ตอนที่ 26
กระแสข่าวเรื่องการคบกันของนักธุรกิจผู้มีอิทธิพลกับคนรักใบหน้าหวานถูกตีพิมพ์ไปแทบจะทุกหน้าปกบนสื่อสิ่งพิมพ์ กินเนื้อที่แย่งซีนข่าวของซุปเปอร์สตาร์บางคนไปจนมิด และแน่นอนว่าก่อนการลงข่าวทุกสำนักจะต้องได้รับการสกรีนอย่างถี่ถ้วนจากแพทริก
“ไม่ทานข้าวสักหน่อยเหรอครับ”
เรือนร่างเล็กในชุดนอนตัวโปรดนั่งจมปุกอยู่บนเตียงกว้างขณะที่สายตามองตามคนรักซึ่งกำลังจัดระเบียบความเรียบร้อยของชุดก่อนจะหยิบนาฬิกาเรือนโปรดขึ้นมาสวมเป็นลำดับสุดท้าย
ด้วยเพราะเพิ่งเปิดธุรกิจใหม่แพทริกจึงยังคงวุ่นกับการบริหารให้เข้าที่เข้าทาง เช้านี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่ชายหนุ่มต้องออกไปทำงานตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง
“ไม่ล่ะ เดี๋ยวฉันไปทานที่นู้นเลย”
ร่างสูงหันมาตอบก่อนจะก้าวเข้าหาคนบนเตียง ใบหน้าหวานเปลือยสดเพราะเพิ่งตื่นนอนพร้อมด้วยเส้นผมชี้ไม่เป็นทรงทำให้แพทริกหลุดยิ้มก่อนจะยกมือสางมันให้เปิดขึ้น
จุ๊บ
เสียงประทับสัมผัสดังขึ้นแผ่วเบา กานต์รักหลับตาลงนิ่งก่อนจะเปิดลืมขึ้นเมื่ออีกคนผละออกห่าง
“ช่วงนี้ฉันยุ่ง อดทนหน่อยนะ”
ไม่แน่ใจนักว่านั่นคือสิ่งที่บอกกับกานต์รักหรือบอกตัวเอง ทั้งก่อนหน้าและตอนนี้เวลาของแพทริกที่มีให้คนรักลดน้อยลงจนตัวเขาแทบขาดใจ บางครั้งก็เหนื่อยเสียจนอยากเททุกอย่างแล้วนอนกอดคนร่างเล็กอยู่บนเตียงโดยไม่ต้องทำอะไร
“รักไม่เป็นไรเลยครับ คุณแพทต่างหาก...สู้ๆนะครับ เหนื่อยก็พักบ้าง”
คำพูดอ่อนโยนมาพร้อมกับมือบางที่ยกขึ้นมาไล้แก้มสากแผ่วเบา สายตาห่วงหาทอดมองส่งความรักมาให้อย่างเปี่ยมล้น
ยามเช้าก็ออกไปทำงานแต่เช้าตรู่ ตอนเย็นก็กลับเสียจนมืดค่ำ จะไม่ให้กานต์รักห่วงได้อย่างไร
“เห็นหน้านายก็หายเหนื่อยแล้ว”
“ฮื่อ รักไม่ใช่เตียงนอนสักหน่อย พักบ้างนะครับ รักเป็นห่วงจริงๆนะ”
ความห่วงใยนั้นมากมายจนแพทริกสัมผัสมันได้อย่างชัดเจน ความรู้สึกอุ่นๆตีรวนขึ้นมาในอกยามรู้ว่าใครสักคนคอยเป็นห่วงอยู่ตรงนี้ ใบหน้าคมระบายยิ้มอ่อนก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ
“ฉันไม่เป็นไร”
“อย่าลืมทานข้าวนะครับ”
เพราะว่าอีกคนไปทำงานเช้ามากแถมยังไม่ยอมให้ลุกขึ้นมาเตรียมอาหารให้กานต์รักเลยต้องกำชับแน่นหนัก บางวันคนตัวโตก็ทานไปแค่กาแฟ ร้อนให้ต้องโทรไปหาถึงจะยอมเอาอะไรลงท้องบ้าง
“ย้ำมาสามรอบแล้ว” ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาร่างเล็กก็ย้ำคำนี้กับเขาจนแพทริกต้องรับคำทุกรอบไป
“ก็รักเป็นห่วงนี่ครับ” กานต์รักช้อนสายตาขึ้นมองพลางทำเสียงออดอ้อนหวังให้อีกคนใจอ่อนยอมดูแลตัวเองโดยไม่ต้องให้กังวลอย่างที่เป็น
“ฉันรู้ อย่าห่วงเลย”
แพทริกไม่ยอมให้ตัวเองเป็นอะไรไปและตัวเขาก็แข็งแรงพอ งานหนักกว่านี้ก็ผ่านมาแล้วมากมาย ตอนนี้ยังถือว่าเล็กน้อยหากเทียบกับงานอื่นๆ และเขาก็เข้าใจความเป็นห่วงของคนรักดีจึงพยายามไม่โหมงานหนักจนเกินไป หากเป็นเมื่อก่อนคงไม่ยอมหลับไม่ยอมนอน
“ถ้ามื้อไหนคุณแพทไม่ทานข้าวรักจะงดการบ้านไปหนึ่งวัน ทดไปเรื่อยๆเลย”
แม้จะกระดากไม่น้อยยามต้องใช้เรื่องนี้ยกขึ้นมาเป็นข้อต่อรองหากแต่กานต์รักคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ได้ผลที่สุด แม้ช่วงนี้จะห่างหายจากกิจกรรมนั้นไปบ้างเพราะอีกคนไม่มีเวลาแต่ถ้ายื่นคำขาดแบบนี้แพทริกจะต้องยอม
“เดี๋ยวนี้กล้าขู่ฉันเหรอหืม” ใบหน้าคมยกยิ้มพลางบิดปลายจมูกเล็กอย่างหมั่นเขี้ยว นึกตลกไม่น้อยกับคำขู่ที่แสนน่ากลัวนั้น
“รักพูดจริงๆนะครับ”
เอ่ยตอบเสียงหนักแน่น คราวนี้กานต์รักจะไม่ยอมจริงๆ ตั้งปณิธานเอาไว้ในใจอย่างแน่วแน่ ลงโทษก็คือลงโทษไม่ใจอ่อนเด็ดขาด
“กลัวแล้วครับ สัญญาว่าจะทานข้าวทุกมื้อครับผม”
คำตอบหยอกเหย้าทำให้คนฟังหน้าแดงซ่าน อัตราการเต้นของหัวใจผิดจังหวะไปจนต้องเบือนสายตาหลบปิดปากเงียบราวกับโดนหยุดยั้งด้วยคำพูดนั้น ไม่มีแม้แต่เสียงที่จะเปล่งออกมา
“อย่างนี้ถ้าทำตามฉันก็ต้องได้รางวัลบ้าง”
“ระ รางวัลอะไรครับ”
“อืม...ถ้าไม่ทานข้าวจะถูกงด งั้นถ้าฉันยอมทานข้าวจำนวนรอบต้องคูณสองไปเลยดีไหม”
“แค่นี้รักก็แทบแย่แล้วนะครับ”
ร่างเล็กหลุดตอบออกไปรัวเร็วตามความคิดโดยลืมยั้งใจไปว่าประโยคเมื่อครู่นั้นน่าอายไม่น้อย กว่าจะรู้ว่าพูดอะไรออกไปก็เป็นตอนที่คนตัวโตหลุดหัวเราะ
“แค่นี้ก็เหนื่อยหรือ คราวหลังฉันคงต้องพานายไปออกกำลังกายบ้างแล้ว”
ประโยคนั้นทำให้ปากเล็กอ้าหวอ อยากจะเถียงกลับไปใจแทบขาดว่าแค่นี้ของคุณแพทน่ะมันไม่ต่ำกว่าสามรอบต่อครั้งเลยนะ แต่เพราะอายเกินกว่าจะพูดออกมาจึงปิดปากฉับได้แต่มองใบหน้าคมตาปริบพร้อมด้วยพวงแก้มสองข้างที่เห่อร้อน
“หึ เอาล่ะ เรื่องรางวัลเราค่อยคุยกันอีกที...ตอนนี้ฉันต้องไปแล้ว”
แม้อยากจะหยอกล้อคลอเคลียกันมากกว่านี้แต่ด้วยเพราะหน้าที่และเข็มนาฬิกาที่วิ่งวนก็คอยย้ำเตือนว่าควรต้องลุกออกจากตรงนี้เสียที
ดวงตาโตค่อยๆไล่มองคนตรงหน้าไปทั่วก่อนจะระบายยิ้มบาง ความสั่นไหวในดวงตาคู่นั้นถูกสลัดทิ้งไปในชั่ววินาทีจนแพทริกไม่ทันได้เห็น กานต์รักเก็บความห่วงหาอาวรณ์ลงไปให้ลึกเพื่อไม่ให้มันแสดงออกให้อีกคนต้องเป็นห่วง
“ครับ”
ร่างเล็กบนเตียงรับคำก่อนเรียวปากเย็นชืดจากการอาบน้ำจะประทับลงมาที่หน้าผากเนียนเกลี้ยง แพทริกแนบสัมผัสนิ่งอย่างอาลัย ก่อนจะลากไล้เรื่อยลงมายังข้างแก้มนุ่ม สูดลมหายใจเอากลิ่นหอมอ่อนเข้าปอดเติมพลังให้กับตัวเองเพื่อไปต่อสู้กับความยุ่งยากตลอดทั้งวัน
“นอนต่อเถอะ”
ฝ่ามือหนาวางลงบนหัวเล็กก่อนจะลูบเบาๆ กานต์รักอยากจะปฏิเสธแต่แรงดันที่ชักจูงให้นอนลงจากคนตัวสูงนั้นทำให้ต้องยอมเอนกาย ผ้าห่มผืนหนาถูกรั้งขึ้นมาคลี่คลุมให้ถึงอกตามลำดับ
“เดี๋ยวเที่ยงนี้ฉันจะวีดิโอคอลหา จะได้เห็นกับตาว่าฉันกินข้าวโอเคไหม”
ดวงตาโตที่เคยทอแสงสดใสมันวูบไหวไปด้วยความเป็นห่วงทำไมแพทริกจะไม่รู้ รู้ดีว่าอีกคนนั้นห่วงตนมากแค่ไหนและถ้าเพื่อให้กานต์รักสบายใจเขาก็จะทำ
“สัญญานะครับ”
คราวนี้คนร่างเล็กฉีกยิ้มกว้าง ดวงตาเป็นประกายขึ้นมาวาววับ น่าเอ็นดูเสียจนคนมองอยากจับมาฟัดแล้วทิ้งการทิ้งงานไปให้หมด
“แต่ถ้านายยังไม่หลับตาฉันก็จะไม่รับปาก”
เพราะมัวแต่คุยกันอย่างนี้อีกคนถึงยังไม่ยอมหลับตาจนต้องยกคำขึ้นมาขู่ และนั่นก็ทำให้เปลือกตาสีอ่อนหลับลงพรึบราวกับเด็กที่ถูกพ่อแม่หลอกล่อด้วยของเล่น
“รักนอนแล้ว”
“คนนอนที่ไหนพูดได้” แพทริกหลุดหัวเราะในลำคอ
“ไม่พูดแล้วครับ”
ปากเล็กที่ขยับพูดปิดฉับแถมยังเม้มเข้าหากันเพื่อปิดกลั้นถ้อยคำที่อาจจะหลุดออกมา ดวงตาคมทอดมองใบหน้าหวาน ขยับผ้าห่มให้อีกครั้งเพื่อให้มั่นใจว่าคลุมกายบางได้ดีก่อนจะโน้มหน้าลงแนบริมฝีปากเข้ากับกลีบปากเล็ก
“ฉันไปทำงานแล้วนะ”
คราวนี้กานต์รักไม่หลุดคำพูดใดอีกในเมื่อกำลังสวมบทบาทคนนอน ทว่ามือและเท้ากลับเกร็งแน่นจิกตัวเองเอาไว้ไม่ให้แสดงอาการจนตัวแทบสั่น แรงยวบบนที่นอนหายไปเมื่อเรือนร่างสูงใหญ่ขยับลุกขึ้น แพทริกมองกานต์รักอีกครั้งก่อนจะตัดใจเดินออกห้องขณะที่คนทำเป็นนอนก็ลืมตาเปิดขึ้น
แรงสั่นจากอวัยวะที่ใช้สูบฉีดเลือดเต้นตุบจนสัมผัสได้ ความร้อนหากแต่อบอุ่นไปทั้งใจยังตรึงอยู่บนผิวปาก กว่าจะตั้งสติให้เข้าที่เข้าทางอย่างปกติได้ก็เป็นเวลาหลายนาที ก่อนกานต์รักจะทิ้งกายลงนอนอีกครั้งหลับต่ออีกสักหน่อยอย่างที่อีกคนต้องการ
❋❋❋❋❋❋❋❋❋❋
“เดี๋ยววันนี้รักขับรถเองครับ”
เอ่ยบอกกับคนดูแลทั้งสองเมื่ออีกฝ่ายเดินนำเพื่อไปขึ้นรถซึ่งจอดรออยู่ก่อนแล้วเช่นทุกวัน ตั้งแต่มาอยู่กับแพทริกกานต์รักแทบไม่เคยได้ขับรถเองจนอยากจะทำอะไรเองบ้าง
“ไม่ดีมั้งครับ ถ้าทำอย่างนั้นเจ้านายอาจจะว่าพวกเราได้”
ชายหนุ่มร่างสูงเอ่ยตอบด้วยสีหน้าไม่มั่นใจ คนตรงหน้าเองก็เป็นเจ้านายแต่ยังไงพวกเขาก็ขึ้นตรงกับแพทริกมากกว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือถ้าให้กานต์รักขับรถเองแล้วเกิดอะไรขึ้นพวกเขาคงโดนลูกปืนเจ้านายเจาะเข้ากลางหัว แต่สีหน้าเว้าวอนจากร่างบางก็ทำให้ทั้งสองได้แต่สบสายตากันอย่างหนักใจ
“เดี๋ยวรักคุยกับคุณแพทเองครับ จะไม่มีใครเดือดร้อนแน่นอน”
สุ้มเสียงหวานเอ่ยพร้อมทั้งกะพริบตาปริบๆหวังเพื่อให้อีกฝ่ายใจอ่อน แน่นอนว่าภาพนั้นทำให้คนมองลังเลสุดขีด เข้าใจได้ในทันทีว่าทำไมแพทริก เบรนเนแกนถึงได้ตามใจกานต์รักนัก
“คือ...”
“นะ...นะครับ”
“แต่ว่า...”
“นะครับ”
น้ำเสียงเอ่ยอ้อนทำให้คนฟังแทบหน้าแดงจนรีบหลบสายตา ขณะที่อีกคนก็ราวกับเป็นใบ้ไปชั่วครู่และกว่าจะทันได้รู้ตัวใบหน้าก็กดตกลงเป็นที่เรียบร้อย
“แต่ยังไงเราก็ขอแจ้งคุณแซมกับคุณโจเซฟก่อนนะครับ”
หนึ่งในสองคิดหาทางเอาตัวรอดได้ขึ้นมาอย่างฉับพลัน หากแซมกับโจเซฟอนุญาตนั่นหมายความว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นพวกเขาจะไม่ตายอย่างโดดเดี่ยว
“ครับ” เอ่ยตอบพร้อมระบายยิ้ม อย่างน้อยก็ดูเหมือนมีความหวังแม้ว่าจะริบหรี่ก็ตาม
คนดูแลทั้งสองได้แต่ถอนหายใจก่อนจะรายงานเรื่องนี้ให้กับคนอื่นๆรับรู้ รวมไปถึงแซมและโจเซฟซึ่งเป็นคนสนิทของแพทริก ไม่กี่วินาทีต่อมาโทรศัพท์มือถือของกานต์รักก็ดังขึ้นและชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอก็คือชื่อของแซม
“สวัสดีครับ”
(คุณรักจะขับรถเองหรือครับ)
“ครับ ไม่ได้ขับนานเลย”
(ผมเกรงว่า...)
“ให้รักขับนะครับ เดี๋ยวรักคุยกับคุณแพทเอง”
เพียงแค่อีกฝ่ายเกริ่นออกมากานต์รักก็รับรู้ว่าคงถูกชักจูงเพื่อให้เขานั้นต้องละจากความตั้งใจ ดังนั้นจึงต้องชิงเอ่ยขึ้นก่อนไม่อย่างนั้นวันนี้คงไม่ได้ขับรถเองเป็นแน่
(ตอนนี้เจ้านายประชุมอยู่ครับ)
“งั้นหลังประชุมค่อยคุยก็ได้ครับ”
(ถ้าอย่างนั้นรอพรุ่งนี้นะครับ เอาไว้คุณรักคุยกับคุณแพทก่อน) ประโยคนั้นทำให้ปากเล็กเบะน้อยๆออกราวกับเด็กถูกขัดใจ
แค่เรื่องขับรถเองตอนนี้กลับกลายเป็นเรื่องใหญ่ เมื่อก่อนกานต์รักก็ขับรถเองแต่หลังจากมาอยู่กับแพทริกแล้วดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะเป็นสิ่งต้องห้าม ไปไหนต้องมีคนขับรถให้ตลอดแถมการคุ้มครองรอบๆก็หนาแน่นขึ้น
“แต่รักอยากขับวันนี้นี่ครับ”
(อย่างน้อยก็รอตอนเย็นนะครับ คุยกับเจ้านายก่อน)
แซมนั้นแสนจะลำบากใจแต่ความปลอดภัยของคนสำคัญก็ต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง ขืนอนุญาตไปสุ่มสี่สุ่มห้าแล้วกานต์รักเกิดเป็นอะไรขึ้นมาพวกเขาเองก็คงไม่รอดสักราย
“...ก็ได้ครับ” ใบหน้าหวานเศร้าสร้อยลงจนคนดูแลทั้งสองที่ยืนมองรู้สึกผิด กานต์รักกดวางสายโทรศัพท์ก่อนจะเงยหน้าขึ้น
“เอาไว้รักคุยกับคุณแพทก่อนก็ได้ครับ”
แม้จะสงสารหากแต่พวกเขาก็ไม่มีสิทธิ์เอ่ยอะไร ชายหนุ่มร่างสูงจึงค้อมตัวให้ก่อนจะหันไปทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเช่นทุกวัน
รถยนต์คันหรูจอดนิ่งสนิทอยู่หน้าคฤหาสน์โดยมีรถของคนดูแลประกบทั้งด้านหน้าและด้านหลัง กานต์รักถอนกายใจน้อยๆก่อนจะก้าวขึ้นไปเมื่อประตูรถถูกเปิดไว้รอ
❋❋❋❋❋❋❋❋❋❋
(มีคนรายงานว่ามีเด็กงอแงอยากขับรถเอง)
ยามเที่ยงเมื่อถึงเวลาที่ตกลงกันไว้โทรศัพท์เครื่องหรูก็ดังขึ้นเป็นสัญญาณก่อนใบหน้าหวานที่ดูเศร้าสร้อยกว่าเคยจะปรากฏให้แพทริกเอ่ยทักถึงเรื่องที่เป็นสาเหตุ
“รักไม่ได้งอแงสักหน่อยครับ” เสียงตอบนั้นแผ่วอีกทั้งดวงตาโตยังหลบสายตา
(หึ แล้วทำไมอยู่ดีๆถึงอยากขับรถ)
“ไม่ได้อยู่ดีๆนะครับ ความจริงรักชอบขับรถเอง สนุกดี ก่อนหน้านั้นก็ขับรถเองมาตลอด”
การได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเองในรถ ยามได้มองถนนตรงหน้าและในหัวได้คิดอะไรไประหว่างทางมันเป็นสิ่งที่ทำให้ผ่อนคลายอย่างหนึ่ง แม้บางคราวรถจะติดจนดูน่าเบื่อแต่ก็ยังมีเสียงเพลงคอยบรรเทา
(แต่ตอนนี้ไม่ใช่ตอนนั้นแล้ว ฉันเป็นห่วง ยิ่งกับนายยิ่งเป็นห่วงมาก)
แม้จะมีคนคอยดูแลประกบอยู่ไม่ห่างแต่แพทริกก็ยังไม่วางใจ การขับรถเองมันสุ่มเสี่ยงอะไรหลายๆอย่างจนไม่อาจปล่อยผ่าน
“...แค่ขับรถเองครับ คนดูแลก็เยอะแยะเลย”
คำว่าเป็นห่วงนั้นทำให้ใจคนฟังสั่นไหวจนเสียงพลันแผ่วเบาตาม ใบหน้าคมทอดมองผ่านหน้าจอโทรศัพท์มีแววจริงจังเสียจนรู้สึกขัดเขิน
คำว่าเป็นห่วงมันมีผลกับใจคนฟังได้ไม่น้อยเลย
(มันไม่ใช่คำว่าแค่ เกิดนายเป็นอะไรขึ้นมาฉันย้อนกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้นะกานต์รัก)
ข่าวตามสื่อเตือนใจให้เห็นอยู่ทุกวัน และแพทริกสะเทือนใจกับข่าวพวกนั้นจนต้องปิดมันไปทุกครั้งยามได้เห็น แค่คิดว่าหากคนในข่าวเป็นกานต์รักหรือคนในครอบครัวหัวใจก็ราวกับถูกมือที่มองไม่เห็นบีบจนเจ็บปวด
อะไรที่เสี่ยงแม้แต่นิดเดียว บอกแล้วว่าเขาไม่มีทางยอม
“รักเข้าใจแล้วครับ”
เพราะใบหน้าและแววตาที่สั่นไหวทำให้กานต์รักเข้าใจและเลิกดื้อดึงที่จะขับรถเอง ริมฝีปากเล็กขบเม้มเข้าหากันก่อนดวงตาโตจะฉายแววรู้สึกผิดที่ทำให้อีกคนเป็นกังวล
(ถ้านายอยากจะขับเอาไว้ถ้าวันไหนว่างฉันจะให้ขับไปใกล้ๆอย่างเช่นพัทยา จะได้ถือโอกาสไปเที่ยวด้วยดีหรือเปล่า) ประโยคนั้นทำให้คนฟังยิ้มกว้างพยักหน้ารับอย่างแข็งขัน
“ดีครับ”
แพทริกได้แต่ยกยิ้มกับท่าทางราวกับเด็กน้อยของคนรักก่อนจะคุยเรื่องอื่นๆกระทั่งถึงเวลาอาหารเที่ยง ต่างฝ่ายต่างนั่งทานข้าวไปเงียบๆแม้จะเป็นการทานอาหารด้วยกันผ่านทางโทรศัพท์หากแต่ความรู้สึกก็ไม่ได้แตกต่างเมื่อใบหน้าหวานนั้นคอยระบายยิ้มส่งมาให้อยู่ตลอด
หลังจากทานข้าวเสร็จเรียบร้อยแพทริกต้องรีบวางสายเนื่องจากมีงานมากมายที่ต้องจัดการและบอกเอาไว้ว่าวันนี้กลับดึกไม่ต้องรอ แม้กานต์รักจะรับคำแต่พอถึงเวลาก็รู้ดีว่าตัวเองทำไม่ได้ เคยเผลอหลับไปทั้งที่ตั้งใจจะรออีกคนเลยยังมี
Rrrrr
มือบางที่กำลังจดบันทึกตารางงานอยู่หยุดชะงักเมื่อเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นอีกครั้งหลังจากเพิ่งคุยกับคนรักไปเมื่อไม่นาน ก่อนชื่อของคนที่โทรเข้าจะทำให้ดวงตาโตเบิกกว้างรีบหยิบมันขึ้นมารับสายในทันที
“พร้อม!”
(เสียงดังอะไรขนาดนั้นหืม)
“ก็รักคิดถึง เมื่อไหร่จะกลับมาสักที”
จากที่บอกเอาไว้ว่าสองสัปดาห์ดูเหมือนพี่ชายจะยืดเวลาออกไปอีก ด้วยเพราะมีปัญหาเรื่องงานเกิดขึ้นและยังไม่สามารถบอกได้แน่ชัดว่าจะกลับมาเมื่อไหร่ นั่นทำให้พ่อกับแม่ที่วางแพลนว่าจะกลับมาพร้อมกันต้องเลื่อนออกไปด้วย
(ใกล้แล้วล่ะ)
“จริงนะ” ผู้เป็นน้องยิ้มกว้างให้กับคำบอกกล่าวนั้น ถือเป็นข่าวดีอย่างที่สุด
(จริงสิ พ่อแม่ก็เตรียมตัวแล้ว..เราล่ะเป็นยังไงบ้าง ที่ร้านมีปัญหาอะไรไหม)
“ก็มีบ้าง เล็กๆน้อยๆแต่ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง”
(มีแพทริกอยู่ทั้งคนพี่ก็วางใจ)
“ไม่ต้องมาพูดเลย...ว่าแล้วรักก็มีเรื่องจะปรึกษา พร้อมสนิทกับมินพอสมควรใช่ไหม ช่วงนี้มินเป็นอะไรก็ไม่รู้ เหม่อๆแถมยังชอบทำหน้าเศร้าตลอดเลย”
จากเมื่อก่อนที่เด็กหนุ่มทำงานเพียงเสาร์อาทิตย์ตอนนี้ถ้าวันไหนที่ไม่มีเรียนมินก็จะเข้ามาช่วยงานที่ร้านจนกานต์รักสังเกตเห็นถึงความผิดปกติ แม้จะบอกกับอีกฝ่ายไปแล้วว่าถ้ามีอะไรให้ช่วยเหลือก็บอกหากแต่คนรุ่นน้องก็ส่ายหน้าตอบพร้อมบอกว่าไม่มีอะไร
(...ไม่มีอะไรหรอก คงเครียดเรื่องเรียนตามประสาเด็ก)
“อืม ถ้าแค่เครียดเรื่องเรียนก็ดี รักเป็นห่วงน้อง กลัวว่ามีปัญหาอะไรแล้วจะไม่กล้าบอก”
มินเป็นเด็กน่ารัก ตั้งใจขยันทำงาน กานต์รักเอ็นดูอีกคนราวกับเป็นน้องชายแท้ๆ ถ้ามีปัญหาอะไรก็อยากจะช่วยเหลือ ได้แต่หวังว่ามันจะเป็นเพียงเรื่องเรียนอย่างที่ผู้เป็นพี่สันนิษฐาน
(ไม่ต้องห่วงมินหรอก ห่วงตัวเราเองจะดีกว่า)
“รักไม่มีอะไรน่าห่วงเสียหน่อย”
(จริงหรือ แล้วเรื่องข่าวน่ะเป็นยังไงบ้าง)
พร้อมกานต์อดเป็นห่วงน้องเรื่องนี้ไม่ได้ กลัวว่ากระแสในด้านลบจะกระทบจิตใจของกานต์รัก แต่เมื่อได้เห็นอีกคนยังยิ้มได้อย่างนี้ก็โล่งใจ
“ไม่มีอะไรเลย รักไม่ได้เข้าไปอ่าน แค่ไม่สนใจก็ไม่เป็นไรแล้วล่ะ”
ด้วยเพราะรู้อยู่แล้วว่ามีคนชอบก็ต้องมีคนไม่ชอบ แม้ว่าแพทริกจะพยายามทำให้ข่าวออกมาดีแค่ไหนอย่างไรแล้วความคิดเห็นด้านลบก็ยังมี แต่กานต์รักเลือกจะไม่ใส่ใจและมันก็ไม่ได้มากมายอะไรนัก
(ดีแล้ว คนเราจะพูดจะพิมพ์อะไรก็ได้ เขาไม่ให้ราคาเราก็อย่าไปให้ราคากับมันเข้าใจไหม)
“อื้อ รักเข้มแข็งนะ เรื่องแค่นี้ไม่เป็นไรหรอก”
(ให้มันจริงเถอะ)
ใบหน้าของผู้เป็นพี่ส่ายน้อยๆแต่ก็รู้ดีว่ากานต์รักนั้นไม่ใช่คนอ่อนแอ ด้วยสายเลือดแล้วความเข้มแข็งเป็นสิ่งที่อยู่ในตัวตามสัญชาตญาณ แม้ภายนอกจะดูบอบบางแต่ข้างในก็แข็งแกร่งไม่น้อย
สองพี่น้องคุยกันไปเรื่อยเปื่อยกระทั่งต่างคนต่างต้องแยกย้ายกันไปทำงานจึงได้วางสาย กานต์รักจดบันทึกตารางงานและของที่ต้องสั่งจนเสร็จเรียบร้อยก่อนจะออกไปดูหน้าร้าน
❋❋❋❋❋❋❋❋❋❋
“ดึกแล้วนะคะ ป้าว่าคุณรักขึ้นไปนอนดีกว่า เดี๋ยวคุณแพทจะเป็นห่วงเอา”
แม่บ้านคนเก่งเอ่ยพูดกับคนร่างเล็กที่นั่งรอใครบางคนมาร่วมสามชั่วโมง กระทั่งตอนนี้เวลาล่วงเลยมาจนเที่ยงคืนก็ยังไม่ยอมขยับตัวไปไหน ไม่ว่าเธอจะเพียรเดินมาบอกกี่ครั้งกานต์รักก็ยืนยันว่าจะรอ
“รักยังไม่ง่วงเลยครับ”
บอกว่าไม่ง่วงหากแต่ดวงตาโตสองข้างแดงก่ำ คนแก่ได้แต่มองเด็กหนุ่มรุ่นลูกพลางถอนหายใจ ขืนแพทริกกลับมาเห็นอย่างนี้มีหวังต้องโดนดุเป็นแน่
“ถ้าอย่างนั้นก็ไปรอบนห้องดีกว่านะคะ”
“รัก...”
เสียงรถซึ่งแล่นเข้ามาให้ได้ยินในโสตประสาททำให้คนทั้งสองหยุดชะงักก่อนจะเป็นคนหน้าหวานที่ระบายยิ้มกว้าง ขณะที่คนอายุมากกว่ารู้สึกโล่งอกเพราะจะได้ไม่ต้องเห็นกานต์รักนั่งรออยู่อย่างนี้ ป้าน้อยเอ่ยปากขอตัวก่อนจะค้อมหัวให้แล้วเดินออกไป
เรือนร่างสูงใหญ่ภายใต้ชุดทำงานหลุดรุ่ยย่างกรายเข้ามาในขณะที่กานต์รักขยับตัวลุกขึ้นยืนแล้วสาวเท้าเข้าไปใกล้
“ทำไมยังไม่นอนอีก”
เสียงเอ่ยนั้นเข้มขึ้นยามมาหยุดอยู่ตรงหน้า ดวงตาคมเรียบนิ่งกว่าเคยพลางเหลือบสายตาขึ้นมองนาฬิกาเรือนใหญ่บนฝาผนัง
“รักรอคุณแพท”
“ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ต้องรอ ทำไมถึงได้ดื้อนัก”
คิ้วได้รูปขมวดมุ่นเข้าหากันสวนทางกับท่อนแขนใหญ่ที่ตวัดรัดรึงเอวเล็กให้แนบชิด ขณะที่อีกคนก็โอนอ่อนผ่อนร่างกายเข้าหาอย่างง่ายดาย
“รักอยากรอ...คุณแพททานอะไรมาหรือยังครับ รักทำให้ทานไหม”
กานต์รักรีบเอ่ยเปลี่ยนเรื่องก่อนจะโดนคนตัวโตมองด้วยสายตาดุๆมากไปกว่านี้ และแม้แพทริกจะรู้ทันแต่ก็ยอมปล่อยเลยตามเลยเพราะความจริงแล้วก็ไม่ใจแข็งพอที่จะดุคนรักได้ลง เพียงแค่ดวงตาโตทอดมองมาย่างเว้าวอนใจก็อ่อนยวบยาบ
“เรียบร้อยแล้ว”
“งั้นขึ้นไปอาบน้ำนะครับ เดี๋ยวรักเตรียมเสื้อผ้าให้”
แม้จะเหนื่อยจากการทำงานจนสายตัวแทบขาดแต่เมื่อยามกลับบ้านมาแล้วมีใครสักคนคอยดูแลเอาใจแบบนี้มันทำให้ความเหนื่อยล้าทั้งหมดบรรเทาลงไปกับตา ดวงตาคมกริบจ้องมองใบหน้าหวานของคนรักนิ่ง ยังไม่ทันที่คนถูกมองจะได้เอ่ยถามริมฝีปากได้รูปก็ทาบทับลงมาแผ่วเบา
“มีอะไรหรือเปล่าครับ”
ยามอีกคนผละออกโดยไม่ได้รุกล้ำกานต์รักจึงเอ่ยถามอย่างงุนงงกับสัมผัสที่ไม่ได้ตั้งตัว และก็ได้รับการส่ายหน้าเป็นคำตอบ
“ฉันเหนียวตัว อยากอาบน้ำ ขึ้นห้องกันเถอะ”
เป็นแพทริกที่เอ่ยเปลี่ยนเรื่องบ้างและมันก็ได้ผลเป็นอย่างดีเมื่อใบหน้าเล็กกดลงหงึกหงักก่อนจะผละตัวออกห่างแล้วเดินนำขึ้นไป
กระทั่งยามถึงห้องคนตัวโตก็เดินเข้าห้องน้ำไปทันทีขณะที่กานต์รักนั้นจัดการเตรียมเสื้อผ้าไว้ให้เสร็จสรรพ
“คุณแพทนอนลงเร็วครับ”
คนที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จมองหน้ากานต์รักด้วยความสงสัย มือบางตบลงบนเตียงปุๆพลางพยักหน้าเรียกพร้อมทั้งระบายยิ้มกว้าง แม้ไม่รู้ว่าร่างเล็กจะทำอะไรแต่ขาเรียวยาวก็ก้าวเข้าหาก่อนจะเอนกายลงนอนบนเตียง
“นอนคว่ำนะครับ”
“จะทำอะไร” เอ่ยถามหากแต่ก็พลิกตัวนอนคว่ำเรียบร้อย
“รักจะนวดให้ครับ”
มือบางวางลงบนไหล่กว้างแข็งเกร็งก่อนจะออกแรงนวดให้อย่างพอดีมือ ความรู้สึกสบายและผ่อนคลายแล่นพล่านไปทั่วร่างจนต้องหลับตาลงรับสัมผัสนั้น
“ช่วงนี้คุณแพททำงานหนักคงจะเมื่อยน่าดู การนวดจะช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายนะครับ”
นอกจากความสบายตัวแล้วความง่วงงุนก็คลืบคลานเข้ามาจนแพทริกแทบเคลิ้มหลับ กานต์รักระบายยิ้มชะโงกหน้ามองคนที่นอนคว่ำวางคางไว้บนหมอนใบโตก่อนจะกระซิบแผ่วเบา
“ง่วงก็นอนนะครับ”
แพทริกแทบไม่มีแรงแม้แต่จะเอ่ยตอบเมื่อสติกำลังจะหลุดลอยไปไกล ความเหนื่อยล้าจากการทำงานมาทั้งวันแล่นเล่นงานจนในที่สุดก็หลุดเข้าสู่ห้วงนิทรา
กานต์รักมองภาพนั้นด้วยรอยยิ้มขณะที่มือก็ยังไม่หยุดทำหน้าที่ จากไหล่แกร่งไล้ลงมาตามแผ่นหลังกว้าง ก่อนจะเป็นเอวสอบและวกกลับไปที่ต้นคอหนาเป็นลำดับสุดท้าย
ร่างบางรวบรวมแรงทั้งหมดจับพลิกคนตัวโตให้นอนหงายพลางจัดท่าพร้อมทั้งห่มผ้าให้เรียบร้อย ดวงตาสวยทอดมองใบหน้าคมที่หลับพริ้มก่อนริมฝีปากบางจะทาบทับลงบนข้างแก้มสาก
“ฝันดีครับ”
เอ่ยกระซิบเสียงแผ่วเบาราวกับให้คำพูดนั้นล่องลอยเข้าไปในความฝัน กานต์รักผละออกแล้วจัดการปิดไฟทุกดวงให้เรียบร้อยก่อนจะขยับสอดตัวเข้าไปใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน เสียงร้องอุทานแผ่วเบาดังขึ้นเมื่อท่อนแขนใหญ่ตวัดร่างเข้าสู่อ้อมกอดทั้งที่ยังหลับสนิท ใบหน้าหวานหลุดยิ้มให้กับความคุ้นชินนั้นก่อนจะปิดเปลือกตาลงแล้วหลับไปด้วยกัน
(มีต่อ)