บทที่ 103 A Birdcage
การต่อสู้ระหว่างชายสองคู่ดำเนินไปอย่างดุเดือดจนแทบละสายตาไม่ได้ อมนุษย์ทั้งสองตนนั่นโรมรันกันจนเวทีแทบจะพังพินาศไปเป็นแถบๆ ลูกครึ่งกระทิงนั่นครองตนเป็นฝ่ายบุกอยู่ตลอดเวลา มันแสวงหาโอกาสจู่โจมอย่างไม่ลดละ ในขณะที่ลูกครึ่งสินธพดูจะถนัดเป็นฝ่ายรับ และหาจังหวะสวนกลับจากช่องโหว่ของอีกฝ่ายมากกว่า ฝ่ายของผู้ควบคุมการ์ดเองก็ย่อหย่อนสมาธิลงไม่ได้เลย เฟี๊ยตต้องมีสติอยู่กับการต่อสู้ตลอดเวลา เพราะผู้เล่นเองเป็นเป้าหมายสำคัญในการจู่โจม หากพลาดพลั้งจนถูกจัดการไปเสียก่อนแล้ว นั่นหมายความว่าการประลองจอดแบบยังไม่ต้องแจว เกมล้มตั้งแต่ยังไม่แบไพ่ตายกันเลยทีเดียว
“RELEASE!”
เสียงดังลั่นมาจากชายอีกคนที่กำลังกระพือปีกฉวัดเฉวียนอยู่เบื้องบน ชายคนนั้นกำลังสั่งใช้ไพ่อีกใบในการต่อสู้แล้ว หากแต่ธันก็ไม่อาจมองเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้เลย
“โอ๊ย!”
“กำแพงอากาศ!”
ธันร้องสบถออกมาเมื่อรู้ตัวว่าตัวเองโดนจู่โจมไปแล้วอย่างไม่ทันตั้งตัว หากแต่ก็สั่งการ์ดของตนให้ตั้งปราการอากาศป้องกันการโจมตีระลอกต่อไปได้ทัน
เสียงวัตถุอะไรสักอย่างที่มองไม่เห็นพุ่งเข้ากระทบกับกำแพงอากาศของธันส่งเสียงดังอยู่ไม่น้อย ธันกลืนน้ำลายเอื้อกใหญ่ เพราะดูจากเสียงแล้ว ปริมาณมันมากมายอยู่ไม่น้อยเลย ที่ถ้าเขาตั้งสติเรียกการตั้งรับไม่ทัน ป่านนี้คงจะยิ้มไม่ออกแน่
ชายหนุ่มที่กำลังยืนเด่นเป็นสง่าอยู่กลางอากาศนั่นค่อยๆ ดึงวัตถุชนิดหนึ่งที่เขามองไม่เห็นแต่ก็คิดว่าตนรู้จักมันดีนักออกมาจากอกเสื้อของตน มันพุ่งเข้ามาปักบริเวณหน้าอกฝั่งขวาของเขา โชคดีที่เสื้อที่ใส่อยู่หนา และป้องกันการโจมตีได้ระดับหนึ่ง จึงทำให้อาวุธล่องหนดังกล่าวไม่สามารถทะลุทะลวงผ่านเข้าไปได้ทั้งหมด เขาบรรจงใช้มือดึงมันออกมา โดยที่สายตายังจ้องคุมเชิงอีกฝั่งอยู่อย่างนั้น เลือดปริมาณไม่มากไหลตามออกมาพร้อมกับแรงดึงดังกล่าว เขาจับๆ สิ่งที่มองไม่เห็นนั่นก็รู้เลยว่ามันช่างเป็นอาวุธที่เขาคุ้นเคย
“Air blades สินะ”
เสียงของเฟี๊ยตเอ่ยขึ้นน้อยๆ อย่างเยาะๆ ตัวเขาเองก็มีการ์ดใบนี้ด้วยเช่นกัน ไพ่ตัวตนระดับ 6 ไพ่ใบมีดล่องหน อาวุธที่พบได้ทั่วไปในสำนักวิชาธาตุลมทั้งหลาย
คู่ต่อสู้ติดปีกของเขาสบถออกมาอย่างหัวเสียครั้งหนึ่ง ก่อนจะโถมตัวเข้ามาพร้อมกับดาบเล่มใหญ่ในมือ ชายคนนั้นเหมือนจะรู้ดีว่าคงจะใช้อาวุธล่องหนลอบโจมตีคนตรงหน้าที่ก็คุ้นเคยกับอาวุธดังกล่าวเช่นกันอยู่แล้วไม่ได้ จึงกลับมาโรมรันด้วยดาบตามอย่างเคย
“นี่ เดี๋ยวเล่นกลอะไรให้ดูดีไหม?”
ธันเอ่ยกับคู่ต่อสู้ของเขาที่กำลังโรมรันกันอย่างติดพันนั่น คำพูดนั้นศักดิ์สิทธิ์พอจะทำให้ชายคนนั้นถอยออกไปตั้งหลักอย่างระแวดระวัง ธันเห็นอย่างนั้นก็ยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะตวัดแขนข้างขวาออกไปโดยเร็วจนดูแทบไม่ทัน เจ้ามนุษย์ติดปีกนั่นถึงกับใช้มือข้างที่ว่างอยู่สำรวจไปตามร่างกายเพื่อหาความผิดปรกติอย่างร้อนรน ด้วยกลัวว่าจะถูกลอบโจมตีเหมือนที่ตนเคยทำไว้ก่อนแล้ว
“โอ๊ยย”
เสียงบ่งความเจ็บปวดไม่ดังนักกังวานไปรอบบริเวณลานประลองดังกล่าว หากแต่หาได้มาจากชายผู้ติดปีกอยู่นั่นไม่ เสียงนั่นมาจากชายผู้ควบคุมเจ้ากระทิงบ้าเลือดที่กำลังต่อสู้อยู่บนพื้นดิน กว่าที่ชายคนนั้นจะรู้ตัวว่าตนเป็นเป้าสังหารข้ามคู่ เลือดปริมาณไม่น้อยก็ไหลรินออกมาจากต้นแขนนั่นเสียแล้ว
“โกง!”
ชายติดปีกคนนั้นต่อว่าออกมาเสียงดัง พร้อมกับคำผรุสวาทหยาบคายที่ตามมาอีกไม่น้อย ร่างนั้นรีบกระพือปีกเข้าไปดูอาการเพื่อนของตนอย่างห่วงใย
“อ๊าว นี่นึกว่าเป็นการประลองคู่เสียอีก จะมาแข่งตัวต่อตัวพร้อมกันสองคู่ก็ไม่บอก หลงเข้าใจกติกาผิดอยู่ตั้งนาน ฮ่าฮ่า” ธันหัวเราะอย่างไม่รู้สึกผิดอะไร ก่อนจะสาวเท้าตามเจ้านกนั่นตามไปติดๆ
“ลอบโจมตีทั้งทีมีปัญหาทำได้แค่นี้เองเหรอ ฮ่าฮ่า” ชายเจ้าของมิโนทอร์นั่นกล่าวเย้ยหยันเฟี๊ยตออกมาด้วยความมั่นใจในตัวเองอย่างเต็มเปี่ยม พร้อมกับยกแขนของตนที่มีเลือดไหลออกมาไม่หยุดให้ดูอย่างไม่ยี่หระใดๆ ทั้งสิ้น ราวกับว่าความเจ็บปวดนี่เป็นเรื่องแสนจะเล็กน้อยเหลือเกิน
เฟี๊ยตเอียงคอน้อยๆ มองปฏิกิริยาจากคนตรงหน้า เสียงร้องเมื่อกี้บอกถึงความเจ็บปวดตรงหน้านี่เป็นอย่างดี หากแต่อาการตรงหน้านี่ดูจะเป็นการกลบเกลื่อนอาการมากกว่าจะมาจากความรู้สึกที่แท้จริง
เฟี๊ยตยอมรับกับตัวเองว่าคนตรงหน้าทั้งสองนี่เก่งไม่น้อยเลย เรียกได้ว่าถ้าเล่นกันไปโดยไม่ได้วางแผนไว้ล่วงหน้าคงจะตึงมืออยู่ไม่น้อย เพราะแทบจะหาช่องว่างเพื่อเผด็จศึกปิดเกมไม่ได้เลย การต่อสู้ที่รัดกุมนั่นถือได้ว่าไม่ได้รุกรานจนหน้าหวาดหวั่น แต่ก็เหนียวแน่นจนยากจะเอาที่จะเอาชนะได้
แต่นั่นมันสำหรับกรณีที่พวกเขาไม่ได้วางแผนล่วงหน้ามานะ!
“การลอบโจมตีบางอย่างหนะ มันไม่จำเป็นต้องปลิดชีพได้ในฉับพลันหรอก ขอแค่ให้มีเลือดออกก็เกินพอแล้ว แต่ถ้าจะไม่เชื่อก็ไม่เป็นไรนะ เพราะเดี๋ยวจะได้พิสูจน์อยู่แล้ว” เฟี๊ยตพูดพร้อมยิ้มมุมปากอย่างเยือกเย็น เขาเริ่มรู้สึกว่าตัวเองเหี้ยมโหดขึ้นมาอยู่บ้างอย่างบอกไม่ถูกเลย
“อึกก”
ชายเจ้าของกระทิงยักษ์นั่นเอามือกุมหน้าอกข้างซ้าย ก่อนจะทรุดตัวลงกับพื้นอย่างหมดแรง ดวงตาคู่นั้นเบิกกว้างอย่างตกใจ ไม่มีคำพูดใดๆ นอกจากนั้นหลุดมาจากริมฝีปากคู่นั้นอีก สายตานั่นทอดมาเป็นครั้งสุดท้ายล้มลงไปกับพื้น และยังไม่ทันที่ร่างนั่นจะถึงพื้นดี ชายคนนั้นก็เลือนหายไปจากลานประลองอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเจ้ากระทิงยักษ์คู่ใจที่ก็หายไปด้วยเช่นกัน
นี่เป็นอีกหนึ่งแผนการของเขาทั้งคู่ ธันเป็นสายต่อสู้ที่ถนัดการจู่โจมเป็นหลัก ในขณะที่เฟี๊ยตเป็นสายตั้งรับที่คอยหาโอกาสซ้ำด้วยยาพิษ เขาทั้งคู่จึงปรับกลยุทธ์ใหม่โดยให้อาวุธของธันอาบไว้ด้วยยาพิษของเฟี๊ยต แผนดังกล่าวจึงเป็นเหมือนการติดคมเขี้ยวให้กับเสือร้ายสายรุกของธันอีกขั้นหนึ่ง ขอแค่อาวุธของเด็กหนุ่มทำให้คู่แข่งเลือดออกได้เท่านั้น ชีวิตของคู่ต่อสู้ก็หาไม่เสียแล้ว
“นิวววววววววววววววววว”
เสียงตะโกนเรียกเพื่อนดังออกมาจากปากชายติดปีกที่กำลังรุดมาอย่างรวดเร็วนั่น ทันทีที่เห็นเพื่อนตัวเองหายไปต่อหน้าต่อตาก็ถึงกับแทบจะคุมไม่อยู่ มือคู่นั้นกระชับอาวุธเล่มโตนั่นอย่างหมายมาด ปีกยักษ์นั่นพยุงร่างตรงเข้าจู่โจมเภสัชกรหนุ่มด้วยหมายจะปลดชีวิตลงเพื่อเป็นการแก้แค้นให้จงได้
“A Birdcage!”
เสียงตะโกนสั่งของธันดังขึ้นอย่างรวดเร็ว สอดรับกับจังหวะที่เฟี๊ยตพุ่งตัวถอยออกมาอย่างคอยโอกาสอยู่แล้ว ธันในเวลานี้ยืนอยู่บนพื้นดินเป็นที่เรียบร้อย พร้อมกับยื่นมือทั้งสองออกไปไว้ตรงหน้าราวกับจะควบคุมวัตถุแกร่งตรงหน้าให้เป็นไปตามใจนึก
เหล็กขนาดเท่ากำปั้นร่วมสิบแท่งแทรกขึ้นจากพื้นเวทีอย่างรวดเร็ว มันพุ่งขึ้นสูงจากพื้นเวทีประมาณ 5 เมตร ก่อนจะหักโค้งพุ่งลงสู่พื้นดินแกร่งอีกครั้ง เหล็กหนาสีดำสนิทหลายสิบแท่งสอดประสานกันอย่างรวดเร็วกลายเป็นกรงขนาดใหญ่ที่คุมขังบุรุษติดปีกคนนั้นไว้อย่างแน่นหนา โลหะที่พุ่งขึ้นมาจากทุกทิศทุกทางปิดโอกาสหนีจนหมดสิ้น คู่ต่อสู้ของเขากลายเป็นนกตัวใหญ่ติดอยู่ในกรงเสียแล้ว
แกร๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
เสียงโลหะกระทบกันดังสนั่นหวั่นไหวไปทั้งบริเวณ คู่ต่อสู้นั่นพยายามใช้ดาบยักษ์ฟาดลงที่กรงที่จองจำตนไว้นั่น หากแต่ก็ไม่อาจทำลายลงได้แต่อย่างใด สิ่งก่อสร้างฝีมือธันแข็งแกร่งเกินไป ขณะนี้เด็กหนุ่มรวบรวมจิตทั้งหมดส่งตรงไปยังวัตถุนั่นอย่างแน่วแน่ เขาต้องไม่เปิดโอกาสให้คู่ต่อสู้รอดไปได้แม้แต่เปอร์เซ็นต์เดียว
“ยี่โถ RELEASE!”
เพล้งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
คำสั่งปลดปล่อยยาพิษประสานกับจังหวะที่หลอดแก้วนั่นกระทบกับกรงขังและแตกละเอียดออกพอดี ควันยาพิษปริมาณไม่น้อยพุ่งเข้าจู่โจมชายคนนั้นอย่างรวดเร็ว เสียงกระพือปีกอย่างมั่วซั่วจนเกิดเสียงกระทบกับโลหะนั่นดังจนรู้สึกได้ และเพียงชั่วเวลาที่ควันเหล่านั้นจางหายไปเท่านั้น ร่างของชายหนุ่มผู้บินได้ก็ลงไปกองอยู่กับพื้นเสียแล้ว ร่างของเจ้าของสายตาที่เหม่อลอยไปบนฟ้าไกลนั่นค่อยๆ เลือนหายไปจากสายตาพวกเขาทั้ง 2 คน
ชั่วเวลาเดียวที่ร่างนั้นหายไปอย่างสมบูรณ์ เสียงประกาศชัยชนะก็ตะโกนลั่นขึ้นอย่างน่าดีใจ เฟี๊ยตถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนจะหันไปสบตากับธันที่ส่งยิ้มมาให้อย่างน้อยๆ นั่น ชายหนุ่มทั้งสองกอดคอกันเดินลงไปจากเวทีท่ามกลางเสียงโห่ร้องอย่างสะใจของผู้ชมโดยรอบสนามแห่งนั้น
‘อีกรอบเดียว อีกรอบเดียว พวกเขาจะได้ไพ่สูงสุดมาครอบครอง!’
จากผู้แต่ง : กลับมาแล้วขอรับ ถึงแม้ว่าการเมืองยังไม่สงบ แต่ก็ไม่กล้าหยุดต่อแล้ว เพราะกลัวคนอ่านฆ่าตายเสียก่อน ห้าห้า