ป่วย
“อือ” เสียงครางแผ่วๆดังขึ้นก่อนที่อ๋องน้อยจอมดื้อจะลืมตาขึ้น แม้จะรู้สึกปวดศีรษะอยู่หลายส่วน
“เจ้าตื่นแล้วหรือ” เสียงทุ้มที่คุ้นหูดังขึ้นก่อนที่ร่างสูงของอู๋อ๋องจะเดินเข้ามาหา
“อืม ทำไมมันปวดหัวแบบนี้นะ” ร่างเพรียวบ่นกับตัวเองเบาๆ
“ปวดหัวหรือ” อู๋อ๋องขมวดคิ้วแน่นก่อนจะวางมือลงบนหน้าผากของอีกคน
“เจ้าทำอะไร!!!” ร่างเพรียวแหวลั่น
“อย่าเพิ่งดื้อน่า จื่อเทา พี่แค่จะวัดไข้ ” อู๋อ๋องเอ่ยอย่างอ่อนใจ แม้ว่าท่าทางแสนพยศนั่นจะดูน่าเอ็นดู แต่บางครั้งเขาก็อยากให้จื่อเทาผ่อนคลายเสียบ้าง
“ข้าไม่ได้ป่วย”
“อย่ามาทำปากแข็ง ก็เห็นอยู่ว่าเจ้าตัวร้อน ซ้ำยังปวดหัว หากไม่ใช่ว่าเป็นไข้ไหนเจ้าบอกพี่มาสิ ว่าเจ้าเป็นอะไร” อู๋อ๋องเอ่ยอย่างเป็นต่อ
“ข้าไม่ได้เป็นอะไรมากเสียหน่อย เพียงรู้สึกไม่สบายตัวเท่านั้น ไม่ต้องทำทีท่าเหมือนว่าข้าจะตายลงตรงนี้หรอกน่า” จื่อเทาเอ่ยพลางยู่หน้าไม่พอใจ เหตุใดคนๆนี้จึงชอบทำเหมือนเขาอ่อนแอเสียเต็มประดา
“จื่อเทา ที่พี่ทำไปเพราะพี่เป็นห่วงเจ้ารู้ไหม พี่เป็นห่วงเจ้ามากนะ ”
ตึกตักๆๆๆ
ร่างเพรียวทำได้เพียงก้มหน้าเพื่อหลบสายตาที่ส่งมาให้ อันตราย อันตรายเกินไป หากยังอยู่ใกล้คนๆนี้ เกรงว่าคงเป็นเขาเองที่ต้องยอมแพ้ให้กับความอ่อนโยนนั่น
“ก็ข้า..”
“อย่าดื้อสิ ให้พี่ดูสักนิดนะ” เสียงทุ้มเอ่ยอย่างอ่อนโยน ก่อนที่มือหนาจะวางทาบลงบนหน้าผากของเด็กดื้ออีกครั้ง
“เห็นทีเราคง ต้องกลับเองเสียแล้ว พี่กลัวว่าอาการของเจ้าจะแย่ไปมากกว่านี้” อู๋อ๋องบอกพลางพยุงเจ้าเด็กดื้อที่แทบจะไม่มีแรงเหลือแล้วให้ลุกขึ้น
“ข้าเดินเองได้น่า” เด็กดื้อก็ยังคงดื้ออยู่วันยันค่ำแม้ว่า ตอนนี้ร่างกายจะเริ่มย่ำแย่เพราะพิษไข้แต่ก็ยังมิวายที่จะสะบัดตัวออกจากอ้อมแขนแกร่ง
“จื่อเทา” ร่างสูงเอ่ยเสียงเครียด น้ำเสียงนั้นแผงแววกดดันอยู่ไม่น้อย ทำเอาคนดื้อหน้ามุ่ยเพราะโดนดุ
“อยู่นิ่งๆ อย่าเพิ่งดื้อได้ไหม”
เมื่อถูกสั่งให้นิ่ง อีกคนก็นิ่ง ซะจนร่างสูงอ่อนใจ ก็คนตรงหน้ายืนแข็งทื่อราวกับรูปปั้นเหมือนจะประชดประชันที่ถูกเขาตำหนิ ร่างสูงได้แต่ส่ายหน้าระอา ดูเหมือนว่ายิ่งป่วย จื่อเทาจะยิ่งดื้อกว่าตอนที่ไม่ป่วยเสียอีก
“เฮ้อ เอาล่ะ พี่ขอโทษที่ดุเจ้า แต่เพราะพี่เป็นห่วงนะจื่อเทา หากว่าเรากลับช้าอาการของเจ้าอาจจะรุนแรงมากขึ้นนะ”
ไม่รู้ว่าเพราะพิษไข้ หรือเพราะแววตาอ่อนโยนที่อีกคนส่งมาให้กันแน่ ที่ทำให้จื่อเทาพยักหน้ารับรู้ก่อนจะยอมให้อีกคนพยุงไปที่
ม้าอย่างไม่อิดออด
“หนาวหรือไม่” เสียงทุ้มเอ่ยถามเมื่อสังเกตว่าร่างท่อยู่ในอ้อมแขนเริ่มจะตัวสั่นน้อยๆ
“อืม นิดหน่อย เอ๊ะ!!” ร่างเพรียวอุทานอย่างตกใจเมื่อ เมื่อแผ่นหลังถูกรั้งให้แนบชิดกับอกกว้างมากขึ้นซ้ำเสื้อคลุมกันลมของอีก
คนกลับเผื่อแผ่ มาคลุมตัวเขาอีกด้วย กลายเป็นว่าตอนนี้เขากับอู๋อ๋องอยู่ในเสื้อคลุมตัวเดียวกัน!!
อันตราย อันตรายเกินไปแล้ว
กุ๊บกั๊บๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
เสียงฝีเท้าม้าที่มุ่งหน้ามาอย่างรวดเร็วทำเอาจื่อเทาเบิกตาโพลง ก่อนที่ร่างสูงที่อยู่ด้านหลังจะกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น
“ไม่ต้องกลัว ตราบใดที่มีพี่อยู่จะไม่มีใครเตะต้องเจ้าได้แม้แต่ปลายเส้นผม” เสียงทุ้มกระซิบที่ข้างหู แต่กลับทำให้หัวใจของใครอีกคนสั่นสะท้าน จื่อเทาไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจสักนิด กับสิ่งที่เกิดขึ้นกับหัวใจ ตลอดสองวันที่ผ่านมา เขาไม่ใช่หญิงสาวไร้เดียงสา
นะ ถึงต้องมาเขินอายกับคนพูดของบุรุษด้วยกัน
“ท่านอ๋อง พระชายา!!”
“อี้ชิง” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าผู้มาใหม่เป็นใคร
“ขออภัยที่ข้าน้อยทำงานผิดพลาดทำให้ท่านอ๋องกับพระชายาต้องอยู่ในป่าตลอดคืน ข้าน้อยยินดีรับโทษขอรับ” อี้ชิงคุกเขาเพื่อ
รอรับโทษ
“แล้วไปเถอะ พวกเจ้าทำดีที่สุดแล้ว ตอนนี้พระชายาไม่สบาย ข้าจำเป็นต้องรีบกลับจวน”
ภายในจวนอ๋องกำลังวุ่นวาย
เมื่ออู๋อ๋องอุ้มคนที่ดูเหมือนจะหลับเพราะพิษไข้เข้ามาในจวน
“พระชายา ท่านอ๋องทำไมพระชายาเป็นเช่นนี้เจ้าคะ” ชิงเออร์ร้องถามอย่างร้อนรน
“อย่าเพิ่งถามมา เจ้าไปตามหมอมาที แล้วก็ให้คนเตรียมน้ำมาเช็ดตัวพระชายาด้วย” สั่งเสียงเข้มก่อนจะวางคนหลับลงบนเตียงอย่างแผ่วเบา
“เจ้าคะ” ชิงเออร์รับคำก่อนจะกระวีกระวาดทำตามคำสั่งของร่างสูง
“ท่านอ๋อง ข้าน้อยจะเช็ดตัวให้พระชายานะเจ้าคะ” ม่านเออร์เอ่ยขออนุญาต แต่กลับถูกสายตาคมตวัดมองด้วยความไม่พอใจ
“ไม่ต้อง เจ้าออกไปรอข้างนอก ข้าจะเช็ดเอง”
“จะ เจ้าค่ะ” สาวใช้รีบออกมาจากห้องแทบจะทันที
ม่านเออร์ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างแรง พลางกอดตัวเองแน่นเพราะยังรู้สึกถึงรังสีความไม่พอใจของท่านอ๋องยามที่นางจะแตะต้องตัวพระชายา หืม เดี๋ยวสิ สายตาเมื่อครู่ ที่ท่านอ๋องมองนางคล้ายมีแววหึงหวงอยู่ นั่นแสดงว่า ท่านอ๋องยังสนใจใยดีพระชายาอยู่สินะ แล้วเหตุใดหลายวันนี้มานี่ ท่านอ๋องถึงไม่เคยมาดูดำดูดีพระชายาของนางเลยล่ะ เฮ้อ ยิ่งคิดยิ่งไม่เข้าใจ
“ม่านเออร์ ทำไมเจ้ามาอยู่ตรงนี้ รีบเข้าไปเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้พระชายาสิ” ชิงเออร์ที่วิ่งมาพร้อมกับหมอบอกเพื่อนอย่างร้อนรน
“พวกเจ้าอย่าเพิ่งเข้าไปเลย ข้าว่ารอให้ท่านอ๋องอนุญาตเสียก่อนเถิด ไม่เช่นนั้น ข้ากลัวว่า พรุ่งนี้เราสามคนจะไม่มีหัวอยู่บนบ่า”
ร่างสูงค่อยๆบิดผ้าที่ชุบน้ำช้าๆก่อนจะนำมาเช็ดตัวให้คนหลับอย่างเบามือ
“เจ้าทำให้ข้าเป็นห่วงอยู่เรื่อยเลยนะ เด็กดื้อ” น้ำเสียงอ่อนโยนกระซิบที่ข้างหูคนป่วย มือหนาเลื่อนไปเกลี่ยแก้มนุ่มอย่างแผ่วเบา อยากจะส่งผ่านความรัก ผ่านสัมผัสนี้ เผื่อว่าสักวัน เจ้าจะรู้ว่าพี่ รักเจ้าเหลือเกิน ….
ก๊อกๆๆๆ
“ท่านอ๋อง หมอมาแล้วเจ้าค่ะ”
“เข้ามาได้”
อู๋อ๋องปลายตามองบุคคลทั้งสามเข้ามาในห้องก่อนที่หมอชราจะตรงเข้าไปตรวจชีพจรของคนป่วย
“เป็นอย่างไรบ้างท่านหมอ”
“เรียนท่านอ๋อง พระชายามิได้เป็นอะไรมากหรอกขอรับ เพียงแต่ อาจจะโดนลมก็เลยมีอาการไข้ กินยาและนอนพักสักสองสามวัน
ก็ดีขึ้นขอรับ”
“ถ้าเช่นนั้น พวกเจ้าก็ออกไปเถอะ ข้าจะดูแลพระชายาเอง”
คนทั้งสามต่างออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ แม้ว่าในใจจะยังคงตกใจกับท่าทีที่อ่อนโยนของคนตรงหน้าอยู่มากโข มิคาดเลยว่าจะมีบุญตาได้เห็น ว่า มังกรไร้ใจ อย่างท่านอ๋อง จะทอดมองผู้อื่นได้ลึกซึ้งถึงเพียงนั้น หรือว่า มังกรจะค้นพบหัวใจของตนเสียแล้ว
“อื้อ ท่านแม่ ท่านแม่อย่าทิ้ง เทาเทาไป อย่าทิ้งเทาเทาไปนะขอรับ ท่านแม่”
“จื่อเทา เป็นอะไรไปหรือ” ร่างสูงของอู๋อ๋อง รีบวิ่งเข้าไปดู คนป่วยที่กำลังร้องไห้อย่างหน้าสงสาร พลางเพ้อหาแม่ดังลั่น
“ท่านแม่ อย่าทิ้งเทาเทา ไปนะ เทาเทาไม่อยากอยู่คนเดียว ฮื่อๆๆ”
“โถ่ จื่อเทา เจ้าไม่ได้อยู่คนเดียวนะ พี่อยู่นี่ทั้งคน อย่าร้องไห้เลยนะ” ร่างสูงรั้งคนป่วยมาแนบอกก่อนที่จะลูบผมอย่างแผ่วเบา
ก่อนจะยกยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าคนที่เอาแต่ร้องไห้เมื่อครู่ หยุดร้องแล้ว
“เฮ้อ นอนซะนะ เด็กดี” อู๋อ๋องประคองร่างเพรียวให้นอนลงแต่กลับพบว่าอีกคนกอดเขาแน่น จนแกะไม่ออก
“จื่อเทา ปล่อยพี่ก่อน เจ้าต้องพักผ่อนนะ”
“อื้อ ไม่เอา อย่าทิ้งข้าไปนะ อย่าทิ้งข้าไว้คนเดียว” ร่างนั้นส่ายหน้ากับอกกว้าง
“เฮ้อ ถ้าเช่นนั้น ก็ช่วยไม่ได้ หวังว่าตอนตื่นเจ้าคงจะอาละวาดจนจวนพี่พังหรอกนะ” บอกกับเบาๆก่อนที่ร่างสูงจะเอนตัวลงนอนเคียงข้างคนป่วย
อุ่น อุ่นเหลือเกิน อ้อมกอดของใครกันทำไม ถึงอุ่นเช่นนี้นะ
จื่อเทาระบายยิ้มก่อนจะซุกตัวเข้าหาไออุ่น หากเป็นฝัน นี่คงเป็นฝันดีที่สุดในชีวิต ของ จื่อเทา
“อื้อ” ร่างเพรียวครางในลำคอก่อนที่เปลือกตาจะค่อยๆขยับช้าๆก่อนจะสังเกตเห็นเพดานที่แสนคุ้นตา
นี่เขากลับมาที่จวนแล้วหรือ
หือ ร่างเพรียวเลิกคิ้วด้วยความสงสัยเมื่อรู้สึกถึงแรงกอดรัดที่ช่วงเอว ก่อนที่ตาคมจะต้องเบิกโพลงเมื่อรู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ในอ้อมกอดของใคร
หรือว่า ความอบอุ่นเมื่อคืน เขาไม่ได้ฝันไป
แรงขยับของอีกคนทำให้จื่อเทาแกล้งหลับตาลง เขายังไม่พร้อมที่ตื่นขึ้นมาเจอหน้าอู๋ออง ในเวลาเช่นนี้นะ
ฟอด
จื่อเทาได้แต่พยายามข่มใจตัวเองมิให้ส่งเสียงออกไปเมื่อรับรู้ว่า อีกคนกำลัง “หอมแก้ม” เขา
นะ นี่ มันอะไรกัน อู๋อ๋อง เจ้าทำแบบนี้ทำไม
จื่อเทาได้แต่นอนลืมตาโพลงพลางใช้มือกดหัวใจตนเองที่มันเต้นแรงเพราะคนๆนั้น อีกครั้ง และครั้งนี้ดูเหมือนว่ามันจะเต้นแรงมากกว่าครั้งก่อนหลายเท่า ทำไมเป็นเช่นนี้ได้นะ ทำไมเจ้าถึงทำให้หัวใจข้าเต้นแรงเช่นนี้ ถ้าเป็นเช่นนี้ ต่อไป ข้าจะห้ามใจตัวเองได้อย่างไร
............................TBC....................................

เขิน ฮ่าๆๆ เขียนเองเขินเอง
ช่วงนี้อยู่ในโหมด หวานๆๆ
