บทที่ 102 A Minotaur
กว่าจะรู้สึกตัวมันก็สายไปเสียแล้ว ชายคนหนึ่งที่เธอทั้งสองคนแทบจะลืมไปเลยในการต่อสู้นี้ได้ปรากฏตัวด้านหลังของเธอทั้งคู่อย่างน่าประหลาดใจที่สุด พร้อมกับจู่โจมด้วยยาพิษอย่างง่ายดาย หลอดทดลองบรรจุน้ำยาสีขาวขุ่นได้แตกออกและปลดปล่อยควันสีขาวออกมาจนหมดสิ้น ควันพิษดังกล่าวพุ่งเข้าจู่โจมระบบหลอดเลือดและหัวใจของหญิงสาวทั้งคู่อย่างรวดเร็ว อย่าว่าแต่จะรวมจักระเลย แค่เค้นเสียงออกมาแต่ละประโยคยังบีบคั้นอกข้างซ้ายอยู่มาก
“ไม่อยากให้ถึงแก่ชีวิตเลย แต่ทำยังไงได้ มันเป็นกติกานี่นะ อุตส่าห์เปลี่ยนแผนการใช้ดาบมาเป็นยาพิษแล้วนะ อย่าถือโทษโกรธกันเลยก็แล้วกัน” ธันคลี่ยิ้มอย่างสบายๆ
“ทำไม” ดวงตาของหญิงผมยาวนั่นเต็มไปด้วยความสงสัยและเจ็บใจจนเก็บไว้ไม่มิด
ธันทำแค่เพียงยิ้มกว้างออกมาอย่างเปิดเผย หากแต่ก็ไม่เลือกที่จะตอบคำถามสั้นๆ นั่นออกไปแต่อย่างใด เขาไม่จำเป็นต้องแบไต๋ของตนให้อีกฝ่ายรู้ ถึงแม้ว่าแผนจะลุล่วงไปแล้วด้วยดีก็ตาม
“ลาก่อน!” ประโยคจากปากชายหนุ่มดังขึ้นเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ร่างทั้งสองของคู่ต่อสู้ของเขาจะเลือนหายไปในที่สุด
เสียงประกาศเรียกชื่อผู้ชนะดังลั่นจากปากพิธีกรคนเดิมนั่น คนดูรอบบริเวณนั่นโห่รองออกมาอย่างตื่นเต้นสะใจในการแข่งขันคู่เปิดสนามนี่ ธันหันไปทางข้างสนามก็พบว่าหญิงสาวสองคนนั้นไปปรากฏตัวที่เก้าอี้นั่งพักของผู้แข่งขันแล้ว ระบบจะวาร์ปไปแค่จบการแข่งขันแต่ละคู่เท่านั้นเอง และเมื่อธันหันไปทางเพื่อนร่วมทีมอีกคนที่บัดนี้เก็บไพ่จอมมารทรายเข้าสมุดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ก็ไม่มีคำใดหลุดออกมาจากริมฝีปากคู่นั้น เภสัชกรหนุ่มเพียงแค่ยักคิ้วสองครั้งอย่างสบายๆ สถาปนิกจึงได้แต่ยักไหล่น้อยๆ ก่อนจะเดินลงเวทีตามเพื่อนร่วมทีมไป
‘การประลองนัดแรกของพวกเขาผ่านไปอย่างสวยงาม!’
“การใช้ยาพิษนั้น สิ่งสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งคือการจะต้องไม่โดนยาพิษตัวเองเล่นงาน ดังนั้น ผงจักระจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก เพราะเมื่อใส่ผงจักระที่หลอมด้วยจักระของใครลงไปในยาพิษแล้ว ยาพิษนั้นจะไม่ออกฤทธิ์ต่อจักระที่ตรงกันได้เลย”
“ผงจักระที่ข้าจะมอบให้เจ้านี่เป็นผงจักระบริสุทธิ์ คือมันยังไม่ถูกเปลี่ยนสภาพเป็นผงจักระของใครทั้งสิ้น วิธีการใช้ก็ง่ายมาก เพียงให้ผู้ที่ต้องการหลอมจักระลงไป กำผงยานี้ไว้ปริมาณหนึ่ง และส่งจิตไปยังมือนั่นอย่างแน่วแน่ เมื่อไหร่ที่ผงเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอ่อน เมื่อนั้นก็จะใช้การได้อย่างสัมฤทธิ์ผล”
“แผนสำหรับรอบแรกคือ คนหนึ่งดึงความสนใจ อีกคนหนึ่งหายตัวไปแล้วลอบโจมตีอย่างเฉียบขาด ครั้งเดียวจบ ปิดเกมได้เลย”
“หายตัว พูดง่ายแต่ทำยากนะ”
“ไพ่เวทมนตร์ invisible คือคำตอบ”
“ถึงแม้จะหายตัวได้ แต่มันก็ยากอยู่ดีที่จะทำให้คู่ต่อสู้ลืมสังเกตไปว่าศัตรูหายไปหนึ่งคน”
“ฝ่ายดึงความสนใจจึงต้องใช้ไพ่ที่มีรัศมีโจมตีกว้าง บดบังความรู้สึกด้านตัวบุคคลไว้ และคนลอบโจมตีต้องมีทักษะการเคลื่อนที่ที่ฉับไวและยืนหยุ่นกับสถานการณ์”
“ชัดเจน ตกลงตามนี้”
“เดี๋ยวก่อน มีแผนสอง”
“แผนสอง?”
“เปลี่ยนอาวุธจากดาบมาเป็นยาพิษ ดาบต้องใช้จิต แต่ยาพิษไม่ต้อง การลอบสังหารจะสมบูรณ์แบบขึ้นไปอีกขั้น”
“แล้วผมจะไม่ตายไปด้วยเหรอครับ คุณเภสัช?”
“กำผงยานี่ไว้ในมือ แล้วรวบรวมจิตให้มั่น เชื่อเภสัชแล้วจะดีเอง”
“ตึงมือกว่าที่คิด” ความคิดเห็นแรงที่หลุดออกมาจากปากเฟี๊ยตเมื่อได้มีโอกาสอยู่กับเพื่อนร่วมทีมอย่างเป็นส่วนตัว หลังจากที่เฝ้าดูการประลองจนจบการแข่งขันรอบแรกในวันนั้น
“อย่างนี้แหละ คาดการณ์ได้หมดมันก็ไม่สนุกหรอก” ธันเอ่ยออกมาง่ายๆ ขณะที่ใช้ส้อมม้วนเส้นพาสต้าเตรียมส่งเข้าปากในร้านอาหารที่อยู่ไม่ไกลจากลานประลองมากนัก
“แล้วถ้ารอบหน้าไม่เป็นไปตามแผนจะทำยังไงเนี่ย” เฟี๊ยตบ่นพึมพำออกมาอย่างครุ่นคิดมากกว่าจะจงใจตั้งคำถามกับคนตรงหน้านี่
“ก็แก้ปัญหาเฉพาะหน้ากันไป ไม่เห็นจะยาก ไม่มีอะไรเป็นไปตามใจคิดทุกอย่างหรอก” ธันตอบง่ายๆ อีกเช่นกัน พลางเอาส้อมมาจิ้มกุ้งในจานเขาไปกินอย่างหน้าตาเฉยๆ แถมยังทำหน้าตายียวนเขาอีกเป็นของแถม
“ขี้ขโมย” เฟี๊ยตบ่นอย่างไม่จริงจังนัก ก่อนจะเริ่มต้นกินอาหารในจานตัวเองบ้าง ก่อนที่จะโดนคนตรงหน้าแย่งฉกกินไปเสียหมด
“ขี้ขโมยแล้วหล่อปะล่ะ” ธันยักคิ้วเล่นอย่างกวนๆ
“ถุยยยยยยยยย”
“คิดไงกับการแข่งพรุ่งนี้บ้าง” เฟี๊ยตเอ่ยกับธัน หลังจากที่กลับมาที่ที่พักเป็นที่เรียบร้อย เขาทั้งคู่เลือกพักโฮสเทลเล็กๆ ไม่ห่างออกไปจากลานต่อสู้นั่นเท่าไหร่
“ดูจากวันนี้ คู่ที่เราจะต้องเจอพรุ่งนี้ดูเหมือนจะใช้การ์ดมอนสเตอร์เป็นหลัก เราอาจจะต้องเตรียมการ์ดมอนสเตอร์ไว้รับมือไว้บ้าง คิดว่านะ” ธันเอ่ยแสดงความคิดเห็น
คู่ที่พวกเขาจะต้องเจอในวันพรุ่งนี้เป็นทีมชายคู่ที่เรียกใช้มอนสเตอร์ทั้งคู่เลย ชายคนหนึ่งเรียกใช้มิโนทอร์หรือสัตว์ครึ่งคนครึ่งกระทิงในการต่อสู้ ในขณะที่อีกคนเรียกใช้การ์ดของม้ามีเขาที่มีลักษณะคล้ายยูนิคอร์น ต่างเพียงแต่ว่าลำตัวมันมีสีดำสนิทไปหมด แต่อย่างไรก็ตาม ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่า พรุ่งนี้ ชายคู่นั้นจะยังคงยึดไพ่มอนสเตอร์เป็นหลักในการต่อสู้เช่นวันนี้อีกหรือเปล่า ดังนั้น การจะวางแผนการอะไรก็ดูว่าจะเป็นการเดาใจคู่ต่อสู้อยู่กลายๆ ถ้าเดาผิด สถานการณ์อาจจะกลับตาลปัตรไปหมดเลยก็ได้
“เสี่ยงเหมือนกัน เกิดถ้าเดาทางผิดจะลำบากมาก เพราะไพ่ที่มีความคิดเป็นของตัวเองจะเปลืองจักระมาก เกิดถ้าเรียกออกมาแล้วปิดเกมไม่ได้ สุดท้ายแล้วตอนท้ายเกม เราจะลำบากเสียเอง” เฟี๊ยตเอ่ยความคิดเห็น ไพ่มอนสเตอร์ถือว่าเป็นไพ่ที่ควบคุมยากอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
“ของแบบนี้บางทีมันก็ต้องวัดใจนะ จะรุ่งหรือจะรอดเดี๋ยวก็รู้ ฮ่าฮ่า” ธันที่กำลังนอนถัดออกไปไม่ห่างจากเขาเท่าไหร่พูดออกมาอย่างง่ายๆ อีกฝั่งของเตียงคิงไซส์นั่นดูจะไม่ค่อยยี่หระต่อการแข่งขันนี่สักเท่าไหร่เลย หรือบางที เขาอาจจะเป็นคนที่คิดมากไปเองก็ได้
“ก็นั่นสินะ” เฟี๊ยตตัดสินใจจบบทสนทนา ก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมจรดหน้าอก และปล่อยใจให้ลอยไปสู่ห้วงนิทรารมณ์ที่ห่างไกล
“เริ่มการประลองได้ Battle!” เสียงประกาศดังลั่นจากพิธีกรคนเดิมดังขึ้นในเช้าวันรุ่งขึ้นนั่นเอง การประลองในรอบที่สองกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว!
“Minotaur RELEASE!”
เป็นไปตามที่คาดคิดไว้ไม่ผิดเลย ชายผู้หนึ่งในคู่ต่อสู้นั่นเลือกใช้การ์ดมอนสเตอร์ออกมาโรมรันตั้งแต่ต้นเกมนี่ ทันทีที่เสียงคำสั่งสิ้นสุดลง อมนุษย์ครึ่งกระทิงก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างน่าเกรงขาม มันถืออาวุธที่มีลักษณะเป็นท่อนไม้ขนาดใหญ่ที่ตะปุ่มตะป่ำไปด้วยเหลี่ยมมุม เขาของมันโค้งงอเป็นรูปและเรียวแหลมจนถือได้ว่าเป็นอาวุธอีกอย่างหนึ่ง เจ้าอสูรที่ปกคลุมด้วยขนสีน้ำตาลแซมดำนั่นคำรามออกมาอย่างกึกก้อง ท่าทางของมันเต็มไปด้วยความดุร้ายและกระหายการฆ่าฟัน
“The Fortune-telling Centaur RELEASE!”
เขาเลือกใช้การ์ดอสูรที่เตรียมไว้เพื่อรับกับสถานการณ์อันน่าตื่นเต้นนี่ อมนุษย์ครึ่งคนครึ่งอาชาของเขาปรากฏกายขึ้นเตรียมพร้อมเช่นกัน ถึงแม้ว่าเซนทอร์จะดูไม่มีอาวุธหรือความโหดร้ายใดๆ เหนือกว่าอสูรของอีกฝ่ายนั่น แต่นักรบของฝ่ายเขาดูจะเต็มไปด้วยความฉลาดหลักแหลมกว่าอย่างรู้สึกได้ มันเงยหน้ามองฟ้าเพียงเล็กน้อย ก่อนจะกระชับไม้เท้ายาวในมืออย่างเตรียมพร้อมที่จะโรมรัน
โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
โดยไม่ต้องรอเสียงคำสั่งแม้แต่น้อย เจ้ากระทิงบ้าเลือดนั่นพุ่งเข้าโจมตีอย่างรวดเร็ว มันง้างมือหยิบกระบองยักษ์ของมันหมายจะฟาดมายังเภสัชกรหนุ่มอย่างมาดร้าย เขาถอยหลังหนีตามสันชาตญาณ พร้อมกันกับอสูรของเขาที่พุ่งกระโจนเข้ามาใช้ไม้เท้าแกร่งนั่นรับการโจมตีอย่างกล้าหาญ สายตาของมันเด็ดเดี่ยวไปด้วยความมั่นใจ และไม่ถึงเสี้ยวนาทีที่มันได้รับการโจมตีไว้อย่างหน้ามหัศจรรย์ มันก็สปริงตัวสูงขึ้นพร้อมกับใช้ขาคู่หน้าของมันถีบไปตรงยอดอกของเจ้ากระทิงร้าย จนเจ้าเขาโง้งนั่นถอยหลังตีลังกาไปอย่างสิ้นท่า หากแต่มันก็ไม่ได้มีทีท่าจะสิ้นฤทธิ์แม้แต่น้อย มันตะโกนคำรามเสียงดัง ก่อนเตรียมตัวจะพุ่งเข้าจู่โจมอีกครั้ง
“Fly RELEASE!”
ในจังหวะที่เฟี๊ยตและเจ้าของไพ่กระทิงยักษ์นั่นกำลังควบคุมมอนสเตอร์เข้าโรมรันกันอย่างสูสีจนคนดูในเวลานี้แทบจะหายใจกันไม่ทั่วท้อง ชายอีกคนก็ประกาศเรียกใช้ไพ่ขึ้นมาติดๆ
ปีกขนาดใหญ่งอกออกมาจากหลังของชายที่เหลืออีกคนนั่น เขากระพือปีกก่อนจะทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว ในมือนั่นถือไว้ด้วยดาบเล่มยักษ์ที่ดูจะแกร่งอยู่ไม่น้อย เป้าหมายของคมดาบนั่นพุ่งตรงมาที่เด็กสายฟ้านั่นที่กำลังรอดูกระบวนท่าของคู่แข่งอย่างใจเย็น
“The Sky Walker RELEASE!”
ธันเรียกใช้การ์ดอย่างรอคอยอยู่ก่อนแล้ว เด็กหนุ่มวิ่งเหยียบอากาศไปบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว พร้อมกับตวัดดาบแห่งไฮดร้าเข้ารับคมดาบกับเจ้าดาบยักษ์นั่นอย่างถนัดถนี่ ชายทั้งสองผลัดกันรุกผลัดกันรับกันจนแทบหาช่องโหว่ไม่ได้ ต่างฝ่ายต่างใช้ดาบทั้งคู่ คนหนึ่งสยายปีกบินได้ อีกคนก็สามารถเหาะเหินเดินอากาศได้อย่างน่ามหัศจรรย์ เสียงโลหะกระทบกันไปมาอย่างน่าหวาดเสียว
ศึกบนพื้นดินก็สูสีกันจนคนดูเลือกข้างเชียร์ไม่ถูก อสูรทั้งสองโรมรันกันอย่างสูสีและน่าตื่นเต้น ในขณะที่ศึกกลางอากาศก็น่าติดตามไม่แพ้กัน ชายสองคนแสดงลวดลายกลางเวหาอย่างข้ามผ่านขีดจำกัดของความเป็นมนุษย์ไปเสียแล้ว คนดูโดยรอบในเวลานี้นั้นเงยหน้าขึ้นและก้มหน้าลงสลับกันไปมาอย่างเลือกไม่ถูกว่าจะเชียร์สนามไหนดี ทั่วทั้งสนามสนั่นไปด้วยเสียงโห่ร้อง เกมที่ต้องเดิมพันกันด้วยชีวิตนี่มันรสชาติหอมหวานยิ่งนัก!
จากผู้แต่ง : แอบมาลงไว้ก่อนเน่อ เดี๋ยวจะหนีไปเที่ยวต่างจังหวัด พรุ่งนี้คงมาลงไม่ได้ อิอิ

[attachment deleted by admin]