บทที่ 107 Dilemma
“Fire!”
เสียงของเด็กหนุ่มสายฟ้าตะโกนลั่นก้องกังวานไปมาจากอารีน่าขนาดยักษ์นั่น สิ่งปลูกสร้างที่เต็มไปด้วยห้องหับจำนวนมากนั่นสะบัดบานประตูของแต่ละห้องออกมาอย่างรวดเร็ว เผยให้เห็นอาวุธลับของแผนการที่พวกเขาทั้งสองได้เตรียมไว้ มันเป็นลูกดอกปริมาณมหาศาลที่ถูกจัดเรียงไว้จากทุกองศา แน่นอน ทุกปลายดอกของลูกศรนี่ถูกอาบไว้ด้วยยาพิษร้ายแรงที่สุดจากการปรุงของเฟี๊ยต ขอเพียงแผลเดียวสำหรับคู่ต่อสู้ก็มากเกินพอ แผลเดียวที่จะทำหน้าที่ส่งยาพิษเข้าทำลายระบบไหลเวียนโลหิตให้ดับลงอย่างฉับพลัน
ฟิ้วววววววววววววววววววววววววววววววววววววว
เสียงลูกดอกปริมาณราวกับห่าฝนนั่นพุ่งทะยานออกจากคันศรดังสลับกันไปมาสนั่นไปรอบบริเวณนั้น คมเขี้ยวจำนวนมากเกินคณานับพุ่งตรงเข้าหาเจ้ายักษ์นั่นอย่างเป็นทิศทางเดียวกัน ไม่มีทางหนีได้เลย ไม่ว่าจะเป็นทางไหนก็ไม่มีทางหนีได้เลย เพราะลูกศรนั่นถูกส่งตรงมาจากทุกทิศทาง ทั้งในระนาบตรงขนานไปกับพื้น ราบไปกับพื้น หรือแม้กระทั่งโค้งลงมาจากเบื้องบนป้องกันการกระโดดหนีไปบนอากาศ ดูเหมือนว่าหนทางเดียวที่ชายคนนั้นจะหนีพ้นได้น่าจะเป็นกลายร่างกลายไปเป็นอากาศธาตุเสีย ณ บัดนั้น
กรึงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
หากว่าโลกนี้มีปาฏิหาริย์อยู่จริง วินาทีนี้นี่แหละที่สมควรจะใช้คำนี้มากที่สุด!
ไม่ใช่เพราะว่าเจ้ายักษ์นั่นสามารถหลบการโจมตีได้ ศรแทบทุกดอกพุ่งเข้าตรงสู่เป้าหมายอย่างถนัดถนี่ แต่ที่น่าตกใจที่สุดคือ ชายเจ้าของร่างอันใหญ่โตนั่นไม่มีบาดแผลแม้แต่รอยเดียว ไม่มีเลือดไหลออกมาจากร่างกายแกร่งนั่นแม้แต่หยดเดียว การโจมตีปริมาณมหาศาลนั่นชำแรกร่างนั่นเข้าไปไม่ได้แม้แต่นิดเดียว!
“แผนบี!”
เสียงของธันตะโกนดังลั่นออกมา พร้อมกับอารีน่ายักษ์นั่นที่ค่อยคืนตัวกลับคืนสู่พื้นพสุธาอีกครั้งราวกับกรอเทปม้วนวีดีโอย้อนกลับฉะนั้น ธันไม่เหลือพลังจิตแม้แต่น้อย การโจมตีนั่นใช้พลังจักระมากมายมหาศาลที่สุดเท่าที่เขาจะหน่วงเวทย์ไว้ได้ นั่นแปลว่า เมื่อการโจมตีนี้พลาดลง เขาก็แทบจะเรียกได้ว่าแพ้เลยทีเดียว เขาไม่เหลือพลังจะปกป้องตัวเองแม้แต่น้อย เขาฝากความหวังสุดท้ายไว้ที่เพื่อนร่วมทีมของเขา ถ้าแผนบีของเฟี๊ยตพลาด ท่าทางเขาจะได้ไปนอนเล่นอยู่ในโลงอย่างแน่นอน
โครมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม
ก่อนที่อารีน่านั้นจะคืนตัวกลับเข้าสู่พื้นดินสำเร็จ ชายอีกคนผู้แฝงตัวอยู่ในสิ่งก่อสร้างนั้นได้ถีบตัวออกมาจากห้องห้องหนึ่งทางด้านหลังของเจ้ายักษ์ที่กำลังหงุดหงิดงุ่นง่านเพราะถูกจู่โจมอย่างรุนแรงและต่อเนื่องนั่น ชายหนุ่มในเวลานี้ทรงตัวอยู่บนหลังของเจ้าอมนุษย์ครึ่งคนครึ่งม้าคู่ใจที่กำลังโจนตัวเข้าหาคู่ต่อสู้ที่กำลังยืนเด่นเป็นสง่าอยู่กลางลานประลองนั่นอย่างตระเตรียมกันมาดีอยู่ก่อนแล้ว
“กระไดลิง RELEASE!”
เฟี๊ยตเล็งปืนสปอร์ในมืออีกครั้ง ก่อนจะยิงกระสุนโดยพุ่งเป้าไปที่คู่ต่อสู้ที่ยืนเป็นยักษ์ปักหลั่นอยู่กลางลานนั่น ควันสีขาวกระจายตัวเข้าล้อมรอบชายคนนั้นอย่างรวดเร็ว
ทันทีที่ควันสีขาวขุ่นนั่นเริ่มจางลง มันก็เผยให้เห็นต้นไม้ชนิดหนึ่งที่มีลักษณะเป็นไม้เลื้อยขนาดไม่ใหญ่โตนักที่ชำแรกตัวขึ้นมาจากพื้นการประลอง เถาวัลย์เนื้อแข็งนั่นยืดยาวออกราวกับว่ามันมีชีวิตคิดสั่งการตัวเองได้ พวกมันเจริญเติบโตและเลื้อยไปพันธนการคู่ต่อสู้นั่นอย่างรวดเร็ว กระไดลิงกลายสภาพราวกับเป็นเป็นสายโซ่รัดนักโทษอย่างใดอย่างนั้น ไม้เนื้อแข็งนั่นจำกัดการเคลื่อนไหวของอวัยวะต่างๆ ในร่างกายของเจ้ายักษ์นั่นอย่างสมบูรณ์
“พริกไทยดำ RELEASE!”
“ดอกดึงดอกแดง RELEASE!”
เภสัชกรหนุ่มปล่อยมือจากปืนสปอร์ในมือ ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบหลอดยาพิษสองหลอดในกระเป๋าเสื้อเขวี้ยงไปที่คู่ต่อสู้ที่ถูกพันธนาการไว้เป็นเป้านิ่งอยู่อย่างนั้น หลอดสีดำกับหลอดสีแดงพุ่งตัวอย่างรวดเร็วเข้ากระทบกับไม้เนื้อแกร่งนั่นก่อนจะแตกออกปลดปล่อยควันพิษสีแดงดำเข้ารมคู่ต่อสู้อย่างที่ชายหนุ่มคาดไว้ไม่มีผิด ที่เหลือคือรอคอยให้ยาพิษออกฤทธิ์ตามต้องการเพียงเท่านั้น แผนบีของเขาจะสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี
เฟี๊ยตกรอกยาพิษเร่งให้เจ้ายักษ์นั่นอาเจียนออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เขาจึงเผ่นมาอยู่ข้างกับเพื่อนร่วมทีมที่นอนแผ่อยู่บนฝั่งหนึ่งของลานอย่างหมดแรง เผื่อในกรณีที่มันจะจู่โจมเข้ามา เขาจะได้ป้องกันไว้ทันได้ หากแต่เจ้ายักษ์นั่นก็ไม่ได้ดูจะมีทีท่าอย่างไรว่าจะทำลายพันธนาการนั่นและโจมตีเข้ามา เฟี๊ยตจึงทำหน้าที่รอให้ยาพิษนั่นออกฤทธิ์เพียงเท่านั้น
“Tsunami!”
ร่างยักษ์นั่นอ้าปากกว้างพร้อมกับเสียงคำสั่งดังลั่นที่ออกมาจากร่างนั่น หากแต่มันใช่เสียงเข้มแข็งของบุรุษไม่ หากดูเหมือนจะเป็นเสียงกรีดร้องของเด็กหญิงตัวเล็กๆ ฉะนั้น เสียงนั้นดูเกรี้ยวกราดและรุนแรงจนน่าขนลุก ธันในเวลานี้ไม่มีแรงแม้แต่จะยกร่างกายที่กำลังนอนทอดอยู่บนเวทีอย่างหมดแรงนั่นให้ลุกขึ้นและหาที่กำบัง เขาทำได้เพียงหันไปทางด้านฝั่งซ้ายของบริเวณที่เขานอนอยู่ ก่อนจะพบว่าพื้นน้ำของท้องทะเลที่เคยเงียบสงบในเวลานี้ได้ถอยร่นลงไปในพื้นมหาสมุทรเป็นหลักร้อยเมตรแล้ว ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าการโจมตีที่กำลังจะมาถึงนี่จะรุนแรงและอันตรายมากแค่ไหน พลังเวทย์ที่ปล่อยออกมาอย่างถึงขีดสุดนี่ทำเอาบรรยากาศรอบสนามแข่งขันอึดอัดจนแทบไม่อยากจะหายใจ
เฟี๊ยตกำปืนสปอร์ในมือแน่นอย่างลุ้นระทึก เขารอจังหวะที่ชายตรงหน้านั่นจะสำรอกเอาเพื่อนร่วมทีมออกมาให้เขาจัดการเสียที ถึงแม้ว่าเด็กหญิงคนนั้นจะมีพลังเวทย์มากมายเพียงไหนก็ตาม แต่ถ้าหากโดนจู่โจมกันทางกายภาพกันซึ่งๆ หน้าแล้ว อย่างน้อยพลังจักระที่เปี่ยมล้นนั้นก็ต้องเกิดความไขว้เขวบ้าง พวกเขาน่าจะจัดการกับการจู่โจมนั่นได้อย่างแน่นอน
ในช่วงเวลานี้ ธันได้แต่ภาวนาให้เฟี๊ยตทำสำเร็จ เพราะถ้าเพื่อนร่วมทีมของเขาทำพลาด เขาไม่อยากจะคิดสภาพตัวเองที่กำลังนอนกระดิกกระเดี้ยไม่ได้โดนคลื่นยักษ์สูงหลายสิบเมตรโถมเข้าใส่ มันคงทรมานจนบอกไม่ถูกเลย!
ระดับน้ำของทะเลด้านข้างนั่นลดลงไปเรื่อยๆ อย่างรู้สึกได้ สัตว์ทะเลหลายๆ อย่างที่เคลื่อนตัวไปตามกระแสน้ำที่ลดลงไม่ทันนั่นนอนพะเงิบพะงานแสดงตัวอยู่บนหาดทรายและเขตหินที่ว่างเปล่าไปด้วยมวลน้ำนั่น ระดับน้ำค่อยๆ ลดลงจนเฟี๊ยตและธันหวาดหวั่นใจ การลดลงของน้ำทะเลปริมาณมหาศาลนั่นบ่งบอกได้ชัดเจนว่าพลังเวทย์นั่นแข็งแกร่งมากเพียงใด
เจ้ายักษ์นั่นเริ่มออกอาการเสียแล้ว มันแสดงท่าทีพะอืดพะอมจนพวกเขารู้สึกได้ ใบหน้านั่นซีดขาวลงจนรู้สึกได้ แถมยังมีท่าทีคล้ายจะสำลักอยู่ในหลายๆ ครั้ง หากแต่ก็เป็นเพียงท่าทีเท่านั้น มันยังไม่เกิดอาการอาเจียนออกมาจริงๆ เฟี๊ยตได้แต่ลุ้นให้แผนของเขาสัมฤทธิ์ทันเวลา
มวลน้ำที่ลดลงไปในท้องทะเลขณะนี้เริ่มม้วนตัวกลับกลายเป็นเกลียวคลื่นสูง โหมระลอกกลับมาจากท้องทะเลลึกอีกครั้ง มันชูตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ อย่างน่าเกรงขาม คลื่นยักษ์นั่นค่อยๆ ขยายอาณาเขตกลับเข้ามาทางชายฝั่ง ทุกสายตาจับจ้องไปที่ฟองคลื่นสีขาวสูงนั่นอย่างลุ้นระทึก
พร้อมกันกับชายคนนั้นมีอาการคล้ายจะสำรอกเอาสิ่งที่อยู่ในกระเพาะอาหารออกมาหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่ยอมอาเจียนออกมาจริงๆ หัวใจของธันแทบจะหยุดเต้นไปเสียตรงนี้ให้ได้ เขาได้แต่ภาวนาให้แผนสามารถไปสู่ขั้นตอนต่อไปได้โดยเร็ว
คลื่นยักษ์นั่นสร้างตัวสูงหลายสิบเมตร มันสูงจนแทบจะเชื่อได้ว่าทันทีที่มันกระแทกลงบนพื้นดิน มันจะกวาดเอาทุกสรรพสิ่งที่อยู่บนแผ่นดินนี้กลับลงสู่ห้วงมหาสมุทรไปจนหมด เฟี๊ยตหรี่ตามองเจ้าคลื่นนั่นอย่างหวาดหวั่นใจ ตัวเขาและธันเองยังไม่น่ากังวลมากเท่าไหร่ เพราะหากเขาตายเพราะเวทย์นี่แล้ว เขาทั้งสองก็ถูกย้ายช่วงเวลาไปถึงแค่ตอนประลองจบเท่านั้น หากแต่คนดูคนอื่นๆ ที่ดูเหมือนจะติดเป็นลูกหลงนี่ไม่เหมือนกันเลย คนเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในการประลอง ถ้าตาย นั่นแปลว่าเกมของพวกเขาจะจบลงทันที และอีกอย่าง เฟี๊ยตรู้สึกเหมือนตัวเองลากคนที่ไม่เกี่ยวข้องติดร่างแหมาร่วมรับผิดชอบในการต่อสู้ของเขาไปด้วย
อึกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
เสียงคล้ายจะเป็นเสียงอาเจียนของชายร่างยักษ์คนนั้นดังลั่น พร้อมกับคลื่นยักษ์ที่มีความสูงร่วม 20 เมตรที่บัดนี้เข้ามาใกล้แผ่นดินใหญ่จนแทบจะไม่เหลือเวลาให้เอาชีวิตรอดเสียแล้ว เหตุการณ์ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนตั้งตัวไม่ทัน มัจจุราชสีน้ำทะเลนั่นกำลังจะปลิดลมหายใจของผู้คนบริเวณนั้นไปจนหมดสิ้น เฟี๊ยตกัดริมฝีปากอย่างคิดหนัก ในช่วงลมหายใจนั่น เขาไม่มีโอกาสให้ตัดสินใจผิดได้เลย เพราะถ้าเขาพลาด นั่นหมายความถึงคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่มากมายที่จะต้องมาตายเพราะความไม่เอาไหนของเขา
ช่วงเสี้ยวจังหวะวินาทีนั้นนับได้ว่าเป็นวิกฤตการณ์ของเภสัชกรหนุ่มอย่างแท้จริง!
จากผู้แต่ง : หลังๆ นี่นิยายผมดูเงียบๆ นะ สงสัยคนอ่านถอดใจเลิกอ่านกันไปหมดละ ฮ่าฮ่า ใครที่ยังอ่านอยู่ ผมแสดงความยินดีด้วยนะฮ๊าฟฟ คุณคือผู้รอดชีวิต ฮ่าฮ่า