ตอนที่ 23
เรือนร่างสูงใหญ่ตามสัญชาติเดินออกจากห้องน้ำในยามเช้าเมื่อจัดการกับตัวเองจนเรียบร้อย เบื้องล่างถูกปกปิดด้วยกางเกงสแล็คพร้อมด้วยเสื้อเชิ้ตเนื้อดีที่คนรักเป็นคนจัดเตรียมให้ หากแต่กระดุมบางเม็ดกลับไม่ได้อยู่ในรังดุมเปิดเปลือยหน้าอกล่ำให้คนมองหน้าแดงซ่าน
สองขาเรียวขยับก้าวเข้าหา มือบางยกขึ้นจับสาบเสื้อทั้งสองด้านให้เข้าที่ก่อนจะค่อยๆกลัดกระดุมเข้ารังทีละเม็ด
“วันนี้รักจะออกไปทำธุระกับพร้อมนะครับ เดี๋ยวของที่เหลือพร้อมจะช่วยขนมาให้”
สามวันที่ผ่านมาข้าวของในส่วนของกานต์รักถูกทยอยลำเลียงเข้าบ้านจนแทบหมดสิ้น เหลือเพียงของใช้ส่วนตัวบางส่วนที่ยังหลงเหลืออยู่ไม่มาก ประจวบเหมาะกับวันนี้ต้องออกไปทำธุระหลายอย่างกับพร้อมกานต์ คนเป็นพี่จึงเอ่ยปากจะช่วยขนของส่วนที่เหลือนั้นมาให้
“ลูกน้องก็มีเยอะแยะ ให้ขนมาเลยจะเป็นอะไร”
“มันเป็นของส่วนตัว รักจัดการเองดีกว่าครับ” ใบหน้าหวานแย้มยิ้มพลางเอ่ยตอบ
เมื่อกระดุมถูกติดจนครบทุกเม็ดกานต์รักจึงเอี้ยวตัวไปหยิบเนคไทเส้นสวยมาพาดผ่านด้านหลังลำคอแกร่ง ขยับมือสอดส่วนปลายทาบทับไปมาอย่างคล่องแคล่วจนคนมองยกยิ้ม
สามวันนั้นกานต์รักเป็นคนแต่งตัวจัดการทุกอย่างให้จนแพทริกแทบไม่ต้องทำอะไร มีเพียงแค่อาบน้ำแล้วสวมเสื้อผ้าลวกๆออกมายืนนิ่ง ใช้เวลายามเช้าไปกับการทอดมองร่างบางยามขยับตัวทำนู้นนี่ให้อย่างเพลิดเพลิน
“เรียบร้อยแล้วครับ” ใบหน้าเล็กเงยขึ้นพร้อมทั้งส่งยิ้มหวาน ก่อนจะได้รับรางวัลเป็นสัมผัสหนักๆบนริมฝีปาก
กานต์รักหลุดเสียงครางฮือกับสัมผัสที่ไม่ได้ตั้งตัวก่อนความเขินอายจะเล่นงานจนต้องซบหน้าลงกับแผ่นอกกว้าง ถึงอย่างไรก็พยายามไม่ทิ้งน้ำหนักลงไปมากนักอย่างกลัวว่าเสื้อของอีกฝ่ายจะยับ ท่าทางที่ท่อนแขนแข็งแรงก็ยกขึ้นโอบคนรักเอาไว้ในอ้อมกอด
“ต้องรายงานตัวกับฉันเป็นระยะ ไม่ว่าจะไปไหนหรือทำอะไร เข้าใจหรือเปล่า”
“เหมือนรักเป็นนักโทษเลย”
พูดไปทั้งที่ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มกว้าง ไม่ได้นึกอึดอัดหรือไม่พอใจหากจะต้องทำอย่างที่อีกฝ่ายบอก เพียงเท่านั้นมันไม่ใช่เรื่องลำบากอะไรซักนิด กานต์รักกลับชอบเสียอีกเพราะมันให้ความรู้สึกราวกับว่าตัวเองเป็นคนสำคัญ
“จะยังไงก็ต้องทำ”
“เข้าใจแล้วครับ...แต่ว่าตอนนี้รักว่าเราลงไปทานข้าวกันดีกว่า ป่านนี้แด๊ดกับมัมคงรอแย่แล้ว”
กานต์รักขยับผละออกจากอ้อมแขนที่คุ้นเคยก่อนร่างสูงจะพยักหน้ารับแล้วหันไปคว้าสูทมาพาดแขนพร้อมทั้งรั้งเอวบางให้แนบชิด ก่อนจะเดินเคียงคู่กันลงไปยังห้องอาหาร
“ถ้ามัมกลับต้องคิดถึงอาหารฝีมือรักมากแน่ๆ ไปอยู่กับมัมดีไหมจ๊ะ”
หญิงสาวเพียงคนเดียวบนโต๊ะอาหารเอ่ยขึ้นพลางทอดสายตามองคนรักของลูกชายด้วยความเอื้อเอ็นดู ตลอดสี่ห้าวันที่อยู่ไทยนั้นทั้งเช้าและเย็นกานต์รักจะเป็นคนเข้าครัวลงมือทำอาหารจนเธอติดใจในรสมือไปเสียแล้ว
“รักสัญญาว่าจะหาโอกาสไปหามัมที่นู้นนะครับ”
หากเคลียร์ทุกอย่างลงตัวและแพทริกมีเวลาว่างคงไม่พลาดที่จะแวะไปเยี่ยมเยียนท่าน อีกอย่างกานต์รักมีแพลนว่าจะแวะไปหาพ่อกับแม่ซึ่งอยู่อีกประเทศ ถือว่าเป็นการพักผ่อนยาวไปในตัว
“ไปอยู่กับมัมเลยไม่ได้หรือ”
“รักเป็นแฟนผม บางทีมัมอาจจะลืมไปว่าสามีตัวเองนั่งอยู่นั่น”
แพทริกเอ่ยเสียงเรียบพลางปรายตามองไปยังผู้เป็นพ่อซึ่งกำลังส่ายหน้าน้อยๆ ทุกวันต้องได้ยินเสียงสองแม่ลูกกระแซะกันเรื่องแย่งตัวกานต์รักจนกลายเป็นเรื่องปกติ ภรรยาของเขาเอ็นดูคนรักของลูกชายมากในขณะที่แพทริกเองก็หวงคนรักมากเช่นกัน
ดวงตาโตได้แต่มองคนทั้งสองสลับไปมาพร้อมทั้งยิ้มบาง ส่วนปีเตอร์ก็ทำเพียงนั่งมองอย่างนึกสนุกพร้อมทั้งมือที่ทำงานตักอาหารเข้าปากไม่หยุด
“เป็นแฟนแพท แต่เป็นลูกแม่”
อลิเซียเอ็นดูกานต์รักยิ่งกว่าลูกตัวเองเสียอีก เพราะลูกชายของเธอแต่ละคนนั้นไม่น่ารักเลยแม้แต่น้อยเนื่องจากได้คนเป็นพ่อมาเต็มๆ พอได้อยู่ด้วยแล้วมันทำให้รู้สึกมีชีวิตชีวาเพราะความน่ารักน่าเอ็นดูจนอยากจะได้มาเป็นลูกจริงๆ
“แล้วผมกับแพทไม่ใช่ลูกมัมหรือ” ได้จังหวะปีเตอร์จึงเอ่ยขึ้น
“ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว มัมอยากมีลูกเหมือนรัก” คนถูกพูดถึงได้แต่ยิ้มรับ เป็นปลื้มด้วยความยินดีที่แม่ของแพทริกทั้งรักและเอ็นดู
“พอได้แล้วทั้งแม่และลูก มัวแต่คุยเดี๋ยวก็พากันไปทำงานสาย”
คำสั่งสงบศึกดังขึ้นจนแพทริกได้แต่ส่งสายตาขอบคุณ ตอนนี้นอกจากชายหนุ่มจะติดกานต์รักแล้วยังเพิ่มมัมเข้ามาอีกคน ไม่ว่าจะทำอะไรหรือไปไหนก็เรียกหาจนบางทีนึกอยากจะอุ้มคนรักกลับห้องมาดื้อๆ
ถึงจะยอมไม่เถียงกันแต่คนเป็นแม่ก็ยังพะเน้าพะนอเอาใจคอยถามนู้นถามนี่จนเจ้าของตัวจริงได้แต่ถอนหายใจ
มันเป็นเรื่องดีที่มัมเข้ากับคนรักของเขาได้ แต่บางทีก็เข้าได้ดีจนเกินไป
❋❋❋❋❋❋❋❋❋❋
ธุระแรกของวันนี้ก็คือการพาพี่ชายไปคุยรายละเอียดเรื่องรถที่พร้อมกานต์มีแพลนว่าจะซื้อ เป็นเพียงการพูดคุยก่อนเพราะต้องดูอะไรหลายอย่างและต้องรอเวลาในการจัดการ ซึ่งคนที่ต้องมาพบก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เพื่อนสนิทของเจ้าตัวซึ่งทำธุรกิจเกี่ยวกับการนำเข้ารถยนต์
“เฮ้ ว่าไงครับคุณชายพร้อม” เสียงทักทายมาพร้อมการเดินเข้ามาต้อนรับทันทีที่ทั้งสองเปิดประตูกระจกใสเข้าไปด้านใน
“เลิกเรียกอย่างนั้นซักทีน่า แล้วนี่ไม่มีพนักงานสวยๆออกมาต้อนรับหรือไงทำไมนายต้องเสนอหน้ามา”
“เอ้า แขกวีไอพีมาทั้งทีประธานก็ต้องออกมาต้อนรับเองสิครับ แล้วนี่น้องรักใช่ไหม จำพี่ดิษย์ได้หรือเปล่า?” ชายหนุ่มร่างสูงเพรียวขยับเข้ามาหาพร้อมทั้งส่งยิ้มแพรวพราว
“สวัสดีครับ รักจำได้” อีกฝ่ายเป็นเพื่อนสนิทในไทยของพี่ชาย เคยเจอกันอยู่สามสี่ครั้ง กานต์รักจำได้ว่ากษิดิษย์เคยไปดูบอลที่ห้องและค้างกับพี่ชายตน
“ไม่ได้เจอกันนาน น่ารักขึ้นมากเลยนะ”
รอยยิ้มกรุ่มกริ่มหยอกล้อมาพร้อมกับสายตาที่ทอดมองวาววับ กานต์รักทำเพียงยิ้มบางไม่ได้คิดอะไร รู้ดีว่าเพื่อนของพี่ชายเพียงแค่แกล้งเล่นเท่านั้น
“สามีน้องฉันโหดมาก ขอเตือนนายไว้ก่อน” ลองแพทริกได้มาเห็นสายตาและท่าทางนี้อีกฝ่ายคงไม่มีทางเข้าใจว่าเพื่อนของเขาล้อเล่นเป็นแน่
ประโยคที่ทำให้กานต์รักอุทานเรียกชื่อผู้เป็นพี่อย่างตระหนก ความร้อนแผ่ซ่านไปทั่วหน้าจนทำได้เพียงฟาดฝ่ามือลงบนต้นแขนแกร่งพร้อมทั้งขมุบขมิบปากโวยวาย ก้มหน้าลงต่ำอย่างไม่อาจสบตากับบุคคลที่สาม
“ใครกั๊น ฉันไม่กลัวหรอก ถ้าน้องรักเลือกพี่พี่ยอมสู้นะ” กษิดิษย์ยังคงเล่นหูเล่นตา ไม่ได้นึกแปลกใจที่น้องชายเพื่อนมีสามีเพราะดูจากท่าทางแล้วหากมีภรรยาสิน่าแปลกใจกว่า
“แพทริก เบรนเนแกน” พร้อมกานต์เอ่ยพลางเลิกคิ้วรอดูท่าทาง ขณะที่คนน้องก็รีบเขย่าแขนพี่ชายเอาไว้ไม่อยากให้เอ่ยอะไรมากนัก
“แหม น้องเพื่อน ฉันไม่เคยคิดอะไร ก็แค่พูดเล่นไปงั้นนายก็รู้” ทันทีที่ได้ยินชื่อกษิดิษย์ก็พูดความจริงในใจออกมาไม่คิดทำเป็นเกี้ยวพานกานต์รักอีกต่อไป เขาไม่อยากเสี่ยงเอาชีวิตมาทิ้งในตอนนี้ แม้ว่าจะไม่เคยเจอกันตรงๆแต่กิตติศัพท์ที่ได้ยินทุกคนก็ต่างรู้ดีว่าแพทริกเป็นคนยังไง
“หึ เพราะฉะนั้นก็เลิกทำเป็นเต๊าะน้องฉัน...เอาล่ะ ไปคุยกันได้แล้ว ฉันมีธุระต้องไปทำต่อ”
“งั้นเชิญที่ห้องกระผมเลยครับ” สิ้นเสียงเอ่ยอย่างทะเล้นคนพูดก็เดินทำไปยังห้องทำงานส่วนตัว ตรงกลางมีโต๊ะประชุมเล็กๆตั้งอยู่ บรรยากาศในห้องกว้างขวางใหญ่โต
“อันนี้เป็นเอกสารอย่างละเอียดเกี่ยวกับรถทุกรุ่นที่นายบอกฉันว่าสนใจ”
กษิดิษย์เลื่อนแฟ้มส่งให้ตรงหน้า พร้อมกานต์รับมาเปิดดูก่อนจะกวาดสายตาอ่านแต่ละบรรทัด ตรงไหนสงสัยก็เอ่ยถามเพื่อนในขณะที่กานต์รักทำได้เพียงนั่งฟัง คนไม่มีความรู้เรื่องรถมากนักทำตาปริบๆมองคนทั้งคู่สลับไปมา
ร่างเล็กมีหน้าที่แค่ตอบคำถามเช่นว่า สีไหนสวย แบบไหนดูดี อะไรง่ายๆเทือกนั้นไปจนกระทั่งสองชั่วโมง
หลังจากคุยเรื่องรายละเอียดเสร็จเรียบร้อยและได้ข้อสรุปว่ารถที่พร้อมกานต์เลือกจะสามารถจัดการให้ได้ในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้า ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่อีกคนจะกลับมาหลังจากต้องกลับไปดูงานพอดี
ความจริงแล้วพร้อมกานต์จะจัดการให้ได้รถตอนนี้เลยยังได้แต่เพราะไม่อยากทำตัวมีอภิสิทธิ์เหนือคนอื่นจึงอยากให้ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนที่ควรเป็น
ออกจากโชว์รูมรถธุระต่อมาก็คือบ้านเด็กกำพร้า กานต์รักและพร้อมกานต์มาเลี้ยงอาหารเที่ยงเด็กๆพร้อมทั้งซื้อขนมและของเล่นมาแจก ไหนๆวันนี้ก็ออกมาแล้วจึงเลยมาที่นี่เนื่องจากปกติหากมีเวลากานต์รักก็มักจะมาเป็นประจำ
“พี่ร้ากค้าบ ไอติมหร่อยจัง” คนถูกเรียกยิ้มรับ มือบางวางลงบนหัวเล็กๆก่อนจะลูบไปมาแผ่วเบา
“อร่อยก็ทานเยอะๆนะครับ ถ้าไม่อิ่มไปตักได้อีกนะ”
“ค้าบ”
พร้อมกานต์ทอดมองผู้เป็นน้องพลางระบายยิ้ม กานต์รักมักจะช่วยเหลือคนอื่นอยู่เสมอ ค่าใช้จ่ายทั้งหมดของที่นี่น้องชายเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด ไม่เพียงแค่ที่เดียวแต่ยังมีที่อื่นอีกมากมาย เขาไม่ได้มีโอกาสมาทำอย่างนี้บ่อยนักต่างจากอีกคน แต่ถึงอย่างนั้นทั้งครอบครัวก็บริจาคเงินผ่านกานต์รักมาเสมอ
ยิ่งมีมากยิ่งต้องให้มาก น้องชายของเขาเคยพูดเอาไว้
พอเด็กน้อยเข้านอนกลางวันเรียบร้อยทั้งสองจึงลาครูผู้ดูแลเด็กๆก่อนจะออกมาทำธุระต่อที่ห้างใจกลางกรุง เรียกได้ว่าวันนี้เป็นวันที่ชีพจรลงเท้าเลยก็ว่าได้
“พร้อมมาซื้อแค่รองเท้านี่นะ”
ดวงตาโตกวาดมองรองเท้ามากมายที่เรียงรายอยู่ตรงหน้าก่อนจะหันมาหาพร้อมกานต์ทางด้านหลัง พี่ชายบอกเพียงว่ามาซื้อของแต่ไม่ได้บอกว่าของอะไร กานต์รักคิดว่ามันคงสำคัญมากไม่ได้คิดเลยว่าจะเป็นรองเท้า
“อื้อ มารับรองเท้าที่สั่งเอาไว้”
“โธ่ รักก็นึกว่ามาทำอะไร”
“วันนี้เห็นแก่ที่พาพี่มาทำธุระมากมาย รักอยากได้อะไรพี่จ่ายเต็มที่ โอเคไหม?” ข้อเสนอนั้นทำให้คนฟังตาลุกวาว
“จริงนะ จ่ายทุกอย่างเลยนะ” ใบหน้าหวานแย้มยิ้มพลางเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจ
“ครับคุณหนู เลือกได้ตามสบายเลยครับ หรือจะเหมาทั้งห้างก็ได้”
“รักจะซื้อให้พร้อมหมดตัวเลยคอยดู” คนเป็นน้องเอ่ยออกมาก่อนจะก้าวเท้าเร็วๆไปดูรองเท้าคู่ที่ต้องตา พร้อมกานต์มองตามก่อนจะส่ายหน้าน้อยๆแล้วหมุนตัวเดินไปคุยกับพนักงานอีกฝั่ง ปล่อยให้กานต์รักเลือกของได้ตามสบาย
สรุปใช้เวลาพอสมควรกับการพาผู้เป็นน้องช็อปปิ้ง อย่าให้พูดว่าอีกคนซื้ออะไรบ้างเพราะเท่าที่จำได้ก็มีเพียง
กระเป๋าสามใบ รวมๆกันแล้ว7หลัก
รองเท้าหนึ่งคู่ 6หลัก
เสื้อผ้ารวมทั้งหมด7หลัก
นาฬิกา1เรือน 7หลัก
และของต่างๆที่จำได้ไม่หมด รวมคร่าวๆแล้วการตามใจน้องชายคราวนี้พร้อมกานต์เสียทรัพย์ไปทั้งสิ้นประมาณแปดหลักถ้วน
“ซื้ออย่างกับไม่ได้เดินห้างมาสามปีนะเรา” เรื่องเงินน่ะไม่เท่าไหร่แต่เรื่องต้องนั่งรอกานต์รักซื้อของสามชั่วโมงนี่สิประเด็น แม้แต่กับแฟนพร้อมกานต์ก็คิดว่าเขาไม่สามารถทนได้แน่
“ก็ครั้งนี้มีผู้ใหญ่ใจดีสนับสนุน รักก็เลยจัดเต็มที่เลย” คนพูดยิ้มกว้างขณะทอดมองเสี้ยวหน้าของพี่ซึ่งขับรถอยู่อย่างเป็นสุข รู้ดีว่าเงินเพียงเท่านั้นไม่อาจทำให้พร้อมกานต์ขนหน้าแข้งร่วงได้
“เต็มที่มาก”
“วันนี้อยู่ทานข้าวเย็นด้วยกันนะพร้อม รักอยากแนะนำมัม แด๊ด แล้วก็พี่ชายของคุณแพทให้รู้จัก”
“พูดเฉยๆก็ได้ ทำไมต้องทำหน้าอ้อนหืม”
พร้อมกานต์ส่ายหน้าให้กับท่าทางของผู้เป็นน้อง เข้าใจว่ากานต์รักคงอยากให้ทั้งสองครอบครัวสนิทกันจึงเอ่ยร้องขอ ส่วนตัวเขานั้นไม่ได้มีปัญหาเพียงแต่ที่ผ่านมายังไม่มีโอกาสดีนัก
“ก็รักอยากให้พร้อมอยู่ทานข้าวด้วยกัน”
นัยน์ตาใสมีประกายแห่งความออดอ้อน ยิ่งยามกำลังเอียงคอน้อยๆมองมาเช่นนี้ร่างเล็กยิ่งน่าเอ็นดู แน่นอนว่าท่าทางนี้ทำให้คนมองใจอ่อนได้อย่างง่ายดายไม่ว่าจะถูกขอด้วยเรื่องอะไร แค่เป็นกานต์รัก ไม่ว่าใครก็คงพร้อมยอมตามใจ...
โดยเฉพาะแพทริก “พี่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรเสียหน่อย”
“งั้นหมายความว่าพร้อมจะอยู่ทานข้าวเย็นด้วยกันใช่ไหม”
เสียงหวานเอ่ยร่าเริง มือบางเอื้อมมาจับท่อนแขนพร้อมทั้งเขย่าน้อยๆ ท่าทางดูตื่นเต้นระคนมีความสุขจนผู้เป็นพี่ส่ายหน้า ไม่ว่าจะนานแค่ไหนกานต์รักก็ยังเป็นเพียงเด็กน้อยในสายตาเขาเสมอ
“อืม แล้วเราก็กลับไปนั่งดีๆได้แล้ว มัวแต่ชวนพี่คุยอย่างนี้เดี๋ยวก็สอยท้ายรถคันหน้าเข้า” เอ่ยดุอย่างไม่จริงจังนัก
“โอเค นั่งดีๆ”
พูดซ้ำราวกับเตือนตัวเองให้ทำตาม ร่างบางขยับตัวกลับมานั่งหลังตรง เก็บแขนเก็บขาเรียบร้อยพลางอมยิ้มเป็นสุข เมื่อสบายใจในเรื่องที่พี่ชายยอมไปทานข้าวพร้อมครอบครัวคนรักปากเล็กก็ฮัมเพลงออกมาอย่างอารมณ์ดี ขณะที่นิ้วมือเรียวก็กดพิมพ์ข้อความตอบใครบางคนไปตลอดทาง
❋❋❋❋❋❋❋❋❋❋
รถยนต์คันหรูเคลื่อนตัวผ่านเข้ามายังความใหญ่โตโอ่อ่าก่อนจะค่อยๆจอดนิ่งสนิท พร้อมกานต์เหลือบสายตามองไปทั่วเพราะเป็นครั้งแรกที่ได้มาเยือนคฤหาสน์หลังนี้ ประตูเข้าบ้านเปิดกว้างเผยให้เห็นภายในบางส่วนที่ทำให้อดยอมรับในใจไม่ได้
ทุกอย่างถูกตกแต่งได้อย่างลงตัวจริงๆ
และทันทีที่ก้าวเท้าลงจากรถเรือนร่างสูงใหญ่ของใครบางคนก็ปรากฏตรงหน้าราวกับรออยู่แล้ว
“คุณแพทกลับมาไวจังเลยครับ”
ตอนนี้เป็นเวลาหกโมงกว่าๆ เนื่องด้วยเพราะอีกคนมีประชุมกานต์รักจึงนึกว่าแพทริกน่าจะกลับบ้านดึกกว่าเคย ขณะคนถูกถามนั้นมองเลยไปยังพี่ชายคนรัก สบสายตากันเงียบๆพลางก้าวเท้าเข้าหาร่างบาง
“ก็นายบอกว่าพี่ชายจะมาทานข้าวด้วย” ใบหน้าเล็กค่อยๆพยักรับ เข้าใจว่าคนตัวโตรีบกลับเพราะพี่ชายตน
“เข้าบ้านได้แล้ว มัมบ่นคิดถึงนายจะแย่” ได้ยินอย่างนั้นกานต์รักก็คลี่ยิ้มกว้าง ก่อนจะหมุนตัวกลับมาหาพี่ชายแล้วคว้าข้อมือแกร่งเอาไว้
“เข้าบ้านกันนะพร้อม รักจะแนะนำมัมให้รู้จัก”
ยังไม่ทันจะได้ตอบรับทั้งร่างก็ถูกแรงรั้งจนต้องรีบสาวเท้าตาม ขณะที่แพทริกได้แต่ยืนมองนิ่ง แม้จะรู้สึกราวกับตัวเองถูกลืมเลือนไปแต่ก็พยายามเข้าใจว่าอีกคนนั้นเป็นพี่ชายของกานต์รัก
คิดได้ดังนั้นจึงเดินตามไปเงียบๆ
ส่วนทางด้านพร้อมกานต์ที่เดินตามน้องชายมาก็กวาดสายตามองรอบตัวด้วยความสนใจ กระทั่งเมื่อมาถึงห้องรับแขกกว้างจึงพบว่ามีหลายคนนั่งคุยกันอยู่
“รัก...กลับมาแล้วหรือจ๊ะ”
อลิเซียหันมาเห็นร่างเล็กเป็นคนแรกก่อนเสียงทักทายนั้นจะดังให้ชายหนุ่มทั้งสองได้ยิน กานต์รักตอบรับพร้อมแย้มยิ้มละมุน เดินเข้ามากระทั่งหยุดอยู่ตรงหน้าคนทั้งสาม
“นี่พี่ชายของรักครับ...พร้อมกานต์ วันนี้รักขออนุญาตพาพร้อมมาทานข้าวเย็นด้วยนะครับ”
เมื่อน้องชายพูดจบพร้อมกานต์ก็ยกมือขึ้นไหว้ทุกคนทั้งยังกล่าวสวัสดีอย่างสุภาพ ท่าทางที่ทำให้ทุกคนยิ้มรับ แม้บุคลิกจะแตกต่างกันแต่ความนอบน้อมนั้นไม่ต่างซักนิด ทั้งคู่ถูกเลี้ยงดูมาดีจริงๆ
“ขออนุญาตอะไรกัน เราเป็นครอบครัวเดียวกันนะจ๊ะ อยากจะมาที่นี่มาหารักตอนไหนก็มาได้เสมอ...ยินดีต้อนรับจ้ะ”
“เฮ้ ฉันปีเตอร์เป็นพี่ชายของแพท”
“สวัสดีพ้อมกาน”
เมื่อทุกคนเอ่ยทักทายจนครบพร้อมกานต์ก็ยิ้มรับ ก่อนอลิเซียจะเอ่ยบอกให้นั่งลงระหว่างรอแม่บ้านทั้งหลายซึ่งกำลังเตรียมอาหาร เนื่องด้วยเพราะวันนี้กานต์รักกลับบ้านค่ำและเพราะพร้อมกานต์เป็นแขกเธอจึงสั่งคนให้ทำอาหารไว้ต้อนรับ
ขณะที่แพทริกซึ่งเพิ่งคุยโทรศัพท์เสร็จจะย่างกรายเข้ามา บรรยากาศในห้องรับแขกนั้นเต็มไปด้วยความรื่นเริง เสียงพูดคุยดังคละเคล้า พร้อมกานต์เข้ากับทุกคนได้อย่างไม่อึดอัดและเป็นตัวของตัวเอง
“คุณแพทไปไหนมาหรือครับ” กานต์รักเอ่ยถามทันทีเมื่อคนรักทรุดตัวนั่งลงตรงข้าม ระหว่างลังเลใจว่าจะออกไปตามดีหรือไม่แพทริกก็เดินเข้ามาพอดี
“คุยเรื่องงาน” คนฟังยิ้มรับพลางพยักหน้าเข้าใจไม่เซ้าซี้ต่อ พอร่างสูงเข้ามาหัวข้อสนทนาจึงเบนไปทางเรื่องธุรกิจมากขึ้น ทั้งหมดคุยโต้ตอบกันจนกระทั่งแม่บ้านเดินเข้ามาตามบอกว่าโต๊ะอาหารนั้นพร้อมแล้ว
มื้อเย็นจบลงไปด้วยความอิ่มเอมใจ บนโต๊ะคละเคล้าไปด้วยเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะแทบจะตลอดเวลา กานต์รักดีใจที่พี่ชายตัวเองเข้ากับครอบครัวและตัวของแพทริกได้ มัมบอกว่าหากมีเวลาคงจะได้ทานข้าวพร้อมหน้ากันทั้งสองครอบครัว และนั่นเป็นสิ่งที่เขาคาดหวังที่สุด
“เห็นรักบอกว่านายจะกลับไปเคลียร์งานสองอาทิตย์” สองหนุ่มร่างสูงใหญ่นั่งคุยกันอยู่บาร์เครื่องดื่มพร้อมทั้งมีแก้วน้ำสีอำพันวางอยู่ตรงหน้า กานต์รักอยู่กับมัมในครัวขณะที่พอลและปีเตอร์นั้นนั่งดูข่าวอยู่ห้องรับแขก
“มาดูแลรักนานแล้วก็ถึงเวลาต้องไปดูแลงานบ้าง”
“เรื่องรักไม่ต้องเป็นห่วง”
เสียงทุ้มเอ่ยเรียบ น้ำในแก้วทรงสูงไหวโยกไปตามจังหวะมือของคนแกว่ง พวกเขาแค่จิบมันเบาๆระหว่างคุย ไม่ได้คิดจะดื่มถึงขั้นเมามาย
“...ยังไงก็ฝากคุณด้วยแล้วกัน”
สองสายตานิ่งเรียบสบกัน ก่อนใบหน้าคมของแพทริกจะกดรับให้พร้อมกานต์สบายใจ รู้ดีว่าอีกฝ่ายคงดูแลน้องชายได้ดีอย่างที่ครอบครัวเขาดูแล และกานต์รักจะต้องปลอดภัยไม่มีอะไรอย่างที่นึกกลัว
เพราะสายเลือดที่สูงศักดิ์มาพร้อมกับอันตรายรอบด้าน ❋❋❋❋❋❋❋❋❋❋