที่ทหารหรือตำรวจมากกว่า

     จุ้ยเถิงเดินอ้อมมาอีกด้านหนึ่ง จนเห็นคนกลุ่มนั้นซึ่งมีด้วยกันทั้งหมด 5 คน สองคนด้านหน้าเดินนำมีปืน UMP ถืออยู่ในมือคอยระวังด้านหน้าและด้านข้าง ที่เหลือเดินปิดท้ายเพื่อระวังหลัง เขาไม่รู้ว่าเสี่ยงฝู่คิดอะไรอยู่ แต่ถ้าเป็นเขา คงต้องหาวิธีจัดการทั้ง 5 คนนี้ก่อนที่พวกนั้นจะไปถึงตัวกู๋ของเขา

     ยังไม่ทันที่จะได้คิดหาวิธีอะไร เขาก็เห็นเสี่ยวฝู่วิ่งพุ่งไปหาสองคนที่ยืนระวังหลัง ชายสามคนเล็งปืนมาที่เธอ แต่ก็ช้าไป ขนาดบนผืนทรายที่ทั้งวิ่งและทรงตัวได้ลำบากแล้ว เสี่ยวฝู่ยังสามารถกระโจนไปล็อกคอทหารรับจ้างคนหนึ่ง เพื่อยึดเป็นฐานส่งตัวก่อนที่จะเตะปัดปืนในมือทหารรับจ้างอีกสองคนในคราวเดียวกัน

     ทหารสองคนด้านหน้าหันมาจะยิงใส่เสี่ยวฝู่ เขาจึงยิงไปที่สองคนนั้น เสร็จไปแล้วสองคนเขาจึงวิ่งเข้าไปช่วยเสี่ยวฝู่ ชายคนที่โดนล็อกคอไม่ได้ลุกขึ้นมา ส่วนชายอีกสองคนกำลังจะพุ่งเข้าไปหาเธอ เขาเตะเข้าไปที่สีข้างชายคนหนึ่ง ส่วนอีกคนเสี่ยวฝู่จัดการให้ลงไปกองกับพื้นได้ในเวลาอันรวดเร็ว ก่อนจะมาจ่อปืนใส่ชายคนที่เขาเตะ

       “นายยิงปืนทำไม เดี๋ยวพวกมันก็ได้แห่กันมาพอดี”

       “ฉันไม่ยิง พวกนี้มันก็ยิงเธออยู่ดี” เขาไม่เข้าใจจริง ๆ อันตรายขนาดนั้น จะไม่ให้เขายิงได้ยังไง

        เสี่ยวฝู่ใช้ด้ามปืนที่เอามาจากกู๋อั้ยเต๋อฟาดไปที่ท้ายทอยของชายคนสุดท้าย เหมือนจะระบายอารมณ์ที่เขายิงชายสองคนนั้นเพื่อช่วยชีวิตเธอ เสี่ยวฝู่เดินไปดูคนที่ถูกยิงก่อนควานหาอะไรสักอย่างบนตัวชายคนนั้น จนพบผ้าโพกหัวสำหรับกันฝุ่นทราย เธอจึงเอามาห้ามเลือดชายคนนั้น

       “ดีนะที่ยังไม่ตาย นายเองก็ยืนบื้ออยู่ทำไม ไปดูอีกคนหนึ่งสิ” เสี่ยวฝู่พูดอย่างอารมณ์เสีย ถึงเขาจะไม่เข้าใจแต่ก็ทำตาม

      “เธอจัดการสองคนนั้นยังไง ถึงน็อคพวกนั้นได้เร็วขนาดนี้”

     “ก็แค่ใช้ไอ้นี่ เร็วดี ไม่เปลืองแรงด้วย” เสี่ยวฝู่ชูที่ช๊อตไฟฟ้าในมือให้เขาดู หลังจากห้ามเลือดคนที่นอนตรงหน้าเธอเรียบร้อยแล้ว

     เสี่ยวฝู่ให้เขาลากคนทั้ง 5 มากองรวมกัน และใช้เข็มขัดของคนเหล่านั้นมัดไม่ให้หนีไปไหนได้ เสี่ยวฝู่ยังมีแก่ใจห่วงคนที่บาดเจ็บ โดยการจัดท่าให้ไม่กระเทือนบาดแผลมากที่สุด

     “ถ้านายจะเข้าสกุลฝู่ นายก็ต้องเรียนรู้ใหม่นับจากนี้”

     “เธอยอมรับฉันแล้วเหรอ”

     “ใครว่า ฉันไม่ใช่นางฟ้าอย่างหยกหรอกนะ ฉันนะนางมารเลยแหละ” เสี่ยวฝู่เดินตรงกลับไปยังแคมป์โดยไม่เหลียวหลังมองเขาอีกเลย

     ถ้าเสี่ยวฝู่จะเป็นนางมาร คงเป็นนางมารสำหรับเขาคนเดียว นี่ขนาดคนที่จ่อปืนใส่เธอ ยังใจดีทำแผลให้เลย กว่าเขาจะผ่านด่านอย่างโบตั๋นไปได้คงจะหนักหนากว่าที่พยัคฆ์บอกกับเขาหลายเท่าซะแล้ว

To Be Continue

ออฟไลน์ Amo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-1
Re: หยก 22-03-19 {{:::76:::}}
«ตอบ #266 เมื่อ22-03-2019 21:17:22 »

76





   ลตาที่นั่งๆ นอนๆ อยู่บนแท่นพิธี ได้ยินแม่ของเธอสั่งคนปิดประตูทางเข้าห้องลับ โดยให้คนเฝ้าเธอไว้ส่วนหนึ่ง คนที่เหลือแม่ของเธอให้เข้าไปเฝ้าโบราณวัตถุที่ขุดค้นได้ที่สุสานนี้

   ตอนนี้เธอทำอะไรไม่ได้นอกจากจะรอให้การชำระล้างหยกศักดิ์สิทธิ์เสร็จสิ้นลง เธอมองไปยังหยกที่วางอยู่บนแท่น หยกที่ได้รับเหงื่อของเธอมองดูราวกับช็อกโกแลตที่โดยความร้อน เหมือนหยกชิ้นนั้นจะละลายได้เลย หยกของโบตั๋นสีขาวอมชมพูซึ่งตอนนี้ดูยังไงก็ยังเป็นสีเดิม ยังไม่มีวี่แววว่าจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวมรกตได้ จนเธอห่วงว่า ต้องใช้เวลาเท่าไรกัน ถึงจะเปลี่ยนให้หยกกลับสู่สีเดิมของมัน

   “ด้านนอกเป็นยังไงบ้าง?”

   “ในห้องลับนี้วิทยุสื่อสารไม่สามารถรับสัญญาณได้ครับคุณหนู”

   ลตาได้ยินดังนั้นก็ยิ่งทำให้กังวล เธอยอมรับว่าเธอเองก็ยังไม่ค่อยไว้ใจจุ้ยเถิงสักเท่าไร ถึงหงส์จะยืนยันแล้วก็ตาม แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าที่จุ้ยอั้ยเต๋อตามมาได้ถึงที่นี่ อาจจะเป็นเพราะจุ้ยเถิง

........................................................................

   พยัคฆ์เดินสำรวจรอบ ๆ แคมป์จนมาพบชายสองคน ซึ่งอาจจะแยกตัวมาจากกลุ่มคนที่โบตั๋นเห็น เขาจึงดึงรั้งข้อมือหยกเขามาหาตัว หยกเองก็ไม่ได้ขืนตัวแต่อย่างใด หลบเข้ามาในอ้อมกอดเขา

   “พี่เสือ”

   “พวกนั้นน่าจะแยกกันมา”

   “หยกไม่เห็นพวกที่เหลือ”

   “หยกหลบอยู่ตรงนี้ก่อน คอยระวังหลังให้พี่ สองคนนี้เดี๋ยวพี่จัดการเอง”

   เมื่อหยกพยักหน้ารับ เขาจึงก้าวออกจากที่ซ่อนหลังกระโจมหลังหนึ่ง เพื่ออ้อมไปจัดการคนพวกนั้น เมื่อเข้ามาใกล้ ๆ เขาจึงเห็นพวกนั้นซ่อนปืน UMP ไว้ด้านหลัง ยิ่งทำให้เขาระวังตัวให้มากขึ้น พยัคฆ์มองหาเครื่องทุ่นแรงและไปได้ไม้ท่อนหนึ่งที่ขนาดเหมาะมือ จากนั้นเขาจึงโยนเศษไม้อีกชิ้นไปทางอื่น จนพวกนั้นหันไปมองตามเสียง

   เมื่อได้จังหวะ เขาจึงเข้าไปจัดการคนทั้งสอง เมื่อเรียบร้อยก็ส่งสัญญาณให้หยกออกมาจากที่ซ่อนตัว เขาและหยกช่วยกันจับชายสองคนนั้นมัดเอาไว้ แล้วลากเข้าไปในกระโจมหลังหนึ่ง

   “ดูแล้วมันคงจะแยกกันเป็นคู่ ๆ”

   “แล้วเราจะตามจัดการมันหมดได้ยังไง ในเมื่อเราไม่รู้ว่าพวกนั้นกระจายตัวกันไปทางไหนบ้าง”

   “แคมป์นี้ไม่กว้างมากนัก พี่คิดว่าพวกนั้นน่าจะมุ่งตรงไปที่สุสานมากกว่า”

   “หรือว่าเราจะไปดักรอที่ทางเข้าสุสาน”

   “กำลังของเราน้อยกว่า น่าจะเสียเปรียบ อีกอย่าง พวกนั้นพกปืนกันทุกคน”

   “แล้วเราจะทำยังไงกันดี”

   ถ้าคนตรงหน้าไม่ใช่หยก เขาคงจะบอกให้แยกกันไปจัดการคนของพวกนั้นให้ได้มากที่สุด แต่หยก เขาทั้งห่วงและหวง ไม่อยากให้ไปเสี่ยงอันตรายแบบนั้น

   “เราแยกกันไปจัดการ...”

   “ไม่ได้!! ” เขารึบแทรกขึ้นมาทันทีที่รู้ความคิดของหยก

   “หยกรู้ว่พี่เสือเป็นห่วง แต่หยกก็รู้วว่าแยกกันไปจัดการน่าจะเร็วที่สุด”

   “พี่ไม่อยากให้หยกเสี่ยง ครั้งนี้จุ้ยอั้ยเต๋อมันเอาจริง ไม่ได้เหมือนคราวที่อาเถิงมาจับตัวหยกนะ”

   “เราเพิ่งจับพวกนั้นได้แค่ 2 คน ข้างนอกนั่นยังมีอีกเป็นสิบ ถ้าเราไม่แยกกันไป พวกนั้นต้องไปออกันที่หน้าทางเข้าสุสานแน่ ๆ”

   “พี่ให้คนไปเฝ้าด้านหน้าไว้แล้ว ไม่ต้องห่วง เราไปด้วยกันนี่แหละ ถ้าพี่ต้องแยกจากหยกไป พี่คงเป็นกังวลจนเสียสมาธิ หรือว่าหยกอยากให้พี่เป็นอันตราย”

   “พี่เสืออย่าพูดแบบนี้สิ”

   “ถ้าอย่างนั้นเราไปด้วยกันนะ”

   “เฮ้อ...ก็ได้ครับ”

   เมื่อเขากับหยกตกลงกันได้แล้ว ทั้งสองจึงเดินสำรวจรอบ ๆ แคมป์อีกครั้งอย่างระมัดระวัง ซึ่งเดินมาได้ไม่นาน เหมือนหยกจะได้ยินเสียงอะไรจึงรั้งข้อมือเขาไว้

   “พี่เสือมีคนกำลังมาทางนี้” ทั้งสองจึงหลบไปหลังกระโจมหลังหนึ่ง เมื่อเห็นเงาคนเดินผ่านไปแล้ว หยกจึงอ้อมไปอีกด้าน เขาก็ทำตามเช่นกัน

   หยกพุ่งใส่คนคนหนึ่ง เมื่อเห็นว่าเป็นใครหยกจึงหยุด แต่อีกคนไม่เป็นอย่างนั้น กลับหันปืนเล็งมาที่หยก ดีที่โบตั๋นที่ยืนข้าง ๆ ไวกว่า จึงเตะเข้าที่ข้อมือของจุ้ยเถิง

   “นี่นาย ไม่เห็นรึไงว่าเป็นหยก”

   “อาหยง เฮียขอโทษ เฮียไม่ได้ตั้งใจ นึกว่าเป็นคนพวกนั้น”

   “นายนี่มัน เอะอะอะไรก็จะยิงอยู่เรื่อย ถ้าหยกเป็นอะไรไป ฉันไม่ปล่อยนายไว้แน่”

   “พอเถอะตั๋น เฮียไม่ดีเองแหละที่เข้ามาทางด้านหลัง”

   “ตั๋นยังรู้เลยว่าเป็นหยกกับพี่เสือ”

   “เอาน่า อย่ามัวทะเลาะกันเลย เดี๋ยวพวกนั้นก็แห่กันมาเพราะเสียงตั๋นหรอก”

   “ใครว่า พวกนั้นแห่มาเพราะเสียงปืนของตาฝรั่งนี่ต่างหาก”

   “ตอนนี้พวกนั้นน่าจะเหลืออยู่ไม่ถึง 10 คนแล้ว ผมกับเสี่ยวฝู่จัดการไป 5 คน”

   “5 แล้วเหรอ?”

   “ก็บอกแล้วว่าเพราะเสียงปืนตาฝรั่งนี่”

   “พี่เสือจัดการไป 2”

   “พวกนั้นมี 12 คน ไม่รวมกู๋อั้ยเต๋อกับกู๋เซียง”

   “เจ้าสัวเซียงมาด้วยอย่างนั้นเหรอ?”

   “คงมาจัดการผม ที่ไม่พาลูกชายเขาไปมาเก๊าคราวนั้น เลยทำให้ลูกชายของเขาตาย”

   “ถ้าอย่างนั้น ตอนนี้ก็เหลืออีก 5 คนสินะ” หยกสรุป

   “ไม่ใช่ เหลือแค่ 3 เพราะอีก 2 ถูกจับรวมอยู่กับจุ้ยอั้ยเต๋อ” โบตั๋นว่า

   “ถ้าอย่างนั้นเราแบ่งออกเป็นสองกลุ่มก็แล้วกัน ตั๋นกับจุ้ยเถิง” เขายังไม่ทันจะพูดจบก็โดนคนหนึ่งแทรกขึ้น

   “@%$@%^*^#$@^&*$@@%^&$#” พวกเขาหันไปมองตามเสียง

   “คุณลินทร์!!! ” เมื่อหันไปก็พบว่า ชาย 3 คนที่เขาตามหา คนหนึ่งจับตัวคุณลินทร์ไว้เป็นตัวประกัน

........................................................................

   จุ้ยเถิงหันไปตามเสียงประกาศของทหารรับจ้าง เขารู้ว่าทั้งสามคนข้าง ๆ เขาไม่ได้ตกใจกับคำประกาศกร้าวของคนพวกนั้น แต่ตกใจที่เห็นตัวประกันในมือชายคนหนึ่งมากกว่า

   “อาเถิง”

   “มันบอกให้พวกเราส่งอาหยง กับเสี่ยวฝู่ให้มัน ไม่อย่างนั้นคุณลินทร์ตาย” เขาแปลให้กับทุกคนฟัง

   “ทำไมมันถึงต้องการตัวพวกเราอีกละ” เสี่ยวฝู่ถามอย่างสงสัย

   “ตอนที่พวกนั้นจับเฮียไป เฮียบอกมันไปว่า หยกศักดิ์สิทธิ์อยู่กับหงส์ พวกเธอแค่มาเที่ยวที่นี่ตามคำชวนของลิลลี่” เขาเห็นสายตาไม่พอใจจากเสี่ยวฝู่

   “มันเลยจะเอาพวกเราไปต่อรองกับเจ่เจ้สินะครับ”

   “เร็ว!! หรืออยากให้นังนี่ตาย” หนึ่งในนั้นตะคอกออกมาเมื่อเห็นพวกเขากระซิบกระซาบกัน

   “มันว่าอะไรครับเฮียเถิง”

   “มันเร่งพวกเรา”

   “งั้นก็ไปกับมันสิ” สายตาของเสี่ยวฝู่ดูเป็นประกายแปลก ๆ จนเขานึกหวั่นใจ แต่เมื่อมองไปทางอาหยง ทางนี้ก็ไม่เห็นจะห้ามปรามน้องเลยสักนิด

   “หยก” พยัคฆ์เหมือนจะต้องการรั้งอาหยงไว้ แต่เจอรอยยิ้มของอาหยงเขาไป พยัคฆ์ก็ได้แต่เงียบไปพูดอะไรต่อจากนั้น

   “ได้ พวกแกปล่อยตัวผู้หญิงคนนั้นมาก่อนสิ” ในเมื่อห้ามกันไม่ได้ เขาก็ยอมที่จะร่วมมือด้วย

   “ไม่ มาแลกกัน” ชายคนที่จับคุณลินทร์ไว้พูดขึ้น เขาแปลให้คนอื่นฟัง และได้ยินเสียงเล็ก ๆ ของเสี่ยวฝู่บ่นว่าต้องเรียนภาษากับฝู่ไฉ่ซะแล้ว

   ชายสองคนเดินออกมาด้านหน้า อาหยงกับเสี่ยวฝู่เดินเข้าไปหาพวกมัน พยัคฆ์เดินเข้าไปหาคุณลินทร์ ชายคนที่จับเธอไว้คลายเมื่อออก เขาเห็นเสี่ยวฝู่ส่งสัญญาณบางอย่างให้อาหยง จากนั้นสองพี่น้องก็จัดการกับคนที่กำลังจะจับพวกเขาในระยะประชิด

   อาหยงเมื่อถึงตัวก็กระชากปืนในมือคนตรงหน้าออกมาก่อน ตามด้วยเสยด้ามปืนเข้าไปที่ปลายคางของเจ้าของปืนอย่างแรง แล้วใช้ปืนในมือแทนพลองในการต่อสู้

   เสี่ยวฝู่อาศัยจังหวะที่ชายตรงหน้าจับแขนเธอ พลิกตัว หักแขนไพล่หลัง แล้วใช้ที่ช๊อตไฟฟ้าช๊อตที่ท้ายทอย จากนั้นก็เข้าไปช่วยอาหยง

   พยัคฆ์ดึงตัวคุณลินทร์เข้ามาหลบในอ้อมแขนก่อนเตะฝุ่นทรายเข้าหน้าชายคนที่จับคุณลินทร์ไว้ เขาที่เห็นทหารรับจ้างตั้งตัวได้ เตรียมจะยิงไปที่พยัคฆ์ เขาจึงรีบเข้าไปขัดขวางและเอาปืนจี้ในระยะประชิด ยังไม่ได้ทันถามอะไรก็โดนเสี่ยวฝู่ใช้ที่ช๊อตไฟฟ้าจัดการไปอีกคน

   “โบตั๋นพกของแบบนี้ด้วยเหรอ?” พยัคฆ์ถามขึ้นมาอย่างแปลกใจ

   “ก็ต้องพกสิ ตั๋นเป็นผู้หญิงนะ ก็ต้องมีไว้ป้องกันตัวบ้าง”

   “ฉันไม่คิดว่าผู้หญิงอย่างโบตั๋นจะต้องใช้นะ” คุณลินทร์ดูจะแปลกใจไม่แพ้กัน

   “คนฉลาดมักใช้เครื่องทุ่นแรงค่ะ” เธอยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ให้คุณลินทร์

   “ทำไมคุณลินทร์ถึงถูกคนพวกนี้จับได้ละครับ” พยัคฆ์ถามขณะที่ช่วยกันจับทั้งสามคนมัดเอาไว้

   “พวกนี้บุกเข้าไปที่สุสาน ทำร้ายคนของฉันบาดเจ็บไปหลายคน และดูเหมือนว่ามันจะรู้ว่าฉันเป็นใคร เลยจับฉันมา แต่ยังไปไม่ถึงไหนก็เจอพวกเธอเข้าซะก่อน”

   “มีคนเจ็บด้วยเหรอครับ แล้วเป็นอะไรมากรึเปล่า” อาหยงดูจะเป็นกังวลกับคนเจ็บไม่น้อย

   “ฉันเองไม่แน่ใจเหมือนกัน”

   “คุณลินทร์ช่วยเรียกตำรวจหน่อยนะครับ เดี๋ยวผมจะไปช่วยดูคนเจ็บก่อน ตั๋นอยู่กับเฮียเถิงที่นี่ก่อนนะ เฮียจะไปกับพี่เสือ”

   “แล้วเจ้าสัวเซียงกับอั้ยเต๋อละ ยังอยู่นอกแคมป์นั่นนะ” คุณพยัคฆ์ท้วงถึงคนที่เหลือ

   “เอาแบบนี้ เฮียกับคุณเสือจะไปเอาตัวพวกนั้นมาก่อนแล้วกัน อาหยงก็รออยู่นี่กับเสี่ยวฝู่ก่อน”

   “อย่างนั้นก็ได้ครับ”

   เมื่อได้ข้อสรุปแล้ว เขากับพยัคฆ์ก็พากันเดินออกนอกแคมป์ไป จากเหตุการณ์ครั้งก่อนที่เขาโดนโบตั้นจับได้ที่อาคารจอดรถมาจนถึงครั้งนี้ ทำให้เข้ารู้ว่า ไม่ใช่อาหยงเท่านั้นที่เก่งในเรื่องศิลปะป้องกันตัว เสี่ยวฝู่ก็เก่งไม่แพ้กัน และเมื่อสองพี่น้องอยู่ด้วย เข้าขากันขนาดนี้ เขาคงไม่ต้องห่วงอะไร เขากับพยัคฆ์เสียอีกที่น่าเป็นห่วง

........................................................................

   พี่เสือกับเฮียเถิงกลับมาพร้อมกับทหารรับจ้างสองคน ส่วนจุ้ยอั้ยเต๋อกับเจ้าสัวเซียงหนีไปได้ คุณลินทร์ให้คนออกตามหา ก็ไปเจอรถจี๊ปของทั้งสองจอดทิ้งไว้เพราะน้ำมันหมด แต่ตามหาทั้งสองคนไม่เจอ คาดว่าอาจจะหลงอยู่ในทะเลทราย ส่วนตำรวจกว่าจะมาถึงก็ค่ำแล้ว ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่พี่ตาออกจากห้องลับในสุสาน

   พวกเราตามไปรอลุ้นดูน้ำตาหยกที่กลั่นออกมาได้ เมื่อคนงานช่วยกันยกแผ่นหยกพันปีขึ้น ในแท่นที่คุณลินทร์วางขวดสำริดไว้ ปรากฏว่าด้านในนั้นว่างเปล่า ไม่มีของเหลวอะไรอยู่ภายในเลย ส่วนเมฆาขาวของโบตั๋นนั้นกลับมาเป็นสีเขียวมรกตดังเดิมแล้ว

   “ขอหนูลองจับมันดูหน่อยได้ไหมคะ?”

   คุณลินทร์ยื่นเมฆาขาวให้โบตั๋นตามคำของ โบตั๋นรับไว้ เธอมองและสัมผัสมันอยู่นาน จากนั้นก็ส่งคืนให้กับคุณลินทร์ไป

   “โบตั๋นคงจะอยากรู้ละสินะ ว่ายังสัมผัสจิตใครได้อีกรึเปล่า”

   “ใช่ค่ะพี่ตา แต่มันไม่ได้รู้สึกอะไรแล้ว”

   “เรื่องน้ำตาหยก คงไม่ได้เกิดขึ้นกันได้ง่าย ๆ” คุณลินทร์เปรยขึ้นมาอย่างเสียดาย ผมจับความรู้สึกในน้ำเสียงของเธอได้

   “อาจจะเป็นเพราะระยะเวลากับอุณหภูมิมันไม่ได้” อยู่ ๆ เฮียเถิงก็พูดขึ้นมา

   “นายไปรู้อะไรมา?” โบตั๋นหันไปถามเฮียเถิง

   “เฮียยังไม่มั่นใจ ว่าจะถามคุณลินทร์อยู่เหมือนกัน แต่ดันเกิดเรื่องเสียก่อน”

   “ชิ” โบตั๋นจิ๊ปากไม่พอใจ ผมรู้ว่าไม่ใช่เรื่องที่เฮียเถิงไม่ตอบคำถามเธอ แต่น่าจะเป็นเรื่องที่การใช้สรรพนามแทนตัวเองมากกว่า

   “คุณไปเจออะไรมาอย่างนั้นเหรอ” คุณลินทร์ถามขึ้นมา เพราะพอรู้ว่าโบตั๋นไม่ค่อยพอใจเฮียเถิง

   “ทางเดินที่ออกมา มีบางจุดเป็นภาพสลักที่ไม่ต่อเนื่องกัน และมีดูจากน้ำหนักการลงมือ น่าจะเป็นช่างฝึกหัด”

   “ฉันก็เจอที่ไม่ต่อเนื่องเหมือนกัน แต่เรื่องน้ำหนักการลงสิ่วนี่ ฉันไม่ทันสังเกต”

   “ระหว่างที่ผมเดินออกมา ผมเจออยู่หลายจุด พอจะเดาเรื่องราวที่คน คนนี้แกะสลักได้ แต่มันไม่ต่อเนื่อง”

   “ในทางที่แม่ไม่ให้พวกเราเข้าไป มันมีภาพแกะสลักแบบนี้ไหม?” พี่ตาถามถึงทางที่คุณลินทร์ปิดเอาไว้

   “มีอยู่ 2-3 จุด แต่แม่เห็นว่ามันแกะไม่เสร็จบ้าง เรื่องราวไม่ต่อเนื่องบ้าง และอีกภาพคือ อยู่ ๆ ก็แกะขึ้นมาทั้ง ๆ ที่โดยรอบไม่มีอะไรเลย”

   “ถ้าอย่างนั้นผมขอไปดูหน่อยได้ไหมครับ”

   “ทางตรงนั้นฉันไม่ได้ให้คนเดินไฟไว้ อีกอย่าง คืนนี้ก็ดึกมากแล้ว เอาไว้พรุ่งนี้ก็แล้วกันนะคะ”

   “แล้วเรื่องการชำระล้างเมฆาขาวของผมกับอาเถิงละครับ” พี่เสือถามขึ้นมา ดูจากอาการเหมือนพี่เสือมีอะไรอยู่ในใจ

   “ถ้าคุณไม่รีบ รอให้ผมสำรวจถ้ำก่อนได้ไหม อย่างน้อยอาจจะได้รู้วิธีกลั่นน้ำตาหยก”

   “หยกว่ายังไงครับ” พี่เสือหันมาถามผม

   “เอาตามที่เฮียเถิงว่าก็ได้ครับพี่เสือ กลับไทยช้าไปวันหนึ่งก็ไม่น่าจะเป็นอะไร”

   “ใช่ค่ะ ตั๋นก็อยากเห็นน้ำตาหยก”

   “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวตาส่งข่าวบอกหงส์สักหน่อย”

   “ไม่เป็นไรลิลลี่ เธอไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวเรื่องการเลื่อนกลับไทย ฉันจะบอกหงส์เอง”

   “นายก็ไม่ต้อง พี่สาวฉัน ฉันรายงานเองได้” โบตั๋นพูดเสร็จก็สะบัดหน้า เดินหนีออกจากกระโจมไปเลย ทั้งที่กระโจมที่เรารวมตัวกันอยู่ เป็นกระโจมของผมกับเธอ

   “เฮียว่าเฮียกลับกระโจมก่อนดีกว่า ไม่อย่างนั้นเสี่ยวฝู่คงจะไม่ยอมกลับเข้ามาในกระโจมแน่ๆ อ่อ แล้วอาหยง เสี่ยวฝู่ดูเหมือนจะเป็นหวัด หาอะไรอุ่น ๆ ให้น้องดื่ม แล้วทานยากันไว้หน่อยนะ” เฮียเถิงพูดจบก็เดินออกไป

   “อาเถิงก็ดูเป็นพี่ชายที่ดีนะ” พี่ตาแซวยิ้ม ๆ กับคุณลินทร์

   “โบตั๋นก็เป็นน้องที่แสบไม่ใช่เล่น” พี่เสือก็เป็นไปกับเขาอีกคน

   “ถ้าอย่างนั้นก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนเถอะ วันนี้พวกเราก็เหนื่อยกันมาทั้งวัน” คุณลินทร์สรุปก่อนพากันเดินออกจากกระโจมไปพร้อมพี่ตา

   “หยกไม่เป็นอะไรใช่ไหม ตอนนั้น”

   “พี่เสือก็อยู่ด้วยนี่ พี่เสือนั่นแหละ เอาตัวเข้าบังคุณลินทร์ ถ้าเฮียเถิงกับโบตั๋นเข้ามาไม่ทัน พี่เสืออาจจะโดนยิงก็ได้”

   “ห่วงพี่เหรอครับ” พี่เสือถามผมแต่เจ้าตัวกลับยิ้มแก้มแทบปริ

   “ห่วงสิ หยกกลัวแทบแย่”

   “แล้วตอนที่ไปกระชากปืนจากเขานี่ไม่กลัวเลยอย่างนั้นเหรอ?”

   “ก็กลัวครับ แต่พอเห็นพี่เสือตอนนั้น หยกกลับกลัวมากกว่า”

   “เอาเป็นว่าพี่ไม่เป็นอะไรนะครับ หยกเองก็ทำพี่ใจหายใจคว่ำไปหลายหน ครั้งนี้ถือว่าเราหายกันนะ”

   “งานที่พี่เสือทำ เสี่ยงแบบนี้ตลอดเลยไหมครับ” ผมถามเมื่อนึกขึ้นได้ว่างานพี่เสือมักจะเป็นงานคุ้มกัน จึงไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมพี่เสือถึงใช้ตัวเองเป็นเกราะกำบังให้คุณลินทร์

   “ไม่หรอก แล้วก็อีกหน่อยพี่ต้องดูแลงานทั้งหมดแทนอากร พี่คงเหนื่อยจนไม่มีเวลาได้ออกภาคสนามหรอก”

   “ค่อยยังชั่วหน่อย” ผมค่อนข้างโล่งใจที่ได้ยินอย่างนั้น

   “พี่กลัวแค่อย่างเดียว”

   “อะไรครับ”

   “กลัวว่าพอพี่เหนื่อยจะไม่มีคนมาดูแลพี่”

   “ก็คุณวรรณยังไงละครับ”

   “อ่าว แล้วหยกจะไม่มาดูแลพี่ ทำเค้กให้พี่ทานแล้วเหรอครับ”

   “ค่าตัวหยกแพงนะ พี่เสือจ้างไหวรึเปล่า”

   “พี่ไม่มีค่าจ้างให้หรอกครับ พี่ตั้งใจว่าจะฉุดแล้วเอาไปขังไว้ที่บ้านเลย”

   “น้อย ๆ หน่อยค่ะพี่เสือ ข้ามศพตั๋นไปก่อนเลย ถ้าจะทำอย่างนั้นน่ะ” โบตั๋นที่เข้ามาได้ยินพอดี โวยวายใส่พี่เสือทันที

   “ตั๋นเอาเวลาไปจัดการอาเถิงเถอะ” และดูว่าพี่เสือจะไม่ยอมลงให้แล้วคราวนี้

   “ตั๋นจัดการได้ทั้งคู่ก็แล้วกัน”

   ผมที่ฟังทั้งคู่ทะเลาะกันอย่างไม่จริงจังนักอีกพักใหญ่ ถ้าโบตั๋นยอมรับเฮียเถิงได้เมื่อไร เธอคงจะมีเพื่อนเล่นเพิ่มอีกคนเป็นแน่

   
To Be Continue

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: หยก 22-03-19 {{:::76:::}}
«ตอบ #267 เมื่อ22-03-2019 22:32:09 »

 :เฮ้อ:
โล่งอก ดีที่ทุกคนไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ยังเชื่อใจไม่ได้ ยังไงก็ขอให้ผ่านไปด้วยดีนะ
เพิ่งรู้ว่าโบตั๋นต่อสู้ก็เป็น เก่งนะเนี่ย
 o13

ออฟไลน์ Amo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-1
Re: หยก 3-04-19 {{:::77:::}}
«ตอบ #268 เมื่อ03-04-2019 19:48:09 »

​77





   เงาสองร่างพาดผ่านกระโจม แต่ก็ไม่ทำให้คนที่นอนหลับอยู่ภายในรับรู้ถึงการมาของคนทั้งสอง จนกระทั่งได้ยินเสียงกุกกักเหมือนรื้อค้อนอะไรบางอย่าง

   ลตาลืมตาขึ้นเพราะเสียงที่รบกวนการนอนของเธอ ถึงแม้จะเป็นเสียงแผ่วเบา แต่ปู่ของเธอก็สอนเธอมาดีพอที่จะไหวตัวได้ทัน เธอเห็นสองคนช่วยกันรื้อกล่องต่าง ๆ ที่วางอยู่บนชั้นเก็บเอกสารของแม่เธอ ถึงเธอจะมองเห็นหน้าไม่ถนัดในความมืดนัก แต่ก็ไม่เกินการคาดเดา

   เธอค่อย ๆ มุดตัวลงไปใต้ผ้าห่มผืนหนาก่อนกดโทรศัพท์เพื่อโทรออก แล้วหย่อนมันไว้ใต้เตียง ส่วนตัวเธอก็คลานลงจากเตียงมาอีกด้านหนึ่ง แล้วค่อย ๆ ย่องอ้อมไปด้านข้างจนเห็นว่าสองคนตรงหน้าเป็นใคร

   “แหม๋ นึกว่าใครเสียอีก ที่แท้ก็คุณชายจุ้ยกับเจ้าสัวเซียงนี่เอง”

   “ลตา!!” เซียงไบ่หันมามองเธออย่างตกใจ

   “สิ่งที่คุณหา มันไม่ได้อยู่ที่นี่หรอกนะคะ”

   “ฉันไม่มีทางเชื่อเธอหรอกนะ ในเมื่อเธอเป็นคนของสกุลเหมิ๋น” จุ้ยอั้ยเต๋อเก็บสีหน้า แต่ก็เอ่ยกับเธออย่างแค้นเคือง

   “อ่าว รู้กันแล้วเหรอคะ อย่างนี้ก็ไม่สนุกแล้วสิ”

   “ฉันไม่ใช่เพื่อนเล่นของเธอนะลิลลี่”

   “ฉันก็ไม่คิดจะเล่นกับคุณอยู่แล้ว คุณชายจุ้ย คุณวางมือแล้วยอมมอบตัวกับตำรวจซะเถอะ ในเมื่อตอนนี้คุณก็หนีไปไหนไม่รอด นี่คงจะไม่คิดเป็นเด็กๆ หรอกนะคะว่า จะย่องเข้ามาขโมยหยกศักดิ์สิทธิ์แล้วแอบหนีออกไปจากที่นี่ง่าย ๆ โดยไม่มีคนเห็น”

   “นี่เธอคงจะวางแผนเอาไว้แล้วสินะ”

   “ไม่ใช่หรอกครับกู๋ แต่เป็นเพราะกู๋ยังอยู่ที่แอบอยู่ในแคมป์นี่ตั้งแต่แรกต่างหาก เลยทำให้พวกเรารู้ตัว”

   “อาเถิง” จุ้ยอั้ยเต๋อดูจะตกใจเมื่อจุ้ยเถิงเปิดผ้าหน้ากระโจมขึ้น ตามมาด้วยคุณพยัคฆ์

   เซียงไบ่ที่รู้ว่าตัวเองจนตรอกจึงพุ่งตัวไปที่เตียงผ้าใบอีกเตียง ก่อนคว้าตัวคนที่นอนอยู่บนนั้น หวังจะจับเป็นตัวประกัน แต่กลับเสียท่าซะเอง

   หยกจับเซียงไบ่พลิกตัวแล้วบิดแขนไพล่หลัง มีดในมือจึงหล่นลงพื้นอย่างง่ายดาย หยกกดตัวให้เซียงไบ่ให้คุกเข่าลง

   “เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” จุ้ยอั้ยเต๋อตะลึงที่ได้เจอหยกในกระโจมนี้

   “เอาเป็นว่าฉันจะสงเคราะห์ให้ก็แล้วกัน หยกศักดิ์สิทธิ์ที่คุณอยากได้นักอยากได้หนานั่น มันไม่ใช่ว่าใคร ๆ จะสามารถใช้ประโยชน์จากมันได้ คนที่ใช้ได้จะถูกหยกศักดิ์สิทธิ์เลือกเท่านั้น และในที่แห่งนี้ก็มีแค่หยกที่สามารถใช้มันได้”

   “แล้วกู๋ก็เข้าใจผิด เรื่องความวิเศษของมัน มันไม่ได้ดลบันดาลให้เจ้าของได้ในสิ่งที่ต้องการอย่างที่กู๋เซียงเล่าให้ฟังหรอกนะครับ ที่กู๋เซียงอยากได้ เพราะเขาจะได้ครอบครองเยี่ยนหวอ ถึงได้สร้างเรื่องแบบนั้นขึ้นมา ส่วนอาหยงที่ห้อยหยกศักดิ์สิทธิ์ไว้ เขาก็แค่สัญชาตญาณดีกว่าคนทั่วไป เขาถึงจับได้ยังไงละครับ ว่ากู๋ทั้งสองแอบเข้ามาในแคมป์นี้”

   “เซียงไบ่ แกหลอกฉัน แกทำให้ฉันสูญเสียทุกอย่าง” จุ้ยอั้ยเต๋อหันไปตวาดเซียงไบ่ และพูดราวกับคนเสียสติ

   “ไม่ อั้ยเต๋อ อย่าไปเชื่อมัน มันหลอกพวกเรา”

   “ถ้าแกไม่เอาเรื่องหยกวิเศษมาเป่าหูฉัน เยี่ยนหวอก็ยังคงอยู่ในมือฉัน แล้วไหนจะกาสิโนที่ฉันอุตส่าห์สร้างขึ้นมาอย่างยากลำบากนั่นอีก” จุ้ยอั้ยเต๋อเล็งปืนไปที่เซียงไบ่

   “กู๋ หยุดเถอะ อย่าทำร้ายใครไปมากกว่านี้เลย” จุ้ยเถิงพยายามเกลี้ยกล่อม

   “อย่ามายุ่งกับฉัน” จุ้ยอั้ยเต๋อกวาดปืนไปทางจุ้ยเถิงและคุณพยัคฆ์

   “พี่เสือ” หยกที่จับซียงไบ่ไว้ ถึงตกใจแต่ก็ยังไม่ปล่อยเซียงไบ่ให้หลุดมือ

   จุ้ยอั้ยเต๋อกวาดปืนไปทางคนนั้นที คนนี้ที อย่างหวาดระแวง

   “อั้ยเต๋อ ลื้อต้องเชื่ออั๊วนะ เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งกี่ปี” เซียงไบ่พยายามจะเกลี้ยกล่อมให้จุ้ยอั้ยเต๋อช่วย แต่กลับกลายเป็นว่า จุ้ยอั้ยเต๋อเล็งปืนไปที่มัน

   “ลื้อควรจะตายตามลูกเฮงซวย ๆ ของลื้อไปได้แล้ว” จุ้ยอั้ยเต๋อปลดเซฟปืนและตั้งใจจะยิงทั้งเซียงไบ่และหยกอย่างไม่ต้องสงสัย เธอจึงพุ่งตัวเข้าไปหาหยกทันที แต่ก็ดูเหมือนช้ากว่าเสียงปืนที่ดังขึ้น

........................................................................

   หงส์เดินนำฝู่ไฉ่เข้ามาในตัวบ้าน ที่ตอนนี้มันกลับกลายเป็นบ้านของเธอโดยสมบูรณ์ เมื่อมาถึงฝู่ไฉ่ก็แยกเอาของเข้าไปเก็บในห้องทำงาน ส่วนตัวเธอเดินตรงเข้ามาในห้องบรรพบุรุษ เพื่อทักทายป๊าและม๊าของเธอ ซึ่งตั้งแต่เธอกลับเข้ามาอยู่บ้านหลังนี้ เธอไม่เคยละเลยที่จะเข้ามาในห้องนี้แม้สักวัน

   “ป๊าค่ะ ม๊าค่ะ วันนี้หงส์ถอนหุ้นออกจากบริษัทฯ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลักลอบค้าอาวุธแล้ว และคนของอาเถิงก็กำลังรวบรวมหลักฐานเพื่อส่งให้ทางตำรวจจัดการอยู่ ถึงตอนนี้เยี่ยนหวอจะยังไม่ใสสะอาดเหมือนเมื่อก่อน แต่หงส์รับรองค่ะ ว่าอีกไม่นานชื่อเสียงของเยี่ยนหวอจะกลับมาดีดังเดิม”

   เธอมองรูปป๊ากับม๊าที่ส่งยิ้มมาให้ ทำให้เธอคิดถึงในตอนที่เธอยังเด็ก ถึงแม้จะมีกันเพียง 3 คน แต่เธอก็ไม่เคยเหงา การที่เธอห้อยเมฆาขาวไว้จะทำให้รับรู้ถึงจิตใจใครต่อใคร ทั้งด้านดี ด้านร้าย แต่มันก็ทำให้เธอเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว

   “เรื่องอาเถิง ป๊ากับม๊าคงจะไม่ตำหนิหนูใช่ไหมคะ เขายังคงเป็นคนเดิม คนที่หนูรู้จัก ถึงแม้เขาจะอยู่กับคนไม่ดี แต่จิตใจเขาไม่ได้เปลี่ยนไปเลย”

   เสียงเคาะประตูทำให้เธอหันไปมอง ฝู่ไฉ่เดินเข้ามา ก่อนรายงาน

   “เกิดเรื่องที่ซางตูค่ะคุณหงส์”

   “การชำระล้างเมฆาขาว ไม่สำเร็จอย่างนั้นเหรอ?”

   “ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ จุ้ยอั้ยเต๋อกับเซียงไปแอบตามพวกคุณชายไป แล้วบุกเข้าไปที่แคมป์ของตระกูลเหมิ๋น”

   “มีใครเป็นอะไรไหม”

   “ทุกคนปลอดภัยดีคะ แต่จุ้ยอั้ยเต๋ยเสียชีวิตเพราะจุ้ยเถิงค่ะ”

   “อืม แล้วทางนั้นเป็นยังไงกันบ้าง”

   “ตำรวจกำลังจัดการอยู่ แล้วก็คุณจุ้ยเถิงแจ้งว่า อาจจะกลับไทยช้ากว่ากำหนด”

   “เรื่องนั้นตั๋นบอกกับหงส์แล้วละคะ”

   “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ดิฉันขอตัวนะคะ”

   “เจ้ไฉ๋ไปพักผ่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวหงส์จะไปที่ห้องทำงานแล้ว”

   “คุณหลิว กับคุณกร รออยู่ที่ห้องทำงานเรียบร้อยแล้วค่ะ”

   “ขอบคุณค่ะ”

   เจ้ไฉ่เดินนำออกไปก่อน เธอเหลียวมองรูปป๊ากับม๊าอีกครั้ง ก่อนเดินออกไปเพื่อไปยังห้องทำงาน

........................................................................

   เรื่องเลวร้ายเมื่อคืนผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ไม่อยากจะเชื่อว่านายฝรั่งนั่นจะกล้ายิงลุงของตัวเอง ทำไมเจ่เจ้ถึงได้เก็บคนอันตรายแบบนี้ไว้ใกล้ตัวก็ไม่รู้

   เช้านี้ตำรวจแห่กันมาเก็บหลักฐาน สอบสวนคนนั้นที คนโน้นที แม้แต่เธอก็ไม่เว้น กว่าจะหลุดออกมาได้ก็เลยไปค่อนวัน

   “ตั๋นเป็นยังไงบ้าง” หยกถามเมื่อเห็นเธอเดินเข้ามาในสุสาน

   “เบื่อจะแย่ ถามนั่นนี่อยู่ได้”

   “เฮียไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น เฮียถามถึงอาการของตั๋นมากกว่า ดีขึ้นแล้วใช่ไหม?” เมื่อวานเธอรู้สึกเหมือนจะเป็นไข้ หยกเลยให้เธอทานยาป้องกันไว้ก่อน ด้วยฤทธิ์ยาทำให้เธอหลับและพลาดเรื่องสนุก ๆ ไป

   “หายแล้ว ไม่ต้องห่วง ว่าแต่ทำไมหยกอยู่คนเดียวละ”

   “อ่อ พี่ตากับคุณลินทร์ไปเตรียมงานอยู่ในห้องลับ ส่วนพี่เสือกับเฮียเถิงเดินไปดูทางโน้นอีกหน่อยนะ” หยกชี้ไปที่อุโมงค์ช่องหนึ่งที่ภายในมืดมิด และเป็นพื้นที่ที่คุณลินทร์กันไว้ไม่ให้เข้าไป

   “เรื่องน้ำตาหยกเป็นยังไงบ้าง”

   “ท่าทางคงจะหมดหวัง”

   “ทำไมละ?”

   “จากภาพที่เฮียเถิงเจอ มันเป็นการบอกวิธีการกลั่นน้ำตาหยกก็จริง แต่อุณหภูมิที่ใช้มันไม่ได้เร่งให้เหงื่อออกมาขนาดนั้น ดังนั้นถ้าจะให้ได้น้ำตาหยกจริง ต้องนอนอยู่บนแท่นนั้น 7 วัน 7 คืนพอดี”

   “เราเร่งกระบวนการอะไรไม่ได้เลยเหรอ?”

   “ใช่ คุณลินทร์ดูจะเสียใจ แต่เพื่อความปลอดภัยของพี่เสือกับเฮียเถิง คุณลินทร์เลยตัดใจ ชำระเมฆาขาวแล้วเตรียมส่งมอบให้พิพิธภัณฑ์”

   “อ่าว ตั๋นเป็นยังไงบ้าง” พี่เสือเดินออกมาจากอุโมงค์พร้อมกันกับจุ้ยเถิง

   “ถ้าจะถามคำถามเดียวกันแบบนี้ ก็รีบๆ ให้อากรมาขอหยกไม่เถอะ”

   “เสร็จงานเมื่อไร พี่ไม่ปล่อยให้ตั๋นรอนานหรอก”

   “พี่เสือ”

   “ครับ” เจ้าของชื่อหันไปยิมหวานให้หยก จนเธออดหมั่นไส้ไม่ได้

   “เราไปหาคุณลินทร์กันเถอะ” จุ้ยเถิงคงจะอิจฉา ความหวานเลี่ยนของหยกกับพี่เสือ ถึงได้พูดตัดบทเสียงขรึมก่อนเดินนำพวกเราเข้าไปด้านใน

   “เจออะไรไหมครับ” หยกถามพี่เสือโดยมีจุ้ยเถิงเดินนำหน้า เธอเลือกที่จะเดินตามหลังทั้งสาม

   “อืม ภาพสุดท้ายในผนังถ้ำ เหมือนคนแกะสลักจะบอกถึงวิธีการกลั่นน้ำตาหยก แต่ลวดลายมันยังแกะไม่เสร็จ”

   “ผมว่ามันไม่ใช่แบบนั้น จากที่ผมเห็น ภาพทุกภาพที่เป็นฝีมือช่างคนนี้ มักจะมีคนอื่นมาแกะสลักโดยรอบ ด้วยฝีมือที่ประณีตกว่า ราวกับจะซ่อนภาพของคนคนนี้ไว้”

   “แล้วภาพสุดท้ายละ มันเป็นภาพเดี่ยว ๆ นะ”

   “ผมคาดการณ์ว่า คนคนนี้คงแอบมาสลักไว้ไม่ให้ใครพบเจอ แต่ที่เห็นเหมือนแกะไม่เสร็จนั้น ผมว่า มันไม่ไม่ได้แกะไม่เสร็จ แต่มีคนทำลายภาพนั้นมากกว่า”

   “อืม...ดูจากร่องรอย ก็มีความเป็นไปได้ ว่าถูกอะไรบางอย่างกระแทกออก”

   “ใช่ ตระกูลอาหนีคงมาพบเห็นทีหลัง ถึงได้พยายามสร้างเรื่องราวกลบเกลื่อน จนภาพสุดท้าย ไม่สามารถทำอย่างนั้นได้ คงต้องมีอะไรเกิดขึ้นสักอย่าง”

   “แบบนี้เรื่องนี้ก็ยังเป็นปริศนาต่อไปน่ะสิ” เธอเสียดายที่จะได้เห็นน้ำตาหยก หลังได้ยินพี่เสือกับจุ้ยเถิงถกเถียงกันถึงเรื่องภาพแกะสลัก

   เธอเดินตามคนทั้งสามไปจนถึงห้องลับ เห็นซึ่งมีกระโจมอีกชุดหนึ่งเตรียมไว้ เห็นแบบนี้แล้ว คุณลินทร์กับพี่ตาคงจะต้องการจะให้พี่เสือและจุ้ยเถิงชำระล้างเมฆาขาวพร้อม ๆ กัน หยกถอดเมฆาขาวส่งให้จุ้ยเถิง และส่งถุงกำมะหยี่ที่ใส่เมฆาขาวของเจ่เจ้ให้พี่เสือ

   “ยังไม่ได้คุยอะไรเลย นี่เตรียมจะชำระล้างหยกศักดิ์สิทธิ์กันแล้วเหรอ ถ้าเป็นแบบนี้แสดงว่าแม่ของฉันหมดหวังนะสิ”

   “ก็ประมาณนั้น” จุ้ยเถิงตอบเรียบ ๆ ทำให้คุณลตานิ่งไป

   “นายนี่จะเรียกว่าเย็นชา หรือเลือดเย็นดีเนี่ย” เธออดไม่ได้ที่จะบ่นออกมา

   “ตั๋น” เธอหันไปมองหยก

   “ก็มัน...” หยกลากเธอออกไปจากห้อง “เดี๋ยวๆ หยกจะลากตั๋นออกมาทำไม” เธอเดินตามแรงของหยกออกมาจากห้อง

   “เฮียไม่อยากให้ตั๋นทำร้ายจิตใจเฮียเถิง สิ่งที่ตั๋นจะพูด มันจะทำให้เฮียเถิงแย่ไปยิ่งกว่านี้”

   “นายนั่นก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลยนี่”

   “เฮียว่าตั๋นน่าจะพอรู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนจากคนในแคมป์แล้ว”

   “อืม คนอะไรเลือดเย็นชะมัด ฆ่าได้แม้กระทั่งลุงของตัวเอง”

   “มันเป็นอุบัติเหตุ”

   “ยังไง?”

   “เฮียเถิงเล็งปืนใส่จุ้ยอั้ยเต๋อจริง และยิงโดนที่มือเท่านั้น แต่เจ้าสัวเซียงสะบัดจากเฮียไปเก็บปืน ทั้งจุ้ยอั้ยเต๋อและเจ้าสัวแย่งปืนกันทั้งสองเล็งปืนมาทางเฮียกับพี่ตาที่อยู่ด้วยกัน เฮียเถิงตั้งใจจะยิงเจ้าสัว เพราะเขาได้ปืนไป ตอนนั้นที่พวกเขายื้อแย่งกัน เฮียเถิงเลยพลาด”

   “จะบอกว่าตานั่นห่วงความปลอดภัยของหยกกับพี่ตาสินะ”

   “ตอนนี้เฮียเถิงโทษตัวเองอยู่ ไม่เห็นอาการของเขาหรือไง” ที่จริงแล้วเธอก็เห็นอยู่ ว่าตานั่นเงียบ ๆ ไป เพียงแต่เธอเลือกที่จะไม่สนใจเท่านั้น

   “ใครจะไปรู้ อีกหน่อย นายนั่นอาจจะเล็งปืนมาทางเจ่เจ้ หยก หรือตั๋นนี่” เธอเถียงข้าง ๆ คูๆ

   “ตั๋นพยายามจะเถียงเอาชนะเฮียอยู่ใช่ไหม?”

   “เปล่าสักหน่อย” ทำไมเธอรู้สึกเหมือนหยกยังคงสวมเมฆาขาวอยู่

   “เฮียอยากให้ตั๋นเปิดใจ ลดอคติลง แล้วตั๋นจะเห็นเหมือนที่เฮียเห็น เฮียรู้จักนิสัยตั๋นดีแม้ไม่มีเมฆาขาว”

   “รู้แล้วๆ เอาเป็นว่าตั๋นจะสงบปากสงบคำลงก็แล้วกัน มีแฟนไม่พอ ยังได้พี่ชายคนใหม่แถมด้วยอีกคน หมั่นไส้ชะมัด” ประโยคหลัง เธอเพียงแต่ทำปากขมุบขมิบ บ่นแบบไม่มีเสียง

   “เฮ้อ...” หยกส่ายหน้า เหมือนจะรู้ว่าเธอนินทา

   “พรุ่งนี้จะได้กลับบ้านแล้ว รู้สึกดีจัง” เธอเลือกที่จะเปลี่ยนเรื่อง เพราะไม่อยากโดนหยกบ่น

   “นี่ท่าทางจะคิดถึงบ้านมากเลยสิ”

   “ก็แน่อยู่แล้ว อยู่ที่ไหนก็ไม่สบายเท่ากับอยู่ที่บ้านเราหรอกนะ”

   “ตั๋นตัดสินใจได้แล้วละสิ ว่าจะอยู่ไทย”

   “อืม ไว้เจอเจ่เจ้เมื่อไร ตั๋นค่อยบอกเจ่เจ้ด้วยตัวเอง หยกอย่าเพิ่งไปบอกละ”

   “ไม่ต้องกลัวเจ่เจ้เสียใจหรอก ไทยกับฮ่องกงก็แค่นี้เอง”

   “อืม แถมยังมีเครื่องบินส่วนตัวให้ใช้อีก ตั๋นอยากไปหาเจ่เจ้เมื่อไรก็ได้”

   “คิดได้แบบนั้นก็ดี โตขึ้นแล้วนะเรา”

   “เชอะ!! ทำเป็นพูดดี เวลาหยกอยู่กับพี่เสือ หยกก็ดูเป็นเด็กขี้อ้อนเหมือนกันนะ” เธอได้ทีแซวหยกคืนบ้าง

   “เฮียเปล่าสักหน่อย”

   “ปากปฏิเสธ แต่หน้านี่แดงไปถึงหูแล้ว สีหน้าออกแบบนี้พี่เสือเขาถึงได้หวงนักหวงหนา”

   เธอเห็นหยกเอามือลูบหน้าลูบตาตัวเอง เมื่อพูดอะไรไม่ออกก็เดินหนีเข้าไปที่ห้องลับ เธอได้แต่เดินตามแอบขำอยู่ในใจ

To Be Continue

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: หยก 3-04-19 {{:::77:::}}
«ตอบ #269 เมื่อ03-04-2019 22:22:35 »

ดีแล้วที่ไม่มีใครเป็นอะไร เฮียเถิงไม่ต้องโทษตัวเอง มันเป็นอุบัติเหตุนะ
 :เฮ้อ: :เฮ้อ:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด