ตอนที่ 25
‘จากคลิปซึ่งถูกเผยแพร่อย่างรวดเร็วในโลกโซเชียลปรากฏเป็นภาพการปาร์ตี้ของเหล่าเซเลปคนดัง และเป็นเรื่องน่าตกใจอย่างยิ่งเมื่อดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เพียงแค่การปาร์ตี้ธรรมดาแต่เป็นปาร์ตี้ซึ่งมียาเสพติดเข้ามาเกี่ยวข้อง และหนึ่งในนั้นยังมีเซเลปสาวลูกนักการเมืองชื่อดังปรากฏอยู่ในคลิปอย่างชัดเจน...’ มือหนายื่นไอแพดส่งคืนให้กับคนสนิทแม้ว่าข่าวนั้นจะมีรายละเอียดต่ออีกมากมาย หลักฐานจากในข่าวทำให้ใครบางคนดิ้นไม่หลุดและกำลังถูกสังคมตัดสินอย่างร้อนระอุ ใบหน้าคมแสยะยิ้มพลางเคาะปลายปากกาลงบนโต๊ะทำงานอย่างอารมณ์ดี
นี่แค่เล็กน้อยเท่านั้น ถ้ากานต์รักไม่ขอเอาไว้แพทริกตั้งใจว่าจะทำให้พังพินาศไปทั้งครอบครัว
“ผู้หญิงคนนั้นโดนตำรวจเชิญตัวไปแล้วครับ ส่วนพ่อที่เป็นนักการเมืองก็โดนเรียกตัวตั้งแต่เช้า”
“ดี...เอาให้ถึงที่สุด เรื่องอื่นก็ค่อยๆปล่อยออกมาอย่าให้สังคมลืม เอาให้ไม่มีหน้าไปทำนิสัยแย่ๆใส่ใครที่ไหนอีก”
“ครับ”
ป่านนี้คงกำลังวิ่งเต้นเรื่องให้วุ่น แต่คงลำบากหน่อยเพราะเป็นแพทริกเองที่ขัดขวางทุกอย่าง แม้ว่าฝ่ายนั้นจะพยายามใช้เงินจัดการและปิดข่าวแค่ไหนมันก็ไม่มีทางได้ผล นอกจากเรื่องนี้แล้วยังมีเรื่องอื่นๆที่พร้อมจะปล่อยออกมาอีกมากมาย
ผู้หญิงคนนั้นพลาดอย่างใหญ่หลวงที่กล้ามาเล่นกับคนอย่างแพทริก เบรนเนแกน
❋❋❋❋❋❋❋❋❋❋
หลายวันต่อมาแพทริกอยู่ในช่วงยุ่งสุดขีดเมื่ออีกไม่กี่วันข้างหน้าจะเป็นวันเปิดตัวแบรนด์นาฬิกาและเครื่องประดับระดับโลกซึ่งถูกนำเข้ามาจำหน่ายในไทยเป็นครั้งแรก ด้วยเพราะอยากให้ทุกอย่างออกมาเพอร์เฟคทุกขั้นตอนทุกฝ่ายจึงต้องทำให้ดีที่สุด และแน่นอนว่าแพทริกเป็นคนตรวจงานเองทุกอย่าง กว่าแต่ละแผนกจะไม่ต้องแก้ไขอะไรก็เล่นเอาพนักงานร้องไห้ไปหลายราย
เสียงตวาดดังก้องออกมาจากในห้องจนคนด้านนอกสัมผัสได้ ยิ่งใกล้ถึงวันงานเท่าไหร่พนักงานหลายฝ่ายยิ่งถูกเรียกตัวก่อนจะโดนตะเพิดไล่เมื่องานนั้นไม่ถูกใจจนต้องเดินออกมาทั้งที่ใบหน้ายังซีดเผือด แซมและโจเซฟซึ่งยืนอยู่หน้าห้องมองภาพนั้นด้วยความชินตา
แม้จะนึกสงสารแต่เพราะรู้ดีว่าแพทริกต้องการความสมบูรณ์แบบของงาน
แรงสั่นสะเทือนจากกระเป๋าเสื้อสูทด้านในทำให้แซมต้องหยิบโทรศัพท์ออกมาก่อนจะเบิกตาขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์คนสำคัญของเจ้านาย
“ครับ คุณรัก”
(คือ...รักว่าจะแวะเอาของไปคุณแพท ไม่ทราบว่าตอนนี้คุณแพทว่างหรือเปล่าครับ) น้ำเสียงนั้นเอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจ กานต์รักไม่กล้าโทรเข้าเครื่องของแพทริกโดยตรงเพราะกลัวว่าร่างสูงจะกำลังยุ่ง
“โอ้ ถ้าเป็นคุณรักเจ้านายว่างเสมอครับ” แซมเอ่ยตอบอย่างรู้ดีโดยไม่ต้องเสียเวลาถามผู้เป็นนายเลยสักนิด
(แต่ถ้าคุณแพทยุ่งอยู่ก็ไม่เป็นไรนะครับ)
จะว่าไปแล้วธุระนี้ก็ไม่ได้สำคัญนัก กานต์รักแค่จะแวะเอาช็อกโกแลตซึ่งคนตัวโตบ่นว่าอยากทานไปให้ ด้วยเพราะมันเพิ่งถูกส่งมาถึงร้านสดๆร้อนๆและเพราะเห็นว่าแพทริกกำลังเครียดหากได้ทานของโปรดก็อาจจะช่วยได้
“คุณรักมาเถอะครับ” ก่อนที่จะมีใครตายไปสักคน แซมต่อคำนั้นในใจ
(มีอะไรหรือเปล่าครับ?)
“คุณแพทเครียดๆกับงาน ผมคิดว่าถ้าเจอคุณรักน่าจะช่วยได้”
(...ครับ งั้นเดี๋ยวรักแวะเข้าไป) ตอบรับเสียงเบาก่อนจะกดวางสายเมื่อประโยคของอีกฝ่ายทำให้รู้สึกขัดเขินไม่น้อย
แต่อย่างที่แซมพูด ช่วงนี้แพทริกทำงานอย่างหนัก เวลาเจอหน้าและคุยกันก็ลดน้อยลงกว่าเคย ยามเช้าอีกคนนั้นออกจากบ้านแต่เช้าตรู่ ตอนกลับก็เป็นเวลากินข้าวก่อนจะขึ้นไปทำงานต่อทั้งคืน กว่าจะเข้านอนบางครั้งกานต์รักก็ทนรอนอนพร้อมกันไม่ไหว
ร่างเล็กจัดการเตรียมของกระทั่งเรียบร้อยจึงขับรถตรงไปยังตึกเบรนเนแกน ทันทีที่รถจอดสนิทคนของแพทริกก็รออยู่ก่อนแล้วพร้อมทั้งเดินนำไปยังห้องทำงาน พนักงานหลายคนค้อมหัวทำความเคารพตลอดทางจนรู้สึกเกรงใจไม่น้อย
“คุณแพทว่างอยู่ไหมครับ” กานต์รักเอ่ยถามคนสนิทหน้าห้องทั้งสองด้วยรอยยิ้มบาง หากอีกคนติดงานอยู่จะได้นั่งรอข้างนอกไม่เข้าไปรบกวน
“ว่างครับ” หลังจากที่เพิ่งตะเพิดหัวหน้าฝ่ายการตลาดไปเมื่อกี้...
โจเซฟเป็นคนเดินนำไปหน้าห้องก่อนจะผายมือเชื้อเชิญให้เปิดประตู กานต์รักส่งยิ้มขอบคุณหลังจากนั้นมือเล็กจึงหมุนลูกบิดแล้วออกแรงผลักเข้าไป
“ทำไมไม่เคาะประตู ไม่มีใครเคยสอนเรื่องมารยาทหรือไง!”
เสียงเข้มตวาดก้องไปทั่วจนคนเข้ามาสะดุ้งเฮือก กานต์รักหลับตาลงอย่างตกใจ นึกว่าแซมและโจเซฟบอกเอาไว้แล้วจึงไม่ได้เคาะ
“รักขอโทษครับ นึกว่ามีคนบอกคุณแพทเอาไว้แล้ว” เปลือกตาสีอ่อนค่อยๆเปิดขึ้นเชื่องช้า
“กานต์รัก”
เมื่อได้ยินเสียงร่างสูงก็ทะลึ่งพรวดลุกขึ้นยืนก่อนจะสาวท้าวยาวๆเข้าหาคนที่ยืนนิ่งอยู่หน้าประตู ใบหน้าคมเคร่งขรึมปรับเป็นอ่อนลงอย่างอัตโนมัติ อารมณ์หงุดหงิดก่อนหน้ามลายวับเมื่อเห็นว่าใครที่ยืนอยู่ตรงนี้
“ขอโทษ ฉันไม่รู้ว่าเป็นนาย”
ใบหน้าหวานของคนรักซึ่งปรากฏอยู่ตรงหน้าทำให้แพริกรู้สึกดียิ่งกว่าตอนรู้ว่าหุ้นขึ้น เวลาเหนื่อยๆและหงุดหงิดอย่างนี้ไม่มีอะไรที่เยียวยาเขาได้ดีเท่ากานต์รักอีกแล้ว
“รักขอโทษนะครับที่ไม่ได้เคาะประตูก่อน” อีกฝ่ายอาจจะกำลังยุ่งกับงาน เรื่องนี้กานต์รักพลาดเองที่ลืมไปเสียสนิท
“สำหรับนายมันไม่จำเป็น แต่ฉันไม่รู้ว่านายจะมา นึกว่าเป็นพนักงานที่ทำงานห่วยๆพวกนั้น” เมื่อพูดถึงเสียงทุ้มเรียบก็ติดหงุดหงิดขึ้นมาจนมือเล็กต้องยกขึ้นมาไล้แขนแกร่งแผ่วเบา
“ใจเย็นๆนะครับ รักเชื่อว่าคงไม่มีใครอยากทำงานผิดพลาด รักรู้ว่าคุณแพทอยากให้งานออกมาดีแต่ค่อยๆคิดค่อยๆทำไปดีกว่า ดุมากอย่างนี้พนักงานยิ่งกลัวพานทำงานแย่ลงกว่าเดิม”
น้ำเสียงที่เอื้อนเอ่ยนั้นเรียบเรื่อยใจเย็นพร้อมด้วยดวงตาโตที่ทอดมองอย่างอ่อนหวานทำให้แพทริกนิ่งฟัง เมื่อลองคิดตามแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ
อาจจะเป็นอย่างที่กานต์รักพูด
“อีกไม่กี่วันก็จะเปิดตัวอยู่แล้ว บางอย่างยังไม่สมบูรณ์เลยด้วยซ้ำ”
“ตรงไหนไม่ดี คุณแพทต้องการอะไรก็ค่อยๆบอกพวกเขาไปนะครับ รักเชื่อว่ามันจะดีกว่าแน่นอน”
เอ่ยพูดพร้อมทั้งระบายยิ้มหวานอย่างให้กำลังใจจนคนมองลดความหงุดหงิดลงไปได้กว่าครึ่ง พอเป็นกานต์รักพูดทุกอย่างดูจะผ่านไปได้ด้วยดีเสียหมด และสำคัญที่สุดคือความร้อนในอกถูกบรรเทาลง
“ฉันจะพยายามใจเย็น”
“
คุณแพทของรักทำได้อยู่แล้วครับ รักเอาช็อกโกแลตที่คุณแพทบ่นว่าอยากทานมาให้ด้วย เพิ่งมาถึงร้านสดๆร้อนๆเลย”
“นึกว่ามาหาเพราะคิดถึงฉันซะอีก”
แพทริกพูดพร้อมทั้งส่งสายตากรุ้มกริ่มหยอกล้อให้พวงแก้มเนียนเห่อร้อน ไม่นึกชินกับท่าทางอ่อนหวานเช่นนี้ของคนรักเสียที
“คิดถึงทำไมล่ะครับ เพิ่งแยกกันเมื่อเช้านี้เอง” เสียงตอบนั้นเบาลงอีกทั้งยังหลบสายตาไม่กล้าสบ
“ไม่คิดถึงฉันสักนิดเลย?”
ร่างสูงยังไม่หยุด ถามต้อนให้ใบหน้าหวานค่อยๆแดงเรื่อขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งยามขยับใบหน้าเข้าหาใกล้กว่าเคยอีกคนยิ่งเขินหนักเข้าไปใหญ่
“กะ ก็...เราเพิ่งห่างกันเองนี่ครับ”
จะว่าไม่คิดถึงเลยก็คงไม่ใช่ คนรักกันย่อมมีบ้างอยู่แล้วที่นึกถึง แต่มันไม่ใช่การคิดถึงเชิงโหยหาในเมื่อเพิ่งห่างกันไม่กี่ชั่วโมง
“เพิ่งห่างแล้วคิดถึงไม่ได้หรือไง ฉันยังคิดถึงเลย” แพทริกแกล้งพูดหวานๆให้อีกคนออกอาการยิ่งกว่าเดิม
“คุณแพท...อย่าแกล้งรักสิครับ”
ริมฝีปากเล็กเริ่มเบะออกเมื่อไม่มีทางสู้ ใบหน้าคมขยับเข้าใกล้จนเหลือความห่างไม่ถึงคืบ ลมหายใจอุ่นร้อนรินรดจนพาให้ใจสั่น กานต์รักพยายามจะโฟกัสสายตาไปที่อื่นหากแต่ประสาทสัมผัสก็ถูกรบกวนด้วยสายตาคมที่มองมา
“หึ”
เสียงหัวเราะในลำคอแกร่งดังขึ้นก่อนจะยอมถอยห่างเลิกแกล้งอย่างที่อีกคนร้องขอ ด้วยเพราะไม่มีเวลามากนักแพทริกเลยไม่อาจแกล้งกานต์รักต่อได้ แต่เพียงแค่เท่านี้ก็มากพอที่จะทำให้ผิวขาวซีดขึ้นสีไปทั้งใบหน้าและลำคอ
“ฉันเลิกแกล้งแล้ว หันหน้ามาเถอะ”
ร่างเล็กทั้งเอียงไปด้านหลังทั้งมองไปทางอื่นจนคนแกล้งรู้สึกเอ็นดู ยามดวงตาโตเลื่อนกลับมาสบกันแพทริกยังคงเห็นความสั่นไหวอยู่ในนั้นจางๆ
เมื่อดูท่าแล้วร่างสูงจะเลิกแกล้งจริงๆกานต์รักจึงขยับตัวยืนตรงก่อนจะยื่นของในมือส่งให้ตามจุดประสงค์ในการมา
“ช็อกโกแลตแล้วก็เค้กครับ รักเอามาเผื่อคุณแพทอยากทาน”
สายตาคมเลื่อนลงมามองของตรงหน้าก่อนจะยื่นมือออกไปรับพร้อมทั้งรั้งเจ้าของร่างเข้ามาในอ้อมกอด จนกานต์รักหลุดเสียงร้องออกมาเพราะไม่ทันได้ตั้งตัว
“รอกลับบ้านพร้อมกันนะ อยู่เป็นกำลังใจให้ฉันทำงาน”
เสียงทุ้มที่มักเรียบนิ่งเอ่ยอย่างเว้าวอนจนใจคนฟังอ่อนยวบราวกับขี้ผึ้งลนไฟ ถ้อยคำหวานหูนั้นทำให้ใบหน้ากลับมาเห่อร้อนอีกครั้งจนต้องขยับซุกเข้ากับอกกว้างปกปิดความไหวหวั่น บางครั้งกานต์รักก็เหนื่อยกับความเขินอายของตัวเองที่ทำงานง่ายดายเหลือเกิน
อาจเพราะอีกคนมีผลกับหัวใจ ทุกอย่างจึงสั่นไหวง่ายไปหมด
“แต่รักไม่ได้บอกคนที่ร้านเลยครับว่าจะไม่กลับ” แม้ใจจะอ่อนไปกว่าครึ่งกับคำร้องขอนั้นหากแต่ด้วยเพราะไม่ได้สั่งงานหรือเตรียมตัวมาจึงกังวลว่าอาจจะเกิดปัญหาที่ร้านได้
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ฉันจะให้คนไปดูแลให้”
ลองร่างสูงได้พูดและตัดสินใจเสร็จสรรพแบบนี้ต่อให้ยืนยันว่าจะกลับร้านแพทริกก็คงไม่ยอม และกานต์รักก็ยังคงเป็นกานต์รัก เรื่องตามใจอีกคนนั้นมาเป็นอันดับแรกเสมอ น้อยครั้งจนนับครั้งได้ที่จะปฏิเสธในสิ่งที่คนตัวโตต้องการ
“ก็ได้ครับ ถ้าอย่างนั้นรักขอโทรหาคนที่ร้านก่อน”
คราวนี้คนตัวโตพยักหน้ารับด้วยดวงตาเป็นประกายบ่งบอกว่าถูกอกถูกใจ กานต์รักได้แต่ส่ายหน้าน้อยๆกับท่าทางนั้นก่อนจะผละออกไปคุยโทรศัพท์
กระทั่งเรียบร้อยจึงเดินกลับมานั่งรออีกคนทำงานอยู่บนโซฟาตัวกว้างกลางห้อง นิตยสารมากมายบนโต๊ะคือเพื่อนฆ่าเวลาระหว่างนั้น แพทริกนั่งทำงานหน้าตาจริงจังไม่เหลือเค้าคนที่หยอกล้อกันเมื่อครู่ให้ได้เห็น ผ่านไปซักพักพนักงานฝ่ายหนึ่งก็ถูกเรียกเข้ามาพบ กานต์รักพยายามไม่หันไปมองเพราะถือว่าเป็นเรื่องภายในแต่ถึงอย่างนั้นหูทั้งสองข้างก็ยังให้ความสนใจไม่ห่าง
ได้ยินเสียงร่างสูงถามเรื่องงานเสียงเรียบกดดัน ขณะที่พนักงานก็เอ่ยออกมาอย่างหวาดหวั่นแต่ถึงอย่างนั้นงานที่นำเสนอก็ออกมาดีไม่น้อย เสียงทุ้มจึงทำเพียงแค่เอ่ยติและแนะนำไปในส่วนที่ยังบกพร่อง
กานต์รักแอบลอบยิ้มแม้สายตาจะยังจับจ้องอยู่บนหนังสือในมือเมื่อคนรักควบคุมอารมณ์ได้ดีกว่าเคย เสียงเซ็นเอกสารและเปิดหน้ากระดาษดังไปเรื่อยๆโดยที่คนรอไม่ได้นึกเบื่อ บ้างก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูนั่นดูนี่ผลัดเปลี่ยนกับการอ่านหนังสือ เวลาผ่านไปเร็วไม่น้อยในความรู้สึกยามคนสนิทของแพทริกเปิดประตูเข้ามาบอกว่าเป็นเวลากว่าหนึ่งทุ่ม
“หิวหรือเปล่า ขอโทษที ฉันทำงานเพลินไปหน่อย”
“ไม่เป็นไรครับรักรอได้” อีกคนพยักหน้ารับก่อนฝ่ามือหนาจะยกขึ้นมาลูบไล้แก้มเนียนแผ่วเบา
“กลับบ้านกันเถอะ”
คนหน้าหวานยิ้มรับขณะที่ฝ่ามือหนาเลื่อนลงมากุมมือ ท้องฟ้าด้านนอกถูกปกคลุมด้วยความมืดของยามค่ำ ทั้งตึกเงียบสนิทจนได้ยินเสียงนกร้องเมื่อพวกมันกำลังบินกลับเข้ารัง รถหรูซึ่งมีคนสำคัญทั้งสองเคลื่อนตัวออกจากตึกสูงก่อนจะมุ่งหน้าสู่คฤหาสน์
❋❋❋❋❋❋❋❋❋❋
“เหนื่อยไหมครับ”
นิ้วมือเล็กไล้ไปตามขอบตาที่ดำคล้ำของร่างสูงแผ่วเบายามเอ่ยถาม ความเหนื่อยล้าฉายชัดเป็นผลมาจากการโหมทำงานอย่างหนักตลอดหลายวัน วันนี้เป็นวันเปิดตัวสินค้า สิ่งที่แพทริกตั้งใจและทุ่มเทให้กับมันกำลังจะเปิดเผยสู่สายตาให้ทุกคนได้รับรู้
คำถามด้วยสุ้มเสียงเป็นห่วงจากคนรักทำให้แพทริกหลับตาลงก่อนจะส่ายหน้าตอบพร้อมทั้งยกยิ้ม
แค่มีกานต์รักอยู่ตรงนี้ความเหนื่อยล้าทั้งหมดก็ดูเหมือนจะบรรเทาลง
“รักขอให้งานวันนี้ราบรื่นนะครับ ขอให้คุณแพทประสบความสำเร็จอย่างที่ตั้งใจ”
ด้วยเพราะวันนี้กานต์รักไม่สามารถไปร่วมงานได้เนื่องจากติดคุยงานกับลูกค้าจึงใช้เวลานี้อวยพรให้ก่อนจะต้องแยกกันไปทำงาน
“ยกเลิกนัดแล้วไปกับฉันสิ มีนายงานจะได้ราบรื่น”
คนฟังหลุดยิ้มกับประโยคที่ดูเหมือนจะไม่สอดคล้องกันนั้นพลางขยับกายแนบชิดเพื่อเอาใจ แพทริกงอแงใส่เพราะเรื่องนี้มาหลายวันหากแต่เพราะงานของกานต์รักเองก็สำคัญไม่น้อยจึงยกเลิกไม่ได้ สถานที่นัดนั้นห่างไกลกับห้างที่แพทริกใช้เปิดตัวจนได้แต่ทำใจตั้งแต่ที่รู้
“ไม่มีรักงานก็ราบรื่นครับ คุณแพทเก่งรักรู้...แล้วเจอกันตอนค่ำนะครับ”
สายตาคมมองสบอย่างเหนื่อยล้าทันทีเมื่อร่างเล็กไม่มีแววจะใจอ่อน แพทริกนึกอยากเห็นหน้าลูกค้าที่นัดในวันนี้เหลือเกิน วันอื่นมีตั้งมากมายทำไมไม่นัด ยิ่งคิดยิ่งนึกโมโห
“จะไม่ไปกับฉันจริงๆหรือ” ถามย้ำอีกครั้งอย่างหวังว่าอีกคนจะโอนอ่อน
“รักไปไม่ได้จริงๆครับ...จะสายแล้ว เราลงไปทานข้าวกันดีกว่า รักเตรียมอาหารไว้ให้คุณแพทเยอะแยะเลย”
ร่างเล็กขยับถอยห่าง ดวงตาโตกวาดมองร่างสูงในชุดทำงานเพื่อตรวจสอบความเรียบร้อย ขยับมือจับเนคไทให้อีกนิดหน่อยก่อนจะส่งยิ้มเอาใจ
“กลับมาจะลงโทษให้เข็ดที่ไม่ไปงานกับฉัน” เสียงทุ้มเอ่ยคาดโทษ
จุ๊บ
“งั้นตอนนี้ติดไว้ก่อนนะครับ”
กานต์รักกลั้นใจทำใจกล้าเขย่งตัวขึ้นไปหอมแก้มสากเร็วๆก่อนจะเอ่ยพูดทั้งที่ใบหน้าเห่อร้อน ถือว่าเป็นการไถ่โทษที่ไม่สามารถไปแสดงความยินดีกับอีกฝ่ายได้
การกระทำที่ทำให้แพทริกตาลุกวาว นึกอยากจะเลื่อนวันเปิดตัวออกไปป็นวันอื่นให้รู้แล้วรู้รอด
“ตรงนี้ด้วย”
ใบหน้าคมขยับเข้าหาพร้อมทั้งแตะมือลงบนริมฝีปากของตัวเองให้คนมองรับรู้ได้ทันทีว่าจะให้ทำอะไร กานต์รักหลบสายตาวืด ขบริมฝีปากเข้าหากันด้วยความขัดเขิน ไม่น่าทำแบบนั้นเป็นการเปิดทางให้คนเจ้าเล่ห์เลย
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยอมเขย่งกายขึ้นหาแล้วกดจูบไปบนเรียวปากได้รูปตามที่คนตัวโตเรียกร้องด้วยความรวดเร็ว
“ไปทานข้าวได้แล้วครับ”
คราวนี้ไม่รอให้แพทริกได้เรียกร้องอะไรให้ขัดเขิน มือบางหันไปคว้าสูทตัวสวยมาไว้ในมือก่อนจะรีบเดินออกจากห้องไปทันที ทิ้งให้ร่างสูงยืนมองตามด้วยรอยยิ้ม
แพทริกสูดหายใจเข้าลึกเพื่อลดความเหนื่อยล้าก่อนจะก้าวออกจากห้องตามร่างเล็กไป
❋❋❋❋❋❋❋❋❋❋
“คุณรักคะ สายจากลูกค้าที่นัดไว้วันนี้ค่ะ”
โทรศัพท์ในมือของผู้จัดการสาวทำให้กานต์รักต้องละมือจากสิ่งที่ทำอยู่ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาคุยต่อ
“สวัสดีครับ”
“คุณรักคะ ต้องขอโทษจริงๆค่ะ คือนัดวันนี้ดิฉันติดงานอีกที่เลยอยากจะขอเปลี่ยนสถานที่นัดได้ไหมคะ”
“เป็นที่ไหนครับ” กานต์รักลองเอ่ยถามเพื่อพิจารณาการตัดสินใจ
“ห้างxyzค่ะ ดิฉันพร้อมจะจ่ายค่าเสียเวลาให้ด้วย ยังไงก็ต้องขอโทษจริงๆนะคะ”
ทันทีที่ชื่อห้างถูกเอ่ยจากปลายสายใจดวงน้อยก็เต้นถี่ขึ้นเมื่อนั่นคือห้างที่แพทริกใช้เปิดตัวสินค้า อย่างน้อยกานต์รักก็อยากไปดูว่างานเป็นอย่างไรบ้าง แม้จะไม่แน่ใจนักว่าการคุยงานของตัวเองจะเสร็จทันหรือไม่เพราะเวลานัดนั้นคาบเกี่ยวกันพอดี
“ได้ครับ เวลานัดเดิมนะครับ”
“เวลาเดิมค่ะ ขอบคุณมากนะคะ”
กานต์รักรับคำก่อนจะวางสายแล้วอธิบายเรื่องราวให้ผู้จัดการฟัง เธอพยักหน้าเข้าใจก่อนจะเดินออกจากห้องให้กานต์รักได้จัดการกับงานตรงหน้าต่อ
เมื่อถึงเวลาร่างเล็กจึงวางมือก่อนจะเตรียมตัวให้เรียบร้อย รถยนต์คันหรูซึ่งแทบไม่ได้แตะถูกนำมาใช้งานโดยที่กานต์รักเป็นคนขับ เผื่อเวลาออกมาหลายชั่วโมงเพราะรู้จักการจราจรของกรุงเทพดี
กระทั่งเมื่อมาถึงสถานที่นัดก่อนเวลาสักครึ่งชั่วโมงกานต์รักจึงได้มีโอกาสเดินไปดูงานของแพทริกซึ่งจะเริ่มขึ้นในอีกหนึ่งชั่วโมงข้างหน้า ริมฝีปากเล็กระบายยิ้มอย่างยินดีเมื่อเห็นความยิ่งใหญ่ของสิ่งที่อีกคนทำ มีคนให้ความสนใจไม่น้อยขณะที่เหล่าผู้บริหารน่าจะอยู่ในร้านซึ่งอยู่ชั้นบน ด้วยเพราะมีเวลาไม่มากนักเมื่อมองโดยรอบแล้วจึงต้องตัดใจไปตามนัดของตัวเอง
ลูกค้าที่มาคุยงานวันนี้เป็นลูกหลานคนดังซึ่งกำลังจะแต่งงานในอีกสองเดือนข้างหน้า เพราะฉะนั้นการคุยกันจึงค่อนข้างละเอียดและต้องใช้เวลาพอสมควร จนเมื่อเรียบร้อยอีกฝ่ายก็รีบขอตัวไปงานต่อส่วนกานต์รักนั้นก็รีบเดินลงไปสถานที่จัดงานเช่นกัน
กลุ่มคนมากมายร่ายล้อมรอบงานจนร่างเล็กตกใจ ป้ายไฟของดาราซึ่งถูกเชิญมาโปรโมทสินค้าปรากฏชื่อให้เห็นอยู่หลายคน เห็นว่างานนี้มีซุปเปอร์สตาร์มากมายมาร่วมงานจึงไม่แปลกนักที่คนจะเยอะ เห็นแบบนี้กานต์รักก็ได้แต่ยิ้มอย่างยินดีเมื่อการโปรโมทดูเหมือนจะได้ผล
“โอเค เหล่าเซเลปและซุปเปอร์สตาร์ของเราก็ได้พูดถึงไลฟ์สไตล์ต่างๆของพวกเขาไปแล้วเรียบร้อย คราวนี้ขอเรียนเชิญผู้บริหารคนสำคัญของเราขึ้นมากล่าวถึงความเป็นมาและอธิบายว่าvannevaเป็นอย่างไรและมีสไตล์แบบไหน...ขอเรียนเชิญคุณ แพทริก เบรนเนแกน บนเวทีครับ”
กานต์รักซึ่งยืนอยู่ทางด้านข้างเวทีหลังแฟนคลับของเหล่าดาราพยายามขยับหาตำแหน่งเพื่อมองให้เห็นคนรักให้ได้มากที่สุด ทันทีที่ร่างสูงหยัดกายลุกขึ้นเสียงฮือฮาและเสียงชัตเตอร์ก็ดังไปทั่ว
“แก! นั่นผู้บริหารเหรอ หล่อกว่านายแบบอีกอ่ะ”
“โอ๊ย หล่อมาก หล่อรวยขนาดนี้มีเมียหรือยัง ฉันอยากได้เขา”
“ใจจะลายแล้วค่า กรี๊ด” คนด้านหน้าซึ่งน่าจะเป็นแฟนคลับของใครสักคนพูดคุยและส่งเสียงจนกานต์รักหลุดขำ ทุกคนต่างเบนกล้องไปทางร่างสูงใหญ่ที่กำลังก้าวขึ้นเวทีเป็นจุดเดียวกัน แฟลชจากกล้องสะท้อนปลาบไปทั่วพร้อมทั้งเสียงกดชัตเตอร์ที่ดังระรัว
ปึก
“อ๊ะ”
ด้วยเพราะสายตาจับจ้องเพียงแค่แพทริก กานต์รักจึงไม่ทันสังเกตว่าคนด้านหน้าขยับถอยลงมา กว่าจะรู้สึกก็เป็นตอนที่ถูกกระแทกจนเสียการทรงตัว บอร์ดี้การ์ดผู้ดูแลซึ่งมองอยู่ห่างๆจึงรีบก้าวเข้ามารับร่างของผู้เป็นนายด้วยความรวดเร็ว
“ขอโทษค่ะๆ” คนทำหน้าเสียเล็กน้อยเมื่อหันมาเห็น
“ไม่เป็นไรครับ”
ใบหน้าหวานระบายยิ้มก่อนจะขยับถอยหลังไปเล็กน้อยแล้วหยัดตัวยืนตรง กานต์รักหันไปหาคนดูแลที่ส่งเสียงถามว่าเป็นอะไรไหมพร้อมทั้งส่ายหน้าตอบพลางหูก็ได้ยินเสียงทุ้มเรียบดังก้อง
“ไม่เข้าไปในงานหรือครับ” คนดูแลเอ่ยถาม
“ไม่ดีกว่าครับ แล้วก็ไม่ต้องรายงานคนของคุณแพทนะ” แม้จะไม่อยากทำอย่างนั้นนักหากแต่ก็ต้องยอมรับคำก่อนจะถอยห่างกลับไปตำแหน่งเดิม
แพทริกอธิบายถึงทุกสินค้าได้อย่างเป็นธรรมชาติด้วยภาษาอังกฤษโดยมีพีธีกรคอยแปลให้เป็นระยะ ระหว่างรอให้พิธีกรพูดนั้นคนสนิทร่างสูงใหญ่อย่างแซมซึ่งยืนอยู่มุมเวทีก็ขยับกายเข้าหาก่อนจะกระซิบอะไรบางอย่าง จากนั้นกานต์รักก็เห็นสายตาคมตวัดมองตรงมาทันที
สองสายตาสบกันก่อนจะเป็นกานต์รักที่เสหลบเมื่อรู้สึกราวกับตัวเองถูกจับได้ และต่อมาโจเซฟก็ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเรียกสายตาจากคนรอบข้างไม่น้อย
“คุณแพทเชิญคุณรักเข้าไปในงานครับ”
กานต์รักเหลือบมองคนที่พูดอยู่บนเวทีแต่สายตายังคงจับจ้องอยู่ไม่ห่างก่อนจะพยักหน้าตกลงเพราะรู้ว่าไม่มีทางเลือกอื่น
“เชิญทางนี้ครับ”
โจเซฟผายมือก่อนจะเดินนำทางพากานต์รักเข้ามานั่งในตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดซึ่งเคียงข้างที่ของแพทริกท่ามกลางสายตาสงสัยหลายคู่และแสงแฟลชที่สาดกระทบหน้า
“ได้ฟังคุณแพทริกพูดไปแล้วยิ่งทำให้เราได้รู้ว่าvannevaไม่ใช่แค่เครื่องประดับแต่เป็นสิ่งเคียงกายสำคัญซึ่งเสริมให้เรามีความมั่นใจและมีบุคลิกที่ดีขึ้นอย่างครบครัน...และแล้วก็ถึงช่วงเวลาอันแสนสำคัญ ช่วงเวลาที่เรียกว่าเป็นการเริ่มต้นและเปิดตัวvannevaอย่างเป็นทางการ ผมขอเชิญ...”
ชื่อผู้บริหารและคนสำคัญอื่นๆถูกเอ่ยเชิญให้ขึ้นไปบนเวทีเพื่อร่วมกันตัดริบบิ้นขณะที่ร่างสูงยืนอยู่ตรงกลาง กานต์รักนั่งนิ่งตัวเกร็งเมื่อถูกจับจ้องจากหลายคนและที่สำคัญคือถูกจับจ้องจากแพทริก
“และที่ขาดไม่ได้ บุคคลซึ่งสำคัญที่สุดสำหรับผู้บริหารของเรา ขอเรียนเชิญคุณ กานต์รัก อักษราวณิช ขึ้นมาบนเวทีด้วยครับ”
ชื่อของตัวเองและคำเรียนเชิญที่ได้ยินทำให้กานต์รักตัวแข็งทื่อสบสายตากับแพทริกด้วยความไม่คาดคิด แน่นอนว่ากล้องจากสื่อทุกตัวเบนตรงมาหาอย่างรวดเร็ว ก่อนคนของแพทริกจะเข้ามาเอ่ยย้ำพร้อมทั้งเข้ามาดูแลเพื่อกันความวุ่นวาย
กานต์รักหยัดกายอันสั่นไหวลุกขึ้นเชื่องช้าก่อนจะเดินตามคนดูแลไปเมื่อทุกคนรอคอยตัวเองเพียงผู้เดียว และตำแหน่งบนเวทีก็คือข้างแพทริกซึ่งยืนอยู่ตรงกลาง
“คะ คุณแพท”
เสียงสั่นเอ่ยแผ่วเบาเมื่ออีกคนก้มลงมาสบตา สายตาและกล้องมากมายจากด้านล่างทำให้เหงื่อเย็นๆซึมไปทั้ง ใจเต้นถี่รัวตื่นเต้นไปหมด
“จะมาทำไมไม่บอกฉัน” แพทริกกระซิบพูดพร้อมทั้งเอื้อมมือมากุมมือเล็กให้จับกรรไกรเตรียมตัดริบบิ้นด้วยกัน
“เรื่อง...มันยาวครับ”
สติต่างๆในหัวแทบไม่มีเหลือเพราะไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจมาเลยสักนิด ใบหน้าหวานพลันซีดเผือดเมื่อก้มลงมองชุดตัวเองที่ดูจะสวมใส่ไม่เข้ากับงาน ไหนจะคำเชิญขึ้นมาบนเวทีที่ราวกับป่าวประกาศความสัมพันธ์นั้นอีก
คุณแพทไม่ให้เวลาเตรียมใจเลย
ก่อนจะได้คุยอะไรกันมากกว่านั้นเสียงนับถอยหลังเป็นสัญญาณก็ดังขึ้น กระทั่งถึงเวลามือหนาจึงออกแรงตัดริ้บบิ้นให้ขาดออกจนเสียงพลุและสายรุ้งมากมายกระจายไปทั่ว แพทริกส่งกรรไกรให้คนสนิทก่อนจะเอื้อมมือมากุมมือเล็กเอาไว้ขณะกำลังเก็บภาพ ส่วนกานต์รักนั้นทำได้เพียงแค่ยืนนิ่งอย่างไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง
❋❋❋❋❋❋❋❋❋❋