บทที่ 96 Town Builders
เฟี๊ยตยืนมองลูกบอลยักษ์นั่นดิ่งลงสู่พื้นด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบายได้ ใจหนึ่งเขาก็รู้สึกต้องการเอาชนะ ด้วยหวังจะกำราบคนปากเก่งนั่นลงเสียให้ได้ อีกใจหนึ่งก็รู้สึกว่าคู่ต่อสู้ตรงหน้านี้เป็นคนช่วยชีวิตเขาไว้ ท่าไม้ตายก้นหีบนี้ดูว่าจะรุนแรงไปเสียหน่อย เรื่องราวมันเลยเถิดมาจนเขาไม่รู้สึกตัว ชายหนุ่มเอ่ยปากจะสั่งหยุดการโจมตีนั่นหลายครั้ง แต่ก็กลับกลืนมันลงคอไปเสีย ความโลเลเปลี่ยนใจเฟี๊ยตไปมาอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งลูกบอลทรายยักษ์นั่นโคจรตกลงมาห่างจากพื้นเบื้องล่างไม่ถึงสามเมตรแล้ว!
“ดะ ดะ” เสียงเฟี๊ยตละล่ำละลักจะสั่งห้ามอย่างไม่ค่อยมีสติเท่าไหร่ เมื่อจะถึงจุดแตกหักของการโจมตีจริงๆ แล้ว เสียงจากส่วนลึกของเขาตะโกนลั่นอยู่ในอกว่าเขาต้องหยุดการกระทำเพียงเท่านี้ นี่มันไม่ต่างจากการฆาตกรรมเลยสักนิดเดียว แถมคนตรงหน้ายังเป็นคนที่มีบุญคุณต่อเขาอีกด้วย หากแต่ด้วยความรู้สึกที่สับสน ทำให้เฟี๊ยตไม่สามารถรวบรวมจิตเพื่อหยุดการโจมตีได้อย่างสมบูรณ์ ลูกบอลนั่นจะหล่นกระแทกพื้นอย่างไม่มีอะไรหยุดยั้งได้อีกแล้ว!
แต่ในช่วงเสี้ยววินาทีดับจิตนั่นเอง เพียงชั่วไม่ถึงครึ่งเมตรที่บอลยักษ์นั่นจะกระแทกพื้นอย่างสุดแรง คุกทรายที่เคยแน่นหนานั่นก็ระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ วัตถุขนาดยักษ์อย่างหนึ่งดันกรงขังนั่นให้แตกออก ก่อนที่มันจะปักตัวลงสู่พื้นดินอย่างมั่นคงและขยายขนาดความสูงขึ้นเหนือจากพื้นเกือบ 10 เมตร
‘ตึก!?’
เสียงอุทานดังขึ้นในใจของเฟี๊ยตอย่างตกใจและเป็นปริศนา แท่งวัตถุที่เขาเห็นตรงหน้านี่มีหน้าตาเหมือนสิ่งก่อสร้างเหมือนพวกอาคารพาณิชย์อย่างไม่มีผิดเพี้ยน จะต่างเพียงอย่างเดียวก็ตรงที่ขนาดอาจจะเล็กไปหน่อย แต่ดูจากภาพรวมแล้วมันก็เป็นตึกจำลองดีๆ นี่เอง
“ใจร้ายจังเลยนะครับ น้องเฟี๊ยต จิตใจจะฆ่าพี่ธันให้ตายเลยใช่ไหม พี่อุตส่าห์เปิดโอกาสให้น้องถอนคำสั่งตั้งนาน แต่จนแล้วจนรอดน้องก็ตั้งใจจะฆ่าพี่จริงๆ น้องไก่ต้มนี่ใจจืดใจดำเหมือนสีผิวจริงๆ เลยนะครับ” แม้คำพูดของเด็กหนุ่มนั่นจะดูตัดพ้อต่อว่าเฟี๊ยตมากมายแค่ไหน แต่ดวงหน้านั้นก็ยังคงยิ้มราวกับว่าเหตุการณ์เฉียดตายที่ตนผ่านมาเมื่อกี้เป็นเพียงแค่เรื่องเล่นๆ เท่านั้น ร่างสูงบิดขี้เกียจไปมาอย่างสบายๆ ธันกำลังยังยืนอยู่เหนือยอดตึกนั่นโดยปราศจากดาบเล่มโตนั่นอีกแล้ว ดวงตาที่อยู่ใต้คิ้วหนาเข้มนั่นส่งมายั่วเย้าเฟี๊ยตอย่างมีความสุข
“ใครเป็นไก่ต้มวะ ไอ้ถ่าน” เฟี๊ยตโต้คำพูดกลับไปอย่างร้อนแรง การรอดชีวิตอย่างปาฏิหารย์นี่ทำให้เฟี๊ยตถึงกับถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก แต่เขาก็กลบเกลื่อนมันไว้ไม่ให้คนตรงหน้าได้ใจ ขณะนี้ เฟี๊ยตเริ่มจับเค้าได้แล้วว่าธันไม่ค่อยซีเรียสเรื่องคำพูดเท่าไหร่ เขาจึงไม่มีความพยายามใดๆ จะต้องใช้คำพูดสุภาพกับคนตรงหน้าเลย เพราะไม่ว่าเขาจะพูดดีหรือร้ายอย่างไร มันก็กวนประสาทเขาอยู่ดี
“พี่ไม่ถ่านนะครับ ผิวพี่เนี่ย เรียกว่าขาวเหลืองตามมาตรฐานคนเอเชีย ส่วนอย่างน้องเฟี๊ยตเนี่ย เรียกว่าคาบยันต์มาเกิด สีนี้นี่มันผีจีนชัดๆ เลยนะครับ ฮ่าฮ่า” ธันยังคงพูดจายั่วประสาทเขาต่อไป โดยไม่มีทีท่าจะพยายามโจมตีกลับมาแม้แต่น้อย
“กวนตีน!” คำตอบรับเพียงสั้นๆ จากปากเฟี๊ยต เพียงพอจะเรียกเสียงหัวเราะดังลั่นมาจากคู่ต่อสู้ของเขาได้ จากศึกปะทะฝีมือจะกลายเป็นศึกปะทะฝีปากกันเสียแล้ว
“ขอบคุณครับ” หน้าระรื่นนั่นตอบรับอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะเปลี่ยนท่าทีมาจริงจังจนเฟี๊ยตตั้งตัวแทบไม่ทัน ธันมีทีท่าจะเริ่มโจมตีหลังจากที่เป็นเพียงฝ่ายตั้งรับมาเสียนาน
“พี่จะเผด็จศึกแล้วนะน้องเฟี๊ยต มีอะไรรีบงัดออกมาใช้ให้หมด เดี๋ยวจะหาว่าพี่ไม่เตือน” เสียงประกาศดังลั่นออกมาจากปากชายผู้นั้นที่กำลังเหยียบอากาศพุ่งตรงมาที่เขา เด็กชายสายฟ้าเริ่มเปิดฉากตอบโต้แล้ว!
“The Tower!”
เสียงคำสั่งดังออกมาจากชายที่กำลังวิ่งตรงเข้ามานั่น และก่อนที่เฟี๊ยตจะทันได้ตั้งรับทัน พื้นที่เขายืนอยู่ก็ดังลั่นด้วยเสียงอันดัง ก่อนจะปริแตกออก และปรากฏสิ่งก่อสร้างชนิดหนึ่งแทรกออกมาเหนือพื้นดิน ก่อนพุ่งสูงขึ้นจากพื้นดินอย่างรวดเร็ว
เฟี๊ยตที่ยังตั้งตัวไม่ติดในเวลานี้ถึงกับเผลอสบถออกมาด้วยความตกใจ เมื่อค้นพบว่าตัวเองกำลังยืนอยู่บนยอดสูงสุดของหอคอยขนาดย่อมที่กำลังพุ่งสูงจากพื้นดินอย่างไม่มีทีท่าจะหยุด ห่างจากพื้นดินไปเรื่อยๆ ความสูงของมันพาเฟี๊ยตมาอยู่ท่ามกลางความเคว้งคว้างว่างเปล่าของท้องฟ้านี่ ตอนนี้ หอคอยหยุดเพิ่มความสูงแล้ว และเฟี๊ยตกำลังยืนอยู่เหนือพื้นดินเกือบ 100 เมตร!
“กลัว... ตอนนี้ความกลัวกำลังเกาะกินใจอยู่ใช่ไหม” เสียงเอ่ยขึ้นเรียบๆ ดังมาจากด้านหลังเขา บัดนี้ ธันเหยียบอากาศขึ้นมาจนถึงบริเวณไม่ห่างจากที่เขาอยู่เสียแล้ว เด็กหนุ่มอยู่กลางอากาศสูงราวกับว่าเป็นก้อนเมฆก้อนหนึ่งเท่านั้น สายตาของธันดูเรียบเฉยและคุ้นเคยกับความสูงที่ว่างเปล่านี้เป็นอย่างดี
“เชือกทราย!” เฟี๊ยตตะโกนสั่งปีศาจลูกสมุนของเขาที่อยู่เบื้องล่าง ทรายปริมาณหนึ่งรวมกันเป็นสายก่อนจะบิดเป็นเกลียวพุ่งตรงขนานมากับหอคอยเพื่อมาช่วยเหลือผู้เป็นนายที่อยู่เบื้องบน แต่อีกเพียงไม่ถึง 30 เมตรจากเป้าหมายนั่น เชือกดังกล่าวก็หยุดการเคลื่อนที่ราวกับว่าถูกกำแพงที่มองไม่เห็นกางกั้นไว้ เภสัชกรหนุ่มถูกตัดขาดความช่วยเหลือจากไพ่ของเขาเสียแล้ว การ์ดกระจกล่องหนทำพิษกับเขาเสียแล้ว
“ในเวลาที่ความกลัวเกาะกินใจนั้น มันเป็นเรื่องยากมากที่จะรวบรวมจิตเพื่อใช้การ์ดได้สำเร็จ แต่ถึงแม้ว่าจะเรียกใช้จนได้ มันก็จะไม่แข็งแกร่งพอเท่าภาวะปรกติไปได้หรอก” เสียงนั่นเอ่ยขึ้นอย่างเรียบๆ ท่าทางขี้เล่นเลือนหายไปจากคนตรงหน้านี้จนหมดสิ้น เหลือไว้เพียงความเฉียดขาดในการเอาชนะเท่านั้น
“นายใช้การ์ดได้อย่างไร ในเมื่อนายใช้ the sky walker ไปแล้ว” เฟี๊ยตในขณะนี้ที่สีหน้าซีดไปอย่างรู้สึกได้ด้วยความกลัว เขาทรุดนั่งลงบนพื้นที่แคบๆ นั่น เสียงที่ถามออกไปแทบจะถูกกลืนหายไปในลำคอ
“ไพ่พรสวรรค์ ไพ่พรสวรรค์เป็นไพ่ที่มีความยืดหยุ่นมากที่สุดในไพ่ทุกชนิด มันเป็นกุญแจนำไปสู่ชัยชนะที่สำคัญยิ่งกว่าไพ่สูงสุดเสียอีก” ธันพูดพร้อมกับเดินเหยียบอากาศตรงเข้ามาหาเขาอย่างช้าๆ
“อาชีพ?” เสียงของเฟี๊ยตดังสูงขึ้นอย่างเป็นคำถาม
“Town Builders หรือนักสร้างเมือง ผู้เล่นอาชีพนี้สามารถใช้จิตสร้างสิ่งก่อสร้างทุกชนิดมาจากความว่างเปล่า สถาปัตยกรรมแสนยิ่งใหญ่แค่ไหนก็ถูกสร้างได้ด้วยเวลาเพียงชั่วพริบตา” ธันเอ่ยตอบเรียบๆ ขณะที่ยืนอยู่เหนือความว่างเปล่าห่างจากตัวเขาไปประมาณ 3 เมตรได้ สายตานั่นทอดมองมาที่เขาอย่างเยือกเย็น
“ความกลัวนี่ปิดบังจิตได้อย่างชะงัดนัก” เสียงของเฟี๊ยตรำพึงออกมาขณะที่นั่งอยู่อย่างหมดแรง พื้นที่ไม่ถึงตารางเมตรที่ความสูงระดับนี้ทำให้ใจมันฝ่อได้อย่างไม่ยากเลย
“ยอมรับความพ่ายแพ้เสียเถอะ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีทางหนีไปจากคุกลอยฟ้านี้ได้หรอก ตราบใดที่รวมจักระไม่ได้ โอกาสชนะก็เท่ากับศูนย์” ธันเอ่ยมาอย่างใจเย็น
“แต่บางที นายอาจจะไม่รู้ว่าอาวุธหลายอย่างก็ไม่จำเป็นต้องใช้จักระในการควบคุม!” เฟี๊ยตฉวยโอกาสที่ธันยืนอยู่ในระยะใกล้นั้น หยิบหลอดยาพิษหนึ่งในกระเป๋าเสื้อที่หมายตาไปนานแล้ว สะบัดจุกออก ก่อนจะโยนเข้าสู่เป้าหมายตรงหน้าอย่างแม่นยำ หลอดยาพิษนั่นแตกออกและสัมผัสกับคู่ต่อสู้ของเขาอย่างถนัดถนี่!
“Hemlock RELEASE!”
ยาพิษปริมาณหนึ่งจากดอกไม้สัญชาติอเมริกาใต้แทรกซึมเข้าไปในลำคออย่างรวดเร็ว ธันล้มตัวลงอย่างไม่สามารถควบคุมร่างกายตัวเองได้ เจ้าเด็กนั่นถูกปิดผนึกการทำงานของกล้ามเนื้ออย่างฉับพลันทันใด the sky walker ยังคงทำงานเป็นอย่างดี มันรองรับเจ้านายมันไม่ให้ตกลงไปกระแทกพื้นเบื้องล่างนั่น สภาพของเด็กชายสายฟ้าที่เคยได้เปรียบอย่างชัดเจนตอนนี้กลับตาลปัดเสียแล้ว ธันนอนตัวแข็งทื่ออยู่กลางอากาศอย่างหมดทางสู้ มีเพียงดวงตาคู่สวยเท่านั้นที่ยังกลอกไปมาอย่างตกใจ บ่งบอกถึงลมหายใจที่ยังคงอยู่
“เล่นละครเก่งนี่” ธันพูดขึ้นมาอย่างแค่นๆ เขาพลาดไปอย่างน่าเจ็บใจที่สุด
“มีสมองก็ต้องใช้กันหน่อย” เฟี๊ยตพูดด้วยน้ำเสียงที่พยายามข่มให้นิ่งสนิทที่สุด ถึงแม้ว่าชายหนุ่มจะพลิกเกมกลับมาได้ส่วนหนึ่ง แต่มันก็หมายความว่าเขาหนีรอดจากที่คุมขังบนฟ้านี่ได้
“จะเอายังไงต่อ กระดิกกระเดี้ยไม่ได้ทั้งคู่อย่างนี้ จะสู้ต่อยังไงได้” ธันถามมาทั้งๆ ที่สายตายังทอดไปสู่ท้องฟ้าเบื้องบนอย่างนั้น
“ยอมแพ้ไปซะสิ ถ้าโดนซ้ำยาพิษอีกขวด นายก็จะตายสนิทแล้วนะ” เฟี๊ยตพูดออกมาอย่างข่มขู่ หากแต่ความจริง เขายอมรับฝีมือคนตรงหน้าเกินกว่าจะฆ่าแกงกันได้เสียแล้ว
“ถ้าถอดจิตเมื่อไหร่ หอคอยหายไป ก็ตกลงไปตายเหมือนกันนั่นแหละ” ธันยังคงเถียงมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ อย่างมีเหตุผล
“งั้นก็เสมอกัน” เฟี๊ยตพูดข้อเสนอออกมาสั้นๆ
“ก็ยุติธรรมดีนะ” ธันพูดอย่างง่ายๆ
“ห้ามเรียกว่าน้องเฟี๊ยตนะ อย่าลืมตามที่ตกลง” เฟี๊ยตพูดต่อ
“ทำไมถึงห้ามเรียก” เสียงของธันดูเหมือนชวนคุยมากกว่าจะจงใจขัดแย้ง
“น้องเฟี๊ยตเป็นชื่อเรียกที่พ่อกับแม่เรียกเท่านั้น ไม่ชอบให้คนอื่นเรียก เหตุผลแค่นี้พอไหม” เฟี๊ยตตอบออกมาตามความเป็นจริง
“โอเค ไม่เรียกก็ได้ ขอโทษด้วย ไม่รู้ว่ามีเหตุผลส่วนตัว” ธันเอ่ยมาตรงๆ
คนทั้งคู่คงเริ่มรู้สึกได้ว่ามิตรภาพน้อยๆ ระหว่างลูกผู้ชายสองคนได้ก่อตัวขึ้นเหนือน่านฟ้าแห่งป่าทิวสนที่ความสูงกว่าร้อยเมตรนั่น ประโยคสั้นๆ และเรียบง่ายบอกถึงความจริงใจที่เพื่อนสองคนพึงจะมีให้กัน ถึงแม้ว่าเขาสองคนจะเพิ่งเจอกันเพียงเวลาไม่นานนัก จนแทบจะเรียกได้ว่าจะเป็นคนแปลกหน้าต่อกันก็ได้ หากแต่เหตุการณ์เฉียดตายหลายต่อหลายครั้งก็ได้หล่อหลอมให้ต้นกล้าแห่งความเป็นเพื่อนก่อตัวขึ้นอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว ในสายตาของเฟี๊ยตตอนนี้ เขามองเห็นชายคนหนึ่งที่เขาเรียกได้เต็มปากว่าเพื่อน โดยที่เขาเองก็ไม่รู้เหตุผลเหมือนกันว่าทำไม แต่ส่วนลึกในใจบอกเขาว่าคนตรงหน้านี่สามารถไว้วางใจได้อย่างแน่นอน
จากผู้แต่ง : ทำไมมีแต่คนฟันธงว่าธันเป็นคู่ของเฟี๊ยต ผมยังไม่ได้บอกสักคำเลยนะ ห้าห้า
![:katai3:](https://thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/katai3.gif)