คนในอดีต
“ลู่หาน” เสียงเรียกชื่อดังขึ้น ก่อนจะเรียกรอยยิ้มของผู้มาเยือนได้ไม่น้อย
“คารวะ ท่านอ๋อง” ร่างบางเอ่ยก่อนจะทำความเคารพ
“ไม่ต้องมากพิธี เราคนกันเองทั้งนั้น เจ้าทำตัวตามสบายเถอะ” ร่างสูงที่เหมือนเพิ่งหาเสียงตัวเองเจอเอ่ยบอก นานเหลือเกินที่ไม่
ได้พบหน้า คนตรงหน้าเขายังคงดูบอบบางไม่เคยเปลี่ยน
“หน้าข้ามีอะไรติดอยู่หรือ” ร่างบางเอ่ยถาม
“หามิได้ ข้าเพียงแต่แปลกใจ”
“แปลกใจที่ข้ามาที่นี่ เช่นนั้นหรือ นั่นสินะ ข้าไม่ควรมาที่นี้อีกหลังจากที่หักหลังเจ้าเมื่อ 7 ปีก่อน” ร่างบางบอกก่อนจะยิ้มเศร้า หลังจากที่เขาหักหลัง อดีตคนรักเมื่อ 7 ปีก่อนเขาไม่ควรกลับมาที่นี่อีก
“เรื่องในอดีตนั้น ข้าไม่อยากเก็บมาคิดให้วุ่นวาย เจ้าอย่าได้คิดมากเลย ”
“เช่นนั้น เจ้าคงยินดีต้อนรับข้าใช่หรือไม่”
“ที่นี่ ยังเป็นบ้านหลังที่สองของเจ้า เช่นเดิม ข้าเคยบอกเจ้าไว้แล้ว ว่าหากมีเรื่องทุกข์ร้อนก็จงคิดเสียว่าแคว้นอู๋ เป็นบ้านของเจ้า” อู๋อ๋องเอ่ยเสียงเรียบ เพื่อพยามเก็บทุกอย่างที่ผ่านมาไว้ในใจ ไม่ง่ายเลยกับการที่จะลืม “รักครั้งแรก” และ คนที่ทำให้เขาพบเจอทั้งความสุขและความทุกข์ในเวลาเดียวกัน
“อี้ชิงบอกว่า มีราชทูตมาขอพบข้า หรือว่าคนผู้นั้นคือเจ้า”
“ถูกต้อง ข้าคือราชทูตที่แคว้นลู่ ส่งมาเจรจาเพื่อสงบศึก”
“ถ้าเช่นนั้น ก็เชิญทางนี้เถิด” อู๋อ๋องบอกก่อนจะเดินนำเข้าไปในห้องอักษร
“พระชายาเจ้าคะ ทานข้าวเลยหรือไม่เจ้าคะ ” ชิงเออร์เอ่ยถามหลังจากที่นางเห็นพระชายาเอาแต่นั่งรอท่านอ๋องมาหนึ่งชั่วยามแล้ว
“แต่ ท่านอ๋องของพวกเจ้าบอกว่าจะกลับ”
สองสาวใช้ได้แต่ถอนใจกับความดื้อของพระชายา พวกนางจนปัญญาจริงที่ที่จะทำให้พระชายาเลิกดื้อเห็นทีก็คงมีแต่ท่านอ๋องผู้เดียวเท่านั้นที่ทำได้
“อี้ชิง ท่านอ๋องเล่า” ร่างเพรียวเอ่ยถามคนสนิทของร่างสูง เมื่อเห็นว่าองครักษ์เดินเข้ามาเพียงลำพัง
“พระชายา ขอรับ ท่านอ๋องให้ข้าน้อย มาเรียนท่านว่า วันนี้ติดราชกิจ มาทานข้าวด้วยไม่ได้ ขอรับ”
“เช่นนั้นหรือ ชิงเออร์ ม่านเออร์ เจ้าเก็บสำรับไปเถอะ ข้าไม่หิว”
“แต่พระชายายังไม่ได้ทานอะไรเลยนะเจ้าคะ”
“เก็บเถอะ ข้าจะไปดูซือซุน” ร่างเพรียวบอกก่อนจะเดินเข้าไป ดูลูกชาย ที่อยู่ในห้องนอนด้านในทันที
“ท่านอี้ชิง เหตุใดท่านอ๋องถึงทำเช่นนี้ ท่านอ๋องไม่รู้หรือ ว่าพระชายารอมาหนึ่งชั่วยามเต็มๆนะเจ้าคะ” ม่านเออร์บอก นางเพียงแค่ไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจสักนิดว่า แขก คนนั้นของท่านอ๋องจะสำคัญกว่าพระชายากับท่านชายน้อยของนางได้อย่างไร
“เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่อง ที่เราจะสอดปากเข้าไปยุ่ง พวกเจ้าสองคนอย่าได้พูดไป” อี้ชิงบอกเสียงนิ่ง ก่อนจะออกจากห้องไป ทิ้งให้สองสาวยิ่ง งุนงง คนผู้นั้นคือใครกัน ถึงไม่ควรแตะต้อง
อีกด้านหนึ่งอู๋อ๋อง กำลังขมวดคิ้วแน่นกับข้อเสนอของแคว้นลู่ ที่ถูกยื่นมาเพื่อเจรจาสงบศึก
“ดูท่าวันนี้ เจ้าจะยังคงตัดสินใจ ไม่ได้สินะ อี้ฟาน” ร่างบางเอ่ยถามกับคนที่ยังคงนั่งหน้าเครียดอยู่
“แม้ว่า แคว้นอู๋และแคว้นลู่ จะเคยเป็นพันธมิตรกัน แต่ข้อเสนอที่พวกเจ้าเสนอมา ดูเหมือนจะเป็นสัญญา ค้าขายมากกว่าสัญญาสงบศึก”
“นั่นเป็นสิ่งที่ สองแคว้นต้องการมิใช่หรือ เดิมที แคว้นอู๋ก็ไม่เคยคิดที่จะรุกรานแคว้นลู่อยู่แล้ว ข้าไม่เห็นมีความจำเป็นที่ต้องร่าง
สัญญาสงบศึก เพราะการที่เจ้าสั่งทหารไปล้อมแคว้นลู่ นั่นเพราะกลัวว่าเราจะส่งทหารไปช่วยแคว้นเยว่ แต่ในเมื่อตอนนี้ก็ไม่มีแคว้นเยว่แล้ว เราก็ไม่จำเป็นต้องรบกันอีก เจ้าว่าจริงหรือไม่ ”
“เจ้ายังคงฉลาดไม่เปลี่ยน นะลู่หาน” อู๋อ๋องเอ่ยชม แม้ว่าไม่ได้เจอกันหลายปี แต่ท่าทางที่ฉลาดสมเป็นอ๋องน้อยแห่งแคว้นลู่ของร่างบางนั้นยังคงไม่เปลี่ยนไปสักนิด
“ข้าคงไม่บังอาจรับคำชมของเจ้า นี่ก็เย็นมากแล้ว ข้าว่าเราพักเรื่องบ้านเมืองไว้ดีกว่า ข้าไม่ได้กินอาหารแคว้นอู๋มานานแล้ว หวังว่าวันนี้ท่านอ๋องจะกรุณาเลี้ยงสักมื้อ”
“ได้สิ” ร่างสูงวางมือก่อนจะเดินนำร่างบางไปที่โต๊ะอาหาร
สามวันที่ผ่านมา จื่อเทาไม่เห็นแม้แต่เงาของคนรักด้วยซ้ำ จะเห็นก็เพียงแค่คนสนิทของร่างสูงเท่านั้นที่มักจะแวะเวียนมาแจ้งข่าว ส่วนมากมักจะเป็นการแจกแจงราชกิจต่างๆของร่างสูงให้ฟังเสียมากกว่า
“ชิงเออร์ ม่านเออร์ ข้าว่าจะพาซือซุนออกไปเดินเล่นสักหน่อย พวกเจ้าว่าดีไหม”
“แต่ท่านชายเพิ่งหายป่วยนะเจ้าคะ” ม่านเออร์ไม่เห็นด้วย
“แต่ ข้าน้อยว่า ถ้าท่านชายน้อยได้สูดอากาศข้างนอก คงจะสดชื่นนะเจ้าคะ อุดอู้อยู่แต่ในห้องจะทำให้ท่านชายล้มป่วลงไปอีก
ได้” ชิงเออร์เสนอความคิดบ้าง
“ถ้าเช่นนั้น ข้าจะพาซือซุนออกไปเดินเล่นที่สวนดีหรือไม่ แถวนั้นร่มรื่น น่าจะทำให้เจ้าเด็กน้อยนี่อารมณ์ดี ใช่ไหมซือซุน” ร่างเพรียวบอกก่อนจะก้มลงไปถามความเห็นเจ้าเด็กตัวขาวในอ้อมกอด
สวยของจวนอ๋องนั้นทั้งร่มรื่น และสวยงาม สระน้ำขนาดใหญ่ที่มีฝูงปลาแหวกว่ายอยู่มองแล้วเพลินตายิ่ง ซ้ำดอกไม้ที่กำลังแข่งกันออกดอกยิ่งทำให้สวนสวยดูมีชีวิตชีวา เสียงหัวเราะที่ดังแว่วมาจากเก๋งฤดูร้อนทำให้ร่างเพรียวขมวดคิ้วแน่น เพราะมันช่างคุ้นหูเหลือเกิน เมื่อเก็บความสงสัยไว้ไม่ได้จึงจำต้องเดินตามหาที่มา
“พี่ลู่หาน” จื่อเทาเอ่ยแผ่วเบาพลางขมวดคิ้วแน่น พี่ลู่หานมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร แต่ที่น่าแปลกใจคือ ท่าทางของใครอีกคนที่อู่ด้วยยิ่งทำให้จื่อเทาไม่เข้าใจ อู๋อ๋อง กำลังหัวเราะ เป็นการหัวเราะที่แม้แต่เขาเองก็ยังไม่เคยเห็น ร่างสูงในตอนนี้เหมือนเด็กหนุ่มแรกรักที่กำลังสนทนาอยู่กับคนรักอย่างรื่นรมย์
“พระชายาดูอะไรอยู่เจ้าคะ” ชิงเออร์เอ่ยถามหลังจากที่นางเห็นพระชายาเอาแต่มองไปที่เก๋งดูร้อน
“เจ้ารู้จัก แขก ของท่านอ๋องผู้นั้นหรือไม่ชิงเออร์” ร่างเพรียวถามก่อนจะชี้ไปที่สองคนที่อยู่ในเก๋งฤดูร้อน
“นั่นมัน… ม่านเออร์ เจ้ามาดูสิว่าใช่ หรือไม่” ชิงเออร์อุทานลั่นก่อนจะเรียกเอนสนิทให้มาดูอีกคน
“สวรรค์ ทำไมถึงเป็นคนผู้นั้น” ม่านเออร์ร้องอย่างตกใจ
“นี่พวกเจ้าจะบอกข้าได้หรือยังว่า คนผู้นั้นเป็นใคร” ร่างเพรียวที่เหมือนกลาเป็นส่วนเกินถามอย่างร้อนรน อะไรบางอย่างกำลังบอกเขาว่า ต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลอย่างแน่นอน
“เอ่อ..” สองสาวใช้ได้แต่ อ้ำอึ้ง
“ชิงเออร์ ม่านเออร์ พวกเจ้าพูดมาเถอะ………………. นี่เป็นคำสั่ง!!!” เมื่อเห็นว่าสองสาวใช้ มัวแต่เงียบร่างเพรียวจึงต้องใช้อำนาจบ้าง
“ คือ เอ่อ ท่านผู้นั้นคือ ท่านลู่หาน เป็นอ๋องน้อยแห่งแคว้นลู่ แล้วก็เป็นเอ่อ เป็น”
“เป็นคนรักเก่า ของท่านอ๋องเจ้าคะ” เมื่อเห็นว่าเพื่อนเอาแต่อึกอัก ม่านเออร์เลยจำใจพูดแทน แต่นางอยากจะตบปากตัวเองนัก เมื่อเห็นว่าพระชายากำลังมองนางด้วยแววตาที่ยากจะคาดเดา
“พระชายา”
“คนๆนั้น คือคนที่ทำให้ ท่านอ๋องของพวกเจ้า ทำสงครามกับแคว้นเยว่สินะ” แม้จะไม่ได้รู้เรื่องราวทั้งหมดแต่ร่างเพรียวก็พอจะประติดประต่อได้ ว่าอะไรเป็นอะไร แววตาเรียบเฉยนั้น กำลังทำให้สองสาวใช้รู้สึกกลัว มันคือแววตา ของอ๋องน้อยแห่งแคว้นเยว่ ไม่ใช่แววตาของพระชายาของพวกนางเลยสักนิด
“ท่านอ๋อง ของพวกเจ้า คงรักเขามากใช่ไหม”
“พระชายา อย่าคิดมากนะเจ้าคะ เรื่องนั้นมันกลายเป็นอดีตไปแล้ว ปัจจุบัน ท่านอ๋องรักท่านนะเจ้าคะ” ชิงเออร์บอก
“ถึงเวลานอนกลางวันของซือซุนแล้ว พวกเรากลับกันเถอะ” เสียงเรียบเอ่ยบอกก่อนที่ร่างเพรียวจะเดินกลับที่ไม่แม้แต่มองไปที่เก๋งฤดูร้อนอีกเลย
“แผนของเราดำเนินไปถึงขั้นไหนแล้วชานเหลียน” ร่างบางที่นั่งอยู่ในห้องโถงเอ่ยถาม กับร่างสูงที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้า
“ตอนนี้แผนขั้นแรกดำเนินไปได้ด้วยดี อีกไม่นาน ข้าน้อยจะลงมือ ตามแผนขั้นสอง ขอรับ”
“ประเสริฐ!! เวลาที่รอคอยใกล้เข้ามาแล้วสินะ ความแค้นของข้าใกล้จะได้ชำระแล้ว ส่งคนของเราไปเฝ้าดู อู๋อ๋องไว้ให้ดีแล้วส่ง
ข่าวมาเป็นระยะ หากมีโอกาสก็จงลงมือ ทันทีอย่าได้ลังเล ใครที่มัน เอา “หัวใจมังกร” มาให้ข้าได้ ข้าจะตบรางวัลให้อย่างงาม”
......................TBc....................
อย่าเพิ่งดราม่า กับพี่ลู่ จนลืม
สองคนในสามบรรทัดสุดท้ายนะคะ
เขากำลังจะมา ฮ่าๆๆ
ไปดีกว่า รักทุกคนนะ จุ๊บๆๆๆ