Cr. Pic [Pinterest]
say-hi ในทวิตเตอร์ ฝากติด #พี่กันต์สายอ่อย ด้วยนะคะ
ไม่ขออะไรมาก คอมเมนต์ให้กำลังใจกันหน่อยก็ดีจ้า
อย่าเป็นนักอ่านเงาเลย คนแต่งหมดกำลังใจเนอะ บท27 l “ทริปสวีท...”* * * ต่อค่ะ 100% * * *
“หายไปไหนกันมาคร้าบ อยู่ๆ ก็หายหน้าหายตาไปจากกลุ่ม ไปสวีทที่ไหนกันมาล่ะ” พอเดินกลับมาที่รีสอร์ทก็โดนแซวทันที
“ไม่ได้ไปสวีทที่ไหน แค่ไปเดินเล่นเอง” กันต์ตอบยิ้มๆ
“แหม... กูเชื่อมาก หน้ามึงงี้อย่างบาน ไปเดินเล่นจะหน้าบานแบบนี้ไหม” ไข่เจียวว่า
“อยู่กับคนรักก็มีความสุขหน้าบานเป็นธรรมดา คนไม่มีแฟนแบบมึงคงไม่เข้าใจหรอก น่างสงสาร... เนอะ” น้ำเสียงที่พูดนั้นเต็มไปด้วยความสงสารเพื่อน แต่สีหน้านั้นไข่เจียวเรียกว่ากวนประสาทแท้ๆ ไม่มีผสมความสงสารอย่างปากว่าเลยสักนิด
“สัส!”
“เพื่อนไข่... อิจฉา พูดแบบนี้นะครับเพื่อน”
“พี่! พี่ดูมันดิ” เมื่อเถียงเพื่อนไม่ได้ก็หันไปฟ้องรุ่นพี่แทน
แต่รุ่นพี่ก็ทำแค่ถอนหายใจ ยกมือโบกไปมาเหมือนไม่ใส่ใจ “กูขี้เกียจแซวไอ้ห่ากันต์นี่แล้ว แม่งไม่สะทกสะท้าน แถมยังทำหน้าระรื่นใส่กูอีก กูพอ กูเหนื่อย กูยอมแพ้ มึงไปแซวเมียมันนู้นไป อันนั้นสนุกกว่า”
“ผมไม่ใช่เมียพี่กันต์สักหน่อย!” เดียร์ที่หนีไปนั่งกับเพื่อนหันมาบอก
“อ้าว พวกมึงยังไม่ได้เสียกันอีกเหรอ รอไรวะ ฤกษ์ส่งตัวเหรอมึง” เจมส์ทำตาโตอย่างตกใจ แบบที่ดูก็รู้ว่าแกล้งทำ “คืนนี้ไหมมึง บรรยากาศดี อากาศเป็นใจ พรุ่งนี้น้องกูไม่ต้องทำงานแล้วด้วย เดี๋ยวพวกกูบิ้วท์ให้ เอาไรดี แสงเทียน กลีบกุหลาบ อโรม่า หรือพวกมึงจะดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ในทะเลล่ะ”
“ไอ้พี่เจมส์!!”
“อะไรวะ นี่กูกำลังจะช่วยมึงนะเนี่ยไอ้เตี้ย”
“ไม่ต้องช่วยเลย ไม่จำเป็น!!”
“อ๋อ” เจมส์ลากเสียงยาว “มึงจะบอกว่าของพวกนี้ไม่จำเป็น มึงจัดการเองได้งั้นสินะ เฮ้ยๆ นี่กูพี่มึงนะโว้ยไอ้เตี้ย”
เจมส์ร้องลั่นก่อนจะลุกแล้ววิ่งหนีเมื่อเดียร์หยิบขวดน้ำมาถือแล้วทำท่าจะวิ่งเข้ามาหา สองพี่น้องวิ่งไล่กันไปรอบวง เจมส์ก็เอาแต่ร้องห้ามแล้วก็วิ่งหนี เดียร์ก็วิ่งตามนึกอยากจะเอาขวดตีรุ่นพี่สักทีเหมือนกัน
“ไอ้กันต์ เก็บเมียมึงดิ เขินแล้วโหดสัสอ่ะ” เจมส์ตะโกนเรียกกันต์ ท่ามกลางเสียงหัวเราะขบขันของคนอื่นๆ ที่ไม่คิดจะยื่นมือเข้ามาช่วยเลยสักคน
กันต์เองก็นั่งขำสองคนนี้เหมือนกัน แต่เมื่อเห็นว่าเดียร์เริ่มจะเหนื่อยเลยเลยอาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายวิ่งผ่านเขาคว้าตัวเอาไว้ “พอแล้วครับ เหนื่อยแล้วเนี่ย เหงื่อออกเต็มเลย”
“ก็ไอ้พี่เจมส์อ่ะ”
“เอาไว้พี่จัดการให้เนอะ ตอนนี้นั่งพักก่อน เดี๋ยวเหนื่อยจนหอบหรอก” กันต์พูดเสียงนุ่ม ยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อตามขมับ ไรผมให้
กันต์ลุกขึ้นแล้วให้น้องนั่งเก้าอี้แทน ส่วนตัวเองก็นั่งบนที่เท้าแขน ใช้มือจับผนักเก้าอี้เอาไว้ หันไปหยิบน้ำส่งให้น้องดื่มแก้กระหาย
“นี่คือทริปทำงานจริงๆ ใช่ไหมวะเนี่ย ทำไมกูรู้สึกเหมือนว่ามันเป็นทริปสวีทของไอ้สองตัวนั้นเลยวะ” อิฐที่นั่งอยู่คนละฟากของโต๊ะพูดขึ้นพร้อมกับส่ายหน้าเมื่อเห็นการกระทำที่แสนจะเอาอกเอาใจของกันต์
“นั่นสิพี่ ผมก็คิดเหมือนพี่อ่ะ” ป่าไม้รีบหันไปสมทบเห็นด้วยกับคำพูดของรุ่นพี่ทันที
ก่อนจะมีอีกหลายเสียงตามมาอย่างเห็นด้วย กันต์ทำเพียงแค่หัวเราะขำๆ กับคำแซวของคนอื่น แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่กับเดียร์ เจ้าตัวนั่งเม้มปากพยายามที่จะไม่เขินให้คนอื่นได้ใจ ก่อนจะคิดหาทางเอาคืนทุกคน เจ้าตัวเลยยกมือขึ้นโอบเอวของกันต์ที่นั่งอยู่ตรงที่เท้าแขนแล้วซุกหน้าเข้าหาอีกฝ่าย
กันต์ชะงักไปทันทีเมื่ออยู่ๆ ก็โดนน้องกอด แล้วก็ไม่ใช่แค่กันต์ แต่คนที่กำลังเอ่ยแซวอย่างสนุกก็ชะงักเหมือนกัน แต่ละคนอ้าปากค้าง ตาโตเมื่อเห็นภาพนั้น
เดียร์หันหน้าออกมาหาทุกคน ก่อนจะพูดออกมาประโยคหนึ่ง เป็นประโยคที่ทุกคนแทบจะพร้อมใจปาของในมือลงพื้นแล้ววิ่งหนีไปลงทะเล
“คนไม่มีแฟนก็ขี้อิจฉาแบบนี้แหละ แต่พอดีผมมีแฟนไง แฟนดีด้วย อิจฉาพูดแบบนี้... ผมอยากจะบอกอีกครั้ง”
“แม่งเอ้ย!! ไอ้เดียร์แม่งเล่นพวกเราแล้วไง”
“เชี่ย!! พวกเราโดนเอาคืน”
เดียร์หัวเราะชอบใจที่ได้เอาคืน แม้จะต้องข่มความเขินของตัวเองเอาไว้ก็ตามที เจ้าตัวเงยหน้าขึ้นมองแฟนของตัวเองตั้งใจจะชวนให้ดูบรรดาพี่ๆ แต่พอเห็นอีกฝ่ายก้มมองเขาแบบอึ้งๆ ก็หน้าแดงขึ้นมาอีกรอบ
“เดี๋ยวเถอะเรา! ทำแบบนี้ระวังจะไม่ได้นอนหลับสบายๆ นะ” บีบแก้มน้องไปทีอย่างมันเขี้ยว มากอดอ้อนซุกซบกันแบบนี้หัวใจของกันต์ก็หวั่นไหว
บอกแล้ว... ถ้าเขาเริ่มเองเขาจะไม่เขิน แต่พอน้องเข้าหาก่อนทีไรล่ะต้องเขินหน้าแดงทุกที!
งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา ทริปเที่ยวก็ต้องมีวันหมดเช่นกัน หลังจากมาอยู่ที่กระบี่ด้วยกันห้าวันเต็มๆ ไม่รวมวันแรกที่เดินทาง วันนี้คือวันที่พวกเขาทั้งยี่สิบคนจะต้องเดินทางกลับกันแล้ว รถร่วมทางที่วันมามีสี่คัน ส่วนวันนี้เพิ่มเป็นหกคัน และตอนนี้ก็กำลังถกเถียงกันอยู่ว่าใครจะไปรถใคร
กลุ่มปีสี่น่ะไม่มีปัญหาเรื่องเพื่อนร่วมทางเพราะตอนมาใครนั่งคันไหนมา ตอนกลับก็นั่งคันเดิมกลับ ปีหนึ่งก็ไม่มีปัญหาเหมือนกัน จะติดปัญหาก็ตรงปีสามนี่แหละ เพราะกันต์ต้องการให้เดียร์กลับพร้อมเขา เลยจะถีบเพื่อนร่วมทางอีกสองคนอย่างไข่เจียวแล้วก็ป่าไม้ที่ตอนมามาด้วยกันไปรถของดิว ที่มีสองสาวอย่างใบบัวกับใยไหมนั่งอยู่ แน่นอนว่าดิวกับสองสาวไม่มีปัญหาอยู่แล้ว แต่คนที่มีปัญหาก็คือไอ้เพื่อนสองตัวที่ร้องโวกเวกโวยวายจนน่าปล่อยมันทิ้งไว้ที่เกาะนี่
“มึง... รถมึงนั่งแค่สองคน แต่ถ้ากูสองคนไปนั่งรถไอ้ดิวมันจะกลายเป็นห้าคน มึงจะให้กูไปนั่งเบียดที่กับสาวๆ เหรอวะ คิดสิมึง คิดสิ” ป่าไม้ว่า เพราะไอ้เพื่อนกันต์ไม่ยอมท่าเดียว มันจะกลับกับน้องแค่สองคนให้ได้ ให้ตายสิไอ้เรื่องมาก
กันต์นิ่งไปคิดอย่างคิดหาทางออก เขาหันไปมองรอบๆ ก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ “งั้นมึงไอ้ป่า มึงไปนั่งคันของทัชกับหินผา ยังไงมึงกับไอ้หินก็พี่น้องกันอยู่แล้ว ส่วนไอ้ไข่ก็ไปนั่งกับดิว เผื่อจะได้ผลัดกันขับ ส่วนกูกลับกับน้อง ตามนี้ ตกลง ดิล!”
พูดเองเออเองจบก็คว้ากระเป๋าของเดียร์มาถือก่อนจะจูงมือเดียร์ไปที่รถโดยไม่สนใจว่าคนอื่นๆ จะพูดยังไง พอขึ้นรถได้ก็กดล็อครถเอาไว้ด้วย ป้องกันเอาไว้ก่อน มีการลดกระจกลงเพื่อตะโกนบอกให้ทุกคนขึ้นรถ
“เออ... เอากับมันสิ พวกกูก็ยืนรอมันตกลงเรื่องรถ มันคิดเองเออเองจบก็หนีขึ้นรถไปเฉย ไม่สนใจพวกกูเล้ย แล้วมีหน้ามาเร่งอีก ไอ้หมานี่นิ” เจมส์หันมาบ่นกับเพื่อนกับรุ่นน้อง “ก่อนหน้านี้มันไม่เป็นแบบนี้นี่”
ไข่เจียวกับป่าไม้ทำหน้าเซ็งเมื่อรุ่นพี่หันมาถาม ส่วนดิวกับสองสาวก็แค่หัวเราะขำ ก่อนที่ดิวจะเป็นคนตอบคำถามของพี่ “ก็ตั้งแต่เจอน้อง จีบน้อง นั่นแหละพี่ หายใจเข้าออกก็น้องๆ ทำอะไรๆ ก็น้องๆ อย่างเดียว”
“เออ เอาที่มันสบายใจ ไปๆ ขึ้นรถ จะได้กลับบ้านกัน” เจมส์เอ่ยไล่รุ่นน้องไปขึ้นรถเพื่อจะได้ขับรถกลับ ยังต้องใช้เวลาเดินทางอีกหลายชั่วโมง ขี้เกียจจะมาเสียเวลาแล้ว
“พี่นี่เอาแต่ใจเหมือนกันนะเนี่ย” เดียร์พูดกับคนที่กำลังขับรถอยู่หลังจากที่พวกเขาขับรถออกมาจากรีสอร์ทแล้ว เมื่อเช้าตื่นมาก็เก็บของเตรียมจะไปขึ้นรถเพื่อน แต่ยังไม่ทันได้ไปไหนก็โดนล็อคตัวเอาไว้ ยืนฟังคนข้างๆ โต้เถียงกับเพื่อนของเจ้าตัวเรื่องที่นั่ง ก็ได้แต่ฟังเงียบๆ ตามไม่ทัน แล้วก็โดนลากมาขึ้นรถเลย
“ก็พี่อยากอยู่กับเรานี่” กันต์ก็ตอบกลับมาได้หน้าตาเฉย ไม่ได้รู้สึกผิดอะไรที่ถีบเพื่อนทั้งสองคนไปรถคันอื่น “พวกมันก็แค่เรื่องเยอะ เถียงไปงั้นขอให้ได้เถียง”
“จริงๆ ตอนแรกก็ให้พี่เขานั่งมาด้วยก็ได้นี่ครับ” รถก็คันใหญ่ นั่งกันสี่คนได้สบายอยู่แล้ว
“ไม่” แต่คนนี้ก็ปฎิเสธทันที “ถ้ามันมาก็เสียงดัง โวยวาย แล้วพี่ก็คงทำแบบนี้ไม่ได้ด้วย”
แบบนี้ ที่กันต์พูดถึงคือการเอื้อมมือไปจับมือของเดียร์เอาไว้ ก่อนจะประสานมือลงไป
“ขับรถมือเดียวอันตราย”
“พี่เก่ง ไม่ต้องห่วง” หันมายักคิ้วให้เป็นของแถมพร้อมรอยยิ้ม
“ครับๆ เอาที่พี่สบายใจเลยครับ”
“ถ้าเอาที่พี่สบายใจก็ปีนมานั่งตักพี่มา”
“ตลก! ขับรถไปเถอะครับคุณหมี จับมือแค่นี้ก็พอแล้วมั้ง” เดียร์ว่า ให้กันต์หัวเราะขำกับท่าทางของน้องตัวเล็ก
“ครับๆ จับมือก็พอครับคุณอุ๋ง”
“จับมือไง จับมือ ไม่ใช่ให้จุ๊บไง!” เดียร์ร้องเมื่ออยู่ๆ ก็ยกมือเขาไปจูบที่หลังมือ
“ก็จับมือไง ยังไม่ได้ปล่อยเลย” ชูมือข้างที่จับมือของเดียร์เอาไว้ให้ดูเป็นการยืนยันว่าเขายังจับมืออยู่ ไม่ได้ปล่อยไปไหนเลย
“พี่นี่ร้ายกาจชะมัดเลย” ได้แต่บ่นออกไปแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ จะดึงมือออกก็ดึงไม่ได้ เพราะนอกจากกันต์จะไม่ยอมปล่อยแล้วยังจับแน่นขึ้นด้วย
“ง่วงหรือเปล่า” กันต์ไม่ได้ตอบอะไรเดียร์แต่ถามอีกฝ่ายกลับไป เพราะวันนี้พวกเขาตื่นกันแต่เช้าเนื่องจากต้องขับรถกลับกรุงเทพฯ เขาก็เลยกลัวว่าน้องจะง่วงนอน
“ไม่ง่วง ว่าแต่พี่เถอะไม่ง่วงใช่ไหม แล้วเนี่ย... ไม่ให้พวกพี่เขามานั่งด้วยจะขับรถคนเดียวยาวถึงกรุงเทพฯไหว เหรอ บอกเลยนะผมขับรถไม่เป็นนะ ถ้าคิดจะพึ่งพาผมละก็คิดผิดนะบอกเลย”
“ขับรถให้แฟน ทำไมจะไม่ไหว แค่นี้สบายมาก ไม่ต้องห่วงครับคุณอุ๋ง”
“ครับๆ เอาเลยครับคุณหมี”
กันต์ยิ้มขำ เขาวางมือที่จับมือของน้องอยู่ไว้ที่หน้าขาของตัวเอง บีบเล่นเบาๆ ระหว่างขับรถ “เรียกแบบนี้ก็น่ารักดีนะ คุณหมี กับคุณอุ๋ง ศัพท์เรียกเฉพาะเราเนอะคู่อื่นเขายังมีเรียกน่ารักๆ กันเลย ดูรักกันมากๆ ดี”
เดียร์ที่โน้มตัวไปกดเปิดเพลงเพราะแขนข้างขวาไม่ว่างเนื่องจากโดนยึดไปเลยต้องใช้ข้างซ้ายแทน เลยทำให้ไม่ถนัด เจ้าตัวชะงักไปตอนที่ได้ยินคำพูดของกันต์ “บ้า”
“บ้าที่ไหนกัน น่ารักจะตายไปคุณอุ๋ง ไหนเรียกพี่ว่าคุณหมีสิ”
“ไม่เอา ไม่เรียก ขับรถไปดีๆ เลยพี่กันต์ จะชะลอจอดข้างทางทำไมเนี่ย”
“ไม่เรียกก็ไม่ขับต่ออ่ะ เอาสิ อยู่ด้วยกันบนรถแบบนี้นี่แหละไม่ต้องไปไหน” คนจริง พูดจริงทำจริง เพราะตอนนี้กันต์เปิดไฟเลี้ยวแล้วจอดรถชิดขอบถนนแล้ว
“เดี๋ยวคันอื่นๆ ก็งงหรอกพี่”
“ไม่มี เราอยู่คันสุดท้าย พวกนั้นมันนำกันไปหมดแล้ว” กันต์ตอบ เดียร์ได้แต่มองอย่างงงๆ เพราะจำได้ว่าตอนขับรถออกจากรีสอร์ท คันของพวกเขาไม่ได้อยู่คันสุดท้าย “เร็วๆ เรียกเร็วจะได้ขับต่อ”
เดียร์เม้มปากเบนสายตาออกไปนอกรถไม่กล้ามองสบตากับกันต์ ให้เรียกเล่นๆ แบบก่อนหน้านี้ก็ได้อยู่หรอก แต่พอตอนนี้จะเรียกมันก็เขินเหมือนกัน อย่างกับคู่รักคนอื่นเขาเรียกกัน เค้าๆ ตัวๆ ที่รัก ปะป๋า อะไรพวกนี้เลย
“ไหนเรียกสิ”
“ขับรถไปดีๆ เถอะครับ... คุณหมี...” พูดไปก็หันหน้าหนีไปทางนอกหน้าต่าง
กันต์หัวเราะชอบใจปล่อยมือจากมือของน้องแล้วพาดมือไปโอบไหล่อีกฝ่ายแล้วดึงมาใกล้ก่อนจะหอมแก้มแดงๆ ไปฟอดใหญ่จนคนโดนหอมแก้มตาโตหันมามองด้วยความตกใจ
“น่ารักนะเรา” ก้มมองคนที่ยังทำหน้าตกใจอยู่แล้วก็หอมแก้มอีกรอบ แล้วจึงผละออกมานั่งดีๆ เพื่อขับรถต่อ ไม่วายหันไปมองคนเขินอีกรอบ “นั่งดีๆ ครับคุณอุ๋ง”
“ฮึ่ม... พี่นิสัยเสีย นิสัยไม่ดี ฉวยโอกาส ขี้แกล้ง” ได้แต่บ่นงึมงำๆ กับตัวเอง ไม่กล้าบ่นดังมากเพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะแกล้งอะไรอีกหรือเปล่า
แต่ถึงจะบ่นแบบนั้นกลับเป็นฝ่ายเอื้อมมือไปดึงมือของพี่ตัวโตที่จับพวงมาลัยรถอยู่มาวางที่ตักตัวเองแล้วก็จับเอาไว้ ปล่อยให้พี่ใช้มือข้างเดียวขับรถ กันต์หันมามองก่อนจะยิ้มเอ็นดูเมื่อน้องตัวเล็กจับนิ้วของเขาเล่นเพลินๆ ถ้าเป็นเด็กทารกก็คงเหมือนใช้มือน้อยๆ กำๆ รอบนิ้วผู้ใหญ่ หรือถ้าเป็นลูกแมวก็ใช้อุ้มเท้ามาเล่น ใช้ปากงับนิ้ว อะไรแบบนั้นเลย
“รับโทรศัพท์ให้พี่หน่อยครับ” กันต์บอกเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์
เดียร์พยักหน้ารับก่อนจะหยิบโทรศัพท์ของอีกฝ่ายมากดรับ คุยกับปลายสายอยู่สักพักก็วาง “พวกพี่ๆ เขาอยู่ร้านข้าวครับ เห็นเรายังไม่ถึงเลยโทรมาถามว่าถึงไหนแล้ว”
“อ่อ... ไม่เกินสิบนาทีก็ถึงแล้วล่ะ”
อย่างที่กันต์บอก ไม่เกินสิบนาทีรถของกันต์ก็เลี้ยวเข้าไปในร้านอาหารที่นัดแนะกับกลุ่มเอาไว้ว่าจะแวะกินข้าวกลางวันกันที่นี่ ก่อนจะวิ่งยิงยาวกลับกรุงเทพฯ เลย ได้รับคำแซวเหมือนเดิมเมื่อกันต์เดินจูงมือน้องไปที่โต๊ะ
เพราะมาช้าสุด อาหารมาเสิร์ฟแล้วเรียบร้อยเลยไม่ต้องรอ นั่งได้ก็สามารถกินได้เลย กินกันไปเฮฮากันไปตามประสา โชคดีที่พวกเขาเลือกนั่งโซนด้านนอกที่ไม่ใช่ห้องกระจก แถมด้านนอกคนยังไม่ค่อยมีเสียงพวกเขาเลยไม่ไปรบกวนแขกคนอื่นๆ ของร้านให้ต้องโดนมองแรงใส่
หลังจากจัดการกับมื้อกลางวันกันเรียบร้อยทุกคนก็ทยอยกันไปขึ้นรถเหมือนเดิม ขากลับนี้แต่ละคันก็ขับกันแบบสบายๆ บางคันอยากแวะเที่ยวก็แวะ หรือคันไหนอยากยิงยาวไปถึงกรุงเทพฯ เลยก็ได้ กันต์กับเดียร์ตัดสินใจจะขับยาวเลย ไม่แวะเที่ยวที่ไหน สาเหตุก็เพราะว่ากันต์ไม่อยากให้น้องถึงบ้านดึกเกินไป
“กว่าจะถึงกรุงเทพฯ ก็น่าจะเย็นแล้ว พี่กันต์ไม่ต้องไปส่งผมที่บ้านก็ได้ กว่าจะไปถึงบ้านผมอีก อยู่คนละทางกับบ้านพี่เลย รถติดแน่นอน” เดียร์นั่งคำนวณระยะทางกับเวลาก่อนจะหันไปพูดกับกันต์
“ไม่เป็นอะไรหรอก เดี๋ยวพี่ไปส่งบ้าน จะปล่อยให้กลับเองได้ยังไงกัน”
“กลับได้สิ แถวบ้านผมนั่งรถไฟฟ้าไปได้อยู่ แล้วก็ต่อมอเตอร์ไซค์อีกหน่อยก็ได้แล้วครับ บ้านพี่กับผมมันคนละฝั่งของเมืองเลยนะ”
“พี่ยอมรถติดดีกว่าปล่อยเรากลับเองคนเดียว อันตราย” ยังไงกันต์ก็ไม่ยอม
“ผมผู้ชายนะครับ เผื่อพี่จะลืม”
“พี่ไม่ลืมครับว่าแฟนพี่เป็นผู้ชาย แต่สมัยนี้จะชายหญิงแล้วไง อันตรายเหมือนกัน ให้พี่ไปส่งน่ะดีแล้ว อีกอย่างจะได้อยู่กับเรานานขึ้นด้วย เข้าใจแฟนหรือยังครับคุณอุ๋ง”
“ตามใจ ถึงบ้านเที่ยงคืนตีหนึ่งผมก็ไม่รู้ด้วยแล้ว”
“ทำไมเขินแล้วชอบเกรี้ยวกราด สงสัยต้องปราบบ่อยๆ เวลาเขิน จะได้ไม่เกรี้ยวกราดแบบนี้” ยื่นมือมาบีบแก้มขาวๆ ของน้องอย่างมันเขี้ยว มันน่าจับมาฟัดให้ช้ำจริงๆ เลยคนอะไร
เดียร์ตีมือของกันต์ที่กำลังบีบแก้มเขาอยู่ บ่นพึมพำตามประสา ก่อนจะโวยวายออกมาอีกรอบเมื่ออีกฝ่ายอาศัยช่วงเวลาที่รถติดไฟแดงมาคว้าคอเขาไปฟัดแก้มจนแทบจะช้ำ กันต์ยอมผละออกพร้อมกับรอยเล็บที่แขนของตัวเอง โดนอุ๋งที่กลายร่างเป็นแมวข่วนมา เจ็บเหมือนกันนะ
แม้จะรู้สึกผิดแต่เดียร์ก็ไม่ยอมขอโทษหรอกนะเพราะอีกฝ่ายแกล้งเขาก่อน เขาแค่ป้องกันตัวเล็บเลยไปข่วนด่วน เพราะฉะนั้นเขาไม่ผิดด้วย แต่กันต์ก็ไม่ได้โกรธหรือไม่พอใจอะไร เพราะเขาก็รู้ว่าน้องไม่ได้ตั้งใจทำ เห็นมองลอยแดงที่แขนเขาตาละห้อยด้วยความสำนึกผิด ก็โกรธไม่ลงแล้ว
กว่าจะกลับถึงกรุงเทพฯ ก็เย็นย่ำ ช่วงเวลาแห่งการจราจรติดขัด กว่าจะฝ่าการจราจรที่แดงตลอดเส้นทางไปถึงบ้านของเดียร์ได้ก็ใช้เวลาไปสองชั่วโมงกว่า ท้องฟ้ามืดสนิทแล้ว ยังดีที่เขาแวะเข้าปั้มก่อนจะเข้ากรุงเทพฯ ซื้อขนม ของกินมารองท้องกันแล้วเลยยังไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ ไม่อย่างนั้นคงได้ปวดท้องเพราะหิวกันแน่นอน
“ข้างหน้าครับ ที่รั้วยาวๆ นั่นแหละ” เดียร์ชี้นิ้วไปที่รั้วบ้านข้างหน้า ก่อนจะหยิบรีโมทมากดเปิดประตูรั้ว แม้ว่าเขาจะขับรถไม่เป็นแต่ก็พกรีโมทประตูรั้วเอาไว้ตลอด เผื่อเวลานั่งรถแท็กซี่ หรือให้เพื่อนมาส่ง จะได้เข้าบ้านได้
“บ้านเราเหรอเนี่ย” กันต์อดที่จะอึ้งไม่ได้ เพราะดูแค่รั้วก็อลังการแล้ว
“ก็ครับ มีบ้านอยู่สามหลังน่ะครับ บ้านคุณปู่หมอ บ้านคุณปู่คุณย่า แล้วก็บ้านผม รั้วเลยดูใหญ่ ดูกว้างแบบนี้” เดียร์ตอบ
กันต์พยักหน้ารับ กะเอาด้วยสายตาเขาเชื่อว่าที่ดินที่อยู่ในรั้วนี้ต้องมีไม่ต่ำกว่าสี่ไร่แน่นอน เพราะตอนที่เขาขับรถผ่านบ้านหลังใหญ่สองหลังนั้น แต่ละหลังก็ใช้พื้นที่ไม่น้อยเลย ไหนจะมีสวนอีก เหมือนกำลังหลุดเข้ามาในอีกอาณาเขตหนึ่งเลย
“ขอบคุณนะครับที่ขับรถมาส่งผม” เดียร์พูดหลังจากที่รถจอดสนิทอยู่หน้าบ้านแล้ว
“ไม่เป็นอะไรครับ เดี๋ยวพี่ช่วยหยิบกระเป๋า” กันต์บอกก่อนจะลงจากรถเพื่อหยิบกระเป๋าเดินทางของเดียร์ที่วางอยู่ที่เบาะหลังให้ “ยังไม่ลืมใช่ไหมครับ เรื่องที่พี่บอกเอาไว้ เรื่องที่บ้านเดียร์น่ะ”
“ไม่ลืมครับ เดี๋ยวผมบอกพี่อีกทีนะครับผมจะพูดเกริ่นๆ เอาไว้ก่อน” เดียร์พยักหน้ารับ
“เอาที่เราสบายใจนะเดียร์ ถ้ายังไม่พร้อมพี่ก็ไม่บังคับ” กันต์ยกมือขึ้นลูบผมเดียร์เบาๆ เหมือนต้องการปลอบ
“ครับ” เดียร์ยกมือขึ้นจับมือของกันต์เอาไว้ บีบเบาๆ เพื่อเรียกกำลังใจให้ตัวเอง “พี่รีบกลับได้แล้ว เดี๋ยวถึงบ้านดึก”
“เดียร์!!”
เสียงตะโกนเรียกชื่อเดียร์ ทำเอาทั้งสองคนสะดุ้งด้วยความตกใจ หันไปมองตามที่มาของเสียง
“แด๊ด...”
“เข้าบ้านเดี๋ยวนี้” อีกฝ่ายสั่งเสียงเข้ม สายตาไม่ได้มองอยู่ที่ลูกชายแต่เป็นใครอีกคนที่ยืนจับมือกับลูกชายของเขา
“แด๊ดคือว่า...” เดียร์ไม่แน่ใจว่าแด๊ดเห็น หรือได้ยินอะไรไหม
“แด๊ดบอกให้เข้าบ้านเดี๋ยวนี้ไง”
“ไปครับ เข้าบ้านเถอะ เอาไว้พี่จะโทรหา” กันต์บอกกับน้องตัวเล็ก ก่อนที่เข้าจะหันไปยกมือไหว้สวัสดีคนที่ยืนอยู่ “สวัสดีครับ”
“นายกลับไปได้แล้ว เดียร์มาหาแด๊ดเดี๋ยวนี้เลยนะ”
“อย่างนั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ เอาไว้ผมมา...” ยังไม่ทันจะพูดจบประโยค อีกฝ่ายก็ดึงเดียร์เดินกลับเข้าไปในบ้านแล้ว
กันต์ได้แต่ถอนหายใจออกมา รู้สึกว่าเรื่องนี้น่าจะไม่ง่ายเสียแล้ว ท่าทางพ่อของน้องจะหวงน้องไม่ใช่เล่น แต่ไม่ว่ายังไงเขาก็จะไม่ยอมแพ้ แม้จะโดนห้ามก็ตามที
************************************************
เปิดด้วยหวาน ปิดด้วย... เอ... จะเรียกว่าอะไรดีอ่ะ ไม่มีอะไรหรอก ฮี่ ๆ รู้แต่ว่าทริปทำงานของน้องเดียร์กลายเป็นทริปสวีทไปแล้วจ้า ใครก็ได้เอาพี่กันต์ไปเก็บที น่าหมั่นไส้พอกันทั้งพี่ทั้งน้อง งุ้ย น้องเขินนะ แต่อยากจะเอาคืนบ้าง คนพี่ก็นะ ทีตอนตัวเองฟัดน้อง อ่อยน้องละไม่มีเขิน พอน้องมากอดหน่อย ซบนิดล่ะหน้าแดง ต้องหลงน้องเบอร์ไหนจ้า ฮี่ ๆ ส่วนตอนหน้าจะเป็นอย่างไร... รอลุ้นเอานะคะ
ยังไงก็เจอกันตอนหน้านะคะ ^^
ปอลอ. ขอบคุณทุกคอมเมนต์ ทุกความคิดเห็นนะคะ ขอบคุณที่ติดตามนิยายของฟางจ้า ขอบคุณนะคะ
ปล. เหตุการณ์รับน้อง การเรียนการสอน รวมไปถึงข้อมูลบางส่วนที่ใส่ในนิยาย บางส่วนฟางเอามาจากชีวิตจริงที่ฟางได้เจอมาตอนเรียน บางส่วนฟางแต่งเติมเสริมขึ้นมาเอง และได้รับการอนุญาตจากทาง รศ.ดร.นฤพนธ์ ไชยยศ คณบดี คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ให้เผยแพร่แล้วค่ะ
เจอคำผิด บอกได้ค่า
ไม่อยากจะขออะไรมาก แต่ขออย่างเดียวอ่านแล้วเมนต์หน่อยน้า ไม่งั้นพี่กันต์น้อยใจแย่เลย รักพี่กันต์เมนต์ รักน้องเดียร์เมนต์ รักคนแต่งเมนต์ ไม่รักกันก็เมนต์ค่า
สำหรับเฟสบุ๊คค่ะ https://www.facebook.com/fgc32yaoi
สำหรับทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/Fangiily_GC
เข้าไปพูดคุย สอบถาม ทวงหานิยายกันได้เลยนะคะ ยินดีตอบทุกคน ทุกข้อสงสัย(ที่ตอบได้จ้า)
รัก #พี่กันต์สายอ่อย กันเยอะๆ นะคะ กดเฟบ กดเมนต์ กดโหวด กดแชร์ แล้วแต่สะดวกเลยน๊า คนละนิดคนละหน่อยเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ จุ๊บๆ ขอบคุณค่ะ