หยก 9-04-19 {{:::บทส่งท้าย:::}}
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: หยก 9-04-19 {{:::บทส่งท้าย:::}}  (อ่าน 45212 ครั้ง)

ออฟไลน์ Amo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-1
Re: หยก 12-12-17 {{:::33:::}}
«ตอบ #120 เมื่อ12-12-2017 21:37:26 »

33

   ผมเก็บของเตรียมตัวเช็คเอ้าท์ออกจากบ้านพัก พี่เสือเก็บของเสร็จก่อนผม และกำลังยืนคุยโทรศัพท์อยู่ที่ระเบียงหน้าบ้านพัก ผมเดาจากการสนทนาบางส่วนที่พอจะจับใจความได้ พี่เสือน่าจะคุยกับอากร ผมไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟัง แต่ก็อดไม่ได้ แค่อยากรู้ว่าพี่เสือคุยกับใคร...

   ผมเดินออกมาจากห้อง พี่เสือก็ยังคงคุยอยู่กับอากร ผมเลยเดินนำออกมาก่อน โดยมีพี่เสือเดินตามหลังไม่ห่าง หลังจากที่เราเช็คเอ้าท์กันเสร็จเรียบร้อย ผมกับพี่เสือก็ไปนั่งริมหาดเพื่อรอเวลาขึ้นเรือกลับเขาหลักกัน

   สองคืนที่เราค้างด้วยกันผมรู้สึกได้ถึงความอึดอัดจากพี่เสือ พี่เขาพยายามควบคุมตัวเองอย่างมาก ซึ่งผมรู้ดีว่ามันเป็นเพราะอะไร เช้าแรกที่ตื่นขึ้นมาผมยังตกใจที่ตัวเองเข้าไปนอนซุกอยู่ในอ้อมกอดของพี่เสือ ทั้ง ๆ ที่พยายามทิ้งระยะห่างแล้วก็ตาม ผมไม่รู้ว่าต้องทำตัวยังไง จึงต้องเดินออกไปริมหาดคนเดียว

   “พี่ไม่ยังไม่อยากกลับเลย” พี่เสือเปรยขึ้น สายตามองออกไปยังทะเลข้างหน้า

   “พี่เสือก็อยู่ต่อได้นี่ครับ”

   “พี่อยู่ต่อ แล้วใครจะคอยดูแลหยกล่ะ?”

   “หยกดูแลตัวเองได้นะ ทั้งเจ็กลู่ เจ่เจ้ พี่เสือ และโบตั๋นเป็นห่วงหยกมากเกินไปต่างหาก”

   “พี่รู้ครับว่าหยกเก่ง แต่มันห้ามให้พี่ไม่เป็นห่วงเราไม่ได้นี่”

   “ที่จริงแล้ว เมื่อถึงกรุงเทพฯ พี่เสือไม่ต้องตามดูแลหยกแล้วก็ได้นะครับ”

   “ไม่ได้หรอก มันเป็นหน้าที่ที่พี่ต้องดูแลหยกน่ะ” ทำไมผมถึงรู้สึกโหวง ๆ ในอกอีกแล้ว เมื่อได้ยินประโยคนี้จากพี่เสือ

   “ผู้หญิงคนนั้น เขาคงไม่กล้าทำร้ายหยกหรอก เขาอยากได้แค่เมฆาขาวเท่านั้นเอง”

   “มันก็ไม่แน่เสมอไปหรอกนะหยก เรายังไม่รู้ว่าพวกนั้นต้องการอะไรบ้าง”

   “ครับ” ผมไม่รู้จะพูดอะไรดี อยู่ ๆ ผมก็หมดคำพูดไปเสียดื้อ ๆ

   “หยก...”

   “ครับ” ผมรู้สึกถึงความร้อนที่เห่อขึ้นบนใบหน้า จมูก ลามไปจนถึงหัวตา จนต้องกระพริบตาถี่ ๆ ก่อนที่จะหันไปสบตากับพี่เสือ

   “หน้าที่ของพี่ ที่ต้องคอยดูแลหยก มันเป็นเพราะอาชาติ และหงส์เป็นคนกำหนดบทบาทให้กับพี่” พี่เสือพูดพร้อมคว้ามือผมไปกุมไว้ นิ้วหัวแม่โป้งของพี่เสือไล้บนหลังมือของผมเบา ๆ “สำหรับหยก มันก็ขึ้นอยู่กับหยกนะ ว่าอยากกำหนดบทบาทให้พี่เป็นอะไร”

   “พี่เสือ...” บทบาทไหนหรอ? ผมไม่เคยคิด แต่คำถามของพี่เสือ มันกลับทำให้ความรู้สึกโหวง ๆ เมื่อครู่นี้...หายไป...

   “ไม่เป็นไรครับ พี่เคยบอกแล้วใช่ไหม ว่าไม่ต้องกดดันตัวเอง พี่แค่ไม่อยากให้หยกน้อยใจกับคำว่าหน้าที่ ที่พี่พูดออกไป” ผมน้อยใจ...พี่เสืออย่างนั้นหรอ? 

   “...”

   “หยกรู้ใช่ไหม ว่าตอนนี้พี่รู้สึกยังไง?”

   “...” ผมพยักหน้า

   “บอกพี่ได้ไหม ว่าพี่รู้สึกยังไง”

   “อืม...อึดอัด แล้วก็...กังวล”

   “รู้ไหมว่าเพราะอะไร” ตัวเองรู้ดีที่สุด ทำไมพี่เสือยังจะมาถามผมอีกล่ะ?

   “คงเป็นเพราะต้องคอยตามดูแลหยก แล้วก็ต้องคอยควบคุมความรู้สึก...ไม่ให้หยกกลัว”

   “พี่อึดอัด เพราะอยู่กับหยกแล้วพี่ควบคุมตัวเองได้ยากก็จริง แต่ที่พี่ต้องระวัง เพราะไม่อยากจะเผลอตัวทำอะไร ๆ ลงไปตามใจคิด หากพี่ทำอะไรลงไปแล้ว หยกอาจจะโกรธพี่ เกลียดพี่ สิ่งนี้ต่างหากที่ทำให้พี่กังวล”

   “หยกไม่เคยคิดแบบนั้นนะ”

   “หยกรู้หรอว่าพี่จะทำอะไร” ผมว่าผมพอรู้นะ และที่ผมพูดก็เป็นความจริง ผม...ไม่เคยรังเกียจสัมผัสของพี่เสือเลย แต่จะให้พูดออกไปตรง ๆ ได้ยังไง “พี่กำลังจะบอกหยกว่าสิ่งที่หยกสัมผัสได้ มันอาจจะไม่ใช่อย่างที่หยกคิดเสมอไป ถ้าเป็นไปได้ พี่อยากให้หยกถามพี่ตรง ๆ หยกทำได้ไหมครับ”

   “หยก...จะพยายามครับ”

   “การที่เราคุยกันมากขึ้น มันจะทำให้เราเข้าใจกันมากขึ้นนะครับ” พี่เสือยกมือขึ้น ก่อนจูบบนหลังมือผมเบา ๆ ผมได้แต่มองการกระทำของพี่เสือ ที่แสดงออกถึงความรัก ความเข้าใจ ที่พี่เสือมีให้กับผม

   ตั้งแต่ที่พยัคฆ์ได้ใกล้ชิดกับน้องหยกเพียงไม่กี่วัน เขาก็พอจะมองออกว่าน้องหยกเป็นคนเช่นไร ถึงน้องหยกจะไม่ค่อยพูด แต่ก็เป็นคนที่อ่านความรู้สึกออกง่ายมาก เขาไม่จำเป็นต้องอาศัยเมฆาขาวอย่างหยก เพราะทุกอารมณ์จะถูกถ่ายทอดออกทางสีหน้าทั้งหมด และ ากการกระทำของน้องหยกในหลาย ๆ ครั้ง การแสดงออกทางสีหน้า มันทำให้เขามั่นใจว่าน้องหยกเองก็มีใจให้กับเขา เพียงแต่น้องหยกอาจจะยังไม่ยอมรับความรู้สึกนี้ของตัวเอง ซึ่งเขารอได้ รอจนกว่าน้องหยกจะพร้อม
   
.........................................................................

   โบตั๋นตามพี่เอมาที่ท่าเรือ เพื่อมารอรับหยกกับพี่เสือ เธออยากรู้ว่าสองคนนั้นจะมีความคืบหน้ากันไปถึงไหนแล้ว เธอทั้งอยากรู้ ทั้งลุ้น และยังหวังว่าพี่เสือคงจะไม่ทำอะไรเกินเลยกับหยก นี่เป็นบททดสอบสุดท้ายที่เธอจะทดสอบพี่เสือแล้ว

   ถึงแม้ครั้งที่แล้วพี่เสือจะพิสูจน์ตัวเองให้เธอเห็นแล้วก็ตาม แต่การที่เขาไม่ฉวยโอกาสกับหยกอาจจะเป็นเพราะมีหลายคนอยู่ตรงนั้นด้วย ซึ่งครั้งนี้มันไม่เหมือนกัน ครั้งนี้...พี่เสืออยู่กับหยก เพียงสองต่อสองเท่านั้น

   “เรือเทียบท่าแล้วครับคุณโบตั๋น” พี่เอที่นั่งกุมพวงมาลัยอยู่บอกก่อนที่จะเตรียมลงจากรถ เธอจึงตามลงไป “รออยู่ตรงนี้ไหมครับ หรือว่าจะเข้าไปรอข้างใน”

   “รอตรงนี้ดีกว่าค่ะพี่เอ ตั๋นขี้เกียจเขาไปเบียดกับคนที่เพิ่งลงเรือมา อีกอย่าง เราเขาไปคงจะเกะกะเขาเปล่า ๆ”

   “ท่าเรือตรงนั้นไม่โคลงหรอกครับ รับรองว่าคุณโบตั๋นไม่เมาเรือแน่ ๆ ”

   “พี่เอ!!” พี่เอยิ้มให้เธอเล็กน้อย เหมือนจงใจจะยิ้มแซวเธอ

   “คุณพยัคฆ์มาแล้วครับ”

   เธอกำลังจะโวยพี่เอที่ล้อเธอ แต่พี่เอก็เห็นพี่เสือกับหยกซะก่อน เธอจึงมองไปในทิศทางเดียวกับพี่เอ เพื่อมองหาคนทั้งสอง

   เธอเห็นหยกกับพี่เสือเดินมาด้วยกัน พี่เสือเดินซ้อนอยู่ทางด้านหลังของหยก มือหนึ่งเหมือนจะคอยประคองอยู่ที่เอวแต่ก็ไม่ได้สัมผัสตัวหยก มืออีกข้างถือกระเป๋าอยู่ 2 ใบ ภาพที่เห็นมันทำให้เธอยิ้มออกมา พี่เสือสอบผ่าน!!

   “หยก ทางนี้” เธอร้องเรียกพร้อมโบกไม้โบกมือเพื่อบอกตำแหน่งของเธอ ซึ่งหยกเห็นและพยักหน้าให้เธอเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับไปมองพี่เสือ พี่เสือก็พยักหน้าพร้อมยิ้มให้กับหยก ก่อนพากันเดินตรงมาหาเธอ

   “ตั๋นตามมารับเฮียด้วยหรอ?”

   “ใช่ หยกมานี่หน่อยสิ” เธอลากหยกให้เดินห่างออกมาจากพี่เสือและพี่เอเล็กน้อย เพื่อไม่ให้ทั้งสองได้ยินบทสนทนาระหว่างเธอกับหยก “พี่เสือเขาทำอะไรหยกมั่ง” เธอถามทั้งที่พอจะรู้แล้วว่าพี่เสือน่าจะเป็นสุภาพบุรุษแค่ไหน

   “ห๋า?...”

   “ตอบมาเร็ว ๆ สิ ตั๋นอยากรู้” เธอถามทั้ง ๆ ที่เธอรู้แล้วจากการที่หยกนึกถึงอะไรบางอย่างอยู่ 

   “ไม่มีอะไร ไม่ได้ทำอะไรด้วย”

   “นี่หยกรู้ใช่ไหม ว่าเวลาที่คนเราจูบหลังมือของใคร เขามักจะทำแบบนั้นตอนที่บอกรัก หรือไม่ก็ขอแต่งงานนะ” เธอเปรยขึ้น เพราะเธอเห็นภาพพี่เสือจูบหลังมือหยกจากการสัมผัสจิตเมื่อครู่

   “บ้า!!” หยกพูดพร้อมอายหน้าแดง หลบหน้าเธอพัลวัน แต่ก็ดันไปสบตากับพี่เสือเข้าให้ กลับยิ่งทำให้หยกอายเข้าไปใหญ่ จึงรีบเดินขึ้นรถไป โดยไม่รอใครเลย

   “คุณโบตั๋นต้องแกล้งอะไรคุณหยกแน่ ๆ เลยใช่ไหมครับ” พี่เอถามหลังเดินมาสมทบพร้อมพี่เสือ

   “ป่าวสักหน่อย พี่เอ๋เห็นตั๋นเป็นคนยังไงกันนะ” พี่เอส่ายหน้าเหมือนจะระอาเธอเล็กน้อย ก่อนเดินกลับไปที่รถและประจำในที่นั่งคนขับตามเดิม

   “ตั๋นไปพูดอะไรกับหยก เขาถึงได้อายหลบหน้าพี่แบบนั้น” พี่เสือถามสีหน้าเป็นกังวลน่าดู

   “อุ๊ย ๆๆ อยู่ด้วยกันแค่ 2 คืน เริ่มเข้าอกเข้าใจหยกแล้วหรอค่ะ?”

   “ไม่ต้องมาล้อพี่เลยนะแม่ตัวดี บอกมาเลยว่าไปพูดอะไรกับหยก”

   “แหม๋ๆ ทำเป็นโกรธไปได้ กังวลล่ะสิ ไม่มีอะไรมากสักหน่อย ตั๋นแค่รู้ว่าพี่เสือจูบหลังมือหยก เลยถามไปว่า พี่เสือทำเพราะว่าขอหยกแต่งงานรึป่าวเท่านั้นเอง”

   “หืม...ทำไมถึงรู้ล่ะ?”

   “ห๋า... พี่เสือขอหยกแต่งงานจริง ๆ หรอ?”

   “ไม่ใช่ พี่หมายถึงเรื่องที่พี่จูบมือน่ะ”

   “เฮ่อ...ตกใจหมดเลย...ตั๋นก็แอบสัมผัสจิตของหยก แต่ก็แปลกนะ ที่ครั้งนี้เห็นเป็นภาพเลย”

   “เพราะหยกมีเมฆาขาวเหมือนกับตั๋นละมั้ง”

   “อืม...ก็อาจจะเป็นไปได้ค่ะ”

   “เมฆาขาวนี่มีความลับอีกมากมายเลยนะ ที่เรายังไม่รู้”

   “ตั๋นว่า ตั๋นจะลองหาข้อมูลเกี่ยวกับเมฆาขาวเพิ่มสักหน่อย”

   “ให้คีช่วยสิ รายนั้นเขาถนัดเรื่องหาข้อมูล”

   “จริงหรอค่ะ?” พี่เสือพยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นตั๋นก็ต้องไปขออนุญาตอากรก่อนสิ”

   “ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวพี่ช่วยเกริ่นกับคีให้ก็ได้ เรื่องแค่นี้ไม่ต้องถึงอากรหรอก”

   “โอเคค่ะ”

   “ว่าแต่...”

   “หืม...อะไรค่ะ?”

   “ตั๋นไม่สบายใจรึป่าว?”

   “เรื่องอะไรค่ะ?” อยู่ ๆ พี่เสือก็กังวลขึ้นมาซะอย่างนั้น เธอสัมผัสความรู้สึกของเขาได้ เพราะมันสื่อถึงเธอโดยตรง และเธอก็ไม่มีความคิดที่จะเข้าไปสัมผัสจิตของใครสุ่มสี่สุ่มห้า

   “พี่เห็นเราโล่งใจ ที่พี่ไม่ได้ขอหยกแต่งงาน”

   “โถ่...พี่เสือ!!”

   “...”

   “ตั๋นแค่ตกใจ ก็มันเร็วไปนี่ค่ะ ถ้าเกิดว่าพี่เสือขอหยกแต่งงานตอนนี้น่ะ แต่ถ้าทุกอย่างลงตัวแล้ว ในอนาคตพี่เสือจะขอหยกแต่งงาน ก็ให้อากรเป็นเถ่าแก่มาสู่ขอกับเจ็กลู่เอาล่ะกันค่ะ” เธอพูดจบก็เดินตรงไปที่รถ เธอรับรู้ได้ถึงความรู้สึกลิงโลดที่อยู่ในใจของพี่เสือ

.........................................................................

   ผมตกใจมาก ที่อยู่ ๆ โบตั๋นก็พูดถึงเรื่องการจูบหลังมือนั่น แค่นั้นผมก็เผลอหลบมือข้างที่ถูกจูบไว้ด้านหลังโดยไม่รู้ตัว ราวกับกลัวว่าโบตั๋นจะเห็นรอยจูบนั่นจริง ๆ แล้วไหนจะเรื่องบอกรักและเรื่องแต่งงานนั่นอีก มันทำให้ผมอาย จนไม่รู้จะทำตัวยังไงดี

   ผม...อายพี่เสือ ตอนสบตากับพี่เสืออยู่ ๆ ผมก็ได้ยินเสียงพี่เสือบอกรักผม มันก้องซ้ำไปซ้ำมาอยู่ในหัว จนผมต้องเดินหนีมาที่รถก่อน ดีที่พี่เอเดินตามมาเปิดรถให้ กระทั่งตอนนี้ผมยังคงนั่งอึดอัดอยู่บนรถ เพราะทำตัวไม่ถูก แล้วยังอาการยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ของโบตั๋นและพี่เสืออีก ผมสัมผัสได้ว่าทั้งสองกำลังมีความสุข ถึงจะรับรู้อย่างนั้น แต่ผมก็ยังคงอายมากอยู่ดี

   “หยก...” โบตั๋นที่นั่งข้าง ๆ ผมเรียกผมเบา ๆ ราวกับกระซิบ มันทำให้ผมสะดุ้งเล็กน้อย

   “...” ผมแค่หันมองเธอ แต่ไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดี

   “ก็ไม่ต้องพูดหรืออธิบายอะไรหรอก ตั๋นแค่อยากให้หยกสบายใจ ไม่ต้องเกร็ง”

   “เออ..” ผมควรตอบโบตั๋นไหม?

   “ก็บอกแล้วไง ว่าไม่ต้องเกร็ง ทำตัวเหมือนเดิมนั่นแหละ”

   “ตั๋นก็พูดง่าย” ผมเริ่มรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยกับคำพูดของโบตั๋น

   “อย่างอนน่า ตั๋นรู้ ๆ ก็แค่หยอกเล่นเอง หยกอย่าโกรธเลยน้า...”

   “คราวหลังอย่าล้อเล่นอย่างนี้อีกนะ”

   “อืมๆๆ ไม่แกล้งแล้ว แต่ตั๋นถามอะไรหน่อยสิ”

   “หืม?”

   “แล้วทำไมในหัวของหยกมีแต่เรื่องที่พี่เสือบอกรักหยกล่ะ?”

   “ตั๋น!!”

   “เบา ๆ สิ หยกอยากให้พี่เสือได้ยินหรอ?” ผมเหลือบมองพี่เสือ ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ พี่เอแว๊บหนึ่ง เหมือนพี่เสือจะหลับอยู่ “แล้วตั๋นก็จริงจังนะ สาบาน!! ว่าที่ถามนี่ไม่ได้แกล้งหยกเลยนะ”

   “...” ผมเองก็ไม่รู้ ไม่อย่างนั้นผมคงไม่มานั่งอึดอัดแบบนี้หรอก

   “หยกนะหยก”

   “ตั๋นรู้ตัวไหม ว่าเราน่ะเริ่มจะเหมือนเจ่เจ้เข้าไปทุกวันแล้วนะ”

   “เหมือนยังไงล่ะ?”

   “เรื่องที่อ่านความคิดได้ชัดเจนแบบที่เป็นอยู่นี่ไง เฮียยังไม่ได้พูดอะไรสักคำ แต่ตั๋นตอบเหมือนตั๋นรู้... เหมือนที่เจ่เจ้รู้...”

   “หยก...”

   “ใช่ เฮียแค่...รู้สึกแย่” รู้สึกแย่ที่ความสามารถของผม พัฒนาไปช้ามาก มันทำให้รู้สึกว่าผมเป็นตัวถ่วง...

   “อย่าคิดมากนะ ตั๋นอาจจะแค่ถนัดเรื่องนี้ ก็เลยเรียนรู้เร็ว เหมือนที่หยกถนัดเรื่องอาหาร เรื่องกีฬา หรือแม้แต่เรื่องศิลปะการป้องกันตัวไง สัญชาตญาณหยกก็ดีกว่าตั๋นเป็นไหน ๆ คนเราไม่ได้เก่งไปได้ทุกอย่างหรอกนะ”

   “...”

   “มันไม่ใช่ความผิดหยกหรอกนะ เรื่องพี่เมฆน่ะ เขาก็แค่อำพรางความรู้สึกได้เก่งต่างหาก หยกถึงไม่รู้ตัว มันไม่ได้เกี่ยวกับความสามารถของหยกเลยนะ”

   “เกี่ยวสิ พี่เสือยังบอกเลยว่า...สิ่งที่เฮียสัมผัสได้น่ะ มันอาจจะไม่ใช่อย่างที่เฮียคิดเสมอไป...”

   “หยก...”

   ผมรู้สึกว่าตัวเองอ่อนแอขึ้นมาเฉย ๆ น้ำตาพาลจะไหลออกมา จนผมต้องเบื้อนหน้าหนีออกไปมองนอกรถ ทุกอย่างที่โบตั๋นพูดปลอบผมนั้น มันแสดงให้เห็นว่าโบตั๋นพัฒนาไปมากแค่ไหน มากจนผมตกใจ โบตั๋นอ่านผมได้ทะลุปรุโปร่ง จนกระทั่งเห็นถึงความกลัวในจิตใจของผม

To Be Continue

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: หยก 12-12-17 {{:::33:::}}
«ตอบ #121 เมื่อ12-12-2017 22:12:50 »

 :-[ :-[
หยกเขิน น่ารักจัง ยังไงก็ไม่รอดพี่เสือหรอกนะ ทำใจไว้เหอะ
 :hao6:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: หยก 12-12-17 {{:::33:::}}
«ตอบ #122 เมื่อ13-12-2017 09:33:14 »

คิดมากอีกแล้วนะหยก

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: หยก 12-12-17 {{:::33:::}}
«ตอบ #123 เมื่อ13-12-2017 13:39:17 »

 :L2: :pig4: :pig4: :pig4: :L2:

ออฟไลน์ fahsai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 815
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
Re: หยก 12-12-17 {{:::33:::}}
«ตอบ #124 เมื่อ13-12-2017 13:54:10 »

ปลอบใจน้องหยกกก

ออฟไลน์ Amo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-1
Re: หยก 14-12-17 {{:::34:::}}
«ตอบ #125 เมื่อ14-12-2017 10:16:58 »

34

   พยัคฆ์เดินมาส่งหยกและโบตั๋นถึงหน้าบ้านพัก ตลอดทางที่เดินมาด้วยกัน หยกเงียบมาก ดูจากสีหน้าเหมือนคนมีอะไรในใจ โบตั๋นเองก็ดูท่าทางไม่สบายใจกับท่าทีของหยกเช่นกัน เขาเผลอหลับไปแป๊บเดียวเท่านั้นเอง ช่วงเวลานั้นมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

   “พี่เสือไปพักอีกสักหน่อยเถอะค่ะ พี่ภาเธอเปลี่ยนตั๋วเครื่องบินของทุกคน ให้กลับเที่ยวเดียวกันหมด เลยได้กลับเที่ยว 2 ทุ่มค่ะ”

   เขาพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนส่งกระเป๋าคืนหยก รอจนหยกเข้าไปในบ้านพักแล้ว เขาจึงรั้งโบตั๋นไว้ เพื่อถามถึงสาเหตุ

   “หยกเป็นอะไรไปรึป่าว?”

   “พี่เสือกับไปที่บ้านพักก่อนนะคะ เดี๋ยวตั๋นกับเจ่เจ้ตามไป ท่าทางตั๋นจะก่อเรื่องซะแล้วล่ะ” โบตั๋นว่าก่อนจะเดินหน้าสลดเข้าบ้านพัก ถึงเขาจะรู้สึกกระวนกระวายใจเพียงใด ในตอนนี้ที่เขาทำได้คงมีแต่รอให้หงส์และโบตั๋นเท่านั้น

   เมื่อเขาเดินเข้ามาถึงหน้าบ้านพักของเขา ก็ได้ยินเสียงอาขาติกับคีคุยกันอยู่ เขาจึงเดินเข้าไปข้างใน

   “พี่ชาติไม่เคยหลุดเลยหรอครับ สุดยอด...” น้ำเสียงของคีที่ดูจะชื่นชมอาชาติอย่างไม่มีปิดบัง

   “ก็เคยนะ แต่ก็นานมาแล้วล่ะ จำไม่ได้แล้วเมื่อไร?”

   “โอ้โห...ผมล่ะทึ่งจริง ๆ นี่ถ้าผมไม่รู้จากพี่ชาติเอง ผมคงไม่มีทางสืบรู้ได้ด้วยตัวเองแน่ ๆ ครับ”

   “คุยอะไรกันอยู่ ดูนายจะตื่นเต้นเกินไปนะคี เก็บอาการบ้าง” พยัคฆ์ทักทันทีที่ก้าวเข้ามายังห้องโถงภายในบ้านพัก

   “กลับมาแล้วหรอ เป็นไงบ้าง ได้เรื่องอะไรไหมเราน่ะ” อาชาติทักทายเขาแปลก ๆ

    “ใช่ ๆ กับคุณหยก เป็นยังไงบ้างครับ” คีเป็นคนไขความกระจ่างให้กับเขา ที่แท้อาชาติก็ถามเรื่องนี้นี่เอง

   “ราบรื่นดีครับ ว่าแต่เมื่อครู่คุยอะไรกันหรอครับ?”

   “ที่จริงเริ่มมาจากที่ผมสงสัย ว่าทำไมคุณภาถึงเรียกพี่ชาติว่าลุงหลิว ทั้ง ๆ ที่คุณ ๆ เรียกแกว่าเจ็กลู่น่ะครับ”

   “อ่อ”

   “ครับ ผมเพิ่งรู้ว่าพี่ชาติมีหลายตัวตน ตอนแรกผมนึกว่าที่คุณ ๆ เรียกเจ็กลู่ เพราะเป็นชื่อจีนของแก ที่น่าตื่นเต้นอีกอย่าง คือแกไม่เคยหลุดตัวตนของแกเลย”

   “พอ ๆ เลิกอวยได้แล้ว มันก็ไม่ได้มีอะไรน่าตื่นเต้นสักหน่อย” อาชาติพูดเบรคนายคี

   “เรื่องอาชาติที่พวกนายไม่รู้ยังมีอีกเยอะ” พยัคฆ์พูดสำทับเล็กน้อย “กลับไปห้องของตัวเองได้แล้ว”

   “ผมคืนห้องไปแล้วครับ”

   “อ่าว แล้วนายนอนที่ไหน บ้านนั้นก็พักกันเต็ม 4 คนแล้ว”

   “ก็ตรงนี้แหละครับห้องผม”

   “ฉันไม่อยู่ 2 คืน ก็น่าจะเข้าไปพักห้องฉันได้ มานอนตรงโถงกลางนี่ทำไม”

   “ใครจะกล้า ถึงยังไงคุณพยัคฆ์ก็เป็นเจ้านายผมนะครับ”

   “นายนี่น้า...”

   “อาให้มันมานอนห้องอา มันก็ไม่นอน”

   น่าสงสารนายคี ยิ่งเป็นอาชาติ ใครจะกล้าไปนอนร่วมห้องด้วย ก็อากรเล่นกำชับนักหนา ห้ามใครนอนห้องเดียวกับกวางน้อยของอากรเด็ดขาด แม้แต่เขาอากรยังไม่อนุญาตเลย...    

.........................................................................

    หลังจากหงส์ได้ฟังเรื่องราวจากโบตั๋น ก็ได้แต่ถอนหายใจกับความบุ่มบ่ามของเธอ นิสัยของโบตั๋นนี่คงไม่มีทางแก้ได้เลยจริง ๆ เห็นทีต้องกันให้หยกอยู่ห่างโบตั๋นสักพัก

   “เจ่เจ้!! จะให้หยกไปไหน?”

   “เรานี่น้า...เจ่เจ้เคยบอกแล้วใช่ไหม ว่าอย่าไปสัมผัสจิตใครสุ่มสี่สุ่มห้า เพิ่งจะก่อเรื่องอยู่หยก ๆ ยังมาสัมผัสจิตเจ่เจ้อีกนะ”

   “ก็มันเผลอนี่ค่ะ?”

   “นี่ถ้าไปพูดคุยแบบนี้กับเพื่อนที่มหา’ลัย หรือยัยภา เขาจะไม่ตกใจแย่หรอ?”

   “กับคนอื่นตั๋นไม่เป็นสักหน่อย ก็มันชินนี่นาเวลาอยู่กับหยกหรือเจ่เจ้น่ะ” โบตั๋นยังคงเถียง

   “เฮ้อ...เรานี่น้า”

   “ว่าแต่ เจ่เจ้จะส่งหยกไปไหนคะ? คงไม่ส่งไปฮ่องกงนะ”

   “ใครว่าล่ะ เจ่เจ้ว่าเราไปหาเจ็กลู่กับคุณเสือกันก่อนดีกว่า จะได้คุยเรื่องที่เราคุยค้างกันอยู่กับคุณเสือด้วย”

   “เราปิดเรื่องนี้กับหยกจะดีหรอค่ะ?”

   “ตั๋นก็รู้นิสัยหยก นี่ขนาดรู้ว่าใช้เมฆาได้ไม่ชำนาญเท่าตั๋น ยังเป็นขนาดนี้เลย ถ้ารู้เรื่องนั้นด้วย เจ่เจ้ว่าหยกต้องไม่ยอมอยู่เฉย ๆ ให้เราจัดการกันเองแน่ ๆ”

   “จริงด้วย... แต่...ตั๋นรู้สึกแย่ที่ต้องปิดบังหยก”

   “เราทำก็เพื่อตัวหยกเองนะ อย่าลืมสิ”

   “จริงสิ!! พี่เสือบอกตั๋นว่า พี่คีสามารถช่วยตั๋นสืบเรื่องเมฆาขาวได้ค่ะ”

   “ถ้าตั๋นมีคนช่วย เจ่เจ้ก็เบาใจขึ้น”

.........................................................................

   พยัคฆ์ไม่คิดว่าการที่เขาให้คีช่วยโบตั๋นสืบความเป็นมาของเมฆาขาวจะกลายเป็นงานใหญ่ขนาดนี้ ดังนั้นตอนที่พวกเขาคุยกันจึงให้คีออกจากบ้านพักไปก่อน กลายเป็นว่าตอนนี้ พวกเขาทั้ง 4 คนต้องรอให้คีกลับเข้ามาอีกครั้ง

   “หงส์จะให้ตั๋นเดินทางเมื่อไร?” เขาถามขึ้นระหว่างรอนายคี

   “ก็คงต้องแล้วแต่ตั๋นน่ะ”

   “ตั๋นอยากให้เรื่องนี้มันจบเร็ว ๆ ค่ะพี่เสือ ถ้าเป็นไปได้ ตั๋นอาจจะเดินทางพร้อมกับเจ่เจ้”

   “อาชาติจะไปพร้อมหงส์ แล้วอากรทราบเรื่องนี้รึยังครับ?”

   “อายังไม่ได้บอก ตั้งใจว่ากลับไปค่อยบอกน่ะ”

   “เจ็กจำได้ใช่ไหมค่ะ ว่าสัญญาอะไรไว้กับอากร เจ็กอย่าผิดสัญญานะคะ”

   “อั๊วไม่ผิดสัญญาหรอกน่าอาหงส์ แค่ไม่รู้ว่าจะบอกยังไงเท่านั้น”

   “อาชาติกลัวว่าอากรจะห้ามไม่ให้อาไปหรอครับ?”

   “ใครว่าล่ะพี่เสือ เจ็กลู่กลัวอากรจะตามไปด้วยต่างหาก ใช่ไหมค่ะเจ็ก”

   “โบตั๋น เอาอีกแล้วนะ”

   “ก็...ตั๋นเผลออีกแล้วนี่นา” หงส์ได้แต่ส่ายหน้าระอา

   “อั๊วไม่ได้ขวัญอ่อนหรือขี้ตกใจนะอาหงส์ ไม่ต้องไปว่าอีหรอก”

   “ค่ะ หงส์รู้ แต่นี่ตั๋นดันไปก่อเรื่องกับหยกเข้าน่ะสิ”

   “เรื่องที่หยกซึม ๆ ไปใช่ไหม?” พยัคฆ์แทรกเข้ามา

   “ใช่ค่ะคุณเสือ ตั๋นเผลอเข้าไปสัมผัสจิตของหยกมากไปหน่อย”

   “แค่นั้นเอง ไม่น่าจะเป็นเรื่องได้นะ ยิ่งหยกรู้เรื่องเมฆาขาวแล้วด้วย ผมก็ไม่เห็นว่าจะมีเรื่องอะไรที่น่าตกใจเลย”

   “คุณเสือคงยังไม่รู้ หงส์หัวใจไม่แข็งแรงตั้งแต่ปีแรก ๆ ที่มาอยู่ไทย แล้วเริ่มอาการแย่ลงตอนเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ยังดีที่มีคุณภาเธอคอยช่วยดูแลอยู่ ภาพที่หงส์พี่สาวเป็นคนเดียวที่เป็นเสาหลักของครอบครัว ต้องป่วยและเข้า ๆ ออก ๆ โรงพยาบาลอยู่บ่อย ๆ นั้น มันทำให้หยก คิดว่าตัวเขาที่เป็นลูกผู้ชาย ต้องขึ้นมาเป็นเสาหลักของครอบครัวแทนหงส์ให้ได้” อาชาติเล่าเรื่องราวสั้นๆ

   “ใช่ค่ะ หยกคอยดูแลทั้งเจ่เจ้ ดูแลตั๋นมาตั้งแต่ไหนแต่ไร หยกไม่เคยได้เที่ยวเล่นเหมือนเพื่อนรุ่นเดียวกัน ทุกอย่างในหัวสมองหยกมีแค่เจ่เจ้กับตั๋น”

   “ถ้าตอนนี้หยกมารู้ว่าเราทำทุกอย่างเพื่อปกป้องเขา เขาก็อาจจะรับไม่ได้ เขาไม่อยากให้พวกเรากังวล หรือเห็นด้านที่อ่อนแอของเขา” หงส์อธิบายเพิ่ม

   “ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ว่าทำไมหยกถึงต้องกังวลเรื่องที่ตั๋นเข้าไปสัมผัสจิตหยกด้วย”

   “โหย...พี่เสืออ่ะ เจ่เจ้ก็บอกอยู่นี่ไงค่ะ ว่าหยกน่ะไม่อยากให้ตั๋นสัมผัสได้ถึงความอ่อนแอ หรือพูดง่าย ๆ ว่าหยกกลัวว่าตั๋นจะรู้ว่าเขากลัวอะไร ยังไงล่ะคะ”

   “ถึงอย่างนั้น มันก็ไม่ใช่เรื่องน่าอายที่จะมีใครมารับรู้ความกลัวของเรานี่”

   “ใช่ค่ะ ไม่ใช่เรื่องน่าอาย เพียงแต่สิ่งที่หยกเป็นคนที่คิดมาก เขาถึงไม่อยากให้เรารู้ เขากลัวว่าเราจะกังวลไปกับเขาด้วย”

   “เจ่เจ้รู้ไหมค่ะ ว่าหยกกลัวอะไร?”

   “จ๊ะ เจ่เจ้รู้”

   “บอกตั๋นได้ไหมค่ะ เพราะที่จริงตั๋นก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร ว่าทำไมหยกต้องกังวลขนาดนี้”

   “หยกเขากลัวว่าเขาจะดูแล และปกป้องเราไม่ได้ และไม่อยากเป็นภาระให้กับเรา”

   พยัคฆ์เข้าใจในทันที ความกลัวนั้น กลัวว่าจะปกป้องคนที่เรารักไม่ให้เผชิญความเจ็บปวดไม่ได้ มันเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก เพราะเขาเองก็เคยกลัว และก็ยังคงกลัวอยู่ ภาพไอ้เกรียงไกรที่คร่อมร่างของหยกยังคงฉายชัดอยู่ในความทรงจำของเขา จนเขาต้องกำหมัดตัวเองแน่

   “พี่เสือ...”  โบตั๋นเรียกเขาเบา ๆ

.........................................................................

    ผมออกมายังโถงกลางของบ้านพักเห็นพี่ภานั่งเล่นอยู่ ที่หน้าห้องมีกระเป๋าเดินทางของทั้งเจ่เจ้และพี่ภาวางรออยู่ คงจะเตรียมตัวกลับกันแล้ว สัมภาระผมกไม่มีอะไรมาก โบตั๋นจัดการเก็บไว้ให้ผมเรียบร้อยแล้ว ผมมองหาทั้งเจ่เจ้และโบตั๋นก็ไม่พบคนทั้งสอง

   “หยก มานั่งนี่กับพี่มา” พี่ภาตบลงบนเบาะโซฟาเบา ๆ เพื่อให้ผมไปนั่งข้างเธอ “ไปเที่ยวไม่สนุกหรอจ๊ะ กลับมาพี่เห็นเราเอาแต่ซึม”

   “ไม่ใช่อย่างนนั้นครับ”

   “อืม...หรือว่า...คุณพยัคฆ์รังแกอะไรเรารึป่าว?”

   “ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่” ผมตกใจที่พี่ภาคิดแบบนั้น นี่ทุกคนรู้ความรู้สึกของพี่เสือกันหมดเลยหรือยังไงกันนะ

   “แล้วเป็นอะไรไปจ๊ะ หรือว่ายังไม่อยากกลับ อยากอยู่ที่เที่ยวต่อรึป่า?”

   “ไม่ใช่ครับพี่ภา ผมแค่...”

   “หยก มีเรื่องอะไรไม่สบายใจก็คุยกับพี่ได้นะ”

   “ผม...” ผมคงเผลอแสดงออกมากไป เลยทำให้พี่ภาเป็นห่วง

   “หรือหยกเห็นพี่เป็นคนอื่น?”

   “ไม่ใช่ครับ ผมแค่ไม่รู้จะเล่ายังไง”

   “อืม...ถ้าพี่เดาไม่ผิดคงเป็นเรื่องที่ไม่สามารถปรึกษาพี่ได้ใช่ไหม?”

   “พี่ภา โกรธผมไหมครับ”

   “ไม่นี่ พี่เข้าใจ พี่รู้เรื่องอะไร ๆ มากกว่าที่หยกคิดนะจ๊ะ”

   “พี่ภา...” หรือว่าพี่ภารู้เรื่องเมฆาขาว แต่...ผมสัมผัสความรู้สึกอะไรจากเธอไม่ได้เลย นอกจากความห่วงใยที่มีให้กับผม

   “การที่พี่ไม่พูดออกไป ไม่ใช่ว่าพี่ไม่รู้นะ เรื่องเกี่ยวกับความสามารถของ 3 พี่น้องชูวนาสุวรรณน่ะ แต่เพื่อความสบายใจของหงส์ พี่เลยเลือกที่จะไม่พูดอะไรออกไปมากกว่า”

   “แล้วพี่ภาไม่อึดอัดหรอครับ ที่ต้องเก็บความสงสัยเอาไว้แบบนี้”

   “ไม่จ๊ะ เพราะพี่รู้จักพวกเราดี ว่าแต่ละคนนิสัยเป็นยังไง”

   “...” ผมเคยคิดว่าพี่ภาใส่ใจกับเจ่เจ้มากที่สุด แต่เปล่าเลย พี่ภาใส่ใจพวกเราทุกคน

   “หยกคิดยังไงกับคุณพยัคฆ์จ๊ะ?”

   “ห๊ะ!!”

   “ตกใจอะไรกัน พี่ไม่ได้ถามอะไรที่ตอบยากสักหน่อย ไปเที่ยวกับคุณพยัคฆ์มา พี่ก็แค่อยากรู้ ว่าคุณพยัคฆ์เป็นยังไง”

   “อ่อ...ก็...พี่เสือใจดีมากครับ” นี่ผมคิดอะไรอยู่เนี๊ยะ ถึงได้ตกใจกับถามของพี่ภา

   “อืม...ดูไม่ออกเลยนะว่าคุณพยัคฆ์จะเป็นคนใจดี”

   “พี่ภารู้จักกับพี่เสือมานานแล้วหรอครับ”

   “เห็นจะ 2-3 ปีได้จ๊ะ แต่เวลาเจอกันก็ไม่ค่อยได้คุยอะไรกันมากหรอกนะ นอกจากเรื่องงาน ที่เห็นบ่อย ๆ ก็คงจะเป็นท่าทางที่จริงจังกับงานน่ะ เพิ่งจะเคยเห็นท่าทีผ่อนคลายก็ตอนที่คุณพยัคฆ์อยู่กับหยกนี่แหละ”

   “ตอนผมเจอพี่เสือครั้งแรก ผมก็คิดว่าเขาน่ากลัวเหมือนกันครับ”

   “พี่อยากรู้จังว่าหยกกับคุณพยัคฆ์ไปเจอกันตั้งแต่เมื่อไร?”

   “ผม...เจอกับพี่เสือครั้งแรกที่โรงแรม ตอนที่ผมไปถ่ายแบบกับตั๋นครั้งแรก”

   “รักแรกพบสิน่ะ”

   “รักแรกพบ?”

   “รู้ไหมว่าคนเรามักจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเมื่อเจอคนที่เขารัก และทำทุกอย่างได้เพื่อคนที่เรารัก เหมือนหยกที่รักหงส์และโบตั๋นไงจ๊ะ”

   “ถ้าผมเจอคนที่ผมรัก ผมจะเปลี่ยนไปหรอครับ”

   “ไม่เสมอไปหรอกจ๊ะ ถ้าคนๆ นั้นเขารับหยกได้ในแบบที่หยกเป็น หยกก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนอะไร แต่สุดท้ายแล้วมันก็ขึ้นอยู่กับหยกเอง ว่าอยากจะเปลี่ยนเพื่อเขารึป่าว?”

   “แล้ว...ถ้าผมไม่ได้เปลี่ยนอะไรเพื่อใครเลย แสดงว่าผมไม่ได้รักใคร...ใช่ไหมครับ”

   “หืม...หยกแน่ใจหรอว่าหยกไม่ได้เปลี่ยนไป?”

   “ครับ...ผมว่า...ผมไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรเลย”

   “อืม...ทำไมหยกถึงยอมถ่ายแบบ ทั้ง ๆ ที่เป็นงานที่หยกไม่ชอบล่ะ”

   “ก็ตอนนั้นผมอยากหาเงินมาช่วยเรื่องค่ารักษาเจ่เจ้”

   “นั่นแหละที่หยกยอมเปลี่ยน ถึงจะแค่นิดหน่อยเท่านั้น หยกยอมทำในสิ่งที่หยกไม่ชอบเพราะหยกรักหงส์ ไม่ใช่หรอไงจ๊ะ?”

   “ครับ”

   “หยกอาจจะต้องสำรวจตัวเองให้มากหน่อย บางทีแค่การปรับเปลี่ยนเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่หยกไม่ได้ใส่ใจมันก็ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงเพื่อคนที่เรารักได้เหมือนกันนะ พี่เอาใจช่วยเรานะ”

   “เอาใจช่วย”

   “เฮ้อ...น้องชายคนนี้ของพี่น่ารักจริง ไหนมาให้พี่กอดทีนึงสิ”

   “พี่ภา ไม่เอานะ ผมไม่ใช่เด็ก ๆ แล้วนะครับ” พี่ภาพยายามดึงตัวผมเข้าไปกอด จนผมต้องเอนตัวหนีเธอเล็กน้อย

   “แหม๋ๆๆ ทำอะไรกันค่ะพี่ภา อยู่กับหนุ่ม ๆ น่ารักหน่อยเป็นไม่ได้เลยนะคะ แม้กระทั่งหยกก็ยังไม่เว้น” โบตั๋นเดินเข้ามาพร้อมกับเจ่เจ้และพี่เสือพอดี

   “นาน ๆ พี่จะได้กอดน้องชายของพี่สักทีนี่น้า...”

   “แล้วคุยอะไรกันอยู่ล่ะ ดูหยกสีหน้าดีขึ้นเยอะเลยนะ” เจ่เจ้ยิ้มแซวผม

   “ภาเพิ่งจะเป็นที่ปรึกษาทางหัวใจให้น้องชายตัวไงจ๊ะ” คำตอบของพี่ภาทำให้ผมตวัดสายตาไปทางพี่เสือโดยอัตโนมัติ ก่อนที่ผมจะรู้ตัว ความรู้สึกของพี่ภา เจ่เจ้ และโบตั๋นที่ผมรับรู้ได้ ทำให้ผมอายมาก...ทำไมผมต้องหันไปทางพี่เสือด้วยนะ แล้วยังท่าทางอมยิ้มนั่นอีก   

To Be Continue

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: หยก 14-12-17 {{:::34:::}}
«ตอบ #126 เมื่อ14-12-2017 11:42:15 »

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: หยก 14-12-17 {{:::34:::}}
«ตอบ #127 เมื่อ14-12-2017 16:24:12 »

ไม่ต้องเขินหยก ยังไงๆ ก็ไม่รอดพ้นพี่เสือได้หรอก  :hao6:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: หยก 14-12-17 {{:::34:::}}
«ตอบ #128 เมื่อ14-12-2017 20:11:14 »

 :pig4:

ออฟไลน์ Amo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-1
Re: หยก 16-12-17 {{:::35:::}}
«ตอบ #129 เมื่อ16-12-2017 16:12:50 »

35

   โบตั๋นอยากขอบคุณพี่ภา ที่ทำให้บรรยากาศระหว่างเธอกับหยกดีขึ้น ถึงแม้ว่าเรื่องที่พี่ภาคิดเกี่ยวกับความกังวลของหยกนั้นจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดก็ตาม

   ตลอดทางที่นั่งรถมาสนามบิน หยกเอาแต่หลบหน้าพี่เสือ คงจะเขินกับปฏิกริยาของตัวเขาเอง และดูเหมือนจะมีแต่เจ้าตัวเท่านั้นแหละ ที่ยังไม่แน่ใจความรู้สึกของตัวเอง มีหลายครั้งที่เธออยากล้อหรือแซวหยก แต่ก็ต้องยั้งไว้ เพราะไม่อยากให้เกิดเรื่องอย่างเมื่อตอนเช้าอีก

   พวกพี่เอขับรถคันที่เช่าไว้ใช้งานระหว่างอยู่ที่นี่ล่วงหน้าไปก่อนแล้ว ส่วนพวกเธอ พี่ภาจัดการจ้างรถตู้ของทางโรงแรมไปส่งที่สนามบิน

   “หยก คืนนี้ตั๋นไปนอนกับหยกได้ไหม?” เธอถามหยกข้างเธอ

   “หืม...คิดยังไงถึงจะมานอนกับเฮีย ไม่นอนกับเจ่เจ้ให้หายคิดถึงแล้วหรอ?”

   “ก็มันเริ่มชินแล้วนี่นา...นอนกับหยกมาเป็นเดือน แล้วก็นะ 2 คืนที่ผ่านมา ตั๋นนอนไม่ค่อยหลับเลยมันเหมือนจะขาด ๆ อะไรไป”

   “เฮียไม่เชื่อหรอก มีเรื่องที่อยากรู้ล่ะสิ”

   “เกลียดจัง คนรู้ทัน!!” หยกยิ้มเล็กน้อย และเธอก็แอบเห็นพี่เสือที่นั่งถัดไปด้านหน้าอมยิ้มเล็กน้อยเช่นกัน

   “อืมๆ ตามใจตั๋นแล้วกัน”

   “ถ้าอย่างนั้นคืนนี้ตั๋นนอนกับหยกนะ แล้วต้องเล่าเรื่องบนเกาะให้ตั๋นฟังด้วย”

   “เรื่องอะไร?” เธอสัมผัสได้ถึงความตกใจของหยก ในหัวหยกตอนนี้คงจะมีแต่เรื่องพี่เสือสินะ

   “อ่าว...ก็ไปเที่ยวไหนมาบ้าง เล่าให้ตั๋นฟังบ้างสิ ขี้งก!! ไม่สงสารคนเมาเรือ ไม่ได้ไปเที่ยวอย่างตั๋นรึไง?” เธอจึงแกล้งบ่นไปอย่างนั้น เธอเรียนรู้แล้วว่าไม่ควรจะพูดถึงเรื่องภายในใจหยกมากนัก

   “อ่อ...”

   “หยกคิดว่าตั๋นจะถามเรื่องอะไรกันแน่” แต่ขอแซวสักนิดคงจะไม่เป็นไรหรอกมั้ง?

   “เออ...ไม่มีอะไรหรอก” เธอเห็นหยกเขินหน้าแดงอีกแล้ว

.........................................................................

   พยัคฆ์ขับรถมาส่งหยกที่บ้าน นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่เขาตามดูแลหยกมาตลอดหนึ่งเดือน ที่เขารู้สึกว่าได้ดูแลหยกจริง ๆ เขารู้ว่าสิ่งที่เขาคิดอยู่นี้ สามพี่น้องที่นั่งอยู่ในรถน่าจะรับรู้ได้ แต่เขาไม่อายกับความรู้สึกแบบนี้

   “หืม...” เขาได้ยินเสียงโบตั๋นอุทานออกมา

   “พี่ไม่อายจริง ๆ นะ ออกจะดีใจซะอีก ว่าแต่ตั๋นเถอะ พี่ว่าเราน่าจะเก็บอาการหน่อยนะ” พยัคฆ์คิดในใจพร้อมกับมองโบตั๋นผ่านกระจกมองหลัง เขาเห็นเธอทำปากยื่นเล็กน้อยราวกับไม่พอใจที่เขาตำหนิ

   เขาขับรถมาได้สักพักก็ถึงบ้านของสามพี่น้อง หลังจากที่เขาช่วยทั้งสามขนสัมภาระเข้าบ้านแล้วหงส์ก็ชวนเขาอยู่ทานข้าวเย็นด้วยกัน นี่คงเป็นอีกครั้งที่เขาจะได้ทานอาหารฝีมือน้องหยก

   “เดี๋ยวอีกหน่อยพี่เสือก็ได้ทานบ่อย ๆ” โบตั๋นเดินมากระซิบเขา

   “เรานี่เอาใหญ่เลยนะ ดีนะที่เป็นพี่ ถ้าเป็นหงส์ ตั๋นคงโดนหงส์ดุไปแล้ว”

   “ก็มันอึดอัดนี่พี่เสือ รู้ไหมว่าตั๋นต้องอดทนแค่ไหนกับการไม่พูดอะไรออกไปให้หยกได้ยินน่ะ”

   “พี่ว่าพี่พอเข้าใจนะ นิสัยอย่างตั๋นคงอยู่นิ่ง ๆ ไม่ได้ล่ะสิท่า”

   “ถ้ารู้ก็ดีแล้ว พี่เสือก็เล่นกับตั๋นหน่อยแล้วกันนะ ไม่อย่างนั้นตั๋นคงอึดอัดตายเลย”

   “อืม...ตามใจน้องสาว...ว่าที่ภรรยาสักหน่อยคงไม่เป็นไรหรอก”

   “พี่เสือ!! พี่คงไม่ได้ทำอะไรหยกใช่ไหม?”

   “ถ้าทำจะเรียกว่าที่ภรรยาได้หรอ เรานี่คิดลึกไปได้”

   “แสดงว่าแผนของพี่ภาได้ผลสินะ”

   “สำหรับพี่น่ะได้ผลนะ มันทำให้พี่เข้าใจอะไรหลาย ๆ อย่างในตัวหยกมากขึ้น แต่สำหรับหยก พี่ไม่แน่ใจ”

   “ตั๋นว่าหยกคงยังไม่แน่ใจตัวเอง พี่เสือก็ได้ยินที่พี่ภาคุยกับหยกนี่” ใช่...เขาได้ยิน หยกเปลี่ยนไปเพื่อเขาเช่นกัน เพียงแต่หยกไม่รู้ตัวว่าตัวเองกำลังเปลี่ยนเท่านั้น “ฮั่นแน่...ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ดีใจล่ะสิ ผิดกับก่อนไปค้างที่เกาะลิบลับเลยนะคะ”

   “ต้องขอบคุณคุณภานะ ที่ช่วยให้พี่มั่นใจมากขึ้น”

   “ตั๋นก็ต้องขอบคุณพี่เสือ”

   “ขอบคุณพี่?”

   “ใช่ค่ะ ก็ถ้าไม่เป็นเพราะพี่เสือ ตั๋นคงไม่เห็นหยกมีความสุขแบบนี้ หยกคงจะเป็นหยกเย็น ๆ ชิ้นหนึ่งที่ไม่มีชีวิตชีวา”

   “เหมือนสีของเมฆาขาวที่หยกห้อยอยู่สินะ”

   “จริงสิ!! เหมือนจริง ๆ ด้วย พี่เสือช่างสังเกตจัง”

   “ถ้าจำไม่ผิด ของตั๋นเหมือนจะออกสีชมพูนิด ๆ มันสะท้อนถึงตัวตนของตั๋นมากนะ”

   “ตั๋นไม่เคยนึกถึงเรื่องนี้มาก่อนเลย การที่เมฆาขาวซึมซับเลือดของพวกเรา เป็นไปได้ไหมค่ะว่า สีของมันเปลี่ยนไปเพราะเจ้าของที่ห้อยมันอยู่”

   “อืม...ก็มีความเป็นไปได้นะ ของหงส์สีออกจะฟ้าอ่อนๆ...ใช่ไหม” โบตั๋นพยักหน้ารับ

   “เป็นเหมือนน้ำเลยนะ ที่คอยล่อเลี้ยงตั๋นกับหยก”

   “เปรียบเทียบได้ดี แต่พี่เริ่มสงสัยแล้วสิ ว่าเนื้อแท้ของเมฆาขาวมันเป็นสีอะไรกันแน่”

   “ตั๋นอยากไปเกาลูนเร็ว ๆ แล้วสิ”

   “จุ๊ ๆ เบาหน่อยสิ”

   “อุ๊บ ขอโทษค่ะ” โบตั๋นตะครุบปากตัวเองพร้อมกระซิบขอโทษเบา ๆ ทำให้พยัคฆ์ได้แต่ส่ายหน้า

   “มาทานข้าวกันได้แล้วจ้า...” หงส์ที่ยกอาหารบางส่วนมาที่โต๊ะอาหาร พร้อมร้องเรียกพวกเขา

   “ทานเยอะ ๆ เลยนะพี่เสือ” โบตั๋นพูดก่อนกระซิบประโยคถัดไปที่ทำให้อกเขาพองโตจนแทบระเบิดออกมา “มื้อนี้หยกตั้งใจทำอาหารให้พี่เสือ สุดฝีมือเลยนะคะ”

.........................................................................

   หลังจากรับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อย ระหว่างที่หยกกำลังเก็บล้างทำความสะอาดภายในครัวนั้น หงส์ก็คุยเรื่องหยกกับพยัคฆ์ และเพื่อเป็นการเกริ่นให้หยกเตรียมตัวด้วย

   “เจ็กลู่คงได้คุยกับอากรเรียบร้อยแล้ว เรื่องของหยก”

   “ผมก็ว่าอย่างนั้น แล้วเจ้าตัวล่ะ หงส์จะบอกเขาวันนี้เลยไหม?”

   “หงส์ตั้งใจไว้อย่างนั้นค่ะ”

   “เจ่เจ้จะให้หยกไปพักที่บ้านอากรเมื่อไรค่ะ?”

   “เร็วที่สุดก็ยิ่งดีนะ เพื่อจะเลี่ยงไม่ให้หยกสัมผัสความรู้สึกของพวกเราและจะได้มีเวลาจัดการอะไร ๆ ได้มากหน่อย”

   “ว่าแต่หงส์จะบอกหยกยังไง ที่จะให้เขาไปอยู่ที่บ้านผมน่ะ”

   “เรื่องนี้ตั๋นคิดไว้แล้วค่ะพี่เสือ แต่พี่เสือต้องเออออไปกับตั๋นนะคะ” พยัคฆ์พยักหน้ารับเล็กน้อย “หยก!! เสร็จรึยังน่ะ?” โบตั๋นถามหยกจากโต๊ะอาหาร

   “อื้ม อีกเดี๋ยวนะ” เสียงหยกตอบมาจากในครัว

   “อาทิตย์หน้าตั๋นก็จะจบแล้ว เดิมที่เจ่เจ้กับพี่ภาจะจัดปาร์ตี้ฉลองให้ตั๋นใช่ไหม?” โบตั๋นหันไปถามหงส์

   “ภาคงไม่ทันระวังตัว โดนโบตั๋นล้วงความลับซะแล้วสินะ” เธอพูดยิ้ม ๆ

   “นั่นต้องขอบคุณพี่ภานะ ทำให้ตั๋นนึกแผนนี้ขึ้นมาได้น่ะ” โบตั๋นกระซิบเบา ๆ ท่าทางตื่นเต้น

   “แล้วมันเกี่ยวกันยังไง?” พยัคฆ์ถาม

   “น้า...พี่เสือนะ ตั๋นขอยืมบ้านพี่เสือจัดปาร์ตี้หน่อยนะคะ” โบตั๋นร้องด้วยน้ำเสียงอ้อนๆ ขึ้นมา เมื่อเห็นหยกเดินออกมาจากห้องครัว บวกกับสิ่งที่เธอสัมผัสได้ ทำให้หงส์เข้าใจทันที

   “ตั๋นอย่าเอาแต่ใจสิ ให้พี่เสือ เขาไปขออนุญาตกับอากรก่อนสิ”

   “ทำไมตั๋นถึงอยากไปปาร์ตี้บ้านพี่เสือล่ะ แล้วจัดเนื่องในโอกาสอะไร?” หยกที่เพิ่งเข้ามานั่งที่โต๊ะอาหารถามขึ้น

   “ก็ที่ตั๋นเรียนจบไง แล้วก็ตั๋นไม่อยากไปที่ร้านอาหารนี่นา...หยกก็รู้ว่าเวลาพี่ภากับเจ่เจ้เลี้ยงทีไร ไม่พ้นร้านพี่กันต์ แล้วพอเป็นร้านพี่กันต์ หยกก็ไม่ได้ทำอาหารเพราะมัวเกรงใจพี่แก้วกับพี่อาร์ท ตั๋นเรียนจบทั้งที ตามใจตั๋นบ้างสิ”

   “มันก็ตามใจได้อยู่หรอก แต่ทำไมต้องเป็นบ้านอากรกับพี่เสือล่ะ ไปรบกวนเขาไม่ดีนะ” หงส์แกล้งเล่นไปตามเรื่อง

   “อ่าว เจ่เจ้ บ้านพี่เสือมีสวนด้านนอก จัดที่สวนจะได้ไม่วุ่นวายในบ้านไงค่ะ อีกอย่างเจ็กลู่ก็อยู่ที่นั่น อากร พี่เสืออีก คนกันเองทั้งนั้น”

   “ผมว่าอากรคงไม่ว่าอะไรหรอกหงส์ ดีซะอีก บ้านจะได้มีชีวิตชีวามาขึ้น”

   “เห็นไหมค่ะ?”

   “อีกอาทิตย์เดียว หยกจะไปเตรียมอะไรทัน พรุ่งนี้ก็ต้องไปสอนกับทำงานร้านพี่กันต์นะ” หงส์ยังคงทักท้วง

   “ไม่เห็นจะยากเลย พรุ่งนี้ก็ให้พี่เสือมารับหยกไปค้างที่บ้านสิ เจ็กลู่ก็อยู่ หยกจะได้เตรียมงานได้ไงล่ะ”

   “ตั๋น เฮียว่าไม่เหมาะนะ อยู่ ๆ ไปใช้พื้นที่บ้านอากร แล้วยังจะให้พี่เข้าไปอยู่ที่นั่นอีก” หยกเริ่มมีท่าทีอึดอัด

   “เมื่อกี้พี่เสือก็บอกแล้วไงว่าไม่เป็นไร หยกทำให้ตั๋นไม่ได้หรอ?”

   “ใจพี่ก็อยากให้หยกไปพักที่บ้านพี่นะ อยากจะพาไปตอนนี้เสียด้วยซ้ำ เอ้...หรือว่าหยกชอบบรรยากาศที่คอนโดพี่มากว่า”

   “พี่เสือ!!” หยกร้องเสียงหลง

   “ถ้าอย่างนั้นก็เอาตามนี้ก็ได้” หงส์สรุปให้ “เจ่เจ้ว่าหยกคงไม่อยากไปค้างที่คอนโดคุณเสือหรอกใช่ไหมจ๊ะ”

   “เจ่เจ้!!”

   “ทำไมหยกต้องหน้าแดงด้วยล่ะ?” โบตั๋นแกล้งแซว

   “ไม่มีอะไรสักหน่อย”

   “แล้วหงส์จะให้หยกไปพักที่บ้านผมเมื่อไรล่ะ?”

   “ตามที่โบตั๋นบอกก็ดีนะคะ เป็นเย็นวันพรุ่งนี้ แต่คุณเสือแวะมาทานข้าวเย็นที่บ้านก่อนนะคะ แล้วค่อยไปกัน”

   “อืม... พรุ่งนี้ผมชวนอากรกับอาชาติมาทานข้าวด้วยกันที่นี่ดีกว่า เผื่อว่าจะได้คุยเรื่องงานฉลองเรียนจบของโบตั๋น”

   “เย้...ตกลงตามนี้นะหยก นะๆๆ” โบตั๋นอ้อนหยกอีกครั้ง ก่อนที่หยกจะพยักหน้ารับน้อย ๆ

.........................................................................

   ผมออกมาส่งพี่เสือที่หน้าประตูรั้ว ค่ำนี้ผมสัมผัสได้ถึงอารมณ์ของทุกคนที่ล้วนมีความสุข พี่เสือกับโบตั๋นดูจะตื่นเต้นกันเป็นพิเศษ 

   “พรุ่งนี้เช้าพี่มารับหยกไปส่งที่สถาบันนะครับ”

   “ครับ...”

   “หยกไม่อยากไปค้างที่บ้านพี่หรอ?” พี่เสือพูดพร้อมกับสอดมือเข้าใสในฝ่ามือของผม

   “ไม่ใช่อย่างนั้น เพียงแต่...”

   “เพียงแต่อะไรครับ” พี่เสือพูดพร้อมกับขยับเข้ามาใกล้ผมมากขึ้น “ถ้าหยกไม่พูดออกมา พี่ก็ไม่รู้ ไม่เข้าใจว่าหยกคิดอะไรอยู่นะนะ”

   “หยกเกรงใจอากร กับพี่เสือ”

   “ไม่เห็นต้องเกรงใจเลย พี่ว่าหยกกลัวพี่มากกว่า”

   “ไม่ใช่ครับ หยกไม่ได้กลัวนะ...หยกรู้สึกว่ามันเร็วไปที่จะไปค้างบ้านพี่เสือ”

   “เร็วยังไง คนที่เขารู้จักกัน จะไปค้างด้วยกันบ้างก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลย อีกอย่างหยกก็ค้างกับพี่ตั้งหลายครั้งแล้ว ทั้งที่นอนเตียงเดียวกัน แล้วก็แยกเตียงกันนอน”

   “พี่เสือ!!”

   “หยกอายพี่หรอครับ?” ผมพยักหน้าเล็กน้อย เป็นการยอมรับในที่สุด “หยก รังเกียจพี่ไหมครับ?”

   “ห๊ะ!!...ทำไมพี่เสือคิดแบบนั้นล่ะครับ” ผมเงยหน้ามองพี่เสือ แปลกใจกับคำถามนั้น ผมสัมผัสไม่ได้ถึงความกังวลในจิตใจพี่เสือเลยสักนิด แต่ทำไมพี่เสือถึงถามผมแบบนี้

   “ก็พี่เป็นผู้ชาย...ที่รัก...ผู้ชายด้วยกัน...อย่างหยก”

   “พี่เสือ...” ผมคงพลาดให้กับพี่เสืออีกแล้ว พลาดให้เขามีโอกาสบอกรักผมอีกครั้ง กว่าผมจะรู้สึกตัว ผมก็โดนพี่เสือจูบเบา ๆ ที่ปลายจมูก “พี่เสือ!!” ผมตกใจจนต้องหันกลับเข้าไปมองในบ้าน เพราะกลัว่าเจ่เจ้หรือโบตั๋นจะเห็นเข้า

   “ก็พี่ชอบจมูกเรานี่”

   “พี่เสืออ่ะ”

   “เรียกพี่หลายครั้งแบบนี้ หรือว่าอยากให้พี่จูบราตรีสวัสดิ์ด้วยไหมครับ”

   “ไปเลยนะ กลับบ้านไปได้แล้ว” ผมพูดพร้อมกับดันไหล่พี่เสือเบา ๆ ให้เขาหันหลัง ก่อนดันให้เดินออกนอกประตูรั้วบ้านไป

   “ครับ ๆ ไปก็ได้ แต่...พรุ่งนี้พี่ต้องได้...จูบราตรีสวัสดิ์เรานะ” พี่เสือกระซิบข้างหูผม ก่อนจะเดินขึ้นรถตัวเองไป

   ผมยืนส่งพี่เสือจนรถแล่นออกไปแล้ว แต่ผมยังไม่สามารถเดินกลับเข้าบ้านไปได้ทั้ง ๆ ที่หัวใจของผมยังเต้นผิดปกติอยู่อย่างนี้ ต้องโทษพี่เสือคนเดียว!!

To Be Continue

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: หยก 16-12-17 {{:::35:::}}
« ตอบ #129 เมื่อ: 16-12-2017 16:12:50 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: หยก 16-12-17 {{:::35:::}}
«ตอบ #130 เมื่อ17-12-2017 19:03:41 »

โธ่ นึกว่าจะได้จูบราตรีสวัสดิ์ซะอีก

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: หยก 16-12-17 {{:::35:::}}
«ตอบ #131 เมื่อ17-12-2017 20:24:25 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ fahsai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 815
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
Re: หยก 16-12-17 {{:::35:::}}
«ตอบ #132 เมื่อ17-12-2017 20:43:37 »

เริ่มหวานแล้ว

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: หยก 16-12-17 {{:::35:::}}
«ตอบ #133 เมื่อ17-12-2017 20:46:08 »

 :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3:


ออฟไลน์ Amo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-1
Re: หยก 18-12-17 {{:::36:::}}
«ตอบ #134 เมื่อ18-12-2017 15:10:30 »

36

   สิ่งที่โบตั๋นเห็นมันทำให้เธอเขินแทนหยก เธอไม่ได้ตั้งใจจะแอบดูหยกกับพี่เสือ แต่ก็อดอยากรู้ไม่ได้ว่า เวลาสองคนนั้นเขาอยู่ด้วยกันแล้วจะเป็นยังไง ผู้ชายหน้าดุอย่างพี่เสือ ไม่คิดว่าจะมีท่าทีอ่อนโยนกับหยกได้ถึงขนาดนี้ แต่ก็ยังไม่สิ้นลายแมวหง่าว ดูสิหยกเลยไม่กล้าเข้ามาในบ้านเลย คงมัวแต่ยืนอายอยู่ตรงนั้น

   “ไหนว่าคุณเสือสอบผ่านแล้วไง ทำไมยังมาคอยแอบดูเขาอีก” เสียงเจ่เจ้ลอยมาจากห้องนั่งเล่นด้านใน

   “เจ่เจ้ เบา ๆ สิ เดี๋ยวหยกก็ได้ยินกันพอดี” เธอว่าพร้อมรีบสาวเท้าเข้าไปในห้องนั่งเล่นทันที

   “แล้วยังไง ยังไม่ไว้ใจคุณเสือเขาอีกหรอ?”

   “ถ้าไม่ไว้ใจ ตั๋นคงไม่ปล่อยให้หยกไปค้างบ้านอากรหรอก ตั๋นรู้นะว่าพอหยกเข้าไปบ้านนั้น พี่เสือก็จะกลับมานอนบ้านด้วย ไม่ไปนอนที่คอนโดของเขาแล้ว”

   “รู้อย่างนั้นแล้วจะไปแอบดูเขาทำไมกัน”

   “ตั๋นแค่อยากรู้ ว่าเวลาสองคนนี้เขาอยู่ด้วยกัน เขาจะสวีทหวานกันไหม?”

   “เรานี่สอดรู้สอดเห็นเกินไปแล้วนะ แก่แดดจริง”

   “เจ่เจ้อ่ะ...”

   “เรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องระหว่างคนสองคนนะ ดังนั้นเจ่เจ้อยากจะเตือนเรา ไม่ให้เข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้มากนัก สักวันหนึ่งหยกก็จะเรียนรู้ได้ด้วยตัวหยกเอง เหมือนกับที่ตั๋นยอมรับคุณเสือเขาได้ยังไงล่ะ”

   “รู้แล้วล่ะค่ะ เดี๋ยวนี้ตั๋นก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งแล้วไง แล้วตั้งแต่พรุ่งนี้ตั๋นคงไม่ค่อยได้เจอหยกกับพี่เสือแล้วด้วย แล้วพอพ้นอาทิตย์หน้า...”

   “เจ่เจ้รู้...ว่าเราสามคนไม่เคยต้องห่างกันนาน ๆ เลย”

   “ตั๋นจะรีบไปรีบกลับค่ะ แล้วจะตามหาคนสกุลเหมิ๋นและสืบค้นเรื่องเมฆาขาวมาให้ได้ ตั๋นก็อยากรู้เหมือนกันว่าพี่เสือจะชำระล้างเมฆาขาวได้ยังไง”

   “เจ่เจ้หวังว่ามันจะเป็นวิธีการที่ไม่อันตรายนะ”

.........................................................................

   ลตาขอเดินทางกลับมาประเทศไทยก่อนเจ้าสัวเซียงโดยอ้างว่าต้องมาสะสางเรื่องของวรากร ซึ่งเจ้าสัวเซียงก็ไม่ได้ทักท้วงอะไร ตลอดสิบกว่าวันที่เธอติดตามเจ้าสัวเซียงไปโน่นมานี่ที่ฮ่องกง ทำให้เธอรู้ว่าทายาทสกุลฝู่ที่หายไปอย่างไร้ร่องรอยเมื่อ 20 กว่าปีก่อนยังคงมีชีวิตอยู่

   เจ้าสัวเซียงเข้าไปที่สกุลฝู่ และบอกคนในนั้นเพียงแค่ว่า เขาเจอฝู่หงส์แล้วและต้องการให้ลูกชายของตัวเองแต่งงานกับฝู่หงส์ แต่ทางตระกูลฝู่กลับต้องการให้เจ้าสัวตามหาฝู่หยงให้ได้ก่อน

   ถ้าเธอจำไม่ผิดเมื่อ 20 ปีก่อนฝู่หลินตายอย่างปริศนาระหว่างการสอบสวน บางข่าวก็บอกว่าเธอตายเพราะมีคนวางยา บ้างก็ว่าเพราะเธอเพิ่งคลอดลูกคนที่ 3 บ้างก็ว่าเธออับอายเกินกว่าจะมีชีวิตอยู่ จึงกินยาฆ่าตัวตาย

   หลังจากที่เธออาบน้ำเรียบร้อย แทนที่เธอจะพักผ่อน เธอกลับเดินไปยังโต๊ะทำงาน สิ่งที่เธอต้องสืบหายังมีอีกมาก เธอสัมผัสใต้โต๊ะเบา ๆ จนเกิดเสียง คลิ๊ก ก่อนที่จะใช้มือกดเบา ๆ บนโต๊ะส่วนที่บุหนังสำหรับรองเขียน จนมันเปิดขึ้น เธอดึงซองเอกสารออกมานั่งอ่านมันอีกครั้ง

   ถ้าเธอเดาไม่ผิด เด็กที่เธอเจอที่ค่ายมวยนั่น น่าจะเป็นฝู่หยงอย่างไม่ต้องสงสัย แต่เป็นเพราะอะไรกัน ทำไมเจ้าสัวเซียงถึงบอกกับสกุลฝู่ว่ายังหาฝู่หยงไม่พบ ตามของ ไม่ต้องสนคน เจ้าสัวต้องการอะไรกันแน่...

.........................................................................

   พยัคฆ์เดินถือกระเป๋าเดินทางเข้ามาในบ้าน ก่อนเด็กในบ้านจะเอาไปเก็บให้ เขาเดินตรงไปยังห้องทำงาน เพราะคิดว่าอาทั้งสอง น่าจะยังปรึกษากันอยู่ เขาเคาะประตูเล็กน้อยก่อนเดินเข้าไป และก็เป็นไปตามคาด ทั้งสองยังอยู่ในห้องนี้จริง ๆ และถ้าเดาไม่ผิด ทั้งสองคงมีเรื่องเถียงกันอีกแน่ ๆ

   “อ่าว มาแล้วหรอไอ้เสือ อานึกว่าแกจะเข้ามาพรุ่งนี้เสียอีก”

   “ครับ ว่าแต่อากรไปขัดใจอะไรอาชาติอีกละครับ อาชาติถึงได้หน้างอขนาดนั้น”

   “ไม่ได้ขัดใจ ต้องเรียกว่าอ้อนวอนมากกว่า”

   “ห๋า!!”

   “คุณเสือยังไม่ไปพัก แสดงว่ามีเรื่องจะคุยกับพวกอาใช่ไหม?” อาชาติถามตัดบทอากรขึ้นมา

   “ครับ พอดีโบตั๋นวางแผนให้หยกมาพักที่นี่ชั่วคราวได้สำเร็จน่ะครับ”

   “อ่อ แล้วหยกจะมาเมื่อไรล่ะ อาจะได้ให้คนจัดห้องไว้ให้”

   “พรุ่งนี้ครับ แล้วผมจะชวนอากรกับอาชาติไปทานข้าวที่บ้านหยกคืนพรุ่งนี้ด้วย”

   “อืม ไปสิ ว่าแต่หยกไม่ได้สงสัยอะไรใช่ไหม?”

   “ไม่ครับ โบตั๋นอ้างเรื่องงานเลี้ยงฉลองเรียนจบของเธอ มาขอใช้บ้านเราจัดงาน เลยให้หยกมาค้างเพื่อเตรียมงานครับ”

   “แล้วหลังจากนั้นล่ะ?” อาชาติถามขึ้นมาบ้าง

   “หลังจากนั้นก็คงต้องตะล่อมให้หยกอยู่ที่นี่ไปก่อน”

   “จริงสิ คนของอาที่เฝ้าอยู่ที่คอนโดของลตา รายงานมาว่า เธอเพิ่งกลับมาเมื่อเช้านี้นะ”

   “แล้วเจ้าสัวล่ะครับ?”

   “ยังไม่มีวี่แววนะ เห็นแต่นายเกรียงไกร”

   “อาชาติจะเอายังไงเรื่องนายเกรียงไกรครับ” พยัคฆ์ได้ยินชื่อนี้ก็อดโมโหขึ้นมาไม่ได้

   “เรื่องนั้นปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคุณภาจัดการ ระหว่างที่อา หงส์ และโบตั๋นไม่อยู่ คุณเสือคงต้องช่วยดูแลหยกไปก่อน ผมคงไม่ต้องขอให้คุณกลับมาค้างที่บ้านนี้หรอกนะ" พยัคฆืพยักหน้าเล็กน้อย  "และคอยระวังทั้งนายเกรียงไกร กับนายเมฆ ช่วงนี้ค่อนข้างน่าเป็นห่วงเพราะโฆษณาตัวล่าสุดที่หยกกับหงส์ไปถ่ายมายังไม่ออก มันอาจจะใช้จังหวะนี้เล่นงานหยกอีกหน”

   “ครับ ผมเข้าใจ”

   “อาคุยกับอาหลิวไว้ ว่าหลังจากนี้จะให้ เอ เก่ง ต้น ต้า มาช่วยงานนี้ด้วย”

   “อ่อ ผมขอให้คีมาช่วยโบตั๋นสืบเรื่องเมฆาขาวอีกแรงครับ”

   “อืม อาหลิวคุยกับอาแล้ว ว่าแต่โบตั๋นจะเดินทางเมื่อไร” อากรหันไปถามอาชาติ

   “เดินทางพร้อมกับหงส์”

   “ถ้าอย่างนั้น ให้เอ ต้ามาอยู่ที่นี่คอยช่วยแกนะไอ้เสือ เก่งกับคีให้เดินทางไปกับโบตั๋น ส่วนฉันกับต้นจะไปกับหงส์”

   “เฮีย...มันอันตรายนะ”

   “มีแต่เฮียเท่านั้นที่สามารถพาหงส์เข้าไปในสกุลฝู่ได้”

   “อั๊วก็พาเข้าไปได้เหมือนกัน”

   “ไม่ได้ เฮียบอกแล้วใช่ไหม หลิวไม่ควรเผยตัวตอนนี้ คอยระวังหลังให้เฮียก็พอ แค่บอกให้คนของหลิวคอยติดต่อกับเฮียกับหงส์โดยตรงด้วย” ที่แท้อากรกับอาชาติก็เถียงกันเพราะเรื่องนี้นี่เอง

   “อาชาติไม่ต้องเป็นห่วงอากรไปหรอกครับ”

   “ไม่ได้ห่วงสักหน่อย อาแค่กลัวกว่าเฮียจะทำเสียแผน” เขาเห็นอาชาติมีอาการเขินเล็กน้อย ถึงจะไม่ชัดเจนเท่าหยก แต่เขาก็สังเกตุเห็นได้

   “ถ้าเป็นเรื่องนี้ยิ่งไม่ต้องห่วงครับอาชาติ ผมรับรองว่าอากรไม่ทำให้แผนอาชาติพังแน่นอนครับ”

   “เฮียไม่เหมือนแต่ก่อนแล้วนะ หลิวก็รู้”

   “ก็แล้วแต่เฮียแล้วกัน” อาชาติพูดจบก็ลุกจากที่นั่ง แล้วออกจากห้องไปทันที

   “ระหว่างที่ฉันไม่อยู่ แกก็เข้าไปดูงานที่บริษัทฯ ด้วยแล้วกันนะ มีอะไรก็ให้คุณวรรณช่วย ฉันบอกคุณวรรณไว้แล้วเรื่องที่ฉันจะไม่อยู่สักระยะน่ะ ตอนนี้ฉันขอขึ้นไปง้อเมียก่อน” อากรพูดจบก็เดินตามอาชาติไป

.........................................................................

   เมื่อคืนโบตั๋นซักฟอกผมทั้งคืน เธอไม่ได้เข้ามาสัมผัสจิตผมเหมือนตอนที่อยู่พังงาแล้ว เธอจะถามผมแทน เธอดูจะตื่นเต้นไปซะทุกเรื่องที่ผมเล่า กว่าเธอจะหลับได้ก็ล่วงเข้าไปอีกวัน เช้านี้ผมลงมาเตรียมอาหารเหมือนทุกวัน ต่างกันตรงที่เจ่เจ้ลงมาช่วยผม

   เจ่เจ้ดูแข็งแรงขึ้นมาก ผิวพรรณมีสีสันกว่าแต่ก่อน ติดตรงที่ยังดูผอมไปหน่อย ผมอยากดูแลเธอ อยากทำอาหารให้เจ่เจ้ทานเพื่อบำรุงร่างกาย แต่เพราะโบตั๋น ทำให้ผมยังไม่สามารถทำอะไรอย่างที่ใจคิดให้เจ่เจ้ได้ เจ่เจ้หันมายิ้มอ่อนให้กับผม

   “เจ่เจ้รู้ว่าหยกน่ารัก และเอาใจใส่เจ่เจ้เสมอ แต่เรื่องขุนให้เจ่เจ้อ้วนนี่ไม่ต้องก็ได้นะ”

   “แค่อยากให้เจ่เจ้ดูมีเนื้อมีหนังมากกว่านี้เอง ไม่ได้จะขุนให้อ้วนสักหน่อย”

   “เจ่เจ้สบายดีแล้ว ร่างกายก็ฝื้นตัวขึ้นตั้งเยอะเลยนะ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”

   “ครับ เดี๋ยวเย็นนี้หยกมาทำอาหารให้เจ่เจ้ทานนะ”

   “ไม่ต้องเลยจ๊ะ กว่าเราจะเสร็จงาน เดี๋ยวเจ่เจ้เตรียมเอง”

   “หยกอยากช่วย”

   “งั้นก็ช่วยทำตัวให้เป็นน้องชายที่ว่านอนสอนง่ายสำหรับเจ่เจ้ก็พอ”

   “ก็เป็นอยู่ทุกวัน”

   “จ้า ว่าแต่หยกไม่ทำเผื่อคุณเสือหรอ?” เจ่เจ้มองลงมาในหม้อข้าวต้มปลาที่ผมไว้ไว้สำหรับเราสามคนพี่น้อง

   “ของพี่เสือหยกเตรียมไว้แล้ว แต่ยังไม่เสร็จครับ”

   “หืม...คุณเสือไม่ทานข้าวต้มกับเราหรอ?”

   “ตอนเช้า ๆ พี่เสือมักจะทานแต่แซนวิชกับกาแฟครับ”

   “อ่อ...ถ้าอย่างนั้นหยกก็ไปทำแซนวิชให้คุณเสือเถอะ ข้าวต้มนี่เดียวพี่คนต่อให้เอง เจ่เจ้ว่าน้ำซุปปลาน่าจะได้ที่แล้วนะ”

   “ครับ งั้นหยกยกมาพักไว้ก่อนนะครับ”

   “จ้า”

   เจ่เจ้เป็นคนเดียวที่ผมไม่สามารถสัมผัสความรู้สึกอะไรได้ หากเธอไม่อยากให้รู้ เธอสามารถสัมผัสจิตใครก็ได้ในระยะที่ไกลมากๆ และสามารถส่งข้อความผ่านจิตได้ ส่วนโบตั๋น ตอนนี้เธอสามารถสัมผัสจิตของคนอื่นได้แล้ว มีเพียงแต่ผมเท่านั้น ที่ทำได้มากที่สุดก็แค่ปิดกั้นจิตตัวเองจากคนอื่นๆ ถ้าบังเอิญผมเจอกับผู้หญิงคนนั้นขึ้นมาอีก ผมจะเอาตัวรอดได้ไหม?

   “หยก”

   “ครับ”

   “เจ่เจ้ไม่ได้อยากละลาบละล้วงความคิดของหยกนะ แต่เรื่องนี้จะให้เจ่เจ้ไม่พูดคงไม่ได้” เจ่เจ้พูดทั้ง ๆ ที่ไม่ได้หันมามองผม ยังคงจดจ่อกับการคนข้าวต้ม

   “เจ่เจ้...”

   “เจ่เจ้อยากให้หยกเชื่อในสัญชาตญาณของตัวเอง อย่าเอาแต่พึ่งเมฆาขาวอย่างเดียว ก่อนหน้านี้หยกก็ไม่รู้ไม่ใช่หรอ? ว่าการที่หยกรับรู้ความรู้สึกของคนอื่นได้ นั่นเกิดจากเมฆาขาว”

   “ครับ”

   “หยกเป็นคนมีความสามารถนะ หยกสามารถเอาตัวรอดได้อยู่แล้ว ดังนั้นไม่ต้องคิดมากรู้ไหม?”

   “หยกแค่รู้สึกว่า...ช่วงนี้ตัวเองดูอ่อนแอ ทำให้เจ็กลู่ เจ่เจ้ แล้วก็ตั๋นเป็นห่วงตลอดเวลา แม้กระทั่งพี่เสือเอง” เจ่เจ้วางไม้คนลงก่อนเดินมาหาผมที่กำลังทำแซนวิชให้พี่เสืออยู่อีกมุมหนึ่งของครัว

   “หยกไม่ได้อ่อนแอหรอก ที่ทุกคนเป็นห่วงเพราะเขารักหยก และที่สำคัญหยกเป็นลูกชายคนเดียวของตระกูลฝู่ ซึ่งมันเหมือนเป็นดาบสองคม หยกเข้าใจที่เจ่เจ้พูดใช่ไหม” เจ่เจ้ใช้สองมือประคองหน้าผมไว้ให้จ้องมองไปยังใบหน้าของเจ่เจ้ ผมได้แต่พยักหน้าน้อย ๆ ก่อนดึงผมเข้าไปกอด

   “เจ่เจ้ คนพวกนั้น เขาอันตรายมากเลยหรอครับ” ผมถามทั้ง ๆ ที่ใบหน้ายังซบอยู่บนไหล่ของเจ่เจ้

   “...”

.........................................................................

   โบตั๋นตื่นสายจึงลงมาช้ากว่าปกติ ระหว่างจะเดินไปห้องอาหารก็ได้ยินเสียงเจ่เจ้กับหยกคุยกัน และจากการเข้าไปสัมผัสจิตของหยกมันทำให้เธอรับรู้ได้ถึงความกลัวที่เกิดขึ้นในใจของหยก

   หยกที่เคยดูแลปกป้องทุกคนมาตลอดกลับกลัวที่จะเป็นตัวถ่วงทำให้คนอื่นต้องมาคอยปกป้องดูแลตัวเอง ตั้งแต่จำความได้ เวลามีเรื่องมีปัญหาอะไร หยกมักจะดึงให้เธอไปหลบอยู่ข้างหลังเสมอเหมือนตอนที่อยู่ในซอยร้านขายยานั่น เวลาเจ่เจ้อาการกำเริบ หยกก็มักจะเป็นคนแรกที่เข้ามาดูแลเจ่เจ้ เธอมักจะรู้เรื่องทีหลังทุกทีอย่างครั้งล่าสุดที่เจ่เจ้เข้าโรงพยาบาล หยกก็ปิดเรื่องเจ่เจ้ไว้จนเธอพรีเซนต์โปรเจ็คเสร็จ

   เธอควรจะทำยังไงกับหยกดีนะ หยกถึงยอมปล่อยว่างซะบ้าง ไม่อย่างนั้น...หยกคงยึดติดอยู่กับเธอและเจ่เจ้ไปตลอด เสียงรถมาจอดเทียบที่หน้าบ้านทำให้เธอพอนึกอะไรออก จึงรีบวิ่งออกไปหน้าบ้านเพื่อรอรับเจ้าของรถคันนั้นทันที

   “พี่เสือ” เธอร้องเรียกเบา ๆ ไม่อยากให้คนในบ้านได้ยิน หรือที่จริงเธอไม่อยากให้หยกได้ยิน

   “หืม...ท่าทางจะมีธุระกับพี่สินะ มาดักรอถึงหน้ารั้วนี่”

   “ใช่ค่ะ เราเดินไปคุยกันที่สวนของหมู่บ้านแป๊บนึงได้ไหมค่ะ ตั๋นมีเรื่องจะปรึกษา”

   “แต่ตั๋นยังอยู่ในชุดนอนอยู่เลยนะ”

   “เหอะน่า!!...พี่เสืออย่าเรื่องมากไปหน่อยเลย”

   “เฮ้ย!!..พี่ไม่ได้เรื่องมาก พี่เห็นเราแต่งตัวไม่เรียบร้อย”

   “พี่เสือพูดเบา ๆ สิ”

   “อ่ะๆๆ ไปก็ไป” พยัคฆ์เดินกลับไปเปิดรถก่อนหยิบเอาเสื้อนอกลงมาและส่งให้กับเธอ เธอก็รับมาคลุมไหล่ตัวเองแต่โดยดี ชุดนอนเธอก็ไม่ได้วาบหวิวอะไรสักหน่อย เสื้อกับกางเกงสามส่วนลายการ์ตูนเข้าชุดกัน น่ารักจะตายไป เธอเดินนำพี่เสือมาจนถึงสวนสาธารณะเล็ก ๆ ในหมู่บ้านซึ่งอยู่ถัดจากบ้านเธอมาไม่เท่าไร

   “ตั๋นมีเรื่องอะไรหรอ?”

   “ตั๋นห่วงหยก”

   “ที่คืนนี้หยกจะไปอยู่บ้านพี่อ่ะนะ”

   “ไม่ใช่เรื่องนั้น...เรื่องความกลัวในใจหยกต่างหาก”

   “หรือว่าหยกกลัวที่จะไปอยู่ที่บ้านพี่?”

   “ไม่ใช่หรอก เรื่องที่เจ่เจ้เคยเล่าต่างหาก เช้านี้ตั๋นบังเอิญสัมผัสถึงความรู้สึกแบบนั้นได้อีก”

   “บังเอิญจริงอ่ะ?”

   “พี่เสือ!! ตั๋นซีเรียสอยู่นะ”

   “อ่ะๆ พี่ขอโทษ”

   “ตั๋นอยากให้พี่เสือช่วย”

   “เรื่องหยกพี่ยินดีช่วยอยู่แล้ว”

   “ตั๋นเข้าใจแล้วว่าทำไมเจ่เจ้ถึงอยากให้ตั๋นอยู่ห่างหยกช่วงนี้ เพราะหยกอยู่กับตั๋น หยกมักจะเปรียบเทียบตัวเองกับตั๋นตลอด และจะคิดว่าตัวเองด้อยกว่าตั๋น”

   “อืม พี่เข้าใจ”

   “ตั๋นอยากให้พี่เสือรักหยกมาก ๆ ทำให้หยกมีความสุข”

   “ตั๋น...เรื่องนี้ถึงตั๋นไม่ขอ พี่ก็เต็มใจทำมันอยู่แล้ว”

   “พี่เสือรู้ไหม...เวลาที่หยกอยู่กับพี่เสือนะ หยกมักจะลืมทุกสิ่งทุกอย่าง และจะไม่เปรียบเทียบตัวเองกับใคร ๆ จะคิดเพียงแต่ว่า จะแสดงออกยังไงให้พี่เสือไม่เข้าใจผิด คิดว่าหยกรังเกียจพี่”

   “หยกคิดมากขนาดนั้นเลยหรอ?”

   “ตั๋นก็เคยบอกพี่เสือแล้วว่าหยกพูดน้อย แถมยังแสดงออกไม่เก่งด้วย”

   “พี่รู้”

   “ระหว่างที่ตั๋นกับเจ่เจ้ไม่อยู่ ตั๋นฝากหยกไว้กับพี่เสือด้วยนะ”

   “พี่จะดูแลหยกอย่างดี พี่รับรอง”

   “แล้วก็อีกเรื่องนึง หยกถนัดแต่การต่อสู้ประชิดตัว หยกใช้อาวุธไม่เป็นนะ”

   “ตั๋นไปเอาความคิดนี้มาจากไหน”

   “ก็ตอนที่คุยกันที่บ้านพักนั่น ตั๋นบังเอิญสัมผัสได้จากจิตของเจ็กลู่ ตั๋นรู้ว่าการไปตระกูลฝู่ของเจ้เจ้คราวนี้เป็นเรื่องอันตรายมาก ไม่ใช่อันตรายต่อตัวเจ่เจ้ แต่กับหยกต่างหาก”      

To Be Continue

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: หยก 18-12-17 {{:::36:::}}
«ตอบ #135 เมื่อ18-12-2017 21:52:50 »

เอาใจช่วย หยก และ พี่ๆ นะจ๊ะ ขอให้ผ่านไปด้วยดี

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: หยก 18-12-17 {{:::36:::}}
«ตอบ #136 เมื่อ19-12-2017 17:47:59 »

 :pig4:

ออฟไลน์ Amo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-1
Re: หยก 20-12-17 {{:::37:::}}
«ตอบ #137 เมื่อ20-12-2017 16:06:03 »

37

   ครั้งแรกที่โบตั๋นเริ่มมีส่วนร่วมกับการปรึกษากันเรื่องตระกูลฝู่ และเมฆาขาว พยัคฆ์แปลกใจมากที่โบตั๋นขอไปสืบเรื่องราวของสกุลเหมิ๋นที่เกาลูนด้วยตัวเอง ตอนนั้นเขาแค่คิดว่าโบตั๋นคงเห่อกับทักษะใหม่ที่เพิ่งเรียนรู้ และอยากจะหาข้อมมูลเพิ่มเติมเพื่อพัฒนาความสามารถของตน เพราะหงส์เองก็เรียนรู้อะไรจากแม่ของเธอไม่ได้มากก็เกิดเรื่องขึ้นซะก่อน

   “พี่ถามอะไรตั๋นหน่อยได้ไหม?”

   “อะไรค่ะ?”

   “ทำไมตั๋นถึงอยากตามหาสกุลเหมิ๋น ทำไมถึงอยากรู้เรื่องเมฆาขาวนักล่ะ?”

   “ตั๋นว่า...ถ้าเราไม่มีเมฆาขาว...มันก็น่าจะดีซะกว่า ดังนั้นตั๋นจึงอยากจะตามหาคนสกุลเหมิ๋น ในเมื่อเขามีความสามารถแบบเรา เขาก็เหมาะที่จะดูแลเมฆาขาวทุกชิ้น ตั๋นไม่อยากให้ไปอยู่ในมือของพวกบ้าอำนาจอย่างบ้านฝู่”

   “แต่ก็ใช่ว่าทางเหมิ๋นจะไม่บ้าอำนาจเหมือนกันนี่”

   “ค่ะตั๋นรู้ แต่ตั๋นก็แค่อยากจะสืบหาก่อน”

   “แล้วถ้าตั๋นหาไม่เจอล่ะ”

   “ถึงตอนนั้นตั๋นคงต้องปรึกษาเจ่เจ้อีกทีค่ะ ว่าจะทำยังไงกับเมฆาขาวดี บอกตามตรงนะคะ ถ้าเกิดตั๋นแต่งงานมีลูก ตั๋นก็ไม่อยากให้ลูกต้องมาสัมผัสอะไรแบบนี้ พี่เสืออาจจะมองว่าตั๋นสนุก แต่จริง ๆ แล้วมันไม่สนุกเลย มัน...ออกจะผิดหวังเสียด้วยซ้ำ”

   เขาจำได้ว่าโบตั๋นเคยพูดว่าการที่ไม่สวมเมฆาขาวทำให้เธอรู้สึกสงบ ใช่ว่าทุกคนที่มีสัมผัสพิเศษไม่ว่าจะจากตัวเองหรือด้วยอำนาจของเมฆาขาวก็ตาม และก็ใช่ว่าทุกคนจะสามารถรับมือกับความสามารถพิเศษนั้นๆ ของตัวเองได้เสมอไป

   “ถ้าตั๋นมีเรื่องอะไรไม่สบายใจก็คุยกับพี่ได้นะ คิดซะว่าพี่เป็นพี่ชายอีกคน”

   “อ่าว! พี่เสือไม่อยากเป็นพี่เขยตั๋นแล้วหรอค่ะ?”

   “สลดได้ไม่เท่าไรเลยนะเรา แป๊บเดียวก็กลับมาทะลึ่งทะเล้นได้แล้ว”

.........................................................................

   หลังจากที่เพ็ญนภาเดินกลับมาถึงบ้านตัวเองเมื่อวานนี้ เธอก็รีบติดต่อขอเข้าพบคุณสุพรรณษาทันที โดยอ้างว่าเธอมีคอลเลคชั่นใหม่มานำเสนอ และต้องการนำของฝากไปกำนัลแต่คุณหญิงพรรณีด้วย ซึ่งเธอก็ได้รับการตอบรับจากคุณสุพรรณษาเป็นอย่างดี

   เธอไม่แน่ใจว่าวันนี้เธอจะได้พบกับคุณหญิงพรรณีอย่างที่คาดหวังไว้ไหม แต่เพื่อเป็นการไม่เสียเวลา วันนี้เธอควรจะพาหงส์ไปด้วย ระหว่างนี้เธอต้องจัดการให้หงส์กับคุณหญิงสนิทสนมกันโดยเร็วที่สุด ก่อนที่หงส์จะเดินทางไปฮ่องกง หลังจากนั้นเธอจะได้จัดการนายเกรียงไกรและเมฆได้อย่างสะดวก

   เพ็ญนภาเห็นรถของพยัคฆ์จอดอยู่ที่หน้าบ้าน ทำให้เธอต้องขับเลยไปจอดด้านข้างของสวนสาธารณะแทน ระหว่างที่จอดรถอยู่นั้น เธอเห็นพยัคฆ์และโบตั๋นนั่งคุยกันอยู่ในสวน หากทั้งสองออกมาคุยกันด้านนอกอย่างนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่องหยกเป็นแน่ เธอจึงเดินไปสมทบกับคนทั้งสอง

   “ปรึกษาเรื่องน้องหยกกันอยู่ใช่ไหมค่ะ” เธอทักหลังจากเดินเข้าไปใกล้ม้านั่งที่ทั้งสองนั่งอยู่

   “อ๊ะ!! พี่ภา มาแต่เช้าเลย...”

   “สวัสดีครับคุณภา”

   “คงเช้าไม่เท่าคุณพยัคฆ์หรอกจ๊ะ”

   “พี่เสือน่ะ ใจเขามาก่อนตัวอีกคะพี่ภา”

   “จริงสินะ หัวใจเขาอยู่บ้านนี้นี่น้า...”

   “ก็แค่ตอนนี้แหละค่ะ เดี๋ยวคืนนี้หัวใจพี่เสือคงจะได้ไปอยู่ใกล้ ๆ ตัวเขาแล้ว”

   “น้องโบตั๋นหมายความว่า...”

   “ค่ะ เจ่เจ้กับตั๋นจัดการให้หยกไปพักบ้านพี่เสือได้แล้ว”

   “ว๊าว รวดเร็วดีจังเลยนะคะ”

   “แล้วที่คุณภามาแต่เช้า คงธุระกับหงส์สินะครับ”

   “ใช่ค่ะ วันนี้ภาจะรับหงส์ไปบ้านคุณหญิงพรรณี”

   “พี่ภาก็ทำงานเร็วนะคะ ตั๋นนึกว่าอีก 2-3 วันซะอีก”

   “พี่เองก็ยังไม่แน่ใจหรอกค่ะว่าวันนี้จะได้พบคุณหญิงท่านไหม”

   “ผมว่าไม่เป็นไรหรอกครับ ถ้าระหว่างนี้คุณภามีอะไรให้ผมช่วยก็บอกมาได้เลยนะครับ”

   “ค่ะ ภาว่าคงต้องพึงคุณพยัคฆ์ในหลาย ๆ เรื่องเลยค่ะ ยิ่งเป็นเรื่องนายเมฆด้วยแล้ว”

   “เราควรบอกเรื่องนี้กับเจ้เปิ้ลหรือพี่โอ๋ไหมค่ะ?”

   “พี่ว่าอย่าเพิ่งจะดีกว่าค่ะ เราค่อย ๆ ทำงานของเราไปอย่างเงียบ ๆ แบบนี้น่ะดีแล้ว เมื่อถึงเวลาพี่จะเป็นคนบอกพวกเขาเอง”

   “เราเข้าบ้านกันดีกว่าค่ะ ตั๋นออกมานานแล้ว เออ!! พี่ภาทานอะไรมารึยังค่ะ?”

   “เรียบร้อยมาแล้วจ๊ะ แต่ถ้าได้กาแฟฝีมือน้องหยกสักแก้วจะดีมากเลย”

.........................................................................

   ภายในสวนของบ้านหลังหนึ่ง ชายชรายืนมองดูปลาคราฟ ว่ายทวนกระแสน้ำอยู่ภายในบ่อขนาดใหญ่ที่เขาเป็นคนสร้างขึ้น ปลาที่เขาเลี้ยงมาตั้งแต่ตัวเล็กๆ จนกระทั่งตอนนี้ตัวมันใหญ่เกินกว่าข้อศอกของเขาแล้ว ปลาคราฟรุ่นแล้วรุ่นเล่า เขาเลี้ยงมันมากี่รุ่นแล้วนะ จนกระทั่งตอนนี้ เขายังไม่เจอหรือได้ยินข่าวคราวในสิ่งที่เขาตามหา

   “นายท่านค่ะ โทรศัพท์ทางไกล จากคุณหนูค่ะ” หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมโทรศัพท์ไร้สายในมือ

   “อืม” ชายชราว่าก่อนรับโทรศัพท์ ดวงตาที่หม่นแสงมาเนินนานกลับเป็นประกายขึ้นหลังจากได้ยินเสียงคนในสาย เมื่อส่งโทรศัพท์คืนให้สาวใช้ เขาก็เดินตรงไปยังห้องหนังสือที่อยู่อีกปีกหนึ่งของตัวบ้านทันที

   ชายชราเดินไปยังแผนผังตระกูลที่ใส่กรอบแขวนไว้บนผนังหลังโต๊ะทำงาน ก่อนขยับกรอบรูปของแผนผังเล็กน้อย เผยให้เห็นเซฟเล็กด้านใน เขาเปิดเซฟและเอากล่องกำมะหยี่ใบหนึ่งออกมา กล่องที่หลับใหลอยู่ในตู้เซฟนี้มานาน ในที่สุดความปรารถนาสุดท้ายของเขาก็ใกล้จะเป็นจริง เมื่อฝากล่องถูกเปิดขึ้น ภายในคือหยกสีเขียวมรกต 3 ชิ้นตัดกับกำมะหยี่สีแดงสด หยกที่ถูกสลักเป็นรูปสัตว์ในตำนานขนาดพอเหมาะ

.........................................................................

    วันนี้ที่บ้านผมคึกคักเป็นพิเศษ พี่เสือมารับผมแต่เช้า ส่วนพี่ภาก็จะมารับเจ่เจ้และโบตั๋นไปที่ห้องเสื้อ ผิดกับแต่ก่อนที่ผมจะนั่งทานกับเจ่เจ้กันอย่างเงียบ ๆ ส่วนโบตั๋นก็มักจะลงมาทานเป็นคนสุดท้าย เพราะเธอไปเรียนช่วงสายๆ

   เจ่เจ้ดูมีชีวิตชีวามาก มันทำให้ผมดีใจ และพี่ภาเองก็ดูตื่นเต้นที่จะได้พาเจ่เจ้ไปไหนต่อไหน โดยไม่ต้องห่วงอาการของเจ่เจ้อีกต่อไป

   “นี่ตัว ภาว่าตัวน่าจะไปเที่ยวบ่อย ๆ นะ เอาให้คุ้มกับที่ต้องเจ็บออดๆ แอดๆ มานาน” พี่ภาพูดขึ้นระหว่างที่เราทานอาหารเช้ากันอยู่

   “ก็เพิ่งเที่ยวกลับมาเมื่อวาน ตัวจะให้หงส์ไปเที่ยวที่ไหนอีกล่ะ?”

   “ก็แค่บอกไว้เท่านั้นเอง”

   “พี่ภาพูดแบบนี้ แสดงว่าอยากชวนเจ่เจ้ไปเที่ยวไหนแน่ ๆ เลย ใช่ไหมค่ะ?”

   “ก็นิดหน่อยนะ พี่ว่าน้องโบตั๋นก็น่าจะอยากไป”

   “ตั๋นน่ะหรอค่ะ?”

   “ใช่แล้วจ๊ะ”

   “โหย...ตั๋นอยากรู้แล้วล่ะว่าที่ไหน?”

   “เดือนนี้จะมีงานแฟชั่นวีคของดีไซน์เนอร์ชื่อดังจากดีซี เขามาจัดงานที่ญี่ปุ่น และไต้หวัน”

   “จริงหรอค่ะ แล้วพี่ภาจะไปที่ไหนค่ะ?”

   “เห็นไหม น้องตัวตื่นเต้นใหญ่เลย” พี่ภาไม่วายแซวโบตั๋นต่อหน้า

   “แล้วมันจะกระทบกับตั๋นไหม ช่วงอาทิตย์นี้ตั๋นยุ่งทั้งอาทิตย์เลยนะ” ผมไม่รู้ข่าวคราวเรื่องงานแฟชั่นอะไรนี่หรอกครับ ห่วงก็แต่เรื่องโปรเจ็คจบของตั๋น

   “นั่นสิค่ะพี่ภา ตั๋นยังต้องรอผลตรวจโปรเจ็คอยู่นะคะ”

   “ไม่กระทบแน่นอนจ้า ถึงงานที่ไต้หวันจัดอาทติย์นี้ แต่ที่ญี่ปุ่นจัดอาทิตย์หน้า ดังนั้นพี่เลยว่าจะไปที่ญี่ปุ่นแทน”

   “เจ่เจ้...ไปด้วยกันไหมค่ะ หยกด้วย”

   “เฮียขออยู่เฝ้าบ้านก็แล้วกันนะ เกรงใจพี่ศักดิ์ แล้วก็พี่กันต์ ครั้งที่แล้วก็หยุดไปเป็นอาทิตย์เลย”

   “ถ้าอย่างนั้น หลังจากเสร็จงานเลี้ยงฉลองเรียนจบของจตั๋น หยกก็อยู่บ้านพี่ไปก่อนจนกว่าหงส์กับโบตั๋นจะกลับจากญี่ปุ่นก็แล้วกันนะ”

   “ไม่เป็นไรครับพี่เสือ หยกเกรงใจ”

   “แต่พี่เป็นห่วง ไม่อยากให้เราอยู่บ้านคนเดียว หงส์จะว่ายังไงครับ”

   “หงส์ว่าก็ดีนะคะ หงส์จะได้ไม่เป็นห่วงมาก”

   “เย้...ได้เที่ยวงานแฟชั่นวีคแล้ว” โบตั๋นดูตื่นเต้นดีใจมากเลยครับ แต่เหมือนจะมีพี่เสือที่กังวลอยู่คนเดียว

   “สรุปแล้วตัวตกลงไปเที่ยวญี่ปุ่นกับภานะ”

   “ก็มาหลอกล่อโบตั๋นซะขนาดนี้ ตัวจะให้หงส์ปฏิเสธยังไงได้”

   “ถ้าอย่านั้นภาจัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินให้เอง พร้อมแพ็คเกจทัวร์ด้วย ถือซะว่าเป็นของขวัญที่โบตั๋นเรียนจบแล้วกันนะ”

   “ว้าย...ขอบคุณค่ะพี่ภา ตั๋นปลื้มใจสุด ๆ เลย เดี๋ยวตั๋นจะเที่ยวเผื่อหยกนะ”

   “แล้วจะไปกันกี่วันครับ”

   “เดี๋ยวพี่ขอดูโปรแกรมเที่ยวของบริษัทฯ ทัวร์ก่อนนะ พี่เองก็อยากไปหลาย ๆ วันนะ ช่วงนี้ที่ญี่ปุ่นอากาศกำลังดีด้วยสิ”

   “หยกจะได้ไปพักบ้านพี่เสือนาน ๆ ใช่ไหมค่ะพี่ภา อิอิ” ผมโดนโบตั๋นแซวเรื่องพี่เสืออีกแล้ว

.........................................................................

   โบตั๋นเพิ่งรู้ว่าเพ็ญนภาเจ้าแผนการก็วันนี้นี่เอง นอกจากจัดการให้เจเจ้เข้าไปในบ้านแม่ของนายเกรียงอะไรนั่นได้ในวันนี้แล้ว พี่ภายังวางแผนล่วงหน้าให้พวกเธอไปฮ่องกงและเกาลูนพร้อมกันได้โดยที่หยกไม่สงสัย ระหว่างที่อยู่บนรถ พี่ภากับเจ่เจ้ก็คุยกันถึงเรื่องบ้านแม่ของนายเกรียง เธอจึงได้แต่นั่งฟังอยู่เงียบ ๆ จนทั้งสองปรึกษากันเสร็จ

   “พี่ภาค่ะ?”

   “ว่าไงจ๊ะ” พี่ภาตอบเธอ แต่สายตายังคงมองไปที่ถนนตรงหน้า

   “พี่ภาจะไปกับเจ่เจ้ด้วยไหมค่ะ ไปฮ่องกงน่ะคะ”

   “ไม่ไปหรอกจ๊ะ พี่มีงานที่นี่ ที่ต้องทำ” เธอสัมผัสได้ว่าเพ็ญนภากำลังหมายถึงงานอะไร

   “แล้วถ้าหยกจับได้ขึ้นมาล่ะ ตั๋นจะโดนหยกโกรธไหมค่ะ”

   “หยกไม่มีทางจับได้หรอกจ้า คุณเสือไม่ยอมให้หยกคลาดสายตาแน่ ๆ อีกอย่างถ้าหยกไม่ต้องมารับตั๋นที่ห้องเสื้อของพี่แล้ว หยกก็แทบจะไม่ผ่านแถวนั้นเลยด้วยซ้ำ”

   “ก็จริงค่ะ”

   “ว่าแต่ตัวเถอะหงส์ คิดว่าจะใช้เวลานานแค่ไหนในฮ่องกง จัดการกับญาติฝ่ายแม่ของตัวน่ะ”

   “ราว ๆ 2 อาทิตย์นะ ที่หงส์คาดการณ์ไว้ ถ้านานกว่านั้น คงต้องไปๆ กลับๆ แล้วล่ะ”

   “ตั๋นนี่สิ ยังไม่รู้เลยว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหน แล้วถ้าตั๋นไม่ได้เรื่องอะไรล่ะคะ”

   “อย่างเพิ่งกลัวหรือหมดความมั่นใจไปก่อนสิน้องโบตั๋น ใช้เวลาให้เต็มที่ เอาเป็นว่าตั้งเป้าไว้ที่ 2 อาทิตย์เท่ากับหงส์ก่อน หลังจากนั้นเป็นยังไงก็ค่อยว่ากัน”

   “หลังจากถึงเกาลูน ตั๋นก็ต้องเชื่อฟังคุณคีเขาน่ะ พี่เขามีประสบการณ์มากกว่า อย่าดื้อกับพี่เขาล่ะ?”

   “เห็นพี่เสือบอกว่าจะให้พี่เก่งไปกับพี่คีด้วยค่ะ”

   “ก็ดี พี่จะได้เบาใจหน่อย ไม่อยากให้เราไปกับคุณคีสองต่อสอง”

   “พี่ภา ตั๋นเอาตัวรอดได้ค่ะ ไม่ว่าจะกับพี่คีหรือกับคนอื่นๆ”

   “ทำไมน้องตัวถึงก๋ากั๋นผิดกับตัวมากเลยนะหงส์” เจ่เจ้ได้แต่หัวเราะคำพูดของเพ็ญนภา เจ่เจ้ไว้ใจเธอเสมอ เหมือนที่พยายามสอนเธอให้ไว้ใจหยกเรื่องพี่เสือ

........................................................................

   เรากำลังจะไปร้านพี่กันต์กัน พี่เสือทำหน้าที่รับส่งผมซึ่งตั้งแต่ออกมาจากที่บ้านและที่สถาบัน ผมสัมผัสได้ถึงความกังวลใจของพี่เสือ ถึงพี่เสือจะยังคอยชวนผมพูดคุยต่าง ๆ นานา แต่ความกังวลก็ไม่ได้หายไปจากใจของพี่เสือเลย จนผมอยากรู้ว่าพี่เสือเป็นอะไรของเขา ผมเริ่มหงุดหงิดกับความรู้สึกนี้ของตัวเอง ผมควรทำยังไงดี

   “เป็นอะไรไปครับ” พี่เสือถามขึ้นทำให้ผมสะดุ้งเล็กน้อย

   “ป่าวครับ” ผมตอบไปโดยอัตโนมัติ ไม่ทันคิดอะไรด้วยซ้ำ ทำไมผมไม่ถามพี่เสือไปตรง ๆ พอคิดได้แบบนี้มันก็ทำให้ผมหงุดหงิดตัวเองขึ้นมาอีก

   “หยกครับ พี่เคยบอกแล้วนะครับ ว่าถ้าหยกไม่พูด พี่ก็ไม่รู้ว่าหยกคิดอะไรอยู่”

   “หยกก็ไม่รู้ว่าพี่เสือคิดอะไร?” อยู่ ๆ ผมก็รู้สึกเคืองพี่เสือขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล น้ำเสียงที่พูดออกไปติดจะห้วนอยู่นิด ๆ

   “หยกโกรธอะไรพี่รึป่าวครับ” พี่เสือถามพร้อมกับจอดรถเข้าข้างทาง

   “...” ผมโกรธอะไรพี่เสือหรือว่าผมโกรธตัวผมเองกันแน่?

   “หยกกำลังโกรธและหงุดหงิดพี่ใช่ไหมครับ” พี่เสือยื่นมือข้างหนึ่งมากุมมือผมไว้ “มีอะไรก็พูด ก็ถามมาเถอะครับ นะคนดี” น้ำเสียงพี่เสือ...เหมือนเขากำลังง้อผมอยู่

   “หยก...”

   “ครับ...”

   “สัมผัสได้ถึงความกังวล...ในใจของพี่เสือ” ผมหลบสายตามที่จ้องมองมา เหมือนกับคนที่ทำความผิดแล้วโดนจับได้

   “อือหึ!!...”

   “หยก...ไม่รู้ว่าพี่เสือ...กังวลอะไร”

   “หยกเป็นห่วงพี่?”

   “หยกแค่...อยากรู้”

   “อืม...จะพูดยังไงดีล่ะ?” พี่เสือเอนหลังกับเบาะรถราวกับคนที่หมดเรียวแรง

   “พี่เสือ...ไม่อยากให้หยก...”

   “ไม่ใช่อย่างนั้นครับ” พี่เสือหันหน้ามองมองผม ก่อนยันตัวขึ้นจากเบาะนั่งของตัวเองแล้วโน้มตัวมาหาผม “ที่พี่กังวลเพราะต้องอยู่ใกล้หยกแล้วพี่ไม่เป็นตัวของตัวเอง” พี่เสือโน้มตัวเข้ามาใกล้ขึ้น จนหลังผมแทบชิดกับประตูรถอีกด้าน “พี่รู้สึกว่าตัวเอง...กำลังจะกลายร่างเป็นแมวหง่าวจริง ๆ แล้ว”

   “ห๊ะ!!” แมวหง่าว?

   ผมมัวแต่งงกับคำพูดของพี่เสือ มารู้สึกตัวอีกที ผมก็โดนพี่เสือจูบอีกแล้ว มันไม่ได้เริ่มจากการจูบปลายจมูกอย่างทุกทีทำให้ผมตั้งตัวแทบไม่ทัน ริมฝีปากของพี่เสือที่กำลังจูบผมอยู่ มันเป็นจูบที่มีแต่ความต้องการและเรียกร้อง มือพี่เสือที่กุมมือผมอยู่เลื่อนขึ้นมาประคองใบหน้าผม ให้รับจูบของพี่เสือได้ถนัดขึ้นจนผมหายใจไม่ทัน ทั้ง ๆ ที่ผมนั่งอยู่ในรถแท้ๆ แต่กลับเหมือนกำลังจะลอยได้จนต้องใช้มือข้างหนึ่งเกาะเกี่ยวไหล่ของพี่เสือไว้ เราจูบกันอยู่นานกว่าพี่เสือจะถอนริมฝีปากออกไป

   “เข้าใจและไม่โกรธพี่แล้วใช่ไหมครับ”

To Be Continue

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: หยก 20-12-17 {{:::37:::}}
«ตอบ #138 เมื่อ20-12-2017 17:23:00 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: หยก 20-12-17 {{:::37:::}}
«ตอบ #139 เมื่อ20-12-2017 17:56:40 »

หูยยยย พี่เสืออออ ทำอะไรน้อง  :hao6:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: หยก 20-12-17 {{:::37:::}}
« ตอบ #139 เมื่อ: 20-12-2017 17:56:40 »





ออฟไลน์ Amo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-1
Re: หยก 23-12-17 {{:::38:::}}
«ตอบ #140 เมื่อ23-12-2017 22:59:29 »

38

   วรรณาแปลกใจเมื่อพบคนที่ไม่ได้เจอมาร่วมเดือนกำลังออกจากลิฟท์เดินตรงมายังโต๊ะทำงานของเธอ เป้าหมายข้างหน้าเดินตรงมาทำให้เธอไม่โอกาสจะบอกคนในห้องล่วงหน้า เธอต้องแก้สถานการณ์เฉพาะหน้านี้ให้ได้ เธอทำทีจัดโต๊ะทำงานให้เข้าที่เข้าทางและลอบกดอินเตอร์คอมค้างไว้ ก่อนทักทายคนที่กำลังเดินมาเสียงดัง

   “คุณลตา...หายหน้าหายตาไปนานเลยนะคะ นี่แวะมาหาคุณกรใช่ไหมค่ะ?”

   “ค่ะ พอดีตาไปทำงานที่ต่างประเทศกระทันหัน เลยไม่ทันได้บอกคุณกรเลย ต้องโดนเคืองแน่ ๆ เลยค่ะคุณวรรณ”

   “หืม...ประเทศที่คณลตาไปท่าทางจะกันดารน่าดูเลยนะคะ แม้แต่โทรศัทพ์ก็คงไม่มี”

   “แหม๋...คุณวรรณรู้ได้ยังไงค่ะ ว่าที่นั่นสัญญาณโทรศัทพ์เข้าไม่ถึง”

   “วรรณก็เดาไปเรื่อยล่ะคะ เออ...คร่าวนี้คุณลตาจะเซอร์ไพรส์คุณกรอีกไหมค่ะ หรือให้วรรณเขาไปแจ้งคุณกรก่อนดี”

   “ตาขอย่องเข้าไปเองดีกว่าค่ะ อ่อ!! นี่ของฝากของคุณวรรณค่ะ” ลตายื่นถุงกระดาษใบใหญ่ให้เธอถุงหนึ่ง

   “ของฝงของฝากอะไรกันค่ะ ที่คุณลตาให้วรรณมาคราวที่แล้ว วรรณก็ยังไม่ได้ใช้เลย”

   “แต่ของคราวนี้คุณวรรณต้องรีบเอามาใช้นะคะ เครื่องสำอางค์บำรุงผิวพรรณเก็บไว้นานไม่ดีค่ะ”

   “แหม๋...วรรณกับเครื่องสำอางค์ไม่ค่อยจะเข้ากันซะด้วยสิค่ะ”

   “งั้นต้องยิ่งใช้ค่ะ อะไรๆ ที่เหี่ยว หย่อน ยาน มันจะได้กลับมาเต่งตึงยังไงล่ะคะ”

   ลตาพูดจบก็เดินนวยนาดเข้าห้องของวรากรไป วรรณาหวังว่าเธอคงพอจะถ่วงเวลาให้คนในห้องได้บ้าง ไม่มากก็น้อย

.........................................................................

    หลิวลู่หลบออกจากห้องวรากรได้อย่างหวุดหวิด ยังดีที่คุณวรรณาเลขาของเฮียกรมีไหวพริบดี ทำให้เขาสามารถหาทางออกมาได้ก่อนลตาจะเข้ามาในห้อง เจ้าสัวเซียงส่งลตาเข้ามาอีกแบบนี้ ไม่รู้ว่ามีวัตถุประสงค์อะไรกันแน่ ในเมื่อไม่จำเป็นต้องตามหาเขาแล้ว ส่วนหยกและโบตั๋น ก็ค่อนข้างจะดังและมีชื่อเสียงในช่วงนี้ ทั้งสองแทบจะหาความเกี่ยวข้องกับวรากรไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

   เขาเดินมาจนถึงบริเวณล๊อบบี้ทางเข้าบริษัทฯ เลือกหาที่นั่ง ที่เป็นมุมลับตาที่สุด ถ้าเขาเดาไม่ผิด ลตามาเวลานี้อาจจะชวนเฮียกรไปทานอาหารกลางวันเป็นแน่

   ต้าที่กำลังจะเดินออกไปทำงานข้างนอกเห็นเขาเข้าจึงเดินตรงเข้ามาหา หลิวลู่จึงให้ต้านั่งกับเขาก่อนจนกระทั่งวรากรและลตาลงมา

   “นั่นมัน” ต้าอุทานออกมาเบา ๆ

   “อืม ฉันเองก็แปลกใจเหมือนกัน ว่าคุณลตาจะมาที่นี่อีกทำไม?”

   “แล้วเธอหายไปเป็นเดือน ๆ แบบนี้ เธออ้างกับบอสว่ายังไงครับ”

   “ได้ยินเธอคุยกับคุณวรรณว่าไปทำงานต่างประเทศมานะ”

   “อ่อ...เขาไปกันแล้ว เอายังไงดีครับพี่ชาติ จะตามไปไหม?”

   “ลตาเคยเห็นฉันตอนอยู่กับหยก ถ้าออกไปให้เธอเห็นตอนนี้คงไม่ดีแน่”

   “พวกผมก็เดินผ่านไปผ่านมาที่นี่บ่อย ไม่แน่ว่าคุณลตาจะจำได้รึป่าว?”

   “ถ้าอย่างนั้นคงต้องเป็นหน้าที่ของเฮียกรแล้วล่ะ”

   หลังจากที่วรากรกับลตาเดินออกจากประตูบริษัทฯ ไปได้ไม่นานคุณวรรณาก็ตามลงมา เธอมองไปรอบ ๆ ล๊อบบี้อยู่พักหนึ่ง เมื่อเห็นเขา ก็เดินตรงเข้ามา และเมื่อเห็นต้านั่งอยู่ด้วย เธอก็ดูคลายใจขึ้น

   “วรรณนึกว่าคุณชาติจะหลบออกมาไม่ทันซะแล้วสิค่ะ?”

   “ต้องขอบคุณคุณวรรณที่ถ่วงเวลาให้ผม ว่าแต่คุณลตาสงสัยอะไรรึป่าวครับ?”

   “ไม่มีทางสงสัยแน่นอนค่ะ โต๊ะข้างในดูยังไง ๆ ก็เหมือนโต๊ะของคุณเสือ”

   “แล้วเจ้วรรณรู้ไหม ว่าคุณลตาเธอมาทำไม?”

   “เจ้ก็สงสัยอยู่นี่แหละ มันคันยิก ๆ ไปหมดแล้ว”

   “คันอะไรเจ้วรรณ”

   “แกไม่ต้องมาทำทะลึ่งเลยนะไอ้ต้า”

   “ขอโทษ ๆ ครับ ว่าแต่เราจะเอายังไงกันดีล่ะ”

   “นายไปทำงานของนายเถอะ เรื่องทางนี้เดี๋ยวฉันจัดการเอง”

   “ผมห่วงก็แต่เรื่องที่คุณหยกจะไปพักที่บ้านบอสคืนนี้นั่นแหละ ถ้าคุณลตาไม่โพล่ไปที่บ้านบอสก็ดีหรอก”

.........................................................................

   หงส์เดินตามเพ็ญนภาเข้ามายังห้องรับแขกภายในคฤหาสน์ของคุณหญิงพรรณี บ้านหลังนี้ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์หลุยส์ ดูภูมิฐาน แต่ก็ดูจะขาดความอบอุ่น บ้านที่ดูไม่เป็นบ้านในความรู้สึกของเธอ

   ความรู้สึกของเด็กรับใช้ในบ้านล้วนแต่อยู่เพราะหน้าที่การงานที่ต้องรับผิดชอบ ไม่ได้อยู่ด้วยใจภักดิ์ต่อผู้เป็นนายแม้แต่น้อย คุณสุพรรณษาและคุณหญิงพรรณีจะเป็นคนแบบไหนกัน

   พวกเธอนั่งรออยู่ที่ห้องรับแขกสักพักคุณสุพรรณษาก็เดินเข้ามาด้วยท่าทางภูมิฐาน ดูเป็นกุลสตรีทุกกระเบียดนิ้ว เธอวางตัวได้หน้าเกรงขามสมกับเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของคุณหญิงพรรณี

   “ไปเที่ยวถึงที่ไหนล่ะคุณภา ถึงได้มีของฝากติดไม้ติดมือมาให้ษาด้วย”

   “ไปไม่ไกลหรอกค่ะคุณษา ภาไปแค่พังงาเท่านั้นเอง จำได้ว่าคุณชอบผ้าบาติก ภาเลยซื้อติดไม้ติดมือมาฝาก แล้วยังมีขนมไทยพื้นเมืองมาฝากคุณหญิงท่านด้วยนะคะ”

   “คุณภาช่างรู้ใจษานะคะ ดูแลลูกค้าดีและใส่ใจรายละเอียดแบบนี้ทุกราย ลูกค้าถึงได้ชอบไปตัดผ้าที่ห้องเสื้อคุณภากัน”

   “เป็นเพราะความไว้วางใจของลูกค้ามากกว่าคะคุณษา ภาถึงได้มีวันนี้ได้”

   “แล้วนี่...”คุณสุพรรณษา ปรายตามองมาที่หงส์เล็กน้อย

   “อ่อ...ภานี่ก็เสียมารยาท มัวแต่ชวนคุณษาคุย ลืมแนะนำเลย นี่หงส์ หงส์ ชูวนาสุวรรณ เพื่อนสนิทของภาเองค่ะ”

   “ชูวนาสุวรรณ ไม่เคยได้ยิน”

   “แหม๋ คุณษาขา หงส์เขาก็แค่ชาวบ้านธรรมดาๆ อย่างภานี่แหละค่ะ ไม่ได้มีเชื้อ มีสายอะไร”

   “อ่อ ขอโทษคุณหงส์ด้วยนะคะ ที่ษาเสียมารยา”

   “ไม่เป็นไรค่ะ หงส์เองก็ต้องขออภัยที่ตามยัยภามา โดยไม่ได้นัดคุณสุพรรณษาล่วงหน้า”

   “ว่าแต่ คุณหงส์มีธุระอะไรกับษารึป่าวค่ะ ถึงได้ตามคุณภามาที่นี่”

   “หงส์เขาไม่มีธุระอะไรหรอกค่ะคุณษา ภาเป็นคนพาหงส์มาเองค่ะ ไม่อยากให้อยู่บ้านเฉย ๆ อยากพาออกมาเปิดหูเปิดตาเสียบ้างค่ะ?”

   “มาเปิดหูเปิดตาที่บ้านษาน่ะหรอค่ะ?”

   “ไม่ใช้อย่างนั้นค่ะ คือวันสองวันมานี้ภาเป็นคนพาหงส์เขาตะลอนไปทั่วค่ะ เมื่อก่อนอยู่แต่โรงพยาบาล นี่เพิ่งผ่าตัด พักฟื้นมาได้เดือนเดียว ภาเป็นห่วง ไม่อยากให้อยู่บ้านเฉย ๆ เลยชวนให้ไปไหนมาไหนด้วย”

   “อ่อ อย่างนี้นี่เอง”

   “หวังว่าคุณษาจะไม่ถือสาภานะคะ”

   “ไม่หรอกค่ะ ษาเข้าใจ เห็นถึงความตั้งใจและห่วงเพื่อนของคุณภา”

   “ขอบคุณคุณษามากนะคะ เรามาดูคอลเล็คชั่นใหม่กันดีกว่าค่ะ คอลเล็คชั่นนี้จะมีส่วนผสมของผ้าบาติกที่คุณษาชอบด้วยนะคะ หงส์เขาแนะนำมาตอนไปเที่ยวพังงาด้วยกัน” เพ็ญนภายกเธอขึ้นมาอ้าง

   “คุณหงส์ไอเดียดีจังเลยนะคะ”

   “นอกจากจะนำคอลเล็คชั่นใหม่มานำเสนอคุณษาแล้ว ภาจะรบกวนคุณษาเป็นที่ปรึกษาเรื่องผ้าบาติกสำหรับคอลเล็กชั่นนี้ได้ไหมค่ะ”

   “ษาหรอค่ะ?”

   “ใช่ค่ะ หงส์เขามีไอเดียว่า ผ้าบาติกที่จะเอามาตัด ควรเป็นลายใหม่ที่ไม่มีจำหน่ายในท้องตลาด ภาเลยจะออกแบบลายเองค่ะ”

   “คุณภาให้เกียรติษาเกินไปรึป่าวค่ะ?”

   “ถ้าไม่ใช่คุณษา ภาก็มองไม่เห็นใครแล้วล่ะคะ”

   “ถ้าคุณภาว่าถึงขนาดนั้น ษาก็ยินดีคะ”

   “ระหว่างนี้ ภากับหงส์อาจจะขอเขามาเป็นแขกของที่บ้านนี้บ่อยหน่อยนะคะ”

   “ยินดีค่ะ คุณภาอยากให้ษาเตรียมอะไรก็แจ้งมาได้นะคะ”

   “ภาอาจจะขอพื้นที่ใช้เป็นสตูดิโอเล็ก ๆ สำหรับให้หงส์เขียนเทียนลวดลายน่ะคะ”

   “คุณหงส์ทำผ้าบาติกเป็นหรอค่ะ”

   “ก็นิดหน่อยค่ะ ก่อนหน้านี้หงส์ไปไหนมาไหนไม่ค่อยสะดวก งานที่ทำได้ก็มีแต่งานที่ทำอยู่ที่บ้านน่ะคะ”

   “หงส์ถนัดเรื่องงานฝีมือ งานบ้านงานเรือน แล้วก็การทำขนมไทยค่ะ”

   “ไว้คุณหงศ์ช่วยสอนษาทำผ้าบาติกด้วยนะคะ”

   “ด้วยความยินดีค่ะ”   

   เพ็ญนภาวางแผนให้เธอเข้ามาที่คฤหาสน์หลังนี้ได้บ่อยขึ้น ซึ่งแผนการต่อจากนี้ คงต้องรีบดำเนินการให้เร็วที่สุด แม้วันนี้เธอจะยังไม่ได้เจอคุณหญิงพรรณีอย่างที่ตั้งใจไว้ แต่ระหว่างที่เพ็ญภาพูดคุยอยู่กับคุณสุพรรณษานั้น เธอก็สามารถสัมผัสจิตของใครหลายคนในบ้านหลังนี้ ไม่เว้นแม้กระทั่งคุณหญิงพรรณี

.........................................................................

    พยัคฆ์นั่งอยู่บริเวณชั้นลอยของร้านอาหารที่น้องหยกทำงานอยู่ ข้างบนนี้สามารถมองเห็นได้ทั่วร้าน รวมไปถึงเคาน์เตอร์บาร์ที่น้องหยกยืนประจำอยู่ด้วย เขาเห็นน้องหยกดูมีความสุขกับการทำงานนี้มาก ใบหน้าที่ยิ้มแย้มน้อย ๆ ระหว่างทำเครื่องดื่มให้กับลูกค้า

   “คุณหลิวส่งคุณมาหรอครับ?”

   “อะไรนะครับ?” พยัคฆ์มองหยกเพลินไปหน่อย จึงได้ยินคำพูดของคนที่นั่งโต๊ะตัวถัดไปไม่ถนัดนัก

   “คุณเป็นคนของคุณหลิว?”

   “คุณรู้จักอา...หลิวด้วยหรอครับ”

   “ใช่จริงสินะ”

   “คุณรู้ได้ยังไง?”

   “...” ชายตรงหน้าไม่ตอบ ได้แต่ก้มหน้าก้มตาดูงานในแลปท็อปของตัวเองต่อไป

   มีคนรู้ตัวตนที่แท้จริงของอาชาติน้อยมาก นอกจากเขา อากร คุณภา และคุณวรรณแล้ว ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่จะมีใครรู้เรื่องนี้อีก ชายคนนี้เป็นใครกัน?

   ระหว่างที่พยัคฆ์กำลังสงสัยคนตรงหน้า พนักงานคนหนึ่งก็เดินขึ้นมาที่ชั้นลอย ก่อนมาหยุดที่โต๊ะของเขา

   “หยกวานให้ผมยกขึ้นมาให้ครับ” พูดจบชายคนนั้นก็ยกจานแซนวิชคลับและกาแฟมาวางไว้ตรงหน้าเขา

   “ขอบคุณครับ”

   “ก๊อง ถ้าหยกว่างให้ขึ้นมาหาพี่หน่อยนะ” ชายที่นั่งโต๊ะถัดไปพูดทั้ง ๆ ที่สายตายังคงจ้องอยู่ที่แลปท็อป

   “ครับ พี่กันต์”

   พี่กันต์อย่างนั้นหรอ เจ้าของร้านรู้จักกับอาชาติอย่างนั้นหรอ? เรื่องราวมันเป็นยังไงกันแน่ 

.........................................................................

    กว่าผมจะปลีกตัวออกมาจากที่เคาน์เตอร์ได้ก็เกือบ 6 โมงเย็นแล้วล่ะครับ ผมเดินขึ้นมาบนชั้นลอยพี่กันต์ก็พยักหน้าให้ผมนั่งตรงข้ามกับแก ปกติพี่กันต์ไม่ค่อยเล่นหรือพูดคุยกับผมเท่าไร ต่างจากพี่แก้วที่ดูเป็นกันเองกว่า ถึงแม้ผมมักจะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกไม่สบายของพี่กันต์ แต่ผมก็ไม่รู้ว่าความรู้สึกไม่สบายใจตลอดเวลาของพี่กันต์นั้นมีสาเหตุมาจากอะไร ผมสงสัยจนตอนนี้เลิกสงสัยไปแล้ว

   ผมเหลือบมองพี่เสือเล็กน้อยก่อนนั่งลงตรงข้ามกับพี่กันต์ ผมสัมผัสได้ถึงความไม่ไว้ใจของพี่เสือที่มีต่อพี่กันต์ มันรุนแรงจนผมไม่สบายใจ เขาสองคนคงไม่ได้ทะเลาะอะไรกัน ระหว่างที่ผมทำงานอยู่ข้างล่างหรอกนะ

   “พี่กันต์ มีเรื่องอะไรจะคุยกับผมหรอครับ”

   “หยกจะว่าอะไรไหม ถ้าพี่จะลดเวลาลง ให้เราเลิกงานตอน 6 โมงเย็น แทนที่จะเป็น 4 ทุ่ม แล้วพี่คิดว่า...จะหาบาริสต้ามาช่วยงานหยกอีกสักคน”

   “ผม ทำอะไรผิดรึป่าวครับ พี่กันต์ถึง...”

   “ไม่ใช่อย่างนั้น หยกฟังพี่ก่อนนะ”

   “เออ...ครับ”

   “หยกไม่จำเป็นต้องหาเงินมาก ๆ เหมือนแต่ก่อนแล้วไม่ใช่หรอ พี่ก็อยากให้หยกพักผ่อนบ้าง อย่าเอาแต่โหมงานอย่างเดียว”

   “คงไม่ใช่เพราะคุณอึดอัดที่ผมมานั่งเฝ้าหยกนะ” พี่เสือถามมาจากโต๊ะข้าง ๆ เสียงไม่ดังนัก แต่ก็พอให้พี่แหม่มกับก๊องที่ยืนอยู่แถว ๆ บันไดชั้นล่างมองขึ้นมา

   “คุณเข้าใจผิดแล้วครับ ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เพราะคุณ ผมทำเพื่อหยกต่างหาก”

   “แล้วถ้าผมยังอยากทำงานถึง 4 ทุ่มล่ะครับ”

   “พี่ก็ยังยืนยันคำเดิมนะว่า 6 โมงเย็นเป็นเวลาที่เหมาะกับหยกแล้ว พี่ไม่เคยขออะไรหยกเลย เพราะฉะนั้นพี่ขอหยกเรื่องนี้เพียงเรื่องเดียวเท่านั้น”

   “ครับ” ผมพูดอะไรไม่ออกเลย เพราะพี่กันต์ไม่เคยขออะไรผมเลยจริง ๆ  มีแต่ผมซะอีกที่เป็นฝ่ายเรียกร้องอย่างเดียว จะมีนายจ้างที่ไหนที่ตามใจลูกจ้างอย่างพี่กันต์บ้าง ผมเดินลงมาประจำที่เคาน์เตอร์ตามเดิม พี่แหม่มกับก๊องเดินตามมาสมทบ

   “ไม่เป็นไรนะหยก” พี่แหม่มเดินมาบีบไหล่ผมเบา ๆ

   “พี่กันต์เขาคงเป็นห่วงหยก ไม่อยากให้หยกกลับบ้านดึก ๆ น่ะ” ก๊องช่วยปลอบผม

   “ใช่ ยิ่งช่วงนี้หยกดังมาก ๆ มันก็ยิ่งอันตราย”

   “ใช่ แฟนคลับดี ๆ ก็มีเยอะ แต่ที่น่ากลัวก็ไม่น้อยนะ”

   “หยกทำใจให้สบายนะ พี่กันต์เขาเป็นคนมีเหตุผล”

   “ครับ”   

To Be Continue

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: หยก 23-12-17 {{:::38:::}}
«ตอบ #141 เมื่อ23-12-2017 23:24:27 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: หยก 23-12-17 {{:::38:::}}
«ตอบ #142 เมื่อ24-12-2017 07:57:08 »

เริ่มเข้มข้นไปทีละนิดแล้ว เอาใจช่วยทุกคนนะจ๊ะ  :3123:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
Re: หยก 23-12-17 {{:::38:::}}
«ตอบ #143 เมื่อ25-12-2017 01:31:02 »

โหหหห  ยิ่งกว่าดูซีรี่หนังมาเฟีย สนุกมากๆ

ออฟไลน์ Amo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-1
Re: หยก 25-12-17 {{:::39:::}}
«ตอบ #144 เมื่อ25-12-2017 08:09:29 »

39

   วารกรกลับมายังบริษัทฯ หลังจากส่งลตาที่คอนโดของเธอเรียบร้อยแล้ว ลตาทำตัวปกติมาก ซ้ำยังชวนเขาไปออกกำลังกายที่ค่ายมวยนั่นอีก ระหว่างที่ทานอาหารกันอยู่ เขาพยายามจะจับพิรุธของเธอแต่ก็ไม่ได้อะไร ข้อมูลของลตาที่คีสืบมาก็ไม่มีอะไรมากมาย และไม่สามารถเชื่อมโยงลตากับเจ้าสัวเซียงได้เลย

   “เจ้านายค่ะ ปลอยภัยดีไหมค่ะ บุบสลายตรงไหนไหมค่ะ” คุณวรรณ เดินมาสำรวจตามร่างกายเขาราวกับว่าเขาเป็นเด็ก ๆ

   “คุณวรรณ”

   “ขอโทษค่ะเจ้านาย วรรณกังวลมากไปหน่อย”

   “แล้วอาหลิวล่ะ”

   “อยู่ในห้องค่ะ กังวลเรื่องเจ้านายอยู่”

   “อืม...งั้นคุณตามผมเข้าไปเลยแล้วกัน”

   “ค่ะ จะให้ตามคุณเสือเลยไหมค่ะ?”

   “ไม่เป็นไร ไว้เย็นนี้ค่อยคุยกับมันอีกที” เขาพูดพร้อมเดินไปยังห้องทำงานของเขา ที่บัดนี้เป็นห้องทำงานของอาหลิวด้วย เขาเอาโต๊ะของหลานชายตัวดีมาใช้ ไม่คิดว่าวันนี้จะสามารถตบตาลตาได้

   “เฮียกร” อาหลิวทักหลังจากเขาพลักประตูเข้าไป โดยมีคุณวรรณปิดประตูตามหลังให้

   “เฮียไม่เป็นไร คุณลตาเองก็ไม่ได้มีท่าทีอะไรต่างไปจากเดิม”

   “วรรณว่า เขาต้องมาหาข้อมูลของคุณชาติเพิ่มเติมแน่นอน”

   “ในเมื่อเธอเจอหยกและโบตั๋นแล้ว เธอก็ไม่น่าจะต้องการตัวผมแล้วนะ”

   “แต่ตอนนี้คุณหยกและคุณโบตั๋นดังมากเลยนะคะ แฟนคลับตามกันไปจนถึงมหา’ลัย แล้วไหนจะตามไปถึงร้านคุณกันต์อีก”

   “แต่ก็ไม่แน่ หยกค่อนข้างโลวโปรไฟล์ ถึงให้ดังแค่ไหน แต่ไม่เปิดเผยตัวหรือออกงานบ่อย ๆ ก็ยากที่จะหาพบ”

   “แล้วถ้าเป้าหมายไม่ได้อยู่ที่คุณหยก แต่อยู่ที่คุณหงส์ล่ะค่ะ?”

   “ก็เป็นไปได้นะ เพราะเจ้าสัวอยากให้นายเกรียบงไกรแต่งงานกับหงส์อยู่แล้ว”

   “วรรณไม่ค่อยเข้าใจค่ะ ตกลงว่าเขาอยากได้คน หรืออยากได้หยกกันค่ะ?”

   “ไม่มีใครรู้แน่ชัดหรอกครับคุณวรรณ ว่าหยกเมฆาขาวมีทั้งหมดกี่ชิ้น”

   “ถ้าเจ้าสัว...คิดว่ามีหยกชิ้นเดียว...อยู่ที่คุณหยก แต่ยังตามหาคุณหงส์...”

   “นั่นเป็นเรื่องที่ผมกังวลครับ” อาหลิวตอบสีหน้าเครียด

   “ถ้าอย่างนั้นคุณหยกก็อยู่ในอันตรายน่ะสิค่ะ”

   “เราต้องพาหงส์ไปฮ่องกงให้เร็วที่สุด การที่หงส์ไปปรากฎตัวที่สกุลฝู่พร้อมเมฆาขาว จะช่วยให้หยกปลอดภัยได้ระดับหนึ่ง”

   “แล้วการที่คุณลตาโผล่มาตอนนี้ เราจะรับมือกับเธอยังไงดีล่ะคะ ในเมื่อเจ้านายต้องไปกับคุณชาติ”

   “ผมว่าจะบอกคุณลตาไปตามตรง”

   “เฮีย!!”

   “เฮียก็แค่จะบอกว่าเฮียไปต่างประเทศ ไม่ได้โกหกสักหน่อย ดีซะอีก เธอจะได้ไม่มาเพ่นพ่านที่นี่หรือที่บ้าน”

   “ก็จริงค่ะ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องให้คุณเสือเข้ามาที่ออฟฟิตบ่อยหน่อย เพื่อเป็นการตบตาคุณลตา ว่าคุณเสือมาทำงานแทนคุณกรระหว่างที่คุณกรไม่อยู่”

   “คงจะมีแต่วิธีนี้เท่านั้นแหละ”

   “ระหว่างนี้อาหลิวก็ไม่ต้องเข้ามาที่บริษัทฯ แล้วนะ คอยอยู่แต่ที่บ้านก็พอ แล้วมีอะไรเดี๋ยวเฮียให้คุณวรรณติดต่อไป”   

.........................................................................

   “เจ้านายค่ะ ปลอยภัยดีไหมค่ะ บุบสลายตรงไหนไหมค่ะ”

   “คุณวรรณ”

   “ขอโทษค่ะเจ้านาย วรรณกังวลมากไปหน่อย”

   “แล้วอาหลิวล่ะ”

   “อยู่ในห้องค่ะ กังวลเรื่องเจ้านายอยู่”

   “อืม...งั้นคุณตามผมเข้าไปเลยแล้วกัน”

   “ค่ะ จะให้ตามคุณเสือเลยไหมค่ะ?”

   “ไม่เป็นไร ไว้เย็นนี้ค่อยคุยกับมันอีกที”

   ลตานั่งฟังสิ่งที่เธอได้ยินผ่านหูฟังขนาดเล็ก ถึงแม้จะได้ยินบางส่วนเท่านั้น แต่ก็พอให้เธอจับใจความได้ และเป็นไปดังที่เธอคาดไว้ วรากรและพยัคฆ์เจอหลิวลู่แล้วจริง ๆ ดังนั้นทั้งฝู่หงส์และฝู่หยง คงจะอยู่ไม่ไกลจากวรากรเป็นแน่

   
.........................................................................

   ระหว่างที่ขับรถกลับบ้านน้องหยก ตลอดทางน้องมีท่าทางซึมอย่างเห็นได้ชัด พยัคฆ์รู้ว่าหยกชอบงานที่ทำนี้มากขนาดไหน หลังจากที่หยกคุยกับคุณกันต์เสร็จแล้ว เขาทนเก็บความสงสัยไว้ไม่ได้ จนต้องเอ่ยถามคุณกันต์อีกครั้ง

   “คุณก็รู้ว่าตอนนี้หยกอยู่ในสถานการณ์ไหน”

   “คุณหมายความว่ายังไง”

   “ผมคอยภาวนาไม่รู้กี่ร้อยกี่พันครั้ง ขอให้อย่าได้เกิดสถานการณ์อย่างนี้เลย”


   “คุณรู้เรื่องมากแค่ไหนกันแน่”

   “ผมพูดอะไรไม่ได้มาก ถ้าคุณอยากรู้มากกว่านี้ คุณคงต้องไปถามคุณหลิวเอาเอง”


   คุณกันต์รู้จักกับอาชาติจริง ๆ และรู้เรื่องอะไรต่ออะไรมากพอสมควร และบางเรื่องกลับเป็นเขาเองที่ยังไม่รู้อะไรเลยด้วยซ้ำ

   “พี่เสือ” หยกเรียกเขา ทำให้เขานึกขึ้นได้ว่า สื่งที่เขาคิดอยู่ตอนนี้อาจจะทำให้หยกยิ่งไม่สบายใจ

   “ครับ”

   “พี่เสือไม่ชอบพี่กันต์หรือครับ”

   “ทำไมหยกถึงคิดแบบนั้นล่ะ”

   “ก็...หยกสัมผัสได้ถึงความไม่พอใจ...ของพี่เสือ”

   “แล้วหยกล่ะ โกรธคุณกันต์รึป่าว”

   “ไม่ครับ หยกแค่รู้สึกว่า หยกเห็นแก่ตัวไปหน่อย”

   “เห็นแก่ตัว?”

   “ก็หยกไม่น่าพูดออกไปแบบนั้นเลยนี่น่า ว่าถ้าหยกยังอยากทำถึง 4 ทุ่มนั่นอ่ะ”

   “อืม..พี่ไม่เห็นว่ามันจะเห็นแก่ตัวตรงไหนเลยนี่”

   “พี่เสือ...มีอย่างที่ไหนที่ลูกจ้างจะไปต่อรองเวลาทำงานกับนายจ้าง หยกคงเผลอตัวไปหน่อย ทั้ง ๆ ที่พี่กันต์และพี่แก้วต่างก็ใจดีกับหยก”

   “อย่าคิดมากเลยครับ ที่คุณกันต์พูดก็ถูกนะ หยกจะได้พักผ่อนมาก ๆ ไง แถมมีเวลาให้พี่ด้วย”

   “พี่เสือกับหยกก็แทบจะตัวติดกันเป็นแฝดสยามแล้วนะครับ”

   “พี่ไม่อยากตัวติดกันแบบแฝดสยาม แต่อยากติดกันตรงอื่นไม่ได้หรอครับ”

   “พี่เสือ!!”

   “ครับ...เอ้...หยกเป็นอะไรไปรึป่าวครับ เรียกชื่อพี่แล้วก็หน้าแดง?”

   “...”

   “ไหนๆ พี่ดูหน่อยสิ ไม่สบายรึป่าว” เขาทำทีจะแตะที่หน้าผากเพื่อวัดไข้ กลับโดนน้องหยกตีมือพัลวัน

   “ขับรถไปเลย”

   “คิดลึกล่ะสิเราน่ะ”

   “ป่าวสักหน่อย...ไหนหยกคิดอะไร พี่เสือรู้หรอ?”

   “ไม่รู้สิ...คิดเรื่องใต้สะดือมั้ง”

   “พี่เสืออ่ะ”

   “ฮ่าๆๆๆ อารมณ์ดีขึ้นรึยังครับ”

   “...”

   “ถ้าคุณกันต์เขาใจดีอย่างที่หยกว่า เขาก็ไม่เคืองที่หยกพูดแบบนั้นหรอก อย่าคิดมากนะ”

.........................................................................

    วรากรขับรถมาจอดอยู่บริเวณสวนสาธารณะที่อยู่ถัดจากบ้านของหงส์ เขาเลือกจอดรถในถนนซอยแทนที่จะจอดไว้ที่ถนนเมนของหมู่บ้าน เพื่อหลีกเลี่ยงการโดนติดตาม การมาที่บ้านหงส์ครั้งนี้ เขาต้องระวังตัวเป็นพิเศษ อาหลิวช่วยเขาดูรอบ ๆ ตลอดทางที่ออกมาจากบริษัทฯ เขาไม่ไว้ใจลตา!!

   “อาหลิวเดินไปที่บ้านหงส์ก่อนเถอะ เดี๋ยวอีก 10 นาทีเฮียตามไป”

   “ไม่มีใครตามมาสักหน่อย เดินไปพร้อมกันดีกว่า”

   “ยังไงเราก็ควรระวังตัวไว้ก่อน ยังอีกหลายวันหลังจากนี้ ที่พวกเรายิ่งต้องระวังตัวกันให้มาก”

   “อืม ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจเฮียแล้วกัน”

   “เมื่อกี้เฮียเห็นรถคุณภาอยู่ที่หน้าบ้านหงส์”

   “ใช่ คืนนี้คุณภาคงอยู่ทานข้าวด้วย”

   เขาพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ ก่อนที่อาหลิวจะก้าวลงจากรถไป เขารอจนกระทั่งครบกำหนดเวลา 10 นาที ก่อนออกจากรถเขามองดูรอบ ๆ บริเวณที่เขาจอดรถอยู่ เมื่อเห็นว่าปลอดภัยดีแล้วจึงลงจากรถแล้วออกเดินไปยังบ้านของหงส์

   ประตูรั้วไม่ได้ลงกลอนไว้ เขาจึงเปิดประตูเข้าไปด้านใน เพ็ญนภาเป็นคนเดินมารับเขาที่หน้าบ้าน เพ็ญนภาไม่มีท่าทางแปลกใจเมื่อเห็นเขาเดินผ่านประตูรั้วมา แสดงว่าเรื่องของเขา เพ็ญนภาคงรับรู้แล้ว ซึ่งก็ไม่ได้ต่างอะไรที่เขารับรู้เรื่องของเธอ

   “สวัสดีครับคุณภา”

   “สวัสดีค่ะคุณกร ภาไม่คิดเลยนะคะว่าเราจะเป็นคนกันเอง”

   “ผมก็ไม่คิดเหมือนกัน”

   “เชิญคุณกรด้านในค่ะ ภามีเรื่องจะปรึษาคุณกรด้วยค่ะ”

   “คุณภามีงานอะไรให้ผมรับใช้รึป่าวครับ?”

   “ก็ไม่เชิงหรอกค่ะ”

   “อากร สวัสดีค่ะ” โบตั๋นเอ่ยทักเขาเสียงใส

   “ร่าเริงไม่เปลี่ยนเลยนะเรา” เขาทักทายหลานสาวคนเล็ก

   “ทำไมอากรกับพี่ภาคุยกันห่างเหินจังค่ะ คนกันเองแท้ ๆ”

   “พี่กลัวจะหลุดน่ะสิ เลยต้องคุยกับคุณกรแบบเดิม พี่ไม่อยากให้ใคร ๆ สงสัย”

   “พี่ภานี่เจ้าแผนการเหมือนเจ็กลู่เลยนะคะ”

   “พี่เทียบเจ็กลู่ไม่ได้หรอกจ๊ะ”

   “ว่าแต่อาหลิวกับหงส์ล่ะ”

   “เจ่เจ้กำลังทำขนมบุหลันดั้นเมฆอยู่ค่ะ เห็นพรุ่งนี้จะเอาไปฝากคุณสุพรรณษา”

   “หรือที่จริงแล้ว...ภาอยากให้คุณหญิงเธอได้ชิมมากกว่า”

   “ผมว่าผมพอเข้าใจแผนของคุณภานะ”

   “ค่ะ และเรื่องที่ภาอยากให้คุณกรช่วยก็เรื่องที่หงส์ต้องเข้า ๆ ออกบ้านนั้นบ่อย ๆ ในช่วงนี้”

   “ต้องการให้ผมส่งคนตามคุณกับหงส์สินะ”

   “ค่ะ แล้วคงต้องกันนายเกรียงไกรนั่นออกไปอย่าให้มายุ่งย่ามระหว่างนี้ด้วย”

   “ไม่มีบัญหา เรื่องนี้ผมจัดการได้”

.........................................................................

    อาหารค่ำมื้อนี้ แม้จะเป็นอาหารพื้น ๆ แต่ก็อร่อยมากครับ คงเป็นเพราะบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยความสุข ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา เจ็กลู่ อากร พี่ภา เจ่เจ้ โบตั๋น และพี่เสือ พวกเราทานอาหารกันไป คุยกันไป โบตั๋นดูจะตื่นเต้นที่ผมจะไปช่วยจัดงานฉลองที่บ้านอากร แล้วไหนจะได้ไปงานแฟชั่นวีคนั่นอีก เจ่เจ้เองก็ดูมีความสุขเช่นกัน ผมแอบเห็นพี่เสือยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ตลอดเวลา

   เมื่อเราทานอาหารเสร็จ เจ่เจ้กับพี่ภาก็ช่วยกันยกขนมหวานอย่างบุหลันดั้นเมฆกับขนมหยกมณีมาให้เราทานเป็นการปิดท้าย ขนมทั้งสองอย่างนี้ทั้งผมและโบตั๋นไม่ได้ทานกันมานานแล้ว ส่วนอากรและพี่เสือบอกว่าไม่เคยทานเลยเพราะหาทานค่อนข้างยาก

   เจ่เจ้แบ่งขนมส่วนหนึ่งไปฝากลูกค้าคนสำคัญของพี่ภาด้วย ผมเดาว่าคงเป็นคนสำคัญมาก ๆ ไม่อย่างนั้นพี่ภาคงไม่วานให้
เจ่เจ้ทำให้อย่างนี้แน่ ๆ

   หลังทานอาหารเสร็จผมก็ขึ้นมาเก็บเสื้อผ้าบนห้อง สักพักโบตั๋นก็เดินขึ้นมาตามผม

   “ทำไมหยกจัดกระเป๋านานจัง?”

   “นานที่ไหน เฮียเพิ่งขึ้นมาได้แป๊บเดียวเองนะ”

   “ไม่แป๊บสักหน่อย นี่ครึ่งชั่วโมงกว่าแล้วนะ”

   “นานขนาดนั้นเลยหรอ?”

   “นานสิ ว่าแต่หยกเถอะ เป็นอะไรไป ถึงได้แต่เลือกเสื้อผ้าอยู่นั่นแหละ”

   “...”

   “หยก...”

   “รอยนั่น...มันยังไม่หายไปน่ะ”

   “หยกเลยจะหาแต่เสื้อสีเข้มใช่ไหม?”

   “อืม...เฮียไม่อยากให้พี่เสือโทษตัวเองอีก”

   “แล้วหยกล่ะ ห่วงแต่ความรู้สึกคนอื่น แล้วความรู้สึกของหยกล่ะ?”

   “เฮียไม่เป็นไรจริง”

   “หยก...”

   “เฮียจำอะไรเกี่ยวกับคนๆ นั้นไม่ค่อยได้หรอก”

   “หยกจำหน้าเขาได้ไหม แล้วถ้าเกิดได้เจอกันอีกครั้งน่ะ”

   “...” ผมส่ายหน้าแทนคำตอบ

   “หยกต้องอยู่ใกล้ ๆ พี่เสือไว้นะ ยิ่งหยกจำหน้ามันไม่ได้ หยกก็ต้องยิ่งระวังตัว”

   “อืม เฮียระวังตัวอยู่แล้วล่ะ”

   “หยกเอาเสื้อตั๋นไปใส่ไหม ถึงจะเป็นเสื้อยืดทรงผู้หญิง เข้ารูปหน่อย แต่หยกก็ใส่ไซด์ตั๋นได้นี่”

   “อืม ถ้าอย่างนั้น เฮียขอยืมตั๋นสัก 2-3 ตัวแล้วนะ”   

To Be Continue

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: หยก 25-12-17 {{:::39:::}}
«ตอบ #145 เมื่อ25-12-2017 08:35:35 »

 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: หยก 25-12-17 {{:::39:::}}
«ตอบ #146 เมื่อ26-12-2017 14:12:48 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
Re: หยก 25-12-17 {{:::39:::}}
«ตอบ #147 เมื่อ26-12-2017 22:17:46 »

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ Amo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-1
Re: หยก 27-12-17 {{:::40:::}}
«ตอบ #148 เมื่อ27-12-2017 09:45:08 »

40

   พยัคฆ์ตื่นแต่เช้า เพราะได้ยินเสียงประตูห้องข้าง ๆ เปิดออก หลังจากเขาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย เขาก็เดินตามเจ้าของห้องนั้นลงมา เขาเดินวนอยู่ไปภายในบ้านก็ไม่พบ จนกระทั่งได้ยินเสียงเจ้ากล้าดังออกมาจากในครัว   

   “เฮ้ย!!...นางฟ้า!!”

   “ไอ้กล้า เสียงดัง เสียมารยาท คุณเขาเป็นแขกของคุณกร”

   “เอ่อ........อ่า......”

   “ไป!! จะไปไหนก็ไป อย่ามาเกะกะแม่กับคุณหยก”

   “เอ่อ.....”

   “ยังอีก!!...เดี๋ยวแกได้โดนดี”

   เขาเดินมาถึงหน้าประตูทางเข้าครัว ก็เห็นเจ้ากล้าเดินหน้าจ๋อยออกมา เมื่อเห็นเขาเข้า พยัคฆ์ก็ส่งสัญญาณให้กล้าเงียบไว้ ก่อนกระซิบบอกไปว่า

   “ถ้าแกเอารูปแฟนของฉัน ในบ้านหลังนี้ ไปลงอินสตราแกรมเมื่อไร แกได้โดนดีแน่”

   “ห๊ะ!!...คุณเสือหมายความว่า...นางฟ้า...” กล้าพูดไม่ออก ได้แต่ชี้นิ้วไปยังอีกร่าง ที่ยืนทำอาหารเช้าอยู่ในครัว

   “ใช่...เรื่องที่หยกอยู่บ้านหลังนี้ จะไม่มีการหลุด เล็ดรอดออกไปไม่ว่ากรณีใดใดทั้งสิ้น”

   “คะ...คะ...ครับ” ต้นกล้าดูตกใจและประหม่าจนทำอะไรไม่ถูก

   “แล้วก็หยกน่ะ...เขาไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น จะชื่นชมอะไรเขา ฉันไม่ว่า แต่แกต้องจำคำฉันไว้ดีๆ”

   “ครับ ๆ”

   ต้นกล้าเดินออกจากครัวไปแล้ว เขาจึงค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้ขนาดนี้หยกคงจะรับรู้ได้ถึงการมาของเขา หยกยังคงคนข้าวต้มในหม้อ ร่างบางในเสื้อยืดเข้ารูปสีเข้มกับกางเกงขาสั้น มองจากด้านหลังไม่ต่างจากผู้หญิงเลย

   “พี่เสือ”

   “ครับ?”

   “...” หยกไม่พูดอะไร คงเป็นเพราะมีแม่บ้านอยู่ด้วย เขาจึงไม่คิดจะแกล้งหยกต่อ

   “เช้า ๆ อย่างนี้พี่กับอากรไม่ค่อยทานข้าวต้มนะครับ”

   “แต่เจ็กลู่ทานนี่”

   “เอ้...ตั้งแต่อาชาติมาอยู่ที่นี่ พี่ไม่เคยเห็นอาทานข้าวต้มเลย”

   “คงเป็นเพราะคุณหลิวทานตามคุณกรล่ะมั้งค่ะ” แม่บ้านเอ่ยแทรกขึ้นมา

   “หลังจากนี้คงเป็นอากรที่จะเอาใจอาชาติแล้วล่ะมั้งครับ” เขาพูดพร้อมหัวเราะออกมาเล็กน้อย เมื่อนึกว่าอาของเขาน่าจะเกรงใจอาชาติขนาดไหน

   “แซนวิชของพี่เสือเสร็จแล้วนะ แต่หยกยังไม่ได้ชงกาแฟให้ ไม่คิดว่าพี่เสือจะลงมาเร็ว”

   “ไม่เป็นไรพี่รอได้”

   “ป้าขอตัวไปจัดโต๊ะก่อนนะคะ”

   “ครับ” พยัคฆ์ตอบ ก่อนเดินเขาไปหาหยก “พี่ไม่เคยเห็นหยกใส่เสื้อแบบนี้เลย”

   “ตั๋นให้ยืมมา หยกไม่มีเสื้อเขารูปแบบนี้หรอกครับ”

   “ถ้าอย่างนั้นพี่จะซื้อให้หยกอีกหลาย ๆ ตัวเลย หยกใส่แบบนี้แล้วน่ารักมากรู้ตัวไหมครับ”

   “ใส่แล้วเหมือนผู้หญิง” หยกพูดไม่มองหน้าเขา

   “ไม่ใส่แบบนี้ก็เหมือนผู้หญิงอยู่แล้ว” หยกตวัดสายตาค้อนเขาวงใหญ่ จนเขาต้องยิ้มออกมา “พี่อยากให้หยกอยู่แบบนี้กับพี่นาน ๆ จัง เสร็จงานของโบตั๋นแล้ว อยู่ต่อได้ไหมครับ”

   “ไม่เอาหรอก หยกเกรงใจอากร”

   “ไม่เห็นต้องเกรงใจเลย อาชาติเองก็ยังอยู่ได้เลย”

   “มันไม่เหมือนกันนี่นา อากรกับอาชาติ...เขาเป็นคนรักกันนี่นา”

   “ถ้าอย่างนั้น ระหว่างนี้....ถ้าพี่ทำให้หยกเป็นคนรักของพี่ได้ หยกก็จะยอมอยู่ต่อใช่ไหมครับ”

   “พี่เสือ!!”

   “พี่ล้อเล่นครับ พี่เคยบอกว่าจะไม่เร่งรัดหยก พี่ก็จะทำตามที่พี่พูด”

   “ขอบคุณครับ” หยกก้มซ่อนหน้าตัวเองไว้ แต่ใบหูกลับแดงระเรื่อ พยัคฆ์วางฝ่ามือลงบนหัวทุยนั้นก่อนโยกไปมาเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ไปนั่งที่เก้าอี้หน้าไอซ์แลนด์โดยที่ไม่ได้พูดอะไรอีกเลย เขามองดูหยกทำงานในครัวไปโดยละสายตาจากร่างนั้นไม่ได้สักวินาที

........................................................................

   ลตาเดินออกจากลิฟท์ตรงเข้ามายังห้องทำงานของวรากร เธอเห็นวรรณาเพิ่งจะมาถึง ยังไม่ได้เก็บกระเป๋าถือให้เข้าที่เลยด้วยซ้ำ เธอจึงเดินเข้าไปใกล้ ๆ และหยุดอยู่ที่หน้าโต๊ะของเลขาคู่ใจของวรากร

   “โชคดีจังเลยนะคะ ที่คุณวรรณมาแต่เช้าแบบนี้”

   “แหม๋...เป็นลูกจ้างก็ต้องเข้างานตามเวลาสิค่ะ ว่าแต่คุณลตามาแต่เช้าแบบนี้ ไม่เห็นคุณกรบอกวรรณไว้เลย”

   “ตาไม่ได้มีธุระอะไรกับคุณกรหรอกค่ะ ตามาหาคุณวรรณต่างหาก”

   “หาวรรณ? ไม่ทราบว่าคุณตามีอะไรให้วรรณรับใช้หรอค่ะ?”

   “ใครจะกล้าใช้งานเลขามือหนึ่งของคุณกรล่ะคะ พอดีตาเอาของมาเปลี่ยนน่ะคะ”

   “ของ?”

   “ใช่ค่ะ เครื่องสำอางค์ที่ตาให้คุณวรรณเมื่อวาน ตาหยิบผิดไปน่ะคะ พอดีเพื่อนที่ตาจะเอาของฝากไปให้ ผิวเขาบอบบางมาก ตาจะเอาสูตรธรรมดาไปให้ เพื่อนตาต้องไม่พอใจแน่ ๆ เลยค่ะ”

   “อ่อ โชคดีจริง ๆ ด้วยนะคะ ที่วรรณยังไม่ได้เอาถุงของฝากกลับบ้านเมื่อวาน”

   “ถ้าคุณวรรณไม่ว่าอะไร ตาขอสลับของเลยได้ไหมค่ะ?”

   “เอาสิค่ะ” วรรณาหยิบถุงของฝากที่อยู่หลังโต๊ะของเธอขึ้นมาส่งคืนให้กับลตา ก่อนรับถุงใหม่มา

   “ขอบคุณคุณวรรณมากนะคะ ตาขอตัวก่อนนะคะ ตานัดเพื่อนไว้ เดี๋ยวไปไม่ทัน”

   “ค่ะ”

   ลตาเดินออกมาพร้อมถุงของฝากในมือ หลังจากเธอเดินกลับขึ้นรถมาแล้ว เธอก็เปิดถุงหยิบเอาเครื่องดักฟังขนาดจิ๋วที่สอดไว้ใต้ริบบิ้นออกมา ก่อนจะมองเข้าไปยังหน้าประตูบริษัทฯ อย่างใช้ความคิด

.........................................................................

   ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีดำ เดินออกจากลิฟท์ไปยังห้องที่ลุงของเขาให้มาพักอาศัยชั่วคราวระหว่างทำงานอยู่ที่นี่ เมื่อมาถึงห้องเป็นจุดหมาย เขาก็ใช้การ์ดที่ได้มาเปิดประตูเข้าไปในห้อง ลูกน้องของเขา 2-3 คนเดินตามเข้ามาภายในห้อง เดินสำรวจรอบ ๆ ก่อนจะเดินเข้าไปยังห้องนอนด้านในสุด

   จุ้ยเถิง(最疼) ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่เพราะได้เชื้อสายชาวอเมริกันมาจากแม่ มองไปรอบ ๆ ห้องอย่างพอใจ ติดก็ตรงที่ว่า ห้องนี้ค่อนข้างรกและสกปรกไปหน่อย

   “เฮ้ย!! แกเป็นใคร เขามาในห้องฉันได้ยังไง?” จุ้ยเถิงได้ยินเสียงโวยวายเป็นภาษาจีนมาจากห้องด้านใน ห้องที่ลูกน้องของเขาเพิ่งเข้าไปสำรวจเมื่อครู่นี้ ลูกน้องของอะไรกับเจ้าของห้องเข้าล่ะ? เขาจึงเดินตามเข้าไปพร้อมกับลูกน้องที่เหลือ

   จุ้ยเถิงพบชายคนหนึ่งท่าทางสำอางค์ เปลือยอก ใส่แค่กางเกงบ๊อกเซอร์เพียงตัวเดียว ผลุนผลันลงจากเตียงนอนเมื่อพวกเขาเดินเข้าไปในห้อง

   “พะ...พวกแกเป็นใคร!! เข้ามาในห้องฉันทำไม คงไม่ใช่มาตามทวงหนี้ของเตี่ยหรอกนะ บอกไว้ก่อนเลยว่าฉันไม่มี พะ...พะ...พวกนายตามไปเอากับเตี่ย...ที่ๆๆ ฮ่องกงโน่นเลย” เกรียงไกรคว้าหมอนมาปิดช่วงอกก่อนออกปากไล่ น้ำเสียงตะกุกตะกัก จุ้ยเถิงฟังแล้วขมวดคิ้ว

   “คุณคงจะเป็นคุณเกรียงไกร ลูกชายของคุณเซียงสินะ”

   “ถึงจะใช่ ฉันก็ไม่มีเงินให้พวกแกหรอกนะ” จุ้ยเถิงส่ายหน้าระอาเล็กน้อย ก่อนโบกมือเป็นสัญญาณให้ลูกน้องของเขาออกไปจากห้อง

   “คุณทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อยก่อนก็แล้วกัน ผมจะรออยู่ข้างนอก” จุ้ยเถิงพูดจบก็เดินออกจากห้องไป

.........................................................................

    เกรียงไกรอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็พยายามหาทางหนีเอาตัวรอดจากกลุ่มชายชุดดำที่มาตามทวงหนี้เตี่ยของเขา คราวนี้เตี่ยไปสร้างหนี้ไว้อีกเท่าไร เจ้าหนี้ถึงได้ส่งคนหน้ากลัวอย่างนั้น บินข้ามน้ำข้ามทะเลมาตามทวงหนี้ถึงที่นี่ ที่สำคัญพวกมันรู้ที่อยู่และเข้ามายังคอนโดของเขาได้อย่างไร

   ระหว่างที่เกรียงไกรกระวนกระวายใจอยู่นั้น สายตาก็เหลือบไปเห็นโทรศัทพ์ที่มีมิสคอล 16 สาย เตี่ยของเขาโทรมาตั้งแต่เมื่อคืน เขาจึงรีบโทรกลับ เผื่อว่าเตี่ยจะสามารถหาทางออกให้เขาได้ แต่โทรไปก็มีแต่บอกให้ฝากข้อความ สายไม่วางสักที จนกระทั่งคนข้างนอกเคาะประตูเรียก ทำให้เขาสะดุ้งจนต้องรีบวางสาย

   “คุณเกรียงไกร พวกผมรู้นะว่าคุณเสร็จแล้ว รีบ ๆ ออกมาเถอะ อย่าให้คุณจุ้ยรอนาน” เกรียงไกรได้ยินเสียงพูดภาษาไทยสำเนียงแปร่งหูดังอยู่หน้าประตู เขาได้แต่ใจดีสู้เสือค่อย ๆ เดินออกจากห้องไป อย่างน้อยท่าทางนั้นจะทำร้ายเขา เขาก็ยังสามารถโทรแจ้งตำรวจได้ทัน คิดได้ดังนั้นเขาจึงเก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋ากางเกง

   เมื่อเกรียงไกรออกมายังห้องโถงด้านนอก เห็นชายที่คาดว่าน่าจะเป็นหัวหน้า ยืนหันหลังคุยโทรศัทพ์อยู่ ชายคนนั้นพูดคุยเป็นภาษาจีนซึ่งใช้คุยกับเขาในตอนแรก จึงได้แต่ค่อย ๆ เดินออกไปช้า ๆ แต่คนที่หันหลังอยู่กลับหันมามองที่เขา

   “เตี่ยของคุณจะคุยด้วย” ชายคนนั้นยื่นโทรศัพท์ส่งให้เขา

   “อาเกรียง ลื้อหายหัวไปไหนมา เมื่อคืนอั๊วโทรหาลื้อไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง”

   “เตี่ย!!”

   “เออ อั๊วเอง แล้วนี่ทำไมเพิ่งจะตื่นเอาป่านนี้ โอ้ยๆๆไม่ได้ดังใจ นี่ลื้อคงไม่ได้อ่านข้อความที่อั๊วส่งไปสินะ”

   “ข้อความอะไร” เกรียงไกรพูดพร้อมดูโทรศัพท์ของตัวเอง

   “ลื้อนี้น้า...มือไม่พายแล้วยังเอาเท้าราน้ำอีก...”

   “เตี่ย...แล้วคนพวกนี้เป็นใคร แล้วทำไมอั๊วต้องยกห้องให้พวกมัน”

   “อีก็มาช่วยอั๊วทำงานน่ะสิ ระหว่างนี้ลื้อก็ไปอยู่ที่บ้าน ถ้าไม่อยากอยู่บ้านอั๊วก็ไปอยู่บ้านแม่ลื้อ”

   “ไม่เอาอ่ะ”

   “ไม่เอาอะไร ถ้าลื้อไม่ยอมออกจากคอนโด อั๊วจะให้อาเถิงโยนลื้อออกไป”

   “ไม่ใช่ อั๊วหมายความว่าอั๊วจะไม่ไปอยู่บ้านแม่ เออๆๆ เดี๋ยวอั๊วจะเก็บของกลับบ้านเดี๋ยวนี้แหละ” ถึงเขาจะไม่พอใจเตี่ยแค่ไหน แต่เพื่อความปลอดภัย เขาควรจะต้องอยู่ห่าง ๆ จากคนพวกนี้ไว้

   “ดี แล้วลื้อโทรตามอาลตา ให้อีมาหาอาเถิงด้วย ไม่รู้ว่าป่านนี้จัดการไอ้วรากรไปถึงไหนแล้ว”

   “คุณลตากลับมาแล้วหรอ? แล้วเตี่ยล่ะ จะอยู่ที่นั่นอีกนานแค่ไหน”

   “ก็อยู่จนกว่างานที่นี่จะเสร็จนั่นแหละ ลื้อก็มีอะไรที่พอจะช่วยอาเถิงได้ก็ช่วยกันไป แต่ถ้าช่วยไม่ได้ก็อย่ามายุ่มย่ามกับอี”

   “รู้แล้วๆ แค่นี้ใช่ไหม”

   “ลื้อฟังอั๊วให้ดี ๆ นะ สิ่งที่อั๊วพยายามทำอยู่ทุกวันนี้ก็เพื่อลื้อทั้งนั้น”

   เกรียงไกรวางสาย และส่งโทรศัพท์คืนชายร่างใหญ่ตรงหน้าอย่างไม่พอใจ ก่อนเข้าห้องไปเก็บของ

.........................................................................

   วันนี้พี่เสือมาส่งผมที่สถาบันเหมือนอย่างเคย พอผมสอนเสร็จน้องกั๊มก็เข้ามาหา อยากให้ผมเพิ่มเวลาสอน จนพี่ศักดิ์ต้องมาช่วยพูด น้องกั๊มเปลี่ยนมาเรียนเทควันโดแทนการเรียนมวยไทย ตั้งแต่ผมไม่ได้ไปสอนที่ค่ายมวยนั่น แรก ๆ พี่ศักดิ์เป็นไปสอนเอง แต่น้องกั๊มดื้อมาก จนพี่ศักดิ์พามาเรียนเทควันโดที่นี่ จึงว่านอนสอนง่ายขึ้น

   “พี่ชักจะหึงแล้วสิ” พี่เสือเปรยขึ้นในขณะที่ผมก้าวขึ้นไปนั่งบนรถเรียบร้อย

   “กับน้องกั๊มน่ะหรอครับ”

   “เฮ้อ...หยกนี่เสน่ห์แรงจัง ไม่ว่าหนุ่มน้อย หนุ่มใหญ่ เพื่อนร่วมงาน”

   “ไม่มีอะไรสักหน่อย”

   “นี่พี่ยังมีคู่แข่งอีกเยอะไหม?”

   “พี่เสือ...ไร้สาระใหญ่แล้วนะ”

   “ก็พี่แค่อยากเป็นคนพิเศษสำหรับหยกนี่”

   “แค่นี้พี่เสือก็พิเศษกว่าคนอื่นแล้ว ไม่รู้ตัวเลยหรอ?”

   “หึ...ไม่เห็นรู้เลย พิเศษยังไงครับ”

   “ก็ที่...หยกแทนตัวเองด้วยชื่อนี่ไง ถ้าไม่สนิท ไม่ใช่คนในครอบครัว หยกไม่เรียกแทนตัวเองอย่างนี้หรอกนะ”

   “แต่พี่อยากได้อะไรพิเศษกว่านี้นี่ ที่ไม่เหมือนคนอื่นไม่ได้หรอครับ” พี่เสือโน้มตัวเข้ามาใกล้ผม...อีกแล้ว ผมจึงรีบเอามือขึ้นปิดปากและดันใบหน้าของพี่เสือออกไป “นี่หยกคิดว่าพี่จะทำอะไรหยกหรอครับ” พี่เสือจับมือที่ผมดันใบหน้าของพี่เขามากุมไว้ แล้วกลับไปนั่งในท่าปกติ

   พี่เสือยกมือของผมขึ้นมาจูบเบา ๆ แล้วก็ออกรถ ตลอดระยะทางที่ไปยังร้านพี่กันต์ พี่เสือไม่ได้ปล่อยมือของผมเลย พี่เสือไม่รู้จริง ๆ หรือ ว่าเขาเป็นคนพิเศษสำหรับผม พิเศษมากกว่าคนอื่น ๆ

.........................................................................

   ลตามาพบกับจุ้ยเถิงที่ห้องของเกรียงไกร เธอไม่คิดว่าจุ้ยเถิงจะทำงานได้รวดเร็วขนาดนี้ เธอเพิ่งจะกลับมาจากประเทศไทยได้เพียง 2 วันเท่านั้น เขาก็ตามเธอมาซะแล้ว

   “คุณลตา ผมกำลังรอคุณอยู่พอดี”

   “ตาไม่ทราบว่าคุณจะมาถึงเร็วขนาดนี้ ตาต้องขอโทษนะคะที่ทำให้คุณจุ้ยเถิงมารอตาแบบนี้”

   “ไม่เป็นไรครับ เรามาคุยเรื่องงานกันดีกว่า” ลตาวางซองเอกสารลงตรงหน้าชายหนุ่ม จุ้ยเถิงหยิบซองเอกสารมาเปิดดู

   “คนในภาพนี้เป็นใครกัน” จุ้ยเถิงถามทั้ง ๆ ที่สายตายังคงจ้องภาพตรงหน้า ตาไม่กระพริบ

   “คนใดคนหนึ่งน่าจะเป็นฝู่หยง”

   “คนใดคนหนึ่งอย่างนั้นหรอ เป็นไปไม่ได้ ตระกูลฝู่ไม่มีฝาแฝด แต่นี่...”

   “เท่าที่ตาได้ข้อมูลมา 2 คนนี่เป็นพี่น้องกัน อายุห่างกัน 1 ปี ไม่ใช่ฝาแฝดกันหรอกค่ะ”

   “ถ้าอย่างนั้นอีกคนคงเป็นลูกคนเล็กของฝู่หลิน”

   “ตกลงฝู่หลินมีลูกกี่คนกันแน่ ตารู้จากเจ้าสัวว่ามีแค่ 2 คนเท่านั้น”

   “ไม่แปลกหรอกที่คนนอกจะไม่รู้เรื่องลูกคนเล็กของฝู่หลิน”

   “แล้วเด็กคนนี้ชื่ออะไร พวกคุณต้องการตัวด้วยไหม?”

   “ผมก็ไม่รู้ว่าเด็กคนนี้ชื่ออะไร และพวกเราไม่ต้องการหรอก แล้วคนไหนล่ะ ฝู่หยง?”

   “เรื่องนี้ตายังไม่มีความคืบหน้าให้คุณ”

   “ทำไมคุณเซียงไม่เห็นเอ่ยถึงฝู่หยงเลย หรือว่าคุณยังไม่ได้รายงานคุณเซียงเรื่องนี้”

   “...”

   “คุณเซียงต้องการจะปิดบังพวกเราสินะ”

   “เรื่องที่เจ้าสัวคิดอะไร ฉันไม่รับรู้หรอก ฉันก็แค่ทำงานตามคำสั่ง”

   “แล้วคุณเอารูปพี่น้องคู่นี้มาให้ผมทำไม”

   “ก็ฉันยังไม่เจอฝู่หงส์นี่ แล้วจะให้ฉันเอาข้อมูลที่ไหนมาให้คุณ”

   “คุณนี่รู้จักเอาตัวรอดนะ”

   “ขอบคุณที่ชม ว่าแต่คุณจะให้ฉันทำยังไงต่อไป”

   “เจ้าสัวสั่งอะไรคุณไว้บ้างล่ะ”

   “บอกแค่ว่าให้ฉันช่วยซัพพอร์ตคุณ เมื่อคุณมาถึงที่นี่แล้ว”

   “ถ้าอย่างนั้น คุณสืบเรื่องของฝู่หยงมาให้ผม”

   “แล้วฝู่หงส์ล่ะ?”

   “ผมมีหน้าที่รับทายาทของตระกูลฝู่กลับไปเท่านั้น ส่วนคนอื่น ก็แล้วแต่พวกเขาสมัครใจ”   

To Be Continue

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
Re: หยก 27-12-17 {{:::40:::}}
«ตอบ #149 เมื่อ29-12-2017 02:02:17 »

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด