
Cr. Pic [Pinterest]
say-hi ในทวิตเตอร์ ฝากติด #พี่กันต์สายอ่อย ด้วยนะคะ
ไม่ขออะไรมาก คอมเมนต์ให้กำลังใจกันหน่อยก็ดีจ้า
อย่าเป็นนักอ่านเงาเลย คนแต่งหมดกำลังใจเนอะ บท26 l “ทริปทำงาน...”การสอบผ่านพ้นไปแล้ว เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมานี้และตอนนี้ทั้งเดียร์ ทัช แล้วก็หินผากำลังฉลองสอบเสร็จกับเพื่อนๆ ในกลุ่มที่พวกเขาอยู่ด้วยเวลาจับกลุ่มตอนเรียน ไม่ได้ฉลองที่ไหนไกล ร้านสเต็กหน้ามหา’ลัยนี่แหละ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเวลาฉลองอะไรสักอย่างจะต้องเลือกร้านนี้ทุกที
“เออว่าแต่ว่า เราไปกระบี่กันวันไหนนะ” มิ้นท์เพื่อนในกลุ่มถามขึ้นระหว่างรออาหาร
“วันที่สิบน่ะ มีเวลากลับบ้านกันคนละสองอาทิตย์” หินผาตอบคำถามของเพื่อน
“ไงเด็กๆ มาฉลองกันหลังสอบเสร็จเหรอ” เสียงทักดังขึ้นเรียกให้ทุกคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะหันไปมองก่อนจะยกมือไหว้กันอย่างพร้อมเพียง
คนที่ยืนอยู่คือรุ่นพี่ปีสี่ที่กลุ่มของพวกเดียร์อยู่ด้วยสำหรับทำโปรเจคตอนเทอมสอง เป็นกลุ่มรุ่นพี่ที่จะคอยสอนตลอดทั้งเทอม
“สอบกันเสร็จแล้วล่ะสิ” ในกลุ่มของรุ่นพี่นั้นมีทั้งหมดเจ็ดคนเหมือนกับกลุ่มของพวกเขา คนที่กำลังพูดอยู่เป็นถึงอดีตเดือนคณะชื่อ เฟียส แล้วก็มีรองดาวของคณะคือ ดาว ส่วนอีกห้าคนในกลุ่มก็มีผู้หญิงอีกสองคนคือ เค้ก กับ พลอย แล้วก็ผู้ชายอีกสามคนคืออิฐ นัท แล้วก็เจมส์ เป็นกลุ่มที่พี่ปีสองปีสามบอกว่าเก่งมาก แต่ละคนว่าที่เกียรตินิยมทั้งนั้น นับว่าเป็นเรื่องดีสำหรับพวกเดียร์ที่ได้อยู่กับรุ่นพี่เก่งๆ แบบนี้
“ครับ เพิ่งสอบเสร็จครับ แล้วพวกพี่ล่ะ” เจตอบคำถามของรุ่นพี่ก่อนจะถามกลับ
“เสร็จแล้วเหมือนกัน เออ... รู้กันแล้วใช่ไหมว่าเราจะไปกระบี่กันวันที่สิบน่ะ เราจะไปกันยังไงนั่งรถไป ขับรถไปเอง หรือว่าจะนั่งเครื่องไป พวกพี่ขับรถไปกันสองคัน ถ้าขับรถไปก็จะได้ไปพร้อมกัน ขับรถไปด้วยกันเรื่อยๆ ไม่รีบร้อน”
“ขับรถครับ เอาไปสองคัน จะได้ผลัดกันขับได้ครับ” หินผาตอบ พวกเขาคุยกันแล้วว่าจะขับรถไปกันเอง เอารถของทัชไปคันหนึ่ง ก็มีทัช เดียร์ แล้วก็หินผา ส่วนที่เหลือก็ไปรถของเจ
“เออดีๆ อย่างนั้นเดี๋ยวจะได้ขับไปพร้อมๆ กันเลย” เจมส์พูด “งั้นสักเจ็ดโมงล้อเลื่อน มาเจอกันที่มหา’ลัยแล้วกัน ดีไหม ไปถึงนู้นก็เย็นๆ พอดี”
“ได้ครับ แบบนั้นก็ได้ครับไม่มีปัญหาอะไร”
“เค เอองั้นเดี๋ยวตั้งกลุ่มไลน์ก่อน จะได้ลากเข้ากลุ่มกันเผื่อมีอะไรเปลี่ยนแปลง งั้นเดี๋ยวพี่ลากเจเข้ามาก่อนนะ เจก็ลากคนอื่นๆ ต่อแล้วกัน”
“ได้ครับพี่”
นั่งแลกไลน์กับพวกรุ่นพี่จนครบ กดเข้ากลุ่มเรียบร้อยก็พอดีกับอาหารโต๊ะของเดียร์มาเสิร์ฟ พวกพี่ๆ เลยผละออกไปนั่งที่โต๊ะตัวเองกัน พวกเขานั่งกินกันไปคุยกันไป ถึงเรื่องสอบของวิชาที่ผ่านมาบ้าง เรื่องไร้สาระบ้าง เรื่องที่กำลังจะไปกระบี่กันบ้าง
โปรเจคเทอมสองที่ปีหนึ่งต้องทำร่วมกับปีสี่ก็คือโปรเจคสำนึกรักบ้านเกิด เป็นการไปสำรวจพื้นที่ชุมชนซึ่งก็แล้วแต่ว่าแต่ละกลุ่มจะเลือกไปจังหวัดไหน ชุมชนไหน ซึ่งการลงสำรวจชุมชนนี้หน้าที่หลักจะเป็นของรุ่นพี่ปีสี่ที่จะคอยกำกับดูแลน้องๆ ทั้งติดต่อประสานงานกับทางผู้นำชุมชนในกรณีที่ต้องการความช่วยเหลือในเรื่องของข้อมูลต่างๆ
หลังจากสำรวจชุมชนแล้วปีสี่จะมีหน้าที่วางผังชุมชนใหม่ อาจจะใช้พื้นที่เดิมหรือพื้นที่ใกล้เคียงในการวางผังก็ได้ รวมไปถึงการกำหนดโจทย์ให้น้องปีหนึ่งออกแบบบ้านด้วย มีทั้งกำหนดโจทย์ให้ออกแบบบ้านสำหรับทำเป็นโฮมสเตย์ บ้านที่เปิดเป็นร้านขายยา ร้านอาหาร พื้นที่ส่วนกลางของชุมชน แล้วแต่ปีสี่จะกำหนดโจทย์ขึ้นมา ซึ่งการตรวจงานก็เป็นหน้าที่ของปีสี่ในการตรวจงานน้องปีหนึ่งแล้วก็รายงานผลให้กับอาจารย์ประจำกลุ่มรู้
“พี่ๆ ครับ พวกผมกลับก่อนนะครับ” พวกเขาเดินไปลารุ่นพี่หลังจากที่กินกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“โอเค แล้วเจอกันวันที่สิบ รายละเอียดอื่นๆ เดี๋ยวพี่บอกอีกที อ๋อ... เรื่องที่พักอะไรพวกนี้ไม่ต้องห่วงนะ พวกพี่จะจัดการให้เอง เตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมแล้วกัน พวกพี่โหดนะบอกเลย”
พวกเขาหัวเราะกับคำพูดของรุ่นพี่ พยักหน้ารับคำกันอย่างขันแข็งก่อนจะเดินออกจากร้านไป ทุกคนแยกย้ายกันไปเดียร์กลับกับทัชเหมือนเดิม ตอนนี้ก็อยู่บนรถของทัชเพื่อกลับคอนโด เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดดูหลังจากที่ไม่ได้หยิบมันเลยตั้งแต่เข้าห้องสอบ
เห็นข้อความจากคนที่กำลังรอพรีเซนต์งานอยู่ก็กดเข้าไปอ่านแล้วตอบกลับไป กันต์ยังไม่ได้พรีเซนต์งานเลยเพราะยังไม่ถึงคิว เห็นว่ามีกลุ่มที่ร่วมพรีเซนต์ด้วยกันสามกลุ่ม อาจารย์ให้สลับกันไปแต่ละกลุ่ม
“พี่กันต์เหรอ” ทัชถามเมื่อเห็นสีหน้าของเพื่อน “มึงคบกับพี่เขาถึงเดือนหรือยังวะ”
คนโดนถามนิ่งไปพลางนึก จากวันที่เขาตอบตกลงคบกับอีกฝ่ายก็น่าจะผ่านมาเดือนกว่าๆ ได้แล้ว “อือ... เดือนกว่าๆ แล้วล่ะ”
“เป็นยังไงบ้าง ดีไหม”
เดียร์หันมองหน้าเพื่อนอย่างงงๆ “หมายถึงยังไงวะ”
“ก็ความรู้สึกอะไรพวกนี้ ดีไหม มีความสุขดีไหม พี่เขาดีหรือเปล่าอะไรประมาณนี้แหละ”
“ก็ดี มีความสุขดีนะมึง พี่เขาก็ดี” เดียร์ตอบ ทุกอย่างมันดีอย่างที่เขาบอก ก่อนที่จะคบกันอีกฝ่ายดูแลเป็นห่วงเขาดียังไง ตอนนี้ก็ยังเหมือนเดิม แล้วก็หวังว่าจะเหมือนเดิมแบบนี้ไปเรื่อยๆ
“แล้วมึงบอกที่บ้านหรือยัง”
“บ้านกูก็ยังหรอก แต่ถ้าบ้านพี่กันต์ก็บอกแล้ว”
ทัชหันมามองอย่างแปลกใจกับคำตอบของเพื่อน “บอกบ้านพี่กันต์แล้วเหรอ แล้วที่บ้านพี่เขาว่ายังไงบ้างวะ โอเคไหมมึง มีอะไรแบบในละครไหมอย่างแม่ผัวลูกสะใภ้งี้อ่ะ แม่ไม่ปลื้มไรงี้”
เดียร์พยักหน้ารับ “ไม่มีอะไรแบบนั้นหรอกน่า มึงนี่ก็เวอร์ไปไหมดูละครเยอะหรอมึงอ่ะ”
“อ้าว เรื่องจริงยิ่งกว่าละครไงมึง แล้วที่บ้านพี่เขาว่ายังไง”
“ก็... ครอบครัวพี่เขาน่ารักมากเลย เป็นกันเองไม่ได้คัดค้านหรืออะไร เหมือนจะรู้กันอยู่แล้วว่าพี่เขาชอบ... กูน่ะ” พอพูดอะไรแบบนี้แล้วก็รู้สึกอายเหมือนกัน ที่ต้องมาพูดว่าอีกฝ่ายชอบตัวเอง เหมือนกับมั่นใจในตัวเองมาก
“ครอบครัวพี่เขาก็ผ่าน เหลือแต่ที่บ้านมึงสินะ แต่กูว่าก็คงไม่มีปัญหาอะไรหรอกมั้ง ดูจากแด๊ดกับมัมมึงเป็นตัวอย่างอ่ะนะ”
“ก็หวังว่าแบบนั้นแหละ กูล่ะไม่อยากทำให้มัมเสียใจหรือผิดหวังเลย”
“เอาน่ามึง อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดแหละ” ทัชพูด หันมามองเพื่อนตัวเล็กก่อนจะยิ้มพราวด้วยดวงตาที่เป็นประกายแบบที่เดียร์เห็นแล้วก็ชักจะไม่ไว้ใจ “ว่าแต่... มึงกับพี่เขาถึงขั้นไหนแล้ววะ”
เดียร์หน้าแดงทันทีที่ได้ยิน “อะไรของมึง ข ขั้นนงขั้นไหนอะไร”
“อย่ามาทำเป็นไม่รู้น่ามึง... ต้องให้กูถามตรงๆ เหรอว่าเอากันยังอ่ะ”
“ไอ้ทัช!!” เดียร์เรียกเพื่อนเสียงดังลั่น หน้าแดงก่ำไปหมด โชคดีที่ถึงคอนโดพอดีเดียร์เลยรีบหนีลงจากรถไปปล่อยให้เพื่อนหัวเราะชอบใจที่ได้แกล้งเพื่อนได้
เดียร์รีบเดินหนีเพื่อนพร้อมกับก่นด่าเพื่อนไปตลอดทางจนถึงห้อง หน้าขาวๆ ยังแดงไม่หายยิ่งพอนึกถึงคำถามของเพื่อนก็ยิ่งหน้าแดงเข้าไปใหญ่ ทั้งๆ ที่ระหว่างเดียร์กับกันต์ไม่เคยเกิดเหตุการณ์อะไรแบบนี้ด้วยซ้ำ
เดียร์เดินไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะเดินมานอนเล่นที่โซฟาหน้าโทรทัศน์ คุยไลน์กับเพื่อนหินผาบอกว่าจะนั่งเครื่องกลับไปบ้าน อีกสองวันก็กลับ รอบนี้ไปคนเดียว เพราะป่าไม้ยังสอบไม่เสร็จ แล้วจะตามกลับไปทีหลัง เพราะยังไงเขาก็อยู่ได้นานกว่าน้องชายแน่นอน ส่วนทัชก็กำลังเก็บเสื้อผ้าเตรียมกลับบ้านเหมือนกัน ส่วนเดียร์... เขาต้องรอพี่ชายสอบเสร็จก่อนถึงจะกลับบ้านได้เพราะเขาขับรถไม่เป็นต้องพึ่งพี่ชายอย่างเดียว
ไม่รู้ว่าปิดเทอมแบบนี้กันต์จะไปไหนหรือเปล่า แต่คงเป็นปิดเทอมที่ไม่ได้เจอกันแน่นอนเพราะต่างฝ่ายต่างก็กลับบ้าน แล้วเขายังต้องลงไปกระบี่อีกตั้งหลายวันด้วย กว่าจะได้เจอกันอีกทีก็น่าจะเปิดเทอมสองเลย
นอนเล่นไปมาจนสุดท้ายก็เผลอหลับไปบนโซฟาแบบนั้น หลับสนิทเสียจนไม่ได้ยินเสียงเปิดปิดประตู คงเพราะว่าทุ่มเทให้กับการอ่านหนังสือสอบจนแทบไม่ได้พัก เดียร์เลยหลับสนิทแบบนี้
คนที่ถือวิสาสะบุกรุกห้องของคนอื่นเดินมานั่งใกล้ๆ คนหลับ ยกมือขึ้นลูบผมของเดียร์เบาๆ อย่างเอ็นดูก่อนจะผละไปที่ครัวเพื่อเตรียมมื้อเย็นเป็นการฉลองการสอบเสร็จของน้องตัวเล็ก แล้วก็การพรีเซนต์งานที่ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
คนหลับที่แม้แต่เสียงประตูหรือสัมผัสที่แตะตัวไม่สามารถทำให้ตื่นได้เริ่มขยับตัวเมื่อกลิ่นหอมของเครื่องแกงลอยอบอวน เดียร์ขยับตัวก่อนจะลุกขึ้นนั่ง กวาดสายตาไปรอบๆ จนกระทั่งหยุดอยู่ที่แผ่นหลังกว้างนั้น
ไม่รู้ว่าลุกตอนไหน เดินอย่างไร เพราะรู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ไปสวมกอดเขาจากด้านหลังแล้ว คนโดนกอดชะงักไป คนกอดเองก็ชะงักกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไป
กันต์หันมามองหน้าน้องตาโต แต่เดียร์ตาโตกว่า เจ้าตัวรีบปล่อยมือจากเอวหนานั้นทันที เด้งตัวออกแทบไม่ทัน แล้วก็กลายเป็นว่าต่างก็ยืนหน้าแดงด้วยกันทั้งคู่ พี่ก็หน้าแดงที่น้องเข้ามากอด น้องก็หน้าแดงที่เผลอไปกอดพี่เขา
เกิความเงียบขึ้นระหว่างพวกเขา ได้แต่หลบตากันไปมา หน้าก็แดงด้วยกันทั้งคู่ เหมือนกับเด็กหัดรักไม่มีผิด สุดท้ายก็เป็นคนน้องที่ทนไม่ไหวเลยยกขาเตะพี่ไปที
“ก็พูดอะไรสักอย่างสิ เงียบหน้าแดงทำไมล่ะ”
“ก็แล้วเข้ามากอดพี่ทำไมล่ะ คนมันตกใจนะเออ” กันต์บอก หัวใจของเขาเริ่มเต้นเป็นปกติมากขึ้นเลยกล้ามองหน้าน้องมากขึ้น เห็นชัดเจนเลยว่าเดียร์หน้าแดงมาก ลามไปถึงใบหูแล้วก็ลำคอเลย
“ไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย! มันไปเอง...” คำพูดคำจาฟังน่ารักใช้ได้
พอเริ่มจะหายเขินกันต์ก็รู้สึกกล้ามากขึ้น เขาดึงน้องเข้ามาใกล้ก่อนจะกอดเอาไว้ เดียร์ตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจ แต่ไม่นานก็ผ่อนคลายลง ยกมือกอดตอบ
กันต์เกยคางไว้บนหัวน้อง โยกตัวไปมาเบาๆ ก่อนจะกอดเดียร์แน่นขึ้นให้หายคิดถึง “คิดถึง ห้องอยู่ข้างกันแค่นี้แต่แทบไม่ได้เจอเลย คิดถึงชะมัด”
“ฮื่อ... เหมือนกัน” ตอบกลับเสียงเบา แต่เพราะอยู่ใกล้กันขนาดนี้กันต์เลยได้ยินอย่างชัดเจน
ริมฝีปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม กดจูบเบาๆ ที่หัวน้อง แต่ดูเหมือนว่าจะไม่พอให้หายคิดถึงเลยลามมาหอมแก้มขาวๆ นิ่มๆ ไปหลายฟอดจนแก้มของเดียร์แทบช้ำ
“พอแล้ว แก้มผมช้ำหมดแล้วเนี่ย” ยกมือปิดแก้มตัวเองจนปากยู่เข้าหากัน
พอไม่มีแก้มน้องอยู่ในสายตา การโฟกัสของกันต์เลยเปลี่ยนไปเป็นปากแดงๆ ที่ยู่อยู่ตรงหน้า พยายามจะห้ามใจตัวเองไม่ให้ก้มหน้าลงไป แต่สีหน้ายุ่งๆ ปากแดงจู๋ๆ นั้นมันดูเชิญชวนแปลกๆ เลยต้องก้มลงไปงับเบาๆ
เดียร์สะดุ้งเมื่ออยู่ๆ ก็โดนงับปาก ยังไม่ทันจะประท้วงอะไรริมฝีปากของกันต์ก็ทาบทับลงมาอีกเพื่อปิดกลั้นเสียงพูดของเดียร์
คนที่เพิ่งหายหน้าแดงตาโตก็กลับมามีอาการอีกครั้ง เดียร์รู้สึกว่าหัวใจของเขาเต้นแรงแล้วก็หนักหน่วงมาก แม้จะเคยจูบกันแต่ก็ไม่บ่อย พอโดนจูบแบบไม่ได้ตั้งตัวแบบนี้ก็ทำเอาใจเต้นแรง
มือทั้งสองข้างของกันต์วางทาบทับที่มือของน้องที่ยังยกปิดแก้มอยู่ ดันให้ใบหน้าแดงๆ เงยขึ้นเพื่อที่เขาจะได้ป้อนจูบได้ถนัดขึ้น เขาไม่ได้ลุกล้ำไปมากกว่านี้ทำเพียงแค่เบียดริมฝีปากลงไป ผละออกแล้วก็แนบริมฝีปากลงไปใหม่ซ้ำๆ อยู่แบบนี้ สลับกับขบเม้มกลีบปากนุ่มๆ ของน้องทั้งบนและล่าง
“พ... พ พี่แม่ง...” ไม่รู้จะพูดอะไรก็เลยว่าออกมาซะเลย
“เขินแล้วเกรี้ยวกราดนะเรา” กันต์ผละออกมามองคนหน้าแดง
“ฮึ่ม!” อยากจะโกรธแต่ความเขินมันมีมากกว่า เลยได้แต่ปล่อยหมัดใส่ไหล่พี่ไปสองสามทีแก้เขิน กันต์ก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเดียร์ไม่ได้ต่อยเต็มแรง “ทีเมื่อกี้ล่ะเขินหน้าแดง แล้วไงมาจูบเอา จูบเอาแบบนี้เนี่ย”
“นี่จูบอย่างเดียว ยังไม่ได้เอา อยากให้เอาด้วยก็ไม่บอก”
“พี่กันต์!!!”
“ล้อเล่นๆ” กันต์รีบยกมือยอมแพ้ เพราะถ้าไม่อย่างนั้นจากแรงต่อยเบาๆ อาจจะมาเต็มแรงก็ได้ “ก็เมื่อกี้อุ๋งเข้ามากอดพี่ก่อน พี่ก็เขินสิ แต่ถ้าพี่ทำก่อนพี่ไม่เขินหรอก”
“ฮึ่ย! ไม่เห็นจะยุติธรรมเลย ทำไมมีแต่ผมที่เขินล่ะ!”
“ถ้าอยากให้พี่เขินก็จูบพี่ก่อนสิ อ่ะ” ทำปากยื่นให้ด้วย สุดท้ายเลยโดนตีปากกลับมาหนึ่งทีโทษฐานทำให้เดียร์เขินกว่าเดิม
กันต์หัวเราะชอบใจที่ได้แกล้งแฟนตัวเอง “ไปนั่งรอก่อนไป พี่ทำมื้อเย็นอยู่ เดี๋ยวจะได้กินข้าวกัน”
“ทำอะไรบ้าง” เดียร์ผละไปชะโงกดูหม้อที่วางอยู่บนเตา “เขียวหวานเหรอ”
“ใช่ เห็นบ่นว่าอยากกินพี่เลยไปซื้อเครื่องมาทำ เดี๋ยวทำเต้าหู้ทรงเครื่อง กับไก่ทอดเกลืออีกสองอย่างดีไหม” กันต์ถาม
“ดีครับ! แล้วมีอะไรให้ผมช่วยไหม”
“อย่างนั้นหุงข้าวก่อน พี่ยังไม่ได้หุงเลย แล้วก็เตรียมไก่ให้พี่หน่อย” กันต์ตอบขณะที่กำลังง่วนอยู่กับหม้อแกงเขียวหวาน
“ได้ครับ” เดียร์ผละไปจัดการหุงข้าว แล้วก็เตรียมไก่สำหรับจะทอด หันไปดูโทรศัพท์ที่ส่งเสียง “ฮาร์ทมากินข้าวด้วยนะครับ”
“หือ... เอาสิครับ ได้เลย” กันต์ตอบ จะว่าไปเขาก็ไม่ค่อยได้เจอกับพี่ชายฝาแฝดของน้องเท่าไหร่ แอบคิดว่ารู้สึกพลาดไปหน่อยที่ไม่เข้าหาพี่ชายของเดียร์มากกว่านี้ ถ้าเกิดเข้าไปแนะนำตัวที่บ้านของน้องอาจจะไม่มีพวกได้ “ว่าแต่ว่าเราไปกระบี่เมื่อไหร่ครับ”
“วันที่สิบครับ ได้กลับบ้านประมาณสองอาทิตย์” เดียร์ตอบ ไม่แปลกใจที่อีกฝ่ายรู้ว่าเขาจะไปกระบี่เพราะเขาบอกไปก่อนหน้านี้แล้ว
“แล้วไปกันยังไง”
“ขับรถไปครับ กลุ่มผมเอาไปสองคันผมไปกับไอ้ทัชแล้วก็ไอ้หิน ให้สองคนนั้นผลัดกันขับ อีกสี่คนก็ไปอีกคัน นัดกับพวกพี่เฟียสที่มหา’ลัยครับ จะได้ขับไปพร้อมกัน”
“ดีแล้วล่ะ ขับกันไปหลายๆ คันจะได้ไม่อันตรายเท่าไหร่”
“แล้ว... ปิดเทอมพี่ไปไหนไหม” เดียร์ถามด้วยความอยากรู้ ถ้าเกิดว่าอีกฝ่ายไม่ได้ไปไหน ก่อนเขาไปกระบี่ก็อาจจะได้นัดเจอกันบ้าง
“ไปครับ อาทิตย์แรกคงกลับไปบ้านแล้วก็ไปหาคุณตาคุณยายที่ชลบุรี แล้วหลังจากนั้นก็เที่ยว พวกไอ้ไข่เจียวมันกำลังจัดโปรแกรมอยู่ ยังไม่รู้จะไปไหน กี่วัน ปกติก็ไปกันตลอดเวลาปิดเทอม”
“อ่อ... ครับผม” เดียร์รับคำ อดรู้สึกเซ็งไม่ได้เมื่อคิดว่าอาจจะไม่ได้เจอกันเลยตลอดปิดเทอม แต่ยังไม่ทันได้มีใครพูดต่อเสียงกดรหัสหน้าห้องก็ดังขึ้นเสียก่อนให้เดียร์เด้งตัวไปหา “ไง”
“ไงอะไรล่ะ สอบเสร็จนานแล้วเหรอ” อีกฝ่ายทักกลับมา
“ใช่ เรามีสอบแค่ตอนเช้าวิชาเดียว นายเหลืออีกกี่วิชาอ่ะ”
“สามวิชา”
คำตอบของฮาร์ททำเอาเดียร์ทำหน้าประหลาด “คณะนายสอบเยอะชะมัดเลยอ่ะ”
“ก็สอบทุกวิชาที่เรียนน่ะ ไม่เหมือนคณะนายหรอกที่เน้นทำงานส่ง” ฮาร์ทตอบ เจ้าตกยกมือไหว้คนที่หันมามอง แม้ว่าอีกฝ่ายจะมีศักดิ์เป็นว่าที่น้องเขยของเขา แต่ก็อายุมากกว่าอยู่ดี “สวัสดีครับ”
“สวัสดีครับ” กันต์ยิ้มตอบพร้อมเอ่ยทักทาย “พี่ทำกับข้าวเสร็จพอดี มีแกงเขียวหวาน เต้าหู้ทรงเครื่องแล้วก็ไก่ทอดเกลือ เรากินได้เนอะ”
“ได้ครับ ไม่มีปัญหาอะไร ผมซื้อเต้าหู้นมสดมา เดี๋ยวเอาไว้กินหลังกินข้าวแล้วกันครับ” ฮาร์ทตอบโต้กับกันต์ก่อนจะเดินเอาเต้าหู้นมสดที่ซื้อมาไปแช่ตู้เย็นไว้
เพราะอาหารเย็นมื้อนี้กันต์รู้สึกว่าเขาสนิทกับฮาร์ทมากขึ้น อีกฝ่ายก็ดูไม่ได้ไม่ชอบเขาอาจจะเพราะที่ผ่านมาคงหวงน้องชายถึงได้แสดงออกมาอย่างแข็งๆ แต่จริงๆ แล้วฮาร์ทก็เป็นคนที่อ่อนโยนเหมือนกัน ดูได้จากการที่อีกฝ่ายใส่ใจน้องชายเป็นอย่างดีตลอดมื้ออาหาร จนแฟนอย่างเขาแทบไม่ได้ดูแลหรือตักอาหารให้เดียร์เลย
************************************************
ยัยน้องงงงงง ยัยน้องงงง ยัยน้องน่ารัก ฮือออ เขิน อยู่ ๆ ก็ลุกไปกอดพี่เขาเสียอย่างนั้น พี่ก็เขินที่โดนน้องกอด แต่พอหายเขินก็ฟัดน้องใหญ่เลย ทำไมเป็นคนแบบนี้ ถ้าตัวเองทำเองไม่เขิน แต่พอน้องเริ่มพี่ดันเขินซะงั้น แล้วทำไมเราต้องเขินตามคู่นี้ด้วยคะ อยากหยิกแก้มยัยน้องมากมายเลยยยยยย
ยังไงก็เจอกันตอนหน้านะคะ ^^
ปอลอ. ขอบคุณทุกคอมเมนต์ ทุกความคิดเห็นนะคะ ขอบคุณที่ติดตามนิยายของฟางจ้า ขอบคุณนะคะ
ปล. เหตุการณ์รับน้อง การเรียนการสอน รวมไปถึงข้อมูลบางส่วนที่ใส่ในนิยาย บางส่วนฟางเอามาจากชีวิตจริงที่ฟางได้เจอมาตอนเรียน บางส่วนฟางแต่งเติมเสริมขึ้นมาเอง และได้รับการอนุญาตจากทาง รศ.ดร.นฤพนธ์ ไชยยศ คณบดี คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ให้เผยแพร่แล้วค่ะ
เจอคำผิด บอกได้ค่า
ไม่อยากจะขออะไรมาก แต่ขออย่างเดียวอ่านแล้วเมนต์หน่อยน้า ไม่งั้นพี่กันต์น้อยใจแย่เลย รักพี่กันต์เมนต์ รักน้องเดียร์เมนต์ รักคนแต่งเมนต์ ไม่รักกันก็เมนต์ค่า
สำหรับเฟสบุ๊คค่ะ https://www.facebook.com/fgc32yaoi
สำหรับทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/Fangiily_GC
เข้าไปพูดคุย สอบถาม ทวงหานิยายกันได้เลยนะคะ ยินดีตอบทุกคน ทุกข้อสงสัย(ที่ตอบได้จ้า)
รัก #พี่กันต์สายอ่อย กันเยอะๆ นะคะ กดเฟบ กดเมนต์ กดโหวด กดแชร์ แล้วแต่สะดวกเลยน๊า คนละนิดคนละหน่อยเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ จุ๊บๆ ขอบคุณค่ะ