หยก 9-04-19 {{:::บทส่งท้าย:::}}
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: หยก 9-04-19 {{:::บทส่งท้าย:::}}  (อ่าน 45281 ครั้ง)

ออฟไลน์ Amo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-1
Re: หยก 29-12-17 {{:::41:::}}
«ตอบ #150 เมื่อ29-12-2017 23:04:35 »

41

   หลังจากจุ้ยเถิงคุยกับลตาเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็หาข้อมูลเกี่ยวกับพี่น้องในภาพถ่ายเพิ่มเติม สองคนนี้หน้าตาเหมือนกันราวกับฝาแฝด ถ้าเขาไม่ได้ยินกับหูว่า คนใดคนหนึ่งคือฝู่หยง เขาคงจะเข้าใจผิดคิดว่าคนในภาพเป็นผู้หญิงทั้งคู่

   จุ้ยเถิงตามลุงของเขาเข้ามาทำงานกับตระกูลฝู่ตั้งแต่ยังเด็ก เขายังจำเด็กสาวผมยาวผูกหางม้า ที่มักจะแต่งตัวทะมัดทะแมงคนนั้นได้ติดตา “ฝู่หงส์” เด็กสาวที่มักจะมาท่าทางเงียบขรึมไม่สมวัย แต่เมื่ออยู่กับน้องชายตัวน้อย ท่าทางเธอจะเปลี่ยนไปราวกับคนละคน ความอ่อนหวาน อ่อนโยนที่มักแสดงออกให้ได้เห็นเป็นครั้งคราว  และยิ่งเขามาเจอความเอาไหนของเกรียงไกร ลูกชายคนเดียวของเซียงไบ่ด้วยแล้ว เกรียงไกรไม่เหมาะสมกับฝู่หงส์สักนิด ไม่ว่าจะด้วยประการใดก็ตาม ซึ่งสิ่งที่เขาคิดไว้เกี่ยวกับตระกูลเซียง ก็น่าจะไม่ผิด แต่เขาจะโน้มน้าวลุงของเขาได้อย่างไร

   การที่เซี่ยงไบ่เข้าไปที่ตระกูลฝู่เพื่อทาบทามฝู่หงส์ให้กับนายเกรียงไกร และยังปิดบังพวกเขาเรื่องที่ฝู่หยงยังมีชีวิตอยู่ ก็พอจะเดาเจตนาได้ ส่วนลตา...ที่เอารูปของสองคนนี้มาให้เขา...เพียงเพื่อต้องการเอาตัวรอด...เท่านั้นจริง ๆ น่ะหรอ? จุ้ยเถิงละจากคอมพิวเตอร์ตรงหน้า ก่อนหยิบภาพถ่ายสองพี่น้องขึ้นมาพิจารณาอีกครั้ง เขาไม่ถนัดในการอ่านเขียนภาษาไทย ดังนั้นการหาข้อมูลผ่านทางอินเตอร์เนตเกี่ยวกับสองคนนี้ ถึงจะหาได้ เขาก็ไม่เข้าใจเนื้อหาในอินเตอร์เนตนั่นอยู่ดี จะไว้ใจลตาให้สืบหาอย่างเดียวก็คงไม่ได้ เพราะถึงยังไงลตาก็ทำงานให้กับเซียงไบ่

.........................................................................

    เกรียงไกรนัดพบกับเมฆที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งไม่ใกล้ไม่ไกลจากบ้านของเขามากนัก หลังจากที่แม่ของเขาให้ทนายติดต่อมา เพื่อสอบถามเรื่องราวการทะเลาะวิวาทที่เขาอ้างขึ้นมา เขาจึงจำเป็นต้องให้เมฆมาเป็นพยานให้กับเขา

   “ผมคงจะให้ความช่วยเหลืออะไรคุณเกรียงไม่ได้หรอกครับ”

   “ลื้อหมายความว่ายังไง”

   “ก็หมายความอย่างที่ว่า ผมไม่รู้จักไอ้พยัคฆ์อะไรนั่น แล้วจะให้ผมไปเป็นพยานได้ยังไงกันครับคุณเกรียง”

   “อั๊วจะเอาเรื่องมันก่อน ว่ามันทำร้ายอั๊ว ลื้อก็แค่เป็นพยานให้อั๊ว อั๊วมีใบรับรองแพทย์ หลักฐานมีอยู่ทนโท่ออกอย่างนี้ มันดิ้นไม่หลุดแน่”

   “มันดิ้นไม่หลุด หรือคุณเกรียงจะดิ้นไม่หลุดกันแน่ คุณเกรียงเอาสมองส่วนไหนคิดครับ คุณไม่คิดบ้างรึไงถ้ามันเอาเรื่องกับเราขึ้นมา เรื่องของหยก คุณเองก็ดิ้นไม่หลุดเหมือนกัน แถมผมจะพลอยซวยไปด้วย อาชีพผมก็ฉิบหายกันพอดี”

   “ทนายของแม่อั๊วออกหน้าให้ขนาดนี้ ลื้อก็รู้ว่ายังไง อั๊วก็ชนะ”

   “ไม่เอาด้วยหรอกครับ ถึงบ้านแม่คุณจะมีอิทธิพลขนาดไหน แต่ถ้าเป็นข่าวขึ้นมา ชีวิตผม การงานผมก็ป่นปี้หมด ผมไม่ใช่คุณนะ ผมไม่เสี่ยงเด็ดขาด ลาล่ะครับ” เมฆพูดจบก็เดินลุกจากโต๊ะไปทันที โดยไม่สนใจเสียงเรียกของเขาแม้แต่น้อย

.........................................................................

   เมฆขับรถเข้ามายังออฟฟิตของเจ้เปิ้ลเพื่อส่งงาน หลังจากไปพบเกรียงไกรเรียบร้อยแล้ว เขาไม่คิดว่าเกรียงไกรจะโง่ขนาดนั้น แทนที่จะอยู่เงียบ ๆ ให้เรื่องมันซาลงไป กลับจะไปคุ้ยเขี่ยให้มันเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมา เขาไม่โง่ที่จะทำตามคนแบบนั้นเด็ดขาด

   เมฆเดินขึ้นมาจนถึงหน้าห้องของเจ้เปิ้ล แต่เลขาหน้าห้องบอกให้เขารอก่อน เพราะเจ้เปิ้ลมีแขกมาพบและยังคุยกันไม่เสร็จ ทั้ง ๆ ที่เจ้เป็นเป็นคนนัดเขามาเวลานี้แท้ ๆ เมื่อประตูเปิดออก เขาก็เห็นคุณเพ็ญนภาเดินออกมาพร้อมกับยัยโอ๋ช่างแต่หน้า

   “สวัสดีครับคุณภา มาหาเจ้เปิ้ลนี่มีงานอะไรให้พวกเรารับใช้รึป่าวครับ”

   “ก็นิดหน่อยค่ะ ภามีเรื่องให้คุณเปิ้ลเธอช่วยเล็กน้อยน่ะคะ” เพ็ญนภาพูดจบก็เดินไปพร้อมยัยโอ๋โดยไม่สนใจเขา ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติที่ลูกค้าจะไม่คุยรายละเอียดงานกับทางทีมงาน แต่ที่น่าแปลกใจ คือยัยโอ๋เข้าไปคุยกับลูกค้าด้วยได้ยังไง

   “เมฆ!! แกมาถึงแล้วก็เข้ามาสิย๊ะ เวลาของฉันยิ่งเป็นเงินเป็นทองอยู่” เจ้เปิ้ลตะโกนเรียกออกมาจากในห้อง

   “ครับ ๆ เจ้”

   “ไง วันนี้มีงานมาส่งฉันไหมย่ะ” เจ้เปิ้ลทักเขาทันที เมื่อเขานั่งลงตรงหน้า

   “มีสิครับ นี่ไง” เขาว่าพร้อมล้วงลงไปในกระเป๋า หยิบเอาแผ่นซีดีขึ้นมาส่งให้

   “แล้วอีก 2 งานที่ค้างฉันไว้เมื่อไรจะส่งสักที นี่ลูกค้าฉันเร่งมายิ๊ก ๆ แล้วนะ โดยเฉพาะงานที่พังงาน่ะ” เจ้เปิ้ลตามงานอื่นทันทีที่อ่านข้อความบนแผ่นซีดีแล้ว

   “ผมเร่งให้อยู่น่าเจ้...ไม่เกินอาทิตย์หน้าผมส่งได้ครบหมดแน่ ๆ ครับ”

   “เอางี้ดีกว่า งานที่พังงาแกไม่ต้องแต่งรูป เอาไฟล์มาเลย เดี๋ยวฉันให้ทีมทางนี้แต่งภาพเอง”

   “อ่าว ทำไมเร่งจังเลยล่ะเจ้ ไม่เห็นเหมือนที่ตกลงกันเลย”

   “ก็ลูกค้าเร่งมาจะให้ฉันทำยังไงล่ะ อีกอย่าง ศุกร์นี้ฉันต้องบินไปงานแฟชั่นวีคที่ไต้หวัน แล้วลูกค้าของฉันต้องการเห็นงานวันนั้นเลย ถ้าแกส่งให้ได้อาทิตย์หน้า แล้วฉันจะเอางานที่ไหนไปให้เขาล่ะ”

   “งานแฟชั่นวีค? ทำไมผมไม่เห็นได้ยินข่าว?”

   “ฉันก็เพิ่งรู้จากคุณภาเมื่อกี้นี้แหละ งานของเพื่อนนักออกแบบของเขาน่ะ นี่แกรู้ไหม ว่าเขารู้กันแค่วงในเท่านั้นนะ ออแกไนซ์ส่วนใหญ่ยังไม่รู้ว่ามีงานนี้เลย ถ้าฉันคุยกับเพื่อนคุณภาแล้วฟลุ๊คๆ ได้เซ็นต์สัญญากับเขาขึ้นมา บริษัทฯ ของฉันก็ยิ่งดังเข้าไปใหญ่”

   “งานของใครกันเจ้...ถึงจะวงใน แต่งานไต้หวันมันเกี่ยวอะไรกับลูกค้าของงานที่พังงาล่ะเจ้ ลูกค้าก็คนละเจ้า”

   “เฮ้อ...ทำไมฉันต้องมาอธิบายแกเนี๊ยะ!! ก็เจ้าของแบรนด์เขาไปร่วมงานนี้ด้วยยังไงล่ะ ถ้าฉันเอางานไปส่งให้เขาดูได้ทัน อาทิตย์ถัดไป เพื่อนของคุณภาเขาจะไปจัดงานต่อที่ญี่ปุ่น แล้วที่สำคัญน้องโบตั๋นไปร่วมงานนี้ด้วย คุณภาว่าจะให้น้องโบตั๋นเดินแบบในงานแฟชั่นวีคที่ญี่ปุ่น เป็นนางแบบรับเชิญโดยใส่ชุดของงานที่พังงาไง”

   “อ่อ...งั้นที่คุณภามาคุยกับเจ้เมื่อกี้ ก็เรื่องนี้ล่ะสิ”

   “มันก็ส่วนหนึ่ง พรุ่งนี้แกรีบเลยนะ เอาไฟล์งานมาส่งให้ฉัน นี่พี่อ้วนก็ส่งงานมาแล้ว”

   “เจ้ เอาอีกงานไปได้ไหม ผมอยากทำงานของน้องโบตั๋น”

   “ทำไม แกก็ได้ชื่อว่าเป็นช่างภาพอยู่แล้ว ไม่เห็นเป็นไรเลย”

   “มันไม่เหมือนกัน ผมถ่ายผมรู้ว่าจุดไหนเป็นจุดบกพร่องของภาพ มันต้องเป็นผมที่แก้ไขเอง”

   “เอา ๆ ตามใจแก งั้นเอาอีกงานมาส่งฉันพรุ่งนี้แล้วกัน”

   “เจ้ให้แมสเซนเจอร์ตามไปรับที่บ้านผมเลยก็ได้ พรุ่งนี้ผมจะได้ไม่ต้องเข้ามาที่นี่อีก จะรีบเร่งงานที่พังงาได้เต็มที่” เมฆพูดจบก็เป็นเจ้เปิ้ลยิ้มกริ่มอย่างพอใจ “ตามนี้นะเจ้ ผมไปล่ะ” เขาพูดจบก็ลุกและเดินออกจากห้องไป

.........................................................................

    พยัคฆ์นั่งรอหยกที่เดิม บนชั้นลอยของทางร้าน รอจนกระทั่งใกล้เลิกงานของน้องหยกแล้วก็ไม่เห็นคุณกันต์เลย เขาไม่แน่ใจว่าเขาคิดไปเองรึป่าว? ว่าคุณกันต์อาจจะไม่ชอบหน้าเขาเท่าไร จนกระทั่งพนักงานที่ชื่อก๊อง เดินเอาแซนวิชกับกาแฟของน้องหยกมาให้เขา

   “เออ น้องๆ พี่ถามอะไรหน่อยสิ”

   “ครับ?”

   “คุณกันต์ไม่อยู่ร้านหรอวันนี้?”

   “อ่อ อยู่ครับ แต่อยู่ที่ออฟฟิตบนชั้น 2”

   “อ่อ...”

   “ผมล่ะแปลกใจ ตั้งแต่ผมทำงานที่นี่มา ผมก็เห็นคุณกันต์นั่งแต่ตรงนั้น” ก๊องชี้ไปที่โต๊ะประจำของเจ้านายตัวเอง “เพิ่งจะมีวันนี้แหละครับ ที่ขึ้นไปนั่งบนออฟฟิต”

   “คุณกันต์นั่งตรงนี้ตลอดเลยหรอ?” พยัคฆ์ถามอย่างสงสัย และถ้าทางคุณกันต์คงไม่ชอบขี้หน้าเขาจริง ๆ

   “ครับ”

   “สงสัยเป็นเพราะพี่มานั่งตรงนี้ล่ะมั้ง”

   “ไม่ใช่หรอกครับ ผมทราบจากพี่แหม่ม ว่าแต่ก่อนพี่กันต์ก็นั่งแต่ข้างบน เพิ่งลงมานั่งข้างล่างนี่เอาตอนหลังเอง พี่แหม่มว่า พี่กันต์คงทนเสียงจ้อกแจ้กจอแจของลูกค้าไม่ไหวแล้ว คุณดูสิครับ เดี๋ยวนี้ลูกค้าร้านเราเยอะมาก ยิ่งหยกกลับมาทำงานแล้วด้วย เสียงกรี๊ดกร๊าดของสาว ๆ มีให้ได้ยินตลอดเลยครับ”

   “อืม ขอบใจนะที่ช่วยดูแลหยก”

   “ไม่ต้องขอบจงขอบใจอะไรหรอกครับ ยังไงหยกก็เป็นเพื่อนของผม เป็นนางฟ้าของพวกเรา”

   “ทำไมถึงเรียกหยกว่านางฟ้าล่ะ ทั้ง ๆ ที่หยกเป็นผู้ชาย”

   “ก็หยกสวยอย่างกับผู้หญิง เรื่องนี้พี่เสือห้ามเอาไปฟ้องพี่หงส์นะ” ก๊องเหมือนนึกได้ จึงรีบพูดดักเขาก่อน “และที่สำคัญถึงหยกจะพูดน้อย แต่หยกก็มักแสดงออกด้วยการกระทำ ไม่ว่าใครจะเดือนร้อนอะไร ทั้งที่พวกเราก็ไม่ได้พูดไม่ได้บ่นออกมา หยกมักจะคอยให้กำลังใจและช่วยเหลือพวกเราเสมอ ๆ ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าหยกรู้ได้ยังไง ตอนแรกพวกเราจะเรียกหยกว่าเทวดาผู้พิทักษ์อะไรทำนองนั้น แต่มันไม่เข้ากับหยกยังไงก็ไม่รู้”

   “ก็เลยมาเป็น...นางฟ้าบาริสต้าสินะ”

   “ใช่ครับ ก็มันเข้ากับหยกเขานี่ครับ” ก๊องพูดยิ้ม ๆ ก่อนขอตัวลงไปทำงานต่อข้างล่าง

   เขาเข้าใจแล้วว่าเพื่อนในร้านทุกคน ทำไมถึงได้เป็นห่วงเป็นใยหยกกันอย่างออกนอกหน้ากันขนาดนี้ จนช่วงแรก ๆ เขาทั้งหึงและไม่พอใจที่มักจะมีหนุ่มในร้านคอยวนเวียนใกล้ ๆ หยก  ที่แท้ก็เพราะสาเหตุนี้นี่เอง หยกคงสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของเพื่อนร่วมงานผ่านเมฆาขาว

   Yok : พี่เสืออารมณ์ดีเพราะพี่กันต์ไม่ได้ลงมานั่งที่ชั้นลอยหรอครับ

   Yok : ใจร้ายจัง

   Payak : พี่อารมร์ดีเพราะพี่รู้ว่าหยกมีเพื่อนดีต่างหากล่ะ


   Payak : และยิ่งอารมณ์ดีเข้าไปใหญ่

   Payak : ที่หยกถามพี่แบบนี้

   Payak : ไม่คิดไปเองอย่างแต่ก่อน


   พยัคฆ์เห็นว่าหยกอ่านข้อความแล้วแต่ไม่ได้ตอบอะไร จึงชะโงกลงไปดูตรงเคาน์เตอร์ เห็นน้องหยกยืนหน้าแดงอยู่พร้อมกับโทรศัทพ์ในมือ เขาก็ได้แต่ยิ้มเอ็นดู แต่ความรื่นรมย์นั้นก็อยู่ไม่ได้นาน เมื่อประตูร้านถูกเปิดออกพร้อมร่างที่เดินนวยนาดเข้ามา ลตา!!

.........................................................................

    การสืบหาฝู่หยงและน้องสาวไม่ใช่เรื่องยากสำหรับลตา เธอพบข้อมูลของเด็กสาวตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เธอรู้ว่าเด็กคนนั้นเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยมีชื่อแห่งหนึ่ง เด็กสาวชื่อโบตั๋น อีกทั้งเพิ่งจะเริ่มมีชื่อเสียงจากการถ่ายแบบ ส่วนฝู่หยงเธอเพิ่งจะได้ข้อมูลที่ชัดเจนเมื่อเช้านี่เอง

   หลิ่วลู่ทำให้เธอและเจ้าสัวเซียงไขว้เขวไปไม่ใช่น้อยก่อนหน้านี้ ตอนนี้คนของเจ้าสัวยังคงไปคอยป้วนเปี้ยนอยู่แถว ๆ ค่ายมวยและร้านขายยาสมุนไพรจีนนั่นอยู่เลย ซึ่งตัวเธอเองก็ไม่มีสิทธิ์จะไปออกคำสั่งคนของเจ้าสัว จึงได้แต่ปล่อยไว้แบบนั้น และการตามหาฝู่หงส์ต่อจากนี้ คงไม่มีอะไรยากแล้ว

   “สวัสดีครับ ไม่ทราบว่ากี่ที่ครับ” พนักงานคนหนึ่งถามเธอ

   “พี่จะสั่งขนมกลับบ้านค่ะ”

   “เชิญทางนี้ครับ” เธอเดินตามพนักงานไปยังเคาน์เตอร์ที่ฝู่หยงทำงานอยู่ เธอสังเกตเห็นพยัคฆ์ที่นั่งอยู่บนชั้นลอยตั้งแต่ก่อนเปิดประตูเข้าร้านมา เขามองฝู่หยงอยู่ตลอดเวลา เธอจึงแกล้งทำเป็นไม่เห็นเขาซะ

   “เครื่องดื่มก็น่าทานนะ มีอะไรที่ทานแล้วไม่อ้วนบ้างจ๊ะ” เธอตั้งใจชวนฝู่หยงคุย

   “ระ...รับเป็นน้ำผลไม้ไหมครับ” ฝู่หยงดูตระหนกเล็กน้อยเมื่อเห็นเธอ

   “ก็ดีจ๊ะ มีอะไรแนะนำไหม?”

   “คุณลูกค้าเลือกขนมก่อนไหมครับ ผมจะได้ช่วยเลือกเครื่องดื่มที่เข้ากับขนมได้”

   “ว๊าย!! น้องนี่น่ารักจัง สงสัยพี่ต้องมาเป็นลูกค้าเราบ่อย ๆ แล้ว” ฝู่หยงคงจะจำเธอได้ และอาจจะรู้ว่าเธอตามเขาอยู่ ดังนั้นเธอควรจะทำเป็นจำเขาไม่ได้

   “เออ...ขอบคุณครับ”

   “งั้นพี่เอานี่ นี่...อืม...แล้วก็นี่อย่างละ 2 ชิ้นแล้วกันนะคะ พี่รบกวนแยกถุงเป็น 2 ชุดนะ”

   “ได้ครับ ไม่ทราบว่าคุณลูกค้าจะรับเป็นน้ำกีวี่ปั่น หรือแตงโมปั่นดีครับ ทั้ง 2 แก้วเข้ากันกับขนมที่คุณลูกค้าเลือก”

   “เอาเป็นน้ำแตงโมก็แล้วกันจ๊ะ”

   “ถ้าอย่างนั้นรบกวนรอสักครู่ครับ”

   ลตาสังเกตท่าทีของฝู่หยง เธอมั่นใจว่าหลิวลู่ต้องเตือนให้เขาระวังเธอไว้แน่นอน และทางนั้นก็ฉลาดพอที่จะไม่กระโตกกระตากร้อนตัวไป แต่กลับดูเป็นมิตรและช่างเอาอกเอาใจลูกค้าที่ไม่ได้ตั้งใจจะสั่งเครื่องดื่มจริง ๆ อย่างเธอ มันทำให้เธอพอใจ เมื่อเธอรับขนมและเครื่องดื่มเรียบร้อยก็ไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์แคชเชียร์ ก่อนเดินออกจากร้านไป โดยไม่ใส่ใจสายตาของพยัคฆ์แม้แต่น้อย

   เมื่อเธอกลับขึ้นมาบนรถแล้ว เธอชั่งใจอยู่ระยะหนึ่ง ก่อนจะกดโทรศัพท์ออกไปหาใครบางคน

.........................................................................

   เมื่อลตาออกไปแล้ว พยัคฆ์ก็รีบลงมาจากชั้นลอยเดินตรงไปยังประตูหน้าร้านเพื่อลอบมองลตาทันที เขาเห็นเธอคุยโทรศัพท์อยู่กับใครสักพักก็เคลื่อนรถออกจากหน้าร้านไป

   “พี่เสือ” หยกเข้ามายืนอยู่ข้าง ๆ เขาตั้งแต่ตอนไหน เขาไม่ทันรู้ตัว เพราะมัวแต่พยายามอ่านริมฝีปากของลตาว่าเธอพูดอะไรกับคนในปลายสาย “ไม่ต้องกังวลนะ ผู้หญิงคนนั้น...เขาไม่มีใจที่คิดร้ายกับหยก”

   “หยก...” พยัคฆ์มองไปรอบ ๆ ร้าน เห็นทั้งพนักงานและลูกค้า ที่ส่วนใหญ่มองมาที่เขากับหยก “ไปทำงานก่อนเถอะ เดี๋ยวเราค่อยคุยเรื่องนี้กันทีหลังนะ” หยกเหมือนจะรู้ตัว จึงเดินกลับไปยังเคาน์เตอร์ ส่วนเขาเดินขึ้นไปที่ชั้นลอยและนั่งลงบนโต๊ะตัวเดิม ก่อนกดโทรศัพท์หาเอ ที่คอยจับตาดูเจ้าสัวอยู่

   “ครับ คุณพยัคฆ์”

   “ทางนั้นเป็นยังไงบ้าง”

   “เหมือนคุณมีตาทิพย์เลยนะครับ นายเกรียงไกรเพิ่งกลับเข้ามาบ้านวันนี้เอง”

   “แล้วเจ้าสัวล่ะ”

   “ยังไม่เห็นเลยครับ น่าจะยังไม่กลับมา”

   “อืม เฝ้าดูต่อไป”

   “ครับ”

   ถึงหยกจะบอกว่าลตาไม่มีใจคิดร้าย แต่เขาก็ยังไม่ไว้ใจอยู่ดี ขึ้นชื่อว่าเป็นคนของเจ้าสัวเซียง เขาก็ทำใจเชื่อในสิ่งที่หยกพูดไม่ได้จริง ๆ เขาไม่ยอมผิดพลาดอย่างคราวของนายเมฆนั่นอีกแล้ว

.........................................................................

   ลตาเดินนวยนาดออกจากลิฟท์มาพร้อมถุงขนมที่ซื้อมาจากร้านที่ฝู่หยงทำงานอยู่ เธอเห็นเลขาหน้าห้องมองมายังเธอเล็กน้อย ก่อนก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไป เธอรู้ดีว่าคนของวรากรล้วนแต่เป็นคนที่มีทักษะ และฝีมือดีทุกคน ยิ่งเป็นเลขาคู่ใจแล้วด้วย คงมีความสามารถแพรวพราวไม่ต่างจากคนอื่น ๆ แน่นอน

   ครั้งที่แล้วเธอแอบเห็นยัยเลขากดอินเตอร์คอมค้างไว้ และยังชวนคุยถ่วงเวลาให้คนในห้องอีก แค่นี้ก็พอจะคาดเดาได้ว่าคนตรงหน้า ท่าทางจะร้ายไม่ใช่เล่น

   “สวสัดีค่ะ...คุณวรรณ”

   “สวัสดีค่ะ คุณลตา วรรณไม่ทราบว่า คุณลตานัดคุณกรเอาไว้”

   “ไม่ได้นัดหรอกค่ะ ตามาหาคุณวรรณต่างหาก”

   “มาหาวรรณ คงไม่ใช่เรื่องเครื่องสำอางค์อีกนะคะ?”

   “ที่จริงก็เกี่ยวอยู่นิดหน่อยค่ะ”

   “ถ้าคุณลตาจะเปลี่ยนอีกคงต้องรอพรุ่งนี้นะคะ พอดีวรรณเพิ่งเอากลับบ้านไปเมื่อวานนี้เอง”

   “ไม่ใช่ค่ะ ๆ ตามาขอบคุณที่คุณวรรณยอมเปลี่ยนให้ต่างหากล่ะค่ะ ไม่อย่างนั้น ตาคงโดนเพื่อนวีนใส่แน่ ๆ เลยค่ะ”

   “อ่อ ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ ถึงยังไง ของฝากก็มาจากคุณ วรรณเป็นผู้รับจะเรื่องมากได้ยังไงค่ะ?”

   “เพื่อนตาไงค่ะที่เรื่องมาก จำผิดนิดผิดหน่อยเป็นไม่ได้เลยค่ะ โวยวายใส่ทุกที”

   “ที่จริง คุณลตาไม่จำเป็นต้องแวะมาขอบคุณอะไรวรรณก็ได้นะคะ มาบ่อยๆ แบบนี้วรรณเกร็งแย่”

   “พอดีเป็นทางผ่านค่ะ คุณวรรณก็อย่างเกร็งไปเลยค่ะ นี่ตาไปเจอขนมร้านแถว ๆ บ้านเพื่อนของตา ท่าทางดูดี เลยแวะซื้อมาขอบคุณคุณวรรณ นี่ไงค่ะ” ลตาชูถุงขนมขึ้น สังเกตเห็นทางทีของเลขาตัวแสบขมวดคิ้วเล็กน้อย จึงทำเป็นเอ่ยต่ออย่างไม่ใส่ใจ “น่าตาน่าทานเชียว แถมน้องบาริสต้าก็น่าตาน่ารักเชียวค่ะ น้องเขายังแนะนำอีกนะคะ ว่าขนม 3 ชิ้นนี้ทานกับน้ำแตงโมปั่น จะอร่อยสุด ๆ เลยค่ะ แบบนี้คงต้องไปอุดหนุนกันบ่อย ๆ แล้ว”

   “เอ่อ...ขอบคุณนะคะ ที่อุตส่าห์คิดถึงวรรณ”

   “เล็กน้อยค่ะ งั้นตาขอตัวก่อนนะคะ”

   ลตาเดินกลับมายังโถงลิฟท์ ด้วยท่าทางปกติ เธอคิดไม่ผิดจริง ที่แม้กระทั่งแม่เลขาคู่ใจของวรากรก็รู้เรื่องฝู่หยง ทั้งวรากร พยัคฆ์ วรรณา ต้องรู้เรื่องราวของตระกูลฝู่แน่ๆ

To Be Continue

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
Re: หยก 29-12-17 {{:::41:::}}
«ตอบ #151 เมื่อ30-12-2017 00:45:27 »

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: หยก 29-12-17 {{:::41:::}}
«ตอบ #152 เมื่อ30-12-2017 02:40:42 »

 :pig4:

ออฟไลน์ Amo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-1
Re: หยก 03-01-18 {{:::42:::}}
«ตอบ #153 เมื่อ03-01-2018 15:52:04 »

42
   

   เมื่อคืนนี้ หลังจากที่พี่เสือพาผมกลับบ้าน เจ็กลู่ก็ให้ผมไปจัดเตรียมเรื่องงานเลี้ยงฉลองของโบตั๋นกับป้าลัย และต้นกล้า ส่วนเจ็กลู่ อากร พี่เสือ และเลขาของอากร ก็ประชุมงานด่วนกันในห้องทำงาน ผมไม่กล้าเข้าไปกวนเจ็กลู่ เพราะสัมผัสได้ถึงความตึงเครียดของทุกคน จึงได้แต่ฝากให้ต้นกล้าเอาอาหารว่างไปให้คนทั้ง 4 ส่วนผมไปอยู่ที่เรือนเล็กกับป้าลัยจนดึกจึงขึ้นนอน

   เช้านี้ผมลงมาช่วยป้าลัยตามปกติ จึงได้รู้ว่าคุณวรรณเลขาของอากรค้างอยู่ที่นี่เมื่อคืนนี้ คงจะประชุมกันดึกมาก ส่วนผมเอง ก็ยังหาจังหวะคุยกับพี่เสือเรื่องผู้หญิงคนนั้นไปได้เลย

   “คุณหยกค่ะ ไม่สบายตรงไหนรึป่าวค่ะ?”

   “ปะ ป่าวครับ”

   “ป้าเห็นคุณยืนเหม่ออยู่น่ะคะ หรือว่าห้องพักที่ป้าจัดไว้ให้ หลับไม่สบายค่ะ?”

   “ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ คือ ผมแค่เป็นห่วง... เรื่องที่อากรประชุมกันดึก ๆ แบบนั้น”

   “คงจะมีงานใหญ่มั้งค่ะ ไม่อย่างนั้นคุณวรรณเธอคงไม่รีบมากลางค่ำกลางคืนแบบนี้”

   “มีงานแบบนี้บ่อยหรอครับ”

   “เอ้...นั่นสินะ...ตั้งแต่ป้าอยู่มาจนหัวหงอกขนาดนี้ ป้าก็เพิ่งเคยเจอนั่นแหละค่ะ”

   “คงจะไม่มีอะไรร้ายแรงใช่ไหมครับ”

   “งานของคุณกร คุณเสือก็แบบนี้แหละค่ะ คุณหยกอย่ากังวลไปเลยคะ”

   “นางฟ้าครับ” เสียงต้นกล้าแทรกขึ้นก่อนที่เจ้าตัวจะเดินเข้ามาถึงห้องครัว

   “นี่ ไอ้กล้า บอกกี่ครั้งแล้ว ว่าคุณหยกไม่ชอบให้เรียกแบบนี้”

   “ก็ผมหลุดปากนี่แม่”

   “คุณหยกอย่าไปถือสาปากหมา ๆ ของมันเลยนะคะ”

   “ครับ ว่าแต่กล้ามีอะไรหรอ?”

   “คุณหลิวให้คุณหยกขึ้นไปพบบนห้องครับ”

   “อ่อ ขอบคุณครับ” ผมวางมือจากงานที่เตรียมอยู่ตรงหน้า ให้ป้าลัยช่วยดูแลต่อ ก่อนเดินขึ้นไปหาเจ็กลู่ที่ห้อง

.........................................................................

   จุ้ยเถิงพอใจในการทำงานของลตามาก ข้อมูลที่ได้จากลตาทางอีเมลเมื่อคืนนี้ ทำให้เขารู้ว่า เขาสามารถไปหาฝู่หยงได้ที่ไหน และคนที่เขาเกรงกลัวที่สุดอย่างหลิวลู่ก็หายสาบสูญไปแล้ว เขาจะไปพาตัวฝู่หยงกลับฮ่องกงเดี๋ยวนี้เลยก็ยังได้ เพียงเขายังไม่แน่ใจว่า หยกตราประทับอยู่ที่ใครกันแน่ ระหว่างฝู่หงส์กับฝู่หยง หากเขาพาฝู่หยงกลับไปตอนนี้ทั้ง ๆ ที่ไม่มีหยกประจำตระกูลฝู่ สิ่งที่พวกเขาทำมาทั้งหมดก็ไม่มีความหมาย

   ในรายงาน ลตาไม่ได้แจ้งเรื่องหยกประจำตระกูลแม้แต่น้อย หากเป็นอย่างที่เซียงไบ่คาดการณ์ไว้ ว่าหยกประจำตระกูลอยู่กับฝู่หงส์ล่ะ เพื่อความแน่ใจ เขาต้องสืบหาความจริงเรื่องนี้ก่อน แต่ยังไม่ทันได้จัดการอะไร เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น

   “ทางโน้นเป็นยังไงบ้าง อาเถิง”

   “พบตัวสามพี่น้องสกุลฝู่แล้วครับ”

   “สามพี่น้อง...หึ เซียงไบ่มีแผนอย่างที่คาดการณ์ไว้ไม่มีผิด”

   “ใช่ครับ ผมเจอลูกของกู๋เซียงแล้ว ไม่เอาไหนจริง ๆ”

   “หึ!! ตระกูลเซียงตกต่ำมานานแล้ว คงจะยิ่งตกต่ำไปเรื่อย ๆ นั่นแหละ”

   “วันนี้ผมจะลงไปสืบเอง ว่าหยกประจำตระกูลอยู่ที่ใคร?”

   “แล้วลื้อจะรู้ได้ยังไง ว่าหยกอยู่ที่ใคร ในเมื่อไม่มีใครเคยเห็นรู้ร่างหน้าตาของหยกนั่นมาก่อน”

   “นอกจากคนตระกูลฝู่แล้วยังมีใครได้เห็นมันอีกล่ะครับ”

   “หลิวลู่ไงล่ะ เจอมันก็จะหยก”

   “ตามรายงานที่ผมได้มา หลิวลู่หายสาบสูญไปหลายปีแล้ว คนของกู๋เซียงเองก็ยังหาไม่พบจนป่านนี้”

   “หลิวลู่มันเจ้าเล่ห์นัก คนอย่างมันต้องเอาหยกนั่นไปซ่อนที่ไหนสักแห่ง หรืออยู่ที่ใครสักคน ในสามพี่น้องนั่นแน่ๆ”

   “เด็กพวกนั้นจะรู้ถึงความสำคัญของหยกนั่นรึป่าวก็ไม่รู้”

   “ฝู่หยงอั๊วไม่รู้ แต่ถ้าฝู่หงส์ อั๊วมั่นใจว่าว่าอีต้องรู้ อั๊วได้ยินมาว่า เวลานั้นฝู่หลินให้อีพกหยกติดตัวตลอด”

   “กู๋ว่า กู๋เซียงจะเคยเห็นหยกนั่นไหม?”

   “มันต้องเคยเห็นอยู่แล้ว ในเมื่อมันเองนั่นแหละที่เป็นคนปล่อยข่าวออกมาว่าฝู่หลินใช่ของวิเศษชิ้นนั้นไม่ได้ แล้วหาข้ออ้างยกเลิกการหมั่นหมาย”

   “หยกชิ้นนั้นมันควบคุมใครต่อใคร ตามใจเจ้าของได้จริง ๆ หรอครับ”

   “อั๊วเองก็ไม่รู้หรอก มันเป็นตำนานที่อยู่คู่กับตระกูบฝู่มาหลายชั่วอายุคนแล้ว ถ้าอั๊วเดาไม่ผิด ฝู่หลินเป็นสตรี คงใช้งานหยกวิเศษนั่นไม่ได้ อั๊วมั่นใจ ว่าถ้าเป็นฝู่หยง อีต้องใช้ของวิเศษชิ้นนั้นได้แน่ ๆ”

   “ถ้าอย่างนั้นผมอาจจะมีวิธีพิสูจน์ได้ว่าหยกอยู่ที่ใคร”

   “ดี ถ้าอย่างนั้นลื้อก็รีบไปจัดการซะ”

   “ครับกู๋”

.........................................................................

   ตั้งแต่เขาขับรถออกจากบ้านมา หยกก็เอาแต่นั่งเหม่อลอย จนพยัคฆ์รู้สึกไม่สบายใจ เขารู้ว่าอาชาติคุยอะไรกับหยก และหยกคงจะไม่ชอบใจแน่ที่อาชาติจะให้ยกพักงานที่ร้านคุณกันต์สักระยะหนึ่ง

   “หยก เรื่องของคุณลตา”

   “พี่เสือเองก็ไม่เชื่อหยกใช่ไหม?” เขาสัมผัสได้ถึงน้ำเสียงบ่งบอกถึงความน้อยใจ

   “ไม่ใช่ไม่เชื่อ พี่เชื่อหยก แต่เราก็ไม่ควรประมาทนะ”

   “ถ้าหยกพัฒนาการใช้เมฆาขาวได้มากกว่านี้... ถ้าสามารถยืนยันความคิดของผู้หญิงคนนั้นได้อย่างที่เจ่เจ้ กับโบตั๋นทำได้ ก็คงจะดีสินะ”

   “หยกครับ...” เขาเห็นหยกเบนหน้าออกไปด้านข้าง เหมือนต้องการจะหลบหน้าเขา เขารู้ ว่าหยกกำลังเสียใจ และสูญเสียความมั่นใจ เขาจึงเอื้อมมือไปกุมมือบางนั้นไว้ บีบเบา ๆ เพื่อให้กำลังใจ “ก็ได้ครับ พี่จะช่วยคุยกับอาชาติให้”

   “พี่เสือเชื่อหยกจริง ๆ ใช่ไหม” หยกหันมาเขาทันที ทั้งที่เขายังพูดไม่ทันจบประโยค เขารู้ว่าหยกเองก็รู้ว่าเขาไม่ได้มั่นใจเรื่องลตา 100%

   “แต่พี่มีข้อแม้นะ”

   “ข้อแม้?”

   “พี่รู้ว่าหยกเก่ง และดูแลตัวเองได้ แต่สัญญากับพี่ได้ไหม ว่าจะไม่ไปไหนมาไหนคนเดียว ถึงจะใกล้ ๆ ร้านก็เถอะ อย่างน้อยก็ให้ก๊องหรือเอ็มตามไปด้วย ได้ไหม”

   “ครับ”

   “แล้วที่สำคัญ ห้ามไปไหนมาไหนกับคุณลตาเป็นอันขาด”

   “พี่เสือก็อยู่กับหยกเกือบจะตลอด อีกอย่าง หยกก็ไม่มีเหตุจำเป็นที่จะต้องไปกับผู้หญิงคนนั้นนี่นา ว่าแต่...เมื่อวานเขาไม่เห็นพี่เสือหรอ?”

   “พี่ไม่แน่ใจ เขาอาจจะเห็นแต่แกล้งทำเป็นไม่เห็นก็ได้”

   “เพื่ออะไรกันล่ะ? คนรู้จักกันแท้ ๆ”

   “พี่เองก็ไม่รู้ พี่ถึงอยากให้หยกระวังตัวไวยังไงล่ะ”

.........................................................................

    ในที่สุดหงส์ก็สามารถทำให้คุณหญิงพรรณีเรียกพบจนได้ ถึงเมื่อคืนจะมีข่าวที่หน้าหนักใจจากเจ็กลู่ก็ตาม แต่เมื่อเพ็ญนภาโทรมาบอกเธอเรื่องคุณหญิง เธอก็ต้องปล่อยวางเรื่องของหยกให้เจ็กลู่จัดการ เพราะเธอก็มีหน้าที่ของเธอเช่นกัน

   “เจ่เจ้เตรียมอะไรแต่เช้าเลยค่ะ?”

   “เสน่ห์จันทร์กับสัมปันนีจ๊ะ”

   “เอาไปให้คุณหญิงอีกสินะ”

   “ใช่ เมื่อคืนนี้ภาเขาโทรมาบอกว่าคุณหญิงอยากจะเจอหน้าคนทำสักหน่อย”

   “เพิ่งเข้าบ้านนั้นได้ไม่กี่วัน ก็ได้พบกับคุณหญิงแล้ว เจ่เจ้เก่งจังเลยนะคะ”

   “นั่นเป็นเพราะเมฆาขาวต่างหากล่ะ”

   “อย่าบอกนะคะว่า...”

   “ใช่จ๊ะ ครั้งแรกที่ทำขนมไปบ้านนั้น พี่เลือกเอง ส่วนครั้งหลัง ๆ พี่สัมผัสได้น่ะ”

   “มิน่าล่ะ?”

   “พี่ก็ไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้ แต่ก็ดี จะได้รีบจัดการทางนี้ให้เสร็จ ๆ ไป ว่าแต่เราเถอะตั๋น ที่มหา’ลัย เป็นยังไงบ้าง”

   “ทางตั๋นก็เรียบร้อยดีค่ะ โปรเจ็กผ่านแล้ว นี่ก็ส่งรายงานย่อย ๆ อีก 2-3 ตัว ก็จบแล้วค่ะ”

   “จ้า เจ่เจ้ไว้ใจเราน่ะ”

   “ค่ะ ตั๋นจะรีบจัดการเรื่องที่เกาลูนให้เร็วที่สุด แล้วจะรีบตามไปหาที่ฮ่องกงนะคะ”

   “ป่ะ เตรียมไปเรียนเถอะ อีกเดี๋ยวภาคงจะมารับพี่แล้วล่ะ”

   “ตั๋นเอาแซนวิชไปฝากพี่ต้นนะคะ” โบตั๋นคงจะสัมผัสได้ถึงอาการหิว และง่วงเหงาหาวนอนของคนที่จอดรถรออยู่ที่หน้าบ้านเหมือนอย่างเธอ

   “เจ่เจ้เตรียมกาแฟไว้ให้ด้วย ยกไปให้คุณต้นด้วยล่ะ”

   “คร้า...ตั๋นไปก่อนนะคะ”

.........................................................................

   จุ้ยเถิงมายังร้านที่ฝู่หยงทำงานอยู่ตามที่อยู่ที่ลตาใส่ไว้ในข้อมูล ตอนที่เขามาถึง ร้านก็เพิ่งเปิดได้ไม่นาน ทำให้เขาสามารถเลือกที่นั่งได้ตามใจชอบ ฝู่หยงเป็นบาริสต้าอยู่ที่ร้านนี้ เขาจึงเลือกนั่งตรงมุมคาเฟ่ พนักงานคนหนึ่งในร้านเดินเข้ามายื่นเมนูอาหารให้กับเขาพร้อมรอรับออร์เดอร์

   “กาแฟ ขายไหม” เขาจงใจพูดเป็นภาษาไทย ถึงจะไม่ถนัดนักก็ตาม

   “ครับ ไม่ทราบว่าคุณลูกค้าต้องการรับเครื่องดื่มอะไรดีครับ”

   “ไอซ์ลาเต้ กับ แซนวิชคลับ”

   “รอสักคู่นะครับ” พนักงานรับออร์เดอร์แล้วก็เดินจากไป

   เขามองไปที่เคาน์เตอร์เครื่องดื่มก็ไม่พบฝู่หยงออกมาชงเครื่องดื่มแต่อย่างใด จนกระทั่งพนักงานยกออร์เดอร์ที่เขาสั่งมาเสิร์ฟ ถึงแม้จะสงสัยว่าทำไมไม่เห็นฝู่หยง แต่ก็เขาก็เลือกที่จะนั่งสังเกตรอบ ๆ ร้านไปเรื่อย ๆ

   เวลาล่วงเลยไปจนลูกค้าเริ่มแน่นร้านมากขึ้น เขาซึ่งทานอาหารเรียบร้อยแล้ว ตามมารยาทก็ไม่ควรจะนั่งอยู่อีกต่อไป เขาจึงตัดสินใจเรียกพนักงานมาเก็บเงิน ถึงวันนี้ไม่เจอ แต่สักวันเขาต้องเจอฝู่หยงแน่ๆ ระหว่างที่รอเงินทอนอยู่นั้น ประตูด้านหลังเคาน์เตอร์ก็เปิดออก พร้อมคนสองคนที่เดินเข้ามา หนึ่งในนั้นคือฝู่หยง ส่วนชายไทยร่างยักษ์อีกคน เขาไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่ไม่น่าจะเป็นพนักงานในร้านเพราะดูได้จากการแต่งตัว

   ชายคนนั้นแยกตัวออกมาจากเคาน์เตอร์ แล้วเดินขึ้นไปยังที่นั่งบนชั้นลอย ระหว่างที่ชายคนนั้นเดินไปก็เหลือบมามองเขาเล็กน้อย จุ้ยเถิงรู้สึกว่าคนๆ นี้ต้องไม่ธรรมดาแน่ ๆ ลูกค้าในร้านตั้งมากกมาย แต่กลับสนใจที่จะเหลือบมองเขา อาจจะเป็นไปได้ว่าชายคนนั้นรู้ตัวว่าเขาลอบมองอยู่

   เมื่อได้รับเงินทอน เขาก็เดินออกจากหน้าโต๊ะไป โดยเดินไปยังแคชเชียร์ เพื่อให้พนักงานเรียกแท็กซี่ให้เขา ครั้งนี้เขาพูดด้วยภาษาอังกฤษ เขาตั้งใจให้คนในร้านคิดว่าเขาเป็นนักท่องเที่ยวที่แวะเวียนมาทานอาหารที่นี่เท่านั้น ระหว่างรอรถอยู่ เขาก็ไม่หันไปมองชายบนชั้นลอย หรือฝู่หยงอีกเลย

.........................................................................

   ตั้งแต่พยัคฆ์เดินเขามาในร้านกับหยก สัญชาตญาณของเขาสัมผัสได้รังสีบางอย่าง มันทำให้รู้สึกถึงอันตรายที่แฝงตัวอยู่ เขาพยายามกวาดสายตามองไปรอบ ๆ จนกระทั่งเห็นลูกค้าแปลกหน้าคนหนึ่ง เขามาที่นี่ได้ไม่กี่สัปดาห์ แต่เขาก็พอจะจำลูกค้าของทางร้านได้บ้าง ชายคนนี้ไม่ใช่คนไทยแน่นอน แต่ก็มีกลิ่นอายของชาวเอเชียอยู่ค่อนข้างชัด

   ครั้งแรกที่สังเกตเห็น เหมือนเขาตั้งใจมองมาที่หยก ซึ่งเขาไม่แปลกใจเลย เพราะหยกมีคนมองและชื่นชมอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะชายหรือหญิง แต่ที่แปลกใจคือ ชายคนนั้นลอบมองมาที่เขาอย่างสังเกตและประเมิน มันกระตุ้นให้เขาต้องระวัง เมื่อชายคนนั้นออกจากร้านไปแล้ว เขาจึงเดินไปถามเรื่องลูกค้าคนดังกล่าวกับคุณแหม่ม

   “แหม่มก็แปลกใจค่ะ เพราะปกติร้านเราไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวหลงเข้ามาทานเท่าไร ส่วนใหญ่ก็จะเป็นชาวต่างชาติที่อยู่ที่นี่มานานมากกว่า”

   “หลงมา?”

   “ใช่ค่ะ เขามาตั้งแต่ร้านเพิ่งเปิด และเข้ามาสั่งอาหารโซนคาเฟ่ เจ้าก๊องมันเป็นคนรับ จะปฏิเสธไม่ว่าพร้อมบริการก็ไม่ได้ คุณแก้วเลยเป็นคนทำออร์เดอร์เอง”

   “นี่เขานั่ง มาตั้งแต่เปิดร้าน จนถึงบ่ายโมงเลยหรอครับ”

   “ใช่ค่ะ แหม่มเห็นเขานั่งดูนั่นดูนี่นอกร้านไปเรือย จนมาถามถึงแหล่งท่องเที่ยวแถวนี้ แล้วให้แหม่มช่วยเรียกแท็กซี่ให้”

   “แถวนี้ไม่น่าจะมี่ที่เที่ยวที่ไหน นอกจากศูนย์การค้านี่ครับ”

   “นั่นแหละค่ะ แหม่มถึงได้ว่าเขาหลงมายังไงล่ะคะ คุณพยัคฆ์มีอะไรรึป่าวค่ะ?”

   “ผมแค่แปลกใจอะไรนิดหน่อยนะครับ”

   “เรื่องที่เขามองคุณพยัคฆ์ไม่วางตานั่นรึป่าวคะ?”

   “คุณแหม่มก็สังเกตเห็นหรอครับ”

   “แหม๋...หนุ่มฝรั่งหน้าหล่อขนาดนั้น นาน ๆ จะมีเขามาเป็นอาหารตาให้แหม่มสักทีนี่ค่ะ”

   “อ่อ”

   “แหม่มว่า เขาอาจจะถูกใจคุณ หรือไม่ก็น้องหยกของเรา ก็คุณเล่นเดินคุมเข้ามาแบบนั้น คนไม่ชินก็ต้องสงสัยเป็นธรรมดาแหละค่ะ”

   “ถูกใจผมหรือหยกอย่างนั้นหรอครับ”

   “ค่ะ เชื่อถือเรดาร์ของแหม่มได้เลย รับรองว่าสำอางค์ขนาดนั้น ไม่มีทางชอบชะนีแน่นอนค่ะ”

   พยัคฆ์กลับไม่เห็นด้วยกับความคิดของคุณแหม่มแม้แต่น้อย เขารู้สึกว่าผู่ชายคนนี้อันตราย ยิ่งกลิ่นอายของชาวเอเชียที่เขาสัมผัสได้ เขายิ่งนึกถึงคนที่ฮ่องกง เขาคงต้องหาเวลาไปปรึกษากับเหล่าฝู่ไว้บ้าง เพราะเขาไม่รู้ว่านอกจากเจ้าสัวเซียง และลตาแล้ว ยังมีใครจ้องจะทำร้ายหยกอีกรึป่าว?

To Be Continue

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: หยก 03-01-18 {{:::42:::}}
«ตอบ #154 เมื่อ03-01-2018 21:09:31 »

เริ่มเข้มข้นแล้วสิ เป็นห่วงแต่หยกมองโลกในแง่ดีเกินไปนะ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
Re: หยก 03-01-18 {{:::42:::}}
«ตอบ #155 เมื่อ03-01-2018 22:35:32 »

 :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: หยก 03-01-18 {{:::42:::}}
«ตอบ #156 เมื่อ04-01-2018 00:55:31 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Amo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-1
Re: หยก 08-01-18 {{:::43:::}}
«ตอบ #157 เมื่อ08-01-2018 00:55:51 »

43

   พรุ่งนี้ก็จะถึงวันจัดงานเลี้ยงฉลองที่โบตั๋นเรียนจบแล้ว เธอไม่ได้ตื่นเต้นเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย ที่เธอตื่นเต้นเพราะเธอจะได้ไปเกาลูนมากกว่า ตั้งแต่จำความได้ เธอก็มีเจ่เจ้และหยกคอยดูแลมาตลอด การไปเกาลูนครั้งนี้เธอไม่ได้ไปเที่ยวเล่น แต่เธอจะไปหาความจริงเกี่ยวกับเมฆาขาว และคนตระกูลเหมิ๋น

   ถึงตอนนี้เธอจะรู้สึกสนุกกับการใช้เมฆาขาวก็ตามที แต่มันก็ให้ทั้งคุณและโทษในเวลาเดียวกัน มันทำให้ครอบครัวของเธออยู่มาหลายชั่วอายุคน แต่ในทางกลับกันมันก็ทำให้พ่อแม่ของเธอต้องมีอันเป็นไปเช่นกัน

   ตอนนี้เธอจะช่วยแบ่งเบางานที่เจ่เจ้วางแผนเอาไว้ตั้งแต่ต้น และเพื่อความสุขของหยก พี่ชายคนเดียวของเธอ เธอยอมทำทุกอย่างเพื่อเขา

   “คุณโบตั๋น จะเข้าห้องเสื้อของคุณภาเลยไหมครับ” พี่ต้นที่คอยรับส่งเธอตลอดหลายวันเอ่ยถาม หลังจากที่ขับรถออกนอกรั้วมหาวิทยาลัยแล้ว

   “ค่ะพี่ต้น ไม่รู้ทางพี่ภากับเจ่เจ้เป็นยังไงบ้างนะคะ”

   “เห็นต้ามันบอกว่า คุณภาออกมาจากบ้านคุณหญิงแล้ว ส่วนคุณหงส์ยังอยู่ที่นั่น ต้ามันเฝ้าอยู่ ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกครับ”

   “แต่น่าแปลกนะคะ เจ่เจ้ไปที่นั่นจะอาทิตย์หนึ่งแล้ว ยังไม่เคยเห็นนายหื่นนั่นเข้าไปที่บ้านแม่ตัวเองเลย”

   “เท่าที่ผมทราบจากคี มันว่าความสัมพันธ์ระหว่างยายหลานไม่ค่อยจะดีเท่าไรน่ะครับ”

   “ทำตัวทุเรศ ๆ แบบนั้น ยายไม่รักก็ดีแล้วล่ะคะ แล้วแม่เขาล่ะคะ?”

   “รายนั้นทั้งรักทั้งตามใจเลยล่ะครับ”

   “เอาเข้าจริง ๆ ไม่รู้ว่าแผนการของพี่ภาจะได้ผลไหม?”

   “ผมว่า คุณโบตั๋นอย่าเพิ่งกังวลไปเลยครับ”

   “นั่นสินะ อาทิตย์หน้าตั๋นฝากพี่ต้นดูแลเจ่เจ้ด้วยนะคะ ห่วงก็แต่หยก”

   “คุณพยัคฆ์ดูแลเองเกือบจะ 24 ชั่วโมงอยู่แล้ว คุณโบตั๋นไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกครับ”

   “เหมือนฝากปลาย่างไว้กับแมวเลย”

   “ฮ่าๆๆ คุณโบตั๋นยังไม่ชินอีกหรอครับ ว่าแต่เดี๋ยวผมต้องไปร้านคุณกันต์สัก 3-4 ชัวโมงนะครับ คุณโบตั๋นอยู่ร้านกับคุณภา ถ้าจะออกไปไหนต้องโทรบอกผมก่อนนะครับ”

   “ไปทำไมค่ะ”

   “คุณพยัคย์มีเรื่องจะไปคุยกับเหล่าฝู่น่ะครับ”

   ไม่บอกเธอก็รู้ว่าพี่เสือไปหาเหล่าฝู่ทำไม ในใจของพี่เสือมีแต่เรื่องความปลอดภัยของหยก เธอหวังว่าสักวันหยกจะรู้ใจตัวเองสักที เธอกับพี่ภาลุ้นจนตัวโก่งไปหมดแล้ว

.........................................................................

    ตั้งแต่วันที่ผู้หญิงคนนั้นเข้ามาซื้อขนมที่ร้านพี่กันต์ ผมก็ไม่เจอเธออีกเลย แต่เจ็กลู่ก็ยังคงไม่วางใจถึงขั้นจะให้ผมพักงานที่ร้าน จนกว่าเจ่เจ้จะกลับมาจากไปเที่ยวกับพี่ภาเลย ยังดีที่พี่เสือช่วยของร้องเจ็กลู่ให้ ผมถึงยังได้ทำงานต่อ แต่พี่เสือก็ดูเครียด ๆ ขึ้น จนบางทีผมก็ไม่สบายใจ

   “พี่เสือทำหน้าตาน่ากลัวอีกแล้ว”

   “พี่ทำให้หยกกลัวรึป่าว?”

   “หยกแค่หยอกเล่นน่ะครับ เห็นพี่เสือดูเครียดๆ”

   “พี่ขอโทษนะ ที่ทำให้เราไม่สบายใจ”

   “ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ หยกแค่...เป็นห่วงน่ะ” ผมพูดไปก็เขินไป แต่ก็คุ้มเพราะพี่เสือดูจะอารมณ์ดีขึ้นมานิดหน่อย

   “พี่ดีใจจัง พี่หยกกล้าพูดมากขึ้น”

   “ก็พี่เสือบอกให้หยกพูด”

   “เด็กดี” พี่เสือพูดพร้อมละมือข้างหนึ่งจากพวงมาลัยรถ มาโคลงศีรษะของผม

   “พี่เสืออย่าทำอย่างกับหยกเป็นเด็กสิ”

   “ก็หยกน่ารัก น่าเอ็นดูนี่นา”

   “หยกอายนี่” ผมตอบเสียงแผ่ว...

   “หยกครับ เดี๋ยวพี่จะออกไปหาเหล่าฝู่ที่ร้านยานะ ระหว่างนี้ต้นจะมาดูแลหยกแทนพี่สักสองสามชั่วโมง”

   “หยกอยากไปหาเหล่าฝู่ด้วยจัง”

   “หยกจะไปไหมล่ะ เข้าไปลางานคุณกันต์ก่อนก็ได้ แล้วค่อยไปพร้อมพี่”

   “ไม่ได้หรอก พรุ่งนี้หยกก็ต้องลางาน ไปเตรียมงานเลี้ยงกับป้าลัย ไปตอนเลิกงานไม่ได้หรอครับ”

   “อาชาติเป็นคนนัดเหล่าฝู่ให้พี่นะสิ จะมาเปลี่ยนเวลาคงไม่ทัน”

   “ครับ ไว้โอกาสหน้าก็ได้ครับ หยกอยากไปเยี่ยมเหล่าฝู่บ้าง”

   “หยกไม่น้อยใจพี่ใช่ไหม ที่พี่ไม่อยู่น่ะ”

   “ไม่น้อยใจหรอกครับ  ว่าแต่...พี่เสือไปหาเหล่าฝู่ทำไมหรอครับ”

   “จะถามเรื่องคุณลตาน่ะ ว่ายังไปป่วนเปี้ยนแถวร้านยาอีกไหม?”

   “อ่อ ครับ” พี่เสือก็ยังคงไม่เชื่อที่ผมบอกอยู่ดี

   “เย็นนี้พี่มารับน่ะครับ”

   “ครับ”

   ถ้าผมมีโอกาสได้เจอกับผู้หญิงคนนั้นอีก ผมก็อยากจะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็น ว่าเธอไม่ได้คิดร้ายกับผมจริง ๆ ถึงผมจะไม่เก่งเท่ากับเจ่เจ้หรือโบตั๋นในการสัมผัสจิตใจใคร แต่ผมเชื่อในสัญชาตญาณของตัวเอง

.........................................................................

   จุ้ยเถิงเห็นรถที่เขาจับตามองมาหลายวันเข้ามาจอดเทียบที่หน้าร้านอาหารผ่านกล่องส่องทางไกลตัวจิ๋ว แทนที่จะเป็นด้านหลังร้านเหมือนอย่างเคย เขาเห็นฝู่หยงเดินลงจากรถมาเพียงคนเดียวโดยที่คนขับรถไม่ได้ตามลงมาด้วย ก่อนที่ชายคนนั้นจะขับรถแล่นออกไป

   หลังจากวันที่เขาออกจากร้านอาหารนั่นมา เขาก็ให้ลตาสืบหาข้อมูลของชายคนนั้น ซึ่งที่แท้แล้วเขาก็เป็นเจ้าของบริษัทรักษาความปลอดภัยระดับต้น ๆ ของที่นี่ การที่เจ้าของลงมาคุ้มกันฝู่หยงด้วยตัวเอง แสดงว่าฝู่หยงต้องมีความสำคัญอะไรบ้างอย่าง ซึ่งหากเขาเดาไม่ผิด หยกประจำตระกูลฝู่ต้องอยู่กับฝู่หยงแน่นอน

   เขาถอยออกจากหน้าต่างบานใหญ่ที่เขายืนเฝ้าสังเกตุอยู่ ก่อนจะเดินออกจากสำนักงานชั่วคราวที่เขาเช่าทิ้งไว้เพื่อคอยจับตาดูฝู่หยง ลูกน้องของเขาทำทีจะตามออกไปด้วย แต่เขาห้ามไว้ ก่อนจะลงลิฟท์แล้วเดินไปยังร้านอาหารตรงข้าม

   เมื่อเขาเข้ามาถึงในร้านก็พบว่าต้องรอคิวอีกเกือบ 10 คิว ซึ่งเขาคิดว่าเป็นการดี ที่จะได้จับตาดูฝู่หยงอย่างใกล้ชิด จากที่เขาคอยเฝ้าสังเกตจากด้านนอกมา 2-3 วัน ร้านนี้มักจะมีลูกค้ามากช่วงเวลาที่ฝู่หยงเขามาทำงาน อาจจะเป็นเพราะอำนาจของหยกนั่นก็เป็นได้ ที่ดลใจให้ลูกค้าต่างพากันเข้ามา

   “ผมขอขึ้นไปนั่งบนนั้นได้ไหม?” เขาถามพนักงานคนหนึ่งที่เดินผ่านมา เป็นภาษาอังกฤษ

   “ต้องขอโทษด้วยครับ โต๊ะนั้นมีคนจองเอาไว้แล้ว”

   โต๊ะนั่งบนชั้นลอย ตำแหน่งที่บอดี้การ์ดคนนั้นนั่งอยู่เป็นประจำ ถึงแม้เข้าตัวจะไม่มาเฝ้า ก็ยังกันที่นั่งไว้ได้ หรือว่าร้านนี้อาจจะมีความสัมพันธ์อะไรแอบแฝงกับฝู่หยง เขาลอบมองไปยังฝู่หยงที่ดูตั้งใจทำงานของตัวเอง ท่าทางมีความสุขกับงานตรงหน้า มันดูมีเสน่ห์น่ามองอย่างประหลาด

   “คุณลูกค้าเชิญทางนี้ครับ” พนักงานคนหนึ่งเดินมาพาเขาไปยังโต๊ะว่าง ไม่ห่างจากตำแหน่งของฝู่หยงมากนัก แต่ก็เป็นมุมที่มองไม่ถนัด “ไม่ทราบว่าจะรับอะไรดีครับ”

   “ผมของเอาเพรสโซ่ กับคุกกี้สัก 2-3 ชิ้น”

   “วันนี้เรามีคุกกี้มะพร้าว บาราวนี่คุกกี้ และคุกกี้ช็อกโกแลตชิพ ไม่ทราบว่าคุณลูกค้าต้องการคุกกี้แบบไหนดีครับ”

   “เอามาอย่างละชิ้นก็แล้วกัน”

   “ครับ รอสักครู่นะครับ” พนักงานเดินไปยังเคาน์เตอร์เพื่อสั่งเครื่องดื่มกับคุกกี้ให้กับเขา ฝู่หยงเหลือบมองเขาเล็กน้อยก่อนที่จะลงมือชงเครื่องดื่มต่อไป

   “ผมต้นครับ ไม่ทราบว่าโต๊ะของผม โต๊ะไหนครับ” พนักงานพาคนมาใหม่ที่ไม่ต้องต่อคิวเหมือนอย่างเขาขึ้นไปยังโต๊ะตัวที่เขาถามเมื่อครู่นี้

   นายคนนี้ดูท่าทางเหมือนพนักงานออฟฟิตทั่วไป ไม่เหมือนบอดี้การ์ด หรือว่าเขาจะเข้าใจผิดเรื่องที่มาที่ไปของร้านนี้ เขาเฝ้าสังเกตฝู่หยงตลอดเวลาที่เขานั่งอยู่ เขาสบตากับฝู่หยงหลายต่อหลายครั้ง จนเขาเองต้องแปลกใจ ทั้งที่เขาไม่ได้มีพิรุธอะไร ทำไมเขาถึงรู้สึกเหมือนกับว่า ฝู่หยงรู้ตัวว่ากำลังโดนเขาจับตามองอยู่

.........................................................................

   เมฆเข้ามาที่ออฟฟิตของเจ้เปิ้ล เพื่อส่งงานตามที่รับปากไว้ เมื่อมาถึงเขาก็เจอยัยโอ๋นั่งอยู่ที่โต๊ะรับรองแขกหน้าห้องของเจ้เปิ้ล เขาจึงเดินเข้าไปทักทาย

   “ช่วงนี้ฉันเจอแกที่นี่บ่อยนะ ยัยโอ๋ ไม่มีกองไหนเขาจ้างงานแกรึไง”

   “ปากเสียนะอิเมฆ ฉันมาที่นี่เพราะเจ้เปิ้ลนัดฉันมาหรอกน่า”

   “เจ้เปิ้ลมีงานหรอ แล้วใครเป็นช่างภาพล่ะ แกพอรู้ไหม?”

   “ไม่ใช่งานถ่ายภาพนิ่ง งานแฟชั่นโชว์ต่างหาก”

   “อ่อ อย่างนั้นหรอ?”

   “อืม”

   “แกได้เป็นช่างแต่งหน้างานนี้ด้วยหรอ พัฒนาขึ้นนี่หว่า...”

   “ไม่ใช่หรอก งานใหญ่ ๆ แบบนี้ทางแบรนด์เขาใช้ช่างแต่งหน้าระดับประเทศเท่านั้นย่ะ”

   “อ่าวแล้วแกมาทำไม”

   “ก็ฉันมารับบรีฟงานแทนน้องโบตั๋นน่ะสิ”

   “อย่าบอกนะว่าแกเป็นผู้จัดการส่วนตัวของน้องโบตั๋นจริง ๆ”

   “ไม่ใช่เฉพาะน้องโบตั๋นเท่านั้นนะ น้องหยกของฉันก็ด้วย”

   “เฮ้ย...จริงดิ!!”

   “ฉันจะโกหกแกให้ได้อะไรขึ้นมา”

   “เอ่อๆๆ ก็แค่ไม่คิดว่าน้องหยกจะรับงานอีกน่ะ”

   “ให้รู้ซะมั่งว่าฉันเป็นใคร”

   “ถ้าฉันมีงาน ฉันติดต่อน้องหยกผ่านแกได้ใช่ไหม”

   “ก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วสิ แกไม่รู้อะไร ตอนนี้ฉันสนิทกับบ้านนี้เขาจะตาย คุณหงส์เธอก็ใจดี....”

   เมฆฟังบ้างไม่ฟังบ้าง ขณะที่โอ๋พูดพร่ามไปเรื่อย เขาเองก็คิดแผนการอะไรขึ้นมาได้

.........................................................................

   พยัคฆ์สอบถามเรื่องของคนในตระกูลฝู่คนอื่น ๆ ที่อยู่ในฮ่องกงจากเหล่าฝู่ จึงได้รู้ว่า คนส่วนใหญ่ที่ยังทำงานอยู่ในบริษัทฯ ล้วนเป็นลูกหลานของคนเก่าคนแก่ ที่รับใช้ตระกูลนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดกับสามพี่น้องฝู่เลย

   แต่เพราะว่าตระกูลฝู่มีบุญคุณและไม่เคยทอดทิ้งบริวารของตนแม้แต่คนเดียว ทำให้คนที่ทำงานอยู่ตอนนี้ล้วนทำงานด้วยใจภักดิ์ และหวังให้ทายาทที่แท้จริงกลับไปสืบทอดธุรกิจของตระกูลและกอบชื่อเสียงในด้านดีๆ กลับคืนมา

   “เพราะเหตุนี้ใช่ไหมครับเหล่าฝู่ ทำให้ทุกคนยังคงตามหาหงส์กันอยู่ ทั้ง ๆ ที่สามารถแจ้งทางการได้ว่าหงส์หายสาบสูญไปแล้วก็ได้”

   “ใช่แล้ว พวกจุ้ยเองก็พยายามจะหุบกิจการทั้งหมด แต่ถ้าไม่มีเมฆาขาว พวกนั้นก็ไม่สามารถทำอะไรได้”

   “แต่ถ้าพวกมันปลอมแปลงเอกสาร ก็...”

   “มันปลอมไม่ได้หรอก เพราะถึงปลอมยังไง ก็ไม่สามารถปลอมลอยประทับจากเมฆาขาวได้”

   “การที่จะลอกลวดลายปั๊ม ก็แค่หาตราประทับเก่าๆ มาลอกเลียนก็ได้ไม่ใช่หรือครับ”

   “คุณจำได้ไหมว่าเมฆาขาวดูดซับเลือดของคุณตระกูลฝู่”

   “ครับ ผมจำที่อาชาติเล่าได้”

   “ดังนั้น เมฆาขาวทั้ง 3 ชิ้น เมื่อจุ่มลงในน้ำผึ้งอุ่น ๆ แล้วเอาไปประทับบนกระดาษ มันก็จะเกิดตราประทับสีฟ้าครามที่ไม่สามารถลอกเลียนสีหมึกได้”

   “แค่จุ่มกับน้ำผึ้งอุ่นนี่นะครับ?” เป็นไปได้ยังไงที่แค่น้ำผึ้งจะทำให้เกิดสีหมึกขึ้นมา

   “ใช่แล้วล่ะ”

   “เหลือเชื่อจริง ๆ”

   “สีไม่ได้เกิดจากน้ำผึ้งหรอกนะ”

   “สีนั่น!!...สีที่เกิดขึ้นมันมาจาก...”

   “เลือดของคนสกุลฝู่”

   “ถ้าพวกจุ้ยแย่งเมฆาขาวไปได้ ก็จะสามารถปลอมเอกสารได้”

   “ใช่แล้ว และทายาทต้องเป็นคนประทับตราเท่านั้นนะ เพียงแต่พวกนั้นไม่รู้เรื่องนี้และเรืองสีของหมึก ถึงพยายามลอกเลียนสีแค่ไหน ก็ไม่เหมือน พวกมันคิดว่าเราใช้สีสูตรพิเศษ”

   “แต่การที่แม่ของหงส์ไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้ พวกนั้นก็ไม่จำเป็นต้องตามหาหงส์หรือเมฆาขาวก็ได้นี่ครับ ตามกฏหมายทรัพย์สมบัติก็จะตกเป็นของทายาทที่ใกล้ชิด ไม่ใช่หรือครับ”

   “ไม่ใช่ว่าอีไม่อยากทำ แต่อีทำไม่ได้ต่างหาก และการที่อีไม่สามารถทำพินัยกรรมได้ ก็ต้องยึดเอาพินัยกรรมฉบับก่อนหน้าเป็นหลัก”

   “พินัยกรรมฉบับก่อนหน้า”

   “ทายาทสกุลฝู่ทุกรุ่น เมื่ออายุครับ 25 ปี ต้องทำพินัยกรรมเอาไว้”

   “แล้วทำไมแม่ของหงส์ถึงทำพินัยกรรมไม่ได้”

   “อีไม่สามารถทำรอยประทับจากเมฆาขาวได้ยังไงล่ะ”

   “เพราะเมฆาขาวไม่รับเลือดแม่ของหงส์”

   “ใช่”

   “หงส์รู้เรื่องนี้ไหมครับ”

   “รู้”

   “ผมสงสัย ว่าทำไมต้องรอให้อายุครบ 25 ปี ถึงจะทำพินัยกรรมได้”

   “คนเก่าคนแก่เล่าขานกันมาว่า ทายาทที่อายุครบ 25 ปี เมื่อประทับตราจากเมฆาขาว สีถึงจะปรากฎออกออกมาให้เห็น”

   “แสดงว่าตอนนี้ หยกและโบตั๋น ไม่สามารถสร้างตราที่เกิดจากเมฆาขาขึ้นมาได้”

   “ใช่แล้ว”

   “ถ้าอย่างนั้น ที่หงส์เร่งเดินทาง เพราะต้องการจะไปจัดการเรื่องพินัยกรรม”

   “ใช่ เพราะถ้าพ้นปีนี้ไปแล้ว นายน้อยก็จะอายุครับ 25 ปี ทางจุ้ยก็จะยิ่งต้องการตัวนายน้อยมากกว่าเดิมเป็นแน่”

   “แต่ทางนั้นไม่เรื่องเรื่องความวิเศษของเมฆาขาวนี่ครับ”

   “คุณหนูใหญ่ถึงต้องรีบจัดการอะไรต่อมิอะไรในตอนนี้ยังไงล่ะ”

   “ถ้าหงส์ทำพินัยกรรมขึ้นมาใหม่ ทุกอย่างก็จะสิ้นสุดลงอย่างนั้นหรอครับ”

   “อืม...ใช่แล้ว เมื่อคุณหนูใหญ่ตัดสินใจอะไรลงไป ทางจุ้ยก็ไม่สามารถขัดขืนได้”

   “ถ้าเป็นแบบนั้น อันตรายก็จะตกมาอยู่ที่หงส์สิครับ”

   “ไม่หรอก เมื่อหงส์จัดการทุกอย่างเสร็จ อำนาจของตระกูลก็จะกลับคืนมาที่จุดศูนย์รวมดังเดิม”

   “แล้วคนอื่น ๆ ของฝู่ล่ะครับ”

   “พวกเราทำหน้าที่ของเราเพื่อตอบแทนบุญคุณ ดังนั้นไม่ว่าทายาทคนไหนจะตัดสินยังไง พวกเราก็น้อมรับ และพร้อมจะทำตาม”

   พยัคฆ์ได้ฟังเหล่าฟู่เล่าก็อดอัศจรรย์ใจไม่ได้ ทั้งยังปลื้มใจแทนพี่น้องทั้งสามที่คนภักดิ์กับพวกเขาถึงขนาดนี้ ทั้งที่ไม่ได้พบหน้ากับมากว่า 20 ปี ระหว่างที่คุยกับเหล่าฝู่อยู่ ข้อความจากแอพพลิเคชั่นก็เด้งขึ้นมา

   Yok : พี่เสือ

   Yok : มีคนจับตามองหยกอยู่


   พยัคฆ์อ่านข้อความยังไม่ทันจบดี ก็ลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ทันที เขายังไม่ทันพูดอะไรออกมา เหล่าฝู่ก็พยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงรับรู้ เขาจึงรีบออกจากตึกตรงไปยังจุดที่เขาจอดรถอยู่ทันที

To Be Continue

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: หยก 08-01-18 {{:::43:::}}
«ตอบ #158 เมื่อ08-01-2018 02:27:48 »

 :pig4:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: หยก 08-01-18 {{:::43:::}}
«ตอบ #159 เมื่อ08-01-2018 09:12:30 »

 :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: หยก 08-01-18 {{:::43:::}}
« ตอบ #159 เมื่อ: 08-01-2018 09:12:30 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ cheezett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: หยก 08-01-18 {{:::43:::}}
«ตอบ #160 เมื่อ08-01-2018 10:48:36 »

เข้มข้นสนุกมากกกก  :mew1: :L2: :pig4:

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: หยก 08-01-18 {{:::43:::}}
«ตอบ #161 เมื่อ08-01-2018 16:11:53 »

 :a2:
เอาใจช่วยนะ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
Re: หยก 08-01-18 {{:::43:::}}
«ตอบ #162 เมื่อ08-01-2018 20:58:35 »

 :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ Amo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-1
Re: หยก 09-01-18 {{:::44:::}}
«ตอบ #163 เมื่อ09-01-2018 23:11:11 »

44

   ผมรู้สึกไม่ดีกับลูกค้าฝรั่งคนนั้น ถึงแม้ว่าผมจะเห็นพี่ต้นเข้ามาในร้านแล้วก็ตาม แต่ผมก็ยังไม่ไว้ใจอยู่ดี ความรู้สึกของผู้ชายคนั้น มันทำให้ผมนึกถึงตอนที่ผมถูกวางยา ผมพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้สั่น แต่มันก็ไม่พ้นสายตาพี่แหม่มไปได้ พี่แหม่มเลยให้ผมหลบเข้ามาพักที่ห้องแต่งตัว ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา

   Yok : พี่เสือ

   Yok : มีคนจับตามองหยกอยู่


   ผมเห็นพี่เสืออ่านแล้ว แต่ไม่มีข้อความตอบกลับมา ผมรู้ว่าผมอธิบายเป็นข้อความไม่ชัดเจน แต่ผมกลัวเกินกว่าจะพิมพ์ข้อความอะไรลงไปเพิ่ม ใช่ครับ ผมกลัว!! ผมรู้ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองอ่อนแอขนาดจะต้องพึ่งพาคนอื่นมากขนาดนี้มาก่อน ผมกลายเป็นคนกลัวโน่นกลัวนี่ไปตั้งแต่เมื่อไรกัน? เสียงประตูห้องแต่งตัวถูกเปิดออก เรียกสติผมกลับคืนมา เอ็มกับก๊องเดินตรงเข้ามาหาผม ผมรับรู้ถึงความเป็นห่วงของคนทั้งสอง

   “หยก เป็นอะไรรึป่าว?” อาร์ทถามทั้งที่ยังก้าวไม่ถึงตัวผม

   “ใช่ ไม่สบายตรงไหนบอกเราได้นะ หยกหน้าซีดมากเลย”

   “เรา...หน้ามืดนิดหน่อยน่ะ” ผมเลี่ยงที่จะบอกความจริง

   “ตัวก็ไม่ร้อน” เอ็มเอื้อมมือมาแตะหน้าผากผมเล็กน้อย ถึงตกใจแต่ก็ไม่ได้ถอยหนีมือนั่น “แต่ทำไมมือเย็นแบบนี้ล่ะ”

   “เราพักแป๊บเดียว เดี๋ยวคงหาย”

   “ก๊อง มึงอยู่เป็นเพื่อนหยกที่นี่แล้วกัน กูจะกลับเข้าไปทำงานในครัวก่อน”

   “ได้ เดี๋ยวกูดูแลหยกเอง”

   “ก๊อง พี่ต้น?”

   “อ่อ คุณคนที่มาใหม่นั่นหรอ?”

   “เขาคงห่วงเราอยู่”

   “เดี๋ยวเราขึ้นไปบอกเขาให้”

   “บอกแค่ว่าเราพักเบรคก็พอนะ”

   “ได้ งั้นเดี๋ยวเรามานะ”

   พอก๊องออกไปแล้ว ผมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ไม่มีข้อความจากพี่เสือ ผมจะอธิบายยังไงเพิ่มดี พี่เสือถึงจะเข้าใจผม

   Yok : หยกกลัว

   ผมพิมพ์ข้อความที่แสดงความรู้สึกตอนนี้ของผมส่งไป ถึงไม่อยากยอมรับความอ่อนแอที่เกิดกับผมในช่วง 3-4 เดือนมานี้ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมยอมรับก็คือ ผมรู้สึกปลอดภัยและอุ่นใจทุกครั้งที่พี่เสืออยู่ใกล้

.........................................................................

   ต้นเพิ่งจะเข้ามานั่งในร้านที่คุณหยกทำงานเป็นครั้งแรก ก่อนหน้านี้มีแต่ตามคุณพยัคฆ์อยู่ห่าง ๆ เพื่อคอยสังเกตว่ามีใครลอบมองคนทั้งสองอยู่รึป่าว จนกระทั่งวันนี้ถึงได้เห็นด้วยตาตัวเองว่า คุณหยกมีแฟนคลับมากแค่ไหน จากคำบอกเล่าของคี คุณหยกมีคนติดตามไอจีอยู่เป็นแสนเป็นล้านอย่างกับซุปตาร์

   ตอนที่คุณหยกเดินเข้าไปหลังร้านกับผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งน่าจเป็นคุณแหม่มผู้จัดการร้าน แค่คุณหยกหายไปเพียงไม่กี่นาที ลูกค้าในร้านก็ต่างร้องโอดครวญพากันเสียดายกันเป็นการใหญ่ เขามองรอบ ๆ ร้านสักพักโทรศัพท์ในกระเป๋าก็สั่น หน้าจอแสดงชื่อ คุณพยัคฆ์

   “ครับ”

   “นายอยู่ที่ร้านแล้วใช่ไหม?”

   “ครับ”

   “ที่ร้านมีอะไรผิดปกติรึป่าว?”

   “ตั้งแต่ผมเข้ามาที่ร้านนี้ ผมว่ามันก็ผิดปกติสำหรับผมไปซะทุกอย่าง”

   “เอาให้มันดี ๆ ไอ้ต้น”

   “ขอโทษครับ รวม ๆ แล้วทุกอย่างก็ไม่มีอะไรสังเกตครับ ส่วนคุณหยกน่าจะเข้าไปพักหลังร้าน” ระหว่างที่เขาตอบ พนักงานคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหยุดที่น้าโต๊ะเขา รีๆ รอๆ เหมือนอยากจะบอกอะไร คงจะติดที่เขาคุยสายอยู่กับคุณพยัคฆ์ เลยไม่กล้าที่จะพูดแทรกขึ้นมา “สักครู่นะครับ พอดีมีพนักงานเดินขึ้นมาหาผมบนนี้”

   “ใคร ก๊องรึป่าว”

   “นายชื่อก๊องรึป่าว”

   “ครับ ผมเอง”

   “ส่งสายให้ฉันคุยกับเขาหน่อย” พอสิ้นคำสั่ง ต้นก็ส่งโทรศัพท์ของตนให้พนักงานคนนั้น เขาเห็นก๊องรับไปก่อนหมุนตัวหันหลังให้ราวกันตก จากนั้นก็รับฟังเพียงอย่างเดียว เมื่อฟังจบพนักงานคนนั้นก็ส่งโทรศัพท์คืนให้กับเขา

   “เดี๋ยวผมขึ้นมาใหม่นะครับ ขอตัวสักครู่”

   ต้นได้แต่สงสัย ว่าเกิดอะไรขึ้นและเจ้านายเขาคุยและสั่งอะไรพนักงานคนนั้นแน่ ๆ รางสังหรณ์บอกเขาว่าต้องมีเรื่องอะไรสักอย่างเกิดขึ้นแน่นอน เขาจึงต้องจับตามองคนในและนอกร้านอีกครั้งอย่างละเอียดถี่ถ้วน

.........................................................................

   ก๊องที่ได้คุยโทรศัพท์กับพี่เสือแล้ว ก็รีบเดินมาหาพี่แหม่มที่เคาน์เตอร์แคชเชียร์ ตามคำสั่งของพี่เสือ เขาไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องเชื่อพี่เสือด้วย แต่เขาก็เลือกที่จะทำตามเพื่อหยก!!

   “พี่แหม่มครับ”

   “อ่าว? ไหนเอ็มบอกว่าแกอยู่เป็นเพื่อนหยกอยู่ข้างในไม่ใช่หรอ?”

   “ตอนแรกก็ใช่แหละพี่ แต่ตอนนี้ไม่ใช่”

   “พูดจาวกไป วนมาอยู่นั่น แล้วนี่ยังไง มาเรียกฉันมีเรื่องอะไร”

   “ช่วยลางานให้หยกหน่อยครับ แจ้งพี่กันต์ให้ผมที”

   “หยกไม่สบายมากเลยหรอ?”

   “ผมไม่รู้หรอกครับว่าหยกอาการไม่ดีรึป่าว แต่พี่เสือสั่งมาครับ”

   “ได้ ๆ เดี๋ยวพี่จัดการให้” พี่แหม่มรับปากแล้วก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมา เขาจึงก็ยืนบังเพื่อไม่ให้ลูกค้าเห็นว่าพี่แหม่มคุยอะไร ตามคำสั่งของพี่เสือ “เรียบร้อย คุณกันต์อนุญาตให้หยกกลับบ้านได้”

   “งั้นผมไปบอกหยกก่อนนะครับ”

   “แล้วหยกจะออกจากร้านยังไงล่ะวันนี้ ต้องให้ฉันหรือคุณกันต์ไปส่งที่สถานีรถไฟฟ้าไหม?”

   “พี่เสือกำลังมาครับ” ก๊องพูดจบก็เดินกลับขึ้นไปบอกคุณต้นเล็กน้อย ก่อนที่จะไปอยู่เป็นเพื่อนหยกดังเดิม

.........................................................................

    พยัคฆ์ร้อนใจมาก เขาขับรถด้วยความเร็วสูงเพื่อมาถึงที่ร้านให้เร็วที่สุด ข้อความที่แสดงอยู่ที่หน้าจอแว๊บหนึ่งก่อนเขาจะโทรหาต้น มันเป็นข้อความที่ทำให้เขาแทบบ้า หยกกลัว การที่หยกยอมรับออกมา มันยืนยันได้ว่าหยกรู้สึกว่าตัวเองตกอยู่ในอันตราย ในที่สุดเขาก็จอดเราเข้ามาถึงลานจอดหลังร้าน

   เขาลงจากรถแล้วก้าวยาว ๆ จนเกือบจะเป็นวิ่งเข้าไปทางด้านหลังร้าน ห้องเดียวที่พนักงานจะพอพักได้คือห้องแต่งตัว เขาจึงรีบก้าวยาว ๆ เข้าไปในนั้น เมื่อเขาเปิดประตูเข้าไป น้องหยกก็พุ่งตัวเขามาหาเขาทันที จนเขาเกือบตั้งรับไม่ทัน เขาเหลือบมองสายตาตกใจของก๊องเล็กน้อย

   “หยก ไม่เป็นไรนะ พี่อยู่นี่”

   “ความรู้สึกนั่นมัน เขายังอยู่”

   “ใคร?”

   “ฝรั่งคนนั้น”

   “ไม่เป็นไร เรากลับบ้านกันนะ พี่พาหยกกลับไปพักผ่อนก่อน นะครับ” หยกพยักหน้าทั้ง ๆ ที่ยังคงซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของเขา “ขอบใจนะก๊อง” เขาบอกคนที่ยืนหน้าเหว๋อยู่หน้าล็อกเกอร์ ก่อนประคองพาหยกเดินออกมาทางหลังร้าน เมื่อขึ้นรถได้เขาก็เคลื่อนรถออกไป มือข้างหนึ่งก็กุมมือบางที่เย็นเฉียบเอาไว้ตลอดทาง โดยยังไม่ซักถามอะไร จนกระทั่งถึงบ้านของเขา

   เขาพาหยกขึ้นมาส่งที่ห้องนอน หยกดูผ่อนคลายมากขึ้น เขาจูงหยกให้นั่งลงบนเตียง โดยมีเขานั่งอยู่ข้าง ๆ กุมมือน้อยทั้งสองไว้ ตอนนี้มันเริ่มอุ่นขึ้นแล้ว

   “พี่ขอโทษ ที่พี่ไม่ได้ตอบข้อความของหยก”

   “...”

   “กลัวมากไหมครับ”

   “...” หยกพยักหน้า น้ำตาเริ่มคลอ จนเขาต้องรวบร่างนั้นเข้ามากอดเอาไว้

   “พี่อ่านข้อความของหยกจบ พี่ก็ออกมาจากร้านเหล่าฝู่ทันที โดยที่ยังไม่ได้กล่าวลาเหล่าฝู่ด้วยซ้ำ พี่เป็นห่วงหยกมากเลยนะ”

   “พี่เสือ...เข้าใจหยกหรอครับ”

   “พี่เข้าใจ พี่ขอโทษที่มาช้า ขอโทษที่ไม่ได้อยู่ด้วยตอนนั้น”

   “เขา...ทำให้หยกนึกถึงคนคนนั้น กับพี่เมฆ”

   “เขาอยากทำร้ายหยกหรอ?”

   “หยกรู้สึกเหมือนกับว่า...เขาจะเอาตัวหยกไป” เขารู้ว่าความหมายของประโยคนี้ คนๆ นั้นต้องเป็นคนที่ตระกูลจุ้ยส่งมาแน่นอน ครั้งแรกก็ลตา ครั้งนี้ตระกูลจุ้ย ที่หยกจับความรู้สึกของลตาไม่ได้ คงเป็นเพราะเธอมาเพื่อดูว่าหยกอยู่ที่นี่จริง ๆ รึป่าว

   “หยกนอนพักผ่อนก่อนไหม พี่จะไปคุยกับอาชาติ”

   “หยกไม่อยากหยุดงานที่ร้านพี่กันต์นะ” หยกดันตัวออกจากอ้อมกอดของเขา

   “ไม่กลัวแล้วหรอครับ ถ้าคน ๆ นั้นกลับมาอีก”

   “...”

   “โอเคครับ เอาเป็นว่า พี่จะอยู่ข้าง ๆ หยกตลอดเวลาดีไหม?” หยกพยักหน้าให้เขาเล็กน้อย เขาก้มลงจูบเบา ๆ ลงที่หน้าผากของหยก “พักก่อนนะครับ เดี๋ยวพี่มานะ”

   พยัคฆ์พูดจบก็เดินออกจากห้องของหยกไป อาชาติมารอเขาอยู่ตรงทางเดินหน้าห้องแล้ว คงได้ยินเสียงรถของเขาที่แล่นเข้ามา

   “มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นใช่ไหม?”

   “ครับ ผมเดาว่าคนของจุ้ยอั้ยเตอ คงมาอยู่ที่นี่แล้ว หยกสัมผัสได้ถึงพวกนั้น”

   “คนที่มาเป็นใคร คุณเสือพอจะรู้ไหม?”

   “หยกบอกว่า เขาเป็นฝรั่งคนหนึ่ง แล้วเมื่อสองวันก่อน ผมก็เจอฝรั่งเข้ามาทานอาหารที่ร้าน คนๆ นั้นมีกลิ่นอายของชาวเอเชียอยู่ อาจจะเป็นคนๆ เดียวกัน”

   “จุ้ยอั้ยเตอ รับหลานที่เกิดกับน้องชายและสาวชาวอเมริกันมาเลี้ยงอยู่คนหนึ่ง”

   “อาชาติสังสัยว่าจะเป็นเขา”

   “ใช่ หลานชายจุ้ยอั้ยเตอ จุ้ยเถิง”

   “แสดงว่าตอนนี้พวกนั้นพุ่งเป้ามาที่หยก มากกว่าหงส์แล้วใช่ไหมครับ”

   “อาเองก็ไม่มั่นใจ อาไม่อยากให้คุณประมาท ทั้งหงส์และโบตั๋นยังคงเสี่ยงอยู่ดี”

   “มะรืนนี้อาเดินทางกันตอนไหนครับ”

   “เที่ยวบินของอาเจ็ดโมงเช้า ของโบตั๋นสิบเอ็ดโมง”

   “พรุ่งนี้หยกไม่ได้ไปร้าน ผมกังวลว่า คุณลตาอาจจะมาสืบดูที่นี่”

   “อาเห็นด้วย อาเชื่อว่าคนอย่างคุณลตา เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เห็นคุณในวันนั้น”

   “แล้วอีกอย่างที่ผมสงสัย พวกนั้นเข้ามาหาหยกตอนที่ผมไม่อยู่ อาจจะเป็นไปได้ไหมว่า พวกนั้นรู้จักผม”

   “อาว่าไม่นะ แต่อาเชื่อว่าพวกนั้นอาจจะคอยจับตามองคุณอยู่”

   “วันนี้ที่ผมไปหาเหล่าฝู่ พวกมันจะรู้เรื่องนี้ไหมครับ”

   “อาจะบอกเหล่าฝู่ให้ระวังตัวแล้วกัน”

.........................................................................

   ผมนอนไม่หลับ ในหัวของผมยังคงวนเวียนถึงความรู้สึกของฝรั่งคนนั้น เขาไม่ได้อยากจะกินผมหรือขังผมเหมือนอย่างความรู้สึกของพี่เสือในช่วงแรกที่เรารู้จักกัน เขาไม่ได้รู้สึกสะใจ สมน้ำหน้าผมเหมือนความรู้สึกของพี่เมฆ เขาไม่ได้รู้สึกอยากได้ร่างกายผมอย่างนายคนนั้น เขาแค่ต้องการจะเอาตัวผมไป พรากผมไปจากคนที่ผมรัก พรากไปจากสถานที่ที่ผมคุ้นเคย เอาตัวผมไปประดับเหมือนผมเป็นเพียงตุ๊กตา ความรู้สึกนี้มันช่างน่ากลัว น่ากลัวจนผมนอนไม่ไหลับ

   ถ้าตอนนี้ผมอยู่ที่บ้าน ผมคงเข้าไปขอนอนกับเจ่เจ้และโบตั๋น แต่ที่นี่ บ้านพี่เสือกับอากร คนที่ผมจะไปนอนด้วยได้ก็มีแต่เจ็กลู่ ที่นอนอยู่ห้องเดียวกับอากร แค่ที่ผมมาพักอยู่ที่นี่ผมก็เกรงใจอากรจะแย่แล้ว จะขอให้นอนด้วยคงไม่ดี ผมยังคิดนั่นคิดนี่ไปเรื่อย ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ผมจึงลุกขึ้นไปเปิดประตู

   “พี่เอานมอุ่น ๆ มาให้ หยกจะได้หลับสบาย” ผมเบี่ยงตัวหลบให้พี่เสือเดินเขามาในห้อง พี่เสือวางแก้วนมไว้ที่โต๊ะข้างหัวเตียง

   “พี่เสือ...อยู่เป็นเพื่อนหยกก่อนได้ไหมครับ”

   “ยังคิดมากอยู่ใช่ไหม?”

   “หยกแค่...นอนไม่หลับ”

   “มานั่งนี่มา” พี่เสือนั่งลงบนเตียง และตบลงบนฟูกข้าง ๆ ตัว ให้ผมเดินเข้าไปนั่งข้าง ๆ “ดื่มนมอุ่น ๆ เดี๋ยวก็หลับครับ” พี่เสือยกแก้วนมยื่นให้ผม ผมก็รับมาและจิบไปเล็กน้อย พี่เสือเอื้อมมือมากุมมือที่ผมถือแก้วนมไว้ ถึงแก้วนมจะอุ่น แต่มันก็อุ่นไม่เท่ากับมือพี่เสือเลย

   “พี่เสือ...”

   “ครับ”

   “คืนนี้...พี่เสือนอนเป็นเพื่อนหยกได้ไหม” สายตาพี่เสือดูแปลกใจ และมันก็มาพร้อมกับความรู้สึกอึดอัดที่ผมสัมผัสได้ “หยก...ทำให้พี่เสืออึดอัดอีกแล้ว”

    “เฮ้อ...แล้วหยกจำได้ไหมว่าพี่อึดอัดเพราะอะไร” ผมพยักหน้า “แล้วหยกไม่กลัวพี่หรอครับ” ผมส่ายหน้า “แล้วหากมันเกิดอะไรขึ้น หยกจะโกรธพี่ไหม?” ผมก็ยังคงส่ายหน้า “หยกมั่นใจนะ” ผมพยักหน้า “เฮ้อ...”

To Be Continue

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: หยก 09-01-18 {{:::44:::}}
«ตอบ #164 เมื่อ09-01-2018 23:25:45 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
Re: หยก 09-01-18 {{:::44:::}}
«ตอบ #165 เมื่อ10-01-2018 00:05:16 »

 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: หยก 09-01-18 {{:::44:::}}
«ตอบ #166 เมื่อ10-01-2018 08:00:02 »

แผนพี่เสือป่ะเนี่ย มีการทำทางเล็ก ๆ ให้ตัวเองพร้อม ฮา

ออฟไลน์ Amo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-1
Re: หยก 16-01-18 {{:::45:::}}
«ตอบ #167 เมื่อ16-01-2018 23:20:11 »

45

   พยัคฆ์ได้แต่นั่งจ้องหน้าน้องหยกนิ่ง ๆ หมดคำถาม หยกเองก็เหมือนจะรอคำตอบจากเขาอยู่ ถ้าเป็นเมื่อก่อนมีผู้หญิงชวนเขาขึ้นเตียงด้วยแบบนี้แล้วล่ะก็ เขาคงตอบตกลงโดยไม่คิดอะไรมากมายขนาดนี้ น้องหยกดึงมือข้างหนึ่งที่ถูกเขากุมเอาไว้ออกมา แล้วลูบที่หลังมือของเขาเบา ๆ เหมือนจะปลอบให้คลายกังวล

   “หยก...ขอโทษ...ที่ทำให้พี่เสือลำบากใจ” หยกก้มหน้าก้มตาตอบ ด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยมั่นใจ

   “ก็ได้ครับ แต่หยกต้องดื่มนมให้หมดก่อนนะ” เขาปล่อยมือจากน้องหยก เห็นคนตรงหน้าเป็นแบบนี้แล้ว เขาจะไม่ใจอ่อนได้อย่างไร น้องพยักหน้าน้อย ๆ ก่อนยกแก้วนมขึ้นมา ค่อย ๆ ดื่มจนหมด เขารับแก้วคืนมาแล้ววางไว้ที่โต๊ะข้างหัวเตียง “ขึ้นไปนอนเถอะครับ เดี๋ยวพี่ปิดไฟให้”

   น้องหยกค่อย ๆ คลานขึ้นไปนอนบนเตียง มุดตัวลงไปใต้ผ้าห่มแต่ยังคงนอนตะแคงมองเขาตาแป๋ว ราวกับกลัวว่าเขาจะเดินหนีออกจากห้องไป เขาเดินไปปิดไฟข้างประตูก่อนก้าวขึ้นไปบนเตียง แล้วขยับเข้าไปล้มตัวลงนอนข้างๆ น้องหยก

   “ขอบคุณครับ” หยกเอ่ยออกมาเบา ๆ แต่ยังคงมองมาที่เขา

   “พี่นอนเป็นเพื่อนแล้วนะ  หลับได้แล้วครับ?”

   “...” หยกพยักหน้าน้อย ๆ

   “ก็หลับตาสิครับ” เมื่อน้องหยกหลับตาลง เขาเองก็อดใจไม่ได้ที่จะขยับเข้าไปใกล้ ๆ และจูบเบา ๆ ลงบนเปลือกตาคนที่นอนข้าง ๆ  น้องหยกคงตกใจ จึงลืมตาขึ้นทันที

   “พี่เสือ...” แววตาของหยกที่จ้องมองเขาอยู่ในความมืด แต่กลับสว่างไสวในสายตาของเขา แววตาที่แสดงอารมณ์หลายหลาย

   “ครับ” เขาขานรับราวกับละเมอ หยกค่อยๆ ขยับตัวเข้ามาจูบปลายคางเขาเบา ๆ ก่อนจะซุกหน้าลงกับอกของเขา พยัคฆ์สอดมือข้างหนึ่งเข้าใต้ศีรษะให้น้องหยกหนุนแทนหมอน อีกข้างก็โอบกอดไว้อย่างหลวม ๆ

   “หยก...ไม่อยากจากทุกคนไป” หยกพูดเสียงอู้อี้อยู่กับหน้าอกของเขา

   “หยกก็ไม่ได้ไปไหนนี่ครับ” เขากอดกระชับร่างในอ้อมแขนเข้าหาตัว

   “หยกรู้สึกเหมือนว่าเขาจะต้องเอาหยกไปให้ได้จริง ๆ”

   “หยกไม่ใช่สิ่งของนะ ไม่มีใครบังคับพาหยกไปได้หรอกนะครับ เชื่อพี่นะ” พยัคฆ์ดันตัวหยกออกห่าง เพื่อจะได้เห็นใบหน้าของคนในอ้อมแขน ตาแดง ๆ ที่เขาเห็น มุมอ่อนแอที่เขาได้เห็น “ไม่ต้องกลัวนะครับ” เขาไล้นิ้วเพื่อเกลี่ยหยดน้ำตาที่หางตาออกให้ แล้วก็ก้มลงจูบซํบน้ำตาอีกครั้ง เขาไล้ริมฝีปากไปตามหางตา โหนกแก้ม ปลายจมูก และมาจบลงที่ริมฝีปากนุ่ม

   หยกเองก็ยกมือขึ้นมาโอบรอบคอของเขาไว้ รั้งให้เข้าหา เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าหยกก็ต้องการเขาเช่นกัน เขาละจากริมฝีปากนุ่มมายังติ่งหู ไล้ลงมายังซอกคอ เขาพรมจูบไปทั่วลำคอขาวนั้น หยกไม่ได้ขัดขืนหรือขยับหนี เขาจึงใช้มือข้างหนึ่งก็ล้วงลงไปใต้เสือยืดพอดีตัวของโบตั๋น ลูบไล้ผิวลื่นขึ้นไปจนสัมผัสถูกติ่งเนื้อนุ่มนิ่ม เขากดคลึงได้ไม่นาน มันก็แข็งสู้มือเขา

   “อ๊า...พี่เสือ” เสียงครางของหยกมันทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะต้องเลิกเสื้อยืดตัวบางขึ้นมาเพื่อให้เห็นเม็ดทับทิม ที่ครั้งหนึ่งเขาได้ลิ้มลองมาแล้ว

   “ถ้าหยกกลัว ก็บอกให้พี่หยุดได้นะครับ” เขาถามขณะที่ไล้ริมฝีปากจากซอกคอลงไปยังยอดอกสีหวาน ไม่มีคำตอบจากปากของน้องหยก เขาจึงลิ้มชิมรสเม็ดทับทิมนั่นอีกครั้ง มืออีกข้างก็ไล้ลงมาที่ยอดอดอีกข้าง มือก็สัมผัสไล้ไปทั่วเรือนร่างบาง มือและริมฝีปากที่ทำงานสอดประสานกันอย่างลงตัว ทำให้คนใต้ร่างครางออกมาพร้อมบิดกายไปมา เสียดสีกับร่างกายของเขา

   “หยก...” พยัคฆ์กัดฟันครางออกมา ก่อนขยับใบหน้าขึ้นไปประกบริมฝีปากบางนั่นอีกครั้ง เพื่อตักตวงความหวานในโพรงปากเล็ก เขาส่งมือข้างหนึ่งลงไปทักทายหยอกล้อหยกน้อยที่ตื่นตัวเต็มที่ ก่อนจะพามาแนะนำให้รู้จักกับเสือน้อยของเขา 

   “อ๊า...พี่เสือ...หยก...อ๊า...”

   “อีกนิดนะ” เขาใช้มือรวบทั้งหยกน้อยและเสือน้อยเอาไว้ด้วยกัน ก่อนขยับมือขึ้นลงเป็นจังหวะ และค่อย ๆ เร่งขึ้นทีละน้อย “พร้อมกันนะครับ...อ๊า...” หยกกอดรัดร่างเข้าไว้แน่น จนกระทั่งร่างนั้นกระตุกน้อย ๆ น้องหยกมองเขาตาปรือ มันช่างเย้ายวนให้หลงใหล เหงื่อที่ผุดพรายขึ้นบนใบหน้า กับจังหวะหายใจที่หอบกระเซ่า

   “ถ้าหยกไม่หยุดมองพี่ด้วยสายตาแบบนี้ พี่อาจจะบังคับตัวเองให้หยุดแค่ตรงนี้ไม่ได้แล้วนะ” เขาเอ่ยออกมาเสียงแหบพร่า น้องหยกหน้าแดงระเรื่อก่อนเบนหลบสายตาเขา “ไปล้างตัวพร้อมกันไหมครับ” เขาเอ่ยอย่างหยอกล้อ หยกส่ายหน้าตกใจ

   “หยกจัดการของหยกได้ เอ่อ...พี่เสือไปใช้ห้องน้ำพี่เสื่อก่อนนะ” หยกขยับลงจากเตียงไปอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้เขาค่อย ๆ ข่มอารมณ์ของตัวเองให้สงบลงอย่างช้า ๆ

.........................................................................

   กว่าเพ็ญนภาจะเข้ามาถึงบ้านของหงส์ ก็สายมากแล้ว เลยเวลาที่นัดกันไว้ร่วมชั่วโมง เมื่อเธอจอดรถหน้าบ้านเรียบร้อย ยังไม่ทันลงจากรถ โบตั๋นก็เดินออกมารอเธอที่หน้าบ้านแล้ว

   “พี่ภา ไปเลยไหมค่ะ หรือจะเข้าบ้านก่อน” โบตั๋นตะโกนถามมาจากหน้าบ้าน เธอจึงลดกระจกบริเวณที่นั่งข้างคนขับลง

   “หงส์ล่ะ ถ้าพร้อมแล้ว ไปเลยก็ได้จ้า”

   “เจ่เจ้ ไปกันเถอะคะ พี่ภารออยู่”

   เพ็ญนภารอสองสาวปิดบ้าน และเดินออกมาขึ้นรถของเธอ เพื่อเดินทางไปยังบ้านของวรากร เมื่อหงส์และโบตั๋นขึ้นรถเรียบร้อยแล้ว เธอจึงเคลื่อนรถออกมา โดยมีรถคันหนึ่งขับนำขึ้นหน้าไปก่อน

   “ตัวเก็บของเตรียมเดินทางรึยัง”

   “หงส์จัดการเรียบร้อยแล้วล่ะ”

   “พรุ่งนี้พี่ต้นจะมารับเจ่เจ้ตอนเช้าค่ะ” โบตั๋นรายงาน พร้อมมองไปยังรถคันหน้า

   “แล้วคุณวรากรกับเจ็กลู่ล่ะ?”

   “อากรจะขับรถไปเอง แล้วไปเจอกับหงส์ที่สนามบินจ๊ะ”

   “ส่วนของตั๋นพี่คีกับพี่เก่งจะมารับไปพร้อมกันตอน 9 โมงค่ะ”

   “แล้วทางตัวล่ะ เห็นเมื่อวานบอกหงส์ว่ามีนัดคุยกับคุณเปิ้ลนี่”

   “คุยเรียบร้อยแล้วล่ะ เลยมารับตัวกับน้องสายอย่างนี้ไง แต่ก็เป็นตามแผนที่พวกเราวางไว้ ภาเล่าเรื่องของพวกเราให้คุณเปิ้ลกับคุณโอ๋ฟังแล้ว ทั้งสองยอมร่วมมือกับเราหลอกนายเมฆ ตอนนี้นายเมฆมาคอยเกาะแกะคุณโอ๋อยู่ เพื่อหาทางเข้าหาหยก”

   “พี่เมฆนี่กัดไม่ปล่อยจริง ๆ น่าจะจัดการซะให้เข็ด”

   “เราต้องใจเย็น ๆ ก่อนนะน้องโบตั๋น ไม่อย่างนั้นจะเสียแผนที่หงส์กับเจ็กลู่วางไว้”

   “ตั๋นรู้ค่ะ แต่มันอดแค้นใจไม่ได้นี่ค่ะ”

   “แล้วทางคุณหญิงล่ะ เป็นยังไงบ้าง เมื่อวานภาออกมาก่อน เลยไม่รู้เลยว่าคุณหญิงว่ายังไงบ้าง”

   “คุณหญิงท่านพอใจกับขนมที่หงส์ทำให้นะ”

   “ภาล่ะตกใจหมดเลย ที่เห็นท่านลงมาหาหงส์ที่สตูดิโอน่ะ”

   “ต่อไปนี้ท่านน่าจะลงมาที่สตูดิโอบ่อยขึ้นล่ะ”

   “แต่หงส์ไม่อยู่สักพักนี่ หงส์บอกท่านรึยัง?”

   “บอกแล้วจ๊ะ แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับคุณษามีแนวโน้มจะดีขึ้นนะ อีกหน่อยคุณหญิงคงจะไม่ต้องการหงส์แล้วล่ะ”

   “แม่ของนายเกรียงไกรหรอค่ะ แล้วให้เขาคุยกันมาก ๆ แบบนี้จะดีหรอค่ะ ถ้าคุณหญิงเกิดเข้าข้างตานั่นขึ้นมา เราไม่แย่หรอ” โบตั๋นถามขึ้นมา ด้วยท่าทางกังวลใจ

   “ไม่หรอกจ๊ะ ตั๋นไม่ต้องกังวลไปหรอก ระหว่างที่หงส์ไม่อยู่ ฝากตัวจัดการคนบ้านนั้นด้วยนะ”

   “อ๊ะ!! พี่เก่งขับรถเลยบ้านอากรไปแล้ว”

   “คุณเก่งคงมีงานที่อื่นต่อ อีกอย่างตอนนี้เรากำลังจะเข้าบ้านอากรแล้ว ก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงนี่”

   “ตั๋นไม่ได้ห่วงเรื่องนั้น ตั๋นแค่สงสัยว่าพี่เก่งไม่อยู่ร่วมงานฉลองของตั๋นรึไง”

   “เรื่องนี้น้องโบตั๋นคงต้องถามคุณวรากรหรือคุณเสือแล้วล่ะ”

.........................................................................

   วันนี้ผมตื่นเช้ากว่าทุกวัน ไม่ได้ตั้งใจจะรีบมาเตรียมงานให้กับโบตั๋นหรอกนะ เพียงแต่ผมอายกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้มากกว่า พี่เสือก็ยังคงเป็นที่เสือที่ต้องทนแบกรับความอึดอัดไว้ เพราะความเห็นแกตัวของผม เมื่อคืนกว่าผมจะทำใจออกจากห้องน้ำได้ พี่เสือก็หลับไปแล้ว ไหนจะเรื่องที่ผมซุกตัวเข้าไปนอนในอ้อมกอดของพี่เสือตลอดคืนจนถึงเช้าอีก

   นี่เป็นครั้งแรกที่ผมปล่อยตัวปล่อยใจให้พี่เสือทำอะไรๆ ได้อย่างที่พี่เขาต้องการ ถึงแม้พี่เสือจะหยุดมันไว้ได้ก่อนจะเลยเถิดไปมากกว่านี้ก็ตาม เป็นผมซะอีกที่ไม่คิดจะหยุดหรือห้ามปรามพี่เสือเลย แค่คิดผมก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว พี่เสือเขาจะคิดยังไงกับการกระทำของผม

   “คุณหยกค่ะ รายการอาหารที่ต้องซื้อเพิ่ม กล้ามันซื้อกลับเข้ามาเรียบร้อยแล้วนะคะ คุณหยกจะเตรียมเลยไหมค่ะ?” ป้าลัยเดินเข้ามาพร้อมกับถุงข้าวของในมือ

   “เดี๋ยวค่อยเตรียมก็ได้ครับป้า เออ..แล้วนี่ยังไม่มีใครลงมากันเลยหรอครับ?”

   “ยังเลยค่ะ นี่ก็ยังไม่ถึงเวลาที่คุณ ๆ จะลงมากัน ป้าว่าวันนี้คุณหยกลงมาเร็วเกินไปมากกว่าค่ะ”

   “อ่อ...ครับ ผมคงลงมาเร็วไปจริง ๆ” ผมมองนาฬิกา ทำไมรู้สึกว่าเวลามันเดินช้าชอบกล

   “กังวลเรื่องงานคืนนี้หรือค่ะ?”

   “ไม่ใช่หรอกครับ”

   “สงสัยเป็นเพราะคุณหยกเข้านอนแต่หัววัน เช้านี้เลยตื่นเร็วกว่าปกติล่ะค่ะ”

   “นั่นสินะครับ”

   “อ่าว คุณเสือลงมาไม่ให้สุ่มให้เสียง ป้าตกใจหมดเลยค่ะ” ผมหันไปมองตามสายตาของป้าลัย พี่เสือยืนพิงกรอบประตูห้องครัวอยู่ พี่เสือมาตั้งแต่เมื่อไร ทำไมผมถึงสัมผัสความรู้สึกพี่เสือไม่ได้

   “สักพักนึงเองครับ”

   “งั้นป้าขอตัวก่อนนะคะ อาหารเช้าคุณหยกเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ”

   พี่เสือรอจนป้าลัยออกไปจากห้องครัวแล้วจึงเดินเข้ามาประชิดตัวผม อยู่ ๆ ผมก็ก้าวถอยหลังไปก้าวหนึ่งอย่างไม่รู้ตัว พี่เสือโอบมือสองข้างรอบคอผม ทำให้ผมมองหน้าพี่เขาอย่างตกใจ

   “รีบลงมาจนไม่สังเกตตัวเองเลยหรือไงครับ” พี่เสือกระซิบข้าง ๆ หูผม ก่อนจะผละออกไป พร้อมกับเมฆาขาวที่ห้อยอยู่บนคอผม ผมยกมือขึ้นแตะมันเล็กน้อย ส่วนพี่เสือก็ส่งยิ้มน้อย ๆ มาให้พร้อมมือหนาที่โคลงศีรษะผมไปมา

   “...”

   “เมื่อกี้เหม่ออะไรอยู่ครับ พี่มายืนอยู่ตั้งนาน เราก็ไม่รู้ตัว คงไม่ได้คิดเรื่องพี่ใช่ไหม?”

   “พี่เสือ!!”

   “ไม่ต้องอายหรอกครับ มันเป็นเรื่องธรรมชาติของคนที่เขารักกัน” คนที่รักกัน?

   “เออ..เมฆาขาว”

   “พี่ถอดออกเมื่อคืน” พี่เสือยื่นหน้าเข้ามากระซิบใกล้ ๆ หูผม “ตอนที่หยกสั่นมาก ๆ น่ะ”

   ด้วยคำพูดและน้ำเสียงที่ทำให้ผมใจเต้นแรง จนต้องก้มหลบสายตาของพี่เสืออีกครั้ง แต่พี่เสือกลับคว้าร่างของผมเข้าไปกอด

   “หยกไม่ต้องกังวล ไม่ต้องอาย พี่ไม่อยากให้หยกหลบหน้าพี่แบบนี้ พี่ออกจะดีใจซะอีกที่หยกยอมรับพี่นะ”

   “พี่เสือ...” เหมือนพี่เสือจะรู้ความคิดของผมไปซะทุกเรื่อง

   “มันทำให้พี่รู้สึกว่า พี่เข้าใกล้หยกขึ้นมาได้อีกนิด” ผมซบอยู่ที่อกอุ่นของพี่เสือ ได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นแรงขณะที่เขาพูดกับผม

   “ขอบคุณครับ ขอบคุณที่เข้าใจหยก”

   “มา วันนี้พี่จะเป็นลูกมือหยกเอง ให้พี่ช่วยอะไรก่อนดี” เราผละออกจากกัน พี่เสือเดินตรงไปยังถุงผักที่ป้าลัยเพิ่งเอามาวางไว้ให้ แล้วก็ลื้อ ๆ ผักเหล่านั้นออกมา “เริ่มด้วยล้างเจ้าพวกนี้ก่อนก็แล้วกันนะ” ผมยิ้มให้กับพี่เสือ พี่เสือก็ยิ้มตอบกลับมา ก่อนจะลงมือล้างผักตรงหน้า ใช่แล้ว...ผมรักพี่เสือ...เราสองคนรักกัน

.........................................................................

    โบตั๋นเดินตามหลังหงส์ และเพ็ญนภาเข้ามาในบ้านของวรากร เธอเพิ่งจะเคยเข้ามาที่บ้านหลังนี้เป็นครั้งแรก บ้านที่มาจากน้ำพักน้ำแรงของพ่อพี่เสือ บ้านเดี่ยวหลังใหญ่ที่ซ่อนตัวอยู่กลางใจเมือง ที่สำคัญบ้านหลังนี้อยู่ห่างจากร้านพี่กันต์ในระยะขับรถแค่ 10-15 นาทีเท่านั้นเอง ช่างบังเอิญจัง

   “คุณกรกับเจ็กลู่ดูอะไรกันอยู่ค่ะ” เพ็ญนภาทักขึ้นเมื่อเห็นคนทั้งสองยื่นด่อม ๆ มองๆ ไปทางโซนหลังบ้าน

   “เข้ามาดูเองเอาสิ” เจ็กลูว่า ทำให้เธอวิ่งตรงไปดูเป็นคนแรก

   “หยก..กับพี่เสือ...”

   “อืม...อาว่าทั้งสองคนเขาน่าจะเข้าใจกันมากขึ้นแล้วล่ะนะ”

   “หยกดูสดใสขึ้น หน้าตาเหมือนโบตั๋นเลยนะ” พี่ภาว่าแล้วก็เหลือบหันมามองเธอ

   “เหมือนหยกเขาจะหาความรู้สึกของตัวเองเจอแล้วล่ะ” เจ่เจ้เปรยขึ้นมาทำให้เธออดไม่ได้ที่จะเข้าไปสำรวจจิตใจของหยก

   “เจ่เจ้...”

   “อืม... ปล่อยเขาไว้อย่างนั้นเถอะ เราไปคุยกันข้างนอกดีกว่า”

   “หลิวหิวไหม เฮียให้แม่บ้านไปหาอะไรให้ทานไหม?” เจ็กลู่มองเข้าไปในครัวแว๊บหนึ่งแล้วก็ส่ายหน้าให้อากร

   “ให้พวกเขามีเวลาอยู่ด้วยกัน เราอย่าไปกวนเขาเลย”

   “ภามีแซนวิชในรถค่ะเจ็ก ซื้อไว้ตั้งแต่เช้า รอภาแป๊บนึงนะคะ”

   “อื้มหือ...เพื่อความรักของหยกกับพี่เสือ เราต้องอดกันขนาดนี้เลยหรอค่ะ?” โบตั๋นอดไม่ได้ที่จะแซวคนทั้งสอง ซึ่งทำให้ทุกคนต่างพาหัวเราะกันออกมาอย่างมีความสุข

.........................................................................

    หงส์เฝ้ามองงานเลี้ยงฉลองเล็ก ๆ ที่มีกันเฉพาะคนในครอบครัวเริ่มขึ้นอย่างช้า ๆ มันเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมากสำหรับพวกเธอสามพี่น้อง เจ็กลู่ที่ตอนนี้ได้กลับมาอยู่กับอากร คนรักที่ต้องจากกันมากกว่า 20 ปี เพียงเพื่อต้องการจะปกป้องพวกเธอ

   พยัคฆ์ คนที่โชคชะตาพามาให้ได้พบกับหยก คนที่มีบารมีเพียงพอที่จะชำระล้างเมฆาขาวให้กลับมาบริสุทธิ์ดังเดิม เธอไม่คิดเลยว่าพยัคฆ์จะเป็นผู้ที่ครอบครองหัวใจของหยก น้อยชายเพียงคนเดียวของเธออีกด้วย

   “เจ่เจ้...”

   “แอบสำรวจจิตเจ่เจ้อีกแล้วสินะ”

   “ตั๋นไม่ได้ตั้งใจนี่ ก็เห็นเจ่เจ้เหม่ออยู่ตั้งนาน ตั๋นก็แค่อยากรู้ว่าเจ่เจ้คิดอะไรอยู่เท่านั้นเอง”

   “ช่างเถอะ แต่เรื่องที่รู้ก็อย่าพูดอะไรออกไปก็แล้วกัน”

   “ตั๋นรู้หรอกน่า...ว่าแต่เจ่เจ้ตัดสินใจแบบนี้...เจ็กลู่กับอากรจะยอมหรอค่ะ?”

   “เจ่เจ้ก็ยังไม่รู้หรอก แต่ถึงไม่ยอมพวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้”

   “แล้วหยกล่ะ เจ่เจ้จะให้หยกอยู่ที่นี่กับพี่เสือจริง ๆ หรอ?”

   “ตั๋นก็เห็นเมื่อเช้าแล้วไม่ใช่หรอ?”

   “ตั๋นใจหาย...ตั๋นไม่คิดว่า...”

   “ไม่เอานะ นี่งานฉลองเรียนจบของตั๋นเองนะ จะมาร้องไห้แบบนี้ไม่ได้นะ”

   “งานหลอก ๆ ต่างหาก”

   “ถึงจะหลอก แต่ดูสิ ทุกคนต่างก็มีความสุขกันทั้งนั้นนะ”

   “แล้วตั๋นละคะ?”

   “ต่อจากนี้มันก็ขึ้นอยู่กับตั๋น ว่าเราจะตัดสินใจยังไง”

   “ตั๋นยังไม่รู้เลยค่ะ...”

   “เดี๋ยวเมื่อถึงเวลา ตั๋นก็จะรู้เองแหละ เจ่เจ้ไปห้องน้ำแป๊บนึงนะ หวังว่าพอเจ่เจ้กลับมา ตั๋นจะมีสีหน้าดีขึ้นกว่านี้”

To Be Continue

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
Re: หยก 16-01-18 {{:::45:::}}
«ตอบ #168 เมื่อ16-01-2018 23:42:16 »

 :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: หยก 16-01-18 {{:::45:::}}
«ตอบ #169 เมื่อ17-01-2018 08:02:35 »

ในงานมีความสุขกัน หลังจากงานเลี้ยงนี้แล้ว คงไม่มีมาม่านะ
 :ling3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: หยก 16-01-18 {{:::45:::}}
« ตอบ #169 เมื่อ: 17-01-2018 08:02:35 »





ออฟไลน์ Amo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-1
Re: หยก 24-01-18 {{:::4ุ6:::}}
«ตอบ #170 เมื่อ24-01-2018 15:26:02 »

46

   ลตาวางสายหลังจากคุยโทรศัทพ์เรียบร้อยแล้ว คำสั่งจากคนทางปลายสายกำชับให้เธอเตรียมพร้อมและระวังตัวเอาไว้ ที่สำคัญเธอต้องถึงตัวสามพี่น้องตระกูลฝู่ให้ได้ก่อนจุ้ยเถิง เพราะจากที่สังเกตและจับตามองจุ้ยเถิง ทำให้เธอไม่สามารถเดาเจตนาที่แท้จริงของเขาได้ ว่าเขาต้องการเพียงแค่ฝู่หยงเพียงคนเดียว หรือต้องการทั้งสองคน สิ่งเดียวในตอนนี้ที่เธอมั่นใจได้คือ โบตั๋น เธอเป็นเด็กเพียงคนเดียวที่ปลอดภัยจากเรื่องนี้

   ลตาขับรถเข้าซอยบ้านของวรากรมา ตลอดทางก่อนถึงตัวบ้าน เธอเห็นรถของเหล่าบรรดาลูกน้องของวรากรและพยัคฆ์จอดสุ่มอยู่ โดยที่ทางนั้นไม่รู้ตัวเลยว่าเธอกำลังเข้าไปบ้านของวรากร เพราะเธอจงใจเปลี่ยนรถที่เธอใช้อยู่เป็นประจำ เธอรู้ว่าวรากรสงสัยเธอมาสักพักแล้ว แถมระยะหลังยังส่งคนคอยติดตามเธออย่างห่าง ๆ อีกด้วย

   เธอขับรถมาจอดที่หน้าบ้านหลังใหญ่ ประตูไม่มีทีท่าว่าจะเปิดให้เธอ ซึ่งเธอไม่แปลกใจอะไร จนกระทั่งคนในรั้วเดินออกมาดู เธอจึงลดกระจกด้านคนขับลงเล็กน้อย พอให้เห็นหน้า

   “อ่าว!! คุณลตาเองหรอครับ สักครู่นะครับ เดี๋ยวผมเปิดประตูให้” ต้นกล้าร้องบอกก่อนเดินไปกดสวิตซ์ข้างรั้วเพื่อเปิดประตู

   “ขอบใจจ้ะ” ลตาบอกระหว่างขับผ่านประตูบ้านเข้าไป ต้นกล้าวิ่งตามรถของเธอมาจนถึงที่จอดรถ

   “งานเพิ่งจะเริ่มไปได้สักพักนึงเองครับ เชิญคุณลตาทางนี้เลยครับ”

   “ไม่เป็นไรจ๊ะกล้า เดี๋ยวฉันเดินเข้าไปเอง อยากจะเซอร์ไพรซ์น่ะ”

   “อ่อ...ได้ครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวไปช่วยแม่ในครัวก่อนนะครับ”

   ลตารอจนต้นกล้าเดินหายลับเข้าไปในตัวบ้านใหญ่ เธอจึงค่อย ๆ เดินลัดสวนไปยังโซนที่จัดงานด้านหลังบ้าน แล้วเธอก็เห็นวารกรยืนอยู่กับชายหน้าหวานตาคมคนหนึ่ง ชายคนที่เธอเคยพบอยู่กับฝู่หยงที่ค่ายมวย เพ็ญนภาลูกค้าของวรากร พยัคฆ์ และสามพี่น้องตระกูลฝู่ เป็นพี่น้องที่หน้าตาเหมือนกันจนแยกไม่ออกว่าใครเป็นใครในระยะไกลขนาดนี้ หนึ่งในนั้นมองมาทางที่เธอหลบซ่อนตัวอยู่ และกำลังเดินตรงเข้ามาหาเธอ

.........................................................................

   หงส์เดินออกจากงานตรงมายังตัวบ้าน โดยที่เธอแวะเข้ามาหาใครคนหนึ่งที่อาศัยหลบอยู่ในมุมมืดใต้เงาของต้นไม้ หญิงคนนั้นรู้เช่นกันว่าเธอตั้งใจเดินเข้ามาหา แต่ก็ไม่ได้หลบเลี่ยงหรือมีทีท่าว่าจะหนีไปไหน

   หญิงสาวตรงหน้าดูมีอายุ แต่รูปร่างหน้าตายังคงดูอ่อนกว่าวัย ท่าทีมีจริตที่แสดงออกมานั้นมันต่างจากจิตใจข้างในที่เธอสัมผัสได้ ทำให้หงส์รู้ว่าหญิงสาวตรงหน้าตั้งใจสร้างตัวตนขึ้นมาเพื่อหลอกลวงคนภายนอก รวมทั้งอากรของเธอด้วย

   “คุณลตา” หงส์เอ่ยชื่อเธอขึ้นมา ซึ่งเธอมีทีท่าตกใจเล็กน้อยแต่สามารถเก็บอาการได้อย่างรวดเร็ว แล้วรีบปั้นยิ้มออกมา “เรื่องที่คุณสงสัย นั้นไม่ผิดไปจากที่คุณคิด แต่ก็ยังไม่ถึงเวลานั้นเช่นกัน หลังจากนี้อีกสองสัปดาห์ เรื่องราวทั้งหมดจะกระจ่างขึ้น ฉันหวังว่าระหว่างนี้คุณจะอยู่ในที่ที่คุณควรอยู่ และทำในสิ่งที่คุณสมควรจะทำ”

   “ฉันเข้าใจค่ะ ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ” ลตาพูดจบก็เดินหันหลังกลับไป หงส์ยืนดูจนรถของลตาแล่นออกนอกรั้วไปจึงเดินกลับเข้ามาในงานดังเดิม

   “นั่นไง หงส์มาแล้ว หงส์มาเร็ว ถึงเวลาให้ของขวัญน้องตัวแล้วนะ”

   “ภา ตัวดูจะตื่นเต้นมากกว่าโบตั๋นซะอีกนะ”

   “แหม๋ ก็มันตื่นเต้นจริงๆ นี่นา”

   “เจ่เจ้มาแล้ว อื้ม...แกะของขวัญของใครก่อนดีน้า...”

   “เอาของพี่ไปก่อนเลย อันนี้ไม่ต้องแกะจ๊ะ” เพ็ญนภาส่งตั๋วเครื่องบินสำหรับวันพรุ่งนี้ให้กับโบตั๋น “พร้อมเงินติดกระเป๋าสำหรับช๊อปปิ้งอีกนิดหน่อย”

   “ว๊าววว สุดยอดเลย ขอบคุณค่ะพี่ภา”

   “กล่องนี้ของหยกกับพี่” พยัคฆ์ส่งของกล่องขวัญให้โบตั๋น เธอเขย่าเล็กน้อย

   “อะไรอ่ะคะพี่เสือ”

   “แกะดูเอาเองสิ เฮียกับพี่เสือช่วยกันเลือกอยู่ตั้งนานแหนะ”

   “แอบไปซื้อกันตอนไหนนะ” โบตั๋นพูดไปพลางแกะไปพลาง ข้างในกล่องปรากฎกล่องใส่แทบเล็ทรุ่นล่าสุดพร้อมหน่วยความจำสูงสุด “โอ้โห้...”

   “ตั๋นจะได้มีไว้ทำงานที่ตั๋นรักยังไงล่ะ”

   “ตั๋นรักหยกที่สุดเลย” โบตั๋นพูดพร้อมทั้งกระโดดเข้าไปกอดคอหยกเอาไว้ และหันไปกล่าวขอบคุณร่างสูงอีกคน “ขอบคุณค่ะพี่เสือ”

   “เหมือนของขวัญมันจะใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ว่าไหมหลิว” อากรเปรยยิ้ม ๆ กับเจ็กลู่

   “อ่ะ!! นี่ของลื้อ ขับระวังๆ ล่ะ” เจ็กลู่ส่งกุญรถอันเล็กให้กับโบตั๋น ที่ยังคงกอดหยกค้างอยู่ หน้าตาเหว๋อเหมือนคนทำอะไรไม่ถูก “ของอากรกับของอั๊ว ให้ลื้อ”

   “ขอบคุณค่ะเจ็กลู่ อากร” โบตั๋นย้ายวงแขนจากคอหยกไปหาเจ็กลู่แทน

   “โตเป็นสาวแล้ว อย่าขี้แยน่า...รู้ไหม” เจ็กลู่ปลอบพร้อมลูบหลังโบตั๋นเบา ๆ ที่เริ่มมีอาการน้ำหูน้ำตาไหล

   “ชิ้นนี้ของเจ่เจ้ มันอาจจะไม่มีราคาเท่าไร แต่มันก็มีค่ามากสำหรับเจ่เจ้นะ” โบตั๋นยื่นมือออกไปรับ ก่อนค่อย ๆ แกะอย่างใจเย็น ข้างในห่อกระดาษเป็นกรอบรูป ทีมีรูปเธอ หยก และเจ่เจ้ ที่ถ่ายกันตอนไปเที่ยวที่พังงา ภาพครอบครัวที่ถ่ายร่วมกันเป็นครั้งแรก ไปเที่ยวด้วยกันเป็นครั้งแรก

   “ฮือๆๆ  ตะ...ตั๋นรักเจ่เจ้นะ...ฮือๆๆ  ระ...รักหยกด้วย...ฮือๆๆ ครอบครัวคือสิ่งที่มีค่าที่สุดสำหรับตั๋น ฮือๆๆ”

   “ไม่เอา ไม่ร้องนะ ไม่งั้นเดี๋ยวเจ่เจ้จะคิดว่า เราไม่ชอบของขวัญที่เจ่เจ้ให้นะ”

   “มะ...ไม่ใช่นะ...ฮือๆๆ  ตั๋นแค่...อึก..ดีใจน่ะ”

   “ดีใจก็อย่าร้องไห้สิ ตั๋นเรียนจบแล้ว ต้องทำงานเลี้ยงเจ่เจ้กับเฮียแล้วนะ”

   “ฮือออออ แน่นอนสิ แน่นอน ฮืออออ”

   “อ่าว ยิ่งร้องใหญ่เลย” หยกเดินเข้าไปโอบกอดโบตั๋นไว้ โดยมีหงส์สวมกอดอีกด้านหนึ่ง

   “ของขวัญฉันนี่ถูกที่สุดเลยใช่ไหมเนี๊ยะ” เพ็ญนภาบนออกมาอย่างไม่จริงจัง ทำให้โบตั๋นหัวเราะออกมาได้ หัวเราะออกมาพร้อมน้ำตาแห่งความสุข

.........................................................................

   จุ้ยเถิงหัวเสียกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้มาก เขาพลาดทั้งๆ ที่บอร์ดี้การ์ดคนนั้นไม่อยู่ในร้านกับฝู่หยงด้วยซ้ำ เขาไม่สามารถหาโอกาสเข้าถึงตัวฝู่หยงได้เลย แถมฝู่หยงยังไหวตัวทัน หนีออกจากร้านไปตอนไหนเขาก็ไม่รู้ วันนี้ตลอดที่ร้านเปิด เขาเฝ้าจับตามองภายในร้านอยู่ตลอดเวลาจนกระทั่งร้านนั้นปิดลง ฝู่หยงก็ไม่ปรากฎตัวให้เห็นแม้แต่น้อย ฝู่หยงรู้ตัวได้ยังไง

   คืนนี้จุ้ยเถิงจะกลับไปนอนที่คอนโดของนายเกรียงไกร เพราะถึงเขาเฝ้าที่นี่ต่อไปคงจะไม่มีประโยชน์ เห็นทีพรุ่งนี้ฝู่หยงคงจะไม่ได้เข้ามาที่ร้านอีกแน่นอน เขาจึงทิ้งลูกน้องไว้คนหนึ่ง เพื่อเฝ้าดูและคอยรายงานสถานการณ์ให้เขารับรู้ ที่เหลือก็ตามเขากลับไป

   ระหว่างที่รถติดอยู่ทีสี่แยก รอสัญญาณไฟอยู่นั้น เขาเหลือบไปเห็นรถคันหนึ่งออกมาจากซอย หญิงสาวที่นั่งอยู่ที่ข้าง ๆ คนขับนั้นดูคุ้นตามาก มันทำให้เขาติดใจอะไรบ้างอย่าง ถึงแม้ว่าจะมองเห็นคนภายในรถไม่ถนัดเนื่องจากเป็นเวลากลางคืน อีกทั้งกระจกหน้ารถก็ยังติดฟิล์มกรองแสง

   “เดี๋ยวนายขับตามรถคันนั้นไปก่อนนะ ทิ้งระยะห่างอย่าให้มีพิรุธ” เขาสั่งลูกน้อง

   เมื่อสัญญาณไฟปล่อยให้ถนนเลนที่เขาอยู่แล่นไปก่อน ลูกน้องก็ขับรถชะลอความเร็วเพื่อรอรถเป้าหมาย เมื่อสัญญาณไฟเปลี่ยนให้รถคันนั้นแล่นตามออกมา ลูกน้องของเขาก็รอให้รถคันนั้นแซงหน้าพวกเขาไป

   “คุณจุ้ยครับ รถคันนั้นประกบรถคันที่เราตามอยู่ครับ” ลูกน้องที่ขับรถชี้บอกหลังจากขับตามมาได้สักระยะหนึ่ง

   “ค่อย ๆ ตามไป อย่าให้เป็นที่สังเกต”

   “ครับ”

   เมื่อถึงบริเวณถนนซอยเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง รถที่คอยขับตามประกบ กลับแซงขับนำหน้ารถคันที่เขาตามอยู่ รถคันนั้นขับนำไปเรื่อย ๆ จนถึงสวนสาธารณะกลางหมู่บ้านก็หาที่จอด

   “ขับเลยไป อย่าชะลอนะ” เมื่อรถคันนั้นจอดลงที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง เขาก็เห็นหญิงสาวสองคนลงมาจากรถ หนึ่งในนั้นคือฝู่หงส์ และอีกคนน่าจะเป็นลูกคนเล็กของฝู่หลิน

   “ครับ”

   “ไปหารถมาเปลี่ยน แล้วรีบกลับมาเฝ้าที่นี่เข้าใจไหม”

   “ครับ”

   อย่างน้อยเขาก็ยังมีโชคอยู่บ้าง ถึงแม้ว่าวันนี้เขาจะไม่พบฝู่หยงแต่เมื่อรู้ว่าทั้งสามพักอยู่ที่ไหน เรื่องทุกอย่างก็ง่ายดายขึ้น เพียงแค่รอจังหวะและโอกาสเท่านั้น

.........................................................................

   เก่งเฝ้ามองจนรถน่าสงสัยคันนั้นแล่นกลับออกไป เขาจึงรีบลงจากรถ เดินตรงไปยังบ้านของคุณหงส์ทันที เมื่อถึงหน้าบ้าน เพ็ญนภาก็กำลังจะแล่นรถออกไป ทำให้เขารีบพุ่งออกไปขวางหน้ารถทันที

   “นี่นายเก่ง ทำอะไรของนาย” เพ็ญนภาแว๊ดใส่เขาทันที

   “คุณภาอย่าเพิ่งกลับครับ พวกเราโดนตาม”

   “ว่าไงนะ”

   “รีบเข้าไปหาคุณหงส์ก่อนเถอะครับ” เก่งพูดพร้อมตบกระโปรงหน้ารถเบา ๆ ก่อนเดินไปกดกริ่งหน้าบ้านหงส์ โบตั๋นเป็นคนเดินมาเปิดประตู

   “เกิดอะไรขึ้นค่ะ พี่เก่ง”

   “เข้าไปคุยกันในบ้านก่อนครับ เรามีเวลาน้อย”

   “ค่ะๆ”

   เก่งเดินตามโบตั๋นเข้าบ้านไปพร้อมกับเพ็ญนภาที่รีบตามเข้ามาติด ๆ เมื่อเข้ามาในตัวบ้าน เขาก็เห็นหงส์ลากกระเป๋าเดินทางออกมาสองใบ

   “เจ่เจ้”

   “เอาไว้คุยกันบนรถ เวลามีไม่มาก”

   “หรือว่าคุณหงส์ทราบ ว่ามีคนตามพวกเรามา”

   “ค่ะ แล้วเดี๋ยวพวกนั้นก็น่าจะส่งคนมาเฝ้าที่นี่แน่”

   “แล้วตัวจะไปไหนล่ะ คงไม่ไปนั่งรอนอนรอที่สนามบินหรอกนะ”

   “หงส์กับตั๋น ไปรบกวนตัวสักคืนได้ไหม”

   “รบกวนอะไร มาเลย เอากระเป๋าขึ้นรถเลย”

   “มาครับผมช่วย” เก่งช่วยลากและยกกระเป๋าของหงส์และโบตั๋นขึ้นรถของเพ็ญนภา เขาแปลกใจที่หงส์ก็สังเกตได้ถึงความผิดปกติของรถอีกคันที่ตามพวกเขามา แล้วคุณหงส์รู้ได้ยังไงว่าพวกนั้นจะกลับมาเฝ้าเธออีก

   “คุณหงส์ไปกับคุณภาก่อนนะครับ ผมจะอยู่นี่สืบดูว่าพวกนั้นเป็นใคร” เขาบอกหลังจากยกกระเป๋าขึ้นรถเสร็จแล้ว

.........................................................................

   หลังจากที่ทุกคนแยกย้ายกลับกันไปแล้ว ผมก็เข้ามาช่วยป้าเลยเก็บกวาดในครัว ส่วนต้นกล้าเก็บของอยู่ที่สวนตรงที่พวกเราจัดงานกัน ตอนแรกป้าลัยก็ไม่ยอมให้ผมช่วย แต่มันดึกมากแล้ว ช่วยกันหลาย ๆ คนก็จะได้พักได้ไวขึ้น

   อากร เจ็กลู่ และพี่เสือเข้าไปคุยกันในห้องทำงาน ผมได้ยินว่าอากรมีงานด่วน ต้องเดินทางไปต่างประเทศกระทันหัน จึงจะฝากงานให้พี่เสือดูแลชั่วคราวระหว่างที่อากรไม่อยู่ ผมเดินผ่านห้องทำงานพี่เสือก็ออกจากห้องมาพอดี

   “ยังไม่ขึ้นนอนอีกหรอ รึว่ารอพี่”

   “กำลังจะขึ้นไปนอนแล้วครับ หยกเพิ่งช่วยป้าลัยเครียของในครัวเสร็จ”

   “หยกนี่ใจดีกับทุกคนเลยนะ” พี่เสือพูดพร้อมทั้งสอดมือเข้ามากุมมือผมไว้ “แล้วใจดีกับพี่ด้วยได้ไหมครับ” พี่เสือจูงมือผม พาเดินขึ้นบันไดแล้วมาหยุดส่งผมที่หน้าห้อง

    “พี่เสือต้องเข้าไปที่บริษัทฯ วันไหนครับ”

   “อีกวันสองวันน่ะ ช่วงนี้ไม่มีอะไร ก็ปล่อยให้คุณวรรณดูแลไปก่อน”

   “อย่างพี่เสือนี่ อู้งานเป็นกับเขาด้วยหรอครับ ไม่เห็นเหมือนอย่างที่หยกเคยได้ยินจากพี่ภาเลย”

   “คุณภาบอกว่าพี่เป็นยังไง”

   “หยกเคยได้ยินว่า พี่เสือมักจะจริงจังกับงาน ทำงานรวดเร็ว แล้วก็เพอร์เฟกมาก ๆ ด้วย”

   “ตอนนี้พี่ก็จริงจังนะ จริงจังกับหยกไงครับ”

   “...”

   “คืนนี้ให้พี่นอนด้วยอีกไหมครับ” น้ำเสียงพี่เสือ มันทำให้ผมอยากจะมุดดินหนี

   “หยกขอตัวไปนอนก่อนนะครับ ราตรีสวัสดิ์ครับ” ผมพูดทั้งรัวและเร็วก่อนจะรีบหนีเข้าห้อง แต่ก็ไม่ทันพี่เสืออยู่ดี เขารั้งผมเข้าหาตัวแล้วประกบริมฝีปากเข้ากับปากของผม จูบของพี่เสือที่ดูจะเรียกร้องมากขึ้นทุกวัน จูบที่ทำให้ผมเคลิม จนบางครั้งกลับเป็นผมซะเองที่ไม่อยากให้ริมฝีปากนี้ถอนออกไป

   “แบบนี้ต่างหาก ราตรีสวัสดิ์ครับ” พี่เสือพูดทั้ง ๆ ที่ริมฝีปากยังคงคลอเคลียอยู่ที่ริมฝีปากของผม ก่อนที่พี่เสือจะจูบผมอีกครั้ง

   “อื้ม...เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า” ผมดันพี่เสือออกไป ผมเพิ่งนึกได้ว่าพวกเราอยู่กันตรงไหน ก่อนรีบหันกลับเข้าห้องมาอย่างรวดเร็วเท่าที่จะเร็วได้ และรีบปิดประตูทันที

To Be Continue

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: หยก 24-01-18 {{:::4ุ6:::}}
«ตอบ #171 เมื่อ24-01-2018 18:42:12 »

เหตุการณ์กำลังตื่นเต้น แต่เราดันมาเขินแทนหยกซะงั้น
 :o8:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
Re: หยก 24-01-18 {{:::4ุ6:::}}
«ตอบ #172 เมื่อ24-01-2018 19:42:18 »

 :hao6:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: หยก 24-01-18 {{:::46:::}}
«ตอบ #173 เมื่อ26-01-2018 03:28:10 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Amo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-1
Re: หยก 31-01-18 {{:::47:::}}
«ตอบ #174 เมื่อ31-01-2018 00:20:18 »

47

   พยัคฆ์นอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียง เขาคิดถึงคนที่เขาได้นอนกอดเมื่อคืนนี้ มันทำให้คืนนี้เขาถึงกับนอนไม่หลับเมื่อปรากจากร่างนุ่มนิ่มนั่น เขาไม่รู้ว่าตัวต้นเหตุที่ทำให้เขานอนไม่หลับอยู่ตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่ หรือว่าหลับไปถึงไหนต่อไหนแล้ว

   พรุ่งนี้เขาต้องไปส่งหยกที่สถาบันเหมือนเดิมแต่เขาไม่อยากให้หยกไปที่ร้านคุณกันต์เลยในช่วงนี้ ถึงอาชาติจะบอกให้เขาพาหยกกลับบ้านทันที หลังจากเสร็จงานสอนแล้วก็ตาม แต่เขาก็ทนสายตาอ้อน ๆ ของหยกไม่ได้อยู่ดี เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยคิดหาทางหว่านล้อมหยกอีกทีแล้วกัน

   เขาลุกจากเตียงแล้วเดินออกจากห้องไปยังห้องข้าง ๆ กัน เขาค่อย ๆ ย่องเข้าไปในห้อง น้องหยกหลับไปแล้วเขาจึงค่อยๆ สอดตัวเข้าไปใต้ผ้าห่ม นอนซ้อนหลังของร่างเล็กตรงหน้า แล้วค่อยๆ โอบกอดร่างนั้นไว้อย่างหลวม ๆ

   “อื้ม...” เหมือนหยกจะรู้สึกตัว “พี่เสือ...”

   “พี่ขอนอนด้วยคนนะครับ” เขาพูดแล้วค่อย ๆ จูบเบา ๆ ลงบนขมับของน้องหยก และรั้งร่างนั้นเข้ามากอดกระชับมากขึ้น

.........................................................................

    ผมตื่นขึ้นมาตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง พี่เสือยังคงนอนกอดผมไว้ ผมมองหน้าพี่เสือที่กำลังหลับอยู่ พี่เสือดูอบอุ่นมากเวลาหลับ ไม่เหมือนคนหน้าดุที่คอยตามผม ผมก็ไม่รู้ตัวเองเหมือนกันว่าผมกับพี่เสือมาลงเอ่ยแบบนี้กันได้ยังไง พี่เสือรักผมตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าผมเป็นผู้ชาย

   ผม...รักพี่เสือ...ตั้งแต่เมื่อไร และเพราะอะไร ผมก็หาคำตอบให้ผมตัวเองไม่ได้เหมือนกัน ผมรู้แต่ว่าผมมีความสุข อบอุ่นใจทุกครั้งที่มีพี่เสืออยู่ใกล้ ๆ ถึงแม้จะไม่ได้เห็นตัวเพียงสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของพี่เสือเท่านั้นก็ตามที

   ผมไล้นิ้วไปตามคิ้วหนาตรงหน้า ลงมายังจมูก และริมฝีปากของพี่เสือ พี่เสือเป็นผู้ชายหน้าตาดี เขามีสิทธิ์ที่จะเลือกผู้หญิงคนไหน แบบไหนก็ได้ แต่พี่เสือกลับเลือกผม

   พี่เสือขยับปากมางับเบา ๆ ที่ปลายนิ้วของผม ที่ยังคงแตะค้างอยู่บนริมฝีปากของพี่เสือ มันทำให้ผมสะดุ้งเล็กน้อย จากนั้นผมก็ได้ยินเสียงรถแล่นออกจากตัวบ้านไป

   “อากรคงไปส่งอาชาติที่สนามบินน่ะ” พี่เสือพูดทั้ง ๆ ที่ยังไม่ลืมตา เขากอดกระชับตัวผมแน่น ใบหน้าของพี่เสือซุกลงตรงหน้าอกของผม

   “หยกปลุกพี่เสือรึป่าว”

   พี่เสือส่ายหน้าแรง ๆ อยู่ตรงหน้าอกผม ริมฝีปากก็เม้มลงบนเสื้อของผม มันทำให้ผมขนลุก ลมหายใจอุ่น ๆ ของพี่เสือ มันเป่ารดอยู่เกือบจะพอดีกันกับยอดอกของผม

   “พี่เสือ” ผมเรียกพี่เสือเสียงสั่น

   พี่เสือค่อย ๆ ครอบริมฝีปากบนยอดอดผมอย่างพอดิบพอดีผ่านเสื้อยืดตัวบาง มือทั้งสองข้างที่โอบเอวของผมหลวม ๆ ไล้ขึ้นมาตามแนวกระดูกสันหลัง ก่อนจับผมผลิกให้นอนหงายแล้วดันเสื้อยืดตัวบางออกไปทางศีรษะอย่างรวดเร็วแล้วขึ้นคร่อมร่างของผมไว้ พี่เสื้อเว้นจังหวะแค่ช่วงที่ถอดเสื้อให้ผมเท่านั้น ที่ละริมฝีปากออกจากยอดอกของผม เมื่อไม่มีเสื้อยืดกันไว้มันก็ยิ่งทำให้ผมสั่นสะท้านไปทั้งตัว ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก

   พี่เสือกำลังจะปลดเมฆาขาวออกจากคอผม แต่ผมเอามือรั้งไว้ ฝ่ามือพี่เสือไล้ไปตามลำตัวที่เปลือยเปล่าของผม ปากก็ยังครอบครองยอดอกทั้งสองข้างสลับกันไปมา ลิ้นที่ดุนหนัก ๆ ที่ยอดอกนั่นมันทำให้ผมเกือบหายใจไม่ออก พี่เสือถอดเสื้อของตัวเองออก ทำให้ร่างกายของเราสัมผัสกัน ก่อนก้มลงมาจูบผม

   สัมผัสของพี่เสือนั้นเบาบาง แต่ก็ทำให้ผมสั่นไปทั้งตัว สมองของผมขาวโพลนไปหมด ร่างกายเหมือนจะร่องลอยไปในอากาศหากผมไม่เกาะยึดตัวพี่เสือไว้

   “พี่จะหยุดไม่ได้แล้วนะ ถ้าเราไม่ห้ามพี่เดี๋ยวนี้” พี่เสือกระซิบข้างหูผม

   “หยก...รักพี่เสือนะ” ผมตัดสินใจพูดออกมาในที่สุด ผมรู้แต่ว่าเมื่อมีพี่เสืออยู่ผมก็จะไม่กลัวอะไรทั้งนั้น

   พี่เสือชะงักค้างไปทันที เรามองสบตากัน ผมเห็นความวูบไหวในดวงตาของพี่เสือ ผมสัมผัสได้ถึงอารมณ์รุนแรงที่ประทุขึ้นในใจของพี่เสือ ผมไม่ได้กลัวมันอีกต่อไป เพราะตอนนี้ผมเองก็ต้องการจะเป็นหนึ่งเดียวกับพี่เสือเหมือนกัน

   “ขอบคุณนะครับ” พี่เสือพูดไปยิ้มไป จนผมอดที่จะเขินไม่ได้ จนต้องหันหน้าหนีสายตานั่น พี่เสือก้มลงขบติ่งหูผมเบา ๆ “พี่ไม่ถอยแล้วนะ” พี่เสือกระซิบบอก

   ผมได้แต่ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับการชักนำของพี่เสือ ร่างกายของผมกับพี่เสือที่สัมผัสกัน มันแนบสนิทชิดกันจนไม่เหลือช่องว่างใด ริมฝีปากของพี่เสือที่คอยสำรวจร่ายกายของผมจนบางครั้งผมเหมือนจะหายใจไม่ออก ผมรู้สึกร้อนไปหมดราวกับจะเป็นไข้

   “อ๊ะ!!” ผมรับรู้ถึงสิ่งแปลกปลอมที่พยายามดันเขามาในร่างของผมพร้อมสัมผัสเย็น ๆ ตรงบริเวณส่วนล่างนั่น

   “ชูวววร์.... ไม่เกร็งนะครับ” พี่เสือใช้นิ้วนวดวนอยู่ตรงนั้นก่อนค่อย ๆ สอดนิ้วเข้าไปใหม่อีกครั้ง

   “จะ...เจ็บ”

    “ให้พี่ช่วยเตรียมพร้อมให้หยกนะ”

   ผมได้แต่นิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด พี่เสือจูบปลอบผมจนผมรู้สึกดีขึ้น นิ้วของพี่เสือที่ช่วยเตรียมพร้อมให้ผมค่อย ๆ ขยับช้า ๆ และเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างไม่เร่งรีบ แต่มันกลับทำให้ผมใจแทบขาด ผมไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของผม

   “ขอให้พี่ได้ดูแลหยกตลอดไปนะ เป็นแฟนพี่นะครับ” พี่เสือกระซิบเสียงพร่า ก่อนดึงนิ้วออกไปจากส่วนนั้น “เป็นของพี่นะ” แล้วมันก็ถูกแทนที่ด้วยสิ่งที่ใหญ่กว่า

   “พี่เสือ!! อ๊า...เจ็บ!!!”

   ผมร้องออกมา เพราะความเจ็บปวดที่ผมไม่เคยได้รับมาก่อน มันเหมือนร่างกายของผมแทบฉีกออกเป็นชิ้น ๆ ผมคว้าไหล่ของพี่เสือไว้แน่น รู้สึกได้ว่าเล็บผมจิกลงไปบนเนื้อของพี่เสือ ริมฝีปากของผมที่ขบกัดลงบนไหล่อีกข้างของพี่เสือเพื่อระบายความเจ็บปวด เมื่อพี่เสือเข้าไปในตัวผมจนสุด

   “อ่าส์...” เสียงของพี่เสือครางออกมา

   เมื่อผมและพี่เสือเริ่มปรับตัวเข้าหากันได้ ทุกอย่างก็เริ่มเป็นไปตามธรรมชาติมากขึ้น ความเจ็บปวดของผมเริ่มลดลงจนแทนที่ด้วยความรู้สึกอื่น มันรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก จนผมไม่คิดว่าการที่เราได้รักใครสักคนมันจะให้ความรู้สึกดีถึงขนาดนี้

   “หยกรักพี่เสือ” ผมกระซิบเสียงแผ่ว อย่างหมดแรง

   “พี่ก็รักหยกครับ”

   ตลอดเวลาของรุ่งสางนี้ ผมจำไม่ได้เราสองคนสลับกับบอกรักกันและกันไปกี่ครั้งกี่หน ผมรู้แค่ว่าผมอยากจะบอก และก็ฟังไม่เบื่อเลยกับคำบอกรักของพี่เสือ

.........................................................................

    ต้นกล้าเก็บกระเป๋าเสร็จเรียบร้อย เพื่อเตรียมไปออกค่ายอาสาฯ กับเพื่อนที่มหา’ลัยในช่วงปิดเทอมนี้ เขาได้รับอนุญาตจากคุณกรให้เอารถของที่บ้านไปใช้ได้ ดังนั้นเขาจึงเดินเข้าบ้านมาเพื่อขอกุญแจรถกับคุณเสือ

   “แม่ คุณเสือลงมารึยังอ่ะ” เขาถามแม่เมื่อเดินเข้ามาในครัว

   “ลงมาแล้ว นั่งดื่มกาแฟอยู่ที่สวนหลังบ้านน่ะ”

   “อ่าว วันนี้คุณเสือไม่ทานพร้อมนางฟ้าของผมหรอ?”

   “แกนี่ชักจะเอาใหญ่แล้วนะ เห็นคุณหยกกับคุณเสือไม่พูดไม่ว่าอะไร ก็ได้ใจเรียกคุณหยกเขาแบบนั้น”

   “คุณเสือเธอรู้หรอกน่า ว่าผมแค่ชื่นชมของผม”

   “เอ่อๆๆ ว่าแต่แกมีอะไรกับคุณเสือก็ไปเถอะ”

   “ครับๆ แม่กล้าไม่อยู่ 3-4 วันนะ”

   “อืม รักษาตัวดี ๆ แล้วก็ระวังตัวด้วยละ”

   เขาเดินออกจากครัวเพื่อจะไปหาคุณเสือที่สวนหลังบ้าน ระหว่างที่เดินมายังโถงบันไดเพื่อจะออกไปทางประตูด้านข้าง เขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินลงบันไดมา เขาจึงหยุดรอเพราะอาจจะเป็นคุณเสือที่เดินเข้าบ้านมาแล้วก็เป็นได้

   “คุณเสือหรอครับ” ต้นกล้าร้องเรียก แต่เขากลับเห็นนางฟ้าของเขาเดินลงมาจนถึงชานพัก สีหน้าซีดเซียว อีกทั้งยังดูเหมือนคนไม่มีแรงเดินเกาะราวบันไดมาเรื่อย ๆ “เฮ้ย!! นางฟ้า” เขาตกใจที่เห็นนางฟ้าของเขาทรุดตัวรูดลงมากับราวบันไดลงไปนอนกองอยู่ที่ชานพัก เขาวิ่งขึ้นบันไดไปทีละ 2-3 ก้าวอย่างร้อนใจ ต้นกล้าประคองร่างนางฟ้าของเขาไว้ ร่างนั้นร้อนจนแทบจะทอดไข่ให้สุกได้ทีเดียว

   “แม่!! แม่ตามคุณเสือที”

   “แกจะตะโกนอะไรเสียงดัง แล้วคุณเสือเขาเป็นนาย แกจะให้เขา ว๊าย!! ตาเถร” แม่บ้านตกใจเมื่อเห็นคุณหยกสลบไม่ได้สติ โดยมีต้นกล้าประคองอยู่

   “แม่ตามคุณเสือให้ที ผมจะพานางฟ้ากลับห้อง นางฟ้าไม่สบาย”

   “ได้ ๆ แกอุ้มคุณหยกดี ๆ อย่าให้หล่นลงมาเชียวนะ”

   “แม่ เร็ว ๆ หน่อย อย่ามัวแต่บ่นดิ” เขาพูดจบก็สอดมือไปใต้ข้อพับขา ส่วนอีกข้างสอดไว้ที่ไหล่ก่อนจะอุ้มร่างนางฟ้าของเขาขึ้นอย่างง่ายดาย ตัวเบาพอ ๆ กับน้องเซียเลย?

.........................................................................

    พยัคฆ์รีบร้อนเดินตามแม่บ้านเข้ามา เมื่อมาถึงชานพักก็ไม่เห็นใครแล้วจึงรีบวิ่งขึ้นบันไดไปห้องของหยกทันที เมื่อเปิดประตูเข้าไป เขาก็พบต้นกล้ากำลังดึงผ้าห่มมาคลุมร่างของหยกไว้

   “คุณเสือ”

   เขาไม่สนใจเสียงเรียกของต้นกล้า รีบเดินตรงไปนั่งข้าง ๆ คนป่วยที่นอนหน้าซีดอยู่ ตอนที่เขาตื่นขึ้นมาช่วงสายๆ ใบหน้าของหยกที่เขาเห็น ไม่ได้ซีดเซียวขนาดนี้ และเห็นว่าหยกยังคงหลับอยู่อย่างสบาย เลยไม่คิดจะปลุก เพราะเขารู้ดีว่าเมื่อรุ่งสางหยกผ่านกิจกรรมอะไรร่วมกับเขามา

   “คุณหยกเป็นยังไงบ้างลูก”

   “คุณหยกเป็นไข้น่ะแม่ กล้าว่าแม่ไปเตรียมน้ำมาเช็ดตัวให้คุณเขาดีกว่า”

   “เออๆ แกก็ไปโทรตามหมอมาแล้วกัน รีบ ๆ ด้วยล่ะ” แม่บ้านพูดจบก็เดินออกจากห้องไป

   “เอ่อ...คุณเสือครับ”

   “กุญแจรถอยู่ที่ห้องฉัน แกไปหยิบเอาเองแล้วกัน”

   “ไม่ใช่ครับ เอ่อ...คือว่า...”

   “อะไร?” เขาหันมองไปตามเสียง

   “ผมพอรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณหยก คือ...ผมเห็น...บนเตียงนั่น...ตอนที่อุ้มคุณหยกมา” ต้นกล้ายังคงมีท่าทางอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ อยู่

   “แกต้องการจะพูดอะไรกันแน่ มีอะไรก็พูดมาเถอะ”

   “คืออาการของคุณหยก...เหมือนเพื่อนของผมคนนึง ที่...เอ่อ...ครั้งแรก”

   “ไอ้กล้า!!”

   “คะ...ครับคุณเสือ คือว่าจะให้ผมตามหมอไหมครับ คือ คือมันแค่กินยาลดไข้กับยาแก้อักเสบก็...หาย...ครับ” ต้นกล้าพูดอย่างรั่วและเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ไม่วายเสียงแผ่วตอนท้าย เพราะเขาไม่รู้ว่า ควรไปยุ่งเรื่องแบบนี้ของเจ้านายไหม

   “เฮ้อ...ใช่ นี่เป็นครั้งแรกของหยก... และของฉันด้วย...” เขาก้มมองหน้าหยกอย่างสงสาร “ฉันไม่รู้ว่าหยกจะป่วยขนาดนี้”

   “เดี๋ยวผมไปเตรียมยาให้นะครับ เอ่อ...ส่วนยาทาตรงนั้น...” เมื่อเห็นอาการของคุณเสือที่รู้สึกผิด มันทำให้เขาตัดสินใจเข้าไปยุ่งเรื่องที่ไม่ควรจะยุ่ง

   “แกช่วยฉันหน่อยก็แล้วกัน”

   “ครับ ๆ เดี๋ยวผมจะรีบออกไปซื้อยาให้คุณหยกทันทีเลยครับ”

   “แล้วแก”

   “ครับ ผมรู้ ผมจะไม่พูดอะไรที่ทำให้นางฟ้าของผมต้องอายหรือเสียความรู้สึกหรอกครับ คุณเสือไม่ต้องห่วง”

   “แล้วแกไม่โกรธที่ฉันทำแบบนี้กับนางฟ้าของแกรึไง?”

   “คุณหยกเขาชอบคุณเสือนี่ครับ ผมเห็นเวลาที่คุณหยกมองคุณเสือ มันเหมือนกับเวลาที่น้องเซียมองอาจารย์ธีร์เลย ผมเห็นนางฟ้าของผมมีความสุข ผมก็ดีใจ แล้วถ้าจะให้ดีนะครับ ผมอยากให้คุณหยกอยู่ที่นี่ตลอดไป คุณเสืออย่าปล่อยนางฟ้าของผมไปเด็ดขาดนะครับ” ต้นกล้าพูดจบก็เดินออกไปแต่ยังไม่ทันพ้นประตูห้องก็หันกลับมา “ช่วงนี้คุณเสือก็ช่วยงดกิจกรรมแบบนี้ไปสักพักนะครับ ผมสงสารนางฟ้าของผม” ว่าเสร็จต้นกล้าก็รีบเดินหนีออกไปอย่างรวดเร็ว

   พยัคฆ์ถอนหายใจอีกครั้ง นี่เขาถึงกับต้องให้เด็กอย่างต้นกล้ามาแนะนำเขาอย่างนั้นเลยหรือ? แต่ก็ยังดีกว่าการโทรถามอากร ไม่อย่างนั้นถ้ารู้ถึงหูอาชาติ เขาคงโดนอาชาติเล่นงานไม่น้อย แต่ใครจะไปหักห้ามใจได้ล่ะในเมื่อรู้ว่าคนใต้ร่างเขาในตอนนั้นก็รักเขาเช่นกัน

.........................................................................

   ระหว่างที่รอขึ้นเครื่องเพื่อเดินทางไปยังฮ่องกง หงส์รับรู้ได้ถึงความกังวลใจของเจ็กลู่และวารกรเป็นอย่างดี ซึ่งต่างคนก็ต่างเป็นห่วงซึ่งกันและกัน จนเธออดยิ้มขำออกมาไม่ได้

   “อั๊วรู้นะว่าลื้อขำอะไร”

   “ค่ะ เจ็กก็ไม่ต้องห่วงอากรหรอกค่ะ หงส์ว่าเราวางแผนมาดีแล้ว และทางนั้นคงไม่มีทางตั้งตัวได้ทันหรอกค่ะ”

   “อืม”

   “เจ็กค่ะ เจ็กต้องอย่าบุ่มบ่ามนะคะ เชื่อใจอากรนะ”

   “อั๊วรู้แล้วน่า ว่าแต่เรื่องนั้น”

   “ค่ะ หยกเขาคิดถูกแล้วค่ะ และมันยังเกินกว่าที่พวกเราคาดกันไว้ซะอีก”

   “ใช่ ใครจะไปคิด ว่าอีจะอยู่ใกล้ตัวพวกเราขนาดนั้น”

   “หวังว่าโบตั๋นจะได้รับการช่วยเหลือจากทางนั้นนะคะ”

   “หมดห่วงเรื่องอาตั๋นไป ก็เหลือแต่ลื้อกับหยกนั่นแหละ”

   “หงส์มีอะไรน่าห่วงค่ะ หงส์น่ะมีทั้งเจ็กลู่ อากร คุณต้น แล้วยังคนของเราที่โน่นอีกมากมาย”

   “จากที่คิดว่ายาก มันกลับง่ายดายขึ้น”

   “นั่นเพราะว่าเจ็กลู่ยอมเปิดเผยตัวกับอากรยังไงล่ะคะ บ้านคุณคุณารักษ์นี่เปรียบเหมือนผู้มีพระคุณของหงส์เลยก็ว่าได้”

   “ไม่คิดว่าเฮียจะมีคนที่มีฝีมือมากขนาดนี้”

   “ใช่ค่ะ เพราะอย่างนั้น เจ็กต้องเชื่อใจอากรนะคะ”

   “รู้แล้ว ๆ ลื้อก็วกมาเข้าเรื่องนี้อีกจนได้”

   หงส์รู้ว่าเธอสามารถเชื่อใจเจ็กลู่ได้ เรื่องที่เจ็กลู่รับปากนั่นทำให้เธอเบาใจไปได้มาก หน้าที่ของทุกคนได้ถูกแบ่งสรรกันอย่างดีตามความถนัดของแต่ละคน เธอหวังว่าคุณลตาจะเข้าใจความหมายของประโยคที่เธอต้องการจะสื่อสาร

.........................................................................

   ลตาได้รับข้อความจากเบอร์ที่เธอไม่รู้จักตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อบอกข่าวว่าการเดินทางไปเกาลูนของโบตั๋น โดยให้รายละเอียดไว้ครบถ้วนตั้งแต่ไฟท์บิน โรงแรมที่พัก กระทั่งผู้ติดตามสองคนซึ่งเป็นคนของวรากร ลาตาแปลกใจอย่างมากที่ได้รับข้อมูลนี้มา ทำให้เธอต้องใช้ความคิดอย่างหนัก สุดท้ายเธอก็ยกโทรศัพท์ขึ้นเพื่อรายงานให้คนทางโน้นเตรียมพร้อมเอาไว้ งานของเธอสำเร็จไปอีกก้าวหนึ่งแล้ว

To Be Continue

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
Re: หยก 31-01-18 {{:::47:::}}
«ตอบ #175 เมื่อ31-01-2018 00:49:31 »

อ้าววว หยกเสร็จอีพี่เสือละ อิอิ

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: หยก 31-01-18 {{:::47:::}}
«ตอบ #176 เมื่อ31-01-2018 08:19:50 »

 :hao6:
และแล้วเขาก็ได้กัน

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: หยก 31-01-18 {{:::47:::}}
«ตอบ #177 เมื่อ31-01-2018 09:20:03 »

 :pighaun: :pighaun: :pighaun: :pighaun: :pighaun:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ cheezett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: หยก 31-01-18 {{:::47:::}}
«ตอบ #178 เมื่อ31-01-2018 10:43:32 »

ไฟนอลลี่  :z1: :pighaun:

ออฟไลน์ Amo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-1
Re: หยก 10-02-18 {{:::48:::}}
«ตอบ #179 เมื่อ10-02-2018 12:56:18 »

48

   ผมตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดหัว ผมรับรู้ได้ถึงความร้อนที่แผร่กระจายออกมาจากร่างกายของผม ผมคงจะเป็นไข้...นึก ๆ ทบทวนดูแล้ว ผมไม่สบายนอนซมอยู่ที่เตียงแบบนี้ครั้งสุดท้ายเมื่อไรกัน...

   “หยก” เสียงพี่เสือกับความรู้สึกของเขาที่ผมสัมผัสได้ มันทั้งเป็นห่วง ดีใจ แล้วก็รู้สึกผิด อีกแล้ว...พี่เสือโทษตัวเองอีกแล้ว คราวนี้มันเป็นเรื่องอะไรอีกน้า... ผมพยายามยันตัวลุกขึ้น ผมต้องคุยกับพี่เสือให้รู้เรื่อง

   “โอ๊ย...” ทำไมผมถึงปวดไปทั้งตัวแบบนี้ โดยเฉพาะส่วนล่าง ว่าแต่ผมลุกออกไปจากเตียงแล้วนี่ แล้วทำไมผมถึงมานอนเป็นไข้อยู่แบบนี้

   “อย่าเพิ่งลุกสิครับ” พี่เสือเข้ามาช่วยพยุงผมให้ลุกขึ้นนั่ง แล้วจัดหนอนให้ผมได้เอนหลังพิงได้สบายขึ้น

   “ทำไมหยกถึง...” เสียผมแหบแห้งจนน่าตกใจ

   “ดื่มน้ำสักหน่อยนะครับ” พี่เสือพูดพร้อมส่งแก้วน้ำในมือมาให้ ผมก็ยกขึ้นดื่มอย่างกระหาย “หยกหลับไปนานจนพี่เป็นห่วง”

   “คงเพราะหยกไม่ค่อยได้ป่วยแบบนี้”

   “พี่ขอโทษนะที่ทำให้หยกป่วยแบบนี้”

   “พี่เสือโทษตัวเองอีกแล้ว”

   “...”

   “พี่เสือ...หยกมาอยู่บนนี้ได้ยังไง?”

   “หยกจำไม่ได้หรอ?”

   “...” ผมส่ายหน้า

   “หยกไม่สบายแต่ฝืนลงไปข้างล่าง กล้าเห็นเราสลบอยู่ที่ชานพักบันได”

   “อ๊ะ...ตอนนั้น!!”

   “จำได้แล้วใช่ไหม แล้วทำไมถึงลงไปทั้ง ๆ ที่ไม่สบายอยู่ นี่ถ้าตกบันไดไปจะทำยังไง” พี่เสือดุผมสีหน้าจริงจัง

   “หยกขอโทษ หยกแค่...อยากชงกาแฟให้พี่เสือ” ผมตอบเสียงแผ่ว...พี่เสือกุมมือผมไว้ มือที่ผมยังคงถือแก้วน้ำอยู่ เขาเลยดึงแก้วน้ำออกไปวางไว้ที่โต๊ะข้างหัวเตียง

   “นึกถึงพี่ขนาดนี้เลยหรอครับ”

   “ตอนนั้นหยกรู้สึกได้ว่า พี่เสือไม่ชอบกาแฟของป้าลัย หยกเลย...ลงไป”

   “เฮ้อ...ไม่รู้ตัวเลยสินะ ว่าไม่สบายอยู่”

   “...” ผมพยักหน้า ตอนนั้นผมไม่รู้สึกว่าตัวเองเป็นไข้ หรือเจ็บปวดอะไรเลย พี่เสือดึงผมเข้าไปกอดเอาไว้

   “ขอบคุณนะครับ พี่รักหยกนะ”

   “หยกปวดหัวจัง” ผมพูดทั้ง ๆ ที่ยังซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของพี่เสือ ผมรู้ว่าพี่เสือดูแลผมดีแค่ไหน แต่ทำไมตอนนี้ผมรู้สึกว่ามันยังไม่พอสำหรับผม ผมอยากเรียกร้องมากกว่านี้ รู้สึกดีที่พี่เสือเอาใจผมแบบนี้ ผมเห็นแก่ตัวไปรึเปล่านะ?

   “เดี๋ยวทานข้าวต้มสักหน่อยนะ จะได้ทานยา”

   “...”ผมพยักหน้ารับ พี่เสือก็ยกชามข้าวต้มมาให้ ตักขึ้นเป่าเล็กน้อย ก่อนส่งข้าวต้มคำนั้นเข้าปากผม พี่เสือยิ้มให้แล้วก็ป้อนข้าวต้มให้ผมต่อ จะผิดไหมนะถ้าผมอยากจะอ้อนพี่เสือบ้าง?   

.........................................................................

    โบตั๋นเดินทางมาถึงเกาลูนก็ตรงไปยังโรงแรมที่พักที่เพ็ญนภาเป็นคนจองไว้ให้ ภายในห้องพักเป็นห้องสูทมีสองห้องนอนกับโถงพักผ่อน เธอพักอยู่ห้องหนึ่ง ส่วนอีกห้องพี่เก่งกับพี่คีพักอยู่ด้วยกัน เธอเดินเข้าไปจัดการเก็บของภายในห้อง จากนั้นก็ทบทวนดูว่าเธอควรจะไปค้นหาข้อมูลจากที่ไหนก่อนดี เท่าที่เธอนึกได้ก็น่าจะเป็นหอสมุดต่าง ๆ ที่น่าจะมีข่าวหนังสือพิมพ์เก่า ๆ เก็บเอาไว้บ้าง

   “คุณโบตั๋นหิวรึยังครับ” พี่เก่งถามเมื่อเธอเดินออกจากห้องไป

   “นิดหน่อยค่ะ ว่าแต่พี่คีไปไหนล่ะคะ หรือว่าไปหาอะไรทาน”

   “ไม่ใช่หรอกครับ ผมรู้สึกว่ามีคนตามเรามาตั้งแต่เราลงเครื่องที่สนามบิน เลยให้ไอ้คีมันไปเช็คอะไรหน่อย”

   “มีคนตามเรามาหรอค่ะ ทำไม่ตั๋นไม่เห็นจะรู้สึก...” เธอยั้งปากไว้แค่นั้น เพราะนอกจากอากร และพี่เสือแล้ว ไม่มีใครรู้เรื่องความสามารถของเธอ

   “ไม่แปลกหรอกครับ แปลกที่ แปลกถิ่นแบบนี้ จะจับสังเกตก็อาจจะยากหน่อย”

   “แล้วพี่คีไปนานรึยังค่ะ?”

   “ก็ตั้งแต่เอาของขึ้นมาเก็บบนห้อง จากนั้นก็ออกไปเลย” พี่เก่งพูดจบก็มีเสียงเคาะห้องขึ้นมา พี่เก่งจุ๊ปากเล็กน้อย เธอสัมผัสได้ถึงความระแวดระวังของพี่เก่ง เธอจึงเงียบเอาไว้

   พี่เก่งเดินไปดูที่ช่องตาแมวบนบานประตู แล้วหันมาหาเธอพร้อมทั้งส่งสัญญาณมือให้เธอกลับเข้าห้องไป เธอก็ทำตาม แต่แง้มประตูไว้เล็กน้อยเพื่อให้เห็นสถานการณ์ด้านนอก

   เธอเห็นชายในชุดซาฟารี 3-4 คนเดินเข้ามาในห้องทันทีที่พี่เก่งเปิดประตู พร้อมทั้งผลักพี่คีให้เข้ามาในห้อง มันทำให้เธอตกใจ แต่พยายามจะครองสติเอาไว้และพยายามสัมผัสจิตคนเหล่านั้น แต่น่าแปลกที่เธอกลับพบแต่ความว่างเปล่า เป็นไปได้ยังไงกันหรือเป็นเพราะความแตกต่างของภาษา?

   “ฝู่กูเหนี่ย ไจ๋หนาหลี่?”

   “มันพูดอะไรของมันว่ะ” พี่เก่งถามเมื่อดึงตัวพี่คีไปหลบด้านหลังของเขา และหันมาเผชิญหากับพวกนั้นอีกครั้ง”

   “กูเองก็ไม่รู้ ฟังไม่ออกว่ะ”

   “แมร่งเอ้ย...” พี่เก่งสบถออกมาก่อนพูดกับพวกนั้นเป็นภาษาอังกฤษ “พวกนายต้องการอะไร แล้วพวกนายใช่ไหมที่ตามเรามาตั้งแต่ที่สนามบิน”

   “ใช่ เราเพียงแค่ต้องการพบฝู่กูเหนี่ย”

   “ใครว่ะฝู่กูเหนี่ย?” พี่เก่งหันไปถามพี่คี พี่คีได้แต่สายหน้า ทำให้เธอพยายามนึก ฝู่กูเหนี่ย...ฝู่ หรือจะหมายถึงเธอ

   “พวกนายต้องการอะไร?” พี่คีตั้งคำถาม

   “คุณหนูให้พวกเราอารักขาฝู่กูเหนี่ยตลอดที่เธอพักอยู่ที่นี่ และนายท่านอยากจะเชิญเธอไปพบที่บ้าน”

   “คุณหนูอะไร นายท่านอะไร ไม่เห็นจะรู้จัก” พี่เก่งเริ่มโมโหอย่างเห็นได้ชัด โบตั๋นได้แต่หวังว่าจะไม่เกิดอะไรขึ้นตั้งแต่วันแรกที่เธอมาถึงที่เกาลูนหรอกนะ

   “นายท่าน เหมิ๋นโหย่วเซียง”

   “เหมิ๋น!!” พี่เก่งกับพี่คีร้องออกมาพร้อมกัน รวมทั้งเธอที่ได้ยินชื่อนี้ก็พุ่งพรวดออกมาจากห้องทันที

   “นี่” โบตั๋นเอ่ยปากยังไม่ทันจบ คนทั้งสี่ก็ขัดเธอขึ้นมาซะก่อน

   “คาราวะ ฝู่กูเหนี่ย” ชายทั้ง 4 โค้งศีรษะเพื่อทำความเคารพเธอ มันทำให้ทั้งพี่เก่ง พี่คี และเธอต้องแปลกใจไปตาม ๆ กัน

   “ฉันน่ะหรอ ฝู่กูเหนี่ย” โบตั๋นชี้นิ้วมาที่ตัวของเธอเอง อีกทั้งพี่เก่งกับพี่คีก็มองหน้าเธอตาไม่กระพริบ

.........................................................................

    หงส์วางสายหลังจากที่ได้รับโทรศัทพ์ทางไกลจากโบตั๋นเรียบร้อยแล้ว เธอไม่คิดว่าทางนั้นจะทำงานได้รวดเร็วขนาดนี้ ส่วนเธอเมื่อเข้าพักที่โรงแรมแล้ว เจ็กลู่ก็นัดให้เหล่าสหายและคนเก่าคนแก่ที่ไว้ใจได้เข้ามาพบเธอตามที่ต่าง ๆ ตามที่ได้วางแผนไว้ โดยในค่ำนี้เธอและอากร ต้องไปพบสมาชิกระดับสูงของตระกูลฝู่ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือลูกสาวของเหล่าฝู่

   “โบตั๋นว่ายังไงบ้าง” อากรถามเธอ ระหว่างที่นั่งทานอาหารอยู่ในห้องอาหารของโรงแรม

   “ก็ตกใจเล็กน้อยค่ะ อาจจะเป็นเพราะหงส์ไม่ได้สอนให้น้องอ่านเขียนหรือฟังภาษาจีน เลยทำให้กว่าจะเข้าใจกันก็พากันตกใจกันเป็นแถว”

   “อืม แล้วทางนั้นเขาจะคุยกันรู้เรื่องไหม”

   “น่าจะพอรู้ค่ะ ถึงโบตั๋นจะไม่เก่งภาษาอังกฤษมากนัก แต่ดูท่าทางคุณเก่งจะช่วยได้มาก”

   “อาถึงให้มันตามไปด้วย อีกอย่างคีไม่ค่อยได้ออกภาคสนาม ตั๋นคนเดียวอาไม่ไว้ใจ”

   “ขอบคุณอากรมานะคะ”

   “เรื่องเล็กน้อยน่า...”

   “หงส์ว่าจะปรึกษาอากรอีกเรื่อง เรื่องของเจ็กลู่”

   “อืม อารู้ว่าหงส์ต้องการอาหลิว และอาหลิวก็ต้องการดแลพวกเรา ซึ่งอารับได้ แค่รู้ว่าอาหลิวยังมีชีวิตอยู่ก็ดีสำหรับอามากแล้ว”

   “แล้วถ้าหงส์จะอยู่ที่นี่ไปตลอดละค่ะ อากรจะว่ายังไง”

   “ถ้าหลิวเขาจะมาอยู่ที่นี่กับหงส์ อาก็จะมาด้วย ถึงยังไงบริษัทรักษาความปลอดภัยนั่นก็ไม่ใช่ของอาอยู่แล้ว อาไม่มีอะไรต้องห่วง”

   “แต่อยู่ตรงนี้กับหงส์ อนาคตจะมีอันตรายอะไรเกิดขึ้นบ้างก็ไม่รู้”

   “แต่ถ้าทุกอย่างสำเร็จไปตามแผน มันไม่มีอะไรน่ากลัวหรืออันตรายอะไรแล้วแหละ ยกเว้นว่าหงส์จะกลัวการล้มละลาย”

   “หงส์ก็ยังไม่รู้เลยค่ะ คงต้องรอให้ได้คุยกับสมาชิกคืนนี้ก่อน”

   “เอาเป็นว่าเรื่องงานบริหาร อาจะช่วยเหลือหนูเต็มที่ มีหงส์ มีอาหลิวที่ไหน ก็จะมีอาคอยตามไปอยู่ข้าง ๆ เสมอ”

   “ขอบคุณค่ะอากร”

   “ว่าแต่เรื่องนี่ หงส์บอกน้อง ๆ รึยัง”

   “ตั๋นรู้แล้วค่ะ”

   “แสดงว่าหงส์ยังไม่ได้บอกหยกสินะ

   “ค่ะ หงส์อยากให้อะไร ๆ มันชัดเจนกว่านี้ก่อน ตอนนี้เรามีหลายเรื่องที่ต้องจัดการมากมาย หงส์ไม่อยากให้หยกเข้ามากังวลไปซะทุกเรื่อง”

   วรากรพยักหน้าเข้าใจ เรื่องที่อยากบอกอากร เธอก็บอกไปแล้ว ทุกอย่างดำเนินการไปอย่างราบรื่น ถ้าระหว่างนี้ไม่เกิดเหตุอะไรขึ้นก็คงจะดี

.........................................................................

    เกรียงไกรกำลังนั่งดื่มในบาร์ประจำของเขา ซึ่งคราวนี้ต่างมีคนล้อมหน้าล้อมหลังนั่งดื่มเป็นเพื่อนมากมาย เขาไม่รู้ว่าช่วงนี้เตี่ยของเขามือขึ้นรึยังไง ถึงได้ส่งเงินมาให้เขาคราวละมาก ๆ เขาหวังว่าเตี่ยมีเงินแบบนี้ คงจะเอาไปใช้หนี้บ่อนอื่น ๆ บ้าง เขาจะได้ไม่ต้องมาคอยหวาดผวาอยู่ตลอดเวลาที่อยู่ที่บ้าน

   “อ่าว คุณเกรียงไกร มาเที่ยวที่แบบนี้เหมือนกันหรอครับ” เขามองคนมาใหม่ ฝรั่งที่พูดภาษาจีน ช่างขัดกับหน้าตาเสียจริง

   “นายมาทำอะไรที่นี่ อย่าบอกนะว่ามาทำงาน”

   “ผมก็มาดื่ม มาเที่ยวบ้างสิคุณ ว่าแต่คุณจะให้ผมร่วมโต๊ะด้วยได้ไหมล่ะ” จุ้ยถิงว่า ถึงในโต๊ะจะมีคนมากมายแต่เขาก็เชื่อว่า คงไม่มีใครฟังสิ่งที่เขาสนทนากับเกรียงไกรรู้เรื่องแน่ ๆ

   “อยากนั่งก็ตามใจ แต่นายคนเดียวนะ ส่วนคนของนาย” เกรียงไกรชี้นิ้วไปทางคนของจุ้ยเถิงทั้ง ๆ ที่มือยังถือแก้วหล้าอยู่ “ให้ไปไกล ๆ เลย ยืนกันแบบนี้แล้วจะมีสาว ๆ ที่ไหนกล้าเข้ามากันว่ะ”

   จุ้ยเถิงพยักหน้าก่อนส่งสัญญาณให้คนของเขากระจายตัวตามตามมุมต่าง ๆ ส่วนเกรียงไกรก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรกับจุ้ยเถิง ที่เขาให้ไอ้ฝรั่งนั่นนั่งด้วยเพราะโต๊ะของเขาจะได้เด่น และดึงดูดสายตาของสาว ๆ มากขึ้นกว่าเดิม

   “คุณเกรียง!!” เสียงคนที่เขาไม่อยากได้ยินที่สุดในช่วงนี้ลอยเข้ามากระทบโสตประสาทเขาอย่างจัง ไม่นานเจ้าตัวก็เข้ามานั่งข้าง ๆ อย่างถือวิสาสะ

   “นายมีอะไร เรื่องคราวที่แล้วฉันยังไม่ได้คิดบัญชีกับนายเลยนะ”

   “โถ่ ก็วันนั้นผมมีงานนี่ครับก็เลยรีบไป อีกอย่างไอ้พยัคฆ์กับหยกเองก็เงียบหายไปเลยไม่ใช่รึไงครับ ปล่อย ๆ พวกนั้นไปก่อนเถอะครับ”

   “นายนี่มัน!! จะไปไหนก็ไป ฉันเห็นหน้าแกแล้วหมดอารมณ์”

   “นั่นเพื่อนคุณเกรียงหรอครับ อยากได้เด็กสักคนสองคนมาบริการเพื่อนไหมครับ” เมฆบอกพร้อมทั้งย้ายไปนั่งข้างจุ้ยเถิงแล้วส่งแทบเล็ตให้ “คุณสนใจไหมครับ สวย ๆ ทั้งนั้น”

   เกรียงไกรเห็นจุ้ยเถิงรับแทบเล็ตนั่นไป แล้วคนฉลาดอย่างหมอนั่น ถึงฟังเมฆไม่ออกแต่มันก็คงจะเดาได้ เขาเห็นไอ้ฝรั่งนั่นขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนยื่นแทบเล็ตมาให้เขา

   “โห เพื่อนคุณเกรียงนี่รสนิยมเดียวกันกับคุณเกรียงเลยนะครับ” เมฆพูดยิ้ม ๆ แต่เขากลับไม่สนใจและรับแทบเล็ตมาดูแทน

   “จะหาสองคนนี้ได้ที่ไหน” จุ้ยเถิงถามเขา “แล้วสองคนนี้ขายบริการด้วยอย่างนั้นหรอ?”

   “ไอ้เรื่องว่าสองคนนี้อยู่ที่ไหน ฉันไม่รู้หรอก แต่เรื่องขายไม่ขายนี่...สักวันหยกต้องเป็นของฉัน”

   “หยก?”

   “ใช่ ถ้าแกสนใจก็เอาคนน้องไป คนพี่ของอั๊ว”

   “เออ...คงไม่ได้ทะเลาะกันแย่งน้องหยกหรอกนะครับ” เกรียงไกรเห็นท่าทางลุกลี้ลุกรนของเมฆ ถึงแม้ว่าภาษาอักฤษของหมอนั่นจะไม่ได้เรื่อง ภาษาจีนยิ่งแล้วใหญ่ แต่ภาษากายนี่มันน่าจะพอเดากันได้

   “หยก?” จุ้ยเถิงหันไปหาเมฆ

   “ครับหยก”

   “นายรู้จักสองคนนี้หรอ พวกเขาอยู่ที่ไหน” จุ้ยเถิงคาดคั้นเอากับเมฆ

   “เออ...คุณเกรียง เพื่อนคุณบอกว่ายังไงน่ะครับ ผมฟังไม่รู้เรื่อง”

   “ฉันต้องการสองคนนี้” จุ้ยเถิงย้ำอีกครั้งเป็นภาษาอังกฤษกับเมฆ

   “อั๊วบอกลื้อแล้วใช่ไหมว่าหยกเป็นของอั๊ว” เกรียงไกรไม่พูดป่าว แต่กลับพุ่งตรงไปกระชากคอเสือจุ้ยเถิงอย่างแรง

   “ฉิบหายแล้ว!!” เมฆอุทานขึ้นมาทันที ที่เกรียงไกรเข้าถึงตัวจุ้ยเถิง

.........................................................................

   จุ้ยเถิงเดินออกจากบาร์มาอย่างหัวเสีย เขาสื่อสารกับคนที่มาเสนอขายไม่รู้เรื่อง นายนั่นเองก็ฟังภาษาอังกฤษหรือพูดก็แทบจะไม่รู้เรื่อง เกรียงไกรเองก็ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรเขาได้เลย ดีแต่บอกว่าคนพี่เป็นของมัน

   ภาพที่เขาเห็นบนแทบเล็ทเป็นภาพเดียวกันกับรายงานที่ลตาให้เขามา ลตาจะรู้ไหมว่าสองพี่น้องนี้มีอาชีพพิเศษอะไร แล้วหยกใช่ฝู่หยงหรือไม่ ถ้าใช้ฝู่หยงกับเกรียงไกรเป็นอะไรกัน เขาไม่รอช้า หรือต้องทนกับความหงุดหงิด เขากดโทรศัพท์เพื่อโทรหาลตาทันที

   “ผมต้องการผมคุณเดี๋ยวนี้ มาหาผมที่ XYZ บาร์”

   “นี่...คุณชายจุ้ย นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว จะให้ฉันไปหาคุณที่บาร์เนี่ยนะ”

   “ผมต้องการรู้ความจริงเดี๋ยวนี้ คุณต้องมาคุยกับไอ้หมอนั่นให้ผม”

   “ใคร?”

   “เพื่อนของเกรียงไกร เขาฟังภาษาอังกฤษไม่เข้าใจ”

   “คุณเกรียงไกรอยู่กับคุณอย่างนั้นหรอ?”

   “ตอนนี้ไม่ แต่คุณต้องมาเดี๋ยวนี๋”

   “แล้วคุณจะไปคุยอะไรกันเพื่อนของคุณเกรียงไกร เพื่อนๆ เขาก็มีแต่เที่ยวเมาหัวราน้ำไปวัน ๆ เท่านั้นแหละ”

   “มันเอาฝู่หยงกับน้องสาวมาเสนอขาย แล้วเกรียงไกรบอกว่าฝู่หยงเป็นของมัน”

   “ว่าอะไรนะ”

   “ทีนี้คุณจะมาหาผมได้รึยัง”

   “เข้าใจแล้ว”

To Be Continue

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด